Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สังคม ป.6

สังคม ป.6

Published by sunisa.sombunma, 2020-05-03 02:16:01

Description: สังคม ป.6

Search

Read the Text Version

ภาคกลาง สว่ นใหญเ่ ปน็ ที่ราบลมุ่ เเมน่ า้ สาหรบั ทางด้านตะวันตกเเละด้านตะวันออกของภาคกลาง จะมภี มู ิประเทศเปน็ ท่ีราบสลบั กับภเู ขา ประกอบด้วยพ้ืนที่ ๒๒ จังหวดั สโุ ขทยั พษิ ณโุ ลก กาแพงเพชร พจิ ิตร เพชรบรู ณ์ อทุ ยั ธานี นครสวรรค์ สระบุรี อา่ งทอง ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบรุ ี นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร สุพรรณบรุ ี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม นครนายก กรุงเทพมหานคร สมทุ รสงคราม สโุ ขทยั พิษณโุ ลก กาแพงเพชร พจิ ิตรเพชรบรู ณ์ นครสวรรค์ อทุ ยั สธพุ ารนรอีณ่าชบงยัทุรนีอางทสงิ ห์บลุรพนสี บคระุรรีบนุรายี ก นครปฐม สมุทรสงคราม สมทุ รสาคร พระนครศรอี ยธุ ยา สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี กรงุ เทพมหานคร

ภาคตะวนั ออก แบง่ เปน็ • ทวิ เขา ประกอบด้วยทวิ เขาจันทบรุ ี เเละมแี นวเขาทอดยาวผา่ นหลายจังหวดั ๓ ลกั ษณะ • ทรี่ าบลมุ่ แม่นา่ ได้แก่ ที่ราบลุ่มแม่นา้ ทางตอนเหนอื ของภาค ประกอบด้วยพืน้ ท่ี ๗ จงั หวัด • ชายฝ่ังทะเลเเละเกาะ ปราจนี บุรี สระแกว้ ฉะเชิงเทรา ชลบรุ ี ระยอง จันทบุรี ตราด ปราจนี บรุ ี ฉะเชงิ เทรา สระแกว้ ชลบุรี ระยอง จนั ทบุรี ตราด

ภาคตะวันตก แบง่ เป็น • บรเิ วณท่ีเป็นทวิ เขา มีทิวเขาสาคญั ๒ แนว คือ ทิวเขาถนนธงชัยกลาง และทิวเขาตะนาวศรี ๓ ลกั ษณะ • บริเวณทเ่ี ป็นท่ีราบลุ่มแมน่ า่ ประกอบด้วยพน้ื ท่ี ๕ จงั หวดั • บริเวณที่เปน็ ท่ีราบชายฝ่งั ทะเล มี ๒ ลกั ษณะ ได้เเก่ ชายฝั่งทะเลที่เป็นหาดเลน และบรเิ วณที่เปน็ หาดทราย ตาก กาญจนบรุ ี ราชบรุ ี เพชรบรุ ี ประจวบครี ขี นั ธ์ ตาก กาญจนบุรี ราชบรุ ี เพชรบรุ ี ประจวบครี ขี ันธ์

ภาคใต้ แบง่ เปน็ • บริเวณทเ่ี ป็นทิวเขา ๓ ลักษณะ • บรเิ วณที่เปน็ ท่ีราบชายฝงั่ ทะเล ประกอบด้วยพื้นท่ี ๑๔ จังหวดั • บรเิ วณท่ีเป็นชายฝง่ั ทะเล ได้แก่ ชายฝง่ั ทะเลดา้ นอ่าวไทย ชายฝงั่ ทะเล อนั ดามัน ชมุ พร ระนอง พังงา ภเู ก็ต สุราษฎร์ธานี กระบ่ี นครศรีธรรมราช ตรงั พทั ลงุ สตลู สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธวิ าส ชมุ พร ระนอง สุราษฎร์ธานี พงั งา นครศรธี รรมราช ภูเก็ต กระบี่ พทั ลุง ตรัง สงขลาปตั ตานี สตลู ยะลา นราธวิ าส

ลักษณะภูมิอากาศของประเทศไทย ภูมอิ ากาศ ลักษณะของลมฟ้าอากาศที่มีอยปู่ ระจาในแต่ละทอ้ งถนิ่ และเกิดเป็นระยะเวลานาน ซ่ึงพจิ ารณาจากค่าเฉลี่ยของอณุ หภูมิ และปริมาณนา้ ฝนช่วงเวลาต่างๆ ของปี ปจั จัยทีท่ าใหล้ กั ษณะภมู ิอากาศแตกตา่ งกันน้นั มีอยหู่ ลายประการ ไดแ้ ก่ • ทต่ี ง้ั ของพนื้ ท่ี • ความสงู ของพ้นื ที่ • ความใกล-้ ไกลจากทะเล • ทศิ ทางของลมประจา • กระแสนา้ ในมหาสมุทร ประเทศไทยอยู่ในเขตรอ้ น ใกลเ้ ส้นศูนย์สตู ร (อย่รู ะหวา่ งละติจดู ๕ - ๒๑ องศาเหนอื ) • ภมู ภิ าคเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต้ จะมีอุณหภมู อิ ยู่ระหวา่ ง ๑๐ - ๔๐ องศาเซลเซียส • อุณหภูมิเฉล่ียตลอดปปี ระมาณ ๒๗ องศาเซลเซียส เพราะได้รับ แสงอาทติ ยเ์ ตม็ ที่ตลอดปี

ลักษณะฤดกู าลของประเทศไทย กรมอุตุนยิ มวทิ ยาแบ่งเขตประเทศไทยเป็น ๒ เขต คอื • ตอนบน หมายถงึ ทุกภาคยกเว้นภาคใต้ และประเทศไทย • ตอนลา่ ง หมายถึง ภาคใตน้ ับตัง้ แต่จงั หวัดเพชรบรุ ลี งไป ประเทศไทยตอนบน มฤี ดูกาล ๓ ฤดู ฤดูร้อน ฤดฝู น ฤดูหนาว เรม่ิ ตัง้ แต่ เริ่มตั้งแต่ เริม่ ต้งั แต่ กลางเดอื นกมุ ภาพนั ธ-์ กลางเดอื นพฤษภาคม กลางเดอื นพฤษภาคม-กลางเดอื นพฤศจกิ ายน กลางเดอื นพฤศจกิ ายน-กลางเดอื นกุมภาพันธ์ ประมาณ ๓ เดือน ประมาณ ๕-๖ เดอื น ประมาณ ๓ เดือน ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ฤดูรอ้ น ฤดูฝน เริ่มตง้ั แต่ เรม่ิ ตงั้ แต่ กลางเดือนธันวาคม-กลางเดอื นพฤษภาคม กลางเดือนพฤษภาคม-กลางเดอื นธนั วาคม ประมาณ ๕ เดือน ประมาณ ๗ เดอื น ประเทศไทยตอนล่าง มฤี ดูกาล ๒ ฤดู ฤดรู ้อน ฤดฝู น ฤดหู นาว

ทรัพยากรธรรมชาติของประเทศไทย ภาคเหนอื ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง • ดิน สว่ นใหญ่เป็นดนิ รว่ น ไม่อุ้มนา้ มีธาตุอาหาร • ดนิ ส่วนใหญ่เป็นดนิ รว่ นปนทราย อ้มุ น้าไมด่ ี จงึ ไม่ • ดนิ เปน็ ภาคทด่ี นิ มคี วามอุดมสมบรู ณ์มากทสี่ ุด น้อย เหมาะแกก่ ารเพาะปลูก และมีพื้นที่บางสว่ นเป็น จงึ เหมาะแกก่ ารเพาะปลูกพืชโดยเฉพาะขา้ ว ดินเคม็ • แหลง่ น่า มีแม่น้าสายสาคัญ คือ แมน่ ้าปิง แม่นา้ วงั • แหล่งน่า มีแมน่ า้ สายสาคัญ คอื แมน่ า้ เจ้าพระยา แม่นา้ ยมและแม่นา้ นา่ น และแหลง่ น้าขนาดใหญ่ • แหล่งนา่ มแี ม่นา้ สายสาคญั คือ แม่นา้ มูล แม่นา้ ชี แม่น้าป่าสัก แมน่ า้ ลพบุรี แมน่ า้ สะแกกรัง และ ได้แก่ กว๊านพะเยา แม่นา้ สงคราม และมแี หล่งนา้ ธรรมชาติ เช่น แมน่ า้ ทา่ จนี มีบงึ นา้ จืดขนาดใหญ่ คอื หว้ ยหลวง ลาน้าพอง ลาตะคอง บึงบอระเพ็ด • ป่าไม้ มพี ้ืนทีป่ ่าไม้มากกวา่ ทุกภาค สว่ นใหญเ่ ป็น ปา่ เบญจพรรณและป่าเตง็ รงั ไม้ที่สาคัญ ไดแ้ ก่ • ปา่ ไม้ เป็นภาคทม่ี ีพ้นื ทีป่ ่าไมน้ อ้ ยกวา่ ทกุ ภาค • ป่าไม้ สว่ นใหญเ่ ป็นปา่ ดิบและปา่ เบญจพรรณ ไมส้ กั ไมม้ ะค่า ไมแ้ ดง และไม้ชงิ ชนั ส่วนใหญ่เปน็ ป่าผลัดใบ ไมห่ นาทบึ และมีปา่ ไผ่อยู่บริเวณจงั หวดั สุพรรณบรุ ี และจงั หวัดอทุ ัยธานี • แร่ มแี หล่งแร่อย่ใู นเขตเทอื กเขา แร่ที่สาคัญทาง • แร่ มกี ารทาเหมอื งแร่นอ้ ย แรส่ าคัญ ไดแ้ ก่ เกลือ เศรษฐกจิ ไดแ้ ก่ลกิ ไนต์ ฟลอู อไรต์ แมงกานสี หินโพแทช เหลก็ ทองแดง และแมงกานีส • แร่ มีแหลง่ แร่ไมม่ ากนัก เช่น เหลก็ ยปิ ซัม หินปนู ทังสเตน และดนิ ขาว หินอ่อน ทองคา น้ามัน ภาคตะวนั ออก ภาคตะวนั ตก ภาคใต้ • ดิน เปน็ ดินท่ีมีความอดุ มสมบูรณ์ค่อนข้างต่า • ดิน เปน็ ดนิ ที่มคี วามอดุ มสมบูรณ์คอ่ นขา้ งต่า • ดิน เป็นดินท่ีมีความอุดมสมบรู ณ์ค่อนขา้ งต่า เนอ้ื ดินเป็นดนิ รว่ นปนทราย และดินเหนยี ว ระบาย ส่วนดนิ ทมี่ คี วามอดุ มสมบรู ณ์จะมตี ามบริเวณลุม่ และเปน็ กรด น้าปานกลาง จึงเหมาะกบั การปลูกพชื ไร่บางชนดิ แมน่ ้าสายส้นั ๆ • แหลง่ นา่ แม่น้าสาคญั เชน่ แม่นา้ ตาปี แม่นา้ • แหลง่ นา่ มีแม่น้าสายสน้ั ๆ คอื แม่น้าจนั ทบรุ ี • แหล่งนา่ มแี ม่น้าสาคญั เช่น แมน่ า้ แม่กลอง ชมุ พร แมน่ ้าปัตตานี แม่นา้ ปราจีนบุรแี มน่ ้าบางปะกง และแม่นา้ ตราด แม่นา้ แควน้อยแมน่ า้ แควใหญ่ • ป่าไม้ สว่ นใหญเ่ ปน็ ป่าดบิ และป่าชายเลน • ป่าไม้ เป็นป่าดบิ และป่าชายเลนบรเิ วณชายฝ่ัง • ป่าไม้ เปน็ ภาคที่มีปา่ ไมอ้ ดุ มสมบูรณ์รองจาก นอกจากน้ีมปี า่ พรตุ ามบรเิ วณทีล่ มุ่ มนี ้าขงั ใกล้กบั ทะเลบรเิ วณจังหวดั จันทบรุ แี ละจงั หวดั ตราด ภาคเหนือ ซึ่งส่วนมากเปน็ ปา่ ดิบและปา่ เบญจ ชายฝัง่ ทะเล ซึง่ พบในบริเวณจังหวดั พรรณ และมีปา่ ไผ่มากบริเวณจงั หวดั กาญจนบรุ ี นครศรีธรรมราช และจงั หวดั นราธวิ าส • แร่ แร่ทส่ี าคญั ได้แก่ ทรายแก้ว เหลก็ แมงกานสี และรัตนชาติ ซ่งึ มมี ากในจังหวดั จนั ทบรุ ีและ • แร่ แร่ที่สาคญั ได้แก่ สงั กะสี ฟลูออไรต์ • แร่ แร่ทีผ่ ลติ ไดม้ าก คอื แร่ดีบกุ นอกจากนี้มีแร่ที่ จงั หวดั ตราด พลวง ดบี ุก ดินขาว และรัตนชาติ ซ่งึ มีมากใน สาคัญอื่นๆ ได้แก่ ลิกไนต์ ยิปซัม ดนิ ขาว และแก๊ส อาเภอบ่อพลอย จงั หวดั กาญจนบรุ ี ธรรมชาตใิ นอา่ วไทย

ลกั ษณะทางกายภาพของประเทศไทย ภู ิม ัลกษณ์ ภาคเหนือ ภู ิมลักษณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ูภมิลักษณ์ ภาคกลาง ภูมิสังคม สว่ นใหญ่จะเปน็ เขาสูงสลบั ซับซอ้ น เช่น ทวิ เขา ภู ิมสังคม มลี ักษณะเป็นท่ีดอน มที วิ เขาอยทู่ างขอบดา้ น ูภมิสังคม สว่ นใหญจ่ ะเปน็ พ้ืนท่ีราบลุ่มแมน่ า้ เชน่ แม่นา้ แดนลาว ทิวเขาถนนธงชยั เป็นต้น การทีมี ทศิ ตะวนั ตกกบั ขอบด้านทศิ ตะวันออก มที ิวเขา เจ้าพระยา แมน่ ้าสะเเกกรัง แมน่ ้าปา่ สัก ทิวเขาจานวนมากทาให้เกดิ แอ่งทรี่ าบระหวา่ ง ทางตอนในของภาค มีแอง่ ทีร่ าบกว้างใหญท่ าง แมน่ ้าท่าจนี แม่นา้ แม่กลอง บรเิ วณภาคกลาง ภเู ขา เชน่ แอง่ ทรี่ าบลาปางแอ่งท่ีราบนา่ น ตอนบนของภาค คอื แอง่ สกลนคร และทาง มีความอุดมสมบูรณ์ เป็นป่าดบิ ปา่ เบญจพรรณ แอง่ ทีร่ าบแพร่ ตอนล่างของภาค คือ แอ่งโคราช ปา่ ชายเลน และป่าไผ่ ประชากรในภาคเหนือส่วนใหญ่จะต้ังถน่ิ ฐาน ส่วนใหญ่จะประกอบอาชพี เกษตรกรรม ประชากรในภาคกลางส่วนใหญ่จะตั้งถิ่นฐาน บรเิ วณแอ่งท่ีราบระหวา่ งภเู ขา มีการประกอบ แต่พน้ื ที่สว่ นใหญ่ประสบกับปญั หาความแห้ง บริเวณริมฝงั่ แม่น้า เพราะมีความอุดมสมบรณู ์ อาชพี ทานา ปลกู พชื ไร่ รวมท้งั มีการปลกู ผลไม้ แลง้ เน่ืองจากมีลกั ษณะเปน็ ดินทรายไม่อุ้มนา้ และประกอบอาชีพเกษตรกรรม เน่ืองจาก เมืองหนาว จึงเหมาะกับการปลูกพชื ทตี่ อ้ งการนา้ นอ้ ย มีพืน้ ทเ่ี ปน็ ทร่ี าบลุ่มกวา้ งใหญ่ เช่น ออ้ ย ปอ ภาคใต้ ภูมิ ัลกษ ์ณ ภาคตะวนั ออก ภูมิ ัลกษณ์ ภาคตะวนั ตก ภูมิ ัลกษณ์ มีลักษณะเดน่ แตกตา่ งจากภาคอืน่ ๆ คือ เปน็ ภู ิมสังคม มีหลายลักษณะ คือ มที ั้งทวิ เขา ทีร่ าบลมุ่ แม่นา้ ภู ิม ัสงคม มีลักษณะคล้ายภาคเหนอื ช่วงตอนบนของภาค ภู ิมสังคม แผ่นดนิ ย่นื ลงไปในทะเล ทิวเขาท่สี าคญั เช่น ราบชายฝัง่ ทะเล รวมท้ังเกาะ ซึ่งทิวเขาส่วน ส่วนทางตอนกลางของภาคคล้ายกับภาคกลาง ทวิ เขานครศรีธรรมราช ทิวเขาภเู ก็ต เป็นตน้ ใหญจ่ ะอยู่ทางตอนกลางของภาค ส่วนใหญ่ และทางตอนลา่ งของภาคเป็นชายฝง่ั ทะเล แม่น้าสายสาคญั ไดแ้ ก่ แม่นา้ ตาปี แม่นา้ โก-ลก จะเปน็ ปา่ ดิบ และยังมปี า่ เบญจพรรณ ปา่ เตง็ รงั มีทวิ เขาทท่ี อดตวั ยาวต่อเนือ่ งมาจากภาคเหนือ และป่าชายเลน คอื ทิวเขาถนนธงชัย และมที ิวเขาตะนาวศรี ประชากรในภาคใต้สว่ นใหญ่จะประกอบอาชพี เกษตรกรรม พชื ทป่ี ลกู เปน็ พชื ทชี่ อบนา้ และ ประชากรทอ่ี ยู่ในภาคตะวนั ออก สว่ นใหญ่ ประชากรในภาคตะวันตกส่วนใหญ่จะประกอบ อากาศชนื้ เช่น ยางพารา ปาลม์ น้ามนั เปน็ ต้น ประกอบอาชีพทานา ทาสวนผลไม้ เน่ืองจาก อาชีพเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ เน่ืองจากมีพน้ื ท่ี ส่วนบรเิ วณชายฝั่งทะเลจะมีการทาประมง ลกั ษณะภูมิประเทศท่มี ีภเู ขา เนนิ เขา และทรี่ าบ ทเ่ี ปน็ ทิวเขาและทร่ี าบเชิงเขา สว่ นพน้ื ท่ที ต่ี ิดกับ นา้ เคม็ และเพาะเล้ียงสตั ว์นา้ ชายฝ่ังทะเลทาใหม้ อี ากาศชุ่มชื้นและฝนตกชุก ทะเลจะมกี ารทาประมงน้าเคม็

บทท่ี ๓ ลกั ษณะทางกายภาพกับปรากฏการณท์ างธรรมชาติ ความสมั พันธข์ องลกั ษณะทางกายภาพกับปรากฏการณท์ างธรรมชาติ อทุ กภัย เกิดจากนา้ ทว่ มหรือนา้ หลากอยา่ งฉบั พลัน สาเหตุหลักเกดิ จากฝนตกหนกั ตอ่ เน่ือง เป็นเวลานาน อุทกภัยสว่ นใหญ่มกั เกิดในพนื้ ทที่ ี่เป็นท่ีราบลุ่ม ท่รี าบนา้ ทว่ มถึงและทร่ี าบ เชิงเขา โดยเกดิ นา้ ป่าไหลหลาก ภัยแล้ง เกิดจากการขาดแคลนนา้ จนก่อให้เกิดความแห้งแล้งและส่งผลกระทบต่อพืช สตั ว์ และมนษุ ยใ์ นทอ้ งถ่ิน ภัยแล้งมักจะเกิดขึน้ จากสาเหตทุ างธรรมชาติ ได้เเก่ การเปล่ยี นแปลงของสภาพภูมอิ ากาศ เพราะอุณหภมู ิของอากาศสงู ข้ึน หรอื ฤดกู าล แปรปรวน วาตภัย เกดิ จากลมพดั อยา่ งรนุ แรง จนทาใหเ้ กดิ ความ • การเกิดพายฝุ นฟ้าคะนอง หรือพายฤุ ดรู อ้ น มกั เกดิ ขึน้ ในช่วงเดือน เสียหายต่อชวี ิตความเป็นอยขู่ องมนษุ ย์ ตอ่ อาคาร มนี าคมและเมษายนในพ้นื ที่ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บา้ นเรือน ตลอดจนสง่ิ ก่อสรา้ งต่างๆ และภาคเหนือ • การเกดิ พายุหมนุ พายทุ เี่ กดิ ไดแ้ ก่ พายุดเี ปรสชัน พายโุ ซนรอ้ น และ พายุไตฝ้ ุน่ มกั จะเกิดในช่วงตน้ และช่วงปลายฤดฝู น

ไฟปา่ เกดิ จากสภาพพื้นท่ีป่าไม้มคี วามแหง้ อาจเกดิ ขน้ึ โดยธรรมชาติ และเกดิ ขนึ้ จากการที่ มนษุ ย์เผาปา่ เกดิ ความสูญเสยี ท้ังพืชและสัตว์ทีม่ ีชีวติ และอาศัยอยใู่ นป่าทาใหโ้ ครงสรา้ ง ของดนิ เปลีย่ นแปลงไป แผน่ ดินถลม่ แผ่นดินถล่มเกิดขนึ้ ในลกั ษณะภูมิลักษณท์ ่ีเป็นภเู ขา เนนิ เขาที่มคี วามลาดชันมาก สาเหตุ สาคญั เกิดจากการใช้พนื้ ทต่ี รงบริเวณเชงิ เขาเพ่อื การเกษตรกรรม มกี ารขุด ไถ พรวน โดยตัดไม้ทาลายป่าแลว้ ทาการเพาะปลูกหรอื สรา้ งท่อี ยูอ่ าศยั แผน่ ดินไหว เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติท่ีเกดิ จากการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลอื กโลก เนือ่ งจากอทิ ธิพล ของหนิ หนืดใตช้ น้ั เปลือกโลกทาให้บริเวณรอยเลื่อนต่างๆ ของเปลือกโลกเคลือ่ นไหว คลื่นสึนามิ สึนามเิ ป็นคลื่นทะเลขนาดใหญท่ ี่เคลื่อนตัวอย่างรวดเรว็ จนมีพลงั มาก ซึ่งเกดิ จากมวลนา้ ในทะเลและมหาสมทุ ร ได้รับแรงสั่นสะเทอื นอย่างรนุ แรง จนทาให้กลายเปน็ คลน่ื กระจายตวั ออกไปจากศูนยก์ ลางของการส่ันสะเทือน สว่ นใหญ่จะเกิดขึน้ เมื่อมี แผ่นดนิ ไหวรนุ แรงใตง้ ทะเล

บทที่ ๔ มนษุ ยก์ ับสิง่ แวดลอ้ ม ความสัมพนั ธข์ องลักษณะทางกายภาพกับปรากฏการณท์ างธรรมชาติ ความสมั พนั ธ์ระหว่างมนษุ ย์กบั สงิ่ แวดล้อม ด้านการดา่ รงชวี ติ ด้านการสรา้ งสรรคว์ ฒั นธรรม ด้านการตังถนิ่ ฐานและ ดา้ นการประกอบอาชพี มนษุ ยต์ อ้ งพ่งึ พาอาศัยธรรมชาติ ขนบธรรมเนียม ประเพณี การเลือกทอี่ ยู่อาศัย แต่ละพืน้ ทน่ี ้ันจะมี เพือ่ การดารงชีวิต และต้องนา สภาพภมู ิประเทศ ภมู ิอากาศ ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น พชื ในบรเิ วณทมี่ ี การประกอบอาชพี แตกตา่ งกนั และส่งิ แวดล้อมในบรเิ วณตา่ งๆ ทรัพยากรธรรมชาติ ตามทรัพยากรธรรมชาติทม่ี อี ยู่ สตั ว์ นา้ ดนิ แร่ มาเป็น ทม่ี คี วามแตกตา่ งกัน ทาใหเ้ กดิ อุดมสมบรู ณ์ มกั จะมีผู้คนตัง้ ในทอ้ งถนิ่ เชน่ ผทู้ ีอ่ าศัยอยใู่ น ปจั จัยพืน้ ฐานในการดารงชีวติ วฒั นธรรม ขนบธรรมเนียม บ้านเรอื นอาศยั อยหู่ นาแนน่ ปา่ จะมีอาชีพเกบ็ ของป่าขาย การนาเอาพืชและสตั วม์ าปรงุ ประเพณแี ตกตา่ งกนั ไป เช่น เชน่ ในบริเวณริมน้า ผทู้ อี่ าศยั อยู่ติดทะเลหรอื ตดิ เพ่ือใชป้ ระโยชนจ์ ากนา้ ใน แม่นา้ ลาคลอง จะประกอบ เปน็ อาหารเเละทาเป็น บริเวณทมี่ ีสภาพภูมิอากาศ การดารงชีวติ เช่น ใช้ดมื่ เครื่องนงุ่ ห่ม ทอี่ ยอู่ าศัย แหง้ แลง้ จะมีประเพณขี อฝน ใชอ้ าบ ประกอบอาชพี อาชพี ประมง เชน่ ประเพณแี หน่ างแมว และยารักษาโรค ประเพณีบุญบง้ั ไฟ เพอื่ ขอให้ มนี ้าอุดมสมบูรณ์ สว่ นบริเวณที่ มเี เหล่งนา้ อุดมสมบูรณ์ จะมีประเพณที เี่ กยี่ วกบั นา้ เช่น ประเพณีการแข่งเรอื ยาว

ผลกระทบที่เกดิ จากความสัมพนั ธ์ระหวา่ งมนุษย์กบั สง่ิ แวดลอ้ ม ดา้ นการย้ายถิน่ ฐาน ดา้ นความเสื่อมโทรมของทรพั ยากรธรรมชาติ จานวนประชากรเพิ่มขึน้ อย่างรวดเร็ว ทาให้ เมือ่ มีการนาทรพั ยากรธรรมชาติมาใช้ โดยขาดการวางแผนส่งผลให้เกิด ความอดุ มสมบรู ณข์ องทรัพยากรธรรมชาติ มจี านวน ความเสอื่ มโทรมของทรัพยากร ลดน้อยลง สง่ ผลใหผ้ ทู้ ี่ประกอบอาชีพ ทต่ี อ้ งอาศยั • น่าเสยี เกดิ จากน้าทิ้งของอาคารบา้ นเรือน ชมุ ชน โรงงานอุตสาหกรรม ทรพั ยากรธรรมชาตไิ ดผ้ ลผลิต ลดลงตามไปด้วย การทิ้งสิ่งปฏิกูล ลงในแหลง่ นา้ เชน่ เพาะปลูก เล้ียง สตั ว์ • อากาศเปน็ พษิ เกดิ จากควัน เขมา่ ฝุ่นละอองที่เกดิ จากการเผาไหม้ ดา้ นปริมาณทรัพยากรชาติ ของเครือ่ งยนต์ โรงงานอุตสาหกรรม จานวนประชากรเพิม่ มากข้นึ และมคี วามต้องการ • ป่าไม้ถกู ทา่ ลาย เกิดจากความต้องการนาไมม้ าใชส้ ร้างท่ีอยู่อาศยั อยา่ งไมจ่ ากัด ประกอบกบั มกี ารพฒั นาดา้ นตา่ งๆ เคร่อื งมือเครือ่ งใช้ ตลอดจนการขยายพื้นท่ใี นการทาการเกษตร ทาให้มีการนาทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ในปรมิ าณมาก • ดินเส่อื มคณุ ภาพ เกิดจากการเพาะปลกู พืชชนิดเดียวซา้ กันมากเกนิ ไป อีกทงั้ ยงั ขาดการดูแลควบคุมอย่างถกู วธิ ี และการขาดการดแู ลรักษาที่ถกู วิธี รวมทง้ั การใช้สารเคมีต่างๆ ผลใหท้ รพั ยากรธรรมชาตมิ ีปริมาณลดน้อยลง

สาเหตุที่ท่าให้เกดิ การเปลย่ี นแปลงสภาพธรรมชาติในประเทศไทย การเปลีย่ นแปลงที่เกิดจากธรรมชาติ • นา่ เมือ่ น้าเคลอื่ นทไ่ี ปตามทตี่ า่ งๆ ทาใหบ้ ริเวณทน่ี า้ ไหลผา่ นอาจถกู กดั กรอ่ น กดั เซาะ ทาให้ ลกั ษณะภูมปิ ระเทศเปลี่ยนไป และนา้ ยังสามารถเคลือ่ นย้ายดิน หนิ แร่ตา่ งๆ ไปตามเสน้ ทาง การไหล ทาให้เกิดดนิ ดอนสามเหล่ยี ม • ลม เม่ือลมเคลื่อนทไ่ี ปตามทต่ี ่างๆ จะทาใหบ้ ริเวณทล่ี มพดั ผ่านถูกกัดกรอ่ น กดั เซาะ ทงั้ ยงั สามารถเคล่ือนยา้ ยวัตถุได้ ทาให้ลกั ษณะภูมปิ ระเทศเปลี่ยนแปลงไป • เปลือกโลก การเคลอ่ื นท่ีของเปลอื กโลก ทาใหบ้ รเิ วณรอยเล่อื นตา่ งๆ เคล่ือนไหว ซ่ึงทาใหเ้ กดิ ภเู ขาไฟปะทุ เกิดแผ่นดินไหว การเปล่ยี นแปลงทเี่ กิดจากมนษุ ย์ การทานาขน้ั บนั ไดบริเวณ การเปลี่ยนแปลงท่ีเกดิ จากการกระทาของ หมบู่ า้ นหัวเเมค่ า อาเภอเเมจ่ นั จงั หวดั เชียงราย มนษุ ยม์ ีมากมาย เช่น การเปล่ียนแปลงพ้นื ทปี่ า่ ชายเลน เป็นพ้นื ท่ีเลยี้ งกงุ้ การเปลย่ี นแปลงพื้นที่ปา่ ไม้เป็นพื้นที่ เกษตรกรรม การถมแม่น้าลาคลองเพ่ือสร้างถนน

ผลจากการเปลยี่ นแปลงสภาพธรรมชาติในประเทศไทย ดา้ นเศรษฐกิจ ด้านสงั คม ด้านอาชพี ด้านประชากร ดา้ นวัฒนธรรม มีการสง่ เสริมด้าน สภาพของสงั คมไทยสว่ น ประชากรในประเทศไทย ประชากรส่วนใหญ่ใน มวี ัฒนธรรมทถี่ า่ ยทอด อตุ สาหกรรมและ ใหญจ่ ะมีความผกู พันกับ สว่ นใหญท่ าเกษตรกรรม ประเทศไทยตง้ั ถน่ิ ฐานอยู่ สบื ต่อกนั มาจนเป็น การลงทุน เพ่อื การค้า เม่ือมีการเปลีย่ นแปลง ในบรเิ วณใกลแ้ หลง่ น้า เอกลกั ษณ์ เชน่ และการสง่ ออกมากขนึ้ ธรรมชาติและ ดา้ นตา่ งๆ รูปแบบการ พน้ื ทม่ี ีความอดุ มสมบูรณ์ ประเพณีสงกรานต์ เม่อื มกี ารขยายตวั ทาง สิ่งแวดลอ้ ม มีการพึ่งพา เหมาะต่อการเพาะปลูก ประเพณีลอยกระทง เศรษฐกิจ ส่งผลให้มกี าร ผลิตจงึ มกี าร เมือ่ มกี ารปรบั เปลยี่ น ใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ธรรมชาติเป็นหลกั เปล่ยี นแปลงไป โดยเน้น เม่อื จานวนประชากร รูปแบบให้ร่วมสมยั มาก และส่งิ แวดล้อม เมื่อมกี ารเปลีย่ นแปลง ผลติ เพ่ือการค้ามากขน้ึ เพมิ่ ข้นึ รวมทง้ั อย่างฟมุ่ เฟอื ย ดา้ นต่างๆ ทาให้ปจั จบุ ัน ทาให้มีความตอ้ งการ ขึ้น มีความ คนในสงั คมมวี ถิ ีการ ทรัพยากรธรรมชาตลิ ดลง เจริญกา้ วหน้าทาง ระบบชลประทานมี และมกี ารพฒั นด้านต่างๆ เทคโนโลยี จึงมกี าร ดาเนนิ ชวี ิตที่ การสร้างเขือ่ น และอ่าง เชน่ การคมนาคม ส่ิง ติดตอ่ ส่ือสารระหว่าง เปลี่ยนแปลงไปคือ พง่ึ พา ประเทศ สง่ ผลให้มกี าร ธรรมชาตินอ้ ยลง รบี เร่ง เกบ็ น้าจานวนมาก อานวยความสะดวก แลกเปลย่ี นทาง มากข้ึน แขง่ ขันกนั สงู ข้นึ เพื่อให้เพยี งพอต่อพื้นที่ เป็นต้น ทาใหป้ ระชากร วฒั นธรรมและนา เกษตรกรรม สง่ ผลให้ ยา้ ยถนิ่ ฐานจากสงั คม วฒั นธรรมตา่ งชาติ ชนบทมาอยใู่ นสังคม เขา้ มาผสมผสานกบั พนื้ ทป่ี า่ ไมล้ ดลง วฒั นธรรมไทย เมืองมากข้นึ

แนวทางและการอนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ ม การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ มทางตรง การใชอ้ ยา่ ง การนา่ กลบั มา การบรู ณะซอ่ มแซม การใชส้ ง่ิ อน่ื การบา่ บดั และ การเฝา้ ระวังดแู ล ประหยัด ใชซ้ ่าอกี สง่ิ ของบางอย่าง ทดแทน การฟืน้ ฟู และป้องกนั ควรใชเ้ ทา่ ทจี่ าเป็น เมอ่ื ใช้เปน็ เวลานาน ชว่ ยลดความ เป็นอีกวธิ ีหนึ่งที่ เพอื่ ให้มีทรัพยากร ส่งิ ของบางอย่าง อาจชารดุ เสยี หาย เป็นวิธกี ารหนงึ่ ท่จี ะ จะช่วยไม่ให้ ไว้ใชไ้ ดน้ านๆ และ เมือ่ ใช้แล้วคร้ังหนึ่ง ถ้าซอ่ มแซมก็ ช่วยให้มีการใช้ เสอื่ มโทรมของ เกิดประโยชน์คุ้มค่า สามารถยดื อายุการ ทรพั ยากรธรรมชาติ ทรัพยากรธรรมชาติ มากที่สดุ สามารถท่จี ะ ใช้งานตอ่ ไปไดอ้ ีก ทรัพยากรธรรมชาติ ด้วยการบาบักอ่ นท่ี และส่ิงแวดล้อม นามาใช้ซ้าได้อีก นอ้ ยลง และไม่ จะปล่อยลงสู่เเหลง่ ถกู ทาลาย เช่น ถงุ พลาสติก ทาลายสิ่งแวดล้อม นา้ ธรรมชาติ เชน่ เช่น การใชถ้ งุ ผา้ การบาบดั น้าเสีย กระดาษ แทนถงุ พลาสติก จากบ้านเรือน หรอื จากโรงงาน อุตสาหกรรม การอนรุ กั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ มทางออ้ ม การให้ความรทู้ ถี่ ูกตอ้ งเเก่ประชาชน การใช้มาตรการทางสังคมและกฎหมาย ส่งเสรมิ ให้ประชาชนในท้องถิ่นได้มี โดยสนบั สนนุ การศกึ ษาด้านอนุรกั ษ์ การจดั ต้งั กลมุ่ ชมุ นมุ ชมรม หรอื สมาคม สว่ นร่วมในการอนรุ ักษ์ ส่งิ แวดล้อมและทรัพยากรทถ่ี กู ต้อง เพอื่ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและ ชว่ ยกนั ดแู ลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ตามหลักวชิ า สงิ่ แวดลอ้ ม เเละสิ่งเเวดล้อมในท้องถนิ่ ของตน ใหค้ งสภาพเดมิ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook