การใช้สิทธอิ อกเสียงเลอื กต้งั ตามระบอบประชาธิปไตย รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย ไดม้ ีการกาหนดไวว้ ่า : อำนำจอธิปไตยนั้นเป็นของปวงชนชำวไทย กำหนดให้ประชำชนมีส่วนร่วมในกำรปกครอง เปิดโอกำสให้ประชำชนตรวจสอบกำรใช้อำนำจของรัฐเพ่ือคอยควบคุมดูแลให้กำรบริหำรประเทศเป็นไปด้วย ควำมโปร่งใส ชัดเจนสุจริต ถูกต้อง และยุติธรรมมำกข้ึน ดังนั้นจึงกำหนดให้ประชำชนมีหน้ำท่ีไปใช้สิทธิ ออกเสยี งเลอื กตงั้ ผู้แทนตำมระบอบประชำธิปไตย ตัง้ แตร่ ะดบั ท้องถนิ่ จนถึงระดับประเทศ
ขน้ั ตอนการเลือกต้ังผแู้ ทนราษฎร ๓ ขนั้ ตอนสาคญั ข้นั ที่ ๑ (ก่อนวันเลอื กตั้ง) ขั้นท่ี ๒ (วนั เลือกต้ัง) ขน้ั ที่ ๓ (หลังวันเลือกตั้ง) • ติดตามข้อมูลข่าวสารเก่ียวกับการหาเสียง • เดินทางไปยังหนว่ ยทเี่ ลอื กตงั้ ภายใน • ติดตามข้อมูลการนับคะแนน และการ เลือกต้ังว่ามีผู้ใดกระทาความผิดกฎหมาย เวลา๐๘.๐๐ -๑๕.๐๐ น. ประกาศคะแนนของผู้สมัครรับเลือก เลือกตงั้ ตัง้ แตล่ ะคน โดยเฉพาะคนท่ตี นเลือก • ตรวจสอบรายชอ่ื ของตน เพ่อื เเจง้ ต่อ • รับฟังนโยบาย แนวคิด ของผ้สู มัครแตล่ ะคน เจ้าหนา้ ที่ประจาหนว่ ยเลอื กตงั้ • แสดงความคดิ เหน็ ผา่ นผทู้ ่ีไดร้ บั • สืบค้นข้อมูลท่ีเก่ียวกับประวัติและผลงาน • ติดตามการปฏิบัติงานของผู้แทนว่า • แจง้ เลขประจาตวั ประชาชนของตน ของผู้สมัครว่าเป็นคนดีมีคุณธรรม มีความรู้ ให้กบั เจา้ หนา้ ท่ี พรอ้ มกบั แสดงบตั ร ทาตามนโยบายท่ีกาหนดไวห้ รอื ไม่ ความสามารถมผี ลงานเปน็ ทปี่ รากฏ มีอาชีพ ประจาตัวประชาชน หรือหลกั ฐานที่ มั่นคง ซ่อื สตั ยห์ รอื ไม่ ทางราชการออกให้ • ตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิลงคะแนนเลือกต้ัง วา่ มชี อื่ ของตนเองหรือไม่ ถ้าไม่มีต้องรีบแจ้ง • ลงชือ่ หรือพิมพ์ลายนวิ้ หวั แมม่ อื ขวาไว้ เจ้าหนา้ ท่ี เพอ่ื ดาเนนิ การเพิ่มเตมิ เปน็ หลักฐาน พร้อมรบั บัตรเลือกตง้ั ที่จะ ลงคะแนน • เขา้ ช่องคูหา ทาเครื่องหมายกากบาทลง ในชอ่ งหมายเลขทต่ี นตอ้ งการเลือกตาม จานวนท่ีมีสิทธิเลอื กได้ • พบั บตั รท่ีลงคะเเนนแลว้ เเละนาไป หย่อน
บทท่ี ๒ กฎหมายนา่ รู้ กฎหมายทเ่ี กี่ยวขอ้ งกับชีวิตประจาวัน กฎหมาย กฎที่สถาบันหรือผู้มีอานาจสูงสุดในรัฐได้ตราขึ้นเพื่อใช้บังคับให้บุคคลปฏิบัติตาม โดยมีข้อ ปฏิบัติเเละ บทลงโทษไว้อย่างชัดเจน กฎหมายท่ีเก่ียวข้องกับชีวิตประจาวันของครอบครัว เเละชุมชนท่ี นักเรยี นควรรู้ ไดแ้ ก่ • กฎหมายเกย่ี วกับการจราจรทางบก • กฎหมายเกย่ี วกบั ทะเบยี นราษฎร • กฎหมายเกย่ี วกบั ยาเสพติดใหโ้ ทษ • เทศบญั ญัติ ข้อบัญญัติ อบจ. อบต.
กฎหมายเกย่ี วกบั การจราจรทางบก กฎหมายเกี่ยวกับการจราจรทางบก เป็นกฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกับการเดินทาง ซึ่งไดบ้ ญั ญัติขน้ึ เพ่ือใชค้ วบคมุ เส้นทางของผูข้ บั ขี่รถยนต์รถจักรยานยนต์ รถจกั รยานหรอื คนเดนิ เท้าให้ปฏิบตั ติ าม เพ่อื ความ ปลอดภยั ในชวี ติ และทรัพย์สิน ซงึ่ มีสิ่งทค่ี วรรู้ ดังนี้ สญั ญาณจราจร การปฏิบัตติ ามกฎจราจรของคนเดินเท้า การปฏิบตั ติ ามกฎจราจรของผขู้ ับข่รี ถจกั รยาน ประโยชน์ของการปฏบิ ัติตนตามกฎหมายจราจร
กฎหมายเกี่ยวกบั ทะเบียนราษฎร • การแจง้ เกิด เม่อื มีคนเกิดในบ้าน เจา้ บา้ นจะตอ้ งทาการแจง้ ตอ่ นายทะเบยี นท้องท่ี ทมี่ ีคนเกิดภายใน ๑๕ วนั และจะไดร้ ับสูตบิ ตั รไว้เป็นหลกั ฐาน • การแจง้ ตาย เม่ือมีคนตายในบา้ น ตอ้ งแจง้ ต่อนายทะเบยี นท้องทท่ี ผี่ ้ตู ายมชี ่ืออยู่ใน ทะเบียนราษฎร ภายใน ๒๔ ชัว่ โมง เเละจะไดร้ ับใบมรณบตั รไวเ้ ปน็ หลักฐาน • การย้ายทอี่ ยู่ เมอ่ื มกี ารย้ายท่อี ยูจ่ ะตอ้ งมีการแจ้งยา้ ยออกจากทะเบยี นบา้ นเดมิ แลว้ จะต้องแจง้ ยา้ ยเขา้ ในทะเบียนบา้ นใหม่ซ่งึ ผู้นั้นยา้ ยไปอยู่ ดังต่อไปนี้ : หลักฐานที่ตอ้ งนามาแสดงในการเเจง้ ย้ายทอ่ี ยู่: - กำรแจ้งย้ำยออก เมื่อมีการยา้ ยทีอ่ ยอู่ อกจากบ้านใดกฎหมาย • บตั รประจาตวั ประชาชนของผ้ปู ระสงคจ์ ะยา้ ยปลายทาง • บัตรประจาตัวประชาชนของเจ้าบ้าน กาหนดใหเ้ ปน็ หน้าที่ของเจ้าบา้ นหรอื ผู้เเทนท่ีจะต้องย้ายที่อยู่ • หนังสือคายินยอมของเจ้าบา้ น ดงั กลา่ วแจง้ ตอ่ นายทะเบียนผรู้ ับเเจ้ง ภายในเวลาไมเ่ กิน ๑๕ วนั • สาเนาทะเบียนบา้ นฉบบั เจา้ บา้ น นบั แต่วันยา้ ยออก - กำรแจง้ ยำ้ ยเข้ำ เมื่อมีการย้ายเข้าบ้าน เจ้าบา้ นหรอื ผูแ้ ทน ต้อง แจง้ ตอ่ นายทะเบยี นท่ีเจ้าบา้ นอยภู่ ายใน ๑๕ วัน นับแต่วนั ยา้ ยเข้า
กฎหมายเกย่ี วกบั ยาเสพตดิ ให้โทษ ยาเสพติด สารเคมี หรอื วตั ถุชนิดใดๆ ซ่ึงเม่ือไดเ้ สพเขา้ สู่ร่างกายไม่วา่ จะโดยวิธรี ับประทาน ดม สบู ฉดี แลว้ ทาใหเ้ กดิ ผลตอ่ รา่ งกายและจติ ใจในลักษณะสาคญั ประเภทของยาเสพติดใหโ้ ทษ ความผิดเกี่ยวกบั ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ ตัวอยา่ งโทษของผ้ทู กี่ ระทาความผดิ อันตรายของยาเสพตดิ ให้โทษ ประโยชนข์ องการปฏิบตั ติ ามกฎหมายยาเสพติด
ประเภทของยาเสพตดิ ให้โทษ แบง่ ยาเสพติดใหโ้ ทษออกเป็น ๕ ประเภท • ยาเสพตดิ ให้โทษชนดิ ร้ายแรง เชน่ แอมเฟตามีน หรอื ยาบา้ เฮโรอนี • ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษท่ัวไป เชน่ มอรฟ์ นี ฝิน่ โคคาอีนโคเดอนี • ยาเสพติดให้โทษท่ีมีลักษณะเป็นตารับยา มียาเสพติดประเภทท่ี ๒ ได้แก่ ยาเม็ดตกเบ็ดซ่ึงมีทิงเจอร์ ฝ่ิน การบูร ชนิดเขม้ ขน้ เป็นสว่ นผสม ยาแก้ไอนา้ เชอื่ มซึ่งมที งิ เจอร์ ฝิ่น การบรู เปน็ สว่ นผสม • สารเคมที ใี่ ชใ้ นการผลติ ยาเสพตดิ ให้โทษประเภท ๑ หรอื ประเภท ๒ เช่น อาเซติคแอนไฮไดรด์ อาเซตลิ คลอไรด์ • ยาเสพตดิ ให้โทษท่ไี ม่ได้เขา้ อยู่ในประเภท (๑) ถงึ (๔) เชน่ กัญชา พชื กระท่อม ความผดิ เกย่ี วกับยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ แบง่ ลักษณะการทาผดิ ได้เปน็ ๕ ฐาน • ฐานผลิต นาเขา้ ส่งออกซึง่ ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ • ฐานจาหน่าย หรือมไี ว้ในความครอบครองเพือ่ จาหนา่ ยซง่ึ ยาเสพติดใหโ้ ทษ • ฐานมไี วใ้ นความครอบครองซึง่ ยาเสพตดิ ให้โทษ • ฐานเสพยาเสพติดให้โทษ • ฐานโฆษณาเพ่อื การค้าซง่ึ ยาเสพติดให้โทษ
ตัวอยา่ งโทษของผทู้ ี่กระทาความผิด • ผู้ท่ีเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ ๑ เช่น เฮโรอีนแอมเฟตามีน (ยาบ้า) ต้องระวางโทษจาคุกต้ังแต่ ๖ เดือนถึง ๓ ปี หรือปรับตง้ั แต่๑๐,๐๐๐ถงึ ๖๐,๐๐๐ • ผทู้ ีม่ ยี าเสพติดใหโ้ ทษประเภทที่ ๑ ไว้ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีปริมาณคานวณเป็นสารบริสุทธ์ิหรือมีจานวน น้าหนักสุทธิไม่ถึงปริมาณตามท่ีกฎหมายกาหนด ต้องระวางโทษจาคุกตั้งแต่ ๑ ปีถึง ๑๐ ปี หรือปรับตั้งแต่ ๒๐,๐๐๐ ถึง ๒๐๐,๐๐๐ หรือทง้ั จาทง้ั ปรบั • ผทู้ เี่ สพยาเสพตดิ ใหโ้ ทษประเภทท่ี ๕ ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไม่เกนิ ๑ ปี หรอื ปรับไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ หรอื ทัง้ จาทงั้ ปรับ • ผ้ทู ่ีมียาเสพตดิ ใหโ้ ทษประเภทที่ ๕ ต้องระวางโทษจาคกุ ไม่เกนิ ๕ ปี หรอื ปรับไม่เกนิ ๑๐๐,๐๐๐ หรอื ทงั้ จาท้ังปรับ อนั ตรายของยาเสพตดิ ให้โทษ • ทาลายสุขภาพของผู้เสพ เพราะยาเสพติดส่วนใหญ่จะออกฤทธ์ิกดประสาทสว่ นกลาง • ส่งผลทาให้จติ ใจผิดปกติ เม่อื มีความต้องการทจี่ ะเสพยาหรอื อาการอยากยา • ทาให้เกิดอบุ ตั ิเหตไุ ดง้ า่ ยข้นึ ประโยชนข์ องการปฏิบตั ิตามกฎหมายยาเสพติด • สามรถหลกี เลีย่ งตนเองจากสง่ิ เสพตดิ ได้ • สามารถอยู่ร่วมกับผอู้ น่ื ได้จากไม่เป็นท่ีรังเกยี จของผอู้ ่ืนเป็นพลเมืองทีด่ ขี องสงั คมและครอบครวั • ไม่ถกู ลงโทษเนอ่ื งจากทาผดิ ตามกฎหมายยาเสพตดิ
เทศบญั ญัติ ข้อบัญญัติ อบจ. อบต. ๑ เทศบญั ญัติ เป็นกฎหมายท่ีมีการจัดทาโดยองคก์ รปกครองสว่ นท้องถน่ิ คือ เทศบาล เทศบาลมีอานาจหนา้ ทตี่ ราเทศบญั ญตั ิ โดยต้องไมข่ ัดหรือแย้งต่อกฎหมาย ๒ • ขอ้ บัญญัตอิ งคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั (อบจ.) - การเก็บภาษจี ากสถานค้าปลกี ในเขตจงั หวัด - การเกบ็ ค่าธรรมเนียมจากผ้ทู ไ่ี ดร้ ับประโยชนจ์ ากการบริการสาธารณะ ๓ • ขอ้ บญั ญตั อิ งค์การบรหิ ารส่วนตาบล (อบต.) - การกาจัดส่ิงปฏิกูลและมลู ฝอย - การจาหน่ายสนิ ค้าในทีส่ าธารณะ - การกาจดั แหลง่ เพาะพนั ธุ์ยุงลาย ๔ • ประโยชน์ของการปฏิบัตติ นตามกฎหมายส่วนท้องถนิ่ - เสยี ภาษีบารงุ ทอ้ งถิน่ หรอื ทอ้ งถน่ิ มีเงนิ ภาษมี าพัฒนาคุณภาพชีวิต ของประชาชนตา่ งๆ - ประชาชนไดร้ บั บริการที่ดจี ากทอ้ งถิ่น :
บทท่ี ๓ วัฒนธรรมและการเปล่ยี นแปลง วัฒนธรรม ความสาคัญของวัฒนธรรม แบบแผนในการดาเนินชีวิตของมนุษย์ • วัฒนธรรมไทย เป็นความเจริญงอกงามของคนไทยท่ีได้ ซ่ึงเกิดจากการที่มนุษย์สร้างข้ึน ส่ังสมถ่ายทอด สั่งสม ปรบั ปรุง เปล่ียนแปลง และถ่ายทอดสืบต่อกันมา สบื ตอ่ กนั มา และยึดถือปฏบิ ตั จิ นถงึ ปจั จบุ ัน ชา้ นาน • คนไทยมีวัฒนธรรมของตนเองเป็นเอกลักษณ์ สืบทอด กันมายาวนาน ทาให้คนในชาตมิ ีความภาคภูมิใจ
ประเภทของวัฒนธรรม วฒั นธรรม แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท วัฒนธรรมทางวตั ถุ วฒั นธรรมที่ไมใ่ ชว่ ัตถุ (สง่ิ ตำ่ งๆ ท่คี นสรำ้ งขน้ึ มำเพอ่ื ใชป้ ระโยชนใ์ นด้ำนตำ่ งๆ) (เเบบเเผนในกำรดำเนนิ ชีวิตของคนในสงั คม) อาคารบ้านเรอื น ความคิด ความเชอ่ื ค่านิยม ส่ิงของเครื่องใช้ จารีตประเพณี ยานพาหนะ ศลี ธรรม สิ่งอานวยความสะดวก ภาษา
การเปลี่ยนแปลงของวฒั นธรรม คนเราไดส้ รา้ งสรรคว์ ัฒนธรรมขึน้ มาใชใ้ นการดารงชีวิต และไดป้ รบั ปรงุ เปล่ยี นแปลงวฒั นธรรม เพื่อให้เกดิ ความเหมาะสมสอดคล้องกับการดาเนนิ ชีวิตในแตล่ ะยคุ สมัย วฒั นธรรมที่ไม่สอดคลอ้ งกับ การดาเนนิ ชวี ติ จะถกู ละเลยและไม่มีการนามาใช้ ผลของการเปลยี่ นแปลงทางวัฒนธรรมทีม่ ตี ่อสังคม วถิ ีการดาเนินชวี ติ ของคนในสงั คมมกี ารเปล่ยี นแปลง ๑ ๒ การพัฒนาดา้ นการศกึ ษาเปน็ ไปอยา่ งรวดเร็ว การรับรู้ข้อมลู ข่าวสารไดร้ วดเรว็ ๓ ๔ สังคมมีความเป็นสากลมากขึน้ มีการพัฒนาด้านการประกอบอาชพี ๕
๑ ความแตกต่างด้านภาษา ความแตกตา่ งทางวัฒนธรรมของกลมุ่ คนในสังคมไทย ๓ ความแตกตา่ งในด้านการแตง่ กาย คนไทยแตล่ ะภมู ิภาคมีการ แตง่ กายแตกตา่ งกนั โดยจะเเต่ง ชดุ พน้ื เมืองตามทอ้ งถนิ่ ของตน ๒ ความแตกตา่ งดา้ นศาสนา การแต่งกายของแตล่ ะภาค คนไทยโดยสว่ นใหญ่จะนับถือพระพทุ ธศาสนา ๔ ความแตกตา่ งกนั ทางด้านการละเลน่ พื้นเมอื ง มบี างส่วนนบั ถอื ศาสนาอื่นๆ เช่น อิสลาม คริสต์ ซึง่ ศาสนิกชนของแตล่ ะศาสนามีการประพฤติปฏิบัติตน - ภาคใตม้ กี ารแสดงมโนห์รา หนงั ตะลงุ รองเง็ง เก่ียวกับศาสนาที่แตกต่างกันไป - ภาคเหนือมีการฟอ้ นเล็บ ฟอ้ นเง้ียว - ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือมกี ารแสดงหมอลาเซิ้ง - ภาคกลางมกี ารแสดงลาตัด กลองยาว ๕ ความแตกตา่ งดา้ นการกิน ในทอ้ งถนิ่ แต่ละแหง่ มกี ารปรุงอาหารสบื ทอด โดยใชว้ ัตถดุ ิบ และอาหารก็มีรสชาตแิ ตกต่างกันเช่น ภาคอีมสานนิยมรบั ประทาน สม้ ตา ไกย่ า่ ง ขา้ วเหนียว ภาคใต้นยิ มรับประทาน แกงไตปลา ขนมจีน
ประโยชนข์ องความแตกตา่ งของวฒั นธรรมของสงั คมตา่ งๆ • เปน็ เครื่องมือสาหรบั ยึดเหนีย่ วจิตใจในการ • เป็นเอกลกั ษณ์ในแตล่ ะสงั คม เมอ่ื ไปต่างถิน่ ประพฤตปิ ฏิบตั ติ ามวฒั นธรรมของคนใน เเละพบบคุ คลทอ่ี ยใู่ นสังคม ในท้องถิน่ หรอื สงั คมกลมุ่ เดียวกนั ในภาคเดียวกัน • เกดิ ความหลากหลายในการปฏิบัติ ทง้ั ภาษา • ช่วยสง่ ผลใหเ้ กดิ การแลกเปลย่ี นวัฒนธรรมที่ การแตง่ กาย ศาสนพธิ ี ขนบธรรมเนยี ม แตกต่างกัน ประเพณีตา่ งๆ รดน้าดาหวั สงกรานต์ บายศรสี ่ขู วญั
มรรยาทไทย กริ ยิ า วาจาท่สี ุภาพเรยี บร้อย ท่บี คุ คลพงึ ปฏบิ ตั ิในสงั คม โดยมีระเบียบแบบแผนอนั เหมาะสม ตามกาลเทศะ การแสดงความเคารพ การกราบพระรตั นตรัยแบบเบญจางคประดษิ ฐ์ จะกราบโดย • การไหว้ การใชอ้ วัยวะทัง้ ๕ จรดพื้น กราบ ๓ คร้งั ได้แก่ • การกราบ • มือ ๒ • หนา้ ผาก ๑ มีการปฏิบัตทิ แ่ี ตกต่างกันไปตามฐานะ โอกาส บุคคล • กราบผู้ใหญ่ คือ พ่อ แม่ ครอู าจารย์ ผใู้ หญ่ท่ีเคารพ และสถานที่ การไหวพ้ ระจะแสดงความนอบนอ้ ม หรือควรกม้ ศรี ษะมากทส่ี ดุ รองลงไปคือการไหว้ พอ่ แม่ ครู และญาติ ให้กราบครง้ั เดยี วและไม่แบมือ ผู้ใหญ่ การกราบพระรัตนตรยั และกราบผใู้ หญ่ ทีม่ าภาพ : https://sites.google.com/site/social023/home/kar-hiw/5-maryath-kark-rab
การยืน การนอน ควรยืนตรง เท้าชิด หนา้ ตั้งตรง ปลอ่ ยมือไว้ขา้ งตัว การนอนเปน็ การพักผ่อนร่างกายตามลาพงั ไม่มพี ธิ ี แตถ่ ้ายนื สนทนากับผู้ใหญ่ มอื จะประสานกันอยรู่ ะดบั การหรอื ระเบยี บ แต่ควรคานงึ ถึงความปลอดภัย เอว ค้อมตวั เล็กน้อย การเดนิ ไม่เดนิ ลงสน้ ใหเ้ สียงดัง ถา้ เดนิ ผ่านผู้ใหญท่ ก่ี าลังยนื อยู่ ควรปล่อยมือไวข้ า้ งลาตัวและคอ้ มตัวลงเมือ่ ใกลถ้ งึ ผใู้ หญ่ การนั่ง ควรน่งั ดว้ ยกิริยาสารวม เช่น การน่งั พบั เพยี บ การน่งั คกุ เข่า
การรบั -สง่ สิง่ ของ การรบั ประทานอาหาร การรบั ของและสง่ ของให้ผูใ้ หญอ่ ย่างไม่เป็นทางการ ท้ังชายและ การรับประทานอาหารโดยใช้ชอ้ นส้อม ใหใ้ ชม้ ือขวาจบั ชอ้ น หญิงควรปฏบิ ตั ิดว้ ยอาการทน่ี อบน้อม คอื รบั ของกใ็ ห้ไหว้ท่านก่อน มือซา้ ยจบั ส้อม วางแก้วนา้ ไวด้ า้ นขวามอื กอ่ นจะลงมอื แลว้ จึงรับ เมื่อส่งของใหท้ ่านก้ส่งของก่อนแล้วจึงไหว้ทา่ น รบั ประทานอาหารให้ผ้อู าวโุ สท่ีอยู่ในโตะ๊ ลงมือตกั อาหารกอ่ น มารยาทบนโต๊ะอาหาร การแสดงกิริยาอาการ การทักทาย การสนทนา และการใช้คาพูด ควรแสดงความเคารพด้วยการไหว้ แล้วจึงพูด “สวสั ดีครบั ” “สวัสดีคะ่ ” ควรใชค้ าพดู ขอบใจ ขอบคณุ ขอบพระคุณ ตอ่ ผมู้ นี า้ ใจตอ่ เรา เม่อื เดนิ ชน ผใู้ หญ่ ก็ใช้คาพดู ว่า ขอประทานโทษค่ะ หรอื ขอประทานโทษครับ พร้อมยก มือไหว้
ประโยชนแ์ ละคณุ คา่ ทางวฒั นธรรม • ทาให้สังคมมีความเปน็ ระเบยี บเรียบร้อย • สรา้ งความบนั เทิงใจใหแ้ กส่ มาชกิ ในสังคม • สร้างความสามคั คีกลมเกลยี วระหวา่ งสมาชกิ ในแตล่ ะสงั คม • ทาให้สมาชกิ ในสังคมสามารถสือ่ สารไดอ้ ย่างเข้าใจกันงา่ ยขึน้ • ทาใหส้ มาชกิ ในสังคมมีหลักไวย้ ึดเหน่ยี วจติ ใจ • ทาให้สมาชิกในสงั คมมีโอกาสในการประกอบอาชพี ตา่ งๆ เพิ่มข้นึ
แนวทางการดารงรกั ษาวัฒนธรรมไทย มแี นวทางดงั น้ี • ศึกษาความรู้เก่ียวกับวฒั นธรรมไทย แลว้ นาไปปฏิบตั อิ ยา่ งถกู ต้อง • ใชส้ ินคา้ ท่แี สดงถึงศลิ ปวัฒนธรรมไทย เช่น การใช้ผา้ ไทย ผา้ ไหมไทย • เมอ่ื ค้นพบวตั ถทุ แี่ สดงถึงศิลปวฒั นธรรมไทยควรมอบแก่ทางราชการ • เผยแพรว่ ฒั นธรรมไทยใหเ้ ป็นทีแ่ พร่หลายทั้งต่อคนไทย และชาวต่างชาติ • เลือกรบั วัฒนธรรมสากลท่ีดีนามาประยุกต์กบั วฒั นธรรมไทยอยา่ งเหมาะสม • รว่ มมือกันดูแลรกั ษาโบราณวัตถุ โบราณสถาน และสิ่งทีเ่ เสดงถงึ วฒั นธรรมของชาติ • สง่ เสรมิ ใหเ้ ยาวชนไทยเหน็ คุณคา่ และเกดิ ความภาคภูมิใจในวฒั นธรรมไทย
บทท่ี ๔ ขอ้ มลู ข่าว และเหตุการณต์ ่างๆ ข้อมูล ข่าว และเหตกุ ารณ์ตา่ งๆ การดารงชีวิตอยู่ในสังคมปัจจุบนั เราจาเป็นจะต้องไดร้ ับทราบขอ้ มลู ขา่ วสารและเหตกุ ารณ์ ตา่ งๆ ถึงแม้จะอยหู่ ่างไกลกันจนมีคากล่าวทว่ี า่ “โลกไรพ้ รมแดนด้านขอ้ มลู ขา่ วสาร” ขอ้ มลู ขอ้ เท็จจริงหรือส่ิงที่ยอมรบั ว่าเปน็ ขอ้ เท็จจรงิ ขา่ ว คาบอกเล่าเก่ียวกับเร่ืองราวต่างๆ ท่ีเกดิ ขึน้ ตลอดจนเรือ่ งราวที่สาคญั และนา่ สนใจ เหตกุ ารณ์ เรอ่ื งราวท่เี กดิ ขึ้นจรงิ อาจมีความสาคัญหรือไมม่ ีความสาคัญกไ็ ด้
แหลง่ ข่าวและเหตุการณ์ ขา่ วและเหตกุ ารณ์ที่พบเห็นเองในทอ้ งถ่นิ ๑ ๒ ขา่ วและเหตกุ ารณ์ทีม่ าจากการบอกเล่าของผอู้ นื่ ขา่ วจากวิทยุหรอื โทรทศั น์ ๓ ๔ ข่าวจากหนังสอื พิมพ์ วารสาร และเอกสารตา่ งๆ ๕ ๖ ข่าวจากโทรศัพท์ ข่าวจากคอมพวิ เตอร์ ๑) เว็บไซต์ ๗ จดหมายเหตุ ๒) อีเมล์ ๓) ส่อื สงั คมออนไลน์
ประโยชนจ์ ากการติดตามข้อมูล ข่าวสารและเหตุการณต์ ่างๆ ทราบความเคลื่อนไหวของเหตุการณ์ หรอื สถานการณต์ ่างๆ ทเี่ กดิ ขึ้น ช่วยในการตดั สินใจเรื่องราวต่างๆ อย่างถูกตอ้ ง ไดข้ อ้ คิดที่ดใี นการปลกู ฝังด้านคณุ ธรรม จริยธรรม มคี วามรอบรใู้ นขอ้ มลู ขา่ วสารด้านตา่ งๆ จากทวั่ โลก ทราบความเจริญกา้ วหน้าทางดา้ นเทคโนโลยีของโลก เเละรเู้ ท่าทนั ต่อการเปลีย่ นแปลงทีเ่ ป็นประโยชนต์ อ่ การดารงชวี ิต
หลกั การเลือกรบั ขอ้ มลู ข่าวสารจากสอ่ื ต่างๆ ๑. ขอ้ มลู ข่าวสารตอ้ งเป็นปจั จุบัน เพราะขอ้ มูลขา่ วสารบางชนดิ ถ้าหากลา้ สมยั อาจทาให้ เกดิ ความเสียหายต่อการดาเนินการได้ ๒. ต้องเลอื กรับข้อมลู ขา่ วสารจากเเหลง่ ขอ้ มูลทนี่ ่าเชื่อถือ ๓. ศกึ ษาข้อมูลขา่ วสารเร่อื งเดยี วกันจากหลายๆ แหล่งข่าว จากนน้ั พิจารณาความน่าเช่ือถอื เพอ่ื ใช้ประกอบการตดั สนิ ใจ ๔. เลอื กใชข้ ้อมูลข่าวสารท่ีเป็นประโยชน์ต่อการดาเนินชีวติ
๓หน่วยการเรยี นรู้ที่ เรยี นรเู้ รื่องเศรษฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ หมายถึง การจดั สรรทรัพยากรที่มีอยจู่ ากดั เพื่อสนองความตอ้ งการของ มนุษยท์ ่ีมีอยอู่ ยา่ งไม่จากดั เพอื่ ใหเ้ กิดประสิทธิภาพสูงสุด ปจั จัยการผลติ 1. ทดี่ นิ คอื สง่ิ ทต่ี ดิ มากับท่ดี ิน เชน่ ต้นไม้ แมน่ า้ แร่ธาตุ เปน็ ตน้ 2. ทุน คอื สง่ิ ที่ยกเวน้ เงนิ ได้แกอ่ ุปกรณ์ในการผลิต 3. แรงงาน คือ แรงงานคน ยกเวน้ แรงงานจากสตั วแ์ ละเครือ่ งจกั ร 4. ผจปู้ ุดปรระะสกงคอก์ าบรเกรียานรรู้ หรือ ผู้ผลิต คือ ผู้รวบรวมปจั จยั ทังหมดและเปน็ ผู้ตัดสินใจฝนการผลิต
บทท่ี ๑ ผ้ผู ลติ ทม่ี คี วามรบั ผิดชอบและผบู้ ริโภคทีร่ เู้ ทา่ ทัน บทบาทของผผู้ ลิต ผผู้ ลติ : ผทู้ น่ี ำเอำทรัพยำกรเเละปัจจัยกำรผลิต ทด่ี นิ เเรงงำน ทนุ มำผสมผสำนกันเพือ่ ให้เกดิ เป็นสนิ คำ้ เเละบริกำร เพื่อสนองควำมต้องกำร และควำมพึงพอใจของผู้บรโิ ภค โดยมีกำไรเป็นสงิ่ ตอบเเทนในกำรผลิต บทบาทและหนา้ ท่ีของผู้ผลติ ในระบบเศรษฐกิจ • เป็นผู้นำทรัพยำกรธรรมชำติและปัจจยั • เปน็ ผู้ตดั สนิ ใจเกย่ี วกบั กำรผลิตว่ำจะผลิต กำรผลติ มำแปรรูปหรอื เพิ่มมลู ค่ำ ทำให้ สนิ คำ้ หรือบริกำรชนิดใดจะผลติ อยำ่ งไร เกิดสินค้ำเเละบริกำรขึ้นมำ และจะนำสินค้ำเเละบรกิ ำรที่ผลติ ขนึ้ ไป จำหน่ำยใหก้ บั ใคร บทบาทและหน้าทขี่ องผู้ผลติ • เปน็ ผูด้ ำเนนิ กำรให้เกดิ กำรแลกเปลย่ี น • เป็นผู้ทก่ี ระจำยสิน คำ้ จำกแหล่งผลิต ไปสู่ สนิ ค้ำและบรกิ ำร ผบู้ ริโภคเพอื่ ให้ได้รบั ควำมสะดวกสบำย ในกำรซอ้ื ขำยสนิ ค้ำและบรกิ ำร
ความสา้ คัญของผู้ผลติ ทม่ี ีคุณภาพ • ปัจจัยสำคัญท่ที ำให้ผู้บรโิ ภคตัดสินใจเลือกซ้อื เลอื กใชส้ นิ ค้ำและบรกิ ำร คอื คุณภำพของสนิ คำ้ เเละบริกำร • ผผู้ ลติ ทขี่ ำยสนิ คำ้ และบริกำร ต้องผลิตสินคำ้ และใหบ้ รกิ ำรท่มี คี ุณภำพตรงกับควำมต้องกำรของผู้บริโภคเสมอ บทบาทของผูผ้ ลิตทม่ี ีคุณภาพ • คำนงึ ถงึ สงิ่ แวดล้อม • มจี ติ สำนกึ ทดี่ ใี นกำรผลติ สนิ คำ้ เเละบริกำร • มีกำรวำงเเผนกอ่ นเร่ิมลงมือทำกิจกรรมทำงเศรษฐกิจ • มีควำมซื่อตรงซอ่ื สตั ยต์ อ่ ผบู้ รโิ ภค • มจี รรยำบรรณและรบั ผิดชอบตอ่ สังคมส่วนรวม • มที ศั นคตทิ ดี่ ใี นกำรใช้ทรพั ยำกรอยำ่ งมีประสิทธภิ ำพและประสิทธผิ ล
ประโยชนข์ องการผลติ สนิ ค้าทีม่ คี ุณภาพ ทา้ ให้ผู้บริโภคไดร้ ับสนิ ค้าและบรกิ ารทีด่ ี มปี ระโยชน์ เเละเหมาะสมกบั เงนิ ท่ีจา่ ยไป ท้าใหผ้ บู้ รโิ ภคมีความปลอดภัยในชีวติ และรา่ งกาย เพราะบรโิ ภคสินค้าทีม่ ีคณุ ภาพ ท้าใหผ้ บู้ รโิ ภคเกดิ ความเชอ่ื ถอื ในสนิ ค้าและบรกิ าร ท้าให้สินคา้ และ บรกิ ารชนิดนนั ขายต่อไปไดอ้ ีกนาน ซงึ่ มีผลท้าใหผ้ ผู้ ลิตสามารถ ขายสินค้าและบริการได้โดยไม่มีความเสีย่ ง ทา้ ใหม้ ที รัพยากรในการผลติ ต่อไปอยา่ งย่งั ยืน ช่วยพัฒนาคณุ ภาพและมาตรฐานของสินค้าและบริการให้ดียิ่งขึน
บทบาทของผู้บริโภค ผู้บรโิ ภค : การบรโิ ภค : หมำยถึง ผทู้ ่ตี ดั สนิ ใจซ้อื สนิ ค้ำและบริกำรตำ่ งๆ เพ่ือ หมำยถงึ กำรใชป้ ระโยชนจ์ ำกสนิ คำ้ และบรกิ ำรใดๆ เพอ่ื นำไปใช้ ตำมควำมต้องกำรของตนเอง ตอบสนองควำมต้องกำรของผ้บู รโิ ภค • ผ้ทู ี่รบั ประทำนอำหำร • ผซู้ อ้ื อุปกรณก์ ำรเรียน • กำรรับประทำนอำหำร • ลูกค้ำร้ำนตัดผม • กำรซ้อื อุปกรณก์ ำรเรยี น • กำรตัดผม บทบาทของผบู้ ริโภคในระบบเศรษฐกิจ ผู้บรโิ ภคตอ้ งเลอื กซือ้ สินคำ้ ให้สอดคล้องกับควำม ตอ้ งกำรของตนเอง เเละพจิ ำรณำคุณภำพของ เปน็ ผชู้ นี ้าให้เกิดการผลิต : สินค้ำให้คุ้มคำ่ กับเงนิ ท่จี ำ่ ยไป พฤตกิ รรมกำรบรโิ ภคของผบู้ ริโภคและควำมต้องกำรของผูบ้ ริโภค เป็นปัจจยั สำคัญที่ทำให้ผผู้ ลิตตดั สนิ ใจเลอื กผลติ สินค้ำ เป็นผตู้ ัดสนิ ใจว่าจะใช้จ่ายเงินที่ตนเองหามาไดอ้ ยา่ งไร : • นำไปซ้อื สนิ ค้ำ • บรกิ ำร • เกบ็ ออมเงิน • นำเงนิ ไปลงทนุ
คณุ สมบตั ิของผูบ้ ริโภคท่ีดี ผูบ้ ริโภคท่ีดตี ้องรูจ้ ักเลอื กซื้อสนิ คำ้ เเละบรกิ ำรอย่ำงชำญฉลำด มหี ลักเกณฑ์ในกำรเลือกซือ้ มีควำมรอบคอบ ระมัดระวงั เพอื่ ให้ตนเองปลอดภยั จำกสนิ คำ้ ท่ไี มม่ ีคณุ ภำพ รวมท้งั ช่วยประหยัดเงิน และไดร้ ับประโยชนจ์ ำกกำรซื้อสินคำ้ และบรกิ ำรน้นั มำใช้มำกท่สี ุด ๑ มีการวางแผนก่อนการเลือกซือ เลือกซอื สนิ คา้ และบริการ ๒ เลอื กใช้สินค้าและบรกิ าร ตามหลักการเลือกซอื ๓ ส้ารวจสินค้าและบรกิ าร ๔ไมค่ วรหลงเชื่อคา้ โฆษณา จากหลายๆ ร้านก่อนซือ ของสินคา้ และบรกิ าร ๕ แจง้ ขอ้ มลู เพ่อื ใหห้ นว่ ยงาน ทเ่ี กี่ยวขอ้ งตรวจสอบคุณภาพ เเละปริมาณของสินคา้
พฤตกิ รรมทบ่ี กพร่องในการเลือกบรโิ ภคสินคา้ เเละบรกิ าร • ขาดความร้เู กี่ยวกับสินคา้ และบรกิ าร : ทำให้ผู้บริโภค เสยี ประโยชน์ หรอื ต้องซ้ือสนิ ค้ำในรำคำแพงกวำ่ ปกติ • ใช้จ่ายเงินเกินฐานะหรอื รายรบั ของตน • หลงเชื่อคา้ โฆษณา : จะทำให้ผู้บรโิ ภคตัดสนิ ใจซ้อื สนิ ค้ำและบริกำรนน้ั ๆ ตำมคำโฆษณำ ประโยชนข์ องการเลือกบริโภคสินคา้ เเละบรกิ ารอย่างรเู้ ท่าทนั ประโยชน์ของการบรโิ ภค ไดร้ บั สินคา้ และบรกิ ารทไี่ ดม้ าตรฐาน เเละมีประโยชนต์ ่อตนเอง อย่างรเู้ ทา่ ทัน ได้รับความปลอดภยั จากการกนิ หรอื การใชส้ นิ คา้ และบริการนนั ๆ ประหยดั รายจ่ายของตนเองและครอบครัว ด้าเนินกิจกรรมทางเศรษฐกจิ ในดา้ นการซอื ขายแลกเปลย่ี นเปน็ ไปอยา่ งต่อเน่อื ง ลดปญั หาสังคม
การใชท้ รัพยากรอยา่ งย่งั ยนื ทรพั ยากรมนษุ ย์ คนและศักยภำพของคนในดำ้ นตำ่ งๆ ควำมรู้ ความหมายและประเภทของทรพั ยากร ควำมสำมำรถ ทักษะ สติปัญญำ ปฏภิ ำณไหวพริบ ทรัพยากร ควำมขยนั ซ่อื สตั ย์ อดทน รบั ผดิ ชอบ สิ่งท่นี ำมำผลติ เป็นสนิ ค้ำและบรกิ ำรตำ่ งๆ ทรัพยากรอน่ื ๆ เพื่อตอบสนองต่อควำมตอ้ งกำรของมนษุ ย์ สิง่ ต่ำงๆ ทอี่ ยรู่ อบตัวเรำ ทรัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากรทีม่ นษุ ย์สรา้ งขนึ สง่ิ ตำ่ งๆ ท่ีเกิดข้นึ เองตำมธรรมชำติ ทรพั ยำกรทีม่ นษุ ย์สร้ำงขน้ึ มำ เพือ่ เปน็ • อำกำศ ดนิ เครื่องมอื หรอื ปัจจัยในกำรผลิตสนิ คำ้ • นำ้ และบรกิ ำร • แร่ • เครอ่ื งจกั ร • ต้นไม้ • เคร่ืองมือช่ำง • สัตวป์ ำ่ • โรงงำน • ถนน
ความจ้าเป็นของทรพั ยากร เม่อื ทรพั ยำกรมีจำกัด จงึ ส่งผลต่อกำรผลติ สินค้ำและบรกิ ำร ทำใหผ้ ผู้ ลติ ตอ้ งคำนงึ วำ่ ทรัพยำกรทีม่ ีอยู่นั้นสำมำรถ นำไปผลิตเป็นสินค้ำใดไดบ้ ้ำง ผลติ ในปรมิ ำณเท่ำใด ผลิตด้วยวธิ ีกำรใด และทำอยำ่ งไรจงึ จะใช้ทรัพยำกรให้ได้ ประโยชนอ์ ย่ำงเตม็ ท่มี ำกทีส่ ุด ทรัพยากรในการผลติ สิ่งทีน่ ำมำใช้ในกำรผลติ สินคำ้ และบริกำร จำแนกได้ ๔ ประเภท ท่ดี ิน พน้ื ทท่ี ่ใี ช้ในกำรประกอบกจิ กำรต่ำงๆ เช่น ใชใ้ นกำรเพำะปลูก ใช้ต้งั ฟำรม์ เลีย้ งสัตว์ ใช้ตั้งโรงงำนอุตสำหกรรม แรงกำยและสติปญั ญำ รวมทงั้ ควำมคิดสร้ำงสรรค์ แรง ของมนุษย์ ที่นำไปใชใ้ นกำรผลิตสินคำ้ เเละบรกิ ำร งาน ทุน ส่ิงต่ำงๆ ท่นี ำมำใชผ้ ลิตสินค้ำหรอื บริกำร บุคคลทนี่ ำปัจจยั กำรผลติ ทง้ั หมด ผ้ปู ระกอบ มำผสมผสำนกันเพ่อื ใหเ้ กิดสนิ ค้ำเเละบรกิ ำร การ
หลักการเเละวธิ ีการใช้ทรัพยากรให้เกดิ ประโยชน์สูงสุด ๑) วางแผนการผลติ อย่างรอบคอบ โดยใชท้ รพั ยำกรกำรผลติ ใหค้ มุ้ ค่ำทส่ี ดุ กำรผลิตสินค้ำและบรกิ ำร ผูผ้ ลติ จำเป็นจะต้องใช้ทนุ แรงงำน ทด่ี ินหรอื ทรัพยำกรใหเ้ หมำะสม ๒) การใช้ทรัพยากรใหค้ ุ้มคา่ เปน็ กำรหำวธิ ีในกำรใช้ประโยชน์จำกทรพั ยำกร ให้ได้มำกท่สี ดุ ตลอดจนวิธีกำรลดกำรใชท้ รพั ยำกร เพรำะในปัจจบุ นั มีปญั หำทเ่ี กดิ จำกกำรผลติ และกำรบรโิ ภคมำกมำย โดยใชห้ ลกั การสา้ คญั ๔ ประการ การลดปริมาณการใช้ การใช้ซา้ การซอ่ มแซม การแปรสภาพน้ากลบั มาใชใ้ หม่
บทท่ี ๒ ความสัมพันธท์ างเศรษฐกิจ หน่วยเศรษฐกิจ หนว่ ยเศรษฐกิจ : บคุ คล องคก์ รหรอื สถำบันทีท่ ำหน้ำที่ในกำรดำเนินกจิ กรรมทำงเศรษฐกิจ • กำรผลิต • กำรบริโภค • กำรแลกเปลยี่ นสนิ คำ้ หรือบริกำร ประเภทของหน่วยเศรษฐกจิ หนว่ ยครัวเรือน : หนว่ ยธุรกจิ : หนว่ ยรัฐบาล : หนว่ ยของบคุ คลหรือครอบครัวท่ีมกั จะมีเเหล่ง ห น่ ว ย ที่ ท ำ ห น้ ำ ท่ี น ำ เ อ ำ ปั จ จั ย ก ำ ร ผ ลิ ต ม ำ หน่วยงำนต่ำงๆ ของทำงรำชกำรหรือ รำยได้มำจำกกำรทำงำน ซ่ึงสมำชิกของครัวเรือน ดำเนนิ กำรผลติ ซ่งึ จะทำใหเ้ กดิ สนิ คำ้ และกำรบรกิ ำร หน่วยงำนรัฐวิสำหกิจ ที่ทำหน้ำท่ีควบคุม ดูแล อำจจะทำหน้ำที่ทั้งผู้ผลิต ผู้บริโภค ตลอดจนเป็น เพ่ือตอบสนองแก่ผู้บริโภค รวมทั้งขนส่งสินค้ำเเละ และให้บริกำรเกี่ยวกับด้ำนชีวิตควำมเป็นอยู่ เจำ้ ของปจั จยั กำรผลติ ไปพรอ้ มกนั หรอื อำจทำหน้ำที่ บรกิ ำร เพ่อื นำไปจำหนำ่ ยยงั ผ้บู รโิ ภค ของประชำชน อยำ่ งใดอยำ่ งหนึง่
ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งหนว่ ยเศรษฐกิจ เเผนผงั เเสดงความสมั พนั ธร์ ะหว่างหน่วยครวั เรอื น หนว่ ยธรุ กจิ หนว่ ยรัฐบาล เเละธนาคาร
การหารายได้ รายจา่ ย การออม การลงทุน ซึง่ แสดง ความสมั พันธ์ ระหวา่ งผู้ผลิต ผู้บรโิ ภค และรฐั บาล • กำรหำรำยได้ รำยจ่ำย กำรออม กำรลงทุน เป็นกิจกรรมทำงเศรษฐกิจที่ผู้ผลิต ผู้บริโภค และรัฐบำล มคี วำมเกยี่ วขอ้ งสมั พนั ธ์กนั โดยรำยจำ่ ยของหน่วยเศรษฐกจิ หนึง่ จะเป็นรำยได้ของอกี หนว่ ยเศรษฐกิจ • หน่วยรฐั บำลมีหนำ้ ท่ีในกำรพฒั นำประเทศ ซ่งึ รำยไดท้ ีน่ ำมำใช้ในกำรพัฒนำประเทศได้จำกกำรจดั เก็บภำษี จำกหนว่ ยครวั เรอื น และหนว่ ยธุรกิจ รัฐบาลนาเงินรายไดจ้ ากภาษขี องหนว่ ยครัวเรอื นเเละหน่วยธรุ กิจไปพฒั นาประเทศในด้านต่างๆ จากภาพเปน็ ภาพของสะพานภมู ิพล หรอื เรียกวา่ สะพานวงเเหวนอตุ สาหกรรม ท่ีสรา้ งข้นึ จากเงนิ ภาษขี องประชาชน
ภาษีและหนว่ ยงานทท่ี ้าหน้าทจี่ ดั เก็บภาษี ภาษี เงินทีร่ ัฐจัดเกบ็ จำกประชำชน ความสา้ คัญของการจดั เก็บภาษี • นำเงินภำษีไปใช้ในกจิ กำรตำ่ งๆ เพือ่ พัฒนำประเทศ • นำเงินภำษไี ปจำ่ ยเป็นเงินเดอื นให้ขำ้ รำชกำร เเละ ลกู จ้ำง ซึง่ มีหน้ำทท่ี ำงำนบริกำรประชำชน • นำเงนิ ภำษไี ปชำระหนที้ ่ีรัฐก้ยู ืมมำจำก ตำ่ งประเทศ เพือ่ ใชพ้ ฒั นำประเทศ
หนว่ ยงานทจี่ ดั เก็บภาษี กรมสรรพากร : กรมศลุ กากร : กรมสรรพสามิต : มหี น้ำท่ีจัดเกบ็ มีหน้ำท่จี ดั เกบ็ อำกรสินค้ำ มีหนำ้ ทจี่ ดั เกบ็ ภำษที ่รี วมอยู่ในรำยกำร • ภำษีเงนิ ไดบ้ ุคคลธรรมดำ • สนิ คำ้ ทไี่ ด้นำเข้ำมำจำกต่ำงประเทศ • ภำษเี งินไดน้ ิตบิ คุ คล • สินค้ำทส่ี ง่ ออกไปจำหน่ำยยัง สินคำ้ ที่ทำงกรมสรรพสำมติ เปน็ ผู้จัดเก็บ • ภำษมี ลู ค่ำเพิม่ • สุรำ • ภำษกี ำรค้ำ ต่ำงประเทศ เพอ่ื นำรำยไดเ้ ขำ้ ประเทศ • บหุ ร่ี • อำกรแสตมป์ • เคร่อื งดื่ม • อำกรมหรสพ • ยำสูบ • อำกรรงั นกนำงแอน่ • นำ้ มนั และผลิตภณั ฑจ์ ำกนำ้ มัน
สิทธิของผู้บริโภค สิทธิของผ้บู รโิ ภคตามพระราชบัญญตั ิค้มุ ครองผบู้ รโิ ภค • สิทธิท่ีจะไดร้ บั ขา่ วสาร รวมทังค้าพรรณนาคณุ ภาพทีถ่ กู ต้องและเพยี งพอเกีย่ วกบั สนิ คา้ หรือบริการ : สิทธทิ ่ีผ้บู รโิ ภคจะไดร้ บั รกู้ ำรโฆษณำหรือกำรแสดงฉลำกตำมควำมเป็นจรงิ • สทิ ธทิ ่ีจะมอี ิสระในการเลือกหาสนิ คา้ หรอื บรกิ าร • สิทธิที่จะได้รับความปลอดภยั จากการใชส้ ินค้าหรอื บรกิ าร : สทิ ธิทจ่ี ะไดร้ ับสนิ ค้ำหรอื บรกิ ำรท่ีปลอดภัย มีสภำพและคุณภำพได้มำตรฐำน เหมำะสมแก่กำรใช้งำน • สทิ ธทิ ่ีจะได้รับความเป็นธรรมในการทา้ สัญญา • สิทธทิ ่จี ะไดร้ บั การพิจารณาและการชดเชยความเสยี หาย
สทิ ธิของผู้ใช้แรงงาน สทิ ธิของผ้ใู ช้เเรงงานตามกฎหมายเเรงงานของไทย เวลาท้างาน คา่ จ้าง • ให้นำยจำ้ งประกำศกำหนดเวลำทำงำนปกตขิ องลกู จำ้ ง ไม่เกนิ ๘ • ลูกจำ้ งมสี ิทธิไดร้ ับคำ่ จ้ำงตำมที่ตกลงไว้กับนำยจ้ำง หรือไม่นอ้ ย ชัว่ โมงต่อวัน และไม่เกนิ ๔๘ ชว่ั โมงต่อสปั ดำห์ ยกเว้นงำนทเ่ี ปน็ กว่ำอัตรำข้ันตำ่ ตำมทีก่ ฎหมำยกำหนด อันตรำยต่อสุขภำพเเละควำมปลอดภัย ตอ้ งไม่เกนิ ๗ ชว่ั โมงต่อวนั และไมเ่ กนิ ๔๒ ชวั่ โมงตอ่ สปั ดำห์ วันหยุด เวลาพัก • ใหน้ ำยจำ้ งจัดให้ลูกจ้ำงมวี นั หยดุ ประจำสปั ดำห์ ไม่น้อยกวำ่ สปั ดำห์ ละ ๑ วนั โดยวันหยดุ ประจำสัปดำห์ตอ้ งมีระยะหำ่ งกันไม่เกิน ๖ วนั • ให้นำยจ้ำงจดั ใหล้ ูกจ้ำงมเี วลำได้พกั ผ่อนในวันทำงำน ตดิ ต่อกัน ไม่น้อยกว่ำวันละ ๑ ชวั่ โมง • ให้นำยจ้ำงประกำศวันหยดุ ตำมประเพณี ไมน่ ้อยกว่ำปีละ ๑๓ วัน โดยรวมวนั แรงงำนเเห่งชำติด้วย เงินทดแทน • ลกู จ้ำงทีท่ ำงำนตดิ ตอ่ กนั มำเเล้วครบ ๑ ปี มีสทิ ธิหยุดพักผ่อน • นำยจ้ำงตอ้ งรับผดิ ชอบในอุบตั ิเหตุหรือกำรเจบ็ ปว่ ยหรือ ประจำปีได้ ไม่น้อยกวำ่ ปลี ะ ๖ วนั และได้รบั ค่ำจ้ำงในวนั หยุดทกุ วัน ควำมตำยทีเ่ กดิ ขนึ้ กับลกู จ้ำง ซึ่งเกิดจำกกำรทำงำนให้ นำยจ้ำง การใชแ้ รงงานเดก็ • ห้ำมไมใ่ หน้ ำยจำ้ งรับเด็กอำยตุ ่ำกวำ่ ๑๕ ปีบริบูรณ์ เปน็ ลกู จำ้ ง การทา้ งานลว่ งเวลา • ในกรณที ่งี ำนมีลกั ษณะต้องทำติดต่อกันไปถำ้ หยุดจะเสยี หำยแก่งำนหรือเป็นงำนฉกุ เฉนิ นำยจ้ำงอำจจะให้ลกู จ้ำงทำงำนลว่ งเวลำ หรือทำงำน ในวนั หยุดเทำ่ ท่ีจำเปน็ ก็ได้
การรวมกลมุ่ ทางเศรษฐกจิ ภายในทอ้ งถน่ิ เป้าหมายการรวมกลุม่ ทางเศรษฐกจิ สาเหตขุ องการรวมกลมุ่ ทางเศรษฐกิจภายในท้องถนิ่ แกไ้ ขปัญหาราคาสนิ ค้า แกไ้ ขปญั หาพ่อคา้ คนกลาง • ปญั หาการขาดความรเู้ รื่องการตลาด • ปัญหาการขาดเงินทุนและเทคโนโลยีท่ีทนั สมัย แก้ไขปญั หาตลาดรบั ซอื สนิ คา้ • ปญั หาผลผลติ ตกตา่้ • ปญั หาต้นทุนในการผลติ ทส่ี งู ขึน เปา้ หมายการรวมกลุ่ม • ปัญหาการคมนาคมขนสง่ ทไ่ี มส่ ะดวก ทางเศรษฐกจิ ในท้องถิ่น รปู แบบการรวมกลมุ่ ทางเศรษฐกิจภายในท้องถน่ิ แก้ไขปัญหาเงินทนุ แก้ไขปัญหาทดี่ นิ ทา้ กนิ เป็นรปู แบบการช่วยแกไ้ ขปัญหาทางเศรษฐกจิ ของผู้ผลิต แกไ้ ขปญั หาระบบชลประทาน ในทอ้ งถ่นิ รปู แบบหน่ึง ซึ่งอาศยั ความรว่ มมือของคนในชมุ ชน
๔หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ภูมศิ าสตรน์ า่ รู้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. อธิบายความสมั พนั ธ์ระหว่างลกั ษณะทางกายภาพกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของประเทศได้ ๒. วิเคราะหค์ วามสมั พนั ธ์ระหว่างสิ่งแวดลอ้ มทางธรรมชาติกบั ส่งิ แวดล้อมทางสังคมในประเทศได้ ๓. อธิบายการแปลงสภาพธรรมชาติในประเทศไทยจากอดีตถึงปัจจบุ นั และผลทเ่ี กดิ ขนึ้ จากการเปลี่ยนแปลงนั้นได้ ๔. จัดทาแผนการใชท้ รัพยากรในชมุ ชนได้
บทที่ ๑ เคร่ืองมือทางภมู ิศาสตร์ แผนทที่ ใ่ี ชศ้ ึกษาลักษณะทางด้านกายภาพ แผนท่ีที่ใชศ้ ึกษาลกั ษณะทางดา้ นกายภาพ ลกั ษณะทางกายภาพ ลักษณะของสิ่งตา่ งๆ ทปี่ รากฏบนผวิ โลกทเ่ี กดิ ขนึ้ เองตามธรรมชาติ เชน่ ทร่ี าบ ที่สูง เขา ทวิ เขา เกาะ แม่น้า ป่าไม้ ลมฟา้ อากาศ แผนทีแ่ สดงความสงู ตา่ ของผวิ โลกบรเิ วณ แผนทแี่ สดงปริมาณนา่ ฝนเฉลย่ี บริเวณ ประเทศไทย เปน็ แผนที่แสดงลักษณะ ประเทศไทย เป็นแผนที่แสดงบรเิ วณภมู ภิ าค ทางด้านกายภาพของสิ่งตา่ งๆ ที่อยบู่ นผวิ โลก ตา่ งๆ ของประเทศไทยท่มี ปี รมิ าณฝนตก กระจายแตกตา่ งกนั
แผนทที่ ใ่ี ช้ศึกษาลักษณะทางดา้ นสังคม ลักษณะทางดา้ นสังคม ลักษณะสง่ิ ต่างๆ บนผวิ โลกทเี่ กิดจากมนษุ ยเ์ ป็นคนสรา้ งข้นึ มา เชน่ ทอ่ี ยอู่ าศยั หรอื การต้งั ถน่ิ ฐานเส้นทาง คมนาคม พื้นทเี่ กษตรกรรม และอุตสาหกรรม • แผนท่แี สดงแหล่งเพาะปลกู พชื สา่ คญั ทางเศรษฐกจิ ของประเทศไทย ๘ ชนดิ พชื สาคัญทางเศรษฐกิจของไทยตามแหลง่ เพาะปลูกในภาคตา่ งๆ ขา้ ว รปู อ้อย รปู ข้าวโพด รปู ยางพารา รูป ปาล์มน้ามัน รูป ฝ้าย ปอ รปู ถว่ั เหลือง จากสถติ ิการเกษตรของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๐ ซ่ึงไดม้ กี ารจัดทาโดย สานักงานเศรษฐกจิ การเกษตร
• แผนท่ีแสดงทีต่ งั เขื่อนสา่ คัญ การกักเกบ็ น้าไว้ในเขือ่ นมีความสาคัญต่อการดารงชีวิต การเพาะปลกู ประมง และ อุตสาหกรรม เข่อื นแม่งัด เชียงใหม่ จากข้อมูลทีป่ รากฏในแผนทีพ่ บเขอ่ื นส่าคญั ในภูมิภาคต่างๆ ดงั นี เขอ่ื นกิว่ ลม ลาปาง ภาคเหนือ เข่ือนสริ ิกติ ิ์ อตุ รดติ ถ์ เชน่ เขอ่ื นแมง่ ดั เข่ือนกวิ่ ลม เขอื่ นสริ ิกิติ์ เปน็ ตน้ เข่อื นจุฬาภรณ์ ชยั ภูมิ เข่ือนอุบลรัตน์ ขอนแก่น ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ เชน่ เข่ือนอบุ ลรตั น์ เข่ือนสริ ินธร เขื่อนจุฬาภรณ์ เขอ่ื นลาตะคอง เขอื่ นกระเสียว สพุ รรณบุรี เข่ือนสริ ินธร อุบลราชธานี เข่ือนลาพระเพลงิ เขอ่ื นลาปาว เขอ่ื นมลู บน เป็นต้น เขอื่ นศรีนครินทร์ กาญจนบรุ ี เข่ือนปา่ สักชลสิทธิ์ ลพบุรี เขื่อนแก่งกระจาน ประจวบครี ขี นั ธ์ ภาคกลาง เขื่อนบางพระ ชลบุรี เชน่ เข่ือนเจา้ พระยา เขือ่ นปา่ สักชลสทิ ธิ์ เข่อื นกระเสยี ว เป็นตน้ ภาคตะวนั ออก เขอ่ื นรชั ชประภา สุราษฎ์ธานี เชน่ เขื่อนบางปะกง เขือ่ นบางพระ เป็นต้น เขอื่ นบางลาง ยะลา ภาคตะวันตก เช่น เขือ่ นภมู พิ ล เขอ่ื นศรีนครินทร์ เขอ่ื นวชริ าลงกรณ เขอ่ื นแก่งกระจาน เปน็ ต้น ภาคใต้ เช่น เขอ่ื นรชั ชประภา เขอ่ื นบางลาง เป็นต้น
• แผนทแี่ สดงเสน้ ทางสายเอเชยี และทางหลวงแผน่ ดินสายประธาน ถนนเปน็ เส้นทางสัญจร และการขนสง่ ผลิตผล ด้านการเกษตรรวมทง้ั ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมจากจงั หวดั หน่งึ ไปอีกจังหวัดหน่ึง จากขอ้ มูลที่ปรากฏในแผนท่ี จะพบสญั ลักษณ์ตา่ งๆ ซ่งึ มีความหมาย ดังนี AH ทางหลวงสายเอเชีย จะมีปา้ ยแสดงสัญลกั ษณ์ AH และเลขทางหลวง เชน่ AH1 , AH2 พ้นื ปา้ ยมสี นี า้ เงนิ ตัวอักษรและเลขมีสีขาว 1 ทางหลวงสายประธาน จะมปี ้ายแสดงสญั ลกั ษณ์รปู ครฑุ ไว้บนหมายเลขทางหลวง เชน่ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑ (ถนนพหลโยธิน) แสดงเสน้ ทางในภาคเหนอื ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒ (ถนนมิตรภาพ)แสดงเส้นทางใน ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ ทางหลวงแผน่ ดินหมายเลข ๓ (ถนนสุขมุ วิท)แสดงเสน้ ทางในภาคตะวนั ออก ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔ (ถนนเพชรเกษม)แสดงเส้นทางในภาคใต้
ภาพถ่ายที่ใชศ้ ึกษาทางดา้ นลกั ษณะทางกายภาพ เปน็ ภาพทถี่ ่ายลกั ษณะทางกายภาพของพนื้ ที่ต่างๆ เช่น ภเู ขาแมน่ า้ ทะเล ที่ราบ หบุ เขา เกาะ ซ่ึงเปน็ ลกั ษณะทางธรรมชาตทิ เี่ กิดจากการเปลยี่ นแปลงของเปลือกโลก • ภาพถ่ายทางภมู ศิ าสตร์ เป็นภาพถา่ ยปกติทัว่ ไป • ภาพถ่ายทางอากาศ เปน็ ภาพถ่ายทถี่ า่ ยจากอากาศยาน แต่ภายในภาพจะมขี อ้ มลู ลักษณะภูมิลกั ษณ์ เช่น เครอ่ื งบนิ บอลลนู มีท้งั ภาพทถ่ี ่ายลงมาในแนวดง่ิ เช่น ภูเขา นา้ ตก ชายฝงั่ ทะเล และภาพท่ถี ่ายลงในแนวเฉยี งกบั ผิวโลก • ภาพจากดาวเทยี ม เปน็ ภาพทไ่ี ด้มาจากดาวเทียม ซึง่ ดาวเทยี ม จะแปลข้อมลู และสง่ สัญญาณมายังพื้นโลก ภาพทไ่ี ด้จึงมีรัศมี ครอบคลมุ พน้ื ทเี่ ปน็ บริเวณกวา้ งครอบคลุมพน้ื ทห่ี ลายจงั หวดั
บทที่ ๒ ลักษณะทางภาพของประเทศไทย ลกั ษณะทางกายภาพของประเทศไทย ประเทศไทยตั้งอยู่ในทวปี เอเชยี ในภูมภิ าคเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้ บรเิ วณคาบสมทุ รอินโดจนี เเละคาบสมทุ รมลายู ลกั ษณะท่วั ไปของประเทศไทย มรี ปู รา่ งคลา้ ยขวานหรอื คล้ายหวั ช้าง มคี วามยาวจากเหนอื สดุ ถงึ ใตส้ ดุ เป็นระยะทาง ๑,๖๔๐ กโิ ลเมตร มขี นาดพน้ื ท่ีประมาณ ๕๑๓,๑๑๕.๐๒๙ ตารางกโิ ลเมตร มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ ๓ ในภมู ิภาคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ รองจากอินโดนีเซีย และเมียนมาร์
ภาคเหนอื ลกั ษณะภมู ิประเทศของประเทศไทย ประกอบดว้ ยพนื้ ท่ี ๙ จังหวดั แบ่งตามการแบง่ เขตโครงสรา้ งทางธรณีวิทยาออกเปน็ ๖ เขต หรอื ๖ ภมู ิภาค ส่วนใหญ่มีภเู ขากระจายอยเู่ กอื บท้งั ภาค มที ี่ราบอยเู่ พียงเลก็ น้อย แมฮ่ อ่ งสอน เชยี งใหม่ เชียงราย เชยี งราย ลาพนู ลาปาง พะเยา แมฮ่ อ่ งสอนเชียงใหมล่ าปพางะเยา น่าน เเพร่ น่าน อุตรดิตถ์ ลาพนู เเพร่ อุตรดิตถ์
ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื เป็นแอง่ ทรี่ าบขนาดใหญท่ างตอนกลาง ส่วนทศิ ใต้ของภาคมที วิ เขาสันกาเเพงเเละทิวเขาพนมดงรักเป็นขอบ ประกอบดว้ ยพนื้ ท่ี ๒๐ จังหวัด เลย หนองบัวลาภู อดุ รธานี หนองคาย บงึ กาฬ สกลนคร นครพนม มกุ ดาหาร กาฬสนิ ธ์ุ ขอนแกน่ ชัยภูมิ มหาสารคาม รอ้ ยเอ็ด ยโสธร อานาจเจรญิ หเลนยองชบัยหัวภนลูมออาขดุิงภอมครูนหธาแยาากนสสน่าีกรลบคกนงึาายคกมฬโราสสฬธินรธน์ุมอคกุ ารดนพาานหจมาเจรรญิ อุบลราชธานี ศรสี ะเกษ สรุ นิ ทร์ บรุ ีรมั ย์ นครราชสีมา นครราชสมี า รอ้ ยเอ็ดสุรินทร์ อุบลราชธานี ศรสี ะเกษ บรุ ีรัมย์
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115