Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ การใช้เครื่องใช้สำนักงาน ชั้น ม.4 ภาคเรียน2.63

แผนการจัดการเรียนรู้ การใช้เครื่องใช้สำนักงาน ชั้น ม.4 ภาคเรียน2.63

Published by kwkanokorn, 2021-03-05 14:47:59

Description: แผนการจัดการเรียนรู้ การใช้เครื่องใช้สำนักงาน ชั้น ม.4 ภาคเรียน2.63

Search

Read the Text Version

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าการใชเ้ คร่อื งใช้สานกั งาน รหัสวิชา ง 31233 ระดับชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 กลุ่มสาระการเรียนรูก้ ารงานอาชพี และเทคโนโลยี จัดทาโดย วา่ ทร่ี อ้ ยตรีหญิงกนกอร วงศ์ษา ตาแหนง่ ครู คศ.1 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 ตาบลช่างเคิง่ อาเภอแม่แจ่ม จงั หวัดเชียงใหม่ สานกั บรหิ ารงานการศึกษาพเิ ศษ สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร

คาอธิบายรายวิชา รายวิชา การใช้เคร่อื งใชส้ านักงาน รหัสวชิ า ง31233 ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรียนท่ี 2 จานวน 3 ชัว่ โมง จานวน ๑.๕ หนว่ ยกิต คาอธบิ ายรายวชิ า ศึกษาและปฏบิ ัตเิ กีย่ วกับหลักการใช๎เคร่ืองใช๎สานักงาน การใช๎เครื่องใชส๎ านักงานเพ่ือการสอื่ สาร การผลิต เอกสาร และการประมวลผล การใช๎โปรแกรมสาเรจ็ รูปในงานพมิ พ์เอกสาร การสืบค๎น และการรับ-สงํ ขอ๎ มูลทาง อินเทอรเ์ น็ต การใช๎วสั ดุอปุ กรณ์ การเข๎าเลมํ เอกสารเบ้ืองต๎น และการบารุงรักษาเครื่องใชส๎ านักงาน ผลการเรยี นรู้ 1. มีความเข๎าใจเก่ียวกับเครื่องใช๎สานกั งาน 2. มที กั ษะในการใช๎เคร่อื งใชส๎ านักงาน 3. สามารถบารงุ รกั ษาเคร่อื งใชส๎ านักงาน 4. มีกจิ นสิ ยั มรี ะเบยี บ ละเอียดรอบคอบ ซ่ือสตั ย์ มีวินัย ตรงตอํ เวลา และมีเจตคติทีด่ ีตอํ วิชาชีพบญั ชี รวมท้ังหมด 4 ผลการเรยี นรู้

ผังมโนทัศน์ วชิ าการใชเ้ คร่ืองใช้สานกั งาน รหสั วชิ า ง31233 ระดบั ชั้น มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563 หน่วยที่ 1 หน่วยที่ 2 เครื่องคอมพวิ เตอร์ ความรู้เบื้องต้นเกีย่ วกับเครอ่ื งใชส้ านักงาน จานวน 36 ชั่วโมง : 50 คะแนน จานวน 3 ช่ัวโมง : 9 คะแนน หน่วยที่ 6 การใชเ้ ครอ่ื งใช้สานักงาน หน่วยท่ี 3 เคร่อื งโทรสาร จานวน 6 ชว่ั โมง : 9 คะแนน ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 เครอ่ื งมือและอปุ กรณต์ ่อพว่ งเครอื่ งคอมพวิ เตอร์ จานวน 60 ชวั่ โมง จานวน 3 ชวั่ โมง : 9 คะแนน หนว่ ยท่ี 5 หนว่ ยท่ี 4 เครอื่ งโทรศัพท์ เคร่ืองถา่ ยเอกสาร จานวน 6 ช่ัวโมง : 9 คะแนน จานวน 6 ชว่ั โมง : 14 คะแนน

แผนการจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี1 เรือ่ ง ความรู้เบ้ืองตน้ เก่ยี วกบั เครื่องใชส้ านักงาน แผนจดั การเรยี นร้ทู ่ี 1 เรื่อง ความรเู้ บ้ืองตน้ เกย่ี วกับเครื่องใชส้ านกั งาน รายวิชา การใช้เครอ่ื งใช้สานักงาน รหสั วิชา ง31233 ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 น้าหนกั เวลาเรียน 1.5 (นน./นก.) เวลาเรียน 3 ชว่ั โมง/สัปดาห์ เวลาทใ่ี ช้ในการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ 3 ชัว่ โมง .......................................................................................................................................................... 1. สาระสาคัญ (ความเขา้ ใจทคี่ งทน) ในการดาเนินงานขององค์กรธุรกิจหรือหนํวยงานทุกประเภท ไมํวําจะเป็นหนํวยงานในภาครัฐหรือเอกชนก็ ตาม นอกจากตอ๎ งอาศยั บุคลากรท่ีมีความร๎ูความสามารถในการปฏิบัติงานและมีความชานาญในสาขาวิชาชีพที่พึง ประสงค์แล๎ว ส่ิงท่ีจะขาดเสียมิได๎ในการดาเนินงานของหนํวยงานนั้นๆ ก็คือ เคร่ืองใช๎สานักงาน เน่ืองจากในการ ปฏิบัติงานของบุคลากรจาเป็นจะต๎องอาศัยเครื่องใช๎สานักงานชํวยในการปฏิบัติงานด๎านตํางๆ เพ่ือให๎การ ดาเนินงานนั้นๆ เป็นไปอยํางสะดวกรวดเร็ว นอกจากน้ี เครื่องใช๎สานักงานยังชํวยให๎การปฏิบัติงานในด๎านตํางๆ ของหนวํ ยงานมีประสทิ ธภิ าพดีย่ิงขน้ึ อีกดว๎ ย 2. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ช้วี ัดชั้นปี/ผลการเรียนรู้/เปา้ หมายการเรยี นรู้ 2.1 บอกความหมายและความสาคัญของเครื่องใชส๎ านักงานได๎ 2.2 บอกวัตถุประสงคใ์ นการใชเ๎ ครอ่ื งใช๎สานกั งานได๎ 2.3 บอกประโยชนข์ องเครื่องใช๎สานกั งานได๎ 2.4 อธิบายการจดั ประเภทของเครอ่ื งใชส๎ านกั งานได๎ 2.5 อธิบายประเภทของเคร่อื งใช๎สานกั งานได๎ 2.6 อธบิ ายหลกั เกณฑ์ในการพจิ ารณาเลอื กเครื่องใช๎สานกั งานได๎ 2.7 อธบิ ายวธิ ีการดแู ลและบารงุ รกั ษาเคร่อื งใชส๎ านักงานโดยทัว่ ๆ ไปได๎ 2.8 มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม คํานิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ท่ีผู๎สอนสามารถสังเกตเห็นได๎ ในดา๎ นความมีมนุษยสัมพนั ธ์ ความมวี นิ ัย ความรบั ผิดชอบ ความเช่ือมนั่ ในตนเอง ความสนใจใฝรุ ๎ู ความรัก สามคั คี ความกตญั ญูกตเวที 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 เน้อื หาสาระหลกั : Knowledge (นักเรยี นตอ๎ งร๎ูอะไร) 3.1.1 ความหมายและความสาคญั ของเคร่ืองใชส๎ านักงาน 3.1.2 วัตถุประสงคใ์ นการใช๎เครอื่ งใชส๎ านักงาน 3.1.3 ประโยชน์ของเคร่ืองใช๎สานกั งาน 3.1.4 การจดั ประเภทของเครื่องใชส๎ านกั งาน 3.1.5 ประเภทของเคร่ืองใช๎สานกั งาน 3.1.6 หลักเกณฑ์ในการพจิ ารณาเลอื กเครอื่ งใช๎สานกั งาน 3.1.7 การดูแลและบารุงรักษาเครื่องใช๎สานกั งานทั่วไป

3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ : Process (นักเรียนสามารถปฏบิ ัติอะไรได๎) 3.2.1 นกั เรียนสามารถอธิบายการเลือกใชเ๎ ครอ่ื งใชส๎ านกั งาน และสามารถบารงุ รักษาเครือ่ งใชส๎ านกั งานได๎ 3.3 คณุ ลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ : Attitude (นักเรียนควรแสดงพฤติกรรมการเรยี นอะไรบา๎ ง) 3.3.1 นักเรียนรับผิดชอบในการทางานที่ครผู ู๎สอนมอบหมายให๎ และสงํ งานตรงเวลา 3.3.2 นกั เรยี นศึกษาค๎นคว๎าข๎อมลู หรือเนื้อหาในสํวนที่ไมํคํอยเข๎าใจจากทาอินเทอรเ์ น็ต 4. สมรรถนะสาคัญของนกั เรยี น 4.1 ความสามารถในการคิด 4.2 ความสามารถในการใชเ๎ ทคโนโลยี 5. คณุ ลักษณะของวิชา 5.1 ความรบั ผิดชอบ 5.2 ความรอบคอบ 6. คุณลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์ 6.3.1 ความรบั ผิดชอบ 6.3.2 ความสนใจใฝุรู๎ 7. ชิ้นงาน/ภาระงาน -แบบทดสอบกอํ นเรยี น -แบบทดสอบหลงั เรยี น -ให๎นกั เรียน ทา mind mapping เรอื่ ง ความร๎ูเบ้ืองตน๎ เกี่ยวกบั เคร่ืองใชส๎ านกั งาน 8. กจิ กรรมการเรียนรู้ (จดั กิจกรรมการเรียนรโู๎ ดยใชก๎ ระบวนการใด แสดงตามขนั้ ตอน : เวลาที่ใช๎ 3 ชั่วโมง ขั้นนาเขา๎ สํบู ทเรียน/ขัน้ ตงั้ คาถาม 1. ให๎นักเรียนแบบทดสอบกํอนเรียน หลังจากนั้นให๎นักเรียนดูวีดิทัศน์เร่ือง การจัดสานักงานและชํวยกัน อภิปรายถงึ ความหมาย ความสาคัญของ เครอ่ื งใชส๎ านักงานประเภทตํางๆ ขน้ั สารวจและค๎นพบ/ขน้ั การเตรยี มการคน๎ หาคาตอบ 2. ครูผู๎สอนสรุปการอภิปรายเรื่อง ความหมาย ความสาคัญของเครื่องใช๎สานักงาน และกลําวนาเข๎าสํู บทเรียน ขนั้ อธบิ ายและลงข๎อสรปุ /ขั้นดาเนินการคน๎ หาคาตอบและตรวจสอบคาตอบ ข้นั สอน ตอนท่ี 1 3. นกั เรียนแบํงกลํุมตามความเหมาะสมออกเป็น 6 กลํุม กลุํมละ 5-6 คน เลอื กประธานและเลขานุการ กลมุํ ศกึ ษาและอภปิ รายกลมํุ เรื่อง ความรู๎เบอื้ งต๎นเกยี่ วกับเครื่องใชส๎ านักงานจากเอกสารประกอบ การเรยี นใน หัวข๎อยอํ ยดงั ตอํ ไปน้ี

กลมํุ 1 วัตถปุ ระสงคใ์ นการใช๎เครอ่ื งใช๎สานักงาน กลํุม 2 ประโยชน์ของเคร่อื งใชส๎ านกั งาน กลุมํ 3 การจดั ประเภทของเครอ่ื งใชส๎ านักงาน กลํมุ 4 ประเภทของเครอื่ งใชส๎ านักงาน กลุมํ 5 หลกั เกณฑใ์ นการพิจารณาเลอื กเครื่องใช๎สานักงาน กลมํุ 6 การดแู ลและบารงุ รกั ษาเครอ่ื งใชส๎ านกั งานทัว่ ไป ขน้ั ขยายความรู๎และนาเสนอผลการค๎นหาคาตอบ 4. นักเรียนแตํละกลํุมบันทึกผลสรุปการอภิปรายลงใน Microsoft PowerPoint ในรูปแบบ ของ Mind mapping เตรียมนาเสนอหน๎าชั้นเรียน 5. ประธานกลมํุ สงั เกตพฤตกิ รรมการเข๎ารํวมกจิ กรรมกลมํุ บนั ทกึ สํงครูผ๎ูสอน 6. แตํละกลํมุ สํงตวั แทนกลุํมนาเสนอผลสรุปหน๎าชน้ั เรียนดว๎ ยแผนํ ใสตามลาดับ 7. ครผู ๎ูสอนอธิบายสรุปเน้ือหาในหนวํ ยการเรยี นเรือ่ ง ความร๎ูเบื้องตน๎ เกีย่ วกบั เคร่ืองใชส๎ านักงาน 8. นักเรยี นซกั ถามข๎อสงสัย ตอนท่ี 2 9. นกั เรยี นจดั กลุมํ ใหมํ กลมุํ ละ 4 คน แตํละกลมํุ ประกอบด๎วยผูท๎ เี่ กํง ปานกลาง และอํอนคละกัน (ครผู สู๎ อนเตรียมจัดกลํุมลวํ งหน๎า) 10. นักเรียนแตํละกลุํมได๎รับแจกใบงานกลุํมละ 1 ชุด เหมือนกัน นักเรียนในกลุํมรํวมกันปฏิบัติกิจกรรมในใบ งาน โดยแบงํ หน๎าทด่ี งั ตอํ ไปน้ี สมาชิกคนท่ี 1 อาํ นคาสัง่ ในใบงานวาํ มกี จิ กรรมใดบ๎าง สมาชกิ คนที่ 2 ฟงั ขั้นตอนและรวบรวมข๎อมลู หรอื คาตอบ สมาชกิ คนท่ี 3 บนั ทกึ ข๎อมลู หรอื คาตอบ สมาชิกคนท่ี 4 ตรวจสอบข๎อมลู หรือคาตอบ สมาชิกคนใดทาในแตํละสํวนของตนเสร็จแล๎วให๎หมุนเวียนเปลี่ยนหน๎าที่กันจนเสร็จกิจกรรมใน ใบงาน ทุกข๎อ 11. นักเรียนแตํละกลุํมสํงกระดาษคาตอบ หรือผลงานเพียงชุดเดียวซึ่งถือวําเป็นผลงานที่สมาชิกในกลุํม ยอมรบั 12. ตรวจคาตอบให๎คะแนนด๎วยกลมุํ อ่นื ๆ โดยแลกเปลี่ยนกันตรวจ กลุํมที่ได๎คะแนนสูงสุดจะได๎รับรางวัล หรือ ตดิ ประกาศ ที่บอร์ด ขัน้ สรุปและประเมินผล 13. ครผู ๎สู อนและนกั เรียนรํวมกนั สรุปเนือ้ หา หนวํ ยท่ี 1 โดยวิธีถามตอบ 14. นักเรียนทากิจกรรมตํอเนอื่ งโดยไปสารวจเครอ่ื งใชส๎ านักงานท่ีมีความสาคัญและจาเป็นตํอการปฏิบัติงาน ในสานักงานทัว่ ไป 15. นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี น และแบบประเมนิ ผลการเรียนรู๎ หนํวยท่ี 1

ชว่ั โมงท่ี 1 (ความสามารถในการวิเคราะห์ / ใฝเุ รยี นร๎ู / เทคนิคการสืบคน๎ ) 1.ใหน๎ ักเรยี นแบบทดสอบกํอนเรยี น หลังจากนั้นใหน๎ ักเรยี นดูวดี ิทัศน์เรอื่ ง การจัดสานักงานและชํวยกนั อภปิ รายถงึ ความหมาย ความสาคัญของ เคร่ืองใชส๎ านักงานประเภทตาํ งๆ ขน้ั สารวจและคน้ พบ/ข้นั การเตรยี มการคน้ หาคาตอบ 2.ครูผู๎สอนสรุปการอภปิ รายเรอื่ ง ความหมาย ความสาคัญของเครือ่ งใช๎สานกั งาน และกลาํ วนาเข๎าสูํ บทเรียนขนั้ อธบิ ายและลงข๎อสรุป/ขน้ั ดาเนินการคน๎ หาคาตอบและตรวจสอบคาตอบ ขั้นสอน ตอนท่ี 1 3.นกั เรยี นแบํงกลมุํ ตามความเหมาะสมออกเป็น 6 กลุมํ กลมํุ ละ 5-6 คน เลอื กประธานและเลขานุการ กลุมํ ศึกษาและอภิปรายกลํุมเรือ่ ง ความรู๎เบื้องต๎นเกีย่ วกบั เครอ่ื งใช๎สานกั งานจากเอกสารประกอบ การเรียนใน หัวขอ๎ ยํอยดังตอํ ไปนี้ กลํมุ 1 วัตถปุ ระสงค์ในการใช๎เคร่ืองใชส๎ านักงาน กลุํม 2 ประโยชนข์ องเครือ่ งใชส๎ านักงาน กลมํุ 3 การจดั ประเภทของเคร่ืองใช๎สานักงาน กลํมุ 4 ประเภทของเคร่ืองใช๎สานกั งาน กลุมํ 5 หลกั เกณฑ์ในการพจิ ารณาเลอื กเครื่องใช๎สานักงาน กลุํม 6 การดูแลและบารงุ รักษาเคร่ืองใช๎สานักงานทว่ั ไป ขั้นขยายความร๎แู ละนาเสนอผลการคน๎ หาคาตอบ 4.นักเรยี นแตํละกลํมุ บนั ทึกผลสรปุ การอภิปรายลงใน Microsoft PowerPoint ในรูปแบบ ของ Mind mapping เตรยี มนาเสนอหน๎าชัน้ เรยี น 5.ประธานกลุมํ สังเกตพฤติกรรมการเขา๎ รวํ มกจิ กรรมกลํุม บนั ทึกสํงครูผูส๎ อน 6. แตํละกลุมํ สงํ ตวั แทนกลํุมนาเสนอผลสรุปหนา๎ ชนั้ เรยี นดว๎ ยแผนํ ใสตามลาดับ 7.ครูผส๎ู อนอธิบายสรปุ เนอ้ื หาในหนํวยการเรยี นเรือ่ ง ความร๎ูเบื้องตน๎ เก่ียวกบั เครื่องใชส๎ านักงาน 8.นักเรียนซักถามข๎อสงสัย ชว่ั โมงที่ 2 -3 (ความสามารถในการวเิ คราะห์ / ใฝเุ รียนร๎ู / ชํวยกนั คิดชวํ ยกันเรยี น) ตอนที่ 2 9.นักเรียนจดั กลํุมใหมํ กลุํมละ 4 คน แตลํ ะกลํุมประกอบด๎วยผูท๎ ่เี กงํ ปานกลาง และอํอนคละกัน (ครูผส๎ู อนเตรียมจัดกลมํุ ลวํ งหนา๎ ) 10. นักเรียนแตํละกลมํุ ไดร๎ ับแจกใบงานกลุมํ ละ 1 ชดุ เหมอื นกัน นักเรียนในกลุํมรํวมกนั ปฏิบตั กิ จิ กรรม ในใบงาน โดยแบํง หน๎าทีด่ ังตอํ ไปนี้ สมาชิกคนท่ี 1 อํานคาสัง่ ในใบงานวํามีกิจกรรมใดบ๎าง สมาชิกคนที่ 2 ฟงั ขน้ั ตอนและรวบรวมข๎อมลู หรอื คาตอบ สมาชิกคนที่ 3 บนั ทึกข๎อมลู หรือคาตอบ สมาชิกคนที่ 4 ตรวจสอบข๎อมลู หรือคาตอบ

สมาชกิ คนใดทาในแตํละสวํ นของตนเสรจ็ แล๎วใหห๎ มนุ เวยี นเปลย่ี นหนา๎ ท่กี นั จนเสร็จกจิ กรรมในใบงานทุก ขอ๎ 11. นักเรียนแตํละกลุํมสํงกระดาษคาตอบ หรือผลงานเพยี งชุดเดียวซึง่ ถอื วาํ เปน็ ผลงานที่สมาชิกในกลุํม ยอมรบั 12. ตรวจคาตอบให๎คะแนนด๎วยกลุํมอ่นื ๆ โดยแลกเปลี่ยนกันตรวจ กลมุํ ทีไ่ ด๎คะแนนสงู สุดจะไดร๎ ับรางวัล หรือตดิ ประกาศท่ีบอรด์ ข้นั สรุปและประเมนิ ผล 13. ครผู ู๎สอนและนักเรยี นรํวมกันสรุปเน้ือหา หนวํ ยท่ี 1 โดยวิธถี ามตอบ 14. นักเรียนทากจิ กรรมตํอเนือ่ งโดยไปสารวจเครื่องใช๎สานกั งานท่ีมีความสาคัญและจาเป็นตอํ การ ปฏิบัติงานในสานักงานทวั่ ไป 15. นักเรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรียนและนักเรยี นทาแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู๎ หนํวยที่ 1 9. สื่อการเรียนการสอน / แหลํงเรยี นร๎ู จำนวน สภาพการใชส้ ือ่ รายการสอ่ื 1 ชุด ขน้ั ตรวจสอบความรเู๎ ดิม 1. แบบทดสอบกํอนเรียน 1 ชดุ แบบทดสอบหลงั เรยี น 1 ชดุ ขนั้ ขยายความรู๎ 1 ชดุ ข้ันขยายความรู๎ 2. ช้ินงาน Mind mapping เร่อื ง ความรูเ๎ บื้องตน๎ ขนั้ ขยายความร๎ู เกย่ี วกบั เครื่องใชส๎ านกั งาน 3. ใบงาน 4. แบบประเมินผลการเรียนร๎ู หนํวยท่ี 1 10. การวัดผลและประเมนิ ผล เป้าหมาย หลักฐานการเรียนรู้ วธิ ีวัด เครอื่ งมอื วดั ฯ ประเดน็ / การเรียนรู้ ช้ินงาน/ภาระงาน -ตรวจแบบทดสอบ เกณฑ์การ -ตรวจ Mind mapping -แบบทดสอบ ใหค้ ะแนน นกั เรยี นสามารถ -แบบทดสอบกํอนเรยี น กอํ นเรียน -หลังเรยี น อธบิ ายการเลอื กใช๎ -แบบทดสอบหลงั เรยี น -ตรวจแบบประเมนิ ผล -แบบประเมินแผนที่ -ผํานเกณฑ์ เคร่อื งใช๎สานักงาน -mapping เรอ่ื ง ความรเู๎ บอื้ งต๎น การเรยี นร๎ู หนํวยท่ี 1 ความคิด (เนื้อหา, ความคดิ ริเรมิ่ 70% และสามารถ เก่ยี วกบั เคร่ืองใชส๎ านักงาน (จาก บารงุ รกั ษาเครอ่ื งใช๎ โปรแกรม Microsoft PowerPoint) สรา้ งสรรค์, ความสมบูรณ์ของงาน) สานักงานได๎ -แบบประเมนิ ผลการเรียนรู๎ หนวํ ยท่ี 1 -แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู๎ หนํวยท่ี 1

11. จดุ เน้นของโรงเรียน การบรู ณาการปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งและกิจกรรมสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ครู ผเู้ รียน 1.ความพอประมาณ พอดีดา้ นเทคโนโลยี พอดีด้านจิตใจ รูจ๎ กั ใชเ๎ ทคโนโลยมี าผลิตสื่อท่เี หมาะสมและ มจี ติ สานึกที่ดี เอ้ืออาทร ประนีประนอม สอดคล๎องเนือ้ หาเปน็ ประโยชน์ตํอผ๎เู รยี นและ นึกถงึ ประโยชนส์ วํ นรวม/กลมุํ พัฒนาจากภมู ิปัญญาของผเ๎ู รียน 2.ความมีเหตผุ ล - ยดึ ถือการประกอบอาชพี ด๎วยความถูกต๎อง ไมหํ ยดุ นง่ิ ทหี่ าหนทางในชวี ติ หลดุ พน๎ จาก สุจรติ แมจ๎ ะตกอยูใํ นภาวะขาดแคลน ในการ ความทกุ ข์ยาก (การคน๎ หาคาตอบเพื่อให๎ ดารงชวี ิต หลุดพ๎นจากความไมํรู๎) - ปฏิบตั ิตนในแนวทางท่ดี ี ลด เลกิ สิง่ ยวั่ กเิ ลสให๎หมดสน้ิ ไป ไมกํ ํอความชั่วให๎ เป็น เครือ่ งทาลายตัวเอง ทาลายผอู๎ ่ืน พยายาม เพ่มิ พนู รักษาความดี ท่ีมีอยูํใหง๎ อกงาม สมบรู ณ์ยิง่ ข้นึ 3.มีภูมคิ ุมกันในตวั ท่ีดี ภมู ิปญั ญา : มคี วามร๎ู รอบคอบ และ ภูมปิ ญั ญา : มคี วามรู๎ รอบคอบ และ ระมดั ระวงั ระมดั ระวัง สร๎างสรรค์ ภมู ธิ รรม : ซ่อื สตั ย์ สจุ รติ ขยันอดทน ภมู ธิ รรม : ซอื่ สตั ย์ สจุ ริต ขยนั อดทน ตรงตํอเวลาและแบงํ ปัน ตรงตํอเวลา เสยี สละและ แบงํ ปัน 4. เงอื่ นไขความร๎ู ความรอบรู๎ เร่ือง ความรู๎เบ้ืองต๎น ความรอบร๎ู เร่ือง ความรเ๎ู บอื้ งต๎น เกี่ยวกับเครื่องใช๎สานักงาน การเลือกใช๎ เก่ียวกบั เครื่องใช๎สานักงาน การเลอื กใช๎ เครื่องใช๎สานักงาน และสามารถบารุงรักษา เครอ่ื งใชส๎ านักงาน และสามารถบารงุ รกั ษา เครือ่ งใชส๎ านักงานได๎ เครอื่ งใชส๎ านักงานได๎ 5.เงอื่ นไขคุณธรรม มีความตระหนักใน คุณธรรม มคี วาม มีความตระหนักใน คุณธรรม มีความ ซ่อื สัตยส์ ุจรติ และมคี วามอดทน มคี วามเพยี ร ซ่อื สัตย์สจุ ริตและมคี วามอดทน มคี วาม กิจกรรม ใช๎สติปัญญาในการดาเนินชวี ติ เพียร ใช๎สตปิ ัญญาในการดาเนินชวี ติ สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น ครู ผูเ้ รยี น การเลอื กใช๎เครื่องใช๎ สานกั งานใหเ๎ หมาะสมกับ -การเลือกใช๎เครือ่ งใชส๎ านักงาน -การเลือกใช๎เครอื่ งใชส๎ านักงาน งาน -วิธกี ารบารงุ รกั ษาเคร่ืองใช๎สานักงาน -วธิ ีการบารุงรักษาเครื่องใชส๎ านกั งาน ลงชอ่ื ..................................................ผสู้ อน (วําท่รี อ๎ ยตรหี ญิงกนกอร วงศ์ษา)

แบบประเมนิ ผลกอ่ นเรยี น/หลังเรยี น ตอนที่ 1 จงเติมคาลงในช่องว่างใหส้ มบูรณ์ 1. เครือ่ งใช๎สานกั งานหมายถงึ อะไร …………………………………………………………………………………………………………………….. 2. การนาเครื่องใชส๎ านักงานมาชํวยในการปฏบิ ัติงานในดา๎ นตํางๆ ของหนํวยงานมปี ระโยชน์ อยาํ งไรบา๎ ง …………………………………………………………………………………………………………………….. 3. ใครคือผูค๎ ดิ ค๎นเครือ่ งพมิ พด์ ดี ภาษาไทยได๎เป็นคนแรก …………………………………………………………………………………………………………………….. 4. จงอธบิ ายวธิ กี ารดูแล และบารุงรักษาเครอื่ งพมิ พด์ ีดไฟฟูา …………………………………………………………………………………………………………………….. 5. ธุรกจิ ลกั ษณะใดท่ีนิยมนาเครอื่ งบนั ทกึ เงนิ สดมาใชใ๎ นการดาเนนิ ธรุ กจิ ของกจิ การ (ยกตัวอยําง) …………………………………………………………………………………………………………………….. 6. เคร่อื งบนั ทึกเงินสด เปน็ เครอ่ื งใชส๎ านกั งานทีเ่ หมาะสมกบั ลักษณะงานประเภทใด …………………………………………………………………………………………………………………….. 7. การนาระบบคอมพิวเตอรเ์ ขา๎ มาชวํ ยในการปฏบิ ัตงิ าน มปี ระโยชนใ์ นดา๎ นใดบา๎ ง …………………………………………………………………………………………………………………….. 8. จงอธิบายถึงความสาคัญ และความจาเป็นของเครือ่ งถํายเอกสารตํอการปฏิบตั ิงานในสานกั งาน …………………………………………………………………………………………………………………….. 9. เครือ่ งอดั สาเนาระบบดิจทิ ัลได๎รบั การพฒั นา และปรับปรงุ มาจากเคร่ืองใช๎สานกั งานชนิดใด …………………………………………………………………………………………………………………….. 10. วสั ดทุ จี่ าเปน็ และมคี วามสาคัญตํอการทางานของเคร่ืองอดั สาเนาระบบดิจิทลั ประกอบด๎วยอะไรบ๎าง ……………………………………………………………………………………………………………………..

เฉลยแบบประเมินผลกอ่ นเรยี น/หลังเรียน ตอนท่ี 1 จงเตมิ คาลงในช่องวา่ งให้สมบรู ณ์ 1. เครือ่ งใชส๎ านักงานหมายถึงอะไร เครอ่ื งมือที่บคุ คลนามาใชใ๎ หเ๎ กดิ ประโยชน์ตํอการปฏบิ ตั งิ านในสานักงาน หรอื อาจจะกลําวส้นั ๆ ไดว๎ าํ เปน็ เคร่อื งมอื ทนุํ แรงทีใ่ ชใ๎ นการปฏิบัตงิ านสานักงานน่นั เอง 2. การนาเคร่อื งใชส๎ านกั งานมาชวํ ยในการปฏบิ ัตงิ านในด๎านตํางๆ ของหนํวยงานมปี ระโยชน์ อยาํ งไรบ๎าง การนาเครอ่ื งใชส๎ านักงานมาชวํ ยในการปฏิบตั ิงานมปี ระโยชนด์ ังน้ี 1. ประหยัดแรงงาน 2. ประหยดั เวลา 3. ประหยัดคาํ ใช๎จาํ ย 4. เพื่อความถกู ตอ๎ ง รวดเร็ว และความเปน็ ระเบยี บเรยี บรอ๎ ยในการปฏิบตั ิงาน 5. ลดความเมอ่ื ยลา๎ ความเบอื่ หนํายในการปฏิบัตงิ านของพนกั งาน 6. สะดวกในการควบคุม และตรวจสอบ 7. การสื่อสารมีประสทิ ธภิ าพเพมิ่ มากข้ึน 8. สรา๎ งภาพลกั ษณ์ทดี่ ีให๎กบั หนวํ ยงาน 3. ใครคือผ๎คู ดิ ค๎นเครอ่ื งพิมพ์ดดี ภาษาไทยไดเ๎ ป็นคนแรก แอควิน แมคฟาร์แลนด์ 4. จงอธบิ ายวิธีการดูแล และบารงุ รักษาเครื่องพมิ พ์ดีดไฟฟูา การดแู ล และบารุงรกั ษาเครื่องพิมพ์ดดี ไฟฟูามวี ิธีปฏบิ ตั ิ ดังนี้ 1. ศกึ ษาข้นั ตอน และวธิ กี ารใชเ๎ ครื่องแตํละชนดิ จากคูมํ ือการใช๎เครอ่ื ง 2. ถอดปลัก๊ ไฟทุกครัง้ ทีท่ าความสะอาดเครือ่ ง ห๎ามใช๎นา้ ทนิ เนอร์ หรือแอลกอฮอล์ทาความสะอาดเคร่ืองโดยเด็ดขาด ใหใ๎ ช๎ผ๎าแหง๎ และสะอาดทาความสะอาดเคร่ืองเป็นประจาสม่าเสมอ 3. สถานท่วี างเครอ่ื งอยาํ ใหแ๎ สงแดดสํองถงึ ควรมอี ุณหภมู ิ และความช้ืนสมั พทั ธเ์ หมาะสม 4. อยาํ ให๎วสั ดุทเ่ี ป็นโลหะ หรอื ของเหลว เชนํ ลวดเสยี บ คลปิ หนีบกระดาษ น้า นา้ มนั ตกหลํนเขา๎ ไปในเคร่อื ง 5. อยําพิมพโ์ ดยไมํมกี ระดาษพมิ พ์ เพราะจะทาให๎ลูกยางใหญํ และจานพมิ พ์ชารุด 6. ใสแํ ละถอดจานพิมพ์ ผ๎าหมึกพมิ พ์ เทปลบคาผดิ ใหถ๎ ูกตอ๎ งเรยี บรอ๎ ย 7. ปดิ สวติ ช์ ถอดปล๊กั และใช๎ผา๎ คลมุ เคร่อื งทุกครัง้ ที่เลกิ ใช๎งาน เพอ่ื ปอู งกนั ฝุนละอองและความชืน้ 8. ถ๎าเคร่อื งมีปญั หา หรอื ขดั ขอ๎ งควรเรยี กชํางผ๎ชู านาญมาซอํ มแซมแกไ๎ ข 5. ธุรกจิ ลกั ษณะใดทน่ี ยิ มนาเครอ่ื งบันทกึ เงินสดมาใช๎ในการดาเนนิ ธุรกิจของกิจการ เครื่องบันทึกเงินสดนิยมใช๎ในธุรกิจที่เก่ียวข๎องกับการซ้ือ-ขายสินค๎าและบริการประเภทตํางๆ เชํน ธุรกิจค๎าปลีก ธุรกิจ โรงแรม หา๎ งสรรพสินค๎า รา๎ นค๎าสะดวกซือ้ 6. เคร่อื งบันทกึ เงนิ สดเป็นเคร่อื งใช๎สานักงานท่ีเหมาะสมกับลักษณะงานประเภทใด เคร่ืองบันทึกเงินสดเหมาะสาหรับการดาเนินงานด๎านการเงินที่เก่ียวข๎องกับการซื้อ-ขายสินค๎าท่ีเป็นเงินสด หรือมีการรับ- จาํ ยเงินบอํ ยๆ และจาเปน็ ตอ๎ งใช๎คนจานวนมากในการปฏบิ ัติงานดา๎ นการรับ-จํายเงิน เชํน การลงรายการสินค๎าในใบเสรจ็ รบั เงิน 7. การนาระบบคอมพวิ เตอรเ์ ข๎ามาชวํ ยในการปฏิบัตงิ านมปี ระโยชน์ในด๎านใดบ๎าง มปี ระโยชนใ์ นด๎านตาํ งๆ ดงั นี้ 1. ดา๎ นการจดั ทาข๎อมลู 2. ดา๎ นการจดั เกบ็ ขอ๎ มูล 3. ดา๎ นการบริหาร และการจัดการ

4. ด๎านการตดิ ตํอสื่อสาร 5. ด๎านการใหบ๎ ริการ และธุรกิจการพาณิชย์ 8. จงอธบิ ายถึงความสาคญั และความจาเป็นของเครือ่ งถาํ ยเอกสารตํอการปฏบิ ตั ิงานในสานักงาน เคร่อื งถํายเอกสารมคี วามสาคญั และจาเป็นในการปฏบิ ตั ิงานสานักงานทุกๆ ประเภท เพราะสามารถทาสาเนาเอกสารได๎ เหมือนตน๎ ฉบบั ทุกประการ ทาใหป๎ ระหยัดเวลาในการพิมพ์เอกสารท่ีเหมือนซ้าๆ กันเป็นจานวนมาก โดยเฉพาะเอกสารที่ยากๆ เชํน รูปภาพ แผนผัง โฉนดท่ีดิน ก็ทาได๎สะดวกรวดเร็วโดยไมํจากัดจานวน อีกท้ังยังสะดวกและงํายตํอการใช๎งาน 9. เครอ่ื งอัดสาเนาระบบดิจทิ ลั ได๎รับการพฒั นา และปรบั ปรงุ มาจากเคร่ืองใช๎สานักงานชนดิ ใด เคร่อื งถาํ ยเอกสาร และเครอื่ งอัดสาเนาชนิดไฟฟูาและมอื หมุน 10. วัสดทุ ี่จาเปน็ และมีความสาคัญตํอการทางานของเครอ่ื งอัดสาเนาระบบดจิ ทิ ลั ประกอบด๎วยอะไรบ๎าง ประกอบด๎วย หมกึ พมิ พ์ และกระดาษไข หรือมาสเตอร์

ผลการเรียนรู้ ใบงาน คาส่งั เรื่อง การใชเ้ คร่ืองใช้สานักงาน เพือ่ ใหม๎ ีความรู๎ ความเขา๎ ใจเรือ่ ง ความหมาย ความสาคญั วัตถุประสงค์ ประโยชน์ ประเภท และ การดแู ลบารงุ รักษาเครอ่ื งใช๎สานกั งาน ให๎นักเรียนจัดกลํุม กลํุมละ 4 คน สมาชิกแตํละคนแบํงหน๎าท่ีกันปฏิบัติกิจกรรมในใบงาน ดังตํอไปน้ี คนท่ี 1 อํานคาส่ังในใบงานวาํ มกี ิจกรรมใดบ๎าง คนที่ 2 ฟงั ข้ันตอน และรวบรวมข๎อมลู หรือคาตอบ คนท่ี 3 บนั ทึกขอ๎ มลู หรือคาตอบ คนที่ 4 ตรวจสอบข๎อมลู หรอื คาตอบ จงตอบคาถาม 1. จงบอกความหมายของเคร่ืองใช๎สานกั งาน 2. การนาเครื่องใช๎สานักงานมาชวํ ยในการปฏิบัติงานในด๎านตํางๆ ของหนํวยงานได๎รับประโยชน์อยํางไร บ๎าง 3. การจดั ประเภทของเครอื่ งใชส๎ านักงานสามารถแบํงได๎กี่ประเภท อะไรบา๎ ง 4. การพิจารณาเลอื กใชเ๎ คร่อื งใชส๎ านักงานมีวธิ ีการอยาํ งไรบา๎ ง 5. วิธีการดูแลและบารงุ รกั ษาเครื่องใช๎สานกั งานมีวิธกี ารอยํางไรบ๎าง บอกมา 5 ข๎อ

แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หนว่ ยที่ 1 (ชดุ ท่ี1) จงเลือกคาตอบทถี่ กู ตอ้ งทีส่ ุดเพียงข้อเดียว 1. คอมพิวเตอรไ์ ดเ๎ ข๎ามามบี ทบาทเกย่ี วข๎องกับชีวิตประจาวนั อยาํ งไรบ๎าง ก. การถอนเงนิ จากเครอื่ ง ATM ข. การใชบ๎ ัตรเครดิตในการชาระคําสินคา๎ และบริการ ค. การซอ้ื -ขายสนิ คา๎ ทางอนิ เทอรเ์ น็ต ง. ถูกทกุ ขอ๎ 2. เคร่อื งคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบมาเพ่อื ใชค๎ านวณด๎วยความเรว็ สงู ใชใ๎ นการสารวจ และวิจยั ใน องคก์ รขนาดใหญํ คอื แบบใด ก. ซูเปอรค์ อมพิวเตอร์ ข. เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ ค. ไมโครคอมพวิ เตอร์ ง. มินิคอมพิวเตอร์ 3. สวํ นประกอบทสี่ าคญั ของคอมพิวเตอร์ คอื ข๎อใด ก. Input Unit, CPU, Output Unit ข. Input Unit, Software, Output Unit ค. Hardware, Software, Peopleware ง. Hardware, Processing, Software 4. อุปกรณต์ าํ งๆ ทมี่ องเหน็ และจับต๎องได๎ แลว๎ นามาประกอบกันเปน็ คอมพิวเตอร์เรยี กวาํ อะไร ก. Software ข. Hardware ค. Comware ง. Central Processing Unit 5. เครอ่ื งอํานรหัสแทงํ ท่ตี ดิ บนฉลากสนิ ค๎า คอื ข๎อใด ก. Scanner ข. Bar Code Reader ค. OCR ง. OMR 6. เครื่องคอมพิวเตอรส์ ํวนใหญํทางานดว๎ ยระบบใด ก. Digital ข. Analog ค. Calulate ง. Numerical 7. CPU เปรียบเสมือนสวํ นใดของราํ งกายมนษุ ย์ ก. มอื ข. สมอง ค. ตา ง. ปาก 8. อุปกรณ์นาเข๎าข๎อมูลใดที่นิยมใชม๎ ากทส่ี ดุ ในการปูอนข๎อมลู เข๎าไปในเคร่ืองคอมพิวเตอรไ์ ด๎โดยตรง และเปน็ อปุ กรณ์ มาตรฐานทีไ่ มโครคอมพวิ เตอรท์ ุกเครอื่ งตอ๎ งมี คอื ข๎อใด ก. แทร็กบอล ข. จอภาพสมั ผสั ค. แปนู พิมพ์ ง. เมาส์ 9. ข๎อใดคือหนา๎ ทข่ี องโมเด็ม ก. ใชอ๎ ํานรหัสแทํง ข. ใชอ๎ าํ นภาพ หรอื รูปกราฟกิ เข๎ามาเก็บไว๎ในเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ ค. เป็นอุปกรณเ์ ชอื่ มตอํ คอมพิวเตอรเ์ ข๎ากบั สายโทรศพั ท์ ง. เปน็ อปุ กรณ์เปลี่ยนสญั ญาณไป-มาระหวาํ งสญั ญาณดิจทิ ัล และสญั ญาณแบบอะนาลอ็ ก 10. เครื่องพมิ พ์ชนดิ ใดท่เี หมาะสาหรบั งานวิศวกรรม และงานออกแบบ ก. เครอ่ื งพิมพแ์ บบ Ink Jet ข. เคร่ืองพิมพแ์ บบ Laser ค. เครือ่ งพิมพ์แบบ Dot Matrix ง. เครอื่ ง Plotter

(ชดุ ท่ี2) จงเลอื กคาตอบทถ่ี ูกตอ้ งทสี่ ุดเพียงข้อเดียว 1. ข๎อใดเป็นเคร่ืองมือที่ใช๎ในงานเอกสาร ก. จอรับภาพ ข. เคร่ืองนับเงิน ค. เครื่องตอกเช็ค ง. เครื่องอัดสาเนา 2. จะได๎รับประโยชน์อะไรบ๎างจากการใช๎เคร่ืองใช๎สานักงาน ก. ลดมลพิษ ข. ทาให๎คนมีเวลามากขึ้น ค. ประหยัดเวลา คําใช๎จําย ง. ทาให๎ควบคุมการทางานยาก 3.การนาเครื่องใช๎สานักงานมาใช๎จะทาให๎ชํวยประหยัดคําใช๎จํายได๎จริงหรือไมํ ก. จริง เพราะลดจานวนพนักงานลงทาให๎ประหยัดคําใช๎จําย ข. จริง เพราะเป็นอุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูงทางานทันเวลา ค. ไมํจริง เพราะเคร่ืองจักรยังไมํมีความชานาญเทํากับแรงงานคน ง. ไมํจริง เพราะเคร่ืองไมํสามารถทางานได๎รวดเร็ว 4. การนาเครื่องใช๎สานักงานมาใช๎ในสานักงานจะกํอให๎เกิดผลดีหรือไมํน้ันข้ึนอยํูกับสิ่งใด ก. ความซื่อสัตย์ของบุคลากรเป็นสาคัญ ข. ความรู๎ความสามารถและประสิทธิภาพของบุคลากร ค. ความอดทนตํอบุคลากรเป็นสาคัญ ง. การทางานของเครื่องเป็นสาคัญ 5. ข๎อใดคือวัตถุประสงค์ของการนาเคร่ืองใช๎สานักงานมาใช๎ ก. เพื่อประหยัดเวลาและแรงงาน ข. เพื่อปูองกันความทุจริต ค. เพ่ือลดความผิดพลาดในการทางาน ง. ถูกทุกข๎อ 6. ข๎อใดคือวัสดุ อุปกรณ์ทาสาเนา ก. กระดาษคาร์บอน ข. แผํนรองเขียน ค. กระดานไวท์บอร์ด ง. เคร่ืองพิมพ์ออฟเซต 7. เครื่องใช๎สานักงานชนิดใดท่ีใช๎สะดวก และเอกสารจะเหมือนกับต๎นฉบับเดิมทุกประการ ก. เคร่ืองโทรสาร ข. เครื่องบันทึกข๎อความ ค. เคร่ืองคานวณ ง. เคร่ืองบันทึกเทป 8. คาวํา เคร่ืองใช๎สานักงาน มีความหมายวําอยํางไร ก. เคร่ืองมือท่ีบุคคลนามาใช๎ให๎เกิดประโยชน์ในการปฏิบัติงาน ข. เคร่ืองมือท่ีบุคคลนามาใช๎ปรับปรุงงานให๎ดีขึ้น ค. เคร่ืองมือที่บุคคลใช๎กระตุ๎นให๎ขยันทางาน ง. ทุกข๎อคือคาตอบ 9. สงิ่ ท่ีพิจารณาพเิ ศษเกยี่ วกบั การใช๎งานเคร่ืองใช๎สานักงาน โดยต๎องเพม่ิ ความระมัดระวงั ตรงกับข๎อใด ก. ความยดื หยํนุ ตอํ การใชง๎ าน ข. ความปลอดภยั จากการใช๎งาน ค. มาตรฐานการใช๎งาน ง. ความรวดเรว็ ในการใชง๎ าน 10. การประเมนิ เครอื่ งใชส๎ านกั งานวําเคร่ืองใดมีความงํายตอํ การใชง๎ าน ควรพิจารณาจากขอ๎ ใด ก. การทดลองใชง๎ าน ข. การสังเกตใชง๎ าน ค. การฟงั ขอ๎ มูลจากผูข๎ าย ง. การใช๎ประสบการณต์ นเอง

แบบประเมนิ การเขยี นภาพแผนทค่ี วามคดิ Mind Mapping ชื่อ – วนั ............../................./.................. ระดับคุณภาพ ผลการประเมิน เนอ้ื หา รูปแบบ ความสวยงาม/ คะแนน (ผาํ นเกณฑ,์ ดี พอใช้ ปรับปรงุ สร้างสรรค์ ทีไ่ ด/้ พอใช๎, ลาดับท่ี ชือ่ -สกลุ (3) (2) (1) ต๎องปรับ พอใ ระดับ ปรงุ ใหม)ํ ดี พอใช้ ปรับปรุ ดี ช้ ปรับปรุง คณุ ภาพ (3) (2) ง(1) (3) (2) (1) 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 11. 12. เกณฑ์การประเมนิ ผล ประเดน็ การประเมนิ ด(ี 3) ระดบั คุณภาพ ปรับปรุง(1) พอใช้(2) ดาเนินการคน๎ คว๎าข๎อมลู ท่ี เน้ือหา ขอ๎ มลู ครบถ๎วนทกุ ประเด็น หลากหลาย ถูกตอ๎ ง มขี อ๎ มลู ท่ีขาดไปเพียง1-2 ตอ๎ งการไดเ๎ พียงบางสวํ น สมบูรณ์ ชัดเจน ประเด็น ขาดองคป์ ระกอบของรปู แบบ ภาพแผนทีค่ วามคดิ มากกวาํ 2 รูปแบบภาพแผนทีค่ วามคดิ มีประเดน็ หลกั ขาดไปเพียง 1-2 ประเด็น ขาด ประเดน็ รปู แบบ ประเดน็ รองและประเด็นยํอยอยาํ งชดั เจน เข๎าใจ องคป์ ระกอบของรูปแบบภาพ รปู แบบไมสํ วยงาม ความคดิ สรา๎ งสรรคน์ ๎อย ได๎งาํ ย แผนที่ความคิด ความสวยงาม/ รูปแบบสวยงามมคี วามคิดสร๎างสรรค์ นาเสนอ รูปแบบสวยงาม สร้างสรรค์ รูปแบบแปลกใหมํ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน คะแนน 7-9 คะแนน หมายถึง ผา่ นเกณฑ์ คะแนน 4-6 คะแนน หมายถึง พอใช้ คะแนน 4 คะแนน หมายถึง ตอ้ งปรบั ปรุงใหม่

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏิบัติงานรายบุคคล พฤตกิ รรม ลาดบั ท่ี ชื่อ-สกลุ ความสนใจ การแสดง การตอบ การยอม ทางาน หมายเหตุ ความคิดเหน็ คาถาม รบั ฟังคนอ่ืน ตามที่ได้รับ มอบหมาย 43214321432143214321 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 11. 12. เกณฑก์ ารวดั ผล ใหค๎ ะแนนระดับคุณภาพของแตํละพฤตกิ รรมดงั นี้ ดมี าก = 4 สนใจฟงั ไมํหลบั ไมพํ ูดคยุ ในช้นั มคี าถามที่ดี ตอบคาถามถูกต๎อง ทางานสงํ ครบตรงเวลา ดี = 3 การแสดงออกอยใํู นเกณฑป์ ระมาณ 70% ปานกลาง = 2 การแสดงออกอยใูํ นเกณฑป์ ระมาณ 50% ปรับปรุง = 1 เขา๎ ช้ันเรียน แตกํ ารแสดงออกน๎อยมาก สงํ งานไมํครบ ไมํตรงเวลา ลงชอื่ ………………………………………………ผ้สู งั เกต (วาํ ท่ีรอ๎ ยตรหี ญงิ กนกอร วงศษ์ า) ………./……………/………

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม กลุ่มท…่ี …1……..ชนั้ /สาขาวชิ า……………… พฤติกรรม ลาดับ ชอ่ื -สกุล ความร่วมมอื การแสดง การรบั ฟงั ความต้งั ใจใน การมีสว่ นร่วม รวม ท่ี สมาชิกกลมุ่ ความคดิ เหน็ ความคดิ เหน็ การทางาน ในการ อภิปราย 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 20 1. 2. 3. 4. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่ กลุ่มท…ี่ …2……..ชั้น/สาขาวิชา……………… พฤตกิ รรม ลาดบั ช่ือ-สกลุ ความร่วมมือ การแสดง การรับฟัง ความตัง้ ใจใน การมีส่วนรว่ ม รวม ท่ี สมาชิกกล่มุ ความคดิ เหน็ ความคิดเห็น การทางาน ในการ อภิปราย 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 20 1. 2. 3. 4. เกณฑ์การให้คะแนน ประสทิ ธภิ าพอยูํในเกณฑ์ 90-100% หรือปฏบิ ัตบิ ํอยคร้งั ดมี าก = 4 ประสิทธภิ าพอยํใู นเกณฑ์ 70-89% หรอื ปฏบิ ตั ิบางครัง้ ดี = 3 ประสิทธภิ าพอยูํในเกณฑ์ 50-69% หรือปฏิบตั คิ ร้งั เดยี ว ปานกลาง = 2 ประสิทธภิ าพต่ากวาํ เกณฑ์ 50% หรอื ไมํปฏิบตั เิ ลย ปรบั ปรุง = 1 ลงชอ่ื ………………………………………………ผู้สงั เกต (วําทีร่ ๎อยตรีหญิงกนกอร วงศ์ษา) ………./……………/………

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม กลุ่มท…่ี …3……..ชนั้ /สาขาวชิ า……………… พฤติกรรม ลาดับ ชอ่ื -สกุล ความร่วมมอื การแสดง การรบั ฟงั ความต้งั ใจใน การมีสว่ นร่วม รวม ท่ี สมาชิกกลมุ่ ความคดิ เหน็ ความคดิ เหน็ การทางาน ในการ อภิปราย 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 20 1. 2. 3. 4. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่ กลุ่มท…ี่ …4……..ชั้น/สาขาวิชา……………… พฤตกิ รรม ลาดบั ช่ือ-สกลุ ความร่วมมือ การแสดง การรับฟัง ความตัง้ ใจใน การมีส่วนรว่ ม รวม ท่ี สมาชิกกล่มุ ความคดิ เหน็ ความคิดเห็น การทางาน ในการ อภิปราย 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 20 1. 2. 3. 4. เกณฑ์การให้คะแนน ประสทิ ธภิ าพอยูํในเกณฑ์ 90-100% หรือปฏบิ ัตบิ ํอยคร้งั ดมี าก = 4 ประสิทธภิ าพอยํใู นเกณฑ์ 70-89% หรอื ปฏบิ ตั ิบางครัง้ ดี = 3 ประสิทธภิ าพอยูํในเกณฑ์ 50-69% หรือปฏิบตั คิ ร้งั เดยี ว ปานกลาง = 2 ประสิทธภิ าพต่ากวาํ เกณฑ์ 50% หรอื ไมํปฏิบตั เิ ลย ปรบั ปรุง = 1 ลงชอ่ื ………………………………………………ผู้สงั เกต (วําทีร่ ๎อยตรีหญิงกนกอร วงศ์ษา) ………./……………/………

แบบประเมนิ การนาเสนอผลงานรายบุคคล พฤตกิ รรม ลาดับ บคุ ลกิ มารยาทใน การใช้ วิธีการ เนื้อหาท่ี รวม ท่ี การแต่งกาย การพดู ภาษา นาเสนอ นาเสนอ ชื่อ-สกลุ 10 10 10 10 10 50 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 11. 12. ขอ้ เสนอแนะเพมิ่ เติม ………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………… …………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………………………………. เกณฑ์ผา่ น 25 คะแนน เกณฑ์การสงั เกต บคุ ลกิ การแตํงกาย : มีความเช่อื มัน่ ในตนเอง แตํงกายสะอาด ถูกระเบียบ เสือ้ ไมํหลุดลุํย มารยาทในการพดู : มองหนา๎ และสบตาผูฟ๎ งั ไมํเหนบ็ แนม เสยี ดสผี ู๎อน่ื การใช๎ภาษา : ชัดเจน ตามหลกั ภาษา ตัว ร ล คาควบกล้า ถอ๎ ยคาขอ๎ ความสุภาพ วธิ ีการนาเสนอ : นาํ สนใจหลากหลาย เชนํ ใช๎แผนํ ใส รปู ภาพ ตัง้ คาถาม เลนํ เกม ไมํเยนิ่ เยอ๎ เนือ้ หาทีน่ าเสนอ : มสี าระสาคัญ ตรงกบั หวั ข๎อเรือ่ ง ใช๎เวลาตามท่กี าหนด ลงชอื่ ………………………………………………ผูส้ ังเกต (วําทีร่ อ๎ ยตรหี ญิงกนกอร วงศ์ษา) ………./……………/………

แบบประเมนิ คณุ ธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ชื่อผู้ประเมนิ /กลุ่มประเมิน………………………………………………………………………………………….. ช่อื กลมุ่ รบั การประเมิน……………………………………………………………………………………………… ประเมินผลครั้งท…่ี ………………....…….. วนั ที่ ……………..…. เดือน ………..………. พ.ศ. ……...….…... เรอ่ื ง……………………………………………………………………………………………………………………. ระดับพฤตกิ รรม ท่ี คณุ ลกั ษณะ/พฤตกิ รรมบง่ ช้ี ใช้ได้ ควรปรบั ปรงุ คะแนนที่ได้ =1 = 0 1 ความมีมนษุ ยสมั พนั ธ์  แสดงกิรยิ าทาํ ทางสุภาพตํอผอ๎ู นื่  ให๎ความรวํ มมอื กบั ผ๎อู ่นื 2 ความมวี ินยั  ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ข๎อบังคับ และข๎อตกลงตํางๆ ของโรงเรีย น ได๎แ กํ แตํงกาย ถูกต๎องตามระเบีย บ และข๎อบงั คบั ตรงตํอเวลา 3 ความรบั ผิดชอบ  มกี ารเตรียมความพรอ๎ มในการเรยี นและการปฏิบตั ิงาน  ปฏบิ ัติงานดว๎ ยความตง้ั ใจ  มคี วามเพียรพยายามในการเรยี นและการปฏิบตั ิงาน 4 ความเชอื่ มนั่ ในตนเอง  กล๎าแสดงความคดิ เห็นอยาํ งมีเหตผุ ล 5 ความสนใจใฝร่ ู้  ซักถามปญั หาข๎อสงสยั 6 ความรกั สามคั คี  รวํ มมอื ในการทางาน 7 ความกตัญญกู ตเวที  มีสัมมาคารวะตอํ ครู-ครูผ๎ูสอนอยํางสมา่ เสมอ ท้ังตอํ หนา๎ และ ลบั หลัง รวมคะแนนทไ่ี ดท้ ง้ั หมด = …………… คะแนน หมายเหตุ : แบบประเมินน้ีใชแ๎ บบเดียวกนั ทง้ั ครูและประธานกลุมํ และประเมินคุณลกั ษณะดังกลําวตลอดภาคการศึกษา

แบบรวมคะแนนการประเมนิ คณุ ธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ชอื่ -สกุล…………………………………………………………....รหสั ประจาตัว………………………………… ระดับชัน้ ………………..กลมํุ ………………...สาขาวชิ า…………………….…………………………………… คร้ังท่ปี ระเมนิ 1 คุณลกั ษณะ 2 อนั พงึ ประสงค์ 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 คะแนนรวม หารจานวนค ้ัรง ่ีทประเมิน คะแนน ่ีทได้ คะแนนทไี่ ด้ 1. ความมมี นษุ ยสมั พันธ์ 2. ความมีวินยั 3. ความรับผิดชอบ 4. ความเช่อื มน่ั ในตนเอง 5. ความสนใจใฝุรู๎ 6. ความรักสามัคคี 7. ความกตญั ญูกตเวที ลงชือ่ ………………………………………………ผู้สงั เกต (วําทรี่ ๎อยตรหี ญงิ กนกอร วงศษ์ า) ………./……………/……… หมายเหตุ : แบบรวมคะแนนนี้ใช๎แบบเดียวกันท้งั ครแู ละประธานกลมุํ

แบบสรปุ ผลการประเมนิ คณุ ธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ภาคเรยี นท…่ี ………………ปกี ารศึกษา…………………. รหัสวชิ า…………………………………….. ความ ีมม ุนษยสัมพันธ์ ชอื่ วิชา…………………………….………… ความ ีมวิ ันย ระดบั ชนั้ ……………………..……………… ความรับผิดชอบ สาขาวชิ า……………….………….…….…. ความเ ื่ชอ ั่มนในตนเอง ความสนใจใ ุฝร๎ู ความรักสา ัมค ีค ความก ัตญญูกตเว ีท รวม (ใน ํสวนของผ๎ูสอน) รวม (ใน ํสวนของประธานกลุํม) รวมคะแนน ่ีทไ ๎ดจาก ้ัทง 2 สํวน ลาดบั รหัส ชือ่ -สกุล 2 1 3 1 1 1 1 10 10 20 ท่ี ประจาตัว

แผนการจัดการเรียนรู้ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 เร่ือง เครื่องคอมพวิ เตอร์ แผนจดั การเรยี นร้ทู ่ี 2 เร่อื ง เครือ่ งคอมพิวเตอร์ รายวิชา การใชเ้ ครื่องใช้สานักงาน รหสั วิชา ง31233 ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563 นา้ หนกั เวลาเรียน 1.5 (นน./นก.) เวลาเรยี น 3 ช่วั โมง/สัปดาห์ เวลาท่ใี ชใ้ นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 36 ชว่ั โมง .......................................................................................................................................................... 1. สาระสาคัญ (ความเข้าใจทค่ี งทน) คอมพิวเตอร์ เปน็ เครื่องมือทีใ่ ชค๎ านวณตามหลักเกณฑ์และวธิ ีการทางคณิตศาสตร์ เม่อื ปอู นขอ๎ มลู เขา๎ ไปในเครอื่ ง โดย เขยี นคาสง่ั วําจะใช๎เครอื่ งคอมพวิ เตอร์คานวณเกี่ยวกบั เรอื่ งอะไร คอมพิวเตอร์จะหาผลลัพธ์ออกมาได๎อยํางรวดเร็ว และสามารถทา การรวบรวมขอ๎ มลู ได๎ถูกตอ๎ งและแมํนยา คอมพวิ เตอรส์ ามารถนาไปใชใ๎ นการจดั ทาขอ๎ มูลตาํ งๆ ไดห๎ ลายชนิด ไมํวําจะเป็นการ วเิ คราะห์ขอ๎ มูล การคานวณ การออกแบบ การจัดเกบ็ การส่อื สาร การควบคมุ คณุ ภาพของผลผลติ ตลอดจนการนาขอ๎ มูลกลบั มา ใช๎งานในภายหลังไดอ๎ ยาํ งมีประสทิ ธิภาพ 2. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชีว้ ดั ชนั้ ป/ี ผลการเรยี นรู้/เปา้ หมายการเรยี นรู้ 2.1.1 บอกประวัตแิ ละววิ ัฒนาการของคอมพิวเตอร์ได๎ 2.1.2 อธบิ ายถึงความสาคัญของคอมพวิ เตอร์ได๎ 2.1.3 บอกประเภทของคอมพวิ เตอรไ์ ด๎ 2.1.4 บอกประโยชน์ของคอมพวิ เตอร์ได๎ 2.1.5 อธบิ ายสํวนประกอบของคอมพิวเตอร์ได๎ 2.1.6 อธบิ ายสวํ นประกอบของเครอื่ งมอื และอปุ กรณ์ตํอพํวงทใี่ ชก๎ บั คอมพวิ เตอร์ได๎ 2.1.7 อธิบายวธิ ีการดแู ลและบารุงรักษาคอมพวิ เตอรแ์ ละอปุ กรณ์ตํอพํวงได๎ 2.1.8 อธบิ ายขนั้ ตอนและวิธกี ารใช๎คอมพวิ เตอร์ได๎ 2.1.9 ใช๎คอมพวิ เตอร์ไดถ๎ ูกตอ๎ ง 2.1.10 มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม คํานิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ผู๎สอนสามารถ สังเกตเห็นได๎ ในด๎านความมีมนุษยสมั พนั ธ์ ความมวี นิ ยั ความรับผดิ ชอบ ความเช่ือมัน่ ในตนเอง ความสนใจใฝรุ ู๎ ความรักสามัคคี ความกตญั ญูกตเวที 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 เนื้อหาสาระหลัก : Knowledge (นักเรยี นต๎องร๎ูอะไร) 3.1.1 ประวัตแิ ละววิ ัฒนาการของคอมพิวเตอร์ 3.1.2 ความสาคญั ของคอมพิวเตอร์ 3.1.3 ประเภทของคอมพวิ เตอร์ 3.1.4 ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ 3.1.5 สํวนประกอบของคอมพวิ เตอร์ 3.1.6 เครอ่ื งมอื และอุปกรณ์ตํอพวํ งทีใ่ ชก๎ บั คอมพวิ เตอร์ 3.1.7 การดูแลและบารุงรักษาคอมพิวเตอรแ์ ละอุปกรณต์ ํอพํวง

3.1.8 ขัน้ ตอนและวิธีการใชค๎ อมพิวเตอร์ 3.2 ทักษะ/กระบวนการ : Process (นกั เรียนสามารถปฏิบตั ิอะไรได๎) 3.2.1 นักเรยี นสามารถใชค๎ อมพิวเตอร์ได๎ถูกต๎อง 3.3 คณุ ลักษณะที่พึงประสงค์ : Attitude (นกั เรียนควรแสดงพฤตกิ รรมการเรียนอะไรบา๎ ง) 3.3.1 นกั เรยี นรับผดิ ชอบในการทางานท่คี รูผู๎สอนมอบหมายให๎ และสํงงานตรงเวลา 3.3.2 นักเรยี นศกึ ษาคน๎ ควา๎ ข๎อมูล หรือเนื้อหาในสวํ นที่ไมํคํอยเข๎าใจจากทาอนิ เทอรเ์ น็ต 4. สมรรถนะสาคญั ของนักเรยี น 4.1 ความสามารถในการคิด 4.2 ความสามารถในการใช๎เทคโนโลยี 5. คณุ ลกั ษณะของวิชา 5.1 ความรับผดิ ชอบ 5.2 ความรอบคอบ 6. คุณลกั ษณะทีพ่ งึ ประสงค์ 6.3.1 ความรบั ผิดชอบ 6.3.2 ความสนใจใฝุร๎ู 7. ชน้ิ งาน/ภาระงาน - แบบทดสอบกํอนเรียน - แบบทดสอบหลงั เรยี น - ใบงาน การใชง๎ านโปรแกรม Microsoft Word ในรูปแบบตํางๆ - ใบงาน เก่ยี วกับการสืบค๎นข๎อมูลจาก Internet - ใบงาน การพิมพห์ นงั สือราชการในรปู แบบตํางๆ - ใบงาน การจดั ทาขอ๎ มลู ในตาราง(Excel) - ใบงาน เกี่ยวกบั การจัดสํงข๎อมลู ทาง Internet - ใบงาน การบารุงรกั ษาเครื่องคอมพวิ เตอร์ 8. กจิ กรรมการเรียนรู้ (จดั กิจกรรมการเรยี นร๎โู ดยใช๎กระบวนการใด แสดงตามขนั้ ตอน : เวลาทใ่ี ช๎ 36 ชว่ั โมง) ขั้นนาเขา๎ สูบํ ทเรยี น/ขัน้ ต้ังคาถาม 1.ให๎แบบทดสอบกํอนเรียนจากน้ันให๎นักเรียนชํวยกันบอกประโยชน์ของเคร่ืองคอมพิวเตอร์วํา สามารถ ชํวยมนษุ ย์ปฏบิ ัตงิ านอะไรบ๎าง ขน้ั สารวจและค๎นพบ/ข้ันการเตรยี มการค๎นหาคาตอบ 2.ครูผู๎สอนสรุปประโยชน์ และความสาคญั ของเคร่อื งคอมพิวเตอร์ พร๎อมท้งั กลาํ วนาเขา๎ สูบํ ทเรียน

ขั้นอธิบายและลงข๎อสรุป/ข้นั ดาเนนิ การค๎นหาคาตอบและตรวจสอบคาตอบ ขนั้ สอน ตอนท่ี 1 3. นักเรียนแบํงกลุํมตามความเหมาะสมออกเป็น 8 กลุํม กลํุมละ 3-4 คน เลือกประธานและเลขานุการ กลุํม ศกึ ษาและอภปิ รายกลมํุ เรอื่ ง เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ จากหนังสือเรียนวิชา การใช๎เครื่องใช๎สานักงานใน หัวข๎อยอํ ยดังตํอไปน้ี กลมํุ 1 ประวัติและวิวัฒนาการของคอมพวิ เตอร์ กลมํุ 2 ความสาคัญของคอมพิวเตอร์ กลมํุ 3 ประเภทของคอมพิวเตอร์ กลมํุ 4 ประโยชนข์ องคอมพิวเตอร์ กลมํุ 5 สํวนประกอบของคอมพิวเตอร์ กลมํุ 6 เคร่อื งมอื และอปุ กรณต์ อํ พํวงที่ใช๎กบั คอมพิวเตอร์ กลมํุ 7 การดูแลและบารุงรักษาคอมพวิ เตอร์และอปุ กรณต์ ํอพวํ ง กลํมุ 8 ข้นั ตอนและวิธีการใช๎คอมพิวเตอร์ ขนั้ ขยายความร๎แู ละนาเสนอผลการค๎นหาคาตอบ 4. นักเรยี นแตลํ ะกลํุมบนั ทึกผลสรุปการอภิปรายลงใน Microsoft PowerPoint เตรยี มนาเสนอหน๎าชน้ั เรียน 5. ประธานกลํมุ สังเกตพฤติกรรมการเขา๎ รวํ มกจิ กรรมกลมุํ บนั ทึกสงํ ครูผ๎ูสอน 6. แตลํ ะกลุํมสงํ ตวั แทนกลุํมนาเสนอผลสรปุ หนา๎ ชน้ั เรยี น 7. ครูผูส๎ อนอธิบายสรุปตามเนือ้ หาในหนํวยการเรยี น นักเรยี นซักถามข๎อสงสัย 8. นกั เรียนแตํละกลุํมฝึกปฏิบัติการใช๎คอมพิวเตอร์ด๎วยตนเองในห๎องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ โดยมีครูผู๎สอน ชวํ ยแนะนาวิธีการใช๎ ตอนที่ 2 9. นักเรียนจัดกลุํมใหมํ กลมุํ ละ 4 คน แตํละกลํุมประกอบดว๎ ยผ๎ทู ่ีเกํง ปานกลาง และออํ นคละกัน (ครูผสู๎ อนเตรียมจดั กลุํมลวํ งหน๎า) 10. ครผู ๎สู อนแจกใบคาถามใหน๎ ักเรยี นแตลํ ะคนในกลมํุ 11. นักเรียนแตลํ ะคนคดิ หาคาตอบในระยะเวลาทีค่ รูผสู๎ อนกาหนดให๎ 12. นกั เรียนคดิ หาคาตอบได๎แลว๎ จับคกํู ัน โดยผลัดกนั อธบิ ายผลดั กันตอบ 13. ให๎นกั เรยี นทา - ใบงาน การใชง๎ านโปรแกรม Microsoft Word ในรปู แบบตาํ งๆ - ใบงาน เกีย่ วกบั การสืบคน๎ ข๎อมลู จาก Internet - ใบงาน การพิมพห์ นงั สือราชการในรูปแบบตํางๆ - ใบงาน การจดั ทาข๎อมลู ในตาราง(Excel) - ใบงาน เกีย่ วกับการจดั สงํ ข๎อมลู ทาง Internet - ใบงาน การบารงุ รักษาเคร่ืองคอมพวิ เตอร์

ขน้ั สรปุ และประเมนิ ผล 13. นกั เรยี นเข๎ากลมํุ 4 คน หมุนเวียนผลัดเปลยี่ นกนั อธบิ ายคาตอบใหเ๎ พื่อนฟังทั้งหมด 14. ครผู สู๎ อนและนักเรยี นรวํ มกันสรุปบทเรยี นเรือ่ ง คอมพิวเตอรอ์ ีกครั้ง โดยวธิ กี ารถามตอบ 15. นักเรียนซกั ถามข๎อสงสัย 16. ครผู สู๎ อนให๎นักเรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน ชว่ั โมงที่ 1 - 6 (ความสามารถในการวิเคราะห์ / ใฝเุ รยี นร๎ู / เทคนคิ การสืบคน๎ ) 1.ให๎แบบทดสอบกํอนเรียนจากน้ันให๎นักเรียนชํวยกันบอกประโยชน์ของเคร่ืองคอมพิวเตอร์วํา สามารถ ชวํ ยมนษุ ย์ปฏบิ ัติงานอะไรบ๎าง 2.ครผู ๎ูสอนสรุปประโยชน์ และความสาคัญของเครือ่ งคอมพิวเตอร์ พร๎อมทงั้ กลาํ วนาเขา๎ สํูบทเรียน ขัน้ อธบิ ายและลงข๎อสรุป/ข้นั ดาเนินการคน๎ หาคาตอบและตรวจสอบคาตอบ ตอนที่ 1 3. นักเรียนแบํงกลุํมตามความเหมาะสมออกเป็น 8 กลํุม กลุํมละ 3-4 คน เลือกประธานและเลขานุการ กลมุํ ศึกษาและอภปิ รายกลุํมเรื่อง เครือ่ งคอมพิวเตอร์ จากหนังสือเรียนวิชา การใช๎เคร่ืองใช๎สานักงานใน หัวขอ๎ ยอํ ยดังตํอไปนี้ กลุมํ 1 ประวตั ิและววิ ฒั นาการของคอมพวิ เตอร์ กลุมํ 2 ความสาคัญของคอมพิวเตอร์ กลุํม 3 ประเภทของคอมพวิ เตอร์ กลุํม 4 ประโยชนข์ องคอมพวิ เตอร์ กลุํม 5 สวํ นประกอบของคอมพวิ เตอร์ กลมํุ 6 เคร่อื งมอื และอุปกรณต์ อํ พํวงท่ีใช๎กบั คอมพวิ เตอร์ กลมํุ 7 การดูแลและบารุงรักษาคอมพิวเตอรแ์ ละอปุ กรณต์ อํ พํวง กลํมุ 8 ขั้นตอนและวธิ ีการใชค๎ อมพวิ เตอร์ 4.นักเรียนแตํละกลุํมบันทึกผลสรุปการอภิปรายลงใน Microsoft PowerPoint เตรียมนาเสนอหน๎าช้ัน เรยี น 5.ประธานกลมุํ สงั เกตพฤติกรรมการเข๎ารวํ มกจิ กรรมกลุํม บนั ทึกสํงครผู ๎สู อน 6. แตํละกลุมํ สํงตวั แทนกลมุํ นาเสนอผลสรุปหน๎าชนั้ เรยี น 7.ครูผู๎สอนอธิบายสรุปตามเนื้อหาในหนํวยการเรยี น นักเรยี นซักถามขอ๎ สงสยั ชัว่ โมงท่ี 7 - 9 9. นักเรยี นจดั กลํุมใหมํ กลมํุ ละ 4 คน แตลํ ะกลุํมประกอบดว๎ ยผ๎ูทเ่ี กงํ ปานกลาง และอํอนคละกนั (ครผู สู๎ อนเตรียมจัดกลุมํ ลํวงหน๎า) 10. ครผู ูส๎ อนแจกใบคาถามให๎นักเรยี นแตลํ ะคนในกลํุม 11. นกั เรยี นแตลํ ะคนคิดหาคาตอบในระยะเวลาท่ีครูผู๎สอนกาหนดให๎ 12. นกั เรียนคิดหาคาตอบได๎แลว๎ จับคกํู ัน โดยผลดั กันอธบิ ายผลัดกันตอบ

ชวั่ โมงที่ 10 - 28 (ความสามารถในการวเิ คราะห์ / ใฝุเรยี นร๎ู / ชํวยกนั คดิ ชํวยกนั เรยี น) 13. ครูผูส๎ อนทบทวนเนื้อหา ทเี่ รยี นไปเมื่อคาบทแี่ ล๎ว หลังจากนัน้ ใหน๎ กั เรยี น ทาใบงาน ตาํ งๆ ดังน้ี - ใบงาน การใช๎งานโปรแกรม Microsoft Word ในรูปแบบตํางๆ - ใบงาน เกยี่ วกับการสืบค๎นข๎อมลู จาก Internet - ใบงาน การพิมพ์หนังสือราชการในรปู แบบตํางๆ - ใบงาน การจัดทาขอ๎ มลู ในตาราง(Excel) - ใบงาน เกยี่ วกบั การจดั สํงข๎อมูลทาง Internet - ใบงาน การบารงุ รักษาเครื่องคอมพวิ เตอร์ ชัว่ โมงที่ 29-36 (ความสามารถในการวิเคราะห์ / ใฝ่เรยี นรู้ / ชว่ ยกันคิดชว่ ยกันเรียน) 14. นกั เรียนเข๎ากลุํม 4 คน หมนุ เวียนผลัดเปลี่ยนกันอธบิ ายคาตอบให๎เพ่ือนฟังท้ังหมด 15.ครูผสู๎ อนและนกั เรียนรวํ มกนั สรุปบทเรยี นเรอ่ื ง คอมพวิ เตอรอ์ กี คร้งั โดยวิธกี ารถามตอบ 16. นกั เรียนซกั ถามขอ๎ สงสยั 17. ครผู ูส๎ อนใหน๎ ักเรียนทาแบบทดสอบหลังเรียน 9. ส่อื การเรยี นการสอน / แหล่งเรียนรู้ จำนวน สภาพการใช้สื่อ รายการส่ือ 1 ชุด ขั้นตรวจสอบความร๎เู ดิม 1. แบบทดสอบกํอนเรยี น 6 ชดุ ข้ันขยายความรู๎ แบบทดสอบหลงั เรียน 1 ชดุ ขั้นขยายความรู๎ 2. - ใบงาน การใช๎งานโปรแกรม Microsoft Word ในรปู แบบตํางๆ - ใบงาน เกย่ี วกบั การสบื คน๎ ข๎อมลู จาก Internet - ใบงาน การพิมพห์ นังสือราชการในรูปแบบตํางๆ - ใบงาน การจดั ทาข๎อมูลในตาราง(Excel) - ใบงาน เกยี่ วกบั การจดั สงํ ข๎อมลู ทาง Internet - ใบงาน การบารุงรักษาเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ 4. แบบประเมินผลการเรยี นร๎ู หนํวยท่ี 2

10. การวดั ผลและประเมนิ ผล เป้าหมาย หลักฐานการเรียนรู้ วธิ วี ัด เครอ่ื งมอื วดั ฯ ประเดน็ / การเรียนรู้ ชน้ิ งาน/ภาระงาน เกณฑ์การ -แบบทดสอบ ใหค้ ะแนน นกั เรยี นสามารถใช๎ -แบบทดสอบกํอนเรยี น -ตรวจแบบทดสอบ กอํ นเรยี น -หลังเรยี น คอมพิวเตอร์ได๎ -แบบใบงาน -ผาํ นเกณฑ์ ถูกต๎อง -แบบทดสอบหลงั เรยี น 70% (เน้ือหา, ความคิดรเิ ร่มิ สร้างสรรค์, ความ -ใบงาน การใช๎งานโปรแกรม -ตรวจใบงาน สมบรู ณ์ของงาน) Microsoft Word ในรูปแบบ ตาํ งๆ -ใบงาน เก่ยี วกบั การสบื ค๎นข๎อมลู -ตรวจแบบประเมินผล -แบบประเมนิ ผลการเรยี นร๎ู หนวํ ยท่ี 2 จาก Internet การเรยี นรู๎ หนวํ ยท่ี 2 -ใบงาน การพิมพห์ นงั สือราชการ ในรปู แบบตาํ งๆ -ใบงาน การจดั ทาข๎อมลู ในตาราง (Excel) -ใบงาน เกี่ยวกับการจดั สงํ ข๎อมูล ทาง Internet -ใบงาน การบารงุ รักษาเครอ่ื ง คอมพิวเตอร์-แบบประเมินผล การเรยี นร๎ู หนวํ ยที่ 2

11. จดุ เนน้ ของโรงเรียน การบรู ณาการปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงและกิจกรรมสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง ครู ผเู้ รียน 1.ความพอประมาณ พอดีดา้ นเทคโนโลยี พอดดี ้านจิตใจ รจู๎ กั ใช๎เทคโนโลยีมาผลติ ส่อื ทเ่ี หมาะสมและ มจี ิตสานึกทด่ี ี เอ้ืออาทร สอดคล๎องเนือ้ หาเปน็ ประโยชน์ตํอผู๎เรียนและ ประนีประนอม นึกถึงประโยชน์ พัฒนาจากภมู ิปัญญาของผู๎เรียน สํวนรวม/กลุมํ 2.ความมีเหตผุ ล - ยดึ ถือการประกอบอาชพี ด๎วยความถกู ต๎อง ไมํหยดุ นิ่งท่ีหาหนทางในชวี ติ หลดุ พ๎น สจุ ริต แมจ๎ ะตกอยํใู นภาวะขาดแคลน ในการ จากความทุกข์ยาก (การคน๎ หาคาตอบ ดารงชวี ติ เพือ่ ใหห๎ ลดุ พน๎ จากความไมรํ )ู๎ - ปฏบิ ตั ิตนในแนวทางทีด่ ี ลด เลิก สง่ิ ยว่ั กิเลสให๎ หมดส้นิ ไป ไมํกํอความชว่ั ให๎ เปน็ เครอ่ื งทาลาย ตัวเอง ทาลายผอู๎ ่ืน พยายามเพิม่ พนู รักษาความดี ท่ีมอี ยํูใหง๎ อกงามสมบรู ณย์ ง่ิ ข้ึน 3.มีภูมคิ มุ กนั ในตวั ที่ดี ภูมปิ ญั ญา : มคี วามรู๎ รอบคอบ และ ภมู ปิ ัญญา : มีความรู๎ รอบคอบ และ ระมดั ระวงั ระมัดระวัง สรา๎ งสรรค์ ภูมิธรรม : ซอื่ สัตย์ สุจริต ขยนั อดทน ภมู ธิ รรม : ซ่อื สตั ย์ สุจริต ขยันอดทน ตรงตํอเวลาและแบงํ ปนั ตรงตํอเวลา เสยี สละและ แบงํ ปัน 4. เงอ่ื นไขความรู๎ ความรอบรู๎ เรอื่ ง ประวตั ิและวิวฒั นาการของ ความรอบร๎ู เรือ่ ง ประวัตแิ ละ คอมพิวเตอร์ ความสาคัญของคอมพิวเตอร์ วิวัฒนาการของคอมพวิ เตอร์ความสาคัญ ประเภทของคอมพิวเตอร์ ประโยชนข์ อง ของคอมพิวเตอร์ประเภทของ คอมพิวเตอร์ สํวนประกอบของคอมพวิ เตอร์ คอมพวิ เตอร์ ประโยชน์ของคอมพวิ เตอร์ เครอื่ งมอื และอุปกรณ์ตํอพวํ งทใ่ี ช๎กบั คอมพวิ เตอร์ สวํ นประกอบของคอมพิวเตอร์ เครื่องมือ วธิ ีการใชค๎ อมพิวเตอร์ การดูแลและบารงุ รักษา และอปุ กรณต์ ํอพวํ งท่ใี ช๎กบั คอมพวิ เตอร์ คอมพิวเตอร์และอปุ กรณ์ตํอพํวง วิธีการใช๎คอมพวิ เตอร์ การดูแลและ บารุงรักษาคอมพิวเตอรแ์ ละอุปกรณ์ตํอ พวํ ง 5.เง่ือนไขคุณธรรม มีความตระหนกั ใน คุณธรรม มีความซ่ือสตั ย์ มคี วามตระหนักใน คุณธรรม มี สจุ ริตและมคี วามอดทน มคี วามเพียร ใช๎ ความซ่อื สัตย์สจุ ริตและมีความอดทน มี สติปัญญาในการดาเนนิ ชวี ิต ความเพียร ใช๎สตปิ ญั ญาในการดาเนิน ชวี ิต

กิจกรรม ครู ผ้เู รียน สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น -การเลอื กใช๎เครอ่ื งใช๎โปรแกรมในคอมพิวเตอร์ให๎ -การเลอื กใชเ๎ ครือ่ งใช๎โปรแกรมใน การเลือกใชเ๎ ครอ่ื งใช๎ เหมาะสมกบั ประเภทของงาน คอมพวิ เตอร์ใหเ๎ หมาะสมกบั ประเภท โปรแกรมในคอมพวิ เตอร์ให๎ ของงาน เหมาะสมกับประเภทของ งาน ลงชื่อ..................................................ผู้สอน (วําท่รี อ๎ ยตรีหญิงกนกอร วงศษ์ า)

ใบงานที่ 2.1 จงพิมพข์ ้อความต่อไปนีแ้ ล้วบันทกึ ลงไฟล์เอกสารชอ่ื “รกั ในวยั เรยี น” รักในวัยเรยี น สังคมไทยเปลี่ยนแปลงไปมากในปัจจุบัน อาจเพราะวัฒนธรรมตะวันตกทาให๎เด็กไทย เปลี่ยนไป แตํในความเป็นจริงวัฒนธรรมตะวันตกเป็นเพียงส่ิงเร๎าในข้ันต๎นเทําน้ัน ที่จริงแล๎วปัญหามาจาก สถาบันครอบครัวเองไมํเข๎มแข็งพอ ผ๎ูใหญํไมํสามารถที่จะให๎ความอบอุํนกับเด็กได๎อยํางเต็มที่ซ่ึง คนใน สังคมเองก็ตระหนักดี ในบางทีผู๎ใหญํก็ไมํเข๎าใจวําเด็กต๎องการอะไรทาให๎เด็กต๎องหาส่ิงที่ตัวเอง ต๎องการ บางคนก็ตั้งใจแตํบางคนก็ไมํต้ังใจทาในส่ิงที่ผิดซึ่งมองในมุมผู๎ใหญํแตํในมุมมองของเด็กอาจ เป็นสิ่งที่ไมํผิด อาจจะเป็นเพราะสังคมไทยยังไมํเปิดกว๎างกับเรื่องน้ีมากนัก เด็กบางคนสามารถ รับผิดชอบได๎แล๎วแตํบาง คนยังแบมือขอเงินจากพํอแมํอยํู ในประสบการณ์ตรงที่ผมเองได๎พบเห็นมา เด็กเชําหออยูํหรือเชําบ๎านอยูํ ดว๎ ยกันใช๎จํายรํวมกันหรือฝาุ ยหน่งึ หาเล้ียงอกี ฝาุ ย บางทเี งนิ ทพี่ ํอแมํให๎มาใช๎จํายไมํพอ ก็ต๎องหาด๎วยวิธีท่ีไมํ ถูกต๎อง เชํน การพนัน ลักเล็กขโมยน๎อย แตํนั่นไมํใชํประเด็นสาคัญ ที่สาคัญคือ การมีเพศสัมพันธ์กํอนวัย อนั ควรโดยไมมํ กี ารปอู งกัน ซ่ึงเดก็ บางคนกไ็ มํทราบผลท่ี จะเกิดตามมาวําหลังจากมีเพศสัมพันธ์จะเกิดการ ปฏิสนธิ ทาให๎ทอ๎ ง จะวาํ ไปแล๎วความจริงตาม ราํ งกายมนษุ ยเ์ พศหญิง อายุ 16 ปีขึ้นไปก็นําจะตั้งครรภ์ได๎ แลว๎ แตํการตง้ั ท๎องของฝุายหญิงน้ันเปน็ ปญั หาใหญมํ ีผลกระทบท้งั ทางการเรียนและสงั คม

ใบงานที่ 2.2 จงพิมพ์ขอ้ ความตอ่ ไปน้แี ล้วบนั ทกึ ลงไฟล์เอกสารชอื่ Word-001 มนุษย์ คือ ส่งิ มชี วี ิตชนดิ หนงึ่ ท่ีกาเนดิ ขน้ึ ในโลกนบั ล๎านปีมาแลว๎ และมนษุ ย์กม็ ีโครงสร๎างทาง รํางกาย มีความต๎องการในการมีชีวิตอยูํเชํนเดียวกับสัตว์โลกท้ังหลาย นอกจากมนุษย์จะมีความ ซับซ๎อนทางรํางกายมากกวําสัตว์โลกอ่ืน ๆ แล๎ว การเรียนรู๎ส่ิงตํางๆ และการสืบทอดความรู๎ ความ ประพฤติ การปฏิบัติ และการสั่งสมทางวัฒนธรรม ทั้งในระดับครอบครัว ชุมชน และสังคมโดย สํวนรวม ได๎ทาใหเ๎ กิดความแตกตาํ งระหวํางมนษุ ย์กับสัตว์โลกอน่ื ๆ ได๎ชดั เจนขึ้น มนุษย์มีความจาเป็นต๎องสนใจ ศึกษาทาความเข๎าใจเก่ียวกับตนเอง ตลอดจนศึกษาถึง ความสัมพันธ์ระหวํางมนุษย์กับสิ่งแวดล๎อม และระบบนิเวศ เนื่องจากส่ิงแวดล๎อมมีอิทธิพลตํอชีวิต ความเป็นอยํู และเพื่อความอยูํรอดของมนุษย์บนโลกน้ี ทาให๎ต๎องหาวิถีทางในการไขปัญหา สิ่งแวดล๎อมที่มนุษย์กาลังเผชิญอยูํทุกวันน้ี มนุษย์ต๎องใช๎ความร๎ูสาขาวิชาตําง ๆ ไมํวําจะเป็นความร๎ู ทางชีววทิ ยา เคมี ภมู ิศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ สงิ่ แวดล๎อม และนิเวศวิทยา ฯลฯ เป็นพ้ืนฐานเพ่ือศึกษาหา แนวทางในการดารงชีวิตอยูํบนโลกอยํางมีความสุข รวมทั้งได๎ตระหนักและมองเห็นคุณคําของ ธรรมชาติ ตลอดจนความเป็นไปในธรรมชาติไดด๎ ขี ึ้น ใบงานท่ี 2.3 จงเปดิ ไฟล์เอกสารท่ีบนั ทกึ ไวช้ อ่ื Word-001 ขนึ้ มาแล้วทาการพมิ พข์ ้อความทใ่ี ห้มาเพมิ่ เขา้ ไป แล้วบันทึกไฟล์ใหม่ช่ือ Word-002 การศึกษาเกี่ยวกับสิ่งแวดล๎อมได๎เร่ิมมาเป็นเวลานับร๎อยๆ ปีแล๎ว แตํสมัยกํอนไมํได๎เรียกวําเป็น การศึกษาส่ิงแวดล๎อม แตํจะเป็นการศึกษาเฉพาะทาง เชํน การศึกษาทางภูมิศาสตร์ วนศาสตร์ เกษตรศาสตร์ สาธารณสุข ฯลฯ แตํด๎วยเหตุท่ีมีการเกิดปัญหาสิ่งแวดล๎อมและมีผลกระทบตํอมนุษย์ จงึ มกี ารพฒั นารปู แบบการศกึ ษาเก่ยี วกับส่ิงแวดล๎อมขึ้น แตํแนวทางในการศกึ ษาจะตอ๎ งใช๎ความรู๎ หลาย ๆ ด๎าน มาผสมผสานกันเพื่อกํอให๎เกิดหลักการท่ีสามารถนาไปประยุกต์ใช๎ในการจัดการ สิ่งแวดล๎อม ดังน้ันการศึกษาด๎านสิ่งแวดล๎อมจึงต๎องอาศัยหลักการทางวิทยาศาสตร์เป็นพื้นฐาน เพราะ วิทยาศาสตร์เป็นศาสตร์ที่เรียนร๎ูปรากฏการณ์ธรรมชาติท่ีเกิดขึ้นในโลกอยํางเป็นขั้นตอน และเป็น กระบวนการที่นาไปสํูการสรุปอยํางมีกฎเกณฑ์ และเป็นระบบ ซ่ึงจะเป็นพ้ืนฐานในการศึกษาสิ่งแวดล๎อม มีแนวทางในการศึกษาทชี่ ัดเจนถกู ต๎องและเป็นระบบยิ่งขน้ึ

ใบงานท่ี 2.3 (ต่อ) ความร๎ทู างวิทยาศาสตร์สามารถประยกุ ตใ์ ชเ๎ พื่อเป็นแนวทางในการศึกษาสงิ่ แวดล๎อมได๎ดังนี้ 1. ใชก๎ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์หาชนิด ปรมิ าณ สัดสํวน และการกระจายของสงิ่ แวดลอ๎ ม เชนํ การหาปรมิ าณหรือชนิดของส่งิ มชี ีวติ ในระบบนิเวศ เป็นต๎น 2. ศกึ ษาความสัมพันธต์ ามธรรมชาตขิ องสิ่งมีชวี ติ ในระบบนิเวศ 3. ศึกษากระบวนการเกดิ มลสารหรือสารพิษในระบบส่ิงแวดล๎อม ตลอดจนการใช๎เทคโนโลยี เพอื่ บาบดั มลพิษในส่งิ แวดล๎อม 4. ศึกษาบทบาทของเทคโนโลยที ี่นามาใช๎ในการผลติ ตอ๎ งไมํสร๎างปัญหาใหแ๎ กํสงิ่ แวดลอ๎ ม 5. ศึกษาการปูองกันและการกาจดั ของเสยี จากกระบวนการในระบบสงิ่ แวดลอ๎ ม เพื่อมใิ ห๎ เกิดผลกระทบตํอคุณภาพชีวติ ของมนุษย์ นอกจากนย้ี ังตอ๎ งศึกษาวธิ กี ารกาจัดของเสียเหลําน้นั ให๎ สามารถใช๎ประโยชนใ์ นรูปแบบทมี่ นษุ ย์จะใช๎เพื่อการดารงชีวิตได๎ เชํน การนาขยะมูลฝอยมาทาป๋ยุ ชีวภาพ เป็นตน๎ 6. ใช๎วทิ ยาศาสตร์เพื่อการศึกษาพลังงาน ทัง้ ในการประยุกต์ใช๎และรูปแบบของการอนุรักษ์ เชํน การใช๎พลงั งานทดแทนจากนา้ ลม แสงอาทิตย์ เปน็ ต๎น 7. ศกึ ษาพฤตกิ รรมและบทบาทของมนุษย์ ในกระบวนการทางเศรษฐกจิ และสงั คมวํามี ผลกระทบตํอทรัพยากรธรรมชาติ และส่งิ แวดลอ๎ มอยํางไร เชํน การใชท๎ ่ดี ิน การใชท๎ รัพยกรปาุ ไม๎ น้า แรํ อากาศ เปน็ ตน๎ จากข๎อมูลดงั กลําวจะเหน็ ได๎วําความร๎ูทางวทิ ยาศาสตร์ เป็นเคร่อื งมือสาคัญในการศกึ ษา สงิ่ แวดล๎อมเพราะเป็นศาสตร์ทช่ี วํ ยพิสูจน์หาความจริงหรอื ปรากฏการณ์ของสงิ่ แวดล๎อมโดยอาศัย หลกั การและวิธีการผสมผสาน อันจะนามาเพ่ือความอยรูํ อดและคุณภาพของชีวติ ที่ยง่ั ยืนตลอดไป การที่มนุษย์มีชวี ติ อยมํู าตั้งแตํสมัยโบราณจนถึงปัจจุบนั และครอบครองความเปน็ ใหญบํ นโลก นี้ มนุษยไ์ ด๎ผาํ นกระบวนการวิวฒั นาการและการเปล่ยี นแปลงความสมั พันธต์ ํางๆ ระหวาํ งมนษุ ย์กบั สิ่งแวดล๎อมมาเปน็ ข้นั ตอนตามลาดบั จะเหน็ ได๎วํามนุษยแ์ ละสงิ่ มีชวี ิตอื่น ๆ ได๎พยายามปรบั ตัวให๎ สามารถอยูํรอดในธรรมชาติได๎ โดยมีวิวฒั นาการเป็นข้นั ตอนเปน็ ลาดับ และมีการเปลีย่ นแปลง ทางด๎านพันธุศาสตรใ์ ห๎สอดคล๎องกบั ความเปลย่ี นแปลงของธรรมชาตใิ นลักษณะทางภูมิศาสตร์ท่ี แตกตํางกัน

ใบงานที่ 2.4 จงพิมพข์ อ้ ความต่อไปน้แี ล้วบันทึกลงไฟล์เอกสารชอ่ื Horoscope และสั่งพิมพ์ออกทาง เครือ่ งพมิ พ์ คณุ เกดิ ราศีอะไร? ราศีเมษ (21 ม.ี ค. - 20 เม.ย.) : รูปลกั ษณ์ ชาวราศีเมษน้ีรูปรํางสันทัด ผิวเน้ือสมควรจะเป็นสีดาแดงมากกวํา ถ๎าเป็นผิวสีขาวเหลืองหรือ ผิวขาวก็ ไมตํ อ๎ งกบั โฉลกแนํ ทําทางมีสงาํ ลกั ษณะการเดนิ มจี ุดเดนํ ของตนเองที่นําสนใจของผ๎ูพบเห็น ราศีพฤษภ (21 เม.ย. - 19 พ.ค.) : รูปลกั ษณ์ รูปรํางที่ถูกโฉลกกับราศีนี้จะต๎องเป็นคนผิวขาว สูง เรียกได๎วําเป็นคนสูงโปรํง ถ๎าผิดไปจากน้ี ถือวําไมํดี เทําที่ควร ทําทางดี การก๎าวยํางภูมิฐานพอตัว นําเลื่อมใส แม๎จะไมํหลํอเหลาเทําวิลล่ี หรือต๊ิก เจษฎาภรณ์ ก็ เถอะ กริ ิยาอาการอยูใํ นเกณฑ์ดีทเี ดยี ว ราศีเมถุน (20 พ.ค. - 21 มิ.ย.) : รปู ลกั ษณ์ ชาวราศีเมถุนน้ีมักจะมีรูปรํางสันทัด ผิวสองสี ถ๎าผิวขาวก็ถือวําไมํถูกโฉลก รูปรํางดี จัดได๎วํา สวยงาม พอใช๎ ไมํขี้เหรํเลย แตํก็ไมํถึงกับหลํอเหลาเอาการนักหรอก จัดได๎วําพออาศัยเดินเหิน มีลักษณะที่ดี อาจจะต๎อง ตาต๎องใจเพศตรงข๎ามได๎ เร่ืองการแตํงเน้ือแตํงตัวพิถีพิถันทีเดียวเลย มองดู สวยงามไปได๎ ข๎อนี้ถือวําเป็นนิสัย เลยเกดิ ผลดแี กํตัวเองไป ราศกี รกฎ (22 ม.ิ ย. - 21 ก.ค.) : รปู ลกั ษณ์ ชาวราศีกรกฎนี้รูปรํางไมํใหญํโตเลย คํอนข๎างจะเล็กเอาด๎วย ผิวเน้ือสองสี คือดาแดง ก็จะถูก โฉลก แนนํ อน รูปรํางสูงใหญกํ ไ็ มเํ หมาะกับชาวราศีน้ี สวรรคส์ ร๎างมาใหม๎ รี ปู รํางเล็ก รูปรํางของชาวราศี กรกฎกะทัดรัด แถมผิวเน้ือดาแดงเสียงดังฟังชัดดี คลํองแคลํววํองไวดี การเดินเหินเป็นไปอยํางเรํง พอประมาณทีเดียว ไมํหลํอ เหลา หรือสวยสดงดงามนัก เพยี งพอไปวดั ไปวากบั เขาได๎ ราศสี งิ ห์ (22 ก.ค. - 21 ส.ค.) : รูปลกั ษณ์ ชาวราศีสิงห์จะต๎องเป็นผ๎ูที่มีรูปรํางสันทัด ผิวเนื้อขาวเหลือง จะถูกโฉลกมาก เรียกวําถูกต๎อง ตามราศี เกิดทีเดียว หากพ๎นไปจากน้ี เชํน ผิวดาแดง หรือดาคล้า ผิวสองสีก็จะไมํถูกต๎องตามดวง ชะตาเลย ถือวําผิด แปลกไปมาก การเดินเหินเดํน สงํางามพอใช๎ จึงมักมีเสนํห์สาหรับเพศตรงข๎ามอยูํมาก ทําทางดี หํุนงามพอได๎ สาหรบั ชาวราศีสงิ หเ์ พศชาย การแตงํ กายชอบความสวย พถิ ีพิถนั นักก็ตาม ก็ยังจัดได๎วํามีความประณีตบรรจงอยํู มาก ราศีกันย์ (22 ส.ค. - 21 ก.ย.) : รปู ลกั ษณ์ ชาวราศีกนั ย์น้ี รปู รํางลกั ษณะสมตัว ไมํสูงไมํใหญํอะไร แตํสีผวิ จะตอ๎ งเปน็ ดาแดง คือ ผิวสองสี ก็จะเป็น ลกั ษณะของผ๎ทู ี่เกดิ ในราศีนี้ ถูกต๎อง ถกู โฉลกดี กริ ิยาอาการ การเดนิ เหิน นับวาํ มีความหลอํ เหลาเอาการอยูํ ไมํ แพ๎ชาวราศอี น่ื หูตามองเพศตรงข๎ามด๎วยความหมาย เจา๎ ช๎ูกร๎ุมกริ่ม ทําทางจึงต๎องวางมาดดีเสมอ แตํงเนื้อแตํงตวั ดตี ลอด เพราะความเจ๎าชูส๎ อนเอาไว๎วําจะต๎องไมํหมองเศร๎า หรือซอมซอํ ไมํเอาไหน

ใบงานที่ 2.4 (ตอ่ ) ชาวราศตี ลุ ย์ (22 ก.ย. – 21 ต.ค.) : รูปลกั ษณ์ ชาวราศตี ลุ ย์นี้ สวํ นมากจะต๎องมีรูปราํ งสนั ทัด ผิวเน้ือคํอนข๎างขาวแบบผิวสองสี การยาํ งก๎าว เดนิ เหินเป็นไปตามแบบเรยี บๆ ไมํวํองไวโลดโผน วางตวั ดี กิริยาอาการบงํ บอกถึงความเปน็ คนสุภาพ อํอนโยน บคุ ลกิ ดี ขอบแตํงกายเรียบๆ ทวํามีความเรยี บร๎อย ราศพี ิจิก (22 ต.ค. - 21 พ.ย.) : รปู ลกั ษณ์ ชาวราศีพิจิก สํวนใหญํจะต๎องเป็นผทู๎ ีม่ ผี ิวเนอ้ื ดาแดง รปู ราํ งสนั ทดั จึงจะถูกโฉลก ถา๎ เป็นคนที่มีผวิ ขาว หรอื ดาก็ไมถํ ูกต๎องไมดํ ี การเดินเหินมองดูมสี งําราศีดี แตํงตัวดี และชอบการปรุงโฉมของ ตนเองท้ังเพศชายและ เพศหญิงดว๎ ย เลยทาให๎ผ๎ูทพี่ บเหน็ มองวาํ บุคลิกลกั ษณะดียง่ิ ขึ้น ราศีธนู (22 พ.ย. – 21 ธ.ค.) : รูปลักษณ์ ชาวราศธี นูน้ัน สมควรจะต๎องเปน็ คนผิวเนื้อขาวเหลืองจึงจะถูกโฉลก รูปรํางไมใํ หญโํ ต แตํสันทัด การเดินเหนิ เป็นไปดว๎ ยความราบเรียบ ระมัดระวงั สภุ าพ ชาวราศีธนเู ปน็ ผูท๎ ่ีมีเสนํหอ์ ยํูใน ตวั เองแบบ ประหลาดๆ จึงเป็นที่ชนื่ ชมแกผํ ูพ๎ บเหน็ ทว่ั ไป วางตัวดี นําสนใจพอสมควร กิริยาอาการน้ีเองทีเ่ ป็นเสนํห์อยาํ ง หน่งึ ของชาวราศีธนทู ้ังหลาย ราศมี งั กร (22 ธ.ค. – 20 ม.ค.) : รูปลกั ษณ์ - ชาวราศมี ังกรสํวนใหญจํ ะต๎องเป็นผูท๎ ่มี รี ปู ราํ งสนั ทัด คนผวิ เนอื้ ดาแดงหรือผิวสองสี นอกน้ันผิด ไมํถูกต๎องตามโฉลก ผิดลักษณะไปจากน้ีก็จะไมดํ ีเทํา ถือวําเปน็ ผ๎ูทแี่ หวกออกไปจากสถิติ ไมํดี แปลก คนไปทเี ดยี ว พดู จาดี ทําทางดี ภมู ฐิ าน นาํ เชื่อถอื เดินเหินองอาจ วางมาดดี นาํ เชอ่ื ถอื นาํ เลอ่ื มใส ศรทั ธา เป็นบคุ ลกิ ของผม๎ู ีความรู๎และมคี ุณธรรม ราศีกมุ ภ์ (21 ม.ค. - 20 ก.พ.) : รปู ลกั ษณ์ ชาวราศีกุมภ์โดยทั่วไป จะต๎องมีผิวเน้ือดาแดง รูปรํางสันทัด ใครมีผิวเน้ือผิดแปลกไปจากนี้ถือ วําไมํถูกโฉลกจะไมํดีแกํตนเอง เพราะถือวําผิดไปจากธรรมดา การยํางก๎าวเดินเหินเป็นไปอยํางนุํมนวล มีเสนํห์ ตอํ ผู๎พบเห็นทเี่ ดียว การพูดจา ลกั ษณะทําทาง เป็นไปอยํางสภุ าพ เลยทาใหเ๎ ปน็ ที่ ถูกใจคนท้ังหลาย ราศีมนี (21 ก.พ. - 20 ม.ี ค.) : รูปลกั ษณ์ ชาวราศีมีนโดยทั่วไปนนั้ มักมีสีผวิ คํอนข๎างดา แตํก็ไมดํ ามาก ไมํขาวเทําไร อาจจะพดู ไดว๎ ํา ดาแดงหรอื สองสี คํอนขา๎ งไปทางดานดิ หนอํ ย วํายังงนั้ ก็ได๎ รูปลักษณะของชาวราศมี นี กน็ ําจะเปน็ คนรปู รํางผอม ราํ งเล็ก และสนั ทดั

ใบงานที่ 2.5 จงพิมพ์ข้อความต่อไปนี้แล้วบนั ทึกลงไฟลเ์ อกสารชอ่ื “ขนมไทย” พร้อมตกแต่งเอกสาร โดยแทรกรูปภาพ(ค้นหาภาพจาก Internet) ตามความเหมาะสม และส่ังพิมพอ์ อกทางเครอ่ื งพิมพ์ ขนมกบั ประเพณีไทย นสิ ยั ของคนไทยโดยทั่วไปนั้น เมอื่ รับประทานอาหารคาวเสร็จแล๎วก็ตอ๎ งตามด๎วยของหวานเสมอ เนื่องจากเมืองไทยอยใํู นเขตอากาศร๎อน ผลไม๎ตํางๆ มีให๎บริโภคตลอดทั้งปี และสามารถนามาตากแห๎ง เช่ือม กวน ทาเป็นขนมเก็บไว๎รับประทานได๎ตลอด ในหน๎าหนาวก็จะนิยมรับประทานขนมร๎อน เชํน ขนมบัวลอย ถ่ัวเขียวต๎ม น้าตาล หน๎าร๎อนขนมจะใสํน้าแข็ง เพ่ือชํวยดับความร๎อน เชํน ขนมซาหริ่ม ลอดชํอง และทับทิม กรอบ สํวนใน ฤดฝู นการเดินทางลาบากผู๎หญงิ ไทยก็รู๎จกั การทาขนมแห๎งเก็บไว๎รบั ประทานไดน๎ าน เม่ือถึงงานบุญประเพณีตํางๆ ใครที่มีฝีมือในการทาขนมอะไรก็มาชํวยกันคนละไม๎ละมือ เป็นวัฒนธรรม อันดีท่ีสร๎างความสามัคคีในหมํูบ๎านหรือบ๎านใกล๎เคียงที่มีมาต้ังแตํสมัยโบราณ ทุกวันน้ียังมีให๎เ ห็น อยูํบ๎าง ตามตํางจังหวัด เม่ือมีงานบุญงานกุศลตํางๆ ขนมท่ีใช๎ในงานประเพณีก็จะเป็นขนมที่มีชื่อใน ความหมายดีๆ เสมอ เป็นมงคลนามมีลักษณะท่ีแลดูเหมาะสมเพ่ือนาไปใช๎ในแตํละงานได๎อยํางเหมาะสมมากยิ่งข้ึน ขนมที่ใช๎ในงานบุญ งานกศุ ลตํางๆ ของชาวไทยในสมัยกอํ นทีน่ ยิ มทากนั มีมากมายโดยจะแยกเป็นพธิ ี ประเพณีดังนี้ • พิธีมงคลต่าง ๆ สํวนมากนิยมใช๎ขนมถ๎วยฟู ขนมฝักบัว ขนมทองเอก ขนมทองพลและขนมที่มีช่ือเรียกขึ้นต๎นวํา “ทอง” ขนมเทียน ขนมช้ัน (นิยมทาเป็น 9 ชั้น) และขนมจํามงกุฎ ซ่ึงถือวําเป็นขนมสุดยอดของไทยท่ีนิยมทามาใช๎ในพิธี รับการโปรดเกลา๎ ฯ เลื่อนยศถาบรรดาศักดิ์ของเจา๎ นายในสมยั กํอน • พิธแี ตง่ งาน นอกจากจะมีขนมที่ใช๎ในงานเก่ียวกับพิธีมงคลแล๎ว ยังมีขนมกง (รูปรํางเป็นล๎อรถ ไมํมีรอยตํอ ซ่ึงมี ความเชื่อวําจะทาให๎ความรักของคํูบําวสารจีรัง ไมํมีวันแยกจากกัน) ขนมโพรงแสม (มีรูปรํางยาวใหญํคล๎ายกับ เสาบ๎านเสาเรือน ทาให๎อยํูกันยืนยาว) ขนมสามเกลอ (มีลักษณะเป็นสามก๎อนติดกัน เตรียมไว๎สาหรับให๎คูํบําวสาว เส่ยี งทายวําจะอยูํดว๎ ยกนั ไดน๎ านหรือไมํ หากขนมแยกออกจากกันก็ถือวําไมํใชํเน้ือคูํที่แท๎จริง) นอกเหนือจากน้ียังมี ขนมใสํไส๎ ขนมฝกั บวั ขนมบ๎าบ่ิน และขนมนมสาวอีกด๎วย • ประเพณีสงกรานต์ กอํ นจะถึงเทศกาลตรุษสงกรานตช์ าวบ๎านจะชํวยกันกวนกะละแมเตรียมเอาไว๎สาหรับแขกเหรื่อที่มารดน้า ดาหวั ผใู๎ หญํ ถ๎าแจกไมหํ มดกส็ ามารถเกบ็ ไวร๎ บั ประทานเองได๎ โดยใสใํ นโหลแกว๎ ทีม่ ฝี าปดิ สนิท • พิธีบวงสรวงสงั เวยเทพยดา ขนมทีน่ ิยมใช๎กันมาตั้งแตํสมัยโบราณจนถึงปัจจุบันก็คือ ขนมต๎มแดงและขนมต๎มขาว ซึ่งเป็นความเชื่อถือ ในลทั ธพิ ราหมณ์ • งานบญุ ออกพรรษา มีพธิ ีทาบุญตกั บาตรเทโวด๎วยขา๎ วตม๎ ลกู โยน ซึง่ มีมานานต้ังแตํสมัยโบราณจนถงึ ปัจจุบนั

ใบงานที่ 2.6 1.ใหผ้ ู้เรยี นพมิ พข์ ้อความต่อไปน้ีโดยใช้ฟอนต์ TH SarabunPSK ขนาด 16 พอยต์ และบนั ทกึ ลง ในไฟลเ์ อกสาร ชื่อ กระดงิ่ ก้ามปู 2. ใหเ้ ลอื กขอ้ ความทีพ่ มิ พไ์ วโ้ ดยลากเมาส์ (Drag) ให้ครอบคลุมข้อความท้งั หมด จากนน้ั ให้ เลอื่ นเมาสไ์ ปท่ีปุม่ คอลัมน์ (Column button) ทอ่ี ย่บู นแถบเครอ่ื งมือโดยลากเมาส์ (Drag) เพ่ือเลือก 2 คอลัมน์ โดยใช้ฟอนต์ TH SarabunPSK ขนาด 12 พอยต์ และให้ขยายตวั อกั ษรแรกของยอ่ หนา้ พร้อมสงั่ พมิ พอ์ อกทางเครือ่ งพมิ พ์ กระดิ่งกา้ มปู กระด่ิงก๎ามปู หรือ ปูกระด่ิง เป็นของเลํนพื้นบ๎านของเด็กไทยท่ีอาศัยอยํูตามท๎องไรํท๎องนาใน สมัยกํอน โดยผู๎ให๎มักแขวนกระด่ิงก๎ามปูไว๎ตามกระทํอมกลางไรํให๎เด็กๆ นอนมอง และฟังเสียงกระทบกันของลูกกระดิ่งกับ กา๎ มปูทแ่ี กวํงไหวไปตามแรงลม โดยท่ัวไปปูนาทีม่ ขี นาดตัวโตจะมีก๎ามใหญํและชอบทาลายต๎นกลา๎ ให๎เสยี หายอยูํเสมอๆ ชาวนาจึงต๎องคอย จับปูท่ีแอบหลบอาศัยอยํูตามคันนามาปรุงอาหาร เม่ือรับประทานเนื้อปูหมดแล๎วจึงคิดนาก๎ามปูมาประดิษฐ์เป็น ของเลํน อยาํ งงาํ ยๆ โดยใชเ๎ ชือกหรือด๎ามมัดกา๎ มหนีบข๎างหน่ึงให๎เป็นลูกกระดิ่งแล๎วร๎อยไปในโพรงก๎ามปูสํวนที่เป็น กระด่ิง แล๎วร๎อยจัดระยะให๎ลูกกระด่ิงแกวํงไปมาได๎สะดวก แล๎วจึงมัดข้ัวกระด่ิงให๎แนํน สํวนใบพัดท่ีทาหน๎าท่ีรับ แรงลมทาจากใบไม๎จาพวกใบตาลหรือใบลานที่นามามัดกับสํวนปลายลูกกระด่ิงหรือสํวนบนของกระด่ิงก๎ามปู เม่ือ ลมพัดมากระดงิ่ ก๎ามปทู ีแ่ ขวนไวห๎ ลายๆ อันเรียงกันก็จะสํงเสียงประสานกันคลา๎ ยเสียงดนตรไี พเราะยงิ่ กระดิ่งกา้ มปู กระด่ิงก๎ามปู หรือ ปูกระด่ิง เป็นของเลํนพื้นบ๎านของ อยตูํ ามคนั นามาปรุงอาหาร เมื่อรับประทานเนือ้ ปูหมดแล๎วจงึ คิดนา ก๎ามปูมาประดิษฐ์เป็นของเลํน อยํางงํายๆ โดยใช๎เชือกหรือด๎ามมัด เ ด็ ก ไ ท ย ท่ี อ า ศั ย อ ยํู ต า ม ท๎ อ ง ไ รํ ท๎ อ ง น า ใ น ส มั ย กํ อ น กา๎ มหนีบข๎างหน่งึ ให๎เปน็ ลกู กระด่ิงแล๎วร๎อยไปในโพรงก๎ามปูสํวนที่เป็น โดยผ๎ูให๎มักแขวนกระดิ่งก๎ามปูไว๎ตามกระทํอมกลางไรํให๎เด็กๆ นอน กระด่ิงแล๎วร๎อยจัดระยะให๎ลูกกระด่ิงแกวํงไปมาได๎สะดวก แล๎วจึงมัด มอง และฟังเสยี งกระทบกันของลูกกระดิง่ กบั กา๎ มปู ท่ีแกวํงไหวไปตาม ขัว้ กระดง่ิ ใหแ๎ นํน สํวนใบพดั ท่ีทาหนา๎ ท่ีรับแรงลมทา จากใบไม๎จาพวก แรงลม ใบตาลหรือใบลานที่นามามัดกับสํวนปลายลูกกระดิ่งหรือสํวนบนของ กระด่งิ กา๎ มปู เม่อื ลมพดั มากระดง่ิ ก๎ามปทู ่แี ขวนไว๎หลายๆ อนั เรยี งกนั ก็ โดยท่วั ไปปนู าทมี่ ขี นาดตัวโตจะมีก๎ามใหญํและชอบทาลาย จะสํงเสยี งประสานกนั คลา๎ ยเสียงดนตรไี พเราะยิ่ง ตน๎ กลา๎ ใหเ๎ สยี หายอยํูเสมอๆ ชาวนาจึงตอ๎ งคอยจับปูที่แอบหลบอาศยั

แบบประเมิน ใบงานที่ ................. วัน............../................./.................. ระดับคุณภาพ ผลการ เนื้อหา รปู แบบตามท่กี าหนด ความสวยงาม/สร้างสรรค์ ประเมนิ (ผํานเกณฑ,์ คะแนนท่ี ลาดบั ท่ี ชอ่ื -สกลุ ได้/ระดับ พอใช๎, ตอ๎ งปรับ ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ดี พอใช้ ปรบั ปรุง คุณภาพ ปรุงใหม)ํ (3) (2) (1) (3) (2) (1) (3) (2) (1) 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 11. 12. เกณฑก์ ารประเมินผลใบงานท่ี 2.1 - 2.6 ประเด็นการประเมนิ ดี(3) ระดับคณุ ภาพ ปรับปรงุ (1) พอใช(้ 2) เนอ้ื หา ขอ๎ มลู ครบถว๎ นทกุ ประเดน็ หลากหลาย ถูกต๎อง ดาเนินการค๎นคว๎าขอ๎ มลู ท่ี สมบรู ณ์ ชัดเจน มขี อ๎ มลู ที่ขาดไปเพียง1-2 ตอ๎ งการไดเ๎ พยี งบางสวํ น ประเด็น รูปแบบตามทกี่ าหนด จัดทาตามรูปแบบที่กาหนดครบถว๎ นทุกขอ๎ จัดทาตามรูปแบบทกี่ าหนดขาด จดั ทาตามรูปแบบทกี่ าหนดขาด ไปเพียง 1ขอ๎ ไปเพยี ง 1 – 2 ขอ๎ ความสวยงาม/ รปู แบบสวยงามมคี วามคดิ สรา๎ งสรรค์ นาเสนอ รูปแบบสวยงาม รูปแบบไมสํ วยงาม สร้างสรรค์ รูปแบบแปลกใหมํ ผา่ นเกณฑ์ ความคดิ สรา๎ งสรรคน์ อ๎ ย พอใช้ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ตอ้ งปรบั ปรงุ ใหม่ คะแนน 7-9 คะแนน หมายถึง คะแนน 4-6 คะแนน หมายถึง คะแนน 4 คะแนน หมายถึง

ใบคาถาม 2.7 จงตอบคาถาม 1. การนาระบบคอมพวิ เตอร์เข๎ามาชํวยในการปฏิบตั ิงานมีประโยชนใ์ นดา๎ นใดบา๎ ง 2. จงบอกหลกั เกณฑ์และข๎อควรปฏิบตั ใิ นการใชเ๎ คร่ืองคอมพวิ เตอรแ์ ละพรินเตอรม์ า 4 ข๎อ 3. จงอธบิ ายวธิ กี ารดูแล และบารงุ รักษาคอมพิวเตอรแ์ บบ PC 4. ปจั จบุ ันเคร่ืองคอมพิวเตอร์ที่ใช๎ทางานในสานักงานสวํ นใหญํนิยมใช๎โปรแกรมสาเร็จรูปอะไร 5. เครอ่ื งคอมพิวเตอร์สวํ นใหญํทางานด๎วยระบบใด 6. คอมพิวเตอร์ได๎เข๎ามามีบทบาทเก่ียวข๎องกับชีวติ ประจาวนั อยํางไรบ๎าง เกณฑก์ ารประเมนิ คะแนนรวมทั้งหมด 6 คะแนน ตอบถูกได๎ 1 คะแนน ตอบผิดได๎ 0 คะแนน

ใบงานที่ 2.8 ใหผ้ ู้เรยี นพิมพ์ข้อความตามแบบต่อไปนี้ ลงใน โปรแกรม Microsoft Excel และสง่ั พิมพ์ออกทาง เครื่องพิมพ์ โดยใช้ฟอนต์ขนาด 14 พอยต์ ตารางสรปุ ผลการจัดสรรและการใชจ้ ่ายเงนิ งบประมาณและเงนิ บารุงการศึกษา ประจาปงี บประมาณ 2552 หมวดรายจา่ ย เงนิ งบประมาณ ยอดใชจ้ ่าย เงินบารุงการศึกษา ยอดใชจ้ า่ ย ยอดจดั สรร ยอดจดั สรร เงนิ เดือนคําจ๎างประจา 17,654,200.00 16,629,423.35 - - คําจา๎ งช่วั คราว 152,640.00 107,278.84 3,518,201.28 3,575,040.00 คาํ ตอบแทนใช๎สอย 11,354,100.00 14,335,242.12 1,262,074.59 3,236,700.00 วสั ดุ คําสาธารณูปโภค 445,000.00 444,800.41 477,280.51 260,000.00 คําครุภณั ฑ์ 1,640,000.00 1,323,130.00 3,904,734.00 5,604,500.00 คาํ ทดี่ นิ และส่ิงกํอสร๎าง - - - - เงินอดุ หนุน 12,500.00 602,200.00 - - รายจาํ ยอ่ืนๆ 356,145.00 354,366.50 7,760.00 1,279,702.91 34,372,985.00 33,796,441.42 9,170,050.38 13,955,942.91

แผนการจัดการเรยี นรู้ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 เรือ่ ง เครือ่ งมือและอุปกรณต์ ่อพ่วงเครอื่ งคอมพิวเตอร์ แผนจัดการเรียนรูท้ ่ี 3 เรื่อง เครื่องมือและอุปกรณต์ อ่ พ่วงเคร่อื งคอมพิวเตอร์ รายวชิ า การใช้เคร่อื งใช้สานกั งาน รหัสวิชา ง31233 ระดับชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 น้าหนกั เวลาเรยี น 1.5 (นน./นก.) เวลาเรียน 3 ชวั่ โมง/สัปดาห์ เวลาที่ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 9 ชัว่ โมง ............................................................................................................................. ............................. 1. สาระสาคัญ (ความเข้าใจทีค่ งทน) เครือ่ งคอมพวิ เตอรจ์ ะทางานได๎ นอกจากจะตอ๎ งประกอบไปด๎วย ตัวเครื่อง (Hardware) คาส่ังเครื่อง (Software) และ บุคลากรคอมพวิ เตอร์ (People ware) แลว๎ นนั้ สงิ่ ท่ีจาเปน็ และจะขาดมิไดค๎ ือ เคร่อื งมือและอุปกรณ์ตํอพํวงเคร่ืองคอมพิวเตอร์ ซ่ึงได๎แกํ อุปกรณ์รับข๎อมูล (Input Devices) เชํน แปูนพิมพ์ เมาส์ แทรกบอลล์ ไมโครโฟน สแกนเนอร์ เป็นต๎น อุปกรณ์ แสดงผลข๎อมลู (Output Devices) เชนํ จอภาพ เคร่อื งพมิ พ์ โมเด็ม ลาโพง เป็นต๎น และอุปกรณ์จัดเก็บข๎อมูล (Data Storage Devices) เชนํ หนวํ ยความจาแรม หนํวยความจารอม ซีดี ดีวีดี แฟลชไดรฟ์ เป็นต๎น ดังน้ันเครื่องมือและอุปกรณ์ตํอพํวงเครื่อง คอมพิวเตอร์ จึงเป็นเครื่องมือท่ีมีความสาคัญและจาเป็นอยํางยิ่งที่ชํวยให๎เครื่องคอมพิวเตอร์ทางานได๎อยํางสมบูรณ์ และมี ประสิทธภิ าพยง่ิ ขน้ึ 2. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั ชั้นป/ี ผลการเรียนร/ู้ เปา้ หมายการเรียนรู้ 1. บอกความสาคญั ของเคร่ืองมือและอปุ กรณต์ อํ พํวงเครอื่ งคอมพิวเตอร์ได๎ 2. บอกประเภทของเครอ่ื งมือและอปุ กรณต์ อํ พวํ งเครอ่ื งคอมพิวเตอรไ์ ด๎ 3. อธิบายอุปกรณร์ บั ข๎อมูลชนดิ ตํางๆ ได๎ 4. อธบิ ายอปุ กรณแ์ สดงผลข๎อมลู ชนดิ ตํางๆ ได๎ 5. อธบิ ายอุปกรณจ์ ดั เก็บข๎อมลู ชนดิ ตํางๆ ได๎ 6. อธบิ ายวิธใี ชเ๎ ครือ่ งเลนํ เอม็ พี 3 บันทกึ เสยี งได๎ 7. อธบิ ายวธิ ใี ช๎เครื่องปาลม์ และพ็อกเก็ตพีซีบนั ทึกตารางเวลาในการทางานได๎ 8. อธิบายวธิ กี ารดแู ลและบารุงรกั ษาเคร่ืองมือและอปุ กรณต์ อํ พวํ งเครื่องคอมพิวเตอรไ์ ด๎ 9. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม คํานิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ผู๎สอนสามารถสังเกตเห็นได๎ ในด๎านความมีมนุษย สัมพันธ์ ความมวี นิ ยั ความรบั ผดิ ชอบ ความเชือ่ มน่ั ในตนเอง ความสนใจใฝรุ ๎ู ความรกั สามคั คี ความกตัญญูกตเวที 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 เน้อื หาสาระหลกั : Knowledge (นักเรยี นต๎องรู๎อะไร) 1. ความสาคญั ของเคร่อื งมือและอุปกรณต์ ํอพํวงเครอื่ งคอมพวิ เตอร์ 2. ประเภทของเคร่อื งมอื และอปุ กรณ์ตํอพวํ งเคร่ืองคอมพิวเตอร์ 3. อุปกรณ์รับขอ๎ มลู 4. อุปกรณ์แสดงผลขอ๎ มูล 5. อุปกรณจ์ ดั เกบ็ ขอ๎ มลู 6. เอ็มพี 3 7. ปาลม์ และพอ็ กเกต็ พซี ี 8. การดูแลและบารงุ รักษาเครอื่ งมือและอุปกรณ์ตํอพํวงเครือ่ งคอมพิวเตอร์ 3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ : Process (นกั เรยี นสามารถปฏิบัติอะไรได๎) 3.2.1 สามารถอธบิ ายและสามารถใชง๎ านอปุ กรณ์ตอํ พํวงเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ได๎ 3.3 คณุ ลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์ : Attitude (นกั เรยี นควรแสดงพฤติกรรมการเรยี นอะไรบา๎ ง) 3.3.1 นกั เรยี นรบั ผดิ ชอบในการทางานที่ครูผู๎สอนมอบหมายให๎ และสงํ งานตรงเวลา 3.3.2 นักเรียนศกึ ษาคน๎ คว๎าขอ๎ มลู หรอื เน้ือหาในสวํ นที่ไมํคํอยเข๎าใจจากทาอินเทอรเ์ น็ต

4. สมรรถนะสาคญั ของนกั เรยี น 4.1 ความสามารถในการคิด 4.2 ความสามารถในการใชเ๎ ทคโนโลยี 5. คุณลักษณะของวิชา 5.1 ความรับผดิ ชอบ 5.2 ความรอบคอบ 6. คณุ ลักษณะทีพ่ งึ ประสงค์ 6.3.1 ความรบั ผิดชอบ 6.3.2 ความสนใจใฝรุ ๎ู 7. ชนิ้ งาน/ภาระงาน -แบบทดสอบกอํ นเรียน -แบบทดสอบหลงั เรียน -ใบงานตอบคาถามเก่ียวกบั เครอื่ งมือ และอุปกรณ์ตอํ พวํ งเคร่อื งคอมพิวเตอร์ 8. กจิ กรรมการเรียนรู้ (จัดกิจกรรมการเรยี นรูโ๎ ดยใช๎กระบวนการใด แสดงตามขน้ั ตอน : เวลาท่ีใช๎ 3 ชว่ั โมง ขนั้ นาเขา๎ สูบํ ทเรยี น/ขัน้ ตั้งคาถาม 1.ให๎นักเรียนทาแบบทดสอบกํอนเรียน หลังจากนั้นนักเรียนชํวยกันบอกประโยชน์ของเคร่ืองมือและอุปกรณ์ตํอพํวง เครอ่ื งคอมพิวเตอร์ ขั้นสารวจและคน๎ พบ/ขนั้ การเตรียมการคน๎ หาคาตอบ 2.ครผู ูส๎ อนสรปุ ประโยชน์ และความสาคญั ของเครื่องมอื และอปุ กรณ์ตํอพวํ งเครือ่ งคอมพวิ เตอร์ พร๎อมทั้งกลําวนาเข๎าสูํ บทเรียน ข้ันอธิบายและลงข๎อสรปุ /ขนั้ ดาเนินการคน๎ หาคาตอบและตรวจสอบคาตอบ ข้ันสอน ตอนท่ี 1 3. นักเรียนแบํงกลุํมตามความเหมาะสมออกเป็น 8 กลํุม กลํุมละ 3-4 คน เลือกประธานและเลขานุการ กลุํม ศึกษา และอภิปรายกลํุมเร่ือง เครื่องมือและอุปกรณ์ตํอพํวงเคร่ืองคอมพิวเตอร์ จากหนังสือเรียนวิชา การใช๎เคร่ืองใช๎ สานกั งานในหวั ขอ๎ ยํอยดงั ตอํ ไปน้ี กลุํม 1 ความสาคญั ของเครื่องมือและอุปกรณ์ตํอพํวงเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ กลํุม 2 ประเภทของเครอ่ื งมือและอุปกรณ์ตํอพวํ งเคร่ืองคอมพิวเตอร์ กลุมํ 3 อุปกรณร์ บั ขอ๎ มูล กลมํุ 4 อุปกรณ์แสดงผลขอ๎ มูล กลุํม 5 อุปกรณจ์ ัดเกบ็ ขอ๎ มูล กลํุม 6 เอม็ พี 3 กลุํม 7 ปาลม์ และพ็อกเกต็ พีซี กลํุม 8 การดูแลและบารุงรักษาเครอ่ื งมือและอุปกรณ์ตอํ พวํ งเคร่ืองคอมพิวเตอร์ ข้นั ขยายความรูแ๎ ละนาเสนอผลการคน๎ หาคาตอบ 4. นกั เรยี นแตํละกลํุมบันทึกผลสรุปการอภปิ รายลงใน Microsoft PowerPoint เตรียมนาเสนอหน๎าชนั้ เรียน 5. ประธานกลํุมสังเกตพฤตกิ รรมการเข๎ารํวมกจิ กรรมกลมํุ บนั ทกึ สงํ ครูผู๎สอน 6. แตลํ ะกลํุมสงํ ตัวแทนกลํุมนาเสนอผลสรุปหนา๎ ชัน้ เรียนด๎วยแผนํ ใสตามลาดับ 7. ครูผส๎ู อนอธบิ ายสรปุ ตามเนอื้ หาในหนํวยการเรียน นักเรียนซกั ถามขอ๎ สงสัย

8.นักเรยี นแตํละกลํมุ ฝึกปฏิบตั ิการใช๎คอมพิวเตอร์ด๎วยตนเองในหอ๎ งปฏิบัตกิ ารคอมพวิ เตอร์ โดยมีครูผ๎ูสอนชํวยแนะนา วิธกี ารใช๎ ตอนที่ 2 9. นกั เรียนแบํงกลมุํ ใหมํ กลมํุ ละ 4 คน แตํละกลมํุ ประกอบด๎วยผ๎ูที่เกํง ปานกลางคํอนข๎างเกํง ปานกลางคํอนข๎าง ออํ น และออํ นคละกัน (ครผู สู๎ อนเตรยี มจดั กลุํมลํวงหน๎า) 10. ครูผู๎สอนแจกใบคาถามให๎นกั เรียนแตลํ ะคนในกลมํุ 11. นักเรยี นแตํละคนคิดหาคาตอบในระยะเวลาทค่ี รผู ๎สู อนกาหนดให๎ 12. นกั เรียนคดิ หาคาตอบได๎แล๎วจบั คํูกนั โดยผลดั กนั อธบิ ายผลัดกนั ตอบ 13. นักเรยี นเข๎ากลุํม 4 คน หมนุ เวยี นผลดั เปลี่ยนกนั อธิบายคาตอบให๎เพื่อนฟังทั้งหมด ข้ันสรปุ และประเมนิ ผล 14. ครูผู๎สอนและนักเรียนรํวมกันสรุปบทเรียนเร่ือง เคร่ืองมือและอุปกรณ์ตํอพํวงคอมพิวเตอร์อีกคร้ัง โดยวิธีการถาม ตอบ 15. นักเรยี นซักถามขอ๎ สงสัย 16. นกั เรยี นทาแบบประเมนิ ผลการเรียนรู๎ หนวํ ยที่ 3 ในหนังสือเรียนวิชา การใชเ๎ ครื่องใชส๎ านักงาน 17. นักเรียนตรวจคาตอบจากแผํนใสด๎วยตนเอง เพอ่ื ทดสอบความซอื่ สตั ย์ ชั่วโมงท่ี 1 - 6 (ความสามารถในการวเิ คราะห์ / ใฝุเรียนร๎ู / เทคนคิ การสืบค๎น) เขียนใหส๎ อดคลอ๎ งกับหัวขอ๎ สมรรถนะและคุณลักษณะที่พึงประสงค์) 1.ให๎นักเรียนทาแบบทดสอบกํอนเรียน หลังจากน้ันนักเรียนชํวยกันบอกประโยชน์ของเครื่องมือและอุปกรณ์ตํอพํวง เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ 2.ครผู ๎สู อนสรุปประโยชน์ และความสาคญั ของเครื่องมือและอปุ กรณ์ตอํ พํวงเครื่องคอมพวิ เตอร์ พร๎อมทั้งกลําวนาเข๎าสํู บทเรียน ตอนท่ี 1 3.นักเรียนแบํงกลํุมตามความเหมาะสมออกเป็น 8 กลํุม กลุํมละ 3-4 คน เลือกประธานและเลขานุการ กลุํม ศึกษาและ อภปิ รายกลุํมเร่ือง เครื่องมือและอุปกรณ์ตํอพํวงเครื่องคอมพิวเตอร์ จากหนังสือเรียนวิชา การใช๎เครื่องใช๎สานักงานในหัวข๎อยํอย ดงั ตอํ ไปน้ี กลํมุ 1 ความสาคัญของเครอ่ื งมอื และอปุ กรณ์ตํอพวํ งเคร่อื งคอมพวิ เตอร์ กลุํม 2 ประเภทของเคร่ืองมอื และอปุ กรณ์ตํอพํวงเคร่ืองคอมพิวเตอร์ กลํุม 3 อุปกรณ์รบั ขอ๎ มลู กลุํม 4 อุปกรณแ์ สดงผลข๎อมลู กลมํุ 5 อุปกรณจ์ ดั เก็บข๎อมูล กลุํม 6 เอม็ พี 3 กลุํม 7 ปาลม์ และพอ็ กเกต็ พีซี กลุมํ 8 การดแู ลและบารงุ รักษาเคร่ืองมอื และอุปกรณต์ อํ พวํ งเครื่องคอมพวิ เตอร์ 4. นักเรยี นแตํละกลมํุ บันทกึ ผลสรุปการอภปิ รายลงใน Microsoft PowerPoint เตรยี มนาเสนอหนา๎ ชัน้ เรยี น 5. ประธานกลุํมสังเกตพฤตกิ รรมการเข๎ารํวมกิจกรรมกลํมุ บันทึกสํงครผู ๎สู อน 6. แตลํ ะกลํุมสํงตัวแทนกลํมุ นาเสนอผลสรุปหนา๎ ชั้นเรยี นด๎วยแผนํ ใสตามลาดบั 7. ครผู ู๎สอนอธบิ ายสรุปตามเน้อื หาในหนวํ ยการเรยี น นกั เรยี นซักถามข๎อสงสัย 8.นกั เรียนแตลํ ะกลํุมฝึกปฏิบตั กิ ารใชค๎ อมพวิ เตอรด์ ว๎ ยตนเองในห๎องปฏบิ ตั ิการคอมพิวเตอร์ โดยมีครูผู๎สอนชํวยแนะนา วิธีการใช๎

ตอนที่ 2 9. นกั เรยี นแบํงกลํมุ ใหมํ กลํุมละ 4 คน แตํละกลุมํ ประกอบด๎วยผ๎ูท่ีเกํง ปานกลางคํอนข๎างเกํง ปานกลางคํอนข๎าง ออํ น และอํอนคละกัน (ครผู สู๎ อนเตรียมจดั กลมุํ ลํวงหน๎า) 10. ครูผสู๎ อนแจกใบคาถามให๎นกั เรยี นแตํละคนในกลํมุ 11. นักเรียนแตํละคนคดิ หาคาตอบในระยะเวลาท่ีครูผสู๎ อนกาหนดให๎ 12. นกั เรียนคิดหาคาตอบได๎แลว๎ จับคํกู นั โดยผลดั กนั อธบิ ายผลดั กันตอบ 13. นักเรยี นเขา๎ กลํุม 4 คน หมนุ เวยี นผลัดเปลย่ี นกันอธบิ ายคาตอบใหเ๎ พื่อนฟงั ท้ังหมด ชวั่ โมงท่ี 2 -3 (ความสามารถในการวเิ คราะห์ / ใฝเุ รยี นร๎ู / ชํวยกันคิดชวํ ยกนั เรียน) 14. ครูผ๎ูสอนและนักเรียนรํวมกันสรุปบทเรียนเรื่อง เครื่องมือและอุปกรณ์ตํอพํวงคอมพิวเตอร์อีกครั้ง โดยวิธีการถาม ตอบ 15. นักเรยี นซักถามขอ๎ สงสยั 16. นักเรียนทาแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู๎ หนํวยท่ี 3 ในหนังสอื เรียนวิชา การใช๎เครอ่ื งใช๎สานกั งาน 17. นกั เรยี นตรวจคาตอบจากแผํนใสดว๎ ยตนเอง เพือ่ ทดสอบความซอ่ื สตั ย์ 9. สื่อการเรยี นการสอน / แหลงํ เรยี นร๎ู จำนวน สภาพการใชส้ ่อื รายการส่อื 1 ชดุ ขน้ั ตรวจสอบความรูเ๎ ดิม 1. แบบทดสอบกํอนเรยี น 1 ชดุ ขั้นขยายความรู๎ แบบทดสอบหลงั เรียน 1 ชุด ขน้ั ขยายความร๎ู 2.ใบงานตอบคาถามเกี่ยวกบั เคร่ืองมือ และอุปกรณ์ตํอพวํ งเครอื่ งคอมพวิ เตอร์ 3. แบบประเมนิ ผลการเรียนรู๎ หนํวยท่ี 1 10. การวดั ผลและประเมนิ ผล เป้าหมาย หลักฐานการเรยี นรู้ ประเด็น/ การเรยี นรู้ ชนิ้ งาน/ภาระงาน วธิ ีวัด เครือ่ งมอื วัดฯ เกณฑ์การ -ตรวจแบบทดสอบ -ตรวจใบงาน ใหค้ ะแนน นกั เรียนสามารถ -แบบทดสอบกํอนเรยี น -แบบทดสอบ -ผํานเกณฑ์ อธิบายและสามารถ -แบบทดสอบหลงั เรียน ใช๎งานอปุ กรณ์ตํอ -ใบงานตอบคาถามเก่ียวกบั กํอนเรียน -หลังเรยี น 70% พวํ งเคร่ือง เครอ่ื งมอื และอปุ กรณต์ ํอพํวง คอมพวิ เตอร์ได๎ เครอื่ งคอมพวิ เตอร์ -แบบบนั ทึกการตรวจใบงาน -แบบประเมนิ ผลการเรยี นร๎ู หนํวยท่ี 3 -ตรวจแบบประเมนิ ผล -แบบประเมินผลการเรยี นร๎ู การเรยี นร๎ู หนํวยที่ 3 หนวํ ยท่ี 3

11. จุดเน้นของโรงเรียน การบรู ณาการปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงและกิจกรรมสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น ปรชั ญาเศรษฐกิจ ครู ผเู้ รยี น พอเพียง 1.ความพอประมาณ พอดดี ้านเทคโนโลยี พอดีดา้ นจิตใจ รจ๎ู ักใชเ๎ ทคโนโลยมี าผลติ ส่ือท่เี หมาะสมและ มีจิตสานึกทีด่ ี เอื้ออาทร ประนีประนอม สอดคลอ๎ งเนือ้ หาเป็นประโยชนต์ ํอผ๎เู รียนและ นกึ ถึงประโยชนส์ วํ นรวม/กลมุํ พัฒนาจากภมู ปิ ัญญาของผเ๎ู รียน 2.ความมีเหตผุ ล - ยึดถือการประกอบอาชพี ด๎วยความถกู ต๎อง ไมํหยุดนงิ่ ท่ีหาหนทางในชวี ติ หลุดพน๎ จาก สุจริต แม๎จะตกอยูใํ นภาวะขาดแคลน ในการ ความทุกข์ยาก (การคน๎ หาคาตอบเพ่ือให๎ ดารงชีวติ หลุดพ๎นจากความไมํร๎ู) - ปฏบิ ัติตนในแนวทางที่ดี ลด เลิก สง่ิ ย่ัว กิเลสใหห๎ มดสน้ิ ไป ไมกํ ํอความช่วั ให๎ เปน็ เครอ่ื งทาลายตัวเอง ทาลายผู๎อื่น พยายาม เพิม่ พนู รักษาความดี ที่มีอยํูให๎งอกงาม สมบูรณ์ยิง่ ข้ึน 3.มภี ูมิคุมกนั ในตัวที่ดี ภูมิปัญญา : มคี วามร๎ู รอบคอบ และ ภูมิปญั ญา : มีความร๎ู รอบคอบ และ ระมดั ระวงั ระมดั ระวงั สร๎างสรรค์ ภมู ิธรรม : ซอื่ สตั ย์ สุจรติ ขยันอดทน ภูมิธรรม : ซือ่ สตั ย์ สุจรติ ขยนั อดทน ตรงตํอเวลาและแบงํ ปัน ตรงตํอเวลา เสียสละและ แบํงปัน 4. เงือ่ นไขความร๎ู ความรอบร๎ู เร่ือง การใช๎งานอุปกรณ์ตํอ ความรอบร๎ู เรอ่ื ง การใช๎งานอุปกรณ์ตํอ พํวงเครือ่ งคอมพวิ เตอรไ์ ด๎ พวํ งเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ได๎ 5.เงอ่ื นไขคุณธรรม มีความตระหนักใน คุณธรรม มีความ มคี วามตระหนักใน คุณธรรม มคี วาม กิจกรรม ซ่อื สัตย์สจุ ริตและมคี วามอดทน มคี วามเพียร ซ่ือสัตยส์ ุจรติ และมคี วามอดทน มคี วาม สวนพฤกษศาสตร์ ใชส๎ ตปิ ญั ญาในการดาเนนิ ชีวิต เพียร ใชส๎ ตปิ ัญญาในการดาเนินชวี ิต โรงเรียน ครู ผู้เรยี น การเลือกใช๎อปุ กรณ์ ตอํ พํวงเครื่อง การเลือกใช๎อุปกรณ์ตํอพํวงเครื่อง การเลอื กใช๎อุปกรณต์ ํอพํวงเครอ่ื ง คอมพิวเตอร์ได๎ คอมพวิ เตอร์ได๎เหมาะสมกบั งาน คอมพวิ เตอร์ได๎เหมาะสมกับงาน เหมาะสมกับงาน ลงช่อื ..................................................ผู้สอน (วาํ ท่รี อ๎ ยตรหี ญงิ กนกอร วงศษ์ า)

แบบทดสอบกอ่ นเรียน-หลังเรียน บทท่ี 3 เรือ่ ง เครอื่ งมือ และอุปกรณต์ ่อพ่วงเคร่ืองคอมพิวเตอร์ จงเลอื กคาตอบท่ถี ูกตอ้ งเพยี งคาตอบเดยี ว 1. อปุ กรณ์ชนิดใดทเ่ี หมาะสาหรบั นาเข๎ารูปภาพ ก. แปูนพิมพ์ ข. สแกนเนอร์ ค. ลาโพง ง. ไมโครโฟน 2. เทคโนโลยีการพิมพ์ข๎อใดเปน็ เทคโนโลยที ใ่ี ชเ๎ ครอื่ งพมิ พ์แบบเลเซอร์ ก. การใช๎หัวเข็มพิมพ์ไปกระแทกผํานผ๎าหมึกลงบนกระดาษเพื่อสร๎างจดุ ข. การใชเ๎ ทคนคิ ฉีดพํนหมกึ ด๎วยความดันแรงสูงให๎หมึกตดิ บนกระดาษ ค. ใชค๎ วามร๎อนหลอมละลายผงหมกึ ใหต๎ ิดกระดาษเชนํ เดียวกับการถํายเอกสาร ง. การใชแ๎ สงอนิ ฟาเรดเป็นตวั ละลายผงหมึกใหต๎ ิดกระดาษ 3. ขอ๎ ใดคือวธิ กี ารติดตงั้ เครือ่ งพิมพ์ ก. คลิกที่เมนู Start เลอื กเมนู Setting จากนั้นคลิกท่ีเมนู Control Panel ข. คลิกท่ีเมนู Start เลอื กเมนู Setting จากนนั้ คลิกท่เี มนู Printers and Fax ค. คลิกทีเ่ มนู Start เลอื กเมนู Setting จากน้ันคลิกทเี่ มนู Network Connections ง. คลิกทเ่ี มนู Start เลือกเมนู Setting จากนน้ั คลิกทเ่ี มนู Taskbar and Start Menu 4. แผนํ บนั ทึกซีดแี บบใดทีส่ ามารถเขียนทับได๎มากกวํา 1 คร้ัง ก. ซีดรี อม ข. ซดี ี-อาร์ ค. ซีดี-อารด์ ับบลวิ ง. ซีดี 5. ในการเรียกดูการนัดหมายท้งั วันจากเครื่องพอ็ กเก็ตพีซสี ามารถเลอื กดกู ารนดั หมายโดยเขา๎ ไปท่ีเมนใู ด ก. Menu > View > Day ข. Menu > View > Week ค. Menu > View > Month ง. Menu > View > Agenda 6. อุปกรณ์จัดเก็บข๎อมูลท่ีมีขนาดเลก็ น้าหนักเบา สามารถอาํ น ลบ หรือแก๎ไขข๎อมลู ไดโ๎ ดยตรงทันที และเก็บขอ๎ มูลไดท๎ ุกประเภทไมํวําจะเป็นไฟลเ์ อกสาร ไฟล์รปู ภาพ ไฟลว์ ีดโี อ ไฟล์เพลง คืออะไร ก. แฟลชไดรฟ์ ข. ซดี ี ค. ดีวดี ี ง. จานแมเํ หลก็ 7. เอ็มพี 3 มีการทางานอยูํ 4 รปู แบบ คอื อะไร ก. ดหู นัง ฟังเพลง บนั ทึกเสยี ง บันทกึ ข๎อมูล ข. ดูหนัง บันทึกเสียง รับฟังรายการวทิ ยุ บนั ทึกข๎อมูล ค. ฟงั เพลง บนั ทึกเสยี ง รับฟังรายการวิทยุ บันทึกข๎อมูล ง. ฟังเพลง บนั ทึกเสียง รบั ฟังรายการวิทยุ จดั เกบ็ ขอ๎ มูล

8. กล๎องดจิ ิทลั เป็นอุปกรณ์ตํอพํวงคอมพวิ เตอร์ประเภทใด ก. อุปกรณจ์ ดั เก็บข๎อมูล ข. อปุ กรณ์รบั ขอ๎ มูล ค. อุปกรณ์แสดงผลข๎อมูล ง. อุปกรณ์เชอื่ มตํอข๎อมลู 9. อุปกรณ์ที่ใช๎นาเข๎าข๎อมลู ของเคร่ือง PDA คอื อะไร ก. แปนู พมิ พ์ ข. สไตลัส ค. บาร์โค๎ด ง. เมาส์ 10. เคร่อื งมอื ทช่ี วํ ยในการบริหารและจัดการตารางเวลาในการทางานของผใู๎ ช๎งานคืออะไร ก. เอ็มพี 3 ข. พ็อกเก็ตพีซี ค. โอเอม็ อาร์ ง. พล็อตเตอร์

ใบงานตอบคาถาม เร่อื งเคร่อื งมือและอุปกรณต์ ่อพว่ งเคร่อื งคอมพวิ เตอร์ 1. อุปกรณร์ ับขอ้ มลู หมายถึงอะไร จงยกตัวอย่างมา 5 ชนดิ .................................................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................................... . 2. อปุ กรณแ์ สดงผลข้อมลู หมายถึงอะไร จงยกตวั อย่างมา 5 ชนิด .................................................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................................... 3. อุปกรณ์จัดเก็บข้อมลู หมายถึงอะไร แบง่ ไดก้ ลี่ ักษณะ จงยกตัวอยา่ งหน่วยเก็บข้อมลู ทุติยภูมิมา 5 ชนดิ .................................................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................................... 4. จงบอกประโยชน์ของกลอ้ งดจิ ิทลั มาพอสงั เขป .................................................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................................... 5. อุปกรณ์นาเขา้ ขอ้ มลู ท่นี ิยมใชป้ ้อนขอ้ มูลเข้าไปในเคร่อื งคอมพวิ เตอร์ได้โดยตรง และเป็นอปุ กรณ์มาตรฐานทไี่ มโครคอมพิวเตอรท์ กุ เครื่องต้องมคี ืออะไร .................................................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................................... 6. หนว่ ยความจาชนดิ ใดท่นี าความสามารถของ ROM และ RAM เข้ามาไว้ดว้ ยกัน พรอ้ มยกตวั อย่างประกอบ .................................................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................................... 7. จงบอกวธิ ีการดแู ลและบารุงรักษาแฟลชไดร์ฟ .................................................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................................... 8. จงบอกวธิ กี ารดแู ลและบารงุ รกั ษาเครอื่ งปาลม์ หรอื พอ็ กเก็ตพซี ี .................................................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................................................

เฉลย ใบงานตอบคาถาม เรื่องเครือ่ งมือและอุปกรณต์ ่อพว่ งเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ 1. อุปกรณร์ ับขอ้ มลู หมายถงึ อะไร จงยกตัวอยา่ งมา 5 ชนิด อุปกรณร์ บั ขอ้ มลู หมายถงึ อุปกรณท์ ีใ่ ชใ้ นการป้อนขอ้ มูลตา่ ง ๆ เขา้ สู่เคร่อื งคอมพิวเตอร์ เพอื่ เครอ่ื งคอมพิวเตอรน์ าขอ้ มูลไปทา การประมวลผล ไดแ้ ก่ แป้นพมิ พ์ เมาส์ จอภาพแบบสัมผัส สแกนเนอร์ เคร่อื งอา่ นบารโ์ ค้ด 2. อปุ กรณ์แสดงผลข้อมลู หมายถึงอะไร จงยกตวั อยา่ งมา 5 ชนิด อปุ กรณ์แสดงผลข๎อมูล หมายถงึ อุปกรณ์ท่ีใช๎ในการแสดงผลลพั ธ์ท่ไี ดจ๎ ากการประมวลผลจากเคร่ืองคอมพิวเตอรใ์ หก๎ ับผ๎ใู ชไ๎ ด๎รบั ทราบ ด๎วยการมองเห็น หรอื ได๎ยนิ เสยี ง ไดแ๎ กํ จอภาพ พลอ็ ตเตอร์ ลาโพง โมเดม็ เคร่ืองพิมพ์ 3. อุปกรณ์จัดเกบ็ ขอ้ มลู หมายถงึ อะไร แบ่งได้กล่ี ักษณะ จงยกตัวอยา่ งหน่วยเก็บขอ้ มูลทุติยภูมมิ า 5 ชนดิ อุปกรณจ์ ดั เกบ็ ข๎อมลู หมายถงึ อุปกรณท์ ใี่ ช๎บนั ทกึ ข๎อมลู การทางานไวใ๎ นหนํวยความจาชนดิ ตาํ งๆ สามารถแบํงลักษณะการจดั เก็บข๎อมูลได๎ 2 ลกั ษณะ คือ หนวํ ยเกบ็ ข๎อมลู ปฐมภมู ิ หรือหนํวยความจาหลกั และหนํวยเก็บข๎อมูลทุติยภูมิ หรือหนํวยความจาสารอง ตัวอยํางหนํวย เก็บข๎อมูลทุติยภูมิ ได๎แกํ เทปแมํเหลก็ จานแมเํ หล็ก แผํนซดี ี แผนํ ดีวดี ี แฟลชไดรฟ์ 4. จงบอกประโยชนข์ องกลอ้ งดจิ ิทลั มาพอสงั เขป 1. ใช๎งานได๎รวดเรว็ สามารถนามาใช๎งานไดท๎ ันที ไมํตอ๎ งผาํ นกระบวนการล๎างอัดภาพ ภาพทไี่ ดจ๎ ะเป็นไฟล์ภาพบนแผนํ ดสิ ก์ หรือการ ถาํ ยโอนเขา๎ เคร่อื งคอมพิวเตอรผ์ าํ นพอร์ตตาํ งๆ 2.ใชง๎ านงําย เพราะระบบการทางานเป็นแบบอตั โนมตั ิ 3.ประหยดั คําใช๎จํายไมจํ าเปน็ ต๎องซอื้ ฟลิ ม์ เพราะอาศยั อุปกรณบ์ นั ทกึ ทีส่ ามารถลบขอ๎ มูลและนามาใช๎งานใหมไํ ด๎ 5. อปุ กรณน์ าเขา้ ขอ้ มลู ท่ีนิยมใชป้ ้อนขอ้ มลู เข้าไปในเคร่ืองคอมพวิ เตอรไ์ ดโ้ ดยตรง และเปน็ อปุ กรณ์มาตรฐานท่ีไมโครคอมพวิ เตอรท์ กุ เคร่อื งตอ้ งมีคอื อะไร แปนู พิมพ์ 6. หน่วยความจาชนดิ ใดที่นาความสามารถของ ROM และ RAM เข้ามาไวด้ ้วยกนั พรอ้ มยกตวั อย่างประกอบ EEPROM (Electrically Erasable PROM) มีขอ๎ ดคี ือไมตํ ๎องจาํ ยกระแสไฟฟูาให๎กบั หนวํ ยความจา เพือ่ ใหจ๎ ดจาข๎อมลู ทไี่ ด๎ทา การบันทึกไว๎ และสามารถแกไ๎ ขห๎ รอื ลบข๎อมลู ท่ีเก็บไวไ๎ ดง๎ ําย โดยการใช๎โปรแกรมในการแก๎ไขข๎อมลู ตวั อยาํ งของหนํวยความจานีค้ อื หนํวยความจาแบบแฟลช ทีน่ าไปใช๎กบั กลอ๎ งดจิ ทิ ัล หรือเคร่ืองเลนํ เอ็มพี 3 เปน็ ตน๎ 7. จงบอกวิธกี ารดแู ลและบารงุ รักษาแฟลชไดร์ฟ การดูแลและบารงุ รักษาแฟลชไดรฟ์ แฟลชไดรฟเ์ ป็นอปุ กรณใ์ ชส๎ าหรับเกบ็ ขอ๎ มูล มีขนาดเล็ก บอบบาง จงึ ตอ๎ งระมดั ระวังในการ ใชง๎ านอยํางถกู วธิ ี ซ่งึ มีวธิ ใี นการ ดแู ลและบารงุ รักษาดงั นี้ 1. อยาํ ทาตกหรือทาให๎ถกู กระทบกระเทือนอยาํ งรุนแรง 2. เมอ่ื ไมํใชแ๎ ฟลชไดร์ฟแลว๎ ไมคํ วรคา๎ งแฟลชไดรฟ์ ไวก๎ ับพอร์ต 3. เวลาถอดแฟลชไดร์ฟออก ไมํควรดึงออกเลย เพราะอาจทาใหข๎ ๎อมูลเสยี หายได๎ 4. ควรถอดแฟลชไดรฟ์ ให๎ถูกวิธี โดยการ Stop Port เสียกอํ น ท้งั น้ีตอ๎ งปดิ ข๎อมูลโปรแกรมที่ถกู เปดิ จากแฟลชไดรฟ์ ให๎หมด กอํ น มิฉะน้ันจะ Stop Port ไมไํ ด๎ โดยใหป๎ ฏบิ ตั ิดังนี้คอื ดับเบลิ คลกิ ท่ี ไอคอนลูกศรสีเขยี วท่ีอยตูํ รงด๎านลาํ งขวามอื หรือ Safety Remove Hardware หน๎าตําง Safety Remove Hardware จะถกู เปิด ขน้ึ มา จากนั้นให๎คลิกท่ี Stop คลกิ OK คลกิ Close 5. ถา๎ ต๎องการถอดแฟลชไดร์ฟโดยไมตํ อ๎ งการ Stop Port ใหต๎ ้งั คําท่คี อมพวิ เตอร์โดยเริม่ จาก My computer และไปคลกิ ขวาที่ไอคอนของแฟลชไดรฟ์ แล๎วเลอื ก Properties จากนน้ั ไปเลอื กที่ Tab Hardware หาชอ่ื ของแฟลชไดรฟ์ แลว๎ ดับเบลิ คลกิ จะเกิด กรอบใหมขํ น้ึ ให๎เลือกไปที่ Tab->Policies จะเกิดกรอบใหมํข้นึ มา เม่ือเขา๎ สํูกรอบนจี้ ะมี Option ใหป๎ รับแตํงอยํู 2 หัวขอ๎ ในหัวข๎อ Write caching and Safe Removal จะมีหวั ขอ๎ ให๎ปรับแตํง โดยในหวั ข๎อแรก Optimize for quick removal ใหเ๎ ซ็ทไว๎ท่ีตัวน้ี เพราะ ทุกครัง้ ทีใ่ ชแ๎ ฟลชไดรฟ์ จะทาใหส๎ ามารถถอดเข๎าถอดออกได๎โดยไมตํ ๎องไปคลกิ ท่ี Safety Remove Hardware