ถอดรหสั ความงาม 43 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง รปู สิงหบ์ ริเวณทางขนึ้ ดา้ นทิศตะวนั ออก ประตมิ ากรรมสงิ หย์ นื ตรงทงั้ 4 ขา อยบู่ รเิ วณหน้าบนั ไดนาค กอ่ นเขา้ สพู่ น้ื ทว่ี ดั ในเขตพทุ ธาวาส ทางทศิ ตะวนั ออกมี 2 ตวั ฝงั่ ซา้ ยและขวา มกี ารประดบั ลวดลายปนู ปนั้ ลายกระหนก บรเิ วณ เศยี ร คอ บรเิ วณโคนขาหน้าและหลงั เป็นลายคลา้ ยใบไม้ (พรรณนิภา ปิณฑวณชิ , 2546: 72-74) รปู สิงหน์ ูนตำ่� เป็นลวดลายปนู ปนั้ เทนิ หมอ้ ปรู ณฆฎะประกอบดว้ ยดอกบวั 5 ดอก และช่อดอกไมใ้ บไมเ้ ลอ้ื ยออกจากหมอ้ ในลกั ษณะล่นเครอื เถา ลกั ษณะลายเสน้ มว้ นโคง้ ของกระหนก ปลายหางของสงิ ห์ เป็นลกั ษณะกระหนกทม่ี หี วั บากมว้ นโคง้ เชน่ เดยี วกบั ลวดลายทแ่ี ทน่ วางดอกไมแ้ ละเครอ่ื งบชู า ลายดอกไม้ 5 ดอก มกี ารจดั วางท่ี คลา้ ยคลงึ กบั ลายลงรกั ปิดทองรปู หมอ้ ปรู ณฆฏะ (พรรณนิภา ปิณฑวณชิ , 2546: 156)
ถอดรหสั ความงาม 44 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง
ถอดรหสั ความงาม 45 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง จิตรกรรม
ถอดรหสั ความงาม 46 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง
ถอดรหสั ความงาม 47 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง จิตรกรรมฝาผนังภายในวิหารน�้ำแต้ม เขยี นขน้ึ บนแผงไมค้ อสอง ของอาคาร เรอ่ื งราวทเ่ี ขยี นมดี งั น้ี คอื เรอ่ื งประวตั พิ ระอนิ ทรเ์ ป็นนิทานธรรมบท เรอ่ื งท่ี 7 หมวดอปั มาทวรรค พบแหง่ เดยี วในลา้ นนา และเรอ่ื งพระนางสามาวดเี ป็นนิทานธรรมบทเรอ่ื งท่ี 1 หมวดอปั มาทวรรค ทงั้ สองเรอ่ื งเป็นนิทานอธบิ ายพระสตู ร ในพระไตรปิฎก ของพระพทุ ธโฆษาจารยท์ แ่ี ปล มาจากลงั กา มาเป็นภาษาบาลี เมอ่ื ประมาณปลายพทุ ธศตวรรษท่ี 10 สาระของเรอ่ื งกลา่ วถงึ ผลของ การครองตนดว้ ยความประมาท เน้นเรอ่ื งกรรมดกี รรมชวั่ ซง่ึ เรอ่ื งราวน้ีสนั นิษฐานวา่ จะแพรห่ ลาย เขา้ มาในไทยพรอ้ มกบั การเผยแผ่ พทุ ธศาสนาลงั กาวงศ์ พทุ ธศตวรรษท่ี 19-20 สว่ นจติ รกรรมฝา ผนงั อกี ดา้ นหน่ึงซง่ึ เขยี นบนคอสองของอาคาร เป็นเรอ่ื งพระนางสามาวดแี ละทา้ วสกั กะ ซง่ึ จากการ ศกึ ษาพบวา่ จากรปู แบบศลิ ปะ ลกั ษณะตวั อกั ษรธรรมลา้ นนา ทอ่ี ธบิ ายประกอบภาพ จากเอกสาร ต�ำนานต่างๆ รวมทงั้ จากสภาพสงั คม และการเมอื งในช่วงเวลาดงั กล่าว ไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากศลิ ปะ พมา่ ทเ่ี มอื งพกุ าม ในชว่ งพทุ ธศตวรรษท่ี 22-23 อยา่ งแน่นอน ฉะนนั้ ภาพเขยี นสี น้ีจงึ ควรมอี ายอุ ยู่ ในชว่ งประมาณปลายพทุ ธศตวรรษท่ี 23 ถงึ ตน้ พทุ ธศตวรรษท่ี 24 (ภาสกร โทณะวณกิ , 2529: 36) ภาพเขยี นสใี นวหิ ารน้�ำแตม้ ปรากฏอยทู่ วั่ ไป ตามบรเิ วณคอสองฝาลกู ฟกั และบรเิ วณฝา อุดปีกนกดา้ นใน ก่อนทศ่ี ลิ ปินจะลงมอื เขยี นภาพไดใ้ ชแ้ ป้งหนิ ผสมน้�ำกาวฉาบเป็นพน้ื เพอ่ื ใหผ้ วิ หน้าไมเ้ รยี บเป็นแผน่ เดยี วกนั และชว่ ยใหส้ ะดวกต่อการเขยี นภาพ ทำ� ใหภ้ าพสวยงาม และคงทน กวา่ ทจ่ี ะเขยี นภาพลงบนพน้ื ไมเ้ ลย สที น่ี ิยมใชเ้ ป็นสขี าว สดี ำ� สแี ดง สนี ้�ำตาล สชี มพู และสเี ขยี ว การเขยี นภาพกท็ ำ� อยา่ งงา่ ยๆ ไมค่ ำ� นงึ ถงึ ลายละเอยี ดมากนกั ใชล้ ายเสน้ วาดรปู แลว้ ระบายสี ลกั ษณะ ของภาพเป็นแบบการต์ นู ไมแ่ สดงกลา้ มเน้ืออยา่ งภาพเหมอื นจรงิ (สมพงษ์ คนั ธสายบวั ,2524: 12- 23) จติ รกรรมบนฝาผนงั หรอื แผงคอสอง เป็นเรอ่ื งประวตั ขิ องนางสามาวดี ทเ่ี ป็นลกู กำ� พรา้ เพราะ บดิ าและมารดาเศรษฐี เสยี ชวี ติ จากการเดนิ ทางอนั ลำ� บาก เพอ่ื ขอความชว่ ยเหลอื จากเพอ่ื น แลว้ นางสามาวดกี ไ็ ดเ้ ป็นบุตรบุญธรรม ของโฆสกะเศรษฐผี เู้ ป็นสหายของบดิ า อาศยั อยใู่ นเมอื งโกสมั พี ดว้ ยความงามของนางกท็ ำ� ใหพ้ ระเจา้ อเุ ทนรบั ไปเป็นมเหสอี ยใู่ นวงั จติ รกรรมบนฝาผนงั หรอื แผงคอ สอง จากภาพเป็นเรอ่ื งประวตั พิ ระอนิ ทร์ ในขณะทย่ี งั บำ� เพญ็ กศุ ลเป็นมนุษยอ์ ยบู่ นโลก ดว้ ยการรว่ ม มอื สรา้ งศาลากบั สหายอกี 32 คน ใหผ้ ยู้ ากจนและผเู้ ดนิ ทางไดอ้ าศยั หลงั จากพน้ โทษ ทน่ี ายบา้ น กลา่ วหาวา่ เป็นขโมย จนถกู กษตั รยิ ต์ ดั สนิ ใหไ้ สชา้ งเขา้ เหยยี บ แต่ชา้ งกลบั หนีไปเพราะกลวั เมตตา บารมขี องมฆมาณพ จนกษตั รยิ ส์ งั่ ใหพ้ น้ โทษและยกชา้ งตวั นนั้ ใหท้ งั้ 33 คน การทำ� บุญในครงั้ น้ี มี ภรรยาทงั้ 3 ชว่ ยกนั สรา้ งสระบวั ปลกู ตน้ ไมด้ อกไมแ้ ละสรา้ งชอ่ ฟ้า แต่ภรรยาคนสดุ ทา้ ยกลบั ไมท่ ำ� อะไรเลย เพราะคดิ วา่ บญุ กุศลทส่ี ามที ำ� ไปนางกไ็ ดเ้ หมอื นกนั (ฐาปนีย์ เครอื ระยา, 2545: 40-42)
ถอดรหสั ความงาม 48 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง
ถอดรหสั ความงาม 49 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง จิตรกรรมฝาผนังภายในวิหารหลวง บนแผงคอสองดา้ นขา้ งทงั้ สองดา้ นของวหิ าร เป็นฝีมอื ชา่ งทอ้ งถนิ่ เรอ่ื งราวทเ่ี ขยี นเป็นเรอ่ื งทศชาตชิ าดก พทุ ธ ประวตั ิ และพรหมจกั รหรอื รามเกยี รติ ์ ฉบบั สำ� นวนลา้ นนา ทม่ี คี วามแตกต่างจากเรอ่ื ง รามเกยี รตบิ์ างประการ ตอ่ เคา้ โครงเรอ่ื งยงั คงเป็นเชน่ เดยี วกนั กลา่ วถงึ สงครามระหวา่ ง สองนคร คอื กรงุ ลงั กา ซง่ึ มที า้ ววโิ รหาราชปกครองกบั กรงุ พาราณสี ซง่ึ มพี ระพรหมจกั ร ปกครอง เพอ่ื แยง่ ตวั นางรตั นกมุ ารี ซง่ึ กค็ อื นางสดี านนั่ เอง สงครามครงั้ น้ตี า่ งฝา่ ยตา่ งมผี ู้ ชว่ ยเหลอื โดยกองทพั ของทา้ ววโิ รหาราชมพี ญานาคเป็นผชู้ ว่ ย สว่ นพญาครฑุ และพญา วานรคอยชว่ ยเหลอื กองทพั พระพรหมจกั ร ในทส่ี ดุ พระพรหมจกั รกเ็ ป็นฝา่ ยไดช้ ยั ชนะ และทรงตงั้ นางรตั นกุมารเี ป็นมเหสี ครองกรุงพาราณสสี บื ต่อมา จติ รกรรมบนแผงคอ สองของวหิ ารหลวงมที งั้ สน้ิ 24 แผน่ เรมิ่ จากทศชาตชิ าดก เรอ่ื งพระเตมยี บ์ นแผงคอ สองท่ี 1 บรเิ วณแผงคอสองดา้ นหลงั สดุ ทางเบอ้ื งซา้ ยของพระประธาน แผงคอสองท่ี 2 เรอ่ื งพระมหาชนก แผงคอสองท่ี 3-4 เรอ่ื งสวุ รรณสาม แผงคอสองท่ี 5 เรอ่ื งเนมยี ราช แผงคอสองท่ี 6-8 เรอ่ื งพระมโหสถ แผงคอสองท่ี 9-10 เรอ่ื งพระภมู ทิ ตั ต์ แผงคอสองท่ี 11 เรอ่ื งจนั ทกุมาร แผงคอสองท่ี 12 เรอ่ื งพระนารท เป็นอนั สน้ิ สดุ แผงคอสองทางเบอ้ื ง ซา้ ยของพระประธานหรอื ทางทศิ เหนอื ของวหิ ารหลวง จติ รกรรมบนแผงคอสองดา้ นหน้า สดุ เบอ้ื งขวาพระประธานนบั เป็นแผงคอสองท่ี 13 เรอ่ื งเวสสนั ดร ยาวตอ่ ไปจนถงึ แผงคอ สองท่ี 18 แผงคอสองท่ี 19 เป็นเรอ่ื งราวพทุ ธประวตั ิ แผงคอสองท่ี 20 เรอ่ื งพรหมจกั ร ไป จนถงึ แผงคอสองท่ี 24 อนั เป็นแผงคอสองแผน่ สดุ ทา้ ยรวมพน้ื ทจ่ี ติ รกรรม รวม 109.392 ตารางเมตร (ปารสิ ทุ ธิ ์สารกิ ะวณชิ , 2540: 51)
ถอดรหสั ความงาม 50 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง ลวดลาย ประดบั ทองจงั โก พระธาตเุ จดีย์ ลวดลายทป่ี รากฏ ในแผน่ ดุนทองจงั โก ทป่ี ระดบั องคพ์ ระธาตุลำ� ปางหลวง สามารถตคี วามหมายใหเ้ ป็น ระบบสญั ลกั ษณ์ ทไ่ี ดร้ บั อทิ ธพิ ลจากคตจิ กั รวาล ทม่ี แี บบแผนตามระบบจกั รวาล มอี งค์ พระธาตเุ ป็นเสมอื นแกนกลางของจกั รวาล ทอ่ี ยใู่ นตำ� แหน่งสว่ นกลางของเขตพทุ ธาวาส ทงั้ หมด การจำ� ลองเขาพระสเุ มรุ ทเ่ี ป็นแกนกลางของจกั รวาล มกี ารแบง่ สดั สว่ นชนั้ ฐาน ตา่ งๆ ขององคพ์ ระธาตเุ ป็น 3 สว่ นหลกั ๆ คอื 1.สว่ นชนั้ ฐานเขยี งเป็นสว่ นทเ่ี ปรยี บเสมอื น กบั ตนี เขาพระสเุ มรเุ ป็นสว่ นของปา่ หมิ พานตท์ ม่ี ี ทงั้ สตั วป์ า่ หมิ พานตแ์ ละพชื พนั ธตุ์ า่ งๆ 2.สว่ นชนั้ ฐานปทั มเ์ ป็นสว่ นทอ่ี ยสู่ งู กวา่ ชนั้ ฐานเขยี ง ถอื วา่ เป็นทอ่ี ยขู่ องเทวดาชนั้ ตา่ งๆ ลวดลายต่างๆ ทไ่ี ดป้ รากฏในสว่ นชนั้ ฐาน 3.สว่ นยอด มคี วามเกย่ี วขอ้ งกบั คตจิ กั รวาล และระบบไตรภมู ิ (วทิ ยา พลวฑิ รู ย,์ 2549)
ถอดรหสั ความงาม 51 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง ลวดลายประดบั ตกแต่ง ภายในวิหารพระพทุ ธ เป็นงาน ประดบั อยใู่ นพน้ื ท่ี 2 สว่ น คอื สว่ นภายในพระวหิ ารกบั สว่ นภายนอกหรอื บรเิ วณหน้ามขุ โดยพน้ื ทภ่ี ายในพระวหิ ารนนั้ พบวา่ จะมงี านลายคำ� เน้นการประดบั ตกแต่ง อยเู่ ฉพาะ แต่ในบรเิ วณพน้ื ทร่ี ะหว่างเสา ของหอ้ งประดษิ ฐานพระพุทธรปู ประธาน โดยประดบั อยทู่ ต่ี วั ไม้ โครงสรา้ งเครอ่ื งบน เพดาน คอสอง อุดจวั่ อุดปีกนก รวมทงั้ ฝาไมฉ้ ากดา้ น หลงั พระประธานกบั หน้าแหนบพระประธาน ไมป่ รากฏงานลายคำ� ในหอ้ งดา้ นหน้าพระ ประธาน กบั หอ้ งทา้ ยวหิ าร ยกเวน้ เสาหลวงทอ่ี ย่หู อ้ งดา้ นหน้าจะมลี ายคำ� ประดบั ทุก ตน้ สภาพของงานลายคำ� สว่ นใหญ่มคี วามเสยี หายเกดิ ขน้ึ ไมม่ ากนกั เน่ืองจากลกั ษณะ ของวหิ ารเป็นแบบทบึ ทม่ี ผี นงั ปิดทงั้ สด่ี า้ นจงึ ยงั คงสภาพลวดลายไดด้ ี (สรุ พล ดำ� รหิ ก์ ุล, 2544: 99-101)
ถอดรหสั ความงาม 52 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง ลวดลายการตกแต่งภายในวิหารน้�ำแต้ม งานศลิ ปกรรมลายคำ� ภายในวหิ ารน้�ำแตม้ เหลอื ใหเ้ หน็ อยเู่ พยี งเลก็ น้อย จากภาพจติ รกรรมทเ่ี ขยี นบนแผงคอ สองซง่ึ มสี ภาพลบเลอื นมากเน่ืองจากถกู ชะลา้ งดว้ ยน้�ำฝน เหลอื ตวั อยา่ งใหศ้ กึ ษาจาก ลวดลายประดบั เสาหลวงกบั ฝาผนังของหอ้ งทา้ ยวหิ าร รวมทงั้ ฐานชุกชซี ง่ึ ลวดลายท่ี ประดบั อยเู่ สาหลวงนนั้ มสี ภาพชำ� รดุ เชน่ กนั โดยเฉพาะลวดลายประดบั บรเิ วณเชงิ เสา นนั้ ไดพ้ บวา่ มรี อ่ งรอยของการซ่อมแซมทบั ซอ้ นกนั อยสู่ องครงั้ พน้ื ทห่ี อ้ งทา้ ยวหิ ารทม่ี ี ผนังปิดทบึ อย่ทู งั้ สามดา้ น ไดป้ รากฏมงี านลายค�ำประดบั อย่ทู ผ่ี นังปนู ทา้ ยวหิ ารกบั ท่ี แผงคอสอง สภาพลวดลายปรากฏยงั มคี วามชดั เจนพอสมควร เน่ืองจากมผี นงั ทบึ จงึ ไดร้ บั ผลกระทบจากแสงแดดและน้�ำฝนน้อยกวา่ ทอ่ี ่นื ๆ สำ� หรบั ทฐ่ี านชุกชพี ระเจา้ สาม หมน่ื ทองมงี านลายคำ� ประดบั อยเู่ ชน่ กนั แต่เป็นงานทท่ี ำ� เพมิ่ เตมิ ภายหลงั (สรุ พล ดำ� รหิ ก์ ุล, 2544: 153-154)
ถอดรหสั ความงาม 53 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง ลวดลายการตกแต่งบนหอไตรหรือหอพระธรรม เป็น ลวดลายไมแ้ กะสลกั ประดบั หอไตรหรอื หอธรรม สว่ นใหญ่เป็นลายทน่ี ิยมทางภาคเหนือ มอี ทิ ธพิ ลศลิ ปะจนี ปะปน เชน่ ลายคา้ งคาว และลายกนกมว้ น 3 ตวั ทก่ี าบมมุ หอไตร รบั อทิ ธพิ ลจากกนกมว้ นในนาคทณั ฑ์ ประดบั วหิ ารน้�ำแตม้ รปู นาคสองดา้ น ทงั้ 2 ลวดลาย นยิ มในพทุ ธศตวรรษท่ี 21 ในสมยั พระญาตโิ ลกราช หน้าบนั เป็นแผน่ ไมเ้ รยี บตงั้ ขน้ึ ตอน กลางเป็นไมแ้ กะสลกั ประดบั กระจกจนื ในกรอบสเ่ี หลย่ี มขนมเปียกปนู หน้าบนั ทำ� เป็น แผน่ ไมเ้ รยี บตงั้ ขน้ึ จดั เป็นกรอบสเ่ี หลย่ี มผนื ผา้ เหมอื นกนั ทงั้ ดา้ นหน้าและหลงั ตาม มมุ กรอบตกแตง่ ดว้ ยไมแ้ กะสลกั ลายคา้ งคาว ตรงกลางแต่งดว้ ยไมแ้ กะลกั ษณะวงกลม คลา้ ยลายดอกจอก ประดบั กระจกสี รอบวงกลม มรี อ่ งรอยปนู ปนั้ รปู นาค 4 ตวั วงิ่ ไล่ รอบวงกลมดอกจอก (สำ� นกั ศลิ ปากรท่ี 7 น่าน, 2551: 55)
ถอดรหสั ความงาม 54 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง ลวดลายคนั ทวยวิหารหลวง นาคทณั ฑ์ หรอื คนั ทวย หรอื หชู า้ ง เป็น สว่ นทร่ี บั น้�ำหนกั เตา้ และแปปลายเตา้ ทย่ี น่ื ออกมาจากเสาระเบยี ง หรอื ผนงั นาคทณั ฑ์ วหิ ารหลวง มลี กั ษณะเป็นไมแ้ กะสลกั มโี ครงสรา้ งองคป์ ระกอบลาย เหมอื นกนั ทกุ ชน้ิ สามารถแบง่ ไดเ้ ป็น 3 สว่ นใหญ่ๆ คอื สว่ นบน สว่ นกลาง และสว่ นลา่ ง ลกั ษณะของสว่ น บนจะเป็นลายหน้ากระดาน 2-3 แถว ถา้ เป็นลายแบบ 3 แถว จะอยใู่ นรปู ของลายหน้า กระดานบน บวั หงาย และหน้ากระดานลา่ ง ลายทใ่ี ชเ้ ป็นลายประเภทลายดอกซกี ดอก ซอ้ น ลายกลบี บวั แบบลา้ นนา และลายกระหนกกา้ นขดทม่ี กี ารออกลายเป็นอสิ ระ สว่ น กลางประกอบดว้ ยลายสำ� คญั คอื ลายพญาลวง หรอื ตวั ลวง หรอื ทเ่ี รยี กวา่ เลง้ ในศลิ ปะ จนี สว่ นลา่ งประกอบดว้ ยลายหน้ากระดาน 2-3 แถว อยใู่ นรปู ของหน้ากระดานบน บวั หงาย และหน้ากระดานลา่ ง ตอ่ ดว้ ยลายสว่ นปลายสดุ เป็นลายในทรงสามเหลย่ี ม แกะ เป็นลายกระหนกหวั มว้ นโคง้ ในลกั ษณะลายกา้ นขด ประดบั ดว้ ยลายซกี กกู เป็นลายท่ี ถกู ประดบั ในพน้ื ทว่ี า่ งรอบๆ กระหนกเป็นจงั หวะคลา้ ยลายใบไม้ (พรรณนิภา ปิณฑวณชิ , 2546: 119)
ถอดรหสั ความงาม 55 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง ลวดลายคนั ทวยวิหารพระพทุ ธ แบง่ ได้ 3 สว่ นคอื สว่ นบน สว่ นกลาง และสว่ นลา่ งกลา่ วคอื สว่ นบนเป็นลายประเภทลายหน้ากระดาน ในลกั ษณะลายกระหนก หวั มว้ นโคง้ สว่ นกลางเป็นลวดลายหลกั มี 2 ลกั ษณะ เป็นลายพญาลวง หนั เศยี รออก ทางดา้ นนอก วางเทา้ บนฐานสว่ นล่าง ล�ำตวั ทอดตวดั ขน้ึ ทางดา้ นบน และตวดั ปลาย หางออกมาทางดา้ นนอกชป้ี ลายหางไปยงั สว่ นหวั ปลายหางมลี กั ษณะเป็นชอ่ กระหนก อกี ลกั ษณะ มลี ายหลกั เป็นลายมกรคายชอ่ กระหนก ตวั มกรหนั หน้าออกทางดา้ นนอก ลำ� ตวั ทอดขน้ึ ดา้ นบน ปลายหางตวดั กลบั ลงมาดา้ นลา่ งลกั ษณะกระหนกหวั มว้ นโคง้ ท่ี ปากของมกรคายชอ่ กระหนก แบบกระหนกหวั มว้ นโคง้ บากเป็นโคง้ โดยรอบ ปลายแหลม ลายมกรน้ี ประกอบกบั ลายกระหนก ลายทงั้ 2 ลกั ษณะน้ีแกะสลกั แบบทบึ สว่ นลา่ งเป็น ลายเชงิ รปู สามเหลย่ี ม เป็นฐานรองรบั สว่ นกลาง มลี กั ษณะเป็นรอบหยกั คดโคง้ ภายใน บรรจลุ ายชอ่ กระหนก และลกั ษณะรปู กระหนกหวั มว้ นโคง้ 2 ตวั ชนกนั เกดิ เป็นชอ่ งบาก 2 แฉก แบบเดยี วกบั กรอบหยกั คดโคง้ ของลายบวั คอเสอ้ื และบวั เชงิ ลา่ งซุม้ ประตโู ขงใน วดั เดยี วกนั (พรรณนิภา ปิณฑวณชิ , 2546: 185)
ถอดรหสั ความงาม 56 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง ลวดลายคนั ทวยวิหารน้�ำแต้ม มลี กั ษณะโครงสรา้ งองคป์ ระกอบ แบ่งเป็น 2 ส่วน คอื ส่วนบนและส่วนล่างกล่าวคอื ส่วนบน เป็นองคป์ ระกอบหลกั ประกอบดว้ ยลวดลายหลกั คอื ลายพญาลวงในลกั ษณะหนั เศยี รออกทางดา้ นนอก วาง เทา้ ทงั้ สองบนฐานสว่ นลา่ ง ลำ� ตวั ทอดตวดั ขน้ึ ทางดา้ นบน และตวดั ปลายหางกลบั เขา้ มาดา้ นในปลายหางมลี กั ษณะลวดลายเป็นชอ่ กระหนก ลายพญาลวงน้ี จะประกอบกบั ลาย 2 ประเภท คอื ลายประเภทพนั ธพุ์ ฤกษาชอ่ ดอกไมใ้ บไม้ ภาพสตั วป์ ีก และลาย คลน่ื และลายประดษิ ฐ์ เป็นลายรปู แปดเหลย่ี ม ในลกั ษณะแผงกุดนั่ จะมลี กั ษณะเป็น ลายโปรง่ และลายพญาลวงเกย้ี ว โดยพญาลวง 3 ตวั หนั เศยี รออกทางดา้ นนอก ลำ� ตวั และหางเกย้ี วไขวก้ นั ไปมา ลกั ษณะนาคทณั ฑล์ กั ษณะน้เี รม่ิ มใี นชว่ ง พทุ ธศตวรรษท่ี 23 แตส่ ว่ นมากจะเป็นลายนาคเกย้ี ว สว่ นลา่ ง เป็นลกั ษณะลายเชงิ และเป็นฐานรองรบั สว่ น บน ประกอบดว้ ยลายหน้ากระดาน 1 แถว สว่ นใหญ่จะเป็นลายกลบี บวั หงาย ตรงเชงิ เป็นลกั ษณะรปู สามเหลย่ี มกรอบหยกั คดโคง้ ภายในเป็นลายชอ่ กระหนก (พรรณนิภา ปิณฑวณชิ , 2546: 154)
ถอดรหสั ความงาม 57 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง ลวดลายคนั ทวยวิหารต้นแก้ว มกี ารแบง่ องคป์ ระกอบโครงสรา้ งเป็น 2 ประเภท คอื 1.แบบโครงสรา้ งองคป์ ระกอบเดยี วทงั้ ชน้ิ 2.แบบโครงสรา้ งองคป์ ระกอบ แบง่ เป็น 2 สว่ น คอื สว่ นบนและสว่ นลา่ ง สว่ นบนเป็นลายหลกั มี 4 ลกั ษณะ ไดแ้ ก่ นาค ทณั ฑล์ ายพญาลวงประกอบลายพนั ธพุ์ ฤกษา นาคทณั ฑล์ ายนาคเกย้ี ว นาคทณั ฑล์ าย สงิ หค์ ายชอ่ กระหนก นาคทณั ฑล์ ายมกรคายชอ่ กระหนก สว่ นลา่ งมลี กั ษณะเป็นลายเชงิ กรอบหยกั คดโคง้ ภายในสลกั ลายชอ่ กระหนกมว้ นออกมาจากดอกไม้ ลกั ษณะกระหนก หวั มว้ นโคง้ บากรอยหยกั โคง้ รอบหวั ปลายมลี กั ษณะคลา้ ยใบไม้ แบบเดยี วกบั นาคทณั ฑ์ แบบโครงสรา้ งองคป์ ระกอบชน้ิ เดยี ว (พรรณนิภา ปิณฑวณชิ , 2546: 234)
ถอดรหสั ความงาม 58 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง ลวดลายคนั ทวยวิหารละโว้หรอื วิหารพระเจ้าศิลา องคป์ ระกอบของนาคทณั ฑแ์ บง่ เป็น 3 สว่ น คอื สว่ นบน สว่ นกลาง และสว่ นลา่ ง สว่ น บนเป็นลายหน้ากระดาน ประเภทลายดอกซกี ดอกซอ้ น ลายกระหนกหวั มว้ นโคง้ ปลาย แหลม สว่ นกลาง เป็นลายหลกั มี 4 ลกั ษณะ ไดแ้ ก่ ลวดลายบคุ คลมเี ขย้ี ว ลวดลายกนิ รี ลายพญาลวง และลกั ษณะกรอบรปู ตวั เหงา สว่ นลา่ งเป็นลกั ษณะเชงิ รปู สามเหลย่ี ม มกี ารแบง่ ลายเป็นแถวๆ แถวบนเป็นลายกลบี บวั หงาย ลกู แกว้ สว่ นเชงิ ลา่ งเป็นลาย กระหนกในกรอบหยกั คดโคง้ ลกั ษณะลวดลายนาคทณั ฑเ์ หลา่ น้ี มอี ายปุ ระมาณปลาย พทุ ธศตวรรษท่ี 23 – 24 ลวดลายพญาลวง เป็นลายทม่ี มี าตงั้ แตช่ ว่ งพทุ ธศตวรรษท่ี 21 – 22 ทว่ี หิ ารพระพทุ ธ วหิ ารน้�ำแตม้ และวหิ ารหลวง แตล่ กั ษณะลายประกอบนาค ทณั ฑท์ ว่ี หิ ารพระเจา้ ศลิ าน้นี ่าจะเป็นงานในสมยั หลงั ทท่ี ำ� ขน้ึ ตามแบบอยา่ งเดมิ (พรรณ นิภา ปิณฑวณชิ , 2546: 207)
ถอดรหสั ความงาม 59 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง สตั ตภณั ฑ์ 1 สตั ตภณั ฑ์ 2
ถอดรหสั ความงาม 60 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง สตั ตภณั ฑ์ 3 สตั ตภณั ฑ์ 4
ถอดรหสั ความงาม 61 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง สตั ตภณั ฑ์ 5 สตั ตภณั ฑ์ 6
ถอดรหสั ความงาม 62 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง สตั ตภณั ฑ์ 7 สตั ตภณั ฑ์ 8
ถอดรหสั ความงาม 63 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง สตั ตภณั ฑ์ 9 สตั ตภณั ฑ์ 10
ถอดรหสั ความงาม 64 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง ธรรมาสน์ภายในวิหารหลวง 1 ธรรมมาสน์ ธรรมาสน์หลวง พร้อมแท่น วางคมั ภรี ์ สรา้ ง พ.ศ.2304 ฐานกวา้ ง 194 เซนติเมตร สูงรวมฐาน 397 เซนติเมตร บนั ไดกวา้ ง 397 เซนตเิ มตร บนั ไดกวา้ ง 84 เซนตเิ มตร ปจั จุบนั รกั ษาไว้ในวหิ ารหลวง ไม้ ลงรกั ปิดทองทาชาดประดบั กระจก สรา้ ง พ.ศ.2398 ฐานกวา้ ง 120 เซนตเิ มตร สงู รวม ฐานกวา้ ง 120 เซนตเิ มตร สงู รวมฐาน 292 เซนตเิ มตร บนั ไดกวา้ ง 74 เซนตเิ มตร (สำ� นกั ศลิ ปากรท่ี 7 น่าน, 2551: 26) ธรรมมาสน์ภายในวิหารหลวง 2 พรอ้ มแทน่ วางคมั ภรี ์ สรา้ ง พ.ศ. 2304 ฐาน กวา้ ง 194 เซนตเิ มตร สงู รวมฐาน 397 เซนตเิ มตร บนั ไดกวา้ ง 397 เซนตเิ มตร บนั ได กวา้ ง 84 เซนตเิ มตร ปจั จบุ นั รกั ษาไวใ้ นวหิ ารหลวง (สำ� นกั ศลิ ปากรท่ี 7 น่าน, 2551: 27)
ถอดรหสั ความงาม 65 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง หีบธรรม
ถอดรหสั ความงาม 66 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง อาสนา คอื ทป่ี ระทบั ของพระพทุ ธเจา้ ถอื เป็นเครอ่ื งสกั การะ ทส่ี ำ� คญั เป็น เครอ่ื งสงู หรอื เครอ่ื งราชปู โภค ของพระมหากษตั รยิ ์ คนโบราณถอื วา่ พระพทุ ธเจา้ เป็น กษตั รยิ ม์ าก่อน อาสนาประกอบดว้ ยเตยี ง ขนาดตามกำ� ลงั ศรทั ธา ลกั ษณะเป็นเตยี ง สลกั เสลา หรอื เขยี นลายทองรดน้�ำ มเี สา 4 เสา ตงั้ จากเตยี งขน้ึ ขา้ งบน ทำ� เป็นกระจงั มเี พดาน หรอื ภาษาโบราณเรยี ก ทงุ มนั เขยี นดว้ ยลายทอง (มณี พยอมยงค,์ 2538)
ถอดรหสั ความงาม 67 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง ตงุ บริเวณพระธาตเุ จดีย์
ถอดรหสั ความงาม 68 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง ตงุ บริเวณภายในวิหารหลวง
ถอดรหสั ความงาม 69 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง ตงุ บริเวณหน้าวิหารพระพทุ ธ
ถอดรหสั ความงาม 70 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง รอยพระพทุ ธบาทภายในวิหารหลวง รอยพระพทุ ธบาทภายในหอพระพทุ ธบาท
ถอดรหสั ความงาม 71 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง รอยพระพทุ ธบาทภายในพิพิธภณั ฑ์
ถอดรหสั ความงาม 72 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง
ถอดรหสั ความงาม 73 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง วฒั นธรรม ประเพณีชมุ ชน มรดกทางวฒั นธรรมนัน้ มหี ลายประเภท มไิ ดเ้ ป็นเพยี งโบราณสถาน อาคาร พ้ืนท่ี ประวตั ิศาสตร์และสวนเท่านัน้ แต่รวมหมายถึง ส่ิงแวดล้อมท่ีถูกสร้างข้นึ ทงั้ หมด รวมทงั้ ระบบนิเวศเป็นเคร่อื งหมายแสดงกจิ กรรมความสำ� เรจ็ ของมนุษยใ์ น อดตี องคก์ ารวทิ ยาศาสตรแ์ ละวฒั นธรรมแหง่ สหประชาชาติ (UNESCO) (กรมสง่ เสรมิ วฒั นธรรม, 2562) ไดก้ ำ� หนดวา่ มรดกทางวฒั นธรรม (Cultural Heritage) ประกอบ ดว้ ยสง่ิ สรา้ งสรรคข์ องคนในอดตี ทเ่ี ป็นรปู แบบทจ่ี บั ตอ้ งได้ (Tangible) เชน่ ศลิ ปกรรม สถาปตั ยกรรม สง่ิ ก่อสรา้ ง แต่รวมถงึ นามธรรม (Intangible) เชน่ ภาษา ศลิ ปกรรม จรยิ ธรรม สนุ ทรยี ศาสตร์ ตลอดจนอาหารการกนิ การแตง่ กาย ศาสนา และความเชอ่ื ฯลฯ ดงั นนั้ มรดกทางวฒั นธรรมของชุมชนวดั พระธาตุล�ำปางหลวง จงึ ประกอบดว้ ย รปู แบบทจ่ี บั ตอ้ งได้ ไดแ้ ก่ สถาปตั ยกรรม มี ซุม้ ประตโู ขง พระเจดยี ์ วหิ ารหลวง วหิ าร พระพทุ ธ วหิ ารน้�ำแตม้ และหอธรรม เป็นตน้ ศลิ ปกรรม ไดแ้ ก่ จติ รกรรมฝาผนงั ในวหิ าร น้�ำแตม้ และวหิ ารหลวง ลวดลายการตกแตง่ ในวหิ ารพระพทุ ธ ลวดลายปนู ปนั้ ซุม้ ประตู โขง ประตมิ ากรรม ไดแ้ ก่ พระพทุ ธรปู ภายในวหิ ารตา่ งๆ และพทุ ธศลิ ป์ นอกจากน้ียงั รวมถงึ รปู แบบทางนามธรรม ไดแ้ ก่ ภาษา อาหาร การกนิ การแตง่ กาย ศาสนา ความ เชอ่ื และประเพณี ความเช่อื เป็นด่านแรกแห่งคุณธรรมและแนวปฏบิ ตั ทิ งั้ หลาย เม่อื ทุกคนเช่อื ในสง่ิ ใดสงิ่ หน่ึงเหน็ เป็นของมคี า่ และน�ำมาปฏบิ ตั สิ บื ไปจนชวั่ ลกู ชวั่ หลาน สง่ิ เหลา่ นนั้ กลายเป็นขนบธรรมเนียมประเพณี โดยแบง่ ออกเป็น 3 ขอ้ คอื 1. จารตี ประเพณเี ป็น เรอ่ื งเกย่ี วกบั ศลี ธรรมซง่ึ คนในสงั คมถอื วา่ เป็นสงิ่ มคี า่ แก่สว่ นรวม ถา้ ใครฝา่ ฝืนถอื วา่ มคี วามผดิ เชน่ ความกตญั ญหู ากไมใ่ สใ่ จถอื วา่ อกตญั ญู 2. ขนบธรรมเนียมประเพณี ไดแ้ ก่ ประเพณที ส่ี ถาบนั ต่างๆ มวี ดั เป็นตน้ ตงั้ ขน้ึ เป็นระเบยี บแบบแผนแลว้ ถอื ปฏบิ ตั ิ สบื ต่อกนั มา ทงั้ ทเ่ี ป็นระเบยี บแบบแผนโดยตรงหรอื โดยปรยิ าย 3. ธรรมเนียมประเพณี จำ� แนกออกเป็น 3 ประเภท ดงั น้ี 3.1 ประเพณปี ระจำ� วนั 3.2 ประเพณปี ระจำ� ตวั และ 3.3 ประเพณปี ระจำ� วนั สำ� คญั ทางศาสนาซง่ึ การศกึ ษาประเพณตี อ้ งศกึ ษาใน 2 ลกั ษณะ คอื ประเพณปี ระจำ� เดอื นหรอื เทศกาล และประเพณที ท่ี ำ� เป็นครงั้ คราว (มณี พยอมยงค,์ 2529)
ถอดรหสั ความงาม 74 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง จากในอดตี ท่ผี ่านมา พ้นื ท่เี ขตจงั หวดั ล�ำปาง ไม่ค่อยได้รบั ผลกระทบจาก สงครามระหวา่ งลา้ นนากบั พมา่ มากนกั เมอ่ื เทยี บกบั ยา่ นละแวกอน่ื วดั พระธาตุลำ� ปาง หลวงหน่ึงในวดั สำ� คญั จงึ ไมเ่ สยี หาย และไมถ่ ูกปล่อยทง้ิ รา้ ง และไดร้ บั การดแู ลรกั ษา ต่อเน่ืองสม่ำ� เสมอ แมจ้ ะมกี ารซ่อมแซมบูรณะทว่ากร็ กั ษาความกลมกลนื และมกี าร เปลย่ี นแปลงผดิ แผกแตเ่ พยี งน้อยนิด (สรุ พล ดำ� รหิ ก์ ุล, 2558) ทำ� ใหม้ นี กั ทอ่ งเทย่ี วเขา้ มาเยย่ี มชมความงามเป็นจำ� นวนมาก และชมุ ชนรอบวดั ยงั มปี ระเพณสี บื ทอดกนั มาอยา่ ง เขม้ แขง็ ซง่ึ สว่ นใหญ่ผเู้ ขา้ รว่ มกจิ กรรมประเพณเี ป็นวยั ผใู้ หญ่และวยั ชรา น้อยนกั ทจ่ี ะ พบเยาวชนและวยั ทำ� งานเขา้ รว่ มกจิ กรรมของวดั เพราะตอ้ งไปท�ำงานและไปโรงเรยี น นอกชมุ ชน นอกจากประเพณนี นั้ ตรงกบั วนั หยดุ จงึ เหน็ ความขาดชว่ ง ของการสบื สาน ประเพณขี องชมุ ชนทม่ี วี ถิ กี ารดำ� เนินชวี ติ ปรบั เปลย่ี นไปตามยคุ สมยั ประเพณี 12 เดือนล้านนาไทย ความเชอ่ื เป็นธรรมชาตทิ เ่ี กดิ กบั มนุษยท์ ุกรปู ทุกนาม เป็นของคกู่ นั กบั ความ ไมเ่ ชอ่ื ในทางพทุ ธศาสนาเรยี กวา่ ศรทั ธา พจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน (พ.ศ. 2554) ไดใ้ หค้ วามหมายของความเชอ่ื ไวว้ า่ ปสาทะ ความเลอ่ื มใส เหน็ ดี เหน็ งามดว้ ย สว่ นอศรทั ธา ความไมเ่ ชอ่ื อปสาทะ ความไมเ่ ลอ่ื มใส กเ็ กดิ ขน้ึ กบั คนอกี กลมุ่ หน่งึ ตรงกนั ขา้ มกบั ผทู้ เ่ี ชอ่ื เลอ่ื มใส สงิ่ ต่างๆ ทค่ี นเราไดส้ มั ผสั ดว้ ยอนิ ทรยี ท์ งั้ 6 คอื ตาเหน็ รปู หฟู งั เสยี ง จมกู ดมกลน่ิ ลน้ิ ลม้ิ รส รา่ งกายสมั ผสั ใจกระทบ อารมณ์จะเกดิ ความรสู้ กึ ขน้ึ กลาย เป็นเจตนา จดุ เบอ้ื งตน้ แหง่ นามธรรม เมอ่ื ไดป้ ระพฤตปิ ฏบิ ตั ทิ กุ วนั เป็นการยำ้� ใหค้ วาม เชอ่ื มนั่ ฝงั แน่นอยภู่ ายในขนั ธสนั ดาน จนยากทจ่ี กั ถ่ายถอนได้ ตอ่ มาความคดิ ทจ่ี ะสรา้ ง สญั ลกั ษณ์ขน้ึ ใหเ้ ป็นเครอ่ื งทดแทนสง่ิ ทต่ี นเชอ่ื ถอื จงึ สรา้ งสงิ่ ทเ่ี ป็นรปู ธรรมตา่ งๆ ขน้ึ มา อยา่ งใดอยา่ งหน่ึง ความเชอ่ื จงึ มอี ยู่ 2 ประการ คอื 1. ความเชอ่ื ทเ่ี กดิ จากความคดิ เป็น นามธรรม และ 2. ความเชอ่ื ทส่ี รา้ งสญั ลกั ษณ์เป็นรปู ธรรม (มณี พยอมยงค,์ 2529: 1) ความเชอ่ื และการถอื ของชาวลา้ นนาไทย แตล่ ะทอ้ งถนิ่ มคี วามแตกตา่ งกนั ไปตามพน้ื ฐานของความรทู้ ไ่ี ดร้ บั สบื ๆ มาจากบรรพบรุ ษุ ของตน หากจะกลา่ วถงึ ความเชอ่ื แตด่ งั้ เดมิ มานนั้ ชาวลา้ นนาเชอ่ื วา่ “ในจกั วาลน้ีมโี ลกหน่ึงเรยี กวา่ โลกราห”ู คอื ทอ่ี ยขู่ องคนเราน้ี เขา้ ใจกนั วา่ โลกเป็นแกนกลาง มที างเดนิ ไปสดุ ขอบจกั รวาล มพี ระอาทติ ย์ พระจนั ทร์ เป็นบรวิ ารอยใู่ นจกั รวาลรว่ มกนั จงึ มคี มั ภรี ์ นพคาธทงั้ 9 คอื ดาวพระเคราะห์ 9 ดวงท่ี
ถอดรหสั ความงาม 75 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง รอบลอ้ มโลกไว้ ดาวพระเคราะห์มคี วามสำ� คญั ต่อชะตาและชวี ติ ของสตั ว์ทงั้ หลายมี มนุษย์ เป็นตน้ ในการจะผลกั ดนั ชวี ติ ใหเ้ จรญิ กา้ วหน้า หรอื มคี วามอบั เฉา จงึ เกดิ คมั ภรี โ์ หราศาสตรข์ น้ึ มาท�ำนายทายทกั ใหป้ ระชาชนประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ าม เป็นเคร่อื ง ปรบั ปรุงสงั คมใหอ้ ยไู่ ดอ้ ยา่ งสงบราบร่นื และเป็นเคร่อื งบ�ำรุงหวั ใจ ความเช่อื ทางพุทธ ศาสนานนั้ ประชาชนในลา้ นนาไทยไดร้ บั เอาพทุ ธศาสนานบั เป็น 2 ระยะดว้ ยกนั คอื ใน สมยั แรก นบั แต่การเผยแพรท่ างสวุ รรณภมู ิ หมายถงึ พมา่ ไทย ลาว กมั พชู า ซง่ึ แตล่ ะ ประเทศต่างกอ็ า้ งวา่ เป็นของตน ระยะท่ี 2 ในสมยั พระนางจามเทวแี หง่ หรภิ ุญชยั น�ำ เอาพระสงฆม์ าจากลพบุรี และมาประสานกบั พระสงฆท์ ม่ี อี ยแู่ ต่เดมิ ในอาณาจกั โยนก เชยี งแสน ระยะท่ี 3 ในสมยั อาณาจกั รลา้ นนาไทย ไดร้ บั พทุ ธศาสนาลทั ธลิ งั กาวงศเ์ ขา้ มาอกี (พทุ ธตำ� นาน ลานผกู ฉบบั วดั หอธรรม อำ� เภอเมอื งเชยี งใหม)่ การนบั ถอื ศาสนา พทุ ธของชาวลา้ นนาไทย จงึ มพี น้ื ฐานมาจากไสยศาสตร์ นบั เน่ืองดว้ ยศาสนาพราหมณ์ แลว้ มารบั เอาพุทธศาสนาจากทต่ี ่างๆ จงึ เกดิ การผสมผสานจนแนบแน่น การปฏบิ ตั ิ พกี รรมทางศาสนาจงึ ปนเปกนั ระหวา่ งศาสนาพทุ ธ ศาสนาพราหมณ์ ตลอดถงึ ความ เชอ่ื ทม่ี มี าแต่ดงั้ เดมิ ความเชอ่ื เรอ่ื งไสยศาสตร์ และ ในวถิ ชี วี ติ ของชาวลา้ นนาไทย คน สว่ นมากเช่อื โหราศาสตร์ เช่อื การทำ� นายทายทกั ว่าอนาคตของตนจะเป็นอย่างไรผทู้ ่ี มบี ทบาทสำ� คญั ในการทำ� นายโหรเป็นความจรงิ ทต่ี อ้ งเชอ่ื ถอื ในวรรณกรรมทงั้ หลาย ของลา้ นนาไทยกล่าวถงึ โหราศาสตรไ์ วห้ ลายแหง่ นบั วา่ ปุโรหติ าจารย์ มคี วามส�ำคญั มากตอ่ ราชสำ� นกั และต่อมวลชน ลา้ นนาไทยเคยเป็นราชอาณาจกั รทร่ี งุ่ โรจน์ดว้ ยศลิ ป วฒั นธรรมแตโ่ บราณกาล แมต้ อ่ มาระยะหลงั จะไดเ้ ขา้ มารวมกบั ไทยภาคกลาง วฒั นธรรม ประเพณขี องบรรพบรุ ษุ กย็ งั ปฏบิ ตั กิ นั ไมข่ าดสาย การศกึ ษาประเพณตี อ้ งศกึ ษาใน 2 ลกั ษณะ คอื ประเพณีประจ�ำเดอื นหรอื เป็นเทศกาล และประเพณีทท่ี �ำเป็นครงั้ คราว ประเพณปี ระจำ� เดอื นหรอื เทศกาลนนั้ เรมิ่ ตน้ จากเดอื น เมษายนหรอื เดอื น 7 (มณี พ ยอมยงค,์ 2529: 2-23)
ถอดรหสั ความงาม 76 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง ประเพณี 12 เดือนนครลำ� ปาง การถ่ายทอดมรดกทางวฒั นธรรม จากชมุ ชนชนบทสชู่ มุ ชนเมอื ง และ วฒั นธรรมจากชมุ ชนเมอื งมาสชู่ มุ ชนชนบท มกี ารเคลอ่ื นไหวทางสงั คมตะวนั ตกมาก ขน้ึ เทคโนโลยเี ขา้ มามบี ทบาทผคู้ นมสี ทิ ธใิ์ นวฒั นธรรมของตนเอง การยอมรบั สงั คม ตา่ งถน่ิ ความลน่ื ไหลทางประเพณตี ลอดระยะเวลาหลายสบิ ปีผา่ นมา จงั หวดั ลำ� ปาง ไดร้ บั ผลกระทบในหลากหลายทศิ ทางผคู้ นลม้ หายตายจากกนั ไป ทง้ิ มรดกความทรง จ�ำร่องรอยท่บี ่งบอกถงึ รากเหงา้ ของตวั เราเองโดยส่อื สารออกมาทางด้านประเพณี พธิ กี รรม ทงั้ 12 เดอื น มปี ระเพณสี ำ� คญั ทน่ี ่าสนใจดงั น้ี (อนุกลู ศริ พิ นั ธ,ุ์ 2559) 1. ประเพณีเดือน 7 เหนือ หรอื เดอื นเมษายนของทกุ ปี จะมปี ระเพณสี งกรานต์ ชาวลา้ นนาเรยี กวา่ “ป๋ าเวณปี ี๋ใหมเ่ มอื ง“ ในชว่ งเทศกาลน้ีกนิ เวลา 5 วนั ประชาชนจะ หยดุ งานเพอ่ื ฉลองวาระน้ีดา้ นศาสนาและพธิ กี รรม จะถอื เอาวนั ทพ่ี ระอาทติ ยเ์ คลอ่ื น จากราศเี มษเป็น วนั สงั ขารลอ่ ง หรอื วนั มหาสงกรานต์ ในแตล่ ะปีอาจจะไมต่ รงกบั วนั ท่ี 13 เมษายนยดึ ตามประกาศของทางราชการเป็นหลกั เทศกาลน้ีจะมวี นั ต่างๆ พธิ กี รรม และการละเลน่ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกนั ซง่ึ จงั หวดั ลำ� ปางมี 5 วนั ดงั น้ี 12 เมษายนของทกุ ปี ชาวลำ� ปางจะจดั “ขบวนแห่ งานบญุ สลุงหลวง” โดย ความเป็นมาของสลุงหลวงในปี พ.ศ.2529 ไดม้ กี ารตงั้ ชมรมเทดิ มรดกเขลางคน์ คร น�ำโดยคณุ หญงิ วลยั ลลี านุช อดตี ผอู้ ำ� นวยการโรงเรยี นลำ� ปางกลั ยาณี โดยมอี าจารย์ บญั ญตั ิ ภ่ศู รณั ย์ และอาจารยว์ ถิ ี พานิชพนั ธ์ ผรู้ เิ รมิ่ ในการจดั สรา้ งขนั หรอื สลุง ทท่ี ำ� จากเงนิ บรสิ ทุ ธแิ์ ละมขี นาดใหญ่จงึ เรยี กวา่ สลุงหลวง ในชว่ งปีแรกๆ ไดน้ �ำขนั เงนิ ใบ ใหญ่ของเจา้ ศรรี ตั น์ ณ.ลำ� ปาง มาใชใ้ นขบวนแหซ่ ง่ึ มนี ้�ำหนกั 300 บาทโดยใชช้ อ่ื วา่ ขบวนแห่ งานบุญสลงุ หลวง มวี ตั ถุประสงคเ์ พอ่ื รบั น้�ำขมน้ิ สม้ ปอ่ ยจากประชาชนในการ สรงน้�ำพระเจา้ แกว้ มรกตดอนเตา้ ในวนั ท่ี 12 เมษายนของทกุ ปี โดยมเี ทพบุตร ประ คองสลุงและอญั เชญิ น้�ำขมน้ิ สม้ ปอ่ ย ในปี พ.ศ.2532 และคดั เลอื กผปู้ ระคองสลุงเป็น ครงั้ แรก ณ สวนสาธารณะหนองกระทงิ และในปี พ.ศ. 2533 ชมรมเทดิ มรดกเขลางค์ นครไดร้ บั บรจิ าคเงนิ จากประชาชนเพ่อื สรา้ งสลุงใบใหญ่ดว้ ยวธิ แี บบโบราณเรยี กว่า สลุงเกลย้ี งจากคำ� จารกึ ถวายตาน “สลงุ หลวงแกน่ น้ี จาวเมอื งลำ� ปางแป๋ งตานใสน่ ้�ำอบ น้�ำหอม ขมน้ิ สม้ ปอ่ ย สระองคพ์ ระเจา้ แกว้ ดอนเตา้ เวยี งละกอน ในวนั ปี๋ใหมเ่ มอื งเพอ่ื คำ้� จนุ พระศาสนาฮอดเตงิ หา้ พนั วษา” ภายหลงั ไดส้ รา้ งแทน่ สำ� หรบั วางสลุงหลวงไดร้ บั
ถอดรหสั ความงาม 77 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง การออกแบบจาก อาจารยบ์ ญั ญตั ิ ภ่ศู รณั ย์ เป็นโครงไมส้ กั บุดว้ ยเงนิ เป็นรปู เทวดา 6 องค์ (อนุกลู ศริ พิ นั ธ,์ 2559: 4-5) วนั ท่ี 13 เมษายน เป็นวนั สงั ขารลอ่ ง คอื วนั มหาสงกรานต์ ตามความเชอ่ื แบบ ล้านนากล่าวกนั ว่าในตอนเชา้ มดื ของวนั น้ี ปู่สงั ขาร หรอื ย่าสงั ขารจะน�ำเอาสงิ่ ทไ่ี ม่ ปรารถนาตามตวั มา จงึ มกี ารยงิ ปืนจดุ ประทดั ไล่ (จสิ ะโปก หรอื สะโปก) หรอื ทำ� ใหเ้ กดิ เสยี งดงั นยั ยะเป็นการไลส่ งั ขารและถอื กนั วา่ เป็นการยงิ ไลป่ หู่ รอื ยา่ สงั ขารนนั้ จะมคี วาม ขลงั มาก รงุ่ เชา้ ตี 4 ดี 5 มกั จะใหค้ วามสำ� คญั เกย่ี วกบั การทำ� ความสะอาดบา้ น ทน่ี อน หมอน มงุ้ มกั จะน�ำไปซกั ทท่ี า่ น้�ำ หรอื น�ำไปตากแดด รวมถงึ การทำ� ความสะอาดหง้ิ พระ หอผปี ยู่ า่ การทำ� ความสะอาดตนเอง ตดั เลบ็ สระผม (สระเกลา้ ดำ� หวั ) จะอาบน้�ำสม้ ปอ่ ย หรอื ผลมะกรดู เผาไฟ เพอ่ื ความเป็นสริ มิ งคล (อนุกลู ศริ พิ นั ธ,์ 2559: 5) วนั ท่ี 15 เมษายน เป็นวนั พระยาวนั (พญาวนั ) เป็นวนั เถลงิ ศก เรมิ่ ตน้ จลุ ศกั ราช ใหม่ มกี ารทำ� บญุ ทางศาสนาตงั้ แตเ่ วลาเชา้ ตรู่ เพอ่ื ตานขนั ขา้ วอทุ ศิ กศุ ลใหแ้ กบ่ รรพบรุ ษุ มกั จะใหค้ วามสำ� คญั กบั การใสข่ า้ วพระทบ่ี า้ นและหอผปี ยู่ า่ ก่อนทจ่ี ะไปทำ� บญุ ทว่ี ดั หลงั จากกลบั มาจากวดั มกั จะสรงน้�ำพระทบ่ี า้ นและการรดน้�ำดำ� หวั ปยู่ า่ ตา ยาย ทบ่ี า้ นตนเอง รวมไปถงึ การดำ� หวั ผบี รรพบุรษุ ในสว่ นผทู้ น่ี บั ถอื ผเี ดยี วกนั มกั จะไปรดน้�ำดำ� หวั ขอพร ตามบา้ นต่างๆ ทม่ี ผี อู้ าวุโสทต่ี นนบั ถอื ช่วงบ่ายจะไปฟงั เทศน์ การถวายตุง ก่อกอง ทราย และทางวดั มกั จะน�ำพระพทุ ธรปู สำ� คญั ออกมาใหป้ ระชาชนไดส้ รงน้�ำ (อนุกลู ศริ ิ พนั ธ,์ 2559: 7) วนั ท่ี 16 เมษายน เป็นวนั ปากปี ในวนั น้ีมกั จะไปทำ� บุญสง่ เคราะห์ ทว่ี ดั เรยี กวา่ “ทานขา้ วคอู่ าย“ุ หรอื ตานขา้ วลดเคราะห์ บางหมบู่ า้ นเตรยี มสถานทเ่ี พอ่ื จะทำ� บญุ ใจบา้ น หรอื สะดอื บา้ นหรอื สง่ เคราะหบ์ รเิ วณหอเสอ้ื บา้ น (อารกั ษ)์ บางหมบู่ า้ นทำ� บญุ สบื ชะตา บา้ น หรอื การบชู าทา้ วทงั้ ส่ี มคี วามเชอ่ื วา่ จะไดร้ บั ความคมุ้ ครองไปตลอดปี และจะพากนั ไปรดน้�ำดำ� หวั พระผใู้ หญ่ นิยมกนิ แกงขนุนในวนั น้ี เชอ่ื กนั วา่ จะทำ� ใหม้ คี นคำ้� ชอู ุดหนุน ตามชอ่ื และมกั จะมี พธิ กี ารสบื ชะตาตามบา้ นตา่ งๆ (อนุกลู ศริ พิ นั ธ,์ 2559: 7-8) ป๋ าเวณเี ดอื น 7 หรอื เดอื นเมษายน (เดอื น5ไทย) ของชมุ ชนวดั พระธาตุลำ� ปาง หลวงวนั ท่ี 12 เมษายนพอ่ เมอื งผวู้ า่ ราชการจงั หวดั ลำ� ปางอญั เชญิ พระเจา้ แกว้ ดอนเตา้ ใหช้ าวลำ� ปางไดส้ รงน้�ำบชู า โดยมกี ารทำ� พธิ แี ละเรม่ิ แหอ่ อกจากวดั ประมาณ 9.00 น.
ถอดรหสั ความงาม 78 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง มคี นคอยสรงน้�ำเป็นระยะตลอดทาง จาก อ.เกาะคา จนไปถงึ อ.เมอื งลำ� ปาง และแห่ รอบเมอื งพร้อมกบั การแห่สลุงหลวงโดยมเี ทพบุตรสลุงหลวงน�ำมาสู่ข่วงวฒั นธรรม หรอื ลานหน้าหอปมู บรเิ วณหา้ แยกหอนาฬกิ า ประมาณ 18.00 น. วนั ท่ี 13 เมษายน เป็นวนั สงั ขานตล์ อ่ ง วนั ท่ี 14 เมษายน เป็นวนั เนาหรอื วนั เน่า มกี ารก่อเจดยี ท์ ราย และถวายตุง วนั ท่ี 15 เมษายน เป็นวนั พระยาวนั (พญาวนั ) เป็นวนั ดที ส่ี ดุ ของปี วนั น้ีชมุ ชนมกี ารทำ� บญุ ตกั บาตร ตานขนั ขา้ วทว่ี ดั ในตอนเชา้ และมกี าร แหไ่ มค้ ำ้� ศรี หรอื สะ-หรี มี 4 หมบู่ า้ น ไดแ้ ก่ หมู่ 2 หมู่ 7 หมู่ 8 และ หมู่ 11 โดยตงั้ ขบวนแหบ่ รเิ วณหน้า วดั ทางดา้ นทศิ ตะวนั ออก เขา้ มาผา่ นซุม้ ประตโู ขงเขา้ มาในเขตพทุ ธาวาส แหร่ อบเจดยี ์ และวหิ ารหลวง ออกไปทางประตทู างดา้ นทศิ ใตเ้ พอ่ื น�ำไมค้ ำ้� ตน้ ศรมี หาโพธิ ์ ทางดา้ น ประตทู ศิ ใตเ้ ป็นประจำ� ทกุ ปี วนั ท่ี 16 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวงจะอญั เชญิ พระเจา้ แกว้ ดอนเตา้ ออกมาใหศ้ รทั ธาชาวบา้ นไดป้ ิดทองและสรงน้�ำเป็นเวลา 3 วนั
ถอดรหสั ความงาม 79 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง ภาพบรรยากาศประเพณเี ดอื น 7 หรอื ป๋ าเวณปี ี๋ใหมเ่ มอื ง ของชมุ ชนวดั พระธาตุลำ� ปางหลวง
ถอดรหสั ความงาม 80 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง 2. ประเพณีเดือน 8 เหนือ หรอื ราวเดอื นพฤษภาคม ในลา้ นนาจะใหค้ วาม สำ� คญั ในพระพทุ ธศาสนา ประเพณที ช่ี าวจงั หวดั ลำ� ปางใหค้ วามสำ� คญั ทเ่ี รยี กวา่ ประ เพณแี ปดเป็ง ซง่ึ ตรงกบั วนั วสิ าขบชู า ชาวพทุ ธสว่ นใหญ่ไปทำ� บญุ ทว่ี ดั และเวยี นเทยี น รอบพระธาตุ ประเพณที ส่ี ำ� คญั ของชาวลำ� ปาง คอื พธิ สี รงน้�ำพระธาตุ หรอื การสมโภช พระธาตุ มพี ธิ ที ช่ี าวลำ� ปางเรยี กวา่ สวดเบกิ หรอื สตู รเบกิ หรอื สวดพทุ ธาภเิ ษกเชน่ ท่ี วดั พระแกว้ ดอนเตา้ สชุ าดาราม (อนุกลู ศริ พิ นั ธ,์ 2559: 13-14) ในประเพณเี ดอื น 8 ชมุ ชนวดั พระธาตุลำ� ปางหลวง มปี ระเพณแี หล่ กู แกว้ ขม่ี า้ คอื การแหน่ าคหรอื แหล่ กู แกว้ ซง่ึ ลกู แกว้ จะแต่งหน้าและแตง่ กายสวยงามอยา่ งกษตั รยิ ์ เมอ่ื แหเ่ สรจ็ น�ำลกู แกว้ กลบั บา้ น และฟงั ธรรมขวญั นาค นอกจากน้ีในประเพณเี ดอื น 8 จะมกี ารฟงั ซอพน้ื เมอื งทงั้ วนั (8.00-18.00 น.) ณ ลานวฒั นธรรมหน้าบรเิ วณวดั ดา้ น ทศิ ตะวนั ออก 3. ประเพณีเดือน 9 เหนือ หรอื ราวเดอื นมถิ นุ ายน ประเพณเี ลย้ี งผปี ยู่ า่ ถอื เป็น ผปี ระจำ� ตระกลู สบื ทอดมาทางฝา่ ยหญงิ (มารดา) ซง่ึ ลกู หลานจะตอ้ งใหค้ วามเคารพโดย จดั ทำ� หง้ิ ผไี วบ้ นเสาหวั นอน ใหค้ วามเคารพโดยไมก่ ระทำ� สงิ่ ทไ่ี มค่ วร โดยน�ำเครอ่ื งสกั การะแลว้ แตจ่ ะมกี ารกำ� หนดและถถวายเครอ่ื งสงั เวยแกผ่ ปี ยู่ า่ จะไดค้ มุ้ ครองใหล้ กู หลาน ไดอ้ ยดู่ มี สี ขุ (อนุกลู ศริ พิ นั ธ,์ 2559: 22) ในประเพณเี ดอื น 9 น้ีชมุ ชนวดั พระธาตุลำ� ปางหลวงมกี ารแหช่ า้ งเผอื กไปท่ี ดอยขนุ ตาล เป็นประเพณปี ลายน้�ำสตู่ น้ น้�ำหรอื ทา้ ยน้�ำบา้ นลำ� ปางหลวงไปยงั แทน่ ชา้ ง เผอื กเวยี งลม โดยเรม่ิ แหจ่ ากวดั พระธาตุลำ� ปางหลวง ทอ่ี ำ� เภอเกาะคา เขา้ สอู่ ำ� เภอ หา้ งฉตั ร ผา่ นวดั ปงยางคก ไปยงั ก่ขู ว่ ง วดั หา้ งฉตั ร และจากศาลเจา้ พอ่ ขนุ ตาลไปยงั เวยี งลม เพอ่ื ขอฝนใชเ้ วลาในการแหป่ ระมาณครง่ึ วนั โดยหมบู่ า้ นในชมุ ชนวดั พระธาตุ ลำ� ปางหลวงจะผลดั เปลย่ี นกนั เป็นเจา้ ภาพในการแหช่ า้ งเผอื กทกุ ปี ภาพลำ� น้�ำแมต่ าลใกลๆ้ บรเิ วณทำ� พธิ ี บรเิ วณแทน่ ชา้ งเผอื ก เวยี งลมซง่ึ เป็น ตน้ น้�ำไหลไปทป่ี ลายน้�ำชมุ ชน วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง
ถอดรหสั ความงาม 81 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง ภาพบรรยากาศประเพณกี ารแหช่ า้ งเผอื กไปยงั ขนุ ตาล ในประเพณเี ดอื น 9
ถอดรหสั ความงาม 82 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง 4. ประเพณีเดือน 10 เหนือ หรอื ราวเดอื นกรกฎาคม ประเพณเี ขา้ วสั สา (เขา้ พรรษา) ชาวลา้ นนามกั ออกเสยี งวา่ เขา้ วสั สา คอื การทพ่ี ระสงฆอ์ ยปู่ ระจำ� ทใ่ี ดทห่ี น่ึง ในชว่ งฤดฝู น พระสงฆจ์ ะตอ้ งหยดุ ไปทต่ี า่ งๆ และพกั อยทู่ ใ่ี ดทห่ี น่ึงโดยไมไ่ ปแรมคนื ทอ่ี น่ื ภายในกำ� หนด 3 เดอื น เรยี กวา่ เขา้ วสั สา ชาวบา้ นถอื เป็นวนั สำ� คญั ยงิ่ วนั หน่ึง เพราะจะไดท้ ำ� บุญพเิ ศษหรอื ทานขนั ขา้ วใหผ้ ทู้ ล่ี ว่ งลบั ไป รวมทงั้ ทานแกพ่ อ่ แม่ ปู่ ยา่ ตา ยาย ทย่ี งั มชี วี ติ อยดู่ ว้ ย และยงั ไปทำ� บุญตกั บาตรทกุ วนั พระ ในชว่ งเขา้ พรรษาเป็น ฤดหู วา่ นกลา้ และไถนา โดยทวั่ ไปแลว้ ประเพณที เ่ี กดิ ขน้ึ มกั จะเป็นประเพณที เ่ี กย่ี วกบั การทำ� นาและเกย่ี วกบั ศาสนา ไดแ้ ก่ ประเพณแี ฮกนา, หวา่ นกลา้ , ถวายเทยี นพรรษา, ทานขนั ขา้ วอุทศิ แกผ่ ตู้ าย, ถวายผา้ อาบน้�ำฝน และคารวะครบู าอาจารย์ (ประเพณสี ามี จกิ รรม) ในชว่ งฤดเู ขา้ พรรษาไมน่ ิยมบวชลกู หลานกลางฤดพู รรษา ไมเ่ ลย้ี งผปี ยู่ า่ ไม่ เผาศพพระ และไมจ่ ดั พธิ แี ต่งงาน พธิ กี รรมในปจั จบุ นั กจ็ ะเลอื นหายไป เชน่ การสรา้ ง คมั ภรี ์ หรอื การตานธรรม ซง่ึ ในอดตี เป็นหน้าทข่ี องพระภกิ ษุ สามเณร จะเป็นผจู้ าร ธรรม และปอู่ าจารยผ์ มู้ คี วามเชย่ี วชาญอกั ษรตวั เมอื ง (อนุกลู ศริ พิ นั ธ,์ 2559: 63) ประเพณเี ดอื น 10 อยใู่ นชว่ งเขา้ พรรษาเป็นเวลา 3 เดอื น ชมุ ชนวดั พระธาตุ ลำ� ปางหลวงทกุ วนั พระจะถอื ศลี และมาทำ� บญุ และปฏบิ ตั ธิ รรม ในชว่ งเชา้ ทานขนั ขา้ ว ทำ� บญุ ตกั บาตร กลางวนั ฟงั เทศน์(อุทศิ ใหค้ นทเ่ี สยี ชวี ติ ไปแลว้ ) สบื ชาตา ใน เวลากลางคนื แมอ่ อก/พอ่ ออก นอนวดั จำ� ศลี ทกุ ศลี หรอื ทกุ วนั พระจะมกี ารแกม้ อ้ื นา โดยผลดั เปลย่ี นกนั ไปในแตล่ ะหมบู่ า้ นตลอด 3 เดอื น และ เลย้ี งผบี า้ น (เดอื น10 ขน้ึ 10 ค่ำ� ) เจา้ พอ่ อารกั ษ/์ เจา้ พอ่ ขอ้ มอื เหลก็ /เจา้ พอ่ ลอื ไชย หรอื “พธิ เี ลย้ี งโฮงฮกั “ บา้ น ลำ� ปางหลวงจะทำ� พธิ ใี นเดอื น 10 เหนือ ขน้ึ 10 ค่ำ� เป็นตน้ ไป จะทำ� พธิ เี ลย้ี งอยู่ 3 วนั ทงั้ หมด 10 แหง่ เรมิ่ จากบรเิ วณบอ่ น้�ำเลย้ี งเป็นทแ่ี รก ภายในบรเิ วณวดั จะเลย้ี งดว้ ย หวั หมู บรเิ วณนอกวดั จะเลย้ี งแกงหมู ปลาแหง้ ปลาบว้ ง ลาบ ไดต่ ม้ ไก่น่ึง เป็นตน้ (อนุกลู ศริ พิ นั ธ,์ 2559: 68)
ถอดรหสั ความงาม 83 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง ชว่ งเขา้ พรรษาชมุ ชนวดั พระธาตุลำ� ปางหลวง ทกุ ศลี จะมกี ารแกม้ อ้ื นา โดยผลดั เปลย่ี นกนั ไปในแต่ละหมบู่ า้ น การบรวงสรวงเจา้ พอ่ ทพิ ยช์ า้ งในเดอื น 10 เพ่อ่ื ระลกึ ถงึ วรี บุรษุ แหง่ เขลางคน์ คร
ถอดรหสั ความงาม 84 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง 5. ประเพณีเดือน 12 เหนือ ประเพณีเดือน 1 (เดือนเก๋ียง) หรอื ราวเดอื น กนั ยายน-เดอื นตุลาคม ประเพณจี าคะขา้ ว คอื การทำ� บุญดว้ ยการใหท้ านแกส่ งฆ์ และ อุบาสกิ อุบาสกิ า ทม่ี าจ�ำศลี อยู่ทว่ี ดั โดยผูท้ ท่ี �ำบุญเป็นผูท้ ม่ี อี นั จะกนิ จะมกี ารเตรยี ม ไทยทานกณั ฑเ์ ทศน์ถวายพระสงฆท์ ม่ี กี ารแสดงธรรม เชน่ มงั คละสตู ร โลกวฒุ ิ พทุ ธคณุ สงั คหะโลก มกี ารเตรยี มของกนิ ของใชม้ อบแก่คนเฒา่ คนแก่ทม่ี าถอื ศลี และเลย้ี งอาหาร กนั ทวั่ หน้า มกั จะทำ� ขนมอาหารและเครอ่ื งไทยทาน บางแหง่ ทำ� เป็นบา้ นเรอื น ใสเ่ ครอ่ื ง ครวั พรอ้ มน�ำไปถวาย แต่ปจั จุบนั เลอื นหายไปบา้ ง ประเพณีทส่ี �ำคญั ของชาวจงั หวดั ลำ� ปาง คอื ประเพณี ตานเปรตพลี และตานสลากภตั ในเดอื น 12 เหนือ ขน้ึ 15 ค่ำ� หรอื ทเ่ี รยี กวา่ 12 เป็ง ประเพณที านสลาก ในลา้ นนามกั จะชอ่ื ต่างกนั ไปตามทอ้ งถนิ่ บาง แหง่ เรยี กวา่ กนิ๋ ก๋วยสลาก หรอื ตานก๋วยสลาก การถวายสลากภตั แบง่ ไดด้ งั น้ี 1. สลากน้อย หรอื ก๋วยน้อย หรอื ก๋วยซอง หรอื ก๋วยขป้ี ๋ มุ ใชถ้ วายอุทศิ แกผ่ ตู้ าย หรอื ทำ� บญุ เพอ่ื เป็นกุศลในภายภาคหน้า 2. สลากใหญ่ หรอื สลากโชค ใชถ้ วายเป็นมหากุศลสำ� หรบั ผมู้ กี ำ� ลงั ศรทั ธาและ ผมู้ ฐี านะ หรอื เจา้ นายคหบดี นอกจากจะใสข่ องทค่ี ลา้ ยกบั ก๋วยน้อยแลว้ มกั จะใสข่ องท่ี ดแี ละปจั จยั มากกวา่ ก๋วยน้อย 3. หงสเ์ ป็นสตั วม์ งคล ทป่ี รากฏในการเทศน์ธมั ม์ มคี วามเชอ่ื วา่ หงสส์ ามารถ น�ำดวงวญิ าณของญาตพิ น่ี ้องไปสสู่ รวงสวรรคไ์ ด้ สามารถน�ำไปสภู่ พภมู ทิ ด่ี ไี ด้ จงึ มกั จะ ประดษิ ฐห์ งสค์ าบเงนิ มกี ารประดบั ตกแต่งอยา่ งสวยงาม 4. เฮอื นตาน หรอื หอผา้ ชาวลำ� ปางจะสรา้ งบา้ นหลงั เลก็ ๆ แลละจะน�ำขา้ วของ เครอ่ื งใชใ้ นครวั เรอื น เชน่ หมอน เสอ่ื มงุ้ กระทะ เตาถ่าน หมอ้ ครก จาน ถว้ ย ชอ้ น เสอ้ื ผา้ รองเทา้ กระจก หวี เป็นตน้ มกั จะอุทศิ ใหก้ บั ผทู้ ล่ี ว่ งลบั ไปแลว้ หรอื อาจจะเป็นผู้ ทต่ี ายจากอบุ ตั เิ หตุ หรอื ผสู้ งู อายุ มกั จะน�ำรปู ถา่ ยมาตดิ หน้าเฮอื นตาน เพอ่ื ระบใุ หท้ ราบ วา่ จะอุทศิ ใหใ้ คร 5. สลากสรอ้ ย หรอื สลากวงไหว เป็นตน้ ครวั ตาน ทน่ี �ำเอาขา้ วของ เครอ่ื งใชไ้ ป มดั ตดิ หอ้ ย ใหเ้ ป็นดงั่ ตน้ กลั ปพฤกษ์ หรอื ตน้ ไมท้ พิ ย์ อุทศิ สว่ นกุศลใหผ้ ลู้ ว่ งลบั ประเพณตี านสลากทส่ี ำ� คญั ในเขตอำ� เภอเกาะคา ณ วดั พระธาตุลำ� ปางหลวงจดั ขน้ึ ในเดอื น 12 เหนือ แรม 15 ค่ำ� (อนุกลู ศริ พิ นั ธ,์ 2559: 73-79)
ถอดรหสั ความงาม 85 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง
ถอดรหสั ความงาม 86 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง 6. ประเพณีเดือน 2 (เดือนยี่) ราวเดอื นพฤศจกิ ายน หรอื ประเพณยี เ่ี ป็ง คอื ประเพณเี ทศกาลวนั เพญ็ เดอื นยเ่ี หนือ แต่ดงั้ เดมิ พธิ สี ำ� คญั ของเทศกาลน้ี อยทู่ พ่ี ธิ กี รรม ตงั้ ธรรมหลวงหรอื ฟงั เทศมหาชาติ หมายถงึ การฟงั ธรรมเทศนาครงั้ ใหญห่ รอื เรอ่ื งสำ� คญั เพราะธรรมหลวง ทใ่ี ชเ้ ทศน์มกั จะเป็นเวสสนั ดรชาดก มที งั้ หมด 13 กณั ฑ์ ในชว่ งเดอื น น้ียงั มปี ระเพณอี กี อยา่ งหน่ึง คอื ประเพณลี อยกระทง จดุ มงุ่ หมายของการลอยกระทง ตามความเชอ่ื ของพระพทุ ธศาสนาของชาวไทยตงั้ แต่โบราณ ประเพณีการตงั้ ธรรมหลวง นอกจากจะฟงั เทศน์เพ่อื ใหไ้ ดอ้ านิสงสแ์ ลว้ ชาว ลำ� ปางยงั มคี วามเชอ่ื วา่ ถา้ ใครไดฟ้ งั เทศน์จนครบ 13 กณั ฑ์ จะไดเ้ กดิ ในยคุ ของพระศรี อรยิ เมตรไตรยในพธิ กี รรมการฟงั เทศน์มกี จิ กรรมทห่ี ลากหลาย ชาวลำ� ปางนิยมทจ่ี ะฟงั เทศน์ บชู า ลอยโคม และลอ่ งสะเปาเป็นกจิ กรรมทเ่ี กย่ี วกบั พทุ ธศาสนาโดยเฉพาะ ท่ี เรยี กวา่ การตงั้ ธรรมหลวง หรอื การเทศน์มหาชาติ เป็นการฟงั เทศน์ภายในหน่ึงวนั การเทศน์อานิสงสผ์ างประทปี หรอื อานิสงสผ์ างผะตด๊ิ ในอดตี มกั จะนิยมทจ่ี ะ ฟงั เทศน์กอ่ นในชว่ งหวั ค่ำ� แลว้ จงึ ไปลอ่ งสะเปาหรอื ไปลอยกระทง ผางประทปี หรอื ผาง ผะตด๊ิ เป็นชอ่ื เรยี กภาชนะดนิ เผา ใชบ้ รรจเุ ชอ้ื เพลงิ สำ� หรบั ใหแ้ สงสวา่ ง ชาวลำ� ปางมกั จะ เรยี กวา่ ผะตด๊ิ สสี าย สสี าย ทำ� จากดา้ ยฟนั่ เป็นเชอื กสองเกลยี วแลว้ ดงึ ออกเป็นรปู สาม แฉกอยา่ งตนี กา ซง่ึ ชาวลา้ นนามกั จะใชจ้ ุดบชู าในวนั เพญ็ เดอื นย่ี ตามเรอ่ื งเล่าทเ่ี กย่ี ว กบั ตนี กาทใ่ี ชเ้ ป็นไสข้ องประทปี ชาวลำ� ปางมกั จะผลติ ผางประทปี ไวจ้ ำ� หน่ายในเทศกาลลอ่ งสะเปา เพอ่ื จดุ ถวาย เป็นพทุ ธบชู าแลว้ ยงั ฟนั่ ดา้ ยเป็นรปู ตนี กา เพอ่ื ระลกึ ถงึ กาเผอื ก และยงั ใชผ้ างประทปี จดุ เพอ่ื ถวายกณั ฑเ์ ทศน์มหาชาติ ในชว่ งหวั ค่ำ� ของวนั เพญ็ เดอื นย่ี (วนั ลอยกระทง) ชาว ลำ� ปางยงั จุดผางประทปี เพอ่ื บชู าแมพ่ ระธรณีทป่ี ากระตบู า้ น หวั บนั ได ทบ่ี ่อน้�ำ ทย่ี งุ้ ขา้ ว ทห่ี อผปี ยู่ า่ และทเ่ี ตาไฟ บชู าแมเ่ ตาไฟทใ่ี หค้ ณุ ประโยชน์แกค่ รอบครวั ในวดั การ บชู าผางประทปี หน้าพระประธาน ตน้ โพธิ ์พระธาตุเจดยี ์ เสาหลกั เมอื ง ประเพณีทส่ี ำ� คญั ทช่ี ุมชนวดั พระธาตุลำ� ปางหลวง มปี ระเพณีสรงน้�ำพระธาตุ ลำ� ปางหลวง มขี บวนแหค่ รวั ตาน พธิ สี ตู รเบกิ 9 วาร จดั ขน้ึ ในเดอื นยเ่ี ป็งและประเพณี สรงน้�ำพระธาตุวดั ไหล่หนิ หลวงแกว้ ชา้ งยนื มขี บวนแห่ครวั ตาน การประกวดว่าวไฟ โคมไฟ พธิ สี ตู รเบกิ 4 วาร (อนุกลู ศริ พิ นั ธ,์ 2559: 84-88)
ถอดรหสั ความงาม 87 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง
ถอดรหสั ความงาม 88 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง 7. ประเพณีเดือน 4 เหนือ ราวเดอื นมกราคม ประเพณที านหลวั หงิ ไฟพระเจา้ หรอื การถวายฟืนเพอ่ื จดุ ไฟผงิ แกพ่ ระพทุ ธรปู เป็นพธิ ที จ่ี ดั ขน้ึ ในฤดหู นาว ประเพณถี วาย (ตาน) ขา้ วจข่ี า้ วหลาม ในประเพณเี ดอื น 4 ขา้ วจค่ี อื การปนั้ ขา้ วเหนียวน่ึงแลว้ ป้ิงบน เตาถ่าน ซง่ึ เรยี กวา่ จ่ี ขา้ วหลามคอื การน�ำไมไ้ ผใ่ สข่ า้ วเหนียวลงในกระบอกใสน่ ้�ำตาม ลงไป แชไ่ วป้ ระมาณ 1 คนื แลว้ น�ำไปเผาไฟจนสกุ หลงั จากนนั้ ปอกไมไ้ ผร่ บั ประทาน ขา้ วดา้ นในได้ การหลอ่ ขา้ วตา่ งน้�ำ เป็นการถวายขา้ วใหม่ โดยการน�ำขา้ วไปกองรวมกนั ไวแ้ ลว้ ประมลู ขายเพอ่ื เอาเงนิ เขา้ วดั ชาวลา้ นนาจะใหค้ วามสำ� คญั เกย่ี วกบั ขา้ ว ทถ่ี อื ได้ วา่ เป็นพชื เศรษฐกจิ ทย่ี ดึ ถอื ปฏบิ ตั สิ บื ตอ่ กนั มา คอื ประเพณตี านขา้ วใหม่ ถอื เอาหลงั ฤดู เกบ็ เกย่ี วและไดน้ �ำขา้ วขน้ึ ยงุ้ ฉางเสรจ็ แลว้ มกี ารเรยี กประเพณนี ้หี ลายชอ่ื เชน่ ตานขา้ ว ลน้ บาตร ตานขา้ วจข่ี า้ วหลาม หรอื ตานหลวั หงิ ไฟพระเจา้ และเรยี กรวมๆ วา่ ประเพณี 4 เป็ง (ขน้ึ 15 ค่ำ� ) ตรงกบั การนบั เดอื นของภาคกลางคอื ประมาณเดอื น 6 (เดอื นมกราคม) ชาวบา้ นจะน�ำขา้ วใหมจ่ ากยงุ้ ฉางมาประกอบเป็นอาหาร เชน่ ขา้ วจ่ี ขา้ วหลาม ขา้ วเมา่ ขา้ วตม้ หวั หงอก ขนมจอ้ ก ขา้ วแคบ ขา้ วแต๋น ฯลฯ น�ำอาหารทป่ี ระกอบจากขา้ วใหม่ ไปถวายพระสงฆเ์ พอ่ื อุทศิ ใหญ้ าตพิ น่ี ้องทล่ี ว่ งลบั ไป ในพธิ กี รรมนิยมก่อฟืนทพ่ี ระเณร และชาวบา้ นน�ำมากองรวมกนั ไวท้ ห่ี น้าพระวหิ าร เพราะมคี วามเชอ่ื วา่ พระพทุ ธรปู เป็น ตวั แทนของพระพุทธเจา้ ทม่ี ชี วี ติ จติ ใจและรสู้ กึ หนาวและรอ้ น เมอ่ื ถงึ ฤดหู นาวท่านก็ คงจะหนาว จงึ จดั หาฟืนมาใหพ้ ระพทุ ธรปู ผงิ ไฟ จงึ เรยี กพธิ นี ้ีวา่ “การตานหลวั หงิ ไฟ พระเจา้ ” ควบคไู่ ปกบั การตานขา้ วใหม่ ไมท้ น่ี ิยมน�ำมาใชท้ ำ� ฟืน เชน่ ไมจ้ ้ี ไมฉ้ �ำฉา น�ำ มาปลอกเปลอื กตากใหแ้ หง้ แลว้ ทาดว้ ยขมน้ิ มกั จะรวมกนั เป็นกองใหไ้ ด้ 80 ทอ่ น เทา่ อายขุ องพระพทุ ธเจา้ (อนุกลู ศริ พิ นั ธ,์ 2559: 92-93) ประเพณเี ดอื น 4 ชาวชมุ ชนวดั พระธาตลุ ำ� ปางหลวงมกี ารทานหลวั หงิ ไฟพระเจา้ เชน่ เดยี วกนั โดยจะน�ำหลวั หรอื ฟืนไปกองไวท้ ว่ี ดั 12 เลม่ ตอ่ 1 ครอบครวั ไวใ้ นจดุ ตา่ งๆ ทงั้ วดั ชนั้ ในและวดั ชนั้ นอก ในวนั แรม 14 ค่ำ� เพอ่ื วนั รงุ่ ขน้ึ ในวนั แรม 15 ค่ำ� ประมาณตี 5 จงึ เรม่ิ จดุ ไฟเพอ่ื หงิ พระเจา้ ไมท้ น่ี ิยมน�ำมาทำ� หลวั คอื ไมก้ ระถนิ ทาขมน้ิ ใหง้ าม ตาก ใหแ้ หง้ จงึ น�ำมาถวาย 8.00 น. ตกั บาตร ทำ� บญุ ตานขา้ วจ่ี ขา้ วหลาม รบั ศลี รบั พรเป็น อนั เสรจ็ พธิ ี
ถอดรหสั ความงาม 89 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง
ถอดรหสั ความงาม 90 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง 8. ประเพณีเดือน 5 เหนือ ราวเดอื นกุมภาพนั ธ์ ก่อนวนั 5 เป็ง 1 วนั (14 ค่ำ� เดอื น 5 เหนือ) มกี ารแหค่ รวั ทานในชว่ งเยน็ ของตำ� บลบา้ นเสดจ็ 17 หมบู่ า้ น โดยขบวน แหจ่ ะตงั้ บรเิ วณหวั ขว่ งหน้าวดั กอ่ นทจ่ี ะมขี บวนแห่ ชาวบา้ นผชู้ ายจะน�ำเครอ่ื งสงู ไปสรง น้�ำทแ่ี มน่ ้�ำวงั ขา้ งวดั โดยผทู้ เ่ี ป็น “เกา๊ ผ“ี ของชมุ ชนเป็นผนู้ �ำแหห่ น้าขบวน การจดั เตรยี ม บา้ น ครวั ทานจะตอ้ งไปกระทำ� ทเ่ี ฮอื นเก๊า ใกลก้ บั โฮงหลวงหรอื หอผบี า้ น เมอ่ื ดาเสรจ็ จะมกี องแหไ่ ปรบั มารวมกบั ครวั ทานอน่ื ๆ ในวนั รงุ่ ขน้ึ (15 ค่ำ� เดอื น 5)ชว่ งเชา้ จะมกี าร ดา 12 ขนั ขา้ วเจา้ นาย เสอ้ื บา้ นเสอ้ื วดั 12 ตน ใสบ่ าตรขา้ วสกุ ผทู้ ใ่ี สบ่ าตรคนแรกเป็น เก๊าผจี ากโฮงหลวงและใสข่ า้ วพระพทุ ธ ตกั บาตร 108 ใบ โดยเป็นการน�ำขา้ วสารมาใส่ ในบาตร ราวสบิ นาฬกิ ามกี ารแหเ่ ครอ่ื งหลวงและอฐั บรขิ ารเขา้ มาในวดั เพอ่ื ทำ� ทกั ษณิ า วตั ร รอบองคพ์ ระเจดยี ์ 3 รอบ ชาวบา้ นไดอ้ ญั เชญิ เครอ่ื งสงู เก่าแก่ของวดั ประกอบ ดว้ ย จามร บงั แทรก บงั สรู ย์ ธารพระกร สปั ทน แหน่ �ำหน้าครวั ทาน แหข่ า้ วของเครอ่ื ง ใชแ้ ต่เดมิ ทไ่ี ดร้ บั ถวายโดยเจา้ นายเมอื งลำ� ปาง เชน่ อบู ขา้ ว ฝาชี โตกขา้ วลายคำ� เป็น ขา้ วของทเ่ี กบ็ ไวใ้ นพพิ ธิ ภณั ฑแ์ ละน�ำมาใชง้ านปีละครงั้ ในชว่ งงานประเพณเี ดอื น 5 ใน ชว่ งกลางคนื มกี ารสวดเบกิ “พทุ ธาภเิ ษกใหญ่” จนถงึ เชา้ ความสมั พนั ธข์ องวดั พระธาตุล�ำปางหลวงกบั วดั พระธาตุเสดจ็ เกย่ี วกบั งาน ประเพณเี ดอื น 5 คณะศรทั ธาจากวดั พระธาตุลำ� ปางหลวงเดนิ ทางมารว่ มงานประเพณี เดอื น 5 เป็นประจำ� ทุกปี เน่ืองจากเป็นวดั สำ� คญั ทเ่ี จา้ นายเมอื งลำ� ปาง หากชาวบา้ น ลำ� ปางหลวงมางานประเพณีเดอื น 5 จะไดร้ บั การตอ้ นรบั ดแู ลอยา่ งพเิ ศษมอ่ื ก่อนจาก ชาวบา้ นเสดจ็ ในอดตี เคยมศี าลาล�ำปางหลวงเป็นทพ่ี กั แรม เช่นเดยี วกบั วดั พระธาตุ ลำ� ปางหลวงเมอ่ื กอ่ นเคยมศี าลาไมห้ ลงั หน่ึงเรยี กวา่ ศาลาเสดจ็ ไวส้ �ำหรบั ตอ้ นรบั ชาว บา้ นเสดจ็ ทเ่ี ดนิ ทางไปรว่ มประเพณียเ่ี ป็ง ของวดั พระธาตุลำ� ปางหลวง (อนุชา ทรี คา นนท,์ สโิ รตม์ ภนิ นั ทร์ ชั ตธ์ ร และอาสา คำ� ภา, 2556: 231-235) สวดเบกิ แต่ละหมบู่ า้ น ในเวลากลางคนื ๆ ละ 2 หมบู่ า้ น 3-5 วนั ทแ่ี รกน้�ำบอ่ เลย้ี งแมน่ างจามเทววี นั ท่ี 1
ถอดรหสั ความงาม 91 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง คณะศรทั ธาวดั พระธาตุลำ� ปางหลวงมารว่ มงานประเพณเี ดอื น 5 ทว่ี ดั พระธาตุเสดจ็ ภาพพธิ สี วดเบกิ ประจำ� หมบู่ า้ น ประจำ� ปี 2562 ทบ่ี รเิ วณบอ่ น้�ำเลย้ี ง ทม่ี า : กมั มนุ า วตั ตติ โลโก สตั วโ์ ลกยอ่ มเป็นไปตามกรรม, 2562
ถอดรหสั ความงาม 92 วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง 8. ประเพณีเดือน 6 เหนือ ราวเดอื นมนี าคม ประเพณปี อยหลวงเป็นประเพณี ฉลองเสนาสนะทส่ี รา้ งขน้ึ ในวดั เชน่ โบสถ์ วหิ าร ศาลาการเปรยี ญ กำ� แพงวดั หรอื กุฏิ เหตุทเ่ี รยี กวา่ ปอยหลวงเพราะเป็นงานใหญ่ทอ่ี าศยั ความรว่ มมอื จากบคุ คลต่างๆ เป็น จำ� นวนมากมกี จิ กรรมศาสนพธิ แี ละงานมหรศพ เพอ่ื ความบนั เทงิ ในการเตรยี มงาน ตอ้ ง มกี ารประชมุ ปรกึ ษาหารอื ระหวา่ งวดั และกรรมการหมบู่ า้ นเพอ่ื แบง่ หน้าท่ี ประเพณเี ดอื น 6 เป็นชว่ งฤดแู ลง้ ชาวลำ� ปางมกั จะมกี ารประกอบพธิ ที เ่ี กดิ ขน้ึ ในตระกลู เชน่ ประเพณี เลย้ี งผตี ระกลู ทงั้ สายตระกลู ผมี ดและตระกลู ผเี มง็ มกั จะจดั ขน้ึ ในชว่ งเดอื น 6 เหนือ ขน้ึ 3 ค่ำ� 9 ค่ำ� หรอื 13 ค่ำ� เป็นสว่ นใหญ่ หรอื ประเพณกี ารฟ้อนผเี จา้ นาย จะประกอบพธิ ดี งั ทก่ี ลา่ วไวใ้ นประเพณเี ดอื น 9 เหนือ ประเพณฉี ลองถาวรวตั ถุตา่ งๆ ของวดั กม็ กั จะจดั ขน้ึ ในชว่ งเดอื นน้ี เน่ืองจากวา่ งจากการทำ� นาและทำ� บุญใหญ่ประจำ� เดอื นตา่ งๆ ทผ่ี า่ น มา (อนุกลู ศริ พิ นั ธ,์ 2559: 99) นอกจากน้ี ยงั มปี ระเพณสี ำ� คญั ทว่ี ดั พระธาตุลำ� ปางหลวง คอื ประเพณสี รงน้�ำ รอยพระพทุ ธบาท วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง ในชว่ งเชา้ มกี ารทำ� บุญตกั บาตร รบั ศลี รบั พร ตอ่ จากนนั้ น�ำขบวนแหท่ ต่ี งั้ ขบวนอยบู่ รเิ วณขว่ งหน้าวดั ทางทศิ ตะวนั ออก แหข่ น้ึ มาผา่ นซมุ้ ประตโู ขงรอบพระธาตเุ จดยี ด์ ยี ์ แลว้ น�ำครวั ทานไปยงั หอพระทุ ธบาท ตานรอย พระพทุ ธบาท ในเวลากลางคนื มกี ารสวดเบกิ 9 วดั 9 วาร ตลอดคนื ตงั้ แต่ 2 ทมุ่ จนถงึ 6 โมงเชา้ และในชว่ งประเพณเี ดอื น 6 น้ี ยงั มปี ระเพณกี ารเลย้ี งผปี ยู่ า่ ในหมบู่ า้ นแต่ละ กลุม่ ผใี ครผมี นั ทต่ี นนบั ถอื
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123