Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ระบบหายใจ

ระบบหายใจ

Published by tengkrab, 2019-10-20 04:13:44

Description: ระบบหายใจ

Keywords: ระบบหายใจ

Search

Read the Text Version

ระบบหายใจ มนษุ ยส์ ามารถทีจ่ ะมชี วี ติ อยไู่ ด้เป็นสปั ดาหถ์ ้าขาดอาหาร และมชี วี ิตอย่ไู ด้เป็นวนั ถ้าขาดนา้ แต่ ไม่สามารถมชี วี ติ อยไู่ ด้ถ้าขาดอากาศหายใจเพยี งไมก่ ่ีนาที ดงั นนั ้ การศกึ ษาเกี่ยวกับระบบหายใจ จึงมคี วามสาคญั ทนี่ กั เรียนควรได้เรียนรู้และทาความเข้าใจในเรื่องท่เี ก่ียงข้อง ดงั นี ้ 1. หน้าทข่ี องระบบหายใจ ระบบหายใจมีหน้าท่ใี นการแลกเปลยี่ นแก๊สออกซเิ จนและแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ให้กบั ร่างกาย เราทกุ คนหายใจเอาอากาศภายนอกร่างกายเข้าไปเพอ่ื ต้องการแก๊สออกซิเจนไปใช้ใน ขบวนการเผาพลาญสารอาหารให้เกิดพลงั งานทร่ี ่างกายต้องการ พร้ อมทงั ้ ขบั แก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์ออกจากร่างกายในขณะหายใจออกอีกด้วย 2. โครงสร้ างของระบบหายใจ 1.จมกู (Nose) จมกู สว่ นนอกเป็นสว่ นทย่ี ืน่ ออกมาจากตรงกึ่งกลางของใบหน้า รูปร่างของจมกู มีลกั ษณะเป็น รูปสามเหล่ียมพีระมิด ฐานของรูปสามเหล่ยี มวางปะ ติดกับหน้าผากระหวา่ งตาสองข้าง สนั จมกู หรือดงั ้ จมกู มีรูปร่างและขนาดต่างๆกัน ยืน่ ตงั ้ แต่ฐานออกมาข้างนอกและลงข้างลา่ งมาสดุ ท่ี ปลายจมกู อกี ด้านหนึ่งของรูปสามเหลยี่ มห้อยติดกับริมฝีปากบนรู จมกู เปิดออกสภู่ ายนก ทางด้านนี ้รูจมกู ทาหน้าทเี่ ป็นทางผา่ นของอากาศทห่ี ายใจเข้าไปยงั ช่องจมกู และกรองฝ่ นุ ละออง ด้วย

2. หลอดคอ (Pharynx) เม่ืออากาศผา่ นรูจมกู แล้วก็ผา่ นเข้าสหู่ ลอดคอ ซง่ึ เป็นหลอดตงั ้ ตรงยาวประมาณยาว ประมาณ 5 \" หลอดคอติดต่อทงั ้ ช่องปากและช่องจมกู จงึ แบ่งเป็นหลอดคอสว่ นจมกู กับ หลอด คอสว่ นปาก โดยมเี พดานอ่อนเป็นตวั แยกสองสว่ นนอี ้ อกจากกัน โครงของหลอดคอประกอบด้วย กระดกู ออ่ น 9 ชิน้ ด้วยกนั ชนิ ้ ทใ่ี หญ่ทสี ดุ คือกระดกู ธัยรอยด์ ที่เราเรียกวา่ \"ลกู กระเดือก\" ในผ้ชู าย เห็นได้ชดั กวา่ ผ้หู ญิง 3. หลอดเสยี ง (Larynx) เป็นหลอดยาวประมาณ 4.5 cm ในผ้ชู าย และ 3.5 cm ในผ้หู ญิง หลอดเสยี งเจริญเตยิ โต ขนึ ้ มาเรื่อยๆ ตามอายุ ในวยั เริ่มเป็นหน่มุ สาว หลอดเสยี งเจริญขนึ ้ อยา่ งรวดเร็ว โดยเฉพาะใน ผ้ชู าย เน่อื งจากสายเสยี ง (Vocal cord) ซ่ึงอยภู่ ายในหลอดเสียงนยี ้ าวและหนาขนึ ้ อยา่ งรวดเร็ว เกินไป จงึ ทาให้เสยี งแตกพร่า การเปล่ียนแปลงนเี ้กิดจากฮอร์โมนของเพศชาย 4. หลอดลม (Trachea) เป็นสว่ นทีต่ อ่ อกมาจากหลอดเสียง ยาวลงไปในทรวงอก ลกั ษณะรูปร่างของหลอดลมเป็น หลอดกลมๆ ประกอบด้วยกระดกู อ่อนรูปวงแหวน หรือรูปตวั U ซ่งึ มีอยู่ 20 ชิน้ วางอยทู่ างด้าน หลงั ของหลอดลม ชอ่ งวา่ ง ระหวา่ งกระดกู อ่อนรูปตวั U ที่วางเรียงต่อกันมเี นอื ้ เยอ่ื และกล้ามเนอื ้ เรียบมายดึ ตดิ กนั การทห่ี ลอดลมมีกระดกู ออ่ นจงึ ทาให้เปิดอยตู่ ลอดเวลา ไมม่ โี อกาสทจี่ ะแฟบ เข้าหากนั ได้โดยแรงดนั จากภายนอก จึงรับประกนั ได้ว่าอากาศเข้าได้ตลอดเวลา หลอดลม สว่ นที่ ตรงกับกระดกู สนั หลงั ชว่ งอกแตกแขนงออกเป็นหลอดลมแขนงใหญ่ (Bronchi) ข้างซ้ายและขวา เมอ่ื เข้าส่ปู อดก็แตกแขนงเป็นหลอดลมเลก็ ในปอดหรือท่ีเรียกวา่ หลอดลมฝอย (Bronchiole) และไปสดุ ท่ีถงุ ลม (Aveolus) ซึ่งเป็นการท่ีอากาศอยู่ ใกล้กบั เลือดในปอดมากทส่ี ดุ จงึ เป็น บริเวณแลกเปลย่ี นก๊าซออกซิเจน กับคาร์บอนไดออกไซด์ 5. ปอด (Lung) ปอดมอี ย่สู องข้าง วางอยใู่ นทรวงอก มีรูปร่างคล้ายกรวย มปี ลายหรือยอดชีข้ นึ ้ ไปข้างบนและ ไปสวมพอดีกบั ช่องเปิดแคบๆของทรวงอก ซึง่ ชอ่ งเปิดแคบๆนปี ้ ระกอบขนึ ้ ด้วยซี่โครงบนของ กระดกู สนั อกและกระดกู สนั หลงั ฐานของปอดแตล่ ะข้างจะใหญ่และวางแนบสนิทกับกระบงั ลม ระหวา่ งปอด 2 ข้าง จะพบวา่ มหี วั ใจอยู่ ปอดข้างขวาจะโตกวา่ ปอดข้างซ้ายเลก็ น้อย และมีอยู่ 3 ก้อน สว่ นข้างซ้ายมี 2 ก้อน หน้าทข่ี องปอดคอื การนาก๊าซ CO2 ออกจากเลือด และนาออกซิเจนเข้าสเู่ ลือด ปอดจึงมี รูปร่างใหญ่ มลี กั ษณะยดื หยนุ่ คล้ายฟองนา้ 6. เยือ่ ห้มุ ปอด (Pleura)

เป็นเยอื่ ที่บางและละเอยี ดออ่ น เปียกชืน้ และเป็นมนั ลน่ื ห้มุ ผวิ ภายนอกของปอด เยือ่ ห้มุ นี ้ไม่ เพียงคลมุ ปอดเท่านนั ้ ยงั ไปบผุ วิ หนงั ด้านในของทรวงอกอกี หรือกลา่ วได้อีกอยา่ งหนึ่งวา่ เยอื่ ห้มุ ปอดซึ่งมี 2 ชนั ้ ระหวา่ ง 2 ชนั ้ นมี ้ ี ของเหลวอยนู่ ดิ หนอ่ ย เพอ่ื ลดแรงเสยี ดสี ระหวา่ งเย่อื ห้มุ มโี พรง วา่ ง เรียกว่าชอ่ งระหวา่ งเยือ่ ห้มุ ปอด 3. การดแู ลรักษาระบบหายใจ 1. ออกกาลงั กายอยา่ งสมา่ เสมอ 2. ไม่สบู บหุ ร่ี และไม่อย่ใู นบริเวณท่ๆี มีควนั บหุ รี่หรือควนั พษิ 3. ไม่ถอนขนจมกู และควรดแู ลรักษาความสะอาดของจมกู อยเู่ สมอ 4. ไม่สวมเสอื ้ ทรี่ ัดตงึ จนเกนิ ไป 5. รักษาร่างกายให้อบอนุ่ อย่เู สมอ โดยเฉพาะเวลานอน ท่ีมา: หนงั สือเรียนวชิ าสขุ ศึกษาและพลศกึ ษาชนั ้ ประถมศกึ ษาปีที่ 6 ะบบหายใจ มนษุ ยส์ ามารถทจี่ ะมีชวี ิตอยไู่ ด้เป็นสปั ดาหถ์ ้าขาดอาหาร และมชี ีวติ อยไู่ ด้เป็นวนั ถ้าขาดนา้ แต่ ไม่สามารถมชี วี ิตอย่ไู ด้ถ้าขาดอากาศหายใจเพียงไมก่ ี่นาที ดงั นนั ้ การศกึ ษาเกีย่ วกบั ระบบหายใจ จงึ มคี วามสาคญั ทน่ี กั เรียนควรได้เรียนรู้และทาความเข้าใจในเร่ืองที่เกี่ยงข้อง ดงั นี ้ 1. หน้าทข่ี องระบบหายใจ ระบบหายใจมีหน้าท่ีในการแลกเปล่ยี นแก๊สออกซเิ จนและแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ให้กับ ร่างกาย เราทกุ คนหายใจเอาอากาศภายนอกร่างกายเข้าไปเพอ่ื ต้องการแก๊สออกซเิ จนไปใช้ใน ขบวนการเผาพลาญสารอาหารให้เกิดพลงั งานทรี่ ่างกายต้องการ พร้ อมทงั ้ ขับแก๊ส

คาร์บอนไดออกไซด์ออกจากร่างกายในขณะหายใจออกอกี ด้วย 2. โครงสร้ างของระบบหายใจ 1.จมกู (Nose) จมกู สว่ นนอกเป็นสว่ นทย่ี ืน่ ออกมาจากตรงกึ่งกลางของใบหน้า รูปร่างของจมกู มลี กั ษณะเป็น รูปสามเหล่ยี มพีระมดิ ฐานของรูปสามเหล่ียมวางปะ ติดกบั หน้าผากระหวา่ งตาสองข้าง สนั จมกู หรือดงั ้ จมกู มรี ูปร่างและขนาดตา่ งๆกนั ยน่ื ตงั ้ แต่ฐานออกมาข้างนอกและลงข้างลา่ งมาสดุ ท่ี ปลายจมกู อีกด้านหนึ่งของรูปสามเหลย่ี มห้อยติดกบั ริมฝีปากบนรู จมกู เปิดออกส่ภู ายนก ทางด้านนี ้รูจมกู ทาหน้าทีเ่ ป็นทางผ่านของอากาศทหี่ ายใจเข้าไปยงั ช่องจมกู และกรองฝ่ ุนละออง ด้วย 2. หลอดคอ (Pharynx) เม่อื อากาศผา่ นรูจมกู แล้วก็ผา่ นเข้าสหู่ ลอดคอ ซึง่ เป็นหลอดตงั ้ ตรงยาวประมาณยาว ประมาณ 5 \" หลอดคอติดตอ่ ทงั ้ ช่องปากและชอ่ งจมกู จงึ แบง่ เป็นหลอดคอสว่ นจมกู กบั หลอด คอสว่ นปาก โดยมเี พดานอ่อนเป็นตวั แยกสองสว่ นนอี ้ อกจากกัน โครงของหลอดคอประกอบด้วย กระดกู อ่อน 9 ชิน้ ด้วยกัน ชนิ ้ ทใี่ หญ่ทีสดุ คอื กระดกู ธยั รอยด์ ท่ีเราเรียกวา่ \"ลกู กระเดือก\" ในผ้ชู าย เห็นได้ชดั กวา่ ผ้หู ญิง 3. หลอดเสียง (Larynx) เป็นหลอดยาวประมาณ 4.5 cm ในผ้ชู าย และ 3.5 cm ในผ้หู ญิง หลอดเสียงเจริญเตยิ โต ขนึ ้ มาเร่ือยๆ ตามอายุ ในวยั เร่ิมเป็นหน่มุ สาว หลอดเสียงเจริญขนึ ้ อยา่ งรวดเร็ว โดยเฉพาะใน

ผ้ชู าย เนอื่ งจากสายเสียง (Vocal cord) ซง่ึ อย่ภู ายในหลอดเสียงนยี ้ าวและหนาขนึ ้ อยา่ งรวดเร็ว เกินไป จึงทาให้เสยี งแตกพร่า การเปล่ยี นแปลงนเี ้กิดจากฮอร์โมนของเพศชาย 4. หลอดลม (Trachea) เป็นสว่ นทต่ี ่ออกมาจากหลอดเสียง ยาวลงไปในทรวงอก ลกั ษณะรูปร่างของหลอดลมเป็น หลอดกลมๆ ประกอบด้วยกระดกู อ่อนรูปวงแหวน หรือรูปตวั U ซงึ่ มีอยู่ 20 ชิน้ วางอยทู่ างด้าน หลงั ของหลอดลม ชอ่ งวา่ ง ระหวา่ งกระดกู ออ่ นรูปตวั U ท่ีวางเรียงตอ่ กนั มีเนอื ้ เยอ่ื และกล้ามเนอื ้ เรียบมายดึ ตดิ กนั การทหี่ ลอดลมมีกระดกู ออ่ นจึงทาให้เปิดอย่ตู ลอดเวลา ไมม่ โี อกาสที่จะแฟบ เข้าหากนั ได้โดยแรงดนั จากภายนอก จงึ รับประกนั ได้วา่ อากาศเข้าได้ตลอดเวลา หลอดลม ส่วนท่ี ตรงกับกระดกู สนั หลงั ชว่ งอกแตกแขนงออกเป็นหลอดลมแขนงใหญ่ (Bronchi) ข้างซ้ายและขวา เมือ่ เข้าส่ปู อดก็แตกแขนงเป็นหลอดลมเลก็ ในปอดหรือท่เี รียกว่า หลอดลมฝอย (Bronchiole) และไปสดุ ที่ถงุ ลม (Aveolus) ซ่งึ เป็นการที่อากาศอยู่ ใกล้กบั เลือดในปอดมากทสี่ ดุ จงึ เป็น บริเวณแลกเปลย่ี นก๊าซออกซเิ จน กับคาร์บอนไดออกไซด์ 5. ปอด (Lung) ปอดมอี ยสู่ องข้าง วางอย่ใู นทรวงอก มีรูปร่างคล้ายกรวย มีปลายหรือยอดชีข้ นึ ้ ไปข้างบนและ ไปสวมพอดกี ับชอ่ งเปิดแคบๆของทรวงอก ซ่งึ ช่องเปิดแคบๆนปี ้ ระกอบขนึ ้ ด้วยซ่โี ครงบนของ กระดกู สนั อกและกระดกู สนั หลงั ฐานของปอดแต่ละข้างจะใหญ่และวางแนบสนิทกบั กระบงั ลม ระหว่างปอด 2 ข้าง จะพบว่ามหี วั ใจอยู่ ปอดข้างขวาจะโตกวา่ ปอดข้างซ้ายเลก็ น้อย และมีอยู่ 3 ก้อน ส่วนข้างซ้ายมี 2 ก้อน หน้าทขี่ องปอดคอื การนาก๊าซ CO2 ออกจากเลอื ด และนาออกซเิ จนเข้าส่เู ลอื ด ปอดจงึ มี รูปร่างใหญ่ มลี กั ษณะยืดหยนุ่ คล้ายฟองนา้ 6. เย่ือห้มุ ปอด (Pleura) เป็นเย่อื ที่บางและละเอียดออ่ น เปียกชืน้ และเป็นมนั ลนื่ ห้มุ ผวิ ภายนอกของปอด เยือ่ ห้มุ นี ้ไม่ เพียงคลมุ ปอดเทา่ นนั ้ ยงั ไปบผุ ิวหนงั ด้านในของทรวงอกอีก หรือกลา่ วได้อกี อยา่ งหน่งึ วา่ เย่ือห้มุ ปอดซึ่งมี 2 ชนั ้ ระหวา่ ง 2 ชนั ้ นมี ้ ี ของเหลวอยนู่ ดิ หน่อย เพ่อื ลดแรงเสียดสี ระหวา่ งเย่อื ห้มุ มีโพรง ว่าง เรียกว่าช่องระหวา่ งเยอ่ื ห้มุ ปอด 3. การดแู ลรักษาระบบหายใจ 1. ออกกาลงั กายอย่างสมา่ เสมอ 2. ไมส่ บู บหุ ร่ี และไมอ่ ยใู่ นบริเวณที่ๆมคี วนั บหุ รี่หรือควนั พษิ

3. ไมถ่ อนขนจมกู และควรดแู ลรักษาความสะอาดของจมกู อย่เู สมอ 4. ไม่สวมเสอื ้ ที่รัดตึงจนเกนิ ไป 5. รักษาร่างกายให้อบอนุ่ อยเู่ สมอ โดยเฉพาะเวลานอน ท่มี า: หนงั สอื เรียนวิชาสขุ ศึกษาและพลศกึ ษาชนั ้ ประถมศึกษาปีท่ี 6 ะบบหายใจ มนษุ ยส์ ามารถที่จะมีชวี ติ อยไู่ ด้เป็นสปั ดาหถ์ ้าขาดอาหาร และมชี ีวติ อย่ไู ด้เป็นวนั ถ้าขาดนา้ แต่ ไมส่ ามารถมีชวี ิตอย่ไู ด้ถ้าขาดอากาศหายใจเพียงไมก่ ี่นาที ดงั นนั ้ การศกึ ษาเก่ยี วกับระบบหายใจ จึงมีความสาคญั ทนี่ กั เรียนควรได้เรียนรู้และทาความเข้าใจในเรื่องทเี่ กี่ยงข้อง ดงั นี ้ 1. หน้าทข่ี องระบบหายใจ ระบบหายใจมีหน้าทใ่ี นการแลกเปลยี่ นแก๊สออกซเิ จนและแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ให้กับ ร่างกาย เราทกุ คนหายใจเอาอากาศภายนอกร่างกายเข้าไปเพื่อต้องการแก๊สออกซเิ จนไปใช้ใน ขบวนการเผาพลาญสารอาหารให้เกิดพลงั งานทรี่ ่างกายต้องการ พร้ อมทงั ้ ขบั แก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์ออกจากร่างกายในขณะหายใจออกอกี ด้วย

2. โครงสร้ างของระบบหายใจ 1.จมกู (Nose) จมกู สว่ นนอกเป็นสว่ นทยี่ ่นื ออกมาจากตรงก่ึงกลางของใบหน้า รูปร่างของจมกู มลี กั ษณะเป็น รูปสามเหลี่ยมพีระมดิ ฐานของรูปสามเหลย่ี มวางปะ ติดกับหน้าผากระหวา่ งตาสองข้าง สนั จมกู หรือดงั ้ จมกู มรี ูปร่างและขนาดต่างๆกัน ยน่ื ตงั ้ แต่ฐานออกมาข้างนอกและลงข้างล่างมาสดุ ที่ ปลายจมกู อีกด้านหนึง่ ของรูปสามเหลย่ี มห้อยติดกับริมฝีปากบนรู จมกู เปิดออกส่ภู ายนก ทางด้านนี ้รูจมกู ทาหน้าทเ่ี ป็นทางผา่ นของอากาศทห่ี ายใจเข้าไปยงั ช่องจมกู และกรองฝ่ นุ ละออง ด้วย 2. หลอดคอ (Pharynx) เมอ่ื อากาศผ่านรูจมกู แล้วก็ผา่ นเข้าสหู่ ลอดคอ ซ่ึงเป็นหลอดตงั ้ ตรงยาวประมาณยาว ประมาณ 5 \" หลอดคอติดต่อทงั ้ ชอ่ งปากและช่องจมกู จึงแบง่ เป็นหลอดคอส่วนจมกู กบั หลอด คอส่วนปาก โดยมเี พดานอ่อนเป็นตวั แยกสองสว่ นนอี ้ อกจากกัน โครงของหลอดคอประกอบด้วย กระดกู ออ่ น 9 ชิน้ ด้วยกนั ชนิ ้ ทีใ่ หญ่ทสี ดุ คือกระดกู ธยั รอยด์ ที่เราเรียกวา่ \"ลกู กระเดอื ก\" ในผ้ชู าย เห็นได้ชดั กวา่ ผ้หู ญิง 3. หลอดเสยี ง (Larynx) เป็นหลอดยาวประมาณ 4.5 cm ในผ้ชู าย และ 3.5 cm ในผ้หู ญิง หลอดเสยี งเจริญเติยโต ขนึ ้ มาเร่ือยๆ ตามอายุ ในวยั เริ่มเป็นหนมุ่ สาว หลอดเสยี งเจริญขนึ ้ อยา่ งรวดเร็ว โดยเฉพาะใน ผ้ชู าย เนือ่ งจากสายเสียง (Vocal cord) ซึ่งอย่ภู ายในหลอดเสยี งนยี ้ าวและหนาขนึ ้ อยา่ งรวดเร็ว เกินไป จึงทาให้เสยี งแตกพร่า การเปลย่ี นแปลงนเี ้กิดจากฮอร์โมนของเพศชาย 4. หลอดลม (Trachea)

เป็นสว่ นทีต่ อ่ อกมาจากหลอดเสียง ยาวลงไปในทรวงอก ลกั ษณะรูปร่างของหลอดลมเป็น หลอดกลมๆ ประกอบด้วยกระดกู ออ่ นรูปวงแหวน หรือรูปตวั U ซง่ึ มีอยู่ 20 ชิน้ วางอยทู่ างด้าน หลงั ของหลอดลม ช่องว่าง ระหวา่ งกระดกู ออ่ นรูปตวั U ท่วี างเรียงต่อกันมีเนอื ้ เยือ่ และกล้ามเนอื ้ เรียบมายึดตดิ กัน การทหี่ ลอดลมมกี ระดกู ออ่ นจึงทาให้เปิดอย่ตู ลอดเวลา ไมม่ โี อกาสทจ่ี ะแฟบ เข้าหากนั ได้โดยแรงดนั จากภายนอก จึงรับประกนั ได้วา่ อากาศเข้าได้ตลอดเวลา หลอดลม ส่วนที่ ตรงกับกระดกู สนั หลงั ชว่ งอกแตกแขนงออกเป็นหลอดลมแขนงใหญ่ (Bronchi) ข้างซ้ายและขวา เม่อื เข้าส่ปู อดก็แตกแขนงเป็นหลอดลมเลก็ ในปอดหรือทเี่ รียกว่า หลอดลมฝอย (Bronchiole) และไปสดุ ทถี่ งุ ลม (Aveolus) ซง่ึ เป็นการท่อี ากาศอยู่ ใกล้กบั เลอื ดในปอดมากทส่ี ดุ จึงเป็น บริเวณแลกเปลย่ี นก๊าซออกซิเจน กบั คาร์บอนไดออกไซด์ 5. ปอด (Lung) ปอดมอี ย่สู องข้าง วางอยใู่ นทรวงอก มรี ูปร่างคล้ายกรวย มปี ลายหรือยอดชีข้ นึ ้ ไปข้างบนและ ไปสวมพอดีกับช่องเปิดแคบๆของทรวงอก ซ่งึ ชอ่ งเปิดแคบๆนปี ้ ระกอบขนึ ้ ด้วยซโี่ ครงบนของ กระดกู สนั อกและกระดกู สนั หลงั ฐานของปอดแต่ละข้างจะใหญ่และวางแนบสนทิ กบั กระบงั ลม ระหว่างปอด 2 ข้าง จะพบวา่ มหี วั ใจอยู่ ปอดข้างขวาจะโตกวา่ ปอดข้างซ้ายเลก็ น้อย และมอี ยู่ 3 ก้อน สว่ นข้างซ้ายมี 2 ก้อน หน้าท่ีของปอดคอื การนาก๊าซ CO2 ออกจากเลอื ด และนาออกซิเจนเข้าส่เู ลือด ปอดจงึ มี รูปร่างใหญ่ มลี กั ษณะยืดหย่นุ คล้ายฟองนา้ 6. เย่ือห้มุ ปอด (Pleura) เป็นเย่อื ท่บี างและละเอยี ดออ่ น เปียกชืน้ และเป็นมนั ลนื่ ห้มุ ผวิ ภายนอกของปอด เยอื่ ห้มุ นี ้ไม่ เพยี งคลมุ ปอดเทา่ นนั ้ ยงั ไปบผุ วิ หนงั ด้านในของทรวงอกอีก หรือกลา่ วได้อกี อยา่ งหนึง่ วา่ เยอ่ื ห้มุ ปอดซงึ่ มี 2 ชนั ้ ระหวา่ ง 2 ชนั ้ นมี ้ ี ของเหลวอยนู่ ิดหน่อย เพือ่ ลดแรงเสียดสี ระหวา่ งเยอ่ื ห้มุ มโี พรง วา่ ง เรียกว่าช่องระหวา่ งเย่ือห้มุ ปอด 3. การดแู ลรักษาระบบหายใจ 1. ออกกาลงั กายอย่างสมา่ เสมอ 2. ไม่สบู บหุ รี่ และไมอ่ ยใู่ นบริเวณทๆี่ มีควนั บหุ ร่ีหรือควนั พษิ 3. ไม่ถอนขนจมกู และควรดแู ลรักษาความสะอาดของจมกู อย่เู สมอ 4. ไมส่ วมเสอื ้ ทีร่ ัดตึงจนเกนิ ไป

5. รักษาร่างกายให้อบอ่นุ อย่เู สมอ โดยเฉพาะเวลานอน ท่มี า: หนงั สอื เรียนวชิ าสขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษาชนั ้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 6


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook