Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการรียนรู้ภาษาไทย ม.๓ นางสาวจิรภิญญา มหาสวัสดิ์ เลขที่ ๒๘ D๕

แผนการจัดการรียนรู้ภาษาไทย ม.๓ นางสาวจิรภิญญา มหาสวัสดิ์ เลขที่ ๒๘ D๕

Description: แผนการจัดการรียนรู้ภาษาไทย ม.๓ นางสาวจิรภิญญา มหาสวัสดิ์ เลขที่ ๒๘ D๕

Search

Read the Text Version

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ ๓ จัดทำโดย นางสาวจริ ภญิ ญา มหาสวัสดิ์ เลขท่ี ๒๘ หมู่เรยี น D๕ สาขาวิชาภาษาไทย เสนอ ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.พัชรีภรณ์ บางเขียว แผนการจดั การเรียนรู้เลม่ นี้เป็นส่วนหนง่ึ ของรายวิชาการจัดการเรียนรูแ้ ละการจัดการชน้ั เรยี น รหัสวิชา ๑๑๐๐๓๐๑ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏบ้านสมเด็จเจา้ พระยา

คำนำ แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นแนวทางใน การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ แผนการจัดการเรียนรู้เล่มนี้ประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้รายปี ได้แก่ มาตรฐานและตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้วิชาภาษาไทย แผนการจัดการเรียนรู้รายหน่วยทั้งหมด ๓ แผน คือ “งามเส้นสายสื่อลาย ลักษณ์” “คิด วิเคราะห์ เจาะประเด็น” และ “เลิศล้นหลักภาษา” ซึ่งแต่ละแผนการจัดการเรียนรู้ได้ระบุ มาตรฐาน ตัวชี้วัด จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้ท่ี หลากหลาย อันได้แก่ รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ SQ๔R รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ ๕E และ รูปแบบการ จัดการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมเป็นฐาน ซึ่งแต่ละรูปแบบมีวิธีการจัดการเรียนการสอนที่แตกต่างกัน แต่ทั้งหมด นํามาซึ่งการบรรลุจุดประสงค์การเรียนรู้ นอกจากนี้ยังมีใบงานและเกณฑ์การประเมินผล เพื่อใช้ในการ ประเมินผลการเรียนรู้ของนักเรียนแต่ละคนว่าหลังจากเสร็จสิ้นการเรียนแล้ว นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจใน เนือ้ หาสาระมากนอ้ ยเพยี งใด ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ หรือไม่ ผู้จัดทําขอขอบพระคุณผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. พัชรีภรณ์ บางเขียว เป็นอย่างยิ่ง ที่ให้คำปรึกษาและ คำแนะนาํ ตลอดระยะเวลาการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ และหวังเปน็ อย่างยิ่งว่าแผนการจดั การเรียนรู้เล่มน้ี เป็นประโยชน์กับการจัดการเรียนรู้ในห้องเรียนทำให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต่อไป นางสาวจิรภิญญา มหาสวสั ด์ิ ผูจ้ ัดทํา

สารบญั เร่ือง หนา้ แผนการจดั การเรยี นรู้รายปี ๑ ตารางโครงสร้างรายวิชา ๑๑ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๑ ๑๕ ๒๔ ใบงาน ๒๘ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๒ ๔๔ ๔๘ ใบงาน ๖๙ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๓ ใบงาน

๑ แผนการจัดการเรียนรู้ รายวชิ า ภาษาไทย เวลา ๑๒๐ ชวั่ โมง สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ ๓ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ ครผู สู้ อน นางสาวจิรภญิ ญา มหาสวัสด์ิ ๑. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชว้ี ัด มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนำไปตัดสินใจ แก้ปัญหาในการ ดำเนินชวี ิตและมนี ิสยั รกั การอา่ น มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวใน รปู แบบต่าง ๆ เขยี นรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ ควา้ อย่างมีประสทิ ธภิ าพ มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และ ความรู้สึกในโอกาสต่าง ๆ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและสร้างสรรค์ มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลัง ของภาษา ภูมิปญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบตั ขิ องชาติ มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณคา่ และนำมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตจรงิ ตวั ช้ีวัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนำไปตัดสินใจ แก้ปัญหาในการ ดำเนินชวี ิตและมีนสิ ยั รักการอา่ น ท ๑.๑ ม.๓/๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทรอ้ ยกรองได้ถกู ต้องและเหมาะสมกบั เรื่องท่ีอา่ น ท ๑.๑ ม.๓/๒ ระบคุ วามแตกต่างของคำทีม่ คี วามหมายโดยตรงและความหมายโดยนัย ท ๑.๑ ม.๓/๓ ระบุใจความสำคัญและรายละเอยี ดของขอ้ มูลที่สนบั สนนุ จากเรอื่ งที่อา่ น ท ๑.๑ ม.๓/๔ อา่ นเร่อื งต่างๆ แลว้ เขียนกรอบแนวคดิ ผงั ความคิด บนั ทึก ย่อความและรายงาน ท ๑.๑ ม.๓/๕ วิเคราะห์ วิจารณ์ และประเมินเรื่องที่อ่านโดยใช้กลวิธีการเปรียบเทียบเพื่อให้ผู้อ่าน เขา้ ใจไดด้ ีขนึ้ ท ๑.๑ ม.๓/๖ ประเมินความถกู ต้องของข้อมูลทใ่ี ช้สนบั สนุนในเร่อื งท่ีอา่ น

๒ ท ๑.๑ ม.๓/๗ วิจารณค์ วามสมเหตุสมผล การลำดบั ความ และความเป็นไปได้ของเร่อื ง ท ๑.๑ ม.๓/๘ วิเคราะหเ์ พ่อื แสดงความคิดเห็นโต้แย้งเกยี่ วกบั เรื่องทีอ่ า่ น ท ๑.๑ ม.๓/๙ ตีความและประเมินคุณค่าและแนวคิดที่ได้จากงานเขียนอย่างหลากหลายเพื่อนำไปใช้ แก้ปัญหาในชีวติ ท ๑.๑ ม.๓/๑๐ มมี ารยาทในการอ่าน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวใน รปู แบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นควา้ อยา่ งมีประสิทธภิ าพ ท ๒.๑ ม.๓/๑ คดั ลายมอื ตวั บรรจงครึง่ บรรทัด ท ๒.๑ ม.๓/๒ เขียนขอ้ ความโดยใช้ถ้อยคำไดถ้ กู ตอ้ งตามระดับภาษา ท ๒.๑ ม.๓/๓ เขียนชีวประวัติหรืออัตชีวประวัติโดยเล่าเหตุการณ์ ข้อคิดเห็น และทัศนคติในเรื่อง ตา่ งๆ ท ๒.๑ ม.๓/๔ เขียนย่อความ ท ๒.๑ ม.๓/๕ เขียนจดหมายกิจธุระ ท ๒.๑ ม.๓/๖ เขียนอธิบาย ชแี้ จง แสดงความคดิ เห็นและโตแ้ ย้งอยา่ งมีเหตผุ ล ท ๒.๑ ม.๓/๗ เขียนวิเคราะห์ วิจารณ์ และแสดงความรู้ ความคดิ เห็น หรอื โต้แย้งในเรือ่ งตา่ งๆ ท ๒.๑ ม.๓/๘ กรอกแบบสมัครงานพร้อมเขียนบรรยายเกี่ยวกับความรู้และทักษะของตนเองที่ เหมาะสมกับงาน ท ๒.๑ ม.๓/๙ เขียนรายงานการศึกษาค้นควา้ และโครงงาน ท ๒.๑ ม.๓/๑๐ มมี ารยาทในการเขียน มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และ ความรู้สกึ ในโอกาสต่าง ๆ อยา่ งมวี ิจารณญาณและสร้างสรรค์ ท ๓.๑ ม.๓/๑ แสดงความคดิ เห็นและประเมนิ เร่ืองจากการฟงั และการดู ท ๓.๑ ม.๓/๒ วเิ คราะหแ์ ละวจิ ารณ์เร่ืองทีฟ่ งั และดเู พ่อื นำขอ้ คิดมาประยุกตใ์ ชใ้ นการดำเนนิ ชวี ติ ท ๓.๑ ม.๓/๓ พูดรายงานเรอ่ื งหรือประเด็นท่ีศึกษาคน้ ควา้ จากการฟงั การดู และการสนทนา ท ๓.๑ ม.๓/๔ พดู ในโอกาสต่าง ๆ ได้ตรงตามวัตถุประสงค์ ท ๓.๑ ม.๓/๕ พูดโนม้ นา้ วโดยนำเสนอหลกั ฐานตามลำดับเนือ้ หาอยา่ งมีเหตผุ ลและน่าเชื่อถือ

๓ ท ๓.๑ ม.๓/๖ มีมารยาทในการฟัง การดู และการพูด มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลัง ของภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบตั ขิ องชาติ ท ๔.๑ ม.๓/๑ จำแนกและใชค้ ำภาษาตา่ งประเทศทใี่ ชใ้ นภาษาไทย ท ๔.๑ ม.๓/๒ วเิ คราะหโ์ ครงสรา้ งประโยคซบั ซ้อน ท ๔.๑ ม.๓/๓ วเิ คราะห์ระดบั ภาษา ท ๔.๑ ม.๓/๔ ใช้คำทับศพั ทแ์ ละศพั ทบ์ ัญญัติ ท ๔.๑ ม.๓/๕ อธบิ ายความหมายคำศัพท์ทางวิชาการและวิชาชพี ท ๔.๑ ม.๓/๖ แตง่ บทรอ้ ยกรอง มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคณุ ค่า และนำมาประยกุ ต์ใช้ในชวี ิตจรงิ ท ๕.๑ ม.๓/๑ สรุปเนือ้ หาวรรณคดี วรรณกรรมและวรรณกรรมท้องถิ่นในระดบั ท่ียากยงิ่ ขึ้น ท ๕.๑ ม.๓/๒ วิเคราะห์วิถีไทยและคณุ คา่ จากวรรณคดแี ละวรรณกรรมที่อา่ น ท ๕.๑ ม.๓/๓ สรปุ ความรู้และข้อคดิ จากการอ่านเพ่ือนำไปประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ จริง ท ๕.๑ ม.๓/๔ ท่องจำและบอกคณุ คา่ บทอาขยานตามทก่ี ำหนด และบทร้อยกรองท่ีมคี ุณค่าตามความ สนใจและนำไปใช้อ้างองิ ๒. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ๒.๑ ดา้ นความรู้ (K) - นกั เรยี นสามารถอธบิ ายหลกั การอา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ ได้ (K) - นกั เรยี นสามารถอธบิ ายหลกั การอา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยกรองได้ (K) - นกั เรยี นสามารถระบคุ วามแตกตา่ งของคำทีม่ คี วามหมายโดยตรงและความหมายโดยนยั ได้ (K) - นกั เรยี นสามารถระบใุ จความสำคญั และรายละเอยี ดของข้อมลู ทส่ี นบั สนนุ จากเรอ่ื งทอ่ี ่านได้ (K) - นกั เรยี นสามารถบอกหลกั การอา่ นเรอ่ื งต่าง ๆ แลว้ เขยี นกรอบแนวคดิ ผงั ความคดิ บนั ทึก ยอ่ ความ และรายงานได้ (K) - นกั เรยี นสามารถวเิ คราะหเ์ รอ่ื งทอ่ี า่ นโดยใชก้ ลวธิ กี ารเปรียบเทยี บเพอ่ื ใหผ้ อู้ า่ นเขา้ ใจไดด้ ขี ึน้ ได้ (K)

๔ - นกั เรยี นสามารถวิจารณเ์ ร่อื งทีอ่ า่ นโดยใชก้ ลวิธกี ารเปรยี บเทยี บเพื่อใหผ้ ู้อา่ นเขา้ ใจไดด้ ีขน้ึ ได้ (K) - นักเรียนสามารถประเมินคุณค่าเรือ่ งที่อ่านโดยใช้กลวิธีการเปรียบเทียบเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจได้ดีขึ้นได้ (K) - นกั เรยี นสามารถประเมนิ ความถูกตอ้ งของขอ้ มลู ทใ่ี ชส้ นบั สนนุ ในเรอ่ื งทอ่ี า่ นได้ (K) - นกั เรยี นสามารถวจิ ารณค์ วามสมเหตสุ มผล การลำดบั ความ และความเปน็ ไปไดข้ องเรอ่ื งได้ (K) - นกั เรยี นสามารถวเิ คราะหเ์ พอ่ื แสดงความคดิ เหน็ โตแ้ ยง้ เกย่ี วกบั เรอ่ื งทอ่ี า่ นได้ (K) - นกั เรยี นสามารถตคี วามงานอยา่ งหลากหลายเพอ่ื นำไปใชแ้ กป้ ญั หาในชวี ติ ได้ (K) - นักเรียนสามารถประเมินคุณค่าและแนวคิดได้จากงานเขียนอย่างหลากหลายเพื่อนำไปใช้แก้ปัญหา ในชีวติ ได้ (K) - นักเรียนสามารถเขียนชีวประวัติหรืออัตชีวประวัติโดยเล่าเหตุการณ์ ข้อคิดเห็น และทัศนคติในเรื่อง ตา่ ง ๆ ได้ (K) - นกั เรยี นสามารถอธบิ ายหลกั การเขยี นยอ่ ความได้ (K) - นกั เรยี นสามารถยกตัวอยา่ งการเขยี นยอ่ ความได้ (K) - นกั เรยี นสามารถบอกองคป์ ระกอบของการเขยี นจดหมายกจิ ธรุ ะได้ (K) - นกั เรยี นสามารถแสดงตวั อยา่ งการเขยี นจดหมายกจิ ธรุ ะได้ (K) - นกั เรยี นสามารถเขยี นอธบิ าย ชแ้ี จง แสดงความคดิ เหน็ และโตแ้ ยง้ ไดอ้ ยา่ งมเี หตผุ ล (K) - นักเรียนสามารถยกตัวอย่างการเขียนวิเคราะห์ วิจารณ์ และแสดงความรู้ ความคิดเห็น หรือโต้แย้ง ในเรอ่ื งตา่ ง ๆ ได้ (K) - นกั เรยี นสามารถอธบิ ายวธิ กี ารกรอกแบบสมคั รงานได้ (K) - นกั เรยี นสามารถบอกความหมายของการเขยี นรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ และโครงงานไดถ้ กู ตอ้ ง (K) - นกั เรยี นสามารถบอกสว่ นประกอบของการเขยี นรายงานทางวชิ าการและโครงการได้ถกู ต้อง (K) - นกั เรยี นสามารถสรปุ ความคดิ เหน็ และประเมนิ เรอ่ื งจากการฟงั และการดไู ด้ (K) - นักเรียนสามารถวิเคราะห์และวิจารณ์เรื่องที่ฟังและดูเพื่อนำข้อคิดมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต ได้ (K) - นกั เรยี นสามารถวิเคราะห์เร่ืองหรอื ประเดน็ ทศี่ กึ ษาค้นควา้ จากการฟัง การดู และการสนทนาได้ (K)

๕ - นกั เรยี นสามารถอธบิ ายหลกั การพดู ในโอกาสตา่ ง ๆ ได้ (K) - นักเรียนสามารถบอกความหมายของการพูดโน้มน้าวโดยนำเสนอหลักฐานตามลำดับเนื้อหาอย่างมี เหตผุ ลและนา่ เช่อื ถือได้ (K) - นักเรียนสามารถบอกหลักการพูดโน้มน้าวโดยนำเสนอหลักฐานตามลำดับเนื้อหาอย่างมีเหตุผลและ นา่ เช่ือถอื ได้ (K) - นกั เรยี นสามารถจำแนกและใชค้ ำภาษาตา่ งประเทศทีใ่ ชใ้ นภาษาไทยได้ (K) - นกั เรยี นสามารถวเิ คราะหโ์ ครงสร้างประโยคซบั ซอ้ นได้ (K) - นกั เรยี นสามารถยกตวั อยา่ งการวเิ คราะหโ์ ครงสรา้ งประโยคซบั ซอ้ นได้ (K) - นกั เรยี นสามารถวเิ คราะหร์ ะดบั ภาษาและนำไปใชไ้ ดอ้ ยา่ งเหมาะสม (K) - นกั เรยี นเลอื กใชค้ ำทับศพั ทแ์ ละศพั ท์บญั ญตั ไิ ดถ้ กู ตอ้ ง (K) - นกั เรยี นสามารถอธบิ ายความหมายคำศพั ทท์ างวชิ าการและวชิ าชพี ได้ (K) - นกั เรยี นสามารถบอกฉนั ทลกั ษณข์ องโคลงสส่ี ุภาพได้ถูกตอ้ ง (K) - นกั เรยี นสามารถสรปุ เนอ้ื หาวรรณคดี วรรณกรรมและวรรณกรรมท้องถน่ิ ในระดบั ท่ียากยง่ิ ขน้ึ ได้ (K) - นกั เรยี นสามารถสรปุ ความรแู้ ละขอ้ คดิ จากการอา่ นเพอ่ื นำไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ จรงิ ได้ (K) - นกั เรยี นสามารถทอ่ งจำบทอาขยานตามทก่ี ำหนดและบทรอ้ ยกรองตามความสนใจได้ (K) ๒.๒ ดา้ นทักษะ (P) - นกั เรยี นสามารถอา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแก้วไดถ้ กู ตอ้ งและเหมาะสมกบั เรอ่ื งทอ่ี า่ น (P) - นกั เรยี นสามารถอา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยกรองไดถ้ กู ตอ้ งและเหมาะสมกบั เรอ่ื งทอ่ี า่ น (P) - นกั เรยี นสามารถนำเสนอความแตกตา่ งของคำทม่ี คี วามหมายโดยตรงและความหมายโดยนยั ได้ (P) - นกั เรยี นสามารถอภปิ รายขอ้ คิดจากเรื่องทีอ่ า่ นได้ (P) - นกั เรยี นสามารถเขยี นกรอบแนวคดิ ผงั ความคดิ บนั ทึก ยอ่ ความและรายงานจากเรอ่ื งทอ่ี า่ นได้ (P) - นักเรียนสามารถนำเสนอผลการวิเคราะห์ วิจารณ์ และประเมินเรื่องที่อ่านโดยใช้กลวิธีการ เปรยี บเทยี บเพ่อื ใหผ้ อู้ ่านเขา้ ใจได้ (P) - นกั เรยี นสามารถนำเสนอประเมนิ ความถูกตอ้ งของขอ้ มลู ทใ่ี ชส้ นบั สนนุ ในเรอ่ื งทอ่ี า่ นได้ (P)

๖ - นักเรียนสามารถนำการวจิ ารณ์ความสมเหตสุ มผล การลำดับความและความเปน็ ไปไดข้ องเรื่องไปใช้ พัฒนาทักษะการอา่ นได้ดขี ึน้ (P) - นกั เรยี นสามารถนำเสนอการวเิ คราะหเ์ พอ่ื แสดงความคดิ เหน็ โต้แย้งเกี่ยวกับเรอ่ื งทีอ่ า่ นได้ (P) - นักเรียนสามารถนำเสนอการตีความและประเมินคุณค่าและแนวคิดที่ได้จากงานเขียนอย่าง หลากหลายเพือ่ นำไปใช้แกป้ ัญหาในชีวติ (P) - นกั เรยี นแสดงออกในเรอ่ื งมารยาทในการอา่ นไดอ้ ยา่ งเหมาะสม (P) - นกั เรยี นสามารถคดั ลายมอื ตวั บรรจงครง่ึ บรรทดั ได้ (P) - นกั เรยี นสามารถเขยี นข้อความโดยใชถ้ อ้ ยคำไดถ้ กู ตอ้ งตามระดบั ภาษาได้ (P) - นกั เรยี นสามารถนำเสนอการเขยี นข้อความโดยใชถ้ อ้ ยคำไดถ้ กู ตอ้ งตามระดบั ภาษาได้ (P) - นักเรียนสามารถนำเสนอการเขียนชีวประวัติหรืออัตชีวประวัติโดยเล่าเหตุการณ์ ข้อคิดเห็น และ ทัศนคติในเร่ืองต่าง ๆ ได้ (P) - นกั เรยี นสามารถเขยี นยอ่ ความจากสอ่ื ตา่ ง ๆ ได้ (P) - นกั เรยี นสามารถนำหลกั การเขยี นจดหมายกจิ ธรุ ะไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั ได้ (P) - นกั เรยี นสามารถนำเสนอการเขยี นอธบิ าย ชแ้ี จง แสดงความคดิ เหน็ และโตแ้ ยง้ ไดอ้ ยา่ งมเี หตผุ ล (P) - นกั เรยี นสามารถเขียนวิเคราะห์ วจิ ารณ์ และแสดงความรู้ ความคดิ เหน็ หรือโต้แย้งในเรอื่ งต่าง ๆ ได้ (P) - นกั เรยี นสามารถกรอกแบบสมคั รงานได้ (P) - นกั เรยี นสามารถเขยี นบรรยายเก่ียวกบั ความรแู้ ละทกั ษะของตนเองทเ่ี หมาะสมกบั งานได้ (P) - นกั เรยี นสามารถปฏบิ ตั ติ ามขน้ั ตอนการเขยี นรายงานการศกึ ษาค้นควา้ และโครงงานได้ถูกต้อง (P) - นกั เรยี นสามารถนำเสนอการเขยี นรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ และโครงงานได้ (P) - นกั เรยี นแสดงออกในเรอ่ื งมารยาทในการเขยี นไดอ้ ยา่ งเหมาะสม (P) - นกั เรยี นสามารถนำเสนอความคดิ เหน็ และประเมนิ เร่ืองจากการฟงั และการพดู ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม (P) - นกั เรยี นสามารถนำเสนอการวิเคราะห์และวจิ ารณ์เร่ืองท่ีฟังและดมู าประยุกตใ์ ชใ้ นการดำเนินชีวิตได้ (P) - นักเรียนสามารถพูดรายงานเรื่องหรือประเด็นที่ศึกษาค้นคว้าจากการฟัง การดู และการสนทนาได้ (P)

๗ - นกั เรยี นสามารถพดู ในโอกาสตา่ งๆ ไดต้ รงตามวตั ถปุ ระสงค์ (P) - นักเรียนสามารถพูดโน้มน้าวโดยนำเสนอหลักฐานตามลำดับเนื้อหาอย่างมีเหตุผลและน่าเชื่อถือได้ (P) - นกั เรยี นแสดงออกในเรอ่ื งมารยาทในการฟงั การดู และการพดู ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม (P) - นกั เรียนนำเสนอชิน้ งานคำภาษาตา่ งประเทศทีใ่ ชใ้ นภาษาไทยได้ (P) - นกั เรยี นสามารถนำเรอ่ื งการวเิ คราะหโ์ ครงสรา้ งประโยคซบั ซอ้ นไปใชใ้ นการแตง่ ประโยคได้ (P) - นกั เรยี นสามารถนำเสนอการวเิ คราะหค์ วามแตกตา่ งของภาษาแตล่ ะระดบั ได้ (P) - นกั เรยี นสามารถเขยี นคำทบั ศพั ทไ์ ดถ้ ูกตอ้ ง (P) - นกั เรยี นเขียนคำศัพท์ทางวิชาการและวชิ าชีพได้ถูกต้อง (P) - นกั เรยี นสามารถแตง่ โคลงสีส่ ภุ าพไดถ้ กู ตอ้ งตามฉนั ทลกั ษณแ์ ละกฎเกณฑ์ (P) - นกั เรยี นสามารถนำเสนอการสรุปเน้ือหาวรรณคดี วรรณกรรมและวรรณกรรมท้องถ่ินในระดับท่ียาก ยง่ิ ขน้ึ ได้ (P) - นกั เรยี นสามารถนำเสนอการวิเคราะหว์ ถิ ีไทยและคณุ คา่ จากวรรณคดีและวรรณกรรมท่อี ่านได้ (P) - นกั เรยี นสามารถอภปิ รายความรแู้ ละขอ้ คดิ จากการอา่ นเพอ่ื นำไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ จรงิ ได้ (P) - นกั เรยี นสามารถสาธติ การอา่ นบทอาขยานตามท่กี ำหนดและบทรอ้ ยกรองตามความสนใจได้ (P) ๒.๓ ด้านจิตพสิ ัย (A) - นกั เรยี นตระหนกั ถึงความสำคญั ในการอา่ นบทรอ้ ยแกว้ และบทรอ้ ยกรองอยา่ งถกู ตอ้ ง (A) - นักเรียนเห็นความสำคัญของการเรียนคำที่มีความหมายโดยตรงและความหมายโดยนัยเพื่อ นำไปใช้อยา่ งถกู ตอ้ ง (A) - นกั เรยี นเหน็ ความสำคญั ของการอา่ นจบั ใจความสำคญั (A) - นักเรียนมคี วามตั้งใจในการอ่านเรื่องต่างๆ แล้วเขียนกรอบแนวคิด ผังความคิด บันทึก ย่อความและ รายงาน (A) - นักเรียนมีความตั้งใจในการวิเคราะห์ วิจารณ์ และประเมินเรื่องที่อ่านโดยใช้กลวิธีการเปรียบเทียบ เพอื่ ให้ผู้อ่านเขา้ ใจได้ดีขึ้น (A) - นกั เรยี นเหน็ ความสำคญั ของการประเมนิ ความถกู ตอ้ งของขอ้ อมลู ท่ีใชส้ นับสนนุ ในเรอ่ื งทอ่ี า่ น (A)

๘ - นักเรียนมีความตั้งใจในการวิจารณ์ความสมเหตุสมผล การลำดับความ และความเป็นไปได้ของเรื่อง (A) - นกั เรยี นมคี วามรบั ผิดชอบในการวเิ คราะหเ์ พ่ือแสดงความคิดเหน็ โต้แย้งเก่ยี วกบั เรื่องที่อ่าน (A) - นักเรียนมีความมุ่งมั่นในกิจกรรมการอ่านตีความและประเมินคุณค่าและแนวคิดที่ได้จากงานเขียน อยา่ งหลากหลายเพื่อนำไปใชแ้ กป้ ัญหาในชวี ติ (A) - นกั เรยี นมมี ารยาทในการอา่ น (A) - นกั เรยี นมคี วามตง้ั ใจในการคดั ลายมอื ตวั บรรจงคร่ึงบรรทดั (A) - นกั เรยี นเหน็ ความสำคญั ของการเขยี นขอ้ ความโดยใชค้ ำไดถ้ กู ตอ้ งตามระดบั ภาษา (A) - นักเรียนมีความเอาใจใส่ในการเขียนชีวประวัติหรืออัตชีวประวัติโดยเล่าเหตุการณ์ ข้อคิดเห็น และ ทัศนคตใิ นเรอ่ื งตา่ ง ๆ (A) - นกั เรยี นเหน็ ประโยชนข์ องการเขยี นยอ่ ความ (A) - นกั เรยี นใหค้ วามรว่ มมอื ในการเขยี นอธบิ าย ชแ้ี จง แสดงความคดิ เหน็ และโตแ้ ยง้ ไดอ้ ยา่ งมเี หตผุ ล (A) - นกั เรยี นใหค้ วามรว่ มมอื ในการเขยี นรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ และโครงงาน (A) - นกั เรยี นมมี ารยาทในการเขยี น (A) - นกั เรียนมีสว่ นรว่ มในการแสดงความคิดเหน็ และประเมินเรอ่ื งจากการฟังและการดู (A) - นักเรียนมีความตั้งใจในการวิเคราะห์และวิจารณ์เรื่องที่ฟังและดูเพื่อนำข้อคิดมาประยุกต์ใช้ในการ ดำเนนิ ชวี ิต (A) - นักเรียนให้ความร่วมมือในการพูดรายงานเรื่องหรือประเด็นที่ศึกษาค้นคว้าจากการฟัง การดู และ การสนทนา (A) - นกั เรยี นเหน็ ประโยชนข์ องการพดู ในโอกาสตา่ ง ๆ ไดต้ รงตามวตั ถปุ ระสงคข์ องการพดู (A) - นักเรียนมีความตั้งใจในการพูดโน้มน้าวโดยนำเสนอหลักฐานตามลำดับเนื้อหาอย่างมีเหตุผลและ น่าเช่อื ถือ (A) - นกั เรยี นมมี ารยาทในการการฟงั การดู และการพูด (A) - นกั เรยี นมคี วามมงุ่ มัน่ ในการเรียนรเู้ ร่ืองคำภาษาตา่ งประเทศท่ีใชใ้ นภาษาไทย (A) - นกั เรยี นเหน็ ประโยชนใ์ นการเรยี นเรอ่ื งการวเิ คราะหโ์ ครงสรา้ งประโยคซบั ซอ้ น (A)

๙ - นกั เรยี นเหน็ ความสำคญั ของการวเิ คราะหร์ ะดบั ภาษาและการนำไปใชไ้ ดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง (A) - นกั เรยี นใหค้ วามรว่ มมอื ในการทำกจิ กรรมเรอ่ื งการใชค้ ำทบั ศัพทแ์ ละศพั ทบ์ ญั ญตั ิ (A) - นกั เรยี นใหค้ วามรว่ มมอื ในการทำกจิ กรรมเรอ่ื งคำศพั ทท์ างวชิ าการและวชิ าชพี (A) - นกั เรยี นมคี วามพงึ พอใจในการแต่งบทรอ้ ยกรอง (A) - นักเรียนมีความรับผิดชอบในการสรุปเนื้อหาวรรณคดี วรรณกรรมและวรรณกรรมท้องถิ่นในระดบั ที่ ยากย่ิงข้นึ (A) - นกั เรยี นเหน็ ความสำคญั ของวถิ ไี ทยและคณุ คา่ จากวรรณคดแี ละวรรณกรรมทอ่ี า่ น (A) - นกั เรยี นเหน็ คณุ คา่ ของบทอาขยานและบทรอ้ ยกรองทม่ี คี วามไพเราะ (A) สาระสำคัญ การอ่าน คือกระบวนการท่ผี ูอ้ า่ นรับรสู้ ารซงึ่ เปน็ ความรู้ ความคดิ ความรสู้ กึ และความคิดเหน็ ทีผ่ ู้เขียน ถ่ายทอดออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร การเขียน คือการสื่อสารชนิดหนึ่งของมนุษย์เราที่ต้องอาศัยความ พยายาม การเขียนเป็นการแสดงความรู้ ความคิด ความรู้สึก ความต้องการ เป็นลายลักษณ์อักษรต่อผู้ที่อ่าน การฟังและการดู เป็นกระบวนการทำงานของประสาทหูและตาที่ส่งต่อไปยังสมองเพื่อให้เกิดการรับรู้ เข้าใจ และจดจำในสารเหล่านั้น โดยทั้งสองทักษะนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรับรู้ข้อมูลปัจจุบัน การพูดเป็น “ศาสตร ์” มีหลักการและกฎเกณฑ์เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะ ถึงขั้นเป็นที่พอใจอีกส่วนหนึ่งเป็นความสารถพิเศษ หรือศิลปะเฉพาะตัวของผู้พูดแต่ละบุคคล หลักและการใช้ภาษาไทย เป็นเรื่องธรรมชาติและกฎเกณฑ์ของ ภาษาไทย การใช้ภาษาให้ถูกต้องเหมาะสมกับโอกาสและบุคคล การแต่งบทประพันธ์ประเภทต่างๆ และ อิทธพิ ลของภาษาต่างประเทศในภาษาไทย วรรณกรรมไทย คืองานเขยี นทีเ่ กิดจาก ภาษา ความคิด จนิ ตนาการ และสภาพสงั คม สื่อออกมาด้วยกลวิธตี ่างๆ มที ้งั รอ้ ยแก้วและรอ้ ยกรองทปี่ ระพันธข์ ้ึนเปน็ ภาษาไทย สาระการเรยี นรู้ การอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรอง คำที่มีความหมายโดยตรงและความหมายโดยนัย การอา่ นจบั ใจความสำคัญ วเิ คราะห์ วิจารณ์ และประเมนิ เร่อื งทอี่ ่าน การวจิ ารณ์ความสมเหตสุ มผล การลำดับ ความ และความเป็นไปได้ของเรื่อง การตีความและประเมินคุณค่า การคัดลายมือตัวบรรจงครึ่งบรรทัด การเขียนข้อความตามสถานการณแ์ ละโอกาสตา่ ง ๆ การพูดแสดงความคดิ เห็น วเิ คราะห์ วิจารณจ์ ากเรื่องท่ีฟัง และดู การพูดรายงานการศึกษาค้นคว้า หลักการพูดในโอกาสต่าง ๆ คำที่มาจากภาษาต่างประเทศ ประโยค ซับซ้อน ระดับภาษา คำทับศัพท์และศัพท์บัญญัติ คำศัพท์ทางวิชาการและวิชาชีพ การแต่งโลงสี่สุภาพ การวเิ คราะห์วรรณคดี วรรณกรรม และวรรณกรรมท้องถน่ิ การทอ่ งจำบทอาขยานและบทรอ้ ยกรอง

๑๐ คำอธบิ ายรายวิชา การอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรอง การอ่านจับใจความจากสื่อต่าง ๆ การอ่านตามความ สนใจ การคัดลายมือตัวบรรจงครึ่งบรรทัดตามรูปแบบการเขียนตัวอักษรไทย การเขียนข้อความตาม สถานการณแ์ ละโอกาสต่าง ๆ การเขียนอัตชวี ประวัตหิ รือชีวประวัติ การเขียนย่อความจากส่ือต่าง ๆ การเขียน จดหมายกิจธุระ การเขียนอธิบาย ชี้แจง แสดงความคิดเห็น และโต้แย้งในเรื่องต่างๆ การเขียนวิเคราะห์ วิจารณ์ และแสดงความรู้ ความคิดเห็น หรือโต้แย้งจากสื่อต่าง ๆ การกรอกแบบสมัครงาน การเขียนรายงาน การพูดแสดงความคิดเห็นและประเมินเรื่องจากการฟังและการดู การพูดวิเคราะห์วิจารณ์จากเรื่องที่ฟังและดู การพูดรายงานการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับภูมิปัญญาท้องถิ่น การพูดในโอกาสต่าง ๆ การพูดโน้มน้าว คำที่มา จากภาษาต่างประเทศ ประโยคซับซ้อน ระดับภาษา คำทับศัพท์ คำศัพท์บัญญัติ คำศัพท์ทางวิชาการและ วิชาชีพ โคลงสี่สุภาพ วรรณคดี วรรณกรรม และวรรณกรรมท้องถิ่น การวิเคราะห์วิถีไทย และคุณค่าจาก วรรณคดีและวรรณกรรม บทอาขยานและบทรอ้ ยกรองที่มีคณุ คา่ โดยใชก้ ระบวนการอ่านเพ่ือสร้างความรู้ความคดิ นําไปใช้ตัดสินใจแก้ปัญหาในการดำชีวิตกระบวนการ เขียนเพื่อการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ กระบวนการฟัง การดู และการพูด สามารถเลือกฟังและดู และพูด แสดงความรู้ความคดิ อยา่ งมวี ิจารณญาณและสร้างสรรค์ เพือ่ ให้ผู้เรียนตระหนกั ในการใช้ความรู้ ความเข้าใจ และทกั ษะตา่ ง ๆ ที่เกยี่ วข้องกบั ภาษาไทยได้อย่าง ถูกต้อง สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เห็นคุณค่าภาษาไทยซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชาติ ซื่อสัตย์สจุ ริต มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นในการทำงาน มีคุณธรรมจริยธรรม และมีมารยาทในการใชภ้ าษาเปน็ ผ้มู ี คุณลักษณะอันพึงประสงค์ มมี ารยาทในการอา่ น การเขียน การฟัง การดแู ละการพดู กอ่ ให้เกดิ นสิ ัยรักการอา่ น รกั ความเปน็ ไทย ภาคภูมิใจในภาษาไทยและรักษาไว้เปน็ สมบตั ิของชาติ รหสั ตัวช้ีวดั ท ๑.๑ : ม.๓/๑ ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๔ ม.๓/๕ ม.๓/๖ ม.๓/๗ ม.๓/๘ ม.๓/๙ ม.๓/๑๐ ท ๒.๑ : ม.๓/๑ ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๔ ม.๓/๕ ม.๓/๖ ม.๓/๗ ม.๓/๘ ม.๓/๙ ม.๓/๑๐ ท ๓.๑ : ม.๓/๑ ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๔ ม.๓/๕ ม.๓/๖ ท ๔.๑ : ม.๓/๑ ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๔ ม.๓/๕ ม.๓/๖ ท ๕.๑ : ม.๓/๑ ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๔ รวมตัวชว้ี ัด ๓๖ ตัวชวี้ ดั

๑๑ โครงสร้างรายวิชา รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๓๑๐๑ กล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๓ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ จำนวน ๖๐ ชัว่ โมง / ๑.๕ หนว่ ยกิต หน่วยที่ ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐาน เวลา(ชั่วโมง) ๑ เปลง่ สำเนียงเสียงขบั ขาน การเรียนร้/ู ตัวช้วี ดั ๑.๑ การอ่านออกเสียงบทร้อยแกว้ ๑.๒ การอ่านออกเสยี งบทร้อยกรอง ๑๒ ๑.๓ คณุ ค่าของบทอาขยานและบทร้อยกรอง ๑.๔ การแตง่ บทร้อยกรอง ท ๑.๑ ม. ๓/๑ ๓ - บทร้อยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพ ๓ -วรรณคดเี รื่องบทพากยเ์ อราวัณ ๒ หลกั การอ่านสานใจความ ท ๕.๑ ม. ๓/๔ ๑ ๒.๑ คำทมี่ คี วามหมายโดยตรงและความหมายโดยนยั ท ๔.๑ ม. ๓/๖ ๕ ๒.๒ การอ่านจบั ใจความสำคัญ ๒.๓ การเขยี นกรอบแนวคิดผังความคิดบนั ทึกยอ่ ความและรายงาน ท ๑.๑ ม. ๓/๒ ๑๐ ๒.๔ มารยาทในการอ่าน ท ๑.๑ ม .๓/๓ ๓ งามเสน้ สายส่ือลายลักษณ์ ท ๑.๑ ม. ๓/๔ ๒ ๓.๑ การคดั ลายมือตัวบรรจงครึ่งบรรทัด ท ๑.๑ ม. ๓/๑๐ ๔ ๔ รปู้ ระจักษ์หลักการเขียน ๓ ๔.๑ การเขยี นคำอวยพรในโอกาสตา่ งๆ ท ๒.๑ ม. ๓/๑ ๑ ๔.๒ การเขยี นคำขวัญ ๒ ๔.๓ การเขยี นคำคม ท ๒.๑ ม. ๓/๒ ๔.๔ การเขียนโฆษณา ๒ ๔.๕ การเขียนคติพจน์ ท ๒.๑ ม. ๓/๕ ๑๒ ๔.๖ การเขยี นบทสนุ ทรพจน์ ท ๒.๑ ม. ๓/๘ ๔.๗ การเขียนจดหมายกจิ ธรุ ะ ท ๒.๑ ม. ๓/๙ ๑ ๔.๘ การกรอกแบบสมัครงาน ท ๒.๑ ม. ๓/๑๐ ๑ ๔.๙ การเขียนรายงานการศึกษาค้นคว้าและโครงงาน ๑ ๔.๑๐ มารยาทในการเขียน ๑ ๑ ๑ ๑ ๑ ๓ ๑

๑๒ หนว่ ยท่ี ชื่อหนว่ ยการเรียนรู้ มาตรฐาน เวลา(ช่วั โมง) การเรียนร/ู้ ตวั ชี้วัด ๕ ฟงั -พูดเปลีย่ นความคิดเห็น ๑๔ ๕.๑ การพูดแสดงความคิดเหน็ จากการฟังและการดู ๕.๒ การประเมินเรื่องจากการฟงั และการดู ท ๓.๑ ม. ๓/๑ ๓ ๕.๓ การพูดวิเคราะห์วจิ ารณ์จากเรอ่ื งทีฟ่ งั และดู ๓ ๕.๔ การพดู รายงานการศกึ ษาค้นคว้าเกยี่ วกับภูมปิ ัญญาทอ้ งถิ่น ท ๓.๑ ม. ๓/๒ ๓ ๕.๕ มารยาทในการฟงั การดู และการพูด ท ๓.๑ ม. ๓/๓ ๔ ๖ สือ่ ประเดน็ หลักภาษา ท ๓.๑ ม. ๓/๖ ๑ ๘ ๖.๑ ประโยคซับซอ้ น ท ๔.๑ ม. ๓/๒ ๖.๒ ระดับภาษา ท ๔.๑ ม. ๓/๓ ๒ ๖ -ภาษาระดบั พิธีการ -ภาษาระดบั ทางการ ๑ - ภาษาระดับกึ่งทางการ ๑ -ภาษาระดับไม่เปน็ ทางการ ๖๐ - ภาษาระดับกันเอง สอบกลางภาค สอบปลายภาค รวม

๑๓ รายวชิ า ภาษาไทย รหัสวชิ า ท๒๓๑๐๒ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๓ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ จำนวน ๖๐ ชวั่ โมง / ๑.๕ หน่วยกติ หนว่ ยท่ี ชือ่ หนว่ ยการเรียนรู้ มาตรฐาน เวลา(ชั่วโมง) ๑ คดิ วิเคราะห์ เจาะประเด็น การเรยี นรู้/ตวั ชวี้ ดั ๑.๑ การวเิ คราะห์เรอื่ งท่อี ่านโดยใช้กลวธิ กี ารเปรียบเทียบ ๖ -วรรณคดีเรอ่ื งอศิ รญาณภาษิต ท ๑.๑ ม. ๓/๕ ๒ ๑.๒ การวจิ ารณ์เรื่องท่ีอา่ นโดยใช้กลวธิ กี ารเปรยี บเทยี บ ๑ -วรรณคดีเรือ่ งอศิ รญาณภาษิต ๑.๓ การประเมนิ เรื่องทอี่ ่านโดยใช้กลวิธกี ารเปรยี บเทียบ ๑ -วรรณคดเี รอื่ งอิศรญาณภาษิต ๑.๔ การประเมนิ ความถกู ต้องของขอ้ มูลทีใ่ ชส้ นับสนนุ เรอื่ งท่ีอ่าน ท ๑.๑ ม. ๓/๖ ๒ ๒ วจิ ารณ์เปน็ เหน็ แกน่ สาร ท ๑.๑ ม. ๓/๗ ๘ ๒.๑ การวจิ ารณ์ความสมเหตุสมผลการลำดับความและความเป็นไปได้ของเรอื่ ง ท ๑.๑ ม. ๓/๘ ๓ ๒.๒ การวิเคราะห์เพ่อื แสดงความคิดเห็นโตแ้ ย้งเก่ียวกบั เรอื่ งทีอ่ ่าน ท ๑.๑ ม. ๓/๙ ๓ ๒.๓ การตีความและประเมนิ คุณค่าและแนวคิดที่ได้จากงานเขียนอย่าง ๒ หลากหลาย ๑๒ ๓ เขียนสร้างสรรค์สมั พนั ธ์ความรู้ ๓.๑ การเขียนอตั ชีวประวตั ิหรือชวี ประวตั ิ ท ๒.๑ ม. ๓/๓ ๒ ๓.๒ การเขียนย่อความ ท ๒.๑ ม. ๓/๔ ๒ - วรรณกรรมเร่ือง พระบรมราโชวาท ท ๒.๑ ม. ๓/๖ ๒ ๓.๓ การเขียนอธิบายช้ีแจงแสดงความคดิ เหน็ และโตแ้ ยง้ ในเรื่องต่างๆ ๓.๔ การเขียนวิเคราะหจ์ ากเรื่องต่างๆ ท ๒.๑ ม. ๓/๗ ๒ ๓.๕ การเขียนวิจารณ์จากเรือ่ งตา่ งๆ ๒ ๓.๖ การเขียนแสดงความรู้ ความคิดเห็นหรอื โต้แย้งจากเร่อื งตา่ งๆ ๒ ๔ ฟงั -ด-ู พดู ดึงดูดใจคน ๑๓ ๔.๑ การพูดโตว้ าที ท ๓.๑ ม. ๓/๔ ๓ ๔.๒ การพดู อภิปราย ๓ ๔.๓ การพดู ยอวาที ๓ ๔.๔ การพูดโนม้ น้าว ท ๓.๑ ม. ๓/๕ ๔ ๕ เลิศล้นหลกั ภาษา ๗ ๕.๑ คำยมื ภาษาจนี ท ๔.๑ ม. ๓/๑ ๑

๑๔ หน่วยท่ี ชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน เวลา(ช่วั โมง) ๕.๒ คำยืมภาษาอังกฤษ การเรยี นรู้/ตัวชี้วดั ๕.๓ คำยมื ภาษาบาลีและภาษาสันสกฤต ๕.๔ คำยมื ภาษาเขมร ๑ ๕.๕ คำทบั ศัพท์ ๕.๖ ศัพท์บญั ญัติ ๑ ๕.๗ คำศพั ทท์ างวชิ าการและวิชาชีพ ๖ ลำ้ คณุ คา่ วรรณกรรมไทย ๑ ๖.๑ วรรณคดี วรรณกรรมและวรรณกรรมทอ้ งถน่ิ เก่ียวกับศาสนาประเพณี ท ๔.๑ ม. ๓/๔ ๑ พิธกี รรมสภุ าษิตคำสอนเหตกุ ารณ์ในประวัตศิ าสตร์ บนั เทิงคดี ๖.๒ การวิเคราะห์วถิ ีไทยและคณุ คา่ จากวรรณคดีและวรรณกรรม ๑ -วรรณคดีเร่ืองพระอภัยมณี ตอนพระอภัยมณหี นนี างผีเสื้อสมทุ ร ท ๔.๑ ม. ๓/๕ ๑ ๖.๓ การสรปุ ความรแู้ ละขอ้ คดิ จากการอ่าน ๑๒ -บทละครพดู เรื่องเหน็ แกล่ กู สอบกลางภาค ท ๕.๑ ม. ๓/๑ ๔ สอบปลายภาค รวม ท ๕.๑ ม. ๓/๒ ๔ ท ๕.๑ ม. ๓/๓ ๔ ๑ ๑ ๖๐

๑๕

๑๖ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๑ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย รายวชิ าภาษาไทย ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๓ ภาคเรียนที่ ๒ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๔ หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ ๓ เรือ่ ง งามเสน้ สาย สื่อลายลกั ษณ์ เวลา ๒ ช่ัวโมง ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ัด มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวใน รูปแบบต่าง ๆ เขยี นรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ คว้าอย่างมีประสิทธิภาพ ตวั ชวี้ ดั ท ๒.๑ ม.๓/๑ คัดลายมือตวั บรรจงคร่ึงบรรทัด ๒. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ดา้ นทักษะ (P) - นกั เรยี นคัดลายมอื ตวั บรรจงครง่ึ บรรทดั ได้ ด้านจติ พิสยั (A) - นกั เรยี นมคี วามตง้ั ใจในการคดั ลายมอื ตวั บรรจงคร่ึงบรรทดั ๓. สาระสำคัญ การคัดลายมือ เป็นการฝึกเขียนเบื้องต้นที่จำเป็นต้องฝึกตั้งแต่เยาว์วัย เพื่อให้มีทักษะการเขียนท่ี สวยงาม เป็นระเบียบเรยี บร้อย เพราะการคัดลายมือเปน็ พื้นฐานท่ีจะนำไปสูก่ ารเขียนได้ถูกตอ้ งคล่องแคล่วกับ วธิ ีการ ๔. สาระการเรยี นรู้ การคัดลายมือตวั บรรจงครง่ึ บรรทดั ตามรูปแบบการเขยี นตัวอกั ษรไทย ๕. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น (เฉพาะทเี่ กิดในหน่วยการเรียนรนู้ ี)้  ความสามารถในการสื่อสาร  ความสามารถในการคิด  ความสามารถในการแก้ปญั หา  ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต  ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

๑๗ ๖. ทกั ษะของผูเ้ รยี นในศตวรรษท่ี ๒๑ (๓R ๘C + ๒L)  ทกั ษะการอ่าน (Reading)  ทักษะการเขียน (Writing)  ทกั ษะการคิดคำนวณ (Arithmetic)  ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving)  ทกั ษะดา้ นการสรา้ งสรรค์และนวตั กรรม (Creativity and innovation)  ทักษะด้านความร่วมมอื การทำงานเปน็ ทีม และภาวะผูน้ ำ (Collaboration , teamwork and leadership)  ทักษะดา้ นความเข้าใจต่างวฒั นธรรม ตา่ งกระบวนทศั น์ (Cross-cultural understanding)  ทกั ษะด้าน การสอ่ื สาร สารสนเทศ และร้เู ทา่ ทนั สอื่ (Communication information and media literacy)  ทักษะด้านคอมพวิ เตอรแ์ ละเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร (Computing)  ทกั ษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change)  ทักษะการเปลี่ยนแปลง (Change)  ทกั ษะการเรียนรู้ (Learning Skills)  ภาวะผู้นำ (Leadership) ๗. ชิ้นงานหรือภาระงาน ( หลักฐาน / ร่องรอยแสดงความรู้ ) - ใบงานการฝึกคดั ลายมอื ตัวบรจงคร่ึงบรรทดั - ใบงานการคดั ลายมือตัวบรรจงคร่บึ รรทดั - ชิ้นงานการประกวดคดั ลายมือ

๑๘ ๘. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ หน่วยย่อยที่ ๑ เรือ่ ง การคดั ลายมือตวั บรรจงคร่งึ บรรทดั ช่วั โมงที่ ๑ - ๒ (ใชร้ ูปแบบการเรยี นรู้แบบใชส้ มองเปน็ ฐาน) ขัน้ ท่ี ๑ ขน้ั นำเขา้ สบู่ ทเรียน ๑. ครูสุ่มนักเรียนออกมาเขียนตัวอักษรบนกระดาน ๒ แบบคือ เขียนแบบไม่บรรจง และเขียนแบบ บรรจง ๒. ครูแจง้ วตั ถุประสงคก์ ารสอน และถามนักเรยี นเกยี่ วกับประโยชนข์ องการคดั ลายมือ ขั้นท่ี ๒ ขั้นตกลงกระบวนการเรยี นรู้ ๓. ครแู จ้งนกั เรยี นวา่ จะมีกจิ กรรมให้ทำ ดงั ตอ่ ไปนี้ - การฝกึ คดั ลายมอื ตัวบรรจงคร่งึ บรรทัด - การคดั ลายมอื ตวั บรรจงครงึ่ บรรทัด - การประกวดคดั ลายมอื ภายในห้องเรียน ขั้นท่ี ๓ ขั้นเสนอความรู้ใหม่ ๔. นกั เรยี นฟงั บรรยายเรอ่ื ง หลกั การคดั ลายมอื และการคดั ลายมอื ในรปู แบบกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ขัน้ ท่ี ๔ ขน้ั ฝกึ ทักษะ ๕. ครูให้นักเรียนฝกึ ทักษะการคัดลายมอื ตัวบรรจงคร่ึงบรรทัดตามตวั บทท่ีครูแจกให้ ขน้ั ที่ ๕ ขน้ั แลกเปลยี่ นเรียนรู้ ๖. นกั เรยี นสลบั ชน้ิ งานกนั และชว่ ยกนั บอกขอ้ ควรพฒั นาจากการฝกึ คดั ลายมอื ของเพอ่ื น ข้ันที่ ๖ ขน้ั สรุปความรู้ ๗. ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรปุ หลักการเขยี นคัดลายมอื ตัวบรรจงคร่งึ บรรทัดอกี ครัง้ ๘. ครูแจกใบงานเรื่อง การคัดลายมือตัวบรรจงครึ่งบรรทัด ให้นักเรียนกลับไปทำเป็นการบ้าน เพื่อ นำมาเปรียบเทียบกบั ชิน้ การการฝกึ คดั ลายมอื ท่ไี ดท้ ำในคาบกอ่ นหน้าน้วี ่ามีการพฒั นาข้นึ หรือไม่ ข้ันท่ี ๗ ข้นั กจิ กรรมเกม ๙. นกั เรยี นสง่ ใบงานเร่ือง การคัดลายมอื ตวั บรรจงครึ่งบรรทัด ทีท่ ำเป็นการบา้ น ๑๐. ครูแจง้ กตกิ าการประกวดคดั ลายมอื พร้อมแจกกระดาษและตัวบทให้แกน่ ักเรยี น ๑๑. ครูให้เวลานักเรียนคัดลายมือ ๒๐ นาที เมื่อเสร็จแล้วครูเป็นผู้คัดเลือกผลงานการคัดลายมือท่ี ถกู ตอ้ งตามหลกั การแปะไว้ที่หน้ากระดานและปดิ ชอ่ื นกั เรียนเอาไว้ ๑๒. ครูให้นักเรียนแต่ละคนเดินดูผลงานทีผ่ ่านเข้ารอบ และเขียนรูปหัวใจไว้ที่ผลงานชิ้นที่นกั เรียนคิด วา่ สวยและชอบท่สี ุด

๑๙ ๑๓. ครูและนักเรียนร่วมกันนับหัวใจจากแต่ละผลงาน โดยใครได้หัวใจจากเพื่อนมากที่สุดเป็นผู้ ชนะเลิศ ๑๔. ครบู อกพัฒนาการการคัดลายมือของนักเรยี นโดยภาพรวม และเขยี นผลสะท้อนกลับจากใบงานท่ี นกั เรยี นทำสง่ มา ๙. สือ่ การสอน ๑. ส่ือประกอบการเรยี นการสอน power point ๒. ใบความรู้เร่ือง การคัดลายมือ ๑๐. แหล่งเรยี นรใู้ นหรอื นอกสถานท่ี - ๑๑. การวดั และประเมนิ ผล จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ วิธวี ัด เคร่อื งมือวัด เกณฑ์การให้ เกณฑก์ ารประเมนิ คะแนน ๑.นักเรียนคัดลายมือตัวบรรจง ประเมนิ การคดั แบบประเมินการ ๒๗–๓๐คะแนน ระดับพอใช้ข้ึนไป ครงึ่ บรรทัดได้ ลายมือตวั บรรจง คดั ลายมือตัว ระดบั ดีเยี่ยม ถือวา่ ผา่ น ครึ่งบรรทัด บรรจงครึง่ บรรทัด ๒๓–๒๖คะแนน ระดับ ดี ๑๙ – ๒๒ คะแนน ระดับ ค่อนข้างดี ๑๕ – ๑๘ คะแนน ระดบั พอใช้ ต่ำกว่า ๑๕ คะแนน ระดบั ปรบั ปรงุ ๒.นักเรียนมีความตั้งใจในการคัด สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ๒-๓คะแนน ระดับพอใชข้ นึ้ ไป ลายมือตวั บรรจงครงึ่ บรรทัด การทำกจิ กรรมคัด พฤตกิ รรมการทำ ระดบั ดี ถอื ว่าผา่ น ลายมือ กิจกรรมคัดลายมือ ๑คะแนน ระดบั พอใช้ ๐ คะแนน ระดบั ควรปรับปรงุ

๒๐ แบบประเมนิ ผลการคัดลายมือตวั บรรจงครึ่งบรรทัด ตำแหน่งทผ่ี ดิ รายการประเมนิ ไมม่ ีจดุ ผดิ ผิด ๑ - ๒ ผดิ ๓-๔ ผิดมากกวา่ ๔ ๑. หัวกลม ตัวมน (๕ คะแนน) ตำแหนง่ ตำแหน่ง ตำแหน่ง (๔ คะแนน) (๓ คะแนน) (๒ คะแนน) ๒.ตวั ตรงไม่โย้เย้ ๓.ชอ่ งไฟมีความสมำ่ เสมอ ๔. การวางสระ วรรณยุกต์ ๕.ความถูกตอ้ งของคำ ๖.การลบคำผดิ ขีดฆา่ จุดตำหนิ เกณฑ์การประเมนิ เชิงคุณภาพ เกณฑค์ ณุ ภาพ ดเี ยยี่ ม คะแนน ดี ๒๗ - ๓๐ ค่อนขา้ งดี ๒๓ - ๒๖ พอใช้ ๑๙ - ๒๒ ปรับปรุง ๑๕ - ๑๘ ตำ่ กวา่ ๑๕

๒๑ แบบสังเกตพฤติกรรมการทำกจิ กรรมคัดลายมอื คำชี้แจง ใหท้ ำเครอ่ื งหมำย  ลงในชอ่ งรำยกำรสงั เกตพฤตกิ รรมทน่ี กั เรยี นปฏบิ ตั ิ รายการ สรปุ ผลการ เลขท่ี ช่อื -สกลุ มพี ฒั นาการ มีสมาธิในการ สง่ งาน ประเมนิ ท่ดี ขี ึ้น ทำงาน ตรงเวลา ๐๑ ๐๑ ๐ ๑ ผา่ น ไม่ ผา่ น ลงชือ่ ....................................... ผ้ปู ระเมิน (................................................) ............./............./.............

๒๒ ๑๒. กิจกรรมเสนอแนะ ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๑๓. บันทึกผลหลังการสอน สรปุ ผลการเรยี นการสอน นกั เรยี นทง้ั หมดจำนวน.....................คน จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ จำนวนนักเรยี นทผ่ี ่าน จำนวนนักเรยี นทีไ่ มผ่ า่ น ขอ้ ท่ี ๑ จำนวนคน ร้อยละ จำนวนคน ร้อยละ ๒ ๑๔. ปัญหา/อปุ สรรค/แนวทางแก้ไข ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ๑๕. ข้อเสนอแนะ ............................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................ ลงชื่อ........................................................................ (…………………………………………………………..) ตำแหนง่ ครู วิทยฐานะ .......................................

๒๓ ลงช่ือ................................................................ หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ (…………………………………………………………..) ลงช่อื .......................................................... รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารวชิ าการ (…………………………………………………………..) ความเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา ไดท้ ำการตรวจแผนการเรียนรู้ของ....................................................แลว้ มีความคดิ เห็นดงั น้ี ๑. เป็นแผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี  ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรับปรงุ ๒. การจดั กจิ กรรมไดน้ ำเอากระบวนการเรยี นรู้  เนน้ ผเู้ รยี นเปน็ สำคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม  ยังไมเ่ นน้ ผเู้ รยี นเปน็ สำคญั ควรปรบั ปรงุ พฒั นาต่อไป ๓. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ลงชอ่ื .......................................................... (…………………………………………………………..) ผอู้ ำนวยการโรงเรยี น…………………………………………………………..

๒๔

๒๕

๒๖

๒๗

๒๘

๒๙ แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี ๒ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย รายวชิ าภาษาไทย ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๓ ภาคเรยี นที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ หน่วยการเรียนรูท้ ี่ ๑ เร่ือง คิด วเิ คราะห์ เจาะประเดน็ เวลา ๖ ช่ัวโมง ๑. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ชี้วดั มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนำไปตัดสินใจ แก้ปัญหาในการ ดำเนินชวี ิตและมีนิสัยรกั การอา่ น ตวั ชี้วัด ท ๑.๑ ม.๓/๕ วิเคราะห์ วิจารณ์ และประเมินเรื่องที่อ่านโดยใช้กลวิธีการเปรียบเทียบเพื่อให้ผู้อ่าน เข้าใจได้ดีขึน้ ท ๑.๑ ม.๓/๖ ประเมินความถูกตอ้ งของขอ้ มลู ท่ใี ชส้ นับสนุนในเร่อื งทีอ่ ่าน ๒. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) - นกั เรยี นวเิ คราะหเ์ ร่ืองทอ่ี า่ นโดยใชก้ ลวธิ กี ารเปรยี บเทยี บได้ - นกั เรยี นวจิ ารณเ์ รอ่ื งทอ่ี า่ นโดยใชก้ ลวธิ กี ารเปรยี บเทยี บได้ - นกั เรยี นประเมนิ คณุ คา่ เรอ่ื งท่ีอา่ นโดยใช้กลวิธกี ารเปรียบเทยี บได้ - นกั เรยี นประเมนิ ความถกู ตอ้ งของขอ้ มลู ท่ีใชส้ นับสนนุ ในเรอ่ื งทอ่ี า่ นได้ ด้านทกั ษะ (P) - นกั เรยี นนำเสนอการวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และประเมนิ เร่ืองทอ่ี า่ นโดยใชก้ ลวธิ กี ารเปรยี บเทยี บได้ - นกั เรยี นนำเสนอการประเมนิ ความถกู ตอ้ งของขอ้ มลู ท่ีใชส้ นับสนนุ ในเรอ่ื งทอ่ี า่ นได้ ด้านจิตพิสัย (A) - นักเรียนให้ความร่วมมือในการวิเคราะห์ วิจารณ์ และประเมินเรื่องที่อ่านโดยใช้กลวิธีการ เปรียบเทยี บ - นกั เรยี นใหค้ วามรว่ มมอื ในการประเมนิ ความถกู ตอ้ งของขอ้ มลู ท่ีใชส้ นบั สนุนในเร่อื งที่อา่ น

๓๐ ๓. สาระสำคญั การอ่านเป็นทักษะที่จำเป็นต่อการรับรู้ข้อมูลข่าวสารในชีวิตประจำวัน และในขณะที่อ่านจะต้องรู้จัก คิด วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ เพ่อื นำความรทู้ ไี่ ดไ้ ปใช้เปน็ ประโยชน์ ดังนัน้ ผู้เรยี นจงึ ควรฝกึ ทกั ษะการวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ หรอื ประเมนิ ค่าเรื่องทีอ่ ่านอย่างถูกต้องและมีเหตผุ ลเพ่ือจะได้เปน็ พนื้ ฐานในการวิเคราะหว์ ิจารณ์ในขั้นสูงต่อไป การประเมินความถูกต้องของข้อมูลที่ใช้สนับสนุนในเรื่องที่อ่านต้องพิจารณาตามแนวทางการเขียนสารนั้นๆ และที่สำคัญที่สุดคือต้องพิจารณาภาษาหรือถ้อยคำที่ใช้ด้วย เพราะงานเขียนแต่ละประเภทจะใช้ภาษาที่ แตกตา่ งกนั ไป ๔. สาระการเรียนรู้ ๑. การวเิ คราะห์ วิจารณ์และประเมนิ เรื่องที่อา่ นโดยใชก้ ลวธิ กี ารเปรียบเทียบ ๒. การประเมนิ ความถูกตอ้ งของข้อมูลทใ่ี ชส้ นบั สนุนเรอ่ื งทีอ่ า่ น ๕. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะท่เี กดิ ในหนว่ ยการเรียนรูน้ ้)ี  ความสามารถในการสือ่ สาร  ความสามารถในการคิด  ความสามารถในการแก้ปญั หา  ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต  ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ๖. ทักษะของผ้เู รยี นในศตวรรษที่ ๒๑ (๓R ๘C + ๒L)  ทกั ษะการอา่ น (Reading)  ทกั ษะการ เขยี น (Writing)  ทกั ษะการ คิดคำนวณ (Arithmetic)  ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving)  ทักษะดา้ นการสร้างสรรคแ์ ละนวตั กรรม (Creativity and innovation)  ทกั ษะด้านความรว่ มมอื การทำงานเปน็ ทีม และภาวะผนู้ ำ (Collaboration , teamwork and leadership)  ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรม ตา่ งกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding)  ทกั ษะดา้ น การสอื่ สาร สารสนเทศ และรเู้ ท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy)

๓๑  ทักษะดา้ นคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร (Computing)  ทักษะอาชพี และทักษะการเรยี นรู้ (Career and learning self-reliance, change)  ทักษะการเปล่ยี นแปลง (Change)  ทักษะการเรียนรู้ (Learning Skills)  ภาวะผนู้ ำ (Leadership) ๗. ช้นิ งานหรอื ภาระงาน ( หลกั ฐาน / ร่องรอยแสดงความรู้ ) - ชน้ิ งานการวิเคราะหเ์ รอื่ งท่อี า่ นจากบตั รโดมิโนภาษติ - ใบงานการวจิ ารณ์คำสอนในอศิ รญาณภาษิต (กจิ กรรมกล่มุ ) - แผนผงั ความคิดการประเมนิ คุณคา่ ในอศิ รญาณภาษติ (กจิ กรรมกลมุ่ ) - ใบงานเรื่องการประเมินความถูกต้องของข้อมูลที่ใช้สนับสนนุ เร่ืองทอ่ี า่ น ๘. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ หน่วยยอ่ ยที่ ๑ เรื่อง การวเิ คราะหเ์ รอ่ื งท่ีอา่ นโดยใชก้ ลวิธีการเปรยี บเทยี บ ชั่วโมงที่ ๑ - ๒ (ใชร้ ปู แบบการเรยี นรแู้ บบ SQ๔R) ข้ันท่ี ๑ S – Survey ๑. ครูกล่าวทักทายนักเรียน พร้อมบอกอุปกรณ์ที่นักเรียนต้องเตรียมไว้ใช้ในคาบ ได้แก่ กระดาษเอส่ี ๑ แผน่ และปากกาสำหรบั จดบนั ทกึ ๒. ครูให้นักเรียนอ่านวรรณคดีเรื่อง อิศรญาณภาษิต จากหนังสือวรรณคดีวิจักษ์หรือจาก power point ภายในเวลา ๕ นาที เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นมองเห็นภาพกว้าง ๆ เกย่ี วกับเรอ่ื งทอ่ี า่ น ๓. ครถู ามนกั เรียนว่าวรรณคดเี รอื่ ง อศิ รญาณภาษิต มีเนอ้ื หาเกี่ยวกับอะไร ขัน้ ท่ี ๒ Q – Question ๔. ครูให้นักเรียนหาคำตอบว่าวรรณคดีเรื่อง อิศรญาณภาษิต มีเนื้อหาคำสอนเกี่ยวกับเรื่องใดบ้าง ภายในเวลา ๑๐ นาที ข้นั ที่ ๓ R – Read ๕. ครูใหน้ กั เรียนพับกระดาษแบ่งเป็นสองฝ่งั โดยเขียนคำตอบลงในกระดาษซกี ซ้าย ๖. ครูสุ่มนักเรียนบอกคำตอบที่เขียนลงในกระดาษ และให้นักเรียนคนที่เหลือจดบันทึกคำตอบของ เพ่อื นท่แี ตกต่างจากตนเองลงในกระดาษซีกขวา ขั้นท่ี ๔ R – Record ๗. ครใู ห้นักเรียนทบทวนเนื้อหาวรรณคดีเรื่อง อิศรญาณภาษิต โดยแบง่ นกั เรยี นออกเปน็ ๘ กลมุ่ แล้ว เลือกบัตรโดมโิ นภาษิตกลุ่มละ ๑ ชุด ๘. ให้นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มเรียงบัตรโดมิโนภาษติ ให้ถูกต้องตามลำดบั ในเนอ้ื เรอ่ื งอิศรญาณภาษิต

๓๒ ข้นั ท่ี ๕ R – Recite ๙. ครูให้นักเรียนเขียนสรุปใจความสำคัญจากบัตรโดมิโนภาษิตของกลุ่มตนเองเพื่อใช้ประกอบการทำ กิจกรรมขัน้ ถดั ไป ขนั้ ที่ ๖ R - Reflect ๑๐. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์ใจความสำคัญจากบัตรโดมิโนภาษิตที่กลุ่มตนเองได้รับ โดยเปรียบเทียบว่าคำสอนนั้นยังสามารถใช้ได้กับสังคมในปัจจุบันหรือไม่ เพราะอะไร (ให้นักเรียนแต่ละ คนส่งคำตอบมาทางแชท) ๑๑. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลการวิเคราะห์เรื่องที่อ่านโดยใช้กลวิธีการเปรียบเทียบจาก บตั รโดมิโนภาษติ หนว่ ยย่อยที่ ๒ เร่ือง การวจิ ารณ์เรอื่ งที่อ่านโดยใชก้ ลวิธีการเปรียบเทียบ ช่ัวโมงที่ ๑ (ใชร้ ปู แบบการเรยี นรู้แบบรว่ มมือ) ขน้ั ท่ี ๑ ข้ันเตรยี มการ ๑. ครูทบทวนความรู้เร่อื งอิศรญาณภาษติ แลว้ จึงแบ่งกลมุ่ นกั เรียนออกเป็น ๘ กลุ่ม ขน้ั ท่ี ๒ ขัน้ สอน ๒. ครูอธบิ ายหลักการวิจารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมโดยใชส้ ่ือ power point ขน้ั ที่ ๓ ขั้นกจิ กรรมกลมุ่ ๓. ครใู หน้ กั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันหาบทที่สนใจในเร่อื งอศิ รญาณภาษติ จำนวน ๔ ประเด็น ๔. นักเรียนร่วมกันทำใบงานการวิจารณ์คำสอนในอิศรญาณภาษิตที่แต่ละกลุ่มสนใจว่าคำสอนนั้น กล่าวถึงอะไร นกั เรยี นเหน็ ดว้ ยหรอื ไม่ และคดิ วา่ ภาษิตน้ันยงั ยอมรับไดไ้ หมในปัจจบุ นั ขนั้ ท่ี ๔ ข้ันตรวจสอบผลงานและทดสอบ ๕. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลการวิจารณ์ ผู้สอนและเพื่อนกลุ่มอื่น ๆ ร่วมกันซักถามเพื่อ ความกระจา่ งชัด ขน้ั ท่ี ๕ ขน้ั สรุปบทเรยี นและประเมนิ ผลการทำกจิ กรรมกลมุ่ ๖. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั สรปุ ผลทไ่ี ด้จากการวจิ ารณเ์ ร่อื งอศิ รญาณภาษติ และการทำกจิ กรรมกลมุ่ หน่วยย่อยที่ ๓ เรอ่ื ง การประเมนิ เร่ืองที่อา่ นโดยใชก้ ลวธิ ีการเปรยี บเทยี บ ชั่วโมงที่ ๑ (ใช้รปู แบบการเรยี นรู้แบบร่วมมอื ) ขัน้ ที่ ๑ ขัน้ เตรียมการ ๑. ครูแบ่งกลุม่ นักเรียนออกเปน็ ๘ กลมุ่ ข้ันที่ ๒ ขัน้ สอน ๒. ครอู ธิบายหลกั การประเมนิ คุณค่าวรรณคดแี ละวรรณกรรม

๓๓ ขั้นท่ี ๓ ขน้ั กจิ กรรมกลมุ่ ๓. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทำแผนผังความคิดการประเมินคุณค่าในอิศรญาณภาษิต ๓ หัวข้อ ได้แก่ คุณค่าด้านเนื้อหา คณุ ค่าดา้ นวรรณศิลป์ คณุ ค่าด้านสงั คมและวฒั นธรรม และการนำไปใชล้ งในกระดาษบ รูฟที่ครแู จกให้ ขน้ั ที่ ๔ ขั้นตรวจสอบผลงานและทดสอบ ๕. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มออกมานำเสนอผลการประเมนิ คา่ ในอศิ รญาณภาษติ ผสู้ อนและเพอ่ื นกลมุ่ อน่ื ๆ ร่วมกนั ซักถามเพ่ือความกระจ่างชดั ข้นั ที่ ๕ ขน้ั สรปุ บทเรยี นและประเมนิ ผลการทำกจิ กรรมกลุม่ ๖. ครูและนักเรียนรว่ มกันสรปุ ส่ิงท่ีไดจ้ ากการเรยี นเรอ่ื งอิศรญาณภาษิตและร่วมกันประเมินผลการทำ กจิ กรรมกลุ่ม หนว่ ยย่อยท่ี ๔ เรอ่ื ง การประเมนิ ความถกู ตอ้ งของข้อมลู ท่ีใช้สนับสนนุ เรื่องที่อา่ น ช่วั โมงที่ ๑ - ๒ (ใชร้ ปู แบบการเรียนรู้แบบสบื เสาะหาความรู้ ๕E) ขัน้ ท่ี ๑ สรา้ งความสนใจ (Engagement) ๑. ครูนำตัวอย่างข่าว เพลง บทร้อยกรอง เรื่องสั้น และนิทาน มาให้นักเรียนอ่าน แล้วถามว่าตัวอย่าง ทีอ่ า่ นดงั กล่าวนนั้ เป็นงานเขยี นประเภทใด และมขี ้อสงั เกตอยา่ งไร ขั้นท่ี ๒ สำรวจและค้นหา (Exploration) ๒. ครูอธิบายหลักการวิเคราะห์สารประเภทข่าว เพลง บทร้อยกรอง เรื่องสั้น และนิทาน และการ พจิ ารณาภาษาหรอื ถอ้ ยคำที่ใชต้ ามแนวทางการเขยี นสารน้นั ๆ โดยใช้สื่อ power point ๓. ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็น ๕ กลุ่ม โดยให้แต่ละกลุ่มแบ่งกันหางานเขียนกลุ่มละ ๑ ประเภท ได้แก่ งานเขียนประเภทข่าว เพลง บทร้อยกรอง เรื่องสั้น และนิทานจากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เนต็ หอ้ งสมดุ เป็นต้น เพ่ือนำมาทำกจิ กรรมในคาบถดั ไป ข้ันท่ี ๓ อธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) ๔. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนำข้อมูลที่ค้นคว้ามาประเมินความถูกต้องของสารแต่ละประเภทตาม ลกั ษณะการเขียน ทั้งรปู แบบ เนื้อหา และการใช้ภาษาลงในกระดาษบรฟู ทีค่ รแู จกให้ ขั้นที่ ๔ ขยายความรู้ (Elaboration) ๕. ครใู ห้นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกมานำเสนองานหน้าชนั้ เรียน ๖. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้ที่ได้รับจากการประเมินความถูกต้องของข้อมูลที่ใช้สนับสนุน เรื่องทีอ่ า่ น ขัน้ ที่ ๕ ประเมิน (Evaluation) ๗. ครใู ห้นกั เรียนทำใบงานเรอื่ งการประเมนิ ความถูกตอ้ งของขอ้ มลู ที่ใช้สนับสนุนเร่อื งท่อี ่าน

๓๔ ๙. สอื่ การสอน ๑. หนงั สอื เรยี นรายวิชาพืน้ ฐานภาษาไทย วรรณคดวี จิ ักษ์ ม.๓ ๒. สอื่ ประกอบการเรียนการสอน power point ๓. บตั รโดมิโนภาษติ ๑๐. แหลง่ เรียนรใู้ นหรือนอกสถานท่ี - อินเทอรเ์ น็ต - ห้องสมดุ

๓๕ ๑๑. การวัดและประเมนิ ผล จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ วธิ วี ดั เครอ่ื งมอื วดั เกณฑ์การให้ เกณฑ์การ คะแนน ประเมิน ๑. นักเรียนวิเคราะห์เรื่องที่อ่าน ตรวจช้นิ งานการ ช้ินงานการ ๔-๕คะแนน ระดบั พอใช้ขึน้ ไป โดยใช้กลวิธกี ารเปรียบเทียบได้ วเิ คราะห์เรอ่ื งท่ี วิเคราะห์เรอื่ งท่ี ระดับดี ถือวา่ ผา่ น อา่ นจากบตั ร อา่ นจากบตั ร ๒. นักเรียนวิจารณ์เรื่องที่อ่านโดย โดมโิ นภาษติ โดมิโนภาษติ ๒ - ๓ คะแนน ใช้กลวธิ กี ารเปรียบเทียบได้ ระดับ พอใช้ ตรวจใบงานการ ใบงานการวิจารณ์ ๐-๑ คะแนน วิจารณค์ ำสอนใน คำสอนใน ระดบั ควรปรบั ปรงุ อศิ รญาณภาษิต ตอบถกู ไดข้ ้อละ๑ ได้ ๒คะแนนขนึ ้ ไป อศิ รญาณภาษิต คะแนน ถือวา่ ผา่ น ๓.นักเรียนประเมินคุณค่าเรื่องที่ ตรวจแผนผัง แผนผังความคดิ ๔-๕คะแนน ระดบั พอใช้ขนึ ้ ไป อ่านโดยใช้กลวิธีการเปรียบเทียบ ความคิดการ การประเมินคุณคา่ ระดบั ดี ถือวา่ ผา่ น ได้ ประเมนิ คุณคา่ ของ ของอิศรญาณ ๒-๓คะแนน อศิ รญาณภาษิต ภาษิต ระดับ พอใช้ ๐-๑ คะแนน ระดบั ควรปรับปรุง ๔. นักเรียนประเมินความถูกต้อง ตรวจใบงานการ ใบงานการประเมิน ตอบถกู ได้ข้อละ๑ ได้ ๒คะแนนขนึ ้ ไป ของข้อมูลที่ใช้สนับสนุนในเรื่องท่ี ประเมนิ ความ ความถูกต้องของ คะแนน ถือวา่ ผา่ น อา่ นได้ ถกู ตอ้ งของขอ้ มูล ทใ่ี ช้สนับสนนุ ใน ขอ้ มูลท่ีใช้ เร่อื งทีอ่ า่ น สนับสนุนในเร่ืองท่ี อ่าน

๓๖ จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธวี ดั เครื่องมอื วดั เกณฑ์การให้ เกณฑ์การประเมิน คะแนน ๕.นักเรียนนำเสนอการวิเคราะห์ ประเมินการ แบบประเมินผล ๔-๕คะแนน ระดับพอใช้ข้นึ ไป วิจารณ์ และประเมินเรื่องที่อ่าน นำเสนอการ การนำเสนอการ ระดับดี ถือว่า ผ่าน โดยใชก้ ลวธิ ีการเปรียบเทียบได้ วเิ คราะห์ วิจารณ์ วิเคราะห์ วจิ ารณ์ ๒-๓คะแนน และประเมินเรื่องที่ และประเมนิ เรื่องท่ี ระดบั พอใช้ อ่านโดยใช้กลวธิ ี อา่ นโดยใช้กลวธิ ี ๐-๑ คะแนน การเปรียบเทยี บ การเปรยี บเทียบ ระดับควรปรับปรุง ๖.นักเรียนนำเสนอการประเมิน ประเมินการ แบบประเมินผล ๔-๕คะแนน ระดบั พอใชข้ น้ึ ไป ความถูกต้องของข้อมูลที่ใช้ นำเสนอการ การนำเสนอการ ระดับดี ถอื ว่าผ่าน สนับสนุนในเร่อื งที่อ่านได้ ประเมินความ ประเมนิ ความ ๒-๓คะแนน ถูกตอ้ งของข้อมูล ถกู ตอ้ งของข้อมูล ระดบั พอใช้ ท่ีใชส้ นบั สนนุ ใน ทีใ่ ชส้ นับสนุนใน ๐-๑ คะแนน เร่อื งท่ีอา่ น เร่ืองทีอ่ ่าน ระดบั ควรปรับปรุง ๗.นักเรียนให้ความร่วมมือในการ สังเกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ๒-๓คะแนน ระดบั พอใชข้ ้ึนไป วิเคราะห์ วิจารณ์ และประเมิน การทำกจิ กรรม พฤตกิ รรมการทำ ระดับดี ถือว่า ผ่าน เรื่องที่อ่านโดยใช้กลวิธีการ กลมุ่ กจิ กรรมกลุ่ม ๑คะแนน เปรียบเทยี บ ระดับ พอใช้ ๐ คะแนน ระดับ ควรปรับปรงุ ๘.นักเรียนให้ความร่วมมือในการ สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต ๒-๓คะแนน ระดับพอใช้ข้นึ ไป ประเมินความถูกต้องของข้อมูลที่ การทำกจิ กรรม พฤตกิ รรมการทำ ระดบั ดี ถอื ว่าผา่ น ใช้สนับสนนุ ในเรอ่ื งท่อี า่ น กลมุ่ กิจกรรมกลุ่ม ๑คะแนนระดบั พอใช้ ๐ คะแนนระดบั ควรปรับปรุง

๓๗ เกณฑ์ใหค้ ะแนน ชิน้ งานการวิเคราะหเ์ รื่องทอี่ า่ นจากบัตรโดมภิ าษิต รายการประเมนิ เกณฑใ์ หค้ ะแนน ๑. ส่งงานภายในเวลาทีก่ ำหนด ๕ คะแนน : มคี รบทุกข้อ ๒. ตอบคำถามครบทกุ ประเด็น ๔ คะแนน : มี ๔ ขอ้ ขาด ๑ ข้อ ๓. วิเคราะหไ์ ด้อย่างสมเหตสุ มผล ๓ คะแนน : มี ๓ ขอ้ ขาด ๒ ข้อ ๔. ใช้ภาษาได้อยา่ งถกู ตอ้ ง เหมาะสม ๒ คะแนน : มี ๒ ข้อ ขาด ๓ ข้อ ๕. ปฏบิ ตั ติ ามคำสัง่ ในการทำกิจกรรม ๑ คะแนน : มี ๑ ขอ้ ขาด ๔ ขอ้ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน แผนผงั ความคิดการประเมนิ คุณคา่ ของอศิ รญาณภาษติ รายการประเมนิ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ๑. ส่งงานภายในเวลาทกี่ ำหนด ๕ คะแนน : มคี รบทุกขอ้ ๒. ตอบคำถามครบทกุ ประเด็น ๔ คะแนน : มี ๔ ขอ้ ขาด ๑ ขอ้ ๓. ประเมนิ คุณค่าไดอ้ ย่างสมเหตุสมผล ๓ คะแนน : มี ๓ ขอ้ ขาด ๒ ขอ้ ๔. ใช้ภาษาได้อยา่ งถกู ตอ้ ง เหมาะสม ๒ คะแนน : มี ๒ ขอ้ ขาด ๓ ขอ้ ๕. มีความคิดสรา้ งสรรคใ์ นการทำแผนผังความคิด ๑ คะแนน : มี ๑ ขอ้ ขาด ๔ ข้อ

๓๘ แบบประเมินผล การนำเสนอการวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และประเมินเร่อื งที่อา่ นโดยใชก้ ลวิธกี ารเปรียบเทียบ ตัวช้ีวดั รายการประเมิน เกณฑ์การใหค้ ะแนน การนำเสนอการวิเคราะห์ ๑. มีความพร้อมในการนำเสนอ ๕ คะแนน : มีครบทกุ ข้อ เรื่องที่อ่านโดยใช้กลวิธีการ ๒. รักษาเวลาตามทก่ี ำหนด ๔ คะแนน : มี ๔ ขอ้ ขาด ๑ ขอ้ เปรยี บเทียบ ๓. การใช้ภาษาในการนำเสนอมคี วาม ๓ คะแนน : มี ๓ ขอ้ ขาด ๒ ข้อ ถูกตอ้ ง เหมาะสม ๒ คะแนน : มี ๒ ข้อ ขาด ๓ ขอ้ ๔. พดู นำเสนอได้ครบถ้วนสมบรู ณ์ ๑ คะแนน : มี ๑ ขอ้ ขาด ๔ ขอ้ ๕. พูดนำเสนอไดช้ ดั เจน ตรงประเด็น การนำเสนอการวิจารณ์เรื่องท่ี ๑. มีความพรอ้ มในการนำเสนอ ๕ คะแนน : มีครบทุกข้อ อ ่ า น โ ด ย ใ ช ้ ก ล ว ิ ธ ี ก า ร ๒. รักษาเวลาตามที่กำหนด ๔ คะแนน : มี ๔ ขอ้ ขาด ๑ ข้อ เปรียบเทียบ ๓. การใช้ภาษาในการนำเสนอมีความ ๓ คะแนน : มี ๓ ข้อ ขาด ๒ ข้อ ถกู ต้อง เหมาะสม ๒ คะแนน : มี ๒ ข้อ ขาด ๓ ข้อ ๔. พูดนำเสนอได้ครบถ้วนสมบรู ณ์ ๑ คะแนน : มี ๑ ข้อ ขาด ๔ ข้อ ๕. พดู นำเสนอไดช้ ดั เจน ตรงประเดน็ การนำเสนอการประเมินเรื่อง ๑. มคี วามพร้อมในการนำเสนอ ๕ คะแนน : มคี รบทกุ ขอ้ ท ี ่ อ่ าน โดย ใช้ก ลวิธีการ ๒. รักษาเวลาตามท่กี ำหนด ๔ คะแนน : มี ๔ ข้อ ขาด ๑ ข้อ เปรียบเทียบ ๓. การใช้ภาษาในการนำเสนอมีความ ๓ คะแนน : มี ๓ ขอ้ ขาด ๒ ข้อ ถูกต้อง เหมาะสม ๒ คะแนน : มี ๒ ขอ้ ขาด ๓ ข้อ ๔. พูดนำเสนอไดค้ รบถ้วนสมบรู ณ์ ๑ คะแนน : มี ๑ ข้อ ขาด ๔ ขอ้ ๕. พดู นำเสนอได้ชดั เจน ตรงประเด็น สมาชิกในกลมุ่ ๑…………………………………………………………………………….. คะแนนท่ีได…้ …………..คะแนน ๒…………………………………………………………………………….. คะแนนท่ีได…้ …………..คะแนน ๓…………………………………………………………………………….. คะแนนทไ่ี ด…้ …………..คะแนน ๔…………………………………………………………………………….. คะแนนที่ได…้ …………..คะแนน ๕…………………………………………………………………………….. คะแนนท่ไี ด…้ …………..คะแนน ๖…………………………………………………………………………….. คะแนนท่ไี ด…้ …………..คะแนน ลงชื่อ ....................................... ผปู้ ระเมิน (................................................) ............./............./.............

๓๙ แบบประเมนิ ผล การนำเสนอการประเมนิ ความถูกตอ้ งของขอ้ มลู ท่ีใชส้ นบั สนนุ ในเรอื่ งทอี่ า่ น ตวั ช้วี ัด รายการประเมิน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน การนำเสนอการประเมินความ ๑. มีความพรอ้ มในการนำเสนอ ๕ คะแนน : มีครบทกุ ข้อ ถูกต้องของข้อมูลที่ใช้สนับสนุนใน ๒. รกั ษาเวลาตามที่กำหนด ๔ คะแนน : มี ๔ ข้อ ขาด ๑ ขอ้ เรื่องทีอ่ า่ น ๓. การใช้ภาษาในการนำเสนอมี ๓ คะแนน : มี ๓ ขอ้ ขาด ๒ ขอ้ ความถูกตอ้ ง เหมาะสม ๒ คะแนน : มี ๒ ขอ้ ขาด ๓ ข้อ ๔ . พ ู ด น ำ เ ส น อ ไ ด ้ ค ร บ ถ ้ ว น ๑ คะแนน : มี ๑ ข้อ ขาด ๔ ข้อ สมบูรณ์ ๕. พูดนำเสนอได้ชัดเจน ตรง ประเด็น สมาชิกในกลมุ่ ๑…………………………………………………………………………….. คะแนนที่ได…้ …………..คะแนน ๒…………………………………………………………………………….. คะแนนทีไ่ ด…้ …………..คะแนน ๓…………………………………………………………………………….. คะแนนที่ได…้ …………..คะแนน ๔…………………………………………………………………………….. คะแนนที่ได…้ …………..คะแนน ๕…………………………………………………………………………….. คะแนนทไี่ ด…้ …………..คะแนน ๖…………………………………………………………………………….. คะแนนทไ่ี ด…้ …………..คะแนน ลงช่ือ ....................................... ผู้ประเมิน (................................................) ............./............./.............

๔๐ แบบสังเกตพฤติกรรมการทำกจิ กรรมกลุ่ม การวิเคราะห์ วิจารณ์ และประเมินเร่อื งทอี่ า่ นโดยใชก้ ลวิธกี ารเปรียบเทยี บ คำชี้แจง ใหท้ ำเครอ่ื งหมำย  ลงในชอ่ งรำยกำรสงั เกตพฤตกิ รรมทน่ี กั เรยี นปฏบิ ตั ิ รายการ ให้ความ ปฏิบตั ติ าม สรปุ ผลการ ร่วมมอื ในการ มีความกลา้ คำส่งั ในการ เลขท่ี ช่ือ-สกลุ ทำกิจกรรม แสดงออก ทำกจิ กรรม ประเมนิ ๐๑ ๐๑ ๐ ๑ ผา่ น ไม่ ผา่ น ลงชือ่ ....................................... ผ้ปู ระเมิน (................................................) ............./............./.............

๔๑ แบบสังเกตพฤติกรรมการทำกจิ กรรมกลุ่ม การประเมินความถกู ต้องของข้อมลู ทใี่ ชส้ นับสนนุ ในเรอ่ื งท่ีอ่าน คำชี้แจง ใหท้ ำเครอ่ื งหมำย  ลงในชอ่ งรำยกำรสงั เกตพฤตกิ รรมทน่ี กั เรยี นปฏบิ ตั ิ รายการ ให้ความ ปฏิบตั ิตาม สรปุ ผลการ ร่วมมือในการ มีความกล้า คำส่ังในการ เลขที่ ชื่อ-สกุล ทำกจิ กรรม แสดงออก ทำกิจกรรม ประเมนิ ๐๑ ๐๑ ๐ ๑ ผา่ น ไม่ ผา่ น ลงชอ่ื ....................................... ผ้ปู ระเมิน (................................................) ............./............./.............

๔๒ ๑๒. กจิ กรรมเสนอแนะ ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๑๓. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน สรุปผลการเรียนการสอน นกั เรยี นทง้ั หมดจำนวน.....................คน จดุ ประสงค์การเรียนรู้ จำนวนนกั เรียนที่ผา่ น จำนวนนักเรียนท่ไี มผ่ า่ น ข้อท่ี จำนวนคน รอ้ ยละ จำนวนคน ร้อยละ ๑. ๒. ๓. ๔. ๕. ๖. ๗. ๘. ๑๔. ปญั หา/อปุ สรรค/แนวทางแก้ไข ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ๑๕. ข้อเสนอแนะ ............................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................

๔๓ ลงช่ือ........................................................................ (…………………………………………………………..) ตำแหนง่ ครู วิทยฐานะ ....................................... ลงชื่อ................................................................ หวั หน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้ (…………………………………………………………..) ลงชอ่ื .......................................................... รองผอู้ ำนวยการกลุ่มบริหารวชิ าการ (…………………………………………………………..) ความเห็นของหัวหนา้ สถานศึกษา ได้ทำการตรวจแผนการเรียนรู้ของ....................................................แลว้ มคี วามคดิ เห็นดงั น้ี ๑. เป็นแผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี  ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรับปรงุ ๒. การจัดกิจกรรมไดน้ ำเอากระบวนการเรยี นรู้  เน้นผเู้ รียนเป็นสำคญั มาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม  ยงั ไมเ่ น้นผเู้ รยี นเป็นสำคัญ ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป ๓. ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ลงชอ่ื .......................................................... (…………………………………………………………..) ผ้อู ำนวยการโรงเรยี น…………………………………………………………..

๔๔

๔๕

๔๖