คูม่ ือปฏบิ ตั งิ านเจา้ หน้าทีส่ ง่ เสริมการเกษตร การพฒั นาองค์กรเกษตรกร วสิ าหกิจชุมชน และเครือข่าย ISBN 978-974-403-942-2 กรมสง่ เสรมิ การเกษตร
คมู่ ือปฏบิ ัตงิ านเจ้าหนา้ ท่ีส่งเสรมิ การเกษตร การพัฒนาองคก์ รเกษตรกร วิสาหกิจชมุ ชน และเครอื ข่าย ISBN 978-974-403-942-2 พิมพ์คร้ังที่ 1 ปี 2556 จ�ำนวน 10,000 เล่ม พิมพ์ท ่ี โรงพิมพช์ ุมนมุ สหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย จ�ำกดั
ค�ำนำ� การท�ำงานส่งเสริมการเกษตร เป็นการท�ำงานท่ีมุ่งปรับปรุงคุณภาพชีวิตและ ความเป็นอยู่ของเกษตรกร โดยเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร เป็นผู้น�ำความรู้และ เทคโนโลยที ่เี หมาะสม ถา่ ยทอดส่เู กษตรกรกล่มุ เปา้ หมาย ปี 2556 กรมส่งเสรมิ การเกษตรไดจ้ ัดท�ำ “คมู่ ือปฏิบัตงิ านเจ้าหน้าท่สี ่งเสรมิ การเกษตร” เพ่ือเป็นองค์ความร้ใู หเ้ จา้ หน้าที่ส่งเสรมิ การเกษตร ไดใ้ ช้เปน็ แนวทาง การปฏิบัติงานส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ โดยได้รวบรวมและเรียบเรียงเนื้อหา ตามหลกั วิชาการท่ถี ูกต้อง สามารถอา้ งอิงได้ และถอดบทเรียนจากหลกั ปฏิบตั ิจริง สามารถประยกุ ตใ์ ชก้ ับงานสง่ เสรมิ การเกษตรในแต่ละพ้นื ท่ี จ�ำนวน 24 รายการ แบ่งเป็นเน้อื หา ดา้ นการเพ่มิ ประสิทธภิ าพการผลิตพืชเศรษฐกิจ ด้านเคหกิจเกษตร และการเพิ่มมูลค่าสนิ คา้ เกษตร และดา้ นเทคนิคการท�ำงานส่งเสริมการเกษตร คมู่ อื ปฏบิ ตั งิ านเจา้ หนา้ ทสี่ ง่ เสรมิ การเกษตร เรอ่ื ง “การพฒั นาองคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ย” เลม่ น้ี ประกอบดว้ ยเนอื้ หาทส่ี ำ� คญั ไดแ้ ก่ ความหมาย ความสำ� คญั และความรเู้ กยี่ วกบั องคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ย แนวคดิ หลักการ กระบวนการพฒั นา การสร้างเครือขา่ ย หลักการท�ำงานและการประเมิน องคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ย ซงึ่ เจา้ หนา้ ทสี่ ง่ เสรมิ การเกษตรสามารถ นำ� ไปปรบั ใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั ลกั ษณะการทำ� งานตามบทบาท และหนา้ ทค่ี วามรบั ผดิ ชอบ และหวงั ใหเ้ กดิ แนวคดิ การพฒั นาทกั ษะในการทำ� งานสง่ เสรมิ การเกษตร เพอื่ ประโยชน์ ของเกษตรกรต่อไป กรมสง่ เสรมิ การเกษตร ขอขอบคณุ ในความรว่ มมอื อยา่ งดยี ง่ิ จากหนว่ ยงาน และ เจา้ หนา้ ทที่ เ่ี กย่ี วขอ้ งในการใหข้ อ้ มลู และภาพประกอบสำ� หรบั การจดั ทำ� หนงั สอื เลม่ นี้ และหากเจ้าหน้าท่สี ่งเสริมการเกษตร มีข้อเสนอแนะเพ่ิมเติม ขอไดโ้ ปรดแจง้ มายงั กรมส่งเสรมิ การเกษตรใหท้ ราบด้วย ทงั้ น้ี เพ่ือประโยชนใ์ นการปรบั ปรงุ สำ� หรับการ ใชง้ านครั้งต่อไป (นางพรรณพิมล ชัญญานวุ ตั ร) อธบิ ดีกรมสง่ เสริมการเกษตร สงิ หาคม 2556
สารบญั บทนำ� บทท่ี 1 ความหมาย ความสำ�คัญ และความรู้เกี่ยวกับ 2 องคก์ รเกษตรกร วิสาหกิจชมุ ชน และเครอื ข่าย 2 1. ความหมาย ความส�ำ คัญ และความรู้เกี่ยวกับองค์กรเกษตรกร 9 2. ความหมาย ความส�ำ คญั และความรเู้ กย่ี วกบั วิสาหกิจชุมชน 17 3. ความหมาย ความส�ำ คัญ และความร้เู กย่ี วกบั เครอื ขา่ ย 24 บทที่ 2 แนวคดิ หลกั การ และกระบวนการในการพฒั นา องคก์ รเกษตรกร วสิ าหกิจชมุ ชน และเครอื ข่าย 24 1. แนวคิดและหลักการในการพฒั นาองคก์ รเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน 31 และเครอื ขา่ ย 50 2. กระบวนการพัฒนาองคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชุมชนและเครอื ข่าย 50 บทท่ี 3 การสร้างเครือข่าย 51 56 1. การเตรยี มการของนกั สง่ เสรมิ การเกษตรเพ่อื สรา้ งเครอื ขา่ ย 2. การเกดิ เครอื ข่าย 3. การพัฒนาเครือขา่ ย
สารบญั บทที่ 4 หลักการทำ�งานกับองค์กรเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน 70 และเครือข่าย 1. หลักการท�ำ งานของนักสง่ เสริมการเกษตร 70 2. หลักการท�ำ งานกบั องคก์ รเกษตรกร วิสาหกจิ ชมุ ชน และเครือข่าย 74 บทที่ 5 การประเมินองคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน 86 และเครอื ขา่ ย 1. แนวคิดเกี่ยวกับการประเมินองค์กรเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน 86 และเครือข่าย 89 2. ตวั ชีว้ ัดเกี่ยวกบั การประเมินองค์กรเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน 94 และเครือขา่ ย 3. กระบวนการประเมนิ องคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ย บทสรุป 102 บรรณานุกรม 106 รายช่อื คณะผจู้ ดั ทำ� 108 คมู่ อื ปฏิบัตงิ านเจ้าหน้าที่ส่งเสรมิ การเกษตร การพฒั นาองค์กรเกษตรกร วสิ าหกจิ ชุมชน และเครือข่าย
บทนำ� INTRO
บทน�ำ การพฒั นาองคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชนและเครอื ขา่ ย มวี ตั ถปุ ระสงค์ เพ่ือที่จะสร้างเสริมความรู้ความเข้าใจและเพิ่มศักยภาพในการปฏิบัติงาน ใหก้ บั นกั สง่ เสรมิ การเกษตร เพื่อใหส้ ามารถปฏิบตั งิ านทเ่ี กย่ี วกับการพัฒนา องคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชนและเครอื ขา่ ยไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ เนอ้ื หา มีจำ� นวน 5 เร่ือง ประกอบด้วย 1) ความหมาย ความสำ� คญั และความรู้ เก่ียวกบั องคก์ รเกษตรกร วิสาหกิจชมุ ชน และเครอื ข่าย 2) แนวคิด หลกั การ และกระบวนการในการพฒั นาองคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ย 3) การสรา้ งเครอื ขา่ ย 4) หลกั การทำ� งานกบั องคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ย และ 5) การประเมนิ องคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ย ทั้งน้ี เน้ือหาได้จัดท�ำข้ึนโดยคณะท�ำงาน ซ่ึงเป็นผู้มีประสบการณ์จริง ในพนื้ ท่ี มกี ารจดั ทำ� เนอ้ื หาตามหลกั วชิ าการเพอ่ื ถา่ ยทอดองคค์ วามรดู้ งั กลา่ ว ให้นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรได้เรียนรู้ เข้าใจ และสามารถน�ำไปเป็น แนวทางในการปฏิบัติงานจริงในพื้นท่ีในด้านพัฒนาองค์กรเกษตรกร วสิ าหกิจชมุ ชน และเครือขา่ ยได้เป็นอยา่ งดี
องคก์ รเกษตรกร หมายถงึ กลมุ่ ของเกษตรกรที่ รวมตวั กนั เพอื่ แกไ้ ขปญั หาทเ่ี ปน็ ขอ้ จำ� กดั ของเกษตรกร รายยอ่ ย หรอื เพอื่ พฒั นาสภาพการประกอบอาชพี และชวี ติ ความเปน็ อยขู่ องสมาชกิ ในกลมุ่ โดยมโี ครงสรา้ ง การดำ� เนนิ งาน และระเบยี บขอ้ บงั คบั ทชี่ ดั เจน
บทที่ ความหมาย ความส�ำคญั และความรู้เกย่ี วกับ องคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชุมชน และเครอื ขา่ ย
2 การพฒั นาองคก์ รเกษตรกร วสิ าหกิจชมุ ชน และเครือข่าย บ1ทท่ี ความหมาย ความสำ� คญัและความรู้ เก่ียวกับองค์กรเกษตรกร วสิ าหกิจชมุ ชน และเครอื ขา่ ย 1. ความหมาย ความสำ� คญั และความรู้ เกีย่ วกบั องคก์ รเกษตรกร 1.1 ความหมายขององคก์ รเกษตรกร องคก์ รเกษตรกร หมายถงึ กลมุ่ ของเกษตรกร ที่รวมตัวกันเพื่อแก้ไขปัญหาท่ีเป็นข้อจ�ำกัดของ เกษตรกรรายยอ่ ย หรอื เพอ่ื พฒั นาสภาพการประกอบ อาชพี และชวี ติ ความเปน็ อยขู่ องสมาชิกในกลมุ่ โดยมี โครงสร้างการด�ำเนินงาน และระเบียบข้อบังคับที่ ชดั เจน 1.2 ความส�ำคญั ขององค์กรเกษตรกร องค์กรเกษตรกรเป็นกลไกส�ำคัญในการ พัฒนาการเกษตร เพราะเป็นการพัฒนาคนและ พฒั นางานไปพรอ้ มๆ กนั และทำ� ใหเ้ กดิ ประโยชนใ์ นดา้ น ตา่ งๆ ดงั ตอ่ ไปนี้
บทที่ 1 ความหมาย ความสำ� คญั และความรเู้ กยี่ วกบั องคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ย 3 1) เพม่ิ โอกาสด้านการเรยี นรู้ เพราะกระบวนการกลมุ่ จะชว่ ย ใหเ้ กษตรกรมโี อกาสแลกเปลย่ี นเรยี นรซู้ ง่ึ กนั และกนั รจู้ กั ระบบการทำ� งาน รว่ มกนั เปน็ หมคู่ ณะ สามารถแกไ้ ขปญั หา วางแผนการจดั การ และกำ� หนด แนวทางการพัฒนาร่วมกัน นอกจากนน้ั การรับการถา่ ยทอดเทคโนโลยี ในรูปแบบกลุม่ จะเปน็ ไปไดร้ วดเรว็ กวา่ การถ่ายทอดเปน็ รายบคุ คล 2) เพม่ิ โอกาสดา้ นการผลติ เพราะเกษตรกรทร่ี วมตวั กนั เปน็ กลมุ่ สามารถชว่ ยเหลอื ซง่ึ กนั และกนั ในกระบวนการผลติ และการจดั การผลผลติ เชน่ การผลติ สง่ ตลาดในจำ� นวนและคณุ ภาพทตี่ ลาดตอ้ งการ การแปรรูป ผลผลติ เพอื่ สรา้ งมลู คา่ เพ่ิมในกรณผี ลผลิตลน้ ตลาดหรือผลผลิตตกต่�ำ 3) เพ่ิมโอกาสทางการตลาดและเพิ่มอ�ำนาจต่อรองทาง เศรษฐกจิ ทง้ั การซอ้ื ปจั จยั การผลติ และการขายผลผลติ รวมถงึ การปกปอ้ ง ผลประโยชนข์ องมวลหม่สู มาชิก 4) เพม่ิ โอกาสดา้ นการบรกิ าร เปน็ การอำ� นวยความสะดวกให้ กบั สมาชกิ เช่น การจดั หาส่ิงจ�ำเป็นส�ำหรบั การอุปโภค บริโภค ตลอดจน ปจั จยั การผลติ ตา่ งๆ มาบริการให้แกส่ มาชกิ ในราคายตุ ธิ รรม
4 การพัฒนาองค์กรเกษตรกร วิสาหกจิ ชมุ ชน และเครอื ข่าย 1.3 ประเภทขององคก์ ร องค์กรเกษตรกร แบ่งได้เปน็ 2 ลักษณะประเภท คือ แบ่งตาม ลกั ษณะประเภทการรบั รองของกฎหมาย และแบง่ ตามลกั ษณะประเภทของ ระดับการพฒั นา 1.3.1 ประเภทขององคก์ รเกษตรกรตามการรบั รองของกฎหมาย ไดแ้ ก่ 1) องคก์ รเกษตรกรทีเ่ ปน็ นติ ิบุคคล หมายถึง องคก์ ร เกษตรกรท่ีจดทะเบียนอย่างเป็นทางการ ภายใต้กฎหมายที่ก�ำหนดให้ กลุ่มท่ีมาจดทะเบียนมีสถานะเป็นนิติบุคคล ซึ่งจะต้องมีการติดตาม ประเมิน และตรวจสอบตามกฎ ระเบียบของกฎหมายนั้นๆ องค์กรเกษตรกรทีเ่ ปน็ นติ ิบุคคล มี 3 ประเภทยอ่ ยๆ ไดแ้ ก่ (1) สมาคม (Association) จดทะเบยี นตามประมวล กฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ เปน็ องคก์ รทไ่ี มแ่ สวงหากำ� ไร จดั ตง้ั ขน้ึ ในหมคู่ น ทม่ี คี วามตอ้ งการและสนใจในเรอื่ งเดยี วกนั สมาคมจงึ มไี ดห้ ลากหลาย เชน่ สมาคมชาวไรอ่ อ้ ย สมาคมชาวสวนยาง สมาคมพืชสวน เป็นต้น (2) กลุม่ เกษตรกร (Agricultural Groups) จดั ต้งั ตามพระราชกฤษฎกี าวา่ ดว้ ยกลมุ่ เกษตรกร พ.ศ. 2547 มี 6 ประเภทยอ่ ยๆ ได้แก่ กลุ่มเกษตรกรท�ำนา กลุ่มเกษตรกรท�ำไร่ กลุ่มเกษตรกรท�ำสวน กลมุ่ เกษตรกรท�ำประมง กล่มุ เกษตรกรเลย้ี งสตั ว์ และกลมุ่ เกษตรกรอ่ืนๆ
บทท่ี 1 ความหมาย ความสำ� คญั และความรเู้ กย่ี วกบั องคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ย 5 (3) สหกรณก์ ารเกษตร (Agricultural Co-operatives) จัดตง้ั ตามพระราชบญั ญัตสิ หกรณ์ พ.ศ. 2542 ปัจจุบัน กลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์การเกษตร อยู่ภายใต้การดูแลของกรมส่งเสรมิ สหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 2) องคก์ รเกษตรกรทไี่ มเ่ ปน็ นติ บิ คุ คล การรวมตวั กนั ของ เกษตรกรเปน็ องคก์ รเกษตรกรทไี่ มเ่ ปน็ นติ บิ คุ คล มที ง้ั การรวมตวั กนั อยา่ ง เปน็ ทางการ และการรวมตวั กนั อยา่ งไม่เปน็ ทางการ (1) องค์กรเกษตรกรท่ีรวมตัวกันอย่างเป็นทางการ อาจเกดิ ขนึ้ เองโดยธรรมชาติ หรอื เกดิ จากการสง่ เสรมิ ของหนว่ ยงานหรอื องค์การทีเ่ กีย่ วข้องและมีการจดทะเบยี นกับทางราชการ มโี ครงสรา้ งการ ด�ำเนินงานและระเบียบข้อบังคับที่ชัดเจน แต่ไม่มีกฎหมายรองรับ เช่น กลมุ่ แมบ่ ้านเกษตรกร กลุ่มอาชพี การเกษตร กลุ่มยวุ เกษตรกร ซ่งึ เกดิ ขึน้ โดยการส่งเสรมิ ของกรมส่งเสรมิ การเกษตร (2) องคก์ รเกษตรกรทรี่ วมตวั กนั อยา่ งไมเ่ ปน็ ทางการ อาจเกิดข้ึนเองโดยธรรมชาติ หรือเกดิ จากการส่งเสริมของหนว่ ยงานหรือ องคก์ ารทเี่ กยี่ วขอ้ งแตไ่ มม่ กี ารจดทะเบยี นกบั ทางราชการ มขี อ้ ตกลงรว่ มกนั อย่างไม่เป็นทางการและด�ำเนินกิจกรรมร่วมกันเป็นคร้ังคราว เช่น กลมุ่ จัดการทรพั ยากรดนิ กลุ่มจดั การทรพั ยากรน้�ำ ฯลฯ
6 การพัฒนาองคก์ รเกษตรกร วิสาหกจิ ชุมชน และเครอื ข่าย 1.3.2 ประเภทขององคก์ รเกษตรกรตามระดับการพฒั นา 1) องคก์ รเกษตรกรระดบั พน้ื ฐาน หมายถงึ องคก์ รเกษตรกร ทมี่ เี ปา้ หมายการทำ� กจิ กรรมระดบั พนื้ ฐานทจ่ี ำ� เปน็ ตอ่ การดำ� เนนิ ชวี ติ เนน้ การกนิ การใชใ้ นกลุม่ หรอื ภายในชุมชนเพ่อื ลดรายจ่าย เพิม่ รายได้ และ ให้กลุม่ และชมุ ชนมีความเขม้ แข็ง พึง่ ตนเองได้ 2) องคก์ รเกษตรกรระดบั กา้ วหนา้ หมายถงึ องคก์ รเกษตรกร ท่ีมีศักยภาพในการท�ำกิจกรรมในระดับที่สูงขึ้น ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย สามารถพฒั นาสกู่ ารแข่งขนั ทางการคา้ เพ่อื ตอบสนองตลาดในวงกว้าง
บทที่ 1 ความหมาย ความสำ� คญั และความรเู้ กยี่ วกบั องคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ย 7 1.4 องคป์ ระกอบขององคก์ รเกษตรกร องค์กรเกษตรกรซึ่งเกิดจากการรวมตัวหรือจัดตั้งอย่างเป็น ทางการ จะมอี งค์ประกอบและโครงสรา้ งที่ชัดเจน ได้แก่ 1.4.1 เปา้ หมายและวัตถปุ ระสงคข์ ององคก์ ร เช่น ● กลุ่มแม่บ้านเกษตรกร มีวัตถุประสงค์เพื่อรวมตัวกัน ประกอบกิจการเพ่ือเพ่ิมมูลค่าผลผลิตทางการเกษตรโดยอาจใช้ กระบวนการแปรรูป ● กลมุ่ ยวุ เกษตรกร มวี ตั ถุประสงคเ์ พอ่ื ส่งเสรมิ การเรยี นรู้ ในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม การฝึกการท�ำงานเป็นกลุ่มให้กับ เยาวชน 1.4.2 สมาชกิ ซง่ึ มกั กำ� หนดคณุ สมบตั เิ ฉพาะตามประเภทขององคก์ ร เชน่ ● กลุ่มแม่บ้านเกษตรกร ประกอบด้วยสมาชิกท่ีเป็นสตรี ในภาคเกษตรซึ่งอยู่ในพ้ืนท่ีเดียวกัน มารวมกลุ่มเพ่ือมาท�ำกิจกรรมที่ เกีย่ วเนือ่ งกบั การเกษตร ● กลุ่มยุวเกษตรกรประกอบด้วยสมาชิกท่ีเป็นเยาวชน ชาย-หญงิ ทม่ี อี ายรุ ะหวา่ ง 10-25 ปี มคี วามสนใจรวมกลมุ่ กนั เพอ่ื ฝกึ ปฏบิ ตั ิ ทางด้านการเกษตร และเคหกิจเกษตร 1.4.3 คณะกรรมการกลุ่ม ซ่ึงคัดเลือกจากสมาชิก โดยทั่วไป ประกอบดว้ ย ประธาน รองประธาน เลขานกุ าร เหรญั ญกิ ประชาสมั พนั ธ์ และกรรมการอ่ืนๆ
8 การพัฒนาองคก์ รเกษตรกร วิสาหกจิ ชมุ ชน และเครอื ข่าย หากเปน็ องคก์ รเกษตรกรทเี่ ปน็ นติ บิ คุ คล จะมกี รรมการอนื่ เพมิ่ ขน้ึ เชน่ ผจู้ ดั การ ผตู้ รวจสอบกจิ การ เจา้ หนา้ ทผ่ี คู้ วบคมุ นายทะเบยี น เป็นต้น 1.4.4 กิจกรรมท่ีกลุ่มด�ำเนินการ ซ่ึงส่วนใหญ่จะครอบคลุมทั้ง กิจกรรมด้านการเกษตร และกิจกรรมท่ีเกี่ยวเนื่องกับการเกษตร เช่น การแปรรปู ผลผลติ ทางการเกษตร รวมถงึ กจิ กรรมดา้ นสังคม เปน็ ตน้ 1.4.5 กฎ ระเบียบ หรอื ข้อบงั คบั ของกลมุ่ 1.5 กระบวนการเรียนรูข้ ององคก์ รเกษตรกร การด�ำรงอยู่และการพัฒนาองค์กรเกษตรกรจะต้องอาศัย กระบวนการเรยี นรู้ทีเ่ ปน็ ระบบดงั น้ี 1) การเรยี นรเู้ พอื่ พฒั นาศกั ยภาพของสมาชกิ ในองคก์ ร เปน็ การ เรียนร้เู พ่อื ให้รจู้ ักตัวเอง โดยศึกษาข้อมูล ขอ้ เทจ็ จริง และประสบการณท์ ี่ ผา่ นมา เพอ่ื นำ� ไปสกู่ ารพฒั นาศกั ยภาพของสมาชกิ ในองคก์ ร ในดา้ นการคดิ วิเคราะห์ การพัฒนาทกั ษะในการประกอบอาชีพ 2) การเรยี นรขู้ ององคก์ รเพอ่ื พฒั นาความสามารถในการจดั การ เชงิ ระบบ โดยการน�ำองค์ความร้จู ากนวตั กรรม ภมู ิปัญญาทอ้ งถิ่น และ เทคโนโลยีท่ีเหมาะสมเพื่อพัฒนาอาชีพและส่งเสริมการด�ำเนินงานของ กิจกรรมกลุ่มอย่างยั่งยืน ภายใต้สภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ ตลอดเวลา
บทที่ 1 ความหมาย ความสำ� คญั และความรเู้ กย่ี วกบั องคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ย 9 2. ความหมาย ความส�ำคัญ และความรู้เกี่ยวกับ วิสาหกจิ ชมุ ชน 2.1 ความหมายของวิสาหกจิ ชุมชน วิสาหกิจชุมชน หมายถึง การประกอบการหรือกิจการของ ชมุ ชน ทส่ี มาชกิ ในชมุ ชนเป็นเจ้าของและรว่ มกันด�ำเนินการ ดว้ ยการใช้ ความรู้ ภมู ปิ ัญญาท้องถนิ่ เทคโนโลยีที่เหมาะสม และความคดิ รเิ รมิ่ สร้างสรรค์จัดการทนุ ตา่ งๆ ทีม่ ีอย่ใู นชมุ ชนเพื่อผลติ สินคา้ หรือบรกิ าร ตอบสนองการพ่ึงตนเองและสรา้ งรายได้ให้กบั ครอบครัว ชุมชน และ ระหว่างชุมชน ตามแนวทางของเศรษฐกิจพอเพียง โดยกลุ่มคนหรือ คณะบุคคลท่ดี �ำเนินการอาจเปน็ นิติบคุ คลหรือไมเ่ ป็นนติ บิ คุ คลก็ได้ 2.2 ความส�ำคัญของวิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจชุมชนเป็นเครื่องมือแก้ปัญหาและพัฒนาเศรษฐกิจและ สังคม ตง้ั แต่ระดับครอบครวั ชุมชน ระหว่างชุมชน จนถึงระดับประเทศ ดงั น้ี 1) เปน็ กลไกขบั เคลอื่ นเศรษฐกจิ ชมุ ชน เนอ่ื งจากวสิ าหกจิ ชมุ ชน เป็นภาคการผลิตและการสรา้ งรายไดข้ องระบบเศรษฐกิจชุมชน กิจกรรม วสิ าหกจิ ชมุ ชนที่มคี วามหลากหลาย จะทำ� ให้ชุมชนมีกิน มใี ช้ มรี ายได้ พ่ึง ตนเองได้ ทำ� ใหเ้ ศรษฐกิจชมุ ชนมคี วามเข้มแขง็ 2) เปน็ เครอ่ื งมอื ในการพฒั นาคนควบคกู่ บั การพฒั นากจิ การ เพราะวิสาหกิจชุมชนเน้นกระบวนการเรียนรู้และการท�ำกิจกรรมบนฐาน ความรู้ ซง่ึ จะนำ� ไปส่คู วามสำ� เรจ็ ในการดำ� เนนิ กิจการ
10 การพัฒนาองคก์ รเกษตรกร วิสาหกจิ ชมุ ชน และเครอื ข่าย 3) เป็นทางเลือกใหม่ท่ีช่วยให้คนในชุมชนเกิดการเรียนรู้และ มคี วามเชือ่ มั่นทจี่ ะสรา้ งสรรค์ผลผลติ เพื่อการบรโิ ภค อปุ โภค จากทุนที่มี อยใู่ นชมุ ชน สามารถจดั การชวี ติ ความเป็นอยู่ และพงึ่ ตนเองได ้ 4) เปน็ หนว่ ยสรา้ งงานและสรา้ งรายไดใ้ นชมุ ชน กอ่ ใหเ้ กดิ การ จ้างงานในทอ้ งถิ่นและลดปัญหาการเคล่ือนย้ายแรงงานสู่ชุมชนเมืองหรือ ภาคอุตสาหกรรม 5) เปน็ ตวั กลางสำ� คญั ที่ท�ำใหค้ นในชุมชนได้ท�ำงานรว่ มกัน 6) เปน็ ตวั อย่างของการผลิตท่เี ปน็ มติ รกับสิง่ แวดลอ้ มและการ ฟ้ืนฟรู ะบบนเิ วศโดยรวม 2.3 ลกั ษณะส�ำคญั ของวิสาหกจิ ชุมชน 1) คนในชมุ ชนเปน็ เจ้าของ และผู้ด�ำเนินการ 2) ด�ำเนนิ การแบบมีสว่ นรว่ ม โดยใช้ทุน ความรู้ แรงงาน และ วตั ถุดบิ ในชุมชนเป็นหลัก 3) มภี มู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ เปน็ ฐาน และตอ่ ยอดดว้ ยภมู ปิ ญั ญาสากล เพือ่ ประยุกต์ให้เข้าสมยั แตย่ ังคงมเี อกลกั ษณ์ถิ่น 4) ใชค้ วามคดิ รเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์ สรา้ งมลู คา่ เพม่ิ (Value added) จากผลผลติ และทรัพยากรชุมชน 5) กจิ กรรมทด่ี ำ� เนนิ การมคี วามหลากหลาย เชอ่ื มโยง เกอ้ื กลู กนั 6) มกี ารบรหิ ารจดั การอยา่ งเปน็ ระบบทงั้ ดา้ นการผลติ การตลาด การบริหารบคุ คล และการเงนิ 7) มีกระบวนการเรียนรู้เป็นหัวใจ ด�ำเนินการบนฐานความรู้ และมกี ารพง่ึ ตนเองเป็นเปา้ หมาย
บทท่ี 1 ความหมาย ความสำ� คญั และความรเู้ กย่ี วกบั องคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ย 11 2.4 ประเภทของวิสาหกจิ ชมุ ชน วิสาหกิจชุมชนแบง่ เป็น 2 ประเภท ตามกจิ กรรมทดี่ �ำเนินการ และตามระดับการพฒั นาดังน้ี 2.4.1 แบ่งตามกจิ กรรมทีด่ ำ� เนนิ การ ประกอบด้วย 1) การแปรรูปหรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากผลผลิต ของชุมชน ซ่ึงเป็นกิจกรรมที่ต่อเน่ืองจากการผลิตทางการเกษตรท่ีเป็น อาชีพหลัก เพ่ือการพ่ึงตนเองและเพิ่มมูลค่าของผลผลิตทางการเกษตร เชน่ การแปรรปู ข้าวในกลุม่ คนท่มี ีอาชพี ทำ� นาหรอื กลมุ่ คนทเ่ี ปน็ เครอื ขา่ ย กบั ชาวนา การท�ำผลไม้แปรรูปในกลุ่มคนท่ีเปน็ ชาวสวนผลไม้ เป็นตน้ 2) การพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างมูลค่าเพ่ิมจาก ทรัพยากรและภมู ิปัญญาของชมุ ชน เชน่ ยาสมุนไพร หัตถกรรมพ้นื บา้ น ผ้าไหมลายพืน้ เมอื ง ผ้าย้อมสีธรรมชาติ เปน็ ตน้ 3) การพัฒนาผลิตภัณฑ์ทดแทนการซ้ือจากภายนอก เพอ่ื ลดรายจา่ ยและตอบสนองการพง่ึ ตนเองของชมุ ชน เชน่ ปยุ๋ อนิ ทรยี ์ เครอ่ื งมอื เครอ่ื งใชท้ างการเกษตร สบู่ แชมพู นำ�้ ยาลา้ งจาน นำ้� ดมื่ เปน็ ตน้ 4) การพัฒนาระบบการตลาด การบริการ และ สวัสดกิ ารชุมชน เพ่อื ให้ชมุ ชนมชี วี ิตความเปน็ อยูท่ ีส่ ะดวกสบายขึ้น เชน่ รา้ นคา้ ชมุ ชน ทอ่ งเทย่ี วเชงิ เกษตร โฮมสเตย์ ออมทรพั ย์ ศนู ยส์ ขุ ภาพพน้ื ฐาน บริการซอ่ มเคร่อื งจกั รกล เป็นตน้
12 การพฒั นาองค์กรเกษตรกร วิสาหกิจชมุ ชน และเครือข่าย 2.4.2 แบง่ ตามระดับการพฒั นา ประกอบด้วย 1) วิสาหกิจชุมชนพื้นฐาน เป็นกิจการข้ันต้น ท�ำเพื่อ บริโภคหรอื ใชป้ ระโยชนใ์ นครอบครัวและชุมชน 2) วสิ าหกจิ ชมุ ชนกา้ วหนา้ เปน็ กจิ การทพี่ ฒั นาตอ่ เนอื่ ง จากระดับพื้นฐาน โดยด�ำเนินการอย่างเป็นระบบ ใช้ทุนและเทคโนโลยี ตอบสนองชุมชน เครือขา่ ยและตลาดในระดบั ท่ีกว้างขึน้ 2.5 พระราชบญั ญัติส่งเสรมิ วิสาหกิจชมุ ชน พ.ศ. 2548 1) เปน็ กฎหมายฉบบั แรกทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การประกอบกจิ การของ ชมุ ชนซงึ่ รา่ งขน้ึ จากความคดิ เหน็ ของตวั แทนชมุ ชน เสนอตอ่ สภาในปี 2544 และมีผลใช้บังคบั ในปี 2548 2) มีเจตนารมณ์ในการส่งเสริมความรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่น การสรา้ งรายได้ การชว่ ยเหลือซึง่ กันและกนั การพัฒนาความสามารถใน การจดั การ และการพฒั นารปู แบบของวสิ าหกจิ ชมุ ชน เพอ่ื ใหช้ มุ ชนพงึ่ พา ตนเองไดแ้ ละพฒั นาระบบเศรษฐกจิ ชมุ ชนใหม้ คี วามเขม้ แขง็ พรอ้ มสำ� หรบั การแขง่ ขนั ทางการคา้ ในอนาคต รวมถงึ การพฒั นาวสิ าหกจิ ชมุ ชนไปสกู่ าร เป็นผปู้ ระกอบกิจการในระดับที่สูงขน้ึ 3) กลไกดำ� เนนิ งาน (1) ระดับประเทศ มีคณะกรรมการ 2 คณะ ได้แก่ ● คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน มีนายก รัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรเป็น กรรมการและเลขานกุ าร กรมสง่ เสรมิ การเกษตรท�ำหน้าท่ีเปน็ ส�ำนักงาน เลขานุการคณะกรรมการ
บทที่ 1 ความหมาย ความสำ� คญั และความรเู้ กย่ี วกบั องคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ย 13 ● คณะกรรมการประสานนโยบายกองทุนเพื่อ พัฒนากิจการวิสาหกิจชุมชนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็น ประธาน กรมสง่ เสริมการเกษตรทำ� หน้าทีเ่ ปน็ ส�ำนกั งานเลขานุการคณะ กรรมการฯ (2) ระดบั จงั หวดั มคี ณะกรรมการสง่ เสรมิ วสิ าหกจิ ชมุ ชน จังหวัด โดยผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็น ประธานกรรมการ เกษตรจงั หวดั เปน็ กรรมการและเลขานกุ าร สำ� นกั งาน เกษตรจังหวัดท�ำหน้าทเี่ ป็นสำ� นักงานเลขานกุ ารคณะกรรมการฯ 4) วิสาหกิจชุมชนท่ปี ระสงคจ์ ะขอรับการสง่ เสริม สนบั สนนุ จะตอ้ งจดทะเบยี นกบั กรมสง่ เสรมิ การเกษตร (ณ สำ� นกั งานเกษตรอำ� เภอ) (1) เกษตรอำ� เภอเปน็ นายทะเบยี น สามารถรบั จด ยกเลกิ เพิกถอน ไดต้ ามระเบียบการจดทะเบียน (2) ในการจดทะเบยี น จะตอ้ งมีสมาชกิ อยา่ งน้อย 7 คน จากต่างครอบครวั (3) การจดทะเบียนวิสาหกิจชุมชนไม่ได้เปล่ียนแปลง สถานะเดิม เช่น หากไม่เป็นนิติบุคคลมาก่อน ก็ยังคงสถานะไม่เป็น นติ บิ คุ คลเช่นเดมิ
14 การพฒั นาองค์กรเกษตรกร วิสาหกิจชมุ ชน และเครอื ข่าย 5) วิสาหกิจชุมชนท่ีจดทะเบียนได้รับรองสถานภาพในการ ประกอบกิจการวิสาหกิจชุมชนและมีสิทธิได้รับการส่งเสริม สนับสนุน ตามพระราชบัญญตั ิส่งเสรมิ วิสาหกิจชุมชน พ.ศ. 2548 (1) วิสาหกจิ ชุมชน ได้รับการรบั รองสถานภาพตามพระราช บญั ญตั ฯิ และไดร้ บั การสง่ เสรมิ สนบั สนนุ จากคณะกรรมการอยา่ งเปน็ ระบบ และเป็นเอกภาพ (2) หนว่ ยงานทเี่ กยี่ วขอ้ งสามารถวางแผนการดำ� เนนิ งานและ จัดระเบยี บในการให้การสนับสนุนวิสาหกิจชุมชน อย่างเป็นระบบ 6) คณะกรรมการจะตอ้ งใหก้ ารสง่ เสรมิ สนบั สนนุ วสิ าหกจิ ชมุ ชน ข้ันพื้นฐานให้เข้มแข็ง พึ่งตนเองได้ ส่งเสริมสนับสนุนวิสาหกิจชุมชน ขน้ั ก้าวหน้าใหม้ พี ฒั นาการอย่างตอ่ เนอ่ื ง และสง่ เสรมิ สนบั สนนุ การจดั ตง้ั และการด�ำเนินกิจการของเครอื ขา่ ยวิสาหกิจชมุ ชน 2.6 การส่งเสรมิ วสิ าหกจิ ชุมชน การสง่ เสริมวสิ าหกิจชุมชน เป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ ควบค่กู บั การพัฒนากจิ การ วิสาหกิจชมุ ชนจึงตอ้ งดำ� เนินการในขน้ั ตอนตา่ งๆ ดว้ ย ตนเอง โดยเจา้ หนา้ ท่ีทำ� หน้าท่เี ปน็ พเี่ ลย้ี ง ผ้อู ำ� นวยความสะดวก ส่งเสรมิ สนับสนุน และช่วยประสาน เชอ่ื มโยงกับทกุ ฝ่ายทเ่ี กีย่ วข้องโดยมขี ้ันตอน ตา่ งๆ ได้แก่
บทท่ี 1 ความหมาย ความสำ� คญั และความรเู้ กย่ี วกบั องคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ย 15 1ขัน้ ตอนท่ี วสิ าหกจิ ชุมชน จดทะเบยี น ณ ส�ำนักงานเกษตรอ�ำเภอซ่งึ เปน็ ส�ำนักงาน 2ข้ันตอนท่ี รับจดทะเบียน 3ข้นั ตอนที่ วิสาหกจิ ชมุ ชนค้นหาศักยภาพ ซง่ึ เปน็ การเรยี นรู้ 4ข้ันตอนท่ี เพ่ือใหร้ ู้จักตวั เอง และใช้ \"แบบประเมินศักยภาพ 5ขน้ั ตอนที่ วสิ าหกจิ ชมุ ชน” เปน็ เครอ่ื งมอื โดยวสิ าหกจิ ชมุ ชน ท�ำการประเมินตนเอง เจ้าหน้าที่ท�ำหน้าท่ีเป็น พเี่ ลยี้ ง ผลจากการประเมนิ จะทำ� ใหว้ สิ าหกจิ ชมุ ชน ทราบระดบั ศกั ยภาพวา่ อยใู่ นเกณฑด์ ี ปานกลาง หรอื วา่ ต้องปรบั ปรุง วิสาหกิจชุมชนเรียนรู้เพ่ิมเติมจากแหล่งเรียนรู้ ภายนอกในประเดน็ ทจ่ี ะตอ้ งปรบั ปรุง วิสาหกิจชุมชนก�ำหนดแผนพัฒนาตามศักยภาพ และความพร้อม วิสาหกิจชุมชนดำ� เนนิ การตามแผน หากเรอื่ งใด ไมส่ ามารถดำ� เนนิ การเองไดใ้ หข้ อรบั การสง่ เสรมิ สนบั สนุนจากคณะกรรมการฯ และหนว่ ยงานท่ี เก่ียวขอ้ ง
16 การพัฒนาองคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ย 6ขน้ั ตอนท่ี วิสาหกิจชุมชนประเมินศักยภาพอย่างต่อเนื่อง 7ขั้นตอนที่ เพอื่ ปรับปรุงและพฒั นาการด�ำเนนิ งาน เจ้าหน้าที่รายงานผลการด�ำเนินการส่งเสริม สนับสนนุ วสิ าหกจิ ชมุ ชน
บทที่ 1 ความหมาย ความสำ� คญั และความรเู้ กยี่ วกบั องคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ย 17 3. ความหมาย ความสำ� คญั และความรเู้ กยี่ วกบั เครอื ขา่ ย 3.1 ความหมายของเครือข่าย “เครือข่าย (Network)” หมายถึง รูปแบบของความสัมพันธ์หรือความเชื่อมโยง กันระหว่างกล่มุ หรือองค์กร หรือชุมชน เพอื่ แลกเปลยี่ นเรยี นรู้ ชว่ ยเหลอื พง่ึ พาซง่ึ กนั และกนั และเสริมสร้างพลังในการพัฒนาหรือแก้ไข ปัญหาร่วมกัน โดยแต่ละกลุ่มท่ีเชื่อมโยงกัน จะมคี วามเป็นอสิ ระต่อกนั 3.2 ความส�ำคญั ของเครือขา่ ย เครอื ขา่ ย เปน็ กลไกประสานผลประโยชน์และชว่ ยเหลอื เกอ้ื กลู กนั ของคน กลุ่มคน และองค์กรต่างๆ ท่ีอยู่ร่วมกันในสังคม เนื่องจาก เครือข่ายมีบทบาทสำ� คญั ดังน้ี 1) เปน็ ชอ่ งทางทส่ี ำ� คญั ในการสรา้ งกระบวนการเรยี นรู้ และการ แลกเปล่ยี นประสบการณ์ซ่ึงกนั และกัน 2) เป็นแหล่งรวบรวม เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร และรับการ สนับสนุนจากภาคส่วนตา่ งๆ
18 การพฒั นาองค์กรเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และเครือข่าย 3) เปน็ เวทขี องการปฏบิ ตั งิ านรว่ มกนั ระหวา่ งองคก์ รทรี่ วมกนั เปน็ เครือข่าย 4) ท�ำให้เกิดการเสริมพลังในการท�ำกิจกรรมต่างๆ เป็นการ เสริมสร้างจดุ แขง็ ให้กบั องค์กรทร่ี วมกนั เป็นเครอื ขา่ ย 3.3 ประเภทของเครือขา่ ย เครอื ข่ายแบ่งได้หลายลกั ษณะ ดังน้ี 1) เครือข่ายแบ่งตามลักษณะความสัมพันธ์ มี 2 ประเภท ไดแ้ ก่ (1) เครอื ขา่ ยแบบแนวนอน (Horizontal network) เป็น เครอื ขา่ ยทเ่ี กดิ จากบคุ คล กลมุ่ คนหรอื องคก์ รทอี่ ยใู่ นระดบั เดยี วกนั มอี าชพี เดียวกันหรือมีความสนใจร่วมกันมาประสานสัมพันธ์ เช่ือมโยงกันเป็น เครอื ขา่ ย เชน่ เครอื ขา่ ยเกษตรกร เครอื ขา่ ยนกั วจิ ยั เครอื ขา่ ยวสิ าหกจิ ชมุ ชน เปน็ ต้น (2) เครอื ขา่ ยแบบแนวตงั้ (Vertical network) เปน็ เครอื ขา่ ย ที่เกิดข้ึนในลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานของรัฐกับชาวบ้าน องค์กรพัฒนากับชาวบ้าน หรือนายจา้ งกบั ลูกจา้ ง เพ่ือใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจ และความรว่ มมอื กัน
บทท่ี 1 ความหมาย ความสำ� คญั และความรเู้ กย่ี วกบั องคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ย 19 2) เครอื ขา่ ยแบง่ ตามขอบเขตของชมุ ชนหรือพื้นท่ี มี 2 ประเภท ได้แก่ (1) เครอื ขา่ ยภายในชมุ ชน เปน็ การจดั ความสมั พนั ธภ์ ายใน ชุมชนของกลุ่มกิจกรรมท่ีท�ำเร่ืองประเภทเดียวกัน มาร่วมมือกัน เช่น พฒั นาความรู้ พฒั นาผลติ ภณั ฑ์ พฒั นาทกั ษะให้แกส่ มาชิก (2) เครอื ขา่ ยภายนอกชมุ ชน เปน็ การรวมตวั กนั ของกลมุ่ ที่ ทำ� กจิ กรรมคนละอยา่ ง มารว่ มมอื กันเพ่อื หนุนเสรมิ ซงึ่ กันและกัน 3) เครือข่ายแบ่งตามลักษณะเชิงพ้ืนที่และเชิงประเด็นกิจกรรม มี 3 แบบ ได้แก่ (1) เครอื ขา่ ยระดบั หมบู่ า้ น เปน็ การสรา้ งเครอื ขา่ ยของกลมุ่ กิจกรรมต่างๆที่มีอยใู่ นหมูบ่ ้าน เพือ่ ความสะดวกในการประสานงาน และ การจัดสรรทรพั ยากรในพน้ื ที่ (2) เครอื ข่ายระดบั ต�ำบล เปน็ การเช่อื มโยงเครอื ขา่ ยกลุ่มที่ ทำ� กจิ กรรมเหมอื นกนั ระหวา่ งหมบู่ า้ นเขา้ ดว้ ยกนั เพอื่ ใหเ้ กดิ การแลกเปลย่ี น เรยี นรู้และสรา้ งอำ� นาจตอ่ รองทางดา้ นการตลอด (3) เครือข่ายระดับอ�ำเภอและจังหวัด เป็นการเช่ือมโยง กลุ่มกิจกรรม ทั้งระดับอ�ำเภอ และจังหวัดได้แลกเปล่ียนความรู้ ประสบการณ์ และร่วมหาแนวทางแก้ไขปญั หาเพ่อื ชว่ ยเหลือซ่ึงกนั และกัน
20 การพัฒนาองค์กรเกษตรกร วสิ าหกิจชมุ ชน และเครือข่าย 3.4 องคป์ ระกอบของเครือข่าย ในการเกดิ ขึ้นของเครือขา่ ย จะต้องประกอบด้วยองคป์ ระกอบที่ ส�ำคญั ดังน้ี 1) สมาชิกของเครือข่าย คือหน่วยที่มาปฏิสัมพันธ์กัน เช่น วิสาหกิจชุมชนผลิตปุ๋ยอินทรีย์บ้านดอกรัก มาเช่ือมโยงเป็นเครือข่าย วิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์กับวิสาหกิจชุมชนท�ำสวนผักบ้านดอกบวบ ในกรณีนี้ วิสาหกิจชุมชนผลิตปุ๋ยอนิ ทรยี บ์ า้ นดอกรกั และวสิ าหกจิ ชุมชน ท�ำสวนผักบ้านดอกบวบถือว่าเป็นสมาชกิ ของเครือขา่ ยเกษตรอินทรยี ์ 2) จดุ มงุ่ หมายรว่ ม การรวมตวั เปน็ เครอื ขา่ ยจะตอ้ งมจี ดุ มงุ่ หมาย รว่ มกนั เชน่ เครอื ขา่ ยวสิ าหกจิ ชมุ ชนเกษตรอนิ ทรยี ์ มจี ดุ มงุ่ หมายรว่ มกนั คอื ลดการใช้สารเคมใี นการผลิตทางการเกษตร 3) การปฏิบัติหน้าที่อย่างมีจิตส�ำนึกต่อส่วนรวม เพ่ือยึดโยง ความเป็นเครือข่ายเอาไว้ 4) การมีส่วนร่วมในกิจกรรม เพ่ือเป็นปัจจัยหนุนเสริมในการ แลกเปล่ียนเรยี นรู้ และการเสริมสร้างพลังของเครือขา่ ย 5) ระบบความสมั พนั ธแ์ ละการสอื่ สาร กระบวนการสอื่ สาร 2 ทาง จะทำ� ให้สมาชิกของเครือขา่ ยได้แลกเปลีย่ นขอ้ มูลขา่ วสารซ่งึ กันและกนั 6) ระบบความเท่าเทียมกัน สมาชิกของเครือข่ายต้องยึดหลัก ความเท่าเทียมกัน ไม่ใช่ลักษณะนายจ้างกับลูกจ้าง แต่เป็นพันธมิตรที่ เท่าเทียมกนั 7) การแบง่ ปนั ผลประโยชนท์ ่เี กิดจากการทำ� งานรว่ มกนั
บทท่ี 1 ความหมาย ความสำ� คญั และความรเู้ กย่ี วกบั องคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ย 21 1 องคป์ ระกอบของเครอื ขา่ ย 7 สมาชกิ 4 ผกาลรปแรบะง่โยปชันน์ เครอื ข่าย การมีสว่ นร่วม ความรเะทบ่าบเทยี ม6 2 ในกจิ กรรม 5 จดุ มงุ่ หมายรว่ ม ระบแบลคะวกาามรสสอ่ืมั สพาันรธ์ การปฏิบตั 3ิ หนา้ ท่อี ย่างมี จิตส�ำนกึ ตอ่ สว่ นรวม แผนภาพ แสดงองค์ประกอบของเครือขา่ ย
การเรยี นรขู้ ององคก์ รจะทำ� ใหอ้ งคก์ ร เกดิ การเปลย่ี นแปลงและพฒั นาไปในทางทด่ี ขี น้ึ ทง้ั ในดา้ นของตวั สมาชกิ และภาพรวม ซง่ึ สามารถเรยี นรู้ ไปไดพ้ รอ้ มๆ กนั
บทท่ีแนวคิด หลักการ และกระบวนการ ในการพัฒนา องคก์ รเกษตรกร 2วสิ าหกิจชมุ ชน และเครือข่าย
24 การพฒั นาองค์กรเกษตรกร วิสาหกจิ ชุมชน และเครอื ข่าย บทที่ แนวคิด หลกั การและกระบวนการในการพัฒนา องค์กรเกษตรกร วสิ าหกิจชมุ ชน 2และเครอื ขา่ ย 1. แนวคิดและหลักการในการพัฒนา องค์กรเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และ เครอื ขา่ ย 1.1 หลักการเรียนรู้ 1.1.1 แนวคดิ เกย่ี วกบั การเรยี นรู้ การพฒั นาองคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครือข่าย จะผูกติดกับการน�ำเข้าปัจจัยต่างๆ จาก ภายนอก ขาดการให้ความส�ำคัญต่อการสนับสนุน การวจิ ยั ดว้ ยตนเอง และพฒั นาถา่ ยทอดความรภู้ มู ปิ ญั ญา ท้องถ่ินท่ีมีอยู่แล้ว การถ่ายทอดยังเป็นการส่ือสาร ทางเดยี ว ขาดการชีแ้ นะเพ่ือการคิด วเิ คราะห์ และตัดสนิ ใจ ทำ� ใหก้ ารพฒั นาไมป่ ระสบผลสำ� เรจ็ เทา่ ทคี่ วร โดยเฉพาะการ แกป้ ญั หาในระดบั ชมุ ชน เพราะไมไ่ ดม้ กี ารพฒั นาองคก์ ร เกษตรกรและวสิ าหกจิ ชมุ ชนใหม้ ขี ดี ความสามารถในการ บริหารจัดการในองค์กรของตนเอง ดังนั้น การเรียนรู้ จึงมีความส�ำคัญต่อบุคคลและองค์กร การเรียนรู้เป็น
บทที่ 2 แนวคดิ หลกั การ และกระบวนการในการพฒั นาองคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ย 25 กระบวนการทเ่ี กดิ ขนึ้ กบั มนษุ ยต์ ลอดชวี ติ “การเรยี นร”ู้ คอื การเปลย่ี นแปลง ศักยภาพแห่งพฤติกรรมท่ีค่อนข้างถาวรซึ่งเป็นผลมาจากการฝึกหรือการ ปฏบิ ัติทีไ่ ดร้ ับ 1.1.2 ปจั จยั สำ� คญั ของการเรยี นรู้ ในสังคมแห่งการเปล่ียนแปลงท่ีท่ัวโลกเต็มไปด้วยข่าวสาร และขอ้ มลู ตา่ งๆ ทล่ี ว้ นสง่ ผลกระทบตอ่ การดำ� รงชวี ติ และการตดั สนิ ใจของ ผคู้ นอยา่ งหลกี เลย่ี งไมไ่ ด้ ผทู้ ส่ี ามารถเขา้ ถงึ และมคี วามแมน่ ตรงของขา่ วสาร และขอ้ มูลมากกวา่ ยอ่ มตัดสินใจในส่งิ ต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม และถูกต้อง การเรียนรกู้ ารเปล่ยี นแปลงตา่ งๆ จึงมคี วามสำ� คญั ปัจจยั สำ� คญั ของการ เรียนรู้ คอื 1) ตัวผู้เรียน (Learner) หมายถึง องค์กรเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชนและเครอื ข่าย จะตอ้ งไมป่ ดิ ตวั เองสำ� หรบั การเรยี นรใู้ นด้าน ตา่ งๆ เพอื่ นำ� มาสกู่ ารพฒั นาสมาชกิ และองคก์ ร ซง่ึ กลมุ่ และองคก์ รจะตอ้ ง ก�ำหนดให้ชดั เจนวา่ จะเรยี นรอู้ ะไร มเี ปา้ หมายเพอื่ อะไร แหลง่ เรียนรู้ วธิ ี การเรยี นรู้ และวธิ กี ารประเมนิ ความกา้ วหนา้ การเรยี นรขู้ องกลมุ่ และองคก์ ร ซึ่งสามารถทำ� ได้ดว้ ยตนเองหรือขอความรว่ มมือชว่ ยเหลือจากผอู้ ่ืน
26 การพฒั นาองคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชุมชน และเครอื ขา่ ย 2) ส่ิงเร้าหรือสถานการณ์ที่เป็นตัวกระตุ้น (Stimulus Situation) หมายถงึ สงิ่ แวดลอ้ มตา่ งๆ ท่เี ขา้ มากระทบและทำ� ใหเ้ กดิ การ อยากเรียนรู้ซึ่งอาจเป็นสถานการณ์ท่ีพบเห็นหรือได้รับรู้เทคโนโลยีท่ีเป็น ประโยชน์หรือน�ำมาปรับประยุกต์ใช้กับกิจกรรมที่ท�ำอยู่ ตลอดจนความ เปลย่ี นแปลงของสถานการณต์ า่ งๆ 3) ปฏิกิรยิ าตอบสนอง (Response) หมายถงึ ปฏิกริ ิยา ของกลุ่มหรือองค์กรท่ีได้จากการเรียนรู้จากประสบการณ์ท่ีเป็นรูปธรรม จนท�ำให้เกิดการพัฒนาองค์ความรู้และประสบการณ์เดิมเพื่อสร้างเป็น องคค์ วามร้ใู หม่หรอื ส่งิ ใหมๆ่ ให้กับกล่มุ หรือองค์กร 1.1.3 ประเภทของการเรียนรู้ การเรยี นรขู้ ององคก์ รจะทำ� ใหอ้ งคก์ รเกดิ การเปลย่ี นแปลง และพัฒนาไปในทางท่ีดีข้ึนท้ังในด้านของตัวสมาชิกและภาพรวม ซ่ึง สามารถเรียนรู้ไปได้พร้อมๆ กัน ประเภทของการเรียนรู้ขององค์กรมี 3 ประการ คอื 1) การเรียนรูเ้ ชิงปรับตัว เกิดขึ้นเมอื่ ตัวบคุ คล ทีมหรือ องค์กร ไดเ้ รียนร้จู ากประสบการณ์ ท่กี ระท�ำไปโดยอาศยั ผลลพั ธท์ ีเ่ กดิ ขนึ้ เปน็ หลกั นำ� ไปสกู่ ารประเมนิ ผลและสกู่ ารพจิ ารณาไตรต่ รองเพอ่ื จดั การกบั ปัญหาความยากล�ำบาก 2) การเรยี นรเู้ ชงิ คาดการณ์ เกดิ ขนึ้ เมอื่ องคก์ รคาดการณ์ ถึงอนาคตในหลากหลายรูปแบบ โดยพยายามหลีกเลี่ยงผลลัพธ์และ ประสบการณ์ในทางลบด้วยการระบโุ อกาสทดี่ ีทีส่ ุดในอนาคตพร้อมๆ กับ
บทท่ี 2 แนวคดิ หลกั การ และกระบวนการในการพฒั นาองคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ย 27 การค้นหาหนทางที่จะบรรลุผลส�ำเร็จให้ได้ ท�ำให้เราสามารถรับมือกับ สถานการณ์ที่จะเกิดข้ึนในอนาคตได้ ซึ่งเป็นการเรียนรู้เชิงรุกและ สร้างสรรค์ 3) การเรียนรู้เชิงปฏิบัติการ เกิดขึ้นเก่ียวข้องกับการ แกป้ ญั หาจรงิ ๆ เนน้ ไปทแ่ี สวงหาความรจู้ รงิ และดำ� เนนิ การตามหนทางของ การแกป้ ญั หาใหเ้ กดิ ผลสำ� เรจ็ ซง่ึ เปน็ วธิ เี ชงิ การเรยี นรวู้ ธิ หี นงึ่ ทำ� ใหค้ น และ องค์กรสามารถเรียนรไู้ ด้ดีขน้ึ ทั้งยังสามารถประเมนิ และแก้ปญั หายากๆ ได้เปน็ อยา่ งดี โดยน�ำเอาการสร้าง และการต้ังค�ำถามใหม่ๆ เกย่ี วกับความรู้ ท่ีมีอยู่และการพิจารณาไตร่ตรองเกี่ยวกับการกระท�ำท่ีเกิดขึ้นทั้งระหว่าง หนา้ และหลงั การแกป้ ญั หามารวมเขา้ ด้วยกนั ประเภทของ การเรียนรู้ 1. การเรยี นร้เู ชงิ ปรับตัว 2. การเรียนรเู้ ชงิ คาดการณ์ 3. การเรียนรเู้ ชงิ ปฏิบตั กิ าร
28 การพฒั นาองค์กรเกษตรกร วิสาหกจิ ชุมชน และเครอื ข่าย 1.2 หลกั การมีสว่ นร่วม การมสี ว่ นรว่ ม คอื การทปี่ ระชาชน ชมุ ชน หรอื กลมุ่ คนเขา้ ไป มสี ว่ นรว่ มในการคดิ ตดั สนิ ใจในการกำ� หนดนโยบายหรอื แนวทางพฒั นา และมีส่วนร่วมในการรับประโยชน์จากการบริการ รวมท้ังมีส่วนร่วม ในการควบคมุ ประเมนิ ผล แผนงาน โครงการตา่ งๆ ของกลมุ่ หรอื องคก์ ร 1.2.1 การมีสว่ นร่วมในการค้นหาปญั หาและสาเหตขุ องปญั หา การมีส่วนร่วมในการค้นหาปัญหาและสาเหตุของปัญหา เพ่ือคน้ หาปัญหา และสาเหตุของปัญหาขององค์กรหรือกลมุ่ ถ้าไม่ทราบ ถึงปญั หา และเข้าใจถึงสาเหตขุ องปญั หาจะทำ� ใหก้ ารแกไ้ ขไร้ประโยชน์ 1.2.2 การมสี ่วนรว่ มในการวางแผนดำ� เนนิ กิจกรรม การวางแผนจะช่วยให้องค์กรหรือกลุ่มรู้จักวิธีคิดการ ตัดสินใจอย่างมีเหตุผล รู้จักการน�ำเอาปัจจัยข่าวสารข้อมูลต่างๆ มาใช้ ในการวางแผน 1.2.3 การมีส่วนรว่ มในการลงทุนและการปฏบิ ตั ิงาน สมาชิกขององค์กรหรือกลมุ่ อาจมฐี านะทแี่ ตกต่างกนั แต่ อาจมแี รงงานของตนทสี่ ามารถใชเ้ ขา้ รว่ มได้ การรว่ มลงทนุ และปฏบิ ตั งิ าน จะทำ� ใหอ้ งคก์ ร หรอื กลมุ่ สามารถคดิ ตน้ ทนุ ดำ� เนนิ งานไดด้ ว้ ยตนเอง ทำ� ให้ ได้เรยี นรู้การด�ำเนินกิจกรรมอย่างใกล้ชิด
บทท่ี 2 แนวคดิ หลกั การ และกระบวนการในการพฒั นาองคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ย 29 1.2.4 การมสี ว่ นรว่ มในการตดิ ตามและประเมินผลงาน การตดิ ตามและประเมนิ ผลงานเปน็ สว่ นสำ� คญั ในการพฒั นา องค์กรหรือกลุ่ม ถ้าหากการติดตามประเมินผลขาดการมีส่วนร่วม จะท�ำให้ไม่ทราบด้วยตนเองว่างานท่ีท�ำเป็นอย่างไร ได้รับผลดีหรือได้รับ ผลประโยชนห์ รอื ไมอ่ ยา่ งไร การดำ� เนนิ กจิ กรรมอยา่ งเดยี วกนั ในโอกาสตอ่ ไป จึงอาจจะประสบความยากลำ� บาก 1.3 หลกั การพึ่งพาตนเอง การพึ่งพาตนเอง หมายถึง ความสามารถในการด�ำรงอยู่ได้ อยา่ งอิสระ ม่ันคง สมบูรณ์ ซ่ึงการพึง่ พาตนเองได้น้นั มีทั้งในบคุ คล และชุมชน การพง่ึ ตนเองตอ้ งสามารถผันเปลีย่ นไปตามเวลาได้เพื่อใหเ้ กิด ความเหมาะสม สอดคลอ้ ง และสมดุล ซง่ึ การพ่ึงพาตนเองและการพัฒนา ท่ชี ว่ ยในการขบั เคลือ่ นมีปัจจยั ส�ำคัญ 5 ด้าน หรอื TERMS ซึง่ ประกอบดว้ ย Technology, Economic, Resource, Mental และ Social-Culture 1.3.1 การพึง่ พาตนเองไดท้ างเทคโนโลยี (Technology Self-reliance : T) หมายถึง การมีปริมาณและคุณภาพของเทคโนโลยีทางวัตถุ เช่น เครือ่ งไมเ้ ครอ่ื งมือ เครื่องจกั รกล และเทคโนโลยีทางสงั คม เชน่ การจัดวาง โครงการ การจดั การ เปน็ ต้น การรู้จกั ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทง้ั การ นำ� ภมู ิปัญญาชาวบ้านมาใช้หรอื ประยุกตใ์ ชใ้ ห้เหมาะสม 1.3.2 การพึง่ ตนเองไดท้ างเศรษฐกจิ (Economic Self-reliance : E) หมายถงึ ความสามารถในการทำ� มาหากนิ เลยี้ งชพี ทม่ี คี วามมน่ั คงสมบรู ณ์ พนู สุขพอสมควร หรืออย่างมสี มดลุ
30 การพฒั นาองค์กรเกษตรกร วิสาหกจิ ชมุ ชน และเครือข่าย 1.3.3 การพง่ึ ตนเองไดท้ างทรพั ยากรธรรมชาติ (Natural Resource Self-reliance : R) หมายถงึ ความสามารถในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ท่ีมีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และความสามารถในการรักษาทรัพยากร ธรรมชาติให้ด�ำรงอยู่ไม่ให้เสื่อมเสียไปจนหมดสิ้น หรือไม่ให้เสียสมดุล ธรรมชาติ 1.3.4 การพ่ึงตนเองได้ทางจิตใจ (Mental Self-reliance : M) หมายถงึ การมสี ภาพจติ ใจทก่ี ลา้ แขง็ เพอ่ื ทส่ี ามารถตอ่ สกู้ บั ปญั หาอปุ สรรค ต่างๆ ท้ังการหาเลี้ยงชีพ การพัฒนาชีวิตให้เจริญก้าวหน้า การยึดมั่น ปฏบิ ัติตนตามหลักทางสายกลาง หรอื มัชฌมิ าปฏิปทา 1.3.5 การพ่งึ ตนเองไดท้ างสังคม (Social-Culture Self-reliance : S) หมายถึง การที่คนกลุ่มหนึ่งมีความเป็นปึกแผ่นเหนียวแน่นมีผู้น�ำที่มี ประสทิ ธภิ าพ สามารถนำ� กลมุ่ คนเหลา่ นใ้ี หด้ ำ� เนนิ การใดๆ เพอ่ื บรรลเุ ปา้ หมาย ดว้ ยตนเอง หรอื สามารถหาความชว่ ยเหลอื จากภายนอกเขา้ มาชว่ ย ทำ� ให้ ชมุ ชนช่วยตนเองได ้
บทท่ี 2 แนวคดิ หลกั การ และกระบวนการในการพฒั นาองคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ย 31 2. กระบวนการพฒั นาองคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครือขา่ ย 2.1 การศกึ ษา การวิเคราะห์ขอ้ มูล และการประเมนิ สถานการณ์ 2.1.1 การศึกษาข้อมูล ข้อมูลเป็นข้อเท็จจริงหรือเรื่องราวที่เก่ียวข้องกับสิ่งต่างๆ เชน่ คน สัตว์ ส่งิ ของ สถานท่โี ดยอยใู่ นรูปแบบต่างๆ ทีเ่ หมาะสมตอ่ การ สื่อสาร การแปลความหมาย และการประมวลผล ซ่งึ ขอ้ มูลอาจจะไดม้ า จากการสังเกต การรวบรวม การวัดข้อมูลเป็นได้ทั้งข้อมูลตัวเลข หรือ สญั ลกั ษณใ์ ดๆ ทสี่ ำ� คญั จะตอ้ งมคี วามเปน็ จรงิ และตอ่ เนอื่ ง ขอ้ มลู ทคี่ วรศกึ ษา เกยี่ วกบั การพฒั นาองคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ยควรเปน็ การศกึ ษาหาความรเู้ กย่ี วกบั กลมุ่ ซง่ึ อาจไดจ้ ากการศกึ ษาเอกสาร จะทำ� ให้ ทราบถงึ ขอ้ มลู พืน้ ฐาน ความเป็นมา วัตถุประสงค์ เป้าหมาย ขอบเขต และแผนปฏิบัติงาน กจิ กรรม ขน้ั ตอน หรอื แนวทางปฏบิ ตั ขิ องกลุ่มว่าเปน็ อย่างไร หรอื กล่มุ มีการวิเคราะห์ตนเองบา้ งหรือไม่ 2.1.2 การวเิ คราะหข์ อ้ มลู การวเิ คราะหข์ อ้ มลู เพอื่ การพฒั นาองคก์ ร เปน็ การวเิ คราะห์ เพื่อการปรับปรุง และเปล่ียนแปลงกระบวนการท�ำงานขององค์กรให้ เหมาะสมกบั สถานการณแ์ ละสภาพแวดลอ้ ม และท่ีส�ำคัญ คือ ทำ� ให้บรรลุ เป้าประสงค์ขององค์กร ซึ่งสามารถท�ำได้หลายวิธี แต่ในที่น้ีจะกล่าวถึง การวิเคราะห์ด้วยวธิ ี SWOT
32 การพฒั นาองคก์ รเกษตรกร วสิ าหกิจชมุ ชน และเครอื ข่าย SWOT เป็นตวั ยอ่ ที่มคี วามหมาย คือ S= Strengths คอื จดุ แขง็ หมายถงึ ความสามารถและสถานการณ์ ภายในองคก์ รที่เปน็ ทางบวก ซง่ึ สามารถน�ำมาใช้ ใหเ้ กิดประโยชน์ในการด�ำเนนิ งาน W= คือ จุดอ่อน หมายถงึ สถานการณภ์ ายในองค์กร Weaknesses ทเี่ ปน็ ดา้ นลบและดอ้ ยความสามารถ ซง่ึ ไมส่ ามารถ นำ� มาใชใ้ ห้เกดิ ประโยชน์ได้ O= คือ โอกาส หมายถึง ปัจจัยและสถานการณ์ Opportunities ภายนอกที่เอื้ออ�ำนวยในการท�ำงานขององค์กร บรรลุวัตถุประสงค์ T= คือ อปุ สรรค หมายถึง ปจั จยั หรอื สถานการณ์ Threats ภายนอกที่ขัดขวางการท�ำงานขององค์กรไม่ให้ บรรลวุ ตั ถุประสงค์ หลักการส�ำคัญของ SWOT คือการวิเคราะห์โดย การส�ำรวจจากสถานการณ์ 2 ด้าน คือ สถานการณ์ภายในและ สถานการณ์ภายนอก จึงเรียกได้ว่าเป็นการวิเคราะห์สภาพการซึ่งเป็น การวเิ คราะหจ์ ดุ แขง็ จดุ ออ่ น เพื่อให้รู้ตวั เอง รู้จกั สภาพแวดล้อมชัดเจน และวเิ คราะหโ์ อกาสและอปุ สรรค การวเิ คราะหป์ จั จยั ตา่ งๆ ทง้ั ภายใน และ ภายนอกองค์กร จะช่วยให้ทราบถึงการเปล่ียนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้น ภายนอกองคก์ ร ทง้ั สง่ิ ทเี่ กดิ ขนึ้ แลว้ และแนวโนม้ การเปลยี่ นแปลงในอนาคต รวมทง้ั ผลกระทบของการเปลย่ี นแปลงเหลา่ นีท้ ี่มีต่อองคก์ ร จะมีผลทำ� ให้ สามารถพฒั นาองค์กรไปในทางทีเ่ หมาะสม
บทท่ี 2 แนวคดิ หลกั การ และกระบวนการในการพฒั นาองคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ย 33 2.1.3 การประเมนิ สถานการณ์ การประเมนิ สถานการณเ์ ปน็ การเรยี นรู้ และคน้ หาศกั ยภาพ ของกลมุ่ องค์กร หรือชมุ ชน โดยการส�ำรวจข้อมูลในเรอื่ งจุดแขง็ หรือขอ้ ดี เพอื่ ใหต้ ระหนกั ถงึ คณุ คา่ ของดที ม่ี อี ยู่ เกดิ ความภาคภมู ใิ จ และรกั หวงแหน พรอ้ มจะพัฒนาจากพื้นฐานทม่ี ใี ห้เกดิ การพฒั นาในด้านต่างๆ เช่น 1 ด้านการพง่ึ พาตนเอง ดา้ นผู้นำ� 2 3 ดา้ นสมาชิก 4 ด้านการพฒั นากระบวนการเรียนรู้ 5 ด้านวฒั นธรรม และกฎระเบยี บตา่ งๆ 6 ดา้ นการบรหิ ารจดั การกลมุ่ และเครอื ขา่ ย 7 ดา้ นผลผลติ ผลงาน 8 ดา้ นการยอมรบั ของบคุ คลภายนอก 9 ด้านสาธารณประโยชน์ การอนุรักษ ์ ทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม
34 การพัฒนาองค์กรเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และเครอื ข่าย 2.2 การก�ำหนดเป้าหมาย 2.2.1 หลกั การก�ำหนดเป้าหมาย การก�ำหนดเป้าหมายเพ่ือให้ได้ผลลัพธ์ที่เฉพาะเจาะจง มตี วั ชว้ี ดั ทส่ี ามารถวดั ไดแ้ ละเพอื่ ประเมนิ ความสำ� เรจ็ ได้ องคก์ รตอ้ งมองวา่ เป้าหมายต้องสามารถบรรลุได้จริง และต้องมีทรัพยากรท่ีจ�ำเป็นในการ บรรลุเป้าหมาย การก�ำหนดเป้าหมายในการพัฒนาองค์กรเกษตรกร วิสาหกิจชุมชนและเครอื ขา่ ย ต้องพจิ ารณาว่าองค์กรต้องการพฒั นาอะไร โดยพิจารณาจากตัวองค์กรเป็นจุดเรมิ่ ตน้ เชน่ การก�ำหนดเป้าหมายด้าน การผลติ ด้านการตลาดและดา้ นการเรยี นรขู้ ององคก์ ร หลกั การก�ำหนด เป้าหมาย โดยทวั่ ไปจะใชห้ ลกั การของ SMART
บทที่ 2 แนวคดิ หลกั การ และกระบวนการในการพฒั นาองคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ย 35 SMART เปน็ ตวั ย่อทมี่ ีความหมาย คอื 1) เฉพาะเจาะจง = S ควรช้วี ดั วา่ เป็นการวัดอะไร ทไ่ี หน โดยเฉพาะ เจาะจง ไม่ใช่เป็นไปโดยกว้างๆ การไมเ่ จาะจง (Specifiif c) ทำ� ใหม้ คี ำ� ถามตามมามากมาย และไมร่ วู้ า่ ตอ้ ง แกไ้ ขหรือปรับปรงุ ที่ไหน 2) สามา(รMถวeัดaไดs้ u=rMable) เม่ือสามารถวัดผลได้ท�ำให้ติดตามผลงานได้ และเกิดความโปร่งใสขน้ึ 3) บรรลไุ(ดAจ้ รcงิ hi=evAable) เพราะจะกระตุ้นให้เกิดก�ำลังใจใ นการท�ำ แต่ตอ้ งทา้ ทายความสามารถด้วย 4) มีทรพั ย(าRกeรsรอoงuรrบั ce=dR) ต้องค�ำนึงถึงความสอดคล้องกับทรัพยากร ท่ีมอี ยู่ หรอื สามารถหามาสนับสนนุ ได้ 5) มีกรอ(Tบเiวmลาeทชี่ Bดั oเจuนn=d)T ข้อนี้ส�ำคัญมากเน่ืองจากตัวช้ีวัดที่ไม่ก�ำหนด เวลา ในการบรรลผุ ลลพั ธท์ ต่ี อ้ งการจะขาดการ ดแู ลเอาใจใสต่ ดิ ตาม ซงึ่ ทำ� ใหต้ วั วดั ไมส่ ามารถ ผลกั ดันผลสำ� เรจ็
36 การพัฒนาองคก์ รเกษตรกร วสิ าหกิจชุมชน และเครอื ขา่ ย 2.2.2 วิธกี ารก�ำหนดเป้าหมาย การก�ำหนดเป้าหมายเป็นกระบวนการท่ีมีประสิทธิภาพ ส�ำหรับการวางแผนอนาคต และช่วยให้เราสามารถก�ำหนดทิศทางของ องคก์ รวา่ จะไปในทศิ ทางใด นอกจากน้ี การกำ� หนดเปา้ หมายอยา่ งเหมาะสม จะช่วยกระตุ้นให้เราเกิดความพยายามและความทุ่มเทเพ่ือให้องค์กร สามารถไปสเู่ ปา้ หมายทก่ี ำ� หนดไว้ การกำ� หนดเปา้ หมายขององคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครอื ข่าย ควรค�ำนงึ ถงึ 1 จะท�ำอะไร 3 ท�ำอยา่ งไร 5 ทำ� ทีไ่ หน 2 เพื่ออะไร 4 ใครทำ� 6 ทำ� เทา่ ไหร่ 7 ตอ้ งลงทนุ 8 จะหาทุน 9 บอรหิยา่ารงจไรดั การ อะไร จากไหน 2.3 การวางแผนพัฒนา 2.3.1 หลักการวางแผน การวางแผนพัฒนาองค์กรเกษตรกร วิสาหกิจชุมชนและ เครอื ขา่ ย ตอ้ งมขี อ้ มลู จากการวเิ คราะหข์ อ้ มลู และประเมนิ สถานการณแ์ ลว้ น�ำมาวางแผนในการพัฒนาแต่ไม่ใช่ข้อมูลที่เป็นเพียงปัญหา และ
บทที่ 2 แนวคดิ หลกั การ และกระบวนการในการพฒั นาองคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ย 37 ความต้องการ แต่รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่ม องค์กร หรือชุมชน และ สถานการณ์โลกท่ีมีผลกระทบต่อการพัฒนา ในการวางแผนพัฒนา ทกุ ภาคสว่ น ควรมีสว่ นรว่ ม และใช้เปน็ แผนยทุ ธศาสตรท์ ี่สามารถคาดได้ว่า เราต้องการอะไร จะพัฒนาอย่างไร โดยเป็นการท�ำอย่างเป็นระบบ เพอ่ื การตดั สนิ ใจเลอื กแนวทางปฏบิ ตั ทิ ดี่ ที สี่ ดุ สำ� หรบั อนาคต เพอ่ื ใหอ้ งคก์ ร บรรลุผลทปี่ รารถนา หลกั การวางแผนท่ีดีควรค�ำนงึ ถึง 1) มคี วามคล่องตวั ลักษณะของแผนท่ีดีต้องมีความคล่องตัวสูง ส า ม า ร ถ เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ใ ห ้ ส อ ด ค ล ้ อ ง กั บ (Flexibility) สถานการณ์และสภาวะแวดล้อมตลอดจน โอกาสใหมๆ่ ทเี่ กิดขนึ้ ได้ 2) มีความครอบคลมุ ลักษณะของแผนมีท้ังท่ีเฉพาะเจาะจง และ (Comprehensiveness) แผนรวมกิจกรรมทั้งมวลในองค์กร ดังนั้น แผนหลัก หรือแผนระยะยาว ควรเป็นที่รวม กิจกรรมย่อยๆ ทั้งหลายในองค์กร หรือ แผนระยะส้ันท้ังหมดเข้าไว้โดยมุ่งให้บรรลุ เปา้ หมาย หรือวตั ถปุ ระสงคห์ ลักขององค์กร 3) ระยะเวลาแผน แผนทด่ี คี วรกำ� หนดระยะเวลาการเรม่ิ ตน้ และ การสน้ิ สดุ ของแผนไวอ้ ยา่ งชดั เจนวา่ จะทำ� อะไร (Time Spam) เม่ือไร และจะสิ้นสดุ กิจกรรมนั้นเมอ่ื ไร
38 การพฒั นาองค์กรเกษตรกร วิสาหกิจชมุ ชน และเครือข่าย 4) มคี วามคุ้มค่า แผนท่ีดีควรมีต้นทุนต่�ำกว่าผลที่จะได้รับจาก (Cost Effectiveness) การใช้แผนนั้น โดยยึดหลักการประหยัดและ กอ่ ใหเ้ กิดประโยชนส์ งู สุด 5) มีความชัดเจน แผนที่ดีต้องก�ำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าใครจะ (Clarity or Specificity) เปน็ ผรู้ บั ผิดชอบ ทำ� อะไร ทำ� เม่อื ไร ท�ำทไ่ี หน ทำ� อยา่ งไร และทำ� เพื่ออะไรอย่างละเอยี ดเพ่ือ ให้การวางแผนไปใช้ปฏิบัติสามารถกระท�ำได้ ประสานสอดคล้องอยา่ งตอ่ เนื่อง 6) เปน็ รูปแบบตามพธิ ีการ แผนท่ีดีต้องจัดวางขึ้นโดยผ่านข้ันตอน (Formality) กระบวนการต่างๆ อย่างครบถ้วนซึ่งจะท�ำให้ เป็นทย่ี อมรบั ของคนในองค์กร 7) มีเหตมุ ผี ล แผนทดี่ จี ะตอ้ งถกู กำ� หนดขนึ้ อยา่ งมเี หตผุ ลเปน็ ที่ยอมรับของบุคลากรทุกคนในองค์กร และ (Rationality) สามารถปฏบิ ัตใิ ห้บรรลุวัตถุประสงค์ได้จริง 8) มีความสอดคลอ้ ง แผนท่ีดีจะต้องอยู่ในกรอบของวัตถุประสงค์ และนโยบายที่กำ� หนดไว้ (Relevance)
บทที่ 2 แนวคดิ หลกั การ และกระบวนการในการพฒั นาองคก์ รเกษตรกร วสิ าหกจิ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ย 39 9) มีลกั ษณะเน้นอนาคต เพราะว่าการวางแผนคือกระบวนการต่างๆ ในการตัดสินใจในปัจจุบันเพื่อการปฏิบัติการ (Future Oriented) ในอนาคต ดังน้ัน แผนที่ดีจึงต้องมุ่งเน้น การตอบสนองการปฏบิ ตั ภิ ายใตส้ ถานการณต์ า่ งๆ ในอนาคตอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ 10) มคี วามตอ่ เน่ือง แผนที่ดีต้องมุ่งเน้นการปฏิบัติอย่างต่อเน่ือง (Continuous Process) ตลอดจนการตอ่ เนอ่ื งของแผน และการบรหิ าร เพอ่ื ใหอ้ งคก์ รกา้ วไปขา้ งหนา้ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ 11) ตดิ ตามประเมินผล ต้องสามารถติดตามประเมินผลได้ทุกระยะ (Evaluation) และตลอดเวลา 2.3.2 ประเภทของแผนพฒั นากล่มุ องค์กร การพัฒนาองค์กรเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และเครอื ขา่ ย ต้องมีแผนพัฒนาอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ซึ่งสามารถก�ำหนดได้ 3 ประเภท 1) แผนระยะยาว เป็นการวางแผนในระดับกลยทุ ธ์โดยมี เปา้ หมายเพอ่ื เชอื่ มโยงการบรหิ ารและการปฏบิ ตั กิ ารภายในองคก์ รเขา้ กบั สภาพแวดล้อมปกติ การวางแผนระยะยาวจะค�ำนึงถึงอนาคตข้างหน้า ไม่ต�่ำกว่า 5 ปีขึ้นไป 2) การวางแผนระยะปานกลาง แผนระยะปานกลางจะ ทำ� หน้าทเ่ี ปน็ สอ่ื กลางประสานระหว่างแผนระยะยาวกบั แผนระยะสนั้ เพอื่ ใหก้ ารปฏิบัตงิ านภายในองค์กรเปน็ ไปตามยุทธวธิ ี
40 การพฒั นาองค์กรเกษตรกร วสิ าหกิจชมุ ชน และเครือข่าย 3) แผนระยะส้ัน เป็นการวางแผนเพ่ือให้ครอบคลุมและ เปน็ ไปตามเป้าหมาย แผนระยะสัน้ จะตอ้ งสอดคลอ้ งและเปน็ ไปในทศิ ทาง เดียวกับแผนระยะยาว แผนระยะส้ันจะช่วยให้การบริหารการปฏิบัติงาน ประจำ� วันเปน็ ไปด้วยความราบรน่ื 2.3.3 องค์ประกอบของแผนพฒั นา ในการวางแผนพัฒนากลุ่มองค์กรต้องเป็นไปอย่างมีระบบ เพื่อทำ� ให้แผนมีความสมบรู ณ์ และมีประสิทธิภาพ ควรประกอบด้วย 1 นโยบาย 2 หลักการเหตผุ ล 3 วัตถปุ ระสงค์ 4 เป้าหมาย 5 ขน้ั ตอนการปฏบิ ตั ิการ 6 วธิ ีการปฏบิ ัติ 7 ระยะเวลา 8 งบประมาณ 9 ผรู้ บั ผดิ ชอบ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122