Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บรรลุธรรมเป็นทีม 7-10-62เดี่ยว

บรรลุธรรมเป็นทีม 7-10-62เดี่ยว

Published by panida42222, 2021-01-13 13:21:00

Description: บรรลุธรรมเป็นทีม 7-10-62เดี่ยว

Search

Read the Text Version

‘ถ้าไม่ไดผ้ ลมะมว่ งสกุ จกั ไม่ยอมลุกข้นึ .’ ดาบสนั้นไม่ยอมขบฉัน สู้นั่งคอยดูผลมะม่วงอยู่ที่ ริมน�้ำน้ันถึง ๖ วัน จนร่างกายซูบซีดเพราะลมและแดด แผดเผา ครน้ั ถงึ วนั ทเ่ี จด็ นางเทพธดิ าผรู้ กั ษาแมน่ ำ้� พจิ ารณา ดูรูเ้ หตุนั้น แลว้ คิดวา่ ‘พระดาบสผนู้ เี้ ปน็ ผตู้ กอยใู่ นอำ� นาจของความอยาก สู้อดอาหารถึง ๗ วัน มานั่งคอยดูแม่น�้ำคงคา การท่ีเรา จะไมถ่ วายผลมะมว่ งสกุ แกด่ าบสนไี้ มส่ มควรเลย เมอื่ ดาบส น้ีไม่ได้ผลมะม่วงสุกคงจักมรณภาพ เราจักถวายแก่ท่าน จึงมายนื บนอากาศเหนือแมน่ ำ�้ คงคา’ เมอื่ จะสนทนากบั ดาบสนน้ั จงึ กลา่ วคาถาที่ ๑ ความวา่ ดกู อ่ นพราหมณ์ ทา่ นมคี วามพอใจอะไร ประสงคอ์ ะไร ปรารถนาอะไร แสวงหาอะไร จงึ มานง่ั อยู่ แตผ่ เู้ ดยี วในเวลา ร้อน เพราะเหตไุ ร ท่านจึงมานัง่ ดแู มน่ ้ำ� . พระดาบสได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวคาถา ๑๐ คาถา ความวา่ หม้อน้�ำใหญม่ ีรูปทรงงดงามฉนั ใด ผลมะมว่ งสกุ อนั มสี ีกลบี และรสดีเยยี่ มก็มอี ปุ ไมยฉันนั้น 100 บรรลุธเปร็นรทมีมด้วยชาดก www.kalyanamitra.org

เราได้เห็นผลมะม่วงนั้นอันกระแสน้�ำพัดลอยมา ๑๒ ิกงฉันทชาดก ท่ามกลางแมน่ ้�ำ จงึ ไดห้ ยิบเอามาเกบ็ ไว้ในเรือนไฟ แต่น้ันก็วางไว้บนใบตอง ท�ำวิกัปด้วยมีดเองแล้ว กฉ็ ัน ความหวิ และความกระหายของเราก็หายไป. เราหมดความกระวนกระวายใจ พอมะม่วงหมด เราต้องอดทนตอ่ ความทุกข์ ยอ่ มไมไ่ ดป้ ระสบความพอใจ ในผลไมไ้ รๆ อ่ืน. ผลมะม่วงใดเกิดมีแก่ข้าพเจ้า ผลมะม่วงนั้นมีรส อร่อยเป็นเลิศ เป็นท่ีน่าร่ืนรมย์ใจ คงจักน�ำความตายมา แกข่ ้าพเจา้ แน่ เพราะซูบผอม เนือ่ งจากอดอาหาร. ขา้ พเจา้ เกบ็ ผลมะมว่ งสกุ อนั ลอยมาจากทะเลในหว้ ง มหรรณพได้ ข้าพเจ้าเข้าใจว่าผลมะม่วงสุกน้ันคงจักน�ำ ความตายมาแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าต้องมานั่งอยู่ท่ีน่ีเพราะ เหตุใด เหตุนน้ั ท้ังหมดข้าพเจา้ บอกท่านแล้ว. ข้าพเจ้านั่งอยู่เฉพาะแม่น�้ำอันน่าร่ืนรมย์ แม่น�้ำน้ี กวา้ งขวางมปี ลาโลมาใหญอ่ าศยั อยู่ นา่ จะพงึ มคี วามสบาย ข้าแต่ท่านผู้ยืนอยู่เฉพาะหน้าแห่งเราไม่หนีไป ทา่ นจงบอกความน้นั แก่เราเถดิ . ดูก่อนท่านผู้มีร่างกายอันสันทัดงามดี ท่านผู้มีร่าง อันงามเช่นกับด้วยทองใบทั้งแผ่น หรือดุจนางพยัคฆี 101 www.kalyanamitra.org

ที่สญั จรไปตามซอกเขา ทา่ นเปน็ ใคร ? หรอื วา่ ท่านมาท่ีน่ี เพอ่ื อะไร ?. เทพนารีท้ังหลายในเทวโลก ซึ่งเป็นบริจาริกาแห่ง ทวยเทพในฉกามาพจรสวรรค์ มีอยู่เหล่าใด หรือสตรี มีรูปงามในมนุษยโลกเหล่าใด เทพนารีและสตรีทั้งหลาย เหล่านั้นในหมู่เทวดาคนธรรพ์และมนุษย์ ไม่มีที่จะเสมอ เหมือนท่านด้วยรปู ทา่ นผมู้ ตี ะโพกอนั งามประหนงึ่ ทอง เราถามทา่ นแลว้ ขอจงบอกชือ่ และเผา่ พันธเุ์ ถดิ . ล�ำดับนั้น นางเทพธิดาได้กล่าวคาถา ๘ คาถา ความว่า ดูก่อนพราหมณ์ดาบส ท่านน่ังอยู่เฉพาะแม่น้�ำ โกสิกิคงคาอันน่ารื่นรมย์ใด โกสิกิคงคานั้นมีกระแส อันเชียว เป็นห้วงน้�ำใหญ่ ข้าพเจ้าสิงสถิตอยู่ในวิมาน อันต้งั อยูท่ ีแ่ ม่นำ้� นน้ั . มีล�ำห้วย และล�ำธาร ไหลมาจากเขาหลายแห่ง เกลอ่ื นกลน่ ไปดว้ ยหมไู่ มน้ านาพรรณ ยอ่ มไหลตรงมารวม อยู่ทข่ี า้ พเจา้ ทงั้ นั้น. 102 บรรลุธเปร็นรทมมี ดว้ ยชาดก www.kalyanamitra.org

ใช่แต่เท่านั้น ยังมีน�้ำท่ีไหลมาจากป่า มีกระแสไหล ๑๒ ิกงฉันทชาดก เชย่ี ว สเี ขยี วปดั อกี มากหลาย และนำ�้ ทพ่ี วกนาคกระทำ� ให้ มสี ีวจิ ติ รตา่ งๆ ยอ่ มไหลมาตามกระแสนำ้� . แมน่ ำ�้ เหลา่ นน้ั ยอ่ มพดั เอาผลมะมว่ ง ผลชมพู่ผลขนนุ ส�ำมะลอ ผลกระทุ่ม ผลตาล และผลมะเดื่อเป็นอันมาก มาเนอื งๆ. ผลไม้ชนิดใดชนิดหน่ึงที่ฝั่งท้ังสองตกลงในน้�ำแล้ว ผลไม้นั้นย่อมเปน็ ไปในอำ� นาจแห่งกระแสน้�ำของขา้ พเจา้ โดยไม่ตอ้ งสงสัย. ดูกอ่ นทา่ นผู้เปน็ ปราชญ์ มปี ัญญามาก ผ้เู ปน็ ใหญ่ กว่านรชน ท่านรู้อย่างนี้แล้ว จงฟังข้าพเจ้า ท่านอย่า พอใจความเก่ียวเกาะด้วยตัณหาอย่างน้ีเลย จงเลิกคิด เสยี เถดิ . ดกู อ่ นพระราชฤาษผี ยู้ งั รฐั ใหเ้ จรญิ ขา้ พเจา้ ไมเ่ ขา้ ใจ ว่า ท่านจะเจริญรุ่งเรืองไปได้อย่างไร ? เม่ือท่านซูบผอม รอความตายอยู่. พรหม คนธรรพ์ เทวดา และฤาษีท้งั หลายในโลกน้ี ผมู้ ตี นอนั สำ� รวมแลว้ เรอื งตบะ เรมิ่ ตง้ั ความเพยี ร ผเู้ รอื งยศ ยอ่ มรคู้ วามทท่ี า่ นตกอยใู่ นอำ� นาจแหง่ ตณั หา อยา่ งไมต่ อ้ ง สงสัยเลย. 103 www.kalyanamitra.org

เม่ือนทีเทพธิดาจะให้ดาบสนั้นเกิดความสังเวช จงึ กล่าวอย่างน้วี า่ “พรหมผู้ที่ถึงการนับว่าเป็นบิดาคนธรรพ์พร้อมทั้ง กามาวจรเทพยดา และฤาษีผู้มีจักษุทิพย์ดังท่ีกล่าว มาแล้ว ย่อมรู้ความที่บุคคลนั้นเป็นผู้ตกอยู่ในอ�ำนาจ ตัณหาโดยไม่ต้องสงสัย แต่ข้อที่ท่านผู้มีฤทธิเหล่าน้ัน รู้ว่า ดาบสช่ือโน้นเป็นผู้ตกอยู่ในอ�ำนาจของตัณหาดังน้ี ไมน่ า่ อศั จรรย์ ถงึ ปรจิ ารกิ ชนของฤาษผี เู้ รม่ิ ตงั้ ความเพยี ร ผยู้ งยศเหลา่ น้ัน กจ็ ะรู้เพราะฟงั ค�ำของชนเหลา่ นัน้ พูดกัน อยู่อีก เพราะข้ึนชื่อว่าความลับของบุคคลผู้ท�ำความช่ัว ย่อมไมม่ .ี ” ลำ� ดบั นนั้ พระดาบสไดก้ ลา่ วคาถา ๔ คาถาความวา่ บาปยอ่ มไมเ่ จรญิ แกน่ รชนผรู้ จู้ กั ศลี และความไมเ่ ทยี่ ง ด�ำรงอยู่เหมือนเราฉะนั้น ซ่ึงรู้ธรรมท้ังปวง รู้ความสลาย และความจุติแห่งชีวิต ถ้านระนั้นไม่คิดฆ่าบุคคลอ่ืน ผู้มี ความสขุ . ดกู อ่ นทา่ นผอู้ นั หมฤู่ าษรี กู้ นั ทวั่ แลว้ ทา่ นเปน็ ผอู้ นั ชน ผู้ลอยบาปรู้แจ้งแล้วว่า เป็นผู้เกื้อกูลแก่โลก แต่ต้อง ปรารถนาบาปกรรมแกต่ นเพราะใชค้ ำ� บรภิ าษอนั ไมป่ ระเสรฐิ ไพเราะ. 104 บรรลธุเปร็นรทมีมด้วยชาดก www.kalyanamitra.org

ดูก่อนท่านผู้มีตะโพกอันผ่ึงผาย ถ้าเราจักตายอยู่ที่ ๑๒ ิกงฉันทชาดก รมิ ฝง่ั นำ�้ ของทา่ น เมอื่ เราตายไปแลว้ ความตเิ ตยี นกจ็ กั มา ถึงทา่ นโดยไมต่ อ้ งสงสยั . ดูก่อนท่านผู้มีสะเอวอันกลมกลึง เพราะฉะน้ันแล ท่านจงรักษาบาปกรรมไว้เถิด อย่าให้คนทั้งปวงติเตียน ท่านได้ในภายหลงั ในเม่อื เราตายไปแล้ว. นางเทพธิดาได้ฟังดังน้ัน จึงกล่าวคาถา ๕ คาถา ความวา่ เหตุนั้นข้าพเจ้าทราบแล้วท่านจงอดกล้ันไว้ก่อน ข้าพเจ้าจะยอมตนและให้มะม่วงแก่ท่าน เพราะท่านละ กามคณุ ทล่ี ะไดย้ าก แลว้ ตง้ั ไวซ้ ง่ึ ความสงบและสจุ รติ ธรรม. บคุ คลใดละสงั โยชนใ์ นกอ่ นได้ แลว้ ภายหลงั มาตง้ั อยู่ ในสงั โยชน์ ประพฤตอิ ธรรมอยู่บาปยอ่ มเจรญิ แกบ่ คุ คลนน้ั . มาเถดิ ขา้ พเจา้ จะน�ำท่านไปยงั สวนมะมว่ ง ทา่ นจง เป็นผู้มีความขวนขวายน้อยโดยส่วนเดียวเถิด ข้าพเจ้า จักน�ำท่านไปในสวนมะม่วงอันร่มเย็น ท่านจงเป็นผู้ไม่ ขวนขวายอยเู่ ถิด. ดูก่อนท่านผู้ปราบปรามข้าศึก สวนนั้นเกลื่อนกล่น ไปด้วยหมู่นก ท่ีมัวเมาอยู่ในรสดอกไม้ มีนกกระเรียน 105 www.kalyanamitra.org

นกยูง นกเขา ซึ่งมีสร้อยคออันน่าชม มีหมู่หงส์ส่งเสียง ร้องขรม ฝูงนกดุเหว่าท่ีร้องปลุกสัตว์ท้ังหลายอยู่ในสวน มะม่วงนน้ั . ผลมะม่วงในสวนนั้นดกเป็นพวงๆ ดุจฟ่อนฟาง ปลายกิ่งหอ้ ยโนม้ ลงมา มที ้งั ตน้ คำ� ตน้ สน ต้นกระทุ่มและ ผลตาลสกุ หอ้ ยอยู่เรียงราย. นางเทพธดิ านนั้ กลา่ วตำ� หนดิ าบสอยา่ งนด้ี ว้ ยประการ ฉะนี.้ กแ็ หละครน้ั นางเทพธดิ าพรรณนา แลว้ พาพระดาบส มาในสวนอัมพวนั แล้วส่งั ว่า “ทา่ นโปรดขบฉนั ผลมะมว่ งทง้ั หลาย ยงั ความอยาก ของตนให้เตม็ บรบิ ูรณใ์ นสวนอมั พวนั น้”ี แลว้ หลกี ไป. ครั้นพระดาบสขบฉันผลมะม่วงจนอิ่มสมอยากแล้ว พกั ผอ่ นแล้ว จึงเท่ียวไปในสวนอมั พวนั พบเห็นเปรตนน้ั กำ� ลงั เสวยทกุ ข์ (แต่)ไม่สามารถจะพูดอะไรได้ แต่เม่ือพระอาทิตย์อัสดงแล้ว เห็นเปรตนั้นมีหญิง ฟ้อนแวดลอ้ มบ�ำเรอ เสวยทพิ ยสมบัติอยู่ จึงกลา่ วคาถา ๓ คาถา ความวา่ ทา่ นทรงทพิ มาลา ผ้าโพกศีรษะ และเครื่องอาภรณ์ ล้วนแต่เป็นทิพย์ มีทองต้นแขน ลูบไล้ด้วยจุรณจันทน์ 106 บรรลธุเปร็นรทมมี ดว้ ยชาดก www.kalyanamitra.org

กลางคืนมหี ญงิ ๑๖,๐๐๐ คนเปน็ ปรจิ าริกาบำ� เรอทา่ นอยู่ ๑๒ ิกงฉันทชาดก แต่กลางวนั ต้องเสวยทุกขเวทนา. หญงิ เหล่านไี้ ด้เปน็ ปรจิ ารกิ าของท่าน มีถงึ ๑๖,๐๐๐ นาง ท่านมีอานุภาพมากอย่างนี้ ไม่เคยมีในมนุษยโลก นา่ ขนพองสยองเกลา้ . ในปุริมภพ ท่านท�ำบาปกรรมอะไรไว้ จึงต้องน�ำ ทุกขเวทนามาสู่ตน ท่านท�ำกรรมอะไรไว้ในมนุษยโลก จึงตอ้ งเคยี้ วกินเน้ือหลงั ของตนเองในบดั น้.ี เปรตจ�ำพระดาบสไดจ้ ึงทูลว่า “ พระองคค์ งจำ� ขา้ พระพทุ ธเจา้ ไมไ่ ด้ ขา้ พระพทุ ธเจา้ คือผู้ที่ได้เป็นปุโรหิตของพระองค์ ข้าพระพุทธเจ้าต้อง เสวยความสขุ ในกลางคืนนี้ เพราะ ผลแหง่ อโุ บสถกึ่งหนง่ึ ท่ีตนได้ท�ำมา เพราะอาศัยพระองค์ แต่ที่ได้เสวยทุกข- เวทนาในเวลากลางวัน เพราะผลแห่งบาปกรรมที่ท�ำไว้ แล้วเหมือนกนั แท้จริง ข้าพระพุทธเจ้าอันพระองค์ทรงตั้งไว้ ในตำ� แหนง่ ผพู้ พิ ากษา ไดช้ ำ� ระคดโี ดยอยตุ ธิ รรมรบั สนิ บน ขูดเลือดเนื้อประชาชนทางเบ้ืองหลัง เพราะผลแห่งกรรม ที่ท�ำไว้น้ัน ตอนกลางวัน ข้าพระพุทธเจ้าจึงได้เสวย ทุกขเวทนาน้ี 107 www.kalyanamitra.org

แลว้ กลา่ วคาถา ๒ คาถา ความวา่ ขา้ พเจา้ เรยี นจบไตรเพท หมกมนุ่ อยใู่ นกามทงั้ หลาย ไดป้ ระพฤตเิ พอื่ ความฉบิ หายมใิ ชป่ ระโยชนแ์ กช่ นเหลา่ อนื่ ตลอดกาลนาน. บุคคลใดเปน็ ผขู้ ูดเลือดเน้ือผอู้ น่ื บคุ คลนั้นยอ่ มตอ้ ง ควักเนื้อของตนกิน เช่นเดียวกับข้าพระพุทธเจ้ากินเน้ือ หลังของตนอยจู่ นทุกวนั นี.้ ก็แลคร้ันเปรตกราบทูลอย่างนี้แล้ว จึงทูลถาม พระดาบสว่า “พระองคเ์ สดจ็ มาในท่นี ้ีได้อย่างไร ?” พระดาบสเลา่ เร่อื งทง้ั หมดให้ฟงั โดยพิสดาร. เปรตทูลถามอกี วา่ “ก็บัดน้ีพระองค์จะประทับอยู่ในที่น้ีต่อไป หรือจัก เสดจ็ ไปทอี่ น่ื ?” พระดาบสตรสั ตอบว่า “เราหาอยไู่ ม่ จกั กลบั ไปสูอ่ าศรมบทน่นั เทยี ว.” เปรตทูลวา่ “ดีละพระเจ้าข้า ข้าพระพุทธเจ้าจักบ�ำรุงพระองค์ ด้วยผลมะม่วงสกุ เปน็ ประจ�ำ” 108 บรรลธุเปร็นรทมมี ดว้ ยชาดก www.kalyanamitra.org

แล้วน�ำพระดาบสไปในอาศรมบทด้วยอานุภาพ ๑๒ ิกงฉันทชาดก ของตน ทูลขอปฏญิ ญาวา่ “ขอพระองคอ์ ย่าได้มคี วามกระสนั ประทับอยู่ในท่ีน้ี เถิด” แล้วทลู ลาไป ตง้ั แตน่ นั้ มา เปรตนน้ั กบ็ ำ� รงุ พระดาบส ดว้ ยผลมะมว่ ง สุกเปน็ นิตย์. พระดาบสเมือ่ ไดฉ้ ันผลมะมว่ งสุกน้ัน ก็กระทำ� กสิณ บริกรรม ยังฌานและอภิญญาให้บังเกิด แล้วได้เป็นผู้มี พรหมโลกเป็นที่ไปในเบ้อื งหนา้ . พระบรมศาสดาทรงน�ำพระธรรมเทศนาน้ีมาแสดง แกอ่ บุ าสกอบุ าสกิ าทงั้ หลายแลว้ ทรงประกาศอรยิ สจั ธรรม ในท่ีสุดแห่งอริยสัจเทศนา บางพวกได้เป็น พระ- โสดาบัน บางพวกไดเ้ ป็นพระสกทาคามี บางพวกไดเ้ ป็น พระอนาคามี ประชมุ ชาดก นางเทพธดิ าในครงั้ นน้ั ไดม้ าเปน็ ภกิ ษณุ อี บุ ลวรรณา สว่ นดาบสได้มาเปน็ เราผตู้ ถาคต ฉะนแ้ี ล. 109 www.kalyanamitra.org

110 บรรลุธเปร็นรทมมี ด้วยชาดก www.kalyanamitra.org

๑๓ สาธินราชชาดก๒๔ ว่าดว้ ย พระเจ้าวเิ ทหราชประพาสดาวดงึ ส์ สถานทต่ี รสั พระวิหารเชตวัน ๑๓ สาธินราชชาดก ทรงปรารภ พวกอบุ าสกรักษาอุโบสถ สาเหตทุ ่ตี รสั มเี รื่องยอ่ วา่ ครง้ั น้นั พระศาสดาตรัสว่า “ดูก่อนอุบาสกท้ังหลาย บัณฑิตแต่ครั้งก่อน อาศัย อโุ บสถกรรมของตน ไปสเู่ ทวโลกอยสู่ น้ิ กาลนานดว้ ยสรรี ะ แหง่ มนุษยน์ ั่นแล” ทรงน�ำอดตี นทิ านมา ดังต่อไปนี้ เนื้อหาชาดก ในอดีตกาล พระราชาทรงพระนาม ‘สาธินะ’ ทรง ครองราชสมบัตโิ ดยธรรม ณ พระนครมถิ ลิ า ทา้ วเธอไดส้ รา้ งโรงทานไว้ ๖ แหง่ คอื ทปี่ ระตพู ระนคร ทงั้ ๔ ทกี่ ลางพระนคร และทป่ี ระตรู าชนเิ วศน์ ทรงบำ� เพญ็ ๒๔ ต้นฉบับชาตกัฏฐกถา อรรถกถาขุททกนิกาย ปกิณณกนิบาต ชาดก, ล.๖๐, น.๔๙๘, มมร. 111 www.kalyanamitra.org

มหาทาน กระท�ำชมพูทวีปทุกแห่งหนให้เก็บไถ ได้ พระราชทานทรัพย์ประมาณหกแสนกระษาปณ์เป็นราช- ทรพั ยท์ ท่ี รงใชจ้ า่ ยทกุ ๆ วนั ทรงรกั ษาศลี ๕ ทรงถอื อโุ ปสถ. ชาวแวน่ แควน้ เลา่ กพ็ ากนั ตงั้ อยใู่ นโอวาทของทา้ วเธอ ตา่ งกระทำ� บญุ มใี หท้ านเปน็ ตน้ ตายแลว้ ๆ บงั เกดิ ในเมอื ง เทวดาทั้งนั้น ฝงู เทพพากนั นั่งแนน่ เทวสภาชอื่ ‘สุธรรมา’ ต่างพรรณนาพระคุณมีศีลเป็นต้นของพระราชาเท่าน้ัน. เทพทเ่ี หลอื ฟงั เรอ่ื งนนั้ แลว้ กม็ ปี รารถนาทจ่ี ะเหน็ พระราชา ไปตามๆ กัน. ทา้ วสกั กเทวราชทรงทราบใจของเทพเหลา่ นนั้ ตรสั วา่ “พวกเธอปรารถนาจะเห็นพระเจ้าสาธนิ ราชหรอื ?” พวกเทพพากันกราบทลู วา่ “พระเจ้าขา้ ขา้ แตพ่ ระผู้เปน็ เทพเจา้ .” ทา้ วเธอจงึ ตรสั ส่ังเทพบุตรมาตลวี า่ “เธอจงไปจดั เวชยันตรถ รบั พระเจา้ สาธนิ ราชมา.” เทพบุตรมาตลีรับเทวบญั ชาว่า “สาธุ” แล้วจัดรถไปสู่แคว้นวเิ ทหะ ครงั้ นน้ั เปน็ วนั เพญ็ เวลาทพี่ วกมนษุ ยบ์ รโิ ภคอาหาร เยน็ แล้วนั่งสนทนากนั ด้วยสขุ กถาทีป่ ระตูเรอื น 112 บรรลุธเปร็นรทมีมด้วยชาดก www.kalyanamitra.org

มาตลีเทพบุตรก็ขบั รถพรอ้ มกับจันทรมณฑล. ๑๓ สาธินราชชาดก ฝูงชนพากันกลา่ ววา่ “พระจนั ทร์ขึ้นสองดวง” แตค่ รน้ั เหน็ ทง้ั รถ ทง้ั จนั ทรมณฑลวงิ่ มา พากนั ชน่ื ชม โสมนัสว่า “น่ีไม่ใช่ดวงจันทร์ น่ีเป็นรถ ท้ังเทพบุตรก็ปรากฏ รถทพิ ยเ์ ทยี มดว้ ยสนิ ธพมโนมยั คนั นมี้ ารบั ใคร ไมม่ คี นอนื่ ละต้องเป็นพระราชาของพวกเรา เพราะว่าพระราชาของ พวกเราทรงธรรมเป็นพระธรรมราชา” แลว้ ตา่ งยืนประคองอญั ชลี กลา่ วคาถาเปน็ ปฐมวา่ อัศจรรย์จริงหนอขนพองสยองเกล้าเกิดข้ึนแล้ว ในโลก รถทพิ ย์ได้ปรากฏแกพ่ ระเจ้าวิเทหราชผเู้ รอื งยศ. มาตลเี ทพบตุ รนำ� รถมาถงึ เมอ่ื ฝงู ชนพากนั บชู าดว้ ย ดอกไม้เป็นต้น ก็กระท�ำประทักษิณพระนคร ๓ รอบ แล้วไปสู่ทวารวังของพระราชากลับรถจอดไว้ใกล้ธรณี ชอ่ งพระแกลทางส่วนด้านหลงั ยืนเตรยี มรับเสดจ็ วนั นนั้ เล่าพระราชาตรวจโรงทาน ตรัสส่งั ว่า “สทู ั้งหลายจงใหท้ าน” โดยท�ำนองนที้ ีเดยี ว 113 www.kalyanamitra.org

ทรงสมาทานอโุ บสถ ประทบั ยบั ยง้ั อยตู่ ลอดวนั มหี มู่ อ�ำมาตย์แวดล้อม ประทับนั่งผันพระพักตร์เฉพาะช่อง พระแกลดา้ นตะวนั ออก ตรสั กถาอนั ประกอบดว้ ยธรรมอยู่ ณ ท้องพระโรงอนั อลงกต. คร้ังน้ัน มาตลีเทพบุตรก็ทูลเชิญพระองค์เสด็จข้ึน สรู่ ถ พาไป. พระศาสดา เมื่อทรงประกาศเน้ือความน้ัน ได้ตรัส พระคาถาเหลา่ นวี้ า่ มาตลีเทพบุตรเทพสารถีผู้มีฤทธิ์มาก ได้เชื้อเชิญ พระเจา้ วิเทหราชผคู้ รองมิถิลานครว่า “ข้าแต่พระราชาผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ผู้เป็น ใหญ่ท่ัวทิศ ขอเชิญพระองค์เสด็จทรงรถนี้เถิด ด้วยว่า ทวยเทพชั้นดาวดึงส์พร้อมด้วยสมเด็จอมรินทราธิราช ใคร่จะเหน็ พระองค์ ทวยเทพเหล่าน้นั ประชมุ พรอ้ มกันอยู่ ณ สธุ รรมาเทวสภา ล�ำดับนั้นแล พระเจ้าวเิ ทหราชพระนามว่า ‘สาธนิ ะ’ ผู้ครองมิถิลานคร เสด็จทรงรถอันเทียมด้วยม้าพันหนึ่ง ได้เสด็จไปยังส�ำนักเทวดาท้ังหลาย (พระมหาราชาทรง ประทับยืนบนทิพยาน อันเทียมด้วยม้าพันหน่ึงซึ่งม้า ลากไป เสด็จไปอยู่ ไดท้ อดพระเนตรเหน็ เทวสภาน)ี้ 114 บรรลธุเปร็นรทมีมด้วยชาดก www.kalyanamitra.org

ทวยเทพเหน็ พระราชาเสดจ็ มาดงั นน้ั กพ็ ากนั ชน่ื ชม ๑๓ สาธินราชชาดก ยนิ ดี กระท�ำปฏสิ นั ถารเช้อื เชญิ ว่า “ข้าแต่พระมหาราชา พระองค์เสด็จมาดีแล้ว อนึ่ง ช่อื วา่ พระองค์มิไดเ้ สด็จมาร้าย ขา้ แต่พระราชาผแู้ สวงหา คุณใหญ่ ขอพระองค์ทรงประทับใกล้ๆ กับท้าวเทวราช เสียแตบ่ ดั นเ้ี ถดิ ” ฝ่ายทา้ ววาสวสักกเทวราชทรงชน่ื ชมยินดี เช้ือเชญิ พระเจ้าสาธินราชผู้ครองมิถิลานครด้วยทิพยกามารมณ์ และอาสนะวา่ “ข้าแต่พระราชฤาษี เป็นการดีแล้วท่ีพระองค์เสด็จ มาถึงทอ่ี ยู่ของทวยเทพผู้บันดาลใหเ้ ปน็ ไปในอำ� นาจได้ ขอเชญิ พระองคป์ ระทบั อยใู่ นหมทู่ วยเทพผใู้ หส้ ำ� เรจ็ ทพิ ยกามารมณท์ กุ อยา่ ง ขอเชญิ พระองคท์ รงเสวยกามคณุ อนั มิใชข่ องมนษุ ยใ์ นหม่ทู วยเทพชน้ั ดาวดึงสเ์ ถดิ .” เมอ่ื พระเจา้ สาธนิ ราชพระองคน์ นั้ ทรงเสวยราชสมบตั ิ อนั ทา้ วสกั กเทวราชทรงแบง่ เทพนครมปี ระมาณหมนื่ โยชน์ และนางเทพอปั สรสองโกฏกิ งึ่ กบั เวชยนั ตปราสาทประทาน ใหค้ รงึ่ หนงึ่ กาลเวลาลว่ งไปถงึ ๗๐๐ ปี ดว้ ยการนบั ตามปี มนุษย์ พระองค์ประทับอยู่ในเทวโลกด้วยอัตภาพน้ัน. 115 www.kalyanamitra.org

เมื่อเวลาสิ้นบุญ พระองค์เกิดเบ่ือหน่าย เพราะฉะน้ัน เมอ่ื ทา้ วเธอจะตรสั สนทนากบั ทา้ วสกั กะ จงึ ตรสั พระคาถาวา่ ขา้ แตพ่ ระองคผ์ ปู้ ระเสรฐิ กวา่ จอมเทพ เมอ่ื หมอ่ มฉนั มาถึงสวรรค์แล้ว ย่อมยินดีด้วยการฟ้อนร�ำขับร้องและ เครือ่ งประโคมทั้งหลาย บดั นี้ หมอ่ มฉันนั้นไม่ยนิ ดีอยู่ในสวรรค์เลย จะหมด อายุ หรอื ใกลจ้ ะตาย หรอื วา่ หมอ่ มฉนั หลงใหลไปเสยี แลว้ . ล�ำดับนน้ั ท้าวสักกะตรัสกะท้าวเธอว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้แกล้วกล้ากว่านรชนผู้ประเสริฐ พระชนมายุของพระองค์ยังไม่หมดสิน้ ความสนิ้ พระชนม์ ก็ยังห่างไกล อน่ึง พระองค์จะได้ทรงหลงใหลไปก็หาไม่ แต่ว่าวิบากแห่งบุญกุศลของพระองค์ ท่ีได้ทรงเสวยใน เทวโลกนม้ี ีน้อยไป ข้าแตพ่ ระราชาผูป้ ระเสรฐิ ผ้เู ปน็ ใหญ่ทัว่ ทศิ ขอเชญิ พระองค์ประทับอยู่เสวยกามคุณอันมิใช่ของมนุษย์ในหมู่ ทวยเทพชาวดาวดึงส์ ดว้ ยเทวานุภาพตอ่ ไปเถิด”. ทา้ วสกั กะ เมอื่ ทรงปลอบพระเจา้ สาธนิ ราชนน้ั จงึ ตรสั พระคาถาว่า 116 บรรลธุเปร็นรทมีมด้วยชาดก www.kalyanamitra.org

เป็นการดีนักแลที่พระองค์เสด็จถึงท่ีอยู่แห่งเทพ ๑๓ สาธินราชชาดก ผู้ทรงอ�ำนาจ ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นราชาเพียงดังฤาษี เชิญประทับอยู่ในหมู่เทพผู้มีความปรารถนาทุกอย่าง ส�ำเร็จได้ เชิญบริโภคกามอันมิใช่ของมนุษย์ในหมู่เทพ ช้นั ดาวดงึ สเ์ ถดิ . พระมหาสัตว์ เมื่อจะทรงห้ามท้าวเธอเสีย จึงตรัส พระคาถาวา่ ขอยืมยานเขามาขับ ขอยืมทรัพย์เขามาใช้ ฉันใด การทไ่ี ดเ้ สวยความสขุ เปน็ ความสขุ ทผี่ อู้ น่ื ยนื่ ให้ กเ็ ปรยี บ กนั ไดฉ้ ะนนั้ แล กแ็ ลการไดเ้ สวยความสขุ โดยเปน็ ความสขุ ทีผ่ อู้ ่นื ย่นื ให้ หมอ่ มฉันไมป่ รารถนาเลย บุญท้ังหลายอันหม่อมฉันท�ำเองแล้วน้ัน ย่อมเป็น ทรพั ยอ์ นั อาจตดิ ตามหมอ่ มฉนั ไปได้ หมอ่ มฉนั ไปในมนษุ ย์ แลว้ จกั ไดท้ ำ� กศุ ลใหม้ าก ทบ่ี คุ คลกระทำ� แลว้ ไดร้ บั ความสขุ และไม่ต้องเดือดร้อนในภายหลัง ด้วยทาน ด้วยการ ประพฤติสม�่ำเสมอ ดว้ ยการส�ำรวม ด้วยการฝกึ ตน. ครนั้ ทา้ วสกั กะทรงสดบั พระดำ� รสั ของพระเจา้ สาธนิ - ราชนัน้ แลว้ ทรงส่ังเทพบตุ รมาตลีวา่ “ไปเถดิ นำ� เสดจ็ พระเจา้ สาธนิ ราชไปสมู่ ถิ ลิ า ใหเ้ สดจ็ ลงในพระอทุ ยาน.” 117 www.kalyanamitra.org

มาตลีเทพบุตรนัน้ ได้กระท�ำตามเทวบัญชา. พระราชาเสด็จพระจงกรมอย่ใู นพระอุทยานน่ันเอง. ครง้ั นน้ั นายอยุ ยานบาลเหน็ พระองคแ์ ลว้ กไ็ ปกราบทลู แด่ พระราชานารทะ. ฝ่ายพระเจ้านารทะนั้นทรงสดับการเสด็จมาของ พระราชาแล้วตรสั ว่า “นายอุยยานบาล เจ้าจงล่วงหน้าไปเตรียมอุทยาน จดั ตง้ั อาสนะไว้ ๒ ท่ี สำ� หรับพระราชาน้ันที่ ๑ สำ� หรับเรา ท่ี ๑” ทรงส่งนายอุยยานบาลนั้นไป. เขาได้กระท�ำตาม พระบัญชา ท่ีน้ัน พระราชาจึงตรัสถามเขาว่า เจ้าจัดตั้งอาสนะ ๒ ท่ีเพอ่ื ใครเล่า กราบทลู ว่า “เพอ่ื พระองคท์ ่ี ๑ เพอื่ พระราชาของพวกขา้ พระองค์ ที่ ๑ พระเจา้ ข้า.” ครัง้ นั้นพระราชาตรัสว่า “สัตว์อื่นใครเล่าจักน่ังเหนืออาสนะในส�ำนักของเรา แล้วประทับนั่งเหนืออาสนะ ๑ วางพระบาททั้งคู่เหนือ อาสนะ ๑.” 118 บรรลธุเปร็นรทมีมด้วยชาดก www.kalyanamitra.org

พระราชานารทะเสด็จมาถวายบังคม พระบาทยุคล ๑๓ สาธินราชชาดก ของพระองคแ์ ลว้ ประทบั น่งั ณ ทีอ่ ันสมควรขา้ งหนงึ่ . ไดย้ ินว่า พระเจ้านารทะเปน็ พระนัดดาของ พระเจ้า สาธินราชองค์ที่ ๗ ทเี ดยี ว ข่าวว่า คร้ังนั้นพระเจ้านารทะทรงพระชนมายุได้ ๑๐๐ พรรษาแล้ว แต่พระมหาสัตว์ทรงพระชนม์ยืนนาน ตลอดกาลเพียงน้ี ด้วยก�ำลังบุญของพระองค์. พระองค์ทรงจูงพระหัตถ์ของพระเจ้านารทะ เสด็จ เทีย่ วไปในพระอุทยาน ไดต้ รัสพระคาถา ๓ คาถาวา่ ท่ีตรงนี้เป็นไร่นา ที่ตรงนี้ตรงร่องน�้ำตรงดี ท่ีตรงน้ี เป็นภูมิภาคมีหญ้าแพรกเขียวสะพรั่ง ที่ตรงน้ีเป็นแม่น�้ำ ไหลอยไู่ มข่ าดสาย ทตี่ รงนเี้ ปน็ สระโบกขรณอี นั นา่ รนื่ รมย์ มีฝูงนกจกั รพรากรอ้ งเสียงระงม เป่ยี มไปด้วยนำ�้ ใส สะอาด ดารดาษไปด้วยดอกปทุมและดอกอบุ ล พวกขา้ เฝา้ และนางสนมพากนั ยดึ ถอื สถานทเ่ี หลา่ น้ี วา่ เป็นของเรา เขาเหล่าน้นั พากนั ไปเสยี ทางทศิ ใดหนอ ดกู อ่ นพอ่ นารทะ ไรน่ าเหลา่ นน้ั ภมู ภิ าคตรงนน้ั และ อปุ จาร๒๕แหง่ สวนและปา่ ไมย้ งั คงมอี ยดู่ งั เดมิ เมอ่ื เราไมเ่ หน็ หมู่ชนเหล่านั้น ทศิ ท้ังหลายกป็ รากฏว่าว่างเปลา่ แก่เรา. ๒๕ น. การเขา้ ใกล้ ทใ่ี กลๆ้ บรเิ วณรอบๆ 119 www.kalyanamitra.org

ครง้ั นน้ั พระเจา้ นารทะกราบทูลทา้ วเธอว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ เมื่อพระองค์เสด็จไป เทวโลก กำ� หนดได้ ๗๐๐ ปเี ขา้ นแี้ ลว้ หมอ่ มฉนั เปน็ หลาน คนท่ี ๗ ของพระองค์ อุปฏั ฐากของพระองคส์ ้นิ พระชนม์ ไปหมดแล้ว ขอเชิญพระองค์เสวยราชสมบัติอันเป็นส่วน ของพระองค์เถดิ พระเจ้าข้า.” พระราชาตรัสว่า “พอ่ นารทะเอ๋ย ฉนั มาท้ังน้มี ิได้มาเพอ่ื ต้องการราช- สมบตั ิ มาเพื่อต้องการทำ� บุญ ฉันจกั ทำ� บุญเท่าน้ัน.” จงึ ตรสั พระคาถาวา่ วิมานทั้งหลายอันสว่างไสวท้ังสี่ทิศ ฉันได้เห็นแล้ว เฉพาะพระพกั ตรข์ องทา้ วสกั กเทวราช และเฉพาะหนา้ ของ ทวยเทพชาวไตรทศ ภพทฉี่ ันเห็นอยูเ่ ป็นทิพย์ กามทั้งหลายอันมิใช่ของมนุษย์ ฉันได้บริโภคแล้ว ในทวยเทพของชาวไตรทศ ภพทฉ่ี ันอยู่กเ็ ปน็ ทพิ ย์ กามท้ังหลายอันมิใช่ของมนุษย์ ฉันได้บริโภคแล้ว ในทวยเทพชาวดาวดงึ ส์ ผสู้ ำ� เรจ็ สงิ่ ทนี่ า่ ปรารถนาทกุ อยา่ ง ฉันนั้นละสมบัติเช่นน้ันเสียแล้วมาในมนุษยโลกน้ี เพอื่ ตอ้ งการทำ� บญุ เทา่ นน้ั ฉนั จกั ประพฤตแิ ตธ่ รรมเทา่ นน้ั ฉันไม่มีความต้องการด้วยราชสมบัติ ฉันจักด�ำเนินไป 120 บรรลุธเปร็นรทมมี ด้วยชาดก www.kalyanamitra.org

ตามทางท่ีท่านผู้ไม่มีอาชญาพากันท่องเที่ยวไป อันพระ- สัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ ซ่ึงเป็นทางส�ำหรับไปของ ท่านผู้มวี ตั รงามท้ังหลาย. พระโพธิสัตว์ตรัสคาถาเหล่าน้ีใส่ไว้ใน พระสัพพัญ- ๑๓ สาธินราชชาดก ญุตญาณดว้ ยประการฉะน.้ี ครง้ั นนั้ พระราชานารทะกราบทลู ยำ้� กะพระองคอ์ กี วา่ “เชญิ พระองคท์ รงครองราชสมบตั สิ บื ไปเถดิ พระเจา้ ขา้ .” ตรสั ว่า “พอ่ เอย๋ ฉนั ไมต่ อ้ งการราชสมบตั ิ จะขอใหท้ านฉลอง ๗๐๐ ปี เพียง ๗ วนั เทา่ น้ันแหละ.” พระราชานารทะทรงรบั พระด�ำรสั ของพระองคว์ า่ “เชญิ เถดิ พระเจา้ ขา้ ทรงเตรียมมหาทาน.” พระราชาทรงให้มหาทานตลอด ๗ วัน ในวันท่ี ๗ สิ้นพระชนม์ บังเกดิ ในภพช้ันดาวดงึ สน์ น้ั เอง. พระศาสดาทรงนำ� พระธรรมเทศนานมี้ าแลว้ จงึ ทรง แสดงว่า “ดกู อ่ นอบุ าสกทง้ั หลาย อนั อโุ บสถกรรมควรทจี่ ะพงึ บำ� เพญ็ ดว้ ยประการฉะนี”้ แลว้ ทรงประกาศสจั จะทงั้ หลาย เมอ่ื จบสจั จะบรรดา อบุ าสกผูร้ กั ษาอุโบสถเหลา่ นน้ั 121 www.kalyanamitra.org

บางพวกดำ� รงอยใู่ นโสดาปตั ตผิ ล บางพวกในสกทา- คามิผล บางพวกในอนาคามิผล บางพวกในอรหัตผล ประชุมชาดก พระราชานารทะในครง้ั นนั้ ได้มาเปน็ พระสารีบุตร เทพบตุ รมาตลี ได้มาเปน็ พระอานนท์ ทา้ วสักกะ ไดม้ าเปน็ พระอนรุ ุทธะ บรษิ ัททีเ่ หลอื ได้มาเปน็ พุทธบริษทั ส่วนพระเจา้ สาธินราช ได้มาเป็น เราตถาคต แล. 122 บรรลธุเปร็นรทมีมดว้ ยชาดก www.kalyanamitra.org

๑๔ คามณิจนั ทชาดก๒๖ วา่ ด้วย ลงิ เป็นสตั ว์ไม่รจู้ กั เหตุ สถานท่ตี รสั พระวหิ ารเชตวัน ๑๔ คามณิจันทชาดก ทรงปรารภ การสรรเสริญปัญญา สาเหตทุ ต่ี รสั เลา่ กนั วา่ ภกิ ษทุ งั้ หลายนง่ั สรรเสรญิ พระปญั ญาของ พระทศพลในโรงธรรมสภาวา่ “ทา่ นผมู้ อี ายทุ งั้ หลาย พระตถาคตมพี ระปญั ญามาก มีพระปัญญาหนา มีพระปัญญาร่าเริง มีพระปัญญาไว มพี ระปัญญากลา้ แข็ง มีพระปญั ญาชำ� แรกกเิ ลส ก้าวล่วง โลกนพ้ี รอ้ มท้งั เทวโลก ดว้ ยพระปัญญา.” พระศาสดาเสดจ็ มาตรสั ถามว่า “ภิกษุท้ังหลาย บัดนี้พวกเธอน่ังประชุมสนทนากัน ด้วยเรื่องอะไร ?” ๒๖ ต้นฉบับชาตกัฏฐกถา อรรถกถาขุททกนิกาย ชาดก ติกนิบาต, ล.๕๘, น.๕๑, มมร. 123 www.kalyanamitra.org

124 บรรลุธเปร็นรทมมี ด้วยชาดก www.kalyanamitra.org

เมอ่ื ภกิ ษเุ หลา่ นนั้ กราบทลู ใหท้ รงทราบแลว้ จงึ ตรสั วา่ “ภิกษุทั้งหลายมิใช่ในบัดนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อน ตถาคตก็มีปัญญาเหมือนกัน.” แล้วทรงน�ำเอาเรอ่ื งในอดีต มาสาธก ดงั ตอ่ ไปนี้ : เน้อื หาชาดก ๑๔ คามณิจันทชาดก พระโพธสิ ตั วเ์ กดิ เปน็ ราชกมุ ารของพระเจา้ ชนสนั ธะ ผู้ครองเมืองพาราณสี มีหน้าตาสดใสงดงามมากจึงถูก ขนานนามวา่ ‘อาทาสมขุ กมุ าร’ พอมอี ายไุ ด้ ๗ ขวบเทา่ นน้ั พระชนกกส็ วรรคต พวกอ�ำมาตย์เห็นว่าพระกุมารยังไม่อยู่ในฐานะ จะครองเมอื งได้ จงึ จะทดสอบภูมปิ ัญญาของพระกมุ ารดู ในวันหน่ึง ได้ตกแต่งพระนครใหม่ จัดต้ังสถาน วินิจฉัย (ศาล) เสร็จแล้ว ได้มอบให้พระกุมารข้ึนตัดสิน คดคี วาม พอพระกุมารประทับบนบัลลังก์แล้ว ก็ให้เอาลิง ตัวหน่ึงซึ่งสามารถเดิน ๒ เท้าได้แต่งตัวเป็นอาจารย์ผู้รู้ วชิ าดทู ่ี แลว้ ถวายรายงานพระราชกุมารวา่ “ขอเดชะ นคี่ ืออาจารยผ์ ูร้ ู้วชิ าดทู ่ี สมัยของพระชนก ขอพระองค์จงสงเคราะห์ชายผู้น้ี แต่งตั้งเป็นท่ีปรึกษา ด้วยเถิด” 125 www.kalyanamitra.org

พระราชกุมารแลดูผู้นั้น แล้วทราบว่าเป็นลิงมิใช่ มนษุ ย์ จงึ ตรสั วา่ “สตั วต์ วั นไี้ มฉ่ ลาดทำ� บา้ นเรอื นหลกุ หลกิ หนงั หนา้ ยน่ รแู้ ตจ่ ะทำ� ลายสง่ิ ทเ่ี ขาทำ� ไวแ้ ลว้ เทา่ นน้ั จะใหเ้ ปน็ ทป่ี รกึ ษา ไมไ่ ด”้ พวกอำ� มาตยร์ บั ค�ำแลว้ นำ� ลิงนั้นกลบั ไป อีกสองวัน ต่อมา ก็นำ� ลิงตัวนั้นมาถวายรายงานอกี ว่า “ขอเดชะ น่ีคอื อำ� มาตย์ผูว้ นิ จิ ฉยั คดี สมัยพระชนก ขอพระองคโ์ ปรด แต่งตง้ั ไวเ้ ป็นทป่ี รึกษาเถดิ ” พระราชกุมาร แลดูก็ทราบว่ามนุษย์ไม่มีขนมาก ขนาดนี้ จงึ ตรัสวา่ “สัตว์ท่ีมีความคิด ขนไม่มากขนาดน้ี ลิงตัวนี้ไม่มี ความคดิ ไม่ร้จู ักเหตุผล ทำ� การวินิจฉัยคดี ไม่ได้หรอก” พวกอำ� มาตยร์ บั คำ� แลว้ กน็ ำ� ลงิ นน้ั กลบั ไป อกี สองวนั ถดั มา ก็นำ� ลิงตวั นนั้ มาถวายรายงานอกี ว่า “ขอเดชะ ชายผนู้ ใี้ นสมยั พระชนก ไดบ้ ำ� รงุ เลยี้ งบดิ า มารดาเป็นชายกตัญญู ขอพระองค์โปรดอนุเคราะห์เขา ด้วยเถิด” พระราชกุมาร แลดูลิงนั้นแล้วตรัสว่า “สัตว์เช่นนี้จะเลี้ยงดูบิดามารดาไม่ได้ มีจิตใจ กลับกลอก บิดาเราสอนไวอ้ ย่างนี้” 126 บรรลธุเปร็นรทมมี ดว้ ยชาดก www.kalyanamitra.org

พวกอ�ำมาตย์ทราบว่า ‘พระกุมารเป็นบัณฑิตแล้ว’ ๑๔ คามณิจันทชาดก จงึ อภเิ ษกใหข้ ึน้ ครองราชย์ตง้ั แต่บัดนั้น ความอจั ฉรยิ ะของพระราชกมุ าร ๑๔ เรอื่ งจงึ เกดิ ขนึ้ คอื ในสมยั นนั้ มชี ายแกค่ นหนงึ่ ชอ่ื ‘คามณจิ นั ท’์ เคยเปน็ ทาสรับใช้ของพระเจ้าชนสันธะ เมื่อสิ้นรัชกาลพระเจ้า ชนสนั ธะแลว้ ไดป้ ลกี ตวั ออกไปประกอบอาชพี กสกิ รรมอยู่ บา้ นนอกหมูบ่ ้านหน่ึง แต่เขาไม่มโี คทำ� นา เม่ือฝนตกในฤดูท�ำนา จึงไปยืมโค ๒ ตัวจาก เพื่อนบ้านมาไถนาทั้งวัน ตกเย็นได้น�ำโคไปคืนเจ้าของ ทบี่ า้ น เหน็ เจา้ ของโคกำ� ลงั นงั่ กนิ ขา้ วอยกู่ ลางบา้ น เกรงวา่ ‘เขาจะชวนกินข้าวด้วย’ นายคามณิจันท์จึงปล่อยแต่โค เขา้ ไปในคอก ส่วนตวั เองเดนิ กลบั บา้ นไป ตกกลางคืนมีโจรมาลักโคเหล่าน้ันไปหมด เจ้าของ โคถึงแม้รู้อยู่ว่า ‘โคถูกขโมยไป’ ก็ไปทวงโคกับนายคา- มณจี นั ทพ์ รอ้ มกบั ปรบั สนิ ไหมนำ� ไปแจง้ ความทเี่ มอื งหลวง ในขณะเดนิ ทางไปเมอื งหลวง นายคามณจิ นั ทห์ วิ ขา้ ว จงึ ขอแวะบา้ นเพ่ือนทีห่ ม่บู ้านหนง่ึ ก่อน ปรากฏว่า เพ่อื น ไม่อยู่บ้าน อยู่แต่ภรรยาที่ท้องได้ ๗ เดือน นางดีใจที่ 127 www.kalyanamitra.org

นายคามณิจันท์มาเยี่ยม แต่ข้าวสุกไม่มี จึงต้องข้ึนไป เอาขา้ วทฉ่ี าง นางได้พลัดตกลงมาที่พ้ืนดิน ท�ำให้นางแท้งลูก พอสามกี ลบั มาถงึ บา้ นทราบเรอ่ื ง จงึ ตงั้ ขอ้ หา นายคามณ-ิ จนั ท์ฆ่าลกู ชาย ท้ัง ๓ คนจงึ ต้องเดนิ ทาง เขา้ เมืองหลวง ด้วยกนั เมอ่ื เดนิ ทางมาถงึ หมบู่ า้ นแหง่ หนง่ึ คนเลย้ี งมา้ คนหนงึ่ ก�ำลังต้อนม้าให้กลับบ้าน มีม้าตัวหน่ึงพยศ ไม่ยอมไป เขาจงึ รอ้ งบอกใหน้ ายคามณจิ นั ทเ์ อาอะไรขวางมา้ ใหก้ ลบั เข้าบ้านที นายคามณิจันท์เอาก้อนหิน ขว้างไปถูกขาม้าหัก คนเล้ียงม้าจึงต้ังข้อหาเขาท�ำให้ขาม้าหัก เป็นเหตุชาย ทง้ั ๔ คนตอ้ งเดินทางเข้าเมืองหลวง ไปด้วยกนั ในขณะเดนิ ทาง นายคามณจิ นั ทค์ ดิ นอ้ ยใจอยคู่ นเดยี ว ว่า ‘ช่างโชคร้ายนักเรา เมื่อถงึ เมอื งหลวง เงนิ สกั บาทจะ จ่ายค่าโคกไ็ มม่ ี อีกทง้ั คา่ ลกู คา่ มา้ ขอตายเสียดกี วา่ ’ ในระหว่างทางต้องเดินผ่านภูเขามีผาชันลูกหน่ึง เขาจึงตัดสินใจกระโดดลงในเหวไปตาย แต่บังเอิญมีสอง พ่อลกู นัง่ สานเส่อื ล�ำแพนอยทู่ ี่เชิงเขานน้ั 128 บรรลธุเปร็นรทมีมด้วยชาดก www.kalyanamitra.org

นายคามณจิ นั ท์ จงึ ตกลงไปทบั ชา่ งสานผพู้ อ่ เสยี ชวี ติ ๑๔ คามณิจันทชาดก ส่วนตัวเขารอดชีวติ เป็นเหตใุ หล้ กู ชายช่างสาน ตงั้ ขอ้ หา ฆ่าพ่อของเขา ชายท้ัง ๕ คนจึงเดินทางเข้าเมืองหลวง ไปดว้ ยกนั ในระหว่างทาง มีท้ังคนและสัตว์ได้ฝากสาส์นกับ นายคามณจิ นั ทไ์ ปถวายพระราชาอกี ๑๐ เรอื่ ง เมอื่ ถงึ เมอื ง หลวงแลว้ วนั นน้ั พระราชกมุ ารขน้ึ ประทบั บลั ลงั กต์ ดั สนิ คดเี อง พอเห็นหน้านายคามณิจนั ทก์ จ็ ำ� ได้ จงึ ตรสั ถามวา่ “ลุงคามณจิ ันท์ ทา่ นไปอย่ทู ่ไี หนมา ?” นายคามณจี นั ทก์ ราบทลู วา่ “ขอเดชะพระอาญาไม่พ้นเกล้า ข้าพระองค์ไปอยู่ บา้ นนอกทำ� กสกิ รรมพระเจา้ ขา้ จงึ ไดเ้ กดิ คดโี คกบั ทา่ นนี้ ขนึ้ ” พระราชกมุ ารจงึ ไตส่ วนจนทราบความแลว้ ตรสั ถาม เจา้ ของโคว่า “เมอ่ื โคเข้าบ้าน ทา่ นเหน็ หรือไม่ ?” เจา้ ของโคทูลวา่ “ไม่เห็น พระเจา้ ข้า” 129 www.kalyanamitra.org

พระองคจ์ งึ ตรัสถามย้�ำอีกวา่ “ไมเ่ หน็ แน่นะ” เขาจึงทูลใหม่ว่า “เหน็ อยูพ่ ระเจา้ ข้า” พระองค์จึงตดั สนิ คดวี ่า “ลุงคามณิจันท์ เพราะท่านไม่เอ่ยปากมอบโคแก่ เจา้ ของ จงึ ปรับสินไหมท่าน ๒๔ กหาปณะ แตช่ ายคนนี้ พูดมุสา ทั้งท่ีเห็นอยู่กลับบอกว่า ‘ไม่เห็น’ ท่านจงควัก นยั นต์ าของพวกเขาสองผวั เมียเสีย” ชายเจ้าของโค รีบกรูเข้าไปหมอบลงแทบเท้าของ นายคามณิจนั ทพ์ ูดวา่ “ท่านลุง เงนิ ค่าโค ขอยกให้ท่านก็แลว้ กนั และเงิน เหล่าน้ีขอมอบให้ทา่ นอกี ขออย่าไดค้ วกั นัยนต์ าของพวก ข้าพเจ้าเลย” มอบเงนิ ให้แลว้ ก็กลบั บา้ นไป คดีท่ี ๒ พระราชกุมารทราบเรอ่ื งแล้วตรสั ถามวา่ “เมอื่ นายคามณจิ นั ทไ์ มไ่ ดฆ้ า่ ลกู ของทา่ น ทา่ นจะทำ� อยา่ งไรละ ?” ชายคนนน้ั จงึ ทูลว่า 130 บรรลุธเปร็นรทมีมดว้ ยชาดก www.kalyanamitra.org

“ขา้ พระองคต์ อ้ งการลกู คนื เทา่ นนั้ แหละ พระเจา้ ขา้ ” ๑๔ คามณิจันทชาดก พระองคจ์ งึ ตดั สินคดีวา่ “ถ้าเช่นนั้น ลุงคามณิจันท์ จงน�ำภรรยาของเขาไป อยดู่ ้วย เมอ่ื มลี กู แล้วคอ่ ยคืนเขาไปก็แลว้ กนั ” ชายคนน้ันก็หมอบลงแทบเท้าของนายคามณิจันท์ ออ้ นวอนว่า “ทา่ นลุง…อยา่ ไดท้ �ำลายครอบครวั ผมเลย นะครับ” มอบเงินให้แลว้ ก็กลับบ้านไป คดที ่ี ๓ พระราชกมุ ารทราบเรอื่ งแล้ว ตรสั ถามวา่ “ท่านเป็นคนบอกให้นายคามณิจันท์ขว้างม้า ใช่ หรือไม่ ?” พระองค์จึงตดั สนิ คดวี ่า “ชายคนน้ีพูดมุสา ลุงคามณิจันท์ จงตัดล้ินของเขา เสีย แล้วจ่ายค่าขามา้ เขาไป ๑,๐๐๐ กหาปณะ” ชายเจ้าของม้าหมอบลงแทบเท้านายคามณิจันณ์ ขอชีวิตพรอ้ มมอบเงินใหแ้ ลว้ ก็กลบั บ้านไป คดที ี่ ๔ เมอื่ พระราชกมุ ารทราบเรอื่ งแลว้ ตรสั ถามวา่ “เมอ่ื เขาตกลงมาทบั บดิ าของทา่ นตาย โดยไมเ่ จตนา เช่นนี้ ท่านจะใหท้ ำ� อยา่ งไรละ ?” 131 www.kalyanamitra.org

ลูกชายช่างสานจงึ ทูลวา่ “ข้าพระองคข์ อเพยี งบิดาคนื มาเทา่ นั้น พระเจา้ ขา้ ” พระองค์จึงตัดสินคดวี ่า “ลุงคามณิจันท์ เม่ือเขาต้องการบิดาของเขาคืน คนตายไปแล้วย่อมฟื้นคืนมาไม่ได้ ท่านจงรับมารดา ของเขามาเปน็ ภรรยาก็แล้วกนั ” บตุ รชา่ งสานจงึ หมอบลงแทบเทา้ ของนายคามณจิ นั ท์ ออ้ นวอนวา่ “ทา่ นลุง…อย่าไดท้ ำ� ลายครอบครวั ผมเลยนะครับ” มอบเงนิ ให้แลว้ ก็กลับบ้านไป นายคามณจิ นั ทช์ นะคดคี วามจงึ มคี วามยนิ ดเี บกิ บานใจ กราบทูลว่า “ขอเดชะ ยังมีสาส์นฝากมาถวายพระองค์ อีก ๑๐ เรอ่ื ง พระเจ้าขา้ ” พระราชกมุ ารจงึ รบั ส่ังใหบ้ อกสาส์นนัน้ มาทลี ะเรอ่ื ง สาส์นท่ี ๑ นายบ้านสว่ ยคนหน่งึ ทูลถามว่า “เดิมที เขาเปน็ คนรูปงาม มที รพั ยส์ มบตั ิมาก ไมม่ ี โรคภัยเบียดเบียน แต่บัดน้ีเป็นคนทุกข์ยาก ซูบผอม เปน็ โรค เปน็ เพราะเหตุไร ? พระเจ้าข้า” 132 บรรลุธเปร็นรทมมี ด้วยชาดก www.kalyanamitra.org

พระราชกมุ ารตรสั ว่า ๑๔ คามณิจันทชาดก “นายบา้ นสว่ ยคนน้ันเดมิ เป็น คนมีศีลธรรม ตัดสิน คดีโดยธรรม จึงเปน็ ทีร่ ักของทกุ คน เขาจึงมีทรพั ย์สมบตั ิ มาก ต่อมาเขาเห็นแก่สินบน ตัดสินคดีโดยไม่เป็นธรรม จงึ เป็นคนทุกขย์ ากเข็ญใจ มีโรคภัย เบียดเบยี น บอกให้ เขากลับมาเป็นคนมีศีลธรรมอีก เขาก็จะเป็นคนม่ังมี เหมอื นเดมิ ” สาสน์ ท่ี ๒ หญงิ คณกิ านางหนึง่ ทูลถามวา่ “เมอ่ื กอ่ นไดค้ า่ จา้ งมาก แตม่ าบดั นไ้ี มไ่ ดแ้ มแ้ ตห่ มาก พลมู วนเดยี ว ไม่มีใครมาเที่ยวเลย เปน็ เพราะเหตุไร ?” พระราชกมุ ารตรสั ว่า “เมอื่ กอ่ นนางรบั คา่ จา้ งจากชายคนหนง่ึ แลว้ จะไมร่ บั จากคนอนื่ อกี (เป็นไปตามล�ำดบั ) นางจึงมคี ่าจา้ งมาก บัดน้ีนางรับค่าจ้างจากคนแรกแล้วกลับไปนอนกับ คนหลงั คา่ จา้ งจงึ ไมค่ อ่ ยจะมี ถา้ นางกลบั ไปปฏบิ ตั ติ ามเดมิ ไม่เห็นแกไ่ ด้ นางกจ็ ะเปน็ คนมคี ่าจา้ ง เหมอื นเดิม” สาส์นที่ ๓ หญิงสาวนางหนง่ึ ทลู ถามว่า “นางไมส่ ามารถอยใู่ นบา้ นของสามแี ละบดิ ามารดาได้ เปน็ เพราะเหตุไร ?” 133 www.kalyanamitra.org

พระราชกมุ ารตรสั ว่า “ในระหว่างบ้านของสามีและบิดามารดาของสาว นางนั้น มีบา้ นของชายคนรักของเธออยูห่ ลงั หนึง่ เธอจึงไม่สามารถอยู่ในบ้านสามีได้ บอกสามีว่า ‘จะกลับไปเย่ียมบิดามารดา’ ก็แอบไปอยู่บ้าน ชายชู้ ๒-๓ วัน ไปบ้านบิดามารดาก็บอกว่า ‘จะไปบ้าน สามี’ แล้วก็แอบอย่บู า้ นชายชู้ ๒-๓ วนั ท่านลุงคามณจิ นั ท์ จงบอกให้เธอทราบวา่ ‘พระราชก�ำหนดกฎหมายมีอยู่ ถ้าเธอไม่อยู่ท่ีบ้าน สามอี กี ชีวิตเธอกจ็ ะไม่มีเช่นกัน’ ” สาส์นท่ี ๔ งูตัวหนึ่งอยู่ที่จอมปลวกใกล้ทางใหญ่ ทลู ถามวา่ “ในเวลาออกหากิน ร่างกายผอมกลับคับปล่อง ทางออก จะออกจากจอมปลวกยากลำ� บาก เมอื่ กนิ อม่ิ แลว้ ร่างกายอ้วนพีกลับเข้าปล่องง่าย ร่างกายไม่กระทบ แม้กระทง่ั ขา้ งปลอ่ งเลย เปน็ เพราะเหตไุ ร ?” พระราชกมุ ารตรัสว่า “ภายใต้จอมปลวกมีขุมทรัพย์หม้อใหญ่ฝังอยู่ งูน้ัน เฝ้าหม้อทรัพย์นั้นอยู่ จึงท�ำให้ร่างกายหย่อนติดนั่นติดน่ี เวลาออกจึงยากล�ำบาก เมอ่ื กินอ่มิ แล้วไมต่ ิดขัดรีบเข้าไป โดยเร็วเพราะติดอย่ใู นทรพั ย์ 134 บรรลุธเปร็นรทมีมด้วยชาดก www.kalyanamitra.org

ท่านลงุ คามณจิ ันทจ์ งไปขุดเอาทรัพย์นน่ั เสียเถอะ” สาส์นท่ี ๕ เนือ้ ตวั หนงึ่ ทูลถามวา่ ๑๔ คามณิจันทชาดก “ขา้ พเจา้ ไมอ่ าจไปกนิ หญา้ ทอี่ น่ื ได้ กนิ อยทู่ โ่ี คนตน้ ไม้ แห่งเดยี วเทา่ นน้ั เปน็ เพราะเหตไุ ร ?” พระราชกุมารตรัสว่า “ที่ต้นไม้นั้นมีรวงผ้ึงใหญ่ เนื้อตัวน้ันติดอยู่ในหญ้า ท่ีเปอื้ นนำ� นำ้� ผง้ึ จึงไมไ่ ปไหน ทา่ นลงุ คามณจิ นั ท์ จงไปนำ� นำ้� ผง้ึ นนั้ มาใหเ้ รา ทเี่ หลอื ยกใหท้ า่ น” สาสนท์ ี่ ๖ นกกระทาตวั หน่งึ ทลู ถามว่า “ข้าพเจ้าจับอยู่ท่ีจอมปลวกเท่าน้ัน จึงอยู่ได้สบาย อยทู่ ี่อืน่ ไม่ไดเ้ ลย เป็นเพราะเหตุไร ?” พระราชกมุ ารตรสั ว่า “นกกระทาจบั ทจี่ อมปลวก จงึ ขนั อยา่ งอม่ิ เอบิ ใจ และ ภายใต้จอมปลวกน้นั มีหม้อขุมทรัพย์ ทา่ นลงุ คามณจิ นั ทจ์ งไปขดุ เอาหมอ้ ขมุ ทรพั ยน์ น้ั เถดิ ” สาส์นท่ี ๗ รกุ ขเทวดาตนหน่งึ ทลู ถามว่า “เมื่อก่อน เคยไดล้ าภสกั การะมาก บดั นไี้ มไ่ ดแ้ มแ้ ต่ ใบไม้อ่อนก�ำมอื หน่ึง เป็นเพราะเหตไุ ร ?” 135 www.kalyanamitra.org

พระราชกมุ ารตรสั ว่า “เมอื่ กอ่ นรกุ ขเทวดานน้ั รกั ษาพวกมนษุ ยผ์ เู้ ดนิ ทาง ไปในดง จงึ ไดเ้ ครอื่ งสักการะทเ่ี ขาทำ� พลกี รรม บดั นีไ้ มไ่ ด้ รักษาพวกมนุษย์จึงไม่ได้ท�ำพลีกรรม ถ้ากลับไปรักษา พวกมนุษยอ์ กี ก็จะได้ลาภสักการะเหมือนเดมิ ” สาสน์ ที่ ๘ พญานาคตัวหนงึ่ ทลู ถามวา่ “เม่ือก่อน น้�ำในสระใสสะอาดมีสีเหมือนแก้วมณี บัดน้กี ลบั ขุ่นมวั มแี หนปกคลมุ เปน็ เพราะเหตไุ ร ?” พระราชกมุ ารตรสั วา่ “พญานาคทะเลาะกนั นำ�้ จงึ ขนุ่ มวั ถา้ พญานาคกลบั มา สมานสามคั คกี นั นำ้� ในสระกจ็ ะใสสะอาดเหมือนเดมิ ” สาส์นที่ ๙ พวกดาบสทีอ่ ยใู่ กล้เมอื งนท้ี ูลถามวา่ “เมื่อก่อนผลไม้ในอารามอร่อยมาก บัดนี้กลับมา เฝอ่ื นฝาดไม่อรอ่ ย เป็นเพราะเหตไุ ร ?” พระราชกมุ ารตรสั ว่า “เมื่อก่อนพวกดาบสพากันปฏิบัติสมณธรรม เป็น ผู้ขวานขวายในการบริกรรมกสิณ บัดนี้พากันละทิ้ง ไมป่ ฏบิ ัติธรรม ประกอบในกจิ ที่ไมค่ วรทำ� ใหผ้ ลไม้ทีเ่ กิด ในอารามแกพ่ วกโยมอปุ ัฎฐากเลยี้ งชีพดว้ ยมิจฉาชีพ 136 บรรลุธเปร็นรทมมี ดว้ ยชาดก www.kalyanamitra.org

เพราะเหตนุ ผี้ ลไมข้ องพวกดาบสจงึ ไมอ่ รอ่ ย ถา้ พวก ๑๔ คามณิจันทชาดก ดาบสพากันปฏิบัติธรรมเหมือนเดิม ผลไม้ก็จะอร่อย เหมอื นเดิม” สาสน์ ท่ี ๑๐ พราหมณห์ นมุ่ คนหนงึ่ ทศี่ าลาใกลป้ ระตู เมอื งทลู ถามวา่ “เมื่อก่อนเรียนหนังสือท่องจ�ำได้ดี แต่บัดน้ี เรียน เท่าไหร่ ก็ไม่จำ� เปน็ เพราะเหตไุ ร ?” พระราชกุมารตรสั ว่า “เม่ือก่อนมีไก่ขันบอกเวลา พวกพราหมณ์หนุ่ม จงึ เรยี นไดจ้ ำ� ดี แตบ่ ดั นไี้ กข่ นั ไมเ่ ปน็ เวลา จงึ ทำ� ใหพ้ วกเขา เรยี นหนงั สือไม่ได้ และจ�ำไม่ได้” พระราชกุมารคร้ันพยากรณ์ปัญหาหมดแล้ว ก็ พระราชทานทรพั ยม์ ากมายและบ้านให้นายคามณิจนั ท์ เขาได้เดินทางกลับไปส่งสาส์นตามท่ีพระราชา ประทานแกค่ นเหลา่ นนั้ และทำ� ตามคำ� แนะนำ� ของพระราชา ทกุ ประการ ครั้นทรงน�ำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศ สจั จะประชมุ ชาดก. 137 www.kalyanamitra.org

ในเวลาจบสจั จะ คนจำ� นวนมากไดเ้ ปน็ พระโสดาบนั พระสกทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์. ประชุมชาดก นายคามณจิ ันทใ์ นกาลนนั้ ไดเ้ ป็น พระอานนท์ ในบัดนี้ พระเจา้ อาทาสมขุ ในกาลนัน้ คอื เราตถาคต 138 บรรลธุเปร็นรทมีมดว้ ยชาดก www.kalyanamitra.org

๑๕ เสนกชาดก๒๗ วา่ ด้วย ผมู้ ปี ัญญาช่วยคนอ่นื ได้ สถานทต่ี รัส พระวิหารเชตวนั ๑๕ เสนกชาดก ทรงปรารภ พระปัญญาบารมขี องพระองค์ สาเหตทุ ่ีตรสั เรอ่ื งปจั จบุ นั จกั มแี จม่ แจง้ ใน อมุ มงั คชาดก. (มโหสถ ชาดก) ในอดีตกาล พระราชาทรงพระนามว่า ‘ชนก’ ครอง ราชสมบตั ิอยใู่ นนครพาราณส.ี ครั้งน้ัน พระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลพราหมณ์. เหล่าญาติไดข้ นานนามทา่ นว่า ‘เสนกะ’. ทา่ นเตบิ โตแลว้ เรยี นศลิ ปะทกุ อยา่ งทเี่ มอื งตกั กสลิ า แลว้ กลบั มาเฝ้าพระราชาทีน่ ครพาราณสี. ๒๗ ตน้ ฉบบั ชาตกฏั ฐกถา อรรถกถาขทุ ทกนกิ าย สตั ตกนบิ าตชาดก, ล.๕๙, น.๒๖๘, มมร. 139 www.kalyanamitra.org

140 บรรลุธเปร็นรทมมี ด้วยชาดก www.kalyanamitra.org

พระราชาทรงสถาปนาท่านไว้ในต�ำแหน่งอ�ำมาตย์ ๑๕ เสนกชาดก และทรงเพิ่มยศย่ิงใหญ่ให้ท่าน. ท่านได้ถวายอรรถธรรม แก่พระราชาเนืองๆ. ท่านเป็นผู้สอนธรรมที่มีถ้อยค�ำ ไพเราะ ใหพ้ ระราชาทรงด�ำรงอยู่ในเบญจศลี แล้วให้ทรง ด�ำรงอยู่ในปฏิปทาท่ีดีงามนี้ คือในทาน ในอุโบสถกรรม และในกศุ ลกรรมบถ ๑๐ ข้อ. สมยั นน้ั ไดเ้ ปน็ เสมอื นเวลาทพ่ี ระพทุ ธเจา้ เสดจ็ อบุ ตั ิ ขน้ึ ในสากลรฐั . พระมหาสตั วไ์ ปทท่ี า่ มกลางแทน่ ทอ่ี บอวล ไปดว้ ยของหอม ในธรรมสภาทเี่ ขาเตรียมไว้แลว้ ก็แสดง ธรรมดว้ ยพทุ ธลลี า. ธรรมกถาของทา่ นเปน็ เชน่ กบั ธรรมกถา ของพระพทุ ธเจ้าทง้ั หลายกป็ านกนั . ล�ำดับนั้น พราหมณ์ชราคนหน่ึงเท่ียวหาขอเงินได้ เงนิ พนั กหาปณะ เกบ็ ฝากไวท้ ตี่ ระกลู พราหมณต์ ระกลู หนงึ่ แล้วคดิ วา่ ‘เราจะเทยี่ วขออกี ’ ดงั น้ี แลว้ ก็ไป. ในเวลาพราหมณ์น้ันไปแล้วตระกูลน้ันใช้กหาปณะ หมด. พราหมณ์น้ันกลบั มา แล้วขอกหาปณะคนื . พราหมณ์ไม่อาจจะให้กหาปณะคืนได้ จึงได้ให้ธิดา ของตนใหเ้ ป็นนางบำ� เรอบาท คอื เมียของพราหมณน์ ้นั . พราหมณ์พานางไปอยู่กินกันท่ีหมู่บ้านต�ำบลหนึ่ง ไมไ่ กลจากนครพาราณสี. 141 www.kalyanamitra.org

คราทนี่ นั้ ภรรยาของเขาผไู้ มอ่ ม่ิ ในกาม เพราะยงั สาว จงึ ประพฤติมิจฉาจาร คอื เป็นชกู้ บั พราหมณ์หนมุ่ คนหนงึ่ เพราะว่า ขนึ้ ช่ือว่าของที่ไมร่ ู้จักอิม่ มี ๑๖ อย่างคอื :- ๑. มหาสมุทรไมอ่ ม่ิ ดว้ ยนำ�้ ทไี่ หลมาทกุ ทศิ ทกุ ทาง ๒. ไฟไม่อ่มิ ด้วยเชือ้ ๓. พระราชาไม่ทรงอิ่มด้วยราชสมบัติ. ๔. คนพาลไมอ่ ่มิ ด้วยบาป. ๕. หญิงไม่อ่ิมด้วยของ ๓ อย่างเหลา่ น้ี คือ เมถนุ ธรรม ๑ เครอ่ื งประดับ ๑ การคลอดบตุ ร ๑. ๖. พราหมณ์ไม่อม่ิ ด้วยมนต.์ ๗. ผไู้ ดฌ้ านไมอ่ ม่ิ ดว้ ยวหิ ารสมาบตั ิ คอื การเขา้ ฌาน. ๘. พระเสขบคุ คลไมอ่ มิ่ ดว้ ยการหมดเปลอื งในการ ใหท้ าน. ๙. ผูม้ ักนอ้ ยไม่อิ่มด้วยธดุ งค์คณุ . ๑๐. ผู้เร่ิมความเพียรแลว้ ไม่อ่มิ ดว้ ยการปรารภ ความเพียร. ๑๑. ผแู้ สดงธรรม คอื นกั เทศนไ์ มอ่ ม่ิ ดว้ ยการสนทนา ธรรม. 142 บรรลุธเปร็นรทมมี ด้วยชาดก www.kalyanamitra.org

๑ ๒. ผกู้ ลา้ หาญไม่อ่มิ ดว้ ยบริษทั . ๑๕ เสนกชาดก ๑๓. ผมู้ ศี รทั ธาไม่อิม่ ดว้ ยการอุปัฏฐากพระสงฆ์. ๑๔. ทายกไม่อิม่ ดว้ ยการบริจาค. ๑๕. บัณฑิตไมอ่ ิม่ ด้วยการฟังธรรม. ๑๖. บริษัท ๔ ไม่อมิ่ ในการเฝ้าพระพทุ ธเจา้ . ถงึ นางพราหมณนี นั้ กไ็ มอ่ มิ่ ดว้ ยเมถนุ ธรรม ตอ้ งการ จะสลัดพราหมณน์ ัน้ ให้ออกไป แล้วท�ำบาปกรรม วันหนึ่ง นอนกลมุ้ ใจอยู่ เมอ่ื พราหมณ์ถามว่า “แมม่ หาจ�ำเรญิ มีเรื่องอะไรหรอื ?” จงึ พูดว่า “พราหมณเ์ จา้ ขา ฉนั ไมอ่ าจจะทำ� งานในบา้ นของทา่ น คือท�ำไม่ไหว ขอท่านจงไปนำ� เอาทาสหญงิ ทาสชายมา.” พราหมณ์ “แมม่ หาจำ� เรญิ ทรพั ยข์ องเราไมม่ ี ฉนั จะใหอ้ ะไรเขา แลว้ จงึ จะน�ำทาสหญงิ ทาสชายมาได.้ ” พราหมณี “เทีย่ วขอเสาะหาทรัพย์ แล้วนำ� มาสิ.” พราหมณ์ “แมม่ หาจำ� เรญิ ถา้ อยา่ งนนั้ เธอจงเตรยี ม เสบียงใหฉ้ ัน.” 143 www.kalyanamitra.org

นางจงึ เตรยี มขา้ วตกู อ้ นขา้ วตผู ง บรรจเุ ตม็ ไถห้ นงั ๒๘ แลว้ ได้มอบใหพ้ ราหมณไ์ ป. ฝ่ายพราหมณ์ เม่ือเท่ียวไปในหมู่บ้านนิคมและ ราชธานที ้ังหลาย ไดเ้ งิน ๗๐๐ กหาปณะ เห็นว่าพอแลว้ เงินเท่าน้ีส�ำหรับเราเพ่ือเป็นค่าทาสชายและทาสหญิง แลว้ กก็ ลับมาบา้ นของตน มาถึงที่แห่งหนึ่ง เป็นสถานท่ีมีน้�ำสะดวกสบาย จึง แกไ้ ถ้ออกกินข้าวตู แล้วไมไ่ ดผ้ กู ปากไถเ้ ลย ลงไปดืม่ นำ้� . งูเห่าหม้อตัวหน่ึงได้กล่ินข้าวตู จึงเล้ือยเข้าขดตัว นอนกินข้าวตูอยู่ พราหมณ์มาแล้วไม่ได้มองดูภายในไถ้ ผกู ไถ้แล้วแบกข้นึ บ่าไป. เทวดาผู้เกิดบนต้นไม้ต้นหนึ่งในระหว่างทางยืนอยู่ ทคี่ าคบ๒๙ต้นไม้ พูดว่า “ดูก่อนพราหมณ์ ถ้าท่านพักระหว่างทาง ท่านจัก ตายเอง แต่ถ้าวันน้ี ท่านไปถึงบ้าน ภรรยาของท่าน จกั ตาย” แลว้ ก็หายไป. เขามองดูอยู่ไม่เหน็ เทวดา กลัวถูกภัยคอื ความตาย คกุ คาม จงึ รอ้ งไหค้ รำ่� ครวญไปถงึ ประตพู ระนครพาราณส.ี ๒๘ น. ถงุ ยาวๆ ใหญบ่ า้ ง เลก็ บา้ ง สำ� หรบั ใสเ่ งนิ หรอื สง่ิ ของ โดยมาก ใชค้ าดเอว ๒๙ น. งา่ มตน้ ไมก้ งิ่ ใหญก่ บั ลำ� ตน้ แยกกนั คบ หรอื คา่ คบ กเ็ รยี ก 144 บรรลธุเปร็นรทมีมดว้ ยชาดก www.kalyanamitra.org

กว็ นั นนั้ เปน็ วนั อโุ บสถ ๑๕ คำ�่ เปน็ วนั ทพ่ี ระโพธสิ ตั ว์๑๕ เสนกชาดก นง่ั แสดงธรรมบนธรรมาสนท์ เ่ี ขาตกแตง่ แลว้ มหาชนพากนั ถอื ของหอมและดอกไมเ้ ดนิ ไปฟงั ธรรมกถากนั เปน็ พวกๆ. พราหมณเ์ ห็นเขา จงึ ถามวา่ “ทา่ นท้งั หลายไปไหนกัน พอ่ คุณ ?” เมื่อเขาบอกว่า “ดูก่อนพราหมณ์ วันน้ีเสนกบัณฑิตจะแสดงธรรม ด้วยเสยี งไพเราะตามพุทธลีลา ท่านไมร่ ้หู รอื ?” จงึ คดิ ว่า ‘ไดท้ ราบวา่ ทา่ นผู้แสดงธรรม ธรรมกถกึ เป็นบัณฑิต ส่วนเราถูกมรณภัยคุกคาม ก็แหละผู้เป็น บัณฑิตอาจจะบรรเทาความโศกตั้งมากมายได้. แม้เรา ก็ควรไปฟังธรรม ณ ทน่ี ้ัน.’ เขาจงึ ไปทนี่ ัน้ กับมหาชนน้ัน กลัวความตาย ไดย้ นื ร้องไห้อยู่ท้ายบริษัท ที่มีพระราชานั่งห้อมล้อมพระมหา- สตั วอ์ ยแู่ ลว้ ไมไ่ กลจากธรรมาสน์ ทั้งๆ ท่ไี ถ้ขา้ วตูยังพาด อยูท่ ี่ตน้ คอ. พระมหาสัตว์แสดงธรรมเหมือนกับให้ข้ามอากาศ คงคาและเหมือนกับหลั่งฝนอมฤตลง. มหาชนเกิดความ โสมนัสใหส้ าธกุ ารไดฟ้ งั ธรรมกนั แล้ว. ก็ธรรมดาบัณฑิตทั้งหลาย เป็นผู้มองดูทิศทาง ในขณะนน้ั พระมหาสตั ว์ลมื ตาที่มปี ระสาท ๕ ผ่องใสขึ้น ดูบรษิ ัทโดยรอบ เห็นพราหมณน์ ้ัน จงึ คิดวา่ 145 www.kalyanamitra.org

‘บริษัทจ�ำนวนเท่านี้ เกิดความโสมนัส ให้สาธุการ ฟังธรรมกัน แต่พราหมณ์คนน้ีคนเดียว ถึงความโทมนัส ร้องไห้ พราหมณ์น้ันต้องมีความเศร้าโศกอยู่ในภายใน ท่ีสามารถให้น้�ำตาเกิดขึ้นแน่ๆ เราจักพลิกใจพราหมณ์ ผมู้ ดื มน แสดงธรรมใหเ้ ขาไมม่ คี วามโศกใหพ้ อใจในเรอื่ งน้ี ทีเดียว เหมือนสนิมทองแดงหลุดออกไปเพราะขัดด้วย ของเปรย้ี ว และเหมอื นหยดนำ�้ กลง้ิ ออกไปจากใบบวั ฉะนนั้ .’ ท่านได้เรียกพราหมณ์นั้นมาหา เม่ือเจรจากับ พราหมณ์นั้นว่า “ดกู อ่ นพราหมณ์ เราชอ่ื วา่ ‘เสนกบณั ฑติ ’ เราจกั ทำ� ให้ ทา่ นไมม่ คี วามเศรา้ โศก ขอทา่ นจงวางใจ แลว้ บอกมาเถดิ .” จงึ กลา่ วคาถาแรกว่า :- ท่านหวั เสีย มีอนิ ทรีย์ คอื นยั นต์ าโรยแลว้ น้�ำตาไหล จากตาของท่านท้ัง ๒ ข้าง. ท่านสูญเสียอะไรไป ก็ท่าน ตอ้ งการอะไร จงึ มาทน่ี ี้ เชญิ เถดิ เชญิ บอกใหเ้ ราทราบเถดิ จริงอยู่ พระมหาสัตว์ เม่ือจะตักเตือนพราหมณ์นั้น จึงกลา่ วอย่างน้วี า่ “ดูก่อนพราหมณ์ ธรรมดาสัตว์ท้ังหลายเศร้าโศก คร�่ำครวญกนั เพราะเหตุ ๒ ประการ คอื เมื่อสญู เสียญาติ ท่ีรักบางคน ในบรรดาสัตว์และสังขารทั้งหลายนั่นเอง 146 บรรลุธเปร็นรทมีมด้วยชาดก www.kalyanamitra.org

หรอื ปรารถนาญาตทิ ร่ี กั บางคนนนั่ เอง แตไ่ มไ่ ดด้ งั ตอ้ งการ ๑๕ เสนกชาดก ในจ�ำนวน ๒ อย่างน้ัน ท่านสูญเสียอิฏฐผล๓๐ข้อไหน ก็ทา่ นปรารถนาอะไร จงึ มาทน่ี ้ี ? ขอจงบอกเรือ่ งน้ีแก่เรา โดยเรว็ เถดิ .” ล�ำดบั น้นั พราหมณ์ เมอ่ื จะบอกเหตุแห่งความโศก ของตนแกพ่ ระมหาสัตว์ จงึ กล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :- ยกั ษร์ กุ ขเทวดาบอกวา่ ‘วนั น้ี เมอื่ ขา้ พเจา้ ไปถงึ บา้ น เมียของข้าพเจ้าจะตาย แต่ถ้าข้าพเจ้าไปไม่ถึงก็จะมี ความตายเอง’ ข้าพเจ้าหวาดหว่ันเพราะทุกข์น้ัน ข้าแต่ ทา่ นเสนกะ ขอทา่ นจงบอกเหตุน้ันแก่ข้าพเจา้ ดว้ ยเถดิ . พระมหาสตั ว์ไดฟ้ ังค�ำของพราหมณ์แลว้ จงึ แผข่ า่ ย ญาณไป เหมือนเหว่ยี งแหลงในนา่ นนำ้� ทะเล คิดแลว้ วา่ ‘เหตแุ หง่ การตายของสตั วเ์ หลา่ นม้ี มี าก คอื จมทะเล ไปบ้าง ถูกปลาร้ายในทะเลน้ันคาบไปบ้าง ตกลงไป ในนำ้� บ้าง ถูกจระเข้ในแมน่ ำ้� นั้นคาบไปบ้าง ตกต้นไม้บา้ ง ถกู หนามแทงบา้ ง ถกู ประหารดว้ ยอาวธุ นานาประการบา้ ง กินยาพษิ เขา้ ไปบา้ ง ปีนขน้ึ ภเู ขาแล้วตกลงไปในเหวบ้าง ๓๐ ผลอนั นา่ ปรารถนา เปน็ ทพี่ อใจ ตอ้ งใจ 147 www.kalyanamitra.org

หรือถูกโรคนานาประการมีหนาวจัดเป็นต้น เบียดเบียน บ้าง ตายเหมอื นกันทง้ั นนั้ . เมื่อเหตุแห่งการตายมีมากอย่างนี้ ด้วยเหตุอะไร หนอแล วนั นพี้ ราหมณน์ น้ั เมอ่ื อยรู่ ะหวา่ งทางจงึ จกั ตายเอง แต่เม่อื ไปถึงบ้านภรรยาของเขาจักตาย. และเมื่อก�ำลังคิดอยู่ได้มองเห็นไถ้อยู่บนคอของ พราหมณ์ ก็รู้ได้ด้วยญาณ คือความฉลาดในอุบายว่า ‘ในไถน้ คี้ งมงี ตู วั หนงึ่ เลอื้ ยเขา้ ไปอยู่ขา้ งใน.’ ก็แหละเม่ือจะเล้ือยเข้าไป มันคงจะเลื้อยเข้าไป เพราะกล่ินข้าวตู ในเม่ือพราหมณ์คนน้ีกินข้าวตูในเวลา อาหารเชา้ ไมไ่ ดผ้ กู ปากไถไ้ วเ้ ลย แลว้ ไปดม่ื นำ้� . พราหมณ์ ดื่มนำ�้ แลว้ มา ไมท่ ราบวา่ ‘งเู ข้าไปอยู่ในไถ้แล้ว’ คงจักผกู ปากไถแ้ ลว้ ก็แบกเอาไป. พราหมณ์น้ีน้ัน เม่ือพักอยู่ระหว่างทาง ก็จักแก้ไถ้ สอดมอื เขา้ ไปดว้ ยตง้ั ใจวา่ ‘เราจกั กนิ ขา้ วต’ู ณ สถานทพ่ี กั ในเวลาเย็น เมื่อเป็นเช่นนั้นงูก็จะกัดมือเขาให้ถึงความ สิ้นชีวิต นี้คือเหตุแห่งการตายของพราหมณ์ผู้พักอยู่ ระหว่างทาง. แต่ถ้าพราหมณ์ไปถึงบ้านไซร้ ไถ้จักตกถึงมือของ ภรรยา นางก็จักแก้ไถ้เอามือล้วงด้วยต้ังใจว่า ‘จักดูของ 148 บรรลธุเปร็นรทมีมดว้ ยชาดก www.kalyanamitra.org

อยขู่ า้ งใน’. เมอื่ เปน็ เชน่ นน้ั งกู จ็ กั กดั นางใหถ้ งึ ความสน้ิ ชพี ๑๕ เสนกชาดก น้ีคือเหตุแห่งการตายของภรรยาของเขาผู้ไปถึงเรือน ในวันน.้ี ’ ล�ำดบั น้นั พระมหาสตั วไ์ ด้มคี วามดำ� ริน้วี า่ ‘งูเห่าหม้อตัวน้ีกล้าหาญควรปลอดภัย เพราะว่างู ตัวน้ี แม้จะกระทบสีข้างใหญ่ของพราหมณ์ ก็ไม่แสดง ความหว่ันไหวหรือความดิ้นรนของตน ถึงในท่ามกลาง บริษัทชนิดนี้ ก็ไม่แสดงความมีอยู่ของตน เพราะฉะน้ัน งูเหา่ หม้อตวั น้ที ก่ี ลา้ หาญ จึงควรปลอดภยั ’. แม้เหตุการณ์ดังที่ว่ามานี้ พระมหาสัตว์ก็ได้รู้ด้วย ญาณ คอื ความเปน็ ผฉู้ ลาดในอบุ ายนน่ั เอง เหมอื นเหน็ ดว้ ย ทพิ พจกั ข.ุ เมอ่ื เปน็ เช่นน้ี พระมหาสัตวก์ �ำหนดด้วยญาณ คือความเป็นผู้ฉลาดในอุบายนั่นเอง เหมือนคนยืนดูงู ที่กำ� ลงั เลื้อยเข้าไปในไถ้ ทา่ มกลางบรษิ ัททม่ี พี ระราชา. เม่ือจะแก้ปัญหาของพราหมณ์ จึงกล่าวคาถาท่ี ๓ ว่า :- เราคิดค้นหาเหตุหลายอย่าง บรรดาเหตุเหล่านี้ เหตทุ เ่ี ราจะบอกนน่ั แหละเปน็ ของจรงิ พราหมณ์ เราเขา้ ใจ วา่ ‘งเู หา่ หมอ้ ตวั หนง่ึ ไดเ้ ลอ้ื ยเขา้ ไปอยใู่ นไถข้ า้ วตขู องทา่ น ผูไ้ มร่ ูส้ กึ ’. 149 www.kalyanamitra.org


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook