Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บรรลุธรรมเป็นทีม 7-10-62เดี่ยว

บรรลุธรรมเป็นทีม 7-10-62เดี่ยว

Published by panida42222, 2021-01-13 13:21:00

Description: บรรลุธรรมเป็นทีม 7-10-62เดี่ยว

Search

Read the Text Version

www.kalyanamitra.org

บรรลธุ รรมเปน็ ทมี ดว้ ยชาดก ISBN : 978-616-8103-12-8 ผูค้ ้นคว้าและเรียบเรียง : สริ ิปุณฺโณ ภาพประกอบ : www.dmc.tv และเวบไซตอ์ ื่นๆ ออกแบบปก : เบญจมาศ สุทธศิ รีโยธิน รูปเล่ม/จัดอาร์ต : สกุ ญั ญา บญุ ทัน พิมพค์ รั้งท่ี ๑ : พ.ศ. ๒๕๖๒ ลิขสิทธแิ์ ละจัดพิมพโ์ ดย : สม าคมสมาธิเพือ่ การพัฒนาศีลธรรมโลก โทร. ๐๓๘-๔๒๐๐๔๓ พิมพท์ ่ี : บรษิ ทั พมิ พ์ดี จำ� กดั โทร. ๐-๒๔๐๑-๙๔๐๑ ขอ้ มูลทางบรรณานุกรมของสำ� นกั หอสมุดแห่งชาติ National Library of Thailand Cataloguing in Publication Data สิริ ปุณฺ โณ. บรรลุธรรมเป็นทีมดว้ ยชาดก.-- นนทบุรี : สมาคมสมาธิ เพื่อการพฒั นาศีลธรรมโลก, 2562. 168 หนา้ . 1. ชาดกยอ่ . 2. ธรรมะ. 3. การบรรลุธรรม I. สิริปุณฺโณ ผคู้ น้ ควา้ และเรียบเรียง. II. ช่ือเรื่อง. 294.3184 www.kalyanamitra.org

ค�ำ นำ� นิทานชาดก เป็นเร่ืองจริงที่เกิดข้ึนในครั้งอดีตกาลนานโพ้น ทพี่ ระศาสดาน�ำมาตรัสเลา่ เพอื่ เป็นกุศโลบาย ในการสอนธรรมและ เป็นนิทานประเภทเดียวในโลก ที่ผู้ฟังสามารถไตร่ตรองตาม จนใจ หยดุ นง่ิ บรรลธุ รรมขนั้ ตา่ งๆ ไดจ้ ำ� นวนมากๆ ในคราวเดยี วกนั ผลจากการฟังชาดก ก็เปน็ อีกส่งิ หน่งึ ทไี่ มค่ ่อยมีการกล่าวถงึ แตเ่ ม่อื ใคร่ครวญแลว้ กเ็ ปน็ สิ่งทไ่ี ม่ควรมองข้าม อะไรเปน็ สาเหตุให้ ผู้ทีฟ่ ังชาดกแล้ว สามารถบรรลุธรรมในระดับต่างๆ ไดอ้ ย่างง่ายดาย หนังสือเล่มนี้ จึงรวบรวมเรื่องที่มีผลจากการฟังชาดกแล้ว สามารถบรรลธุ รรม ในระดบั ตา่ งๆ ไดพ้ รอ้ มกนั ในคราวเดยี ว ขอแสงสวา่ งแห่งธรรมะของพระสมั มาสมั พทุ ธเจ้า จงบงั เกดิ ในดวงใจของของทกุ ๆ ท่านเทอญ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ไลน์ไอดี Line ID : Siripunno แฟนเพจ Fanp@ge: Siripunno อเี มล์ E-mail : [email protected] www.kalyanamitra.org

สารบัญ ๗ ๑. สังกัปปราคชาดก ว่าด้วย ลกู ศรคือกเิ ลส ๑๓ ๒. คณุ ชาดก วา่ ด้วย มิตรธรรม ๒๗ ๓. พันธนาคารชาดก วา่ ดว้ ย เครื่องผูก ๓๓ ๔. เกฬิสลี ชาดก ว่าด้วย ปัญญาสำ� คัญกวา่ รา่ งกาย ๓๙ ๕. กทุ ทาลชาดก ว่าด้วย ความชนะทดี่ ี ๕๑ ๖. ตลิ มุฏฐิชาดก วา่ ดว้ ย การเฆ่ียนตีเป็นการส่งั สอน ๕๙ ๗. ฑูตชาดก วา่ ด้วย ทุกชวี ิตเป็นทตู ของทอ้ ง www.kalyanamitra.org

๖๕ ๘. สุกชาดก วา่ ด้วย โทษของการไมร่ ้ปู ระมาณ ๗๑ ๙. กรุ ธุ รรมชาดก ว่าด้วย ใหช้ ้างแก่ทา้ วกาลงิ คราช ๗๙ ๑๐. สัยหชาดก ว่าด้วย การแสวงหาที่ประเสริฐ ๘๗ ๑๑. มฆเทวชาดก ว่าดว้ ย เทวทูต ๙๓ ๑๒. กงิ ฉันทชาดก ว่าด้วย โทษที่ฉกฉวยเอาประโยชนข์ องคนอื่น ๑๑๑ ๑๓. สาธินราชชาดก วา่ ด้วย พระเจ้าวเิ ทหราชประพาสดาวดงึ ส์ ๑๒๓ ๑๔. คามณจิ นั ทชาดก ว่าด้วย ลงิ เปน็ สตั ว์ไม่รู้จักเหตุ ๑๓๙ ๑๕. เสนกชาดก วา่ ดว้ ย ผมู้ ปี ญั ญาชว่ ยคนอน่ื ได้ ๑๕๙ บทสรปุ www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

๑ สังกปั ปราคชาดก๑ วา่ ดว้ ย ลกู ศรคอื กิเลส สถานทตี่ รัส วดั พระเชตวนั ๑ ัสงกัปปราคชาดก ทรงปรารภ ภกิ ษผุ ปู้ รารถนาจะสกึ รปู หน่งึ สาเหตุท่ีตรัส ไดย้ นิ มาวา่ มชี ายชาวเมอื งสาวตั ถคี นหนง่ึ บวชอทุ ศิ ชีวิตในพระศาสนาของพระบรมศาสดา วันหนึ่ง ท่านได้ไปบิณฑบาตในเมืองสาวัตถีพบ หญิงสาวสวยคนหน่ึงแต่งตัวงดงาม จึงเกิดรักแรกพบขึ้น ท�ำให้ไม่อยากบวชต่อไป พระอาจารย์และอุปัชฌาย์ เม่ือทราบเรื่องจึงพาเธอไปเฝ้าพระศาสดา เพ่ือให้ทรง เทศนาให้เกิดความยินดีท่ีจะบวชประพฤติพรหมจรรย์ ตอ่ ไป ๑ ต้นฉบับ ชาตกัฏฐกถา อรรถกถาขุททกนิกาย ชาดก ติกนิบาต, ล.๕๘, น.๒, มมร. 7 www.kalyanamitra.org

พระพทุ ธองคท์ รงอาศยั ความกรณุ าจงึ ตรสั สอนภกิ ษุ รูปนัน้ ว่า “ดูก่อนภิกษุ ธรรมดาว่าสตรีท้ังหลายเหล่านี้ได้เคย ท�ำความเศร้าหมองให้เกิดขึ้นแม้แก่นักบวชผู้ข่มกิเลสได้ ดว้ ยกำ� ลงั ฌาน เพราะเหตไุ รจกั ไมท่ ำ� บคุ คลผไู้ รค้ ณุ สมบตั ิ เชน่ เธอใหเ้ ศรา้ หมองเลา่ ทา่ นผสู้ งู ดว้ ยยศศกั ดยิ์ งั เสอื่ มยศ ได้ จะพูดไปท�ำไมถึงผู้ไม่บริสุทธ์ิเล่า แม้ลมยังพัดท�ำให้ ภเู ขาสเิ นรตุ อ้ งหวนั่ ไหวได้ ทำ� ไมจกั ไมพ่ ดั ขยะใบไมเ้ กา่ ให้ กระจายเล่า กิเลสนี้เคยก่อกวนเราผู้น่ังอยู่ที่โคนต้นโพธ์ิ ผกู้ ำ� ลงั จะตรสั รู้ เพราะเหตไุ รจะไมก่ อ่ กวนคนอยา่ งเธอเลา่ ” จากน้ัน ได้ทรงน�ำเร่อื งในอดีตชาตมิ าตรสั เล่าใหฟ้ งั ดังต่อไปนี้ เนอ้ื หาชาดก ในอดตี กาล เมอ่ื พระเจา้ พรหมทตั ครองราชสมบตั อิ ยู่ ในพระนครพาราณสี มีพราหมณ์คนหนึ่งมีทรัพย์สมบัติ มากมายถงึ ๘๐ โกฏิ ครน้ั บดิ ามารดาลว่ งลบั ไปแลว้ กเ็ กดิ ความเบอ่ื หนา่ ย ละท้ิงครอบครวั ออกบวชในป่าหิมพานต์ ทำ� อภญิ ญาและ สมาบตั ิให้เกิดขึน้ 8 บรรลุธเปร็นรทมีมดว้ ยชาดก www.kalyanamitra.org

ต่อมา ท่านได้จาริกไปในเมืองพาราณสีเพ่ือโปรด ๑ ัสงกัปปราคชาดก ชาวบา้ นและตอ้ งการอาหารทท่ี ำ� ใหส้ ขุ ภาพรา่ งกายแขง็ แรง พระราชาได้ทอดพระเนตรเห็นท่านเข้าก็เกิดความ เลื่อมใสจึงนิมนต์ให้ท่านพักจ�ำวัดอยู่ในพระราชอุทยาน ยาวนาน ถึง ๑๒ ปี ต่อมา เกิดศึกสงครามขึ้นที่ชายแดน พระราชา เสด็จไปปราบข้าศึกด้วยตนเองและได้ทรงสั่งพระมเหสี ของพระองคใ์ ห้คอยดแู ลปรนนบิ ตั พิ ระดาบสให้ดี วันหนึ่ง พระมเหสีรอคอยพระฤาษีเพ่ือจะถวาย อาหาร เมอ่ื เหน็ วา่ ทา่ นยงั ไมม่ า จงึ ทรงสรงสนานพระวรกาย แตง่ พระภษู าในชดุ บางเบา บรรทมรอคอยการมาบณิ ฑบาต ของพระฤาษีอยู่ ฝา่ ยพระฤาษเี มอ่ื ถงึ เวลาไดเ้ หาะมาบนปราสาทของ พระราชาทันที พระมเหสีได้ยินเสียงผ้าเปลือกไม้กรองที่ พระดาบสสวมใส่กระทบลม จึงเสด็จลุกข้ึนอย่างรวดเร็ว ทำ� ให้ผ้าท่ีทรงนุง่ อยู่นั้นหลดุ ล่ยุ ลงทันที พระฤาษีเห็นความงามแห่งเรือนร่างของพระมเหสี ก็เกิดกิเลสข้ึนทันที กิเลสที่สงบนิ่งเพราะก�ำลังฌาน กก็ ำ� เรบิ ขน้ึ เหมอื นอสรพษิ หลดุ จากขอ้ งออกมาแผพ่ งั พาน ฉะนนั้ ฌานเส่อื มทันทพี ร้อมกับกเิ ลสที่เกดิ ข้ึน 9 www.kalyanamitra.org

ท่านรับบิณฑบาตเสร็จก็เดินกลับเหมือนกาปีกขาด ไปทบี่ รรณศาลา ไมย่ อมฉนั อาหาร นอนรำ� พงึ ถงึ ความงาม ของพระมเหสีอยถู่ ึง ๗ วัน ฝ่ายพระราชาปราบศึกเสร็จแล้ว ได้เสด็จกลับมา ทรงแวะไปเย่ียมพระดาบส เห็นพระดาบสผู้เป็นอาจารย์ นอนจำ� วดั จงึ เขา้ ใจวา่ ‘พระอาจารยอ์ าพาธ’ จงึ ตรสั ถามถงึ อาการไข้ พระดาบสจงึ ถวายพระพรตอบวา่ “มหาบพิตร อาตมาภาพถูกยงิ ดว้ ยลูกศร” พระราชาทรงตกพระทัยคิดว่า ‘ข้าศึกไม่สามารถ ทำ� รา้ ยพระองคไ์ ดจ้ งึ เขา้ มาทำ� ลายสงิ่ ทพ่ี ระองคเ์ คารพรกั ’ จึงทรงพลิกร่างกายของพระดาบสตรวจดูก็ไม่เห็น รอยที่ยิงจึงตรัสถามด้วยความแปลกพระทยั วา่ “พระคณุ เจา้ ถกู ลอบยงิ ทตี่ รงไหน ? ท�ำไมโยมจงึ หา บาดแผลไมเ่ จอเลย ?” พระดาบสจึงถวายพระพรตอบว่า “อาตมาภาพยงิ ตวั เองทห่ี วั ใจ” จากน้ัน ได้ลุกข้ึนน่ังแล้วถวายพระพรด้วยคาถา เหล่านี้วา่ 10 บรรลธุเปร็นรทมมี ด้วยชาดก www.kalyanamitra.org

“อาตมภาพอันลูกศรท่ีอาบด้วยความคิดคือราคะ ๑ ัสงกัปปราคชาดก และอาศยั ความคิดที่เกดิ จากกาม อันนายชา่ งศร ยงั ไมไ่ ดต้ กแตง่ ขดั เกลาและเหลาเสยี้ มแทงเขา้ ใหแ้ ลว้ อาตมภาพมิได้ถกู ลกู ศรทเ่ี ขายกคนั ข้นึ ยิงมาหรอื ทต่ี ดิ พหู่ างนกยงู เสยี บแทงเลย แต่อาตมภาพถกู ลูกศรคอื กิเลสเครอ่ื งเผาอวัยวะทงั้ ปวงให้เรา่ ร้อน เสียบแทงเข้าทดี่ วงใจ อาตมาภาพไมเ่ ห็นรแู ผล ทีเ่ ลือดไหลออกมาเลย ลูกศรน้นั มันแทงจิต ทไี่ ม่ฉลาดคดิ ไดม้ น่ั เหมาะ ความทุกข์ในครั้งนี้ อาตมาภาพทำ� ตวั เองแท้ๆ” พระฤาษีครน้ั แสดงธรรมแก่พระราชาดว้ ย ๓ คาถา เหลา่ นแ้ี ลว้ จงึ ทลู ใหพ้ ระราชาเสดจ็ ออกไปประทบั ภายนอก บรรณศาลา ส่วนตนเองได้กระท�ำกสิณบรกิ รรมใหม่ สามารถท�ำ ฌานทเี่ สอ่ื มใหเ้ กดิ ขนึ้ แลว้ ไดอ้ อกจากบรรณศาลา เหาะขน้ึ ไปนง่ั อยูก่ ลางอากาศถวายโอวาทพระราชาแลว้ ทลู วา่ “มหาบพติ ร อาตมาภาพจักกลับไปอยู่ป่าหิมพานต์ ตามเดมิ ” แมพ้ ระราชาจะตรสั หา้ มอยา่ งไรกไ็ มฟ่ งั ทลู กลบั ไปวา่ 11 www.kalyanamitra.org

“มหาบพิตร ที่อาตมาต้องได้รับทุกข์น้ี ก็เพราะ อยู่ในที่น้ีนั้นเองจึงไม่สามารถท่ีจะอยู่ในที่น้ีต่อไปได้อีก เหาะกลับไปป่าหิมพานต์ อยู่ในที่น้ันจนสิ้นอายุขัย เม่ือ มรณภาพแล้วได้ไปเกิดในพรหมโลก พระศาสดา คร้ันทรงน�ำพระธรรมเทศนานี้มาแสดง แล้ว ทรงประกาศสจั จะ ในเวลาจบสัจจกถา ภิกษุผู้ต้องการจะสึกด�ำรงอยู่ ในพระอรหัต ส่วนภิกษุพวกอื่นบางพวกได้เป็นโสดาบัน สกทาคามีและอนาคามกี ็มี ประชุมชาดก พระราชาในกาลนน้ั ไดม้ าเปน็ อานนท์ในบดั นี้ สว่ นดาบสคอื เราตถาคต 12 บรรลุธเปร็นรทมมี ดว้ ยชาดก www.kalyanamitra.org

๒ คณุ ชาดก๒ วา่ ดว้ ย มิตรธรรม สถานที่ตรสั พระวหิ ารเชตวนั ๒ คุณชาดก ทรงปรารภ พระอานนทเถระไดผ้ า้ สาฏกพนั ผืน เร่อื งพระเถระบอกธรรมภายในพระราชวัง ของพระเจ้ากรุงโกศลมาแล้วใน มหาสาร ชาดก สาเหตุที่ตรสั ณ พระราชวังของพระเจ้าอุเทนในกรุงโกสัมพี แคว้นวังสะ มีอยู่วันหน่ึง เหล่าพระสนมของพระองค์ พากนั คดิ ขึ้นมาว่า ‘พระพุทธเจ้า ก็ไดอ้ ุบตั ขิ น้ึ แลว้ ในโลก เป็นสภาพที่หาได้ยากย่ิง และการที่มีโอกาสได้เกิดเป็น มนษุ ย์ กแ็ สนยากเหมอื นกนั ชาตนิ เี้ ราไดเ้ กดิ เปน็ มนษุ ยแ์ ลว้ ไดพ้ บพระพทุ ธเจา้ แลว้ แตย่ งั ไมไ่ ดฟ้ งั ธรรมของพระศาสดา ๒ ตน ฉบบั ชาตกฏั ฐกถา อรรถกถาขทุ ทกนกิ าย ชาดก ทกุ นบิ าต, ล.๕๗, น.๔๔, มมร. 13 www.kalyanamitra.org

14 บรรลธุเปร็นรทมีมด้วยชาดก www.kalyanamitra.org

ยงั ไมไ่ ดก้ ระทำ� การบชู าพระองค์ ยงั ไมไ่ ดใ้ หท้ านตามพอใจ ๒ คุณชาดก ต้องอยู่แต่ในพระราชวัง เสมือนส่ิงของท่ีถูกเก็บไว้ในหีบ ฉะน้ันพวกเราจะกราบทูลพระราชา ให้ทรงพระกรุณา นิมนต์ภิกษุผู้สมควร มาแสดงธรรมโปรดพวกเรา จะได้ ศกึ ษาธรรม จะไดบ้ �ำเพ็ญบุญถวายทานด้วย’ พระสนมทงั้ หมดจงึ ไปเขา้ เฝา้ พระราชา กราบทลู ขอ ในเรอื่ งนน้ั พระเจา้ อเุ ทนทรงสดบั แลว้ ตรสั วา่ “สาธ!ุ ดลี ะ่ ” พระราชาจึงเสด็จไปทูลขอต่อพระศาสดา ทรงให้ พระอานนทเถระเปน็ ผแู้ สดงธรรม โปรดแกเ่ หลา่ พระสนม ในพระราชวงั มีอยู่วันหน่ึงพระราชาได้พระราชทานผ้าสาฎก (ผา้ นุ่งหม่ ) ราคาผนื ละ ๑,๐๐๐ จ�ำนวน ๕๐๐ ผืนแก่เหล่า พระสนม ๕๐๐ นาง พระสนมทัง้ หลายต่างก็เกบ็ ผา้ สาฎก นน้ั ไวท้ ุกคนโดยมิไดใ้ ช้ เช้าวันรุ่งขึ้น ต่างพากันน�ำมาถวายทานแด่พระ- อานนทเถระ แล้วแต่ละคนลว้ นหม่ ผา้ สาฎกผืนเก่า ไปเข้า เฝ้าปฏบิ ัตพิ ระราชา ฝา่ ยพระเจา้ อเุ ทนทรงคดิ วา่ ‘เชา้ นจ้ี ะไดท้ อดพระเนตร เหล่าพระสนมในชุดใหม่ๆ’ แตเ่ ม่ือไมท่ รงเหน็ เปน็ เช่นน้ัน จงึ ตรสั ถามดว้ ยความสงสัย 15 www.kalyanamitra.org

“เราใหผ้ า้ นงุ่ หม่ อยา่ งดรี าคาแพงแกพ่ วกเจา้ เพราะ เหตใุ ดจึงไม่นุ่งห่มผ้าเหล่านนั้ เล่า ?” “ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาท พวกหม่อมฉันได้ ถวายแก่พระอานนทเถระไปแลว้ เพคะ” “อ้าว! พระเถระรับไวท้ ัง้ หมดเชียวหรือ ?” “รบั ไวท้ ง้ั หมด เพคะ” ทรงสดับอย่างนั้นแล้ว ก็ไม่พอพระทัยด้วยทรงด�ำริ ว่า ‘พระศาสดาทรงอนุญาตจีวรแค่ ๓ ผืน แต่น่ีพระ- อานนทเถระรบั เอาไปหมด เหน็ ทจี ะทำ� การคา้ ผา้ หรอื ไร ? จงึ ตอ้ งรับไว้ มากมายนกั ’ เมื่อเสวยพระกระยาหารเช้าเสร็จแล้ว จึงเสด็จไป พระวหิ ารเชตวนั ตรงไปยงั ทพี่ กั ของพระเถระทนั ที พอพบ แลว้ ทรงนมัสการ ตรสั ถามวา่ “พระคณุ เจา้ เหลา่ สนมยงั ฟงั ธรรมจากทา่ นดอี ยหู่ รอื ?” “ยังฟังธรรม เรียนธรรมกันดี ได้ฟังส่ิงที่ควรฟัง ไดเ้ รยี นส่ิงท่ีควรเรียน ถวายพระพร” “แล้วพวกนางฟังธรรมเท่านั้น หรือถวายผ้านุ่งห่ม แก่พระคุณเจ้าดว้ ย” “วันนี้ไดถ้ วายผา้ สาฎก ๕๐๐ ผนื แด่อาตมา” 16 บรรลธุเปร็นรทมมี ดว้ ยชาดก www.kalyanamitra.org

“ก็แล้วพระศาสดาทรงอนุญาตจีวร ๓ ผืนเท่านั้น ๒ คุณชาดก มใิ ช่หรือ” “ขอถวายพระพร ถูกแล้ว ทรงอนุญาตผ้า ๓ ผืน ส�ำหรับภิกษุ ๑ รูปเอาไว้ใช้ แต่มิได้ทรงห้ามการรับ เพอื่ ถวายแก่ภกิ ษอุ ื่น ซ่งึ มีจวี รเก่า” “กแ็ ลว้ ภกิ ษอุ นื่ ได้ผา้ ใหมจ่ ากพระคณุ เจ้าแล้ว จะทำ� อย่างไรกับจวี รผนื เก่าเล่า ?” “จะนำ� จีวรผนื เก่า ไปใชเ้ ปน็ ผ้าหม่ ” “ก็แล้วผา้ ห่มผืนเก่าเลา่ จะท�ำอย่างไร ?” “จะนำ� ผา้ หม่ ผืนเก่า ไปใช้เป็นผา้ นงุ่ ” “ก็แล้วผา้ นงุ่ ผนื เกา่ เลา่ จะทำ� อยา่ งไร ?” “จะน�ำผ้านงุ่ ผนื เกา่ ไปใช้เป็นผ้าปนู อน” “ก็แลว้ ผา้ ปูนอนผนื เกา่ เลา่ จะท�ำอยา่ งไร ?” “จะน�ำผ้าปนู อนผืนเกา่ ไปใช้เปน็ ผา้ ปพู นื้ ” “ก็แลว้ ผ้าปูพ้ืนผนื เก่าเลา่ จะท�ำอยา่ งไร ?” “จะน�ำผ้าปูพื้นผนื เกา่ ไปใชเ้ ปน็ ผ้าเชด็ เทา้ ” “ก็แลว้ ผ้าเช็ดเท้าผนื เกา่ เลา่ จะท�ำอยา่ งไร ?” “ขอถวายพระพร ธรรมดาของที่ถวายด้วยศรัทธา จะท�ำให้เสียไปเปล่าๆ นั้นไม่ควร ฉะน้ันภิกษุท้ังหลาย จะสับผ้าเช็ดเท้า ผืนเก่า แล้วผสมกับดินเหนียว ใช้ฉาบ ท่พี ักอาศัย” 17 www.kalyanamitra.org

“ของท่ถี วายทา่ นแลว้ จะไมเ่ สียหายเปลา่ ๆ แม้ท่ีสดุ กระทั่งผา้ เช็ดเทา้ เชียวหรอื ?” “ถูกแล้ว ผ้าท่ีถวายอาตมาจะไม่เสียเปล่า สามารถ เปน็ ของใชส้ อยได้ท้ังสิ้น” ทรงสดับอย่างนี้แล้ว พระราชาทรงช่ืนชมย่ิงนัก รับส่ังให้จ่ายผ้าอีก ๕๐๐ ผืน ถวายแด่พระเถระ แล้วจึง เสดจ็ กลบั พระเถระได้ถวายผ้าสาฎก ๕๐๐ ผืนแรก แก่ภิกษุ ซึ่งมจี ีวรเก่า แต่อกี ๕๐๐ ผนื หลงั ถวายแก่ภิกษลุ กู ศิษย์ รูปหน่ึงซึ่งมอี ุปการะแกพ่ ระเถระมาก เชน่ ชว่ ยปดั กวาด ท�ำความสะอาดสถานที่ ต้ังน้�ำใช้น้�ำฉัน ถวายไม้สีฟัน ชำ� ระลา้ งวัจกฎุ ี (หอ้ งส้วม) จดั เรือนไฟ (หอ้ งอบสมุนไพร) และท่ีพกั อาศัยให้ ครน้ั ภกิ ษรุ ปู นน้ั ไดร้ บั ผา้ ๕๐๐ ผนื จากพระเถระแลว้ กแ็ บง่ ผา้ ทงั้ หมดถวายแกภ่ กิ ษทุ ง้ั หลายทรี่ ว่ มอาจารยข์ องตน จากเหตุการณ์น้ีเอง จึงมีภิกษุกลุ่มหนึ่งเข้าไปเฝ้า พระศาสดา แล้วกราบทูลถามวา่ “ขา้ แตพ่ ระผมู้ พี ระภาคเจา้ ภกิ ษทุ เ่ี ปน็ พระอรยิ สาวก ชน้ั โสดาบนั แลว้ ยงั จะมีการใหส้ ่งิ ของโดยเห็นแก่หนา้ กนั อกี หรอื ?” 18 บรรลุธเปร็นรทมีมดว้ ยชาดก www.kalyanamitra.org

“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระอริยสาวกย่อมไม่ให้ ๒ คุณชาดก สงิ่ ของเพราะเห็นแกห่ นา้ กัน” “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระอานนทเถระได้ให้ผ้า สาฎก ๕๐๐ ผนื แก่ภกิ ษรุ ปู เดยี วเทา่ นั้น” “พวกเธอจงฟังให้ดีเถิด อานนท์มิได้ให้ผ้าแก่ภิกษุ นั้นเพราะเห็นแก่หนา้ แต่วา่ ภิกษุน้ันเปน็ ผมู้ อี ุปการะมาก แก่ท่าน เพราะข้ึนช่ือว่า ‘ผู้มีอุปการะแล้ว ควรได้รับ อุปการะตอบ’ อานนท์จึงให้ผ้าแก่ภิกษุน้ันด้วยความ กตัญญูกตเวที (รู้คุณแล้วตอบแทนคุณ) อันท่ีจริง เคยมี บณั ฑติ ในกาลกอ่ น กระทำ� อปุ การะตอบแกผ่ มู้ อี ปุ การะแก่ ตนเหมือนกัน” ภกิ ษุเหลา่ น้ันได้ยนิ อย่างนี้ พากนั ทลู นมิ นต์ตรัสเล่า ให้ฟัง พระศาสดาจึงตรัสแสดง เน้ือหาชาดก ในอดตี กาล มรี าชสหี ต์ วั หนง่ึ อาศยั อยกู่ บั นางราชสหี ์ บนภูเขา วันหน่ึงราชสีห์ได้ออกจากถ�้ำ เพ่ือล่าเหยื่อเป็น อาหาร พอลงมาถงึ เชงิ เขาซง่ึ มสี ระใหญอ่ ยู่ มที ดี่ อนรมิ สระ เป็นเปือกตมแห้ง อุดมด้วยหญ้าอ่อน เหล่าสัตว์เล็กๆ พวกกระตา่ ย พวกเน้อื มาเลม็ หญ้ากินกันอยมู่ ากมาย 19 www.kalyanamitra.org

เมื่อราชสีห์มาถึงบริเวณนี้ ก็คิดจะจับเนื้อสักตัวกิน เป็นอาหาร พอได้ชอ่ งไดโ้ อกาส ก็กระโจนออกจากทซ่ี อ่ น ว่ิงไปดว้ ยความเร็วแรงสุดก�ำลงั เหล่าเนื้อพอเห็นราชสีห์โผล่พุ่งทะยานมา ก็ตกใจ กลัวตาย ส่งเสียงร้องดังล่ัน พากันว่ิงหนีตายอลหม่าน ราชสีห์ย่ิงเร่งฝีเท้าเต็มที่ กระโจนหมายตะครุบเหย่ือ แตพ่ ลาด แลว้ ไมส่ ามารถยั้งกายไวไ้ ด้ ต้องพลดั ตกลงไป ในเปือกตมน้ัน ติดหล่มแน่นไม่อาจจะถอนตัวขึ้นมาได้ เท้าทั้งส่ีปักแน่นอยู่ในโคลน เสมือนเสาติดแน่นอยู่ในตม ฉะนนั้ ยง่ิ เวลาผา่ นไปนานเทา่ ใด ดนิ โคลนยงิ่ แหง้ แขง็ ทำ� ให้ ราชสีห์กระดิกตัวไปไหนไม่ได้เลย ต้องยืนจมเปือกตม อดอาหาร อยู่ท่ีตรงน้นั ถงึ ๗ วันเขา้ ไปแล้ว วนั นนั้ เองปรากฏสนุ ขั จงิ้ จอกตวั หนงึ่ เทยี่ วหาอาหาร มาถงึ ท่ีตรงน้นั คร้ันแลเห็นราชสีห์เข้าเท่าน้นั ก็รบี จะหนี ไปด้วยความกลัว แตร่ าชสีห์ร้องเรียกไวก้ ่อนวา่ “พ่อมหาจ�ำเริญ อย่าหนีเลย เราติดหล่มอยู่ โปรด ช่วยดว้ ยเถิด” สนุ ขั จง้ิ จอกไดย้ นิ ดงั นนั้ จงึ หนั ไปดู กเ็ หน็ ราชสหี ย์ นื ติดหล่มอยู่จรงิ ๆ จึงเอย่ ปากวา่ 20 บรรลุธเปร็นรทมมี ดว้ ยชาดก www.kalyanamitra.org

“ข้าพเจ้าจะช่วยท่านก็ได้ แต่พอช่วยแล้ว เกรงว่า ๒ คุณชาดก ท่านจะกนิ ข้าพเจา้ เสียนะซ”ี “อย่ากลัวเลย เราจะไม่กินท่าน แล้วยังจะตอบแทน คุณท่านดว้ ย จงหาทางเอาเราออกจากหลม่ น้เี ถิด” สนุ ขั จงิ้ จอกจงึ ยอมรบั คำ� สญั ญาของราชสหี ์ ชว่ ยตะกยุ โคลนแห้งรอบเท้าทั้งสี่ แล้วขุดดินเป็นรางน�้ำ ให้น�้ำไหล เข้ามาท่ีบริเวณดินรอบเท้าของราชสีห์ ท�ำให้ดินโคลน ออ่ นน่มุ ขน้ึ เมอื่ ดนิ อ่อนตวั พอแล้ว สนุ ัขจ้งิ จอกกม็ ุดหวั เข้าไปท่ี ใตท้ ้องของราชสหี ์ พรอ้ มกบั ร้องบอกวา่ “ทา่ นพยายามดงึ ตัวข้นึ ไปเถดิ ” แล้วใช้หัวดันยกท้องของราชสีห์ขึ้น ราชสีห์เอง ก็อาศัยจังหวะนั้นกระโดดขึ้นจากหล่ม สามารถหลุด ออกมาได้ แลว้ จึงลงไปสู่สระอาบนำ้� ช�ำระโคลนตม จากนั้นก็ออกล่าควายปา่ ได้ตวั หนง่ึ แลว้ ลากเอามา วางไวข้ ้างหน้าสนุ ขั จงิ้ จอก พร้อมกบั เช้ือเชญิ วา่ “กนิ เถดิ สหาย เมอื่ ทา่ นกนิ แลว้ ตวั เราจะกนิ ภายหลงั ” สนุ ขั จง้ิ จอกจงึ กดั ฉกี เอาเนอื้ ชนิ้ หนงึ่ ออกมา แลว้ คาย ไวข้ ้างๆ ราชสหี ์จงึ สงสัยถามว่า “สหาย ท�ำอยา่ งน้เี พ่ืออะไรกนั ?” 21 www.kalyanamitra.org

“กเ็ มียของขา้ พเจา้ มีอยู่ เนือ้ ชิน้ นีจ้ ะเป็นของนาง” ราชสหี ์ได้ยนิ แลว้ ก็สนิ้ สงสัย กล่าวบา้ งว่า “เอาไปเถดิ แมเ้ ราเองกจ็ ะคาบชน้ิ เนอื้ ไปใหน้ างราชสหี ์ ของเราเชน่ กนั มาเถดิ สหาย เดย๋ี วเราจะไปยงั ทอี่ ยขู่ องเรา บนยอดเขา” ท้ังสองพากันคาบช้นิ เนือ้ ไปท่ถี ้�ำราชสหี ์ พอใหน้ าง ราชสีห์กนิ เนอ้ื แลว้ ราชสีห์กเ็ อย่ ปากชวนสุนขั จง้ิ จอกว่า “ต้ังแต่น้ไี ป เราจะปฏบิ ตั ิดแู ลทา่ นเอง” แลว้ ร่วมกันไปน�ำนางสนุ ขั จิ้งจอก ใหม้ าอาศยั อยู่ใน ถ�้ำทต่ี ดิ กนั น้ันเอง นบั แตน่ นั้ มา เมอื่ ราชสหี ก์ บั สนุ ขั จงิ้ จอกออกไปลา่ สตั ว์ เปน็ อาหาร ทัง้ สองจะกินดว้ ยกนั แลว้ คาบชิ้นเน้ือกลับมา ใหน้ างราชสีห์กับนางสุนขั จง้ิ จอกทอ่ี ยู่เฝา้ ถ�ำ้ กาลผ่านไป นางราชสีห์คลอดลูกออกมาสองตัว แม้นางสุนัขจ้ิงจอกก็คลอดลูกออกมาสองตัวเหมือนกัน สัตว์เหล่าน้ัน ทั้งหมดทุกตัว อยู่กันอย่างกลมเกลียวเป็น อย่างดี จนกระทงั่ วนั หนงึ่ นางราชสหี เ์ กดิ ความระแวงขน้ึ มา ว่า 22 บรรลุธเปร็นรทมีมดว้ ยชาดก www.kalyanamitra.org

‘ราชสีห์คู่ของเรา ดูช่างรักและเอาใจใส่นางสุนัข ๒ คุณชาดก จงิ้ จอกกบั ลกู สนุ ขั จงิ้ จอกเสยี เหลอื เกนิ สงสยั วา่ ราชสหี จ์ ะ มกี ารเชยชมกบั นางสนุ ขั จงิ้ จอกกเ็ ปน็ ได้ จงึ รกั กนั ถงึ ปานนี้ เห็นทีเราจะต้องคุกคามให้นางสุนัขจ้ิงจอกหนีไปจากที่น้ี ให้ได’้ นางราชสีห์จึงฉวยโอกาสที่ราชสีห์กับสุนัขจิ้งจอก ออกไปหาอาหาร ลงมือข่มขู่เบียดเบียนนางสุนัขจ้ิงจอก เสมอๆ “ท�ำไมเจ้าจงึ อยทู่ น่ี ่ีนานนัก ? ไมไ่ ปทอ่ี ่ืนเสียท”ี แมแ้ ตล่ กู ๆ ของนางราชสหี ก์ พ็ ลอยคกุ คามลกู ๆ ของ นางสุนัขจ้งิ จอกไปดว้ ย เมอ่ื เหตุการณ์เปน็ เชน่ นี้ ในท่ีสดุ นางสนุ ขั จง้ิ จอกกท็ นไมไ่ หว จงึ บอกเรอื่ งราวแกส่ นุ ขั จงิ้ จอก แลว้ สรุปวา่ “เราไม่รู้ว่า นางราชสีห์นี้กระท�ำตามค�ำของราชสีห์ หรอื ไม่ แตพ่ วกเรากอ็ ยทู่ นี่ กี่ นั นานมากแลว้ ควรทจ่ี ะกลบั ไปท่ีอยู่ของเรากันเถิด” สุนัขจ้ิงจอกฟังค�ำบอกเล่าแล้ว ก็ไม่สบายใจเข้าไป หาราชสีห์ กลา่ วกับสหายว่า “เราอยู่ที่นี่มานานแล้ว ธรรมดาผู้ที่อยู่กันนานๆ อาจไม่เป็นที่พอใจกันได้ ตอนนี้เมียของเราถูกเมีย 23 www.kalyanamitra.org

ของทา่ นขม่ ขู่ว่า ทำ� ไมจึงอยทู่ นี่ ี่ ? ท�ำไมไม่ไปเสียที่อนื่ ? แมล้ กู ของเราก็ถูกลูกของท่านคกุ คาม นี่ก็คงเพราะผู้ใดก็ไม่ชอบให้ใครๆ มาอยู่ในบ้าน ของตน ผเู้ ปน็ ใหญ่ยอ่ มขับไลผ่ ู้นอ้ ยได้ตามความตอ้ งการ ของตน นีเ่ ปน็ ธรรมดาของผู้มกี ำ� ลัง ดังนั้นนางราชสีห์ของท่าน ผู้ซึ่งมีฟันอันแหลมคม จึงได้ข่มขู่คุกคามเมียกับลูกของเรา ขอท่านจงทราบเถิด ภยั ไดเ้ กดิ จากท่อี ย่อู าศยั แล้ว” ไดฟ้ ังอย่างนนั้ ราชสีหจ์ งึ ตรงไปหานางราชสหี ์ แลว้ กล่าวว่า “นี่แน่ะ เมื่อครั้งโนน้ เจ้ายังระลกึ ได้ไหม เราออกไป หาอาหารนานถงึ ๗ วนั จงึ ไดก้ ลบั มาพรอ้ มกบั สนุ ขั จงิ้ จอก คร้ังน้ัน เราต้ังใจจะจับสัตว์ แต่พลาดตกลงไปติด หลม่ โคลน ไมอ่ าจขน้ึ มาได้ เพราะอาศยั สนุ ขั จง้ิ จอกนแี้ หละ ช่วยชวี ิตเรา เปน็ สหายเรา ฉะน้นั ถ้าผ้ใู ดเปน็ มติ ร แมจ้ ะมกี ำ� ลงั น้อย แต่ต้งั อยู่ ในมติ รธรรม (ความประพฤตขิ องการเปน็ มติ ร) ผนู้ น้ั ไดช้ อ่ื วา่ ‘เปน็ ญาติ เป็นเผ่าพันธ์ุ เปน็ สหายของเรา’ แน่ะ! นางราชสีห์ เจ้าอย่าดูหมิ่นสหายของเราอีก เพราะสนุ ขั จ้งิ จอกน้ี เป็นผู้ให้ชีวิตเรา” 24 บรรลุธเปร็นรทมมี ดว้ ยชาดก www.kalyanamitra.org

นางราชสีห์ได้ฟังเรื่องราวแล้ว ก็ให้รู้สึกส�ำนึกผิด ๒ คุณชาดก จึงขอโทษต่อเหลา่ สุนขั จ้งิ จอกทงั้ หมด ต้ังแต่นั้นมา ท้ังสองครอบครัวก็รักใคร่สามัคคีกันดี ลูกราชสีห์ก็เล่นหัวกับลูกสุนัขจ้ิงจอก แม้เม่ือพ่อแม่ซ่ึง ชน่ื ชอบกนั ไดล้ ว่ งลบั ไปแลว้ กไ็ มท่ ำ� ลายความเปน็ มติ รทด่ี ี ตอ่ กนั อยกู่ นั อยา่ งรน่ื เรงิ บนั เทงิ ใจ ไมตรขี องสตั วเ์ หลา่ นนั้ มไิ ดแ้ ตกท�ำลาย เปน็ ไปได้ถึงช่ัวเจ็ดตระกูลเลยทเี ดยี ว พระศาสดาทรงน�ำพระธรรมเทศนานี้มา แล้วทรง ประกาศอรยิ สัจ ทรงประชุมชาดก. ในเมื่อจบอริยสัจ ภิกษุบางพวกได้เป็นโสดาบัน บางพวกได้เป็นสกทาคามี บางพวกเป็นพระอนาคามี บางพวกไดเ้ ป็นพระอรหตั . ประชุมชาดก สุนัขจิ้งจอกในครั้งนั้น ได้มาเป็น พระอานนทเถระ ในบดั น้ี ส่วนราชสหี ์ ได้มาเป็น เราตถาคต 25 www.kalyanamitra.org

26 บรรลธุเปร็นรทมีมด้วยชาดก www.kalyanamitra.org

๓ พันธนาคารชาดก๓ วา่ ดว้ ย เคร่ืองผูก สถานทีต่ รัส พระเชตวนั มหาวหิ าร ๓ ัพนธนาคารชาดก ทรงปรารภ เรอื นจำ� สาเหตุท่ีตรัส ในครงั้ นนั้ พวกราชบรุ ษุ ไดจ้ บั พวกโจรผตู้ ดั ชอ่ งยอ่ ง เบา ฆ่าผู้คนในหนทาง ฆ่าชาวบ้านเป็นอันมาก น�ำเข้า ถวายพระเจ้าโกศล. พระราชารับสั่งให้จองจ�ำพวกโจร เหลา่ น้ันด้วยเครือ่ งจำ� คือ ข่อื คา เชือกและโซ.่ ภิกษุชาวชนบทประมาณ ๓๐ รูปประสงค์จะเฝ้า พระศาสดา จึงพากันมาเฝ้าถวายบังคม รุ่งเช้าออก บิณฑบาตผ่านเรือนจ�ำ เห็นพวกโจรเหล่าน้ัน กลับจาก บิณฑบาต เวลาเยน็ เข้าเฝ้าพระตถาคต ทลู ถามว่า ๓ ตนฉบับ ชาตกัฏฐกถา อรรถกถาขุททกนิกาย ชาดก ทุกนิบาต, ล.๕๗, น.๒๗๖, มมร. 27 www.kalyanamitra.org

“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ วันน้ีพวกข้าพระพุทธเจ้า ออกบณิ ฑบาตไดเ้ หน็ พวกโจรมากมายทเี่ รอื นจำ� ถกู จองจำ� ด้วยข่ือคาและเชือกเป็นต้น ต่างก็เสวยทุกข์ใหญ่หลวง พวกโจรเหล่านั้น ไม่สามารถจะตัดเครื่องจองจ�ำเหล่านั้น หนไี ปได้ ยงั มเี ครอื่ งจองจำ� อยา่ งอนื่ ทมี่ น่ั คงกวา่ เครอื่ งจองจำ� เหลา่ นนั้ อกี หรอื ไม่ ? พระเจา้ ขา้ .” ทรงตรัสวา่ “ภิกษุท้ังหลายเครื่องจองจ�ำเหล่าน้ัน ไม่นับว่าเป็น เรือนจ�ำท่ีแท้จริง ส่วนเครื่องผูกคือกิเลสตัณหาในทรัพย์ สมบัติ บุตร และภรรยา ถือเป็นเรือนจ�ำท่ีแท้จริง มั่นคง ย่ิงกว่า ตัดได้ยากกว่า โบราณบัณฑิตได้ตัดเรือนจำ� น้ีได้ แลว้ ออกบวช” แลว้ ไดต้ รสั อดีตนิทานมาสาธก เนอื้ หาชาดก กาลครั้งหน่ึงนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็น ลกู ชายโทนของตระกลู คหบดเี กา่ แก่ แตย่ ากจนตระกลู หนง่ึ พอบิดาเสียชวี ติ แลว้ เขาก็ได้ออกรบั จา้ งหาเล้ยี งมารดา อยู่ต่อมาพอเขาแต่งงานแล้ว มารดาก็เสียชีวิตไป อกี คน ใจจรงิ แลว้ เขาไมอ่ ยากจะแตง่ งาน อยากบวชมากกวา่ 28 บรรลธุเปร็นรทมีมด้วยชาดก www.kalyanamitra.org

เพราะมองเห็นความลำ� บากของตนเอง แตก่ ต็ ้องแตง่ งาน ๓ ัพนธนาคารชาดก ตามใจมารดาเทา่ นั้น ต่อมาไม่นาน ภรรยาของเขาต้ังครรภ์ เขาไม่รู้ว่า นางต้งั ครรภ์จึงพดู กับนางในวนั หนงึ่ ว่า “นนี่ อ้ ง เธอจงดแู ลตัวเองนะ พจี่ ะไปบวชละ” ภรรยาบอกว่า “พี่...ฉันท้องแล้วนะ เมื่อฉันคลอดลูกแล้ว พ่ีค่อย บวชเถดิ ” เขาจึงอยู่ต่อจนนางคลอดลูกแล้ว จึงพูดอ�ำลานาง อกี วา่ “นอ้ ง...พจ่ี ะออกบวชแลว้ นะ ขอใหเ้ ธอดแู ลลกู นอ้ ยนะ” นางขอรอ้ งวา่ “พ่.ี ..ขอให้ลูกหยา่ นมก่อนเถอะ พี่ค่อยไป” ตอ่ มาอีกสองสามเดอื นภรรยาก็ตั้งครรภอ์ ีก เขาคิด ว่า ‘ถา้ ขืนเรามวั แตอ่ ำ� ลานางอยู่เช่นน้กี ็คงจะไมไ่ ด้บวช หรอก เราตอ้ งหนไี ปบวชในคืนนลี้ ะ’ พอถึงเวลาเที่ยงคืนก็แอบหนีออกจากบ้านไปบวช เปน็ ฤาษบี �ำเพญ็ เพยี รอยู่ท่ปี ่าแหง่ หนงึ่ 29 www.kalyanamitra.org

วนั หนง่ึ ฤาษนี น้ั ขณะนงั่ บำ� เพญ็ เพยี รไดร้ ำ� ลกึ ถงึ ชวี ติ ของตนเอง จึงเปลง่ อุทานเป็นคาถาว่า “นกั ปราชญไ์ ม่กลา่ วเครื่องผูกที่ทำ� ด้วยเหลก็ ท�ำด้วยไม้ และทำ� ดว้ ยหญ้าปลอ้ งวา่ เปน็ เครอ่ื งผกู ท่ีมั่นคง สว่ นความก�ำหนดั ยนิ ดี ในแก้วมณีและต่างหูก็ดี ความหว่ งใยในบตุ ร และภรรยากด็ ,ี นักปราชญก์ ล่าวเคร่อื งผกู ที่ประกอบดว้ ยกเิ ลสนั่นว่า เป็นเครื่องผกู ทมี่ ัน่ คง ท�ำใหส้ ตั วต์ กต�่ำ ยอ่ หยอ่ นแกไ้ ด้ยาก นักปราชญ์ทงั้ หลายตดั เคร่ืองผกู นน้ั ได้ขาด หมดความหว่ งใย ละกามสุข หลีกออกไปได้” ฤาษบี ำ� เพญ็ เพยี รอยเู่ ชน่ นจ้ี นสนิ้ ชวี ติ ไปเกดิ ทพี่ รหม- โลกในท่ีสดุ พระศาสดาทรงน�ำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรง ประกาศสจั ธรรม. เม่ือจบสัจธรรม ภิกษุบางพวกได้เป็นพระโสดาบัน บางพวกไดเ้ ปน็ พระสกทาคามี บางพวกไดเ้ ปน็ พระอนาคามี บางพวกได้เปน็ พระอรหันต์. 30 บรรลุธเปร็นรทมีมด้วยชาดก www.kalyanamitra.org

ประชุมชาดก มารดาในครง้ั นน้ั ไดเ้ ปน็ พระนางมหามายา ในครงั้ น้ี บิดา ไดเ้ ปน็ พระเจา้ สทุ โธทนมหาราช ภรรยา ได้เป็น มารดาพระราหลุ สว่ นบรุ ษุ ผลู้ ะบตุ รและภรรยาออกบวช คอื เราตถาคต ๓ ัพนธนาคารชาดก 31 www.kalyanamitra.org

32 บรรลธุเปร็นรทมีมด้วยชาดก www.kalyanamitra.org

๔ เกฬสิ ลี ชาดก๔ ว่าดว้ ย ปัญญาส�ำคญั กวา่ ร่างกาย สถานท่ีตรัส พระเชตวันมหาวิหาร ๔ เก ิฬสีลชาดก ทรงปรารภ ท่านพระลกุณฏกภทั ทิยะ สาเหตุทต่ี รสั ในหมมู่ หาสาวก (สาวกผใู้ หญ)่ ของพระผมู้ พี ระภาค- เจา้ นนั้ พระลกณุ ฏกภทั ทยิ เถระ เปน็ พระอรหนั ต์ ทม่ี รี ปู รา่ ง ค่อมเต้ียเล็ก ดูราวกับเด็กเหมือนเป็นสามเณร จึงมักถูก เขา้ ใจผิดโดนล้อเล่นเสมอๆ มอี ยวู่ นั หน่งึ ภกิ ษปุ ระมาณ ๓๐ รูป มาจากชนบท หมายมาเขา้ เฝา้ พระศาสดา ไดพ้ บเหน็ พระลกณุ ฏกภทั ทยิ - เถระ ท่ีซุ้มประตูพระเชตวันมหาวิหาร คิดว่า ‘พระเถระ เป็นสามเณรนอ้ ย’ จงึ แกลง้ หยอก มกี ารดงึ หทู า่ นเลน่ บา้ ง ๔ ตน ฉบบั ชาตกฏั ฐกถา อรรถกถาขทุ ทกนกิ าย ชาดก ทกุ นบิ าต, ล.๕๗, น.๒๘๑, มมร. 33 www.kalyanamitra.org

ลูบจับศีรษะบา้ ง ยกตวั เขยา่ บ้าง ทำ� เหมอื นทา่ นเปน็ เดก็ ทารกนอ้ ย แล้วค่อยพากนั เขา้ เฝ้าพระศาสดา พระศาสดาทรงปฏสิ นั ถาร (ทกั ทาย) ดว้ ยสกั ครแู่ ลว้ ภิกษุเหลา่ นน้ั จงึ ทูลถามวา่ “ข้าแต่พระผู้พระภาคเจ้า ได้ยินเสียงร�่ำลือว่า มีพระเถระองค์หนึ่งชื่อ ‘ลกุณฏกภัททิยเถระ’ เป็นมหา สาวก ของพระองค์ผเู้ ป็นเลิศในการแสดงธรรมได้ไพเราะ บดั นพี้ ระเถระนั้นอยูท่ ่ไี หน พระเจา้ ข้า” “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอประสงค์จะพบเจอ หรอื ?” “พระเจ้าข้า พวกขา้ พระพทุ ธเจา้ ใคร่จะพบเหน็ ” “พวกเธอได้พบแล้วมิใช่หรือที่ซุ้มประตู แล้วยัง พากันคะนองมือหยอกล้อเล่นด้วย ภิกษุน้ันแหละคือ ลกณุ ฏกภัททิยะ” ภกิ ษุเหล่าน้นั พากนั ตกใจ ในการกระทำ� ทีไ่ มเ่ คารพ ต่อพระเถระผู้มีฤทธ์ิมาก มีอานุภาพมาก เป็นพหูสูต (ผู้มีความรู้มาก) เป็นพระธรรมกถึก (นักเทศน์) ท่ีแสดง ธรรมได้ไพเราะ จึงนึกต�ำหนิตัวเอง แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ จนต้องทูลถามพระศาสดา 34 บรรลุธเปร็นรทมีมด้วยชาดก www.kalyanamitra.org

“ขา้ แตพ่ ระองคผ์ เู้ จรญิ พระเถระเปน็ ผถู้ งึ พรอ้ มดว้ ย ฤทธิ์มากมาย แลว้ เหตใุ ดเลา่ ? จึงมีรูปกายทรามเตย้ี ค่อม ไมน่ า่ ดเู ชน่ นี้ พระเจา้ ขา้ ” “กเ็ พราะกรรม (กายกรรม-วจกี รรม-มโนกรรม) ทตี่ น เคยกระท�ำเอาไว้นน่ั แหละ” ภิกษเุ หล่านน้ั ทูลขอให้พระศาสดาตรัสเลา่ เนื้อหาชาดก ๔ เก ิฬสีลชาดก ในอดตี กาล ในสมยั ของพระเจ้าพรหมทตั ครองราช สมบตั ใิ นกรงุ พาราณสี พระองคท์ รงมนี สิ ยั เลวรา้ ย อยอู่ ยา่ ง หน่ึงคอื ทรงโปรดกลน่ั แกลง้ สตั ว์แก่หรอื คนชรา แลว้ เหน็ เปน็ ความสนกุ สนาน เชน่ ให้ตอ้ นสัตว์ วิง่ ไลแ่ ขง่ กฬี ากนั นำ� คนแกม่ าเล่นหกคะเมนตลี งั กาใหเ้ ป็นทีพ่ อพระทัย หากพระองค์ได้สดับข่าวว่า มีสัตว์แก่ในท่ีโน้น มีคนชราในทน่ี ้ัน ก็จะรบั สัง่ ให้น�ำตวั มา แลว้ บงั คบั ให้เลน่ สนุกตามทีพ่ ระองคท์ รงปรารถนา ชาวบา้ นชาวเมอื งทง้ั หลายจงึ ตา่ งพากนั ระอาเรอื่ งนี้ จำ� ตอ้ งสง่ บดิ ามารดา ใหไ้ ปอยู่ ในแควน้ อนื่ อดเลย้ี งดบู ดิ า มารดาของตน เพราะไม่อยากให้บิดามารดาได้รับความ ลำ� บาก ตกเป็นเครอ่ื งเล่นของพระราชา 35 www.kalyanamitra.org

พวกขา้ ราชการในราชสำ� นกั ไมเ่ พยี งแตไ่ มห่ า้ มปราม พระองค์ ยังพอใจในการเลน่ สนุกไปดว้ ย ความเดอื ดร้อน แผ่กระจายทุกหย่อมหญ้าร้อนไปถึงท้าวสักกะจอมเทพ (ผู้เป็นใหญ่เป็นหัวหน้าของผู้มีจิตใจสูง) ทรงทราบเหตุ แล้วก็ดำ� รวิ ่า ‘เราจะตอ้ งทรมานพระเจา้ พรหมทัตให้ส�ำนึกบา้ ง’ แล้วทรงแปลงพระองคเ์ ปน็ คนแก่ บรรทุกต่มุ นำ้� มนั ๒ ใบ ใส่บนเกวียนเก่าๆ เทียมด้วยวัวแก่ ๒ ตัว แล่นไป ในงานมหรสพ ซึ่งพระเจ้าพรหมทัตทรงช้างเสด็จเลียบ พระนครอยู่ พอพระราชาทอดพระเนตรเห็นเกวียนเก่าๆ เทียม ดว้ ยววั แกๆ่ ทรงนกึ สนกุ ขนึ้ มาทนั ที รบั สง่ั ใหไ้ ปนำ� เกวยี น นนั้ มา ท้าวสักกะจึงทรงแสดงอิทธิฤทธ์ิ ขับเกวียนลอยขึ้น อยู่เหนือพระเศยี รของพระราชา แลว้ ทุบตุม่ นำ้� มนั ใหแ้ ตก ไหลลงมาราดรดเปรอะเปื้อนท่ัวพระวรกาย พระราชา ทรงตกพระทัยและอับอาย ทั้งขยะแขยงน�้ำมันที่เหนียว เหนอะหนะยิ่งนกั ทรงว่นุ วายพระทัยมาก ดังน้ันท้าวสักกะทรงเห็นเป็นโอกาสแล้ว จึงเนรมิต พระองค์เป็นท้าวสักกะอย่างเดิม ประทับยืนบนอากาศ ตรสั อบรมว่า 36 บรรลธุเปร็นรทมีมด้วยชาดก www.kalyanamitra.org

“ดูก่อน พระราชาผู้ช่ัวช้า ท่านเบียดเบียนสัตว์แก่ ๔ เก ิฬสีลชาดก และคนชราอยู่เสมอ ชะรอยทา่ นจะไมแ่ ก่บ้างเชียวหรอื ? ความชราจะไม่มาถึงกายของท่านหรือไร ? ท่านมัวแต่ เห็นแก่เล่นสนุก ท�ำร้ายคนแก่มากมาย ท�ำให้ลูกหลาน ไม่อาจเลยี้ งดบู ดิ ามารดาของตนได้ ฉะนั้นหากทา่ นไม่งด การกระท�ำอยา่ งนี้ เราจอมเทพผ้เู ปน็ ใหญ่ จะท�ำลายท่าน เสียด้วยวชิราวุธ (สายฟ้า) นับต้ังแต่น้ีไปท่านจงอย่าท�ำ กรรมช่วั น้ีอีกเลย” แล้วทรงชูวชิราวุธในพระหัตถ์ข้ึน ท�ำให้พระราชา สะดุ้งกลัว จากน้ันท้าวสักกะก็ตรัสสอนถึงคุณของบิดา มารดา ทรงบอกผลบญุ ผลประโยชนข์ องการออ่ นนอ้ มถอ่ ม ตนต่อผ้สู ูงอายุ แล้วจึงเสด็จกลบั ไปวมิ าน ของพระองค์ ต้ังแต่วันน้ันมา พระราชาก็มิได้แม้แต่คิดที่จะ เบียดเบยี นสัตว์แกแ่ ละคนชราเอามาเลน่ สนกุ อกี เลย พระศาสดาตรสั รู้แลว้ ได้ตรสั คาถาเหลา่ น้ีวา่ หงส์ก็ดี นกกระเรียนกด็ ี ช้างกด็ ี ฟาน๕กด็ ี ย่อมกลวั ราชสหี ์ทัง้ นัน้ จะถอื เอาร่างกายเปน็ ประมาณมิได้ ฉนั ใด. ในหมู่มนุษย์ก็ฉันน้ัน ถ้าแม้เด็กมีปัญญา ก็เป็น ผ้ใู หญ่ได้ คนโง่ถงึ รา่ งกายจะใหญโ่ ต ก็เป็นผ้ใู หญไ่ ม่ได.้ ๕ น. เนอ้ื ชนดิ หนง่ึ ตวั คลา้ ยกวาง แตต่ วั เลก็ ขนาดสนุ ขั , บางทเี รยี กอเี กง้ 37 www.kalyanamitra.org

พระศาสดาทรงน�ำพระธรรมเทศนาน้ีมาแล้ว ทรง ประกาศสัจธรรม ทรงประชมุ ชาดก. เมอื่ จบสจั ธรรม บรรดาภกิ ษเุ หลา่ นนั้ บางพวกไดเ้ ปน็ พระโสดาบนั บางพวกไดเ้ ปน็ พระสกทาคามี บางพวกได้ เปน็ พระอนาคามี บางพวกไดเ้ ป็นพระอรหันต.์ ประชุมชาดก พระเจ้าพรหมทัตในคร้ังน้ัน ได้มาเปน็ ลกณุ ฏกภัท- ทิยะเถระ ในบัดน้ี ผ้มู ีร่างกายเตีย้ คอ่ ม ตอ้ งถูกกลน่ั แกลง้ ลอ้ เลน่ จากผอู้ นื่ เสมอๆ นก่ี เ็ พราะผลกรรมทชี่ อบเลน่ สนกุ ในครง้ั นั้นนนั่ เอง สว่ นท้าวสกั กะจอมเทพ ก็คือ เราตถาคต 38 บรรลธุเปร็นรทมมี ด้วยชาดก www.kalyanamitra.org

๕ กุททาลชาดก๖ วา่ ด้วย ความชนะที่ดี สถานท่ีตรัส พระเชตวนั มหาวิหาร ๕ กุททาลชาดก ทรงปรารภ พระจิตหัตถสารบี ตุ ร สาเหตทุ ต่ี รสั ได้ยินว่า พระจิตหัตถสารีบุตรเป็นเด็กท่ีเกิดใน ตระกูลผู้หน่ึง ในพระนครสาวัตถ.ี อยมู่ าวนั หนง่ึ ไถนาแลว้ ขากลบั เขา้ ไปสวู่ หิ าร ไดโ้ ภชนะ ประณตี อรอ่ ย มรี สสนทิ จากบาตรพระเถระองคห์ นงึ่ คดิ วา่ ‘ถึงแม้เราจะกระท�ำงานต่างๆ ด้วยมือของตน ตลอดคืน ตลอดวนั กย็ งั ไมไ่ ดอ้ าหารอรอ่ ยอยา่ งน้ี แมเ้ รากส็ มควรจะ เป็นสมณะ’ ดังน้.ี เขาบวชแลว้ อยมู่ าไดป้ ระมาณครง่ึ เดอื น เมอื่ ไมใ่ สใ่ จ โดยแยบคาย ตกไปในอ�ำนาจกิเลส สึกไป พอล�ำบาก ๖ ตน้ ฉบบั ชาตกฏั ฐกถา อรรถกถาขทุ ทกนกิ าย ชาดก เอกนบิ าต, ล.๕๖,น.๑๖๖, มมร. 39 www.kalyanamitra.org

40 บรรลธุเปร็นรทมีมด้วยชาดก www.kalyanamitra.org

ด้วยอาหาร ก็มาบวชอีก เรียนพระอภิธรรมด้วยอุบายน้ี ๕ กุททาลชาดก สกึ แลว้ บวชถงึ ๖ ครัง้ . ในความเป็นภิกษุครั้งที่ ๗ เป็นผู้ทรงพระอภิธรรม ๗ พระคัมภีร์ ได้บอกธรรมแก่ภิกษุเป็นอันมาก บ�ำเพ็ญ วิปัสสนาได้บรรลพุ ระอรหัตแลว้ . ครง้ั นนั้ ภกิ ษผุ เู้ ปน็ สหายของทา่ นพากนั เยาะเยย้ วา่ “อาวโุ สจติ หตั ถ์ เดย๋ี วน้ี กเิ ลสทง้ั หลายของเธอ ไมเ่ จรญิ เหมอื นเมือ่ ก่อนดอกหรอื ?” ท่านตอบว่า “ผ้มู ีอายุ ตั้งแตบ่ ัดน้ีไป ผมไมเ่ หมาะเพอื่ ความเปน็ คฤหัสถ์.” กเ็ มอื่ ทา่ นบรรลพุ ระอรหตั อยา่ งนแ้ี ลว้ เกดิ โจทกนั ขนึ้ ในธรรมสภาว่า “ผู้มีอายุทั้งหลาย เมื่ออุปนิสัยแห่งพระอรหัต เห็น ปานนี้มีอยู่ ท่านพระจิตหัตถสารีบุตรต้องสึกถึง ๖ คร้ัง โอ! ความเปน็ ปถุ ุชนมโี ทษมาก” ดังนี.้ พระศาสดาเสดจ็ มาแล้ว ตรสั ถามว่า “ดกู อ่ นภกิ ษทุ งั้ หลาย บดั น้ี พวกเธอสนทนากันดว้ ย เรอื่ งอะไร ?” เม่อื ภิกษทุ ้ังหลายกราบทลู ให้ทรงทราบแลว้ . 41 www.kalyanamitra.org

ตรสั วา่ “ดกู อ่ นภกิ ษทุ งั้ หลาย ขน้ึ ชอ่ื วา่ จติ ของปถุ ชุ น เมาข่มได้ยาก คอยไปติดด้วยอ�ำนาจแห่งอารมณ์ ลงติด เสยี ครง้ั หนง่ึ แลว้ กไ็ มอ่ าจปลดเปลอื้ งไดโ้ ดยเรว็ การฝกึ ฝน จติ เห็นปานนี้เป็นความดี จติ ที่ฝึกฝนดแี ล้วเทา่ นั้น จะนำ� ประโยชนเ์ ก้ือกูล และความสขุ มาให.้ ” แลว้ ตรัสพระคาถานี้ ความว่า :- “การฝึกฝนจติ ทข่ี ม่ ได้ยาก เมา มปี กติ ตกไปตามอารมณท์ ี่ปรารถนา เปน็ การดี เพราะจติ ทฝ่ี กึ ฝนแลว้ ย่อมนำ� สุขมาให้” ดังน.ี้ คร้นั แลว้ ตรัสตอ่ ไปวา่ “กเ็ พราะเหตทุ จี่ ติ นน้ั ขม่ ไดโ้ ดยยาก บณั ฑติ ทง้ั หลาย แม้ในกาลก่อน อาศัยจอบเล่มเดียว ไม่อาจทิ้งมันได้ ต้องสึกถึง ๖ ครั้ง ด้วยอ�ำนาจความโลภ ในเพศแห่ง บรรพชติ ครง้ั ท่ี ๗ ทำ� ฌานให้เกดิ ขึน้ แลว้ จงึ ขม่ ความโลภ นนั้ ได”้ ดงั นแ้ี ล้ว. ทรงน�ำเอาเรอ่ื งในอดีตมาสาธก ดังตอ่ ไปน้ี :- 42 บรรลธุเปร็นรทมมี ด้วยชาดก www.kalyanamitra.org

เนอ้ื หาชาดก ๕ กุททาลชาดก ในอดีตกาล คร้ังพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติ อยใู่ นกรงุ พาราณส.ี พระโพธิสัตวเ์ กดิ ในตระกลู คนปลกู ผัก ถงึ ความเปน็ ผ้รู ู้เดยี งสาแล้วได้นามวา่ ‘กุททาลบณั ฑิต’. ท่านกุททาลบัณฑิตกระท�ำการฟื้นดินด้วยจอบ เพาะปลูกพืชพันธุ์และผัก มีน้�ำเต้า ฟักเขียว ฟักเหลือง เปน็ ตน้ เกบ็ ผกั เหลา่ นน้ั ขาย เลยี้ งชพี ดว้ ยการเบยี ดกรอ.๗ แทจ้ รงิ ท่านกุททาลบัณฑติ นอกจากจอบเลม่ เดยี ว เท่านน้ั ทรพั ย์สมบัตอิ ยา่ งอน่ื ไมม่ ีเลย. ครั้นวันหน่ึง ท่านด�ำริว่า ‘จะมีประโยชน์อะไรด้วย การอยูค่ รองเรือน เราจกั บวช’ ดงั น.้ี ครัน้ วนั หนงึ่ ทา่ นซอ่ นจอบน้ันไวใ้ นที่ซง่ึ มดิ ชิด แล้ว บวชเป็นฤาษี คร้ันหวลนึกถึงจอบเล่มนั้นแล้ว ก็ไม่อาจ ตัดความโลภเสียได้ เลยต้องสึก เพราะอาศัยจอบกุดๆ เลม่ นัน้ . แมค้ ร้งั ท่ี ๒ แม้ครัง้ ท่ี ๓ กเ็ ปน็ อย่างน้ี เก็บจอบน้ัน ไวใ้ นทมี่ ดิ ชิด บวชๆ สึกๆ รวมไดถ้ งึ ๖ ครัง้ . ๗ ว. ฝดื เคอื ง กระเบยี ดกระเสยี ร 43 www.kalyanamitra.org

ในคร้งั ท่ี ๗ ได้คิดว่า ‘เราอาศัยจอบกดุ ๆ เล่มนี้ ตอ้ งสึกบอ่ ยคร้ัง คราวน้ี เราจกั ขวา้ งมนั ทงิ้ เสยี ในแมน่ ำ้� ใหญ่ แลว้ บวช’ ดังนแ้ี ลว้ เดินไปสฝู่ ่งั แมน่ ำ้� คิดวา่ ‘ถ้าเรายังเห็นท่ีตกของมัน ก็จักต้องอยากงมมัน ขึ้นมาอีก’ แล้วจับจอบทดี่ ้าม ทา่ นมกี ำ� ลังดังช้างสาร สมบูรณ์ ดว้ ยเรย่ี วแรง ควงจอบเหนือศีรษะ ๓ รอบ หลับตาขวา้ ง ลงไปกลางแม่น้�ำ แล้วบันลอื เสียงกึกก้อง ๓ ครัง้ ว่า “เราชนะแลว้ เราชนะแล้ว”. ในขณะน้ัน พระเจ้าพาราณสีทรงปราบปราม ปจั จนั ตชนบท ราบคาบแลว้ เสดจ็ กลบั ทรงสนานพระเศยี ร ในแมน่ ำ�้ นนั้ ประดบั พระองคด์ ว้ ยเครอ่ื งอลงั การครบเครอ่ื ง เสด็จพระด�ำเนินโดยพระคชาธาร๘ ทรงสดับเสียงของ พระโพธสิ ัตว์นัน้ ทรงระแวงพระทัยว่า ‘บุรุษผู้นี้กล่าวว่า “เราชนะแล้ว” ใครเล่าที่เขาชนะ จงเรยี กเขามา’ ๘ น. ชา้ งทรง, ชา้ งพระทน่ี ง่ั 44 บรรลุธเปร็นรทมมี ด้วยชาดก www.kalyanamitra.org

แล้วมีพระด�ำรัสสั่งให้เรียกมาเฝ้า แล้วมีพระด�ำรัส ๕ กุททาลชาดก ถามวา่ “ดูก่อนบรุ ษุ ผูเ้ จริญ เรากำ� ลังชนะสงคราม ก�ำความ มชี ยั มาเดีย๋ วน้ี สว่ นท่านเล่าชนะอะไร ?” พระโพธสิ ัตว์กราบทูลวา่ “ข้าแต่มหาราช ถึงพระองค์จะทรงชนะสงคราม ตั้งร้อยคร้ังตั้งพันครั้ง แม้ต้ังแสนคร้ัง ก็ยังช่ือว่า ‘ชนะ ไม่เด็ดขาดอยู่นั่นเอง’ เพราะยังเอาชนะกิเลสท้ังหลาย ไมไ่ ด้ แตข่ า้ พระองคข์ ม่ กเิ ลสในภายในไวไ้ ด้ เอาชนะกเิ ลส ทั้งหลายได้”. กราบทูลไป มองดูแม่น้�ำไป ยังฌานมีอาโปกสิณ๙ เป็นอารมณ์ ให้เกิดขึ้นแล้ว นั่งในอากาศด้วยอ�ำนาจของ ฌานและสมาบัต.ิ เมื่อจะแสดงธรรมถวายพระราชา จึงกล่าวคาถาน้ี ความว่า :- “ความชนะทีบ่ ุคคลชนะแลว้ กลับแพไ้ ดน้ น้ั มใิ ช่ความชนะเด็ดขาด (ส่วน)ความชนะ ที่บคุ คลชนะแล้ว ไม่กลบั แพน้ น้ั ตา่ งหาก จึงชื่อวา่ เป็นความชนะเด็ดขาด” ดังน.้ี ๙ น. วธิ เี จรญิ สมถกรรมฐาน โดยยดึ หนว่ งเอาธาตนุ ำ�้ เปน็ อารมณ์ 45 www.kalyanamitra.org

“ดกู อ่ นมหาบพติ ร เพราะเหตนุ นั้ แมพ้ ระองคจ์ ะทรง ชนะขุนสงคราม ต้ังพันคร้ัง ตั้งแสนครั้ง ก็ยังจะเฉลิม พระนามวา่ จอมทพั หาได้ไม่. เพราะเหตุใด ? เพราะเหตุท่ีพระองค์ยังทรงชนะกิเลสของพระองค์ เองไมไ่ ด้ สว่ นบคุ คลใดชนะกเิ ลสภายในของตนได้ แมเ้ พยี ง ครัง้ เดียว บุคคลนี้จัดเป็นจอมทัพผเู้ กรยี งไกรได.้ ” พระโพธิสัตว์น่ังในอากาศนั่นแล แสดงธรรมถวาย พระราชาดว้ ยพระพทุ ธลีลา. ก็ในความเป็นจอมทัพผู้สูงสุดนั้น มีพระสูตรเป็น เครื่องสาธก ดังนี้ :- “ผู้ทชี่ นะหม่มู นุษย์ในสงคราม ถงึ หนึ่งลา้ นคน ยังสู้ ผู้ที่ชนะตน เพียงผู้เดียวไม่ได้ ผู้น้ันเป็นจอมทัพสูงสุด โดยแท้” ดงั น้.ี กเ็ มอื่ พระราชาทรงสดบั ธรรมอยนู่ นั่ เอง ทรงละกเิ ลส ไดด้ ว้ ยอ�ำนาจตทังคปหาน๑๐ พระทยั น้อมไปในบรรพชา. ถึงพวกหมู่โยธาของพระองค์ ก็พากันละได้เช่นน้ัน เหมือนกัน. ๑๐ การละกเิ ลสดว้ ยธรรมทเี่ ปน็ คปู่ รบั , การละกเิ ลสไดช้ วั่ คราว 46 บรรลุธเปร็นรทมมี ด้วยชาดก www.kalyanamitra.org

พระราชาตรสั ถามพระโพธิสัตว์วา่ ๕ กุททาลชาดก “บัดนี้ พระคณุ เจา้ จกั ไปไหนเล่า ?” พระโพธิสตั วก์ ราบทลู วา่ “ข้าแต่มหาราช ข้าพระองค์จักเขา้ ป่าหมิ พานต์บวช เป็นฤๅษี.” พระราชารับสง่ั วา่ “ถ้าเช่นนน้ั แม้ข้าพเจ้าก็จะบรรพชา” แล้วเสด็จพระราชด�ำเนินไปพร้อมกับพระโพธิสัตว์. พลนิกายท้ังหมด คอื พราหมณ์ คฤหบดแี ละทวยหาญ ทุกคนประชุมกัน ในขณะน้ันเป็นมหาสมาคมออก บรรพชา พร้อมกับพระราชา เหมอื นกนั . ชาวเมืองพาราณสีสดับข่าวว่า ‘พระราชาของเรา ทั้งหลาย ทรงสดับพระธรรมเทศนาของกุททาลบัณฑิต แลว้ ทรงบ่ายพระพักตร์มงุ่ บรรพชา เสดจ็ ออกทรงผนวช พรอ้ มดว้ ยพลนิกาย พวกเราจักท�ำอะไรกนั ในเมืองน้ี’ ดังนี้แล้ว บรรดาผู้อยู่ในพระนครทั้งนั้นต่างพากัน เดินทางออกจากกรุงพาราณสี อันมีปริมณฑลได้ ๑๒ โยชน์. บริษัทก็ได้มีปริมณฑล ๑๒ โยชน์. พระโพธิสัตว์ พาบริษ ทั นั้นเขา้ ปา่ หมิ พานต์. 47 www.kalyanamitra.org

ในขณะนนั้ อาสนะทป่ี ระทบั นงั่ ของทา้ วสกั กเทวราช สำ� แดงอาการร้อน. ท้าวเธอทรงตรวจดทู อดพระเนตรเห็นว่า ‘กุททาลบณั ฑิตออกสมู่ หาภเิ นษกรมณ์’ แลว้ ทรงพระด�ำริวา่ ‘จกั เปน็ มหาสมาคม ควรที่ท่านจะได้สถานทอ่ี ย’ู่ แลว้ ตรสั เรียกวิสสุกรรมเทพบตุ รมา ตรสั สั่งวา่ “พอ่ วสิ สกุ รรม กทุ ทาลบณั ฑติ กำ� ลงั ออกสมู่ หาภเิ นษ- กรมณ์ ท่านควรจะได้ท่ีอยู่ ท่านจงไปหิมวันตประเทศ เนรมติ อาศรมบท ยาว ๓๐ โยชน์ กวา้ ง ๑๕ โยชน์ ณ ภมู ภิ าค อนั ราบรน่ื .” วสิ สุกรรมเทพบุตรรับเทวบญั ชาว่า “ขา้ แต่เทพยเจา้ ข้าพระพทุ ธเจ้าจะกระทำ� ใหส้ �ำเร็จ ดังเทวบญั ชา.” แล้วไปทำ� ตามน้นั . นเ้ี ป็นความสังเขปในอธิการ๑๑น้.ี สว่ นความพสิ ดารจกั ปรากฏในหตั ถปิ าลชาดก แทจ้ รงิ เร่อื งนี้และเร่ืองนน้ั เปน็ ปรเิ ฉท๑๒เดยี วกันนน่ั เอง. ฝ่ายวิสสุกรรมเทพบุตรเนรมติ บรรณศาลา ๑๑ น. อำ� นาจ, การปกครอง, หนา้ ท,ี่ กจิ การ, ภาระ ๑๒ เรอื่ ง, บท 48 บรรลุธเปร็นรทมมี ดว้ ยชาดก www.kalyanamitra.org

ในอาศรมบทแล้ว ก็ขับไล่เน้ือ นกและอมนุษย์ที่มี ๕ กุททาลชาดก เสียงช่ัวร้ายไปเสีย แล้วเนรมิตหนทางเดินแคบๆ ตาม ทสิ าภาคนั้นๆ เสร็จแล้ว กลับไปยังวมิ านอนั เป็นสถานท่ี อยู่ของตนทนั ที. ฝ่ายกุททาลบัณฑิตพาบริษัทเข้าสู่ป่าหิมพานต์ ลุถึงอาศรมบทที่ท้าวสักกะทรงประทาน ถือเอาเคร่ือง บริขารแห่งบรรพชิตท่ีวิสสุกรรมเทพบุตรเนรมิตไว้ให้ บวชตนเองกอ่ น ใหบ้ รษิ ทั บวชทหี ลงั จดั แจงแบง่ อาศรมบท ให้อยู่กันตามสมควร มีพระราชาอีก ๗ พระองค์สละ ราชสมบัติ ๗ พระนคร (ติดตามมาทรงผนวชด้วย) อาศรมบท ๓๐ โยชนเ์ ต็มบริบูรณ.์ กุททาลบัณฑิตท�ำบริกรรมในกสิณท่ีเหลือ เจริญ พรหมวิหารธรรม บอกกรรมฐานแกบ่ รษิ ัท. บรษิ ัททั้งปวงลว้ นไดส้ มาบัติ เจรญิ พรหมวหิ ารแลว้ พากันไปสู่พรหมโลกทั่วกัน. ส่วนประชาชนที่บ�ำรุง พระดาบสเหล่าน้ัน กล็ ว้ นไดไ้ ปสเู่ ทวโลก. พระบรมศาสดากต็ รสั วา่ “ดกู อ่ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย ขน้ึ ชอ่ื วา่ ‘จติ ’ นตี้ ดิ ดว้ ยอำ� นาจ ของกเิ ลสแลว้ เปน็ ธรรมชาตปิ ลดเปลอ้ื งไดย้ าก โลภธรรม ทงั้ หลายทเ่ี กดิ แลว้ เปน็ สภาวะละไดย้ าก ยอ่ มกระทำ� ทา่ น 49 www.kalyanamitra.org


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook