รวบรวมความรูจากแหลงอางอิงท่ีเช่ือถือไดสรางกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรูกับกลุมเพื่อน มหี ลกั การ ดงั น้ี 1. มาตรฐานการเรียนรูในศตวรรษที่ 21 มีจุดเนน (1) เนนทักษะความรูและ ความเชี่ยวชาญที่เกิดกับผูเรียน (2) สรางความรูความเขาใจในการเรียนในเชิงสหวิทยาการ (3) มุงเนนการสรางความรูและเขาใจในเชิงลึกมากกวาการสรางความรูแบบผิวเผิน (4) ยกระดับ ความสามารถผูเรียนดวยการใหขอมูลที่เปนจริงและ (5) ใชหลักการวัดประเมินผลที่มีคุณภาพ ระดบั สงู 2. การประเมนิ ทกั ษะในศตวรรษท่ี 21 มีจุดเนน (1) สรางความสมดุลในการประเมินผล เชิงคณุ ภาพ (2) เนนการนาํ ประโยชนข องผลสะทอ นจากการปฏิบัติของผูเรียนมาปรับปรุงแกไขงาน (3) ใชเ ทคโนโลยเี พอื่ ยกระดับการทดสอบวัดและประเมินผล (4) สรางและพัฒนาระบบแฟมสะสม งาน ของผูเรยี นใหเ ปนมาตรฐานและมคี ุณภาพ 3. หลักสูตรและการสอนในศตวรรษท่ี 21 มจี ดุ เนน (1) การสอนใหเกดิ ทกั ษะการเรียนใน ศตวรรษท่ี 21 มุงเนนเชิงสหวิทยาการของวิชาแกนหลัก (2) สรางโอกาสที่จะประยุกตทักษะเชิง บรู ณาการขามสาระเน้ือหา (3) สรางนวัตกรรมและวธิ ีการเรียนรูใ นเชงิ บรู ณาการท่มี เี ทคโนโลยีเปน ตัวเก้ือหนุน การเรียนรูแบบสบื คน และวิธกี ารเรียนจากการใชปญหาเปนฐาน เพื่อการสรางทักษะ ขั้นสงู ทางการคดิ และ (4) บรู ณาการแหลง เรยี นรจู ากชุมชนเขา มาใชใ นโรงเรียน 4. การพัฒนาทางวชิ าชีพในศตวรรษท่ี 21 มีจุดเนน (1) จุดมุงหมายสําคัญเพื่อการสราง ผสู อนใหเปนผูทม่ี ที ักษะความรคู วามสามารถในเชิงบรู ณาการ 2) สรางความสมบูรณแ บบในมิติของ การสอนดว ยเทคนคิ วิธีการสอนทีห่ ลากหลาย (3) สรางใหผูสอนเปนผูมที กั ษะความรูความสามารถ ในเชงิ ลึกเกยี่ วกับการแกป ญหา และอนื่ ๆ (4) เปนยุคแหงการสรางสมรรถนะทางวชิ าชีพใหเกดิ ขน้ึ กบั ผูสอนเพ่ือเปนตัวแบบ (5) สรางใหผูสอนเปนผูท่ีมีความสามารถวิเคราะหผูเรียนไดทั้งรูปแบบ การเรียน สตปิ ญ ญา จดุ ออ นจดุ แข็งในตัวผเู รยี น เหลานเี้ ปนตน (6) ชวยใหผูสอนไดเกิดการพัฒนา ความสามารถใหสงู ขนึ้ (7) สนับสนุนใหเกดิ การประเมนิ ผเู รยี นอยา งตอ เน่ืองเพอ่ื สรา งทกั ษะและเกิด การพัฒนาการเรียนรู (8) แบงปนความรูระหวางชุมชนทางการเรยี นรูโดยใชชองทางหลากหลายใน การสอื่ สารใหเกิดขึน้ และ (9) สรางใหเกดิ ตัวแบบท่ีมกี ารพฒั นาทางวิชาชพี ไดอ ยางมน่ั คงและยัง่ ยนื 5. สภาพแวดลอมทางการเรียนรูในศตวรรษที่ 21 มีจุดเนน (1) สรางสรรคแนวปฏิบัติ ทางการเรียน (2) สนับสนุนทางวิชาชีพแกชุมชนทั้งในดานการใหการศึกษาและการมีสวนรวม (3) สรางผูเรียนเกิดการเรียนรูจากส่ิงท่ีปฏิบัติจริงตามบริบท โดยเฉพาะการเรียนแบบโครงงาน (4) สรา งโอกาสในการเขา ถงึ สอ่ื เทคโนโลยี (5) ออกแบบระบบการเรยี นรูทเ่ี หมาะสมทัง้ การเรียนเปน กลุมหรือการเรียนรายบุคคล และ (6) นําไปสูการพัฒนาและขยายผลสูชุมชนทั้งในรูปแบบ การเผชญิ หนา หรือระบบออนไลน Thinking Skills For 21st Century Teachers 101
102 Thinking Skills For 21st Century Teachers
5บทท่ี ส่อื การเรยี นรเู้ พื่อพฒั นาการคดิ Thinking Skills For 21st Century Teachers 103
5บทท่ี สือ่ การเรียนรู เพ่ือพฒั นาการคิด สื่อการเรยี นรเู พ่ือพฒั นาการคิด มคี วามสําคญั ในการจัดการศึกษาตามหลักสูตรการศึกษา ข้ันพ้ืนฐาน กระบวนการเรียนรูของผูเรียนจะตองสรางความรูผานกระบวนการคิดดวยตนเอง โดยเชอื่ มโยงกบั ธรรมชาติ และเครือขายการเรียนรู คือ บา น โรงเรยี น ชมุ ชน สังคม และโลก ดังนั้น การเรยี นรูข องผูเรียนจะไมจาํ กัดเฉพาะการเรียนการสอนในหอ งเรียนอีกตอ ไป ผเู รียนจะตองเรียนรู จากสภาพจริง ท้ังท่ีเปนสภาพแวดลอมทางธรรมชาติ สภาพแวดลอมทางสังคมและวัฒนธรรม ขอมูลขา วสารรูปแบบตางๆ และความเจริญทางเทคโนโลยีทุกๆ ดาน ดวยเหตุน้ี ส่ือการเรียนรูซ่ึง เปนเคร่ืองมือสําคัญในการพัฒนาคนใหเกิดการเรียนรูตามความมุงหวังของหลักสูตรจึงตองมี ความหลากหลายและเพียงพอ ในบทนี้ไดนําเสนอความหมายและความสําคัญของส่ือการเรียนรู กลาวถึงประเภทของส่ือ ขั้นตอนในการผลิตส่ือ หลักการเลือกส่ือและการใชส่ือใหเหมาะสม ประโยชนของสื่อการเรียนรูพรอมท้ังไดใหแนวคิดในการพัฒนาส่ือที่สอดคลองกับการเรียนรูใน ศตวรรษที่ 21 อีกดวย ดงั นั้น ผูสอนซึ่งเปนผูที่มีบทบาทสําคัญยิ่งในการเลือกและใชสื่อการเรียนรู อยางมีประสิทธิภาพเพ่ือใหการจัดการเรียนการสอนสามารถพัฒนาผูเรียนใหเกิดกระบวนการ พัฒนาการคิดและพฒั นาการเรยี นรูใ หเต็มตามศักยภาพ 1. ความหมายและความสําคัญของส่อื การเรียนรู สื่อ (Medium, pl. Media) เปนคํามาจากภาษาลาตินวา “Medium” แปลวา ระหวาง (Between) หมายถงึ ส่ิงใดกต็ ามทบ่ี รรจขุ อมูลสารสนเทศหรอื เปน ตวั กลาง ใหข อ มลู สง ผา นจากผูสง หรือแหลงสงไปยังผูรับสามารถส่ือสารกันไดตรงตามวัตถุประสงค เมื่อผูสอนนํามาใชประกอบ Thinking Skills For 21st Century Teachers 105
การสอนจะเรียกวา ส่ือการเรียนรู (Instructional Media) และเมื่อนํามาใหผูเรียนใชจะเรียกวา ส่ือการเรยี น (Learning Media) โดยเรียกรวมกันวา สื่อการเรยี นการสอน หรืออาจเรียกสั้นๆ วาสื่อ การเรียนรู นอกจากนน้ั หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 นิยามวาสอื่ การ เรยี นรู เปนเครอื่ งมือสงเสรมิ สนบั สนนุ การจดั การกระบวนการเรียนรู ใหผ ูเรยี นเขาถึงความรู ทักษะ กระบวนการ และคุณลักษณะตามมาตรฐานการเรียนรูของหลักสูตรไดอยางมีประสิทธิภาพ สื่อ การเรียนการสอนมหี ลากหลายประเภท ท้ังส่ือธรรมชาติ ส่ือส่ิงพิมพ สื่อเทคโนโลยี และเครือขาย การเรียนรูตา งๆ ท่มี ใี นทองถนิ่ ดังนน้ั ผูส อนจําเปน ตอ งศึกษาถงึ ลักษณะเฉพาะและคุณสมบตั ิของสอ่ื แตล ะชนิด เพื่อเลอื กสอ่ื ใหต รงกบั วตั ถุประสงคการสอนและจัดประสบการณการเรยี นรใู หแกผูเรียน โดยตองมีการวางแผนอยา งเปนระบบในการใชส ื่อดว ยเพือ่ ใหกระบวนการเรยี นการสอนเปนไปอยาง มปี ระสทิ ธภิ าพ ศูนยพ ฒั นาหนังสือ กรมวิชาการ (2545) กลาวถึง ความสําคัญของสื่อการเรียนรู ไวดังนี้ สอื่ เปนเครอ่ื งมือของการเรียนรทู ําหนา ที่ถายทอดความรู ความเขา ใจ ความรูสึก เพ่ิมพูนทักษะและ ประสบการณ สรางสถานการณการเรยี นรใู หแ กผ ูเรียน ชว ยกระตนุ ใหเ กดิ การพฒั นาศกั ยภาพ สือ่ การเรียนรใู นยคุ ปจจุบันมอี ทิ ธิพลสูงตอการกระตุนใหผเู รียนกลายเปนผูแสวงหาความรู ดวยตนเอง มีมากมายหลากหลายรูปแบบ มีบทบาทและใหคุณประโยชนตางๆ การพัฒนา กระบวนการคดิ ไตรต รอง การคิดสรา งสรรค และการคดิ อยางมวี จิ ารณญาณ ตลอดจนสรางเสริม คุณธรรมจริยธรรม และคานิยมใหแกผูเรียนเปนหนาที่ของผูสอนท่ีจะผลิตส่ือการสอนเพ่ือ พัฒนาการคิด ซึ่งชวยใหผูเรียนเขาใจความคิดรวบยอดไดงายขึ้น รวดเร็วขึ้น มองเห็นส่ิงที่กําลัง เรียนรูไดอยางเปนรูปธรรมและเปนกระบวนการเรียนรูดวยตนเอง สงเสริมใหเกิดความคิด สรา งสรรคเปน การสรา งสภาพแวดลอ มและประสบการณการเรยี นรูท ่ีแปลกใหม นาสนใจและทาํ ให อยากรอู ยากเห็น สง เสรมิ การมกี ิจกรรมรวมกันระหวางผูเรียน เก้ือหนุนผูเรียนที่มีความสนใจและ ความสามารถในการเรียนรูท่ีตางกันใหเรียนรูไดเทาเทียมกัน บูรณาการสาระการเรียนรูตางๆ ใหเ ชอ่ื มโยงกนั ชวยใหผ ูเ รยี นไดรับการเรยี นรูใ นหลายมติ จิ ากสื่อทีห่ ลากหลาย เชอื่ มโยงโลกทอี่ ยูใกล ตวั ผูเรยี นใหเ ขา มาสกู ารเรยี นรูของตนเอง รวมถึงการรูเทา ทนั สือ่ เทคโนโลยี ผูเรียนมีความสามารถ ในการเขาถึง วิเคราะหประเมินและสรางสรรค สื่อในหลายๆ รูปแบบ มีการคนควาเพิ่มเติมใน แหลงขอมลู ที่หลายหลาย สือ่ การเรียนรตู า งๆ นอกจากมบี ทบาทเปน เคร่อื งมอื สําหรบั การเรยี นรขู องผเู รียนแลว ยงั ชวย กระตุนใหผเู รียนไดรบั การพัฒนาดานตางๆ ไดแ ก 1. ความรู สื่อชวยใหผูเรียนไดรับความรูเชิงเน้ือหา ความรูเชิงกระบวนการและความรูเชิง ประจกั ษจ ากการเรียนรูในกลมุ วชิ าตางๆ สงเสรมิ การคนควา หาความรูเพ่ิมเติมพัฒนาความอยากรู อยากเห็นเชิงสรางสรรค สงเสริมการคนหาและการเชื่อมโยงสาระที่ไดเรียนรูระหวางวิชาตางๆ เขา กับประสบการณส วนตน หรือกิจกรรมทป่ี ฏิบตั ิในครอบครวั โรงเรียน ชุมชน และสังคมในวงกวา ง 106 Thinking Skills For 21st Century Teachers
2. ทักษะ สื่อการเรียนรูในกลุมวิชาตางๆ ชวยสงเสริมและพัฒนาทักษะดานตางๆ ใหแก ผูเรียน ไดแก ทักษะพื้นฐานตามกลุมสาระการเรียนรู ทักษะการคิด ทักษะการส่ือสาร ทักษะ ความสัมพันธระหวางบคุ คล ทกั ษะการจัดการ ทักษะในงานอาชีพ เปนตน 3. คณุ ธรรม จรยิ ธรรมและคานิยม สอ่ื ตา งๆ นอกจากจะใหผเู รยี นไดร ับการพัฒนาความรู และทกั ษะแลวยังมุงใหผเู รยี นรักการเรียนรู เห็นคณุ คาในตนเอง ภูมิใจความเปน ไทย มีจติ สาํ นึกทาง สังคมและส่ิงแวดลอม รูจักใชเวลาสรางสรรค ยอมรับคานิยมที่ดีงามความรูทั่วไปเก่ียวกับส่ือ การเรยี นการสอน กลา วโดยสรุป สื่อการเรียนรูในยุคปจจุบันมีอิทธิพลสูงตอการกระตุนใหผูเรียนกลายเปน ผูแสวงหาความรูดวยตนเอง เปนเครื่องมือสําหรับการเรียนรูของผูเรียนในการแสวงหาความรู เพื่อพัฒนาตนเองมนดานตางๆ ท้ังดานความรูความเขาใจ ทักษะกระบวนการและคุณธรรม จริยธรรมเพ่อื ใหผ ูเรยี นเกิดการเรียนรูครบทั้ง 3 ดา น คือ พุทธพิ ิสัย ทกั ษะพสิ ัย และจติ พิสยั 2. ประเภทของส่ือการเรยี นรู สุนนั ทา สุนทรประเสรฐิ (2547) ไดจ าํ แนกประเภทของสอ่ื การเรยี นรู ไวดังนี้ 2.1 สื่อส่งิ พมิ พ หมายถึง หนังสือและเอกสารส่ิงพิมพตางๆ ซึ่งไดแสดงหรือจําแนก หรือ เรียบเรียงสาระความรูตางๆ โดยใชตัวหนังสือท่ีเปนตัวเขียน หรือตัวพิมพเปนสื่อเพ่ือแสดง ความหมาย สอื่ สง่ิ พมิ พม ีหลายประเภท เชน เอกสาร หนงั สอื ตาํ รา หนงั สอื พิมพ นิตยสาร วารสาร จลุ สาร จดหมาย จดหมายเหตุ บนั ทกึ รายงาน วทิ ยานพิ นธ เปน ตน ภาพท่ี 5-1 ภาพตวั อยางสือ่ สิ่งพมิ พ ประเภทวทิ ยานพิ นธ ทม่ี าภาพ: http://www.rumruay.com/id-50d0fc010b8564e857001a40.html Thinking Skills For 21st Century Teachers 107
2.2 ส่ือเทคโนโลยี หมายถึง สื่อการเรียนรูท่ีไดผลิตขึ้นเพ่ือใชควบคูกับเครื่องมือ โสตทัศนวสั ดุ หรือเครือ่ งมือที่เปนเทคโนโลยีใหม สอื่ การเรียนรูด งั กลา ว เชน แถบบันทึกภาพพรอม เสียง (วีดทิ ัศน) แถบบนั ทึกเสียง สไลด สื่อคอมพวิ เตอรชวยสอน นอกจากน้ีส่ือเทคโนโลยียังหมาย รวมถงึ กระบวนการตางๆ ทีเ่ ก่ียวของกับการนําเทคโนโลยีมาประยุกตใชในการเรียนการสอน เชน การใชอนิ เทอรเนต็ เพ่ือการเรยี นการสอน การศกึ ษาผา นดาวเทียม ภาพท่ี 5-2 ภาพตวั อยางส่ือเทคโนโลยี ประเภทการศกึ ษาผานดาวเทยี ม 2.3 สือ่ อื่นๆ นอกจากส่ือส่ิงพิมพและส่ือเทคโนโลยีแลว ยังมีส่ืออ่ืนๆ ที่สงเสริมการเรียน การสอน ซ่ึงมีความสําคัญไมย่ิงหยอนไปกวาส่ือทั้งสองประเภทดังกลาว เพราะสามารถอํานวย ประโยชนใหแกทองถิ่นท่ีขาดแคลนส่ือสิ่งพิมพและสื่อเทคโนโลยี สื่อเหลานี้อาจแบงไดเปน 4 ประเภทใหญๆ ดงั น้ี 2.3.1 สือ่ บคุ คล หมายถึง บคุ คลที่มคี วามรคู วามสามารถความเชี่ยวชาญเฉพาะดาน ซ่งึ สามารถทาํ หนาทีถ่ า ยทอดสาระความรู แนวคดิ เจตคตแิ ละวธิ ปี ฏิบตั ิตนไปสูบุคคลอ่ืน สื่อบุคคล อาจเปนบุคลากรทีอ่ ยใู นระบบโรงเรียน เชน ผูบริหาร ผูสอน ตัวผูเรียน นักการภารโรง หรืออาจเปน บุคลากรภายนอกระบบโรงเรียน เชน บุคลากรในทองถ่ินที่มีความชํานาญและเชี่ยวชาญในสาขา อาชพี ตางๆ เปน ตน 2.3.2 สอื่ ธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ ม หมายถงึ สิ่งทเ่ี กิดขึ้นเองตามธรรมชาตหิ รือสภาพ ท่ีอยูรอบตัวผูเรียน เชน พืชผัก สัตวชนิดตางๆ ปรากฏการณแผนดินไหว สภาพดินฟาอากาศ หอ งเรียน หอ งปฏิบตั ิการ แหลงวิทยบรกิ ารหรือแหลง การเรยี นรู หอ งสมุดชมุ ชน สังคม วัฒนธรรม สง่ิ เหลานเี้ ปน ส่ือทม่ี คี วามสาํ คัญตอการสงเสรมิ การเรยี นรู ซง่ึ ผสู อนหาไดไมยาก 108 Thinking Skills For 21st Century Teachers
2.3.3 ส่ือกิจกรรม/กระบวนการ หมายถึง กิจกรรมหรือกระบวนการที่ผูสอนหรือ ผูเรียนกําหนดขึ้นเพื่อเสริมสรางประสบการณการเรียนรู ใชในการฝกทักษะซ่ึงตองใชกระบวน การคดิ การปฏบิ ัติ การเผชิญสถานการณ และการประยกุ ตความรขู องผเู รียน เชน การแสดงละคร บทบาทสมมติ การสาธิต สถานการณจําลอง การจัดนิทรรศการ การไป ทัศนศึกษานอกสถานที่ การทําโครงงาน เกม เพลง การปฏบิ ตั ติ ามใบงาน ฯลฯ ภาพที่ 5-3 ภาพตวั อยา งสื่อเพื่อพฒั นาการคดิ ท่มี าภาพ: เกษทพิ ย ศริ ชิ ยั ศิลป 2.3.4 ส่ือวัสดุ/เครื่องมือและอุปกรณ หมายถึง วัสดุท่ีประดิษฐข้ึนเพื่อประกอบ การเรียนรู เชน สื่อทํามือ บัตรคํา บัตรภาพ หุนจําลอง แผนภูมิ แผนที่ ตาราง สถิติ กราฟ ฯลฯ นอกจากนี้ยังรวมถึงสื่อประเภทเครื่องมือและอุปกรณท่ีจําเปนตองใชในการปฏิบัติงานตางๆ เชน อปุ กรณท ดลองวทิ ยาศาสตร เครอื่ งมอื วิชาชาง เปนตน Thinking Skills For 21st Century Teachers 109
ภาพที่ 5-4 ภาพตวั อยา งสอ่ื ส่ือวสั ดุ/เครอ่ื งมือและอุปกรณ ทมี่ าภาพ: เกษทพิ ย ศิริชยั ศิลป สื่อตา งๆ ทีส่ ถานศกึ ษาจดั ทาํ หรอื จดั หามาใชเ พือ่ การเรยี นรขู องผเู รยี น ตองเช่ือม่ันไดวาให สาระการเรียนรูที่ถูกตอง มีความหมาย และเกี่ยวพันกับการเรียนรูอยางสรางสรรคและมีคุณคา หองสมดุ หรือศูนยส อ่ื เปน แหลง การเรยี นรูท่สี ําคัญมากทผ่ี เู รยี นสามารถเรยี นรูไ ดท งั้ ดว ยตันเองอยาง มีอิสระและอยางรวมมือกันและกันระหวางเพ่ือนสถานศึกษาจึงตองพัฒนาหองสมุดใหทําหนาท่ี อยางเตม็ ที่ ยง่ิ กวาน้ันโลกรอบตัวผเู รยี นไมว าจะเปน ภายในสถานศกึ ษา บาน ชุมชน ตลอดจนขอมูล จากทั่วโลกทผ่ี ูเรยี นสามารถเขา ถงึ ไดดวยเทคโนโลยี ก็เปนเครือขา ยการเรียนรูทไี่ มม ีขีดจํากดั อีกทง้ั ยังเพ่ิมพูนจนยากจะจดจําไดทั่วถึง ผูเรียนจึงตองไดรับการชี้แนะและฝกใหรูจักคิดแสวงหา แหลง ขอ มูลและวธิ กี ารคนควาขอ มลู จากสอ่ื เทคโนโลยีและแหลง ความรตู า งๆ ดวยตนเองอยางอสิ ระ ตลอดจนไดรับการฝกใหสามารถคิดวิเคราะห เพื่อเลือกสรรขอมูลมาใชประโยชนลักษณะของสื่อ การเรียนการสอนที่ดี สื่อการเรียนการสอนท่ีจัดทําขึ้นตองคํานึงถึงหลักจิตวิทยาการศึกษาที่ เก่ียวของและหลักการสอนตางๆ เพ่ือจะทําใหสื่อน้ันมีคุณภาพสามารถสงเสริมกระบวนการเรียน การสอนใหบ รรลจุ ดุ หมายของหลกั สตู รไดอยางมีคุณภาพ ส่ือการเรียนการสอนท่ีดี ควรมีลักษณะ ดงั ตอไปน้ี 1. เหมาะสม สอดคลองกับเนอ้ื หาและจุดประสงคของหลกั สตู ร 2. เหมาะสมกับวยั และความสามารถของผเู รยี น 3. ใหความรูแ กผเู รียนเปน ขน้ั ตอนจากงา ยๆ ไปหายาก 4. ชว ยใหผเู รียนสามารถเรยี นรไู ดเร็วและประหยัดเวลา 5. ผูเรียนมสี ว นรว มในการผลิต การใช และการประเมนิ ผลส่อื 6. เราความสนใจของผเู รียนและผเู รยี นสามารถตอบสนองไดทนั ที 110 Thinking Skills For 21st Century Teachers
7. สงเสรมิ เจตคตทิ ่ดี ตี อเนอื้ หาทสี่ อน 8. มีความประณีตขนาดเหมาะสมกับผูเรียนที่จะใชประกอบกิจกรรมระหวางเรียน และเหมาะสมกับการสอนของผสู อน เชน ถาสือ่ ชิ้นนั้นตอ งนาํ มาแสดงใหผูเรียนดูหนาชั้น ก็จะตองมี ขนาดใหญพอที่ผเู รียนทุกคนในชน้ั จะสามรถมองเห็นไดอยางชัดเจน รปู ราง สี เราความสนใจและมี ความชดั เจน 9. ใชค ุมคา คมุ เวลา และแรงงาน 10. สื่อทด่ี คี วรผานการทดลองใชแ ละแกไ ขปรับปรงุ กอนนาํ ไปใชจ ริง กลาวโดยสรุปประเภทของสื่อการเรียนรูแบงไดออกเปน 3 ประเภท คือ สื่อสิงพิมพ ส่ือเทคโนโลยี และส่อื อืน่ ๆ เชน สือ่ บุคคล สื่อธรรมชาติและส่ิงแวดลอม ส่ือกิจกรรม/กระบวนการ ส่ือวัสดุ/เครื่องมือและอุปกรณ เปนตน สื่อตางๆที่กลาวมาลวนมีความหมาย และเกี่ยวพันกับ การเรียนรูอยางสรางสรรคและมีคุณคาซ่ึงเปนเคร่ืองมือสําหรับผูสอนท่ีผูสอนจําเปนตองจัดหา เพ่อื การสง เสรมิ การเรียนรสู าํ หรับผเู รียน 3. ขั้นตอนการผลติ สอ่ื การเรียนรู สนุ นั ทา สนุ ทรประเสรฐิ (2547) ไดเสนอขั้นตอนการผลิตสอ่ื การเรยี นรู ไวดังนี้ ข้ันท่ี 1 ศึกษาสภาพปจจุบันและปญหา เกี่ยวกับส่ือการเรียนรูเพื่อเปนแนวทางใน การกําหนดสอื่ ท่ีควรจัดทาํ การศกึ ษาสภาพปจ จุบนั อาจทําไดหลายแนวทาง ดังน้ี 1. ศึกษาแผนการสอนวามีเน้ือหาใดบางที่ยังไมมีสื่อการเรียนรู ใหนําเนื้อหา เหลาน้นั มาจดั ลาํ ดบั ความสําคญั วา ควรจดั ทาํ ส่อื ของเน้อื หาใดกอน 2. ศึกษาผลการเรียนรูท่ีคาดหวังในแตละกลุมสาระการเรียนรู วามีเร่ือง ใดบา งท่ีผเู รยี นสวนใหญไ มผา น แลวจัดลาํ ดับเร่อื งทีเ่ ปนปญ หาของแตละกลุมประสบการณไ ว 3. ศึกษาสภาพสือ่ การเรยี นรทู ่มี ีอยวู า สอ่ื ไดชาํ รดุ สญู หายหรือไมส อดคลองกับ เน้ือหาหรอื กิจกรรมการเรียนการสอนในปจจบุ นั ควรปรับปรงุ หรอื ผลิตขน้ึ ใหม ขัน้ ท่ี 2 วิเคราะหขอมูล โดยพิจารณาทั้งเน้ือหา จุดประสงค ผูเรียนและส่ือดวยวิธี ตอ ไปนี้ 1. วิเคราะหเน้ือหา/จุดประสงค ถาในข้ันท่ี 1 กําหนดเน้ือหาที่จะจัดทําส่ือไว นาํ เนื้อหานั้นมาพิจารณาวาสัมพันธกับจุดประสงคใดบาง ในทํานองเดียวกันถาในขั้นที่ 1 กําหนด จดุ ประสงคการเรียนรทู เ่ี ปนเปาหมายในการจัดทําสอื่ ไว ก็ตอ งพจิ ารณาวาจดุ ประสงคน ้ันสมั พันธก ับ เนือ้ หาใดบาง Thinking Skills For 21st Century Teachers 111
2. วิเคราะหผูเรียน โดยศึกษาพัฒนาการของผูเรียนและจิตวิทยาการเรียนรู ตลอดจนสงั เกตพฤติกรรมเพ่ือจะไดท ราบส่ิงทผ่ี ูเ รยี นสนใจ 3. วเิ คราะหทฤษฎที างการสอนและจติ วทิ ยาการเรยี นรเู พอ่ื จะไดนาํ แนวคิดมา ใชใ นการผลิตส่อื การเรยี นการสอน 4. วเิ คราะหส ่อื การเรยี นการสอน เพื่อคัดเลือกวาสื่อประเภทใดเหมาะสมกับ เน้ือหาและจุดประสงคของการเรียนรูซึ่งรวมถึงวัสดุ อุปกรณ และเทคนิควิธีการตางๆ ท่ีจะใชใน การถายทอดเน้ือหาไปยังผูเรียน เม่ือวิเคราะหเน้ือหา วิเคราะหผูเรียน และวิเคราะหสื่อการเรียน การสอนแลว ในขนั้ นี้ ผผู ลิตสามารถกาํ หนดประเภทของสื่อที่จะจัดทําใหสอดคลองกับเน้ือหาและ เหมาะสมกบั วัยของผูเรียน ขั้นท่ี 3 วางแผนการผลิตสื่อการเรียนรู ไดแก การกําหนดจุดประสงคเชิงพฤติกรรม กิจกรรมรายคาบเรยี น สอ่ื ทจ่ี ะใชใ นแตล ะกจิ กรรม ออกแบบส่ือ จัดหาวัสดุอปุ กรณ คิดวิธีการผลิต ส่อื กําหนดระยะเวลาในการผลิตและเวลาในการใชส อ่ื ตลอดจนงบประมาณท่ใี ชใ นการผลิตสื่อ ขน้ั ที่ 4 ผลิตและทดลองใชส อ่ื การเรียนรูม ีแนวทางดงั น้ี 1. ผลติ ส่อื ตามท่วี างแผนไวในขั้นตอนที่ 3 โดยแสดงภาพประกอบดวย 2. ทดลองใชสอ่ื โดยทดลองใชกบั ผเู รียนเปน รายบคุ คล ผเู รยี นกลุมเล็กและนํา เรียนท้ังชั้น พรอมทั้งบันทึกผลการทดลองแตละคร้ังไว แลวนําผลการทดลองมาปรับปรุงแกไข ขอ บกพรองของส่อื ใหม คี ณุ ภาพตามตอ งการ 3. จดั ทําคมู ือการผลติ และการใชสื่อ หลังจากปรับปรุงใหมีคุณภาพจนเปนท่ี พอใจแลว ควรจัดทําคูมือการผลิตและใชส่ือ ตามข้ันตอนอยางละเอียดเพ่ือเผยแพรความคิดและ วิธกี ารใหผ อู น่ื นําสื่อไปใชไดอยางถูกตอง หรือสามารถผลิตสื่อเพ่ือใชในการจัดกิจกรรมการเรียน การสอนไดเ อง ขั้นท่ี 5 นําสอื่ การเรยี นรูไปใช กอ นนาํ สอื่ ไปใชควรเตรยี มการดังนี้ 1. เตรียมตัวผูสอน ไดแก การเตรียมเนื้อหา ทบทวนการจัดลําดับกิจกรรม และทดลองใชส ่ือเพ่ือใหเ กดิ ความคลองตวั ขณะใชส อื่ 2. เตรียมตัวผูเรยี น ไดแ ก การใหผูเรียนทราบวาจะตองทํากิจกรรมอะไรบาง สอ่ื ทีด่ คี วรเปด โอกาสใหผูเรยี นไดจ ับตอ งลองทาํ 3. เตรยี มสถานทห่ี รอื เตรยี มหองเรยี นทีจ่ ะใชส ่ือ ซึ่งเมื่อทดลองใชส่ือจนไดผล เปนท่ีนาพอใจแลว จงึ นาํ ไปใชแ ละเผยแพรต อ ไป ข้นั ที่ 6 ประเมนิ ผลการใชส่อื การเรยี นรู หลังจากการนาํ สือ่ ไปใชแ ลวควรมีการติดตาม ประเมินผลการใชสือ่ ดว ย เพือ่ จะไดปรบั ปรงุ หรอื พฒั นาส่อื ใหม ีคณุ ภาพมากขึ้น การประเมินผลการ ใชส่ือ กระทําได 2 วิธคี ือ 112 Thinking Skills For 21st Century Teachers
1. ประเมินกระบวนการ เปนการประเมินความสนใจและความสะดวกใน การใชสื่อของผูสอนและผูเรียนโดยการทดสอบ สัมภาษณ หรือสังเกตพฤติกรรมของผูสอนและ ผเู รยี นที่ใชสื่อนั้น 2. ประเมินผลท่ีไดจากการใชส่ือ เปนการประเมินผลการเปล่ียนแปลงดาน ความรู ทักษะ และเจตคติของผูเรียนภายหลังการใชส่ือนั้น อาจใชวิธีการศึกษาเปรียบเทียบกับ ผเู รยี นสองกลุม กลุมหน่ึงสอนโดยใชสื่อท่ีผลิตขึ้นใหม กับอีกกลุมหนึ่งสองตามแผนการสอนปกติ แลว เปรยี บเทยี บความกาวหนา ทางการเรียนของผูเ รียนทั้งสองกลมุ ระหวางการประเมนิ ผลกอ นและ หลัง 4. หลักการเลือกส่ือการเรยี นรู เน่ืองจากผูสอนเปนผูมีบทบาทโดยตรง ในการเลือกสรรส่ือการเรียนรูท่ีมีคุณคาและ มีความเหมาะสมกับกระบวนการจัดการเรียนการสอนและผเู รยี น การที่ผูสอนจะทําหนาที่ดังกลาว ไดเปนอยางดีนั้น จะตองตระหนักวา “ความรูมีอยูทุกหนแหง” ไมวาจะเปนบุคคล หนังสือและ เอกสารวสั ดแุ ละอปุ กรณ และทส่ี าํ คัญคอื สิ่งแวดลอมทีเ่ ปนธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ มที่มนุษยสราง ขึ้นเปนตนวา โบราณสถาน โบราณวัตถุอาคารสถานที่และอ่ืนๆ ปจจุบันหนวยงานตางๆ เห็นความสาํ คัญในการใหค วามรูแกบ ุคคลท่ัวไป จึงไดผลิตส่ือการเรียนรูหลายลักษณะท่ีเกี่ยวของ กับภาระงานของหนวยงานนั้นๆ และจัดพิมพเผยแพรอยางกวางขวาง มีท้ังหนังสือ แผนพับ แถบบันทึกภาพพรอมเสียงหรือ วีดิทัศน ฯลฯ ผูสอนอาจสอบถามไดจากหนวยงานตางๆ เหลาน้ี เพ่ือขอรับหรือขอยืมมาใชได นอกจากน้ีจะตองเสาะแสวงหาขอมูลดวยวิธีการอ่ืนๆ แลวนําขอมูล แหลง การเรยี นรทู ่รี วบรวมมาไดจัดเก็บขอมูลใหเปนระบบ เพ่ือเปน “คลังขอมูลแหลงการเรียนรู” สาํ หรบั ใชป ระโยชนรวมกัน การมีขอมูลเชนน้ีมีความสําคัญอยางมากในการเลือกใชสื่อการเรียนรู ของผูสอนในการจัดการเรียนการสอนทุกคร้ัง ผูสอนจะตองมีการวางแผน ดวยการจัดทําแผน การสอนลวงหนา และเลือกส่ือการเรียนรูท่ีเหมาะสม หลักการเลือกส่ือการเรียนรูที่ผูสอนควร คาํ นึงถึงท่สี ําคัญ (สุนันทา สนุ ทรประเสรฐิ , 2550) คือ 4.1 การเลือกสื่อการเรียนรูตองสัมพันธกับจุดมุงหมายและเน้ือหาท่ีจะสอน การจดั การเรียนการสอนแตละครั้ง ผูส อนจะตอ งกําหนดจุดมุง หมายใหชดั เจนวาตองการใหผูเรียน เกิดการเรียนรอู ะไรบา ง ผูเรียนควรมีความรูในเรื่องใด สามารถทําอะไรได และมีเจตคติท่ีถูกตอง อยางไร จากนน้ั จงึ จะพจิ ารณาวาจะเลือกใชส ่ือการเรียนรูประเภทใดท่ีมีความเหมาะสม ที่จะทําให ผูเรียนเกิดการเรียนรูตามที่กําหนดจุดมุงหมายไว ท้ังน้ีเพราะส่ือการเรียนรูแตละประเภทมี ประสิทธิภาพในการสรา งประสบการณการเรียนรแู ตกตา งกัน ดังที่ อัลเลน (Allen) ไดวิจัยเกี่ยวกับ Thinking Skills For 21st Century Teachers 113
ประสิทธิภาพของส่ือชนิดตางๆ พบวาภาพยนตรชวยใหเกิดการเรียนรูในดานกระบวนการท่ีเปน ขนั้ ตอนไดดีทสี่ ดุ ในขณะท่ีเทปบันทึกเสยี งสามารถใหการเรียนรใู นดา นนเี้ พียงระดบั ปานกลางเทา นั้น ตัวอ ยาง ของ กา รเลื อกสื่ อกา รเ รียน รูที่เ หมา ะส มกับ กิจก รรม แล ะเนื้ อหา ขอ ง บทเรียน เชน ถา ตอ งการใหผ เู รยี นสามารถแปรงฟนไดถูกตอง ก็ควรสาธิตโดยใชของจําลองหรือดู แถบบันทึกภาพพรอมเสียง เพราะเปนการปฏิบัติท่ีผูเรียนควรจะไดเห็นขั้นตอน และวิธีปฏิบัติที่ ถกู ตอ ง หรอื หากตองการใหผเู รยี นเขาใจสภาพชีวิตความเปนอยูของผูคนที่อยูในเมืองและคนท่ีอยูใน ชนบทวามีความเหมือนหรือแตกตางกันอยางไร ส่ือที่คิดวาดีที่สุดและเหมาะสมที่สุดก็คือแถบ บนั ทึกภาพพรอ มเสียง เพราะบางคร้ังการนําผูเรียนไปศึกษาจากสภาพจริงอาจมีความยุงยาก ไม สะดวก สว นบางเรื่องท่ตี องเรียนรูจ ากสภาพจริง เชนเร่อื งพชื ใบเลย้ี งเด่ียวและพืชใบเลี้ยงคู สื่อการ เรยี นรทู ่เี หมาะสมท่ีสุดก็ควรจะเปนใบไมจริงๆ นอกจากน้ีธรรมชาติของเน้ือหาสาระบางเร่ืองอาจ ตองเรยี นรูจ ากการอา นสอ่ื การเรยี นรูต อ งเปน ประเภทสิ่งพิมพต า งๆ เน่ืองจากส่ือการเรียนรูแตละประเภทมีคุณสมบัติแตกตางกัน จึงไมมีส่ือ การเรยี นรใู ดที่สามารถสนองจุดมงุ หมายทุกเร่อื งในการจัดการเรยี นการสอนได ผูสอนจงึ จาํ เปน ตอง มีความรเู ก่ียวกบั คณุ สมบตั ิของสอื่ การเรียนรแู ตละประเภทดว ย 4.2 การเลือกสื่อการเรียนรูตองเหมาะสมกับผูเรียน ผูสอนจําเปนตองวิเคราะห ลกั ษณะผูเ รียน เพอ่ื จะไดรพู ัฒนาการดา นตา งๆ ทงั้ ดานรางกาย สติปญญา อารมณและสังคมของ ผเู รยี น ซง่ึ เกย่ี วของอยา งมากกบั ความสามารถในการเรียนรู ดงั พบวาในวยั ผูเรียนเล็กจะเรียนรูไดดี ดว ยการกระทําสือ่ ทค่ี วรเลือกใชจึงไดแก เกมของเลน เม่ือโตขึ้นก็จะเรียนรูดวยการใชสายตาและ ความคิดมากขึ้น ส่ือจึงอาจจะเปนประเภทภาพ และตอมาจึงจะเรียนรูโดยอาศัยสัญลักษณที่เปน นามธรรมหรอื ภาษา ส่อื ท่ีจะนํามาใชอ าจะเปน หนังสือตางๆ นอกจากน้ีการจัดการเรียนรูท่ีคํานึงถึงความแตกตางระหวางบุคคลก็เปน สิ่งจาํ เปน เพอ่ื ใหผเู รยี นเกิดการเรียนรูเตม็ ตามศักยภาพ เพราะบคุ คลมีวิธกี ารเรยี นรไู ดด ีแตกตา งกนั ผเู รียนบางคนชอบที่จะปฏบิ ัติ บางคนชอบดูภาพ บางคนชอบอา นหนังสือ หรือบางคนชอบการบอก เลา ผูส อนจึงควรจะไดศกึ ษาวิธีการเรียนรูแ ตละคนดวย นน่ั คอื 1. ศึกษาวาผูเรียนมีความรู ประสบการณ หรือทักษะที่เกี่ยวของกับสาระ การเรียนรทู จ่ี ะตองเรยี นรูเพียงใด 2. ศกึ ษาวา ผูเรียนมคี วามรูทกั ษะในสง่ิ ท่ีจะตองเรยี นรบู า งหรอื ไม 3. ศึกษาวาผเู รยี นมที ักษะพนื้ ฐานดา นภาษา การคาํ นวณ ฯลฯ ซ่ึงเปนส่ิงจําเปน ท่จี ะชว ยในการเรยี นรูในระดบั ใด 4. ศึกษาวาผูเรียนมีเจตคติอยางไรตอสาระการเรียนรู ท่ีผูเรียนจะตองเรียนรู เพ่อื ทจ่ี ะไดปรับเจตคติของผูเ รียนใหเ ปน ไปในทางทพี่ งึ ประสงค 114 Thinking Skills For 21st Century Teachers
สื่อสัมพันธก ับจุดมงุ หมายและเน้อื หาที่สอน ส่ือตองเหมาะสม การเลอื กสอ่ื การเรยี นรู ความเปน ไปไดใ นการ กบั ผูเ รยี น เพอ่ื พัฒนาการคิด จัดหาและคาใชจาย ความสะดวกในการนําไปใช ภาพที่ 5-5 ภาพแสดงขั้นตอนการเลอื กส่ือการเรยี นรู ที่มาภาพ : สุนนั ทา สนุ ทรประเสรฐิ (2550) 4.3 พจิ ารณาความเปน ไปไดและคาใชจาย มีสื่อการเรียนรูหลายชนิด ทส่ี ามารถทําให ผูเรียนเกิดการเรยี นรูตามวตั ถุประสงคไ ดเชนเดียวกัน เปนตนวาหากตองการใหผูเรียนรูจักบางส่ิง บางอยาง เชน โบราณสถาน โบราณวัตถุ แหลงธรรมชาติ ท่ีเปนปาเขาลําเนาไพร การทํา เครอ่ื งปน ดินเผา หรอื สิง่ ของตางๆ ควรนาํ ผูเรยี นไปเรยี นรใู นสถานท่จี ริง เพ่อื สรางประสบการณตรง แตถ ามขี อจาํ กัดดานคา ใชจ า ยและความไมส ะดวกอ่นื ๆ การใชสอื่ การเรียนรปู ระเภทภาพสไลดน าจะ เหมาะสมกวาท้งั นี้หากพิจารณาเห็นวา การนาํ ผูเรียนไปเรียนรูจากสถานที่จริงกับการดูจากสื่ออ่ืน จะใหผ ลการเรียนรูไมแ ตกตา งกนั มากนัก กค็ วรเลือกใชว ธิ กี ารทป่ี ระหยัดกวา และมคี วามเหมาะสม กวา 4.4 พจิ ารณาความสะดวกและความสามารถในการใชส่ือการเรียนรู สื่อการเรียนรู บางชนิดเปนส่ือสมัยใหมท่ีผูใชอาจไมมีความชํานาญในการใชดีพอ เชน สื่ออิเล็กทรอนิกส ผูใช จะตองศึกษาและใชสอ่ื นน้ั ๆ ใหเขา ใจอยางถองแท หรือขอความรวมมอื จากผูเชยี่ วชาญ สื่อบางชนิด เชน สื่อที่เปนภาพยนตร สไลดมัลติวิชั่น มีความยุงยากในการจัดหาและเทคนิคการใช อาจจําเปนตองเลอื กใชส ื่อชนิดอน่ื ทกี่ อ ใหเ กิดการเรียนรูไดดเี ชน เดียวกันแทนได Thinking Skills For 21st Century Teachers 115
5. หลักการใชส่ือการเรียนรู สุนันทา สนุ ทรประเสรฐิ (2550) กลาววา การจัดกระบวนการเรียนการสอนเพื่อใหผูเรียนเกิด การเรียนรูน้ัน ส่ิงสําคัญนอกเหนือจากการเลือกส่ือการเรียนรูที่เหมาะสม ก็คือ การใชสื่อที่มี ประสทิ ธภิ าพซึง่ มีหลกั การ ดังนี้ 5.1 การเตรียมตวั ของผสู อน ผูสอนจาํ เปนจะตอ งเตรียมการในดานตางๆ กอนที่จะนํา สอ่ื การเรียนรูไ ปใช กลาวคอื 5.1.1 ศึกษาเน้ือหาในสื่อการเรียนรูท่ีไดเลือกได เพ่ือตรวจสอบดูวาเนื้อหา มคี วามสมบูรณต ามที่ตอ งการหรือไม จะไดจ ัดหาหรือจัดทําสือ่ ชนิดอื่นเพิม่ เตมิ 5.1.2 ทดลองใชสื่อการเรียนรูบางประเภทซึ่งอาจมีความยุงยากในการใช หรือ ตองการทดสอบประสิทธิภาพของส่ือชนิดน้ันๆ เชน ลําดับข้ันตอนการนําเสนอสรางความเขาใจ ใหกับผูเรยี นเพยี งพอหรือไม เหมาะสมกบั เวลาเรียนเพยี งใด มีสว นไหนทตี่ อ งปรับปรุงแกไขบาง 5.1.3 จัดเตรียมอุปกรณเครอื่ งมอื เพ่ือจะไดไมเสียเวลาในขณะท่ีใชเพราะการใช เวลานานเกินไปในการจัดเตรียมเคร่ืองมือและอุปกรณจะมีผลใหผูเรียนมีแรงจูงใจในการเรียนรู นอ ยลง นอกจากน้คี วรตรวจสอบอปุ กรณและเครื่องมอื ตา งๆ ใหค รบถวนและใหอ ยูใ นสภาพทีพ่ รอม จะใชงานดวย 5.2 การเตรียมจัดสภาพแวดลอม การใชสื่อการเรียนรูบางประเภทจะตองมี การจดั เตรียมสถานทหี่ รอื หอ งเรยี น ใหอยใู นสภาพท่เี หมาะสมกับการใชส่ือการเรียนรูประเภทนั้นๆ ไมวา จะเปนตําแหนงทเี่ หมาะสมของเครื่องมอื และวสั ดอุ ปุ กรณร ะยะทน่ี งั่ ท่เี หมาะสมของผเู รียน หรอื แสงภายในหอ ง 5.3 การเตรยี มพรอมผูเรยี น การใชสอ่ื การเรียนรบู างอยางจาํ เปน ตองชแ้ี จงใหผ เู รยี นรู วัตถุประสงคการเรียนรูโดยใชส่ือนั้นๆ เปนการใหผูเรียนเรียนรูอยางมีเปาหมายและผูเรียนจะได เตรียมพรอมในการเรียนรูจากสื่อนั้น หากไมมีการช้ีแจงใหรู ผูเรียนจากไดเพียงความเพลิดเพลิน หรอื เรียนรไู มต รงตามเปา หมาย ยอ มเปนการใชสือ่ ที่ไมค ุม คาและเสียเวลาโดยเปลา ประโยชนหรือใน กรณที ่ผี เู รยี นจะตอ งใชส่ือดว ยตนเอง ผสู อนกต็ อ งแนะนําวิธีการใชสื่อน้ันดวย ที่สําคัญจะตองบอก วา ผเู รียนตอ งทํากจิ กรรมอะไรบา งเพ่อื จะไดเ ตรยี มตวั ไดถกู ตอ ง 5.4 การใชสื่อการเรียนรู ผูสอนจะตองใชสื่อการเรียนรูตามแผนที่กําหนดไว เพ่ือให การจดั การเรียนการสอนครงั้ นัน้ ดาํ เนนิ ไปไดอยา งราบรื่นและใหเ กิดการเรยี นรทู ี่ตอ งการในขณะท่ใี ช ส่ือใดๆ ก็ตามจะตอ งพจิ ารณาวา ผเู รียนมีปฏิกิรยิ าอยางไร ผูเรียนศึกษาดวยความสนใจ ต้ังใจ และ กระตือรือรนหรือไม ปฏกิ ิรยิ าของผูเรียนท่มี ีตอส่ือการเรยี นรสู ามารถใชเปน เครอื่ งชว้ี ัดไดวา ส่ือการ เรียนรูน้ันมีความเหมาะสมกับกิจกรรมและผูเรียนเพียงใด นอกจากนี้ควรมีการใชเคร่ืองมือหรือ วิธีการตางๆ ที่จะตรวจสอบวาส่ือการเรียนรูที่ใชน้ันมีประสิทธิภาพหรือไม เพียงใด ซ่ึงอาจใชวิธี การสงั เกต การตัง้ คาํ ถาม การใชแบบทดสอบหรอื การสอบถามผเู รยี นโดยตรง 116 Thinking Skills For 21st Century Teachers
5.5 การประเมนิ การใชสอ่ื การเรียนรู เปนการนําขอมูลท่ีไดจากการใชสื่อการเรียนรู มาวิเคราะหปญหาอุปสรรค พรอมทั้งประเมินความเหมาะสมของกิจกรรมการเรียนรูและกลุม ผเู รียน โดยจะตองพิจารณาลกั ษณะทางกายภาพของสอ่ื และสาระทส่ี อ่ื สารไปยงั ผูเ รียน บางคร้ังสื่อ การเรียนรทู ่นี าํ มาใชน ้ันอาจมีความเหมาะสมดานกายภาพ แตคุณคาในดานสาระ ยังไมสามารถทํา ใหผูเรียนเกิดการเรียนรูไดตามเปาหมาย การประเมินจะชวยในการตัดสินใจเลือกและใชส่ือการ เรยี นรูส าํ หรบั การจัดการเรยี นการสอนในครง้ั ตอ ๆ ไป หรือพฒั นาโดยการดัดแปลง ปรับปรุง แกไข จดั ทาํ เพิ่มเติมใหม คี วามเหมาะสมยิ่งข้นึ 6. ประโยชนข องสือ่ การเรยี นรู สื่อการเรยี นรใู หป ระโยชนตอผูเ รยี นและผสู อน ดงั น้ี (สุนันทา สุนทรประเสริฐ, 2547) 6.1 ส่อื กับผเู รียน สื่อการเรียนรูมปี ระโยชนตอ ผูเ รยี น ดงั น้ี 6.1.1 เปนสิง่ ที่ชว ยใหเ กดิ การเรยี นรอู ยา งมีประสิทธภิ าพ เพราะชวยใหผ ูเ รยี นเกิด ความเขาใจเนื้อหาบทเรียนที่ยุงยากซับซอนไดงายข้ึนในระยะเวลาอันส้ัน และสามารถชวยใหเกิด ความคิดรวบยอดในเร่ืองน้นั ไดอยา งถกู ตอ งและรวดเรว็ 6.1.2 สื่อจะชวยกระตุนและสรางความสนใจใหกับผูเรียน ทําใหสนุกและไมเบ่ือ หนา ยการเรียน 6.1.3 การใชสอื่ จะทาํ ใหผเู รียนมคี วามเขา ใจตรงกนั และเกดิ ประสบการณรวมกัน ในวชิ าท่เี รยี นนั้น 6.1.4 ชวยใหผ ูเรยี นไดมสี วนรว มในกจิ กรรมการเรียนการสอนมากข้ึน ทําใหเกิด มนุษยส ัมพนั ธอ ันดีในระหวา งผเู รียนดว ยกันเองกับผสู อนดว ย 6.1.5 ชวยสรา งเสรมิ ลักษณะนิสัยที่ดีในการศึกษาคนควาหาความรู และชวยให ผเู รยี นเกิดความคดิ สรา งสรรคจากการใชส ือ่ เหลา นนั้ 6.1.6 ชว ยแกป ญหาเรอ่ื งความแตกตางระหวางบุคคล โดยการจัดใหมีการใชส่ือ ในการเรยี นการสอนรายบุคคล 6.2 ส่อื กับผูสอน สื่อการเรยี นรูมปี ระโยชนตอ ผูสอน ดงั น้ี 6.2.1 การใชส ื่อวัสดอุ ปุ กรณต า งๆ ประกอบการเรยี นการสอน ชว ยใหบ รรยากาศ ในการเรยี นนาสนใจย่ิงขึ้น ทําใหผสู อนมคี วามสนุกสนานในการสอนมากกวา วธิ ที เี่ คยใชก ารบรรยาย แตเ พียงอยา งเดียว เปนการสรางความเชอ่ื ม่ันเพมิ่ ขน้ึ ดว ย Thinking Skills For 21st Century Teachers 117
6.2.2 สอื่ จะชวยแบงเบาภาระผูสอนในดานการเตรยี มเน้ือหา เพราะบางคร้ังอาจ ใหผเู รียนศกึ ษาเน้ือหาจากสอ่ื ไดเ อง 6.2.3 สื่อเปน การกระตุนใหผูสอนตนื่ ตวั อยเู สมอในการเตรยี มและผลิตวัสดใุ หมๆ เพ่อื ใชเปน สื่อการเรยี นรู ตลอดจนคิดคน เทคนิควิธีการตางๆ เพื่อใหการเรยี นรนู าสนใจยงิ่ ขึ้น อยางไรก็ตาม สื่อการเรียนรูจะมีคุณคาก็ตอเมื่อผูสอนไดนําไปใชอยางเหมาะสมและ ถูกวิธี ดังน้ันกอนท่ีจะนําส่ือแตละอยางไปใช ผูสอนจึงควรศึกษาถึงลักษณะและคุณสมบัติของ สอื่ การเรียนรู ขอ ดแี ละขอจาํ กดั อันเกี่ยวเน่ืองกับตวั สอ่ื และการใชส ือ่ แตละอยา ง ตลอดจนการผลิต และการใชส่ือใหเหมาะสมกับสภาพการเรียนการสอนดวย ท้ังนี้เพื่อใหการจัดกิจกรรมการสอน บรรลุจุดมงุ หมายและวัตถุประสงคที่วางไว 7. ขอ ควรคาํ นงึ ในการใชส ื่อการเรียนรู การใชสื่อการเรียนรใู หถูกตอง เปน การใชท ม่ี ีประสิทธิภาพ ทําใหสื่อการเรียนรูน้ันมีคุณคา ตอ ผเู รยี น กอใหเกดิ ประโยชนตอ การเรยี นการสอนอยา งแทจรงิ การใชสื่อการเรียนรจู งึ ตอ งคํานงึ ถึง ขอ ตอ ไปน้ี 7.1 ควรฝก ใชกอนเสมอ เพอ่ื ความคลองตวั ในการสอน 7.2 ควรแสดงส่ือการเรียนรูใหเห็นชัดเจนท่ัวทั้งหอง เชน การยกภาพใหผูเรียนดู ควรยกใหสูงในระดับอกและอยูขางหนา พยายามยืนชิดกระดานใหมากที่สุด โดยเฉพาะหองท่ีมี ชองวางเลก็ นอ ยระหวางทนี่ ง่ั ของผเู รยี นกบั กระดาน เพ่ือชว ยใหผูเ รยี นที่นัง่ หนา สุดสามารถมองเห็นได 7.3 ควรหาที่ตั้งวางแขวนส่ือที่มีขนาดใหญ และมีนํ้าหนักเบา เชน แผนภูมิ แผนท่ี เปน ตน ในจดุ ทีผ่ เู รยี นจะเห็นไดช ดั ทวั่ ทงั้ หอง ไมค วรยืนถือและอธิบาย จะทาํ ใหผูสอนไมค ลองแคลว เทา ท่คี วร และระหวา งที่ผสู อนอธบิ าย มักมที าทางเคลอ่ื นไหวไปมาซงึ่ จะทําใหผ เู รยี นเห็นสอื่ น้นั ไมชัด 7.4 ควรใชไ มยาวและมปี ลายแหลมชี้ แผนภูมิ แผนท่ี กระดาน แทนการใชนิ้วมอื โดยที่ ผสู อนยนื ชดิ ดานใดดานหนง่ึ เพอื่ มใิ หบ งั สายตาจากของผูเรียนจากสว นใดสว นหนงึ่ จากสือ่ น้นั ๆ 7.5 ควรนาํ เอาสื่อการเรยี นรูม าเรียงลาํ ดบั ท่หี นา ช้นั เรียนกอ นถึงเวลาสอน เพื่อสะดวก ในการหยิบใช เชน การใชภาพ ภาพใดใชกอ นควรเรียงไวข างบน เปนตน และควรจะจดั เรยี งในลักษณะท่ี ไมหนั เหความสนใจของผูเรียนเมื่อยังไมถึงเวลาใช โดยคว่ําหนาภาพหรือแผนภูมิที่ยังไมไดใช หรือนํา หนุ จาํ ลองใสถุงหรอื กลอ ง เปน ตน 7.6 ควรเลอื กใชเครอ่ื งมอื ประกอบส่ือการเรียนรูใหเหมาะสม เชน ถาตองการจะติด แผนภูมิภาพ แผนท่ี ฯลฯ บนกระดานนิเทศควรใชหมุดติด แตถาจําเปนติดบนกระดานก็ไมควรใช หมดุ ควรใชดินนาํ้ มนั หรือเทปกาวแทน และควรตดั เทปกาวเปนชนิ้ ๆ โดยติดปลายขางหนึ่งไวกับมุม 118 Thinking Skills For 21st Century Teachers
เสียกอ น เม่ือจะใชก็สามารถตดิ กระดานไดเ ลย หรอื ตัดเทปกาวเปน ชนิ้ ๆ ขนาดที่ตองการ โดยไมต อง เสยี เวลาตดั เทปกาวจากมวนแลว นาํ มาติดแผนภูมิ 7.7 ในบางกรณีควรมีการเตรียมผูเรียนลวงหนากอนใชส่ือการเรียนรู เชนผูสอน ตอ งการใหผูเรยี นมีการสงั เกตในเรือ่ งใด ตอนใด ควรบอกใหผูเรียนทราบเสียกอน ผูเรียนจึงจะทํา ตามความประสงคข องผสู อนได เชน การทดลองทางวทิ ยาศาสตรทีต่ องการใหม กี ารสงั เกตผล 7.8 ควรใชส่ือการเรียนรูใหคุมคากับท่ีไดเตรียมมา เชน ไดใชแผนภูมิแสดง สวนประกอบของตนไมใ นขน้ั การสอนแลว ผสู อนอาจจะใชแ ผนภมู นิ ัน้ อีกครง้ั หนง่ึ ในข้ันสรุปบทเรียน แตต องมีวิธีใชที่แตกตางกับขั้นการสอน ผูสอนควรใชแผนภูมิเปนส่ือชวยอธิบายเนื้อหา จึงควรให ผูเรยี นไดเห็นคําอธิบายประกอบแผนภูมินั้น ไดแก ราก ใบ หนอ ฯลฯ แตถาใชในข้ันสรุปบทเรียน ผสู อนควรหากระดาษแผนเลก็ ๆ ปด คาํ อธิบายน้นั เสยี เม่ือต้ังคําถามในแตละสวนของตนไมแลว จึง ดึงออกเพือ่ เฉลยคําตอบทีละสวน เพื่อจะไดวัดผลการเรียนในช่ัวโมงน้ันดวย การใชสื่อการเรียนรู เชน นี้ นอกจากจะทําใหประหยัดแรงงานในการทําส่ือแลวยังใชประโยชนไดเต็มท่ี และเปนการใชท่ี บรรลุจดุ มงุ หมายของการสอนในแตล ะข้ันตอนดวย 7.9 พยายามเปดโอกาสใหผูเรียนไดมีกิจกรรมสวนรวม หรือไดศึกษาจากสื่อ การเรียนรูนั้นๆ ดวยตนเอง เชน การใหผูเรียนอธิบายภาพ สะกดและอานบัตรคํา การเลือกภาพ จับคูก ับคาํ เปนตน 7.10 ควรฝกใหผ ูเรียนเกดิ ระเบียบในการใชส ่อื การเรยี นรู เชน ในโอกาสทีต่ อ งการแจก สอื่ การเรยี นรไู ปตามโตะ ผเู รยี น เพือ่ ทําการทดลอง ผูส อนควรสงสื่อท้งั หมดใหก บั ผูเ รยี นทน่ี ั่งหนา ให หยิบสวนของตนแลวสงท่ีเหลือใหกับคนตอไป หรือในโอกาสที่ตองการใหผูเรียนมาใชสื่อหนาช้ัน เรียน ควรฝก ใหผเู รียนหนั หนา เขา ชน้ั เรยี น และไมยืนบงั สายตาของเพ่ือน 7.11 ควรคํานึงถึงความปลอดภัยของการใชสื่อบางชนิด โดยเฉพาะในกรณีที่ผูเรียน จําเปนตองใชเอง ควรกําชับใหผูเรียนระมัดระวังในการใชเปนพิเศษ เชน การใชของมีคม การใช ส่ิงของท่ีเกี่ยวกับไฟ เชน การจุดไมขีดไฟ ควรมีฝาโลหะหรือจานแกวรองรับกานไมขีดท่ีจุดแลว มากกวาจะวางทิง้ ไวบนโตะ ซึ่งอาจทําใหโตะ เปนรอยไหม และอาจเกิดอุบตั ิเหตขุ ึน้ ไดเสมอ 8. สอ่ื การเรียนรเู พ่อื พฒั นาการคดิ อศิ รา กานจักร (2560) กลาววา สื่อการเรียนรูเพ่ือพัฒนาทักษะและกระบวนการคิด มี 2 รูปแบบ คอื รปู แบบที่ 1 เปนการใชโ ปรแกรมสื่อการเรียนรู แบบฝกหรือ บทเรียนสําเร็จรูป เพ่ือมุง พัฒนาทกั ษะและกระบวนการคดิ ใหผ ูเรยี นโดยตรง และรูปแบบที่ 2 เปนการสอดแทรกการคิดโดย ผา นเน้ือหาวชิ าตามหลกั สตู รในโรงเรยี น เพื่อเสรมิ สรางทกั ษะกระบวนการคิด ซ่ึงจดุ ประสงคใ นการ พัฒนา ทักษะกระบวนการคิดดังกลาวมีความแตกตางกัน การสอนคิดโดยตรง สามารถใชสื่อการ เรยี นรู แบบฝกหรอื บทเรยี นสําเรจ็ รูป เพ่อื พฒั นาทักษะกระบวนการคิดของผูเรียน จะไมเนนเนื้อหา Thinking Skills For 21st Century Teachers 119
ในวิชาท่ีเรียนตามหลักสูตร แมวาบางคร้ังอาจจะนําเนื้อหามาใชในการสรางแบบฝกแตมิไดมี จดุ มุง หมายเพอ่ื วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นของวิชานน้ั ๆ เน้ือหาทีใ่ ชส วนมากเปนเน้อื หาท่ีสรางข้ึนเพอ่ื มงุ เนนพฒั นาทักษะและกระบวนการคดิ โดยเฉพาะ สว นการสอนการคดิ โดยผานเนอ้ื หาวชิ าในหลกั สูตร เปนการสอนทีส่ อดแทรกการฝกคดิ หรอื บูรณาการสอนความคิดกับ เน้ือหาวิชาตางๆ ในหลกั สตู รท่ี ใชใ นปจ จบุ ัน โดยท่ีผูสอนจะใชกระบวนการและวิธีการสอน เพื่อเสริมสรางทักษะการคิดลักษณะ ตา งๆ สอดแทรกเขาไปในข้ันตอนของการสอนวิชาตางๆ เหลานัน้ ทั้งนี้ วธิ ีการสอนดังกลาวมใิ ชเ รอื่ ง งา ยนัก ผูสอนจะตองเปนผูที่มีความรูความสามารถในการสรางแผนการสอน เขาใจและมีวิธีการ สอนและ เทคนิคการสอนท่ียอดเยี่ยมจึงจะสามารถกระตุนใหผูเรียนไดมีโอกาสฝกทักษะการคิด ควบคไู ปกบั การเรยี นรูในเนือ้ หารายวชิ า ผูสอนจึงควรศึกษาเทคนิค วิธีการ และเทคโนโลยีตางๆ ที่จะนํามาใชเพื่อชวยใหผูเรียน ไดร บั ความรใู หม ซง่ึ แตเ ดมิ มักเปนการสอนใหผูเรียนเรียนโดยเนนการทองจําและปรับเปลี่ยนมาสู การใชเ ทคนิควิธีการทจี่ ะชวยผเู รยี นไดรบั ขอ เท็จจรงิ ไดอ ยา งมีประสทิ ธิภาพ ไดแ ก การใชเ ทคนคิ ชว ย การจาํ เปน ตน รวมทั้งการจัดการสอนที่เนนผูสอนเปนศูนยกลางอาจนําไปใชให เกิดประโยชนได เชนกนั อยางไรก็ตามสิง่ ท่ีสาํ คัญและเปน ความตองการของการศึกษาในปจจุบัน การสอนท่ีผูเรียน ควรไดรบั คือ ทกั ษะการคดิ ในระดับสูง (Higher-order thinking skills) ไดแก การคดิ วิเคราะห การคิด สังเคราะห ตลอดจนการแกปญหาและการถายโอน (Transfer) โดยเนนการใชวิธีการตางๆ อาทิ สถานการณจําลองการคนพบ การแกปญหาและการเรียนแบบรวมมือ สําหรับผูเรียนจะไดรับ ประสบการณการแกป ญ หาท่ีสอดคลอ งกับสภาพชวี ิตจริง ในปจจุบันไดเปล่ียนจากการสอน หรือการถายทอดโดยผูสอน หรือสื่อการเรียนรูมาสู การเนน ผูเรยี นเปนศนู ยกลาง ทีใ่ หความสาํ คัญตอการเรียนรูของผูเรียน โดยผานการปฏิบัติ ลงมือ กระทาํ ดว ยตนเอง การพฒั นาศกั ยภาพทางการคิด ตลอดจนการแสวงหาความรูดวยตนเอง ดังนั้น ควรเปดโอกาสใหผูเรียนวางแผนดําเนินการและการประเมินดวยตนเอง ดังแสดงในภาพท่ี 5-6 ผูเรียนจะเปนศูนยกลางของการเรียนรู ซ่ึงจะตองมีปฏิสัมพันธกับแหลงขอมูลท่ีมีศักยภาพ ไดแก ผสู อน เทคโนโลยี พอ แม ภูมิปญญาชาวบาน และบุคคลอื่นๆ ตลอดจน สื่อตางๆ เพ่ือที่จะนํามาสู การหยั่งรูในปญหาและการแกป ญ หา หรอื การไดม าซงึ่ ความรทู ต่ี นเองสรางขนึ้ บทบาทของผสู อนได เปล่ียนแปลงมาสูการแนะแนวทางและเปนผูอํานวยการ และชวยเหลือผูเรียนใหสามารถบรรลุ เปา หมายการเรียนรู ดังแสดงในภาพขางลาง 120 Thinking Skills For 21st Century Teachers
ภาพที่ 5-6 ภาพแสดงการเปล่ยี นบทบาทของผสู อน สื่อและผูเ รยี นจากการถายทอดมาเปนใหผเู รียนสรา งความรจู ากแหลง เรียนรู ทมี่ าภาพ: อิศรา กา นจกั ร (2560) จากภาพจะเห็นไดวา ไดมีแนวคิดเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่ผูสอนเปนผูที่วางแผน และ ถายทอดความรตู า งๆ ไปสผู เู รียนโดยตรง ตอ มาเมื่อมีการพัฒนาทางดานสื่อการเรียนรูตางๆ จึงมี การ ใชส่ือการเรียนรูถายทอดเนื้อหาความรูตางๆ ไปยังผูเรียน เชน แผนภาพโปรงใส ภาพยนตร สไลด วดี ทิ ศั นคอมพวิ เตอรช ว ยสอน เพื่อชว ยเปลี่ยนส่ิงท่ีเปนนามธรรม ใหเปนรูปธรรมเพ่ิมขึ้น อีก ทัง้ ยังแกป ญหาเกีย่ วกบั จํานวนผูเรียนเพิ่มมากข้ึน นอกจากนี้ยังชวยตอบสนองดานความแตกตาง ระหวางบุคคล ในปจ จุบนั ไดเปล่ยี นจากการสอนหรือการถายทอดโดยผสู อน หรือสือ่ การเรยี นรมู าสู การเนน ผูเ รยี นเปน ศนู ยกลางทีใ่ หค วามสําคัญตอการเรียนรูของผูเรียน โดยผานการปฏิบัติ ลงมือ กระทําดวยตนเอง การพฒั นาศกั ยภาพทางการคดิ ตลอดจนการแสวงหาความรูดวยตนเอง ดังน้ัน ควรเปดโอกาสใหผเู รียนวางแผนดําเนนิ การและการประเมินดวยตนเอง เมื่อมีการเปลี่ยนกระบวน ทศั นการสอนมาสูการเรยี นรู ดงั น้นั เทคโนโลยีหรอื นวัตกรรม ทนี่ ํามาเพ่ิมประสิทธภิ าพก็ตองสอดรับ กับแนวคิดดังกลาว คือ มุงเนนการเพ่ิมประสิทธิภาพการเรียนรูของผูเรียนลักษณะของการนํา เทคโนโลยีและนวัตกรรม หรือสื่อมาใชท่ีสอดคลองกับการปฏิรูปการเรียนรู เปน \"Media + Methods\" หรอื \"ส่อื รวมกับวิธกี าร\" เชน การใชเ วบ็ รวมกับการเรยี นแบบรว มมอื เพ่ือเปด โอกาสใหล ง มอื กระทาํ อยางต่ืนตัวในกระบวนการเรียนรขู องตนเอง และแลกเปลี่ยนเรียนรูรวมกับเพื่อน รวมท้ัง การขยายมมุ มอง แนวคิดใหก วา งขวางขน้ึ อนั นําไปสกู ารสรา งความรทู ่ีมีความหมายของตนเองขน้ึ มา ซ่ึงจะเปนความรูที่อยูคงทนและสามารถถายโอน ไปใชในสถานการณอ่ืน หรือนําไปใชใน การแกป ญหาตางๆ ในสภาพชวี ติ จริงได Thinking Skills For 21st Century Teachers 121
วธิ กี าร สื่อ (Method) (Media) ทกั ษะการคดิ /การสอนในศตวรรษที่ 21 สอ่ื เพ่อื พัฒนาการเรยี นรู รูปแบบกระบวนการแกปญหา สอื่ ส่งิ พมิ พ รูปแบบกระบวนการสง เสรมิ ความคิดสรา งสรรค สื่อทํามอื รปู แบบกระบวนการสงเสริมการคดิ วิเคราะห สอ่ื เทคโนโลยี (e-book, e-learning, รปู แบบกระบวนการสงเสริมการคิดสงั เคราะห รปู แบบกระบวนการสง เสรมิ การคิดอยางมี PPT, Web-based, Multimedia) สือ่ ท่ีเปน กิจกรรม/กระบวนการส่ือ วจิ ารณญาณ รปู แบบการจดั การเรียนรจู ากแหลง เรยี นรู ทีเ่ ปนบุคคล ปราชญชาวบาน รูปแบบการจัดการเรียนรูโดยใชโ ครงงานเปนฐาน ภูมปิ ญ ญาทองถนิ่ รูปแบบการจดั การเรียนรทู เี่ นนปฏบิ ัติ สอื่ ธรรมชาติและสงิ่ แวดลอม รปู แบบการจัดการเรียนรแู บบ Active Learning ส่ือวัสดุอุปกรณ เปนตน รูปแบบการจดั การเรยี นรแู บบพหุปญญา รปู แบบการจัดการเรียนรูแบบรว มมือ ฯลฯ Learner ภาพท่ี 5-7 แนวทางการออกแบบการเรยี นรทู ต่ี องประสานรวมกนั ทงั้ สอ่ื และวิธกี าร ที่มาภาพ: เกษทิพย ศริ ิชยั ศลิ ป 122 Thinking Skills For 21st Century Teachers
9. บทสรปุ สื่อเปนเครื่องมือของการเรียนรูทําหนาท่ีถายทอดความรู ความเขาใจ ความรูสึก เพ่ิมพูน ทักษะและประสบการณ สรางสถานการณการเรียนรูใหแกผูเรียน ชวยกระตุนใหเกิดการพัฒนา ศักยภาพ การคิด ไดแก การคิดไตรตรอง การคิดสรางสรรค และการคิดอยางมีวิจารณญาณ ตลอดจนสรางเสรมิ คณุ ธรรมจริยธรรม และคา นิยมใหแ กผูเรียน สื่อการเรียนรูมหี ลายประเภท เชน สื่อสงิ่ พมิ พ สอื่ เทคโนโลยี สอ่ื บุคคล สอื่ กจิ กรรม/กระบวนการ หรือสื่อวัสดุ/เคร่ืองมือและอุปกรณ เปน ตน ข้ันตอนการผลิตส่ือการเรียนรู มีดังน้ี ขั้นที่ 1 ศึกษาสภาพปจจุบันและปญหา เก่ียวกับส่ือ การเรียนรูเพื่อเปน แนวทางในการกําหนดส่ือที่ควรจัดทํา ข้ันท่ี 2 วิเคราะหขอมูล โดยพิจารณาท้ัง เน้ือหา จุดประสงค ผูเรียนและสื่อ ข้ันท่ี 3 วางแผนการผลิตส่ือการเรียนรู ไดแก การกําหนด จดุ ประสงคเชิงพฤตกิ รรม กจิ กรรมรายคาบเรียน ส่ือท่ีจะใชในแตละกิจกรรม ออกแบบสื่อ จัดหา วัสดุอุปกรณ คิดวิธีการผลิตสื่อ กําหนดระยะเวลาในการผลิตและเวลาในการใชสื่อ ตลอดจน งบประมาณที่ใชในการผลติ สื่อ ขัน้ ท่ี 4 ผลิตและทดลองใชส ือ่ การเรียนรู ขน้ั ท่ี 5 นําสอื่ การเรียนรูไป ใชแ ละขน้ั ที่ 6 ประเมินผลการใชส ื่อการเรยี นรู สื่อการเรียนรมู ีประโยชนตอ ทั้งผูเ รียนและผูสอน ซึ่งประโยชนตอผูเรียน คือ ชวยใหผูเรียน เกดิ ความเขา ใจเนอื้ หาบทเรยี นทีย่ ุง ยากซบั ซอนไดง า ยขึ้นในระยะเวลาอันสั้น ชวยกระตุนและ สราง ความสนใจใหกับผูเรียน ทําใหผูเรียนมีความเขาใจตรงกัน ชวยใหผูเรียนไดมีสวนรวมในกิจกรรม การเรียนการสอนมากขึ้น ชวยสรางเสริมลักษณะนิสัยท่ีดีในการศึกษาคนควาหาความรู และชวย แกปญ หาเรือ่ งความแตกตา งระหวางบคุ คล ประโยชนตอผูสอน คือ ชวยใหบรรยากาศในการเรียน นา สนใจย่ิงข้นึ ทําใหผ สู อนมีความสนกุ สนานในการสอนมากกวา วธิ ีสอนแบบเดิมส่ือจะชวยแบงเบา ภาระผูสอนในดานการเตรียมเน้ือหา ผูสอนควรออกแบบกิจกรรมการเรียนรูหรือวิธีสอนท่ี สอดคลอ งกบั วิธสี อนในศตวรรษท่ี 21 พฒั นาสื่อใหสง เสรมิ การคิดของผเู รียน เพอื่ เปนการกระตนุ ให ผูสอนตื่นตวั อยูเ สมอใน การเตรียมและผลิตวัสดุใหมๆ เพ่อื ใชเปน สือ่ การเรียนรู Thinking Skills For 21st Century Teachers 123
กิจกรรมการออกแบบสื่อเพ่ือพฒั นาการคดิ Story Board ชื่อนวัตกรรม................................................................................................................................... ชือ่ -สกุล..............................................................รหสั ............................สาขา................................ มติ กิ ารคดิ ....................................................................................................................................... เน้อื หาสําคัญ.................................................................................................................................. ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... อธิบายรายละเอยี ด......................................... .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .............................................................................................. ................................................................................................... ................................................................................................... .......................................................................................... ................................................................................. อธิบายรายละเอียด......................................... .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .............................................................................................. ................................................................................................... ................................................................................................... .......................................................................................... ................................................................................. 124 Thinking Skills For 21st Century Teachers
อธิบายรายละเอียด......................................... .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .............................................................................................. ................................................................................................... ................................................................................................... .......................................................................................... ................................................................................. อธบิ ายรายละเอยี ด......................................... .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .............................................................................................. ................................................................................................... ................................................................................................... .......................................................................................... ................................................................................. อธบิ ายรายละเอยี ด......................................... .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .............................................................................................. ................................................................................................... ................................................................................................... .......................................................................................... ................................................................................. Thinking Skills For 21st Century Teachers 125
ตัวอยา งการออกแบบ Story Board ออกแบบส่อื เพื่อพฒั นาการคดิ 126 Thinking Skills For 21st Century Teachers
Thinking Skills For 21st Century Teachers 127
ท่มี าผลงาน : นางสาวณัฐธดิ า มูลใจ นกั ศึกษาสาขาวิชาคณติ ศาสตร คณะวิทยาศาสตร มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏลาํ ปาง 128 Thinking Skills For 21st Century Teachers
6บทท่ี ทกั ษะการสอนเพอื่ พัฒนาการคดิ Thinking Skills For 21st Century Teachers 129
6บทที่ ทักษะการสอน เพ่ือพัฒนาการคดิ ทักษะการสอนมีความสําคัญควบคูไปกับความรูในศาสตรเปรียบเสมือนความชํานาญใน พฤตกิ รรมการสอนแตละอยางของผสู อนท่ีใชในการปฏบิ ัติงาน การฝกทักษะการสอนก็เพ่ือใหผูฝก เกิดความคลอ งแคลว ม่นั ใจในการแสดงพฤตกิ รรมนั้นๆ และแกไ ขขอบกพรองของตนเองกอ นทจี่ ะได มีการสอนในช้ันเรียนทักษะสําคัญ ที่ผูสอนทุกคนควรจะตองฝกปฏิบัติและคํานึงถึงซึ่งพฤติกรรม การสอนของผูสอนในการใชท กั ษะการสอนตา งๆ ลว นมผี ลตอการชว ยสนับสนุนสงเสรมิ การเรยี นรแู ละ การพฒั นากระบวนการคิดของผูเรียน ทักษะการคดิ ขน้ั พ้นื ฐานและทักษะการคิดข้ันสูงลวนแลวตอง ผานทักษะการสอนของผูสอน ทักษะการสอนจึงมีความสําคัญตอการพัฒนาการคิดของผูเรียน โดยผูส อนสามารถเลอื กใชใ หเหมาะสมกบั ความพรอ มและความตองการของผูเรยี น เนื้อหาบทเรียน หรอื วิธีการสอน ในแตละรปู แบบได 1. ทกั ษะการสอน พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวรัชกาลที่ 9 ไดพระราชทานพระบรมราโชวาทแก ครูอาวุโส เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2522 มีขอความที่เก่ียวกับลักษณะครูท่ีดี 3 ประการ คือ ความเปนครูนั้น ประกอบขน้ึ ดว ยส่ิงทม่ี คี ณุ คา สงู หลายอยา ง อยางหนึ่งไดแ ก “ปญ ญา” คือความรทู ีด่ ีทป่ี ระกอบดวย หลักวิชาอันถูกตอง ที่แนนแฟนกระจางแจงในใจ รวมทั้งความฉลาดที่จะพิจารณาเร่ืองตางๆ ตลอดจนกิจที่จะทํา คําท่ีจะพูดทุกอยางไดโดยถูกตอง ดวยเหตุผลอยางหนึ่งไดแก ความดี คือ ความสุจริต ความเมตตากรุณา เห็นใจและปรารถนาดีตอผูอ่ืนโดยเสมอหนาอีกอยางหน่ึงไดแก ความสามารถท่ีจะเผ่ือแผแ ละ ถา ยทอดความรคู วามดีของตนเองไปยังผูอ น่ื อยางไดผล ความเปนครู มอี ยแู ลว ยอ มฉายออกใหผ อู น่ื ไดร ับประโยชนด ว ย ผทู ีม่ ีความเปน ผสู อนสมบรู ณในตัว นอกจากจะมี Thinking Skills For 21st Century Teachers 131
ความดีดวยตนเองแลวยังจะชวยใหทุกคนที่มีโอกาสเขามาสัมพันธเกี่ยวของบรรลุถึงความดีความ เจรญิ ไปดว ยผูเปนครทู ่ีประสบความสาํ เรจ็ ในอาชพี ทกั ษะจะเกิดขึ้นไดต องอาศัยการฝกฝนอยางถูกตอง และสมา่ํ เสมอ ผูจ ะเปนผูสอนจึงจําเปนตองไดรับการฝกทักษะการสอนในดานตางๆ อยางถูกตอง ตามหลกั เกณฑ และแบบแผนเพือ่ เปนครูท่ีมสี มรรถภาพตอ ไป จากพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจา อยหู ัวรัชกาลที่ 9 ไดก ลาวถึงคุณลกั ษณะ สําคัญของครู คือ ครูนั้นตองมีปญญา รูในหลักวิชาใหชัดแจง มีความฉลาดทางอารมณ รวมถึง ความสจุ ริต ความเมตตากรณุ า เหน็ ใจและปรารถนาดีตอผอู น่ื อยูเ สมอนนั่ เปนหนา ที่สําคัญของครู 1.1 ความหมายของทกั ษะการสอน ทกั ษะ หมายถึง ความสามารถ ความชํานาญ และความคลองแคลววองไว ซ่ึงเปนสิ่งที่ บุคคลไดเรียนรูที่จะทําดวยความรวดเร็ว แมนยําถูกตอง ซ่ึงอาจจะเปนทางรางกาย หรือสมอง ในระยะท่ีรวดเรว็ เชน ความสามารถในการคดิ เลขไดร วดเรว็ การวาดภาพเร็ว ทกั ษะเปน คําท่ีนํามาจากรากศัพท ภาษาสันสกฤต และในวิชาการศกึ ษาไดแปลมาจาก คาํ วา Skill ซ่ึงมีความหมายถึง ความสามารถ ขยันหม่นั เพียร ความคลองแคลว แข็งแรง นอกจากน้ี พจนานุกรมไทยไดใหความหมายของทักษะไววาเปนความชํานาญ และความสามารถใน การปฏิบัตงิ านอยางใดอยา งหนงึ่ ในเวลารวดเร็วและเกิดประสิทธิภาพ ในเร่ืองน้ี กูด (Good, Carter V: 1973) ไดใ หค วามหมายของทกั ษะไวใ นหนงั สือ Dictionary of Education ความวา เปนส่ิงท่ีบุคคล ไดเรียนรทู ีก่ ระทําดวยความยากงาย แมน ยาํ อาจจะทางดานรา งกายหรือสมองก็ได สรปุ ความหมายของทักษะ หมายถึง ความสามารถ ความชํานาญในการกระทําบางสิ่ง บางอยา งไดเ ปน อยา งดีดวยความถูกตอง แมนยํา ในระยะเวลาทรี่ วดเรว็ เชน ความสามารถในการอาน เร็ว ทาํ งานเร็ว เปน ตน อยา งมปี ระสิทธภิ าพ ทิศนา แขมมณี (2557) ไดใ หค วามหมายวา ทักษะการสอน หมายถงึ ความสามารถใน การปฏิบัติการสอนดานตางๆ อยางชํานาญซ่ึงจะเปนไปไดก็ตอเมื่อผูสอนมีความรูความเขาใจ เก่ยี วกบั กานสอน ไดแก ความรูความเขาใจในเร่ือง ทฤษฎี หลักการสอน ระบบการสอน รูปแบบ การสอน วิธีสอน เทคนิคการสอนและการลงมือปฏิบัติตามความรูความเขาใจนั้นสามารถปฏิบัติ และไดผ ลดีอยางคลองแคลว และชํานาญ อาภรณ ใจเท่ียง (2553) กลาววา ผูสอนที่มีทักษะการสอน หมายถึง ผูสอนท่ีมีความ ชาํ นาญในการสอน สามารถดาํ เนินการสอนไดส ําเร็จลุลวงไปไดด วยดที ําใหผ เู รียนเกดิ การเรียนรไู ดด ี ดังน้ัน ผูท่ีมีทักษะการสอนจึง หมายถึง ผูที่มีความชํานาญในการสอนสามารถดําเนิน การสอนไดอ ยางคลองแคลว ราบรืน่ และเรยี บรอ ย ทําใหผเู รียนเกดิ ความกระจา งในบทเรียนได โดยใช เวลาไมมากนกั 132 Thinking Skills For 21st Century Teachers
1.2 ลกั ษณะผูสอนทม่ี ที กั ษะการสอน อาภรณ ใจเท่ยี ง (2553) กลาววา ผสู อนทีม่ ีทักษะการสอนจงึ ควรมคี ุณลกั ษณะ ดังน้ี 1.2.1 สอนดวยความคลองแคลว กระฉับกระเฉง มีความคลองตัวในการแสดงออก พฤติกรรมตางๆ เปนไปอยางสอดคลอง เหมาะสม ราบรื่น ไมติดขัด เชน การพูด การอธิบาย การถามคาํ ถาม การเขียนกระดาน การใชสื่อการสอน พฤติกรรมผูสอนแสดงออกดวยความมั่นใจ ไมข ัดเขนิ หรือไมแ นใจ ทาํ ใหก ารสอนเปน ไปอยา งราบรน่ื และสําเร็จลงดวยความเรียบรอ ย แมอ าจจะพบ อุปสรรคบาง อันเน่ืองมาจากสภาพแวดลอมตางๆ แตก็สามารถแกปญหาตางๆ เปนไปดวย ความมั่นใจไมท าํ ใหเกดิ ผลเสียตอ การเรียนรูข องผเู รียนแตป ระการใด 1.2.2 สอนดวยความถูกตองแมนยํา หมายถึง มีความถูกตองแมนยําท้ังดานเนื้อหา สาระและวิธีการ กลาวคือ เน้ือหาหรือประสบการณตางๆ ท่ีจัดใหกับผูเรียนมีความถูกตองตาม ทฤษฏี หลักการ ผูสอนสามารถใหเน้ือหาสาระไดครอบคลุมของขอบขายของรายวิชา และมี ความแมน ยาํ ในการใหเนื้อหา โดยไมต อ งดูการประกอบโนตการสอนตลอดเวลา สวนดานวิชาการ หมายความวาผูสอนมีทักษะในการใชวิธีสอนหรือกระบวนการจัดการเรียนการสอนไดสอดคลอง เหมาะสมกบั ลกั ษณะของเนือ้ หาสาระวิชา วยั ระดบั สติปญ ญาของผูเรียนและสภาพแวดลอมตางๆ ตลอดจนสามารถสรางบรรยากาศการเรียนรู เพ่ือสงเสริมการเรียนการสอนไดอยางถูกตอง เหมาะสม เชน การรจู ักการใชท ักษะการเราความสนใจ การเสรมิ กําลังใจ การใชคําถามตางๆ ไดดี เปน ตน 1.2.3 การสอนและบรรลุผลสาํ เร็จอยางมีประสิทธิภาพในเวลาท่ีเหมาะสม ผูสอนที่มี ทกั ษะการสอนจะทําใหผูเรยี นบรรลวุ ัตถุประสงคของการสอนไดอ ยางดตี ามเวลาทก่ี ําหนด กลาวคอื ผูเ รียนเกดิ ความรูความเขาใจอยางกระจา งแจง เกดิ เจตคตทิ ด่ี ีตอ รายวิชาและตอผสู อน เกิดทักษะใน การคิด คนควาในการปฏิบัติกิจกรรมตามที่ผูสอนมอบหมาย ผูสอนเองก็จะเกิดความสุขและ ความภาคภูมิในในการสอน ผเู รียนจะเกดิ ความภาคภูมิใจในการเรียนและภูมิใจในความสําเร็จของ ตนเองเชนเดียวกัน กลาวโดยสรุปวา ผสู อนที่มที ักษะการสอนท่ดี ี จงึ ควรประกอบดวยคุณลักษณะ 4 ดาน ดงั น้ี 1. กระตอื รือรน ผสู อนทมี่ ที กั ษะการสอนทีด่ ีจะมคี วามกระตือรือรน ในการสอนและมี เทคนิควิธีการสอนที่กระตุนผูเรียนใหเกิดความความกระตือรือรนในการเรียน ทําใหผูเรียนสนใจ เรียนตลอดจนจบชัว่ โมงสอน 2. กระฉับกระเฉง ผูสอนที่มีทักษะการสอนที่ดีจะแสดงออกอยางกระฉับกระเฉง คลองแคลวไมเ คอะเขนิ ไมอ ดึ อดั ผสู อนจะแสดงออกดว ยความม่ันใจ กลา วคอื มคี วามคลองแคลว ใน บุคลิกทาทางและมีความคลองตัวในการสอนอันสงผลใหผูเรียนเกิดความกระฉับกระเฉงใน การเรยี นรูด วย Thinking Skills For 21st Century Teachers 133
3. กระจาง ผูสอนท่ีมีทักษะการสอนท่ีดีจะมีความสามารถในการจัดประสบการณ ใหกบั ผเู รียนไดรบั อยางกระจา งแจง สามารถสอนเร่ืองยากใหเปนเรื่องงายไดทําใหผูเรียนเขาใจได อยา งชัดเจนถูกตองอยางสมบูรณ ผูสอนจะใหความกระจางในบทเรียนใหก ับผูเรียนไดน้ัน ตัวผูสอน เองจะตองกระจา งแจง ในเนื้อหาสาระนนั้ ๆ เสียกอ น 4. กระบวนการ ผสู อนทม่ี ที ักษะการสอนท่ดี จี ะมีความสามารถในการดาํ เนนิ การสอน ตามข้นั ตอนอยา งตอเน่อื ง เปนไปตามลาํ ดบั สามารถดาํ เนินการสอนจนเสร็จสิ้นกระบวนการบรรลุ จดุ ประสงคการสอนตามแผนที่วางไวอ ยา งมีประสทิ ธภิ าพ ผสู อนทม่ี ที ักษะการสอนท่ีดีจึงเปนผูสอน ที่มีความสามารถในการสอนอยางเปนระบบและมีกระบวนการ มีลําดับขั้นตอนในการสอนทําให ผูเรยี นเกดิ การเรียนรูอ ยางตอเนอ่ื ง 1.3 ทักษะการสอนทส่ี ําคญั สําหรบั ผสู อน ผูสอนท่ีมีทักษะการสอนที่ดีจะมีความกระตือรือรน กระฉับกระเฉง สอนไดอยาง กระจางและมกี ระบวนการสอนเปน อยางดี ทักษะการสอนทีส่ ําคญั ท่จี ะชวยเสริมใหม ผี ลสมั ฤทธิด์ ีขนึ้ มีทกั ษะดงั น้ี 1. ทกั ษะการใชวาจา กริ ิยาทา ทางเสรมิ บคุ ลิกภาพและสอ่ื ความหมาย 2. ทักษะการใชคาํ ถาม 3. ทกั ษะการใชสอ่ื การสอน 4. ทกั ษะการใชก ระดานและกระดานอจั ฉรยิ ะ 5. ทักษะการอธบิ ายและการยกตวั อยา ง 6. ทักษะการเรา ความสนใจ 1. ทกั ษะการใชวาจา กิรยิ าทา ทางเสรมิ บุคลิกภาพและส่ือความหมาย การใชวาจากริ ยิ าทาทางเปน พฤติกรรมการแสดงออกท่ีสําคัญอยางย่ิงสําหรับผูมี อาชพี ผูสอน เพราะผูสอน คอื ผอู บรมส่ังสอนผูเ รยี นจงึ จําเปน ตอ งใชก ารพูด การอธิบาย การแสดง สหี นา ทา ทางประกอบการพดู ดังน้นั ผสู อนท่มี ีทกั ษะในการใชวาจากิรยิ าทา ทาง กจ็ ะมคี วามสามารถใน วธิ ีการพูด การใชน ํา้ เสียง ใชจังหวะประกอบกับการใชกิริยาทาทางก็จะมีความสามารถในวิธีการพูด การใชน ้ําเสียง ใชจงั หวะ ประกอบกบั การใชกิรยิ าทาทาง ชวนใหสนใจ สื่อความเขาใจไดก ระจางชัดเจน เหมาะสม ไมเ คอะเขิน และเหมาะกับบุคลกิ ภาพของผเู ปน ผสู อน ถา ผสู อนมีทักษะการใชกิริยาวาจา ทาทาง จะกอ ใหเ กดิ ประโยชนตอการเรียนการสอนไดด ี ประโยชนของการใชว าจากิรยิ าทาทางเสริมบุคลกิ ภาพและส่ือความหมาย 1. ชวยใหผูเรียนเกิดความเคารพศรัทธาและเกิดเจตคติท่ีดีตอผูสอนเกิด ความกระตือรือรนทจ่ี ะรวมกจิ กรรมทําใหปญหาความไมสนใจเรยี นหมดไป 134 Thinking Skills For 21st Century Teachers
2. ชวยใหผูเรียนเกิดความเขาใจในบทเรียนอยางกระจางแจงเพราะผูสอนมี ความสามารถในการอธิบายบทเรียนหรือมอบหมายงานตางๆ ใหผูเรียนเขาใจไดดี อันเปนผลให ผูเ รยี นสนใจและพอใจในการเรียนวชิ านั้น 3. ชวยใหการควบคุมชั้นมีประสิทธิภาพ เพราะผูเรียนยอมรับผูสอน เม่ือผูสอน อบรมอยา งไร ยอมเชือ่ ฟงและปฏบิ ัตติ าม 2. ทกั ษะการใชค ําถาม ทักษะการใชค าํ ถาม คือ ความสามารถในการใชคําพูดหรือประโยคที่มีแนวโนมที่ จะกระตนุ หรอื ดงึ การตอบสนองของผูเรียนออกมา จดุ มุงหมายท่ีผสู อนใชคาํ ถามถามผูเรียนมีหลาย ประการดว ยกนั เชน ตอ งการทราบวา ผูเรียนเขาใจหรอื รูเ รอื่ งทผี่ ูสอนสอนแลว หรอื ไมเ พียงไร ผเู รยี น อานหรือทาํ การบา นทกี่ าํ หนดใหหรอื ไม หรอื อาจจะถามเพื่อเรา ความสนใจหรือทําความกระจางในจุด ใดจดุ หนึ่งโดยตรงก็ได การใชคาํ ถามนบั วาเปน เร่ืองที่มีความสําคัญมากสําหรับการสอนในปจจุบัน ที่ผูสอนควรจะใชคําถามเปนสื่อใหผูเรียนไดคิดตาม หรือเปนสื่อในการใหผูเรียนไดเสาะแสวงหา ความรดู ว ยตัวของเขาเอง ผูสอนควรใชค ําถามเปนส่ือตลอดเวลาไมวา จะเปนการสอนดวยวิธีใด เชน การสาธติ ประกอบการใชคําถาม หรอื การบรรยายประกอบกับการใชคําถามเพ่ือสรางความเขาใจ โดยเฉพาะอยางย่ิงการใชวิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรูแลว จะขาดการใชคําถามประกอบใน ขั้นตอนการอภิปรายกอนการทดลอง การทดลอง และการอภิปรายหลังการทดลองไปไมไดเลย คําถามท่ใี ชกนั โดยทัว่ ไปมหี ลายลักษณะ ดังนี้ 1. คาํ ถามขนั้ พืน้ ฐาน เปน คําถามท่ีตองการคําตอบในระดับ ความรู ความเขาใจ และการนาํ ไปใช ตัวอยา งคาํ ถามไดแก 1.1 การถามเกี่ยวกับขอเท็จจริง ซ่ึงมักจะประกอบดวยคําวา “ใคร”“อะไร” “เม่ือไร” และ “ทีไ่ หน” เปนการถามใหผ เู รียนระลึกถึงขอมูลหรือสิ่งที่เคยเรียนมากอน เชน ถามวา จังหวดั ในเขตภาคเหนอื ตอนลางไดแ กจ งั หวดั อะไรบา ง หรอื ใครคือบิดาแหงวิทยาศาสตร 1.2 การถามใหอธิบาย เปนคําถามท่ียากกวาการถามเก่ียวกับขอเท็จจริง แต การตอบก็ยังคงอาศัยความจําเปนสําคัญ แตผูตอบจะตองอาศัยความสามารถในทางเหตุผลหรือ ความสามารถในการมองเหน็ ความสมั พันธข องสงิ่ ตางๆ ที่จําไดประกอบกันดวย จึงจะสามารถตอบ คาํ ถามได ซงึ่ มกั จะประกอบดว ยคาํ วา “อยา งไร” เชน ถามวา “พระนเรศวรมหาราชรบชนะพระมหา อปุ ราชไดอ ยางไร” 1.3 การถามถึงการนําความรูไปใชในการแกปญหาท่ีคลายกับสถานการณท่ี เรียน หรอื ตองประยกุ ตใ ชความรูเพื่อแกปญหาในเรื่องที่เรียน หรือเร่ืองใหม หรือการแกปญหาใน ชีวติ ประจําวัน เชน ถามวา ผูเรียนจะนําหลักการของการนําความรอน ไปใชในชีวิตประจําวันของ ผูเรยี นไดอยางไรบา ง Thinking Skills For 21st Century Teachers 135
1.4 คําถามเพื่อใหแกปญหา เปนการถามใหผเู รยี นใชความรเู ดมิ ท่เี คยเรยี นมา แกป ญ หาใหมๆ ทเ่ี ขาประสบ เชน “จงหาสมการของวงรที ่ีมจี ุดยอดอยูที่ (6, 0) และ (-6, 0) และมี โฟกัสจุดหน่ึงอยูท่ี (5, 0)” หรอื ”ผเู รียนจะนาํ กฎเมนเดลมาใชในการคัดเลอื กพนั ธไุ ด อยา งไร” 2. คําถามข้นั สูง เปน คาํ ถามในระดับท่ีสูงกวาการนําไปใช ไดแก การถามเพื่อให วเิ คราะห สังเคราะห ประเมินคา รวมทั้งคดิ อยา งสรางสรรค โดยมงุ ใหผ เู รียนคดิ แบบนามธรรม โดย อาศัยขอเท็จจริงหรือคําอธิบาย แลวนําไปสรุปหาความสัมพันธ ความหมาย เปรียบเทียบ อางอิง และเหตุผล เพ่ือหาคําตอบท่ีถูกตอง ปกติคําถามประเภทนี้จะมี คําวา “ทําไม” ประกอบอยูดวย เสมอ ผสู อนมักนิยมใชถ ามเพ่อื ดูความสามารถดา นการคิดของผูเ รยี นลักษณะของคาํ ถามประเภทน้ี คอื 2.1 คําถามเพอื่ ใหป ระเมิน เปนคาํ ถามที่ตองการใหตดั สินใจ หรือเลอื กโดยใช คณุ คา เปนเกณฑเชน ถามวา“การลอกงานเพือ่ นเปนสิ่งที่ควรกระทาํ หรือไมเพราะเหตใุ ด” 2.2 คาํ ถามเพ่ือใหอ างอิง เปนการถามใหอุปมาน (inductive) คือถามใหสรุป หรือคนพบกฎเกณฑจากการรวบรวมขอมูลหรือขอเท็จจริงหลายๆ อยาง และใหอนุมาน (deductive) คือถามใหนาํ กฎเกณฑห รอื ทฤษฎีไปอธิบายเหตกุ ารณห รอื ปรากฏการณตางๆ เชนถาม วา“ถาอณุ หภมู ขิ องกาซเทา เดมิ เม่ือนํากาซนี้ไปไวสูง 4,000 ฟุตเหนือระดับนํ้าทะเล ความดันของ กาซจะเปนอยางไร เพราะเหตุใด” (อนุมาน) “จงบอกคุณสมบัติที่สําคัญท่ีผูนําในโลกทั่วๆ ไปมีอยู พรอมท้งั บอกถึงลกั ษณะของผนู าํ ที่ทานอยากเปนเพราะเหตใุ ดจึงคดิ เชนนนั้ ” (อุปมาน) 2.3 คําถามเพื่อใหเปรียบเทียบ เปนการถามใหผูเรียนบอกความแตกตาง ความคลา ยคลงึ ความสมั พนั ธ และความขดั แยง กันของความคดิ หรือสง่ิ ของตางๆ เชน “การเปนคน เกงและดกี บั คนเกงแบบเหน็ แกตวั เหมอื นหรือแตกตา งกนั อยา งไร” หรอื “สารสองหมูนี้มีคุณสมบัติ เหมอื นหรือแตกตางกันอยางไร” 2.4 คําถามเพ่ือใหหาเหตุและผล เปนคําถามที่ใหผูเรียนหาความสัมพันธ ระหวา งเหตกุ ารณ บคุ คล วัตถุ ความคิด วา อะไรเปนเหตผุ ลกนั เชน “ผูเรียนคิดวาอะไรเปนสาเหตุ สาํ คัญที่ทําใหมนุษยม ีวิวัฒนาการ” 2.5 คําถามเพื่อใหคดิ รเิ ริม่ นยิ มใชคาํ ถามแบบอเนกนัย (Divergent Question) เปน การถามความคิดริเร่มิ เปนคําถามแบบเปดผเู รยี นมีอสิ ระเต็มท่ีในการคดิ และการตอบเชน ถามวา “ผูเรียนเชื่อวาโลกจะแตกหรือไม เพราะเหตุใด” หรือ “ทําอยางไรประชากรของโลกจึงจะอยูกัน อยา งมีสันติภาพ” 2.6 คาํ ถามเพ่อื ใหเกิดการคนพบ โดยใชคาํ ถามและคําตอบเปนแนวทาง เปน การถามทเ่ี รม่ิ ดว ยผสู อนใหผูเรียนตอบคําถามแลวใชคําตอบของผูเรียนเปนแนวในการถามเพ่ือให ผูเรียนตอบหรือเขาใจในส่ิงท่ีผูสอนตองการคําถามประเภทน้ีมีลักษณะสําคัญคือ หลังจากผูเรียน ตอบจบแลว ผสู อนควรเร่ิมถามคําถามทันทีเพื่อใหผูเรียนคิดสอดคลองสัมพันธกับคําตอบเดิมของ เขาเอง 136 Thinking Skills For 21st Century Teachers
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี เสนอวาการต้ังคําถามมี 4 ระดับ เรียกวา O-E-P-C ซึง่ เหมือนกับระดบั ข้นั ของการสอนแบบสบื เสาะหาความรู ดงั นี้ 1. คําถามข้ันการสังเกต (Observation Question) เปนคําถามท่ีใหผูตอบใช ประสาทสัมผัสทั้งหาในการรับรูและตอบปญหา หรือเปนการรวบรวมขอมูล เพื่อวิเคราะหปญหา และแกปญหาในข้นั ตอไป เชน เมื่อเทนํ้าใสกระปองใบหนึ่งจนเต็มแลวเปดจุกท่ีปดรูบนกระปองใน ระดับตางๆ ทําใหน้าํ พงุ ออกมา ผสู อนถามวา “นา้ํ จากรูทีเ่ ทาไรไหลแรงหรือไกลท่ีสดุ ” 2. คําถามข้ันการอธิบาย (Explanation Question) หมายถึงคําถามท่ีตองการให ผตู อบใชเหตุผลประกอบกบั ขอ มูลตางๆ ที่รวบรวมไดจากการสงั เกตในสถานการณป จจบุ ันและจาก ความรูเดิม เชน จากตัวอยางการทดลองในขอ 1. ผูสอนอาจถามใหผูเรียนตอบวา “ทําไมนํ้าในรู ลางสุดจึงไหลออกไปไกลท่สี ดุ ” 3. คําถามข้ันการตั้งสมมติฐานหรือข้ันการทํานาย (Prediction Question) เปน คาํ ถามทตี่ อ งการใหผ ตู อบคาดการณว า จะเกิดอะไรข้นึ เมอื่ มกี ารเปลี่ยนแปลงบางสง่ิ บางอยา ง หรือ คาดการณเพ่ือขยายขอสรุปในขั้นอธิบายใหกวางขวางออกไป จากตัวอยางการทดลองในขอ 1. ผูสอนอาจถามผูเรยี นในขน้ั น้ีไดว า “ถาเจาะรูทกี่ นกระปอง นํ้าท่ีไหลออกจากรูท่ีเจาะใหมจะไหลคอย หรอื แรงกวา น้ําที่ไหลออกจากรเู ดิม” 4. คําถามขั้นควบคุมและสรางสรรค (Control and Creativity Question) เปน คาํ ถามทต่ี องการใหผ ูเรียนนาํ กฎเกณฑและความรูตา งๆ ที่มีอยูไปประยกุ ตใหเขากับเหตุการณหรือ สง่ิ อ่นื ๆ เปน การคิดสง่ิ ท่แี ปลกๆ ใหมๆ ออกมา ขอควรปฏบิ ตั ิในการถามคําถาม 1. ควรถามคําถามกอนแลว จงึ เรยี กชื่อผเู รียนใหตอบ เพราะการเรียกชื่อกอนจะ ทาํ ใหผเู รยี นคนอื่นๆ ที่ไมถ ูกเรยี กช่ือขาดความสนใจได 2. เวนชวงเวลาหลังจากถามจบ เพ่ือเปดโอกาสใหผูเรียนไดใชความคิดใน การตอบ โดยเฉพาะการถามเพื่อใหผูเรยี น ไดใชความคิดและเหตุผล ควรจะตองใหเวลาในการคิด พอสมควร การรีบเรงเกินไปอาจทําใหผูเรียนรูสึกอึดอัดและเบื่อ รวมท้ังอาจไมทําใหผูเรียนแสดง ความคิดอันเฉยี บคมของตวั เขาออกมาได 3. เปลีย่ นคาํ ถามหรือคําพูดใหมถ าผูเรยี นยงั ตอบไมไ ด 4. แสดงการยอมรับคําตอบและคําถามของผูเรียนโดยไมตองพูด อาจใชทาทาง ประกอบกไ็ ด เชน ย้มิ พยกั หนา เปน ตน 5. ถามผูเรียนท้งั ชั้นโดยไมเจาะจงเฉพาะคนใดคนหนง่ึ 6. พยายามใหผ ูเ รียนตอบในลักษณะทีพ่ ดู กบั เพ่อื นท้ังชัน้ ไมใชพ ูดกบั ผสู อนเพียงคน เดียว Thinking Skills For 21st Century Teachers 137
7. ใหก ารเสรมิ แรงเมื่อผูเรียนตอบเสร็จแลว และถาตอบไมได หรือตอบผิดก็ไม ควรจะ ดวุ า แตค วรหายทุ ธวิธอี ืน่ ๆ ในการใหเขาพบคําตอบดว ยตนเองหรือจากเพ่อื นๆ ดว ยกันเอง 8. ไมแ นะแนวทางหรอื คําตอบใหท นั ทีหลังจากถาม จนกวาผูเรียนจะไมสามารถ ตอบไดจงึ จะใชคาํ ถามแนะทีละนอยทลี ะนอ ย สงิ่ ท่ีไมค วรปฏบิ ัตใิ นการถาม 1. เปลยี่ นคาํ ถามใหมโ ดยที่ผูเรยี นยงั ไมต อบคาํ ถามเดมิ 2. ถามคําถามซํ้าๆ ซากๆ โดยไมเปด โอกาสใหผเู รียนไดห ยุดคิดเพือ่ ตอบคาํ ถาม 3. ผสู อนตอบคาํ ถามของตนเองเนอ่ื งจากหมดความอดทนที่จะรอใหผ ูเรียนตอบ 4. พดู ซํา้ หรือทวนคําตอบของผูเรยี นเพราะจะทําใหผูเรยี นไมคอ ยตั้งใจฟง 3. ทกั ษะการใชสือ่ การสอน ทกั ษะการใชส อื่ การสอน เปน ความสามารถในการใชเครื่องมือ อุปกรณ คน หรือ วธิ ีการ ท่ชี วยเปนตวั กลางในการชวยใหผ เู รยี นเกดิ การเรียนรู บรรลุตามวัตถุประสงคที่ผูสอนต้ังไว ผูสอนสามารถนําสื่อการสอนไปใชในทุกข้ันตอนของการสอน เชน ข้ันการนําเขาสูเร่ือง ขั้นสอน เน้อื หา ขนั้ สรุปบทเรยี น การใชส ือ่ ประกอบการสอนจะประสบผลสําเร็จมากนอยเพียงไร ข้ึนอยูกับ วธิ ีการเตรียม การเลือก และการใชของผูสอนแตล ะครง้ั เปน สาํ คัญหลกั การใชส ื่อการสอน อาจแบง ไดเ ปน 4 ข้ันตอน ดงั น้ี 1. การเตรียม 1.1 สํารวจอปุ กรณท ุกช้นิ ใหอยูในสภาพดี ใชง านได 1.2 ทดลองใชใ หค ลอ งแคลว 1.3 สํารวจและจัดเตรียมหองเรียนสําหรบั ใชอปุ กรณใ หเ กดิ ความคลองตัว 2. การเลอื ก 2.1 เลอื กส่อื ใหเหมาะสมกบั ระดับวยั ระดบั สติปญ ญา และปลอดภัยในการใช 2.2 เลอื กขนาด สื่อตอ งมีขนาดใหญพ อสาํ หรับการสอนจรงิ ในช้ันเรียนท่ีใหญ ผสู อนจะตองคาํ นงึ ถงึ จํานวนผเู รียนในชนั้ จริงวา ทุกคนในชัน้ จะมองเห็นส่ือไดช ัดเจนหรอื ไม 2.3 การใชส ื่อทเ่ี คล่อื นไหวได จะชว ยเราความสนใจแกผ ูเรยี นไดด ีเปน พิเศษ 2.4 ใชสอ่ื ในปริมาณทีพ่ อเหมาะ และตรงเปา หมายกับเรอื่ งทีจ่ ะสอน 2.5 ใชส อ่ื ท่สี มั พันธกับบทเรยี น และตรงกบั จุดมงุ หมายของเรือ่ งท่ีจะสอน 3. การใช 3.1 ใชตามลําดับกอ นหลงั อยางคลอ งแคลว และแสดงใหเหน็ ทั่วกนั ทงั้ ช้ันอยาง ชัดเจน การยกภาพใหผเู รียนดูควรยกใหสูงในระดับอกของผูสอนและอยูข างหนาช้นั เรยี น 3.2 สอ่ื ขนาดใหญตอ งมีท่ตี ้ังหรอื ทแ่ี ขวนเพื่อใหเ หน็ ชัดเจน 138 Thinking Skills For 21st Century Teachers
3.3 ใชไมบ รรทัดช้สี อ่ื โดยผสู อนยนื ชิดไปดานใดดานหนึง่ ไมย นื บังสือ่ เหลาน้นั 3.4 ในบางครั้งตอ งเตรยี มความพรอมในการใชส่ือของผูเรียนไวลวงหนา จึง จะทาํ ใหผเู รยี นทาํ ตามจดุ มุง หมายของผูสอนได 3.5 ควรใชสอื่ ใหคมุ คากับทีไ่ ดเตรยี มมา กลา วคือ พยายามใชใ หเปน ประโยชน ท่สี ดุ เชน ใชแ ผนภมู สิ วนประกอบของตน ไมใ นข้นั สอนแลว อาจใชแผนภูมนิ ้นั ๆ ในขัน้ สรุปบทเรียนอกี แตต อ งมีวธิ ใี ชตางกนั ไปกับข้ันสอน เปน ตน 3.6 ใหผเู รียนมีสว นรวมในการใชส อื่ เชน ใหอธิบายภาพ สะกดและอานบัตร คํา เลือกภาพ จับคู เปนตน 3.7 ในโอกาสท่ีตองการแจกสื่อไปตามโตะผูเรียน เชน เทียนไข ไม ขดี กระดาษ ฯลฯ ผสู อนควรจะฝกใหผูเรียนแจกกันเองได โดยผูสอนใหผูเรียนหยิบสวนของตนไวท่ี เหลอื สงตอไป 3.8 ในกรณีทตี่ องการใหผูเรยี นมาใชส ่ือหนา ช้ันควรฝก ใหผ เู รยี นหันหนาเขาหา ชนั้ เรยี น และไมยืนบังตาของเพ่ือนจากสื่อตางๆ ที่ใช นอกจากน้ีควรกําชับถึงความปลอดภัย และ ความระมดั ระวังเปน พิเศษในดานความเสียหาย 4. การติดตามผลเปน การติดตามผลของการใชส อ่ื การสอนเพอ่ื ใหทราบวาผูเรยี น ไดร ับความรูจากสือ่ น้ันมากนอ ยเพยี งใด มีขอบกพรอ งอยา งไรประโยชนของการใชสือ่ การสอน 4. ทกั ษะการใชกระดานและกระดานอจั ฉริยะ เทคนิคการใชกระดาน หมายถึง กลวธิ ใี นการเขียนหรือวาดตัวอักษร ตัวเลข ภาพ สญั ลกั ษณหรอื ลายเสน ตา งๆ บนกระดานทีใ่ ชเ ปนอปุ กรณการสอน ไดอยางมรี ะบบสะอาดเรียบรอย ดูแลว สวยงามและเขา ใจงา ย กระดานหรือกระดานชอลก เปนสื่อการสอนท่ีจําเปนอยางย่ิงสําหรับ การสอนในทุกระดับชัน้ โดยเฉพาะในระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษา หอ งเรยี นยงั จําเปน ตอ งมี กระดาน แมว าเทคโนโลยีทางการสอน นวตั กรรมทางการศึกษาจะพัฒนากาวหนาไปอยางไรก็ตาม ผสู อนกย็ ังจาํ เปน ตอ งใชกระดานประกอบการสอนอยูเสมอ ทักษะการใชกระดานจึงจําเปนสําหรับ ผูสอน ผูสอนท่ีมีประสิทธิภาพจะมีความสามารถในการใชกระดานชวยส่ือความหมาย และเสริม ความเขา ใจในบทเรยี นใหแ กผเู รยี นไดอยา งดี ผูสอนจึงตอ งใชกระดานใหถ ูกตอ งตามหลกั การ และใช ใหคุมคา โดยอาจใชว าดภาพใชติดตามแผนภูมิ ใชฝกการเขียนของผูเรยี น เปน ตน กระดานมคี ณุ สมบัติทเี่ ดน ดงั นี้ 1. สามารถใชไ ดท ุกเวลาและทุกโอกาส 2. ไมชํารดุ เสียหายไดง า ย 3. ผูเรียนสามารถมองเหน็ พรอ มๆ กนั ไดท ัง้ ชนั้ 4. เขียนและลบไดงาย Thinking Skills For 21st Century Teachers 139
5. นาํ เสนอขอ คิดใหมไ ดท นั ที 6. ใชไดท้งั ผสู อนและผูเ รยี น กระดานมปี ระโยชนด งั น้ี 1. ใชป ระกอบการสอน การอธบิ าย การทดสอบ สรุป และทบทวนบทเรยี น 2. ใชร ว มกบั โสตทศั นวสั ดุอ่ืนๆ ชวยใหผเู รียนเกิดการเรยี นรไู ดด ีย่งิ ขนึ้ 3. ใชแสดงขอเท็จจรงิ แนวคิด และกระบวนการตา งๆ 4. ใชแ สดงศพั ทใ หมๆ คาํ จาํ กัดความ กฎ และคํานยิ ามใหผ ูเ รียนเขา ใจไดด ี 5. เหมาะตอการสงเสริมใหผูเรียนไดรวมกิจกรรมในการสาธิตและอธิบาย เนื้อหาวชิ าแกเ พื่อนรวมชนั้ เทคนิคการใชกระดาน 1. กอนใชกระดานควรคํานงึ ถงึ ความสะอาด 2. เขยี นอักษรใหม ขี นาดพอเหมาะ อานงา ย ชดั เจนและเปน ระเบียบ 3. เนนจุดสาํ คัญ 4. เลอื กเขียนเฉพาะใจความสําคัญ 5. เมอ่ื เขียนเสร็จแลวจะตอ งตรวจดูความถูกตองอกี ครั้ง 6. ควรเขยี นกระดานโดยเอยี งตัวเขาหา เพ่ือไมใหบ งั ขอความที่เขยี นไวแลว 7. เม่ือจะสอนเรื่องใหมควรลบขอความเดมิ กอน 8. ใชภ าพลายเสนหรือการต ูนประกอบการสอน 9. แบง กระดานเปนสวนตามความยาว 10. เปดโอกาสใหผูเรยี นไดมสี วนรวมในการใชกระดาน 140 Thinking Skills For 21st Century Teachers
ขอ คํานงึ ถงึ ในการใชกระดาน ผูสอนควรคํานึงถึงสภาพแวดลอ มในหองเรยี นดว ยเพื่อใหผเู รยี นมองเหน็ ตัวหนงั สอื หรือรปู ภาพบนกระดานไดดี เชน ขอบลา งของกระดานควรอยูในระดับสายตาของผูเรียน ที่น่ังของ ผเู รยี นควรอยใู นอาณาเขต 60 องศา วัดจากก่ึงกลางของกระดาน คนท่ีน่ังหนาชั้นควรอยูหางจาก กระดาน 3 เมตร เปน อยางนอย มีแสงที่กระดานเพียงพอท่ีจะทําใหผูเรียนมองเห็นไดอยางชัดเจน คาํ นงึ ถงึ การสะทอ นแสงท่มี ากระทบกบั กระดาน ทกั ษะการใชกระดานอจั ฉรยิ ะ (Interactive Whiteboard) ปยมนสั วรวิทยร ัตนกลุ , (2558) กลาววา กระดาน IWB (Interactive Whiteboard) หรอื กระดานที่ตอบสนองได บางครงั้ กม็ ีการเรยี กทีต่ า งกันออกไป เชน สมารท บอรด (Smart Board) หรือ กระดานอัจฉริยะ เนื่องจากบริษัทผูผลิตกระดานชนิดน้ี ตั้งชื่อผลิตภัณฑวา SMART Board (Martin et al, 2014) จึงทําใหคนทั่วไป ใชเรียกกันตามช่ือผลิตภัณฑวา Smart Board ซ่ึงภาษาไทย ตรงกับคําวา กระดานอัจฉริยะ นอกจากน้ียังมีอีกหลายคําซึ่งใชเรียก เชน Active Board, Active Whiteboard, Interactive Board, Interactive Whiteboard เปน ตน การเรียนการสอนในหองเรียนท่ัว ๆ ไป มีผูสอนและผูเรียนเปนตัวหลัก มีส่ือ อุปกรณประกอบการเรียนการสอนเปนตัวชวยใหการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพย่ิงข้ึน ซ่ึงส่ือ อุปกรณมีหลายอยา ง ตัง้ แตชนิดธรรมดา คือ กระดานดํา ชอลก (หรือกระดานไวทบอรด ปากกา ไวทบอรด ) เคร่ืองเสยี ง เครอ่ื งฉาย กระทั่งใชเทคโนโลยคี อมพิวเตอรเขามาเปนโปรเจคเตอรอยางท่ี เราใชอ ยู แตการพัฒนาเทคโนโลยยี งั ไมหยุดแคน ้ี ยงั มกี ารคดิ คนนวัตกรรมขึ้นมาเร่ือย ๆ ซ่ึงส่ิงท่ีจะ นําเสนอนี้เปนส่ือการสอนแหงอนาคตสําหรับระบบหองเรียนอัจฉริยะ นั่นคือ Activboard หรือ กระดานอัจฉริยะ ในการ บูรณาการใชกระดานอัจฉริยะในช้ันเรียนน้ันจะทําใหผูสอนใชการเรียน การสอน โดยตรงนอยลงและจัดใหมีการเรียนการสอนที่มีการปรับเปล่ียนหมุนเวียน และมี การโตตอบปฏสิ ัมพนั ธกันมากข้ึน แอคทฟี บอรด หรอื กระดานอัจฉริยะเปนนวัตกรรมของไวทบอรดในหองเรียนท่ีใช เทคโนโลยอี ีเล็คโทรแมกเนติก พืน้ ผิวของบอรด สรา งจากเมลามีนแข็ง เคลือบดวยฟลมชนิดพิเศษที่ กระจายแสงไดด ี ลดแสงสะทอนและไมเ กดิ จดุ รวมแสงบนบอรด ซง่ึ ถกู ออกแบบมาสาํ หรบั หอ งเรยี น เพ่ือการเรียนการสอนอยางแทจริง สามารถทนทานตอแรงขูดขีดและแรงกระแทกจากผูเรียน คุณสมบัติของแอคทีฟบอรดคือการควบคุมการทํางานของคอมพิวเตอรผานบอรด การใชงานจะ เปนการนําเอาแอคทีฟบอรดและเครื่องฉายโปรเจคเตอรตอเชื่อมเขาดวยกัน ทําใหภาพจาก คอมพิวเตอรปรากฏข้ึนบนบอรด แตสิ่งท่ีแตกตางจากบอรดทั่ว ๆ ไป คือ เราสามารถควบคุม การเรียนการสอนผานบอรดได โดยอาศัย Activpen หรือปากกาท่ีออกแบบสําหรับแอคทีฟบอรด โดยเฉพาะ เปน ปากกาท่ใี ชง านไดเ หมอื นเมาสทกุ ประการ โดยสามารถใชคลกิ เลือกคําส่ัง คลิกลาก หรอื คลิกขวาบนปากกา เพ่อื ทํางานกับโปรแกรมคอมพิวเตอรที่ปรากฏบนแอคทีฟบอรดได หรือใช Thinking Skills For 21st Century Teachers 141
เขยี นไดอ ยา งอสิ ระจากการขดี เขยี นปากกาลงบนพนื้ ผวิ ของแอคทีฟบอรดไดโ ดยตรงนอกจากนัน้ ยงั มี อปุ กรณเ สรมิ เชน Activwand หรือไมคทา ขนาดยาว 54 เซนติเมตร ที่ออกแบบมาสําหรับผูเรียนตัว นอ ยทใี่ ชป ากกา Activpen เอ้ือมไมถ งึ ดา นบนของแอคทีฟบอรด ใชงานไดเ หมอื นปากกาและเมาส Activote ระบบตอบรบั จากผูเรียน เปน อุปกรณไ รส าย (Wireless) ทมี่ ีรูปรา งเหมอื นไข ออกแบบจากนวิ้ หัวแมมือของผูเรียนจริง ๆ ทําใหจับและกดลงคะแนนเสียงไดอยางเหมาะมือเปน อุปกรณที่ชวยในการประเมินผลในหองเรียน เชนการทดสอบในแตละรายวิชา การโหวตความ คิดเห็นหรือการตรวจทานความเขาใจ โดยใหผ ลการตอบสนองทันทีภายในหองเรียน นอกจากน้ียัง สามารถแสดงผลลพั ธการโหวตในรูปแบบของกราฟ และการวิเคราะหทางสถิติ ดูรายละเอียดของ ผเู รยี นแตละคนได เก็บบนั ทึกขอ มูลในรปู แบบฐานขอมลู ได นอกจากอปุ กรณกม็ ซี อฟแวรพเิ ศษที่พัฒนาข้ึนมาเพอื่ ใชสําหรบั การเรยี นการสอนที่ ชวยใหผูสอนสามารถสรางบทเรียนในรายวิชาท่ีตองการได ไมวาจะเปนวิชาคณิตศาสตร วิทยาศาสตร ภาษาองั กฤษ ฯลฯ จะเห็นวาปจจุบันการเรียนการสอนมีการใชเทคโนโลยีท่ีทันสมัยมากข้ึนเพ่ือเพ่ิม ประสิทธิภาพในการสอนของผูสอน และกระตุนความสนใจ สงเสริมการมีสวนรวมในการเรียนรู ของผเู รยี น จดั เปนความกาวหนาทางดานเทคโนโลยกี ารศกึ ษา ผลของการใชกระดานอัจฉรยิ ะมาใชจ ดั การเรียนรใู นชน้ั เรียน 1. การสรางบริบทบรรยากาศในการสอนใน กระบวนการสอนผูสอนตองสราง กิจกรรมเพ่ือดึงดูด ความสนใจของผูเรียน เชน การตั้งคําถามการออกแบบ การสอนโดยใช ทรพั ยากรการสอนอยางเหมาะสมและ คอยใหคําแนะนําขณะทํากิจกรรมคอยกระตุนการรวมทํา กิจกรรมทาํ ใหเ กดิ การสนทนาระหวางผสู อนและผูเรียน ผเู รยี นจะมคี วามรเู พ่มิ ข้นึ 2. พัฒนาวิธีการสอนและจัดกิจกรรมการสอน เน่ืองจากกระดานอัจฉริยะมี ฟงคชัน่ ในการใชง านทีม่ ีประสิทธภิ าพหลากหลาย ผูสอนตองเรียนรูวิธีการใชงานและการออกแบบ สื่อการเรียนการสอนตรงตามวตั ถุประสงคของบทเรียน 3. การเตรยี มความพรอมสาํ หรับการเรยี นดว ยกระดานอัจฉริยะจะแตกตางจาก การเรียนการสอนในช้นั เรยี นท่วั ไป ทไ่ี มใ ชแตเ พียงเนื้อหาตองพฒั นาทรัพยากรสอื่ การเรยี น การสอน ใหสามารถใชงานรวมกับกระดานอัจฉริยะ บูรณาการรวมกับการจัดกิจกรรมแบบรวมมือและมี ความรพู นื้ ฐานดานเทคโนโลยีคอมพวิ เตอร 4. การประเมนิ และวิเคราะหการเรียนรูการใหขอเสนอแนะและใหขอมูลยอนกลับ ในทันที การประเมินผลเพื่อสงเสริมการเรียนการสอน ผูสอนจะ ไดรับประโยชนเชนเดียวกับผูเรียน การประเมนิ ผลจะชวยใหผ สู อนปรบั วิธกี ารสอนและกลยุทธก ารสอนไดท ันที เพิ่มประสิทธิภาพการเรียน 142 Thinking Skills For 21st Century Teachers
การสอนและการเรยี นรใู นการนํากระดานอัจฉริยะมาใชในการจัดการเรียนการสอนในช้ันเรียนไดเปน อยา งดี 5. ทักษะการอธิบายและการยกตวั อยาง การอธิบายนบั เปน สง่ิ ทมี่ ีความสาํ คญั ตอการเรยี นการสอน เพราะผูสอนจะชวยให ผูเรียนไดเ กดิ ความกระจางและเขาใจเน้อื หาวชิ าไดอ ยางถูกตอง ดังน้ันในการจัดกระบวนการเรียน การสอน ผูสอนจงึ มคี วามจาํ เปน ที่จะตองสอดแทรกอธบิ ายเพม่ิ เตมิ เขาไปในทุกขัน้ ตอนของเน้ือหาท่ี เห็นวาสําคัญหรือเปน เนือ้ หาท่ยี ากตอการเขา ใจ นักวิชาการไดใ หค วามหมายของการอธบิ ายไวดงั น้ี ลดั ดาวลั ย พชิ ญพจน (ม.ป.ป.) กลา ววา การอธิบาย หมายถึง การขยายขอความ เนอ้ื หาหรอื เรอ่ื งราวตางๆ เพอื่ ใหเกดิ ความชดั เจนและเขา ใจมากขน้ึ เฉลมิ ศรี ทองแสง (2538) กลาววา การอธิบาย หมายถึง การพูดเพ่ือทําใหผูอ่ืน เขา ใจเกย่ี วกบั ส่งิ ทีต่ นพูด เชน มลี กั ษณะ ขนาด รูปราง ลําดับขั้น วิธีการ การอธิบายที่ดีจะตองได เน้ือหาสาระครบถวน และเขาใจงาย การอธิบายจึงมักจะมีการยกตัวอยางประกอบ เพื่อชวยให การอธิบายชัดเจนมากขน้ึ ดังน้ัน การอธิบาย คือ การขยายขอความ หรือเร่ืองราวตางๆ โดยมี การยกตัวอยางประกอบ เพอื่ ชว ยใหการอธิบายชดั เจนยิ่งข้ึน รูปแบบของการยกตวั อยางประกอบการอธบิ าย ลัดดาวัลย พิชญพจน (ม.ป.ป.) ไดกําหนดการยกตัวอยางประกอบการอธิบาย สามารถกระทําไดใน 2 แบบ ดังตอไปนี้ 1. แบบนิรนัย (Deductive System) หมายถึง การอธิบายโดยการใหรูหลัก กฎ สตู รหรือนยิ ามกอ น แลว จงึ ยกตวั อยางประกอบ หรอื กลาวไดวาเปนการสอนจากกฎไปหาตัวอยาง เชน การสอนวิชาหลักภาษาไทยเกี่ยวกับเร่ืองชนิดของคํา โดยผูสอนอธิบายถึงความหมายของ คํานาม ซ่ึงเปนคําท่ีใชเรียกช่ือคน สัตว สิ่งของ จากน้ันผูสอนยกตัวอยางคํานาม ไดแก มา ครู โรงเรียนเปนตน สวนคําอ่ืนๆ เชน สรรพนาม กริยา วิเศษณ ฯลฯ ก็สามารถอธิบายในลักษณะ เดียวกัน จากน้ันนําเอาคําตางๆ มาปะปนกนั แลวให ผูเ รียนตัดสินหรือบอกใหไดวาคําแตละคําเปน คําชนิดใด โดยใชกฎเกณฑที่เรยี นไปน้นั เปน สงิ่ ท่ีช้วี ดั หรืออธิบายเหตุผล 2. แบบอปุ นยั (Inductive System) หมายถึง การอธิบายโดยการยกตัวอยางหรือ ใหรายละเอียดตา งๆ ท่ีเหมาะสมกับความรูและประสบการณเดิมของผูเรียน จากน้ันเปดโอกาสให ผเู รยี นไดส งั เกตและพิจารณาจากตวั อยา ง แลว สรปุ เปนกฎเกณฑหรือหลักการขึ้นมาภายหลัง เชน การทดลองทางวทิ ยาศาสตร โดยนาํ วสั ดทุ ่ที าํ จากสง่ิ ตา งๆ เชน ไม สังกะสี ทองแดง และอื่นๆ มาตม ใหความรอ นรวมกนั จากนน้ั ใหผ ูเรยี นสรุปวาวสั ดุชนิดใดสามารถนําความรอ นไดดีท่ีสุด Thinking Skills For 21st Century Teachers 143
ลักษณะการอธบิ ายทีด่ ี ลักษณะการอธิบายทีด่ ี ลดั ดาวลั ย พิชญพจน (ม.ป.ป.) ไดกาํ หนดไวดงั นี้ 1. ควรใชภาษางายๆ กะทดั รัด และไดใ จความ 2. ควรศึกษาเรอ่ื งราวทจ่ี ะอธิบายใหชดั เจน 3. ควรยกตัวอยางประกอบ การนําตัวอยางมาประกอบในการอธิบาย การเปรยี บเทยี บหรอื การอปุ มาอปุ มัยจะชวยใหผ เู รยี นเขา ใจเนื้อหาไดเรว็ ยงิ่ ข้ึน 4. ควรอธบิ ายอยางชา ๆ ในจดุ สําคัญทต่ี อ งเนน 5. ควรลําดับขั้นตอนของเนอ้ื หาท่จี ะอธบิ ายใหเหมาะสมไมว กวน เพือ่ ไมใ หผูเรียน เกดิ ความสบั สนในความตอ เน่ืองของเน้ือหา 6. การใชส ่ือการเรยี นการสอนจะชวยประหยัดเวลาและลดขนั้ ตอนในการอธิบายได 7. ขณะที่อธิบายควรสังเกตปฏิกิริยาหรอื ขอ มูลจากผูเรียนดวย 8. ในการอธิบายควรเปลี่ยนระดับนํ้าเสียงบาง เพื่อจะไดกระตุนความสนใจของ ผูเรยี น วิธีการอธิบายท่ีจะชวยใหการอธิบายไดผลดียิ่งข้ึนน้ัน ข้ึนอยูกับองคประกอบ (เฉลิมศรี ทองแสง, 2538) ดังตอไปน้ี 1. กรยิ าทา ทางของผูสอน ควรมกี ริยาทาทางคลองแคลว ย้มิ แยม เปนกนั เอง น้ําเสียงนาฟง สายตาจบั ท่ีผูเรยี นอยางทัว่ ถงึ 2. ใชอุปกรณป ระกอบการอธิบาย ผูสอนควรใชอุปกรณมาประกอบการอธิบาย เพื่อใหผูเรยี นเกิดความเขาใจไดง า ย รวดเรว็ และถูกตอ ง อปุ กรณท ใ่ี ชมีหลายชนิด อาจเปนของจริง ของจําลอง รูปภาพ แผนท่ี แผนภมู ิ ฯลฯ 3. การยกตวั อยา ง ผูสอนควรนําตวั อยางมาประกอบการอธิบาย เพื่อใหผูเรียนมี ความเขาใจถูกตอง รวดเร็ว และสาระท่ีอธิบายมีน้ําหนักนาเช่ือถือ นาสนใจ ตัวอยางที่นํามา ประกอบการอธิบายอาจจะเปน คําพังเพย สุภาษิต โคลง กลอน คําขวัญ คติพจน เหตุการณ เร่ืองราวบคุ คล สง่ิ ของ เปน ตน 4. การเปรียบเทียบ ผสู อนอาจนาํ สิง่ ท่ีผเู รยี นรจู กั ดีอยแู ลวมาเปรยี บเทยี บกบั สิง่ ท่ี ผูสอนอธิบาย เพื่อใหผูเรียนมีความเขาใจรวดเร็วและงายขึ้น เชน เปรียบเทียบผิวโลกของเรามี ลักษณะคลายผลมะกรดู หวั ใจของคนกบั เครือ่ งปม นาํ้ เปนตน 5. การทํากจิ กรรม หลังจากท่ีผสู อนอธบิ ายใหผูเรยี นฟง แลว บางเร่ืองอาจตอ งให ผูเรียนไดฝก ทดลองทํา เพ่ือใหผูเรียนมีความเขาใจดียิ่งข้ึน และฝกการแกปญหาที่อาจจะเกิดข้ึน เชน การทาํ แบบฝกหัดคณิตศาสตร ภาษาไทย การฝก หัดตอนก่งิ ตดิ ตา เปน ตน 144 Thinking Skills For 21st Century Teachers
ขั้นตอนการฝกทักษะการอธิบายและยกตัวอยาง การอธิบายและยกตัวอยาง ลัดดาวลั ย พิชญพจน, (ม.ป.ป.) และเฉลิมศรี ทองแสง, (2538) ไดกลาวถึงข้ันตอนในการฝกทักษะ การอธบิ ายและยกตวั อยา งไวดงั นี้ 1. เลอื กหวั ขอ ทสี่ ามารถใหต วั อยา งประกอบไดม ากๆ 2. ขยายขอ ความสาํ คัญโดยการยกตัวอยางจากงายไปหายาก 3. ตวั อยางที่ใชควรเหมาะสมกับพ้นื ฐานความรูแ ละประสบการณของผูเรียน 4. มกี ารทดสอบความเขาใจของผเู รียน 6. ทกั ษะการเรา ความสนใจ (Stimulation) ปญหาสําคัญของการจดั การเรยี นการสอนในปจจบุ นั คอื ผเู รียนไมคอ ยจะสนใจใน การสอนของผูสอน เกิดความเบ่ือหนาย และไมตั้งใจเรียนเทาท่ีควร ทําไมจึงเปนเชนนั้น สาเหตุท่ี สําคญั ก็คือ ผูเรียนเบ่อื หนา ยในการเรยี น ซ่ึงอาจเปนเพราะการสอนของผูสอนไมมีอะไรแปลกใหม หรือนา สนใจเลย โดยเฉพาะผเู รยี นระดับประถมศึกษาซ่ึงมีชวงเวลาของความสนใจในสิ่งตางๆ ส้ัน มาก ถา ไมรบี แกไ ขปญ หาการไมต ้งั ใจเรยี นของผูเรียนตงั้ แตใ นระดับประถมแลวจะทําใหผูเรียนเกิด ความไมเขาใจและไมใสใจตอเนื่องมาเร่ือยๆ ซึ่งทําใหเราพบวาบางครั้งผูเรียนไมมีพัฒนาการทาง สมอง การเรียน และความคิดเทาระดับอายุท่ีควรจะเปนเลย ทั้งท่ีผูเรียนเหลานั้นก็ไมไดมีระดับ สติปญญาทต่ี าํ่ จนเกนิ ไปเลย และปญหาน้ีก็จะย่ิงสะสมตอกันมาเรื่อยๆ ดังนั้นจึงสมควรอยางยิ่งท่ี คนในวงวิชาชีพผูสอนจะตองมารวมหาทางแกไขปญหาเหลานี้ ทําอยางไรจึงจะทําใหผูเรียนสนใจ และตดิ ตามบทเรยี น ตลอดจนกิจกรรมท่ผี สู อนสอนไดตลอดไป ทกั ษะการเราความสนใจ หมายถึง ความสามารถในการกระตุนใหผ เู รยี นเกดิ ความ อยากรูอยากเห็น สนใจที่จะเรียน หรือติดตามการเรียนการสอนตลอดเวลา ทักษะการเราความ สนใจ จึงจําเปนและสําคัญยิ่งสําหรับผูสอนในอันที่จะปรับปรุงกลวิธีในการสอนของตนใหมี ประสิทธิภาพมากข้ึน กลาวคือชวยใหผูเรียนไมเบื่อหนายในการเรียนมีความกระตือรือรนใน การเรียนอยูตลอดเวลา ดังน้ันในชวงเวลาของการสอน ผูสอนควรจะตองพยายามใชเทคนิคตางๆ มากระตุน ใหผเู รยี นสนใจอยูตลอดเวลาคอื ตง้ั แตเ ร่ิมตนจนกระท่ังการสอนสนิ้ สดุ ลง จดุ มุงหมายในการเราความสนใจ 1. สรางพฤตกิ รรมทดี่ ีในอนั ที่จะทําใหผ ูเรยี นสนใจ และไมเบอ่ื หนา ยตอการเรียน 2. เลือกหาวธิ กี ารเราความสนใจท่ีเหมาะสมกบั บทเรยี นกระตนุ ใหผูเรยี นอยากเรยี น 3. เพ่อื สรา งความมัน่ ใจในการสอนของผสู อน Thinking Skills For 21st Century Teachers 145
วิธกี ารเรา ความสนใจ การเราความสนใจกระทําไดห ลายวิธี เชน 1. การใชท าทางประกอบ ทา ทางของผูสอนในขณะทําการสอน เปนส่ิงหนึ่งท่ีจะ ชว ยเรา ความสนใจในการเรียนและการติดตามบทเรียนไดเปนอยางดี การใชทาทางในการสอนไดแก การแสดงออกทางสีหนา หรืออวยั วะสว นอืน่ ของรา งกาย เชน แขน มือ เปนตน เพ่ือใชแ ทนการสอ่ื สารดว ย วาจา และการเคล่ือนไหวของในขณะสอน ขณะสอนผสู อนควรมกี ารเคลื่อนไหวบา งไมควรยนื อยูจดุ ใด จุดหน่ึงโดยไมมีการเคลื่อนท่ีเพราะการที่ผูเรียนตองเพงไปที่จุดๆ เดียวตลอดยอมจะทําใหเกิด ความเบื่อหนา ย แตก ารเคลือ่ นทีก่ ค็ วรจะตองมีจุดมุงหมาย ไมใ ชเดนิ ไปเดินมาโดยไมม จี ดุ หมาย 2. การใชถอยคําและนํ้าเสียงท่ีมีการปรับเปลี่ยนระดับเสียงตามความเหมาะสม ผสู อนควรฝกพูดใหช ดั เจน มีจังหวะนาฟง ไมเร็วหรือชาจนเกินไป รูจักเนนหนักเบา การพูดโดยใช เสียงราบเรียบโดยตลอดในขณะสอนยอมทาํ ใหผ ูเรยี นเบือ่ หนายไดง า ย 3. การเปดโอกาสใหผูเรียนมีสวนรวมในการเรียน การที่ผูสอนพูดอยูคนเดียว ตลอด ยอมทําใหผูเรียนเกิดความเบื่อหนาย การเปดโอกาสใหผูเรียนไดแสดงความคิดเห็นหรือมี สวนรว มในการเรียนจะทาํ ใหเ กิดการเรยี นรูไดด ีขึน้ 4. การใชส่ือการสอนประกอบ การเรียนรูที่ดีน้ันควรจะใหผูเรียนไดใชประสาท สัมผัส หลายๆ อยาง เชน ฟง พูด เขียน อาน การนําส่ือการเรียนเขามาใชก็เพ่ือที่จะทําใหผูเรียน สนใจเรียนและเขาใจบทเรียนดีขึ้น ส่ือการเรียน หมายถึงทุกสิ่งทุกอยางท่ีผูสอนนําเขามาชวยใน การเรียนเพอื่ ใหเกดิ การเรียนรไู ดดีข้ึนเชน แผนภมู ิ แผนภาพ ฯลฯ 5. การแสดงบทบาทหรือสถานการณจ ําลอง 6. การใชเกม เกมในทน่ี เี้ กมที่นํามาใชควรเปนเกมที่ชวยในการเรียนรู มิใชเกมท่ี เลนเพ่ือความสนุกสนานเพลดิ เพลินเทา น้ัน 7. การสาธิต คือ การนําเอาวัสดุอปุ กรณป ระกอบการเรียนการสอน ตลอดจนการ แสดงของผูสอนหรอื ผูเ รียนมาประกอบการสอนหรอื การอธิบาย เพ่ือใหผเู รยี นสังเกตเห็นไดจริง ซ่ึง การสาธิตกเ็ ปน วิธกี ารหนึ่งท่ีจะชวยเราความสนใจของผูเ รยี นไดเ ปนอยา งดี คณุ ลกั ษณะท่ปี ระเมิน 1. ผสู อนมกี ารเราความสนใจดว ยวธิ ีการดงั ตอไปนี้ 1.1 การสนับสนนุ ดว ยภาษา ใชท า ทาง เชน ยม้ิ พยักหนา กมศีรษะ ฯลฯ 1.2 การใชถอ ยคาํ และนาํ้ เสียง เชน ใหค าํ ชมเชยวา ดี พอใช ดมี าก ฯลฯ 1.3 การเสริมแรงดวยคําพูดอนื่ ๆ นอกเหนือไปจากคาํ ชมเชย 1.4 การใหผ ูเรยี นมีสว นรวมในกจิ กรรมการเรียนการสอน 1.5 การใชสือ่ ประกอบการเรียนการสอน 1.6 การแสดงบทบาทสมมตหิ รอื สถานการณจําลอง 1.7 การใชเ กมประกอบการเรียนการสอน 1.8 การสาธิตประกอบการเรียนการสอน 146 Thinking Skills For 21st Century Teachers
1.9 อ่นื ๆ 2. การเราความสนใจเหมาะสมกับเนือ้ หาทจ่ี ะสอน 3. มกี ารเปล่ยี นวิธีการเราความสนใจจากวิธหี นง่ึ ไปอีกวธิ ีหน่งึ ไดอยา งกลมกลนื กนั 4. น้ําเสยี ง ทาทาง การเคล่ือนไหวของผสู อนชว ยในการเราความสนใจของผเู รยี น 5. ผูเรียนมกี ารตอบสนองตอ วิธีการเราความสนใจของผสู อน 2. ทกั ษะการจัดการเรยี นการสอนทีเ่ นน ผเู รียนเปน สาํ คญั ความหมายของการสอนท่ีเนนผูเรยี นเปน สาํ คัญ การสอนท่ีเนนผูเรียนเปนสําคัญหรือที่รูจักในช่ือเดิมวา การจัดการเรียนการสอนโดยยึด ผูเรียนเปน สาํ คัญ (Student Centered หรอื Child Centered) เปน รปู แบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู ในลักษณะที่ชวยใหผูเรียนรูจักการคิดคน แสวงหาความรูดวยตนเอง โดยผูสอนจะเปนผูกําหนด สถานการณ สภาพแวดลอ มรวมทง้ั กาํ หนดปญ หาทีเ่ กยี่ วขอ งกบั สถานการณปจจุบนั บูรณาการกับ ความรเู น้อื หาวิชาท่กี ําหนดไวใ นหลักสตู ร ซ่ึงการกําหนดสถานการณห รือสภาพแวดลอมดังกลาวจะ กระตุนหรือสง เสริมใหผูเรียนไดศึกษาหาความรู มีสวนรวมในกิจกรรมตางๆ ทั้งน้ีเปนการเพิ่มพูน ทักษะในดานตางๆ ใหแกผูเรียน เชน ทักษะในดานการคิด การแสวงหาความรู การปรึกษาหารือ และการรวมตัดสินใจ (ระวิวรรณ ศรีครามครัน, 2553) สอดคลองกับ พิมพพันธ เดชะคุปต และ พเยาว ยินดสี ขุ (2551) กลาววา การเรียนการสอนทเี่ นน ผเู รยี นเปนสําคัญ คือแนวการจัดการเรียน การสอนทเ่ี นน ใหผ ูเ รียนสรางความรูใหม และส่ิงประดิษฐใหม โดยการใชกระบวนการทางปญญา (กระบวนการคดิ ) กระบวนการทางสังคม กระบวนการกลุม และใหผูเรียนมีปฏิสัมพันธและมีสวน รวมในการเรยี น สามารถนาํ ความรูไปประยกุ ตใชไ ด โดยผูสอนมีบทบาทเปนผูอํานวยความสะดวก จัดประสบการณก ารเรยี นรูใหผูเรียน การจัดการเรียนการสอนที่เนนผูเรียนเปนสําคัญ ตองจัดให สอดคลอ งกบั ความสนใจ ความสามารถและความถนัด เนนการบูรณาการความรูในศาสตรสาขา ตางๆ ใชห ลากหลายวิธีสอน หลากหลายแหลงความรู สามารถพัฒนาปญ ญาอยางหลากหลาย คือ พฒั นาพหปุ ญ ญา รวมทั้งเนน การใชวิธกี ารวดั ผลอยางหลากหลายวธิ ี กิจกรรมการเรียนการสอนที่เนนผูเรียนเปนสําคัญที่ตองเนนใหผูเรียนไดคิด วิเคราะห วิพากษ วิจารณ แกปญหาเปน มีความตระหนัก มีจิตสํานึก และสามารถนําความรูไปปฏิบัติใน ชีวติ ประจาํ วัน การจัดการเรียนการสอนท่ีเนนผูเรียนเปนสําคัญดังกลาวสอดคลองกับพระราชบัญญัติ การศกึ ษาแหงชาติ พ.ศ. 2542 แกไ ขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2545 ซงึ่ เปน กฎหมายการศกึ ษาฉบับ แรกของประเทศไทย ในหมวด 4 แนวการจัดการศึกษาท่ีเนนโดยสรุปวาการจัดการศึกษาตองยึด Thinking Skills For 21st Century Teachers 147
หลักวาผเู รยี นทกุ คนมีความสามารถเรยี นรแู ละพัฒนาตนเองได และถอื วา ผเู รียนมคี วามสําคัญท่ีสุด กระบวนการจัดการศึกษาตองสงเสริมใหผูเรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มศักยภาพ ใชกระบวนการเรียนรหู าความรู มีการบรู ณาการ ใชแหงการเรยี นรูห ลากหลาย เปนการวัดประเมิน ตามสภาพจริงบทบาทของผูสอนในยุคปจจุบนั ผูสอนตองสอนหรอื ฝก ผูเ รียน ดังน้ี 1. ฝก คิด คอื สอนใหผูเรยี นคิดเองเปน 2. ฝก ใหผ เู รยี นศึกษาคนควา คอื ศกึ ษาใหล กึ ซ้ึงในเร่ืองใดเรอื่ งหนึ่ง และมกี ารวิจยั คน ควา 3. ฝกใหผูเ รยี นบรกิ ารสังคม คือ สิ่งทีเ่ รียนจะมคี ณุ คา เม่ือไดใชความรูนั้นใหเปนประโยชน ตอ สงั คม ผสู อนเปน ภมู ิปญ ญาทส่ี าํ คญั ในการพฒั นาใหผูเรียนตัง้ แตตัวเลก็ ๆ ซึง่ เปน ประชากรทีส่ าํ คญั ของโลก ผสู อนตองเปน ตัวทวีคูณในการนําผูเรียนเขาสูระบบของการเรียนรู บทบาทของผูสอนจึง เปล่ียนไปจากผูใหความรู ผูบอกความรู (Telling, Talking) มาเปนผูใหผูเรียนใชกระบวนการ (Process) คดิ คนหาความรูดวยตนเองตลอดจนแกปญหาดวยตนเอง ผูสอนจึงเปล่ียนบทบาทจาก ผูสอน (Teacher) มาเปนผูอํานวยความสะดวก (Facilitator) คือเปนผูเตรียมประสบการณ ส่ือการ เรียนการสอนใหผเู รียนใชศกึ ษาคนควาดว ยตนเอง กลา วโดยสรปุ การจดั การเรยี นการสอนเพอ่ื ใหผเู รียนเปนผูมีคุณภาพ คือ ดี มีปญญา เกง และเปน ผมู คี วามสุข คือ สุขภาพกายและจิตดี โดยสรุปเปนประชาชนท่ีดี เกง สุข เปนประชาชนที่ มองกวางคดิ ไกล ใฝรู เชดิ ชูคณุ ธรรมนนั้ ตอ งจัดการเรียนการสอนท่เี นน ผเู รียนเปนสําคญั 3. ตัวบง ชีข้ องการจดั การเรียนการสอนที่เนน ผเู รียนเปน สําคัญ พมิ พพนั ธ เดชะคุปต และพเยาว ยินดีสุข (2551) กลาววา วิธีสอนท่ีใชในการจัดการเรียน การสอนท่ีเนน ผเู รยี นเปน สาํ คญั ผูสอนสามารถใชวธิ ีการใดๆ ก็ไดทเ่ี ปน วธิ สี อนท่ีใหผ เู รียนมีสว นรวม ในการเรยี นอาจใชวิธีสอนใดวิธหี นงึ่ หรอื หลายๆ วธิ ีในการสอนในคร้ังหน่งึ ๆ ดงั เชน วิธกี ารอภปิ ราย วิธกี ารคน พบ วิธสี ืบสอบแบบแนะนํา วธิ ีสอนแบบสตอริไลน วิธีสอนแบบไมม กี ารแนะนาํ วิธีอริยสัจ ส่ี วธิ ีใชสถานการณจาํ ลอง วิธีการเช่อื มโยงมโนทศั น วิธีสอนกลุมสัมพันธ วิธีการเรียนแบบรวมมือ เปน ตน การเรยี นการสอนทเี่ นนผูเรยี นเปนสาํ คัญ มตี ัวบงช้ีท่ีจะใชเปนแนวทางในการประเมินไดวา ไดมีการจัดการเรียนการสอนท่ีเนนผูเรียนเปนสําคัญหรือไม โดยประเมินจากผูสอนเมื่อเขียน แผนการสอน และเม่ือนําแผนการสอนไปใชในหองเรียน และประเมินจากผูเรียนจากพฤติกรรม การเรยี นทง้ั ในหองเรียนและนอกหอ งเรียน การเรียนการสอนทเ่ี นน ผูเ รียนเปนสําคัญน้ัน ยังมีระดับ จากต่ําสุดไปหาสูงสุด เกณฑที่ใชประเมินคือ สังเกตวาผูเรียนมีสวนรวมมากนอยเพียงใด 148 Thinking Skills For 21st Century Teachers
อยา งไรกต็ ามถา ผเู รียนมีสว นรว มสรางความรูดว ยตนเองอยางแทจ ริงจากส่งิ ท่ีผูเรียนตองการรูดวย ตนเอง ผูเรียนจะมีบทบาทมากที่สุด แตผูสอนจะมีบทบาทนอยลง ในทางตรงกันขามถาผูสอนมี บทบาทกาํ หนดหวั เรือ่ งกจิ กรรมรวมท้งั สื่อเพอื่ จดั ประสบการณการเรียนใหผเู รยี นสรา งความรูเองใน ลักษณะน้ผี ูสอนและผูเรียนอาจมีบทบาทเทา ๆ กัน ซ่งึ กย็ งั จดั เปน การเรียนการสอนที่เนน ผเู รียนเปน สาํ คัญเชน กนั แตอยใู นระดับปานกลาง เพือ่ ใหก ารเรียนการสอนทเี่ นนผูเรียนเปน สาํ คัญเปน ไปอยางมี ประสิทธภิ าพ ผสู อนจึงอาจเร่ิมตนฝกใหผูเรยี นเร่ิมมีบทบาทในการเรียนรูจากระดับนอยจนมากขึ้น ตามลําดับ ซึ่งจะทําใหผูสอนมีบทบาทในการสอนนอยลงตามลําดับไปดวยตัวบงช้ีของการจัด การเรยี นการสอนที่เนนผเู รยี นเปนสาํ คัญโดยพจิ ารณาทั้งผูสอนและผเู รยี น มีดังตอ ไปน้ี 3.1 ผสู อน 1. ผูสอนจัดการเรยี นการสอนโดยใหผ ูเรยี นสรา งความรใู หมเอง (Construction of the New Knowledge) 2. ผูสอนใหผูเรียนใชทักษะกระบวนการ (Process Skills) คือ กระบวนการคิด กระบวนการกลุม และสรา งความรูดวยตนเอง 3. ผสู อนใหผเู รียนมีสว นรว มในการเรยี น (Participation) คอื มีสว นทง้ั ดา นปญ ญา กาย อารมณ และสังคม รวมท้งั ใหผเู รียนมีปฏิสัมพันธ (Interaction) กับส่ิงมีชีวิตและกับส่ิงไมมีชีวิต เชน หนังสอื สถานที่ตางๆ คอมพวิ เตอร เปนตน 4. ผูสอนสรางบรรยากาศเอ้ือตอการเรียนรู ทั้งบรรยากาศทางกายภาพและจิตใจ เพอื่ ใหผูเรียนเรยี นอยา งมีความสขุ (Happy Learning) 5. ผสู อนมกี ารวัดและประเมินผลท้ังทักษะกระบวนการขีดความสามารถ ศักยภาพ ของผูเรยี น และผลผลติ จากการเรียนรู ซึง่ เปน การประเมนิ ตามสภาพจรงิ (Authentic Assessment) 6. ผูสอนพัฒนาใหผ ูเรยี นสามารถนําความรูไปใชในชวี ิตประจําวันได (Application) 7. ผูสอนบทบาทเปนผูอํานวยความสะดวก (Facilitator) คือเปนผูจัดประสบการณ รวมท้ังสอื่ การเรียนการสอน เพอื่ ใหผเู รียนใชเปนแนวทางสรางความรูดวยตนเอง คือ ผูสอนที่เปน ผอู ํานวยความสะดวกนั้นมบี ทบาทดงั นี้ 7.1 เปนผูนาํ เสนอ (Presenter) 7.2 เปน ผสู งั เกต (Observer) 7.3 เปนผูถ าม (Asker) 7.4 เปน ผใู หก ารเสริมแรง (Reinforcer) 7.5 เปน ผแู นะนาํ (Director) 7.6 เปน ผูสะทอนความคิด (Reflector) 7.7 เปน ผจู ัดบรรยากาศ (Atmosphere Organizer) 7.8 เปนผูจดั ระเบียบ (Organizer) Thinking Skills For 21st Century Teachers 149
7.9 เปน ผูแนะแนว (Guide) 7.10 เปน ผูป ระเมนิ (Evaluator) 7.11 เปนผใู หคาํ ชนื่ ชม (Appraiser) 7.12 เปน ผูก าํ กับ (Coacher) 3.2 ผูเรยี น 1. ผูเรียนสรางความรู (Construction) รวมทงั้ สรา งสิ่งประดษิ ฐดวยตนเอง 2. ผูเรยี นใชท กั ษะกระบวนการ (Process Skills) คอื กระบวนการคดิ และกระบวนการ กลมุ การสรา งความรูดว ยตนเอง 3. ผเู รียนมสี วนรวมในการเรียน (Participation) และมีปฏสิ มั พนั ธ (Interaction) 4. ผเู รยี นเรยี นรูอยา งมคี วามสุข (Happy Learning) 5. ผเู รียนสามารถนาํ ความรไู ปใชได (Application) ตวั บงชสี้ าํ คัญในการจัดการเรียนการสอนท่ีเนนผูเรียนเปนสําคัญคือการใหผูเรียนใช กระบวนการสรางความรใู หมและสง่ิ ประดิษฐใ หมด วยตนเอง ดังภาพตอ ไปน้ี กระบวนการสรา งความรูใหมและส่งิ ประดษิ ฐใหมด ว ยตนเอง ดังภาพตอ ไปนี้ ผเู รยี นใชกระบวนการ ผลผลิต ความรใู หม สิ่งประดิษฐใ หม กระบวนการคดิ กระบวนการกลุม ภาพท่ี 6-1 ภาพการใชกระบวนการสรางความรูใหมแ ละส่ิงประดษิ ฐใหม ทมี่ าภาพ: พิมพพ นั ธ เดชะคปุ ต และพเยาว ยนิ ดีสุข (2551) ขัน้ ตอนของการเรียนการสอนท่เี นน ใหผ เู รยี นสรา งความรตู ามแนวคอนสตรคั ตวิ ิสม นนั้ ไดร เวอรแ ละเบลล (Driver and Bell, 1986 อา งถงึ ใน พิมพพันธ เดชะคุปต และพเยาว ยินดีสุข, 2551) ได กําหนดขัน้ ตอนไวดังนี้ 1. ข้ันนํา (Orientation) เปนข้ันท่ีผูเรียนจะรับรูถึงจุดมุงหมายและมีแรงจูงใจในการ เรยี นบทเรียน 150 Thinking Skills For 21st Century Teachers
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235