Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ทักษะการคิดสำหรับครูในศตวรรษที่ 21

ทักษะการคิดสำหรับครูในศตวรรษที่ 21

Published by kedthips, 2020-08-19 03:38:34

Description: ทักษะการคิดสำหรับครู

Keywords: ทักษะการคิด,Thinking Skill

Search

Read the Text Version

รวบรวมความรูจากแหลงอางอิงท่ีเช่ือถือไดสรางกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรูกับกลุมเพื่อน มหี ลกั การ ดงั น้ี 1. มาตรฐานการเรียนรูในศตวรรษที่ 21 มีจุดเนน (1) เนนทักษะความรูและ ความเชี่ยวชาญที่เกิดกับผูเรียน (2) สรางความรูความเขาใจในการเรียนในเชิงสหวิทยาการ (3) มุงเนนการสรางความรูและเขาใจในเชิงลึกมากกวาการสรางความรูแบบผิวเผิน (4) ยกระดับ ความสามารถผูเรียนดวยการใหขอมูลที่เปนจริงและ (5) ใชหลักการวัดประเมินผลที่มีคุณภาพ ระดบั สงู 2. การประเมนิ ทกั ษะในศตวรรษท่ี 21 มีจุดเนน (1) สรางความสมดุลในการประเมินผล เชิงคณุ ภาพ (2) เนนการนาํ ประโยชนข องผลสะทอ นจากการปฏิบัติของผูเรียนมาปรับปรุงแกไขงาน (3) ใชเ ทคโนโลยเี พอื่ ยกระดับการทดสอบวัดและประเมินผล (4) สรางและพัฒนาระบบแฟมสะสม งาน ของผูเรยี นใหเ ปนมาตรฐานและมคี ุณภาพ 3. หลักสูตรและการสอนในศตวรรษท่ี 21 มจี ดุ เนน (1) การสอนใหเกดิ ทกั ษะการเรียนใน ศตวรรษท่ี 21 มุงเนนเชิงสหวิทยาการของวิชาแกนหลัก (2) สรางโอกาสที่จะประยุกตทักษะเชิง บรู ณาการขามสาระเน้ือหา (3) สรางนวัตกรรมและวธิ ีการเรียนรูใ นเชงิ บรู ณาการท่มี เี ทคโนโลยีเปน ตัวเก้ือหนุน การเรียนรูแบบสบื คน และวิธกี ารเรียนจากการใชปญหาเปนฐาน เพื่อการสรางทักษะ ขั้นสงู ทางการคดิ และ (4) บรู ณาการแหลง เรยี นรจู ากชุมชนเขา มาใชใ นโรงเรียน 4. การพัฒนาทางวชิ าชีพในศตวรรษท่ี 21 มีจุดเนน (1) จุดมุงหมายสําคัญเพื่อการสราง ผสู อนใหเปนผูทม่ี ที ักษะความรคู วามสามารถในเชิงบรู ณาการ 2) สรางความสมบูรณแ บบในมิติของ การสอนดว ยเทคนคิ วิธีการสอนทีห่ ลากหลาย (3) สรางใหผูสอนเปนผูมที กั ษะความรูความสามารถ ในเชงิ ลึกเกยี่ วกับการแกป ญหา และอนื่ ๆ (4) เปนยุคแหงการสรางสมรรถนะทางวชิ าชีพใหเกดิ ขน้ึ กบั ผูสอนเพ่ือเปนตัวแบบ (5) สรางใหผูสอนเปนผูท่ีมีความสามารถวิเคราะหผูเรียนไดทั้งรูปแบบ การเรียน สตปิ ญ ญา จดุ ออ นจดุ แข็งในตัวผเู รยี น เหลานเี้ ปนตน (6) ชวยใหผูสอนไดเกิดการพัฒนา ความสามารถใหสงู ขนึ้ (7) สนับสนุนใหเกดิ การประเมนิ ผเู รยี นอยา งตอ เน่ืองเพอ่ื สรา งทกั ษะและเกิด การพัฒนาการเรียนรู (8) แบงปนความรูระหวางชุมชนทางการเรยี นรูโดยใชชองทางหลากหลายใน การสอื่ สารใหเกิดขึน้ และ (9) สรางใหเกดิ ตัวแบบท่ีมกี ารพฒั นาทางวิชาชพี ไดอ ยางมน่ั คงและยัง่ ยนื 5. สภาพแวดลอมทางการเรียนรูในศตวรรษที่ 21 มีจุดเนน (1) สรางสรรคแนวปฏิบัติ ทางการเรียน (2) สนับสนุนทางวิชาชีพแกชุมชนทั้งในดานการใหการศึกษาและการมีสวนรวม (3) สรางผูเรียนเกิดการเรียนรูจากส่ิงท่ีปฏิบัติจริงตามบริบท โดยเฉพาะการเรียนแบบโครงงาน (4) สรา งโอกาสในการเขา ถงึ สอ่ื เทคโนโลยี (5) ออกแบบระบบการเรยี นรูทเ่ี หมาะสมทัง้ การเรียนเปน กลุมหรือการเรียนรายบุคคล และ (6) นําไปสูการพัฒนาและขยายผลสูชุมชนทั้งในรูปแบบ การเผชญิ หนา หรือระบบออนไลน Thinking Skills For 21st Century Teachers 101

102 Thinking Skills For 21st Century Teachers

5บทท่ี ส่อื การเรยี นรเู้ พื่อพฒั นาการคดิ Thinking Skills For 21st Century Teachers 103



5บทท่ี สือ่ การเรียนรŒู เพ่ือพฒั นาการคิด สื่อการเรยี นรเู พ่ือพฒั นาการคิด มคี วามสําคญั ในการจัดการศึกษาตามหลักสูตรการศึกษา ข้ันพ้ืนฐาน กระบวนการเรียนรูของผูเรียนจะตองสรางความรูผานกระบวนการคิดดวยตนเอง โดยเชอื่ มโยงกบั ธรรมชาติ และเครือขายการเรียนรู คือ บา น โรงเรยี น ชมุ ชน สังคม และโลก ดังนั้น การเรยี นรูข องผูเรียนจะไมจาํ กัดเฉพาะการเรียนการสอนในหอ งเรียนอีกตอ ไป ผเู รียนจะตองเรียนรู จากสภาพจริง ท้ังท่ีเปนสภาพแวดลอมทางธรรมชาติ สภาพแวดลอมทางสังคมและวัฒนธรรม ขอมูลขา วสารรูปแบบตางๆ และความเจริญทางเทคโนโลยีทุกๆ ดาน ดวยเหตุน้ี ส่ือการเรียนรูซ่ึง เปนเคร่ืองมือสําคัญในการพัฒนาคนใหเกิดการเรียนรูตามความมุงหวังของหลักสูตรจึงตองมี ความหลากหลายและเพียงพอ ในบทนี้ไดนําเสนอความหมายและความสําคัญของส่ือการเรียนรู กลาวถึงประเภทของส่ือ ขั้นตอนในการผลิตส่ือ หลักการเลือกส่ือและการใชส่ือใหเหมาะสม ประโยชนของสื่อการเรียนรูพรอมท้ังไดใหแนวคิดในการพัฒนาส่ือที่สอดคลองกับการเรียนรูใน ศตวรรษที่ 21 อีกดวย ดงั นั้น ผูสอนซึ่งเปนผูที่มีบทบาทสําคัญยิ่งในการเลือกและใชสื่อการเรียนรู อยางมีประสิทธิภาพเพ่ือใหการจัดการเรียนการสอนสามารถพัฒนาผูเรียนใหเกิดกระบวนการ พัฒนาการคิดและพฒั นาการเรยี นรูใ หเต็มตามศักยภาพ 1. ความหมายและความสําคัญของส่อื การเรียนรูŒ สื่อ (Medium, pl. Media) เปนคํามาจากภาษาลาตินวา “Medium” แปลวา ระหวาง (Between) หมายถงึ ส่ิงใดกต็ ามทบ่ี รรจขุ อมูลสารสนเทศหรอื เปน ตวั กลาง ใหข อ มลู สง ผา นจากผูสง หรือแหลงสงไปยังผูรับสามารถส่ือสารกันไดตรงตามวัตถุประสงค เมื่อผูสอนนํามาใชประกอบ Thinking Skills For 21st Century Teachers 105

การสอนจะเรียกวา ส่ือการเรียนรู (Instructional Media) และเมื่อนํามาใหผูเรียนใชจะเรียกวา ส่ือการเรยี น (Learning Media) โดยเรียกรวมกันวา สื่อการเรยี นการสอน หรืออาจเรียกสั้นๆ วาสื่อ การเรียนรู นอกจากนน้ั หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 นิยามวาสอื่ การ เรยี นรู เปนเครอื่ งมือสงเสรมิ สนบั สนนุ การจดั การกระบวนการเรียนรู ใหผ ูเรยี นเขาถึงความรู ทักษะ กระบวนการ และคุณลักษณะตามมาตรฐานการเรียนรูของหลักสูตรไดอยางมีประสิทธิภาพ สื่อ การเรียนการสอนมหี ลากหลายประเภท ท้ังส่ือธรรมชาติ ส่ือส่ิงพิมพ สื่อเทคโนโลยี และเครือขาย การเรียนรูตา งๆ ท่มี ใี นทองถนิ่ ดังนน้ั ผูส อนจําเปน ตอ งศึกษาถงึ ลักษณะเฉพาะและคุณสมบตั ิของสอ่ื แตล ะชนิด เพื่อเลอื กสอ่ื ใหต รงกบั วตั ถุประสงคการสอนและจัดประสบการณการเรยี นรใู หแกผูเรียน โดยตองมีการวางแผนอยา งเปนระบบในการใชส ื่อดว ยเพือ่ ใหกระบวนการเรยี นการสอนเปนไปอยาง มปี ระสทิ ธภิ าพ ศูนยพ ฒั นาหนังสือ กรมวิชาการ (2545) กลาวถึง ความสําคัญของสื่อการเรียนรู ไวดังนี้ สอื่ เปนเครอ่ื งมือของการเรียนรทู ําหนา ที่ถายทอดความรู ความเขา ใจ ความรูสึก เพ่ิมพูนทักษะและ ประสบการณ สรางสถานการณการเรยี นรใู หแ กผ ูเรียน ชว ยกระตนุ ใหเ กดิ การพฒั นาศกั ยภาพ สือ่ การเรียนรใู นยคุ ปจจุบันมอี ทิ ธิพลสูงตอการกระตุนใหผเู รียนกลายเปนผูแสวงหาความรู ดวยตนเอง มีมากมายหลากหลายรูปแบบ มีบทบาทและใหคุณประโยชนตางๆ การพัฒนา กระบวนการคดิ ไตรต รอง การคิดสรา งสรรค และการคดิ อยางมวี จิ ารณญาณ ตลอดจนสรางเสริม คุณธรรมจริยธรรม และคานิยมใหแกผูเรียนเปนหนาที่ของผูสอนท่ีจะผลิตส่ือการสอนเพ่ือ พัฒนาการคิด ซึ่งชวยใหผูเรียนเขาใจความคิดรวบยอดไดงายขึ้น รวดเร็วขึ้น มองเห็นส่ิงที่กําลัง เรียนรูไดอยางเปนรูปธรรมและเปนกระบวนการเรียนรูดวยตนเอง สงเสริมใหเกิดความคิด สรา งสรรคเปน การสรา งสภาพแวดลอ มและประสบการณการเรยี นรูท ่ีแปลกใหม นาสนใจและทาํ ให อยากรอู ยากเห็น สง เสรมิ การมกี ิจกรรมรวมกันระหวางผูเรียน เก้ือหนุนผูเรียนที่มีความสนใจและ ความสามารถในการเรียนรูท่ีตางกันใหเรียนรูไดเทาเทียมกัน บูรณาการสาระการเรียนรูตางๆ ใหเ ชอ่ื มโยงกนั ชวยใหผ ูเ รยี นไดรับการเรยี นรูใ นหลายมติ จิ ากสื่อทีห่ ลากหลาย เชอื่ มโยงโลกทอี่ ยูใกล ตวั ผูเรยี นใหเ ขา มาสกู ารเรยี นรูของตนเอง รวมถึงการรูเทา ทนั สือ่ เทคโนโลยี ผูเรียนมีความสามารถ ในการเขาถึง วิเคราะหประเมินและสรางสรรค สื่อในหลายๆ รูปแบบ มีการคนควาเพิ่มเติมใน แหลงขอมลู ที่หลายหลาย สือ่ การเรียนรตู า งๆ นอกจากมบี ทบาทเปน เคร่อื งมอื สําหรบั การเรยี นรขู องผเู รียนแลว ยงั ชวย กระตุนใหผเู รียนไดรบั การพัฒนาดานตางๆ ไดแ ก 1. ความรู สื่อชวยใหผูเรียนไดรับความรูเชิงเน้ือหา ความรูเชิงกระบวนการและความรูเชิง ประจกั ษจ ากการเรียนรูในกลมุ วชิ าตางๆ สงเสรมิ การคนควา หาความรูเพ่ิมเติมพัฒนาความอยากรู อยากเห็นเชิงสรางสรรค สงเสริมการคนหาและการเชื่อมโยงสาระที่ไดเรียนรูระหวางวิชาตางๆ เขา กับประสบการณส วนตน หรือกิจกรรมทป่ี ฏิบตั ิในครอบครวั โรงเรียน ชุมชน และสังคมในวงกวา ง 106 Thinking Skills For 21st Century Teachers

2. ทักษะ สื่อการเรียนรูในกลุมวิชาตางๆ ชวยสงเสริมและพัฒนาทักษะดานตางๆ ใหแก ผูเรียน ไดแก ทักษะพื้นฐานตามกลุมสาระการเรียนรู ทักษะการคิด ทักษะการส่ือสาร ทักษะ ความสัมพันธระหวางบคุ คล ทกั ษะการจัดการ ทักษะในงานอาชีพ เปนตน 3. คณุ ธรรม จรยิ ธรรมและคานิยม สอ่ื ตา งๆ นอกจากจะใหผเู รยี นไดร ับการพัฒนาความรู และทกั ษะแลวยังมุงใหผเู รยี นรักการเรียนรู เห็นคณุ คาในตนเอง ภูมิใจความเปน ไทย มีจติ สาํ นึกทาง สังคมและส่ิงแวดลอม รูจักใชเวลาสรางสรรค ยอมรับคานิยมที่ดีงามความรูทั่วไปเก่ียวกับส่ือ การเรยี นการสอน กลา วโดยสรุป สื่อการเรียนรูในยุคปจจุบันมีอิทธิพลสูงตอการกระตุนใหผูเรียนกลายเปน ผูแสวงหาความรูดวยตนเอง เปนเครื่องมือสําหรับการเรียนรูของผูเรียนในการแสวงหาความรู เพื่อพัฒนาตนเองมนดานตางๆ ท้ังดานความรูความเขาใจ ทักษะกระบวนการและคุณธรรม จริยธรรมเพ่อื ใหผ ูเรยี นเกิดการเรียนรูครบทั้ง 3 ดา น คือ พุทธพิ ิสัย ทกั ษะพสิ ัย และจติ พิสยั 2. ประเภทของส่ือการเรยี นรŒู สุนนั ทา สุนทรประเสรฐิ (2547) ไดจ าํ แนกประเภทของสอ่ื การเรยี นรู ไวดังนี้ 2.1 สื่อส่งิ พมิ พ หมายถึง หนังสือและเอกสารส่ิงพิมพตางๆ ซึ่งไดแสดงหรือจําแนก หรือ เรียบเรียงสาระความรูตางๆ โดยใชตัวหนังสือท่ีเปนตัวเขียน หรือตัวพิมพเปนสื่อเพ่ือแสดง ความหมาย สอื่ สง่ิ พมิ พม ีหลายประเภท เชน เอกสาร หนงั สอื ตาํ รา หนงั สอื พิมพ นิตยสาร วารสาร จลุ สาร จดหมาย จดหมายเหตุ บนั ทกึ รายงาน วทิ ยานพิ นธ เปน ตน ภาพท่ี 5-1 ภาพตวั อยางสือ่ สิ่งพมิ พ ประเภทวทิ ยานพิ นธ ทม่ี าภาพ: http://www.rumruay.com/id-50d0fc010b8564e857001a40.html Thinking Skills For 21st Century Teachers 107

2.2 ส่ือเทคโนโลยี หมายถึง สื่อการเรียนรูท่ีไดผลิตขึ้นเพ่ือใชควบคูกับเครื่องมือ โสตทัศนวสั ดุ หรือเครือ่ งมือที่เปนเทคโนโลยีใหม สอื่ การเรียนรูด งั กลา ว เชน แถบบันทึกภาพพรอม เสียง (วีดทิ ัศน) แถบบนั ทึกเสียง สไลด สื่อคอมพวิ เตอรชวยสอน นอกจากน้ีส่ือเทคโนโลยียังหมาย รวมถงึ กระบวนการตางๆ ทีเ่ ก่ียวของกับการนําเทคโนโลยีมาประยุกตใชในการเรียนการสอน เชน การใชอนิ เทอรเนต็ เพ่ือการเรยี นการสอน การศกึ ษาผา นดาวเทียม ภาพท่ี 5-2 ภาพตวั อยางส่ือเทคโนโลยี ประเภทการศกึ ษาผานดาวเทยี ม 2.3 สือ่ อื่นๆ นอกจากส่ือส่ิงพิมพและส่ือเทคโนโลยีแลว ยังมีส่ืออ่ืนๆ ที่สงเสริมการเรียน การสอน ซ่ึงมีความสําคัญไมย่ิงหยอนไปกวาส่ือทั้งสองประเภทดังกลาว เพราะสามารถอํานวย ประโยชนใหแกทองถิ่นท่ีขาดแคลนส่ือสิ่งพิมพและสื่อเทคโนโลยี สื่อเหลานี้อาจแบงไดเปน 4 ประเภทใหญๆ ดงั น้ี 2.3.1 สือ่ บคุ คล หมายถึง บคุ คลที่มคี วามรคู วามสามารถความเชี่ยวชาญเฉพาะดาน ซ่งึ สามารถทาํ หนาทีถ่ า ยทอดสาระความรู แนวคดิ เจตคตแิ ละวธิ ปี ฏิบตั ิตนไปสูบุคคลอ่ืน สื่อบุคคล อาจเปนบุคลากรทีอ่ ยใู นระบบโรงเรียน เชน ผูบริหาร ผูสอน ตัวผูเรียน นักการภารโรง หรืออาจเปน บุคลากรภายนอกระบบโรงเรียน เชน บุคลากรในทองถ่ินที่มีความชํานาญและเชี่ยวชาญในสาขา อาชพี ตางๆ เปน ตน 2.3.2 สอื่ ธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ ม หมายถงึ สิ่งทเ่ี กิดขึ้นเองตามธรรมชาตหิ รือสภาพ ท่ีอยูรอบตัวผูเรียน เชน พืชผัก สัตวชนิดตางๆ ปรากฏการณแผนดินไหว สภาพดินฟาอากาศ หอ งเรียน หอ งปฏิบตั ิการ แหลงวิทยบรกิ ารหรือแหลง การเรยี นรู หอ งสมุดชมุ ชน สังคม วัฒนธรรม สง่ิ เหลานเี้ ปน ส่ือทม่ี คี วามสาํ คัญตอการสงเสรมิ การเรยี นรู ซง่ึ ผสู อนหาไดไมยาก 108 Thinking Skills For 21st Century Teachers

2.3.3 ส่ือกิจกรรม/กระบวนการ หมายถึง กิจกรรมหรือกระบวนการที่ผูสอนหรือ ผูเรียนกําหนดขึ้นเพื่อเสริมสรางประสบการณการเรียนรู ใชในการฝกทักษะซ่ึงตองใชกระบวน การคดิ การปฏบิ ัติ การเผชิญสถานการณ และการประยกุ ตความรขู องผเู รียน เชน การแสดงละคร บทบาทสมมติ การสาธิต สถานการณจําลอง การจัดนิทรรศการ การไป ทัศนศึกษานอกสถานที่ การทําโครงงาน เกม เพลง การปฏบิ ตั ติ ามใบงาน ฯลฯ ภาพที่ 5-3 ภาพตวั อยา งสื่อเพื่อพฒั นาการคดิ ท่มี าภาพ: เกษทพิ ย ศริ ชิ ยั ศิลป 2.3.4 ส่ือวัสดุ/เครื่องมือและอุปกรณ หมายถึง วัสดุท่ีประดิษฐข้ึนเพื่อประกอบ การเรียนรู เชน สื่อทํามือ บัตรคํา บัตรภาพ หุนจําลอง แผนภูมิ แผนที่ ตาราง สถิติ กราฟ ฯลฯ นอกจากนี้ยังรวมถึงสื่อประเภทเครื่องมือและอุปกรณท่ีจําเปนตองใชในการปฏิบัติงานตางๆ เชน อปุ กรณท ดลองวทิ ยาศาสตร เครอื่ งมอื วิชาชาง เปนตน Thinking Skills For 21st Century Teachers 109

ภาพที่ 5-4 ภาพตวั อยา งสอ่ื ส่ือวสั ดุ/เครอ่ื งมือและอุปกรณ ทมี่ าภาพ: เกษทพิ ย ศิริชยั ศิลป สื่อตา งๆ ทีส่ ถานศกึ ษาจดั ทาํ หรอื จดั หามาใชเ พือ่ การเรยี นรขู องผเู รยี น ตองเช่ือม่ันไดวาให สาระการเรียนรูที่ถูกตอง มีความหมาย และเกี่ยวพันกับการเรียนรูอยางสรางสรรคและมีคุณคา หองสมดุ หรือศูนยส อ่ื เปน แหลง การเรยี นรูท่สี ําคัญมากทผ่ี เู รยี นสามารถเรยี นรูไ ดท งั้ ดว ยตันเองอยาง มีอิสระและอยางรวมมือกันและกันระหวางเพ่ือนสถานศึกษาจึงตองพัฒนาหองสมุดใหทําหนาท่ี อยางเตม็ ที่ ยง่ิ กวาน้ันโลกรอบตัวผเู รยี นไมว าจะเปน ภายในสถานศกึ ษา บาน ชุมชน ตลอดจนขอมูล จากทั่วโลกทผ่ี ูเรยี นสามารถเขา ถงึ ไดดวยเทคโนโลยี ก็เปนเครือขา ยการเรียนรูทไี่ มม ีขีดจํากดั อีกทง้ั ยังเพ่ิมพูนจนยากจะจดจําไดทั่วถึง ผูเรียนจึงตองไดรับการชี้แนะและฝกใหรูจักคิดแสวงหา แหลง ขอ มูลและวธิ กี ารคนควาขอ มลู จากสอ่ื เทคโนโลยีและแหลง ความรตู า งๆ ดวยตนเองอยางอสิ ระ ตลอดจนไดรับการฝกใหสามารถคิดวิเคราะห เพื่อเลือกสรรขอมูลมาใชประโยชนลักษณะของสื่อ การเรียนการสอนที่ดี สื่อการเรียนการสอนท่ีจัดทําขึ้นตองคํานึงถึงหลักจิตวิทยาการศึกษาที่ เก่ียวของและหลักการสอนตางๆ เพ่ือจะทําใหสื่อน้ันมีคุณภาพสามารถสงเสริมกระบวนการเรียน การสอนใหบ รรลจุ ดุ หมายของหลกั สตู รไดอยางมีคุณภาพ ส่ือการเรียนการสอนท่ีดี ควรมีลักษณะ ดงั ตอไปน้ี 1. เหมาะสม สอดคลองกับเนอ้ื หาและจุดประสงคของหลกั สตู ร 2. เหมาะสมกับวยั และความสามารถของผเู รยี น 3. ใหความรูแ กผเู รียนเปน ขน้ั ตอนจากงา ยๆ ไปหายาก 4. ชว ยใหผเู รียนสามารถเรยี นรไู ดเร็วและประหยัดเวลา 5. ผูเรียนมสี ว นรว มในการผลิต การใช และการประเมนิ ผลส่อื 6. เราความสนใจของผเู รียนและผเู รยี นสามารถตอบสนองไดทนั ที 110 Thinking Skills For 21st Century Teachers

7. สงเสรมิ เจตคตทิ ่ดี ตี อเนอื้ หาทสี่ อน 8. มีความประณีตขนาดเหมาะสมกับผูเรียนที่จะใชประกอบกิจกรรมระหวางเรียน และเหมาะสมกับการสอนของผสู อน เชน ถาสือ่ ชิ้นนั้นตอ งนาํ มาแสดงใหผูเรียนดูหนาชั้น ก็จะตองมี ขนาดใหญพอที่ผเู รียนทุกคนในชน้ั จะสามรถมองเห็นไดอยางชัดเจน รปู ราง สี เราความสนใจและมี ความชดั เจน 9. ใชค ุมคา คมุ เวลา และแรงงาน 10. สื่อทด่ี คี วรผานการทดลองใชแ ละแกไ ขปรับปรงุ กอนนาํ ไปใชจ ริง กลาวโดยสรุปประเภทของสื่อการเรียนรูแบงไดออกเปน 3 ประเภท คือ สื่อสิงพิมพ ส่ือเทคโนโลยี และส่อื อืน่ ๆ เชน สือ่ บุคคล สื่อธรรมชาติและส่ิงแวดลอม ส่ือกิจกรรม/กระบวนการ ส่ือวัสดุ/เครื่องมือและอุปกรณ เปนตน สื่อตางๆที่กลาวมาลวนมีความหมาย และเกี่ยวพันกับ การเรียนรูอยางสรางสรรคและมีคุณคาซ่ึงเปนเคร่ืองมือสําหรับผูสอนท่ีผูสอนจําเปนตองจัดหา เพ่อื การสง เสรมิ การเรียนรสู าํ หรับผเู รียน 3. ขั้นตอนการผลติ สอ่ื การเรียนรูŒ สนุ นั ทา สนุ ทรประเสรฐิ (2547) ไดเสนอขั้นตอนการผลิตสอ่ื การเรยี นรู ไวดังนี้ ข้ันท่ี 1 ศึกษาสภาพปจจุบันและปญหา เกี่ยวกับส่ือการเรียนรูเพื่อเปนแนวทางใน การกําหนดสอื่ ท่ีควรจัดทาํ การศกึ ษาสภาพปจ จุบนั อาจทําไดหลายแนวทาง ดังน้ี 1. ศึกษาแผนการสอนวามีเน้ือหาใดบางที่ยังไมมีสื่อการเรียนรู ใหนําเนื้อหา เหลาน้นั มาจดั ลาํ ดบั ความสําคญั วา ควรจดั ทาํ ส่อื ของเน้อื หาใดกอน 2. ศึกษาผลการเรียนรูท่ีคาดหวังในแตละกลุมสาระการเรียนรู วามีเร่ือง ใดบา งท่ีผเู รยี นสวนใหญไ มผา น แลวจัดลาํ ดับเร่อื งทีเ่ ปนปญ หาของแตละกลุมประสบการณไ ว 3. ศึกษาสภาพสือ่ การเรยี นรทู ่มี ีอยวู า สอ่ื ไดชาํ รดุ สญู หายหรือไมส อดคลองกับ เน้ือหาหรอื กิจกรรมการเรียนการสอนในปจจบุ นั ควรปรับปรงุ หรอื ผลิตขน้ึ ใหม ขัน้ ท่ี 2 วิเคราะหขอมูล โดยพิจารณาทั้งเน้ือหา จุดประสงค ผูเรียนและส่ือดวยวิธี ตอ ไปนี้ 1. วิเคราะหเน้ือหา/จุดประสงค ถาในข้ันท่ี 1 กําหนดเน้ือหาที่จะจัดทําส่ือไว นาํ เนื้อหานั้นมาพิจารณาวาสัมพันธกับจุดประสงคใดบาง ในทํานองเดียวกันถาในขั้นที่ 1 กําหนด จดุ ประสงคการเรียนรทู เ่ี ปนเปาหมายในการจัดทําสอื่ ไว ก็ตอ งพจิ ารณาวาจดุ ประสงคน ้ันสมั พันธก ับ เนือ้ หาใดบาง Thinking Skills For 21st Century Teachers 111

2. วิเคราะหผูเรียน โดยศึกษาพัฒนาการของผูเรียนและจิตวิทยาการเรียนรู ตลอดจนสงั เกตพฤติกรรมเพ่ือจะไดท ราบส่ิงทผ่ี ูเ รยี นสนใจ 3. วเิ คราะหทฤษฎที างการสอนและจติ วทิ ยาการเรยี นรเู พอ่ื จะไดนาํ แนวคิดมา ใชใ นการผลิตส่อื การเรยี นการสอน 4. วเิ คราะหส ่อื การเรยี นการสอน เพื่อคัดเลือกวาสื่อประเภทใดเหมาะสมกับ เน้ือหาและจุดประสงคของการเรียนรูซึ่งรวมถึงวัสดุ อุปกรณ และเทคนิควิธีการตางๆ ท่ีจะใชใน การถายทอดเน้ือหาไปยังผูเรียน เม่ือวิเคราะหเน้ือหา วิเคราะหผูเรียน และวิเคราะหสื่อการเรียน การสอนแลว ในขนั้ นี้ ผผู ลิตสามารถกาํ หนดประเภทของสื่อที่จะจัดทําใหสอดคลองกับเน้ือหาและ เหมาะสมกบั วัยของผูเรียน ขั้นท่ี 3 วางแผนการผลิตสื่อการเรียนรู ไดแก การกําหนดจุดประสงคเชิงพฤติกรรม กิจกรรมรายคาบเรยี น สอ่ื ทจ่ี ะใชใ นแตล ะกจิ กรรม ออกแบบส่ือ จัดหาวัสดุอปุ กรณ คิดวิธีการผลิต ส่อื กําหนดระยะเวลาในการผลิตและเวลาในการใชส อ่ื ตลอดจนงบประมาณท่ใี ชใ นการผลิตสื่อ ขน้ั ที่ 4 ผลิตและทดลองใชส อ่ื การเรียนรูม ีแนวทางดงั น้ี 1. ผลติ ส่อื ตามท่วี างแผนไวในขั้นตอนที่ 3 โดยแสดงภาพประกอบดวย 2. ทดลองใชสอ่ื โดยทดลองใชกบั ผเู รียนเปน รายบคุ คล ผเู รยี นกลุมเล็กและนํา เรียนท้ังชั้น พรอมทั้งบันทึกผลการทดลองแตละคร้ังไว แลวนําผลการทดลองมาปรับปรุงแกไข ขอ บกพรองของส่อื ใหม คี ณุ ภาพตามตอ งการ 3. จดั ทําคมู ือการผลติ และการใชสื่อ หลังจากปรับปรุงใหมีคุณภาพจนเปนท่ี พอใจแลว ควรจัดทําคูมือการผลิตและใชส่ือ ตามข้ันตอนอยางละเอียดเพ่ือเผยแพรความคิดและ วิธกี ารใหผ อู น่ื นําสื่อไปใชไดอยางถูกตอง หรือสามารถผลิตสื่อเพ่ือใชในการจัดกิจกรรมการเรียน การสอนไดเ อง ขั้นท่ี 5 นําสอื่ การเรยี นรูไปใช กอ นนาํ สอื่ ไปใชควรเตรยี มการดังนี้ 1. เตรียมตัวผูสอน ไดแก การเตรียมเนื้อหา ทบทวนการจัดลําดับกิจกรรม และทดลองใชส ่ือเพ่ือใหเ กดิ ความคลองตวั ขณะใชส อื่ 2. เตรียมตัวผูเรยี น ไดแ ก การใหผูเรียนทราบวาจะตองทํากิจกรรมอะไรบาง สอ่ื ทีด่ คี วรเปด โอกาสใหผูเรยี นไดจ ับตอ งลองทาํ 3. เตรยี มสถานทห่ี รอื เตรยี มหองเรยี นทีจ่ ะใชส ่ือ ซึ่งเมื่อทดลองใชส่ือจนไดผล เปนท่ีนาพอใจแลว จงึ นาํ ไปใชแ ละเผยแพรต อ ไป ข้นั ที่ 6 ประเมนิ ผลการใชส่อื การเรยี นรู หลังจากการนาํ สือ่ ไปใชแ ลวควรมีการติดตาม ประเมินผลการใชสือ่ ดว ย เพือ่ จะไดปรบั ปรงุ หรอื พฒั นาส่อื ใหม ีคณุ ภาพมากขึ้น การประเมินผลการ ใชส่ือ กระทําได 2 วิธคี ือ 112 Thinking Skills For 21st Century Teachers

1. ประเมินกระบวนการ เปนการประเมินความสนใจและความสะดวกใน การใชสื่อของผูสอนและผูเรียนโดยการทดสอบ สัมภาษณ หรือสังเกตพฤติกรรมของผูสอนและ ผเู รยี นที่ใชสื่อนั้น 2. ประเมินผลท่ีไดจากการใชส่ือ เปนการประเมินผลการเปล่ียนแปลงดาน ความรู ทักษะ และเจตคติของผูเรียนภายหลังการใชส่ือนั้น อาจใชวิธีการศึกษาเปรียบเทียบกับ ผเู รยี นสองกลุม กลุมหน่ึงสอนโดยใชสื่อท่ีผลิตขึ้นใหม กับอีกกลุมหนึ่งสองตามแผนการสอนปกติ แลว เปรยี บเทยี บความกาวหนา ทางการเรียนของผูเ รียนทั้งสองกลมุ ระหวางการประเมนิ ผลกอ นและ หลัง 4. หลักการเลือกส่ือการเรยี นรูŒ เน่ืองจากผูสอนเปนผูมีบทบาทโดยตรง ในการเลือกสรรส่ือการเรียนรูท่ีมีคุณคาและ มีความเหมาะสมกับกระบวนการจัดการเรียนการสอนและผเู รยี น การที่ผูสอนจะทําหนาที่ดังกลาว ไดเปนอยางดีนั้น จะตองตระหนักวา “ความรูมีอยูทุกหนแหง” ไมวาจะเปนบุคคล หนังสือและ เอกสารวสั ดแุ ละอปุ กรณ และทส่ี าํ คัญคอื สิ่งแวดลอมทีเ่ ปนธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ มที่มนุษยสราง ขึ้นเปนตนวา โบราณสถาน โบราณวัตถุอาคารสถานที่และอ่ืนๆ ปจจุบันหนวยงานตางๆ เห็นความสาํ คัญในการใหค วามรูแกบ ุคคลท่ัวไป จึงไดผลิตส่ือการเรียนรูหลายลักษณะท่ีเกี่ยวของ กับภาระงานของหนวยงานนั้นๆ และจัดพิมพเผยแพรอยางกวางขวาง มีท้ังหนังสือ แผนพับ แถบบันทึกภาพพรอมเสียงหรือ วีดิทัศน ฯลฯ ผูสอนอาจสอบถามไดจากหนวยงานตางๆ เหลาน้ี เพ่ือขอรับหรือขอยืมมาใชได นอกจากน้ีจะตองเสาะแสวงหาขอมูลดวยวิธีการอ่ืนๆ แลวนําขอมูล แหลง การเรยี นรทู ่รี วบรวมมาไดจัดเก็บขอมูลใหเปนระบบ เพ่ือเปน “คลังขอมูลแหลงการเรียนรู” สาํ หรบั ใชป ระโยชนรวมกัน การมีขอมูลเชนน้ีมีความสําคัญอยางมากในการเลือกใชสื่อการเรียนรู ของผูสอนในการจัดการเรียนการสอนทุกคร้ัง ผูสอนจะตองมีการวางแผน ดวยการจัดทําแผน การสอนลวงหนา และเลือกส่ือการเรียนรูท่ีเหมาะสม หลักการเลือกส่ือการเรียนรูที่ผูสอนควร คาํ นึงถึงท่สี ําคัญ (สุนันทา สนุ ทรประเสรฐิ , 2550) คือ 4.1 การเลือกสื่อการเรียนรูตองสัมพันธกับจุดมุงหมายและเน้ือหาท่ีจะสอน การจดั การเรียนการสอนแตละครั้ง ผูส อนจะตอ งกําหนดจุดมุง หมายใหชดั เจนวาตองการใหผูเรียน เกิดการเรียนรอู ะไรบา ง ผูเรียนควรมีความรูในเรื่องใด สามารถทําอะไรได และมีเจตคติท่ีถูกตอง อยางไร จากนน้ั จงึ จะพจิ ารณาวาจะเลือกใชส ่ือการเรียนรูประเภทใดท่ีมีความเหมาะสม ที่จะทําให ผูเรียนเกิดการเรียนรูตามที่กําหนดจุดมุงหมายไว ท้ังน้ีเพราะส่ือการเรียนรูแตละประเภทมี ประสิทธิภาพในการสรา งประสบการณการเรียนรแู ตกตา งกัน ดังที่ อัลเลน (Allen) ไดวิจัยเกี่ยวกับ Thinking Skills For 21st Century Teachers 113

ประสิทธิภาพของส่ือชนิดตางๆ พบวาภาพยนตรชวยใหเกิดการเรียนรูในดานกระบวนการท่ีเปน ขนั้ ตอนไดดีทสี่ ดุ ในขณะท่ีเทปบันทึกเสยี งสามารถใหการเรียนรใู นดา นนเี้ พียงระดบั ปานกลางเทา นั้น ตัวอ ยาง ของ กา รเลื อกสื่ อกา รเ รียน รูที่เ หมา ะส มกับ กิจก รรม แล ะเนื้ อหา ขอ ง บทเรียน เชน ถา ตอ งการใหผ เู รยี นสามารถแปรงฟนไดถูกตอง ก็ควรสาธิตโดยใชของจําลองหรือดู แถบบันทึกภาพพรอมเสียง เพราะเปนการปฏิบัติท่ีผูเรียนควรจะไดเห็นขั้นตอน และวิธีปฏิบัติที่ ถกู ตอ ง หรอื หากตองการใหผเู รยี นเขาใจสภาพชีวิตความเปนอยูของผูคนที่อยูในเมืองและคนท่ีอยูใน ชนบทวามีความเหมือนหรือแตกตางกันอยางไร ส่ือที่คิดวาดีที่สุดและเหมาะสมที่สุดก็คือแถบ บนั ทึกภาพพรอ มเสียง เพราะบางคร้ังการนําผูเรียนไปศึกษาจากสภาพจริงอาจมีความยุงยาก ไม สะดวก สว นบางเรื่องท่ตี องเรียนรูจ ากสภาพจริง เชนเร่อื งพชื ใบเลย้ี งเด่ียวและพืชใบเลี้ยงคู สื่อการ เรยี นรทู ่เี หมาะสมท่ีสุดก็ควรจะเปนใบไมจริงๆ นอกจากน้ีธรรมชาติของเน้ือหาสาระบางเร่ืองอาจ ตองเรยี นรูจ ากการอา นสอ่ื การเรยี นรูต อ งเปน ประเภทสิ่งพิมพต า งๆ เน่ืองจากส่ือการเรียนรูแตละประเภทมีคุณสมบัติแตกตางกัน จึงไมมีส่ือ การเรยี นรใู ดที่สามารถสนองจุดมงุ หมายทุกเร่อื งในการจัดการเรยี นการสอนได ผูสอนจงึ จาํ เปน ตอง มีความรเู ก่ียวกบั คณุ สมบตั ิของสอื่ การเรียนรแู ตละประเภทดว ย 4.2 การเลือกสื่อการเรียนรูตองเหมาะสมกับผูเรียน ผูสอนจําเปนตองวิเคราะห ลกั ษณะผูเ รียน เพอ่ื จะไดรพู ัฒนาการดา นตา งๆ ทงั้ ดานรางกาย สติปญญา อารมณและสังคมของ ผเู รยี น ซง่ึ เกย่ี วของอยา งมากกบั ความสามารถในการเรียนรู ดงั พบวาในวยั ผูเรียนเล็กจะเรียนรูไดดี ดว ยการกระทําสือ่ ทค่ี วรเลือกใชจึงไดแก เกมของเลน เม่ือโตขึ้นก็จะเรียนรูดวยการใชสายตาและ ความคิดมากขึ้น ส่ือจึงอาจจะเปนประเภทภาพ และตอมาจึงจะเรียนรูโดยอาศัยสัญลักษณที่เปน นามธรรมหรอื ภาษา ส่อื ท่ีจะนํามาใชอ าจะเปน หนังสือตางๆ นอกจากน้ีการจัดการเรียนรูท่ีคํานึงถึงความแตกตางระหวางบุคคลก็เปน สิ่งจาํ เปน เพอ่ื ใหผเู รยี นเกิดการเรียนรูเตม็ ตามศักยภาพ เพราะบคุ คลมีวิธกี ารเรยี นรไู ดด ีแตกตา งกนั ผเู รียนบางคนชอบที่จะปฏบิ ัติ บางคนชอบดูภาพ บางคนชอบอา นหนังสือ หรือบางคนชอบการบอก เลา ผูส อนจึงควรจะไดศกึ ษาวิธีการเรียนรูแ ตละคนดวย นน่ั คอื 1. ศึกษาวาผูเรียนมีความรู ประสบการณ หรือทักษะที่เกี่ยวของกับสาระ การเรียนรทู จ่ี ะตองเรยี นรูเพียงใด 2. ศกึ ษาวา ผูเรียนมคี วามรูทกั ษะในสง่ิ ท่ีจะตองเรยี นรบู า งหรอื ไม 3. ศึกษาวาผเู รยี นมที ักษะพนื้ ฐานดา นภาษา การคาํ นวณ ฯลฯ ซ่ึงเปนส่ิงจําเปน ท่จี ะชว ยในการเรยี นรูในระดบั ใด 4. ศึกษาวาผูเรียนมีเจตคติอยางไรตอสาระการเรียนรู ท่ีผูเรียนจะตองเรียนรู เพ่อื ทจ่ี ะไดปรับเจตคติของผูเ รียนใหเ ปน ไปในทางทพี่ งึ ประสงค 114 Thinking Skills For 21st Century Teachers

สื่อสัมพันธก ับจุดม‹งุ หมายและเน้อื หาที่สอน ส่ือตŒองเหมาะสม การเลอื กสอ่ื การเรยี นรูŒ ความเปนš ไปไดใŒ นการ กบั ผูเŒ รยี น เพอ่ื พัฒนาการคิด จัดหาและค‹าใชŒจ‹าย ความสะดวกในการนําไปใชŒ ภาพที่ 5-5 ภาพแสดงขั้นตอนการเลอื กส่ือการเรยี นรู ที่มาภาพ : สุนนั ทา สนุ ทรประเสรฐิ (2550) 4.3 พจิ ารณาความเปน ไปไดและคาใชจาย มีสื่อการเรียนรูหลายชนิด ทส่ี ามารถทําให ผูเรียนเกิดการเรยี นรูตามวตั ถุประสงคไ ดเชนเดียวกัน เปนตนวาหากตองการใหผูเรียนรูจักบางส่ิง บางอยาง เชน โบราณสถาน โบราณวัตถุ แหลงธรรมชาติ ท่ีเปนปาเขาลําเนาไพร การทํา เครอ่ื งปน ดินเผา หรอื สิง่ ของตางๆ ควรนาํ ผูเรยี นไปเรยี นรใู นสถานท่จี ริง เพ่อื สรางประสบการณตรง แตถ ามขี อจาํ กัดดานคา ใชจ า ยและความไมส ะดวกอ่นื ๆ การใชสอื่ การเรียนรปู ระเภทภาพสไลดน าจะ เหมาะสมกวาท้งั นี้หากพิจารณาเห็นวา การนาํ ผูเรียนไปเรียนรูจากสถานที่จริงกับการดูจากสื่ออ่ืน จะใหผ ลการเรียนรูไมแ ตกตา งกนั มากนัก กค็ วรเลือกใชว ธิ กี ารทป่ี ระหยัดกวา และมคี วามเหมาะสม กวา 4.4 พจิ ารณาความสะดวกและความสามารถในการใชส่ือการเรียนรู สื่อการเรียนรู บางชนิดเปนส่ือสมัยใหมท่ีผูใชอาจไมมีความชํานาญในการใชดีพอ เชน สื่ออิเล็กทรอนิกส ผูใช จะตองศึกษาและใชสอ่ื นน้ั ๆ ใหเขา ใจอยางถองแท หรือขอความรวมมอื จากผูเชยี่ วชาญ สื่อบางชนิด เชน สื่อที่เปนภาพยนตร สไลดมัลติวิชั่น มีความยุงยากในการจัดหาและเทคนิคการใช อาจจําเปนตองเลอื กใชส ื่อชนิดอน่ื ทกี่ อ ใหเ กิดการเรียนรูไดดเี ชน เดียวกันแทนได Thinking Skills For 21st Century Teachers 115

5. หลักการใชŒส่ือการเรียนรูŒ สุนันทา สนุ ทรประเสรฐิ (2550) กลาววา การจัดกระบวนการเรียนการสอนเพื่อใหผูเรียนเกิด การเรียนรูน้ัน ส่ิงสําคัญนอกเหนือจากการเลือกส่ือการเรียนรูที่เหมาะสม ก็คือ การใชสื่อที่มี ประสทิ ธภิ าพซึง่ มีหลกั การ ดังนี้ 5.1 การเตรียมตวั ของผสู อน ผูสอนจาํ เปนจะตอ งเตรียมการในดานตางๆ กอนที่จะนํา สอ่ื การเรียนรูไ ปใช กลาวคอื 5.1.1 ศึกษาเน้ือหาในสื่อการเรียนรูท่ีไดเลือกได เพ่ือตรวจสอบดูวาเนื้อหา มคี วามสมบูรณต ามที่ตอ งการหรือไม จะไดจ ัดหาหรือจัดทําสือ่ ชนิดอื่นเพิม่ เตมิ 5.1.2 ทดลองใชสื่อการเรียนรูบางประเภทซึ่งอาจมีความยุงยากในการใช หรือ ตองการทดสอบประสิทธิภาพของส่ือชนิดน้ันๆ เชน ลําดับข้ันตอนการนําเสนอสรางความเขาใจ ใหกับผูเรยี นเพยี งพอหรือไม เหมาะสมกบั เวลาเรียนเพยี งใด มีสว นไหนทตี่ อ งปรับปรุงแกไขบาง 5.1.3 จัดเตรียมอุปกรณเครอื่ งมอื เพ่ือจะไดไมเสียเวลาในขณะท่ีใชเพราะการใช เวลานานเกินไปในการจัดเตรียมเคร่ืองมือและอุปกรณจะมีผลใหผูเรียนมีแรงจูงใจในการเรียนรู นอ ยลง นอกจากน้คี วรตรวจสอบอปุ กรณและเครื่องมอื ตา งๆ ใหค รบถวนและใหอ ยูใ นสภาพทีพ่ รอม จะใชงานดวย 5.2 การเตรียมจัดสภาพแวดลอม การใชสื่อการเรียนรูบางประเภทจะตองมี การจดั เตรียมสถานทหี่ รอื หอ งเรยี น ใหอยใู นสภาพท่เี หมาะสมกับการใชส่ือการเรียนรูประเภทนั้นๆ ไมวา จะเปนตําแหนงทเี่ หมาะสมของเครื่องมอื และวสั ดอุ ปุ กรณร ะยะทน่ี งั่ ท่เี หมาะสมของผเู รียน หรอื แสงภายในหอ ง 5.3 การเตรยี มพรอมผูเรยี น การใชสอ่ื การเรียนรบู างอยางจาํ เปน ตองชแ้ี จงใหผ เู รยี นรู วัตถุประสงคการเรียนรูโดยใชส่ือนั้นๆ เปนการใหผูเรียนเรียนรูอยางมีเปาหมายและผูเรียนจะได เตรียมพรอมในการเรียนรูจากสื่อนั้น หากไมมีการช้ีแจงใหรู ผูเรียนจากไดเพียงความเพลิดเพลิน หรอื เรียนรไู มต รงตามเปา หมาย ยอ มเปนการใชสือ่ ที่ไมค ุม คาและเสียเวลาโดยเปลา ประโยชนหรือใน กรณที ่ผี เู รยี นจะตอ งใชส่ือดว ยตนเอง ผสู อนกต็ อ งแนะนําวิธีการใชสื่อน้ันดวย ที่สําคัญจะตองบอก วา ผเู รียนตอ งทํากจิ กรรมอะไรบา งเพ่อื จะไดเ ตรยี มตวั ไดถกู ตอ ง 5.4 การใชสื่อการเรียนรู ผูสอนจะตองใชสื่อการเรียนรูตามแผนที่กําหนดไว เพ่ือให การจดั การเรียนการสอนครงั้ นัน้ ดาํ เนนิ ไปไดอยา งราบรื่นและใหเ กิดการเรยี นรทู ี่ตอ งการในขณะท่ใี ช ส่ือใดๆ ก็ตามจะตอ งพจิ ารณาวา ผเู รียนมีปฏิกิรยิ าอยางไร ผูเรียนศึกษาดวยความสนใจ ต้ังใจ และ กระตือรือรนหรือไม ปฏกิ ิรยิ าของผูเรียนท่มี ีตอส่ือการเรยี นรสู ามารถใชเปน เครอื่ งชว้ี ัดไดวา ส่ือการ เรียนรูน้ันมีความเหมาะสมกับกิจกรรมและผูเรียนเพียงใด นอกจากนี้ควรมีการใชเคร่ืองมือหรือ วิธีการตางๆ ที่จะตรวจสอบวาส่ือการเรียนรูที่ใชน้ันมีประสิทธิภาพหรือไม เพียงใด ซ่ึงอาจใชวิธี การสงั เกต การตัง้ คาํ ถาม การใชแบบทดสอบหรอื การสอบถามผเู รยี นโดยตรง 116 Thinking Skills For 21st Century Teachers

5.5 การประเมนิ การใชสอ่ื การเรียนรู เปนการนําขอมูลท่ีไดจากการใชสื่อการเรียนรู มาวิเคราะหปญหาอุปสรรค พรอมทั้งประเมินความเหมาะสมของกิจกรรมการเรียนรูและกลุม ผเู รียน โดยจะตองพิจารณาลกั ษณะทางกายภาพของสอ่ื และสาระทส่ี อ่ื สารไปยงั ผูเ รียน บางคร้ังสื่อ การเรียนรทู ่นี าํ มาใชน ้ันอาจมีความเหมาะสมดานกายภาพ แตคุณคาในดานสาระ ยังไมสามารถทํา ใหผูเรียนเกิดการเรียนรูไดตามเปาหมาย การประเมินจะชวยในการตัดสินใจเลือกและใชส่ือการ เรยี นรูส าํ หรบั การจัดการเรยี นการสอนในครง้ั ตอ ๆ ไป หรือพฒั นาโดยการดัดแปลง ปรับปรุง แกไข จดั ทาํ เพิ่มเติมใหม คี วามเหมาะสมยิ่งข้นึ 6. ประโยชนข องสือ่ การเรยี นรูŒ สื่อการเรยี นรใู หป ระโยชนตอผูเ รยี นและผสู อน ดงั น้ี (สุนันทา สุนทรประเสริฐ, 2547) 6.1 ส่อื กับผเู รียน สื่อการเรียนรูมปี ระโยชนตอ ผูเ รยี น ดงั น้ี 6.1.1 เปนสิง่ ที่ชว ยใหเ กดิ การเรยี นรอู ยา งมีประสิทธภิ าพ เพราะชวยใหผ ูเ รยี นเกิด ความเขาใจเนื้อหาบทเรียนที่ยุงยากซับซอนไดงายข้ึนในระยะเวลาอันส้ัน และสามารถชวยใหเกิด ความคิดรวบยอดในเร่ืองน้นั ไดอยา งถกู ตอ งและรวดเรว็ 6.1.2 สื่อจะชวยกระตุนและสรางความสนใจใหกับผูเรียน ทําใหสนุกและไมเบ่ือ หนา ยการเรียน 6.1.3 การใชสอื่ จะทาํ ใหผเู รียนมคี วามเขา ใจตรงกนั และเกดิ ประสบการณรวมกัน ในวชิ าท่เี รยี นนั้น 6.1.4 ชวยใหผ ูเรยี นไดมสี วนรว มในกจิ กรรมการเรียนการสอนมากข้ึน ทําใหเกิด มนุษยส ัมพนั ธอ ันดีในระหวา งผเู รียนดว ยกันเองกับผสู อนดว ย 6.1.5 ชวยสรา งเสรมิ ลักษณะนิสัยที่ดีในการศึกษาคนควาหาความรู และชวยให ผเู รยี นเกิดความคดิ สรา งสรรคจากการใชส ือ่ เหลา นนั้ 6.1.6 ชว ยแกป ญหาเรอ่ื งความแตกตางระหวางบุคคล โดยการจัดใหมีการใชส่ือ ในการเรยี นการสอนรายบุคคล 6.2 ส่อื กับผูสอน สื่อการเรยี นรูมปี ระโยชนตอ ผูสอน ดงั น้ี 6.2.1 การใชส ื่อวัสดอุ ปุ กรณต า งๆ ประกอบการเรยี นการสอน ชว ยใหบ รรยากาศ ในการเรยี นนาสนใจย่ิงขึ้น ทําใหผสู อนมคี วามสนุกสนานในการสอนมากกวา วธิ ที เี่ คยใชก ารบรรยาย แตเ พียงอยา งเดียว เปนการสรางความเชอ่ื ม่ันเพมิ่ ขน้ึ ดว ย Thinking Skills For 21st Century Teachers 117

6.2.2 สอื่ จะชวยแบงเบาภาระผูสอนในดานการเตรยี มเน้ือหา เพราะบางคร้ังอาจ ใหผเู รียนศกึ ษาเน้ือหาจากสอ่ื ไดเ อง 6.2.3 สื่อเปน การกระตุนใหผูสอนตนื่ ตวั อยเู สมอในการเตรยี มและผลิตวัสดใุ หมๆ เพ่อื ใชเปน สื่อการเรยี นรู ตลอดจนคิดคน เทคนิควิธีการตางๆ เพื่อใหการเรยี นรนู าสนใจยงิ่ ขึ้น อยางไรก็ตาม สื่อการเรียนรูจะมีคุณคาก็ตอเมื่อผูสอนไดนําไปใชอยางเหมาะสมและ ถูกวิธี ดังน้ันกอนท่ีจะนําส่ือแตละอยางไปใช ผูสอนจึงควรศึกษาถึงลักษณะและคุณสมบัติของ สอื่ การเรียนรู ขอ ดแี ละขอจาํ กดั อันเกี่ยวเน่ืองกับตวั สอ่ื และการใชส ือ่ แตละอยา ง ตลอดจนการผลิต และการใชส่ือใหเหมาะสมกับสภาพการเรียนการสอนดวย ท้ังนี้เพื่อใหการจัดกิจกรรมการสอน บรรลุจุดมงุ หมายและวัตถุประสงคที่วางไว 7. ขอŒ ควรคาํ นงึ ในการใชสŒ ื่อการเรียนรŒู การใชสื่อการเรียนรใู หถูกตอง เปน การใชท ม่ี ีประสิทธิภาพ ทําใหสื่อการเรียนรูน้ันมีคุณคา ตอ ผเู รยี น กอใหเกดิ ประโยชนตอ การเรยี นการสอนอยา งแทจรงิ การใชสื่อการเรียนรจู งึ ตอ งคํานงึ ถึง ขอ ตอ ไปน้ี 7.1 ควรฝก ใชกอนเสมอ เพอ่ื ความคลองตวั ในการสอน 7.2 ควรแสดงส่ือการเรียนรูใหเห็นชัดเจนท่ัวทั้งหอง เชน การยกภาพใหผูเรียนดู ควรยกใหสูงในระดับอกและอยูขางหนา พยายามยืนชิดกระดานใหมากที่สุด โดยเฉพาะหองท่ีมี ชองวางเลก็ นอ ยระหวางทนี่ ง่ั ของผเู รยี นกบั กระดาน เพ่ือชว ยใหผูเ รยี นที่นัง่ หนา สุดสามารถมองเห็นได 7.3 ควรหาที่ตั้งวางแขวนส่ือที่มีขนาดใหญ และมีนํ้าหนักเบา เชน แผนภูมิ แผนท่ี เปน ตน ในจดุ ทีผ่ เู รยี นจะเห็นไดช ดั ทวั่ ทงั้ หอง ไมค วรยืนถือและอธิบาย จะทาํ ใหผูสอนไมค ลองแคลว เทา ท่คี วร และระหวา งที่ผสู อนอธบิ าย มักมที าทางเคลอ่ื นไหวไปมาซงึ่ จะทําใหผ เู รยี นเห็นสอื่ น้นั ไมชัด 7.4 ควรใชไ มยาวและมปี ลายแหลมชี้ แผนภูมิ แผนท่ี กระดาน แทนการใชนิ้วมอื โดยที่ ผสู อนยนื ชดิ ดานใดดานหนง่ึ เพอื่ มใิ หบ งั สายตาจากของผูเรียนจากสว นใดสว นหนงึ่ จากสือ่ น้นั ๆ 7.5 ควรนาํ เอาสื่อการเรยี นรูม าเรียงลาํ ดบั ท่หี นา ช้นั เรียนกอ นถึงเวลาสอน เพื่อสะดวก ในการหยิบใช เชน การใชภาพ ภาพใดใชกอ นควรเรียงไวข างบน เปนตน และควรจะจดั เรยี งในลักษณะท่ี ไมหนั เหความสนใจของผูเรียนเมื่อยังไมถึงเวลาใช โดยคว่ําหนาภาพหรือแผนภูมิที่ยังไมไดใช หรือนํา หนุ จาํ ลองใสถุงหรอื กลอ ง เปน ตน 7.6 ควรเลอื กใชเครอ่ื งมอื ประกอบส่ือการเรียนรูใหเหมาะสม เชน ถาตองการจะติด แผนภูมิภาพ แผนท่ี ฯลฯ บนกระดานนิเทศควรใชหมุดติด แตถาจําเปนติดบนกระดานก็ไมควรใช หมดุ ควรใชดินนาํ้ มนั หรือเทปกาวแทน และควรตดั เทปกาวเปนชนิ้ ๆ โดยติดปลายขางหนึ่งไวกับมุม 118 Thinking Skills For 21st Century Teachers

เสียกอ น เม่ือจะใชก็สามารถตดิ กระดานไดเ ลย หรอื ตัดเทปกาวเปน ชนิ้ ๆ ขนาดที่ตองการ โดยไมต อง เสยี เวลาตดั เทปกาวจากมวนแลว นาํ มาติดแผนภูมิ 7.7 ในบางกรณีควรมีการเตรียมผูเรียนลวงหนากอนใชส่ือการเรียนรู เชนผูสอน ตอ งการใหผูเรยี นมีการสงั เกตในเรือ่ งใด ตอนใด ควรบอกใหผูเรียนทราบเสียกอน ผูเรียนจึงจะทํา ตามความประสงคข องผสู อนได เชน การทดลองทางวทิ ยาศาสตรทีต่ องการใหม กี ารสงั เกตผล 7.8 ควรใชส่ือการเรียนรูใหคุมคากับท่ีไดเตรียมมา เชน ไดใชแผนภูมิแสดง สวนประกอบของตนไมใ นขน้ั การสอนแลว ผสู อนอาจจะใชแ ผนภมู นิ ัน้ อีกครง้ั หนง่ึ ในข้ันสรุปบทเรียน แตต องมีวิธีใชที่แตกตางกับขั้นการสอน ผูสอนควรใชแผนภูมิเปนส่ือชวยอธิบายเนื้อหา จึงควรให ผูเรยี นไดเห็นคําอธิบายประกอบแผนภูมินั้น ไดแก ราก ใบ หนอ ฯลฯ แตถาใชในข้ันสรุปบทเรียน ผสู อนควรหากระดาษแผนเลก็ ๆ ปด คาํ อธิบายน้นั เสยี เม่ือต้ังคําถามในแตละสวนของตนไมแลว จึง ดึงออกเพือ่ เฉลยคําตอบทีละสวน เพื่อจะไดวัดผลการเรียนในช่ัวโมงน้ันดวย การใชสื่อการเรียนรู เชน นี้ นอกจากจะทําใหประหยัดแรงงานในการทําส่ือแลวยังใชประโยชนไดเต็มท่ี และเปนการใชท่ี บรรลุจดุ มงุ หมายของการสอนในแตล ะข้ันตอนดวย 7.9 พยายามเปดโอกาสใหผูเรียนไดมีกิจกรรมสวนรวม หรือไดศึกษาจากสื่อ การเรียนรูนั้นๆ ดวยตนเอง เชน การใหผูเรียนอธิบายภาพ สะกดและอานบัตรคํา การเลือกภาพ จับคูก ับคาํ เปนตน 7.10 ควรฝกใหผ ูเรียนเกดิ ระเบียบในการใชส ่อื การเรยี นรู เชน ในโอกาสทีต่ อ งการแจก สอื่ การเรยี นรไู ปตามโตะ ผเู รยี น เพือ่ ทําการทดลอง ผูส อนควรสงสื่อท้งั หมดใหก บั ผูเ รยี นทน่ี ั่งหนา ให หยิบสวนของตนแลวสงท่ีเหลือใหกับคนตอไป หรือในโอกาสที่ตองการใหผูเรียนมาใชสื่อหนาช้ัน เรียน ควรฝก ใหผเู รียนหนั หนา เขา ชน้ั เรยี น และไมยืนบงั สายตาของเพ่ือน 7.11 ควรคํานึงถึงความปลอดภัยของการใชสื่อบางชนิด โดยเฉพาะในกรณีที่ผูเรียน จําเปนตองใชเอง ควรกําชับใหผูเรียนระมัดระวังในการใชเปนพิเศษ เชน การใชของมีคม การใช ส่ิงของท่ีเกี่ยวกับไฟ เชน การจุดไมขีดไฟ ควรมีฝาโลหะหรือจานแกวรองรับกานไมขีดท่ีจุดแลว มากกวาจะวางทิง้ ไวบนโตะ ซึ่งอาจทําใหโตะ เปนรอยไหม และอาจเกิดอุบตั ิเหตขุ ึน้ ไดเสมอ 8. สอ่ื การเรียนรŒเู พ่อื พฒั นาการคดิ อศิ รา กานจักร (2560) กลาววา สื่อการเรียนรูเพ่ือพัฒนาทักษะและกระบวนการคิด มี 2 รูปแบบ คอื รปู แบบที่ 1 เปนการใชโ ปรแกรมสื่อการเรียนรู แบบฝกหรือ บทเรียนสําเร็จรูป เพ่ือมุง พัฒนาทกั ษะและกระบวนการคดิ ใหผ ูเรยี นโดยตรง และรูปแบบที่ 2 เปนการสอดแทรกการคิดโดย ผา นเน้ือหาวชิ าตามหลกั สตู รในโรงเรยี น เพื่อเสรมิ สรางทกั ษะกระบวนการคิด ซ่ึงจดุ ประสงคใ นการ พัฒนา ทักษะกระบวนการคิดดังกลาวมีความแตกตางกัน การสอนคิดโดยตรง สามารถใชสื่อการ เรยี นรู แบบฝกหรอื บทเรยี นสําเรจ็ รูป เพ่อื พฒั นาทักษะกระบวนการคิดของผูเรียน จะไมเนนเนื้อหา Thinking Skills For 21st Century Teachers 119

ในวิชาท่ีเรียนตามหลักสูตร แมวาบางคร้ังอาจจะนําเนื้อหามาใชในการสรางแบบฝกแตมิไดมี จดุ มุง หมายเพอ่ื วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นของวิชานน้ั ๆ เน้ือหาทีใ่ ชส วนมากเปนเน้อื หาท่ีสรางข้ึนเพอ่ื มงุ เนนพฒั นาทักษะและกระบวนการคดิ โดยเฉพาะ สว นการสอนการคดิ โดยผานเนอ้ื หาวชิ าในหลกั สูตร เปนการสอนทีส่ อดแทรกการฝกคดิ หรอื บูรณาการสอนความคิดกับ เน้ือหาวิชาตางๆ ในหลกั สตู รท่ี ใชใ นปจ จบุ ัน โดยท่ีผูสอนจะใชกระบวนการและวิธีการสอน เพื่อเสริมสรางทักษะการคิดลักษณะ ตา งๆ สอดแทรกเขาไปในข้ันตอนของการสอนวิชาตางๆ เหลานัน้ ทั้งนี้ วธิ ีการสอนดังกลาวมใิ ชเ รอื่ ง งา ยนัก ผูสอนจะตองเปนผูที่มีความรูความสามารถในการสรางแผนการสอน เขาใจและมีวิธีการ สอนและ เทคนิคการสอนท่ียอดเยี่ยมจึงจะสามารถกระตุนใหผูเรียนไดมีโอกาสฝกทักษะการคิด ควบคไู ปกบั การเรยี นรูในเนือ้ หารายวชิ า ผูสอนจึงควรศึกษาเทคนิค วิธีการ และเทคโนโลยีตางๆ ที่จะนํามาใชเพื่อชวยใหผูเรียน ไดร บั ความรใู หม ซง่ึ แตเ ดมิ มักเปนการสอนใหผูเรียนเรียนโดยเนนการทองจําและปรับเปลี่ยนมาสู การใชเ ทคนิควิธีการทจี่ ะชวยผเู รยี นไดรบั ขอ เท็จจรงิ ไดอ ยา งมีประสทิ ธิภาพ ไดแ ก การใชเ ทคนคิ ชว ย การจาํ เปน ตน รวมทั้งการจัดการสอนที่เนนผูสอนเปนศูนยกลางอาจนําไปใชให เกิดประโยชนได เชนกนั อยางไรก็ตามสิง่ ท่ีสาํ คัญและเปน ความตองการของการศึกษาในปจจุบัน การสอนท่ีผูเรียน ควรไดรบั คือ ทกั ษะการคดิ ในระดับสูง (Higher-order thinking skills) ไดแก การคดิ วิเคราะห การคิด สังเคราะห ตลอดจนการแกปญหาและการถายโอน (Transfer) โดยเนนการใชวิธีการตางๆ อาทิ สถานการณจําลองการคนพบ การแกปญหาและการเรียนแบบรวมมือ สําหรับผูเรียนจะไดรับ ประสบการณการแกป ญ หาท่ีสอดคลอ งกับสภาพชวี ิตจริง ในปจจุบันไดเปล่ียนจากการสอน หรือการถายทอดโดยผูสอน หรือสื่อการเรียนรูมาสู การเนน ผูเรยี นเปนศนู ยกลาง ทีใ่ หความสาํ คัญตอการเรียนรูของผูเรียน โดยผานการปฏิบัติ ลงมือ กระทาํ ดว ยตนเอง การพฒั นาศกั ยภาพทางการคิด ตลอดจนการแสวงหาความรูดวยตนเอง ดังนั้น ควรเปดโอกาสใหผูเรียนวางแผนดําเนินการและการประเมินดวยตนเอง ดังแสดงในภาพท่ี 5-6 ผูเรียนจะเปนศูนยกลางของการเรียนรู ซ่ึงจะตองมีปฏิสัมพันธกับแหลงขอมูลท่ีมีศักยภาพ ไดแก ผสู อน เทคโนโลยี พอ แม ภูมิปญญาชาวบาน และบุคคลอื่นๆ ตลอดจน สื่อตางๆ เพ่ือที่จะนํามาสู การหยั่งรูในปญหาและการแกป ญ หา หรอื การไดม าซงึ่ ความรทู ต่ี นเองสรางขนึ้ บทบาทของผสู อนได เปล่ียนแปลงมาสูการแนะแนวทางและเปนผูอํานวยการ และชวยเหลือผูเรียนใหสามารถบรรลุ เปา หมายการเรียนรู ดังแสดงในภาพขางลาง 120 Thinking Skills For 21st Century Teachers

ภาพที่ 5-6 ภาพแสดงการเปล่ยี นบทบาทของผสู อน สื่อและผูเ รยี นจากการถายทอดมาเปนใหผเู รียนสรา งความรจู ากแหลง เรียนรู ทมี่ าภาพ: อิศรา กา นจกั ร (2560) จากภาพจะเห็นไดวา ไดมีแนวคิดเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่ผูสอนเปนผูที่วางแผน และ ถายทอดความรตู า งๆ ไปสผู เู รียนโดยตรง ตอ มาเมื่อมีการพัฒนาทางดานสื่อการเรียนรูตางๆ จึงมี การ ใชส่ือการเรียนรูถายทอดเนื้อหาความรูตางๆ ไปยังผูเรียน เชน แผนภาพโปรงใส ภาพยนตร สไลด วดี ทิ ศั นคอมพวิ เตอรช ว ยสอน เพื่อชว ยเปลี่ยนส่ิงท่ีเปนนามธรรม ใหเปนรูปธรรมเพ่ิมขึ้น อีก ทัง้ ยังแกป ญหาเกีย่ วกบั จํานวนผูเรียนเพิ่มมากข้ึน นอกจากนี้ยังชวยตอบสนองดานความแตกตาง ระหวางบุคคล ในปจ จุบนั ไดเปล่ยี นจากการสอนหรือการถายทอดโดยผสู อน หรือสือ่ การเรยี นรมู าสู การเนน ผูเ รยี นเปน ศนู ยกลางทีใ่ หค วามสําคัญตอการเรียนรูของผูเรียน โดยผานการปฏิบัติ ลงมือ กระทําดวยตนเอง การพฒั นาศกั ยภาพทางการคดิ ตลอดจนการแสวงหาความรูดวยตนเอง ดังน้ัน ควรเปดโอกาสใหผเู รียนวางแผนดําเนนิ การและการประเมินดวยตนเอง เมื่อมีการเปลี่ยนกระบวน ทศั นการสอนมาสูการเรยี นรู ดงั น้นั เทคโนโลยีหรอื นวัตกรรม ทนี่ ํามาเพ่ิมประสิทธภิ าพก็ตองสอดรับ กับแนวคิดดังกลาว คือ มุงเนนการเพ่ิมประสิทธิภาพการเรียนรูของผูเรียนลักษณะของการนํา เทคโนโลยีและนวัตกรรม หรือสื่อมาใชท่ีสอดคลองกับการปฏิรูปการเรียนรู เปน \"Media + Methods\" หรอื \"ส่อื รวมกับวิธกี าร\" เชน การใชเ วบ็ รวมกับการเรยี นแบบรว มมอื เพ่ือเปด โอกาสใหล ง มอื กระทาํ อยางต่ืนตัวในกระบวนการเรียนรขู องตนเอง และแลกเปลี่ยนเรียนรูรวมกับเพื่อน รวมท้ัง การขยายมมุ มอง แนวคิดใหก วา งขวางขน้ึ อนั นําไปสกู ารสรา งความรทู ่ีมีความหมายของตนเองขน้ึ มา ซ่ึงจะเปนความรูที่อยูคงทนและสามารถถายโอน ไปใชในสถานการณอ่ืน หรือนําไปใชใน การแกป ญหาตางๆ ในสภาพชวี ติ จริงได Thinking Skills For 21st Century Teachers 121

วธิ กี าร สื่อ (Method) (Media) ทกั ษะการคดิ /การสอนในศตวรรษที่ 21 สอ่ื เพ่อื พัฒนาการเรยี นรŒู  รูปแบบกระบวนการแกŒป˜ญหา  สอื่ ส่งิ พมิ พ  รูปแบบกระบวนการสง‹ เสรมิ ความคิดสราŒ งสรรค  สื่อทํามอื  รปู แบบกระบวนการส‹งเสริมการคดิ วิเคราะห  สอ่ื เทคโนโลยี (e-book, e-learning,  รปู แบบกระบวนการส‹งเสริมการคิดสงั เคราะห  รปู แบบกระบวนการสง‹ เสรมิ การคิดอย‹างมี PPT, Web-based, Multimedia)  สือ่ ท่ีเปนš กิจกรรม/กระบวนการส่ือ วจิ ารณญาณ  รปู แบบการจดั การเรียนรจŒู ากแหลง‹ เรยี นรูŒ ทีเ่ ปšนบุคคล ปราชญชาวบŒาน  รูปแบบการจัดการเรียนรูŒโดยใชโŒ ครงงานเปšนฐาน ภูมปิ ญ˜ ญาทŒองถนิ่  รูปแบบการจดั การเรียนรทŒู เี่ นŒนปฏบิ ัติ  สอื่ ธรรมชาติและสงิ่ แวดลŒอม  รปู แบบการจัดการเรียนรแูŒ บบ Active Learning  ส่ือวัสดุอุปกรณ เปšนตนŒ  รูปแบบการจดั การเรยี นรแŒู บบพหุป˜ญญา  รปู แบบการจัดการเรียนรูŒแบบรว‹ มมือ ฯลฯ Learner ภาพท่ี 5-7 แนวทางการออกแบบการเรยี นรทู ต่ี องประสานรวมกนั ทงั้ สอ่ื และวิธกี าร ที่มาภาพ: เกษทิพย ศริ ิชยั ศลิ ป 122 Thinking Skills For 21st Century Teachers

9. บทสรปุ สื่อเปนเครื่องมือของการเรียนรูทําหนาท่ีถายทอดความรู ความเขาใจ ความรูสึก เพ่ิมพูน ทักษะและประสบการณ สรางสถานการณการเรียนรูใหแกผูเรียน ชวยกระตุนใหเกิดการพัฒนา ศักยภาพ การคิด ไดแก การคิดไตรตรอง การคิดสรางสรรค และการคิดอยางมีวิจารณญาณ ตลอดจนสรางเสรมิ คณุ ธรรมจริยธรรม และคา นิยมใหแ กผูเรียน สื่อการเรียนรูมหี ลายประเภท เชน สื่อสงิ่ พมิ พ สอื่ เทคโนโลยี สอ่ื บุคคล สอื่ กจิ กรรม/กระบวนการ หรือสื่อวัสดุ/เคร่ืองมือและอุปกรณ เปน ตน ข้ันตอนการผลิตส่ือการเรียนรู มีดังน้ี ขั้นที่ 1 ศึกษาสภาพปจจุบันและปญหา เก่ียวกับส่ือ การเรียนรูเพื่อเปน แนวทางในการกําหนดส่ือที่ควรจัดทํา ข้ันท่ี 2 วิเคราะหขอมูล โดยพิจารณาท้ัง เน้ือหา จุดประสงค ผูเรียนและสื่อ ข้ันท่ี 3 วางแผนการผลิตส่ือการเรียนรู ไดแก การกําหนด จดุ ประสงคเชิงพฤตกิ รรม กจิ กรรมรายคาบเรียน ส่ือท่ีจะใชในแตละกิจกรรม ออกแบบสื่อ จัดหา วัสดุอุปกรณ คิดวิธีการผลิตสื่อ กําหนดระยะเวลาในการผลิตและเวลาในการใชสื่อ ตลอดจน งบประมาณที่ใชในการผลติ สื่อ ขัน้ ท่ี 4 ผลิตและทดลองใชส ือ่ การเรียนรู ขน้ั ท่ี 5 นําสอื่ การเรียนรูไป ใชแ ละขน้ั ที่ 6 ประเมินผลการใชส ื่อการเรยี นรู สื่อการเรียนรมู ีประโยชนตอ ทั้งผูเ รียนและผูสอน ซึ่งประโยชนตอผูเรียน คือ ชวยใหผูเรียน เกดิ ความเขา ใจเนอื้ หาบทเรยี นทีย่ ุง ยากซบั ซอนไดง า ยขึ้นในระยะเวลาอันสั้น ชวยกระตุนและ สราง ความสนใจใหกับผูเรียน ทําใหผูเรียนมีความเขาใจตรงกัน ชวยใหผูเรียนไดมีสวนรวมในกิจกรรม การเรียนการสอนมากขึ้น ชวยสรางเสริมลักษณะนิสัยท่ีดีในการศึกษาคนควาหาความรู และชวย แกปญ หาเรือ่ งความแตกตา งระหวางบคุ คล ประโยชนตอผูสอน คือ ชวยใหบรรยากาศในการเรียน นา สนใจย่ิงข้นึ ทําใหผ สู อนมีความสนกุ สนานในการสอนมากกวา วธิ ีสอนแบบเดิมส่ือจะชวยแบงเบา ภาระผูสอนในดานการเตรียมเน้ือหา ผูสอนควรออกแบบกิจกรรมการเรียนรูหรือวิธีสอนท่ี สอดคลอ งกบั วิธสี อนในศตวรรษท่ี 21 พฒั นาสื่อใหสง เสรมิ การคิดของผเู รียน เพอื่ เปนการกระตนุ ให ผูสอนตื่นตวั อยูเ สมอใน การเตรียมและผลิตวัสดุใหมๆ เพ่อื ใชเปน สือ่ การเรียนรู Thinking Skills For 21st Century Teachers 123

กิจกรรมการออกแบบสื่อเพ่ือพฒั นาการคดิ Story Board ชื่อนวัตกรรม................................................................................................................................... ชือ่ -สกุล..............................................................รหสั ............................สาขา................................ มติ กิ ารคดิ ....................................................................................................................................... เน้อื หาสําคัญ.................................................................................................................................. ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... อธิบายรายละเอยี ด......................................... .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .............................................................................................. ................................................................................................... ................................................................................................... .......................................................................................... ................................................................................. อธิบายรายละเอียด......................................... .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .............................................................................................. ................................................................................................... ................................................................................................... .......................................................................................... ................................................................................. 124 Thinking Skills For 21st Century Teachers

อธิบายรายละเอียด......................................... .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .............................................................................................. ................................................................................................... ................................................................................................... .......................................................................................... ................................................................................. อธบิ ายรายละเอยี ด......................................... .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .............................................................................................. ................................................................................................... ................................................................................................... .......................................................................................... ................................................................................. อธบิ ายรายละเอยี ด......................................... .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .............................................................................................. ................................................................................................... ................................................................................................... .......................................................................................... ................................................................................. Thinking Skills For 21st Century Teachers 125

ตัวอยา‹ งการออกแบบ Story Board ออกแบบส่อื เพื่อพฒั นาการคดิ 126 Thinking Skills For 21st Century Teachers

Thinking Skills For 21st Century Teachers 127

ท่มี าผลงาน : นางสาวณัฐธดิ า มูลใจ นกั ศึกษาสาขาวิชาคณติ ศาสตร คณะวิทยาศาสตร มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏลาํ ปาง 128 Thinking Skills For 21st Century Teachers

6บทท่ี ทกั ษะการสอนเพอื่ พัฒนาการคดิ Thinking Skills For 21st Century Teachers 129



6บทที่ ทักษะการสอน เพ่ือพัฒนาการคดิ ทักษะการสอนมีความสําคัญควบคูไปกับความรูในศาสตรเปรียบเสมือนความชํานาญใน พฤตกิ รรมการสอนแตละอยางของผสู อนท่ีใชในการปฏบิ ัติงาน การฝกทักษะการสอนก็เพ่ือใหผูฝก เกิดความคลอ งแคลว ม่นั ใจในการแสดงพฤตกิ รรมนั้นๆ และแกไ ขขอบกพรองของตนเองกอ นทจี่ ะได มีการสอนในช้ันเรียนทักษะสําคัญ ที่ผูสอนทุกคนควรจะตองฝกปฏิบัติและคํานึงถึงซึ่งพฤติกรรม การสอนของผูสอนในการใชท กั ษะการสอนตา งๆ ลว นมผี ลตอการชว ยสนับสนุนสงเสรมิ การเรยี นรแู ละ การพฒั นากระบวนการคิดของผูเรียน ทักษะการคดิ ขน้ั พ้นื ฐานและทักษะการคิดข้ันสูงลวนแลวตอง ผานทักษะการสอนของผูสอน ทักษะการสอนจึงมีความสําคัญตอการพัฒนาการคิดของผูเรียน โดยผูส อนสามารถเลอื กใชใ หเหมาะสมกบั ความพรอ มและความตองการของผูเรยี น เนื้อหาบทเรียน หรอื วิธีการสอน ในแตละรปู แบบได 1. ทกั ษะการสอน พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวรัชกาลที่ 9 ไดพระราชทานพระบรมราโชวาทแก ครูอาวุโส เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2522 มีขอความที่เก่ียวกับลักษณะครูท่ีดี 3 ประการ คือ ความเปนครูนั้น ประกอบขน้ึ ดว ยส่ิงทม่ี คี ณุ คา สงู หลายอยา ง อยางหนึ่งไดแ ก “ปญ ญา” คือความรทู ีด่ ีทป่ี ระกอบดวย หลักวิชาอันถูกตอง ที่แนนแฟนกระจางแจงในใจ รวมทั้งความฉลาดที่จะพิจารณาเร่ืองตางๆ ตลอดจนกิจที่จะทํา คําท่ีจะพูดทุกอยางไดโดยถูกตอง ดวยเหตุผลอยางหนึ่งไดแก ความดี คือ ความสุจริต ความเมตตากรุณา เห็นใจและปรารถนาดีตอผูอ่ืนโดยเสมอหนาอีกอยางหน่ึงไดแก ความสามารถท่ีจะเผ่ือแผแ ละ ถา ยทอดความรคู วามดีของตนเองไปยังผูอ น่ื อยางไดผล ความเปนครู มอี ยแู ลว ยอ มฉายออกใหผ อู น่ื ไดร ับประโยชนด ว ย ผทู ีม่ ีความเปน ผสู อนสมบรู ณในตัว นอกจากจะมี Thinking Skills For 21st Century Teachers 131

ความดีดวยตนเองแลวยังจะชวยใหทุกคนที่มีโอกาสเขามาสัมพันธเกี่ยวของบรรลุถึงความดีความ เจรญิ ไปดว ยผูเปนครทู ่ีประสบความสาํ เรจ็ ในอาชพี ทกั ษะจะเกิดขึ้นไดต องอาศัยการฝกฝนอยางถูกตอง และสมา่ํ เสมอ ผูจ ะเปนผูสอนจึงจําเปนตองไดรับการฝกทักษะการสอนในดานตางๆ อยางถูกตอง ตามหลกั เกณฑ และแบบแผนเพือ่ เปนครูท่ีมสี มรรถภาพตอ ไป จากพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจา อยหู ัวรัชกาลที่ 9 ไดก ลาวถึงคุณลกั ษณะ สําคัญของครู คือ ครูนั้นตองมีปญญา รูในหลักวิชาใหชัดแจง มีความฉลาดทางอารมณ รวมถึง ความสจุ ริต ความเมตตากรณุ า เหน็ ใจและปรารถนาดีตอผอู น่ื อยูเ สมอนนั่ เปนหนา ที่สําคัญของครู 1.1 ความหมายของทกั ษะการสอน ทกั ษะ หมายถึง ความสามารถ ความชํานาญ และความคลองแคลววองไว ซ่ึงเปนสิ่งที่ บุคคลไดเรียนรูที่จะทําดวยความรวดเร็ว แมนยําถูกตอง ซ่ึงอาจจะเปนทางรางกาย หรือสมอง ในระยะท่ีรวดเรว็ เชน ความสามารถในการคดิ เลขไดร วดเรว็ การวาดภาพเร็ว ทกั ษะเปน คําท่ีนํามาจากรากศัพท ภาษาสันสกฤต และในวิชาการศกึ ษาไดแปลมาจาก คาํ วา Skill ซ่ึงมีความหมายถึง ความสามารถ ขยันหม่นั เพียร ความคลองแคลว แข็งแรง นอกจากน้ี พจนานุกรมไทยไดใหความหมายของทักษะไววาเปนความชํานาญ และความสามารถใน การปฏิบัตงิ านอยางใดอยา งหนงึ่ ในเวลารวดเร็วและเกิดประสิทธิภาพ ในเร่ืองน้ี กูด (Good, Carter V: 1973) ไดใ หค วามหมายของทกั ษะไวใ นหนงั สือ Dictionary of Education ความวา เปนส่ิงท่ีบุคคล ไดเรียนรทู ีก่ ระทําดวยความยากงาย แมน ยาํ อาจจะทางดานรา งกายหรือสมองก็ได สรปุ ความหมายของทักษะ หมายถึง ความสามารถ ความชํานาญในการกระทําบางสิ่ง บางอยา งไดเ ปน อยา งดีดวยความถูกตอง แมนยํา ในระยะเวลาทรี่ วดเรว็ เชน ความสามารถในการอาน เร็ว ทาํ งานเร็ว เปน ตน อยา งมปี ระสิทธภิ าพ ทิศนา แขมมณี (2557) ไดใ หค วามหมายวา ทักษะการสอน หมายถงึ ความสามารถใน การปฏิบัติการสอนดานตางๆ อยางชํานาญซ่ึงจะเปนไปไดก็ตอเมื่อผูสอนมีความรูความเขาใจ เก่ยี วกบั กานสอน ไดแก ความรูความเขาใจในเร่ือง ทฤษฎี หลักการสอน ระบบการสอน รูปแบบ การสอน วิธีสอน เทคนิคการสอนและการลงมือปฏิบัติตามความรูความเขาใจนั้นสามารถปฏิบัติ และไดผ ลดีอยางคลองแคลว และชํานาญ อาภรณ ใจเท่ียง (2553) กลาววา ผูสอนที่มีทักษะการสอน หมายถึง ผูสอนท่ีมีความ ชาํ นาญในการสอน สามารถดาํ เนินการสอนไดส ําเร็จลุลวงไปไดด วยดที ําใหผ เู รียนเกดิ การเรียนรไู ดด ี ดังน้ัน ผูท่ีมีทักษะการสอนจึง หมายถึง ผูที่มีความชํานาญในการสอนสามารถดําเนิน การสอนไดอ ยางคลองแคลว ราบรืน่ และเรยี บรอ ย ทําใหผเู รียนเกดิ ความกระจา งในบทเรียนได โดยใช เวลาไมมากนกั 132 Thinking Skills For 21st Century Teachers

1.2 ลกั ษณะผูŒสอนทม่ี ที กั ษะการสอน อาภรณ ใจเท่ยี ง (2553) กลาววา ผสู อนทีม่ ีทักษะการสอนจงึ ควรมคี ุณลกั ษณะ ดังน้ี 1.2.1 สอนดวยความคลองแคลว กระฉับกระเฉง มีความคลองตัวในการแสดงออก พฤติกรรมตางๆ เปนไปอยางสอดคลอง เหมาะสม ราบรื่น ไมติดขัด เชน การพูด การอธิบาย การถามคาํ ถาม การเขียนกระดาน การใชสื่อการสอน พฤติกรรมผูสอนแสดงออกดวยความมั่นใจ ไมข ัดเขนิ หรือไมแ นใจ ทาํ ใหก ารสอนเปน ไปอยา งราบรน่ื และสําเร็จลงดวยความเรียบรอ ย แมอ าจจะพบ อุปสรรคบาง อันเน่ืองมาจากสภาพแวดลอมตางๆ แตก็สามารถแกปญหาตางๆ เปนไปดวย ความมั่นใจไมท าํ ใหเกดิ ผลเสียตอ การเรียนรูข องผเู รียนแตป ระการใด 1.2.2 สอนดวยความถูกตองแมนยํา หมายถึง มีความถูกตองแมนยําท้ังดานเนื้อหา สาระและวิธีการ กลาวคือ เน้ือหาหรือประสบการณตางๆ ท่ีจัดใหกับผูเรียนมีความถูกตองตาม ทฤษฏี หลักการ ผูสอนสามารถใหเน้ือหาสาระไดครอบคลุมของขอบขายของรายวิชา และมี ความแมน ยาํ ในการใหเนื้อหา โดยไมต อ งดูการประกอบโนตการสอนตลอดเวลา สวนดานวิชาการ หมายความวาผูสอนมีทักษะในการใชวิธีสอนหรือกระบวนการจัดการเรียนการสอนไดสอดคลอง เหมาะสมกบั ลกั ษณะของเนือ้ หาสาระวิชา วยั ระดบั สติปญ ญาของผูเรียนและสภาพแวดลอมตางๆ ตลอดจนสามารถสรางบรรยากาศการเรียนรู เพ่ือสงเสริมการเรียนการสอนไดอยางถูกตอง เหมาะสม เชน การรจู ักการใชท ักษะการเราความสนใจ การเสรมิ กําลังใจ การใชคําถามตางๆ ไดดี เปน ตน 1.2.3 การสอนและบรรลุผลสาํ เร็จอยางมีประสิทธิภาพในเวลาท่ีเหมาะสม ผูสอนที่มี ทกั ษะการสอนจะทําใหผูเรยี นบรรลวุ ัตถุประสงคของการสอนไดอ ยางดตี ามเวลาทก่ี ําหนด กลาวคอื ผูเ รียนเกดิ ความรูความเขาใจอยางกระจา งแจง เกดิ เจตคตทิ ด่ี ีตอ รายวิชาและตอผสู อน เกิดทักษะใน การคิด คนควาในการปฏิบัติกิจกรรมตามที่ผูสอนมอบหมาย ผูสอนเองก็จะเกิดความสุขและ ความภาคภูมิในในการสอน ผเู รียนจะเกดิ ความภาคภูมิใจในการเรียนและภูมิใจในความสําเร็จของ ตนเองเชนเดียวกัน กลาวโดยสรุปวา ผสู อนที่มที ักษะการสอนท่ดี ี จงึ ควรประกอบดวยคุณลักษณะ 4 ดาน ดงั น้ี 1. กระตอื รือรน ผสู อนทมี่ ที กั ษะการสอนทีด่ ีจะมคี วามกระตือรือรน ในการสอนและมี เทคนิควิธีการสอนที่กระตุนผูเรียนใหเกิดความความกระตือรือรนในการเรียน ทําใหผูเรียนสนใจ เรียนตลอดจนจบชัว่ โมงสอน 2. กระฉับกระเฉง ผูสอนที่มีทักษะการสอนที่ดีจะแสดงออกอยางกระฉับกระเฉง คลองแคลวไมเ คอะเขนิ ไมอ ดึ อดั ผสู อนจะแสดงออกดว ยความม่ันใจ กลา วคอื มคี วามคลองแคลว ใน บุคลิกทาทางและมีความคลองตัวในการสอนอันสงผลใหผูเรียนเกิดความกระฉับกระเฉงใน การเรยี นรูด วย Thinking Skills For 21st Century Teachers 133

3. กระจาง ผูสอนท่ีมีทักษะการสอนท่ีดีจะมีความสามารถในการจัดประสบการณ ใหกบั ผเู รียนไดรบั อยางกระจา งแจง สามารถสอนเร่ืองยากใหเปนเรื่องงายไดทําใหผูเรียนเขาใจได อยา งชัดเจนถูกตองอยางสมบูรณ ผูสอนจะใหความกระจางในบทเรียนใหก ับผูเรียนไดน้ัน ตัวผูสอน เองจะตองกระจา งแจง ในเนื้อหาสาระนนั้ ๆ เสียกอ น 4. กระบวนการ ผสู อนทม่ี ที ักษะการสอนท่ดี จี ะมีความสามารถในการดาํ เนนิ การสอน ตามข้นั ตอนอยา งตอเน่อื ง เปนไปตามลาํ ดบั สามารถดาํ เนินการสอนจนเสร็จสิ้นกระบวนการบรรลุ จดุ ประสงคการสอนตามแผนที่วางไวอ ยา งมีประสทิ ธภิ าพ ผสู อนทม่ี ที ักษะการสอนท่ีดีจึงเปนผูสอน ที่มีความสามารถในการสอนอยางเปนระบบและมีกระบวนการ มีลําดับขั้นตอนในการสอนทําให ผูเรยี นเกดิ การเรียนรูอ ยางตอเนอ่ื ง 1.3 ทักษะการสอนทส่ี ําคญั สําหรบั ผสŒู อน ผูสอนท่ีมีทักษะการสอนที่ดีจะมีความกระตือรือรน กระฉับกระเฉง สอนไดอยาง กระจางและมกี ระบวนการสอนเปน อยางดี ทักษะการสอนทีส่ ําคญั ท่จี ะชวยเสริมใหม ผี ลสมั ฤทธิด์ ีขนึ้ มีทกั ษะดงั น้ี 1. ทกั ษะการใชวาจา กริ ิยาทา ทางเสรมิ บคุ ลิกภาพและสอ่ื ความหมาย 2. ทักษะการใชคาํ ถาม 3. ทกั ษะการใชสอ่ื การสอน 4. ทกั ษะการใชก ระดานและกระดานอจั ฉรยิ ะ 5. ทักษะการอธบิ ายและการยกตวั อยา ง 6. ทักษะการเรา ความสนใจ 1. ทกั ษะการใชวาจา กิรยิ าทา ทางเสรมิ บุคลิกภาพและส่ือความหมาย การใชวาจากริ ยิ าทาทางเปน พฤติกรรมการแสดงออกท่ีสําคัญอยางย่ิงสําหรับผูมี อาชพี ผูสอน เพราะผูสอน คอื ผอู บรมส่ังสอนผูเ รยี นจงึ จําเปน ตอ งใชก ารพูด การอธิบาย การแสดง สหี นา ทา ทางประกอบการพดู ดังน้นั ผสู อนท่มี ีทกั ษะในการใชวาจากิรยิ าทา ทาง กจ็ ะมคี วามสามารถใน วธิ ีการพูด การใชน ํา้ เสียง ใชจังหวะประกอบกับการใชกิริยาทาทางก็จะมีความสามารถในวิธีการพูด การใชน ้ําเสียง ใชจงั หวะ ประกอบกบั การใชกิรยิ าทาทาง ชวนใหสนใจ สื่อความเขาใจไดก ระจางชัดเจน เหมาะสม ไมเ คอะเขิน และเหมาะกับบุคลกิ ภาพของผเู ปน ผสู อน ถา ผสู อนมีทักษะการใชกิริยาวาจา ทาทาง จะกอ ใหเ กดิ ประโยชนตอการเรียนการสอนไดด ี ประโยชนของการใชว าจากิรยิ าทาทางเสริมบุคลกิ ภาพและส่ือความหมาย 1. ชวยใหผูเรียนเกิดความเคารพศรัทธาและเกิดเจตคติท่ีดีตอผูสอนเกิด ความกระตือรือรนทจ่ี ะรวมกจิ กรรมทําใหปญหาความไมสนใจเรยี นหมดไป 134 Thinking Skills For 21st Century Teachers

2. ชวยใหผูเรียนเกิดความเขาใจในบทเรียนอยางกระจางแจงเพราะผูสอนมี ความสามารถในการอธิบายบทเรียนหรือมอบหมายงานตางๆ ใหผูเรียนเขาใจไดดี อันเปนผลให ผูเ รยี นสนใจและพอใจในการเรียนวชิ านั้น 3. ชวยใหการควบคุมชั้นมีประสิทธิภาพ เพราะผูเรียนยอมรับผูสอน เม่ือผูสอน อบรมอยา งไร ยอมเชือ่ ฟงและปฏบิ ัตติ าม 2. ทกั ษะการใชค ําถาม ทักษะการใชค าํ ถาม คือ ความสามารถในการใชคําพูดหรือประโยคที่มีแนวโนมที่ จะกระตนุ หรอื ดงึ การตอบสนองของผูเรียนออกมา จดุ มุงหมายท่ีผสู อนใชคาํ ถามถามผูเรียนมีหลาย ประการดว ยกนั เชน ตอ งการทราบวา ผูเรียนเขาใจหรอื รูเ รอื่ งทผี่ ูสอนสอนแลว หรอื ไมเ พียงไร ผเู รยี น อานหรือทาํ การบา นทกี่ าํ หนดใหหรอื ไม หรอื อาจจะถามเพื่อเรา ความสนใจหรือทําความกระจางในจุด ใดจดุ หนึ่งโดยตรงก็ได การใชคาํ ถามนบั วาเปน เร่ืองที่มีความสําคัญมากสําหรับการสอนในปจจุบัน ที่ผูสอนควรจะใชคําถามเปนสื่อใหผูเรียนไดคิดตาม หรือเปนสื่อในการใหผูเรียนไดเสาะแสวงหา ความรดู ว ยตัวของเขาเอง ผูสอนควรใชค ําถามเปนส่ือตลอดเวลาไมวา จะเปนการสอนดวยวิธีใด เชน การสาธติ ประกอบการใชคําถาม หรอื การบรรยายประกอบกับการใชคําถามเพ่ือสรางความเขาใจ โดยเฉพาะอยางย่ิงการใชวิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรูแลว จะขาดการใชคําถามประกอบใน ขั้นตอนการอภิปรายกอนการทดลอง การทดลอง และการอภิปรายหลังการทดลองไปไมไดเลย คําถามท่ใี ชกนั โดยทัว่ ไปมหี ลายลักษณะ ดังนี้ 1. คาํ ถามขนั้ พืน้ ฐาน เปน คําถามท่ีตองการคําตอบในระดับ ความรู ความเขาใจ และการนาํ ไปใช ตัวอยา งคาํ ถามไดแก 1.1 การถามเกี่ยวกับขอเท็จจริง ซ่ึงมักจะประกอบดวยคําวา “ใคร”“อะไร” “เม่ือไร” และ “ทีไ่ หน” เปนการถามใหผ เู รียนระลึกถึงขอมูลหรือสิ่งที่เคยเรียนมากอน เชน ถามวา จังหวดั ในเขตภาคเหนอื ตอนลางไดแ กจ งั หวดั อะไรบา ง หรอื ใครคือบิดาแหงวิทยาศาสตร 1.2 การถามใหอธิบาย เปนคําถามท่ียากกวาการถามเก่ียวกับขอเท็จจริง แต การตอบก็ยังคงอาศัยความจําเปนสําคัญ แตผูตอบจะตองอาศัยความสามารถในทางเหตุผลหรือ ความสามารถในการมองเหน็ ความสมั พันธข องสงิ่ ตางๆ ที่จําไดประกอบกันดวย จึงจะสามารถตอบ คาํ ถามได ซงึ่ มกั จะประกอบดว ยคาํ วา “อยา งไร” เชน ถามวา “พระนเรศวรมหาราชรบชนะพระมหา อปุ ราชไดอ ยางไร” 1.3 การถามถึงการนําความรูไปใชในการแกปญหาท่ีคลายกับสถานการณท่ี เรียน หรอื ตองประยกุ ตใ ชความรูเพื่อแกปญหาในเรื่องที่เรียน หรือเร่ืองใหม หรือการแกปญหาใน ชีวติ ประจําวัน เชน ถามวา ผูเรียนจะนําหลักการของการนําความรอน ไปใชในชีวิตประจําวันของ ผูเรยี นไดอยางไรบา ง Thinking Skills For 21st Century Teachers 135

1.4 คําถามเพื่อใหแกปญหา เปนการถามใหผเู รยี นใชความรเู ดมิ ท่เี คยเรยี นมา แกป ญ หาใหมๆ ทเ่ี ขาประสบ เชน “จงหาสมการของวงรที ่ีมจี ุดยอดอยูที่ (6, 0) และ (-6, 0) และมี โฟกัสจุดหน่ึงอยูท่ี (5, 0)” หรอื ”ผเู รียนจะนาํ กฎเมนเดลมาใชในการคัดเลอื กพนั ธไุ ด อยา งไร” 2. คําถามข้นั สูง เปน คาํ ถามในระดับท่ีสูงกวาการนําไปใช ไดแก การถามเพื่อให วเิ คราะห สังเคราะห ประเมินคา รวมทั้งคดิ อยา งสรางสรรค โดยมงุ ใหผ เู รียนคดิ แบบนามธรรม โดย อาศัยขอเท็จจริงหรือคําอธิบาย แลวนําไปสรุปหาความสัมพันธ ความหมาย เปรียบเทียบ อางอิง และเหตุผล เพ่ือหาคําตอบท่ีถูกตอง ปกติคําถามประเภทนี้จะมี คําวา “ทําไม” ประกอบอยูดวย เสมอ ผสู อนมักนิยมใชถ ามเพ่อื ดูความสามารถดา นการคิดของผูเ รยี นลักษณะของคาํ ถามประเภทน้ี คอื 2.1 คําถามเพอื่ ใหป ระเมิน เปนคาํ ถามที่ตองการใหตดั สินใจ หรือเลอื กโดยใช คณุ คา เปนเกณฑเชน ถามวา“การลอกงานเพือ่ นเปนสิ่งที่ควรกระทาํ หรือไมเพราะเหตใุ ด” 2.2 คาํ ถามเพ่ือใหอ างอิง เปนการถามใหอุปมาน (inductive) คือถามใหสรุป หรือคนพบกฎเกณฑจากการรวบรวมขอมูลหรือขอเท็จจริงหลายๆ อยาง และใหอนุมาน (deductive) คือถามใหนาํ กฎเกณฑห รอื ทฤษฎีไปอธิบายเหตกุ ารณห รอื ปรากฏการณตางๆ เชนถาม วา“ถาอณุ หภมู ขิ องกาซเทา เดมิ เม่ือนํากาซนี้ไปไวสูง 4,000 ฟุตเหนือระดับนํ้าทะเล ความดันของ กาซจะเปนอยางไร เพราะเหตุใด” (อนุมาน) “จงบอกคุณสมบัติที่สําคัญท่ีผูนําในโลกทั่วๆ ไปมีอยู พรอมท้งั บอกถึงลกั ษณะของผนู าํ ที่ทานอยากเปนเพราะเหตใุ ดจึงคดิ เชนนนั้ ” (อุปมาน) 2.3 คําถามเพื่อใหเปรียบเทียบ เปนการถามใหผูเรียนบอกความแตกตาง ความคลา ยคลงึ ความสมั พนั ธ และความขดั แยง กันของความคดิ หรือสง่ิ ของตางๆ เชน “การเปนคน เกงและดกี บั คนเกงแบบเหน็ แกตวั เหมอื นหรือแตกตา งกนั อยา งไร” หรอื “สารสองหมูนี้มีคุณสมบัติ เหมอื นหรือแตกตางกันอยางไร” 2.4 คําถามเพ่ือใหหาเหตุและผล เปนคําถามที่ใหผูเรียนหาความสัมพันธ ระหวา งเหตกุ ารณ บคุ คล วัตถุ ความคิด วา อะไรเปนเหตผุ ลกนั เชน “ผูเรียนคิดวาอะไรเปนสาเหตุ สาํ คัญที่ทําใหมนุษยม ีวิวัฒนาการ” 2.5 คําถามเพื่อใหคดิ รเิ ริม่ นยิ มใชคาํ ถามแบบอเนกนัย (Divergent Question) เปน การถามความคิดริเร่มิ เปนคําถามแบบเปดผเู รยี นมีอสิ ระเต็มท่ีในการคดิ และการตอบเชน ถามวา “ผูเรียนเชื่อวาโลกจะแตกหรือไม เพราะเหตุใด” หรือ “ทําอยางไรประชากรของโลกจึงจะอยูกัน อยา งมีสันติภาพ” 2.6 คาํ ถามเพ่อื ใหเกิดการคนพบ โดยใชคาํ ถามและคําตอบเปนแนวทาง เปน การถามทเ่ี รม่ิ ดว ยผสู อนใหผูเรียนตอบคําถามแลวใชคําตอบของผูเรียนเปนแนวในการถามเพ่ือให ผูเรียนตอบหรือเขาใจในส่ิงท่ีผูสอนตองการคําถามประเภทน้ีมีลักษณะสําคัญคือ หลังจากผูเรียน ตอบจบแลว ผสู อนควรเร่ิมถามคําถามทันทีเพื่อใหผูเรียนคิดสอดคลองสัมพันธกับคําตอบเดิมของ เขาเอง 136 Thinking Skills For 21st Century Teachers

สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี เสนอวาการต้ังคําถามมี 4 ระดับ เรียกวา O-E-P-C ซึง่ เหมือนกับระดบั ข้นั ของการสอนแบบสบื เสาะหาความรู ดงั นี้ 1. คําถามข้ันการสังเกต (Observation Question) เปนคําถามท่ีใหผูตอบใช ประสาทสัมผัสทั้งหาในการรับรูและตอบปญหา หรือเปนการรวบรวมขอมูล เพื่อวิเคราะหปญหา และแกปญหาในข้นั ตอไป เชน เมื่อเทนํ้าใสกระปองใบหนึ่งจนเต็มแลวเปดจุกท่ีปดรูบนกระปองใน ระดับตางๆ ทําใหน้าํ พงุ ออกมา ผสู อนถามวา “นา้ํ จากรูทีเ่ ทาไรไหลแรงหรือไกลท่ีสดุ ” 2. คําถามข้ันการอธิบาย (Explanation Question) หมายถึงคําถามท่ีตองการให ผตู อบใชเหตุผลประกอบกบั ขอ มูลตางๆ ที่รวบรวมไดจากการสงั เกตในสถานการณป จจบุ ันและจาก ความรูเดิม เชน จากตัวอยางการทดลองในขอ 1. ผูสอนอาจถามใหผูเรียนตอบวา “ทําไมนํ้าในรู ลางสุดจึงไหลออกไปไกลท่สี ดุ ” 3. คําถามข้ันการตั้งสมมติฐานหรือข้ันการทํานาย (Prediction Question) เปน คาํ ถามทตี่ อ งการใหผ ตู อบคาดการณว า จะเกิดอะไรข้นึ เมอื่ มกี ารเปลี่ยนแปลงบางสง่ิ บางอยา ง หรือ คาดการณเพ่ือขยายขอสรุปในขั้นอธิบายใหกวางขวางออกไป จากตัวอยางการทดลองในขอ 1. ผูสอนอาจถามผูเรยี นในขน้ั น้ีไดว า “ถาเจาะรูทกี่ นกระปอง นํ้าท่ีไหลออกจากรูท่ีเจาะใหมจะไหลคอย หรอื แรงกวา น้ําที่ไหลออกจากรเู ดิม” 4. คําถามขั้นควบคุมและสรางสรรค (Control and Creativity Question) เปน คาํ ถามทต่ี องการใหผ ูเรียนนาํ กฎเกณฑและความรูตา งๆ ที่มีอยูไปประยกุ ตใหเขากับเหตุการณหรือ สง่ิ อ่นื ๆ เปน การคิดสง่ิ ท่แี ปลกๆ ใหมๆ ออกมา ขŒอควรปฏบิ ตั ิในการถามคําถาม 1. ควรถามคําถามกอนแลว จงึ เรยี กชื่อผเู รียนใหตอบ เพราะการเรียกชื่อกอนจะ ทาํ ใหผเู รยี นคนอื่นๆ ที่ไมถ ูกเรยี กช่ือขาดความสนใจได 2. เวนชวงเวลาหลังจากถามจบ เพ่ือเปดโอกาสใหผูเรียนไดใชความคิดใน การตอบ โดยเฉพาะการถามเพื่อใหผูเรยี น ไดใชความคิดและเหตุผล ควรจะตองใหเวลาในการคิด พอสมควร การรีบเรงเกินไปอาจทําใหผูเรียนรูสึกอึดอัดและเบื่อ รวมท้ังอาจไมทําใหผูเรียนแสดง ความคิดอันเฉยี บคมของตวั เขาออกมาได 3. เปลีย่ นคาํ ถามหรือคําพูดใหมถ าผูเรยี นยงั ตอบไมไ ด 4. แสดงการยอมรับคําตอบและคําถามของผูเรียนโดยไมตองพูด อาจใชทาทาง ประกอบกไ็ ด เชน ย้มิ พยกั หนา เปน ตน 5. ถามผูเรียนท้งั ชั้นโดยไมเจาะจงเฉพาะคนใดคนหนง่ึ 6. พยายามใหผ ูเ รียนตอบในลักษณะทีพ่ ดู กบั เพ่อื นท้ังชัน้ ไมใชพ ูดกบั ผสู อนเพียงคน เดียว Thinking Skills For 21st Century Teachers 137

7. ใหก ารเสรมิ แรงเมื่อผูเรียนตอบเสร็จแลว และถาตอบไมได หรือตอบผิดก็ไม ควรจะ ดวุ า แตค วรหายทุ ธวิธอี ืน่ ๆ ในการใหเขาพบคําตอบดว ยตนเองหรือจากเพ่อื นๆ ดว ยกันเอง 8. ไมแ นะแนวทางหรอื คําตอบใหท นั ทีหลังจากถาม จนกวาผูเรียนจะไมสามารถ ตอบไดจงึ จะใชคาํ ถามแนะทีละนอยทลี ะนอ ย สงิ่ ท่ีไมค‹ วรปฏบิ ัตใิ นการถาม 1. เปลยี่ นคาํ ถามใหมโ ดยที่ผูเรยี นยงั ไมต อบคาํ ถามเดมิ 2. ถามคําถามซํ้าๆ ซากๆ โดยไมเปด โอกาสใหผเู รียนไดห ยุดคิดเพือ่ ตอบคาํ ถาม 3. ผสู อนตอบคาํ ถามของตนเองเนอ่ื งจากหมดความอดทนที่จะรอใหผ ูเรียนตอบ 4. พดู ซํา้ หรือทวนคําตอบของผูเรยี นเพราะจะทําใหผูเรยี นไมคอ ยตั้งใจฟง 3. ทกั ษะการใชŒสือ่ การสอน ทกั ษะการใชส อื่ การสอน เปน ความสามารถในการใชเครื่องมือ อุปกรณ คน หรือ วธิ ีการ ท่ชี วยเปนตวั กลางในการชวยใหผ เู รยี นเกดิ การเรียนรู บรรลุตามวัตถุประสงคที่ผูสอนต้ังไว ผูสอนสามารถนําสื่อการสอนไปใชในทุกข้ันตอนของการสอน เชน ข้ันการนําเขาสูเร่ือง ขั้นสอน เน้อื หา ขนั้ สรุปบทเรยี น การใชส ือ่ ประกอบการสอนจะประสบผลสําเร็จมากนอยเพียงไร ข้ึนอยูกับ วธิ ีการเตรียม การเลือก และการใชของผูสอนแตล ะครง้ั เปน สาํ คัญหลกั การใชส ื่อการสอน อาจแบง ไดเ ปน 4 ข้ันตอน ดงั น้ี 1. การเตรียม 1.1 สํารวจอปุ กรณท ุกช้นิ ใหอยูในสภาพดี ใชง านได 1.2 ทดลองใชใ หค ลอ งแคลว 1.3 สํารวจและจัดเตรียมหองเรียนสําหรบั ใชอปุ กรณใ หเ กดิ ความคลองตัว 2. การเลอื ก 2.1 เลอื กส่อื ใหเหมาะสมกบั ระดับวยั ระดบั สติปญ ญา และปลอดภัยในการใช 2.2 เลอื กขนาด สื่อตอ งมีขนาดใหญพ อสาํ หรับการสอนจรงิ ในช้ันเรียนท่ีใหญ ผสู อนจะตองคาํ นงึ ถงึ จํานวนผเู รียนในชนั้ จริงวา ทุกคนในชัน้ จะมองเห็นส่ือไดช ัดเจนหรอื ไม 2.3 การใชส ื่อทเ่ี คล่อื นไหวได จะชว ยเราความสนใจแกผ ูเรยี นไดด ีเปน พิเศษ 2.4 ใชสอ่ื ในปริมาณทีพ่ อเหมาะ และตรงเปา หมายกับเรอื่ งทีจ่ ะสอน 2.5 ใชส อ่ื ท่สี มั พันธกับบทเรยี น และตรงกบั จุดมงุ หมายของเรือ่ งท่ีจะสอน 3. การใช 3.1 ใชตามลําดับกอ นหลงั อยางคลอ งแคลว และแสดงใหเหน็ ทั่วกนั ทงั้ ช้ันอยาง ชัดเจน การยกภาพใหผเู รียนดูควรยกใหสูงในระดับอกของผูสอนและอยูข างหนาช้นั เรยี น 3.2 สอ่ื ขนาดใหญตอ งมีท่ตี ้ังหรอื ทแ่ี ขวนเพื่อใหเ หน็ ชัดเจน 138 Thinking Skills For 21st Century Teachers

3.3 ใชไมบ รรทัดช้สี อ่ื โดยผสู อนยนื ชิดไปดานใดดานหนึง่ ไมย นื บังสือ่ เหลาน้นั 3.4 ในบางครั้งตอ งเตรยี มความพรอมในการใชส่ือของผูเรียนไวลวงหนา จึง จะทาํ ใหผเู รยี นทาํ ตามจดุ มุง หมายของผูสอนได 3.5 ควรใชสอื่ ใหคมุ คากับทีไ่ ดเตรยี มมา กลา วคือ พยายามใชใ หเปน ประโยชน ท่สี ดุ เชน ใชแ ผนภมู สิ วนประกอบของตน ไมใ นข้นั สอนแลว อาจใชแผนภูมนิ ้นั ๆ ในขัน้ สรุปบทเรียนอกี แตต อ งมีวธิ ใี ชตางกนั ไปกับข้ันสอน เปน ตน 3.6 ใหผเู รียนมีสว นรวมในการใชส อื่ เชน ใหอธิบายภาพ สะกดและอานบัตร คํา เลือกภาพ จับคู เปนตน 3.7 ในโอกาสท่ีตองการแจกสื่อไปตามโตะผูเรียน เชน เทียนไข ไม ขดี กระดาษ ฯลฯ ผสู อนควรจะฝกใหผูเรียนแจกกันเองได โดยผูสอนใหผูเรียนหยิบสวนของตนไวท่ี เหลอื สงตอไป 3.8 ในกรณีทตี่ องการใหผูเรยี นมาใชส ่ือหนา ช้ันควรฝก ใหผ เู รยี นหันหนาเขาหา ชนั้ เรยี น และไมยืนบังตาของเพ่ือนจากสื่อตางๆ ที่ใช นอกจากน้ีควรกําชับถึงความปลอดภัย และ ความระมดั ระวังเปน พิเศษในดานความเสียหาย 4. การติดตามผลเปน การติดตามผลของการใชส อ่ื การสอนเพอ่ื ใหทราบวาผูเรยี น ไดร ับความรูจากสือ่ น้ันมากนอ ยเพยี งใด มีขอบกพรอ งอยา งไรประโยชนของการใชสือ่ การสอน 4. ทกั ษะการใชŒกระดานและกระดานอจั ฉริยะ เทคนิคการใชกระดาน หมายถึง กลวธิ ใี นการเขียนหรือวาดตัวอักษร ตัวเลข ภาพ สญั ลกั ษณหรอื ลายเสน ตา งๆ บนกระดานทีใ่ ชเ ปนอปุ กรณการสอน ไดอยางมรี ะบบสะอาดเรียบรอย ดูแลว สวยงามและเขา ใจงา ย กระดานหรือกระดานชอลก เปนสื่อการสอนท่ีจําเปนอยางย่ิงสําหรับ การสอนในทุกระดับชัน้ โดยเฉพาะในระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษา หอ งเรยี นยงั จําเปน ตอ งมี กระดาน แมว าเทคโนโลยีทางการสอน นวตั กรรมทางการศึกษาจะพัฒนากาวหนาไปอยางไรก็ตาม ผสู อนกย็ ังจาํ เปน ตอ งใชกระดานประกอบการสอนอยูเสมอ ทักษะการใชกระดานจึงจําเปนสําหรับ ผูสอน ผูสอนท่ีมีประสิทธิภาพจะมีความสามารถในการใชกระดานชวยส่ือความหมาย และเสริม ความเขา ใจในบทเรยี นใหแ กผเู รยี นไดอยา งดี ผูสอนจึงตอ งใชกระดานใหถ ูกตอ งตามหลกั การ และใช ใหคุมคา โดยอาจใชว าดภาพใชติดตามแผนภูมิ ใชฝกการเขียนของผูเรยี น เปน ตน กระดานมคี ณุ สมบัติทเี่ ดน ดงั นี้ 1. สามารถใชไ ดท ุกเวลาและทุกโอกาส 2. ไมชํารดุ เสียหายไดง า ย 3. ผูเรียนสามารถมองเหน็ พรอ มๆ กนั ไดท ัง้ ชนั้ 4. เขียนและลบไดงาย Thinking Skills For 21st Century Teachers 139

5. นาํ เสนอขอ คิดใหมไ ดท นั ที 6. ใชไดท้งั ผสู อนและผูเ รยี น กระดานมปี ระโยชนด งั น้ี 1. ใชป ระกอบการสอน การอธบิ าย การทดสอบ สรุป และทบทวนบทเรยี น 2. ใชร ว มกบั โสตทศั นวสั ดุอ่ืนๆ ชวยใหผเู รียนเกิดการเรยี นรไู ดด ีย่งิ ขนึ้ 3. ใชแสดงขอเท็จจรงิ แนวคิด และกระบวนการตา งๆ 4. ใชแ สดงศพั ทใ หมๆ คาํ จาํ กัดความ กฎ และคํานยิ ามใหผ ูเ รียนเขา ใจไดด ี 5. เหมาะตอการสงเสริมใหผูเรียนไดรวมกิจกรรมในการสาธิตและอธิบาย เนื้อหาวชิ าแกเ พื่อนรวมชนั้ เทคนิคการใชกระดาน 1. กอนใชกระดานควรคํานงึ ถงึ ความสะอาด 2. เขยี นอักษรใหม ขี นาดพอเหมาะ อานงา ย ชดั เจนและเปน ระเบียบ 3. เนนจุดสาํ คัญ 4. เลอื กเขียนเฉพาะใจความสําคัญ 5. เมอ่ื เขียนเสร็จแลวจะตอ งตรวจดูความถูกตองอกี ครั้ง 6. ควรเขยี นกระดานโดยเอยี งตัวเขาหา เพ่ือไมใหบ งั ขอความที่เขยี นไวแลว 7. เม่ือจะสอนเรื่องใหมควรลบขอความเดมิ กอน 8. ใชภ าพลายเสนหรือการต ูนประกอบการสอน 9. แบง กระดานเปนสวนตามความยาว 10. เปดโอกาสใหผูเรยี นไดมสี วนรวมในการใชกระดาน 140 Thinking Skills For 21st Century Teachers

ขอ คํานงึ ถงึ ในการใชกระดาน ผูสอนควรคํานึงถึงสภาพแวดลอ มในหองเรยี นดว ยเพื่อใหผเู รยี นมองเหน็ ตัวหนงั สอื หรือรปู ภาพบนกระดานไดดี เชน ขอบลา งของกระดานควรอยูในระดับสายตาของผูเรียน ที่น่ังของ ผเู รยี นควรอยใู นอาณาเขต 60 องศา วัดจากก่ึงกลางของกระดาน คนท่ีน่ังหนาชั้นควรอยูหางจาก กระดาน 3 เมตร เปน อยางนอย มีแสงที่กระดานเพียงพอท่ีจะทําใหผูเรียนมองเห็นไดอยางชัดเจน คาํ นงึ ถงึ การสะทอ นแสงท่มี ากระทบกบั กระดาน ทกั ษะการใชกระดานอจั ฉรยิ ะ (Interactive Whiteboard) ปยมนสั วรวิทยร ัตนกลุ , (2558) กลาววา กระดาน IWB (Interactive Whiteboard) หรอื กระดานที่ตอบสนองได บางครงั้ กม็ ีการเรยี กทีต่ า งกันออกไป เชน สมารท บอรด (Smart Board) หรือ กระดานอัจฉริยะ เนื่องจากบริษัทผูผลิตกระดานชนิดน้ี ตั้งชื่อผลิตภัณฑวา SMART Board (Martin et al, 2014) จึงทําใหคนทั่วไป ใชเรียกกันตามช่ือผลิตภัณฑวา Smart Board ซ่ึงภาษาไทย ตรงกับคําวา กระดานอัจฉริยะ นอกจากน้ียังมีอีกหลายคําซึ่งใชเรียก เชน Active Board, Active Whiteboard, Interactive Board, Interactive Whiteboard เปน ตน การเรียนการสอนในหองเรียนท่ัว ๆ ไป มีผูสอนและผูเรียนเปนตัวหลัก มีส่ือ อุปกรณประกอบการเรียนการสอนเปนตัวชวยใหการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพย่ิงข้ึน ซ่ึงส่ือ อุปกรณมีหลายอยา ง ตัง้ แตชนิดธรรมดา คือ กระดานดํา ชอลก (หรือกระดานไวทบอรด ปากกา ไวทบอรด ) เคร่ืองเสยี ง เครอ่ื งฉาย กระทั่งใชเทคโนโลยคี อมพิวเตอรเขามาเปนโปรเจคเตอรอยางท่ี เราใชอ ยู แตการพัฒนาเทคโนโลยยี งั ไมหยุดแคน ้ี ยงั มกี ารคดิ คนนวัตกรรมขึ้นมาเร่ือย ๆ ซ่ึงส่ิงท่ีจะ นําเสนอนี้เปนส่ือการสอนแหงอนาคตสําหรับระบบหองเรียนอัจฉริยะ นั่นคือ Activboard หรือ กระดานอัจฉริยะ ในการ บูรณาการใชกระดานอัจฉริยะในช้ันเรียนน้ันจะทําใหผูสอนใชการเรียน การสอน โดยตรงนอยลงและจัดใหมีการเรียนการสอนที่มีการปรับเปล่ียนหมุนเวียน และมี การโตตอบปฏสิ ัมพนั ธกันมากข้ึน แอคทฟี บอรด หรอื กระดานอัจฉริยะเปนนวัตกรรมของไวทบอรดในหองเรียนท่ีใช เทคโนโลยอี ีเล็คโทรแมกเนติก พืน้ ผิวของบอรด สรา งจากเมลามีนแข็ง เคลือบดวยฟลมชนิดพิเศษที่ กระจายแสงไดด ี ลดแสงสะทอนและไมเ กดิ จดุ รวมแสงบนบอรด ซง่ึ ถกู ออกแบบมาสาํ หรบั หอ งเรยี น เพ่ือการเรียนการสอนอยางแทจริง สามารถทนทานตอแรงขูดขีดและแรงกระแทกจากผูเรียน คุณสมบัติของแอคทีฟบอรดคือการควบคุมการทํางานของคอมพิวเตอรผานบอรด การใชงานจะ เปนการนําเอาแอคทีฟบอรดและเครื่องฉายโปรเจคเตอรตอเชื่อมเขาดวยกัน ทําใหภาพจาก คอมพิวเตอรปรากฏข้ึนบนบอรด แตสิ่งท่ีแตกตางจากบอรดทั่ว ๆ ไป คือ เราสามารถควบคุม การเรียนการสอนผานบอรดได โดยอาศัย Activpen หรือปากกาท่ีออกแบบสําหรับแอคทีฟบอรด โดยเฉพาะ เปน ปากกาท่ใี ชง านไดเ หมอื นเมาสทกุ ประการ โดยสามารถใชคลกิ เลือกคําส่ัง คลิกลาก หรอื คลิกขวาบนปากกา เพ่อื ทํางานกับโปรแกรมคอมพิวเตอรที่ปรากฏบนแอคทีฟบอรดได หรือใช Thinking Skills For 21st Century Teachers 141

เขยี นไดอ ยา งอสิ ระจากการขดี เขยี นปากกาลงบนพนื้ ผวิ ของแอคทีฟบอรดไดโ ดยตรงนอกจากนัน้ ยงั มี อปุ กรณเ สรมิ เชน Activwand หรือไมคทา ขนาดยาว 54 เซนติเมตร ที่ออกแบบมาสําหรับผูเรียนตัว นอ ยทใี่ ชป ากกา Activpen เอ้ือมไมถ งึ ดา นบนของแอคทีฟบอรด ใชงานไดเ หมอื นปากกาและเมาส Activote ระบบตอบรบั จากผูเรียน เปน อุปกรณไ รส าย (Wireless) ทมี่ ีรูปรา งเหมอื นไข ออกแบบจากนวิ้ หัวแมมือของผูเรียนจริง ๆ ทําใหจับและกดลงคะแนนเสียงไดอยางเหมาะมือเปน อุปกรณที่ชวยในการประเมินผลในหองเรียน เชนการทดสอบในแตละรายวิชา การโหวตความ คิดเห็นหรือการตรวจทานความเขาใจ โดยใหผ ลการตอบสนองทันทีภายในหองเรียน นอกจากน้ียัง สามารถแสดงผลลพั ธการโหวตในรูปแบบของกราฟ และการวิเคราะหทางสถิติ ดูรายละเอียดของ ผเู รยี นแตละคนได เก็บบนั ทึกขอ มูลในรปู แบบฐานขอมลู ได นอกจากอปุ กรณกม็ ซี อฟแวรพเิ ศษที่พัฒนาข้ึนมาเพอื่ ใชสําหรบั การเรยี นการสอนที่ ชวยใหผูสอนสามารถสรางบทเรียนในรายวิชาท่ีตองการได ไมวาจะเปนวิชาคณิตศาสตร วิทยาศาสตร ภาษาองั กฤษ ฯลฯ จะเห็นวาปจจุบันการเรียนการสอนมีการใชเทคโนโลยีท่ีทันสมัยมากข้ึนเพ่ือเพ่ิม ประสิทธิภาพในการสอนของผูสอน และกระตุนความสนใจ สงเสริมการมีสวนรวมในการเรียนรู ของผเู รยี น จดั เปนความกาวหนาทางดานเทคโนโลยกี ารศกึ ษา ผลของการใชกระดานอัจฉรยิ ะมาใชจ ดั การเรียนรใู นชน้ั เรียน 1. การสรางบริบทบรรยากาศในการสอนใน กระบวนการสอนผูสอนตองสราง กิจกรรมเพ่ือดึงดูด ความสนใจของผูเรียน เชน การตั้งคําถามการออกแบบ การสอนโดยใช ทรพั ยากรการสอนอยางเหมาะสมและ คอยใหคําแนะนําขณะทํากิจกรรมคอยกระตุนการรวมทํา กิจกรรมทาํ ใหเ กดิ การสนทนาระหวางผสู อนและผูเรียน ผเู รยี นจะมคี วามรเู พ่มิ ข้นึ 2. พัฒนาวิธีการสอนและจัดกิจกรรมการสอน เน่ืองจากกระดานอัจฉริยะมี ฟงคชัน่ ในการใชง านทีม่ ีประสิทธภิ าพหลากหลาย ผูสอนตองเรียนรูวิธีการใชงานและการออกแบบ สื่อการเรียนการสอนตรงตามวตั ถุประสงคของบทเรียน 3. การเตรยี มความพรอมสาํ หรับการเรยี นดว ยกระดานอัจฉริยะจะแตกตางจาก การเรียนการสอนในช้นั เรยี นท่วั ไป ทไ่ี มใ ชแตเ พียงเนื้อหาตองพฒั นาทรัพยากรสอื่ การเรยี น การสอน ใหสามารถใชงานรวมกับกระดานอัจฉริยะ บูรณาการรวมกับการจัดกิจกรรมแบบรวมมือและมี ความรพู นื้ ฐานดานเทคโนโลยีคอมพวิ เตอร 4. การประเมนิ และวิเคราะหการเรียนรูการใหขอเสนอแนะและใหขอมูลยอนกลับ ในทันที การประเมินผลเพื่อสงเสริมการเรียนการสอน ผูสอนจะ ไดรับประโยชนเชนเดียวกับผูเรียน การประเมนิ ผลจะชวยใหผ สู อนปรบั วิธกี ารสอนและกลยุทธก ารสอนไดท ันที เพิ่มประสิทธิภาพการเรียน 142 Thinking Skills For 21st Century Teachers

การสอนและการเรยี นรใู นการนํากระดานอัจฉริยะมาใชในการจัดการเรียนการสอนในช้ันเรียนไดเปน อยา งดี 5. ทักษะการอธิบายและการยกตวั อยาง การอธิบายนบั เปน สง่ิ ทมี่ ีความสาํ คญั ตอการเรยี นการสอน เพราะผูสอนจะชวยให ผูเรียนไดเ กดิ ความกระจางและเขาใจเน้อื หาวชิ าไดอ ยางถูกตอง ดังน้ันในการจัดกระบวนการเรียน การสอน ผูสอนจงึ มคี วามจาํ เปน ที่จะตองสอดแทรกอธบิ ายเพม่ิ เตมิ เขาไปในทุกขัน้ ตอนของเน้ือหาท่ี เห็นวาสําคัญหรือเปน เนือ้ หาท่ยี ากตอการเขา ใจ นักวิชาการไดใ หค วามหมายของการอธบิ ายไวดงั น้ี ลดั ดาวลั ย พชิ ญพจน (ม.ป.ป.) กลา ววา การอธิบาย หมายถึง การขยายขอความ เนอ้ื หาหรอื เรอ่ื งราวตางๆ เพอื่ ใหเกดิ ความชดั เจนและเขา ใจมากขน้ึ เฉลมิ ศรี ทองแสง (2538) กลาววา การอธิบาย หมายถึง การพูดเพ่ือทําใหผูอ่ืน เขา ใจเกย่ี วกบั ส่งิ ทีต่ นพูด เชน มลี กั ษณะ ขนาด รูปราง ลําดับขั้น วิธีการ การอธิบายที่ดีจะตองได เน้ือหาสาระครบถวน และเขาใจงาย การอธิบายจึงมักจะมีการยกตัวอยางประกอบ เพื่อชวยให การอธิบายชัดเจนมากขน้ึ ดังน้ัน การอธิบาย คือ การขยายขอความ หรือเร่ืองราวตางๆ โดยมี การยกตัวอยางประกอบ เพอื่ ชว ยใหการอธิบายชดั เจนยิ่งข้ึน รูปแบบของการยกตวั อยางประกอบการอธบิ าย ลัดดาวัลย พิชญพจน (ม.ป.ป.) ไดกําหนดการยกตัวอยางประกอบการอธิบาย สามารถกระทําไดใน 2 แบบ ดังตอไปนี้ 1. แบบนิรนัย (Deductive System) หมายถึง การอธิบายโดยการใหรูหลัก กฎ สตู รหรือนยิ ามกอ น แลว จงึ ยกตวั อยางประกอบ หรอื กลาวไดวาเปนการสอนจากกฎไปหาตัวอยาง เชน การสอนวิชาหลักภาษาไทยเกี่ยวกับเร่ืองชนิดของคํา โดยผูสอนอธิบายถึงความหมายของ คํานาม ซ่ึงเปนคําท่ีใชเรียกช่ือคน สัตว สิ่งของ จากน้ันผูสอนยกตัวอยางคํานาม ไดแก มา ครู โรงเรียนเปนตน สวนคําอ่ืนๆ เชน สรรพนาม กริยา วิเศษณ ฯลฯ ก็สามารถอธิบายในลักษณะ เดียวกัน จากน้ันนําเอาคําตางๆ มาปะปนกนั แลวให ผูเ รียนตัดสินหรือบอกใหไดวาคําแตละคําเปน คําชนิดใด โดยใชกฎเกณฑที่เรยี นไปน้นั เปน สงิ่ ท่ีช้วี ดั หรืออธิบายเหตุผล 2. แบบอปุ นยั (Inductive System) หมายถึง การอธิบายโดยการยกตัวอยางหรือ ใหรายละเอียดตา งๆ ท่ีเหมาะสมกับความรูและประสบการณเดิมของผูเรียน จากน้ันเปดโอกาสให ผเู รยี นไดส งั เกตและพิจารณาจากตวั อยา ง แลว สรปุ เปนกฎเกณฑหรือหลักการขึ้นมาภายหลัง เชน การทดลองทางวทิ ยาศาสตร โดยนาํ วสั ดทุ ่ที าํ จากสง่ิ ตา งๆ เชน ไม สังกะสี ทองแดง และอื่นๆ มาตม ใหความรอ นรวมกนั จากนน้ั ใหผ ูเรยี นสรุปวาวสั ดุชนิดใดสามารถนําความรอ นไดดีท่ีสุด Thinking Skills For 21st Century Teachers 143

ลักษณะการอธบิ ายทีด่ ี ลักษณะการอธิบายทีด่ ี ลดั ดาวลั ย พิชญพจน (ม.ป.ป.) ไดกาํ หนดไวดงั นี้ 1. ควรใชภาษางายๆ กะทดั รัด และไดใ จความ 2. ควรศึกษาเรอ่ื งราวทจ่ี ะอธิบายใหชดั เจน 3. ควรยกตัวอยางประกอบ การนําตัวอยางมาประกอบในการอธิบาย การเปรยี บเทยี บหรอื การอปุ มาอปุ มัยจะชวยใหผ เู รยี นเขา ใจเนื้อหาไดเรว็ ยงิ่ ข้ึน 4. ควรอธบิ ายอยางชา ๆ ในจดุ สําคัญทต่ี อ งเนน 5. ควรลําดับขั้นตอนของเนอ้ื หาท่จี ะอธบิ ายใหเหมาะสมไมว กวน เพือ่ ไมใ หผูเรียน เกดิ ความสบั สนในความตอ เน่ืองของเน้ือหา 6. การใชส ่ือการเรยี นการสอนจะชวยประหยัดเวลาและลดขนั้ ตอนในการอธิบายได 7. ขณะที่อธิบายควรสังเกตปฏิกิริยาหรอื ขอ มูลจากผูเรียนดวย 8. ในการอธิบายควรเปลี่ยนระดับนํ้าเสียงบาง เพื่อจะไดกระตุนความสนใจของ ผูเรยี น วิธีการอธิบายท่ีจะชวยใหการอธิบายไดผลดียิ่งข้ึนน้ัน ข้ึนอยูกับองคประกอบ (เฉลิมศรี ทองแสง, 2538) ดังตอไปน้ี 1. กรยิ าทา ทางของผูสอน ควรมกี ริยาทาทางคลองแคลว ย้มิ แยม เปนกนั เอง น้ําเสียงนาฟง สายตาจบั ท่ีผูเรยี นอยางทัว่ ถงึ 2. ใชอุปกรณป ระกอบการอธิบาย ผูสอนควรใชอุปกรณมาประกอบการอธิบาย เพื่อใหผูเรยี นเกิดความเขาใจไดง า ย รวดเรว็ และถูกตอ ง อปุ กรณท ใ่ี ชมีหลายชนิด อาจเปนของจริง ของจําลอง รูปภาพ แผนท่ี แผนภมู ิ ฯลฯ 3. การยกตวั อยา ง ผูสอนควรนําตวั อยางมาประกอบการอธิบาย เพื่อใหผูเรียนมี ความเขาใจถูกตอง รวดเร็ว และสาระท่ีอธิบายมีน้ําหนักนาเช่ือถือ นาสนใจ ตัวอยางที่นํามา ประกอบการอธิบายอาจจะเปน คําพังเพย สุภาษิต โคลง กลอน คําขวัญ คติพจน เหตุการณ เร่ืองราวบคุ คล สง่ิ ของ เปน ตน 4. การเปรียบเทียบ ผสู อนอาจนาํ สิง่ ท่ีผเู รยี นรจู กั ดีอยแู ลวมาเปรยี บเทยี บกบั สิง่ ท่ี ผูสอนอธิบาย เพื่อใหผูเรียนมีความเขาใจรวดเร็วและงายขึ้น เชน เปรียบเทียบผิวโลกของเรามี ลักษณะคลายผลมะกรดู หวั ใจของคนกบั เครือ่ งปม นาํ้ เปนตน 5. การทํากจิ กรรม หลังจากท่ีผสู อนอธบิ ายใหผูเรยี นฟง แลว บางเร่ืองอาจตอ งให ผูเรียนไดฝก ทดลองทํา เพ่ือใหผูเรียนมีความเขาใจดียิ่งข้ึน และฝกการแกปญหาที่อาจจะเกิดข้ึน เชน การทาํ แบบฝกหัดคณิตศาสตร ภาษาไทย การฝก หัดตอนก่งิ ตดิ ตา เปน ตน 144 Thinking Skills For 21st Century Teachers

ขั้นตอนการฝกทักษะการอธิบายและยกตัวอยาง การอธิบายและยกตัวอยาง ลัดดาวลั ย พิชญพจน, (ม.ป.ป.) และเฉลิมศรี ทองแสง, (2538) ไดกลาวถึงข้ันตอนในการฝกทักษะ การอธบิ ายและยกตวั อยา งไวดงั นี้ 1. เลอื กหวั ขอ ทสี่ ามารถใหต วั อยา งประกอบไดม ากๆ 2. ขยายขอ ความสาํ คัญโดยการยกตัวอยางจากงายไปหายาก 3. ตวั อยางที่ใชควรเหมาะสมกับพ้นื ฐานความรูแ ละประสบการณของผูเรียน 4. มกี ารทดสอบความเขาใจของผเู รียน 6. ทกั ษะการเรา ความสนใจ (Stimulation) ปญหาสําคัญของการจดั การเรยี นการสอนในปจจบุ นั คอื ผเู รียนไมคอ ยจะสนใจใน การสอนของผูสอน เกิดความเบ่ือหนาย และไมตั้งใจเรียนเทาท่ีควร ทําไมจึงเปนเชนนั้น สาเหตุท่ี สําคญั ก็คือ ผูเรียนเบ่อื หนา ยในการเรยี น ซ่ึงอาจเปนเพราะการสอนของผูสอนไมมีอะไรแปลกใหม หรือนา สนใจเลย โดยเฉพาะผเู รยี นระดับประถมศึกษาซ่ึงมีชวงเวลาของความสนใจในสิ่งตางๆ ส้ัน มาก ถา ไมรบี แกไ ขปญ หาการไมต ้งั ใจเรยี นของผูเรียนตงั้ แตใ นระดับประถมแลวจะทําใหผูเรียนเกิด ความไมเขาใจและไมใสใจตอเนื่องมาเร่ือยๆ ซึ่งทําใหเราพบวาบางครั้งผูเรียนไมมีพัฒนาการทาง สมอง การเรียน และความคิดเทาระดับอายุท่ีควรจะเปนเลย ทั้งท่ีผูเรียนเหลานั้นก็ไมไดมีระดับ สติปญญาทต่ี าํ่ จนเกนิ ไปเลย และปญหาน้ีก็จะย่ิงสะสมตอกันมาเรื่อยๆ ดังนั้นจึงสมควรอยางยิ่งท่ี คนในวงวิชาชีพผูสอนจะตองมารวมหาทางแกไขปญหาเหลานี้ ทําอยางไรจึงจะทําใหผูเรียนสนใจ และตดิ ตามบทเรยี น ตลอดจนกิจกรรมท่ผี สู อนสอนไดตลอดไป ทกั ษะการเราความสนใจ หมายถึง ความสามารถในการกระตุนใหผ เู รยี นเกดิ ความ อยากรูอยากเห็น สนใจที่จะเรียน หรือติดตามการเรียนการสอนตลอดเวลา ทักษะการเราความ สนใจ จึงจําเปนและสําคัญยิ่งสําหรับผูสอนในอันที่จะปรับปรุงกลวิธีในการสอนของตนใหมี ประสิทธิภาพมากข้ึน กลาวคือชวยใหผูเรียนไมเบื่อหนายในการเรียนมีความกระตือรือรนใน การเรียนอยูตลอดเวลา ดังน้ันในชวงเวลาของการสอน ผูสอนควรจะตองพยายามใชเทคนิคตางๆ มากระตุน ใหผเู รยี นสนใจอยูตลอดเวลาคอื ตง้ั แตเ ร่ิมตนจนกระท่ังการสอนสนิ้ สดุ ลง จดุ มุงหมายในการเราความสนใจ 1. สรางพฤตกิ รรมทดี่ ีในอนั ที่จะทําใหผ ูเรยี นสนใจ และไมเบอ่ื หนา ยตอการเรียน 2. เลือกหาวธิ กี ารเราความสนใจท่ีเหมาะสมกบั บทเรยี นกระตนุ ใหผูเรยี นอยากเรยี น 3. เพ่อื สรา งความมัน่ ใจในการสอนของผสู อน Thinking Skills For 21st Century Teachers 145

วิธกี ารเรา ความสนใจ การเราความสนใจกระทําไดห ลายวิธี เชน 1. การใชท าทางประกอบ ทา ทางของผูสอนในขณะทําการสอน เปนส่ิงหนึ่งท่ีจะ ชว ยเรา ความสนใจในการเรียนและการติดตามบทเรียนไดเปนอยางดี การใชทาทางในการสอนไดแก การแสดงออกทางสีหนา หรืออวยั วะสว นอืน่ ของรา งกาย เชน แขน มือ เปนตน เพ่ือใชแ ทนการสอ่ื สารดว ย วาจา และการเคล่ือนไหวของในขณะสอน ขณะสอนผสู อนควรมกี ารเคลื่อนไหวบา งไมควรยนื อยูจดุ ใด จุดหน่ึงโดยไมมีการเคลื่อนท่ีเพราะการที่ผูเรียนตองเพงไปที่จุดๆ เดียวตลอดยอมจะทําใหเกิด ความเบื่อหนา ย แตก ารเคลือ่ นทีก่ ค็ วรจะตองมีจุดมุงหมาย ไมใ ชเดนิ ไปเดินมาโดยไมม จี ดุ หมาย 2. การใชถอยคําและนํ้าเสียงท่ีมีการปรับเปลี่ยนระดับเสียงตามความเหมาะสม ผสู อนควรฝกพูดใหช ดั เจน มีจังหวะนาฟง ไมเร็วหรือชาจนเกินไป รูจักเนนหนักเบา การพูดโดยใช เสียงราบเรียบโดยตลอดในขณะสอนยอมทาํ ใหผ ูเรยี นเบือ่ หนายไดง า ย 3. การเปดโอกาสใหผูเรียนมีสวนรวมในการเรียน การที่ผูสอนพูดอยูคนเดียว ตลอด ยอมทําใหผูเรียนเกิดความเบื่อหนาย การเปดโอกาสใหผูเรียนไดแสดงความคิดเห็นหรือมี สวนรว มในการเรียนจะทาํ ใหเ กิดการเรยี นรูไดด ีขึน้ 4. การใชส่ือการสอนประกอบ การเรียนรูที่ดีน้ันควรจะใหผูเรียนไดใชประสาท สัมผัส หลายๆ อยาง เชน ฟง พูด เขียน อาน การนําส่ือการเรียนเขามาใชก็เพ่ือที่จะทําใหผูเรียน สนใจเรียนและเขาใจบทเรียนดีขึ้น ส่ือการเรียน หมายถึงทุกสิ่งทุกอยางท่ีผูสอนนําเขามาชวยใน การเรียนเพอื่ ใหเกดิ การเรียนรไู ดดีข้ึนเชน แผนภมู ิ แผนภาพ ฯลฯ 5. การแสดงบทบาทหรือสถานการณจ ําลอง 6. การใชเกม เกมในทน่ี เี้ กมที่นํามาใชควรเปนเกมที่ชวยในการเรียนรู มิใชเกมท่ี เลนเพ่ือความสนุกสนานเพลดิ เพลินเทา น้ัน 7. การสาธิต คือ การนําเอาวัสดุอปุ กรณป ระกอบการเรียนการสอน ตลอดจนการ แสดงของผูสอนหรอื ผูเ รียนมาประกอบการสอนหรอื การอธิบาย เพ่ือใหผเู รยี นสังเกตเห็นไดจริง ซ่ึง การสาธิตกเ็ ปน วิธกี ารหนึ่งท่ีจะชวยเราความสนใจของผูเ รยี นไดเ ปนอยา งดี คณุ ลกั ษณะท่ปี ระเมิน 1. ผสู อนมกี ารเราความสนใจดว ยวธิ ีการดงั ตอไปนี้ 1.1 การสนับสนนุ ดว ยภาษา ใชท า ทาง เชน ยม้ิ พยักหนา กมศีรษะ ฯลฯ 1.2 การใชถอ ยคาํ และนาํ้ เสียง เชน ใหค าํ ชมเชยวา ดี พอใช ดมี าก ฯลฯ 1.3 การเสริมแรงดวยคําพูดอนื่ ๆ นอกเหนือไปจากคาํ ชมเชย 1.4 การใหผ ูเรยี นมีสว นรวมในกจิ กรรมการเรียนการสอน 1.5 การใชสือ่ ประกอบการเรียนการสอน 1.6 การแสดงบทบาทสมมตหิ รอื สถานการณจําลอง 1.7 การใชเ กมประกอบการเรียนการสอน 1.8 การสาธิตประกอบการเรียนการสอน 146 Thinking Skills For 21st Century Teachers

1.9 อ่นื ๆ 2. การเราความสนใจเหมาะสมกับเนือ้ หาทจ่ี ะสอน 3. มกี ารเปล่ยี นวิธีการเราความสนใจจากวิธหี นง่ึ ไปอีกวธิ ีหน่งึ ไดอยา งกลมกลนื กนั 4. น้ําเสยี ง ทาทาง การเคล่ือนไหวของผสู อนชว ยในการเราความสนใจของผเู รยี น 5. ผูเรียนมกี ารตอบสนองตอ วิธีการเราความสนใจของผสู อน 2. ทกั ษะการจัดการเรยี นการสอนทีเ่ นนŒ ผŒเู รียนเปนš สาํ คญั ความหมายของการสอนท่ีเนŒนผูŒเรยี นเปนš สาํ คัญ การสอนท่ีเนนผูเรียนเปนสําคัญหรือที่รูจักในช่ือเดิมวา การจัดการเรียนการสอนโดยยึด ผูเรียนเปน สาํ คัญ (Student Centered หรอื Child Centered) เปน รปู แบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู ในลักษณะที่ชวยใหผูเรียนรูจักการคิดคน แสวงหาความรูดวยตนเอง โดยผูสอนจะเปนผูกําหนด สถานการณ สภาพแวดลอ มรวมทง้ั กาํ หนดปญ หาทีเ่ กยี่ วขอ งกบั สถานการณปจจุบนั บูรณาการกับ ความรเู น้อื หาวิชาท่กี ําหนดไวใ นหลักสตู ร ซ่ึงการกําหนดสถานการณห รือสภาพแวดลอมดังกลาวจะ กระตุนหรือสง เสริมใหผูเรียนไดศึกษาหาความรู มีสวนรวมในกิจกรรมตางๆ ทั้งน้ีเปนการเพิ่มพูน ทักษะในดานตางๆ ใหแกผูเรียน เชน ทักษะในดานการคิด การแสวงหาความรู การปรึกษาหารือ และการรวมตัดสินใจ (ระวิวรรณ ศรีครามครัน, 2553) สอดคลองกับ พิมพพันธ เดชะคุปต และ พเยาว ยินดสี ขุ (2551) กลาววา การเรียนการสอนทเี่ นน ผเู รยี นเปนสําคัญ คือแนวการจัดการเรียน การสอนทเ่ี นน ใหผ ูเ รียนสรางความรูใหม และส่ิงประดิษฐใหม โดยการใชกระบวนการทางปญญา (กระบวนการคดิ ) กระบวนการทางสังคม กระบวนการกลุม และใหผูเรียนมีปฏิสัมพันธและมีสวน รวมในการเรยี น สามารถนาํ ความรูไปประยกุ ตใชไ ด โดยผูสอนมีบทบาทเปนผูอํานวยความสะดวก จัดประสบการณก ารเรยี นรูใหผูเรียน การจัดการเรียนการสอนที่เนนผูเรียนเปนสําคัญ ตองจัดให สอดคลอ งกบั ความสนใจ ความสามารถและความถนัด เนนการบูรณาการความรูในศาสตรสาขา ตางๆ ใชห ลากหลายวิธีสอน หลากหลายแหลงความรู สามารถพัฒนาปญ ญาอยางหลากหลาย คือ พฒั นาพหปุ ญ ญา รวมทั้งเนน การใชวิธกี ารวดั ผลอยางหลากหลายวธิ ี กิจกรรมการเรียนการสอนที่เนนผูเรียนเปนสําคัญที่ตองเนนใหผูเรียนไดคิด วิเคราะห วิพากษ วิจารณ แกปญหาเปน มีความตระหนัก มีจิตสํานึก และสามารถนําความรูไปปฏิบัติใน ชีวติ ประจาํ วัน การจัดการเรียนการสอนท่ีเนนผูเรียนเปนสําคัญดังกลาวสอดคลองกับพระราชบัญญัติ การศกึ ษาแหงชาติ พ.ศ. 2542 แกไ ขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2545 ซงึ่ เปน กฎหมายการศกึ ษาฉบับ แรกของประเทศไทย ในหมวด 4 แนวการจัดการศึกษาท่ีเนนโดยสรุปวาการจัดการศึกษาตองยึด Thinking Skills For 21st Century Teachers 147

หลักวาผเู รยี นทกุ คนมีความสามารถเรยี นรแู ละพัฒนาตนเองได และถอื วา ผเู รียนมคี วามสําคัญท่ีสุด กระบวนการจัดการศึกษาตองสงเสริมใหผูเรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มศักยภาพ ใชกระบวนการเรียนรหู าความรู มีการบรู ณาการ ใชแหงการเรยี นรูห ลากหลาย เปนการวัดประเมิน ตามสภาพจริงบทบาทของผูสอนในยุคปจจุบนั ผูสอนตองสอนหรอื ฝก ผูเ รียน ดังน้ี 1. ฝก คิด คอื สอนใหผูเรยี นคิดเองเปน 2. ฝก ใหผ เู รยี นศึกษาคนควา คอื ศกึ ษาใหล กึ ซ้ึงในเร่ืองใดเรอื่ งหนึ่ง และมกี ารวิจยั คน ควา 3. ฝกใหผูเ รยี นบรกิ ารสังคม คือ สิ่งทีเ่ รียนจะมคี ณุ คา เม่ือไดใชความรูนั้นใหเปนประโยชน ตอ สงั คม ผสู อนเปน ภมู ิปญ ญาทส่ี าํ คญั ในการพฒั นาใหผูเรียนตัง้ แตตัวเลก็ ๆ ซึง่ เปน ประชากรทีส่ าํ คญั ของโลก ผสู อนตองเปน ตัวทวีคูณในการนําผูเรียนเขาสูระบบของการเรียนรู บทบาทของผูสอนจึง เปล่ียนไปจากผูใหความรู ผูบอกความรู (Telling, Talking) มาเปนผูใหผูเรียนใชกระบวนการ (Process) คดิ คนหาความรูดวยตนเองตลอดจนแกปญหาดวยตนเอง ผูสอนจึงเปล่ียนบทบาทจาก ผูสอน (Teacher) มาเปนผูอํานวยความสะดวก (Facilitator) คือเปนผูเตรียมประสบการณ ส่ือการ เรียนการสอนใหผเู รียนใชศกึ ษาคนควาดว ยตนเอง กลา วโดยสรปุ การจดั การเรยี นการสอนเพอ่ื ใหผเู รียนเปนผูมีคุณภาพ คือ ดี มีปญญา เกง และเปน ผมู คี วามสุข คือ สุขภาพกายและจิตดี โดยสรุปเปนประชาชนท่ีดี เกง สุข เปนประชาชนที่ มองกวางคดิ ไกล ใฝรู เชดิ ชูคณุ ธรรมนนั้ ตอ งจัดการเรียนการสอนท่เี นน ผเู รียนเปนสําคญั 3. ตัวบง‹ ชีข้ องการจดั การเรียนการสอนที่เนนŒ ผเŒู รียนเปนš สําคัญ พมิ พพนั ธ เดชะคุปต และพเยาว ยินดีสุข (2551) กลาววา วิธีสอนท่ีใชในการจัดการเรียน การสอนท่ีเนน ผเู รยี นเปน สาํ คญั ผูสอนสามารถใชวธิ ีการใดๆ ก็ไดทเ่ี ปน วธิ สี อนท่ีใหผ เู รียนมีสว นรวม ในการเรยี นอาจใชวิธีสอนใดวิธหี นงึ่ หรอื หลายๆ วธิ ีในการสอนในคร้ังหน่งึ ๆ ดงั เชน วิธกี ารอภปิ ราย วิธกี ารคน พบ วิธสี ืบสอบแบบแนะนํา วธิ ีสอนแบบสตอริไลน วิธีสอนแบบไมม กี ารแนะนาํ วิธีอริยสัจ ส่ี วธิ ีใชสถานการณจาํ ลอง วิธีการเช่อื มโยงมโนทศั น วิธีสอนกลุมสัมพันธ วิธีการเรียนแบบรวมมือ เปน ตน การเรยี นการสอนทเี่ นนผูเรยี นเปนสาํ คัญ มตี ัวบงช้ีท่ีจะใชเปนแนวทางในการประเมินไดวา ไดมีการจัดการเรียนการสอนท่ีเนนผูเรียนเปนสําคัญหรือไม โดยประเมินจากผูสอนเมื่อเขียน แผนการสอน และเม่ือนําแผนการสอนไปใชในหองเรียน และประเมินจากผูเรียนจากพฤติกรรม การเรยี นทง้ั ในหองเรียนและนอกหอ งเรียน การเรียนการสอนทเ่ี นน ผูเ รียนเปนสําคัญน้ัน ยังมีระดับ จากต่ําสุดไปหาสูงสุด เกณฑที่ใชประเมินคือ สังเกตวาผูเรียนมีสวนรวมมากนอยเพียงใด 148 Thinking Skills For 21st Century Teachers

อยา งไรกต็ ามถา ผเู รียนมีสว นรว มสรางความรูดว ยตนเองอยางแทจ ริงจากส่งิ ท่ีผูเรียนตองการรูดวย ตนเอง ผูเรียนจะมีบทบาทมากที่สุด แตผูสอนจะมีบทบาทนอยลง ในทางตรงกันขามถาผูสอนมี บทบาทกาํ หนดหวั เรือ่ งกจิ กรรมรวมท้งั สื่อเพอื่ จดั ประสบการณการเรียนใหผเู รยี นสรา งความรูเองใน ลักษณะน้ผี ูสอนและผูเรียนอาจมีบทบาทเทา ๆ กัน ซ่งึ กย็ งั จดั เปน การเรียนการสอนที่เนน ผเู รียนเปน สาํ คัญเชน กนั แตอยใู นระดับปานกลาง เพือ่ ใหก ารเรียนการสอนทเี่ นนผูเรียนเปน สาํ คัญเปน ไปอยางมี ประสิทธภิ าพ ผสู อนจึงอาจเร่ิมตนฝกใหผูเรยี นเร่ิมมีบทบาทในการเรียนรูจากระดับนอยจนมากขึ้น ตามลําดับ ซึ่งจะทําใหผูสอนมีบทบาทในการสอนนอยลงตามลําดับไปดวยตัวบงช้ีของการจัด การเรยี นการสอนที่เนนผเู รยี นเปนสาํ คัญโดยพจิ ารณาทั้งผูสอนและผเู รยี น มีดังตอ ไปน้ี 3.1 ผŒสู อน 1. ผูสอนจัดการเรยี นการสอนโดยใหผ ูเรยี นสรา งความรใู หมเอง (Construction of the New Knowledge) 2. ผูสอนใหผูเรียนใชทักษะกระบวนการ (Process Skills) คือ กระบวนการคิด กระบวนการกลุม และสรา งความรูดวยตนเอง 3. ผสู อนใหผเู รียนมีสว นรว มในการเรยี น (Participation) คอื มีสว นทง้ั ดา นปญ ญา กาย อารมณ และสังคม รวมท้งั ใหผเู รียนมีปฏิสัมพันธ (Interaction) กับส่ิงมีชีวิตและกับส่ิงไมมีชีวิต เชน หนังสอื สถานที่ตางๆ คอมพวิ เตอร เปนตน 4. ผูสอนสรางบรรยากาศเอ้ือตอการเรียนรู ทั้งบรรยากาศทางกายภาพและจิตใจ เพอื่ ใหผูเรียนเรยี นอยา งมีความสขุ (Happy Learning) 5. ผสู อนมกี ารวัดและประเมินผลท้ังทักษะกระบวนการขีดความสามารถ ศักยภาพ ของผูเรยี น และผลผลติ จากการเรียนรู ซึง่ เปน การประเมนิ ตามสภาพจรงิ (Authentic Assessment) 6. ผูสอนพัฒนาใหผ ูเรยี นสามารถนําความรูไปใชในชวี ิตประจําวันได (Application) 7. ผูสอนบทบาทเปนผูอํานวยความสะดวก (Facilitator) คือเปนผูจัดประสบการณ รวมท้ังสอื่ การเรียนการสอน เพอื่ ใหผเู รียนใชเปนแนวทางสรางความรูดวยตนเอง คือ ผูสอนที่เปน ผอู ํานวยความสะดวกนั้นมบี ทบาทดงั นี้ 7.1 เปนผูนาํ เสนอ (Presenter) 7.2 เปน ผสู งั เกต (Observer) 7.3 เปนผูถ าม (Asker) 7.4 เปน ผใู หก ารเสริมแรง (Reinforcer) 7.5 เปน ผแู นะนาํ (Director) 7.6 เปน ผูสะทอนความคิด (Reflector) 7.7 เปน ผจู ัดบรรยากาศ (Atmosphere Organizer) 7.8 เปนผูจดั ระเบียบ (Organizer) Thinking Skills For 21st Century Teachers 149

7.9 เปน ผูแนะแนว (Guide) 7.10 เปน ผูป ระเมนิ (Evaluator) 7.11 เปนผใู หคาํ ชนื่ ชม (Appraiser) 7.12 เปน ผูก าํ กับ (Coacher) 3.2 ผูŒเรยี น 1. ผูเรียนสรางความรู (Construction) รวมทงั้ สรา งสิ่งประดษิ ฐดวยตนเอง 2. ผูเรยี นใชท กั ษะกระบวนการ (Process Skills) คอื กระบวนการคดิ และกระบวนการ กลมุ การสรา งความรูดว ยตนเอง 3. ผเู รียนมสี วนรวมในการเรียน (Participation) และมีปฏสิ มั พนั ธ (Interaction) 4. ผเู รยี นเรยี นรูอยา งมคี วามสุข (Happy Learning) 5. ผเู รียนสามารถนาํ ความรไู ปใชได (Application) ตวั บงชสี้ าํ คัญในการจัดการเรียนการสอนท่ีเนนผูเรียนเปนสําคัญคือการใหผูเรียนใช กระบวนการสรางความรใู หมและสง่ิ ประดิษฐใ หมด วยตนเอง ดังภาพตอ ไปน้ี กระบวนการสรา งความรูใหมและส่งิ ประดษิ ฐใหมด ว ยตนเอง ดังภาพตอ ไปนี้ ผเูŒ รยี นใชŒกระบวนการ ผลผลิต ความรใŒู หม‹ สิ่งประดิษฐใ หม‹ กระบวนการคดิ กระบวนการกล‹ุม ภาพท่ี 6-1 ภาพการใชกระบวนการสรางความรูใหมแ ละส่ิงประดษิ ฐใหม ทมี่ าภาพ: พิมพพ นั ธ เดชะคปุ ต และพเยาว ยนิ ดีสุข (2551) ขัน้ ตอนของการเรียนการสอนท่เี นน ใหผ เู รยี นสรา งความรตู ามแนวคอนสตรคั ตวิ ิสม นนั้ ไดร เวอรแ ละเบลล (Driver and Bell, 1986 อา งถงึ ใน พิมพพันธ เดชะคุปต และพเยาว ยินดีสุข, 2551) ได กําหนดขัน้ ตอนไวดังนี้ 1. ข้ันนํา (Orientation) เปนข้ันท่ีผูเรียนจะรับรูถึงจุดมุงหมายและมีแรงจูงใจในการ เรยี นบทเรียน 150 Thinking Skills For 21st Century Teachers


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook