รายงานโครงการพฒั นาครูรปู แบบครบวงจร ดว้ ยระบบออนไลน์ หลกั สูตร “การลดความเส่ียงภัยพบิ ตั ธิ รรมชาตแิ ละการปรับตวั รับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” รหสั หลักสตู ร 62037 ปกี ารศึกษา 2562 \\ + นางสาวพรรณี หยงั สู ครโู รงเรียนบ้านโกตา โรงเรยี นบ้านโกตา สำนักงานเขตพื้นทีก่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาสตลู สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
คำนำ โครงการพฒั นาครรู ูปแบบครบวงจร ของสำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน (สพฐ.) เกดิ ข้นึ จากนโยบายของกระทรวงศึกษาธกิ าร ทต่ี ้องการปฏิรปู ระบบผลิตและพัฒนาครู เพอ่ื ตอบสนองตอ่ การพฒั นา ทรพั ยากรบคุ คลอย่างมีระบบและมปี ระสิทธิภาพสูงสุด มคี วามสอดคล้องกับแผนยทุ ธศาสตรร์ ะยะ 20 ปี (พ.ศ.2560 – 2579) ภายใตว้ สิ ยั ทศั น์ “ประเทศมีความม่นั คง ม่ังคงั่ ยั่งยนื เปน็ ประเทศพัฒนาแลว้ ด้วยการ พฒั นาตามปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง จากนโยบายดังกลา่ ว สพฐ. จึงไดด้ ำเนินการ โครงการพฒั นาครูรูปแบบครบวงจรของสำนักงาน คณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน โดยเชิญชวนสถาบันอดุ มศึกษาหรือบุคคล องค์กรชุมชน องคก์ รเอกชน องค์กรวชิ าชพี สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบนั สังคมอ่นื นำเสนอหลกั สตู รอบรมพัฒนาครูให้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน นำเสนอหลักสูตรใหส้ ถาบันคุรพุ ัฒนา สำนกั งานเลขาธกิ ารคุรุ สภา ทำการรับรอง และประชาสัมพันธใ์ ห้ครไู ด้เลือกหลกั สูตรเพ่อื พัฒนาตนเองตามความตอ้ งการ ความจำเปน็ รายบุคคล โดยจะดำเนนิ การจดั ทำระบบลงทะเบียนและตดิ ตามประเมนิ ผลครผู ้เู ข้ารับการพัฒนา เพ่ือใหค้ รู สามารถเลือกอบรมตามความต้องการ และหน่วยงานส่วนกลางสามารถบริหารจัดการจดั สรรงบประมาณไปยัง สำนักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษาเพือ่ เป็นค่าลงทะเบยี นให้กบั ครทู ่ีแจ้งความประสงคเ์ ข้ารบั การอบรมในหลักสตู ร ต่าง ๆ และสามารถทราบความตอ้ งการในการพฒั นาตนเองของครูในภาพรวมได้ จากความสำคัญดงั กลา่ ว ผูร้ ายงานไดเ้ ลือกอบรม หลักสตู ร “การลดความเสยี่ งภยั พบิ ตั ธิ รรมชาตแิ ละ การปรับตวั รับการเปลย่ี นแปลงสภาพภูมิอากาศ” รหัสหลักสูตร 62037 ปีการศึกษา 2562 ซ่งึ เปน็ หลกั สูตร ออนไลน์ เมอื่ ผา่ นการอบรมเรียบร้อยแล้ว จงึ ขอเสนอผลการประชมุ อบรมเพอ่ื ขยายผลการเรียนรตู้ อ่ ไป นางสาวพรรณี หยังสู ผ้รู ายงาน ‘p’
บนั ทึกขอ้ ความ ส่วนราชการ โรงเรยี นบา้ นโกตา ตำบลกำแพง อำเภอละงู จงั หวดั สตูล ที่ วันที่ ๑๙ กนั ยายน พ.ศ.2562 เรื่อง การลดความเสีย่ งภยั พบิ ัติธรรมชาตแิ ละการปรบั ตัวรบั การเปลย่ี นแปลงสภาพภมู ิอากาศ เรยี น ผ้อู ำนวยการโรงเรียนบ้านโกตา ตามที่ข้าพเจา้ นางสาวพรรณี หยงั สู ตำแหน่งครู วิทยฐานะ ครชู ำนาญการ ได้ลงทะเบยี น หลกั สูตร “การลดความเสีย่ งภัยพบิ ตั ธิ รรมชาตแิ ละการปรบั ตวั รบั การเปลย่ี นแปลงสภาพภูมิอากาศ” รหัส หลักสตู ร 62037 ปกี ารศึกษา 2562 ซง่ึ เปน็ หลกั สูตรออนไลน์ ระหว่างเดอื นกันยายน 2562 นั้น ในการนี้ การลดความเสยี่ งภัยพิบัติธรรมชาตแิ ละการปรับตัวรบั การเปลี่ยนแปลงสภาพ ภมู อิ ากาศ ในวันท่ี 18 กนั ยายน 2562 ดงั กล่าวไดเ้ สร็จส้นิ เปน็ ท่ีเรยี บร้อยแลว้ ขา้ พเจ้าขอรายงานผลการอบรม รายละเอยี ดตามเอกสารแนบน้ี จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ (นางสาวพรรณี หยังสู) ตำแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครูชำนาญการ ความคิดเห็นผอู้ ำนวยการโรงเรยี น (นางสาวปณุ ณาณี เจะ๊ หนุ่ม) ผอู้ ำนวยการโรงเรียนบ้านโกตา
บันทกึ รายงานผลการไปราชการ / การอบรมสัมมนา / การศึกษาดงู าน ของบุคลากร โรงเรยี นบา้ นโกตา สำนกั งานเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษาสตลู ************************************** วันท่ี 19 เดือน กนั ยายน พ.ศ. 2562 เรียน ผอู้ ำนวยการโรงเรียนบ้านโกตา ตามทข่ี า้ พเจ้า นางสาวพรรณี หยงั สู ตำแหน่งครู วทิ ยฐานะชำนาญการ โรงเรียนบ้านโกตา ได้ เข้ารว่ มประชุมอบรมโครงการพัฒนาครรู ูปแบบครบวงจร ประจำปี 2562 หลักสตู ร “การลดความเสย่ี งภัย พบิ ัติธรรมชาตแิ ละการปรบั ตวั รบั การเปลยี่ นแปลงสภาพภมู อิ ากาศ” รหัสหลักสูตร 62037 ปกี ารศึกษา 2562 ซงึ่ เปน็ หลกั สตู รออนไลน์ ระหว่างเดอื นกนั ยายน 2562 ที่ผา่ นมา และได้รบั การอนุมตั ิแผนการจดั การเรียนรู้ สามารถพิมพ์วุฒบิ ัตร การสำเร็จการศึกษา หลักสตู ร “การลดความเส่ยี งภัยพบิ ัตธิ รรมชาติและการปรับตัวรบั การเปล่ยี นแปลงสภาพภูมอิ ากาศ” รหสั หลักสตู ร 62037 ปกี ารศกึ ษา 2562 ซ่งึ เป็นหลักสูตรออนไลน์ ใน เดือน สงิ หาคมและกันยายน พ.ศ.2562 บัดนีก้ ารอบรมออนไลน์ หลกั สูตร “การลดความเสี่ยงภยั พิบัตธิ รรมชาติและการปรับตวั รบั การ เปลีย่ นแปลงสภาพภูมอิ ากาศ” รหสั หลกั สูตร 62037 ปกี ารศกึ ษา 2562 ซง่ึ เป็นหลกั สูตรออนไลน์ ดังกล่าว ไดเ้ สรจ็ ส้ินเรยี บร้อยแลว้ ขา้ พเจา้ ขอรายงานการอบรมโดยสรุปเนือ้ หาดงั นี้
โครงการหลกั สตู รความปลอดภยั รอบด้านในโรงเรียน โดยความร่วมมือระหว่างกระทรวงศึกษาธิการ มูลนธิ ิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย และ Save the Children เป้าหมายเพ่อื สรา้ งความรใู้ หแ้ ก่ ครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศกึ ษาใหร้ ู้ถึงความเสีย่ งภัยของตน โดยเฉพาะในพื้นที่ และสามารถวางมาตรการ วิธกี ารที่เหมาะสมตลอดจนสามารถดแู ลผลกระทบเม่ือเกดิ ภัย พบิ ัติจากธรรมชาติ บทที่ 1 ความเสย่ี งภยั ธรรมชาตแิ ละการประเมินความเสย่ี ง บทที่ 2 อาคารสถานทป่ี ลอดภยั บทที่ 3 การจดั การภัยพิบตั ิในสถานศกึ ษา บทท่ี 4 การจัดเรยี นการสอน สามเสาหลักของความปลอดภยั รอบดา้ นในโรงเรยี น ความปลอดภัยรอบด้านในโรงเรียน ซ่ึงอยภู่ ายใต้นโยบายและการปฏบิ ัติดา้ นการศึกษา มีความ สอดคลอ้ งกับการบริหารจดั การภัยพบิ ัตใิ นระดับประเทศ , ภมู ิภาค , จังหวดั และดับพ้ืนที่รวมทั้งโรงเรียน กรอบแนวคดิ ความปลอดภยั รอบด้านในโรงเรยี น ประกอบดว้ ยสามเสาหลกั ได้แก่ เสาหลกั ที่ 1 สง่ิ อำนวยความสะดวกในการเรยี นท่ปี ลอดภยั ผู้มีบทบาทหลัก : บุคลากร/หน่วยงานด้านการศึกษาและการวางแผน สถาปนิก วิศวกร ผรู้ บั เหมาก่อสรา้ งบคุ ลากรโรงเรียน และสมาชิกชุมชนท่ีมีบทบาทในการตัดสินใจดา้ นการเลอื กสถานที่ต้ัง โรงเรยี นที่ปลอดภยั การออกแบบ การกอ่ สรา้ ง และการดูแลรกั ษาโรงเรียน (รวมถงึ การเขา้ ถึงอาคารสถานท่ี และส่งิ อำนวยความสะดวกไดอ้ ยา่ งปลอดภัยสมำ่ เสมอ)
เสาหลกั ที่ 2 : การบริหารจดั การภัยพิบตั ิในโรงเรียน ผูม้ บี ทบาทหลัก : ผู้บริหารภาคการศกึ ษาทงั้ ในระดบั ประเทศและระดบั จังหวดั รวมท้ังชุมชนโรงเรียน ในพ้ืนท่ีซึ่งรว่ มงานกบั หน่วยงานด้านการบรหิ ารจดั การภัยพิบตั ิทเ่ี ก่ียวข้องในแต่ละพื้นท่ี ในระดับโรงเรียน ได้แก่ บคุ ลากรในโรงเรียน นกั เรยี นและผูป้ กครองที่มสี ่วนร่วมในการดแู ลรกั ษาสภาพแวดลอ้ มทางการเรยี นที่ ปลอดภัย ตัวอย่างกิจกรรม เชน่ การประเมินและลดความเสย่ี งทางสงั คมสิง่ แวดล้อม สาธารณปู โภคและความ เส่ยี งทไี่ มใ่ ช่โครงสร้างและโดยการพฒั นาศกั ยภาพในการรบั มอื ภยั พบิ ตั ิและวางแผนการศกึ ษาตอ่ เนือ่ ง เสาหลกั ท่ี 3 : การศกึ ษาดา้ นการลดความเส่ยี งและการรู้รบั ปรบั ตัวจากภัยพบิ ตั ิ ผมู้ ีบทบาทหลัก : ผ้จู ัดทำหลักสตู รและสอ่ื การเรยี นการสอน คณะครศุ าสตร์/ศกึ ษาศาสตร์ ผ้อู บรมครู ครู กลมุ่ เยาวชน ผ้นู ำในการจดั กิจกรรมเยาวชน และนักเรียน ทจ่ี ะร่วมมือการเพ่อื พฒั นาและสร้างความ เขม้ แขง็ ให้กับวฒั นธรรมแหง่ ความปลอดภัยและมคี วามสามารถในการรรู้ บั ปรับตวั และพ้นื คืนกลับจากภยั พิบตั ิ
บทท่ี 1 ความเส่ียงภัยธรรมชาติและการประเมินความเสย่ี ง 1.วัตถปุ ระสงค์ 1.เพื่อใหต้ ระหนักร้ถู ึงผลกระทบของภัยธรรมขาตมิ ีตอ่ ชวี ิตมนุษย์และภาคการศกึ ษา 2.เพ่ือให้เข้าใจหลกั การลดความเสี่ยงภยั พบิ ัตใิ นสถานศกึ ษา 3.เพ่ือให้รู้จักวิธปี ระเมนิ ความเสี่ยงภัยธรรมชาติ 2.หัวขอ้ การเรยี นรู้ 1.การสรา้ งความตระหนักในการลดความเส่ยี งภยั พบิ ตั ทิ างธรรมชาติ 2.บทบาทหนา้ ท่ีของภาคการศกึ ษาในการจดั การภัย 3.แนวคิดสำคญั 3.1 การลดความเสี่ยงภัยพิบตั ิ (ภัย ภัยพิบตั ิ ความเส่ียง ความเปราะบาง ความสามารถในการรบั มอื ) 3.2 การจดั การภัยพบิ ัติ 4.กรอบการทำงานสถานศกึ ษาปลอดภัยรอบด้าน 5.การประเมนิ ความเส่ยี ง (วธิ ปี ระเมนิ ความเส่ยี ง และเครือ่ งมือต่าง ๆ และวธิ ใี ช้เครอ่ื งมอื ) 6.การประเมินกอ่ นเรยี นและหลังเรยี น หวั ขอ้ 1 : ความตระหนกั ในการลดความเส่ียงภยั พิบัตทิ างธรรมชาติของสถานศกึ ษา เป้าหมายของการลดความเสยี่ งภัยพิบตั ิในสถานศึกษา คือ การท่ีบุคลากรทางการศึกษา ครูและ นักเรียนมีความสามารถในการเรยี นรคู้ วามเสี่ยงภยั ของตนโดยเฉพาะภัยในพนื้ ท่ี สามารถวางมาตรการและ วิธกี ารปฏบิ ัติ ตลอดจนสามารถดูแลรักษาโครงสร้างและกลไกพ้นื ฐานให้ปลอดภยั เพ่ือลดผลกระทบจากภัย ธรรมชาติน้นั ๆ และหากประสบภัยพิบัตจิ ากธรรมชาติก็สามารถฟืน้ ตวั ไดด้ ้วยแนวทางและทรพั ยากรทม่ี ใี น ระยะเวลาท่ีเหมาะสม การรู้จกั ความเส่ียงภยั ของตนเองอย่างแทจ้ รงิ จงึ เปน็ จุดเร่ิมตน้ ในการวางแผนลดความ เสยี่ งภยั พิบตั ิ หวั ขอ้ 2 : บทบาทหนา้ ที่ของสถานศกึ ษาในการจดั การภัยพิบัติ ปจั จุบนั ประเทศไทยขบั เคล่ือนยุทธศาสตร์ \"การจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัย\" ตามแผนการ ปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั แหง่ ชาติ พ.ศ.2558 ภายใต้ กรอบการทำงานลดความเส่ียงภยั พบิ ัติ พ.ศ. 2558 - 2573 (Sendai Framework for. Disaster Risk Reduction 2015 – 2030 หรือ SFDRR) หรือท่ีเรียกกัน สั้นๆว่า \"กรอบเซนได\" ซึ่งเป็นกรอบการทำงานตามมาตรฐานสากลกินระยะเวลา 15 ปี ระหวา่ ง พ.ศ. 2558 ถงึ พ.ศ. 2573 แผนการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัยแหง่ ชาติ พ.ศ. 2558 ได้กำหนดบทบาทหนา้ ท่ีให้หน่วยงาน ของรัฐมสี ว่ นร่วมในการลดความเสยี่ งภัยพบิ ตั ิ โดยกระทรวงศึกษาธิการไดร้ บั มอบหมายหนา้ ทีต่ อ่ ไปนี้
1. พัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนเก่ียวกบั การป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัยทุกระดบั ชน้ั ตัง้ แต่ การศกึ ษาขั้นพ้นื ฐานจนถงึ ระดบั อดุ มศกึ ษา 2. ส่งเสรมิ หน่วยงานการศกึ ษาใหม้ บี ทบาทในการชว่ ยเหลือสนบั สนนุ การปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั 3. ส่งเสรมิ ให้ความรู้และสร้างจิตสำนึกแก่นกั เรยี น นักศึกษา ประชาชนให้มสี ่วนรว่ มในการปอ้ งกนั และ บรรเทาสาธารณภยั 4. สนับสนุนบุคลากรทางการศึกษา เช่นลูกเสือ เนตรนารี เป็นต้น เพื่อสนับสนนุ การปฏิบตั ิงานของ กองบัญชาการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั แหง่ ชาติ และกองอำนวยการปอ้ งกนั และบรรเทาสา ธารณภัยในพ้ืนที่ 5. สำรวจและจดั ทำฐานข้อมูลสถานศึกษาเพือ่ ใช้เปน็ ศูนย์พักพงิ ชั่วคราว หวั ข้อ 3 : แนวคดิ สำคัญ 3.1 เรอ่ื งการลดความเส่ียงภยั พบิ ัติ การลดความเสยี่ งภัยพิบัติ (Disaster Risk Reduction) คอื แนวคดิ และวิธปี ฏิบัติในการป้องกัน และลดผลกระทบจากภัยด้วยการวิเคราะหป์ ัจจยั ทเ่ี ส่ียงทจี่ ะทำให้เกดิ ภัยพิบตั ิ ได้แก่ ความรุนแรงของภัย ความลอ่ แหลม ความเปราะบางของอาคารบา้ นเรอื นและคนในสงั คม และศักยภาพในการรับมือภยั พบิ ตั ิ ความเสี่ยงจากภัยพิบตั ิมีองคป์ ระกอบสำคญั 4 ประการ ไดแ้ ก่ ภัย (Hazard) ความลอ่ แหลม (Expo- sure) ความเปราะบาง (Vulnerability) และความสามารถในการรบั มอื (Coping capacity)
ภยั (hazard) คอื สภาวะอนั ตรายทเี่ กิดจากธรรมชาตหิ รอื เกิดจากน้ำมอื มนษุ ย์ ภัยธรรมชาติ เช่น ฝน ตก พายุแผ่นดนิ ไหว ภูเขาไฟระเบิด คลนื่ กัดเซาะชายฝง่ั ภัยธรรมชาตแิ บง่ ได้ตามลกั ษณะการเกดิ คอื ภัยทีเ่ กิด ฉับพลนั และภยั ทีเ่ กิดขึ้นชา้ ๆ และตอ้ งดผู ลกระทบจากความรุนแรงของภัย ตัวอยา่ งเชน่ พายุฤดรู อ้ นทีเ่ กดิ ขึ้น ในหลายพ้นื ทีม่ ีความรุนแรงจนสร้างความเสียหายใหแ้ ก่โครงสรา้ งอาคารเรียน ภัยธรรมชาตทิ เ่ี กดิ ขนึ้ ในประเทศไทยมหี ลายรปู แบบ ทสี่ ำคัญและเสยี หายไดเ้ ป็นอยา่ งมาก คือ วาตภัย อุทกภัย อคั คีภยั และแผน่ ดินไหวผ้เู รยี น สามารถอา่ นรายละเอยี ดเพิ่มเตมิ เก่ยี วกับลักษณะของภยั ธรรมชาตทิ ี่ เกดิ ข้ึนในประเทศไทยได้จาก เอกสารเร่ือง ภัยธรรมชาตใิ นประเทศไทย โดยกรมอุตนุ ยิ มวทิ ยา ภยั พบิ ตั ิ (disaster) หมายถงึ “การทร่ี ะบบตา่ งๆในสังคมหน่งึ ต้องหยดุ ชะงักอันเป็นผลมาจากภัย ไม่ วา่ จะเปน็ ภัยทางธรรมชาตหิ รอื เกดิ จากมนษุ ย์ และภยั นน้ั ซ่งึ สง่ ผลกระทบรนุ แรงต่อชวี ิต ทรัพย์สิน เศรษฐกิจ สงั คมและสิ่งแวดลอ้ มอย่างกว้างขวาง เกินกว่าความสามารถของชุมชนจะรับมือได้โดยใช้ทรัพยากรที่มี อย”ู่ จะเหน็ ไดว้ า่ นิยามนี้กำหนดใหภ้ ัยพบิ ตั จิ ะเกดิ ขึ้นเม่อื ภยั ธรรมชาตสิ ่งผลกระทบตอ่ สังคมมนษุ ย์ หากภัย ธรรมชาติไม่สง่ ผลรา้ ยแรงตอ่ สังคมมนุษย์จะไมเ่ รียกวา่ ภัยพิบัตติ ามนยิ ามน้ี
ตวั อย่างภัยพบิ ัตทิ ี่เกิดขนึ้ ในประเทศไทย ได้แก่ พายโุ ซนรอ้ นที่ถลม่ แหลมตะลุมพุกเม่ือพ.ศ. 2505 พายุเกย์ แผน่ ดินไหวที่เชียงราย พ.ศ. 2557
ประเทศไทย ใช้คำวา่ สาธารณภยั แทนคำว่าภัยพบิ ัติ เพ่อื ใหเ้ ปน็ ไปตามพระราชบัญญัติป้องกนั และ บรรเทาสาธารณภัย 2550 โดยระบวุ ่า “สาธารณภัย” หมายถงึ “อคั คภี ยั วาตภยั อุทกภัย ภยั แลง้ โรคระบาด ในมนุษย์ โรคระบาดสตั ว์ โรคระบาดสตั ว์น้ำ การระบาดของศตั รพู ชื ตลอดจนภัยอ่ืน ๆ อนั มีผลกระทบต่อ สาธารณชน ไม่วา่ เกิดจากธรรมชาติ มีผู้ทำให้เกิดข้ึน อุบัติเหตุหรอื เหตุอนื่ ใด ซงึ่ ก่อให้เกดิ อันตรายแก่ชีวิต รา่ งกายของประชาชนหรอื ความเสียหายแก่ทรพั ยส์ ินของประชาชน หรือของรฐั และใหห้ มายความรวมถึงภัย ทางอากาศ และการก่อวนิ าศกรรด้วย” ความล่อแหลม (Exposure) หมายถึงการท่ีผู้คน อาคารบ้านเรือน ทรัพย์สิน ระบบต่าง ๆ หรือ องค์ประกอบใด ๆ มที ่ีตั้งอยู่ในพื้นที่เส่ียงภัย เป็นการมองทางกายภาพของพ้ืนท่ีต้ังเป็นหลัก ตวั อย่างเช่น โรงเรยี นทีต่ งั้ อยู่ริมแม่นำ้ มโี อกาสเผชญิ ภัยจากแผน่ ดินทรดุ ตวั • ฝนตกหนักโรงเรียนริมน้ำท่าจีน ดนิ ทรุด ลกึ เกือบ 2 ม. ความเปราะบาง (Vulnerability) หมายถงึ ปจั จัยหรอื สภาวะใดๆก็ตามท่ที ำใหผ้ ้คู นไมส่ ามารถรับมอื กบั ภัยธรรมชาติ ตลอดจนไม่สามารถฟืน้ ฟูชีวิตความเป็นอยู่ได้หลังจากเกิดภัยพบิ ัติ ในกรณีของสถานศึกษา ความเปราะบางแบง่ เป็นความเปราะบางดา้ นโครงสรา้ ง (Structural Vulnerability) คอื สง่ิ ก่อสรา้ งท่ีมองเห็น และความเปราะบางท่ีไม่ใช่โครงสร้าง (non-structural vulnerability) เชน่ ความเปราะบางทางสังคม
เศรษฐกิจ เพศ วยั ความรู้ ยกตัวอย่างของความเปราะบาง เช่น อาคารสถานที่เรียนที่ไม่ปลอดภัย ระบบสาธารณูปโภคใน โรงเรยี นทรดุ โทรม ถอื เป็นความเปราะบางด้านโครงสร้าง ถ้าบุคลากรในสถานศกึ ษาไมม่ ีความรู้ทางบรหิ าร จัดการภยั พิบตั ิ นักเรยี นท่ีขาดทักษะในการเอาตัวรอดจากอันตราย โรงเรยี นมนี กั เรยี นพกิ ารทีช่ ว่ ยเหลือตัวเอง ระหว่างเกดิ เหตุไม่ได้ ตลอดจนการขาดความสามคั คขี องบุคลากร ก็ถือเป็นความเปราะบางทีไ่ มใ่ ชโ่ ครงสร้าง เปน็ ตน้ ความสามารถหรอื ศกั ยภาพ (Capacity) หมายถงึ ความสามารถในการรบั มอื กบั ภยั พิบตั ิ คือการใช้ คน ความรู้ทกั ษะและทรัพยากรที่มีอยชู่ องสถานศึกษามาจัดการภัยพิบัติ และนำมาพัฒนาเพื่อเพ่ิมขีด ความสามารถในการรบั มือใหส้ ูงขนึ้ แบ่งเป็น 1) ความสามารถเชิงกายภาพ (Structural Capacity) ได้แก่ อาคารสถานท่ี สาธารณูปโภค 2) ความสามารถทไี่ มใ่ ช่กายภาพ (Structural Capacity) ไดแ้ ก่ ความสามารถ ของบุลากร เช่น การดำเนนิ มาตรการลดผลกระทบ การมแี ผนเผชิญเหตุ การมเี ครอื่ งมืออปุ กรณ์ชว่ ยชีวติ ที่ จำเป็น การฝึกอบรมทักษะให้นักเรียนในการปกป้องชีวิตและทรัพย์สนิ จากเหตุการณ์ภัยธรรมช าติหรือ สถานการณ์ฉุกเฉิน ความสามารถทางเศรษฐกจิ และสังคม (Socioeconomic capacity) ได้แก่ นโยบาย งบประมาณ และกลไกทสี่ ่งเสริมการจัดการภัยพบิ ตั ใิ นสถานศกึ ษา เปน็ ตน้ • สพฐ. จบั มือญีป่ นุ่ ขนนกั เรียน ครู ซ้อมรบั มอื แผน่ ดินไหว-ภยั พิบัติ
3.2 วงจรการจดั การภัยพบิ ัติ (Disaster Management Cycle) การจดั การภัยพิบตั ิ สามารถแบง่ เป็น 3 ระยะ คอื ระยะกอ่ นเกิดภยั ระหวา่ งเกดิ ภัยและหลังเกิดภัย โดยในแต่ละระยะมแี นวทางปฏิบัตกิ วา้ งๆ ไดแ้ ก่ กอ่ นเกิดภัยเปน็ เวลานานจะเปน็ การดำเนินมาตรการป้องกัน ไม่ใหเ้ กิดภัยพบิ ตั ิ หรือหากปอ้ งกนั ไม่ได้ กต็ ้องหาทางบรรเทาหรอื ลดผลกระทบ เรยี กว่า (Prevention and Mitigation) แตถ่ ้ายงั มโี อกาสเกิดภยั แน่นอนก็จะตอ้ งเตรยี มความพรอ้ มเพอื่ เผชิญเหตุ (Preparedness) และ ในระหว่างเกิดภัย จะต้องใช้มาตรการการจัดการภาวะวิกฤติ (Crisis Management) หรอื การโต้ตอบ สถานการณ์ฉกุ เฉิน (Emergency Response) เพอื่ ไมใ่ ห้เกิดความเสียหายลุกลามจนทำให้ภยั กลายเป็นภัย พบิ ัติ และเม่ือเหตุการณ์เลวร้ายน้ันไดผ้ ่านไปแล้ว จะตอ้ งดำเนินการฟ้ืนฟเู ยียวยา และการบูรณะซ่อมแซม (Rehabilitation and Reconstruction) สิง่ ท่ีเสียหายใหป้ ลอดภยั กวา่ เดิม หัวข้อ 4 : กรอบการทำงานสถานศึกษาปลอดภัยรอบด้าน กรอบการทำงานด้านความปลอดภยั รอบด้านในสถานศกึ ษา องคป์ ระกอบท้ังสามเสาภายใตก้ รอบการทำงานเพอื่ ความปลอดภัยรอบดา้ นในสถานศกึ ษา ได้แก่ เสาท่ี 1 อาคารและสิง่ อำนวยความสะดวกในสถานศกึ ษาทป่ี ลอดภยั (Safe Learning Facilities) เป็น เรอื่ งเกี่ยวกบั การพิจารณาสถานท่ีสรา้ งสถานศึกษา การกอ่ สร้างทีถ่ กู ตอ้ งตามหลักกฎหมายและการกำกบั ดูแล ความปลอดภยั ของสถานที่
เสาท่ี 2 การจัดการภยั พบิ ัตใิ นสถานศกึ ษา (School Disaster Management) เปน็ เรื่องเก่ียวกับการ จัดสรรและบรหิ ารทรัพยากรตา่ งๆเพอื่ การป้องกนั การสญู เสยี และความเสียหาย ตลอดจนการฝึกอบรมเพิ่มพูน ทกั ษะให้บุคลากรและนกั เรียนสามารถชว่ ยเหลอื ตนเองใหป้ ลอดภยั เสาท่ี 3 การใหค้ วามรูด้ า้ นการลดความเส่ยี งและการรรู้ บั ปรบั ตวั (Risk Reduction and Resilience Education) เปน็ การจัดการเรียนการสอนอยา่ งตอ่ เน่ืองท้ังในเร่อื งความรู้และทักษะการลดความเสี่ยงและการ ปรบั ตวั ให้พรอ้ มรับภัยธรรมชาติ
หัวข้อ 5 : การประเมินความเส่ียง (วิธปี ระเมินความเสย่ี ง และเครอ่ื งมือต่างๆ และวธิ ใี ชเ้ คร่อื งมือ) 5.1 ปฏทิ ินฤดูกาล (Seasonal Calendar) สถานศึกษาสามารถใช้ปฏทิ ินฤดูกาลเปน็ เครื่องมือแสดงใหเ้ ห็นความสอดคล้องของช่วงระยะเวลา ฤดกู าล ชว่ งเวลาท่เี กิดภัย และชว่ งเวลาจดั กจิ กรรมตา่ งๆของสถานศกึ ษา ทำใหเ้ ห็นความเสี่ยงภยั ธรรมชาตใิ น แตช่ ว่ งเวลา ปฏิทนิ ของแตล่ ะสถานศกึ ษาอาจจะไม่เหมอื นกนั ขึน้ อยกู่ ับบรบิ ททางสงั คมและสภาพอากาศ เช่น เดือนแหง่ การเรม่ิ ฤดมู รสุมของภาคเหนอื ยอ่ มแตกต่างจากภาคใต้ ภัยจากแผ่นดนิ ไหวมโี อกาสเกดิ ในจงั หวัดท่มี ี รอยเล่อื นมากกว่าจงั หวดั ทไ่ี ม่มรี อยเล่อื น ภัยสึนามจิ ะเกดิ ในพื้นท่ชี ายฝัง่ ทะเลด้านอา่ วไทยและอนั ดามนั แต่ไม่ มีภัยสึนามิในภาคเหนอื ภาคกลาง และภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ โอกาสที่เด็กจะเป็นอนั ตรายหากเกิดภัยพบิ ตั ิ ในช่วงเปิดเทอมย่อมสูงกวา่ โอกาสท่ีจะเกดิ ในช่วงปิดเทอม แต่โอกาสท่ีเด็กจะจมนำ้ ตายในช่วงปิดเทอมกม็ ี มากกวา่ ในช่วงเปิดเทอม เป็นต้น ตัวอยา่ งปฎทิ นิ ฤดกู าลทแี่ สดงภยั และสถานท่เี ส่ียงภัยในรอบปี 5.2 แผนทค่ี วามเสย่ี งภยั สถานศกึ ษา (School Risk Map) การจัดทำแผนท่เี สย่ี งภยั นนั้ มีวตั ถุประสงคเ์ พือ่ ใหท้ กุ คนไดเ้ ขา้ ใจตรงกันถงึ พนื้ ท่เี สี่ยงภัย จุดเปราะบาง จดุ ล่อแหลมและทรัพยากรตา่ งๆทม่ี ใี นพนื้ ที่ และใชเ้ ป็นเคร่ืองมอื ชว่ ยในการวางแผน ในการทำแผนที่เส่ียงภัย จะทำเป็นแผนที่เฉพาะแสดงพ้ืนที่ภายในสถานศึกษา หรอื จะทำเปน็ แผนท่ที ่ีแสดงพ้ืนทีใ่ กล้เคยี ง เช่น ชมุ ชน รอบรวั้ สถานศกึ ษา หรือพน้ื ทีอ่ ื่นๆก็ได้ ขนึ้ อยูก่ บั วตั ถุประสงคท์ ต่ี ้องการ ข้อแนะนำในการทำแผนทเี่ ส่ียงภัยพบิ ตั ิธรรมชาติ • แผนท่ีเสยี่ งภยั แสดงแผนผังของสถานศึกษา อาคารเรยี น อาคารประกอบ แต่จะมีการใส่ข้อมูล ความเส่ียงภัยหรือขอ้ มูลภัยที่เคยเกดิ ภัยมาแล้วในอดีต ควรมีการระบุความเปราะบาง เช่น หอ้ งเรียน หรืออาคารท่ีมกี ลุ่มเปราะบาง เชน่ เดก็ เล็ก เด็กพิการ หรือกลุ่มที่ต้องได้รับความ ชว่ ยเหลือเปน็ พเิ ศษ • การทำแผนท่ีความเสี่ยงภัยพิบัติธรรมชาติ อาจจะใช้แผนที่เหมือนกับแผนผังหนีไฟของ สถานศึกษากไ็ ด้แตต่ อ้ งพิจารณาผลกระทบของภัยและลกั ษณะของภัย หากเป็นภัยท่ีเกดิ ขึน้ อย่าง
ฉับพลนั ทนั ที และสามารถใช้เสน้ ทางหนีภยั และจุดปลอดภัยท่อี ยใู่ นแผนป้องกนั อัคคภี ัยได้ ก็ สามารถใชแ้ ผนที่ร่วมกนั ได้ • แผนทีเ่ ส่ียงภัยอาจจะใช้เปน็ แผนที่แสดงเส้นทางหนีภยั ดว้ ยคือต้องระบุพ้ืนท่ีปลอดภัย เสน้ ทาง อพยพ • แผนที่เสย่ี งภัยสถานศึกษาอาจจะขยายไปถึงการแสดงอาณาเขตรอบสถานศึกษา หรือสภาพ กายภาพของชมุ ชนแวดล้อม เช่น วัด โรงพยาบาล สถานีอนามยั ทที่ ำการองค์การบริหารสว่ น ตำบล สถานตี ำรวจ • ในการทำแผนท่เี สยี่ งภยั ควรมีการเดินสำรวจสถานทแ่ี ละควรใหน้ กั เรยี นไดเ้ ขา้ มามีสว่ นรว่ มกบั ครู เพือ่ ให้เกดิ การเรียนรรู้ ่วมกนั หากเป็นการทำแผนทีท่ ่คี รอบคลมุ ชุมชนรอบนอก ก็จะตอ้ งมีการ เดนิ สำรวจชุมชนและสัมภาษณ์คนในชุมชนถึงประวัตกิ ารเกิดภัย เสน้ ทางปลอดภยั และปจั จัย แวดล้อมอ่นื ๆด้วย • หากสถานศึกษามนี กั เรยี นพกิ าร ควรใหน้ กั เรียนพกิ ารได้เข้ารว่ มกระบวนการหาข้อมูลเพื่อสืบหา การรับรู้ความเสย่ี งของนักเรยี นพกิ าร เพ่ือจดั ทำมาตรการและวางแผนท่เี หมาะสมกับนักเรียน พกิ ารต่อไป โครงการลดความเสยี่ งภยั พบิ ตั ิในสถานศกึ ษา JICA ตัวอยา่ งแผนท่ีเสี่ยงภัยของสถานศึกษา
5.3 แผงผังวงกลม (Venn Diagram) วิธีการน้ีสามารถใช้กับการระดมความคิดเพื่อวิเคราะห์หาความสัมพันธข์ องผู้ท่ีเก่ียวข้อง (stake holder mapping) เช่น การระบหุ นว่ ยงานหรอื องค์กรในพ้ืนทที่ ่ีสามารถให้ความชว่ ยเหลือในการบริหาร จัดการภยั พิบัติได้ โดยวางตำแหนง่ หน่วยงานท่ีมคี วามสัมพันธใ์ กล้ชิดและสามารถขอความช่วยเหลือไดร้ วดเร็ว ไว้ใกล้ตำแหน่งของสถานศึกษา เปน็ ต้น วธิ ีนี้จะทำใหม้ องเหน็ ท้งั ความเปราะบางและศกั ยภาพของสถานศกึ ษา ผา่ นเครอื ขา่ ย 5.4 การจดั ลำดบั ภัยธรรมชาตทิ ีม่ ผี ลกระทบตอ่ สถานศกึ ษา ในการจัดทำแผนบริหารจดั การภยั พิบัติธรรมชาติน้นั ควรประเมนิ ความเส่ียงภัยธรรมชาติเพ่ือระบุ ความเส่ียงท่ียอมรับได้และความเสย่ี งทีย่ อมรับไมไ่ ด้ สถานศึกษาสามารถใชต้ ารางกำหนดความเสย่ี งและ ตารางอา้ งอิงความถี่และตารางอา้ งองิ คะแนนความเส่ียงในการประเมินความเส่ียงภัย
แบบทดสอบหลงั เรยี น บทที่ 1 1. ขอ้ ใดไมใ่ ชบ่ ทบาทหน้าทขี่ องกระทรวงศกึ ษาธิการตามแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ก.พฒั นาหลกั สตู รป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั ใหน้ กั เรียน นกั ศกึ ษา ข.ส่งเสรมิ ให้ความรู้และสรา้ งจิตสำนึกในการลดความเสีย่ งภัยพิบัตแิ กน่ กั เรยี น นกั ศึกษา ประชาชน ค.จดั กิจกรรมเสรมิ สร้างทกั ษะชวี ิตแกล่ กู เสือ เนตรนารี เชน่ วิธีปฐมพยาบาล เป็นตน้ ง.สง่ เสริมให้ความรแู้ กป่ ระชาชนเรอื่ งการเรยี กรอ้ งสิทธติ ามกฎหมาย 2. การสรา้ งความตระหนกั ในการลดความเสี่ยงจากภยั พิบตั ิในสถานศึกษาควรเรม่ิ ตน้ อยา่ งไร ก.ใหค้ วามรู้และปรบั ทศั นคติของครู นักเรียนและบุคลากรทางการศกึ ษาเร่อื งการจัดการภัยพบิ ัติ ข.ดำเนนิ มาตรการและวิธกี ารปฎบิ ตั ิทกุ อย่างตามกรมปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัย ค.การดูแลโครงสร้างพ้นื ฐานให้ปลอดภยั ง.สร้างความสามารถในการฟ้ืนตวั ได้ 3. สามเสาหลกั ภายใตก้ รอบการทำงานด้านความปลอดภัยรอบดา้ นในสถานศกึ ษามเี น้ือหาหลกั เรอ่ื งอะไร ก.ผอู้ ำนวยการ ครู นกั เรียน ข.ความล่อแหลม ความเปราะบาง และความสามารถในการรับมอื ค.อาคารสถานที่ การบรหิ ารจดั การภยั พบิ ตั ิ การจัดการเรียนการสอนเร่ืองการลดความเสี่ยง ง.บ้าน วัด โรงเรียน 4. ข้อใดแสดงให้เหน็ ถงึ ความเข้าใจตอ่ การลดความเส่ยี งจากภยั พบิ ตั ิ ก.ผอู้ ำนวยการสั่งใหข้ ยายทางระบายน้ำรอบโรงเรียนเพอ่ื ไมใ่ หน้ ำ้ ทว่ มขงั ข.ครูสอนให้นกั เรียนรู้จักวธิ ีตะโกน โยน ยนื่ เพ่อื ช่วยคนจมน้ำ ค.ภารโรงตรวจสอบถังดับเพลงิ สมำ่ เสมอตามวธิ ที เี่ จา้ หนา้ ทเ่ี ทศบาลสอนไว้ ง.ถูกทกุ ขอ้ 5. กรอบเซนได(Sendai Frame work) ทจ่ี ะใช้ในปี 2558-2573 เนน้ การทำงานดา้ นใด ก.การคมุ้ ครองเด็ก สตรี และคนชราในสถานการณ์ภัยพบิ ตั ติ ามหลกั สากล ข.แนวทางการลดความเส่ยี งจากภัยพิบตั ทิ เ่ี ปน็ มาตรฐานสากล
ค.การใหค้ วามช่วยเหลือกลมุ่ เปราะบางในการอพยพจากสถานการณภัยพบิ ัติ ง.ความร่วมมือระหวา่ งอาเซียนในการลดความเสยี่ งภัยพิบัติ 6. ภัย (Hazard) ความล่อแหลม (Exposure) ความเปราะบาง (Vulnerability) และความสามารถในการ รบั มือ (Coping Capacity) เป็นองค์ประกอบของอะไร ก.กรอบการทำงานเซนได ข.ความเสย่ี งตอ่ การเกดิ ภยั พบิ ตั ิ ค.แผนปอ้ งกนั ภยั พบิ ตั ิ ง.ปฏทิ นิ ฤดูกาล 7. คำวา่ ภยั ตา่ งจากคำวา่ ภยั พิบัตหิ รอื ไม่ อย่างไร ก.ต่างกัน เพราะภัยหมายถงึ สภาวะทเ่ี กดิ ตามธรรมชาตขิ องโลก เชน่ ฝนตก นำ้ ทว่ ม พายุ หรอื สภาวะ อันตรายจากการกระทำของมนุษย์ เชน่ การก่อการร้าย และภัยธรรมชาติจะกลายเปน็ ภัยพิบตั เิ มือ่ ชมุ ชนหรอื สังคมไมส่ ามารถตา้ นทานภัยนัน้ ๆไดด้ ว้ ยความสามารถและทรัพยากรของตนจนทำให้เกดิ ความเสียหายแกช่ ีวิต และทรพั ยส์ ินอย่างมาก และทำใหก้ จิ กรรมตา่ งๆในระบบสงั คม เช่น การศกึ ษา การค้า คมนาคม การบริการ ทางการแพทย์ และอื่นๆต้องหยดุ ชะงกั ข.ตา่ งกัน เพราะภยั พบิ ัตหิ มายถึงความเปราะบางของสถาบนั การศกึ ษา เชน่ อาคารไมแ่ ข็งแรงทำให้ อาคารถล่มเวลาเกดิ แผน่ ดนิ ไหว ครูไมม่ แี ผนการสอนเร่ืองการลดความเส่ียงทม่ี ีประสทิ ธิภาพ สว่ นภัยคือการไม่ ทำแผนบริหารจดั การภยั พิบตั ทิ ำใหเ้ กดิ การสูญเสยี ทรพั ย์สิน การเรียนการสอนตอ้ งหยุดชะงัก เดก็ ต้องออกจาก โรงเรียน ค.ต่างกัน เพราะภยั คือสิง่ ทสี่ ง่ มาจากพระเจ้า เป็นโชคชะตาทล่ี ิขติ ไว้แล้ว สว่ นภัยพิบัตคิ อื การปรบั ตวั ของโลกใหเ้ กดิ สมดุลย์เพ่ือใหโ้ ลกดำเนนิ ต่อไปได้ ง.เหมอื นกัน เพราะเปน็ คำท่ใี ชแ้ ทนกนั ได้ 8. บทบาทหน้าทข่ี องสถานศกึ ษาในการจดั การภยั พิบตั ิคอื อะไร ก.จัดทำแผนรบั มอื ภัยพบิ ตั ิและมีการซอ้ มแผนอย่างน้อยภาคเรยี นละ 1 คร้ัง ข.มีการแจง้ เตอื นภยั พบิ ตั ใิ นแตล่ ะช่วงใหบ้ คุ ลากรทราบ ค.จดั ให้มเี ด็กทม่ี ีความต้องการพิเศษอย่ใู นการซ้อมแผนด้วย ง.ถูกทกุ ขอ้
9. หากตอ้ งการกำหนดเส้นทางหนภี ัยและจดุ ปลอดภยั ควรใช้เคร่อื งมอื อะไร ก.แผนผังโรงเรยี น ข.แผนทีเ่ สี่ยงภัย ค.Venn Diagram ง.การจดั ลำดับภยั 10. การระดมความคดิ เพอ่ื วิเคราะห์หาความสมั พนั ธข์ องผทู้ ี่เกย่ี วข้อง (stake holder mapping) ควรใช้ เครอ่ื งมืออะไร ก.แผนผังโรงเรยี น ข.แผนทเี่ สี่ยงภัย ค.Venn Diagram ง.การจดั ลำดับภยั เฉลยทา้ ยบทเรยี น บทที่ 1 1. ขอ้ ใดไม่ใช่บทบาทหน้าทขี่ องกระทรวงศกึ ษาธิการตามแผนป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั • สง่ เสริมใหค้ วามรู้แก่ประชาชนเรอ่ื งการเรยี กร้องสิทธติ ามกฎหมาย 2. การสร้างความตระหนกั ในการลดความเสย่ี งจากภยั พิบตั ิในสถานศกึ ษาควรเริ่มตน้ อย่างไร • ใหค้ วามรูแ้ ละปรับทัศนคตขิ องครู นักเรยี นและบุคลากรทางการศกึ ษาเร่ืองการจดั การภัยพิบตั ิ 3. สามเสาหลักภายใตก้ รอบการทำงานดา้ นความปลอดภัยรอบดา้ นในสถานศึกษามเี นือ้ หาหลกั เรื่องอะไร • อาคารสถานท่ี การบรหิ ารจัดการภยั พบิ ัติ การจดั การเรียนการสอนเรื่องการลดความเสย่ี ง 4. ขอ้ ใดแสดงใหเ้ ห็นถงึ ความเข้าใจตอ่ การลดความเสย่ี งจากภยั พบิ ตั ิ • ถกู ทกุ ขอ้ 5. กรอบเซนได(Sendai Frame work) ทจ่ี ะใช้ในปี 2558-2573 เนน้ การทำงานดา้ นใด • แนวทางการลดความเสีย่ งจากภยั พิบตั ทิ ่เี ปน็ มาตรฐานสากล
6. ภยั (Hazard) ความลอ่ แหลม (Exposure) ความเปราะบาง (Vulnerability) และความสามารถในการ รบั มอื (Coping Capacity) เปน็ องค์ประกอบของอะไร • ความเสย่ี งต่อการเกดิ ภัยพิบตั ิ 7. คำว่า ภัย ตา่ งจากคำวา่ ภยั พิบตั หิ รอื ไม่ อย่างไร • ต่างกัน เพราะภัยหมายถงึ สภาวะที่เกิดตามธรรมชาตขิ องโลก เช่น ฝนตก นำ้ ท่วม พายุ หรือ สภาวะอันตรายจากการกระทำของมนษุ ย์ เชน่ การกอ่ การรา้ ย และภยั ธรรมชาติจะกลายเปน็ ภัยพิบตั ิ เมอ่ื ชมุ ชนหรอื สงั คมไม่สามารถตา้ นทานภัยนั้นๆไดด้ ้วยความสามารถและทรพั ยากรของตนจนทำให้ เกิดความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินอย่างมาก และทำให้กิจกรรมต่างๆในระบบสังคม เช่น การศึกษา การคา้ คมนาคม การบรกิ ารทางการแพทย์ และอื่นๆตอ้ งหยดุ ชะงกั 8. บทบาทหน้าทข่ี องสถานศกึ ษาในการจัดการภัยพบิ ตั ิคอื อะไร • ถูกทกุ ข้อ 9. หากต้องการกำหนดเส้นทางหนีภัยและจุดปลอดภัย ควรใช้เครอ่ื งมืออะไร • แผนที่เสี่ยงภยั 10. การระดมความคิดเพ่ือวเิ คราะห์หาความสัมพันธข์ องผทู้ เี่ กย่ี วขอ้ ง (stake holder mapping) ควรใช้ เครือ่ งมอื อะไร • Venn Diagram
บทที่ 2 อาคารสถานทป่ี ลอดภัย 1.วตั ถุประสงค์ 1.เพอื่ ให้เขา้ ใจการประเมนิ ความเส่ยี งของอาคารสถานที่ ส่วนประกอบอาคาร 2.เพื่อให้เข้าใจหลักการจดั พนื้ ทใ่ี ชส้ อยในอาคารและสภาพแวดล้อม 3.เพ่ือให้สามารถจัดสภาพแวดล้อมการใช้พื้นทใ่ี ห้ปลอดภยั 2.หวั ข้อการเรยี นรู้ 1.การประเมินความปลอดภยั ของอาคารสถานที่ 2.การเลอื กท่ีตง้ั สถานศึกษาให้ปลอดภยั 3.ความเสีย่ งต่อภยั พิบัติของอาคารเรยี น อาคารประกอบ วสั ดุ ครุภณั ฑท์ ่อี ยใู่ นอาคาร 4.ความเสี่ยงของสภาพแวดล้อมภายนอกอาคารและระบบสาธารณปู โภค 5.การจดั สภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย 6.การจดั สภาพแวดลอ้ มโดยคำนึงถึงการลดความเส่ยี งภยั พิบตั ิ 7.การจัดเสน้ ทางปลอดภยั และจดุ รวมพลเพ่ือการหนภี ัยภายในโรงเรียน 8.การจดั ส่งิ อำนวยความสะดวกเพ่ือคนพิการ 9.ตวั อย่างการปรบั ปรงุ อาคารสถานที่ 3. แบบประเมนิ เร่อื งอาคารสถานที่ (ศกึ ษาแบบประเมิน) 1.สถานท่ตี งั้ 2.สภาพอาคารเรยี น อาคารประกอบ (structural and non-structural) วัสดุ ครุภัณฑ์ (ตอ้ ง link กฎหมายควบคมุ อาคาร) 3.สภาพแวดล้อมภายนอกอาคาร (environment) 4.ระบบสาธารณปู โภค infrastructure น้ำ ไฟ ระบบระบายนำ้ ถนน ระบบส่ือสาร เสาไฟฟา้ 5.การประเมนิ การเขา้ ถงึ หรอื การจดั สิ่งอำนวยความสะดวกคนพกิ าร หัวข้อ : การประเมินความปลอดภัยของอาคารสถานที่ 1. การประเมินความปลอดภยั ของอาคารสถานที่ สถานศกึ ษาถอื เปน็ อาคารสาธารณะทมี่ ผี ู้คนเป็นจำนวนมากเขา้ ไปใช้ในแตล่ ะวนั ไมว่ ่าจะเปน็ นกั เรียน ครู ผู้ปกครอง ดังน้ัน จึงมกี ารบัญญตั ิการควบคุมการก่อสรา้ งและการใชอ้ าคารเรยี นไวใ้ นกฏหมายควบคุม อาคาร โดยกฎหมายควบคุมอาคารนั้นมีผลใชก้ บั “โรงเรยี นและสถานศกึ ษา ซ่ึงเปน็ สถานทอ่ี บรมใหก้ ารศกึ ษา แกเ่ ยาวชนของ ประเทศเป็นบุคลากรทมี่ ีคณุ ภาพจนสามารถเปน็ ฐานการพัฒนาประเทศ ดงั นน้ั อาคารของ โรงเรียน และสถานศึกษาตา่ งๆ จึงจะตอ้ งมีการกอ่ สร้างให้ถูกต้องและเปน็ ไปตามหลักการวิชาการและตาม กฎหมายควบคุมอาคารกําหนดตงั้ แต่อนุบาลจนถึงระดับปรญิ ญา”ผูบ้ รหิ ารสถานศกึ ษาควรปรกึ ษาผู้เชี่ยวชาญ ด้านกฏหมายควบคมุ อาคาร และควรศึกษาระเบียบกระทรวงศึกษาธกิ ารที่เก่ียวข้อง เพ่ือการวางแผนการ ออกแบบ การก่อสร้าง และการจัดทำงบประมาณเพ่ือการปรบั ปรงุ แกไ้ ขอาคารเรียน
1.1 การเลอื กที่ตงั้ สถานศกึ ษาใหป้ ลอดภัย สถานศึกษาจะต้องต้ังอยู่ในพ้ืนปลอดภัยและต้องเลือกพ้ืนที่ปลอดภยั ในการก่อสร้างอาคารเรียน อาคารประกอบ หรอื สถานทสี่ ำหรบั กิจกรรม แมว้ ่าสถานศึกษาสว่ นใหญ่จะสรา้ งไวน้ านแลว้ ควรจะมีการ ตรวจสอบความปลอดภัยของสถานทแ่ี ละพืน้ ที่โดยรอบอยู่ตลอดเวลา เพราะความเสี่ยงภัยพบิ ตั ยิ ่อมเปล่ยี นไป ตามการเปลย่ี นแปลงสภาพแวดลอ้ ม ตวั อยา่ งเชน่ กรณี สถานศกึ ษาตงั้ อยตู่ ดิ กบั ทางลาดไหล่เขา เม่ือเกิดฝนตก หนกั ตอ่ เนอ่ื ง สภาพดินไม่สามารถอมุ้ น้ำตอ่ ไปได้ ทำให้เกิดดนิ สไลด์ ดังตัวอย่างตอ่ ไปน้ี ตวั อย่างขอ้ พิจารณาในการเลือกพ้นื ท่ีสร้างสถานศกึ ษาและอาคาร ได้แก่ • พื้นท่สี รา้ งอาคารควรทจ่ี ะเปน็ ท่ีสงู น้ำท่วมไม่ถงึ โครงสรา้ งชน้ั ดินแขง็ แรง ไมม่ ีทางน้ำไหลผ่านใตด้ นิ • ทต่ี ้ังของสถานศึกษาควรหา่ งจากแหล่งมลพิษ เช่น โรงงาน นคิ มอุตสาหกรรม สนามบิน บอ่ ขยะ • สถานท่ีตัง้ ของสถานศึกษาควรอยู่ติดหรอื ไมไ่ กลจากเสน้ ทางจราจรหลักเพือ่ ใหค้ วบคุมดแู ลนกั เรียน และรักษาความปลอดภัย แตค่ วรมปี ระตสู ำรองสำหรบั ใชเ้ มอ่ื เกิดเหตุฉกุ เฉนิ 1.2 ความเส่ียงต่อภัยพิบตั ขิ องอาคารเรยี น อาคารประกอบ วัสดุ ครุภณั ฑท์ อ่ี ย่ใู นอาคาร ตวั อยา่ งลักษณะความเสีย่ งของพืน้ ทภี่ ายในอาคารเรียน • ทางเดินหรือบันไดทางข้ึนอาคารที่แคบ ไมม่ ีราวจับ เม่ือจำเปน็ ต้องอพยพฉกุ เฉนิ ผู้คนต้องรบี เดนิ ขึ้น หรอื ลงอยา่ งรวดเร็ว อาจมีการลน่ื พลดั ตกหกล้ม และในกรณที ่มี ดื มองไม่เห็นทาง หรอื กรณีผูพ้ ิการ ทางสายตา การมรี าวจับตามบนั ไดจะชว่ ยนำทางและช่วยการทรงตวั • ช่องลมหรอื ชอ่ งทางเดินทีม่ ีการถา่ ยเทอากาศไมด่ ี เมื่อเกดิ ไฟไหม้ ควันไฟจะลอยไปตามทางเดิน ช่อง ลม และหอ้ งตา่ งๆ อย่างรวดเรว็ และไมร่ ะบายออก • สายไฟ อปุ กรณไ์ ฟฟา้ ท่ไี มไ่ ดม้ าตรฐาน ไม่ไดร้ บั การดูแล ตดิ ต้งั ผิดแบบ หรือมีการใช้งานไมเ่ หมาะสม จะทำใหเ้ กดิ ไฟไหม้ไดง้ า่ ย • ตู้หรอื ชัน้ วางหนงั สือสูงที่ไม่มกี ารยึดตดิ กบั ฝาผนัง อาจจะล้มลงมาทบั ครหู รือนักเรยี น ส่งิ ของทวี่ างไวท้ ี่ สูงและอาจจะตกหลน่ ลงมาโดนศรี ษะ โดยเฉพาะเวลาเกิดเหตุแผน่ ดินไหว หรอื เกดิ พายรุ นุ แรง • ประตหู รอื หนา้ ตา่ งทม่ี ีบานเปิดเข้าข้างในจะใหก้ ารหนภี ยั ฉุกเฉินไมส่ ะดวกควรตดิ ตงั้ บานประตูท่ีผลัก ออก และเปน็ การปอ้ งกนั น้ำ แบบเดยี วกับธรณีประตูคือ เมอ่ื เป็นแบบเปิดออก จะทำให้ดา้ นนอกต่ำ กว่าดา้ นใน หากมฝี นตกสาด น้ำก็จะไหลออกไปข้างนอก • หนา้ ต่างหรือประตูทเ่ี ป็นบานกระจก มีโอกาสแตกเพราะแรงลม ไม่วา่ จะเป็นพายุฤดรู ้อน พายุหมุน เขตรอ้ น ลกู เหบ็ หรอื เศษกิง่ ไม้วัสดุสิ่งของทล่ี มพัดมากระแทกบานกระจก ทำใหค้ นทีอ่ ยใู่ กล้ประตู หนา้ ต่างไดร้ บั อนั ตรายจากเศษกระจกแตก
• ผนังอาคารและเสาทไ่ี ม่ได้มาตรฐาน หรือมีอายกุ ารใช้งานมานาน อาจจะมีรอ่ งรอยปลวกกิน มีน้ ำ รวั่ ซมึ ทำให้ชื้นและข้นึ รา ใกล้หมดสภาพการใชง้ านอาจจะพงั ถลม่ เม่ือถูกลมพายุ หรือเมอ่ื แชน่ ้ำเป็น เวลานาน หรอื เม่อื ไดร้ ับแรงส่ันสะเทือน ดงั ตวั อยา่ งต่อไปน้ี 1.3 ความเสย่ี งของสภาพแวดลอ้ มภายนอกอาคารและระบบสาธารณปู โภคเมือ่ เกดิ ภัยธรรมชาติ • สถานศึกษาอยู่รมิ นำ้ แตไ่ ม่มรี ้วั กน้ั เมือ่ เกิดฝนตกน้ำท่วมทำใหก้ ระแสน้ำไหลทะลกั เขา้ พืน้ ท่ี • ถนนหนทางก่อนถงึ สถานศกึ ษาไมม่ ที างเดนิ เท้าท่ีปลอดภัย นกั เรยี นตอ้ งเสี่ยงอันตรายในการเดินทาง ไปและกลับ • ประตูทางเขา้ สถานศึกษามีช่องทางเดียวและไม่กว้างพอสำหรับยานหานะขนาดใหญ่ เชน่ รถ บสั รถบรรทกุ ทใี่ ช้ในการอพยพรถดับเพลิง และไม่มพี ้ืนที่จอดรถสำหรับสถานการณ์ฉกุ เฉนิ เช่น รถพยาบาล • มีตน้ ไม้ใหญ่ เสาไฟฟ้า ป้ายโฆษณารอบบริเวณสถานศกึ ษาอาจจะโค่นลม้ เมือ่ เกิดพายุ ควรพิจารณา หาทางแก้ไข เชน่ ตัดเลม็ ก่งิ ไมท้ ่ีผุ แจ้งหน่วยงานที่ดแู ลเสาไฟฟ้า ป้ายโฆษณาให้แกไ้ ข ควรมีการติด ปา้ ยเตอื นนักเรียนให้ระวัง • บอ่ น้ำท่ไี ม่มีส่ิงกีดขวาง ไมม่ ปี ้ายเตอื น ทำให้เกดิ อันตรายจากการตกนำ้ จมน้ำ หรือทำใหม้ องไมเ่ หน็ วา่ เปน็ บอ่ นำ้ เวลาเกดิ น้ำทว่ มสงู จนเปน็ ระดับเดยี วกนั • ท่อระบายน้ำท่ีเล็กเกินไป ไม่มีตะแกรงกันเศษขยะ เศษดินโคลนทำให้อดุ ตนั เวลาเกดิ ฝนตกน้ำไม่ สามารถระบายไดด้ ี ทำใหเ้ กดิ น้ำทว่ มขงั ในพืน้ ทีแ่ ละอาคารเรยี น • เตาเผาขยะ หรือพืน้ ทก่ี กั เก็บขยะ ปฏิกลู อยใู่ กล้อาคาร มโี อกาสที่จะเกดิ การปนเปอ้ื นในอาหาร น้ำดื่ม นำ้ ใช้ หรอื เกดิ มลพิษทางอากาศไดง้ ่าย หัวขอ้ : การจดั สภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย 2. การจัดอาคารสถานทแ่ี ละสภาพแวดลอ้ ม อาคารเรยี นหรอื อาคารประกอบเปน็ สงิ่ ก่อสรา้ งถาวร และย่อมเกดิ การชำรุดทรดุ โทรมไปตามเวลา จึง ตอ้ งรับการบำรงุ รกั ษาอยู่เสมอและดูแลใหส้ ามารถรับน้ำหนักของนกั เรียนและสิง่ ของต่างๆในอาคาร เพอ่ื ไม่ให้ เกดิ อุบตั ิเหตุในขณะใช้งานปกตแิ ละสถานการณ์เกย่ี วกับภยั ธรรมชาติ สถานศึกษาจะตอ้ งดำเนินการตรวจสอบ โครงสรา้ งและสว่ นประกอบอาคาร ตลอดจนอุปกรณ์ตา่ งๆท่ีตดิ ตงั้ ไว้อยา่ งสม่ำเสมอ หากพบความผดิ ปกติ ตอ้ ง สัง่ ปดิ อาคารและประกาศเป็นเขตหวงหา้ ม หรือเขตอนั ตราย ห้ามเข้าใช้เดก็ ขาด จนกวา่ จะมกี ารซ่อมแซม หรือ อาจจะจำเป็นต้องรอ้ื ถอนอาคาร หากซ่อมแซมไมไ่ ด้ 2.1 การจัดสภาพแวดล้อมโดยคำนงึ ถงึ การลดความเสย่ี งภัยพิบตั ิ • ถนนทางเข้าออกในโรงเรียน ควรจดั ให้เอื้ออำนวยตอ่ การอพยพและการเข้าออกของรถพยาบาล รถดบั เพลงิ ควรมจี ุดจอดรถทสี่ ำรองไว้สำหรบั รถฉุกเฉินโดยเฉพาะ
• ทางเข้าออกทกุ ทางควรสรา้ งทางลาดไวด้ ้วยเพ่ือความสะดวกในการใช้รถเข็นน่งั รถพยาบาล เตยี ง พยาบาลในกรณีท่มี ผี บู้ าดเจบ็ ที่ตอ้ งเคลือ่ นย้ายดว้ ย • ในกรณีฉุกเฉินทตี่ อ้ งรกั ษาความปลอดภยั อย่างเขม้ งวด ควรจดั พ้นื ท่ีหนา้ โรงเรยี นสำหรบั ผปู้ กครองมา รอรบั บตุ รหลาน ไม่ควรใหผ้ ้ปู กครองเข้ามาในบริเวณสถานศกึ ษาหรอื ขนึ้ ไปรบั บตุ รหลานในอาคารถ้า ไมจ่ ำเป็น • จดุ รวมพลของสถานศึกษาส่วนใหญ่จะเป็นพื้นทีสนามหญา้ หนา้ อาคาร ตอ้ งคำนึงถึงการเข้าถึงของ นักเรยี นและเจา้ หนา้ ที่กภู้ ยั ซึง่ อาจจะมที ั้งพืน้ ท่ีปฐมพยาบาล พืน้ ที่อำนวยการ พ้นื ที่กู้ภัย พ้ืนที่ท่เี ป็น จดุ รวมพลและเสน้ ทางไปยังจุดรวมพลต้องไม่มสี ่งิ กีดขวาง เชน่ ไม่มเี คร่ืองเล่น ไม่มรี ้วั ไม่มีการปลูก ต้นไมข้ วางทางเข้าออกจดุ รวมพล • ารใชพ้ ้นื ทีอ่ าคารเพอ่ื การเรยี นและการจดั กจิ กรรมตา่ งๆ ควรมกี ารจัดการใชพ้ นื้ ท่ีใหเ้ ปน็ ระเบียบ เช่น จัดการใช้พื้นที่ให้มีการสัญจรไปในทิศทางเดียวกันด้วยการกำหนดการเดินชิดขว าหรือชิด ซา้ ย ทางเดนิ กวา้ งเพียงพอ มไี ฟฉกุ เฉนิ ตลอดทางเดิน ในจดุ ทีเ่ ปน็ อนั ตรายตอ้ งมีปา้ ยสญั ลกั ษณ์ ปา้ ย เตือน เช่น ป้ายทางหนีไฟ ควรมี แผนผงั อาคารเรยี นพร้อมเส้นทางอพยพและจุดรวมพลติดตงั้ ไวท้ ุก ชั้น เป็นตน้ • บางพ้ืนที่ในอาคารเรียนอาจจะมีวัตถุอันตราย เช่น เครื่องมือท่ีเป็นของมีคม สารเคมีใน ห้องปฏบิ ตั ิการวิทยาศาสตร์ ในห้องเรียนคหกรรม อาจจะมีแกส๊ ตู้อบ นำ้ มนั ควรมีการเก็บของให้ มิดชดิ เรยี บร้อยและมีป้ายติดเพ่ือแนะนำการใช้งานและเตอื นอันตราย ควรมีเคร่ืองดับเพลิงตดิ ไว้ใน หอ้ งปฏบิ ัติการวิทยาศาสตรแ์ ละหอ้ งคหกรรม มีการอบรมให้ใช้อุปกรณเ์ คร่ืองใช้ไฟฟ้าทถ่ี ูกวิธี โดยเฉพาะปลั๊กไฟ เต้าเสยี บ สายไฟ และตอ้ งมกี ารตดิ ตง้ั ระบบตดั ไฟ หรือระบบป้องกนั ฟา้ ผ่า • ในกรณีทีม่ ีเครอื่ งมือการเกษตรและเครือ่ งมือชา่ ง เชน่ มดี จอบ พลั่ว ชะแลง สวา่ น เลอ่ื ย ต้องมกี าร ตรวจสอบเครื่องมือและอปุ กรณ์อย่างสม่ำเสมอ หากชำรดุ ใหซ้ ่อมแซมหรอื เปลยี่ น และเกบ็ ให้เป็น ระเบยี บเรียบรอ้ ย ในกรณเี กดิ ภยั พิบัติ อุปกรณ์การเกษตรและอุปกรณ์ช่างเหลา่ นี้สามารถนำมาใช้ ประโยชนไ์ ด้ • ในกรณีท่ีมีบอ่ นำ้ ในโรงเรยี น ต้องมปี า้ ยเตือนอนั ตรายหรอื จดั ใหม้ ีรั้วรอบขอบชิด 2.2 การจดั เส้นทางปลอดภัยและจดุ รวมพลเพอื่ การหนภี ยั ภายในโรงเรียน ในกรณีเกิดภัยพบิ ัตใิ นสถานศกึ ษา โดยเฉพาะในขณะทมี่ นี ักเรยี นเรียนอยู่ นกั เรยี นอาจจะตกใจ เกิด ความสับสนอลหมา่ นกับสถานการณท์ ่ไี ม่คาดคิด จึงต้องวางมาตรการปอ้ งกันอบุ ัติเหตทุ ี่จะเกดิ ขึน้ อันเปน็ ผล ตามมาดว้ ย เชน่ การผลดั ตก หกลม้ โดนของมคี ม ซงึ่ การจดั พ้ืนท่ีการใช้งานก็จะช่วยใหล้ ดความเส่ียงที่จะเกิด อุบัติเหตุดังกลา่ วได้
หลกั การจัดเสน้ ทางอพยพและจดุ รวมพล 1. ทางเดินต้องกวา้ งและพ้นื ต้องทนตอ่ ความรอ้ น 2. โครงสรา้ งบริเวณเส้นทางหนีภัย ตอ้ งทนไฟได้และมคี วามแขง็ แรงเพือ่ ไม่ใหค้ านถล่มมา 3. บันไดต้องออกแบบมาสำหรับการหนีหรืออพยพคนไปยังทางออก และมีราวจบั เพอื่ นำทางมายงั ช้ัน ล่าง 4. ไม่มสี งิ่ ของทเี่ ป็นเชือ้ เพลงิ หรือมสี ่งิ ของ เฟอรน์ ิเจอร์ วางอยใู่ นเส้นทางอพยพ 5. ห้ามคล้องโซก่ ญุ แจท่ีประตูหนีไฟชั้นล่างโดยเด็ดขาด หรอื หากมกี ารคลอ้ งกุญแจ ต้องมผี รู้ ับผดิ ชอบ เปิดประตูทนั ทที ม่ี สี ัญญานเตือนภยั 6. มีอุปกรณด์ ับเพลงิ ตัง้ ตามจดุ ตา่ ง ๆ 7. มเี ครือ่ งหมายหนีไฟ หรือเคร่อื งหมายเสน้ ทางอพยพตามเส้นทาง 8. มีไฟฉุกเฉินตามเส้นทางหนีไฟทส่ี ว่างเพยี งพอเพราะเวลาเกิดอคั คภี ยั ควนั จะทำใหม้ องเหน็ ไมช่ ัดเจน 9. ในกรณที ี่สถานศกึ ษามนี ักเรยี น ครู หรือบคุ ลากรทีม่ ีความพิการ จะต้องสอบถามถึงความช่วยเหลือท่ี จำเป็นเมอื่ เกิดเหตุฉกุ เฉนิ เช่น คนพกิ ารบางคนอาจไม่ตอ้ งการความช่วยเหลือเป็นพเิ ศษแต่บางคน อาจไม่สามารถเดินข้ึน-ลงบันไดได้ บางคนอาจไม่สามารถมองเห็นสัญญาณความปลอดภัยจาก อคั คีภยั บางคนมีปญั หาในการคน้ หาทางออกหรือไมส่ ามารถไดย้ ินสญั ญาณเตอื นภัย หรอื อาจจะไม่ เข้าใจการเตือนภัย จึงต้องจดั เสน้ ทางอพยพทม่ี ีส่งิ อำนวยความสะดวกเพอื่ ช่วยให้คนพิการสามารถ อพยพไดอ้ ย่างปลอดภยั 10. พืน้ ทีร่ วมพลท่ีปลอดภยั ควรเปน็ พื้นทก่ี วา้ ง เช่น สนามหน้าอาคารเรยี น หากเป็นการอพยพจากภัย น้ำปา่ ไหลหลาก จดุ รวมพลจะตอ้ งเป็นทส่ี งู หากเปน็ วาตภัย ก็จะต้องกำหนดพ้นื ทป่ี ลอดภัยในอาคาร เรียน 11. การกำหนดจุดรวมพล หรือจดุ ปลอดภัยท่ีพานักเรียนมารวมตัวกันนน้ั จะต้องมีการจดั ระเบียบพืน้ ที่ ดว้ ยโดยกำหนดให้พนื้ ที่ตามห้องเรียน เพอื่ งา่ ยต่อการนับจำนวนและตรวจสอบผู้สูญหาย และควรมี พน้ื ท่สี ำหรับปฐมพยาบาล พ้ืนทอ่ี ำนวยการ และพน้ื ทสี่ ำหรบั รองรบั ผู้ปกครองท่มี ารับบตุ รหลานใน กรณฉี ุกเฉินดว้ ย สถานศึกษาควรตดิ ตงั้ ปา้ ยทแ่ี สดงความปลอดภัยไวอ้ ยา่ งชดั เจน เชน่ ปา้ ยเกยี่ วกบั อปุ กรณด์ ับเพลงิ
ปา้ ยทางหนีไฟ 2.3 การจัดสงิ่ อำนวยความสะดวกเพอ่ื คนพกิ าร กฎกระทรวงกําหนดสิ่งอํานวยความสะดวกในอาคารสําหรับผู้พิการหรือทุพพลภาพ และ คนช รา พ .ศ . 254 8 ระบุ ว่า “ สิ่งอํานวยค วามสะ ดวกสําห รับ ผู้พิ การหรือทุพ พลภาพ และ คนชรา” หมายความว่า สว่ นของอาคารทีส่ รา้ งขนึ้ และอุปกรณ์อนั เป็นส่วนประกอบของอาคารท่ตี ิดหรือ ต้งั อยภู่ ายในและ ภายนอกอาคารเพ่ืออํานวยความสะดวกในการใช้อาคารสําหรับผพู้ กิ ารหรือทพุ พลภาพ และ คนชรา ดังน้ัน ผู้บรหิ าร ครูและเจ้าหนา้ ทจี่ ำเปน็ ตอ้ งมคี วามตระหนกั รูถ้ งึ สทิ ธกิ ารเขา้ ถงึ ของคนพกิ ารอย่างไมม่ ี การเลอื กปฏิบตั ติ ามท่ีกฎหมายบัญญตั ิ ตอ้ งมกี ารจดั ส่ิงอำนวยความสะดวกเพื่อการเข้าถงึ รวมทงั้ ข้อมลู และ วธิ ีการสือ่ สาร ระบบการชว่ ยเหลอื และวัสดุและอปุ กรณ์ ท่ีจำเป็นสำหรับเดก็ พิการในระหวา่ งสถานการณ์ ฉุกเฉิน โดยตอ้ งคำนงึ ถึงความแตกต่างในความพิการของนกั เรียนเป็นรายบุคคล รวมท้ังครู บุคลากร และ เจา้ หนา้ ที่ทม่ี ีความตอ้ งการจำปน็ พเิ ศษ ในการจดั สิ่งอำนวยความสะดวกด้านสถานที่น้ี จะตอ้ งคำนึงถึงการใช้ สถานศึกษาเป็นศูนยพ์ กั พงิ สำหรับคนพิการดว้ ย วิดโี อต่อไปนอ้ี ธิบายสทิ ธขิ องคนพกิ ารและการจดั สง่ิ อำนวย ความสะดวกเพ่อื คนพกิ าร
การจัดพนื้ ทแี่ ละสงิ่ อำนวยความสะดวกทางกายภาพทจี่ ำเปน็ สำหรบั คนพิการ ไดแ้ ก่ 1) พ้นื ทสี่ ำหรับรถเข็นนง่ั หรอื รถเข็นวลี แชร์ ประตทู างเข้าสำหรบั รถเขน็ วลี แชรค์ วรกว้างไม่ต่ำกว่า 90 ซม. ช่องทางเดิน ควรมคี วามกวา้ งไม่ตำ่ กวา่ 90 ซม.เช่นกัน สว่ นพนื้ ท่สี ำหรับหมนุ รถเข็นนงั่ จะตอ้ งมคี วามกวา้ งยาว อยา่ งน้อย 150 ซม. ดังรูป 2) ทางลาดสำหรับรถเข็นน่ัง ทางลาดข้ึนอาคารต้องมีสัดส่วนความยาวอย่างน้อย 1:12 เมตร กลา่ วคอื หากมีความสูง 1 เมตร จะตอ้ งมีทางลาดยาว 12 เมตรเพ่อื ให้เกดิ ความชันของทางลาดประมาณ 10 องศา ซึ่งทางลาดนี้อาจจะออกแบบใหม้ จี ดุ พักที่กง่ึ กลางหรอื ทกุ 6 เมตร ทางลาดตอ้ งมีความกว้าง 90 ซม. และมีราวจับ 2 ขา้ ง 3) ห้องนำ้ สำหรบั คนพิการ ในการออกแบบหอ้ งนำ้ เพ่ือคนพกิ าร ซง่ึ ประกอบดว้ ยหอ้ งนำ้ ทอี่ าบน้ำ หอ้ งสว้ ม และอ่างลา้ งมือ มกี ารกำหนดมาตรฐานไว้ คือ • ประตูหอ้ งน้ำท่จี ดั ให้คนพิการควรเปน็ บานเลือ่ น กวา้ งอย่างนอ้ ยกว่า 90 เซนตเิ มตร เปิดคา้ งไดไ้ ม่น้อย กว่า 90 องศา ไม่มธี รณปี ระตู ถา้ เป็นพื้นต่างระดบั ตอ้ งไม่เกิน 2 เซนติเมตร • มีราวจับจากประตทู างเข้า ไปยังที่อาบน้ำ และหอ้ งนำ้ ราวจับสงู ไมน่ ้อยกว่า 80 เซนติเมตร และ แข็งแรงพอท่จี ะรับน้ำหนกั ได้
• พน้ื หอ้ งนำ้ ใชว้ สั ดุกันลนื่ พ้นื ทอ่ี าบนำ้ มีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่น้อยกว่า 1.50 เมตร เพอ่ื ใหร้ ถเขน็ สามารถ หมนุ ตวั ได้ • ส่งิ ของ เคร่อื งใช้ อปุ กรณภ์ ายในทอี่ าบน้ำ ใหส้ ูงจากพืน้ ความสงู ระหว่าง 0.25 – 1.20 เมตร • พนื้ ทภี่ ายในห้องส้วม กว้างยาวไม่นอ้ ยกว่า 1.50-1.70 เซนติเมตร • ติดอกั ษรเบรลล์ เพื่อใหค้ นตาบอดไดท้ ราบว่าเป็นหอ้ งนำ้ หญงิ หรอื ชาย ไว้บริเวณทใ่ี กล้ประตู • ทาสกี รอบประตูดว้ ยสสี ว่าง เชน่ สีเหลืองเพื่อใหค้ นสายตาเลือนรางสังเกตได้ • ตดิ ตงั้ สัญญาณไฟสำหรบั เตือนภัยสำหรบั ผูพ้ ิการทางหู หรอื สญั ญาณสำหรบั สื่อความหมายอ่นื ๆ ไว้ใน หอ้ งนำ้ แบบทดสอบหลงั เรยี น บทที่ 2 1. เหตุใดจงึ ตอ้ งมกี ารประเมนิ โครงสรา้ งอาคารและสถานทข่ี องสถานศกึ ษา ก.เพราะสถานศกึ ษาท่ปี ลอดภัยจะส่งเสรมิ กระบวนการเรยี นรู้ ข.เพราะการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและภูมิอากาศสามารถทำใหเ้ กิดความเสย่ี งภยั พิบตั ใิ หมไ่ ด้ จงึ ตอ้ งมีการประเมินสถานทีต่ ง้ั สมำ่ เสมอ ค.เพราะเป็นสิ่งทคี่ วรทำเพือ่ ความปลอดภยั ของทุกคน ง.ถูกทุกข้อ 2. ขอ้ ใดคือการประเมินความปลอดภัยภายใตเ้ สาท่ี 1 ก.การประเมนิ อาคารเรียนและส่ิงกอ่ สร้าง สภาพแวดลอ้ ม เสน้ ทางสัญจร และสง่ิ อำนวยความสะดวก สำหรบั คนพกิ าร ข.การประเมินสภาพพ้ืนที่และการประเมนิ วัตถอุ ันตราย ค.การประเมินสภาพแวดล้อม เชน่ มลพษิ ทางอากาศ มลพษิ ทางน้ำ มลพิษทางสังคม ง.การตดิ ต้ังอุปกรณเ์ ตอื นภยั อุปกรณด์ ับเพลิง และปา้ ยอักษรเบรลล์ 3. ในการประเมนิ ความเสียงภยั พบิ ตั ขิ องโครงสรา้ งอาคารเรียน จะตอ้ งพจิ ารณาปจั จยั อะไรบ้าง ก.สภาพโครงสรา้ ง ผนัง หลงั คา ตัวอาคาร ระบบไฟฟ้า และผลกระทบจากภยั ข.โครงสรา้ งและสว่ นประกอบอาคาร ค.โครงสร้าง สภาพแวดล้อม การบริหารจดั การภยั พบิ ตั ใิ นสถานศกึ ษา ง.โครงสรา้ งอาคาร สนามเด็กเล่น ระบบน้ำ ไฟ
4. ข้อใดไม่ใชก่ ารประเมนิ ความเสี่ยงวาตภัย ก.ตรวจสอบพื้นท่ใี กลเ้ คียงว่ามโี ครงหลงั คา เสาสูง เสาวิทยุ ป้ายโฆษณาสงู ท่อี าจจะโคน่ ล้มลงมาทำ อันตรายแก่อาคารเรยี นและนักเรยี นได้ ข.ตรวจสอบโครงสร้างอาคารเรียน ผนัง เสา คาน ประตหู น้าตา่ งวา่ ทนตอ่ แรงลมได้ ค.ตรวจสอบฐานรากวา่ ทนตอ่ แรงไหลของดนิ ง.มีการยดึ อุปกรณ์เครือ่ งใช้ใหแ้ น่นหนาเพื่อป้องกนั การตกหล่นหรอื ไม่ (เชน่ พดั ลมเพดาน ตสู้ ูง ช้นั วางของ เครอ่ื งปรบั อากาศ ปา้ ยตา่ ง ๆ กระถาง) 5. ขอ้ ใดไมใ่ ชก่ ารจัดสภาพแวดล้อมโดยคำนงึ ถงึ การลดความเสีย่ งภยั พิบตั ิ ก.จัดเสน้ ทางอพยพและจุดรวมพล ข.จัดประตเู ข้าออกให้เอ้อื อำนวยตอ่ การอพยพและการเขา้ ออกของรถพยาบาล รถดบั เพลงิ ค.จัดให้มีการรกั ษาความปลอดภยั ในหอพักโดยการล็อคประตจู ากขา้ งนอกเพื่อไมใ่ หผ้ ู้ไม่ประสงค์ดเี ข้า ไปทำอนั ตรายครูและนกั เรยี นในยามวกิ าล ง.เกบ็ เคร่ืองมือการเกษตรและเครื่องมือช่าง เช่น มดี จอบ พลัว่ ชะแลง สวา่ น เลือ่ ย ใหเ้ ป็นระเบยี บ และหยบิ ฉวยไดง้ ่ายในกรณีทจี่ ำเปน็ ต้องใช้เม่ือเกิดภยั พบิ ตั ิ 6. ข้อใดไม่ใช่มาตรการลดผลกระทบในสถานศกึ ษา ก.หากสถานศกึ ษาอย่บู นไหลเ่ ขาหรอื ทางลาด ควรปลูกตน้ ไมต้ ามทางลาดเชิงเขาเพ่ือชะลอการไหล ของหน้าดิน ข.หากสถานศกึ ษาอยู่ตดิ แม่น้ำ ควรทำเขอ่ื นก้ันนำ้ หรือปลกู ต้นไมช้ ะลอกระแสนำ้ ค.ขยายทอ่ ระบายน้ำ ติดตัง้ รางน้ำ ตะแกรงกนั เศษขยะ เศษดนิ โคลน ไมใ่ หเ้ กิดน้ำทว่ มในบรเิ วณ สถานศกึ ษา ง.หากสถานศกึ ษาอย่ใู กลน้ ิคมอุตสาหกรรม ควรพจิ ารณายา้ ยสถานศกึ ษา 7. ข้อใดเปน็ กิจกรรมลดความเส่ียงภัยของอาคารสถานที่ทสี่ ามารถทำไดอ้ ยา่ งรวดเร็วและประหยัดคา่ ใชจ้ ่าย ก.การสรา้ งหลุมหลบภัย ข.การดดี อาคารเรยี นใหส้ งู กวา่ ระดบั นำ้ ทว่ ม ค.การผูกยึดสิ่งของ เฟอร์นิเจอรใ์ นอาคาร ให้แน่นหนาแขง็ แรง
ง.การซ่อมแซมระบบน้ำ ระบบไฟ 8. ข้อใดไมค่ วรนำไปใช้ในการจัดอาคารเรียนเพ่ือการลดความเส่ียงภัยพบิ ัติ ก.จัดให้มชี ่องลมหรือชอ่ งทางเดินทม่ี กี ารถา่ ยเทอากาศไดด้ ี ข.เปลย่ี นบานหน้าต่างในหอ้ งเรียนและหอ้ งพักครใู หเ้ ป็นบานกระจกเพ่ือให้มองเห็นอนั ตรายจาก ภายนอก ค.ทำราวจบั ตลอดทางเดนิ หรอื บนั ไดทางขึ้นอาคาร ไมว่ างสง่ิ ของเกะกะทางเดนิ จดั ระเบียบการเดนิ ชดิ ซา้ ยหรอื ชิดขวา ง.ยึดตู้หนงั สอื หรอื ช้ันกับผนงั เพ่ือป้องกนั การโค่นลม้ หากเกดิ แผ่นดินไหว 9. ข้อใดเปน็ การจดั สงิ่ อำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการเพ่ือรองรับสถานการณภ์ ยั พิบัติ ก.สญั ญาณเตือนภัยสำหรบั คนหหู นวก ข.ล่ามภาษามอื ค.รถเข็นนั่งสำรอง ง.ถูกทุกข้อ เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน บทท่ี 2 1. เหตใุ ดจึงต้องมีการประเมินโครงสร้างอาคารและสถานทขี่ องสถานศึกษา • ถูกทุกขอ้ 2. ข้อใดคอื การประเมนิ ความปลอดภัยภายใต้เสาที่ 1 • การประเมนิ อาคารเรยี นและสงิ่ ก่อสร้าง สภาพแวดล้อม เสน้ ทางสญั จร และสงิ่ อำนวยความ สะดวกสำหรับคนพิการ 3. ในการประเมินความเสียงภัยพิบตั ขิ องโครงสร้างอาคารเรียน จะต้องพิจารณาปจั จยั อะไรบา้ ง • สภาพโครงสรา้ ง ผนัง หลังคา ตัวอาคาร ระบบไฟฟ้า และผลกระทบจากภัย 4. ข้อใดไมใ่ ชก่ ารประเมินความเส่ียงวาตภยั • ตรวจสอบฐานรากวา่ ทนตอ่ แรงไหลของดิน
5. ขอ้ ใดไมใ่ ชก่ ารจัดสภาพแวดลอ้ มโดยคำนงึ ถงึ การลดความเส่ียงภัยพิบัติ • จดั ใหม้ กี ารรกั ษาความปลอดภัยในหอพกั โดยการลอ็ คประตูจากขา้ งนอกเพอ่ื ไม่ใหผ้ ู้ไมป่ ระสงคด์ ี เขา้ ไปทำอนั ตรายครูและนักเรยี นในยามวิกาล 6. ขอ้ ใดไม่ใช่มาตรการลดผลกระทบในสถานศกึ ษา • หากสถานศกึ ษาอย่ใู กลน้ คิ มอุตสาหกรรม ควรพิจารณายา้ ยสถานศกึ ษา 7. ขอ้ ใดเป็นกิจกรรมลดความเส่ียงภัยของอาคารสถานท่ที ส่ี ามารถทำไดอ้ ย่างรวดเร็วและประหยดั คา่ ใชจ้ า่ ย • การผกู ยดึ สิ่งของ เฟอร์นิเจอรใ์ นอาคาร ใหแ้ น่นหนาแขง็ แรง 8. ข้อใดไม่ควรนำไปใชใ้ นการจัดอาคารเรยี นเพือ่ การลดความเสยี่ งภัยพบิ ัติ • เปลีย่ นบานหน้าต่างในหอ้ งเรยี นและห้องพักครใู ห้เปน็ บานกระจกเพอ่ื ให้มองเหน็ อนั ตรายจาก ภายนอก 9. ข้อใดเปน็ การจดั สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการเพอื่ รองรับสถานการณภ์ ยั พิบตั ิ • ถูกทุกข้อ
บทที่ 3 การจัดการภัยพบิ ตั ใิ นสถานศึกษา 1.วัตถุประสงค์ 1.เพ่อื ใหเ้ ขา้ ใจแนวคดิ ท่เี ก่ียวขอ้ งกบั การจัดการภยั พิบตั ใิ นสถานศึกษา 2.เพือ่ ให้เพื่อให้เขา้ ใจหลกั การและสามารถทำแผนบริหารจดั การภัยพิบตั ใิ นสถานศกึ ษาไดอ้ ยา่ ง ถกู ต้อง 3.เพื่อให้เข้าใจวธิ กี ารจัดซ้อมอพยพและสามารถนำไปประยกุ ต์ใชใ้ นสถานศึกษา 4.เพอ่ื ใหเ้ ข้าใจทกั ษะในการตัดสินใจและสามารถเผชญิ เหตุฉุกเฉนิ ไดเ้ บอื้ งต้น 5.เพื่อใหเ้ ข้าใจหลักการจดั ทพี่ ักพิงชัว่ คราวในสถานศึกษา 6.เพื่อให้เข้าใจความจำเปน็ ในการใหก้ ารคมุ้ ครองเดก็ ในสถาณการณภ์ ัยพบิ ัติ 7.เพอ่ื ให้เขา้ ใจความจำเป็นในการจดั การเรยี นการสอนให้ตอ่ เนือ่ งในสถานการณภ์ ยั พิบัติ 2.หวั ข้อการเรียนรู้ 1. กลไกในการจดั การภัยพบิ ัตใิ นสถานศกึ ษา 1.1 แนวทางการประเมินความเปราะบางและศกั ยภาพ 1.2 แนวทางการตดั สินใจสำหรบั ผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา 1.3 หนว่ ยงานทีเ่ กย่ี วข้องกบั การปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั 2. การดำเนินการตามแผน 2.1 มาตรการลดความเส่ียงภยั พบิ ตั ใิ นสถานศกึ ษา 2.2 แผนการแจ้งเตอื นภัยและอพยพ 2.2.1 องคป์ ระกอบของแผน 2.2.2 ระบบเตอื นภยั ทีม่ เี ด็กเปน็ ศูนย์กลาง 2.2.3 วิธีการปฏิบัตินการอพยพ 2.2.4 การจัดกระเปา๋ ฉุกเฉนิ ประจำห้องเรียน 2.3 การซอ้ มแผนเตอื นภยั และอพยพ (วิดโี อจาก save the children) 2.3.1 กระบวนการซอ้ มแผนอพยพ 2.3.2 การประเมนิ ผลการซอ้ ม 2.4 การใช้สถานศึกษาเป็นศนู ยพ์ ักพงิ ชัว่ คราวสำหรบั ผู้ประสบภัย 2.5 การจดั การเรยี นการสอนให้ตอ่ เนือ่ งในสถานการณภ์ ยั พิบัติ 2.6 การคุ้มครองเด็กในสถานการณภ์ ยั พบิ ตั ิ 2.7 การปฐมพยาบาล 2.8 การประเมินผลตามแผนบรหิ ารจดั การภยั พิบตั ิ 2.9 มาตรฐานการปฏบิ ัตเิ มอ่ื เกดิ ภัย
หวั ข้อ : กลไกในการจดั การภัยพบิ ตั ใิ นสถานศึกษา 1. กลไกการจดั การภยั พบิ ตั ิในสถานศกึ ษา ควรมีการจดั ตัง้ คณะกรรมการจัดการภัยพบิ ตั ใิ นสถานศึกษามีบทบาทเปน็ แกนนำในการวางแผน เฝ้า ระวัง เตรยี มพร้อม และดำเนินกจิ กรรมดา้ นความปลอดภยั รอบดา้ นในสถานศกึ ษา รวมถงึ จดั การก่อน ระหวา่ ง และหลังเกิดภัยพิบตั หิ รอื เหตุฉกุ เฉินในโรงเรียน รวมทั้งติดตามและประเมนิ ผล ขอ้ ควรคำนงึ ในการจัดตงั้ คณะกรรมการความปลอดภัยรอบดา้ น มีดงั น้ี • ให้นักเรยี นมีสว่ นร่วม (โดยเฉพาะนักเรยี นระดับช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 6 หรืออายุ 13 ปขี น้ึ ไป) พร้อม กบั ผู้ท่ีเก่ยี วขอ้ งอน่ื ๆ o ผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา ครู และบุคลากรทางการศกึ ษา o ผแู้ ทนนกั เรยี น o คณะกรรมการสถานศกึ ษา o ผ้แู ทนองค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ผู้นำชุมชน ปราชญ์ชาวบ้าน o หน่วยงาน/องคก์ รที่เกยี่ วข้องอื่น ๆ ในพน้ื ที่ เชน่ หนว่ ยงานด้านอนามยั องคก์ รพฒั นาเอกชน • จัดตัง้ เกณฑ์ในการคดั เลือก/เลอื กตง้ั ผทู้ จ่ี ะมาเปน็ คณะกรรมการฯ • คัดเลอื ก/เลือกต้ังคณะกรรมการฯโดยความยินยอมของผู้ได้รบั การเสนอช่อื • คณะกรรมการแตล่ ะฝ่ายควรมสี มาชิกท้งั เพศหญิงและชาย • มีโครงการเสริมสร้างศกั ยภาพใหแ้ ก่คณะกรรมการแตล่ ะฝ่าย เชน่ โดยการจัดอบรมในโรงเรยี น การสง่ ผูแ้ ทนเข้าร่วมโครงการอบรมนอกสถานที่ องค์ประกอบของคณะกรรมการ คณะกรรมการฯอาจแบง่ หน้าทีก่ ันไดห้ ลายฝา่ ย แต่การดำเนินการจะต้องทำเป็นทมี และมกี ารประชุม หารือกนั อย่างสม่ำเสมอ โดยแตล่ ะฝ่ายทำการบา้ นในสว่ นงานของตนมาล่วงหน้า ฝา่ ยหรอื คณะย่อย อาจแบ่ง ตามหนา้ ทีแ่ ละความรบั ผิดชอบดงั นี้
หนา้ ท่แี ละความรับผดิ ชอบของคณะกรรมการ (สามารถปรบั ได้ตามความเหมาะสม) ลำดบั ตำแหน่ง หน้าทีค่ วามรบั ผดิ ชอบ • ฝ่ายอำนวยการ • ประสานงานกบั สมาชิกในทมี • มอบหมายงานใหส้ มาชิก • ตรวจสอบและยืนยันข่าวสารเกีย่ วกบั ภัยพบิ ตั ิทไ่ี ดร้ ับ • แจ้งเตอื นฝา่ ยเฝ้าระวังและแจ้งเตอื นภยั • ฝา่ ยประชาสัมพนั ธ์ • หาความรูเ้ ก่ยี วกับภยั และการปอ้ งกนั ภัยมาเผยแพร่ ผา่ นการกระจายเสียง หรือเอกสารเช่น โปสเตอร์ หนงั สือ หรอื สอื่ ต่าง ๆ • ฝา่ ยเฝา้ ระวังและแจง้ เตอื นภัย • จดั เวรยามเฝ้าระวังสถานการณภ์ ยั เช่น บนั ทกึ ปรมิ าณนำ้ ฝนเมือ่ ฝนตกหนกั • แจ้งเตอื นภยั เม่ือมแี นวโน้มวา่ จะเกดิ ภัย • ฝา่ ยอพยพ • ระบพุ ื้นท่ีปลอดภัยสำหรบั รวมพล • กำกับดูแลการอพยพให้เป็นไปอยา่ งรวดเรว็ ปลอดภัย และเปน็ ระเบยี บ • นับจำนวนคนและรายงานนักเรยี นทส่ี ญู หาย • ตดิ ตง้ั แผนที่เสน้ ทางอพยพในแต่ละหอ้ งเรยี น หรือ ใน ทท่ี ่ีนักเรยี นสามารถเห็นได้ทกุ คน • ฝา่ ยสถานที่ • ปรบั ปรุงพื้นทีใ่ นโรงเรยี นใหม้ คี วามปลอดภยั • จดั เตรยี มสถานทีอ่ พยพให้พรอ้ มใช้งานและมรี ะบบ สาธารณปู โภคและส่ิงอำนวยความสะดวกตามความ จำเปน็
ลำดับ ตำแหน่ง หนา้ ทค่ี วามรบั ผดิ ชอบ • ฝา่ ยเสบยี งและอุปกรณ์ • เตรียมเสบียงอาหาร เชน่ ขา้ วสาร อาหารแห้ง นำ้ ดม่ื ในกรณฉี ุกเฉนิ หรอื มกี ารอพยพ • จดั เตรยี มสญั ญาณเตอื นภยั แต่ละจดุ (กรงิ่ ,โทรโข่ง ฯลฯ) • รู้จักวธิ ีใช้เครื่องมือต่างๆ ท่ีใช้ในยามฉุกเฉนิ เช่น ถัง ดับเพลิง • ฝ่ายปฐมพยาบาล • ใหก้ ารปฐมพยาบาลเบอื้ งตน้ แกผ่ ู้ไดร้ บั บาดเจบ็ กอ่ น สง่ ตอ่ ไปโรงพยาบาล • เตรียมวสั ดุอปุ กรณท์ ี่ใชใ้ ห้พรอ้ มใชง้ าน • ฝ่ายปฐมพยาบาลควรมคี วามร้เู บ้ืองตน้ ดา้ นการปฐม พยาบาล เชน่ เปน็ ครูประจำหอ้ งพยาบาล หรอื ได้รับ การฝกึ อบรมมาก่อน • ฝ่ายประสานงาน • แจง้ เหตุภัยของชมุ ชนใหห้ น่วยงานที่เกย่ี วข้องทราบ เพ่ือขอรบั การชว่ ยเหลอื ดา้ นต่าง ๆ • ฝา่ ยงบประมาณ • จดั สรรงบประมาณ • สรปุ รายรับรายจา่ ย • ฝา่ ยติดตามประเมินผล • ประเมินผลการจัดกิจกรรม • สรุปผล/รายงาน • เสนอแนะแนวทางแก้ไข 1.1 การประเมนิ ความเปราะบางและศักยภาพเพอ่ื การวางแผน ในการประเมินความเสี่ยงภัยธรรมชาติ สามารถหาได้จากเครื่องมอื ประเมนิ ความเส่ียงที่ใหไ้ วใ้ น Module 0 เพอื่ ระบุภยั ธรรมชาตทิ ต่ี ้องจัดการทำแผน และตอ้ งประเมินความเสยี่ งของอาคารสถานท่ีทีใ่ หไ้ ว้ ใน Module 1 นอกจากน้ี ยงั ต้องมกี ารประเมินความเปราะบางและศกั ยภาพของสถานศึกษาทงั้ สามดา้ นเพื่อ การวางแผนบรหิ ารจดั การทเี่ หมาะสมกบั บรบิ ท
ขอ้ พจิ ารณาในการประเมินความเปราะบาง มีดงั นี้ ขอบเขตการประเมนิ ประเดน็ พิจารณา จำนวนครูตอ่ จำนวน • จำนวนนกั เรยี น ชาย หญิง นักเรยี น และ • จำนวนนกั เรียนพกิ าร ความสามารถในการดแู ล • ระดบั ช้ันเรียนและอายขุ องนักเรียน • จำนวนนักเรยี นท่สี ามารถชว่ ยเหลือตัวเองไดเ้ ม่อื เกดิ เหตกุ ารณภ์ ัย เสาหลกั ที่ 1 อาคาร สถานท่ีและสาธารณปู โภค ธรรมชาติ และจำนวนนักเรียนท่ตี อ้ งการความชว่ ยเหลือ • จำนวนครู ผดู้ แู ล และบคุ ลากร ต่อจำนวนนกั เรยี น • จำนวนครูที่สามารถดูแลนักเรียนได้เม่อื เกิดเหตภุ ัยพิบตั ฉิ กุ เฉนิ • จำนวนผู้ปกครอง และคนในชมุ ชนใกล้เคียงที่สามารถระดมความ ชว่ ยเหลอื ได้ทนั ทที ีเ่ กดิ เหตุ • อาคารเรียนสามารถรองรับนกั เรยี นเมอ่ื เกิดเหตุ • อุปสรรคเรอื่ งการเข้าถึง เช่น ถนนไม่ดี สะพานไม่แขง็ แรง ประตทู างเขา้ แคบ ทำให้ความชว่ ยเหลือจากภายนอกเขา้ ไมถ่ งึ นักเรยี น • อันตรายจากสิง่ ทไ่ี ม่ใช่โครงสร้างอาคาร เชน่ ประตู หนา้ ต่าง บนั ได ผนัง กัน้ ห้อง ทอ่ น้ำท้ิง เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณต์ า่ งๆ ที่อาจจะหล่นมาทบั นกั เรยี น ขณะเกดิ เหตุ หรอื ขณะอพยพ หรือในขณะหลบภยั • น้ำด่ืม น้ำใชเ้ พียงพอและปลอดภยั จากการปนเปื้อน • ไฟฟ้า แสงสวา่ ง เพยี งพอ • อุปกรณ์ส่อื สารมอี ะไรบ้างและมอี ุปสรรคของระบบสอื่ สารอะไรบา้ ง
ขอบเขตการประเมนิ ประเดน็ พจิ ารณา เสาหลกั ที่ 2 การบรหิ าร • ทกุ คนในสถานศึกษามคี วามรแู้ ละทกั ษะต่อไปนี้หรือไม่ จดั การภยั พบิ ตั ิใน o การเอาตวั รอดเมือ่ เกดิ เหตุภัยพบิ ัตธิ รรมชาติทส่ี ถานศกึ ษาระบไุ ว้ สถานศึกษา ว่าเปน็ ความเส่ียง เชน่ หากเกดิ เหตแุ ผน่ ดินไหว ตอ้ งรู้จักหลบใต้ โต๊ะ คุมศรี ษะและยดึ เกาะใหแ้ นน่ หรอื รูจ้ ักสามเหลยี่ มช่วยชีวิต ประเด็นความเปราะบาง หรือรู้วา่ เม่ือออกจากอาคารแล้วต้องไม่ว่งิ กลับเขา้ ไป เป็นตน้ อ่ืนๆ o วธิ ีออกจากอาคารเมือ่ เกดิ อัคคภี ยั และทางเดนิ มีควัน o รู้จกั เสน้ ทางหนีภัย ประตหู นีภยั และจดุ ปลอดภัยทัง้ ในและนอก สถานศึกษา o ทกั ษะในการเผชิญเหตุ ค้นหา กูภ้ ัย o ทักษะในการปฐมพยาบาล • สถานศกึ ษามอี ุปกรณ์ชว่ ยชวี ติ ทจ่ี ำเปน็ เช่น เชือก ชชู พี ไฟฉาย ชดุ ปฐม พยาบาล • มีการเตรียมหมายเลขโทรศัพทต์ ิดตอ่ ของหนว่ ยงานและผู้ปกครอง • มีวิธีการปฏิบตั ิป็นมาตรฐานสำหรบั รบั มอื ภัยประเภทตา่ งๆหรอื ไม่ • ระบบเตอื นภยั ครอบคลุมและท่ัวถึงหรือไม่ • ความชว่ ยเหลือจากภายนอกสามารถมาถงึ ไดภ้ ายในเวลาเท่าใด • สถานศกึ ษาสามารถจัดหาอาหารและนำ้ ดมื่ นำ้ ใช้สำรองเมอื่ เกิดเหตุ ฉุกเฉนิ ได้หรือไม่ • สถานศกึ ษาสามารถเปลยี่ นเปน็ ที่พักพิงช่วั คราวไดห้ รือไม่ • ผบู้ ริหารสถานศกึ ษาและบคุ ลากรมคี วามร้ใู นการบริหารจดั การพืน้ ทศี่ ูนย์ พักพิงชัว่ คราวหรือไม่ • การฟนื้ ฟอู าคารสถานที่และการใช้พน้ื ทีห่ ลังเกดิ เหตุ • การจัดการเรยี นการสอนระหวา่ งเกิดภยั พบิ ตั ิและตอ้ งหยุดเรยี น • การดูแลสวัสดิภาพของนักเรยี นพกิ าร
นอกจากการพจิ ารณาความเปราะบางตามประเด็นตา่ ง ๆ ข้างตน้ สถานศึกษาสามารถใชค้ ูม่ อื บรหิ ารจดั การ ความเส่ียงภยั ในโรงเรยี น เป็นเครอ่ื งมือในการประเมนิ ซึ่งคมู่ ือนี้เป็นการนำเสนอขนั้ ตอนและกจิ กรรมต่าง ๆ ภายใต้เสาหลักท่ีสองของกรอบความปลอดภัยรอบดา้ นอยา่ งละเอียด 1.2 การกำหนดทางเลอื กในการจดั การความเสี่ยง (Risk Treatment Identification) (1) การหลีกเล่ยี งความเสี่ยง (Risk Avoidance): ในกรณีทีค่ วามเส่ยี งอยใู่ นระดับสูงมากถึงขัน้ รา้ ยแรง อาจต้องหลีกเล่ยี งความเส่ียงอย่างส้นิ เชิง เช่น การย้ายที่ต้งั อาคารสถานที่ออกนอกพ้ืนที่ท่ีมีภัย การแบ่งเขต จัดทำาโซนนิ่ง อย่างไรกด็ ี การหลีกเล่ยี งความเสยี่ งอยา่ งสิ้นเชิงนัน้ อาจทำาไดไ้ มง่ า่ ยนกั เนื่องจาก ข้อจำากัด ดา้ นพ้ืนท่ี (2) การป้องกันและลดผลกระทบจากความเส่ยี ง (Risk Prevention and Mitigation): อาจทำาได้ 2 แนวทาง คือ การป้องกัน (prevention) คือ การป้องกนั ไม่ให้ภัยนั้นเกดิ ข้นึ เชน่ การสร้างเข่ือนขนาดใหญ่เพ่ือ เก็บกกั น้ำไว้ ไม่ให้ไหลลงมาสพู่ นื้ ที่ปลายน้ำเพื่อป้องกนั อุทกภัย และอกี แนวทางหนึ่ง คือ การลดผลกระทบ (mitigation) เพอื่ ลดความล่อแหลมและความเปราะบางให้เหลือน้อยทีส่ ุดเท่าท่จี ะทำาได้ ซึ่งการป้องกันและ ลดผลกระทบจากความเส่ียง สามารถทำาได้โดยใชม้ าตรการทใ่ี ช้โครงสรา้ ง (structural measure) และไม่ใช้ โครงสรา้ ง (non-structural measures) มาตรการท่ีใช้โครงสร้าง (structural measure) หมายถึงการใช้ส่ิงก่อสร้างหรือโครงสร้างทาง กายภาพเพื่อลดหรือหลกี เลี่ยงผลกระทบของภยั ท่ีอาจเกดิ ขึน้ หมายรวมถึงระบบหรือโครงสรา้ งเชิงวศิ วกรรมท่ี ประยุกตใ์ ชเ้ ทคนคิ ตา่ ง ๆ เช่น การทำาพนงั หรือคนั กนั้ นำ้ ประตนู ำ้ ระบบระบายนำ้ การเสริมความแข็งแรง ของโครงสรา้ งอาคาร เพือ่ ให้สามารถต้านทานแรงส่ันสะเทือนของแผน่ ดินไหวหรอื ลม พายุ การปรบั ความลาด ชันของพนื้ ท่ีเพื่อลดการพังทลายของดิน การสรา้ งอ่างเกบ็ น้ำ หรือขุดสระน้ำ เพ่อื การกกั เก็บน้ำไวใ้ ชใ้ นชว่ งเกดิ ภยั แลง้ มาตรการท่ไี ม่ใช้โครงสรา้ ง (non-structural measure) คอื การใชน้ โยบาย กฎระเบยี บ การวางแผน งานและกิจกรรมต่าง ๆ เพ่ือลดความเสยี่ ง เช่น การออกกฎระเบยี บขอ้ บงั คบั การกำหนดการใช้ประโยชนท์ ่ีดิน การแบ่งเขต และการวางแผนพฒั นาพ้นื ท่ี กำหนดการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในพื้นท่ี การวางแผนการเพาะปลูก เพอ่ื ลดผลกระทบจากภัยแล้งหรืออทุ กภัย การฝึกอบรม การสรา้ งจิตสำนึก หรอื ใหค้ วามร้ใู นด้านต่างๆ เพ่ือ สนับสนุนการป้องกันและลดผลกระทบจากความเสี่ยง
(3) การถ่ายโอนความเสี่ยง (Risk Transfer): เป็นการถ่ายโอนความเสย่ี งไปท่ีบุคคลอ่นื ท่ีพรอ้ มจะรับ ผลกระทบจากภัยนนั้ แทน ทำใหผ้ ทู้ ่ีเผชิญกบั ความเส่ียงไม่ต้องได้รับผลที่อาจเกิดขน้ึ หรือไดร้ ับการแบ่งเบา ภาระท่ตี อ้ งแบกรับอนั เนอื่ งมาจาก ความเสี่ยงนน้ั โดยมากให้ความสำคัญกบั การถ่ายโอนภาระทางการเงนิ อัน เปน็ ผลกระทบจากการเกิดภัยพบิ ัติ เช่น การใช้ระบบประกันความเส่ยี ง การทำาประกนั ภัย การใหส้ ินเช่ือ ฉกุ เฉนิ หรือการให้ความชว่ ยเหลือทางการเงินภายในชุมชนหรอื ครอบครวั (4) การยอมรับความเส่ียง (Risk retention/ Risk Acceptance): ในกรณีที่นำแนวทางการลดความ เสี่ยงท้ัง 3 ประการขา้ งตน้ มาใชแ้ ต่ยังไมส่ ามารถจัดการกบั ความเส่ยี งให้หมดไปได้ และยังคงมีความเสยี่ ง บางสว่ นหลงเหลืออยู่ สง่ิ ที่ทำได้คอื การเตรยี มความพร้อม (preparedness) เพ่ือรบั มอื กบั ความเสี่ยงท่ียังคง เหลือ (residual risk) รวมถงึ การปรับตัว (adaptation) และปรับวถิ ีการดำารงชวี ติ ใหส้ ามารถอยู่ร่วมกับภัย และความเสย่ี งน้นั ๆ ไดอ้ ยา่ งปลอดภยั 1.3 แนวทางการตดั สนิ ใจสำหรับผู้บรหิ ารในการเผชิญเหตุ เม่อื เกดิ สถานการณ์ฉกุ เฉิน ไม่วา่ จะมีสาเหตุจากภยั ธรรมชาติหรือภัยอนื่ ๆท่ีมโี อกาสเกิดอันตรายอยา่ ง รนุ แรง ผู้บริหารสถานศึกษาต้องพจิ ารณาทางเลือกในการปฏบิ ัติเพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อชีวติ ทุกคนใน สถานศกึ ษา ทางเลือกในการปฏิบตั ิมไี ดห้ ลายแนวทางตามบริบทของภยั และสถานการณ์แวดล้อม และในการ ทำแผนเผชญิ เหตสุ ำหรับภยั แต่ละประเภทจงึ ต้องมีการพัฒนาขัน้ ตอนการปฏบิ ัติท่เี ป็นมาตรฐาน (Standard of Practice หรอื SOP) รองรบั แต่ละแนวทางด้วย ซ่งึ รายละเอียดของขั้นตอนปฏิบัตขิ ้ึนอยูก่ ับบริบทของ สถานศึกษา สังคม วัฒนธรรม และสภาพความเสี่ยงภัยของสภาพแวดล้อม แนวทางในการรับมือกับภัย ธรรมชาตหิ รือเหตฉุ ุกเฉินต่างๆ สามารถดำเนินการไดด้ ังนี้ 1. การอพยพจากอาคาร (Building evacuation) เป็นการอพยพออกจากตัวอาคารทีม่ ีอันตรายไปยังจุดรวมพลท่อี ยู่นอกอาคาร (Assembly Point) การอพยพจะเรมิ่ ดำเนนิ การเม่ือมีสัญญานเตือนภัยหรอื คำส่ังอพยพและมขี ั้นตอนการปฏบิ ัตทิ ีท่ ุกคนต้องรบั รู้ และทำตามได้ เช่น ในกรณีอคั คีภยั ท่ีเพงิ่ เรม่ิ เกดิ ขึน้ ทกุ คนต้องหยิบของที่จำเป็นและอพยพลงจากอาคารอย่าง รวดเรว็ โดยใชบ้ ันได ไมใ่ ชล้ ิฟท์ และมารายงานตวั ท่จี ุดรวมพลด้านหนา้ อาคารเพือ่ การตรวจสอบว่ามผี ู้ใดสูญ หาย เปน็ ตน้
2. การอพยพไปยังจดุ ปลอดภัย (Evacuate to safe haven) ในทน่ี ีจ้ ดุ ปลอดภัย (Safe Haven) หมายถึง บรเิ วณพื้นทที่ ่ีกำหนดใหเ้ ปน็ ที่ปลอดภัยจากภัยคกุ คาม และสามารถรองรับผู้ประสบภัยได้ อาจจะเป็นพื้นท่ีที่อยู่ภายในสถานศึกษาหรือเป็นสถานท่ีอื่นนอก สถานศึกษาก็ได้ แต่ต้องมกี ารแจ้งให้เจ้าหน้าทีก่ ู้ภยั ได้รบั รเู้ พื่อให้สามารถดำเนินกาชว่ ยเหลือได้อยา่ งรวดเร็ว ยกตัวอย่างเช่น หากสถานศึกษามีพ้ืนท่ีปลอดภัยในอาคารกอ็ าจจะกำหนดให้ ชานพักบนั ได ช่องทางหนีไฟ เปน็ จุดปลอดภยั สำหรับนกั เรยี นชัน้ เด็กเล็ก หรือเดก็ พกิ าร เพ่อื ใหค้ รพู าไปรอการช่วยเหลอื เมอ่ื เจา้ หน้าที่กู้ภัย มาถึงก็สามารถเข้าไปช่วยเหลือนักเรยี นที่จุดปลอดภัยน้ันได้ก่อน แต่ถ้าสถานศึกษาอยากจะเลือกพื้นที่ ภายนอกสถานศึกษาใหเ้ ปน็ ทปี่ ลอดภยั สำหรับการอพยพนกั เรยี นกย็ อ่ มทำได้ แต่ก็ต้องพจิ ารณาตามบริบทของ ภยั และความสามารถในการเคลื่อนย้ายนกั เรยี น ตลอดจนเวลาในการเคลอ่ื นยา้ ย หากมกี ารกำหนดพืน้ ท่ี ปลอดภัยไวน้ อกสถานศึกษานัน้ กต็ อ้ งมีการวางแผนเตรียมพืน้ ที่ดว้ ย เช่น มกี ารเตรยี มสิ่งของฉุกเฉินสำรองไว้ เป็นท่ีเรียบรอ้ ย มีการแจง้ ให้ผู้ปกครองทราบอย่างชดั เจนและมียานพาหนะท่ใี ช้ในการเคลอื่ นย้ายไว้รองรับ การอพยพลักษณะนี้จะใช้ในกรณีภยั ขนาดใหญ่ทีท่ ำให้หลบภยั ในสถานศึกษาไม่ได้ ต้องออกไปนอกพน้ื ท่ี เช่น ในกรณีน้ำทว่ มฉบั พลนั นำ้ ป่าไหลหลาก ดินโคลนสไลด์ สึนามิ สารเคมรี ว่ั ไหล ไฟปา่ เปน็ ต้น 3. การหลบภยั และพักพงิ ในอาคารเรยี น (Shelter-in-place) ในกรณีท่มี อี ันตรายอยู่ภายนอกอาคารเรียน และไมส่ ามารถปลอ่ ยนกั เรยี นกลบั บ้านได้ เชน่ ในกรณี อากาศรุนแรง น้ำท่วมเส้นทางขาด หรือภยั อนั ตรายอน่ื ๆทอี่ ยู่ภายนอก หรือในกรณที ี่ไม่มีเวลาอพยพไปยงั ที่ ปลอดภัย หรอื ในกรณีที่อาคารเรยี นมีความปลอดภัยและสามารถใช้เป็นท่ีอพยพหลบภัยได้ ผู้บริหาร สถานศกึ ษาสามารถตดั สินใจประกาศใหน้ กั เรียนและครพู ักอยใู่ นอาคารเรียนจนกว่าเหตุการณจ์ ะคล่ีคลายก็ได้ 4. การปิดการเข้าออกเพ่ือปอ้ งกนั เหตรุ า้ ย (Lockdown) เป็นวิธกี ารปอ้ งกนั ไมใ่ ห้เหตุรนุ แรงจากภายนอกหรือบุคคลที่มนี ตรายเข้ามาคุกคามสวสั ดิภาพของ นักเรียนและบุคลากร โดยผู้บริหารสถานศกึ ษาจะต้องพิจารณาแล้ววา่ การปิดการเขา้ ออกนี้เป็นทางเลือกท่ี ปลอดภัยกว่าการอพยพและการอยภู่ ายในอาคารจะไม่นำไปสู่เหตุการณ์อนั ตรายที่บานปลาย แนวทางนี้ จะตอ้ งมีการควบคมุ การเขา้ ออกและความปลอดภยั ในอาคารอย่างเข้มงวด อนญุ าติใหม้ ีการเขา้ หรอื ออกเฉพาะ บุคคลเท่านนั้ ไม่มีการอนุญาตใิ หน้ กั ข่าว อาสาสมัคร เจา้ หนา้ ที่เขา้ ไปในพื้นที่จนกวา่ จะได้รับการยืนยนั จาก เจ้าหนา้ ท่ที ี่เกยี่ วขอ้ งแลว้ ว่าสถานการณป์ ลอดภยั และไมม่ ีการปล่อยใหน้ ักเรียนกลบั บา้ นเอง ตอ้ งแจ้งหรือนัด แนะผูป้ กครองใหท้ ราบเก่ียวกับระเบียบการมารบั ตวั นักเรยี นทสี่ ถานศกึ ษาดว้ ย
5. การส่งนักเรยี นคนื สคู่ รอบครัวอย่างปลอดภยั (Safe family reunification) เม่ือเหตุการณ์ฉุกเฉินคลค่ี ลาย ผู้บรหิ ารสถานศึกษาจะแจ้งให้ครูและบคุ ลากรที่เก่ียวข้องทราบว่า สถานการณค์ ลคี่ ลายและอนญุ าตใหส้ ง่ นักเรียนคนื ใหผ้ ู้ปกครองไดโ้ ดยมกี ระบวนการส่งกลับทปี่ ลอดภยั สำหรับ ทกุ ฝา่ ย โดยเฉพาะการตรวจสอบรายช่อื ผปู้ กครองและการทำหลกั ฐานในการสง่ เด็กถึงมอื ผปู้ กครอง เพราะใน สถานการณไ์ ม่ปกติ จำเปน็ ต้องมกี ารปกป้องคมุ้ ครองเด็กอยา่ งเข้มงวด ในบางกรณี ตอ้ งกำหนดด้วยวา่ นักเรยี น ชั้นเดก็ เลก็ จะต้องไมก่ ลบั บา้ นโดยลำพงั โดยไม่มผี ู้ปกครองมารับ บางกรณี อาจจะกำหนดให้นักเรยี นอายุเกิน 15 ปีสามารถเดนิ ทางกลบั บ้านได้ แตต่ อ้ งกลบั เป็นกลุ่ม ไม่ให้กลบั โดยลำพงั เปน็ ตน้ ตวั อยา่ งกระบวนการปฏิบตั ิงานและการตัดสนิ ใจในสภาวะฉกุ เฉนิ ข้ันตอน เงอื่ นไข วธิ ีการปฏบิ ตั ิ ความชว่ ยเหลือทีต่ อ้ งการ 0 ได้รบั คำเตอื นใหเ้ ฝา้ ตดิ ตามขอ้ มูลและสถานการณ์อย่างใกล้ชดิ ตรวจสอบความพรอ้ มทมี หรือ ระวังสถานการณ์ คณะทำงาน 1 ได้รับการเตอื นภัย ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาตรวจสอบเพอ่ื ยืนยัน ตรวจสอบกับสำนักงานเขต ข้อมูล พนื้ ท่ี นายอำภอ นายกอบต. 2 ในกรณีท่ีมีนกั เรียนอยู่ ผ้บู ริหารฯเรียกประชมุ คณะทำงานบรหิ าร ในสถานศึกษา ภยั พบิ ตั ดิ ว่ นเพ่ือพจิ ารณาว่าจะดำเนินการ อพยพนักเรียนหรอื ไม่อพยพแตใ่ หอ้ ย่ใู น อาคารและดูแลความปลอดภยั หากอพยพ ไปยังขนั้ ตอนที่ 3 หากไมอ่ พยพ ไปยังขน้ั ตอนท่ี 4 ในกรณีที่มีนักเรยี น ผบู้ รหิ ารฯเรยี กประชุมผ้ปู ระสานงานฝา่ ย กำลังเดนิ ทาง เตอื นภัยเพอื่ พิจารณาว่าจะประกาศปิด สถานศึกษาหรือไม่
หากปิดสถานศึกษา ไปยังข้ันตอนท่ี 5 หากไม่ปดิ สถานศกึ ษา ไปยงั ข้นั ตอนท่ี 6 3 การตดั สนิ ใจอพยพ ผูบ้ ริหารสถานศึกษาสัง่ การใหค้ ณะทำงาน แจง้ ใหต้ ำรวจในพื้นท่ีทราบเพอื่ ฝา่ ยเตือนภยั และอพยพให้เตรียมพรอ้ ม อำนวยความปลอดภัย เช่น ปฏบิ ตั ติ ามแผน จัดการจราจร ความสะดวกใน การอพยพ เปน็ ต้น คณะทำงานฝา่ ยเตือนภยั และอพยพ แจ้งฝา่ ยประชาสมั พันธ์ กระจายขา่ วไปตามหอ้ งเรียนใหค้ รเู ตรยี ม สถานศกึ ษาให้เตรียมตอบ พานักเรยี นอพยพไปยังจุดปลอดภัยที่ตกลง คำถามผู้ปกครอง ไวล้ ว่ งหน้าในแผนแล้ว พร้อมแจ้ง คณะทำงานฝ่ายจติ วิทยาใหเ้ ตรียมการ สนับสนนุ เริ่มกระบวนการอพยพตามแผนทว่ี างไว้ เตรียมกระบวนการส่งนักเรยี นกลับบา้ น เช่น ใช้รถโรงเรยี นไปสง่ หรือแจง้ ผูป้ กครอง ใหม้ ารับ 4 การตดั สินใจอยู่ใน คณะทำงานฝา่ ยเตอื นภัยและอพยพ สั่งการให้เจา้ หน้าทร่ี ักษาความ สถานศกึ ษา ไม่อพยพ กระจายขา่ วไปตามหอ้ งเรียนพรอ้ มแจง้ ปลอดภยั ล็อคประตรู ้ัวใหแ้ น่น ปดิ การเข้าออกเพื่อ คณะทำงานฝ่ายจิตวิทยาใหเ้ ตรยี มการ หนา ห้ามไม่ใหผ้ ้ทู ีไ่ ม่เก่ียวข้อง ปอ้ งกันเหตรุ ้าย สนบั สนนุ เข้ามาในพ้ืนที่ และหา้ มไม่ใหม้ ี การออกนอกพ้นื ท่ี แจง้ สำนักงานเขตพืน้ ที่ การศกึ ษา และแจง้ ใหต้ ำรวจใน พื้นที่ทราบถงึ การตดั สนิ ใจและ สถานการณใ์ นโรงเรียน
แจง้ ฝา่ ยประชาสมั พันธใ์ ห้ เตรยี มตอบคำถามผ้ปู กครอง 5 การตดั สนิ ใจปดิ ผ้บู รหิ ารฯประกาศปดิ โรงเรยี นชวั่ คราว แจง้ สำนักงานเขตพื้นท่ี โรงเรียน การศกึ ษา และแจง้ ให้ตำรวจใน พ้ืนทีท่ ราบถึงการตดั สนิ ใจ จดั การส่งนกั เรยี นที่มาถึงแลว้ ใหก้ ลับบา้ น 6 การตัดสินใจไมป่ ดิ คณะทำงานฝ่ายเตอื นภัยและอพยพ ส่งั การใหเ้ จา้ หนา้ ทรี่ กั ษาความ สถานศึกษา กระจายขา่ วไปตามหอ้ งเรียนพรอ้ มแจง้ ปลอดภยั ดแู ลการเขา้ ออกอย่าง คณะทำงานฝา่ ยจติ วทิ ยาใหเ้ ตรียมการ เขม้ งวด สนับสนนุ แจ้งฝ่ายประชาสมั พันธ์ให้ เตรียมตอบคำถามผู้ปกครอง แจ้งใหส้ ำนักงานเขตพ้ืนที่ การศึกษาและตำรวจทราบ สถานการณ์ 1.4 หนว่ ยงานท่เี ก่ียวข้องในเรอื่ งการจดั การภยั พบิ ตั ิ เม่อื เกิดเหตุการณค์ ับขนั จากภยั ธรรมชาติ สถานศึกษาในพืน้ ที่จะต้องประสานงานกบั องคก์ รปกครองส่วน ท้องถ่ินเพ่ือให้ข้อมูลความเดือดร้อนเสียหาย และขอรบั ความชว่ ยเหลือ แต่ก็ยังมีหน่วยงานอ่ืนๆท่ีได้รับ มอบหมายใหส้ นบั สนุนการดำเนินการด้านการจดั การภยั พิบัตอิ กี ดว้ ย หน่วยงานสำคญั ๆท่สี ถานศกึ ษาสามารถ ประสานงานเพื่อขอรบั การสนบั สนนุ ในดา้ นตา่ งๆตาม พรบ.ปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั แหง่ ชาติ ไดแ้ ก่ • กรมปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั (http://www.disaster.go.th/th/index.php) เปน็ หน่วยงาน หลกั ในการจัดทำแผนป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั แนะนำ ให้คำปรึกษา อบรม สนับสนุนและ ช่วยเหลือประชาชนในยามเกดิ ภัยผ่านหน่วยงาน ปภ.ในพืน้ ที่ เช่น ปภ. เขต ปภ. จงั หวดั • ก ร ะ ท ร ว ง ก า ร พั ฒ น า สั ง ค ม แ ล ะ ค ว า ม มั่ น ค ง ข อ ง ม นุ ษ ย์ ( https:// www.m- society.go.th/main.php?filename=index) มีหน้าท่ีเก่ียวข้องกับการดแู ล สงเคราะห์ชว่ ยเหลือ ผปู้ ระสบภยั เด็กกำพร้า คนพกิ าร ผู้สงู อายใุ นพืน้ ท่ปี ระสบภยั
• กระทรวงสาธารณสุข (https://www.moph.go.th/) มีหน้าท่จี ดั เตรียมความพรอ้ มในการรับมือกับ สาธารณภัยผา่ นศูนยป์ ฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุขในระดับต่างๆ การจัดให้มีการ รกั ษาพยาบาลฉกุ เฉนิ ทมี ปฎบิ ตั ิการฉกุ เฉินทางการแพทยร์ ะดบั ต่างๆ • ส ำ นั ก ง า น บ ร ร เท า ทุ ก ข์ แ ล ะ ป ร ะ ช า น า มั ย พิ ทั ก ษ์ ส ภ า ก า ช า ด ไ ท ย (http://www.rtrc.in.th/main.php?filename=index)ทำหน้าท่ีฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ สมาชิก สภากาชาดไทย อาสาสมคั รและประชาชนทั่วไปเพ่ือเตรียมความพรอ้ ม และดำเนินการด้านบรรเทา ทุกข์ รกั ษาพยาบาลผูป้ ระสบภัยเม่อื เกิดเหตแุ ละหลังเกิดเหตุ ผา่ นกาชาดจังหวัดต่างๆ • มูลนิธิราชประชานุเคราะหใ์ นพระบรมราชูปถัมภ์ (http://www.rajk.org/demo/index.php) ทำ หน้าที่สงเคราะห์ผู้ประสบภยั สงเคราะห์ดา้ นการศึกษา ทุนการศึกษาและเด็กกำพร้าทคี่ รอบครัว ประสบภยั • องคก์ รการกุศล มลู นิธิ ภาคเอกชน ทำหน้าท่ีสนับสนุนการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัยในพ้ืนที่ ตามท่ไี ดร้ บั มอบหมายจากผอู้ ำนวยการกองป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั เช่น มูลนธิ ิเพือ่ นพงึ่ ภา ยามยาก (http://www.friendsofpa.or.th/TH/home) นอกจากหน่วยงานหลักตาม พรบ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแลว้ สถานศึกษาควรพิจารณา หน่วยงานหรือองค์กรอืน่ ๆทีส่ ามารถให้ความชว่ ยเหลอื ในการดำเนนิ กิจกรรมลดความเสี่ยงภัยพิบตั ใิ นระยะ ต่างๆ เชน่ ภาคธุรกิจในพื้นท่ี องคก์ รพัฒนาเอกชนในพน้ื ที่ สำนักงานเขตการศกึ ษาที่มีสถานศึกษาต้นแบบใน การจดั การภยั พบิ ัติธรรมชาติที่มบี ริบทใกล้เคียงกนั คณะกรรมการฯ ควรเริ่มสร้างความสัมพันธ์เพ่ือการ ประสานงานในอนาคต หวั ขอ้ : การดำเนนิ การตามแผน 2. การดำเนินการตามแผนงาน ในการบริหารจดั การภัยพิบตั ธิ รรมชาตขิ องสถานศกึ ษาน้นั อาจจะจดั ทำมาตรการลดความเส่ยี งเป็น มาตรการระยะสน้ั ระยะกลางหรอื ระยะยาวที่สามารถดำเนินการไปได้เร่ือยๆตลอดเวลาทั้งเป็นมาตรการที่ เกย่ี วกบั โครงสรา้ งอาคารสถานทแี่ ละไมเ่ ก่ียวกับโครงสรา้ ง หลักสำคัญอกี ประการหนง่ึ คอื แผนของสถานศึกษา จะต้องสอดคล้องกับแผนภัยพิบตั ิของชมุ ชน
2.1 มาตรการลดความเส่ยี งภัยพบิ ตั ิธรรมชาติในสถานศึกษา ในการบรหิ ารจดั การความเส่ยี งภัยพิบตั ิ การจัดทำมาตรการลดความเสี่ยงจะช่วยบรรเทาความตึง เครียดในการเผชญิ เหตุฉกุ เฉินลดนอ้ ยลง หรือชว่ ยปอ้ งกันไมใ่ ห้เกิดเหตุฉกุ เฉินทีไ่ มพ่ งึ ประสงค์ มาตรการลด ความเสย่ี งภยั พิบัติสามารถผนวกเข้ากบั นโยบายสร้างความปลอดภัยให้สถานศึกษา เปน็ กจิ กรรมทส่ี ามารถทำ ไดอ้ ยา่ งต่อเน่ืองตลอดปี สามารถประยุกต์ใช้หลายแนวทางประกอบกนั ทั้งท่ีเป็นมาตรการด้านโครงสรา้ ง อาคาร (Structural Mitigation Measures) และมาตรการทไี่ ม่ใชโ่ ครงสร้าง (Non-structural Mitigation Measures) และบางมาตรการสามารถให้นกั เรียนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินเพ่ือเป็นการสร้างความ ตระหนักในเร่ืองการจดั การความเส่ียงภัยพบิ ตั ิ เชน่ • การสรา้ งอาคารเรียนใหมท่ ีม่ กี ารออกแบบกอ่ สรา้ งเพ่ือตา้ นทานภยั ธรรมชาติ และการใช้เทคนิคทาง วศิ วกรรมกอ่ สรา้ งเสริมความแข็งแรงและการรบั นำ้ หนักของอาคาร
โรงเรยี นต้านแผ่นดนิ ไหวบ้านหนองบวั 1-4 โรงเรียนบ้านหนองบัว โรงเรียนประถมท้องถิ่นของอำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ก็เปน็ อีกหน่ึงใน โรงเรยี นเก้าแห่งทีไ่ ด้รบั ผลกระทบจากเหตุการณ์ภยั พิบัตแิ ผ่นดินไหวและไดร้ ับการสร้างอาคารเรียนทดแทน ข้ึนมา โดยอาคารเรยี นแหง่ ใหม่น้ปี ระกอบดว้ ยหอ้ งเรยี น 4 ห้อง บนพ้ืนทีใ่ ช้สอย 48 ตารางเมตร และยงั มีพ้ืนท่ี สว่ นกลางสำหรับให้เดก็ ๆ ประกอบกิจกรรมตา่ งๆ โครงสร้างวัสดุของอาคารไดร้ ับบรจิ าคมานั้นถูกประกอบเข้า ด้วยกันดว้ ยระบบการก่อสรา้ งแบบสำเร็จรูป เพอื่ ให้มีวสั ดุเหลือใชใ้ นการกอ่ สรา้ งนอ้ ยทีส่ ดุ โครงสร้างสว่ นใหญ่ ของอาคารส่วนใหญท่ ำจากเหลก็ ซง่ึ โดยหลักการแลว้ ถอื เปน็ โครงสรา้ งท่มี คี วามยดื หยุ่นสูงจนสามารถดูดซับ แรงสน่ั สะเทอื นของแผ่นดินไหวได้ นอกจากนั้น โครงสร้างเหลก็ ยงั สามารถกอ่ สรา้ งไดอ้ ย่างงา่ ยดายและสะดวก ในพื้นท่ีชนบท กำแพงของอาคารเรียนประกอบขึ้นจากแผ่นไม้อัดซีเมนต์อเนกประสงค์ (Wood Cement Board) ซง่ึ เป็นวสั ดุท่ีหาได้งา่ ยและใช้งานสะดวก ซึ่งนอกจากจะใช้ทำกำแพงแลว้ ยังใช้ทำชั้นวางของได้อีก ด้วย อาคารแหง่ นพ้ี ฒั นาข้ึนสำหรบั ผใู้ ช้งานทเี่ ป็นนักเรียนและครู สามารถปรบั เปลย่ี นรปู แบบการใชส้ อยได้ ตามความตอ้ งการ หอ้ งเรียนแต่ละห้องสามารถเปิดถึงกันได้ดว้ ยการเอาฉากก้นั ออก รัว้ ด้านนอกของอาคารทำ จากวสั ดุท้องถนิ่ อย่างไมไ้ ผ่ ซึง่ เปน็ วัสดุทห่ี าได้ง่ายและราคาถกู อกี ทง้ั ยังมคี วามยืดหยนุ่ สงู และเหมาะกบั การ รับกับสภาวะของแผน่ ดินไหว ตัวอาคารถูกออกแบบให้รับกับสภาพอากาศของภาคเหนือ โดยยกใตถ้ ุนสูง พอเหมาะเพ่ือลดความชืน้ และหลีกหนนี ้ำทว่ ม รวมถงึ มที ี่วางรองเท้าใหเ้ ขา้ กับวัฒนธรรมไทยทตี่ อ้ งถอดรองเท้า ก่อนขึน้ ชานเรือน ตวั อาคารมีระเบียงซงึ่ เป็นพื้นท่ีกึง่ กลางระหว่างในรม่ กับกลางแจ้งซ่ึงเหมาะกบั วิถชี ีวติ ใน สภาพอากาศ ในขณะทชี่ ายคาทยี่ ื่นออกมาช่วยเป็นตัวปอ้ งกันอากาศหนาว แต่หลงั คาสูงลาดเอยี ง โลง่ โปร่ง
เปิดใหอ้ ากาศธรรมชาติไหลเวยี นเข้ามาในอาคาร รวมถงึ เปิดให้มีแสงธรรมชาติสอ่ งถึงในตอนกลางวนั เพ่ือ ประหยดั การใชไ้ ฟฟ้า อาคารเรยี นแห่งนเี้ ป็นงานสถาปตั ยกรรมท่สี ร้างข้ึนจากการสนับสนุนของสมาคมวิศวกรรมสถานแห่ง ประเทศไทย, สมาคมวิศวกรที่ปรึกษาแห่งประเทศไทย, สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรม ราชปู ถมั ภ์ และ สมาคมสถาปนิกสยาม ในการจดั หาทุนและวัสดใุ นการก่อสรา้ ง รวมถงึ หยาดเหงื่อแรงงานที่ เกดิ จากความรว่ มมืร่วมใจของชาวบา้ นและคนในทอ้ งถน่ิ จงึ นับวา่ เปน็ อาคารทเ่ี กิดจากแรงใจของท้องถ่นิ อย่าง แท้จรงิ อน่ึง หนง่ึ ในอาคารเรียนทง้ั หมดของโรงเรียนบา้ นหนองบวั หลังนี้ เป็นผลงานการออกแบบของ Jun- sekino Architecture & Design และไดร้ ับรางวัลในสาขา Institutional-Primary & High Schools จาก Architizer A+ Awards ครง้ั ท่ี 5 ในนครนวิ ยอรก์ ซึ่งถือเป็นความภูมใิ จของคนไทยทสี่ ถาปนกิ ไทยได้ก้าวไปสู่ เวทีระดับโลก
• การปรบั ปรุงสภาพแวดลอ้ มของสถานศกึ ษาใหง้ า่ ยตอ่ การเคลอ่ื นยา้ ยอพยพครแู ละนักเรยี นใน สถานการณ์ฉกุ เฉิน • การออกแบบการใช้พน้ื ที่ เชน่ การปลกู ไผแ่ ทนร้วั เพื่อความสวยงามและกันแรงปะทะของลมและ ฝน การออกแบบช่องลมและช่องแสงเพ่อื ใหอ้ ากาศถ่ายเทเขา้ มาในอาคาร • การยึดอปุ กรณ์ เฟอรน์ ิเจอร์กับผนังให้แนน่ หนาเพอ่ื ปอ้ งกันการลม้ หล่นทบั • การเตรียมความพรอ้ มด้านตา่ งๆ เชน่ การเตรยี มกักเกบ็ นำ้ สะอาดใสแ่ ทงกน์ ำ้ หรอื ถัง การปดิ วาลว์ น้ำ เพอ่ื ป้องกนั การปนเปือ้ น จนกวา่ จะได้รับประกาศหรอื รับรองจากหน่วยงานทเ่ี กีย่ วขอ้ ง การเกบ็ รกั ษา เครือ่ งใช้ อปุ กรณก์ ารเรียนการสอน ในทสี่ งู ที่นำ้ ท่วมไมถ่ งึ หรอื การหอ่ หุม้ ของใช้บางประเภทที่อาจ เสยี หายจากความชืน้ ด้วยถุงหรือลงั พลาสตกิ • การสรา้ งความตระหนักรู้ให้กับนกั เรียนและบคุ ลากรถงึ สง่ิ แวดลอ้ ม ภัยธรรมชาตแิ ละวิธกี ารป้องกนั ตวั ให้พ้นภยั 2.2 การจัดทำแผนแจ้งเตือนภยั และอพยพ ในการวางแผนแจ้งเตอื นภัยน้ันจะต้องมกี ารออกแบบสัญญาณเตอื นภยั ท่ีเหมาะสมกบั ผู้รับสัญญาน การทำความเขา้ ใจในสญั ญาณเตือนภัยและการปฏิบัตติ ามข้นั ตอนที่ไดจ้ ดั เตรยี มไว้ลว่ งหน้า การแจ้งเตือนภัย น้อี าจจะตามด้วยการอพยพหรอื ไม่ตอ้ งอพยพกไ็ ด้ ขน้ึ อยกู่ ับความจำเปน็ และความรนุ แรงของภัย การแจ้งเตือนภัยในสถานศกึ ษา อาจแบ่งเป็น 2 ระยะ คอื 1) ข้ันการแจ้งเตือนภยั เพ่ือการเฝา้ ระวัง หรือเตรยี มพรอ้ ม สำหรับการอพยพหนภี ยั หากมีความจำเป็น 2) ข้ันการแจง้ เพ่ืออพยพหนภี ยั หรือคำสงั่ อพยพ สำหรบั การอพยพหลบภยั ของเด็กพกิ าร ครูและผ้ดู ูแลจะต้องเข้าใจวิธีเคล่ือนไหวของเดก็ พิการและ สามารถเคลือ่ นยา้ ยเดก็ พกิ ารโดยไมก่ ่อใหเ้ กิดอันตราย หากจำเป็นต้องมกี ารใช้ยานพาหนะ ตอ้ งใชย้ านพาหนะ ทเ่ี หมาะสม สถานศึกษาทีม่ เี ดก็ พิการควรบรรจแุ ผนการใหค้ วามรูแ้ ก่เจ้าหนา้ ทก่ี ู้ภัยและคนในชมุ ชนรจู้ ักวิธีการ ช่วยเหลือเดก็ พิการด้วย เชน่ สอนวธิ กี ารนำทางคนตาบอดท่ีถกู วธิ ีเพือ่ ชว่ ยในการอพยพ สอนภาษามือเบื้องต้น แก่เจา้ หนา้ ที่ก้ภู ัยเพ่อื สื่อสารกับเดก็ หูหนวกในการอพยพ ฝกึ ซอ้ มเจา้ หน้าที่กูภ้ ัยใหม้ ีความรใู้ นการเคล่ือนยา้ ย เด็กพิการ เปน็ ตน้ ในการวางแผนเตอื นภัยและอพยพมีประเด็นทต่ี อ้ งพจิ ารณา ดังนี้
ประเดน็ หมายเหตุ 1. ภัยธรรมชาติทจ่ี ำเปน็ ตอ้ งมกี ารแจง้ เตือนภัยมีอะไรบา้ ง ขึ้นอยกู่ ับภัยและความรุนแรง 2. ขอ้ มูลประกอบการตัดสินใจแจง้ เตือนภยั ไดม้ าจากแหลง่ ใด เชอ่ื ถือได้หรอื ไม่ เปน็ ปัจจบุ ัน 3. วธิ ีการตรวจสอบข้อมลู กอ่ นการแจง้ เตือนภายใน หรอื ไม่ ได้รับขอ้ มูลมาอย่างไร สถานศึกษา 4. กระบวนการตดั สนิ ใจแจง้ เตือนภยั ของผบู้ รหิ ารสถานศึกษา เป็นมติจากการหารอื กับ คณะทำงานทเ่ี กีย่ วขอ้ งหรือเปน็ การ ตัดสินใจโดยลำพัง 5. นกั เรียนและบคุ ลากรในสถานศึกษามกี ่ปี ระเภท (เด็กเลก็ เพ่ือกำหนดวธิ ีเตอื นภัยและบทบาท เดก็ โต เดก็ พิการ ครพู ิการ เป็นตน้ ) หน้าทีใ่ นการดแู ล 6. ระดบั ในการแจ้งเตอื นเป็นอยา่ งไร จะประกาศแจง้ เตอื นภัย ภยั บางประเภทสามารถรอดู ลว่ งหน้าเมอื่ ใด ตอ้ งใช้เวลาเตรยี มนกั เรยี นมากนอ้ ยเพยี งใดสถานการณไ์ ด้ 7. วธิ กี ารแจง้ เตือนภัยมีอะไรบา้ ง วธิ ีหลกั และแผนสำรอง ควรมกี ารกำหนดสัญญาณและสอน ใหน้ กั เรียนรจู้ กั สญั ญาณ 8. อุปกรณ์ท่ีนำมาใช้ในการเตอื นภัยไดม้ อี ะไรบา้ ง พรอ้ มใชง้ านและครอบคลุมหรอื ไม่ 9. ข้อความทใี่ ช้ในการประกาศเตอื นภยั ขอ้ ความต้องส้ันกระชบั รบั รู้และ เขา้ ใจง่าย ไมท่ ำใหห้ วาดกลวั 10. สง่ิ ที่ตอ้ งการให้นกั เรยี นและบุคลากรปฏิบตั เิ มื่อไดร้ บั การ ให้กำหนดขัน้ ตอนปฏบิ ตั เิ ป็น เตือนภัยคอื อะไร จะส่อื สารอยา่ งไร มาตรฐานสำหรบั ทกุ คน 11. ขน้ั ตอนการพจิ ารณาออกคำสงั่ อพยพเป็นอยา่ งไร การรวบรวมขอ้ มลู และตดั สนิ ใจ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112