Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 361_รวมเล่ม2

361_รวมเล่ม2

Published by cancer stom, 2021-02-03 10:43:21

Description: 361_รวมเล่ม2

Search

Read the Text Version

กับการศึกษาเก่ียวกับนิวเคลียร์ถูกบรรจุไว้ในหลักสูตรโลกศึกษา (Globally Oriented Curriculum) 7. สุขศึกษาและการดูแลสุขภาพกาย (Health Education and Physical Fitness) แนวโน้ม เก่ียวกับสุขภาพของประชากรชาวอเมริกันจะต้องได้รับความรู้จากหลักสูตรใหม่ๆ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ นั ก ก า ร ศึ ก ษ า น า ป ร ะ เ ด็ น เ ก่ี ย ว กั บ ภู มิ คุ้ ม กั น บ ก พ ร่ อ ง ท่ี รู้ กั น ใ น ช่ื อ ว่ า AIDS (acquired immunodeficiency syndrome) นามาให้ความร้กู บั ผเู้ รยี น บรรจุเปน็ เรื่องหน่งึ ในหลักสูตร ถึงแม้วา่ ในสงั คมอเมริกนั ประชากรวัยผู้ใหญม่ ีนิสัยรกั การออกกาลังกายเพื่อสุขภาพดว้ ยการเล่น กีฬาและการดูแลสุขภาพร่างกาย (Fitness) จุดประสงค์เบ้ืองต้นของโปรแกรมมุ่งให้มีความสนุกสนาน และด้านการสังคมในกิจกรรมกีฬา ไม่ได้มุ่งการแข่งขันเพื่อชัยชนะ มุ่งเพียงให้เป็นพฤติกรรมการออก กาลังกายเปน็ สาคัญ 8. การศึกษาตา่ งด้าว (Immigrant Education) สังคมอเมริกนั หลงั สงครามโลกครั้งที่สองมีชาว คา่ งด้าวเข้ามาอาศัยอยู่เป็นจานวนมาก นัยสาคัญของคนต่างด้าวจานวนมากมาจากครอบครัวทเ่ี รียกว่า “ยากจน (structurally poor)” เด็กท่ีมาจากประเทศต่างๆ จะถูกตีตราว่า “ด้อยความสามารถในการ เรียนรู้ (Learning disabled or “slow” เพื่อช่วยให้คนต่างด้าวที่เข้ามาใหม่นักการศึกษาให้คาแนะนา ว่าโรงเรียนควรได้จัดหลักสูตรสองภาษา (Bilingual programs) หลักสูตรพหุวัฒนธรรมจะช่วยให้เด็ก ตา่ งดา้ วไดเ้ รียนรแู้ ละอยูใ่ นสงั คมใหม่ไดด้ ยี ่ิงข้นึ 9. ภูมิศาสตร์ย้อนกลับ (The Return of Geography) การศึกษาเกี่ยวกับเร่ืองนี้เป็นผลมาจาก การตีพิมพห์ นงั สือชอ่ื Nation at Risk ในปี ค.ศ.1983 เด็กอเมรกิ ันจะได้เรยี นรู้เร่อื งราวเกย่ี วโลกรอบตัว เรา รวมถึงภูมิศาสตร์พื้นฐานมีการทบทวนสาระสาคัญทางภูมิศาสตร์ อาทิเร่ือง Back to basic, การ เรียนรู้วัฒนธรรม นิเวศวิทยาศึกษา และโลกศึกษา เร่ืองราวต่าง ๆ ท่ีศึกษาเล่นเรียนจะเป็นพลัง ขับเคล่อื นใหร้ ูจ้ กั บทบาทของตนเองเพ่ิมยงิ่ ขนึ้ 10. การศึกษาในช่วงเกรดกลาง (Middle-Grade Education) ผู้เรียนที่อายุระหว่าง 10-15 ปี ซึง่ เป็นวัยที่เปลี่ยนแปลงความเจริญเติบโตและพัฒนาการอย่างรวดเร็ว การศึกษาที่จัดให้เป็นการศึกษา เก่ียวกับก่อนจะเป็นวัยรุ่น (Preadolescents) และวัยรุ่นตอนต้น (early adolescents) เม่ือ เปรียบเทยี บกับโรงเรยี นมัธยม (secondary school) โรงเรยี นเกรดกลางม่งุ ใหค้ วามสาคญั กับการเรยี นรู้ สังคมหรือสังคมประกิต (Socialization) ไม่เน้นวิชาการ แต่ให้ความสาคัญกับ intramural sport แต่ก็ ไม่เน้น interscholastic or competitive sports ถึงแม้ว่าโรงเรียนเกรดกลางจะมีอยู่โดยท่ัวไป แต่ หลักสูตรใหม่ท่ีเหมาะสมกับกลุ่มเด็กดังกล่าวน้ีจาเป็นต้องพัฒนาขึ้น การพัฒนาครูผู้สอนจะต้อง ปรับเปลี่ยนโปรแกรมการพัฒนาครูจะต้องมีความแตกต่างจากครูประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ใน อนาคตสถาบันการผลิตครูจะต้องมุ่งพัฒนาความรู้ ทักษะท่ีจะเป็นสาหรับการสอนโรงเรียนเกรดกลาง (Middle school) 11. การศึกษาสาหรับผู้สูงอายุ (Aging Education) สังคมปัจจุบันจานวนประชากรผู้สูงอายุ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นักการศึกษามีความเชื่อว่าโรงเรียนจะต้องสอนให้ผู้เรียนเข้าใจปัญหาและความ คาดหวงั ของผูส้ ูงอายุ และช่วยให้มีความรกั ตอ่ ผสู้ งู อายุ (ทัง้ พ่อแมแ่ ละป่ยู า่ ตายาย) ในโรงเรียนจะต้องประสมประสานผู้สูงอายุทั้งผู้ท่ีมีความประสงค์จะเกษียณอายุและผู้ เกษียณอายุจากงานประจามาช่วยงานในโรงเรียนในรูปแบบ อาสาสมัคร ผู้ช่วยสอน และแหล่ง 151

ทรัพยากรบุคคลในการเรียนรู้ 12. ธุรกิจการศึกษา (For-Profit Education) โรงเรียนหรือสถานศึกษารูปแบบต่างๆ เกิดข้ึน มากมาย ทั้งในรูปแบบของเอกชนและหน่วยงานท่ีต้ังขึน้ เฉพาะกิจ อาทิ สถานเลี้ยงเด็ก (nursery) ศูนย์ รับเล้ียงเด็กช่วงเวลากลางวันและช่วงหลังเลิกเรียน ศูนย์กีฬาและโค้ชเอกชน ศูนย์ติวเตอร์แฟรนไชส์ วิทยาลัยเอกชนเพ่ือให้บริการแนะแนว (ในการเลือกมหาวิทยาลัย) สถาบันติดเตอร์สอบ SAT และการ ทดสอบเพื่อขอรับในรับรองประกอบวิชาชีพ ท้ังหมดที่กล่าวมานี้เป็นการนาการศึกษาเข้าสู่ตลาดการค้า ท่ีมีการเก็บค่าธรรมเนียมในการศึกษา จากผ้เู รยี นโดยตรง 13. การศึกษาเพื่ออนาคต (Futuristic Education) จากงานเขียนของทอฟเลอร์ (Toffler 1970) ที่กล่าวถึงอนาคตว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วไม่สามารถท่ีกาหนดขอบข่ายของการ เปลีย่ นแปลงได้เลยนน้ั จึงนามาเป็นหลักการของความมุ่งหมายการศึกษา ท่จี ะต้องเพ่ิมขดี ความสามารถ ของผู้เรยี นแตล่ ะคนสามารถปรับตวั เข้ากบั การเปลยี่ นแปลงที่ต่อเน่อื ง แนวทางหนึ่งในการเตรียมตัวผู้เรียนในอนาคตก็คือช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง โปรแกรมหรือรายวิชาใหม่ จะถูกเรียกว่า การศึกษาเล่นเรียนเพ่ืออนาคต (Futuristic studies) จะเร่ิม ในระดับอุดมศึกษา และมัธยมศึกษาในโอกาสต่อไป สาระสาคัญของการศึกษาดังกล่าวนี้พิจารณาจาก ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและสถานการณ์ในสังคมโดยไม่มีการแบ่งแยก แต่เป็นทั้งสอง องค์ประกอบท่ีช่วยในการตัดใจในอนาคต โดยท่ัวไปการมองอนาคตไม่ใช่ภารกิจที่เล็กๆ แต่เป็นการ นาเสนออนาคตที่มีจัดประสงค์การเรยี นรู้โดยปกติทว่ั ไปท่ีช่วยให้ผูเ้ รยี นได้เรียนรแู้ ละนาไปใช้โดยปรบั ให้ เหมาะสมกบั ตนเองในสงั คมท่มี กี ารเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นักการศึกษาได้นาเสนอแนวคิดเกี่ยวกับทักษาที่จะเป็นในอนาคตท่ีเรียกกันว่า ทักษะใน ศตวรรษท่ี 21 หลักสูตรหรือรายวิชาท่ีเรียนก็ควรที่จะได้พิจารณาให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ตามมาตรฐาน ดงั กล่าวนี้ หลกั สูตรตอ้ งวางแผนเพอ่ื การบรรลุทกั ษะในศตวรรษที่ 21 บทสรปุ การนาหลกั สตู รไปใช้ เปน็ ขน้ั ตอนทมี่ ีความสาคัญมาก ผทู้ ่ีเกยี่ วข้องกับการนาหลกั สูตรไปใช้ควร ทาความเขา้ ใจในรายละเอียดของหลักสูตรอย่างชดั เจน และไดร้ ับการอบรมทกั ษะ เทคนิคทีเ่ กีย่ วขอ้ งกับ หลักสูตร รวมถึงได้รับการกากับติดตาม ประเมินผลการนาหลักสูตรไปใช้อย่างใกล้ชิด เพ่ือผลสัมฤทธิ์ ของหลักสูตรที่เกิดขึ้นกับตวั ผูเ้ รียน ปัญหาและแนวโน้มในการพัฒนาหลักสูตร เป็นประเด็นการเปล่ียนแปลง และทิศทางการ พัฒนาสังคม ผู้พัฒนาหลักสูตรควรศึกษาข้อมูลปัญหาและแนวโน้มในการพัฒนาหลักสูตร และงานวิจัย อยา่ งละเอยี ด เพือ่ ความถูกต้อง เหมาะสมของหลักสูตร 152

คาถามทบทวน 1. การนาหลกั สตู รไปใช้ หมายถึงอะไร 2. ใครเป็นผูม้ สี ว่ นรว่ มในการใชห้ ลักสตู ร และมีสว่ นรว่ มอยา่ งไร จงอธบิ าย 3. ชมุ ชน มีสว่ นร่วมในการนาหลกั สตู รไปใชอ้ ย่างไร จงอธบิ าย 4. จงบอกปัญหาของการพัฒนาหลกั สตู รโดยสงั เขป 5. จงอธบิ ายแนวโนม้ ของการพฒั นาหลกั สตู รโดยสงั เขป เอกสารอ้างอิง ใจทิพย์ เช้ือรัตนพงษ์. (2539). การพัฒนาหลักสตู ร: หลักการและแนวปฏิบัติ. กรุงเทพฯ: อลีน เพรส. 153


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook