Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore งานวิจัย บทบาทของครู

งานวิจัย บทบาทของครู

Published by saiyibo, 2020-08-23 22:34:45

Description: งานวิจัย บทบาทของครู

Keywords: ครูที่ดีเป็นอย่างไร

Search

Read the Text Version

86 เรียนสูงกว่าผู้ทีไมเ่ รียนกวดวชิ า10 เท่า อย่างไรก็ตาม ผลการสอบคัดเลือกฯ ยังขึ นอยู่กับปัจจัยอืนๆ ด้วย ได้แก่ ประเภทของโรงเรียนทีจบการศึกษา และการมีเทคนิคการอา่ นและเทคนิคการจํา จิตราภรณ์ ทองไทย (2552: 102-105) ได้ทําการวิจัยเรืองปัจจัยด้านวัฒนธรรมทีส่งผลต่อ การจัดการความรู้ในสถาบันอุดมศึกษา: กรณีศึกษา สถาบันอุดมศึกษาในเขตกรุงเทพมหานคร ผลการศกึ ษาพบว่าบุคลากรมีความคิดเห็นเกียวกับปัจจัยด้านวัฒนธรรมทีส่งผลต่อการจัดการความรู้ ในสถาบันอุดมศึกษาโดยรวมอยูใ่ นระดับมาก ทั งในด้านการวางแผนด้านการเปลียนแปลงและ นวัตกรรมด้านการมสี ่วนร่วม ด้านการเรียนรู้ ด้านความร่วมมือและเครือข่ายความรู้ และด้านการ กระตุ ้นและการให้รางว ัล เมือเปรี ยบเทียบความคิดเห็นของบุคลากรจ ําแนกตามข้อมูลส่ วนบุคคล พบว่าบุคลากรทีมีระดับการศึกษาต่างกัน มีความคิดเห็นเกียวกับปัจจัยด้าน วัฒนธรรมทีส่งผลต่อ การจัดการความรู้ในสถาบันอุดมศกึ ษาแตกต่างกัน ในด้านการเปลยี นแปลงและนวัตกรรมทีระดับ นัยสําคัญ0.05 และบุคลากรทีอยู่ใสถาบันอุดมศึกษาของรัฐและเอกชนมคี วามคิดเห็นเกียวกับปัจจัย ด้านวัฒนธรรมทีส่งผลต่อการจัดการความรู้ในสถาบันอุดมศกึ ษาแตกต่างกันในด้านการกระตุ้นและ การให้รางวัลทีระดับนัยสําคัญ0.05 นอกจากนั นผลการการศึกษายังพบว่าในการดําเนินงานด้าน การจัดการความรู้ของสถาบันอดุ มศึกษาในเขตกรุงเทพมหานครมีปัญหาอุปสรรคด้านวัฒนธรรม เกิดขึ นทั ง 6 มิติ โดยปัญหาอุปสรรคด้านการมีส่วนร่วมเป็ นปัญหาอุปสรรคทีเกิดขึ นมากทีสุด รองลงมา ได้แก่ ปัญหาอปุ สรรคด้านการเรียนรู้ปัญหาอปุ สรรคด้านการเปลียนแปลงและนวัตกรรม ปัญหาอุปสรรคด้านความร่วมมือและเครือข่ายความรู้ ปัญหาอุปสรรคด้านการวางแผนและปัญหา อุปสรรคด้านการกระตุ้นและการให้รางวัล ตามลําดับ ซึ งปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการ ดําเนินงานด้านการจดั การความรู้ของสถาบันอดุ มศึกษา 4 ด้าน ได้แก่ 1. ขั นตอนและกระบวนการ ดําเนินงาน2. บุคลากร 3. ความรู้และนวัตกรรมและ 4. งบประมาณ กัญญวรรณ ปิ นเงิน ( 2548: 116-119) ได้ทําการวิจัยเรือง ทัศนะของพระสงฆ์ต่อบทบาท การพัฒนาคนพิการ ผลการศกึ ษาพบวา่ 1) ทัศนะพืนฐานของพระสงฆ์ต่อการพัฒนาคนพิการ กลุ่มตวั อย่างมีทัศนะ พืนฐานต่อการพัฒนาคนพิการโดยภาพรวมอยู่ในระดบั เห็นดว้ ยมาก เมือพิจารณาเป็ นรายด้าน พบว่า ด้านทีเห็นด้วยระดับมาก ได้แกอ่ ันดับที1 บุคคลหรือหน่วยงานทีควรใหก้ ารช่วยเหลือด้าน การสงเคราะหแ์ ละบุคคลหรือหน่วยงานทีควรให้การช่วยเหลอื ด้านการฟื นพูสมรรถภาพ อันดับที2 บุคคลหรือหน่วยงานทีควรให้การช่วยเหลอื ด้านการจดั สภาพแวดล้อม อันดับที 3 ความจําเป็ นของ คนพกิ ารในการได้รับความช่วยเหลอื อับดับท4ี ความจําเป็นทีต้องพัฒนาจิตในคนพิการ อับดับที 5 รูปแบบการช่วยเหลือด้านฟื นฟูสมรรถภาพความพิการเป็ นสิงปกติหรือผิดปกติในสังคม ล้านที

87 เห็นด้วยระดับปานกลาง ได้แก่ อับดับท1ี สาเหตุของความพกิ าร อันดับที2 รูปแบการช่วยเหลือ ด้านการสงเคราะห์ อับดับท3ี รูปแบบการช่วยเหลือด้านการจัดสภาพแวดล้อม 2) ทัศนะต่อบทบาทของพระสงฆ์ กลุ่มตัวอย่างมที ัศนะต่อบทบาทของพระสงฆ์ โดยภาพรวมอยู่ในระดับเห็นด้วยมากทุกด้าน ได้แก่ อับดับท1ี บทบาทพระสงฆ์ในการใหค้ วาม ช่วยเหลือคนพิการด้านฟื นฟูสมรรถภาพทางสังคม อับดับที2 บทบาทพระสงฆ์ในดารใหค้ วาม ช่วยเหลอื คนพกิ ารด้านการฟื นฟูสมรรถภาพทางการศึกษา อับดับที3 บทบาทพระสงฆ์ในการให้ ความช่วยเหลือคนพิการด้านการสงเคราะห์ อับดับที 4 บทบาทพระสงฆ์ในการพัฒนาจิตใจคน พิการ อับดับที 5 บทบาทพระสงฆ์ในการให้ความช่วยเหลือคนพิการด้านการฟื นฟูสมรรถภาพ ทางการแพทย์ อันดบั ที 6 บทบาทพระสงฆ์ในการให้ความช่วยเหลือคนพิการด้านการฟื นฟู สมรรถภาพทางอาชีพ และอับดับที7 บทบาทพระสงฆ์ในการให้ความช่วยเหลือคนพิการด้านการ จัดสภาพแวดล้อม นิรันดร์ กมลาพร (2549: 90-95) ได้ทําการวิจัยเรือง บทบาทของครูในการอนุรักษ์ ทรัพยากรป่ าไม:้ ศึกษากรณี เขตพืนทีลุม่ นํ าแมส่ รวย ตําบลวาวี อําเภอแมส่ รวย จังหวัดเชียงราย ผลการศึกษาพบวา่ การไดร้ ับข้อมูลข่าวสารเกียวกับการอนุรักษท์ รัพยากรป่ าไม้ ในภาพรวมมคี วามถปี านกลางโดยการได้รับข้อมูลข่าวสารจากทุกแหล่ง มคี วามถปี านกลางเช่นกัน ยกเว้นจากสือโทรทัศน์ ซึงมีความถมี าก ความรู้ความเข้าใจเกียวกับการอนุรกั ษท์ รัพยากรป่ าไม้อยู่ในระดับสูงบทบาทใน การอนุรักษ์ทรัพยากรป่ าไม้ในภาพรวมและทุกด้านอยูใ่ นระดับปานกลางโดยดา้ นทีครูมีบทบาท มากทีสุดได้แก่ ด้านการสอนเรืองการอนรุ ักษ์ทรัพยากรป่ าไม้แก่นักเรียน รองลงมา ได้แก่ด้านการ เป็ นผูน้ ําในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่ าไม้ และด้านการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่ าไม้ ตามลําดับ ปัจจัยทีมีผลต่อบทบาทของครูในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่ าไม้ ได้แก่ อายุ ประสบการณ์ในการสอน รายได้ และการได้รับข้อมูลข่าวสารเกียวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรป่ าไม้ โดยที เพศ สถานภาพสมรถ การศึกษา สาขาวิชาทีจบ จํานวนทีสอน และความรู้ความเข้าใจ เกียวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรป่ าไม้ เป็นปัจจัยทีไม่มผี ลต่อบทบาทของครูในการอนุรักษ์ทรัพยากร ป่ าไม้ ธีรพัฒน์ คําคูบอน (2548: 104-106) ได้ทําการวิจัยเรือง ทัศนคติของข้าราชการครูสงั กัด สํานักงานการศึกษาขั นพืนฐานต่อใบประกอบวิชาชีพครู: กรณีศึกษา กรุ งเทพมหานคร ผล การศกึ ษาพบว่า

88 1) ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นข้าราชการครูสงั กัดสํานกั งานการศึกษาขั น พืนฐานจํานวน218 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุระหวา่ ง 41 - 50 ปี อายุราชการส่วนใหญ่ 21 ปี ขึ นไปการศึกษาสูงสุดระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ส่วนใหญ่เป็ นข้าราชการระดับขั น(ซี) 7 - 9 ส่วนใหญ่มตี ําแหน่งเป็นครูผู้สอนและมรี ายได้ต่อเดือน 15,000 - 30,000 บาท 2) ผลการศกึ ษาความคิดเห็นของข้าราชการครูทีมีต่อใบประกอบวิชาชีพครู ใน ภาพรวมอยู่ในระดับดีทั งในด้าน การสนับสนุน การบริหารจัดการโรงเรียน การเห็นความสําคัญใบ ประกอบวิชาชีพครู และการเห็นความสําคัญของใบประกอบวิชาชีพครู 3) ปัจจัยทีมีผลต่อทัศนคติของข้าราชการครูทีมีต่อใบประกอบวิชาชีพครูจากการ ทดสอบสมมติฐานพบว่า อายุ อายุราชการ อัตราเงินเดือน อนุชา มูลคํา (2548: 95–97) ไดท้ ําการวิจัยเรือง ความคิดเห็นของประชาชนในการ บริหารงานขององค์การบริหาร ส่วนตําบลทีมกี ารบริหารจดั การทีดี: ศึกษาเฉพาะกรณีองค์การ บริหารส่วนตําบลแม่ฟ้ าหลวง อําเภอแม่ฟ้ าหลวง จังหวัดเชียงรายผลการศึกษาพบว่า 1) ระดับความคิดเห็นโดยรวม อยูใ่ นระดับเห็นด้วยอยา่ งยิงในหลักการบริหาร จัดการทีดีขององค์การบริหารส่วนตําบลแมฟ่ ้ าหลวงโดยประชาชนได้จัดลําดับความสําคัญในการ ให้ความคิดเห็นจากมากทีสุดตามลําดับ ดังนี ด้านหลักนิติธรรม ด้านหลักความรับผิดชอบด้านหลัก คุณธรรม ด้านหลักการบริหารราชการอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดความคุ้มค่าในเชิงภารกิจของรัฐ และเกิดประโยชน์สุขต่อประชาชน หลักความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ ด้านหลักการมสี ่วนร่วม และ หลักความโปร่งใส ตามลําดับ 2) ด้านความรู้ ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจเกียวกับอํานาจหน้าทีขององค์การ บริ หารส่วนต ํ าบลในระดับต ํ า 3) ปัจจัยด้านระดับการศึกษา มีผลต่อความคิดเห็นในการบริหารจัดการทีดีของ องค์การบริหารส่วน ตําบลแม้ฟ้ าหลวง ปัจจัยด้านอืนๆ ไม่มีผลต่อความคิดเห็น อนุธิดา อนุชาติสันติ (2551: บทคัดย่อ) ได้ทําการวิจัยเรือง การสอนคุณธรรมจริยธรรมแก่ นักกฎหมาย กรณีศึกษา: นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผลการศึกษาพบว่า ความคิดเห็นของนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทาลัยธรรมศาสตร์ เกียวกบั คุณธรรมจริยธรรมทีควรปลูกฝัง และรูปแบบวิธีการสอนคุณธรรมจริยธรรม โดยภาพรวม พบวา่ อยู่ในระดับมากคุณธรรมทีควรปลกู ฝังอยู่ในระดับสูงสุด คือ ความซือสตั ย์สุจริตต่อตนเอง และผู้อืน มีความมุ่งมันในการค้นหาความจริง ไม่สร้างหลักฐานหรือข้อมูลเท็จ มีความกล้าหาญ อดทน ไม่ยอมจํานนตอ่ ความลําบากและคุณธรรมทีควรปลูกฝังอยู่ในระดับตําสุดคือ มีความเมตตา กรุณา จริยธรรมทีควรปลูกฝังอยู่ในระดับสูงสุด คือความเสมอภาค พึงมีความเสมอภาคในการใช้

89 มาตรการทางการเมอื งกับประชาชนโดยรอบคอบและเป็นธรรม ปฏบิ ัติต่อผู้เสียหายและพยานอย่าง เสมอภาค และปฏิบัติงานโดยปราศจากอคติ และจริยธรรมทีควรปลูกฝังอยู่ระดับตําทีสุดก็ คือ อุทิศ เวลาแก่ทางราชการ โดยปฏิบัติงานตรงตามเวลาและไม่เบียดเบียนเวลาราชการไปประกอบธุรกิจ หรือเพอื ประโยชนส์ ่วนตัว สําหรับรูปแบบและวิธีการสอนคุณธรรมจริยธรรมทีอยู่ในระดับสูงสุด คือ การมีครู อาจารย์ประพฤติตนเป็ นแบบอยา่ งทีดีแก่นักศึกษา และระดบั ตํ าทีสุด คือ การให้ นักศึกษาท่องจํา ซึงนักศกึ ษาแต่ละชั นปี และแต่ละคนจะมีความคิดเห็นทีแตกต่างกันตามเหตุผลและ การจัดลําดับความสําคัญของแต่ละบุคคล สุภลักษณ์ พฆินกุล (2546: 69-73) ได้ทําการวิจัยเรื อง ทัศนคติต่อการศึกษาต่อ ระดับอดุ มศึกษาของนักเรียนชั นมัธยมศึกษาปี ท6ี โรงเรียนวิเชียรกลินสุคนธ์อปุ ถัมภ์ อําเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยธุ ยาผลการศึกษา พบว่า ส่วนใหญ่เป็ นเพศหญิง และมีผลการเรียนเฉลียใน ระดับชั นมัธยมศึกษาตอนปลายอยู่ในช่วง2.51 - 3.00 คาดว่าจะไปประกอบอาชีพ พนักงานบริษัท และลูกจ้างเอกชนมีพีน้อง 2 คน บิดาและมาดามีรายได้ต่อเดือนอยูใ่ นช่วง 3,001 - 6,000 บาท และ รายได้รวมของครอบครัวต่อเดือนจะอยู่ในช่วงทีตํากว่า6,000 บาท ทั งบิดาและมารดาประกอบ อาชีพรับจ้าง และมกี ารศกึ ษาระดับประถมศกึ ษา ระดับปัจจัยด้านความสัมพนั ธ์ในครอบครัวของนักเรี ยนโดยรวมของนักเรี ยนชั น มัธยมศึกษาปี ที6 โรงเรียนวิเชียรกลินสุคนธ์อปุ ถัมภอ์ ําเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยาอยูใ่ น ระดับปานกลาง ระดับปัจจัยด้านทัศนคติต่อการศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาโดยรวมของนักเรี ยนชั น มัธยมศึกษาปี ที6 โรงเรียนวิเชียรกลินสุคนธ์อุปถัมภ์อําเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยาอยู่ใน ระดับปานกลาง ระดับปัจจัยทีมีอิทธิพลต่อการศึกษาต่อจากคนใกล้ชิดนกั เรียนโดยรวมของนักเรียนชั น มัธยมศึกษาปี ที6 โรงเรียนวิเชียรกลินสุคนธ์อปุ ถัมภอ์ ําเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยาอยู่ใน ระดับปานกลาง ปัจจัยทีมีผลต่อทัศนคติต่อการศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา พบว่า เพศ ฐานะทางเศรษฐกิจ ของครอบครัว ความสัมพันธ์ในครอบครัวผทู้ ีมอี ิทธิพลต่อการศกึ ษาต่อจากคนใกล้ชิดนักเรียนเป็ น ปัจจัยทีมผี ลต่อทัศนคติต่อการศกึ ษาต่อระดับอุดมศึกษา ยินดี รักสนิท (2545: 67-71) ได้ทําการวิจัยเรือง บทบาทของครูในการเรียนการสอนแบบ เน้นผู้เรียนเป็นสําคัญ ในทัศนะของนักเรียน: ศึกษาเฉพาะกรณี โรงเรียนบ้านนิคมสร้างตนเองธาร โต อําเภอธารโต จังหวัดยะลา ผลการศึกษาได้ดังนี

90 1) บทบาทจริ งทีทีปฏิบัติในทศั นะของนักเรียนอยู่ในระดับปานกลาง โดยมี ค่าเฉลียเท่ากบั 2.77ขณะทีนักเรียนมคี วามคาดหวังของครูในระดับสูง คือมีค่าเฉลียเท่ากับ3.32 2) ปัจจยั ทีมีผลต่อทัศนะของนักเรียนพบว่า นักเรียนทีมีผลการเรียนดีมีความ คาดหวังต่อบทบาทของครูในการเรียนการสอนแบบเน้นผู้เรียนเป็ นสําคัญมากกว่านักเรียนทีมีผล การเรี ยนต ํ าส่วนปัจจัยทีมีผลต่อทัศนะของนักเรี ยนต่อบทบาทของครู ในการเรี ยนการสอนแบบเน้น ผู้เรียนเป็นสําคัญคือ เพศ อายุ อาชีพของบิดาและอาชีพของมารดา 3) ระดับของบทบาททีเป็ นจริงของครูในการเรียนการสอนแบบเน้นผู้เรียนเป็ น สําคัญในทัศนะของนักเรี ยนมีระดับสูงอยู่สองบทบาทคือ ครูทีจัดกิจกรรมทีสอดคล้องกับ สถานการณ์เพือใหน้ กั เรียนกล้าแสดงออก และการเรียนมีกิจกรรมทีหลากหลายสนุก นอกจากนี แล้วอยู่ในระดับทั งหมดคือ ครูส่งเสริมให้นกั เรียนสรุปการเรียน ครูส่งเสริมใหม้ ีการว่างแผนก่อน การเรียน ครูเป็ นแบบอย่างทีดีในดา้ นคุณธรรมจริยธรรม นักเรียนได้เรียนรู้อย่างมีส่วนร่วมจาก ปัญหาและประสบการณ์จริง วิธีการเรียนสนุกไมน่ ่าเบือและน่าสนใจ ครูส่งเสริมใหน้ กั เรียนได้ให้ นักเรียนได้ชืนชมผลงานร่วมกัน ครูส่งเสริมใหน้ กั เรียนได้ฝึ กคิด ฝึ กทําและปรับปรุงตัวเอง ครูมี การกระตุ้นส่งเสริมให้นักเรียนแสวงหาความรู้ นักเรียนได้เรียนรู้และฝึกปฏิบัติเป็ นรายกลุ่ม ครู ส่งเสริมให้นักเรียนมีการประเมินผลพฤติกรรมตนเอง ครูได้ช่วยเหลือนักเรียนในการแสวงหา ความรู้ สายรุ้ง นันตะรัตน์ (2550: 98-111) ได้ทําการวิจัยเรืองปัจจัยทีมีความสัมพันธ์กับทัศนะของ นักเรียนมัธยมตอนปลายต่อพฤติกรรมก้าวร้าว: กรณีศึกษาโรงเรียนสามัคคีวิทยาคม อําเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ผลการศกึ ษา กลุม่ ตัวอย่างทีศกึ ษาส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุระหวา่ ง15 - 16 ปี 6 เดือน การศึกษาระดับมัธยมศึกษาปี ที 4 เกรดเฉลียปี การศึกษาทีผ่านมาอยู่ในช่วง 3.01 - 4.00 ค่าใช้จ่ายต่อเดือนของนักเรียน 1,000 – 3,000 บาท พักอาศัยอยู่กับบิดา-มารดา เกมทีเลือกเล่นเป็ น เกมประเภทบู๊ ยิงต่อสู้และเกมผจญภัยฝ่ าด่าน บ้านเป็นสถานทีในการเล่นเกม การอบรมเลี ยงดูโดย ร่วมอยู่ในระดับปานกลาง(X̅ = 2.29 จากคะแนนเตม็ 4) เมอื พจิ ารณารายด้านพบว่าการอบรมเลี ยงดู แบบประชาธิปไตยในระดับสูง (X̅ = 3.14) การเลียงดูแบบปลอ่ ยปะละเลยอยู่ในระดับตํา(X̅ = 1.67) และการอบรมเลียงดแู บบเข้มงวดกวดขันอยู่ในระดับปานกลาง(X̅ = 2.04) ได้รับการสนับสนุนจาก เพือนในการเล่นเกมคอมพิวเตอร์อยู่ในระดับ(X̅ = 2.26) ได้รับอิทธิพลของสืออยู่ในระดับตํา(X̅ = 1.19) มลี ักษณะการมงุ่ อนาคตควบคุมตนเองอยู่ในระดับปานกลาง(X̅ = 4.20 จากคะแนนเตม็ ) ทัศนะของนักเรียนมัธยมปลายต่อพฤติกรรมก้าวร้าว โดยรวมอยู่ในระดับต(ําX̅ =2.17) จาก คะแนนเต็ม 5 เมือพิจารณารายด้าน พบว่า ทศั นะต่อพฤติกรรมกา้ วร้าวทางท่าทางทศั นะต่อ พฤติกรรมก้าวร้าวทางวาจา และทัศนะต่อพฤติกรรมก้าวร้าวทางกาย อยู่ในระดับ

91 ปัจจัยทีมรี ะดับความสัมพันธ์อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติทีระดับ0.05 กับ ทัศนะของนกั เรียน มัธยมปลายต่อพฤติกรรมก้าวร้าว คือ เพศ ระดับการศึกษา ค่าใช้จ่ายต่อเดือนของนักเรียน สถานที เลน่ เกมคอมพวิ เตอร์ การอบรมเลี ยงดูแบบประชาธปิ ไตย การเลี ยงดูแบบปล่อยปะละเลยและการ เลียงดูแบบเข้มงวดกวดขัน การสนับสนุนทางสังคมจากเพือนในการเล่นเกมคอมพิวเตอร์ อิทธิพล ของสือ และการมุ่งอนาคตควบคุมตนเอง ตัวแปรทีไม่มีความสัมพันธ์กับทัศนะของนักเรียนต่อ พฤติกรรมก้าวร้าวคือ อายุ เกรดเฉลีย ทีพักอาศัยของนกั เรียน และประเภทของเกมคอมพิวเตอร์ที เล่น กิตตินันท์ ยูงทอง (2544: 76-80) ได้ทําการวิจัยเรืองทัศนะของนิสิตต่อบทบาทการสอน ของอาจารย:์ ศกึ ษาเฉพาะกรณี มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรราชวิทยาลัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช ผล การศึกษา ผลการศกึ ษา พบว่า ระดับทัศนะของนิสิตต่อบทบาทการสอนของอาจารย์ทีเป็ นจริง โดย ภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง ค่าเฉลีย3.24 และมที ัศนะมากในด้านปฏิสัมพันธ์ระหวา่ งอาจารย์กับ นิสิต ส่วนทัศนะของนิสิต ต่อบทบาทของการสอนของอาจารย์ทีนิสิตต้องการอยู่ในระดับมากทีสุด ทุกด้าน มีค่าเฉลีย 4.34 ส่วนการทดสอบสมมุติฐาน ผลการศึกษาพบว่า บทบาทการสอนของ อาจารย์ทีเป็ นจริงกับทีคาดหวังของนิสิตแตกต่างกันอย่างมีนยั สําคัญทางสถิติทีระดับ0.05 ส่วน สมณเพศ อายุ จํานวนปี ทีบวช คณะทีเรียน ระดับชั นทีเรียน ผลการเรียนและความตั งใจเรียนของ นิสิต ทีแตกต่างกันจะมีทัศนะต่อบทบาทการสอนทีไมแ่ ตกต่างกนั อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติทีระดับ 0.05 บุษบา แดงวิจิตร (2550: 67-71) ได้ทําการวจิ ัยเรืองทัศนะของนักเรียนต่อการจัดการเรียน การสอนในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาควบคู่สามัญ: ศึกษากรณี โรงเรียนอิสลามสนั ติชน เขตวัง ทองหลาง กรุงเทพมหานคร ผลการศึกษาพบว่ากลุ่มตัวอยา่ งส่วนใหญ่เป็ นเพศหญิง ร้อยละ 51.9 เป็นรักเรียนชั นมัธยมศึกษาปี ที3 ร้อยละ 53.6 ร้อยละ 36.2 เป็ นนักเรียนทีมีผลการเรียนปานกลาง ส่วนใหญ่บิดา-มารดาอาศัยอยูร่ ่วมกัน ร้อยละ86.1 ร้อยละ78.3 พักอาศัยอยูก่ ับบิดามารดา ร้อยละ 28.9 บิดาจบการศึกษาระดับมัธยมศกึ ษา ร้อยละ36.2 มารดาจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษา ร้อยละ 32.8 บิดาประกอบอาชีพคา้ ขาย/ธุรกิจส่วนตัว ร้อยละ 37.9 มารดาประกอบอาชีพค้าขาย/ธุรกิจ ส่วนตัว สภาพแวดล้อมของนักเรียน โดยรวมมีสภาพแวดล้อมอยู่ในระดับดีมาก ค่าเฉลีย 3.72 เคร่งครัดในศาสนาของผู้ปกครอง (ค่าเฉลีย 4.23) ความสัมพันธ์ภายในครอบครัว (ค่าเฉลีย3.89) ความเคร่งครัดในศาสนาของนักเรียน (ค่าเฉลีย 3.76) และสภาพแวดล้อมของนักเรียนทีอยูใ่ นระดับ ดีปานกลาง ได้แก่ กิจนิสัยในการเรียน(ค่าเฉลีย 3.35) ความคิดเห็นของนักเรียนเกียวกับการจัดการการเรียนการสอน โดยรวมมีความคิดเห็นว่า การจัดการเรียนการสอนอยู่ในระดับเหมาะสมมาก(ค่าเฉลีย 3.77) เมือพิจารณาเป็ นรายด้านพบว่า

92 ความคิดเห็นของนักเรียนต่อการจัดการเรียนการสอนในหลักสูตรศาสนาควบคู่สามัญทีอยูใ่ นระดับ เหมาะสมมากคือ ด้านกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน(ค่าเฉลยี 3.99) รองลงมาคือ ด้านการจัดการแบบเรียน (ค่าเฉลีย 3.93) ด้านการวัดและประเมินผล(ค่าเฉลีย 3.89) ระดับเหมาะสมปานกลางคือ ด้านการจัด สิงทีเอือต่อการเรียนการสอน(ค่าเฉลยี 3.63) ด้านการจัดครูเข้าสอน(ค่าเฉลยี 3.60) และด้านการจัด ตารางเรียน (ค่าเฉลยี 3.56) จงกลนี มณีเดช (2544: 62-73) ได้ทําการวิจัยเรือง การปฏิบัติตามบทบาทของอาจารย์ที ปรึกษาในทัศนะของนักศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผลการศึกษา พบว่า การ ปฏบิ ัติตามบทบาทอาจารย์ทีปรึกษาตามทัศนะของนักศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ในภาพรวมอยูใ่ น ระดับมากเมือพิจารณาเป็ นรายด้าน พบว่า การปฏิบัติตามบทบาทของอาจารย์ทีปรึกษา ด้านทีมี ค่าเฉลยี สูงสุด คือ ด้านบุคลิกภาพ รองลงมามีการปฏิบัติในระดับปานกลาง คือ ด้านการใหค้ วาม ช่วยเหลอื นักศกึ ษา ส่วนการปฏบิ ัติทีมคี ่าเฉลียตําสุด คือ ด้านวิชาการ สําหรับความคาดหวงั ของนักศึกษาต่ออาจารย์ทีปรึกษา เมือพจิ ารณาเป็นรายด้านพบว่าโดย ภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมือพจิ ารณาเป็นรายด้าน พบว่า ความคาดหวังของนักศึกษาต่ออาจารย์ที ปรึกษาด้านทีมีค่าเฉลยี สูงสุดคือ ด้านบุคลิกภาพ รองลงมาคือ ด้านการพัฒนานักศึกษา ส่วนความ คาดหวังต่ออาจารย์ทีปรึกษาทีมคี ่าเฉลียตําสุด คือ ด้านวิธีให้คําปรษึกา สุจิตรา ชินอาภรณ์ (2546: 71-75) การศกึ ษาบทบาทของอาจารย์ทีปรึกษาในการทําหนา้ ที แนะแนวตามทัศนะของนักเรียนระดับประกาศนียบตั รวิชาชีพ และทัศนะของอาจารย์ทีปรึกษา โรงเรียนพานิชยการราชดําเนินธนบุรี กรุงเทพมหานครผลการศกึ ษา พบว่า 1) ทัศนะของนักเรียนต่อบทบาทของอาจารย์ทีปรึกษาในการทําหน้าทีแนะแนว ตามทีปฏิบัติจริ ง อยู่ในระดับปานกลาง เมือแยกเป็ นรายด้านพบว่า บริ การสาํ รวจข้อมูลเป็ น รายบุคคล บริการสนเทศ บริหารใหค้ ําปรึกษา บริการจัดวางตัวบุคคลอยใู่ นระดับปานกลาง และ บริการติดตามผลอยู่ในระดับมาก 2) ทัศนะของนักเรียนต่อบทบาทของอาจารย์ทีปรึกษาตามทีนักเรียนคาดหวัง ต้องการให้ปฏิบัติในภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมอื แยกเป็นรายด้าน พบวา่ บริการสํารวจข้อมลู เป็ น รายบุคคล บริการสนเทศ บริหารให้คําปรึกษา บริการจัดวางตัวบุคคล และบริการติดตามผลอยูใ่ น ระดับมาก 3) อาจารย์ทีปรึกษามที ัศนะต่อบทบาทของอาจารย์ทีปรึกษาในการทําหนา้ ทีแนะ แนวตามทีตามทีปฏิบัติจริง และตามทีคาดหวัง ในภาพรวมอยูใ่ นระดับมาก เมือแยกเป็ นรายด้าน พบว่า บริการสํารวจข้อมลู เป็ นรายบุคคล บริการสนเทศ บริหารใหค้ ําปรึกษา บริการจัดวางตัว บุคคล และบริการติดตามผลอยู่ในระดับมาก อยู่ในระดับมาก

93 วัลภา ลิมสกุล (2547: 54-62) ได้ทําการวิจัยเรืองบทบาทอาจารย์ทีปรึกษาในทัศนะของ นักศกึ ษา คณะธุรกิจการเกษตร มหาวทิ ยาลัยแม่โจ้ ผลการศกึ ษาพบวา่ บทบาททีปฏิบัติจริงด้านวิชาการอยู่ในระดับปานกลาง คือ ให้คําแนะนําหรืตอักเตือนเมือมี ผลการเรียนตําลงและใหค้ ําแนะนําและช่วยเหลือนักศึกษาเพือแก้ไขอุปสรรคปัญหาในการเรียน ด้านการให้คําปรึกษาอยู่ในระดับปานกลาง คือ เก็บรักษาข้อมลูส่วนตัวของนักศึกษาเป็ นความลับ ด้านการให้ความช่วยเหลือนักศึกษาอยู่ในระดับปานกลาง คือ ใหค้ ําแนะนําและช่วยเหลือเกียวกับ การผ่อนผันการลงทะเบียนแก่นักศึกษา ด้านบุคลิกภาพอยูใ่ นระดับมากคือ เป็ นผู้ทีมีความตั งใจ ปฏิบัติหน้าทีในฐานะอาจารย์ทีปรึกษา ด้านการพัฒนานักศึกษาอยู่ในระดบั มาก คือ ส่งเสริ ม นักศึกษาให้มีความกระตืนรือร้นในการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ และในระดับปานกลางคือ ให้ คําแนะนําการปฏบิ ัติตนให้อยู่ในระเบียบวนิ ัยของนักศึกษา ความคาดหวังทีมีต่ออาจารย์ทีปรึกษาด้านวิชาการอยู่ในระดับมาก คือ ให้คําแนะนําและ ช่วยเหลือนักศกึ ษาเพือแก้ไขอปุ สรรคปัญหาในการเรียน ด้านการให้คําปรึกษาอยู่ในระดับมาก คือ เก็บรักษาข้อมูลส่วนตัวของนักศึกษาเป็นความลับ ด้านการให้ความช่วยเหลือนักศึกษาอยูใ่ นะรดับ มาก คือ มีการแจ้งขอ้ มูลข่าวสารความเคลือนไหวต่างๆ ให้นักศึกษาทราบทันต่อเหตุการณ์ ตลอดเวลา ดา้ นบุคลิกภาพอยูใ่ นระดับมาก คือ เป็ นผู้มีความตั งใจปฏิบัติหน้าทีอาจารย์ทีปรึกษา ด้านการพัฒนานักศึกษาอยู่ในระดับมากคือ ส่งเสริมนักศึกษาให้มีความกระตือรือร้นในการพฒั นา ตนเองอยู่เสมอ ปัญหาทีพบคือ นักศกึ ษาขาดข้อมลู ข่าวสารทางวชิ าการในเรืองใหมๆ่ นักศกึ ษาเกรงใจ/ ไม่ กล้าทีจะเข้าพบอาจารย์ทีปรึกษา ไมม่ ปี ฏิทินการนัดพบนักศกึ ษา อาจารย์ไม่ค่อยมีเวลาใหน้ กัศึกษา ได้เข้าพบ สําหรับปัญหาอืนๆ คือ ตั งแต่เปิ ดภาคเรียนไม่เคยพบหน้าอาจารย์ทีปรึกษาเลย นักศึกษา ไมก่ ล้าเข้าพบอาจารย์ทีปรึกษา อาจารย์ทีปรึกษาบางคนมีภารกิจมากไม่ค่อยมเี วลาให้กับนักศกึ ษา ชชู ีพ ไวกสิกรรม (2552: 57-63) ได้ทําวจิ ัยเรือง คุณลักษณะครูทีปรึกษาทีพึงประสงค์ ตาม ทศั นะของนักศึกษา ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอําเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้วผลการศกึ ษาพบวา่ 1) คุณลักษณะครูทีพงึ ประสงค์ตามทัศนะของนักศกึ ษา ศูนย์การศึกษานอกระบบ และการศกึ ษาตามอัธยาศัยอําเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยรวม มีค่าเฉลียอยูใ่ นระดับมาก เมอื พิจารณาเป็นรายด้านพบวา่ ด้านมนุษยสัมพันธ์มีค่าเฉลยี เป็นอันดับแรก รองลงมาได้แก่ ด้านการ บริการ ส่วนด้วนวิชาการมีค่าเฉลียในระดับมากเป็นอันดับสุดท้าย 2) คุณลักษณะทีปรึกษาทีพึงประสงค์ตามทัศนะของนักศึกษา ศูนย์การศึกษานอก ระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอําเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้วระหว่างเพศชายกับเพศหญิง โดยรวม แตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสําคัญทางสถิติ

94 3) คุณลักษณะครูทีปรึกษาพึงประสงค์ตามทศั นะของนักศึกษา ศูนย์การศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอําเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว จําแนกตามระดับ ประถมศึกษามัธยมศกึ ษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลายโดยรวม มีทัศนะต่อคุณลักษณะครูที พงึ ประสงค์แตกต่างกันอย่างมนี ัยสําคัญทางสถติ 0ิ .05 ชานนท์ เสาเกลียว (2552: 71-81) ได้ทําวิจัยเรือง คุณลักษณะทีพึงประสงคข์ องครูธุรกิจ ตามทัศนะของนักศกึ ษาประเภทวชิ าบริหารธุรกิจระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั นสูงชั นปี ที2 ปี การศึกษา 2551โรงเรียนไทยบริหารธุรกิจและพณิชยการ กรุงเทพมหานคร.ผลการศึกษาพบว่า 1) ระดบั ทัศนะต่อคุณลักษณะทีพึงประสงคข์ องครูธุรกิจ ของนกั ศึกษาระดับ ประกาศนียบัตรวชิ าชีพชั นสูงมที ัศนะโดยรวมอยู่ในระดับมากและมีทัศนะในรายด้านและรายข้อ อยู่ในระดับมาก 2) ผลการจัดอันดบั คุณลักษณะทีพึงประสงค์ของครูธุรกิจ ตามทัศนะของ นักศึกษา โดยรวมอันดับหนึงด้านบุคลิกภาพและความเป็ นผู้นํา (X̅ = 3.37 ) อันดับสองด้าน คุณธรรมของครู (X̅ = 3.35 ) อันดับสามด้านการวัดผลและประเมินผล(X̅ = 3.19 ) อันดับสีด้าน ทักษะและเทคนิคการสอน (X̅ = 3.16 ) และอันดับห้าด้านวชิ าการ(X̅ = 3.11 ) 3) ผลการเปรียบเทียบทัศนะ ต่อคุณลักษณะทีพึงประสงค์ของครูธุรกิจ จําแนก ตามตัวแปรอิสระ พบว่า นักศึกษาเพศต่างกัน มีทัศนะต่อคุณลักษณะทีพึงประสงคข์ องครูธุรกิจ แตกต่างกันอย่างไมม่ ีนัยสําคัญทางสถิติ นักศึกษาทีศกึ ษาสาขาวชิ าต่างกันมที ัศนะต่อคุณลักษณะที พึงประสงคข์ องครูธุรกิจ แตกต่างกัน อย่างมีนยั สําคัญทางสถิติทีระดบั 0.05 และนักศึกษาทีมี ผลสัมฤทธิ ทางการเรียนต่างกันมีทัศนะต่อคุณลักษณะทีพึงประสงค์ของครูธุรกิจแตกต่างกันอยา่ ง ไม่มีนัยสําคัญทางสถติ ิ สุพัฒน์ เรือเรือง,พระ (2551: 125-136) ได้ทําการวิจัยเรืองบทบาทของพระสงฆ์ต่อการ พัฒนาคุณธรรมจริยธรรมของเยาวชนตามทัศนะของนักเรียนและผู้ปกครองในช่วงชั นท3ี โรงเรียน หน้าพระลาน (พิบลู สงเคราะห)์ จังหวัดสระบุรีผลการศกึ ษาพบวา่ 1) บทบาทของพระสงฆ์ต่อการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมของเยาวชนตามทัศนะ ของนักเรียนและผู้ปกครองในช่วงชั นท3ี โรงเรียนหน้าพระลาน (พิบูลสงเคราะห์) จังหวัดสระบุรี นักเรียนมคี วามคิดเห็นเกียวกับบทบาทของพระสงฆ์โดยภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมากโดย ด้านความกตญั ูกตเวทีอยู่ในระดับมากทีสุด รองลงมาคือ ด้านความซือสตั ย์ ด้านความอุตสาหะ การรักษาระเบียบวินัย ความประหยัด ความยุติธรรม ความเมตตากรุณา ความมีเหตุผล ความ รับผิดชอบ ความเสียสละ และความสามัคคี ตามลําดับ

95 2) บทบาทพระสงฆ์ต่อการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมของเยาวชนตามทัศนะของ นักเรียนในช่วงชั นท3ี โรงเรียนหน้าพระลาน (พิบูลสงเคราะห์) จังหวัดสระบุรี ผู้ปกครองมีความ คิดเห็นเกียวกับบทบาทของพระสงฆโ์ ดยภาพรวมและรายดา้ นอยูใ่ นระดับมากโดย ดา้ นความ ซือสัตย์ ด้านความอตุ สาหะ การรักษาระเบียบวนิ ัย ความประหยัด ความยุติธรรม ความเมตตากรุณา ความมเี หตุผล ความรับผิดชอบ ความเสียสละ และความสามัคคี ตามลําดับ

บทที 3 กรอบแนวความคิด และวิธีการศึกษา กรอบแนวคิดและวธิ ีการศกึ ษา เรือง “บทบาทของครูด้านผู้นําทางคุณธรรมจริยธรรมในทัศนะ ของนักศึกษาระดับอุดมศึกษา” ประกอบไปด้วยหัวข้อต่างๆ ดงั นี 3.1 กรอบแนวความคิดในการศึกษา 3.2 นิยามศัพท์เชิงปฏบิ ัติการ 3.3 สมมตุ ิฐานทางการศกึ ษา 3.4 ประชากรในการศกึ ษาและการสุ่มตัวอย่าง 3.5 เครืองมือทีใช้ในการศึกษา 3.6 การทดสอบเครืองมือทีใช้ในการศกึ ษา 3.7 การรวบรวมข้อมูล 3.8 การวเิ คราะห์ข้อมูล 3.1 กรอบแนวความคิดในการศึกษา จากการศึกษาแนวคิดทฤษฎีและงานวจิ ัยทีเกียวข้อง ผู้ศึกษาได้กําหนดตวั แปรอิสระและตัว แปรตาม โดยนํามาเป็นกรอบแนวคิดในการศกึ ษา ดังนี 3.1.1 ตัวแปรอิสระ(Independent Variables) ประกอบด้วย 1) ปัจจัยด้านบุคคล ไดแ้ ก่ เพศ อายุ สาขาทีจบก่อนเขา้ ศึกษา ผลการเรียนใน เทอมสุดท้าย ระดับชั นปี ทีศึกษา คณะทีกําลังศกึ ษา สถาบันทีกําลังศึกษา และภมู ลิ ําเนา 2) ปัจจัยด้านครอบครัว ได้แก่ ระดับการศึกษาของบิดา ระดับการศึกษาของ มารดา อาชีพของบิดา อาชีพของมารดา รายได้ของบิดา และรายได้ของมารดา 3) ปัจจัยด้านอืนๆ ได้แก่ ความเกียวข้องกบั ครู กิจกรรมพิเศษ ความชืนชอบใน อาชีพครู การรับรู้ข้อมูลข่าวสาร และความสําคัญในการผลติ บุคลากรทางการศกึ ษา

97 3.1.2 ตัวแปรตาม (Dependent Variables) คือ บทบาทของครูด้านผู้นําทางคุณธรรม จริยธรรมในทัศนะของนักศึกษาระดับอดุ มศึกษา จากตัวแปรอสิ ระและตัวแปรตามสามารถกําหนดเป็นกรอบแนวความคิดในการวจิ ัยได้ตาม ภาพที 3.1 ตัวแปรอิสระ ตวั แปรตาม (Independent Variables) (Dependent Variables) 1. ปัจจัยด้านบุคคล 3. ปัจจัยด้านอืนๆ - เพศ - ความเกียวข้องกับครู - อายุ - กิจกรรมพิเศษ - สาขาทีจบก่อนเข้าศึกษา - ความชืนชอบในอาชีพครู - ผลการเรียนในเทอมสุดท้าย - การรับรู้ข้อมูลข่าวสาร - ระดับชั นปี ทีศึกษา - ความสําคัญในการผลิต - คณะทกี ําลังศึกษา บุคลากรทางการศึกษา - สถาบันทีกําลังศกึ ษา - ภูมลิ ําเนา บทบาทของครูด้านผู้นําทาง คุณธรรมจริยธรรมในทัศนะของ 2. ปัจจัยด้านครอบครัว นกั ศึกษาระดับอุดมศกึ ษา - ระดับการศกึ ษาของบิดา - ระดับการศึกษาของมารดา - คุณธรรมจริยธรรมต่อวชิ าชีพ - อาชีพของบิดา - คุณธรรมจริยธรรมต่อผู้เรียน - อาชีพของมารดา - คุณธรรมจริยธรรมต่อชุมชน - รายได้ของบิดา - รายได้ของมารดา ภาพที 3.1 แสดงกรอบแนวความคิดในการศึกษา

98 3.2 นิยามศัพท์เชิงปฏิบตั ิการ เพศ หมายถงึ เพศของผู้กรอกแบบสอบถาม เป็นเพศชายหรือเพศหญิง อายุ หมายถงึ อายุของผู้กรอกแบบสอบถาม โดยระบุหน่วยเป็นปี สาขาทีจบก่อนเข้าศึกษา หมายถึง วุฒิการศึกษาของนกั ศึกษาก่อนเข้าศึกษาต่อในระดับ สถาบันอุดมศึกษา ผลการเรียนในเทอมสุดท้าย หมายถึง ระดบั คะแนนของนักศึกษาทีมีเกรดเฉลียเทอม สุดท้ายก่อนเข้าศกึ ษาต่อระดับอดุ มศกึ ษา ระดับชั นปี ทีศกึ ษา หมายถงึ ชั นปี ทีนักศกึ ษากําลังศึกษาอยู่ในขณะนั น คณะทีกําลังศึกษา หมายถึง คณะทีนักศึกษาทีกําลังศึกษาอยู่ในปัจจุบัน อดุ มศึกษา หมายถงึ การศกึ ษาสูงกวา่ มัธยมศกึ ษาตอนปลายขึ นไปทีนกั ศึกษากําลังศึกษา อยู่ในปัจจุบัน ภูมลิ ําเนา หมายถงึ สถานทีของนกั ศึกษาตามสําเนาทะเบียนบ้านก่อนเข้าศึกษาในระดับ สถาบันอดุ มศกึ ษา ระดับการศึกษาของบิดา หมายถึง ระดับการศึกษาสูงสุดของบิดา แบ่งออกเป็น 3 ระดับ 1) ระดับการศึกษาตํ า หมายถึง บิดาหรื อมารดาจบการศึกษาตํ ากว่าชั น ประถมศกึ ษาปี ที 6 หรือ มัธยมศกึ ษาปี ที3 2) ระดับการศึกษาปานกลาง หมายถึง บิดามารดาจบการศึกษาชั นมัธยมศกึ ษาปี ที 3 หรือ มัธยมศึกษาปี ที6 หรือเทียบเท่า 3) ระดบั การศึกษาสูงสุด หมายถึง บิดามารดาจบการศึกษาระดบั อนุปริญญา หรือ ปริญญาตรีขึ นไป ระดับการศึกษาของมารดา หมายถึง ระดบั การศึกษาสูงสุดของมารดา แบ่งออกเป็ น 3 ระดับ ได้แก่ 1) ระดับการศึกษาตํ า หมายถึง บิดาหรื อมารดาจบการศึกษาตํ ากว่าชั น ประถมศกึ ษาปี ที 6 หรือ มัธยมศึกษาปี ที3 2) ระดับการศึกษาปานกลาง หมายถงึ บิดามารดาจบการศึกษาชั นมัธยมศกึ ษปาี ที 3 หรือ มัธยมศกึ ษาปี ที6 หรือเทียบเท่า 3) ระดับการศึกษาสูงสุด หมายถึง บิดามารดาจบการศึกษาระดับอนุปริญญา หรือ ปริญญาตรีขึ นไป

99 อาชีพของบิดา หมายถึง อาชีพทีบิดาประกอบอาชีพในปัจจุบัน โดยแบ่งออกเป็น อาชีพรับ ราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงานบริษัท ค้าขาย และเกษตรกร อาชีพของมารดา หมายถึง อาชีพทีมารดาประกอบอาชีพในปัจจุบัน โดยแบ่งออกเป็ น อาชีพรับราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงานบริษัท ค้าขาย และเกษตรกร รายได้ของบิดา หมายถึง รายได้ของบิดาทีได้รับในแต่ละเดือน เงินเดือนประจําหรือ รายได้ด้านอนื จากการประกอบอาชีพ รายได้ของมารดา หมายถึง รายได้ของมารดาทีได้รับในแต่ละเดอื น เงินเดือนประจําหรือ รายได้ด้านอืนจากการประกอบอาชีพ ความเกียวข้องกับครู หมายถงึ ญาติพีน้องหรือบุคคลใกล้ชิดประกอบอาชีพข้าราชการครู กิจกรรมพิเศษ หมายถึง การเข้าร่วมกิจกรรมคุณธรรมจริยธรรมของสถาบันการศึกษา ความชืนชอบในอาชีพครู หมายถึง ความนิยมชมชอบ ให้ความสนใจ ใส่ใจ ในการ ประกอบอาชีพข้าราชการครู การรับรู้ข้อมูลข่าวสาร หมายถึง การได้ยิน ได้ฟัง ได้เห็น หรือไดอ้ ่านจากหนังสือ วิทยุ โทรทัศน์ เกียวกับบทบาทของครูด้านผู้นําทางคุณธรรมจริยธรรม ความสาํ คัญในการผลิตบุคลากรทางการศึกษา หมายถึง นโยบายของภาครัฐทีมีการ ส่งเสริมในประกอบอาชีพข้าราชการครู บทบาท หมายถึง พฤติกรรมทีมนุษย์แสดงออกมาตามหนา้ ทีหรือสถานภาพของแต่ละ บุคคล ซึงเป็ นพฤติกรรมทีสังคมกําหนดและคาดหมายให้มนุษย์ปฏิบัติตามตามบทบาทของตน อย่างเหมาะสม ครู หมายถึง ผู้ทีทําหน้าทีทําการสอน ถา่ ยทอดความรู้ให้กับผู้เรียน ปฏิบัติหน้าทีใน โรงเรียน ผู้นํา หมายถงึ บุคคลทีมอี ทิ ธิพลต่อบุคคลอนื สามารถชี แนะ อบรม ตักเตือน ให้บุคคลอืน ปฏิบัติตามอย่างเต็มใจ น่าเชือถือ ทาํ ให้งานประสบความสําเร็จได้ตามเป้ าหมายทีวางไว้ คุณธรรมจริยธรรม หมายถงึ คุณงามความดีทีอยู่ภายในจิตใจของมนุษย์ทีเป็ นแนวทางใน การประพฤติปฏิบัติในทางทีดีในทางทีชอบ เป็ นประโยชน์ต่อตนเองและสงั คม รู้จักผดิ ชอบชัวดี ตามทํานองคลองธรรม ทัศนะ หมายถึง ความรู้สึกหรือท่าทีทีจะกระทําต่อบางสิงบางอย่างในสิงแวดล้อมรอบตัว เรา เพอื สนับสนุนหรือตอ่ ต้านกับสิงเหลา่ นั น นักศึกษา หมายถึง ผู้ทีเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษา และระดับบัณฑิตศกึ ษา

100 คุณธรรมจริยธรรมต่อวิชาชีพ หมายถึง ประมวลมาตรฐานความประพฤติของครูจะต้อง ถือประพฤติปฏิบัติ เพือดํารงเกียรติและศักดิ ศรีของวิชาชีพครู ใหเ้ ป็ นทีเคารพนบั ถือของนักเรียน และบุคคลทัวไปเป็นผู้แสวงหาความรู้ใหม่ ๆ โดยการ อบรม สมั มนาทางวิชาการ ในการทีจะนํา ความรู้มาพัฒนาคุณภาพในทางการศกึ ษา ตลอดจนใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศมาพัฒนาสือการเรียน การสอนให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา เพือเป็ นการสร้างโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ตามอัธยาศยั คุณธรรมจริยธรรมต่อผู้เรียน หมายถึง ประพฤติตนเป็ นแบบอย่างทีดี ทั งด้านวาจา ความคิด บุคลกิ ภาพ ทีจะทําให้ลูกศษิ ย์ปฏิบัติตามถา่ ยทอดความรู้ให้แก่ศษิ ย์เรียนด้วยด้วยความเตม็ ใจ เป็นผู้ไมแ่ สวงหาผลประโยชนจ์ ากนักเรียน มุ่งให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าหาความรู้ดย้วตนเอง ครู เป็นผู้ให้คําเสนอแนะแนวทางการแก้ปัญหาทีเกิดจากการเรียน ตลอดจนใช้ทักษะในการพดู ทีคอย ให้กําลังใจกับนักเรียนทีเกิดปัญหาทางการเรียน โดยนําหลักจิตวิทยาสําหรับครูในการแก้ไขปัญหา ของนักเรียน โดยการยกประสบการณ์ทางตรงหรือทางอ้อมให้นักเรียนได้เห็นเป็นรูปธรรมทีชัดเจน คุณธรรมจริยธรรมต่อชุมชน หมายถึง ประพฤติตนเป็ นแบบอยา่ งทีดีแก่ชุมชน เป็ นผู้มี ความสุภาพออ่ นโยน และใหก้ ารช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาของสงั คมหรือชุมชน วางตัวเป็ นกลาง ไม่เอนเอียงไปข้างใดข้างหนึ ง มีจิตในหนักแน่ไม่ไหวต่อเหตุการณ์ทีเกิดขึ นทุกสถานการณ์ ให้ ความร่วมมือในกิจกรรมต่าง ๆ ของชุมชน และเป็ นผู้ทมี ีจิตใจทีเสียสละต่อส่วนร่วมเป็ นหลัก ไม่ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ถ่ายทอดความรู้ความสามารถทีมีอยู่ใหก้ ับชุมชน เป็ นผู้อนุรักษร์ ักษา ศิลปวัฒนธรรมไทย ตลอดจน พัฒนาภูมิปัญญาท้องถินให้คนรุ่ นหลงั ได้สืบทอดและเห็น ความสําคัญของความเป็นไทย เทิดทนู ในสถาบันชาติ ศาสนา และ พระมหากษัตริย์ 3.3 สมมติฐานทางการศึกษา สมมติฐานที 1 นักศกึ ษาทีมีเพศต่างกันจะมที ัศนะต่อบทบาทของครูด้านผู้นําทางคุณธรรม จริยธรรมแตกต่างกัน สมมติฐานที 2 นักศึกษาทีมีอายุต่างกันจะมที ัศนะตอ่ บทบาทของครูด้านผู้นําทางคุณธรรม จริยธรรมแตกต่างกัน สมมติฐานที 3 นักศึกษาทีจบสาขาก่อนเข้าศกึ ษาทีแตกต่างกันจะมีทัศนะต่อบทบาทของครู ด้านผู้นําทางคุณธรรมจริยธรรมแตกต่างกัน สมมติฐานที 4 นักศึกษาทีมีผลการเรียนในเทอมสุดท้ายทีแตกต่างกันจะมที ัศนะต่อบทบาท ของครูด้านผู้นําทางคุณธรรมจริยธรรมแตกต่างกัน

101 สมมติฐานที 5 นักศึกษาทีมีระดับชั นปี ทีศึกษาทีแตกต่างกันจะมีทัศนะต่อบทบาทของครู ด้านผู้นําทางคุณธรรมจริยธรรมแตกต่างกัน สมมตฐิ านที 6 นักศึกษาทีกําลังศึกษาคณะแตกต่างกันจะมีทัศนะต่อบทบาทของครูด้าน ผู้นําทางคุณธรรมจริยธรรมแตกต่างกัน สมมติฐานที 7 นักศกึ ษาทีอยสู่ ถาบันการศึกษาทีแตกต่างกันจะมีทัศนะต่อบทบาทของครู ด้านผู้นําทางคุณธรรมจริยธรรมแตกต่างกัน สมมติฐานที 8 นักศกึ ษาทีมีภูมิลําเนาทีแตกต่างกันจะมีทัศนะต่อบทบาทของครูด้านผู้นํา ทางคุณธรรมจริยธรรมแตกต่างกัน สมมติฐานที 9 นักศึกษาทีมีระดับการศึกษาของบิดาทีแตกต่างกันจะมีทัศนะต่อบทบาท ของครูด้านผู้นําทางคุณธรรมจริยธรรมแตกต่างกัน สมมติฐานที 10 นักศึกษาทีมีระดับการศกึ ษาของมารดาทีแตกต่างกันจะมที ัศนะต่อบทบาท ของครูด้านผู้นําทางคุณธรรมจริยธรรมแตกต่างกัน สมมติฐานที 11 นักศกึ ษาทีมอี าชีพของบิดาทีแตกต่างกันจะมีทัศนะต่อบทบาทของครูด้าน ผู้นําทางคุณธรรมจริยธรรมแตกต่างกัน สมมติฐานที 12 นักศึกษาทีมีอาชีพของมารดาทีแตกต่างกันจะมีทัศนะต่อบทบาทของครู ด้านผู้นําทางคุณธรรมจริยธรรมแตกต่างกัน สมมติฐานที 13 นักศึกษาทีมีรายได้ของบิดาทีแตกต่างกันจะมที ัศนะต่อบทบาทของครูด้าน ผู้นําทางคุณธรรมจริยธรรมแตกต่างกัน สมมติฐานที 14 นักศกึ ษาทีมีรายได้ของมารดาทีแตกต่างกันจะมีทัศนะต่อบทบาทของครู ด้านผู้นําทางคุณธรรมจริยธรรมแตกต่างกัน สมมติฐานที 15 นักศกึ ษาทีมีความเกียวข้องกับครูทีแตกต่างกันจะมีทัศนะต่อบทบาทของ ครูด้านผู้นําทางคุณธรรมจริยธรรมแตกต่างกัน สมมติฐานที 16 นักศกึ ษาทีเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษทีแตกต่างกันจะมีทัศนะต่อบทบาทของ ครูด้านผู้นําทางคุณธรรมจริยธรรมแตกต่างกัน สมมติฐานที 17 นักศกึ ษาทีมคี วามชืนชอบในอาชีพครูทีแตกต่างกันจะมีทัศนะต่อบทบาท ของครูด้านผู้นําทางคุณธรรมจริยธรรมแตกต่างกัน สมมติฐานที 18 นักศกึ ษาทีมกี ารรับรู้ข้อมูลข่าวสารทีแตกต่างกันจะมที ัศนะต่อบทบาทของ ครูด้านผู้นําทางคุณธรรมจริยธรรมแตกต่างกัน สมมติฐานที 19 นักศึกษาทีมีทัศนะต่อความสําคัญในการผลิตบุคลากรทางการศึกษาที แตกต่างกันจะทัศนะต่อบทบาทของครูด้านผู้นําทางคุณธรรมจริยธรรมแตกต่างกัน

102 3.4 ประชากรในการศึกษา 3.4.1 ประชากร ประชากรทีศึกษา คือ นักศึกษาระดับอุดมศึกษาใน จังหวัดอุบลราชธานี ได้แก่ มหาวทิ ยาลัยอบุ ลราชธานี 7,352 คน มหาวทิ ยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี 11,300 คน มหาวิทยาลัย ราชธานี 2,378 คน และมหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยอี ีสเทิร์น 3,494 คน ทีกําลังศึกษา ในสถาบันการศึกษาทั ง 4 สถาบันรวมนักศึกษาทั ง4 สถาบัน จํานวนทั งสิน24,524 คน 3.4.2 กลุ่มตัวอย่าง กลุ่มตัวอย่างทีใช้ในการศึกษาครั งนี ได้แกน่ ักศึกษาระดับอุดมศึกษาทั ง4 แห่ง ในเขต จังหวัดอบุ ลราชธานที ีกําลังศึกษาในระดับอุดมศึกษา ชั นปี ท1ี - 4 โดยกําหนดกลมุ่ ตัวอย่าง จํานวน 400 คน จากจํานวนนักศึกษาทั งสิ น24,524 คน วิธีการทีผู้ศึกษาได้ดําเนินการรวบรวมข้อมูลแบบ บังเอญิ (Accidental Sampling) โดยใช้กลมุ่ ตัวอย่างสถาบันการศกึ ษาระดับอดุ มศกึ ษาละ100 คน จากนั นผู้ศกึ ษานําแบบสอบถามแจกให้แก่นกั ศึกษาในพืนทีทีคาดว่าจะมีจํานวนนกั ศึกษา หนาแน่น และนักศึกษาก็มีเวลาทีจะกรอกแบบสอบถามให้ เช่น โรงอาหาร ใตต้ ึกอาคารเรียน ห้องสมดุ มหาวทิ ยาลัย เป็นต้นกลุ่มตัวอย่างในการศึกษามจี ํานวนทั งสิน400 คน โดยผู้ศึกษาได้แบ่ง จํานวนกลมุ่ ตัวอย่างจําแนกตามมหาวิทยาลัย ดังนี มหาวทิ ยาลัยอุบลราชธานี จํานวน 100 คน มหาวทิ ยาลัยราชภัฏอบุ ลราชธานี จํานวน 100 คน มหาวิทยาลัยราชธานี จํานวน 100 คน มหาวทิ ยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีสเทิร์น จํานวน 100 คน 3.5 เครืองมอื ทีใช้ในการศึกษา 3.5.1 แบบสอบถาม เครืองมือทีใช้ในการศึกษาครั งนี คือแบบสอบถาม (Questionnaires) เป็ นการสอบถาม ทัศนะของนักศึกษาเกียวกับบทบาทของครูด้านผู้นําทางคุณธรรมจริยธรรมในทัศนะของนกั ศึกษา ระดับอดุ มศึกษา โดยผู้ศึกษาได้แบ่งแบบสอบถามออกเป็น 5 ส่วน ส่วนที 1 เป็นแบบสอบถามปัจจัยส่วนบุคคล ส่วนที 2 เป็นแบบสอบถามปัจจัยด้านครอบครัว

103 ส่วนที 3 เป็นแบบสอบถามปัจจัยด้านอนื ๆ ส่วนที 4 เป็ นแบบสอบถามเกียวกับทัศนะของนกั ศึกษาต่อบทบาทของครูด้านผู้นําทาง คุณธรรมจริยธรรม ส่วนที 5 เป็นคําถามปลายเปิ ดเพือให้ผู้ตอบได้แสดงความคิดเห็นเกียวกับบทบาทของครู ดา้ นผู้นําทางคุณธรรมจริ ยธรรมในทัศนะของนักศึกษาระดับอุดมศึกษาและปัญหาอุปสรรค ข้อเสนอแนะข้อคิดเห็นต่างๆในส่วนขององค์ประกอบแต่ละด้าน สามารถจําแนกได้ ดังนี แบบสอบถามส่วนที 1 เป็ นข้อมลู ปัจจัยส่วนบุคคลของกลุ่มตัวอยา่ ง คือ เพศ อายุ ผลการ เรียนระดับมัธยมศกึ ษา ระดับชั นปี ทีศึกษาสถาบันทีกําลังศกึ ษาและภูมิลําเนา แบบสอบถามส่วนที 2 เป็ นข้อมูลปัจจัยส่วนครอบครัวของกลุ่มตัวอย่าง คือ ระดับ การศึกษาของบิดา ระดับการศกึ ษาของมารดา อาชีพของบิดา อาชีพของมารดา รายได้ของบิดา และ รายได้ของมารดา แบบสอบถามส่วนที 3 เป็นข้อมูลปัจจัยส่วนอนื ๆ ของกลมุ่ ตัวอย่างคือ ความเกียวข้องกับ ครู กิจกรรมพิเศษ ความชืนชอบในอาชีพครู การรับรู้ข้อมูลข่าวสาร และความสําคัญในการผลิต บุคลากรทางการศกึ ษา แบบสอบถามส่วนที 4 เป็นคําถามเกียวกับทัศนะของนักศกึ ษาต่อบทบาทของครูด้านผู้นํา ทางคุณธรรมจริยธรรม แบ่งออกเป็น 3 ด้าน คือ 1) คุณธรรมจริยธรรมต่อวิชาชีพ 2) คุณธรรมจริยธรรมต่อผู้เรียน 3) คุณธรรมจริยธรรมต่อชุมชน เกณฑ์การวัดระดบั ทัศนะของนักศึกษาระดับอุดมศึกษาต่อบทบาทของครูด้านผู้นําทาง คุณธรรมจริยธรรม ในคําถามส่วนที4 จะใช้มาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ โดยยดึ หลักการให้คะแนนดังนี เห็นด้วยอย่างยิง ให้ 5 คะแนน เห็นด้วย ให้ 4 คะแนน ไมแ่ น่ใจ ให้ 3 คะแนน ไมเ่ ห็นด้วย ให้ 2 คะแนน ไมเ่ ห็นด้วยอย่างยิง ให้ 1 คะแนน แบบสอบถามส่วนที 5 เป็ นคําถามปลายเปิ ดเพือใหผ้ ู้ตอบได้แสดงความคิดเห็นเกียวกับ บทบาทของครูด้านผู้นําทางคุณธรรมจริยธรรมในทัศนะของนกั ศึกษาระดับอุดมศึกษาและปัญหา อปุ สรรค ข้อเสนอแนะข้อคิดเห็นต่างๆ เพอื เป็นแนวทางในการปรับปรุง แก้ไข ในด้านบทบาทของ

104 ครูดา้ นผู้นําทางคุณธรรมจริยธรรมให้มีประสิทธิภาพยิงขึ นตลอดจนเป็ นผลสะท้อนให้ครูได้ ปรับปรุงแก้ไขด้านคุณธรรม จริยธรรมมากขึ น เกณฑ์การแปรผลของระดับคะแนนได้ดังนี ระดับความคิดเห็น ระดับคะแนน เห็นด้วย 3.68-5.00 ไม่แน่ใจ 2.34-3.67 ไมเ่ ห็นด้วย 1.00-2.33 3.6 การทดสอบเครืองมอื ทใี ช้ในการศึกษา ผู้ศึกษาไดน้ าํ แบบสอบถามไปทดสอบหาความเชือมัน (Reliability) กับกลุ่มตวั อย่างที คล้ายคลึงกัน จากนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี จํานวน 20 ชุด เพือนําผลทีไดม้ า วิเคราะห์และปรับปรุงแบบสอบถามให้เหมาะสมยิงขึ นก่อนทจี ะนําไปใช้กับกลุ่มตัวอย่างต่อไปซึง ได้คา่ ความเชือมั น เท่ากับ0.927 3.7 การรวบรวมข้อมูล ผู้ศึกษามุง่ ศึกษาปัจจัยต่างๆ ซึงมผี ลต่อการบทบาทของครูด้านผู้นําทางคุณธรรมจริยธรรม ในทัศนะของนักศกึ ษาระดับอุดมศกึ ษา ในด้านปัจจัยส่วนบุคคลผู้ให้ข้อมูลสําคัญแต่ละคน ในด้าน ปัจจัยส่วนบุคคล ปัจจัยด้านครอบครัว ปัจจัยด้านอืนๆ และด้านปัญหา อุปสรรค ข้อเสนอแนะ เกียวกับการบทบาทของครูด้านผู้นําทางคุณธรรมจริยธรรมในทัศนะของนกั ศึกษาระดับอุดมศึกษา ในการวบรวมขอ้ มูลผู้ศึกษาในดําเนินการรวบรวมขอ้ มูลในช่วงภาคการศึกษาที 1 ประจําปี การศึกษา 2553 จาก 2 แหล่งข้อมูล คือ 1) ข้อมลู ปฐมภมู ิ (Primary Data) ได้แก่ เก็บรวบรวมข้อมูลจากแบบสอบถาม 2) ข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary Data) ข้อมูลทีค้นคว้าจากตํารา บทความ และ เอกสารงานวจิ ัยทีเกียวข้อง

105 3.8 การวิเคราะห์ข้อมูล ผู้ศึกษาได้ตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนสมบรูณ์ของแบบสอบถาม เพือนํามาบันทึก ขอ้ มูลโดยใช้โปรแกรมสําเร็จรูปSPSS for Windows Version 16 และใช้สถิติในการวิเคราะห์ดังนี 1) สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Statistics) ในการวิเคราะห์ข้อมูลทัวไปได้แก่ ค่าความถี (Frequency) ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลีย (Arithmetic Mean) และส่วนเบียงเบน มาตรฐาน (Standard Deviation) 2) สถิติเชิงอนุมาน (Inferential Statistics) เพือทดสอบสมมติฐาน ได้แก่ t-test และ F-test

บทที่ 4 ผลการศกึ ษา การศึกษาเร่ืองบทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรมในทัศนะของนักศึกษา ระดับอุดมศึกษา โดยใชแบบสอบถามเปนเครื่องมือในการรวบรวมขอมูล จากนักศึกษาท้ัง 4 สถาบันการศึกษา ในจังหวัดอุบลราชธานี โดยมีขนาดกลุมตัวอยาง จํานวน 400 คน ผูศึกษาไดนํา ขอมลู ทไี่ ดมาวเิ คราะหหาคา ทางสถติ ิ และไดนาํ เสนอผลการศกึ ษา โดยแบงเปน 6 สว น ดังนี้ 4.1 ขอ มลู ปจจยั ดา นบุคคลเกยี่ วกับผตู อบแบบสอบถาม 4.2 ขอมลู ปจจยั ดานครอบครวั เกีย่ วกับผูตอบแบบสอบถาม 4.3 ขอ มลู ปจ จัยดา นอืน่ ๆ เกย่ี วกับผตู อบแบบสอบถาม 4.4 ขอมูลเกี่ยวกับทัศนะของนักศึกษาตอบทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรม แบงออกเปน 3 ดาน คือ 1) คณุ ธรรมจริยธรรมดานวิชาชพี 2) คุณธรรมจรยิ ธรรมดา นผเู รียน 3) คุณธรรมจริยธรรมดา นชุมชน 4.5 ทดสอบสมมติฐาน 4.6 ขอ เสนอแนะอ่นื ๆ 4.1 ขอมูลปจจยั สว นบุคคล กลุมตัวอยางในการศึกษาครั้งน้ี คือ นักศึกษามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี จํานวน 100 คน นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี จํานวน 100 คน นักศึกษามหาวิทยาลัยราชธานี จํานวน 100 คน และนกั ศึกษามหาวิทยาลัยการจัดการเทคโนโลยีอีสเทิรน จํานวน 100 คน โดยแยกตามเพศ อายุ สาขาท่ีจบกอนเขาศึกษา ผลการเรยี นในเทอมสดุ ทา ย ระดับช้ันปท่ีศึกษา สาขาวิชาท่ีกําลังศึกษา คณะทีก่ ําลังศกึ ษา สถาบันท่ีกาํ ลังศกึ ษา และภมู ิลาํ เนา มรี ายละเอยี ดดังตอไปน้ี (ตารางที่ 4.1)

107 เพศ พบวา นักศึกษามหาวิทยาลัยทั้ง 4 สถาบันการศึกษา มีเพศชาย จํานวน 174 คน (รอย ละ 43.5) เพศหญงิ จํานวน 226 คน (รอยละ 56.5) อายุ พบวา นักศึกษามหาวิทยาลัยทั้ง 4 สถาบันการศึกษา สวนใหญ อายุ 18 - 21 ป จํานวน 232 คน (รอยละ 58.0) อายุ 22 - 25 ป จํานวน 168 คน (รอยละ 42.0) สาขาที่จบกอนเขาศึกษา พบวา นักศึกษามหาวิทยาลัยท้ัง 4 สถาบันการศึกษา สวนใหญ กอนเขาศึกษาตอระดับสถาบันอุดมศึกษา จบช้ันมัธยมศึกษาปที่ 6 จํานวน 269 คน (รอยละ 67.2) รองลงมา จบประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) จํานวน 86 คน (รอยละ 21.5) และนอยที่สุดจบ การศกึ ษาประกาศนยี บตั รวิชาชีพชัน้ สงู (ปวส.) จาํ นวน 45 คน (รอยละ 11.2) ผลการเรียนในเทอมสุดทาย พบวา นักศึกษามหาวิทยาลัยทั้ง 4 สถาบันการศึกษา สวน ใหญ คะแนนเฉล่ียของเทอมสุดทายกอนเขาศึกษาตอในระดับอุดมศึกษาอยูที่ 2.50 - 3.00 จํานวน 191 คน (รอยละ 47.8) รองลงมา คะแนนเฉล่ียของเทอมสุดทา ยกอนเขาศึกษาตอในระดับอุดมศึกษา อยูที่ 3.01 - 3.50 จํานวน 120 คน (รอยละ 30.0) คะแนนเฉลี่ยของเทอมสุดทายกอนเขาศึกษาตอใน ระดับอดุ มศกึ ษาอยูที่ตํ่ากวา 2.50 จํานวน 76 คน (รอยละ19.0) และนอยที่สุดคะแนนเฉล่ียของเทอม สดุ ทา ยกอนเขา ศึกษาตอในระดับอุดมศกึ ษาอยูที่ 3.51 - 4.00 จํานวน 13 คน (รอ ยละ 3.3) ระดับชั้นปท่ีศึกษา พบวา นักศึกษามหาวิทยาลัยท้ัง 4 สถาบันการศึกษา สวนใหญกําลัง ศึกษาอยูช้ันปท่ี 2 จํานวน 132 คน (รอยละ 33.0) รองลงมากําลังศึกษาอยูช้ันปที่ 3 จํานวน 110 คน (รอยละ 27.5) กําลังศึกษาอยูช้ันปที่ 4 จํานวน 102 คน (รอยละ 25.5) และนอยท่ีสุดกําลังศึกษาอยู ช้ันปท ่ี 1 จาํ นวน 56 คน (รอยละ 14.0) คณะที่กําลังศึกษา พบวา นักศึกษามหาวิทยาลัยทั้ง 4 สถาบันการศึกษา สวนใหญกําลัง ศึกษาอยูคณะบริหารธุรกิจ จํานวน 83 คน (รอยละ 20.8) รองลงมาคณะการบัญชี จํานวน 56 คน (รอยละ 14.0) รองลงมาตามลําดับ คณะศิลปศาสตร จํานวน 49 คน (รอยละ 12.2) คณะครุศาสตร จํานวน 43 คน (รอยละ 10.8) คณะนิติศาสตร จํานวน 40 คน (รอยละ 40.0) คณะรัฐศาสตรและรัฐ ประศาสนศาสตร จํานวน 39 คน (รอยละ 9.8) คณะวิศวกรรมศาสตร จํานวน 32 คน (รอยละ 8.0) คณะวิทยาศาสตร จํานวน 31 คน และนอยท่ีสดุ คณะเภสัชศาสตร จํานวน 27 คน (รอ ยละ 6.8) สถาบันที่กําลังศึกษา พบวา นักศึกษามหาวิทยาลัยท้ัง 4 สถาบันการศึกษา ไดแก นักศึกษา มหาวทิ ยาลัยอบุ ลราชธานี จํานวน 100 คน (รอ ยละ 25.0) นกั ศกึ ษามหาวทิ ยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี จํานวน 100 คน (รอยละ 25.0) นักศึกษามหาวิทยาลัยราชธานี จํานวน 100 คน (รอยละ 25.0) นกั ศกึ ษามหาวทิ ยาลยั การจดั การและเทคโนโลยอี ีสเทริ น จํานวน 100 คน (รอ ยละ 25.0) ภูมิลําเนา พบวา นักศึกษามหาวิทยาลัยทั้ง 4 สถาบันการศึกษา สวนใหญ ภูมิลําเนาอยูท่ี จังหวัดอุบลราชธานี จํานวน 162 คน (รอยละ 40.5) รองลงมาจังหวัดศรีสะเกษ จํานวน 102 คน

108 (รอยละ 25.5) รองลงมาตามลําดับจังหวัดอํานาจเจริญ จํานวน 68 คน (รอยละ 17.0) จังหวัดยโสธร จํานวน 40 คน (รอยละ 10.0) จังหวัดมุกดาหาร จํานวน 17 คน (รอยละ 4.2) และนอยที่สุดจังหวัด อ่ืนๆ จาํ นวน 11 คน (รอ ยละ 2.8) ตารางท่ี 4.1 ขอ มูลปจจัยสว นบุคคล ปจจยั สวนบุคคล จํานวน รอยละ เพศ ชาย (N=400) (100.0) อายุ หญงิ 174 43.5 สาขาทีจ่ บกอ นเขา ศึกษา 18 – 21 226 56.5 ผลการเรยี นในเทอมสุดทาย 22 – 25 232 58.0 มัธยมศึกษาปท ่ี 6 168 42.0 ระดบั ชนั้ ปท ี่ศึกษา ประกาศนยี บตั รวิชาชพี 269 67.2 ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพชนั้ สงู 86 21.5 คณะทก่ี าํ ลงั ศึกษา ตํ่ากวา 2.50 45 11.2 2.51 - 3.00 76 19.0 3.01 - 3.50 191 47.8 3.51 - 4.00 120 30.0 ชั้นปท ่ี 1 13 3.3 ช้ันปท ี่ 2 56 14.0 ชน้ั ปท ่ี 3 132 33.0 ชัน้ ปท่ี 4 110 27.5 คณะวทิ ยาศาสตร 102 25.5 คณะบริหารธรุ กจิ 31 7.8 คณะการบัญชศี าสตร 83 20.8 คณะครุศาสตร 56 14.0 คณะรัฐศาสตรแ ละรฐั ประศาสนศาสตร 43 10.8 คณะศิลปะศาสตร 39 9.8 คณะนติ ศิ าสตร 49 12.2 40 10.0

109 ตารางท่ี 4.1 (ตอ ) สถาบนั ท่ีกําลงั ศกึ ษา ปจ จัยสว นบคุ คล จํานวน รอยละ ภูมลิ าํ เนา (N=400) (100.0) คณะวศิ วกรรมศาสตร คณะเภสัชศาสตร 32 8.0 มหาวทิ ยาลัยอบุ ลราชธานี 27 6.8 มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี 100 25.0 มหาวิทยาลยั ราชธานี 100 25.0 มหาวทิ ยาลัยการจัดการและเทคโนโลยี 100 25.0 100 25.0 อีสเทริ น จงั หวดั อบุ ลราชธานี 162 40.5 จังหวดั ศรสี ะเกษ 102 25.5 จงั หวดั อํานาจเจรญิ 68 17.0 จังหวดั ยโสธร 40 10.0 จงั หวดั มุกดาหาร 17 4.2 อ่ืนๆ 11 2.8 4.2 ขอมลู ปจ จัยดา นครอบครัว จากการที่ไดทําการศึกษาปจจัยสวนครอบครัว โดยจําแนกเปนระดับการศึกษาของบิดา ระดับการศึกษาของมารดา อาชีพของบิดา อาชีพของมารดา รายไดของบิดา รายไดของมารดา มี รายละเอียด ดงั นี้ตอไปน้ี (ตารางที่ 4.2) ระดับการศึกษาของบิดา สวนใหญสําเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษา จํานวน 121 คน (รอยละ 30.2) รองลงมา สําเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนตน จํานวน 106 คน (รอยละ 26.5) รองลงมาตามลําดับ คือ สําเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จํานวน 87 คน (รอยละ 21.8) สําเร็จ การศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จํานวน 45 คน (รอยละ 11.2) สําเร็จการศึกษาระดับ อนุปรญิ ญา จํานวน 29 คน (รอยละ 7.2) และนอยที่สดุ คอื สําเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท จํานวน 12 คน (รอ ยละ 3.0)

110 ระดับการศึกษาของมารดา สวนใหญสําเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษา จํานวน 156 คน (รอยละ 39.0) รองลงมา สําเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนตน จํานวน 106 คน (รอยละ 26.5) รองลงมาตามลาํ ดับ สาํ เร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จํานวน 64 คน (รอ ยละ 16.0) สําเร็จการศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จํานวน 38 คน (รอยละ 9.5) สําเร็จการศึกษาระดับอนุปริญญา จํานวน 33 คน (รอยละ 8.2) ไมไดศึกษา จํานวน 2 คน (รอยละ 0.5) และนอยท่ีสุด คือ สําเร็จการศึกษา การศึกษาระดบั ปรญิ ญาโท จาํ นวน 1 คน (รอ ยละ 0.2) อาชีพของบิดา สวนใหญประกอบอาชีพเกษตรกร จํานวน 174 คน (รอยละ 43.5) รองลงมาประกอบอาชีพขาราชการ จํานวน 75 คน (รอยละ 18.8) รองลงมาตามลําดับ ประกอบ อาชีพคาขาย จํานวน 58 คน (รอยละ 14.5) ประกอบอาชีพธุรกิจสวนตัว จํานวน 48 คน (รอย ละ 12.0) ประกอบอาชีพพนักงานองคกรของรัฐและรัฐวิสาหกิจ จํานวน 21 คน (รอยละ 5.2) ประกอบอาชีพพนักงานองคกรเอกชน จํานวน 19 คน (รอยละ 4.8) และนอยท่ีสุด คือ ประกอบ อาชีพ อน่ื ๆ จํานวน 5 คน (รอ ยละ 1.2) อาชีพของมารดา สวนใหญประกอบอาชีพเกษตรกร จํานวน 181 คน (รอยละ 45.2) รองลงมา ประกอบอาชีพคาขาย จํานวน 79 คน (รอยละ 19.8) รองลงมาตามลําดับ ประกอบ อาชีพธุรกิจสวนตัว จํานวน 54 คน (รอยละ 13.5) ประกอบอาชีพขาราชการ จํานวน 43 คน (รอย ละ 10.8) ประกอบอาชีพพนักงานองคกรเอกชน จํานวน 26 คน (รอยละ 6.5) ประกอบอาชีพ พนักงานองคกรของรัฐและรัฐวิสาหกิจ จํานวน 16 คน (รอยละ 4.0) และนอยที่สุด ประกอบอาชีพ อนื่ ๆ จํานวน 1 คน (รอยละ 0.2) รายไดของบิดา สวนใหญตํ่ากวา 5,000 บาทตอเดือน จํานวน 176 คน (รอยละ 44.0) รองลงมา 20,001-25,000 บาทตอเดือน จาํ นวน 61 คน (รอ ยละ 15.0) รองลงมาตามลําดับ 5,001- 10,000 บาทตอเดือน จาํ นวน 54 คน (รอยละ 13.5) 15,001-20,000 บาทตอเดือน จํานวน 45 คน (รอยละ 11.2) 10,001-15,000 บาทตอเดือน จํานวน 37 คน (รอยละ 9.2) 25,001-30,000 บาทตอ เดอื น จาํ นวน 23 คน (รอยละ 5.8) และนอยท่ีสุดคือ 30,001 บาทตอเดือนขึ้นไป จํานวน 4 คน (รอย ละ 1.0) รายไดของมารดา สวนใหญตํ่ากวา 5,000 บาทตอเดือน จํานวน 182 คน (รอยละ 45.5) รองลงมา 5,001-10,000 บาทตอ เดอื น จาํ นวน 74 คน (รอ ยละ 18.5) รองลงมาตามลําดับ 15,001- 20,000 บาทตอเดือน จํานวน 70 คน (รอยละ 17.5) 10,001-15,000 บาทตอเดือน จํานวน 44 คน (รอ ยละ 11.0) 20,001-25,000 บาทตอ เดือน จํานวน 26 คน (รอยละ 6.5) และนอยท่ีสุดคือ 25,001- 30,000 บาทตอ เดอื น จาํ นวน 4 คน (รอยละ 1.0)

111 ตารางท่ี 4.2 ขอมลู ปจ จยั ดา นครอบครวั ปจจัยสว นบคุ คล จํานวน รอยละ ระดบั การศกึ ษาของบิดา ประถมศกึ ษา (N=400) (100.0) ระดับการศกึ ษาของมารดา มัธยมศึกษาตอนตน 121 30.2 อาชีพของบดิ า มัธยมศึกษาตอนปลาย 106 26.5 อาชพี ของมารดา อนปุ รญิ ญา 45 11.2 ปรญิ ญาตรี 29 7.2 อนื่ ๆ 87 21.8 12 3.0 ไมไดศ ึกษา ประถมศึกษา 2 0.5 มธั ยมศึกษาตอนตน 156 39.0 มัธยมศกึ ษาตอนปลาย 106 26.5 อนุปรญิ ญา 38 9.5 ปริญญาตรี 33 8.2 อื่นๆ 64 16.0 ขา ราชการ 1 0.2 พนักงานองคกรรัฐ/รฐั วสิ าหกิจ 75 18.8 พนักงานองคกรเอกชน 21 5.2 ธุรกิจสว น 19 4.8 เกษตรกร 48 12.0 คา ขาย 174 43.5 อืน่ ๆ 58 14.5 ขา ราชการ 5 1.2 พนักงานองคก รรัฐ/รัฐวสิ าหกิจ 43 10.8 พนกั งานองคก รเอกชน 16 4.0 ธรุ กจิ สว น 26 6.5 เกษตรกร 54 13.5 คา ขาย 181 45.2 อ่นื ๆ 79 19.8 1 0.2

112 ตารางท่ี 4.2 (ตอ ) ปจจยั สวนบคุ คล จํานวน รอยละ รายไดของบิดาตอเดือน ต่ํากวา 5,000 (N=400) (100.0) รายไดข องมารดาตอเดอื น 5,001-10,000 176 44.0 10,001-15,000 54 13.5 15,001-20,000 37 9.2 20,001-25,000 45 11.2 25,001-30,000 61 15.2 30,001 ข้นึ ไป 23 5.8 ต่ํากวา 5,000 4 1.0 5,001-10,000 182 45.5 10,001-15,000 74 18.5 15,001-20,000 44 11.0 20,001-25,000 70 17.5 25,001-30,000 26 6.5 4 1.0 4.3 ขอมลู ปจ จัยดา นอ่ืนๆ จากการไดศ กึ ษาขอมูลของกลมุ ตัวอยา งใน ปจจัยดานอ่ืนๆ โดยจําแนกเปน ความเก่ียวของ กับครู กิจกรรมพิเศษ ความชื่นชอบในอาชีพครู การรับรูขอมูลขาวสาร ความสําคัญในการผลิต บุคลากรทางการศกึ ษา มีรายละเอยี ดดงั ตอ ไปนี้ (ตารางที่ 4.3) ความเกี่ยวขอ งกับครู พบวา นักศึกษาสวนใหญ ไมมีญาติท่ีประกอบอาชีพครู จํานวน 212 คน (รอยละ 53.0) รองลงมามีญาติประกอบอาชีพครู 1 คน จํานวน 159 คน (รอยละ 39.8) รองลงมา ตามลําดับ มีญาติประกอบอาชีพครู 2 คน จํานวน 25 คน (รอยละ 6.2) มีญาติประกอบอาชีพครู 3 คน จํานวน 3 คน (รอยละ 0.8) และนอยท่ีสุด คือ มีญาติประกอบอาชีพครู 5 คน จํานวน 1 คน (รอยละ 0.2) กิจกรรมพิเศษ พบวา นักศึกษาสวนใหญเคยเขารวมกิจกรรมคุณธรรมจริยธรรมท่ีทาง มหาวิทยาลัยจัดข้ึน จํานวน 249 คน (รอยละ 62.2) ไมเคยเขารวมกิจกรรมคุณธรรมจริยธรรมท่ี ทางมหาวทิ ยาลยั จดั ข้นึ จํานวน 151 คน (รอยละ 37.8)

113 ความชื่นชอบในอาชีพครู พบวา นักศึกษาสวนใหญ มีความชื่นชอบในอาชีพครู มาก จํานวน 224 คน (รอยละ 56.0) รองลงมา มีความช่ืนชอบในอาชีพครู ปานกลาง จํานวน 69 คน (รอยละ 17.2) รองลงมาตามลําดับ ไมช่ืนชอบในอาชีพครูเลย จํานวน 50 คน (รอยละ 12.5) มี ความชน่ื ชอบในอาชพี ครูมากทสี่ ุด จํานวน 49 คน (รอ ยละ 12.2) และนอ ยทสี่ ดุ คือ มคี วามช่นื ชอบ ในอาชีพครู นอ ย จาํ นวน 8 คน (รอยละ 2.0) การรับรูขอมูลขาวสาร พบวา นักศึกษาสวนใหญรับรูขอมูลขาวสารจากโทรทัศน, หนังสอื พิมพ, วารสารตา ง ๆ จาํ นวน 47 คน (รอ ยละ 11.8) รองลงมา โทรทศั น, อนิ เตอรเน็ต จํานวน 44 คน (รอยละ 11.0) รองลงมาตามลําดับ วิทยุ, โทรทัศน, หนังสือพิมพ จํานวน 41 คน (รอยละ 10.2) วิทยุ, โทรทัศน, หนังสือพิมพ, อินเตอรเน็ต จํานวน 40 คน (รอยละ 10.0) วิทยุ, อินเตอร, หนังสือพิมพ จํานวน 38 คน (รอยละ 9.5) โทรทัศน, หนังสือพิมพ, อินเตอรเน็ต จํานวน 30 คน (รอยละ 7.5) หนังสือพิมพ,โทรทัศน จํานวน 27 คน (รอยละ 6.8) และ หนังสือพิมพ,อินเตอรเน็ต จํานวน 27 คน (รอยละ 6.8) วารสารตาง ๆ,โทรทัศนหนังสือพิมพ, อินเตอรเน็ต จํานวน 25 คน (รอ ยละ 6.2) โทรทัศน จํานวน 23 คน (รอยละ 5.8) และ อินเตอรเน็ต จํานวน 23 คน (รอยละ 5.8) อนิ เตอรเน็ต,วทิ ยุ จาํ นวน 18 คน (รอยละ 4.5) และนอยที่สุด โทรทัศน,หนังสือพิมพ,วารสารตาง ๆ จํานวน 17 คน (รอยละ 4.2) ความสําคัญในการผลิตบุคลากร พบวา นักศึกษาสวนใหญ เห็นดวยกับนโยบาย การ พัฒนาครู อาจารย และบุคลากรทางการศึกษา เพื่อใหไดครูดี ครูเกง มีคุณธรรม มีคุณภาพและมีวิทย ฐานะสูงขึ้นของรัฐบาลปจจุบัน จํานวน 226 คน (รอยละ 56.5) รองลงมาไมทราบ จํานวน 79 คน (รอยละ 19.8) รองลงมาตามลําดับ เห็นดวยอยางยิ่ง จํานวน 67 คน (รอยละ 16.8) ไมแนใจ จํานวน 22 คน (รอ ยละ 5.5) และไมเ ห็นดวย จาํ นวน 6 คน (รอ ยละ 1.5) ตารางที่ 4.3 ขอ มลู ปจจยั ดา นอืน่ ๆ ความเกยี่ วของกบั ครู ปจ จยั สว นบุคคล จาํ นวน รอ ยละ ไมม ีญาตปิ ระกอบอาชีพครู (N=400) (100.0) มีญาตปิ ระกอบอาชพี ครู 1 คน 212 53.0 มญี าติประกอบอาชพี ครู 2 คน 159 39.8 มญี าตปิ ระกอบอาชพี ครู 3 คน 25 6.2 มีญาติประกอบอาชีพครู 5 คน 3 0.8 1 0.2

114 ตารางที่ 4.3 (ตอ) กจิ กรรมพเิ ศษ ปจ จยั สว นบุคคล จํานวน รอยละ ความช่นื ชอบในอาชีพครู (N=400) (100.0) การรับรูข อ มูลขา วสาร ไมเคยเขารวมกิจกรรม 37.8 เคยเขารว มกจิ กรรม 151 62.2 ความสําคญั ในการผลติ มากทสี่ ุด 249 12.2 บุคลากรทางการศกึ ษา มาก 49 56.0 ปานกลาง 224 17.2 นอ ย 69 ไมช อบเลย 8 2.0 โทรทศั น 50 12.5 อินเตอรเนต็ 23 5.8 อินเตอรเ นต็ ,วทิ ยุ 23 5.8 หนงั สอื พิมพ, โทรทศั น 18 4.5 หนงั สอื พมิ พ, อินเตอรเน็ต 27 6.8 โทรทัศน, อินเตอรเ น็ต 27 6.8 โทรทศั น,หนงั สือพมิ พ, วารสารตา งๆ 44 11.0 โทรทัศน, อนิ เตอรเ นต็ , วารสารตางๆ 17 4.2 วิทย,ุ โทรทัศน, หนงั สือพิมพ 47 11.8 โทรทศั น, หนงั สือพมิ พ, อนิ เตอรเน็ต 41 10.2 วิทย,ุ อนิ เตอร, หนงั สือพมิ พ 30 7.5 วิทย,ุ โทรทศั น, หนังสือพิมพ, อนิ เตอรเ นต็ 38 9.5 วารสารตางๆ,โทรทศั น,หนงั สือพมิ พ, 40 10.0 อินเตอรเ น็ต เหน็ ดว ยอยา งยิง่ 25 6.2 เหน็ ดว ย 67 16.8 ไมแนใ จ 226 56.5 ไมเหน็ ดวย 22 5.5 ไมทราบ 6 1.5 79 19.8

115 4.4 ขอมูลเกี่ยวกับบทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรมในทัศนะของ นักศึกษาระดบั อดุ มศกึ ษา 4.4.1 บทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรมในทัศนะของนักศึกษา ระดับอุดมศึกษารวมทุกดาน พบวา อยูในระดับ เห็นดวย มีคาเฉลี่ยเทากับ 3.88 เมื่อพิจารณาในแต ละดานปรากฏดังนี้ 1) คุณธรรมจริยธรรมดานวิชาชีพ พบวา นักศึกษามีทัศนะตอบทบาทครูดานผูนํา ทางคณุ ธรรมจรยิ ธรรม อยใู นระดบั เหน็ ดว ย คา เฉล่ียเทากบั 3.92 2) คุณธรรมจริยธรรมดานผูเรียน พบวา นักศึกษามีทัศนะตอบทบาทครูดานผูนํา ทางคุณธรรมจรยิ ธรรม อยใู นระดบั เห็นดว ย คาเฉลย่ี เทากับ 3.85 3) คุณธรรมจริยธรรมดานชุมชน พบวา นักศึกษามีทัศนะตอบทบาทครูดานผูนํา ทางคุณธรรมจรยิ ธรรม อยใู นระดับเห็นดว ย คาเฉล่ียเทากับ 3.87 (ตารางท่ี 4.4) ตารางที่ 4.4 จาํ นวน คาเฉลีย่ คาเบยี่ งเบนมาตรฐาน และระดบั บทบาทของครดู านผนู าํ ทาง คณุ ธรรมจริยธรรมในทัศนะของนักศึกษาระดบั อุดมศกึ ษา รายการ X SD ระดบั ความคดิ เห็น 1. ดานคณุ ธรรมจรยิ ธรรมตอวชิ าชพี 0.75 เหน็ ดว ย 2. ดา นคณุ ธรรมจริยธรรมตอผเู รยี น 3.92 0.81 เหน็ ดว ย 3. ดา นคณุ ธรรมจริยธรรมตอ ชมุ ชน 3.85 0.79 เหน็ ดว ย 3.87 รวม 3.88 0.78 เหน็ ดวย 4.4.2 ดา นคณุ ธรรมจรยิ ธรรมตอ วชิ าชพี จากการศึกษาบทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรมในทัศนะของนักศึกษา ระดับอุดมศึกษา ดานวิชาชีพ พบวา โดยภาพรวมกลุมตัวอยางมีทัศนะตอบทบาทของครูดานผูนํา ทางคุณธรรมจริยธรรมในทัศนะของนักศึกษาระดับอุดมศึกษาดานวิชาชีพ อยูในระดับเห็นดวย มี คาเฉล่ียเทากับ 3.92 เมื่อจําแนกเปนรายขอ พบวา เห็นดวย กับจัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดย มุงเนนไดเกิดผลสัมฤทธ์ิกับผูเรียน มีคาเฉล่ีย 4.11 รองลงมา ปฏิบัติกิจกรรมทางวิชาการเก่ียวกับ การพัฒนาวิชาชีพครูอยูเสมอ มีคาเฉลี่ย 3.99 รองลงมาตามลําดับ ปฏิบัติตนเปนแบบอยางที่ดีแก นักเรียน มีคาเฉลี่ย 3.97 พัฒนาศักยภาพตนเองโดยเขารับการอบรม สัมมนา ของ หนวยงาน หรือ

116 องคกรตาง ๆ มีคาเฉลี่ย 3.95 ตัดสินใจปฏิบัติกิจกรรมตางๆ โดยคํานึงถึงผลท่ีจะเกิดแกผูเรียน มี คาเฉลี่ย 3.94 และ มุงมั่นพัฒนาผูเรียนใหมีพัฒนาการอยางเต็มที่ คาเฉล่ีย 9.94 รายงานผลการ พัฒนาคุณภาพของผูเรียนไดอยางมีระบบ คาเฉล่ีย 3.92 มีปฏิสัมพันธในสถานศึกษาอยาง สรางสรรค คาเฉลี่ย 3.91 พัฒนาตนเอง เพื่อกาวสูความเปนผูนําทางการศึกษาของประเทศ คาเฉล่ีย 3.88 พัฒนาสื่อการเรียนการสอนใหมีประสิทธิภาพอยูเสมอ คาเฉล่ีย 3.87 รายงานผลการพัฒนา คุณภาพของผูเรียนไดอยางมีระบบ คาเฉลี่ย 3.85 และ แสวงหาและใชขอมูลขาวสารโดยการใช เทคโนโลยสี มยั ใหมมาพัฒนาการเรียนการสอนใหทันสมัยอยตู ลอดเวลา คาเฉล่ีย 3.85 และสุดทาย พัฒนาแผนการเรยี นรใู หสามารถปฏิบตั ไิ ดเกดิ ผลจริง มีคาเฉลี่ย 3.83 (ตารางที่ 4.5) ตารางที่ 4.5 บทบาทของครูดา นผูน าํ ทางคุณธรรมจรยิ ธรรมในทัศนะของนกั ศึกษาระดบั อดุ มศกึ ษา ดานวชิ าชพี จาํ แนกรายขอ คุณธรรมจรยิ ธรรมดา นวิชาชพี X SD ระดบั ความคดิ เหน็ 1. ปฏิบัตกิ ิจกรรมทางวชิ าการเก่ียวกบั การพฒั นา 3.99 0.58 เหน็ ดว ย วิชาชีพครูอยูเสมอ 2. ตดั สนิ ใจปฏิบตั กิ ิจกรรมตา งๆ โดยคาํ นงึ ถงึ ผลที่ 3.94 0.65 เห็นดว ย จะเกิดแกผ เู รยี น 3. มงุ มน่ั พฒั นาผเู รียนใหมพี ัฒนาการอยางเตม็ ท่ี 3.94 0.67 เห็นดว ย 4. พฒั นาแผนการเรียนรูใหปฏบิ ัติไดเกดิ ผลจรงิ 3.83 0.71 เห็นดว ย 5. พฒั นาสือ่ การเรียนการสอน ใหม ปี ระสทิ ธภิ าพ 3.87 0.75 เห็นดว ย อยูเสมอ 6. จดั กจิ กรรมการเรียนการ โดยมุง เนนไดเกดิ ผล 4.11 0.78 เหน็ ดว ย สัมฤทธกิ์ ับผเู รียน 7. รายงานผลการพฒั นาคณุ ภาพของผูเรยี นไดอ ยาง 3.85 0.79 เห็นดว ย มรี ะบบ 8. ปฏิบัตติ นเปนแบบอยา งทดี่ แี กน กั เรียน 3.97 0.84 เหน็ ดว ย 9. มีปฏสิ มั พันธในสถานศึกษาอยา งสรางสรรค 3.91 0.82 เหน็ ดว ย 10. แสวงหาและใชขอมูลขาวสารโดยการใช 3.85 0.84 เห็นดว ย เทคโนโลยีสมัยใหมมาพัฒนาการเรียนการสอนให ทันสมัยอยตู ลอดเวลา

117 ตารางที่ 4.5 (ตอ) คุณธรรมจรยิ ธรรมดานวชิ าชีพ X SD ระดับความคดิ เหน็ 11. สรางโอกาสใหผูเรียนไดเรียนรูตามอัธยาศัยได 3.92 เหน็ ดว ย ตลอดเวลา 12. พัฒนาศักยภาพตนเองโดยเขารับการอบรม 3.95 เห็นดว ย สัมมนา ของ หนว ยงานหรือองคกรตา งๆ 13. พฒั นาตนเอง เพ่ือกาวสูความเปนผูน าํ ทาง 3.88 เห็นดว ย การศึกษาของประเทศ คาเฉล่ยี ( X ) 3.92 0.75 เหน็ ดวย 4.4.3 คณุ ธรรมจรยิ ธรรมดานผูเรยี น จากการศึกษาบทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรมในทัศนะของนักศึกษา ระดับอุดมศึกษา ดานผูเรียน พบวา โดยภาพรวมกลุมตัวอยางมีทัศนะตอบทบาทของครูดานผูนํา ทางคุณธรรมจริยธรรมในทัศนะของนักศึกษาระดับอุดมศึกษาดานผูเรียน อยูในระดับเห็นดวย มี คาเฉล่ียเทากับ 3.85 เมื่อจําแนกเปนรายขอ พบวา เห็นดวย กับครูมีความมุงมั่นตั้งจริงใจตอการ อบรมสั่งสอนคุณธรรมจริยธรรมนักเรียน มีคาเฉล่ีย 3.91 รองลงมา ครูผูสอนประพฤติตนเปน แบบอยา งท่ีดใี นเรอ่ื งคณุ ธรรมจรยิ ธรรม มคี าเฉลยี่ 3.90 รองลงมาตามลาํ ดับ ครูใหการอบรมส่ังสอน คุณธรรมจริยธรรมนักเรียนควบคูกับกิจกรรมการเรียนการสอน มีคาเฉลี่ย 3.89 ครูมีความมุงมั่นต้ัง จริงใจตอ การอบรมส่ังสอนคณุ ธรรมจริยธรรมนกั เรียน มคี า เฉลี่ย 3.86 และ ครจู ดั การเรียนการสอน มุงเนนใหนักเรียนศึกษาคนควาขอมูลและอภิปรายพรอมสรุปผล มีคาเฉลี่ย 3.86 ครูมีทักษะการพูด ใหนักเรียนมีกําลังใจมุงม่ันท่ีจะพัฒนาตนเองใหเปนคนดี มีคาเฉลี่ย 3.84 และ ครูใหการอบรมส่ัง สอนลูกศิษยดวยความเมตตา มีคาเฉล่ีย 3.84 ครูจัดการเรียนการสอนจากประสบการณตรง หรือ บทบาทสมมุติ มีคาเฉลี่ย 3.83 และ ครูใหการยกยองชมเชย หรือใหขวัญและกําลังใจแกนักเรียน มี คา เฉลย่ี 3.83 และสดุ ทาย ครูมีความอดทนตอพฤติกรรมตางๆ ของผูเรียนไมวาจะเปนดานบวกหรือ ดานลบ มีคา เฉลย่ี 3.78 (ตารางท่ี 4.6)

118 ตารางที่ 4.6 บทบาทของครูดา นผนู ําทางคณุ ธรรมจรยิ ธรรมในทัศนะของนกั ศกึ ษาระดบั อุดมศึกษา ดา นผเู รียน จําแนกรายขอ คุณธรรมจรยิ ธรรมดา นผูเรยี น X SD ระดับความคดิ เห็น 1. ครใู หการอบรมส่ังสอนคณุ ธรรมจรยิ ธรรม 0.78 เห็นดว ย นกั เรียนควบคกู บั กิจกรรมการเรยี นการสอน 3.89 0.85 เหน็ ดว ย 2. ครูจัดการเรียนการสอนจากประสบการณตรง 3.83 0.81 เหน็ ดว ย หรอื บทบาทสมมตุ ิ 3.86 0.82 เหน็ ดว ย 3. ครูจัดการเรียนการสอนมุงเนนใหนักเรียนศึกษา 3.83 0.87 เหน็ ดว ย คน ควาขอ มลู และอภปิ รายพรอมสรุปผล 3.84 0.83 เห็นดว ย 4. ครูใหการยกยองชมเชย หรือใหขวัญ และ 3.78 0.88 เหน็ ดว ย กําลงั ใจแกน กั เรียน 3.84 0.77 เหน็ ดว ย 5. ครูมีทักษะการพูดใหนักเรียนมีกําลังใจ มุงมั่นที่ 3.86 0.79 เห็นดว ย จะพฒั นาตนเองใหเปน คนดี 3.91 0.79 เห็นดว ย 6. ครูมีความอดทนตอพฤติกรรมตางๆ ของผูเรียน 3.90 0.81 เห็นดว ย ไมวา จะเปน ดานบวกหรอื ดานลบ 3.85 7. ครูใหการอบรมสั่งสอนลูกศิษย ดวยความมี เมตตา 8. ครูมีจิตวิทยาของความเปนครูที่จะชวยแกปญหา ทกุ ดานใหแกล กู ศิษย 9. ครูมีความมุงมั่นตั้งจริงใจตอการอบรมสั่งสอน คุณธรรมจรยิ ธรรมนกั เรียน 10.ครูผูสอนประพฤติตนเปนแบบอยางท่ีดีในเรื่อง คณุ ธรรมจริยธรรม คา เฉล่ยี ( X ) 4.4.4 คุณธรรมจรยิ ธรรมดานชุมชน จากการศึกษาบทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรมในทัศนะของนักศึกษา ระดับอุดมศึกษา ดานชุมชน พบวา โดยภาพรวมกลุมตัวอยางมีทัศนะตอบทบาทของครูดานผูนํา ทางคุณธรรมจริยธรรมในทัศนะของนักศึกษาระดับอุดมศึกษาดานชุมชน อยูในระดับเห็นดวย มี

119 คา เฉลี่ยเทากับ 3.87 เมื่อจําแนกเปนรายขอ พบวา เห็นดวยกับครูเปนผูมีความศรัทธาในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ  มคี าเฉล่ยี สูงสดุ 3.98 รองลงมาครูวางตัวเปนกลางในทุกเหตุการณท่ีเกิดข้ึน ในชุมชน มีคาเฉล่ีย 3.91 รองลงมาตามลําดับ ครูมีความยุติธรรมในการตัดสินปญหาท่ีเกิดขึ้นใน ชมุ ชน มีจิตใจทเ่ี ปนกลางไมเอนเอยี งฝา ยใดฝายหนง่ึ มคี าเฉล่ยี 3.89 และ ครูเปนผูม สี วนรวมในการ อนุรักษและพัฒนาภูมิปญญาทองถ่ิน มีคาเฉลี่ย 3.89 ครูใหความรวมมือและเขารวมกิจกรรมตางๆ ที่ทางชุมชนจัดขึ้น มีคาเฉลี่ย 3.88 และครูเปนศาสนิกชนท่ีดีตามหลักศาสนาของตน มีคาเฉล่ีย 3.88 ครปู ระพฤตเิ ปนแบบอยา งท่ดี ี เปน คนมีความสภุ าพออนโยนตอ สาธารณชน มีคาเฉล่ีย 3.87 ครู เปนผูมีความอดทนและมีความเพียรในการเผยแผความรูใหแกชุมชน มีคาเฉลี่ย 3.86 ครูเปนผูให ความรักและเมตตาตอ ทุกคน ปฏิบัตติ ามกฎของสังคมในการอยูรว มกัน มีคาเฉล่ีย 3.86 และ ครูเปน ผูใหค วามชวยเหลือมีความเออื้ อาทรแกชุมชน มีคา เฉล่ีย 3.86 ครูเปน ผูม ีจติ ใจหนักแนนไมหว่ันไหว ตอทุกสถานการณ มีคาเฉล่ีย 3.82 และสุดทาย ครูมีบุคลิกภาพความเปนผูนําในการอนุรักษ วฒั นธรรมไทย มีคา เฉลีย่ 3.81 (ตารางที่ 4.7) ตารางท่ี 4.7 บทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรมในทัศนะของนักศึกษาระดับอุดมศึกษา ดานชมุ ชน จาํ แนกรายขอ คุณธรรมจริยธรรมดา นชมุ ชน X SD ระดับความคดิ เห็น 1. ครูเปนผใู หค วามชว ยเหลอื มคี วามเออ้ื อาทร แกช มุ ชน 3.86 0.82 เห็นดว ย 2. ครูประพฤติเปนแบบอยางที่เปนคนมีความสุภาพ 3.87 0.80 เหน็ ดว ย ออ นโยนตอ สาธารณชน 3. ครูเปนศาสนิกชนทดี่ ตี ามหลกั ศาสนาของตน 3.88 0.75 เห็นดว ย 4. ครูเปนผูใหความรักและเมตตาตอทุกคน ปฏิบัติตาม 3.86 0.80 เหน็ ดว ย กฎของสังคมในการอยูรวมกนั 5. ครูเปนผมู ีจิตหนักแนน ไมห วัน่ ไหวตอทุกสถานการณ 3.82 0.81 เห็นดว ย 6. ครูเปนผูมีความอดทนและมีความเพียร ในการเผยแผ 3.86 0.84 เหน็ ดว ย ความรูใ หแ กชุมชน 7. ครูใหความรวมมือและเขารวมกิจกรรมตางๆ ที่ทาง 3.88 0.78 เหน็ ดว ย ชมุ ชนจดั ขนึ้ 8. ครูเปนผูมีสวนรวมในการอนุรักษและพัฒนาภูมิ 3.89 0.79 เหน็ ดว ย ปญ ญาทอ งถน่ิ

120 ตารางที่ 4.7 (ตอ) คุณธรรมจรยิ ธรรมดานชุมชน X SD ระดับความคดิ เห็น 9. ครูมีบุคลิกภาพความเปนผูนําในการอนุรักษ 3.81 0.81 เหน็ ดว ย วัฒนธรรมไทย 10. ครูวางตัวเปนกลางในทุกขเหตุการณ ท่ีเกิดขึ้นใน 3.91 0.78 เห็นดว ย ชุมชน 11. ครูมีความยุติธรรมในการตัดสินปญหาท่ีเกิดข้ึนใน 3.89 0.80 เห็นดว ย ชุมชน มีจิตใจท่เี ปน กลางไมเอนเอยี งฝายใดฝายหน่งึ 12. ครูเปนผมู คี วามศรทั ธาในสถาบันชาติ ศาสนา 3.98 0.70 เหน็ ดว ย พระมหากษัตริย คา เฉลย่ี ( X ) 3.87 0.79 เหน็ ดว ย 4.5 การทดสอบสมมติฐาน สมมตฐิ านท่ี 1 นักศึกษาท่ีมีเพศตางกันจะมีทัศนะตอบทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรม จรยิ ธรรมแตกตางกัน ผลการวิเคราะหการเปรียบเทียบ บทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรมในทัศนะ ของนักศึกษาระดับอุดมศึกษา ระหวางเพศชาย กับ เพศหญิง มีคาเฉล่ียเทากับ 3.90 และ3.86 ตามลําดับ วเิ คราะหค วามแตกตา งของคาเฉลี่ย โดยใชสถิติ t-test ไดคา Sig. 2-tail = 0.589 แสดงวานัก ศึกที่มีเพศตางกันมีทัศนะตอบทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรมแตกตางกัน อยางไมมี นัยสาํ คญั ทางสถิติทีร่ ะดบั 0.05 จงึ ปฏเิ สธสมมติฐานที่ 1 (ตารางท่ี 4.8) ตารางท่ี 4.8 ทศั นะของนกั ศึกษาตอ บทบาทของครูดานผูน ําทางคณุ ธรรมจริยธรรม จาํ แนกตามเพศ เพศ จาํ นวน X SD t Sig. 2-tail ชาย 174 3.90 0.73 -.540 .589 หญงิ 226 3.86 0.83 -.533 รวม 400 3.88 0.78

121 สมมติฐานที่ 2 นักศึกษาท่มี ีอายุตางกันจะมีทัศนะตอบทบาทของครูแตกตา งกัน ผลการวิเคราะหการเปรียบเทียบ บทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรมในทัศนะ ของนักศึกษาระดับอุดมศึกษา ระหวางอายุ 18-21 กับ อายุ 22-25 มีคาเฉลี่ยเทากับ 3.90 และ3.88 ตามลําดับ วิเคราะหความแตกตางของคาเฉลี่ย โดยใชสถิติ t-test ไดคา Sig. 2-tail = 0.649 แสดงวา นักศกึ ท่มี เี พศตา งกนั มีทัศนะตอบทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรมแตกตางกัน อยางไม มีนัยสําคัญทางสถิติท่รี ะดบั 0.05 จึงปฏิเสธสมมติฐานท่ี 2 (ตารางที่ 4.9) ตารางที่ 4.9 ทศั นะของนักศกึ ษาตอบทบาทของครูดา นผนู ําทางคุณธรรมจรยิ ธรรม จําแนกตามอายุ อายุ จาํ นวน X SD t Sig. 2-tail 18-21 ป 232 3.90 0.74 .456 0.649 22-25 ป 168 3.87 0.82 .451 รวม 400 3.88 0.78 สมมติฐานท่ี 3 นักศึกษาที่จบสาขากอนเขาศึกษาท่ีแตกตางกันจะมีทัศนะตอบทบาทของ ครดู า นผนู ําทางคณุ ธรรมจรยิ ธรรมแตกตา งกัน ผลการวิเคราะหการเปรียบเทียบ บทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรมในทัศนะ ของนักศึกษาระดับอุดมศึกษาของกลุมตัวอยางท่ีจบสาขากอนเขาศึกษาที่แตกตางกัน แบงออกเปน 3 กลุม คือ มัธยมศึกษาปที่ 6 ประกาศนียบัตรวิชาชีพ และ ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง มีคาเฉล่ีย เทากบั 3.87, 3.90, 3.86 ตามลําดับ (ตารางที่ 4.10) วิเคราะหความแตกตางของคาเฉลี่ย โดยใชสถิติ F-test ไดคา Sig. = 0.01 แสดงวานักศึกษา ที่จบสาขากอนเขาศึกษาแตกตางกันมีทัศนะตอบทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรม แตกตา งกัน อยา งมีนัยสําคญั ทางสถติ ทิ ีร่ ะดับ 0.05 จึงยอมรบั สมมตฐิ านท่ี 3 (ตารางที่ 4.11) เม่ือทดสอบความแตกตางของคาเฉล่ียรายคู โดยวิธี Scheffe’ พบวา กลุมตัวอยางที่จบ มัธยมศึกษาปที่ 6 มีทัศนะตอบทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรมแตกตาง จากผูจบ ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี (ปวช.) และจบประกาศนียบตั รวชิ าชีพชน้ั สงู (ปวส.) (ตารางที่ 4.12)

122 ตารางท่ี 4.10 ทัศนะของนักศึกษาตอบทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรม จําแนกตาม สาขาท่ีจบกอนเขาศึกษาตอ สาขาทจ่ี บกอ นเขา ศึกษาตอ จาํ นวน X SD ม.6 269 0.69 ปวช. 86 3.87 0.81 ปวส. 45 3.90 0.86 3.86 รวม 400 3.88 0.78 ตารางที่ 4.11 ผลการวเิ คราะหความแปรปรวน เพอ่ื หาความแตกตา งทศั นะของนกั ศกึ ษาตอ บทบาท ของครูดานผูน าํ ทางคณุ ธรรมจริยธรรม จาํ แนกตามสาขาท่จี บกอ นเขาศกึ ษาตอ ความแปรปรวน DF SS MS F Sig. ระหวางกลุม 2 7801.829 3900.914 12.171 0.000 ภายในกลมุ 397 127239.681 320.503 399 135041.510 รวม ตารางที่ 4.12 การทดสอบความแตกตา งรายคดู วยวิธกี าร Scheffe’ ทัศนะของนกั ศกึ ษาตอบทบาท ของครดู า นผนู ําทางคณุ ธรรมจรยิ ธรรม จาํ แนกตามสาขาทีจ่ บกอ นเขาศกึ ษาตอ สาขาที่จบกอนเขาศึกษาตอ 1 2 3 1. ม. 6 * 2. ปวช. * 3. ปวส. สมมติฐานที่ 4 นักศึกษาท่ีมีผลการเรียนในเทอมสุดทายท่ีแตกตางกันจะมีทัศนะตอ บทบาทของครูดานผูน ําทางคณุ ธรรมจริยธรรมแตกตางกนั ผลการวิเคราะหการเปรียบเทียบ บทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรมในทัศนะ ของนักศึกษาระดับอุดมศึกษาของกลุมตัวอยางท่ีผลการเรียนเฉลี่ยที่แตกตางกัน แบงออกเปน 3

123 กลุม คือ ต่ํากวา 2.50, 2.51-3.00, 3.01 ข้ึนไป มีคาเฉล่ียเทากับ 3.92, 3.85, 3.87 ตามลําดับ (ตารางที่ 4.13) วิเคราะหค วามแตกตางของคาเฉลีย่ โดยใชส ถิติ F-test ไดค า Sig. = 0.004 แสดงวานักศกึ ษา ที่จบสาขากอนเขาศึกษาแตกตางกันมีทัศนะตอบทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรม แตกตา งกัน อยา งมนี ัยสําคญั ทางสถิติทีร่ ะดบั 0.05 จึงยอมรับสมมติฐานที่ 4 (ตารางท่ี 4.14) เมอ่ื ทดสอบความแตกตางของคาเฉลี่ยรายคู โดยวิธี Scheffe’ พบวา กลุมตัวอยางที่มีผลการ เรียนในเทอมสุดทาย ตํ่ากวา 2.50 มีทัศนะตอบทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรม แตกตา ง จากผมู ผี ลการเรยี นในเทอมสดุ ทาย 2.51-3.00 และผลการเรียนในเทอมสุดทาย 3.01 ขึ้นไป (ตารางที่ 4.15) ตารางที่ 4.13 ทัศนะของนักศึกษาตอบทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรม จําแนกตาม ผลการเรยี นในเทอมสุดทา ย ผลการเรยี นในเทอมสุดทา ย จาํ นวน X SD ตํา่ กวา 2.50 76 0.75 2.51-3.00 191 3.92 0.71 3.01 ข้ึนไป 133 3.85 0.88 3.87 รวม 400 3.88 0.78 ตารางที่ 4.14 ผลการวิเคราะหความแปรปรวน เพื่อหาความแตกตางทัศนะของนักศึกษาตอ บทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรม จําแนกตามผลการเรียนในเทอม สุดทาย ความแปรปรวน DF SS MS F Sig. ระหวา งกลุม 4.446 0.004 ภายในกลุม 3 4400.691 1466.897 รวม 396 130640.819 329.901 399 135041.510

124 ตารางที่ 4.15 การทดสอบความแตกตางรายคดู วยวธิ กี าร Scheffe’ ทัศนะของนักศึกษาตอบทบาท ของครูดา นผูน าํ ทางคณุ ธรรมจรยิ ธรรม จาํ แนกตามผลการเรยี นในเทอมสดุ ทา ย ผลการเรยี นในเทอมสดุ ทา ย 1 2 3 1. ต่ํากวา 2.50 2. 2.51-3.00 * 3. 3.01 ขึ้นไป * สมมติฐานท่ี 5 นักศึกษาที่มีระดับชั้นปท่ีศึกษาที่แตกตางกันจะมีทัศนะตอบทบาทของครู ดา นผนู ําทางคุณธรรมจริยธรรมแตกตา งกนั ผลการวิเคราะหการเปรียบเทียบ บทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรมในทัศนะ ของนักศึกษาระดับอุดมศึกษาของกลุมตัวอยางที่มีระดับชั้นปที่ศึกษาที่แตกตางกัน แบงออกเปน 4 กลุม คือ ช้ันปท่ี 1, ช้ันปท่ี 2, ช้ันปท่ี 3, และช้ันปท่ี 4 มีคาเฉลี่ยเทากับ 3.91, 3.85, 3.87, 3.89 ตามลาํ ดบั (ตารางที่ 4.16) วเิ คราะหความแตกตา งของคา เฉล่ยี โดยใชส ถิติ F-test ไดคา Sig. = 0.308 แสดงวานกั ศึกษา ท่ีมีระดับช้ันปที่ศึกษาแตกตางกันมีทัศนะตอบทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรมท่ี แตกตา งกนั อยา งไมม นี ัยสาํ คญั ทางสถิติที่ระดบั 0.05 จึงปฏเิ สธสมมติฐานที่ 5 (ตารางท่ี 4.17) ตารางท่ี 4.16 ทัศนะของนักศึกษาตอบทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรม จําแนกตาม ระดับช้ันป ระดับชน้ั ป จาํ นวน X SD ช้ันปท่ี 1 0.83 ชนั้ ปท ี่ 2 56 3.91 0.78 ชนั้ ปท ี่ 3 0.75 ชั้นปที่ 4 132 3.85 0.76 รวม 110 3.87 0.78 102 3.89 400 3.88

125 ตารางที่ 4.17 ผลการวิเคราะหความแปรปรวน เพือ่ หาความแตกตา งทศั นะของนกั ศึกษาตอ บทบาท ของครูดา นผนู ําทางคุณธรรมจรยิ ธรรม จาํ แนกตามระดบั ชน้ั ป ความแปรปรวน DF SS MS F Sig. ระหวางกลมุ 3 1219.698 406.566 1.203 0.308 ภายในกลมุ 396 133821.812 337.934 399 135041.510 รวม สมมติฐานที่ 6 นักศึกษาที่ศึกษาคณะกําลังศึกษาแตกตางกันจะมีทัศนะตอบทบาทของครู ดานผนู ําทางคณุ ธรรมจริยธรรมแตกตางกัน ผลการวิเคราะหการเปรียบเทียบ บทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรมในทัศนะ ของนักศึกษาระดับอุดมศึกษาของกลุมตัวอยางที่มีคณะที่กําลังศึกษาแตกตางกัน แบงออกเปน 9 กลุม คือ คณะวิทยาศาสตร, คณะบริหารธุรกิจ, คณะการบัญชี, คณะครุศาสตร, คณะรัฐศาสตรและ รัฐประศาสนศาสตร, คณะศิลปศาสตร, คณะนิติศาสตร, คณะวิศวกรรมศาสตร, เภสัชศาสตร มี คา เฉลีย่ เทากับ 3.94, 3.85, 3.86, 3.91, 3.86, 3.88, 3.85, 3.86, 3.91 ตามลําดับ (ตารางท่ี 4.18) วิเคราะหความแตกตางของคาเฉล่ีย โดยใชสถิติ F-test ไดคา Sig. = 0.01 แสดงวาคณะท่ี กําลังศึกษาแตกตางกันมีทัศนะตอบทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรมที่แตกตางกัน อยา งมีนยั สําคญั ทางสถิตทิ ีร่ ะดบั 0.05 จงึ ยอมรับสมมติฐานท่ี 6 (ตารางที่ 4.19) เมื่อทดสอบความแตกตางของคาเฉลี่ยรายคู โดยวิธี Scheffe’ พบวา กลุมตัวอยางท่ีกําลัง ศึกษาในคณะวิศวกรรมศาสตร มีทัศนะตอบทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรมแตกตาง จากกลุมผูทกี่ ําลงั ศึกษาในคณะวทิ ยาศาสตร คณะครุศาสตร คณะรฐั ศาสตรและรัฐประศาสนศาสตร (ตารางที่ 4.20)

126 ตารางที่ 4.18 ทัศนะของนักศึกษาตอบทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรม จําแนกตาม คณะท่ีกําลังศกึ ษา คณะท่กี าํ ลังศึกษา จาํ นวน X SD คณะวทิ ยาศาสตร 31 0.84 คณะบรหิ ารธรุ กจิ 83 3.94 0.73 คณะการบัญชี 56 3.85 0.72 คณะครศุ าสตร 43 3.86 0.75 คณะรฐั ศาสตรแ ละรัฐประศาสนศาสตร 39 3.91 0.78 คณะศิลปศาสตร 51 3.86 0.77 คณะนติ ิศาสตร 40 3.88 0.74 คณะวิศวกรรมศาสตร 32 3.85 0.86 คณะเภสัชศาสตร 27 3.86 0.83 3.91 รวม 400 0.78 3.88 ตารางท่ี 4.19 ผลการวเิ คราะหค วามแปรปรวน เพอ่ื หาความแตกตา งทัศนะของนกั ศึกษาตอ บทบาท ของครูดานผูนาํ ทางคุณธรรมจริยธรรม จําแนกตามคณะทกี่ าํ ลงั ศึกษา ความแปรปรวน DF SS MS F Sig. ระหวางกลมุ 8 13107.682 1638.460 5.254 .000 ภายในกลุม 391 121933.828 311.851 399 135041.510 รวม

127 ตารางท่ี 4.20 การทดสอบความแตกตางรายคูดวยวิธีการ Scheffe’ ทัศนะของนักศึกษาตอบทบาท ของครูดานผนู าํ ทางคณุ ธรรมจริยธรรม จาํ แนกตามคณะที่กาํ ลงั ศกึ ษา คณะท่กี ําลงั ศึกษา 1 2 3 4 5 6 7 89 1. คณะวทิ ยาศาสตร 2. คณะบรหิ ารธรุ กจิ 3. คณะการบัญชี 4. คณะครุศาสตร * 5. คณะรฐั ศาสตรและรฐั ประศาสนศาสตร * 6. คณะศลิ ปศาสตร 7. คณะนติ ศิ าสตร 8. คณะวิศวกรรมศาสตร * 9. คณะเภสัชศาสตร สมมติฐานที่ 7 นักศึกษาที่อยูสถาบันการศึกษาที่แตกตางกันจะมีทัศนะตอบทบาทของครู ดานผูนาํ ทางคณุ ธรรมจริยธรรมแตกตา งกนั ผลการวิเคราะหการเปรียบเทียบ บทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรมในทัศนะ ของนักศึกษาระดับอุดมศึกษาของกลุมตัวอยางท่ีมี สถาบันการศึกษาท่ีแตกตางกัน แบงออกเปน 4 กลุม คือ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี, มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี, มหาวิทยาลัยราชธานี, มหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีสเทิรน มีคาเฉลี่ยเทากับ 3.90, 3.85, 3.88,3.89 ตามลําดับ (ตารางท่ี 4.21) วิเคราะหความแตกตางของคาเฉล่ีย โดยใชสถิติ F-test ไดคา Sig. = 0.000 แสดงวาสถาบัน ที่กําลังศึกษาแตกตางกันมีทัศนะตอบทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรมท่ีแตกตางกัน อยา งมนี ยั สําคัญทางสถิตทิ ี่ระดับ 0.05 จึงยอมสมมตฐิ านท่ี 7 (ตารางท่ี 4.22) เมื่อทดสอบความแตกตางของคาเฉลี่ยรายคู โดยวิธี Scheffe’ พบวา กลุมตัวอยางท่ีกําลัง ศึกษาอยูในมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี มีทัศนะตอบทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรม แตกตางจากกลุมผูที่ศึกษาอยูในมหาวิทยาลัยราชธานี มหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีส เทริ น และกลมุ ตัวอยางท่ีกําลังศึกษาอยูในมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี มีทัศนะตอบทบาทของ ครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรมแตกตางจากกลุมผูท่ีศึกษาอยูในมหาวิทยาลัยราชธานี มหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยอี ีสเทริ น (ตารางที่ 4.23)

128 ตารางท่ี 4.21 ทัศนะของนักศึกษาตอบทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรม จําแนกตาม สถาบนั การศึกษา สถาบันการศกึ ษาทีก่ าํ ลังศึกษา จํานวน X SD มหาวทิ ยาลยั อบุ ลราชธานี 100 3.90 0.82 มหาวิทยาลัยราชภฏั อบุ ลราชธานี 100 3.85 0.73 มหาวิทยาลยั ราชธานี 100 3.88 0.84 มหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอสี เทริ น 100 3.89 0.79 รวม 400 3.88 0.78 ตารางท่ี 4.22 ผลการวเิ คราะหค วามแปรปรวน เพื่อหาความแตกตา งทัศนะของนกั ศกึ ษาตอ บทบาท ของครดู า นผนู ําทางคุณธรรมจรยิ ธรรม จําแนกตามสถาบนั การศกึ ษา ความแปรปรวน DF SS MS F Sig. ระหวางกลุม 3 20113.210 6704.403 23.101 0.000 ภายในกลมุ 396 114928.300 290.223 399 286.377 รวม ตารางท่ี 4.23 การทดสอบความแตกตา งรายคดู ว ยวธิ ีการ Scheffe’ ทศั นะของนักศึกษาตอ บทบาท ของครูดานผนู าํ ทางคณุ ธรรมจรยิ ธรรม จาํ แนกตามสถาบันการศกึ ษา สถาบันการศกึ ษา 1 234 1. มหาวทิ ยาลยั อบุ ลราชธานี 2. มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ** 3. มหาวทิ ยาลยั ราชธานี ** 4. มหาวทิ ยาลยั การจัดการและเทคโนโลยีอสี เทริ น สมมติฐานที่ 8 นักศึกษาท่ีมีภูมิลําเนาท่ีแตกตางกันจะมีทัศนะตอบทบาทของครูดานผูนํา ทางคณุ ธรรมจริยธรรมแตกตา งกนั

129 ผลการวิเคราะหการเปรียบเทียบ บทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรมในทัศนะ ของนักศึกษาระดับอุดมศึกษาของกลุมตัวอยางท่ีมีภูมิลําเนาท่ีแตกตางกัน แบงออกเปน 3 กลุม คือ จังหวัดอุบลราชธานี, จังหวัดศรีสะเกษ, จังหวัดอํานาจเจริญ/ ยโสธร/ มุกดาหาร/ อ่ืนๆ มีคาเฉล่ีย เทา กับ 3.93, 3.90, 3.81, ตามลําดับ (ตารางที่ 4.24) วิเคราะหความแตกตางของคาเฉล่ีย โดยใชสถิติ F-test ไดคา Sig. = 0.114 แสดงวา ภูมิลําเนาแตกตางกันมีทัศนะตอบทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรมที่แตกตางกัน อยาง ไมม ีนยั สําคญั ทางสถิติทร่ี ะดับ 0.05 จงึ ปฏิเสธสมมติฐานท่ี 9 (ตารางที่ 4.25) ตารางที่ 4.24 ทัศนะของนักศึกษาตอบทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรม จําแนกตาม ภูมลิ ําเนา ภมู ลิ ําเนา จาํ นวน X SD จังหวดั อุบลราชธานี 162 3.93 0.85 จังหวดั ศรีสะเกษ 102 3.90 0.69 จงั หวดั อํานาจเจริญ/ ยโสธร/ มกุ ดาหาร/ อ่นื ๆ 136 3.81 0.84 รวม 400 3.88 0.78 ตารางท่ี 4.25 ผลการวิเคราะหความแปรปรวน เพ่ือหาความแตกตางทัศนะของนักศึกษาตอ บทบาทของครูดา นผูน ําทางคุณธรรมจริยธรรม จาํ แนกตามภมู ิลําเนา ความแปรปรวน DF SS MS F Sig. ระหวางกลุม 5 2996.181 599.236 1.788 0.114 ภายในกลมุ 394 132045.329 335.140 399 135041.510 รวม สมมติฐานที่ 9 นักศึกษาที่มีระดับการศึกษาของบิดาที่แตกตางกันจะมีทัศนะตอบทบาท ของครดู านผูนาํ ทางคณุ ธรรมจริยธรรมแตกตา งกัน ผลการวิเคราะหการเปรียบเทียบ บทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรมในทัศนะ ของนักศึกษาระดับอุดมศึกษาของกลุมตัวอยางท่ีมีระดับการศึกษาของบิดาที่แตกตางกัน แบง

130 ออกเปน 4 กลุม คือ ประถมศึกษา, มัธยมศึกษาตอนตน, มัธยมศึกษาตอนปลาย/ อนุปริญญา, ปรญิ ญาตรี/ อ่นื ๆ, มคี า เฉลยี่ เทา กบั 3.93, 3.77, 3.81, 3.72, 4.04 ตามลําดบั (ตารางที่ 4.26) วิเคราะหความแตกตางของคาเฉล่ีย โดยใชสถิติ F-test ไดคา Sig. = 0.186 แสดงวาระดับ การศึกษาของบิดาแตกตางกันมีทัศนะตอบทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรมที่แตกตาง กัน อยา งไมม นี ยั สําคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จึงปฏิเสธสมมติฐานที่ 10 (ตารางท่ี 4.27) ตารางท่ี 4.26 ทัศนะของนักศึกษาตอบทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรม จําแนกตาม ระดบั การศึกษาของบดิ า ระดับการศึกษาของบดิ า จาํ นวน X SD ประถมศกึ ษา 121 3.93 0.73 มัธยมศึกษาตอนตน 106 3.77 0.75 มัธยมศึกษาตอนปลาย/อนุปริญญา 74 3.81 0.84 ปรญิ ญาตรี/อนื่ ๆ 99 4.04 0.81 รวม 400 3.88 0.78 ตารางที่ 4.27 ผลการวเิ คราะหความแปรปรวนเพื่อหาความแตกตางทศั นะของนกั ศึกษาตอ บทบาท ของครดู านผูน ําทางคณุ ธรรมจริยธรรม จําแนกตามระดบั การศึกษาของบดิ า ความแปรปรวน DF SS MS F Sig. ระหวางกลุม 5 2535.517 507.103 1.508 0.186 ภายในกลมุ 394 132505.993 336.310 รวม 399 135041.510 สมมติฐานที่ 10 นักศึกษาท่ีมีระดับการศึกษาของมารดาท่ีแตกตางกันจะมีทัศนะตอ บทบาทของครูดา นผูนําทางคณุ ธรรมจรยิ ธรรมแตกตา งกนั ผลการวิเคราะหการเปรียบเทียบ บทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรมในทัศนะ ของนักศึกษาระดับอุดมศึกษาของกลุมตัวอยางท่ีมีระดับการศึกษาของมารดาท่ีแตกตางกัน แบง ออกเปน 3 กลุม คือ ไมไดศึกษา/ประถมศึกษา, มัธยมศึกษาตอนตน/ตอนปลาย, อนุปริญญา/ ปรญิ ญาตร/ี อื่นๆ, มีคาเฉลีย่ เทากบั 3.96, 3.82, 3.86 ตามลาํ ดบั (ตารางท่ี 4.28)

131 วิเคราะหความแตกตางของคาเฉลี่ย โดยใชสถิติ F-test ไดคา Sig. = 0.352 แสดงวาระดับ การศึกษาของมารดาแตกตางกันมีทัศนะตอบทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรมท่ี แตกตา งกนั อยางไมม ีนยั สําคัญทางสถิติที่ระดบั 0.05 จึงปฏเิ สธสมมติฐานท่ี 10 (ตารางท่ี 4.29) ตารางที่ 4.28 ทัศนะของนักศึกษาตอบทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรม จําแนกตาม ระดบั การศกึ ษาของมารดา ระดบั การศึกษาของมารดา จํานวน X SD ไมไดศ ึกษา/ประถมศึกษา 158 3.96 0.69 มธั ยมศกึ ษาตอนตน/ ตอนปลาย 144 3.82 0.85 อนุปรญิ ญา/ปริญญาตรี/ อน่ื ๆ 98 3.86 0.80 รวม 400 3.88 0.78 ตารางที่ 4.29 ผลการวิเคราะหค วามแปรปรวน เพื่อหาความแตกตางทศั นะของนักศึกษาตอ บทบาท ของครดู านผนู ําทางคณุ ธรรมจริยธรรม จําแนกตามระดับการศกึ ษาของมารดา ความแปรปรวน DF SS MS F Sig. ระหวางกลุม 6 2263.680 377.280 1.117 0.352 ภายในกลมุ 393 132777.830 337.857 399 135041.510 รวม สมมติฐานท่ี 11 นักศึกษาที่มีอาชีพของบิดาท่ีแตกตางกันจะมีทัศนะตอบทบาทของครู ดา นผนู าํ ทางคุณธรรมจริยธรรมแตกตา งกนั ผลการวิเคราะหการเปรียบเทียบ บทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรมในทัศนะ ของนักศึกษาระดับอุดมศึกษาของกลุมตัวอยางท่ีมีอาชีพของบิดาที่แตกตางกัน แบงออกเปน 4 กลุม คือ ขาราชการ/ พนักงานองคกรของรัฐ/ รัฐวิสาหกิจ, พนักงานองคกรเอกชน/ ธุรกิจสวนตัว, เกษตรกร, คาขาย/อื่นๆ, มคี า เฉล่ยี เทา กับ 4.09, 3.70, 3.88, 3.85 ตามลําดับ (ตารางท่ี 4.30) วิเคราะหความแตกตางของคาเฉลี่ย โดยใชสถิติ F-test ไดคา Sig. = 0.016 แสดงวาอาชีพ ของบดิ าแตกตา งกนั มที ัศนะตอบทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรมที่แตกตางกัน อยางมี นยั สําคญั ทางสถิตทิ ีร่ ะดับ 0.05 จงึ ยอมสมมตฐิ านที่ 11 (ตารางที่ 4.31)

132 เมื่อทดสอบความแตกตางของคาเฉลี่ยรายคู โดยวิธี Scheffe’ พบวา กลุมตัวอยางท่ีมีบิดา ประกอบอาชีพขาราชการ มีทัศนะตอบทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรมแตกตางจาก กลุมผูท่ีมีบดิ าประกอบอาชีพพนักงานองคกรเอกชน/ธุรกจิ สว นตวั (ตารางท่ี 4.32) ตารางท่ี 4.30 ทัศนะของนักศึกษาตอบทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรม จําแนกตาม อาชพี ของบดิ า อาชพี ของบิดา จํานวน X SD ขา ราชการ/พนกั งานองคก รของรัฐ/ รัฐวสิ าหกิจ 96 4.09 0.78 พนักงานองคก รเอกชน/ธุรกิจสว นตวั 67 3.70 0.81 เกษตรกร 174 3.88 0.76 คา ขาย/อืน่ ๆ 63 3.85 0.77 รวม 400 3.88 0.78 ตารางที่ 4.31 ผลการวิเคราะหค วามแปรปรวน เพอื่ หาความแตกตา งทศั นะของนักศึกษาตอบทบาท ของครูดา นผูนําทางคณุ ธรรมจรยิ ธรรม จําแนกตามอาชพี ของบดิ า ความแปรปรวน DF SS MS F Sig. ระหวางกลมุ 6 5256.159 876.027 2.653 0.016 ภายในกลุม 393 129785.351 330.243 399 135041.510 รวม ตารางที่ 4.32 การทดสอบความแตกตางรายคูดวยวิธีการ Scheffe’ ทัศนะของนักศึกษาตอบทบาท ของครดู านผนู ําทางคุณธรรมจรยิ ธรรม จําแนกตามอาชพี ของบดิ า อาชีพของบิดา 1 234 1. ขาราชการ/ พนกั งานองคกรของรัฐ/ รฐั วิสาหกจิ * 2. พนักงานองคก รเอกชน/ ธรุ กจิ สวนตวั 3. เกษตรกร 4. คา ขาย/ อ่นื ๆ

133 สมมติฐานที่ 12 นักศึกษาท่ีมีอาชีพของมารดาท่ีแตกตางกันจะมีทัศนะตอบทบาทของครู ดานผนู าํ ทางคณุ ธรรมจริยธรรมแตกตา งกนั ผลการวิเคราะหการเปรียบเทียบ บทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรมในทัศนะ ของนักศึกษาระดับอุดมศึกษาของกลุมตัวอยางท่ีมีอาชีพของมารดาที่แตกตางกัน แบงออกเปน 4 กลุม คือ ขาราชการ/ พนักงานองคกรของรัฐ/ รัฐวิสาหกิจ, พนักงานองคกรเอกชน/ ธุรกิจสวนตัว, เกษตรกร, คา ขาย/ อืน่ ๆ, มีคา เฉลีย่ เทากับ 3.97, 3.85, 3.84, 3.87 ตามลําดับ (ตารางท่ี 4.33) วิเคราะหความแตกตางของคาเฉลี่ย โดยใชสถิติ F-test ไดคา Sig. = 0.028 แสดงวาระดับ การศึกษาของมารดาแตกตางกันมีทัศนะตอบทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรมท่ี แตกตางกนั อยา งมนี ัยสาํ คญั ทางสถติ ิท่รี ะดับ 0.05 จึงยอมรบั สมมตฐิ านท่ี 12 (ตารางที่ 4.34) เมื่อทดสอบความแตกตางของคาเฉลี่ยรายคู โดยวิธี Scheffe’ พบวา กลุมตัวอยางที่มีมารดา ประกอบอาชีพขาราชการ มีทัศนะตอบทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรมแตกตางจาก กลุมผทู มี่ มี ารดาประกอบอาชพี พนักงานองคกรเอกชน/ธรุ กจิ สว นตวั (ตารางท่ี 4.35) ตารางที่ 4.33 ทัศนะของนักศึกษาตอบทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรม จําแนกตาม อาชพี ของมารดา อาชพี ของมารดา จํานวน X SD ขา ราชการ/พนกั งานองคก รของรัฐ/ รฐั วสิ าหกจิ 59 3.97 0.78 พนกั งานองคก รเอกชน/ธุรกิจสวนตวั 80 3.85 0.78 เกษตรกร 181 3.84 0.80 คา ขาย/อ่ืนๆ 80 3.87 0.76 รวม 400 3.88 0.78 ตารางที่ 4.34 ผลการวิเคราะหค วามแปรปรวน เพื่อหาความแตกตางทศั นะของนกั ศกึ ษาตอบทบาท ของครดู า นผนู าํ ทางคณุ ธรรมจรยิ ธรรม จาํ แนกตามอาชีพของมารดา ความแปรปรวน DF SS MS F Sig. ระหวางกลุม 6 4766.328 794.388 2.396 0.028 ภายในกลมุ 393 130275.182 331.489 399 135041.510 รวม

134 ตารางท่ี 4.35 การทดสอบความแตกตางรายคูดวยวิธีการ Scheffe’ ทัศนะของนักศึกษาตอบทบาท ของครูดานผนู าํ ทางคุณธรรมจริยธรรม จําแนกตามอาชีพของมารดา อาชีพของมารดา 1 234 1. ขา ราชการ/ พนกั งานองคกรของรฐั / รฐั วสิ าหกิจ * 2. พนกั งานองคกรเอกชน/ ธรุ กิจสว นตวั 3. เกษตรกร 4. คา ขาย/ อื่นๆ สมมตฐิ านท่ี 13 นักศึกษาที่มีรายไดของบิดาท่ีแตกตางกันจะมีทัศนะตอบทบาทของครู ดา นผูน ําทางคณุ ธรรมจรยิ ธรรมแตกตา งกัน ผลการวิเคราะหการเปรียบเทียบ บทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรมในทัศนะ ของนกั ศึกษาระดบั อุดมศกึ ษาของกลมุ ตัวอยา งท่ีมีรายไดข องบิดาท่ีแตกตางกนั แบงออกเปน 3 กลุม คอื ตํ่ากวา 5,000, 5,001-15,000, 15,001 ข้ึนไป, มคี า เฉล่ยี เทากับ 3.87, 3.92,3.85, ตามลําดบั (ตารางที่ 4.36) วิเคราะหความแตกตางของคาเฉล่ีย โดยใชสถิติ F-test ไดคา Sig. = 0.183 แสดงวาระดับ รายไดของบิดาแตกตางกันมีทัศนะตอบทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรมท่ีแตกตางกัน อยา งไมม ีนยั สาํ คญั ทางสถิตทิ ่ีระดบั 0.05 จึงปฏเิ สธสมมติฐานท่ี 13 (ตารางที่ 4.37) ตารางที่ 4.36 ทัศนะของนักศึกษาตอบทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรม จําแนกตาม รายไดของบิดาตอ เดือน รายไดข องบดิ าตอเดือน จาํ นวน X SD ต่ํากวา 5,000 176 3.87 0.68 5,001-15,000 91 3.92 0.80 15,001 ขน้ึ ไป 133 3.85 0.86 รวม 400 3.88 0.78

135 ตารางที่ 4.37 ผลการวเิ คราะหความแปรปรวน เพือ่ หาความแตกตางทศั นะของนักศึกษาตอ บทบาท ของครดู านผนู าํ ทางคณุ ธรรมจรยิ ธรรม จาํ แนกตามรายไดข องบดิ าตอเดอื น ความแปรปรวน DF SS MS F Sig. ระหวางกลมุ 6 2989.513 498.252 1.483 0.183 ภายในกลมุ 393 132051.997 336.010 399 135041.510 รวม สมมติฐานท่ี 14 นกั ศึกษาทีม่ ีรายไดข องมารดาท่แี ตกตางกนั จะมที ัศนะตอ บทบาทของครู ดา นผนู าํ ทางคณุ ธรรมจริยธรรมแตกตางกนั ผลการวิเคราะหการเปรียบเทียบ บทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรมในทัศนะ ของนักศึกษาระดับอุดมศึกษาของกลุมตัวอยางท่ีมีรายไดของมารดาท่ีแตกตางกัน แบงออกเปน 3 กลุม คือ ต่ํากวา 5,000, 5,001-15,000, 15,001 ข้ึนไป มีคาเฉลี่ยเทากับ 3.89, 3.89, 3.86 ตามลําดับ (ตารางท่ี 4.38) วิเคราะหความแตกตางของคาเฉลี่ย โดยใชสถิติ F-test ไดคา Sig. = 0.310 แสดงวาระดับ รายไดของมารดาแตกตางกันมีทัศนะตอบทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรมที่แตกตาง กนั อยางไมม นี ัยสําคญั ทางสถติ ทิ ีร่ ะดับ 0.05 จงึ ปฏเิ สธสมมติฐานที่ 14 (ตารางท่ี 4.39) ตารางท่ี 4.38 ทัศนะของนักศึกษาตอบทบาทของครูดานผูนําทางคุณธรรมจริยธรรม จําแนกตาม รายไดข องมารดาตอ เดอื น รายไดข องมารดาตอเดอื น จาํ นวน X SD ต่ํากวา 5,000 182 3.89 0.73 5,001-15,000 118 3.89 0.82 15,001 ข้นึ ไป 100 3.86 0.79 รวม 400 3.88 0.78


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook