วิชาครทู หาร * ข้อใดเปน็ เหตุผล และความจาเป็นทตี่ อ้ งศกึ ษาวชิ าครูทหาร ตอบ เพ่ือความเจรญิ ก้าวหน้าในการรับราชการ * การจะเป็นครูทด่ี แี ละประสบความสาเรจ็ นัน้ จะต้องมีคุณลกั ษณะอย่างไร สาคญั ทสี่ ุด ตอบ มคี วามรูใ้ นบทเรยี นทส่ี อนและมีเทคนิคการสอนดี * ลักษณะของครทู ด่ี ีประการหนง่ึ คอื จะต้องมวี ญิ ญาณครู คาวา่ “วญิ ญาณคร”ู นนั้ มคี วามหมาย ตรงกับของ ใด ตอบ มีจิตรักการสอน และ พอใจในอาชพี ครู * หลักการสอนทว่ี า่ ดว้ ย “บอกความมุง่ หมาย” จะนามาใชใ้ นขน้ั ตอนใดขณะทาการสอน ตอบ ขนั้ ตอนการกลา่ วนา * ขอ้ ใดกลา่ วถูกต้องทสี่ ดุ เกยี่ วกับการพูดของครู ตอบ พดู เชน่ เดยี วกบั การพดู สนทนา * ผู้ท่ที าหน้าทีค่ รูจาเปน็ อย่างยง่ิ ทีจ่ ะตอ้ งเปน็ ผทู้ ่ีมคี วามรูใ้ นเรือ่ งที่สอน มเี ทคนคิ การสอนที่ดี และ ท่ีสาคัญคือ จะต้องมศี ลิ ปะในการพดู ที่ดดี ว้ ย ดงั นัน้ การพูดจึงเป็นการสรา้ งสมั ผสั ทีด่ รี ะหว่างครู กับนักเรียน อยากทราบว่า “การสร้างสัมผัสระหวา่ งครูกับนกั เรยี น” ตรงกับข้อใด ตอบ เตรยี มการกลา่ วนามาเปน็ อยา่ งดี * ในการเตรยี มการสอนบทเรยี นเรือ่ งใดนัน้ ส่งิ แรกทีค่ รูจะต้องนามาพิจารณา คืออะไร ตอบ ความมุ่งหมายของบทเรยี น * เปา้ หมายหรอื แนวทางซง่ึ ผู้บังคบั บัญชาไดน้ ามาใช้ในการวางแผน ที่เนน้ ผลการปฏิบตั ิจะเรมิ่ ตน้ และจบลง ทใ่ี ด ตอบ วตั ถปุ ระสงค์ในการฝึก * หลงั จากทาแผนการสอนเรยี บรอ้ ยแล้ว ขน้ั ตอนตอ่ ไปจะต้องทาอะไรกอ่ นทาการสอน ตอบ ต้องมกี ารตรวจสอบครง้ั สดุ ทา้ ย * หน้าท่แี ละความรบั ผิดชอบเก่ียวกบั เรื่องการฝกึ น้ัน ผู้อานวยการฝึก คอื ผ้ทู ร่ี บั ผดิ ชอบในเร่อื ง ก า ร วางแผนการฝึก , การจดั ระเบียบการฝกึ , การดาเนินการฝกึ และการประเมินผลการฝกึ ส่วนผู้ฝึกหรือครฝู ึก มีหน้าทแ่ี ตกตา่ งจากผู้อานวยการฝกึ ในเร่อื งอะไร ตอบ การเตรยี มการฝึก วชิ า ผู้นาทางทหาร * ข้อใดเป็นวัตถุประสงคส์ ุดทา้ ยของความเป็นผูน้ าทางทหาร ตอบ การปฏบิ ตั ิภารกจิ ให้สาเร็จลุลว่ งไปดว้ ยดีโดยสน้ิ เปลอื งเครือ่ งมอื และเวลานอ้ ยที่สดุ * ขอ้ ใดมคี วามหมายตรงกบั คาวา่ “วินยั ” ตอบ ทศั นคติของบคุ คลหรือกล่มุ ของบคุ คลทพ่ี ร้อมจะเชือ่ ฟงั คาสั่งในทันที และมคี วามริเรม่ิ ท่ี จะปฏิบตั ิในกรณที ี่ไมไ่ ดร้ ับคาส่งั * คาวา่ “สมรรถภาพ” มคี วามหมายตรงกับขอ้ ความใด ตอบ ขีดความสามารถของบุคคลและของหน่วยทัง้ ในทางเทคนคิ ทางยุทธวิธี และทาง ร่างกาย
* บคุ ลิกลกั ษณะของบุคคลย่อมจะไมเ่ หมอื นกนั จะเปล่ยี นแปลงไปไดท้ กุ เวลา ปัจจยั ต่างๆ ท่จี ะ ก่อให้เกิ ด บคุ ลิกลักษณะมอี ะไรบ้าง ตอบ กรรมพันธ์ุ , ส่งิ แวดล้อม , ประสบการณ์ * ความต้องการข้นั มูลฐานของมนุษยม์ อี ะไรบ้าง ตอบ ความตอ้ งการทางกาย ความต้องการอนั เกิดจากการเรยี นรู้ * ความตอ้ งการอันเกิดจากการเรยี นรทู้ ีส่ าคญั มอี ะไรบา้ ง ตอบ :ความปลอดภัย ความยินยอมของสงั คม การยอมรบั นบั ถอื * “ความจงรกั ภักดี” มีความหมายตรงกับขอ้ ใด ตอบ เปน็ คณุ สมบัตขิ องความซอ่ื สัตย์ที่มีตอ่ ประเทศชาติ กองทพั บก หน่วยของตน ผ้อู าวโุ ส ผ้ใู ต้บังคบั บัญชา มติ รสหาย * ผู้นาที่ไม่หาความสะดวกสบาย และความก้าวหน้าให้กับตนเองจากความเดือดร้อนของผู้อื่นเป็น คุณลักษณะของผูน้ าขอ้ ใด ตอบ ความไม่เหน็ แก่ตวั * ในขณะที่กาลงั เผชญิ หน้าอยู่ในภาวะคับขนั และอนั ตราย แตส่ ามารถควบคมุ จิตใจตนเองให้ ปฏิบัติงานต่อไปได้ อยา่ งไม่สะทกสะทา้ น ผ้นู าเรอ่ื งนนั้ มีคุณลักษณะผู้นาเรอ่ื งใด ตอบ ความกล้าหาญ * ผ้ใู ตบ้ งั คับบญั ชาของทา่ นคนหนง่ึ ปฏบิ ตั ิงานตามหน้าทีไ่ ด้อยา่ งถกู ต้อง และไดร้ บั ความไวว้ างใจ ต ล อ ด ม า ท่านวา่ ผ้ใู ตบ้ ังคบั บญั ชาของทา่ นคนน้นั มคี ณุ ลกั ษณะผู้นาเร่อื งใด ตอบ ความเปน็ ผเู้ ช่ือถือได้ วิชา การอา่ นแผนที่ * ทิศทางหลงั เปน็ ทิศทางทใ่ี ช้เปน็ แนวเริม่ ต้นในการวัด มี ๓ ชนิด ได้แก่ ทศิ เหนอื จรงิ (รปู ดาว), ทิ ศ เ ห นื อ กรดิ (อกั ษรGN) และทศิ เหนอื แม่เหนือแม่เหล็ก(หวั ลูกศรผา่ ซกี ) อยากทราบว่าทิศเหนอื จริง ใช้รูปดาวอะไร ตอบ ดาวเหนือ * ทีห่ น้าปดั เข็มทศิ เปน็ แผน่ ใสลอยตัวอยบู่ นแกน และหมุนไปมาได้ ซง่ึ มีมาตราวดั มมุ ภาค ทิ ศ เ ห นื อ อยู่ ๒ ชนดิ อยากทราบวา่ ท่มี าตราวดั มมุ เปน็ องศา มีคา่ ตัวเลขเขียนกากับไวช้ ว่ งละ เท่าไร ตอบ ๒๐ องศา * เสน้ ช้ันความสูงทีเ่ ขยี นดว้ ยเส้นประทั้งเสน้ มที ัง้ หลักและรองเขียนแสดงพ้นื ท่ีบรเิ วณท่ีได้ขอ้ มลู จ า ก ภาพถ่ายทางอากาศไม่สมบรณู ห์ รอื บรเิ วณท่ีบนิ ถา่ ยภาพทางอากาศไม่ได้ เปน็ ความหมาย ของเส้นช้ันความ สงู อะไร ตอบ เสน้ ชั้นความสงู โดยประมาณ * การกาหนดจุดทอี่ ยู่ ขอ้ ใดกล่าวถกู ต้อง ตอบ การกาหนดจุดทอี่ ย่ขู องตนเอง และการกาหนดจุดทอี่ ย่ขู องท่ีหมาย * แผนท่ีท่มี ีใช้อยใู่ นกองทพั บก ซึ่งอยู่ใน อจย. ของหน่วย อยากทราบ ว่าหนว่ ยใดเปน็ ผรู้ บั ผดิ ชอบ ตอบ กองบญั ชาการกองทัพไทย * การกาหนดจดุ ทห่ี มายลงบนแผนท่โี ดยวธิ โี ปลา่ เป็นวิธที เี่ หมาะอะไร ตอบ หน่วยขนาดเลก็ ท่ีปฏิบัตกิ ารในสนาม * จากโครงการรว่ มมอื กนั ระหวา่ งประเทศไทย กบั ประเทศสหรัฐอเมรกิ า ทาให้ประเทศไทยได้มี แ ผ น ท่ี ภู มิ ประเทศชดุ แรกใช้ โดยกรมแผนที่ทหารเป็นผ้รู ับผดิ ชอบ อยากทราบว่า กรมแผนท่ี ทหารสงั กดั อยหู่ นว่ ยงานใด ตอบ กองบัญชาการกองทพั ไทย
* ทาการแบ่งโลกออกเปน็ พ้ืนที่กว้าง ๖ องศา ตะวันตก – ตะวนั ออก และยาว ๘ องศาเหนอื – ใต้ จากน้ัน กาหนดด้วย “เลขและอกั ษร” เรยี กวา่ อะไร ตอบ เลขอกั ษรประจากรดิ โซน * การอ้างกรดิ ทางทหาร (อ่านพกิ ดั กริด) ท่ีถกู ต้อง อย่างนอ้ ยต้องประกอบดว้ ยอะไรบา้ ง ตอบ อกั ษรประจาจตั ุรัส ๑๐๐,๐๐๐ เมตร และเลขพิกัดที่ต้องการ * ครอบหนา้ ปดั เข็มทิศ ประกอบดว้ ยอะไรบ้าง ตอบ กระจกท่ีมขี ีดพรายน้า กับวงแหวนมีรอ่ งอยู่ ๑๒๐ รอ่ ง * การวดั มุมภาคทศิ เหนือ ดว้ ยวิธจี บั เพื่อยกข้ึนเลง็ มวี ิธกี ารปฏิบตั ิอยา่ งไร ตอบ ยกเขม็ ทศิ ใหอ้ ยใู่ นระดบั สายตา เล็งผ่านช่องเล็งหลังตรงไปยงั เสน้ หนา้ และทีห่ มาย วชิ า การปรนนิบตั บิ ารุงยานยนต์ * ขอ้ ใดกลา่ วถกู ต้องแลว้ ตอบ การ ปบ.ข้นั ๑ เปน็ การตรวจสภาพทว่ั ไปเพอ่ื ใหท้ ราบขอ้ บกพรอ่ งของยทุ โธปกรณ์ * ผบช.มงุ่ หวังในการปบ. ในหนา้ ทพี่ ลขับ (ขนั้ ท่ี๑) นัน้ เพ่อื ประสงคอ์ ะไร ตอบ เพ่อื รกั ษายทุ โธปกรณ์และเพอื่ ใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพ * การปรนนิบตั ิบารงุ ของช่างประจาหน่วยผใู้ ดเปน็ ผูช้ ว่ ยชา่ งในการปบ. ตอบ พลขับ * สาเหตุใดจึงตอ้ งทาการปรนนิบัตบิ ารงุ ขน้ั ๑ก่อน ตอบ เพื่อใหร้ ู้สาเหตแุ หง่ การชารดุ แลว้ ดาเนนิ การแกไ้ ข * การเติมลมยางเตมิ น้าในหมอ้ นา้ ทาความสะอาดเป็นการกระทาอะไร ตอบ การปรนนิบตั บิ ารุง วิชา คณุ ลกั ษณะยานยนตท์ หาร * ขอ้ ใดต่อไปนค้ี ือ “ ระยะสูงพน้ พน้ื ” ของรถ ตอบ ระยะระหวา่ งระดับพน้ื ดนิ กับจุดที่ต่าทส่ี ดุ ใตท้ ้องรถ * นา้ หนกั ทงั้ หมดของรถท่ีตดิ ตั้งยทุ โธปกรณพ์ ร้อมด้วยเตมิ นา้ มันเชอื้ เพลงิ น้า น้ามันหลอ่ ลืน่ แตไ่ ม่ มี พ ล ประจารถคือความหมายของคาวา่ อะไร ตอบ น้าหนกั ทัง้ หมด * การแบ่งประเภทของยานยนต์ตามลกั ษณะการใช้งาน จะแบ่งได้กปี่ ระเภท อะไรบา้ ง ตอบ ๒ ประเภท ๑. ยานยนต์ธรุ การ ๒. ยานยนตย์ ทุ ธวธิ ี * ระยะปฏบิ ัติการ หมายความวา่ อยา่ งไร ตอบ ระยะทางทย่ี านยนตส์ ามารถทางานไดภ้ ายในนา้ มันเชอ้ื เพลิงเต็มถงั * รถกู้ ๕ ตัน จัดอยู่ในยานยนต์แบบใด ตอบ ยานยนต์ตดิ ตั้งอุปกรณพ์ เิ ศษ
วชิ ายทุ ธวิธี บคุ คลทาการรบและยทุ ธวธิ ขี น้ั พนื้ ฐาน * การกาหนดระยะเป้าหมายอาจจะเปน็ กลุ่มทหาร ยานพาหนะ ยทุ โธปกรณ์ อาคารโรงเรอื น ด้วย สายตาหรือ ยุทโธปกรณ์ โดยมีความคลาดเคลอื่ นไมเ่ กินก่ีเปอรเ์ ซน็ ต์ ตอบ ๒๐ % * ระเบียบการนาหนว่ ยข้นั ที่ 1 การรบั ภารกิจ สามารถรบั ได้ในลักษณะใดบา้ ง ตอบ 1. คาส่ังเตรยี ม 2. คาสง่ั ยุทธการ 3. คาสง่ั เป็นส่วนๆ * คาสงั่ ยทุ ธการจะกล่าวถึงภารกจิ ของหน่วย กลา่ วถึงการปฏบิ ัตอิ ย่างย่อที่จะให้หนว่ ยปฏบิ ัติให้ ส ม บู ร ณ์ และความมุง่ หมายในการปฏบิ ัติ ภารกิจนามาจากการวเิ คราะห์ เมอ่ื ทาการประมาณ สถานการณ์ ภารกิจต้อง กล่าวซา้ ๒ คร้ังเสมอโดยตลอด องค์ประกอบของภารกิจมีอะไรบ้าง ตอบ ใคร ,ทาอะไร,เมอ่ื ใด,ทไ่ี หน,และทาไม * ทหารปฏบิ ัตกิ ารยืนลกั ษณะทา่ ตรงสะพายอาวุธปืน M.16 ดา้ นไหล่ขวาชูมือขน้ึ เหนอื ศีรษะ เหยียดตรงน้ิวทั้ง ห้าเรยี งชดิ ตดิ กันเวียงแขนไปดา้ นหลังลักษณะวงกลมเป็นการให้ทศั นะสญั ญาณ อะไร ตอบ รูปขบวนแถวตอน รปู ขบวนทาการรบ * รปู ขบวนทาการรบของหมู่ ปล. รูปขบวนทเ่ี หมาะสมท่ีจะเข้าตะลุมบอนตอ่ ข้าศึก คือ ตอบ รูปขบวนหนา้ กระดาน * รูปขบวนหมู่แถวตอน เป็นรูปขบวนทเ่ี หมาะสาหรับใชใ้ นการเคลื่อนท่ขี ้อดีมีไวว้ า่ อย่างไร ตอบ 1. สะดวกในการควบคุม 2. การระวังปอ้ งกนั รอบตวั 3. เคลื่อนทไ่ี ด้เรว็ * ผบ.หมู่เรียกกาลังพลให้จัดรปู ขบวนแถวตอน โดยแต่ละชดุ ยิงอย่ใู นรูปขบวนสามเหลี่ยมแหลม หน้า อยาก ทราบวา่ กาลงั พลแตล่ ะชุดยงิ ระยะต่อ ระยะเคียงห่างเทา่ ไร ตอบ ๑๐ เมตร * การท่ี ผบ.หมู่ ให้สญั ญาณจัดรูปขบวนหน้ากระดานอยากทราบว่า หน.ชุดยิง ก. และ ข. ห่ า ง จ า ก ผบ.หมู่ กเี่ มตร ตอบ ๒๕ เมตร * เม่อื จดั รูปขบวนหมวดแถวหน้ากระดาน เพือ่ เตรียมตะลมุ บอนต่อข้าศึก มขี อ้ ดคี ือ ตอบ อานาจการยงิ ขา้ งหนา้ ดี * ปืนกลเปน็ อาวธุ ยงิ สนบั สนนุ ของหมวด อยากทราบว่า ๑ หมู ปก. มกี าลงั พลกนี่ าย ตอบ ๙ นาย * ในเม่ือจัดรปู ขบวนหมวดสามเหล่ยี มแหลมหน้า หมู่นากบั หมทู่ างปกี ขวา และปีกซ้าย ระยะหา่ ง ร ะ ห ว่ า ง หมูน่ ากบั หมทู่ างปีก ระยะกีเ่ มตร ตอบ ๘๐ เมตร ระบบปฏบิ ัติการในสนามรบ , การเตรยี มตัวเพอื่ ทาการรบ * โดยปกติ ผบ.หนว่ ย จะอาศัยขา่ วกรองจากที่ใดเปน็ หลักในการปฏบิ ัติภารกิจทกุ ครง้ั ตอบ หนว่ ยเหนอื * ข่าวสารต่าง ๆ ทไ่ี ด้มา จะสมบรู ณจ์ นกลายเปน็ ขา่ วกรอง หลงั จาก ตอบ ตีความแล้ว * การจดั มว.ปล.ของหนว่ ย ร.มาตรฐาน (๕๐ นาย) ประกอบไปดว้ ยสว่ นใดบา้ ง
ตอบ บก.มว. , ๑ หมู่ ปก. , ๓ หมู่ ปล. * เครื่องมือหลักในการดาเนินกลยุทธ์ของ ผบ.มว. คอื ตอบ ๓ หมู่ ปล.ในอัตรา * โดยปกตกิ ารปฏบิ ัตงิ านหลกั ดา้ นการชว่ ยรบ ภายใน มว.ปล. จะมีใครบ้างเปน็ ผชู้ ว่ ยเหลอื ผบ.มว. ตอบ รอง ผบ.มว. , ส.ประจาหมวด * การวางแผนการใชเ้ วลาของ ผบ.หนว่ ย จะกาหนดไวอ้ ยา่ งไร ตอบ ใช้เวลาไม่เกนิ ๑/๓ หลักการรบดว้ ยวธิ รี ุก * ความมุ่งหมายหลกั ของการรบดว้ ยวิธีรุก คือข้อใด ตอบ การทาลาย กาลงั รบขา้ ศกึ * การปฏิบัตกิ ารรบดว้ ยวิธีรุก การเข้าตีมี ๒ ลกั ษณะอะไรบา้ ง ตอบ การเข้าตเี รง่ รบี , การเข้าตีประณตี * หน่วยใด เปน็ หนว่ ยท่เี หมาะสมในการขยายผล ตอบ หนว่ ยยานเกราะและทหารราบยานเกราะ * แนวประสานการปฏิบัติขั้นสุดท้าย ใชใ้ นการเล่ือนหรือย้ายการยิงสนับสนุนและการปรับรปู ขบ วน ขอ งก าลัง สว่ นเขา้ ตีกอ่ นเข้าตะลมุ บอน แนวนีจ้ ะอยหู่ ่างจากท่หี มายในระยะประมาณ เทา่ ใด ตอบ ๑๐๐ - ๑๕๐ ม. * แนวออกตี คือ แนวซึง่ ประสานการเริม่ ต้นในการเข้าตี ซึ่งอยู่ห่างจากทร่ี วมพลระยะประมาณ เทา่ ใด ตอบ ๔ กม. หรือเดนิ ประมาณ ๑ ชม. หลกั การรบด้วยวธิ รี บั ขอ้ ใด * ขอ้ ใดกลา่ วถึง ระดบั ของการต้านทาน ในการรบดว้ ยวิธีรบั ได้ถูกต้อง ตอบ การตงั้ รบั – การรบหน่วงเวลา - ฉากกาบงั * แนวขอบหนา้ พืน้ ทก่ี ารรบ ของหน่วย ที่แทจ้ ริง จะเกดิ ขน้ึ เม่ือใด ตอบ กาลงั ของ มว.ปล.ในแนวหน้าได้เขา้ พ้ืนที่วางตวั เรยี บรอ้ ยแลว้ * พนื้ ท่ที ่ีไมม่ ีกาลังเข้ายึดครอง และไมอ่ ย่ใู นระยะยงิ หวังผลของอาวุธเบา คอื พน้ื ท่ีในขอ้ ใด ตอบ ช่องว่างระหวา่ งหน่วยในการต้งั รบั * พน้ื ทท่ี ไ่ี มม่ กี าลังเขา้ ยึดครอง แตอ่ ยู่ในระยะยิงหวังผลของอาวธุ เบา คอื พ้นื ทใี่ นข้อใด ตอบ ระยะเคียงระหว่างหนว่ ยในการต้ังรบั * ระยะระหว่างทต่ี ้งั จรงิ ของหมู่ ปล.กบั ท่ตี ้ังเพ่ิมเติมของหมู่ ปล. เป็นคาจากัดความของระยะใน ตอบ ชอ่ งว่าง * ภารกจิ ของ มว.ปล.ในการตง้ั รบั คือขอ้ ใด ตอบ ยบั ยั้งข้าศึกดว้ ยการยงิ หน้าทม่ี ่นั , ผลกั ดนั ขา้ ศึกดว้ ยการยิงสนับสนุน * ในการจัดตั้งยามระวังป้องกนั เป็นมาตรการระวังปอ้ งกันในการตงั้ รับ ประเภทใด ตอบ มาตรการเชิงรับ หลักการร่นถอย
* ข้อใดไม่ใช่การปฏบิ ตั ิการร่นถอย จะแนะนา ตอบ การลดระยะหา่ งขา้ ศกึ พลไปพบ โดยจะพบ * แบบการร่นถอยมกี ่ีแบบอะไรบ้าง ตอบ ๓ แบบ คอื การถอนตัวจากการรบ, การรบหนว่ งเวลา และ การถอย มี * การถอนตวั เมือ่ ข้าศกึ กดดัน หน่วยปฏิบัตจิ ะจัดกาลงั อยา่ งไร ตอบ ส่วนใหญ่ และ ส่วนกาบงั * หมวดปืนเล็กถอนตวั นอกความกดดนั เมือ่ จัดผู้แทนไปตรวจทมี่ ั่นตง้ั รบั แหง่ ใหม่ ผบู้ ังคับหมวด ให้ปฏบิ ัตใิ นเร่ืองตา่ งๆ เพอื่ ลดความสับสนของหน่วย ขอ้ ใดไม่ใช่ ตอบ ท่ีหมายและแนววางกาลงั หนว่ ยข้างเคยี ง * การปฏบิ ตั ิของสว่ นทเ่ี หลือไว้ปะทะของหมวด ถ้า นร. เปน็ ผบ.ส่วนที่เหลอื ไวป้ ะทะ จะนากาลัง ใคร ณ ท่รี วมพลของกองรอ้ ย ตอบ รอง ผบ.ร้อย * กาลงั สว่ นใหญแ่ ละส่วนทเ่ี หลือไวป้ ะทะ จะถกู นาไปจากที่รวมทพ่ี ลของกองร้อยไปเข้าท่มี ั่นใหม่ กับตวั แทนของหมวด ณ ท่ีใด ตอบ จุดแยกหมวด การลาดตระเวนเดินเท้าต่อต้านระเบดิ แสวงเครอ่ื ง * การเคล่ือนทแี่ บบเดนิ ทาง ผบ.หมู่ จะเคลือ่ นทอ่ี ยู่ในส่วนใดของหมู่ ตอบ ชดุ ยิงนา * ในการจัดแบ่งหนา้ ที่ของชุดลาดตระเวนการเคลือ่ นทแ่ี บบเดนิ ทาง อยากทราบวา่ หน.ชดุ ยงิ หนา้ ท่ีอะไร ตอบ ประเมนิ สถานการณ์ตลอดเวลา * การเคลอ่ื นทีใ่ นรปู ขบวนตัวเอ็กซ์ (X) พลยิง เอ็ม ๒๐๓ มีหนา้ ท่อี ะไรในชดุ ยิงนา ตอบ รวป. ใหก้ ับคู่บัดดีข้ า้ งหนา้ * การเคล่อื นที่ด้วยรปู ขบวนตัววาย (Y) เม่ือตรวจพบวัตถุตอ้ งสงสยั ส่ิงแรกทตี่ อ้ งกระทาคอื ตอบ กาหนดจุดที่อนั ตราย ข้อสอบการสังเกตและการประเมินสถานการณ์ * ส่ิงที่ต้องกระทากอ่ นการปฏิบตั งิ านในพ้ืนที่ จชต. ขอ้ ใดกลา่ วถูกตอ้ งทีส่ ดุ ตอบ ก่อนการใชถ้ นน/เสน้ ทางทุกครั้ง ตอ้ งมีการวางแผนการใช้เสน้ ทาง โดยการสังเกตและ การประเมินภัยคกุ คาม * วงรอบการทางานผกู้ ่อความไมส่ งบ ข้อใดกล่าวถกู ต้องท่ีสุด ตอบ 1. หาข่าว : จะมกี ารเฝ้าติดตามการปฏิบัติงานของฝ่ายเราอยู่ตลอดเวลา 2. เฝ้าตรวจ : เมือ่ กาหนดเป้าหมายแล้ว จะเลือกโอกาสท่ีจะเข้าโจมตีตอ่ ฝ่ายเรา 3. แน่นอนจงึ ลงมือ : เพอ่ื ลดการสูญเสียและลดการถกู ติดตามจบั กมุ วิชาการรอ้ งขอการปรบั การยงิ ค.- ป. * เป้าหมายที่เหมาะสมจะทาการยิงด้วยค .หรือป.มากกว่าการใช้อ าวุธชนิ ดอื่นๆทาการยิ งคือ ตอบ เป้าหมายทีอ่ ยหู่ ลงั เนนิ
* ความถูกตอ้ งในการบอกท่ตี ้ังเปา้ หมายการย้ายทางข้างหรอื การแก้ทางข้างบอกเป็นจานวนเต็ม เทา่ ไร ตอบ 50 เมตร * ค ว า ม ถู ก ต้ อ ง ใ น ก า ร บ อ ก ทิ ศ ท า ง ผู้ ต ร ว จ ก า ร ณ์ จ ะ ต้ อ ง บ อ ก เ ป็ น จ า น ว น เ ต็ ม ก่ี มิ ล เ ลี ย ม ตอบ 10 มลิ เลยี ม * ท่านเปน็ ผต.ตรวจพบทต่ี ้ัง ปก.2 กระบอกวัดมมุ ภาคได้ 6000 มิลเลียม กะระยะได้ 2300 เมตร วดั มมุ ด่งิ - 13 มลิ เลยี มท่อี ยูข่ องท่านไดก้ รุยไว้ในแผ่นเรขายงิ แลว้ ทา่ นตดั สินใจบอกท่ตี ง้ั เป้าหมาย ดว้ ยวิธีใด ตอบ วิธีโปล่าร์ * เม่ือผตน.ส่งคาขอยิงไปหมดแล้วนึกข้ึนได้ว่าได้ส่งระบบผิดจะต้องใช้คาพูดว่าอย่างไรไปยังศอย . ตอบ ผิดหยดุ แลว้ สง่ ข้อความทถ่ี กู ไปใหม่ * มาตรามมุ ทิศของ เขม็ ทิศ เอ็ม.2 หนึ่งขดี มีค่ากม่ี ลิ เลยี ม ตอบ : 20 มิลเลยี ม * มาตราทางระดบั หนึง่ ช่อง มีค่าเท่ากับก่มี ลิ เลียม ตอบ : 10 มลิ เลียม * เข็มทิศ เอ็ม.2 จะมีตวั เลขกากับไวท้ กุ ๆ กี่มลิ เลยี ม ตอบ 200 มิลเลียม * มาตราทางระดบั ของกลอ้ งสอ่ งสองตา แบง่ ออกเปน็ กช่ี ่อง ตอบ 10 ช่อง * เขม็ ทศิ เอ็ม.2จะมีตวั เลขคูก่ ากบั ไว้ต้งั แต่ 0 ถงึ 6200 โดยเวน้ ห่างกันเทา่ ไร ตอบ 200 มิลเลียม วชิ า พลแม่นปืน * ทา่ ยิงทมี่ น่ั คงทสี่ ุดคือทา่ ใด ตอบ ท่านอนยงิ * ศูนย์ “ L” ใช้ยงิ ระยะเทา่ ใด ตอบ เกนิ กวา่ 300 เมตร * การหมนุ ศนู ย์หน้าทวนเข็มนาฬิกาจะทาใหร้ อยกระสนุ ถูกสูงขน้ึ หรือต่าลง ตอบ ตา่ ลง * วิธีแก้อาการสา่ ยของปนื ขณะท่ที าท่ายิงและเลง็ อยนู่ ้ันจะตอ้ งแกอ้ ยา่ งใด ตอบ ท่ายิงและการควบคมุ ไก * ท่ายิงพนื้ ฐานในการฝกึ พลแม่นปนื มีกท่ี ่า ตอบ 2 ทา่ * การใชศ้ นู ยห์ ลังของ ปลย.เอม็ 16 A 1 ในการยิงปรับปืนในสนาม 1000 น้ิว (25 เมตร) ขอ้ ใด ถูกต้อง ตอบ ใช้ศูนยร์ ะยะไกล * ข้อใดกล่าวถงึ หลักพ้ืนฐานการยงิ ปืน 4 ประการ ได้ถกู ตอ้ งท่สี ดุ ตอบ ทา่ ยงิ ท่ีมั่นคง, การเล็ง, การควบคมุ ลมหายใจ, การลนั่ ไก * ในการปรบั ปลย. เอ็ม16 A 1 เมอื่ ต้องการปรับให้ตาบลกระสนุ ถกู ไปทางซ้าย ต้องปรบั ศนู ย์หลงั อยา่ งไร ตอบ ทวนลกู ศร R
วชิ า หลักยิงปนื เลก็ * การกะระยะดว้ ยสายตาโดยวธิ ีกาหนดหนว่ ยหลกั 100 เมตรโดยวิธนี บั กา้ วควรฝึกใหท้ หาร สามารถกะระยะได้ ถกู ตอ้ งและแมน่ ยาได้ไกลสุดถึงระยะประมาณเทา่ ใด ตอบ 500 เมตร * การยิง ปลย.ใหว้ ถิ กี ระสนุ สูงไมเ่ กนิ ความสงู ของคนยนื (180 ซม.) ยา่ นอันตรายจะมีถงึ ระยะประมาณเท่าใด ตอบ 700 เมตร * เป้าหมายท่ีมีลกั ษณะความกว้างและความลึกเกือบเทา่ กนั เปา้ หมายลักษณะนเี้ รียกวา่ อยา่ งไร ตอบ เปา้ หมายเป็นพน้ื ที่ * ในการยงิ ตะลมุ บอนเครอ่ื งยิงลกู ระเบิดเอ็ม.79 หรือเอม็ .203 จะไมท่ าการยิงด้วยกระสนุ ระเบิด ใกลก้ ับ ทหารฝ่ายเดยี วกนั ในระยะประมาณกเี่ มตร ตอบ 31 เมตร * ประเภทการยิงของปืนเลก็ ยาวและปืนเล็กกลมีกปี่ ระเภท อะไรบา้ ง ตอบ 2 ประเภท คือ การยงิ เก่ียวกับเป้าหมาย และการยิงเก่ียวกับพน้ื ที่ * การกะระยะด้วยสายตาทแ่ี ม่นยานนั้ ทหารสามารถฝึกไดถ้ ึงระยะเทา่ ไร ตอบ 500 หลา * ข้อใดกลา่ วถงึ “กระสุนวิถี” ปนื เล็กยาว ทถี่ กู ตอ้ งคอื ขอ้ ใด ตอบ ทางเดินของลกู กระสนุ ที่แล่นออกไปจากปากลากล้องปืน จนถึง เป้าหมายหรอื ตาบล กระสุนตก * ข้ออธบิ ายถึง “การยิงกวาด” ไดถ้ กู ต้องท่สี ุด ตอบ การยงิ กวาด คือการยิงในระยะไม่เกนิ 600 เมตร ยอดกระสุนวิถีสงู ไม่เกิน 1 เมตร หรอื เอวของคนยนื วิชาส่ือสาร การสอื่ สารทางสาย * การส่ือสารทางสายใช้สาหรบั ทาอะไร ขอ้ ใดกลา่ วผดิ ตอบ การสง่ คาสงั่ ยุทธการ / คาสงั่ การรบอ่ืนๆท่ีมีข้อความยาวมากๆ * สายโทรศพั ทส์ นาม WD – 1 / TT หนึง่ เส้นหรือสายตัวนา ๑ คู่สาย ทรี่ ะยะความยาว ๑ ไมล์ มี จ า น ว น รอยต่อสายเท่าไร ถึงจะถอื วา่ เป็นสายทเ่ี ส่อื มสภาพ ตอบ : จานวน ๓๐ รอยตอ่ การสื่อสารทางวทิ ยุ ยกเว้น ข้อ ถูกต้อง * วตั ถุประสงค์ในการฝึก -ศกึ ษา เรือ่ งการส่อื สารทางวิทยุ ในหลกั สูตรของท่าน มไี ว้เพอื่ อะไร ใดท่ีกล่าวไมถ่ กู ตอ้ ง ตอบ ปอ้ งกนั อปุ กรณช์ ารดุ เนื่องจากขาดการปรนนิบตั บิ ารงุ และลดอันตรายจากไฟฟ้าแรงสงู ได้ * ข้อดีของการสอ่ื สารทางวิทยุ ที่กลา่ วว่า มีความอ่อนตัวหมายความวา่ อยา่ งไร ขอ้ ใดที่กลา่ วไม่ ตอบ เปน็ วธิ ีการส่ือสารที่รกั ษาความปลอดภยั ได้ดี * การเลอื กทีต่ ั้งสถานวี ทิ ยุทด่ี คี วรเลือกท่ตี ง้ั ในขอ้ ใด ตอบ พื้นดนิ มีความชืน้ สูงซง่ึ สามารถนาไฟฟ้าได้ดี
ระเบียบการวิทยโุ ทรศัพท์ * ระเบยี บการวิทยโุ ทรศัพท์กาหนดข้ึนเพ่ืออะไร ตอบ เรง่ รดั การสง่ ข่าวใหเ้ ร็วขึน้ และลดความผดิ พลาดใหน้ อ้ ยลง * ตัวอักษรภาษาไทยสองตวั ทีจ่ ะตอ้ งอ่านออกเสียงตา่ งออกไปจากปกติ คือ ตอบ ขอ – ข้าว, สอ – สิงโต * ตัวอักษรภาษาอังกฤษ ตวั “ T ”อ่านว่าอะไร ตอบ TAMGO (แทง้ – โก) การเขยี นข่าว * กระดาษเขียนข่าวแบบ สส.๗ หนึง่ ชดุ จะมอี ยู่ ๓ แผน่ (๓ ส)ี ประกอบดว้ ยสีอะไรบา้ ง ตอบ สีขาว สีเหลือง สชี มพู *ลกั ษณะของข่าวท่ดี ี ๓ ประการ คืออะไร ตอบ :ชดั เจน กะทัดรัด สมบรู ณ์ วชิ า ฝา่ ยอานวยการ ปอ้ งกัน ข้ั น ต้ น * การจดั ฝ่ายอานวยการ แบง่ ออกเป็น ๓ ประเภท ขอ้ ใดถกู ต้องท่ีสุด ตอบ ฝอ.ประสานงาน, ฝ่ายกิจการพิเศษ, ฝอ.ประจาตวั * ข้อใดไม่ใช่ขอ้ พจิ ารณาภมู ปิ ระเทศหรือแง่คิดทางทหาร OCOKA ตอบ ค. ภมู ิประเทศ/ลมฟา้ อากาศ * มาตรการต่อต้านข่าวกรอง มี ๒ มาตรการ คือมาตรการปอ้ งกันและตอบโต้ ข้อใดคือมาตรการ ตอบ : การปฏบิ ตั ิเม่อื เกดิ การละเมิด รปภ. * ต่อไปนี้ ข้อใดไม่ใช่ประโยชน์ของรายการแสงแสง ตอบ เคลื่อนย้ายทางพนื้ ดินไมไ่ ด้ * เม่อื ได้รบั ภารกิจจากหนว่ ยเหนอื แลว้ ผูบ้ งั คับหนว่ ยนาปจั จยั มลู ฐาน METT-T มาวเิ คราะห์ใน อยากทราบวา่ T ตัวแรกหมายถึงอะไร ตอบ ภูมิประเทศ * การปฏิบตั กิ ารกจิ การพลเรือนแบ่งออกเป็น ๓ กลุ่ม/พวก ข้อใดไม่ใช่ ตอบ งานทางด้านทหาร วิชาอาวธุ ปพ.๘๖ * อตั รากระสนุ มูลฐานของ ปพ.๘๖ กี่นดั ตอบ ๒๑ นดั /กระบอก * ท่ายงิ ปกตขิ อง ปพ.๘๖ คือข้อใด ตอบ ทา่ ยืนยงิ ปลย.๑๑ * ขอ้ ใดคอื โอกาสใช้เล็งทศี่ ูนย์บาก ปลย.๑๑ ตอบ ทศั นะวสิ ยั ไม่ดี เปา้ เคลือ่ นทร่ี ะยะไม่เกนิ ๑๐๐ ม. * ปลย.๑๑ ระบายความรอ้ นด้วยอากาศ แตม่ รี ะบบการทางานด้วยอะไร
ตอบ ด้วยการถอยหลังของสว่ นเคลื่อนท่ี ปลย. เอ็ม ๑๖ เอ ๑ * ในระยะ ๒๕ เมตร หมุนศูนย์หน้าของ ปลย.เอ็ม.๑๖ เอ ๑ ไป ๑ คลิก๊ จะเลอ่ื นตาบลกระสนุ ไปเท่าใด ตอบ ๐.๗ ซม. * ศนู ย์หลงั ของ ปลย. เอ็ม ๑๖ เอ ๑ ท่มี เี คร่ืองหมายตัว L ใช้สาหรับยิงระยะใด ตอบ ๓๐๐ - ๕๐๐ เมตร * อัตรากระสุนมลู ฐานของ ปลย.เอ็ม.๑๖ เอ ๑ คอื ขอ้ ใด ตอบ ๓๘๐ นัด ปลย. เอม็ . ๑๖ เอ. ๒ * การปรบั ศูนยห์ ลังทางทศิ ปลย.เอม็ .๑๖ เอ.๒ จานวน ๑ คลิก๊ ในระยะ ๒๕ เมตร หรอื ในสนาม ๑ , ๐ ๐ ๐ นิ้วจะเปลี่ยนตาบลกระสุนถกู ไปเทา่ ไร ตอบ : ๐.๓๓ มม. * ท่จี านปรบั ทางระยะของ ปลย.เอ็ม.๑๖ เอ ๒ สามารถเลอ่ื นระยะได้เทา่ ไรถงึ เท่าไร ตอบ : ๓๐๐ – ๘๐๐ เมตร * ระยะยิงหวงั ผลเป็นจุดของ ปลย.เอม็ .๑๖ เอ ๒ ข้อใดถูก ตอบ ๕๕๐ เมตร ปลย.เอม็ .๑๖ เอ ๔ * ก่อนทาการยิงปรับศูนย์รบของ ปลย. เอม็ ๑๖ เอ ๔ ในสนาม ๑,๐๐๐ นิว้ จะต้องต้ังจานปรับ ทางระยะ เทา่ ใด ตอบ ๖/๓ +๒ คลก๊ิ * ทจี่ านปรบั ทางระยะของ ปลย.เอ็ม.๑๖ เอ ๔ สามารถเลอื่ นระยะไดเ้ ทา่ ไรถงึ เทา่ ไร ตอบ ๓๐๐ – ๖๐๐ เมตร ปลย.ทาโวร์ * การปรบั กลอ้ งเล็งสะทอ้ นภาพ MEPRO ในทางทศิ และทางระยะ จานวน ๑ คลิก๊ ในระยะ ๒๕ เมตร หรือในสนาม ๑,๐๐๐ นิ้ว จะเปล่ยี นตาบลกระสุนถกู ไปเทา่ ไร ตอบ ๑ ซม. * ขอ้ ใดไม่ใช่สาเหตุในการตดิ ขัดของ ปลย.ทาโวร์ สาเหตุที่ ๑ (ตาแหนง่ หน้าลกู เลอื่ นปิด) ตอบ กระสนุ ซ้อน * อะไรคือขอ้ ได้เปรียบของปืนเลก็ ยาวแบบ bull pup ตอบ ลากล้องยาว, ปืนสน้ั ปลก. เอ็ม. ๒๔๙ (มินิม)ิ * ระยะยงิ ปลก. เอม็ . ๒๔๙ (มนิ ิมิ) ข้อความต่อไปนขี้ ้อใดกล่าวไมถ่ กู ตอ้ ง ตอบ ระยะการยิงกวาดพ้ืนท่ลี าดเสมอ ๗๐๐ ม. * ปลก.เอ็ม.๒๔๙ มินมิ ิ การปรบั ทางระยะท่ีศนู ย์หลงั (ศูนย์ร)ู ระยะ ๑๐๐ เมตรหมุน ๑ คล๊กิ ห รื อ ค ร่ึ ง รอบจะเปลี่ยนรอยกระสนุ ถูกไปเท่าไร ตอบ ๕ ซม. * ปลก. เอม็ . ๒๔๙ (มนิ มิ ิ) การยงิ ปรบั ศนู ยร์ บ ในระยะ ๑๐๐ เมตร ตง้ั ศูนยร์ ะยะ ๓๐๐ เมตร มุ ม ทิ ศ ๐ (ศนู ย์) ต้องการใหก้ ล่มุ กระสุนอยบู่ รเิ วณใดของตาบลเลง็
ตอบ สูงจากตาบลเล็ง ๑๒.๕ ซม. ค่ า เ ท่ า กั น ปลก.เนเกฟ * ในการปรับศูนยข์ อง ปลก.เนเกฟ ในระยะ ๒๕ เมตร ในทางทิศและทางระยะที่ศนู ย์หนา้ มี อยากทราบว่าหมนุ ๒ คลิ๊ก จะเปลยี่ นตาบลกระสุนถกู เทา่ ไร ตอบ ๑.๔ ซม. * ในการยงิ ปรับศูนย์รบ ปลก. เนเกฟ ระยะ ๒๕ เมตร กลุ่มกระสุนจะต้องอยู่บริเวณใด ตอบ สูงจากตาบนเล็ง ๐.๘ ซม. * หลกั การใหญ่ ๆ ในการทางานของ ปลก.เนเกฟ มีดังต่อไปน้ีข้อใดกล่าวไมถ่ กู ต้อง ตอบ ทางานด้วยสว่ นเคลือ่ นท่ี ปก.เอ็ม.๖๐ * ปก.เอม็ .๖๐ ใน ๑ หมู่ ปก. จะมีกาลงั พลกีน่ าย ตอบ ๙ นาย * กระสนุ ปก.เอม็ .๖๐ ขนาด ๗.๖๒ x ๕๑ มม. นาโตม้ กี ีช่ นิด ตอบ ค. ๖ ชนดิ * การอ่านมาตราท่รี าวส่ายปืน ปก.เอม็ .๖๐ ขอ้ ใดกล่าวไม่ถกู ตอ้ ง ตอบ : จากจุดก่ึงกลางไปทางขวา ๔๕๐ มลิ เลยี ม ปก.๓๘ * ระยะยิงหวงั ผลของ ปก.๓๘ เท่าไร ตอบ ๑,๘๐๐ ม. * อัตรากระสนุ มูลฐาน ของ ปก.๓๘ ใน ๑ กระบอกจะมกี ระสนุ จานวนกน่ี ดั ตอบ ๓,๑๐๐ นดั * ปก.๓๘ เมอื่ พับศูนยห์ ลงั ลง (ศนู ย์ร)ู สามารถตั้งระยะยงิ ไดเ้ ทา่ ไร ตอบ ๒๐๐ – ๘๐๐ เมตร ค.เอ็ม.๒๐๓ * ถา้ ทาการยงิ ค.ขนาด ๔๐ มม.เอ็ม.๒๐๓ กระสุนไมล่ ่ันหรือล่ันช้าใหท้ าการปฏิบัติอยา่ งไร ตอบ คอย ๓๐ วนิ าที * ค.ขนาด ๔๐ มม. เอ็ม.๒๐๓ ระยะยิงหวังผลเปน็ จุดและเปน็ พน้ื ทเ่ี ท่าใด ตอบ เปน็ จดุ ๑๕๐ เมตร เป็นพ้ืนท่ี ๓๕๐ เมตร * ค.เอ็ม.๒๐๓ ขนาด ๔๐ มม. ระยะท่ีปลอดภัยในการฝึก (กระสนุ ระเบดิ และซอ้ มยงิ ) คอื ระยะใด ตอบ ๘๐ เมตร ค.อตั โนมตั ิ ๔๐ มม. สู ง ส อ ง * อตั รามลู ฐานกระสุน ค.อัตโนมตั ิ ๔๐ มม. มีจานวน เท่าไร (ตามคาสงั่ ทบ.) ตอบ ๓๒๐ นัด * การบรรจุกระสุน ค.อัตโนมตั ิ ๔๐ มม. ขอ้ ใดต่อไปนกี้ ล่าวไมถ่ กู ต้อง ตอบ กอ่ นบรรจุกระสนุ ตอ้ งดงึ คันรง้ั ลกู เลื่อนมาข้างหลังสุด * ค.อัตโนมัติ ๔๐ มม. ระยะยิงที่ปลอดภยั ในการยงิ กระสนุ ระเบิดแรงสงู และกระสุนระเบดิ แรง ความมุง่ หมายในการฝกึ กเ่ี มตร
ตอบ ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ เมตร ปรส.ขนาด ๘๔ มม. CARL-GUSTAF M 3 * ปนื ไรแ้ รงสะท้อน ขนาด ๘๔ มม. แบบ เอม็ .๓ มีระยะหวงั ผลเท่าไร เม่ือใช้กลอ้ งเลง็ และกระสนุ HEAT 551 ตอบ เปา้ หมายอยกู่ ับท่ี ๗๐๐ เมตร เป้าหมายเคลอ่ื นที่ ๔๐๐ เมตร * กระสุน ปรส.ขนาด ๘๔ มม. แบบ เอม็ .๓ (CARL-GUSTAF M 3) ท่ใี ชท้ างยทุ ธวิธมี ี ๕ ชนิด ส า ห รั บ กระสุนที่ใช้ได้อเนกประสงค์ คอื ทง้ั ทาลายยานเกราะ, ท่ตี ั้งยิงและเปา้ หมายอน่ื ๆ คือ กระสนุ ชนิดใด ตอบ HEDP 502 * พ้ืนทอ่ี ันตรายท้ายเครอื่ งยิงของ ปรส.๘๔ มม.เอม็ .๓ มรี ะยะเท่าไร ตอบ ๖๕ เมตร เคร่อื งยิงลูกระเบดิ ขนาด ๖๐ มม. * การตง้ั ค.ปกติควรตั้งกล้องเล็งอย่างไร ตอบ ตงั้ มุมทศิ ๐ * ข้อใดคอื ส่วนประกอบของกลอ้ งเล็ง เอม็ .๔ ตอบ ควงมุมสูง * ข้อใดไมใ่ ช่คุณลกั ษณะของ ค. ขนาด ๖๐ มม. ตอบ ใช้กลอ้ งเล็ง เอม็ .๕๓ เท่านน้ั เปน็ เครอื่ งช่วยเล็ง อาวธุ กล่มุ สงั คมนิยม * ปลย.SKS.(เซกาเซ) ซองกระสุนซึ่งตดิ กับตวั ปืน สามารถบรรจุกระสุนไดก้ น่ี ดั ตอบ ๑๕ นัด * ปลย.AK.๔๗ ใชก้ ระสนุ ขนาดกมี่ ม. ตอบ ๗.๖๒ x ๓๙ มม. * อาวธุ ปนื ชนดิ ใดท่ีมดี าบปลายปืนติดอยู่ทางดา้ นข้างของตัวปนื ตอบ ปลย.คาร์ไบน์ M ๑๔๙๙ วตั ถรุ ะเบดิ และการทาลาย * ระบบการจุดระเบิดด้วยเชือ้ ปะทชุ นวนมอี งคป์ ระกอบการจดุ อย่างไร ตอบ เคร่ืองจุดชนวน - ชนวนฝกั แคเวลา – เชอื้ ปะทชุ นวน – ดินระเบิด * ระบบการจุดระเบดิ ด้วยเช้ือปะทไุ ฟฟ้า มอี งคป์ ระกอบการจดุ ระเบิดอยา่ งไร ตอบ ต้จู ุดระเบดิ - สายไฟฟา้ คู่ – เช้ือปะทไุ ฟฟา้ - ดินระเบดิ * ดนิ ระเบิดชนดิ ใด ทีไ่ วตอ่ การระเบิดมากทส่ี ดุ ตอบ อาร.์ ดี.เอก๊ ซ์ ทุน่ ระเบิด * ทุ่นระเบิดสังหารบคุ คลแบบ M ๑๔ ทางานด้วยนา้ หนักกดเท่าไร ตอบ ๒๐ - ๓๕ ปอนด์ * ทุน่ ระเบิดสงั หารบคุ คลแบบ M ๑๘ A ๑ มรี ะยะหวังผลเท่าไร ตอบ ๕๐ เมตร * พลสุ อ่ งสว่าง แบบ M ๔๙ A ๑ เม่อื เกดิ การทางานข้นึ สามารถสอ่ งสว่างได้นานเท่าไร
ตอบ ๕๕ – ๗๐ วนิ าที กับระเบดิ * ขอ้ ใดเปน็ องค์ประกอบของการจุดระเบดิ กบั ระเบดิ แสวงเครอ่ื งพวกใชเ้ ชื้อปะทชุ นวน ตอบ ดนิ ระเบิด , เช้อื ปะทุชนวน และเคร่ืองจุดระเบิดมาตรฐาน * ข้อใดเปน็ องคป์ ระกอบของการจุดระเบดิ กบั ระเบดิ แสวงเคร่อื งพวกใช้เช้อื ปะทุไฟฟา้ ตอบ ดินระเบดิ , เช้อื ปะทุไฟฟา้ , สวทิ ช์จุดระเบดิ และแบตเตอร่ี * ขอ้ ใดไมใ่ ช่ข้อพจิ ารณาในการวางกับระเบดิ ตอบ ความไม่อยากรอู้ ยากเหน็ ระเบิดแสวงเครอื่ ง * ANFO คือ อะไร ตอบ แอมโมเนยี มไนเตรท + น้ามนั เช้ือเพลงิ * ขอ้ ใดคือหลักเกณฑ์ทีใ่ ชจ้ าแนกวตั ถุตอ้ งสงสยั ออกจากส่งิ ของทั่วไป ตอบ ๓ ไม่ ๑ ดู * ระบบจดุ ระเบดิ แบบใดเหมาะสาหรบั เป้าหมายเคลอ่ื นที่ ตอบ บังคบั จดุ ดว้ ยสายไฟฟ้าคู่ ปอ้ มสนาม * หลุมตอ่ ไปนี้ หลุมใดทมี่ คี วามลึกระดบั เอวเท่านั้น ตอบ ค. ๖๐ แบบหลุมบุคคล ๒ หลุม * ขอ้ ใดเปน็ ขนาดของหลมุ บคุ คลเด่ียวที่ถูกต้อง ตอบ กวา้ ง ๒ ฟุต ยาว ๓ ๑/๒ ฟตุ ลกึ ระดับอกผใู้ ช้ * มลู ดินของหลุมบคุ คลแบบมาตรฐาน ปกติจะมีโดยรอบหลมุ ๔ ดา้ น ขนาดของมนู ดินทถ่ี ูกต้อง คือขอ้ ใด ตอบ กว้าง ๓ ฟุต สงู ๖ นวิ้ เคร่ืองกีดขวาง * เครื่องกดี ขวางลวดหนามทางยุทธวิธีจะจัดสร้างอย่หู น้าแนวตง้ั รบั ดังนี้ ตอบ ตามแนวยิงปอ้ งกนั ข้ันสุดท้ายของฝ่ายเรา * เครื่องกดี ขวางลวดหนามป้องกันตนจะจัดสรา้ งอยู่หนา้ แนวตงั้ รบั ใหอ้ ยู่ห่างพอพ้นระยะขว้างระเบดิ โดยปกติ ตอบ ระยะ ๓๐ – ๑๕๐ เมตร * การพนั ลวดเขา้ กบั เสาเหล็กเกลยี วมอี ยู่ ๒ แบบดงั น้ี ตอบ การพันลวดกับตาบนและตากลาง
วชิ าความรู้ท่ัวไปและความรู้ทางทหาร ๑.ข้อใดจดั เป็นการสญู เสียทางธรุ การ ก. ถกู จบั ข. บาดเจบ็ เน่ืองจากการรบ ค. ขาดหรือหนีราชการ ง. ถกู กกั ตวั ๒.กรรมวธิ ีเก่ียวกับเชลยศกึ หนว่ ยท่ีจบั ได้ต้องดาเนนิ การตามลาดบั ก่ีขนั้ ตอน ก. ๓ ขนั ้ ตอน ข. ๔ ขนั ้ ตอน ค. ๕ ขนั ้ ตอน ง. ๖ ขนั ้ ตอน ๓.ปลย. M 16 A 2 มีเกลียวภายในลากล้องไปทางซ้าย หรือขวามจี านวนก่ีเกลยี ว ครบรอบเกลียวที่ก่ีนวิ ้ ก. ๖ เกลียวเวยี นขวา ครบรอบ ๗ นวิ ้ ข. ๖ เกลยี วเวยี นขวา ครบรอบ ๘ นวิ ้ ค. ๖ เกลียวเวียนซ้าย ครบรอบ ๗ นวิ ้ ง. ๖ เกลียวเวียนซ้าย ครบรอบ ๘ นวิ ้ ๔.กอ่ นเข้าพนื ้ ที่เตรียมพร้อม ส.อาวธุ มหี น้าที่ชว่ ยเหลือ รอง ผบ.ชป. ในงานด้านใด? ก. ช่วยเหลืองานในด้านธรุ การกาลงั พล ข. สง่ กาลงั บารุง ค. กจิ การพลเรือน ง. ถกู ทกุ ข้อ ๕.แผนท่ีฉบบั ที่แสดงพนื ้ ท่ีครอบคลมุ พนื ้ ดนิ และพนื ้ น้า จะมหี น่วยมาตราสว่ นเส้นบรรทัดซึง่ ปรากฏที่ขอบระวางของแผนท่ี ๔ หน่วยอะไรบ้าง ก. เมตร ฟตุ หลา ไมล์ ข. เซนตเิ มตร เมตร หลา ไมล์ ค. เมตร ฟตุ หลา ไมล์ทะเล ง. เมตร หลา ไมล์ ไมลท์ ะเล ๖.สที ี่ใช้แสดงลกั ษณะภมู ปิ ระเทศในแผนที่มี ๕ สี อยากทราบวา่ สดี าหมายถึงอย่างไร ก. ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศท่ีสาคญั ๆ ทางวฒั นธรรม หรือสงิ่ ที่มนษุ ย์สร้างขนึ ้ ข. ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศที่เป็นน้า ค. ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศท่ีมคี วามสงู เชน่ เส้นชนั้ ความสงู ง. ถนนสายหลกั ๆ ข้อสอบวชิ าการ การตรวจสอบและประเมนิ ผลกองร้อยเตรียมพร้อม
๗.การอา่ นแผนที่ตามระบบพกิ ดั กริด ทางทหาร อา่ นได้ใกล้เคียง ๑,๐๐๐ เมตร มีพกิ ดั เลขกี่ตวั ก. ๔ ตวั ข. ๖ ตวั ค. ๘ ตวั ง. ๑๐ ตวั ๘.ข้อควรระมดั ระวงั ในการรักษาเข็มทศิ การเก็บและการใช้เขม็ ทิศ ไมค่ วรให้เขม็ ทศิ อยใู่ กล้กบั สายไฟฟ้ าแรงสงู เป็นระยะกี่เมตร ก. ๑๕ เมตร ข. ๔๕ เมตร ค. ๕๕ เมตร ง. ๑๐๕ เมตร ๙.ปื นเลก็ ยาว เอม็ .๑๖ ทางานด้วยอะไร ก. ทางานด้วยแก๊ส ข. ทางานด้วยการสะท้อนถอยหลงั ของลกู เล่ือน ค. ทางานด้วยแรงดนั ของกระสนุ ง. ทางานด้วยแก๊ส และ แรงดนั ของกระสนุ ๑๐.เสบยี งสนามของ ทบ.ไทยแบง่ ออกเป็น ๕ ประเภท อะไรบ้าง ก. ประเภท ๑ ๒ ๓ ๔ และ ๕ ข. ประเภท ๑ ๒ ๓ ๔ และ เบต็ เตลต็ ค. ประเภท ก ข ค ง และ เสริมเบด็ เตลด็ ง. ประเภท A B C D และ E ๑๑.ข้าราชการทหารในปีหนง่ึ จะลาป่ วยได้ไมเ่ กนิ กี่วนั ก. ไมเ่ กนิ ๓๐ วนั ข. ไมเ่ กนิ ๖๐ วนั ค. ไมเ่ กนิ ๙๐ วนั ง. ไมเ่ กนิ ๑๒๐ วนั ๑๒.ผ้มู อี านาจสงั่ จดั กองรักษาการณ์ภายนอกคอื ใคร ก. ผ้บู งั คบั การกรมขนึ ้ ไป ข. ผ้บู งั คบั การกองพลขนึ ้ ค. ผ้บู งั คบั การจงั หวดั ทหารขนึ ้ ไป ง. ผบ.ทบ. ๑๓.การตอ่ ต้านขา่ วกรองในการรบ คือมาตรการ และการปฏบิ ตั ทิ ี่กระทา เพ่อื อะไร ก. ป้ องกนั การหาขา่ วข้าศกึ เก่ียวกบั แผนของฝ่ ายเรา ความมงุ่ หมายและการปฏิบตั ิ
ข. ตรวจค้น ความพยายามของข้าศกึ ในการที่จะหาขา่ วของฝ่ ายเรา ค. ลวงข้าศกึ วา่ เป็นแผน และความมงุ่ หมายท่ีแท้จริงของฝ่ ายเรา ง. ถกู ทกุ ข้อ ๑๔.การหลบหนี คือ ก. การกระทาเพ่ือให้พ้นจากข้าศกึ เมื่อจบั ได้ ข. การกระทาให้รอดพ้นจากข้าศกึ ค. การกระทาเมอื่ ถกู ตดั ขาดจากหน่วย ง. การกระทาเพ่ือกลบั มายงั ท่ีตงั้ หน่วยทหารฝ่ ายเดียวกนั ๑๕.ถ้าทหารถกู ซกั ถามขณะตกเป็นเชลย ให้ทหารตอบเพยี งอะไรบ้าง ก. ยศ ช่ือ หมายเลยประจาตวั และ หนว่ ยต้นสงั กดั ข. ยศ ชื่อ หมายเลขประจาตวั และ วนั เดอื น ปี เกดิ ค. ยศ ชื่อ วนั เดอื นปีเกิด และ หนว่ ยต้นสงั กดั ง. ถกู ทกุ ข้อ ๑๖.นอกจากภารกิจในการซุ่มยงิ แล้วพลซุ่มยิงยงั มภี ารกจิ อื่นอะไร ก. ลาดตะเวนรบ ข. ทาหน้าท่ีเป็นสว่ นระวงั ป้ องกนั ค. ทาหน้าท่ีเป็นสว่ นสนบั สนนุ ง. หาขา่ วให้แกน่ ายทหารฝ่ ายการขา่ วด้วย ๑๗.หวั ข้อแบบการรายงานขา่ วสาร คือข้อใด ก. SALUTE ข. OCOKA ค. METT-T ง. FRAGO ๑๘.การควบคมุ เชลยศกึ ให้ปฏิบตั ิตอ่ ไปนี ้ยกเว้นข้อใด ก. เงียบ ข. แยก ค. จโู่ จม ง. เร็ว
๑๙. ข้อใดไมจ่ ดั อย่ใู นหวั ข้อระเบยี บการนาหนว่ ย ก. รับภารกิจ ข. กากบั ดแู ล ค. วางแผนขนั ้ สดุ ท้าย ง. ออกคาสง่ั เตอื น ๒๐.ตามปกตแิ ล้ว แผนที่จดั อยใู่ นชนั้ ความลบั ใด ก. ลบั ท่ีสดุ ข. ลบั มาก ค. ลบั ง .ไมไ่ ด้จดั อยใู่ นชนั ้ ความลบั ใดๆ ๒๑.ช่ือแผน่ ระวาง จะปรากฏอย่บู นท่ีใดของแผนที่ ก. ตรงกึ่งกลางตอนบน กบั ด้านซ้ายตอนลา่ ง ข. ตรงก่งึ กลางตอนบน กบั ด้านขวาตอนลา่ ง ค. ด้านขวาตอนบน กบั กงึ่ กลางตอนลา่ ง ง. ด้านซ้ายตอนบน กบั ก่ึงกลางตอนลา่ ง ๒๒.อจย. ของกองร้อยรบพเิ ศษ ประกอบด้วยกาลงั พลก่ีนาย ก. 114 นาย ข. 97 นาย ค. 117 นาย ง. 217 นาย ๒๓.ชนิดของการปรับการยงิ อนั ตรายใกล้ฝ่ ายเราหา่ งจากฝ่ ายเดยี วกนั กี่เมตร ก. 400 เมตร ข. 500 เมตร ค. 600 เมตร ง. 800 เมตร ๒๔.จนท. รวบรวมขา่ วสารในหนว่ ยระดบั กองพนั ก. ทหารแต่ละคน ข. กองร้อยทหารปื นใหญ่ ค. ร้อย. สสช. ง. ร้อย. สสก. ๒๕. ข้อใดไมใ่ ช่การเลอื กที่ตงั้ ท่ีตรวจการณ์ ข. อยใู่ กล้แหลง่ น้า ก. ตรวจการณ์ได้ไกลสดุ ในพนื ้ ที่ท่ีต้องการ
ค. มีการกาบงั และซอ่ นพรางตอ่ ที่ตรวจการณ์ ง. ซ่อนพรางเส้นทางท่ีเข้าสแู่ ละออกไปจากที่ตรวจการณ์ ๒๖.ข้อใดไมใ่ ชแ่ นวความคดิ ในการปฏบิ ตั กิ ารร่วมกบั อากาศยาน ก. การแทรกซึมทางอากาศ ข. การสง่ กาลงั เพ่มิ เตมิ ทางอากาศ ค. การบงั คบั บญั ชาการรบทางอากาศ ง. การสง่ กลบั ผ้บู าดเจบ็ ๒๗.ข้อใดไม่ใชป่ ัจจยั ในการเลอื กพนื ้ ท่ีสง่ ลง ก. จานวนอากาศยาน ข. จดุ บนิ วน ค. สภาพผวิ พนื ้ ง. ความลาดชดั ๒๘.ในขนั ้ ตอนการทา CPR ตวั อกั ษร B หมายถึงข้อใด ก. ห้ามเลอื ด ( Stop bleeding ) ข. ควบคมุ อณุ หภมู ริ ่างกาย ( Body temperature control ) ค. การวดั ความดนั ( Blood pressure ) ง. การชว่ ยหายใจ ( Breathing ) ๒๙.การห้ามเลอื ดด้วยวธิ ีใด เหมาะกบั การห้ามเลอื ดในขณะที่มีการปะทะ ก. การห้ามเลอื ดด้วยการกดบนบาดแผลโดยตรง ข. การห้ามเลอื ดด้วยวธิ ีขนั ชะเนาะ ค. การห้ามเลือดโดยการกดบนเส้นเลือดแดง ง. ไมม่ ีข้อใดถกู ๓๐.ขนั้ ตอนแรกของการห้ามเลอื ด คอื ข้อใด ก. ยกสว่ นที่เลอื ดไหลให้สงู กวา่ ระดบั หวั ใจ ข. กดโดยตรงบนบาดแผล ค. ใช้นวิ ้ มอื กดบนเส้นเลือดแดงใหญ่ท่ีไปเลยี ้ งสว่ นท่ีเป็นแผลนนั้ ง. ใช้สายรัดห้ามเลอื ด
๓๑.ข้อใดกลา่ วถกู ต้องที่สดุ ก. พลนาสาร เป็นวธิ ีการตดิ ตอ่ สื่อสาร ท่ีมคี วามปลอดภยั มากท่ีสดุ รวดเร็ว อ่อนตวั ทนั เวลา ข. การตดิ ตอ่ ส่ือสารทางวทิ ยุ เป็นวธิ ีการตดิ ตอ่ สอื่ สารท่ีนยิ มใช้มากที่สดุ รวดเร็ว คลอ่ งตวั ทนั เวลา ปลอดภยั ที่สดุ ค. การตดิ ตอ่ สื่อสารทางวทิ ยุ เป็นวธิ ีการตดิ ตอ่ สอ่ื สารท่ีนยิ มใช้มากที่สดุ รวดเร็ว คลอ่ งตวั ทนั เวลา มคี วามปลอดภยั น้อยมาก ง. ถกู ต้องทงั ้ ข้อ ก. ,ข. และ ค. ข้อสอบวชิ าการ การตรวจสอบและประเมนิ ผลกองร้อยเตรียมพร้อม ๓๒.ระยะยงิ ไกลสดุ และหวงั ผลของ ปพ.๘๖ คือข้อใด ก. ๑,๖๔๐ หลา ข. ๑,๔๗๖ หลา/๕๕.๗๒ ม. ค.๑,๖๔๐ หลา/๕๐ หลาลงมา ง. ๑,๔๕๐ /๕๒ หลา ๓๓.คาสงั่ ยทุ ธการมี 5 ข้อ หวั ข้อยอ่ ยในข้อท่ี 5 มี 2 ข้อ และข้อ ก. กลา่ วถงึ เร่ืองใด ก.การบงั คบั บญั ชา ข.หน่วยแยก/หนว่ ยสมทบ ค.การตดิ ตอ่ สอ่ื สาร ง.คาแนะนาในการประสาน ๓๔.ปัจจบุ นั หนว่ ยรบพเิ ศษไทย ยดึ หลกั นยิ มการปฏบิ ตั กิ ารของหนว่ ยรบพเิ ศษ ทบ.ไทย รส.๓๑ – ๘๑ ฉบบั ปี พ.ศ.ใด ก. พ.ศ.๒๕๒๔ ข. พ.ศ.๒๕๔๒ ค. พ.ศ.๒๕๕๐ ง. พ.ศ.๒๕๕๘ ๓๕.ภยั คกุ คามตอผลประโยชนของชาตใิ นปัจจบุ นั ได้เปลย่ี นแปลงไปจากที่เคยเป็นมาก่อนมากขนึ ้ ยทุ ธศาสตร์ และนโยบายความมน่ั คงของ ชาตไิ ดถกู กาหนดขนึ ้ เพ่อื ปกปองผลประโยชนของชาติ จากการคกุ คามตางๆ ข้อใด ไมถ่ ือวา่ เป็น ผลประโยชนแห่งชาตทิ ี่สาคญั ก. การดารงอยขู องรัฐ โดยมเี อกราช อธปิ ไตยและบรู ณภาพแหงดนิ แดน ข. การเรียนรู้ และการศกึ ษาของเยาวชนในชาติ ค. ความเจริญกาวหนาโดยสวนรวมของชาติ ทงั้ ทางเศรษฐกจิ สงั คม และมสี ถาบนั ง. ความมเี กียรตแิ ละศกั ดศ์ิ รี ในประชาคมระหวา่ งประเทศ
๓๖.ข้อใดไมใ่ ช่ลกั ษณะของทงั้ ภยั คกุ คามภายนอกและภยั คกุ คามภายใน ที่จะมผี ลกระทบมาจากปัญหาตา่ งๆ ก. ปัญหายาเสพตดิ ข. ปัญหาการก่อการร้าย ค. ปัญหาเกี่ยวกบั ทรัพยากรและความขดั แย้งทางเศรษฐกิจ ง. ปัญหาความยากจนของประชาชน ๓๗.ข้อใดเรียงลาดบั ของสถานการณ์ที่มคี วามแนวโน้มที่จะเกดิ ขนึ ้ จาก มาก ไป น้อย ก. การกอ่ การร้าย สงครามนอกแบบ สงครามตามแบบ สงครามนิวเคลยี ร์ ข. สงครามนอกแบบ การก่อการร้าย สงครามตามแบบ สงครามนิวเคลยี ร์ ค. การก่อการร้าย สงครามนอกแบบ สงครามนิวเคลยี ร์ สงครามตามแบบ ง. สงครามนอกแบบ การกอ่ การร้าย สงครามนิวเคลียร์ สงครามตามแบบ ๓๘.ข้อใดกลา่ วไมถ่ กู ต้องเก่ียวกบั สถานการณ์หรือกิจกรรมตา่ งๆ ท่ีจะเกิดขนึ ้ ในสภาวะแวดล้อมทางยทุ ธศาสตร์ ในยามสงบ ก. การช่วยเหลือทางการรักษาความปลอดภยั ข. การชว่ ยเหลือทางมนษุ ยธรรม ค. การรักษาสนั ตภิ าพ ง. การก่อการร้าย ๓๙.การแบง่ พนื ้ ท่ีในยทุ ธบริเวณ แบง่ ได้เป็น ๓ พนื ้ ท่ี ข้อใดกลา่ วผดิ ในมมุ มองของ ยทุ ธศาสตร์ทหารทางบก ก. พนื ้ ท่ีทางลกึ คือ พนื ้ ท่ีภายในดนิ แดนข้าศกึ ที่ฝ่ ายข้าศกึ มเี สรีในการปฏิบตั ิได้อยา่ งเตม็ ความสามารถ ปราศจากการขดั ขวางของ กาลงั ฝ่ ายเรา หรือเรียกอีกอยา่ งหน่งึ วา่ พนื ้ ที่สว่ นหลงั ของข้าศกึ ข. พนื ้ ที่ระวงั ปองกนั คอื พนื ้ ที่ที่ฝายขาศกึ ยดึ ครองด้วยกาลงั ในยามปกติ เป็นพนื ้ ท่ีนอกแนวชายแดนในปจจบุ นั ในยามสงคราม พนื ้ ท่ี ระวงั ปองกนั คือพนื ้ ที่อิทธพิ ลของฝายขาศกึ ซง่ึ จะ เปล่ยี นแปลงไปตามสถานการณการรบ และอาจหมายถึงพนื ้ ที่ภายในประเทศบางสวนที่ถกู ขาศกึ ยึดครองดวยกาลงั ค. พนื ้ ท่ีการรบ คือ พนื ้ ที่ซ่ึงใชหรือคาดวาจะใชในการปฏิบตั กิ ารรบเพอื่ ปองกนั ประเทศ ซึ่งไดแก่ พนื ้ ท่ีตงั้ แตเสนเขตหลงั ของกองพล ออกไปถงึ แนวจากดั การรุก ง. พนื ้ ที่สวนหลงั คือ พนื ้ ท่ีตงั้ แตเสนเขตหลงั ของกองพลลงมา ซ่ึงรวมพนื ้ ท่ีสวนที่เหลือของกองทพั ภาคไวทงั้ สนิ ้ มทบ. และ/หรือ จทบ. ภายใตการควบคมุ บงั คบั บญั ชาของ ทภ. จะอานวยการ ในการใชกาลงั เพ่อื พทิ กั ษ์ พนื ้ ท่ีสวนหลงั การรักษาความมนั่ คงภายใน การ ระดมสรรพกาลงั และการดาเนินการ ดานการสนับสนนุ การชวยรบในสวนท่ีรับผดิ ชอบ ๔๐.ข้อใดไมใ่ ช่กิจกรรมหลกั ของการปฏบิ ตั กิ ารพเิ ศษ
ก. สงครามนอกแบบ การป้ องกนั ภายในให้กับมติ รประเทศ การลาดตระเวนพเิ ศษ ข. สงครามนอกแบบ การปฏิบตั กิ ารโดยตรง การป้ องกนั และปราบปรามการก่อความไมส่ งบ ค. การปฏบิ ตั กิ ารจติ วทิ ยา การตอ่ ส้กู ารกอ่ การร้าย การลาดตระเวนพเิ ศษ ง. สงครามนอกแบบ การตอ่ ต้านการก่อการร้าย การป้ องกนั และปราบปรามการกอ่ ความไมส่ งบ ๔๑.ข้อใดไมใ่ ชก่ จิ กรรมคขู่ นานหรือกจิ กรรมท่ีเกี่ยวข้อง ของการปฏิบตั กิ ารพเิ ศษ ก. การรักษาความปลอดภยั ข. การป้ องกนั และปราบปรามยาเสพตดิ ค. การค้นหาและก้ภู ยั ง. การป้ องกนั ภายในให้กับมติ รประเทศ ๔๒.หนว่ ยใดไมใ่ ชห่ นว่ ยขนึ ้ ตรงของ ศนู ย์สงครามพเิ ศษ ก. โรงเรียนสงครามพเิ ศษ ข. กองพลาธกิ ารสง่ กาลงั ทางอากาศ ค. กองพนั รบพเิ ศษ ศนู ย์สงครามพเิ ศษ ง. กองพนั ปฏบิ ตั กิ ารจิตวทิ ยา ๔๓.การรักษาความปลอดภยั ในการปฏิบตั กิ ารเป็นความรับผดิ ชอบทางการบงั คบั บญั ชา ซ่งึ จะเป็นสว่ นที่ จะต้องได้รับการพจิ ารณาอย่างถ่ี ถ้วนทกุ ภารกิจของหน่วยรบพเิ ศษ ในขนั้ การวางแผน การฝึกการเตรียมการ และการสนบั สนนุ ฝายยทุ ธการของหน่วยจะเป็นผ้กู ากบั ดแู ลทาง ฝายอานวยการตอการรักษาความปลอดภยั ในการปฏิบตั กิ าร ข้อใดไม่ใช่การรักษาความปลอดภยั ในการปฏบิ ตั กิ าร ตาม รส.๓๑ - ๘๑ ก. การรักษาความปลอดภยั บคุ คล ข. การรักษาความปลอดภยั สถานท่ีตงั้ ค. การรักษาความปลอดภยั ทางการสื่อสาร ง. การรักษาความปลอดภยั ขา่ วสาร ๔๔.ข้อใดไม่ใช่ มาตรการลวง ก. การพราง การใช้ควนั ข. การโกหก ค. การแสดงลวง การลอ่ ลวง ง. การสาธิตและการแสดง ๔๕.การควบคมุ และการบงั คบั บญั ชาหน่วยรบพเิ ศษ จะกระทาโดยกองบงั คบั การระดบั ตาง ๆ สาหรับ ระดบั กรมรบพเิ ศษแล้ว กองบงั คบั การ ตา่ ง ๆ แบง่ ได้เป็นกี่ประเภท อะไรบ้าง ก. ๓ ประเภท ฐปรพ., ฐปน., ฐปย. ข. ๔ ประเทภ ฐปรพ., ฐปน., ฐปย., ฐปร. ค. ๔ ประเทภ ฐปรพ., ฐปน., ฐปย., ฐคน. ง. ๕ ประเทภ ฐปรพ., ฐปน., ฐปย., ฐปร., ฐคน.
๔๖.“ควรตงั้ อย่ใู นพนื ้ ท่ีเขตหลงั ท่ีมคี วามปลอดภยั สงู มีสงิ่ อานวยความสะดวกใน อนั ท่ีจะสนบั สนนุ หนวยหรือกาลงั ฝายเราในพนื ้ ที่ปฏบิ ตั กิ าร ไดอยางทนั เวลาและตอเน่ือง เชน อยใู กลพนื ้ ที่ กองบญั ชาการทหารขนาดใหญ เพื่องายตอการรักษาความปลอดภยั รวมทงั้ สะดวกในการตดิ ตอ ประสานงาน” คือลกั ษณะพงึ ประสงค์ ของกองบงั คบั การใด ก. ฐานปฏิบตั กิ ารรบพเิ ศษ (ฐปรพ.) ข. ฐานปฏบิ ตั กิ ารรบพเิ ศษหน้า (ฐปน.) ค. ฐานปฏิบตั กิ ารรบพเิ ศษแยก (ฐปย.) ง. ฐานปฏิบตั กิ ารรบพเิ ศษสารอง (ฐปร.) ๔๗.เมอื่ การควบคมุ บงั คบั บญั ชาระหวา่ ง ฐปรพ. กบั ชป.รพศ. ไมส่ ามารถกระทาได้อยา่ งสมบรู ณ์เน่ืองจากระยะทางไกลมี ชป.รพศ. จานวน มาก หรือมพี นื ้ ที่ สงครามนอกแบบ ๒ แหง่ ถ้าจะต้องจดั ฐานปฏบิ ตั กิ ารเพ่ือควบคมุ บงั คบั บญั ชา ซง่ึ จดั ตงั้ โดย พนั .รพศ. ฐานปฏิบตั กิ ารนนั้ คอื ก. ฐานปฏบิ ตั กิ ารรบพเิ ศษ (ฐปรพ.) ข. ฐานปฏิบตั กิ ารรบพเิ ศษหน้า (ฐปน.) ค. ฐานปฏบิ ตั กิ ารรบพเิ ศษแยก (ฐปน.) ง. ฐานปฏิบตั กิ ารรบพเิ ศษสารอง (ฐปร.) ๔๘.การแทรกซึมเข้าของหน่วยรบพเิ ศษมีก่ีวธิ ี อะไรบ้าง ก. ๔ วธิ ี ทางอากาศ ทางน้า ทางบก การหลบอย่หู ลงั แนวข้าศกึ ข. ๔ วธิ ี ทางอากาศ ทางน้า ทางบก ทางพนื ้ ผวิ ค. ๓ วธิ ี ทางอากาศ ทางพนื ้ ผวิ การหลบอย่หู ลงั แนวข้าศกึ ง. ๓ วธิ ี ทางอากาศ ทางน้า ทางบก ๔๙.“ สามารถนาสง่ ได้เป็นระยะทางไกล เม่ือเปรียบเทียบกบั วธิ ีการแทรกซึมอยา่ งอ่ืนแล้วสภาพลมฟ้ าอากาศไมค่ อ่ ยมผี ลกระทบ....” เป็นข้อดี ของการแทรกซมึ วธิ ีใด ก. ทางอากาศ ข. ทางนา้ ค. ทางบก ง. ทางพนื ้ ผิว ๕๐.ข้อใดไมใ่ ชก่ ารปฏิบตั ใิ น กจิ กรรมสงครามนอกแบบ ก. สงครามจิตวทิ ยา ข. สงครามกองโจร ค. การบอ่ นทาลาย ง. การกอ่ วนิ าศกรรม
๕๑.การปฏบิ ตั กิ ารสงครามนอกแบบมี ๗ ขนั้ ตอน ชป.รพศ. เร่ิมปฏิบตั ใิ นขนั้ ใดและขนั้ ตอนใดที่สาคญั และย่งุ ยากมากของการสงครามนอก แบบ ก. ขนั้ ตอนท่ี ๓ การแทรกซึมเข้า และขนั้ ตอนท่ี ๗ การปลดปลอ่ ย ข. ขนั้ ตอนที่ ๑ การเตรียมการจติ วทิ ยา และ ขนั้ ตอนท่ี ๗ การปลดปลอ่ ย ค. ขนั้ ตอนที่ ๒ การตดิ ตอ่ เร่ิมแรก และ ขนั้ ตอนที่ ๗ การปลดปลอ่ ย ง. ขนั้ ตอนที่ ๓ การแทรกซึมเข้า และ ขนั้ ตอนท่ี ๔ การจดั ตงั้ ๕๒.การปฏิบตั กิ ารเลด็ ลอดและหลบหนีประกอบด้วยข่ายปฏบิ ตั กิ ารลบั หนึ่งหรือสองขา่ ยขนึ ้ ไประบบ การเลด็ ลอดและหลบหนีประกอบด้วย สว่ นปฏิบตั กิ ารที่สาคญั กี่สว่ น อะไรบ้าง ก. ๒ สว่ น สว่ นควบคมุ สว่ นปฏบิ ตั ิ ข. ๓ สว่ น สว่ นควบคมุ สว่ นตดิ ตอ่ และเก็บตวั สว่ นเคล่ือนย้าย ค. ๔ สว่ น สว่ นควบคมุ สว่ นตดิ ตอ่ และเก็บตวั สว่ นเคล่ือนย้าย สว่ นสง่ ออก ง. ๕ สว่ น สว่ นควบคมุ สว่ นตดิ ตอ่ และเกบ็ ตวั สว่ นเคลื่อนย้าย สว่ นสง่ ออก สว่ นทดแทน ๕๓.การกอ่ ความไมส่ งบมกี ี่ขนั้ ตอนอะไรบ้าง ก. ๓ ขนั้ ตอน ขนั้ เร่ิมต้น สงครามกองโจร สงครามขบวนการ ข. ๓ ขนั้ ตอน ขนั้ เริ่มต้น สงครามกองโจร สงครามก่อการร้าย ค. ๔ ขนั้ ตอน ขนั้ เร่ิมต้น สงครามกองโจร สงครามขบวนการ สงครามกอ่ การร้าย ง. ไมม่ ีข้อใดถกู ข้อสอบวชิ าการ การตรวจสอบและประเมนิ ผลกองร้อยเตรียมพร้อม ๕๔.ข้อใดไม่ใช่รูปแบบหลกั ของการปฏิบตั กิ ารโดยตรง ก. ปฏบิ ตั งิ านด้วยกาลงั รบของหนว่ ยรบพเิ ศษล้วน ๆ โดยลาพงั ข. ปฏิบตั งิ านด้วยกาลงั รบของหน่วยรบพิเศษร่วมกบั กาลงั ปฏิบตั กิ ารพเิ ศษ และกาลงั รบตามแบบ ค. ปฏิบตั งิ านในลกั ษณะการยทุ ธ์ผสมกบั ชดุ ปฏบิ ตั กิ ารของตา่ งประเทศ โดยมกี าลงั ของตา่ งประเทศเป็นผ้นู า
ง. ปฏิบตั งิ านในลกั ษณะการยทุ ธ์ผสมกบั ชดุ ปฏบิ ตั กิ ารของตา่ งประเทศซึง่ ได้รับการฝึกอบรมและชีน้ าจากกาลงั รบของหนว่ ยรบพเิ ศษ ๕๕.การปฏิบตั กิ ารลาดตระเวนพเิ ศษ แบง่ เป็นกี่ประเภท อะไรบ้าง ก. ๒ ประเภท คือ การลาดตระเวนรบ , การลาดตระเวนหาขา่ ว ข. ๒ ประเภท คือ การลาดตระเวนและการเฝ้ าตรวจสนามรบ , การรวบรวมขา่ วสารทางลบั ค. ๓ ประเภท คือ การลาดตระเวนรบ , การลาดตระเวนหาขา่ ว , การรวบรวมขา่ วสารทางลบั ง. ๓ ประเภท คอื การลาดตระเวนและการเฝ้ าตรวจสนามรบ , การลาดตระเวนหาขา่ ว , การรวบรวม ขา่ วสารทางลบั ๕๖. การวเิ คราะห์เป้ าหมาย คอื การประเมนิ คา่ พนื ้ ที่ของหนว่ ยรบพเิ ศษร่วมกบั การลาดตระเวนทางการช่างของหนว่ ยรบตามแบบ ข้อใดไมใ่ ช่ ข้อพจิ ารณาการวเิ คราะห์เป้ าหมาย ก. จดุ แขง็ ของเป้ าหมาย ข. การเข้าถึงเป้ าหมาย ค. ผลกระทบท่ีเกดิ จากการทาลายเป้ าหมาย ง. จดุ วกิ ฤตขิ องเป้ าหมาย ๕๗.การตอ่ ส้กู ารกอ่ การร้าย แบง่ ออกเป็น ๒ ขนั้ คืออะไร ก. ขนั้ การป้ องกนั โจมตีระยะไกล , ขนั้ การป้ องกนั การกอ่ การร้าย ข. ขนั้ การป้ องกนั การกอ่ วนิ าศกรรม , ขนั้ การปราบปรามการก่อการร้าย ค. ขนั้ การป้ องกนั การก่อการร้าย , ขนั้ การปราบปรามการกอ่ การร้าย ง. ขนั้ การป้ องกนั ตอ่ สเู่ พ่อื ความมน่ั คงภายใน , ขนั้ การป้ องกนั การก่อการร้าย ๕๘.การปราบปรามการก่อความไมส่ งบหมายถึงข้อใด ก. การลดความสญู เสยี อนั จะเกิดแกบ่ คุ คลสถานท่ีและสงิ่ ของตา่ งๆ ข. การวเิ คราะห์ภยั คกุ คามและมาตรการป้ องกนั อ่ืนๆ ค. การปฏิบตั กิ ารเชงิ รุกที่กระทาเพ่ือตอบโต้การกอ่ การร้าย ง. การโจมตีและพสิ จู น์ทราบเป้ าหมายของภารกจิ ๕๙.เป้ าหมายของการป้ องกนั และปราบปรามการก่อความไมส่ งบคอื ใด ก. การป้ องกนั มใิ ห้เกิดความไมส่ งบและความรุนแรงภายในประเทศ ข. การป้ องกนั มใิ ห้เกดิ ความไมส่ งบเป็นมาตรการท่ีดที ่ีสดุ และประหยดั ที่สดุ ค. การป้ องกนั มใิ ห้เกิดความไมส่ งบเป็นมาตรการที่ทาได้ทนั ทีและควบคมุ โดยรัฐบาล ง. การป้ องกนั มใิ ห้เกิดความไม่สงบเป็นมาตรการเพ่ือความสงบเรียบร้อยแก่ประเทศชาติ
๖๐. ข้อพจิ ารณาเก่ียวกบั สถานการณ์ การสนบั สนนุ การช่วยรบของหน่วยรบพเิ ศษในยามปกติ การปฏิบตั งิ านของหน่วยรบพเิ ศษในยามปกติ ข้อใดกลา่ วถกู ต้อง ก. การเตรียมความพร้อมของหนว่ ยเพือ่ รองรับภารกจิ ทงั้ ความพร้อมบคุ คลเป็นหน่วยและยทุ โธปกรณ์ ข. การเตรียมความพร้อมของบคุ คลเพ่ือรองรับภารกจิ ทงั้ อาวธุ ยทุ โธปกรณ์และความสามารถสว่ นบคุ คล ค. การเตรียมความพร้อมของอปุ กรณ์เพอื่ รองรับภารกิจ ทงั้ การฝึกศกึ ษาและความสามารถสว่ นบคุ คล ง. การเตรียมความพร้อมของหน่วยเพ่อื จดั การทดแทนกาลงั พล ทงั้ เตรียมการบรรจกุ าลงั พลทดแทน ในและนอกอตั ราของหน่วยเกิดความเสยี หาย วทิ ยุ ส่ือสาร ๑. ชดุ วทิ ยุ PRC-624 สามารถตงั ้ ความถี่ลว่ งหน้าได้กี่ช่อง ? ก. ๒ ช่อง ข. ๕ ชอ่ ง ค. ๑๐ ชอ่ ง ง. ๑๒ ชอ่ ง ๒. ขา่ ยวทิ ยใุ น มว.ปล. ของกองร้อย อวบ. มวี ทิ ยุ PRC-624 จานวนกี่เครื่อง ? ก. ๔ เคร่ือง ข. ๕ เครื่อง ค. ๖ เคร่ือง ง. ๘ เครื่อง ๓. ชดุ วทิ ยุ AN/PRC-77 มีย่านความถี่ใช้งานตงั ้ แตเ่ ท่าไรถึงเทา่ ไร ? ก. 30.00 – 75.95 MHz ข. 53.95 – 70.95 MHz ค. 30.00 – 52.95 MHz ง. 53.95 – 75.95 MHz ๔. ชดุ วทิ ยุ AN/PRC - 77 มรี ะยะการส่ือสารประมาณเทา่ ไร ? ก. 8 และ 12 กม. ข. 5 และ 8 กม. ค. 8 และ 12 ไมล์ ง. 5 และ 8 ไมล์ ๕. ชดุ วทิ ยุ AN/PRC-77 สามารถตงั ้ ความถี่ล่วงหน้าได้ก่ีช่องสถานี ? ก. ๒ ชอ่ ง ข. ๓ ชอ่ ง ค. ๑๐ ช่อง ง. ๕ ชอ่ ง ๖. อปุ กรณ์ชนิดใด ไมใ่ ช่ สว่ นประกอบชดุ ของ CE-11 ? ข. ST-34 , 35 (สายผ้าใบ) ก. RL-39 (โครงล้อ) ง. DR-8 (ล้อม้วนสาย) ค. TA-1/PT
๗. โทรศพั ท์สนาม TA-1/PT เป็นโทรศพั ท์ใช้กาลงั งานประเภทใด ? ก. หม้อไฟร่วมเฉพาะสญั ญาณเรียก ข. กาลงั งานเสยี ง ค. หม้อไฟประจาเครื่อง ง. หม้อไฟร่วม ๘. โทรศพั ท์ TA – 1/PT เมือ่ ใช้กบั สาย WD – 1/TT สามารถทาการตดิ ตอ่ ส่ือสาร ในระยะทางไกลสดุ เท่าไร ? ก. ๑๕ กม. ข. ๑๖ กม. ค. ๑๗ กม. ง. ๑๘ กม. ๙. เม่อื มสี ญั ญาณเรียกเข้า TA-1/PT จะแสดงสญั ญาณเตอื นการเรียกเข้าในลกั ษณะใดบ้าง .? ก. เสยี งสญั ญาณ ข. แสงสญั ญาณ ค. เสยี งสญั ญาณและแสงสญั ญาณ ง. เสยี งสญั ญาณและทศั นะสญั ญาณ ๑๐. โทรศพั ท์ TA – 312/PT มีระยะในการกริ่งเรียก ไกลสดุ เท่าไร ? ก. ๓๕ กม. ข. ๓๖ กม. ค. ๓๗ กม. ง. ๓๘ กม. ๑๑. ต้สู ลบั สายฉกุ เฉนิ SB – 993/GT ประกอบด้วย อะแดพเตอร์ U – 184/GT ๗ ตวั ซ่ึงทาด้วยพลาสตกิ ใส ทาให้สามารถรับทางสายได้สงู สดุ กี่ทางสาย ? ก. ๖ ทางสาย ข. ๗ ทางสาย ค. ๘ ทางสาย ง. ๙ ทางสาย ๑๒. ต้สู ลบั สาย SB – 22/PT หนกั ประมาณ ๓๐ ปอนด์ สามารถรับทางสายได้ ๑๒ ทางสาย ถ้าตอ่ พว่ ง ๒ เคร่ือง เข้าด้วยกนั สามารถรับทางสายได้สงู สดุ กี่ทางสาย ? ก. ๒๔ ทางสาย ข. ๒๕ ทางสาย ค. ๒๙ ทางสาย ง. ๓๐ ทางสาย
๑๓. ต้สู ลบั สาย SB – 22/PT หนกั ประมาร ๓๐ ปอนด์ สามารถรับทางสายได้ ๑๒ ทางสาย ถ้าตอ่ พว่ ง ๒ เครื่อง เข้าด้วยกนั สามารถรับทางสายได้สงู สดุ ก่ีทางสาย ? ก. ๒๔ ทางสาย ข. ๒๕ ทางสาย ค. ๒๙ ทางสาย ง. ๓๐ ทางสาย ๑๔. ขา่ ยการสอ่ื สารทางสายของ พนั .ร. ต้องใช้ ต้สู ลบั สาย SB – 22/Pt ก่ีตู้ ? ก. ๑ ตู้ ข. ๒ ตู้ ค. ๓ ตู้ ง. ๔ ตู้ ๑๕. ต้สู ลบั สาย SB – 86/P สามารถรับทางสายได้ ๓๐ ทางสาย ถ้าตอ่ พว่ ง ๒ เครื่องเข้าด้วยกนั สามารถรับ ทางสายได้สงู สดุ กี่ทางสาย ? ก. ๕๘ ทางสาย ข. ๕๙ ทางสาย ค. ๖๐ ทางสาย ง. ๖๑ ทางสาย ๑๖. ระเบยี บการวทิ ยโุ ทรศพั ท์กาหนดขนึ ้ เพ่ืออะไร ? ก. เร่งรัดการสง่ ขา่ วให้เร็วขนึ ้ และลดความผดิ พลาดให้น้อยลง ข. ชว่ ยลดการฝ่ าฝื นการรักษาความปลอดภยั ให้น้อยลง ค. ช่วยให้ใช้การตดิ ตอ่ ส่ือสารทางวทิ ยมุ ีประสทิ ธภิ าพดียิ่งขนึ ้ ง. หลีกเลี่ยงความสบั สนระหวา่ งตวั อกั ษร ๑๗. ตวั อกั ษรภาษาไทยสองตวั ที่จะต้องอา่ นออกเสยี งตา่ งออกไปจากปกติ คอื ? ก. ขอ – ข้าว และ สอ – เสอื ข. ขอ – ข้าว และ สอ – สงิ โต ค. ขอ – ไข่ และ สอ – สงิ โต ง. ขอ – ไข่ และ สอ – เสอื ๑๘. นามสถานีเป็นนามท่ีตงั้ ขนึ ้ มาเพอ่ื อะไร ? ก. แทนชื่อนามหน่วย ข. แทนชื่อนามขา่ ย
ค. แทนช่ือนามรวมง. แทนช่ือนามเรียกขาน ๑๙. นามในการเรียกขาน มี ๓ ชนิด อะไรบ้าง ? ก. นามสถานี นามรวม นามหมู่ ข. นามสถานี นามรวม นามขา่ ย ค. นามสถานี นามหน่วย นามขา่ ย ง. นามสถานี นามรวม นามหนว่ ย ๒๐. ในกรณีท่ีทา่ นสง่ ขา่ วผดิ (พดู ผดิ ) ท่านจะใช้คาพดู ตามระเบียบการวทิ ยโุ ทรศพั ท์ วา่ อย่างไร ? ก. ผดิ – หยดุ ข. ผดิ – จดุ ค. ผดิ – ขอแก้ ง. ผดิ – ขอแก้ไข สะกดรอย 1.การสะกดรอยด้วยสายตามใิ ช่ของใหมแ่ ท้จริงคือของเก่าที่พรานป่ าได้ปฏบิ ตั ิมาแล้วหรือนกั เรียนก็เคยปฏบิ ตั ิมานกั สะกดรอยจะต้องเป็นผ้มู ี ความรู้ในเร่ืองใด ? ก. รู้จกั การเอาใจใส่ ข. รู้จกั การสงั เกตสงิ่ เลก็ ๆน้อยๆ ค. รู้หลกั การตรวจการณ์ ง. ท่ีกลา่ วมาถกู ทกุ ข้อ 2.ลกั ษณะการปฏบิ ตั งิ านของชดุ สะกดรอยมีหลายประการเช่นเป็นชดุ แก้ปัญหาให้ ผบช.ปฏิบตั งิ านเม่อื ผบช.สง่ั , ชดุ สะกดรอยปฏิบตั งิ านใกล้ ข้าศกึ 100 - 200 เมตรจดุ ออ่ นของนกั สะกดรอยได้แก่ ? ก. ห้ามขาดการฝึ กฝนเกนิ 3 เดอื นและต้องฝึ กตนเองสปั ดาห์ละ 2 ครัง้
ข. ห้ามขาดการฝึ กฝนเกิน 2 เดอื นและต้องฝึ กตนเองสปั ดาห์ละ 2 ครัง้ ค. ห้ามขาดการฝึ กฝนเกิน 2 เดือนและต้องฝึ กตนเองสปั ดาห์ละ 3 ครัง้ ง. ห้ามขาดการฝึ กฝนเกนิ 3 เดือนและต้องฝึ กตนเองสปั ดาห์ละ 3 ครัง้ 3.คณุ ลกั ษณะของนกั สะกดรอยที่ดปี ระกอบด้วย สายตาดี, ปัญญาด,ี ความจาด,ี อดทน, แขง็ แรง เป็นพล ลว.นาดี ประเภทการสะกดรอย 3 อย่าง คือ ? ก. สายตา, ดมกลน่ิ . การสงั เกต ข. สายตา, จมกู ด,ี การสงั เกต ค. สายตา, ดมกลนิ่ , การฟังเสียง ง. สายตา, จมกู ด,ี การจาดี 4.สง่ิ ท่ีนกั สะกดรอยไมค่ วรทา 5 ประการคืออย่าก้มหน้าหารอยตลอดเวลา, อยา่ เสยี งดงั , อยา่ จบั ต้นไม้, อย่าหลอกตวั เอง, อยา่ ไปเมอ่ื เหนื่อยปัจจยั ท่ีมผี ลกระทบตอ่ การสะกดรอยมีอะไรบ้าง ? ก. แดด, ลม, ฝ่ นุ , ระยะทาง ข. แสง, เสียง, เวลา, เหน่ือย ค. แดด, ลม, ฝน, เวลา ง. แสง, เสียง, ฝน, เวลา 5. ลกั ษณะรอยท่ีพบเกดิ จากข้าศกึ เคลือ่ นที่เร็ว ๆ หรือ ว่ิง รอยจะมลี กั ษณะอย่างไร ? ก. รอยหา่ ง, รอยกระจาย, รอยตนื ้ ข. รอยหา่ ง, รอยคอ่ ย, รอยลกึ ค. รอยห่าง, รอยกระจาย, รอยเป็นแนวเดียวกนั ง. รอยห่าง, รอยลกึ , รอยเป็นแนวเดียวกนั 6.ประเภทของรอยมรี อยบนพนื ้ ดนิ และรอยระดบั สงู เมอ่ื ท่านสะกดรอยแล้วรอยหายทา่ นควรทาอย่างไร ? ก. ถอยหลงั กลบั ไปเริ่มต้นใหม่ ข. แยกกนั เดนิ หาให้ทว่ั ค. ถอยหลงั ไป 4 - 5 ก้าวเริ่มค้นหาอย่างเป็นระบบ ง. จบภารกิจ 7.ขา่ วสารอะไรที่ได้จากรอย ? ก. จานวนคน, ทิศทาง, อายคุ น, เพศชาย – หญิง ข. ทิศทาง, ความเร็ว, อายขุ องรอย, มีของหนกั หรือไม่ ค. เพศชาย – หญิง, ยทุ โธปกรณ์, เวลา, ขวญั ง. ยทุ โธปกรณ์, เวลา, ทิศทาง, มขี องหนกั
8.การคานวณจานวนคนมีสตู รการคานวณอย่างไร ? ก. ขดี กรอบยาว36 นวิ ้ หารด้วย 2 ข. ขีดกรอบยาว18 นวิ ้ ค. หารอยเท้าหลกั ง. ท่ีกลา่ วมาถกู ทกุ ข้อ 9. รอยตอ่ ไปนีอ้ ะไรจดั เป็นรอยบนพนื ้ ดนิ ? ก. รอยนา้ กระเพอ่ื ม ข. รอยมือจบั บนต้นไม้ ค. กงิ่ ไม้หรือใบไม้หกั ง. ใยแมลงมมุ 10. การลวงและการตอ่ ต้านการสะกดรอยเป็นลกั ษณะพงึ ประสงค์ของหนว่ ยทหาร เพ่อื การตอ่ ต้านการตดิ ตามของข้าศกึ ข้อใดไม่ใช่ ก. จงใจนาออกนอกทาง, ลวงเข้าพนื ้ ท่ีซมุ่ ข. คงหลงั คอยกลบเกล่ือนร่องรอย ค. แยกออกเป็นกลมุ่ เลก็ ๆ ง. หกั กิ่งไม้ทาเคร่ืองหมายตลอดทาง 11. การหาจานวนคนรอยเท้า ถ้ารอยเท้าไมช่ ดั เจน จะใช้วธิ ีใดในการหาจานวนคนจากรอย ก. ขดี กรอบยาว 36 นวิ ้ แล้ว หารด้วย 2 ข. ขดี กรอบยาว 18 นวิ ้ ค. หารอยเท้าหลกั ง. ข้อ ก. และ ข. ถกู 12.ข้อไมใ่ ช่การลวง ? ก. เดนิ ถอยหลงั ข. คอ่ ยๆ วง่ิ ทีละคน ค. กวาดรอยบนพนื ้ ทางเดนิ ง. เดนิ ในร่องนา้ 13. ปัจจยั ท่ีช่วยในการสงั เกตการณ์เก่ียวกบั เงามี ๒ ลกั ษณะคอื ? ก. เงาตามธรรมชาตแิ ละเงาท่ีมนษุ ย์สร้างขนึ ้ ข. เงาจากแสงอาทิตย์และเงาจากแสงไฟ ค. เงาภายในและเงาภายนอก ง. เงาบนพนื ้ ดนิ และเงาเหนือพนื ้ ดนิ 14.ประเภทของรอยมอี ยู่ 2 ประเภทได้แกอ่ ะไร ? ข.รอยระดบั ตา่ ,รอยระดบั สงู ก. รอยระดบั สงู ,รอยบนพนื ้ ดนิ
ค. รอยระดบั สงู ,รอยระดบั กลาง ง. รอยระดบั สงู ,รอยระดบั เดยี วกนั 15.ข้อใดคอื คณุ ลกั ษณะของรอย ? ก. ลกั ษณะเฉพาะตวั ,การแบนราบ ข. การเคลอื่ นย้าย,การเปล่ยี นสี ข. สง่ิ ที่ถกู ทงิ ้ ไว้หรือขยะ,การรบกวน ง. ถกู ทกุ ข้อ การเล็ดลอดหลบหนี 1. ความมงุ่ หมายของการเลด็ ลอดหลบหนี เพือ่ ให้ทราบหลกั การในข้อใด ? ก. เม่ือตนเองหรือหน่วยถกู ตดั ขาดจากกาลงั สว่ นใหญ่ ข. เมื่อตนอยใู่ นเขตหลงั ของข้าศกึ
ค. เมอ่ื ตกเป็นเชลยศกึ ง. ทกุ ข้อที่กลา่ วมา 2. การปลอมแปลง ปิดบงั โดยการเดนิ ทางปะปนไปกบั พลเรือน เป็นการเลด็ ลอดหลงั แนววธิ ีใด ? ก. โดยการแทรกซึม ข. เลด็ ลอดโดยการลวง ค. ปฏบิ ตั กิ ารแบบกองโจร ง. ถกู เฉพาะข้อ ข. และ ค. 3. การเลด็ ลอดชนิดใด ปฏิบตั ิตอ่ จากการหลบหนี ก. ระยะใกล้ ข. ระยะไกล ค. แทรกซึม ง. การรบแบบกองโจร 4. การตกลงใจทาการตงั ้ รับณที่มน่ั ปัจจบุ นั ต้องอาศยั ปัจจยั อะไรบ้าง ? ก. เวลา, ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศ, ลมฟ้ าอากาศ ข. สถานการณ์, กาลงั ข้าศกึ , ภารกิจ ค. กาลงั ฝ่ ายเรา, กาลงั ฝ่ ายข้าศกึ , ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศ ง. เวลา, ขา่ วสารเก่ียวกับข้าศกึ , สป.ตา่ ง ๆ , กาลงั ที่จะทาการต้านดทาน ณ ที่มนั่ ตงั ้ รับ 5. การเลด็ ลอดหมายถึง ? ก. การปฏิบตั ทิ กุ วถิ ีทางเพอ่ื ให้พ้นจากท่ีคมุ ขงั ข. การปฏบิ ตั ทิ กุ วถิ ีทางเพอื่ ให้พ้นจากการทรมาน ค. การปฏบิ ตั ทิ กุ วถิ ีทางเพอ่ื ให้พ้นจากการถกู จบั ง. การปฏบิ ตั ทิ กุ วถิ ีทางเพือ่ ให้พ้นจากพนื ้ ท่ีการรบ 6. เมอ่ื ทา่ นตกเป็นเชลยศกึ ควรตอบคาถามในเร่ืองอไรบ้าง ? ก. ยศ, ช่ือ, สกลุ , หมายเลขประจาตวั ข. ยศ, ชื่อ, สกลุ , ภมู ลิ าเนา, หมายเลขประจาตวั
ค. ยศ, ช่ือ, สกลุ , ภมู ลิ าเนา, สงั กดั , หมายเลขประจาตวั ง. ยศ, ช่ือ, สกลุ , วนั เดือนปี เกดิ , หมายเลขประจาตวั 7. การวางแผนในการเลด็ ลอดหลบหนีวธิ ีแทรกซมึ จะอาศยั ปัจจยั ที่สาคญั อะไรบ้าง ? ก. ท่ีอย่ปู ัจจบุ นั , การวางกาลงั ของข้าศกึ , ทศั นวสิ ยั , สมรรถภาพของผ้เู ลด็ ลอด ข. เวลา, ข้าศกึ , ภมู ปิ ระเทศ, ลมฟ้ าอากาศ ค. เวลา, ข้าศกึ , ขวญั , ทศั นวสิ ยั ง. ข้าศกึ , ภมู ปิ ระเทศ, ลมฟ้ าอากาศ 8. การปฏบิ ตั กิ ารเลด็ ลอดหลบหนี ทบ.ได้มอบความรับผดิ ชอบให้กบั หนว่ ยใด ? ก. ขว.ทบ. ข. ขกท.ทบ. ค. นสศ. ง. ศปก.ทบ. 9. ข้อใดเป็นสาเหตทุ ี่ไมค่ ดิ จะหลบหนี ? ข. ไมว่ างแผน ก. ขาดการฝึ ก ง. ความหวาดกลวั ค. ความเพกิ เฉย 10. ข้อใดไม่ใช่คณุ คา่ ของการหลบหนี ? ก. อิสระภาพ ขา่ วสารทางทหาร ข. เพมิ่ กาลงั ให้ฝ่ ายเดียวกนั ควบคมุ ไว้ ค. บนั่ ทอนกาลงั รบข้าศกึ ให้เกิดความวนุ่ วาย ง. ทาให้ข้าศกึ ขวญั ต่า 11.ประเภทของการเลด็ ลอดแบง่ ออก 2 ประเภท ได้แก่อะไรบ้าง ? ก. 1.ประเภทระยะใกล้ 2.ประเภทระยะยาว ข. 1.ประเภทระยะใกล้ 2.ประเภทหลงั แนวรบ ค. 1.ประเภทระยะใกล้ 2.ประเภทระยะไกล ง. 1.ประเภทใกล้ประชิด 2.ประเภทไมป่ ระชิด
12.ข้อใดกลา่ วถึงการเลด็ ลอดระยะใกล้ได้ถกู ต้อง ? ข. รู้ท่ีตงั้ ,การวางกาลงั ของข้าศกึ ก. มีสภาพร่างกายด,ี รู้ทิศทางระยะทาง ง. ที่กลา่ วมาถกู ทกุ ข้อ ค. มอี าหารและเสอื ้ ผ้า 13.การเลด็ ลอดระยะไกลวธิ ีใดเป็นวธิ ีท่ีดที ่ีสดุ ? ก. การแทรกซึม ข. การลวง ค. กองโจร ง. แบบผสม 14.การสง่ กลบั ข้าศกึ ไปยงั พนื ้ ที่ส่วนหลกั ต้องทาการสง่ กลบั ไปจนถงึ หน่วยระดบั ใด ? ก. กองทพั ภาค ข. กองพล ค. กรม ง. กองพนั 15.การปฏิบตั ติ อ่ เชลยศกึ ข้อใดถกู ต้องที่สดุ ? ก. จบั กมุ ,ค้น,แยก,รวดเร็ว,พทิ กั ษ์ ข. ค้น,จบั กมุ ,แยก,เงียบ,รวดเร็ว ค. จบั กมุ ,ค้น,แยก,เงียบ,รวดเร็ว, ง. ค้น,แยก,เงียบ,เร็ว.พทิ กั ษ์
แผนท่ี 1. รูปลายเส้นท่ีเขียนแสดงผวิ พนื ้ พภิ พ ลงบนพนื ้ ราบตามมาตราส่วน สง่ิ ท่ีมนษุ ย์สร้างขนึ ้ และที่ปรากฏตามธรรมชาตจิ ะแสดงด้วยสญั ลกั ษณ์ เส้นและสี เป็นความหมายของอะไร ? ก. สญั ลกั ษณ์ของแผนที่ ข. สญั ลกั ษณ์ทางทหาร ค. แผนที่ ง. ถกู ทกุ ข้อ 2. แผนที่ท่ีมใี ช้อย่ใู นปัจจบุ นั สามารถแบง่ ได้กี่ประเภท ? ข. 5 ประเภท ก. 3 ประเภท ง. ไมม่ ขี ้อถกู ค. 7 ประเภท 3.ข้อใดมีความหมายเชน่ เดยี วกบั คาวา่ “เส้นละตจิ ดู ” ? ก. เส้นรุ้ง, เส้นแวง ข. เส้นลองตจิ ดู , เส้นแวง ค. เส้นขนาน, เส้นลองตจิ ดู ง. เส้นรุ้ง, เส้นขนาน 4. แผนที่ท่ีมใี ช้อยใู่ นประเทศไทย ข้อใดกลา่ วถกู ต้องท่ีสดุ ? ข. 1 :50,000 มอี ยู่ 830 ระวาง ก. 1 : 25,000 มีอยทู่ กุ จงั หวดั ง. ถกู ทกุ ข้อ ค. 1 : 250,000 มอี ยู่ 53 แผน่ 5. แผนที่ที่เหมาะแกก่ ารใช้รบในเมือง คือแผนท่ีอะไร ? ข. แผนที่ตวั เมือง ก. L 9013 ง. ถกู ทกุ ข้อ ค. 1 : 12,500
6. ข้อใดไม่ใช่สีท่ีใช้เขียนสญั ลกั ษณ์บนแผนท่ี ? ข. สเี หลอื ง ก. สีนา้ เงิน (ฟ้ า) ง. สีนา้ ตาลแดง ค. สีเขียว 7. ในปัจจบุ นั ประเทศไทยได้ปรับปรุงแก้ไขแผนที่ชดุ ล่าสดุ ออกมาใช้งานเพ่ือให้เกดิ ความทนั สมยั และมีความถูกต้องมากย่ิงขนึ ้ มีชื่อวา่ อะไร ? ก. L 7018 ข. 1501 ค. L 8019 ง. L 9013 8. แผนท่ีชดุ ปัจจบุ นั มาตราสว่ น 1 : 50,000 ที่มกี ารปรับปรุงแก้ไขโดยใช้พนื ้ หลกั ฐานอ้างอิงทางราบ WGS– 84 จะมีหมายเลขระวาง เหมือนเดมิ แตช่ ่ือระวางอาจเปลยี่ นไปเน่ืองจากสาเหตอุ ะไร ? ก. มกี ารเล่ือนขอบระวาง ข. ขอบเขตของแผนที่เลือ่ นไปจากเดมิ ค. มีการเปลยี่ นระบบในการจดั ทา ง. ขนาดแผนท่ีใหญ่ขนึ ้ กวา่ เดมิ 9. ในการศกึ ษาเรื่องรายละเอียดขอบระวาง เพราะสาเหตใุ ดจึงหยิบยกแผนท่ีมาตราสว่ น 1 : 50,000 มาเป็นแนวทาง ? ก. หนว่ ยทหารสว่ นใหญ่ใช้แผนท่ี 1 : 50,000 ข. มรี ายละเอียดมากกวา่ แผนที่อื่นๆ และศกึ ษาทาความเข้าใจง่าย ค. มีความชดั เจนเนื่องจากแผนท่ี 1 : 50,000 มคี วามเป็นมาตรฐานในรายละเอียดคอ่ นข้างสงู ง. ท่ีกลา่ วมาถกู ทกุ ข้อ 10. จะปรากฏอยทู่ ี่กึง่ กลางขอบระวางด้านบนและด้านลา่ งทางซ้าย ปกตใิ ช้ช่ือภมู ปิ ระเทศเดน่ ทางภมู ศิ าสตร์หรือสอ่ื ทางธรรมชาติ หรือใช้ชื่อ เมอื งท่ีใหญ่ เป็นความหมายของคาวา่ อะไร ? ก. ช่ือชดุ ข. ชื่อมาตราสว่ น ค. ชื่อระวาง ง. หมายเลขลาดบั ชดุ 11. เส้นขนาน คือเส้นวงกลมเลก็ ท่ีลากรอบโลก และขนานกบั เส้นศนู ย์สตู ร อยากทราบวา่ เส้นขนานแตล่ ะเส้นมคี า่ เทา่ กับเทา่ ไร ? ก. 15 องศา ข. 8 องศา ค. 6 องศา ง. 1 องศา
12. เส้นเมอริเดียน คอื เส้นท่ีลากเช่ือมโยงระหวา่ งขวั้ โลกเหนือกบั ขวั้ โลกใต้ โดยท่ีปลายของเส้นจะบรรจบกนั ที่ขวั้ โลกทงั้ สอง อยากทราบวา่ เส้นเมอริเดียนรอบโลกมกี ี่เส้น ? ก. 360 เส้น ข. 180 เส้น ค. 90 เส้น ง. ถกู ทกุ ข้อ 13. ตามราชกจิ จานเุ บกษา เลม่ ที่ 36 เม่อื วนั ที่ 21 ม.ี ค. 2462 มีผลบงั คบั ใช้ตงั้ แต่ 1 เม.ย. 2463 กาหนดให้เวลาสาหรับกรุงสยามทวั่ ราชอาณาจกั รเป็น 7 ชม. กอ่ นเวลากรีนิช ตรงกบั สมยั รัชกาลท่ีเทา่ ไร ? ก. รัชกาลท่ี 5 ข. รัชกาลท่ี 6 ค. รัชกาลท่ี 7 ง. ไมม่ ขี ้อถกู 14.ในการทาแผนที่ระบบ UTMกริด ได้แบง่ โลกออกเป็นกี่โซน ? ก. 15 โซน ข. 30 โซน ค. 45 โซน ง. 60 โซน 15. มาตราสว่ นสามารถแยกแผนท่ีทางทหารได้กี่ขนาด ? ข. 3 ขนาด ก. 4 ขนาด ง. ถกู ทกุ ข้อ ค. 2 ขนาด 16. การเขียนมาตราสว่ นของแผนที่ข้อใดถกู ต้อง? ข. 1/50,000 ก. 1 50,000 ค. 1 : 50,000 ง. ถกู ทกุ ข้อ 17.ทศิ มอี ยทู่ งั้ หมด 8 ทิศ อยากทราบวา่ ทิศแตล่ ะทิศทามมุ เท่ากนั ก่ีองศา ? ก. 120 องศา ข. 90 องศา ค. 45 องศา ง. 30 องศา
18. การหาความสงู สาหรับประเทศไทย ใช้พนื ้ ระดบั นา้ ทะเลปานกลาง โดยเลือกที่เกาะหลกั จงั หวดั ประจวบคีรีขนั ธ์ ใช้ระยะเวลาในการคดิ คานวณ 5 ปี มีคา่ เฉลยี่ ความสงู เทา่ ไร ? ก. 1.4477 เมตร ข. 1.7744 เมตร ค. 1.4747 เมตร ง. ไมม่ ขี ้อถกู 19. ในแผนที่แตล่ ะระวางของประเทศไทย ผ้ใู ช้แผนที่จะเห็นได้วา่ .....เม่ือทาการวดั มมุ หรือขีดมมุ บนแผนที่ทกุ ครัง้ ไมต่ ้องนาคา่ มมุ กริด แมเ่ หลก็ มาคดิ คานวณเลย ทงั้ นีเ้ป็นเพราะสาเหตอุ ะไร ? ก. ทิศเหนือแมเ่ หลก็ กบั ทศิ เหนือกริดเป็นทศิ เดยี วกนั ข. ทิศเหนือกริดกบั ทิศเหนือจริงเป็นทศิ เดียวกนั ค. ประเทศไทยมีเส้นแรงแมเ่ หลก็ ท่ีมีคา่ เบย่ี งเป็น 0 (ศนู ย์) ง. ถกู ทกุ ข้อ 20. จากหลกั ฐานท่ีได้มีการบนั ทึกไว้เป็นลายลกั ษณ์อกั ษร อยากทราบวา่ ประเทศใดมีการใช้เขม็ ทศิ เป็นประเทศแรกของโลก ? ก. ประเทศอติ าลี ข. ประเทศจีน ค. ประเทศอเมริกา ง. ประเทศสวีเดน
คุณลักษณะความเป็ นผู้นา ๑. เคร่ืองชีค้ วามเป็นผ้นู ามอี ย่ดู ้วยกนั หลายประการ อยากทราบวา่ ข้อใดไมใ่ ชเ่ คร่ืองชีค้ วามเป็นผ้นู า? ก. วนิ ยั ข.กล้าหาญ ค. ขวญั ง. สมรรถภาพ
๒. ข้อความใดมีความหมายตรงกบั คาวา่ “ความรักหม่คู ณะ” ? ก.ความจงรักภกั ดี ความภาคภมู ใิ จ ความศรัทราตอ่ หนว่ ยและบุคคลที่อยรู่ ่วมกนั ข.ความจงรักภกั ดี ความภาคภมู ใิ จ ความศรัทราในตวั ผ้นู า และหน่วยท่ีมีประสทิ ธภิ าพ ค.ความจงรักภกั ดี ความภาคภมู ใิ จ ความศรัทราตอ่ หนว่ ยที่สมาชิกแตล่ ะบคุ คลของหนว่ ย แสดงออกให้เหน็ ง.ความจงรักภกั ดที ี่บคุ คลในหน่วยมีให้ซ่งึ กนั และกนั ๓. “ความเป็นผ้เู ช่ือถือได้” มคี วามหมายตรงกบั ข้อใด? ก. ได้รับความไว้วางใจและความเชื่อถือจากสงั คม ข. ปฏบิ ตั หิ น้าท่ีด้วยความถกู ต้อง ด้วยความซื่อสตั ย์สจุ ริต ค.การได้รับความไว้วางใจในการปฏบิ ตั งิ านตามหน้าท่ีได้อยา่ งถกู ต้อง ง. ปฏิบตั งิ านตามหน้าท่ีให้สาเร็จลลุ ว่ งไปด้วยดี ๔. บคุ คลที่สามารถปฏิบตั งิ านได้ทกุ สภาวะและตดั ใจจากสงิ่ ยวั่ ยไุ ด้ จงึ นาไปสคู่ วามสาเร็จลลุ ว่ งไปด้วยดีไม่ วา่ จะอยสู่ ภาพแวดล้อมใดๆ ก็ตามบคุ คลเชน่ นีม้ คี ณุ ลกั ษณะของผ้นู าเร่ืองใด ? ก.ความอดทน ข. ความเดด็ ขาด ค. ความกล้าหาญ ง. ทกุ ข้อที่กลา่ วมา ๕. ผ้นู าที่ไมห่ าความสะดวกสบายและความก้าวหน้าให้กบั ตนเองจากความเดอื ดร้อนของผ้อู ื่นและ ผ้ใู ต้บงั คบั บญั ชาเป็นคณุ ลกั ษณะของผ้นู าข้อใด? ก. ความจงรักภกั ดี ข. ความซ่ือสตั ย์
ค. ความไมเ่ หน็ แกต่ วั ง. ความยตุ ธิ รรม ๖. ข้อใดเป็นอานาจหน้าท่ีตามกฎหมายของแตล่ ะบคุ คลในหน่วยทหาร ท่ีมีตอ่ ผ้ใู ต้บงั คบั บญั ชาชนั้ ยศและอานาจที่ได้รับมอบ ? ก. ผ้นู า ข. ผ้บู งั คบั บญั ชา ค. การบงั คบั บญั ชา ง. การจดั การ ๗. ข้อใดเป็นรากฐานของพฤตกิ รรม? ก.ความต้องการบงั คบั บญั ชา ข.ความต้องอนั เกิดจากการเรียน ค. ความต้องการรวมกลมุ่ ง. ถกู ทกุ ข้อ ๘. ผ้นู าอาศยั หลกั เกณฑ์อะไรเพ่ือเป็นเครื่องบง่ บอกผลการปฏิบตั งิ านของหนว่ ยวา่ จะสาเร็จหรือ ล้มเหลว ? ก. หลกั การผ้นู า ข. คณุ ลกั ษณะผ้นู า ค. เคร่ืองชีว้ ดั ความเป็นผ้นู า ง. พฤตกิ รรมมนษุ ย์ ๙. ความเจริญก้าวหน้าทางด้านวทิ ยาการของโลก นนั้ จะเจริญก้าวหน้าไปอยา่ งไมห่ ยดุ ยงั้ และมีการ พฒั นาให้เจริญยิง่ ๆ ขนึ ้ ไปตลอดเวลา ท่านจะพจิ ารณาคณุ ลกั ษณะของผ้นู าในเร่ืองใดจึงจะได้ช่ือ วา่ เป็นผ้นู าท่ีทนั สมยั ? ก.ความร้ ู ข. กาลเทศะ ค. ความกระตือรือร้น ง. ความเป็นผ้เู ชื่อถือได้ ๑๐. การปกครองบงั คบั บญั ชาอย่างตรงไปตรงและ ไม่มีอคตติ อ่ ผ้บู งั คบั บญั ชาคนใด ด้วยความเสมอภาค การ ปฏบิ ตั เิ ชน่ นีต้ รงกบั คณุ ลกั ษณะผ้นู าเรื่องใด?
ก. ความจงรักภกั ดี ข. ความกล้าหาญ ค.ความไมเ่ หน็ แกต่ วั ง.ความยตุ ธิ รรม ๑๑. ข้อใด ผ้นู าไมค่ วรนาใช้มากที่สดุ ในการจงู ใจผ้ใู ต้บงั คบั บญั ชา ? ก. การให้รางวลั ควรให้ในเวลามกี ารประชมุ ชีแ้ จง ข. การตาหนิควรตาหนใิ นท่ีประชมุ เทา่ นนั้ เพอื่ ให้ทราบด้วยทวั่ กนั ค. การให้รางวลั ควรใช้เป็นคาชมเชยมากกวา่ เป็นสงิ่ ของ ง. การตาหนคิ วรเรียกมาตาหนิสองตอ่ สอง ๑๒. คาพดู ที่ว่า “ ไมฆ่ า่ น้อง ไมฟ่ ้ องนาย ไมข่ ายเพื่อน” ไมน่ าปัญหาส่วนตวั ของผ้ใู ต้บงั คบั บญั ชาของตน ไปนนิ ทาให้ผ้อู ื่นฟัง ไมว่ พิ ากษ์วจิ ารณ์ผ้บู งั คบั บญั ชาของตนตอ่ หน้าผ้ใู ต้บงั คบั บญั ชาเป็นคณุ ลกั ษณะ ผ้นู าเร่ืองใด? ก.กาลเทศะ ข.วจิ ารณญาณ ค.ความจงรักภกั ดี ง.การไมเ่ ห็นแกต่ วั ๑๓.เคร่ืองชีค้ วามเป็นผ้นู าเป็นสงิ่ ที่จะชีใ้ ห้เห็นถงึ ความสาเร็จหรือความล้มเหลวในการเป็นผ้นู าทางทหาร นนั ้ ได้แกอ่ ะไรบ้าง? ก.สมรรถภาพ ข.หลกั การของผ้นู า ค.คณุ ลกั ษณะของผ้นู า ง.พฤตกิ รรมของมนษุ ย์
๑๔. การปฏิบตั ติ นยดึ มน่ั อย่ใู นหลกั ธรรมและรักษาสจั จะวาจาโดยสม่าเสมอพดู สงิ่ ใดก็ปฏบิ ตั ติ ามนนั้ เป็น คณุ ลกั ษณะของผ้นู าเรื่องใด ? ก. วจิ ารณญาณ ข. ความอดทน ค. ความยตุ ธิ รรม ง.ความซ่ือสตั ย์ ๑๕. ข้อใดเป็นองคป์ ระกอบของความเป็นผ้นู า ? ก.ตวั ผ้นู า สง่ิ แวดล้อม สถานการณ์ ข.ตวั ผ้นู า หน่วยทหาร สถานการณ์ ค. ตวั ผ้นู า หนว่ ยทหาร สง่ิ แวดล้อม ง. ตวั ผ้นู า พฤตกิ รรม สง่ิ แวดล้อม ๑๖.ถ้ากาลงั พลในหนว่ ยงานของท่านมีขดี ความสามารถในการปฏบิ ตั งิ านตามหน้าที่หรือภารกิจท่ีได้รับ มอบอย่ใู นระดบั มาตรฐานที่สงู แสดงวา่ หน่วยของท่านมีสถานภาพอย่างไร? ก.มคี วามรักหมคู่ ณะ ข.มีขวญั ดี ค.มวี นิ ยั ดี ง.มสี มรรถภาพดี ๑๗. ความเป็นผ้นู าทางทหารเป็นทงั้ ศาสตร์และศลิ ป์ ท่ีจะจงู ใจและอานวยการให้ทหารปฏบิ ตั ภิ ารกจิ สาเร็จ โดยให้ผ้ใู ต้บงั คบั บญั ชาตอบสนองอย่างไร ?
ก. เอาอกเอาใจเรา ข. ประจบสอพลอและเอาของกานลั มาให้ ค. เช่ือฟัง นบั ถือและร่วมมืออย่างจริงใจ ง. ปฏิบตั งิ านตามคาสงั่ ๑๘.การสร้างความประทบั ใจ ให้เป็นท่ีนยิ มของผ้อู ่ืนอยตู่ ลอดเวลา ทงั้ กาย วาจา ใจ คอื ข้อใด? ก.การวางท่าทาง ข.ความยตุ ิธรรม ค.สมรรถภาพ ง.การยอมรับนบั ถือ ๑๙. บคุ ลกิ ลกั ษณะของบคุ คลย่อมจะไมเ่ หมอื นกนั จะเปลย่ี นแปลงไปได้ทกุ เวลา ปัจจยั ตา่ งๆที่จะกอ่ ให้เกดิ บคุ ลกิ ลกั ษณะมีอะไรบ้าง? ก.ประสบการณ์ กรรมพนั ธ์ุ สถานการณ์ ข.สง่ิ แวดล้อม ประสบการณ์ สถานการณ์ ค.กรรมพนั ธ์ุ สง่ิ แวดล้อม ประสบการณ์ ง.กรรมพนั ธ์ุ สง่ิ แวดล้อม สถานการณ์ ๒๐. ข้อใด คือ ตวั กาหนดท่ีจะเป็นผ้นู าท่ีดีและไม่ดี ? ก.มนษุ ยสมั พนั ธ์ ข.ต้นทนุ ชีวติ ค.จติ สานึกของบคุ คล ง.ความต้องการทางร่างกาย คุณลักษณะยานยนต์ ๑.คาวา่ “ รถบรรทกุ ” ทางทหารหมายความวา่ อะไร ก.รถที่ใช้ล้อสาหรับเคล่ือนย้ายคน
ข.รถท่ีใช้ล้อสาหรับเคล่ือนย้ายคน,สตั ว์,สงิ่ ของ ค.รถที่ใช้ล้อสาหรับเคลอื่ นย้ายคน,อาวธุ ,กระสนุ ,และเครื่องมอื เครื่องใช้ ง.รถที่ใช้ล้อหรือสายพานสาหรับบรรทกุ คน และสง่ิ ของทางทหาร ๒.รยบ.๑/๔ ตนั ๔x๔ เอ็ม ๑๕๑ เอ.๑ อยากทราบวา่ ๔x๔ หมายความวา่ อย่างไร ก.รถท่ีมี๔ ล้อ เคลือ่ นที่ได้ทงั้ ๔ ล้อ ข.รถที่มี๔ ล้อ มีกาลงั ขบั เคลือ่ น ๔ ล้อ ค.รถที่มี๔ ล้อ ลากจงู รถพว่ งที่มีล้อ ๔ ล้อ ง.รถท่ีมี๔ ล้อ บรรทกุ กาลงั พลได้ ๔ คน ๓.ข้อใดคอื ความหมายของคาวา่ “นา้ หนกั รถ” ก.นา้ หนกั สมั ภาระหรือผ้โู ดยสาร รวมทงั้ เจ้าหน้าที่ประจารถ ข.นา้ หนกั ทงั้ หมดของรถท่ีตดิ ตงั้ อปุ กรณ์พร้อมด้วยเตมิ นา้ มนั เชือ้ เพลงิ เรียบร้อย แต่ไมม่ ีพลประจารถ ค.นา้ หนกั ทงั้ หมดของรถที่ตดิ ตงั้ อปุ กรณ์พร้อมเติมนา้ มนั เชือ้ เพลงิ เรียบร้อย รวมทงั้ พลประจารถ ง.นา้ หนกั ของรถทงั้ หมดท่ีตดิ ตงั้ อปุ กรณ์และสามารถปฏิบตั กิ ารได้ รวมทงั้ พลประจารถ และนา้ หนกั สมั ภาระ ๔.ข้อใดตอ่ ไปนีค้ ือ “ ระยะสงู พ้นพนื ้ ” ของรถ ก.ระยะระหวา่ งระดบั พนื ้ ดนิ กบั ความสงู ของล้อรถ ข.ระยะระหวา่ งระดบั พนื ้ ดนิ กบั พนื ้ ใต้ท้องรถ ค.ระยะระหวา่ งระดบั พนื ้ ดนิ กบั จดุ ที่ตา่ ท่ีสดุ ใต้ท้องรถ ง.ระยะระหวา่ งระดบั พนื ้ ดนิ กบั กนั ชนหน้ารถ ๕.ถ้าแบง่ ประเภทยานยนต์ตามลกั ษณะการใช้งานอยากทราบวา่ รยบ. ๒ ๑/๒ ตนั เอ็ม ๓๕ จะจดั อยใู่ นยานยนต์ชนดิ ใด ก.ยานยนตธ์ รุ การ ข.ยานยนต์ใช้งานทว่ั ไป ค.ยานยนตย์ ทุ ธวธิ ี ง.ยานยนต์ตดิ ตงั้ อปุ กรณ์พเิ ศษ ๖.ประเภทของยานยนต์แบง่ ตามลกั ษณะการใช้งานได้ก่ีชนิด ก.๑ ชนดิ ข.๒ ชนิด ค.๓ ชนิด ง.๔ ชนดิ ๗.รถก้๕ู ตนั จดั อยใู่ นยานยนตแ์ บบใด ค.ยานยนตใ์ ช้งานพเิ ศษ ง.ยานยนตต์ ดิ ตงั้ อปุ กรณ์พเิ ศษ ก.ยานยนต์ใช้งานทว่ั ไป ข.ยานยนตร์ บ
๘.การปรนนิบตั บิ ารุงก่อนใช้งานกระทาเพือ่ อะไร ก.ดคู วามถกู ต้องของยานพาหนะ ข.ตรวจระบบตา่ งๆ ของเคร่ืองยนต์ ค.ตรวจสภาพการยึดตรึงของตวั รถ ง.ถกู ทกุ ข้อ ๙.ข้อใดคอื ความหมายของ “ รถพว่ ง ” ? ก. รถที่ออกแบบไว้สาหรับลากจงู โดยมคี าน และหว่ งสาหรับเกาะ ข. รถยนตท์ ี่ออกแบบไว้ลากจงู ได้โดยมีหว่ งสาหรับเกาะ ค. รถยนต์ที่ออกแบบไว้สาหรับลากจงู ได้ทกุ สภาพถนนโดยมีห่วงสาหรับเกาะ ง. รถยนต์ที่ออกแบบให้มกี าลงั มากๆเพอื่ จะได้ลากจงู ได้ ๑๐.รยบ. ๑/๔ ตนั ๔ x ๔ เอ็ม ๑๕๑ เอ.๑ อยากทราบวา่ ๑/๔ ตนั หมายถึงอะไร ? ก. นา้ หนกั รถ ข. นา้ หนกั บรรทกุ ค. นา้ หนกั บรรทกุ ในภมู ปิ ระเทศ ง. นา้ หนกั ทงั้ หมดของรถ การปรนนิบัตบิ ารุง ๑.ผบช.มงุ่ หวงั ในการปบ. ในหน้าท่ีพลขบั (ขนั้ ท่ี ๑)นนั้ เพื่อประสงคอ์ ะไร ก.ต้องการให้มีงานทา ข. เพ่ือต้องการเบกิ สป. ค.เพื่อเอาไปแก้ไขข้อบกพร่อง ง.เพอ่ื รักษาง.ยทุ โธปกรณ์และเพอ่ื ให้มปี ระสทิ ธิภาพ ๒.การปบ. เมอ่ื ตรวจพบข้อบกพร่องหรือทางานไมส่ มบรู ณ์เกินขนั้ ท่ี ๑พลขบั ต้องปฏบิ ตั อิ ย่างไร ก.แขวนป้ ายชะงกั ใช้งาน ข.รายงาน ผบช.ทราบทนั ที ค.ทาการแก้ซ่อมเองได้เลย ง.สง่ ซอ่ มตามสายงานของ ผบช. ๓.จ่าสบิ เอกปิยะทศั น์ฯ นา รยบ.บรรทกุ นา้ ขนาด ๕,๐๐๐ ลติ รไปสง่ นา้ ขณะวง่ิ อยไู่ ด้ยนิ เสียงเคร่ืองยนตด์ งั ไมส่ มา่ เสมอแล้วจดจาไป ปบ.เม่อื ถงึ หนว่ ยถือวา่ เป็นการ ปบ.ห้วงใด ก.การ ปบ.ขณะใช้งาน ข.การ ปบ.ขณะหยดุ พกั ค.การ ปบ. หลงั ใช้งาน ง.การ ปบ.ก่อนใช้งาน
๔.ข้อใดกลา่ วถกู ต้องแล้ว ก.การ ปบ.ขนั้ ๑ เป็นงานในหน้าที่พลขบั ทาก็ได้ไมท่ าก็ได้ ข.การ ปบ.ขนั้ ๑ เป็นการตรวจสภาพทวั่ ไปเพื่อให้ทราบข้อบกพร่องของยทุ โธปกรณ์ ค.การ ปบ.ขนั้ ๑ ต้องทาบอ่ ยๆ เพื่อจะได้นาไปเบกิ สป. ง.ท่ีกลา่ วมาแล้วถกู ต้องทกุ ข้อ ๕.การปบ.ในหน้าท่ีพลขบั (ขนั้ ที่ ๑)มีการปบ.หลกั อยู่ ๓ ขนั้ คือข้อใด ก.ก่อนใช้งาน ขณะใช้งานและหลงั ใช้งาน ข.ก่อนใช้งาน ขณะหยดุ พกั และขณะใช้งาน ค.ขณะหยดุ พกั ขณะใช้งานและในโรงรถ ง.หลงั ใช้งาน ขณะใช้งานและในโรงรถ ๖.การปรนนบิ ตั บิ ารุงเป็นหวั ใจสาคญั พลขบั จะละเลยเสยี มไิ ด้ คอื การ ปบ.ประเภทไหน ก.การ ปบ.รอบ ๓ เดอื น ข.การ ปบ. รอบ ๖ เดอื น ค.การ ปบ.ประจาวนั ง.การ ปบ.ประจาสปั ดาห์ ๗.กอ่ นนา รยบ.ออกไปใช้งาน พลขบั ทาการตรวจสภาพเรียบร้อย เป็นการตรวจสภาพทวั่ ไปด้วยอะไร ก.ตรวจสภาพด้วยหู ข.ตรวจสภาพด้วยความชานาญ ค.ตรวจสภาพด้วยจมกู ง.ตรวจสภาพด้วยสายตา ๘. พลขบั ทกุ คนที่นารถออกใช้งานจะต้องมีบตั รการใช้รถประจาวนั เสมอ แตม่ ขี ้อยกเว้นอะไรบ้าง ก. ขบั รถเข้าขบวน,ขบั รถพยาบาลฉกุ เฉนิ ข. ขบั รถพยาบาลฉกุ เฉนิ ,ขบั รถปฏิบตั งิ านทางยทุ ธวธิ ี ค. ขบั รถปฏบิ ตั งิ านทางยทุ ธวธิ ี,ขบั รถรับสง่ ทหารกองเกียรตยิ ศ ง. ขบั รถเข้าขบวน,ขบั รถปฏบิ ตั งิ านทางยทุ ธวธิ ี ๙. การ ปบ.ประจาวนั จะปฏิบตั ใิ นกรอบของแบบพมิ พ์ อะไร ก. ทบ. 468 – 360 ข. ทบ. 468 – 310 ค. ทบ. 468 – 201 ง. ทบ. 468 – 378
๑๐. พลขบั จะกระทาการ ปบ.ขณะใช้งาน จะกระทาการได้อยา่ งไร ก. ตรวจดรู อยบริเวณใต้รถ ข.ฟังเสียงและกลน่ิ ท่ีผดิ ปกติ ค. ตรวจเคร่ืองช่วยความปลอดภยั ขณะขบั รถ ง. สงั เกตดรู ะดบั นา้ ในเครื่องวดั ขณะขบั รถ วชิ าครูทหาร ๑. ข้อใดเป็นเหตผุ ล และความจาเป็นที่ต้องศกึ ษาวชิ าครูทหาร? ก. เพราะเป็นวชิ าที่เรียนง่าย ข. เพอ่ื ความก้าวหน้าทางราชการ ค. เพ่ือเป็นหลกั ในการอบรมสงั่ สอนผ้อู ่ืน ง. เพ่อื ให้มคี วามรู้ขนั้ ต้น ๒.การจะเป็นครูท่ีดแี ละประสบความสาเร็จนนั้ จะต้องมีคณุ ลกั ษณะอย่างไร สาคญั ท่ีสดุ ? ก. มีความรู้กว้างขวางทกุ วชิ าและประสบการณ์ในสนามมาก ข. มีความรู้ในบทเรียนท่ีสอนและมีเทคนิคการสอนดี ค. สอนแบบเดมิ ท่ีรุ่นพ่ีเคยสอน ง.ควรมียศและตาแหน่งสงู กวา่ ผ้เู รียน ๓.ลกั ษณะของครูท่ีดีประการหนึง่ คอื จะต้องมีวญิ ญาณครู คาวา่ “วญิ ญาณครู” นนั้ มีความหมายตรงกบั ของใด? ก. มบี คุ ลกิ ลกั ษณะเหมาะสมที่จะเป็นครู ข. มีความสามารถในการสอนเป็นอยา่ งดี ค. มจี ิตรักการสอนและพอใจในอาชีพครู ง. เป็นผ้คู งแก่เรียน ๔. การฝึกภาคสนามของหลกั สตู รตา่ งๆ นนั้ เป็นการนาเอาหลกั การสอนข้อใดมาใช้มากที่สดุ ? ก. การเร้าใจ ข.ความสมจริง ค. ความรู้เดิม ง. การกระต้นุ ๕. องคป์ ระกอบของการกลา่ วนาที่ต้องนามากลา่ วเสมอในครัง้ แรกของการสอน คืออะไร ?
ก. การแนะนาอปุ กรณ์การสอน ข. การแนะนาตวั ครู ค.ความมงุ่ หมายและเหตผุ ลในการเรียน ง. ต้องกลา่ วทงั้ หมดทกุ ข้อ ๖. วธิ ีสอนมีอย่หู ลายวธิ ี การเลือกใช้วธิ ีการสอนแบบใดนนั้ จะขนึ ้ อยกู่ บั ปัจจยั ในเร่ืองอะไรบ้าง ? ก.จานวนนกั เรียน ข.ความร้ ูเดมิ ค. พนื ้ ฐานความรู้ของนกั เรียน ง. ต้องพจิ ารณาทกุ ข้อท่ีกลา่ วมา ๗. วธิ ีการสอนแบบใด ท่ีไมท่ าให้เกิดความสนใจ และไมส่ ง่ เสริมให้นกั เรียนมีทศั นคติในการเรียน? ก. วธิ ีสอนแบบเชงิ แสดง ข. วธิ ีสอนแบบเชิงประชมุ ค.วธิ ีสอนเชิงบรรยาย ง. ทกุ วธิ ีท่ีกลา่ วมา ๘.ข้อใดกลา่ วถกู ต้องที่สดุ เก่ียวกบั การพดู ของครู ? ข. จงั หวะการพดู ต้องสม่าเสมอ ก. พดู เช่นเดียวกบั การให้โอวาท ง. ระดบั เสยี งในการพดู ต้องสมา่ เสมอ ค. พดู เช่นเดยี วกบั การพดู สนทนา ๙. ผ้ทู ี่ทาหน้าท่ีครูจาเป็นอยา่ งยงิ่ ที่จะต้องเป็นผ้ทู ่ีมคี วามรู้ในเรื่องท่ีสอน มเี ทคนิคการสอนที่ดี และท่ีสาคญั คอื จะต้องมีศลิ ปะในการพดู ที่ดีด้วย ดงั นนั้ การพดู จึงเป็นการสร้างสมั ผสั ท่ีดีระหวา่ งครูกบั นกั เรียน อยาก ทราบวา่ “การสร้างสมั ผสั ระหวา่ งครูกบั นกั เรียน” ตรงกบั ข้อใด ? ก. พดู เมอื่ นกั เรียนตงั้ ใจฟัง ข. เตรียมการสอนมาเป็นอยา่ งดี ค. มที ศั นคตทิ ี่ดี ง. เตรียมการกลา่ วนามาเป็นอย่างดี ๑๐.ในการเตรียมการสอนของครู เรื่องใดๆ นนั้ สงิ่ แรกท่ีครูจะต้องนามาพจิ ารณา คืออะไร ? ก. การทาแบบการสอน ข. วธิ ีดาเนนิ การสอน
ค. เอกสารหรือหลกั ฐานอ้างอิง ง.ความมงุ่ หมายของบทเรียน ๑๑.แผนการสอน ข้อใดกล่าวถกู ต้องท่ีสดุ ? ก. เพื่อใช้เป็นคมู่ อื การสอน ข. เพอื่ ให้สามารถสอนแทนกนั ได้ ค. เพื่อใช้เป็นตารามาทาการสอน ง. เพ่ือใช้เป็นหลกั ฐานการรับตรวจ ๑๒. หลงั จากทาแผนการสอนเรียบร้อยแล้ว ขนั้ ตอนตอ่ ไปจะต้องทาอะไรกอ่ นทาการสอน ? ก. เข้าสอนได้ทนั ที ข. เตรียมหลกั ฐานทางธรุ การให้เรียบร้อย ค. ต้องมกี ารตรวจสอบครัง้ สดุ ท้าย ง. ต้องมีการสกั ซ้อมทดลอง ๑๓.“ครูจะต้องเป็นผ้ทู ่ีสามารถนาเอาหลกั การ วธิ ีการและเทคนิคการสอนตา่ งๆ ไปใช้ให้บงั เกิดผลดี” ข้อความ ดงั กลา่ วอย่ใู นคณุ ลกั ษณะครูที่ดขี ้อใด? ก. มคี วามรู้ในบทเรียนที่สอน ข. มีบคุ ลกิ ลกั ษณะในการเป็นผ้นู า ค. มคี วามรู้ในเทคนคิ การสอน ง. มีทศั นคตทิ ี่ดตี อ่ อาชีพครู ๑๔.การสอนวธิ ีใดๆ ก็ตาม แบง่ ออกเป็น ๓ สว่ น คือ กลา่ วนา อธบิ าย และสรุป หรือ ทบทวน อยากทราบวา่ การกลา่ วนากระทาเพ่ือความมงุ่ หมายอะไร ? ก.ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งครูกบั นกั เรียน ข. กลา่ วเปิดการสอนอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ ค. กลา่ วในสง่ิ ท่ีดีตื่นเต้น ง. บอกเกณฑ์การวดั ผลและประเมนิ ผล ๑๕. วธิ ีสอนแบบใด เร้าใจให้นกั เรียนสนใจ และระวงั ตวั เพือ่ ตอบคาถามอย่ตู ลอดเวลาที่ครูสอน ? ก. วธิ ีสอนเชงิ บรรยาย ข. วธิ ีสอนเชิงประชมุ ค. วธิ ีสอนแบบเชิงแสดง ง. วธิ ีสอนแบบอภปิ ราย ๑๖.แผนบทเรียนอยา่ งน้อยต้องประกอบด้วยก่ีสว่ น ? ก. ๔ สว่ น ข. ๓ สว่ น ค. ๒ สว่ น ง. ๑ สว่ น
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 571
Pages: