Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แนวข้อสอบนายสิบชั้นต้น-ใช้สอบจริง

แนวข้อสอบนายสิบชั้นต้น-ใช้สอบจริง

Published by โกวิท จันทร์ดวงโอด, 2023-06-18 07:27:47

Description: แนวข้อสอบนายสิบชั้นต้น-ใช้สอบจริง

Search

Read the Text Version

ก. แผน่ ผ้าสญั ญาณ VS - 17 ปเู ป็นตวั อกั ษร ข. ลข.ควนั สีแดง ค. ทศั นสญั ญาณ ง. หมายแนว หมายที่ตงั ้ 12.ในการเตรียมการในระหวา่ งรออนมุ ตั คิ าขอ และรออากาศยานมาสนบั สนนุ ผ้บู งั คบั หนว่ ยจะต้องกระทา สงิ่ ใดบ้าง? ก.ดารงการตดิ ตอ่ ส่อื สารกบั ป. หนว่ ยเหนือ ข.ผบ.หน่วย ให้ พลวทิ ยเุ ป็นผ้ใู ช้วทิ ยเุ พยี งผ้เู ดยี ว ค.ให้กาลงั พลในหน่วยเฉล่ียกระสนุ เตรียมตะลมุ บอน ง.ถกู ทขุ ้อ 13.ผ้นู าอากาศยานหน้า (FAG) มหี น้าท่ีอย่างไร ก. นาอากาศยานเข้าโจมตีเป้ าหมายได้ ข. รายงานสภาพอากาศ ค. แนะนา บ.โจมตี เกี่ยวกบั ทศิ ทางท่ีปลอดภยั ง. ถกู ทกุ ข้อ 14.จดุ ท่ีได้กาหนดอ้างทางภมู ศิ าสตร์บนพนื ้ ดนิ หรือบนผวิ นา้ ใช้เพ่อื เป็นตาบลให้เคร่ืองบนิ หรือการสง่ ทางอากาศมาปรากฏท่ีนนั้ คอื ความหมาย อย่างไร ก. ที่ตงั้ ข้าศกึ ข. จดุ บนิ วน ค. ท่ีตงั้ ฝ่ ายเดยี วกนั ง. ทศิ ทางการโจมตี 15.ในการปอู กั ษรรหสั บอกฝ่ ายเมื่อ บ. ใกล้ถงึ ท่ีตงั้ หน่วย ใครต้องเป็นผ้สู งั่ ให้ปสู ญั ญาณ ก. นกั บนิ ข. ผบ.หน่วย ค. ผนอ. ง. หน.ชดุ ปแู ผน่ ผ้า ศนู ย์หน้าเนเกฟ 1 คลกิ เท่ากบั 0.7 ซม. ปพ.86 ระยะยิงหวงั ผล/ไกลสดุ ระยะยงิ หวงั ผลไกลสดุ 50 เมตร ระยะยิงไกลสดุ 1,500 เมตร

กระสนุ ปพ.แบบ 86 (M1911A1) ขนาด 11 มม. (0.45 นวิ ้ ) มี 5 ชนิด 13.1 กระสนุ ธรรมดา (BALL, M1911) หวั ไมท่ าสี ใช้สงั หารบคุ คล และเป้ าหมายท่ีไม่แขง็ แรง 13.2 กระสนุ ซ้อมรบ (BLANK, M9) ไมม่ หี วั กระสนุ ปากปลอกสอบ ใช้ยงิ แทนกระสนุ จริงในการฝึกทางยทุ ธวธิ ีและใช้ยิงสลตุ 13.3 กระสนุ ฝึ กบรรจุ (DUMMY, M1931) ไมม่ ีชนวนท้ายและปลอก กระสนุ เจาะรู 2 รู ใช้ฝึกบรรจแุ ละใช้ตรวจสภาพ/ทดสอบกลไกของอาวธุ 13.4 กระสนุ สอ่ งวถิ ี (TRACER, M26) ปลายหวั กระสนุ ทาสแี ดง ความมงุ่ หมายหลกั ใช้สาหรับตรวจตาบลกระสนุ ตกความมงุ่ หมายรอง ใช้สาหรับผลในการลกุ ไหม้และใช้เป็นอาณตั สิ ญั ญาณ 13.5 กระสนุ WAD CUTTER ลกู กระสนุ เป็นรูปกรวย ระยะยิงหวงั ผล/ไกลสดุ ของ ปลย.11 ขีปนะวธิ ี อตั ราการยงิ 600 - 650 นดั /วิ ความเร็วตน 3,150 ฟตุ /วนิ าท(960 ีี เมตร/วนิ าท) พลงั งานปากลากล อง 1,229 ฟตุ /ปอนด ระยะยิงไกลสดุ ประมาณ 3,000 เมตร ระยะยงิ หวงผล ีั ต ีัีง้ ได ท่ีศนู ย หลงั 0 - 400 เมตร แบบทดสอบวชิ าอาวุธ -------------------------------- 1. ถ้าทา่ นเป็นพลยิงผ้ชู ว่ ย ปก.เอ็ม.60 ทราบหรือไมว่ า่ เขตการยิงปกตเิ ท่าใด ก. 785 มลิ เลยี ม ข. 875 มิลเลียม ค. 585 มลิ เลยี ม ง. 857 มลิ เลียม 2. ถ้าทา่ นเป็นพลยงิ ปก.เอ็ม.60 ทา่ นต้องการเปล่ยี นลากล้องทกุ 1 นาที จะต้องปฏบิ ตั อิ ยา่ งไร

ก. ยงิ ปื น 100 นดั /นาที หรืออตั ราการยิงธรรมดา ข. ยงิ ปื น 450 นดั /นาที หรือยิงอตั ราตอ่ เน่ือง ค. ยงิ ปื นด้วยอัตราการยงิ เร็วสูงสุด (550 นัด/นาท)ี ง. ยงิ ปื นด้วยอตั ราการยงิ เร็วปานกลาง (550 นดั /นาที) 3. ปก.เอ็ม.60 เมอื่ บรรจทุ าการยิง เลกิ บรรจุ และตรวจปื น จะต้องปฏิบตั เิ ม่ือใด ก. ขณะท่ีปืนตงั้ อยบู่ นขาหยงั่ และลกู เลื่อนได้บรรจกุ ระสนุ เข้ารังเพลงิ แล้ว ข. ขณะลกู เลอื่ นอย่ใู นตาแหนง่ ทงั้ เปิดและปิดลกู เลอ่ื น ค. ขณะลูกเล่ือนอยู่ในตาแหน่งเปิ ดลูกเล่ือน ง. ขณะลกู เล่ือนอยใู่ นตาแหนง่ ปิดลกู เล่ือน 4. ก่อนจะดงึ ลกู เลอ่ื นมาด้านหลงั ข้อใดถกู ที่สดุ ก. แผ่นห้ามไกจะต้องเสียบอยู่ในตาแหน่ง “ยงิ ” ข. แผน่ ห้ามไกจะต้องเสยี บอย่ใู นตาแหนง่ “ห้ามยิง” ค. จะต้องปรับหน้าลกู เลื่อนให้เป็น “NO GO” ง. จะต้องปรับหน้าลกู เลอ่ื นให้เป็น “NO FIRE” 5. ในระหวา่ งการฝึ ก ปก.เอม็ .60 จะปลอดภยั เม่ือใด ก. ลกู เลอื่ นอย่ขู ้างหลงั สดุ ข. ลูกเล่ือนอย่ขู ้างหน้าสุด ค. ลกู เลื่อนอยใู่ นลกั ษณะใดกไ็ ด้ แตแ่ ผน่ ห้ามไกต้องอย่ใู นตาแหนง่ ห้ามไก ง. ลกู เลื่อนถกู ยดึ อยขู่ ้างหลงั ด้วยกระเดอ่ื งไกแล้ว 6. วงรอบการทางานของ ปก.เอม็ .60 ท่ีจากนั ง่ายๆ และทอ่ งกนั สนั ้ ๆ น่าจะเป็นข้อใด ก. เข้า – ขดั – ปลด – ยิง – ป้ อน – รัง้ – คดั – ขนึ ้ ข. ขนึ ้ – ขดั – เข้า – ปลด – ป้ อน – ยิง – รัง้ – คดั ค. ปลด – ป้ อน – ยิง – รัง้ – คดั – ขนึ ้ – เข้า – ขดั

ง. ป้ อน – เข้า – ขดั – ยงิ – ปลด – รัง้ – คัด – ขนึ้ 7. การยิง ปก.เอ็ม.60 ถ้ากระสนุ ไมถ่ กู รัง้ ออกมา ให้เหนี่ยวไกพยายามยิงกระสนุ ออกไปใหม่ ถ้ากระสนุ ไมล่ น่ั และลากล้องร้อน เพ่ือป้ องกนั ความเสียหาย หรือเพ่อื ให้เกดิ ความปลอดภยั ในกรณีกระสนุ ไมล่ น่ั เองนนั้ จะต้องคอยอย่างน้อยกี่นาที ก. 5 นาที ข. 10 นาที ค. 15 นาที ง. 20 นาที 8. ข้อใดเป็นการแก้ไขเหตตุ ดิ ขดั ทนั ทีทนั ใดของ ปก.เอม็ .60 ก. การปฏบิ ตั ติ อ่ ปืนเพอ่ื ลดการตดิ ขดั ลงโดยปราศจากการตรวจสอบถึงสาเหตกุ ารแก้ไขและต้องทาทนั ทีภายในเวลา 20 นาที ข. การปฏบิ ตั ติ ่อปื นเพ่อื ลดการตดิ ขัดลงโดยปราศจากการตรวจสอบถงึ สาเหตกุ ารแก้ไขและต้องทาทันทีภายในเวลา 20 นาที ใน เม่ือลากล้องมีความร้อนสูงจนเป็ นสาเหตทุ ่ที าให้กระสุนล่ันออกไปได้เอง ค. การยิงกระสนุ จานวน 50 นดั ในเวลา 2 นาที อาจทาให้ลากล้องร้อนสงู พอที่จะเป็นต้นเหตใุ ห้กระสนุ ลนั่ ง. ถ้าเกิดการตดิ ขดั ขนึ ้ ให้รอคอยประมาณ 10 นาที เพ่ือรอดวู า่ กระสนุ อาจเสือ่ มสภาพทาให้ดนิ ปืนทางานช้า 9. ปก.เอม็ .60 เมื่อยึดขาหยงั่ มมี มุ สงู กี่มลิ เลยี ม ก. +200 มลิ เลียม ข. -200 มลิ เลยี ม ค. +100 มลิ เลียม ง. -100 มลิ เลียม 10. ปก.เอม็ .60 เมือ่ ปลอ่ ยขาหยงั่ มีมมุ สงู กี่มิลเลียม ก. +400 มลิ เลียม ข. -400 มลิ เลยี ม ค. +445 มิลเลียม ง. -445 มลิ เลียม 11. สายกระสนุ ปก.เอ็ม.60 มกี ี่นดั ก. 50 นดั ข. 100 นัด ค. 150 นดั ง. 200 นดั 12. ขนั ้ ตอนการถอดประกอบพเิ ศษที่ไมอ่ นญุ าตให้ระดบั หน่วยใช้ถอด สาหรับ ปก.เอ็ม.60 คอื อะไร

ก. การถอดพเิ ศษชดุ เคลือ่ นท่ีชดุ โครงเคร่ืองลนั่ ไก ข. ชดุ ลากล้อง ค. ชดุ พานท้ายปื นและเคร่ืองรับแรงถอย ง. ชดุ โครงลกู เลื่อน 13. ปก.เอม็ .60 มมี มุ กดเม่อื ยึดขาหยงั่ กี่มลิ เลียม ก. +100 มลิ เลียม ข. +200 มลิ เลียม ค. -200 มลิ เลียม ง. +345 มลิ เลียม 14. ปก.เอม็ .60 มมี มุ กดเม่ือปลอ่ ยขาหยงั่ กี่มลิ เลียม ก. -400 มลิ เลยี ม ข. -544 มลิ เลยี ม ค. -445 มลิ เลียม ง. -454 มลิ เลียม 15. ปก.เอ็ม.60 มมุ สา่ ยบงั คบั ด้วยเรือนควงสงู สา่ ยก่ีมลิ เลียม ก. 100 มลิ เลียม ข. 200 มลิ เลยี ม ค. 400 มลิ เลียม ง. 445 มลิ เลยี ม 16. การยงิ กราดของ ปก.เอม็ .60 ในภมู ปิ ระเทศเป็นพนื ้ ระดบั หรือลาดเสมอกี่เมตร ก. 400 เมตร ข. 600 เมตร ค. 650 เมตร ง. 800 เมตร 17. ข้อใดกลา่ วถึงข้อแตกตา่ งของ ปพ.86 แบบ เอ็ม.1911 และแบบ เอ็ม.1911 เอ 1 ได้ถกู ต้องที่สดุ ก. ไกด้านหน้าขยายให้ใหญ่ขนึ ้ ข. ห้ามไกสร้างให้ยื่นออกไปรับอ้งุ มอื ยงิ ขนึ ้ ค. รอยตดั ท่ีโครงปื นดดั แปลงให้สอดนิว้ ได้สะดวก ง. ท่ีกลา่ วมาไมม่ ขี ้อถกู

18. ปพ.86 ขนาด 45 นวิ ้ มีอยู่ 2 แบบ ข้อใดกลา่ วถงึ ปพ.86 สองแบบนีไ้ ด้ถกู ต้อง ก. ปพ.86 แบบ เอม็ .1911 มีระยะยงิ ไกลสุด 1,640 หลา ข. ปพ.86 แบบ เอม็ .1911 เอ 1 ไกด้านหน้าทาให้เว้ายาวกวา่ เดิมและมลี ายกนั ลนื่ ค. ปพ.86 แบบ เอม็ .1911 เอ 1 มีระยะยิงหวงั ผล 50 เมตร ง. ปพ.86 แบบ เอม็ 1911 มีความยาวทงั ้ กระบอก 8.59 นวิ ้ 19. ปพ.86 ความเร็วในการยงิ ทฤษฎีกี่นดั ตอ่ นาที ก. 10 นดั /นาที ข. 21 – 28 นัด/นาที ค. ถกู ทงั ้ ข้อ ก. และข้อ ข. ง. ไมม่ ีข้อถกู 20. ปพ.86 มีแรงเหน่ียวไกประมาณก่ีปอนด์ ก. 5 ½ - 6 ½ ปอนด์ ข. 5 – 6 ½ ปอนด์ ค. 6 ½ ปอนด์ ง. ไมม่ ีข้อถกู 21. ปพ.86 มีอานาจทะลทุ ะลวงตอ่ ไม้สนขาวระยะ 25 หลาเท่าไร ก. 6 นิว้ ข. 8 นวิ ้ ค. 10 นวิ ้ ง. ไมม่ ีข้อถกู 22. เคร่ืองนิรภยั ของ ปพ.86 มีกี่อยา่ ง ก. 3 อยา่ ง ข. 4 อย่าง ค. 5 อย่าง ง. 6 อยา่ ง 23. กระสนุ ปพ.86 มี 5 ชนิด คอื

ก. กระสนุ ธรรมดา, กระสนุ สอ่ งวถิ ี, กระสนุ เจาะเกราะ, กระสนุ ซ้อมรบ, กระสนุ หดั บรรจุ ข. กระสนุ ธรรมดา, กระสนุ ซ้อมรบ, กระสนุ ระเบดิ , กระสนุ สอ่ งวถิ ี, กระสนุ ลกู ปราย ค. กระสุนส่องวถิ ี, กระสุนลูกปราย, กระสุนธรรมดา, กระสุนหัดบรรจุ, กระสุนซ้อมรบ ง. กระสนุ ลกู ปราย, กระสนุ สอ่ งวถิ ี, กระสนุ เพลงิ , กระสนุ ธรรมดา, กระสนุ ซ้อมรบ 24. กระสนุ ชนิดใดไมม่ ีหวั กระสนุ ก. กระสนุ ธรรมดา ข. กระสนุ สอ่ งวถิ ี ค. กระสุนซ้อมรบ ง. กระสนุ ลกู ปราย 25. ข้อใดไมใ่ ชน่ ริ ภยั ของ ปพ.86 ก. เล่ือนปื น ข. การขนึ ้ นกขนั ้ ที่ 1 ค. ห้ามไก ง. ห้ามไกชว่ ย 26. หลกั การทานของ ปพ.86 คอื ข้อใด ก. การสะท้อนถอยหลงั ของลกู เล่ือน ข. การสะท้อนถอยหลังของลากล้อง ค. การสะท้อนของโครงปื น ง. การขนึ ้ นก 27. ปพ.86 ความเร็วในการยงิ ทฤษฎีก่ีนดั ตอ่ นาที ก. 10 นดั /นาที . 21 – 28 นัด/นาที ค. ถกู ทงั ้ ข้อ ก. และข้อ ข. ง. ไมม่ ีข้อถกู 28. ปพ.86 มเี กลียวในลากล้อง 6 เกลยี วเวยี นซ้าย 1 รอบเกลยี วมีความยาวเทา่ ไร ก. 12 นวิ ้ ข. 15 นวิ ้ ค. 16 นิว้ ง. ไมม่ ีข้อถกู 29. ปพ.86 มอี านาจทะลทุ ะลวงในระยะ 25 หลา ประมาณเท่าไร

ก. ทรายแห้ง 10 นวิ ้ ข. ดนิ เปี ยก 8 นวิ ้ ค. ดนิ ทราย 8 นวิ ้ ง. ไม่มีข้อถูก 30. การถอดประกอบพเิ ศษหมเู่ ล่ือนปื นมชี นิ ้ สว่ นกี่ชนิ ้ สว่ น ก. 12 ชนิ ้ สว่ น ข. 9 ชนิ ้ สว่ น ค. 3 ชนิ้ ส่วน ง. ไมม่ ขี ้อถกู 31. ข้อใดกลา่ วไมถ่ กู ต้อง ก. ปพ.86 ระยะยิงไกลสดุ ใช้มมุ 30 องศา ข. เม่ือยงิ กระสุนนัดสุดท้ายในซองกระสุนแล้วเล่ือนปื นจะอยู่ในตาแหน่งหน้าสุด ค. ปพ.86 มีขนาดกว้างปากลากล้อง 0.45 นวิ ้ ง. ไมม่ ีข้อถกู 32. ปพ.86 มอี านาจทะลทุ ะลวงตอ่ ไม้สนขาวระยะ 25 หลาเท่าไร ก. 6 นิว้ ข. 8 นวิ ้ ค. 10 นวิ ้ ง. ไมม่ ีข้อถกู 33. ปลย.เอม็ .16 เอ 1 มีขนาดกว้างปากลากล้องก่ีนวิ ้ ก. 0.223 นิว้ ข. 1.223 นวิ ้ ค. 0.244 นวิ ้ ง. 0.233 นวิ ้ 34. ปลย.เอ็ม.16 เอ 1 นา้ หนกั ท่ีทาการยิงบรรจกุ ระสนุ 20 นดั หนกั เทา่ ไร ก. 6.8 ปอนด์ ข. 6.5 ปอนด์ ค. 7.5 ปอนด์ ง. 7.6 ปอนด์

35. ปลย.เอ็ม.16 เอ 1 เมอ่ื ตดิ ดาบปลายปื นยาวเทา่ ไร ก. 40.25 นวิ ้ ข. 41.25 นวิ ้ ค. 42.25 นวิ ้ ง. 44.25 นิว้ 36. ข้อใดถกู ต้องท่ีสดุ เกี่ยวกบั กระสนุ ของ ปลย.เอ็ม.16 เอ 1 ก. กระสนุ ธรรมดา, กระสนุ สอ่ งวถิ ี, กระสนุ ซ้อมรบ, กระสนุ ฝึ ก ข. กระสนุ สอ่ งวถิ ี, กระสนุ ธรรมดา, กระสนุ ซ้อมรบ, กระสนุ สอ่ งสวา่ ง ค. กระสนุ ซ้อมรบ, กระสนุ ฝึ กหดั บรรจ,ุ กระสนุ สอ่ งสวา่ ง, กระสนุ ธรรมดา ง. กระสุนฝึ กหดั บรรจุ, กระสุนซ้อมรบ, กระสุนส่องสว่าง, กระสุนธรรมดา 37. การตรวจปื น ปลย.เอ็ม.16 เอ 1 มีก่ีขนั ้ ตอน ก. 3 ขนั ้ ตอน ข. 4 ขนั้ ตอน ค. 5 ขนั ้ ตอน ง. 6 ขนั ้ ตอน 38. ปลย.เอม็ .16 เอ 1 ซองกระสนุ เปลา่ (ชนดิ 20 นดั ) หนกั กี่ปอนด์ ก. 0.2 ปอนด์ ข. 0.3 ปอนด์ ค. 0.4 ปอนด์ ง. 0.5 ปอนด์ 39. การแก้ไขเหตตุ ดิ ขดั ทนั ทีทนั ใดของ ปลย.เอ็ม.16 เอ 1 มลี าดบั ขนั ้ การปฏบิ ตั อิ ย่างไร ก. ดนั – ตบ – เลง็ – และยงิ ตอ่ ไป ข. ดงึ – ดนั – ตบ – เลง็ – และยิงตอ่ ไป ค. ตบ – ดงึ – ดัน – เล็ง – และยงิ ต่อไป ง. ถกู ทกุ ข้อที่กลา่ วมา

40. การยงิ ระยะ 300 เมตร 1 คลกิ๊ เทา่ กบั ก่ีเซนตเิ มตร ก. 6 ซ.ม. ข. 7 ซ.ม. ค. 8 ซ.ม. ง. 9 ซ.ม. 41. ในระยะเกนิ กว่า 100 เมตร 1 คลก๊ิ มคี า่ เท่ากับเทา่ ไร ก. 1 ซ.ม. ข. 2 ซ.ม. ค. 3 ซ.ม. ง. 4 ซ.ม. 42. เม่อื ปรับปื นตงั ้ ศนู ย์รบในระยะ 25 เมตร ยอ่ มมรี ะยะเท่ากบั เท่าไร ก. 200 เมตร ข. 150 เมตร ค. 250 เมตร ง. 300 เมตร 43. ท่ายงิ ใต้แขนเป็นท่ายิงสาหรับการยงิ แบบใด ก. ฝึ กยิง ข. ซ้อมยิง ค. กงึ่ อตั โนมตั ิ ง. อัตโนมัติ 44. ดาบปลายปื น เอม็ .7 เอ 1 พร้อมฝักดาบหนกั ก่ีปอนด์ ก. 0.6 ปอนด์ ข. 0.8 ปอนด์ ค. 0.9 ปอนด์ ง. 1 ปอนด์ 45. ทา่ นง่ั ราบสามารถแบง่ ยอ่ ยออกเป็น 2 ทา่ คอื ทา่ นงั่ ราบไขว้ข้อเท้า และอีกท่าหนง่ึ คอื ทา่ อะไร ก. ท่านง่ั ราบ ข. ท่าราบไขว้ขวา ค. ทา่ นงั่ ราบไขว้ซ้าย ง. ท่าราบไขว้หวั เขา่ 46. ข้อใดทา่ ยงิ อตั โนมตั ิ ก. ทา่ นอนยิงใช้ขาทราย ข. ท่ายงิ ใต้แขน ค. ท่ายงิ ในหลมุ บคุ คลใช้ขาทราย ง. ถูกทุกข้อ

47. การฝึ กยิงตอ่ เน่ืองฝึ กให้ทหารยงิ กระสนุ 1 นดั ภายในกี่นาที ก. 2 วนิ าที ข. 3 วนิ าที ค. 4 วนิ าที ง. 5 วนิ าที 48. การฝึ กยงิ ตอ่ เนื่อง กระสนุ 1 นดั ภายในกี่นาที ก. 40 วนิ าที ข. 50 วนิ าที ค. 60 วนิ าที ง. 55 วนิ าที 49. ปก.93 มีนา้ หนกั สว่ นลากล้องเท่าใด ก. 22 ปอนด์ ข. 24 ปอนด์ ค. 26 ปอนด์ ง. 28 ปอนด์ 50. คณุ ลกั ษณะของ ปก.93 ข้อใดถกู ต้อง ก. มีเกลียว 8 เกลียวเวยี นขวา ข. มเี กลียว 6 เกลียวเวียนซ้าย ค. มีเกลยี ว 8 เกลียวเวียนซ้าย ง. มเี กลยี ว 6 เกลียวเวียนขวา 51. เกลียวภายในลากล้อง ปก.93 รอบยาวเทา่ ใด ก. 13 นวิ ้ ข. 14 นวิ ้ ค. 15 นิว้ ง. 16 นวิ ้ 52. ความเร็วในการยงิ ของ ปก.93 คือข้อใด ก. 400 – 500 นดั /นาที ข. 450 – 550 นัด/นาที ค. 500 – 550 นดั /นาที ง. 550 – 600 นดั /นาที 53. เครื่องมือที่ใช้ทาการวดั ระยะหน้าลกู เลื่อนเป็นเหล็กกล้าทอ่ นยาวมีลกั ษณะอย่างไร ก. ปลายข้างบางมีอกั ษร GO ปลายข้างหนามอี กั ษร GO ข. ปลายข้างบางมีอกั ษร NO GO ปลายข้างหนามอี กั ษร GO ค. ปลายข้างบางมีอักษร GO ปลายข้างหนามีอักษร NO GO ง. ปลายข้างบางมีอกั ษร NO GO ปลายข้างหนามอี กั ษร NO GO 54. ระยะยิงหวงั ผลตอ่ ที่หมายบนพนื ้ ดนิ ของ ปก.93 คือข้อใด

ก. 1,830 เมตรลงมา ข. 1,830 เมตรขนึ ้ ไป ค. 1,380 เมตรลงมา ง. 1,380 เมตรขนึ ้ ไป 55. ระยะยงิ หวงั ผลตอ่ ที่หมายทางอากาศของ ปก.93 ข้อใดถกู ต้อง ก. 725 เมตรลงมา ข. 527 เมตรลงมา ค. 275 เมตรลงมา ง. 257 เมตรลงมา 56. ความมงุ่ หมายหลกั ของการใช้ ปก.93 ข้อใดถกู ที่สดุ ก. สาหรับต่อสู้อากาศยาน ข. ตดิ ตงั้ บนยานพาหนะเท่านนั้ ค. ถกู ทงั ้ 2 ข้อ ง. ผดิ ทกุ ข้อ 57. ปก.93 มีนา้ หนกั การตงั ้ ยงิ เท่าใด ก. 120 ปอนด์ ข. 128 ปอนด์ ค. 134 ปอนด์ ง. ผดิ ทกุ ข้อ 58. ในการปรับระยะลกู เลื่อน ถ้าใช้เคร่ืองมอื ปรับสอดปลายข้าง GO แล้วเข้าไมไ่ ด้ และ NO GO กเ็ ข้าไมไ่ ด้แสดงวา่ ก. ระยะหน้าลกู เลอื่ นพอดี ข. ระยะหน้าลูกเล่ือนแน่นเกนิ ไป ค. ระยะหน้าลกู เลือ่ นหลวมเกินไป ง. ถกู ทกุ ข้อ 59. ความสามารถของข้อจากดั ของ ปก.93 เมือ่ ทาการยิง 20 ชดุ ๆ ละ 25 นดั ต้องให้มกี ารพกั ระหวา่ งชดุ เท่าไร ก. 30 วนิ าที ข. 45 วนิ าที ค. 60 วนิ าที ง. 75 วนิ าที 60. ข้อใดคอื กระสนุ ที่ใช้กบั ปก.93 ก. กระสนุ ธรรมดา, กระสนุ สอ่ งวถิ ี, กระสนุ พร้อมรบ ข. กระสนุ สอ่ งวถิ ี, กระสนุ เจาะเกราะเพลงิ , กระสนุ ฝึ กหัดบรรจุ ค. กระสนุ ธรรมดา, กระสนุ เจาะเกราะ, กระสนุ เพลงิ ง. ถูกทุกข้อ 61. ขดี ความสามารถและขีดจากัดของ ปก.93 เม่ือทาการยงิ ควรเปลีย่ นลากล้องใหมใ่ นกรณีใดถกู ต้องที่สดุ ก. ทาการยงิ 75 นดั ในชดุ แรก ข. หลกั ทาการยิง 20 ชดุ ๆ ละ 25 นดั พกั ระหวา่ งชดุ 1 นาที

ค. หลกั ทาการยงิ 8 ชดุ ๆ ละ 40 นดั พกั ระหวา่ งชดุ 1 นาที ง. ทาการยงิ ชดุ เดยี ว 300 นัด 62. วธิ ีการปรับระยะหน้าลกู เล่ือนสามารถกระทาได้กี่วธิ ี ก. 1 วธิ ี ข. 2 วธิ ี ค. 3 วธิ ี ง. 4 วธิ ี 63. การปรับโดยไมใ่ ช้เครื่องมอื เม่ือดงึ ด้ามคนั รัง้ ลกู เล่ือนมาข้างหลงั และข้อแหนบยดึ ท้ายลากล้องปืนโผลม่ าที่รูแล้ว ต้องทาการคลายลากล้อง ออกกี่คลก๊ิ ก. 2 คล๊ิก ข. 3 คลก๊ิ ค. 4 คลก๊ิ ง. 5 คลกิ๊ 64. ระยะยงิ ไกลสดุ ของ ปก.93 ประมาณเท่าไร ก. 6,300 เมตร ข. 6,500 เมตร ค. 6,600 เมตร ง. 6,800 เมตร 65. ระยะยิงหวงั ผลตอ่ ท่ีหมายบนพนื ้ ดนิ ของ ปก.93 คอื ข้อใด ก. 1,830 เมตรลงมา ข. 1,830 เมตรขนึ ้ ไป ค. 1,380 เมตรลงมา ง. 1,380 เมตรขนึ ้ ไป 66. ระยะยิงหวงั ผลตอ่ ท่ีหมายบนอากาศของ ปก.93 คอื ข้อใด ก. 725 เมตรลงมา ข. 527 เมตรขนึ ้ ไป ค. 275 เมตรลงมา ง. 257 เมตรขนึ ้ ไป 67. ข้อใดถกู ต้อง ก. ปืน เอ็ม.79 เป็นอาวธุ ท่ีมีขนาดนา้ หนกั เบา ทาการยิงด้วยการประทบั บา่ ประทบั เอว ตามระยะใช้สงั หารบคุ คล ข. กว้างปากลากล้อง 40 มม. บรรจกุ ระสนุ ทีละนดั ทางท้ายลากล้อง กระสนุ เป็นกระสนุ ชนิดระเบดิ แรงต่า ค. ระยะยงิ ในการฝึ กควรยงิ ระยะน้อยกว่า 80 เมตรลงมา ง. ระยะยงิ หวงั ผลตอ่ เป้ าหมายเป็นพนื ้ ท่ี 355 เมตร เป็นจดุ 155 เมตรลงมา 68. ปื น เอม็ .79 ประกอบด้วยสว่ นสาคญั กี่สว่ นอะไรบ้าง ก. 4 สว่ น คอื ศนู ย์, ลากล้อง, ไม้รองลากล้อง, เคร่ืองลน่ั ไก ข. 4 สว่ น คอื ศนู ย์, ลากล้อง, ไม้รองลากล้อง, พานท้าย

ค. 5 ส่วน คือ ศูนย์, ลากล้อง, ไม้รองลากล้อง, เคร่ืองล่ันไก, พานท้าย ง. 5 สว่ น คือ ศนู ย์, ลากล้อง, ไม้รองลากล้อง, เคร่ืองลนั่ ไก, ลกู กระสนุ 69. ข้อใดถกู ต้องท่ีสดุ ศนู ย์ของปื น เอม็ .79 ประกอบด้วย ก. ศูนย์หน้าเป็ นศนู ย์คมมีด ข. ศนู ย์หลงั เป็นศนู ย์ตายตวั ค. ศนู ย์รบเป็นศนู ย์ตายตวั อย่กู บั แทน่ ศนู ย์หลงั บนเรือนมาตราทางระยะ ง. ผดิ ทกุ ข้อ 70. การถอดประกอบแบง่ การถอดประกอบเป็นก่ีประเภท อะไรบ้าง ก. 2 ประเภท คือ ถอดในหน้าท่ีผ้ใู ช้และถอดในหน้าท่ีสรรพาวธุ ข. 3 ประเภท คอื ถอดในหน้าที่ผ้ใู ช้, ถอดในหน้าที่สรรพวธุ , ถอดในหน้าที่นายทหาร ค. 2 ประเภท คือ ถอดในหน้าที่ผ้ใู ช้, ถอดในหน้าที่นายทหาร ง. 3 ประเภท คือ ถอดในหน้าท่ีผู้ใช้, ถอดในหน้าท่นี ายทหาร, ถอดในหน้าท่ีสรรพวุธ 71. การทางานของเครื่องกลไกปื น เอ็ม.79 แบง่ เป็นกี่ขนั ้ ตอน ก. 5 ขนั ้ ตอน ข. 6 ขนั้ ตอน ค. นา่ จะ 4 ขนั ้ ตอน ง. 7 ขนั ้ มากกวา่ 72. ข้อใดถกู ท่ีสดุ ในการทางานของเครื่องลนั่ ไก ก. การทางานของกระเด่อื งยดึ ลากล้อง, การทางานของห้ามไก, การทางานเม่ือเปิ ดท้ายลากล้องและการขนึ้ นก, การบรรจุและ การปิ ดท้ายลากล้อง, การเปิ ดห้ามไก, การล่ันไกและการยงิ ข. การทางานของกระเด่ืองยึดลากล้อง, การเปิดท้ายลากล้องและการขนึ ้ นก, การทางานของห้ามไก, การบรรจเุ ปิดท้ายลากล้อง, การเปิดห้าม ไก, การลน่ั ไกและการยงิ ค. การทางานของกระเด่อื งยึดลากล้อง, การบรรจแุ ละการเปิดท้ายลากล้องและการขนึ ้ นก, การทางานของห้ามไก, การลนั่ ไกและการยิง ง. ผดิ ทกุ ข้อ 73. ข้อใดถกู ต้อง ก. กระสนุ เอม็ .79 เป็นกระสนุ แยก ข. กระสุน เอม็ .79 เป็ นกระสุนรวม ค. กระสนุ เอ็ม.79 เป็นกระสนุ แบบกระสนุ ปื นลกู ซอง

ง. ข้อ ข. และ ค. ถกู 74. กระสนุ เอม็ .79 แบง่ เป็นส่วนใหญ่ๆ อะไรบ้าง ก. 3 สว่ น คือ สว่ นปลอกกระสนุ , สว่ นลกู กระสนุ , สว่ นชนวน ข. 2 สว่ น คือ สว่ นปลอกกระสนุ , สว่ นชนวน ค. 3 สว่ น คอื สว่ นปลอกกระสนุ , สว่ นชนวน, สว่ นหวั กระสนุ ง. 2 ส่วน คือ ส่วนปลอกกระสุน, ส่วนลูกกระสุน 75. ชนวนที่ใช้อย่ใู นปัจจบุ นั ของกระสนุ ปื น เอม็ .79 คอื ก. ชนวนแบบ เอม็ .511, เอม็ .553 ข. ชนวนแบบ เอม็ .552, เอ็ม.553 ค. ชนวนแบบ เอ็ม.551, เอม็ .552 ง. ชนวนแบบ เอ็ม.441, เอ็ม.442 76. ในปัจจบุ นั กระสนุ ท่ีใช้กบั เอม็ .79 มีกี่แบบ อะไรบ้าง ก. 3 แบบ กระสนุ สงั หาร, กระสนุ สอ่ งสวา่ ง, กระสนุ ซ้อมยงิ ข. 2 แบบ กระสุนสังหาร, กระสุนซ้อมยงิ ค. 3 แบบ กระสนุ สงั หาร, กระสนุ สอ่ งสว่าง, กระสนุ ควนั ง. 2 แบบ กระสนุ สงั หาร, กระสนุ สอ่ งสวา่ ง 77. กระสนุ สงั หารของปื น เอม็ .79 มกี ี่แบบ อะไรบ้าง ก. 2 แบบ คือ เอ็ม.381 บี 1 และ เอม็ .406 อี 1 ข. 2 แบบ คือ เอ็ม.381 บี 1 และ เอม็ .402 อี 1 ค. 2 แบบ คือ เอ็ม.382 บี 1 และ เอม็ .406 อี 1 ง. 2 แบบ คือ เอม็ .402 บี 1 และ เอม็ .406 อี 1 78. ข้อใดกลา่ วถกู ต้องเก่ียวกบั เคร่ืองเลง็ ของปื น เอม็ .79 ก. ศนู ย์ตายตวั อย่ตู อนบนของมาตราทางระยะ

ข. มาตราทางทศิ สามารถหมุนไปทางซ้ายและทางขวาได้ข้างละ 42 คลกิ๊ ค. มาตราทางระยะจะอย่ทู ่ีตอนบนของมาตราทางทิศ ง. ผดิ ทกุ ข้อ 79. ข้อใดถกู ต้องที่สดุ ก. ปืน เอ็ม.79 เป็นอาวธุ ที่ขนาดและนา้ หนกั เบา ทาการยิงด้วยการประทบั บา่ ประทบั เอว ตามระยะใช้สงั หารบคุ คล ข. กว้างปากลากล้อง 40 มม. บรรจกุ ระสนุ ทีละนดั ทางท้ายลากล้อง กระสนุ ปื นชนิดระเบดิ แรงต่า ค. ระยะยงิ ในการฝึ กไม่ควรยงิ ระยะน้อยกว่า 80 เมตรลงมา ง. ระยะยิงหวงั ผลตอ่ เป้ าหมายเป็นพนื ้ ท่ี 355 เมตร เป็นจดุ 155 เมตรลงมา 80. ข้อใดถกู ก. ชนวนแบบ เอ็ม.551 ใช้กบั กระสนุ สงั หาร เอ็ม.406 ข. ชนวนแบบ เอม็ .551 ใช้กบั กระสนุ ซ้อมยิง เอ็ม.382 ค. ชนวนแบบ เอม็ .551 ใช้กับกระสุนสังหาร เอ็ม.381 ง. ชนวนแบบ เอ็ม.551 ใช้กบั กระสนุ ซ้อมยิง เอม็ .381 81. สว่ นประกอบชนวนมกี ่ีสว่ น ก. 4 สว่ น ข. 5 ส่วน ค. 6 สว่ น ง. 3 สว่ น 82. กระสนุ สงั หารของปื น เอม็ .79 มกี ี่แบบ อะไรบ้าง ก. 2 แบบ คือ เอ็ม.381 บี 1 และ เอม็ .406 อี 1 ข. 2 แบบ คอื เอม็ .382 บี 1 และ เอม็ .402 อี 1 ค. 2 แบบ คอื เอม็ .382 บี 1 และ เอ็ม.406 อี 1 ง. 2 แบบ คอื เอ็ม.402 บี 1 และ เอม็ .406 อี 1 83. ท่ายิง เอ็ม.79 มกี ี่ทา่ อะไรบ้าง ก. 4 ทา่ ทา่ ยืนยิง, ทา่ ประทบั ใต้รักแร้ , ทา่ ประทบั สะโพก, ทา่ นอนยงิ ข. 5 ทา่ ทา่ ยืนยงิ , ทา่ นงั่ ราบยิง, ท่าประทบั สะโพกยงิ , ทา่ นง่ั คกุ เขา่ ยิง, ทา่ นอนยิง

ค. 4 ทา่ ทา่ ยืนยงิ , ทา่ นงั่ ราบยงิ , ท่านง่ั คกุ เขา่ ยงิ , ทา่ นอนยิง ง. 5 ท่า ท่ายนื ยงิ , ท่าน่ังราบยงิ , ท่าน่ังสูงยงิ , ท่าน่ังคุกเข่ายงิ , ท่านอนยงิ 84. ปก.เบา 88 เอ็ม.37 ความเร็วสงู สดุ ในการยิง 400 – 500 นดั /นาที ในการยงิ เป็นชดุ ๆ ก่ีนดั ก. 20 – 30 นดั ข. 15 – 20 นดั ค. 25 – 30 นดั ง. 20 – 25 นัด 85. ระยะยงิ ไกลสดุ และระยะยิงหวงั ผลของ ปก.เบา 88 เอม็ .37 เทา่ กบั ก. 3,000 หลา, 1,000 หลา ข. 3,500 หลา, 900 หลา ค. 3,000 เมตร, 1,000 เมตร ง. 3,500 เมตร, 900 เมตร 86. ชนิ ้ สว่ นใดไมอ่ ยใู่ นหม่ฝู าปิดห้องลกู เลื่อน ก. ขอรัง้ กระสุน ข. แหนบกอขอรัง้ กระสนุ ค. โครงเล่อื นสายกระสนุ และแหนบ ง. คนั เลื่อนสายกระสนุ 87. การปรับระยะหน้าลกู เลื่อนทาได้ 2 วธิ ี คอื เมื่อยงั ไมป่ ระกอบปืนและในการปรับเม่ือประกอบปืนแล้ว หลงั จากที่คลายลากล้องปืนออกจาก สว่ นเคลื่อนที่ไปข้างหน้าสดุ (โครงตอ่ ท้ายลากล้องเลื่อนไปชนแทน่ รับลากล้อง) จะต้องคลายลากล้องหรือขนั อีกก่ีคลก๊ิ ก. คลายลากล้องอีก 1 คลก๊ิ ข. ขนั ลากล้องเข้าอีก 1 คลก๊ิ ค. คลายลากล้องอีก 2 คล๊กิ ง. ขนั ลากล้องเข้าอีก 2 คลกิ๊ 88. ข้อใดเรียงลาดบั ขนั ้ ตอนการทางานของ ปก.เบา 88 ได้ถกู ต้อง ก. การป้ อนกระสนุ , การบรรจกุ ระสนุ , การขดั กลอน, การขนึ ้ นก, การลน่ั ไก, การปลดกลอน, การรัง้ ปลอก, การคดั ปลอก ข. การป้ อนกระสุน, การบรรจกุ ระสุน, การขัดกลอน, การล่ันไก, การปลดกลอน, การรัง้ ปลอก, การคัดปลอก, การขนึ้ นก ค. การป้ อนกระสนุ , การบรรจกุ ระสนุ , การขดั กลอน, การปลดกลอน, การลน่ั ไก, การรัง้ ปลอก, การคดั ปลอก, การขนึ ้ นก ง. การป้ อนกระสนุ , การบรรจกุ ระสนุ , การขดั กลอน, การขนึ ้ นก, การปลดกลอน, การลน่ั ไก, การรัง้ ปลอก, การคดั ปลอก 89. สาเหตทุ ี่ตดิ ขดั ของอาวธุ ท่ีสาคญั ได้แก่ ก. ปื นไมป่ ้ อนกระสนุ , ปื นไมล่ นั่ กระสนุ , เคร่ืองกลไกทางานไมส่ ะดวก ข. ปื นไมป่ ้ อนกระสนุ , ปื นไมล่ นั่ กระสนุ , ปื นไมข่ นึ ้ นก ค. ปื นไมบ่ รรจกุ ระสนุ , ปื นไมค่ ดั ปลอก, ปื นไมป่ ลดกลอน ง. ถูกทกุ ข้อ

90. ข้อใดกลา่ วผดิ เกี่ยวกับการปฏบิ ตั กิ ารยิงที่หมายของ ปก.ร่วมแกน ขณะท่ีรถถงั เคลอ่ื นท่ี ก. เม่อื เคลอื่ นท่ีเข้าที่หมายให้ทาการยิงด้านไกลกอ่ น ข. เมอื่ เคลอื่ นท่ีออกหา่ งท่ีหมายให้ทาการยงิ จากด้านใกล้ก่อน ค. เมื่อเคลื่อนที่เข้าหาให้ทาการยงิ ด้านใกล้ก่อน ง. ข้อ ก. และข้อ ข. ถูก 91. กระสนุ สอ่ งวถิ ีของ ปก.ร่วมแกน เมอ่ื ยงิ ออกไปแล้ว แสงสอ่ งสว่างวถิ ีจะดบั ท่ีเท่าใด ก. 1,200 หลา ข. 1,100 หลา ค. 1,000 หลา ง. 900 หลา 92. กระสนุ ปก.ร่วมแกน มกี ่ีชนดิ อะไรบ้าง ก. 3 ชนดิ ธรรมดา, สอ่ งวถิ ี, ซ้อมรบ ข. 4 ชนิด ธรรมดา, สอ่ งวถิ ี, เจาะเกราะ, ซ้อมรบ ค. 5 ชนิด ธรรมดา, ส่องวถิ ี, เจาะเกราะ, ซ้อมรบ, หัดบรรจุ ง. 6 ชนดิ ธรรมดา, สอ่ งวถิ ี, เจาะเกราะ, เจาะเกราะเพลงิ , ซ้อมรบ, หดั บรรจุ 93. เป้ าหมายท่ี ปก.ร่วมแกน ทาการยงิ ได้ ได้แกอ่ ะไรบ้าง ก. เป้ าหมายท่ีมีเกราะบาง, หน่วยทหาร ข. เป้ าหมายท่ีไมม่ ีเกราะป้ องกนั ตวั ค. ถูกทงั้ ข้อ ก. และข้อ ข. ง. ข้อ ก. ผดิ ข้อ ข. ถกู 94. คาสง่ั ยิง ปก.ร่วมแกน ในหวั ข้อชนดิ กระสนุ ใช้คาวา่ อะไร ก. ขนาดสามสิบ ข. ร่วมแกน ค. ขนาดสามสบิ หรือร่วมแกนกไ็ ด้ ง. ไมต่ ้องสงั่ ยงิ ได้เลย 95. องค์ประกอบสาคญั ของคาสงั่ ยงิ ปก.ร่วมแกน มกี ี่หวั ข้อ ก. 4 หวั ข้อ ข. 5 หวั ข้อ ค. 3 หวั ข้อ ง. ใช้เช่นเดียวกับหวั ข้อองค์ประกอบคาส่ังยงิ ปถ.

96. เมอื่ เป้ าหมายอยดู่ ้านข้างและขนานกบั ทศิ ทางเคล่ือนที่ของรถถงั การปรับการยิงให้กระทาตอ่ ชายด้านใดของเป้ าหมาย ก. ด้านใกล้ ข. ด้านไกล ค. ด้านขวา ง. ด้านซ้าย 97. เมื่อเป้ าหมายอย่ดู ้านข้างและตงั้ ฉากกบั ทิศทางการเคลอ่ื นที่ของรถถงั การปรับการยงิ ให้กระทาตอ่ ชายด้านใดของเป้ าหมาย ก. ด้านใกล้ ข. ด้านไกล ค. ด้านขวา ง. ด้านซ้าย 98. การปรับเครื่องแมเ่ หลก็ ลน่ั ไก ปก.ร่วมแกน จะต้องให้มชี อ่ งวา่ งระหวา่ งป่ มุ แกนแมเ่ หลก็ ลน่ั ไกกบั ไก ปก.ร่วมแกนเทา่ ใด ก. 1/8 นวิ ้ ข. 1/12 นวิ ้ ค. 1/16 นวิ ้ ง. 1/32 นิว้ 99. ชนิ ้ สว่ นใดตอ่ ไปนีเ้ ป็นชนิ ้ สว่ นท่ีอย่ใู นหมลู่ กู เล่อื น ก. คนั ขนึ ้ นก ข. เขม็ แทงชนวน ค. กระเดอื่ งไก ง. ถูกทุกข้อ 100. การถอดประกอบแบบละเอียดของ ปก.ร่วมแกน สามารถทาการถอดได้ก่ีหมอู่ ะไรบ้าง ก. 3 หมู่ หมลู่ กู เลอื่ น, หมโู่ ครงลกู เลือ่ น, หมโู่ ครงตอ่ ท้ายลากล้อง ข. 4 หมู่ หมู่ลูกเล่ือน, หมู่โครงลูกเล่ือน, หมู่โครงต่อท้ายลากล้อง, หมู่ฝาปิ ดห้องลูกเล่ือน ค. 3 หมู่ หมเู่ ลอื่ นปื น, หมโู่ ครงลกู เลอ่ื น, หมโู่ ครงตอ่ ท้ายลากล้อง ง. ไมม่ ีข้อใดถกู 101. ข้อใดกลา่ วถึงคณุ ลกั ษณะของ ปพ.86 ไมถ่ กู ต้อง ก. ป้ อนกระสนุ ด้วยซองกระสนุ ข. ทางานด้วยแรงสะท้อนถอยหลงั ของลากล้อง ค. มีขนาดความกว้างปากลากล้อง 45 นิว้ ง. ทาการยิงได้แบบกง่ึ อตั โนมตั ิ 102. ข้อแตกตา่ งของ ปพ.86 แบบ อม็ 1911 และ แบบ เอ็ม 1911 เอ 1 คอื ก. การทางาน ข. ระยะยิง ค. รูปร่าง ง. ถกู ทกุ ข้อ

103. ปพ.86 เม่อื ใช้ทาการยิงระยะยงิ ไกลสดุ จะใช้มมุ ยิงเท่าไร ก. 10 องศา ข. 24 องศา ค. 28 องศา ง. 30 องศา 104. ปพ.86 พร้อมซองกระสนุ และกระสนุ 7 นดั หนกั เทา่ ไร ก. 1.147 กก. ข. 2.437 ปอนด์ ค. ถกู ทงั ้ ข้อ ก.และข้อ ข. ง. ไมม่ ีข้อถกู 105. ชนิ ้ สว่ นใดของ ปพ.86 ที่ไมค่ วรถอดโดยไมจ่ าเป็น ก. ห้ามไก ข. ชนิ้ ส่วนในเหลก็ ปิ ดท้ายโครงปื น ค. ขอรัง้ ปลอกกระสนุ ง. เหลก็ คดั ปลอก 106. ปพ.86 ศนู ย์หน้าสงู เท่าไร ก. 0.5596 นวิ ้ ข. 0.5597 นิว้ ค.0.5598 นวิ ้ ง. 0.5978 นวิ ้ 107. ถ้าจาเป็นต้องเก็บ ปพ.86 ไว้ในซองหนงั จะต้องปฏิบตั ดิ งั นี ้ ก. ทาความสะอาดก่อน ข. ชโลมนา้ มนั บางๆ ค. ชะโลมนา้ มันหนาๆ ง. ที่กลา่ วมาแล้วถกู ทกุ ข้อ 108. เป้ าของ ปพ.86 แบบ เอม็ 1911 มีกี่แบบ ก. 3 แบบ ข. 4 แบบ ค. 5 แบบ ง. 6 แบบ 109. การยงิ กระสนุ ลกู ปรายของ ปพ.86 ให้มีการคดั ปลอกจะต้องทาอยา่ งไร ก. ทาความสะอาดกอ่ นการยงิ ข. ชะโลมนา้ มนั บางๆ ค. ทาความสะอาดกระสนุ ง. ต้องปลดซองกระสุนออกก่อนทาการยงิ 110. ความเร็วในการยงิ ปพ.86 ขนึ ้ อย่กู บั อะไร ก. อณุ หภมู ิ ข. ชนิดของกระสนุ

ค. ความชานาญของผู้ใช้ ง. ทา่ ยงิ 111. ฝาครอบลากล้อง ปลย.เอ็ม 16 เอ 1 มชี ่องระบายความร้อนด้านบนก่ีชอ่ ง ก. 8 ช่อง ข. 9 ช่อง ค. 10 ช่อง ง. 11 ช่อง 112. ฝาครอบลากล้อง ปลย.เอม็ 16 เอ 1 มไี ว้เพอื่ อะไร ก. เพ่ือให้อากาศเข้าหมนุ เวียนรอบลากล้อง ข. ป้ องกนั ท่อแก๊ส ไมใ่ ห้เกดิ ชารุด ค. ถูกทงั้ ข้อ ก. และ ข. ง. ไมม่ ีข้อถกู 113. ปลย.เอ็ม 16 เอ 1 มกี ารทางานอยา่ งไร ก. ทางานด้วยความร้อนระบายความร้อนด้วยอากาศ ข. ทางานด้วยความร้อนระบายความร้อนด้วยแก๊ส ค. ทางานด้วยแก๊สระบายความร้อนด้วยอากาศ ง. ทางานด้วยแก๊สระบายความร้อนด้วยลม 114. ดาบปลายปื น ปลย.เอ็ม 16 เอ 1 เป็นแบบใด ก. เอม็ 5 ข. เอ็ม 6 ค. เอม็ 7 ง. เอม็ 150 115. ปลย.เอ็ม 16 เอ 1 ทงั ้ กระบอกพร้อมด้วยปลอกลดแสงยาวกี่นิว้ ก. 35 นวิ ้ ข. 36 นวิ ้ ค. 37 นวิ ้ ง. 39 นิว้ 116. ปลย.เอ็ม 16 เอ 1 ศนู ย์หลงั เป็นศนู ย์กระดก มีชอ่ งเลง็ กี่ช่อง ก. 1 ชอ่ ง ข. 2 ช่อง ค. 3 ช่อง ง. 4 ชอ่ ง 117. ปลย.เอม็ 16 เอ 1 ระยะยิงตงั ้ แต่ 0 – 300 เมตร ตงั ้ ศนู ย์ชนดิ ใด

ก. ศูนย์ปกติ ข. ศนู ย์ตวั L ค. ศนู ย์ช่องเลง็ ใหญ่ ง. ศนู ย์หลงั 118. การปรับมมุ ทศิ จะปรับท่ีสว่ นใดของปื น ปลย.เอม็ 16 เอ 1 ก. ศนู ย์หลงั ข. ศนู ย์หน้า ค. ด้านขวาของศูนย์หลัง ง. ไมม่ ีข้อถกู 119. ปลย.เอม็ 16 เอ 1 ความเร็วต้นของกระสนุ มคี ่าเท่าไร ก. 3,520 ฟตุ / นาที ข. 2,350 ฟตุ / นาที ค. 2,530 ฟตุ / นาที ง. 3,250 ฟุต / นาที 120. ปลย.เอม็ 16 เอ 1 มคี วามเร็วในการยิงเทา่ ไร ก. 500 – 600 นดั / นาที ข. 600 – 700 นดั / นาที ค. 700 – 800 นัด / นาที ง. 800 – 900 นดั / นาที 121. หลกั การทางานของ ปก.เอม็ 60 ข้อใดผดิ ก. เป็ นอาวุธก่ึงอัตโนมัตทิ างานด้วยแก๊ส ป้ อนกระสุนด้วยสายกระสุน ข. ระบายความร้อนด้วยอากาศ จดั ระยะหน้าลกู เลอื่ นแบบตายตวั ค. เปลี่ยนลากล้องได้รวดเร็ว มีลากล้องที่ได้รับจา่ ยพร้อมปืน 2 ลากล้อง ง. ป้ อนกระสนุ ด้วยสายกระสนุ โลหะชนดิ ข้อตอ่ และเป็นอาวธุ ยิงจากหน้าลกู เลื่อนเปิด 122. กระสนุ ของ ปก.เอม็ 60 ข้อใดถกู ท่ีสดุ ก. กระสนุ 1 สาย บรรจุ 100 นดั มอี ย่ใู นชดุ พลประจาปื น 600 นดั ข. ขนาด 7.62 มม. มี 6 ชนิด การลุกไหม้ของส่องวถิ ีประมาณ 900 เมตร ค. พลกระสนุ และพลยิงผ้ชู ่วยจะนากระสนุ ชนิดกระเป๋ าผ้าตดิ ตวั ไปไมน่ ้อยกวา่ 1 สาย ง. กระสนุ เจะเกราะ และกระสนุ เจาะเกราะเพลงิ ปัจจบุ นั ทบ. กาหนดให้ใช้ในการฝึกได้ 123. รายละเอียด ปก.เอม็ 60 ในข้อใด ท่ีท่านคดิ วา่ ถกู ต้องที่สดุ ก. ความยาวของปื น 42 1/3 นวิ ้ ข. ความสงู ของปื นเมือ่ ตดิ ขาหยง่ั เอม็ 122 เทา่ กบั 26 1/2 นวิ ้ ค. เฉพาะปื นหนกั 32 ปอนด์ ง. ระยะยงิ ไกลสุด 3,725 เมตร

124. ปก.เอ็ม 60 มอี ตั ราการยงิ เร็วสงู สดุ กี่นดั /นาที ก. 200 นดั /นาที ข. 300 นดั /นาที ค. 500 นดั /นาที ง. 550 นัด/นาที 125. ระยะยิงหวงั ผล ปก.เอ็ม 60 เทา่ ใด ก. 1,000 เมตร ข. 1,100 เมตร ค. 1,000 หลา ง. 1,100 หลา 126. สาเหตขุ อง ปก.เอ็ม 60 ไมท่ างานมี 2 ประการ คือ ก. กระสนุ ผดิ รูปและลากล้องสกปรก ข. พลประจาปืนปฏิบตั ไิ มถ่ กู ต้องและขาดการหลอ่ ล่นื ค. การทางานของปื นฝื ดช้าและการทางานของปื นตดิ ต่อกันเร่ือย ง. ไม่มีข้อใดถูก 127. กระสนุ ปก.เอม็ 60 มีกี่ชนดิ ก. 7 ชนิด ข. 6 ชนิด ค. 5 ชนดิ ง. 4 ชนดิ 128. กระสนุ ชนิดใดของ ปก.เอม็ 60 ท่ีไมอ่ นมุ ตั ใิ ห้ใช้เพอ่ื ฝึ ก ก. กระสนุ ซ้อมรบและกระสนุ เจาะเกราะ ข. กระสุนเจาะเกราะและกระสุนเจาะเกราะเพลงิ ค. กระสนุ เจาะเกราะเพลงิ และกระสนุ สอ่ งวถิ ี ง. กระสนุ สอ่ งวถิ ีและกระสนุ ฟอสฟอรัส 129. การถอดชดุ ลากล้องปื น ปก.เอม็ 60 ข้อใดห้ามถอด ก. แป้ นเกลยี วกระบอกสบู ข. ลกู สบู ค. จุกเกลียวรูแก๊ส ง. หวั ตอ่ กระบอกสบู 130. การบารุงรักษา และทาความสะอาด ปก.เอ็ม 60 การตรวจจะเริ่มต้นเม่ือ ได้ถอดปื นออกมาเป็นชนิ ้ สว่ นใหญ่ๆก่ีชนิ ้ สว่ น ก. 4 ชนิ ้ สว่ น ข. 5 ชนิ ้ สว่ น

ค. 6 ชนิ้ ส่วน ง. 7 ชนิ ้ สว่ น 131. เคร่ืองปรับจงั หวะการยิง ปก.93 จะเป็นแผน่ โลหะบางๆ 2 แผน่ มลี กั ษณะอยา่ งไรถกู ต้องท่ีสดุ ก. แผน่ บางกากบั ไว้วา่ NO FIRE แผน่ หนากากับไว้วา่ FIRE ข. แผ่นบางกากับไว้ว่า FIRE แผ่นหนากากับไว้ว่า NO FIRE ค. แผน่ บางกากบั ไว้วา่ FIRE แผน่ หนาไมม่ อี กั ษรกากบั ง. แผน่ บางกากบั ไว้วา่ NO FIRE แผน่ หนาไมม่ ีอกั ษรกากบั 132. ขณะท่ีเครื่องวดั ระยะหน้าลกู เลือ่ นยงั สอดอย่ทู ่ีหน้าลกู เล่ือน สง่ิ ท่ีต้องระวงั คือ ก. อยา่ ปิดฝาห้องลกู เลอ่ื น ข. อย่าล่ันไก ค. อย่าบรรจกุ ระสนุ ง. ผดิ ทกุ ข้อ 133. แท่นศนู ย์และรูปใบศนู ย์ของชดุ ศนู ย์ประณีต ปก.93 ซึ่งใบศนู ย์นีจ้ ะทาเคร่ืองหมายแบง่ ไว้ตงั ้ แต่ 50 – 250 เมตร ทกุ ๆระยะ 50 เมตร จะ มเี ส้นขีดยอ่ ยแสดงไว้และจะมตี วั เลขกากบั ไว้ที่ระยะเท่าใด ก. 50,100 เมตร ข. 100,150 เมตร ค. 100,200 เมตร ง. 100,250 เมตร 134. ความยาวของ ปก.93 ทงั ้ กระบอกยาวเท่าไร ก. 24 นวิ ้ ข. 25 นวิ ้ ค. 45 นวิ ้ ง. 65 นิว้ 135. ปก.93 เมอื่ ลน่ั ไกและกระสนุ ระเบดิ ขนึ ้ ขณะที่ลกู กระสนุ เคลอ่ื นออกจากลากล้อง แรงสะท้อนถอยหลงั จะดนั สว่ นเคลอื่ นที่มาข้างหลงั ประมาณเทา่ ใด กลอนลกู เล่อื นจึงจะดนั กลบั ลงบนแท่นบงั คบั กลอนลกู เลอ่ื น ก. 2/3 นวิ ้ ข. 3/4 นิว้ ค. 1/3 นวิ ้ ง. 1/4 นวิ ้ 136. ปก.93 แหนบเครื่องผอ่ นแรงสะท้อนถอยหลงั จะอดั ตวั เข้าไปในโครงเคร่ืองผอ่ นแรงสะท้อนถอยหลงั เมื่อการสะท้อนถอยหลงั ของลากล้อง ปืนและโครงตอ่ ท้ายลากล้องปืน ถอยหลงั มาประมาณเทา่ ไร ก. 1 1/8 นิว้ ข. 1 1/4 นวิ ้ ค. 2 1/4 นวิ ้ ง. 2 1/8 นวิ ้ 137. ปก.ร่วมแกน สามารถทาการยงิ ตอ่ เป้ าหมายเป็นพนื ้ ท่ีและเป้ าหมายเป็นจดุ ถ้ายิงเป้ าหมายเป็นจดุ จะยิงในระยะเท่าไร ก. ๙๐๐ หลา ข. ๑,๐๐๐ หลา

ค. ๑,๑๐๐ หลา ง. ๑,๒๐๐ หลา 138. เกลยี วภายในลากล้องของ ปก.ร่วมแกน มีก่ีเกลียว ก. ๖ เกลยี วเวียนขวา ข. ๔ เกลียวเวียนขวา ค. ๖ เกลยี วเวียนซ้าย ง. ๘ เกลยี วเวียนขวา 139. ขณะทาการยงิ ปกบ.๘๘ เกดิ การตดิ ขดั หรือปลอกกระสนุ ขาด สาเหตเุ พราะอะไร ก. ระยะหน้าลกู เลอ่ื นห่างเกินไป ข. ระยะหน้าลกู เล่อื นชิดเกนิ ไป ค. ระยะหน้าลูกเล่ือนไม่ถูกต้อง ง. กระสนุ ชารุด 140. ข้อใดกลา่ วถกู ต้อง เก่ียวกบั มาตรฐานของ ปกบ.๘๘ เอ็ม.๓๗ ก. กว้างปากลากล้อง .50 นวิ ้ ความยาวปากลากล้อง 24 นวิ ้ ข. กว้างปากลากล้อง .30 นวิ ้ ความยาวปากลากล้อง 31 นวิ ้ ค. กว้างปากลากล้อง .30 นวิ ้ มีเกลียว 4 เกลยี ว เวยี นซ้าย ง. กว้างปากลากล้อง .30 นิว้ ความยาวปากลากล้อง 24 นิว้ --------------------------------

1.แบบหรือวธิ ีสอน ท่ีใช้ในทางราชการทหาร จะมีทงั ้ หมดก่ีแบบ ? = 3 แบบ 2.องคป์ ระกอบของการกลา่ วนาที่ต้องนามากลา่ วเสมอในครัง้ แรกของการสอน คอื อะไร ? = ความมุ่งหมายและเหตผุ ลในการเรียน 3.ลกั ษณะของคาถามท่ีดี ควรเป็นอย่างไร ? =ควรมีจดุ มุ่งหมายประการเดียว 4.การจะเลือกใช้อปุ กรณ์การสอนหรือเคร่ืองช่วยฝึกแบบใดนนั้ ปัจจยั ที่สาคญั ท่ีสดุ จะต้องนามาพจิ ารณาเป็นอนั ดบั แรก คอื อะไร ? =เนือ้ หาของวชิ าท่ีสอน

5. “ความเป็นผ้เู ชื่อถือได้” มคี วามหมายตรงกบั ข้อใด ? =การได้รับความไว้วางใจในการปฏบิ ตั งิ านตามหน้าท่ไี ด้อย่างถูกต้อง 6.ความเจริญก้าวหน้าทางด้านวทิ ยาการของโลก นนั้ จะเจริญก้าวหน้าไปอย่างไมห่ ยดุ ยงั้ และมกี ารพฒั นาให้เจริญยิ่งๆ ขนึ ้ ไปตลอดเวลา ท่าน จะพจิ ารณาคณุ ลกั ษณะของผ้นู าในเรื่องใดจึงจะได้ช่ือวา่ เป็นผ้นู าที่ทนั สมยั ? = ความรู้ 7.ข้อความใดมีความหมายตรงกบั คาวา่ “ความรักหมคู่ ณะ” ? = ความจงรักภักดี ความภาคภูมใิ จ ความศรัทราต่อหน่วยท่สี มาชกิ แต่ละบุคคลของหน่วย แสดงออกให้เหน็ 8.คาวา่ “ความรู้ความชานาญ” มีความหมายตรงกบั ข้อความใด ? =ขีดความสามารถของบุคคลและของหน่วยทงั้ ในทางเทคนิค ทางยทุ ธวธิ ี และทางร่างกาย 9.เส้นชนั ้ ความสงู ที่แสดงบนแผนท่ีมี 5 ประเภท ข้อใดไมใ่ ช่ ? =เส้นชนั้ ความสูงดีเพรสช่ัน 10.การจบั ถือเขม็ ทศิ เพ่อื ใช้งานมีอย่ดู ้วยกนั กี่วธิ ี = 2 วธิ ี 11.การวดั มมุ ภาคทิศเหนือบนแผนที่โดยใช้เคร่ืองมือ p –67 หากมมุ ที่ต้องการวดั มากกวา่ 180 องศาเราจะหนั สว่ นโค้งของเคร่ืองมอื ไปใน ลกั ษณะใด = หนั ส่วนโค้งขนึ้ ด้านบน 12.รูปลายเส้นที่เขยี นแสดงผวิ พนื ้ พภิ พ ลงบนพนื ้ ราบตามมาตราสว่ น สง่ิ ที่มนษุ ย์สร้างขนึ ้ และที่ปรากฏตามธรรมชาตจิ ะแสดงด้วยสญั ลกั ษณ์ เส้นและสี เป็นความหมายของอะไร ? = แผนท่ี 13.ระเบียบการนาหน่วย ขนั้ ที่ ๑ รับภารกจิ คาวา่ “ภารกจิ หรืองาน” มี ๒ รูปแบบ คือ แบบแรกผ้บู งั คบั หนว่ ย คิดเอง และ แบบท่ีสองจากหนว่ ย เหนือหรือผ้บู งั คบั บญั ชามอบให้ ข้อใดคอื ภารกจิ หรืองานท่ีหน่วยเหนือมอบให้ = ถูกทกุ ข้อ 14.การประมาณสถานการณ์ของผ้บู งั คบั หน่วยทางยทุ ธวธิ ีนนั้ มี ๕ ข้อ อยากทราบวา่ การประมาณสถานการณ์ในที่ข้อท่ี ๔ กลา่ วถึงเร่ืองอะไร = ภารกจิ 15.ระเบียบการนาหน่วยเป็นกรรมวธิ ีเพ่อื ให้บรรลภุ ารกิจท่ีได้รับมอบ เพอื่ ให้ทกุ คนทราบภารกิจ/เตรียมการพอ มี ๘ ขนั้ มกี รรมวธิ ีดาเนินการ อยา่ งไร? =

16.เมื่อ ผบ.หน่วยทาการวเิ คราะห์ปัจจยั METT-TC แล้วผลลพั ธ์ในการวเิ คราะห์จะเป็นข้อมลู ในการกระทาหรือปฏบิ ตั กิ ารตามระเบยี บนา หน่วยข้อใด = ให้คาส่ังเตอื น 17.ข้อใดคอื ความหมายของคาว่า “นา้ หนกั รถ” = นา้ หนักทงั้ หมดของรถท่ีตดิ ตงั้ อุปกรณ์พร้อมด้วยเตมิ นา้ มันเชอื้ เพลงิ เรียบร้อย แต่ไม่มีพลประจารถ 18.การปรนนบิ ตั บิ ารุงกอ่ นใช้งานกระทาเพ่อื อะไร =ถูกทกุ ข้อ 19. ข้อความ “ ท่ีลาดชนั ที่สดุ ซงึ่ ยานยนต์ติดตงั้ ยทุ โธปกรณ์รบและบรรทกุ นา้ หนกั เตม็ ที่ สามารถ แลน่ ข้ามลาดได้ด้วยความเร็วที่สม่าเสมอ โดยใช้เกียร์ตามที่กาหนด ” เป็นความหมายของอะไร ? = ความสามารถในการไต่ลาด 20.นา้ หนกั ทงั้ หมดของรถท่ีตดิ ตงั้ ยทุ โธปกรณ์พร้อมด้วยเตมิ นา้ มนั เชือ้ เพลงิ นา้ นา้ มนั หลอ่ ลืน่ แตไ่ มม่ ีพลประจารถคือความหมายของคาว่า อะไร ? = นา้ หนักรถ 21. รยบ. ๑/๔ ตนั ๔x๔ เอม็ ๑๕๑ เอ.๑ อยากทราบวา่ ๔x๔ หมายความวา่ อยา่ งไร ? = รถท่ีมี 4 ล้อ มีกาลังขบั เคล่ือน 4 ล้อ 22. ข้อใดคอื ความหมายของ “ รถพว่ ง ” ? = รถท่ีออกแบบไว้สาหรับลากจูงโดยมีคาน และห่วงสาหรับเกาะ 23. การปรนนิบตั บิ ารุงในหน้าท่ีพลขบั พลขบั จะใช้แบบพมิ พ์อะไรในการปรนนิบตั บิ ารุงประจาวนั = ทบ. ๔๖๘ – ๓๑๐ 24 การปรนนิบตั ิบารุงในหน้าที่พลขบั (ขนั้ ท่ี ๑) มกี าร ปบ.หลกั อยู่ ๓ ขนั้ คอื ข้อใด = ก่อนใช้งาน ขณะใช้งานและหลังใช้งาน 25.แผนการดาเนนิ กลยทุ ธ์ คือ แผนการใช้ หมู่ ปล.ตา่ ง ๆ ซึ่งเป็นสว่ นดาเนินกลยทุ ธ์ แผนนีจ้ ะต้องประกอบด้วยสงิ่ ใดบ้าง ? = เส้นทาง , รูปขบวน , การเข้าตะลุมบอน , การเสริมความม่ันคง , การควบคุม 26. ข้อความที่กลา่ วสนั้ ๆ วา่ “ ค้น–ตรึง–ส้รู บ–ตดิ ตาม และ ทาลาย ” เป็นหลกั การทางยทุ ธวธิ ีข้อใด = หลักนิยมรบด้วยวธิ ีลุก 27.วธิ ีการเดนิ ทางเฝ้ าตรวจสลบั ในระหวา่ งที่ชดุ ยงิ ก. หยดุ การเคล่ือนท่ีเฝ้ าตรวจชดุ ยงิ ข. เคล่ือนที่ไปข้างหน้า ปกตจิ ะเคลื่อนที่ลา้ ไปข้างหน้า ระยะประมาณเท่าใด ?

= ไม่เกิน 150 เมตร 28.การเสริมความมน่ั คง ณ ท่ีหมายและจดั ระเบยี บใหม่ ต้องทาทนั ทีท่ียึดท่ีหมายได้ การจดั วางกาลงั มอบเขตการยงิ ดดั แปลงภูมปิ ระเทศ ป้ องกนั การตีโต้ตอบจากข้าศกึ โดยใช้หลกั การอะไร ? = หลักการตงั้ รับ 29. “ ท่ีตงั้ ซ่ึงมีการกาบงั และซ่อนพรางแหง่ สดุ ท้ายใกล้แนวออกตี ซ่งึ หมวดจะวางกาลงั ในรูปขบวนเข้าตี และประสานการปฏิบตั คิ รัง้ สดุ ท้าย ก่อนผา่ นแนวออกตี มว.ปล.จะตดิ ดาบปลายปืน ณ พนื ้ ท่ีนี ้” หมายถึงข้อใด ? = ฐานออกตี 30. ลกั ษณะท่ีตงั ้ ยิงของปื นกล ควรมีลกั ษณะอย่างไร ? = ถูกทุกข้อ 31.ผลสาเร็จของการรบด้วยวธิ ีรุก คือข้อใด ? =การรบแบบผสมเหล่า 32.ในการจดั ตงั้ ยามระวงั ป้ องกนั เป็นมาตรการระวงั ป้ องกนั ในการตงั้ รับประเภทใด. = มาตรการเชงิ รับ 33.เป็นการสร้างความขดั แย้งตอ่ รัฐบาลอย่างยดึ เยือ้ ยาวนาน โดยใช้องคก์ รมวลชนเป็นหลกั เป็น รูปแบบการก่อความไมส่ งบรูปแบบอะไร ? = มุ่งเน้นมวลชล 34.การตดิ ตอ่ สอ่ื สารในการตงั้ รับระหวา่ งหมู่ ปล.ตอ่ หมู่ ปล.โดยปกติ จะใช้การตดิ ตอ่ สอ่ื สารชนดิ ใด. = ใช้โทรศัพท์ 35.ข้อใดกลา่ วถึง การจดั เตรียมที่มน่ั ในการตงั ้ รับ ได้ถูกต้อง = ท่ีม่ันตัง้ รับประณีตและท่ีม่ันตัง้ รับเร่งด่วน 36.หลกั การในการป้ องกนั การปราบปรามการก่อความไมส่ งบที่ดคี วรมีลกั ษณะอยา่ งไร ? =มีเอกภาพในการปฏบิ ตั ,ิ ให้ข่าวกรองมากท่สี ุด, ลดความรุนแรงให้เหลือน้อยท่ีสุด 37.การแบง่ มอบพนื ้ ท่ีในการ ปปส. “กองพนั ทหารราบ” โดยใช้เส้นแบง่ เขตการปกครองกระทรวงมหาดไทย คือ ? =อาเภอ 38.การควบคมุ เชลยศกึ มีวธิ ีปฏบิ ตั อิ ยา่ งไร ? =ด้วยระบบเอส (S) (ค้น – แยก – เงียบ – เร็ว – พทิ ักษ์ )

39.การปฏิบตั กิ ารตงั ้ รับของ มว.ปล.ในแนวหน้า จะเร่ิมต้นขนึ ้ เม่ือใด. = 40.สว่ นระวงั ป้ องกนั ที่จดั ออกไปจากหมู่ ปล.โดยมี ผบ.ร้อย.เป็นผ้รู ับผดิ ชอบ คือ สว่ นระวงั ป้ องกนั ในข้อใด. = 41.หวั ข้อการรายงานขา่ วสารเก่ียวกบั ข้าศกึ ประกอบด้วย ? = 42.ปัจจยั ท่ีเอือ้ อานวยตอ่ การก่อความไม่สงบ คอื ? = ถกู ทกุ ข้อ 43.ในการวางแผนการใช้หมปู่ ืนกลในการตงั้ รับ โดยปกตจิ ะใช้ตงั้ ยงิ เป็นคู่ เพอ่ื ไมใ่ ห้เป็นอนั ตรายร่วมกนั ท่ีตงั้ ยิงของปืนกลควรตงั้ หา่ งกนั ประมาณเทา่ ใด. =หา่ งกนั ประมาณ 30 เมตร 44แนวขอบหน้าพนื ้ ที่การรบ ของหนว่ ย ท่ีแท้จริง จะเกดิ ขนึ ้ เมื่อใด. =กาลงั ของ มว.ปล.ในแนวหน้าได้เข้าพนื ้ ที่วางตวั เรียบร้อยแล้ว 45ในการจดั หน่วยควบคมุ ทางอากาศยทุ ธวธิ ี จะมชี ดุ ผ้คู วบคมุ อากาศยานหน้า (ชผคน) ท่ีจดั สง่ ออกไปปฏบิ ตั กิ ารร่วมกบั หน่วยกาลงั ภาคพนื ้ มีหน้าท่ีให้คาแนะนาตอ่ ผบ.หนว่ ยนนั้ เก่ียวกบั การขอใช้กาลงั ทางอากาศและทาหน้าที่สง่ คาขอไปยงั หน่วยเหนือที่มอี านาจในการสง่ั ใช้กาลัง ทางอากาศ อยากทราบวา่ ชผคน.จะจดั สง่ ไปหน่วยถึงหน่วยภาคพนื ้ ระดบั ใด =กรมและกองพนั 46.ข้อใดคือความหมายของการสนับสนนุ ทางอากาศโดยใกล้ชดิ =การปฏบิ ตั ทิ างอากาศหรือการโจมตีทางอากาศท่ีกระทาตอ่ เป้ าหมายของ ขศ. บนผวิ พนื ้ โดยการร้องขอจากหน่วยภาคพนื ้ 47.ข้อใดไมจ่ ดั วา่ เป็นประเภทของการสนบั สนนุ โดยใกล้ชิด =การขดั ขวางทางอากาศ 48.การลวงและการตอ่ ต้านการสะกดรอยเป็นลกั ษณะพงึ ประสงค์ของหน่วยทหาร เพอื่ การตอ่ ต้านการตดิ ตามของข้าศกึ ข้อใดไม่ใช่ =หกั กิง่ ไม้ทาเครื่องหมายตลอดทาง 49.การนอนในป่ าท่ีถกู ต้องในการดารงชีพควรเลอื กให้ทหารนอนอยา่ งไร ? =การนอนสงู กวา่ พนื ้ ดนิ 50.ลกั ษณะรอยท่ีพบเกดิ จากข้าศกึ เคลื่อนท่ีเร็ว ๆ หรือ วง่ิ รอยจะมีลกั ษณะอย่างไร ?

=รอยหา่ ง, รอยลกึ , รอยเป็นแนวเดยี วกนั 51.กอ่ นที่เครื่องบนิ จะออกจากจดุ บนิ วน(CP) นกั บนิ จาได้รับข้อมลู ขา่ วสารจากหน่วยภาคพนื ้ ในเร่ืองใดบ้าง ข้อใดกลา่ วถกู ต้อง =สภาพอากาศ ลกั ษณะที่หมาย สถานการณ์ข้าศกึ และการตอ่ ต้าน แนวกาลงั ฝ่ ายเดียวกนั การยิงของปืนใหญ่ 52ข้อใดเป็นคณุ สมบตั ขิ องผ้นู าอากาศยานหน้า FORWARD AIR GUIDE (FAG) =ผา่ นการอบรมหน้าท่ี ผนอ. (FAG) 53ขา่ วสารอะไรที่ได้จากรอย ? =ทิศทาง, ความเร็ว, อายขุ องรอย, มีของหนกั หรือไม่ 54. การพสิ จู น์ฝ่ ายเพ่ือต้องการทราบวา่ เป็นหน่วยทหารฝ่ ายเดยี วกนั สง่ิ ที่ต้องแสดงนนั้ อยา่ งไร ? =แผน่ ผ้าสญั ญาณ VS - 17 ปเู ป็นตวั อกั ษร 55.การสอ่ื สารทางสาย ปกตจิ ะไมน่ ามาใช้สาหรับในกรณีใด ? =ใช้ รับ – สง่ ขา่ วคาสงั่ ยทุ ธการในการรบ 56.ส.อ.สมบตั ิ ผลดั กนั ชม แนะนาองค์ความรู้ท่ีได้ร่าเรียนมาตลอดหลกั สตู รให้กับเพื่อนๆร่วมรุ่น ข้อใดกลา่ วผิด ? = 57.ถ้าทา่ นเป็นพนกั งานวทิ ยุ ได้รับคาสง่ั ให้ติดตงั ้ ชดุ สายอากาศ RC – 292 โดยใช้ความถี่หลกั 58.05 MHz ความถี่รอง 72.45 MHz จะต้อง ใช้สายอากาศและสายดนิ อยา่ งละกี่ทอ่ น ? = 58.ในระดบั ร้อย.อวบ. ปกตจิ ะใช้ชดุ วทิ ยุ AN/PRC-77 เป็นเคร่ืองสถานีบงั คบั ขา่ ยฯ ซงึ่ มบี รรจใุ นอตั ราการจดั ทงั ้ นี ้ในระดบั มว.ปล. ก็มีชดุ วทิ ยุ PRC-624 และชดุ วทิ ยุ AN/PRC-77 ประจาอย่ใู นอตั ราเชน่ เดยี วกนั อยากทราบวา่ จนท.สอ่ื สาร ในระดบั ร้อย.อวบ. ประกอบด้วยใคร บ้าง ? = 59ระเบยี บการวทิ ยโุ ทรศพั ท์กาหนดขนึ ้ เพื่ออะไร ? =เร่งรัดการสง่ ขา่ วให้เร็วขนึ ้ และลดความผิดพลาดให้น้อยลง 60.สายเคเบลิ MK – 456/GRC ไมไ่ ด้เป็นสว่ นประกอบชดุ วทิ ยุ แตส่ ามารถใช้สาหรับตอ่ กบั ชดุ วทิ ยุ เพ่อื เป็นสถานีถา่ ยทอดแบบสง่ ตอ่ อตั โนมตั ใิ ห้กบั ชดุ วทิ ยอุ ะไร ? = AN/PRC – 77 กบั AN/VRC – 47

61.เป้ าหมายที่เหมาะสมจะทาการยงิ ด้วย C.หรือ ป. มากกวา่ การใช้อาวธุ ชนดิ อื่น ๆ ทาการยงิ คือ =เป้ าหมายท่ีอย่หู ลงั เนิน 62.ปัจจยั ท่ีทาให้การกะระยะด้วยสายตาคลาดเคลอื่ น คอื ข้อใด ? =ถกู ทกุ ข้อ 63.เคร่ืองมือเคร่ืองใช้ของผ้ตู รวจการณ์ที่ใช้วดั มมุ ทางระดบั เพอื่ นามาคานวณการย้ายยงิ เรียกวา่ อะไร =เขม็ ทศิ แบบ M2 และกลอ่ งสอ่ งสองตา 64.การกะระยะด้วยสายตา โดยวธิ ีกาหนดหน่วยหลกั 100 เมตร ควรฝึ กให้ทหารสามารถกะระยะได้แมน่ ยาและใกล้เคียงกบั ความเป็นจริง จนถงึ ระยะเท่าใด ? =500 เมตร 65.การปรับศนู ย์ ปลย. เอ็ม 16 A 1 ในระยะ 25 เมตร ทงั ้ ทางทศิ และทางระยะ 1 คลกิ จะมคี า่ เท่าไร? = 0.7 เซนตเิ มตร 66.ข้อใดกลา่ วถงึ การลนั่ ไกได้ถกู ต้องท่ีสดุ =ลน่ั ไกโดยการคอ่ ยๆสร้างแรงบีบ 67.รัศมีอนั ตรายของเคร่ืองยิงลกู ระเบดิ เอ็ม 79 หรือ เอม็ 203 จะมีรัศมอี นั ตรายประมาณกี่เมตร ? = 5 เมตร 68. การใช้ศนู ย์หลงั ของ ปลย.เอ็ม 16 A 1 ในการยงิ ปรับปื นในสนาม 1000 นวิ ้ (25 เมตร) ข้อใดถกู ต้อง ? = ใช้ศนู ย์ระยะไกล 69.ในการปรับศนู ย์ ปลย. เอ็ม 16 A 1 เม่ือต้องการให้ตาบลกระสนุ ถกู สงู ขนึ ้ ต้องทาอยา่ งไร? =หมนุ ศนู ย์หน้าตามเขม็ นาฬกิ า 70.การดาเนนิ ภารกิจยิงของ ผ้ตู รวจการณ์หน้า มกี ่ีขนั ้ ? = 2 ขนั ้ 71. ภมู ปิ ระเทศที่เป็นลาดเสมอหรือพนื ้ ระดบั นนั้ ปืนเลก็ ยาวและปืนเลก็ กล สามารถทาการยงิ กวาดได้จนถงึ ระยะเทา่ ใด ? = 600 เมตร 72.การทาความสะอาดเลนส์ของกล้องสอ่ งสองตา ควรใช้อะไร ? = กระดาษเชค็ เลนส์

73.ปก.เอม็ .๖๐ สามารถทาการยงิ หวงั ผลได้ในระยะเท่าใด = 1,100 เมตร 74.การสร้างเครื่องกีดขวางลวดหนามไมว่ า่ จะสร้างแบบใดกต็ ามประการสาคญั ท่ีสดุ อนั ดบั แรกจะต้อง = มอี าวธุ ค้มุ ครองเสมอ 75. แอมโมเนียมไนเตรทต้องผสมกบั วสั ดใุ ดถึงจะได้ผลการระเบดิ ดีที่สดุ = ดีเซล 76. สว่ นประกอบของท่นุ ระเบดิ สว่ นใดที่อาจไมม่ กี ็ได้ = เปลอื กท่นุ ระเบดิ 77.เครื่องกีดขวางลวดหนามทางยทุ ธวธิ ีจะจดั สร้างอย่หู น้าแนวตงั้ รับดงั นี ้ =ตามแนวยิงป้ องกนั ขนั้ สดุ ท้ายของฝ่ ายเรา 78.ข้อใดคือความหมายของป้ อมสนาม = ป้ อมคา่ ยที่สร้างขนึ ้ เมือ่ ปะทะกบั ข้าศกึ และป้ อมคา่ ยท่ีสร้างขนึ ้ เมื่อใกล้จะปะทะกบั ข้าศกึ ถกู ต้อง 79.ข้อใดคือระยะยิงไกลสดุ และระยะยิงหวงั ผล ปพ.๘๖ = ๑,๖๔๐ ม. , ๕๐ ม.ลงมา 80 ANFO คือ อะไร = แอมโนเนียมไนเตรท + นา้ มนั เชือ้ เพลงิ 81 ซองกระสนุ อาวธุ ของฝ่ ายตรงข้ามมกี ี่แบบ = 2 ชนดิ 20/40 82 หลกั การใหญ่ ๆ ในการทางานของ ปลก. เนเกฟ มีดงั ตอ่ ไปนีข้ ้อใดกลา่ วไมถ่ กู ต้อง = ทางานด้วยสว่ นเคล่ือนที่ 83. อตั รากระสนุ มลู ฐาน ของ ปก.๓๘ ใน ๑ กระบอกจะมีกระสนุ จานวนก่ีนัด = 3,100 นดั 84 กระสนุ ปก.เอ็ม.๖๐ ขนาด ๗.๖๒ x ๕๑ มม. นาโต้มีกี่ชนิด = 6 ชนิด

85 ในการระเบดิ แหลง่ หนิ แหลง่ กรวดควรใช้ดนิ ระเบดิ ชนดิ ใด =ไดนาไมท์ 86.ข้อใดไมใ่ ช่ข้อพจิ ารณาในการวางกบั ระเบดิ = 87. การตงั ้ = ตงั ้ มมุ ทิศ ๐ 88การพนั ลวดกับลวดหมายถึงการพนั ลวดตามข้อใด =การพนั ลวดขนานกระโจมกบั ลวดทแยง 89. ที่ตงั้ ยิง ปก. เอม็ .๖๐ ที่จดั เป็นที่ตงั้ ยงิ ขนั้ ต้นแบบเร่งดว่ นเป็นที่ตงั้ ยงิ แบบใด = 90. ซองกระสนุ ของ ปลย.๑๑ มกี ี่ชนดิ ชนิดละกี่นดั = 91.ค.เอ็ม.๒๐๓ ขนาด ๔๐ มม. ระยะท่ีปลอดภยั ในการฝึก (กระสนุ ระเบดิ และซ้อมยิง) คือระยะใด = 80 เมตร 92.เครื่องนริ ภยั ของ ปพ.๘๖ มกี ี่อย่าง = 4 อย่าง 93.อะไรคอื ข้อได้เปรียบของปื นเลก็ ยาวแบบ bull pup = ลากล้องยาว, ปื นสนั ้ 94.ข้อใดเป็นขนาดของหลมุ บคุ คลเดีย่ วที่ถกู ต้อง = กว้าง ๒ ฟตุ ยาว ๓ ๑/๒ ฟตุ ลกึ ระดบั อกผ้ใู ช้ 95. ค.อตั โนมตั ิ ๔๐ มม. ระยะยงิ ที่ปลอดภยั ในการยงิ กระสนุ ระเบดิ แรงสงู และกระสนุ ระเบดิ แรงสงู สองความม่งุ หมายในการฝึกก่ีเมตร = ไมน่ ้อยกวา่ 200 เมตร 96.ท่ายิงปกตขิ อง ปพ.๘๖ คอื ข้อใด = ท่ายืนยงิ

97. ระยะยิงหวงั ผลของ ปลย.เอม็ .๑๖ เอ ๑ ข้อใดถกู = 460 เมตร ลงมา 98.ท่ีจานปรับทางระยะของ ปลย.เอ็ม.๑๖ เอ ๔ สามารถเลอ่ื นระยะได้เท่าไรถงึ เท่าไร = 300 – 800 เมตร 99.ดนิ ระเบดิ ชนดิ ใด ท่ีไวตอ่ การระเบดิ มากท่ีสดุ =อาร์.ดี.เอ๊กซ์ 100.ก่อนทาการยงิ ปรับศนู ย์รบของ ปลย. เอ็ม ๑๖ เอ ๔ ในสนาม ๑,๐๐๐ นิว้ จะต้องตงั ้ จานปรับทางระยะเท่าใด =๖/๓ +๒ คลกิ๊

การปรนนบิ ัตบิ ารงุ ๑.ผบช.มงุ่ หวังในการปบ. ในหน้าที่พลขบั (ขัน้ ท่ี ๑)น้นั เพ่อื ประสงค์อะไร ก.ต้องการใหม้ งี านทา ข. เพอื่ ต้องการเบกิ สป. ค.เพอื่ เอาไปแก้ไขข้อบกพร่อง ง.เพอ่ื รักษาง.ยุทโธปกรณ์และเพ่อื ใหม้ ปี ระสิทธิภาพ ๒.การปบ. เมื่อตรวจพบข้อบกพร่องหรอื ทางานไมส่ มบูรณเ์ กนิ ข้ันที่ ๑พลขบั ต้องปฏบิ ตั อิ ยา่ งไร ก.แขวนปูายชะงักใช้งาน ข.รายงาน ผบช.ทราบทนั ที ค.ทาการแก้ซ่อมเองได้เลย ง.ส่งซอ่ มตามสายงานของ ผบช. ๓.จ่าสิบเอกปยิ ะทัศน์ฯ นา รยบ.บรรทุกนา้ ขนาด ๕,๐๐๐ ลิตรไปส่งนา้ ขณะวิง่ อยู่ไดย้ ินเสยี งเครอ่ื งยนต์ดังไม่สม่าเสมอแลว้ จดจา ไป ปบ.เมอ่ื ถงึ หน่วยถอื วา่ เปน็ การ ปบ.หว้ งใด ก.การ ปบ.ขณะใช้งาน ข.การ ปบ.ขณะหยุดพัก ค.การ ปบ. หลังใช้งาน ง.การ ปบ.ก่อนใชง้ าน ๔.ข้อใดกล่าวถูกต้องแล้ว ก.การ ปบ.ขัน้ ๑ เป็นงานในหน้าท่ีพลขบั ทาก็ได้ไม่ทาก็ได้ ข.การ ปบ.ขัน้ ๑ เปน็ การตรวจสภาพทว่ั ไปเพื่อให้ทราบข้อบกพร่องของยทุ โธปกรณ์ ค.การ ปบ.ข้นั ๑ ต้องทาบ่อยๆ เพอื่ จะไดน้ าไปเบิก สป. ง.ทกี่ ล่าวมาแลว้ ถกู ต้องทุกข้อ ๕.การปบ.ในหนา้ ทพ่ี ลขบั (ขั้นท่ี ๑) มีการปบ.หลกั อยู่ ๓ ข้นั คอื ข้อใด ก.ก่อนใช้งาน ขณะใชง้ านและหลังใชง้ าน ข.ก่อนใชง้ าน ขณะหยุดพักและขณะใชง้ าน ค.ขณะหยดุ พัก ขณะใช้งานและในโรงรถ ง.หลงั ใช้งาน ขณะใช้งานและในโรงรถ ๖.การปรนนิบตั บิ ารงุ เปน็ หัวใจสาคญั พลขับจะละเลยเสยี มิได้ คือการ ปบ.ประเภทไหน ก.การ ปบ.รอบ ๓ เดือน ข.การ ปบ. รอบ ๖ เดอื น ค.การ ปบ.ประจาวัน ง.การ ปบ.ประจาสปั ดาห์ ๗.ก่อนนา รยบ.ออกไปใชง้ าน พลขับทาการตรวจสภาพเรียบรอ้ ย เปน็ การตรวจสภาพท่ัวไปด้วยอะไร ก.ตรวจสภาพดว้ ยหู ข.ตรวจสภาพดว้ ยความชานาญ ค.ตรวจสภาพด้วยจมูก ง.ตรวจสภาพด้วยสายตา ๘. พลขับทุกคนที่นารถออกใชง้ านจะต้องมบี ัตรการใชร้ ถประจาวนั เสมอ แต่มีข้อยกเวน้ อะไรบา้ ง ก. ขบั รถเข้าขบวน,ขบั รถพยาบาลฉุกเฉิน ข. ขบั รถพยาบาลฉุกเฉิน,ขับรถปฏบิ ตั งิ านทางยุทธวธิ ี ค. ขบั รถปฏิบตั ิงานทางยทุ ธวิธ,ี ขับรถรับส่งทหารกองเกยี รติยศ ง. ขับรถเขา้ ขบวน,ขับรถปฏบิ ัตงิ านทางยทุ ธวธิ ี ๙. การ ปบ.ประจาวันจะปฏิบัตใิ นกรอบของแบบพมิ พ์ อะไร ก. ทบ. 468 – 360 ข. ทบ. 468 – 310 ค. ทบ. 468 – 201 ง. ทบ. 468 – 378 ๑๐. พลขบั จะกระทาการ ปบ.ขณะใชง้ าน จะกระทาการได้อย่างไร ก. ตรวจดูรอยบริเวณใตร้ ถ ข.ฟงั เสียงและกลิน่ ท่ีผดิ ปกติ ค. ตรวจเคร่อื งช่วยความปลอดภัยขณะขบั รถ ง. สังเกตดูระดบั น้าในเครื่องวัดขณะขบั รถ

วชิ า การปรนนบิ ัตบิ ารงุ ยานยนต์ * ขอ้ ใดกล่าวถูกต้องแลว้ ตอบ : การ ปบ.ข้ัน ๑ เป็นการตรวจสภาพทวั่ ไปเพื่อใหท้ ราบขอ้ บกพร่องของยุทโธปกรณ์ *ผบช.มุ่งหวังในการปบ. ในหน้าทพี่ ลขับ (ขั้นที่๑) นนั้ เพ่ือประสงค์อะไร ตอบ : เพ่อื รักษายุทโธปกรณ์และเพื่อให้มีประสิทธิภาพ *การปรนนบิ ัตบิ ารุงของช่างประจาหน่วยผ้ใู ดเปน็ ผ้ชู ว่ ยชา่ งในการปบ. ตอบ : พลขบั *สาเหตใุ ดจงึ ต้องทาการปรนนบิ ตั บิ ารงุ ขนั้ ๑ก่อน ตอบ : เพือ่ ให้รูส้ าเหตแุ ห่งการชารดุ แล้วดาเนินการแก้ไข *การเติมลมยางเตมิ น้าในหม้อนา้ ทาความสะอาดเป็นการกระทาอะไร ตอบ : การปรนนิบัตบิ ารุง คณุ ลกั ษณะยานยนต์ ๑.คาวา่ “ รถบรรทุก ” ทางทหารหมายความวา่ อะไร ก.รถทีใ่ ช้ล้อสาหรับเคล่ือนย้ายคน ข.รถทใ่ี ชล้ อ้ สาหรบั เคล่ือนย้ายคน,สตั ว์,สิง่ ของ ค.รถทใ่ี ช้ลอ้ สาหรับเคล่ือนยา้ ยคน,อาวุธ,กระสุน,และเคร่ืองมอื เครื่องใช้ ง.รถท่ีใชล้ อ้ หรอื สายพานสาหรับบรรทกุ คน และส่งิ ของทางทหาร ๒.รยบ.๑/๔ ตนั ๔x๔ เอม็ ๑๕๑ เอ.๑ อยากทราบว่า ๔x๔ หมายความว่าอยา่ งไร ก.รถท่ีม๔ี ล้อ เคลื่อนที่ไดท้ ัง้ ๔ ลอ้ ข.รถที่ม๔ี ลอ้ มีกาลังขบั เคลอ่ื น ๔ ลอ้ ค.รถทมี่ ๔ี ลอ้ ลากจงู รถพว่ งทีม่ ีลอ้ ๔ ล้อ ง.รถทม่ี ๔ี ล้อ บรรทกุ กาลงั พลได้ ๔คน ๓.ข้อใดคือความหมายของคาว่า “น้าหนักรถ” ก.น้าหนักสัมภาระหรือผู้โดยสาร รวมท้ังเจ้าหนา้ ทป่ี ระจารถ ข.นา้ หนกั ทั้งหมดของรถท่ีติดต้งั อปุ กรณพ์ ร้อมด้วยเติมน้ามันเช้อื เพลงิ เรยี บร้อย แต่ไม่มีพลประจารถ ค.นา้ หนกั ท้ังหมดของรถท่ีตดิ ตงั้ อปุ กรณพ์ ร้อมเตมิ น้ามันเช้ือเพลิงเรยี บร้อย รวมท้งั พลประจารถ ง.น้าหนกั ของรถทัง้ หมดท่ตี ดิ ตัง้ อุปกรณแ์ ละสามารถปฏิบตั ิการได้ รวมทั้งพลประจารถ และนา้ หนกั สมั ภาระ ๔.ข้อใดต่อไปน้ีคอื “ ระยะสูงพน้ พื้น ” ของรถ ก.ระยะระหวา่ งระดบั พืน้ ดนิ กับความสูงของล้อรถ ข.ระยะระหวา่ งระดบั พน้ื ดินกับพน้ื ใตท้ ้องรถ ค.ระยะระหว่างระดบั พื้นดนิ กับจดุ ทีต่ ่าทีส่ ุดใต้ทอ้ งรถ ง.ระยะระหว่างระดบั พนื้ ดินกับกนั ชนหน้ารถ ๕.ถ้าแบง่ ประเภทยานยนต์ตามลกั ษณะการใชง้ านอยากทราบวา่ รยบ. ๒ ๑/๒ ตัน เอ็ม ๓๕ จะจดั อยูใ่ นยานยนตช์ นดิ ใด ก.ยานยนต์ธุรการ ข.ยานยนต์ใช้งานทั่วไป ค.ยานยนตย์ ุทธวธิ ี ง.ยานยนต์ตดิ ต้ังอปุ กรณ์พิเศษ ๖.ประเภทของยานยนตแ์ บ่งตามลักษณะการใช้งานไดก้ ช่ี นิด ก.๑ ชนดิ ข.๒ ชนดิ ค.๓ ชนิด ง.๔ ชนิด ๗.รถกู้๕ตนั จดั อยใู่ นยานยนต์แบบใด ก.ยานยนตใ์ ช้งานทวั่ ไป ข.ยานยนตร์ บ ค.ยานยนต์ใช้งานพเิ ศษ ง.ยานยนตต์ ดิ ตัง้ อุปกรณ์พเิ ศษ ๘.การปรนนบิ ตั ิบารุงก่อนใช้งานกระทาเพ่ืออะไร ก.ดูความถูกต้องของยานพาหนะ ข.ตรวจระบบตา่ งๆ ของเครอื่ งยนต์ค.ตรวจสภาพการยึดตรึงของตัวรถ ง.ถกู ทกุ ข้อ

๙.ขอ้ ใดคือความหมายของ “ รถพว่ ง ” ? ก. รถทอี่ อกแบบไว้สาหรับลากจงู โดยมีคาน และห่วงสาหรบั เกาะ ข. รถยนต์ทีอ่ อกแบบไวล้ ากจูงได้โดยมีห่วงสาหรบั เกาะ ค. รถยนต์ทีอ่ อกแบบไวส้ าหรบั ลากจงู ได้ทุกสภาพถนนโดยมหี ่วงสาหรับเกาะ ง. รถยนต์ท่อี อกแบบให้มีกาลงั มากๆเพ่ือจะไดล้ ากจูงได้ ๑๐.รยบ. ๑/๔ ตัน ๔ x ๔ เอ็ม ๑๕๑ เอ.๑ อยากทราบวา่ ๑/๔ ตนั หมายถึงอะไร ? ก. นา้ หนักรถ ข. นา้ หนกั บรรทกุ ค. น้าหนักบรรทกุ ในภูมปิ ระเทศ ง. น้าหนักทัง้ หมดของรถ วชิ า คุณลกั ษณะยานยนตท์ หาร * ขอ้ ใดต่อไปน้ีคือ “ ระยะสูงพ้นพน้ื ” ของรถ ตอบ : ระยะระหว่างระดบั พื้นดนิ กบั จุดทตี่ า่ ทสี่ ุดใตท้ ้องรถ * นา้ หนักทั้งหมดของรถทีต่ ิดตั้งยทุ โธปกรณ์พร้อมด้วยเติมนา้ มันเช้ือเพลิง นา้ นา้ มันหล่อล่ืน แตไ่ ม่มีพลประจารถคอื ความหมาย ของคาว่าอะไร ตอบ : น้าหนกั ทั้งหมด * การแบ่งประเภทของยานยนต์ตามลกั ษณะการใชง้ าน จะแบ่งได้ก่ีประเภท อะไรบ้าง ตอบ : ๒ ประเภท ๑. ยานยนตธ์ ุรการ ๒. ยานยนต์ยทุ ธวิธี * ระยะปฏิบตั ิการ หมายความว่าอย่างไร ตอบ : ระยะทางที่ยานยนต์สามารถทางานได้ภายในน้ามนั เชอื้ เพลงิ เต็มถัง * รถกู้ ๕ ตัน จัดอยูใ่ นยานยนตแ์ บบใด ตอบ : ยานยนตต์ ดิ ต้ังอุปกรณ์พเิ ศษ การสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิด 1.ข้อใดคือความหมายของการสนับสนนุ ทางอากาศโดยใกลช้ ิด ก. การปฏิบัตทิ ลี่ ึกเข้าไปในดินแดนขา้ ศึก เปูาหมายไมจ่ าเป็นต้องมีการควบคุม ปฏบิ ัตไิ ด้ตามเสรี ตามความริเรม่ิ ของกองทัพอากาศ ข. การปฏบิ ัตทิ างอากาศหรอื การโจมตที างอากาศที่กระทาต่อเปาู หมายของ ขศ. บนผิวพนื้ โดยการรอ้ งขอจากหนว่ ยภาคพน้ื ค. การปฏบิ ตั ไิ ปตามความรเิ ริ่มของกาลังทางอากาศหลงั จากได้วางแผนร่วมกับหนว่ ยกาลังภาคพน้ื ง. การปฏบิ ัติทางอากาศหรือการโจมตที างอากาศที่กระทาต่อเปูาหมายทลี่ ึกเข้าไปในดนิ แดนของ ขศ. หลังจากได้วางแผนรว่ มกับกาลงั ทางอากาศ 2.ขอ้ ใดไมจ่ ัดว่าเปน็ ประเภทของการสนบั สนนุ โดยใกลช้ ดิ ก. การคมุ้ กันขบวนเดินเท้า ข. การบินคุม้ กัน ค. การโจมตีทางอากาศ ง. การขดั ขวางทางอากาศ 3.ผคู้ วบคุมอากาศยานหน้าคือใคร (FAC) ก. ผู้ตรวจการณ์ที่ได้รับการฝึก ข. นายทหารอากาศ (นักบิน) ค. ผบู้ งั คับหน่วยทผ่ี ่านการอบรม ง. ถูกทุกขอ้

4.ในการจัดหน่วยควบคมุ ทางอากาศยทุ ธวธิ ี จะมชี ดุ ผูค้ วบคุมอากาศยานหน้า (ชผคน)ที่จัดสง่ ออกไปปฏบิ ัติการรว่ มกับหน่วย กาลงั ภาคพ้ืน มีหน้าที่ให้คาแนะนาตอ่ ผบ.หน่วยนนั้ เก่ียวกับการขอใช้กาลงั ทางอากาศและทาหนา้ ที่ส่งคาขอไปยังหน่วยเหนือท่มี ี อานาจในการสงั่ ใช้กาลังทางอากาศ อยากทราบวา่ ชผคน.จะจดั สง่ ไปหนว่ ยถึงหนว่ ยภาคพืน้ ระดบั ใด ก. กองทัพภาค ข. กองพล ค. กองกาลงั ผสม ง. กรมและกองพัน 5.ข้อใดเป็นคุณสมบัติของผู้นาอากาศยานหนา้ FORWARD AIR GUIDE (FAG) ก. มีความรยู้ ุทธวธิ ภี าคพ้นื และยทุ ธวิธีอากาศยาน ข. มคี วามรูภ้ าษาองั กฤษและการอา่ นแผนท่ี ค. ผ่านการอบรมหน้าท่ี ผนอ. (FAG) ง. มีควมารู้การติดต่อสอ่ื สาร,ยทุ ธวธิ ภี าคพนื้ และยุทธวธิ ีอากาศยาน 6.พ้นื ทใ่ี นการสนับสนนุ ทางอากาศโดยใกล้ชิด ข้อใดกลา่ วถูกต้อง ก. จากหนา้ สดุ ของการวางกาลงั ฝุายเราไปจนถงึ ขอบหน้าของเขตภายในข้าศึก ข. จากแนวประสานการยิงสนบั สนุนและเขา้ ไปในเขตภายในข้าศึก ค. จากขอบหน้าพน้ื ท่ีการรบไปจนถงึ แนวประสานการยงิ สนับสนนุ ง. จากขอบหนา้ พื้นท่ีการรบไปจนถงึ เขตภายในขา้ ศึก 7.การสง่ คาขอทันที(เรง่ ดว่ น) จะต้องใหค้ าขอถงึ ผูม้ ีอานาจอนุมัติการใช้ บ. ของ ทอ. และจะไดร้ บั การตอบสนองในเวลาอย่างชา้ เทา่ ไร ? ก. 2 ช่ัวโมงเข้ารหัส ข. 6 ช่วั โมงเขา้ รหัส ค. 2 ชั่วโมงไมเ่ ขา้ รหัส ง. 6 ชวั่ โมงไม่เข้ารหัส 8.คาขอทนั ทที ันใดมหี ัวข้ออะไรบา้ ง ? ก. ใคร อะไร ที่ไหน เมอ่ื ไร อยา่ งไร เทา่ ไร ข. ใคร อะไร ทไี่ หน ทาไม เมื่อไร ค. ใคร อะไร ทไ่ี หน เมื่อไร ทาไม อย่างไร ง. ใคร อะไร ท่ไี หน อยา่ งไร 9.กอ่ นทีเ่ คร่อื งบินจะออกจากจุดบนิ วน(CP) นกั บินจาไดร้ บั ข้อมูลข่าวสารจากหนว่ ยภาคพื้นในเรื่องใดบ้าง ข้อใดกล่าวถูกต้อง ก. สภาพอากาศ ลกั ษณะท่ีหมาย สถานการณ์ข้าศึก ข. นามเรยี กขาน จานวนละแบบอากาศยาน เวลาในการให้การสนับสนนุ ค. สภาพอากาศ ลักษณะทีห่ มาย สถานการณ์ข้าศึกและการต่อตา้ น แนวกาลงั ฝาุ ยเดียวกนั การยิงของ ปืนใหญ่ ง. นามเรียกขาน ลกั ษณะทห่ี มาย สภาพอากาศ เวลาในการให้การสนบั สนนุ 10.หลังจากเครื่องบินโจมตเี ปูาหมายแลว้ หนว่ ยภาคพ้นื จะต้องรายงานผลการโจมตีเปาู หมายใหน้ ักบนิ ทราบ ข้อใดกล่าวไม่ ถูกต้องในขั้นตอนนี้ ก. แจ้งตาบลระเบดิ หรือตาบลกระสุนตก ข. แจง้ ผลการทาลายเปาู หมายเป็นเปอร์เซน็ ต์ ค. แจ้งเวลาระเบดิ กระทบเปาู หมาย ง. ปรบั แก้ตาบลกระสุนตกให้นักบนิ 11.การพสิ จู นฝ์ ุายเพื่อต้องการทราบวา่ เป็นหน่วยทหารฝุายเดียวกนั ส่ิงทตี่ อ้ งแสดงนัน้ อย่างไร ? ก. แผ่นผา้ สัญญาณ VS - 17 ปูเป็นตัวอักษร ข. ลข.ควันสีแดง ค. ทัศนสัญญาณ ง. หมายแนว หมายที่ต้งั

12.ในการเตรยี มการในระหวา่ งรออนุมตั คิ าขอ และรออากาศยานมาสนับสนนุ ผบู้ งั คับหน่วยจะตอ้ งกระทา สิ่งใดบา้ ง? ก.ดารงการตดิ ต่อสอ่ื สารกับ ป. หน่วยเหนอื ข.ผบ.หนว่ ย ให้ พลวทิ ยุเปน็ ผใู้ ชว้ ิทยเุ พียงผูเ้ ดียว ค.ใหก้ าลงั พลในหนว่ ยเฉลี่ยกระสุนเตรยี มตะลมุ บอน ง.ถกู ทขุ ้อ 13.ผนู้ าอากาศยานหนา้ (FAG) มีหน้าที่อย่างไร ก. นาอากาศยานเข้าโจมตีเปูาหมายได้ ข. รายงานสภาพอากาศ ค. แนะนา บ.โจมตี เกี่ยวกับทิศทางที่ปลอดภยั ง. ถูกทกุ ข้อ 14.จุดทีไ่ ด้กาหนดอ้างทางภูมิศาสตรบ์ นพนื้ ดนิ หรือบนผวิ น้าใชเ้ พื่อเป็นตาบลให้เคร่ืองบนิ หรือการส่งทางอากาศมาปรากฏทน่ี ้ัน คือความหมายอยา่ งไร ก. ที่ตงั้ ข้าศึก ข. จุดบินวน ค. ทีต่ ้ังฝาุ ยเดยี วกนั ง. ทศิ ทางการโจมตี 15.ในการปูอักษรรหสั บอกฝุายเม่ือ บ. ใกลถ้ ึงทตี่ ้งั หน่วย ใครต้องเปน็ ผู้ส่ังให้ปสู ญั ญาณ ก. นกั บนิ ข. ผบ.หนว่ ย ค. ผนอ. ง. หน.ชดุ ปแู ผน่ ผ้า วชิ าการสนบั สนุนทางอากาศ *ขอ้ ใดไมจ่ ัดวา่ เปน็ ประเภทของการสนับสนนุ โดยใกลช้ ดิ ตอบ : การขดั ขวางทางอากาศ *ผู้ควบคุมอากาศยานหน้าคือใคร (FAC) ตอบ :นายทหารอากาศ (นกั บิน) *ในการจดั หน่วยควบคมุ ทางอากาศยทุ ธวธิ ี จะมีชดุ ผู้ควบคุมอากาศยานหน้า (ชผคน)ที่จดั สง่ ออกไปปฏิบัติการรว่ มกับหน่วยกาลงั ภาคพ้นื มหี น้าที่ใหค้ าแนะนาตอ่ ผบ.หน่วยนั้นเก่ยี วกับการขอใชก้ าลังทางอากาศและทาหนา้ ทีส่ ่งคาขอไปยงั หน่วยเหนือทม่ี ี อานาจในการส่ังใช้กาลังทางอากาศ อยากทราบว่า ชผคน.จะจัดสง่ ไปหน่วยถึงหนว่ ยภาคพน้ื ระดบั ใด ตอบ :กรมและกองพนั *ขอ้ ใดเปน็ คุณสมบตั ขิ องผนู้ าอากาศยานหน้า FORWARD AIR GUIDE (FAG) ตอบ : ผ่านการอบรมหน้าที่ ผนอ. (FAG) *การพิสูจนฝ์ าุ ยเพ่อื ต้องการทราบวา่ เป็นหนว่ ยทหารฝุายเดยี วกันส่ิงท่ีตอ้ งแสดงนน้ั อย่างไร ตอบ : แผน่ ผา้ สญั ญาณ VS - 17 ปูเป็นตัวอักษร *ในการเตรยี มการในระหว่างรออนุมัติคาขอ และรออากาศยานมาสนับสนุน ผู้บังคบั หนว่ ยจะตอ้ งกระทา สงิ่ ใดบ้าง ตอบ :ดารงการตดิ ต่อสื่อสารกับ ป. หน่วยเหนือ * จดุ ท่ไี ด้กาหนดอ้างทางภมู ิศาสตรบ์ นพน้ื ดนิ หรอื บนผิวน้าใช้เพ่อื เปน็ ตาบลให้เคร่ืองบินหรอื การสง่ ทางอากาศมาปรากฏทน่ี ้ันคือ ความหมายอย่างไร ตอบ : จดุ บนิ วน * ในการปูอักษรรหัสบอกฝุายเมือ่ บ. ใกล้ถึงท่ีตัง้ หน่วย ใครต้องเป็นผสู้ ง่ั ใหป้ สู ัญญาณ ตอบ : นักบิน

การดารงชพี ในป่า 1.การทดสอบพชื ทกี่ นิ ได้ กระทาได้อยา่ งไร ก. ชมิ คอย ข. สอบถามชาวบา้ น ค.ดูจากสัตว์ ง. ถกู ทกุ ข้อ 2. กาสรา้ งทีพ่ ักทางทหารกระทาได้ 2 วิธี คอื ก. เรง่ ดว่ น , ถาวร ข. กงึ่ ถาวร , ถาวร ค. กงึ่ เรง่ , เรง่ ด่วน , ถาวร ง. เร่งดว่ น , ก่ึงถาวร 3. การทานา้ ให้สะอาดมกี วี่ ธิ อี ะไรบา้ ง ก. 3 วธิ ี ตม้ , ยาฆ่าเชือ้ , กรอง ข. 3 วธิ ี ตม้ , กล่ัน , ใส่ยาฆ่าเช้อื 2 ชนดิ ค. 3 วธิ ี ยาฆ่าเช้อื , กรอง , ซือ้ ตดิ ตวั ง. ผดิ ทกุ ข้อ 4. สงิ่ สาคัญที่สดุ ในการดารงชพี ในปาุ ได้แก่ ? ก. การมอี าหารรบั ประทานสมบูรณ์ ข. การมนี ้าดม่ื ที่ปลอดภัย ค. การมที ่ีพักที่สุขสบาย ง. การมีกาลังใจและความตั้งใจอันแน่วแน่ 5. ปาุ ในประเทศไทยเราสามารถแบ่งปุาไม้ออกตามลักษณะของปาุ เป็น 2 ชนดิ ได้แก่ ? ก. ปาุ แดงและปุาดงดบิ ข. ปุาดงดิบและปุาผลัดใบ ค. ปุาดงดบิ และปุาเบญจพรรณ ง. ปาุ ดนิ นา้ จดื และปาุ ดินนา้ เคม็ 6. เมอื่ เราอย่ใู นปุาอนั ตรายท่จี ะเกิดกับเรามี 2 ประเภทไดแ้ ก่ ? ก. น้าปาุ และสตั ว์ปาุ ข. พืชที่เป็นพิษและสัตวป์ ุา ค. ธรรมชาตขิ องปาุ และทหารข้าศึก ง. กินอาหารทีเ่ ปน็ พษิ และไข้ปุา 7. ปญั หาใหญ่ๆ ของการดารงชีพ แบง่ ออกเปน็ 3 ประเภทไดแ้ ก่ ? ก. พืช, สตั ว,์ น้า ข. อาหาร, น้า, ท่พี ัก ค. กาลงั พล, อาวุธยุทโธปกรณ์, ยารกั ษาโรค ง. อาวธุ , เคร่อื งนุ่งห่ม, ที่พัก 8. การนอนในปุาท่ีถูกต้องในการดารงชพี ควรเลือกให้ทหารนอนอย่างไร ? ก. นอนสูงกวา่ พน้ื ดิน ข. นอนในพน้ื ทโี่ ลง่ แจ้ง ค. นอนเอาศีรษะเข้าหาต้นไม้ใหญ่ๆ ง. นอนใกลก้ องไฟ 9. การแสวงหาอาหารในปาุ แบ่งออก 2 ชนิด ใหญ่ๆ คือ ? ก. ในน้า,บนพนื้ ดนิ ข. น้า, ที่พัก ค. ในปุาดงดบิ ,ในปาุ โปร่ง ง. สตั ว์,พืช 10. การแบ่งประเภทปญั หาใหญๆ่ ซึง่ เกี่ยวกับการดารงชีพใหเ้ หมาะสมกบั ภูมภิ าคมีอยู่ด้วยกัน 4 ประการ คอื ? ก. ชุดดารงชีพในปาุ ข. ชุดดารงชพี ในทะเล ค. ชุดดารงชพี ในทะเลทราย ง. ถูกทุกขอ้

11. วิธีการติดไฟในขณะทีเ่ ราอย่ใู นปาุ ซงึ่ ไม่มไี มข้ ีดไฟหรือไฟแช็คท่นี าตดิ ตวั ไปวิธกี ารตดิ ไฟทยี่ ากที่สดุ ได้แกช่ นดิ ใด ? ก. หินและเหลก็ ข. ใช้ไม้ถูกนั ค. กระจกและแสงแดด ง. ใชเ้ ชือกปุาน ถกู ับไม้ 12. ร่างกายของคนเรามตี ้องการน้า 1 คน/วนั น้นั 2 - 5 ลิตรการทาน้าแสวงหาไดจ้ ากในปุาให้สามารถ ทาใหส้ ามารถดม่ื ได้ด้วย วธิ ีการใส่ยาฆา่ เชอ้ื ฮาราโฮน 2 เม็ดต่อน้า 1 กระติก ควรใส่ยาแลว้ ทิง้ ไวก้ นี่ าที ? ก. 3 นาที ข. 10 นาที ค. 30 นาที ง. 40 นาที 13. ผลไมแ้ ละพชื ตา่ งๆทเ่ี ราพบในปาุ ซง่ึ จะนามาประกอบอาหารหรอื กนิ นน้ั มวี ิธปี ฏิบตั ดิ ้วยกนั 4 วธิ วี ิธีใดทไี่ มป่ ลอดภยั 100 % การปฏิบัติ 4 วธิ ี ? ก. สอบถามชาวบ้าน ข. ดจู ากสตั ว์ ค. ความค้นุ เคย ง. ชมิ แลว้ คอย 14.เรอ่ื งทส่ี าคัญทส่ี ุดในการดารงชีพอย่ใู นปาุ ซ่งึ เปน็ กญุ แจทจ่ี ะนาไปสู่ความสาเร็จ 8 ประการ คือข้อใด ? ก. SERVIVAL ข. SURVIVEL ค. SURVIVAL ง. SEVRIVAL 15. พืชในประเทศไทยมีประมานกี่ชนดิ ก. สองแสนหา้ หม่ืนชนดิ ข. สามแสนกวา่ ชนิด ค. นับไมถ่ ว้ น ง. ขอ้ ก. และ ข. ถกู ตอ้ งทส่ี ุด การดารงชพี ในปา่ *. เมอ่ื เราอยใู่ นปุาอันตรายทจ่ี ะเกดิ กับเรามี 2 ประเภทได้แก่ ตอบ : ธรรมชาตขิ องปุาและทหารข้าศึก * การนอนในปุาทีถ่ ูกต้องในการดารงชีพควรเลอื กใหท้ หารนอนอย่างไร ตอบ : นอนสงู กวา่ พ้นื ดิน * การแสวงหาอาหารในปุาแบ่งออก 2 ชนดิ ใหญๆ่ คอื ตอบ : สัตว์,พืช *วธิ ีการตดิ ไฟในขณะท่เี ราอย่ใู นปาุ ซ่ึงไม่มีไม้ขดี ไฟหรือไฟแช็คทนี่ าติดตัวไปวิธกี ารตดิ ไฟที่ยากท่ีสดุ ไดแ้ กช่ นิดใด ตอบ : ใชไ้ มถ้ ูกัน *รา่ งกายของคนเรามตี ้องการนา้ 1 คน/วันนน้ั 2 - 5 ลิตรการทานา้ แสวงหาได้จากในปุาใหส้ ามารถ ทาให้สามารถดื่มไดด้ ว้ ย วธิ ีการใสย่ าฆา่ เช้อื ฮาราโฮน2 เมด็ ต่อนา้ 1 กระติก ควรใสย่ าแล้วทิ้งไว้กน่ี าที ตอบ : 30 นาที *ผลไม้และพืชต่างๆที่เราพบในปุาซึ่งจะนามาประกอบอาหารหรอื กินนน้ั มีวิธปี ฏิบตั ดิ ว้ ยกัน 4 วิธีวิธีใดที่ไม่ปลอดภัย 100 % การ ปฏิบัติ 4 วธิ ี ตอบ : ชมิ แลว้ คอย * เรอื่ งทส่ี าคัญท่สี ดุ ในการดารงชพี อยู่ในปุาซึ่งเป็นกุญแจทจ่ี ะนาไปส่คู วามสาเร็จ 8 ประการ คือข้อใด ตอบ : SURVIVAL * พชื ในประเทศไทยมีประมาณกี่ชนิด ตอบ : สามแสนกว่าชนิด

วชิ าครทู หาร ๑. ขอ้ ใดเปน็ เหตุผล และความจาเป็นที่ต้องศึกษาวิชาครูทหาร? ก. เพราะเป็นวิชาท่เี รยี นง่าย ข. เพอื่ ความกา้ วหน้าทางราชการ ค. เพอื่ เปน็ หลักในการอบรมสั่งสอนผู้อื่น ง. เพอื่ ใหม้ ีความรู้ขั้นต้น ๒.การจะเป็นครทู ี่ดแี ละประสบความสาเร็จนนั้ จะต้องมีคุณลกั ษณะอย่างไร สาคญั ท่สี ดุ ? ก. มคี วามรู้กว้างขวางทุกวิชาและประสบการณใ์ นสนามมาก ข. มคี วามร้ใู นบทเรียนท่ีสอนและมเี ทคนิคการสอนดี ค. สอนแบบเดมิ ท่ีรนุ่ พีเ่ คยสอน ง.ควรมียศและตาแหน่งสูงกว่าผู้เรยี น ๓.ลักษณะของครูที่ดีประการหนึง่ คือ จะตอ้ งมวี ญิ ญาณครู คาว่า “วิญญาณครู” นัน้ มีความหมายตรงกบั ของใด? ก. มบี คุ ลกิ ลักษณะเหมาะสมท่จี ะเป็นครู ข. มีความสามารถในการสอนเปน็ อยา่ งดี ค. มีจติ รกั การสอนและพอใจในอาชีพครู ง. เปน็ ผูค้ งแกเ่ รยี น ๔. การฝกึ ภาคสนามของหลกั สตู รตา่ งๆ นัน้ เป็นการนาเอาหลักการสอนขอ้ ใดมาใชม้ ากท่ีสดุ ? ก. การเรา้ ใจ ข.ความสมจรงิ ค. ความรู้เดิม ง. การกระต้นุ ๕. องค์ประกอบของการกล่าวนาทตี่ ้องนามากล่าวเสมอในครง้ั แรกของการสอน คืออะไร ? ก. การแนะนาอปุ กรณก์ ารสอน ข. การแนะนาตวั ครู ค.ความมงุ่ หมายและเหตุผลในการเรยี น ง. ต้องกลา่ วทง้ั หมดทกุ ข้อ ๖. วิธีสอนมีอยูห่ ลายวิธี การเลอื กใชว้ ิธกี ารสอนแบบใดน้ัน จะข้ึนอย่กู บั ปัจจัยในเร่ืองอะไรบา้ ง ? ก.จานวนนักเรียน ข.ความร้เู ดมิ ค. พืน้ ฐานความรขู้ องนักเรยี น ง. ต้องพจิ ารณาทุกข้อท่กี ล่าวมา ๗. วธิ ีการสอนแบบใด ท่ีไม่ทาให้เกดิ ความสนใจ และไม่ส่งเสริมให้นกั เรยี นมที ัศนคติในการเรยี น? ก. วิธีสอนแบบเชงิ แสดง ข. วิธสี อนแบบเชงิ ประชมุ ค.วิธีสอนเชงิ บรรยาย ง. ทกุ วธิ ที ่ีกลา่ วมา ๘.ข้อใดกลา่ วถูกต้องทสี่ ดุ เก่ียวกับการพดู ของครู ? ก. พดู เชน่ เดียวกับการใหโ้ อวาท ข. จังหวะการพูดตอ้ งสม่าเสมอ ค. พูดเชน่ เดียวกับการพดู สนทนา ง. ระดับเสยี งในการพดู ต้องสม่าเสมอ ๙. ผู้ท่ีทาหน้าท่ีครจู าเปน็ อย่างย่งิ ทีจ่ ะต้องเป็นผู้ทีม่ ีความรู้ในเรื่องท่ีสอน มเี ทคนิคการสอนทีด่ ี และท่สี าคญั คือ จะต้องมศี ิลปะในการพูดท่ดี ดี ้วย ดงั นัน้ การพูดจึงเป็นการสร้างสมั ผัสที่ดรี ะหวา่ งครูกบั นักเรยี น อยาก ทราบว่า “การสรา้ งสัมผสั ระหวา่ งครูกบั นกั เรยี น” ตรงกบั ข้อใด ? ก. พูดเมื่อนักเรียนตง้ั ใจฟัง ข. เตรียมการสอนมาเป็นอย่างดี ค. มีทัศนคติท่ดี ี ง. เตรยี มการกล่าวนามาเปน็ อยา่ งดี ๑๐.ในการเตรยี มการสอนของครู เรอ่ื งใดๆ น้ัน สง่ิ แรกที่ครูจะต้องนามาพจิ ารณา คืออะไร ? ก. การทาแบบการสอน ข. วธิ ดี าเนินการสอน ค. เอกสารหรือหลักฐานอา้ งอิง ง.ความม่งุ หมายของบทเรียน

๑๑.แผนการสอน ขอ้ ใดกล่าวถกู ต้องทสี่ ุด ? ก. เพือ่ ใชเ้ ป็นคมู่ ือการสอน ข. เพื่อใหส้ ามารถสอนแทนกันได้ ค. เพ่อื ใชเ้ ปน็ ตารามาทาการสอน ง. เพ่ือใชเ้ ปน็ หลกั ฐานการรับตรวจ ๑๒. หลังจากทาแผนการสอนเรียบรอ้ ยแล้ว ขนั้ ตอนต่อไปจะต้องทาอะไรก่อนทาการสอน ? ก. เขา้ สอนได้ทนั ที ข. เตรียมหลกั ฐานทางธุรการใหเ้ รยี บรอ้ ย ค. ต้องมีการตรวจสอบคร้ังสดุ ท้าย ง. ต้องมีการสักซอ้ มทดลอง ๑๓.“ครจู ะต้องเปน็ ผทู้ ่สี ามารถนาเอาหลักการ วิธีการและเทคนิคการสอนตา่ งๆ ไปใช้ให้บังเกิดผลดี” ข้อความ ดงั กลา่ วอยู่ในคุณลกั ษณะครูที่ดีข้อใด? ก. มีความรใู้ นบทเรยี นท่ีสอน ข. มีบคุ ลิกลักษณะในการเป็นผนู้ า ค. มีความรู้ในเทคนิคการสอน ง. มที ศั นคติทดี่ ตี อ่ อาชีพครู ๑๔.การสอนวิธีใดๆ กต็ าม แบง่ ออกเป็น ๓ สว่ น คือ กล่าวนา อธิบาย และสรุป หรือ ทบทวน อยากทราบว่า การกลา่ วนากระทาเพื่อความมงุ่ หมายอะไร ? ก.ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งครูกบั นักเรยี น ข. กลา่ วเปิดการสอนอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ ค. กล่าวในส่ิงท่ีดีตืน่ เตน้ ง. บอกเกณฑ์การวัดผลและประเมินผล ๑๕. วิธสี อนแบบใด เรา้ ใจให้นกั เรียนสนใจ และระวังตวั เพ่ือตอบคาถามอยู่ตลอดเวลาที่ครสู อน ? ก. วิธสี อนเชิงบรรยาย ข. วิธสี อนเชงิ ประชุม ค. วิธีสอนแบบเชงิ แสดง ง. วธิ ีสอนแบบอภิปราย ๑๖.แผนบทเรยี นอย่างน้อยต้องประกอบดว้ ยกส่ี ่วน ? ก. ๔ ส่วน ข. ๓ สว่ น ค. ๒ สว่ น ง. ๑ สว่ น ๑๗.เมอ่ื ทา่ นได้ศึกษาหลกั ของวิชาครูจบลงแลว้ อยากทราบว่าสงิ่ ทที่ า่ นจะไดร้ บั อะไรตอ่ ไปในชวี ิต ? ก. ความเปน็ ครู ข. ความก้าวหนา้ ค. ความรอบรูด้ า้ นวชิ าการ ง. ความม่นั ใจ ๑๘. หลกั การสอนที่ว่าดว้ ย “บอกความม่งุ หมาย” จะนามาใช้ในขัน้ ตอนใดขณะทาการสอน ? ก. ขัน้ ตอนการกลา่ วนา ข. ขนั้ การอภปิ ราย ค. ขั้นการสรุป ง. ข้นั ตอนไหนก็ได้แล้วแตโ่ อกาส ๑๙. ขณะทาการสอนหรอื เม่ือสอนจบบทเรียนแล้ว นักเรียนถามคาถามว่า จานวนคาถามจะเป็นเครื่องบ่งชี้ถงึ เร่อื งอะไรมากท่สี ุด ? ก. บทเรยี นน้นั เป็นเรื่องทยี่ ากมาก ข. บทเรยี นนน้ั ครสู อนได้ดมี าก ค.´บทเรียนนัน้ มีความสาคัญมาก ง. นักเรียนสนใจเรยี นในวชิ านัน้ ๒๐. แบบหรือวธิ ีการสอน ท่ีใช้ในเนือ้ หา จะมีทั้งหมดกีแ่ บบ ? ก. ๒ แบบ ข. ๓ แบบ ค. ๔ แบบ ง. ๕ แบบ

วชิ าครูทหาร *ข้อใดเปน็ เหตุผล และความจาเป็นทต่ี อ้ งศกึ ษาวชิ าครทู หาร ตอบ : เพื่อเปน็ หลักในการอบรมสง่ั สอนผอู้ น่ื *การจะเป็นครูท่ดี ีและประสบความสาเรจ็ น้ัน จะต้องมีคุณลักษณะอย่างไร สาคัญทส่ี ุด ตอบ : มีความรใู้ นบทเรยี นที่สอนและมีเทคนิคการสอนดี *ลกั ษณะของครูท่ดี ีประการหนึ่งคือ จะต้องมวี ิญญาณครู คาว่า “วิญญาณครู” น้นั มีความหมายตรงกับ ของใด ตอบ :มจี ิตรักการสอนและพอใจในอาชีพครู *หลกั การสอนที่วา่ ดว้ ย “บอกความมงุ่ หมาย” จะนามาใช้ในข้นั ตอนใดขณะทาการสอน ตอบ :ข้ันตอนการกล่าวนา *ข้อใดกล่าวถกู ต้องท่ีสุด เก่ยี วกับการพดู ของครู ตอบ :พูดเช่นเดียวกบั การพดู สนทนา * ผูท้ ่ีทาหนา้ ท่ีครจู าเป็นอยา่ งยง่ิ ทีจ่ ะต้องเป็นผ้ทู ี่มคี วามรใู้ นเรอื่ งท่สี อน มีเทคนคิ การสอนท่ดี ี และท่ีสาคญั คือจะตอ้ งมีศิลปะใน การพดู ท่ีดีด้วย ดังนั้น การพูดจงึ เปน็ การสร้างสัมผัสทด่ี ีระหวา่ งครูกบั นักเรยี น อยากทราบวา่ “การสร้างสมั ผัสระหว่างครกู บั นักเรียน” ตรงกบั ขอ้ ใด ตอบ :เตรียมการกล่าวนามาเปน็ อย่างดี *ในการเตรยี มการสอนบทเรยี นเร่อื งใดนัน้ สิ่งแรกทค่ี รจู ะต้องนามาพิจารณา คืออะไร ตอบ :ความมุ่งหมายของบทเรยี น *เปาู หมายหรือแนวทางซ่ึงผู้บังคบั บญั ชาได้นามาใชใ้ นการวางแผน ท่เี นน้ ผลการปฏิบัติจะเริ่มต้นและจบลงทีใ่ ด ตอบ :วตั ถปุ ระสงค์ในการฝึก * หลงั จากทาแผนการสอนเรียบรอ้ ยแลว้ ขั้นตอนต่อไปจะต้องทาอะไรก่อนทาการสอน ตอบ :ต้องมีการตรวจสอบครั้งสดุ ทา้ ย *หนา้ ทแ่ี ละความรบั ผิดชอบเกีย่ วกบั เรื่องการฝกึ น้นั ผู้อานวยการฝกึ คอื ผูท้ ี่รับผิดชอบในเร่อื ง การวางแผนการฝึก , การจัด ระเบยี บการฝึก , การดาเนนิ การฝกึ และการประเมนิ ผลการฝึก สว่ นผฝู้ กึ หรือครฝู ึกมหี นา้ ทแี่ ตกตา่ งจากผู้อานวยการฝึกในเรอ่ื ง อะไร ตอบ :การเตรียมการฝึก วิชาผนู้ าทางทหาร ๑. เคร่อื งชค้ี วามเปน็ ผนู้ ามีอยู่ด้วยกนั หลายประการ อยากทราบวา่ ข้อใดไมใ่ ชเ่ ครื่องช้คี วามเป็นผ้นู า? ก. วินัย ข.กลา้ หาญ ค. ขวญั ง. สมรรถภาพ ๒. ข้อความใดมีความหมายตรงกบั คาวา่ “ความรกั หมู่คณะ” ? ก.ความจงรกั ภักดี ความภาคภูมิใจ ความศรัทราต่อหนว่ ยและบคุ คลทอี่ ยู่รว่ มกัน ข.ความจงรกั ภกั ดี ความภาคภูมใิ จ ความศรทั ราในตัวผ้นู าและหนว่ ยทม่ี ปี ระสิทธภิ าพ ค.ความจงรกั ภกั ดี ความภาคภมู ใิ จ ความศรัทราต่อหน่วยทส่ี มาชิกแต่ละบคุ คลของหน่วย แสดงออกให้เห็น ง.ความจงรักภกั ดที ี่บคุ คลในหนว่ ยมีให้ซงึ่ กันและกัน

๓. “ความเปน็ ผูเ้ ชอื่ ถือได้” มีความหมายตรงกับข้อใด? ก. ได้รบั ความไวว้ างใจและความเชื่อถือจากสงั คม ข. ปฏบิ ตั หิ น้าทดี่ ้วยความถูกตอ้ ง ด้วยความซื่อสตั ย์สจุ ริต ค.การได้รบั ความไว้วางใจในการปฏบิ ัติงานตามหนา้ ท่ีได้อย่างถูกต้อง ง. ปฏิบตั ิงานตามหนา้ ที่ให้สาเรจ็ ลุลว่ งไปดว้ ยดี ๔. บุคคลทส่ี ามารถปฏบิ ตั งิ านได้ทุกสภาวะและตัดใจจากสง่ิ ยัว่ ยุได้ จึงนาไปสู่ความสาเรจ็ ลลุ ว่ งไปดว้ ยดีไม่ ว่าจะอยสู่ ภาพแวดล้อมใดๆ ก็ตามบุคคลเช่นน้ีมีคุณลกั ษณะของผ้นู าเร่ืองใด ? ก.ความอดทน ข. ความเด็ดขาด ค. ความกล้าหาญ ง. ทกุ ขอ้ ท่กี ลา่ วมา ๕. ผู้นาทีไ่ ม่หาความสะดวกสบายและความก้าวหนา้ ให้กบั ตนเองจากความเดือดรอ้ นของผู้อ่ืนและ ผูใ้ ต้บังคบั บัญชาเป็นคุณลกั ษณะของผู้นาขอ้ ใด? ก. ความจงรกั ภักดี ข. ความซอื่ สตั ย์ ค. ความไมเ่ หน็ แกต่ วั ง. ความยุตธิ รรม ๖. ขอ้ ใดเปน็ อานาจหน้าทีต่ ามกฎหมายของแตล่ ะบุคคลในหน่วยทหาร ท่ีมีต่อผูใ้ ต้บงั คับบญั ชาชั้นยศ และอานาจทไี่ ดร้ บั มอบ ? ก. ผู้นา ข. ผูบ้ งั คบั บัญชา ค. การบังคับบัญชา ง. การจัดการ ๗. ขอ้ ใดเป็นรากฐานของพฤติกรรม? ก.ความต้องการบงั คบั บญั ชา ข.ความตอ้ งอันเกดิ จากการเรียน ค. ความต้องการรวมกลมุ่ ง. ถูกทุกขอ้ ๘. ผนู้ าอาศัยหลกั เกณฑ์อะไรเพือ่ เป็นเคร่ืองบง่ บอกผลการปฏิบัตงิ านของหนว่ ยวา่ จะสาเร็จหรอื ลม้ เหลว ? ก. หลกั การผนู้ า ข. คณุ ลักษณะผูน้ า ค. เครือ่ งชี้วัดความเป็นผนู้ า ง. พฤตกิ รรมมนษุ ย์ ๙. ความเจรญิ กา้ วหน้าทางด้านวิทยาการของโลก นน้ั จะเจริญก้าวหนา้ ไปอย่างไม่หยุดย้ังและมีการ พฒั นาให้เจริญยงิ่ ๆ ข้ึนไปตลอดเวลา ทา่ นจะพจิ ารณาคุณลกั ษณะของผนู้ าในเร่ืองใดจงึ จะไดช้ ื่อ วา่ เป็นผูน้ าท่ที ันสมัย? ก.ความรู้ ข. กาลเทศะ ค. ความกระตือรือรน้ ง. ความเป็นผู้เช่อื ถือได้ ๑๐. การปกครองบังคบั บัญชาอย่างตรงไปตรงและ ไม่มีอคติตอ่ ผ้บู ังคับบัญชาคนใด ด้วยความเสมอภาค การ ปฏิบัติเช่นน้ีตรงกบั คณุ ลักษณะผ้นู าเรื่องใด? ก. ความจงรกั ภักดี ข. ความกล้าหาญ ค.ความไม่เหน็ แกต่ วั ง.ความยุติธรรม

๑๑. ข้อใด ผู้นาไม่ควรนาใชม้ ากที่สุดในการจูงใจผ้ใู ตบ้ ังคับบัญชา ? ก. การใหร้ างวัลควรให้ในเวลามกี ารประชุมชแ้ี จง ข. การตาหนคิ วรตาหนิในทีป่ ระชมุ เท่าน้ัน เพื่อให้ทราบด้วยทั่วกัน ค. การให้รางวลั ควรใชเ้ ปน็ คาชมเชยมากกว่าเป็นสง่ิ ของ ง. การตาหนิควรเรียกมาตาหนิสองต่อสอง ๑๒. คาพดู ท่วี า่ “ ไม่ฆ่านอ้ ง ไมฟ่ ูองนาย ไม่ขายเพ่ือน” ไมน่ าปัญหาสว่ นตวั ของผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชาของตน ไปนนิ ทาให้ผอู้ ่ืนฟัง ไม่วพิ ากษว์ ิจารณ์ผบู้ ังคบั บญั ชาของตนตอ่ หนา้ ผใู้ ต้บงั คับบัญชาเปน็ คณุ ลกั ษณะ ผนู้ าเร่อื งใด? ก.กาลเทศะ ข.วจิ ารณญาณ ค.ความจงรกั ภักดี ง.การไมเ่ ห็นแกต่ ัว ๑๓.เครอื่ งช้ีความเป็นผนู้ าเป็นสง่ิ ท่ีจะช้ใี ห้เหน็ ถงึ ความสาเร็จหรือความลม้ เหลวในการเปน็ ผู้นาทางทหาร นน้ั ไดแ้ ก่อะไรบ้าง? ก.สมรรถภาพ ข.หลกั การของผ้นู า ค.คุณลกั ษณะของผู้นา ง.พฤตกิ รรมของมนุษย์ ๑๔. การปฏิบตั ิตนยึดมั่นอยูใ่ นหลกั ธรรมและรกั ษาสจั จะวาจาโดยสมา่ เสมอพูดส่ิงใดกป็ ฏบิ ัตติ ามน้นั เป็น คณุ ลักษณะของผู้นาเร่ืองใด ? ก. วจิ ารณญาณ ข. ความอดทน ค. ความยตุ ธิ รรม ง.ความซ่อื สัตย์ ๑๕. ข้อใดเปน็ องคป์ ระกอบของความเป็นผนู้ า ? ก.ตัวผูน้ า ส่งิ แวดล้อม สถานการณ์ ข.ตัวผนู้ า หนว่ ยทหาร สถานการณ์ ค. ตวั ผู้นา หน่วยทหาร ส่งิ แวดลอ้ ม ง. ตวั ผู้นา พฤติกรรม สง่ิ แวดลอ้ ม ๑๖.ถา้ กาลังพลในหน่วยงานของทา่ นมีขดี ความสามารถในการปฏิบัตงิ านตามหน้าทหี่ รือภารกจิ ท่ไี ดร้ ับ มอบอยใู่ นระดับมาตรฐานท่ีสูง แสดงว่าหนว่ ยของท่านมีสถานภาพอย่างไร? ก.มคี วามรกั หม่คู ณะ ข.มขี วญั ดี ค.มีวินยั ดี ง.มีสมรรถภาพดี

๑๗. ความเปน็ ผูน้ าทางทหารเป็นท้ังศาสตรแ์ ละศลิ ป์ ทจี่ ะจูงใจและอานวยการให้ทหารปฏิบตั ภิ ารกิจสาเร็จ โดยให้ผใู้ ต้บังคับบญั ชาตอบสนองอยา่ งไร ? ก. เอาอกเอาใจเรา ข. ประจบสอพลอและเอาของกานัลมาให้ ค. เชื่อฟัง นับถือและรว่ มมอื อยา่ งจริงใจ ง. ปฏบิ ตั งิ านตามคาสง่ั ๑๘.การสร้างความประทับใจ ใหเ้ ป็นทีน่ ยิ มของผู้อืน่ อยู่ตลอดเวลา ท้งั กาย วาจา ใจ คอื ข้อใด? ก.การวางท่าทาง ข.ความยุติธรรม ค.สมรรถภาพ ง.การยอมรับนับถือ ๑๙. บุคลิกลกั ษณะของบคุ คลย่อมจะไมเ่ หมอื นกันจะเปลี่ยนแปลงไปได้ทุกเวลา ปัจจยั ต่างๆท่จี ะกอ่ ให้เกิด บคุ ลกิ ลกั ษณะมีอะไรบ้าง? ก.ประสบการณ์ กรรมพนั ธุ์ สถานการณ์ ข.สง่ิ แวดล้อม ประสบการณ์ สถานการณ์ ค.กรรมพนั ธุ์ สิ่งแวดล้อม ประสบการณ์ ง.กรรมพันธ์ุ ส่ิงแวดล้อม สถานการณ์ ๒๐. ข้อใด คือ ตวั กาหนดทจ่ี ะเปน็ ผู้นาที่ดีและไม่ดี ? ก.มนุษยสมั พันธ์ ข.ตน้ ทุนชวี ิต ค.จติ สานกึ ของบคุ คล ง.ความต้องการทางรา่ งกาย

วชิ า ผูน้ าทางทหาร *ขอ้ ใดเปน็ วตั ถปุ ระสงคส์ ดุ ท้ายของความเป็นผู้นาทางทหาร ตอบ : การปฏบิ ัติภารกจิ ใหส้ าเรจ็ ลุลว่ งไปด้วยดโี ดยสิ้นเปลืองเคร่ืองมือและเวลานอ้ ยท่ีสุด *ขอ้ ใดมีความหมายตรงกับคาวา่ “วนิ ัย” ตอบ :ทัศนคติของบุคคลหรือกลุ่มของบคุ คลท่ีพร้อมจะเช่ือฟังคาสง่ั ในทันที และมีความริเรมิ่ ที่จะปฏบิ ัติในกรณีที่ไม่ได้รับ คาส่งั *คาวา่ “สมรรถภาพ” มคี วามหมายตรงกบั ข้อความใด ตอบ :ขดี ความสามารถของบุคคลและของหนว่ ยท้ังในทางเทคนิค ทางยทุ ธวิธี และทางร่างกาย *บคุ ลกิ ลกั ษณะของบุคคลยอ่ มจะไมเ่ หมือนกันจะเปลี่ยนแปลงไปได้ทุกเวลา ปัจจยั ตา่ งๆ ทจี่ ะก่อใหเ้ กิดบคุ ลกิ ลักษณะมอี ะไรบา้ ง ตอบ :กรรมพนั ธุ์ สง่ิ แวดลอ้ ม ประสบการณ์ *ความต้องการขัน้ มูลฐานของมนษุ ยม์ ีอะไรบา้ ง ตอบ :ความต้องการทางกาย ความตอ้ งการอนั เกิดจากการเรียนรู้ *ความตอ้ งการอนั เกดิ จากการเรียนรู้ทีส่ าคญั มีอะไรบ้าง ตอบ :ความปลอดภัย ความยินยอมของสงั คม การยอมรับนับถอื * “ความจงรักภักดี” มคี วามหมายตรงกับข้อใด ตอบ :เป็นคุณสมบัตขิ องความซือ่ สตั ย์ท่มี ีตอ่ ประเทศชาติ กองทัพบก หน่วยของตน ผอู้ าวุโส ผูใ้ ต้บงั คับบญั ชา มิตรสหาย *ผนู้ าที่ไม่หาความสะดวกสบาย และความก้าวหนา้ ใหก้ ับตนเองจากความเดือดรอ้ นของผูอ้ ่นื เป็นคุณลักษณะของผ้นู าข้อใด ตอบ : ความไมเ่ หน็ แกต่ วั *ในขณะท่ีกาลังเผชญิ หนา้ อยู่ในภาวะคบั ขันและอนั ตราย แต่สามารถควบคุมจติ ใจตนเองใหป้ ฏิบตั งิ านต่อ ไปได้อย่างไม่สะทกสะท้าน ผู้นาเรือ่ งน้ันมีคณุ ลักษณะผู้นาเรอื่ งใด ตอบ :ความกลา้ หาญ *ผใู้ ตบ้ งั คบั บัญชาของทา่ นคนหน่ึงปฏิบตั งิ านตามหนา้ ท่ีได้อย่างถกู ต้อง และไดร้ ับความไว้วางใจตลอดมา ทา่ นว่าผู้ใต้บงั คับบัญชาของท่านคนนัน้ มคี ุณลักษณะผูน้ าเร่ืองใด ตอบ :ความเป็นผ้เู ชือ่ ถือได้ วิชาการอ่านแผนทแ่ี ละการใชเ้ ขม็ ทิศ 1. รปู ลายเสน้ ทีเ่ ขียนแสดงผิวพ้ืนพภิ พ ลงบนพนื้ ราบตามมาตราส่วน สิง่ ที่มนุษย์สร้างข้ึนและที่ปรากฏตามธรรมชาติจะแสดง ด้วยสัญลักษณ์เส้นและสี เป็นความหมายของอะไร ? ก. สัญลกั ษณ์ของแผนที่ ข. สัญลักษณ์ทางทหาร ค. แผนที่ ง. ถูกทกุ ข้อ 2. แผนทที่ มี่ ใี ช้อยู่ในปจั จุบัน สามารถแบง่ ได้ก่ีประเภท ? ก. 3 ประเภท ข. 5 ประเภท ค. 7 ประเภท ง. ไม่มขี ้อถกู 3.ข้อใดมคี วามหมายเชน่ เดยี วกับคาว่า “เส้นละติจูด” ? ก. เสน้ รุ้ง, เสน้ แวง ข. เสน้ ลองตจิ ูด, เสน้ แวง ค. เสน้ ขนาน, เสน้ ลองติจูด ง. เสน้ รุ้ง, เส้นขนาน

4. แผนท่ีทมี่ ใี ช้อยู่ในประเทศไทย ข้อใดกล่าวถูกต้องทส่ี ดุ ? ก. 1 : 25,000 มีอย่ทู กุ จังหวัด ข. 1 :50,000 มีอยู่ 830 ระวาง ค. 1 : 250,000 มีอยู่ 53 แผ่น ง. ถูกทกุ ข้อ 5. แผนที่ท่เี หมาะแก่การใชร้ บในเมอื ง คือแผนท่อี ะไร ? ก. L 9013 ข. แผนทีต่ วั เมอื ง ค. 1 : 12,500 ง. ถูกทกุ ข้อ 6. ขอ้ ใดไม่ใช่สที ่ใี ชเ้ ขียนสญั ลักษณ์บนแผนที่ ? ก. สนี า้ เงนิ (ฟาู ) ข. สีเหลือง ค. สีเขยี ว ง. สีนา้ ตาลแดง 7. ในปัจจุบันประเทศไทยไดป้ รบั ปรุงแก้ไขแผนทชี่ ุดลา่ สุดออกมาใช้งานเพื่อให้เกดิ ความทนั สมยั และมีความถูกต้องมากยิง่ ข้ึน มี ชอื่ ว่าอะไร ? ก. L 7018 ข. 1501 ค. L 8019 ง. L 9013 8. แผนที่ชดุ ปัจจุบัน มาตราสว่ น 1 : 50,000 ท่ีมีการปรับปรงุ แก้ไขโดยใชพ้ ื้นหลกั ฐานอ้างองิ ทางราบ WGS– 84 จะมี หมายเลขระวางเหมือนเดิม แตช่ ่อื ระวางอาจเปล่ียนไปเนื่องจากสาเหตุอะไร ? ก. มีการเล่อื นขอบระวาง ข. ขอบเขตของแผนท่เี ล่ือนไปจากเดิม ค. มกี ารเปล่ียนระบบในการจัดทา ง. ขนาดแผนที่ใหญ่ขน้ึ กว่าเดิม 9. ในการศกึ ษาเรอ่ื งรายละเอียดขอบระวาง เพราะสาเหตใุ ดจึงหยบิ ยกแผนทมี่ าตราสว่ น 1 : 50,000 มาเป็นแนวทาง ? ก. หน่วยทหารส่วนใหญ่ใชแ้ ผนที่ 1 : 50,000 ข. มรี ายละเอยี ดมากกว่าแผนทีอ่ ่นื ๆ และศกึ ษาทาความเขา้ ใจง่าย ค. มคี วามชดั เจนเน่อื งจากแผนท่ี 1 : 50,000 มีความเป็นมาตรฐานในรายละเอียดค่อนขา้ งสูง ง. ทก่ี ล่าวมาถูกทุกข้อ 10. จะปรากฏอยู่ท่กี ่ึงกลางขอบระวางดา้ นบนและด้านล่างทางซ้าย ปกติใชช้ ือ่ ภมู ิประเทศเดน่ ทางภมู ศิ าสตร์หรือสื่อทาง ธรรมชาติ หรือใช้ช่อื เมอื งที่ใหญ่ เป็นความหมายของคาว่าอะไร ? ก. ชอ่ื ชุด ข. ช่อื มาตราสว่ น ค. ชื่อระวาง ง. หมายเลขลาดบั ชุด 11. เสน้ ขนาน คือเสน้ วงกลมเล็กทลี่ ากรอบโลก และขนานกับเสน้ ศนู ย์สตู ร อยากทราบว่าเสน้ ขนานแต่ละเส้นมคี ่าเทา่ กับเท่าไร ก. 15 องศา ข. 8 องศา ค. 6 องศา ง. 1 องศา 12. เส้นเมอริเดียน คือเส้นที่ลากเชื่อมโยงระหว่างข้ัวโลกเหนือกับข้ัวโลกใต้ โดยท่ีปลายของเส้นจะบรรจบกันที่ขั้วโลกทั้งสอง อยากทราบวา่ เส้นเมอรเิ ดียนรอบโลกมกี ีเ่ สน้ ? ก. 360 เส้น ข. 180 เสน้ ค. 90 เส้น ง. ถกู ทกุ ข้อ 13. ตามราชกิจจานเุ บกษา เลม่ ที่ 36 เมอื่ วันท่ี 21 ม.ี ค. 2462 มีผลบงั คบั ใชต้ ้ังแต่ 1 เม.ย. 2463 กาหนดใหเ้ วลาสาหรบั กรงุ สยามทวั่ ราชอาณาจกั รเป็น 7 ชม. ก่อนเวลากรีนิช ตรงกับสมัยรชั กาลที่เทา่ ไร ? ก. รัชกาลท่ี 5 ข. รชั กาลท่ี 6 ค. รชั กาลที่ 7 ง. ไมม่ ีข้อถกู 14.ในการทาแผนที่ระบบ UTMกรดิ ได้แบง่ โลกออกเป็นกโ่ี ซน ? ก. 15 โซน ข. 30 โซน ค. 45 โซน ง. 60 โซน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook