คำอธิบำยรำยวิชำภำษำองั กฤษเพ่ิมเติม วิชำภำษำองั กฤษเพ่อื กำรส่ือสำร ๑ รหสั วิชำ อ ๓๑๒๐๑ กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้ ภำษำต่ำงประเทศ ชนั้ มธั ยมศกึ ษำปี ที่ ๔ เวลำ 40 ชวั่ โมง จำนวน 1 หน่วยกิต พฒั นาทกั ษะการฟัง การพดู การอ่าน และการเขยี น เรอ่ื งราวจากสงิ่ พมิ พป์ ระเภทตา่ งๆ คา บรรยายลกั ษณะบคุ คล และสง่ิ ของ คาแนะนา สขุ ภาพโดยฝึกปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนและทกั ษะยอ่ ยของ กระบวนการนนั้ ๆ ใชภ้ าษาสอ่ื สารเพ่อื รบั และส่งสารในรูปแบบการสนทนาในสถานการณต์ า่ งๆท่ี หลากหลาย และการเขยี นจดหมายอเิ ลค็ ทรอนคิ ส์ โดยใชค้ าศพั ท์ สานวน วลี ประโยค โครงสรา้ งทางภาษาถ่ายโอนขอ้ มลู จากเรอ่ื งทอ่ี า่ นและฟัง ใชภ้ าษาสอ่ื สารไดถ้ ูกตอ้ งตามวตั ถปุ ระสงคข์ องการส่อื สารอยา่ งสรา้ งสรรค์ มปี ระสทิ ธภิ าพ รวมทงั้ ดาเนินการตดิ ตอ่ ส่อื สารกบั บุคคลอน่ื ไดอ้ ย่างตอ่ เน่อื ง เหมาะสมกบั กาลเทศะและมารยาททางสงั คมตาม วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา ตลอดจนมคี วามมนั่ ใจในการใชภ้ าษา เพอ่ื ใหน้ ักเรยี น เป็นผมู้ คี ณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ มวี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ อยูอ่ ย่างพอเพยี ง มงุ่ มนั่ ในการทางาน รกั ความเป็นไทย และมจี ติ สาธารณะ เหน็ คณุ ค่าในการ นาภาษาองั กฤษไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ผลกำรเรียนรู้ 1. ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกระบวนการฟังไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ มที กั ษะในการฟังโดยสามารถตคี วาม วเิ คราะหส์ งิ่ ทฟ่ี ัง น้าเสยี งกรยิ า ทา่ ทาง และสรปุ ความ ถา่ ยโอนเป็นภาพวาดไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 2. ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกระบวนการพดู ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง โดยสามารถพดู ตามระดบั กลไก พดู อยา่ งมี ความหมายและสนทนาตามสถานการณท์ ก่ี าหนดไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งเหมาะสม 3. ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกระบวนการอ่านขอ้ ความ และ เรอ่ื งสนั้ ๆ เพอ่ื หาใจความสาคญั หรอื รายละเอยี ดของ เร่อื งทอ่ี ่าน โดยสามารถพดู แสดงความคดิ เหน็ จากการวเิ คราะหเ์ ร่อื งทอ่ี า่ นและ สรุปเร่อื ง 4. ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกระบวนการเขยี นคาศพั ท์ ประโยค ขอ้ ความ และ จดหมายสอ่ื อเิ ลคทรอนคิ ส์ (e-mail) เพอ่ื สอ่ื สารและเปลย่ี นขอ้ มูล โดยใชส้ อ่ื เทคโนโลยใี นการฝึกทกั ษะไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 5. สรา้ งสรรคภ์ าษาในการสนทนาและเปลย่ี นขอ้ มูลและสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหว่างบคุ คล โดยใชค้ าศพั ท์ สานวน โครงสรา้ งทางภาษาใหเ้ หมาะสมกบั สถานการณ์และมารยาททางสงั คม 6. มคี วามเชอ่ื มนั่ ในการใชภ้ าษาองั กฤษในการส่อื สารกบั บคุ คลอน่ื และเหน็ คณุ ค่าในการนาภาษาองั กฤษ ไปใช้ ในชวี ติ ประจาวนั รวม ๖ ผลกำรเรียนรู้ กลุม่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาต่างประเทศ โรงเรยี นชุมชนประชาธปิ ัตย์วทิ ยาคาร
คำอธิบำยรำยวิชำภำษำองั กฤษเพิ่มเติม วิชำภำษำองั กฤษเพือ่ กำรสื่อสำร 2 รหสั วิชำ อ ๓๑๒๐3 กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้ ภำษำต่ำงประเทศชนั้ มธั ยมศกึ ษำปี ท่ี ๔ เวลำ 40 ชวั่ โมง จำนวน 1 หน่วยกิต พฒั นาทกั ษะการฟัง การพดู การอา่ น และการเขยี น เรอ่ื งราวจากสงิ่ พมิ พป์ ระเภทต่างๆ คา บรรยายลกั ษณะบคุ คล และสง่ิ ของ คาแนะนา สุขภาพโดยฝึกปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนและทกั ษะยอ่ ยของ กระบวนการนนั้ ๆ ใชภ้ าษาส่อื สารเพ่อื รบั และสง่ สารในรปู แบบการสนทนาในสถานการณต์ ่างๆท่ี หลากหลาย และการเขยี นจดหมายอเิ ลค็ ทรอนคิ ส์ โดยใชค้ าศพั ท์ สานวน วลี ประโยค โครงสรา้ งทางภาษาถ่ายโอนขอ้ มูลจากเรอ่ื งทอ่ี า่ นและฟัง ใชภ้ าษาสอ่ื สารไดถ้ กู ตอ้ งตามวตั ถุประสงคข์ องการส่อื สารอยา่ งสรา้ งสรรค์ มปี ระสทิ ธภิ าพ รวมทงั้ ดาเนินการตดิ ตอ่ ส่อื สารกบั บุคคลอน่ื ไดอ้ ย่างตอ่ เน่อื ง เหมาะสมกบั กาลเทศะและมารยาททางสงั คมตาม วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา ตลอดจนมคี วามมนั่ ใจในการใชภ้ าษา เพอ่ื ใหน้ กั เรยี น เป็นผมู้ คี ุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ มวี นิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง มงุ่ มนั่ ในการทางาน รกั ความเป็นไทย และมจี ติ สาธารณะ เหน็ คุณคา่ ในการ นาภาษาองั กฤษไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ผลกำรเรียนรู้ 1. ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกระบวนการฟังไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ มที กั ษะในการฟังโดยสามารถตคี วาม วเิ คราะหส์ งิ่ ทฟ่ี ัง น้าเสยี งกรยิ า ทา่ ทาง และสรปุ ความ ถา่ ยโอนเป็นภาพวาดไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง 2. ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกระบวนการพดู ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง โดยสามารถพดู ตามระดบั กลไก พดู อยา่ งมี ความหมายและสนทนาตามสถานการณท์ ก่ี าหนดไดอ้ ย่างถูกตอ้ งเหมาะสม 3. ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกระบวนการอา่ นขอ้ ความ และ เรอ่ื งสนั้ ๆ เพอ่ื หาใจความสาคญั หรอื รายละเอยี ดของ เรอ่ื งทอ่ี ่าน โดยสามารถพดู แสดงความคดิ เหน็ จากการวเิ คราะหเ์ รอ่ื งทอ่ี า่ นและ สรุปเร่อื ง 4. ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกระบวนการเขยี นคาศพั ท์ ประโยค ขอ้ ความ และ จดหมายส่ืออเิ ลคทรอนคิ ส์ (e-mail) เพ่อื สอ่ื สารและเปลย่ี นขอ้ มลู โดยใชส้ อ่ื เทคโนโลยใี นการฝึกทกั ษะไดอ้ ย่างเหมาะสม 5. สรา้ งสรรคภ์ าษาในการสนทนาและเปลย่ี นขอ้ มลู และสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งบุคคล โดยใชค้ าศพั ท์ สานวน โครงสรา้ งทางภาษาใหเ้ หมาะสมกบั สถานการณแ์ ละมารยาททางสงั คม 6. มคี วามเช่อื มนั่ ในการใชภ้ าษาองั กฤษในการส่อื สารกบั บคุ คลอน่ื และเหน็ คณุ ค่าในการนาภาษาองั กฤษ ไปใช้ รวม ๖ ผลกำรเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาตา่ งประเทศ โรงเรยี นชมุ ชนประชาธปิ ัตยว์ ทิ ยาคาร
คำอธิบำยรำยวิชำภำษำองั กฤษเพิ่มเติม รำยวิชำภำษำองั กฤษเพ่ิมเติม 1 รหสั อ ๓๑๒๐2 กลุม่ สำระกำรเรียนรู้ ภำษำต่ำงประเทศ ชนั้ มธั ยมศกึ ษำปี ที่ ๔ เวลำ ๔๐ ชวั่ โมง จำนวน ๑.๐ หน่วยกิต พฒั นาทกั ษะการอา่ นและการเขยี น จากสงิ่ แวดลอ้ ม เพอ่ื บรรยายลกั ษณะบคุ คล สตั ว์ สง่ิ ของ และสงิ่ แวดลอ้ ม โดยฝึกปฏบิ ตั ิตามขนั้ ตอนและทกั ษะยอ่ ยของกระบวนการนนั้ ๆ ใชภ้ าษาสอ่ื สารเพ่อื รบั และสง่ สารในรูปแบบการอ่านและเยนสอ่ื ความในสถานการณ์ต่างๆทห่ี ลากหลาย และการเขยี นจดหมาย อเิ ลค็ ทรอนิคส์ โดยใชค้ าศพั ท์ สานวน วลี ประโยค โครงสรา้ งทางภาษาถา่ ยโอนขอ้ มูลจากเร่อื งทอ่ี ่าน ใช้ ภาษาสอ่ื สารไดถ้ ูกตอ้ งตามวตั ถุประสงคข์ องการเขยี นอยา่ งสรา้ งสรรคแ์ ละมปี ระสทิ ธภิ าพ เพอ่ื ใหน้ กั เรยี น เป็นผมู้ คี ณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ มวี นิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ อยอู่ ย่างพอเพยี ง ม่งุ มนั่ ในการทางาน รกั ความเป็นไทย และมจี ติ สาธารณะ เหน็ คณุ ค่าในการ นาภาษาองั กฤษไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ผลกำรเรียนรู้ ๑. ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกระบวนการอา่ นไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ มที กั ษะในการอา่ นโดยสามารถ จบั ใจความ ตคี วาม วเิ คราะหส์ ง่ิ ทอ่ี ่าน และสรุปความไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง ๒. ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกระบวนการเขยี นไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง โดยสามารถเขยี นเพอ่ื สอ่ื ความถกู ตอ้ งตาม โครงสรา้ งและหลกั เกณฑท์ างภาษา ๓. สรา้ งสรรคภ์ าษาในการเขยี นเพอ่ื ใหแ้ ละ/หรอื แลกเปลย่ี นขอ้ มลู และสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งบุคคล โดย ใชค้ าศพั ทส์ านวน โครงสรา้ งทางภาษาไดเ้ หมาะสมกบั สถานการณ์ ๔. มคี วามเชอ่ื มนั่ ในการใชภ้ าษาองั กฤษในการส่อื สารกบั บคุ คลอน่ื และเหน็ คณุ คา่ ในการนาภาษาองั กฤษ ไปใช้ ในชวี ติ ประจาวนั รวมทงั้ หมด ๔ ผลกำรเรียนรู้ กล่มุ สาระการเรยี นรูภ้ าษาตา่ งประเทศ โรงเรยี นชุมชนประชาธปิ ัตยว์ ทิ ยาคาร
คำอธิบำยรำยวิชำภำษำองั กฤษเพ่ิมเติม รำยวิชำภำษำองั กฤษเพิ่มเติม 2 รหสั อ ๓๑๒๐4 กลุม่ สำระกำรเรียนรู้ เวลำ ๔๐ ชวั่ โมง ภำษำต่ำงประเทศ ชนั้ มธั ยมศึกษำปี ที่ ๔ จำนวน ๑.๐ หน่วยกิต พฒั นาทกั ษะการอา่ นและการเขยี น จากสงิ่ แวดลอ้ ม เพอ่ื บรรยายลกั ษณะบุคคล สตั ว์ สิ่งของ และสงิ่ แวดลอ้ ม โดยฝึกปฏบิ ตั ิตามขนั้ ตอนและทกั ษะยอ่ ยของกระบวนการนนั้ ๆ ใชภ้ าษาสอ่ื สารเพอ่ื รบั และส่งสารในรปู แบบการอ่านและเยนสอ่ื ความในสถานการณ์ต่างๆทห่ี ลากหลาย และการเขยี นจดหมาย อเิ ลค็ ทรอนิคส์ โดยใชค้ าศพั ท์ สานวน วลี ประโยค โครงสรา้ งทางภาษาถา่ ยโอนขอ้ มูลจากเรอ่ื งทอ่ี ่าน ใช้ ภาษาสอ่ื สารไดถ้ ูกตอ้ งตามวตั ถปุ ระสงคข์ องการเขยี นอย่างสรา้ งสรรคแ์ ละมปี ระสทิ ธภิ าพ ผลกำรเรียนรู้ ๑. ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกระบวนการอา่ นไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ มที กั ษะในการอา่ นโดยสามารถ จบั ใจความ ตคี วาม วเิ คราะหส์ งิ่ ทอ่ี า่ น และสรปุ ความไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง ๒. ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกระบวนการเขยี นไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง โดยสามารถเขยี นเพอ่ื สอ่ื ความถกู ตอ้ งตาม โครงสรา้ งและหลกั เกณฑท์ างภาษา ๓. สรา้ งสรรคภ์ าษาในการเขยี นเพอ่ื ใหแ้ ละ/หรอื แลกเปลย่ี นขอ้ มลู และสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งบคุ คล โดย ใชค้ าศพั ทส์ านวน โครงสรา้ งทางภาษาไดเ้ หมาะสมกบั สถานการณ์ ๔. มคี วามเช่อื มนั่ ในการใชภ้ าษาองั กฤษในการส่อื สารกบั บคุ คลอน่ื และเหน็ คณุ คา่ ในการนาภาษาองั กฤษ ไปใช้ ในชวี ติ ประจาวนั รวมทงั้ หมด ๔ ผลกำรเรยี นรู้ กล่มุ สาระการเรยี นรูภ้ าษาต่างประเทศ โรงเรยี นชุมชนประชาธปิ ัตย์วทิ ยาคาร
คำอธิบำยรำยวิชำภำษำองั กฤษพื้นฐำน วิชำภำษำองั กฤษพ้นื ฐำน 3 รหสั วิชำ อ ๓๒๑๐๑ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ เวลำ ๔๐ ภำษำต่ำงประเทศ ชนั้ มธั ยมศึกษำปี ที่ ๕ ชวั่ โมง จำนวน ๑.๐ หน่วยกิต อ่านออกเสยี งขอ้ ความ ขา่ ว บทรอ้ ยกรอง บทละครสนั้ ถูกตอ้ งตามหลกั การอ่าน ปฏบิ ตั ติ าม คาแนะนาในคู่มอื การใช้ เลอื กและใช้คาขอร้อง คาช้แี จง คาอธบิ าย คาบรรยาย รวมทงั้ ให้คาแนะนา คาอธบิ าย/ระบุ เขยี นประโยคและขอ้ ความสมั พนั ธก์ บั ส่อื ท่ไี มใ่ ชค่ วามเรยี งในรูปแบบตา่ งๆทฟ่ี ังและอา่ น ตีความ วเิ คราะห์ สรุป แสดงความคดิ เหน็ เร่อื งท่เี ป็ นสารคดแี ละบันเทิงคดี พร้อมทงั้ ให้เหตุผลและ ยกตัวอย่างประกอบ พูด เขียน อธบิ าย อภิปราย บรรยาย เปรยี บเทียบเพ่อื ขอและให้ข้อมูลเกี่ยวกบั ประสบการณ์ สถานการณ์ ขา่ ว เหตกุ ารณ์ ประเดน็ ทอ่ี ยู่ในความสนใจของสงั คมและสอ่ื สารอยา่ งตอ่ เน่อื ง เหมาะสม เสนอ ให้ ตอบรบั และปฏเิ สธการใหค้ วามชว่ ยเหลอื ในสถานการณจ์ าลอง และสถานการณ์จรงิ อยา่ งเหมาะสม ค้นควา้ สบื คน้ รวบรวม แสดงความคดิ เหน็ บนั ทกึ สรปุ นาเสนอ ความรู้ ขอ้ มูลตา่ งๆ ท่ี เก่ยี วขอ้ งกบั กลุ่มสาระการเรยี นรู้อ่นื ๆ จากแหล่งการเรยี นรู้ท่หี ลากหลายในการศกึ ษาต่อและประกอบ อาชพี เผยแพร่ ประชาสมั พนั ธข์ อ้ มูล ขา่ วสารของทอ้ งถ่ิน สงั คม และโลกเป็นภาษาต่างประเทศ โดยใช้ ภาษา น้าเสยี ง และกิรยิ าท่าทางในการส่อื สารในสถานการณ์จรงิ และ สถานการณ์จาลอง อธบิ าย เปรยี บเทยี บ วเิ คราะหค์ วามแตกต่างระหว่างโครงสรา้ งประโยค สานวน คาพงั เพย สภุ าษติ บทกลอน วถิ ี ชวี ติ ความเช่อื ทม่ี าของขนบธรรมเนียมประเพณีและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษากับของไทย นาไป ประยกุ ตใ์ ชไ้ ดอ้ ยา่ งเหมาะสม เขา้ รว่ ม แนะนา จดั กจิ กรรมทางภาษาและวฒั นธรรมอยา่ งเหมาะสมถกู ตอ้ ง ตามมารยาททางสงั คมและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา โดยใชก้ ระบวนการส่อื สาร กระบวนการคดิ กระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการสบื ค้นขอ้ มูล ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ และการใชส้ อ่ื เทคโนโลยี เพ่ือให้เกิดความรู้ความคดิ ความเขา้ ใจ สามารถใช้ภาษาองั กฤษส่อื สารในชวี ติ ประจาวนั ได้ อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ เหมาะสมตามภาษาและวฒั นธรรม มเี จตคตทิ ่ดี ใี นการเรยี นภาษาองั กฤษ มนี สิ ยั รกั การอ่าน มคี วามรกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ มสี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมนั่ ในการ ทางาน รกั ความเป็นไทยและมจี ติ สาธารณะตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ตวั ชี้วดั ต ๑.๒ ม.๔-๖/๑-๕ ต ๑.๓ ม.๔-๖/๑-๓ ต ๒.๑ ม.๔-๖/๑-๓ ต ๓.๑ ม.๔-๖/๑ ต ๔.๑ ม.๔-๖/๑ ต ๔.๒ ม.๔-๖/๑-๒ ต ๑.๑ ม.๔-๖/๑-๔ ต ๒.๒ ม.๔-๖/๑-๒ รวม ๒๑ ตวั ชี้วดั กล่มุ สาระการเรยี นรูภ้ าษาต่างประเทศ โรงเรยี นชมุ ชนประชาธปิ ัตย์วทิ ยาคาร
คำอธิบำยรำยวิชำภำษำองั กฤษพืน้ ฐำน วิชำภำษำองั กฤษพนื้ ฐำน 4 รหสั วิชำ อ ๓๒๑๐๒ กล่มุ สำระกำรเรียนรู้ ภำษำต่ำงประเทศ ชนั้ มธั ยมศึกษำปี ที่ ๕ เวลำ ๔๐ ชวั่ โมง จำนวน ๑.๐ หน่วยกิต อา่ นออกเสยี งขอ้ ความ ข่าว บทรอ้ ยกรอง บทละครสนั้ ถูกตอ้ งตามหลกั การอา่ น ปฏิบตั ิตาม คาแนะนาในคู่มือการใช้ เลือกและใช้คาขอร้อง คาช้แี จง คาอธิบาย คาบรรยาย รวมทงั้ ให้คาแนะนา คาอธบิ าย/ระบุ เขยี นประโยคและขอ้ ความสมั พนั ธ์กบั ส่อื ทไ่ี มใ่ ช่ความเรยี งในรูปแบบต่างๆทฟ่ี ังและอ่าน ตีความ วิเคราะห์ สรุป แสดงความคดิ เหน็ เร่อื งท่เี ป็นสารคดแี ละบันเทิงคดี พร้อมทงั้ ให้เหตุผลและ ยกตัวอย่างประกอบ พูด เขยี น อธบิ าย อภิปราย บรรยาย เปรยี บเทียบเพ่อื ขอและให้ข้อมูลเก่ียวกบั ประสบการณ์ สถานการณ์ ขา่ ว เหตุการณ์ ประเดน็ ทอ่ี ยูใ่ นความสนใจของสงั คมและส่อื สารอย่างต่อเน่อื ง เหมาะสม เสนอ ให้ ตอบรบั และปฏเิ สธการใหค้ วามช่วยเหลอื ในสถานการณ์จาลอง และสถานการณ์จรงิ อยา่ งเหมาะสม ค้นควา้ สบื ค้น รวบรวม แสดงความคดิ เหน็ บนั ทกึ สรปุ นาเสนอ ความรู้ ขอ้ มูลตา่ งๆ ท่ี เกย่ี วขอ้ งกบั กลุ่มสาระการเรียนรูอ้ ่นื ๆ จากแหล่งการเรยี นรูท้ ่หี ลากหลายในการศกึ ษาต่อและประกอบ อาชพี เผยแพร่ ประชาสมั พนั ธข์ อ้ มูล ขา่ วสารของทอ้ งถิ่น สงั คม และโลกเป็นภาษาต่างประเทศ โดยใช้ ภาษา น้าเสียง และกิริยาท่าทางในการส่อื สารในสถานการณ์จรงิ และ สถานการณ์จาลอง อธิบาย เปรยี บเทยี บ วเิ คราะหค์ วามแตกต่างระหว่างโครงสรา้ งประโยค สานวน คาพงั เพย สุภาษติ บทกลอน วถิ ี ชวี ติ ความเช่อื ท่มี าของขนบธรรมเนียมประเพณีและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษากับของไทย นาไป ประยกุ ตใ์ ชไ้ ดอ้ ย่างเหมาะสม เขา้ ร่วม แนะนา จดั กจิ กรรมทางภาษาและวฒั นธรรมอยา่ งเหมาะสมถูกตอ้ ง ตามมารยาททางสงั คมและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา โดยใชก้ ระบวนการสอ่ื สาร กระบวนการคดิ กระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการสบื คน้ ขอ้ มูล ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ และการใชส้ ่อื เทคโนโลยี เพ่อื ให้เกิดความรูค้ วามคดิ ความเขา้ ใจ สามารถใช้ภาษาองั กฤษส่อื สารในชวี ิตประจาวนั ได้ อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ เหมาะสมตามภาษาและวฒั นธรรม มเี จตคตทิ ด่ี ใี นการเรยี นภาษาองั กฤษ มนี ิสยั รกั การอา่ น มคี วามรกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ มสี นิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ อยอู่ ย่างพอเพยี ง มงุ่ มนั่ ในการ ทางาน รกั ความเป็นไทยและมจี ติ สาธารณะตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ตวั ชี้วดั ต ๑.๒ ม.๔-๖/๑-๕ ต ๑.๓ ม.๔-๖/๑-๓ ต ๒.๑ ม.๔-๖/๑-๓ ต ๓.๑ ม.๔-๖/๑ ต ๔.๑ ม.๔-๖/๑ ต ๔.๒ ม.๔-๖/๑-๒ ต ๑.๑ ม.๔-๖/๑-๔ ต ๒.๒ ม.๔-๖/๑-๒ รวม ๒๑ ตวั ชีว้ ดั กลุม่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาต่างประเทศ โรงเรยี นชมุ ชนประชาธปิ ัตย์วทิ ยาคาร
คำอธิบำยรำยวิชำภำษำองั กฤษเพ่ิมเติม วิชำภำษำองั กฤษเพื่อกำรสอ่ื สำร 3 รหสั วิชำ อ ๓๒๒๐๑ กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ ภำษำต่ำงประเทศชนั้ มธั ยมศึกษำปี ท่ี ๕ เวลำ ๔๐ ชวั่ โมง จำนวน ๑.๐ หน่วยกิต พฒั นาทกั ษะการฟัง และการพดู จากสงิ่ แวดลอ้ มและบรบิ ททางสงั คม บรรยายลกั ษณะบุคคล สตั ว์ สงิ่ ของ และสง่ิ แวดลอ้ ม โดยฝึกปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนและทกั ษะย่อยของกระบวนการฟังและพดู ใช้ ภาษาสอ่ื สารเพ่อื รบั และสง่ สารในรปู แบบการสนทนาในสถานการณต์ ่างๆทห่ี ลากหลาย โดยใชค้ าศพั ท์ สานวน วลี ประโยค โครงสรา้ งทางภาษาถ่ายโอนขอ้ มูลจากเร่อื งทฟ่ี ัง ใชภ้ าษา ส่อื สารไดถ้ ูกตอ้ งตามวตั ถปุ ระสงคข์ องการสอ่ื สารอยา่ งสรา้ งสรรค์ มปี ระสทิ ธภิ าพ รวมทงั้ ดาเนนิ การ ตดิ ตอ่ สอ่ื สารกบั บคุ คลอ่นื ไดอ้ ยา่ ง เหมาะสมกบั กาลเทศะและมารยาททางสงั คมตามวฒั นธรรมของ เจา้ ของภาษา ตลอดจนมคี วามมนั่ ใจในการใชภ้ าษา เพ่อื ใหน้ กั เรยี น เป็นผมู้ คี ุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ซ่อื สตั ยส์ ุจรติ มวี นิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง มุ่งมนั่ ในการทางาน รกั ความเป็นไทย และมจี ติ สาธารณะ เหน็ คณุ ค่าในการ นาภาษาองั กฤษไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ผลกำรเรยี นรู้ 1. ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกระบวนการฟังไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ มที กั ษะในการฟังโดยสามารถตคี วาม วเิ คราะหส์ งิ่ ทฟ่ี ัง น้าเสยี งกรยิ า ทา่ ทาง และสรุปความ ถ่ายโอนเป็นภาพวาดไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง 2. ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกระบวนการพดู ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง โดยสามารถพดู ตามระดบั กลไก พดู อยา่ งมี ความหมายและสนทนาตามสถานการณท์ ก่ี าหนดไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งเหมาะสม 3. ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกระบวนการอ่านขอ้ ความ และ เรอ่ื งสนั้ ๆ เพอ่ื หาใจความสาคญั หรอื รายละเอยี ดของ เร่อื งทอ่ี ่าน โดยสามารถพดู แสดงความคดิ เหน็ จากการวเิ คราะหเ์ ร่อื งทอ่ี า่ นและ สรปุ เร่อื ง 4. ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกระบวนการเขยี นคาศพั ท์ ประโยค ขอ้ ความ และ จดหมายสอ่ื อเิ ลคทรอนิคส์ (e-mail) เพอ่ื สอ่ื สารและเปลย่ี นขอ้ มลู โดยใชส้ ่อื เทคโนโลยใี นการฝึกทกั ษะไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 5. สรา้ งสรรคภ์ าษาในการสนทนาและเปลย่ี นขอ้ มูลและสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งบุคคล โดยใชค้ าศพั ท์ สานวน โครงสรา้ งทางภาษาใหเ้ หมาะสมกบั สถานการณแ์ ละมารยาททางสงั คม 6. มคี วามเชอ่ื มนั่ ในการใชภ้ าษาองั กฤษในการสอ่ื สารกบั บคุ คลอน่ื และเหน็ คุณค่าในการนาภาษาองั กฤษ ไปใช้ รวม ๖ ผลกำรเรียนรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาตา่ งประเทศ โรงเรยี นชมุ ชนประชาธปิ ัตย์วทิ ยาคาร
คำอธิบำยรำยวิชำภำษำองั กฤษเพิ่มเติม วิชำภำษำองั กฤษเพอื่ กำรส่ือสำร 4 รหสั วิชำ อ ๓๒๒๐3 ลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ ภำษำต่ำงประเทศชนั้ มธั ยมศึกษำปี ที่ ๕ เวลำ ๔๐ ชวั่ โมง จำนวน ๑.๐ หน่วยกิต พฒั นาทกั ษะการฟัง และการพดู จากสง่ิ แวดลอ้ มและบรบิ ททางสงั คม บรรยายลกั ษณะบคุ คล สตั ว์ สง่ิ ของ และสง่ิ แวดลอ้ ม โดยฝึกปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนและทกั ษะย่อยของกระบวนการฟังและพดู ใช้ ภาษาสอ่ื สารเพ่อื รบั และส่งสารในรปู แบบการสนทนาในสถานการณต์ ่างๆทห่ี ลากหลาย โดยใชค้ าศพั ท์ สานวน วลี ประโยค โครงสรา้ งทางภาษาถ่ายโอนขอ้ มูลจากเร่อื งทฟ่ี ัง ใชภ้ าษา สอ่ื สารไดถ้ กู ตอ้ งตามวตั ถปุ ระสงคข์ องการสอ่ื สารอยา่ งสรา้ งสรรค์ มปี ระสทิ ธภิ าพ รวมทงั้ ดาเนนิ การ ตดิ ต่อสอ่ื สารกบั บุคคลอน่ื ไดอ้ ย่าง เหมาะสมกบั กาลเทศะและมารยาททางสงั คมตามวฒั นธรรมของ เจา้ ของภาษา ตลอดจนมคี วามมนั่ ใจในการใชภ้ าษา เพอ่ื ใหน้ กั เรยี น เป็นผมู้ คี ุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ มวี นิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ อยู่อยา่ งพอเพยี ง มุ่งมนั่ ในการทางาน รกั ความเป็นไทย และมจี ติ สาธารณะ เหน็ คณุ ค่าในการ นาภาษาองั กฤษไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ผลกำรเรียนรู้ 1. ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกระบวนการฟังไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ มที กั ษะในการฟังโดยสามารถตคี วาม วเิ คราะหส์ ง่ิ ทฟ่ี ัง น้าเสยี งกรยิ า ทา่ ทาง และสรุปความ ถา่ ยโอนเป็นภาพวาดไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง 2. ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกระบวนการพดู ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง โดยสามารถพดู ตามระดบั กลไก พดู อยา่ งมี ความหมายและสนทนาตามสถานการณท์ ก่ี าหนดไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม 3. ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกระบวนการอ่านขอ้ ความ และ เรอ่ื งสนั้ ๆ เพอ่ื หาใจความสาคญั หรอื รายละเอยี ดของ เร่อื งทอ่ี ่าน โดยสามารถพดู แสดงความคดิ เหน็ จากการวเิ คราะหเ์ รอ่ื งทอ่ี ่านและ สรปุ เร่อื ง 4. ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกระบวนการเขยี นคาศพั ท์ ประโยค ขอ้ ความ และ จดหมายส่อื อเิ ลคทรอนิคส์ (e-mail) เพอ่ื สอ่ื สารและเปลย่ี นขอ้ มลู โดยใชส้ อ่ื เทคโนโลยใี นการฝึกทกั ษะไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 5. สรา้ งสรรคภ์ าษาในการสนทนาและเปลย่ี นขอ้ มูลและสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งบุคคล โดยใชค้ าศพั ท์ สานวน โครงสรา้ งทางภาษาใหเ้ หมาะสมกบั สถานการณ์และมารยาททางสงั คม 6. มคี วามเชอ่ื มนั่ ในการใชภ้ าษาองั กฤษในการสอ่ื สารกบั บคุ คลอน่ื และเหน็ คณุ ค่าในการนาภาษาองั กฤษ ไปใช้ รวม ๖ ผลกำรเรียนรู้ กล่มุ สาระการเรยี นรูภ้ าษาตา่ งประเทศ โรงเรยี นชุมชนประชาธปิ ัตยว์ ทิ ยาคาร
คำอธิบำยรำยวิชำภำษำองั กฤษเพิ่มเติม วิชำภำษำองั กฤษเพิ่มเติม 3 รหสั อ ๓๒๒๐2 กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้ เวลำ ๔๐ ชวั่ โมง ภำษำต่ำงประเทศ ชนั้ มธั ยมศึกษำปี ท่ี ๕ จำนวน ๑.๐ หน่วยกิต พฒั นาทกั ษะการอ่านและการเขยี น จากสง่ิ แวดลอ้ ม เพอ่ื บรรยายลกั ษณะบุคคล สตั ว์ สงิ่ ของ และสง่ิ แวดลอ้ ม โดยฝึกปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนและทกั ษะยอ่ ยของกระบวนการนัน้ ๆ ใชภ้ าษาสอ่ื สารเพ่อื รบั และสง่ สารในรปู แบบการอ่านและเยนสอ่ื ความในสถานการณ์ต่างๆทห่ี ลากหลาย และการเขยี นจดหมาย อเิ ลค็ ทรอนคิ ส์ โดยใชค้ าศพั ท์ สานวน วลี ประโยค โครงสรา้ งทางภาษาถา่ ยโอนขอ้ มูลจากเร่อื งทอ่ี ่าน ใช้ ภาษาสอ่ื สารไดถ้ ูกตอ้ งตามวตั ถุประสงคข์ องการเขยี นอยา่ งสรา้ งสรรคแ์ ละมปี ระสทิ ธภิ าพ รวมทงั้ ดาเนินการเขยี นตดิ ตอ่ ส่อื สารกบั บคุ คลอ่นื ไดอ้ ยา่ งต่อเน่อื ง เหมาะสมกบั กาลเทศะและมารยาททางสงั คม ตามวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา ตลอดจน มคี วามมนั่ ใจในการใชภ้ าษา เพ่อื ใหน้ ักเรยี น เป็นผมู้ คี ุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ซ่อื สตั ยส์ ุจรติ มวี นิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ อยูอ่ ย่างพอเพยี ง มุ่งมนั่ ในการทางาน รกั ความเป็นไทย และมจี ติ สาธารณะ เหน็ คณุ คา่ ในการ นาภาษาองั กฤษไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ผลกำรเรียนรู้ ๑. ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกระบวนการอา่ นไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ มที กั ษะในการอา่ นโดยสามารถ จบั ใจความ ตคี วาม วเิ คราะหส์ งิ่ ทอ่ี า่ น และสรปุ ความไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง ๒. ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกระบวนการเขยี นไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง โดยสามารถเขยี นเพอ่ื สอ่ื ความถกู ตอ้ งตาม โครงสรา้ งและหลกั เกณฑท์ างภาษา ๓. สรา้ งสรรคภ์ าษาในการเขยี นเพ่อื ใหแ้ ละ/หรอื แลกเปลย่ี นขอ้ มลู และสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งบุคคล โดย ใชค้ าศพั ทส์ านวน โครงสรา้ งทางภาษาไดเ้ หมาะสมกบั สถานการณ์ ๔. มคี วามเชอ่ื มนั่ ในการใชภ้ าษาองั กฤษในการส่อื สารกบั บคุ คลอน่ื และเหน็ คุณคา่ ในการนาภาษาองั กฤษ ไปใช้ ในชวี ติ ประจาวนั รวมทงั้ หมด ๔ ผลกำรเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาต่างประเทศ โรงเรยี นชุมชนประชาธปิ ัตย์วทิ ยาคาร
คำอธิบำยรำยวิชำภำษำองั กฤษเพ่ิมเติม วิชำภำษำองั กฤษเพิ่มเติม 4 รหสั อ ๓๒๒๐4 กลุม่ สำระกำรเรียนรู้ ภำษำต่ำงประเทศ ชนั้ มธั ยมศกึ ษำปี ท่ี ๕ เวลำ ๔๐ ชวั่ โมง จำนวน ๑.๐ หน่วยกิต พฒั นาทกั ษะการอา่ นและการเขยี น จากสงิ่ แวดลอ้ ม เพอ่ื บรรยายลกั ษณะบุคคล สตั ว์ สง่ิ ของ และสงิ่ แวดลอ้ ม โดยฝึกปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนและทกั ษะยอ่ ยของกระบวนการนัน้ ๆ ใชภ้ าษาสอ่ื สารเพ่อื รบั และสง่ สารในรูปแบบการอ่านและเยนสอ่ื ความในสถานการณต์ ่างๆทห่ี ลากหลาย และการเขยี นจดหมาย อเิ ลค็ ทรอนคิ ส์ โดยใชค้ าศพั ท์ สานวน วลี ประโยค โครงสรา้ งทางภาษาถา่ ยโอนขอ้ มูลจากเรอ่ื งทอ่ี ่าน ใช้ ภาษาสอ่ื สารไดถ้ ูกตอ้ งตามวตั ถุประสงคข์ องการเขยี นอยา่ งสรา้ งสรรคแ์ ละมปี ระสทิ ธภิ าพ รวมทงั้ ดาเนนิ การเขยี นตดิ ตอ่ สอ่ื สารกบั บุคคลอ่นื ไดอ้ ย่างต่อเน่อื ง เหมาะสมกบั กาลเทศะและมารยาททางสงั คม ตามวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา ตลอดจน มคี วามมนั่ ใจในการใชภ้ าษา เพอ่ื ใหน้ ักเรยี น เป็นผมู้ คี ณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ มวี นิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ อยู่อยา่ งพอเพยี ง มุง่ มนั่ ในการทางาน รกั ความเป็นไทย และมจี ติ สาธารณะ เหน็ คณุ ค่าในการ นาภาษาองั กฤษไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ผลกำรเรียนรู้ ๑. ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกระบวนการอา่ นไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ มที กั ษะในการอา่ นโดยสามารถ จบั ใจความ ตคี วาม วเิ คราะหส์ ง่ิ ทอ่ี ่าน และสรปุ ความไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง ๒. ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกระบวนการเขยี นไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง โดยสามารถเขยี นเพอ่ื สอ่ื ความถกู ตอ้ งตาม โครงสรา้ งและหลกั เกณฑท์ างภาษา ๓. สรา้ งสรรคภ์ าษาในการเขยี นเพ่อื ใหแ้ ละ/หรอื แลกเปลย่ี นขอ้ มูลและสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งบคุ คล โดย ใชค้ าศพั ทส์ านวน โครงสรา้ งทางภาษาไดเ้ หมาะสมกบั สถานการณ์ ๔. มคี วามเช่อื มนั่ ในการใชภ้ าษาองั กฤษในการส่อื สารกบั บคุ คลอน่ื และเหน็ คณุ ค่าในการนาภาษาองั กฤษ ไปใช้ ในชวี ติ ประจาวนั รวมทงั้ หมด ๔ ผลกำรเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาตา่ งประเทศ โรงเรยี นชมุ ชนประชาธปิ ัตย์วทิ ยาคาร
คำอธิบำยรำยวิชำภำษำองั กฤษพ้ืนฐำน วิชำภำษำองั กฤษพนื้ ฐำน 5 รหสั วิชำ อ ๓๓๑๐๑ กล่มุ สำระกำรเรยี นรู้ ภำษำต่ำงประเทศชนั้ มธั ยมศึกษำปี ที่ ๖ เวลำ ๔๐ ชวั่ โมง จำนวน ๑.๐ หน่วยกิต อา่ นออกเสยี งขอ้ ความ ขา่ ว ประกาศ โฆษณา บทรอ้ ยกรอง ถูกตอ้ งตามหลกั การอ่าน ปฏบิ ตั ติ าม คาแนะนาในคมู่ อื การใช้ คาชแ้ี จง คาอธบิ าย และคาบรรยาย เลอื กและใชค้ าขอรอ้ ง คาชแ้ี จง คาอธบิ าย และคาบรรยาย รวมทงั้ ใหค้ าแนะนา อธบิ าย เปรยี บเทยี บเพอ่ื แสดงความคดิ เหน็ พดู และเขยี น เขยี นประโยค และขอ้ ความสมั พนั ธก์ บั สอ่ื ทไ่ี มใ่ ช่ความเรยี งในรปู แบบต่างๆ ทฟ่ี ังและอา่ น ตคี วาม วเิ คราะห์ สรุป แสดงความคดิ เหน็ เร่อื งทเ่ี ป็นสารคดแี ละบนั เทงิ คดี พรอ้ มทงั้ ใหเ้ หตุผลและยกควั อย่าง ประกอบ สนทนาโตต้ อบเขยี นแสดงความตอ้ งการ ความรสู้ กึ เสนอและใหต้ อบรบั และปฏเิ สธการใหค้ วาม ชว่ ยเหลอื ในสถานการณ์จาลอง และสถานการณ์จรงิ อยา่ งถูกตอ้ งอย่างต่อเน่อื งและเหมาะสมตาม กาลเทศะ เสนอ ให้ ตอบรบั และปฏเิ สธการใหค้ วามช่วยเหลอื คน้ ควา้ สบื คน้ รวบรวมแสดงความเหน็ บนั ทกึ สรปุ นาเสนอความรู้ ขอ้ มูลตา่ งๆ ขอและใหข้ อ้ มูลนาเสนอเร่อื งราวเกยี่ วกบั ตนเอง ประเดน็ ขา่ ว เหตุการณ์ทฟ่ี ังและอา่ นอย่างเหมาะสม อธบิ าย เปรยี บเทยี บความแตกตา่ งระหว่างโครงสรา้ งประโยค ขอ้ ความสานวน คาพงั เพย สภุ าษติ วถิ ชี วี ติ และความเช่อื ทม่ี าของขนบธรรมเนยี มประเพณแี ละ วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษกบั ของไทย เขา้ รว่ มแนะนากจิ กรรมทางภาษาและวฒั นธรรมอยา่ งเหมาะสม คน้ ควา้ สบื คน้ รวบรวม แสดงความคดิ เหน็ บนั ทกึ สรปุ นาเสนอความรู้ ขอ้ มูลต่างๆทเ่ี กยี่ วขอ้ งกล่มุ สาระ การเรยี นรอู้ น่ื ๆ จากสอ่ื และเหล่งเรยี นรทู้ ห่ี ลากหลายในการศกึ ษาต่อและประกอบอาชพี เผยแพร่ ประชาสมั พนั ธข์ อ้ มลู ขา่ วสารโรงเรยี น ชุมชนเป็นภาษาองั กฤษ โดยใชภ้ าษา น้าเสยี ง และกรยิ าท่าทาง ในการสอ่ื สารในสถานการณจ์ รงิ ถูกตอ้ งตามมารยาททางสงั คมและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา โดยใชก้ ระบวนการสอ่ื สาร กระบวนการคดิ กระบวนการแกป้ ัญหา กระบวนการสบื คน้ ขอ้ มูล ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ และการใชส้ อ่ื เทคโนโลยี เพ่อื ใหเ้ กดิ ความรคู้ วามคดิ ความเขา้ ใจ สามารถใชภ้ าษาองั กฤษส่อื สารในชวี ติ ประจาวนั ได้ อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ เหมาะสมตามภาษาและวฒั นธรรม มเี จตคตทิ ด่ี ใี นการเรยี นภาษาองั กฤษ มนี สิ ยั รกั การอา่ น ใฝ่เรยี นรู้ อยอู่ ย่างพอเพยี ง มุ่งมนั่ ในการทางาน รกั ความเป็นไทยและมจี ติ สาธารณะตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ตวั ชีว้ ดั ต ๑.๑ ม.๔-๖/๑ ต ๑.๑ ม.๔-๖/๒ ต ๑.๑ ม.๔-๖/๓ ต ๑.๑ ม.๔-๖/๔ ต ๑.๒ ม.๔-๖/๑ ต ๑.๒ ม.๔-๖/๒ ต ๑.๒ ม.๔-๖/๓ ต ๑.๒ ม.๔-๖/๔ ต ๑.๒ ม.๔-๖/๕ ต ๑.๓ ม.๔-๖/๑ ต ๑.๓ ม.๔-๖/๒ ต ๑.๓ ม.๔-๖/ ๓ ต ๒.๑ ม.๔-๖/๑ ต ๒.๑ ม.๔-๖/๒ ต ๒.๑ ม.๔-๖/๓ ต ๒.๒ ม.๔-๖/๑ ต ๒.๒ ม.๔-๖/๒ ต ๓.๑ ม.๔- ๖/๑ ต ๔.๑ ม.๔-๖/๑ ต ๔.๒ ม.๔-๖/๑ ต ๔.๒ ม.๔-๖/๒ รวม ๒๑ ตวั ชีว้ ดั กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาตา่ งประเทศ โรงเรยี นชมุ ชนประชาธปิ ัตย์วทิ ยาคาร
คำอธิบำยรำยวิชำภำษำองั กฤษพื้นฐำน วิชำภำษำองั กฤษพ้ืนฐำน 6 รหสั วิชำ อ ๓๓๑๐2 กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ ภำษำต่ำงประเทศชนั้ มธั ยมศึกษำปี ที่ ๖ เวลำ ๔๐ ชวั่ โมง จำนวน ๑.๐ หน่วยกิต อ่านออกเสียงขอ้ ความ ข่าว ประกาศ โฆษณา บทร้อยกรอง ถูกต้องตามหลักการอ่าน ปฏบิ ตั ติ าม คาแนะนาในคู่มอื การใช้ คาชแ้ี จง คาอธบิ าย และคาบรรยาย เลอื กและใชค้ าขอรอ้ ง คาชแ้ี จง คาอธบิ าย และคาบรรยาย รวมทัง้ ให้คาแนะนา อธบิ าย เปรยี บเทยี บเพ่อื แสดงความคดิ เห็น พูดและเขียนเขียน ประโยค และขอ้ ความสมั พนั ธ์กบั ส่อื ท่ไี ม่ใชค่ วามเรยี งในรปู แบบต่างๆ ทฟ่ี ังและอ่าน ตีความ วเิ คราะห์ สรปุ แสดงความคดิ เหน็ เร่อื งท่เี ป็นสารคดแี ละบนั เทงิ คดี พรอ้ มทงั้ ให้เหตุผลและยกควั อย่างประกอบ สนทนาโตต้ อบเขยี นแสดงความตอ้ งการ ความรสู้ กึ เสนอและใหต้ อบรบั และปฏเิ สธการใหค้ วามชว่ ยเหลอื ในสถานการณจ์ าลอง และสถานการณ์จรงิ อย่างถกู ต้องอย่างต่อเน่อื งและเหมาะสมตามกาลเทศะ เสนอ ให้ ตอบรบั และปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือ ค้นคว้า สืบค้น รวบรวมแสดงความเห็น บันทึกสรุป นาเสนอความรู้ ขอ้ มูลต่างๆ ขอและให้ขอ้ มูลนาเสนอเร่อื งราวเกยี่ วกบั ตนเอง ประเดน็ ขา่ ว เหตุการณ์ท่ี ฟังและอ่านอย่างเหมาะสม อธิบาย เปรยี บเทียบความแตกต่างระหว่างโครงสร้างประโยค ข้อความ สานวน คาพงั เพย สภุ าษติ วถิ ชี วี ติ และความเช่อื ทม่ี าของขนบธรรมเนียมประเพณีและวฒั นธรรมของ เจา้ ของภาษกบั ของไทย เขา้ ร่วมแนะนากจิ กรรมทางภาษาและวฒั นธรรมอย่างเหมาะสม ค้นควา้ สบื คน้ รวบรวม แสดงความคดิ เหน็ บนั ทกึ สรปุ นาเสนอความรู้ ขอ้ มลู ตา่ งๆทเ่ี กย่ี วขอ้ งกลุ่มสาระการเรยี นรูอ้ น่ื ๆ จากส่อื และเหล่งเรยี นรู้ทห่ี ลากหลายในการศกึ ษาต่อและประกอบอาชีพ เผยแพร่ประชาสมั พนั ธข์ อ้ มูล ข่าวสารโรงเรียน ชุมชนเป็ นภาษาองั กฤษ โดยใช้ภาษา น้าเสียง และกรยิ าท่าทางในการส่อื สารใน สถานการณ์จรงิ ถกู ตอ้ งตามมารยาททางสงั คมและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา โดยใชก้ ระบวนการส่อื สาร กระบวนการคดิ กระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการสบื ค้นขอ้ มูล ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ และการใชส้ ่อื เทคโนโลยี เพ่อื ให้เกิดความรูค้ วามคดิ ความเขา้ ใจ สามารถใช้ภาษาองั กฤษส่อื สารในชวี ติ ประจาวนั ได้ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ เหมาะสมตามภาษาและวฒั นธรรม มเี จตคตทิ ด่ี ใี นการเรยี นภาษาองั กฤษ มนี ิสยั รกั การอา่ น ใฝ่เรยี นรู้ อยูอ่ ยา่ งพอเพยี ง มุ่งมนั่ ในการทางาน รกั ความเป็นไทยและมจี ติ สาธารณะตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ตวั ชี้วดั ต ๑.๑ ม.๔-๖/๑ ต ๑.๑ ม.๔-๖/๒ ต ๑.๑ ม.๔-๖/๓ ต ๑.๑ ม.๔-๖/๔ ต ๑.๒ ม.๔-๖/๑ ต ๑.๒ ม.๔-๖/๒ ต ๑.๒ ม.๔-๖/๓ ต ๑.๒ ม.๔-๖/๔ ต ๑.๒ ม.๔-๖/๕ ต ๑.๓ ม.๔-๖/๑ ต ๑.๓ ม.๔-๖/๒ ต ๑.๓ ม.๔-๖/ ๓ ต ๒.๑ ม.๔-๖/๑ ต ๒.๑ ม.๔-๖/๒ ต ๒.๑ ม.๔-๖/๓ ต ๒.๒ ม.๔-๖/๑ ต ๒.๒ ม.๔-๖/๒ ต ๓.๑ ม.๔- ๖/๑ ต ๔.๑ ม.๔-๖/๑ ต ๔.๒ ม.๔-๖/๑ ต ๔.๒ ม.๔-๖/๒ รวม ๒๑ ตวั ชี้วดั กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาตา่ งประเทศ โรงเรยี นชุมชนประชาธปิ ัตย์วทิ ยาคาร
คำอธิบำยรำยวิชำภำษำองั กฤษเพิ่มเติม วิชำภำษำองั กฤษเพือ่ กำรส่อื สำร 5 รหสั วิชำ อ ๓3๒๐1 กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ ภำษำต่ำงประเทศชนั้ มธั ยมศึกษำปี ที่ ๕ เวลำ ๔๐ ชวั่ โมง จำนวน ๑.๐ หน่วยกิต พฒั นาทกั ษะการฟัง และการพูด จากสง่ิ แวดล้อมและบรบิ ททางสงั คม บรรยายลกั ษณะบุคคล สตั ว์ สง่ิ ของ และสง่ิ แวดลอ้ ม โดยฝึกปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนและทกั ษะย่อยของกระบวนการฟังและพดู ใช้ ภาษาส่อื สารเพ่อื รบั และส่งสารในรปู แบบการสนทนาในสถานการณ์ตา่ งๆทห่ี ลากหลาย โดยใชค้ าศพั ท์ สานวน วลี ประโยค โครงสรา้ งทางภาษาถ่ายโอนขอ้ มูลจากเร่อื งทฟ่ี ัง ใชภ้ าษา ส่อื สารไดถ้ ูกต้องตามวตั ถุประสงค์ของการส่อื สารอย่างสร้างสรรค์ มปี ระสทิ ธภิ าพ รวมทงั้ ดาเนินการ ติดต่อส่อื สารกับบุคคลอ่ืนได้อย่าง เหมาะสมกบั กาลเทศะและมารยาททางสงั คมตามวฒั นธรรมของ เจา้ ของภาษา ตลอดจนมคี วามมนั่ ใจในการใชภ้ าษา เพ่อื ให้นักเรยี น เป็นผมู้ คี ุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ซ่ือสตั ย์สุจรติ มวี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ อยู่อย่างพอเพยี ง มงุ่ มนั่ ในการทางาน รกั ความเป็นไทย และมจี ติ สาธารณะ เหน็ คุณค่าในการ นาภาษาองั กฤษไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ผลกำรเรียนรู้ 1. ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกระบวนการฟังไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ มที กั ษะในการฟังโดยสามารถตคี วาม วเิ คราะหส์ งิ่ ทฟ่ี ัง น้าเสยี งกรยิ า ท่าทาง และสรปุ ความ ถา่ ยโอนเป็นภาพวาดไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 2. ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกระบวนการพดู ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง โดยสามารถพดู ตามระดบั กลไก พดู อยา่ งมี ความหมายและสนทนาตามสถานการณท์ ก่ี าหนดไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม 3. ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกระบวนการอา่ นขอ้ ความ และ เรอ่ื งสนั้ ๆ เพอ่ื หาใจความสาคญั หรอื รายละเอยี ดของ เร่อื งทอ่ี ่าน โดยสามารถพดู แสดงความคดิ เหน็ จากการวเิ คราะหเ์ รอ่ื งทอ่ี า่ นและ สรปุ เร่อื ง 4. ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกระบวนการเขยี นคาศพั ท์ ประโยค ขอ้ ความ และ จดหมายสอ่ื อเิ ลคทรอนิคส์ (e-mail) เพอ่ื สอ่ื สารและเปลย่ี นขอ้ มลู โดยใชส้ อ่ื เทคโนโลยใี นการฝึกทกั ษะไดอ้ ย่างเหมาะสม 5. สรา้ งสรรคภ์ าษาในการสนทนาและเปลย่ี นขอ้ มูลและสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งบคุ คล โดยใชค้ าศพั ท์ สานวน โครงสรา้ งทางภาษาใหเ้ หมาะสมกบั สถานการณ์และมารยาททางสงั คม 6. มคี วามเชอ่ื มนั่ ในการใชภ้ าษาองั กฤษในการสอ่ื สารกบั บคุ คลอน่ื และเหน็ คุณคา่ ในการนาภาษาองั กฤษ ไปใช้ รวม ๖ ผลกำรเรยี นรู้ กล่มุ สาระการเรยี นรูภ้ าษาต่างประเทศ โรงเรยี นชุมชนประชาธปิ ัตย์วทิ ยาคาร
คำอธิบำยรำยวิชำภำษำองั กฤษเพิ่มเติม วิชำภำษำองั กฤษเพือ่ กำรสอื่ สำร 6 รหสั วิชำ อ ๓3๒๐3 กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ ภำษำต่ำงประเทศชนั้ มธั ยมศกึ ษำปี ท่ี ๕ เวลำ ๔๐ ชวั่ โมง จำนวน ๑.๐ หน่วยกิต พฒั นาทกั ษะการฟัง และการพูด จากสง่ิ แวดล้อมและบรบิ ททางสงั คม บรรยายลกั ษณะบุคคล สตั ว์ สง่ิ ของ และสง่ิ แวดลอ้ ม โดยฝึกปฏบิ ตั ิตามขนั้ ตอนและทกั ษะย่อยของกระบวนการฟังและพดู ใช้ ภาษาส่อื สารเพอ่ื รบั และส่งสารในรูปแบบการสนทนาในสถานการณ์ต่างๆทห่ี ลากหลาย โดยใชค้ าศพั ท์ สานวน วลี ประโยค โครงสรา้ งทางภาษาถ่ายโอนขอ้ มูลจากเร่อื งทฟ่ี ัง ใชภ้ าษา ส่อื สารไดถ้ ูกต้องตามวตั ถุประสงค์ของการส่อื สารอย่างสร้างสรรค์ มปี ระสิทธภิ าพ รวมทงั้ ดาเนินการ ติดต่อส่อื สารกับบุคคลอ่ืนได้อย่าง เหมาะสมกบั กาลเทศะและมารยาททางสังคมตามวฒั นธรรมของ เจา้ ของภาษา ตลอดจนมคี วามมนั่ ใจในการใชภ้ าษา เพ่อื ให้นักเรยี น เป็นผมู้ คี ุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ซ่อื สตั ยส์ ุจรติ มวี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ อยู่อย่างพอเพยี ง มุ่งมนั่ ในการทางาน รกั ความเป็นไทย และมจี ติ สาธารณะ เหน็ คุณค่าในการ นาภาษาองั กฤษไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ผลกำรเรียนรู้ 1. ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกระบวนการฟังไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ มที กั ษะในการฟังโดยสามารถตคี วาม วเิ คราะหส์ งิ่ ทฟ่ี ัง น้าเสยี งกรยิ า ทา่ ทาง และสรุปความ ถ่ายโอนเป็นภาพวาดไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 2. ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกระบวนการพดู ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง โดยสามารถพดู ตามระดบั กลไก พดู อยา่ งมี ความหมายและสนทนาตามสถานการณท์ ก่ี าหนดไดอ้ ย่างถกู ตอ้ งเหมาะสม 3. ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกระบวนการอ่านขอ้ ความ และ เรอ่ื งสนั้ ๆ เพอ่ื หาใจความสาคญั หรอื รายละเอยี ดของ เร่อื งทอ่ี ่าน โดยสามารถพดู แสดงความคดิ เหน็ จากการวเิ คราะหเ์ ร่อื งทอ่ี ่านและ สรุปเร่อื ง 4. ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกระบวนการเขยี นคาศพั ท์ ประโยค ขอ้ ความ และ จดหมายส่อื อเิ ลคทรอนิคส์ (e-mail) เพอ่ื สอ่ื สารและเปลย่ี นขอ้ มูล โดยใชส้ อ่ื เทคโนโลยใี นการฝึกทกั ษะไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 5. สรา้ งสรรคภ์ าษาในการสนทนาและเปลย่ี นขอ้ มลู และสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งบคุ คล โดยใชค้ าศพั ท์ สานวน โครงสรา้ งทางภาษาใหเ้ หมาะสมกบั สถานการณ์และมารยาททางสงั คม 6. มคี วามเชอ่ื มนั่ ในการใชภ้ าษาองั กฤษในการสอ่ื สารกบั บคุ คลอน่ื และเหน็ คณุ คา่ ในการนาภาษาองั กฤษ ไปใช้ รวม ๖ ผลกำรเรียนรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาต่างประเทศ โรงเรยี นชมุ ชนประชาธปิ ัตย์วทิ ยาคาร
คำอธิบำยรำยวิชำเพิ่มเติม วิชำภำษำองั กฤษเพ่ิมเติม 5 รหสั วิชำ อ ๓3๒๐2 กล่มุ สำระกำรเรยี นรู้ ภำษำต่ำงประเทศชนั้ มธั ยมศกึ ษำปี ที่ 6 เวลำ ๔๐ ชวั่ โมง จำนวน ๑.๐ หน่วยกิต พฒั นาทกั ษะการอ่านและการเขยี น จากสงิ่ แวดลอ้ ม เพ่อื บรรยายลกั ษณะบุคคล สตั ว์ สงิ่ ของ และส่ิงแวดล้อมพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียน ฝึกปฏิบัติตามขัน้ ตอนและทักษะย่อยของ กระบวนการนัน้ ๆ ใช้ภาษาส่อื สารเพ่อื รบั และส่งสารในรูปแบบการอ่านและเยนส่อื ความในสถานการณ์ ต่างๆทห่ี ลากหลาย และการเขยี นจดหมายอเิ ลค็ ทรอนิคส์ โดยใช้คาศพั ท์ สานวน วลี ประโยค โครงสร้างทางภาษาถ่ายโอนขอ้ มูลจากเร่อื งท่อี ่าน ใช้ ภาษาส่ือสารได้ถูกต้องตามวตั ถุประสงค์ของการเขียนอย่างสร้างสรรค์และมีประสทิ ธิภาพ รวมทงั้ ดาเนนิ การเขยี นตดิ ต่อส่อื สารกบั บคุ คลอ่นื ไดอ้ ย่างต่อเน่อื ง เหมาะสมกบั กาลเทศะและมารยาททางสงั คม ตามวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา เพ่อื ให้นกั เรยี น เป็นผมู้ คี ุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ซ่อื สตั ย์สุจรติ มวี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ อยู่อย่างพอเพยี ง มุ่งมนั่ ในการทางาน รกั ความเป็นไทย และมจี ติ สาธารณะ เหน็ คุณค่าในการ นาภาษาองั กฤษไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ผลกำรเรียนรู้ ๑. ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกระบวนการอา่ นไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ มที กั ษะในการอา่ นโดยสามารถ จบั ใจความ ตคี วาม วเิ คราะหส์ ง่ิ ทอ่ี ่าน และสรุปความไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง ๒. ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกระบวนการเขยี นไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง โดยสามารถเขยี นเพอ่ื สอ่ื ความถกู ตอ้ งตาม โครงสรา้ งและหลกั เกณฑท์ างภาษา ๓. สรา้ งสรรคภ์ าษาในการเขยี นเพอ่ื ใหแ้ ละ/หรอื แลกเปลย่ี นขอ้ มลู และสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งบคุ คล โดย ใชค้ าศพั ทส์ านวน โครงสรา้ งทางภาษาไดเ้ หมาะสมกบั สถานการณ์ ๔. มคี วามเช่อื มนั่ ในการใชภ้ าษาองั กฤษในการส่อื สารกบั บคุ คลอน่ื และเหน็ คุณคา่ ในการนาภาษาองั กฤษ ไปใช้ ในชวี ติ ประจาวนั รวม 4 ผลกำรเรยี นรู้ กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาตา่ งประเทศ โรงเรยี นชุมชนประชาธปิ ัตย์วทิ ยาคาร
คำอธิบำยรำยวิชำภำษำองั กฤษเพิ่มเติม วิชำภำษำองั กฤษเพ่ิมเติม 6 รหสั วิชำ อ ๓3๒๐4 กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ ภำษำต่ำงประเทศชนั้ มธั ยมศกึ ษำปี ท่ี 6 เวลำ ๔๐ ชวั่ โมง จำนวน ๑.๐ หน่วยกิต พฒั นาทกั ษะการอ่านและการเขยี น จากสง่ิ แวดล้อม เพ่อื บรรยายลกั ษณะบุคคล สตั ว์ สงิ่ ของ และสิ่งแวดล้อมพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียน ฝึกปฏิบัติตามขัน้ ตอนและทักษะย่อยของ กระบวนการนัน้ ๆ ใชภ้ าษาส่อื สารเพ่อื รบั และส่งสารในรูปแบบการอ่านและเยนส่อื ความในสถานการณ์ ต่างๆทห่ี ลากหลาย และการเขยี นจดหมายอเิ ลค็ ทรอนิคส์ โดยใช้คาศพั ท์ สานวน วลี ประโยค โครงสร้างทางภาษาถ่ายโอนข้อมูลจากเร่อื งท่อี ่าน ใช้ ภาษาส่ือสารได้ถูกต้องตามวตั ถุประสงค์ของการเขียนอย่างสร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพ รวมทงั้ ดาเนินการเขยี นตดิ ต่อส่อื สารกบั บุคคลอน่ื ไดอ้ ย่างต่อเน่อื ง เหมาะสมกบั กาลเทศะและมารยาททางสงั คม ตามวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา เพ่อื ให้นกั เรยี น เป็นผมู้ คี ุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ซ่อื สตั ย์สุจรติ มวี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ อยู่อย่างพอเพยี ง มงุ่ มนั่ ในการทางาน รกั ความเป็นไทย และมจี ติ สาธารณะ เหน็ คุณค่าในการ นาภาษาองั กฤษไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ผลกำรเรียนรู้ ๑. ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกระบวนการอา่ นไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ มที กั ษะในการอา่ นโดยสามารถ จบั ใจความ ตคี วาม วเิ คราะหส์ งิ่ ทอ่ี ่าน และสรปุ ความไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง ๒. ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกระบวนการเขยี นไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง โดยสามารถเขยี นเพอ่ื สอ่ื ความถกู ตอ้ งตาม โครงสรา้ งและหลกั เกณฑท์ างภาษา ๓. สรา้ งสรรคภ์ าษาในการเขยี นเพอ่ื ใหแ้ ละ/หรอื แลกเปลย่ี นขอ้ มลู และสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งบุคคล โดย ใชค้ าศพั ทส์ านวน โครงสรา้ งทางภาษาไดเ้ หมาะสมกบั สถานการณ์ ๔. มคี วามเช่อื มนั่ ในการใชภ้ าษาองั กฤษในการส่อื สารกบั บคุ คลอน่ื และเหน็ คุณค่าในการนาภาษาองั กฤษ ไปใช้ ในชวี ติ ประจาวนั รวม 4 ผลกำรเรยี นรู้ กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาต่างประเทศ โรงเรยี นชมุ ชนประชาธปิ ัตย์วทิ ยาคาร
กำรจดั กำรเรียนรู้ การจดั การเรยี นรเู้ ป็นกระบวนการสาคญั ในการนาหลกั สตู รสกู่ ารปฏบิ ตั ิ หลกั สตู รแกนกลาง การศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน เป็นหลกั สตู รทม่ี มี าตรฐานการเรยี นรู้ สมรรถนะสาคญั และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผเู้ รยี น เป็นเป้าหมายสาหรบั พฒั นาเดก็ และเยาวชน ในการพฒั นาผเู้ รยี นใหม้ คี ณุ สมบตั ติ ามเป้าหมายหลกั สตู ร ผสู้ อนพยายามคดั สรรกระบวนการ เรยี นรู้ จดั การเรยี นรโู้ ดยช่วยใหผ้ เู้ รยี นเรยี นรผู้ า่ นสาระทก่ี าหนดไวใ้ นหลกั สตู ร ๘ กลุม่ สาระการเรยี นรู้ รวมทงั้ ปลกู ฝังเสรมิ สรา้ งคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ พฒั นาทกั ษะต่างๆ อนั เป็นสมรรถนะสาคญั ใหผ้ เู้ รยี น บรรลตุ ามเป้าหมาย ๑. หลกั กำรจดั กำรเรียนรู้ การจดั การเรยี นรเู้ พอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นมคี วามรคู้ วามสามารถตามมาตรฐานการเรยี นรู้ สมรรถนะ สาคญั และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคต์ ามทก่ี าหนดไวใ้ นหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษา ขนั้ พน้ื ฐาน โดยยดึ หลกั ว่า ผเู้ รยี นมคี วามสาคญั ทส่ี ดุ เช่อื ว่าทกุ คนมคี วามสามารถเรยี นรแู้ ละพฒั นา ตนเองได้ ยดึ ประโยชน์ทเ่ี กดิ กบั ผเู้ รยี น กระบวนการจดั การเรยี นรตู้ อ้ งสง่ เสริมใหผ้ เู้ รยี น สามารถพฒั นา ตามธรรมชาตแิ ละเตม็ ตามศกั ยภาพ คานึงถงึ ความแตกต่างระหวา่ งบุคคลและพฒั นาการทางสมอง เนน้ ใหค้ วามสาคญั ทงั้ ความรู้ และคณุ ธรรม ๒. กระบวนกำรเรียนรู้ การจดั การเรยี นรทู้ เ่ี นน้ ผเู้ รยี นเป็นสาคญั ผเู้ รยี นจะตอ้ งอาศยั กระบวนการเรยี นรทู้ ่ี หลากหลาย เป็นเครอ่ื งมอื ทจ่ี ะนาพาตนเองไปส่เู ป้าหมายของหลกั สตู ร กระบวนการเรยี นรทู้ จ่ี าเป็น สาหรบั ผูเ้ รยี น อาทิ กระบวนการเรยี นรแู้ บบบูรณาการ กระบวนการสรา้ งความรู้ กระบวนการคดิ กระบวนการทางสงั คม กระบวการเผชญิ สถานการณแ์ ละแกป้ ัญหา กระบวนการเรยี นรู้ จากประสบการณ์ จรงิ กระบวนการปฏบิ ตั ิ ลงมอื ทาจรงิ กระบวนการจดั การ กระบวนการวจิ ยั กระบวนการเรยี นรกู้ าร เรยี นรขู้ องตนเอง กระบวนการพฒั นาลกั ษณะนสิ ยั กระบวนการเหลา่ น้เี ป็นแนวทางในการจดั การเรยี นรูท้ ผ่ี เู้ รยี นควรไดร้ บั การฝึกฝน พฒั นา เพราะจะสามารถช่วยใหผ้ เู้ รยี นเกดิ การเรยี นรไู้ ดด้ ี บรรลเุ ป้าหมายของหลกั สตู ร ดงั นนั้ ผสู้ อนจงึ จาเป็นตอ้ งศกึ ษาทาความเขา้ ใจในกระบวนการเรยี นรูต้ ่าง ๆ เพอ่ื ใหส้ ามารถเลอื กใชใ้ นการจดั กระบวนการเรยี นรไู้ ดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ๓. กำรออกแบบกำรจดั กำรเรยี นรู้ ผสู้ อนตอ้ งศกึ ษาหลกั สตู รสถานศกึ ษาใหเ้ ขา้ ใจถงึ มาตรฐานการเรยี นรู้ ตวั ชว้ี ดั สมรรถนะ สาคญั ของผเู้ รยี น คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ และสาระการเรยี นรูท้ เ่ี หมาะสมกบั ผเู้ รยี น แลว้ จงึ พจิ ารณา ออกแบบการจดั การเรยี นรโู้ ดยเลอื กใชว้ ธิ สี อนและเทคนคิ การสอน สอ่ื /แหลง่ เรยี นรู้ การวดั และ ประเมนิ ผล เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นไดพ้ ฒั นาเตม็ ตามศกั ยภาพและบรรลตุ ามเป้าหมายทก่ี าหนด กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาตา่ งประเทศ โรงเรยี นชุมชนประชาธปิ ัตย์วทิ ยาคาร
๔. บทบำทของผ้สู อนและผ้เู รยี น การจดั การเรยี นรเู้ พอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นมคี ุณภาพตามเป้าหมายของหลกั สตู ร ทงั้ ผสู้ อนและผู้เรยี น ควรมบี ทบาท ดงั น้ี ๔.๑ บทบำทของผ้สู อน ๑) ศกึ ษาวเิ คราะหผ์ เู้ รยี นเป็นรายบคุ คล แลว้ นาขอ้ มูลมาใชใ้ นการวางแผน การจดั การเรยี นรู้ ทท่ี า้ ทายความสามารถของผเู้ รยี น ๒) กาหนดเป้าหมายทต่ี อ้ งการใหเ้ กดิ ขน้ึ กบั ผเู้ รยี น ดา้ นความรูแ้ ละทกั ษะ กระบวนการ ทเ่ี ป็นความคดิ รวบยอด หลกั การ และความสมั พนั ธ์ รวมทงั้ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ๓) ออกแบบการเรยี นรแู้ ละจดั การเรยี นรทู้ ต่ี อบสนองความแตกต่างระหวา่ งบคุ คล และพฒั นาการทางสมอง เพ่อื นาผูเ้ รยี นไปสเู่ ป้าหมาย ๔) จดั บรรยากาศทเ่ี ออ้ื ตอ่ การเรยี นรู้ และดแู ลช่วยเหลอื ผูเ้ รยี นใหเ้ กดิ การเรยี นรู้ ๕) จดั เตรยี มและเลอื กใชส้ อ่ื ใหเ้ หมาะสมกบั กจิ กรรม นาภมู ปิ ัญญาทอ้ งถนิ่ เทคโนโลยที เ่ี หมาะสมมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการจดั การเรยี นการสอน ๖) ประเมนิ ความกา้ วหน้าของผเู้ รยี นดว้ ยวธิ กี ารท่หี ลากหลาย เหมาะสมกบั ธรรมชาตขิ องวชิ าและระดบั พฒั นาการของผเู้ รยี น ๗) วเิ คราะหผ์ ลการประเมนิ มาใชใ้ นการซอ่ มเสรมิ และพฒั นาผเู้ รยี น รวมทงั้ ปรบั ปรงุ การจดั การเรยี นการสอนของตนเอง ๔.๒ บทบำทของผ้เู รียน ๑) กาหนดเป้าหมาย วางแผน และรบั ผดิ ชอบการเรยี นรขู้ องตนเอง ๒) เสาะแสวงหาความรู้ เขา้ ถงึ แหลง่ การเรยี นรู้ วเิ คราะห์ สงั เคราะหข์ อ้ ความรู้ ตงั้ คาถาม คดิ หาคาตอบหรอื หาแนวทางแกป้ ัญหาดว้ ยวธิ กี ารตา่ ง ๆ ๓) ลงมอื ปฏบิ ตั จิ รงิ สรุปสงิ่ ทไ่ี ดเ้ รยี นรดู้ ว้ ยตนเอง และนาความรไู้ ปประยกุ ต์ใช้ ในสถานการณต์ า่ ง ๆ ๔) มปี ฏสิ มั พนั ธ์ ทางาน ทากจิ กรรมรว่ มกบั กลมุ่ และครู ๕) ประเมนิ และพฒั นากระบวนการเรยี นรขู้ องตนเองอย่างต่อเน่อื ง กำรจดั กำรเรียนรกู้ ลมุ่ สำระกำรเรยี นร้ภู ำษำต่ำงประเทศ การเรยี นการสอนภาษาเป็นกระบวนการทซ่ี บั ซอ้ นซงึ่ ตอ้ งอาศยั ความสมั พนั ธร์ ะหว่างผเู้ รยี นและ ครูผสู้ อน ตลอดจนกระบวนเรยี นการสอนซง่ึ มพี น้ื ฐานอยูบ่ นทฤษฎี และวธิ กี ารตา่ งๆ มากมาย ไดแ้ ก่ การศกึ ษาถงึ ความตอ่ เน่อื งตามลาดบั ของเน้อื หา หน้าทข่ี องภาษา ความหลากหลายของภาษา วฒั นธรรม และ การวเิ คราะห์ ปฏสิ มั พนั ธท์ ม่ี ตี ่อกนั จงึ ทาใหเ้ กดิ ความหลากหลายของแนวคดิ ขน้ึ และกอ่ ใหเ้ กดิ วธิ สี อนท่ี แตกต่างกนั ออกไป ดงั นัน้ ในการกาหนดแนวทางในการจดั การเรยี นการสอนภาษา ครูผสู้ อนจงึ ควรจดั ระเบยี บ ความคดิ เกยี่ วกบั แนวคดิ และวธิ สี อนของตนใหเ้ ขา้ ใจอยา่ งถอ่ งแทเ้ สยี กอ่ น กล่มุ สาระการเรยี นรูภ้ าษาตา่ งประเทศ โรงเรยี นชุมชนประชาธปิ ัตยว์ ทิ ยาคาร
ในปัจจบุ นั มแี นวคดิ เกย่ี วกบั การเรยี นการสอนภาษาองั กฤษหลายแนวคดิ ดว้ ยกนั แต่ละแนวคดิ ชว่ ย สรา้ งความคดิ ใหเ้ ป็นระบบใหแ้ กค่ รูผสู้ อน ช่วยให้ทราบถงึ การวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ หรอื กรอบในการพฒั นา มโนทศั น์เกยี่ วกบั การเรยี นการสอนภาษาองั กฤษ ซงึ่ ประกอบดว้ ยแนวคดิ เกี่ยวกบั การจดั หลกั สตู ร แนวคดิ เกย่ี วกบั การเรยี นการสอน และแนวคดิ เกย่ี วกบั การเรยี นรู้ แนวคดิ ทงั้ สามน้ี จะชว่ ยครผู สู้ อนตดั สนิ ใจในการวาง แผนการจดั การเรยี นการสอน การคดั เลอื กกจิ กรรมประกอบการเรยี นการสอน ตลอดจนเลอื กสอ่ื การเรยี นรู้ ครผู สู้ อนจงึ ควรมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเกยี่ วกบั แนวคดิ ดงั กล่าวเป็นอยา่ งดเี พอ่ื ชว่ ยใหก้ ารสอนของตนมี ประสทิ ธภิ าพยง่ิ ขน้ึ ในคมู่ อื เลม่ น้ีเป็นแนวทางทเ่ี สนอไวอ้ ยา่ งยอ่ ๆ ครผู สู้ อนไดศ้ กึ ษาเพอ่ื เป็นพน้ื ฐานในการ แสวงหาความรเู้ พม่ิ เตมิ ดว้ ยตนเองตอ่ ไป แนวคดิ ดงั กล่าวจะนาเสนอเป็นหวั ขอ้ ดงั ตอ่ ไปน้ี - หลกั สตู รทเ่ี นน้ ผเู้ รยี นเป็นสาคญั ( Learner – Centered Language Curriculum) หลกั สตู ร ทเ่ี น้นพฒั นาผเู้ รยี นใหม้ คี วามรใู้ นการใชภ้ าษา ( Language use) และรจู้ กั กระบวนการเรยี นรู้ ( Language Learning) ตามความตอ้ งการและความสนใจของผเู้ รยี นในรปู แบบการเรยี นรใู้ นหอ้ งเรยี น ( Informed Instruction Manner) และการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง ( Self – Directed Manner) การพฒั นาหลกั สตู รทเ่ี นน้ ผเู้ รยี นเป็นสาคญั มี ๓ ขนั้ ตอน ดงั ตอ่ ไปน้ี ๑. ขนั้ วางแผน (Planning ) ประกอบดว้ ย การวเิ คราะหค์ วามตอ้ งการของผเู้ รยี น (ภมู หิ ลงั การศกึ ษา ระดบั อายุ พน้ื ฐานความสามารถทางภาษา ของผเู้ รยี น ฯลฯ) การตงั้ เป้าหมายและจดุ ประสงคข์ องรายวชิ า การเลอื กเน้อื หา ตอ้ งเลอื กเน้อื หาทค่ี รอบคลุมทงั้ ส่วนทเ่ี ป็นทกั ษะทางภาษา (Language Skill) และทกั ษะการเรยี นรู(้ Learning Skill) โดยมแี นวทางดงั น้ี (๑) ดา้ นทกั ษะทางภาษา - ใหผ้ เู้ รยี นเขา้ ใจและเหน็ ประโยชน์ของสงิ่ ทจ่ี ะเรยี นและมสี ว่ นร่วมในการเลอื กเน้อื หา - เปิดโอกาสใหผ้ เู้ รยี นไดป้ ฏบิ ตั แิ ละฝึกฝนใชท้ กั ษะความรทู้ จ่ี ะนาไปส่ผู ลทว่ี างไว้ - เปิดโอกาสใหผ้ ูเ้ รยี นไดต้ ระหนกั ถงึ บทบาทของตนเองในฐานะผเู้ รยี นภาษา - กจิ กรรมทจ่ี ดั ใหต้ อ้ งสมั พนั ธก์ บั ความตอ้ งการในชวี ติ จรงิ ของผเู้ รยี น - เนน้ ใหผ้ เู้ รยี นไดฝ้ ึกทกั ษะและกระบวนการทางภาษาทลี ะน้อยในลกั ษณะทค่ี อ่ ยเป็น คอ่ ย ไป (๒) ดา้ นทกั ษะการเรยี นรู้ - เอ้อื ใหผ้ เู้ รยี นไดใ้ ชก้ ลยทุ ธใ์ นการเรยี นภาษาทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ - ชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นไดร้ จู้ กั วธิ เี รยี นทต่ี นพอใจ - สง่ เสรมิ ใหผ้ เู้ รยี นไดพ้ ฒั นาทกั ษะทช่ี ว่ ยใหเ้ รยี นตามหลกั สตู รไดอ้ ยา่ งราบร่นื - ส่งเสรมิ ใหผ้ เู้ รยี นไดร้ จู้ กั การวางจุดมุ่งหมายในการเรยี นของตน - สง่ เสรมิ ใหผ้ เู้ รยี นไดร้ จู้ กั กาหนดเป้าหมายทต่ี อ้ งการและช่วงเวลาทจ่ี ะบรรลุ เป้าหมาย - ช่วยใหผ้ เู้ รยี นไดพ้ ฒั นาทกั ษะในการประเมนิ ตนเอง กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาตา่ งประเทศ โรงเรยี นชมุ ชนประชาธปิ ัตย์วทิ ยาคาร
ทงั้ น้โี ดยยดึ มาตรฐานการเรยี นรชู้ นั้ ปีและชว่ งชนั้ และกรอบสาระการเรยี นรเู้ ป็นหลกั และเลอื กเนอ้ื หา ใหส้ อดคลอ้ งตามหลกั การและแนวทางขา้ งตน้ การสรา้ งกจิ กรรมสาหรบั การเรยี นการสอน กจิ กรรมควรจะเป็นทงั้ กจิ กรรมเอฝึกให้ ผเู้ รยี นมคี วามรดู้ า้ นภาษา (Linguistic Exercises) และกจิ กรรมทางการสอ่ื สาร ( Communicative Tasks) ใน รปู แบบทห่ี ลากหลาย เช่น (๑) การแสดงบทบาทสมมตุ ิ (Role – Play) (๒) การใชส้ ถานการณ์จาลอง( Simulation) (๓) การเรยี นรจู้ ากโครงงาน ( Project- Based Learning) (๔) การเรยี นแบบสบื สวนสอบสวน( Inquiry Method) (๕) การเรยี นแบบร่วมมอื ( Cooperative Learning) (๖) การเรยี นแบบมสี ่วนรว่ ม ( Participatory Learning) (๗) การเรยี นแบบสรา้ งความรู้ ( Constructive Learning) (๘) กจิ กรรมการแกป้ ัญหา ( Problem- Solving Activities) การสรา้ งแบบทดอบ ๒. ขนั้ ดาเนนิ การ ( Implementation) ประเดน็ ทค่ี วรพจิ ารณาไดแ้ ก่ ๒.๑ วธิ กี ารอน การจดั การเรยี นการอนภาษาโดยเนน้ ผเู้ รยี นเป็นสาคญั เป็นไปใน ลกั ษณะเดยี วกบั การสอนเพ่อื การ สื่อกำรเรยี นรู้ ส่อื การเรยี นรเู้ ป็นเครอ่ื งมอื สง่ เสรมิ สนบั สนุนการจดั การกระบวนการเรยี นรู้ ใหผ้ เู้ รยี นเขา้ ถงึ ความรู้ ทกั ษะกระบวนการ และคณุ ลกั ษณะตามมาตรฐานของหลกั สูตรไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพสอ่ื การ เรยี นรมู้ หี ลากหลายประเภท ทงั้ ส่อื ธรรมชาติ ส่อื สงิ่ พมิ พ์ สอ่ื เทคโนโลยี และเครอื ขา่ ย การเรยี นรู้ ต่างๆ ทม่ี ใี นทอ้ งถน่ิ การเลอื กใชส้ อ่ื ควรเลอื กใหม้ คี วามเหมาะสมกบั ระดบั พฒั นาการ และลีลาการเรยี นรู้ ทห่ี ลากหลายของผเู้ รยี น การจดั หาส่อื การเรยี นรู้ ผเู้ รยี นและผสู้ อนสามารถจดั ทาและพฒั นาขน้ึ เอง หรอื ปรบั ปรุงเลอื กใช้ อย่างมคี ณุ ภาพจากสอ่ื ตา่ งๆ ทม่ี อี ยรู่ อบตวั เพอ่ื นามาใชป้ ระกอบในการจดั การเรยี นรทู้ ส่ี ามารถส่งเสรมิ และส่อื สารใหผ้ เู้ รยี นเกดิ การเรยี นรู้ โดยสถานศกึ ษาควรจดั ใหม้ อี ยา่ งพอเพยี ง เพ่อื พฒั นาใหผ้ เู้ รยี น เกดิ การเรยี นรูอ้ ยา่ งแทจ้ รงิ สถานศกึ ษา เขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษา หน่วยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ งและผมู้ หี นา้ ทจ่ี ดั การศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน ควรดาเนนิ การดงั น้ี ๑. จดั ใหม้ แี หลง่ การเรยี นรู้ ศนู ยส์ อ่ื การเรยี นรู้ ระบบสารสนเทศการเรยี นรู้ และเครอื ขา่ ยการ เรยี นรู้ ทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพทงั้ ในสถานศกึ ษาและในชมุ ชน เพ่อื การศกึ ษาคน้ ควา้ และการแลกเปลย่ี นประสบการณ์ การเรยี นรู้ ระหวา่ งสถานศกึ ษา ทอ้ งถน่ิ ชมุ ชน สงั คมโลก ๒. จดั ทาและจดั หาสอ่ื การเรยี นรสู้ าหรบั การศกึ ษาคน้ คว้าของผูเ้ รยี น เสรมิ ความรใู้ หผ้ สู้ อน รวมทงั้ จดั หาสง่ิ ทม่ี อี ยใู่ นทอ้ งถนิ่ มาประยกุ ต์ใชเ้ ป็นสอ่ื การเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาต่างประเทศ โรงเรยี นชมุ ชนประชาธปิ ัตย์วทิ ยาคาร
๓. เลอื กและใชส้ อ่ื การเรยี นรทู้ ่มี คี ณุ ภาพ มคี วามเหมาะสม มคี วามหลากหลาย สอดคลอ้ งกบั วธิ กี ารเรยี นรู้ ธรรมชาตขิ องสาระการเรยี นรู้ และความแตกต่างระหว่างบุคคลของผเู้ รยี น ๔. ประเมนิ คณุ ภาพของส่อื การเรยี นรทู้ เ่ี ลอื กใชอ้ ยา่ งเป็นระบบ ๕. ศกึ ษาคน้ ควา้ วจิ ยั เพอ่ื พฒั นาส่อื การเรยี นรใู้ หส้ อดคลอ้ งกับกระบวนการเรยี นรขู้ องผเู้ รยี น ๖. จดั ใหม้ กี ารกากบั ตดิ ตามประเมนิ คุณภาพ และประสทิ ธภิ าพเกย่ี วกบั สอ่ื และการใชส้ ่อื การ เรยี นรเู้ ป็นระยะๆ และสม่าเสมอ ในการจดั ทา การเลอื กใช้ และการประเมนิ คุณภาพสอ่ื การเรยี นรทู้ ่ใี ชใ้ นสถานศกึ ษา ควรคานงึ ถงึ หลกั การ สาคญั ของส่อื การเรยี นรู้ เช่น ความสอดคลอ้ งกบั หลกั สตู ร วตั ถปุ ระสงคก์ ารเรยี นรู้ การ ออกแบบกจิ กรรมการเรยี นรู้ การจดั ประสบการณใ์ หผ้ ู้เรยี น เน้อื หามคี วามถกู ตอ้ งและทนั สมยั ไม่ กระทบความมนั่ คงของชาติ ไมข่ ดั ต่อศลี ธรรม มกี ารใชภ้ าษาทถ่ี กู ตอ้ ง รปู แบบการนาเสนอทเ่ี ขา้ ใจงา่ ย และน่าสนใจ กำรวดั และประเมินผลกำรเรยี นรู้ การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรขู้ องผเู้ รยี นตอ้ งอย่บู นหลกั การพน้ื ฐานสองประการ คอื การ ประเมนิ เพอ่ื พฒั นาผเู้ รยี นและเพ่อื ตดั สนิ ผลการเรยี น ในการพฒั นาคณุ ภาพการเรยี นรขู้ องผเู้ รยี ให้ ประสบผลสาเรจ็ นนั้ ผเู้ รยี นจะตอ้ งไดร้ บั การพฒั นาและประเมนิ ตามตวั ชว้ี ดั เพ่อื ใหบ้ รรลตุ ามมาตรฐาน การเรยี นรู้ สะทอ้ นสมรรถนะสาคญั และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผเู้ รยี นซงึ่ เป็นเป้าหมายหลกั ใน การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรใู้ นทกุ ระดบั ไมว่ ่าจะเป็นระดบั ชนั้ เรยี น ระดบั สถานศกึ ษา ระดบั เขต พน้ื ทก่ี ารศกึ ษา และระดบั ชาติ การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เป็นกระบวนการพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี น โดยใชผ้ ลการประเมนิ เป็นขอ้ มลู และสารสนเทศทแ่ี สดงพฒั นาการ ความกา้ วหนา้ และความสาเรจ็ ทางการเรยี นของผูเ้ รยี น ตลอดจนขอ้ มลู ทเ่ี ป็นประโยชน์ตอ่ การสง่ เสรมิ ใหผ้ เู้ รยี นเกดิ การพฒั นาและ เรยี นรอู้ ยา่ งเตม็ ตามศกั ยภาพ การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ แบ่งออกเป็น ๔ ระดบั ไดแ้ ก่ ระดบั ชนั้ เรยี น ระดบั สถานศกึ ษา ระดบั เขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษา และระดบั ชาติ มรี ายละเอยี ด ดงั น้ี ๑. กำรประเมินระดบั ชนั้ เรยี น เป็นการวดั และประเมนิ ผลทอ่ี ยู่ในกระบวนการจดั การเรยี นรู้ ผสู้ อนดาเนินการเป็นปกตแิ ละสมา่ เสมอ ในการจดั การเรยี นการสอน ใชเ้ ทคนคิ การประเมนิ อยา่ ง หลากหลาย เช่น การซกั ถาม การสงั เกต การตรวจการบา้ น การประเมนิ โครงงาน การประเมนิ ชน้ิ งาน/ ภาระงาน แฟ้มสะสมงาน การใชแ้ บบทดสอบ ฯลฯ โดยผสู้ อนเป็นผปู้ ระเมนิ เองหรอื เปิดโอกาส ให้ ผเู้ รยี นประเมนิ ตนเอง เพอ่ื นประเมนิ เพ่อื น ผปู้ กครองร่วมประเมนิ ในกรณที ไ่ี ม่ผา่ นตวั ชว้ี ดั ใหม้ กี ารสอน ซอ่ มเสรมิ การประเมนิ ระดบั ชนั้ เรยี นเป็นการตรวจสอบว่าผเู้ รยี นมพี ฒั นาการความกา้ วหนา้ ในการ เรยี นรู้ อนั เป็นผลมาจากการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนหรอื ไม่ และมากนอ้ ยเพยี งใด มสี งิ่ ทจ่ี ะตอ้ ง ไดร้ บั การพฒั นาปรบั ปรุงและส่งเสรมิ ในดา้ นใดนอกจากน้ยี งั เป็นขอ้ มลู ใหผ้ สู้ อนใชป้ รบั ปรุงการเรยี นการ สอนของตนดว้ ย ทงั้ น้โี ดยสอดคลอ้ งกบั มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชว้ี ดั กลุม่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาต่างประเทศ โรงเรยี นชมุ ชนประชาธปิ ัตยว์ ทิ ยาคาร
๒. กำรประเมินระดบั สถำนศึกษำ เป็นการประเมนิ ทส่ี ถานศกึ ษาดาเนนิ การเพ่อื ตดั สนิ ผล การเรยี นของผเู้ รยี นเป็นรายปี/รายภาค ผลการประเมนิ การอา่ น คดิ วเิ คราะหแ์ ละเขยี น คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ และกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น นอกจากน้เี พอ่ื ใหไ้ ดข้ อ้ มูลเกย่ี วกบั การจดั การศกึ ษา ของ สถานศกึ ษา ว่าสง่ ผลตอ่ การเรยี นรขู้ องผเู้ รยี นตามเป้าหมายหรอื ไม่ ผเู้ รยี นมจี ุดพฒั นาในดา้ นใด รวมทงั้ สามารถนาผลการเรยี นของผเู้ รยี นในสถานศกึ ษาเปรยี บเทยี บกบั เกณฑร์ ะดบั ชาติ ผลการประเมนิ ระดบั สถานศกึ ษาจะเป็นขอ้ มูลและสารสนเทศเพ่อื การปรบั ปรุงนโยบาย หลกั สูตร โครงการ หรอื วธิ กี ารจดั การ เรยี นการสอน ตลอดจนเพอ่ื การจดั ทาแผนพฒั นาคุณภาพการศกึ ษาของสถานศกึ ษา ตามแนวทางการ ประกนั คุณภาพการศกึ ษาและการรายงานผลการจดั การศกึ ษาตอ่ คณะกรรมการสถานศกึ ษา สานกั งาน เขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษา สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน ผปู้ กครองและชุมชน ๓. กำรประเมินระดบั เขตพ้นื ท่ีกำรศึกษำ เป็นการประเมนิ คุณภาพผเู้ รยี นในระดบั เขตพน้ื ท่ี การศกึ ษาตามมาตรฐานการเรยี นรตู้ ามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน เพอ่ื ใชเ้ ป็นขอ้ มูลพน้ื ฐาน ในการพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาของเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษา ตามภาระความรบั ผดิ ชอบ สามารถดาเนินการ โดยประเมนิ คุณภาพผลสมั ฤทธขิ์ องผเู้ รยี นดว้ ยขอ้ สอบมาตรฐานทจ่ี ดั ทาและดาเนนิ การโดยเขตพน้ื ท่ี การศกึ ษา หรอื ดว้ ยความรว่ มมอื กบั หน่วยงานตน้ สงั กดั ในการดาเนินการจดั สอบ นอกจากน้ยี งั ไดจ้ าก การตรวจสอบทบทวนขอ้ มลู จากการประเมนิ ระดบั สถานศกึ ษาในเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษา ๔. กำรประเมินระดบั ชำติ เป็นการประเมนิ คณุ ภาพผเู้ รยี นในระดบั ชาติ ตามมาตรฐานการ เรยี นรตู้ ามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน สถานศกึ ษาตอ้ งจดั ใหผ้ เู้ รยี นทุกคนทเ่ี รยี นในชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๓ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๓ และชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๖ เขา้ รบั การประเมนิ ผลจากการประเมนิ ใชเ้ ป็นขอ้ มูลในการเทยี บเคยี งคุณภาพการศกึ ษาในระดบั ตา่ ง ๆ เพอ่ื นาไปใชใ้ นการวางแผนยกระดบั คณุ ภาพการจดั การศกึ ษา ตลอดจนเป็นขอ้ มูลสนบั สนุนการตดั สนิ ใจใน ระดบั นโยบายของประเทศ ขอ้ มูลการประเมนิ ในระดบั ต่าง ๆ ขา้ งตน้ เป็นประโยชน์ตอ่ สถานศกึ ษาในการตรวจสอบทบทวน พฒั นาคุณภาพผเู้ รยี น ถอื เป็นภาระความรบั ผดิ ชอบของสถานศกึ ษาทจ่ี ะตอ้ งจดั ระบบดูแลช่วยเหลอื ปรบั ปรุงแกไ้ ข ส่งเสรมิ สนับสนุนเพ่อื ใหผ้ เู้ รยี นไดพ้ ฒั นาเตม็ ตามศกั ยภาพบนพน้ื ฐานความแตกตา่ ง ระหวา่ งบุคคลทจ่ี าแนกตามสภาพปัญหาและความตอ้ งการ ไดแ้ ก่ กลมุ่ ผเู้ รยี นทวั่ ไป กลมุ่ ผเู้ รยี นทม่ี ี ความสามารถพเิ ศษ กลมุ่ ผเู้ รยี นทม่ี ผี ลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นต่า กลุ่มผเู้ รยี นทม่ี ปี ัญหาดา้ นวนิ ัยและ พฤตกิ รรม กลมุ่ ผูเ้ รยี นทป่ี ฏเิ สธโรงเรยี น กลมุ่ ผูเ้ รยี นทม่ี ปี ัญหาทางเศรษฐกจิ และสงั คม กลมุ่ พกิ ารทาง ร่างกายและสตปิ ัญญา เป็นตน้ ขอ้ มูลจากการประเมนิ จงึ เป็นหวั ใจของสถานศกึ ษาในการดาเนินการ ชว่ ยเหลอื ผเู้ รยี นไดท้ นั ท่วงที ปิดโอกาสใหผ้ เู้ รยี นไดร้ บั การพฒั นาและประสบความสาเรจ็ ในการเรยี น สถานศกึ ษาในฐานะผรู้ บั ผดิ ชอบจดั การศกึ ษา จะตอ้ งจดั ทาระเบยี บว่าดว้ ยการวดั และ ประเมนิ ผลการเรยี นของสถานศกึ ษาใหส้ อดคลอ้ งและเป็นไปตามหลกั เกณฑแ์ ละแนวปฏบิ ตั ทิ เ่ี ป็น ขอ้ กาหนดของหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน เพ่อื ใหบ้ ุคลากรทเ่ี กย่ี วขอ้ งทกุ ฝ่ายถอื ปฏบิ ตั ิ ร่วมกนั กลุม่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาตา่ งประเทศ โรงเรยี นชุมชนประชาธปิ ัตยว์ ทิ ยาคาร
กำรตดั สินผลกำรเรียน ๑. ผเู้ รยี นตอ้ งมเี วลาเรยี นไมน่ ้อยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นทงั้ หมดในแต่ละรายวชิ า ๒. ผู้เรยี นตอ้ งได้รบั การประเมนิ ทุกตวั ช้วี ดั และผ่านตามเกณฑ์ท่สี ถานศกึ ษากาหนด ไม่น้อย กวา่ รอ้ ย ละ ๖๐ ของทุกตวั ช้วี ดั โดยแต่ละตวั ชว้ี ดั ผ่านไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ ๕๐ หรอื มคี ุณภาพในระดบั ผำ่ น ขน้ึ ไป ๓. ผเู้ รยี นตอ้ งไดร้ บั การตดั สนิ ผลการเรยี นทกุ รายวชิ าโดยไดร้ ะดบั ผลการเรยี นไม่ต่ากว่า ๑ ๔. ผู้เรียนต้องได้รบั การประเมิน และมีผลการประเมนิ ในเร่อื ง การอ่าน เขียน และ คิด วเิ คราะห,์ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ และกจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รยี น โดยมผี ลการประเมนิ ระดบั ผ่ำน ขน้ึ ไปทุกรายการ กำรให้ระดบั ผลกำรเรยี น ๑. การตดั สนิ ผลการเรยี นรายวชิ าของกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ใหใ้ ชร้ ะบบ. ตวั เลข แสดงระดบั ผล การเรยี น ในแต่ละกลมุ่ สาระ ( ๘ กลุ่มสาระ ) ดงั น้ี ระดบั ผลกำรเรยี น ควำมหมำย ช่วงคะแนนเป็ นร้อยละ ๔ ดเี ยย่ี ม ๘๐ - ๑๐๐ ๓.๕ ดมี าก ๗๕ - ๗๙ ๓ ๗๐ - ๗๔ ๒.๕ ดี ๖๕ - ๖๙ ๒ ค่อนขา้ งดี ๖๐ – ๖๔ ๑.๕ ปานกลาง ๕๕ - ๕๙ ๑ ๕๐ – ๕๔ ๐ พอใช้ ๐ - ๔๙ ผา่ นเกณฑข์ นั้ ต่า ต่ากวา่ เกณฑ์ ๒. การประเมนิ การอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น เป็นผ่านและไม่ผ่าน ถา้ กรณีทผ่ี ่าน กาหนด เกณฑก์ ารตดั สนิ เป็นดเี ยย่ี ม ดี และผา่ น ดงั น้ี ดีเย่ียม หมายถงึ มผี ลงานทแ่ี สดงถงึ ความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และ เขยี นท่ี มี คณุ ภำพดีเลิศ อยูเ่ สมอ กล่มุ สาระการเรยี นรูภ้ าษาต่างประเทศ โรงเรยี นชมุ ชนประชาธปิ ัตย์วทิ ยาคาร
ดี หมายถึง มีผลงานท่ีแสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และ เขียนท่ีมี คณุ ภำพเป็นที่ยอมรบั ผ่ำน หมายถงึ มผี ลงานท่แี สดงถึงความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และ เขียนท่มี ี คณุ ภำพเป็นท่ียอมรบั แต่ยงั มีข้อบกพรอ่ งบำงประกำร ไม่ผำ่ น หมายถงึ ไมม่ ผี ลงานทแ่ี สดงถงึ ความสามารถในการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น หรอื ถา้ มผี ลงาน ผลงานนนั้ ยงั มขี อ้ บกพร่องทต่ี อ้ งไดร้ บั การปรบั ปรุง แกไ้ ข หลายประการ ๓. การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ รวมทุกคุณลักษณะเพ่ือการเล่อื นชนั้ และจบ การศึกษา เป็นผ่านและไม่ผ่าน ในการผ่านกาหนดเกณฑ์การตัดสินเป็นดีเย่ียม ดี และผ่าน และ ความหมายของแต่ละระดบั ดงั น้ี ดีเย่ยี ม หมายถึง ผู้เรียนปฏิบัติตนตามคุณลักษณะจนเป็ นนิสัย และนาไปใช้ใน ชวี ติ ประจาวนั เพ่อื ประโยชน์สุขของตนเองและสงั คม โดยพจิ ารณาจากจากผลการประเมนิ ระดบั ดเี ย่ยี ม จานวน ๕ - ๘ คุณลกั ษณะ และไมม่ คี ณุ ลกั ษณะใดไดผ้ ลการประเมนิ ต่ากว่าระดบั ดี ดี หมายถงึ ผเู้ รยี นมคี ณุ ลกั ษณะในการปฏบิ ตั ติ ามกฎเกณฑ์ เพอ่ื ใหเ้ ป็นการยอมรบั ของ สงั คม โดยพจิ ารณาจาก ๑) ได้ผลการประเมินระดบั ดเี ยย่ี ม จานวน ๑ - ๔ คุณลกั ษณะ และไม่มคี ุณลกั ษณะใด ไดผ้ ลการประเมนิ ต่ากวา่ ระดบั ดี หรอื ๒) ไดผ้ ลการประเมนิ ระดบั ดเี ยย่ี ม จานวน ๔ คุณลกั ษณะ และไม่มคี ณุ ลกั ษณะใดไดผ้ ล การประเมนิ ต่ากว่าระดบั ผา่ น หรอื ๓) ไดผ้ ลการประเมนิ ระดบั ดี จานวน ๕ - ๘ คุณลกั ษณะ และไม่มคี ุณลกั ษณะใดได้ผล การประเมนิ ต่ากวา่ ระดบั ผ่าน ผ่ำน หมายถงึ ผเู้ รยี นรบั รู้และปฏบิ ตั ติ ามกฎเกณฑ์และเง่อื นไขทส่ี ถานศกึ ษากาหนด โดยพจิ ารณาจาก ๑) ไดผ้ ลการประเมนิ ระดบั ผ่านจานวน ๕ - ๘ คุณลกั ษณะ และไม่มคี ุณลกั ษณะใดไดผ้ ล การประเมนิ ต่ากวา่ ระดบั ผ่าน หรอื ๒) ไดผ้ ลการประเมนิ ระดบั ดี จานวน ๔ คุณลกั ษณะ และไม่มคี ุณลกั ษณะใด ไดผ้ ลการ ประเมนิ ระดบั ไม่ผา่ น ตงั้ แต่ ๑ คุณลกั ษณะ ไม่ผ่ำน หมายถึง ผูเ้ รยี นรบั รูแ้ ละปฏบิ ตั ไิ ดไ้ ม่ครบตามกฎเกณฑ์และเง่ือนไขท่ี กาหนด โดยพจิ ารณาจาก โดยพจิ ารณาจากผลการประเมนิ ระดบั ไม่ผา่ น ตงั้ แต่ ๑ คุณลกั ษณะ ๔. การประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น จะตอ้ งพจิ ารณาทงั้ เวลาการเขา้ รว่ มกจิ กรรมการปฏบิ ตั ิ กิจกรรมและผลงานของผู้เรยี น ตามเกณฑ์ท่สี ถานศึกษากาหนด คอื กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น ได้แก่ กจิ กรรมแนะแนว, กจิ กรรมนกั เรยี น และกจิ กรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์ โดยใหผ้ ลการประเมนิ เป็นผำ่ น และ ไมผ่ ่ำน กลุม่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาตา่ งประเทศ โรงเรยี นชมุ ชนประชาธปิ ัตย์วทิ ยาคาร
“ผ” หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนกาหนด คือ ได้แก่ กจิ กรรมแนะแนว, กจิ กรรมนักเรยี น และกิจกรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมและมี ผลงานตามเกณฑ์ ทส่ี ถานศกึ ษากาหนด “มผ” หมายถึง ผู้เรยี นมเี วลาเขา้ ร่วมกิจกรรมพฒั นาผู้เรียนกาหนด คือ กิจกรรม พฒั นาผูเ้ รยี นได้แก่ กจิ กรรมแนะแนว, กจิ กรรมนักเรยี น และกิจกรรมเพ่อื สงั คมและสาธารณประโยชน์ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรม และมผี ลงาน ไม่เป็นไปตามเกณฑท์ ส่ี ถานศกึ ษากาหนด ในกรณีท่ผี ู้เรยี นได้ “มผ” ครูผูด้ ูแลกิจกรรมต้องจดั ซ่อมเสรมิ ให้ผู้เรยี นทากิจกรรมใน สว่ นทผ่ี ู้เรยี น ไมไ่ ดเ้ ขา้ ร่วมหรอื ไม่ได้ทาจนครบถว้ น แลว้ จงึ เปลย่ี นผลการเรยี นจาก “มผ” เป็น “ผ” ได้ ทงั้ น้ี ตอ้ งดาเนินการ ใหเ้ สรจ็ สน้ิ ภายใน วนั ท่ี ๓๑ มนี าคม ของปีการศกึ ษานนั้ ๆ ยกเวน้ มเี หตสุ ุดวสิ ยั กำรเปล่ียนผลกำรเรียน กำรเปลย่ี นผลกำรเรียน “๐” สถานศกึ ษาจดั ใหม้ กี ารสอนซอ่ มเสรมิ ในมาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชว้ี ดั ทผ่ี เู้ รยี นสอบไม่ผ่านกอ่ น แลว้ จงึ สอบแกต้ วั ไดไ้ ม่เกนิ ๒ ครงั้ ถา้ ผเู้ รยี นไมด่ าเนนิ การสอบแกต้ วั ตามระยะเวลาทส่ี ถานศกึ ษากาหนด ใหอ้ ยใู่ นดุลยพนิ ิจของสถานศกึ ษาทจ่ี ะพจิ ารณาขยายเวลาออกไปอกี ๑ ภาคเรยี น สาหรบั ภาคเรยี นท่ี ๒ ตอ้ งดาเนนิ การใหเ้ สรจ็ สน้ิ ภายในปีการศกึ ษานนั้ การสอบแกต้ วั ใหไ้ ดร้ ะดบั ผลการเรยี นไมเ่ กนิ “๑” ถา้ สอบแกต้ วั ๒ ครงั้ แลว้ ยงั ไดร้ ะดบั ผลการเรยี น “๐” อกี ใหส้ ถานศกึ ษาแตง่ ตงั้ คณะกรรมการดาเนินการ เกยี่ วกบั การเปลย่ี นผลการเรยี นของผเู้ รยี น โดยปฏบิ ตั ดิ งั น้ี ๑) ถา้ เป็นรายวชิ าพน้ื ฐาน ใหเ้ รยี นซา้ รายวชิ านนั้ ๒) ถา้ เป็นรายวชิ าเพมิ่ เติม ให้เรยี นซ้าหรอื เปลย่ี นรายวชิ าเรียนใหม่ ทงั้ น้ี ให้อยู่ในดุลย พนิ ิจของสถานศกึ ษาในกรณีท่เี ปล่ยี นรายวชิ าเรยี นใหม่ ให้หมายเหตุในระเบยี นแสดงผลการเรยี นว่าเรยี น แทนรายวชิ าใด กำรเปลยี่ นผลกำรเรยี น “ร” การเปลย่ี นผลการเรยี น “ร” ใหด้ าเนินการดงั น้ี ใหผ้ ู้เรยี นดาเนินการแกไ้ ข “ร” ตามสาเหตุ เมอ่ื ผู้เรยี นแก้ไขปัญหาเสรจ็ แล้วใหไ้ ดร้ ะดบั ผลการ เรยี นตามปกติ (ตงั้ แต่ ๐ - ๔) ถ้าผู้เรยี นไม่ดาเนินการแก้ “ร” กรณีท่สี ่งงานไม่ครบแต่มผี ลการประเมนิ ระหว่างภาคและปลายภาค ให้ผูส้ อน นาขอ้ มูลทม่ี อี ยู่ตดั สนิ ผลการเรยี น ยกเวน้ มเี หตุสุดวสิ ยั ใหอ้ ยู่ใน ดลุ ยพนิ ิจของสถานศกึ ษาท่จี ะขยายเวลาการแก้ “ร” ออกไปอกี ไมเ่ กนิ ๑ ภาคเรยี นสาหรบั ภาคเรยี นท่ี ๑ สาหรบั ภาคเรยี นท่ี ๒ ต้องดาเนินการให้เสรจ็ สน้ิ ภายในปีการศกึ ษานัน้ เม่อื พน้ กาหนดน้ีแลว้ ใหเ้ รยี นซ้า หากผลการเรยี นเป็น “๐” ใหด้ าเนนิ การแกไ้ ขตามหลกั เกณฑ์ กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาตา่ งประเทศ โรงเรยี นชมุ ชนประชาธปิ ัตย์วทิ ยาคาร
กำรเปล่ียนผลกำรเรียน “มส” (ไมม่ ีสิทธ์ิสอบ) การเปลย่ี นผลการเรยี น “มส” มี ๒ กรณี ดงั น้ี ๑) กรณีผเู้ รยี นไดผ้ ลการเรยี น “มส” เพราะมเี วลาเรยี นไม่ถึงรอ้ ยละ ๘๐ แตม่ เี วลาเรยี นไม่น้อย กว่ารอ้ ยละ ๖๐ ของเวลาเรยี นในรายวชิ านนั้ ใหส้ ถานศกึ ษาจดั ใหเ้ รยี นเพม่ิ เตมิ จนมเี วลาเรยี นครบตามท่ี กาหนดแล้วจงึ ให้วดั ผลปลายภาคเป็นกรณีพเิ ศษ ผลการแก้ “มส” ให้ได้ระดบั ผลการเรยี นไม่เกนิ “๑” การแก้ “มส” กรณนี ้ีให้กระทาใหเ้ สรจ็ สน้ิ ภายในปีการศกึ ษานัน้ ถา้ ผเู้ รยี นไม่มาดาเนินการแก้ “มส” ตาม ระยะเวลาทก่ี าหนดไวน้ ้ีใหเ้ รยี นซ้า ยกเวน้ มเี หตสุ ุดวสิ ยั ให้อยใู่ นดุลยพนิ ิจของสถานศกึ ษาทจ่ี ะขยายเวลา การแก้ “มส” ออกไปอกี ไมเ่ กนิ ๑ ภาคเรยี น สามารถแกผ้ ลการเรยี นเป็น “๑ – ๔” แตเ่ ม่อื พน้ กาหนดน้แี ลว้ ใหป้ ฏบิ ตั ดิ งั น้ี (๑) ถา้ เป็นรายวชิ าพน้ื ฐานใหเ้ รยี นซา้ รายวชิ านัน้ (๒) ถา้ เป็นรายวชิ าเพมิ่ เตมิ ใหอ้ ยู่ในดุลยพนิ ิจของสถานศกึ ษา ใหเ้ รยี นซ้าหรอื เปลย่ี น รายวชิ าเรยี นใหม่ ๒) กรณผี เู้ รยี นไดผ้ ลการเรยี น “มส” และมเี วลาเรยี นน้อยกว่ารอ้ ยละ ๖๐ ของเวลาเรยี นทงั้ หมด ใหส้ ถานศกึ ษาปฏบิ ตั ดิ งั น้ี (๑) ถา้ เป็นรายวชิ าพน้ื ฐาน ใหเ้ รยี นซา้ รายวชิ านนั้ (๒) ถา้ เป็นรายวชิ าเพมิ่ เตมิ ใหอ้ ยู่ในดุลยพนิ จิ ของสถานศกึ ษาใหเ้ รยี นซ้าหรอื เปลย่ี น รายวชิ าเรยี นใหม่ ในกรณีทเ่ี ปล่ยี นรายวชิ าเรยี นใหม่ ให้หมายเหตุในระเบยี นแสดงผลการเรยี นว่าเรยี น แทนรายวชิ าใด การเรยี นซ้ารายวชิ า หากผูเ้ รยี นไดร้ บั การสอนซอ่ มเสรมิ และสอบแก้ตวั ๒ ครงั้ แล้ว ไมผ่ า่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ใหเ้ รยี นซา้ รายวชิ านนั้ ทงั้ น้ใี หอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ จิ ของสถานศกึ ษาในการจดั ใหเ้ รยี น ซ้าในช่วงใดช่วงหน่ึงท่สี ถานศกึ ษาเหน็ ว่าเหมาะสม เชน่ พกั รบั ประทานอาหารกลางวนั วนั หยุดชวั่ โมง วา่ งหลงั เลกิ เรยี น ภาคฤดรู อ้ น เป็นตน้ ในกรณีภาคเรยี นท่ี ๒ หากผเู้ รยี นยงั มผี ลการเรยี น “๐” “ร” “มส” ใหด้ าเนินการใหเ้ สรจ็ สน้ิ ก่อนเปิดเรยี นปีการศกึ ษาถดั ไป สถานศกึ ษาอาจเปิดการเรยี นการสอนในภาคฤดูร้อนเพ่อื แก้ไขผล การเรียนของผู้เรยี นได้ ทงั้ น้ีหากสถานศึกษาใดไม่สามารถดาเนินการเปิดสอนภาคฤดูร้อนได้ ให้ สานักงานเขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษา/ตน้ สงั กดั เป็นผู้พจิ ารณาประสานงานให้มกี ารดาเนินการเรยี นการสอนใน ภาคฤดูรอ้ นเพอ่ื แกไ้ ขผลการเรยี นของผเู้ รยี น กำรเปลี่ยนผลกำรเรียน “มผ” กรณีทผ่ี ูเ้ รยี นได้ผลการเรยี น “มผ” สถานศกึ ษาตอ้ งจดั ซ่อมเสรมิ ให้ผเู้ รยี นทากิจกรรมในส่วนท่ี ผูเ้ รยี นไม่ได้เขา้ ร่วมหรอื ไม่ได้ทาจนครบถ้วน แล้วจึงเปล่ยี นผลการเรยี นจาก “มผ” เป็น “ผ” ได้ ทงั้ น้ี ดาเนินการใหเ้ สรจ็ ส้นิ ภายในภาคเรยี นนัน้ ๆ ยกเวน้ มเี หตสุ ุดวสิ ยั ใหอ้ ยู่ในดุลยพนิ ิจของสถานศกึ ษาทจ่ี ะ พจิ ารณาขยายเวลาออกไปอีกไม่เกิน ๑ ภาคเรยี นสาหรบั ภาคเรยี นท่ี ๒ ต้องดาเนินการให้เสรจ็ ส้ิน ภายในปีการศกึ ษานนั้ กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาต่างประเทศ โรงเรยี นชุมชนประชาธปิ ัตย์วทิ ยาคาร
กำรสอนซ่อมเสริม การสอนซ่อมเสริม เป็ นการสอนเพ่ือแก้ไขข้อบกพร่อง กรณีท่ีผู้เรียนมีความรู้ ทักษะ กระบวนการ หรอื มคี ุณลกั ษณะ ไม่เป็นไปตามเกณฑท์ ก่ี าหนด จะตอ้ งเป็นกรณีพเิ ศษ นอกเหนือจาการ สอนปรกติ เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นบรรลตุ ามมาตรฐานการเรยี นรู้ ดว้ ยการจดั กจิ กรรมการเรยี นรทู้ ห่ี ลากหลายและ สนองตามความตอ้ งการระหวา่ งบุคคล อภิธำนศพั ท์ กำรเดำควำมหมำยจำกบริบท (context clue) การเดาความหมายของคาศพั ทห์ รอื ขอ้ ความทไ่ี มท่ ราบความหมายโดยไม่ต้องเปิดพจนานุกรม เป็นการเดาความหมายนนั้ โดยอาศยั การชแ้ี นะจากคาศพั ทห์ รอื ขอ้ ความทแ่ี วดลอ้ มคาศพั ทห์ รอื ขอ้ ความท่ี อา่ น เพ่อื ช่วยในการทาความเขา้ ใจหรอื ตคี วามหมายของคาศพั ทห์ รอื ขอ้ ความทไ่ี ม่เขา้ ใจความหมาย กำรถ่ำยโอนข้อมูล การแปลงขอ้ มูลท่ผี ู้ส่งสารต้องการจะส่อื สารใหผ้ ู้รบั สารเขา้ ใจความหมายในรูปแบบท่ตี อ้ งการ เช่น การถ่ายโอนขอ้ มูลท่เี ป็นคา ประโยค หรอื ขอ้ ความไปเป็นข้อมูลท่เี ป็นกราฟ สญั ลักษณ์ รูปภาพ แผนผงั แผนภูมิ ตาราง ฯลฯ หรอื การถา่ ยโอนขอ้ มลู ทเ่ี ป็นกราฟ สญั ลกั ษณ์ รูปภาพ แผนผัง แผนภูมิ ตาราง ฯลฯ ไปเป็นขอ้ มูลทเ่ี ป็นคา ประโยค หรอื ขอ้ ความ ทกั ษะกำรสอ่ื สำร ทกั ษะการฟัง การพูด การอ่าน และการเขยี น ซ่ึงเป็นเคร่ืองมือในการรบั สารและส่งสารด้วย ภาษานัน้ ๆ ไดอ้ ย่างส่อื ความหมาย คลอ่ งแคล่ว ถูกตอ้ ง เขา้ ถงึ สารไดอ้ ยา่ งชดั เจน บทกลอน (nursery rhyme) บทรอ้ ยกรองสาหรบั เดก็ ทม่ี คี าคลอ้ งจองและมคี วามไพเราะ เพอ่ื ช่วยใหจ้ ดจาไดง้ ่าย บทละครสนั้ (skit) งานเขียนหรอื บทละครสนั้ ท่ีมกี ารแสดงออกด้วยท่าทางและคาพูด ทาให้เกดิ ความสนุกสนาน อาจเป็นเร่อื งทม่ี าจากนทิ าน นยิ าย ชวี ติ ของคน สตั ว์ สง่ิ ของ หรอื ตดั ตอนมาจากงานเขยี น ภำษำท่ำทำง การสอ่ื สารโดยการแสดงทา่ ทางแทนคาพดู หรอื การแสดงทา่ ทางประกอบคาพดู เพอ่ื ให้ ความหมายมคี วามชดั เจนยง่ิ ขน้ึ การแสดงทา่ ทางตา่ งๆ อาจแสดงไดล้ กั ษณะ เช่น การแสดงออกทาง สี หนา้ การสบตา การเคล่อื นไหวศรี ษะ มอื การยกมอื การพยกั หนา้ การเลกิ คว้ิ เป็นตน้ กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาต่างประเทศ โรงเรยี นชุมชนประชาธปิ ัตย์วทิ ยาคาร
สอ่ื ที่ไม่ใช่ควำมเรยี ง (non-text information) สง่ิ ทใ่ี ชส้ ่อื สารแทนคา วลี ประโยค และขอ้ ความ เช่น กราฟ สญั ลกั ษณ์ รปู ภาพ สงิ่ ของ แผนผงั แผนภมู ิ ตาราง เป็นตน้ วฒั นธรรมของเจ้ำของภำษำ วถิ กี ารดาเนินชวี ติ ของคนในสงั คมท่ใี ชภ้ าษานนั้ นับตงั้ แตว่ ธิ กี ารกนิ อยู่ การแต่งกาย การทางาน การพกั ผ่อน การแสดงอารมณ์ การส่อื ความ ค่านิยม ความคิด ความเช่อื ทศั นคติ ขนบธรรมเนียม ประเพณี เทศกาล งานฉลอง และมารยาท เป็นตน้ เอกสำรอ้ำงอิง ➢ กรมวชิ าการ. (๒๕๔๔).เอกสำรแระกอบหลกั สตู รกำรศึกษำขนั้ พ้ืนฐำน พทุ ธศกั รำช ๒๕๔๔ คมู่ ือกำรจดั กำรเรียนร้กู ลุ่มสำระกำรเรยี นรภู้ ำษำต่ำงประเทศ. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พอ์ งคก์ าร รบั สง่ สนิ คา้ และพสั ดุภณั ฑ(์ ร.ส.พ.) ➢ กรมวชิ าการ. (๒๕๔๔).หลกั สตู รกำรศึกษำขนั้ พน้ื ฐำน พุทธศกั รำช ๒๕๔๔ สำระกำรเรยี นรู้ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำต่ำงประเทศ. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การรบั ส่งสนิ ค้าและพสั ดุ ภณั ฑ(์ ร.ส.พ.) ➢ กรมวชิ าการ. (๒๕๔๔).กำรจดั สำระกำรเรียนร้กู ลุ่มสำระกำรเรียนรภู้ ำษำต่ำงประเทศตำม หลกั สูตรกำรศึกษำขนั้ พื้นฐำน พทุ ธศกั รำช ๒๕๔๔. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พอ์ งคก์ ารรบั สง่ สนิ คา้ และพสั ดภุ ณั ฑ(์ ร.ส.พ.) ➢ กรมวชิ าการ.(๒๕๔๖).พระรำชบญั ญตั ิกำรศึกษำแห่งชำติพ.ศ. ๒๕๕๒และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบบั ท่ี๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ และพระรำชบญั ญตั ิกำรศึกษำภำคบงั คบั พ.ศ.๒๕๔๕.กรุงเทพฯซ โรงพิมพ์ อกั ษรไทย. ➢ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (๒๕๔๔). หลกั สูตรกำรศกึ ษำขนั้ พนื้ ฐำน พทุ ธศกั รำช ๒๕๔๔ . กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พค์ ุรุสภาลาดพรา้ ว. ➢ สภาพฒั นาการเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ. (๒๕๔๙). แผนพฒั นำเศรษฐกิจและสังคม แห่งชำติ ฉบบั ที่ ๑๐. กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาตา่ งประเทศ โรงเรยี นชมุ ชนประชาธปิ ัตยว์ ทิ ยาคาร
➢ สานักงานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา. (๒๕๔๗). ข้อเสนอยุทธศำสตร์กำรปฏิรูปกำรศึกษำ. กรุงเทพฯ: เซน็ จูร.่ี ➢ สานกั นายกรฐั มนตร,ี สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาแหง่ ชาต.ิ (๒๕๔๒). พระรำชบญั ญตั ิ กำรศึกษำแห่งชำติ พ.ศ. ๒๕๔๒. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การรบั ส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.). ➢ สานักผูต้ รวจราชการและติดตามประเมนิ ผล. (๒๕๔๘). กำรติดตำมปัญหำอุปสรรคกำรใช้ หลกั สูตร กำรศึกษำขนั้ พ้ืนฐำน พ.ศ. ๒๕๔๔. บันทึก ท่ี ศธ ๐๒๐๗/ ๒๖๙๒ ลงวนั ท่ี ๑๙ กันยายน ๒๕๔๘. ➢ สานักวชิ าการและมาตรฐานการศึกษา. (๒๕๔๖ ก.). สรุปผลกำรประชุมวิเครำะห์หลกั สูตร กำรศกึ ษำ ขนั้ พื้นฐำน. ๒๗-๒๘ ตุลาคม ๒๕๔๖ โรงแรมตรงั กรุงเทพฯ. (เอกสารอดั สาเนา). ➢ สานักวชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา. (๒๕๔๖ ข.). สรุปควำมเห็นจำกกำรประชุมเสวนำ หลกั สตู ร กำรศกึ ษำขนั้ พ้นื ฐำน ๕ จุด. พฤศจกิ ายน ๒๕๔๖ (เอกสารอดั สาเนา). ➢ สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. (๒๕๔๘ ก). รำยงำนกำรวิจยั กำรใช้หลักสูตร กำรศึกษำ ขนั้ พ้ืนฐำนตำมทัศนะของผ้สู อน. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การรบั ส่งสนิ ค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.). กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาต่างประเทศ โรงเรยี นชุมชนประชาธปิ ัตย์วทิ ยาคาร
เอกสำรอ้ำงอิง (ต่อ) ➢ สานักวิชาการและมาตรฐานการศกึ ษา. (๒๕๔๘ ข.). รำยงำนกำรวิจยั โครงกำรวิจยั เชิง ทดลอง กระบวนกำรสร้ำงหลกั สูตรสถำนศึกษำแบบอิงมำตรฐำน. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์ องคก์ ารรบั ส่งสนิ คา้ และพสั ดภุ ณั ฑ์ (ร.ส.พ.). ➢ สานักวชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา. (๒๕๕๒) ตวั ชี้วดั และสำระกำรเรียนร้แู กนกลำงกลุ่ม สำระกำรเรียนรู้ภำษำต่ำงประเทศ ตำมหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำขัน้ พื้นฐำน พทุ ธศกั รำช ๒๕๕๑. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พช์ มุ นุมสหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย ➢ สวุ มิ ล ว่องวาณชิ และ นงลกั ษณ์ วริ ชั ชยั . (๒๕๔๗). กำรประเมินผลกำรปฎิรปู กำรเรยี นรู้ ตำม พระรำชบญั ญตั ิกำรศึกษำแห่งชำติ พ.ศ. ๒๕๔๒ พหกุ รณีศึกษำ. เอกสารการประชุมทาง วชิ าการการวจิ ยั เกยี่ วกบั การปฏริ ปู การเรยี นรู้ โดยสานกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา กระทรวง ศกึ ษาธกิ าร วนั ท่ี ๑๙- ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๔๗. ➢ Kittisunthorn, C., (๒๐๐๓). Standards-based curriculum: The first experience of Thai teachers. Doctoral Dissertation, Jamia Islamia University, Delhi, India. ➢ Nutravong, R., (๒ ๐ ๐๒ ). School-based curriculum decision-making: A study of the Thailand reform experiment. Doctoral Dissertation, Indiana University, Bloomington. U.S.A. กล่มุ สาระการเรยี นรูภ้ าษาตา่ งประเทศ โรงเรยี นชมุ ชนประชาธปิ ัตยว์ ทิ ยาคาร
คณะผจู้ ดั ทำ หลกั สตู รกลุ่มสำระกำรเรียนรภู้ ำษำต่ำงประเทศ โรงเรียนชุมชนประชำธิปัตยว์ ิทยำคำร 1. นางสาวกนั ยาภทั ร ภทั รโสตถิ ผอู้ านวยการโรงเรยี น ประธาน 2. นางวรี วลั ย์ เวยี งจนั ทร์ รองผอู้ านวยการฝ่ายวชิ าการ รองประธาน 3. นางเนตรชนก ยอดเชยี งคา หวั หน้างานวชิ าการ กรรมการ 4. นายถวลั ย์ ประวนั เณ หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ กรรมการ 5. นางสาวนัฐตราภรณ์ สทิ ธิ รองหวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ กรรมการ 6. นางสาวอภญิ ญา จดั เขตรกรณ์ ครูกลุ่มสาระการเรยี นรู้ กรรมการ 7. นางสาววชิ ตุ า บุณยะตลุ านนท์ ครูกลุม่ สาระการเรยี นรู้ กรรมการ 8. นางสาวสริ ริ ตั น์ สงั สทุ ธิ ครูกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ กรรมการ 9. นายวชิ ยั ปิยะวงษ์ ครูกลุ่มสาระการเรยี นรู้ กรรมการ 10. นางสาววณิ ุรา ช่นื เจรญิ ครูกลุ่มสาระการเรยี นรู้ กรรมการ ๑๐. นางสาววนั เพญ็ แสนงาม ครูกลุ่มสาระการเรยี นรู้ กรรมการ ๑๑. นางสาวภทั รกนั ย์ จนั ทะ ครูกลุ่มสาระการเรยี นรู้ กรรมการ ๑๒. นางสาวปัทมา หอมจนั ทร์ ครูกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ กรรมการและเลขานุการ กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาตา่ งประเทศ โรงเรยี นชมุ ชนประชาธปิ ัตย์วทิ ยาคาร
กล่มุ สาระการเรยี นรูภ้ าษาต่างประเทศ โรงเรยี นชมุ ชนประชาธปิ ัตย์วทิ ยาคาร
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182