2. ใหต้ วั แทนนกั เรียนแต่ละกล่มุ ออกมาเฉลยคำตอบในใบงาน พรอ้ มสรปุ ความหมายและความสำคัญ ของประวตั ิศาสตร์ 3. นกั เรียนศกึ ษาใบความรู้ เรื่อง วิธีการทางประวตั ิศาสตร์ 4. นักเรียนทำใบงานท่ี 1.2 เรอ่ื ง วธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์ ครเู ฉลยคำตอบในใบงานใหน้ กั เรยี นตรวจ คำตอบ 5. ครูใหน้ กั เรยี นหากรณีศกึ ษาท่นี ักเรียนสนใจ 1 เรื่อง เก่ยี วกับอารยธรรมโลกเพอ่ื นำมาศกึ ษาใน ช่ัวโมงต่อไป ช่ัวโมงท่ี 2 1. นักเรียนนำข้อมลู กรณีศึกษาเกย่ี วกับอารยธรรมโลก ที่สนใจ 1 เรื่อง มาวเิ คราะห์โดยใชว้ ิธีการทาง ประวัตศิ าสตร์ 2. นักเรียนทำใบงานท่ี 1.3 เรอ่ื ง ศึกษาอารยธรรมโลกโดยใช้วธิ ีการทางประวตั ศิ าสตร์ ครหู า อาสาสมัครนกั เรียนออกมาเฉลยคำตอบในใบงาน 3. นักเรียนและครรู ่วมกนั สรุปความรู้ แล้วครูเปิดโอกาสใหน้ ักเรียนสอบถามเพิม่ เตมิ ได้ การวัดและประเมินผล วธิ กี าร เครือ่ งมือ เกณฑ์ นกั เรียนทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน นกั เรียนทำใบงานที่ 1.1 แบบทดสอบกอ่ นเรียน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ นกั เรียนทำใบงานที่ 1.2 นักเรยี นทำใบงานที่ 1.3 ใบงานที่ 1.1 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล ใบงานที่ 1.2 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ ใบงานท่ี 1.3 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงาน ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ รายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงาน ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ กลุ่ม ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้ 40
8.1 สือ่ การเรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรยี น ประวัติศาสตร์สากล ม.4-ม.6 2. ใบความรู้ เรือ่ ง ความหมายของประวัตศิ าสตร์ 3. ใบความรู้ เรอื่ ง ความสำคญั ของประวตั ิศาสตร์ 4. ใบความรู้ เรอ่ื ง วิธีการทางประวัตศิ าสตร์ 5. ใบงานที่ 1.1 เรือ่ ง ความหมายและความสำคัญวชิ าประวัตศิ าสตร์ 6. ใบงานท่ี 1.2 เรอื่ ง วิธกี ารทางประวัตศิ าสตร์ 7. ใบงานที่ 1.3 เรื่อง ศึกษาอารยธรรมโลกโดยใช้วธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์ 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1. หอ้ งสมุด 2. แหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ www.dopa.go.th/history/polith.htm www.ipst.ac.th/thaiversion/publications/in_sci/history.shtml บันทกึ ผลหลังการสอน ปัญหาและอุปสรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. แนวทางแก้ปญั หา .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชือ่ ….………………………………ผู้สอน ( นางสุชาดา ประมุข ) ครชู ำนาญการพิเศษ โรงเรยี นสตรีปากพนัง เห็นควรให้ใชแ้ ผนการจัดการเรยี นรู้ 41
เหน็ ควรปรับปรงุ แกไ้ ข ........................................................................................................................................ ลงช่ือ................................................. ( นายจริ พล ลิวา ) หัวหนา้ กล่มุ สาระสังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม เห็นควรให้ใช้แผนการจัดการเรยี นรู้ เห็นควรปรับปรงุ แกไ้ ข ........................................................................................................................................ ลงชื่อ.............................................. ( นางกัญญารัตน์ สาระพนั ธ์ ) หวั หน้ากลมุ่ งานบรหิ ารวิชาการ เห็นควรให้ใชแ้ ผนการจัดการเรยี นรู้ เห็นควรปรบั ปรงุ แก้ไข ........................................................................................................................................ ลงชอ่ื ................................................. ( นางจิราพร รัตนกลุ ) ผ้อู ำนวยการโรงเรียนสตรีปากพนัง แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล ลำดับ ชือ่ – มีความต้งั ใจ มีความ ความสะอาด ผลสำเรจ็ รวม ท่ี สกลุ ในการ รบั ผิดชอบ ตรงตอ่ เวลา เรยี บร้อย ของงาน 20 ทำงาน คะแนน 43214321432143214321 42
เกณฑ์การให้คะแนน = ดีมาก ให้ 4 คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ = ดี ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยคร้ัง = พอใช้ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้งั = ปรับปรงุ ให้ 1 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมนอ้ ยครง้ั เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 17 - 20 ดมี าก 13 - 16 ดี 9 - 12 5-8 พอใช้ ปรบั ปรงุ แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม ลำดบั ช่อื – ความร่วมมอื การแสดง การรบั ฟัง การตงั้ ใจ การร่วม รวม ท่ี สกลุ ความคดิ เหน็ ความคดิ เห็น ทำงาน ปรบั ปรงุ 20 ผลงานกลุ่ม คะแนน 43
43214321432143214321 เกณฑ์การให้คะแนน = ดมี าก ให้ 4 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ = ดี ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง = พอใช้ ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางครง้ั = ปรับปรงุ ให้ 1 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครั้ง เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 17 - 20 ดมี าก 13 - 16 ดี 9 - 12 5-8 พอใช้ ปรบั ปรุง ใบความรู้ 44
เร่ือง ความหมายของประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตรเ์ กิดจากความมสี ามญั สำนกึ ของมนุษย์อันเป็นลกั ษณะท่ีทำให้มนษุ ยแ์ ตกต่างจากสัตวอ์ ่ืน มนษุ ย์ผูกพันกับประวัตศิ าสตร์อย่างใกล้ชดิ จนไม่อาจแยกจากกันได้ มนุษย์จะพยายามเรียนร้แู ละเข้าใจตนเอง โดยมีประวัตศิ าสตรเ์ ปน็ เคร่ืองนำทาง มุง่ ศกึ ษาพฤตกิ รรมมนุษย์แลว้ ให้ความสำคัญแกช่ ่วงเวลาทเ่ี กดิ เหตุการณ์ หรอื พฤติกรรมนัน้ ๆ มาก คนทั่วไปมักจะมีความเข้าใจว่าประวัติศาสตร์ คือ อดีต หรือ ส่วนหนึ่งของอดีต แต่ในความเป็น จริงนั้น “ อดีตก็คืออดีต ” และส่วนหนึ่งหรือเสี้ยวเล็กๆ เส้ียวหนง่ึ ของอดีต จะเป็นประวัติศาสตร์ได้กต็ ่อเม่ือ นักประวัติศาสตร์สนใจและเห็นความสำคัญแล้วทำให้มีความหมาย มีประโยชน์และมีชีวิตข้ึน หรืออาจ กล่าวได้ว่า ประวัติศาสตร์ คือ การสืบสวนสอบสวนค้นคว้าเรื่องราวของมนุษย์ในอดีต และเรื่องราวน้ันมี ผลกระทบต่อสงั คมโดยส่วนรวม เน่ืองจากวิชาประวัติศาสตร์เป็นวิชาท่ีมีขอบข่ายเนื้อหากว้าง ดังน้ันจึงมีนักประวัติศาสตร์ได้ให้ ความหมายไว้หลายๆ ทศั นะ แต่ในท่ีนจ้ี ะกลา่ วถึงทัศนะของนักประวตั ิศาสตรบ์ างท่านไว้ ดังนี้ 1. ลีโอ ตอลสตอย กล่าวว่า “ประวตั ิศาสตร์ คือ เร่ืองราวของชีวิตของประเทศชาติและมนษุ ยชาติ ซ่ึงจะมองโดยตรงและสรุปรวมเป็นคำพูดไว้ว่า การบรรยายชีวิตของผู้คนเพียงกลุ่มเดียวโดยมิได้รวมถึง มนษุ ยชาตนิ ้ัน ดจู ะเป็นไปไมไ่ ด้ ” 2. คาร์ล มาร์กซ์ กล่าววา่ “ ประวัตศิ าสตร์ของสงั คมท้ังหมดท่ผี ่านมาจนกระท่ังถึงบัดนี้ ล้วนแต่ เป็นประวัติศาสตร์การต่อสู้ทางชนช้ัน สรุปแล้วก็คือ ผู้กดข่ีกับผู้ถูกกดข่ีตกอยู่ในฐานะท่ีเป็นปฏิปักษ์กันอยู่ ตลอดเวลา การต่อสู้ท่ีบางครั้งซ่อนเร้น บางคร้ังเปิดเผยอยู่มิได้ขาด และการต่อสู้แต่ละคร้ังก็ล้วนจบลงด้วย สงั คมถกู เปลี่ยนแปลงโดยการปฏวิ ตั ิ หรือไม่กช็ นชัน้ ทตี่ อ่ สกู้ ันสญู สลายไปด้วยกัน ” 3. E.G. Collingwood ได้ให้คำจำกดั ความ “ ประวัตศิ าสตร์ คือ การค้นควา้ หาความรอู้ ย่างหน่ึง ซ่ึงมีที่มาจากคำว่า การสืบสวนหรือค้นคว้า (inquire) ดังน้ัน ถ้าเรายอมรับกันว่า ประวัติศาสตร์ คือ การ ค้นคว้าหาความรู้ เราก็ต้องยอมรับว่า ประวัติศาสตร์ ก็คือ วิทยาศาสตร์แขนงหน่ึง ท้ังนี้เนื่องจากวิชา วิทยาศาสตร์ ก็คือ กระบวนการค้นคว้าหาความรู้โดยการตั้งปัญหาข้ึนก่อนแล้วจึงค้นหาคำตอบ ประวัติศาสตร์ก็เช่นกัน จึงอาจเป็นวิชาในแขนงวิทยาศาสตร์ได้ ทั้งน้ีเพราะเป็นการศึกษาโดยมีการหยิบยก ปัญหาในทางประวัติศาสตร์ขึ้นพิจารณาแล้ว จึงพยายามค้นหาเหตุผล ซ่ึงอาจทำได้จากการค้นคว้ารวบรวม หลักฐานต่างๆ มาเป็นข้อยตุ ิหรอื ตอบปัญหาทเ่ี รากำหนดข้นึ น่ันเอง ” 4. ดร.วิจิตร สินสิริ ได้แสดงทศั นะไว้ว่า “ ประวัตศิ าสตร์ คอื บันทึกเหตกุ ารณ์ต่างๆ ในอดีต เกี่ยว ด้วยเร่ืองเหตุการณ์ทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง วฒั นธรรม ปรชั ญาที่มนุษย์ได้คิดได้สร้างไว้ ถือเป็นความ เจริญรุ่งเรืองและเป็นรากฐานของความเจริญสมัยต่อๆ มา ดังน้ัน เราจึงมีประวัติศาสตร์หลายแขนง เช่น ประวตั ศิ าสตร์เศรษฐกิจ ประวัติศาสตรอ์ วกาศ ฯลฯ ” 45
5. ดร.สืบแสง พรหมบุญ ได้ให้แนวคิดเก่ียวกับความหมายของประวัติศาสตร์อย่างกว้างๆ เป็น 2 ประการ คอื 1. ประสบการณ์ทัง้ มวลในอดีตของมนษุ ย์ที่เกดิ ข้ึนตามความเป็นจริง 2. การสร้างประสบการณ์ในอดีตในอัตราท่ีเห็นว่ามีคุณค่าขึ้นมาใหม่ โดยอาศัยหลักฐานต่างๆ ประกอบกัน ความคิดและการตีความของนักประวตั ิศาสตร์ ถึงแม้ว่านักประวัติศาสตร์จะให้ทัศนะเก่ียวกับความหมายไว้แตกต่างกันเพียงใดก็ตาม แต่ก็อาจสรุป ความหมายของประวัตศิ าสตรไ์ ดอ้ ยา่ งกว้างๆ 2 ประการ คอื 1. ประวัติศาสตร์ในความหมายกว้างท่ีสุด หมายถึง ประสบการณ์ทง้ั มวลในอดีตของมนษุ ย์ ซึ่ง ก็ไม่มีใครสามารถหาข้อเท็จจริงหรือทราบได้ทั้งหมด แต่ส่ิงที่เกิดจากพฤติกรรมมนุษย์ทั้งปวงนั้นเป็น ประวตั ศิ าสตรข์ องมนุษยชาติ 2. ประวัติศาสตร์ในอีกความหมายหนึ่ง ซ่ึงมีความสำคัญกวา่ ความหมายแรก หมายถงึ “ การ เขียนข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ และประสบการณ์ในอดีตท่ีนักประวัติศาสตร์เห็นว่ามีคุณค่าข้ึนมาใหม่ โดย อาศยั การคน้ ควา้ การวเิ คราะห์ และการตคี วามจากหลักฐานทัง้ ปวงทมี่ ีอยู่ ” ความหมายประการที่สอง มีความหมายและมีคณุ คา่ กว่าความหมายแรก เพราะเปน็ ประวัตศิ าสตรท์ ่ี เราเขา้ ใจได้เพราะมเี หตมุ ีผล และมหี ลกั ฐานสนับสนุน ประวัติศาสตรใ์ นความหมายท่ี 2 นี้ คอื ประวตั ิศาสตร์ทีเ่ ราศึกษาและสอนกันอยทู่ ุกวนั น้ี ซึ่งแม้จะ เปน็ เพียงส่วนหน่ึงของเหตุการณใ์ นอดตี ที่เกดิ ขึ้นจรงิ กม็ ีความ “ ซับซ้อน ” “ สับสน ” และ “ ทา้ ทาย ” มาก ทัง้ นี้ เน่ืองจากมนษุ ย์ซึง่ เปน็ ผสู้ ร้างประวตั ศิ าสตร์นนั้ เป็นส่ิงมีชวี ิตท่มี สี ติปญั ญา มคี วามคิด และ ความรูส้ ึกละเอียดอ่อนลกึ ซ้งึ พฤตกิ รรมท่แี สดงออกจงึ “ สลับซับซอ้ นและซ่อนเงอ่ื น ” ยากแกก่ ารเข้าใจ เพราะ “ จติ มนษุ ยน์ ี้ไซร้ยากแท้หยง่ั ถงึ ” การกระทำของมนษุ ยม์ ไิ ด้หมายความเหมือนกับท่ีมนุษย์ผู้น้นั คิด เสมอไป จะตอ้ งวเิ คราะห์ และตีความหมายอย่างรอบคอบระมัดระวัง การทีเ่ ราเขา้ ใจมนษุ ยไ์ ดย้ ากน่ีเอง เรา จงึ ต้องศกึ ษาประวตั ศิ าสตรซ์ ่ึงเกดิ จากพฤตกิ รรมมนุษยเ์ พอ่ื จะเขา้ ใจตวั มนุษยน์ น่ั เอง การวจิ ัยค้นคว้าในทาง ประวัตศิ าสตรม์ ใิ ช่เป็นการหาข้อยุตแิ ต่เป็นกรรมวิธีในการหาข้อสรุป ซึ่งจะนำไปสู่การวิจยั ค้นควา้ ต่อ 46
ใบความรู้ เรื่อง ความสำคัญของประวตั ิศาสตร์ เน่อื งจากประวัตศิ าสตรเ์ ปน็ เร่ืองทเ่ี กี่ยวกบั สงิ่ ท่มี นุษยค์ ดิ และกระทำ และเกี่ยวขอ้ งกับมนษุ ยต์ ามมติ ิ ของกาลเวลา จึงสามารถใช้ศกึ ษาประสบการณม์ นุษย์ได้ดีกว่าศาสตร์แขนงอนื่ และมีความเหมาะสมทีจ่ ะเปน็ วิชาพื้นฐานความรสู้ ำคัญของการศึกษา โดยทำหน้าทเ่ี ชือ่ มโยงศาสตร์ทง้ั สามสาขา คอื มนุษยศาสตร์ สงั คมศาสตร์ และวทิ ยาศาสตร์ นบั เปน็ รากฐานที่ดขี องการศึกษาทุกวชิ าชพี ท่ยี อมรบั กนั โดยทั่วไปวา่ การ กระทำหรือการตดั สินใจใดๆ ทม่ี ไิ ด้ตั้งอยบู่ นพ้นื ฐานความรู้ทางประวัติศาสตรแ์ ล้ว มักจะผิดพลาดไดง้ า่ ย และ อาจนำไปสูก่ ารกระทำท่นี า่ สะพรึงกลวั และลม้ เหลวได้ ตัวอยา่ งเช่น อดอลฟ์ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler) จอม เผด็จการนาซีเยอรมนั ประสบความพ่ายแพ้ในการบกุ รัสเซีย ทั้งท่ใี นอดตี พระเจา้ นโปเลียนมหาราชก็เคยประสบ ความลม้ เหลวในการบกุ รสั เซยี มาแลว้ เชน่ กนั พ้นื ฐานความร้แู ละความเข้าใจในทางประวตั ศิ าสตรเ์ ป็นรากฐาน สำคญั ของการเข้าใจปญั หาต่างๆ วา่ เกิดข้นึ ได้อย่างไร เพราะเหตุใด มาตรการในการบรรเทาหรอื แกไ้ ขปัญหาก็ จะเป็นไปอย่างมปี ระสิทธิภาพและเหมาะสม นักประวตั ศิ าสตร์ไม่อาจจะอ้างไดว้ า่ คนสามารถจะแก้ปญั หาได้ แต่สามารถจะชว่ ยใหก้ ารแกป้ ัญหามีประสทิ ธภิ าพดขี ึ้นกว่าที่ควรจะเป็น เนอ่ื งจากการศึกษาประวัตศิ าสตรต์ อ้ งเผชญิ กับหลักฐานท่ีมคี วามซบั ซอ้ นและขดั แย้งกันอย่เู สมอ หลักฐานบางประเภทกไ็ ดม้ าด้วยความยากลำบาก การวิเคราะห์หลกั ฐานให้สามารถเข้าใจและแยกแยะได้วา่ อะไรนา่ เชื่อถือ พร้อมทง้ั ต้องสามารถอธิบายเหตุผลประกอบอย่างเหมาะสมนั้น นับเป็นงานที่สรา้ งสรรค์และ ฝึกฝนผู้ศกึ ษาในด้านความอดทน ความสขุ ุม รอบคอบ ระเบียบวนิ ัย สติปญั ญา ความมีเหตมุ ีผล จินตนาการ สร้างสรรค์ ตลอดจนความสามารถทางวรรณศิลป์ ฯลฯ นอกจากนี้ ผู้ศกึ ษายงั อาจจะไดบ้ ทเรยี นทมี่ ีคุณค่าจาก ประวตั ศิ าสตร์ จะรจู้ กั และเขา้ ใจเพ่อื นมนุษย์ในสังคมเดียวกนั หรอื สงั คมอ่นื ได้ดียิง่ ขึน้ จะมีความรอบรู้และ เป็นคนทันสมยั ทนั เหตุการณ์ มกี ารตัดสินใจรอบคอบและฉลาดเฉลยี วข้นึ ผู้ศกึ ษายังนำวิธคี ิดแบบ 47
ประวัติศาสตรซ์ ึ่งเปน็ แบบแผนความคดิ แบบหนึง่ ไปใช้ในการศึกษาพฤตกิ รรมมนษุ ยใ์ นดา้ นตา่ งๆได้ ประวตั ศิ าสตร์ยังแสดงให้เหน็ “ สจั ธรรม ” ท่ีเท่ียงแท้ข้อหนงึ่ วา่ ไม่มอี ะไรทไี่ ม่เปลย่ี นแปลง เพียงแตว่ า่ จะช้าหรือเร็วเทา่ นนั้ ผู้ที่ไมส่ นใจหรอื ไม่มคี วามรู้ความเข้าใจประวัตศิ าสตรเ์ พียงพอจะมชี ีวิตอยู่ในวงจำกดั ไม่ เขา้ ใจในส่งิ รอบๆกาย เสมอื นอยูท่ ่ามกลางความมืดจะมีชวี ิตอยู่อย่างไรจ้ ุดหมายและโดดเดย่ี ว ใบความรู้ เร่อื ง วิธกี ารทางประวตั ศิ าสตร์ วธิ ีการทางประวัติศาสตร์ คือ การรวบรวม พิจารณาไตรต่ รอง วเิ คราะหแ์ ละตคี วามจากหลกั ฐาน แล้วนำมาเปรียบเทียบอย่างเปน็ ระบบ เพ่ืออธิบายเหตกุ ารณ์สำคัญที่เกดิ ขึ้นในอดีตว่าเหตุใดจงึ เกิดข้นึ หรอื เหตกุ ารณ์ในอดีตนั้นไดเ้ กิดและคลคี่ ลายอย่างไร ซ่ึงเปน็ ความม่งุ หมายท่สี ำคัญของการศึกษาประวัตศิ าสตร์ ข้ันตอนวิธีการทางประวตั ศิ าสตร์ ข้อมลู ทางประวตั ิศาสตร์มีท่มี าทหี่ ลากหลาย บางข้อมูลมขี อ้ เทจ็ จริง บางข้อมลู มีความคลาดเคล่ือน ในรายละเอียด นกั ประวตั ศิ าสตร์จงึ คดิ แนวทางในการศึกษาประวตั ศิ าสตร์ให้มีความเทีย่ งตรงมากที่สุด ดว้ ย กระบวนการข้นั ตอนวธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์ 5 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 กำหนดเป้าหมายหรอื คำถามที่ต้องการคำตอบเพอื่ ให้มจี ุดม่งุ หมายในการคน้ คว้า ทชี่ ัดเจน ขั้นตอนท่ี 2 คน้ หาและรวบรวมหลักฐานในเร่ืองทีต่ ้องการคำตอบใหไ้ ดม้ ากท่ีสดุ ขน้ั ตอนที่ 3 วิเคราะหแ์ ละสังเคราะหข์ อ้ มูลท่ไี ดว้ ่ามคี วามนา่ เชื่อถอื มากน้อยเพียงใด ขั้นตอนที่ 4 การสรุปข้อเท็จจรงิ เพ่อื ตอบคำถาม ขัน้ ตอนที่ 5 การนำเสนอโดยการนำเรือ่ งราวท่ไี ดศ้ ึกษามาเรยี บเรียงแล้วอธบิ ายอยา่ งสมเหตสุ มผล ด้วยวิธกี ารวเิ คราะห์และสังเคราะห์อย่างชัดเจน ตามมติ ขิ องเวลาทางประวตั ิศาสตร์ 48
ในการศึกษาเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ นอกจากจะต้องเขา้ ใจขั้นตอนวธิ ีการทางประวัตศิ าสตร์แล้ว ความรูอ้ ย่างลึกซึง้ ในเรือ่ งของหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์ก็มีความจำเป็นอย่างยง่ิ ทั้งนี้เพ่อื ความเท่ยี งตรงใน การตีความข้อมลู และการนำเสนอข้อมลู ออกสู่สาธารณชน -------------------------------- ใบงานที่ 1.1 เรือ่ ง ความหมายและความสำคญั วิชาประวตั ศิ าสตร์ คำช้แี จง ใหต้ ัวแทนกลุ่มสรปุ การศึกษาความหมายและความสำคัญของวิชาประวตั ิศาสตร์ เขียนเป็น แผนภาพโดยใชว้ ธิ ีการระดมความคดิ ความหมาย ความสาคัญ 49
การนาความรู้ท่ไี ด้ไปประยกุ ต์ใช้ ใบงานท่ี 1.1 เรอ่ื ง ความหมายและความสำคญั วิชาประวตั ิศาสตร์ คำชแ้ี จง ให้ตวั แทนกลุ่มสรุปการศกึ ษาความหมายและความสำคัญของวชิ าประวตั ศิ าสตร์ เขียนเปน็ แผนภาพโดยใช้วธิ ีการระดมความคิด ความหมาย ความสาคัญ 50
การนาความรู้ท่ีได้ไปประยุกต์ใช้ ( เฉลยตามความคิดเหน็ ของนกั เรียน โดยอยใู่ นดุลยพินจิ ของครูผ้สู อน ) ใบงานท่ี 1.2 เร่ือง วธิ ีการทางประวัตศิ าสตร์ คำชี้แจง ใหน้ ักเรยี นเลอื กคำตอบที่ถกู ตอ้ งท่ีสุดเพียงคำตอบเดียว 1. “ การศกึ ษาประวัตศิ าสตร์เพอ่ื เข้าใจปรัชญาของชีวติ ” หมายถงึ ขอ้ ใด 51
ก. เขา้ ใจความจรงิ ของธรรมชาติ ข. ตระหนกั ถงึ ภาระของการใช้ชีวติ ในสงั คม ค. รถู้ งึ ความจริงกับการพยายามถึงความจริง ง. เขา้ ใจพฤตกิ รรมของมนษุ ยท์ ่เี ปลยี่ นแปลงไป 2. เหตุใดจึงกล่าววา่ การเรียนประวัติศาสตรก์ อ่ ให้เกิดการพฒั นาปญั ญา ก. ตอ้ งใช้นักปราชญใ์ นการบันทึกข้อมูล ข. ก่อใหเ้ กดิ ความรู้ใหม่หรือการเกดิ ปญั ญา ค. มีการใช้ปัญญาในการพจิ ารณาข้อเท็จจรงิ ง. ตอ้ งใชก้ ระบวนการทางปญั ญาในการค้นควา้ ข้อมูล 3. ส่งิ ใดท่นี กั ประวตั ิศาสตรข์ าดไป จะส่งผลให้ผลงานขาดคุณภาพ ก. การรวบรวมข้อมลู ข. การบันทึกหลักฐาน ค. การตคี วามอยา่ งรอบคอบ ง. การตรวจสอบข้อมูล 4. ข้อใดทนี่ ักประวัตศิ าสตรพ์ ึงกระทำเม่อื ร้วู ่าส่งิ ท่ตี นเองศึกษาไม่ถกู ต้อง ก. รวมกลมุ่ ศกึ ษาใหมอ่ ีกครัง้ ข. ยอมแกไ้ ขในการตคี วามใหม่ ค. ปิดบงั ซอ่ นเรน้ ขอ้ มลู ไว้กอ่ น ง. ขอโทษทางส่อื ประชาสัมพนั ธ์ 5. ข้อใดคือหน้าทีข่ องนักมานษุ ยวทิ ยา ก. ศกึ ษารอ่ งรอยของมนุษย์จากโบราณวตั ถุ ข. ตรวจสอบดนิ หิน แร่ ทม่ี หี ลักฐานปรากฏ ค. ศึกษาชาตพิ ันธุข์ องมนุษยใ์ นแต่ละบรเิ วณของโลก ง. ศกึ ษาลักษณะภมู ปิ ระเทศในถิ่นฐานเดิมของมนุษย์ 6. ข้อใดเป็นขนั้ ตอนแรกของวธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ ก. รวบรวมขอ้ มูล ข. สัมภาษณ์ผเู้ ก่ยี วขอ้ ง ค. สรา้ งเคร่อื งมือเกบ็ ขอ้ มลู ง. กำหนดหวั ขอ้ เรอื่ งทจ่ี ะศึกษา 7. คำว่า “ ประวตั ิศาสตร์ ” บัญญัตขิ นึ้ ใช้ในประเทศไทยในสมยั ใด ก. รชั กาลท่ี 4 ข. รัชกาลที่ 5 ค. รชั กาลที่ 6 ง. รชั กาลที่ 7 52
8. ขอ้ ใดเปน็ ลักษณะของการวิพากษภ์ ายนอก ก. ตรวจชว่ งเวลาของหลักฐาน ข. ตรวจลักษณะทั่วไปของหลักฐาน ค. ตรวจความนา่ เชื่อถือของหลกั ฐาน ง. ประเมินจดุ มุ่งหมายของผู้สร้างหลกั ฐาน 9. คณุ ลกั ษณะของผู้ตคี วามหลักฐานท่ีดี คือข้อใด ก. รอบคอบ ยุติธรรม ชา่ งสังเกต ข. ละเอียด รอบคอบ ชา่ งสังเกต ค. ชา่ งสงั เกต เฉลยี วฉลาด นำเสนอน่าสนใจ ง. รอบคอบ ยุติธรรม นำเสนอไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง 10. ขนั้ ตอนสุดท้ายของวธิ ีการทางประวัตศิ าสตร์ คอื ข้อใด ก. นำเสนอขอ้ มลู ข. วเิ คราะห์ขอ้ มลู ค. สงั เคราะห์ขอ้ มลู ง. ประมวลผลขอ้ มลู 53
ใบงานที่ 1.2 เรอ่ื ง วธิ ีการทางประวัตศิ าสตร์ คำช้แี จง ให้นักเรยี นเลือกคำตอบทีถ่ ูกตอ้ งท่สี ุดเพียงคำตอบเดียว 1. “ การศกึ ษาประวัติศาสตรเ์ พือ่ เขา้ ใจปรชั ญาของชีวิต ” หมายถึงขอ้ ใด ก. เข้าใจความจริงของธรรมชาติ ข. ตระหนกั ถงึ ภาระของการใช้ชวี ิตในสังคม ค. รถู้ งึ ความจรงิ กบั การพยายามถงึ ความจรงิ ง. เข้าใจพฤติกรรมของมนษุ ย์ที่เปลี่ยนแปลงไป 2. เหตใุ ดจงึ กล่าววา่ การเรยี นประวัติศาสตร์ก่อให้เกิดการพัฒนาปัญญา ก. ต้องใชน้ กั ปราชญ์ในการบันทึกขอ้ มลู ข. กอ่ ให้เกิดความรใู้ หม่หรอื การเกดิ ปัญญา ค. มกี ารใชป้ ญั ญาในการพจิ ารณาขอ้ เท็จจรงิ ง. ต้องใชก้ ระบวนการทางปญั ญาในการคน้ คว้าข้อมูล 3. สิ่งใดท่ีนกั ประวัติศาสตร์ขาดไป จะส่งผลให้ผลงานขาดคณุ ภาพ ก. การรวบรวมข้อมูล ข. การบนั ทกึ หลกั ฐาน ค. การตคี วามอยา่ งรอบคอบ ง. การตรวจสอบข้อมลู 4. ข้อใดท่ีนักประวัติศาสตร์พึงกระทำเมอื่ รวู้ ่าส่ิงท่ีตนเองศกึ ษาไม่ถูกตอ้ ง ก. รวมกลุ่มศกึ ษาใหม่อีกคร้ัง ข. ยอมแก้ไขในการตีความใหม่ ค. ปิดบงั ซอ่ นเร้นข้อมูลไว้กอ่ น ง. ขอโทษทางส่อื ประชาสมั พนั ธ์ 5. ข้อใดคือหน้าทข่ี องนกั มานษุ ยวิทยา ก. ศกึ ษารอ่ งรอยของมนษุ ย์จากโบราณวัตถุ ข. ตรวจสอบดนิ หนิ แร่ ทม่ี หี ลกั ฐานปรากฏ 54
ค. ศึกษาชาติพันธข์ุ องมนษุ ย์ในแต่ละบรเิ วณของโลก ง. ศึกษาลักษณะภูมิประเทศในถนิ่ ฐานเดมิ ของมนุษย์ 6. ขอ้ ใดเปน็ ขัน้ ตอนแรกของวธิ กี ารทางประวัติศาสตร์ ก. รวบรวมข้อมลู ข. สมั ภาษณ์ผู้เกย่ี วข้อง ค. สร้างเคร่ืองมอื เก็บขอ้ มลู ง. กำหนดหัวข้อเรอ่ื งท่จี ะศกึ ษา 7. คำว่า “ ประวตั ิศาสตร์ ” บัญญตั ขิ ึ้นใช้ในประเทศไทยในสมัยใด ก. รชั กาลท่ี 4 ข. รัชกาลท่ี 5 ค. รัชกาลท่ี 6 ง. รัชกาลที่ 7 8. ข้อใดเปน็ ลักษณะของการวิพากษ์ภายนอก ก. ตรวจช่วงเวลาของหลกั ฐาน ข. ตรวจลกั ษณะท่ัวไปของหลักฐาน ค. ตรวจความนา่ เชือ่ ถือของหลกั ฐาน ง. ประเมนิ จดุ มุ่งหมายของผสู้ ร้างหลกั ฐาน 9. คุณลกั ษณะของผู้ตคี วามหลักฐานท่ดี ี คือขอ้ ใด ก. รอบคอบ ยุตธิ รรม ชา่ งสงั เกต ข. ละเอียด รอบคอบ ชา่ งสังเกต ค. ชา่ งสงั เกต เฉลยี วฉลาด นำเสนอน่าสนใจ ง. รอบคอบ ยุตธิ รรม นำเสนอไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง 10. ข้ันตอนสดุ ท้ายของวธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ คอื ข้อใด ก. นำเสนอขอ้ มูล ข. วเิ คราะหข์ ้อมูล ค. สงั เคราะหข์ ้อมลู ง. ประมวลผลข้อมูล เฉลย 2. ง 3. ค 4. ข 5. ค 7. ค 8. ข 9. ข 10. ก 1. ง 6. ง 55
ใบงานที่ 1.3 เรื่อง ศกึ ษาอารยธรรมโลกโดยใชว้ ธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ คำชแี้ จง ใหต้ วั แทนกลุ่มนำกรณีศกึ ษาเรอ่ื ง อารยธรรมโลก ทสี่ นใจ 1 เร่อื ง มาวเิ คราะหโ์ ดยใชว้ ธิ กี าร ทางประวตั ิศาสตรส์ รปุ ลงเปน็ แผนภาพ กรณีศกึ ษาอารยธรรมโลกท่สี นใจ แหล่งข้อมูล วเิ คราะหข์ อ้ มลู 56
สรุปความสำคัญของอารยธรรมที่ศกึ ษา ใบงานท่ี 1.3 เร่ือง ศกึ ษาอารยธรรมโลกโดยใช้วธิ ีการทางประวตั ศิ าสตร์ คำชแ้ี จง ใหต้ วั แทนกลมุ่ นำกรณศี ึกษาเร่อื ง อารยธรรมโลก ท่ีสนใจ 1 เร่ือง มาวเิ คราะหโ์ ดยใช้ วิธีการทางประวตั ศิ าสตร์สรปุ ลงเปน็ แผนภาพ กรณีศึกษาอารยธรรมโลกทส่ี นใจ แหลง่ ขอ้ มูล วิเคราะหข์ ้อมูล 57
สรุปความสำคัญของอารยธรรมที่ศึกษา ( เฉลยตามความคดิ เห็นของนักเรียน โดยอยใู่ นดลุ ยพินจิ ของครผู ู้สอน ) (เฉลยตามคำตอบของนักเรยี น โดยอยใู่ นดลุ ยพินิจของครูผูส้ อน) 58
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 2 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 6 เวลา 2 ชัว่ โมง ประวตั ิศาสตร์สากล หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 การสร้างองคค์ วามรูใ้ หม่ทางประวตั ศิ าสตร์สากล เรอ่ื ง หลักฐานทางประวตั ศิ าสตร์ สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การใชว้ ธิ ีการทางประวัติศาสตร์เพอ่ื ศึกษาเรือ่ งราวในอดีตของไทยและสากล จะต้องใชห้ ลักฐานทาง ประวัตศิ าสตร์เปน็ หลกั ในการศึกษา ดังน้ันการจำแนกประเภทของหลกั ฐาน และสามารถเปรยี บเทียบความ แตกต่างของหลกั ฐานทางประวัตศิ าสตรแ์ ต่ละประเภทไดจ้ งึ เปน็ เร่ืองสำคัญ ตวั ชี้วดั /จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 2.1 ตวั ชวี้ ดั ส 4.1 ม.4-6/2 สร้างองค์ความรู้ใหมท่ างประวัตศิ าสตร์ โดยใชว้ ิธกี ารทาง ประวัติศาสตรอ์ ย่างเป็นระบบ 2.2 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. จำแนกหลกั ฐานทางประวัติศาสตรป์ ระเภทต่างๆ โดยใช้วธิ ีการทางประวัตศิ าสตร์ได้ 2. เปรียบเทียบความแตกต่างของหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรข์ องไทยและสากลได้ 3. วิเคราะห์คุณคา่ และประโยชนข์ องวิธีการทางประวัติศาสตร์ได้ สาระการเรยี นรู้ 1.1สาระการเรียนร้แู กนกลาง 1. ขนั้ ตอนของวธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์ โดยนำเสนอตวั อยา่ งทลี ะขนั้ ตอนอย่างชัดเจน 2. คณุ ค่าและประโยชน์ของวิธีการทางประวัตศิ าสตร์ท่มี ีตอ่ การศึกษาทางประวัตศิ าสตร์ 3. ผลการศกึ ษา หรือโครงงานทางประวตั ิศาสตร์ 3.2 สาระการเรยี นรู้ท้องถิน่ - สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น 4.1 ความสามารถในการคดิ - ทักษะการคดิ วิเคราะห์ 4.2 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต 56
- กระบวนการทำงานกลุ่ม - ทกั ษะการสบื คน้ - ทกั ษะการคิดแบบวิธกี ารทางประวตั ิศาสตร์ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวนิ ยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มุง่ มนั่ ในการทำงาน กจิ กรรมการเรียนรู้ (วิธีสอนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการกลุ่ม วิธสี อนประวัตศิ าสตรโ์ ดยใชว้ ธิ ีการทางประวัติศาสตร์) ชั่วโมงที่ 1 1. ครูนำภาพทางประวัติศาสตร์ มาให้นกั เรยี นดู แล้วใหน้ ักเรยี นตอบคำถามเก่ียวกบั ภาพ ตามทัศนะและความรเู้ ดิม ดังนี้ - ภาพอะไร หรือภาพใคร - เหตุการณน์ ัน้ เกดิ เม่ือไร - มคี วามสำคัญอย่างไร - ภาพเหลา่ นั้นเป็นประวตั ศิ าสตรห์ รือไม่ เพราะเหตใุ ด 2. นักเรยี นศึกษาใบความรู้ เรอ่ื ง การจำแนกหลักฐานทางประวตั ศิ าสตร์ 3. นักเรียนทำใบงานท่ี 2.1 เร่อื ง การจำแนกหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ครูเฉลยคำตอบให้ นกั เรียนฟัง 4. นกั เรยี นทำใบงานที่ 2.2 เร่ือง การวเิ คราะหห์ ลักฐานทางประวตั ิศาสตร์ท่นี ่าสนใจ ครู หาอาสาสมัครนกั เรยี น 2-3 คน ออกมานำเสนอผลงานของตนท่ีหน้าชั้นเรยี น ชั่วโมงท่ี 2 1. ครูแบ่งนกั เรียนเปน็ 8 กล่มุ ตามชนิดของหลกั ฐานทางประวัตศิ าสตรท์ ี่นำมาเสนอ และทำรายงาน เรอื่ ง หลักฐานทางประวตั ิศาสตรท์ ี่น่าสนใจ - กลมุ่ 1-2 สรุปและจำแนกหลักฐานทางประวตั ศิ าสตร์ของยคุ ก่อนประวตั ศิ าสตร์ 57
ตะวันตก - กลุ่ม 3-4 สรปุ และจำแนกหลักฐานทางประวตั ศิ าสตร์ของยุคประวตั ศิ าสตรต์ ะวันตก - กลมุ่ 5-6 สรปุ และจำแนกหลักฐานทางประวัติศาสตรข์ องยคุ ก่อนประวัตศิ าสตร์ ตะวันออก - กลุ่ม 7-8 สรุปและจำแนกหลักฐานทางประวตั ิศาสตรข์ องยคุ ประวตั ิศาสตรต์ ะวนั ออก 2. นักเรยี นแต่ละกลุ่มส่งตวั แทนออกมารายงานผลงานทีท่ ำ จากน้ันจึงสรปุ เสนอผลงานหลกั ฐาน ทางประวตั ิศาสตรท์ น่ี า่ สนใจ ในรปู แบบ Power Point แล้วกำหนดวันสง่ ผลงานรว่ มกนั 3. นกั เรียนทำใบงานที่ 2.3 เรือ่ ง ฉันคืออะไร ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั เฉลยคำตอบของใบงาน 4. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเลือกสืบค้นหลกั ฐานทางประวัติศาสตร์ท่ีสมาชิกในกลุ่มสนใจเพื่อทำกิจกรรม โครงงานทางประวตั ิศาสตร์ ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั กำหนดเวลาในการส่งชน้ิ งาน 5. ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปความสำคัญ คุณค่าของการใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ในการศึกษา ประวตั ิศาสตร์ นกั เรียนทำแบบทดสอบหลงั เรียน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 การวัดและประเมินผล วธิ กี าร เครอื่ งมอื เกณฑ์ นักเรียนทำใบงานที่ 2.1 ใบงานที่ 2.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ นักเรยี นทำใบงานท่ี 2.2 ใบงานที่ 2.2 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ นักเรยี นทำใบงานท่ี 2.3 ใบงานท่ี 2.3 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ นกั เรยี นรว่ มกนั ทำโครงงานทาง แบบประเมนิ โครงงานทาง ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ นกั เรยี นนำเสนอผลงาน แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ นักเรยี นทำแบบทดสอบหลังเรยี น แบบทดสอบหลังเรียน รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ส่อื /แหลง่ การเรียนรู้ 58
8.1 สื่อการเรียนรู้ 1. หนังสอื เรยี น ประวตั ศิ าสตร์สากล ม.4-ม.6 2. เอกสารประกอบการสอน 3. ใบความรู้ เรื่อง การจำแนกหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์ 4. ใบงานท่ี 2.1 เรอ่ื ง การจำแนกหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์ 5. ใบงานท่ี 2.2 เรอื่ ง การวิเคราะหห์ ลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์ท่ีน่าสนใจ 6. ใบงานท่ี 2.3 เรอื่ ง ฉันคืออะไร 8.2 แหลง่ การเรียนรู้ 1. หอ้ งสมุด 2. หอ้ งเทคโนโลยีสารสนเทศ บันทกึ ผลหลงั การสอน ปญั หาและอุปสรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. แนวทางแกป้ ัญหา .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ….………………………………ผู้สอน ( นางสุชาดา ประมขุ ) ครูชำนาญการพเิ ศษ โรงเรยี นสตรปี ากพนัง เห็นควรใหใ้ ชแ้ ผนการจัดการเรยี นรู้ เห็นควรปรบั ปรงุ แก้ไข ........................................................................................................................................ 59
ลงช่อื ................................................. ( นายจริ พล ลวิ า ) หวั หนา้ กลุม่ สาระสังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม เห็นควรใหใ้ ชแ้ ผนการจัดการเรียนรู้ เห็นควรปรับปรุงแกไ้ ข ........................................................................................................................................ ลงชอ่ื .............................................. ( นางกัญญารัตน์ สาระพนั ธ์ ) หวั หนา้ กลมุ่ งานบริหารวิชาการ เหน็ ควรใหใ้ ช้แผนการจัดการเรยี นรู้ เหน็ ควรปรบั ปรงุ แก้ไข ........................................................................................................................................ ลงช่อื ................................................. ( นางจริ าพร รัตนกลุ ) ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นสตรปี ากพนัง แบบประเมนิ โครงงานทางประวตั ิศาสตร์ ลำดับท่ี รายการประเมนิ 4 ระดบั คะแนน 1 32 1 การกำหนดประเด็นปญั หาหรอื ขอ้ สมมุติฐาน 2 การรวบรวมหลักฐาน 3 การวิเคราะห์และประเมนิ ค่าขอ้ มูล 4 การตคี วามและสงั เคราะหข์ ้อมลู 60
5 การนำเสนอขอ้ มูล รวม ลงชอื่ ผปู้ ระเมนิ () // เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ระดบั คณุ ภาพ 4 หมายถึง ดีมาก ช่วงคะแนน 3 หมายถึง ดี 17-20 2 หมายถงึ พอใช้ 13-16 1 หมายถงึ ปรบั ปรงุ 9-12 5-8 แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม ลำดบั ชือ่ – ความร่วมมือ การแสดง การรับฟงั การต้ังใจ การรว่ ม รวม ท่ี สกลุ 4321 ความคิดเห็น ความคดิ เห็น ทำงาน ปรับปรงุ 20 ผลงานกลมุ่ คะแนน 4321 4321 4321 4321 61
เกณฑ์การให้คะแนน = ดีมาก ให้ 4 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสมำ่ เสมอ = ดี ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้งั = พอใช้ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ = ปรบั ปรุงให้ 1 คะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมนอ้ ยครง้ั เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 17 - 20 ดีมาก 13 - 16 ดี 9 - 12 5-8 พอใช้ ปรบั ปรุง แบบประเมินการนำเสนอผลงาน ลำดบั ท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน 4321 62
1 เนื้อหาละเอยี ดชดั เจน 2 ความถกู ต้องของเนอ้ื หา 3 ภาษาทีใ่ ชเ้ ข้าใจง่าย 4 ประโยชน์ทีไ่ ดจ้ ากการนำเสนอ 5 วธิ กี ารนำเสนอผลงาน รวม ลงชื่อ ผู้ประเมิน () // เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 4 คะแนน การนำเสนอผลงานสอดคลอ้ งกับรายการประเมนิ สมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน การนำเสนอผลงานสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เปน็ ส่วนใหญ่ การนำเสนอผลงานสอดคลอ้ งกบั รายการประเมนิ บางส่วน ให้ 2 คะแนน การนำเสนอผลงานไม่สอดคลอ้ งกบั รายการประเมนิ ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 17-20 4 หมายถึง ดีมาก 13-16 3 หมายถึง ดี 9-12 2 หมายถึง พอใช้ 5-8 1 หมายถงึ ปรบั ปรงุ เอกสารประกอบการสอน 63
ตวั อยา่ ง หลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์ ภาชนะดนิ เผา บา้ นเชียง จ.อุดรธานี หอนาฬกิ าบก๊ิ เบน ประเทศอังกฤษ 64
วิหารนอเตรอะดาม ประเทศฝร่งั เศส พรี ะมิด แห่งอาณาจกั รอนิ คา 65
พีระมดิ ชิเซนอิซา ประเทศเม็กซิโก ปราสาทนครธม ประเทศกมั พูชา 66
ใบความรู้ เรือ่ ง การจำแนกหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์ หลักฐานทางประวัตศิ าสตร์ที่ถกู นำมาใช้ในการสืบคน้ ประวัตศิ าสตร์ ทีม่ าของความเปน็ ชาตไิ ทยมี หลากหลายประเภทขอ้ มูล จึงไดจ้ ัดจำแนกประเภทเป็นหมวดหมู่ ดังนี้ ประเภทของหลกั ฐาน ลกั ษณะของหลักฐาน หลักฐาน 1. หลักฐานที่ประเมนิ ตาม 1.1 บันทึกหรอื คำบอกเลา่ ของผูพ้ บเห็น จารกึ บนั ทึกการเดินทพั ความน่าเช่อื ถือของ เหตกุ ารณ์หรือผู้ทเี่ กย่ี วข้องกับเหตกุ ารณ์ จดหมายเหตุ โบราณสถาน โดยตรง โบราณวตั ถุ หลักฐาน พงศาวดาร ตำนาน วทิ ยานิพนธ์ 1.1 หลกั ฐานชั้นต้น 1.2 ผลงานทเี่ ขียนข้นึ หรอื เรยี บเรยี งขนึ้ หนงั สอื เรยี น ภายหลังจากเหตกุ ารณท์ ่ีเกดิ ข้ึนแล้วโดย 1.2 หลกั ฐานชัน้ รอง อาศัยจากคำบอกเล่าหรอื จากหลกั ฐาน หลักฐานทางโบราณสถาน ช้นั ต้น โบราณวัตถุ หลักฐานทางด้าน 2. หลกั ฐานที่กำหนดตาม ศลิ ปะ หลกั ฐานจากคำบอกเล่า ตวั อักษร 2.1 หลกั ฐานทเ่ี ปน็ การศกึ ษาด้วยตนเอง หรือ 2.1 หลักฐานท่ไี มเ่ ป็น การตคี วามจากนักวชิ าการ จารึก ตำนาน พงศาวดาร ลายลกั ษณอ์ กั ษร จดหมายเหตุ หนงั สือพิมพ์ ประวัติศาสตร์ 2.2 หลักฐานท่ีเป็น จากสาขาวิชาตา่ งๆ เช่น นัก โบราณสถาน โบราณวตั ถุ ลายลกั ษณอ์ กั ษร ศลิ าจารกึ ฯลฯ มานุษยวิทยา 3. หลักฐานทกี่ ำหนดตาม นกั โบราณคดี นักภมู ิศาสตร์ โครงกระดกู มนุษย์ ซากสตั ว์ จดุ มุ่งหมายของการผลิต ซากปรักหักพงั ของส่งิ ก่อสรา้ ง 3.1 หลักฐานซ่ึงเป็นผลผลิต 2.2 หลกั ฐานท่ีมกี ารจารกึ บันทึกเป็น ทมี่ นุษย์ตง้ั ใจสรา้ งขนึ้ ตัวอักษรบอกเล่าเรอ่ื งราวต่างๆ 3.2 หลกั ฐานซงึ่ เป็นผลผลิต 3.1 หลกั ฐานทางโบราณสถาน โบราณวัตถุ ทมี่ นษุ ยม์ ไิ ดส้ รา้ งหรือ ทีถ่ ูกสร้างขนึ้ ในสมยั ก่อนประวตั ศิ าสตร์ ตั้งใจสร้างข้นึ และสมยั ประวัติศาสตร์ 3.2 หลกั ฐานตา่ งๆ ทถี่ กู ค้นพบ ซึ่งเปน็ รอ่ งรอยของมนษุ ยท์ ่ีอาศัยอยู่ใน สภาพแวดลอ้ มชว่ งก่อนประวตั ิศาสตร์ 67
ใบงานที่ 2.1 เรอ่ื ง การจำแนกหลักฐานทางประวัตศิ าสตร์ คำชีแ้ จง ใหน้ ักเรยี นเลอื กคำตอบท่ีถกู ตอ้ งที่สุดเพียงคำตอบเดยี ว 1. ลักษณะสำคัญของหลกั ฐานทางโบ2ร.า1ณ.ค1ดี คอื ขอ้ ใด ก. ปมู แพทย์ ปูมโหร ข. ศลิ าจารกึ จดหมายเหตุ ค. พงศาวดาร ภาพวาดในถ้ำ ง. โครงกระดกู มนุษย์ ขวานหนิ 2. “ เทพปกรณัม ” เปน็ หลกั ฐานในลกั ษณะใด ก. การบอกเล่า ข. ศลิ าจารกึ ค. จดหมายเหตุ ง. เครอ่ื งมอื เครอ่ื งใช้ 3. ข้อใดเปน็ หลกั ฐานทีบ่ ันทกึ โดยเจตนา ข. นิทาน เทพปกรณัม ก. เพลง เหรียญตรา ง. เครอ่ื งใช้สำรดิ ภาพวาดในถำ้ ค. หนงั สอื พมิ พ์ โครงกระดูก 4. ข้อใดเปน็ หลกั ฐานทางประวัติศาสตร์ทีเ่ กิดข้ึนอยา่ งไม่ต้งั ใจ ก. พระพุทธรูป ข. นทิ านพ้ืนบ้าน ค. โครงกระดูก ง. ภาพวาดในถ้ำ 5. หลักฐานประเภทใดท่ีเกิดขึ้นในสมัยประวัตศิ าสตร์ ก. พงศาวดาร ข. ภาพเขียนบนผนงั ถ้ำ ค. เคร่ืองประดับของมนุษย์ ง. ถ้ำทีอ่ ยอู่ าศัยของมนุษย์ 6. ขอ้ ใดกลา่ วได้ถกู ต้อง ก. อียปิ ต์เกิดก่อนเมโสโปเตเมยี ข. โรมและกรกี รวมตัวสกู้ ับอียิปต์ ค. บ้านเชียงเก่ากว่าเมโสโปเตเมีย ง. เอเชยี ไมเนอรค์ อื ประเทศอิหรา่ นในปัจจบุ ัน 7. ผ้ทู ่ีรู้จักใช้เหลก็ เป็นกลุ่มแรก คือขอ้ ใด 68
ก. ชาวจนี – ลมุ่ แมน่ ้ำฮวงโห ข. ชาวฮติ ไทต์ – เอเชียไมเนอร์ ค. ชาวอารยัน – ลุ่มแม่น้ำสินธุ ง. ชาวเปอร์เชยี – ริมฝั่งทะเลเมดเิ ตอรเ์ รเนยี น 8. ข่าวในหนังสอื พิมพ์รายวนั นบั เป็นหลักฐานชั้นใดทางประวตั ศิ าสตร์ ก. หลกั ฐานชั้นตน้ ข. หลักฐานชัน้ สอง ค. หลกั ฐานชั้นท่ีสาม ง. หลักฐานทไ่ี ม่มีคุณค่าทางประวตั ศิ าสตร์ 9. ลักษณะสำคัญของหลกั ฐานทางโบราณคดี คือขอ้ ใด ก. ปมู แพทย์ ปูมโหร ข. ศลิ าจารกึ จดหมายเหตุ ค. พงศาวดาร ภาพวาดในถ้ำ ง. โครงกระดกู มนษุ ย์ ขวานหิน 10. ในมณฑลเฮอหนาน ( Honan ) ของจนี มีการคน้ พบเครอ่ื งป้ันดนิ เผาเนือ้ สแี ดงทาสีดำ หรือชนิดมลี วดลาย มีอายุประมาณ 2,000 ปี กอ่ นคริสตกาลนัน้ จัดวา่ เปน็ หลักฐานชนดิ ใด ก. หลักฐานสมัยหนิ ใหม่ ข. หลักฐานสมยั หนิ กลาง ค. หลกั ฐานสมยั หนิ เกา่ ง. หลกั ฐานทางประวัตศิ าสตร์ 69
ใบงานท่ี 2.1 เร่ือง การจำแนกหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์ คำช้แี จง ใหน้ ักเรยี นเลอื กคำตอบทถี่ ูกต้องทีส่ ุดเพยี งคำตอบเดยี ว 1. ลักษณะสำคัญของหลกั ฐานทางโบราณ2ค.ด1ี ค.1อื ขอ้ ใด ก. ปมู แพทย์ ปูมโหร ข. ศลิ าจารกึ จดหมายเหตุ ค. พงศาวดาร ภาพวาดในถ้ำ ง. โครงกระดกู มนษุ ย์ ขวานหิน 2. “ เทพปกรณมั ” เปน็ หลักฐานในลกั ษณะใด ก. การบอกเล่า ข. ศิลาจารกึ ค. จดหมายเหตุ ง. เครอ่ื งมอื เคร่ืองใช้ 3. ขอ้ ใดเป็นหลกั ฐานทบ่ี ันทกึ โดยเจตนา ข. นทิ าน เทพปกรณมั ก. เพลง เหรียญตรา ง. เครื่องใชส้ ำรดิ ภาพวาดในถำ้ ค. หนงั สือพิมพ์ โครงกระดกู 4. ขอ้ ใดเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตรท์ ่เี กิดข้ึนอย่างไม่ตัง้ ใจ ก. พระพทุ ธรูป ข. นิทานพนื้ บ้าน ค. โครงกระดกู ง. ภาพวาดในถ้ำ 5. หลกั ฐานประเภทใดที่เกิดขึ้นในสมัยประวตั ิศาสตร์ ก. พงศาวดาร ข. ภาพเขยี นบนผนงั ถ้ำ ค. เคร่อื งประดับของมนุษย์ ง. ถำ้ ท่อี ยอู่ าศัยของมนษุ ย์ 6. ขอ้ ใดกลา่ วไดถ้ ูกตอ้ ง ก. อยี ปิ ตเ์ กดิ ก่อนเมโสโปเตเมีย ข. โรมและกรีกรวมตวั สกู้ ับอยี ิปต์ ค. บ้านเชยี งเก่ากวา่ เมโสโปเตเมยี ง. เอเชียไมเนอร์คือประเทศอหิ ร่านในปัจจุบัน 7. ผทู้ ี่รู้จกั ใช้เหล็กเป็นกล่มุ แรก คือข้อใด 69
ก. ชาวจีน – ลมุ่ แม่น้ำฮวงโห ข. ชาวฮติ ไทต์ – เอเชยี ไมเนอร์ ค. ชาวอารยัน – ลุม่ แม่นำ้ สนิ ธุ ง. ชาวเปอร์เชีย – รมิ ฝง่ั ทะเลเมดเิ ตอรเ์ รเนียน 8. ขา่ วในหนังสือพิมพร์ ายวนั นบั เป็นหลกั ฐานชั้นใดทางประวัตศิ าสตร์ ก. หลักฐานชน้ั ต้น ข. หลักฐานชั้นสอง ค. หลักฐานชั้นที่สาม ง. หลักฐานทีไ่ มม่ คี ุณค่าทางประวัติศาสตร์ 9. ลกั ษณะสำคญั ของหลกั ฐานทางโบราณคดี คอื ขอ้ ใด ก. ปมู แพทย์ ปูมโหร ข. ศลิ าจารกึ จดหมายเหตุ ค. พงศาวดาร ภาพวาดในถ้ำ ง. โครงกระดกู มนุษย์ ขวานหนิ 10. ในมณฑลเฮอหนาน ( Honan ) ของจีนมกี ารค้นพบเครื่องปั้นดินเผาเนอื้ สีแดงทาสีดำ หรือชนิดมีลวดลาย มอี ายุประมาณ 2,000 ปี ก่อนครสิ ตกาลนัน้ จดั ว่าเป็นหลกั ฐานชนดิ ใด ก. หลักฐานสมยั หนิ ใหม่ ข. หลักฐานสมยั หินกลาง ค. หลกั ฐานสมัยหนิ เกา่ ง. หลักฐานทางประวัตศิ าสตร์ เฉลย 1. ง 2. ข 3. ก 4. ค 5. ก 6. ค 7. ข 8. ง 9. ง 10. ก 70
ใบงานท่ี 2.2 เร่ือง การวเิ คราะหห์ ลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรท์ ่ีน่าสนใจ คำชีแ้ จง ให้นักเรียนยกตวั อยา่ งหลักฐานทางปร2ะ.ว1ัต.ิศ1าสตรท์ ส่ี นใจมานำเสนอ 10 ชิน้ และวิเคราะห์หลักฐาน ชอ่ื หลักฐานทาง ลักษณะของหลกั ฐาน ประเภทของหลกั ฐาน ทีต่ ้ังของหลักฐาน ประวตั ศิ าสตร์ 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 71
8. 9. 10. ใบงานที่ 2.2 เรือ่ ง การวเิ คราะหห์ ลักฐานทางประวตั ศิ าสตรท์ น่ี ่าสนใจ คำชแี้ จง ใหน้ กั เรียนยกตวั อย่างหลกั ฐานทางประวัติศาสตรท์ ี่สนใจมานำเสนอ 10 ชิน้ และวเิ คราะห์หลกั ฐาน ชือ่ หลกั ฐานทาง 2.1.1 ที่ตั้งของหลกั ฐาน ประวัติศาสตร์ ลักษณะของหลกั ฐาน ประเภทของหลักฐาน 1. 2. 3. 4. 5. 72
6. 7. 8. 9. 10. (เฉลยตามคำตอบของนกั เรยี น โดยอยใู่ นดุลยพินจิ ของครูผสู้ อน) ใบงานที่ 2.3 รูปท่ี 2 เร่อื ง ฉันคืออะไร คำช้แี จง ให้นกั เรียนระบชุ ่ือภาพที่กำหนดให2้ถ.กู 1ต.้1อง รูปท่ี 1 73
รูปท่ี 3 รูปท่ี 4 รูปท่ี 5 รูปที่ 6 รูปที่ 7 รปู ที่ 8 รปู ที่ 9 รปู ที่ 10 74
รปู ท่ี 11 รปู ท่ี 12 ใบงานที่ 2.3 เร่ือง ฉันคืออะไร คำช้แี จง ใหน้ ักเรียนระบชุ อ่ื ภาพท่ีกำหนดให2้ถ.ูก1ต.้1อง รปู ท่ี 1 รปู ที่ 2 75
รปู ท่ี 3 รูปท่ี 4 รูปท่ี 5 รูปที่ 6 รปู ที่ 7 รปู ท่ี 8 76
รูปท่ี 9 รูปที่ 10 รูปท่ี 11 รูปที่ 12 รูปท่ี 1 เฮยี โรกลิฟฟิก รูปท่ี 2 กำแพงเมอื งจนี รปู ท่ี 3 อกั ษรภาพกระดองเต่า รูปท่ี 4 พรี ะมิด รปู ที่ 5 สโตนเฮนจ์ รปู ท่ี 6 โคลอสเซยี ม รูปท่ี 7 ถำ้ อลั ตรามริ า รูปที่ 8 ทัชมาฮาล รูปที่ 9 รูปสลกั หนิ ออ่ นเดวิด รูปที่ 10 รปู สลักปิเอตา รปู ที่ 11 ภาพวาดโมนาลซิ า รปู ท่ี 12 หอไอเฟล 77
3 ประวัติศาสตร์สากล กลุม่ สาระการเรยี นรู้ สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 6 เวลาเรยี น 12 ชั่วโมง มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชวี้ ดั ส 4.2 ม.4-6/1 วเิ คราะห์อิทธิพลของอารยธรรมโบราณ และการติดตอ่ ระหว่างโลกตะวันออก กับโลกตะวันตกทม่ี ีผลต่อพัฒนาการและการเปล่ยี นแปลงของโลก สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด อารยธรรมลุ่มแมน่ ้ำไทกรีส-ยเู ฟรทสี ไนล์ หวางเหอ สินธุ และอารยธรรมกรีกโรมัน และการติดตอ่ ระหวา่ งโลกตะวนั ออกและตะวนั ตก มีอิทธิพลทางวฒั นธรรมต่อกัน และมีผลตอ่ การพฒั นาและเปลย่ี นแปลง ของโลก สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรียนรแู้ กนกลาง 1. อารยธรรมของโลกยุคโบราณ ไดแ้ ก่ - อารยธรรมลุ่มแม่นำ้ ไทกริส-ยูเฟรทีส ไนล์ หวางเหอ สินธุ และอารยธรรม กรีกโรมัน 2. การติดต่อระหว่างโลกตะวนั ออกกับโลกตะวันตก และอทิ ธพิ ลทางวฒั นธรรมที่มีต่อกัน และกนั 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถ่นิ - 77
สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น 4.1 ความสามารถในการคิด - ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ - ทกั ษะการคิดสร้างสรรค์ - ทกั ษะการคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณ 4.2 ความสามารถในการแกป้ ญั หา 4.3 ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต - กระบวนการทำงานกลุ่ม คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งม่ันในการทำงาน ช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) การบันทึกความรู้เกี่ยวกับผลการวิเคราะห์อิทธพิ ลของอารยธรรมโบราณ และการตดิ ต่อระหวา่ ง โลกตะวนั ออกกับโลกตะวันตกท่มี ผี ลต่อพฒั นาการและการเปลี่ยนแปลงของโลก การวัดและการประเมินผล 7.1 การประเมนิ กอ่ นเรยี น - นกั เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 3 7.2 การประเมินระหว่างการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ใบงานที่ 1.1 เรื่อง อารยธรรมตะวนั ตก 2. ใบงานที่ 2.1 เร่ือง อารยธรรมตะวนั ออก 3. ใบงานที่ 2.2 เรอื่ ง การแลกเปลีย่ นอารยธรรม 4. สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล 5. สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกล่มุ 7.3 การประเมินหลงั เรียน - นักเรยี นทำแบบทดสอบหลังเรียน หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 3 7.4 การประเมินชน้ิ งาน / ภาระงาน (รวบยอด) - ประเมนิ การบนั ทึกความรู้ 78
การประเมนิ ชิน้ งาน / ภาระงาน (รวบยอด) แบบประเมนิ การบันทึกความรู้ รายการประเมิน คำอธิบายระดับคุณภาพ / ระดับคะแนน 1. ประเดน็ สำคญั ดีมาก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1) ในการวิเคราะห์ วิเคราะหป์ ระเดน็ สำคัญ วิเคราะหป์ ระเด็นสำคัญ วเิ คราะหป์ ระเด็น วเิ คราะหป์ ระเด็น 2. การวเิ คราะห์ ตามท่ีกำหนดไดถ้ กู ต้อง สำคัญตามทีก่ ำหนด อิทธพิ ลของ ชัดเจน และครบถ้วน ตามที่กำหนดได้ถกู ตอ้ ง สำคญั ตามทีก่ ำหนด ไดถ้ ูกต้องบางประเด็น อารยธรรม ทุกประเด็น และมีความบกพรอ่ ง โบราณ ชัดเจนเปน็ ส่วนใหญ่ ไดถ้ ูกต้อง แต่มีความ มาก วิเคราะห์อทิ ธิพลของ วิเคราะหอ์ ิทธพิ ลของ 3. การวเิ คราะห์ อารยธรรมโบราณทม่ี ีผล และเกอื บครบทุก บกพรอ่ งบางประเด็น อารยธรรมโบราณท่มี ี การติดต่อ ต่อพฒั นาการและการ ผลตอ่ พฒั นาการและ ระหว่างโลก เปล่ยี นแปลงของโลกได้ ประเด็น การเปลยี่ นแปลงของ ตะวนั ออกกับ ถูกต้อง ครบถว้ น โลกมคี วามบกพร่อง โลกตะวันตก วเิ คราะห์อิทธพิ ลของ วิเคราะหอ์ ทิ ธพิ ลของ มาก วเิ คราะห์การตดิ ต่อ วิเคราะหก์ ารติดต่อ 4. ความสมบูรณ์ ระหว่างโลกตะวนั ออก อารยธรรมโบราณทม่ี ผี ล อารยธรรมโบราณท่ีมี ระหวา่ งโลก ของเน้ือหา กบั โลกตะวันตกทม่ี ีผล ตะวันออกกับโลก ต่อพฒั นาการและการ ตอ่ พัฒนาการและการ ผลตอ่ พฒั นาการและ ตะวันตกทมี่ ีผลตอ่ เปล่ยี นแปลงของโลกได้ พฒั นาการและการ ถกู ต้อง ครบถ้วน เปลย่ี นแปลงของโลกได้ การเปลยี่ นแปลงของ เปลีย่ นแปลงของโลก มีความบกพรอ่ งมาก การสรปุ เนอ้ื หามคี วาม ถูกต้อง ครบถ้วนเป็น โลกได้ถูกตอ้ งเปน็ ถกู ต้องสมบรู ณ์ครบถ้วน การสรุปเนอ้ื หามี ทกุ ประเด็น ส่วนใหญ่ บางสว่ น ความบกพรอ่ งเปน็ ส่วนใหญ่ วิเคราะห์การติดต่อ วเิ คราะห์การตดิ ตอ่ ระหวา่ งโลกตะวนั ออก ระหว่างโลก กับโลกตะวนั ตกท่ีมผี ล ตะวนั ออกกบั โลก ต่อพัฒนาการและการ ตะวันตกท่ีมีผลตอ่ เปล่ียนแปลงของโลกได้ พฒั นาการและการ ถกู ต้อง ครบถ้วน เปลย่ี นแปลงของโลก เป็นส่วนใหญ่ ไดถ้ ูกตอ้ งเป็น บางสว่ น การสรปุ เนอ้ื หามีความ การสรปุ เนอื้ หามี ถกู ตอ้ งสมบรู ณเ์ กอื บ ความถกู ต้องเป็น ครบทกุ ประเด็น บางสว่ น เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 13-16 ดมี าก 9-12 ดี 5-8 พอใช้ 1-4 ปรับปรงุ 79
กจิ กรรมการเรยี นรู้ • นักเรยี นทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 อารยธรรมสำคญั ของโลกตะวนั ตก กจิ กรรมที่ 1 วธิ สี อนโดยเนน้ กระบวนการ : กระบวนการกลุ่ม เวลา 6 ช่ัวโมง วิธสี อนโดยการจดั การเรยี นรแู้ บบรว่ มมอื : เทคนคิ การจดั ทีม แขง่ ขัน 1. ให้นักเรียนทบทวนขัน้ ตอนวิธกี ารทางประวัติศาสตรโ์ ดยซักถามนกั เรยี นในแต่ละขนั้ ตอน เพื่อเตรียมความพรอ้ มของนกั เรียนในการนำวธิ ีการทางประวัติศาสตร์มาใช้ในการศกึ ษาแหลง่ อารยธรรมของโลกตะวันออกและอารยธรรมของโลกตะวนั ตก 2. ครแู สดงแผนท่โี ลก แล้วต้ังคำถามให้นักเรียนบอกแหลง่ อารยธรรมสำคญั ของโลกวา่ ตั้งอยู่ที่ใดบา้ ง นักเรียนตอบพรอ้ มชีแ้ ผนที่ประกอบ โดยใชว้ ิธกี ารทางประวตั ิศาสตร์ 3. นักเรยี นแบง่ กล่มุ กลุ่มละ 4 คน ศึกษาหาข้อมูลทีจ่ ะนำมาใชใ้ นการค้นควา้ เก่ยี วกบั อารยธรรม 4. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์ว่าหลักฐานที่นำมาใช้ในการศึกษามีความน่าเชื่อถือหรือไม่ อยา่ งไร แล้วรว่ มกันอภิปรายในกล่มุ ของตน 5. ครแู ละนักเรยี นช่วยกันสรปุ ปัจจัยทางภูมศิ าสตร์กับการเกดิ อารยธรรม 6. นกั เรียนกลุ่มเดิมรว่ มกันศึกษาเร่ือง ปัจจัยทางภูมศิ าสตร์กับการตั้งถน่ิ ฐานในบริเวณลุ่มน้ำไทกริส - ยูเฟรทีส จากหนงั สอื เรียน และหนงั สอื อา่ นประกอบทคี่ รเู ตรียมไวใ้ ห้ 7. ให้แต่ละกลุ่มนำเรื่องที่ตนศึกษามาเล่าให้เพ่ือนกลุ่มอื่นฟัง และช่วยกันสรุปเน้ือหาของอารยธรรม เมโสโปเตเมีย 8. ให้นักเรยี นดูวดี ทิ ัศนเ์ ร่ือง Prince of Egypt แลว้ ซกั ถามนักเรยี นถงึ แหลง่ ที่ต้ังของอารยธรรมอียปิ ต์ 9. นักเรียนแต่ละกลุม่ ศึกษาและนำเสนอความรเู้ กย่ี วกับอารยธรรมอยี ิปต์ตามประเดน็ ทกี่ ำหนด 10. ครูนำภาพเกี่ยวกับอารยธรรมกรีกให้นักเรียนดู สอบถามความรู้เก่ียวกับภาพว่าเป็นอารยธรรมใด ตงั้ อยทู่ ี่ใด ใหน้ ักเรียนออกมาชีแ้ ผนท่ปี ระกอบ 80
11. นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ถึงที่ต้ังกับปัจจัยทางภูมิศาสตร์ว่า มีอิทธิพลต่อการตั้งถ่ินฐานของชาว กรกี อยา่ งไร 12. นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันตั้งคำถามและหาคำตอบเก่ียวกับอารยธรรมกรีก จากหนังสือเรียน กลมุ่ ละ 10 ข้อ แล้วนำมาใหค้ รตู รวจสอบความถกู ต้อง 13. ครูและนกั เรียนช่วยกนั สรปุ ความร้เู ก่ียวกับอารยธรรมกรีก 14. ให้นักเรียนชมวีดิทศั น์เกยี่ วกบั อาณาจักรโรมนั แลว้ ให้นกั เรยี นชแี้ ผนท่อี าณาจักรโรมันพรอ้ มท้ังสรุป ความรู้ท่ีได้จากการชมภาพยนตร์ แล้ววิเคราะห์ปัจจัยทางภูมิศาสตร์ของอาณาจักรโรมันว่า มี อะไรบา้ ง แตกต่างจากปัจจยั ทางภูมศิ าสตร์ของกรีกอยา่ งไร 15. นักเรียนศึกษาอารยธรรมโรมันจากส่ือท่ีครูเตรียมไว้ให้ เช่น แผ่นพับ เอกสารประกอบการเรียน การต์ นู เป็นต้น แลว้ ให้นกั เรยี นสรุปเรือ่ งทีร่ ลู้ งในใบงานที่ 1.1 เร่อื ง อารยธรรมตะวันตก 16. ให้นักเรียนจัดอภิปรายกลุ่มย่อยในประเด็นที่ว่า อารยธรรมโรมันมีอิทธิพลต่ออารยธรรมตะวันตก จรงิ หรือไม่ 17. นักเรียนอภิปรายตามประเด็นที่กำหนด โดยครูคอยให้ความช่วยเหลือให้การอภิปรายตรงประเด็น และได้สาระความรู้ 18. ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ สรปุ และนำเสนอผลการอภปิ รายเพือ่ แลกเปลย่ี นความรูก้ บั เพ่อื นร่วมช้ัน 81
อารยธรรมสำคญั ของโลกตะวันออก กิจกรรมท่ี 2 วธิ ีสอนโดยเนน้ กระบวนการ : กระบวนการกลุ่ม วิธีสอนโดย เวลา 6 ช่ัวโมง การจดั การเรยี นรูแ้ บบรว่ มมือ : เทคนิคกลุม่ สืบค้น 1. ครูแจกจกิ ซอวภ์ าพกำแพงเมืองจนี ให้นักเรียนคนละ 1 ชิ้น แล้วใหน้ ักเรยี นนำแตล่ ะช้ินมาตอ่ ให้ เปน็ ภาพ และบอกชื่อแหลง่ อารยธรรมจีน พรอ้ มทัง้ ช้ใี นแผนท่ีประกอบ 2. ใหน้ กั เรยี นช่วยกันวิเคราะห์ว่า อารยธรรมจีน มคี วามเก่ียวขอ้ งกบั ปัจจยั ทางภูมศิ าสตร์ด้วยหรือไม่ อย่างไร ครใู ชค้ ำถามนำในการซักถาม 3. นักเรยี นแบ่งกลุม่ ศึกษาเร่ือง อารยธรรมจีน จากหนังสอื เรียน แล้วครตู ั้งคำถามนำเพอื่ การศกึ ษา 4. ครฉู ายวดี ทิ ัศนเ์ กี่ยวกับอารยธรรมล่มุ แม่นำ้ ฮวงโหใหน้ ักเรียนชมเพอ่ื สรปุ ความรูเ้ กย่ี วกับ อารยธรรมจนี 5. ให้นักเรียนดภู าพซากเมอื งโบราณในอนิ เดีย (ฮารับปา โมเฮนโจดาโร) แลว้ ใหน้ กั เรยี นวิเคราะห์ว่า ภาพใหค้ วามร้นู ักเรยี นในเรื่องใดบ้าง 6. ครูต้ังคำถามถามนักเรียนวา่ อารยธรรมอนิ เดยี ที่นักเรียนรจู้ ักมีอะไรบ้าง 7. ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม คละกันตามความสามารถ แล้วให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาจับสลาก เลอื กหัวข้อ โดยใหแ้ ต่ละกลุ่มศึกษาค้นควา้ ในหอ้ งสมุด ศูนย์ค้นควา้ ทางอินเทอรเ์ น็ตหรือช่องทางอ่ืน แล้วให้แต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลงาน 82
8. นกั เรยี นกลุ่มเดมิ หาภาพเกย่ี วกบั อารยธรรมอินเดยี มาจดั ป้ายนเิ ทศหลังห้องเรยี นให้นักเรียน กลมุ่ อืน่ ติชม และบนั ทกึ ความรู้ 9. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรุปความรเู้ กย่ี วกับอารยธรรมอนิ เดีย จากนั้นให้นกั เรียนทำใบงานที่ 2.1 เรือ่ ง อารยธรรมตะวนั ออก 10. ให้นักเรยี นช่วยกันยกตวั อย่างเหตกุ ารณก์ ารตดิ ต่อระหว่างกนั ของโลกตะวันตกและโลกตะวันออก 11. ให้นักเรียนศกึ ษาความรูเ้ พ่ิมเติมเก่ียวกบั สาเหตุและรูปแบบการติดต่อ จากหนังสือเรียนและแหลง่ การเรียนรอู้ ื่นๆ 12. ใหน้ ักเรยี นช่วยกนั ยกตัวอย่างการแลกเปลยี่ นอารยธรรมระหวา่ งโลกตะวันตกและโลกตะวันออก 13. ให้นักเรยี นทำใบงานท่ี 2.2 เรื่อง การแลกเปลีย่ นอารยธรรม 14. ครูใหน้ ักเรียนร่วมกนั วิเคราะหอ์ ทิ ธิพลของอารยธรรมโบราณ และการตดิ ต่อระหวา่ งโลกตะวันออก กบั โลกตะวนั ตกทีม่ ีผลต่อพฒั นาการและการเปลีย่ นแปลงของโลก นักเรียนทำแบบทดสอบหลงั เรยี น หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้ 9.1 ส่ือการเรียนรู้ 1. หนงั สือเรียน ประวัตศิ าสตรส์ ากล ม.4-ม.6 2. แผนทโ่ี ลก / แผนทแ่ี หลง่ อารยธรรมเมโสโปเตเมีย 3. วีดิทัศน์ เร่อื ง Prince of Egypt 4. วีดิทัศน์เกย่ี วกบั อาณาจกั รโรมัน 5. ใบงาน 6. google classroom 9.2 แหล่งการเรียนรู้ 1. ห้องสมดุ หรือห้องสมุดประชาชน 2. สำนกั หอสมุดแห่งชาติ 3. ห้องเทคโนโลยีสารสนเทศ 83
4. google classroom แบบทดสอบกอ่ นและหลังเรียน ประจำหนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 คำชีแ้ จง ให้นกั เรยี นเลอื กคำตอบท่ีถูกตอ้ งท่ีสุดเพยี งคำตอบเดยี ว 1. ปญั หาการขาดแคลนอาหารในโลก ควรใช้การสร้างสรรคข์ องอารยธรรมโบราณในเรื่องใด 84
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225