Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เผยแพร่นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ BOND Model โดยครูจิรพล ลิวา

เผยแพร่นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ BOND Model โดยครูจิรพล ลิวา

Published by dlit_sm037, 2022-01-31 04:58:08

Description: เผยแพร่นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ BOND Model โดยครูจิรพล ลิวา

Search

Read the Text Version

6 63 Unit 6 Values and Perceptions 4.2 เป็นบคุ คลทอี่ ยู่โดยมเี ป้าหมายชวี ติ เป้าหมายของชวี ติ เปรยี บไดเ้ท่ากบั เรอื ทม่ี เี ขม็ ทศิ ทจ่ี ะทาใหเ้ราเดนิ ทาง ไปสู่ความสาเร็จได้ คนทไ่ี ม่มเี ป้าหมายชวี ติ กจ็ ะปลอ่ ยตวั เองลอ่ งลอยไป การ มเี ป้าหมายชวี ติ สามารถแบง่ ออกมาได้ 3 ระดบั คอื 4.2.1 จดุ ม่งุ หมายขน้ั ตาเหน็ 1. มสี ุขภาพดี 2. มงี านมเี งนิ 3. มสี ถานภาพทด่ี ี 4. มคี รอบครวั ทม่ี คี วามสุข 4.2.2 จดุ ม่งุ หมายขน้ั เลยตาเหน็ 1. มหี ลกั ใจ 2. มชี วี ติ ทส่ี ะอาด 3. มคี วามเสยี สละบาเพญ็ ประโยชน์ 4. มปี ญั ญาทจ่ี ะแกป้ ญั หา 5. มหี ลกั ประกนั วถิ สี ู่งานใหม่ 4.2.3 จดุ ม่งุ หมายสูงสุด 1. ไม่หวนั่ ไหวต่อการครอบงาหรอื ความผนั ผวนแปรปรวน 2. ไม่ผดิ หวงั โศกเศรา้ บบี คนั้ จติ ใจเพราะยดึ ตดิ ในสง่ิ ใด ๆ 3. ปลอดโปร่ง สงบ ผ่องใส สดชน่ื เบกิ บานใจตลอดเวลา 4. ใชป้ ญั ญาในการตดั สนิ ใจและดาเนนิ ชวี ติ ภาพท่ี 13 : Anna Wintour บรรณาธกิ ารบรหิ ารนิตยสารโวค๊ ฉบบั สหรฐั อเมรกิ า. ทม่ี า : www.annawintour.com

64 5 Unit 5 Values and Perceptions “ ไม่กลา้ ไม่ควา้ กไ็ ม่ได้ โอกาส ” \"น้ าหวาน\" หรือ นวภรณ์ ของ เพ่อื น ๆ มชี ่วงชวี ติ ท่นี ่าสนใจมาก จึงขอใหห้ วานเล่าเร่ืองท่ีไปศึกษา ต่อท่ีกรุงเฮกจนเกิด idea มาเป็น ตวั อยา่ งใหน้ กั เรยี นศึกษาต่อไปคอื \"หวานไป เรียนท่ี Hague Academy of International Law ท่ี กรุงเฮก เนเธอแลนด์อ่ะ ไปเรียน วิชากฎหมายระหว่าง ประเทศ ท่เี รยี นตงั้ อยู่ใน ศาลโลก ห รื อ ท่ี เรี ย ก ว่ า international court of justice( ICJ) หวานก็ ไปเรียนกบั เพ่ือนๆร่วมชนั้ ท่ีเป็น ชาวต่างประเทศ มาจากทวั่ โลก ทุกประเทศในโลก คนไทยท่ีไป เรยี นทน่ี นั่ มสี องคนประกอบดว้ ย หวาน กะ พ่อี ีกคนท่เี ป็นนกั เรยี น ดอ๊ กเตอรอ์ ยู่ฝรงั่ เศส เพ่อื นๆส่วนมากก็จะอายุเยอะแลว้ ประมาณ 35 ปี ข้นึ ไป ก็มี จากหลายๆสาขาอาชีพ ส่วนมากก็เป็นนกั กฎหมาย นกั การเมอื ง นกั การทูต สงั คมก็เป็นแบบ ผูใ้ หญ่ ยุโรป คือตอนเรียนจะเรียนจริงจงั หลงั เลกิ เรียนตอนบ่าย ตอนเยน็ ส่วนมากเพ่อื นร่วมชน้ั ก็จะไป ปารต์ ้ีไปด่ืม หลงั เรียน การดาเนินชีวิต ท่ีเนเธอแลนด์จกั รยานมีความจาเป็นอย่างมากเพราะท่ี นั้นให้ ความสาคญั กบั การปนั่ จกั รยาน อากาศท่ีโนน้ ก็หนาว เนเธอแลนดเ์ ป็นประเทศท่ีมตี ิดกบั เยอรมนั กบั เบล เยย่ี ม สงั คมแบบยุโรปกจ็ ะเป็นคนพดู ตรง ตรงต่อเวลามากๆ เป็นคนเตรยี มพรอ้ มตลอดเวลา สงั คมกจ็ ะเป็น สงั คมเปิดและมเี สรภี าพในความคิดและการแต่งกายสูงมากๆ โดยทเ่ี นเธอแลนดใ์ นเมอื งหลวงคือ อารม์ เตอ ดารมจะมกี ารซ้อื ขายยาเสพตดิ ทถ่ี กู กฏหมาย แต่แปลกทท่ี น่ี นั้ ไมค่ ่อยมคี ดอี าชญากรรม ตอนทอ่ี ยู่ทโ่ี นน้ กไ็ ด้

6 65 Unit 6 Values and Perceptions มีโอกาสไปฟงั คาสินคดีระหว่างประเทศหลายคดี เวลาว่างก็จะใชเ้ วลาเดินทางไป ท่องเท่ยี วท่ี เมอื งต่างๆและประเทศ เบลเย่ยี ม และฝรงั่ เศส ขอ้ ดีขอ้ เสียของการเรียน เมืองนอก ขอ้ เสียก็มี ในเร่ืองวฒั นธรรมทีต่างกนั ในดา้ นการแสดงความรูส้ ึก ก าร ทกั ทายท่ีเนเธอแลนดจ์ ะใชก้ ารหอมท่ีแกม้ สองครง้ั เช่นเดียวกะประเทศในยุโรป ทงั้ ผูช้ ายและผูห้ ญงิ จะมกี ารหอมกนั ทกั ทาย ถา้ แบบทางการก็จะจบั มอื กนั การพดู เพราะ ท่โี นน้ จะไม่มคี าว่า เกรงใจ บางครง้ั คนไทยไมก่ ลา้ บอกว่าไมช่ อบการกระทา หรือบางที ฝรงั่ กพ็ ูดตรงจนคนไทยตกใจ คิดยงั ไงพดู อย่างนน้ั เร่อื งเซก็ ก็เป็นเมอื งประเทศฟรเี ซก็ นา้ ใจไมตรีการเอ้ือเฟ้ื อในไทยจะมีเยอะกว่า มาก ถา้ หากคนท่ีไปเรียนต่างประเทศ จะตอ้ งหนกั แน่นในสง่ิ ท่ตี นเองเป็น ไมห่ ลงใหลไปตามกระแส การดารงชีวติ อาหารการ กนิ ค่อนขา้ งแพงมาก ขอ้ ดีในการเรียนต่างประเทศมหี ลายอย่าง ตอ้ งปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กบั สถานการณ์ต่างๆ ตอ้ งแกป้ ญั หาดว้ ยตวั เองตอ้ งเรียนรูท้ ่ีจะอยู่ร่วมกบั คนท่ีมาจาก หลายๆท่ีต่างวฒั นธรรม ต่าง4ความคิด โดยเคารพความคิดเห็นของความต่าง และ เรยี นรูท้ จ่ี ะปรบั ปรุงตวั เสมออ่ะ 4 สมั ภาษณ์ นวภรณ์ รตั นะ ศิษยเ์ ก่าโรงเรียนกลั ยาณีศรีธรรมราช รุ่น ๘๗ ในประเด็น การศึกษาต่อและใช้ ชีวติ ตา่ งประเทศ , สมั ภาษณท์ าง Skype เมอ่ื ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๔. จริ พล ลวิ า ผูส้ มั ภาษณ.์

66 5 Unit 5 Values and Perceptions “ Russia กบั คาวา่ เรยี นรู”้ การใชช้ ีวติ ในประเทศรสั เซยี ของฉนั เร่มิ ข้นึ หลงั จากทฉ่ี นั ไดร้ บั ทนุ การศึกษาต่อในระดบั ปรญิ ญาโทจากรฐั บาลสหพนั ธรฐั รสั เซยี ฉนั เป็นคนเรียนปานกลาง ไมใ่ ช่คนเรยี นเก่งมา ตง้ั แต่แรก แต่ชวี ติ ฉนั กม็ กั จะมเี ร่อื งราวทไ่ี ม่ คาดฝนั เกดิ ข้นึ เสมอ ในชีวติ การทค่ี นเราจะ ไดร้ บั ส่งิ ดี ๆ อะไรสกั อย่างนน้ั ส่วนหน่ึงก็ มาจากความพยายามของตวั เองเพอ่ื ผลกั ดนั ไปสู่เป้าหมายในชีวติ ท่วี างไว้ เมอ่ื ครงั้ ทฉ่ี นั รู้ ขา่ ววา่ ฉนั ไดท้ นุ มาเรยี นต่อทป่ี ระเทศรสั เซยี นน้ั ในใจฉนั เต็มไปดว้ ยความกงั วลหลาย อย่าง กงั วลว่าฉนั จะตอ้ งเจออะไรบา้ ง จะมี ปญั หาในการเรียนหรือไม่และถา้ ฉันตอ้ ง ปรบั ตวั อย่างไรในประเทศหลงั ม่านเหล็ก แห่งนน้ั

6 67 Unit 6 Values and Perceptions การใชช้ วี ติ อยู่ในประเทศของชาวต่างชาติคนหน่ึง สง่ิ ทค่ี อยกระตนุ้ เตอื นฉนั อยูต่ ลอดเวลา คือคาว่า นั้นไม่ง่ายเลย นอกจากเร่ืองการเรียนซ่ึงเป็น \"นกั เรียนทุน\" ฉนั ไดร้ บั โอกาสน้ีในขณะท่ีหลาย เป้าหมายของฉนั ในการอยู่ท่ีรสั เซียแลว้ ฉันยงั ๆ คนพลาดโอกาสไป แลว้ ในเมอ่ื ฉนั ไดร้ บั สง่ิ ท่ดี ี ตอ้ งเจอกบั สภาพแวดลอ้ มใหม่ ๆ ทไ่ี มค่ ุน้ เคยมา ทส่ี ุดในชวี ติ มาแลว้ ทาไมฉนั จะไม่ทาใหด้ ที ส่ี ุดละ ก่อน ฉนั เลอื กเรียนคณะอกั ษรศาสตร์ เพ่ือต่อ ความรูส้ กึ ทอ้ ถอยมนั ย่อมเกิดข้นึ ไดเ้ป็นธรรมดา ยอดความรูเ้ ดิมในระดบั ปริญญาตรี การเรียน แต่เพราะฉนั รูถ้ ึงคุณค่าในตวั เอง ฉนั เช่ือมนั่ ใน ทน่ี ่ีเขม้ งวดมาก ในช่วงเดือนแรก ฉนั ส่อื สารกบั คุณค่าของฉนั ท่มี ี \"คุณค่าในตวั เอง\" เป็นจะส่ิง ใครไมไ่ ด้ ดูเหมอื นว่าความรูท้ ่ไี ดเ้ ล่าเรียนมานน้ั ผลกั ดนั ใหค้ นเรากา้ วไปสู่ความสาเร็จไดอ้ ย่าง มนั หายจากสมองไปหมด ฟงั ไม่เขา้ ใจ พูดไม่ได้ งา่ ยดาย หยุดดูถูกตวั เอง หยุดบนั่ ทอนกาลงั ใจ ตอ้ งอาศัยภาษาใบแ้ ละอาศัยรุ่นพ่ีซ่ึงสามารถ ของตวั เอง ถา้ หากเราไม่เช่ือมนั่ ในคุณค่าของ สอ่ื สารแทนเราได้ นอกจากเรอ่ื งเรียนแลว้ ฉนั ยงั ตวั เอง5 แลว้ ใครละจะมาเช่อื มนั่ ในคุณค่าของคุณ ตอ้ งพะวงกบั การใชช้ ีวติ ทน่ี ่ีอีกดว้ ย อย่างท่ที ราบ กนั ว่า ประเทศรสั เซียไดช้ ่ือว่าเป็นประเทศหลงั ม่านเหล็ก ซ่ึงโลกภายนอกยงั รูจ้ กั กบั ประเทศ รสั เซียนอ้ ยมาก คนรสั เซียก็เช่นกนั คนรสั เซีย มกั จะมีลกั ษณะนิสยั ท่ีเย็นชา หวาดระแวงและ ชอบดูถกู คนเอเซยี หลายครง้ั ทฉ่ี นั โดนคนรสั เซยี ต่อว่า เพียงเพราะว่าฉันไม่ใช่คนรสั เซียและมา อาศยั ประเทศเคา้ อยู่ นอกจากน้ี สภาพอากาศ ท่ีน้ียงั เลวรา้ ยมากถึงมากท่ีสุด ในฤดูหนาวมี อุณหภูมถิ ึง -35 องศาเลยทีเดียว ความเครียด ผูค้ น การเรียน สภาพอากาศ ทาใหก้ าลงั ใจของ ฉนั เร่มิ ลดนอ้ ยลง หลายครง้ั ท่ฉี นั ทอ้ หลายครง้ั ท่ีฉันเหน่ือย และหลายครง้ั ท่ีฉันยอมแพต้ ่อ ปญั หาหลาย ๆอย่างท่รี ุมเรา้ เขา้ มา ฉนั อยากกลบั บา้ น อยากมีชีวิตอยู่โดยไม่ตอ้ งเจอกบั สภาวะ กดดนั อย่างน้ี คาถามท่มี กั เกิดข้นึ ในใจฉนั เสมอ คือ \"ฉนั มาทาอะไรท่นี ่ี\" \"ท่นี ่ีไมใ่ ช่บา้ นฉนั ทาไม ฉนั ตอ้ งทนการเหยยี ดหยามเอเชยี จากคนทน่ี ่ี\" 5 สมั ภาษณ์ มณั ฑนน์ นั ท์ ขนุ ฤทธ์ิ ศิษยเ์ ก่าโรงเรยี นกลั ยาณีศรธี รรมราช รุ่น ๘๗ ในประเด็น การศกึ ษาต่อและ ใชช้ ีวติ ตา่ งประเทศ , สมั ภาษณท์ าง Skype เมอ่ื ๑๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๔. จริ พล ลวิ า ผูส้ มั ภาษณ.์

68 5 Unit 5 Values and Perceptions คาสงั่ ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปน้ีดว้ ยการแสดงความคิดเหน็ ตามความเขา้ ใจของนกั เรียน ……………………………………………………………… …1…. ใ…หน้ …กั เ…รยี …นท…าก…าร…สา…รว…จต…น…เอง…แ…ละ…แจ…ก…แจ…งข…อ้ ด…ีขอ้…ดอ…้ ย…ขอ…งต…นเองออกมาใหพ้ อเขา้ ใจ ? /

6 69 Unit 6 Values and Perceptions 2. ใหน้ กั เรยี นชมวดี ทิ ศั น์จาก fan page : Teacher เรอ่ื ง แม่ตอ้ ย / ดูแล / ชีวติ / แตง่ งาน เร่อื งใดเรอ่ื งหน่ึงและตอบคาถามในประเด็น นักเรยี นคดิ วา่ คุณค่าของการมีชิวติ อยู่ของตวั ละคร สามารถสอนใหน้ กั เรยี นมองเหน็ คณุ คา่ ของตนเองไดอ้ ยา่ งไรบา้ ง ? 5

7 69 Unit 7 Sustainable Development

70 7 Unit 7 Sustainable Development 7 ความหมาย 1 การพฒั นาอย่างยงั่ ยนื หมายถงึ การพฒั นาทตี่ อบสนองความตอ้ งการของปจั จบุ นั โดยไมท่ าใหผ้ ูค้ น ในอนาคตเกิดปญั หาในการตอบสนองความตอ้ งการของตนเอง รวมทงั้ มนุษยใ์ นรุ่นต่อไปตอ้ ง ประนีประนอม ยอมลดทอนความสามารถ ในการทีจ่ ะตอบสนองความตอ้ งการของตวั เองลง ซ่งึ ครอบคลุมความหมายไปได้ 3 ดา้ น คือ เศรษฐกิจ สงั คม และส่ิงแวดลอ้ ม ทงั้ สามดา้ น ต่างก็ เช่ือมโยงและมีความสมั พนั ธก์ นั การจดั ทาโครงการพฒั นาใด ๆ เพ่ือการพฒั นาท่ยี งั่ ยืนจะตอ้ ง คานึงถงึ องคป์ ระกอบทง้ั 3 น้ี มคี ากลา่ วว่า การพฒั นาท่ยี งั่ ยนื ไกลกว่าการอนุรกั ษส์ ่งิ แวดลอ้ ม แต่ เป็นการเปลย่ี นโครงสรา้ งระบบเศรษฐกจิ และสงั คม โดยมเี ป้าหมายเพอ่ื ลดการบรโิ ภคทรพั ยากร ให้ อยู่ในระดบั ทย่ี งั รกั ษาความสมดุลทาใหค้ นอยู่ร่วมกบั ธรรมชาตโิ ดยไม่ทาลายลา้ งอย่างทผ่ี ่านมา 1 สุทธดิ า ศิรบิ ุญหลง , การพฒั นาแบบยงั่ ยืน : กระบวนการกระทาทางเศรษฐกจิ สงั คม (metabolism) และ การเปล่ยี นแปลงธรรมชาติเชิงสรา้ งสรรค์ , กรุงเทพฯ : สานกั งานมาตรฐานสง่ิ แวดลอ้ มแห่งประเทศไทย . 2545. หนา้ 76.

7 71 Unit 7 Sustainable Development ลกั ษณะแนวคิดการพฒั นาอยา่ งยงั่ ยนื ออกความเหน็ หรอื ปกป้องผลประโยชนข์ อง พวกเขา ในกระบวนการตดั สนิ ใจต่างๆ ของ 2.1 2แน วคิ ด เรื่องค วาม เท่ าเทีย ม กัน คนรุ่นปจั จุบนั ถา้ การพฒั นาจะยงั่ ยืนไดจ้ ริง (equity) และความยตุ ธิ รรม (fairness) เราจะตอ้ งคานึงถงึ ผลประโยชนข์ องพวกเขา การพฒั นาอย่างยงั่ ยืน อยากตอบสนองความ ดว้ ย ตอ้ งการของคนจนและประชากรผูด้ อ้ ยโอกาส แนวคิดเร่ืองความเท่าเทียมกัน และความ 2.2 มีมุมมองระยะยาว (long-term ยุ ติ ธ ร ร ม เป็ น ส่ ว น ป ร ะ ก อ บ ส าคัญ ใน view) ความหมายของ \"การพัฒนาอย่างยัง่ ยืน\" ในโลกท่เี รารูแ้ ลว้ ว่าทุกมิติมีความเก่ียวโยง เพราะตง้ั อยู่บนขอ้ เทจ็ จริงทว่ี ่า ถา้ มนุษยล์ ะเลย และส่งผลกระทบซ่ึงกันและกันเพียงใด ผลกระทบจากการกระทา ของตนเองท่ีมีต่อ ปฏสิ มั พนั ธท์ ่สี ลบั ซบั ซอ้ นกาลงั เร่งอตั ราการ เพ่ือนมนุษยใ์ นโลกท่ีเก่ียวโยงซ่ึงกนั และกนั เปลย่ี นแปลงและการก่อเกดิ นวตั กรรมใหม่ๆ มนุ ษย์ก็ตอ้ งยอมรับความเส่ียงท่ีจะเกิด ในสถานการณ์เช่นน้ี หลกั ความรอบคอบ อนั ตรายข้นึ กบั ตนเองในอนาคตดว้ ย ช่วยแนะแนวใหเ้ราได้ หลกั การ ชดุ น้ีบอกว่า เมอ่ื กิจกรรมใดๆ ก็ตามเพ่มิ ขดี อนั ตรายต่อ สื บ เน่ื อ ง จ า ก ร ะ บ บ เศ ร ษ ฐ กิ จ แ ล ะ สง่ิ แวดลอ้ ม หรอื สุขภาพมนุษย์ เราควรตอ้ ง นโยบายสาธารณะของประเทศต่าง ๆ ส่งผลให้ ใชม้ าตรการป้ องกนั และบรรเทาผลกระทบ เกิดความเหล่ือมลา้ ในการเขา้ ถึงทรพั ยากร ถงึ แมว้ ่านกั วทิ ยาศาสตรอ์ าจจะยงั ไม่สามารถ ดงั นั้นนานาชาติจึงตอ้ งเปล่ียนแปลงระบบ พิสูจน์ความสมั พนั ธ์ท่ีเป็นเหตุและผลได้ เหล่าน้ี ความยุติธรรมหมายความว่า ประเทศ ทง้ั หมด แต่ละประเทศ ควรมีโอกาสในการพัฒนา ตวั เองบนพ้นื ฐานของคณุ ค่าทางวฒั นธรรมและ สงั คมของตวั เอง โดยไม่ปฏเิ สธว่าประเทศอน่ื ๆ ก็ลว้ นมสี ทิ ธดิ งั กลา่ วเช่นเดยี วกนั หน่งึ ในความ ทา้ ทาย ทใ่ี หญ่ทส่ี ุดในปจั จุบนั คือ นานาชาตจิ ะ ปกป้ องสิทธิของประเทศท่ีไม่มีสิทธิออกเสียง ไดอ้ ย่างไร คนร่นุ หลงั ทย่ี งั ไม่เกดิ ไม่สามารถ 2 สฤณี อาชวานนั ทกุล , คอลมั น์ ล่องคล่นื โลกาภวิ ตั น์ , ประชาชาตธิ ุรกจิ , วนั ท่ี 27 มนี าคม พ.ศ. 2551 ปีท่ี 31 ฉบบั ท่ี 3987.

72 7 Unit 7 Sustainable Development 2.3 ก ารคิ ด แ บ บ เป็ น ระบ บ (systems 3 thinking) แนวคดิ เร่อื งของการคดิ เป็นระบบ ตอ้ งอาศยั แนวคดิ เศรษฐกจิ พอเพยี ง ความเขา้ ใจในความเช่ือมโยงระหว่าง ส่งิ แวดลอ้ ม เศรษฐกิจ และสงั คม มนุษยร์ ู้ หลักปรัชญ าเศรษฐกิจพอเพียง เป็ น ว่าตนเองเป็ นส่วนเส้ียวหน่ึงของระบบ แนวคิดท่ีทาใหป้ ระชาชนและผูป้ ฏิบตั ิได้ ธรรมชาติ การคิดพฒั นาใด ๆ ก็ตามของ เขา้ ถงึ ทางสายกลางของชวี ติ และเพอ่ื คงไวซ้ ่งึ มนุษย์หลีกเล่ียงไม่ไดท้ ่ีจะเก่ียวขอ้ งกับ ทฤษฏีของการพฒั นาท่ียงั่ ยืน ทฤษฎีน้ีเป็น ธรรมชาติ ดงั นน้ั การคดิ อย่างเป็นระบบจะทา พ้ืนฐานของการดารงชีวิตซ่ึงอยู่ระหว่าง ใหม้ นุษยใ์ นร่นุ ต่อไปอาศยั ธรรมชาตติ ่อไปได้ สงั คมระดบั ทอ้ งถ่ินและตลอดระดบั สากล จุดเด่นของแนวปรัชญาน้ีคือ แนวทางท่ี สมดุล โดยชาติสามารถทนั สมยั และกา้ วสู่ ความเป็นสากลได้ โดยปราศจากการต่อตา้ น กระแสโลกาภิวฒั น์ รวมทง้ั การอยู่รวมกนั เป็นกลมุ่ สงั คม แนวคิดเศรษฐกจิ พอเพยี งมคี วามเชอ่ื ว่าจะ สามารถปรบั เปลย่ี นโครงสรา้ งทางสงั คมของ ชมชุนใหด้ ีข้ึนได้ ซ่ึงตอ้ งประกอบไปดว้ ย ปจั จยั 2 ประการคอื 1. การผลิตจะตอ้ งมีความสมั พนั ธ์ กันระหว่าง ปริมาณ ผลผลิต และ การ บรโิ ภค 2. สังค ม ห รือ ชุม ชน จ ะต้อ งมี ความสามารถในการจดั การทรพั ยากรของ ตนเอง 3 จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา, \"คาปรารภ\" ใน คาพ่อสอน ประมวลพระบรมราโชวาทและพระราชดารสั เกยี่ วกบั เศรษฐกจิ พอเพยี ง , กรุงเทพฯ: มลู นิธพิ ระดาบส, 2551. หนา้ 2.

7 73 Unit 7 Sustainable Development “ ” Inspiration : สภุ ทั ท์ ชูใหม่ ศิษยเ์ ก่าโรงเรยี นกลั ยาณีศรธี รรมราช ร่นุ 87 \"เพอ่ื นผูส้ รา้ งแรงบนั ดาลใจใหม่ ๆ ตลอดเวลา\" โลกท่ีเทค โน โลยีรุด หน้าไป จน สาม ารถ ตอบสนองความตอ้ งการของมนุษยไ์ ดใ้ นทุกเส้ียว วนิ าที อาจทาใหห้ ลายคนสนุกกบั การคน้ หาส่งิ ใหม่ แต่ไม่ใช่ทุกคนทจ่ี ะพอใจกบั การเกิดอตั ราเร่งท่เี อ้ือ ให้ เราทาอะไรไดม้ ากข้ึนในเวลาเท่าเดิม ตรงกนั ขา้ ม กลบั มคี นอีกกลุ่มหน่ึงท่พี อใจจะเลอื กใชช้ ีวติ ในจงั หวะท่พี วกเขาปรารถนา รวมถงึ การใชเ้วลาช่นื ชมความสวยงามระหว่างการรอคอย จากการรเิ ร่ิม ของคนกลุ่มเลก็ ๆ แนวคิดการใชช้ ีวิตแบบเนิบชา้ กลบั กลายเป็นอกี หน่ึงความเคลอ่ื นไหวทส่ี ่งอทิ ธพิ ล กบั สงั คมโลกไมน่ อ้ ยในวนั น้ี ในยุควตั ถุนิยม ส่งิ ก่อสรา้ งจานวนมากผุดข้นึ ไม่เวน้ แต่ละ่ วนั ทรพั ยากรถูกใชอ้ ย่างฟุ่มเฟือยเพ่อื แลกกบั ผลงานท่ีสรา้ งสรรค์อย่างฉาบฉวยตาม กระแส ไม่คงทนถาวร แนวคิด Slow Design ทา ใหม้ ีการกระทาแปลก ๆ แต่น่าสนใจเช่น การขีด เขียนลงบนพ้ืนถนนดว้ ยคาว่า \"วนั น้ีกอ้ นเมฆ หนา้ ตายงั งยั น่ะ\" เพ่อื กระตุน้ ใหค้ นแหงนหนา้ มอง ฟ้าบา้ ง

74 7 Unit 7 Sustainable Development บางครงั้ เดินตามทอ้ งถนนก็จะเห็นร่องรอยชีด ๆ เขียน ๆ แต่ท่ีมีใหเ้ ห็นกนั เยอะท่ีสุดก็คือบริเวณ สวนสาธารณะ ซ่ึงจะปรากฎขอ้ เขียนเล็ก ๆ แต่ กระตุกความคิดเช่น \"TICKLE ME\" ท่ีเขียนไว้ ใกล้ ๆ กบั ตน้ หญา้ ....เพ่ือกระตุน้ ใหค้ นสนใจมนั บา้ ง มองเหน็ มนั บา้ ง ไม่ใช่เดินผ่านไปวนั ๆ แลว้ ก็ ไม่แคร์ ไม่สนใจ มนั จะงอก จะเห้ยี ว จะแพร่พนั ธุ์ ก็ปล่อยมนั ไป ชีวิตเร่งรีบทาใหค้ นเราพลาดโอกาส มองเหน็ อะไรสวยงามตามธรรมชาตหิ ลายอยา่ ง เราไมเ่ ห็นแมลงสองตวั สูก้ นั จนบนิ หนีไปทงั้ คู่ ไม่เหน็ ว่ามนี กมาทารงั ท่เี สาไฟฟ้าทร่ี ะเบยี งหอ้ งนอน ไม่เห็นว่าเพ่ือนบา้ นหนา้ ใหม่ยา้ ยเขา้ มาอยู่ไดส้ อง เดอื นแลว้ ชีวติ แบบน้ีแน่นอนว่าเราจะมรี ายไดม้ ากเพราะ เราทุ่มเทเวลากบั การทางานรีบๆๆๆๆจนเสร็จ แต่ เราขาดชวี ติ แบบธรรมชาตไิ ป...เรยี กใหง้ ่ายเขา้ กค็ ือ ...เราขาด การเติมเต็มศักยภาพแบบมนุ ษย์ ท่ี ธรรม ชาตใิ หเ้ รามา

8 75 Unit 8 Global Citizenship 8 ความหมาย ความเป็นพลเมอื งโลก หมายความวา่ ลกั ษณะทวั่ ไปของมนุษยท์ ที่ ดี่ ี ทเี่ หมาะสมต่อการดารงอยู่ของ เผ่าพนั ธุ์ ในรุ่นตอ่ ไป และสามารถอยู่ร่วมกนั ในสงั คมโลกไดอ้ ยา่ งแนบเนียน ไมม่ ปี ญั หา ไมม่ คี วาม ขดั แยง้ ไมม่ กี ารเอารดั เอาเปรียบ ไมม่ กี ารแบ่งแยกเช้อื ชาติศาสนา ไม่มกี ารม่งุ เอาชนะคะคานกนั ไมม่ กี ารรบราฆา่ ฟนั กนั ดว้ ยวธิ ีการทรี่ ุนแรง ซงึ่ นาไปสู่การเป็นสงั คมมนุษยท์ นี่ ่าอย่ใู นทสี่ ุด

76 8 Unit 8 Global Citizenship ?

8 77 Unit 8 Global Citizenship คำ ตอบ

78 8 Unit 8 Global Citizenship “ ”

9 19 - 20 79 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries ในช่วงศตวรรษท่ี 19 เป็นยุคของการเปลย่ี นแปลง ทงั้ เร่ืองของการแนวคิดทางการเมือง เกิดการ เรยี กรอ้ งสทิ ธิโดยใชอ้ านาจทางการทหารเพ่อื แย่งชิง ความเป็นใหญ่ ระหว่างประเทศมหาอานาจแต่ละ ประเทศ ซง่ึ จดุ น่าสนใจกค็ อื การทแ่ี ต่ละสถานการณ์ เกดิ ข้นึ ในระยะเวลาไล่เลย่ี กนั โดยอยู่ในช่วงประยะ เวล าป ระม าณ ค ริส ต์ศ ต วรรษ ท่ี 1820 ถึง คริสต์ศตวรรษท่ี 1860 ซ่ึงเกิดสถานการณ์ความ ขดั แยง้ เลก็ ๆ นอ้ ย ๆ และการขดั แยง้ ระดบั ใหญ่ มากมายหลายครง้ั ซง่ึ จะอธิบายในอนั ดบั ต่อไป

80 9 19 - 20 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries สงคราม ดิโป นิโคโร เป็นสงครามท่เี กิดข้นึ จากพยายาม ซ่งึ โปรตุเกสไดเ้ ดินทางเขา้ มาในศตวรรษท่ี 16 และ เสีย ต่อตา้ นอานาจการเขา้ มาปกครองอินโดนีเซียของของ ดุลอานาจใหก้ บั ฮอลนั ดา ในเวลาต่อมา เน่ืองจากดอ้ ย ฮอลันดา หรือ ฮอลแลนด์โดยผลทาใหเ้ กิดกระแส กว่าทง้ั เร่ืองของกาลงั ทหาร และทรพั ยากร ประกอบกบั ชาตินยิ มในอนิ โดนีเซยี อยา่ งสูง. ความเส่ือมของราชวงศ์ท่ีเคยสนบั สนุนการเดินเรือของ โปรตเุ กส ยุคแห่งการกอ่ ตงั้ ราชอา1ณาจกั ร อินโดนีเซยี เป็นประเทศหมเู่ กาะท่ปี ระกอบไปดว้ ย โดยในระยะแรกฮอลแลนดไ์ ดเ้ขา้ ยดึ ครอง บนั ดงุ ในปี ค.ศ. 1598 และจดั ตงั้ VOC แห่งอินโดนีเซียข้นึ ใน เกาะเลก็ เกาะนอ้ ยกว่า 3,000 เกาะ จนไดร้ บั การขนานนาม ปี ค.ศ. 1602 โดยไดร้ บั สิทธิพิเศษและอานาจในการ จากกลุ่มประเทศนกั ลา่ อาณานิคมว่า \"ประเทศพนั เกาะ\" บริหารจดั การกิจการภายในของอินโดนีเซียอย่างเต็มท่ีทง้ั ซ่งึ ผลจากการท่ีอินโดนีเซียมีการแบ่งออกเป็ นหลายพนั ดา้ นการเมอื ง เศรษฐกิจ และสงั คม โดยอานาจทไี ดร้ บั เช่น เกาะเช่นน้ี ส่งใหอ้ ินโดนีเซียในยุคแรก ๆ นั้นมีการ ดา้ นการเมอื ง ปกครองในระบอบราชอาณาจกั รอิสระ นน้ั คือ แต่ละเกาะ ก็จะปกครองกันเอง โดยในเกาะใหญ่ ๆ ก็จะมีการ อานาจในการเกณฑท์ หาร ปกครองแบ่งออกเป็นอาณาจกั รเลก็ ๆ หรือ อาณาจกั ร อานาจในการสรา้ งป้อมปืนใหญ่ ใหญ่ตามอานาจและกาลงั ทางการทหารและเศรษฐกจิ ของ อานาจในการแต่งตง้ั เจา้ หนา้ ทร่ี ะดบั ต่าง ๆ ตนเอง แต่ลกั ษณะความสมั พนั ธร์ ะหว่างอาณาจกั รเหล่าน้ี อานาจในการลงนามสนธิสญั ญาระหว่างอินโดนีเซียกบั เป็นไปในทศิ ทางลบทงั้ ส้นิ เน่ืองมาจากแต่ละอาณาจกั รก็ ประเทศอ่ืนๆ กระทาการรบพุ่งกนั เองทง้ั ส้ินเพ่ือแย่งชิงความเป็นใหญ่ ดา้ นเศรษฐกิจ ทรพั ยากร และพ้นื ท่คี วบคมุ ในทะเล เป็นตน้ อานาจการผูกขาดการคา้ ระหว่างอินโดนีเซียกับ ฮอลแลนด์ นอกจากน้ีเน่อื งจากในพ้นื ทบ่ี รเิ วณอนิ โดนีเซียเป็น อานาจการจดั พมิ พธ์ นบตั ร เขตเสน้ ศูนยส์ ูตร ทาใหส้ ่งผลดีต่อการเพาะปลูกพืชเขต ดา้ นสงั คม รอ้ น ทาใหผ้ ลผลติ สาคญั ๆ เช่น เคร่ืองเทศ กลายเป็น อานาจในการจดั การระบบชนชนั้ ในสงั คมอนิ โดนีเซยี สินคา้ ออกท่ีสาคญั และสรา้ งช่ือเสียง รวมทงั้ ความมงั่ คงั่ ทางเศรษฐกิจใหก้ บั ผูป้ กครองอย่างมาก อานาจเหล่าน้ีท่ี VOC ไดร้ บั มาจากรฐั สภาฮอลแลนด์ เป็นลกั ษณะของการฉกฉวยเอาอานาจทเ่ี ป็นของประชาชน ยุคแหง่ การล่าอาณานิคม อินโดนีเซยี มาเป็นของตนเองอย่างทารุณและละเมดิ สิทธิ จากปจั จยั ดงั กล่าวขา้ งตน้ ทาใหอ้ ินโดนีเซียเป็นเป้าหมาย มนุษยชนของอินโดนีเซียอย่างท่สี ุด ลกั ษณะเช่นน้ีเป็นไป ของการเดินทางสารวจทางทะเลมาเพ่ือแสวงหาดินแดน อย่างต่อเน่อื ง โดยมกี ารเรยี กลกั ษณะการปกครองเช่นน้วี ่า แห่งเคร่อื งเทศซงี เป็นสินคา้ ท่มี รี าคาสูงมาในยุโรป โดยชาติ \"นโยบายแบ่งแบกแลว้ ปกครอง\" แรกทเ่ี ขา้ มาลา่ อาณานคิ มในดนิ แดนแถบน้ีก็คือ โปรตุเกส 1 มหาวิทยาลยั ครูเซ่ยี งไฮ้ , อรุณโรจนสนั ติ (แปล) , ประวตั ิศาสตรโ์ ลกยุคใกล้ , กรุงเทพฯ : สานกั พิมพส์ ุขภาพใจ ,2542. หนา้ 391.

9 19 - 20 81 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries “” นโยบายแบ่งแยกแลว้ ปกครองเป็นลกั ษณะการจดั การ บรหิ ารการปกครองประเทศอาณานิคมของชาติมหาอานาจ หลังจากการสรา้ งรากฐานทางการปกครอง ตะวนั ตก ท่เี ป็นกลุ่มนกั ล่าอาณานิคมทง้ั หลาย โดยจะใช้ อินโดนีเซียและหมเู่ กาะทงั้ หมดแลว้ ฮอลแลนดก์ ็ วธิ ีการคอื \"เส้ยี มสอนใหอ้ าณาจกั รหน่ึง ไปคดั คานกบั อีก เร่ิมตน้ การใชน้ โยบายแบ่งแบกแลว้ ปกครองอย่าง อาณาจกั รหน่ึง\" โดยมีนโยบายในการจดั การปกครอง เต็มท่ี โดยเร่ิมตน้ จากการ เปล่ียนรฐั บนั ดุง ให้ ยกตวั อย่างเช่น \"อย่าปล่อยใหบ้ นั ดุงอ่อนแอเกินไป แต่ เป็ นรัฐในอารักขาของฮอลแลนด์ สาเหตุท่ี ขณะเดยี วกนั ก็อย่าปลอ่ ยใหม้ าตาแรม เขม้ แขง็ เกนิ ไป\" ดาเนินการเช่นน้ีก็เน่ืองจากบนั ดุงเป็นรฐั ขนาด ใหญ่ท่มี อี านาจการทหารสูง ถา้ ปลอ่ ยบนั ดุงใหเ้ป็น บทบาทของ VOC ในการปกครองอินโดนีเซีย รฐั เอกราช ก็จะไม่เป็นผลดีต่อการปกครองของ ก่อนการจดั ตงั้ VOC รฐั สภาฮอลแลนดไ์ ดใ้ ชอ้ านาจทาง ฮอลแลนดใ์ นขณะเดียวกนั ถา้ ยึดครองมาโดย การทหารของฮอลแลนดใ์ นการบีบบงั คบั ใหอ้ ินโดนีเซีย สมบูรณ์ก็จะเป็นการสรา้ งความบาดหมางท่ีมีอยู่ รวมทงั้ อาณาจกั รต่าง ๆ ในอินโดนีเซีย เช่น มาตามแรม แลว้ ใหม้ ากข้นึ จงึ ใชว้ ธิ ีการตงั้ เป็นรฐั อารกั ขาแทน (ชวาตะวนั ออก) , บนั ดุง (ชวาตะวนั ตก) และ อาซนิ (เกาะ สุมาตรา) ตกเป็นอาณานิคมของฮอลแลนด์ ในปี ค.ศ. ต่อมาก็เร่ิมตน้ การ ยุยงใหช้ นช้ันปกครองใน 1598 และตง้ั VOC มาเพ่อื รองรบั อานาจท่สี ่งผ่านมาจาก มาตาแรมบาดหมางกนั เอง (สงครามกลางเมือง) รฐั สภาฮอลแลนดอ์ ีกครงั้ จนกระทงั่ VOC สามารถเขา้ ยดึ ซ่ึงเป็นการใชก้ าลงั ทางการทหารของศัตรูมาสู ้ ครอง หมู่เกาะโมลุกกะ ในปี ค.ศ. 1619 และสามารถ กนั เองโดยทฮ่ี อลแลนดค์ อยกอบโกยผลประโยชน์ ส่งผลใหเ้ป็นฐานเศรษฐกจิ หลกั ใหก้ บั ฮอลแลนดใ์ นอนาคต เพียงอย่างเดยี วหลงั สงคราม โดยมผี ลก็คือ เกิด เน่ืองจากโมลุกกะเป็นหม่เู กาะท่ีมแี หลง่ ปลูกเคร่ืองเทศชนั้ การแบ่งออกเป็นอาณาจกั รเลก็ ๆ 2 อาณาจกั ร ดี อันเป็นแหล่งทารายไดใ้ หก้ ับฮอลแลนด์และ VOC คือ ยอรค์ จาการต์ า้ และ โซโล อย่างมหาศาล โดยกระบวนการทงั้ สองประเภทน้ฮี อลแลนดไ์ ด้ ผลจากการเขา้ ยึดครองหมเู่ กาะโมลุกกะของฮอลแลนด์ ใชแ้ ละดาเนินการมาอย่างต่อเน่ืองจนกระทัง่ ทาให้ VOC สามารถขยายอานาจออกไปถงึ หม่เู กาะแอม สามารถยดึ ครองอินโดนเี ซียไดอ้ ย่างสมบูรณ์ และ บอยน่า-บนั ดา ซ่งึ เป็นหมู่เกาะเคร่ืองเทศอีกแห่งท่มี แี หล่ง ดาเนินการปกครองผ่าน VOC ท่ีใชท้ ้ัง การ เคร่ืองเทศมากเป็นอันดบั สอง อานาจของ VOC และ ปกครองโดยตรง / การปกครองโดยขา้ หลวงใหญ่ ฮอลแลนดม์ ากข้นึ จนกระทงั่ สามารถยดึ ครองจารก์ าตา้ ได้ / การปกครองโดยรัฐบาลหุ่นเชิด และการ สมบูรณ์ และเปล่ีย นช่ือ เป็ น ปัตตาเวีย และเร่ิม ปกครองโดยเจา้ ศกั ดนิ าเดมิ ซ่งึ ลว้ นแลว้ แต่ส่งผล วางรากฐานการปกครองภายใตอ้ านาจของ ฮอลแลนด์ ก ร ะท บ ใน ท าง ล บ ต่ อ ป ระ ช าช น ช า วอิ น โด นี เซี ย อย่างเป็นทางการเป็นครง้ั แรก ทง้ั ส้นิ เน่อื งจากมสี ถานการณเ์ กดิ ข้นึ ดงั ต่อไปน้ี

82 9 19 - 20 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries “2 ” ฮอลแลนดไ์ ดท้ าการกดขี่ข่มเหงและเอารดั เอา ส ถ าน ก าร ณ์ ที่ ฮ อ ล แ ล น ด ์ไ ด ้ก ร ะ ท าต่ อ เปรียบ ประชาชนในอินโดนีเซียอย่างเต็มท่ีมาก โดย อินโดนีเซียในช่วงการปกครองอย่างกดข่ี เนน้ หนกั ในดา้ นเศรษฐกจิ โดยมกี ระบวนการดงั ต่อไปน้ี ข่ มเหง ซ่ึงผลจากการดาเนินนโยบายของ การผูกขาดการคา้ ฮอลแลนด์ส่งผลออกมาโดยสามารถระบุได้ 2 1. ฮอลแลนดห์ า้ มอินโดนีเซียทาการคา้ ขายกบั ประการดงั น้ี ประเทศอ่ืน ๆ นอกเหนือจากประเทศฮอลแลนด์โดย 1. ผลจากนโยบายผูกขาดการคา้ เดด็ ขาด จากลกั ษณะนโยบายต่อตา้ นการคา้ เสรีของ 2. หา้ มใหเ้ กิดการคา้ ขายอย่างเสรีระหว่างหมู่ ฮอลแลนดท์ ่นี ามาบงั คบั ใชใ้ นอินโดนีเซียสง่ ผลให้ เกาะ และการลงโทษผูท้ ่ฝี ่าฝืนอย่างหนกั เกิดสภาวะการคา้ แบบการคา้ ผูกขาด คือสามารถ 3. จดั ตง้ั เขตการ คา้ ขายได้ แค่เพยี งกบั ฮอลแลนดช์ าติ ปกครองโดยตรง โดยดาเนิน เดยี วเทา่ นน้ั ซ่งึ ระบอบการจดั เก็บภาษที ่เี รียก ลกั ษณะการคา้ ใน ว่า \"ภาษเี ป็นส่งิ ของในจานวน รูปแบบเช่นน้ี จะ ท่แี น่นอน\" และจะจดั เก็บภาษี ผลสาคญั คอื จากชาวนาตามจานวนผลผลติ ราคาสนิ คา้ ตกตา่ ทไ่ี ดร้ บั เน่อื งจากผูผ้ ลติ จา 4. จดั ตงั้ เขตการปก เป็นตอ้ งขายสนิ คา้ ครองโดยออ้ ม โดยดาเนินการ ใหก้ บั ชาตผิ ูกขาด จดั เกบ็ ภาษที ่เี รียกว่า \"ระบบ สนิ คา้ เพยี งชาติ สนองภาคบงั คบั \" มกี ารเซน็ เดี ย ว แ ล ะ ไ ม่ สญั ญาผูกขาดการผลิตกบั เจา้ ของท่ดี ิน กาหนดชนิดและ สามารถตง้ั ราคาสินคา้ เองได้ ทาใหเ้ กิดลกั ษณะ ปริมาณของผลผลติ พ้ืนเมอื ง โดย VOC จะเป็นผูร้ บั ซ้ือ ของการลกั ลอบขนส่งสินคา้ ออกไปจาหน่ายยงั ผลผลติ นน้ั ๆ ในราคาท่ตี า่ กว่าราคาจริง (ซ่งึ ตนเองกเ็ ป็นผู ้ ประเทศอ่ืน ๆ ท่ีให้ราคาสินค้าสูงกว่า เช่น กาหนดวา่ จะผลติ สนิ คา้ ชนิดใดออกมา) ประเทศในยุโรปเป็ นตน้ ซ่ึง สถานการณ์ใน 5. ดาเนินนโยบาย ลกั พาตวั คือการจบั ตวั ทาส อนิ โดนเี ซยี ก็เกิดสภาวการณ์เช่นน้ีข้นึ คือ ชาวบา้ น เชลยจากสงคราม และ ชาวเกาะต่าง ๆ โดยมีกลุ่มผู ้ ในหมู่เกาะบนั ดา ไดล้ กั ลอบขายกากถวั่ เหลือง ปฏบิ ตั กิ ารคอื นกั ลา่ ม และคนรา้ ยลกั พาตวั ซ่งึ จะเดนิ ทาง ใหก้ 2ับชาวยุโรป เม่อื ฮอลแลนดต์ รวจสอบได้ ก็ ไปยงั เกาะต่าง ๆ และจบั กุมตวั ชายฉกรรจ์ ตามเกาะต่าง ลงโทษโดยการสงั หารหมู่ จนเรียกไดว้ า่ เป็นการฆ่า ๆ ในอินโดนเี ซยี มาเป็นทาสในเขตปกครองโดยตรง ลา้ งเผ่าพนั ธุจ์ นประชากรในเกาะบนั ดา ตายไปเสีย 2 มหาวทิ ยาลยั ครูเซ่ยี งไฮ้ , อรุณโรจนสนั ติ (แปล) , ประวตั ิศาสตกรวโ์ า่ลคกรย่งึ ุคขอใกงเลก้ า,ะกรุงเทพฯ : สานกั พมิ พส์ ุขภาพใจ ,2542. หนา้ 391. สง่

9 19 - 20 83 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries 2. ผลจากการใชร้ ะบบสนองภาคบงั คบั เร่ืองของจรยิ ธรรมและความไม่เหมาะสมของการปกครอง ซ่งึ ในเขตพ้นื ท่กี ารปกครองโดยออ้ มมกี ารใชร้ ะบบ ปรากฏออกมาเป็นสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น การปกครองท่เี รียกว่า ระบบสนองภาคบงั คบั ซ่งึ สถานการณ์ความวุน่ วายท่ีเกดิ ข้นึ จากระบบสนองภาคบงั คบั มกี ารเซน็ สญั ญาผูกขาดการคา้ การกบั ผูม้ อี ิทธพิ ล ในทอ้ งถ่ิน โดย VOC จะมีบทบาทมาก และ VOC กาหนดใหก้ ารเพาะปลูกทงั้ หมดอยู่ในความควบคุม สามารถควบคุมไดต้ ลอดกระบวนการผลติ ดงั น้ี โดยมีเขา้ หนา้ ท่ีจาก VOC เขา้ ดาเนินการตรวจสอบและ VOC มสี ถานะเป็น ควบคุมการผลติ อย่างใกลช้ ิดโดย ในกรณีท่มี ีความเส่ียงต่อ พนั ธมติ รผูป้ กครองซง่ึ ราคาสนิ คา้ ทจ่ี ะตกตา่ เน่อื งจากราคากาแฟ เป็นผลมาจาก การลง นามในสญั ญาผูกขาด และเคร่อื งเทศ การคา้ กบั กลมุ่ ผูม้ อี ทิ ธิ ในยุโรปเป็นราคา พลในทอ้ งถน่ิ ซง่ึ สง่ ผล ทไ่ี มแ่ น่นอน ข้นึ ลง ให้ VOC สามารถเป็น ตามความตอ้ งการ ผูด้ าเนินการต่าง ๆ ท่ี ของผูบ้ รโิ ภค ทาให้ เป็นผลประโยชนห์ ลกั บางครง้ั ผลผลติ ท่ี แก่ VOC ไดอ้ ยา่ งเตม็ VOC ตงั้ ความหวงั ท่ี โดยเร่ิมตน้ จากการ วา่ จะทากาไรมาก ท่ี VOC กาหนดชนิด กลบั เป็นผลผลติ ท่ี ของผลผลติ ท่จี ะเพาะ เกนิ ความตอ้ งการ ปลูกในทอ้ งถ่นิ ซง่ึ มสี า ของตลาด ในสถาน เหตมุ าจากการท่ี VOC การณ์เช่นน้ี VOC ตอ้ งการควบคุมปรมิ าณ แกป้ ัญหาดว้ ยการสงั่ ทาลายพืชผลทง้ั หมดท่ีผลิต สนิ คา้ ทจ่ี ะออกสูต่ ลาด ออกมาไดใ้ นฤดูกาลนน้ั ๆ เพ่อื จากดั จานวนสินคา้ ท่จี ะสง่ ออก ในยุโรปอย่างเต็มท่ีโดยเม่อื VOC ไดค้ วบคุมว่า ไปมบี นั ทึกถึงการสงั่ เผาทาลายพริกไทยจานวนกว่า 200 ไร่ จะผลติ แลว้ ก็จะทาให้ VOC สามารถเขา้ ควบคุม เพ่อื ลดจานวนพรกิ ไทยท่จี ะส่งออกไปยงั ตลาดยุโรป ผลก็คือ ปริมาณผลผลติ ออกมาไดท้ ง้ั หมด โดยขนั้ ตอน ชาวไร่ในอินโดนีเซียลงแรงผลิตสินคา้ มานานนับปี แต่ก็ ต่อมาก็คือ VOC จะรบั ซ้ือผลติ ทง้ั หมดท่อี อกมา ไม่ไดร้ บั ผลตอบแทนท่คี ุม้ ค่า รวมทง้ั ยงั มกี ารกดขข่ี ูดรดี อย่าง โดยเป็ นผูก้ าหนดราคาของสนิ คา้ น้ัน ๆ เอง จาก มาก ทาใหก้ ระแสต่อตา้ นเกิดข้นึ อย่างต่อเน่ือง ประกอบกบั การที VOC ดาเนินการเช่นน้ี ส่งผลให้ VOC ระบบการทาไร่ขนาดใหญ่ของยุโรปท่ีเนน้ ในเร่ือง3แรงงานไร้ สามารถควบคุมตน้ ทุนการผลิตของตนเองได้ ค่าแรง คือ ทาส ส่งผลให้ กระแสการคา้ ทาส เกิดข้นึ ทวั่ ไปใน เพ่ือใหไ้ ดร้ บั กาไรสูงสุดเพราะ VOC จะนาสนิ คา้ อินโดนีเซยี มกี ารจบั ทาสมาเพ่อื เป็นแรงงานในไร่ และ มกี าร ทง้ั หมดไปขายยงั ยุโรป โดยกาหนดราคาขาย ใชแ้ รงงานทาสเหล่าน้ี จดั ตงั้ เป็น กองทหารทาส เพ่อื เป็นกาลงั สนิ คา้ เอง ทงั้ น้ี เหตุผลท่ี VOC สามารถกาหนด สาคัญในการปราบปรามผูต้ ่อตา้ น ลกั ษณะเช่นน้ีเป็ น ราคาขายสินคา้ ได้ เนืองมาจาก VOC เป็ นผู ้ สถานการณค์ วามรุนแรงทฮ่ี อลแลนดม์ องขา้ มไป อนั จะนาไปสู่ ผูกขาดการคา้ ในอินโดนีเซยี แต่เพยี งผูเ้ดยี ว การเกิดเป็นสงครามต่อตา้ นอานาจของฮอลแลนด์ในเวลา ต่อมา เรยี กวา่ สงครามดโิ ป นโิ คโร นน้ั เอ ง 3 กองทหารทาส เป็นความผดิ พลาดใหญ่หลวงของฮอลแลนดเ์ น่ืองจาก ทหารทาสเป็นการแสดงออกถึงการใชค้ นอินโดนีเซยี มาสงั หารคนอินโดนีเซยี ดว้ ยกนั ทาใหเ้ป็นเคร่อื งมอื ในการปลกุ กระแสชาตินยิ มไดอ้ ย่างเตม็ ท่ีในเวลาต่อมา

84 9 19 - 20 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries “” โดยมีความสนิทสนอมและใกลช้ ิดกันมาก กระบวนการต่อตา้ นการยดึ ครองอินโดนีเซยี ในยุคของการ เน่ืองมาจากตอ้ งทางานร่วมกนั ทงั้ ในเหมืองแร่ ล่าอาณานิคม (ช่วงสงครามดิโปนิโคโร) สามารถแบ่ง และ กิจการต่าง ๆ ท่ฮี อลแลนดไ์ ดล้ งทุนไว้ และ ออกมาได้ 2 ยุค คือ เน่ืองจากคนจีน มาจากแหล่งท่เี ป็นอู่อารยธรรม 1. การต่อตา้ นของ โซรา ปาติ คือ ประเทศจีน ทาใหม้ คี วามรูค้ วามสามารถและมี โซรา ปาติ เป็นทาส โดย ความเช่ียวชาญในเร่ืองต่าง ๆ เป้นอย่างดี โดย เป็นกลมุ่ ชนชนั้ ท่ถี กู กดข่ี เฉพาะงานหตั ถกรรม ทาใหม้ บี ทบาทสาคญั มากใน ขม่ เหงมากทส่ี ดุ ในสงั คม การดาเนนิ ธุรกิจของฮอลแลนดแ์ ต่ฮอลแลนดเ์ องก็ ดงั นน้ั โซรา จึงมคี วามรูส้ กึ ดาเนินนโยบายกบั ชาวจนี อย่างไมเ่ ป็นธรรม โดยมี ต่อตา้ นอยา่ งรุนแรงต่อ การออกกฎหมายจานวนมาก เพ่ือ เอารดั เอา ระบบการปกครองของ เปรียบชาวจีน เช่น การขายใบอนุญาตอยู่ต่อ ซ่ึง ฮอลแลนด์ ทฉ่ี กฉวยเอา จะขายใหก้ บั ชาวจีนทเ่ี ขา้ มาอยูอ่ าศยั ในอินโดนีเซีย ผลประโยชนจ์ านวนมาก ก่อนท่ีฮอลแลนดจ์ ะเขา้ มายึดครองแลว้ หรือ มี ไปจากอนิ โดนีเซยี การกล่าวหาว่าชาวจีนเป็นกลุ่ม ไรง้ าน คือ ไม่มี งาน ทา ซ่ึงเป็ นภ าระขอ งอิน โดนี เซีย และ โดยโซรา ปาติ ไดก้ ่อการต่อตา้ นข้นึ ในปี ค.ศ. 1863 โดยมี ดาเนินการจบั กุมชาวจีนจานวนมากไปยงั ซลี อน สาเหตุมาจากการไม่ตอ้ งการอยู่ใตก้ ารปกครองของ หรือ ศรีลังกา และไปเป็ นแรงงานทาสท่ีนั้น ต่างชาติ คือฮอลแลนด์ ในครงั้ น้ีไดร้ บั การสนบั สนุนจาก นอกจากน้ียงั มีกรณีความรุนแรงคือ การจบั ตวั ชาวนา และผูท้ ่ถี ูกกดข่จี านวนมากเป็นกลุ่มสมาคมเรียกว่า ทาสขาวจีนโยนลงทะเล ระหว่างการเดนิ ทางไปศรี กลุ่มชาวนา หัตกร และ ทาส โดยมีเป้ าหมายคือ ลงั กา เพ่ือลดภาระเร่ืองสเบียงอาหารเม่ือข่าวน้ี ปลดปล่อยอินโดนีเซียจากการปกครองของฮอลแลนด์ แพร่ออกไปทาใหเ้ กิดกระแสต่อตา้ นอย่างมาก โดยผลก็คือ ไม่ประสบความสาเร็จแต่สามารถจัดต้ัง และชาวจีนโพน้ ทะเลเร่ิมทาการต่อต้านอย่า ประเทศข้นึ คือ ประเทศโซราปาติ ซ่งึ ภายหลงั กถ็ ูกรวบรวม เปิดเผย โดยฮอลแลนดก์ ็ดาเนินการปราบปราม เขา้ กลบั ไปเป็นส่วนหน่ึงของเขตปกครองโดยออ้ มของ เช่นกนั โดยออกประกาศค่าหวั ชาวจีนวา่ 1 หวั ต่อ ฮอลแลนดอ์ ีกครง้ั 2 ดูคารด์ ส่งผลใหช้ าวจีนถูกสงั หารกว่า 10,000 คน โดยในการต่อตา้ นครงั้ น้ีมีกลุ่มเจา้ ศักดินา 2. การต่อตา้ นของกลุ่มชาวจนี โพน้ ทะเล และเจา้ ชาย หรือ ผูป้ กครองเขา้ ร่วมต่อตา้ นดว้ ยจานวนมาก ดิโป นิโคโร แต่เม่อื การปราบปรามดาเนินการอย่างเดด็ ขาดเจา้ ในอินโดนีเซียมกี ลุ่มชาวจีนโพน้ ทะเลมาอาศยั อยู่เป็น ศกั ดินาก็เร่ิมไม่เขา้ มาเก่ียวขอ้ ง โดยผลจาการ จานวนมาก ส่วนหน่ึงมาเพราะตอ้ งการชีวิตท่ีดีกว่าใน ต่อตา้ นอานาจของฮอลแลนดใ์ นครงั้ น้สี ง่ ผลใหเ้กิด ประเทศจีน อีกส่วนมากเพราะโดนจับตัวมาจากระบบ สถานการณต์ ามมาคอื ลกั พาตัวของฮอลแลนด์ซ่ึง ชาวจีนโพน้ ทะเลไดท้ างาน ร่วภมากพบั ชทาี่ว3อโินซโดรานเีปซยาี ตทิอ้ งถ่นิ ในอยู่ ที่มา : http://www.jakarta.go.id/jakv1/application/public/img/encyclopedia /ccb481c6322ba39fbfff687a960e9278.jpg

9 19 - 20 85 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries กลุ่มต่อตา้ นพ่ายแพอ้ ย่างยบั เยนิ โดยมาสาเหตุมา “ ”สงครามดิโป นโิ คโร จาก การทาการต่อตา้ นเป็นการกระทาท่ีขาดการ ปร ะ เมินส ถ าน ก ารณ์ และ ก าร ว างแ ผ นท่ีร ัด กุ ม ในช่วงคริสต์ศตวรรษท่ี 19 ฮอลแลนด์อ่อนกาลงั ลงมาก ประกอบกบั เจา้ ศกั ดนิ าท่เี ขา้ ร่วม มีเป้าหมายเพ่ือ ปกป้ องผลประโยชน์ในเขตปกครองของตนเอง ทางดา้ นการทหารเป็นการเปิดโอกาสให้ องั กฤษและ ฝรงั่ เศส เท่านั้น ดังน้ันเม่ือการปราบปรามรุนแรงข้ึน เขา้ แทรกแซงและแย่งชิงความเป็นใหญ่ทางการพาณิชยท์ าง ประกอบกบั ความวุ่นวายออกไปนอกเขตปกครอง ทะเล ดงั นน้ั สนามการประลองความเป็นใหญ่นน้ั จงึ เกิดข้นึ ทุก ขอ งต น เอ งเจา้ ศัก ดินา จึงยุ ติ ก ารเขา้ ร่วม พ้นื ท่ีท่เี ป็นเขตปกครองของฮอลแลนด์ รวมทง้ั ท่ีอาณานิคม นอก จ าก น้ี ฮอ ลแลนด์ยังดาเนิน นโยบาย ของฮอลแลนดด์ ว้ ย แทรกแซงจากภายใน คอื การยุยงใหเ้กิดความขดี แยง้ กันภายในกลุ่มต่อต้านเพ่ือสรา้ งความ ในปี ค.ศ. 1806 ฝรงั่ เศสสามารถเขา้ ยดึ ครองฮอลแลนด์ ระสา่ ระสายใหม้ ากท่ีสุด ผลอีกประการท่ีสาคัญ ได้ ส่งผลให้ ดินแดนต่าง ๆ ของฮอลแลนดื ตอ้ งตกอยู่ใน มากก็คอื เป็นการต่อตา้ นอานาจการปกครองของ การปกครองของฝรงั่ เศสระยะสน้ั ๆ จนกระทง้ั ต่อมา องั กฤษ ฮอลแลนดอ์ ย่างเต็มท่ีเป็ นครง้ั ท่ี 2 ซ่ึงเป็ นการ สามารถเขา้ ยึดครองเมอื งจาการต์ า้ จากฝรงั่ เศสได้ ส่งผลให้ กระตุน้ เตือนใหป้ ระชาชนอินโดนีเซียเล็งเห็นถึง ดนิ แดนส่วนใหญ่ในอินโดนีเซยี เปล่ยี นมอื ลงสู่องั กฤษแทนท่ี ความอ่อนแอจากภายในของฮอลแลนด์และมี ฝรงั่ เศส ในปี ค.ศ. 1811 ความมนั่ ใจมากพอท่จี ะต่อตา้ นไดอ้ กี ในสงครามดิ โป นิโคโร บทบาทขององั กฤษในการจดั การปกครองและเศรษฐกิจ ในอินโดนีเซียมีความสาคัญมากเน่ืองจาก อังกฤษเป็ น ประเทศทเ่ี นน้ ในเร่ืองของ พาณิชยช์ าตินิยม ซ่งึ ใหค้ วามสาคญั ในเร่ืองของการทาใหเ้มอื งแมม่ ีศกั ยภาพทางเศรษฐกิจสูงท่สี ุด ดงั นนั้ องั กฤษจึงเปลย่ี นแปลงนโยบาย ดา้ นเศรษฐกจิ และการปกครองของอินโดนีเซยี ทฮ่ี อลแลนดเ์ คยดาเนินการไวห้ ลายประการคอื 1. นโยบายขดู รีดทางภาษตี ามแนวคดิ (Mercantilism) 2. การยกเลกิ การเก็บค่าเช่าเป็นผลผลติ แต่ใหใ้ ชเ้งนิ ตราเป็นค่าเช่า 3. ยกเลกิ ระบบสนองภาคบงั คบั 4. ยกเลกิ การผูกขาดสนิ คา้ 5. ยกเลกิ ภาษศี ลุ กากรหวั เมอื ง (ใหเ้กบ็ ทส่ี ว่ นกลางเพยี งครง้ั เดยี ว) 6. สง่ เสริมการลงทุนจากต่างชาติ 7. บกุ เบกิ และขยายพ้นื ท่กี ารเพาะปลูก นโยบายเหลา่ น้ีขององั กฤษส่งผลใหเ้กิดการเปล่ยี นแปลงอย่างใหญ่หลวงต่ออินโดนีเซยี เน่ืองจากประชาชนท่เี คยอยู่ อยา่ งแรน้ แคน้ และถกู รดี ไถผลผลติ อย่างทารุณมาก มคี วามรูส้ กึ วา่ องั กฤษเป็นชาติท่ปี ลดปล่อย และเชดิ ชุองั กฤษใน ฐานะชาติมหาอานาจท่สี ามารถยุตบิ ทบาทของฮอลแลนดไ์ ด้ แมว้ า่ ในทางปฏิบตั ิจะตอ้ งเสียเงนิ เพม่ิ มากข้นึ จากนโยบาย ขององั กฤษทงั้ 7 ขอ้

86 9 19 - 20 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries ในปี ค.ศ. 1816 หลงั การปกครองของอังกฤษนาน 5 ปี ฮอลแลนดไ์ ดร้ บั เอกราชอนั เป็นผลจากสนธิสญั ญาองั กฤษ- ฮอลแลนด์ และเขา้ มาครอบครองอินโดนีเซียอีกครั้ง เน่ืองจากฐานะทางเศรษฐกิจของฮอลแลนดไ์ มม่ นั่ คงเหมอื น องั กฤษ ฮอลแลนดจ์ ึงตอ้ งดาเนินนโยบายคลอ้ ยตามองั กฤษ ในการปกครองอินโดนีเซีย เพ่ือหวงั ผลประโยชน์จานวน มหาศาลตามท่ีองั กฤษเคยไดร้ บั โดยปรากฏออกมาเป็น นโยบายทางเศรษฐกจิ คอื ดาเนินการจดั เก็บภาษดี ว้ ยเงนิ ตรา เช่นเดิม และ เพ่ิม ภาษีจิปาถะ ซ่ึงเป็นประเด็นท่ีทาใหเ้ กิด ความไมพ่ อใจอยา่ งมาก สถานการณ์ความขดั แยง้ ท่ีสะสมมาเป็นระยะเวลานาน ทาใหเ้ กิดการลุกข้ึนต่อสูอ้ ย่างเต็มกาลงั ของประชาชน อินโดนีเซยี นาโดย เจา้ ชายดิโป นิโคโร ในระหวา่ งปี ค.ศ. 1825-1830 เป็นช่วงท่อี นิ โดนเี ซยี ตกอยู่ สถานการณ์ดูท่าวา่ จะทาใหเ้จา้ ชายดโิ ป นิโคโร มชี ยั ชนะ ในสถานการณ์สงคราม เพ่ือต่อตา้ นการเขา้ ยึดครองของ แต่เมอ่ื ฮอลแลนดเ์ ปลย่ี นตวั ผูบ้ ญั ชาการทางทหาร เป็น ฮอลแลนดโ์ ดยมผี ูน้ าคือ เจา้ ชายดโิ ป นโิ คโร โดยมเี ป้าหมาย เด คุกค์ แลว้ เด คุกค์ ดาเนินการปราบปรามการ คือ ปลดปล่อยอินโดนีเซียและรฐั พนั ธมติ รทง้ั หมดออกจาก ต่อตา้ นโดยใชย้ ุทธวธิ กี ารทางการทหารทร่ี ดั กุม เช่น การ การปกครองของต่างชาติ และในปี ค.ศ. 1825 เจา้ ชายดโิ ป นิ สรา้ งป้อมค่ายในระยะท่ปี ้องกนั กนั และกนั ได้ หรอื การ โคโร ได้ ประกาศสาสน์ เรียกรอ้ งใหด้ าเนินการสงคราม ดงึ ตวั กลมุ่ เจา้ ศกั ดนิ าอ่นื ๆ มาเขา้ ร่วมดว้ ยการเสนอขอ้ ศกั ด์ิสทิ ธ์ิ โดยกล่าวว่า ชาติตะวนั ตกเป็นพวกนอกรีต และ แลกเปล่ียนกับยศถาบรรดาศักด์ิซ่ึงทาให้ ฝ่ ายของ สรา้ งอาณาจกั รอสิ ลามท่เี ขม็ แขง็ ข้นึ เจา้ ชายดิโป นิโคโรอ่อนกาลงั ลงมากจนในท่ีสุดในปี ค.ศ. 1830 เจา้ ชายดโิ ปนิโคโร ถูกจบั กุมท่ี มาจีลงั และ ผลจากการประกาศของเจา้ ชายนิโคโร ทาใหช้ าวชวา นาตวั ไปคุมขงั ท่ี มารก์ าสซาร์ และชีวิตในปี ค.ศ. 1855 จานวนมากเขา้ ร่วมกบั เจา้ ชายนิโคโร นอกจากนน้ั ชาวจีนโพน้ ในท่สี ดุ . ทะเลก็สนบั สนุนทางดา้ นการเงินและกระสุนดินปืน การ ดาเนินการต่อตา้ นเร่ิมตน้ ท่ีจาการ์ตา้ ก่อนเน่ืองจากเป็น ภาพท่ี 4 เจา้ ชายดโิ ป นโิ คโร ศูนย์กลางการปกครองของฮอลแลนด์โดยมีสถานการณ์ ท่มี า : http://3.bp.blogspot.com/_wcV- สาคญั คือ ทาลายด่านศุลกากรของฮอลแลนด์ และสงั หาร wG2QIqw/TAIR1dKxVTI/AAAAAAAAADo/ เจา้ หนา้ ท่ีอาณานิคม ท่ามกลางควา4มวุ่นวายต่าง ๆ ทหาร MkQDO0eHGjw/s1600/diponegoro-m.jpg ของอาณานิคมท่ีเป็นชาวอินโดนีเซียก็ไดแ้ ปรพกั ตร์หนั มา สนบั สนุนเจา้ ชายนิโคโร ทาให้ เจา้ ชายดโิ ป นิโคโร มอี านาจ มากข้นึ และสถาปนาตนเองเป็น สลุ ต่าน แห่งจาการต์ า้ 4 สุรางคศ์ รี ตนั เสียงสม และคณะ , อารยธรรมตะวนั ออก , กรุงเทพมหานคร : โครงการเผยแพร่ผลงานทางวชิ าการ คณะ อกั ษรศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั , 2553. หนา้ 242.

9 19 - 20 87 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries ใหน้ ักเรยี นอธบิ ายประเด็นสถานการณ์ “สงครามดิโป นิโคโร” ใหส้ อดคลอ้ งกบั ประเดน็ ดงั ต่อไปน้ี Human Right Diversity Social Justice Conflict Resolution Interdependence Global Citizenship Sustainable development Values & Perception สแกนเพอ่ื ทาออนไลน์

88 9 19 - 20 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries สงครามโลกคร้ังที่ 1 (World War II) ทําใหโลก มากมายอยูทั่วโลก เปนปจจัยสําคัญที่ทําใหอังกฤษ เปลี่ยนแปลงไป และกอใหเกิดรอยแผลลึกระหวาง เข้าสูสภาวะสงครามไดอยางยาวนานเน่ืองจากมี อารยธรรมกอนสงครามและความเปนอยูท่ีลําบาก ทรพั ยากรจากอาณานิคมสงเขามาตลอดเวลา ซงึ่ เปนผลที่ตามมาของสงคราม มหาสงครามน้ีกอให เกิดโลกยุคใหมที่เราอาศัยอยูทุกวันนี้ กอนป ค.ศ. ในชวงปลายศตวรรษที่ 19 อารยธรรมยุโรปและ 1914 โลกอยูภายใตอทิ ธพิ ลของจักรวรรดิตางๆ ของ ความกาวหนาทางดานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ยโุ รป และราชวงศท่เี ก่ียวดองกันอยางใกลชิด ซึง่ ตาม เปนตัวกําหนดแผนที่โลกใหม ๆ ผลอยางหนึ่งของ ธรรมดาแลวจะเปนศูนยรวมของความจงรักภักดี สงครามโลกครั้งที่ 1 คอื เทคโนโลยีเหลานี้ถูกนําไปใช ขนบธรรมเนียม และความย่ิงใหญทางเศรษฐกิจของ ในการตอตานประเทศที่พัฒนามันขึ้นมา แมวา องั กฤษและฝรั่งเศส เปนเวลาหลายรอยปที่กลุมประ สงครามครั้งน้ีจะเปนความขัดแยงท่วั โลกเปนครัง้ แรก เทศในยุโรปแขงขันกันเปนผูควบคุมและกําหนดเขต ก็ตาม แตสําหรับชาวยุโรปเปนเหมือนกับสงคราม แดนของประเทศตาง ๆ ในโลก แอฟริกา อเมริกา กลางเมืองที่ทําลายลางกันอยางรุนแรง เมื่อสงคราม อินเดีย ตะวันออกกลาง และ ตะวันออกไกล ถูกยึด ยตุ ิ ราชวงศตาง ๆ ทั่วยุโรปถูกกวาดลางประเทศใหม ครองและเปนอาณานิคมในรูปแบบตาง ๆ โดยชน ๆ ถูกกอต้ังขึ้นมา สงครามโลกคร้ังท่ี 1 เรียกอีกอยาง ชาติอังกฤษ เยอรมัน ดัชต สเปน โปรตุเกส และ หน่ึงวา มหาสงคราม (The Great War) เพราะว่า ฝรั่งเศส การรักษาดินแดนของจกั รวรรดเิ หลาน้ีข้ึนอยู คนสวนใหญเชื่อวาสงครามที่สรางความเสียหาย กับอํานาจทางทะเล ซึ่งรวมไปถงึ กาํ ลงั ทางทหาร มากมายเชนน้ีจะไมเกิดขึ้นอีก แตความอยุติธรรมใน5 ระหวางสงครามกอใหเกดิ ความขนุ เคอื งใจ อันนาํ ไปสู สงครามโลกคร้ังที่ 2 ในป ค.ศ. ๑๙๓๙ ซ่ึงมีพลัง 5 จิรพล ลวิ า , สงครามโลกครง้ั ท่ี 1 : สาระนิพนธร์ ายวิชาสงคทรําาลมากยบั ลปารงะแวลตั ะิศสารสาตงรค์ ว, าสมงหขลวาาด:กสลาัวขมาวาชิกายป่ิงรขะ้นึ ว.ตั ิศาสตร์ คณะมนุษยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ทกั ษณิ , 2551. บทนา.

9 19 - 20 89 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries “ ”วกิ ฤตการณ์กอ่ นการเกดิ สงคราม วิกฤตการณโมรอกโก ครง้ั ท่ี 1 6 กั บ เป น ชั ย ช น ะ ท่ี เย อ ร มั น ได รั บ ก า ร ก า ร เกิ ด วิ ก ฤ ต การณครั้งน้ี (First Moroccan Crisis) ต อ ม า ไ ด มี ก า ร จั ด ก า ร ป ร ะ ชุ ม น า น า ช า ติ ขึ้ น ที่ เกิดข้ึนในระหวางป ค.ศ. 1905 – 1906 หลังจากท่ี เมืองอัลเจซิรัสในสเปน ในระหวางเดือนมกราคม – องั กฤษกบั ฝรงั่ เศสสามารถเจรจาตกลงทาํ ความเขาใจ เมษายา ค.ศ. 1907 เพื่อแกไขปญหาที่เกิดข้ึนใน แกไขปญหาท่ีเกิดข้ึนในอดีตไดสําเร็จในป ค.ศ. 1904 โมร๊อคโก ในระหวางการประชุมอังกฤษไดใหการ แลว ก็จะสงผลคือเป็นการสรางความกังวลใหแก สนับสนุนตอฝรั่งเศสเป็นอยางดี สวนเยอรมันมีเพียง เยอรมันอยางมาก ในป ค.ศ. 1905 เมื่อเยอรมันรูวา ออสเตรีย-ฮังการีเป็นฝายสนับสนุนเทานั้น ผลจาก ฝรั่งเศสไดพยายามเขาไปมีบทบาทในโมรอคโกทง้ั ทาง การประชุมดูเหมือนวาเยอรมันจะเปนฝายไดรับชัย ดานการทหารและทางดานการคลัง จักรพรรดิไกเซอร ชนะแลไดรับประโยชน์จากการประชุมมากที่สุด โดย วิลเลียมที่ 2 จึงไดเสด็จไปเยือนโมรอคโกในเดือน การประชุมยอมรับวาโมรอคโคยังคงเปนประเทศเอก มีนาคม ค.ศ. ๑๙๐ค และพระองคไดป้ ระกาศยอมรับ ราชแตต้องเปดประเทศใหชาติตาง ๆ เขาไปคาขายได ในสถานภาพขององคสุลตานแหงโมรอคโก และทรง เทาเทียมกนั และใหสเปน เปนผูควบคมุ กรมตํารวจใน ยืนยันในความเป็นเอกราชของโมรอคโก นอกจากนี้ โมรอคโก โมรอคโกจะตองสรางธนาคารชาติข้นึ โดยให พระองคยังทรงประกาศไมยอมรับการทําสัญญาใด ๆ อยูภายใต ระหวางอังกฤษกับฝรั่งเศสในกรณีท่ีเก่ียวของกับ การควบคมุ ของฝร่งั เศส อังกฤษ เยอรมันและสเปน โมรอคโก ผลที่ติดตามมาจากการประชมุ ครงั้ นั้นคอื เปนการ แสดงออกถึงความสัมพันธอันดีตอกันระหวางอังกฤษ ในเวลาตอมารัฐบาลเยอรมันไดเรียกรองใหมีการ กับฝรง่ั เศส. จัดการประชุมนานาชาติเพื่อพิจารณาถึงสถานภาพ ของโมรอคโกเพื่อหวังจะทดสอบความเขมแข็งของ ค วา ม สั ม พั น ธ ที่ เพิ่ ง จ ะ เริ่ ม ต น ร ะ ห ว า ง อั ง ก ฤ ษ กั บ ฝรั่งเศส แตการกระทําดังกลาวกลับทําใหไดรับการ คัดคานอยางหนักจากเดลคาสเซ ซึ่งเปนรัฐมนตรีวา การกระทรวงการตางประเทศของฝรงั่ เศส แตรัฐบาล ฝ รั่ ง เศ ส ก็ ยั ง ไ ม ต อ ง ก า ร เสี่ ย ง ที่ จ ะ ทํ า ส ง ค ร า ม กั บ เยอรมันในเวลานน้ั เพราะไมแนใจ 6 จริ พล ลวิ า , สงครามโลกครง้ั ท่ี 1 : สาระนิพนธร์ ายวิชาสงครามกบั ประวตั ิศาสตร์ , สงขลา : สาขาวชิ าประวตั ิศาสตร์ คณะมนุษยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ทกั ษณิ , 2551. หนา้ 1-2.

90 9 19 - 20 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries ปญหาท่เี กิดขึน้ ในอาณาจกั รตุรกี ในระหวางป ค.ศ. 1912 – 1913 อิทธพิ ลของกลุมผูมี อาํ นาจสามคนมีเพิ่มขึ้น ซงึ่ จะนําไปสูการมีสัมพันธอัน ในป ค.ศ. 1907 เม่ืออังกฤษกับรัสเซียสามารถ ดีระหวางตุรกีกับเยอรมัน ถึงแมกลุมเติรก หนุมเสรี ตกลงทําความเขาใจกนั ไดจงึ กอใหเกดิ ความหวาดกลัว นิยมดง้ั เดิมจะนยิ มในอังกฤษกบั ฝรงั่ เศส แตเอนเวอร ขนึ้ ในหมูบรรดาชาวเติรก เพราะการทาํ ความตกลงกัน และ ทาลัดท ซึ่งเปนผูนําฝายทหาร เปนฝายนิยม ดังกลาวมีผลตอความอยูรอดของตุรกี ในอดีตตุรกี เยอรมัน และทั้งสองไดครองอํานาจไปจนกระท่ังถูก สามารถรักษาอํานาจเอาไวไดก็เพราะความขัดแยงท่ี ปลดออกจากตําแหนงไปในท่สี ุดในเดือนตุลาคม ค.ศ. เกิดขึ้นระหวางอังกฤษกับรัสเซีย ดังนั้น เมื่อเห็น 1918 ประเทศทั้งสองสามารถทําความเขาใจตกลงกันได้ กลุมเติรกหนุม (Young Turks) จึงกอการปฏวิ ัติขน้ึ เมื่ อ ตุ ร กี ต ก อ ยู ภ า ย ใ ต ก า ร ป ก ค ร อ ง ขอ งก ลุ ม ท ห า ร ห นุ ม ซึ่ ง มี น โย บ า ย ช า ติ นิ ย ม รุ น แ ร ง จึ ง ทํ า ให กลุมเติรกหนุม เปนขบวนการเสรีนิยมที่เคยถูก ออสเตรยี -อังการี เกรงวาอาจจะสงผลกระทบตอการ เนรเทศไปอยูตางประเทศมจี ุดมุงหมายในการลมลาง ป ก ค ร อ ง ภ า ย ใน ข อ ง บ อ ส เนี ย แ ล ะ เฮ อ ร เซ โ ก วี น า การปกครองของ สุลตานอับดุล ฮามิดที ่ 2 โดย ออสเตรีย-ฮังการีจึงวางแผนการผนวกบอสเนียและ วิธีการปฏิรูปและสงเสริมการใชรัฐธรรมนูญฉบับปี เฮอรเซโกวีนา ไดเขาไปเปนสวนหนึ่งของอาณาจักร ค.ศ. 1876 นับต้ังแต ป ค.ศ. 1903 เปนตนมา กลุ ออสเตรีย-ฮังการี ในขณะเดียวกันรัสเซียซึ่งเกรงวา มเติรกกหนุมไดทําการติดตอประสานงานกับบรรดา การเปล่ียนแปลงการปกครองที่เกิดขึ้นภายในตุรกี ช น ก ลุ ม น อ ย ช า ติ นิ ย ม ท่ี อ า ศั ย ใน อ า ณ า จั ก ร ตุ ร กี อาจจะสงผลกระทบตอรัสเซยี ดังน้ันในเดอื นกันยายน โดยเฉพาะมาซิโดเนีย (Macedonia) และในอารเม ค.ศ. 1908 รัสเซียจึงจัดการหารือขึ้นระหวาง อเล็ก เนีย (Armania) ใหมโี อกาสไดปกครองตนเอง ซ า น เด อ ร อี ส โ ว ล ส ก้ี (Alexander Izvolsky) รฐั มนตรีวาการกระทรวงการตางประเทศของรัสเซีย ในป ค.ศ. 1907 กลุมเติรกหนุมที่ถูกเนรเทศ กั บ เค า น อ า ลั ว ส อ า เร น ธั ล (Count Alois และลี้ภัยไปอยูท่ีกรุงปารีสไดติดตอรวมมือกันกบั กลุม Aehrenthal) รัฐมนตรีวาการกระทรวงการตาง นายทหารภายใตการนําของ ไนซีเบ (Naizi Bey) ประเทศของออสเตรีย-ฮังการี ซึ่งทั้งสองไดทําความ เพือ่ กอการปฏิวัตขิ น้ึ ในมาซิโดนเนียในเดือนกรกฏาคม ตกลงกันโดยรัสเซียจะสนับสนุนใหออสเตรีย-ฮังการี ค.ศ. 1908 การปฏิวัติไดขยายตัวออกไปอยางรวดเร็ว ซ่ึง ท้ังสองไดทําความตกลงกันโดยรัสเซียจะ ในเวลาตอมากลุมกอการปฏิวัติไดตกอยูภายใตการ สนับสนุนใหออสเตรีย-ฮังการี ผนวกบอสเนียและ ควบคุมของคณะกรรมการเพ่ือการรวมและกาวหนา เฮอรเซโกวีนาในขณะเดยี วกัน ออสเตรยี -ฮังการี ก็จะ ( Committee of Union and Progress) ซึ ง สนับสนุนใหรัสเซียสามารถนําเรอื รบผานเขาออกชอง ประกอบไปดวยกลมนายทหารหนม อยู่ภายใต้การนา แคบ ซึ่งรัสเซียไมแนใจวาจะสามารถทําไดเพราะถอื วา ซกี ลุ่มผู้มีอํานาจสามคน (Triumvirate) คือ เอนเวอร์ เป นการละเมิดขอจกลงเรื่องชองแคบ (Straits (Enver) ทาลัดท์ (Talaat) และ เจมาล (Jemal) Convention) ซึ่งไดมีการตกลงลงนามกันในเดือน กรกฏาคม ค.ศ. 1841 โดยอังกฤษ รัสเซีย ฝร่ังเศส ในวันท่ี 24 กรกฏาคม ค.ศ. 1908 สุลตายอับ ออสเตรียและปรสั เซยี ซง่ึ มีสาระสําคัญคือการปดชอง ดุล ฮามิด ที่ 2 ทรงยอมมอบอํานาจใหกับกลุมนาย แคบบอสพอรัส – ดารดาแนล ไมใหเรือรบชาตใิ ดผาน ท ห าร แ ล ะ พ ร ะ ร าช ท าน รั ฐธ ร ร ม นู ญ แ ก ช าว เติ ร ก เขาออกในสภาวะสันติ รัฐสภาของตุรกีก็เปดประชุมในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1908 แตไดเกิดความแตกแยกขึ้นภายในรัฐสภา ระหวา่ งกลุมเติรกหนุมเสรีนิยมดั้งเดิม กับ กลุมเติรก หนมุ นายทหาร ซง่ึ มนี โยบายชาตินยิ มรุนแรงซึง่ ไมตอง การเห็นอาณาจักรตุรกีเกิดการแตกแยก จึงตอตาน ขบวนการเสรีนยิ มและตอตานการปกครองตนเองของ พวกชนกลุ่มนอย ตอมาเมอ่ื เกิดสงครามบอลขานขน้ึ

9 19 - 20 91 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries วิกฤตการณบอสเนียในระหวาง ป ค.ศ. 1907 – อังการี และเยอรมัน7ขูท่ีจะทําสงครามกับรัสเซียถา รัสเซียไมยอมรับการกระทําของออสเตรีย-อังการี ส 1908 (Bosnian Crisis) 8 วนเซอรเบียรูสึกผิดหวงั ตอการกระทําของออสเตรีย- ฮังการีเปนอยางมาก เพราะเซอรเบียมีแผนการที่จะ จากขอตกลงท่ีไดทํากันเอาไวในสนธิสัญญา ผ น ว ก เอ า บ อ ส เนี ย แ ล ะ เฮ อ ร เซ โ ก วี น า เพื่ อ ข ย า ย เบอรลินในป ค.ศ. 1878 บอสเนียและ เฮอรเซโกวีนา อาณาจักรเซอรเบียใหเปนมหาอาณาจักร และเพ่ือ ไดกลายมาเปนดินแดนที่อยูภายใตการปกครองของ เปนเสนทางออกสูทะเล ถาบอสเนียและเฮอรเซโกวี ออสเตรยี -ฮงั การี แตกย็ ังมีสถานภาพเปนดินแดนสวน นายังคงอยูภายใตการปกครองของตุรกีท่ีออนแอ หนงึ่ ของการปกครองของอาณาจกั รตรุ กี ออสเตรีย-ฮั แผนการของเซอรเบียก็ยังพอมีทางออกได แตเม่ือ งการี ไดทําการพัฒนาและปฏิบัติตอบอสเนียและ ออสเตรีย-ฮังการี ผนวกบอสเนียและเฮอรเซโกวีนา เฮอรเซโกวีนา เหมือนกับวาเปนสวนหน่ึงของ ภายใตการสนับสนุนของเยอรมันจงึ ทาํ ใหใหความหวัง อาณาจักรออสเตรีย-ฮังการี โดยมีจุดมุงหมายในการ ของ เซอร เบียหมดไป กําจัดอิทธพิ ลของตรุ กีในดนิ แดนน้ีออกไป ในเวลาตอมาออสเตรีย-ฮังการีไดบังคับใหเซอร ในวันที่ 5 ตุลาคม ค.ศ. 1908 บัลแกเรียได เบียยอมรับรองการผนวกบอสเนียและเฮอรเซโกวีนา ประกาศแยกตัวออกจากการปกครองของตุรกี ตอมา โดยเซอรเบียจะตองไมทําการโฆษณาชวนเชื่อใด ๆ ในวนั ท่ี 7 ตุลาคม ค.ศ. 1908 ออสเตรีย-ฮังการี จงึ ถือ เพ่อื ตอตานการกระทาํ ของออสเตรีย-ฮังการแี ละเซอร โอกาสผนวกบอสเนยี และเฮอรเซโกวินา เขาเปนสวน เบียจะตองลดกําลังทหารลงดังนั้น ผูท่ีเสียประโยชน หน่ึงของอาณาจักรออสเตรีย-ฮังการี จึงเทากับเปน จากการที่ออสเตรีย-ฮังการีผนวกบอสเนียและเฮอรเซ การละเมดิ ขอตกลงในสนธสิ ัญญาเบอรลินท่ีทาํ ไวในป โก วี น า ก็ คื อ รั ส เซี ย แ ล ะ เซ อ ร เบี ย โด ย เฉ พ าะ รั ส เซี ย ค.ศ. 1878 ซ่ึงมีผลตามมาคือ อังกฤษเกิดความไม นอกจากจะไมไดอะไรแลวยังถูกขมขูจากเยอรมันทํา พอใจจึงหันไปใหการสนับสนุนแกรัสเซียแตรัสเซีย ใหรัสเซียเสียหนาเปนอยางมากและรัสเซียจะไมยอม กลับขอใหอังกฤษชวยเปดชองแคบใหเรือรบรัสเซีย ทาํ ใหเกิดการเสียหนาอีกเปนอนั ขาด ผาน เขาออกเปนการชดเชยที่ออสเตรีย-ฮังการีผนวก บอสเนีย และเฮอรเซโกวนี า จงึ ทําใหองั กฤษไมพอใจ ผลจากวิกฤตการณบอสเนียและเฮอรเซโกวีนา นครง้ั นี้ถือเปนชัยชนะของกลุมไตรภาคที ี่มีตอกลุมไตร ในขณะเดียวกันฝรั่งเศสก็ไมพอใจรัสเซียที่เปน พันธมิตรภายหลังกลุมไตรภาคีเคยเปนฝายพายแพ พันธมิตรแตกลับไปทําสัญญากับออสเตรีย-ฮังการี มาากวิกฤตการณ์โมรอคโก ในป ค.ศ. 1906 ดังนั้น โดยไมบอกใหฝร่ังเศสรู สวนออสเตรีย-ฮังการี ได การตอสูกันระหวางสองกลุมจงึ ยังไมมีฝายใดฝายหนึ่ง สงวนทาทีและไมตองการจัดการประชมุ ใด ๆ เพื่อแก เปนฝายไดเปรียบหรือเสียเปรียบ แตการแขงขันทื่ ไขปญหาที่เกิดขึ้น และในที่สุดออสเตรีย-ฮังการีก็ เกิดขึ้นไดกอใหเกิดความตึงเครียดในทางการเมือง สามารถผนวกบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาไดสําเร็จ ระหวางประเทศในยโุ รป. ในขณะท่ีรัสเซียไมไดอะไรตอบแทนเลย และเพื่อเป นการลดกระแสความกดดันทางการเมืองระหวาง ประเทศ ออสเตรยี -ฮังการี และบลั แกเรยี 7 วิมล นาวารตั นนุกูล , ผศ. ดร. , ยุโรปตะวนั ออกกบั บทบาทในศตวรรษท่ี 20 , เชียงใหม่ : ภาควิชาประวตั ิศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ , 2540. หนา้ 340-348. 8 จริ พล ลวิ า , “วกิ ฤตการณ์บอสเนีย กบั การเปลย่ี นแปลงทางการเมอื งของยุโรป : บทความพิเศษกรอบการศึกษาสมั มนา เหตุการณ์โลก” , สงขลา : คณะมนุษยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ทกั ษณิ , 2552. หนา้ 31-32.

92 9 19 - 20 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries วิกฤตการณโมรอกโก ครั้งท่ี 2 กับฝรั่งเศส โดยขอตกลงใหมซึ่งทํากันในวันที่ 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 1911 เยอรมันยอมถอนตวั ออกจาก (Second Moroccan Crisis) โมรอคโก และโมรอคโก จะกลายมาเปนเขตอิทธิพล ของฝรั่งเศส แตยกเวนสวนท่ีเป็นของสเปน หรือ เกิดขึ้นในป ค.ศ.1911 โดย ในป ค.ศ.1908 สุลต่าน Spanish Morocco นอกจากน้ันใหมีการประกันผล อับเดล อาซสิ ท่ี 4 แหงโมรอคโก ถกู โคนอาํ นาจลงโดย ประโยชนของเยอรมันและใหเยอรมันสามารถติดตอ อับ เดล ฮาฟ ช (Abd-Al-Hafiz) ผูเป นพระอนุชา ทํ า ก า ร ค า กั บ โ ม ร อ ค โ ก ได เท า เที ย ม กั บ ช า ติ อ่ื น ๆ สลุ ตา่ นพระองคใหม ไมไดรบั ความนยิ มจากประชาชน เยอรมัน ยงั ไดรับดนิ แดนจากฝร่ังเศสจํานวนประมาณ จึงเกิดความวุนวายขึ้นเร่ือยมา สุลตานฮาฟชจึงขอ 100,000 ตารางไมล ซึ่งอยูทางตอนเหนือของคองโก ความชวยเหลือไปยังฝร่ังเศส ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. ฝรั่งเศสเปนการเปนการตอบแทนซึ่งจะมีผลทําให 1911 ฝร่ังเศสไดสงเรือรบไปชวยยังเมืองเฟช (Fez) ดนิ แดนแคเมอรูนของเยอรมันขยายออกมาจรดแมนํ้า ซ่ึงเปนเมืองหลวงของโมรอคโกโดยอางวาเพื่อปกปอง คองโก ผลประโยชนของชาวตางชาติและเพ่ือยุติความวุนวาย ทเี่ กิดข้นึ ในโมรอคโก เยอรมนั จึงมีปฏิกิริยาโตตอบตอ ในขณะที่วิกฤตการณโมรอคโกคร้ังที่ 2 อยูน้ันใน การกระทาํ ของฝร่งั เศส โดย นายคิดเดอรเลน (Alfred เดือนตุลาคม ค.ศ. 1911 อิตาลีไดถือโอกาสเขา Von Kiderlenwachler) รัฐมนตรีวาการกระทรวง รกุ รานทรโิ ป ปจจุบันคือประเทศลเิ บยี ซง่ึ เปนดนิ แดน การตางประเทศของเยอรมันไดกลาวหาวาฝรั่งเศส ในอาณัตของตุรกี โดยอิตาลีไดรับการยินยอมจาก ละเมิดขอตกลงอัลเจซิรัส ป ค.ศ. 1902 ตอมาใน ฝรั่งเศสซึ่งเปนผลมาจากการที่อังกฤษและอิตาลี เดือนกรกฏาคม ค.ศ. 1911 เยอรมันไดสงเรือปนช่ือ ยอมรบั การไปแสวงหาผลประโยชนของฝรัง่ เศสในโม เพนเทีย เขาไปยังเม่ือทาอากาเดียร ซึ่งตั้งอยูบนฝง รอคโก ในขณะที่กอนหนานี้ อังกฤษก็ไดรับการ มหาสมุทรแอตแลนติก ของโมรอคโกโดยอางวา เพื่อ ยอมรับจากฝร่ังเศสในการเขาไปแสวงหาผลประโยชน์ พิทักษผลประโยชน์ของชาวเยอรมันในโมรอคโกการ ในอียิปต์การที่ฝรั่งเศสสามารถเขาไปสรางขอผูกมัด กระทําของเยอรมันในคร้ังนไี้ มไดมีจุดมุงหมายเพ่ือคง กั บ ทั้ ง อิต าลี แล ะ อั งก ฤษ จึ งทํ าให ฝ รั่ ง เศ ส ส าม าร ถ ไวซึ่งเอกราชของโมรอคโก แตตองการเรียกรองคา ดําเนินนโยบายตางประเทศใหเปนประโยชนตอฝรั่ง ตอบแทนจากฝรัง่ เศสเพอ่ื แลกเปลยี่ นกับผลประโยชน เศส เองฝร่ังเศสจึงยอมเปดโอกาสใหอิตาลีเขายึด ของเยอรมันในโมรอคโก แตการกระทําของเยอรมัน ครองทริโปลี ตุรกี เปนฝายพายแพตองยกทริโปลีให กลบั ทาํ ใหองั กฤษไมพอใจเพราะอังกฤษคดิ วาเยอรมัน แกอิตาลีตามสนธิสัญญาโลซานน The Treaty of มี จุ ด ป ร ะ ส ง ค ที่ จ ะ ต้ั ง ฐ า น ทั พ เรื อ บ น ช า ย ฝ ง ข อ ง Lausanne) ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1912 ประเทศโมรอคโก ในวันที่ 21 กรกฎาคม ค.ศ. 1911 ลอยด ยอรช (Llpyd George) รัฐมนตรีวาการ ในขณะท่ีกําลังเกิดวิกฤตการณตาง ๆ นั้นรัสเซีย กระทรวงการคลังของอังกฤษไดกลาวสุนทรพจนท่ี ไดแสดงทาทีท่ีจะผนวกเตหะรานเขามาเปนสวนหน่ึง แมน ชั่นเฮาส Mantion house Speech) ก ล าว ของรัสเซีย ทําใหอังกฤษไมพอใจ ฝายฝรง่ั เศสเกรงวา เตือนเยอรัมนวาอังกฤษจะตองเปนฝายรับทราบกอน ทาทีของรสั เซียจะเปนการทาํ ลายความสมั พันธระหวง ท่ีจ ะมีการ ตัดสินใจทําส่ิงใดลงไป ในโมร อค โก รสั เซยี กับองั กฤา จึงเขาแทรกแซงจนทําใหรัสเซียตอง นอกจากนี้รัฐบาลอังกฤษยังแสดงทาทีสนับสนุนการ เลิกลมแผนการการผนวกเตหะราน แตหันไปเรยี กรอง กระทําของฝร่ังเศสโดยสั่งใหมีการเตรียมพรอมทาง ขอเดินทางเขาออกบริเวณชองแคบไดอยางเสรีจาก ท ะ เล ค ว า ม สั ม พั น ธ ร ะ ห ว า ง เย อ ร มั น กั บ อั ง ก ฤ ษ ตุรกี แตก็ไดรับการปฏิเสธจากตุรกี เพราะตุรกี เองได กําลังอยูในสภาวะแหงความตึงเครียด เม่ือเยอรมัน รับการยืนยันจากทง้ั องั กฤาและฝรัง่ เศสวาไมไดใหการ เห็นทาทอี ันแขง็ กราวขององั กฤษจึงยอมหนั มาเจรจา สนบั สนุนตอการกระทําของรัสเซยี

9 19 - 20 93 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries วิกฤตการณบอลขานครั้งท่ี 1 ความออนแอของตุรกีทําใหตุรกีแพอยางรวดเร็ว โดบกองทัพบัลแกเรียไดเคล่ือนทัพมุงเขาสูกรุงอิส (First Balkan Crisis) ตนั บูล สวนเซอรเบีย กับมอนเตเนโกร ไดเขายึดครอง อาเดรียโนเปล สถานการณตึงเครียดเกิดข้ึนระหวาง เกิดข้ึนระหวางป ค.ศ. 1911-1912 มีสาเหตุมา เดือนพฤศจกิ ายน –ธนั วาคม ค.ศ. 1912 เมือ่ เซอรเบีย จากการท่รี สั เซยี สามารถชักจงู บัลแกเรียและเซอรเบีย ไดเขายึดครองอัลเบเนีย (Albania) ซ่ึงเปนพ้ืนที่ดิน ซ่ึงเปนศัตรูกันเขามาทําสัญญาเปนพันธมิตรกันไดใน แดนท่ีอยูติดกับทะเลอเดรียติก (Adriatic Sea) จึงมี เดือนมีนาคม ค.ศ. 1912 โดยรัสเซียมีจุดประสงค ผลทําใหเซอรเบียสามารถหาทางออกทะเลไดสําเร็จ คือตองการใหประเทศทั้งสองรวมมือกันกับรสั เซียใน อสเตรีย-ฮังการี ซ่ึงไดรับการสนับสนุนจากอาตาลีได กรณีท่ีรัสเซียตองทําสงครามกับออสสเตรีย-ฮังการี คัดคานการเขายึดครองอัลเบเนียและยื่นคําขาดให แตจากสาระสําคัญของสนธิสัญญาท่ีท้ังสองประเทศ เซอรเบียถอนตัวออกจากอัลเบเนีย เซอรเบียจําตอง ทํากันนั้น คือ การรวมมือกันทําสงครามกับตุรกีเพ่ือ ยอมทําตามจึงทําใหเซอร์เบียยังไมสามารถหาทาง แยงดินแดนมารซิโดเนียโดยเฉพาะในเวลานั้นพวก ออกสูทะเลอเดรยี ตกิ ได้ คริสเตียน ในมารซิโดเนียถูกกลุมเติรกหนุม ปก ครองอยางกดขี่ ตอมาในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1912 ประเทศมหาอํานาจตางก็ตองการยุติสงครามที่ กรีซ กับ มอนเตนิโกร ก็ไดเขารวมกันทําสัญญาดวย เกิดขึ้นจึงจัดใหมกี ารประชุมสันติภาพท่ีกรุงลอนดอน ดวยจึงกอใหเกิดกลุมสันนิบาตบอลขาน (Balkan ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1912 มีผลทําใหสงครามยุติลง League) ขึน้ ชัว่ คราว (Armistice) ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1913 โดย เซอรเบียและมอนเตเนโกร ยอมถอนตัวออกจากการ ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1912 บัลแกเรียไดย่ืนคํา ยึดครองอัลเบเนีย ตอมามีการลงนามในสันธิสัญญา ขาดตอตุรกีใหปฏิรูปความเปนอยูของประชานในมาร ลอนดอน ในวันท่ี 30 พฤษภาคม ค.ศ. 1913 ซึ่งมีผล ซิโดเนียใหดีขึ้น ฝายประเทศมหาอํานาจตางแสดงทา ตามมาคอื ทีตอเหตุการณณืที่เกิดข้ึนแตกตางกันโดย รัสเซีย เกรงวาถาเกิดสงครามระหวางกลุมสันนิบาตบอลขาน 1. ทาํ ใหวกิ ฤตการณบอลขานคร้งั ท่ี 1 ยุตลิ ง กับตุรกี อาจจะทําใหรัสเซียไมสามารถควบคุม 2. ตุรกีเสียดินแดนสวนใหญในทวีปยุโรปยกเวน สถานการณ์เอาไวได รัสเซียจึงประกาศไมสนับสนุน ดินแดนรอบ ๆ กรงุ อสิ ตนั บลู ตอ การกระทําใด ๆ ของกลุมสันนิบาตบอลขาน 3. อลั เบเนียกลายเปนรัฐเอกราช 4. บั ล แ กเรียได รับ ดิ น แด น ส วน ให ญ ข อ ง ออสเตรีย-ฮังการี ไมพอใจตอการจัดตั้งกลุมสัน มาซิโดเนีย นิ บ า ต บ อ ล ข า น เพ ร า ะ อ า จ จ ะ ส ง ผ ล ต อ อ อ ส เต รี ย - 5. เซอรเบียไมพอใจที่ไมไดผนวกอัลเบเนียจึงทํา ฮังการี สวนเยอรมันและฝรั่งเศสตางสนับสนุนทาที ใหยังไมมีทางออกทะเลและเซอรเบียไดรับดินแดน ของประเทศที่เปนพันธมิตรกับตนเอง โดยสรปุ วากลุ ส วนแบ งเพี ย ง เล็ ก น อ ย จ าก ม า ซิ โดเนี ย เป นสิ่ งตอ บ มประเทศมหาอํานาจตางก็ไมไดใหการสนับสนุนตอ แทน. กลุมสันนิบาตบอลขาน เพราะเกรงวาการกระทํา ของกลุมน้ีอาจจะเปนการทําลายดุลอํานาจในยุโรป และสภานภาพเดิมของคาบสมทุ รบอลขาน สวนตรุ กกี ็ เพ่ิงพายแพมาจากสงครามทริโปลีกับอิตาลี จึงทําให มอนเตเนโกรเห็ยโอกาสอันดีจึงฉวยโอกาสประกาศ สงครามกับตุรกีในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1912 โดยไม ยอมปรึกษาประเทศที่รวมเปนพันธมิตรหลังจากนั้น บัลแกเรีย กรีซ และ เซอรเบีย จึงรวมกันประกาศ สงครามกับตุรกี

94 9 19 - 20 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries วิกฤตการณบอลขานครงั้ ที่ 2 (Second Balkan Crisis) เกิดขึ้นในป ค.ศ. 1913 หลังจากที่วิกฤตการณบอลขาน 4. กรีซกลายมาเปนประเทศที่มีบทบาทสําคัญใน คร้ังท่ี 1 ยุติลงก็เกิดความแตกแยกขึ้นภายในกลุมสันนิบาต ทะเลอีเจยี นเพราะไดเขาครอบครองซาโลนกิ า บอลขาน ซง่ึ ไดกลามาเปนชนวนนําไปสูการเกดิ สงครามบอลข (Salonika) ซึ่งเปนดินแดนสวนท่ีออสเตรีย- าน คร้ังท่ี 2 ระหวางบัลแกเรยี และกรีซ โดยบัลแกเรียมีความ ฮงั การตี องการอยู่ วิตกวาการรวมเปน พันธมิตรระหวางเซอรเบีย กับ กรีซ ก็ 5. เกิดความตงึ เครียดขน้ึ ในยุโรปเพราะบลั แกเรีย เพอื่ ตองการท่ีจะแยงชงิ เอามาซิโดเนียไปจากบัลแกเรีย ดงั นั้น มีความแค นเคืองตอเซอรเบียกรีซแล ะ ในวันท่ี 29 มิถุนายน ค.ศ. 1913 บัลแกเรียจึงประกาศ โรมาเนียที่ทําใหบัลแกเรียตองเสียดินแดนใน สงครามกับเซอร์เบียและกรีซ ในระหวางท่ีสงครามกําลัง เวลาตอมาบัลแกเรียจึงเขารวมในสงครามโลก ดําเนินไปอยูนั้น ตุรกี ไดถือโอกาสยึดเอาอาเดรียโนเปลกลับ ครั้งที่ 1 กับฝายเยอรมันเพราะไมพอใจที่ คืนไป สวนโรมาเนีย ไดหันไปรวมมือกับ เซอรเบีย และกรีซ รสั เซียไดใหการสนับสนนุ แกเซอรเบยี . ประกาศสงครามกับบัลแกเรียเมอื่ ตองทําสงครามกับกลุมพันธ มิตรถึง 3 ประเทศจึงทําใหบัลแกเรียพายแพอยางรวดเร็ว ต อมาในวันท่ี 10 สิงหาคม ค.ศ. 1913 ไดมีการทําสนธิสัญญา สงบศกึ บุคาเรสต The Treaty of Bucharest) มีสาระสําคัญ คือ 1. โรมาเนียไดครอบครองดินแดนทางตอนเหนือของด อบรดู จา (Dobrudja) 2. เซอรเบียและกรีซไดครอบครองมาซิโดเนียในสวนท่ี บัลแกเรยี ไดมาจากสงครามบอล ขานครั้งท่ี 1 จงึ มี ผลทําใหเซอรเบยี ไดรบั ดินแดนบางสวนเพ่ิมเตมิ เกือบ เทาตวั 3. ตุรกไี ดอาเดรยี โนเปลคนื โดยมผี ลท่ตี ดิ ตามมาจากวกิ ฤตการณบอลขานคร้ังที่ 2 คอื 1. ตุรกีเหลือดินแดนเพียงสวนนอยในทวีปยุโรปคือ ดินแดนรอบ ๆ อาเดรียโนเปล และรอบ ๆ กรุงอิส ตันบลู 2. ทําใหเกิดประเทศอัลแบเนียที่ออนแอและเกิดความ บาดมหางกันระหวางเซอรเบียกบั ออสเตรยี -ฮังการี 3. เซอรเบยี กับมอนเตเนโกร ไดรบั ดนิ แดนเพิม่ เตมิ

9 19 - 20 95 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries “ ปัจจัยท่ที าใหเ้ กดิ ”สงครามโลกครง้ั ที่ 1 1. ผลผลติ จากแนวคิดชาตินยิ ม9 การเกิดรฐั ชาตติ ัง้ แต่คริสตศ์ ตวรรษท่ี 15 เปน็ ต้นมา ทาํ ใหเ้ กดิ ระบบการเมืองแบบรวม อาํ นาจไวท้ ่สี ว่ นกลาง (Centralization) และวิวฒั นาการของระบอบราชาธิปไตย ท่รี ัฐบาลกลางตา่ งแสวงหาความ เปน็ มหาอํานาจท้ังทางทหาร และเศรษฐกิจ การเกิด เปน็ รฐั ชาติ ทําให้เกิดความ สํานึกในความเป็นชาติและ การเส่ือมอิทธิพลของขนุ นางใน สมัยใหม่หันมาให้ความสําคัญต่อกษัตริย์ ในฐานะประมุข ผูม้ อี าํ นาจเด็ดขาดในการ ปกครองบ้านเมือง การสาํ รวจพบดินแดนใหม่ การ ขยายตัวทางการค้ายงั ทําให้รัฐชาตมิ ่ังคง่ั และมัน่ คง รัฐชาติ หมายถงึ รัฐหรือประเทศ ทม่ี ปี ระชาชนมี ความรสู้ ึกผกู พนั กนั มีความสามัคคีกนั มคี วามภาคภูมใิ จใน วัฒนธรรมของตน มคี วามจงรกั ภกั ดีตอ่ ประเทศชาติและกษัตรยิ ์ ของตนภายในอาณาเขตท่ีเปน็ อิสระและเอกราช เชน่ ประเทศสเปน โปรตุเกส อังกฤษ และฝรง่ั เศส การรักชาติเป็นเรื่องธรรมดา แต่เมื่อเกิดเป็นลัทธิชาตินิยมจะมีความรุนแรงมากกว่า เชื่อว่าชาติตนประเสรฐิ กว่า ชาติอื่น ความสาํ คัญของชาติต้องมาก่อนความรู้สึกสว่ นตัว เกิดคตินิยมในลักษณะท่ีผลกั ดันให้ประชาชนอยากเห็นชาติ ตนเป็นใหญก่ ว่าชาติอ่ืน ไม่ว่าทางเศรษฐกิจหรือทหารซึ่งนําไปสู่การแข่งขันอาํ นาจกันจนกลายเป็นสงครามข้นึ ได้ เช่น การรวมอิตาลี การรวมเยอรมนี หรือสงครามโลกครั้งที่ 1 และแม้แต่ในประเทศเองความรสู้ ึกด้านชาตินยิ มก็ทาํ ให้เกิด การปฏวิ ัตกิ นั ขนึ้ เช่น การปฏวิ ตั ิของฝร่งั เศส ในปี ค.ศ. 1789 ภาพที่ 5 : ป้ายลทั ธิชาตนิ ยิ ม ทีม่ า : http://3.bp.blogspot.com/_K0U8LcRBYuo/TCbT0jjYNRI/AAAAAAAADFA/ MikbxEQjk_A/s1600/nationalism.jpg 9 มหาวิทยาลยั ครูเซ่ยี งไฮ้ , อรุณโรจนสนั ติ (แปล) , ประวตั ิศาสตรโ์ ลกยุคใกล้ , กรุงเทพฯ : สานกั พิมพส์ ุขภาพใจ ,2542. หนา้ 420.

96 9 19 - 20 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries 2. ลทั ธจิ กั รวรรดินิยม ลัทธิชาตินิยมมักจะนําไปสู่ลัทธิจักรวรรดินิยม ลัทธิจักรวรรดินิยม หมายถึง การท่ีประเทศท่ีพัฒนาทางอุตสาหกรรม และประสบความสําเร็จ ทางเศษฐกิจ การทหาร และวิทยาศาสตร์ เข้าครอบครองหรือควบคุมดนิ แดน ที่ด้อยพฒั นากวา่ ทางด้านวัตถุ โดยไมจ่ ําเป็น ต้องด้อยกว่าทางด้านอารยธรรม เช่น จีนและอินเดีย เป็นชาติที่มีอารย ธรรมสูง แต่ด้อยการพัฒนา สาเหตุของการเกิดลัทธิจักรวรรดินิยมในปลาย ครสิ ต์ ศตวรรษที่ 19 มาจากการปฏิวตั ิ อุตสาหกรรม ทาํ ให้ต้องการวัตถุดิบและ ตลาดเกดิ แข่งขนั ในการลา่ อาณานคิ ม และการ เศรษฐกิจทีเ่ น้นผล กาํ ไรจากการ อตุ สาหกรรมทําให้ นายทุนนยิ มไปลงทนุ ในดนิ แดนท่ีด้อยพัฒนา จงึ เกดิ การแข่งขนั กันจน นําไปส่กู ารขยายแสนยานภุ าพ ผลท่ีสําคัญของลทั ธิจกั รวรรดินยิ ม คือ การแข่งขนั แสวงหาอาณานคิ มใน ทวปี เอเชีย อเมรกิ ากลาง และแอฟรกิ า วลาดมี รี เลนนิ ไดยนื ยันวาสาเหตขุ องสงคราม นั้นตั้งอยูบนจกั รวรรดนิ ิยม เขาไดกลาวพรรณนาถงึ แนวคิด ภาพท่ี 6 : สะทอ้ นการยดึ ครองประเทศใน ทางเศรษฐศาสตรของคารล มารกซ และนักเศรษฐศาสตร อาฟรกิ าของชาติตะวนั ตก ชาวอังกฤษ จอหน เอ. ฮอบสนั ซึ่งไดทาํ นายวาการแขงขัน ท่มี า : อยางไมส้ินสุดเพื่อการขยายตลาดการคาน้ันจะนําไปสูความขัดแยงในระดับ http://greatbritaininafrica.wikispace โลก โดยเหตุผลดังกลาวนั้นมีผูเช่ือถือเปนจํานวนมากและไดสนับสนุนการ .com/file/view/political_cartoon_imp เจริญเติบโตของลัทธิคอมมิวนิสต เลนินยังไดกลาววาความสนใจในการเงิน ของมหาอํานาจลัทธทิ นุ นิยม-จักรวรรดินิยมจาํ นวนมากไดกอใหเกดิ สงคราม. 10 10 สขุ ุมาลย สิทธิมงคล , ยุโรปศตวรรษท่ี 19-20 , กรุงเทพ : สานกั หอสมดุ กลาง , ภาควชิ าประวตั ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครินทวโิ รฒ , 2528. หนา้ 86-91.

9 19 - 20 97 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries 3. การแบ่งขวั้ มหาอานาจ การแบ่งกลุม่ อาํ นาจนําไปสู่การเมอื งระบบพันธมิตร ในยุโรป (Politics of European Alliance System) ปัญหานีเ้ ปน็ ปัญหาสาํ คญั ของการเมืองระหวา่ งประเทศ ยโุ รปทีน่ าํ ไปสูส่ งครามในเวลาตอ่ มา เพราะแม้วา่ ยโุ รป จะเป็นภาวะที่ปลอดจากสงคราม แต่สิ่งท่ดี ํารงอยู่ก็คอื ความหวาดระแวงและการไม่ไว้ใจซ่งึ กันและกัน สิง่ เหล่านีไ้ ด้นําไปสกู่ ารทําขอ้ ตกลงลับ และการ รวมกล่มุ ของรัฐเปน็ พันธมิตรโดยที่ขอ้ ตกลงลับ เป็นหลกั ประกันว่าหากรฐั คู่สัญญาถกู โจมตจี าก รัฐศตั รูรฐั พันธมิตรจะใหค้ วามชว่ ยเหลอื ทางทหาร แก่รฐั ที่ถกู โจมตี ระบบพนั ธมิตรของการเมอื งยโุ รป แบ่งออกเป็น 2 คา่ ยอยา่ งชดั เจนทางฝ่ายหน่ึงนนั้ เยอรมนั ได้รว่ มกบั ราชอาณาจกั รออสเตรีย-ฮงั การี และอติ าลี โดยมเี ยอรมนั เป็นผนู้ ําซ่งึ ในเวลาต่อมา เรียกวา่ ระบบพนั ธมิตรสามฝ่ายหรือระบบไตรภาคี หรอื สนธสิ ญั ญาพันธไมตรไี ตรมติ ร (Triple Alliance) ในปี ค.ศ. 1907 เพราะเยอรมนั ไม่พอใจรุสเซีย เนือ่ งจากเยอรมนั ต้องการกดี กนั อิทธิพลรุสเซยี ที่ ต้องการเป็นใหญ่เหนือชนเผ่าสลาฟในคาบสมทุ รบอลข่าน ออสเตรีย-ฮังการี ต้องการเป็นใหญใ่ นคาบสมุทรบอล ขา่ น ทําให้เผชิญหน้ากับรสุ เซียท่ีมีความต้องการเช่นเดียวกนั ท้ังออสเตรีย-ฮังการี ยงั ไดเ้ ยอรมันสนับ สนุนอีก ด้วย และอิตาลผี ิดหวังในแคว้นตูนเิ ซีย เพราะฝรัง่ เศสเขา้ แทรกแซงและตนู ิเซยี ตอ้ งกลาย เป็นรัฐในอารักขาของ ฝรั่งเศส ทําใหอ้ ิตาลีต้องหนั มาเปน็ มติ รกบั เยอรมนั ส่วนอีกฝ่ายน้ัน ฝร่ังเศสซึ่งมีปัญหากับเยอรมันมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากสงครามฝรั่งเศส- ปรสั เซีย และการรวมประเทศเยอรมันแล้ว เยอรมันมีนโยบายชัดเจนที่จะโดดเด่ียวฝร่ังเศส เพ่ือไม่ให้ฝรั่งเศส สามารถฟืน้ ตัวข้ึนมาในทางการเมือง-การทหาร จนเป็นภัยคุกคามต่อการเตบิ โตของเยอรมนั ได้ แต่ขณะเดยี วกัน เยอรมันก็ไม่ต้องการให้รุสเซียเติบโตจนเป็นภัยคุกคามต่อเยอรมันได้เช่นกัน และเม่ือเยอรมันหันเข้าไปเป็น พนั ธมิตรกับออสเตรีย-ฮงั การี แล้วก็เทา่ กบั เป็นการผลักดันให้รสุ เซยี มาอยู่ค่ายเดียวกับฝรงั่ เศส ซึ่งทั้งฝรงั่ เศสและรุสเซยี ได้ทาํ ความตกลง อย่างลับๆ ในการเป็นพันธมติ รร่วมกันเรียกว่า ระบบพนั ธมิตรสองฝา่ ย (Dual Alliance) จนเม่อื เยอรมนั ขยาย อํานาจและบทบาทมากข้ึนทั้งในยุโรปและในดินแดนโพ้นทะเล อังกฤษจึงได้ทําความเข้าใจร่วมกับฝร่ังเศส (Entente) ในอนั ที่จะรับมอื กับการขยายอาํ นาจของเยอรมัน และความเข้าใจร่วมนีย้ ังขยายไปยังรุสเซียด้วย จึง มีผลทําให้กล่มุ น้ีเรียกว่าเป็น กลุ่มความเข้าใจร่วมสามฝ่ายหรือสนธิสัญญาฉันไมตรีไตรมิตร (Triple Entente) ในปี ค.ศ. 1907 การเมืองของยุโรปเช่นน้ี แม้ว่าจะยังไม่เกิดสงครามแต่ก็เห็นได้ชัดว1่า1เป็นสันติภาพท่ีอยู่ภายใต้การ เตรยี มพร้อมและการเผชญิ หน้าและยิ่งประกอบกับวิกฤตกิ ารณ์ท้ังทางการเมืองและการทหารเกดิ ขนึ้ ติดต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาในโมร็อกโกในปี 1905 , 1911 วิกฤติการณ์ในคาบสมุทรบอลข่านในปี 1908 , 1912 และ 1913 ก็ย่ิงส่งผลให้การเกาะกลมุ่ กันระหวา่ งคา่ ยพนั ธมติ รนัน้ กระชับแนน่ ย่งิ ขึน้ . 11 ศิริพร ชนะสทิ ธ์ิ , อารยธรรมตะวนั ตก , สงขลา : มหาวทิ ยาลยั ศรีนครนิ ทรวโิ รฒ ภาคใต้ , 2531. หนา้ 320-323.

98 9 19 - 20 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries 4. ปัญหาในคาบสมุทรบอลขา่ น ดินแดนท้งั หมดในบอลข่าน ยกเว้นในส่วนกรงุ คอนส แตนตเิ ปลิ และดินแดนโดยรอบ ปัญหาเช้ือชาติและการเมืองในคาบสมุทรบอล ข่าน (Multi National Difficulties and Politics สงครามบอลข่านครั้งแรก ยุติลงด้วยการทํา in the Balkan) คาบสมุทรบอลข่านเป็นท่ีอยู่ของ สนธิสัญญาลอนดอนในปี 1913 แต่ต่อมาก็เกิดการ ชนหลายเชอ้ื ชาติ และปัญหาเช้อื ชาติได้ขยายตัวมาก วิวาทกันเองในการแบ่งปันดินแดนตามสนธิสัญญา ขึ้น เมื่อประเทศใหญ่ท่ีอยู่ในอาณาบริเวณใกล้เคียง ลอนดอน ออสเตรีย-ฮังการีไม่ต้องการให้เซอร์เบีย ไดเ้ ข้ามามีบทบาทในการหนุนหลังกลุ่มชนตา่ งๆ เช่น ขยายอิทธิพลโดยมีช่องทางท่ีจะออกทะเลได้ อิตาลี รุสเซียได้เข้ามาสนับสนุนกลุ่มชนชาติท่ีมีเช้ือสาย สนบั สนุนออสเตรยี เพ่ือขดั ขวางอิทธิพลของเซอร์เบีย สลาฟ (Slave) เพราะการกระทําดังกล่าวจะเป็น ในแถบทะเลเอเดรียติก ดังน้ันในปี 1913 จึงเกิด หนทางท่ีทําให้รุสเซียสามารถขยายอิทธิพลของตน สงครามบอลข่านคร้ังที่ 2 ข้ึน แต่สงครามก็ยุติด้วย ในคาบสมุทรบอลข่านได้ เซอร์เบีย (Serbia) ซ่ึงเป็น การขยายอาํ นาจของเซอร์เบียโดยไดด้ ินแดนเพิ่มมาก ประเทศของชนชาติสลาฟได้เป็นหัวหอกและได้มี ขึ้น (มีอาณาเขตเพิ่มเป็น 2 เท่าจากเดิม) แต่ก็ไม่มี แนวความคดิ ที่จะรวมชนชาตสิ ลาฟไวด้ ้วยกัน โดยได้ ทางออกทะเล. จัดตั้ง ขบวนการรวมชนชาติสลาฟ (Pan-Slave Movement) ขึ้นแต่ความต้องการของรุสเซียและ ของเซอร์เบียก็ถกู ขดั ขวางโดยการทอี่ อสเตรยี -ฮังการี ได้รวมเอาบอสเนียและเฮอร์เซโกวินา (Bosnia and Herzegovina) เข้ามาไว้ในราชอาณาจักรของตน การผนวกดินแดนดังกล่าวได้ทําให้การแบ่งฝ่ายของ มหาอํานาจในยุโรปเป็นไปอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพราะในขณะที่ออสเตรีย-ฮังการี มีปัญหากับ เซ อ ร์ เบี ย ซ่ึ ง ไ ด้ รั บ ค วา ม ส นั บ ส นุ น จ า ก รุ ส เซี ย น้ั น ออสเตรียในขณะเดียวกนั ก็ได้รบั ความสนับสนุนจาก เยอรมัน ส่วนรุสเซียน้ันได้รับความสนับสนุนจาก ฝร่ังเศสและอังกฤษการผนวกดินแดนของออสเตรีย ในครั้งนี้ แม้ว่าจะทําให้เซอร์เบียและรุสเซียไม่พอใจ อ ย่ า ง ม า ก จ น ถึ ง กั บ เต รี ย ม ท่ี จ ะ ทํ า ส ง ค ร า ม กั บ ออสเตรีย แต่องั กฤษและฝร่งั เศสไม่เห็นด้วยกับการ สงครามดังกล่าว เพราะเห็นได้ชัดว่าเยอรมันนั้นได้ แสดงออกถึงท่าทีในการสนับสนุนออสเตรียอย่าง ชัดเจน ซ่ึงอังกฤษและฝรั่งเศสยังไม่พร้อมที่จะทํา สงครามในขณะน้ัน เหตุการณ์ในคาบสมุทรบอลข่านเช่นน้ีจึงเป็น เสมือนเชื้อเพลิงอย่างดีที่ทําให้ความตึงเครียดของ มหาอํานาจท้ังหลายในยุโรปมากข้ึนและต่อมาในปี 1912 และ 1913 ได้มีสงครามเกดิ ข้นึ ในคาบสมุทรน้ี โดยสงครามได้เกิดขึ้นครั้งแรกเพื่อทําลายอิทธิพล ของตุรกีในคาบสมุทรบอลข่าน ซ่ึงเรียกวา่ สงคราม บอลขา่ นครั้งท่ี 1 (1912) โดยตรุ กถี ูกตัดทอน

9 19 - 20 99 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries 5. การแข่งขันทางด้านกาลังและอาวุธ การปกครองของตน อังกฤษยังพิจารณาเห็นว่า การขยายอํานาจทางนาวีของเยอรมันจะนํามาซ่ึง การแข่งขันสะสมอาวุธทางนาวี (Naval การแขง่ ขันในการแสวงหาอาณานิคมกับอังกฤษใน Arms Race) จากการท่ีมีการนําเอาเกราะมาใช้ ดินแดนโพน้ ทะเลอีกด้วย กับเรือรบ และขณะเดียวกันก็นําเอาปืนใหญ่มา ติดต้ังบนเรือในลักษณะที่เป็นป้อมปืน แทนที่จะ พฒั นาการทางดา้ นนาวีท่สี าํ คัญ ยงั ได้แก่ เปน็ ปืนใหญ่ท่อี ยทู่ ่ีช่องยงิ ทกี่ ราบเรือแบบเรอื รบใน ความสําเร็จในการสร้างเรือดําน้ําซ่ึงแต่เดิมได้มี ส มั ย โบ ร าณ พั ฒ น า ก าร เช่ น นี้ ทํ าให้ เกิ ด การนําเอาเรือดํานํ้ามาใช้ในสงครามกลางเมืองใน แน วค วาม คิ ด ท่ี จ ะส ร้างเรือ รบ ใน ชั้ น เรือ สหรัฐฯ บ้าง แต่การพัฒนาอย่างจริงจังนั้นเกิดข้ึน ประจัญบาน (Battleship Class) โดยเป็นเรือ ในตอนต้นศตวรรษท่ี 20 การใช้เรือดําน้ําของ เหล็กท่ีมีเกราะหุ้ม และติดต้ังปืนขนาดใหญ่โดยมี เยอรมันเป็นความหวังท่ีจะทําการปิดล้อมทาง ปอ้ มปนื ท่จี ะสามารถหมุนยงิ ได้รอบตวั ทะเลตอ่ องั กฤษ โดยเรือดําน้ําของเยอรมนั หรือเรือ อู (U-boat) สามารถทจ่ี ะทําลายเรือสนิ ค้าและเรือ อังกฤษประสบความสําเร็จในการพัฒนา รบอังกฤษได้โดยการใช้อาวุธยิงใต้นํ้าคือ ตอร์ปิโด แนวคิดดังกล่าว โดยในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ (Torpedo). ๑๙๑๖ ราชนาวีอังกฤษได้ปล่อยเรือประจัญบาน ช้ัน เดรดนอทต์ (Dreadnought) ลงน้ํา เรือ ประจัญบานชั้นน้ีมีเกราะเหล็กเป็นเคร่ืองป้องกัน และติดตั้งป้อมปืนใหญ่ซึ่งมีปืนใหญ่ขนาด 12 นิ้ว เป็นอาวธุ ประจําเรือ ความสาํ เร็จเช่นนยี้ งั ได้รับการ ปรับปรุงโดยได้สร้างเรือในช้ันรองลงมาเป็นเรือ ลาดตระเวนประจญั บาน (Battle Cruiser) เรอื ใน ช้ันน้ีมีความคล่องตัวและอํานาจการยิงในระดับ ใกล้เคียงกับเรือประจัญบานชั้นเดรดนอทต์ แต่มี เกราะปอ้ งกนั ตัวเองนอ้ ยกวา่ เยอรมันตระหนักถึงความสาํ เรจ็ ทางนาวขี อง อังกฤษ และได้เริ่มวางแผนที่จะเพ่ิมอํานาจทาง ทะเลของตน ซึ่งความพยายามของเยอรมันที่ ตอ้ งการแข่งขนั อาํ นาจทางทะเลกับอังกฤษน้ัน เริ่ม ข้ึนตั้งแต่ปี ๑๘๙๘ เม่ือนายพลเรือเทอร์พิทซ์ (Tirpitz) ได้รับตําแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ทหารเรือ โดยไดอ้ อกกฎหมายเกย่ี วกับกองทัพเรือ ฉบับแรกเพ่อื ส่งเสริมอาํ นาจทางทะเลของเยอรมัน และยังได้มีการวางแผนสรา้ งเรือประจัญบานและ เรือลาดตระเวนเปน็ จํานวนมากด้วย การขยายตัวทางนาวีของเยอรมันย่อมจะ นํามาซึ่งความไม่พอใจของอังกฤษ เพราะอังกฤษ ในขณะนั้นมีฐานะเป็นผู้ครอบครองทะเลในพื้นที่ ส่วนต่างๆ ของโลก และท้ังการขยายอํานาจทาง ทะเลของเยอรมันยงั จะเป็นการคุกคามตอ่ เส้นทาง คมนาคม และการขนส่งทางทะเลและการค้าของ อังกฤษกับเมืองในอาณานิคมต่างๆ ทีอ่ ยู่ภายใต้

100 9 19 - 20 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries “ ”ผลของสงครามโลกคร้งั ท่ี 1 สงครามโลกคร้ังท่ี 1 ส้ินสุดลงเม่ือวันท่ี 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918 เปน 4 ปของความขัดแยงที่ รุนแรง มีการเคลื่อนพล 70 ลานคน ประมาณ 9 ลานคนเสียชีวิต และอีกนับลานที่บาดเจ็บ ผูหญิง หลายลานคนเป็นมาย เด็ก ๆตองกําพร้าพอแม ครอบครัวอีกนับไมถวยที่ตองแตกสลาย ไรอนาคต สภาพการณในยุ โรปเริ่มเปลี่ยนไประบอบกษัตริยในเยอรมัน ออสเตรีย-ฮังการี และ รัสเซีย ล้มสลาย สหรัฐอเมริกา เกือบจะกลายเปนมหาอาํ นาจของโลก เยอรมนั ถูกประณามและรบั ผิดชอบคาปฏิกรรมสงคราม ความ อปั ยศครั้งนี้นําไปสูความขดั แยงครั้งท่ี 2 ทาํ ใหเกดิ การปะทุของสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกครั้ง สงครามโลกครงั้ ท่ี 1 นําผลแหงความเสยี หายอยางมากมาสูประชาคมโลก ซง่ึ ปรชี า ศรวี าชัย กล าวไวใน สงครามโลกครัง้ ท่ี 1 – 2 และสงครามเกาหลีวา “มวี ธิ ีทีจะคํานวณความเสียหายอยางคราว ๆ หลาย ๆ วิธี ตัวอยางเชน จํานวนทหารท้ังหมดท่ีมีเทากับพลเมืองของเยอรมันทั้งประเทศ ชีวิตที่ สญู เสียไปมเี ทากับพลเมืองเบลเย่ียมทั้งประเทศ พลเมืองทบ่ี าดเจบ็ เทากบั พลเมอื งของสเปน ลองคิด ดวู าคนเจบ็ ปวย ทุพพลภาพ ทั้งประเทศ คาเสียหายของสงครามสามารถแบงใหชาวยโุ รปในครอบครัว ละ ๕ คน ไดครอบครัวละ ๕๐,๐๐๐ บาท ไดท่ัวยุโรป ความเสียหายทางเศรษฐกจิ ของสงครามมากกว าเงินทุนของประเทศใด ๆ ในยุโรป และประมาณคร่ึงหนง่ึ ของสหรฐั อเมริกา ลองคดิ ถงึ ไฟไหมทําลาย ทุกสิ่งทุกอยางตงั้ แต ทางเหนอื สดุ ของประเทศไทยไปจดทางใตสุดของแหลมมลายู” โดยสงครามโลกครั้งที่ 1 ยุติลงดวยชัยชนะของฝายประเทศ สัมพันธมิตร (Tripple Entente) และนําไปสูการประชมุ สนั ตภิ าพท่ีกรงุ ปารสี และลงนามในสนธิสญั ญาสงบศึกในสนธิสญั ญาตาง ๆ ซ่ึง การประชุมสันติภาพน้นั ไดเริ่มตนขึ้นในเดือนมกราคม ป ค.ศ. 1919 ในพระราชวังแวรซายส ประเทศ ทเ่ี ขารวมในการประชุมครัง้ น้มี ีทั้งสิ น้ 32 ประเทศ มีหลาย ๆ ประเทศที่เขารวมในสงครามในตอนท่ี สงครามใกลจะยตุ ลิ งแลวเพอ่ื ตองการเพยี งท่นี งั่ ในการประชมุ เทานน้ั และมี ชนชาติหลายกลุมทป่ี ราถนาจะไดรบั เอกราช ก็สงผูแทนมาเขารวมดวยโดยหวังวา ขอตกลงตาง ๆ ใน ทป่ี ระชุมนี้คงจะเปนไปตาม หลักการ 14 ขอของอเมริกา ที่ประธานาธิบดีวิลสันเสนอเอาไว ท่ีใหทุก ชาตมิ ีสิทธิกําหนดตนเอง สวนรุสเซยี ซ่ึงไดแยกทําสัญญาสันตภิ าพกับฝายประเทศพันธมิตร (Tripple Alliance) ต้งั แตสงครามยังไมยุติ และภายหลงั ไดเกิดสงครามกลางเมอื งข้นึ ในประเทศ จึงไมไดเขา รวมประชุมดวย สวนประเทศผูแพสงครามไมมีสิทธิที่จะสงผูแทนเขารวมการประชุม ทั้งนี้เพื่อ หลีกเล่ียงกรณีที่ประเทศผูแพสงครามจะยุยงให้ประเทศผูชนะขัดแยงกันเอง ดังเชนที่ ไทลเลอรองค (Talleyrand) ไดทาํ สําเรจ็ มาแลวในการประชมุ ทเี่ วียนนา แตการกีดกนั ไมใหประเทศฝายแพสงคราม มีสวนในการประชุมนนั้ เปนการเปดโอกาสใหเยอรมันนํามากลาวอางภายหลงั วา เยอรมันไมไดรับการ ปฏิบัติที่เปนธรรม โดยถือวาฝายสัมพันธมิตร (Tripple Entente) ทรยศตอคําม่ันสัญญา ไมยอม ปฏิบตั ติ ามขอเสนอ 14 ขอของวลิ สัน

9 19 - 20 101 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries “ใหน้ ักเรยี นศึกษา ผลจากการเกิดสงครามโลกคร้งั ท่ี 1 โดยวเิ คราะหส์ ถานการณ์ และ วิพากษ์ ถึง ประเด็นดังต่อไปนี้” สแกนเพ่อื ทาออนไลน์

102 9 19 - 20 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries ให้นกั เรยี นอธิบายประเดน็ สาเหตุ และ ผล “สงครามโลกครงั้ ที่ 1” ให้สอดคลอ้ งกบั ประเดน็ ดังต่อไปนี้ Human Right Diversity Social Justice Conflict Resolution Interdependence Global Citizenship Sustainable development Values & Perception สแกนเพ่อื ทาออนไลน์

9 19 - 20 103 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries หลงั การส้นิ สุดสงครามโลกครง้ั ท่ี 1 กลมุ่ ประเทศพนั ธมติ ร พยายามของสงครามทั้งหมด โดยไม่เลือกว่า ทรพั ยากรนน้ั จะเป็นของพลเรือนหรอื ทหาร ไดม้ กี าร ซ่งึ เป็นฝ่ายชนะสงครามไดร้ ่วมกนั ประชมุ ท่ีพระราชวงั แวร์ คาดการณ์และประมาณกนั ว่าสงครามมีมลู ค่าราว 1 ซายสใ์ นกรุงปารีส ซ่งึ สง่ ผลออกมาเป็นสนธิสญั ญาท่เี อารดั ลา้ นลา้ น ดอลล่าร์สหรัฐ ด้วยประการทั้งปวง เอาเปรียบประเทศผูแ้ พส้ งครามอย่างมหาศาล รวมทง้ั เกิด สงครามโลกครง้ั ท่ี 2 จงึ นบั ว่าเป็นสงครามขนาดใหญ่ การก่อตง้ั องคก์ ารสนั นิบาตชาติข้นึ เพ่ือเป้าหมายหลกั ท่ีน่า ท่ีสุด ใชเ้ งินทุนมากท่ีสุด และนองเลือดท่ีสุดใน เชิดชูก็คือ ตอ้ งการป้ องกันไม่ใหเ้ กิดความขดั แยง้ ใน ระดบั ประเทศท่นี าไปสูก่ ารเกิดสงครามอีกครงั้ 12 โดยสงครามโลกครง้ั ท่ี 2 นบั เป็นความขดั แยง้ ทางดา้ น ประวตั ิศาสตรม์ นุษยชาติ ประเมนิ กนั ว่ามผี ูเ้สยี ชีวติ การเมืองการปกครองและการทหาร ในระดบั โลก ตงั้ แต่ ระหวา่ ง 40 ถงึ มากกวา่ 70 ลา้ นคน ค.ศ. 1939 ถึง 1945 ซ่ึงมีความเก่ียวพนั กบั ประเทศส่วน ใหญ่ในโลก โดยเฉพาะกลุ่มประเทศมหาอานาจทงั้ หมด โดยไดม้ กี ารร่วมตวั กนั ทาสงครามเป็นพนั ธมิตรทางทหาร สองฝ่ายคู่สงคราม ระหว่างท่สี งครามดาเนนิ ไป มกี ารระดม ทหารมากกว่า 100 ลา้ นนาย ดว้ ยลกั ษณะของสงคราม เบ็ดเสร็จ ทาใหป้ ระเทศผูร้ ่วมสงครามหลกั ไดท้ ุ่มเทขีด ความสามารถทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมและวทิ ยาศาสตร์ เพ่อื ความ 12 อรพนิ ท์ ปานนาค , รศ. , ประวตั ิศาสตรส์ หรฐั อเมรกิ า 2 , กรุงเทพฯ : มหาวทิ ยาลยั รามคาแหง , 2550. หนา้ 498.

104 9 19 - 20 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries “ ”สภาพการณ์ของอติ าลี และ เยอรมนั ก่อนเกดิ สงคราม อิ 13 นอกจากน้ีผลจากการท่อี ิตาลเี ขา้ ร่วมสงครามโลกครง้ั ท่ี 1 ตาลี กอ่ นเกดิ สงครามโลกครง้ั ท่ี 2 ทาใหอ้ ิตาลีตอ้ งสูญเสียเงนิ ไปเป็นจานวนมากในการทา สงครามอย่างต่อเน่ือง ทาใหเ้ ม่อื สงครามสงบลงอิตาลตี ก หลงั จากสงครามโลกคร้ังท่ี 1 ส้ินสุดลง อิตาลีเกิด อยู่ในสภาพเกือบลม้ ละลาย สภาวะเศรษฐกิจตกตา่ อย่างรุนแรง แมว้ ่าสภาพการณ์ เช่นน้ีจะเป็นสภาพการณ์ปกติท่ีเกิดข้นึ หลงั สงคราม แต่ นอกจากน้ี ผลอีกประการท่ตี ามมาจากการท่เี ศรษฐกิจ อิตาลไี ดร้ บั ผลกระทบหนกั ท่ีสุด ทงั้ น้ีเน่ืองมาจาก อิตาลี ของอิตาลีตกต่าลงมาก ก็คือสภาพ การว่างงาน มี เดมิ เองก็มสี ภาพเศรษฐกิจท่เี ปราะบางอยูแ่ ลว้ ประกอบกบั ประชาชนดิตาลจี านวนมากท่ีตกงานและกลายเป็นภาระ อิตาลีมีเทคโนโลยีการผลิตท่ีลา้ หลงั ไม่ทนั สมยั เหมอื น ของสงั คม เม่อื นามารวมกบั ทหารผ่านศึกท่ีกลบั มาจาก ประเทศในยุโรปชาติอ่ืน ๆ และกลุ่มชาวนาท่ผี ลติ อาหาร สงครามและถูกปลดประจาการก็ไม่สามารถหางานทาได ้ เล้ยี งพลเมอื งในประเทศยงั ไม่มที ด่ี ินทากินเป็นของตนเอง หรอื ไม่ก็อยู่ในสภาพคนพิการทเ่ี ป็นภาระใหก้ บั รฐั บาลตอ้ ง เน่ืองจากท่ีดินส่วนใหญ่ตกอยู่ในมือของนายทุนทง้ั ส้ิน ดูแล จงึ นาไปสูก่ ารเดนิ ขบวนประทว้ งรฐั บาลในเวลาต่อมา และสาเหตุหลกั อีกประการก็คือ อิตาลปี ระสบปญั หาภยั ธรรมชาติหลงั สงครามโลกครง้ั ที 1 ส้ินสุดลง ทาใหก้ าร นอกจากน้ีสาเหตุอีกประการท่ที าใหอ้ ิตาลตี อ้ งตกอยู่ใน เกษตรกรรมของอิตาลที ่เี ป็นแหลง่ อาหารหลกั เล้ยี งคนทงั้ สภาวะเศรษฐกิจตกตา่ ขนาดน้ีเน่ืองมาจาก อิตาลไี มไ่ ดร้ บั 40 ลา้ นคน ตอ้ งหยุดชะงกั และส่งปัญหาตามมาอีก ส่วนแบ่งจากสงครามในฐานะประเทศผูช้ นะสงครามตามท่ี มากมาย ไดร้ บั การตกลงกนั ไวใ้ น สนธิสญั ญาลอนดอน 1915 ท่ี องั กฤษรบั ปากว่าจะใหด้ ินแดนท่ีอุดมสมบูรณ์มากกว่าน้ี ในดา้ นอุตสาหกรรม อิตาลเี องมปี ญั หาเศรษฐกิจดงั้ เดิม แต่เน่ืองจากในการประชมุ ท่ปี ารีส ประธานาธิบดวี ลิ สนั ได้ อยู่แลว้ ทาให้ไม่มีเงินทุน มาก พ อท่ีจะมาพัฒ น า คดั คา้ นการยกดินแดนท่ีอุดมสมบูรณ์จานวนมากใหก้ บั อตุ สาหกรรมใหม้ คี วามเจริญกา้ วหนา้ ทดั เทยี มกบั ประเทศ อติ าลที าใหอ้ งั กฤษซ่งึ รูส้ กึ เสยี ดายดนิ แดนเหล่านนั้ อยูแ่ ลว้ อตุ สาหกรรมในยุโรปชาติอ่นื ๆ ประกอบกบั การคมนาคม ประกอบกบั ฝรงั่ เศสท่ตี อ้ งการดนิ แดนเหลา่ นนั้ เช่นกนั จึง ขนส่งในประเทศไม่มีความทนั สมยั ทาใหก้ ารขนส่งสินคา้ ร่วมมอื กนั คดั คา้ นและสนบั สนุนเสยี งของอเมริกาใหอ้ ิตาลี ในอิตาลีทาไดย้ ากและลา้ ชา้ มากประกอบอบั อิตาลีขาด ไดร้ บั ดินแดนเท่าท่ีจดั สรรใหเ้ ท่านน้ั ซ่ึงส่งผลใหอ้ ิตาลีมี แคลนถ่ายหนิ และเช้อื เพลงิ ภายในประเทศ และไมมคี วาม ความไม่พอใจอเมริกาและประเทศพนั ธมิตรอย่างมาก มนั่ คงทางเศรษฐกิจมากพอท่จี ะสงั่ ซ้อื จากต่างชาตไิ ดท้ าให้ โดยความผิดหวงั เช่นน้ีประชาชนอิตาลโี ยนความผดิ ลงไป ประชาชนไดร้ บั ความเดอื นรอ้ นมาก ใหท้ ่ีรฐั บาล เน่ืองจากอ่อนแอและไม่สามารถใชอ้ านาจ ทางการทูตเพ่อื เจรจาเอาดนิ แดนทอ่ี ุดมสมบูรณม์ าได้ 13 ศฤงคาร พนั ธุพงศ์ , ศ. , ประวตั ิศาสตรย์ ุโรป 2 , กรุงเทพฯ : มหาวทิ ยาลยั รามคาแหง , 2540. หนา้ 378.

9 19 - 20 105 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries การข้นึ เป็นผูน้ าอติ าลขี อง มสุ โสลนิ ี ผลจากการท่ีอิตาลีตอ้ งเจอกบั ความอปั ยศจากการผิด สญั ญาของชาติมหาอานาจในขอ้ ตกลงท่ีลอนดอน ทาให้ รฐั บาลของอติ าลไี ดร้ บั การตาหนิอย่างรุนแรง จนกระทงั่ ใน ปี 1919 มีการเลือกตั้งใหม่ ชาวอิตาลีตอ้ งการผูน้ าท่ีมี ความเขม้ แขง็ และกลา้ ไดก้ ลา้ เสียมากพอท่จี ะเรียกรอ้ งส่งิ ท่ี อิตาลคี วรจะได้ แต่กลบั ผดิ หวงั อีกครงั้ เมอ่ื นายลยุ จิ แฟก ตา (Luigi Facta) ไดร้ บั การเลอื กตง้ั เป็นนายกรฐั มนตรี และจัดตงั้ รฐั บาลโดยไม่สามารถดาเนินการแกป้ ัญหา เศรษฐกจิ และการเรียกรอ้ งกบั ประเทศมหาอานาจได้ สภาวการณเ์ ช่นน้ีส่งผลใหเ้กดิ การแตกแยกทางการเมอื ง อย่างมาก เน่ืองจาก นกั การเมอื งบางกลุ่มตอ้ งการใหเ้กิด การเรียกรอ้ งสิทธิและ แกป้ ญั หาเศรษฐกิจก่อนในขณะท่ี รฐั บาลไม่สามารถทาได้ ดงั นน้ั จึงส่งผลใหม้ ีการแยกตวั ออกจากพรรคสงั คมนิยม ซ่งึ เป็นพรรครฐั บาลออกมาตง้ั เป็ น พ รรคคอมมิวนิสต์อิตาลี ข้ึน ในต้นปี 1921 สถานการณ์ความขดั แยง้ ลุกลามบานปลายจนหม่นิ เหม่ท่ี จะเกิดสงครามกลางเมอื งมาก ทาใหใ้ นปี 1922 พระเจา้ วิค เตอร์ เอมมานูแอลท่ี 3 ไดแ้ ต่งตั้ง เบนิโต มุสโสลินี หวั หนา้ พรรคฟาสซิสต์ใหด้ ารงตาแหน่งนายกรฐั มนตรี และตาแหน่งผูน้ า (Duce) และครองอานาจยาวนานไปถงึ 1943 กลวิธใี นการข้นึ เป็นผูน้ าอติ าลีของ มสุ โสลินี ในปี ค.ศ. 1921 มกี ารเลอื กตงั้ นายกรฐั มนตรีอติ าลี ซ่งึ พรรคฟาสซสิ ต์ ท่มี สุ โสลนิ ีก่อตงั้ ข้นึ นน้ั ไดร้ บั การเลอื กตง้ั เพยี ง 35 ท่ีนงั่ ทาให้ มุสโสลินีไม่พอใจมาก และดาเนินการปลุกปนั่ กระแสการเมืองโดยการโฆษณาชวนเช่ือ ว่า พรรค คอมมวิ นิสตใ์ นอิตาลีกาลงั เตรียมการปฏิวตั ิ (พรรครฐั บาล) ส่งผลใหก้ ระแสนิยมในพรรคคอมมวิ นิสต์ตกตา่ ลงอย่าง รวดเรว็ และไปหนุนการปฏบิ ตั ิการหาเสยี งของพรรคฟาสซสิ ตม์ ากข้นึ ในช่วงปี 1922 พรรคฟาสซสิ ตม์ อี านาจสูงมาก และมสุ โสลนิ ีก็พสิ ูจน์ สถานะท่มี อี านาจ จากการท่ปี ระชาชนสนบั สนุน ดว้ ยการเดินทพั เขา้ กรุงโรมจาก 4 ทศิ ทาง เพ่อื พิสูจนว์ ่า จะมกี าต่อตา้ นจากประชาชนหรือ นกั การเมอื งหรือไม่ ผลก็คือ ไมม่ กี ารต่อตา้ น เพราะประชาชนเร่ิมสนบั สนุนมสุ โสลนิ ีมากข้นึ จากการเสพส่อื โฆษณาประชาสมั พนั ธข์ องพรรคฟาสซิสต์ จนกระทงั่ อานาจของมสุ โสลนิ ี ท่มี นั่ คงมาก ทาให้ ไดร้ บั การแต่งตงั่ จากพระเจา้ วคิ เตอร์ เอมมานูแอล ใหด้ ารงตาแหน่ง นายกรฐั มนตรใี นปี 1922 ดงั ทก่ี ลา่ วไปแลว้ ขา้ งตน้

106 9 19 - 20 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries หลงั จากท่มี สุ โสลนิ ีไดค้ รองอานาจแลว้ ก็เร่ิมตน้ ดาเนินการสรา้ งความมนั่ คงในตาแหน่งดว้ ย การออกกฏหมายอเซอรโ์ บ ซง่ึ เป็น กฎหมายท่ใี หอ้ านาจกบั รฐั บาลอยา่ งมาก โดย การบงั คบั ใหพ้ รรคการเมอื งท่ไี ดร้ บั เสยี งขา้ งมาก ในการเลอื กตงั้ ไดร้ บั ท่นี งั่ ในสภามากถงึ 2 ใน 3 ซ่งึ เป็นการเปลย่ี นการปกครองของอิตาลอี ย่างมาก และเป็นจุดเร่มิ ตน้ ระบบการปกครองแบบเผดจ็ การ ของมสุ โสลนิ ี มสุ โสลนิ ีมอี านาจมนั่ คงมากเมอ่ื เขา้ สู่ปี 1928 รฐั สภาหมด บทบาททางการเมอื งการปกครอง พรรคฟาสซสิ ตเ์ ป็นพรรค การเมอื งเดยี วท่มี อี านาจ อิตาลตี กอยูใ่ นระบอบการปกครองแบบ เบด็ เสร็จ (Totalitarianism) ไมม่ กี ารเลอื กตง้ั หนงั สอื พมิ พ์ ไมส่ ามารถตีพมิ พข์ า่ วไดอ้ ย่างเสรี สหภาพกรรมกรไมส่ ามารถ เรยี กรอ้ งต่อรองใด ๆ กบั รฐั บาลได้ จนกระทงั่ ปี 1933 มสุ โสลนิ ีซ่งึ สามารถควบคมุ การเมอื ง ของอิตาลไี วใ้ นมอื ไดแ้ ลว้ ก็ยงั สามารถเขา้ ควบคุมเศรษฐกจิ ของอิตาลไี ดอ้ ีก โดยการเขา้ ควบคุม อุตสาหกรรมในอิตาลี โดยการกาหนดใหต้ วั แทนจากโรงงานทง้ั หมด มาเขา้ ร่วมการประชุมกบั พรรคฟาสซสิ ตเ์ พ่อื กาหนดค่าจา้ งแรงงาน ราคาสนิ คา้ และชวั่ โมงการทางานซ่งึ ทาให้ สหภาพ กรรมกร หมดบทบาทในอิตาลใี นทส่ี ดุ นอกจากน้ี ในปี 1929 มสุ โสลนิ ีไดเ้ ขา้ ควบคุมระบบการศึกษาในอิตาลีทง้ั หมด จากการทา สญั ญากบั สมเดจ็ พระสนั ตะปาปาไพอสั ท่ี 11 โดยยอมรบั ว่าวาติกนั เป็นรฐั เอกราช และ มอบเงนิ ใหศ้ าสนจกั รชดเชยการสูญเสียอาณาเขตรอบ ๆ วาติกนั ไปใหก้ ับอิตาลี คิดเป็นเงิน 105 ลา้ นดอลลา่ ร์ ทาใหพ้ ระสนั ตะปาปาไพอสั ที 11 พอพระทยั และชกั ชวนใหป้ ระชาชนอิตาลใี หห้ นั มาสนบั สนุนรฐั บาลฟาสซิสต์ แต่มเี งอ่ื นไขอีกประการทพ่ี ระสนั ตะปาปาไมพ่ อพระทยั คือ มสุ โส ลนิ ไี มย่ อมใหศ้ าสนจกั รมากาหนดระบบการศกึ ษาเช่นเดมิ แต่มสุ โสลนิ ีจะควบคมุ การศึกษาของ อิตาลเี องภายใตค้ าสงั่ จากรฐั บาลฟาสซสิ ต์ ในดา้ นนโยบายต่างประเทศรฐั บาลฟาสซิสตข์ องมุสโสลนิ ีในระยะแรกดาเนินนโยบาย สนั ติ แบบขยายอานาจ เพ่อื ป้องกนั การกระทบกระทงั่ กบั ประเทศมหาอานาจ จนกระทงั่ อิตาลมี นั่ คง ข้นึ แลว้ จึงดาเปล่ยี นแปลงนโยบาย โดยรฐั บาลฟาสซิสตไ์ ดท้ าการรุกรานและยดึ ครองดนิ แดน ต่าง ๆ ครงั้ สาคญั ๆ จานวน 4 ครงั้ คอื 1. การสนบั สนุนการเขา้ ยดึ ครองฟิ มูเอ ของ กาบริล แดนนนั ซิโอ ในปี 1919 2. วิกฤตการณค์ อรฟ์ ู ปี 1923 3. การผนวกอลั บาเนีย ปี 1939 4. การรุกรานเอธโิ อเปีย ปี 1937

9 19 - 20 107 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries “ให้นักเรียน วเิ คราะห์นโยบายขยายอานาจของมุสโสลินี ในชว่ งปี 1919 – 1937 โดยเลือกมาคน ละ 1 กรณี และวิเคราะห์ให้สอดคล้องกบั ประเดน็ ดังตอ่ ไปนี้” Human Right Diversity Social Justice Conflict Resolution Interdependence Global Citizenship Sustainable development Values & Perception สแกนเพอ่ื ทาออนไลน์

108 9 19 - 20 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries เยอรมนี กอ่ นเกดิ สงครามโลกครง้ั ท่ี 2 ในช่วงปี ค.ศ. 1934 เยอรมนีเป็นประเทศก่ึงโดดเด่ยี ว เน่ืองจากไม่มีพนั ธมิตรทางการทูตท่ีใหค้ วามสนบั สนุน แมแ้ ต่กับอิตาลีเองก็มีความสัมพันธ์ท่ีไม่ไดเ้ ป็นไปใน ทิศทางท่ีเป็นมิตร เน่ืองจาก เยอรมนี ภายใตก้ ารนาของ ฮิตเล่อรไ์ ดพ้ ยายามเขา้ ยึดครองออสเตรีย แต่ไม่สาเร็จ เน่ืองจากมสุ โสลินีไดเ้ ขา้ ขดั ขวาง เพราะมุสโสลนิ ีเองไม่ ตอ้ งการใหเ้ ยอรมนีมีเขตแดนติดกบั อิตาลี แต่เน่ืองจาก ทง้ั สองประเทศมนี โยบายท่ีสอดคลอ้ งกัน ทาใหใ้ นเวลา ต่อมาทงั้ สองประเทศก็ตอ้ งลงนามเป็นประเทศพนั ธมติ ร กนั ในท่ีสุด เรียกว่า แกนโรม-เบอรล์ ิน (Rome-Berlin Axis) การข้ึนมามอี านาจของฮติ เลอร์ หลงั สงครามโลกครง้ั ท่ี 1 ส้ินสุดลงเยอรมนีในฐานะ ประเทศผูแ้ พส้ งคราม ตกอยู่ในสภาวะท่ีอ่อนแอมาก ประกอบกบั การสละราชสมบตั ิของพระเจา้ ไกเซอร์ วิ ลเลยี มท่ี 2 ทาให้ เยอรมนตี กอยูใ่ นสภาวะขาดความมนั่ คง ทางจิตใจ ประเทศตอ้ งปกครองโดยรัฐบาลชัว่ คราว (Provisional Government) ภายใตก้ ารนาของ พรรค สั ง ค ม ป ร ะ ช า ธิ ป ไ ต ย (Social Democratic Government) แต่ก็เกิดความแตกแยกภายในพรรคจน ตอ้ งเกิดพรรคการเมอื งใหมเ่ ป็น 3 พรรค คือ 1. Majority Socialist 2. Independent Socialist 3. Spartacists พรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองท้ัง 3 น้ีต่างก็มี ความคิดท่ขี ดั แยง้ กนั อยู่ จนกระทงั่ เกิดเหตุการณ์ การก่อ กบฏโดยกลุ่มสปารต์ าซิสท์ ซ่ึงเกิดข้นึ ในเดือนมกราคม 1919 ซ่งึ ก่อการกบฎข้นึ ในกรุงเบอรล์ นิ แต่ถูกปราบปราม ไดจ้ ากการท่ีกองทพั บกของเยอรมนีไดเ้ ขา้ ปราบปราม เหตุการณ์น้ีส่งผลใหก้ องทัพบกของเยอรมนีกูค้ วาม น่าเช่ือถอื คืนมาจากประชาชนไดม้ าก หลงั จากการพ่ายแพ ้ ในสงครามโลกครง้ั ท่ี 1

9 19 - 20 109 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries “ใหน้ กั เรยี น สบื ค้นข้อมลู เกี่ยวกบั การก่อตงั้ สาธารณรัฐไวมาร์ ทาเปน็ รายบคุ คล” สแกนเพอ่ื ทาออนไลน์

110 9 19 - 20 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries ผลจากการจดั ตงั้ สาธารณรฐั ไวมาร์ และรฐั ธรรมนูญไวมาร์ ในปี ค.ศ. 1919 แลว้ เป็นช่วงท่ีเยอรมนีตกอยู่ในสภาวะ ของการเกิดความวุ่นวายทางการเมอื งและสงั คมอยา่ งมาก มกี ารก่อกบฎหลายครงั้ เช่น กบฏแคปป์ (Kapp Putsch) โดยเป็นการก่อจลาจลในปี ค.ศ. 1920 นาโดยกลุม่ ทหารท่ีไม่พ อใจรัฐบาล ของ ประธานาธิบดีอีแบร์ ประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณ รัฐไวมาร์ โดยมี เป้าหมายเพ่อื ใหร้ ฐั บาลลาออก และแต่งตง้ั ดร.แคปป์ มา ดารงตาแหน่งแทน ซ่งึ การก่อจลาจลครงั้ น้ีลม้ เหลวเพราะ ไดร้ บั การต่อตา้ นจากกลมุ่ ชาวนา และกรรมกร โดยการงด การใหบ้ รกิ ารสาธารณะทุกประเภทกบั กลมุ่ ผูก้ ่อการ ทาให้ ตอ้ งยกเลกิ ไปในทส่ี ุด กบฏมิวนิค หรือ กบฏโรงเบียร์ (Munich Putsch or Beer Hall Putsch) เป็นการก่อการกบฏภายใตก้ ารนาของ อดอรฟ์ ฮิต เลอร์ ร่วมมอื กบั จอมพลดูเลนดอรฟ์ เพ่อื โค่นลม้ อานาจ ของสาธารณรฐั ไวมารแ์ ละจดั ตง้ั การปกครองข้นึ ในรฐั บาวา เรีย และค่อย ๆ ขยายออกไปยงั เบอรล์ นิ แต่การก่อการ ลม้ เหลวเพราถูกปราบปรามได้ ส่งผลใหฮ้ ติ เลอรถ์ ูกจบั กุม และขงั คุกอยู่ 5 ปี จนกระทงั่ ในปี ค.ศ. 1924 กลุ่มฝ่ายขวาชาตินิยมและ พรรคคอมมิวนิสต์ไดร้ ับเสียงสนับสนุนเพ่ิมมากข้ึน จนกระทงั่ ในปี 1925 จอมพลฮินเดนเบิร์ก (Paul Von Hindenburg) ไดร้ บั การเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีฮิน เดนเบริ ก์ พยายามดาเนินนโยบายประนีประนอม ดว้ ยการ แต่งตง้ั บุคคลท่มี คี วามสามารถมาเพ่อื จดั ตงั้ รฐั บาลแต่ก็ไม่ ประสบผลสาเร็จเพราะไม่ไดร้ บั เสียงสนบั สนุนจากสภา และประชาชนมากพอ ในปี 1926 เยอรมนีไดเ้ ขา้ ร่วมเป็นสมาชิกขององคก์ ร สนั นิบาตชาติ ทาใหเ้ ป็นช่วงระยะเวลาท่ีเยอรมนีมีความ สงบเรียบรอ้ ยและมีความมนั่ คงทางการเมืองระหว่าง ประเทศในระดบั หน่ึงแต่ผลจากการเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ในปี ค.ศ. 1292 ทาใหเ้ กิดการเปล่ียนแปลงอย่างใหญ่ หลวงตามมาอีกครงั้

9 19 - 20 111 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries วิกฤตการณ์เศรษฐกจิ ตกตา่ ในปี 1929 ในปี ค.ศ. 1929 เกดิ ปญั หาเศรษฐกจิ ตกตา่ อย่างรุนแรงทวั่ โลก ทา ใหส้ ่งผลกระทบไปทวั่ ทุกประเทศในโลก เยอรมนีก็เป็นอีกหน่ึง ประเทศท่ีไดร้ บั ผลกระทบเช่นกนั โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม ทาให้ เกิดภาวการณ์ว่างงานของกรรมกรมากถงึ 6 ลา้ นคน นาไปสู่ การเดินขบวนประทว้ งเพ่อื เรยี กรอ้ งตาแหน่งงาน ส่งผลใหเ้กิดความ วุ่นวายตามมาในการปกครองประเทศ ท่ามกลางความวุ่นวายทาง การเมอื งและสงั คมของเยอรมนีนนั้ ในการเลือกตง้ั ปี ค.ศ. 1930 และ 1932 พรรคคอมมวิ นิสตแ์ ละพรรคนาซี เป็นพรรคการเมอื งท่มี ี คะแนนเสียงสนบั สนุนเพ่มิ มากข้นึ และกลายเป็นพรรคท่มี บี ทบาท สาคญั มากในเยอรมนี เยอรมนี เป็นประเทศทไ่ี ดร้ บั ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกตา่ อย่างรุนแรงท่สี ุดในยุโรปเน่อื งมาจาก เยอรมนียงั มพี นั ธะผูกพนั ตาม ขอ้ ตกลงใน สนธิสญั ญาแวรซ์ ายส์ เม่อื รฐั บาลไม่สามารถแกไ้ ข ปญั หาต่าง ๆ ไดท้ าใหป้ ระชาชนเร่ิมหนั มาใหก้ ารสนบั สนุนต่อพรรค การเมืองท่ีมีแนวนโยบายชาตินิยมอย่างรุนแรง เช่น พรรคนาซี ในขณะท่กี ลมุ่ ชนชน้ั กลางท่ไี ดร้ บั กระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกตา่ ก็ หวาดเกรงต่อการขยายอานาจของพรรคคอมมวิ นิสต์ จึงหนั มาให้ การสนบั สนุนพรรคนาซีแทน เป็นการเร่ิมตน้ มอี านาจทางการเมือง อย่างมนั่ คงของพรรคนาซภี ายใตก้ ารนาของ ฮิตเลอรใ์ นเวลาต่อมา โดยฮิตเลอรใ์ หไ้ ดค้ ามนั่ สญั ญากบั กลุ่มผูไ้ ดร้ บั ผลกระทบจากภาวะ เศรษฐกิจตกตา่ ทวั่ โลก ว่าจะใหส้ ่งิ ตอบแทนแก่ผูท้ ่ลี งคะแนนเสียง เลอื กตงั้ พรรคนาซ.ี ความพยายามจดั ตง้ั รฐั บาลของฮนิ เดนเบิรก์ ในระยะแรกช่วงปี ค.ศ. 1929 – 1932 ฮินเดนเบิรก์ ไม่ตอ้ งการใหฮ้ ิตเลอรข์ ้นึ มามอี านาจทางการ ปกครองมากนกั โดยเฉพาะในฐานะนายกรฐั มนตรี ดงั นน้ั ในการเลอื กตง้ั ปี ค.ศ. 1932 แมว้ ่าพรรค นาซจี ะไดร้ บั เสยี งขา้ งมากในการเลอื กตงั้ คอื 230 ท่นี งั่ แต่ก็ยงั ไมม่ ากพอท่จี ะจดั ตงั้ รฐั บาลได้ (ตอ้ งได้ 2 ใน 3) ดงั นั้น ฮินเดนเบิรก์ จึงมอบตาแหน่ง ผูจ้ ดั ตง้ั รฐั บาลใหก้ บั ฟอน ปาเปน (Franz Von Papen) แต่เน่ืองจาก ปาเปนยงั ไม่มอี านาจทางการเมอื งมากพอทาใหป้ าเปนไมส่ ามารถจดั ตงั้ รฐั บาล ได้ ทงั้ ๆ ทไ่ี ดเ้สนอตาแหน่งรองนายกรฐั มนตรีใหก้ บั ฮติ เลอรแ์ ลว้ กต็ าม ดงั นนั้ ในการเลอื กตง้ั ครงั้ ท่ี 2 ในปี 1932 ฮินเดนเบิรก์ จึงมอบตาแหน่งผูจ้ ดั ตงั้ รฐั บาลใหก้ บั นาย พลชไลเซอร์ (Kurt Von Schleicher) แต่ชไลเซอร์เองก็ยงั ไม่สามารถจัดตง้ั รฐั บาลไดแ้ ละยอม ลาออกไปในทส่ี ุด