Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เผยแพร่นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ BOND Model โดยครูจิรพล ลิวา

เผยแพร่นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ BOND Model โดยครูจิรพล ลิวา

Published by dlit_sm037, 2022-01-31 04:58:08

Description: เผยแพร่นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ BOND Model โดยครูจิรพล ลิวา

Search

Read the Text Version

112 9 19 - 20 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries จากสถานการณ์ดงั กลา่ วทาให้ ฮินเดนเบริ ก์ ไมม่ ที างเลอื กอ่นื นอกจากยอมมอบตาแหน่งนายกรฐั มนตรใี หก้ บั ฮิตเลอร์ และ ฮิตเลอรก์ ็ทาสาเร็จโดยการจดั ตงั้ รฐั บาลไดใ้ นวนั ท่ี 30 มกราคม ค.ศ. 1933 ท่ามกลาง ความหวงั ของผูส้ นบั สนุนว่าจะใชฮ้ ติ เลอรเ์ ป็นเคร่อื งมอื ในการกอบโกยผลประโยชน์ ซง่ึ สถานการณ์กลบั พลกิ ผนั ทงั้ หมด โดยหลงั จากท่ฮี ิตเลอรเ์ ป็นนายกรฐั มนตรีแลว้ ก็จดั การปกครองข้นึ ระยะสน้ั ๆ และเมอ่ื ทุกอย่าง ลงตวั แลว้ ในเดือน มีนาคม 1933 ฮิตเลอรก์ ็ประกาศยุบสภาและจดั การเลือกตงั้ ใหม่ โดยพยายามสรา้ ง อุปสรรคในการหาเสียงเลือกตง้ั ของพรรคอ่ืน ๆ เช่น การลอบวางเพลงิ รฐั สภา และป้ายความผิดไปใหก้ บั พรรคคอมมวิ นิสต์ พรอ้ มกบั ยุยงใหฮ้ ินเดนเบริ ก์ ประกาศภาวะฉุกเฉิน ผลปรากฏวา่ ท่ามกลางการประกาศ ภาวะฉุกเฉินพรรคการเมอื งอ่ืน ๆ ก็ไมส่ ามารถหาเสียงได้ ในขณะท่พี รรคนาซใี นฐานะรฐั บาล ก็ดาเนินการ ประชาสมั พนั ธต์ นเอง พรอ้ มกบั ใหค้ วามรุนแรงปราบปรามพรรคการเมอื งตรงขา้ มเพ่อื ใหน้ าซไี ดร้ ับเสยี งขา้ ง มากในสภามากทส่ี ดุ ผลปรากฏว่า การเลือกต้ังพรรคนาซีสามารถ จดั ตง้ั รฐั บาลได้ และ ฮิตเลอรไ์ ดบ้ ีบให้ รฐั สภา ผ่านกฎหมาย Enabling Act ซ่งึ เป็นการมอบ อานาจเผด็จการใหก้ บั ฮิตเลอรเ์ ป็นเวลา 4 ปี และฮิตเลอร์ก็ใชอ้ านาจอย่างระมัดระวัง เน่ืองจากหวาดเกรงในอานาจท่เี หนือกว่าตนของ ฮินเดนเบิรก์ จนกระทงั่ เม่อื ฮินเดนเบริ ก์ เสยี ชีวิต ไปใน เดอื นสงิ หาคม 1934 ฮิตเลอรจ์ ึงประกาศ แต่งตง้ั ตนเองเป็น ผูน้ าสูงสุดแห่งอาณาจกั รไรซ์ เยอรมนั (Fuhrer of The German Reich)

9 19 - 20 113 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries “ให้นกั เรยี น สืบคน้ และวิเคราะห์ถึง ปัจจัยที่ทาให้เกิดสงครามโลกครั้งท่ี 2 และ ผลกระทบ พรอ้ ม ท้ังอธบิ ายเชื่อมโยงกบั ประเด็นดังตอ่ ไปนี้” Human Right Diversity Social Justice Conflict Resolution Interdependence Global Citizenship Sustainable development Values & Perception สแกนเพ่อื ทาออนไลน์

114 9 19 - 20 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries “ให้นักเรียนศึกษาภาพต่อไปนแ้ี ลว้ อธบิ ายตามความเข้าใจ และ ความรสู้ ึกของนักเรียน” ……………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………… สแกนเพ่อื ทาออนไลน์

9 19 - 20 115 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries ในการอยู่ ร่วมกนั ของมนุษย์ ความขดั แยง้ ระหว่างกนั องคก์ ารระหว่างประเทศ หมายถึง องคก์ ารท่รี ฐั ตง้ั แต่สอง รฐั ข้นึ ไปร่วมกนั ก่อตงั้ มกี ารประชุมร่วมกนั เป็นประจา และมี เป็ นส่ิงท่ี หลีกเล่ียงไดย้ ากสาหรับสาเหตุของความ เจา้ หนา้ ท่ที างานเต็มเวลา นโยบายขององคก์ ารระหวา่ งประเทศ ขดั แยง้ มที งั้ เหตุผลทางดา้ นเศรษฐกิจ การเมือง ศาสนา จะเป็นไปเพ่อื ผลประโยชนส์ ่วนรวมของรฐั สมาชิก การเขา้ เป็น และความเช่ือจะเหน็ ไดว้ ่า ตลอดเวลาในประวตั ิศาสตร์ สมาชิกเป็นไปตามความสมคั รใจของรฐั ของมนุษยชาติ จะมีความขดั แยง้ เกิดข้นึ อยู่เสมอ ไมว่ ่า จะเป็ นความขัดแยง้ ในระดับท่ี ไม่รุนแรงนัก ไป องคก์ ารระหวา่ งประเทศตงั้ ข้นึ ดว้ ยวตั ถปุ ระสงคท์ ่แี น่นอน จนกระทงั่ ความขดั แยง้ ในระดบั ท่ีรุนแรงจนก่อใหเ้ กิด กลา่ วคือ ถา้ วตั ถุประสงคท์ จ่ี ดั ตงั้ ข้นึ มลี กั ษณะทวั่ ไปในการธารง สงคราม ตวั อย่างความขดั แยง้ ท่รี ุนแรงส่งผลกระทบต่อ รกั ษาสนั ตภิ าพและแกไ้ ขความขดั แยง้ ระหว่างประเทศ องคก์ าร มวลมนุ ษยชาติ เช่น สงครามโลกครั้งท่ี 1 และ ระหว่างประเทศนน้ั จะมีลกั ษณะเป็นสากล เช่น องค์การ สงครามโลกครง้ั ท่ี 2 ซ่งึ ก่อใหเ้กิดความเสยี หายทางดา้ น สหประชาชาติ ซ่งึ มแี นวทางในการแกไ้ ขความขดั แยง้ ต่างๆ เช่น ท รัพ ย์สิ น แ ล ะ ชี วิต ข อ งม นุ ษ ย์อ ย่ างม ห าศ าล การเจ รจ าขอ้ ต กลง การไกล่เกล่ีย การไต่ สวน การ ขณะเดียวกนั มนุษยก์ ็ตระหนักถึงผลเสียของความ ประนี ประนอ ม เป็ นต้น ถ้าวัตถุประสงค์ท่ี จัด ต้ังมี ขดั แยง้ ท่เี กดิ ข้นึ ทาใหต้ อ้ งคิดหาหนทางท่จี ะป้องกนั และ ลกั ษณะเฉพาะในเร่ืองใดเร่ืองหน่ึง เพ่ือรกั ษาผลประโยชนข์ อง สรา้ งสนั ติภาพร่วมกนั จึงเห็นความสาคญั ของความ กลมุ่ ประเทศ องคก์ ารระหว่างประเทศนน้ั จะเป็นองคก์ ารระดบั ร่วมมอื ระหว่างประเทศความร่วมมอื ระหว่างประเทศนน้ั ภูมภิ าค เช่น องคก์ ารสนธิสญั ญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโต นอกจากเป็นหนทางในการสรา้ งสนั ตภิ าพแลว้ ยงั เป็นการ เป็นตน้ องค์การระหว่างประเทศจึงเป็นภาพสะทอ้ นความ ประสานผลประโยชน์ร่วมกันท้ังทางดา้ นการค้า พยายามของรฐั ต่างๆ เพ่ือรกั ษาสนั ติภาพหรือพยายามยบั ยงั้ การทหาร ตลอดจนวฒั นธรรม จึงทาใหป้ ระเทศต่างๆ การใชก้ าลงั รุนแรงเขา้ ตดั สนิ ความขดั แยง้ ระหวา่ งประเทศ. เห็นความสาคญั ในการจดั ตง้ั องคก์ ารระหว่างประเทศ เพ่อื ประสานผลประโยชนใ์ นดา้ นต่างๆ ของตน

116 9 19 - 20 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries การประชุมใหญ่แห่งเวียนนา หรือท่เี รียกกนั ว่า คองเก ของเยอรมนีรวมทง้ั ดนิ แดนต่าง ๆ ของอิตาลี และร่วมกนั ก่ อ ต้ั ง ก ลุ่ ม อิ ท ธิ พ ล (spheres of influence) ซ่ึ ง รส แ ห่ งเวีย น น า (The Congress of Vienna) เป็ น ประกอบดว้ ย ประเทศฝรงั่ เศส ประเทศออสเตรีย ลกั ษณะความพยายามครง้ั แรกของมนุษยชาติท่ตี อ้ งการ ประเทศรสั เซยี และกลุ่มประเทศเครือจกั รภพองั กฤษ ซ่งึ แกป้ ญั หาความขดั แยง้ โดยการเจรจา เน่อื งจาก ก่อนหนา้ ท่ี ประเทศเหล่าน้ี อา้ งตวั เป็น กลุ่มผูม้ หี นา้ ท่ีตัดสินปญั หา จะมกี ารเร่ิมตน้ การประชุมคองเกรสแห่งเวยี นนาข้นึ น้นั ต่าง ๆ ท่เี กิดข้นึ ในระดบั ทอ้ งถ่นิ หรือภูมภิ าคยุโรป ส่งผล ยุโรปแกไ้ ขปญั หาความขดั แยง้ ดว้ ยการใชก้ าลงั ทางทหาร ให้ \"การประชมุ ใหญ่แห่งเวยี นนา\" มสี ถานะกลายมาเป็น มาตลอด การเจรจาจะเกิดข้นึ ก็ต่อเมอ่ื สงครามส้นิ สุดลง โครงร่างแบบอย่างของการก่อตัง้ องคก์ ารสนั นิบาตชาติ แลว้ และเป็นการเจรจาเพ่อื แบง่ ปนั ผลประโยชนเ์ ทา่ นน้ั และ องค์การสหประชาชาติ ในเวลา ต่อมา ตาม จุดประสงคข์ องการแสวงหาความสนั ติสุขจากบรรดาภาคี โดยการประชมุ คองเกรสแห่งเวยี นนา เป็น การประชมุ สมาชิก. ของคณะราชทูตจากรฐั ต่าง ๆ ในทรปิ ยุโรป โดยมแี กนนา ในการประชมุ ก็คอื รฐั บรุ ุษออสเตรยี เคลเมนนส์ เวนเซิล ฟ อ น เ ม ท เ ท อ ร์ นิ ช (Klemens Wenzel von Metternich) ทาหนา้ ท่ีเป็นประธานในท่ีประชุม โดย จัดการประชุมกันท่ีกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ระหว่างเดอื นพฤศจิกายน ปี 1814 จนถงึ เดือนมถิ ุนายน ปี 1815 การประชมุ คองเกรสแห่งเวยี นนามวี ตั ถุประสงคเ์ พ่ือ ทาการตกลงกนั ในปญั หาต่าง ๆ ท่เี กิดข้นึ จากความยุ่งยาก ในยุโรป โดยเฉพาะ ปญั หาเร่ืองดนิ แดน ท่ปี รากฏออกมา เป็นสงครามครงั้ ใหญ่ ๆ ไดแ้ ก่ สงครามปฏิวตั ิฝรงั่ เศส สงครามขยายอานาจของฝรงั่ เศสโดยจกั รพรรดินโปเลยี น และ สงครามท่นี าไปสู่การยุบรวมจกั รวรรดิโรมนั อนั ศกั ด์ิ สิท์ิ ซ่ึงเคยย่ิงใหญ่และมีอิทธิพลสูงท่ีสุดในยุโรปลง โดย มรมีวตั ถุประสงค์หลกั ก็คือ ตอ้ งการใหม้ ีการทาแผนท่ี ทางการเมอื งของยุโรปใหม่ทงั้ หมดหมด เพ่อื ป้องกนั การ ลุกลา้ อาณาเขตซ่งึ กนั และกนั ส่งผลใหเ้กิดเป็นการก่อตง้ั เขตแดนฝรัง่ เศส , ดินแดนวอร์ซอของนโปเลียน , ประเทศเนเธอรแ์ ลนด์ , รฐั ต่าง ๆ ทเ่ี ดมิ เป็นส่วนหน่ึงของ สมาพนั ธรฐั แหง่ ไรน์ , แควน้ แซกโซนี

9 19 - 20 117 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries “ให้นักเรียน วิเคราะห์ผลกระทบต่อสังคมโลกในดา้ นตา่ ง ๆ ทีเ่ กิดมาจากการประชุมคองเกรสแห่ง เวยี นนา พรอ้ มท้งั วพิ ากษใ์ นกรณที ี่มคี วามน่าสนใจในความคดิ ของนักเรยี น” สแกนเพ่อื ทาออนไลน์

118 9 19 - 20 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries องคก์ ารสนั นิบาตชาติ (League of Nations) สนั นิบาตชาตเิ ป็นองคก์ ารท่ตี งั้ ข้นึ ตามสนธิสญั ญาแวรซ์ าย องคก์ รสนั นิบาตชาติประกอบดว้ ย และสนธิสญั ญาอ่นื ๆ ท่ที าข้นึ เมอ่ื ส้นิ สุดสงครามโลกครง้ั ท่หี น่ึง และสถาปนาเป็นองคก์ ารระหว่างประเทศเมอ่ื วนั ท่ี 10 มกราคม สมชั ชา (General Assembly) เป็นท่ปี ระชุมใหญ่ ค.ศ. 1920 (ปี 2463 ตรงกบั สมยั รชั กาลท่ี 6) โดยผูท้ ม่ี บี ทบาท ประกอบดว้ ยผูแ้ ทนจากประเทศสมาชิกต่างๆ มีสิทธิ สาคญั ในการเสนอแนวคิดการก่อตงั้ องคก์ ารน้ี มาจากแนวคิด ออกเสยี งไดป้ ระเทศละ 1 เสยี ง ในการหาแนวทางสรา้ งสนั ติภาพของโลกตาม นามกฎบตั ร 14 ขอ้ ของประธานาธิบดวี ูดโรว์ วลิ สนั ต่อทป่ี ระชมุ ใหญ่ จนมมี ติ คณ ะมนตรี (Council) ประกอบดว้ ยสมาชิก เหน็ ชอบใหก้ ่อตงั้ ประเภทถาวร คือ องั กฤษ ฝรงั่ เศส อิตาลี ญ่ีปุ่น เยอ รมณี รสั เซยี สาหรบั สหรฐั อเมริกาไมไ่ ดเ้ขา้ เป็นสมาชิก สนั นิบาตชาติก่อตงั้ ข้นึ ตามวตั ถุประสงคห์ ลกั ขององคก์ าร เพราะมนี โยบายไม่เขา้ ไปแทรกแซงกิจการของประเทศ สนั นิบาตชาติ โดยมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พ่อื รกั ษาสนั ตภิ าพและความ ยุโรป มนั่ คงระหวา่ งประเทศ มหี นา้ ท่สี าคญั สองประการ คอื สานกั เลขาธิการ (Secretariat) ทาหนา้ ท่ีธุรการ 1. ดูแลใหม้ กี ารปฏิบตั ิเป็นไปตามสนธิสญั ญาดงั กล่าว ทวั่ ไป ขา้ งตน้ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (The International 2. ใหโ้ ลกมสี นั ตภิ าพและความมนั่ คงระหว่างประเทศ court of Justice) ทาหน้าท่ีพิจารณ ากรณี พิพ าท ระหว่างประเทศสมาชิก มีสานักงานตั้งอยู่กรุงเฮก ประเทศเนเธอรแ์ ลนด์ องคก์ ารแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization) มีฐานะเป็นองค์กรอิสระ แต่ ข้นึ ตรงต่อองคก์ ารสนั นิบาตชาติโดยตรง

9 19 - 20 119 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries สนั นิบาตชาติมีเลขาธิการทาหนา้ ท่ีบริหารงานขององค์กรเช่นเดียวกับเลขาธิการ สหประชาชาติในปจั จุบนั น้ี มจี านวน 3 คนไดแ้ ก่ Sir Eric Drummond ชาวองั กฤษ (ค.ศ. 1920-1933) นาย Joseph Avenol ชาวฝรงั่ เศส (ค.ศ.1933-1940) และนาย Sean Lester ชาวไอรแ์ ลนด์ (ค.ศ.1940-1946) ในช่วงแรกของการดาเนินงาน สนั นิบาตชาติประสบความสาเร็จท่สี าคญั หลายดา้ น เช่น การระงบั ขอ้ พิพาทระหว่างสวีเดน-ฟินแลนด์ เสริมสรา้ งหลกั ประกนั เสถียรภาพ ของอลั เบเนยี ช่วยเหลอื ออสเตรยี จากความลม้ เหลวทางเศรษฐกจิ จดั แบง่ เขตแดนของ Upper Silesia (แควน้ หน่ึงในโปแลนด)์ ป้องกนั การเกิดสงครามในคาบสมทุ รบอล ขา่ นระหวา่ งกรซี -บลั แกเรยี นอกจากน้ี ยงั ใหค้ วามช่วยเหลอื ผูล้ ้ภี ยั จากสงคราม ขดั ขวางการคา้ ทาสและการคา้ ฝ่ิน การริเร่มิ การสารวจดา้ นสุขอนามยั การใหค้ วามช่วยเหลอื ทางการเงนิ แก่รฐั ทย่ี ากจน การประชุมสนั นิบาตชาติครงั้ แรกเม่อื ค.ศ. 1920 แต่สนั นิบาตชาติมีอายุสน้ั เน่ืองจากมอี ุปสรรคสาคญั ท่สี ุดประการหน่ึง คือ สหรฐั อเมริกา ซ่ึงเร่ิมฉายแววความ เป็นชาติมหาอานาจ ไม่ไดร้ ่วมเป็นสมาชิกขององคก์ าร ประเทศสมาชิกหลายประเทศ เร่ิมไม่เคารพต่อการปฏิบตั ิตามขอ้ มติของสนั นิบาตชาติ มีการรุกรานดินแดนต่างๆ อย่างต่อเน่ืองทงั้ ในยุโรป เอเชีย และแอฟริกา โดยท่สี นั นิบาตชาติไม่สามารถระงบั ขอ้ พิพาทได้ การท่ญี ่ีปุ่นเขา้ ยึดครองดนิ แดนแมนจูเรียเม่อื ค.ศ. 1931 และถอนตวั จาก การเป็นสมาชิกสนั นิบาตชาติในปี ค.ศ. 1933 การไม่สามารถระงบั สงคราม Chaco War ระหว่างโบลิเวีย-ปารากวยั (ค.ศ. 1932-1935) เป็นเหตุการณ์สาคญั ท่ีทาลาย เกยี รตภิ ูมขิ ององคก์ รอยา่ งย่งิ ตงั้ แต่ปี ค.ศ. 1933-1939 มเี หตุการณ์สาคญั ต่างๆ เกิดข้นึ อนั นาไปสู่สงครามโลก ครง้ั ท่ีสอง และการส้ินสุดของสนั นิบาตชาติ เช่น อิตาลสี ่งกาลงั โจมตีและยึดครอง เอธิโอเปียเพ่อื ตอบโตม้ าตรการควา่ บาตรทางเศรษฐกิจของสนั นิบาตชาติ เยอรมนั ถอน ตวั จากการเป็นสมาชกิ ส่งกองกาลงั ทหารเขา้ ดนิ แดนไรนแ์ ลนด์ ถอนตวั จากสนธิสญั ญา แวรซ์ ายสแ์ ละบุกยดึ ออสเตรีย สงครามกลางเมอื งในสเปน ญ่ปี ุ่นกลบั มาทาสงครามกบั จีนอีกครงั้ หน่ึง และการท่ีสนั นิบาตชาติขบั รสั เซียออกจากองคก์ รเน่ืองจากบุกโจมตี ฟินแลนด์ สนั นบิ าตชาติมกี ารประชมุ สมยั สุดทา้ ยเมอ่ื วนั ท่ี 14 ธนั วาคม ค.ศ. 1939 (ปี 2482) และหมดสภาพเป็นองค์การระหว่างประเทศลงเม่อื วนั ท่ี 1 สิงหาคม ค.ศ. 1946 (ปี 2489 ตรงกับสมัยรัชกาลท่ี 8) ทรัพย์สินท่ีมีอยู่ท้ังหมดไดโ้ อนไปใหอ้ งค์การ สหประชาชาติ

120 9 19 - 20 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries จุดอ่อนและความลม่ เหลวขององคก์ ารสนั นิบาตชาติ 1) การท่สี หรฐั อเมรกิ าไมไ่ ดเ้ขา้ เป็นสมาชกิ เน่ืองมาจากรฐั สภาของ อเมริกาไม่ยอมรบั สตั ยาบนั (อนั เน่ืองมาจากจากอิทธิพลของวาทะมอนโร) ทา ใหอ้ งคก์ ารสนั นบิ าตชาติขาดกาลงั สาคญั 2) ไม่มกี องกาลงั ทหารของตนเอง ซ่ึงไม่มกี าลงั ทหารในการแกไ้ ข ปญั หาความขดั แยง้ ระหวา่ งประเทศ 3) ประเทศสมาชกิ ไมป่ ฏบิ ตั ิตามกตกิ าของสนั นบิ าตชาติ เช่น กรณีท่ี ญ่ปี ่นุ บุกแมนจูเรียของจนี 4) การขยายตวั ของเผด็จกาทงั้ ในยุโรปและเอเชีย อาทเิ ช่น การก่อ ตวั ของนาซใี นเยอรมนั การก่อตวั ของฟาสซสิ ตใ์ นอิตาลี และในญ่ีปุ่น และ การเผชิญหนา้ กนั ระหว่างประเทศของประเทศทม่ี รี ูปแบบการปกครองต่างกนั ขอ้ สงั เกต ในการก่อตง้ั องค์การสนั นิบาตชาติ ประเทศสหรฐั อเมริกา ไม่ไดเ้ ขา้ เป็นสมาชิกเพราะตอ้ งปฏิบัติตามลทั ธิ /วาทะมอนโร (Monroe Doctrine) ซ่งึ มนี โยบาย1ไ4ม่ยุ่งเก่ียวหรือผูกพนั ทางการเมอื งกบั ประเทศทาง ยุโรป นบั เป็นความบกพร่องทส่ี าคญั ท่สี ุดขององคก์ ารสนั นบิ าตชาติ องคก์ ารสนั นิบาตชาติ 14 สนั ชยั สวุ งั บตุ ร , ทรรศปณประวตั ิศาสตรใ์ นยุโรปยคุ ใหม่ , กรุงเทพฯ : สานกั พมิ พม์ ติชน , 2553. หนา้ 47-50.

9 19 - 20 121 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries “ให้นักเรียน วิเคราะห์ผลกระทบต่อสังคมโลกในด้านต่าง ๆ ที่เกิดมาจากการจัดต้ังองค์การ สันนบิ าตชาติ พร้อมทั้งวพิ ากษ์ในกรณที ม่ี คี วามน่าสนใจในความคิดของนกั เรยี น” สแกนเพ่อื ทาออนไลน์

122 9 19 - 20 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries องค์การสหประชาชาติก่อต้ังข้ึนเม่ือวนั ท่ี 24 ตุลาคม 2488 (ค.ศ. 1945) ภายหลงั สงครามโลกครง้ั ท่สี องส้นิ สุด ลง มวี ตั ถุประสงค์ท่ีสาคญั คือ ธารงไวซ้ ่งึ สนั ติภาพและ ความมนั่ คงระหว่างประเทศ การส่งเสริมสิทธิมนุษยชน การเคารพในหลกั ความยุติธรรมและกฎหมายระหว่าง ประเทศ การส่งเสริมความเจริญกา้ วหนา้ ทางเศรษฐกิจ และสังคม ขอ งประชาก รโลก ต ลอ ดจ น ส่งเสริม ความสมั พนั ธอ์ นั ดรี ะหว่างประเทศ อ งค์ก าร ส ห ปร ะ ชาช าติ มีสานัก งาน ให ญ่ อ ยู่ ท่ีน ค ร นิวยอรก์ ประเทศสหรฐั อเมริกา ปจั จุบนั มีสมาชิก 189 ประเทศ ประกอบดว้ ยองค์กรหลกั 6 องค์กร คือ สมชั ชา (General Assembly) คณะมนตรีความมนั่ คง (Security Council) คณ ะมนตรีเศรษฐกิจและสงั คม (Economic and Social Council : ECOSOC) ค ณ ะ ม น ต รี ภ าว ะ ท รัส ตี (Trusteeship Council) ศ าล ยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice) และสานกั เลขาธิการ (Secretariat) องคก์ รต่าง ๆ เหล่าน้ีมีสานักงานอยู่ท่ีนครนิวยอร์ก ยกเวน้ ศาล ยุติธรรมระหว่างประเทศ ต้ังอยู่ท่ีกรุงเฮก ประเทศ เนเธอรแ์ ลนด์

9 19 - 20 123 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries บทบาทดา้ นการสง่ เสรมิ สนั ตภิ าพและรกั ษาความมนั่ คงระหว่างประเทศ ในช่วงทศวรรษท่ี 1980 ซ่งึ เกิดกรณีปญั หากมั พูชา ประเทศไทยไดม้ บี ทบาทนาอย่าง แข็งขนั ร่วมกบั อาเซียนในการแกไ้ ขปญั หาในประเทศเพ่ือนบา้ นโดยดาเนินการผ่านเวที สหประชาชาติ ต่อมาหลงั จากสหประชาชาติไดป้ รบั บทบาทใหส้ อดคลอ้ งกบั บรรยากาศ ทางการเมอื งระหว่างประเทศหลงั จากการยุตขิ องสงครามเยน็ ประเทศไทยไดเ้พ่มิ บทบาท ในดา้ นการเขา้ ร่วมปฏบิ ตั ิการรกั ษาสนั ตภิ าพของสหประชาชาติท่ตี งั้ อยู่ในภมู ภิ าคต่าง ๆ ทวั่ โลก เน่ืองจากพิจารณาเห็นวา่ สหประชาชาติเป็นเสมอื นตวั แทนประชาคมโลก ดงั นนั้ การ ใหส้ หประชาชาตดิ ูแลรกั ษาสนั ติภาพและความมนั่ คงจึงเป็นประโยชนแ์ ก่ประเทศท่มี กี าลงั ทางทหารขนาดเลก็ อย่างไทยมากกว่าท่จี ะใหป้ ระเทศใดประเทศหน่ึงใชก้ าลงั ฝ่ายเดียวเพ่อื ยุตขิ อ้ ขดั แยง้ นอกจากน้ี ในฐานะประเทศสมาชิกท่ดี ขี องสหประชาชาตไิ ทยไดพ้ ยายามให้ การสนบั สนุนบทบาทของสหประชาชาติเทา่ ท่สี ถานภาพและกาลงั ทรพั ยจ์ ะเอ้ืออานวย วัตถปุ ระสงคห์ ลกั 4 ประการคอื 1.รกั ษาสนั ตภิ าพโลก 2.พฒั นาความสมั พนั ธฉ์ นั ทม์ ติ รในหมปู่ ระเทศ 3.ช่วยเหลือคนจนใหม้ ีชีวิตท่ีดีข้นึ ขจดั โรคภัยไขเ้ จ็บและความไม่รู ้ หนงั สอื ในโลก และส่งเสริมใหเ้กดิ ความเคารพในสทิ ธิและเสรภี าพของกนั และกนั 4.เป็นศูนยส์ าหรบั ช่วยเหลอื ประเทศต่างๆ ใหบ้ รรลถุ งึ เป้าหมายท่วี างไว ้

124 9 19 - 20 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries องคก์ ารสหประชาชาติมีหน่วยงานหลกั อยู่ 6 แห่ง (Organization Chart of the United Nation System) 1.สมชั ชา (General Assembly) เป็นหน่วยงานกลางของสหประชาชาติ มหี นา้ ท่ีจดั ประชมุ โดยประชมุ ปกติปีละครงั้ เร่มิ เดอื นกนั ยายน เป็นเวลาอย่างนอ้ ย 3 เดือน แต่การประชมุ ฉุกเฉินอาจมขี ้นึ ไดท้ ุกเมอ่ื ในเร่อื งของวนั วิสาขบูชาท่ไี ดร้ บั ใหเ้ป็นวนั สาคญั ของโลก กม็ มี ตมิ าจาก การประชมุ น้ี โดยประเทศศรลี งั กาเป็นผูเ้สนอ 2.คณะรฐั มนตรีความมนั่ คง (Security Council) ถูกกาหนดใหเ้ ป็นผูด้ ูแลในเร่ือง สนั ติภาพของโลก เหมือนเป็นตารวจโลกนั้นเอง ประกอบดว้ ยสมาชิก 15 ประเทศ โดยมี 5 ประเทศเป็นสมาชกิ ถาวร ไดแ้ ก่ สหรฐั อเมริกา จีน ฝรงั่ เศส สหพนั ธร์ สั เซยี สหราชอาณาจกั ร 3.คณะรฐั มนตรีเศรษฐกจิ และสงั คม (Economic and Social Council - ECOSOC) มหี นา้ ท่เี ก่ียวขอ้ งกบั ปัญหา เศรษฐกิจ การคา้ การขนส่ง การขยายอุตสาหกรรม และปญั หาการ พฒั นาและสงั คม รวมทง้ั เร่ือง ประชากร เด็ก ท่ีอยู่อาศัย สิทธิสตรี การแบ่งผิว ยาเสพติด อาชญากรรม สวสั ดกิ ารสงั คม เยาวชน ส่งิ แวดลอ้ มมนุษย์ และอาหาร โดยมหี น่วย งานชานาญ พเิ ศษ ทาหนา้ ท่ศี ึกษาปญั หา ทาขอ้ เสนอแนะและใหค้ วามช่วยเหลอื เช่น ILO องค์การแรงงาน ระหว่างประเทศ (International Labour Organization), FAO องคก์ ารอาหารและการเกษตร แ ห่ งส ห ป ร ะ ช าช าติ (Food and Agriculture Organization of the United Nations), UNESCO องค์การศึกษา วิทยาศาสตรแ์ ละวฒั นธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Educational, Science and Culture Organization), WTO องค์การการค้าโลก (World Trade Organization) เป็นตน้ 4.คณะมนตรีภาวะทรสั ตี (Trusteeship Council) ทาหนา้ ท่ีช่วยดูแลดินแดนท่ยี งั ไม่ เป็นประเทศ โดยจะตรวจตราความกา้ วหนา้ ทางสงั คม ของประชาชนท่อี าศยั อยู่ในดนิ แดนเหลา่ น้ี ภายหลงั การดาเนนิ งาน เกอื บ 50 ปี คณะมนตรีฯ ไดห้ ยุดการปฏบิ ตั ิงานอย่างเป็นทางการแลว้ 5.ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice) หรือรูจ้ กั กนั นาม “ศาลโลก” นนั่ เอง ทาหนา้ ท่ีตดั สินขอ้ พิพาทระหว่างประเทศเท่านนั้ ตงั้ อยู่ท่ีกรุงเฮก ประเทศ เนเธอรแ์ ลนด์ มผี ูพ้ พิ ากษา 15 คน ซ่งึ เลอื กโดย สมชั ชาและคณะมนตรคี วามมนั่ คง ผูพ้ พิ ากษา 2 คน จะมาจากประเทศเดยี วกนั ไมไ่ ด้ 6.สานกั เลขาธิการ (Secretariat) เลขาธิการคนปจั จุบนั คือนายบนั คีมนู จากประเทศ เกาหลี เลขาธิการทาหนา้ ท่เี ป็นกรรมการตดั สนิ ปญั หาขดั แยง้ ระหว่างประเทศสมาชิก บางครง้ั อาจ เป็นผลจากการไกล่เกล่ยี หรือตาแหน่งหนา้ ท่ี ในการแกไ้ ขปญั หา โดยมติ อ้ งนาเร่ืองเขา้ สู่คณะ มนตรีความมนั่ คงหรือสมชั ชาแต่อยา่ งใด

9 19 - 20 125 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries “ให้นักเรียน วิเคราะห์ผลกระทบต่อสังคมโลกในด้านต่าง ๆ ท่ีเกิดมาจากการจัดตั้งองค์การ สหประชาชาติ พรอ้ มทั้งวพิ ากษใ์ นกรณีท่มี คี วามน่าสนใจในความคิดของนักเรยี น” สแกนเพ่อื ทาออนไลน์

126 9 19 - 20 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries  15 เทคโนโลยี อวกาศ การจากรรม เศรษฐกิจ และ ทาสงครามผ่านสงครามตวั แทน 1. สงครามเยน็ :: ความหมาย  เกิดข้ึนใน ค.ศ. 1947-1991 เป็นการต่อสูก้ ัน ระหว่างกลุ่มประเทศ 2 กลมุ่ ท่มี อี ุดมการณ์ทาง การเมืองและระบบการเมืองต่างกัน เกิดข้ึน ในช่วงหลงั สงครามโลกครงั้ ท่สี อง ฝ่ายหน่ึงคือ สหภาพโซเวียต เรียกว่า ค่ายตะวนั ออก ซ่ึง ปกครองดว้ ยระบอบคอมมวิ นิสต์ อกี ฝ่ายหน่ึง คื อ ส ห รัฐ อ เม ริ ก า แ ล ะ ก ลุ่ ม พัน ธ มิ ต ร เรียกว่า ค่ายตะวนั ตก ซ่ึงปกครองดว้ ยระบอบ เสรีประชาธิปไตยซ่งึ ในช่วงเวลาดงั กล่าวทง้ั สอง ฝ่ายไดแ้ ข่งขนั ในดา้ นการสะสมอาวุธ 15 http://th.wikipedia.org/wiki/สงครามเยน็

9 19 - 20 127 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries เม่อื สงครามโลกครงั้ ท่สี องเสร็จส้นิ ลง ดินแดน เกือบทุกแหง่ โดยเฉพาะในยุโรปเสยี หายจากการ 16 สูร้ บท้ังภาคพ้ืนดินและการท้ิงระเบิดของคู่ สงคราม ผูค้ นเสยี ชวี ติ ทวั่ โลกกว่า 50 ลา้ นคน ผู้ อพยพไม่มีทอ่ี ยู่อาศยั กว่า 25 ลา้ นคน ในยุโรป ตะวนั ออกและเยอรมนีมปี ระชาชนกว่า 15 ลา้ น คนถูกขบั ออกจากประเทศต่าง ๆ ทุกขย์ ากของประชาชนนอกจากการเสียชีวิต พลดั พรากครอบครวั และไมม่ ที อ่ี ยู่อาศยั แลว้ ปญั หาท่สี าคญั คือ การไม่มงี านทา และปญั หา การเก็บเก่ียวพืชผลเกษตรไม่ไดผ้ ล ในยุโรป สามารถเกบ็ ผลผลติ การเกษตรไดเ้พยี งคร่งึ เดยี ว ของผลผลติ ในช่วงก่อนสงคราม(ค.ศ.1939) หลงั สงครามโลกครงั้ ท่สี องมหาอานาจ ท่ยี งั คงมพี ลงั ทางทหารและเศรษฐกิจมนั่ คงกว่า ชาตอิ ่นื ๆ คอื สหรฐั อเมริกาและสหภาพโซเวยี ต แม้สหรัฐจะเสียก าลังพ ลไปจานวนมาก โดยเฉพาะในการรบภาคพ้นื แปซฟิ ิค ดนิ แดนใน สหรัฐฯไม่ไดเ้ ป็นสมรภูมิ ยกเวน้ ฮาวาย หลงั สงครามโลกส้ินสุด สหรฐั จึงมีฐานะเป็นผูน้ า สมั พันธมิตรอีกสองชาติ คือ ฝรัง่ เศสและ องั กฤษ ในการยึดครองเยอรมนตี ะวนั ตก ส่วน สหภาพ โซเวยี ตแมจ้ ะเสียหายจากการบุกของ เยอรมนีแต่กส็ ามารถโจมตรี ุกไล่กองทพั เยอรมนี ออกไปได้ ทง้ั ยงั สามารถเขา้ ไปยดึ ครองเยอรมนี ตะวนั ออก เม่ือไดป้ ลดปล่อยประเทศในยุโรป ตะวนั ออกจากการยดึ ครองของกองทพั เยอรมนี แลว้ กองทพั สหภาพโซเวยี ตก็ถอื โอกาสตงั้ ทพั และหาประโย ชน์ในประเทศเหล่านั้นแ ม้ สงครามโลกยุตลิ งแลว้ ก็ตาม 16 ผสุ ดี จนั ทวมิ ล , ประวตั ิศาสตรส์ หภาพโซเวยี ตรุสเซยี , กรุงเทพฯ : มหาวทิ ยาลยั รามคาแหง , ๒๕๓๐. หนา้ ๕๔.

128 9 19 - 20 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries ลกั ษณะเฉพาะของสงครามเยน็  สงครามเย็น เป็นสงคราม17ท่ีไม่มีการ ใหก้ บั ประเทศยุโรปตะวนั ออกดว้ ย แต่สหภาพโซ ปะทะกนั ระหว่างผูน้ ากลุ่มคือสหรฐั อเมริกาและ เวยี ตคดั คา้ น และกล่าวหาวา่ สหรอั เมริกาใชเ้ งนิ สหภาพโซเวยี ต แต่เป็นการแข่งขนั กนั ดา้ นการ ซ้อื ประเทศเหล่านน้ั ต่อมาสหภาพโซเวยี ต จงึ สรา้ ง พฒั นาและสะสมอาวุธนิวเคลยี ร์ การสรา้ ง ป ร ะ ก า ศ ตั้ ง The Council for Mutual เครือขา่ ยพนั ธมติ รทางทหาร การแข่งขนั และกีด Economic Assistance ห รือ โค มิน ค อ น กนั ทางเศรษฐกจิ การคา้ ระหวา่ งประเทศ การสบื (COMINCON) สาหรบั ใหค้ วามช่วยเหลอื ทาง ราชการลบั การโฆษณาชวนเช่อื การแขง่ ขนั การ เศรษฐกจิ แก่ประเทศในยุโรปตะวนั ออก แต่ไม่มี เดินทางนอกโลก สารวจอวกาศ เร่ิมจากการท่ี ประสทิ ธภิ าพนกั เพราะมเี งนิ ทนุ ไม่มากนกั สหภาพโซเวยี ตสามารถส่งมนุษยค์ นแรกออกไป เยอรมนีเป็ นจุดท่ีสองมหาอานาจมี ในอวกาศไดแ้ ละการสนบั สนุนใหก้ ลุ่มประเทศ โอกาสกระทบกระทงั่ กนั ไดม้ ากท่ีสุด เม่ือเขต พนั ธมิตรทาสงครามตวั แทนหรือ proxy war ปกครองขององั กฤษ ฝรงั่ เศสและสหรฐั รวมกนั การสรา้ งเขตอิทธิพลประจัญ หน้าระหว่าง เป็นเขตเดียวและมหาอานาจใหจ้ ดั การเลือกตงั้ มหาอานาจ ตามระบอบประชาธิปไตย ปรากฏว่าประชาชน ประธานาธิบดีเฮนรี ทรูแมนแห่ง นิยมสงั คมนิยมประชาธิปไตยและต่อตา้ น สหรฐั อเมริกาไดต้ ระหนักถึงการคุกคามของ คอมมิวนิสต์ สหภาพโซเวยี ตเกรงว่าความคิด คอมมิวนิสต์ในบริเวณ เมดิเตอร์เรเนีย น ดงั กล่าวจะกระจายไปสู่เขตปกครองของตน จึง ตะวนั ออก เม่อื องั กฤษถอนตวั จากการยึดครอง แสดงอานาจโดยการปิดกนั้ เสน้ ทางคมนาคมไปสู่ ดินแดนแถบน้ี และเป็นไปไดม้ ากท่ีสหภาพ เบอร์ลนิ ตะวนั ตก ทาใหเ้ ขตเบอร์ลินตะวนั ตก โซเวยี ตจะเขา้ มาแทรกแซงแทน จงึ เป็นทม่ี าของ ขาดแคลนอาหาร เคร่ืองอุปโภคบริโภคอย่าง คาประกาศทรูแมน ( The Truman Doctrine ) รุนแรงต่อเน่ือง สหรฐั อเมริกาและสมั พนั ธมติ ร ซ่ึงใหค้ วามช่วยเหลือกรีซ ในค.ศ. 1947 ใน ตอ้ งใชเ้ คร่ืองบินนาอาหารและเคร่ืองอุปโภค กรณี ท่ีถูกคุกคามจากคอมมิวนิสต์ แสดง บริโภคอ่นื ๆ ไปใหก้ ว่า 200,000 เท่ยี วบิน เป็น เจตนารมณส์ กดั กน้ั อทิ ธพิ ลของสหภาพโซเวยี ตน เวลากว่า 10 เดือน สหภาพโซเวยี ตจงึ ยอมเปิด อกเขตยุโรปตะวนั ออก ต่อมาสหรฐั อเมริกาได้ เสน้ ทางใหด้ งั เดมิ ประกาศแผนการมารแ์ ชล เสนอใหเ้งนิ ช่วยเหลอื ประเทศต่างๆ ทม่ี ปี ญั หาทางเศรษฐกจิ โดยจะ 17 ศริ พิ ร ชนะสทิ ธ์ิ , ประวตั ศิ าสตรร์ ุสเซีย , สงขลา : มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ ภาคใต้ , ๒๕๓๗. หนา้ ๑๖๓.

9 19 - 20 129 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries The North Atlantic Treaty Org1a8nization เป็ นองค์การ ความร่วมมือทางทหาร ตงั้ ข้ึนในเดือนเมษยน ค.ศ. 1949 ประเทศ สมาชิกไดแ้ ก่ เบลเยียม ลกั เซมเบอรก์ ฝรงั่ เศส เนเธอรแ์ ลนด์ องั กฤษ อิตาลี เดนมารค์ นอรเ์ วย์ โปรตเุ กส ไอซแ์ ลนด์ ทกุ ประเทศลงนามใน สนธสิ ญั ญาป้ องกนั ตนเองร่วมกนั กบั สหรฐั อเมริกาและแคนาดา เพ่ือ รบั ประกนั วา่ ถา้ ประเทศใดถกู รกุ ราน ประเทศทเ่ี หลอื จะเขา้ ช่วยเหลอื ในปีต่อมาเยอรมนีตะวนั ตก เตอรก์ ีและกรีซไดเ้ขา้ ร่วมดว้ ย ในค.ศ. 1955 สหภาพโซเวยี ตไดต้ งั้ องคก์ าร Warsaw Pact เป็นการตอบโตโ้ ดยรวมกลุม่ พนั ธมติ รทางทหาร ประเทศสมาชกิ อยู่ใน ยุโรปตะวนั ออก ไดแ้ ก่ สหภาพโซเวยี ต อลั บาเนีย บลั กาเรยี เชค็ โกสโลวาเกีย เยอรมนตี ะวนั ออก ฮงั การี โปแลนด์ โรมาเนีย การรวมกลมุ่ NATO และ WARSAW PACTทาใหย้ ุโรปกลบั สูก่ ารแบ่งแยกเป็นสองกลมุ่ เช่นเดยี วกบั ก่อนสงครามโลกอกี ครง้ั 18 สมร นิติทณั ฑป์ ระภาส , สหรฐั อเมริกาในโลกปจั จุบนั ค.ศ. ๑๙๔๕ - ๑๙๘๐ เล่ม ๑ , กรุงเทพฯ : สานกั พมิ พโ์ อเดียนส โตร์ , ๒๕๓๑. หนา้ ๖๕ - ๗๒. รูปภาพ 3 การประชมู นาโต ท่มี า : http://rickrozoff.files.wordpress.com/2011/05/nato.jpg

130 9 19 - 20 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries การขยายอานาจของทงั้ สองฝ่ ายนาไปสู่การปะทะกันทาง ทหารในสงครามเกาหลี โดยเกาหลเี หนือโดยสหภาพโซเวยี ต สนบั สนุนกาลงั อาวธุ บกุ เขา้ โจมตเี กาหลใี ต้ ทาใหส้ หรฐั กงั วล ต่อการคุกคามของคอมมวิ นสิ ตม์ ากข้นึ จงึ เพม่ิ ความร่วมมอื ทางทหารกบั ประเทศพนั ธมติ รทวั่ โลก ในภูมภิ าคต่าง ๆจึงมี การรวมกลุม่ ทางทหารในสว่ นต่าง ๆของโลก ไ1ด9 แ้ ก่ SEATO ประกอบดว้ ย สหรัฐอเมริกา องั กฤษ ฝรงั่ เศส ปากีสถาน ประเทศไทย ฟิลลปิ ปินส์ ออสเตรเลีย และนิวซแี ลนด์ CENTO ป ระก อบ ดว้ ย ตุรกี อิหร่ าน อิรัค ปากสี ถาน องั กฤษและสหรฐั อเมริกา 19 เพญ็ ศรี ภูมถิ าวร. ประวตั ศิ าสตรย์ ุโรป 2. กรุงเทพฯ : สานกั พมิ พม์ หาวทิ ยาลยั รามคาแหง, 2531. หนา้ ๕๖. รูปภาพ 4 การประชมุ ซโี ต ท่มี า : http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/a/a5/SEATO_Conference_in_Manila. gif/380px-SEATO_Conference_in_Manila.gif

9 19 - 20 131 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries ทงั้ สองฝ่ายไดแ้ ข่งขนั กนั สรา้ งระเบิดท่มี ี อานุภาพรา้ ยแรง จนถึง ขีปนาวุธนิวเคลียรข์ า้ ม ทวปี ทงั้ พสิ ยั ใกลแ้ ละพสิ ยั ไกล ในค.ศ. 1957 สหภาพโซเวียตประสบ ความสาเร็จในการส่งยานสปุตนิคพรอ้ มนักบิน อวกาศไปโคจรรอบรอบโลกประเทศแรก ความกา้ วหนา้ น้ีทาใหส้ หรฐั อเมริกาย่งิ หวาดระแวง การขยายอานาจของสหภาพโซเวยี ตมากย่งิ ข้นึ วกิ ฤตการณ์เบอรล์ นิ ในค.ศ. 1955 นิกิตา ครุสชอฟ ผูน้ าคน ใหม่ของสหภาพโซเวียตไดส้ งั่ ใหส้ รา้ งกาแพงกน้ั ระหว่างเบอรล์ นิ ตะวนั ตกและตะวนั ออก เพราะชาว เยอรมนีตะวนั ออกหลงั่ ไหลกนั ออกจากประเทศ คอมมวิ นิสตจ์ ึงตอ้ งแกป้ ญั หาดว้ ยการสรา้ งกาแพง ดังกล่าวและมีมาตราการเด็ดขาดหา้ มมิให ้ ประชาชนขา้ มกาแพงโดยไม่ไดร้ บั อนุญาต กาแพง เบอร์ลินจึงถือเป็นสญั ลกั ษณ์แห่งการแบ่งแยก ระหว่าง 2 มหาอานาจ

132 9 19 - 20 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries 20 วกิ ฤตการณค์ วิ บา การประจญั หนา้ ระหว่างสหรฐั อเมริกา และสหภาพโซเวยี ตกา้ วข้นึ ไปถงึ ใกลร้ ะดบั การสู ้ รบ เม่ือ ค.ศ. 1959 ฟิ เดล คาสโตร ( Fidel Catro ) ผูน้ าฝ่ายซา้ ยไดน้ ากาลงั โค่นลม้ รฐั บาล ของบานิสตาซง่ึ สหรฐั อเมริกาหนุนหลงั แต่มกี าร ฉอ้ ราษฎร์บงั หลวงอย่างมาก ขณะท่ปี ระชาชน ย าก จ น อ ย่ างม าก เม่ือ ค าส โต ร ป ระ ส บ ความสาเร็จในการจดั ตง้ั รฐั บาลเผด็จการนิยม คอมมวิ นิสต์ ทาใหผ้ ูน้ าสหรฐั อเมรกิ าขณะนน้ั คือ ประธานาธิบดีเคเนดี ( JFK ) อนุมตั แิ ผนลบั ใน การยกพลข้นึ บกท่อี ่าวหมู คิวบา แต่ไม่ประสบ ความสาเร็จ สหภาพโซเวยี ตผูส้ นบั สนุนควิ บาจงึ ตอบโตโ้ ดยวางแผนจะติดตงั้ ขปี นาวุธในคิวบา (ห่างจากสหรฐั ฯ 90 ไมล)์ ทง้ั เป็นอานาจต่อรอง การท่สี หรฐั อเมริกาติดตง้ั ขปี นาวุธในตุรกี ติด พ รม แด นสห ภาพ โซเวีย ต ใน ค.ศ. 1962 ส ห ร ัฐ อ เม ริ ก า พ บ ว่ า เรื อ บ ัน ทุ ก ขีป น า วุ ธ ข อ ง สหภาพโซเวียต เขา้ ไปใกลค้ ิวบา จึงตกลงใจ ประกาศจะใชก้ าลงั ทหารหากโซเวียตไม่ถอน กาลงั แต่ในท่สี ุดทงั้ สองฝ่ายสามารถตกลงกนั ได้ โดยโซเวยี ตยอมถอนขปี นาวุธกลบั ไป แลก กบั การทส่ี หรฐั ฯ สญั ญาจะไม่บกุ ควิ บา ความเสย่ี งดา้ นขอ้ มลู ขา่ วสารในช่วงเวลาดงั กลา่ ว ทาใหท้ ง้ั สองฝ่ายติดตงั้ โทรศพั ทส์ ายด่วน ( Hot line ) เพอ่ื ตดิ ต่อกนั โดยตรงระหวา่ งผูน้ าทง้ั สอง มหาอานาจ 20 ดวงเดอื น พศิ าลบุตร , สหภาพโซเวียต , กรุงเทพฯ : บรรณกจิ , ๒๕๒๓. หนา้ ๕๔. รูปภาพ 5 ครุสชอฟกบั เคนเนด้ี ในช่วงสงครามเยน็ ท่มี า : http://dmm.broadchoice.com/custom/_2a2a/content/images/7khruschev_kennedy1_600.jpg

9 19 - 20 133 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries 21 โลกอยู่ในภาวะสงครามเยน็ จนมาถึงวนั สหภาพ โซเวยี ตมปี ระธานาธิบดชี ่ือ มฮิ าอิล กอรบ์ าชอฟ ผูน้ านโยบาย \"เปิด-ปรบั \" (หรอื กลาสน็อต - เป เรสตรอยกา้ ) ปฏริ ูปประเทศใหเ้ป็นไปในแนวทาง ป ระชาธิป ไต ย ทุก ๆ ด้าน ป รับ นโย บ าย ต่างประเทศใหม่เพอ่ื แกไ้ ขความขดั แยง้ ระหว่าง ประเทศ เสริมสรา้ งความเขา้ ใจและความร่วมมอื กับ น า น า ป ร ะ เท ศ โด ย เฉ พ าะ ส ห รัฐ อ เม ริ ก า ธนั วาคม ค.ศ. 1989 ประธานาธิบดีจอร์จ บุช แห่งสหรฐั อเมริกา กบั ประธานาธบิ ดกี อรบ์ าชอฟ พบกันท่เี กาะมอลตา ประกาศว่า สงครามเย็น ส้นิ สุดลงแลว้ อย่างเป็นทางการ ต่อมากลางปี 2533 ประเทศในยุโรปตะวนั ออก พนั ธมติ รของ โซ เวีย ต เค ล่ือนไหวเรีย ก ร้องความเป็ น ประชาธิปไตย ส่งผลใหร้ ะบอบคอมมวิ นิสตใ์ น ยุโรปตะวนั ออกถงึ กาลอวสาน ปีต่อมากาแพงเบอรล์ ิน สญั ลกั ษณ์สงครามเย็น ถูกทาลาย เยอรมนั ตะวนั ตก-ตะวนั ออก รวม เป็นประเทศเดยี ว การเปลย่ี นแปลงทางการเมอื ง แบบถอนรากถอนโคนดงั กลา่ ว ตลอดจนการล่ม สลายของสหภาพโซเวยี ตอนั เป็นผลสบื เน่ืองจาก การก่อตงั้ เครือรฐั เอกราช ปิดฉากสงครามเย็น อย่างส้นิ เชงิ ใน ค.ศ. 1989 21 ธนู แกว้ โอภาศ , ยโุ รป ๒ , กรุงเทพฯ : สานกั พมิ พช์ าติเศรษฐกิจ , ๒๕๓๕.. หนา้ ๕๖. รูปภาพ 6 มคิ าอลิ กอรบ์ าชอฟ ผูท้ าใหโ้ ซเวยี ตลม่ สลาย และ ส้นิ ุสดสงครามเยน็ ท่มี า : http://www.biographyonline.net/politicians/russian/gorbachev.jpg

134 9 19 - 20 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries ปฏิญญาสากลว่าดว้ ยสิทธิมนุษยชน ๑. เก่ียวกับสิทธิทางดา้ นกฎหมาย ความ ยุตธิ รรมและชวี ติ หมายถึง คารบั รองของประเทศสมาชกิ ของ องคก์ ารสหประชาชาติ ท่จี ะนาไปปฏบิ ตั แิ ละ ซ่ึงหมายความรวมถึง สิทธิทาง กาหนดไวใ้ นรฐั ธรรมนูญของประเทศของตน การเมือง สิทธิในการมีชีวิต เสรีภาพและ รวมทงั้ ยงั ใชเ้พ่อื การอา้ งองิ ในกรณีทป่ี ระเทศ ความมนั่ คงของบคุ คล อสิ รภาพจากการเป็น สมาชกิ ถูกละเมดิ สทิ ธิมนุษยชนในประเทศ ทาส เชลย และการถูกทรมาน มีความ หรือระหว่างประเทศ ดงั นนั้ จึงกล่าวไดว้ ่า เสมอภาคในทางกฎหมาย การคุม้ ครองเม่อื ปฏิญญาสากลว่าดว้ ยสิทธิมนุษยชน เป็น ถูกจบั กกั ขงั หรือเนรเทศ สิทธิท่ีจะไดร้ บั หลกั การท่ีประเทศสมาชิกทวั่ โลกใหก้ าร การพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม การมสี ่วน ยอมรบั วา่ ศกั ด์ศิ รีของมนุษยน์ นั้ มคี วามเท่า ร่วมทางการเมอื งสิทธิในการสมรสและการ เทียมกันทัง้ ในแง่ของศักด์ิศรีความเป็ น ตง้ั ครอบครวั เสรีภาพขน้ั พ้ืนฐานในทาง มนุษย์ รากฐานของเสรีภาพ ความยุตธิ รรม ความคิด มโนธรรม และศาสนาการแสดง และการสรา้ งสนั ติภาพ และไม่อาจจะถ่าย ความคิดเหน็ และการแสดงออกเสรีภาพใน โอนได ้ การชุมชน การเขา้ ร่วมสมาคมอย่างสนั ติ สิทธิในการมีส่วนร่วมในการปกครองใน ปฏญิ ญาสากลวา่ ดว้ ยสทิ ธมิ นุษยชน ประเทศของตนเองทง้ั ทางตรงและทางออ้ ม สามารถจาแนกออกไดเ้ป็น ๒ ลกั ษณะ คอื เป็นตน้ ๒. เก่ยี วกบั สทิ ธทิ างเศรษฐกจิ สงั คม และวฒั นธรรม ครอบคลุมสทิ ธิในการทางาน การไดร้ บั ค่าตอบแทน เท่ากนั สาหรบั งานท่ที าเท่ากนั ประเภท เดียวกนั สิทธิในการก่อตงั้ และเขา้ ร่วมสหพนั ธแ์ รงงาน สทิ ธิในมาตรฐานการครองชีพท่ีเหมาะสม สทิ ธใิ นการศึกษา และสทิ ธิในการเขา้ ร่วมการใชว้ ฒั นธรรมอย่างเสรี เป็นตน้

9 19 - 20 135 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries 15 คาสงั่ ใหน้ กั เรียนตอบคาถามต่อไปน้ดี ว้ ยการแสดงความคดิ เหน็ ตามความเขา้ ใจของนกั เรียน 1. นกั เรยี นคดิ ว่าการเกดิ อะไรคอื สาเหตทุ ่ที าใหส้ งครามเยน็ ส้นิ สดุ ลง ? 2. นักเรยี นคดิ ว่าในปจั จุบนั จากพฤตกิ รรมของมนุษยส์ ถานการณ์สงครามเยน็ ส้นิ สุดลงจรงิ ๆ แลว้ หรอื ยงั ? สแกนเพอ่ื ทาออนไลน์

136 9 19 - 20 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries  ในปัจจุบันสถานการณ์หลงั สงครามเย็น เม่ือการ พยายามถว่ งดลุ อานาจกนั อย่างไรก็ดีขอ้ ขดั แยง้ ในทางรฐั ศาสตรโ์ ดยเฉพาะคาแถลง เผชิญหนา้ ระหว่างสหรฐั อเมริกากบั สหภาพโซเวยี ตส้นิ สุด มากมายของประธานาธิบดีสหรัฐท่ีเอ่ยถึงจีนเป็นศตั รู โลก และการล่มสลายของสหภาพโซเวียตท่ีแยกตัว หมายเลขหน่ึงอยู่เนืองๆ ก็ปรากฏข้ึนเป็นระยะๆ นัก ออกเป็นรฐั ชาติมากมาย คาพูดท่ีบ่งบอกสถานการณ์หลงั เช่ียวชาญยุทธศาสตรโ์ ลกมกั นิยามอภมิ หาอานาจยุคใหม่ จากนนั้ จึงหนีไมพ่ น้ สถานการณ์มหาอานาจขว้ั เดียว ตง้ั แต่ เทียบเคียงกับจักรวรรดิโรมนั โบราณ และไม่นอ้ ยท่ี นน้ั เป็นตน้ มา ในขณะท่ีรสั เซยี กาลงั ลม้ ลุกคลุกคลานกบั เทยี บเคียงเหตุการณ์ถลม่ ตึกแฝดวอลลส์ ตรีท กบั การลม่ กับความระสา่ ระสายและการจัดวางระบบเศรษฐกิจ สลายของจกั รวรรดดิ งั กล2า2่ วจากพวกอานารยชน การเมืองสังคมข้ึนมาใหม่น้ัน แทบทุกสายตาของ นกั วเิ คราะหท์ างการเมอื งระหว่างประเทศต่างจบั จอ้ งมอง ไปท่ีจีนและสหภาพยุโรป ท่ีคาดหวงั ว่าจะมาถ่วงดุล อภมิ หาอานาจสหรฐั แต่ความคาดหวงั น้ีดูเล่อื นลอยมาก ข้นึ เม่อื การผูกสายใยผลประโยชน์ของพวกเขากบั สหรฐั กลบั สะทอ้ นออกในภาพของความร่วมไมร้ ่วมมอื กนั ไมว่ ่า จะมติ ทิ างเศรษฐกจิ หรอื การเมอื งมากเสยี ย่งิ กวา่ ความ 22 ศูนยย์ ุโรปศึกษาแห่งจุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . (2550). สหภาพยุโรปโฉมใหม่และ 27 ประเทศสมาชิก. สานกั พมิ พพ์ ีเพรส : กรุงเทพฯ. หนา้ 89-101.

9 19 - 20 137 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries สถานการณ์ของโลกในลกั ษณะของมหาอานาจขวั้ กระแสการต่อตา้ นสหรฐั มอี ยู่ทวั่ โลกซ่งึ ดูเหมอื นมภี ยั คกุ คามจาก เดียวในยุคสหัสวรรษใหม่กับยุคโบราณ น้ันย่อม อนั ตรายท่ซี มุ่ ซอ่ นอยู่ทวั่ ทุกมมุ มากข้นึ และเตม็ ไปดว้ ยความ แตกต่างกนั ไปไม่ลงตวั ตามสูตรคณิตศาสตรช์ นั้ เดียว หวาดระแวงตลอดเวลา แต่ดว้ ยความสาเรจ็ ของการกวาดลา้ งทาง ดว้ ยเพราะ \"ปจั จุบนั สหรฐั มคี วามสาราญใจในเสรีภาพ ทหารในอฟั กานิสถาน กลมุ่ ก่อการรา้ ยท่อี ่อนแอลง ผลทาใหส้ หรฐั ของการกาหนดนโยบายต่างประเทศอย่างไม่เคยมมี า เขม้ แขง็ ข้นึ เลก็ นอ้ ยการตอบโตข้ องสหรฐั (ซง่ึ แสดงใหเ้หน็ ก่อน แต่แลว้ กลบั กลายเป็นอนั ธพาลต่อผูอ้ ื่น ทาไม แสนยานุภาพปรากฏในหลายๆ แหง่ ทวั่ โลกพรอ้ มกนั และโดยลาพงั สหรฐั จึงไมเ่ ป็นรกั ใคร่เท่าๆ กบั รงั เกยี จเลา่ ?\" 23 ฝ่ายเดยี ว ดว้ ยการเพ่มิ ค่าใชจ้ ่ายดา้ นป้องกนั ประเทศอีก 5 หมน่ื ลา้ นดอลลารไ์ ดส้ าเรจ็ ผา่ นสภาอย่างไมย่ ากเยน็ ) กเ็ ป็นเพยี งแค่ เป็ นเวลากว่าทศวรรษท่ี โลกได้เขา้ สู่ \"ยุ ค เสริมสถานะเฉพาะของตนเทา่ นน้ั หากวา่ การข้นึ สูจ่ ุดสูงสดุ ของ มหาอานาจขวั้ เดยี ว\" สหรฐั ในทกุ วนั น้ไี มไ่ ดเ้ป็นการสถาปนาโลกมหาอานาจขว้ั เดยี วแลว้ นนั่ ก็คอื มหาอานาจขว้ั เดยี วไมเ่ คยเกิดข้นึ มาก่อน ขอ้ สงสยั ทท่ี ้งิ ไว ้ มนั คือช่วงเวลาท่ีสหรฐั เป็นเพียงอภิมหาอานาจ ใหถ้ กเถยี งกนั คอื มนั จะเป็นเช่นน้นี านเพยี งใด และทศิ ทาง เดียวยืนเด่นเหนือประชาคมโลก ในช่วงหลายปีท่ผี ่าน นโยบายต่างประเทศของสหรฐั สมควรเป็นเช่นไร มา เมอ่ื สหภาพโซเวียตลม่ สลายลง ภาคเศรษฐกิจและ เพอ่ื ทจ่ี ะเขา้ ใจถงึ การมบี ทบาทครอบงาของสหรฐั ในปจั จบุ นั น้ี เรา การทหาร จาเป็นตอ้ งมองไปทแ่ี ต่ละองคป์ ระกอบมาตรฐานของอานาจท่ตี ก ทอดกนั มา ในเวทที างการทหาร สหรฐั เพ่มิ การใชจ้ ่ายดา้ นป้องกนั รสั เซียก็ตกตา่ ยา่ แย่ ญ่ีปุ่นก็หยุดน่ิง ในขณะท่ี ประเทศในปี 2003 มากกว่าชาตทิ ่มี กี ารใชจ้ ่ายดา้ นน้มี ากท่ีสดุ 15- สหรฐั กลบั มีการขยายตวั ทางเศรษฐกิจท่ีรุ่งเรืองมาก 20 ประเทศรวมกนั สหรฐั มอี าวุธนวิ เคลยี รท์ ่ที รงพลานุภาพ มี ทส่ี ุด อีกทงั้ ยาวนานท่สี ุดในประวตั ิศาสตรข์ องประเทศ กาลงั กองทพั อากาศทเ่ี หนือกว่าอ่ืนใดในโลก มกี องทพั นาวใี น แต่ในระยะเขา้ สู่ช่วงปลายศตวรรษท่ผี ่านมา ระบบโลก ภาคพ้นื สมทุ รท่แี ทจ้ รงิ เพยี งชาตเิ ดยี ว มศี กั ยภาพสูงสง่ แสดงบารมี มหาอานาจขวั้ เดียวไดเ้ ปิดทางใหก้ บั โครงสรา้ ง \"พหุ ไปทวั่ ทุกมมุ โลก และกาลงั ทหารท่เี หนือกว่าปรากฏชดั ดา้ นคณุ ภาพ มหาอานาจขวั้ เดยี ว (uni-multipolar) \" ซ่งึ กจ็ ะพฒั นา เด่นเหนอื ปรมิ าณ สหรฐั นาหนา้ โลกในการใชป้ ระโยชน์ เป็นหลายขว้ั มหาอานาจ (multipolar) ต่อไปอย่างไม่ ความกา้ วหนา้ ดา้ นการสอ่ื สารและเทคโนโลยสี ารสนเทศเพอ่ื เป็นทส่ี งสยั การทหาร และไดแ้ สดงใหเ้หน็ ถงึ ศกั ยภาพทไ่ี รเ้ทยี มทานใน กระบวนการขอ้ มลู ขา่ วสารภาคสนามรบ และการทาลายลา้ ง แต่ร่วมทศวรรษท่ผี ่านมา ส่งิ ทช่ี ดั มากข้นึ คือการ เป้าหมายจากจดุ ไกลโพน้ อย่างแมน่ ยาเหลอื เช่อื จากไปของคู่แข่งท่เี ทียบชน้ั ไดก้ ลบั มนี อ้ ยกว่าปญั หาท่ี เกิดข้นึ ในโลกเสียอีก และทางวอชิงตนั เองกไ็ มส่ ามารถ ขจดั ปญั หาไดด้ ว้ ยตวั เอง \"โลกมหาอานาจขวั้ เดียว\" เป็ นระบบหน่ึงท่ีมี \"อภิมหาอานาจเดียว โดยไม่มีมหาอานาจสาคัญอ่ืน และมีมหาอานาจรองๆ มากมาย\" ซ่งึ \"มหาอานาจท่ีมี ฐานะครอบงาระบบจะสามารถจดั การปญั หาสาคญั ๆ ระดบั สากลไดโ้ ดยลาพงั อย่างมปี ระสิทธิภาพ และไม่มี การรวมกลุ่มของรฐั อ่ืนๆ ท่ีมีอานาจพอขดั ขวางการ ปฏิบัติการของมหาอานาจดังกล่าว \" ซ่ึงสหรัฐมี ความสามารถเช่นว่าน้ี และดงั นน้ั จึงมีคุณสมบตั ิจาก นิยามโลกมหาอานาจขวั้ เดยี ว 23 วมิ ลวรรณ ภทั รโภดม. (2543). สหภาพยุโรป. ศูนยย์ ุโรปศึกษาแหง่ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั : กรุงเทพฯ. หนา้ 12.

138 9 19 - 20 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries สหรฐั ใชจ้ ่ายมากกว่าสามเท่าตวั ของประเทศมหาอานาจอ่ืน ดา้ นการพฒั นาและวจิ ยั ทางทหาร มากกว่าการใชจ้ ่ายดา้ น ป้องกนั ประเทศทง้ั หมดของเยอรมนั หรือสหราชอาณาจกั ร 24 เกรียงไกรบนภาคพ้ืนไม่ดา้ นใดก็ดา้ นหน่ึง พวกเขาไม่เคยมี ดว้ ยซา้ ไป ไม่มีรัฐใดในประวตั ิศาสตร์การเมืองระหว่าง ท้ังสองดา้ นพรอ้ มกัน ตัวอย่างเช่น จักรวรรดิสหราช ประเทศยุคใหม่ สามารถใกลเ้คียงกบั ความเหนือกว่าดา้ น อาณาจกั รในยุครุ่งเรอื งและสหรฐั ในช่วงสงครามเยน็ ต่างเป็น การทหารจากตวั เลขท่ีกล่าวมาไดเ้ลย และสหรฐั ก็ซ้ือความ หุน้ ส่วนโลกกบั มหาอานาจอ่ืนท่ีสอดรบั กนั หรือต่างมีความ เหนือกว่าน้ีดว้ ยเงินเพียง 3.5 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ เหนือกวา่ ในบางขอบเขต ภายหลงั สงครามนโปเลยี น สหราช ประชาชาติของตวั เองเท่านน้ั ดงั ท่ีนกั ประวตั ิศาสตร์ พอล อาณาจกั รไดก้ ลายเป็นผูน้ ามหาอานาจทางทะเลและพาณิชย์ เคเนด้ี ใหท้ ศั นะไวว้ ่า \"การเป็นหมายเลขหน่ึงดว้ ยตน้ ทุน อย่างเด่นชดั แต่แมว้ ่าในยุครุ่งเรืองท่สี หราชอาณาจกั รเป็น มหาศาลนนั้ เป็นเร่อื งหน่ึง การเป็นอภมิ หาอานาจหน่ึงเดยี วใน มหาอานาจโลก (Pax Britannica) สหราชอาณาจกั รกลบั โลก ดว้ ยตน้ ทุนท่แี สนถกู นน้ั กเ็ ป็นเร่ืองน่าอศั จรรย\"์ ตอ้ งใชจ้ ่ายมากกวา่ ใชก้ าลงั คนมากกวา่ และใชอ้ าวุธมากกว่า ในปจั จุบนั เศรษฐกิจสหรฐั มขี นาดใหญ่เป็นสองเทา่ จากคู่แขง่ ทงั้ ฝรงั่ เศสและรสั เซีย ช่วงตน้ ของสงครามเย็นนน้ั สหรฐั มี ทใ่ี กลเ้คียงท่สี ุดคอื ญ่ีป่นุ ซ่งึ เหนือกว่าฝรงั่ 2เศ5 สและตามหลงั ส ความเหนือกว่าทางเศรษฐกิจอย่างชัดเจนเช่นเดียวกับ หราชอาณาจกั ร มนั เป็นความจริงท่ีในทศวรรษ 1990 นั้น แสนยานุภาพทางทะเลและอากาศดว้ ย แต่สหภาพโซเวยี ตก็ การขยายตวั ทางเศรษฐกิจอนั ยาวนานน้ีไดเ้ ส่อื มทรุดลง แต่ ยงั คงรกั ษาไวซ้ ่งึ ความเทียบเคียงดา้ นการทหารโดยรวม ใน มนั ก็เป็นภาวะการณ์เหมือนอย่างท่ีญ่ีปุ่นประสบในช่วง ความเป็นมหาอานาจทางภาคพ้นื จนมศี พั ยภาพเหนือกว่าใน ทศวรรษเดียวกนั นัน่ คือ การถดถอยทางเศรษฐกิจใน การยึดครองพ้ืนท่ีแถบยูเรเซีย (Eurasia) ในทางกลบั กนั ประเทศท่ซี มึ ลกึ ยาวกว่าปกตนิ น้ั จะควบคู่ไปกบั การเตบิ โตท่ี โลกทุกวนั น้ีสหรฐั ไม่มคี ู่แขง่ ดา้ นแสนยานุภาพในมติ ิสาคญั เขม้ แขง็ ในท่อี ่ืนๆ แต่สาหรบั สหรฐั อเมริกาแลว้ มนั เป็นเพียง ใดๆ ไม่มีระบบใดของรฐั อธิปไตยแห่งใดจะมีระดบั ความ การเสอ่ื มถอยกลบั สูร่ ะดบั เศรษฐกิจท่เี คยเป็นอยู่ในปี 1991 เหนือกว่าเช่นน้ี แนวโนม้ เม่อื เร็วๆ น้ี คือการเขา้ สู่ความเป็น ในท่ีสุดฐานะครอบงาเหนือกว่าทางดา้ นเศรษฐกิจและ มหาอานาจขวั้ เดยี ว กลา่ วคือ ความสามารถในการบรรลเุ ป็น การทหารของสหรฐั ก็ฝงั รากลึกในตาแหน่งประเทศท่ีเป็น ผูค้ วบคุมทุกๆ ปญั หาในโลกไดโ้ ดยลาพงั มหาอานาจเดียว มหาอานาจผูน้ าทางดา้ นเทคโนโลยี แมว้ ่าการมาตรการการใช้ ตามท่ีตนเองตอ้ งการ ทง้ั น้ีเพียงการเสริมในจุดน้ีมากข้ึน จ่ายดา้ นวจิ ยั และพฒั นาจะเพ่ิมข้นึ อย่างยากลาบากในยุคท่ี เท่านน้ั สถานการณ์น้ไี ม่เคยปรากฏระบบโลกใดทแ่ี ลว้ มาใหม้ ี กิจกรรมทางเศรษฐกิจขา้ มพรมแดนก็ตาม ความพยายาม กบั ประเทศหน่งึ ใดไดข้ ้นึ สูส่ ถานะดงั กลา่ วเลย ดงั กล่าวก็ยงั ช้ีว่าสหรฐั ยงั นาหนา้ อยู่ ตวั เลขต่างๆ จากช่วง 26 ปลายทศวรรษ 1990 แสดงใหเ้หน็ ว่าการใชจ้ ่ายดา้ นวจิ ยั และ พฒั นาเกือบเท่ากบั เจ็ดประเทศรา่ รวยท่สี ุดรองลงมารวมกนั เสยี อกี ในการพิจารณาระดบั ฐานะครอบงาของสหรฐั นนั้ แต่ ละดา้ นไดเ้ร่ิมเขา้ สู่ตาแหน่งท่พี อมองเห็นชดั เจนข้นึ แต่ส่ิงท่ี ต่างไปอย่างแทจ้ ริงในระบบโลกปจั จุบนั คือ ความเหนือกว่า ของสหรัฐน้ันเป็นไปทวั่ ทุกดา้ นอย่างต่อเน่ือง รัฐช้ันนา สมยั ใหม่ในอดีตท่แี ลว้ มา บา้ งก็เป็นมหาอานาจทางนาวีและ เศรษฐกิจท่ยี ่งิ ใหญ่ หรอื บา้ งเป็นมหาอานาจทางการทหารท่ี 24 วมิ ลวรรณ ภทั รโภดม. (2544). ยุโรปหลงั สงครามโลกครง้ั ท่ี 2. ศกั ดโิ สภาการพมิ พ์ : กรุงเทพฯ. หนา้ 56-60. 25 จนั ทรฉ์ าย ภคั อธิคม , ประวตั ิศาสตรก์ ารทูตสหภาพโซเวียต , กรุงเทพฯ : มหาวทิ ยาลยั รามคาแหง , ๒๕๒๙. หนา้ 230- 232. 26 ดวงเดอื น พศิ าลบตุ ร , สหภาพโซเวียต , กรุงเทพฯ : บรรณกิจ , ๒๕๒๓. หนา้ 211.

9 19 - 20 139 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries ผลท่ตี ามมาอนั ดบั แรกและสาคญั ท่สี ุดของโลกมหาอานาจ ลางมากข้นึ ในการหวนกลบั มาใหม)่ แต่ลทั ธกิ ่อการรา้ ยเป็น ขว้ั เดียวสาหรบั สหรฐั คือลกั ษณะเด่นของการไม่ดารงอยู่ ปญั หามาตลอดในประวตั ิศาสตร์ และพหุขวั้ มหาอานาจ หรือขาดคู่แข่งครองความเป็นเจา้ ในช่วงสงครามเย็น (multipolarity) ก็ ไม่ ได้คุ้ม ค ร อ งบ ร ร ด าผู ้น าขอ ง สหรฐั เผชิญหนา้ กบั อภิมหาอานาจทางการทหารหน่ึง มหาอานาจท่ีเกรียงไกร จากการลอบสงั หารของพวก มหาอานาจท่ีอาจเขา้ ยึดครองศูนยก์ ลางประเทศอุตสหา อนาธิปไตยในรอบศตวรรษท่ีย่สี ิบ ในความเป็นจริงแลว้ กรรมในยุโรปและเอเซียทง้ั หมดได้ ดงั นน้ั เพ่อื ขดั ขวางภยั การถอยกลบั ไปสู่พหุขวั้ มหาอานาจจะเป็นส่งิ เลวรา้ ยท่ีสุด หายนะดงั กล่าว ในช่วงหลายทศวรรษท่ีผ่านมา สหรฐั จึง ของโลกทงั้ หมดสาหรบั สหรฐั ในเหตุการณจ์ าลองดงั กลา่ ว รับภาระระหว่าง 5 และ 14 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ น้ี มนั จะยงั สืบทอดการเป็นผูน้ ากลุ่มต่อไป และเป็นจุด ประชาชาติในการใชจ้ ่ายป้องกนั ประเทศ และยึดมนั่ ยบั ยงั้ ศูนยร์ วมใหก้ บั ความคบั แคน้ และเกลยี ดชงั จากตวั ละครทงั้ การขยายตวั อาวุธนิวเคลียรจ์ นเพ่มิ พูนความน่าเช่ือถือใน ท่ีเป็นรฐั และไม่ใช่รฐั ไปดว้ ย แต่จะมคี ู่ขานอ้ ยลงในการ ภารกิจน้ี โดยมากแลว้ การรกั ษาช่ือเสียงเพ่ือแกป้ ญั หา จดั การกบั สถานการณ์ ภยั คุกคามจะยงั คงอยู่ต่อไป แต่ ต่างๆ นนั้ ชาวอเมริกนั ร่วม 85,000 คนตอ้ งสูญเสยี ไปใน ความเป็ นไปไดข้ องปฏิบัติการท่ีมีประสิทธิภาพและ สงครามเอเชยี สองแห่ง ในขณะท่ปี ระธานาธิบดสี หรฐั ตอ้ ง ประสานแน่นจะลดนอ้ ยถอยลง ผูกมดั อย่างซา้ ซากเขา้ แกว้ กิ ฤต ท่อี าจถ27ลาสู่การขยายความ เสย่ี งของการทาลายลา้ งโลกจากอาวุธนิวเคลยี ร์ ทุกวนั น้ี ตน้ ทุนและอนั ตรายจากสงครามเยน็ ไดจ้ างหายไป ในประวตั ิศาสตร์ แต่จาเป็นตอ้ งจดจารกั ษามนั ไวเ้พ่อื ท่จี ะ ประเมินสถานการณ์โลกมหาอานาจขว้ั เดียวไดอ้ ย่าง แม่นยา สาหรบั อีกหลายทศวรรษท่จี ะมาถึงนน้ั ไม่มรี ฐั ใด ท่สี ามารถรวบรวมเอาทรพั ยากร, ภูมริ ฐั ศาสตร์ และอตั รา การเติบโตท่จี าเป็น เพ่อื กา้ วสู่ภาวะทา้ ทายการเป็นเจา้ โลก ในระดบั ดังกล่าวได้ มันเป็ นพัฒนาการท่ีน่าหนักใจ โดยทวั่ ไปการวางมงกุฎลงไมใ่ ช่เร่ืองง่าย แต่ของสหรฐั ไม่ เป็นเช่นนน้ั บางท่านอาจตง้ั คาถามถึงคุณค่าการเป็นท่ีหน่ึงเดียวใน ระบบโลกมหาอานาจขวั้ เดียว แต่นนั่ หมายถึงการทาตวั เป็นสายฟ้าฟาดพวกท่ีไม่เป็นท่ีช่ืนชอบใจของโลก เม่อื มี สหภาพโซเวยี ตข้นึ มนั ตอ้ งเขา้ มาแบกหนกั ความโกรธแคน้ ของบินลาเดน และเพยี งหลงั จากมนั ลม่ สลายไป เป้าหมาย กถ็ กู เปล่ยี นไปเป็นสหรฐั แทน (ตวั ช้ีวดั ของการส้นิ สุดภาวะ โลกทวขิ วั้ มหาอานาจท่ไี มส่ นใจไปพกั หน่งึ แต่ปรากฏเคา้ 27 นนั ทา โชติกะพกุ ณะ , ประวตั ิศาสตรร์ ุสเซีย , กรุงเทพฯ : ภาควชิ าประวตั ิศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ ประสาน มติ ร , ๒๕๒๓. หนา้ 341-344.

140 9 19 - 20 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries ผ ล ต าม ม า ใ น ท า ง ป ฏิ บ ัติ ป ร ะ ก าร ท่ี ส อ ง ข อ ง ภ าว ะ ถูกปลุกเรา้ ใหก้ ่อตวั เป็นพนั ธมติ รร่วมกนั ข้นึ มาถ่วงดุล มหาอานาจขว้ั เดยี วคือ การเสนอเสรีภาพเฉพาะตวั ของ อานาจ อย่างไรก็ตาม ขอ้ สรุปดงั กลา่ วไมเ่ ป็นทเ่ี ชญิ ชวน การเป็นผูก้ าหนดนโยบายใหแ้ ก่สหรฐั นนั่ เอง ผูท้ าการ ใหเ้ช่ือนกั เพราะมนั ละเลยถึงความเป็นจริงของระบบ ตดั สินใจนโยบายจานวนมากท่ีรูส้ ึกว่าถูกจากดั กบั ผูม้ ี นานาชาตทิ ่ถี กู ตอ้ งในปจั จบุ นั น้ี สหรฐั ไม่ไดเ้กรงกลวั จน ส่วนอภิปรายนโยบายทง้ั หลาย จะทาการปกป้องแนว ว่านอนสอนง่ายจากคาเตือนท่ีไรป้ ระสิทธิภาพหรือการ ปฏิบตั ิท่ีพวกเขาเห็นชอบดว้ ยการช้ีถึงภยั ท่ีจะตามมา ถ่วงดุลท่ีเป็นไปได้ ผูช้ ่ืนชอบวิถีทางแยกตวั อยู่ลาพงั หากคาแนะนาของพวกเขาถูกปฏิเสธ แต่แหล่งท่ีมาใน และผูท้ ่ชี ่ือชอบปฏิบตั ิการเพียงขา้ งเดียวอย่างกา้ วรา้ ว ความเขม้ แขง็ ของสหรฐั นน้ั หลากหลายและคงทนยง่ิ นกั เขา้ ใจสถานการณ์น้ีดี และฝ่ายคา้ นในประเทศของพวก โดยทน่ี โยบายต่างประเทศของสหรฐั ทกุ วนั น้ี ดาเนนิ การ เขาก็ตอ้ งการเช่นนน้ั ดว้ ย สาหรบั ปจั จบุ นั น้แี ละอนาคตท่ี ภายใตข้ อบเขตของการเป็นผูเ้ ลือกมากกว่าเพราะ พอจะพยาการณไ์ ดน้ น้ั ความจาเป็น มนั มรี ะดบั ท่ีสูงกว่ามหาอานาจอ่ืนใดใน ประวตั ิศาสตรส์ มยั ใหม่ ไม่วา่ ผูร้ ่วมตดั สนิ ใจจะมองเห็น สหรฐั จะมแี หล่งอานาจมหาศาลท่สี ามารถนามาสาแดง มนั หรือไม่ก็ตาม เสรีภาพใหม่ในการเป็นผูเ้ ลอื กน้ี ได้ เพ่อื บบี บงั คบั หรือหลอกล่อผูอ้ ่ืนใหท้ าตามคาสงั่ ของตน แปรเปล่ยี นการอภปิ รายมาสู่บทบาทของสหรฐั ในโลกท่ี ไดเ้ป็นกรณีๆ ไปทเี ดยี ว ควรจะเป2็น8 แต่เพยี งเพราะสหรฐั เขม้ แขง็ เพียงพอท่ีจะทาอะไรตาม อาเภอใจไดน้ น้ั ไม่ไดค้ วามหมายว่าควรจะทาเช่นน้นั ในทางประวตั ศิ าสตร์ พลงั หลกั ท่ผี ลกั ดนั รฐั ทรงพลงั ให้ จริงๆ ทาไม ถึงไม่เป็ น ? เพ ราะมัน สาม ารถรับ อดกลน้ั และใจกวา้ ง คือขอ้ จากดั ดา้ นความเขม้ แขง็ และ ผลประโยชน์ไดใ้ หญ่โตกว่าจากการเอ้ือเฟ้ื อเผ่ือแผ่ ความกลวั ของการขยายตวั มากเกินไปกบั การถ่วงดุล นอกเหนือจากในบางกรณีในบางพ้ืนท่ี การไม่สนใจ ม ห าอ าน าจ ท่ีย่ิงใ ห ญ่ ท ั้งห ล าย ต่ างต ร ว จ ส อ บ ค ว าม ความกงั กลของผูอ้ ่ืนท่ีหลกี เล่ยี งการทะเลาะเบาะแวง้ ทะเยอทะยานและการรีรอต่อมหาอานาจอ่ืน มนั ไม่ใช่ ดว้ ยในวนั น้ี จะตามมาดว้ ยตน้ ทุนเพ่ิมเป็นสามเท่าใน เพราะพวกเขาตอ้ งการ แต่เพราะพวกเขาต้องทา วนั รุ่งข้นึ ลทั ธิกระทาการเพียงฝ่ ายเดียวอาจผลติ ให้ เพ่ือท่ีจะไดช้ ยั ในการร่วมมอื ตามท่ีจาเป็นเพ่ือการอยู่ เกดิ ผลในระยะสนั้ แต่มนั โนม้ เอยี งใหล้ ดถอยกองกลาง รอดและมงั่ คงั่ ดงั นนั้ มนั จึงไมแ่ ปลกท่ที กุ วนั น้ี การรูจ้ กั การช่วยเหลอื โดยสมคั รใจจากประเทศอ่ืนๆ ท่ีสหรฐั ประมาณตนของผูช้ นะเลศิ สหรฐั และจิตใจเมตตาของ สามารถฉุดดึงลงมาร่วมได้ และในบนั้ ปลายก็จะทาให้ นานาชาติ จะมงุ่ เนน้ การจากดั อานาจสหรฐั แทนท่จี ะเป็น ชีวิตมีความยากลาบากมากข้นึ แทนท่ีจะลดนอ้ ยลง การกาจดั มนั ไป ตวั อย่างเช่น นกั วทิ ยาศาสตรก์ ารเมอื ง มหาอานาจขวั้ เดียวอาจกลายมาเป็นอนั ธพาลโลกได้ แต่ โจเซฟ ไนย์ (Joseph Nye) ยืนยันว่า \" (ในกรณี ) ขณะเดียวกันก็ยังเสนอความสะดวกแก่ สหรฐั ให้ มหาอานาจขว้ั เดียวกาลงั ไปผิดทิศผิดทางเพราะการ สามารถมองขา้ มความตอ้ งการระยะสนั้ เพ่อื เป็นเจา้ ของ กล่าวเกินจริง ทาใหส้ หรฐั สามารถเก็บเก่ียวผลท่ีตน และกบั โลกท่เี ป็นผลประโยชนร์ ะยะยาวดว้ ย ตอ้ งการในบางมติ ิของการเมอื งโลก …..อานาจสหรฐั มี ประสทิ ธิภาพนอ้ ยลงกว่าเมอ่ื แรกท่ปี รากฏข้นึ \" และเขา ก็เตือนว่า ถา้ สหรฐั \"จดั การกบั อานาจในภาระท่ีหนัก เกินไป กระทาการเพยี งฝ่ายเดยี ว\" และแลว้ ผูอ้ ่นื อาจ 28 สญั ชยั สวุ งั บุตร , รวมบทความวรรณกรรมและประวตั ิศาสตรโ์ ซเวียต , นครปฐม : ภาควิชาประวตั ิศาสตร์ คณะอกั ษร ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร , ๒๕๔๑. หนา้ 128-143.

9 19 - 20 141 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries 16 คาสงั่ ใหน้ กั เรียนตอบคาถามต่อไปน้ดี ว้ ยการแสดงความคดิ เหน็ ตามความเขา้ ใจของนกั เรียน 1. ใหน้ กั เรยี นอธิบายคาว่า \"มหาอานาจเด่ยี ว\" ตามความเขา้ ใจของตวั เอง และบอกเหตผุ ลโดยการ ยกตวั อย่างสนับสนุนคาอธิบายดงั กลา่ ว ? สแกนเพอ่ื ทาออนไลน์

142 9 19 - 20 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries \"การก่อการรา้ ย\" (Terrorism) เป็ นคาในภาษา ผูบ้ าดเจบ็ และเสยี ชวี ติ จานวนมาก ลอดจนทรพั ยส์ นิ ของ ประชาชนไดร้ บั ความเสีย หายอยูเ่ สมอ ประกอบกบั รฐั บาล ฝรงั่ เศส มกี าเนิดจากเหตุการณ์รุนแรงทางการเมืองใน ฝรงั่ เศสไดด้ าเนินการปราบปราม และลงโทษผูก้ ระทาผิด ฝรงั่ เศสหลงั การปฏิวตั ิเปล่ียนแปลง การปกครองจาก อย่างรุนแรง ดงั นนั้ ชาวฝรงั่ เศสจึงไดเ้รียกการกระทาอนั ระบบสมบูรณาญาสทิ ธิราช เป็นระบอบสาธารณรฐั เม่อื ปี รุนแรงนน้ั วา่ \"Terrorism\" ๒๓๓๒ เน่อื งจากไดม้ ปี ระชาชนกลมุ่ หน่งึ พยายามก่อความ ไมส่ งบข้นึ โดยใชว้ ตั ถรุ ะเบดิ เป็นอาวุธ ยงั ผลใหม้ ี

9 19 - 20 143 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries ความหมายของการก่อการรา้ ยสากล สามารถรวบรวมคา ๗. ไมใ่ หเ้กดิ จากรฐั บาลหรือเป็นการขูเ่ ขญ็ คุกคาม จากดั ความของการก่อการรา้ ยไว ้ ดงั น้ี ท่กี ระทาโดยบุคคล หรือกลุม่ ขบวนการเลก็ ๆ และมงุ่ ไปยงั เป้าหมายทางสงั คม หรือการเมอื ง ๑. เป็นรูปแบบพฤติกรรมรุนแรงท่ีจดั ตง้ั ข้นึ เพ่ือ ซ่ึงอ าจเกิดจากกลุ่มท่ีไม่ได้เป็ นประเทศ วางแผนดาเนินการใหม้ ีผลกระทบต่อนโยบาย (Subnational) กลุม่ ท่เี ป็น ประเทศ(National) ของรัฐบาล หรือ คุก คามประชาชน เพ่ือ หรือกลุ่มระหว่างประเทศ (International) จดุ ประสงคใ์ นการรูปแบบพฤติกรรมรุนแรง ท่ี ๗. ลทั ธิก่อการรา้ ย เป็นการใชก้ าลงั ใชค้ วาม จดั ตงั้ ข้นึ เพ่อื วางแผนดาเนินการใหม้ ผี ลกระทบ รุนแรง หรือการขู่เข็ญ เพ่ือใหบ้ รรลุเป้าหมาย ต่อนโยบายของรฐั บาล หรือคุกคามประชาชน ทางการเมือง โดยความหวาดกลวั การขู่เข็ญ เพ่อื จุดประสงคใ์ นการมอี ิทธิพลเหนือ นโยบาย หรือการบบี บงั คบั ของรฐั บาล ๘. โดยทวั่ ไป คาว่า ลทั ธิก่อการรา้ ย (Terrorism) ๒. ความสยดสยอง/หวาดกลวั (Terror) คือ ความ ท่ีใชอ้ ยู่ทุกวนั น้ีส่วนใหญ่จะ ใชค้ าจากดั ความ รุนแรงท่กี ระทาโดยกลุ่มขบวนการ เพ่อื คุกคาม เก่ียวกบั การกระทาการรุนแรงท่ีผิดกฎหมาย ประชาชน หรอื รฐั บาล เพ่อื ใหย้ อมทาตามความ ทั้งหมด และกระทาเพ่ือจุดประสงค์ทาง ตอ้ งการของกลมุ่ การเมือง โดยกลุ่มขบวนการลบั ในคาจากัด ความทั้งหมดของคาว่า ความสยดสยอง/ ๓. ความสยดสยอง/หวาดกลวั (Terror) เป็นการ หวาดกลัว (terror) และลัท ธิก่ อ ก ารรา้ ย วางแผนปฏิบตั ิการอนั เป็นสญั ลกั ษณ์เพ่ือใหม้ ี (terrorism) จะมลี กั ษณะเด่นพิเศษเฉพาะอยู่ อิทธิพลดา้ นพฤติกรรมทางการเมือง ดว้ ย ๒ ลกั ษณะ คอื วถิ ีทางท่ีเหนือกว่าปกติ ซ่งึ จาเป็นตอ้ งใชค้ วาม รุนแรง หรอื การขเู่ ขญ็ คุกคามดว้ ยความรุนแรง ๔. ลทั ธิการก่อการรา้ ย (Terrorism) อาจถูกจากดั ความว่า เป็ นพฤติกรรมท่ีรุนแรง และผิด กฎหมาย ท่วี างแผนขน้ั ตน้ เพ่อื ก่อใหเ้ กิดความ หวาดกลวั ในชมุ ชน หรือในสว่ นท่มี คี วามสาคญั เพ่อื จุดประสงคใ์ นทางการเมอื ง ๕. ลทั ธิก่อการรา้ ย เป็นการใช้ หรือคุกคามดว้ ย ความรุนแรง ซ่ึงไม่เป็ นท่ียอมรับ ในดา้ น วฒั นธรรม กระทาการโดยตรงต่อเป้าหมายอนั เป็นสญั ลกั ษณ์ เพ่อื ใหม้ อี ิทธพิ ลดา้ นพฤติกรรม ทางการเมอื ง ไม่ว่าจะโดยทางตรงเพ่ือใหเ้ กิด ความกลวั การขู่เขญ็ หรือการบีบบงั คับ หรือ โดยทางออ้ ม ดว้ ยการเสแสรง้ อากัปกิริยา อารมณ์หรอื ความคิดเหน็ ต่าง ๆ ๖. ลทั ธิก่อการรา้ ย เป็นความรุนแรงในสงั คมท่ี

144 9 19 - 20 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries วตั ถปุ ระสงคเ์ ฉพาะของการก่อการรา้ ยสากล ๔. เพ่อื หาเงนิ สนบั สนุนแลกเปลย่ี นกบั การสนบั สนุนการ การก่อการรา้ ยสากลในแต่ละครง้ั นน้ั กระทาเพ่อื ใหบ้ รรลุ ปฏิบัติการก่อการรา้ ยสากลซ่ึงจาเป็ นตอ้ งไดร้ ับการ วตั ถุประสงค์เฉพาะต่าง ๆ กันแลว้ แต่กรณี ซ่ึงพอจะ สนบั สนุนในเร่ืองต่าง ๆ จากบุคคล องคก์ รหรือรฐั หาก ประมวลวตั ถุประสงคเ์ ฉพาะในการการก่อการรา้ ยสากล ขาดการสนบั สนุนขบวนการก่อการรา้ ยสากลจะดอ้ ยขีด ดงั กลา่ วได้ ดงั น้ี ความสามารถในการปฏิบตั ิการ ในกรณีท่ีผูก้ ่อการรา้ ย ๑. เพ่อื ใหเ้ป็นขา่ วในลกั ษณะของการโฆษณาชวนเช่ือและ สากลเขา้ ไปอยู่ในประเทศอ่ืนบางคร้ังตอ้ งขอรบั การ การข่มขู่ การก่อการรา้ ยสากลแต่ละครงั้ มกั จะกระทาโดย สนบั สนุนจากบุคคลหรือองคก์ ร หรือรฐั บาลของประเทศ วิธีรุนแรง ทัง้ น้ีเพ่ือเรียกรอ้ งความสนใจจากชาวโลก นนั้ แลว้ จะตอบแทนผูส้ นบั สนุนดว้ ยการก่อการรา้ ยสากล บางครงั้ อาจฆา่ คน ๑ คนเพ่อื จะใหเ้ป็นขา่ ว ถา้ ฆา่ ไปแลว้ ๑ ใหเ้ ป็นไปตามวตั ถุประสงคห์ รือขอ้ เรียกรอ้ งของผูใ้ หก้ าร คนยงั ไมเ่ ป็นขา่ วใหญ่ ผูก้ ่อการรา้ ยก็อาจจะฆ่าคน ๑๐ คน สนบั สนุน ถึง ๑๐๐ คน เพ่ือหวงั จะใหเ้ ป็นข่าวใหญ่ เพ่ือสรา้ งความ หวาดกลวั ซ่งึ มลี กั ษณะทานองเชอื ดไก่ใหล้ งิ ดู เม่อื คนเกิด ๕. เพ่อื ทาลายความเช่ือมนั่ ในระบบรกั ษาความปลอดภยั ความหวาดกลวั แลว้ ก็จาตอ้ งยอมรบั ในอิทธิพลของ และกฎหมายของประเทศ จุดมงุ่ หมายของการก่อการรา้ ย ขบวนการฯ เป็นการกระทาเพ่อื หวงั ผลทางจิตวทิ ยา นน้ั ม่งุ ท่ีจะทาลายรฐั บาลประเทศเป้ าหมาย ตอ้ งการให้ ประชาชนในประเทศรูส้ ึกถึงความไม่ปลอดภยั ตระหนก ๒. เพ่อื ใหไ้ ดม้ าซ่งึ ขอ้ เรียกรอ้ ง การก่อการรา้ ยสากลส่วน ตกใจเป็นการทาลายขวญั และความเช่ือมนั่ ของประชาชนท่ี ใหญ่จะมกี ารเรียกรอ้ งตามมาดว้ ยเสมอ เช่น ใหร้ ฐั บาล มีต่อรฐั บาล หรือทาลายความศกั ด์ิสิทธ์ิของกฎหมาย ปล่อยตวั นกั โทษของขบวนการฯ ซ่ึงถูกจาคุกอยู่หรือให้ บา้ นเมอื ง รฐั บาลยุติการกระทาอย่างใดอยา่ งหน่งึ ขอ้ เรียกรอ้ งเหลา่ น้ี หากรฐั บาลปฏิบตั ิตามก็เท่ากบั ว่ารฐั บาลนน้ั ยอมเส่อื มเสีย เกยี รติภูมขิ องประเทศ ๓. เพ่อื ตอบโตแ้ ก่แคน้ รฐั บาล การก่อการรา้ ยในระยะหลงั น้ีจะเหน็ ว่าเกิดข้นึ บ่อยครง้ั ส่วนใหญ่มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือ โตต้ อบแกแ้ คน้ ประการใดประการหน่ึงโดยเฉพาะใน ประเทศนน้ั ท่ีองค์การหรือขบวนการไดพ้ ิจารณาแลว้ ว่า ก าลังเป็ น พัน ธ มิต รกับ ศัต รู ข อ งข บ ว น ก ารห รือ ประพฤติในลกั ษณะต่อตา้ น ลกั ษณะหรือวตั ถุประสงค์ ของขบวนการน้ี เช่น กลุ่มก่อการรา้ ยมุสลิมชีอะห์หัว รุนแรงท่ีปฏิบตั ิการต่อเป้าหมายฝรงั่ เศส ทงั้ น้ีเน่ืองจาก ฝรงั่ เศสไดข้ ายอาวุธจรวดเอ๊กโซเซตแ์ ละเคร่ืองบนิ มิราจ ใหแ้ ก่คูเวต ซ่งึ เป็นการโตต้ อบแกแ้ คน้ หรือปฏิบตั ิการแก้ แคน้ รฐั บาลฝรงั่ เศส

9 19 - 20 145 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries ลกั ษณะของการกอ่ การรา้ ย Hijacking ในช่วงปี ๒๕๑๑-๒๕๒๐ เฉล่ียแลว้ ปีละ ๑๑๕ แบ่งการก่อการรา้ ยสากลตามลกั ษณะการ คร้ัง หลงั จากน้ันมาการปฏิบตั ิการประเภทน้ีลดลงมาก ปฏบิ ตั ิการไดด้ งั น้ี สาเหตุทล่ี ดลงอาจเน่อื งมาจากมาตรการรกั ษาความปลอดภยั ๑. การจบั ตวั ประกนั (Hostage & Barricade) การจบั กมุ ตามท่าอากาศยานของประเทศต่าง ๆ รดั กุมและเขม้ แขง็ ข้นึ บคุ คลหรอื ยดึ ส่งิ ของสาคญั จึงทาใหผ้ ูก้ ่อการรา้ ยปฏิบตั ิการไดย้ ากข้นึ ต่อมาหลงั จากปี และกกั ขงั ไวต้ ่อหนา้ สาธารณชนเพ่อื ต่อรอง เหตกุ ารณ์ ๒๕๒๔ เป็นตน้ มาสถิติการจ้ีเคร่ืองบินของผูก้ ่อการรา้ ยเร่ิม ประเภทน้เี กดิ ข้นึ ไมบ่ อ่ ยนกั แต่เมอ่ื เกิดแลว้ มกั มคี วาม สูงข้นึ อีก สาเหตุอาจเกดิ จากการรกั ษาความปลอดภยั เขม้ งวด ยุ่งยากซบั ซอ้ นในการแกป้ ญั หา เช่นในประเทศไทยก็ นอ้ ยลง ผูก้ ่อการรา้ ยจึงฉวยโอกาสปฏิบตั ิการอีก และอีก เคยมเี หตกุ ารณเ์ กดิ ข้นึ คือ เมอ่ื วนั ท่ี ๒๘ ธนั วาคม ๒๕๑๕ ประการหน่ึงอาจมาจากผูก้ ่อการรา้ ยมีวิวฒั นาการและมี สมาชกิ กลุม่ Black September จานวน ๔ คนไดบ้ ุกเขา้ ไป เทคโนโลยีทางอุปกรณ์เคร่ืองมือเคร่ืองใชท้ ันสมัยข้ึน ในสถานเอกอคั รราชฑูตอสิ ราเอลและไดจ้ บั ตวั ประกนั ไว ้ ๖ ประกอบกบั กาลงั พลไดร้ บั การฝึกเป็นอยา่ งดี คน เพอ่ื เรียกรอ้ งต่อรองใหป้ ระเทศอสิ ราเอลปลอ่ ยตวั นกั โทษ ๔. การลอบวางระเบิด (Bombing) ลกั ษณะของการก่อการ ขบวนการปาเลสไตนจ์ านวน ๓๖ คน ซ่งึ ในครงั้ นน้ั ไทยเรา รา้ ยสากล ดว้ ยการลอบวางระเบิดเป็นวิธีการท่ผี ูก้ ่อการรา้ ย สามารถเจรจากบั ผูก้ ่อการรา้ ยไดส้ าเรจ็ ชกั จูงใหผ้ ูก้ ่อการรา้ ย นิยมใชม้ ากท่ีสุด เน่ืองจากมีอานาจในการทาลายรุนแรง ออกนอกประเทศไปไดโ้ ดยสนั ติ สะดวกในการซ่อนพราง และยากต่อการสืบสวนของ ๒. การลกั พาตวั (Kidnapping) เจา้ หน้าท่ี สามารถหลบหนีการจับกุมไดง้ ่ายเพ ราะ ลกั ษณะของการก่อการรา้ ยดว้ ยการลกั พาตวั เป็นการ ผูก้ ่อการรา้ ยจะใชว้ ิธี Hit and Run เช่นเอาระเบดิ ไปวางไว้ ปฏบิ ตั ิการจบั ยดึ บุคคลพรอ้ มสง่ิ ของสาคญั และกกั ขงั ไวใ้ ท่ี และใช้ Remote Control หรืออุปกรณ์ถ่วงเวลาจุดระเบิด ลบั เพอ่ื การต่อรอง ลกั ษณะคลา้ ยการจบั ตวั ประกนั แต่ ผลการระเบิดทาใหม้ ีผูบ้ าดเจ็บลม้ ตายเป็ นจานวนมาก ต่างกนั ตรงท่ใี ชส้ ถานท่ลี บั เป็นทก่ี กั ขงั ตวั ประกนั เช่น กรณี โดยเฉพาะในกรุงปารีสมกี ารระเบดิ ตามทอ้ งถนนต่าง ๆ วนั ของกองพลนอ้ ยแดงของอิตาลี (Red Brigade) ลกั พาตวั ละหลายครง้ั และมคี วามถ่สี ูงข้นึ อดตี ประธานาธบิ ดี ๕ สมยั ของอติ าลี คอื นายอนั โต มอโร ๕. การลอบสงั หาร (Assasination) วิธีการก่อการรา้ ยสากล ไปเป็นตวั ประกนั โดยกกั ขงั ไวท้ งั้ หมด ๕๔ วนั รฐั บาลอิตาลี ดว้ ยการลอบสงั หารนน้ั เป้าหมายของการลอบสงั หารก็คือ พยายามคน้ หาท่ซี อ่ นตวั ประกนั โดยใชต้ ารวจทุกหน่วย บุคคลสาคญั เช่น ผูน้ าประเทศท่ีมชี ่ือเสียง ผูน้ าสาคญั ทาง ดาเนินการ แต่ในขณะเดยี วกนั รฐั บาลอติ าลปี ฏเิ สธการเจรจา การเมือง ผูน้ าศาสนา วตั ถุประสงคข์ องการก่อการรา้ ยวิธีน้ี ทุกกรณีกบั ผูก้ อ่ การรา้ ยในท่สี ดุ วนั ท่ี ๕๔ ของการลกั พาตวั เพ่ือการโฆษณาชวนเช่ือ และกาจดั ศตั รูของขบวนการหรือ ประกนั ก็มคี นพบศพของนาย ดนั โต มอโรทา้ ยรถเกง๋ ซ่งึ จอด เพอ่ื การแกแ้ คน้ ไวห้ นา้ ทท่ี าการพรรคครสิ เตียนเดโมแครตของอติ าลี ๓. การปลน้ ยดึ ยานโดยสาร (Hijacking) ลกั ษณะของการ ก่อการรา้ ยดว้ ยการยดึ ยานโดยสารเป็นการปฏบิ ตั ิการยดึ ยานพาหนะขณะเคลอ่ื นไหวเช่น เคร่อื งบนิ เรือยนต์ รถไฟ พรอ้ มกกั ขงั ผูโ้ ดยสารและพนกั งานประจายานไวเ้พอ่ื การ ต่อรองสถติ ิผูก้ ่อการรา้ ยปฏบิ ตั ิในลกั ษณะน้ี โดยเฉพาะ Sky

146 9 19 - 20 Unit 9 Conflict in The 19th - 20th Centuries ตอ่ ไปเปน็ ชว่ งของการ ภาคการนาเสนอรายงานของนักเรยี น ผา่ น YouTube

147 Summary of Workloads to be Submitted หน้า 17 ทดสอบหลังเรียน หนา้ 22 ประเด็น ใบงานที่ 1 เรื่อง สิทธิมนุษยชน หน้า 33 ประเด็น ใบงานท่ี 2 เรอ่ื ง ความหลากหลาย หน้า 42 ประเด็น ใบงานที่ 3 เรอ่ื ง ความเปน็ ธรรมในสังคม หน้า 55 ประเด็น ใบงานท่ี 4 เรื่อง การแก้ปญั หาความขดั แย้ง หนา้ 68 ประเด็น IMAGINE การพ่ึงพาอาศยั ซ่ึงกนั และกัน หน้า 78 ประเด็น ใบงานที่ 6 เรอ่ื ง คา่ นยิ มและการตระหนกั รู้ หนา้ 87 ประเด็น IMAGINE การเปน็ พลเมอื งโลก หน้า 101 ประเด็น สงครามดโิ ป นโิ คโร หนา้ 102 ประเดน็ สงครามอสิ ลามนกิ ายบาบ หนา้ 107 ประเดน็ ใบงานที่ 7 เรอ่ื ง สงครามโลกครง้ั ท่ี 1 หนา้ 109 ประเด็น ใบงานที่ 8 เรื่อง ขยายอานาจมุสโสลนิ ี หน้า 113 ประเดน็ ใบงานท่ี 9 เรอ่ื ง สาธารณรัฐไวมาร์ หน้า 114 ประเด็น ใบงานท่ี 10 เร่อื ง สงครามโลกครั้งที่ 2 หน้า 117 ประเด็น ใบงานท่ี 11 ชาวยิว หน้า 121 ประเด็น ใบงานท่ี 12 คองเกรสแห่งเวยี นนา หนา้ 125 ประเด็น ใบงานท่ี 13 สนั นิบาตชาติ หนา้ 135 ประเดน็ ใบงานที่ 14 สหประชาชาติ หน้า 141 ประเดน็ ใบงานท่ี 15 สงครามเย็น ประเดน็ ใบงานที่ 16 มหาอานาจเดย่ี ว รายงานการศึกษา นาเสนอรายงานการศกึ ษา ผา่ น YouTube ทดสอบหลงั เรยี น

148 Summary of Workloads to be Submitted สปั ดาห์ท่ี 1 ชีแ้ จงรายวชิ าและทาความเขา้ ใจรายวชิ าทเี่ รยี น ทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น มอบหมายภาระงาน “รายงานการศกึ ษา” สัปดาห์ที่ 2 บรรยายและวเิ คราะห์สถานการณ์รว่ มกันในประเดน็ “สิทธมิ นุษยชน” สปั ดาห์ท่ี 3 บรรยายและวเิ คราะหส์ ถานการณร์ ว่ มกันในประเด็น “ความหลากหลาย” สปั ดาห์ที่ 4 บรรยายและวิเคราะห์สถานการณ์ร่วมกันในประเด็น “ความเป็นธรรมใน สงั คม” สปั ดาห์ท่ี 5 บรรยายและวเิ คราะห์สถานการณ์ร่วมกันในประเด็น “การแก้ปัญหาความ ขัดแย้ง” สปั ดาห์ท่ี 6 บรรยายและวเิ คราะหส์ ถานการณร์ ่วมกนั ในประเดน็ “การพงึ่ พาอาศัยกัน” สปั ดาห์ที่ 7 บรรยายและวิเคราะห์สถานการณ์ร่วมกันในประเด็น “ค่านิยมและการ ตระหนกั รู้” สัปดาห์ท่ี 8 บรรยายและวิเคราะห์สถานการณ์ร่วมกันในประเด็น “การพัฒนาอย่าง ยัง่ ยนื ” สัปดาห์ท่ี 9 บรรยายและวิเคราะห์สถานการณ์ร่วมกันในประเด็น “ความเป็นพลเมือง โลก” สัปดาห์ท่ี 10 สปั ดาหส์ อบกลางภาค สัปดาห์ท่ี 11 บรรยายและวเิ คราะห์สถานการณ์รว่ มกนั ในประเด็น “สงคราม” สปั ดาห์ที่ 12 บรรยายและวิเคราะห์สถานการณ์รว่ มกนั ในประเด็น “สงครามดโิ ปนิโคโร” สัปดาห์ที่ 13 บรรยายและวเิ คราะหส์ ถานการณ์รว่ มกนั ในประเด็น “สงครามนกิ ายบาบ” สปั ดาห์ท่ี 14 บรรยายและวิเคราะห์สถานการณร์ ่วมกันในประเด็น “สงครามโลกครงั้ ที่ 1” สปั ดาห์ที่ 15 บรรยายและวเิ คราะห์สถานการณ์รว่ มกันในประเด็น “สงครามโลกคร้งั ท่ี 2” สปั ดาห์ที่ 16 บรรยายและวิเคราะห์สถานการณ์ร่วมกันในประเด็น “องค์การระหว่าง ประเทศ” สปั ดาห์ที่ 17 บรรยายและวิเคราะห์สถานการณ์รว่ มกันในประเด็น “สงครามเยน็ ” สัปดาห์ที่ 18 บรรยายและวิเคราะหส์ ถานการณร์ ว่ มกนั ในประเด็น “มหาอานาจเดีย่ ว” สัปดาห์ที่ 19 บรรยายและวิเคราะหส์ ถานการณร์ ว่ มกนั ในประเด็น “การก่อการรา้ ย” สปั ดาห์ที่ 20 นาเสนอรายงานการศกึ ษา และสัปดาห์สอบปลายภาค

149 Summary of Workloads to be Submitted

149 Book’s Recommend Book Review Growing Stuff : An Alternative The Rape of Nanking War & Peace Guide to Gardening โดย : Iris Chang โดย : Leo Tolstoy โดย : Black Dog Publishing แปล : พลตรหี ลวงยอดอาวธุ แปล : ฉตั รนคร องคสิงห์ แปล : อรวรรณ ณ โกสุม (ฟอ้ น ฤทธาคนี) ความสุขของการปลูกตน้ ไมอ้ ยู่ท่กี าร ใค ร ท่ีคิ ด ว่าชี วิต เราช่ างท ารุ ณ งานเขยี นท่ีมีช่ือเสียงท่ีสุดของลีโอ ไดเ้ ฝ้ าดู ต้นกลา้ ท่ีเราหมัน่ รดน้า โหดรา้ ย ไม่มีความสุขเอาซ่ะเลย ตอลสตอย งานเล่มน้ีค่อนขา้ งอ่าน พรวนดินค่อย ๆ เติบโตข้ึนเป็ น อยากใหไ้ ดล้ องอ่านเล่มน้ีเราจะ ยาก เน่ืองจากเป็ นขอ้ เขียนทาง ตน้ ไมใ้ หญ่ และความต่ืนเตน้ ระยะท่ี พบว่า คนจีนท่ีนานกิงตอ้ งเจอกับ วชิ าการของนกั ปราชญค์ นสาคญั ของ สองก็คือการเก็บเก่ียวผลผลิตจาก ความทารุณโหดรา้ ยมากแค่ไหน ยุคเลยทเี ดยี ว แต่คุณค่าของงานเล่ม ตน้ ไมต้ น้ นนั้ มาใชใ้ นประโยชนจ์ ริงๆ ผู ้เขีย น ถ่ าย ท อ ด อ อ ก ม าจ าก น้มี มี ากกว่าจานวนหนา้ ท่หี นาถงึ กว่า ส่วนใหญ่คนจะคิดกนั ว่าทาสวนนน้ั ความรูส้ ึกร่วมสมยั จากพ่อแม่และ เจ็ดรอ้ ยหนา้ ตอลสตอย ไดเ้ สนอ ยาก และวุ่นวาย หนังสือเล่มน้ี ญาติพ่ีนอ้ งอยู่ร่วมเหตุการณ์ทงั้ ส้ิน แนวทางแกไ้ ขปญั หา รวมทง้ั ยงั ได้ เปลย่ี นมมุ มองในการทาสวน ใหง้ า่ ย ความโหดรา้ ยของสงคราม ความ วเิ คราะหส์ งครามครง้ั สาคญั ๆ ของ และประหยัดท่ีสาคัญ ยงั เกิดแรง คลงั่ ในลทั ธิความเช่อื แบบทหาร และ โลกท่รี สั เซียเขา้ ไปเก่ียวขอ้ งไวอ้ ย่าง บนั ดาลใจในการปลูกตน้ ไม ้ เพราะ การกระทาท่ีป่าเถ่ือนโหดรา้ ยหลาย น่าสนใจ แมจ้ ะไม่ไดเ้ ป็นเชิงสากล จะมีการบรรยายถึงขอ้ ดี ท่ีอ่าน ๆ ๆ อย่างมนั มากกว่าท่ีเราเคยรู ้ เคย นกั เน่ืองจากยงั มคี ติความเช่ือเร่ือง ไป แทบจะรูส้ กึ ว่าการปลูกตน้ ไมข้ อง เขา้ ใจ ชาตินิยมอยู่มาก แต่ก็เป็นประโยชน์ เรา ทาใหโ้ ลกอยู่ไดน้ านข้นึ อีกหลาย สาหรบั การศึกษามากทเี ดยี ว ปีทเี ดยี ว

149 Bibliography

150 Bibliography โกวทิ ย์ วงศ์สุรวฒั น์ , การเมืองการปกครองสหรฐั อเมริกา แนวพินิจทางประวตั ิศาสตร์ , กรุงเทพฯ : สำนกั พมิ พโ์ อเดยี นสโตร์ , 2548. สมร นิตทิ ณั ฑป์ ระภำส , สหรฐั อเมรกิ าในโลกปจั จุบนั ค.ศ. 1945 – 1980 เลม่ 1 , กรงุ เทพฯ : สำนกั พมิ พโ์ อ เดยี นสโตร์ , 2531. _______________ . สหรฐั อเมรกิ าในโลกปจั จุบนั ค.ศ. 1945 – 1980 เล่ม 2 , กรุงเทพฯ : สำนกั พมิ พโ์ อ เดยี นสโตร์ , 2531 แอลแลน เนวนิ ส์ และ เอนร่ี สตลี คอมเมเจอร์ , ประวตั ศิ าสตรส์ งั เขปของสหรฐั อเมรกิ า ตอนท่ี 3 , กรุงเทพฯ : สำนกั พมิ พแ์ พร่พทิ ยำ , 2518. ชวน เพชรแกว้ และ ปรชี ำ นุ่นสุข , กาแพงเมือง : มรดกทางวฒั นธรรมของชาวนครศรธี รรมราช , สงขลำ : มงคลกำรพมิ พ์ , 2520. ประเวศ วะสี , ความสาเร็จในการแกป้ ัญหาส่ิงแวดลอ้ ม : สถานการณ์ส่งิ แวดลอ้ มไทย , กรุงเทพฯ : สำนกั พมิ พอ์ มรนิ ทรพ์ ร้ินต้งิ , 2537. พชั รีย์ ฆังมณี , การศึกษาประเพณีทาบุญเดือนสิบของชาวอาเภอเมืองนครศรีธรรมราช , สงขลำ : มหำวทิ ยำลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ ภำคใต้ , 2537. มหำวิทยำลยั รำชภฏั นครศรีธรรมรำช , รายงานการสมั มนาประวตั ิศาสตรเ์ มืองนครศรีธรรมราช , นครศรีธรรมรำช : มหำวทิ ยำลยั รำชภฏั นครศรีธรรมรำช , 2536. มลู นิธสิ ำรำนุกรมวฒั นธรรมไทย , สารานุกรมวฒั นธรรมไทย ภาคใต้ , กรุงเทพฯ : สยำมเพรส แมเนจเมน้ ท์ , 2552. เรณู ไชยขนั ธ์ , คาลกั ษณนามในภาษาไทยถน่ิ ใต้ จงั หวดั นครศรธี รรมราช , สงขลำ : มหำวทิ ยำลยั ทกั ษณิ , 2541. สถติ ย์ ทองวิจิตร , การศึกษาผลกระทบจากการพฒั นาอตุ สาหกรรมตามแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คม แห่งชาติ ฉบบั ท่ี 1 – 5 ในพ้ืนท่ีจงั หวดั นครศรีธรรมราช , กรุงเทพฯ : คณะมนุษยศำสตร์ มหำวทิ ยำลยั เกษตรศำสตร์ , 2548. สุรียร์ ตั น์ หำญคำ , การศึกษาภูมินามทอ้ งถ่ินจงั หวดั ลาปาง , ลำปำง : ศูนยว์ ฒั นธรรมจงั หวดั ลำปำง ฝ่ำย ศึกษำคน้ ควำ้ และวจิ ยั วทิ ยำลยั ครูลำปำง. 2535. เสน่หำ บณุ ยรกั ษ์ , ภมู ินามจงั หวดั พษิ ณุโลก , พษิ ณุโลก : มหำวทิ ยำลยั พบิ ูลสงครำม , 2542. สำนกั งำนคณะกรรมกำรพฒั นำกำรเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชำติ, แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 1 - 5 , กรุงเทพฯ : สำนกั พิมพส์ ำนกั งำนคณะกรรมกำรพฒั นำกำรเศรษฐกิจและสังคม แห่งชำติ , 2526. ยุกติ มกุ ดำวจิ ติ ร , การก่อตวั ของกระแสวฒั นธรรมชุมชนในสงั คมไทย : พ.ศ. 2520 - 2537 , กรุงเทพฯ : คณะสงั คมวทิ ยำและมำนุษยวทิ ยำ , มหำวทิ ยำลยั ธรรมศำสตร์ , 2537.

151 Bibliography เรณู ไชยขนั ธ์ , คาลกั ษณนามในภาษาไทยถ่นิ ใต้ จงั หวดั นครศรธี รรมราช , สงขลำ : มหำวทิ ยำลยั ทกั ษิณ , 2541. สถติ ย์ ทองวจิ ิตร , การศึกษาผลกระทบจากการพฒั นาอตุ สาหกรรมตามแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คม แห่งชาติ ฉบบั ท่ี 1 - 5 ในพ้ืนท่ีจงั หวดั นครศรีธรรมราช , กรุงเทพฯ : คณะมนุษยศำสตร์ มหำวทิ ยำลยั เกษตรศำสตร์ , 2548. ศูนยย์ ุโรปศึกษำแห่งจุฬำลงกรณ์มหำวทิ ยำลยั . สหภาพยุโรปโฉมใหม่และ 27 ประเทศสมาชิก. สำนกั พมิ พพ์ ี เพรส : กรงุ เทพฯ, 2550. วมิ ลวรรณ ภทั รโภดม. สหภาพยุโรป. ศูนยย์ ุโรปศึกษำแห่งจฬุ ำลงกรณม์ หำวทิ ยำลยั : กรุงเทพฯ, 2543. _______________ . ยุโรปหลงั สงครามโลกครง้ั ท่ี 2. ศกั ดโิ สภำกำรพมิ พ์ : กรุงเทพฯ, 2544. _______________ . วรรณนิพนธ์ : รวมบทความว่าดว้ ยยุโรปสมยั ใหม่. คณะอกั ษรศำสตร์ , จุฬำลงกรณ์ มหำวทิ ยำลยั : กรุงเทพฯ, 2542. โกวทิ วงศส์ รุ วฒั น.์ ประวตั ศิ าสตรอ์ เมรกิ า. กรงุ เทพฯ : สำนกั พมิ พแ์ พร่พทิ ยำ , 2518. ทพิ ยอ์ บุ ล ดำบสุวรรณ. ประวตั ศิ าสตรอ์ เมรกิ า 1. กรงุ เทพฯ : สำนกั พมิ พม์ หำวทิ ยำลยั รำมคำแหง, 2520. ธนู แกว้ โอภำส. อเมรกิ า : อเมรกิ าเหนือ ลาตนิ อเมรกิ า. กรงุ เทพฯ : สำนกั พมิ พช์ ำตเิ ศรษฐกจิ , 2536. เพญ็ ศรี ภมู ถิ ำวร. ประวตั ศิ าสตรย์ ุโรป 2. กรุงเทพฯ : สำนกั พมิ พม์ หำวทิ ยำลยั รำมคำแหง , 2531. มยุรี เจรญิ . ประวตั ศิ าสตรย์ โุ รป 1. กรุงเทพฯ : สำนกั พมิ พม์ หำวทิ ยำลยั รำมคำแหง , 2545. ศฤงคำร พนั ธุพงศ.์ ประวตั ศิ าสตรส์ เปนยุคใหม่. กรุงเทพฯ : สำนกั พมิ พช์ วนพมิ พ์ , มหำวทิ ยำลยั รำมคำแหง , 2537. จนั ทรฉ์ ำย ภคั อธคิ ม , ประวตั ศิ าสตรก์ ารทูตสหภาพโซเวยี ต , กรุงเทพฯ : มหำวทิ ยำลยั รำมคำแหง , 2529. ดวงเดอื น พศิ ำลบตุ ร , สหภาพโซเวยี ต , กรุงเทพฯ : บรรณกิจ , 2523. ธนู แกว้ โอภำศ , ยุโรป 2 , กรงุ เทพฯ : สำนกั พมิ พช์ ำตเิ ศรษฐกิจ , 2535. นนั ทำ โชตกิ ะพกุ ณะ , ประวตั ศิ าสตรร์ ุสเซยี , กรงุ เทพฯ : ภำควชิ ำประวตั ศิ ำสตร์ มหำวทิ ยำลยั ศรนี ครินทรวิ โรฒ ประสำนมติ ร , 2523. ผสุ ดี จนั ทวมิ ล , ประวตั ศิ าสตรส์ หภาพโซเวยี ตรุสเซยี , กรงุ เทพฯ : มหำวทิ ยำลยั รำมคำแหง , 2530. สญั ชยั สุวงั บตุ ร , รวมบทความวรรณกรรมและประวตั ศิ าสตรโ์ ซเวียต , นครปฐม : ภำควชิ ำประวตั ิศำสตร์ คณะอกั ษรศำสตร์ มหำวทิ ยำลยั ศลิ ปำกร , 2541. สญั ชยั สุวงั บุตร และ อนันตช์ ยั เลำหะพนั ธุ , ทรรปณะประวตั ิศาสตรย์ ุโรปในคริสตศ์ ตวรรษท่ี 19 , กรงุ เทพฯ : สำนกั พมิ พศ์ กั ดโิ สภำ , 2551.. สุปรำณี มขุ วชิ ติ , ประวตั ศิ าสตรร์ ุสเซียยคุ โบราณจนถงึ ปี ค.ศ. 1917, กรุงเทพฯ : โอเดยี นสโตร์ , 2536. ศริ พิ ร ชนะสทิ ธ์ิ , ประวตั ศิ าสตรร์ สุ เซีย , สงขลำ : มหำวทิ ยำลยั ศรนี ครินทรวโิ รฒ ภำคใต้ , 2537. วไล ณ ป้ อมเพชร และ น. ชญำนุตย์ , สหภาพโซเวยี ต อดีตและปจั จุบนั , กรงุ เทพฯ : ไทยวฒั นำพำนิช , 2516.

152 Bibliography อธั ยำ โกมลกำญจน , ประวตั ศิ าสตรร์ สุ เซยี , กรงุ เทพฯ : มหำวทิ ยำลยั รำมคำแหง , 2516. อนนั ตช์ ยั เลำหะพนั ธุ และ สญั ชยั สุวงั บตุ ร , รสั เซียสมยั ซารแ์ ละสงั คมนิยม , กรงุ เทพฯ : โครงกำรตำรำและ หนงั สอื คณะอกั ษรศำสตร์ มหำวทิ ยำลยั ศิลปำกร , 2548. สมร นติ ทิ ณั ฑป์ ระภำส , สหรฐั อเมรกิ าในโลกปจั จบุ นั ค.ศ. 1945 – 1980 เล่ม 1 , กรุงเทพฯ : สำนกั พมิ พโ์ อ เดยี นสโตร์ , 2531. _______________ . สหรฐั อเมริกาในโลกปจั จุบนั ค.ศ. 1945 – 1980 เล่ม 2 , กรุงเทพฯ : สำนกั พมิ พโ์ อ เดยี นสโตร์ , 2531. แอลแลน เนวนิ ส์ และ เอนร่ี สตลี คอมเมเจอร์ , ประวตั ศิ าสตรส์ งั เขปของสหรฐั อเมรกิ า ตอนท่ี 3 , กรุงเทพฯ : สำนกั พมิ พแ์ พร่พทิ ยำ , 2516. เนวนิ ส,์ แอลแลน, ไพฑูรย์ พงศะบุตร, วลิ ำสวงศ์ นพรตั น,์ คอมเมเจอร,์ เฮนร่ี สตีล. ประวตั ิศาสตรส์ งั เขป ของสหรฐั อเมรกิ า. กรงุ เทพฯ : สำนกั พมิ พก์ ำ้ วหนำ้ , 2513 แฟรงคลนิ เอสเวอร์ จูเนียร์, ณรงค์ เกตุทตั แปล. ประวตั ิศาสตรอ์ เมริกา ฉบบั ย่อ. กรุงเทพฯ : สมำคม สงั คมศำสตรแ์ หง่ ประเทศไทย, 2512. เพญ็ ศรี ภมู ถิ ำวร. ประวตั ศิ าสตรย์ ุโรป 2. กรุงเทพฯ : สำนกั พมิ พม์ หำวทิ ยำลยั รำมคำแหง, 2531 มำลนิ ี ประเสริฐธรรม. สหรฐั อเมริกาก่อนสงครามโลก ครง้ั ท่ี 1. กรุงเทพฯ : ภำควชิ ำประวตั ิศำสตร์ คณะ สงั คมศำสตร์ มหำวทิ ยำลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ, 2538. มยุรี เจริญ. ประวตั ศิ าสตรย์ ุโรป 1. กรุงเทพฯ : สำนกั พมิ พม์ หำวทิ ยำลยั รำมคำแหง, 2545 มหำวทิ ยำลยั ครูเซ่ยี งไฮ,้ อรุณ โรจนสนั ติ แปล. ประวตั ศิ าสตรโ์ ลกยุคใกล.้ กรงุ เทพฯ : สำนกั พมิ พส์ ุขภำพใจ, 2542. ศฤคำร พนั ธุพงศ.์ ประวตั ศิ าสตรส์ เปนยุคใหม่. กรุงเทพฯ : สำนกั พมิ พช์ วนพมิ พ,์ มหำวทิ ยำลยั รำมคำแหง, 2537. สารานุกรมประวตั ศิ าสตรโ์ ลก. กรุงเทพฯ : สำนกั พมิ พไ์ ทมส,์ 2545 สริ ิ เปรมจิตต.์ ประวตั ิศาสตรส์ หรฐั อเมริกาตง้ั แต่ยุคโบราณ ถงึ ยุคปจั จุบนั . กรุงเทพฯ : สำนกั พมิ พแ์ พร่ พทิ ยำ, 2516. อรพนิ ท์ พงษภ์ กั ด.ี ประวตั ศิ าสตรอ์ เมรกิ า 1. กรุงเทพฯ : สำนกั พมิ พม์ หำวทิ ยำลยั รำมคำแหง, 2520.

153 Biography นายจริ พล ลวิ า ตาแหน่งครูชานาญการพเิ ศษ โรงเรยี นสตรปี ากพนงั หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรูส้ งั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม หวั หนา้ งานพฒั นานวตั กรรม สอ่ื และเทคโนโลยสี ารสนเทศ ประวตั กิ ารศกึ ษา 2543-2548 โรงเรยี นกลั ยาณีศรธี รรมราช 2549-2553 (ศศ.บ.) สาขาวชิ าประวตั ศิ าสตร์ คณะมนุษยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ทกั ษณิ 2559-2562 (ค.ม.) สาขาวชิ าการจดั การนวตั กรรมเพอ่ื การพฒั นา คณะครุศาสตร์ บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครศรธี รรมราช 2562-ปจั จุบนั กาลงั ศึกษา (ปร.ด.) สาขาวชิ านวตั กรรมวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยสี รา้ งสรรค์ คณะวทิ ยาศาสตร์ บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครศรธี รรมราช ผลงานทางวชิ าการ 2559 การพฒั นาเอกสารประกอบการเรียนรายวิชาเหตุการณ์ปจั จุบนั ในรูปแบบนิตยสารสาหรบั นกั เรยี นระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรยี นเทพราชพทิ ยาสรรค์ (ชนะเลศิ เหรยี ญทองอนั ดบั 1 แนวปฏบิ ตั ทิ เ่ี ป็นเลศิ Best Practice กลมุ่ สาระสงั คมศึกษาฯ) 2560 การพฒั นาเอกสารประกอบการเรียนรายวิชาประวตั ิศาสตรไ์ ทยในรูปแบบนิตยสารแบบมี ปฏสิ มั พนั ธก์ บั ผูเ้รยี นสาหรบั นกั เรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 (ชนะเลศิ เหรยี ญทองอนั ดบั 1 แนวปฏบิ ตั ทิ เ่ี ป็นเลศิ Best Practice กลมุ่ สาระสงั คมศึกษาฯ) 2561 การพฒั นาเอกสารประกอบการเรียนรายวชิ าประวตั ิศาสตรส์ ากล 1 ในรูปแบบนิตยสารท่ีมี ปฏสิ มั พนั ธก์ บั ผูเ้ รียน เพ่ือพฒั นาทกั ษะการคิดวิเคราะหก์ ารคิดวิเคราะหส์ าหรบั นกั เรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 6 (ชนะเลศิ เหรยี ญทองอนั ดบั 1 แนวปฏบิ ตั ทิ เ่ี ป็นเลศิ Best Practice กลมุ่ สาระสงั คมศึกษาฯ) 2562 การพฒั นาบทเรยี นอเิ ลก็ ทรอนิกสแ์ บปฏสิ มั พนั ธใ์ นสภาพแวดลอ้ มยูบคิ วติ สั (ชนะเลศิ เหรยี ญทองอนั ดบั 1 แนวปฏบิ ตั ทิ เ่ี ป็นเลศิ Best Practice กลมุ่ สาระสงั คมศึกษาฯ)