1 17 Unit 1 Human Right คาสงั่ ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปน้ีดว้ ยการแสดงความคดิ เหน็ ตามความเขา้ ใจของนกั เรียน ……………………………………………………………… …1…. น…ักเ…รยี …นค…ดิ ว…่าส…ทิ ธ…ิม…นุษ…ยช…น…กบ…ั ส…ญั …ชา…ตญ…าณ……มีค…วา…มเ…หม…อื น…ห…รอื …ต…า่ ง…กนั …อย…่าง…ไร…?……… ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… …2…. น…กั เ…รยี …นค…ดิ ว…า่ ใ…นป…จั …จุบ…นั ม…นุษ…ย…ป์ ฏ…บิ ต…ั ติ …นต…าม…หล…กั …สทิ …ธิม…นุษ…ย…ชน…หร…อื ไ…ม่ …………………… ……ย…กต…วั อ…ยา่…งแ…ละ…อธ…บิ า…ย…? ………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… 1
2 17 Unit 2 Diversity
18 2 Unit 2 Diversity 1. ความหมาย และ ความสาคญั ... จากการศึกษาประวตั ศิ าสตร์ และมานุษยวทิ ยา พบตรงกันว่า มนุษย์มีการกาเนิดในทวีป ความหลากหลาย หมายถงึ ลกั ษณะของความ แอฟริกา เม่ือประมาณ ๒,๐๐๐,๐๐๐ ปีก่อน วิถีชีวิต อาชีพ เช้ือชาติ ชาติพันธุ์ ศาสนา และค่อย ๆ กระจายตวั ไปทวั่ โลก เรียนรูท้ จ่ี ะ วฒั นธรรม พ้ืนทีท่ ากิน ประวตั ิศาสตร์ อายุ ปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กบั สภาพการณ์ท่ีแตกต่างกนั ใน ระดับการศึกษา สุขภาพ ทัศนคติ ค่านิยม แต่ล่ะทอ้ งถ่ินท่ีตนเองไปตงั้ รกรากอยู่ และ อดุ มการณท์ างการเมอื ง ภูมลิ าเนาการแต่งกาย เผชิญกบั การเปล่ยี นแปลงท่ีเกิดจากภยั พิบตั ิ ทีม่ ีความแตกต่างกนั ซ่ึงเป็นไปไดใ้ นทุกพ้ืนที่ รา้ ยแรงท่ีเกิดจากการเปล่ียนแปลงทาง ของโลก ประเทศ ภาค จงั หวดั และแมแ้ ต่ ภูมอิ ากาศทงั้ ในระดบั พ้นื ถน่ิ และระดบั ทวั่ โลก หมู่บา้ น ก็ยงั มีความหลากหลาย ปรากฏอยู่ เม่อื เวลาผ่านไป ผลจากการท่แี ผ่นเปลอื กโลก ทัว่ ไป ซ่ึงความหลากหลายมีที่มาจากการ เคลอ่ื นตวั ออกห่างกนั ทาใหเ้กิดความแตกต่าง เริม่ ตน้ ก่อตงั้ อารยธรรมของมนุษย์ โดยสรุป กนั ชดั เจน และมคี วามต่อเน่อื งมาถงึ ปจั จบุ นั ดงั น้ี
2 19 Unit 2 Diversity ในปจั จุบนั ความหลากหลายทางวฒั นธรรม อนั เป็นผลสบื เน่อื งมาจากการยา้ ยถน่ิ ของมนุษยไ์ ปใน และสงั คม ระหว่างกลุ่มชนจะยงั คงมีอยู่ ท่ตี ่าง ๆ ตามธรรมชาติ หรือ เป็นเคร่ืองมอื ตามช่วง เช่น ความแตกต่างทางภาษา และการแต่ง แห่งกนั พฒั นาของมนุษยท์ ่ีเป็นเคร่ืองมือสาคญั ของ กาย รวมทัง้ ประเพณี เป็ นตน้ แต่ทงั้ น้ี ของการสรา้ งววิ ฒั นาการ ทท่ี าใหส้ ายพนั ธุข์ องมนุษย์ ทงั้ นน้ั ในความแตกต่างท่ีหลากหลาย ใน ประสบความสาเร็จมากกว่าสตั วพ์ นั ธุอ์ น่ื ๆ ดว้ ยการ สงั คม ก็ยงั ปรากฏใหเ้ ห็นความคลา้ ยคลึง นาไปเปรยี บเทยี บกบั แนวคิดเร่ือง \"ความหลากหลาย กนั ของสงั คมทห่ี ลากหลายดว้ ยเช่นกนั นน้ั ท างชีวภ าพ \" ซ่ึงผ่ าน ก าร พิ สู จ น์ แล ้ว ว่ามี คือ แนวคิดทางศีลธรรม และวิธีทีก่ ลุ่มชน ความสาคญั ย่งิ ต่อการมชี วี ติ รอดในระยะยาวของทกุ ในสงั คมมปี ฏสิ มั พนั ธก์ บั สงิ่ แวดลอ้ ม ชวี ติ บนโลก ความหลากหลายทางวฒั นธรรมย่อมมี นกั วชิ าการสรา้ งคาใหม่ข้นึ มาว่า \"วฒั นธรรม ความสาคญั ย่ิงต่อการอยู่รอดในระยะยาวของมวล และความหลากหลาย\" และเผยแพร่จนเป็น มนุษยชาติดว้ ย เท่ากบั ว่า การอนุรกั ษ์วฒั นธรรม ท่รี ูจ้ กั อย่างแพร่หลายและเป็นท่ถี กเถยี งกนั ทอ้ งถ่นิ ขอแต่ล่ะทอ้ งถ่ิน ไวย้ ่อมมีความสาคญั มาก ว่าความแตกต่างทางวฒั นธรรมเหล่าน้ีเป็น พอ ๆ กบั การอนุรกั ษส์ ายพนั ธุช์ ีวิตของมนุษยชาติ เพยี งสง่ิ มนุษยส์ รา้ งข้นึ และสง่ิ มชี วี ติ ต่าง ๆ บนโลก นนั้ เอง. รูปภาพ 6 : ชาวสงิ หลในรฐั ทางใตข้ องอนิ เดยี กาลงั ออกเดนิ ไปยงั ท่งุ นาเพอ่ื หามนั เทศมาประกอบอาหาร ทม่ี า : http://province.m-culture.go.th/lampang/oneen/56.jpg
20 2 Unit 2 Diversity ภาพท่ี 7 : ครอบครวั แบคแฮม ระหวา่ งวนั พกั ผอ่ นท่ตี ลู ง ประเทศฝรงั่ เศส ท่มี า : http://www.sportskeeda. com/wp-content/uploads/ david-beckham-victoria- family2.jpg RICH PEOPLE FOCUS ON WHAT THEY WANT WHILE POOR PEOPLE FOCUS ON WHAT THEY DON'T WANT. คนรวยสนใจแตส่ ิง่ ทพ่ี วกเขาต้องการ ในขณะทค่ี นจนสนใจแต่ส่ิงที่พวกเขาไมต่ อ้ งการ T. Harv Eker ผู้แตง่ หนังสอื ถอดรหสั ลับสมองเงนิ ลา้ น (Secrets of Millionaire mind)
2 21 Unit 2 Diversity 2. องคก์ รระดบั นานาชาติท่ที างานดา้ นความหลากหลาย 2.1 ประกาศขององคก์ ารยูเนสโกว่าดว้ ยความหลากหลายทาง วฒั นธรรม (ค.ศ. 2001) องคก์ ารยูเนสโกไดอ้ อกประกาศ โดยไดร้ บั การยอมรบั โดยประเทศ สมาชิก 185 ประเทศเม่ือ ค.ศ. 2001 ยอมรบั ใหม้ ีการกาหนด มาตรฐานนานาชาตเิ พอ่ื ใชเ้ป็นเคร่ืองมอื สาหรบั การพทิ กั ษร์ กั ษาและ ส่งเสริมความหลากหลายทางวฒั นธรรมและบทโตต้ อบระหว่าง วฒั นธรรม 2.2 มูลนิธิเพือ่ ภาษาทีเ่ สีย่ งต่อการสูญหาย (Foundation for Endangered Languages) จากการศึกษาของ ศาสตราจารย์ (เกียรติคุณ) เดวิด คริสทลั แห่ง มหาวิทยาลยั เวลส์ บงั กอร์ เร่ือง ความหลากหลายทางวฒั นธรรม ไดม้ กี ารใชภ้ าษาเป็นตวั บ่งช้ถี งึ ความหลากหลายของทอ้ งถ่นิ นนั้ ๆและพบว่าภาษาท่ใี ชพ้ ูดใน ภูมภิ าคนน้ั หรือในโลกโดยรวม อยู่ในระยะของการถดถอยทร่ี วดเร็วข้นึ ในความหลากหลาย ทางวฒั นธรรมของโลก งานวิจยั ท่ีทาเม่ือช่วงทศวรรษ 1990 เสนอแนะในขณะนน้ั ว่า โดย เฉลย่ี ในทกุ 2 สปั ดาหจ์ ะมภี าษาหน่ึงภาษาทถ่ี ูกเลกิ ใชไ้ ป คริสทลั คานวณว่า ถา้ การตายของ ภาษา อยู่ในอตั ราน้อี ย่างต่อเน่ือง เมอ่ื ถงึ ค.ศ. 2100 ภาษาทใ่ี ชพ้ ดู ในโลกปจั จบุ นั จะสูญหายไป มากกว่ารอ้ ยละ 90 ภาพท่ี 8 : สญั ลกั ษณอ์ งคก์ ารยูเนสโก (UNESCO) ท่มี า : http://www.snr.ac.th/wita/story/UNESCO_flag.png ภาพท่ี 9 : สญั ลกั ษณอ์ งคก์ าร Foundation for Endangered Languages ทม่ี า : http://www.ogmios.org/img/logo.gif
22 2 Unit 2 Diversity คาสงั่ ใหน้ กั เรียนตอบคาถามต่อไปน้ีดว้ ยการแสดงความคิดเหน็ ตามความเขา้ ใจของนกั เรยี น ……………………………………………………………… 1. นกั เรยี นคดิ วา่ ความหลากหลายท่เี กดิ ข้ึนในสงั คมเอเชีย มีท่มี าจากปจั จยั ใด และมีผลอยา่ งไร ตอ่ พฒั นาการของมนุษยชาติในภมู ิภาคแถบน้ี ?
2 23 Unit 2 Diversity 2. นกั เรยี นคดิ ว่า ในปจั จุบนั ประเด็นปญั หาทเี กดิ ข้ึนในภมู ิถาคเอเชียในประเทศตา่ ง ๆ ท่มี ีท่ีมา จากความหลากในสงั คมและวฒั นธรรมรวมทง้ั การเมืองการปกครองในแตล่ ะ่ ภมู ิภาคน้ัน มี อะไรบา้ ง และในฐานะเยาวชนรนุ่ ใหมจ่ ะเสนอแนวทางแกป้ ญั หา ไดอ้ ย่างไร ยกตวั อยา่ ง พรอ้ มอธิบาย ? 2
3 23 Unit 3 Social Justice
24 3 Unit 3 Social Justice 1. ความหมาย และ ความสาคญั ... ความหมายตามหลกั สิทธิมนุษยชน หมายถึง ความเท่าเทียมของมนุษยท์ ุกคนในการไดร้ บั ความเสมอภาคเป็นหลกั สาคญั ในการเช่ือม สิทธิพ้ืนฐานตามหลกั สิทธิมนุษยชน โดยผ่าน ประสานสิทธิ เสรีภาพ และศกั ด์ิศรีความเป็น การปฏบิ ตั ติ ่อกนั ระหว่างมนุษยต์ ่อมนุษย์ ดว้ ย มนุษย์ ใหเ้ ป็นจริงไดใ้ นทางปฏิบตั ิ ซ่ึงความ ความเคารพต่อสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็ น เสมอภาค มคี วามหมายดงั ต่อไปน้ี มนุษย์ ความหมายตามหลกั กฎหมาย หมายถึง หลัก ก ารพ้ื น ฐาน ของค วาม ยุติธรรม ที่ กาหนดใหม้ กี ารปฏบิ ตั ิต่อบคุ คลทเี่ กีย่ วขอ้ งกบั เรือ่ งนนั้ ๆ อย่างเท่าเทยี มกนั
3 25 Unit 3 Social Justice ค วาม ห ม าย ต าม ระบ อบ ป ระชาธิป ไต ย หมายถงึ การทีป่ ระชาชนทุกคนในประเทศมี ความเสมอภาคหรือความเท่าเทียมกนั ในเรือ่ ง สิง่ จาเป็นขนั้ พ้ืนฐาน ในท่ีน้ี สิง่ ที่จาเป็น ขนั้ พ้ืนฐานต่อการอยู่รอดและพฒั นาตวั เองตาม หลกั สิทธิมนุษยชน คือ ปจั จยั สี่ ความมนั่ คง ปลอดภยั ในชวี ติ และร่างกาย การนบั ถอื ศาสนา การศึกษาและการรับรูข้ ่าวสาร การเขา้ ถึง บริการสาธารณะและสวสั ดิการสงั คม การ ประกอบอาชีพ การมีส่วนร่วมทางการเมือง และการไดร้ บั ความคมุ้ ครองตามกฎหมาย ดงั นน้ั ความเสมอภาคจึงเป็นแนวทางของการปฏิบตั ิ ดงั น้ี แนวปฏิบตั ิตามหลกั สิทธิ มนุษยชนพ้นื ฐานทก่ี าหนดส่งิ พงึ กระทาระหว่างบคุ คลในดา้ นต่างๆ อย่างเท่าเทยี มกนั แนวปฏิบตั ิ ในการใชอ้ านาจปกครองของภาครฐั ทงั้ ฝ่ายบรหิ าร นิตบิ ญั ญตั ิ และตลุ าการ ทต่ี อ้ งคานึงถงึ ความ เท่าเทยี มและสรา้ งความเท่าเทยี มต่อประชาชนทุกคนภายใตป้ กครองของรฐั นน้ั แนวทางในการ ติดตามตรวจสอบการทางานของรฐั ถงึ การปฏิบตั ิต่อประชาชน และการทางานดงั กล่าวตอ้ งมุ่ง สรา้ งความเทา่ เทยี มระหวา่ งบคุ คล ตลอดจนการไดร้ บั ผลประโยชนแ์ ละความคมุ้ ครองจากภาครฐั อย่างเท่าเทียมกนั ประเภทของความเสมอภาค ในท่ีน้ีจาแนกประเภทตามแนวคิดหลกั สิทธิ มนุษยชน และ แนวทางของสิทธิ เสรีภาพ และศักด์ิศรีความเป็นมนุษย์ ท่ีกาหนดไวใ้ น 1 ปี พ.ศ. 2550 เป็นตน้ มา. รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทยฉบบั ภาพท่ี 10 : สญั ลกั ษณอ์ งคก์ าร Social Justice ทม่ี า : http://www.sjti.org/images/SJTI-Logo_red.jpg 1 คณะรฐั มนตรี , รัฐธรรมนู ญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 , กรุงเทพฯ : สานักพิมพ์ คณะรฐั มนตรแี ละราชกจิ จานุเบกษา , 2551. หนา้ 2.
26 3 Unit 3 Social Justice “ ” จริ าพร หนูสง รบั ความกดดนั อย่างมาก แต่น่าแปลกมากท่ี คอลัมน์นิสต์ หนังสือพิมพ์ โฟกัส ผลจากการเขยี นงานแต่ล่ะครงั้ ไม่ว่างานนน้ั ภาคใต ้ จะเก่ียวกบั เร่ืองอะไร งานช้ินนน้ั จะตอ้ งมี ผลกระทบต่อผูเ้ ขียนตลอดเวลา ความ \".....ในฐานะส่ือ และผูเ้ ขยี นคอลมั น์รุ่นใหม่ กดดนั ท่ีรุนแรงท่ีสุดก็คือเร่ืองของการข่มขู่ ดิฉันเองคิดอยู่เสมอว่า ส่ือ และกลุ่มผูท้ ่ี ทง้ั เร่อื งของการใชอ้ ทิ ธิพลกดดนั ใหอ้ อกจาก ประกอบวชิ าชีพส่อื มเี งอ่ื นไขทางวชิ าชพี และ งาน หรือถงึ กระทง้ั ข่มขู่ว่าจะทารา้ ยร่างกาย ภาระหนกั รวมทง้ั การคน้ หาความจริง และ ไม่มีอะไรท่ีจะทาใหน้ กั ข่าวอ่อนใจจากการ นาเสนอความจริงทค่ี น้ พบอย่างตรงไปตรงมา ทางานไดม้ ากไปกว่างานท่ีเราตั้งใจเขียน แต่ก็มีหลายครงั้ ท่ีเกิดความทอ้ แท้ และรูส้ ึก อย่างเตม็ ท่ี เมอ่ื ตพี มิ พแ์ ลว้ กลายเป็นวา่ งาน เหน่ือยจนอยากจะหยุดทางานน้ี แต่เมอ่ื มานงั่ ช้นิ นน้ั เป็นเหตทุ ท่ี าใหเ้ราตอ้ งถกู ข่มขู่.. อ่านงานเขยี นของตวั เองท่ีลงตีพิมพ์ และมา ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ดฉิ นั ยงั เช่อื วา่ สาหรบั อ่านบทวจิ ารณ์ ทม่ี คี นเขยี นในเวปไซต์ ก็ทาให้ อาชพี นกั ขา่ วความเป็นธรรมในการประกอบ เราเร่ิมคิดใหม่ ว่า เฮย้ ...งานน้ีมนั ตอ้ งการเรา อาชีพ และความเป็นธรรมจากการทางาน หรอื เราตอ้ งการงานน้ีกนั แน่ แต่ทไ่ี ม่ตอ้ งสงสยั ดว้ ย. เลยก็คอื วา่ งานสอ่ื หรอื นกั ขา่ ว เป็นงานทต่ี อ้ ง
3 27 Unit 3 Social Justice 1.1 ความเสมอภาคในโอกาส หมายถึง 1.2 ความเสมอภาคทางสังคม หมายถึง ความเท่าเทียมกนั ของโอกาสในการไดร้ บั ความเท่าเทียมกนั ทางสงั คมของสมาชกิ ทุก บริการสาธารณะของรฐั และไม่ถูกกีดกนั คนในสงั คม การไม่เลอื กปฏบิ ตั ิเพราะความ ออกจากกิจกรรมต่างๆ ของสังคม เช่น แตกต่างทางอัตลกั ษณ์ของบุคคล หรือ โอกาสไดร้ บั การศึกษา โอกาสไดร้ บั การจา้ ง กล่าวไดว้ ่า ถ่นิ กาเนิด ชาตพิ นั ธุ์ ภาษา ผิวสี งาน โอกาสในการเขา้ ถงึ บริการสาธารณสุข เพศ ศาสนา รายไดห้ รือทรพั ย์สิน ชนชนั้ ไดแ้ ก่ โอกาสในการไดร้ บั การฉีดวคั ซนี และ วรรณะ ความสมบูรณ์ของร่างกาย สุขภาพ โอกาสในการเขา้ ถึงยารกั ษาโรค เป็ นตน้ ความคิดเห็นท่ีแตกต่าง การถูกตดั สินว่า ความเท่าเทยี มกนั ของประชาชนในการเขา้ ถงึ กระทาผดิ ไม่เป็นเหตใุ หเ้กดิ การปฏบิ ตั อิ ย่าง บริการดังกล่าวจึงเป็ น ท่ีม าของความ ไม่เท่าเทยี มกนั ในอุดมคติความเสมอภาค พยายามในการลดหรือขจัดความความ ทางสงั คมไม่ควรเป็นการบงั คบั ผ่านกฎหมาย แตกต่างระหว่างรายไดข้ องครวั เรือน และ แต่เป็ นสานึกในความเคารพต่ อความเป็ น สรา้ งความเสมอภาคของความมงั่ คงั่ ดงั นนั้ ม นุ ษ ย์ท่ีค ว รเกิ ด ข้ึน ใน แ ต่ ล ะ บุ ค ค ล เอ ง ระบบการเก็บภาษีเงนิ ไดแ้ บบอตั รากา้ วหนา้ อย่ างไรก็ ตาม เพ่ือเป็ น แ น วท างในก ารถือ จงึ เป็นตวั อย่างของความพยายามสรา้ งความ ปฏิบตั ิและสงั่ สมความตระหนกั รูแ้ ละความ เสมอภาคของรายได้ หรือระบบสวสั ดิการ เขา้ ใจ รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย ของรฐั ทจ่ี ดั สรรใหผ้ ูม้ รี ายไดน้ อ้ ยเพอ่ื การลด ฉบบั ปี พ.ศ. 2550 เป็นตน้ มา ไดก้ าหนด ความไม่เท่าเทียมกันของโอกาส หรือการ สาระสาคญั เร่ืองความเสมอภาคเท่าเทยี มกนั สรา้ งมาตรฐานการดารงชีพสาหรบั ผูท้ ่ีมี และการไดร้ บั ความคุม้ ครองตามกฎหมาย ความยากจนทาใหโ้ อกาสของพวกเขาเท่า ไวเ้ป็นแนวทางดงั น้ี เทยี มกบั บคุ คลอน่ื
28 3 Unit 3 Social Justice 1.2.1 การเลอื กปฏบิ ตั โิ ดยไม่เป็นธรรมต่อ 1.3 ความเสมอภาคทางกฎหมาย หมายถึง บุคคลเพราะความแตกต่างเร่ืองเพศ ถ่ิน สทิ ธิทเ่ี ท่าเทยี มกนั ภายใตก้ ฎหมายเดยี วกนั มี กาเนิด เช้อื ชาติ ภาษา ทางการเมอื ง จะเป็น ความหมายรวมถงึ กระบวนการทางกฎหมายท่ี การขดั ต่อรฐั ธรรมนูญ มีผลต่อประชาชนโดยรวมต้ังแต่การออก กฎหมายท่ีตอ้ งเป็ นไปเพ่ือประโยชน์ต่อ 1.2.2 รฐั สามารถกาหนดมาตรการเพ่ือ ประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน การบงั คับใช้ ขจดั อปุ สรรคหรือส่งเสริมใหบ้ คุ คลสามารถ กฎหมายและการพจิ ารณาคดตี อ้ งเป็นไปอย่าง ใชส้ ทิ ธิ เสรภี าพไดเ้ท่าเทยี มกนั กบั บคุ คลอ่นื เสมอภาคเท่าเทียมต่อประชาชนทุกคน การ ได้ และไมถ่ อื เป็นการเลอื กปฏบิ ตั ิ ไดร้ บั ความคุม้ ครองตามกฎหมายอย่างเท่า เทยี มกนั รวมถงึ การคมุ้ ครองทางกฎหมายเพอ่ื 1.2.3 บุ ค ค ล ผู ้เป็ น ท ห าร ต าร ว จ การสรา้ งโอกาสทเ่ี ทา่ เทยี มกนั ดว้ ย ขา้ ราชการ เจา้ หนา้ ทอ่ี ่นื ของรฐั พนกั งานหรือ ลูกจา้ งของขององค์กรของรฐั ย่อมมีสิทธิ 1.4 ความเสมอภาคทางการเมือง หมายถึง เสรีภาพตามรฐั ธรรมนูญ ยกเวน้ ท่ีจากดั ไว้ การมีสิทธิทางการเมืองท่ีเท่าเทียมกนั ในท่ีน้ี ใน กฎ หม าย เฉ พ าะใน ส่ วน ท่ีเก่ียวกับ รวมถึงการมีส่วนร่วมทางการเมืองผ่านทาง การเมอื ง ส2มรรถภาพ วนิ ยั หรอื จรยิ ธรรม ตวั แทน และการมีส่วนร่วมทางตรง โดยการ กาหนดในกฎหมายใหผ้ ูม้ อี ายุ ๑๘ ปีบรบิ ูรณ์มี สทิ ธิในการเลอื กตง้ั อย่างเท่าเทยี ม และรฐั ตอ้ ง จดั ใหเ้ กิดความสะดวกและการเท่าเทียมใน โอกาสออกไปใชส้ ิทธิเลอื กตงั้ ดว้ ยการจดั สรร จดุ เลอื กตง้ั สาหรบั ประชาชนอย่างเท่าเทยี มทวั่ ถงึ ทงั้ ในและต่างประเทศ คะแนนเสยี งของประชาชนทกุ คน มคี ่าเท่ากนั มคี วามเท่าเทยี มกนั ของผูส้ มคั รทงั้ คุณสมบตั ผิ ูส้ มคั ร โอกาสหาเสยี งและวงเงนิ ใน การหาเสียง มีการป้ องกนั และปราบปรามการทุจริตในการเลือกตง้ั อย่างไม่เลือกปฏิบตั ิ นอกจากน้ที กุ คนยงั มคี วามเท่าเทยี มในการมสี ่วนร่วมทางการเมอื งในรูปแบบต่างๆ ตามกาหนด ไวต้ ามรฐั ธรรมนูญ นบั แต่ปี พ.ศ. 2550 เป็นตน้ มา เช่น การใชส้ ทิ ธิการเขา้ ช่อื เสนอกฎหมาย หรอื ขอ้ บญั ญตั ทิ อ้ งถน่ิ การทาประชามติ การเขา้ ชอ่ื ถอดถอนผูด้ ารงตาแหน่งทางการเมอื ง 2 บรรเจิด สิงคะเนติ , สารานุกรมรฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย (พ.ศ.2540) เร่ือง ความเสมอภาค. กรุงเทพฯ : องคก์ ารคา้ ของคุรุสภา , 2540. หนา้ 32.
3 29 Unit 3 Social Justice 2. หลกั การพิจารณาความเสมอภาค หลกั การเพ่ือพิจารณาว่า มีการปฏิบตั ิต่อ เหมือนกันก็จะปฏิบัติต่างกัน เช่น การ บุคคลหน่ึง เหมือน หรือ ต่าง จากอีกบุคคล เปรียบเทียบผูพ้ ิการกับผูร้ ่างกายสมบูรณ์ หน่ึงหรือไม่ (หลกั แห่งความเสมอภาค) ใหถ้ อื แข็งแรงและตดั สินว่ารฐั ซ่ึงจดั ช่องทางพิเศษ หลกั การ “สาระเหมือน ปฏิบตั ิเหมือน สาระ สาหรบั ผูพ้ ิการ เป็ นการปฏิบตั ิอย่างไม่เท่า ต่าง ปฏิบตั ิต่าง” นัน่ คือ ตอ้ งพิจารณาจาก เทียมย่อมไม่ได้ เหตุเพราะผูพ้ ิการและผู ้ บุคคลท่จี ะนามาเปรียบเทยี บกนั หากบุคคลท่ี สมบูรณ์ แข็งแรงมีร่างกายท่ีแตกต่างกนั อนั นามาเปรียบเทียบกนั มีลกั ษณะเหมือนกนั เป็นเหตผุ ลทอ่ี ธบิ ายไดช้ ดั เจน แต่กลบั เป็นตรง ตอ้ งปฏิบัติเหมือนกัน เช่น ผู ้กระทาผิด ขา้ มว่าการจดั ช่องทางพเิ ศษสาหรบั ผูพ้ กิ ารนนั้ กฎหมายตอ้ งไดร้ ับโทษท่ีเหมือนกัน จะ เท่ากบั ส่งเสริมความเสมอภาคและเท่าเทียม พจิ ารณาว่าเพราะบคุ คลหน่ึงมเี พศ ชาติกาเนิด ทางโอกาส สาหรบั ผูพ้ ิการในการใชบ้ ริการ การศึกษา รายได้ หรือ อ่ืนๆ ต่างจากอีก สาธารณะ กรณีน้อี ธบิ ายไดเ้ช่นเดยี วกบั การจดั บุคคลหน่ึงจึงมบี ทลงโทษท่ีแตกต่างกนั มไิ ด้ ท่เี ฉพาะสาหรบั เด็ก สตรีมีครรภ์ และคนชรา เพราะสาระสาคัญอยู่ที่การฝ่ าฝื นกฎหมาย ของรถโดยสารประจาทางทช่ี ่วยส่งเสรมิ โอกาส เหมือนกนั ย่อมตอ้ งไดร้ บั โทษเช่นเดียวกนั ในการไดร้ ับ3บริการท่ีเหมาะสมกับสภาพ ความไม่เท่าเทยี มกนั แต่เดมิ ของผูก้ ระทาผดิ ทง้ั ร่างกาย. สองคนไม่ถือเป็ นเง่ือนไขหรือสาระในการ ส่งเสริมใหเ้กิดการหา้ มลงโทษ หรือการลงโทษ มากนอ้ ยแตกต่างกนั เช่นเดียวกบั การจดั การศึกษาท่ีจะอนุญาตใหเ้ ฉพาะคนร่างกาย ปกตเิ ขา้ ศึกษาย่อมมไิ ด้ เพราะย่อมสรา้ งความ ไม่ เท่ าเที ย ม กัน แ ล ะ เป็ น ก าร เลื อ ก ปฏิบัติ สาระสาคัญ คือสิทธิในการได้รับ การศึกษาทีเ่ ท่าเทียมของมนุษย์ เงอ่ื นไขอ่นื ใด จะทาใหเ้ กิดการไม่ไดร้ บั การศึกษาย่อมไม่ได้ หากบคุ คลทน่ี ามาเปรยี บเทยี บ มลี กั ษณะไม่ 3 วิสุทธ์ิ โพธิแท่น , แนวคิดพ้ืนฐานของประชาธิปไตย . กรุงเทพฯ : สานกั พมิ พค์ ณะรฐั มนตรีและราชกิจจา นุเบกษา , 2551. หนา้ 235.
30 3 Unit 3 Social Justice เหตกุ ารณ์ในประวตั ิศาสตรไ์ ทยอนั เป็ นการกระทาท่ีขาดความเป็ นธรรมและความ เสมอภาคในสงั คม การเปล่ียนแปลงตามกระบวนการดงั กล่าว การเปลย่ี นแปลงทางการเมอื งไม่ว่าจะเป็นการ ขา้ งตน้ ถอื ว่าเป็นการเปลย่ี นแปลงโดยสนั ติวธิ ี เปล่ียนรฐั บาลหรือคณะผูป้ กครองหรือการ และเป็นวถิ ที างทถ่ี กู ตอ้ งตามกฎหมาย อย่างไร เปล่ียนกติกาการปกครองหรือรฐั ธรรมนูญ ก็ตาม การเปลย่ี นแปลงอีกวธิ ีหน่ึงทถ่ี อื ว่าเป็น ย่อมเป็นส่ิงท่ีเกิดข้ึนไดใ้ นทุกประเทศปกติ วธิ ีการรุนแรงและไม่ถกู ตอ้ งตามกฎหมาย นนั่ รฐั ธรรมนูญของแต่ละประเทศ ย่อมกาหนด ก็คือการใชก้ าลงั เขา้ ข่มขู่ เช่น ใชก้ องกาลงั ติด วธิ ีการเปล่ยี นแปลงไว้ เช่น ใหม้ ีการเลือกตงั้ อ าวุ ธ เขา้ ยึ ด อ าน าจ จ าก รัฐ บ าล เดิ ม ไล่ ทั่ว ไป ทุ ก 4 ปี ห รือ 5 ปี ห รือ เลือ ก คณะรฐั มนตรีออกไป และตงั้ คณะรฐั มนตรี ประธานาธิบดที กุ 4 ปี หรอื 6 ปี เพอ่ื ใหโ้ อกาส ใหม่ โดยกลุม่ ของคนทย่ี ึดอานาจเขา้ มาแทนท่ี ประชาชนตดิ สนิ ใจว่า จะใหบ้ คุ คลใดหรอื กลุ่ม หรือยกเลิกรฐั ธรรมนู ญฉบบั เดิมแลว้ ร่าง พรรคการเมืองใดไดเ้ ป็ นผูป้ กครอง และ รฐั ธรรมนูญฉบบั ใหม่ วางกฎและกติกาตามท่ี กาหนดวธิ ีการเปลย่ี นแปลงหลกั การหรือสาระ กลุ่มผูม้ ีอานาจปรารถนา โดยปกติคณะหรือ ขอ งรัฐ ธ รรม นู ญ ห รือ แ ม้ก ระทั่งส ร้าง กลุ่มบุคคลท่ีจะเขา้ มาเปล่ยี นแปลงดว้ ยวิธีน้ี รฐั ธรรมนูญใหม่แทนฉบบั เดมิ จะตอ้ งมีกองกาลงั ติดอาวุธเขา้ ปฏิบัติการ มฉิ ะนน้ั แลว้ ก็ยากทจ่ี ะสาเร็จ และถงึ มกี าลงั ก็ ไม่อาจไม่สาเร็จเสมอไป เพราะมีองคป์ ระกอบ การสนบั สนุนหรือต่อตา้ นจากประชาชนเขา้ มา เป็นปจั จยั ประกอบดว้ ย
3 31 Unit 3 Social Justice ปญั หาท่ีเกิดข้นึ กบั ประเทศท่ีไม่มีเสถียรภาพ ในการเมืองไทยคาว่า ปฏิวตั ิ กบั รฐั ประหาร ทางการเมืองก็คือว่า การเปล่ียนรฐั บาลหรือ มกั ใชป้ ะปนกนั แลว้ แต่ผูย้ ึดอานาจไดน้ น้ั จะ ผูป้ กครองประเทศมกั ไม่เป็ นไปตามกติกา เรียกตวั เองว่าอะไร เท่าทผ่ี ่านมามกั นิยมใชค้ า หรอื ระเบยี บแบบแผนโดยสนั ตวิ ธิ ี ตรงกนั ขา้ ม ว่า ปฏิวตั ิ เพราะเป็นคาท่ีดูขงึ ขงั น่าเกรงขาม มกั เกิดการแย่งชิงอานาจดว้ ยการใชก้ าลงั อยู่ เพ่ือความสะดวกในการธารงไวซ้ ่ึงอานาจท่ี เนือง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไปในรูปของการจลาจล ไดม้ าน้นั ทงั้ ท่ีโดยเน้ือแทแ้ ลว้ นบั แต่มีการ กบฏ ปฏวิ ตั หิ รือรฐั ประหารความหมายของคา เปลย่ี นแปลงการปกครอง 24 มถิ นุ ายน 2475 เหล่าน้ีเหมือนกนั ในแง่ท่ีว่าเป็นการใชก้ าลงั ซ่ึงอาจถือไดว้ ่าเป็นการปฏิวตั ิท่ีแทจ้ ริงครง้ั อาวุธยึดอานาจทางการเมืองแต่มีความหมาย เดียวท่ีเกิดข้นึ ในประเทศไทย การยึดอานาจ ต่างกนั ในดา้ นผลของการใชก้ าลงั ความรุนแรง โด ยวิธีการใชก้ าลังค รั้งต่ อๆ มาในทาง นน้ั หากทาการไม่สาเร็จจะถูกเรียกว่า กบฏ รฐั ศาสตรถ์ อื ว่าเป็นเพยี งการรฐั ประหารเท่านน้ั จลาจล (rebellion) ถา้ การยึดอานาจน้ัน เพ ราะผู ้ยึ ด อ าน าจ ได้น้ัน ไม่ ได้ท าก าร สมั ฤทธิผล และเปล่ียนเพียงรฐั บาลเรียกว่า เปลย่ี นแปลงหลกั การมูลฐานของระบอบการ รฐั ประหาร (coup d'etat) แต่ถา้ รฐั บาลใหม่ ปกครองเลย. ไดท้ าการเปล่ียนแปลงมูลฐานระบอบการ ปกครอง กน็ บั วา่ เป็น การปฏวิ ตั ิ ดงั นนั้ เพอ่ื ใหส้ อดคลอ้ งกบั พฤตกิ รรมทางการเมอื งและมใิ หส้ บั สนกบั การใชช้ อ่ื เรยี กตวั เองของ คณะท่ที าการยึดอานาจทง้ั หลาย อาจสรุปความหมายแคบๆ โดยเฉพาะเจาะจงสาหรบั คาว่า ปฏวิ ตั ิ และรฐั ประหารในบรรยากาศการเมอื งไทยเป็นดงั น้คี อื \"ปฏิวตั ิ\" หมายถึง การยึดอานาจโดยวิธีการที่ไม่ถูกตอ้ งตามรัฐธรรมนูญ ยกเลิก รฐั ธรรมนูญทีใ่ ชอ้ ยู่ อาจมหี รือไม่มีการประกาศใชร้ ฐั ธรรมนูญฉบบั ใหม่ และรฐั บาลใหม่ไดท้ า การเปลยี่ นแปลงมลู ฐานระบอบการปกครอง \"รฐั ประหาร\" หมายถงึ การยึดอานาจโดยวธิ ีการทไี่ ม่ถูกตอ้ งตามรฐั ธรรมนูญ แต่ยงั คงใช้ รฐั ธรรมนูญฉบบั เก่าต่อไป หรือประกาศใชร้ ฐั ธรรมฉบบั ใหม่ เพือ่ ใหม้ ีการเลอื กตงั้ เกิดข้นึ ใน ระยะเวลาไม่นานนกั ในประเทศไทย ถือไดว้ ่ามี การปฏิวตั ิ เกิดข้ึนคร้งั แรกและครง้ั เดียวคือ การ เปล่ยี นแปลงการปกครอง 2475 โดยคณะราษฎร จากระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็น ระบอบประชาธิปไตย และมพี ฒั นาการทางประวตั ศิ าสตรก์ ารเมอื งมาเป็นระยะ ๆ ดงั ต่อไปน้ี
32 3 Unit 3 Social Justice 1. กบฏบวรเดช พ.ศ. 2476 ผูน้ าการเปล่ียนแปลง คือ พลเอกพระ 4. วนั มหาวปิ โยค 14 ตลุ าคม พ.ศ. 2516 ผูน้ าการเปล่ียนแปลงคือ ประชาชน นิสิต วรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ บวรเดช และพระยาศรี สทิ ธิสงคราม นกั ศึกษา สาเหตุของการเปล่ียนแปลงเพื่อต่อตา้ น สาเหตขุ องการเปลย่ี นแปลง เพอื่ ลม้ ลา้ งการ ปกครองระบอบประชาธิปไตยและนาประเทศ เผด็จการทหารที่ครอบงาและลิดรอนสิทธิ์ กลบั สู่การปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิ เสรีภาพทางการเมอื งของประชาชน ราชยอ์ กี ครงั้ ผลของการเปลย่ี นแปลง ประเทศไทยเขา้ สู่ ผลของการเปล่ียนแปลง คือ ปฏิวตั ิครงั้ น้ี ระบอบประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ ประชาชน ลม้ เหลว พวกกบฏถูกฝ่ ายรฐั บาลปราบปราม มเี สรีภาพในการแสดงออกทางการเมืองอย่าง ไดส้ าเร็จ กวา้ งขวาง และมีการประกาศใชร้ ฐั ธรรมนูญ 2. การรฐั ประหาร พ.ศ. 2490 พ.ศ. 2517 5. เหตกุ ารณ์ 6 ตลุ าคม พ.ศ. 2519 ผูน้ าการเปลย่ี นแปลงคือ พนั เอกหลวงกาจ สงคราม และ พลโทผนิ ชณุ หะวนั ผูน้ าการเปล่ียนแปลงคือ พลเรือเอกสงดั ชลออยู่ สาเหตุของการเปล่ยี นแปลง กรณีสวรรคต ของรชั กาลที่ 8 และปญั หาการฉอ้ ราษฎรบ์ งั สาเหตุของการเปล่ียนแปลง อา้ งว่านิสิต หลวง นักศึกษาที่เป็ นผูน้ าการเปลี่ยนแปลงทาง การเมืองในวนั ที่ 14 ต.ค. 2516 ไดร้ บั การ ผลของการเปล่ียนแปลง ทาใหจ้ อมพลป. สนบั สนุนจากคอมมวิ นิสต์ พิบูลยส์ งครามกลบั มามีบทบาททางการเมือง อีกครงั้ และกลุ่มซอยราชครูมีบทบาทสาคญั ผลของการเปล่ยี นแปลง ระบอบประชาธิป ทางการเมืองมากข้ึน, ความสมั พนั ธร์ ะหว่าง ไตยถูกลม้ ลา้ งและกลบั ไปสู่การปกครองแบบ ระหวา่ งไทยกบั สหรฐั อเมริกาแน่นแฟ้นมาก เผด็จการอานาจนิยมอีกครงั้ สภาพการเมือง 3. การรฐั ประหาร พ.ศ. 2501 ขาดเสถยี รภาพและแตกแยกอย่างรุนแรง. ผูน้ าการเปล่ียนแปลงคือ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรชั ต์ สาเหตุของการเปลย่ี นแปลง อา้ งสาเหตจุ าก ภยั คกุ คามของลทั ธิคอมมวิ นิสต์ ผลของการเปล่ยี นแปลง ทาใหป้ ระเทศไทย เขา้ สู่ระบอบเผด็จการอานาจนิยม
3 33 Unit 3 Social Justice คาสงั่ ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปน้ีดว้ ยการแสดงความคิดเหน็ ตามความเขา้ ใจของนกั เรียน ……………………………………………………………… …1…. น…ักเ…รยี …นค…ิด…อย…่าง…ไรก…บั …ปร…ะโย…ค…ท่ีว…่า …\"ป…ระ…วตั …ิศา…สต…รก์ …าร…เม…ือง…ไท…ย ต…ก…อย…ู่ใน…วง…เวี…ยน…ขอ…งก…าร… ……เสกง…ั ิดคคม…วขา…อมงไ…ปมร่…เะปช็ น…าชธ…นรร\"ม…อทธ…าิบง…สายงั …ตคามม…นค…วักาก…มาเรข…เา้มใ…ือจง…?มีอ…าน…าจ…มา…ก…แล…ะป…ฏ…ิเสธ…ค…วาม…เท…่าเ…ทีย…มก…นั …ใน… ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… ………………………………………
34 3 Unit 3 Social Justice ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… …2…. ใ…หน้ …ัก…เรีย…น…อธ…ิบา…ยค…วา…มห…ม…าย…ล…กั ษ…ณ…ะ …แล…ะ …ผล…ท่ีม…ีต…่อส…งั ค…ม…ขอ…ง…คว…าม…เส…มอ…ภ…าค…แ…ละ… ……คว…าม…ไม…่เป…็นธ…รร…มท…าง…สงั…คม…ต…าม…ทน่ี…ัก…เรยี…น…เขา…้ ใจ…มา…พอ…สง…ั เข…ป…? …………………………… ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………… ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… ……………… 3
4 35 Unit 4 Conflict Resolution 4 จดุ เร่มิ ตน้ ... ชัยชนะ ของระบบทุนนิยมและการเมือง ประชาธิปไตย โลกยุคการส้นิ สุดความขดั แยง้ ส ถ าน ก าร ณ์ ข อ ง โล ก ห ลัง ก าร ส้ิ น สุ ด ทางอุดมการณ์ทางการเมืองและโลกท่ีความ สงครามโลกครง้ั ท่ี 2 ทุกประเทศต่างพากนั ขดั แยง้ เชิงวิภาษวิธี (Dialectical Conflict) พยายามลดการแกป้ ญั หาดว้ ยการทาสงคราม เคล่อื นมาถึงจุดจบ แต่ดูเหมือนว่าสนั ติภาพ แต่ทว่าสงครามก็ไม่ไดส้ ้นิ สุดไปจากโลก ยงั คง ของโลก จะเป็นสนั ติภาพรอ้ น (Hot Peace) มีการทาสงครามตามมาเป็ นระยะ แมว้ ่า การมองโลกในแง่ดีดงั กล่าวถูกทา้ ทายดว้ ย องค์การระดับนานาชาติต่าง ๆ ไดพ้ ากัน ความรุนแรงของการเมืองชาติพนั ธุ์ ลทั ธิชาติ ต่อตา้ นและปฏเิ สธการใหก้ ารรบั รองการปฎบิ ตั ิ พนั ธุน์ ิยม และลทั ธิชาตินิยมผนวกกบั ความ การสงครามไม่ว่าประเทศใด ๆ จะเรียกรอ้ งมา รุน แรงของก ลุ่ม ผู ้ก่ อการรา้ ย แล ะก าร ก็ตาม ฟรานซิส ฟูกยุ ามา กล่าวว่า โลกมนุษย์ ปราบปรามผูก้ ่อการรา้ ยซง่ึ มคี วามรุนแรงไม่แพ้ คงเป็นโลกแห่งสนั ติภ1าพ โลกท่ปี ระวตั ิศาสตร์ กนั เคลอ่ื นมาถงึ จดุ สุดทา้ ย โลกแหง่ 1 กติ ิมา ปรดี ดี ลิ ก , ทฤษฎกี ารบรหิ ารองคก์ าร , กรุงเทพ ฯ : ชนะการพมิ พ์ , 2529. หนา้ 23.
36 4 Unit 4 Conflict Resolution 1. ความขดั แยง้ 1.1 ความหมาย จากการศึกษา คาว่า ความขดั แยง้ (Conflict) มรี ากศพั ทม์ าจากคาในภาษาลาติน คือ Configere ซ่ึงมีความหมายว่า การต่อสู ้ ดงั นนั้ ความหมายท่ีแทจ้ ริงของความขดั แยง้ จึงควรจะหมายความถึงการต่อสูร้ ะหว่างสอง ฝ่ ายเพ่ือตดั สินว่าจะเลือกอย่างใดอย่างหน่ึง หรอื เลอื กหลายอย่าง อย่างไรก็ตามไดม้ ผี ูใ้ หค้ า นิยามไวห้ ลายท่าน ซ่ึงสามารถสรุปออกมาได้ ดงั น้ี ความขดั แยง้ หมายถงึ สภาพการณท์ ี่ ก่อใหเ้กิดการต่อสูร้ ะหว่างบคุ คลสองฝ่าย หรือ มากกว่านนั้ เพือ่ กีดกนั ขดั ขวางมิใหฝ้ ่ ายตรง ขา้ มไดบ้ รรลุถึงเป้ าหมายที่วางไว2้ ซ่ึงมกั เป็น เรื่องของสิ่งมีคุณ ค่ า สถานภาพ อานาจ ทรพั ยากร ผลประโยชน์ ทมี่ จี ากดั 2 กติ มิ า ปรดี ดี ลิ ก , ทฤษฎกี ารบรหิ ารองค การ , กรุงเทพ ฯ : ชนะการพมิ พ , 2529. หนา้ 35.
4 37 Unit 4 Conflict Resolution 1.2 ลกั ษณะของความขดั แยง้ ประการแรก ความขดั แยง้ ในดา้ นต่างๆ เช่น 1.2.1 จะมีบุคคลหรือฝ่ ายอย่างนอ้ ยท่สี ุด ส ถ า น ภ า พ (Status) อ า น า จ (Power) ผลประโยชน์ (Interest) ค่านิยม (Values) จะ ตงั้ แต่สองฝ่ ายมาเก่ียวพนั ซ่ึงกนั และกนั โดย เป็นตวั สรา้ งและรกั ษาเอกลกั ษณ์ของกลุ่มไว้ มปี ฎสิ มั พนั ธบ์ างอย่างต่อกนั ทาใหม้ ลี กั ษณะของกลุ่มตนเองท่แี ตกต่างจาก กลุ่มของคนอ่ืน กล่าวคือ สถานภาพ อานาจ 1.2.2 ต่างก็มีเป้ าหมายร่วมเฉพาะหรือมี ผลประโยชน์ ค่านิยม ท่ีเป็นสาเหตุของความ ค่านิยมร่วมเฉพาะของกลุม่ ทเ่ี หน็ ไดจ้ รงิ หรือท่ี ขดั แยง้ จะทาใหเ้กดิ การแบง่ กลุม่ เป็นกลุม่ ๆ แต่ แต่ละฝ่ายทเ่ี กย่ี วขอ้ งมองเหน็ ละกลุ่มจะมีเอกลกั ษณ์ วตั ถุประสงค์ หรือ เป้ าหมาย รวมทง้ั แนวปฏิบตั ิของกลุ่มของ 1.2.3 ปฏิสมั พนั ธท์ ่ีแสดงออกมาใหเ้ ห็น ตนเองทแ่ี ตกต่างจากกลุม่ อน่ื ๆ เป็นพฤติกรรมท่ีช้ีใหเ้ ห็นถึงการข่มขู่ การลด ประการท่ีสอง ความขดั แยง้ แตกต่างกับ หรือการกดดนั ฝ่ ายตรงขา้ ม หรือเพ่อื ใหไ้ ดม้ า ทศั นคตใิ นการมงุ่ รา้ ยหรอื เป็นปรปกั ษ์ ซง่ึ ชยั ชนะ - ความขดั แยง้ หมายถึง ความแตกต่าง 1.2.4 แต่ละฝ่ายเผชญิ หนา้ กนั ในลกั ษณะ ความไม่เห็นพอ้ งตอ้ งกนั ซ่งึ แสดงผลของการ ทม่ี กี ารกระทาทต่ี รงกนั ขา้ มต่อกนั เป็นปฏปิ กั ษ์ กระทาออกมาในรูปแบบของการกระทาตอบโต ้ ต่อกนั ระหว่างกนั 1.2.5 แต่ล3ะฝ่ายพยายามทจ่ี ะสรา้ งสภาวะ -ทศั นคตมิ ่งุ รา้ ยหรอื เป็นปรปกั ษ์ หมายถงึ ของความไม่สมดลุ หรือในลกั ษณะทจ่ี ะทาใหม้ ี ความไม่พอใจ ความโกรธ หรือความเกลยี ดซ่งึ ความเหนือกว่าในดา้ นอานาจต่ออกี ฝ่ายหน่งึ แสดงผลของการกระทาออกมาในรูปแบบของ การกระทา ทารา้ ยหรอื ทาลายฝ่ายตรงขา้ ม นอกจากน4้ี ลกั ษณ ะของความขดั แยง้ ยัง สามารถจาแนกออกมาไดเ้ ป็ น 3 ประการ ดงั ต่อไปน้ี 3 เทพนม เมืองแมน , ศ.ดร.นพ. , พฤติกรรมองคก์ าร , กรุงเทพฯ : ไทยวฒั นาพาณิช (พิมพค์ รง้ั ท่ี 2) , 2540. หนา้ 150. 4 Lewis Coser and George Simmel (เขยี น) , อรุณ รกั ธรรม (แปล) , ปฏิสมั พนั ธข์ องความขดั แยง้ ทาง สงั คม (The Function of Social Conflict) , กรุงเทพฯ : สานกั พมิ พพ์ รานนก , 2525. หนา้ 172-173.
38 4 Unit 4 Conflict Resolution ประการทส่ี าม ไดก้ ลา่ วถงึ ความขดั แยง้ แทจ้ ริง กบั ความขดั แยง้ ทไ่ี ม่แทจ้ รงิ -ความขดั แยง้ ทีแ่ ทจ้ ริง เป็นความขดั แยง้ ท่ี เกิดจากความผิดหวงั ไม่ไดส้ ่ิงท่ปี รารถนาหรือ ความริษยาท่ีคิดว่าคนอ่ืนจะไดด้ ีกว่าตน ถา้ หากความขดั แยง้ นน้ั เป็นส่อื กลาง เพอ่ื จะทาให้ ไดใ้ นส่ิงท่ีปรารถนาตอ้ งการจริงๆ ซ่ึงเม่ือได้ แลว้ ความขดั แยง้ กจ็ ะหมดไป -ความขัดแยง้ ที่ไม่แทจ้ ริง เป็ นความ ขดั แยง้ ท่ีเกิดจากความตึงเครียด ท่ีตอ้ งการ ผ่อนคลายความกา้ วรา้ วต่อส่ิงอ่ืน มากกว่าท่ี แสดงต่อคู่กรณี การแสดงต่อบุคคลอ่ืนไม่ใช่ เพ่ือตอ้ งการบรรลุผลอย่างใดอย่างหน่ึง โดยเฉพาะ แต่เป็นเพยี งเพ่อื ตอ้ งการจะระบาย ค ว าม รู้สึ ก ส่ ว น ตั ว ห รื อ อ า จ เพ่ื อ จ ะ กระทบกระทงั่ ต่อคู่กรณีตน้ เหตุเท่านน้ั เม่ือ ระบายออกแลว้ ความขดั แยง้ กจ็ ะหมดไป.
4 39 Unit 4 Conflict Resolution 1.3 ระดบั ของความขดั แยง้ 1.4 สาเหตขุ องความขดั แยง้ 5 นกั วชิ าการหลายท่านไดเ้ สนอ การแบ่งระดบั 1.4.1 ปจั จยั ทางจิตวิทยาและพฤติกรรม ของความขดั แยง้ ในระดบั ต่าง ๆ ดงั น้ี ของแต่ละบุคคลท่ีขดั แยง้ กัน ไดแ้ ก่ การท่ี 1.3.1 ความขัดแย้งภายในตัวบุคคล บคุ คลในองคก์ ารมคี วามคิดเหน็ ทไ่ี ม่ตรงกนั มี (Intrapersonal Conflict) ห ม าย ถึ งค ว าม การรบั รูแ้ ละความเขา้ ใจในปญั หาทแ่ี ตกต่างกนั ขดั แยง้ ท่ีเกิดข้ึนภายในตวั ของคนๆหน่ึงไม่ มีค่านิยมท่ียึดถือเป็ นตัวของตัวเองและ เก่ียวขอ้ งกบั บุคคลอ่ืน หรือเรียกไดว้ ่า”ความ แตกต่างจากบุคคลอน่ื ๆ การมอี คตแิ ละการไม่ ขดั แยง้ ในตวั เอง” เชอ่ื ถอื กนั เป็นการส่วนตวั รวมไปถงึ บคุ ลกิ ภาพ ของแต่ละบคุ คลและความพงึ พอใจของบคุ คล 1.3.2 ค ว าม ขัด แ ย้งร ะ ห ว่ างบุ ค ค ล ต่อฐานะของตนในองคก์ าร (Interpersonal Conflict) ห ม าย ถึ งค ว าม ขดั แยง้ ท่ีเกิดข้ึนระหว่างบุคคลมากกว่า 2 1.4.2 ผลประโยชน์ขดั กนั ผลประโยชน์ บคุ คลข้นึ ไป นบั ว่าเป็นเร่ืองสาคัญมากโดยเฉพาะในทาง การเมอื งบคุ คลแต่ละคนย่อมจะมผี ลประโยชน์ 1.3.3 ความขัดแยง้ ในองค์กร (Intra- ทต่ี วั เองตอ้ งการไดร้ บั แต่บางทผี ลประโยชนท์ ่ี organization Conflict) ห ม าย ถึ ง ค ว าม ตอ้ งการนั้นก็จะไปขดั หรือกระทบต่อความ ขดั แยง้ ท่ีเกิดข้ึนมาโดยมีคู่กรณีขดั แยง้ เป็น ตอ้ งการของคนอน่ื ๆ ดว้ ย บคุ คลหรือกลุม่ ย่อยๆ ทม่ี อี ยู่ในกลุ่มหรอื ทอ่ี ยู่ ในองคก์ ารหรอื กลุ่มต่างๆ เป็นความขดั แยง้ ใน 1.4.3 การมีทรัพยากรท่ีจากัด การมี ตวั บคุ คลหรอื กลมุ่ ภายในองคก์ ร ทรพั ยากรท่จี ากดั ทาใหไ้ ม่สามารถสนองตอบ ต่อความตอ้ งการของทุกคนได้ ดงั นน้ั จงึ มกี าร แขง่ ขนั เพอ่ื จะใหไ้ ดม้ าซ่ึงทรพั ยากรทม่ี อี ยู่อย่าง จากดั นน้ั เม่อื ฝ่ ายใดไดไ้ ปก็ย่อมทาใหอ้ กี ฝ่าย ไมพ่ อใจจงึ เกดิ ความขดั แยง้ ข้นึ มาได้ 1.4.4 อุปสรรคจากการตดิ ต่อส่อื สารของ องคก์ ร ถา้ หากว่าองคก์ รหรือกลุ่มบุคคลใดมี การจดั โครงสรา้ งท่ีไม่ดี ขาดประสิทธิภาพใน การทางานและเกดิ ความขดั แยง้ ในองคก์ ร 5 Don Hellriegel and John W. Slocum , Organizational behavior, USA : Thomson higher Education ,1970. pp. 87.
40 4 Unit 4 Conflict Resolution 2. สนั ติภาพ ** ผูส้ นับสนุนสนั ตวิ ธิ ี มีกลุ่ม คน จานวน หน่ึ งประกอบ ไปด้วย 2.1 ความหมายของสนั ตภิ าพ สันติภาพในความหมายเชิงสากล นั้นมี นักวิชาการ กลุ่ม NGO (Non-Governmental นักวิชาการกาหนดว่า หมายความถึง สนั ติ Organizations) ท่ที างานดา้ นสนั ติภาพเหมอื นกนั ภาวะ หมายความว่า ภาวะทีส่ งบ ภาวะทีเ่ ป็น แต่มีจุดเนน้ ท่ีแตกต่างกัน ซ่ึงมีกลุ่มท่ีมีวิธีการ เป้ าหมาย (End) ที่เราตอ้ งการบรรลุถึง เช่น แตกต่างไปคือ กลุ่ม สนั ติภาพดว้ ยกาลงั (Peace ภาวะทีไ่ ม่มีสงคราม ไม่มีความขดั แยง้ ไม่มี through strength) ซ่ึงเป็นกลุ่มท่ีถือคติว่า “แม้ การต่อสูฟ้ าดฟนั หรือเบยี ดเบยี นกนั และคาว่า หวงั ตง้ั สงบ จงเตรียมรบใหพ้ รอ้ มสรรพ” (if you สนั ติวธิ ี ซ่งึ หมายความถงึ วธิ ีการ หรือ วถิ 6ที าง want peace , prepare for war) แต่ทงั้ น้ีทงั้ นั้น (Means) ทไี่ ม่ใช่ความรุนแรง ในการแกป้ ญั หา กลุ่มนักประวตั ิศาสตร์ มองว่าเสน้ ทางท่ีจะไปสู่ หรือการดาเนินการใด ๆ ความเป็นสนั ติภาพตอ้ งเกิดมาจากสนั ติวิธีเท่านนั้ (There is no way to peace , peace is the way) เน่ืองจากเช่ือว่า ความรุนแรงไม่สามารถ แกไ้ ขปญั หาไดอ้ ย่างถาวร ถา้ ใชค้ วามรุนแรงแกไ้ ข ความรุนแรง สุด7 ทา้ ยความรุนแรงก็จะกลบั มาอีก ครง้ั 6 รุ่ ง ธ ร ร ม ศุ จิ ธ ร ร ม รัก ษ ณ์ , สัน ติ ศึ ก ษ ากับ สัน ติ ภ าพ ใน สัน ติ ศึ ก ษ า , ก รุ งเท พ ฯ : มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช , 2541. หนา้ 11-17.
4 41 Unit 4 Conflict Resolution 3. การแกป้ ญั หาโดยสนั ติวิธี 3.5 สตั ยาเคราะห์ (Satyagraha) เป็ นการอุทิศชีวิตของตนเองใหก้ ับส่ิงท่ี ในการแกไ้ ขปญั หาโดยใชส้ นั ติวิธีนนั้ มนุษย์ ตนเองเช่ือว่าถูกตอ้ งและเช่ือมโยงกับหลกั สามารถใชไ้ ดห้ ลายวธิ ีการและเป็นทแ่ี น่นอนว่า ปรชั ญาอย่างลกึ ซ้งึ การใชส้ นั ตวิ ธิ ีเป็นเคร่อื งมอื ในการแกไ้ ขปญั หา 3.6 การปฏิวตั ิไรค้ วามรุนแรง (Nonviolent เป็นวิถีทางของการแกป้ ัญหาตามหลกั สิทธิ revolution) มนุษยชน ซ่งึ สามารถจาแนกวธิ ีการแกป้ ญั หา เป็ นการเช่ือมัน่ ในหลักการเปล่ียนจาก โดยสนั ตวิ ธิ ีออกมาได้ 6 ประการ คอื พ้ืนฐาน คือปัจเจกชนและสังคมเท่าน้ันท่ี สามารถแกป้ ญั หาต่าง ๆ ได.้ 3.1 การไม่ต่อตา้ น (Non - Resistance) เป็นการปฏเิ สธความรุนแรงทางกายภาพทง้ั ปวง 3.2 การตกลงประนี ประนอม (Active Reconciliation) เป็นการปฏเิ สธความรุนแรงทงั้ ปวง และเช่อื ว่าการแกป้ ญั หาในระดบั บุคคลจะกระทาไดด้ ี ด ้ว ย ก า ร ป ร ะ ส า น ผ ล ป ร ะ โย ช น์ แ ล ะ ก า ร ประนีประนอม 3.3 การต่อตา้ นทางศีลธรรม (Moral Resistance) เชอ่ื ว่าความชวั่ จะตอ้ งถกู ต่อตา้ น แต่สามารถ กระทาไดด้ ว้ ยแนวทางและวธิ ีการทางศีลธรรม เทา่ นน้ั 3.4 การไรค้ วามรุนแรงเป็นบางเรือ่ ง (Selective non violence) เป็นการปฏเิ สธความรุนแรงในบางเร่อื งและ เป็นการปฏเิ สธเฉพาะตวั บคุ คล 7 ประชมุ สุข อาชวอารุง , การเตรยี มชีวติ เพ่อื สนั ติสขุ : ทฤษฏแี ละปฏบิ ตั ิ ใน ประมวลความรูเ้ รื่องสนั ตภิ าพ , กรุงเทพฯ : ทบวงมหาวทิ ยาลยั , 2530. หนา้ 321.
42 4 Unit 4 Conflict Resolution คาสงั่ ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปน้ีดว้ ยการแสดงความคดิ เหน็ ตามความเขา้ ใจของนกั เรยี น ……………………………………………………………… 1. ความขดั แยง้ ระหว่างศาสนาท่เี กดิ ข้ึนในภมู ิภาคเอเชียในหลาย ๆ ประเทศ ในฐานะเยาวชน นกั เรียน จะเสนอแนวทางแกป้ ญั หาอย่างไร และเพราะเหตุใดจึงจึงคิดว่าแนวทางแกป้ ญั หาดงั กล่าวเป็ น แนวทางท่ไี ดผ้ ลดที ่สี ดุ ?
4 43 Unit 4 Conflict Resolution 2. นักเรียนคิดว่า การแกป้ ญั หาดว้ ยความรุนแรง กบั การแกป้ ญั หาดว้ ยสนั ติวธิ ี การแกป้ ญั หาแบบใดท่ี เหมาะสมท่ีสุดในสถานการณ์ความรุนแรงท่ีเกิดจากความขดั แยง้ ในภมู ภาคเอเชียในแต่ละประเทศ ในปจั จุบนั และในฐานะเยาวชนรุน่ ใหม่ นักเรยี นมีเหตผุ ลอะไรในการเลอื กวธิ กี ารแกป้ ญั หาดงั กล่าว ? 4
5 43 Unit 5 Interdependence
44 4 Unit 4 Interdependence 5 The Concept of Interdependence แนวคิดเร่ืองของการพ่ึงพากนั หรือ Interdependence เป็นคาทม่ี กั ใชใ้ นความขดั แยง้ โดยไม่มคี วามชดั เจน เหมอื นกบั คาศัพ ท์ทางการเมืองอ่ืน ๆ เช่น \"Nationalism\" หรือ \"Imperialism\" กลุ่มนกั การเมอื งต่างมีจุดม่งุ หมายเฉพาะตวั การใชค้ าเหล่าน้ี อาจจะเพ่อื ใหป้ ระชาชนยอมคลอ้ ยตาม หรือ การท่ีนักการเมืองพูดใหว้ กวน และพยายามทาใหฟ้ ังดูดี ในขณะทน่ี กั วชิ าการใชเ้พอ่ื ใหเ้กิดความแตกต่างเพอ่ื ทจ่ี ะเขา้ ใจ โลกใหด้ ขี ้นึ เป็นการแยกวา่ ดหี รอื เลว มากกวา่ จะเป็นมากกว่า หรอื นอ้ ยกว่า
5 45 Unit 5 Interdependence ความหมายของ การพ่งึ พาอาศยั กนั ใน ค วาม หม าย ของนัก วิชาก ารแล ้ว Interdependence หรือ การพ่ึงพาอาศัยกนั หมายถึง สถานการณ์ทีบ่ ุคคลหรือเหตุการณ์ ในแต่ละส่วนของสถานกา1รณ์ มอี ทิ ธิพลต่อกนั และกนั ในสมยั ศตวรรษท่ี 18 ชองค์ ชารค์ รุสโซ (Jean - Jacques Rousseau) กล่าว ไวว้ ่า ตราบใดที่ยงั มีความเกี่ยวพนั กนั ก็จะมีแต่ ความขดั แยง้ ดงั นนั้ วิธีแกป้ ญั หาของเขาก็คือ โดดเดีย่ วและแบ่งแยก ซ่งึ จากทศั นคติของรุส โซ สถานการณ์เช่นนั้นเป็นไปไดย้ ากในยุค โลกาภวิ ฒั น์ เม่อื มปี ระเทศตอ้ งการจะอยู่โดด เด่ยี ว อย่างเช่น อลั บาเนีย หรอื พมา่ มนั ทาให้ เกิดการสูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างมาก และ เป็ นเร่ืองท่ีอยู่นอกเหนือความตอ้ งการของ นานาชาติ ท่ีจะปล่อยใหป้ ระเทศใดประเทศ หน่งึ เดยี วแยกจากโลก 1 ราชบณั ฑติ ยสถาน , พจนานุกรม ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2552 , กรุงเทพฯ : สานกั พมิ พร์ าชบณั ฑติ , 2552.
46 4 Unit 4 Interdependence “” นศพ. ไกรภพ วอ่ งไวยุทธ์ , ปี 5 (2554) คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์ วทิ ยาเขตสงขลา \"...วนั ท่ี 13 เดินทางดว้ ยเคร่ืองบินหางแดง flight หาดใหญ่ เชียงใหม่ ก่อนข้นึ เคร่อื งก็ลุน้ กนั ว่านา้ หนกั สมั ภาระจะเกนิ หรอื เปล่าเพราะกระเป๋าแต่ ละคนสมเป็นแบค๊ เเพค็ เกอรจ์ ริงๆ อๆิ โชคดที ่ไี ม่มี ใครเกิน เคร่อื งออกราวๆเท่ยี งสิบหา้ ถึง ชม. บ่าย สองหา้ สิบเน่ืองจากจองรถเชียงใหม่เชียงรายไว้ (ของ Green bus) รถแจ่ม นงั่ สบาย มีบริการผา้ เย็น ขนม นา้ ด่ืมดว้ ย โดยบสั โฮสเตทเป็นผูเ้ ดิน แจก 55 จึงมิตอ้ งกงั วลว่าจะอดขนมอดนา้ ในรถ เน่ืองจากพวกเราไม่รูจ้ ึงซ้อื ขนมและนา้ ข้นึ ไป สรุป คือเจ็บใจสิคา้ บ 555 ระหว่างทางไดอ้ าศัยขา้ ว เหนียวกวนภูเก็ตเจา้ ท่ีสุทธิเกียรติบอกว่าอร่อยมา กก รองทอ้ ง และมนั ก็อร่อยจริงๆ น่ีเป็นส่ิงแรก จากหลายๆส่งิ ทท่ี าใหร้ ูว้ ่าทรปิ น้ี โชคดีท่มี ี\"เจ\" 555 รถว่งิ ไปเร่อื ยๆสู่เมอื งเชียงรายเพลงทเ่ี ปิดในรถเป็น เพลงสตริงทนั สมยั ขอยา้ ว่าทนั สมยั จริงๆนะ ถึง สถานีขนส่งเชียงรายทุ่มกว่า บงั เอิญว่าวนั นน้ั เป็น วนั อาทติ ยร์ ถไมเ่ ขา้ ไปสง่ ในสถานีขนส่งเก่าทอ่ี ยู่ใน
5 47 Unit 5 Interdependence * เป็ นบทสมั ภาษณ์ท่ีคดั ลอกจากฉบบั จริงไม่ไดด้ ดั แปลงคาพูดเพ่ือใหส้ วยงามแต่อย่างใด ดงั น้ันจะมีคาไม่ สภุ าพปรากฏเป็นระยะ ๆ โปรดเขา้ ใจ , จริ พล ลวิ า. ตวั เมอื งพวกเราจงึ ตอ้ งต่อรถสองแถวเขา้ ไปใน ตรงหนา้ รา้ นนนั่ แหละ 55 มบี วั ลอยหลายเมนู เมือง ค่ารถคนละสิบบาท ถึงสถานีขนส่งเก่าก็รีบ ใหเ้ลอื ก เช่น บวั ลอยไอติม บวั ลอยผลไมร้ วม บวั สืบหารถไปเชียงของ ปรากฏว่ามีรถเท่ียวแรกหก ลอยมะพรา้ ว ฯลฯ รสชาตดิ ี นา้ กะทหิ อมหวานมนั โมงเชา้ จริงตามท่ีเคยหาขอ้ มูลมา โปรแกรมจึง พดุ ง่ายๆคือ อร่อยมากก กินเสร็จพวกเราก็เดินชม เป็นไปตามแผนว่านอนเชียงรายหน่ึงคืน พวกเรา ตลาดเล่นๆ และกพ็ บว่าขนส่งมนั เก่านนั้ ติดกบั ไนท์ เขา้ พกั ท่ี แม่กกวลิ ล่า เจา้ ของเป็นคุณป้ากะคุณลุงท่ี บาร์ซ่า กลบั ไปนอนเพ่ือเตรียมตัวไปเชียงของ ใจดีมวากกกกก ค่าพกั ก็ถูก ตกหวั ละรอ้ ยย่ีสิบ ท่ี วนั รุ่งข้นึ ^^ พกั สบายกวา้ งขวาง มแี อร์ เตียงนุ่ม พดั ลมพรอ้ ม เก็บของลา้ งหนา้ เรยี บรอ้ ยกอ็ อกไปหาของกิน พวก เราเดินลดั เลาะตลาดเชียงราย ซ่งึ ขายของกินเยอะ มาก เห็นอะไรก็อยากกินไปหมด และตง้ั ใจว่าจะ ไปเดินไนทบ์ ารซ์ ่า ซ่งึ คุณไอก้ นั บอกว่าพ่มี นั บอกว่า มบี วั ลอยตรงทางเขา้ อร่อยมาก ระหว่างทางแวะชม หอนาฬิกาเมอื งเชยี งรายฝีมอื ออกแบบของอาจารย์ เฉลมิ ชยั มีความสามารถพิเศษคือจะเปล่ยี นสีได้ เมอ่ื ถงึ เวลาทุ่ม และสองทุ่มพรอ้ มกบั มเี สียงดนตรี เพราะดี ชมนาฬิกาเเลว้ ก็กินม้ือเย็นท่ีรา้ นบะหม่ี เชียงราย รสชาติใชไ้ ด้ ทงั้ หม่ี หนมจีบ ซาละเปา เสยี อย่างเดียวท่คี ุยกบั ลูกจา้ งรา้ นไม่รูเ้ ร่อื งกินเสร็จ กเ็ ดินต่อจนถงึ ไนทบ์ ารซ์ ่า เหน็ ป้ายรา้ น \"บวั ลอยมือ ถอื \" ตอนแรกนึกว่าเป็นรา้ นขายโทรศพั ท์ ของคนท่ี ช่อื บวั ลอย พอเดนิ เขา้ ไปใกลก้ เ็ ขา้ ใจทนั ทเี พราะรา้ น ป้าแกไมม่ โี ตะ๊ ใหน้ งั่ อาศยั ซ้อื แลว้ ถอื ยนื กนิ
48 4 Unit 4 Interdependence มาว่ากนั ถึงการนัง่ รถนอนจีนแบบมาราธอน 15 ตกใจเพราะเจอสว้ มคอกแถมเจอพจ่ี ีนนงั่ ข้อี ยู่ โอย ชวั่ โมง เกือบจะเป็น bedsore กนั ถว้ นหนา้ 555 ทาใจไมไ่ ดเ้ พราะเป็นครง้ั แรกท่ีเจออะไรตรงๆอย่าง ช่วงบ่ายๆแดดยงั รอ้ นส่องเขา้ มาในรถจึงตอ้ งนอน น้ี 55 เลยเดินออกมาทาใจแลว้ ก็สูดหายใจเขา้ ไปฉ่ี เออื ดทรมานไป โชคดีท่หี นา้ ต่างรถเปิดได้ (ไมใ่ ช่รถ ท่รี าง 55 ฉ่ีเสร็จกอ็ อกมาถ่ายรูปกบั สุทธิเกียรติพอ เเอรเ์ พราะอากาศขา้ งนอกก็หนาวจะตายอยู่แลว้ ) เป็ นพิธีแลว้ ก็รีบข้ึนรถมาปลุกใหเ้ พ่ือนไปฉ่ี ปญั หากล่นิ ตีนและกิล่นบุหร่ีจึงพอบรรเทา แต่ละ โดยเฉพาะเจเ๊ พราะอยากใหเ้จเ๊ หน็ หอ้ งนา้ คุณไอก้ นั คนงดั เคลด็ ลบั มาเต็มท่ี เร่ิมท่ีสุทธิเกียรติเอาเซยี ง ดูจะต่ืนเตน้ มากท่ีจะลงไปดูหลงั จากท่ีฟงั กระผม เพียวอิ๊วเหยาะผา้ พันคอและดมไปตลอดทาง และสุทธิเกียรติบรรยายภาพใหฟ้ งั จึงขอเเมสใส่ไป เจ๊เดียรใ์ ส่เเว่นดา และใส่แมส carbon ท่ีอุตส่าห์ เขา้ สว้ มดว้ ย 55 รถแวะใหเ้ ขา้ หอ้ งนา้ กบั ซ้อื เสบยี ง ขนไปจากเมอื งไทย พวกเราหกคนนอนเตียงบนกนั แต่นนั่ หาไดเ้ ป็นส่งิ ท่เี ราตอ้ งการเพราะมขี นมเบเกอ ทง้ั หมด จึงค่อนขา้ งจะโยกโคลงเวลารถว่งิ อยู่บน ร่ี 80 หยวนเหลือเฟือ 55 รถออกว่งิ ไปต่อลดั เลาะ รถท่วี ง่ิ เร่อื ยๆ (ไมม่ โี ชเฟอรต์ ีนผแี บบบา้ นเราเพราะ ไปตามภเุ ขาพวกเราตน่ื เตา้ ไปกบั ทวิ ทศั น์ แมน่ า้ ใสๆ กฎหมายจนี เอาจรงิ และมคี นขบั สองคนผลดั เปลย่ี น ป่าสนทแ่ี ปลกตาตลอดในยามเยน็ ชนบทจนี ยงั สวย กนั ตลอดจึงค่อนขอ้ งปลอดภยั ) คุณไอก้ นั โกโก้ และบริสุทธ์ิ มกี ารทานาและปลูกผกั แบบขนั้ บนั ได และกระผมเขา้ สู่ mode MP3 และหลบั ไปช่วงบา่ ย ผกั อะไรก็ไม่รู้ (ป้ าเจบอกว่าเป็ นขา้ วฟ่ างกับถวั่ ต่นื มาอีกทีก็ถึงด่านตรวจคนเขา้ เมอื งมที หารข้นึ มา เหลอื ง) ว่งิ ไปสกั พกั รถก็ไปแวะจอดท่ดี ่านช่ืออะไร ตรวจบตั รประชาชนคนจีนพวกเราก็เอาพาสปอรต์ จาไม่ได้ ขา้ งทางมแี ม่คา้ ขายไข่ตม้ แตงดองเปร้ียว (ฮู่เจา้ ) ใหด้ ูและเเนะนาพวกเราเองว่าเป็น นศ. มา ถวั่ ตม้ อารมณเ์ หมอื นรถทวั รร์ ถไฟบา้ นเราเปีย๊ บ ไข่ ท่องเท่ียว พ่ีทหารเเกก็โอเคไม่ไดอ้ ะไรกบั พวกเรา ตม้ ฟองละหยวน ถวั่ ตม้ สองหยวน ดู hygiene ดี มาก รถว่งิ ไปบนทางบนภูเขา อากาศเยน็ สบายมาก ท่ีสุดแลว้ เลยซ้ือกนั คนละฟองสองฟองและซ้ือถวั่ และเหน็ ตน้ สนภเู ขาข้นึ เรยี งรายไปทวั่ รถแวะจอดท่ี หน่ึงถุง หนั มาดา้ นตรงขา้ มก็ตอ้ งรอ้ ง โอว้ เพราะ จุดเขา้ หอ้ งนา้ และรา้ นคา้ หึๆ เพราะรูส้ ึกว่า full อะไรน่ะหรอื เจเ๊ ดยี รซ์ ้อื แตงดองเปร้ยี วมาแลว้ 555 bladder มากจึงลงรถจะไปฉ่ี เห็นหอ้ งนา้ ท่ีคนจีน อ้งึ ปนท่งึ เพราะไมค่ ดิ ว่าผูห้ ญงิ จะกลา้ ซ้อื กนิ ดูเจแ๊ ก ไปรุมเขา้ กันแลว้ โอ้ววววววว เอาวะเเค่ยืน จะงงกบั สีหนา้ พวกเรา55 พวกเราหกคนนงั่ กินเบ ฉ่ี กระผมลงรถไปกับสุทธิเกียรติโดยท่ีนิกส์ เกอร่ีท่เี หลอื จากเมอ่ื คืนกนั รุส้ กึ ว่ารสชาติจะอร่อย นาหนา้ ไปประเดมิ ก่อนแลว้ ดว้ ยใบหนา้ ท่ี amazing ข้นึ มากกก อๆิ ดที ม่ี หี มหู ยองอภนิ นั ทนาการจากป้า กระผมเขา้ ไปก็ตอ้ งตกใจเพราะพ้ืนเจ่ิงนองไปดว้ ย คุณไอก้ นั ติดมาจากเมอื งไทยดว้ ย ม้อื เย็นบนรถจึง นา้ ทไ่ี ม่รูว้ ่านา้ อะไร กล่นิ เหมน็ และยงั มดื มาก แทบ มหี มหู ยองเปล่าเพม่ิ รสชาตใิ หไ้ ดอ้ ย่างแรง^^ ช่วง จะไมอ่ ยากเหยยี บพ้นื พอเล้ยี วเขา้ ไปป๊ บุ ก็ตอ้ ง รถว่ิงไดท้ าความรุจ้ กั กบั สองป้ าชาวตา้ หล่ีท่ีนอน เตยี งลา่ ง
5 49 Unit 5 Interdependence เพอ่ื นๆเพอ่ื เตรียมตวั ไปซ้อื ตวั๋ และเท่ยี วกนั พวกเรา คุยกนั เร่ือยๆ ถามไถ่เร่ืองบา้ นเมอื งและกระผมก็ ลงมาเอากระเป๋าเปลย่ี นเส้อื และกางเกงกนั ขา้ งล่าง บอกสองป้ าไปว่าพวกเราเป็น นศ มาท่องเท่ียว อากาศหนาวมากกกก ราวๆ 3 องศาและเร่ิมออก ตงดิ อยู่อย่างเดียวท่ีป้ าแกถามว่า \"หน่ีเหมินซร่ือ เดินไปข้ึน รถเมลห์ มายเลขแปด(ปาลู่) ท่ีสถานี หนาหล่เี หริน...ซร่ือเหม่ยี นเต้ียนมา\">> หนูๆเป็น รถไฟ อาศยั เดินถามทางจากกะ๊ (ท่เี มอื งจนี ก็มกี ะ๊ ) คนท่ไี หนเหรอ พม่าหรือเปล่า>>> กรรม อิป้าสอง เม่ือข้ึนรถเมล์ไดแ้ ลว้ ก็ถ่ายรูปบนรถพอเป็นพิธี คนน่ีมองพวกเราเป็นคนพม่าไปซะงนั้ เลยตอ้ งรีบ ถามทางอาแปะ (ซง่ึ ฟงั กระผมพูดไมร่ ุเ้ร่อื ง เลยตอ้ ง ปฏเิ สธ มา่ ยช่ายๆๆๆ (ป้ซู รอ่ื ๆ หวอ่ เหมนิ ซร่อื ไท่กวั๋ เขยี นใหอ้ ่าน) ก็เลยรูว้ ่าตอ้ งลงท่ีไหน หลงั จากถึง เหรินๆๆๆ) พวกเราเป็นคนไทยนะคา้ บบบบ >< สถานีเหนือแลว้ กจ็ ดั การซ้อื ตวั๋ รถนอนเทย่ี วสองท่มุ เซงมาก --\" ตลกรา้ ยจริงๆ นงั่ ต่ืนตาต่ืนใจกบั นา คราวน้ีเปร้ียวปากอยากลองนอนเตียงล่างเพราะ ขน้ั บนั ได หมู่บา้ นจีนเก่าๆ ป่ าสนไปสกั พกั ก็คา่ เคยรีวิวมาว่าเตียงล่างสบายไม่โยกไม่เยก เลยได้ นอนสิครบั ทีน้ี ฟันก็ไม่ไดแ้ ปรง รถก็ว่ิงไปเร่ือย เตียงล่างหกท่ีสมใจ ค่าตวั๋ ตนละ 180 หยวน ซ้ือ อากาศก็หนวามากกกก ลมตีหนา้ จนชาไปแต่เส้ือ เสรจ็ กต็ กลงกนั วา่ จะเปิดหอ้ งโรงแรมสกั หอ้ งไวฝ้ าก หนาวท่เี ตรยี มไปและผา้ ห่มในรถทาใหอ้ ่นุ ดีนอนได้ ของเพ่ือจะไดเ้ ท่ียวสะดวกและไดอ้ าบนา้ ตอนเชา้ สบายมาก ระหว่างนงั่ รถก็ขาสุทธิเกยี รติท่นี อนแทะ มะขามป้ อมไปตลอดทาง 55 ต่ืนอีกทีอ๊ะมาอยู่ท่ี 2 ไหนหว่าเหน็ ป้าย เออ้ สถานีตา้ หลแ่ี ลว้ รถวง่ิ มาถึง ราวๆตีส่ีคร่ึงแต่เคา้ ใหน้ อนบนรถไดถ้ ึงแปดโมง และก่อนไปแชงกรลี ่า ประเด็นคือจะไปเช่าท่ไี หนดี เห็นสุทธิเกียรติข้ึนรถมาถามดูไดค้ วามว่าไปข้ีมา หวา่ ตอนตีส่ี หอ้ งนา้ ยงั ไม่มใี ครใชส้ ะอาดดี กระผมกบั คุณไอก้ นั ทเ่ี รม่ิ รูส้ กึ ถงึ bowel movement จงึ ลงไป เพ่อื จะจดั การดว้ ยแต่เมอ่ื เขา้ ไปพบว่าชา้ ไปเสยี แลว้ จระเขล้ อยเต็มไปหมด ออกมานอกสถานีหนั ซา้ ย ขวาเจอโรงแรมหรูดีเลยไปเขา้ หอ้ งนา้ ในโรงแรม หอ้ งน้าโรงแรมสะอาดไดม้ าตรฐานดีมากกก 55 ออกมาถามทางไปสถานีรถเพ่ือซ้อื ตวั้ ไป แชงกรลี า่ กบั พนกั งานโรงแรมก็ไดค้ วามว่าตอ้ งข้นึ รถเมลส์ าย ท่แี ปดไปลงท่สี ถานีเหนือ (เป่ยจา้ น)เพ่ือซ้อื ตวั๋ ท่ีๆ พวกเราอยู่ตอนน้ีคือ(เซ่ียกวน) จุดหมายเราคือไป เทย่ี ว(ซ่างกวน) จงึ เดนิ กลบั มาปลุก 2 ไกรภพ วอ่ งไวยุทธ์ , สมั ภาษณ์ ในหวั ขอ้ ประสบการณ์การเดินทางไปแชงกรลี า
50 4 Unit 4 Interdependence “ ” ประสบการณ์จากการไปแชงกรีลากบั แต่พอถึงวนั ท่เี ราทอ้ ท่สี ุดเพราะทง้ั รถก็ ไม่มจี ะกลบั อากาศก็หนาว แถมอาหาร เพ่ือน ๆ มันให้อะไรม ากกว่าการ ก็ไม่มีกิน เพราะไม่มีรา้ นไหนเปิ ด.. เดินทางท่ีสนุก นอกจากท่ีเราตอ้ งกิน คาพูดท่เี จเ๊ ดยี รบ์ อกกบั ทุกคนมนั ทาเรา นอนดว้ ยกนั นานกว่า 10 วนั แลว้ เรายงั มนั่ ใจ เราอยู่กนั ได้ และอยู่กันไดจ้ น ตอ้ งช่วยกนั เซฟตวั เองในทกุ เร่ือง เพราะ หมดทริปแน่นอนกค็ อื \"พ่จี ะบอกใหน้ ่ะ เราไปต่างบา้ นต่างเมืองไม่รูจ้ กั ใครเลย พ่เี กลยี ดท่นี ้ีมาก หนาวกห็ นาว หิวก็หิว กินอาหารแปลก ๆ ทะเลาะกันบา้ ง ทรมานท่ีสุด...แต่พ่ีอยากใหเ้ รารูน้ ่ะ พ่ี เพ่อื นบา้ งคนก็ก็นอนกรน บางคนก็กิน ว่าพ่ีทนไดว้ ่ะ...มาพรอ้ มกนั ก็ตอ้ งกลบั เยอะ แต่หารเท่ากัน บางคนก็บ่นได้ ตงั้ แต่เลบ็ ตนี ยนั หลงั คาโรงแรม พรอ้ มกนั ไม่ท้งิ กนั \".
5 51 Unit 5 Interdependence การพง่ึ พาอาศยั กบั โลกาภวิ ฒั น์ โลกาภิวตั น์ (Globalization) เป็น ผลมาจากการพฒั นาการติดต่อส่ือสาร การคมนาคมขนส่ง และเทคโนโลยสี ารสนเทศ ซง่ึ เป็นการแสดงออกใหเ้ห็นถงึ การเจริญเตบิ โตของความสมั พนั ธท์ าง เศรษฐกิจ การเมอื ง และสงั คมวฒั นธรรม ซ่งึ เป็นการเช่อื มโยงระหว่าง ตวั บคุ คล กบั ชุมชม / หน่วยงาน / รฐั บาล และ โลก ภาพท่ี 11 : ช่อื ภาพ ภาษติ อสี านสูจ่ นิ ตนาการชวี ติ . ท่มี า : เกรยี งไกร กุลพนั ธ์ , นิทรรศการ The way to art ณ หอศิลปวฒั นธรรมแหง่ กรุงเทพมหานคร.
52 4 Unit 4 Interdependence โลกาภวิ ฒั น์ หมายความว่า การแพร่กระจาย การพง่ึ พาอาศยั กบั โลกาภวิ ฒั น์ ไปทวั่ โลก การทีพ่ ลเมืองโลก ไม่ว่าจะอยู่ทีใ่ ด โลกาภิวตั น์ (Globalization) เป็น ผลมาจาก ของโลกสามารถรับรู ้ สัม พันธ์ หรือรับ การพฒั นาการติดต่อส่ือสาร การคมนาคม ผลกระทบจากสิง่ ที่เกิดข้ึนไดอ้ ย่างรวดเร็ว ขนส่ง และเทคโนโลยีสารสนเทศ ซ่ึงเป็นการ ก ว้างขว างเนื่ อ งจ าก ก ารพัฒ น าระบ บ แสดงออกใหเ้ ห็นถึงการเจริญเติบโตของ สารสนเทศ ซ่งึ คาว่า โลกาภวิ ฒั นเ์ ป็นศพั ท์ ความสมั พนั ธ์ทางเศรษฐกิจ การเมือง และ เฉ พ าะ ท่ี บัญ ญั ติ ข้ึ น เพ่ื อ ต อ บ ส น อ ง สงั คมวฒั นธรรม ซ่งึ เป็นการเช่อื มโยงระหว่าง ปรากฏการณ์ทางสงั คมโลกทเ่ี หตุการณ์ต่าง ๆ ตวั บุคคล กบั ชุมชม / หน่วยงาน / รฐั บาล ท้ังทางเศ รษ ฐกิจ การเมือง และสังค ม และ โลก วฒั นธรรม เกิดข้นึ ในส่วนหน่ึง3ส่วนใดของโลก และส่งผลกระทบไปยงั ส่วนอน่ื ๆ ของโลก 3 ราชบณั ฑติ ยสถาน , พจนานุกรม ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2542 , กรุงเทพฯ : สานกั พมิ พร์ าชบณั ฑติ , 2542.
5 53 Unit 5 Interdependence ผลกระทบของโลกาภวิ ตั น์ โลกไดร้ บั ผลกระทบจากการเกิดสภาวะของ โลกาภิวฒั นต์ ่อโลกในหลาย ๆ ดา้ นท่มี คี วาม เช่ือมโยงสมั พนั ธก์ นั และกนั สามารถสรุปได้ ดงั ต่อไปน้ี 4.1 อุตสาหกรรม การปรากฏของตลาด การผลติ ท่ีเกิดข้นึ ทวั่ โลก และช่องทางเขา้ ถึง ผลิตภัณฑ์ต่างประเทศท่ีกวา้ งข้ึนสาหรับ ผูบ้ รโิ ภคและบรษิ ทั 4.2 การเงิน การปรากฏข้ึนของตลาด การเงนิ ทวั่ โลกและการเขา้ ถึงเงนิ ลงทุนจาก แหล่งภายนอกทง่ี ่ายและสะดวกข้นึ ของบรษิ ทั ต่างๆ ประเทศและรฐั ตา่ กว่าประเทศทป่ี ระสงค์ ของกูย้ มื 4.3 เศรษฐกิจ การยอมรบั ตลาดร่วมของ โลกบนพ้นื ฐานแห่งเสรภี าพในการแลกเปลย่ี น สนิ คา้ และทนุ 4.4 ก ารเมือง การเมืองโลก าภิวัต น์ หมายถึงการสรา้ งสรรค์รฐั บาลโลกท่ีจะทา หนา้ ทก่ี ากบั ดูแลความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งชาตแิ ละ ใหห้ ลักประกันสิทธ์ิท่ีเกิดจากสังคมและ เศรษฐกิจของโลกาภิวตั น์ในทางการเมือง สหรฐั ฯ ไดร้ บั ประโยชนจ์ ากการครองอานาจใน โลกในหมู่ชาติมหาอานาจ ซ่ึงส่วนหน่ึงมาจาก ความเขม้ แขง็ ทางเศรษฐกิจและความงั่ คงั่ ของ ประเทศ ดว้ ยอทิ ธิพลของโลกาภวิ ตั นแ์ ละจาก การช่วยเหลอื ของสหรฐั ฯ และประเทศจนี ได้
54 4 Unit 4 Interdependence เจริญ เติบโตอย่างมหาศาลในช่วงเพียง ทศวรรษท่ผี ่านมา หากจีนมคี วามเจรญิ เติบโต ในอตั ราตามแนวโนม้ น้ีต่อไป เป็นไปไดท้ ่ีจะ เกิดการเคล่ือนยา้ ยศูนย์อานาจในระหว่าง ประเทศผูน้ าภายใน 20 ปีขา้ งหนา้ ประเทศจีน จะมคี วามมงั่ คงั่ มอี ตุ สาหกรรมและเทคโนโลยี ท่ีสามรถทา้ ทายสหรฐั ฯ ในการเป็นประเทศ มหาอานาจผูน้ า 4.5 ขอ้ มูลข่าวสาร มีการเพ่ิมการไหลบ่า ของขอ้ มูลขา่ วสารระหว่างพ้นื หรอื ภูมภิ าคทอ่ี ยู่ ห่างไกลกนั มาก 4.6 วฒั นธรรม การเจริญเติบโตของการ ติดต่อสมั พนั ธข์ า้ มวฒั นธรรม เกิดมีประเภท ใหม่ๆ ในดา้ นความสานึกและเอกลกั ษณ์ เช่น “โล ก าภิวัตน์นิ ย ม - ซ่ึงค รอบ ค ลุ ม ก าร แพร่กระจายทางวฒั นธรรมและการไดบ้ ริโภค ผลติ ภณั ฑแ์ ละความคิดจากต่างประเทศ การ รบั เทคโนโลยีใหม่มาใชแ้ ละการเขา้ ร่วมใน วฒั นธรรมโลก” 4.7 นิเวศวิทยา การปรากฏข้นึ ของความ ทา้ ทายในปญั หาสภาวะแวดลอ้ มในระดบั โลกท่ี ไม่สามารถแกป้ ญั หาไดโ้ ดยปราศจากความ ร่วมระดบั นานาชาติ เช่น การเปลย่ี นแปลงของ สภาพอากาศ , มลภาวะทางนา้ และอากาศ
5 55 Unit 5 Interdependence คาช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นพจิ ารณาภาพดงั ต่อไปน้ีและบรรยายในประเดน็ \"การพง่ึ พาอาศยั ซง่ึ กนั และกนั \" ............................................................................................................................................ ............................................................................................................................................ ............................................................................................................................................ ............................................................................................................................................ ............................................................................................................................................ ............................................................................................................................................ ............................................................................................................................................ * นางสาวธญั ทพิ ย์ ชาตสิ วสั ด์ิ นกั ศึกษาโครงการรสั เซยี ศึกษา มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ศิษยเ์ ก่าโรงเรยี นกลั ยาณีศรธี รรมราช รุ่น 87 , เอ้อื เฟ้ือภาพ. Imagine
6 55 Unit 6 Values and Perceptions
56 5 Unit 5 Values and Perceptions 6 INTRO มนุษยม์ ีความตอ้ งการขน้ั พ้ืนฐานอ่ืน ๆ นอกเหนือจาก ความตอ้ งการความรูส้ ึกมนั่ คงปลอดภยั แลว้ ยงั คงมีความ ตอ้ งการอ่ืน ๆ อกี หลายความตอ้ งการ ซ่ึง อบั ราฮมั มาสโลว์ สรุปออกมาไดว้ ่า ความตอ้ งกา1รของมนุษยม์ ี 5 ระดบั ขนั้ คอื 1 อบั ราอมั เอช. มาสโลว์ , การบรหิ ารแบบมาสโลว์ , กรุงเทพฯ : สาหนกั พมิ พผ์ ูจ้ ดั การ , 2549. หนา้ 76- 89.
6 57 Unit 6 Values and Perceptions 1. ความต้องการด้านร่างกาย (Physical กลุ สุดา บวั ทอง (โชกลุ ) Needs) ซ่ึงเป็ นความตอ้ งการขน้ั พ้ืนฐานท่ี ศิษยเ์ ก่าโรงเรยี นกลั ยาณีศรธี รรมราช รุ่น 87 จาเป็นต่อการดาเนินชวี ติ อยู่ นบั ตง้ั แต่ปจั จยั 4 รวมไปถงึ การพกั ผ่อนนอนหลบั ความตอ้ งการ ปจั จบุ นั : ดไี ซเนอรอ์ อกแบบสนิ คา้ ทางเพศและอน่ื ๆ ทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั ความอยู่รอด แบรนด์ MANEESILP 2. ความต้องการค วามมัน่ ค งปลอดภัย (Security Needs) ซ่ึ ง เป็ น ค ว า ม มั่น ค ง ปลอดภยั ทงั้ จากภยั พบิ ตั ิท่ีเกิดจากการกระทา ของมนุษย์ และเกดิ จากธรรมชาติ 3. ความตอ้ งการความรกั และการเป็นเจา้ ของ (Belongingness and Love Needs) มนุษย์ ในทุกช่วงวยั จะเกิดความเจ็บปวด เงยี บเหงา เม่ือถูกทอดท้ิงจากสมาชิกในครอบครวั หรือ แมก้ ระทงั่ สมาชกิ จากสงั คมทอ่ี าศยั อยู่ร่วมกนั 4. ความตอ้ งการไดร้ บั การยอมรบั และไดร้ บั การยกย่อง (Esteem Needs) มนุษยเ์ ป็นสตั ว์ สังคม ดังน้ันมนุ ษย์จึงมีความปรารถนา ช่ือเสียง เกียรติยศ การนบั ถือจากผูอ้ ่ืนท่ีอยู่ ร่วมกนั กบั ตนเองในสงั คม 5. ความตอ้ งการทจี่ ะตระหนกั ในความสามารถ ขอ งต น เอ งห รื อ ก ารรู ้จัก ต น เอ ง (Self- Actualization Needs) หมายถึงความรูส้ ึก ว่าตนเองมคี ุณค่าซง่ึ นบั ไดว้ ่าเป็นความตอ้ งการ ขนั้ สูงสุดของมนุษย์ ธรรมชาติของมนุษย์ เป็นผูท้ ่ีไม่รูจ้ กั การหยุด น่งิ เมอ่ื สามารถทาอย่างใดอย่างหน่ึงสาเร็จแลว้ ก็จะมคี วามตอ้ งการทเ่ี พ่มิ ระดบั สูงข้นึ ไปเสมอ ๆ
58 5 Unit 5 Values and Perceptions ผลงาน...พสิ ูจน์ “ ”ตวั เอง กลุ สดุ า บวั ทอง Young designer MANEESILP GROUP เป็นดีไซเนอรห์ นา้ ใหม่ เป็นนกั ออกแบบสนิ คา้ แฟชนั่ , เป็ นเพ่ือน และเป็ นศิษย์เก่าโรงเรียน กลั ยาณีศรธี รรมราช รุ่น 87 วนั หน่ึงเห็นรองเทา้ ใน internet ทรงแปลก มาก เลยร้ือ ๆ ขอ้ มูลดู พบว่าเป็ นผลงานการ ออกแบบของโชกุล ดีใจน่ะท่ีเพ่ือนเราเก่ง ไอเดีย สวย แถมยงั ทาเงนิ ไดอ้ กี แต่เช่ือว่าการเป็นดีไซเนอรห์ นา้ ใหม่ของโชกุล ไมไ่ ดเ้กดิ มาง่าย ๆ หรอื โรยดว้ ยกลบี กหุ ลาบ เพราะ ไม่มอี ะไรท่จี ะทาใหเ้ราประสบความสาเรจ็ ไดม้ ากไป กว่าการพิสูจนต์ วั เอง ว่างานน้ี ๆๆๆ เราทาได้ ลบ คาหม่ิน คาสบประมาท ของทุกคนไดด้ ว้ ยการ แสดงศกั ยภาพของเราออกมาใหเ้ ต็มท่ี วนั น้ีโชกุล เองกม็ ผี ลงานออกมามากมาย และยงั เป็นทน่ี ิยมอีก ต่างหาก เหล่าน้ีไม่ไดม้ าจากการนงั่ ๆ นอน ๆ แต่ มนั มาจากส่ิงท่ีเรียกว่า การรูว้ ่าตวั เองมีค่าและทา ใหม้ นั เป็นผลงานท่เี ล้ยี งชีพได.้
6 59 Unit 6 Values and Perceptions การตระหนกั รูค้ ุณค่าในตวั เอง 1.1 ความหมาย การตระหนักรูใ้ นคุณค่าในตัวเองของ มนุษย์ หมายถึง การรูจ้ กั ตนเองทง้ั ในแงบ่ วก และแง่ลบ ในแง่บวกคือ การตระหนักรูว้ ่า ตนเองมีความสามารถ ขอ้ ดี ขอ้ เสีย ขอ้ เด่น เฉพาะตวั อย่างไร ในแงล่ บคือ ตนเองมจี ดุ ดอ้ ย อะไรบา้ ง การรูจ้ กั ตนเองในดา้ นบอกจะช่วยให้ บคุ คลเกดิ สภาวะดงั ต่อไปน้ี 1.1.1 มคี วามรกั ความภาคภูมใิ จใน ตนเอง ซง่ึ สภาวะของการมคี วามรกั และมคี วาม ภาคภูมิใจในตนเองจะทาใหบ้ ุคคลไม่เกลือก กลว้ั กบั ส่ิงเลวรา้ ยใด ๆ เพราะตระหนกั ดีว่า ตนเองจะตอ้ งสูญเสียอะไรไปเพ่อื แลกกบั การ สมั ผสั สง่ิ เหลา่ นนั้ 1.1.2 มีพลงั ใจ เกิดความเช่ือมนั่ และความหวงั ว่าตนเองมศี กั ยภาพจะสรา้ งสง่ิ ท่ี ดกี ว่า ใหก้ บั ชวี ติ ไดเ้ ม่อื ลม้ ก็สามารถลุกข้นึ มา ใหม่ได้ แมจ้ ะมีความบกพร่องของร่างกาย หรือความไม่มงั่ คงั่ รา่ รวย กส็ ามารถช่วยตนเอง ได้ สรา้ งอนาคตไดน้ นั้ เอง
60 5 Unit 5 Values and Perceptions วธิ ีการคน้ พบคุณคา่ ในตวั เอง ในปจั จบุ นั มนุษยต์ อ้ งเผชญิ กบั การดารงชวี ติ ทย่ี ุ่งยาก ซบั ซอ้ นมากกว่าคนในยุคก่อน โดยมสี าเหตุมาจาก การ แข่งขนั ซ่งึ มที ง้ั การแข่งจนั กบั ตนเอง และการแข่งขนั กบั ผูอ้ ่นื รวมทง้ั การแข่งขนั กบั เวลา นอกจากน้ีปญั หาและ อปุ สรรคมเี ขา้ มาในหลายรูปแบบ ในหลาย ๆ สถานการณ์ ก็ทาใหห้ ลายคนหมดกาลงั ใจและทอ้ แทก้ บั การแกป้ ญั หา และดาเนินชวี ติ หมดหวงั และไม่อยากมชี วี ติ อยู่อกี ต่อไป หรอื อาจะหนั ไปมองโลกในแงร่ า้ ย ดงั นนั้ การคน้ พบตวั เอง เป็นเร่ืองท่ีทุกคนควรทาอย่างย่ิง และควรทาใหไ้ ดเ้ ป็น อย่างยง่ิ หวา่ โดยสามารถดาเนินการไดต้ ามวธี ีการต่อไปน้ี 2.1.1 สารวจตนเอง โดยการฝึ กตั้งคาถามกับ พรนภสั ปานิตเศรษฐ์ ตวั เอง เพ่อื คน้ หาตวั ตนท่แี ทจ้ ริงของเรา เช่น เราเป็นใคร ศิษยเ์ ก่าโรงเรยี นกลั ยาณีศรธี รรมราช รุ่น เรามีอะไรทด่ี ี มอี ะไรท่เี ป็นขอ้ เสีย เราตอ้ งการอะไร และ 87 เราจะทาส่ิงนน้ั ใหส้ าเร็จไดอ้ ย่างไร ใครสาคญั กบั เราบา้ ง เราสาคญั ต่อใครบา้ ง เป็นตน้ ปจั จบุ นั : เจา้ ของและผูผ้ ลติ เคร่อื งสาอาง 2.1.2 สงั เกตผลสะทอ้ นที่มีต่อตนเอง เม่ือได้ Heaven Spa by Fon กระทาการตัง้ คาถามกับตวั เองแลว้ ตอ้ งลองสังเกต ผ ล ก ระท บ ท่ี เกิ ด ข้ึน กับ ต น เอ ง กับ ผู ้อ่ื น แ ล ะ สภาพแวดลอ้ ม ผลกระทบดังกล่าวสรา้ งประโยชน์ ความสุข ความทุกข์ ความเสียหาย ความปล้มื ปิติ หรือ ความผ่อนคลายความเศรา้ หมองไดห้ รอื ไมอ่ ย่างไร 2.1.3 สังเกตผลสะทอ้ นที่มีต่อผูอ้ ื่น โดยดู ปฏิกิริยาท่ีผูอ้ ่ืนกระทาเม่ือเราปฏิบตั ิตามขน้ั ตอนแลว้ สงั เกตทง้ั สีหนา้ ท่าทาง คาพูด ซ่ึงเราสามารถเรียนรู้ คุณค่าของตนเองไดจ้ ากการศึกษาภาพสะทอ้ นของบคุ คล รอบขา้ ง
6 61 Unit 6 Values and Perceptions วธิ ีการสรา้ งคุณคา่ ในตวั เอง 3.1 ยดึ มนั่ ในคณุ ค่าทแี่ ทจ้ ริงทอี่ ยู่ภายในจติ ใจ การทค่ี นเรามคี ุณธรรมจริยธรรม มจี ติ ใจทใ่ี ฝ่ ชวี ติ ท่มี คี ุณค่าในทศั นคติของคนทงั้ หลาย ในคุณงามความดี มาใชเ้ป็นหลกั ในการช้วี ดั ว่า อาจจะเหมือนหรือว่าต่างกันได้ ข้ึนอยู่กับ เรามีความเป็นคนท่ีมีคุณค่าทีแทจ้ ริง เราควร ปรชั ญาในการดาเนินชีวิตของเราเป็นสาคญั หมนั่ ถามตวั เองเสมอ ๆ ว่า ระหว่างเงนิ ทองกบั บางคนอาจจะวางคุณค่าของตนเองเอาไวท้ ก่ี าร ความซ่ือสตั ย์ เราควรเลือกส่ิงใด / ระหว่าง อยู่เหนือคนอ่ืน ๆ บางคนอาจจะพอใจกับ ความสุขสบายกบั การทางานหนกั เพอ่ื ช่วยเหลอื คุณค่าในการเป็นผูไ้ ม่ไดเบยี ดเบยี นใคร บาง ผูน้ นั้ เราควรเลือกส่ิงใด / ระหว่างการโกหก คนอาจจะเห็นว่า ชีวิตท่ีมีคุณค่าคือชีวิตท่ี และไดส้ ่งิ ท่ปี รารถนา กบั การพูดความจริงแต่ ประสบความสาเร็จในหนา้ ท่ีการงาน เป็นตน้ อาจจะเป็นเหตุใหถ้ ึงแก่ชีวิต เรากลา้ ท่ีจะพูด แต่เน่ืองมาจากบคุ คลมหี ลายสถานะและหลาย ความจริงหรือไม่ / เราจะอนุญาตใหม้ ีการทา บทบาท ดังนั้นการกระทบกระทงั่ ระหว่าง แทง้ หรือไม่เพียงเพราะเด็กท่ีเกิดมาจะเป็ น บุคคลย่อมเกิดข้ึนได้ ถา้ บทบาทขดั แยง้ ภาระของสงั คมอย่างยง่ิ / เป้าหมายในชวี ติ ของ กนั เอง ดงั นั้นการตดั สินใจเลือกบทบาทใด เราคืออะไร และเป็ นเป้ าหมายท่ีมีคุณค่ามี บทบาทหน่ึงใหเ้ ป็นบทบาทหลกั เป็นวิถที างท่ี คุณประโยชนส์ ูงสุดหรอื ไม่” สามารถสะทอ้ นการออ2กแบบคุณค่าในตวั เอง ของบุคคลได้ ซ่ึง สามารถสะทอ้ นออกมาได้ ดงั ต่อไปน้ี 3.2 ยอมรบั คณุ ค่าในตวั เองและผูอ้ ืน่ อย่างเหมาะสมและถูกตอ้ ง มนุษยใ์ หก้ ารยอมรบั ซง่ึ กนั และกนั อย่างท่เี ป็น โดยเฉพาะในส่งิ ท่อี ยู่เหนือการควบคุมของมนุษย์ สภาพภายนอกอาจจะไม่สวยงาม แต่ ไม่ไดห้ มายความว่า ภายในจะเป็นเหมือนกนั เช่น ผิวดา หูกาง เป็นสิว อว้ น เต้ีย ศีรษะลา้ น หรือ วฒั นธรรมทแ่ี ตกต่างกนั เหล่าน้ีไม่ไดเ้ป็นเคร่อี งมอื ในการกาหนดใหค้ นตา่ ลง มนุษยค์ วรทจ่ี ะมาใส่ใจ ในเร่อื งของคุณค่าภายในจติ ใจมากกวา่ ดว้ ยการเชอ่ื วา่ ทกุ คนมคี ณุ ค่าทางใจทด่ี งี าม 2 เกรียงศกั ด์ิ เจริญวงศ์ศกั ด์ิ , ขา้ ฯ คือบณั ฑิต : หลอมแนวคิดคนรุ่นใหม่สู่สภาวะปญั ญาชนแห่งยุค , กรุงเทพฯ : บรษิ ทั ซคั เซสมเี ดยี , 2537. หนา้ 23.
62 5 Unit 5 Values and Perceptions ลกั ษณะของบคุ คลท่ตี ระหนกั ในคุณคา่ ของตวั เอง ความตระหนักในคุณค่าของตวั เองเป็นส่ิงทีมีความ จาเป็นสูงมาก และทุกคนตอ้ งมีจากการศึกษาเราสามารถ ระบุลกั ษณะของบุคคลท่ีมีความตระหนักในคุณค่าของ ตนเองไดแ้ ลว้ ดงั ต่อไปน้ี 4.1 เป็นบคุ คลทอี่ ยู่แบบมศี กั ดิศ์ รี 3 4.1.1 รูจ้ กั ศรทั ธาตนเองและผูอ้ น่ื 4.1.2 พง่ึ ตนเอง และเป็นทพ่ี ง่ึ ใหผ้ ูอ้ น่ื ได้ 4.1.3 เคารพในความมคี ุณค่าของทกุ คน 4.1.4 มสี จั จะและกลา้ หาญ ไม่เกรงกลวั ท่จี ะทาใน สง่ิ ทค่ี วรทา 4.1.5 เขม้ แขง็ ไม่ทาในสง่ิ ทผ่ี ดิ กฎหมาย 4.1.6 รบั ผิดชอบต่อหนา้ ท่แี ละใหค้ วามร่วมมอื กบั คนอน่ื ได้ 4.1.7 รูจ้ กั ดูแลความรูส้ กึ ดี ๆ ของตนเอง และคน อน่ื ได้ 4.1.8 ถา้ มีการเปล่ียนแปลงในชีวิตก็สามารถ ดารงชีวติ ไดต้ ่อไปตามปกติเพราะมคี วามสุขจากการมนั่ ใจ ในความเป็นตวั เองอยู่แลว้ 3 วทิ ยา นาควชั ระ , ศ.นพ. , จากใจถงึ ใจ , กรุงเทพฯ : พทิ พี ร้นิ . 2553. หนา้ 121.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195