ประชมุ วิชาการ การพฒั นาบวั ใหเปน พชื เศรษฐกิจ คร้ังที่ ๑๒ “ปทมุ ธานี … เมืองบัว” วนั ที่ ๒๙ – ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ ณ หองประชุมรินลอุบล ช้ัน ๑ อาคารเฉลมิ พระเกียรติ ๔๘พระชนั ษา สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จัดโดย พพิ ธิ ภัณฑบัวมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
การประชุมวิชาการ “การพัฒนาบัวใหเ้ ป็นพชื เศรษฐกิจ ครงั้ ท่ี ๑๒” ปทุมธานี ... เมอื งบวั วันท่ี ๒๙ – ๓๐ ตลุ าคม ๒๕๕๘ ณ พพิ ิธภณั ฑ์บัวมหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี การใชป้ ระโยชน์บวั หลวงเพือ่ สุขภาพ ไฉน น้อยแสง วทิ ยาลัยการแพทยแ์ ผนไทย มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล ธัญบุรี บัวหลวง (Nelumbo nucifera Gaertn.) เป็นพืชสมุนไพรไทย พืชวงศ์ NELUMBONACEAE มีชื่อสามัญว่า โลตัส (Lotus) ชื่อเรียกอื่นๆ ได้แก่ บัวหลวง บุณฑริก ปทุม ปทุมมาลย์ สัตตบุษย์ สัตตบงกช และอบุ ล บวั หลวงถือว่าเป็นราชินีแห่งพื้นน้ามีถ่ินก้าเนิดแถบเอเชีย เช่น จีน อินเดีย และไทย (สุรัตน์วดี วงค์คลังและคณะ, 2557) บวั หลวงมลี ักษณะทางพฤกษศาสตรค์ อื เปน็ ไมล้ ้มลกุ มีเหง้าและไหลอยู่ใต้ดิน เหง้า: จะมีลักษณะเป็นทอ่ นยาว มปี ล้องสเี หลืองอ่อนจนถึงเหลือง แข็งเล็กน้อย ถ้าตัดตามขวางจะเป็นรูกลมๆ หลายรู ไหล: จะเป็นส่วนที่เจริญไปเป็นต้นใหม่ ใบ: ใบเดี่ยว ออกสลับ แผ่นใบจะชูเหนือน้า รูปใบเกือบกลม ขนาดใหญ่ ขอบใบเรียบ และเป็นคล่ืน ผวิ ใบมนี วล ก้านใบแข็งเปน็ หนาม ถ้าตัดตามขวางจะเห็นเป็นรูภายใน ก้านใบมีน้ายางขาวเมือ่ หักจะมสี ายใยสีขาว ใบอ่อนสีเทานวล ปลายม้วนงอขึ้นทง้ั สองดา้ น ก้านใบจะติดตรงแผ่นใบ ดอก: เดี่ยว มีสีขาว สีชมพู กล่ินหอม บัวหลวงจะเริ่มบานต้ังแต่ตอนเช้า ก้านดอกยาวมีหนามเหมือนก้านใบ ชูดอกเหนือน้าและชสู งู กวา่ ใบเล็กน้อย กลีบเล้ียง 4-5 กลีบ ขนาดเล็ก สีขาวอมเขียว หรือสีเทาอมชมพู ร่วงง่าย กลีบดอกมีจ้านวนมากเรียงซ้อนหลายชนั้ เกสรตวั ผ้มู จี า้ นวนมากสเี หลือง ปลายอบั เรณูมรี ยางค์คล้ายกระบองเล็กๆ สีขาวเกสรตัวเมยี จะฝังอยใู่ นฐานรองดอกรปู กรวยสีเหลืองนวล ผล: รปู กลมรีสีเขยี วนวล มีจ้านวนมาก ฝังอยู่ในส่วนที่เป็นรูปกรวย เมอื่ ออ่ นมสี เี หลอื ง รปู กรวยน้เี มอ่ื เป็นผลแก่จะขยายใหญ่ขึ้นมีสีเทาอมเขียว ท่ีเรียกว่า “ฝักบัว”มีผลสเี ขยี วออ่ นฝงั อยู่จ้านวนมาก (สุนทรี สิงหบุตรา, 2540 และ ส้านักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเน่อื งมาจากพระราชดา้ ริ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี, 2558) มนษุ ยไ์ ด้รู้จกั คุณค่าในการน้าบัวหลวงมาใช้ประโยชน์เพื่อสุขภาพมาช้านาน เหง้า รากบัว: น้ามาต้มกับน้าเป็นเคร่ืองด่ืม มีสรรพคุณแก้ไข้ แก้ร้อนใน และแก้กระหายน้าเป็นต้น และใช้เป็นอาหารท้ังคาวและอาหารหวาน ใบ: น้ามาเป็นภาชนะใชห้ อ่ ของแทนใบตอง ใชห่ อ่ ทัง้ ของสดและของแหง้ หรอื นา้ มาท้า “ข้าวห่อใบบวั ”จะสรา้ งกลิน่ หอมหวนให้กบั อาหาร ใบออ่ นรบั ประทาน ดอก: น้ามาเป็นเคร่ืองยาไทยมีสรรพคุณแก้ไข้และเป็นเคร่ืองยาในต้ารับยาบ้ารุงหัวใจ กลีบดอก: น้ามาตากแห้งใช้มวนบุหรี่สูบ เมล็ดจากฝักบัว: น้ามารับประทานไดท้ ้งั ดบิ ๆ หรือตากเมล็ดให้แหง้ ท้าเป็นของหวาน บริโภคได้คุณค่า หรือน้ามาประกอบอาหารคาวและอาหารหวาน (อ้อมใจ วงศ์มณฑา, 2552) ตามต้ารายาไทยกลา่ วไว้วา่ บวั หลวงมีสรรพคณุ ทางยาคือ เมล็ดบัว: บ้ารุงรักษาประสาท และไต หรือแกอ้ าการทอ้ งรว่ งหรอื บิดเรื้อรัง ดบี ัวหรอื ตน้ อ่อนท่ีอยู่ในเมล็ด: ใช้เป็นเคร่ืองยาของต้ารับยาไทย มีสรรพคุณบา้ รุงหวั ใจโดยมีกลไกในการออกฤทธ์ิไปช่วยขยายหลอดเลือดที่ไปเล้ียงกล้ามเน้ือหัวใจ เกสรตัวผู้: น้ามาตากแหง้ ใชเ้ ป็นเคร่ืองยาไทย พบวา่ ตวั ยามฤี ทธิ์ในการขยายหลอดเลอื ดท่ีไปเลี้ยงกล้ามเน้ือหัวใจ และเกสรตัวผู้ตากแห้งยังใช้เป็นเครื่องยาของต้ารับยาไทย-ต้ารับยาจีนหลายขนาน เช่น ยาลม ยาหอม หรือแม้แต่ยานัตถุ์ ๓๒
การประชมุ วิชาการ “การพฒั นาบัวให้เป็นพชื เศรษฐกจิ ครั้งท่ี ๑๒” ปทมุ ธานี ... เมืองบัว วันที่ ๒๙ – ๓๐ ตลุ าคม ๒๕๕๘ ณ พพิ ธิ ภัณฑ์บัวมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีนอกจากน้ียงั น้ามาต้มน้าดม่ื กา้ นใบและกา้ นดอก: นา้ มาท้าเครื่องยาเเก้อาการท้องร่วง รากหรือเหง้า: น้ามาต้มน้าแกอ้ าการร้อนใน และกระหายน้า รวมถึงมสี รรพคณุ หา้ มเลือด (อ้อมใจ วงศม์ ณฑา, 2552) องค์ประกอบทางเคมีที่ส้าคัญในส่วนต่างๆ ของบัวหลวง ใบ: anonaine, armepavine, N-nor-armepavine, asimilobine, N-methyl asimilobine, ginnol, liensinine, lirinidine, liriodenine,nuciferine, nor-nuciferine, isoquerctrin, roemerine, และβ-sitosterol น้ามันหอมระเหยจากใบ:alkanes (C12 ถึง C27), phytol เมล็ด: liensinine, iso-liensinine, lotusine, neferine, nelumbopolysaccharide, nuciferine, N-nor-nuciferine, pro-nuciferine, β-sitosterol ฝักและเมล็ด: N-nor-armepavine, liriodenine, nuciferine, (-) nor-nuciferine ต้นอ่อนภายในเมล็ด: (DL) armepavine, 4-methyl-coclaurine, cynaroside, hyperoside, liensinine, iso-liensinine, neferine, rutinต้นอ่อนจากเมล็ด: hyperoside, liensinine, neferine, rutin Torus: hyperoside, kaempferol-3-O-b-D-glucuronide, meratin, quercetin-3-O-b-D-glucoronide ฐานรองดอก: quercetin น้ามันหอมระเหยจาก petiole: linalool, N-nonadecane ส่วนที่อยู่พ้นน้า: N-nor-nuciferine (นันทวัน บุณยะประภัศร,2541 และคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครนิ ทร์, 2588) การศึกษาฤทธิ์ทางเภสชั วิทยาของบัวหลวง พบว่าสารสกัดเอทานอลมีฤทธิ์ต้านการอักเสบโดยยับย้ังการเพ่ิมจ้านวนของที เซลล์ (T cells) ที่ถูกกระตุ้นโดยไฟโตฮีมแอกกลูตินิน (phytohemagglutinin) โดยไปยับย้ังวงจรชีวิตของเซลล์ (cell cycle) และลดการสร้างไซโตไคน์ เช่น cytokines IL-2, IL-4, IL-10, และIFN- ɣ (Liu et al., 2004) สาร (S)-armepavine จากบัวหลวง มีฤทธ์ิลดการเกิด lymphadenopathy ลดการเพ่มิ จา้ นวน ของ T cells ลดการสร้าง IL-2 และ IFN-ɣ ในหนู และท้าให้หนูซ่ึงถูกท้าให้มีลักษณะ ของโรคhuman SLE มชี วี ิตอยู่ได้นานขึ้น (Liu et al., 2006) สารสกัดไดคลอโรมีเทน เอทิลลอะซิเตต และเอทานอลจากบัวหลวงมีฤทธิ์ตา้ นอนุมูลอิสระ (antioxidant) (Jung et al., 2003 และคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั , 2558) การทดสอบฤทธิ์ในการยับยง้ั เอนไซม์ อะซิติลโคลินเอสเทอเรส (Acetylcholinesterase;AChE) อาจส่งผลในการป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได์ (Jung et al., 2010) กลีบดอกบัวหลวงมีฤทธ์ิลดระดับไขมัน และน้าตาลในเลือด และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ (Bhuvana et al., 2008)เหงา้ มีฤทธ์ลิ ดไข้ แก้รอ้ นใน และแก้อกั เสบ (Mukherjee et al., 1997) ใบมีฤทธ์ิในการลดความอ้วน และจากการทดสอบความเปน็ พิษในสตั วท์ ดลอง พบว่าไม่ก่อให้เกิดความเป็นผิดปกติหรือความเป็นพิษ (Kunanusornet al., 2011) อย่างไรก็ตามการบริโภคเกสรบัวหลวงควรระมัดระวังอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ในบางรายโดยเฉพาะคนทแ่ี พ้เกสรดอกไม้ ๓๓
การประชุมวชิ าการ “การพฒั นาบัวใหเ้ ปน็ พชื เศรษฐกจิ ครง้ั ท่ี ๑๒” ปทุมธานี ... เมืองบัววันท่ี ๒๙ – ๓๐ ตลุ าคม ๒๕๕๘ ณ พิพธิ ภัณฑ์บัวมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (ก) (ข) (ค) ๓๔
การประชมุ วิชาการ “การพฒั นาบัวให้เปน็ พชื เศรษฐกิจ คร้งั ที่ ๑๒” ปทุมธานี ... เมอื งบวั วันท่ี ๒๙ – ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ ณ พิพิธภัณฑบ์ ัวมหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลธัญบุรี (ง)รูปที่ 1 ลกั ษณะส่วนต่างๆ ของบวั หลวง (ก) เกสร; (ข) กลบี ดอก; (ค) ผล และเมล็ด; และ(ง) ใบ เอกสารอ้างองิคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . “การศึกษาฤทธิ์ปรับเปลย่ี นภมู คิ ุ้มกันของสารสกัดน้าพกิ ดั เกสรท้งั หา้ และ องคป์ ระกอบของพกิ ดั ตอ่ เซลลแ์ มคโครฟาจ”. [ออนไลน]์ . เขา้ ถึงได้จาก: www.md.chula.ac.th. [2 ต.ค. 2558].คณะเภสัชศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์.“สรรพคุณ และฤทธข์ิ องเกสรบวั หลวง”. [ออนไลน]์ . เขา้ ถงึ ไดจ้ าก: www. drug.pharmacy.psu.ac.th. [2 ต.ค. 2558].นันทวนั บณุ ยะประภัศร. 2541. สมนุ ไพรไม้พืน้ บา้ น (2). กรุงเทพฯ: บริษทั ประชาชน จา้ กัด, 640 หนา้ .ส้านกั งานโครงการอนรุ กั ษพ์ นั ธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด้าริ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม ราชกุมารี. “บัวหลวง”. [ออนไลน์]. เขา้ ถึงได้จาก: www.rspg.or.th. [2 ต.ค. 2558].สุนทรี สิงหบตุ รา. 2540. สรรพคณุ สมุนไพร 200 ชนดิ . โรงพมิ พ์ดอกเบี้ย, กรงุ เทพฯ. 260 หนา้ .สุรตั น์วดี วงค์คลัง เลอลักษณ์ เสถยี รรตั น์ และอรุณพร อิฐรัตน์. 2557. การศึกษาฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของ บัวหลวง, วารสารวทิ ยาศาสตร์เกษตร, 45(2) (พิเศษ): 673-676.ออ้ มใจ วงศ์มณฑา, 2552, ดอกบัว...จากโคลนตมส่คู วามนยิ มบูชา, วารสารรสู มแิ ล, 30(2): 24-28.Bhuvana S, Mahesh R, Begum VH. Effect of Nelumbo nucifera flowers on plasma lipids and glucose in young, middleaged and aged rats. Pharmacologyonline 2008; 2: 863-74.Jung HA, Kim JE, Chung HY, Choi JS. Antioxidant principles of Nelumbo nucifera stamens. Arch Pharm Res 2003; 26: 279-285.Jung HA, Jung JY, Hyun SK, Min BS, Kim DW, Jung JH, et al. Selective cholinesterase inhibitory activities of a new monoterpene diglycoside and other constituents from Nelumbo nucifera stamens. Biol Pharm Bull 2010; 33(2): 267-72. ๓๕
การประชมุ วิชาการ “การพัฒนาบวั ใหเ้ ป็นพืชเศรษฐกิจ คร้ังที่ ๑๒” ปทุมธานี ... เมอื งบวั วนั ท่ี ๒๙ – ๓๐ ตลุ าคม ๒๕๕๘ ณ พพิ ธิ ภัณฑบ์ วั มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธัญบรุ ีKunanusorn P, Panthong A, Pittayanurak P, Wanauppathamkul S , Nathasaend N, Reutrakul V. Acute and subchronic oral toxicity studies of Nelumbo nucifera stamens extract in rats. J Ethnopharmacol 2011; 134(3): 789–95.Liu CP, Tsai WJ, Lin YL, Liao JF, Chen CF, et al. The extracts from Nelumbo nucifera suppress cell cycle progression, cytokine genes expression, and cell proliferation in human peripheral blood mononuclear cells. Life Sci 2004; 75: 699–716.Liu CP, Tsai WJ, Lin YL, Liao JF, Chen CF, et al. Inhibition of (S)-armepavine from Nelumbo nucifera on autoimmune disease of MRL/MpJ-lpr/lpr mice. Eur J Pharmacol 2006; 531: 270–279.Mukherjee PK, Saha K, Das J, Pal M, Saha BP. Studies on the anti-inflammatory activity of rhizomes of Nelumbo nucifera. Planta Med 1997; 63(4): 367-9. ๓๖
การประชมุ วิชาการ “การพัฒนาบัวใหเ ปนพชื เศรษฐกิจ คร้ังที่ ๑๒” ปทุมธานี ... เมอื งบวั วันที่ ๒๙ – ๓๐ ตลุ าคม ๒๕๕๘ ณ พิพธิ ภณั ฑบ ัวมหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลธญั บรุ ี การทําดอกบวั สดอบแหง พพิ ธิ ภัณฑบ ัวของมหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธญั บรุ ี ไดส บื สานการอนรุ กั ษข ยายพันธุบวั ตามโครงการอนุรักษพ ันธุกรรมพชื อนั เนอื่ งมาจากพระราชดํารสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีนอกจากน้นั พพิ ิธภณั ฑแหง น้ี ยงั มีเปา หมาย ในการปลูกรกั ษา , ศึกษาวจิ ัยนาํ ไปใชประโยชน , จดั เกบ็รวบรวมเกี่ยวกับบัว และการพฒั นาสายพนั ธบุ ัวตางๆมากมายกวา 400 สายพันธุ ถือไดวา เปน แหลง เรยี นรูและแหลงทอ งเทย่ี ว ทงั้ เปนผกู อใหเกิดการสรา งคน สรา งงาน สรางอาชพี ใหกับชุมชนหรือผูทส่ี นใจ เพอื่ตองการนําไปประกอบอาชพี จากบัวอยางกวา งขวาง ๓๗
การประชุมวิชาการ “การพัฒนาบัวใหเ ปน พืชเศรษฐกิจ คร้งั ที่ ๑๒” ปทมุ ธานี ... เมืองบัว วันที่ ๒๙ – ๓๐ ตลุ าคม ๒๕๕๘ ณ พพิ ธิ ภณั ฑบ วั มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลธัญบรุ ี พิพิธภณั ฑบัวไดเ ก็บรวบรวมสายพนั ธุบัวไวหลากหลายลวนงดงาม เปน เอกลกั ษณข อง “ราชนิ แี หงไมนาํ้ ”แตเปน ท่ี นาเสียดายอยางย่งิ เมอ่ื ดอกบวั ท่ีบานสวยงามตอ งรวงโรยไป ถา จะเกบ็ รกั ษาดอกบัวบานไวช ่ืนชมไดน านเปนเดือน หรือเปน ป กน็ าจะมีวธิ ีที่สามารถทาํ ได จึงเปนทม่ี าของการทดลองทําดอกบวั สดอบแหง ซ่งึประสบความสําเร็จจนมีบณั ฑติ ของคณะศลิ ปกรรมศาสตร มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธญั บรุ ี นาํ ไปตอยอดเชงิ พาณิชย เปน เถาแกน อ ย สรา งรายไดจ นเปน ทรี่ จู กั กันในนามของราน “ดอกแกว” ซง่ึ ไดม ีดอกไมหลากหลายชนิดทไ่ี ดน าํ มาอบแหง เชน ดอกกุหลาบ ดอกกลว ยไม ดอกลีลาวดี ดอกบวั และใบไมช นดิตา งๆ ดว ยเทคนิควธิ ที ี่แตกตางกนั ไปตามชนิดของดอกไม ๓๘
การประชุมวิชาการ “การพัฒนาบวั ใหเปนพืชเศรษฐกจิ คร้งั ท่ี ๑๒” ปทมุ ธานี ... เมอื งบวั วนั ท่ี ๒๙ – ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ ณ พพิ ิธภณั ฑบ ัวมหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บรุ ีวสั ดุและอปุ กรณสาํ หรบั การทําดอกบวั สดอบแหงทส่ี าํ คญั มดี ังนีค้ ือ1. ซิลกิ าทราย สาํ หรบั อบแหง ดอกบวั สด2. ซลิ ิกา เจลสาํ หรับเก็บรกั ษาดอกบวั ทผ่ี า นการอบแหง3. ดอกบวั และใบบัวสด ๓๙
การประชมุ วชิ าการ “การพัฒนาบัวใหเปน พชื เศรษฐกจิ ครั้งที่ ๑๒” ปทมุ ธานี ... เมอื งบวั วันที่ ๒๙ – ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ ณ พพิ ธิ ภณั ฑบวั มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบรุ ี 4. กลอ งพลาสติกพรอ มฝาปด 5. แกว สาํ หรบั จดั ดอกบวั พรอ มฝาปด 6. วัสดุประดิษฐ เชน ฟลอรา เทป กระดาษสี กระดาษทราย ลวด กาว เปนตน 7. อปุ กรณป ระดิษฐ เชน คมี คบี คีมตดั กรรไกร ปนกาว พูก ัน เปนตนวิธกี ารทาํ ดอกบวั สดอบแหง 1. เตรียมดอกบัวท่ตี องการ นํามาตดั กา นดอกเหลือความยาวกานประมาณ 1 – 1.5 เซนติเมตร (เพื่อ การคีบจับ) นํามาสะบดั นํ้าออก 2. เทซลิ กิ า ทรายใสกลอ งพลาสติก ใหท รายสงู ประมาณ 3 เซนตเิ มตร ใชค มี จบั กานดอกบวั ปกลงในกลอ ง ทรายใหดอกบัวไมข ยบั หรอื เอียงตัว จากนั้นโรยทรายใหท ่ัวดอกบัวทีละนอยจนกลบดอกบวั หมด 3. ปดฝากลองพลาสติกใหส นิท ทิ้งไวประมาณ 7 วัน เพ่อื ใหท รายดดู ความชน้ื ออกจากดอกบัว 4. นําใบบัวมาทําการอบแหง เชน เดียวกับการอบดอกบวั แตกตา งกันที่วธิ กี ารจดั วางเรียงและเวลาในการ อบ เน่อื งจากมีขนาดเลก็ และจาํ นวนมาก 5. เทซิลิกา ทรายใสก ลองพลาสตกิ ใหท รายสูงประมาณ 3 เซนติเมตร วางเรียงใบบวั ใหเตม็ พน้ื ทีแ่ ลวโรย ทรายกลบทบั สาํ หรบั ภาชนะทม่ี คี วามสูงและมีพ้ืนท่ี สามารถวางเรียงซอ นกันหลายชั้นได 6. ปด ฝากลองพลาสตกิ ใหส นิท ทง้ิ ไวป ระมาณ 5 วนั ๔๐
การประชมุ วิชาการ “การพัฒนาบัวใหเปน พืชเศรษฐกิจ คร้ังท่ี ๑๒” ปทมุ ธานี ... เมืองบวั วันท่ี ๒๙ – ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ ณ พพิ ธิ ภณั ฑบวั มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี 7. เมอ่ื ครบกําหนดเวลาการอบแหง ใหท าํ ดอกบวั ออกจากกลองพลาสตกิ คอ ยๆเทซลิ ิกาทรายออกจน เหน็ ดอกบวั จงึ ใชอ ปุ กรณค บี จับดอกบวั ออก เคาะทรายออกจากดอกบวั ใหเรยี บรอ ย 8. เทซิลกิ า เจลใสก ลอ งพลาสตกิ สูงประมาณ 3 เซนตเิ มตร นาํ ดอกบัวอบแหง เกบ็ ไวใ นซลิ กิ าเจล ปด กลองใหส นทิ ซลิ กิ า เจลจะชว ยควบคุมความชืน้ เพ่ือเก็บรกั ษาดอกบวั จนกวา จะนําไปใชงานตอไป ทาํ การเกบ็ รกั ษาใบบวั เชนเดียวกับดอกบัววธิ กี ารจดั ดอกบวั สดอบแหง 1. เลือกภาชนะแกว และฝาปดแกว รูปทรงท่เี หมาะสมกบั การจดั ดอกบัวสดอบแหง เชน ทรงกลม ทรงกระบอก เปน ตน 2. ขดั ปากแกว (สาํ หรับปดกาว) และขดั ลบคมฝากระจกสาํ หรบั ปดแกวดว ยกระดาษทรายกอ นทําการปด ดว ย กาวอีพอ กซ่ี 3. ทาํ ฐานใสซ ิลกิ า เจลดว ยขวดพลาสตกิ หรือภาชนะอนื่ ๆโดยใหซ ลิ กิ าเจลสามารถดดู ความชน้ื ไดเมือ่ อยู ในภาชนะปด 4. ตดั โฟมสาํ หรบั ปดฐานใสซลิ ิกา เจล และเพื่อใชปกดอกบัวและใบบัวในการจัดชนิ้ งาน 5. นําดอกบัว และใบบวั มาเคาะทรายออกใหหมดอกี คร้ังกอนนํามาตอ กานลวดสาํ หรบั ปก งาน ยดึ ตดิ ดว ย ปน กาว และพนั หมุ ดวยฟลอราเทปเพอื่ ความสวยงาม 6. นําฐานซลิ กิ า เจลมาติดกับภาชนะแกวดว ยกาวอีพอกซ่ี 7. ปก ดอกบวั และ ใบบวั ลงบนฐานซลิ กิ า โดยใชก าวลาเทก ซ ตกแตง ดอกไมตา งๆโดยใชปนกาวในการยดึ ตดิ 8. ตรวจสอบความสะอาด และความเรยี บรอยของชน้ิ งานกอนทําการปดฝาแกว ๔๑
การประชมุ วิชาการ “การพัฒนาบัวใหเ ปนพืชเศรษฐกจิ คร้ังท่ี ๑๒” ปทมุ ธานี ... เมอื งบวัวันท่ี ๒๙ – ๓๐ ตลุ าคม ๒๕๕๘ ณ พพิ ิธภัณฑบวั มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธัญบรุ ี ๔๒
การประชมุ วิชาการ “การพัฒนาบัวใหเปนพืชเศรษฐกิจ คร้งั ที่ ๑๒” ปทมุ ธานี ... เมอื งบัว วนั ท่ี ๒๙ – ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ ณ พิพิธภณั ฑบ วั มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธัญบรุ ี ชน้ิ งานหรือผลติ ภณั ฑท ี่ไดจ ะเปนของฝาก ของขวญั ของทีร่ ะลกึ ทสี่ วยงาม คงสภาพเหมือนเดมิ เก็บไวช่นื ชมหรอื มอบใหบ ุคคลสาํ คญั ที่แสดงถึงความรกั ความเคารพนับถือ หรอื ในโอกาสตางๆ ส่งิ ทต่ี อ งพึงระวังในการเก็บรกั ษา อยา ใหโดนแสงแดดหรอื ความรอน เพราะอาจทําใหส ขี องดอกบัวซีดจางลงได ปจ จบุ นั พพิ ิธภณั ฑบวั โดยทีมงานของผูช ว ยศาสตราจารยภรู นิ ทร อคั รกลุ ธร ไดช ว ยแนะนาํ จดั อบรมการปลกู เพาะพนั ธุบวั และการบํารงุ รกั ษาท่ีถกู วิธใี หกบั ชุมชนชาวปทมุ ธานี ซึ่งไดหันมาปลกู บวั เพาะพันธุบวั สวยงามขายหนอบัว และตัดดอกขายเปน อาชพี หลกั หรืออาชีพเสรมิ เพ่อื สรา งรายได และบางรายตอยอดทําดอกบัวสดอบแหงสง จําหนา ยใหกับกลุมผูประกอบอาชพี ซ่งึ นาํ มาทาํ เปนผลิตภณั ฑด อกไมสดอบแหง ในโหลแกว สุดทา ยขอขอบพระคณุ พิพธิ ภณั ฑบ ัว ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรที ก่ี รุณาใหทดลองการทาํ ดอกไมส ดอบแหง ผเู ขียนหวังเปน อยางยิง่ วาบทความทีน่ ําเสนอในคร้ังนจี้ ะเปน ประโยชนต อผทู ่ีสนใจ ผูท รี่ กั และหลงใหลในความสวยงามของดอกบัวไดนําไปทดลองทาํ ดว ยตนเอง ซึง่ ทานสามารถแนะนําและแลกเปลี่ยนขอ มลู ตางๆไดดวยความยินดเี ปน อยางย่งิ ผเู ขียน/เรยี บเรยี ง ผชู ว ยศาสตราจารยดร.วนิดา ฉินนะโสต คณะศิลปกรรมศาสตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบรุ ี โทร. 086-7863253 Email:[email protected] . Facebook: ดอกไมสดไมร ูโรย ๔๓
การประชุมวชิ าการ “การพัฒนาบัวใหเปนพืชเศรษฐกจิ ครัง้ ท่ี ๑๒” ปทุมธานี ... เมอื งบัว วันท่ี ๒๙ – ๓๐ ตลุ าคม ๒๕๕๘ ณ พพิ ธิ ภัณฑบ ัวมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี การพกั ตัวของบัวฝรั่ง โดยนายเกรยี งศกั ดิ์ คาํ แหง สวนอุบลชาติ บานคุณพระ การพักตัว คือ การหยุดการเจริญเติบโต ของบัว เน่ืองจากอุณหภูมิของฤดูกาล เปนตัว แปรท่สี ําคัญสงผลใหบัวพักตัว สวนใหญไมไดเกิด จากโรคระบาดและศัตรูพืชรบกวน มักเกิดข้ึนกับ บัวฝร่ัง (อุบลชาติยืนตน) บางพันธุ โดยปกติแลว บัวฝรั่งจะทําการพักตัวในชวงฤดูหนาว (ชวง ประมาณปลายเดือนพฤศจิกายนถึงปลายเดือน กุมภาพันธ) ในชวงนี้มีการเปล่ียนแปลงของสภาพอากาศตามฤดูกาล มีชวงกลางวันส้ันกวากลางคืน อีกท้ังอากาศแหงและเย็น สงผลใหอุณหภูมิในนํ้าต่ํา เนื่องจากอากาศหนาวจัด บัวจึงตองปรับตัวใหเขากับสภาพอากาศ เพื่อสะสมอาหารรักษาความสมดลุ โดยชะลอการเจริญเตบิ โต งดการใหด อกหรือใหดอกนอยลง ใบลดปริมาณ มีขนาดเล็กลงและแกเร็วหรือท้ิงใบ แตผลิตใบส้ันและมีความหนา มีสีออกน้ําตาลแดงหดตัวรวมเปนกระจุกอยูใตน้ําเปนลักษณะเฉพาะของบัวฝร่ัง เพอ่ื ทาํ การสะสมอาหารและรอการเจริญเติบโตอีกครั้งเมื่อเขาสูฤดูรอนที่มแี สงแดดและสภาพอากาศท่วั ไปเปน ปกติ ในชวงที่บัวกําลังทําการพักตัว บัวจะมีอาการออนแอมาก ผูเล้ียงบัวตองเอาใจใสเปนพิเศษคอยดูแลเรื่องน้ําอยาใหเนาเสีย เพราะจะทําใหหนอ เหงา ไหลหรือตนบัวเสื่อมสภาพและตายได ตองหม่ันดูแลเร่ืองตะไครนํ้าและสาหรายท่ีขึ้นอยูในภาชนะปลูกเล้ียงบัว พยายามเก็บออกใหหมด อยาใหไปพันยอด หรือขึ้นอยูท่ีบริเวณเหงาและที่โคนตนบัว เพราะเมื่อมีสาหรายหรือตะไครนํ้าในปริมาณที่มากเกินไป จะทําใหตนบัวไดรับสารอาหารไมเพียงพอ เนื่องจากตะไครนํ้าและสาหรายจะทําการแยงอาหารทบ่ี วั ตองการ จนบวั ไมส ามารถสะสมอาหารไดเพียงพอ ทําใหท รุดโทรมลง ไมควรใสปุยเรงดอกในชวงที่บัวยังทําการพักตัวอยู เพราะเปนการกระตุนบัวจนเกินไป ถาใสปุยเรงดอก (สูตรตัวกลางสูง) บอยในชวงน้ีอาจจะทําใหดินเนาเสียไดไว สงผลใหไหลหรือเหงาของบัวตดิ เชื้อโรคและเนา ตายได ๔๔
การประชุมวิชาการ “การพัฒนาบวั ใหเปนพืชเศรษฐกิจ คร้งั ท่ี ๑๒” ปทมุ ธานี ... เมอื งบัว วันที่ ๒๙ – ๓๐ ตลุ าคม ๒๕๕๘ ณ พพิ ิธภัณฑบ ัวมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีการแกไข ถาปลูกบัวฝร่ังเปนไมดอกไมประดับเพื่อความสวยงามของสถานที่ อาคาร บานเรือน แลวไมอยากใหบัวพักตัวมวี ิธีแกไ ขดังน้ี กรณีที่ปลูกในภาชนะแลวยกแชลงในอาง ใหแกไขโดยหาวัสดุ เชน อิฐ กระถางดินเผาขนาดพอเหมาะมารองภาชนะที่ใชปลูก เพื่อปรับระดับใหภาชนะปลูกสูงข้ึน แลวบัวอยูใกลผิวน้ํา บัวก็จะเจริญเติบโตไดตามปกติ แตจะใหดอกนอ ยลง กรณีที่ปลูกลงดินในบอดินหรือสระนํ้าประดับสวนวิธีน้ีไมสามารถยกตนบัวใหขึ้นมาได เพราะอยูในดิน แกไขโดยการปรับระดับนํ้าลดลงใหตื้น พอท่ีบัวจะอยูใกลผิวน้ําและไดร ับแสงแดดบัวกไ็ มพักตวั เหตุท่ีตองยกภาชนะหรือปรับระดับนํ้าใหต้ืน เพื่อที่จะใหตนบัวอยูใกลกับผิวน้ําเปนเพราะอุณหภูมิของผิวน้ําจะสูงกวาดานลางของภาชนะปลูกเลี้ยงบัวไมวาจะเปนอาง บอ หรือสระน้ําเนื่องจากผิวนํ้าไดรับแสงแดดสองถึงทําใหน้ําอุน บัวจึงสามารถท่ีจะเจริญเติบโตตอไปได แตการใหดอกอาจจะนอ ยลงกวา ปกตหิ รอื ไมก็งดการออกดอกในชว งนี้ ถาจะใสปุยบํารุงแนะนําใหใสปุยสูตรตัวหนาสูง เชน 25-7-7 เพื่อเปนการบํารุงไหลและเหงาทาํ ใหบ วั มีแรธาตสุ ารอาหารเพียงพอและไมควรใสครงั้ ละมากๆ เพ่อื ปอ งกนั ดนิ และน้าํ เนาเสีย การพักตัวของบัวนี้ใชเวลานานมาก เพราะบัวทําการพักตัวจริงๆ ผูเล้ียงบัวตองทําใจ อยาใจรอนปลอยใหเปนไปตามธรรมชาติดีกวา พอส้ินสุดฤดูหนาวเขาหนารอนบัวก็ฟนตัวอยางรวดเร็ว ถาเล้ียงไวนานบัวแกเหงาใหญจะใหหนอเพ่ิม พรอมทั้งแตกใบและใหดอกท่ีมีความสมบูรณมาก บัวฝรั่งบางพันธุเม่ือพนจากการพักตัวแลว ผูเล้ียงจึงไดเห็นดอก บัวบางชนิดตองอาศัยการพักตัว เพ่ือท่ีทําการสรา งหนอ หรือหัว การพักตัวจงึ มีความสําคัญกบั ตน บวั มากเพราะฉะนนั้ ควรท่ีจะปลอยใหบัวไดทําการพักตัวในชวงฤดูกาล เพราะผลที่ไดมาหลังจากการพักตัวและการรอคอยน้ันตนบัวจะสมบูรณและแข็งแรง ๔๕
การประชมุ วิชาการ “การพัฒนาบัวใหเ ปน พชื เศรษฐกจิ คร้งั ที่ ๑๒” ปทมุ ธานี ... เมอื งบวั วนั ที่ ๒๙ – ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ ณ พพิ ิธภัณฑบ ัวมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธญั บุรี ชาสมุนไพรบวั หลวง บวั หลวงชือ่ วทิ ยาศาสตร : Nelumbo nucifera Gaertn.ชื่อสามัญ : Lotusวงศ : Nelumbonaceaeลักษณะทางพฤกษศาสตร : เปนไมลมลุก มีเหงาและไหลอยูใตดิน เหงาจะมีลักษณะเปนทอนยาวมีปลองสีเหลืองออนจนถึงเหลือง แข็งเล็กนอย ถาตัดตามขวางจะเปนรูกลมๆ หลายรู ไหลจะเปนสวนที่เจริญไปเปนตนใหม ใบเปนใบเดี่ยวรูปโล ออกสลับ แผนใบจะชูเหนือน้ํา รูปใบเกือบกลมขนาดใหญ ขอบเรียบและเปนคล่ืน ผิวใบมีนวล กานใบแข็งเปนหนาม ถาตัดตามขวางจะเห็นเปนรูภายในกานใบมีนํ้ายางขาว เมื่อหักจะมีสายใยสีขาว ใบออนสีเทานวล ปลายมวนงอข้ึนทั้งสองดานกานใบจะติดตรงกลางแผนใบ ดอกเดี่ยว มีสีขาว สีชมพู กลิ่นหอม บัวหลวงจะเริ่มบานตั้งแตตอนเชากา นดอกยาว มีหนามเหมอื นกานใบ ชูดอกเหนือน้ํา และชูสูงกวา ใบเล็กนอย กลีบเล้ียง 4- 5 กลีบ ขนาดเล็ก สีขาวอมเขียว หรือสีเทาอมชมพู รวงงาย กลีบดอกมีจํานวนมากเรียงซอนหลายช้ัน เกสรตัวผูมีจํานวนมากสีเหลือง ปลายอับเรณูมีระยางคลายกระบองเล็กๆ สีขาว เกสรตัวเมียจะฝงอยูในฐานรองดอกรูปกรวย สีเหลืองนวล ผลรูปกลมรีสีเขียวนวล มีจํานวนมาก ฝงอยูในสวนที่เปนรูปกรวยเมื่อออนมีสีเหลือง รูปกรวยนี้เม่ือเปนผลแกจะขยายใหญขึ้นมีสีเทาอมเขียว ที่เรียกวา \"ฝกบัว\" มีผลสเี ขียวออนฝง อยเู ปน จํานวนมาก ภาพท่ี 1 ดอกบัวหลวงประโยชนข องบวั หลวง มนุษยไดรูจักคุณคาอันมีประโยชน และสรรพคุณดานยาสมุนไพรของบัวหลวงมาชานานแลวในการประกอบอาหาร สวนของใบนํามาทําเปนภาชนะ และสรางกล่ินหอมหวลใหกับอาหาร เชน ขาว ๔๖
การประชุมวชิ าการ “การพัฒนาบัวใหเ ปนพชื เศรษฐกิจ ครงั้ ท่ี ๑๒” ปทมุ ธานี ... เมอื งบวั วนั ที่ ๒๙ – ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ ณ พพิ ธิ ภัณฑบ วั มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บรุ ีหอใบบัว ใบออนรับประทาน เชนผักชนิดหนึ่งกับเคร่ืองจ้ิม เมล็ดจากฝกบัวท้ังสดและแหง นํามาประกอบอาหารทง้ั คาวและหวาน สว นรากเหงา นํามาตมเปนเครือ่ งด่ืม ภาพท่ี 2 สว นตางๆของบวั หลวง ๔๗
การประชมุ วชิ าการ “การพัฒนาบวั ใหเ ปนพชื เศรษฐกจิ ครง้ั ท่ี ๑๒” ปทุมธานี ... เมืองบัว วันท่ี ๒๙ – ๓๐ ตลุ าคม ๒๕๕๘ ณ พิพิธภณั ฑบ ัวมหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธญั บุรี สรรพคุณดานสมุนไพร เมล็ดบัวบํารงุ รักษาประสาทและไต หรือแมอ าการทอ งรว งหรอื บิดเรอื้ รังดีบัวหรือตนออนที่อยูในเมล็ดมีสีเขียวเขม ใชเปนสวนผสมของยาแผนโบราณ พบวาตัวยามีฤทธิ์ในการขยายหลอดเลือดที่ไปเล้ียงกลามเน้ือหัวใจ เกสรตัวผูเม่ือตากแหงใชเปนสวนผสมของยาไทย-จีนหลายชนิด เชน ยาลม ยาหอม หรือแมแตยานัตถุ นอกจากนี้ยังนํามาตมน้ําดื่ม กานใบและกานดอกนํามาทํายารักษาอาการทองรวง สวนของรากหรือเหงานํามาตมน้ํา ใชแกรอนในกระหายน้ํา พรอมท้ังมสี รรพคุณหา มเลอื ด จงึ เห็นไดว าประโยชนทางสมนุ ไพรของบวั หลวงมอี ยมู าก นอกจากเปนสมุนไพรแลวบัวหลวงยังใชประโยชนในทางอื่น เชน กลีบแหงใชมวนบุหร่ีในอดีตเรียกวา บุหรี่กลีบบัว ใบแกนํามาตากแหงใชเปนสวนผสมของยากันยุง เปลือกบัวนํามาเปนวัสดุในการปลกู เห็ดชนิดหน่ึงเรียกวาเห็ดบัว การศกึ ษาทางเภสัชวทิ ยา การศึกษาวจิ ยั ฤทธทิ์ างเภสัชวทิ ยาพบวาสว นตา งๆของบัวหลวงมีสรรพคณุ ทางยาดังนี้ • ฤทธ์ิตานอนุมูลอิสระ เนื่องจากสารกลุมฟลาโวนอยดท่ีพบในเกสร และดอกบัวหลวง มีฤทธต์ิ านปฏิกิรยิ าออกซิเดชนั โดยเกสรตวั ผูม ีฤทธ์จิ ับอนุมลู อิสระ • ฤทธ์ติ า นเบาหวาน สวนเกสรตวั ผูม ฤี ทธิ์ยับย้งั การเกดิ เบาหวาน • ฤทธ์ิทําใหนอนหลับ สารแอลคาลอยด ที่พบในบัวหลวง มีผลทําใหหนูนอนหลับ สารสกดั เมทานอลจากเหงาบวั ทําใหล ดพฤตกิ รรม และกจิ กรรมตา งๆในสัตว • ฤทธิ์ลดปวด และตานการอักเสบ สารแอลคาลอยด ที่พบในบัวหลวง มีฤทธ์ิลดอาการ ปวดและแกอักเสบ สารสกัดเมทานอลลดการอักเสบในหนู ท้ังการทดสอบในหลอด ทดลอง และสัตวท ดลอง • การศึกษาทางพิษวิทยา สารสกัดแอลกอฮอลของเกสรบัวหลวง โดยการปอน หรือฉีด ใตผ ิวหนังหนูถบี จักรไมก อเกดิ ความเปน พิษการใชป ระโยชนของบัวหลวง1. รากบัวหลวง (เหงาบัว) สามารถนําใชปรุงเปนอาหารไดท้ังคาวหวาน เชน รากบัวผัดนํ้ามัน รากบัวออนตมหรือตุนกระดูกหมูกับเคร่ืองยาจีน นํามาเชื่อมแหงรับประทานเปนของหวาน ทําเปน น้าํ รากบัว หรือนาํ มาตม เปน นาํ้ สมุนไพรรากบัว2. ไหลบวั (หลดบวั ) สามารถนํามาประกอบอาหารไดทั้งสดและแหง เชน การนาํ มาทําแกงเลียง แกงสม ตม กะทิ ผดั เผ็ดตา งๆ3. สายบัว นํามาปรุงเปนอาหารหรือใชแทนผักไดหลายชนิด เชน แกงสมสายบัวกับปลาทู แกงสม สายบัว ตมกะทปิ ลาทู ฯลฯ ๔๘
การประชมุ วิชาการ “การพัฒนาบวั ใหเปน พชื เศรษฐกิจ ครง้ั ที่ ๑๒” ปทุมธานี ... เมืองบัว วนั ที่ ๒๙ – ๓๐ ตลุ าคม ๒๕๕๘ ณ พิพิธภัณฑบัวมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบรุ ี4. ดอกบัวหลวง นํามาใชในทางศาสนาหรือนํามาบูชาพระ เน่ืองจากดอกบัวหลวงเปนสัญลักษณแหง ความดีงามทางพระพุทธศาสนา มีความเก่ียวของโดยตรงสําหรับการบูชาพระรัตนตรัย อันไดแก พระพทุ ธ พระธรรม และพระสงฆ5. กลบี ดอกนิยมนาํ ไปทําเมยี่ งดอกบัว ยาํ ดอกไม หรือทาํ เมนกู ลบี บัวชบุ แปง ทอด6. กลบี ดอกแหง ในอดตี ใชมวนเปน บหุ ร่ี7. สารสกัดจากเกสรใชทําเปนเครื่องสําอางท่ีเปนตัวชวยชะลอการสรางเม็ดสีผิว ทําใหผิวหนังเตงตึง และออนนมุ เชน ครมี กนั แดด ครีมบาํ รุงผวิ ทงั้ กลางวัน/กลางคืน8. เกสรตัวผูเม่ือนํามาตากแหง สามารถใชเปนสวนผสมในเคร่ืองยาไทยและจีนหลายชนิด เชน ยาลม ยาหอม ยานัตถุ ฯลฯ9. ใบบัวหลวง สามารถนํามาใชหอขาว หออาหาร หอขนม ซ่ึงจะชวยเพ่ิมความหอมนารับประทาน ย่ิงข้ึน หรือจะนํามาหอผักสดเก็บในตูเย็น หรือใชในงานประดิษฐตางๆ สวนใบออนใชรับประทาน เปน ผักสดแกลมกับน้ําพริกได10. ใบบัวแกเ มอ่ื นาํ มาตากแหง ใชเปนสวนผสมของยากันยงุ11. กานใบและกานดอกบัว สามารถนาํ มาทาํ เปน กระดาษ และเสน ใยใชท ําไสต ะเกยี ง12. เม็ดบัวทั้งออนและแก สามารถนํามารับประทานหรือใชประกอบอาหารไดหลากหลาย ท่ีรูจักกันดี ก็คือ นํ้าอารซี ขาวอบใบบัว เม็ดบัวตมน้ําตาลทรายแดงผสมในเตาฮวยหรือเตาทึง สังขยาเม็ดบัว เม็ดบัวเชื่อม สาคูเม็ดบัว ขนมหมอแกงเม็ดบัว เปนตน และยังสามารถนํามาใชทําเปนแปงไดเปน อยา งดี13. เปลอื กบัวนาํ มาใชเปนวัสดุในการปลูกเห็ดชนดิ หนึง่ หรอื ที่เรียกวา “เห็ดบัว”14. เปลอื กเมล็ดและฝก แก ใชท าํ เปนปุย15. ประโยชนบัวหลวง เนื่องจากดอกบัวหลวงมีความสวยและมีกลิ่นหอม จึงนิยมปลูกไวประดับ ในสระน้ําหรือปลูกไวใ นกระถางทรงสูง ๔๙
การประชมุ วชิ าการ “การพัฒนาบัวใหเ ปนพชื เศรษฐกจิ ครง้ั ท่ี ๑๒” ปทมุ ธานี ... เมอื งบวั วนั ที่ ๒๙ – ๓๐ ตลุ าคม ๒๕๕๘ ณ พิพิธภณั ฑบวั มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธญั บรุ ี ภาพที่ 3 ผลิตภณั ฑช าสมนุ ไพรบวั หลวง ชาสมุนไพรบวั หลวง สมุนไพรที่ใชรูปแบบในการบริโภคเชนเดียวกับชา เรามักจะเรียกวาชาสมุนไพร สําหรับวิธีที่ดีที่สุดในการบริโภคชาสมุนไพรคือ ควรรูขอมูลทางวิชาการของสมุนไพรหรือผลงานวิจัยของสมุนไพรแตละชนิดวามีฤทธิ์ทางชีวภาพตอรางกายอยางไร เพื่อใหไดรับประโยชนตอสุขภาพย่ิงขึ้น ชาสมุนไพรสว นใหญจะมีสรรพคุณในการบาํ รุงสุขภาพ ชวยยอ ยอาหาร ชวยขับลม หรือเพยี งไดเ สพกลิน่ และรส บัวหลวง พืชท่ีพบกระจายในหลายพื้นที่ของจังหวัดปทุมธานี ประเทศเขตรอนชื้นและหลายทวีปท่ัวโลก ขอมูลงานวิจัยของบัวหลวงหลายๆช้ิน พบวามีฤทธ์ิท่ีดีท้ังตานเบาหวานและตานอนุมูลอิสระ ดังน้ันการนําสวนตางๆของพืชชนิดน้ี มาผลิตเปนชาสมุนไพรซ่ึงเปนผลิตภัณฑสุขภาพ จึงเปนอกี ทางเลอื กหนง่ึ ของกลมุ ผบู ริโภคท่รี ักสุขภาพ วิธที าํ ชาสมนุ ไพรบวั หลวง อุปกรณ 1. สว นตางๆของบวั หลวง (กลบี ดอก กา นดอก เกสร ใบแก รากบัว) 2. เคร่ืองอบแบบตงั้ อณุ หภูมิได 3. เคร่อื งบด 4. ซองเยือ่ กระดาษ 5. เคร่ืองปดผนกึ ดวยความรอน ๕๐
การประชุมวชิ าการ “การพัฒนาบวั ใหเปนพชื เศรษฐกจิ ครัง้ ที่ ๑๒” ปทุมธานี ... เมืองบัว วนั ที่ ๒๙ – ๓๐ ตลุ าคม ๒๕๕๘ ณ พิพิธภัณฑบ วั มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธญั บุรีสวนผสม 1. ชากลบี บวั : กลบี ดอก 20 กรัม กระเจยี๊ บ 10 กรัม 2. ชากานบวั : กา นดอก 20 กรัม มะลิ 10 กรัม 3. ชาใบบัว : ใบแก 20 กรัม ใบเตย 10 กรมั 4. ชารากบวั : รากบัว 20 กรัม ดอกคําฝอย 5 กรัม 5. ชาเกสรบวั : เกสร 20 กรัม เกก ฮวย 5 กรัมขนั้ ตอนการผลติ 1. นาํ สวนตา งๆของบัวมาตัดแตง ลางนํา้ ใหส ะอาด 2. ห่ันเปน ชิน้ เลก็ ๆ อบใหแ หงโดยใชอุณหภมู ิ 50°C 2 ชวั่ โมง 3. นาํ มาบดใหละเอียดบรรจใุ นซองเย่ือกระดาษ 4. ปด ซอง ดว ยเครื่องปด ผนึกดวยความรอน 5. เมือ่ บรรจเุ สรจ็ นําไปอบทีอ่ ุณหภูมิ 70°C 10 นาที เพ่ือกาํ จัดความช้ืนและฆาเช้อื โรคข้นั ตอนการชงชา 1. นําชาซองมาแชใ นนํา้ รอ น 1 แกว 2. รอ 2-3 นาทจี งึ นาํ มาด่มื ได 3. ชา 1 ซอง สามารถชงได 2-3 ครง้ั ๕๑
การประชุมวชิ าการ “การพัฒนาบวั ใหเ ปนพชื เศรษฐกิจ ครงั้ ที่ ๑๒” ปทุมธานี ... เมืองบัว วนั ท่ี ๒๙ – ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ ณ พิพธิ ภัณฑบ วั มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลธัญบรุ ีภาพที่ 4 ข้ันตอนการผลิตชาสมนุ ไพรบวั หลวง ๕๒
การประชุมวชิ าการ “การพัฒนาบวั ใหเปน พืชเศรษฐกิจ ครัง้ ท่ี ๑๒” ปทุมธานี ... เมืองบวัวันท่ี ๒๙ – ๓๐ ตลุ าคม ๒๕๕๘ ณ พพิ ิธภณั ฑบ ัวมหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลธญั บรุ ี ๕๓
การประชุมวิชาการ “การพัฒนาบวั ใหเ ปนพชื เศรษฐกจิ ครง้ั ที่ ๑๒” ปทมุ ธานี ... เมืองบัว วนั ท่ี ๒๙ – ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ ณ พิพิธภัณฑบวั มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธญั บุรี เทคนคิ การปรบั ปรุงพนั ธุ และการปลูกเลย้ี งบัวฝรง่ั ฉบบั สวนบวั ชากังราว โดย จักรพงษ ... สวนบัวชากังราว กอนอื่นเราก็ตองมาศึกษาดูวาบัวชนิดไหนที่สามารถติดเมล็ดไดดีบาง และมีชนิดไหนที่มีดอกท่ีสวยงาม กลีบซอนเยอะ สสี วยงาม บวั ทตี่ ดิ เมล็ดและมีดอกสวยงามมีหลายชนิด เชน เมยรา เพอรร่ีไฟโอปอมาดามวิลฟรอนกอเนียร โอดูลาตา สเปนดิดา และอีกหลายๆ ตัวบัวบางตัวสวยมากแตติดเมล็ดยากหรือติดเมล็ดแตเพาะไมงอก เชน วันวิสาข ออลโมสแบล็ค สโนวบอล เพอรร่ีดับเบิ้ลเยลโล เพอรรี่ออเร็นซันเซ็ทมงั คลอบุ ล เปน ตน ก็ควรหลีกเลยี่ งในการนํามาเปนพอแมพนั ธใุ นการเตรียมตน พอ แมพนั ธุวัสดุและอุปกรณใ นการปลกู เลยี้ ง 1. ภาชนะท่ีมขี นาดกวางประมาณ 100 เซนติเมตร ความสงู ประมาณ 40 เซนติเมตร (ทางสวนจะใช กาละมงั ซกั ผา ซ่งึ นา้ํ หนกั เบา ขนยา ยงา ย ราคาถูกแตมอี ายกุ ารใชงานประมาณ 5 ป) 2. ดนิ ปลูก จะใชด นิ รว นจากจงั หวดั ลพบุรี ไมผ สมกาบมะพรา วสบั ขุยมะพราว หรือใบไมผ ุ 1 ถงุ จะมี ดนิ ประมาณ 10 กิโลกรมั 1 กะละมงั จะใชด นิ ประมาณ 3 ถุง 3. สารแทนกระดกู ย่หี อ รีโบท 4. ปุยคอกเกา 5. ออสโมโคส หรอื ปุย ละลายชา สูตร 6 เดือนวิธีการปลกู บวั ฝรงั่ 1. เตรยี มตนพนั ธุเปน หนอบัวท่ีเปนหนอจากตนแมจ ะดที ่สี ุด ขนาดท่ียายมาจากตนแมกป็ ระมาณ 3 – 4 น้วิ ตัดแตงราก ใบเกา ท่เี สยี ทิง้ เหลอื ไวสกั 2-3 ใบ ลางใหสะอาด แลวลอยน้ําไวไมใหตนพนั ธแุ หง 2. เตรียมกาละมงั ใสส ารแทนกระดูกสองกาํ มอื ปยุ คอกสองกาํ มือ ออสโมโคส 1 ชอ นโตะ รองพ้นื กาละมงั 3. เติมดนิ ไป 2 ถงุ ทาํ เปนทางลาดไวมมุ ใดมมุ หน่งึ ของภาชนะปลกู 4. นาํ หนอ บัวฝรง่ั ท่ีเตรยี มไวม าปลูกทางดา นต่ําของภาชนะใหย อดหนั หนาเขากลางภาชนะทใี่ ชปลูก 5. กลบดินใหพ อมดิ ยอดแบบเบามอื และเกลยี่ ดนิ ใหท ว่ั ๆ ภาชนะใหเ รยี บ 6. เตมิ น้ําลงภาชนะโดยนาํ สายยางมาใสก ระสอบดนิ เกาใหน ้ําคอ ยๆ ผานกระสอบออกมาน้าํ จะไมข นุ เตมิ นา้ํ ใหเตม็ ภาชนะ ใหนา้ํ ลน พาเอาเศษดินเศษไมท่ีตดิ มาไหลออกจากกาละมงั เปนอันเสร็จสน้ิ ๕๔
การประชมุ วิชาการ “การพัฒนาบัวใหเ ปนพืชเศรษฐกจิ คร้ังท่ี ๑๒” ปทมุ ธานี ... เมอื งบวัวันท่ี ๒๙ – ๓๐ ตลุ าคม ๒๕๕๘ ณ พพิ ิธภัณฑบวั มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธัญบรุ ี ๕๕
การประชุมวิชาการ “การพัฒนาบวั ใหเ ปนพืชเศรษฐกจิ คร้งั ที่ ๑๒” ปทุมธานี ... เมอื งบัว วันที่ ๒๙ – ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ ณ พพิ ิธภณั ฑบ ัวมหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลธัญบุรี ภาพแสดงขัน้ ตอนการปลูกบัวฝรง่ั TIP : - บัวจะงามตอ งไดร บั แสงแดดเต็มท่ไี มต า่ํ กวา 5 ชว่ั โมง ไดท้งั วนั จะดีมาก - คอยเติมนาํ้ ใหลน ภาชนะปลกู บัวเผื่อไลฝาบรเิ วณผวิ น้าํ ออกใหห มด น้าํ ในอา งบวั จะใสสะอาด หลังจากปลูกบัวไปประมาณ 3 - 4 เดือน บัวจะเริ่มออกดอก เราก็จะเริ่มทําการผสมเกสรบัวฝร่ัง โดยมีวิธีการเตรียมตนพอ แมพันธุดังนี้ ตนแมพันธุท่ีมีดอกสมบูรณ สังเกตดอกจะใหญ สมบูรณ ไมมีแมลงกัดกินกลีบดอกเริ่มเห็นสีกลีบดอกชัดเชน หอดวยถุงตะขายกันเวลาดอกบานแลวแมลงอาจจะเขาไปผสมกอน สวนดอกที่เราจะใชเปนพอพันธุก็มีวิธีการเตรียมเชนเดียวกัน โดยหอดอกดวยถุงตาขายไวกอน แตจะตองใชดอกบัวที่บานวันท่ีสองเปนพอ เพาะบัวมีกลไกลในการปองกันการผสมตัวเอง โดยที่เกสรตัวเมีย และตัวผูสุกไมพ รอ มกันวธิ กี ารผสม และเกบ็ เมลด็ บวั ฝร่ัง และการเพาะเมล็ด 1. เปด ถุงตาขา ยดอกแมพนั ธทุ หี่ อไวอ อก 2. ตัดเกสรตัวผูท่ีเราหอไว นํามาใสดอกแมพันธุ ผสมใหเกสรกระจายบนจานดอกท่ัวถึง หอดอกไว เหมอื นเดมิ ๕๖
การประชมุ วชิ าการ “การพัฒนาบวั ใหเปนพืชเศรษฐกจิ คร้ังท่ี ๑๒” ปทมุ ธานี ... เมอื งบวั วนั ท่ี ๒๙ – ๓๐ ตลุ าคม ๒๕๕๘ ณ พิพธิ ภัณฑบ วั มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธัญบรุ ี 3. หลังจากดอกบานครบสามวันดอกจะจมลงในอางบัว กานบัวขดเปนเกลียวภายใน 1 เดือน ถาดอก ไมเนา คอื บวั ติดเมลด็ หลังจากผสมประมาณ 35 - 40 วนั ขึน้ อยูก ับชนิดของบัว รอจนฝก จะแก 4. หลังจากฝกแกเมล็ดบัวจะปลอยเมล็ดออกมาจากฝก โดยมีเย่ือหุมเมล็ดสีขาวหรือเจลาติน เพื่อเปน การกระจายพันธุตามธรรมชาติของบัวทุกชนิด ปลอยใหอยูในถุงตาขายที่เราคลุมไว 5 วัน เจลาติน จะละลายจนหมด 5. นําเมล็ดออกมาจากถุงตาขาย และลางทําความสะอาด เติมนํ้าไวคร่ึงหน่ึงของภาชนะ ตั้งไวในท่ีรม ราํ ไร ประมาณ 2 อาทิตย บัวฝรั่งบางฝกเมล็ดจะสามารถงอกเปนตนไดโดยไมตองพักตัว แตถาไม งอกตอ งนํามาเขาตูเ ยน็ เพอ่ื เปน การทําลายระยะพักตวั ของบัวฝร่ัง 6. การทําลายระยะพักตัวของบัวฝร่ัง โดยนําเมล็ดมาใสในกระปุกเล็กๆ ใสน้ําลงไปประมาณ ¾ ของ กระปุก แชใ นตเู ย็น (หอ งรองชองฟต ) เปนระยะเวลาประมาณ 50 วนั 7. หลังจากแชเย็นครบระยะเวลา 50 วัน นําเมล็ดบัวออกจากตูเย็นมาลางใหสะอาด เทใสภาชนะ ใส นํา้ ¾ ของภาชนะตงั้ ไวใ นทร่ี ม ราํ ไรประมาณ 2 - 3 อาทิตย เมลด็ จะแทงเข็มสีขาวๆ และมีจุดกําเนิด ตนและใบน้ําขนึ้ มาวธิ ีการอนบุ าลกลา บัวฝร่ังลงดนิ ไมนํา้วสั ดุอปุ กรณ - ดินสําหรับปลูกไมน าํ้ - ขันนา้ํ 2 ใบ - ถว ยพลาสติก 1 ใบ - ฟอเซปสําหรบั คบี กลาบวัขนั้ ตอนการชํากลาบัวฝรง่ั ลงดินไมนํ้า 1. นาํ น้าํ ใสขันนา้ํ เกือบเต็ม 2. นําดนิ ไมนํา้ ใสถว ยพลาสตกิ เกอื บเตม็ นํามาจุม ในขนั ใหดินเปย กนํา้ 3. นําตนกลาบัวฝรั่งท่ีเริ่มมีใบนํามาชําบนดินไมน้ําใหรากจมลงในดินจนถึงเมล็ดและใหใบเข็มช้ีข้ึน ดานบน กระจายกลาบวั ใหท ั่วไมต อ งชิดกนั มาก 4. พอไดกลาบัวเต็มถวยพลาสติกแลวก็ยกมาแชในขันนํ้าอีกใบที่มีน้ําเต็ม ต้ังไวรมรําไรหามโดนแดดจัด เพราะตะไครนํา้ จะขน้ึ 5. คอยหมั่นเติมนา้ํ เพอื่ ไลฝ า ลา งขนั นํ้าถา มลี ะอองดินกนั ตะไครน้ําขึ้น และน้ําทใ่ี ชต องไมม คี ลอรีน ๕๗
การประชุมวิชาการ “การพัฒนาบัวใหเ ปนพชื เศรษฐกิจ คร้ังท่ี ๑๒” ปทุมธานี ... เมอื งบวั วันที่ ๒๙ – ๓๐ ตลุ าคม ๒๕๕๘ ณ พิพิธภัณฑบัวมหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธัญบรุ ี 6. หลังจากที่เพาะกลาแลวประมาณ 2 – 4 สัปดาห บัวจะสรางใบลอยขึ้นบนผิวน้ํา พอใบลอยได 1 - 3 ใบกส็ ามารถแยกปลกู ไดวธิ ีการยา ยกลา บัวฝรัง่ ลงดนิ เหนียววัสดอุ ปุ กรณ - ดนิ เหนยี วนวดใหเ นยี น - ถว ยพลาสตกิ - กาละมงั สําหรบั แชก ลาบวั - ฟอเซปสาํ หรับคีบกลา บวัข้นั ตอนการชํากลาบัวฝรัง่ ลงดินเหนียว 1. นําดินเหนียวที่นวดจนเนียนใสถว ยพลาสตกิ ปาดหนา ดนิ ใหเรยี บผ่งึ ท้งิ ไวป ระมาณ 1 ชวั่ โมง 2. คอยๆ ใชฟ อเซป็ ดึงกลา บัวออกจากดินไมน าํ้ อยา งระมดั ระวงั ไมใ หรากขาด มาลอยนา้ํ ไว 3. ใชฟอเซปคีบตรงรากบัวแลวปลูกลงดนิ เหนยี วใหร ากอยูก งึ่ ถวยพลาสตกิ 4. เม่อื ปลกู เสรจ็ แลว ยกแชในกาละมงั ที่มนี ํา้ นําไปตากแดด 5. หลังจากนั้นประมาณ 1 - 2 เดือนรากบัวจะเดินเต็มกระถางวธิ กี ารยา ยกลา บัวฝรั่งลงดนิ ปลูกวัสดอุ ุปกรณ - ดินขยุ ไผ - กระถางพลาสติก - กาละมงั สาํ หรับแชกลา บวั - สารแทนกระดกู ปุยคอกเกา - ปุยออสโมโคสข้ันตอนการชํากลา บัวฝรั่งลงดินปลูก 1. นําสารแทนกระดูก และปุยคอกเกามาผสมในอัตราสวน 1: 1 รองกนกระถางประมาณ 2 ชอนโตะ โรยดว ยดวยออสโมโคส 1 ชอ นชา แลว นําดนิ ขยุ ไผมาโรยทับอีกชน้ั 2. นําตนกลาบัวมาปลูกในกระถาง นําดินขุยไผมาใสใหเต็ม ยกต้ังตากแดด หลังจากน้ันประมาณ 5 เดือน บวั จะเริม่ ออกดอก ถาตนไหนเงาบวั ชนกระถางกเ็ ปลี่ยนภาชนะปลกู ใหใ หญขึ้น คัดตน ท่ีดอกสวยๆ มาขยายพันธุเพิม่ จํานวนไวสาํ หรับจําหนายตอ ไป ๕๘
การประชุมวิชาการ “การพัฒนาบวั ใหเปน พชื เศรษฐกจิ ครั้งที่ ๑๒” ปทุมธานี ... เมืองบวั วนั ท่ี ๒๙ – ๓๐ ตลุ าคม ๒๕๕๘ ณ พพิ ธิ ภณั ฑบวั มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี การทดสอบการยอมรบั ทางประสาทสัมผสั ของขนมกลบี ลาํ ดวนเสรมิ เกสรบวั Sensory Evaluation of Lotus stamen Fortified in Kleep Lumduan JaจnันtทraราChเชoยeชicชู hาuตcิ1hแaลt1ะaเลnอdลLกั eษrlณuckเสถSยีteรiรnตั rนut1 Abstract Nelumbo nucifera Gaertn. (Lotus) is an aquatic plant distributed throughout tropicalregions. Almost all parts of the lotus are eaten as food and also used in the indigenous system ofmedicine. Lotus stamen was long been used by Thai traditional doctors for treatment heartdisease and diabetic patients. Kleep Lumduan is a type of traditional Thai shortbread cookies,named because its shape resembles the Lumduan flower. The objective of this study was toevaluate the levels of lotus stamen in Kleep Lumduan that has the highest level of acceptablesensory test. Kleep Lumduan was prepared by 3 levels of lotus stamen 3 grams, 6 grams and 9grams (1%, 2%, 3%) in 350 grams of Kleep Lumduan recipe. The sensory acceptability was testedby 100 consumers. The results of preference sensory evaluation used 9- point hedonic scale. The3 grams of lotus stamen in Kleep Lumduan showed the highest score of appearance (7.52), color(7.47), odor (7.50), test (7.54), texture (7.47), crispy (7.64), overall liking (7.68) with significantdifference (P < 0.05). The study indicated 3 grams of lotus stamen in Kleep Lumduan wasaccepted in all terms of sensory attributes. The future study should be aligned to find out anotheracceptable food and desert for stamen fortification and modern attractive packaging design tomeet the expectation of consumers.Keywords: Nelumbo nucifera , Lotus stamen, Kleep Lumduan, Sensory evaluation บทคดั ยอ บัวหลวง (Nelumbo nucifera Gaerth.) พืชน้ําท่ีพบเห็นไดทั่วไปในเขตศูนยสูตร บัวหลวงมีการใชประโยชนใ นแทบทุกสวนเพอ่ื เปนอาหารและยา ตาํ ราแพทยแผนไทยใชเกสรบัวหลวงในการรักษาอาการโรคหัวใจและเบาหวาน กลบี ลําดวนเปนขนมไทยที่มีลักษณะคลายดอกลําดวน วัตถุประสงคการศึกษาเพื่อทดสอบ การยอมรับทางประสาทสัมผัสของปริมาณเกสรบัว ที่ใชเปนสวนผสมในขนมกลีบลําดวน การศึกษาไดทําการทดสอบทางประสาทสัมผัสของขนมกลีบลําดวน ซึ่งใชเกสรบัวในปริมาณแตกตางกัน 3 ระดับคือ 3, 6, 9 กรัม ( 1%, 2%, 3%) ในสว นผสมขนมกลบี ลาํ ดวน 350 กรมั จาํ นวนผทู ดสอบ 100 คน ผลการทดสอบการยอมรับโดยใหคะแนนความชอบ 9ระดับ พบวาผูบริโภคใหคะแนนความชอบ สูตรที่ใสเกสรบัว 3 กรัม(1%) มากท่ีสุด ทั้งในดานลักษณะปรากฏ (7.52),สี (7.47), กลิ่น (7.50), รสชาติ (7.54), เน้ือสัมผัส (7.47), ความกรอบ (7.64), และความชอบโดยรวม (7.68) ซึ่งแตกตางจากสูตรอ่ืนอยางมีนัยสําคัญทางสถิติ (P < 0.05) การทดสอบทางประสาทสัมผัสสรุปวา ผูบริโภคยอมรับการเสริมเกสรบัว 3 กรัมในขนมกลีบลําดวนมากท่ีสุด ในทุกเกณฑการประเมิน การศึกษาข้ันตอนตอไปควรทดลองเตมิ เกสรบัวในอาหาร และของหวานอื่นๆทีผ่ ูบ ริโภคยอมรบั และการออกแบบบรรจุภณั ฑท ีส่ ามารถดึงดูดใจผูบรโิ ภคคาํ สาํ คญั : บัวหลวง, เกสรบวั หลวง, กลีบลําดวน, การทดสอบประสาทสมั ผัส1สาขาวชิ าอาหารและโภชนาการ, คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร, มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธญั บรุ ี, ตาํ บลคลองหก, อําเภอธญั บุร,ี จังหวัดปทมุ ธาน,ี 121101Department of Food and Nutrition, Faculty of Home Economics Technology, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Klong 6, Thanyaburi, Pathumthani, 12110, Thailand ๕๙
การประชมุ วิชาการ “การพัฒนาบวั ใหเปนพืชเศรษฐกจิ คร้งั ที่ ๑๒” ปทมุ ธานี ... เมืองบัว วันที่ ๒๙ – ๓๐ ตลุ าคม ๒๕๕๘ ณ พิพธิ ภัณฑบ ัวมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธญั บุรี บทนาํ บัวหลวงมีชื่อวิทยาศาสตรวา Nelumbo nucifera Gaertn. ชื่อสามัญคือ Lotus ลักษณะทางพฤกษศาสตร เปนไมลมลุก มีเหงาและไหลอยูใตดิน เหงา จะมีลักษณะเปนทอนยาว มีปลองสีเหลืองออนจนถึงเหลือง แข็งเล็กนอย ถาตัดตามขวางจะเปนรูกลมๆ หลายรู ไหลจะเปนสวนที่เจริญไปเปนตนใหม ใบ ใบเดี่ยวรูปโล ออกสลับ แผนใบจะชูเหนือนํ้า รูปใบเกือบกลม ขนาดใหญ ขอบเรียบและเปนคล่ืน ผิวใบมีนวลกานใบแข็งเปน หนาม ถา ตัดตามขวางจะเหน็ เปนรูภายใน กานใบมีนํ้ายางขาว เม่ือหักจะมีสายใยสีขาว ใบออนสีเทานวล ปลายมวนงอขึ้นท้ังสองดาน กานใบจะติดตรงกลางแผนใบ ดอก เดี่ยว มีสีขาว สีชมพู กลิ่นหอม บัวหลวงจะเร่ิมบานต้งั แตต อนเชา กานดอกยาวมหี นามเหมืนกา นใบ ชูดอกเหนอื น้าํ และชูสูงกวาใบเล็กนอย กลีบเล้ียง 4-5 กลีบ ขนาดเล็ก สีขาวอมเขียว หรือสีเทาอมชมพู รวงงาย กลีบดอกมีจํานวนมากเรียงซอนหลายชั้นเกสรตัวผูมีจํานวนมากสีเหลือง ปลายอับเรณูมีระยางคลายกระบองเล็กๆ สีขาว เกสรตัวเมียจะฝงอยูในฐานรองดอกรูปกรวยสีเหลอื งนวล ผล รปู กลมรีสีเขียวนวล มีจํานวนมาก ฝงอยูในสวนที่เปนรูปกรวย เมื่อออนมีสีเหลือง รูปกรวยน้ีเม่ือเปนผลแกจะขยายใหญข้ึนมีสีเทาอมเขียว ท่ีเรียกวา \"ฝกบัว\" มีผลสีเขียวออนฝงอยูเปนจาํ นวนมาก [1] ขอ มลู ทางเภสชั วิทยาของบวั หลวง [2] 1. สารอัลคาลอยดที่พบในบัวหลวงมีฤทธิ์ชวยลดอาการปวดและชวยตานอาการอักเสบ โดยสารสกัดเมทานอลจากเหงา ในขนาด 200 มิลลิกรัม/กิโลกรัม และขนาด 400 มิลลิกรัม/กิโลกรัม จะมีผลชวยลดการอักเสบในหนู และมีประสิทธิภาพเทียบเทากับ Phenylbutazone และ Dexamethasone ทั้งการทดสอบในหลอดทดลอง และสตั วท ดลอง 2. สารบรสิ ทุ ธ์ิท่แี ยกไดจากบวั มฤี ทธใิ์ นการยับยง้ั เชอ้ื HIV 3. สารอัลคาลอยดที่พบในบัวหลวง มีฤทธิ์ทําใหนอนหลับ ซ่ึงจากผลการทดลองพบวามีผลทําใหหนูนอนหลับ โดยสารสกัดเมทานอลจากเหงาบัวน้ันมีผลในการลดพฤติกรรม และกิจกรรมตางๆ ของสัตว โดยเพมิ่ การเกดิ Pentobarbitone-induced sleeping time 4. รากบัวสามารถชวยลดการดูดซึมของกลูโคสและทําใหไมตองปริมาณ ของอินซูลิน จึงสามารถชวยลดระดับนาํ้ ตาลในเลอื ดไดท งั้ คนปกติและในผปู ว ยเบาหวาน 5. เกสรและดอกบัวหลวงมีฤทธ์ิตานอนุมูลอิสระโดยสารกลุมฟลาโวนอยดท่ีมีฤทธ์ิตานปฏิกิริยาออกซิเดชัน โดยเกสรตัวผูจะมฤี ทธิ์จับอนมุ ูลอิสระ 6. เกสรบัวหลวงตัวผูมีฤทธ์ิตานเบาหวาน โดยไปยับย้ัง Advance Glycation End Products (AGE)และ Rat Lens Aldose Reductase (RLAR) โดยฤทธ์ิการยับย้ัง AGE และ RLAR น้ันมีผลตอการลดการเกิดภาวะเบาหวาน 7. สารสกัดจากเกสรบัวหลวงสามารถแทรกซึมเขาสูช้ันใตผิวหนังไดดี มีผลทําใหชะลอการเจริญของเม็ดสี Melanin ได และยังชวยทําใหผิวหนังเตงตึงขึ้น เน่ืองจากสารสกัดดังกลาวประกอบไปดวยสารตอตานอนุมูลอิสระ ที่ยับยั้งการทํางานของ Tyrosinase enzyme นอกจากนี้ยังพบ Vitamin A – palminate ซ่ึงเปน ตัวชวยทําใหผ วิ หนังออ นนุมเมือ่ นาํ สารสกัดจากเกสรดังกลาวมาผลติ เปนเคร่ืองสําอางประเภทครีมบํารุงผิวและครมี กันแดด 8. สารสกัดแอลกอฮอลของเกสรบัวหลวงในขนาด 10 กรัม./กิโลกรัม ดวยการปอน หรือฉีดเขาใตผิวหนังของหนูถีบจกั ร ไมกอ ใหเ กิดความเปน พิษ ๖๐
การประชมุ วิชาการ “การพัฒนาบวั ใหเ ปนพืชเศรษฐกจิ คร้ังที่ ๑๒” ปทมุ ธานี ... เมอื งบวั วันที่ ๒๙ – ๓๐ ตลุ าคม ๒๕๕๘ ณ พพิ ิธภัณฑบัวมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธัญบุรี เกสรบวั หลวง ลักษณะภายนอกของเครื่องยา เกสรตัวผูของดอกบัวหลวง ที่เก็บเม่ือดอกบานเต็มท่ี แยกเอาเฉพาะเกสรตัวผู นําไปผึ่งใหแหงในที่รม เมื่อแหงจะเปนเสนมีสีเหลือง และมีกล่ินหอม รสฝาด เครื่องยาเกสรบัวหลวง พบวามลี กั ษณะภายนอกคือ เกสรมีลักษณะเปนเสนบางๆ ตรงกลางเห็นเปนรองลึกลงไป ขนาดความยาว 0.6-2 เซนติเมตร เสนผาศูนยกลาง 0.1 เซนติเมตร สีเหลืองออน หรือสีน้ําตาลเหลือง สวนกานชูเกสรตัวผู เปนรูปทรงกระบอกยาว 1.5-1.8 เซนตเิ มตร สีมวงออนมีกลนิ่ หอมเฉพาะ รสฝาด [3] ลักษณะทางกายภาพและเคมี ลักษณะทางกายภาพและเคมีท่ีดีของเคร่ืองยาเกสรบัวหลวง ปริมาณความชืน้ ไมเ กิน 10%, ปริมาณเถา รวมไมเกนิ 10%,ปรมิ าณเถา ทไี่ มละลายในกรดไมเกิน 1%, ปริมาณสารสกัดเฮกเซน ไดคลอโรมีเทน แอลกอฮอล และน้ํา เทากับ 7, 9, 7, 17 % w/w ตามลําดับ และพบองคประกอบหลกั คอื สารกลมุ ฟลาโวนอยด และอลั คาลอยด สรรพคุณของเกสรบัวหลวง ตามตํารายาไทย ใชเกสรบัวหลวงใชบํารุงหัวใจ ทําใหชุมชื่น บํารุงปอด บํารุงตับ บํารุงกําลัง คุมธาตุ แกลม แกไข ตํารายาจีนใชแกปสสาวะบอย แกนํ้ากามเคล่ือน (ฝนเปยก) แกตกขาว ประจําเดือนมามากกวาปกติ เลือดกําเดาไหล และแกอาการทอ งเสีย รูปแบบและขนาดยาที่ใช เมื่อใชบํารุงหัวใจ เกสรปรุงเปนยาหอมบํารุงหัวใจ บรรเทาอาการหนามืดวิงเวียนทําใหชื่นใจ เปนยาสงบประสาท ขับเสมหะ เกสรบัวหลวงสด หรือแหงประมาณ 1 หยิบมือ ชงกับน้ํารอ น 1 แกว (ประมาณ 240 มลิ ลิลิตร) ทิ้งไวนาน 10-15 นาที ด่ืมขณะทย่ี ังอุน อยู ครั้งละ 1 แกว วันละ 3-4คร้ัง เกสรบัวหลวงแหง บดเปนผงครง้ั ละ 0.5 -1 ขอนชา ชงนํ้ารอนด่มื หรือใชใ นขนาด 3-5 กรมั องคประกอบทางเคมี เกสรบัวมีฟลาโวนอยดหลายชนิด เชน quercetin, luteolin, isoquercitrin,luteolin glucoside และมีรายงานพบแอลคาลอยดด วย การศกึ ษาทางเภสัชวิทยาของเกสรบวั หลวง ฤทธิ์ตานอนุมูลอิสระ สารกลุมฟลาโวนอยด ทพ่ี บในเกสร และดอกบวั มฤี ทธิ์ตานปฏิกิริยาออกซิเดชันโดยเกสรตัวผมู ีฤทธจ์ิ ับอนุมูลอสิ ระ DPPH โดยมีคา EC50 42.05 µg/ml [4] ฤทธ์ิตานเบาหวาน เกสรตัวผูยังมีฤทธ์ิยับย้ัง rat lens aldose reductase (RLAR) และ advanceglycation end products (AGE) โดยมีคา IC50 48.30 และ 125.48 µg/ml ตามลําดับ ซึ่งการยับยั้ง RLARและ AGEมผี ลตอการลดการเกิดภาวะเบาหวาน ฤทธ์ิทําใหนอนหลับ สารแอลคาลอยด ท่ีพบในบัว มีผลทําใหหนูนอนหลับ สารสกัดเมทานอลจากเหงาบัว ทําใหลดพฤติกรรม และกิจกรรมตางๆในสัตว โดยเพ่ิมการเกิด pentobarbitone-inducedsleeping time ในหนู ฤทธิ์ลดปวด และตานการอักเสบ สารแอลคาลอยด ท่ีพบในบัว มีฤทธ์ิลดอาการปวด และแกอักเสบสารสกัดเมทานอลจากเหงา ในขนาด 200 มิลลิกรัม/กิโลกรัม และ 400 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ลดการอักเสบในหนู โดยมีระสิทธิภาพเทียบเทากับ phenylbutazone และdexamethasoneทั้งการทดสอบในหลอดทดลองและสัตวท ดลอง ๖๑
การประชมุ วชิ าการ “การพัฒนาบวั ใหเปนพืชเศรษฐกิจ คร้งั ที่ ๑๒” ปทมุ ธานี ... เมืองบัว วันท่ี ๒๙ – ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ ณ พิพธิ ภัณฑบัวมหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี การศกึ ษาทางพษิ วทิ ยา สารสกดั แอลกอฮอลข องเกสรบัวหลวงขนาด 10 กรัม/กิโลกรัม โดยการปอนหรือฉีดใตผิวหนังหนูถีบจักร ไมกอเกิดความเปนพิษ ขอควรระวังคือ เกสรบัวหลวงอาจกอใหเกิดอาการแพไดในบางคน โดยเฉพาะคนทแี่ พเกสรดอกไม ขนมกลีบลําดวน เปนขนมมงคลชนิดหน่ึงทํามาจากแปงสาลี และอบควันเทียน [5] ที่ไดชื่อน้ีเพราะลักษณะคลายดอกลําดวน นิยมใชในงานมงคล เชน งานแตงงาน ความหมายของขนมนี้คือชื่อเสียงขจรขจายไปไกล และอีกความหมายคือสรางความงดงามใหกับชีวิต เพราะขนมกลีบลําดวนจะทําเปนกลีบดอก 3 กลีบมาติดกัน และมีเกสรอยูตรงกลาง ดอกลําดวนจะสงกลิ่นหอมอบอวลในเวลากลางคืน เปนดอกไมที่มีเสนหเฉพาะตวั ขนมกลบี ลาํ ดวนเกบ็ ไวไ ดนาน เหมาะสําหรบั เกบ็ ไวท าน หรือเปนของฝาก รสหอม หวาน และอรอยการศึกษาไดทดลองนําเกสรบัวหลวงซึ่งมีสรรพคุณท่ีดี คือ มีฤทธิ์ตานอนุมูลอิสระ ตานการเกิดโรคเบาหวานและตานการอักเสบ มาเสริมในขนมกลีบลําดวน การศึกษาน้ีจึงมีวัตถุประสงคเพ่ือทดสอบการยอมรับทางประสาทสมั ผสั ของขนมกลีบลาํ ดวนที่เสรมิ เกสรบวั หลวงในปริมาณท่แี ตกตางกนั วธิ กี ารทดลอง การศึกษาคัดเลือกสูตรมาตรฐานของขนมกลีบลําดวน 3 สูตร โดยทดสอบการยอมรับทางประสาทสัมผัสของผูบริโภค ใชผูประเมิน 70 คน จากนั้นนําสูตรท่ีไดไปทดสอบขนมกลีบลําดวนท่ีเสริมเกสรบัวหลวงโดยทําการการทดสอบการยอมรับทางประสาทสัมผัสกลีบลําดวนเสริมกลีบบัวหลวงที่ใชปริมาณเกสรบัว 3ระดับคือ 3 กรัม ( 1%), 6 กรัม ( 2%) และ 9 กรัม ( 3%) การทดสอบดานประสาทสัมผัสของผูบริโภคจากผูบริโภค ดานสี กล่ิน รสชาติ เนื้อชาติ ลักษณะที่ปรากฏ และความชอบโดยรวม ใชผูประเมิน 100 คน การทดสอบประสาทสัมผัส ใชแบบทดสอบโดยใหคะแนนทางประสาทสัมผัส ความชอบ 9 ระดับ (Hedonic9-Point scale Test) นําคาท่ีไดคํานวณคาทางสถิตดวยโปรแกรมสําเร็จรูป โดยใชในการวิเคราะหขอมูลทางสถิติ SPSS ผลการทดลองและสรปุ ผล การศึกษาคุณภาพทางประสาทสัมผัสของผลิตภัณฑขนมกลีบลําดวน จากสูตรมาตรฐาน ทั้ง 3 สูตรเพ่ือใชในการคัดเลือกสูตรท่ีเหมาะสม และเปนท่ียอมรับของผูบริโภคมากท่ีสุด โดยผูประเมินจํานวน 70 คนการประเมินคุณภาพทางประสาทสัมผัสโดยใหคะแนนความชอบ ความชอบ 9 ระดับ (Hedonic 9-Pointscale Test) ผลการทดสอบพบวาขนมกลีบลําดวน ทั้ง 3 สูตร มีความแตกตางกันอยางมีนัยสําคัญทางสถิติ(P<0.05) ในทุกเกณฑการประเมิน ยกเวนกลิ่น ผูบริโภคยอมรับผลิตภัณฑขนมกลีบลําดวน สูตรที่ 2 มากท่ีสุดในทุกเกณฑการประเมิน โดยผลคะแนนเฉล่ียลักษณะที่ปรากฏ (7.29±1.31), การยอมรับดานสี(7.40±1.11), กลน่ิ (7.21±1.12), รสชาติ (7.60±1.24), เนอื้ สมั ผสั (7.24±1.28), ความกรอบ (7.40±1.43)และความชอบโดยรวม (7.61±1.04) ดังนั้นผลิตภัณฑขนมกลีบลําดวนสูตรที่ 2 คือสูตรท่ีเหมาะสม และเปนที่ยอมรับของผูบริโภคมากท่ีสุด จึงนํามาเปนผลิตภัณฑขนมกลีบลําดวนเสริมเกสรบัวในการทดลองข้ันตอไป ๖๒
การประชุมวิชาการ “การพัฒนาบัวใหเปน พชื เศรษฐกจิ คร้งั ที่ ๑๒” ปทุมธานี ... เมืองบัว วันท่ี ๒๙ – ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ ณ พพิ ิธภณั ฑบวั มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บรุ ีขนมกลีบลําดวนสูตรท่ี 2 ประกอบดวยสวนผสมดังน้ี แปงสาลีเอนกประสงค 95 กรัม น้ําตาลทรายไอซ่ิง 75กรัม นาํ้ มนั พชื 112.5 กรมั ไขไ ก 1 ฟอง( 65 กรมั ) อบดว ยควนั เทยี นตารางท่ี 1 คะแนนประเมินคณุ ภาพทางประสาทสัมผสั ของผลิตภัณฑข นมกลีบลาํ ดวน สูตรมาตรฐาน 3 สูตร เกณฑก ารประเมนิ สูตรขนมกลบี ลาํ ดวน สูตร 1 สตู ร 2 สตู ร 3ลักษณะท่ีปรากฏ ∗ 6.73±1.18c 7.29±1.31a 6.77±1.11bสี∗ 6.99±1.19b 7.40±1.11 a 6.84±1.09cกล่ิน ns 6.94±1.09 7.21±1.12 6.87±0.93รสชาต∗ิ 6.89±1.08c 7.60±1.24 a 7.01±1.04cเนอื้ สมั ผัส∗ 6.76±1.28b 7.24±1.28 a 6.73±1.37cความกรอบ ∗ 6.97±1.45b 7.40±1.43 a 6.97±1.52bความชอบโดยรวม∗ 6.96±1.03c 7.61±1.04 a 7.10±1.08bหมายเหตุ : เลขท่มี อี ักษรเดียวในแนวนอนแสดงวา ไมมคี วามแตกตางกนั อยางมนี ยั สาํ คัญทางสถติ ิ (P > 0.05 )* หมายถงึ มีความแตกตางกันอยางมีนยั สําคญั ทางสถติ ิ (P<0.05)ns หมายถงึ ไมมีความแตกตา งกันอยา งมนี ัยสาํ คญั ทางสถิติ (P>0.05) การศึกษาปริมาณคุณภาพทางประสาทสัมผัสของผลิตภัณฑขนมกลีบลําดวนเสริมเกสรบัว ทําการทดลองโดยใชปริมาณเกสรบัวแตกตางกัน 3 ระดับ คือ 3 กรัม (1 %), 6 กรัม( 2%) และ 9 กรัม( 3%) ผลการทดสอบดานประสาทสัมผัสของผูบริโภคจากลักษณะที่ปรากฏ สี กล่ิน รสชาติ เน้ือชาติ ลักษณะที่ปรากฏและความชอบโดยรวม ใชผูประเมินจํานวน 100 คน ขนมกลีบลําดวนเสริมเกสรบัว ท้ัง 3 สูตร พบวามีความแตกตางกันอยางมีนัยสําคัญทางสถิติ (P<0.05)ในทุกเกณฑการประเมิน และผูยอมรับผลิตภัณฑขนมกลีบลําดวน สูตรท่ี 1 ซึ่งเสริมเกสรบัว 6 กรัม( 2%) มากที่สุดโดยผลคะแนนเฉล่ียการยอมรับลักษณะที่ปรากฏ(7.22±0.95), ดานสี(7.08±1.03), กล่ิน (6.83±0.99), รสชาติ (6.99±0.95), เนื้อสัมผัส (7.03±0.93),ความกรอบ (7.04±0.88), และความชอบโดยรวม (7.07±0.88) ๖๓
การประชมุ วชิ าการ “การพัฒนาบวั ใหเปน พชื เศรษฐกจิ คร้งั ที่ ๑๒” ปทมุ ธานี ... เมืองบัว วันที่ ๒๙ – ๓๐ ตลุ าคม ๒๕๕๘ ณ พพิ ิธภณั ฑบ ัวมหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลธญั บรุ ีตารางที่ 2 คะแนนประเมนิ คณุ ภาพทางประสาทสมั ผสั ของผลิตภณั ฑข นมกลบี ลําดวนเสรมิ เกสรบวั 3 สตู ร เกณฑการประเมิน สตู รขนมกลีบลําดวนเสรมิ เกสรบัว 3 กรมั ( 1%) 6 กรมั (2%) 9 กรัม (3%)ลักษณะที่ปรากฏ ∗ 7.52±0.82a 7.22±0.95b 6.30±0.94cสี∗ 7.47±0.76a 7.08±1.03b 6.19±0.91cกลิน่ ∗ 7.50±0.89a 6.83±0.99b 6.28±0.99cรสชาต∗ิ 7.54±0.93a 6.99±0.95b 6.37±0.91cเน้อื สมั ผัส∗ 7.47±0.96 a 7.03±0.93b 6.31±0.94cความกรอบ ∗ 7.64±0.82a 7.04±0.88b 6.46±0.94cความชอบโดยรวม∗ 7.68±0.63a 7.07±0.88b 6.38±0.87cหมายเหตุ : เลขทม่ี อี ักษรเดียวในแนวนอนแสดงวา ไมมคี วามแตกตางกันอยางมนี ยั สาํ คัญทางสถิติ (P > 0.05 )* หมายถงึ มีความแตกตา งกนั อยางมนี ยั สําคญั ทางสถิติ (P<0.05)ns หมายถึง ไมม ีความแตกตา งกนั อยางมนี ยั สําคัญทางสถิติ (P>0.05) ขอวิจารณและขอเสนอแนะ การทดสอบทางประสาทสัมผัสสรุปวา ผูบริโภคยอมรับขนมกลีบลําดวนสูตรท่ีเสริมเกสรบัว 3 กรัมมากท่ีสุด ในทุกๆ ดานของเกณฑการประเมิน คือ ลักษณะที่ปรากฏ สี กล่ิน รสชาติ เนื้อสัมผัส ความกรอบและความชอบโดยรวม เกรสบัวเปนสวนของบัวหลวงที่มีประโยชนท่ีใชกันมานาน มีฤทธิ์ตานอนุมูลอิสระ และตา นเบาหวาน จงึ เหมาะสมสาํ หรับสงเสริมใหรับประทานเปนประจําอยางสมํ่าเสมอ เพื่อปองกันการเกิดโรคในกลุมผูบริโภคที่รักและใสใจสุขภาพ นอกจากนั้นควรใชเกสรบัวเสริมในผลิตภัณฑอาหาร และอาหารประจําวันเมนูตางๆ เพื่อใหสามารถรบั ประทานเกสรบวั ไดใ นหลายรปู แบบ และสงเสรมิ ใหไดรับในปรมิ าณทเี่ พ่มิ ข้ึน คําขอบคณุ สาขาวชิ าอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี เอกสารอา งองิ[1] ชเู กยี รติ อทุ กะพนั ธุ, 2540, สารานุกรมไมประดบั ในประเทศไทย เลม 1, อมรินทรพ ริ้นตริ้งแอนดพบั ลชิ ช่ิงจํากดั มหาชน, กรุงเทพฯ.[2] กรมวทิ ยาศาสตรก ารแพทย กระทรวงสาธารสุข, 2547, สมุนไพรไทย-จีน, โรงพิมพการศาสนา, กรุงเทพฯ, 69 – 114.[3] วฒุ ิ วฒุ ิธรรมเวช, 2547, คัมภรี เภสชั รตั นโกสินทร, ศลิ ปส ยามบรรจุภณั ฑแ ละการพิมพ จาํ กัด, กรุงเทพฯ.[4] โอภา วัชระคุปต, ปรชี า บุญจูง, จนั ทนา บุณยะรัตน และ มาลีรกั ษ อัตตสินทอง. 2537. สารตา นอนมุ ลู อิสระ. นนทบุรี, หนา 1,39.[5] ณรงค นิยมวิทย, 2541, อาหารวาง. พมิ พคร้ังที่ 2. กรุงเทพฯ: สาํ นกั พิมพส ุขใจ. ๖๔
การประชุมวชิ าการ “การพัฒนาบัวใหเปน พชื เศรษฐกจิ คร้งั ที่ ๑๒” ปทุมธานี ... เมอื งบัว วันที่ ๒๙ – ๓๐ ตลุ าคม ๒๕๕๘ ณ พิพิธภัณฑบ วั มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี การพฒั นากระดาษใบบัวอดั แหงสาํ หรบั ใชใ นงานประดษิ ฐ Development of Dry,Pressed Natural Lotus Leaf Paper for Art and Crafts สุภา จุฬคุปต (Supa Chulacupt) คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลธญั บรุ ี บทคดั ยอ งานวิจยั นม้ี วี ตั ถปุ ระสงคเ พือ่ ศึกษาการพัฒนาการผลิตกระดาษใบบัวอัดแหงเพ่ือใชในงานประดิษฐ และเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑงานประดิษฐจากกระดาษใบบัวอัดแหง โดยการแชในสารกลีเซอรีน (Glycerine) ที่มีความเขมขนของกลีเซอรีนตอนํ้าในอัตราสวน 1 ตอ 3 และแชนาน 1 วัน 3 วัน และ 5 วัน ตามลําดับ หลังจากนั้นนาํ ไปทาํ ใหแหงดว ยการตากแดด และการอบแหงดว ยเคร่ืองอบลมรอนแบบ Tray dry ลักษณะของใบบัวอัดแหงทีไ่ ดจะมีความสวยงาม ความออ นนมุ และแหง เหมาะสมในการนาํ มาทาํ ผลติ ภณั ฑงานประดิษฐ จากการศึกษาคุณลักษณะที่ตองการใบบัวอัดแหงจากผูเชี่ยวชาญจํานวน 10 คน ผูเชี่ยวชาญสวนใหญเลอื กกระดาษใบบวั อัดแหง ทีแ่ ชส าร 3 วัน และอบแหงดวยเคร่ืองอบลมรอน แบบ Tray dry การทดสอบความหนา Teclock ( มิลลิเมตร) พบวา กระดาษใบบัวอัดแหงธรรมชาติ (ใบบัวสดนํามาอัดแหง ไมไดแชสาร มีความหนาเฉลี่ย 0.342 มม. ซึ่งมีความหนามากกวากระดาษใบบัวอัดแหงทุกชนิด แตจะมีความกรอบ ขาดงาย สีไมสวย ขนาดท่วี ัดความหนารองลงมาคอื กระดาษใบบวั อัดแหง ที่แชสาร 1 วัน และตากแดด ความหนาเฉลี่ย 0.321มม. และขนาดท่ีบางที่สุดคือ กระดาษใบบัวอัดแหงที่แชสาร 3 วัน และตากแสงอาทิตย วัดความหนาเฉล่ีย0.133 มม. ดัชนีความตานทานแรงดันทะลุเทากับ 1.57 kg/cm2 สวนคาดัชนีความตานทานแรงฉีกขาดเทากับ36.80 mN.m2/g. ผลการศกึ ษาความพงึ พอใจของผบู ริโภคตอ ผลติ ภัณฑก ระดาษใบบัวอัดแหงจํานวน 196 คน ดวยวิธีการสุมตวั อยา งแบบบงั เอญิ วิเคราะหข อ มลู โดยใช คา ความถ่ี คารอยละ และ คาเฉลี่ย พบวาผูบริโภคสวนใหญเปนเพศหญิง มีอายุต่ํากวาหรือเทากับ 30 ป มีการศึกษาในระดับปริญญาตรี อาชีพ นักเรียน/นักศึกษา และรองลงมาคือ รับราชการ/รัฐวิสาหกิจ มีรายไดเฉล่ียตอเดือน 5,001-10,000 บาท ขึ้นไป สําหรับความพึงพอใจของผูบริโภคที่มีตอผลิตภัณฑใบบัวอัดแหง พบวาผูบริโภคมีความพึงพอใจตอผลิตภัณฑจากกระดาษใบบัวอัดแหงในดานความแหงไมมีเชื้อราปรากฏ ในระดับมากท่ีสุด (คาเฉล่ีย = 4.67) ในดานความเหมาะสมของผลิตภัณฑ (ใชงานไดจริง (คาเฉล่ีย = 4.25)) รูปแบบผลิตภัณฑ (คาเฉล่ีย = 4.24) พึงพอใจในระดับมาก ในดานความปราณีต (คาเฉล่ีย = 4.20) ความสวยงาม (คาเฉล่ีย = 4.18) ความเหมาะสมในการนํามาทําผลิตภัณฑ(คาเฉล่ีย = 4.17) ความพึงพอใจลักษณะของผลิตภัณฑโดยรวม (คาเฉล่ีย = 4.10) ความสมบูรณของกระดาษใบบัวอัดแหง (คาเฉลี่ย = 4.02) และสีของกระดาษใบบัวอัดแหงก็มีความพึงพอใจในระดับมากเชนเดียวกัน (คาเฉลย่ี = 3.77)คําสําคญั : ใบบวั อดั แหง งานประดษิ ฐ ๖๕
การประชมุ วชิ าการ “การพัฒนาบัวใหเ ปน พชื เศรษฐกิจ ครง้ั ที่ ๑๒” ปทุมธานี ... เมืองบวั วนั ที่ ๒๙ – ๓๐ ตลุ าคม ๒๕๕๘ ณ พพิ ธิ ภณั ฑบ ัวมหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลธัญบุรี Abstract The objective of this research is to conduct an experiment, which leads to developmentof dry, pressed natural lotus leaf for art and craft paper by dipping the paper in diluted glycerin1 : 3 for 1 day, 3 days and 5 days respectively. Later, let it sun-dry and tray-dry. Ten specialists in art and craft evaluated the required characteristics of dry andpressed natural lotus leaf paper. Most preferred the paper that was soaked in glycerin for 3days and sun-dry and tray-dry preservation. The result has shown that natural dry-pressedlotus leaf paper is the thickest with 0.342 mm. However the paper lacks of durability. It iseasily torn off. In addition, the color is rather pale. While 1 day soaked and sun-dry preservedpaper is the second thickest with an average of 0.321mm. Lastly, the 3-day soaked and sun-dry preserved paper is the thinnest, which is 0.133 mm. The paper that was soaked in glycerinfor 3 days and tray-dry preservation has shown that pulling resistance 1.57 kg/cm2 newtonmeter per gram, and durable for tearing resistance index 36.80 mN.m2/g A sample set of 196 customers were selected randomly. Statistics analysis includesfrequency, percentile and average. The study has shown that most customers are female witha bachelor degree, aged 30 and under. The majority are college or high school students. Thesecond large group includes government or state enterprise officials who make between 5,001to over 10,000 baht per month. Customers are most satisfied with dried and mole-freecondition (x̄ = 4.67), practical use (x̄ = 4.25) and product design (x̄ = 4.25). Customers are moresatisfied with the product neatness (x̄ = 4.20), product attractiveness (x̄ = 4.18), productqualification (x̄ = 4.17). Customers are very satisfied with overall product features (x̄ = 4.10),perfection of dry-pressed natural lotus leaf paper (x̄ = 4.02) and the color of dry and pressednatural lotus leaf paper (x̄ = 3.77).Keywords: lotus leaf, dry-pressed, art and crafts บทนํา บัวเปนพืชท่ีทรงคุณคาและมีความสําคัญตอเศรษฐกิจในประเทศไทย อีกท้ังยังเปนพืชประจําจังหวัดปทมุ ธานี นอกจากการขายตน ขายดอกบัวแลว ใบของตนบัวก็จัดเปนสวนที่เหลือทิ้ง แตเราสามารถนํามาพัฒนาใหเกิดประโยชน เกิดรายไดใหแกชุมชนได โดยการนํามาอัดแหงและใชทดแทนกระดาษในงานประดิษฐได โดยการนํามาประดิษฐเปนผลิตภัณฑตางๆ ท้ังนี้ผลิตภัณฑงานประดิษฐยังเปนที่นิยมของผูบริโภคท่ัวทุกมุมโลกดังนั้นการผลิต คนหา วัตถุดิบใหม ๆ จึงมีความจําเปนอยางย่ิง ในการสรางสรรคผลงาน ในอดีตคนไทยเรานิยมนําใบบัวหลวงมาหออาหารเพื่อนําไปทานในขณะที่ออกไปทํางาน ทําไร ทํานา ฯลฯ ใบบัวมักจะเหี่ยวหลังจาก ๖๖
การประชมุ วิชาการ “การพัฒนาบวั ใหเ ปน พชื เศรษฐกิจ ครัง้ ท่ี ๑๒” ปทมุ ธานี ... เมอื งบวั วันท่ี ๒๙ – ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ ณ พพิ ธิ ภณั ฑบ ัวมหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธญั บรุ ีตัดมาไมนาน ดังนั้นการท่ีเราจะเก็บรักษาใบบัวเพื่อใหนํามาใชงานไดตลอดหรือนํามาประดิษฐชิ้นงานตางๆใหดูสวยงาม และมีผลติ ภัณฑใหมๆเกิดขึ้น อีกท้ังใบบัวเปนใบไมนํ้าที่มีความงามในตัวเอง มีลายเสนใบสวยงาม ควรคาแกก ารนาํ มาประดิษฐเปนงานประดษิ ฐร ปู แบบตางๆกัน ดวยเหตุผลดังกลาว ทําใหผูวิจัยมีความสนใจท่ีจะศึกษาการพัฒนางานใบบัวหลวงเพ่ือใชประดิษฐรูปแบบตางๆ ซ่ึงผลการวิจัยนี้เปนประโยชนตอชุมชนท่ีทําการปลูกนาบัว ในแตละทองถ่ินไดเปนอยางมาก ทั้งนี้เพ่ือเปนการเพ่ิมพูนรูปแบบผลิตภัณฑใหมีความหลากหลาย แปลกใหม ตรงตามความตองการของตลาด และชวยลดปญหาการวางงานในชนบท และเปนการเพ่ิมพูนมูลคาของบัวหลวง พรอมทั้งเปนการเสริมสรางอาชีพใหแก เกษตรกร เพ่ือนําไปพัฒนาตนเอง ครอบครวั และชมุ ชนใหเขม แข็งใหมีคณุ ภาพตอไป วิธกี ารทดลอง โดยการนําใบบัวหลวงสด มาผานกรรมวิธีการผลิตกระดาษใบบัวอัดแหง โดยการเตรียมใบบัวอัดและทําใหแหง 2 วิธี คือการตากแหงดวยแสงแดดและอบแหงแบบ Tray dry จากน้ันนํากระดาษใบบัวท่ีได มาประดิษฐเปนผลิตภัณฑงานประดิษฐ และศึกษาความพึงพอใจของผูบริโภคที่มีตอผลิตภัณฑงานประดิษฐจากกระดาษใบบัวอดั แหง โดยมขี น้ั ตอนการดาํ เนินงานวจิ ยั ดังนี้การวิจยั ครั้งน้มี ีวิธดี ําเนนิ การดังนี้ การพฒั นากระดาษใบบัวอดั แหง - ระยะเวลาในการแชก ลีเซอรนี คอื 1 วนั 2 วนั และ 3 วนั ทาํ การทดลอง 3 ซ้าํ(หมายเหตุ : ตองเลือกใบบวั หลวงทไ่ี มอ อนและไมแกเ กนิ ไป สภาพสมบูรณ ไมมตี าํ หนิ) การผลติ มีขัน้ ตอนดงั น้ี 1. คัดแยกใบบวั เลือกใบท่ีมีขนาดเทา ๆ กัน ลางใหสะอาด ภาพท่ี 1 ใบบวั หลวงที่สมบูรณ 2. นาํ สี 1 ซอง ละลายดว ยนาํ้ รอ น คนใหละลายดแี ลวเติมนํา้ อีกจนครบประมาณ 8-10 ลติ ร 3. นาํ ใบบัวหลวงทเี่ ตรียมไวล งยอ มโดยเพ่มิ ความรอ นขึ้นเรือ่ ยๆจนเดือด ประมาณ 30-45 นาที ภาพที่ 2 การยอ มสใี บบัว ๖๗
การประชุมวิชาการ “การพัฒนาบัวใหเ ปน พืชเศรษฐกิจ ครัง้ ท่ี ๑๒” ปทุมธานี ... เมอื งบัว วนั ท่ี ๒๙ – ๓๐ ตลุ าคม ๒๕๕๘ ณ พพิ ธิ ภัณฑบ วั มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี 4. เม่อื ถึงเวลาเอาข้นึ ผง่ึ ใหแหงประมาณ 10 -15 นาที เพ่ือใหสีตดิ ทนและจะไดสีสวย งดงาม 5. นาํ ใบบัวหลวงท่ียอมสีแลว แชกลเี ซอรนี ทม่ี คี วามเขมขน อตั ราสว น 1 : 3 ใชเวลา 1, 2, 3 วัน 6. เม่ือครบกาํ หนด นาํ ใบบัวหลวงที่แชก ลีเซอรนี มาอัด หรอื ทับดวยกระดาษชานออ ย 7. โดยมกี ารทดลอง 2 วิธี คือ อัดแหง โดยการตากแหง ดวยแสงอาทติ ยแ ละอบแหง ดวย Tray dry หลังจากนั้นนํากระดาษใบบัวอัดแหง ไปทดสอบคุณสมบัติทางกายภาพดานความหนา (Thicknesstester) ทดสอบความตานทานแรงดันทะลุ(Bursting strength) และทดสอบความตานแรงฉีกขาด (Tearingstrength) การทดสอบสมบัติทางกายภาพของกระดาษใบบัวอัดแหง ในการทดสอบใชม าตรฐาน ASTM (American Society for Testing and Materials) ภาพที่ 3 การทดสอบความหนา (Thickness Tester) ภาพท่ี 4 ทดสอบความตานทานแรงดันทะลุ (Bursting Strength Tester) ภาพท่ี 5 การทดสอบความตานแรงฉีกขาด (Tearing Strength) ๖๘
การประชมุ วชิ าการ “การพัฒนาบัวใหเ ปนพืชเศรษฐกิจ ครง้ั ที่ ๑๒” ปทมุ ธานี ... เมืองบัว วันท่ี ๒๙ – ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ ณ พิพธิ ภัณฑบ ัวมหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลธัญบุรี ผลการทดลองและสรปุ ผล การพัฒนากระดาษใบบัวอัดแหงเพื่อใชในงานประดิษฐ โดยการแชในสารกลีเซอรีน (Glycerine)ท่ีมีความเขมขนของกลีเซอรีนตอน้ําในอัตราสวน 1 ตอ 3 และแชนาน 1 วัน 3 วันและ 5 วัน ตามลําดับ หลังจากนน้ั นําไปทําใหแ หง ดว ยการตากแสงแดด และการอบแหงดวยเครื่องอบลมรอนแบบ Tray dry ลักษณะของใบบัวอัดแหง ทไ่ี ดจ ะมีความสวยงาม ความออนนุม และแหง กระดาษใบบัวอัดแหง นํามาหาคาความหนา (Thickness ) คาดัชนีความตานทานตอการฉีกขาด(Tear index ) ความตานทานแรงดันทะลุ ( Bursting strength) การทดสอบความหนา Teclock ( มิลลิเมตร) ซ่ึงทดลองโดยการตัดใบบัว และกระดาษใบบัวอัดแหงขนาด 16x12 ซม. กําหนดจุดวัด 5 จุด แตละจุดหางกัน 4 ซม.จากการทดลองพบวา กระดาษใบบัวอัดแหงธรรมชาติ ( ใบบวั สดนํามาอัดแหง ไมไ ดแชสาร ) มคี วามหนาเฉลยี่ 0.342 มม. ซง่ึ มีความหนามากกวากระดาษใบบัวอัดแหงทุกชนิด ขนาดท่ีวัดความหนารองลงมาคือกระดาษใบบัวอัดแหงที่แชสาร 1 วัน และตากแสงแดดความหนาเฉล่ีย 0.321 มม. และขนาดท่ีบางที่สุดคือ กระดาษใบบัวอัดแหงที่แชสาร 3 วัน และตากแสงแดดวัดความหนาเฉลี่ย 0.133 มม.ความพงึ พอใจของผบู ริโภคทีม่ ีตอผลิตภณั ฑจากกระดาษใบบวั อัดแหง ผลการวจิ ยั พบวา ผบู ริโภคมีความพึงพอใจตอผลิตภัณฑจากกระดาษใยมะพราวโดยรวม ในระดับมากท่ีสดุ ในดา น วัสดทุ ่ีใชในการตกแตง และสี ( X = 4.80 ) พึงพอใจในระดับมากใน ดา น ความสวยงาม ( X =4.15) รปู แบบผลิตภัณฑ ( X = 4.13) ลักษณะของผลิตภัณฑโดยรวม ( X = 4.13 ) และขนาด สัดสวนของผลิตภัณฑ ( X = 3.59) สวนลักษณะทั่วไปมีความเหมาะสมตอการใชงาน ( X = 2.94) และความคงทนของช้ินงาน ( X = 2.76) ผูบรโิ ภคมคี วามพงึ พอใจในระดบั ปานกลางตารางที่ 1 ความพงึ พอใจของผบู รโิ ภคท่มี ีตอ ผลติ ภณั ฑจ ากกระดาษใบบัวอัดแหงความพึงพอใจตอ ผลิตภัณฑจากกระดาษใบบวั อดั แหง คา รอ ยละ ระดับความพงึ พอใจ คาเฉล่ยี1. รูปแบบผลิตภณั ฑ 73 มาก 4.13 4.152. ความสวยงาม 75 มาก 4.80 2.943. วสั ดทุ ่ใี ชใ นการตกแตง 80 มากท่ีสุด 3.59 4.804. ลักษณะท่วั ไปมคี วามเหมาะสมตอ การใชงาน 66 ปานกลาง 2.76 4.135. ขนาด สัดสว นของผลติ ภณั ฑ 71 มาก6. สี 80 มากทีส่ ดุ7. ความคงทนของช้นิ งาน 64 ปานกลาง8 ลักษณะของผลติ ภัณฑโ ดยรวม 73 มาก ๖๙
การประชมุ วิชาการ “การพัฒนาบัวใหเปนพืชเศรษฐกจิ ครัง้ ที่ ๑๒” ปทมุ ธานี ... เมอื งบัว วันท่ี ๒๙ – ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ ณ พิพธิ ภัณฑบวั มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธญั บุรี ขอวิจารณ และ ขอ เสนอแนะ ลักษณะของใบบัวหลวงจะมีลักษณะเหนียวใชหอของ หออาหารได และจากการศึกษาการพัฒนากระดาษใบบัวอัดแหงสําหรับใชในงานประดิษฐ เพ่ือใหไดลักษณะกระดาษใบบัวอัดแหงที่เหมาะสมในการนํามาทดแทนกระดาษโดยการตม ยอมสีใบบัว แลวแชในสารกลีเซอรีน ซึ่งจะทําใหนุมและมีความสวยงามเพิ่มข้ึน การอบแหงดวยเคร่ืองอบลมรอนแบบ Tray dry ท่ีอุณหภูมิ 70 องศาเซนเซียส เปนเวลา 8 ชั่วโมงความรอนและอณุ หภมู จิ ะสมํ่าเสมอลักษณะของใบบัวอัดแหงที่ไดจะมีความสวยงาม มีความออนนุม และแหงใบบัวอัดแหงที่มีความเหมาะสมในการนํามาทําผลิตภัณฑงานประดิษฐ คือกระดาษใบบัวอัดแหงที่แชสารกลีเซอรนี 3 วัน (เลือกโดยผูเช่ยี วชาญ) ขอเสนอแนะทัว่ ไป 1. ควรมีการสนับสนุนและควรนําไปขยายผลตอไปเพ่ือใหเกิดประโยชนในการทําเปนผลิตภัณฑใหหลากหลาย เพราะเปน การศึกษาวิจัยจากวตั ถดุ บิ ในทอ งถิ่น ท่สี ามารถนํามาสรางมลู คา เพิ่มได 2. งานวิจัยเชิงทดลองและสํารวจยังประโยชนใหกับผูผลิตและผูบริโภคเปนอยางย่ิงโดยที่ผูผลิตจะไดทราบความตองการของผูบริโภคและผูบริโภคก็จะไดสิ่งที่ตรงตอความตองการของตนเชนกัน งานวิจัยประเภทน้ีจึงมีคุณคาและใชประโยชนไดอยางแทจริงและเปนรูปธรรมจึงควรมีการสงเสริมใหนักวิจัยมีโอกาสไดคนควาวจิ ยั ตอไป เอกสารอา งอิงขวญั เรือน. 2547. บวั .ศรสี ยามการพมิ พ. กรงุ เทพฯ.95 น.ขวญั หทัย ศรวี ฑิ ูรย. 2539. การศกึ ษาลักษณะของพืช 4 ชนดิ เพ่อื ใชผลิตเปน ดอกไมแหง. กรุงเทพฯ : คณะ เกษตร. มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร.คณิตา เลขะกลุ . 2535. บัว ราชนิ แี หง ไมน ํา้ . กรุงเทพฯ:ดานสุทธาการพมิ พ.จารุพนั ธ ทองแถม สภุ าภรณ รอดประดษิ ฐ และ พรเสดจ็ จันทรแ ชม ชอย. ดอกไมแ หง. มลู นิธโิ ครงการหลวงซ.ณฏิ ฐศิริ สุยสุวรรณ. 2542. การแชด อกไมแ ละใบไมใ นสารละลายเคมกี อนและในระหวา งการปก แจกัน. กรุงเทพฯ:มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร.มิกิ ไซโต. งานศิลปะจากดอกไมแ หง และวสั ดเุ หลือใช. กรงุ เทพฯ.รัตนาภรณ เทพสนิท และบษุ บา บุญยนื . 2537. การประดิษฐด อกไมอ บแหง .สาํ นกั พมิ พเ พชรกะรัต.กรงุ เทพฯ.วรพาณี จารุนัฏ. 2538. การทําดอกไมโดยวธิ อี ดั แหง . กรงุ เทพฯ : มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร.ศิริโรจน ศิรแิ พทย. หนงั สือพิมพเ ดลนิ ิวสฉบบั วันท่ี 6 ส.ค. 2548. ชอ งทางทาํ กนิ : สตฟั ฟดอกไม ตลาดกวา ง เกนิ กวา ที่คิด.ศลี ศริ ิ สงาจติ ร. 2546. ไมดอกพ้นื บานและวิธกี ารท่เี หมาะสมตอ การทาํ ดอกไมแ หง . พิษณุโลก : สถาบนั เทคโนโลยีราชมงคล วทิ ยาเขตพษิ ณุโลก. ๗๐
การประชมุ วิชาการ “การพัฒนาบวั ใหเปน พชื เศรษฐกจิ ครง้ั ท่ี ๑๒” ปทุมธานี ... เมอื งบัว วันท่ี ๒๙ – ๓๐ ตลุ าคม ๒๕๕๘ ณ พพิ ธิ ภัณฑบ ัวมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธัญบรุ ีสถาบนั ราชภัฎสวนดสุ ติ . 2541. ดอกบัวกับชีวิตไทย. กรงุ เทพฯ. เนตกิ ุลการพิมพ.สภุ า จฬุ คปุ ต. 2552. เอกสารประกอบการสอนเรื่องวัสดงุ านประดษิ ฐ. วชิ าวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยเี พื่อ งานประดษิ ฐสรา งสรรค.สาขาวิชาคหกรรมศาสตร คณะเทคโนโลยคี หกรรมศาสตร มหาวทิ ยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุร.ี ปทมุ ธาน.ีเสนยี รักษขิตะวนั . 2543. ปลกู บัว. อัมรนิ ทรพร้ินตงิ้ แอนดพับลชิ ชิง่ . กรุงเทพฯ.สํานักงานมาตรฐานผลิตภณั ฑอ ุตสาหกรรม. 2548. มาตรฐานผลติ ภณั ฑชมุ ชน. กรุงเทพฯ:กระทรวง อุตสาหกรรม.Kym Hatala.1994.The Dried Flower Arranger’s companion. Sing Cheong : Hong Kong. เขาถึงไดท่ี www.archeep.com เขาถึงไดท่ี www.crescentbloom.com เขาถึงไดท ่ี www.ismed.or.th เขาถึงไดท ี่ www.jittraflorist.com เขา ถึงไดท ่ี www.skn.ac.th/skl/skn42/lotus83/index.htm เขาถึงไดท่ี www.tisi.go.th ๗๑
การประชมุ วชิ าการ “การพัฒนาบวั ใหเ ปนพืชเศรษฐกิจ ครัง้ ท่ี ๑๒” ปทุมธานี ... เมืองบวั วนั ที่ ๒๙ – ๓๐ ตลุ าคม ๒๕๕๘ ณ พิพิธภณั ฑบ ัวมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี การพัฒนาผลติ ภัณฑข าวเกรียบรากบวั Development of Lotus Root Crispy เลอลกั ษณ เSสtถeยี inรรruตั tน,1L,.1เ,ยDน็ eฤrดmี เkดlมิ aคnลgงั Y11แ. ลaะnนdิภาKพuรnกnลุaณNา.11 Abstract Lotus (Nelumbo nucifera Gaertn.) is a rhizomatous and aquatic perennial widely distributedthroughout tropical regions. It is a well known medicinal plant in Asia and easily found in Thailand.Thai traditional medicine used lotus root to treat high fever, sunstroke, diarrhea, dysentery, cough,dizziness, hypertension, diabetes, and to alleviate tissue inflammation, cancer and liver cirrhosis. Theobjective of this study was to evaluate the levels of lotus root crispy that has the highest level ofacceptable sensory test. Crispy was prepared by 3 levels of lotus root 125 grams, 145 grams and 165grams (23%, 26%, 29%) in 300 grams of crispy recipe. The sensory acceptability was tested by 100consumers. The results of preference sensory evaluation used 9- point hedonic scale. The 145 gramsof lotus root showed the highest score of appearance (7.84), color (7.74), odor (7.60), crispy(7.77), test(7.66), overall liking (7.84) with significant difference (P < 0.05). The study indicated 145 grams of lotusroot in crispy was accepted in all terms of sensory attributes. The future study should be aligned tofind out the best acceptable form of product and modern attractive packaging design to meet theexpectation of all groups of consumers. Keywords : Nelumbo nucifera , Lotus root, Sensoryevaluation, Crispy บทคัดยอบัวหลวง (Nelumbo nucifera Gaerth.) พืชนํ้าท่ีมีลําตนใตดิน พบเห็นไดทั่วไปในเขตศูนยสูตร และเปนที่รูจักในแถบทวีปเอเชียและไทย ตําราแพทยแผนไทยใชสวนรากบัวในการรักษาอาการตางๆ มากมาย เชน ไขสูง เปนลมทองรวง บิด ไอ วิงเวียน ความดันโลหิตสูง เบาหวาน อาการอักเสบ มะเร็งและโรคตับอักเสบ วัตถุประสงคการศึกษาเพ่ือทดสอบการยอมรับทางประสาทสัมผัสของปริมาณรากบัวที่เหมาะสม ที่ใชในการทําผลิตภัณฑขาวเกรียบรากบัวการศึกษาไดทําการทดสอบทางประสาทสัมผัสขาวเกรียบรากบัว ซึ่งใชรากบัวในปริมาณแตกตางกัน 3 ระดับคือ 125,145, 165 กรัม ( 23%, 26%, 29%) ในสวนผสมขาวเกรียบรากบัว 300 กรัม จํานวนผูทดสอบ 100 คน ผลการทดสอบการยอมรับโดยใหคะแนนความชอบ 9 ระดับ พบวาผูบริโภคใหคะแนนความชอบ สูตรท่ีใสรากบัว 145 กรัม(26%) มากที่สุด ท้ังในดานลักษณะปรากฏ (7.84), สี (7.74), กลิ่น (7.60), ความกรอบ (7.77), รสชาติ (7.66), และความชอบโดยรวม (7.84) ซึ่งแตกตางจากสูตรอื่นอยางมีนัยสําคัญทางสถิติ (P < 0.05) การทดสอบทางประสาทสัมผัสสรุปวาผูบริโภคยอมรับรากบัว 145 กรัม มากที่สุด ในทุกเกณฑการประเมิน การศึกษาในขั้นตอนตอไปควรทดลองหารูปทรงท่ีผบู ริโภคยอมรบั และการออกแบบบรรจภุ ัณฑท่ีสามารถดึงดดู ใจผูบรโิ ภคกลมุ ตา งๆ1คสําาขสาําวชิคาอญั าหา:รแบละัวโภหชลนาวกงาร, รากบัว การทดสอบประสาทสมั ผสั ขา วเกรยี บ ตําบลคลองหก, อําเภอธญั บุรี, จังหวัดปทมุ ธานี, 12110 คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร, มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธัญบุรี,1Department of Food and Nutrition, Faculty of Home Economics Technology, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Klong 6, Thanyaburi ,Pathumthani, 12110, Thailand ๗๒
การประชมุ วชิ าการ “การพัฒนาบวั ใหเ ปน พชื เศรษฐกิจ ครัง้ ที่ ๑๒” ปทุมธานี ... เมืองบัว วนั ที่ ๒๙ – ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ ณ พพิ ธิ ภณั ฑบัวมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธญั บุรี บทนํา บัวหลวง มีช่ือสามัญวา Lotus, Sacred lotus, Egyptian ชื่อวิทยาศาสตร คือ Nelumbo nucifera อยูในวงศ NYMPHACACEAE ช่ือพื้นเมือง ไดแก บุณฑริก ปุณฑริก ปทุม ปทมา โกกระณต สัตตบุษย บัวฉัตรขาว สัตตบงกช บวั ฉตั รชมพู โชค บวั อบุ ล [1] ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร เปน ไมลม ลุก มเี หงาและไหลอยูใตด ิน เหงา จะมีลกั ษณะเปน ทอนยาว มปี ลอ งสีเหลอื งออนจนถึงเหลือง แข็งเล็กนอย ถาตัดตามขวางจะเปนรูกลมๆ หลายรู ไหลจะเปนสวนที่เจริญไปเปนตนใหม ใบเด่ียวรูปโลออกสลับ แผนใบจะชูเหนือนํ้า รูปใบเกือบกลม ขนาดใหญ ขอบเรียบและเปนคล่ืน ผิวใบมีนวล กานใบแข็งเปนหนาม ถาตัดตามขวางจะเห็นเปนรูภายใน กานใบมีน้ํายางขาว เม่ือหักจะมีสายใยสีขาว ใบออนสีเทานวล ปลายมวนงอข้ึนทั้งสองดาน กา นใบจะตดิ ตรงกลางแผนใบ ดอก เดี่ยว มีสีขาว สีชมพู กลิ่นหอม บัวหลวงจะเริ่มบานตั้งแตตอนเชา กานดอกยาวมีหนามเหมือนกานใบ ชูดอกเหนือนํ้า และชูสูงกวาใบเล็กนอย กลีบเล้ียง 4- 5 กลีบ ขนาดเล็ก สีขาวอมเขียว หรือสีเทาอมชมพู รวงงาย กลีบดอกมีจํานวนมากเรียงซอนหลายช้ัน เกสรตัวผูมีจํานวนมากสีเหลือง ปลายอับเรณูมีรยางคคลายกระบองเล็กๆ สขี าว เกสรตัวเมียจะฝงอยูในฐานรองดอกรูปกรวย สีเหลืองนวล ผลรูปกลมรีสีเขียวนวล มีจํานวนมาก ฝงอยูใ นสวนที่เปน รูปกรวย เมือ่ ออ นมสี ีเหลอื ง รูปกรวยน้ี เม่ือเปนผลแกจะขยายใหญข้ึนมสี เี ทาอมเขยี ว ทเ่ี รียกวา \"ฝกบวั \"มีผลสีเขียวออนฝงอยูเปนจํานวนมาก สวนท่ีใช คือ ดีบัว ดอก เกสรตัวผู เมล็ด ไสของเมล็ด ยางจากกานใบและกานดอกเหงา ราก [2] ประโยชนท างอาหาร เมด็ บวั สามารถนาํ มากินไดท้ังสดและแหง เม็ดบัวมีปริมาณสารอาหารที่สําคัญ คือ โปรตีนประมาณ 23 % ซ่ึงสงู กวาขา วถึง 3 เทา และเปน แหลงรวมธาตุของอาหารหลายชนิดดวยกัน เม็ดบัวนํามาประกอบอาหารไดท้ังคาวหวาน เชน สังขยาเม็ดบัว ขนมหมอแกงเม็ดบัว เม็ดบัวเช่ือม สาคูเม็ดบัว รากบัวนิยมนํามาเช่ือมแหงกินเปนของหวาน ไหลบัวสามารถนํามาประกอบอาหารไดท้ังสดและแหง โดยมากจะนํามาแกงสม แกงเลียง ผัดเผ็ดตาง ๆ สายบัวสามารถปรุงอาหารแทนผักไดหลายชนิด ท้ังแกงสมสายบัว แกงสายบัวกับปลาทู ใบออนสามารถนํามากินเปนผักสดแกลมน้าํ พรกิ ตํานานการกินบัว โดยเฉพาะรากบัว ในหลายประเทศทั่วเอเชียมีมายาวนานนับพันปคนจีนดูจะเปนชาติ ท่ีกินบัวกันมาชานานกวาชาติใด เนื่องจากเช่ือวา การกินบัวน้ันเปนมงคลอยางหน่ึงเพราะนอกจากบัว จะเปนสัญลักษณของความบริสทุ ธแ์ิ ลว ยังถือวาบัวเปนสญั ลกั ษณของการเจริญพันธุ มลี กู เต็มบานหลานเตม็ เมอื ง ทั้งยังเปน สญั ลกั ษณค วามงามของเจาสาวในพิธีวิวาหและความรักของบาวสาวดังท่ีผูกพันเหนียวแนน ดังสํานวนไทยที่วา \" ตัดบัวยังเหลือใย \" และเมอื งไทยเราก็มวี ถิ ชี วี ติ ผูกพนั กับสายนํ้า ประวัติการกินรากบัวเปนท้ังอาหารและยา จึงสืบทอดกันมาแตชานานเชนกันคนสมัยกอนใชรากบัว เปนสวนประกอบของยาหมอโบราณเพราะมีสรรพคุณเปนยาเย็น ชวยลดอาการรอนใน อาการไอคนไขทม่ี ไี ขสูง หมอแผนโบราณมักใหด ม่ื นา้ํ ตม รากบัวที่คอนขางเย็น สวนคนปกติใหด่ืมน้ําตมรากบัวแบบอุน ๆ การกินรากบัวดีตออวัยวะภายในโดยดื่มนํ้าตมรากบัววันละ 2 - 3 แกว จะชวยแกอาการผิดปกติในระบบยอยอาหารไดดีเยี่ยม ต้ังแตอาการทองเดิน ไปจนถึงอาการเลือดออกในกระเพาะอาหาร ลําไสเล็ก และชองทวารหนัก ซ่ึงสังเกตไดจากมีเลือดปนออกมากับอุจจาระ ตลอดจนชวยเจริญอาหาร นอกจากนี้ชวยรักษาอาการเลือดกําเดา เลือดออกตามไรฟน ตลอดจนชวยลดอาการอาเจียนเปนเลือด ทั้งยังกินแกพิษอักเสบ แกปอดบวม และเปนยาชูกําลัง สําหรับคุณคาทางอาหาร รากบัวอุดม ๗๓
การประชุมวชิ าการ “การพัฒนาบวั ใหเ ปนพชื เศรษฐกิจ ครัง้ ที่ ๑๒” ปทมุ ธานี ... เมืองบวั วันที่ ๒๙ – ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ ณ พิพิธภณั ฑบ วั มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธัญบรุ ีไปดวยธาตุเหล็กชวยบํารุงโลหิตมีวิตามินบี วิตามินซี ชวยเสริมสรางภูมิคุมกันของรางกายใหแข็งแรง และมีใยอาหารปรมิ าณมาก ชว ยแกอาการทองผูกได [3] นอกจากสรรพคุณท่ีหลากหลายตามตําราโบรํ่าโบราณที่กลาวมาแลว ขอมูลทางโภชนาการและงานวิจัย ยังแสดงวารากบัวเปนอาหารช้ันดี ท่ีอุดมไปดวยสารอาหารที่เปนประโยชน ประกอบไปดวยใยอาหาร ที่ชวยระบบขับถายและชว ยปองกันการเกดิ มะเร็งลาํ ไส ในรากบัวยังพบวิตามินซี, วิตามินบี 1 (ไทอามีน), วิตามินบี 2 (ไรโบเฟลวิน), วิตามินบี3 (ไนอาซิน), วิตามินบี 5, วิตามินบี 6, โฟเลท และแรธาตุ ตาง ๆ เชน ธาตุเหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียมแมกนีเซียม ซ่ึงวิตามินเหลานี้จะชวยควบคุมการทํางานของระบบตาง ๆ ของรางกายโดยเปนตัวชวยในการทํางานของเอนไซม ทําใหเซลลทําหนาท่ีไดตามปกติ ไปจนถึงชวยระบบภูมิคุมกันของรางกาย สวนแรธาตุก็เปนสวนประกอบท่ีสําคัญของอวัยวะตาง ๆ ในรางกาย แรธาตุบางชนิดเปนสวนของสารตางๆ ท่ีเก่ียวของกับการเจริญเติบโตในรางกาย เชนฮอรโ มน เฮโมโกลบนิ เอนไซม เปน ตน [4] อกี ทั้งแรธาตุยังชวยในการควบคุมการทํางานของอวัยวะตาง ๆ ของรางกายใหทําหนาที่อยางปกติ เชน ควบคุมการทํางานของกลามเน้ือและระบบประสาท การแข็งตัวของเลือด และชวยควบคุมสมดุลของนํ้าในการไหลเวียนของของเหลวในรา งกาย ในรากบัวยังพบ “ฟลาโวนอยด” ซ่ึงเปนสารกลุมโฟลีฟนอล ที่จัดเปนพฤกษาเคมีท่ีมีคุณสมบัติเดน ในการตอตานอนุมูลอิสระท่ีมีประสิทธิภาพสูง จากการศึกษาวิจัยทางคลินิกแสดงใหเห็นวา สารอาหารชนิดนี้สามารถยับย้ังการเจรญิ เตบิ โตของเน้ืองอกและเสน เลอื ดภายในเนอื้ งอกได และยงั ชวยลดความเส่ยี งในการเกิดมะเรง็ อกี ดวย สรรพคณุ ของรากบวั หลวง [5] 1) รากบัวชวยเสรมิ ฤทธิย์ านอนหลับ ทาํ ใหหลบั สบาย โดยมีฤทธไ์ิ มแ รงมากนกั 2) ชวยบาํ รุงกําลัง ใชเปนยาชกู าํ ลงั 3) เหงาหรือรากบวั ใชตม กบั น้ําดมื่ เปนยาแกธาตุไมป กตใิ นเด็ก 4) ชวยเจริญอาหาร ทําใหร สู ึกวาอยากอาหารและกนิ อาหารไดม ากขนึ้ 5) ลดอาการออ นเพลียไดดวย ชว ยใหหายออนเพลีย และสดชืน่ มากขึ้น 6) ชวยลดไข 7) แกอาการไอ มีเสมหะ 8) ชว ยแกอ าการคล่ืนไสอาเจียน 9) ชวยแกอ าการรอนในกระหายนํา้ 10) นํ้ารากบวั ชว ยระงับอาการทองรว ง 11) ชว ยขับปสสาวะ แกป ส สาวะบอ ย 12) รากหรอื เหงามีสรรพคุณชวยหา มเลอื ด ทาํ ใหเลือดหยุดไหล ขาวเกรียบ หมายถึง อาหารวางชนิดหนึ่งที่ทําจากแปงเปนสวนประกอบหลัก อาจมีสวนประกอบของเน้ือสัตวหรอื ผัก หรือผลไมเชน กุง ปลา ฟกทอง เผือก งาดํา งาขาว เปนตน บดผสมใหเขากับเครื่องปรุงรส แลวทําเปนรูปรางตางๆ ตามตองการ นึ่งใหสุก ตัดเปนแผนบางๆ นําไปทําแหงดวยแสงแดดหรือวิธีตามความเหมาะสม อาจทอดกอนบรรจุหรือไมก็ได ขาวเกรียบเปนอีกหนึ่งภูมิปญญาทองถ่ินซึ่งคนไทยสวนใหญ สมัยโบราณนิยมทํารับประทานกันในครัวเรือนขาวเกรยี บท่ีผลิตในแตล ะพื้นที่จะมีรสชาติและกรรมวิธใี นการผลิตท่ีแตกตา งกนั ออกไป การนําสว นของรากบวั ทม่ี ปี ระโยชนทางยาและคุณคาทางโภชนาการมาเปนสวนประกอบในขาวเกรียบ นับเปนการพัฒนาผลิตภัณฑอาหารใหมีคุณคาสําหรับ ๗๔
การประชุมวิชาการ “การพัฒนาบัวใหเปนพชื เศรษฐกจิ ครั้งท่ี ๑๒” ปทุมธานี ... เมอื งบัว วันท่ี ๒๙ – ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ ณ พิพิธภณั ฑบ วั มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลธัญบุรีผบู รโิ ภค มคี วามเหมาะสมและเปนไปไดส ูงทผ่ี ูบรโิ ภคจะยอมรับในผลิตภัณฑ การศึกษาน้ีจึงมวี ตั ถุประสงคเพ่ือทดสอบการยอมรับทางประสาทสมั ผสั ของขาวเกรยี บรากบัว[6], [7] วิธกี ารทดลอง วิธีการศึกษา โดยทําการทดสอบการยอมรับทางประสาทสัมผัสของขาวเกรียบฟกทองสูตรมาตรฐาน 3 สูตร ซึ่งในแตละสตู รมสี วนประกอบหลัก คือ แปง มันสําปะหลงั แปง สาลี ฟกทองนึ่ง เกลอื กระเทียม พริกไทย ปริมาณแตกตางกันเพื่อใชเ ปน สูตรมาตรฐาน การประเมินใชผ ทู ดสอบจํานวน 100 คน ซง่ึ มีระดบั คะแนนความชอบของแตล ะปจ จัย ต้ังแต 1-9(Hedonic 9-Point scale test) เพอ่ื คดั เลอื กสตู รมาตรฐานไปทําผลิตภณั ฑขาวเกรียบรากบัว การทดสอบการยอมรับทางประสาทสัมผัสขาวเกรยี บรากบัว โดยใชร ากบัวในปริมาณท่ีแตกตางกัน 3 ระดับ คือ125 กรมั (23%), 145 กรมั (26%) และ 165 กรัม (29%) ผทู ดสอบจํานวน 100 คน ซึ่งมีระดับคะแนนความชอบของแตละปจจัย ตงั้ แต 1-9 (Hedonic 9-Point scale test) นํามาหาคาเฉลยี่ และเปรยี บเทียบทางสถติ ิ ผลการทดลองและสรุปผล การศึกษาคุณภาพทางประสาทสัมผัสของผลิตภัณฑขาวเกรียบฟกทองสูตรมาตรฐาน 3 สูตร เพื่อคัดเลือกสูตรท่ีเหมาะสม และเปนท่ียอมรับของผูบริโภคมากที่สุด โดยทําการทดสอบการยอมรับทางประสาทสัมผัสของผูบริโภค ผลการทดสอบพบวา ขาวเกรียบฟกทองสูตรมาตรฐานท้ัง 3 สูตร (ตารางท่ี 1) ผลคะแนนความชอบดานลักษณะท่ีปรากฏ กลิ่นความกรอบ รสชาติ ความชอบโดยรวม และคะแนนรวมเฉลยี่ มีความแตกตา งกนั อยา งมีนัยสําคญั ทางสถิติ (P < 0.05 ) แตคาคะแนนสี ไมมีความแตกตางกันอยางมีนัยสําคัญทางสถิติ (P >0.05) ผลการศึกษาพบวาผูบริโภคยอมรับผลิตภัณฑขาวเกรยี บฟกทองสูตรที่ 2 มากท่ีสุด โดยมีคะแนนเฉลี่ยดานลักษณะ ท่ีปรากฏ 8.09 ± 0.88, สี7.90 ± 1.01 , กลิ่น 8.06 ±0.96, ความกรอบ 8.22 ± 0.93, รสชาติ 7.98 ± 1.11 , ความชอบโดยรวม 8.06 ± 0.91 และ คะแนนเฉล่ีย 8.07 ±1.16 โดยขาวเกรียบฟกทองสูตรท่ี 2 ประกอบดวย แปงมันสําปะหลัง 250 กรัม, แปงสาลี 25 กรัม น้ําตาล 5 กรัม ,เกลือ 5 กรัม พริกไทย 5 กรัม,กระเทียม 15 กรัม และนํ้ามันพืช 5 กรัม ดังน้ันขาวเกรียบฟกทองสูตรท่ี 2 คือสูตรที่ไดคะแนนการยอมรับจากผูบรโิ ภคมากที่สุด จึงเหมาะสมในการใชทําผลิตภัณฑข าวเกรยี บฟกทองในการทดสอบขน้ั ตอ ไปตารางที่ 1 คะแนนประเมินคณุ ภาพทางประสาทสมั ผัสของผลิตภัณฑขา วเกรียบฟกทอง มาตรฐาน 3 สูตร เกณฑก ารประเมนิ สูตรขา วเกรยี บฟก ทอง สูตร 3 สูตร 1 สูตร 2ลักษณะท่ีปรากฏ∗ 7.85 ± 1.07ab 8.09 ± 0.88 a 7.56 ± 1.30 bสีns 7.75 ± 1.18ab 7.90 ± 1.01 a 7.56 ± 1.21 bกล่นิ ∗ 7.30 ± 1.21b 8.06 ± 0.96 a 7.06 ± 1.17 bความกรอบ∗ 7.95 ± 1.04ab 8.22 ± 0.93 a 7.69 ± 1.19bรสชาต∗ิ 6.81 ± 1.47 b 7.98 ± 1.11 a 6.83 ± 1.25ความชอบโดยรวม∗ 7.12± 1.14 b 8.06 ± 0.91 a 7.07 ± 0.98bคะแนนเฉลีย่ ∗ 6.88 ± 1.38 b 8.07 ± 1.16 a 6.89 ± 1.21bหมายเหตุ : เลขท่ีมอี กั ษรเดยี วในแนวนอนแสดงวา ไมมคี วามแตกตา งกนั อยา งมนี ยั สําคญั ทางสถิติ (P > 0.05 )* หมายถึง มีความแตกตา งกันอยางมีนัยสาํ คัญทางสถติ ิ (P<0.05)ns หมายถงึ ไมม คี วามแตกตา งกนั อยา งมีนัยสําคญั ทางสถติ ิ (P>0.05) ๗๕
การประชมุ วิชาการ “การพัฒนาบัวใหเปน พืชเศรษฐกิจ ครง้ั ที่ ๑๒” ปทุมธานี ... เมอื งบัว วนั ที่ ๒๙ – ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ ณ พพิ ิธภณั ฑบ ัวมหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธญั บุรี การศึกษาคุณภาพทางประสาทสัมผัสของผลิตภัณฑขาวเกรียบรากบัว 3 สูตร โดยใชรากบัวทดแทนฟกทอง ในปรมิ าณท่แี ตกตางกัน 3 ระดับ คือ 125 กรัม (23%), 145 กรัม (26%) และ 165 กรัม (29%) (ตารางท่ี 2) ผลการศึกษาพบวา คาคะแนนความชอบดานลักษณะท่ีปรากฏ สี กลิ่น ความกรอบ รสชาติ ความชอบโดยรวมและคะแนนเฉล่ียมีความแตกตางกันอยางมีนัยสําคัญทางสถิติในทุกเกณฑการประเมิน (P < 0.05 ) ผลการศึกษาแสดงวาผูบริโภคใหคะแนนความชอบผลิตภัณฑขาวเกรียบรากบัว ท่ีมีปริมาณรากบัว 145 กรัม (26%) มากท่ีสุด โดยมีคะแนนเฉลี่ย ดานลักษณะท่ีปรากฏ 7.84 ± 1.25 , สี 7.74 ± 1.22 , กล่ิน 7.60 ± 0.99 , ความกรอบ 7.77 ± 0.99 , รสชาติ 7.66 ± 1.09 ,ความชอบโดยรวม 7.84 ± 0.95 และคะแนนรวม 6.92 ± 0.71 ด้ังนั้นการใชรากบัวทดแทนฟกทอง 145 กรัม เปนปริมาณทีเ่ หมาะสม และเปนทย่ี อมรับของผูบรโิ ภคมากท่สี ุด จงึ ใชในการทําผลิตภณั ฑขา วเกรียบรากบวั สตู รนี้ การศึกษาคุณคาทางโภชนาการของผลิตภัณฑขาวเกรียบรากบัว โดยคํานวณคุณคาทางโภชนาการของผลิตภัณฑขาวเกรียบรากบัว ตามปริมาณสวนผสมในการทําผลิตภัณฑขาวเกรียบรากบัว ที่ผูบริโภคใหคะแนนการประเมินคุณภาพทางประสาทสัมผสั สูงสดุ (ตารางที่ 3) ผลิตภัณฑขาวเกรียบรากบัว 1 สูตร มีคุณคาทางโภชนาการดังนี้ พลังงาน 724.4 กิโลแคลอรี่ คารโบไฮเดรต114.8 กรัม โปรตีน 8.9 กรัม ไขมัน 25.8 กรัม ใยอาหาร 14.1 กรัม แคลเซียม 144.4 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 286.4มลิ ลกิ รัม ธาตเุ หล็ก 5.4 มลิ ลิกรัม วิตามินเอ 22.2 I.U. และวติ ามนิ ซี 120.7 มิลลกิ รัมตารางท่ี 2 คะแนนประเมนิ คณุ ภาพทางประสาทสัมผสั ของผลิตภัณฑข า วเกรยี บรากบวั 3 สูตร เกณฑก ารประเมิน สตู รขา วเกรียบรากบวั สูตร 1 สูตร 2 สตู ร 3 125 กรัม(23%) 145 กรัม(26%) 165 กรัม(29%)ลักษณะทป่ี รากฏ∗ 7.65 ± 1.14ab 7.84 ± 1.25 a 7.33 ± 1.25 bส∗ี 7.56 ± 1.11a 7.74 ± 1.22 a 7.16 ± 1.24 bกลน่ิ ∗ 7.76 ± 1.01a 7.60 ± 0.99 a 7.80 ± 0.98 bความกรอบ∗ 7.78 ± 1.15a 7.77 ± 0.99 a 7.12 ± 1.02bรสชาต∗ิ 7.71 ± 0.99 a 7.66 ± 1.09 a 6.94 ± 0.91 bความชอบโดยรวม∗ 7.89± 1.01 a 7.84 ± 0.95 a 7.04 ± 0.90bคะแนนเฉล่ยี ∗ 7.76 ± 0.77 a 6.92 ± 0.71 a 6.48 ± 0.61bหมายเหตุ : เลขทมี่ ีอกั ษรเดยี วในแนวนอนแสดงวาไมมีความแตกตางกันอยา งมีนัยสําคญั ทางสถติ ิ (P > 0.05 )* หมายถึง มคี วามแตกตา งกนั อยางมีนยั สาํ คญั ทางสถิติ (P<0.05)ns หมายถงึ ไมมีความแตกตางกนั อยางมนี ยั สําคญั ทางสถติ ิ (P>0.05) ผลิตภัณฑขาวเกรียบรากบัว 1 ช้ิน(100 กรัม) ใหคุณคาทางโภชนาการ ดังนี้ พลังงาน 60.37 กิโลแคลอรี่คารโบไฮเดรต 9.57 กรัม โปรตีน 0.74 กรัม ไขมัน 2.15 กรัม ใยอาหาร 1.18 กรัมแคลเซียม 12.03 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส23.87 มิลลกิ รัม ธาตุเหลก็ 0.45 มิลลกิ รัม วติ ามนิ เอ 1.85 I.U. และวิตามนิ ซี 10.36 มลิ ลิกรมั ๗๖
การประชุมวชิ าการ “การพัฒนาบวั ใหเ ปนพืชเศรษฐกจิ ครง้ั ที่ ๑๒” ปทมุ ธานี ... เมืองบวั วันท่ี ๒๙ – ๓๐ ตลุ าคม ๒๕๕๘ ณ พพิ ิธภัณฑบ วั มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธญั บุรีตารางที่ 3 การเปรยี บเทยี บคณุ คาทางโภชนาการของขาวเกรยี บรากบัว 1 สูตร และ 1 ชิน้ปริมาณ สารอาหารบรรจุภัณฑ Energy CHO Prot Fat Fiber Ca P Fe Vit.A (Kcal) (g.) (g.) (g.) (g.) (mg.) (mg.) (mg.) (I.U.) Vit.C1 สูตร 724.4 114.8 8.9 25.8 14.1 144.4 286.4 5.4 22.2 (mg.)(3,000 120.7กรัม) 10.361 ชิน้ 60.37 9.57 0.74 2.15 1.18 12.03 23.87 0.45 1.85(100 กรมั )ทม่ี า : คาํ นวณโดยใชตารางแสดงคุณคาอาหารไทยในสว นทีก่ ินได 100 กรมั กองโภชนาการ กรมอนามยัหมายเหตุ : I.U. คอื (International Unit) หนวยสากล การศึกษาคุณภาพทางประสาทสัมผัสขาวเกรียบฟกทองท้ัง 3 สูตร ผลคะแนนความชอบดานลักษณะท่ีปรากฏ กลิ่นความกรอบ รสชาติ ความชอบโดยรวม และคะแนนรวมเฉลี่ยมีความแตกตางกันอยางมีนัยสําคัญทางสถิติ (P < 0.05 ) แตคะแนนสี ไมมคี วามแตกตา งกันอยางมนี ัยสําคัญทางสถิติ ผบู รโิ ภคยอมรับผลติ ภัณฑข า วเกรียบฟกทองสูตรท่ี 2 มากที่สุด โดยมีคะแนนเฉล่ียดานลักษณะที่ปรากฏ 8.09, สี7.90, กล่ิน 8.06, ความกรอบ 8.22, รสชาติ 7.98 , ความชอบโดยรวม 8.06 และคะแนนเฉลย่ี 8.07 การศึกษาคุณภาพทางประสาทสัมผัสของขาวเกรียบรากบัว โดยใชรากบัวทดแทนฟกทองในปริมาณที่แตกตางกัน 3ระดับ คือ 125 กรัม(23%), 145 กรัม(26%) และ 165 กรัม(29%) ผลการศึกษาพบวา คาคะแนนความชอบดานลักษณะที่ปรากฏ สี กลิ่น ความกรอบ รสชาติ ความชอบโดยรวมและคะแนนเฉล่ียมีความแตกตางกันอยางมีนัยสําคัญทางสถิติในทุกเกณฑการประเมิน (P < 0.05 ) แสดงวาผูบริโภคใหคะแนนความชอบผลิตภัณฑขาวเกรียบรากบัว ท่ีมีปริมาณรากบัว 145 กรัม(26%) มากที่สุด โดยมีคะแนนเฉลี่ย ดานลักษณะที่ปรากฏ 7.84, สี 7.74, กลิ่น 7.60, ความกรอบ 7.77 , รสชาติ 7.66 ,ความชอบโดยรวม 7.84 และคะแนนรวม 6.92 การใช รากบัวทดแทนฟกทอง 145 กรัม เปนปริมาณท่ีเหมาะสม และเปนที่ยอมรับของผูบ รโิ ภคมากทสี่ ุด ขอวจิ ารณและขอ เสนอแนะ ผลการทดสอบทางประสาทสัมผัสสรุปวา ผูบริโภคยอมรับขาวเกรียบรากบัวท่ีใสรากบัวในปริมาณ 145 กรัม(26%)มากท่ีสุด ในทุกๆเกณฑการประเมิน ขาวเกรียบรากบัวเปนผลิตภัณฑท่ีมีความแปลกใหม ที่มีรสชาติอรอย รวมท้ังยังมีรากบัวซึ่งเปนสมุนไพรท่ีมีประโยชน และมีสรรพคุณทางเภสัชวิทยามากมาย จึงเหมาะสําหรับเปนอาหารวางทางเลือกอีกรูปแบบหน่ึงสําหรับผูที่ใสใจ และรักสุขภาพ การศึกษาในขั้นตอนตอไปควรทดลองหารูปทรงที่ผูบริโภคยอมรับ การออกแบบบรรจุภัณฑท่ีสามารถยดื อายุการเก็บและมีรปู แบบทีด่ ึงดดู ใจผูบ ริโภคกลมุ ตา งๆ คําขอบคุณ สาขาวิชาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธัญบุรี ๗๗
การประชุมวชิ าการ “การพัฒนาบวั ใหเปนพืชเศรษฐกิจ ครง้ั ที่ ๑๒” ปทมุ ธานี ... เมอื งบวั วันท่ี ๒๙ – ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ ณ พพิ ิธภัณฑบ ัวมหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลธัญบุรี เอกสารอางองิ[1] สปุ ราณี วนิชชานนท, ไมตดั ดอก, กรงุ เทพฯ : สาํ นกั พิมพเพื่อนเกษตร, 2540.[2] เต็ม สมติ ินันทน, ชอื่ พรรณไมแ หงประเทศไทย ชอื่ พฤกษศาสตร ชอ่ื พื้นเมอื ง, หอพรรณไม กรมปา ไม กระทรวงเกษตรและสหกรณ, กรงุ เทพฯ, 2523.[3] สมพร เดชกุญชร. 2541. พืชสมุนไพรพนื้ บา น. กรุงเทพฯ: ทริปเพ้ิล เซเวน มัลติเทค.[4] กรมอนามัย. 2544. ตารางแสดงคณุ คา ทางโภชนาการของไทย. กรงุ เทพฯ : กองโภชนาการ กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสขุ .[5] กรมวทิ ยาศาสตรก ารแพทย กระทรวงสาธารณสขุ , สมุนไพรไทย-จนี , กรงุ เทพฯ : โรงพิมพก ารศาสนา, 2547.[6] ณรงค นยิ มวทิ ย. อาหารวา ง. พมิ พคร้งั ที่ 2. กรุงเทพฯ: สํานักพิมพส ุขใจ, 2541.[7] สมชาย ประภาวตั . 2534. การทาํ ขา วเกรยี บ. พมิ พครง้ั ท่ี 2. กรงุ เทพฯ: แสงแดด,2550. ๗๘
การประชมุ วิชาการ “การพัฒนาบวั ใหเปน พชื เศรษฐกิจ คร้ังที่ ๑๒” ปทมุ ธานี ... เมอื งบัว วนั ที่ ๒๙ – ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ ณ พิพิธภณั ฑบวั มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธญั บุรี การศึกษาเชงิ วเิ คราะห : บัวกบั ความสัมพนั ธด า นวิถีชีวติ คนไทยและแนวทางสพู ชื เศรษฐกจิ ของประเทศ An Analytical Study on Relationship of Lotus and Waterlily With The Thai Way of Living And a Path to be an Industrial Crop of The Country จริ วฒั น เพชรรัตน (Jirawat Petcharat) สาขาวิชาภาษาตะวันออก คณะศิลปศาสตร มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธัญบรุ ี Faculty of Liberal Arts of Technology Rajamangala University of Technology Thanyaburi Abstract The purpose of this research : Analytical Study on Relationship of Lotus and waterlily withthe Thai Way of Living was aimed at studying the study analyzes the document and questionnairefrom the group in 5 aspects. The 137 bachelor-degree students from Rajamangala University ofTechnology Thanyaburi were the sample of this survey study and analytical study. The outcomes of the research disclosed the following : Lotus related for the longest timewith the Thai way of The Lotus then appeared in Thai expressions, language, literature, idioms,proverbs and aphorisms which expressed the beauty in gods. With regard to the naming, the Thaisbelieved that the names relating to lotus would bring them happiness and prosperity. In addition, thelotus related not only to the sources of knowledge, beliefs, tradition, culture, history and evenmasterpiece created by human being, but also to nutrition and Thai food which were the culturalheritage of the Nation. Concerning the study on how to make lotus become the industrial crop of the country, itwas found there had been some problems and hindrances that farmers encountered and required afull support from the government or departments involved. 71.54% of respondents to thequestionnaires gave priority to the provision of health knowledge to the farmers whereas 52.31% and50% gave second and third priorities to disease and insects affecting lotus; and the farmers’ poorknowledge of lotus respectively.Key Words : Lotus and waterlily, The Thai Way of Living, industrial crop บทคัดยอ การวิจัยเรื่อง การศึกษาเชิงวิเคราะห : บัวกับความสัมพันธดานวิถีชีวิตคนไทย และแนวทางสูพืชเศรษฐกิจของประเทศ มีจุดประสงคเพ่ือศึกษาเร่ืองบัวกับความสัมพันธดานวิถีชีวิตของคนไทย ใน 5 ดาน โดยศึกษาจากเอกสารและใชแบบสอบถามจากกลุมตัวอยางเชิงสํารวจ ซึ่งเปนตัวแทนกลุมเกษตรกรผูปลูกนาบัว คือ นักศักษาระดับปริญญาตรีมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บรุ ี จงั หวดั ปทมุ ธานี จํานวน 137 คน ผลการวิจัยพบวา “บัว” มีความสัมพันธกับวิถีชีวิตของคนไทยมายาวนาน “บัว” จึงปรากฏอยูในสํานวนภาษาวรรณคดี และวรรณกรรมไทย สํานวน สุภาษิต ปริศนาคาํ ทาย รวมท้ังความเชือ่ เกยี่ วกบั เทพเจา ดานความเชอ่ื เก่ียวกบั การต้ังชื่อ คนไทยเรามีความเชื่อวา ช่ือท่ีเกี่ยวของกับ “บัว” จะอํานวยความสุขความเจริญใหกับตนได นอกจากนี้ “บัว” ยังมีความสัมพันธก บั โภชนาการ อาหารการกินของไทย อันเปน มรดกทางวัฒนธรรมท่เี กา แกที่สดุ อยา งหน่ึงคําสาํ คญั : บัว วถิ ชี วี ติ คนไทย โภชนาการ ๗๙
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123