1
แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ลุ่มน้าคลองลาว
แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ลุ่มน้าคลองลาว
การจัดทำแผนการบริหารจัดการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพ้ืนที่เกษตรกรรม ด้วย ระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ มีความสอดคล้องและเชื่อมโยงของยุทธศาสตรช์ าติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580) : ยทุ ธศาสตรท์ ี่ 5 ดา้ นการสรา้ งการเตบิ โตบนคุณภาพชวี ติ ทเ่ี ปน็ มติ รกบั ส่งิ แวดล้อมความสอดคลอ้ งของแผน แม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ : แผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ และสอดคล้องของยุทธศาสตร์ การบริหารจัดการน้ำของประเทศ (พ.ศ. 2558-2569) : ยทุ ธศาสตร์ที่ 5 การอนรุ ักษฟ์ ื้นฟสู ภาพป่าต้นน้ำที่ เสื่อมโทรมและป้องกันการพังทลายของดิน กลยุทธ์ : การอนุรักษ์ฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรมในพื้นที่ดินเสื่อม โทรมและชะล้างพังทลายของดิน โดยมีเป้าหมายสำคัญสูงสุด คือ พื้นที่เกษตรกรรมได้รับการอนุรักษ์และ ฟ้นื ฟูให้สามารถใชท้ ่ดี ินได้อยา่ งถูกต้องและเหมาะสมตามศักยภาพของพ้ืนท่ี ไมน่ อ้ ยกวา่ 20 ลา้ นไร่ ภายใน 20 ปี คณะทำงานจัดทำแผนการบริหารจัดการโครงการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพื้นที่ เกษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรักษด์ นิ และนำ้ พน้ื ที่ล่มุ คลองลาว อำเภออ่าวลกึ และอำเภอปลายพระยา จังหวัด กระบี่ ได้ดำเนินการศึกษา วิเคราะห์ และประเมินสถานภาพทรัพยากรดินเชิงระบบสำหรับแก้ปัญหาดา้ น การชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรมผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมและความ ต้องการของ ชุมชน และการรับฟังข้อคิดเห็นข้อเสนอแนะจากหน่วยงานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนกลางและ ส่วนภูมิภาค ทำให้ได้ต้นแบบแผนการบริหารจัดการโครงการที่กรมพัฒนาที่ดินสามารถนำไปใช้ในการ ขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ดินและน้ำให้บรรลุเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ชาติ แผนปฏิรูป ประเทศ และแผนบรหิ ารจดั การนำ้ ของประเทศ การกำหนดกรอบแนวคิดจากหลักการ เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา โดยการนำฐานข้อมูลด้านทรัพยากรดิน ประกอบด้วย ดินปัญหาและการชะล้างพังทลายของดิน เป็นตัวกำหนดพื้นที่เป้าหมายจากสภาพปัญหา สำหรับนำไปใชใ้ นการบรหิ ารจัดการ โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาและเนน้ กระบวนการมี ส่วนร่วมของชุมชน บูรณาการข้อมูลเชิงสหวิชาการเพื่อใช้ในการพัฒนาและวางแผนการใช้ที่ดิน กำหนด มาตรการด้านการอนุรักษ์ดินและน้ำให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาของพื้นที่และความต้องการของชุมชน เพื่อให้ได้เขตอนุรักษ์ดินและน้ำที่มีการบริหารจัดการเชิงระบบ เกษตรกรสามารถใช้ประโยชน์พื้นที่ การเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเหมาะสมตามศักยภาพของที่ดิน โดยสามารถสรุปผลการจัดทำ แผนบริหารจัดการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรม ด้วยระบบอนุรักษ์ดิน และนำ้ ดังนี้ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลมุ่ น้าคลองลาว
จากการศึกษาและสำรวจข้อมูลดินในพื้นที่ลุ่มน้ำคลองลาว เพื่อจัดทำฐานข้อมูลและประเมิน สถานภาพทรพั ยากรดนิ โดยเน้นดา้ นการชะล้างพงั ทลายของดนิ ท้ังนี้เพอื่ นำไปสกู่ ารวเิ คราะห์แนวทางการ ใช้ที่ดินด้านการเกษตร และกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันชะล้างพังทลายของดินและอนุรักษ์ดินและน้ำที่ เหมาะสม ผลการจำแนกสภาพปัญหาของดินหรอื ข้อจำกดั ต่อการใชท้ ี่ดนิ ด้านการเกษตร แบง่ เปน็ 3 ประเภท หลัก ได้แก่ (1) ดินตื้น เป็นอุปสรรคต่อการเจริญเติบโตของพืชด้านการชอนไชของรากพืช ครอบคลุมเนื้อท่ี รวม 2,699 ไร่หรือคิดเป็นร้อยละ 1.82 (2) ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำครอบคลุมเนื้อที่รวม 102,078 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 68.85 และ (3) ปัญหาพื้นที่มีความลาดชันสูงส่วนใหญ่มีสภาพการใช้ท่ีดินเป็นป่าไม้ มี เนือ้ ที่ 35,624 ไรห่ รือคดิ เป็นรอ้ ยละ 24.03 ของเน้ือท่ที ัง้ หมด จากการศึกษาความสัมพันธ์ของ 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ การใช้ที่ดิน และทรัพยากรดิน ข้อมูล สภาพภูมิอากาศ พบว่า พื้นที่ลุ่มน้ำคลองลาวมีพื้นที่ 237.235 ตารางกิโลเมตร (148,272 ไร่) มีปริมาณ น้ำทา่ คิดเป็น 46.72 ลา้ นลูกบาศก์เมตรตอ่ ปี ซึง่ ถือว่ามปี ริมาณน้ำทสี่ ามารถเกบ็ กักน้ำไว้ใช้เพื่อการเกษตร ได้ในปริมาณมากเพยี งพอ การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินในพื้นที่เกษตรกรรมในภาพรวมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2555 (116,922 ไร่) โดยมีเนื้อที่เพิ่มขึ้นประมาณ 5,578 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 4.77 ของเนื้อที่เดิม เนื่องจากการเพิ่มขึน้ ของประชากรในพื้นท่ี และการเพิ่มขึ้นของภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว ทำให้ มีความต้องการสินค้าเกษตรกรรมเพิม่ ขึ้น โดยเฉพาะการใช้ที่ดินสำหรับไม้ยนื ตน้ ซึ่งมีพื้นที่เพิ่มขึ้นชัดเจน ในปี พ.ศ. 2562 ถึงร้อยละ 82.40 ของเนื้อที่เดิม (พ.ศ. 2555) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไม้ยืนต้นที่มีมูลค่าทาง เศรษฐกจิ เช่น ปาลม์ นำ้ มัน ยางพารา และกาแฟ ซ่ึงทำให้พื้นทป่ี ลูกไมผ้ ลลดลง จากเดมิ เนื้อท่ี 836 ไร่ เป็น 179 ไร่ หรือคดิ เปน็ ร้อยละ 78.58 ของเน้อื ท่ีเดิม และมพี น้ื ท่อี ื่นๆ ลดลงเชน่ พ้ืนทน่ี าขา้ ว พื้นทสี่ ว่ นใหญม่ คี วามรนุ แรงของการชะล้างพังทลายในระดับปานกลางถึงรุนแรง โดยมปี ริมาณ การสูญเสียดิน โดยครอบคลุมพื้นที่ร้อยละ 65.06 ของเนื้อที่ทั้งหมด ได้แก่ 2-5 ตันต่อไร่ต่อปี โดย ครอบคลุมพื้นที่ร้อยละ 29.63 ของเนื้อที่ทั้งหมด และ 5-15 ตันต่อไร่ต่อปี โดยครอบคลุมพื้นที่ ร้อยละ 35.43 ของเนื้อที่ทั้งหมด นอกจากนี้ ในพื้นที่ที่มีสภาพภูมิประเทศแบบเนินเขา แบบสูงชัน และแบบสูงชัน แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุ่มน้าคลองลาว
มากจะเกิดการชะล้างพังทลายของดินที่มีความรุนแรงมากที่สุด โดยก่อให้เกิดปริมาณการสูญเสียดิน มากกว่า 20 ตนั ต่อไรต่ ่อปี (ร้อยละ 13.24 ของเนอื้ ท่ีทัง้ หมด) พบบรเิ วณพน้ื ที่เกษตรของ หมู่ที่ 4 บา้ นเขาต่อ หมู่ที่ 5 บ้านบางโศก หมู่ที่ 7 บ้านโคกยอ ตำบลเขาต่อ อำเภอปลายพระยา และ หมู่ที่ 4 ตำบลนาเหนือ อำเภออ่าวลึก พื้นที่ส่วนใหญ่มีความลาดชันสูง มีลักษณะเป็นพื้นที่ลูกคลื่นลอนชัน (ความลาดชัน 12-20 เปอร์เซ็นต์) มีลักษณะการชะล้างพังทลายของดินเป็นร่องลึกเกิดขึ้นทั่วไป และมีการใช้ที่ดินในการปลูก ปาลม์ น้ำมนั ยางพารา เมื่อพิจารณาถึงการประเมินการชะล้างพังทลายของดินในแต่ละพื้นที่ และแต่ละระดับ แม้ใน พื้นที่ที่มีการชะล้างพังทลายในระดับน้อย มีปริมาณการสูญเสียดิน 0-2 ตันต่อไร่ต่อปี ก็ไม่ควรเพิกเฉยต่อ การใช้มาตรการอนุรักษ์ดินและน้ำ และหากมีการละเลยหรือมีการจัดการที่ไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้องตาม หลักวิชาการอาจส่งผลกระทบที่รุนแรงขึ้น ก่อให้เกิดปัญหาการสูญเสียดิน ปริมาณและคุณภาพผลผลิต และส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต การจัดการดนิ น้ำ ปุ๋ย จนส่งผลให้เกษตรกรในพืน้ ที่มีค่าใชจ้ า่ ยท่ีเพม่ิ สูงขน้ึ ตามไปด้วย จากการศึกษาข้อมูลเศรษฐกิจและสังคมโดยเฉพาะในพื้นที่ได้รับผลกระทบจากการชะลา้ ง พังทลายของดนิ พบวา่ เกษตรกรมีความรู้ ความเข้าใจในวธิ ีการรักษาและป้องกันไม่ให้เกิดการชะลา้ งพังทลาย ของดินในแต่ละวิธีการมากน้อยแตกต่างกัน เมื่อพิจารณาความต้องการ วิธีการรักษาและป้องกันการชะล้าง พังทลายของดิน จะเห็นว่า เกษตรกรมีความต้องการ การทำคันดินขวางทางลาดเท การทำฝายน้ำล้น หรือ คันชะลอความเร็วของน้ำ การยกร่อง และการปลูกพืชตามแนวระดับ เมื่อพิจารณาผลกระทบด้านต้นทุน การผลิต ผลผลิต และผลตอบแทนเหนือต้นทุนทั้งหมดของการปลูกพืชในพื้นที่ที่มีระดับการชะล้าง พังทลายของดินต่างกัน จะเห็นว่า ต้นทุนการผลิตของแต่ละพืช มีแนวโน้มสูงขึ้นตามระดับความรุนแรง ของการชะล้างพังทลายของดินที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมัน ซึ่งต้นทุนเพิ่มขึ้นอาจเปน็ ผล จากการเปลี่ยนแปลงต้นทุนผันแปรในการผลิต เช่น ค่าจ้างแรงงาน ค่าเมล็ดพันธุ์ ค่าปุ๋ย นอกจากน้ี ยัง พบว่า ผลผลิตของทุกพืชลดลงตามความรุนแรงของการชะล้างพังทลายของดิน โดยเฉพาะปาล์มน้ำมัน และยางพารา ในการคัดเลือกพื้นที่เพื่อดำเนินการ โดยอาศัยปัจจัยหลักและเกณฑ์ที่กำหนด สำหรับพิจารณา จัดลำดับความสำคัญมี 6 ด้าน ประกอบด้วย (1) ระดับความรุนแรงของการชะล้างพังทลายของดิน (2) เอกสารสิทธิ์ (3) การใช้ทดี่ นิ (4) กิจกรรมที่ดำเนินงานในพื้นที่ (5) แผนปฏิบัตงิ านของพืน้ ท่ี (6) ความ ต้องการของชมุ ชน พบวา่ บ้านบางเทา่ แม่ หมทู่ ี่ 1 บา้ นบางยงิ วัว หม่ทู ี่ 3 บา้ นเขาตอ่ หม่ทู ่ี 4 และบ้านบาง โศก หมู่ที่ 5 ตำบลเขาต่อ อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ เป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญอันดับต้นๆ ท่ี คัดเลอื กเป็นพืน้ ท่ีดำเนนิ การครอบคลุมพนื้ ที่ 11,490 ไร่ กำหนดแผนการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุ่มน้าคลองลาว
2565 ส่วนพื้นที่อื่น ๆ ที่เหลือกำหนดแผนการดำเนินงานปีงบประมาณ พ.ศ.2566-2574 โดยกำหนด แนวทางและมาตรการทมี่ ีความสอดคล้องกับสภาพปัญหา แผนการใช้ทีด่ ินบนพ้นื ฐานการมสี ่วนร่วม ดังน้ี แบ่งตามระดับความรุนแรงของการชะล้างพังทลายของดิน ในพื้นที่ที่มีระดับรุนแรงมาก และระดับ ปานกลาง กำหนดมาตรการในการไถพรวนและปลูกพืชตามแนวระดับ การยกร่องตามแนวระดับ การ สร้างคันดิน คันดินเบนน้ำ แนวหญ้าแฝก ทางลำเลียง คูรับน้ำขอบเขา ทางระบายน้ำ ฝายชะลอน้ำ และ บ่อดักตะกอน ส่วนระดบั รุนแรงน้อย มมี าตรการเพม่ิ เตมิ ตามลกั ษณะภูมิประเทศ คือ การไถพรวนดนิ และ การปรบั ระดบั ส่วนใหญ่มี ปัญหาดินตื้น และดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ กำหนดมาตรการโดยเน้นการเพิ่มอินทรียวัตถุด้วยการปลูก พชื คลมุ ดินปลกู พืชป๋ยุ สด การใช้ปุ๋ยคอก ปุย๋ หมัก และปุ๋ยชีวภาพ ในพื้นที่ทางการเกษตร ซึ่งมีสภาพปัญหาการขาดแคลนน้ำ จึงกำหนดมาตรการตามสภาพปัญหาและสอดคล้องตามความต้องการ ของชมุ ชน คือ อ่างเกบ็ นำ้ สระเก็บนำ้ ฝายทดน้ำ การปรบั ปรุงลำนำ้ คลองส่งนำ้ ระบบส่งน้ำด้วยท่อ และ ระบบใหน้ ้ำแบบ micro irrigation ต้นแบบการบรหิ ารจดั การทรัพยากรดินและน้ำเชิงบรู ณาการ เพื่อป้องกนั การชะล้างพังทลายของดิน เป็นรปู แบบการบรหิ ารจดั การลมุ่ น้ำเชิงระบบ ครอบคลมุ ทกุ มิติแบบองค์รวม ได้แก่ มิตทิ างกายภาพ สังคม เศรษฐกิจ และส่ิงแวดล้อม โดยกำหนดทศิ ทางจากสภาพปญั หาเปน็ ตัวนำ ความร้ทู างวิชาการทหี่ ลากหลาย สาขาผ่านกระบวนการคิด วิเคราะห์จากงานวิจัย และเทคโนโลยีด้านการพัฒนาที่ดิน การอนุรักษ์ดินและ น้ำ ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน ประกอบด้วย การวิเคราะห์สภาพปัญหาของพ้ืนที่ คัดเลือก วิธีการประเมินปัญหาการชะล้างพังทลายของดิน และตรวจสอบข้อมูลที่เป็นปัจจุบันครอบคลุมประเด็น ปญั หาของสภาพพื้นที่อยา่ งแท้จรงิ ไดแ้ ก่ ข้อมลู การชะลา้ งพังทลายของดิน ขอ้ มูลด้านทรัพยากรดิน ข้อมลู สภาพการใชท้ ีด่ นิ ระดับการเปลี่ยนแปลงของการใช้ที่ดิน ข้อมูลด้านทรัพยากรน้ำ สภาพภูมิประเทศ และ สิ่งแวดล้อม ข้อมูลทางเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งมีความเชื่อมโยงกันในด้านกายภาพ เศรษฐกิจ และสังคม โดยนำข้อมูลมาประกอบการวิเคราะห์และจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน และฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรมด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ ทั้งนี้ เพื่อให้มีประสิทธิภาพ เกิดประสิทธิผล ถูกตอ้ งตามสมรรถนะและศักยภาพของที่ดิน และให้ผู้ทีเ่ ก่ยี วข้องได้เกิดความระหนักและการเรยี นรู้นำไปสู่ การจัดการที่ถูกต้อง พร้อมทั้งการประเมินสถานการณ์การเปลี่ยนแปลง โดยการติดตามและประเมินผล แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุ่มน้าคลองลาว
ตามตัวชี้วัด เพื่อให้ทราบผลสำเร็จจากการดำเนินงานด้านการลดอัตราการชะล้างพังทลายของดิน และ ด้านเศรษฐกิจสังคมของชุมชนบริเวณบนพื้นที่ลุ่มน้ำสู่การพัฒนาระบบการบรหิ ารจัดการด้านการอนุรักษ์ ดนิ และนำ้ ให้เกษตรกรและชมุ ชนสามารถใชท้ ีด่ นิ ไดอ้ ยา่ งยั่งยนื การดำเนินงานตามแผนบรหิ ารจดั การป้องกันการชะล้างพังทลายของดนิ และฟื้นฟพู ื้นที่เกษตรกรรม ด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ มีกลไกการขับเคลื่อนการดำเนินงานในรูปแบบคณะกรรมการและ คณะทำงาน ในการจัดทำต้นแบบแผนการบริหารจัดการโครงการจัดการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟู พน้ื ที่เกษตรกรรม ดว้ ยระบบอนุรักษด์ ินและน้ำ สำหรับขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ดินและน้ำให้ บรรลุเปา้ หมายตามยทุ ธศาสตร์ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ ฉบบั ที่ 12 และแผนแม่บท การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ดังนั้น เพื่อให้แผนบริหารจัดการเกิดผลสัมฤทธิ์ใ นทางปฏิบัติบรรลุ วัตถปุ ระสงค์และเปา้ หมายที่กำหนดไว้ จงึ จำเปน็ ตอ้ งไดร้ ับการขับเคลอื่ นและผลักดันจากทุกภาคส่วน และให้ เกิดการบูรณาการทุกระดับผ่านกระบวนการมีส่วนร่วม เพื่อให้การบริหารจัดการทรัพยากรดินและน้ำมี เป้าหมายไปในทิศทางเดยี วกนั ควรมีแนวทางการดำเนินงาน ดงั น้ี 4.1 สร้างความเข้าใจในเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของแผนบริหารจดั การทรัพยากรดิน เพื่อป้องกัน การชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรม ให้สามารถนำไปสู่การวางแผนการกำหนด มาตรการและบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรรมที่มีความเสี่ยงต่อการชะล้างพังทลายของดิน และพ้ืนที่ดิน เส่อื มโทรม 4.2 วิเคราะห์บทบาทและปรับบทบาทกระบวนการทำงานให้สอดคล้องกับเป้าหมายการดำเนินงาน ทุกระดับตั้งแต่ระดับนโยบาย ระดับหน่วยงานที่ปฏิบัติงานส่วนกลางและส่วนภูมิภาคโดยนำแนวทางการ ปฏบิ ตั ิงานไปกำหนดเป็นแผนงานโครงการ และกำหนดเป็นข้อตกลงการทำงานระหวา่ งหน่วยงาน เน้นการ ทำงานเชงิ บูรณาการ เพ่อื ขบั เคล่ือนองค์กรให้บรรลเุ ปา้ หมายที่กำหนดไว้ 4.3 พฒั นาระบบการติดตามและประเมินผลเชิงบรู ณาการ โดยจัดตง้ั คณะทำงานติดตามประเมินผลท่ี มีกลไกและเครือข่ายการดำเนินงานทั้งหน่วยงานที่ปฏิบัติงานในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคเชื่อมโยงกา ร ประเมินผล ทุกมิติ ประกอบด้วย มิติทางกายภาพหรือสิ่งแวดล้อม มิติสังคม และมิติเศรษฐกิจ ที่สามารถ สะท้อนผลสัมฤทธิ์ของงานได้ชัดเจน จนนำไปสู่การปรับปรุงพัฒนาแผนการดำเนินงานโครงการให้เกิด ประสทิ ธผิ ลและมีประสิทธิภาพ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลมุ่ น้าคลองลาว
กรมพัฒนาที่ดิน มีภารกิจสำคัญเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาทรัพยากรที่ดิน โดยการพัฒนาที่ดินและ อนุรักษ์ดินและน้ำ ซึ่งมาตรการด้านการอนุรักษ์ดินและน้ำจะช่วยปรับโครงสร้างพื้นฐานของที่ดินในพื้นที่ ให้เหมาะสมกับการปลูกพืช พร้อมกับช่วยรักษาระบบนิเวศทางดินให้เกิดการใช้ที่ดินได้อย่างยั่งยืน โดย ก่อนเริ่มดำเนินงาน จำเป็นต้องมีการศึกษาและวิเคราะห์สภาพของที่ดินในพื้นที่ในการกำหนดมาตรการ ด้านอนุรักษ์ดินและน้ำด้วยวิธีกลและวิธีพืชเฉพาะพื้นที่ เพื่อควบคุมหรือป้องกันความรุนแรงของสภาพดิน ปัญหาไม่ให้ส่งผลกระทบก่อปัญหาเพิ่มขึ้นในพื้นที่อื่น ดังนั้น กรมพัฒนาที่ดิน จึงเป็นหน่วยงานที่มีบทบาท สำคัญในการบริหารจดั การทรัพยากรดนิ เชงิ บูรณาการระดบั ลุ่มน้ำ โดยนำหลักวิชาการดา้ นการอนุรักษ์ดิน และน้ำ พิจารณาจากสภาพพื้นที่และความต้องการของชุมชนเป็นหลัก นอกจากน้ี ยังศึกษาแนวนโยบาย ด้านการเกษตรของรัฐบาล และท้องถิ่นในระดับต่าง ๆ เพื่อนำมาวิเคราะห์กำหนดมาตรการในแผนการใช้ ที่ดิน พร้อมข้อเสนอแนะด้านการจัดการพื้นที่ให้เป็นแนวทางในการใชท้ ี่ดินอย่างมปี ระสิทธิภาพและใช้ได้ อย่างย่ังยืน คณะทำงานจัดทำแผนการบริหารจัดการโครงการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและ ฟื้นฟูพื้นท่ี เกษตรกรรมด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ พื้นที่ลุ่มน้ำคลองลาว อำเภอปลายพระยาและอำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบ่ี ได้ดำเนินการศึกษา วิเคราะห์ เพื่อประเมินสถานภาพทรัพยากรดินเชิงระบบสำหรับ แก้ปญั หาดา้ นการชะลา้ งพังทลายของดินและฟน้ื ฟพู ้ืนทเี่ กษตรกรรม ผา่ นกระบวนการมสี ว่ นร่วมและความ ต้องการของชุมชน และการรับฟังข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะจากหน่วยงานภาคีเครือข่ายและหน่วยงานที่ เกีย่ วข้อง ทีป่ ฏิบัติงานในสว่ นกลางและสว่ นภมู ิภาค ทำใหไ้ ดต้ น้ แบบแผนการบรหิ ารจัดการโครงการที่กรม พัฒนาที่ดินสามารถนำไปใช้ในการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ดินและน้ำให้บรรลุเป้าหมาย ตามยุทธศาสตรช์ าติ แผนปฏริ ูปประเทศ และแผนบริหารจดั การนำ้ ของประเทศ ในโอกาสนี้ ขอขอบคุณ คณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและ ฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรม ด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ นักวิชาการส่วนภูมิภาคและเจ้าหน้าทีข่ องสำนกั งาน พัฒนาที่ดินเขต 11 สถานีพัฒนาที่ดินกระบี่ หน่วยงานภาคีเครือข่ายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ เกษตรกรในชมุ ชนพนื้ ทล่ี ุ่มนำ้ คลองลาว อำเภอปลายพระยา และอำเภออ่าวลึก จงั หวัดกระบ่ี ที่มีส่วนร่วม ในการดำเนินงานโครงการให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีจนบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการ เพื่อนำข้อมูล แผนการบริหารจัดการโครงการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรมด้วยระบบ อนรุ ักษด์ นิ และน้ำ ไปขยายผลในพ้ืนท่ีอื่นสู่การแก้ไขปัญหาให้กบั เกษตรกรที่อยู่ในพื้นท่ีเสี่ยงต่อการชะล้าง พังทลายของดินและพื้นที่ดินปัญหา ทำให้สามารถใช้ที่ดินได้อย่างเหมาะสมตรงตามศักยภาพของพื้นท่ี และมีคุณภาพชีวิตท่ีดขี ้ึน คณะทำงาน สิงหาคม 2563 แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุ่มน้าคลองลาว
1.1 หลักการและเหตุผล 2 1.2 วตั ถุประสงค์ 3 1.3 กรอบแนวคดิ การดำเนนิ งาน 3 1.4 เป้าหมาย 4 1.5 ขนั้ ตอนการดำเนินงาน 5 1.6 สถานท่ดี ำเนินงาน 5 1.7 ระยะเวลาดำเนนิ การ 5 1.8 ผลผลติ (output) 6 1.9 ผลลัพธ์ (outcome) 6 1.10 ผลกระทบ (impact) 6 1.11 ตวั ช้วี ัดความสำเรจ็ 6 1.12 ผลประโยชน์ทค่ี าดวา่ จะไดร้ บั 7 1.13 ผูร้ ับผิดชอบ 7 1.14 ทีป่ รกึ ษาโครงการ 7 1.15 การสง่ มอบงาน 7 2.1 การรวบรวมข้อมลู 11 2.2 การสำรวจศกึ ษาแและวเิ คราะหข์ อ้ มลู พ้นื ฐาน 11 2.3 การประเมนิ พ้ืนท่กี ารชะล้างพังทลายของดนิ 17 2.4 การจัดทำแผนการใชท้ ดี่ นิ เพ่อื การอนุรกั ษ์ดินและนำ้ 19 2.5 การรับฟังความคิดเห็นจากผ้มู สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี 21 2.6 การวเิ คราะหล์ ำดบั ความสำคญั 23 2.7 การจัดทำแผนบริหารจัดการเพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟู 25 พนื้ ทเ่ี กษตรกรรม ดว้ ยระบบอนุรักษ์ดนิ และน้ำ 3.1 ท่ีตัง้ และอาณาเขต 28 แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ลุ่มน้าคลองลาว
3.2 สภาพภมู ิประเทศ 28 3.3 สภาพภมู ิอากาศ 32 3.4 ทรัพยากรดนิ 34 3.5 ทรัพยากรน้ำ 44 3.6 ขอบเขตท่ดี นิ ตามกฎหมายและนโยบาย 48 3.7 ทรัพยากรป่าไม้ 54 3.8 สภาพการใชท้ ดี่ นิ 54 3.9 พนื้ ทเ่ี สย่ี งตอ่ การชะลา้ งพังทลายของดิน 60 3.10 สภาวะเศรษฐกจิ และสังคม 64 3.11 การวิเคราะหส์ ภาพแวดลอ้ มและศักยภาพ (SWOT) 76 4.1 เขตพ้นื ทป่ี า่ ไม้ตามกฎหมาย 82 4.2 เขตเกษตรกรรม 86 4.3 เขตพน้ื ท่ชี ุมชนและสิง่ ปลูกสรา้ ง 88 4.4 เขตแหล่งนำ้ 88 4.5 เขตพ้นื ทีค่ งสภาพป่าไมน้ อกเขตปา่ ตามกฎหมาย 88 4.6 เขตสมั ปทานเหมืองหนิ 88 4.7 เขตสายไฟฟา้ แรงสงู 88 5.1 แผนบริหารจัดการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพื้นที่ 98 เกษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ ินและน้ำ 104 5.2 ต้นแบบ (Model) แผนบริหารจัดการทรัพยากรดิน เพื่อป้องกันการชะล้าง พังทลายของดนิ และฟน้ื ฟูพืน้ ทีเ่ กษตรกรรมดว้ ยระบบอนรุ ักษ์ดนิ และน้ำ 6.1 แนวทางการขับเคลอ่ื นไปส่กู ารปฏบิ ตั ิ 106 6.2 กลไกการขับเคลื่อนแผนบริหารจัดการป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน 107 และฟื้นฟูเกษตรกรกรรม ด้วยระบบอนุรัก์ดินและน้ำ ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2562-2582) แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ล่มุ น้าคลองลาว
6.3 บทบาทของหน่วยงานและภาคีเครือข่ายทุกระดับในการขับเคล่ือนแผน 108 บริหารจัดการทรัพยากรดินและน้ำ เพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน และฟ้นื ฟูพ้นื ท่เี กษตรกรรม 111 111 6.4 การกำหนดตัวช้วี ดั ผลสำเรจ็ 6.5 แนวทางการติดตามและประเมินผลตามแผนบริหารทรัพยากรดินเพื่อป้องกัน การชะล้างพงั ทลายของดนิ และฟื้นฟูพ้ืนทเ่ี กษตรกรรม แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ล่มุ น้าคลองลาว
2-1 ระดับความรุนแรงของการชะล้างพังทลายของดิน 18 2-2 ชัน้ ของการกดั กร่อน 19 3-1 ความลาดชนั พ้นื ที่ลมุ่ นำ้ คลองลาว อำเภอปลายพระยาและอำเภออ่าวลึก 29 33 จงั หวัดกระบ่ี 36 3-2 สถิติภูมิอากาศ โดยเฉลี่ยในคาบ 30 ปี (พ.ศ. 2531-2561) ณ สถานีตรวจวัด 42 48 อากาศ จงั หวดั กระบ่ี 49 3-3 ทรัพยากรดินในพื้นที่ลุ่มน้ำคลองลาว อำเภอปลายพระยาและอำเภออ่าวลึก 49 51 จงั หวัดกระบ่ี 51 3-4 สภาพปัญหาของดินในพื้นที่ลุ่มน้ำคลองลาว อำเภอปลายพระยาและ 54 55 อำเภออา่ วลึก จงั หวัดกระบี่ 62 3-5 ข้อมูลที่ดินของรัฐที่ใช้ร่วมในการวิเคราะห์ด้านทรัพยากรป่าไม้ พื้นที่ลุ่มน้ำ 65 คลองลาว อำเภอปลายพระยาและอำเภออา่ วลกึ จังหวัดกระบี่ 3-6 พื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติในพื้นที่ลุ่มน้ำคลองลาว อำเภอปลายพระยาและ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ 3-7 พ้ืนที่เขตการใช้ประโยชน์ทรัพยากรและที่ดินป่าไม้ พ้นื ที่ล่มุ น้ำคลองลาวอำเภอ ปลายพระยา และอำเภออ่าวลึก จังหวดั กระบ่ี 3-8 พื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำคลองลาว อำเภอปลายพระยาและอำเภอ อา่ วลึก จงั หวดั กระบ่ี 3-9 พื้นที่เขตป่าไม้ถาวรนอกเขตป่าในพื้นที่ลุ่มน้ำคลองลาว อำเภอปลายพระยาและ อำเภออา่ วลกึ จงั หวดั กระบี่ 3-10 สถานภาพทรัพยากรป่าไม้ในพื้นที่ลุ่มน้ำคลองลาว อำเภอปลายพระยาและ อำเภออา่ วลกึ จงั หวดั กระบี่ 3-11 ประเภทการใช้ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำคลองลาว อำเภอปลายพระยาและอำเภอ อ่าวลกึ จังหวดั กระบ่ี 3-12 ระดับความรุนแรงของการชะล้างพังทลายของดินในพื้นที่ลุ่มน้ำคลองลาว อำเภอปลายพระยาและอำเภออ่าวลกึ จงั หวัดกระบ่ี 3-13 สภาวะเศรษฐกิจและสงั คมในพื้นที่ลุ่มคลองลาว ตำบลนาเหนือ ตำบลเขาใหญ่ อำเภออา่ วลึก ตำบลเขาเขน ตำบลเขาต่อ อำเภอปลายพระยา จังหวดั กระบี่ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ลุ่มน้าคลองลาว
3-14 ต้นทุนการผลติ ผลผลิต และผลตอบแทนเหนือต้นทุนทั้งหมดของการปลกู พชื 70 ในพ้ืนทมี่ รี ะดบั การชะลา้ งพงั ทลายตา่ งกัน 71 73 3-15 ความรู้ ความเข้าใจด้านการอนุรักษ์ดินและน้ำ ในพื้นที่ลุ่มน้ำคลองลาวอำเภอ ปลายพระยา อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบ่ี ปีการผลิต 2563 74 3-16 ความรู้และความเขา้ ใจ เกย่ี วกบั ผลกระทบการชะล้างพงั ทลายของหน้าดนิ 75 ในพื้นที่ลุ่มนำ้ คลองลาว อำเภอปลายพระยา อำเภออา่ วลกึ จงั หวัดกระบี่ 89 ปีการผลิต 2563 91 102 3-17 ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับวิธีการรักษาและป้องกันการชะล้างพังทลายของ ดนิ ในพนื้ ท่ีลุ่มน้ำคลองลาว อำเภอปลายพระยา อำเภออ่าวลึก จังหวดั กระบี่ ปี 108 การผลติ 2563 112 3-18 ทัศนคติด้านการย้ายถิ่นฐาน ปัญหาด้านการเกษตร ในพื้นที่ลุ่มน้ำคลองลาว 115 อำเภอปลายพระยา อำเภออ่าวลึก จงั หวัดกระบ่ี ปีการผลิต 2563 4-1 แผนการใช้ท่ีดนิ เพื่อการอนุรกั ษ์ดินและน้ำในพื้นท่ีลุ่มนำ้ คลองลาว อำเภอปลาย พระยาและอำเภออ่าวลกึ จังหวัดกระบี่ 4-2 สรุปแนวทางแผนการใช้ที่ดินเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำคลอง ลาว อำเภอปลายพระยาและอำเภออา่ วลกึ จงั หวดั กระบี่ 5-1 แผนปฏิบัติการเพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพื้นที่ เกษตรกรรม ลมุ่ นำ้ คลองลาว อำเภอปลายพระยา อำเภออ่าวลกึ จงั หวัดกระบ่ี ระยะ 10 ปี (พ.ศ. 2565-2574) 6-1 บทบาทของหนว่ ยงานและภาคเี ครอื ขา่ ยทุกระดับในการขับเคลื่อนแผนบริหาร จัดการทรัพยากรดินและน้ำเพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟู พืน้ ท่เี กษตรกรรม 6-2 กรอบตวั ช้ีวัดในการติดตามและประเมนิ ผล 6-3 การจัดทำฐานข้อมูลเพื่อประเมินการเปลี่ยนแปลงตามตัวชี้วัดมิติกายภาพ เศรษฐกิจและสังคม แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ลุ่มน้าคลองลาว
1-1 กรอบแนวคดิ การดำเนนิ งานโครงการ 4 2-1 กรอบวธิ กี ารดำเนินงาน 10 2-2 ประเดน็ การรับฟังความคิดเห็นของชุมชนแบบมีสว่ นร่วม 22 2-3 หลักการสำคัญในการจัดทำแผนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดิน ของ 25 ประเทศ 30 3-1 ที่ตั้งและอาณาเขต และลักษณะภูมิประเทศ พื้นที่ลุ่มคลองลาว อำเภอปลายพระยา 31 และอำเภออา่ วลกึ จงั หวัดกระบ่ี 34 3-2 ความลาดชันพนื้ ทล่ี มุ่ คลองลาว อำเภอปลายพระยา และอำเภออ่าวลกึ จงั หวดั กระบ่ี 40 3-3 สมดุลของนำ้ เพอ่ื การเกษตร (พ.ศ. 2531-2561) จงั หวัดกระบ่ี 3-4 ทรัพยากรดินพื้นที่ลุ่มน้ำคลองลาว อำเภอปลายพระยาและอำเภออ่าวลึก จังหวัด 43 กระบี่ 46 3-5 สภาพปัญหาทรัพยากรดินพื้นที่ลุ่มน้ำคลองลาว อำเภอปลายพระยา และอำเภออ่าว 47 ลึก 53 จงั หวดั กระบี่ 3-6 เส้นทางน้ำและเส้นทางคมนาคมในพื้นที่ลุ่มน้ำคลองลาว อำเภอปลายพระยาและ 59 อำเภออา่ วลึก จังหวดั กระบ่ี 3-7 ขอบเขตพ้นื ทลี่ ุม่ นำ้ คลองลาว อำเภอปลายพระยาและอ่าวลึก จงั หวดั กระบี่ 63 3-8 สถานภาพป่าไม้พื้นที่ลุ่มน้ำคลองลาว อำเภอปลายพรยาและอำเภออ่าวลึก จังหวัด กระบ่ี 90 3-9 สภาพการใช้ที่ดินพ้ืนทลี่ ุ่มนำ้ คลองลาว อำเภอปลายพระยาและอำเภออ่าวลึกจังหวัด กระบ่ี 103 3-10 การสูญเสียดินในพืน้ ท่ีลุ่มน้ำคลองลาว อำเภอปลายพระยาและอำเภออ่าวลึก จังหวัด กระบ่ี 4-1 แผนการใช้ที่ดนิ เพื่อการอนุรักษ์ดนิ และน้ำ ในพ้ืนที่ลมุ่ นำ้ คลองลาว อำเภอปลายพระ ยาและอำเภออา่ วลึก จังหวดั กระบ่ี 5-1 แผนปฏบิ ัตกิ ารเพอื่ ปอ้ งกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟนื้ ฟูพื้นทเี่ กษตรกรรมด้วย ระบบอนรุ กั ษ์ดนิ และนำ้ ลมุ่ น้ำคลองลาว ระยะ 1 ปี แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ลุ่มน้าคลองลาว
5-2 รูปแบบมาตรการเพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรม 104 ด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ พื้นที่ลุ่มน้ำคลองลาว อำเภอปลายพระยาและอำเภอ อ่าวลกึ จงั หวัดกระบี่ 5-3 ต้นแบบ (Model) แผนบริหารจัดการป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน และพื้นฟู 104 พื้นที่เกษตรกรรม ด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ พื้นที่ลุ่มน้ำคลองลาวอำเภอปลาย พระยาและอำเภออ่าวลึก จงั หวดั กระบ่ี แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุ่มน้าคลองลาว
1 1 บทนำ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ลุม่ น้าคลองลาว
2 1 ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม เกษตรกรทำการเกษตรอาศัยน้ำฝน คิดเป็นร้อยละ 37.00 ของพื้นที่ประเทศ โดยมีพื้นที่เกษตรน้ำฝน 119 ล้านไร่ ซึ่งเป็นแหล่งที่ปลูกพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของ ประเทศ ได้แก่ ขา้ ว 49.24 ลา้ นไร่ อ้อย 11.47 ลา้ นไร่ มนั สำปะหลัง 10.84 ล้านไร่ ขา้ วโพด 6.40 ล้านไร่ ไม้ผล 11.10 ล้านไร่ สวนผัก 4.19 ล้านไร่ และ ยางพารา 25.78 ล้านไร่ (กรมพัฒนาที่ดิน, 2558) พื้นที่ ดังกล่าวมักประสบปัญหาขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง ทำให้การใช้ประโยชน์ทรัพยากรดินได้ไม่เต็มศักยภาพ จำเป็นต้องได้รับการพัฒนาแหล่งน้ำให้พอเพียงกับความต้องการของเกษตรกร ประกอบกับในพื้นที่ ดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ดินปัญหาทางการเกษตรกรรม โดยสามารถจำแนกตามสาเหตุของการเกิดได้ 2 ประเภท คอื 1) ดนิ ปญั หาทเ่ี กิดตามสภาพธรรมชาติ มเี น้อื ทร่ี วม 60 ลา้ นไร่ ไดแ้ ก่ ดนิ อนิ ทรีย์ 0.34 ลา้ นไร่ ดินเปรี้ยวจัด 5.42 ล้านไร่ ดินทรายจัด 11.86 ล้านไร่ ดินตื้น 38.19 ล้านไร่ ดินเค็ม 4.20 ล้านไร่ (บาง พื้นที่พบคราบเกลือและมีผลกระทบจากคราบเกลือมีเนื้อที่ 11.50 ล้านไร่) และ 2) ดินปัญหาที่เกิดจาก การใช้ประโยชน์ที่ดิน เช่น ดินดาน ดินปนเปื้อน ดินเหมืองแร่ร้าง เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีดินที่มีปัญหา เล็กน้อยทเ่ี ปน็ ข้อจำกัดทางการเกษตร เช่น ดินกรดดนิ ที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ เป็นต้น (กรมพัฒนาท่ีดิน, 2561) ปัญหาทรัพยากรดินดังกล่าวกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศและเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พื้นที่เกษตร น้ำฝนไม่สามารถก่อสร้างแหล่งน้ำขนาดใหญ่ได้ เนื่องจากต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการวางระบบ เพอื่ ปอ้ งกนั ไม่ใหป้ ญั หาดินเกดิ เพ่ิมมากขน้ึ จนก่อความเสยี หายในวงกว้าง ไมค่ ุม้ ค่ากบั การลงทนุ ปัญหาสำคัญอีกประการหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรกรรมในปัจจุบันเกิดจากการใช้ที่ดินและ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นการเร่งให้เกิดกระบวนการชะล้างพังทลายของดินในพื้นท่ี เกษตรกรรมเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการชะล้างพังทลายของดินเกิดจากกระบวนการที่สำคัญ คือ กระบวนการแตกกระจาย เมอื่ เมด็ ฝนตกลงมากระทบกับก้อนดิน ทำให้กอ้ นดินแตกเป็นเม็ดดินเล็กๆ ภายหลัง ที่เม็ดฝนกระทบก้อนดินแล้วน้ำบางส่วนก็จะไหลซึมลงไปในดิน เมื่อดินอิ่มตวั จนน้ำไมส่ ามารถจะไหลซึมไป ไดอ้ ีกแล้ว ก็จะเกิดน้ำไหลบา่ พัดพาเอาก้อนดินเล็กๆ ทแ่ี ตกกระจายอยู่บนผวิ ดินไปด้วยและพัดพาไป และ การตกตะกอนทบั ถม เมด็ ดนิ ทีถ่ ูกพัดพาไปกับน้ำจะไหลลงสู่พน้ื ท่ีต่ำ ทำให้เกดิ การสะสมตะกอนของดินใน ที่ลุ่มต่ำ การชะล้างพังทลายของดิน เกิดจากสาเหตุใหญ่ 2 ประการ คือ 1)การชะล้างพังทลายโดย ธรรมชาติเป็นการชะล้างพังทลายซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติ โดยมีทั้งน้ำและลมเป็นตัวการ เช่น การชะ ละลาย การพัดพาโดยลมตามชายฝั่งทะเลหรือในทะเลทราย การพัดพาดินแบบนี้เป็นแบบที่ป้องกันไม่ได้ และถ้าเกิดมักใช้เวลานาน เป็นการเกิดแบบค่อยเป็นค่อยไปและช้ามาก และ 2)การชะล้างพังทลายโดยมี แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุ่มน้าคลองลาว
3 ตวั เรง่ ทมี่ ีมนษุ ยห์ รือสัตว์เล้ยี งเข้ามาช่วยเร่งใหม้ ีการกัดกร่อนเพม่ิ ข้นึ จากการชะล้างพังทลายโดยธรรมชาติ เช่น การหักล้างถางป่าทำการเพาะปลูกอย่างขาดหลักวิชาการ ทำให้พื้นดินปราศจากสิ่งปกคลุม เกิดการ กัดกร่อนโดยลมและฝนและพัดพาดินสูญเสียไปได้เพิ่มขึ้น การสูญเสียดินจะมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับ วธิ ีการท่ใี ช้ทำการเกษตร (กรมพัฒนาท่ดี ิน, 2558) กรมพัฒนาที่ดิน มีภารกิจสำคัญเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาทรัพยากรที่ดิน โดยการพัฒนาที่ดินและ อนุรักษ์ดินและน้ำ ซึ่งมาตรการด้านการอนุรักษ์ดินและน้ำ จะช่วยปรับโครงสร้างพื้นฐานของดิน ในพื้นที่ ให้เหมาะสมกับการปลูกพืช พร้อมกับช่วยรักษาระบบนิเวศทางดินให้เกิดการใช้ที่ดินได้อย่างยั่งยืน โดย ก่อนเริ่มดำเนินการต้องมีการการศึกษา และวิเคราะห์สภาพของที่ดินในพื้นที่ก่อนเสมอ หากพื้นท่ี ดำเนินการอยู่ในพื้นที่ดินปัญหา เช่น ดินเค็ม ดินตื้น หรือดินทราย จำเป็นจะต้องมีการออกแบบระบบ อนุรักษ์ดินและน้ำด้วยวิธีกลและวิธีพืชเฉพาะพื้นที่ เพื่อควบคุมหรือป้องกันไม่ให้ดินปัญหาเกิดการ แพร่กระจายส่งผลกระทบก่อปัญหาเพิ่มขึ้นในพื้นที่อื่นต่อไป ดังน้ัน กรมพัฒนาที่ดินจึงเป็นหน่วยงานที่มี บทบาทสำคัญในการบริหารจัดการทรัพยากรดินเชิงบูรณาการระดับลุ่มน้ำ โดยนำหลักวิชาการ และ เทคนิคด้านการอนุรักษ์ดินและน้ำ มาใช้เป็นมาตรการเพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟู พื้นที่เกษตรกรรม ให้พื้นที่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่า โดยพิจารณาจากสภาพปัญหาพื้นท่ีและ ความต้องการของชุมชนเป็นหลัก นอกจากนี้ ยังศึกษานโยบายด้านการเกษตรของรัฐบาล และท้องถิ่นใน ระดับต่าง ๆ เพื่อนำมาวิเคราะห์กำหนดมาตรการในแผนการใช้ที่ดินพร้อมข้อเสนอแนะด้านการจัดการ พื้นที่ให้เกิดการใช้ที่ดินอย่างยั่งยืน สามารถใช้เป็นแนวทางในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติที่ เหมาะสม และขยายผลสกู่ ารปฏบิ ตั ใิ นพื้นทอ่ี ่นื ได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ 1) เพื่อศึกษาและประเมินสถานภาพทรัพยากรดินเชิงระบบสำหรับการป้องกันการชะล้างพังทลาย ของดนิ และฟนื้ ฟพู ื้นที่เกษตรกรรม 2) เพื่อจัดทำแผนการบริหารจัดการทรัพยากรดินระดับลุ่มน้ำที่มีการกำหนดมาตรการด้านการ ปอ้ งกันการชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟืน้ ฟพู น้ื ที่เกษตรกรรม ด้วยระบบอนรุ กั ษด์ นิ และน้ำ การจัดทำแผนการบรหิ ารจัดการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟนื้ ฟูพื้นที่เกษตรกรรมด้วย ระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ มีความสอดคล้องและเชื่อมโยงยุทธศาสตร์ความสอดคล้องของ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580): ยุทธศาสตร์ที่ 5 ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับ สิ่งแวดล้อม ความสอดคล้องของ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ : แผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำท้งั ระบบ และความสอดคล้องของยุทธศาสตร์การบริหารจัดการน้ำของประเทศ (พ.ศ. 2558 -2569) : ยุทธศาสตร์ที่ 5 การอนุรักษ์ฟื้นฟูสภาพป่าต้นน้ำที่เสื่อมโทรมและป้องกันการพังทลายของดิน กลยุทธ์ : แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุ่มน้าคลองลาว
4 การอนุรักษฟ์ นื้ ฟพู ื้นท่เี กษตรกรรมในพ้นื ท่ีดินเส่ือมโทรมและชะล้างพงั ทลายของดนิ โดยมเี ปา้ หมายสำคัญ สูงสุด คือ พื้นที่เกษตรกรรมได้รับการอนุรักษ์และฟื้นฟูให้สามารถใช้ที่ดินได้อย่างถูกต้องแล ะเหมาะสม ตามศักยภาพของพืน้ ที่ ไม่น้อยกวา่ 20 ลา้ นไร่ ภายใน 20 ปี กำหนดกรอบแนวคิดจากหลักการเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา โดยการนำฐานข้อมูลด้านทรัพยากรดิน ประกอบด้วย ดินปัญหาและการชะล้างพังทลายของดิน เป็นตัวกำหนดพื้นที่เป้าหมายจากสภาพปัญหา สำหรับนำไปใช้ในการบริหารจัดการ ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาและเน้นกระบวนการมี ส่วนร่วมของชุมชน บูรณาการข้อมูลเชิงสหวิชาการ นำข้อมูลมาใช้ในการพัฒนาและวางแผนการใช้ที่ดิน กำหนดมาตรการด้านการอนุรักษ์ดินและน้ำให้สอคล้องกับสภาพปัญหาของพื้นที่และความต้องการของ ชมุ ชน เพอ่ื ใหไ้ ดเ้ ขตอนุรักษ์ดนิ และน้ำท่ีมีการบริหารจดั การเชิงระบบ พื้นท่กี ารเกษตรสามารถใช้ประโยชน์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกษตรกรสามารถใชท้ ี่ดินได้อย่างถูกตอ้ งเหมาะสมตามศักยภาพของดนิ (ภาพที่ 1-1) ภาพท่ี 1-1 กรอบแนวคดิ การดำเนนิ งานโครงการ จัดทำแผนบริหารจัดการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรม ด้วยระบบ อนุรักษ์ดินและน้ำ พื้นที่ลุ่มน้ำคลองลาว อำเภอปลายพระยาและอำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ ครอบคลุม พน้ื ท่ี 148,272 ไร่ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลมุ่ น้าคลองลาว
5 1) การรวบรวมข้อมูล เป็นข้อมูลทุติยภูมิที่ได้จากการรวบรวมเอกสารและงานวิชาการที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปใช้ศึกษา วิเคราะห์ เชื่อมโยงสู่การจัดทำแผนบริหารจัดการเพ่ือป้องกันการชะล้างพังทลายของ ดนิ ด้วยระบบอนุรักษ์ดนิ และน้ำ ได้แก่ ฐานข้อมลู ด้านทรัพยากรดนิ ทรัพยากรน้ำ สภาพภมู ิประเทศ สภาพ การใช้ที่ดนิ เศรษฐกิจและสงั คม แผนการใช้ท่ดี นิ และข้อมูลการอนุรักษ์ดนิ และน้ำท่ีเกยี่ วข้อง 2) การสำรวจภาคสนาม ข้อมลู ปฐมภมู ิ ได้แก่ การชะล้างพังทลายของดิน ทรัพยากรดนิ สภาพการใช้ ที่ดิน การเปลี่ยนแปลงของการใช้ที่ดิน ทรัพยากรน้ำ สภาพภูมิประเทศและสิ่งแวดล้อม และสภาวะ เศรษฐกิจสังคม 3) การวิเคราะห์และประเมินผลข้อมูล การประเมินสถานภาพทรัพยากรดิน ทรัพยากรน้ำ การ ประเมินการเปลีย่ นแปลงการใชท้ ดี่ นิ และการสำรวจขอ้ มลู ด้านเศรษฐกจิ และสงั คม 4) การประเมินพ้นื ทกี่ ารชะล้างพงั ทลายของดิน 5) การจดั ทำแผนการใช้ทีด่ ินเพื่อปอ้ งกนั การชะล้างพงั ทลายของดนิ 6) การรบั ฟงั ความคดิ เหน็ ของชุมชนผ่านกระบวนการมีสว่ นร่วม การประชาพจิ ารณ์เพ่ือการรบั ฟงั ความคดิ เห็นของชุมชนต่อการดำเนนิ งานโครงการ 7) การวิเคราะหล์ ำดบั ความสำคญั เพื่อกำหนดพื้นท่เี ป้าหมายในการดำเนนิ งาน 8) การจัดทำแผนบริหารจัดการเพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรม ด้วยระบบอนรุ กั ษ์ดนิ และนำ้ 9) การประชาพิจารณ์เพื่อการรับฟังความคิดเห็นต่อ (ร่าง) แผนบริหารจัดการป้องกันการชะล้าง พังทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพืน้ ที่เกษตรกรรม ดว้ ยระบบอนรุ ักษ์ดนิ และน้ำ 10) นำเสนอ (รา่ ง) แผนบรหิ ารจดั การป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟ้ืนฟูพื้นที่เกษตรกรรม ด้วยระบบอนุรักษด์ ินและนำ้ ต่อคณะกรรมการขับเคลือ่ นโครงการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและ ฟน้ื ฟพู ื้นทีเ่ กษตรกรรม ดว้ ยระบบอนรุ กั ษด์ นิ และน้ำ 11) ปรับปรุง (ร่าง) แผนบริหารจัดการฯ และนำข้อมูลใช้เป็นต้นแบบการบริหารจัดการป้องกันการ ชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรม ด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ ขยายผลและขับเคลื่อน การดำเนินงานโครงการระยะต่อไป พน้ื ทล่ี ่มุ นำ้ คลองลาว อำเภอปลายพระยาและอำเภออา่ วลกึ จงั หวัดกระบี่ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลมุ่ น้าคลองลาว
6 1) ฐานข้อมูลด้านการชะล้างพังทลายของดินในพื้นที่เกษตรกรรม และสถานภาพด้าน ทรพั ยากรธรรมชาติ สง่ิ แวดลอ้ ม และเศรษฐกิจและสังคม สำหรับเป็นขอ้ มูลพนื้ ฐานประกอบการพิจารณา กำหนดแผนการใชท้ ดี่ ิน 2) แผนบริหารจัดการทรัพยากรดินระดับลุ่มน้ำที่มีการกำหนดมาตรการด้านการป้องกันและฟ้ืนฟู ทรัพยากรดนิ ตามสภาพปัญหาของพ้นื ท่แี ละความต้องการของชมุ ชน 3) ต้นแบบการบริหารจัดการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรมด้วย ระบบอนุรกั ษด์ ินและนำ้ 1) กรมพัฒนาที่ดินมีต้นแบบแผนการบริหารจัดการโครงการจัดการชะล้างพังทลายของดินและฟ้ืนฟู พน้ื ท่ีเกษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรักษด์ นิ และนำ้ ปี 2563 สำหรับนำไปขยายผลในพ้นื ที่อื่น 2) มาตรการด้านการอนุรักษ์ดินและน้ำที่กำหนดมีความสอดคล้องกับสภาพปัญหาของพื้นที่และ สามารถติดตามการเปล่ียนแปลงสถานภาพทรพั ยากรดนิ ได้ตามตัวชวี้ ัดทีก่ ำหนด 1) กรมพัฒนาที่ดินสามารถขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ดินและน้ำให้บรรลุเป้าหมาย ตามยทุ ธศาสตร์ชาติ แผนปฏริ ปู ประเทศ และแผนบรหิ ารจัดการน้ำของประเทศ 2) พื้นที่เกษตรกรรมมีแผนการจัดการการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรมด้วย ระบบอนรุ กั ษด์ ินและนำ้ ทำใหเ้ กษตรกรสามารถใช้ทดี่ นิ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสมตรงตามศกั ยภาพของพื้นท่ี 1) เชงิ ปรมิ าณ - ร้อยละความสำเร็จในการจัดทำฐานข้อมูลด้านการชะล้างพังทลายของดินสำหรับเป็นข้อมูล พ้ืนฐานประกอบการจัดทำแผนแผนการบรหิ ารจัดการทรพั ยากรดนิ ระดบั ลุม่ นำ้ (รอ้ ยละ 100) - จำนวนพื้นที่ที่มีการกำหนดแนวทางด้านการป้องกันและฟื้นฟูทรัพยากรดินตามสภาพปัญหา ของพื้นที่ (ไม่น้อยกว่า 200,000 ไร่/ลุ่มน้ำ) และจำนวนพ้ืนที่เป้าหมายตามแผนปฏิบัติการ (ไม่น้อยกว่า 10,000 ไร/่ ปี) 2) เชงิ คุณภาพ - ฐานข้อมูลด้านการชะล้างพังทลายของดินมีความถูกต้อง ครบถ้วน สอดคล้องกับสภาพปัญหา ของพ้ืนท่ี แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ลุม่ น้าคลองลาว
7 - มาตรการด้านการป้องกันและฟื้นฟูทรัพยากรดิน มีความเหมาะสม สอดคล้องกับสภาพพื้นท่ี และสามารถนำไปกำหนดแผนงานโครงการไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ 1) กรมพัฒนาที่ดนิ มตี ้นแบบแผนการบรหิ ารจัดการการปอ้ งกนั การชะลา้ งพังทลายของดนิ และพื้นฟู พื้นที่เกษตรกรรมด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ สำหรับขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ดินและ น้ำให้บรรลเุ ป้าหมายตามยทุ ธศาสตร์ชาติ แผนปฏิรูปประเทศ และแผนบรหิ ารจัดการนำ้ ของประเทศ 2) หน่วยงานที่ดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ดินและน้ำ มีค่าดัชนีชี้วัดที่สำหรับนำไปใช้ในการพัฒนา งานวจิ ัยใหส้ อดคลอ้ งกับสภาพปัญหาของพน้ื และสามารถติดตามการเปลยี่ นแปลงสถานภาพทรพั ยากรดนิ 3) กรมพัฒนาที่ดินมีแนวทางการดำเนินงานจัดทำแผนบริหารจัดการที่เป็นไปตามมาตรฐานหลัก วชิ าการดา้ นอนรุ กั ษด์ นิ และนำ้ 4) เกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อการชะล้างพังทลายของดินและพื้นที่ดินปัญหามีแผนบริหารการ จัดการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟ้ืนฟูพื้นที่เกษตรกรรมด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ ทำให้ สามารถใช้ประโยชนท์ ี่ดนิ ได้อยา่ งเหมาะสมตรงตามศกั ยภาพของพ้ืนที่ คณะทำงานจัดทำแผนการบริหารจัดการโครงการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพื้นที่ เกษตรกรรมด้วยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้ำ พ้ืนที่ลมุ่ นำ้ คลองลาว อำเภอปลายพระยาและอำเภออา่ วลึก จังหวดั กระบ่ี คณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรม ด้วยระบบอนุรักษด์ ินและน้ำ 1) ส่งรายงานเบื้องต้น (Preliminary Report) ประกอบการประชุมประชาพิจารณ์ครั้งที่ 1 (วันท่ี 30 มถิ ุนายน 2563) 2) ส่งรายงานฉบับกลาง (Interiminary Report) แผนการใช้ที่ดินเพื่อป้องกันการชะล้างพังทลาย ของดินและฟื้นฟูพื้นทีเ่ กษตรกรรมด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ ประกอบการประชุมประชาพิจารณ์ครัง้ ที่ 2 (วนั ที่ 3 สิงหาคม 2563) 3) ส่งร่างรายงานฉบับสมบูรณ์ (Draft Final Report) แผนบริหารจัดการทรัพยากรดนิ เพื่อปอ้ งกนั การชะล้างพังทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพื้นที่เกษตรกรรมด้วยระบบอนุรกั ษ์ดินและน้ำ เสนอคณะกรรมการฯ (วันที่ 25 กันยายน 2563) แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุ่มน้าคลองลาว
8 4) ส่งรายงานฉบบั สมบูรณ์ (Final Report) แผนบรหิ ารจดั การทรัพยากรดินเพื่อป้องกันการชะล้าง พังทลายของดนิ และฟื้นฟูพ้นื ที่เกษตรกรรมดว้ ยระบบอนรุ ักษด์ ินและน้ำ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุ่มน้าคลองลาว
9 2 วธิ ีกำรดำเนนิ งำน แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุม่ น้าคลองลาว
10 2บทที่ การจัดทำแผนบริหารจัดการปอ้ งกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพื้นทีเ่ กษตรกรรมด้วยระบบ อนุรักษ์ดินและน้ำ พื้นที่ลุ่มน้ำคลองลาว อำเภอปลายพระยาและอำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบ่ี เป็น การศึกษาและประเมินสถานภาพทรัพยากรดินเชิงระบบสำหรับแก้ปัญหาด้านการชะล้างพังทลายของดนิ และฟ้ืนฟดู นิ ในพ้นื ท่ีเกษตรกรรม มกี ารกำหนดมาตรการด้านการปอ้ งกันและฟน้ื ฟูทรัพยากรดนิ ตามสภาพ ปัญหาของแต่ละพื้นที่ ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อให้ได้ต้นแบบแผนการบริหารจัดการ ป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและพื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรมด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ สำหรับนำไป ขยายผลในพ้นื ทีอ่ ่ืน ตามกรอบวธิ ีการดำเนนิ งาน และขนั้ ตอนการดำเนนิ งาน (ภาพที่ 2-1) ดงั น้ี ภาพท่ี 2-1 กรอบวธิ ีการดำเนินงาน แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ล่มุ น้าคลองลาว
11 การรวบรวมข้อมูลเพื่อนำไปใช้ในการศึกษาและวิเคราะห์เชือ่ มโยงส่กู าร จัดทำแผนบรหิ ารจัดการเพ่ือป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน ด้วยระบบอนุรกั ษ์ดินและนำ้ ประกอบด้วย ข้อมูล แผนที่ เอกสารรายงาน และผลงานวิชาการหรือวิจัยที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ทรัพยากรดิน (มาตราส่วน 1:25,000) ปี พ.ศ. 2561 และข้อมูลลักษณะสมบัติดินบางประการ (กองสำรวจดินและวิจัยทรัพยากรดิน กรมพัฒนาทด่ี ิน) ทรพั ยากรนำ้ สภาพภมู ปิ ระเทศสภาพภูมอิ ากาศ ปี พ.ศ. 2531-2561 (กรมอุตนุ ยิ มวิทยา) สภาพการใช้ที่ดิน มาตราส่วน 1:25,000 ปี พ.ศ. 2561 ข้อมูลเศรษฐกิจและสังคม และแผนการใช้ที่ดิน (กองนโยบายและแผนการใช้ที่ดิน กรมพัฒนาที่ดิน และกรมการพัฒนาชุมชน) ข้อมูลพื้นที่เขตป่าไม้ถาวร ปี พ.ศ. 2561 (สำนักเทคโนโลยีการสำรวจและทำแผนท่ี กรมพัฒนาที่ดิน) และข้อมูลด้านการชะล้าง พังทลายของดิน ระบบการอนุรักษ์ดินและน้ำ ตลอดจนรวบรวมข้อมูลอื่นๆ ทั้งในรูปแบบดิจิตอลและ สิง่ พิมพ์ จากหนว่ ยงานท่ีเก่ียวขอ้ ง การสำรวจศกึ ษาข้อมูลภาคสนามเพื่อให้ได้ข้อมูลทีเ่ ปน็ ปัจจบุ ัน ตลอดจน ข้อมูลที่นอกเหนือจากที่มีอยู่ (ข้อ 2.1.1) และครอบคลุมประเด็นปัญหาของสภาพพื้นที่อย่างแท้จริง ทั้งนี้ เพื่อวิเคราะห์ในการจัดทำแผนบรหิ ารจัดการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินด้วยระบบอนุรักษ์ดนิ และ น้ำ และวิเคราะห์การจัดลำดับความสำคัญของพื้นที่ดำเนินการ ได้แก่ ทรัพยากรดิน ทรัพยากรน้ำ สภาพ การใชท้ ด่ี ิน การชะล้างพงั ทลายของดิน และข้อมูลเศรษฐกจิ และสงั คม การศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลทุตยิ ภูมิที่มีอยู่ และดำเนนิ การสำรวจศึกษา และตรวจสอบดิน ในภาคสนามเพิ่มเติมในการจัดทำฐานข้อมูลทรัพยากรดินในพื้นที่ลุ่มน้ำคลองลาว เพื่อสนับสนุนการ ประเมินการชะล้างพังทลายของดิน จัดทำแผนการใช้ที่ดิน และการกำหนดมาตรการอนุรักษ์ดินและน้ำ และจัดทำแผนบริหารจัดการเพื่อป้องกันการชะลา้ งพังทลายของดินในพืน้ ที่ลุ่มน้ำคลองลาว อำเภอปลาย พระยา และอำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ มีขั้นตอนหลักในการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลทุติยภูมิ สำรวจศึกษา ดินในภาคสนาม และวเิ คราะห์สภาพปญั หาดนิ ทางการเกษตร ดงั นี้ 1) ข้อมูลทรัพยากรดิน การประเมินข้อมูลทรัพยากรดิน โดยการวิเคราะห์ข้อมูลจากแผนที่ดิน มาตราส่วน 1:25,000 ที่มีอยู่เพื่อเป็นกรอบการพิจารณาการสำรวจศึกษา เก็บข้อมูล และตรวจสอบดินในภาคสนาม เพิ่มเติม โดยใช้ข้อมูลประกอบได้แก่ แผนที่ภาพถ่ายออร์โธสีเชิงเลข และแผนที่ภูมิประเทศเป็นแผนท่ี พ้นื ฐานในการสำรวจ โดยมีขั้นตอนการดำเนินงาน ดังนี้ (1) การปฏิบตั งิ านก่อนออกสนาม แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุม่ น้าคลองลาว
12 - การแปลข้อมูลในแผนที่ภาพถ่ายออร์โธสีเชิงเลข เพื่อกำหนดขอบเขตพื้นที่โครงการ ถนน เสน้ ทางนำ้ การใชท้ ี่ดนิ ลักษณะภมู ปิ ระเทศ ความลาดชัน และการชะลา้ งพงั ทลายของดนิ - การศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ข้อมูลดิน ข้อมูลทางธรณีวิทยา ข้อมูลสภาพภูมิ ประเทศ รว่ มกับการแปลข้อมูลในแผนทภี่ าพถ่ายออรโ์ ธสีเชงิ เลข เพอื่ ให้ทราบถึงสภาพพ้ืนท่ีและวิเคราะห์ พื้นท่ี เพือ่ อนมุ านลักษณะและสมบตั ิของดินเบื้องตน้ ในพน้ื ที่ศกึ ษา - การเขียนขอบเขตดินเบื้องต้น โดยพิจารณาข้อมูลพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการชะล้าง พังทลายของดินและข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องประกอบการกำหนดจุดเจาะสำรวจดินบนแผนท่ีภาพถ่ายออร์ โธสีเชงิ เลข (2) การปฏิบตั งิ านในภาคสนาม - การเจาะสำรวจดินตามจุดที่กำหนดไว้ในแผนที่ภาพถ่ายออร์โธสีเชิงเลข หรือใน บริเวณพื้นที่ที่มีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเจน โดยใช้สว่านเจาะดินลึก 200 เซนติเมตร หรือถึงชั้น เชื่อมแข็งหรือแนวสัมผัสชั้นหินพื้น วางเรียงกันตามความลึก เพื่อตรวจศึกษาสมบัติทางเคมีและทาง กายภาพของดินทุกจดุ ด้วยเคร่ืองมือตรวจวัดภาคสนาม - การบันทึกสภาพแวดล้อมบริเวณพื้นที่ศึกษา ได้แก่ วัตถุต้นกำเนิดดิน ภูมิสัณฐาน ความลาดชัน การชะล้างพังทลายของดิน การระบายน้ำของดิน ความสามารถให้นำ้ ซมึ ผา่ นของดิน ระดับ น้ำใตด้ นิ สภาพนำ้ ท่วมขงั พชื พรรณและการใชท้ ่ีดนิ - การศึกษาลักษณะสมบัติดินเพื่อใช้ในการจำแนกดิน เช่น ความหนาของชั้นดิน เนื้อ ดิน สีดิน โครงสร้างของดนิ การจดั เรียงตวั ของชนั้ ดนิ การยึดตัวของอนุภาคดิน การเคลื่อนยา้ ยของอนุภาค ดินเหนยี ว ปริมาณการกระจายของรากพืช ค่าปฏกิ ิริยาดนิ ชนิดของชน้ิ สว่ นหยาบในดนิ หรอื วัตถตุ ่าง ๆ ที่ พบในชั้นดนิ เชน่ ก้อนกรวด ลกู รงั และเศษหนิ เป็นตน้ - การจำแนกดินตามระบบอนุกรมวิธานดิน (Soil Survey Staff, 2014) ในระดับ ประเภทของชุดดินและดินคล้าย (phases of soil series or soil variants) เขียนหน่วยแผนที่ดินลงใน ภาพถ่ายออร์โธสี พร้อมทั้งปรับแก้ไขขอบเขตของดินในภาพถ่ายออร์โธสีเชิงเลขให้สอดคล้องกับสภาพ พนื้ ที่จรงิ ในสนาม - การบันทึกลักษณะดิน สภาพพื้นที่ และเก็บตัวอย่างดินบริเวณที่เป็นตัวแทนของ หน่วยแผนที่ดิน สำหรับนำไปวิเคราะห์หาสมบตั ิกายภาพและทางเคมี เพื่อประเมินความอุดมสมบูรณ์ของ ดนิ (3) การจัดทำแผนท่ดี ิน การจัดทำแผนที่ดิน และสรุปหน่วยแผนทีท่ ั้งหมดในพื้นที่ลุ่มน้ำคลองลาว อำเภอปลาย พระยาและอำเภออ่าวลกึ จงั หวดั กระบ่ี ในมาตราส่วน 1 : 25,000 2) ข้อมูลทรัพยากรดนิ ปัญหา การจัดทำข้อมูลและแผนที่ดินปัญหาหรือสภาพปัญหาดินทางการเกษตร มาตราส่วน 1:25,000 ในพน้ื ที่ลุม่ น้ำคลองลาว ตามข้นั ตอน ดงั นี้ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลมุ่ น้าคลองลาว
13 (1) การศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลดินเพ่ือการจำแนกตามลักษณะและสมบัติดินประจำชุดดิน จำแนกประเภทและความรุนแรงของดินปัญหาต่อการผลิตพืช ตามปัญหาที่เกิดจากสภาพธรรมชาติและ จากการใชท้ ด่ี ิน รวมถึงดนิ ท่ีมีปัญหาเลก็ น้อยท่เี ปน็ ข้อจำกัดทางการเกษตร (2) การจัดทำแผนทีด่ นิ ปัญหาและประเมนิ ความรุนแรงของดินปญั หาในพื้นทีด่ ำเนนิ การ เพื่อนำไปใชใ้ นแก้ไข ฟน้ื ฟู และปอ้ งกนั การชะล้างพังทลายของดนิ รวมถงึ กำหนดมาตรการดา้ นการ อนุรกั ษ์ดนิ และน้ำเพื่อการใช้ทด่ี ินทางการเกษตรได้อย่างย่ังยนื การประเมินสถานภาพทรัพยากรน้ำ สำหรับนำไปใช้ในการประเมินการชะล้างพังทลายของ ดนิ จดั ทำแผนการใชท้ ี่ดนิ กำหนดมาตรการป้องกันการชะล้างพงั ทลายของดินและอนุรักษ์ดนิ และนำ้ การ ประเมินปริมาณน้ำผิวดินทีไ่ หลจากพื้นผิวดินสู่ร่องน้ำ ลำห้วย คลองและแม่น้ำ โดยอาศัยการคำนวณจาก ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาบนพื้นที่หนึ่งๆ แล้วถูกดูดซับลงไปเก็บกักไว้ในดิน และระเหยไปในอากาศ น้ำท่ี เหลอื จากกระบวนการตา่ ง ๆ เหลา่ นี้ จะไหลลงสูร่ ่องน้ำ ลำห้วย คลอง และแมน่ ้ำต่อไป อตั ราการไหลและ ปริมาณน้ำขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความรุนแรง ปริมาณน้ำ ทิศทางลม ลักษณะความลาดเทของ พื้นท่ี ประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำบนผิวดิน การใช้ที่ดินสมบัติของดิน และขนาดของพื้นที่รับน้ำ ทั้งนี้ เพ่อื ให้ได้ฐานขอ้ มูลที่สอดคล้องกบั หลักการสำคญั ของการอนุรักษ์ดินและนำ้ ทเ่ี ป็นการรักษาความชุ่มชื้นใน ดิน การเก็บกักน้ำไหลบ่าบนผิวดินไว้ใช้ในพื้นที่ท่ีเพื่อประโยชน์สูงสุดตามศักยภาพของพื้นที่บริเวณนั้น ๆ ในขณะเดียวกันจะต้องระบายน้ำส่วนเกินทิ้งไปในพื้นที่ที่ควบคุมได้ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับพื้นท่ี โดยเฉพาะการกดั เซาะพงั ทลายของดนิ จงึ กำหนดการประเมินศกั ยภาพภาพปรมิ าณนำ้ ทา่ ดงั นี้ 1) การคำนวณปริมาณน้ำท่า ด้วยวิธี Reginal Runoff equation (Lanning-Rush, 2000) โดยอาศัยความสมั พันธ์แบบรีเกรซชัน่ (regression) ระหว่างปรมิ าณนำ้ นองสูงสดุ เฉล่ียและพืน้ ที่รับน้ำฝน จากข้อมูลสถานีวัดน้ำในลุ่มน้ำต่าง ๆ ในลุ่มน้ำขนาดใหญ่ เพื่อหาปริมาณน้ำท่าเฉลี่ยที่จุดต่าง ๆ ในลุ่มนำ้ ดงั สมการ ������������ = ������������������ (1) เมอ่ื ������������ คือ ปรมิ าณนำ้ นองสงู สดุ รายปเี ฉล่ีย (ลูกบาศกเ์ มตร/วนิ าที) ������ คือ พนื้ ทรี่ ับน้ำฝน (ตารางกิโลเมตร) ������, ������ คอื ค่าคงท่ีคำนวณจากกราฟ 2) การคำนวณปริมาณน้ำท่าโมเดล ในพื้นที่ที่มีจำนวนและความซับซ้อนของข้อมูลมาก สามารถใช้ซอฟแวร์แบบจำลอง SWAT (SWAT model software) ในการจำลองสถานการณ์ได้ SWAT model เปน็ การจำลองกระบวนการทางอุทกวทิ ยา โดยใชส้ มการสมดลุ นำ้ ดงั สมการ SWt = SW +∑������������=1(������������ − ������������ − ������������������ − ������������ − ������������������) (2) เมือ่ SWt คอื ปริมาณน้ำในดินที่เปน็ ประโยชน์ (Available water capacity, มิลลเิ มตร) แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุม่ น้าคลองลาว
14 t คอื ช่วงระยะเวลา i คือ เวลา (วนั ) R คอื ปรมิ าณนำ้ ฝน (มลิ ลเิ มตร) Q คอื ปริมาณนำ้ ไหลบา่ (มิลลิเมตร) ET คือ ปริมาณการคายระเหย (มิลลเิ มตร) P คือ ปรมิ าณนำ้ ที่ซึมลงไปในดิน (มลิ ลิเมตร) QR คอื ปรมิ าณน้ำท่ีไหลลงแมน่ ำ้ (มิลลิเมตร) SWAT model ใช้สำหรับการประเมินปริมาณน้ำท่า ปริมาณน้ำใต้ดิน ปริมาณตะกอนและ ปริมาณสารเคมที ีใ่ ช้ในการเกษตรภายในพื้นที่ลุ่มน้ำขนาดเล็ก ขนาดใหญ่และซับซ้อน แบบจำลอง SWAT (Soil and Water Assessment Tool) พัฒนาโดย Arnold et al. (1998) โดยอาศัยข้อมูลเชิงกายภาพ ไดแ้ ก่ ความสูงตำ่ ของพ้ืนที่ (DEM) การใชป้ ระโยชนท์ ี่ดนิ สมบัตขิ องดนิ และภมู ิอากาศ เพือ่ การประเมินค่า ดัชนีที่บ่งชี้ความสมบูรณ์ของลุ่มน้ำ โดยแบ่งพื้นที่ลุ่มน้ำเป็นพ้ืนที่ลุ่มน้ำย่อยและภายในพื้นท่ีลุ่มน้ำย่อยถูก แบง่ เปน็ หน่วยจดั การอทุ กวทิ ยา (Hydrologic Response Units, HRUs) ซึ่งเปน็ การซ้อนทบั ของช้ันข้อมูล เชิงกายภาพ ความสงู ต่ำของพืน้ ที่ การใชท้ ่ีดิน ดนิ สภาพภมู อิ ากาศ และฝน 1) การรวบรวมและตรวจสอบเอกสาร ท้ังในรูปแบบของแผนที่ แผนทเ่ี ชิงเลข และรายงานท่ี เก่ียวข้องกบั จังหวัดกระบ่ี เพื่อใช้ในการกำหนดแนวทางการดำเนินงาน 2) การเตรยี มขอ้ มลู ดาวเทียม (1) ข้อมูลจากดาวเทียมไทยโชตที่ใช้ในการปฏบิ ัติงาน ประกอบด้วยข้อมูลเชิงเลข (digital data) และข้อมูลเชงิ ภาพ (analog data) การเตรียมขอ้ มูลดาวเทียม มขี น้ั ตอนการดำเนินงานดงั น้ี - การแก้ไขความคลาดเคลื่อนทางเรขาคณิต (geometric correction) เนื่องจาก ข้อมูลดาวเทียมที่ได้รับมา ยังมีความคลาดเคลื่อนเชิงตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ จำเป็นต้องดำเนินการแก้ไข ตำแหน่งให้ถูกต้อง เพื่อให้สามารถวิเคราะห์ซ้อนทับกับชัน้ ข้อมูลอื่น ๆ ได้ โดยใช้ภาพถ่ายออร์โธสีเชิงเลข ของกรมพัฒนาทด่ี ิน และแผนทภี่ มู ิประเทศ มาตราสว่ น 1 : 50,000 จากกรมแผนทีท่ หารเปน็ ข้อมูลอ้างอิง - การผลติ ภาพจากข้อมูลดาวเทียมไทยโชต ภาพทใ่ี ชเ้ ป็นภาพผสมสเี ท็จ (false color) สามช่วงคลื่น เพื่อให้ภาพชัดเจนและง่ายต่อการวิเคราะห์มากขึ้น ทำการผสมสีดังนี้ ช่วงคลื่นอินฟราเรด ใกล้ (Near Infrared–NIR) ให้ผ่านตัวกรองแสงสีแดง (red filter) เนื่องจากช่วงคลื่นอินฟราเรดใกล้เป็น ช่วงคลื่นที่พืชสีเขียวสะท้อนพลังงานมากที่สุด ดังน้ัน บริเวณที่มีพืชใบเขียวอยู่ในภาพ จะมองเห็นเป็นสี แดงชัดเจน ส่วนช่วงคลื่นสีแดงให้ผ่านตัวกรองแสงสีเขียว(green filter) และช่วงคลื่นสีน้ำเงินให้ผ่านตัว กรองแสงสีน้ำเงิน (blue filter) หลังจากนั้น ทำการเน้นรายละเอียดของข้อมูลภาพด้วยข้อมูลภาพช่วง คลื่นเดียวหรือภาพขาว-ดำ ที่มีรายละเอียดจุดภาพ 2 เมตร ซึ่งเทคนิคนี้หรือที่เรียกว่า Pansharpening method จะทำใหข้ ้อมูลภาพสมี ีรายละเอยี ดจุดภาพเพ่ิมข้นึ เท่ากบั 2 เมตร แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลมุ่ น้าคลองลาว
15 - การผลิตภาพข้อมูลดาวเทยี ม LANDSAT 8 OLI จะใชเ้ ทคนิคผสมสีเทจ็ (false color composite) โดยช่วงคลื่นอินฟราเรดใกล้ Near Infrared (NIR) (0.85 - 0.88 ไมครอน) ผ่านตัวกรองสีแดง ช่วงคลื่นอินฟราเรดคลื่นสั้น1 (Short Wave Infrared1: SWIR1) (1.57 - 1.65 ไมครอน) ผ่านตัวกรองสี เขยี ว และชว่ งคลน่ื สีแดง (0.64 - 0.67 ไมครอน) ผ่านตัวกรองสีน้าํ เงิน เพ่อื ใชใ้ นการจำแนกพชื พรรณ (2) การวิเคราะห์ข้อมูลสภาพการใช้ที่ดินจากข้อมูลดาวเทียม โดยพิจารณาจากองค์ประกอบ ของขอ้ มูล คอื ความเขม้ ของสีและสี (tone/color) ขนาด (size) รปู รา่ ง (shape) เน้ือภาพ (texture) รูปแบบ (pattern) ความสงู และเงา (height and shadow) ความเกี่ยวพัน (association) และการเปลย่ี นแปลงตาม ฤดูกาล (temporal change) เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลสภาพการใช้ที่ดิน โดยใช้โปรแกรมวิเคราะห์ระบบ สารสนเทศทางภมู ิศาสตร์แล้วจงึ นำช้ันข้อมูลท่ีไดท้ ำการวเิ คราะห์ซอ้ นทับกับภาพถา่ ยออรโ์ ธสีเชงิ เลข และ ข้อมูลจากดาวเทยี มไทยโชต เพอื่ จัดพมิ พเ์ ป็นแผนทีส่ ำหรบั การสำรวจและตรวจสอบข้อมลู ในภาคสนาม 3) การสำรวจข้อมูลในภาคสนาม โดยสำรวจและตรวจสอบรายละเอียดสภาพการใช้ที่ดิน ในพนื้ ที่จริง พรอ้ มทงั้ แกไ้ ขรายละเอยี ดให้มคี วามถูกต้องตรงกับสภาพปัจจุบนั 4) การสร้างฐานข้อมูลสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS database) เป็นการจัดทำทั้งฐานข้อมลู เชิงพื้นที่ (spatial data) และฐานข้อมูลเชิงคุณลักษณะ (attribute data) ของข้อมูลจากภาคสนาม และข้อมูลแผนทจ่ี ากสว่ นทเ่ี ก่ยี วข้อง โดยนำเข้าและประมวลผลในระบบสารสนเทศภูมศิ าสตร์ ดังนี้ (1) การสร้างฐานข้อมูลเชิงพื้นที่ เป็นการนำเข้าข้อมูลในรูปแผนที่เชิงเลขเพื่อใช้ วิเคราะหแ์ ละประมวลผลเชิงพ้นื ที่ (2) การสร้างฐานข้อมูลเชิงคุณลักษณะ เป็นการนำเข้าข้อมูลด้านคุณลักษณะของ แผนที่และข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลเชิงพื้นที่ เพื่อทำให้ทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลทั้ง 2 ประเภท สำหรับใชใ้ นการวเิ คราะหแ์ ละประมวลผลในระบบสารสนเทศภมู ิศาสตร์ 5) การจดั ทำแผนที่และฐานขอ้ มลู สภาพการใชท้ ด่ี นิ ของพืน้ ท่ลี มุ่ นำ้ คลองลาว อำเภอปลาย พระยาและอำเภออ่าวลึก จงั หวดั กระบี่ ปี พ.ศ. 2563 การสำรวจเก็บรวบรวบข้อมูลด้านเศรษฐกิจและสังคมเพื่อประกอบการจัดทำแผนการใช้ที่ดนิ และแผนบริหารจัดการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและความเสื่อมโทรมของดนิ ด้วยระบบอนุรักษ์ ดนิ และน้ำ โดยมีกล่มุ เปา้ หมายเป็นเกษตรกรทีป่ ลกู พืชเศรษฐกจิ สำคญั ของพน้ื ท่ี ไดแ้ ก่ ยางพารา และปาล์ม นำ้ มนั มขี ัน้ ตอนการดำเนนิ งาน ดังนี้ 1) การเก็บรวบรวมข้อมลู รวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่สำคัญ ได้แก่ เกษตรกรผู้ให้สัมภาษณ์ ข้อมูลสถิติจาก หนว่ ยงานตา่ ง ๆ โดยสามารถจัดข้อมูลได้ 2 ประเภท คือ (1) ข้อมูลปฐมภูมิ คือ ข้อมูลที่เก็บรวบรวมจากการสำรวจในภาคสนามด้วยวิธีการ สัมภาษณ์เกษตรกรในพื้นที่เป้าหมาย โดยการกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างใชต้ ารางสําเร็จรูปของ Taro แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ลุ่มน้าคลองลาว
16 Yamane ทร่ี ะดบั ความเช่ือมั่น 90 เปอรเ์ ซ็นต์ ได้ขนาดจำนวนตัวอยา่ งท้งั สิ้น 100 ตวั อย่าง แล้วทำการสุ่ม ตัวอย่างในการเก็บข้อมูลโดยใช้วิธีแบบเจาะจง (purposive sampling) คือ เลือกเฉพาะเกษตรกรที่ปลูก พืช (ปาล์มน้ำมันยางพารา และไม้ผล) ในพนื้ ทเ่ี ปา้ หมาย และใชแ้ บบสอบถามในการสมั ภาษณ์เกษตรกร (2) ขอ้ มูลทุติยภมู ิ คอื ขอ้ มูลต่าง ๆ ทเี่ ก็บรวบรวมจากเอกสารวชิ าการ ผลงานวจิ ยั รายงาน บทความ และระบบสบื ค้นทางอินเตอรเ์ น็ต เช่น ข้อมูลเกี่ยวกบั ระบบการปลูก การดูแลรักษา และการเก็บ เก่ียว เป็นต้น เพอ่ื เปน็ ขอ้ มูลสำหรบั อา้ งอิงและประกอบการศึกษาตอ่ ไป 2) การวเิ คราะหข์ ้อมลู การนำข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้ แล้วทำการตรวจสอบความถูกต้องและความครบถ้วนของ ข้อมูล และประมวลผล จากนั้นวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้วิธีการวิเคราะห์เชิงพรรณนา (descriptive analysis) แสดงผลเปน็ คา่ รอ้ ยละ และ/หรอื คา่ เฉลยี่ แบ่งการวิเคราะห์ขอ้ มลู ดงั น้ี (1) การวิเคราะห์ข้อมูลทัว่ ไปของครัวเรือนเกษตร ความรู้ ความเข้าใจ ด้านการอนุรักษ์ดิน และน้ำ ผลกระทบของการชะล้างพังทลายของดิน ตลอดจนทัศนคติ ปัญหาและความต้องการความ ช่วยเหลอื จากรฐั ของเกษตรกร (2) การวิเคราะห์ข้อมูลการใช้ปัจจัยการผลิต โดยใช้ปริมาณและมูลค่าปัจจัยการผลิต ที่สำคัญ ได้แก่ การใช้พันธุ์ การใช้ปุ๋ยชนิดต่าง ๆ (ปุ๋ยเคมี และปุ๋ยอินทรีย์) การใช้สารป้องกันและกำจัด วัชพืช/ศัตรูพืช/โรคพืช การใช้แรงงานคน และแรงงานเครื่องจักร โดยวิเคราะห์และสรุปข้อมูลมาเป็น ค่าเฉลีย่ ตอ่ พ้นื ท่ี 1 ไร่ (3) การวิเคราะห์ข้อมลู ตน้ ทนุ และผลตอบแทนในการผลิต ไดแ้ ก่ - การวเิ คราะห์ตน้ ทนุ การผลติ ประกอบดว้ ย ต้นทนุ ท้งั หมด ตน้ ทุนผันแปร และต้นทุน คงที่ โดยมีวิธีการคำนวณต้นทุน ดังนี้ ต้นทุนทั้งหมด = ต้นทุนผนั แปร + ต้นทุนคงที่ ต้นทุนผันแปร เป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการผลิตที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามปริมาณ การผลิต ค่าใช้จ่ายประเภทนี้ เกษตรกรสามารถเพิ่มหรือลดได้ในช่วงระยะเวลาการผลิตพืช เช่น ค่าพันธุ์ คา่ ปุย๋ ค่าแรงงานคน ค่าแรงงานเครื่องจักร คา่ ซอ่ มแซมอปุ กรณก์ ารเกษตร และคา่ ขนส่งผลผลติ เป็นต้น ต้นทนุ คงท่ี เปน็ คา่ ใชจ้ ่ายท่ีเกดิ ข้นึ แก่เกษตรกร ถึงแมจ้ ะไม่ได้ทำการผลติ พืช เน่ืองจาก ค่าใช้จ่ายประเภทนี้จะไม่เปลี่ยนแปลงไปตามปริมาณการผลิตพืช เช่น ค่าเช่าที่ดินที่ใช้ในการปลูกพืช ค่า ภาษที ี่ดนิ ซึ่งต้องเสียทกุ ปี ไม่ว่าทีด่ ินผืนน้นั จะใช้ประโยชน์ในปนี ้ัน ๆ หรอื ไมก่ ็ตาม - การวิเคราะหผ์ ลตอบแทนการลงทุน มีวิธีการคำนวณ ดังนี้ ผลตอบแทนเหนือตน้ ทนุ ทั้งหมด = ผลตา่ งระหว่างมูลค่าผลผลิตทัง้ หมดกบั ตน้ ทุน ท้ังหมด - อัตราส่วนผลตอบแทนต่อต้นทุนทั้งหมด (Benefit-cost Ratio: B/C Ratio) เป็นการ วิเคราะห์ผลตอบแทนทางการเงิน เพื่อใช้ในการตัดสินใจในการลงทุนว่าควรจะลงทุนในการผลิตหรือไม่ เป็นการวิเคราะห์อัตราส่วนเปรียบเทียบมูลค่าปัจจุบันเฉลี่ยต่อไร่ของผลตอบแทนกับต้นทุนทั้งหมดตลอด แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุม่ น้าคลองลาว
17 ช่วงปีที่ทำการผลิต โดยเกณฑ์ที่ใช้ในการตัดสินใจเลือกลงทุนในโครงการใด ๆ คือ B/C Ratio ที่มีค่า มากกว่าหรือเท่ากับ 1 ถ้า B/C Ratio มากกว่า 1 หมายความว่า ผลตอบแทนท่ีได้รับจากการผลิตพืช มากกว่าค่าใช้จ่ายหรือต้นทุนที่เสียไป หรือถ้า B/C Ratio เท่ากับ 1 หมายความว่า ผลตอบแทนที่ได้รับจาก การผลติ พืชเทา่ กบั คา่ ใชจ้ า่ ยหรอื ตน้ ทนุ ท่เี สียไปพอดี การประเมินการชะล้างพังทลายของดินในพื้นท่ีโครงการฯ โดยอาศัยสมการการสูญเสียดินสากล (Universal Soil Loss Equation, USLE) (Wischmeier and Smith, 1965) ซ่งึ สมการนถี้ ูกพัฒนาขึ้นมา เพื่อใช้ประเมินการชะล้างพังทลายของดินในพื้นที่เกษตร และเป็นการชะล้างพังทลายของดินที่เกิดจาก การกระทำของนำ้ ไม่รวมถงึ การชะล้างพังทลายทเี่ กิดจากลม ดังสมการ A = RKLSCP (3) สมการดังกล่าวพิจารณาการชะล้างพังทลายของดินจากการตกกระทบของเม็ดฝน (raindrop erosion) และแบบแผน่ (sheet erosion) ไมค่ รอบคลุมถึงการชะล้างพงั ทลายแบบร้ิว (rill erosion) และ แบบร่อง (gully erosion) (Wischmeier and Smith, 1965) ซึ่งปัจจัยที่นำมาพิจารณาในสมการ ได้แก่ ปริมาณน้ำฝน ความแรงของนำ้ ฝน ลกั ษณะของดิน ลักษณะของพืชคลุมดิน สภาพของพ้ืนที่และมาตรการ ระบบอนรุ กั ษ์ดินและน้ำ รายละเอยี ดแตล่ ะปจั จัยทเี่ กย่ี วข้อง ดงั น้ี 1) ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับฝน (erosivity factor: R) เป็นค่าความสัมพันธ์ของพลังงานจลน์ของเม็ด ฝนที่ตกกระทบผวิ หน้าดินกบั ปรมิ าณความหนาแน่นของฝนในช่วงระยะเวลาหนึง่ ซึ่งความสมั พันธ์นี้ไดม้ ีผู้ ศึกษาและนำมาประยุกต์ใช้อย่างกว้างขวาง (มนู และคณะ, 2527 และ Kunta, 2009) ในการศึกษานี้ได้ นำคา่ สหสัมพนั ธ์ระหว่างค่าปจั จยั การกดั กร่อนของฝนสอดคล้องตามวธิ ีการของ Wischmeier (กรมพฒั นา ท่ีดนิ , 2545; มนู และคณะ, 2527) มาวเิ คราะห์รว่ มกบั ขอ้ มลู ปริมาณน้ำฝนเฉล่ียรายปี (average annual rainfall) ในช่วงระยะเวลา 30 ปี (พ.ศ. 2531-2561) ได้ค่าปัจจยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกับฝนสำหรบั พื้นทโ่ี ครงการฯ 2) ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับลักษณะของดิน (erodibility factor: K) เป็นค่าความคงทนของดิน ภายใต้สภาพแวดล้อมที่คล้ายคลึงกันดินแต่ละชนิดจะทนต่อการชะล้างพังทลายที่แตกต่างกัน สอดคล้อง ตามหลักการของ Wischmeier นั้น สามารถวิเคราะห์ค่าปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับลักษณะดินนี้จากภาพ Nomograph โดยประเมินได้จากสมบัตขิ องดิน 5 ประการคือ (1) ผลรวมปริมาณร้อยละดนิ ของทรายแป้ง และปริมาณร้อยละของทรายละเอียดมาก (2) ปริมาณร้อยละของทราย (3) ปริมาณร้อยละของ อินทรียวัตถุในดิน (4) โครงสร้างของดิน และ (5) การซาบซึมน้ำของดิน (กรมพัฒนาที่ดิน, 2545) ได้มี การศกึ ษาปัจจัยดงั กลา่ ว และให้คา่ ปัจจยั ทเ่ี กยี่ วข้องกับลกั ษณะของดนิ สอดคล้องตาม 3) ปจั จยั ที่เกีย่ วข้องกบั สภาพภูมิประเทศ (slope length and slope steepness factor: LS) เป็นปัจจยั ที่เกีย่ วข้องกับความลาดชนั และความยาวของความลาดชัน ตามปกตแิ ลว้ ค่าการชะล้างพังทลาย ของดินนั้นจะแปรผันตรงกับความลาดชันสูงและความยาวของความลาดชัน ในการศึกษานี้ได้ใช้ข้อมูล แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ลมุ่ น้าคลองลาว
18 ความสูงจากแบบจำลองระดับความสูงเชิงเลข (Digital Elevation Model, DEM) โดยคำนวณทั้งสอง ปจั จัยสอดคล้องกบั การศกึ ษาของ (Hickey et al., 1994) 4) ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดการพืช (crop management factor: C) เป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้อง กับพืชคลุมดิน ซึ่งพืชแต่ละชนิดยอ่ มมีความต้านทานในการชะล้างพังทลายของดนิ ทีแ่ ตกต่างกันขึ้นอย่กู ับ ความสูงของตน้ ลักษณะพุ่ม หรือการยึดอนภุ าคดินของรากพืชนั้น ๆ เป็นต้น ในกรณีที่ไมม่ ีพชื ปกคลุมดนิ นั้น ค่าปัจจัยท่ีเกี่ยวข้องกับการจัดการพืชนี้จะมีค่ามากที่สุด ในที่น้ี คือ 1.00 ส่วนกรณีที่พืชปกคลุมดิน สามารถต้านทางการชะล้างพังทลายของดินไดด้ ีจะให้ค่าปัจจัยนีน้ อ้ ย นอกจากน้ี ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการ จัดการพืชนี้ ยังมีความสัมพันธ์กับสภาพภูมิอากาศในพื้นที่นั้น ๆ เนื่องจากสภาพภูมิอากาศนั้นมีผลต่อการ เจรญิ เติบโตของพชื 5) ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ดินและน้ำ (conservation factor: P) เป็นปัจจัยที่แสดงถึง มาตรการอนุรักษ์ดินและน้ำในพื้นที่นั้น ๆ เช่น การปลูกพืชตามแนวระดับ (contouring) การปลูกพืชสลับ ขวางความลาดเอียง (strip cropping) การปลูกพืชในพื้นที่ท่ีมีคันนา เป็นต้น ในที่นี้ใช้ค่าตามการศึกษา ของกรมพัฒนาที่ดิน (2545) จากค่าปัจจัยทั้ง 5 ปัจจัยนั้น สามารถนำมาคำนวณการสูญเสียดินสอดคล้อง ตามสมการการสูญเสียดินสากลได้บนฐานข้อมูลแบบราสเตอร์ (raster) โดยระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ จากผลการคำนวณค่าการสูญเสียดินนั้น สามารถนำมาจัดชั้นความรุนแรงของการสูญเสียดิน ทำให้ทราบ ถงึ ขอบเขตของพื้นที่มีปัญหา เน่ืองจากการสูญเสียดินเพื่อเป็นแนวทางในการวางแผนอนุรกั ษ์ดินและน้ำใน พ้ืนที่ตอ่ ไป ตารางท่ี 2-1 ระดบั ความรนุ แรงของการชะลา้ งพงั ทลายของดนิ ระดับความรนุ แรงของการชะล้างพังทลาย ค่าการสญู เสียดนิ (ตนั /ไร่/ป)ี น้อย 0-2 ปานกลาง 2-5 รนุ แรง 5-15 รนุ แรงมาก 15-20 รนุ แรงมากท่สี ุด มากกว่า 20 ท่มี า: กรมพัฒนาทด่ี ิน (2545) แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุ่มน้าคลองลาว
19 ตารางท่ี 2-2 ชัน้ ของการกัดกร่อน (degree of erosion classes) สญั ลกั ษณ์ ชือ่ เรียก การสญู เสียของช้ันดนิ (%) E0 ไม่มกี ารกรอ่ น (non eroded) 0 E1 กรอ่ นเล็กนอ้ ย (slightly eroded) E2 กรอ่ นปานกลาง (medium eroded) 0 - <25 E3 กร่อนรนุ แรง (severe erosion) 25 – 75 E4 กรอ่ นรนุ แรงมาก (very severe erosion) > 75 ท่มี า: กรมพฒั นาท่ดี ิน (2551) 100 การจัดทำแผนการใช้ที่ดิน เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการทางภูมิสารสนเทศ (Geographic Information System: GIS) เพื่อจัดทำแผนการใช้ที่ดินเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ โดยการประมวลผล ข้อมูลทางกายภาพ ได้แก่ ประเภทการใช้ที่ดิน การประเมินคุณภาพดิน น้ำ สภาพภูมิอากาศ สภาพ เศรษฐกิจและสังคม ดงั น้ี วิเคราะห์ประเภทการใช้ที่ดิน จากชนิดของพืช ลักษณะการดำเนินงาน และสภาพการผลิต ในการใชท้ ่ดี ินท้ังทางด้านกายภาพและสภาพเศรษฐกิจสังคม ซึ่งไดแ้ ก่ รูปแบบการผลติ การเขตกรรม การ จัดการ เงินทุน และขนาดของกิจการ เป็นต้น โดยใช้ข้อมูลเหล่านี้มาวเิ คราะหเ์ พื่อคัดเลือกประเภทการใช้ ท่ดี ินที่เหมาะสม (กรมพัฒนาทีด่ นิ , 2561) กบั ความต้องการการผลิตพชื ของเกษตรกรในทอ้ งถิ่นน้นั การคัดเลือกประเภทการใช้ที่ดินมีวิธีการโดยวิเคราะห์ข้อมูลดิ นร่วมกับข้อมูลสภาพการใช้ ท่ดี ินมาจดั ทำหนว่ ยทดี่ นิ หลังจากนั้นถงึ ดำเนินการเกบ็ ข้อมลู ตามเนอื้ ท่ีสภาพการใช้ทดี่ ินท่ีมีมากท่ีสุดในลุ่ม นำ้ การประเมินคุณภาพที่ดนิ ด้านกายภาพเป็นการวเิ คราะห์ศักยภาพของหนว่ ยที่ดินต่อการใช้ ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ในระดับการจัดการที่แตกต่างกัน วิธีการประเมินคุณภาพที่ดินมีหลายวิธี กลุ่มวางแผนทรัพยากรน้ำเพื่อการพัฒนาที่ดินได้เลือกใช้วิธีการประเมินคุณภาพที่ดินตามหลักการของ FAO Framework ซง่ึ มีจำนวน 2 รปู แบบ แต่ในการประเมินคุณภาพที่ดินเบ้ืองตน้ จะทำการประเมินเพียง ด้านเดียว คือ การประเมินทางด้านคุณภาพ เป็นการประเมินเชิงกายภาพว่าที่ดินน้ัน ๆ มีความเหมาะสม มากหรือน้อยเพียงใดต่อการใช้ท่ีดินประเภทต่าง ๆ โดยศึกษาการประเมินคุณภาพดนิ ร่วมกับประเภทการ ใชท้ ดี่ นิ ทไ่ี ด้กำหนดเปน็ ตวั แทนการเกษตรกรรมหลักในลมุ่ น้ำสาขา การวเิ คราะห์ได้คำนึงถงึ ปจั จยั ท่ีมีผลต่อ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลมุ่ น้าคลองลาว
20 การเจริญเติบโตของพืชในแต่ละดา้ นของดินที่แตกต่างกันโดยอาศยั คุณลักษณะดินแตกต่างกันไปตามวตั ถุ ต้นกำเนดิ ของดิน ซง่ึ คุณลกั ษณะท่ีดินทใี่ ชใ้ นการแสดงคา่ เพื่อวัดระดบั การเจรญิ เติบโตแตกตา่ งกนั คุณภาพที่ดินที่นำมาประเมินสำหรับการปลูกพืช ในระบบ FAO Framework ได้กำหนดไว้ ทั้งหมด 25 ชนิด แต่ที่นำมาพิจารณาเพื่อประเมินความเหมาะสมของที่ดินในแต่ละประเภทการใช้ที่ดินมี จำนวน 8 คุณภาพท่ีดิน ประกอบดว้ ย 1) ระบอบอณุ หภมู ิ (Temperature regime: T) คุณลักษณะที่ดินที่เป็นตัวแทน ได้แก่ ค่าเฉลี่ยอุณหภูมิในฤดูเพาะปลูก เพราะอุณหภูมิมี อิทธิพลต่อการงอกของเมล็ด การออกดอกของพืชบางชนิด และมีส่วนสัมพันธ์กับกระบวนการสังเคราะห์แสง ซ่ึงสง่ ผลกระทบต่อการเจริญเตบิ โตของพชื 2) ความช่มุ ช้ืนที่เปน็ ประโยชนต์ ่อพืช (Moisture availability: M) คุณลักษณะที่ดินที่เป็นตัวแทน ได้แก่ ระยะเวลาการท่วมขังของน้ำในฤดูฝน ปริมาณ น้ำฝนเฉลย่ี ในรอบปีหรือความต้องการนำ้ ในช่วงการเจรญิ เติบโตของพืช นอกจากนี้ได้พิจารณาถึงลักษณะ ของเนื้อดนิ ซ่ึงมผี ลต่อความสามารถในการอมุ้ น้ำ ท่ีเปน็ ประโยชนต์ อ่ พืช 3) ความเปน็ ประโยชน์ของออกซิเจนต่อรากพืช (Oxygen availability: O) คุณลักษณะที่ดินที่เป็นตัวแทน ได้แก่ สภาพการระบายน้ำของดิน ทั้งนี้เพราะพืช โดยท่ัวไปรากพืชตอ้ งการออกซเิ จนในกระบวนการหายใจ 4) ความเป็นประโยชนข์ องธาตอุ าหาร (Nutrient availability: S) คุณลักษณะท่ีเปน็ ตวั แทน ไดแ้ ก่ ปริมาณธาตอุ าหารพชื ในดิน 5) ความเสยี หายจากนำ้ ท่วม (Flood hazard: F) คุณลักษณะที่ดินที่เป็นตัวแทน ได้แก่ จำนวนครั้งที่น้ำท่วมในช่วงรอบปีที่กำหนดไว้ หมายถึง พืชได้รับความเสียหายจากการที่น้ำท่วมบนผิวดินชั่วระยะเวลาหนึ่งหรือเป็นน้ำที่มีการไหลบ่า การท่นี ้ำทว่ มขังจะทำให้ดินขาดออกซิเจน สว่ นน้ำไหลบ่าจะทำให้รากพืชได้รับความกระทบกระเทือนหรือ รากอาจหลุดพ้นผิวดนิ ขึน้ มาได้ ความเสียหายจากน้ำท่วมไม่ใช่จะเกิดกับพืชเทา่ นนั้ แต่ยงั ทำความเสียหาย ให้กับดินและโครงสรา้ งพ้นื ฐานต่าง ๆ ท่เี กีย่ วข้องกบั การใช้ที่ดิน 6) สภาวะการหยัง่ ลึกของราก (Rooting conditions: R) คุณลักษณะที่ดินที่เป็นตวั แทน ได้แก่ ความลึกของดิน ความลึกของระดับน้ำใต้ดิน และช้ัน การหย่งั ลึกของราก โดยความยากงา่ ยของการหยั่งลึกของรากในดินมีปจั จัยทีเ่ กี่ยวข้อง ได้แก่ ลกั ษณะเน้ือดิน โครงสรา้ งของดิน การเกาะตัวของเมด็ ดิน และปริมาณกรวดหรอื เศษหนิ ทพ่ี บบนหนา้ ตดั ดิน 7) ศักยภาพในการใชเ้ คร่ืองจักร (Potential for mechanization: W) คุณลักษณะที่ดินที่เป็นตัวแทน ได้แก่ ความลาดชันของพื้นที่ ปริมาณหินโผล่ ปริมาณ ก้อนหิน และการมีเนือ้ ดินเหนียวจัด ซึง่ ปจั จัยท้งั 4 น้อี าจเป็นอปุ สรรคตอ่ การไถพรวนโดยเครอื่ งจกั ร 8) ความเสยี หายจากการกัดกรอ่ น (Erosion hazard: E) คุณลักษณะทด่ี นิ ทเี่ ป็นตัวแทน ได้แก่ ความลาดชันของพื้นท่ี แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ลมุ่ น้าคลองลาว
21 การจำแนกความเหมาะสมของที่ดินตามหลักเกณฑ์ของ FAO Framework เป็นการประเมิน ศกั ยภาพของที่ดินสำหรับการปลูกพชื หรือประเภทการใช้ที่ดิน โดยการพิจารณาเปรยี บเทียบความสัมพันธ์ ระหว่างคุณภาพที่ดินกับความต้องการปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อการเจริญ เติบโตของพืชหรือประเภทการใช้ ท่ีดินว่ามีความเหมาะสมอยู่ในระดับใด และมีขอ้ จำกดั ใดบ้าง โดยได้จำแนกความเหมาะสมออกเป็น 4 ชั้น คอื S1 : ชน้ั ทม่ี คี วามเหมาะสมสงู S2 : ชน้ั ทีม่ คี วามเหมาะสมปานกลาง S3 : ชน้ั ทม่ี คี วามเหมาะสมเลก็ น้อย N : ช้ันที่ไมม่ คี วามเหมาะสม จากการประเมินคุณภาพที่ดินสามารถสรุปพื้นที่ที่มีศักยภาพในการปลูกพืชแต่ละ ชนิดโดย พิจารณาจากเนื้อที่ประเภทการใช้ท่ีดินที่ดำเนินการปลูกจริงและมีเนื้อท่ีการปลูกพืชมากที่สุดในพื้นท่ีลุ่มน้ำ คลองลาว จำนวน 6 ประเภทการใชท้ ด่ี ิน เปน็ พชื ตวั อย่างที่นำมาพิจารณาชน้ั ความเหมาะสมตามศักยภาพ ของ เนือ้ ทลี่ ่มุ นำ้ ทั้งนี้ การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อจัดทำแผนการใช้ที่ดิน จะต้องวิเคราะห์ข้อมูลสถานภาพของ ทรัพยากรธรรมชาติและสภาพการใช้ที่ดินร่วมกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องภายในพื้นที่โครงการฯ โดยการ วิเคราะห์อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ต้องรักษาสภาพป่าไม้และระบบนิเวศของพื้นที่ไว้ ร่วมกับการใช้พื้นที่ให้ เหมาะสมกับศักยภาพของที่ดินตามประเภทการใช้ประโยชน์ที่ดิน ภายใต้ข้อจำกัดการใช้ที่ดินของภาครัฐ และต้องสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจสงั คมของชุมชนในพื้นที่ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง โดยเน้นการ มีสว่ นร่วมของชมุ ชนและภาครฐั ในการพิจารณาจัดทำแผนการใชท้ ่ีดินในพ้นื ท่ีโครงการฯ เพอ่ื ให้เกิดการใช้ พื้นที่อย่างยั่งยืน และคงไว้ซึ่งสมดุลของระบบนิเวศรวมทั้งก่อให้เกิดประโยชน์ในแง่ของการฟื้นฟูและ อนุรักษท์ รพั ยากรธรรมชาติ 1) กล่มุ เป้าหมายและพน้ื ท่ีดำเนนิ การ การคัดเลือกกลุ่มเป้าหมายบริเวณลุ่มน้ำย่อยพื้นที่ลุ่มน้ำคลองลาว อำเภอปลายพระยา และอำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ จำนวน 4 ตำบล 25 หมู่บ้าน โดยเลือกจากตัวแทนชุมชนและหมอดิน อาสาประจำหมูบ่ า้ น ตัวแทน 2 คนต่อหมู่บา้ น รวมกลมุ่ เปา้ หมายทีจ่ ะเข้าร่วมการประชมุ จำนวน 100 คน ซ่งึ เป็นตัวแทนของพื้นทดี่ ำเนินการ ดังนี้ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ลมุ่ น้าคลองลาว
22 (1) ตำบลเขาใหญ่ประกอบด้วย 5 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านเขาล่อม บ้านทุ่งคาตีกัน บ้านใน ยวนไทย บา้ นทงุ่ สูง และบา้ นหนิ ดาน (2) ตำบลนาเหนือ ประกอบด้วย 7 หมู่บ้าน คือ บ้านลาว บ้านนาเหนือ บ้านบางโทง บา้ นบางไทร บา้ นบางเจริญ บา้ นบางทอง และบ้านควนสบาย (3) ตำบลเขาต่อ ประกอบด้วย 7 หมู่บ้าน คือ บ้านบางเท่าแม่ บ้านบางหอย บ้านบางยิง ววั บ้านเขาตอ่ บ้านบางโสก บา้ นนา และบา้ นโคกยอ (4) ตำบลเขาเขน ประกอบดว้ ย 6 หมบู่ ้าน คอื บ้านช่องแบก บา้ นนาเทา บา้ นตัวอยา่ ง บ้าน ถำ้ รอบ และบ้านควนเศียร บา้ นคลองปญั ญา 2) ประเด็นการรับฟงั ความคิดเหน็ กำหนดการแบ่งกลุ่ม (Focus group) ออกกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มพื้นที่ต้นน้ำ ที่มี ความเสี่ยงต่อการชะล้างพังทลายสูง กลุ่มพื้นที่กลางน้ำ ที่มีความเสี่ยงต่อการชะล้างพังทลายปานกลาง กลุ่มพื้นที่ปลายน้ำ ที่มีความเส่ียงต่อการชะลา้ งพังทลายเล็กน้อย ได้ดำเนินการ 2 ครั้ง เป็นตัวแทนกล่มุ ท่ี เป็นผู้นำชุมชนและหมอดินอาสา โดยมีประเด็นการรับฟังความคิดเหน็ คือ ความรู้ความเข้าใจของเกษตรกร ต่อการชะล้างพังทลายของดิน สภาพปัญหาของพื้นที่ แนวทางการแก้ไขปัญหา (ภูมิปัญญาและตามหลัก วิชาการ) และการกำหนดเปา้ หมายในการดำเนินงาน (ภาพที่ 2-2) สภาพปัญหา ความรู้ ความเขา้ ใจ การจัดการ ของพน้ื ท่ี ต่อการชะล้าง ด้วยระบบอนรุ กั ษด์ ินและนำ้ พังทลายของดนิ ล่มุ น้ำคลองลาว อ.อา่ วลกึ และ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ แนวทางแกไ้ ข/ พื้นที่นำรอ่ ง ภมู ปิ ัญญา + วชิ าการ ภาพที่ 2-2 ประเดน็ การรบั ฟงั ความคิดเห็นของชุมชนแบบมีส่วนรว่ ม แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุ่มน้าคลองลาว
23 1) จัดทำ (ร่าง) รายงานแผนบริหารจัดการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟู พื้นที่เกษตรกรรมด้วยระบบอนุรกั ษ์ดินและน้ำ เพื่อประกอบการประชุมรับฟังความคิดเห็นจากหนว่ ยงาน ภาครัฐ ประชุมรับฟังความคิดเห็นต่อการจัดทำแผนบริหารจดั การป้องกันการชะล้างพังทลายของดนิ และ ฟื้นฟูพ้ืนที่เกษตรกรรมด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ พื้นที่ลุ่มน้ำคลองลาว วันพุธที่ 29 กรกฎาคม 2563 เวลา 14.00 น. ณ ศาลาเอนกประสงค์บ้านบางเจริญ หมู่ที่ 5 ตำบลนาเหนือ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ และวันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม 2563 เวลา 13.00 น. ณ ศูนย์กีฬาในร่ม บ้านเขาต่อ ตำบลเขาต่อ อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจากหน่วยงานภาครัฐระดับจังหวัด ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวง พัฒนาสงั คมและความม่นั คงของมนษุ ย์ และองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำบล 2) ปรับปรุงแก้ไข (ร่าง) รายงานแผนบริหารจัดการป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน และฟ้นื ฟูพืน้ ท่ีเกษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรักษด์ นิ และน้ำ ก่อนนำเสนอตอ่ คณะทำงานจัดทำแผนการบริหาร จดั การโครงการป้องกนั การชะลา้ งพังทลายของดินและฟ้ืนฟพู ้ืนท่เี กษตรกรรมด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ พื้นที่ลุ่มพื้นท่ีลุ่มน้ำคลองลาว อำเภอปลายพระยา และอำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบ่ี และคณะกรรมการ ขับเคลื่อนโครงการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรม ด้วยระบบอนุรักษ์ดิน และนำ้ การกำหนดพ้ืนที่เปา้ หมายเพ่ือดำเนินกจิ กรรม (implement) ประกอบการจดั ทำแผนปฏิบัติการให้ สอดคล้องกับสภาพปัญหาพื้นที่และความต้องการของชมุ ชน ด้วยการวิเคราะห์ลำดบั ความสำคัญเปน็ การ กำหนดพื้นที่นำร่องโครงการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรมด้วยระ บบ อนุรักษ์ดินและน้ำ พ้นื ท่ลี ุ่มน้ำคลองลาว อำเภอปลายพระยาและอำเภออ่าวลึก จงั หวดั กระบี่ จากขอบเขต พื้นทีล่ มุ่ น้ำย่อย จำนวน 148,272 ไร่ เมอื่ ผ่านกระบวนการวิเคราะหจ์ ากข้อมลู ทตุ ิยภูมิเบื้องต้นทั้งรูปแบบ รายงานและแผนที่ ประกอบด้วย ข้อมูลดินและสภาพดินปัญหา การชะล้างพังทลายของดิน การใช้ที่ดิน และแผนการใชท้ ี่ดิน จากข้อมูลหน่วยงานที่เก่ียวข้อง และการสำรวจข้อมลู จากสภาพพื้นที่ดำเนินการจรงิ ในปัจจุบัน และการรับฟังความคิดเห็นต่อแนวทางการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพื้นท่ี เกษตรกรรมด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ จะทำให้ได้เกณฑ์ (criteria) สำหรับนำมาใช้ในการกำหนดพืน้ ท่ี เป้าหมายและกำหนดแผนงาน/โครงการสนับสนุนการดำเนินงานโครงการได้ เช่น ระดับความรุนแรงของ พื้นที่ชะล้างพังทลายของดิน (soil erosion) พื้นที่ถือครอง แหล่งน้ำ สถานการณ์ภัยแล้งและน้ำท่วม ระบบอนุรักษ์ดนิ และนำ้ การใชท้ ่ีดินและการมีส่วนร่วมหรือการยอมรับของชุมชน แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ล่มุ น้าคลองลาว
24 ในการคัดเลือกพื้นที่ดำเนินการ ปัจจัยหลักที่นำมาพิจารณา 5 ด้าน ประกอบด้วย 1) ระดับความ รนุ แรงของการชะล้าง 2) เอกสารสทิ ธิ์ 3) การใชท้ ด่ี นิ 4) กิจกรรมท่ีดำเนนิ งานในพ้ืนที่ 5) แผนปฏิบัติงาน ของพื้นท่ี 6) ความตอ้ งการของชมุ ชน โดยมเี กณฑ์การให้คะแนน ดงั นี้ 1) ระดบั ความรนุ แรงของการชะลา้ ง สงู = 3 คะแนน ปานกลาง = 2 คะแนน ตำ่ = 1 คะแนน 2) การถือครองท่ีดิน มเี อกสารสทิ ธ์ิ = 2 คะแนน ไม่มีเอกสารสิทธ์ิ = 1 คะแนน 3) การใช้ท่ดี นิ พชื หลกั (พชื ไร)่ = 3 คะแนน นาข้าว (พชื รอง) = 2 คะแนน ไม้ผล/ไม้ยืนตน้ (พืชรอง) = 1 คะแนน 4) กจิ กรรมท่ดี ำเนนิ งานในพนื้ ที่ ไมเ่ คยมี = 2 คะแนน เคยมี = 1 คะแนน 5) แผนการดำเนินงานในพนื้ ท่ี ปี 2563 แหลง่ น้ำ ปรับปรุงดนิ ระบบอนุรกั ษ์ดนิ และนำ้ = 3 คะแนน = 2 คะแนน แหล่งน้ำและปรบั ปรงุ ดิน = 1 คะแนน แหล่งนำ้ หรือปรับปรงุ ดนิ 6) ความต้องการของชุมชน = 3 คะแนน ตอ้ งการแหลง่ นำ้ และระบบอนุรกั ษ์ดนิ และนำ้ = 2 คะแนน ต้องการแหล่งนำ้ หรือระบบอนรุ กั ษด์ ินและนำ้ = 1 คะแนน ตอ้ งการงานดา้ นอื่น ๆ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลุ่มน้าคลองลาว
25 แผนปฏิบัติการเพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของดนิ และฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรมพื้นที่ลุ่มน้ำคลอง ลาว ระยะ 4 ปี (พ.ศ. 2563-2566) และระยะ 1 ปี เพ่ือเป็นเคร่อื งมือในการขับเคล่ือนโครงการป้องกันการ ชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรม ด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ ให้สามารถนำไปสู่การ วางแผน การกำหนดมาตรการและบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการชะล้างพังทลาย ของดินและพื้นที่ดินเสื่อมโทรม นำไปสู่การใช้ประโยชน์อย่างสูงสุดสมดุล เป็นธรรม และยั่งยืน รวมทั้ง สามารถแปลงไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม ตามระบบการบริหารเชิงยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกับ ประเด็นปัญหาและบูรณาการการดำเนินงานของหน่วยงานโดยผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมจากภาคีผู้มี สว่ นได้เสยี ทเี่ กี่ยวข้อง ภาพท่ี 2-3 หลกั การสำคญั ในการจดั ทำแผนการบริหารจัดการที่ดินและทรพั ยากรดนิ ของประเทศ ทมี่ า : สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม (2561) การบริหารจัดการทรัพยากรดินระดับลุ่มน้ำ ได้นำหลักการด้านการอนุรักษ์ดินและน้ำ การบริหาร จัดการเชิงระบบนิเวศที่ต้องดำเนินการเพื่อให้เกิดความสมดุลของระบบ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง การบูรณาการให้การใช้ประโยชนท์ ี่ดินเป็นไปอยา่ งเหมาะสมตามศักยภาพของทด่ี นิ มีความเช่ือมโยง กับการจัดการทรัพยากรน้ำ ปา่ ไม้ และชายฝัง่ ใหเ้ กิดประโยชน์สูงสดุ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สงั คม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม และความมั่นคงของประเทศ โดยให้คำนึงถึงสิทธิในทรพั ย์สินของประชาชนหลักธรรมาภิบาล การรับรู้ข้อมูลข่าวสาร การกระจายอำนาจ การมีส่วนร่วมของประชาชน ชุมชนและ ภูมิสังคม ดังนั้น แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ลมุ่ น้าคลองลาว
26 เพอ่ื ให้แผนบริหารจดั การแปลงไปสกู่ ารปฏิบัติ จงึ ได้จัดทำแผนปฏิบัติการ แบ่งออกเปน็ 2 ระยะ คอื ระยะ 4 ปี และระยะ 1 ปี โดยนำเสนอต้นแบบการบริหารจัดการทรัพยากรดินระดับลุ่มน้ำในพื้นที่อื่น ๆ ครอบคลุมการแก้ไข และป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพื้นเกษตรกรรมครอบคลุมทั้งประเทศ ครอบคลุมทุกมิติ แบบองค์รวม (interdisciplinary) ประกอบด้วย มิติทางกายภาพ สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม โดย กำหนดทิศทางจากสภาพปัญหาเป็นตัวนำ (problem orientation) ความรู้ทางวิชาการที่หลากหลาย สาขาผ่านกระบวนการคิด วิเคราะห์ จากงานวิจัย (research) และเทคโนโลยีด้านการพัฒนาที่ดิน การ อนุรักษด์ ินและนำ้ ผา่ นกระบวนการมสี ว่ นรว่ มของชุมชน (participation approach) แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ลุ่มน้าคลองลาว
27 3 สถำนภำพพ้ืนท่ี ล่มุ น้ำคลองลำว แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ลุ่มน้าคลองลาว
28 3บทที่ พน้ื ที่ล่มุ นำ้ คลองลาว มพี ้นื ที่รวมท้งั สนิ้ 237.23 ตารางกโิ ลเมตร หรือ 148,272 ไร่ โดยตงั้ อยู่พิกดั E 460950 N 934475 และ E 482563 N 958690 อยู่ในลุ่มน้ำคลองลาว และเป็นส่วนหนึ่งของ 1 ลุ่มน้ำ สาขา ได้แก่ ลุ่มน้ำสาขาภาคใต้ฝั่งตะวันตกส่วนท่ี 2 (2505) โดยพื้นที่สว่ นใหญ่อยู่ใน ตำบลเขาต่อ อำเภอ ปลายพระยา จังหวัดกระบี่และมีพื้นที่บางส่วนอยู่ในตำบลนาเหนือ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบ่ี ลักษณะ ลมุ่ น้ำวางตวั ตามแนวทิศเหนือ-ทิศใต้ มอี าณาเขตติดต่อ (ภาพที่ 3-1) ดงั นี้ ทิศเหนือ ตดิ ตอ่ ลุม่ น้ำสาขาคลองสก (2207) แม่น้ำตาปี (22) ทิศใต้ ตดิ ตอ่ ลมุ่ น้ำสาขาภาคใต้ฝ่งั ตะวนั ตกสว่ นที่ 2 (2505) ทะเลอนั ดามนั ทิศตะวนั ออก ตดิ ตอ่ ลุ่มนำ้ สาขาคลองอปี ัน (2205) และแม่น้ำตาปี (22) ทิศตะวนั ตก ตดิ ตอ่ ลุ่มนำ้ สาขาภาคใต้ฝั่งตะวนั ตกส่วนที่ 2 (2505) ทะเลอันดามนั เขตพัฒนาที่ดินลุ่มน้ำคลองลาว จังหวัดกระบี่ มีสภาพภูมิประเทศ ดังนี้ พื้นที่ต้นน้ำอยู่ทางทิศ ตะวันออก และทิศตะวันตกของพื้นที่ลุ่มน้ำ มีลักษณะเป็นพื้นที่เขาสูงชัน อยู่สูงจากระดับทะเลปานกลาง 573-417 เมตร เริ่มจากแนวสันเขาพนม วางตัวเป็นแนวยาวทางขอบทิศตะวันตกของพ้ืนที่ลุ่มน้ำ ทำให้ เกิดลำคลองหลายสาย ได้แก่ คลองลังตัง คลองบางเท่าแม่ และคลองบางปริก และทิศตะวันออกบริเวณ แนวสันเขาหัวสิงห์ และเขาใหญ่ ได้แก่ คลองบางไทร ห้วยบางหินพุก และคลองบางทอม และมาบรรจบ กันที่หมู่ 2 บ้านนาเหนือ ตำบลนาเหนือ อำเภออ่าวลึก และออกสู่แม่น้ำมะรุ่ย ลักษณะความสูงและความ ลาดชันของพื้นที่ ลาดเทจากทิศตะวันตกและทิศตะวันออกไปยังตอนกลางของพื้นที่ซึ่งเป็นพื้นที่กลางน้ำ ของลุ่มน้ำ คลองลาว มีลักษณะพื้นที่แบบลูกคลื่นลอนลาด สลับกับพื้นที่ลูกคลื่นลอนชัน อยู่สูงจากระดับ ทะเลปานกลาง 20-100 เมตร มีการใชป้ ระโยชน์ท่ีดนิ ได้แก่ ปาล์มนำ้ มัน ยางพารา สว่ นพน้ื ท่ีปลายน้ำ ซ่ึง อยู่ทางตอนใต้ของพื้นที่ลุ่มน้ำ มีลักษณะพื้นที่ค่อนข้างราบเรียบถึงพื้นที่ราบเรียบ อยู่สูงจากระดับทะเล ปานกลาง น้อยกว่า 10 เมตร ยังคงมีการใช้ประโยชน์ที่ดินทำนา และบางส่วนยกร่องปลูกปาล์มน้ำมัน รวมทั้งเป็นพื้นที่ชุมชนที่อยู่อาศัยและโรงงาน เนื่องจากมีการคมนาคมที่สะดวก (ภาพที่ 3-1 และภาพท่ี 3-2) แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ลุม่ น้าคลองลาว
29 ตารางที่ 3-1 ความลาดชนั พ้ืนทลี่ ุม่ นำ้ คลองลาว อำเภอปลายพระยาและอำเภออ่าวลกึ จงั หวดั กระบ่ี ความลาดชนั ลกั ษณะสภาพพ้ืนที่ เนื้อท่ี (%) ไร่ รอ้ ยละ 0-2 พื้นที่ราบเรียบหรือค่อนขา้ งราบเรยี บ 49,961 33.69 2-5 พนื้ ทลี่ ูกคลื่นลอนลาดเล็กน้อย 28,293 19.08 5-12 พนื้ ท่ลี กู คลืน่ ลอนลาด 58,606 39.53 12-20 พน้ื ท่ลี ูกคลื่นลอนชนั 7,460 5.03 20-35 พื้นทเ่ี นินเขา 3,943 2.66 - พื้นทีน่ ำ้ 9 0.01 เนอ้ื ทีร่ วม 148,272 100.00 แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ลมุ่ น้าคลองลาว
30 ภาพที่ 3-1 ที่ตั้งและอาณาเขต และลักษณะภูมิประเทศ พื้นที่ลุ่มคลองลาว อำเภอปลายพระยา และ อำเภออา่ วลึก จงั หวดั กระบี่ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ล่มุ น้าคลองลาว
31 ภาพที่ 3-2 ความลาดชันพนื้ ที่ลมุ่ คลองลาว อำเภอปลายพระยา และอำเภออ่าวลึก จงั หวัดกระบ่ี แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ลุม่ น้าคลองลาว
32 พื้นที่โครงการอยู่ในพื้นท่ีจังหวัดกระบ่ี ได้รับอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และลมมรสุม ตะวนั ออกเฉยี งเหนือ นอกจากนยี้ งั มีพายุดเี ปรสช่ันและพายุใต้ฝุน่ พดั ผา่ นมาจากทะเลจีนใตเ้ ขา้ มาเป็นคร้ัง คราว สง่ ผลทำให้เกิดฤดูกาลตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ ฤดฝู นจะเกดิ ในชว่ งเดือนพฤษภาคมถึงเดอื นตลุ าคม ฤดหู นาวจะ เกิดในช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์และฤดูร้อนจะเกิดในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน นอกจากน้ี จังหวัดกระบ่ียังมีสภาพภูมิประเทศโดยรอบเป็นหุบเขาและภูเขาสูงชันมาก ทิวเขาวางตัวใน แนวเหนือใต้ ทำให้บริเวณยอดเขา รับความกดอากาศสูงที่แผ่มาจากประเทศจีนในฤดูหนาวได้ท่ัวถึงและ เตม็ ที่ ขณะเดียวกนั ท่ีทิวเขาวางตวั เหนือใตท้ ำใหเ้ สมอื นกำแพงปิดก้ันลมมรสุมทางทิศตะวนั ออก รวมท้ังยงั มีระดับความสงู เฉลีย่ บนยอดเขากบั ความสงู เฉลี่ยในพื้นทลี่ มุ่ แตกตา่ งกนั มาก จากปจั จยั ทงั้ หลายเหล่าน้ี ใน ตอนกลางวันถูกอิทธพิ ลของแสงแดดเผา ทำใหอ้ ุณหภมู ิร้อนมาก และในตอนกลางคืนจะไดร้ บั อิทธิพลของ ลมภูเขา พัดลงสูห่ ุบเขา ทำใหอ้ ากาศเยน็ ในตอนกลางคนื จากข้อมูลอุตุนิยมวิทยาของกรมอุตุนิยมวิทยา มีสถานีตรวจอากาศในพื้นที่ ได้แก่ สถานีตรวจวัด อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา อำเภอปลายพระยาและอำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ โดยแบ่งรายละเอียด ของลักษณะภูมอิ ากาศของสถานีตรวจอากาศ ชว่ ง 30 ปี คอื (ปี พ.ศ. 2531-2561) รายละเอียด ดงั น้ี 1) อุณหภมู ิ จังหวัดกระบี่ มีอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปี 28.1 องศาเซลเซียส มีอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยตลอดปี 29.0 องศาเซลเซียส โดยพบอุณหภูมิสูงสุดในเดือนเมษายน คือ 29.0 องศาเซลเซียส และมีอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย ตลอดปี 27.1 องศาเซลเซียส โดยพบอณุ หภูมิต่ำสุดในเดอื นธันวาคม คอื 27.1 องศาเซลเซยี ส 2) ปริมาณนำ้ ฝน จงั หวัดกระบ่ี มีปรมิ าณน้ำฝนรวม 2,200.5 มิลลเิ มตร โดยในเดือนสิงหาคม มีปรมิ าณน้ำฝนเฉล่ีย มากท่ีสุด 337.50 มิลลิเมตร และเดือนกุมภาพันธ์มีปริมาณน้ำฝนเฉล่ียน้อยท่ีสุดคือ 25.20มิลลิเมตร 3) ปริมาณน้ำฝนใช้การได้ (Effective Rainfall : ER) ปริมาณน้ำฝนใช้การได้ คือ ปริมาณน้ำฝนที่เหลืออยู่ในดิน ซึ่งพืชสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ ภายหลังจากมีการไหลซึมลงไปในดินจนดินอิ่มตัวด้วยน้ำแล้วไหลบ่าออกมากักเก็บในพื้นดินจังหวัด กระบี่ มีปริมาณน้ำฝนใช้การได้ 1,306.6 มิลลิเมตร ในเดือนสิงหาคม มีปริมาณน้ำฝนใช้การได้มากที่สุด 158.8 มิลลเิ มตร และเดอื นกมุ ภาพนั ธ์มปี รมิ าณนำ้ ฝนใช้การไดน้ ้อยท่สี ดุ คอื 24.2 มลิ ลเิ มตร 4) ความชื้นสัมพทั ธแ์ ละศกั ยภาพการคายระเหยน้ำ จังหวัดกระบ่ี พบว่า มีความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ยตลอดปี 81.2 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณการคายระเหย เฉลีย่ ตลอดปี 86.3 มลิ ลิเมตร ปรมิ าณการคายระเหยสงู สุด 97.65 มิลลิเมตร ในเดอื นสิงหาคมปริมาณการ คายระเหยต่ำสุด 69.90 มิลลเิ มตร ในเดือนพฤศจกิ ายน 5) การวิเคราะหช์ ่วงฤดกู าลท่ีเหมาะสมสำหรบั ปลกู พืช การวิเคราะห์ช่วงฤดูเพาะปลูกพืชเพื่อหาช่วงเวลาที่เหมาะสมในการปลูกพืชโดยใช้ข้อมูลปริมาณ น้ำฝนเฉลี่ย และค่าศักยภาพการคายระเหยน้ำของพืชรายเดือนเฉลี่ย (Evapotranspiration : ETo) ซึ่ง แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ลมุ่ น้าคลองลาว
33 คำนวณและพิจารณาจากระยะเวลาช่วงที่เส้นน้ำฝนอยู่เหนือเส้น 0.5 ETo ถือเป็นช่วงระยะเวลาท่ี เหมาะสมในการปลูกพืช จากการวิเคราะห์ช่วงฤดูกาลที่เหมาะสมจากการปลูกพืชเศรษฐกิจจังหวัดกระบี่ สามารถสรุปได้ดังนี้ (1) ชว่ งระยะเวลาทีเ่ หมาะสมต่อการปลูกพชื เป็นชว่ งทดี่ ินมีความชน้ื พอเหมาะต่อการปลกู พชื ซึ่ง เป็นช่วงฤดูฝนปกติอยู่ในช่วงระหว่างต้นเดือนมีนาคมถึงกลางเดือนพฤศจิกายน ซึ่งในช่วงกลางเดือน พฤศจิกายนนั้น เป็นช่วงที่มีปริมาณน้ำฝนเพียงเล็กน้อยแต่เนื่องจากมีปริมาณน้ำที่สะสมไว้ในดิน จึงมี ความชื้นในดินเพียงพอสำหรับปลูกพืชอายุสั้นได้ แต่ควรมีการวางแผนจัดการระบบการเพาะปลูกให้ เหมาะสมสำหรับพื้นที่เพาะปลูกแต่ละแห่ง เนื่องจากอาจต้องอาศัยน้ำจากแหล่งน้ำในไร่นาหรือน้ำ ชลประทานช่วยในการเพาะปลกู บา้ ง (2) ช่วงระยะเวลาที่มีน้ำมากเกินพอ เป็นช่วงที่ดินมีความชื้นสูงและมีฝนตกชุกอยู่ใน ช่วง ระหวา่ งปลายเดือนมนี าคมถงึ ปลายเดอื นตุลาคม (3) ช่วงระยะเวลาที่ไม่เหมาะสมต่อการปลูกพืชโดยอาศัยน้ำฝน เนื่องจากมีปริมาณฝน และการ กระจายของฝนนอ้ ย ทำใหด้ นิ มคี วามช้นื ไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของพืชอยู่ในชว่ งระหว่างกลางเดือน พฤศจิกายนถึงต้นเดือนมีนาคม ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวถ้าพื้นที่เพาะปลูกแห่งใดมีการจัดการระบบ ชลประทานทด่ี ีกส็ ามารถปลูกพชื ฤดูแลง้ ได้ ตารางที่ 3-2 สถติ ภิ ูมิอากาศ โดยเฉลยี่ ในคาบ 30 ปี (พ.ศ. 2531-2561) ณ สถานีตรวจวัดอากาศ จงั หวดั กระบี่ เดือน อุณหภูมิ (C°) ความชนื้ สัมพัทธ์ ปริมาณนำ้ ฝน ปริมาณแสง ความเร็วลม ปริมาณฝน การระเหยและการ ใช้การ คายนำ้ อา้ งองิ เฉล่ีย (เปอร์เซ็นต์) (มม.) (ชม./วัน) (กม./วนั ) 30.6 - 193.0 (มม.) (มม.) ม.ค. 27.7 76.0 25.2 - 178.1 29.1 90.5 78.0 - 148.5 24.2 87.1 ก.พ. 28.2 74.0 124.5 - 143.5 68.3 91.8 228.9 - 232.6 99.7 85.5 มี.ค. 28.7 77.0 262.2 - 287.0 145.1 90.2 283.4 - 311.7 151.2 89.1 เม.ย. 29.0 80.0 337.5 - 371.1 153.3 93.0 328.0 - 301.9 158.8 97.7 พ.ค. 28.9 83.0 300.6 - 193.0 157.8 85.2 140.6 - 128.7 155.1 77.5 มิ.ย. 28.5 83.0 61.0 - 158.3 109.0 69.9 2,200.5 - 2,647.4 55.0 77.8 ก.ค. 28.3 83.0 - 1,306.6 1,035.2 - - - ส.ค. 28.2 83.0 - ก.ย. 27.8 85.0 ต.ค. 27.4 86.0 พ.ย. 27.2 84.0 ธ.ค. 27.1 80.0 รวม - - เฉลย่ี 28.1 81.2 หมายเหตุ : *ไดจ้ ากการคำนวณ ท่ีมา : ฝ่ายกรรมวิธีข้อมลู กองภมู ิอากาศ กรมอุตุนยิ มวทิ ยา ปี พ.ศ. 2561 และค่าที่ไดจ้ ากการคำนวณ แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟพู น้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ลมุ่ น้าคลองลาว
34 ภาพที่ 3-3 สมดลุ ของน้ำเพ่ือการเกษตร (พ.ศ. 2531-2561) จงั หวดั กระบ่ี จากการศกึ ษาและวิเคราะหข์ ้อมลู ทรัพยากรดนิ ในระดบั ชดุ ดิน มาตราสว่ น 1:25,000 ในพืน้ ทลี่ ุม่ น้ำ คลองลาว ซึ่งมีเนื้อที่ครอบคลุม 148,.272 ไร่ สามารถจำแนกเป็นหน่วยแผนที่ดินได้ 55 หน่วยแผนท่ี (ตารางที่ 3-3 และภาพที่ 3-4) ประกอบดว้ ย ระดบั หน่วยจำแนก มี 15 ชดุ ดิน (39 หนว่ ยแผนท่ี) ดนิ คลา้ ย 7 ดิน (13 หน่วยแผนที่) คิดเป็นร้อยละ 29.05 ของเนื้อท่ีทั้งหมด (รายละเอียดชุดดินตามภาคผนวกที่ 1) พื้นท่ีลาดชันเชิงซ้อน (SC) มี 1 หน่วยแผนที่ ซึ่งมีการกระจายตัวเป็นส่วนใหญ่ของพื้นที่ คิดเป็นร้อยละ 20.51 ของเนื้อทีท่ ้งั หมด และพืน้ ทนี่ ้ำ (W) 1 หน่วยแผนท่ี คดิ เป็นร้อยละ 0.51 ของเนอื้ ทท่ี ้ังหมด เม่อื พิจารณาการกระจายตัวของดิน จะเห็นว่า ชุดดินท่ีมีการกระจายตัวมากท่ีสุด คือ ชุดดินลำภูรา (Ll) และดินคล้ายลำภูรา (Ll varients) มีเนื้อท่ี 19,476 ไร่ ร้อยละ 13.17 ของเนื้อที่ทั้งหมด กระจาย ครอบคลุมในพื้นที่ตำบลเขาต่อและตำบลนาเหนือ ลักษณะดินเป็นดินเหนียวละเอียดลึกมาก มีเน้ือดินบน เป็นดินร่วนถึงดินร่วนละเอียด ดินล่างเป็นดินเหนียว พบในสภาพพื้นที่แบบราบเรียบถึงลอนลาดเล็กน้อย นอกจากน้ี ยงั พบการกระจายตัวของชุดดินปากจน่ั (Pac) ชุดดนิ รอื เสาะ (Ro) และชุดดินนาทอน (Ntn) มี เนื้อที่ร้อยละ 14.92 13.84 และ 9.18 ตามลำดับ ส่วนใหญ่พบกระจายตัวในตอนกลางของพื้นที่ลุ่มน้ำ คลองลาว ครอบคลุมพื้นที่ทุกตำบล ได้แก่ ตำบลนาเหนือ ตำบลเขาต่อ ตำบลเขาเขน และตำบลเขาใหญ่ ดินมีลักษณะเป็นดินร่วนปนดินเหนียวลึกมาก ดินร่วนปนทรายแป้งลึกมากและดินร่วนปนดินเหนียวลึก ปานกลาง สภาพพื้นที่ราบเรียบหรือค่อนข้างราบเรียบ ราบเรียบถึงลูกคลื่นลอนชันเล็กน้อยและพื้นที่ลูก คลื่นลอนลาดเล็กน้อยถึงเนินเขา ดินบนมีเนื้อดินเป็นดินร่วนปนดินเหนียว ดินร่วนปนทรายแป้ง และดิน ร่วนปนดินเหนียว ดินล่างมีเนื้อดินเป็นดินเหนียวและดินร่วนปนดินเหนียวถึงดินเหนียว ดินมีโอกาสเสี่ยง แผนบรหิ ารจดั การป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และน้า ลมุ่ น้าคลองลาว
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158