1๑4๔3๓ ๘. ลงหลงั ธาตทุ ีม่ ี ห เปน ที่สดุ แปลง ต เปน ฬฺห แลว ลบทส่ี ดุ ธาตุ เชน ธาตุ ปจ จยั บทสาํ เรจ็ คาํ แปล วาจก มหุ ต มฬุ โฺ ห หลงแลว กัตตวุ าจก รหุ ต รฬุ โฺ ห งอกแลว กตั ตวุ าจก วุห ต วฬุ โฺ ห (อันนํ้า)พดั ไปแลว กมั มวาจก ๙. ลงหลงั ธาตทุ ่มี ี อา เปน ทส่ี ุดก็ดี ธาตุ ๒ ตัว ท่ีไมแ ปลงและไม ลบทส่ี ุดธาตุกด็ ี ใหลง อิ อาคม เชน ธาตุ ปจ จยั บทสําเร็จ คําแปล วาจก ฐา ต ฐโิ ต(ลบ อา) ยืนแลว กตั ตุวาจก ปา ต ปโ ต(ลบ อา) (อันเขา)ด่มื แลว กมั มวาจก อภ+ิ ฌา ต อภชิ ฌฺ โิ ต (อันเขา)เพง กัมมวาจก (ลบ อา) จาํ เพาะแลว ภาส ต ภาสิโต (อันเขา) กัมมวาจก กลา วแลว กถ ต กถิโต (อันเขา) กัมมวาจก กลา วแลว
๑1๔4๔4 ๑๐. ลงหลังธาตุตัวเดียว ใหคงธาตุไว แลว ตามดว ย ต ปจจยั เชน ธาตุ ปจ จยั บทสาํ เร็จ คาํ แปล วาจก ภู ต ภโู ต มแี ลว,เปนแลว กัตตวุ าจก สุ ต สุโต (อนั เขา)ฟง แลว กัมมวาจก ชิ ต ชิโต (อันเขา)ชนะแลว กมั มวาจก ญา ต ญาโต รูแลว กัมมวาจก ๑๑. ลงหลังธาตุตอ ไปนี้ ใหแปลง ต ปจ จยั เปนรูป ตาง ๆ ได เชน ธาตุ ปจ จัย บท คาํ แปล วาจก สําเรจ็ ปจ+ต แปลง ต เปน ปกฺโก สุกแลว กตั ตวุ าจก กฺก ภช+ต แปลง ต เปน ภคฺโค หักแลว กตั ตุวาจก คฺค ปจุ ฺฉ+ต แปลง ต เปน ปุฏโ ฐ (อันเขา) กัมมวาจก ฏฐ ถามแลว นิ+ล+ี ต แปลง ต เปน น นลิ โี น แอบแฝง กัตตวุ าจก แลว ป+หา+ต แปลง ต เปน น ปหโี ณ ละแลว กตั ตวุ าจก ขี+ต แปลง ต เปน ณ ขีโณ ส้ินแลว กตั ตวุ าจก
1๑4๔5๕ ต ปจจัยลงหลังธาตุดังกลาวมานี้ ถาเปนสกัมมธาตุ เปนกัมม วาจก ถา เปน อกัมมธาตุ เปน กตั ตุวาจก ๑๒. ในเหตุกัมมวาจก ใหล ง เณ และ ณาเป ปจจัย กับ อิ อาคม ดว ย เชน การิโต การาปโต (อันเขา ยังบคุ คล) ใหกระทาํ แลว เปน ตน หมายเหตุ ๑. ต ปจจัย เปนได ๕ วาจก แตที่ปรากฏมี ๓ วาจก คือ กัตตุ กัมม และเหตุกมั ม สวน เหตกุ ัตตุ และ ภาว ไมปรากฏ ๒. ศัพทที่ประกอบดวย ต ปจจัยนี้ ใชเปนกิริยาคุมพากยก็ได เชน กมฺมํ กตํ อ.กรรม (อันเขา) กระทําแลว, อาหาโร ภุตฺโต อ. อาหาร (อนั เขา) กนิ แลว เปนตน ใชเ ปน นามนามก็ได เชน พทุ ฺโธ อ. พระพุทธเจา คตํ อ. การไป เปนตน
๑1๔4๖6 ตูนาทิ ปจ จยั ตูน ตฺวา ตฺวาน รวมกันแลวเรียกวา ตูนาทิ ปจจัย แปลวา แลว, ครัน้ ...แลว มีขอ กําหนดดงั น้ี ก. กัตตุวาจก ๑. ลงหลังธาตุตัวเดียว ใหคงธาตุและปจจัยไว เชน หุ + ตฺวา = หุตวฺ า, สุ + ตวฺ า = สุตฺวา ทา + ตฺวา = ทตฺวา (รัสสะ อา เปน อ), ญา + ตวฺ า = ญตวฺ า (รัสสะ อา เปน อ) ๒. ลงหลังธาตุ ๒ ตัว ใหแ ปลงบาง ลบบาง เชน กร+ตูน =กาตูน, กร + ตวฺ า = กตฺวา, กร + ตวฺ าน = กตฺวาน, ปท + ตฺวา = ปตฺวา เปนตน ๓. ลงหลังธาตุ ๒ ตัว เมื่อจะคงธาตุไว ใหลง อิ อาคม ท่ีสุดธาตุ เชน ปจิตวฺ า ลภติ ฺวา กริตวฺ า กริตวฺ าน เปนตน ๔. ลงหลงั ธาตทุ ี่มอี ปุ สรรคอยหู นา แปลงปจจยั ทง้ั ๓ เปน ย เชน อา + ทา + ย = อาทาย ถือเอาแลว ป + หา + ย = ปหาย ละแลว นิ + สี + ย = นิสสฺ าย อาศัยแลว ๕. ลงหลงั ธาตุที่มี ม เปนทสี่ ดุ แปลงปจจัยทงั้ ๓ เปน ย แปลง ย กับท่ีสดุ ธาตุ เปน มมฺ เชน อา + คม + ย = อาคมมฺ มาแลว นิ + ขม + ย = นิกขมฺม ออกแลว อภิ + รม + ย = อภิรมฺม ยนิ ดีแลว
1๑4๔7๗ ๖. ลงหลังธาตุทมี ี ท เปนที่สุด แปลง ตูนาทิ เปน ย แปลง ย กับ ที่สุดธาตุ เปน ชชฺ เชน อุ + ปท + ย = อปุ ฺปชฺช เกดิ ขึน้ แลว (ซอ น ป) ป + มท + ย = ปมชชฺ ประมาทแลว อา + ฉทิ + ย = อจฺฉชิ ชฺ ชงิ เอาแลว (รัสสะ อา ซอน จ) ๗. ลงหลังธาตทุ ่ีมี ธ และ ภ เปน ทสี่ ดุ แปลง ตนู าทิ เปน ย แปลง ย กับทส่ี ดุ ธาตุ เปน ทฺธา พฺภ เชน วธิ + ย = วทิ ธฺ า แทงแลว ลภ + ย = ลทฺธา ไดแลว อา + รภ + ย = อารพฺภ ปรารภแลว ๘. ลงหลงั ธาตุท่ีมี ห เปนทส่ี ดุ แปลง ตูนาทิ เปน ย แลวแปลง ย กบั ท่ีสุดธาตุ เปน ยฺห เชน ป + คห + ย = ปคคฺ ยฺห ประครองแลว (ซอน ค)ฺ สํ + นห + ย = สนนฺ ยฺห ผูกแลว อา + รหุ + ย = อารยุ ฺห ขน้ึ แลว ๙. ลงหลงั อิ ธาตุ ในความไป แปลง ตูนาทิ เปน ย แลวแปลง ย กับ ธาตเุ ปนรปู ตาง ๆ เชน อนุ + อิ + ย = อนฺวาย อาศัยแลว (แปลง อุ ที่ นุ เปน วฺ) ป + อิ + ย = เปจจฺ ละไปแลว ปฏิ + อิ + ย = ปฏจิ ฺจ อาศยั แลว
๑1๔4๘8 ๑๐. ลงหลงั ทสิ ธาตุ ใหแปลง ตฺวา เปน สฺวา แปลง ตฺวาน เปน สฺวาน เชน ทิสฺวา ทิสวฺ าน เห็นแลว เปน ตน ข. เปน เหตกุ ัตตวุ าจก ถาเปนธาตุ ๒ ตัว ใหลง เณ ณย ณาเป ณาปย ปจจัย แลวจึงลงปจจัยทีหลัง เฉพาะ ณฺย และ ณาปย ใหลง อิ อาคม ดว ย เชน มาเรตวฺ า มารยติ ฺวา มาราเปตฺวา มาราปยติ ฺวา เปน ตน ถาเปนธาตุตัวเดียว ใหทําเปน ๒ ตัว แลวใชหลักการเดียวกัน เชน ภู = ภาเวตฺวา ภาวยิตฺวา ภาวาเปตฺวา ภาวาปยติ ฺวา เปน ตน แผนผงั แสดงวิธีแตงวาจกทัง้ ๕ ในกริ ิยากติ ก ดงั นี้ ก. กตตฺ .ุ กฺตตา(สิ-โย) กมมฺ (อํ-โย) กริ ยิ า (อนฺต,มาน,ตฺวา) เชน สูโท โอทนํ ปจนโฺ ต แปลวา อ. พอ ครวั หงุ อยู ซงึ่ ขาวสกุ ข. กมมฺ . อนภิหิตกตฺตา(นา-ห)ิ วุตฺตกมฺม(สิ-โย) กริ ิยา (อนยี -ตพพฺ ) เชน สเู ทน โอทโน ปจนีโย แปลวา อ. ขาวสกุ อันพอครวั พึงหงุ ค. เหตกุ ตตฺ .ุ เหตุกตฺตา(สิ-โย) การติ กมฺม(อํ-โย) กมฺม(อ-ํ โย) กริ ยิ า (อนฺต-ตวฺ าน) เชน สามิโก สูทํ โอทนํ ปาจาเปนฺโต แปลวา อ. นาย ยังพอครัว ใหหุงอยู ซึง่ ขา วสกุ
1๑4๔9๙ ง. เหตุกมฺม. อนภิหิตกตฺตา(นา-หิ) การิตกมฺม(อํ-โย) เหตุกมฺม (สิ-โย) กริ ยิ า (อนีย-ตพพฺ ) เชน สามเิ กน สูทํ โอทโน ปาจาปนโี ย แปลวา อ. ขา วสกุ อนั นาย ยังพอ ครวั พึงใหห งุ จ. ภาว. อนภิหิตกตฺตา(นา-หิ) กิริยา(อนยี -ตพพฺ ) เชน ปรุ เิ สน ภวติ พฺพํ แปลวา อนั บรุ ษุ พึงเปน จบกิรยิ ากติ ก
๑1๕5๐0 นามกติ ก (ใหท อง) ศัพทกิตกท เี่ ปน นามนามกด็ ี เปน คณุ นามกด็ ีเรยี กวา “นามกิตก” นามกติ กน้ี จัดเปน สาธนะ โดยมีปจจัยเปนเคร่ืองหมาย ใหเห็นถึงความ แตกตาง เชน กร ธาตุ ลง กฺวิ ปจจัย = อนฺตโก ลง ณฺวุ ปจจัย = อนฺต การโก เปน กัตตุรูป กัตตุสาธนะ, ลง ณี ปจจัย เชน ปาปการี เปน กัตตุรูป สีลสาธนะ กัตตุสาธนะ, ลง ข ปจจัย เชน ทุกฺกรํ เปน กัมมรูป กัมมสาธนะ , ลง ยุ ปจจัย เชน กรณํ (วตฺถุ) เปน กัตตุรูป กรณสาธนะ (เปนเครอื่ งกระทํา) และ กรณํ (ฐานํ) เปน กัตตุรูป อธิกรณสาธนะ (เปน ทก่ี ระทาํ ) สาธนะ ๗ สาธนะ คอื ศัพทท ี่สาํ เรจ็ มาแตร ูปวเิ คราะห มี ๗ อยา ง คอื ๑. กัตตุสาธนะ ๒. กัมมสาธนะ ๓. ภาวสาธนะ ๔. กรณสาธนะ ๕. สัมปทานสาธนะ ๖. อปาทานสาธนะ ๗. อธิกรณสาธนะ
1๑5๕1๑ รูปวิเคราะหแ หง สาธนะ รูปวิเคราะห คือ การแยกธาตุ ปจจัย และบทหนาของสาธนะ หรอื ของนามกิตกอ อกจากกนั แลวเอาธาตุมาประกอบเปนวาจกทั้ง ๕ ใน อาขยาตบา ง ในกิรยิ ากติ กบา ง เปน นามกิตกอ ยางเดมิ บา ง มี ๓ อยาง คือ ๑. วเิ คราะหเปน กตั ตุวาจก เรียกวา กตั ตุรูป ๒. วิเคราะหเปน กัมมวาจก และเหตุกัมมวาจก เรียกวา กัมมรูป ๓. วิเคราะหเปนภาววาจก เรียกวา ภาวรปู ขยายสาธนะ ๗ ๑. กัตตุสาธนะ คือ ศัพทนามกิตกที่สําเร็จมาแตรูปวิเคราะห อันมีกตั ตา คือ ผูทําเอง เปนประธานในกิริยาน้ัน สําเร็จเปนสาธนะแลว มีผูทําเองน้ันเปนประธาน เรียกวา กัตตุสาธนะ มี ๓ รูป คือ ๑. กัตตุรูป แปลวา ผู... ๒. กัตตุรูป สีลสาธนะ แปลวา ผู...โดยปกติ ๓. สมาสรูป ตัสสีลสาธนะ แปลวา ผูมีอัน...เปนปกติ เชน กุมฺภกาโร (ชโน) ผูทําซ่ึง หมอ ปาปการี (ชโน) ผูทําซ่ึงบาปโดยปกติ ปาปการี (ชโน) ผูมีอันทําซึ่ง บาปเปนปกติ เปนตน ๒. กมั มสาธนะ คือ ศัพทนามกติ กท สี่ ําเรจ็ มาแตร ูปวเิ คราะห อนั มกี ัมม คือ สิ่งถกู ทาํ บาง กัตตา คือ ผูทาํ เองบาง เปนประธานในกิรยิ า นน้ั สําเรจ็ เปนสาธนะแลว มีกัมมอยางเดียวเปนประธาน เรียกวา กมั มสาธนะ มี ๒ รูป คอื ๑. กัตตุรูป แปลวา เปน ที่... ๒. กมั มรูป
๑1๕5๒2 แปลวา เปนที่อนั เขา....แลว ,เปน ทอ่ี ันเขาพึง... เชน ปโย (ปตุ โฺ ต) เปนท่ี รกั รโส (วิสโย) เปน ท่ียนิ ดี ทุกกฺ รํ (กมมฺ ํ) เปนที่อันเขาทําไดโดยยาก ทานํ (วตฺถ)ุ เปนท่ีอนั เขาพึงให เปนตน ๓. ภาวสาธนะ คือ ศัพทนามกิตกท่ีสําเร็จมาแตรูปวิเคราะห อันเปนภาววาจก กลาวกิริยาอาการของนามขึ้นกอน สําเร็จเปนสาธนะ แลว ไมมีประธาน เรียกวา ภาวสาธนะ มี ๑ รูป คือ ภาวรูปอยางเดียว แปลวา ความ...., อัน..... , การ..... เชน จนิ ฺตนํ ความคิด, มรณํ ความตาย , คมนํ อันไป,ลภนํ อันได, ฐานํ การยืน, นิสชฺชํ การน่ัง สยนํ การนอน, กรณํ การกระทํา, เปน ตน ๔. กรณสาธนะ คอื ศัพทนามกิตกทสี่ าํ เร็จมาแตรูปวิเคราะห อนั มี ต สัพพนาม เปน ตติยาวภิ ตั ติ โยคเคร่ืองทํา ในกิรยิ านั้น สาํ เรจ็ เปน สาธนะแลว มีเคร่อื งทํานั้นเปนประธาน เรยี กวา กรณสาธนะ มี ๒ รูป คอื ๑. กัตตุรูป แปลวา เปน เคร่อื ง...ก็ได, เปนเหตุ...ก็ได ๒. กัมมรูป แปลวา เปนเครื่องอนั เขา...กไ็ ด, เปนเหตุอนั เขา...กไ็ ด เชน ปหรณํ (วตฺถุ) เปน เครอื่ งประหาร พนฺธนํ (วตฺถุ) เปนเครอื่ งผูก วชิ ฌฺ นํ (วตฺถ)ุ เปนเคร่ือง อันเขาเจาะ เปนตน ๕. สัมปทานสาธนะ คือ ศัพทนามกิตกท่ีสําเร็จมาแตรูป วิเคราะห อนั มี ต สพั พนามเปนจตุตถวี ภิ ตั ติ โยคผูรับ ในกิริยานั้น สําเร็จ เปน รปู วิเคราะหแลว มีผรู บั นน้ั เปนประธาน เรียกวา สัมปทานสาธนะ มี
1๑5๕3๓ ๒ รูป คอื ๑. กัตตุรปู แปลวา เปน ท่.ี . ๒. กมั มรูป แปลวา เปนท่ีอันเขา... เชน ทาโน (ภิกขฺ )ุ เปนทใี่ ห สมฺปทานํ (เจติยํ) เปนท่อี นั เขามอบให เปนตน ๖. อปาทานสาธนะ คือ ศัพทนามกิตกท่ีสําเร็จมาแตรูป วิเคราะห อันมี ต สัพพนามเปนปญจมีวิภัตติ โยคท่ีจากไป ในกิริยาน้ัน สําเร็จเปนสาธนะแลว มีที่จากไปน้ันเปนประธาน เรียกวา อปาทานสาธ นะ มี ๑ รูป คือ เปนกัตตุรูปอยางเดียว แปลวา เปนแดน..... เชน ปภสฺสโร (เทวกาโย) เปนแดนซานออกแหงรัศมี, ปภโว (ปพฺพโต) เปน แดนเกิดกอน, ภโี ม (ยกโฺ ข) เปนแดนกลัว เปน ตน ๗. อธกิ รณสาธนะ คือ ศพั ทน ามกติ กท ีส่ ําเร็จมาแตร ปู วเิ คราะห อันมี ต สัพพนาม เปนสัตตมีวิภัตติ โยคสถานที่ทํา ในกิริยานั้น สําเร็จ เปน สาธนะแลว มีสถานที่ทําน้ันเปนประธาน เรียกวา อธิกรณสาธนะ มี ๒ รปู คือ ๑. กตั ตุรปู แปลวา เปนที.่ .. ๒. กมั มรูป แปลวา เปนที่อันเขา... เชน กรณํ สยนํ (เคห)ํ เปน ทน่ี อน , (ฐานํ) เปนทีอ่ นั เขากระทํา เปน ตน
๑1๕5๔4 ปจ จัยนามกติ ก ๑๔ ตัว จดั เปน ๓ หมวด (ใหท อ ง) ๑. กติ ปจ จัย เปนเครื่องหมาย กัตตุสาธนะ อยางเดียว มี ๕ ตัว คือ กวฺ ิ ณี ณวฺ ุ ตุ รู ๒. กจิ ฺจปจจัย เปน เครื่องหมาย กัมมสาธนะและภาวสาธนะ มี ๒ ตัว คอื ข ณฺย ๓. กติ กจิ ฺจปจ จัย เปนเคร่ืองหมายสาธนะท้ัง ๗ มี ๗ ตัว คือ อ อิ ณ เตฺว ติ ตุ ยุ ตวั อยา งการลงปจจัยท้งั ๑๔ ตัว โดยลาํ ดับ ดงั น้ี กฺวิ ปจ จยั (แปลวา ผู....) เปนกัตตุสาธนะอยางเดียว มีขอกําหนด ดงั นี้ ๑. ลงหลังธาตทุ ่มี บี ทหนาเสมอ ๒. ลงหลังธาตุ ๒ ตัวใหลบ กฺวิ ปจจัย และท่ีสุดธาตุ เชน อุร + ภู + กฺวิ = อุรโค, อนฺต + กร + กฺริ = อนฺตโก, สํ + ขน + กฺวิ = สงฺโข เปนตน ๓. ลงหลังธาตุตัวเดียว ใหคงธาตุไว ลบเฉพาะ กฺวิ ปจจัย เชน สฺยํ + คม + กฺวิ = สยมฺภู, อภิ + ภู+ กวฺ ิ = อภภิ ู เปน ตน
1๑5๕5๕ ณี ปจจัย (แปลวา ผู...โดยปกติ, (ผูมีอัน...เปนปกติ) เปนกัตตุ สาธนะอยางเดยี ว มีขอกําหนด ดังนี้ ๑. นยิ มลงหลงั ธาตทุ ม่ี บี ทหนา ๒. ลง ณี แลว ลบ ณ เหลือ อี ฑีฆะตนธาตุ ยกเวนท่ีมีตัวสะกด เชน ปาป+กร+ณี = ปาปการ,ี ธมฺม+วท+ณี = ธมมฺ วาที, คาม+วส+ณี = คามวาสี, ทีฆ+ทสสฺ + ณี = ทีฆทสสฺ ี เปน ตน ณวฺ ุ ปจ จยั (แปลวา ผู...) เปนกัตตุสาธนะอยางเดียว มีขอกําหนด ดงั นี้ ๑. ลงหลังธาตุท่ัวไปไมตองมีบทหนาก็ได เม่ือลงแลว ใหแปลง ณฺวุ เปน อก ทฆี ะตน ธาตุ เชน กร + ณฺวุ = การโก, คห + ณฺวุ = คาหโก, อนุ+สาส+ณวฺ ุ = อนสุ าสโก เปน ตน ๒. ถา ธาตุตัวเดียวใหท าํ เปน ๒ ตวั เชน นี + ณฺวุ = นายโก, สุ + ณวฺ ุ = สาวโก พิเศษ ทา ธาตุ ใหลง ย ปจ จัยกอน จงึ ลง ณวฺ ุ = ทายโก, ญา ธาตุ ใหแ ปลงเปน ชานน + ณฺวุ = ชานนโก เปน ตน
๑1๕5๖6 ตุ ปจ จยั (แปลวา ผ.ู ..) เปนกัตตสุ าธนะอยา งเดียว มีขอ กําหนด ดังน้ี ๑. ตุ ลงแลว แจกตามแบบ สตถฺ ุ ๒. ลงหลังธาตตุ ัวเดยี ว ใหคงธาตไุ วบ า ง แปลงบาง เชน ทา+ตุ = ทาตา, ญา+ตุ = ญาตา, ส+ุ ตุ = โสตา เปนตน ๓. ลงหลงั ธาตุ ๒ ตัว ใหลบท่ีสุดธาตุ ซอ น ต บาง แปลงเปน อยา ง อ่นื บาง เชน กร+ตุ = กตฺตา, วท+ตุ = วตตฺ า, ธร+ตุ แปลง ธร เปน ธา = ธาตา เปนตน รู ปจ จยั (แปลวา ผ.ู .., ผ.ู ..โดยปกต)ิ เปนกัตตุสาธนะอยางเดยี ว มี ขอกาํ หนด ดังนี้ ๑. ลงแลว ลบ ร เสยี เหลือ อู รัสสะ อู เปน อุ บาง ๒. ลงหลังธาตทุ ่มี บี ทหนา ถาเปนธาตตุ วั เดียวคงธาตไุ ว เชน วิ+ญา+รู = วิ ฺ,ู กต+ญา+รู = กตฺู เปน ตน (ลบ สระ อา) ถาเปนธาตุ ๒ ตัว ใหลบท่ีสุดธาตุ เชน ปาร+คม+รู = ปารคู, เวท+คม+รู = เวทค,ู อนตฺ +คม+รู = อนฺตคู เปนตน พิเศษ ภกิ ฺขุ มาจาก ๒ นยั คือ ๑. ภิกขฺ +ุ รู = ภกิ ฺขุ (ผูข อโดยปกต)ิ ๒. ภย+อิกฺข+รู = ภกิ ฺขุ ผูเ หน็ ซงึ่ ภยั โดยปกติ (ลบ ย ท่ี ภย)
1๑5๕7๗ ข ปจจยั (แปลวา เปน ท่อี ันเขา) เปนกมั มสาธนะอยางเดียว มขี อกําหนด ดงั น้ี ลงหลังธาตทุ ่ีมี อีส ทุ สุ เปนบทหนา แลว ลบ ข ปจจัย เชน อสี +กร+ข = อสี กกฺ รํ, ท+ุ กร+ข = ทกุ ฺกรํ, สุ+กร+ข = สุกร,ํ สุ + ภร+ข = สุภโร ส+ุ วจ+ข = สุวโจ ทุ + วจ + ข = ทพุ ฺพโจ เปนตน ณฺย ปจจยั (แปลวา เปน ท่ีอนั เขาพึง) เปนกัมมสาธนะอยางเดียว มีขอกําหนด ดังนี้ ลงหลังธาตุแลวลบ ณ แปลง ย กับที่สุดธาตุ เปนอยางอ่ืนบาง คง ย ไวบ าง ลง อิ อาคมบาง ซอ น ย บาง เชน กร+ณฺย = การยิ ํ, วช+ณฺย = วชฺชํ, ทม+ณฺย = ทมฺโม, ยุช + ณฺย = โยคฺคํ ครห+ณฺย = คารยฺหา, ทา+ณฺย = เทยฺยํ, น+ี ณฺย = เนยยฺ ํ เปนตน อ ปจจัย (แปลวา ผู, เปนท่ี, เปนเครื่อง, เปนแดน) เปนได ๗ สาธนะ มขี อกําหนด ดงั นี้ ลงหลังธาตุไดทกุ ประเภท มบี ทหนาก็ได ไมมีก็ได ไมมีพิเศษอะไร เชน หิต+กร+อ = หิตกกฺ โร (ผูกระทาํ ซ่ึงประโยชนเกอ้ื กูล)
๑1๕5๘8 ป+ภ+ู อ = ปภโว (เปนแดนเกิดกอน) แปลง อู เปน ว นิ+สี+อ = นิสฺสโย (เปน ทอี่ าศัย) แปลง อี เปน ย ปฏ+ิ ส+ํ ภทิ +อ = ปฏสิ มภฺ ิทา (ผูแตกฉานดีโดยตา ง) สกิ ฺข+อ = สิกฺขา (เปน ที่ศกึ ษา, อ.ความศึกษา) อิ ปจ จัย (แปลเหมือน อ ปจจยั ) เปน ได ๗ สาธนะ มขี อกาํ หนด เหมอื น อ ปจจัย เชน สนฺธ+ิ อิ = สนฺธิ (เปน ทอ่ี ันเขาตอ ) นธิ +อิ = นธิ ิ (เปนท่ีอันเขาฝงไว) อุท+ธร+อิ = อุทธิ (ผทู รงไวซ ง่ึ นา้ํ ) ลบ ร ณ ปจจยั (แปลเหมือน อ ปจ จยั ) เปนได ๗ สาธนะ มขี อกาํ หนดดังน้ี ๑. ลงหลังธาตุทั่วไป ใหลบ ณ แลวพฤทธิ์ตนธาตุ ยกเวนมี ตัวสะกด เชน วห+ณ = วาโห (เปน ท่ีอันเขาพงึ นาํ ไป) ทสุ +ณ = โทโส (เปน เครอ่ื งประทษุ รา ย) รชุ +ณ = โรโค (ผเู สียดแทง) แปลง ช เปน ค ปจ+ณ = ปาโก (ความหงุ ) แปลง จ เปน ก อา+วส+ณ = อาวาโส (เปนที่อย)ู กมฺม+กร+ณ = กมมฺ กาโร (ผทู าํ ซง่ึ การงาน)
1๑5๕9๙ ๒. ลงหลังธาตตุ ัวเดียว ทําใหเ ปน ๒ ตัว เหมอื นขอ ๑ แลวพฤทธ์ิ ตน ธาตุ เชน ภู+ณ = ภาโว (ความเปน) แปลง อู เปน ว ก+ี ณ = กาโย (เปน ทอ่ี ันเขาพึงซื้อ) แปลง อี เปน ย เตฺว ปจจัย (แปลวา เพ่ืออัน.... เหมือนจตุตถีวิภัตติ) ไมใชบอก สาธนะ แตใชแ ทนจตุตถีวิภัตติ มีหลักการคลายกับ ต ปจจัย ในกิริยา กติ ก เชน กาเตฺว เพื่ออันทาํ , คนฺเตฺว เพื่ออันไป, ปหาเตวฺ เพอื่ อันละ ติ ปจจัย (แปลเหมือน อ ปจจัย) เปนไดทั้ง ๗ สาธนะ มขี อกําหนดดังน้ี ๑. ลงหลงั ธาตทั่วไป ลบที่สดุ ธาตุ ซอน ต บา ง ไมซ อนบาง แปลง ตวั องเปนอยางอื่นบาง เชน มน+ติ = มติ (เปนเครือ่ งรู, ผูร)ู คม+ติ = คติ (เปน ที่ไป) รม+ติ = รติ (เปนทย่ี ินด)ี สร+ติ = สติ (ผรู ะลกึ , เปน เครือ่ งระลึก, ความระลึก) ส+ํ ปท+ติ = สมปฺ ตตฺ ิ (เปนทอ่ี ันเขาพงึ ถึงพรอม) ญา+ติ = ญาติ (ผูรู , ผรู จู ักกนั )
๑1๖6๐0 ตุ ปจจยั (แปลวา อ. อนั และ เพอ่ื อนั ) มีนยั เหมอื น เตฺว ปจจยั เชน กาตุ, คนตฺ ,ุ ทาต,ุ โสตุ, เปนตน ยุ ปจ จัย (แปลเหมอื น อ ปจจยั ) เปนได ๗ สาธนะ มีขอ กําหนด ดังน้ี ๑. ลงหลงั ธาตุทั่วไป แปลง ยุ เปน อน เชน ภู + ย = ภวนํ, สี + ยุ = สยนํ, สํ + ปท + ยุ = สมฺปทานํ, ทา+ยุ = ทานํ เจต+ยุ = เจตนา, กธุ +ยุ = โกธโน, ภชุ +ยุ = โภชนํ, คม+ยุ = คมนํ สํ+วณณฺ +ยุ = สํวณฺณนา, คห+ยุ = คหนํ เปนตน ๒. ลงหลงั ธาตุ ทีม่ ี ม และ ร เปน ทสี่ ุด ใหแปลง ยุ เปน อณ เชน กร+ยุ = กรณํ, มร+ยุ = มรณํ, สร+ยุ = สรณ,ํ รม+ยุ = รมณ,ํ ยกเวน คม และ ทม นิยมเปน อน เชน คมน,ํ ทมนํ เปน ตน จบวิธีการลงปจจัยท้งั ๑๔ ตวั
1๑6๖1๑ ขอ ควรกําหนดเกี่ยวกบั ปจจยั ทง้ั ๑๔ ตวั ปจจัยที่เน่ืองดวย ณ คือ ณี ณฺวุ ณ ณฺย เม่ือลงแลวลบ ณ พฤทธิ์ตนธาตุเสมอ ยกเวนมีตัวสะกด เชน ธมฺมวาที, ธมฺมทสฺสี, สาวโก, ปฏคิ ฺคาหโก, กมมฺ กาโร อาวาโส การิยํ ทมฺโม เปน ตน กฺวิ ปจจัย ลงแลว ถกู ลบท้ัง กฺวิ ทั้งท่ีสุดธาตุ มีขอสังเกต คือ มี บทหนาและท่สี ุดธาตุไมปรากฏ เชน อุรโค (อุร+คม) อนฺตโก (อนฺต+กร) สงฺโข (ส+ํ ขน) เปน ตน ณี ปจ จัย ลงแลว ลบ ณ เหลือ อี พฤทธ์ิตนธาตุ เชน ธมฺมจารี, กมมฺ การี เปนตน ถา เปน พหุวจนะ มีรูปเปน ธมฺมจาริโน ถาเปนอิตถี ลิงค มรี ปู เปน ธมมฺ -จารินี ธมมฺ จารนิ ิโย เปน ตน ณฺวุ ปจจัย ลงแลวพฤทธ์ิตนธาตุ แปลง ณฺวุ เปน อก เชน ทายโก สาวโก อนสุ าสโก ปฏิคฺคาหโก อุปาสโก อุปาสิกา คือ มีท่ีสุดเปน ก เปน ตน ตุ ปจจัย ทานใหแจกตามแบบ สตฺถุ เม่ือเปนปฐมาวิภัตติ จึงมี รูปเปน ตา เชน กตตฺ า วตฺตา ทาตา ญาตา เปน ตน รู ปจ จยั เมือ่ ลงแลวลบทส่ี ดุ ธาตุ และลบ ร เหลอื อู เปน อุ บา ง เชน ปารคู (ปาร+คม) เวทคู (เวท+คู) ภิกฺขุ (ภิกฺข+รู รัสสะ อู เปน อุ) กตฺ ู (กต+ญา ธาตุ ตัวเดียวลบแตส ระสดุ ทาย) ข ปจจัย ลงแลว ถูกลบ มีขอสังเกต คือมี อีส, ทุ, สุ เปนบท หนา เชน อีสกกฺ ร,ํ ทุกฺกรํ สุกรํ, สวุ โจ, ทุพฺพโจ เปนตน
๑1๖6๒2 ณฺย ปจจัย ตน ธาตุถกู พฤทธบ์ิ าง ลบ ณ แปลง ย กับที่สุดธาตุมี รปู ตา งๆ เชน การยิ ํ คารยหฺ ํ วชฺชํ ทมโฺ ม เปน ตน อ ปจจยั ลงแลว ไมม ีอะไรปรากฏ ทง้ั ตน ธาตุและที่สุดธาตุ เชน ปภโว หติ กฺกโร กมฺมกโร สังเกตทต่ี นธาตุเปน อ อิ ปจจัย ลงแลว มี อิ เปนที่สุด เชน นิธิ สนฺธิ อุทธิ เปนตน แตถ ามี ติ เปนท่สี ุด เปน ติ ปจ จยั เชน คติ สติ รติ สมปฺ ตตฺ ิ เปน ตน ณ ปจจัย ลงแลว ลบ ณ พฤทธ์ิตนธาตุ เชน วาโห อาวาโส กมฺม กาโร โทโส โรโค เปนตน ยุ ปจจัย ลงแลว แปลงเปน อน, อณ จึงมีขอสังเกตท่ีสุด เปน น, ณ เชน คมนํ คหนํ กรณํ มรณํ เจตนา โกธโน เปน ตน เมื่อทราบวิธีการลงปจจัยแลว สิ่งที่ควรกําหนดตอไป คือ การกาํ หนดรู เร่ืองรปู และสาธนะ อันจักนําไปสูการวิเคราะห ตามลําดับ
1๑6๖3๓ วิธกี ารกําหนดรปู และสาธนะ ดังนี้ ๑. กัตตุสาธนะ มีคําแปลวา ผู...., ผู....โดยปกติ และ ผูมีอัน.... เปนปกติ มีขอ กาํ หนด ดังน้ี ๑.๑ ถาแปลวา ผู. ... เชน อุรโค (สตโฺ ต) ผไู ปดวยอก เปน กัตตุรูป กัตตุสาธนะ วเิ คราะหวา อเุ รน คจฉฺ ตีติ = อุรโค (สตโฺ ต) ๑.๒ ถาแปลวา ผู....โดยปกติ เชน ธมฺมวาที (ชโน) ผูกลาวซึ่ง ธรรมโดยปกติ เปน กัตตุรูป สีลสาธนะ กัตตุสาธนะ วิเคราะหวา ธมฺมํ วทติ สีเลนาติ = ธมมฺ วาที (ชโน) ๑.๓ ถาแปลวา ผูมีอัน....เปนปกติ เชน ธมฺมวาที (ชโน) ผูมีอัน กลาวซึ่งธรรมเปนปกติ เปน สมาสรูป ตัสสีลสาธนะ กัตตุสาธนะ วิเคราะหวา ธมฺมํ วตฺตุ สลี มสฺสาติ = ธมมฺ วาที (ชโน) ๒. กัมมสาธนะ มีคําแปลวา เปนท่ี...., เปนท่ีอันเขา...., และเปน ท่ีอนั เขาพงึ ... มขี อ กาํ หนดดังน้ี ๒.๑ ถา แปลวา เปน ท่ี.... เชน ปโย (ปตุ โฺ ต) เปนที่รัก เปนกัตตุรูป กัมมสาธนะ วเิ คราะหว า ปย ติ ตนฺติ = ปโ ย (ปุตโฺ ต) ๒.๒ ถา แปลวา เปนทอี่ นั เขา.... เชน สุกรํ (กมมฺ )ํ เปนที่อันเขาทํา ไดโดยงา ย เปน กัมมรูป กัมมสาธนะ วิเคราะหวา สุเขน กริยเตติ = สุกรํ (กมมฺ )ํ
๑1๖6๔4 ๒.๓ ถาแปลวา เปนท่ีอันเขาพึ่ง........เชน ทมฺโม (สตฺโต) แปลวา เปนที่อันเขาพึงฝก เปนกัมมรูป กัมมสาธณะ วิเคราะหวา ทมติ พฺโพติ = ทมโฺ ม (สตฺโต) ๓. กรณสาธนะ มีคําแปลวา เปนเคร่ือง..., เปนเครื่องอันเขา.... หรือ เปน เหต.ุ ..., เปน เหตุอนั เขา.... มีขอ กาํ หนด ดังนี้ ๓.๑ ถาแปลวา เปนเครื่อง.... หรือ เปนเหตุ.... เชน พนฺธนํ (สงขฺ ลิกํ) เปนเคร่ืองผูก เปน กัตตุรูป กรณสาธนะ วิเคราะหวา พนฺธติ เตนาติ = พนฺธนํ (สงขฺ ลิก)ํ ๓.๒ ถาแปลวา เปนเครือ่ งอนั เขา...., เปน เหตุอันเขา เชน พนฺธนํ (สงฺขลิกํ) เปนเคร่ืองอันเขาผูก เปน กัมมรูป กรณสาธนะ วิเคราะหวา พนธฺ ยิ เต เอเตนาติ = พนธฺ นํ (สงขฺ ลกิ ํ) ๔. สัมปทานสาธนะ มีคําแปลวา เปนที่...., และเปนท่ีอันเขา.... มีขอ กําหนดดังน้ี ๔.๑ ถาแปลวา เปนท่ี.... เชน สมฺปทานํ (เจติยํ) เปนท่ีมอบให เปน กัตตุรูป สัมปทานสาธนะ วิเคราะหวา สมฺปเทติ เอตสฺสาติ = สมฺปทานํ (เจตยิ )ํ ๔.๒ ถาแปลวา เปน ที่อันเขา.... เชน สมฺปทานํ (เจติยํ) เปนท่ีอัน เขามอบให เปน กัมมรูป สัมปทานสาธนะ วิเคราะหวา สมฺปทิยเต เอตสฺสาติ = สมปฺ ทาน(ํ เจตยิ )ํ
1๑6๖5๕ ๕. อปาทานสาธนะ มีคําแปลวา เปนแดน.... ซึ่งเปนกัตตุรูป อยางเดียว เชน ปภสฺสโร (เทวกาโย)เปนแดนซานออกแหงรัศมี เปนกัตตุรูป อปาทานสาธนะ วิเคราะหวา ปภา สรติ เอตสฺมาติ = ปภสสฺ โร (เทวกาโย) ๖. อธกิ รณสาธนะ มคี ําแปลวา เปนที่.... และ เปนที่อันเขา.... มี ขอกําหนด ดงั น้ี ๖.๑ ถาแปลวา เปนที่.... เชน กรณํ (ฐานํ) เปนที่กระทํา เปนกัตตรุ ูป อธิกรณสาธนะ วิเคราะหว า กโรติ เอตฺถาติ = กรณํ (ฐาน)ํ ๖.๒ ถาแปลวา เปนท่ีอันเขา.... เชน กรณํ (ฐานํ) เปนที่อันเขา กระทาํ เปนกมั มรปู อธิกรณสาธนะ วิเคราะหว า กริยเต เอตฺถาติ = กรณํ (ฐาน)ํ ๗. ภาวสาธนะ มคี าํ แปลวา ความ..., อนั ..., การ..., ไมมีอัญญบท มรี ูปเดยี ว คอื ภาวรูป แตม ีวธิ กี ารวเิ คราะหต า งกัน คอื ๗.๑ ถาธาตุเปน อกัมมธาตุ ใหประกอบธาตุดวย ย ปจจัย เต วัตตมานา เชน มรณํ ความตาย เปน ภาวรูป ภาวสาธนะ วิเคราะหวา มรยเตติ = มรณํ ๗.๒ ถาเปน สกัมมธาตุ ใหประกอบธาตุดวย ยุ ปจจัย ที่แปลง เปน อน หรือ อณ เชน กรณํ การกระทํา เปน ภาวรูป ภาวสาธนะ วิเคราะหวา กรณํ = กรณํ, สมฺปตฺติ ความถึงพรอม เปนภาวรูป ภาวสาธนะ วิเคราะหว า สมฺปชฺชนํ = สมปฺ ตตฺ ิ
๑1๖6๖6 หมายเหตุ คําแปลวา เปน ที.่ ..., เปนท่ีอันเขา..., มีใน ๓ สาธนะ คือ กัมมสาธนะ สัมปทานสาธนะ และอธิกรณสาธนะ มีวิธีการกําหนด โดยการทดลองแปลเทียบเคียง เชือ่ มดว ยคําวา ซ่ึง, แก, ใน กับ อัญญบท คอื ถา เช่อื มดวยคาํ วา ซึ่ง ไดค วามดี เปนกัมมสาธนะ ถาเช่ือมดวยคําวา แก ไดความดี เปนสัมปทานสาธนะ ถาเชื่อมดวยคําวา ใน ไดความดี เปน อธิกรณสาธนะ หลกั การตงั้ วเิ คราะหป ระจําสาธนะท้งั ๗ การตั้งวิเคราะห คือ การแยกเอาบทหนา และปจจัย ออกจาก ธาตุ แลวเอาเฉพาะธาตุ มาประกอบเปนกิริยาอาขยาตบาง กิริยากิตก เปนนามกิตก อยางเดิมบาง มวี ธิ ีการกําหนด ดงั นี้ ๑. เม่ือเปน กัตตุรูป ใหแยกเอาธาตุมาประกอบดวยปจจัย ในกัตตุ วาจก หรือเหตุกัตตุวาจก และ ติ หรือ อนฺติ วตฺตมานา เชน คจฺฉติ คจฉฺ นตฺ ิ กโรติ กโรนฺติ โสภาเปติ โสภาเปนตฺ ิ เปนตน ๒. เมื่อเปนกัมมรูป ถาแปลวา อันเขา ไมมีคําวา พึง ตอทาย ให แยกธาตุออกมาประกอบเปนรูปแบบกมั มวาจก คอื ลง ยุ ปจ จยั อิ อาคม หนา ย มีรูปเปน อิย เชน ปจิยเต กริยเต เปนตน ถามีคําแปลวา พึง ตอทาย ใหประกอบดวย ตพฺพ ปจจัย ในกิริยากิตก ตามลิงคของอัญญ บท ถา อัญญบท เปนปุลิงค = ตพฺโพติ, อิตฺถีลิงค = ตพฺพาติ, นปุสกลิงค = ตพพฺ นฺติ เชน ปจิตพโฺ พติ ปจิตพฺพาติ, ปจติ พฺพนฺติ เปนตน
1๑6๖7๗ ๓. เมื่อเปนภาวรูป ใหกําหนดธาตุวา เปนสกัมมธาตุ หรือ อกมั มธาตุ ถา เปน สกัมมธาตุ ใหประกอบดวย ย ปจจัย เชน กรณํ สรณํ คหนํ เปน ตน ถาเปน อกมั มธาตุ ใหประกอบดวย ย ปจจัย เต วัตตมานา = ยเต ประจําภาววาจก เชน ภูยเต, มรยเต เปนตน ๔. ในสวนของบทหนา มี ๕ ชนิด คือ นามนาม คุณนาม สัพพนาม อุปสัค และนิบาต มีขอ กําหนด ดงั นี้ ๔.๑ ถาบทหนา เปนนามนาม และสัพพนาม ใหแยกออกมา ประกอบวิภัตติตามสําเนียงอายตนิบาต ตั้งแต ทุติยาวิภัตติ - สัตตมี วิภตั ติ ยกเวนที่แปลวา แหง ใหประกอบดวยปฐมาวิภัตติ เชน ธมฺมวาที (ชโน) ผูกลาวซ่ึงธรรมโดยปกติ วิ.วา ธมฺมํ วทติ สีเลนาติ = ธมฺมวาที (ชโน) อรุ โค (สตโฺ ต) ผูไปดวยอก ว.ิ วา อเุ รน คจฉฺ ตีติ = อุรโค (สตฺโต) คามวาสิโน (ชนา) ผูอยูในบานโดยปกติ วิ. วา คาเม วสนฺติ สเี ลนาติ = คามวาสโิ น (ชนา) สพฺพฺู (ชโน) ผูรูซ่ึงสิ่งทั้งปวง วิ.วา สพฺพํ ชานาตีติ = สพพฺ ฺู (ชโน) ปภสฺสโร(เทวกาโย) เปนแดนซานออกแหงรัศมี วิ.วา ปภา สรติ เอตสฺมาติ =ปภสฺสโร(เทวกาโย) ๔.๒ ถาบทหนาเปนคุณนาม ใหแยกออกมาประกอบดวย อํ ทตุ ยิ าวภิ ตั ตเิ ทานนั้
๑1๖6๘8 เชน ตุรโค (สตโฺ ต) ผูไ ปดวน วิ.วา ตรุ ํ คจฉฺ ตตี ิ = ตุรโค (สตฺโต) สาตจฺจการิโน(ชนา) ผูทําติดตอโดยปกติ วิ.วา สาตจฺจํ กโรนฺติ สีเลนาติ = สาตจฺจการิโน (ชนา) ๔.๓ ถาบทหนาเปนอุปสัค ไมตองแยกออกจากธาตุใหคงไว ตามเดิม เชน อนสุ าสโก(ชโน) ผูตามสอน วิ.วา อนุสาสตีติ = อนุสาสโก (ชโน) วนิ โย (อุปาโย) เปนเคร่ืองแนะนํา ว.ิ วา วิเนติ เอเตนาติ = วนิ โย (อุปาโย) ยกเวน สุ ทุ สํ และ ป ใหแ ยกออกมาประกอบตางหากได เชน สุกรํ (กมฺมํ) เปนท่ีอันเขาทําไดโดยงาย วิ.วา สุเขน กริยเตติ = สุกรํ (กมฺม)ํ ทุกฺกรํ (กมมฺ )ํ เปน ทอ่ี นั เขาทําไดโดยยาก วิ.วา ทุกฺเขน กริยเตติ = ทุกฺกรํ (กมมฺ ํ) สงโฺ ข (สตโฺ ต) ผขู ุดดี ว.ิ วา สํสุฏ ุ ขนตีติ = สงฺโข (สตฺโต) ปภโว (ปพฺพโต) เปนแดนเกิดกอน วิ.วา ปฐมํ ภวติ เอตสฺมาติ = ปภโว (ปพฺพโต) ๔.๔ ถา บทหนา เปน นิบาต นยิ มใหแยกออกมาประกอบตางหาก เชน สยมฺภู(ปุคฺคโล) ผูเ ปนเอง ว.ิ วา สยํ ภวตีติ = สยมฺภู (ปคุ คฺ โล)
1๑6๖9๙ ขอควรทราบ นามกิตกท เ่ี ปน ภาวสาธนะ เปน นามนามเพราะแปลออก สําเนียง อายตนิบาตแหงวิภัตติได ดวยตัวเอง ไมตองมีบทอื่นเปนประธาน ทเี่ รียกวา อญั ญบท ฉะนน้ั ภาวสาธนะ จงึ ไมม อี ัญญบท สวนอีก ๖ สาธนะ เปนคุณนาม เพราะแปลออกสําเนียงอายต นิบาตแหงวิภัตติไมได ตองมีบทอื่น เรียกวา อัญญบท เปนประธาน จึง ตอ งมอี ญั ญบททัง้ ๖ สาธนะ
๑1๗7๐0 แผนผังต้งั วเิ คราะหสาธนะทง้ั ๗ และตวั อยา ง ๑. กัตตสุ าธนะ มี ๓ รปู ก. แปลวา ผ.ู ........เปนกัตตุรปู วิ.วา......................ตตี ิ = ...................(...........................) เชน อุเรน คจฉฺ ตตี ิ = อรุ โค(สตโฺ ต) ข. แปลวา ผ.ู .........โดยปกติ เปนกัตตุรูป สลี สาธนะ วิ.วา...........ติ สเี ลนาติ................(.....................) เชน กมฺมํ กโรติ สีเลนาติ = กมมฺ การี(ชโน) ค. แปลวา ผูมอี ัน..............เปนปกติ เปน สมาสรูป ตสั สีลสาธนะ ว.ิ วา ..........ตุ สีลมสฺสาติ =........(..........) เชน ธมมฺ ํ วตตฺ ุ สลี มสสฺ าติ = ธมมฺ วาที ๒. กมั มสาธนะ มี ๒ รปู ๓ แบบ ก. แปลวา เปน ท่ี........เปน กัตตรุ ูป ว.ิ วา...........ติ ตนตฺ ิ = .......................(........................) เชน ปย ติ ตนตฺ ิ = ปโย (ปุตโฺ ต) ข. แปลวา เปนท่ีอันเขา............เปนกัมมรูป ว.ิ วา........อยิ เตติ = ......................(.......................) เชน ทุกฺเขน กริยเตติ = ทุกกฺ รํ (กมฺม)ํ
1๑7๗1๑ ค. แปลวา เปนท่อี ันเขาพึง............เปนกมั มรปู วิ.วา ........ตพโฺ พติ,..ตพพฺ าต,ิ ......ตพพฺ นฺติ = ...........(..........) เชน ทมติ พโฺ พติ = ทมฺโม (สตโฺ ต) กาตพพฺ นตฺ ิ = กจิ ฺจํ (กมมฺ )ํ ๓. กรณสาธนะ มี ๒ รปู ก. แปลวา เปนเครื่อง.............เปนกตั ตุรูป ว.ิ วา ............ต,ิ .เอเตนาต,ิ เอตายาติ = .....................(.................) เชน พนฺธติ เอเตนาติ = พนธฺ นํ (สงฺขลิกํ) ข. แปลวา เปน เคร่อื งอันเขา...........เปนกมั มรูป ว.ิ วา.............อิยเต..เอเตนาต,ิ เอตายาติ = ............(.............) เชน สํวณฺณิยเต เอตายาติ = สวํ ณณฺ นา (วาจา) ๔. สมั ปทานสาธนะ มี ๒ รปู ก. แปลวา เปน ท่ี........... เปนกัตตรุ ปู วิ.วา ..............ติ เอตสฺสาติ = .............................(...................) เชน สมฺปเทติ เอตสฺสาติ = สมปฺ ทานํ (เจตยิ )ํ ข. แปลวา เปน ท่ีอนั เขา.............เปนกมั มรปู วิ.วา............อิยเต เอตสฺสาติ = ...................(....................) เชน สมปฺ ทิยเต เอตสสฺ าติ = สมฺปทานํ (เจติย)ํ
๑1๗7๒2 ๕. อปาทานสาธนะ มี ๑ รปู ก. แปลวา เปนแดน................เปน กัตตรุ ูป วิ.วา ...............ติ เอตสมฺ าต,ิ เอตายาติ = .................(................) เชน ปภา สรติ เอตสมฺ าติ = ปภสสฺ โร (เทวกาโย) ๖. อธกิ รณสาธนะ มี ๒ รปู ก. แปลวา เปน ท่ี.................เปนกัตตุรปู วิ.วา ...................ติ เอตฺถาติ = .........................(...................) เชน กโรติ เอตถาติ = กรณํ (ฐาน)ํ ข. แปลวา เปน ท่อี ันเขา..................เปนกัมมรูป วิ.วา ................อิยเต เอตถฺ าติ = .....................(..............) เชน กริยเต เอตถฺ าติ = กรณํ (ฐานํ) ๗. ภาวสาธนะ มี ๑ รูป ๒ แบบ ก. (ภาวรูป/อกมั มธาตุ) ว.ิ วา ...........................ยเตติ = ....................... เชน มรยเตติ = มรณํ ข. ภาวรปู /สกัมมธาตุ ว.ิ วา...............ยุ = อน, อณ = ............................... เชน กรณํ = กรณํ, คมนํ คติ
1๑7๗3๓ วธิ ีแปลประจํารปู และสาธนะ สาธนะทง้ั ๗ มีคําแปลในรูปวิเคราะหทั้ง ๓ แตกตางกัน แลวแต รูปวิเคราะหน้ัน เปนวาจกอะไร และมีองคประกอบอยางไรบาง มขี อกําหนดโดยรวม ดังน้ี ๑. ถารปู และสาธนะตรงกัน ใหน ํา ย ต ศํพท ข้ึนมาโยคอัญญบท เพื่อเปนประธานในรปู วิเคราะหและบทสําเร็จ คือ ย ขึ้นที่รูปวิเคราะห ต ขนึ้ ทบี่ ทสําเรจ็ เชน อุเรน คจฺฉตีติ=อุรโค(สตฺโต) เปนกัตตุรูป กัตตุสาธ นะ แปลวา โย สตโฺ ต อ. สัตวใ ด คจฺฉติ ยอมไป อุเรน ดวยอก อิติ เพราะ เหตุนนั้ โส สตฺโต อ. สตั วน ้นั อุรโค ชือ่ วา ผูไปดว ยอก ฯ ๒. ถารปู และสาธนะไมต รงกัน ใหนําบทอื่นมาเปนประธานในรูป วิเคราะห แลวนํา ต, เอต ศพั ท ในรูปวเิ คราะห ไปโยคอัญญบท แปลตาม วิภัตติ สวนที่บทสําเร็จ ใหนํา ต ศัพท ข้ึนมาโยคอัญญบท เพ่ือเปน ประธาน เชน ปยติ ตนฺติ = ปโย (ปุตฺโต) เปนกัตตุวาจก กัมมสาธนะ แปลวา ปคุ คฺ โล อ.บุคคล ปยติ ยอมรัก ตํ ปุตตฺ ํ ซงึ่ บตุ รน้นั อิติ เพราะเหตุ น้ัน โส ปตุ ฺโต อ. บุตรนนั้ ปโ ย ช่ือวา เปน ท่รี กั ๓. ถาเปนกัตตุวาจก (กัตตุรูป) ใหแปลตามรูปแบบกัตตุวาจก ดงั ตัวอยางขางบน ถาเปนกัมมวาจก (กัมมรูป) ใหแปลตามรูปแบบกัมม วาจก คือ ขึ้นบท อนภิหิตกัตตา มาในรูปวิเคราะห เชน เตน อันเขา ปุคฺคเลน อันบุคคล เปนตน ถาเปนเหตุกัตตุวาจก (กัตตุรูป) ใหข้ึนบท การิตกัมม มาในรูปวิเคราะหดวย เชน ปุคฺคลํ ยังบุคคล ชนํ ยังชน
๑1๗7๔4 เปนตน ถาเปนภาววาจก (ภาวรูป) ใหข้ึนบท อนภิหิตกัตตา ในรูป วิเคราะห เชน เตน, ปุคฺคเลน เปนตน สวนเหตุกัมมวาจก ไมปรากฏใน รูปวิเคราะห แตถามีก็ใหแปลในรูปแบบของเหตุกัมมวาจก เหมือนใน อาขยาต ๔. ศพั ทพิเศษ คอื อติ ิ ศพั ท แปลวา เพราะเหตุน้ัน เชน สีเลนาติ แยกเปน สีเลน + อิติ สีลมสฺสาติ แยกเปน สีลํ + อสฺส (อสฺสา) + อิติ, ตนฺติ แยกเปน ตํ + อิติ (ตํ เปนได ๓ ลิงค) เตนาติ แยกเปน เตน + อิติ (ปุ, นปุ), ตสฺสาติ แยกเปน ตสฺส+อิติ (ปุ,นปุ), และ ตสฺสา + อิติ (อิตฺ) ตสฺมาติ แยกเปน ตสฺมา + อิติ (ปุ,นปุ), ตายาติ แยกเปน ตาย + อิติ (อติ )ฺ , เอตถฺ าติ แยกเปน เอตฺถ + อติ ิ (ทงั้ ๓ ลงิ ค) ตวั อยา งการแปลรปู และสาธนะตาง ๆ ดังนี้ ๑. กัตตุรูป กัตตุสาธนะ เชน เทตีติ = ทายโก (ชโน) โย ชโน อ. ชนใด เทติ ยอมให อติ ิ เพราะเหตนุ ้ัน โส ชโน อ. ชนนั้น ทายโก ชื่อวา ผใู ห ๒. กัตตุรูป สีลสาธนะ กัตตุสาธนะ เชน ธมฺมํ วทติ สีเลนาติ = ธมมฺ าวาที (ชโน) โย ชโน อ. ชนใด วทติ ยอมกลาว ธมฺมํ ซ่ึงธรรม สีเลน โดยปกติ อิติ เพราะเหตนุ น้ั โส ชโน อ.ชนนั้น ธมฺมวาที ชื่อวา เปนผูกลาว ซึง่ ธรรมโดยปกติ ฯ ๓. สมาสรูป ตัสสีลสาธนะ กัตตุสาธนะ เชน ธมฺมํ วตฺตุ สีลมสฺสาติ = ธมฺมวาที (ชโน) วตฺตุ อ. อันกลาว ธมฺมํ ซึ่งธรรม สีลํ เปน
1๑7๗5๕ ปกติ อสฺส ชนสฺส ของชนนั้น อิติ เพราะเหตุน้ัน โส ชโน อ. ชนน้ัน ธมฺมวาที ชื่อวา ผูมีอนั กลาวซงึ่ ธรรมเปน ปกติ ๔. กัตตุรูป กัมมสาธนะ เชน ปยติ ตนฺติ = ปโย (ปุตฺโต) มาตา อ. มารดา ปย ติ ยอมรัก ตํ ปุตฺตํ ซึ่งบุตรน้ัน อิติ เพราะเหตุน้ัน โส ปุตฺโต อ. บตุ รนน้ั ปโ ย ชอื่ วา เปนที่รัก ฯ ๕. กมั มรปู กมั มสาธนะ เชน สุเขน กริยเตติ = สุกรํ (กมฺมํ) ยํ กมฺมํ อ. กรรมใด (ปุคฺคเลน อันบุคคล) กริยเต ยอมกระทํา สุเขน โดยงา ย อติ ิ เพราะเหตนุ ั้น ตํ กมฺมํ อ. กรรมนั้น สุกรํ ชื่อวา เปนท่ีอันเขา กระทาํ ไดโดยงาย ๖. กตั ตุรูป กรณสาธนะ เชน พนฺธติ เตนาติ = พนฺธนํ (สงฺขลิกํ) ปุคฺคโล อ. บุคคล พนฺธติ ยอมผูก เตน สงฺขลิเกน ดวยโซน้ัน อิติ เพราะ เหตุน้นั ตํ สงขฺ ลกิ ํ อ.โซน นั้ พนธฺ นํ ชื่อวา เปน เครอ่ื งผูก ๗. กัมมรูป กรณสาธนะ เชน พนฺธิยเต เตนาติ = พนฺธนํ (สงฺขลิกํ) สตฺโต อ. สัตว ปุคฺคเลน อันบุคคล พนฺธิยเต ยอมผูก เตน สงฺขลิเกน ดว ยโซน ัน้ อติ ิ เพราะเหตุน้ัน ตํ สงฺขลิกํ อ.โซนั้น พนฺธนํ ช่ือวา เปนเครื่องอนั เขาผูก ๘. กตั ตุรปู สัมปทานสาธนะ เชน สมฺปเทติ ตสฺสาติ = สมฺปทานํ (เจติยํ) ปุคฺคโล อ. บุคคล สมฺปเทติ ยอมมอบให ตสฺส เจติยสฺส แกเจดีย น้ัน อิติ เพราะเหตุน้ัน ตํ เจติยํ อ. เจดียน้ัน สมฺปทานํ ชื่อวา เปนที่มอบ ให
๑1๗7๖6 ๙. กัมมรูป สัมปทานสาธนะ เชน สมฺปทิยเต ตสฺสาติ = สมปฺ ทานํ (เจติย)ํ วตฺถุ อ. วัตถุ ปุคฺคเลน อันบุคคล สมฺปทิยเต ยอมมอบ ให ตสฺส เจติยสฺส แกเจดียน้ัน อิติ เพราะเหตุนั้น ตํ เจติยํ อ. เจดียน้ัน สมปฺ ทานํ ชอ่ื วา เปนที่อันเขามอบให ๑๐. กัตตุรูป อปาทานสาธนะ เชน ปฐมํ ภวติ ตสฺมาติ = ปภโว (ปพฺพโต) รุกฺโข อ.ตนไม ภวติ ยอมเกิด ปฐมํ กอน ตสฺมา ปพฺพตสฺมา จากภูเขานั้น อิติ เพราะเหตุนั้น โส ปพฺพโต อ. ภูเขานั้น ปภโว ช่ือวา เปน แดนเกดิ กอ น ๑๑. กตั ตุรปู อธกิ รณสาธนะ เชน กโรติ เอตฺถาติ = กรณํ (ฐานํ) ปุคฺคโล อ. บคุ คล กโรติ ยอ มกระทํา เอตฺถ ฐาเน ในที่นั้น อิติ เพราะเหตุ นน้ั ตํ ฐานํ อ. ท่ีน้นั กรณํ ชอ่ื วา เปน ท่กี ระทาํ ๑๒. กัมมรูป อธิกรณสาธนะ เชน กริยเต เอตฺถาติ = กรณํ (ฐานํ) กมมฺ ํ อ. กรรม ปุคฺคเลน อนั บคุ คล กริยเต ยอ มกระทํา เอตฺถ ฐาเน ในท่ีนั้น อิติ เพราะเหตุนั้น ตํ ฐานํ อ. ท่ีนั้น กรณํ ช่ือวาเปนที่เขาอัน กระทาํ ๑๓. ภาวรูป (อกัมมธาตุ) ภาวสาธนะ เชน มรยเตติ = มรณํ (เตน อนั เขา) มรยเต ยอมตาย อติ ิ เพราะเหตนุ น้ั มรณํ ช่อื วา ความตาย ๑๔. ภาวรูป (สกัมมธาตุ) ภาวสาธนะ เชน กรณํ = กรณํ (กรณํ อ. การกระทํา = กรณํ อ. การกระทํา) จบกริ ยิ ากติ ก
1๑7๗7๗ สมาส (ใหท อ งตลอดจนจบ) นามศัพทตั้งแต ๒ บทข้ึนไป ทานยอเขาเปนบทเดียวกัน ช่ือวา สมาส สมาสน้ีวา โดยกจิ มี ๒ อยา ง คอื ๑. สมาสท่ที า นลบวิภัตตขิ องศัพทห นา เรยี กวา ลุตฺตสมาส เชน กฐินสฺส ทุสฺสํ = กฐินทุสสํ ผาเพื่อกฐิน, รฺโญ ปุตฺโต = ราชปุตฺโต อ. บตุ รของพระราชา (ลบ ส วิภตั ตทิ ีบ่ ทหนา ) ๒. สมาสที่ทานมิไดลบวิภัตติของบทหนา เรียกวา อลุตฺตสมาส เชน ทูเร นิทานํ = ทูเรนทิ านํ (วตฺถุ) มีนิทานในท่ีไกล, อุรสิ โลโม = อุรสิ โลโม (พรฺ าหฺมโณ) มีขนที่อก (ไมล บ สฺมึ ทบ่ี ทหนา ) สมาสน้ีวาโดยชื่อมี ๖ อยาง คือ กัมมธารยะ, ทิคุ, ตัปปุริสะ, ทวนั ทวะ, อัพยยีภาวะ พหพุ พิหิ มรี ายละเอยี ด ดงั นี้ กัมมธารยสมาส นามศพั ท ๒ บท มวี ิภัตตแิ ละวจนะเปนอยา งเดยี วกัน บทหน่ึง เปน ประธาน คือเปน นามนาม บทหนึ่งเปนวิเสสนะ คือเปนคุณนาม หรือ เป นคุ ณ นา ม ท้ั ง ๒ บ ท ท านย อ เ ขา เ ป นบ ทเ ดี ย ว กั น ช่ื อ ว า “กมั มธารยสมาส” กมั มธารยสมาสนม้ี ี ๖ อยาง คือ
๑1๗7๘8 ๑. วิเสสนบุพพบท ๒. วเิ สสนุตตรบท ๓. วิเสสโนภยบท ๔. วิเสสโนปมบท ๕.สมั ภาวนบพุ พบท ๖. อวธารณบุพพบท ๑. วิเสสนบุพพบท มีบทวิเสสนะอยูหนา บทประธานอยูหลัง เชน ขตฺติยา กญฺ า = ขตฺติยกฺญา อ. นางผูกษัตริย, นีลํ อุปฺปลํ = นลี ปุ ปฺ ลํ อ. ดอกอบุ ลเขียว ในสมาสนบี้ างทีทา นแปลง มหนฺต ศพั ท เปน มหา เชน มหนฺโต ปุริโส = มหาปรุ โิ ส อ. บรุ ษุ ใหญ มหาธานี อ. เมอื งใหญ มหานครํ อ. เมืองใหญ วิเคราะห เหมอื น มหาปุริโส บางทีทานลบอักษรตัวหลังของบทวิเสสนะ เหลือไวแตอักษรตัว หนา ก็มี เชน ปธานํ วจนํ = ปาวจนํ อ. คําเปนประธาน (ลบ ธานํ) สนฺโต ปุริโส = สปฺปุริโส อ. บุรุษสงบแลว (ลบ นฺต) กุจฺฉิตา ทิฏฐิ = กุทิฏฐิ อ. ทฏิ ฐิอนั บัณฑิตเกลยี ดแลว (ลบ จฉฺ ติ า) ขอ สังเกต มีคําแปลบทหนา วา ผู หรอื แปล เฉยๆ ก็ได ๒. วิเสสนุตตฺ รบท มีบทวิเสสนะอยูห ลงั บทประธานอยูหนา เชน สตฺโต วเิ สโส = สตฺตวเิ สโส อ. สตั วว เิ ศษ นโร วโร = นรนโร อ. นระผูประเสริฐ มนสุ ฺโส ทลิทโฺ ท = มนสุ สฺ ทลทิ โท อ. มนุษยผ ูขัดสน
1๑7๗9๙ ขอสังเกต มคี าํ แปลท่บี ทหลังวา ผู หรือแปลเฉยๆ เหมือนสมาสที่ ๑ ๓.วเิ สสโนภยบท มีบททั้ง ๒ เปนวิเสสนะ มีบทอื่นเปนประธาน เชน สีตฺจ สมฏฐ จฺ = สีตสมฏฐํ (ฐาน)ํ ทงั้ เยน็ ท้ังเกล้ยี ง อนฺโธ จ วธิโร จ = อนธฺ วธโิ ร (ปุริโส) ทงั้ บอดท้ังหนวก ขโฺ ช จ ขุชโฺ ช จ = ขชฺ ขุชโฺ ช (ปุรโิ ส) ท้ังกระจอกทงั้ คอ ม อนธฺ พาโล (ทั้งบอดท้งั โง) ขอสังเกตุ มีคําแปลท่ีบทท้ัง ๒ วา ท้ัง ทั้ง (สวนในรูปวิเคราะห แปลวา ดว ย ดวย) ๔.วิเสสโน ป มบ ท มีบทวิเสสนะเปนอุปมา จัดเปน ๒ ตามบทวิเสสนะอยูหนา และอยหู ลงั มคี าํ แปลวา เพียงดัง ที่บทหนาหรือ บทหลงั ดังน้ี ก. อุปมาอยหู นา เรียกวา อปุ มาบุพพบท เชน สงขฺ ํ อวิ ปณฺฑรํ = สงฺขปณฺฑรํ (ขีร)ํ ขาวเพยี งดังสังข กาโก อวิ สโู ร = กากสโู ร (นโร) กลา เพยี งดงั กา ทิพฺพํ อิว จกขฺ ุ = ทพิ พฺ จกฺขุ จกั ษเุ พยี งดงั ทิพย อนฺธพาโล (นโร) โงเ พยี งดงั คนบอด อาวุธปฺญา ปญญาประดุจดังอาวุธ
๑1๘8๐0 ข. อุปมาอยูหลัง เรียกวา อุปมานุตฺตรบท เชน นโร สีโห อิว = นรสีโห อ. นระเพียงดังสีหะ ญาณํ จกขฺ ุ อวิ = ญาณจกขฺ ุ อ. ญาณเพียงดงั จักษุ ปญฺ าปาสาโท อ. ปญญาเพียงดงั ปราสาท ปญฺ าวุโธ อ. ปญ ญาเพียงดงั อาวธุ ขอ สังเกตุ มคี ําแปลวา เพยี งดงั ทบ่ี ทหนา บา ง ทบี่ ทหลงั บา ง ๕. สัมภาวนบุพฺพบท มีบทหนาอันทานประกอบดวย อิติ ศัพท บทหลัง เปนประธาน เชน ขตฺติโย (อหํ) อิติ มาโน = ขตฺติยมาโน อ. มานะวา (เรา) เปน กษัตริย , สตโฺ ต อติ ิ สญฺ า = สตฺตสฺญา อ. ความสาํ คญั วาเปนสัตว, สมโณ (อหํ) อิติ ปฏิฺญา = สมณปฏิฺญา อ.ปฏิญญาวา (เรา) เปน สมณะ อรยิ สญฺ า อ. ความสาํ คญั วา เปน อรยิ ะ ขอสังเกตุ มีคําแปลวา “วา” ระหวางบทหนาและบทหลงั ๖.อวธารณบุพพบท มีบทหนาอันทานประกอบดวย เอว ศัพท บทหลังเปนประธาน เชน ปฺญา เอว ปโชโต = ปยฺญาปโชโต (ปทีโป) อ.ประทีปอนั โพลงท่ัวคือปญญา, พุทโฺ ธ เอว รตนํ = พทุ ธฺ รตนํ อ. รตั นะคือพระพทุ ธเจา ,
1๑8๘1๑ สทฺธา เอว ธนํ = สทธฺ าธนํ อ.ทรัพยคอื ศรัทธา ขอ สังเกตุ มีคําแปลประจาํ วา “คือ” ระหวา งบทหนาและบทหลงั ทคิ สุ มาส สมาสท่ีมีปกตสิ งั ขยานําหนา ชื่อวา ทคิ สุ มาส ๆ นี้มี ๒ คือ ๑. ทคิ ุสมาส ท่รี วบรวมนามศัพทมีเนื้อความเปนพหุวจนะ ทําให เปน เอกวจนะและนปสุ กลิงค อยางเดียว ชอ่ื วา สมาหารทิคุ เชน ตโย โลกา = ติโลกํ อ.โลก ๓, จตสฺโส ทสิ า = จตทุ ฺทสิ ํ อ.ทศิ ๔ ปฺจ อินทฺ ฺรยิ านิ = ปฺจนิ ฺทรยิ ํ อ.อนิ ทรีย ๕ เปน ตน ๒. ทิคุสมาส ท่ีทานไมไดทําอยางน้ัน ช่ือวา อสมาหารทิคุ เชน เอโก ปคุ คฺ โล = เอกปคุ ฺคโล อ. บุคคลผเู ดยี ว, จตสโฺ ส ทสิ า = จตทุ ฺทสิ า อ.ทิศ ๔ ท. ปฺจ พลานิ = ปฺจพลานิ อ.กาํ ลงั ๕ ท. เวลาวิเคราะหใหประกอบบทนามนามและปกติสังขยาใหมีลิงค และวจนะตรงกันยกเวน จํานวน ตั้งแต ๑๙-๙๘ ใหประกอบตามหลักการ คอื ๑๙-๙๘ ซ่ึงเปน เอกวจนะ แตบ ทนามนามตองเปน พหุวจนะ เชน ตึส ภิกฺขู = ตสึ ภกิ ฺขู เปน ตน
๑1๘8๒2 ตัปปรุ สิ สมาส นามศัพทมี อํ วิภัตติ เปนตน อยูในท่ีสุดของบทหนาทานยอเขา กับบทหลัง ชื่อวา ตัปปุริสสมาส ตัปปุริสสมาสน้ีมี ๖ อยาง คือ ทุติยาตัปปุริส - สัตตมีตัปปุริส บทหนาเปนนามนาม แปลออกสําเนียง อายตนิบาตแหงวภิ ตั ตใิ ด ใหแยกออกมาประกอบดว ยวิภตั ติน้นั ดังนี้ ๑. ทุติยาตัปปุริสะ เชน สุขํ ปตฺโต = สุขปฺปตฺโต (ปุริโส) ถึงแลว ซงึ่ สขุ , คามํ คโต = คามคโต (ปุริโส) ไปแลวสูบาน, สพฺพรตฺตึ โสภโณ = สพฺพรตตฺ ิโสภโณ (จนฺโท) งามตลอดราตรี ทง้ั ปวง ๒. ตติยาตัปปุริสะ เชน อสฺเสน (ยุตฺโต) รโถ = อสฺสรโถ อ.รถ เทียมแลวดวยมา, สลฺลวิทฺโธ (สตฺโต) อันลูกศรแทงแลว, อสิกลโห อ.ความทะเลาะเพราะดาบ วเิ คราะหเหมอื น อสฺสรโถ ๓.จตุตถีตัปปุริสะ เชน กฐินสฺส ทุสฺสํ = กฐินทุสฺสํ อ.ผาเพ่ือ กฐิน ฯ อาคนุตุกภตฺตํ อ.ภัตรเพื่อผูมาฯ คิลานเภสชฺชํ อ.ยาเพ่ือคนไข ฯ วเิ คราะหเหมอื น กฐินทสุ ฺสํ ฯ ๔. ปญจมีตัปปุริสะ เชน โจรมฺหา ภยํ = โจรภยํ อ.ภัยแตโจร ฯ มรณภยํ อ.ภัยแตความตายฯ พนฺธนมตุ โฺ ต (สตโฺ ต) พน แลวจากเครือ่ งผูกฯ วเิ คราะหเหมือน โจรภยํฯ ๕.ฉัฏฐีตัปปุริสะ เชน รฺโญ ปุตฺโต = ราชปุตฺโต อ.บุตรของ พระราชาฯ สมณสตํ อ.รอ ยแหง สมณะฯ ธฺญราสิ อ.กองแหง ขา วเปลือก ฯ รกุ ขฺ สาขา อ.ก่ิงแหง ตน ไม วิเคราะหเหมือน ราชปตุ โฺ ตฯ
1๑8๘3๓ ๖. สัตตมตี ปั ปรุ สิ เชน รูเป สฺญา = รูปสฺญา อ.ความสําคัญ ในรูป ฯ สสํ ารทุกฺขํ อ.ทุกขในสงสารฯ วนปุปฺผํ ดอกไมในปา ฯ วิ.เหมือน รปู สญฺ า ฯ น บพุ พบทกัมมธารยะสมาส หรอื อุภยตัปปรุ สิ สมาส ๑. เม่อื น อยูหนา พยัญชนะอยูหลัง ใหแปลง น เปน อ เชน น พฺราหฺมโณ = อพฺราหฺมโณ (ชโน) มิใชพราหณฯ น กุสลํ = อกุสลํ(อิทํ กมมฺ ํ) มิใชก ศุ ล ฯ น มนสุ ฺโส = อมนุสฺโส (สตโฺ ต) มใิ ชมนษุ ย ฯ ๒. เม่ือ น อยูหนาสระอยูหลัง ใหแปลง น เปน อน เชน น อสโฺ ส = อนสฺโส (สตฺโต) มใิ ชมาฯ น อริโย = อนริโย (ชโน) มใิ ชพระอริยะ เจา ฯ ขอควรจาํ ในตัปปุริสสมาส (ไมต องทอง) ๑. ตปั ปุรสิ ะ กบั กมั มธารยะ ตางกนั ดังน้ี คอื กัมมธารยะ บททั้ง สองแยกออกมาลง สิ – โย ปฐมา เหมือนกัน บทหน่ึงเปนประธาน บท หนึ่งเปนวิเสสนะหรือเปนวิเสสนท้ังสองบท เม่ือแปลก็ไมออกสําเนียง วิภัตติท่ีบทหนา ฯ สว นตปั ปรุ สิ ะ บททัง้ ๒ เม่อื แยกอกมาตั้งวิเคราะห บทหนาใหลง วิภัตติตาม ท่ีแปลออกสําเนียงอายตนิบาต ตั้งแตทุติยา จนถึง สัตตมี สวนบทหลังลง สิ - โย สรุปวา ตัปปุริสะ บททั้ง ๒ มีลิงค วจนะ และ วิภตั ตไิ มต รงกนั
๑1๘8๔4 ๒. ตปั ปรุ ิสะแปลข้นึ ที่บทหลังกอ น แลวแปลวิภัตติที่บทหนา สวน กมั มธารยะแปลขึ้นทีบ่ ทหลงั ก็มี ทบ่ี ทหนา กม็ ี ทวันทวสมาส นามนามที่เปนประธานต้ังแต ๒ บทขึ้นไป ทานยอเขาเปนบท เดียวกัน ช่ือวา ทวันทวสมาส ๆ นี้มี ๒ อยาง คือ ๑. สมาหารทวันทวะ ๒. อสมาหารทวันทวะ มรี ายละเอียดเหมอื น ทิคุ ๑. สมาหารทวันทวะ เชน สมโถ จ วิปสฺสนา จ = สมถวิปสฺสนํ อ.สมถะดว ย อ.วปิ สสนาดวย ชื่อวา สมถะและวิปส สนา, สงฺโข จ ปณฺฑโว จ = สงฺขปณฺฑวํ อ.สังขดวย อ.บัณเฑาะวดวย ชอ่ื วา สงั ขและบณั เฑาะว, ปตฺโต จ จีวรฺจ = ปตฺตจีวรํ อ.บาตรดวย อ.จีวรดวย ช่ือวา บาตรและจีวร หตฺถี จ อสฺโส จ รโถ จ ปตฺติโก จ = หตฺถีอสฺสรถปตฺติกํ อ. ชาง ดว ย อ.มา ดวย อ.รถดวย อ.คนเดนิ เทา ดว ย ช่อื วา ชา งและมาและรถและ คนเดินเทา ๒. อสมาหารทวันทะ เชน จนฺทิมา จ สุริโย จ = จนฺทิมสุริยา อ.พระจันทรดวย อ.พระอาทิตยดวย ชื่อวา พระจันทรและพระอาทิตย ท.,
1๑8๘5๕ สมโณ จ พฺราหมโณ จ = สมณพฺราหฺมณา อ. สมณะดวย อ.พราหมณด ว ย ชอ่ื วา สมณะและพราหมณ ท., ทหโร จ สามเณโร จ = ทหรสามเณรา อ.ภิกษุหนุมดวย อ.สามเณรดว ย ช่อื วา ภกิ ษุหนุม และสามเณร ท., สารปี ุตฺโต จ โมคลฺลาโน จ = สารีปุตฺตโมคฺคลฺลานา อ.พระ สารีบุตรดวย อ. พระโมคคัลลานะดวย ชื่อวา พระสารีบุตรและพระ โมคคลั ลานะ ท., ปณฺณฺจ ปุปฺผฺจ ผลฺจ = ปณฺณปุปฺผผลานิ อ. ใบดวย อ. ดอกดวย อ.ผลดว ย ช่อื วา ใบและดอก และผล ท. เอกเสสสมาส เอกเสสสมาส ก็คือ ทวันทวสมาสน่ันเอง แตหลายๆ บทยอเขา กันแลว ทานลบท้ิงเหลือแตบ ทหนาหรือบทหลังเพียงบทเดียว มี ๒ อยาง คือ ๑. ปุพฺเพกเสส ลบบทหลังเหลือบทหนา เชน สารีปุตฺโต จ โมคคฺ ลลฺ าโน จ = สารีปุตตฺ า อ.พระสารบี ตุ รดวย อ.พระโมคคัลลานะดวย ชื่อวา พระสารบี ตุ รและพระโมคคลั ลานะ ท. ๒. ปเรกเสส ลบบทหนาเหลือบทหลัง เชน มาตา จ ปตา จ = ปตโร อ.มารดาดวย อ.บดิ าดวย ชื่อวา มารดาและบิดา ท. พึงสงั เกตวา บทสําเร็จ ตอ งเปน พหุวจนะเสมอ
๑1๘8๖6 ขอ ควรจาํ (ไมต อ งทอง) ๑. ทวันทวะ กับวิเสสโนภยบท ตางกัน ดังนี้ คือ วิเสสโนภยบท มบี ททงั้ ๒ เปน วเิ สสนะลว น มีบทอืน่ เปนประธาน สวนทวันทวะ ลวนแต เปน ประธาน คอื เปน นามนาม ท้ังสิน้ ๒. คําวา ทวันทวะ แปลวา คู ๆ หมู ๆ หมวด ๆ รวมกับคําวา สมาส เปน ทวัทวสมาส แปลวา ยอนามนามที่เปนหมวดเดียวกัน พวก เดียวกัน หมูเดียวกัน คือ นามนามตองเปนพวกเดียวกัน จึงจะใชยอ เปนทวันทวะได เชน มาตาปตโร มารดาและบิดา สีลสมาธิปฺญา ศีลและสมาธิและปญ ญา เปน ตน สวนนามนามผิดหมวด ผิดประเภทกัน จะใชยอเปนทวันทวะ ไมได ตองเปนสมาสอื่นๆ มีตัปปุริสะ เปนตน เชน พุทฺโธ จ ทาโร จ = พุทฺธทาโร ตางหมวดกันไมใชทวันทวะท่ีถูก พุทฺธ ตองเปนพวกเดียวกัน กับ ธมฺม สงฺฆ เรียกวาหมวดรัตนตรัย ยอเปน พุทฺธธมฺมสงฺฆา ทาร เปน พวกเดียวกบั ปตุ ตฺ ยอ เปน ทวนั ทวะ วา ปตุ ตฺ ทารา เวลาแปลบทสาํ เรจ็ วา และ.....และ.....และ ฯลฯ และ.....จะแปลก่ี และก็สุดแลวแตบทที่ทํายอเขากัน ถา ๒ บท ก็ ๑ และ ถา ๓ บท ก็ ๒ และ ๔ บท ก็ ๓ และ เปน ตน
1๑8๘7๗ อัพยยภี าวสมาส สมาสท่ีเปนอัพยย คือ มีอุปสัคหรือนิบาตอยูหนา เรียกวา อัพยยภี าวสมาส มี ๒ อยา ง คือ ๑. อุปสัคคปุพพกะ มีอุปสัคเปนบทหนา เชน นครสฺส สมีป = อุปนครํ อ.ที่ใกลเคียงแหงเมือง ชื่อวา ท่ีใกลเคียงแหงเมือง, ทรถสฺส อภาโว = นทิ ทฺ รถํ อ.ความไมมแี หง ความกระวนกระวาย ช่ือวาความไมมี แหงความกระวนกระวาย, วาตํ อนุวตฺตตีติ = อนุวาตํ (วตฺถุ) อ.วัตถุใด ยอมเปน ไปตามซงึ่ ลม เพาะเหตุนน้ั อ. วัตถุน้ันช่ือวา เปนไปตามซ่ึงลม, ปฏิวาตํ (วตฺถุ) เปนไปทวนตอบแตลม, อชฺฌตฺตํ (วตฺถุ) เปนไปทับซ่ึงตน, อจจฺ นตฺ ํ (วตถฺ )ุ เปนไปลวงซ่งึ สว น, เหลานี้วิเคราะหเ หมอื น อนวุ าตํ ๒. นิปาตปุพพกะ มีนิบาตเปนบทหนา เชน วุฑฒานํ ปฏิปาฏิ = ยถาวุฑฺฒํ อ.ลําดับแหงชนผูเจริญแลวทั้งหลาย ช่ือวา ตามคนเจริญ แลว ชีวสฺส ยตฺตโก ปริจฺเฉโท = ยาวชีวํ อ.กําหนดเพียงไรแหงชีวิต ช่ือวา เพียงไรแหง ชวี ติ ปพฺพตสฺส ติโร = ติโรปพฺพตํ อ.ภายนอกแหงภูเขา ชื่อวา ภายนอกแหง ภูเขา พหนิ ครํ ภายนอกแหงเมอื ง, อนฺโตปาสาทํ อ.ภายในแหงปราสาท , ปจฺฉาภตฺตํ อ.ภายหลังแหงภัตร, อนฺตรามคฺคํ อ.ระหวางแหงหนทาง, เหลา น้ี วิเคราะหเหมอื น ตโิ รปพฺพตํ
๑1๘8๘8 ขอควรจํา (ไมตอ งทอง) ๑. อัพยยีภาวสมาส กับตัปปุริสสมาส ตางกันดังนี้ ตัปปุริส มีบทหลังเปนประธาน คือ แปลขึ้นที่บทหลังกอน แลวแปลออกสําเนียง วิภัตตอิ ่นื ทบ่ี ทหนา สวนอัพยยีภาวะ มีบทหนาเปนประธาน คือแปลข้ึนที่ตัวอุปสัค และนบิ าตซง่ึ อยหู นานน้ั กอ นแลวจึงแปลออกสําเนียงวิภัตติที่บทหลัง บท หนาตองเปน อุปสัค หรือ นิบาตอยางเดียว บทขางหลังเปน นปุ. เอก วจนะ เทา น้นั เชน อปุ นครํ นทิ ทฺ รถํ ๒.วิธตี ัง้ วเิ คราะหอัพยยีภาวะ ทานไมใหเรียง อุปสัค หรือ นิบาต ไวขางหนา ทานใหรยี งไวขางหลงั สําเร็จรปู แลว จงึ เรียงไวขา งหนา อุปสคั หรอื นิบาต บางศัพท เวลาต้ังวิเคราะหใหหาบทอื่นมาใช แทน บทที่ใชแทนตองมีความหมายเหมือน อุปสัค หรือ นิบาต ศัพทนั้น เชน อนุ ใช อนวุ ตตฺ ติ (ยอมเปนไปตาม) แทน อธิ ใช อธวตฺตติ (ยอมเปนไปทบั ) แทน ปฏิ ใช ปฏวิ ตฺตติ (ยอ มเปนไปทวนตอบ) แทน อติ ใช อตวิ ตฺตติ (ยอ มเปนไปลว ง) แทน อปุ ใช สมปี (ท่ีใกล) แทน นิ ใช อภาว (ความไมม ี) แทน ยถา ใช ปฏิปาฏิ (ลาํ ดับ) แทน หรอื (เย เย วุฑฺฒานํ แทน)
1๑8๘9๙ ยาว ใช ยตฺตโก ปริจเฺ ฉโท (กาํ หนดเพยี งใด) แทน เวลาแปลวิเคราะห ถาวิเคราะหเปนกิริยาอาขยาต มี อิติ ค่ัน เมื่อจะ แปลใหเ พม่ิ ย - ต โยคอญั ญบทเหมือนแปลวเิ คราะหน ามกติ ก พหพุ พิหสิ มาส สมาสอยางหน่ึงมีบทอื่นเปนประธาน หรือเปนอัญญบท เรียกวา พหพุ พหิ สิ มาส มี ๕ อยาง คือ ๑. ตลุ ยาธิกรณพหุพพิหิ ๒. ภนิ นาธิกรณ พหุพพิหิ ๓. ฉัฏฐีอุปมาพหุพพิหิ ๔. น บุพพบทพหุพพิหิ ๕. สหบุพบท พหพุ พิหิ ตุลยาธกิ รณพหพุ พิหิ มี ๖ อยา ง พหุพพิหิมีบทประธานและบทวิเสสนะ เปนลิงคและวจนะ เดยี วกนั แปลกแตบทสัพพนามในวเิ คราะหเ ทา นั้น ทา นเรียกวา ตุลยาธิก รณพหุพพิหิ มี ๖ อยางตามช่ือวิภัตติ ดังน้ี ทุติยาพหุพพิหิ ฯลฯ สตฺตมี พหุพพหิ ิ เหลาน้ี แปลขน้ึ ตนวา ม.ี ...เหมือนกัน ดงั นี้ ๑. ในวิเคราะหแหงพหุพพิหิใด มี ย ศัพทเปนทุติยาวิภัตติ โยคอัญญบท พหพุ พหิ นิ น้ั ชื่อวา ทตุ ยิ าพหพุ พิหิ เชน อาคตา สมณา ยํ โส = อาคตสมโณ (อาราโม) อ. สมณะ ท. มาแลว สูอารามใด อ. อาราม นัน้ ชอ่ื วา มีสมณะมาพรอมแลว, รุฬฺหลโต (รุกฺโข) ตนไม มีเคลือวัลยข้ึน
๑1๙9๐0 แลว, สมฺปตฺตภิกฺขุ(อาวาโส) อาวาส มีภิกษุถึงพรอมแลว เหลานี้มี วเิ คราะหเ หมอื น อาคตสมโณ ๒. ในวิเคราะหแหงพหุพพิหิใด มี ย ศัพทเปนตติยาวิภัตติ โยคอญั ญบท พหุพพิหินัน้ ชอื่ วา ตตยิ าพหพุ พหิ ิ เชน กตํ ปฺุญํ เยน โส = กตปฺุโญ (ปุริโส) อ. บุญ อันบุรุษใดทําแลว อ. บุรุษน้ัน ช่ือวา มีบุญ อันกระทาํ แลว, ชิตนิ ฺทฺรโิ ย (สมโณ) มีอนิ ทรยี อนั ชนะแลว, อาหิตคฺคิ หรือ อคฺยาหิโต (พฺราหฺมโณ) มีไฟอันบูชาแลว, วีสปโต (สโร) มียาพิษอันด่ืม แลว เหลา นว้ี เิ คราะหเหมอื น กตปฺุโญ ๓. ในวิเคราะหแหงพหุพพิหิใด มี ย ศัพทเปนจตุตฺถีวิภัตติ โยคอัญญบท พหุพพิหิน้ัน ช่ือวาจตุตฺถีพหุพพิหิ เชน ทินฺโน สุงฺโก ยสฺส โส = ทินฺนสุงโก (ราชา) อ. สวย (นาคเรหิ อันชาวเมือง ท.) ถวายแลว แกพระราชาใด อ. พระราชานั้น ชื่อวา มีสวยอันชาวเมืองถวายแลว, กตทณฑฺ กมฺโม (สิสฺโส) มีทณั ฑกรรม (อนั อาจารย) ทาํ แลว , สชฺ าตสํเวโค (ชโน) มีความสังเวชเกิดขน้ึ แลว, อปุ ฺปนฺนโกโธ (ชโน) มีความโกรธเกิดขึ้น แลว เหลานี้วเิ คราะหเ หมอื น ทนิ นฺ สุงฺโก ๔.ในวิเคราะหแหงพหุพพิหิใด มี ย ศัพทเปนปญจมีวิภัตติ โยค อัญญบท พหพุ พิหนิ น้ั ชอื่ วา ปญจมพี หพุ พหิ ิ เชน วีโต ราโค ยสฺมา โส = วีตราโค (ภิกฺขุ) อ. ราคะ ไปปราศแลว จากภิกษุใด อ. ภิกษุนั้น ช่ือวามี ราคะไปปราศแลว,
1๑9๙1๑ นิคฺคตชโน (คาโม) มีชนออกแลว, ปติตผโล (รุกฺโข) มีผลหลน แลว , นิสฺโสโก (ชโน) มีความโศกออกแลว (เวลาต้ังวิเคราะห นิ เปน นกิ ฺขนฺต), วิโสโก (ชโน) มีความโศกไปปราศแลว (เวลาต้ังวิเคราะห เปนวิคต) เหลานี้วเิ คราะหเหมือน วีตราโค ๕.ในวิเคาระหแหงพหุพพิหิใด มี ย ศัพทเปน ฉัฏฐีวิภัตติ โยค อัญญบท พหุพพิหินั้น ชื่อวา ฉัฏฐีพหุพพิหิ เชน ขีณา อาสวา ยสฺโส = ขีณาสโว (ภิกฺขุ) อ. อาสวะ ท. ของภิกษุใด สิ้นแลว อ. ภิกษุนั้น ช่ือวามี อาสวะสิน้ แลว , สนฺตจิตฺโต (ภิกฺขุ) มีจิตสงบแลว, ฉินฺนหตฺโถ หรือ หตฺถฉินฺโน (ปรุ โิ ส) มีมือขาดแลว , ทุพฺพโล (ปุรโิ ส) มีกําลงั อนั โทษประทุษรายแลว , ทสุ ฺสโี ล (ปุริโส) มีศีลอันโทษประทุษรายแลว, (เวลาต้ังวิเคราะห ทุ แยกออกเปน ทุฏฐ อันโทษประทุษรายแลว) เหลานี้วิเคราะหเหมือน ขณี าสโว ๖.ในรูปวิเคราะหแหงพหุพพิหิใด มี ย ศัพท เปนสัตตมีวิภัตติ โยค อญั ญบท พหพุ พิหินนั้ ชือ่ วา สตตฺ มีพหพุ ิหิ เชน สมฺปนฺนานิ สสฺสานิ ยสฺมึ โส = สมฺปนฺนสสฺโส (ปเทโส) อ.ขาวกลา ในประเทศใดมาก
๑1๙9๒2 อ. ประเทศน้ัน ชื่อวามีขาวกลามาก, พหุนทิโก (ชนปโท) มีแมน้ํามาก, ฐิตสริ ิ (ชโน) มีศรีตัง้ อยูแลว เหลา นีพ้ งึ วิเคราะหเ หมอื น สมฺปนฺนสสโฺ ส ฉฏั ฐอี ปุ มาพหพุ พหิ ิ พหุพพิหิมีเนื้อความเปรียบเทียบ เรียกวา ฉัฏฐีอุปมาพหุพิหิ ใน วิเคราะห มี ย ศัพท เปน ฉัฏฐีวิภัตติ โยคอัญญบท มีคําแปลประจําวา มี...เพียงดังวา....แหง... เชน สุวณฺณสฺส วณฺโณ อิว วณฺโณ ยสฺส โส = สุวณฺณวณฺโณ (ภควา) อ. สีของพระผูมีพระภาคใด เพียงดังวาสีแหงทอง อ. พระผูมีพระภาคนน้ั ช่ือวา มีสเี พยี งดงั วา สแี หง ทอง, พรฺ หฺมสสฺ โร (ภควา) มีเสียงเพียงดงั วาเสียงแหง พรหม, หตฺถลิ ิงโค (สกุโณ) มีเพศเพยี งดงั วา เพศแหงชาง, เทววณฺณา (ยกฺขินี) มีเพศเพียงดังวาเพศแหงเทวดา เหลานี้ วิเคราะหเ หมือน สุวณฺณวณฺโณ น บพุ พบทพหพุ พหิ ิ น บุพพบทพหพุ พหิ ิ มคี ําแปลประจําวา มี..หามิได, หรือ ไมมี..... คลา ยกับ น บพุ พบทกัมมธารยสมาส มีลักษณะปฏิเสธนามนาม สวน น บพุ พบทพหุพพหิ ิสมาส มลี ักษณะปฏิเสธคุณนาม เชน นตฺถิ ตสฺส ปุตฺโต ติ = อปุตตฺ โก (ปรุ โิ ส) อ. บุตร ของบุรุษนั้นไมมี เพราะเหตุน้ัน อ. บุรุษ น้นั ชื่อวาไมม ีบุตร, อสโม (ภควา พระผมู ีพระภาค) ไมมีบคุ คลเสมอ,
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252