Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรฉบับปรับปรุง 2563

หลักสูตรฉบับปรับปรุง 2563

Published by Koon Kru Ter ST, 2021-05-20 05:40:54

Description: หลักสูตรฉบับปรับปรุง 2563

Search

Read the Text Version

๙๗ กิจกรรมพฒั นำผู้เรียน คำอธิบำยรำยวชิ ำกจิ กรรมพัฒนำผ้เู รยี น ชนั้ ประถมศึกษำปที ี ๓ กจิ กรรมนกั เรยี น (ลูกเสอื สำรองดำวดวงท่ี ๓) เวลำ ๓๐ ชวั่ โมง/ปี เปิดประชุมกอง ดาเนินการตามกระบวนการของลูกเสอื และจัดกิจกรรมใหศ้ ึกษา วิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัติตามคาปฏิญาณ คติพจน์และกฎของลูกเสือ สารอง ศึกษาเรียนรูจ้ ากการคิดและปฏิบัติจริงใช้สัญลักษณ์สมาชิกลูกเสือสารองท่ีมีความเป็นเอกลักษณ์รว่ มกัน ศึกษาธรรมชาติในชุมชนด้วยความสนใจใฝ่รู้ตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง สรุปผลและปฏิบัติกิจกรรม ปิดประชุม กองในเร่อื งต่อไปน้ี ลูกเสือสารองดาวดวงที่ ๓ นิยายเมาคลี ประวัติการเร่ิมกิจการลูกเสือ การทาความเคารพหมู่ (แกรนฮาวล์) การทาความเคารพเป็นรายบุคคล การจับมือซ้าย ระเบียบแถว คาปฏิญาณ กฎ และคติพจน์ ของลูกเสือสารอง อนามัย ความสามารถเชิงทักษะ การสารวจ การค้นหาธรรมชาติการอนุรักษ์ทรัพยากรใน ชุมชนท้องถ่ิน ความปลอดภัย บริการ การผูกเง่ือน ธง และประเทศต่าง ๆ การฝีมือท่ีใช้วัสดุเหลือใช้ใน ท้องถ่ิน กิจกรรมกลางแจ้ง การบันเทิงที่ส่งเสริมสุขภาพกายสุขภาพจิตและอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถ่ิน อนุรักษ์ ทรพั ยากรธรรมชาติสิ่งแวดลอ้ มลดภาวะโลกร้อน เพ่ือให้มีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือสารองดาวดวงที่ ๓ สามารถปฏิบัติตามคาปฏิญาณ กฎ และคติพจน์ของลูกเสือสารอง มีนิสัยในการสังเกต จดจา เชื่อฟังและพ่ึงตนเอง มีความซ่ือสัตย์สุจริต มีระเบียบ วนิ ัย และเห็นอกเห็นใจ รู้จักบาเพ็ญเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ รู้จักทาการฝมี ือและฝึกฝนทากิจกรรมต่าง ๆ ตามความเหมาะสม รักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒ นธรรม ภูมิปัญ ญ าท้องถิ่น อนุรักษ์ ทรพั ยากรธรรมชาติส่งิ แวดลอ้ ม ความม่นั คงของชาติ และสามารถประยุกตใ์ ช้หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ผลกำรเรยี นรู้ ๑. มีนิสัยในการสังเกต จดจา เชื่อฟังและพ่งึ ตนเองได้ ๒. มคี วามซื่อสตั ย์ สุจรติ มีระเบียบวนิ ัย และเห็นอกเห็นใจผูอ้ ่ืน ๓. บาเพ็ญตนเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ ๔. ทาการฝมี ือและฝึกฝนทากจิ กรรมตา่ ง ๆ ตามความเหมาะสม ๕. รกั ษาและสง่ เสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรม ภมู ปิ ญั ญาท้องถิน่ และความมั่นคงของชาติ ๖. อนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ และส่ิงแวดลอ้ ม ลดภาวะโลกร้อน สามารถประยกุ ต์ใช้หลกั ปรชั ญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี งได้ รวม ๖ ผลกำรเรียนรู้

๙๘ กจิ กรรมพัฒนำผูเ้ รยี น คำอธบิ ำยรำยวชิ ำกิจกรรมพัฒนำผเู้ รยี น ชน้ั ประถมศกึ ษำปีที ๔ กิจกรรมนักเรียน (ลกู เสือสำมัญ (ลูกเสอื ตรี) เวลำ ๓๐ ชั่วโมง/ปี เปิดประชุมกอง ดาเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมโดยให้ศึกษา วิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัติกิจกรรมตามคาปฏิญาณ คติพจน์ และกฎของลูกเสือสามัญ เรียนรู้จากการคิดและปฏิบัติจริง ใช้สัญลักษณ์สมาชิกลูกเสือสามัญที่มีความเป็น เอกลักษณ์ ร่วมกัน ศึกษาธรรมชาติในชุมชนด้วยควา มสนใจ ใฝ่รู้และมีจิตสานึกในการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรมประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น ลดภาวะโลกร้อนและประยุกต์ใช้ปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง ความรู้เก่ียวกับกระบวนการลูกเสือ ประวัติของ Load Baden Powell พระราชประวัติ สังเขปของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว วิวัฒนาการของกระบวนการ ลูกเสือไทยและลูกเสือโลก การทาความเคารพ การแสดงรหัส การจับมือซ้าย กิจกรรมกลางแจ้ง ระเบียบแถวท่ามือเปล่า ท่ามือไม้พลวง การใชส้ ัญญามอื และนกหวีด การต้งั แถวและการเรียนแถว เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือสามัญ สามารถปฏิบัติตามคาปฏิญาณ กฎ และคติพจน์ ของลูกเสือสามัญ มีนิสัยในการสังเกต จดจา เช่ือฟัง และพึ่งตนเอง มีความซื่อสัตย์ สุจริต มีระเบียบวินัย และเหน็ อกเหน็ ใจผู้อื่น บาเพ็ญตนเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ ทาการฝีมือและฝึกฝนการทากิจกรรมต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ความถนัด และความสนใจ รักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรมและความมั่นคง ประโยชน์และสามารถประยกุ ต์ใช้หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ผลกำรเรยี นรู้ 1. มีนิสยั ในการสงั เกต จดจา เชื่อฟังและพ่ึงตนเองได้ 2. มคี วามซ่ือสตั ยส์ จุ รติ มีระเบียบ วนิ ยั และเหน็ อกเหน็ ใจผู้อน่ื 3. บาเพญ็ ตนเพ่อื ส่งเสรมิ และสาธารณะประโยชน์ 4. ทาการฝีมือและฝึกฝนทากิจกรรมตา่ ง ๆ ตามความถนัดและความสนใจ 5. รักษาและส่งเสริมจารตี ประเพณี วฒั นธรรม ภมู ปิ ัญญาท้องถน่ิ และความมนั่ คงของชาติ 6. อนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม ลดภาวะโลกร้อน 7. สามารถประยุกตใ์ ช้หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง รวม ๗ ผลกำรเรยี นรู้

๙๙ กิจกรรมพัฒนำผเู้ รียน คำอธิบำยรำยวชิ ำกิจกรรมพัฒนำผู้เรียน ชัน้ ประถมศึกษำปีที ๕ กิจกรรมนกั เรียน ( กิจกรรมลูกเสอื สำมญั (ลูกเสือโท) ) เวลำ ๓๐ ชัว่ โมง/ปี เปิดประชุมกองดาเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมโดยให้ศึกษา วิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัติกิจกรรมตามคาปฏิญาณ คติพจน์ และกฎของลูกเสือสามัญ เรียนรู้จากคิดและปฏิบัติจริง ใช้สัญลักษณ์สมาชิกลูกเสือสามัญท่ีมีความเป็น เอกลกั ษณร์ ่วมกัน ศึกษาธรรมชาติในชุมชนดว้ ยความสนใจ ใฝ่รู้ มีจิตสานึกในการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติ วฒั นธรรม ภูมิปัญญาท้องถ่ิน ลดภาวะโลกร้อนและการประยุกตใ์ ช้ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยใช้ทกั ษะ ในทางวิชาลูกเสือ การรู้จักดูแลตนเอง การช่วยเหลือผู้อื่น การเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ทางานอดิเรก และเรื่องที่สนใจ เพ่ือให้มีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือสามัญ สามารถปฏิบัติตามคาปฏิญาณ กฎ และคติพจน์ ของลูกเสือสามัญ มีนิสัยในการสังเกต จดจา เชื่อฟัง และพึ่งตนเอง มีความซื่อสัตย์ สุจริต มีระเบียบวินัย และเห็นอกเห็นใจผู้อ่ืน บาเพ็ญตนเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ ทาการฝีมือและฝึกฝนการทากิจกรรมต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ความถนดั และความสนใจ รักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรมและความม่ันคง ประโยชนแ์ ละสามารถประยุกตใ์ ชห้ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ผลกำรเรียนรู้ 1. มนี สิ ยั ในการสังเกต จดจา เช่ือฟงั และพ่ึงตนเองได้ 2. มีความซื่อสัตยส์ จุ ริต มีระเบียบ วินัยและเหน็ อกเห็นใจผอู้ ่ืน 3. บาเพญ็ ตนเพ่ือส่งเสริมและสาธารณะประโยชน์ 4. ทาการฝีมือและฝึกฝนทากจิ กรรมตา่ ง ๆ ตามความถนดั และความสนใจ 5. รักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถนิ่ และความม่ันคงของชาติ 6. อนรุ กั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล้อม ลดภาวะโลกร้อน 7. สามารถประยุกต์ใชห้ ลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง รวม ๗ ผลกำรเรยี นรู้

๑๐๐ กิจกรรมพฒั นำผูเ้ รยี น คำอธบิ ำยรำยวชิ ำกจิ กรรมพัฒนำผเู้ รยี น ชั้นประถมศึกษำปีที ๖ กจิ กรรมนกั เรยี น ( กิจกรรมลูกเสอื สำมญั (ลูกเสือเอก) ) เวลำ ๓๐ ช่ัวโมง/ปี เปิดประชุมกองดาเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมโดยให้ศึกษา วิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัติตามคาปฏิญาณ คติพจน์ และกฎของลูกเสือ สามญั วชิ าการของลูกเสือ ระเบยี บแถว การพึ่งตนเอง การผจญภยั การใชส้ ญั ลักษณ์ สมาชกิ ลูกเสือสามัญ ท่ี มีความเป็นเอกลักษณ์ร่วมกัน เรียนรู้จากการคิดและปฏิบัติจริง ศึกษาธรรมชาติ วัฒนธรรมประเพณี ภูมิปัญญา ท้องถิ่นด้วยความสนใจ ใฝ่รู้ และประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในการปฏิบัติกิจกรรมเพ่ือการ อนุรกั ษท์ รัพยากรธรรมชาตแิ ละลดภาวะโลกรอ้ น เพอ่ื ให้มีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสอื สามัญ สามารถปฏิบัติตามคาปฏิญาณ กฎ และคติพจนข์ อง ลูกเสือสามัญ มีนิสัยในการสังเกต จดจา เช่ือฟัง และพ่ึงตนเอง มีความซื่อสัตย์ สุจริต มีระเบียบวินัย และ เห็นอกเห็นใจผู้อื่น บาเพ็ญตนเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ทาการฝีมือและฝึกฝนการทากิจกรรม ต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ความถนัด และความสนใจ รักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรมและความ มน่ั คง ประโยชนแ์ ละสามารถประยกุ ตใ์ ช้หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ผลกำรเรยี นรู้ 1. มนี สิ ยั ในการสังเกต จดจา เช่ือฟังและพึ่งตนเองได้ 2. มคี วามซ่ือสัตยส์ ุจริต มรี ะเบียบ วินยั และเห็นอกเห็นใจผอู้ ื่น 3. บาเพญ็ ตนเพอื่ ส่งเสรมิ และสาธารณะประโยชน์ 4. ทาการฝมี ือและฝึกฝนทากจิ กรรมต่าง ๆ ตามความถนดั และความสนใจ 5. รักษาและส่งเสรมิ จารตี ประเพณี วฒั นธรรม ภมู ปิ ัญญาท้องถน่ิ และความมั่นคงของชาติ 6. อนุรกั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ้ ม ลดภาวะโลกร้อน 7. สามารถประยุกตใ์ ช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง รวม ๗ ผลกำรเรียนรู้

๑๐๑ กจิ กรรมพัฒนำผเู้ รียน คำอธิบำยรำยวิชำกิจกรรมพัฒนำผเู้ รียน ชั้นประถมศึกษำปีที ๑ - ๖ กิจกรรมเพ่อื สงั คมและสำธำรณประโยชน์ เวลำ ๑๐ ชั่วโมง/ปี ฝกึ ปฏิบัติกจิ กรรมด้วยความสมัครใจผ่านกจิ กรรมที่หลากหลาย ฝึกการทางานท่สี อดคล้องกับชวี ติ จริง ตลอดจนสะท้อนความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ สารวจและใช้ข้อมูลประกอบการวางแผนอย่างเป็นระบบ เน้นทักษะการคิดวิเคราะห์ และใช้ความคิดสร้างสรรค์ การบริการด้านต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและ สว่ นรวม เสริมสร้างความมีน้าใจ เอื้ออาทร ความเป็นพลเมืองดีและความรบั ผดิ ชอบต่อตนเอง ครอบครัวและ สังคม คิดออกแบบกิจกรรมบาเพ็ญประโยชน์ในลักษณะอาสาสมัคร จิตอาสา เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อ สังคมตามแนวทางวิถีชวี ิตเศรษฐกจิ พอเพียง เพ่ือให้ผู้เรียนบาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อครอบครัว โรงเรียน ชุมชน สังคมและประเทศชาติ สามารถออกแบบการจดั กิจกรรมเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน์อย่างสรา้ งสรรคต์ ามความถนดั และความสนใจ ในลักษณะอาสาสมัคร พัฒนาศักยภาพตนเองในการจัดกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ได้อย่างมี ประสิทธิภาพเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์จนเกิดคุณธรรม จริยธรรม ตามคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีจติ สาธารณะและใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ กดิ ประโยชน์ และสามารถประยกุ ตใ์ ชห้ ลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งได้ ผลกำรเรยี นรู้ 1. บาเพญ็ ตนให้เป็นประโยชน์ต่อครอบครวั โรงเรยี น ชมุ ชน สงั คมและประเทศชาติ 2. ออกแบบการจัดกจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์อย่างสร้างสรรค์ ตามความถนัดและ ความสนใจในลกั ษณะอาสาสมัคร 3. สามารถพัฒนาศกั ยภาพในการจัดกจิ กรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ไดอ้ ยา่ งมี ประสิทธิภาพ 4. ปฏบิ ัตกิ ิจการเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชนจ์ นเกิดคุณธรรม จรยิ ธรรมตามคุณลกั ษณะอันพึง ประสงค์ 5. สามารถประยุกต์ใชห้ ลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งได้ รวม ๕ ผลกำรเรียนรู้

๑๐๒ กิจกรรมพัฒนำผเู้ รยี น คำอธิบำยรำยวชิ ำกิจกรรมพัฒนำผเู้ รียน ชน้ั ประถมศึกษำปีที ๑ - ๖ กจิ กรรมนักเรียน (กิจกรรมชุมนมุ ) เวลำ ๔๐ ชว่ั โมง/ปี ปฏิบัติกิจกรรมตามความสนใจ ความถนัด และความต้องการ เพ่ือพัฒนาความรู้ ความสามารถด้าน การคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ให้เกิดประสบการณ์ทั้งด้านวิชาการ และพ้ืนฐานอาชีพ ทักษะชีวิตและสังคมตาม ศักยภาพอย่างรอบด้าน เพื่อความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ มีความสามารถในการส่ือสาร มีทักษะการคิด แกป้ ัญหา ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี พฒั นาทักษะในการทางานและการอยรู่ ่วมกับผู้อ่ืนในสังคมไดอ้ ยา่ ง มคี วามสุข รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริต มีวนิ ัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งม่ันในการทางานรัก ความเปน็ ไทย มีจิตสาธารณะ เพ่ือให้ผู้เรียนได้ปฏิบตั ิกิจกรรมตามความสนใจ ความถนัด และความต้องการของตน ได้พัฒนาความรู้ ความสามารถดา้ นการคิดวเิ คราะห์ สังเคราะห์ ให้เกิดประสบการณ์ทั้งทักษะทางวิชาการ ทักษะอาชีพ ทักษะ ชีวิตและสังคมตามศกั ยภาพ ใชเ้ วลาว่างให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและส่วนรวม คิดเป็น ทาได้ ทางานร่วมกับ ผอู้ ื่นไดต้ ามวถิ ปี ระชาธิปไตย และประยกุ ตห์ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงได้อย่างเหมาะสม ผลกำรเรียนรู้ 1. ปฏิบัตกิ ิจกรรมตามความสนใจ ความถนัดและความต้องการของตน 2. มคี วามรู้ ความสามารถดา้ นการคดิ วิเคราะห์ สงั เคราะหใ์ ห้เกดิ ประสบการณ์ ทัง้ ทางวิชาการ และวิชาชีพตามศักยภาพ 3. ใชเ้ วลาว่างใหเ้ กดประโยชนต์ ่อตนเองและสว่ นรวม 4. มุง่ มน่ั ในการทางานและทางานรว่ มกบั ผอู้ น่ื ไดต้ ามวถิ ปี ระชาธปิ ไตย 5. ประยุกต์ใชห้ ลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงไดอ้ ย่างเหมาะสม รวม ๕ ผลกำรเรียนรู้

๑๐๓ คำอธบิ ำยรำยวิชำ กิจกรรมชมุ นุม

๑๐๔ กิจกรรมชุมนุมภำษำไทย คำอธิบำยรำยวิชำกจิ กรรมชุมนมุ ระดับช้นั ประถมศกึ ษำปที ่ี ๑-๖ หลกั กำรและเหตุผล ประเทศไทยมีภาษาไทยเป็นภาษาประจาชาติ อันเป็นเอกลักษณ์ที่สาคัญอย่างหน่ึงของชาติ สมควรจะ ไดร้ บั การทานบุ ารุงส่งเสรมิ และอนุรักษ์ไว้ใหย้ ่ังยนื ตลอดไป ท้ังนี้ในยุคปัจจุบันวิชาการและเทคโนโลยีต่าง ๆ ได้ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วเกิดเทคนิคใหม่ ๆ ในการ ติดต่อส่ือสาร ท่ีมุ่งเน้นความสะดวกรวดเร็ว ส่งผลให้ภาษาไทยซึ่งเป็นส่ือกลางสาคัญในการติดต่อและผูกพันต่อ การดารงชีวิตประจาวันของคนไทยได้รับผลกระทบ ท้ังภาษาพูดและภาษาเขียน ทาให้ภาษาไทยเกิดการ เปล่ียนแปลงไปจากเดิมอย่างน่าวติ กเป็นอย่างยิ่ง สภาพการณ์เช่นน้ีหากไม่เรง่ รีบหาทางแก้ไขและป้องกันเสียแต่ เนิ่นๆ การใช้ภาษาไทยของเราก็จะย่ิงเสื่อมลง จะส่งผลเสียหายต่อเอกลักษณ์และคุณค่าของภาษาไทยเป็น ทวีคูณ อ่านและเข้าใจความหมายของคา ประโยค ข้อความและจัดทาแบบฝึกเป็นรูปเล่ม จัดทาพจนานุกรม ฉบับจ๋ิว ศึกษา ค้นคว้าเกี่ยวกับ ข่าว บทความจากสิ่งตีพิมพ์ประเภทต่างๆ และประดิษฐ์ที่คั่นหนังสือประเภท ต่างๆ เพื่อให้สมาชิกมคี วามคิดริเรม่ิ สร้างสรรค์ รู้จักคน้ คว้า และแก้ปัญหาในการทางานอย่างมีระบบ เพื่อให้ สมาชิกเป็นผู้มีระเบียบวินัยเพื่อให้สมาชิกมีความเข้าใจและเลื่อมใสการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์เป็นประมุขเพ่ือให้สมาชิกมีความรับผิดชอบต่อการปฏิบัติหน้าท่ีและสิทธิภายในขอบเขตของ กฎหมายเพ่ือให้สมาชิกมีความสงบซาบซ้ึงในคุณค่า ดารงไว้และส่งเสริมเอกลักษณ์วัฒนธรรมอันดีงามของชาติ ไทยเพื่อให้สมาชิกเกิดความรักและสามัคคีในหมู่คณะเพ่ือให้สมาชิกได้รับการส่งเสริมการพัฒนาทางร่างกาย จิตใจ และรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์เพื่อให้สมาชิกรู้จักบาเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม และสร้างเสริมความ ม่ันคงของชาติเพื่อให้สมาชิกมีคุณธรรมและจริยธรรม เพ่ือให้สมาชิกพัฒนาตนเองตามวัตถุประสงค์ของการจัด การศึกษา สามารถนาความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์โดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและสามารถนาไป ประยกุ ต์ใช้กบั ชีวิตประจาวนั ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม ผลกำรเรียนรู้ ๑. ปฏิบัติกจิ กรรมตามความสนใจ ความถนัดและความต้องการของตน ๒. อา่ นออกเสียงบทร้อยแก้ว ร้อยกรองได้อยา่ งถูกต้องตามอักขระวธิ ี ๓. เขียน ไดถ้ ูกต้องตามหลกั ภาษาไทย ๔. ใช้เวลาวา่ งให้เกิดประโยชนต์ อ่ ตนเองและส่วนรวม ๕. นกั เรยี นมีความตระหนกั และเห็นคุณค่าของภาษาไทย ในฐานะภาษาประจาชาติ ๖.นกั เรยี นสามารถเปน็ ตัวแทนเข้ารว่ มแข่งขนั กจิ กรรมทางคณิตศาสตร์ รวม ๕ ผลกำรเรียนรู้

๑๐๕ กิจกรรมชมุ นุมคณิตศำสตร์ คำอธิบำยรำยวิชำกิจกรรมชุมนมุ ระดับชั้นประถมศกึ ษำปีที่ ๑-๖ หลักกำรและเหตุผล คณติ ศาสตรเ์ ป็นวิชาท่ีมคี วามเก่ยี วขอ้ งกบั สิ่งท่ีอยู่รอบตวั และชวี ิตของเรา คณิตศาสตร์สามารถอธิบายสิ่ง ต่างๆ นานาที่อยู่รอบตัวเราได้ ถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่จะมองคณิตศาสตร์นั้น ยาก ซับซ้อน น่าเวียนหัว ทาให้เกิดความเครียด และความวิตกกังวลในการเรียน ชมุ นุมน้ีจึงจัดข้นึ มาเพ่ือใหน้ กั เรยี นในชมุ นุมได้มองเหน็ มมุ มองอีกดา้ นหนึ่งของคณติ ศาสตร์ โดยการ รวบรวมด้านสนุกสนานของคณิตศาสตร์ ตลอดจนเกร็ดน่ารูต้ ่างๆ มากมาย รวมถึงเกร็ดแปลกๆ เกีย่ วกับตัวเลขที่ อาจจะทาให้นักเรียนเกิดหลงรักตัวเลขข้ึนมาก็ได้ และนาความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์โดยในหลักปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี งไปประยกุ ตใ์ นกบั ชีวติ ประจาวนั ได้อยา่ งถูกต้องเหมาะสม ผลกำรเรียนรทู้ ่ีคำดหวัง ๑. เพ่ือให้นกั เรยี นมองเหน็ ความสาคญั ของคณิตศาสตรใ์ นชวี ติ ประจาวัน ๒. เพื่อใหน้ กั เรยี นมีความรคู้ วามเข้าใจ มคี วามสุขและความสนุกสนานในการเขา้ รว่ ม กจิ กรรม ในวชิ า คณิตศาสตร์ ๓. เพือ่ ใหน้ ักเรียนได้ปฏิบัตกิ จิ กรรมตามทตี่ นเองถนัดและสนใจ ๔. เพื่อส่งเสรมิ นักเรยี นให้มีทศั นคติที่ดตี ่อวิชาคณติ ศาสตร์ ๕. เพื่อใหน้ ักเรียนสามารถนาความรูไ้ ปปรบั ใชใ้ นชวี ติ ประจาวันไดเ้ ปน็ และได้ใชเ้ วลาวา่ งให้เปน็ ประโยชน์ ๖. นักเรียนสามารถเป็นตวั แทนเข้าร่วมแขง่ ขันกิจกรรมทางคณิตศาสตร์ รวมทั้งหมด ๖ ผลกำรเรยี นรู้

๑๐๖ คำอธบิ ำยรำยวชิ ำกิจกรรมชุมนมุ กิจกรรมชุมนมุ สร้ำงสรรคด์ ้วยลีลำมือ ระดบั ช้นั ประถมศกึ ษำปีที่ ๑-๖ หลกั กำรและเหตุผล รูจ้ ักชื่อ และบอกลักษณะของเส้นต่าง ๆ ซึ่งมาประกอบเป็นพยัญชนะ ตัวเลขและเป็นภาพต่างๆ ที่ใช้ใน ชวี ิตประจาวันได้ เพ่ือส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการทางด้าน รา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา สามารถ นาไปใช้ในชีวิตประจาวนั ได้ เพ่ือให้สมาชิกมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ รู้จักค้นคว้า และแก้ปัญหาในการทางานอย่างมีระบบ เพื่อให้ สมาชิกเป็นผู้มีระเบียบวินัยเพ่ือให้สมาชิกมีความเข้าใจและเลื่อมใสการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์เป็นประมุขเพ่ือให้สมาชิกมีความรับผิดชอบต่อการปฏิบัติหน้าที่และสิทธิภายในขอบเขตของ กฎหมายเพื่อให้สมาชิกมีความสงบซาบซึ้งในคุณค่า ดารงไว้และส่งเสริมเอกลักษณ์วัฒนธรรมอันดีงามของชาติ ไทยเพื่อให้สมาชิกเกิดความรักและสามัคคีในหมู่คณะเพ่ือให้สมาชิกได้รับการส่งเสริมการพัฒนาทาง ร่างกาย จิตใจ และรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์เพ่ือให้สมาชิกรู้จักบาเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม และสร้างเสริมความ มั่นคงของชาติเพื่อให้สมาชิกมีคุณธรรมและจริยธรรม เพ่ือให้สมาชิกพัฒนาตนเองตามวัตถุประสงค์ของการจัด การศึกษา สามารถนาความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์โดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและสามารถนาไป ประยุกต์ใชก้ บั ชีวิตประจาวันไดอ้ ย่างถกู ตอ้ งเหมาะสม ผลกำรเรยี นรู้ ๑. ปฏิบตั กิ จิ กรรมตามความสนใจ ความถนดั และความต้องการของตน ๒. มีความรู้ ความสามารถดา้ นการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ให้เกิดประสบการณ์ ทง้ั ทางวชิ าการและ วิชาชพี ตามศักยภาพ ๓. ใช้เวลาวา่ งให้เกดิ ประโยชน์ต่อตนเองและสว่ นรวม ๔. มุ่งมัน่ ในการทางานและทางานรว่ มกับผู้อ่นื ไดต้ ามวถิ ปี ระชาธปิ ไตย ๕. ประยกุ ต์ใช้หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไดอ้ ยา่ งเหมาะสม รวม ๕ ผลกำรเรียนรู้

๑๐๗ กิจกรรมชมุ นมุ คอมพวิ เตอร์ คำอธบิ ำยรำยวชิ ำกจิ กรรมชุมนุม ระดับชั้นประถมศึกษำปีท่ี ๑-๖ หลกั กำรและเหตผุ ล ในปัจจุบัน เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็วในหลากหลายสาขาวิชาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การพัฒนาด้านการสื่อสารและด้านข้อมูล ดังน้ันจึงจาเป็นอย่างย่ิงที่สถานศึกษาให้ความสาคัญต่อการ เปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีเพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ เกิดความตระหนักและเท่าทันเทคโนโลยีในปัจจุบันเพื่อ สนับสนุนให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ของผเู้ รียนในยุคศตวรรษที่ 21 ไดแ้ ก่ เป็นนักคิดวิเคราะห์ เป็นนัก แก้ปัญหา เป็นนักสร้างสรรค์ เป็นนักประสานความร่วมมือ รู้จักใช้ข้อมูลและข่าวสาร เป็นผู้เรียนรู้ด้วยตนเอง เป็นนักสื่อสาร และตระหนักรับรู้สภาวการณ์ของโลกปัจจุบันและอนาคตกิจกรรมชุมนุมคอมพิวเตอร์ จึงเป็น กิจกรรมกลุ่มเสริมทักษะด้านวิชาการ ในกลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยีเพ่ือพัฒนานักเรียนให้เต็ม ศักยภาพ เพ่ือตอบสนองศักยภาพของนักเรียนได้หลากหลายวิชาสามารถตอบสนองความต้องการของสังคม สร้างองค์ความรแู้ ละเพิ่มพูนทักษะคอมพิวเตอร์ให้แกน่ ักเรยี นเปน็ ผู้มีความรคู้ วามสามารถ มปี ระสบการณต์ รงกับ สภาพแวดลอ้ ม และเทคโนโลยใี หม่ๆ และนามาปรบั ใช้ในชีวติ ประจาวันไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ผลกำรเรียนรู้ท่ีคำดหวัง ๑. นกั เรียนเกิดทักษะในการใช้เทคโนโลยใี นชีวิตประจาวัน ๒. นกั เรียนมีความรู้ทางด้านคอมพวิ เตอร์ นามาใชใ้ นงานตา่ งๆ ๓. นักเรยี นพัฒนาความร้คู วามสามารถด้านการคดิ วิเคราะห์ สงั เคราะห์ ๔. นักเรียนมีคุณธรรม จรยิ ธรรมและคา่ นิยมท่ีพงึ ประสงค์ ๕. นักเรยี นมมี นุษยสัมพนั ธใ์ นการทากจิ กรรมร่วมกนั กับผู้อืน่ รวมท้ังหมด ๕ ผลกำรเรยี นรู้

๑๐๘ คำอธบิ ำยรำยวิชำกิจกรรมชุมนุม กจิ กรรมชุมนมุ เศรษฐกจิ พอเพยี ง ระดบั ชนั้ ประถมศึกษำปีที่ ๑-๖ หลักกำรและเหตุผล ฝกึ ทักษะนักเรียนเรยี นรู้หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งใน 3 หลักการ คือ ความพอประมาณ ความ มีเหตผุ ล และการสร้างภมู ิคมุ้ กันในตัวทด่ี ี และ 2 เงอ่ื นไข คือ คณุ ธรรมและความรู้ โดยนักเรียนฝกึ เรยี นเกษตร พอเพียง ได้แก่ การเพาะเห็ดนางฟ้า การเลี้ยงไก้พ้นื เมือง การเล้ียงปลาดุกในบ่อซีเมนต์ และการปลูกพชื ผัก สวนครวั เพือ่ สามารถนาความรู้ไปประยุกตใ์ ชใ้ นชีวิตประจาวันและสง่ เสรมิ อาชีพในอนาคต ผลกำรเรยี นรู้ท่คี ำดหวงั ๑. เพ่ือฝึกทกั ษะการเรียนร้เู ศรษฐกจิ พอเพยี ง ได้แก่ การเพาะเห็ดนางฟา้ การเลย้ี งไก้พน้ื เมือง การ เลีย้ งปลาดกุ ในบ่อซีเมนต์ และการปลูกพืชผักสวนครวั ๒. เพอื่ ฝึกนสิ ยั รักการทางาน อยอู่ ยา่ งพอเพียง ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ๓. เพอ่ื สง่ เสริมและปลูกฝงั วิธกี ารคดิ ในการปฏิบตั ติ นตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง รวมทั้งหมด ๓ ผลกำรเรียนรู้

๑๐๙ เกณฑก์ ำรจบกำรศกึ ษำ หลักสูตรโรงเรียนบ้านวังปืน พุทธศักราช ๒๕๖๓ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กาหนดเกณฑ์สาหรับการจบการศึกษา ดังน้ี เกณฑ์กำรจบระดับประถมศึกษำ ๑. ผูเ้ รียนเรียนรายวิชาพน้ื ฐาน จานวน ๘๔๐ ชัว่ โมง และรายวิชาเพ่มิ เตมิ จานวน ๔๐ ชั่วโมง และมี ผลการประเมนิ รายวชิ าพน้ื ฐานผา่ นทุกรายวิชา ๒. ผู้เรยี นตอ้ งมีผลการประเมนิ การอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขียน ระดับ “ผา่ น” ขนึ้ ไป ๓. ผู้เรียนมผี ลการประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ระดับ “ผ่าน” ขึน้ ไป ๔. ผ้เู รยี นต้องเขา้ ร่วมกจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียนและไดร้ ับการตดั สินผลการเรียน “ผา่ น” ทุกกจิ กรรม กำรจดั กำรเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้เป็นกระบวนการสาคัญในการนาหลักสูตรสู่การปฏิบัติ หลักสูตรแกนกลางการศึกษา ข้ันพื้นฐาน เป็นหลักสูตรที่มีมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสาคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน เป็นเป้าหมายสาหรบั พัฒนาเด็กและเยาวชน ในการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณสมบัติตามเป้าหมายหลักสูตร ผู้สอนพยายามคัดสรร กระบวนการเรียนรู้ จัดการเรียนรู้โดยช่วยให้ผู้เรียนเรียนรู้ผ่านสาระที่กาหนดไว้ในหลักสูตร ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ รวมท้ังปลูกฝัง เสริมสรา้ งคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ พฒั นาทักษะตา่ งๆ อนั เป็นสมรรถนะสาคญั ใหผ้ ู้เรียนบรรลุตามเป้าหมาย ๑. หลักกำรจัดกำรเรยี นรู้ การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสาคัญ และ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามท่ีกาหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยยึดหลักว่า ผู้เรียนมี ความสาคัญที่สุด เชื่อว่าทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ ยึดประโยชน์ท่ีเกิดกับผู้เรียน กระบวนการจัดการเรียนรู้ต้องส่งเสริมให้ผู้เรียน สามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ คานึงถึง ความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคลและพัฒนาการทางสมองเน้นให้ความสาคญั ทั้งความรู้ และคณุ ธรรม ๒. กระบวนกำรเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ผู้เรียนจะต้องอาศัยกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลาย เป็น เครื่องมือท่ีจะนาพาตนเองไปสู่เป้าหมายของหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้ที่จาเป็นสาหรับผู้เรียน อาทิ กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการทางสังคม กระบวนการเผชิญสถานการณ์และแก้ปัญหา กระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง กระบวนการปฏิบัติ ลง มือทาจริง กระบวนการจัดการ กระบวนการวจิ ัย กระบวนการเรียนรู้การเรียนรู้ของตนเอง กระบวนการพัฒนา ลักษณะนสิ ัย กระบวนการเหล่าน้ีเป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนควรได้รับการฝึกฝน พัฒนา เพราะจะ สามารถช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี บรรลุเป้าหมายของหลักสูตร ดังน้ัน ผู้สอน จึงจาเป็นต้องศึกษาทา ความเข้าใจในกระบวนการเรียนรู้ต่าง ๆ เพ่ือให้สามารถเลือกใช้ในการจัดกระบวนการเรียนรู้ได้อย่างมี ประสิทธภิ าพ ๓. กำรออกแบบกำรจัดกำรเรียนรู้

๑๑๐ ผู้สอนต้องศึกษาหลักสูตรสถานศึกษาให้เข้าใจถึงมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สมรรถนะสาคัญของ ผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสาระการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียน แล้วจึงพิจารณาออกแบบการ จัดการเรียนรู้โดยเลือกใช้วิธีสอนและเทคนิคการสอน สื่อ/แหล่งเรียนรู้ การวัดและประเมินผล เพ่ือให้ผู้เรียนได้ พัฒนาเตม็ ตามศักยภาพและบรรลุตามเปา้ หมายที่กาหนด ๔. บทบำทของผ้สู อนและผู้เรยี น การจัดการเรียนรู้เพ่ือให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามเป้าหมายของหลักสูตร ท้ังผู้สอนและผู้เรียนควรมีบทบาท ดังนี้ ๔.๑ บทบำทของผู้สอน ๑) ศึกษาวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล แล้วนาข้อมูลมาใช้ในการวางแผนการจัดการเรียนรู้ ทท่ี ้าความสามารถของผเู้ รยี น ๒) กาหนดเป้าหมายที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน ด้านความรู้และทักษะกระบวนการ ที่เป็น ความคิดรวบยอด หลักการ และความสัมพันธ์ รวมท้งั คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ๓) ออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรียนรู้ท่ีตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลและ พฒั นาการทางสมอง เพอื่ นาผเู้ รียนไปสเู่ ป้าหมาย ๔) จัดบรรยากาศท่ีเอ้ือตอ่ การเรยี นรู้ และดแู ลช่วยเหลือผู้เรียนให้เกดิ การเรียนรู้ ๕) จัดเตรียมและเลือกใช้ส่ือให้เหมาะสมกับกิจกรรม นาภูมิปัญญาท้องถิ่น เทคโนโลยีท่ี เหมาะสมมาประยุกต์ใชใ้ นการจัดการเรยี นการสอน ๖) ประเมนิ ความกา้ วหน้าของผู้เรยี นด้วยวิธีการที่หลากหลาย เหมาะสมกบั ธรรมชาตขิ องวิชา และระดบั พฒั นาการของผูเ้ รยี น ๗) วิเคราะห์ผลการประเมินมาใชใ้ นการซ่อมเสริมและพัฒนาผูเ้ รียน รวมทัง้ ปรบั ปรงุ การจัดการ เรียนการสอนของตนเอง ๔.๒ บทบำทของผู้เรียน ๑) กาหนดเป้าหมาย วางแผน และรบั ผิดชอบการเรยี นรขู้ องตนเอง ๒) เสาะแสวงหาความรู้ เข้าถึงแหล่งการเรียนรู้ วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อความรู้ ตั้งคาถาม คิดหา คาตอบหรือหาแนวทางแก้ปญั หาด้วยวิธีการต่างๆ ๓) ลงมือปฏบิ ตั จิ รงิ สรุปส่งิ ทไ่ี ด้เรียนรูด้ ้วยตนเอง และนาความรู้ไปประยุกต์ใช้ในสถานการณต์ ่างๆ ๔) มปี ฏสิ ัมพันธ์ ทางาน ทากิจกรรมรว่ มกับกลมุ่ และครู ๕) ประเมนิ และพัฒนากระบวนการเรียนรู้ของตนเองอยา่ งตอ่ เนอื่ ง สอ่ื กำรเรียนรู้ ส่ือการเรียนรู้เป็นเคร่ืองมือส่งเสริมสนับสนุนการจัดการกระบวนการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนเข้าถึงความรู้ ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะตามมาตรฐานของหลักสูตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่ือการเรียนรู้มี หลากหลายประเภท ท้ังส่ือธรรมชาติ ส่ือส่ิงพิมพ์ สื่อเทคโนโลยี และเครือข่าย การเรียนรู้ต่างๆ ที่มีในท้องถ่ิน การเลอื กใช้สื่อควรเลือกใหม้ คี วามเหมาะสมกบั ระดบั พัฒนาการ และลลี าการเรียนร้ทู ี่หลากหลายของผู้เรยี น การจัดหาส่ือการเรียนรู้ ผู้เรียนและผู้สอนสามารถจัดทาและพัฒนาขึ้นเอง หรือปรับปรุงเลือกใช้อย่างมี คุณภาพจากสื่อต่างๆ ที่มีอยู่รอบตัวเพื่อนามาใช้ประกอบในการจัดการเรียนรู้ท่ีสามารถส่งเสริมและส่ือสารให้ ผเู้ รียนเกิดการเรียนรู้ โดยสถานศึกษาควรจัดให้มีอย่างพอเพียง เพื่อพัฒนาให้ผู้เรียน เกิดการเรียนรู้อย่างแท้จริง สถานศึกษา เขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษา หนว่ ยงานท่ีเกี่ยวขอ้ งและผู้มีหน้าท่ีจัดการศึกษาข้นั พื้นฐาน ควรดาเนนิ การดังน้ี

๑๑๑ ๑. จัดให้มีแหล่งการเรียนรู้ ศูนย์ส่ือการเรียนรู้ ระบบสารสนเทศการเรียนรู้ และเครือข่าย การเรียนรู้ท่ีมีประสิทธิภาพท้ังในสถานศึกษาและในชุมชน เพื่อการศึกษาค้นคว้าและการแลกเปล่ียน ประสบการณ์การเรยี นรู้ ระหว่างสถานศกึ ษา ท้องถิ่น ชุมชน สงั คมโลก ๒. จัดทาและจดั หาสอ่ื การเรียนร้สู าหรับการศึกษาคน้ คว้าของผ้เู รยี น เสริมความรใู้ ห้ผู้สอน รวมทั้งจดั หา สิ่งทมี่ ีอยู่ในทอ้ งถนิ่ มาประยุกต์ใช้เปน็ สอ่ื การเรยี นรู้ ๓. เลือกและใช้ส่ือการเรียนรู้ท่ีมีคุณภาพ มีความเหมาะสม มีความหลากหลาย สอดคล้อง กับวิธีการ เรียนรู้ ธรรมชาตขิ องสาระการเรียนรู้ และความแตกตา่ งระหว่างบุคคลของผเู้ รียน ๔. ประเมนิ คุณภาพของสื่อการเรียนร้ทู เี่ ลือกใช้อย่างเป็นระบบ ๕. ศกึ ษาคน้ ควา้ วิจัย เพอ่ื พฒั นาสื่อการเรยี นรู้ให้สอดคล้องกับกระบวนการเรยี นร้ขู องผู้เรียน ๖. จัดให้มีการกากับ ติดตาม ประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพเกี่ยวกับส่ือและการใช้สื่อ การเรยี นรู้เปน็ ระยะๆ และสม่าเสมอ ในการจัดทา การเลือกใช้ และการประเมินคุณภาพส่ือการเรียนรู้ท่ีใช้ในสถานศึกษา ควรคานึงถึง หลักการสาคัญของส่ือการเรียนรู้ เช่น ความสอดคล้องกับหลักสูตร วัตถุประสงค์การเรียนรู้ การออกแบบ กจิ กรรมการเรียนรู้ การจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียน เน้อื หามีความถูกต้องและทนั สมัย ไม่กระทบความม่ันคงของ ชาติ ไม่ขดั ต่อศลี ธรรม มีการใชภ้ าษาทีถ่ ูกตอ้ ง รูปแบบการนาเสนอที่เข้าใจงา่ ย และน่าสนใจ กำรวดั และประเมนิ ผลกำรเรียนรู้ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนต้องอยู่บนหลักการพ้ืนฐานสองประการ คือ การประเมิน เพื่อพัฒนาผเู้ รยี นและเพื่อตัดสินผลการเรียน ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้ประสบผลสาเร็จน้ัน ผู้เรียนจะต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวช้ีวัดเพ่ือให้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ สะท้อนสมรรถนะ สาคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนซึ่งเปน็ เป้าหมายหลกั ในการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในทุก ระดับไม่ว่าจะเป็นระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพ้ืนท่ีการศึกษา และระดับชาติ การวัดและ ประเมินผลการเรียนรู้ เป็นกระบวนการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนโดยใช้ผลการประเมินเป็นข้อมูลและสารสนเทศท่ี แสดงพฒั นาการ ความก้าวหนา้ และความสาเร็จทางการเรยี นของผเู้ รียน ตลอดจนข้อมูลทเ่ี ป็นประโยชน์ต่อการ สง่ เสริมใหผ้ ู้เรยี นเกิด การพัฒนาและเรยี นรู้อย่างเต็มตามศกั ยภาพ การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ แบ่งออกเปน็ ๔ ระดับ ได้แก่ ระดับช้ันเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับ เขตพน้ื ท่ีการศกึ ษา และระดับชาติ มรี ายละเอียด ดังนี้ ๑. กำรประเมินระดับช้ันเรียน เป็นการวัดและประเมินผลที่อยู่ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ ผู้สอน ดาเนินการเป็นปกติและสม่าเสมอ ในการจัดการเรียนการสอน ใช้เทคนิคการประเมินอย่างหลากหลาย เชน่ การ ซักถาม การสังเกต การตรวจการบ้าน การประเมินโครงงาน การประเมินช้ินงาน/ ภาระงาน แฟ้มสะสมงาน การใช้แบบทดสอบ ฯลฯ โดยผู้สอนเป็นผู้ประเมินเองหรือเปิดโอกาสให้ผู้เรียนประเมินตนเอง เพื่อนประเมิน เพ่อื น ผ้ปู กครองร่วมประเมิน ในกรณีทีไ่ มผ่ ่านตัวช้ีวัดใหม้ กี ารสอนซอ่ มเสรมิ การประเมนิ ระดับช้นั เรยี นเป็นการตรวจสอบว่า ผู้เรียนมีพัฒนาการความกา้ วหน้าในการเรียนรู้ อัน เป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด มีสิ่งที่จะต้องได้รับการพัฒนา ปรับปรุงและส่งเสริมในด้านใด นอกจากน้ียังเป็นข้อมูลให้ผู้สอนใช้ปรับปรุงการเรียนการสอนของตนด้วย ท้ังน้ี โดยสอดคลอ้ งกับมาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวช้ีวดั ๒. กำรประเมินระดับสถำนศึกษำ เป็นการประเมินท่ีสถานศึกษาดาเนินการเพื่อตัดสินผล การเรียน ของผเู้ รียนเป็นรายปี/รายภาค ผลการประเมินการอา่ น คดิ วิเคราะหแ์ ละเขยี น คณุ ลักษณะ อันพงึ ประสงค์ และ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน นอกจากนี้เพื่อให้ได้ข้อมูลเก่ียวกับการจัดการศึกษา ของสถานศึกษา ว่าส่งผลต่อการ เรียนรู้ของผเู้ รียนตามเป้าหมายหรือไม่ ผู้เรียนมีจุดพัฒนาในด้านใด รวมทั้งสามารถนาผลการเรียนของผเู้ รียนใน

๑๑๒ สถานศึกษาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ระดับชาติ ผลการประเมนิ ระดับสถานศึกษาจะเป็นข้อมูลและสารสนเทศเพื่อ การปรับปรุงนโยบาย หลักสูตร โครงการ หรือวิธีการจัดการเรียนการสอน ตลอดจนเพ่ือการจัดทาแผนพัฒนา คุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา ตามแนวทางการประกันคุณภาพการศึกษาและการรายงานผลการจัด การศึกษาต่อคณะกรรมการสถานศึกษา สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ัน พื้นฐาน ผปู้ กครองและชมุ ชน ๓. กำรประเมินระดับเขตพ้ืนท่ีกำรศึกษำ เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับเขตพ้ืนที่การศึกษา ตามมาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน เพ่ือใช้เป็นข้อมูลพ้ืนฐานในการพัฒนา คุณภาพการศึกษาของเขตพื้นท่ีการศึกษา ตามภาระความรับผิดชอบ สามารถดาเนินการโดยประเมินคุณภาพ ผลสัมฤทธข์ิ องผู้เรยี นด้วยข้อสอบมาตรฐานที่จัดทาและดาเนนิ การโดยเขตพ้ืนที่การศึกษา หรือด้วยความร่วมมือ กับหน่วยงานต้นสังกัด ในการดาเนินการจัดสอบ นอกจากนี้ยังได้จากการตรวจสอบทบทวนข้อมูลจากการ ประเมินระดบั สถานศกึ ษาในเขตพนื้ ท่ีการศึกษา ๔. กำรประเมินระดบั ชำติ เป็นการประเมนิ คณุ ภาพผู้เรยี นในระดับชาติตามมาตรฐานการเรยี นรู้ตาม หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน สถานศึกษาตอ้ งจัดใหผ้ ้เู รยี นทุกคนที่เรยี น ในช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๓ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ เขา้ รบั การประเมิน ผลจากการประเมนิ ใชเ้ ปน็ ขอ้ มูลในการเทยี บเคียงคณุ ภาพการศกึ ษา ในระดับต่าง ๆ เพ่ือนาไปใชใ้ นการวางแผนยกระดบั คุณภาพการจดั การศึกษา ตลอดจนเป็นขอ้ มลู สนับสนุนการ ตดั สนิ ใจในระดบั นโยบายของประเทศ ข้อมูลการประเมินในระดับต่างๆ ข้างต้น เป็นประโยชน์ต่อสถานศึกษาในการตรวจสอบทบทวนพัฒนา คุณภาพผู้เรียน ถือเป็นภาระความรับผิดชอบของสถานศึกษาท่ีจะต้องจัดระบบดูแลช่วยเหลือ ปรับปรุงแก้ไข ส่งเสริมสนับสนุนเพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพบนพื้นฐานความแตกต่างระหว่างบุคคลที่จาแนกตาม สภาพปัญหาและความต้องการ ได้แก่ กลุ่มผู้เรียนท่ัวไป กลุ่มผู้เรียนที่มีความสามารถพิเศษ กลุ่มผู้เรียนที่มี ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนต่า กลุ่มผู้เรียนท่ีมีปัญหาด้านวินัยและพฤติกรรม กลุ่มผู้เรียนที่ปฏิเสธโรงเรียน กลุ่ม ผู้เรียนท่ีมีปัญหาทางเศรษฐกจิ และสังคม กลุ่มพิการทางรา่ งกายและสติปญั ญา เป็นตน้ ข้อมูลจากการประเมนิ จึง เป็นหัวใจของสถานศกึ ษาในการดาเนินการช่วยเหลือผเู้ รียนได้ทันท่วงที ปิดโอกาสให้ผ้เู รยี นได้รับการพัฒนาและ ประสบความสาเร็จในการเรยี น สถานศึกษาในฐานะผู้รับผิดชอบจัดการศึกษา จะต้องจัดทาระเบียบว่าด้วยการวัดและประเมินผลการ เรียนของสถานศึกษาให้สอดคล้องและเป็นไปตามหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติท่ีเป็นข้อกาหนดของหลักสูตร แกนกลางการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน เพอื่ ใหบ้ ุคลากรทเ่ี กี่ยวขอ้ งทกุ ฝา่ ยถือปฏิบัติรว่ มกัน

๑๑๓ เกณฑ์กำรวัดและประเมนิ ผลกำรเรียน ๑. กำรตัดสิน กำรให้ระดับและกำรรำยงำนผลกำรเรยี น ๑.๑ กำรตดั สนิ ผลกำรเรยี น ในการตัดสนิ ผลการเรียนของกลุ่มสาระการเรยี นรู้ การอ่าน คดิ วเิ คราะหแ์ ละเขยี น คุณลกั ษณะ อันพึงประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียนนัน้ ผู้สอนตอ้ งคานึงถงึ การพฒั นาผู้เรียนแตล่ ะคนเปน็ หลัก และต้อง เกบ็ ข้อมูลของผู้เรียนทุกด้านอยา่ งสม่าเสมอและต่อเน่ืองในแตล่ ะภาคเรียน รวมทง้ั สอนซ่อมเสริมผูเ้ รยี นใหพ้ ฒั นาจน เตม็ ตามศักยภาพ ระดับประถมศึกษำ (๑) ผู้เรยี นตอ้ งมเี วลาเรยี นไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรียนท้งั หมด (๒) ผเู้ รยี นต้องไดร้ ับการประเมินทกุ ตวั ชวี้ ัด และผา่ นตามเกณฑ์ท่ีสถานศกึ ษากาหนด (๓) ผูเ้ รียนตอ้ งได้รับการตัดสินผลการเรียนทุกรายวิชา (๔) ผเู้ รียนตอ้ งได้รบั การประเมิน และมผี ลการประเมินผา่ นตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากาหนด ใน การอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขียน คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ และกิจกรรมพฒั นาผู้เรียน การพิจารณาเลื่อนชั้น ถ้าผู้เรียนมีข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อย และสถานศึกษาพิจารณาเห็นว่า สามารถพฒั นาและสอนซ่อมเสรมิ ได้ ให้อยู่ในดลุ พินิจของสถานศกึ ษาท่ีจะผ่อนผันให้เลอื่ นช้ันได้ แต่หากผู้เรยี นไม่ ผ่านรายวิชาจานวนมาก และมีแนวโน้มว่าจะเป็นปัญหาต่อการเรียนในระดับช้ันท่ีสูงขึ้น สถานศึกษาอาจตั้ง คณะกรรมการพจิ ารณาใหเ้ รยี นซ้าชน้ั ได้ ทง้ั นีใ้ หค้ านึงถงึ วฒุ ภิ าวะและความรูค้ วามสามารถของผเู้ รียนเปน็ สาคญั ๑.๒ กำรให้ระดับผลกำรเรียน ระดับประถมศึกษำ ในการตัดสินเพื่อให้ระดับผลการเรียนรายวิชา สถานศึกษาสามารถให้ระดับ ผลการเรียนหรือระดับคณุ ภาพการปฏิบัติของผเู้ รียน เปน็ ระบบตวั เลข ระบบตัวอกั ษร ระบบร้อยละ และระบบ ทีใ่ ช้คาสาคัญสะทอ้ นมาตรฐาน การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์นั้น ให้ระดับผล การ ประเมนิ เป็น ดีเยี่ยม ดี และผา่ น การประเมินกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน จะต้องพิจารณาท้ังเวลาการเขา้ ร่วมกิจกรรม การปฏิบัติกจิ กรรม และผลงานของผเู้ รยี น ตามเกณฑท์ ี่สถานศกึ ษากาหนด และให้ผลการเข้ารว่ มกจิ กรรมเป็นผา่ น และไมผ่ า่ น ๑.๓ กำรรำยงำนผลกำรเรียน การรายงานผลการเรียนเป็นการส่ือสารให้ผู้ปกครองและผู้เรียนทราบความก้าวหน้าในการเรียนรู้ ของผู้เรียน ซึ่งสถานศึกษาต้องสรปุ ผลการประเมินและจัดทาเอกสารรายงานให้ผู้ปกครองทราบเป็นระยะๆ หรือ อย่างนอ้ ยภาคเรยี นละ ๑ ครง้ั การรายงานผลการเรียนสามารถรายงานเปน็ ระดับคณุ ภาพการปฏบิ ัตขิ องผู้เรยี นทีส่ ะท้อนมาตรฐาน การเรียนรกู้ ลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ๒. เกณฑก์ ำรจบกำรศกึ ษำ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน กาหนดเกณฑ์กลางสาหรับการจบการศึกษาเป็น ๑ ระดับ คือ ระดบั ประถมศึกษา ๒.๑ เกณฑก์ ำรจบระดับประถมศึกษำ (๑) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐาน และรายวิชา/กิจกรรมเพิ่มเติมตามโครงสร้างเวลาเรียนท่ี หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พนื้ ฐานกาหนด (๒) ผู้เรียนต้องมีผลการประเมินรายวิชาพื้นฐาน ผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่สถานศึกษา กาหนด

๑๑๔ (๓) ผเู้ รียนมผี ลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขยี นในระดับผ่านเกณฑ์การประเมิน ตามทีส่ ถานศึกษากาหนด (๔) ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่ สถานศึกษากาหนด (๕) ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมินตามท่ี สถานศึกษากาหนด สาหรับการจบการศึกษาสาหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น การศึกษาเฉพาะทาง การศึกษาสาหรับผู้มี ความสามารถพิเศษ การศึกษาทางเลือก การศึกษาสาหรับผู้ด้อยโอกาส การศึกษาตามอัธยาศัย ให้ คณะกรรมการของสถานศึกษา เขตพ้ืนที่การศึกษา และผู้ที่เก่ียวข้อง ดาเนินการวัดและประเมินผล การเรียนรู้ ตามหลักเกณฑ์ในแนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน สาหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เอกสำรหลกั ฐำนกำรศึกษำ เอกสารหลักฐานการศึกษา เป็นเอกสารสาคัญท่ีบันทึกผลการเรียน ข้อมลู และสารสนเทศท่ีเกี่ยวขอ้ งกับ พัฒนาการของผู้เรียนในดา้ นตา่ ง ๆ แบง่ ออกเปน็ ๒ ประเภท ดงั น้ี ๑. เอกสำรหลกั ฐำนกำรศึกษำทก่ี ระทรวงศึกษำธิกำรกำหนด ๑.๑ ระเบียนแสดงผลกำรเรียน เป็นเอกสารแสดงผลการเรียนและรับรองผลการเรียนของ ผู้เรียนตามรายวิชา ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ของสถานศึกษา และผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน สถานศึกษาจะต้องบันทึกขอ้ มูลและออกเอกสารนี้ให้ ผเู้ รยี นเป็นรายบคุ คล เมื่อผูเ้ รียนจบการศึกษาระดับประถมศึกษา (ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖) ๑.๓ แบบรำยงำนผู้สำเรจ็ กำรศึกษำ เป็นเอกสารอนุมัติการจบหลักสูตรโดยบันทึกรายชือ่ และ ขอ้ มลู ของผู้จบการศกึ ษาระดบั ประถมศึกษา (ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๖) ๒. เอกสำรหลกั ฐำนกำรศกึ ษำที่สถำนศึกษำกำหนด เปน็ เอกสารท่สี ถานศกึ ษาจัดทาขึน้ เพ่อื บนั ทึกพัฒนาการ ผลการเรียนรู้ และข้อมูลสาคญั เกี่ยวกับผู้เรยี น เช่น แบบรายงานประจาตัวนักเรียน แบบบันทึกผลการเรียนประจารายวิชา ระเบียนสะสม ใบรับรองผลการ เรียน และ เอกสารอนื่ ๆ ตามวตั ถปุ ระสงคข์ องการนาเอกสารไปใช้ กำรเทยี บโอนผลกำรเรยี น สถานศึกษาสามารถเทียบโอนผลการเรียนของผู้เรียนในกรณีต่างๆได้แก่ การย้ายสถานศึกษา การ เปล่ียนรูปแบบการศึกษา การย้ายหลักสูตร การออกกลางคันและขอกลับเข้ารับการศึกษาต่อ การศึกษาจาก ต่างประเทศและขอเข้าศึกษาต่อในประเทศ นอกจากน้ี ยังสามารถเทียบโอนความรู้ ทักษะ ประสบการณ์จาก แหล่งการเรียนรู้อ่ืนๆ เช่น สถานประกอบการ สถาบันศาสนา สถาบันการฝึกอบรมอาชีพ การจัดการศึกษาโดย ครอบครัว การเทียบโอนผลการเรียนควรดาเนินการในช่วงก่อนเปิดภาคเรียนแรก หรือต้นภาคเรียนแรกที่ สถานศึกษารับผู้ขอเทียบโอนเป็นผู้เรียน ทั้งน้ี ผู้เรียนท่ีได้รับการเทียบโอนผลการเรียนต้องศึกษาต่อเนื่องใน สถานศึกษาท่ีรับเทียบโอนอย่างน้อย ๑ ภาคเรียน โดยสถานศึกษาท่ีรับผู้เรียนจากการเทียบโอนควรกาหนด รายวิชา/จานวนหน่วยกิตทจ่ี ะรับเทียบโอนตามความเหมาะสม การพิจารณาการเทียบโอน สามารถดาเนินการได้ ดังน้ี ๑. พจิ ารณาจากหลักฐานการศกึ ษา และเอกสารอน่ื ๆ ที่ใหข้ อ้ มูลแสดงความรู้ ความสามารถของผู้เรยี น

๑๑๕ ๒. พจิ ารณาจากความรู้ ความสามารถของผเู้ รยี นโดยการทดสอบด้วยวธิ กี ารตา่ งๆ ท้ังภาคความร้แู ละ ภาคปฏบิ ัติ ๓. พิจารณาจากความสามารถและการปฏิบัติในสภาพจริง การเทียบโอนผลการเรียนให้เป็นไปตาม ประกาศ หรอื แนวปฏิบตั ิ ของกระทรวงศกึ ษาธิการ กำรบรหิ ำรจดั กำรหลักสตู ร ในระบบการศึกษาที่มกี ารกระจายอานาจให้ท้องถิ่นและสถานศึกษามีบทบาทในการพัฒนาหลกั สูตรนั้น หน่วยงานต่างๆ ท่ีเก่ียวข้องในแต่ละระดับ ตั้งแต่ระดับชาติ ระดับท้องถ่ิน จนถึงระดับสถานศึกษา มีบทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบในการพัฒนา สนับสนุน ส่งเสริม การใช้และพัฒนาหลักสูตรให้เป็นไปอย่างมี ประสิทธิภาพ เพื่อให้การดาเนินการจัดทาหลักสูตรสถานศึกษาและการจัดการเรียนการสอนของสถานศึกษามี ประสิทธิภาพสูงสุด อันจะส่งผลให้การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ที่กาหนดไว้ใน ระดบั ชาติ ระดบั ทอ้ งถ่ิน ได้แก่ สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษา หน่วยงานต้นสงั กัดอน่ื ๆ เป็นหน่วยงานทมี่ ีบทบาทใน การขับเคล่ือนคุณภาพการจัดการศึกษา เป็นตัวกลางที่จะเช่ือมโยงหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐานที่ กาหนดในระดับชาติให้สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถ่ิน เพ่ือนาไปสู่การจัดทาหลักสูตรของ สถานศึกษา ส่งเสริมการใช้และพัฒนาหลักสูตรในระดับสถานศึกษา ให้ประสบความสาเร็จ โดยมีภารกิจสาคัญ คือ กาหนดเป้าหมายและจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ในระดับท้องถิ่นโดยพิจารณาให้สอดคล้องกับสิ่งท่ี เป็นความต้องการในระดับชาติ พัฒนาสาระ การเรียนรู้ท้องถ่ิน ประเมินคุณภาพการศึกษาในระดับท้องถิ่น รวมท้ังเพม่ิ พูนคุณภาพการใช้หลักสตู รด้วยการวจิ ยั และพัฒนา การพัฒนาบุคลากร สนับสนุน สง่ เสริม ติดตามผล ประเมนิ ผล วเิ คราะห์ และรายงานผลคุณภาพของผ้เู รียน สถานศกึ ษามีหนา้ ท่สี าคัญในการพฒั นาหลักสตู รสถานศึกษา การวางแผนและดาเนินการใช้หลกั สตู ร การ เพิ่มพูนคุณภาพการใช้หลกั สูตรด้วยการวิจัยและพฒั นา การปรับปรุงและพัฒนาหลกั สตู รจัดทาระเบียบการวัด และประเมนิ ผล ในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาต้องพจิ ารณาใหส้ อดคลอ้ ง กับหลกั สูตรแกนกลางการศึกษา ขน้ั พน้ื ฐาน และรายละเอียดท่ีเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษา หรือหนว่ ยงาน สังกดั อ่ืนๆ ในระดบั ท้องถิน่ ได้จัดทาเพ่ิมเตมิ รวมทงั้ สถานศึกษาสามารถเพม่ิ เตมิ ในสว่ นทเี่ กีย่ วกับสภาพปัญหาในชมุ ชนและสังคม ภูมิปญั ญาท้องถ่ิน และ ความต้องการของผู้เรียน โดยทกุ ภาคสว่ นเขา้ มามีส่วนรว่ มในการพฒั นาหลักสูตรสถานศึกษา

๑๑๖


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook