ประวัติผู้เขียน ผู้ช่วยศาสตราจารย์เกียรติศักดิ์ บัตรสูงเนิน ประวตั ิการศึกษา • 2543 – 2546 ปริญญาตรีอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ส�ำนกั วิชาแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยสี ุรนารี • 2547 – 2550 ปรญิ ญาโทสขุ ศาสตรอ์ ตุ สาหกรรมและความปลอดภยั ภาควิชาอาชีวอนามยั และความปลอดภัย คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหิดล ประสบการณ์การท�ำงาน • 2548 – 2549 วิศวกรความปลอดภัย บรษิ ทั CKE Engineering Co., Ltd. • 2553 – 2556 รกั ษาการหวั หนา้ สาขาวิชาอาชีวอนามยั และความปลอดภัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยสี รุ นารี • 2550 – ปจั จบุ นั อาจารยป์ ระจ�ำสาขาวิชาอาชีวอนามยั และความปลอดภยั มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีสรุ นารี สถานทท่ี ำ� งานปัจจบุ ัน สาขาวชิ าอาชวี อนามยั และความปลอดภยั สำ� นกั วชิ าแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยสี รุ นารี ตำ� บลสรุ นารี อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั นครราชสมี า 30000 โทรศพั ท์ : 044-223926 โทรสาร : 044-223920 อีเมล : [email protected] , [email protected] Facebook: kiattisak batsungnoen
เอกสารประมวลสาระรายวชิ า 618101 อาชวี อนามัยและความปลอดภยั พืน้ ฐาน Basic Occupational Health and Safety ผชู้ ่วยศาสตราจารย์เกียรตศิ กั ด์ิ บัตรสูงเนิน สาขาวิชาอาชวี อนามัยและความปลอดภยั ส�ำนักวิชาแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยสี รุ นารี
คำ�นำ� เอกสารประมวลสาระรายวิชา 618101 อาชีวอนามัยและความปลอดภัยพื้นฐาน (Basic Occupational Health and Safety) เล่มนี้ เขยี นขึน้ มาเพอ่ื รวบรวมแนวความคดิ หลักการ และวิธีการด�ำ เนินการด้านอาชีวอนามยั ความปลอดภัยและสภาพแวดล้อมในการทำ�งาน โดยมีจุดมุ่งหมายสำ�คัญให้ผู้อ่านเข้าใจหลักการการ และสามารถ ดำ�เนินงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยได้อย่างเป็นระบบ เพื่อทำ�ให้ผู้ประกอบอาชีพทั้งมวลปราศจาก อบุ ตั เิ หตแุ ละโรคจากการท�ำ งาน รวมทง้ั สง่ เสรมิ สขุ ภาพของผปู้ ฏบิ ตั งิ านใหม้ สี ขุ ภาพอนามยั ทด่ี ี อยใู่ นสถานประกอบการ อยา่ งมีความสุขตลอดระยะเวลาการท�ำ งาน ซงึ่ เปน็ จดุ มงุ่ หมายส�ำ คัญของนกั อาชวี อนามยั และความปลอดภยั ทุกคน การทำ�งานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยนี้เสมือนได้ทำ�บุญทุกวัน เพราะเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกัน อันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้ปฏิบัติงาน ทำ�ให้ผู้ปฏิบัติงานทุกคนมีสุขภาพดีดังเดิมตั้งแต่เริ่มทำ�งานจนเกษียณอายุ ออกจากงาน กลบั จากสถานประกอบการถึงบา้ นอยา่ งปลอดภยั ไปพบกับครอบครัวอย่างมคี วามสุข ผเู้ ขยี นหวงั เปน็ อยา่ งยงิ่ วา่ เอกสารประมวลสาระรายวชิ าเลม่ นี้ จะเปน็ ประโยชนต์ อ่ เจา้ หนา้ ทคี่ วามปลอดภยั เจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อม หัวหน้างาน วิศวกร หรือผู้ที่มีความสนใจในงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยอื่น ไม่มากก็น้อย หากเอกสารฉบับนี้มีข้อผิดพลาด ผู้เขียนขอน้อมรับคำ�ติชม เพื่อปรับแก้ไขและทำ�ให้เอกสารฉบับนี้มี ความสมบรู ณ์มากย่ิงขนึ้ เพอ่ื เปน็ ประโยชนส์ ูงสดุ ต่อผู้อ่านทุกคน เกยี รตศิ ักด์ิ บัตรสงู เนิน สาขาวชิ าอาชีวอนามยั และความปลอดภยั ส�ำนักวิชาแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยสี รุ นารี 8 เมษายน 2557
สารบัญ บทท่ี 1 ความหมายและขอบเขตของการด�ำเนนิ งานดา้ นอาชีวอนามัยและความปลอดภยั The Definition and Scope of Occupational Health and Safety 1. บทน�ำ 2 2. วิวัฒนาการของการดำ� เนนิ งานดา้ นอาชวี อนามัยและความปลอดภยั 2 3. ววิ ัฒนาการของการด�ำเนนิ งานดา้ นอาชวี อนามยั และความปลอดภัยในประเทศไทย 4 4. ความหมายของงานอาชวี อนามยั และความปลอดภยั 10 5. หลกั การของการดำ� เนินงานดา้ นอาชวี อนามยั และความปลอดภัย 11 6. ขอบเขตของงานอาชวี อนามัยและความปลอดภยั 13 7. ความครอบคลมุ ของการดำ� เนินงานด้านอาชวี อนามัยและความปลอดภยั 13 8. ประโยชน์ทีไ่ ด้รับจากการด�ำเนนิ งานดา้ นอาชวี อนามัยและความปลอดภยั 14 บทสรปุ 14 บรรณานุกรม 15 คำ� ถามท้ายบท 16 บทที่ 2 บุคลากรและองค์กรทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกบั งานด้านอาชวี อนามยั และความปลอดภัย Occupational Health and Safety Teamwork and Organization 1. บทนำ� 18 2. บุคลากรในงานอาชีวอนามยั และความปลอดภัย 18 3. องค์กรภาครัฐท่ีเกยี่ วขอ้ งกับงานด้านอาชวี อนามัยและความปลอดภยั 22 4. องคก์ รวิชาชพี และสมาคมวิชาชีพท่เี กย่ี วขอ้ งกบั งานอาชวี อนามยั ในประเทศไทย 27 5. องคก์ รท่ีเกยี่ วข้องกบั งานดา้ นอาชีวอนามยั และความปลอดภยั ในต่างประเทศ 28 6. องคก์ รดา้ นอาชวี อนามัยความปลอดภยั ในสถานประกอบการ 32 บทสรุป 37 บรรณานกุ รม 38 คำ� ถามท้ายบท 40 บทท่ี 3 สถานการณ์การบาดเจ็บและการเจ็บป่วยเนื่องจากการท�ำงาน 42 Situation of Injuries and Occupational Disease in The Workplace 44 1. สถติ ิจ�ำนวนประชากรในวยั แรงงานของประเทศไทย 45 2. จ�ำนวนลูกจ้างในเครือขา่ ยกองทุนเงินทดแทน 45 3. จำ� นวนการประสบอนั ตรายของลูกจ้าง 46 4. อตั ราการประสบอันตรายตอ่ ลกู จ้าง 1,000 ราย 5. จำ� นวนการเสยี ชวี ติ ของลกู จ้าง
สารบัญ บทท่ี 3 สถานการณก์ ารบาดเจบ็ และการเจบ็ ปว่ ยเนอื่ งจากการท�ำงาน Situation of Injuries and Occupational Disease in The Workplace 6. จ�ำนวนการทุพลภาพของลูกจ้าง 47 7. จ�ำนวนการสูญเสียอวยั วะบางสว่ นของลูกจ้าง 47 8. จำ� นวนการบาดเจ็บท่ีตอ้ งหยดุ งานของลกู จ้าง 48 9. จำ� นวนการประสบอันตรายหรอื เจบ็ ปว่ ยเน่ืองจากการท�ำงานในปี 2554 49 10. สถิติโรคจากการท�ำงาน พ.ศ. 2545 - 2551 53 11. สถิตอิ ุบตั ิภัยจาการทำ� งาน พ.ศ. 2544 - 2555 55 12. อตั ราการเสียชวี ติ จากการท�ำงานตอ่ ลกู จ้าง 100,000 รายในประเทศต่างๆ 55 บทสรปุ 57 บรรณานกุ รม 58 คำ� ถามทา้ ยบท 59 62 บทท่ี 4 สภาพแวดลอ้ มในการทำ� งานท่ีอาจก่อให้เกิดอนั ตราย 62 Environmental Hazards in The Workplaces 62 1.บทน�ำ 69 2. อันตรายจากสภาพแวดล้อมในการทำ� งานดา้ นกายภาพ 74 82 2.1 เสียง Noise 84 2.2 สัน่ สะเทอื น Vibration 89 2.3 ความร้อน Heat 90 2.4 ความเยน็ Cold 93 2.5 รงั สี Radiation 94 2.6 ความกดดนั อากาศ Pressure 95 2.7 แสงสว่าง Light 97 3. อนั ตรายจากสภาพแวดล้อมในการท�ำงานดา้ นเคม ี 97 3.1 ทางเข้าสู่รา่ งกายของสารเคม ี 98 3.2 การแบง่ ชนิดของอนุภาคตามลักษณะทางกายภาพ 99 3.3 อาการและอาการแสดงของร่างกายเม่ือไดร้ บั สารเคมี 3.4 ผลกระทบต่อสขุ ภาพจากสารเคม ี 3.5 ปจั จัยท่ีเปน็ องคป์ ระกอบในการเกิดอนั ตรายจากสารเคมตี ่อร่างกาย 3.6 ค่ามาตรฐานสารเคมใี นสง่ิ แวดล้อม
สารบญั บทที่ 4 สภาพแวดลอ้ มในการท�ำงานทอ่ี าจก่อใหเ้ กิดอนั ตราย Environmental Hazards in The Workplaces 4. อนั ตรายจากสภาพแวดล้อมในการท�ำงานด้านชีวภาพ 101 5. อนั ตรายจากสภาพแวดล้อมในการท�ำงานดา้ นการยศาสตร์ 103 บทสรปุ 105 บรรณานุกรม 106 คำ� ถามทา้ ยบท 108 110 บทท่ี 5 ความปลอดภัยในงานอตุ สาหกรรม 110 Industrial Safety 111 1. บทน�ำ 112 2. ความหมายและสาเหตขุ องการเกิดอบุ ัตเิ หตุ 114 3. สัดส่วนของการเกดิ อุบตั เิ หตุ Accident Ratio Study 116 4. การเกดิ อบุ ัตเิ หตตุ ามทฤษฎโี ดมโิ น Domino Theory 120 5. การเกิดอุบัติเหตตุ ามทฤษฎสี าเหตุการสญู เสีย Loss Causation Model 122 6. สาเหตุของการเกิดอบุ ตั ิเหตุ 129 7. ความสญู เสียเนื่องจากการเกดิ อบุ ัตเิ หตุ Accident loss 130 8. การค�ำนวณสถิติทเ่ี ก่ียวข้องกับการเกดิ อบุ ัติเหตุจากการทำ� งาน 131 บทสรปุ 134 บรรณานุกรม 134 คำ� ถามทา้ ยบท 136 140 141 141 143 145 บทท่ี 6 หลักการป้องกนั และควบคมุ อันตรายจากสภาพแวดลอ้ มในการทำ� งาน Principle of Hazard Control in the Workplace 1. บทนำ� 2. หลกั การปอ้ งกนั อันตรายและควบคุมอันตรายจากสภาพแวดลอ้ มในการทำ� งาน 3. วธิ ีการปอ้ งกันควบคุมอันตรายจากการทำ� งาน 4. อุปกรณป์ ้องกันอนั ตรายสว่ นบุคคล Personal Protective Equipment (PPE) 4.1 มาตรฐานของอุปกรณป์ ้องกันอนั ตรายสว่ นบุคคล 4.2 อปุ กรณป์ อ้ งกันอนั ตรายที่ศรี ษะ 4.3 อปุ กรณ์ปอ้ งกนั อนั ตรายใบหน้าและดวงตา 4.4 อุปกรณป์ ้องกนั อนั ตรายระบบทางเดนิ หายใจ
สารบญั บทที่ 6 หลักการปอ้ งกันและควบคมุ อนั ตรายจากสภาพแวดลอ้ มในการท�ำงาน Principle of Hazard Control in the Workplace 4.5 อุปกรณป์ อ้ งกันอนั ตรายระบบการได้ยิน 149 4.6 อุปกรณป์ ้องกนั อันตรายทม่ี ือและผิวหนงั 152 4.7 อปุ กรณป์ อ้ งกันอนั ตรายของเทา้ 154 4.8 อุปกรณป์ อ้ งกนั อันตรายจากการตก 155 4.9 การจูงใจใหผ้ ปู้ ฏิบัติงานใช้อปุ กรณป์ อ้ งกนั อนั ตรายสว่ นบคุ คล 157 5. หลกั การ 3 E ในการปอ้ งกันควบคุมอนั ตราย 157 6. การปอ้ งกนั ควบคมุ อนั ตรายดา้ นตามลกั ษณะการปฏิบตั งิ าน 158 6.1 การปอ้ งกันและควบคมุ อนั ตรายจากเสียง 158 6.2 การป้องกนั และควบคมุ อนั ตรายจากความร้อน 159 6.3 การปอ้ งกันและควบคุมอันตรายจากความเย็น 160 6.4 การปอ้ งกนั และควบคมุ อนั ตรายจากความสน่ั สะเทือน 160 6.5 การป้องกันและควบคมุ อันตรายจากรังสี 161 6.6 การปอ้ งกนั และควบคุมอนั ตรายจากการปฏิบัตงิ านในที่อบั อากาศ 162 6.7 การปอ้ งกันและควบคุมอนั ตรายจากแสงสว่าง 162 6.8 การปอ้ งกนั และควบคมุ อนั ตรายดา้ นสารเคมี 163 6.9 การป้องกันและควบคมุ อันตรายด้านชีวภาพ 164 6.10 การปอ้ งกนั ควบคุมอันตรายจากเคร่อื งจักร 165 6.11 การปอ้ งกนั ควบคมุ อนั ตรายจากไฟฟ้า 166 6.12 การป้องกนั ควบคมุ อันตรายด้านการยศาสตร ์ 167 6.13 หลักการเคลอ่ื นย้ายวัสดุดว้ ยมือเปล่าอยา่ งปลอดภยั 169 บทสรปุ 171 บรรณานกุ รม 172 คำ� ถามท้ายบท 173 176 บทท่ี 7 โรคจากการประกอบอาชีพ 176 Occupational Diseases 177 179 1. บทน�ำ 183 2. นิยามค�ำศัพท์ทเี่ กีย่ วขอ้ งกับโรคจากการประกอบอาชีพ 3. ปจั จัยทีท่ �ำให้เกดิ โรคจากการประกอบอาชพี 4. ประเภทของโรคจากการประกอบอาชพี ตามกฎหมายไทย 5. ตวั อยา่ งโรคจากการประกอบอาชีพทีพ่ บไดบ้ อ่ ย
สารบัญ บทท่ี 7 โรคจากการประกอบอาชพี Occupational Diseases - โรคจากแคดเมยี ม หรือสารประกอบของแคดเมยี ม 183 - โรคจากแมงกานีส หรือสารประกอบของแมงกานสี 184 - โรคจากปรอท หรือสารประกอบของปรอท 185 - โรคจากตะก่ัว หรอื สารประกอบของตะกั่ว 186 - โรคจากสารหนู หรอื สารประกอบของสารหนู 187 - โรคจากเบนซีน หรอื สารอนพุ นั ธข์ องเบนซีน 188 - โรคจากคลอรีน หรือสารประกอบของคลอรนี 189 - โรคจากแอมโมเนยี 190 - โรคหเู สือ่ มจากเสียง 191 - โรคซลิ ิโคซีส 192 - แอสเบสโตซสี (Asbestosis) 193 - โรคระบบกล้ามเนอื้ และโครงสร้างกระดกู 194 6. หลักการวินจิ ฉยั โรคจากการประกอบอาชพี 195 7. มาตรการป้องกนั ควบคมุ โรคจากการประกอบอาชีพ 196 บทสรปุ 198 บรรณานกุ รม 199 ค�ำถามทา้ ยบท 200 202 บทที่ 8 การตรวจสุขภาพตามปัจจัยเสย่ี งจากการประกอบอาชีพ 202 Physical Examination for Occupational Health Risk Factor 203 203 204 205 1. บทนำ� 205 2. ประเภทของการตรวจสขุ ภาพ 206 3. องค์ประกอบการตรวจสุขภาพ 206 3.1 การซกั ประวตั ิ 207 3.2 การตรวจรา่ งกายโดยแพทย ์ 3.3 การตรวจทางหอ้ งปฏิบัติการ - การตรวจเลอื ด - การตรวจการท�ำงานของตบั - การตรวจการทำ� งานของไต - การตรวจระดับน้ำ� ตาลและไขมนั ในเลอื ด
สารบัญ บทที่ 8 การตรวจสขุ ภาพตามปัจจัยเสีย่ งจากการประกอบอาชีพ Physical Examination for Occupational Health Risk Factor - การตรวจคลน่ื ไฟฟา้ หวั ใจ 207 - การถา่ ยภาพรงั สที รวงอกหรือการตรวจเอกซเรยท์ รวงอก 207 - การทดสอบสมรรถภาพการท�ำงานของปอด 207 - การทดสอบสมรรถภาพการไดย้ ิน 208 - การทดสอบสมรรถภาพการมองเห็น 209 3.4 การตรวจสขุ ภาพตามปจั จัยเสีย่ ง 209 4. สรปุ สาระสำ� คัญของกฎหมายทีเ่ ก่ยี วข้องกับการตรวจสขุ ภาพของลูกจ้าง 210 5. ข้ันตอนการจดั กจิ กรรมการตรวจสขุ ภาพตามปจั จัยเส่ียงในสถานประกอบการ 211 บทสรปุ 212 บรรณานกุ รม 213 ค�ำถามทา้ ยบท 214 บทที่ 9 หลักการจดั บรกิ ารอาชีวอนามัยและความปลอดภยั ในสถานประกอบการ Principles of Occupational Health and Safety Services in the Workplace 1. บทนำ� 216 2. ประเภทของการจัดบริการดา้ นอาชีวอนามยั และความปลอดภัย 216 3. การจดั สวัสดกิ ารในสถานประกอบการตามกฎหมายไทย 217 4. หลกั การจัดบรกิ ารอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในสถานประกอบการ 218 5. ตัวอย่างกจิ กรรมการจดั บรกิ ารด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภยั 225 กจิ กรรมท่ี 1 กิจกรรมการจัดท�ำเอกสารส่งทางราชการ 225 กจิ กรรมที่ 2 กจิ กรรมการฝกึ อบรมด้านความปลอดภยั 226 กจิ กรรมที่ 3 กจิ กรรมการประชุมด้านความปลอดภัย 227 กจิ กรรมที่ 4 กิจกรรมการเตรียมความพร้อมสำ� หรับรับเหตฉุ กุ เฉนิ 227 กจิ กรรมที่ 5 กิจกรรมการตรวจความปลอดภยั 227 กิจกรรมที่ 6 กิจกรรมการควบคมุ อันตรายจากการทำ� งาน 228 กจิ กรรมท่ี 7 กจิ กรรมส่งเสริมความปลอดภัยในการท�ำงาน 229 กิจกรรมที่ 8 กจิ กรรมความปลอดภยั นอกงาน 230 กจิ กรรมท่ี 9 กิจกรรมดา้ นความปลอดภยั อนื่ ๆ 230 6. ประโยชนท์ ่ไี ดร้ ับจากการจัดสวัสดกิ ารดา้ นอาชีวอนามยั และความปลอดภัย 231 บทสรปุ 233 บรรณานกุ รม 234 ค�ำถามท้ายบท 235
กิตติกรรมประกาศ เอกสารประมวลสาระรายวชิ า 618101 อาชวี อนามยั และความปลอดภัยพ้ืนฐาน (Basic Occupational Health and Safety) เล่มนี้ สำ�เร็จได้นั้นต้องขอบพระคุณบุคคลต่างๆ ที่ให้ความช่วยเหลืออย่างดีมาโดยตลอด ดังต่อไปน้ี 1. บิดา มารดา และครอบครัวที่ให้ชีวิตและเป็นกำ�ลังใจในการทำ�งานเสมอมา 2. ครูอาจารย์ผู้ให้ความรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ครู อาจารย์ด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยทุกท่าน ซง่ึ มากมายจนไมส่ ามารถเอย่ นามทา่ นไดท้ ง้ั หมด ทท่ี �ำ ใหศ้ ษิ ยม์ คี วามรดู้ า้ นอาชวี อนามยั และความปลอดภยั และเป็นแบบอย่างที่ดีในการทำ�งานให้แก่ศิษย์ 3. นายฤทธิไกร นามเกษ ออกแบบรูปเล่มและหน้าปกเอกสารฉบับนี้ 4. นางสาวพลับพลึง มานะเสน วาดรูปประกอบเอกสารฉบับนี้ 5. นายอิทธิพล วนะชกิจ 6. นายณรงค์ ชาวพงษ์ 7. นายณัฐวุฒิ พรมจิตต์ 8. นางสาวอำ�พร หงส์เวียงจันทร์ 9. นายยุทธชัย กิจโป้ 10. นายธนบดี ชุ่มกลาง 11. อาจารย์อริสรา ฤทธิ์งาม อาจารย์ประจำ�คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา 12. นายสามารถ พลอยประดบั ผ้ชู ่วยผู้จดั การแผนกประกนั คณุ ภาพ บรษิ ัทเคไลน์ (ประเทศไทย) จ�ำ กดั 13. นกั ศกึ ษาอาชวี อนามยั และความปลอดภยั รนุ่ 12 มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยสี รุ นารี ทช่ี ว่ ยตรวจทานค�ำ ผดิ รวมทั้งบุคคลท่านอื่นๆ ที่ไม่ได้กล่าวนามในที่นี้ทุกท่าน ที่คอยให้คำ�ปรึกษา รวบรวม เรียบเรียงและแก้ไข ใหเ้ อกสารประมวลสาระรายวชิ าฉบบั นส้ี �ำ เรจ็ ลงไดอ้ ยา่ งสมบรู ณ์ ผเู้ ขยี นใครข่ อขอบพระคณุ ผทู้ ม่ี สี ว่ นเกย่ี วขอ้ งทกุ ทา่ น อยา่ งสูงไว้ ณ โอกาสน้ี เกยี รติศักดิ์ บตั รสูงเนิน สาขาวิชาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ส�ำนักวชิ าแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยสี ุรนารี
กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ (มคอ.) มคอ.3 รายละเอียดของรายวิชา ชอื่ สถาบันอุดมศึกษา มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยสี รุ นารี วทิ ยาเขต/คณะ/ภาควิชา สาขาวชิ าอาชีวอนามัยและความปลอดภยั ส�ำนักวิชาแพทยศาสตร์ หมวดท่ี 1 ข้อมูลท่ัวไป 1. รหัสและชอ่ื รายวิชา 618 101 อาชวี อนามัยและความปลอดภยั พน้ื ฐาน (Basic Occupational Health and Safety) 2. จำ� นวนหนว่ ยกติ (ระบบไตรภาค) 3 หน่วยกติ 3 (3-0-6) 3. หลักสูตรและประเภทของรายวิชา หลักสตู ร วทิ ยาศาสตร์บัณฑิต ประเภทรายวิชา หมวดวชิ าชพี เฉพาะ กลมุ่ วชิ าพ้นื ฐานวิชาชพี 4. อาจารยผ์ ูร้ ับผดิ ชอบรายวิชาและอาจารย์ผูส้ อน ผู้รับผดิ ชอบรายวิชา อาจารยเ์ กยี รตศิ ักดิ์ บตั รสงู เนิน 5. ภาคการศกึ ษา/ชนั้ ปีทีเ่ รยี น ภาคการศึกษาท่ี 3 / นกั ศึกษาชั้นปที ี่ 1 6. รายวชิ าทตี่ อ้ งเรยี นมากอ่ น (pre-requisite) (ถ้าม)ี ไมม่ ี 7. รายวชิ าที่ต้องเรียนพรอ้ มกนั (co-requisites) (ถ้ามี) ไมม่ ี 8. สถานทีเ่ รยี น หอ้ ง B 3101 อาคาร เรียนรวม 1 มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยสี รุ นารี 9. วันทีจ่ ัดทำ� หรือปรบั ปรุงรายละเอยี ดของรายวชิ าครงั้ ล่าสดุ 1 มถิ นุ ายน 2554 | มคอ.3 1
หมวดท่ี 2 จุดมุ่งหมายและวัตถุประสงค์ 1. จุดมงุ่ หมายของรายวชิ า เพื่อใหน้ กั ศกึ ษามคี วามรู้ความเข้าใจเก่ียวกบั 1. ความหมาย ขอบเขต ของงานอาชีวอนามยั และความปลอดภัย 2. องค์กรที่เกีย่ วขอ้ งในงานอาชวี อนามัยและความปลอดภัย ท้งั ภาครฐั และองคก์ รภายในโรงงาน 3. สถานการณ์ด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภยั และการบาดเจบ็ เนอื่ งจากการทำ� งาน 4. สภาพการท�ำงานทอ่ี าจกอ่ ในเกดิ อนั ตรายต่อสขุ ภาพของคนงานท้งั ทางด้านรา่ งกายและจิตใจ ของคนงานในภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรม งานกอ่ สรา้ ง และงานบริการ 5. หลกั การท่วั ไปในการป้องกันและควบคมุ อันตรายจากสงิ่ แวดลอ้ มในการทำ� งาน 6. โรคท่พี บบอ่ ยจากการประกอบอาชพี 7. หลักการจดั บริการอาชวี อนามัย และความปลอดภยั 2. วตั ถุประสงคใ์ นการพัฒนา/ปรบั ปรงุ รายวิชา 2.1 เพ่ือปรับปรุงเนื้อหาของรายวิชาให้มีความทันสมัย และสอดคล้องกับสถานการณ์ ตรงกับความต้องการ ของหลกั สูตร 2.2 เพ่ือส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนโดยเน้นผู้เรียนเป็นส�ำคัญ ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ด้วยตนเอง ควบคไู่ ปกบั การเรยี นในชน้ั เรยี น เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจและสามารถคดิ วเิ คราะหป์ ญั หาดา้ นอาชวี อนามยั ความปลอดภัย และสภาพแวดลอ้ มในการท�ำงาน หมวดท่ี 3 ลักษณะและการด�ำเนินการ 1. คำ� อธิบายรายวชิ า ศกึ ษาแนวคิดและขอบเขตของงานอาชีวอนามยั และความปลอดภัย องค์กรทเี่ ก่ยี วข้องในงานอาชวี อนามยั และความปลอดภัย สถานการด้านอาชีวอนามัย ความปลอดภัย สภาพการท�ำงานท่ีอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อ สขุ ภาพของคนงานท้ังทางดา้ นร่างกายและจิตใจของคนงานในภาคอตุ สาหกรรม เกษตรกรรม งานกอ่ สรา้ ง และ งานบรกิ าร หลักการท่วั ไปในการป้องกันและควบคุมอันตรายจากสิ่งแวดล้อมในการท�ำงาน โรคทพ่ี บบอ่ ยจากการ ประกอบอาชพี และศกึ ษาหลกั การจัดบริการอาชีวอนามยั และความปลอดภยั 2. จำ� นวนชั่วโมงท่ีใชต้ อ่ ภาคการศกึ ษา บรรยาย สอนเสรมิ การฝึกปฏบิ ตั /ิ งานภาค กรณีศกึ ษา การศึกษาด้วยตนเอง 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ - สนาม/การฝึกงาน - - 6 ช่ัวโมงต่อสปั ดาห์ 3. จำ� นวนชั่วโมงตอ่ สปั ดาหท์ อี่ าจารยใ์ หค้ ำ� ปรกึ ษาและแนะน�ำทางวชิ าการแกน่ กั ศึกษาเป็นรายบคุ คล 3.1 นักศึกษาสามารถสอบถามอาจารย์ที่สอนบรรยายได้ในช่วงเวลาที่มีการเรียนการสอน และผ่านระบบ สารสนเทศ 3.3 อาจารยจ์ ดั เวลาให้คำ� ปรึกษาเป็นรายบุคคล หรือรายกลุม่ ตามความตอ้ งการ 2 ช่ัวโมงต่อสปั ดาห์ | มคอ.3 2
หมวดที่ 4 การพัฒนาผลการเรียนรู้ของนักศึกษา 1. คณุ ธรรม จริยธรรม 1.1 คณุ ธรรม จรยิ าทตี่ ้องพฒั นา - ตระหนักในคณุ ค่าและคุณธรรม จริยธรรม เสยี สละ และซือ่ สตั ยส์ ุจริต - มวี ินยั ตรงต่อเวลา และความรบั ผดิ ชอบตอ่ ตนเองและสังคม - มีภาวะความเป็นผู้นำ� และผ้ตู าม สามารถท�ำงานเปน็ ทีมและสามารถแก้ไขข้อขัดแยง้ และล�ำดับความส�ำคญั - เคารพสิทธิและรับฟงั ความคดิ เหน็ ของผู้อืน่ รวมทั้งเคารพในคุณคา่ และศักดศ์ิ รขี องความเปน็ มนุษย์เคารพ กฎระเบียบและขอ้ บงั คับตา่ ง ๆ ขององคก์ รและสงั คม - มจี รรยาบรรณทางวชิ าการและวชิ าชพี สามารถพฒั นาคณุ ธรรมจรยิ ธรรม ไปพรอ้ มกบั วทิ ยาการตา่ งๆทศี่ กึ ษา 1.2 กลยทุ ธ์การประเมนิ ผลการเรียนรดู้ า้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม (1) ก�ำหนดให้มีวัฒนธรรมองค์กร เพ่ือเป็นการปลูกฝังให้นักศึกษามีระเบียบวินัย รู้หน้าที่ของตน มีความ รบั ผิดชอบตอ่ ตนเองและสังคม มคี วามซ่อื สตั ย์สุจริต เคารพสทิ ธิของผู้อนื่ (2) สอดแทรกคุณธรรม จริยธรรมในระหว่างการเรียนการสอน การท�ำงานเป็นกลุ่มและขณะที่ให้นักศึกษา ทำ� งานทมี่ อบหมายในชน้ั เรยี นโดยการพดู คยุ กบั นกั ศกึ ษาโดยเนน้ ความรบั ผดิ ชอบตอ่ งานและสงั คม ความ มวี นิ ยั จรรยาบรรณ ความซอ่ื สตั ยต์ อ่ หนา้ ที่ ความถอ่ มตน และความมนี ำ�้ ใจตอ่ เพอ่ื นรว่ มงาน การเขา้ ชนั้ เรยี น ใหต้ รงเวลา ตลอดจนการแตง่ กายทเ่ี ปน็ ไปตามระเบยี บของมหาวทิ ยาลยั มคี วามรบั ผดิ ชอบในการทำ� งาน (3) ก�ำหนดใหม้ กี ารท�ำงานเปน็ กลุ่ม และจดั ให้มีผนู้ ำ� กลมุ่ เพือ่ ให้นักศึกษามคี วามเปน็ ผนู้ �ำ กลา้ คิดกลา้ แสดง ความคิดเห็นท่ีเป็นประโยชน์และและรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ตลอดจนสามารถวางแผนการท�ำงาน ร่วมกับผอู้ ่ืน และแก้ไขปญั หาทเี่ กดิ ข้ึนภายในกลุม่ ได้ (4) จดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม เชน่ การยกยอ่ งนกั ศกึ ษา/บคุ คลทท่ี ำ� ความดี ทำ� ประโยชนแ์ กส่ ว่ นรวม เสยี สละ (5) สอดแทรกจรรยาบรรณตลอดการศกึ ษา โดยการบรรยายและยกกรณศี ึกษาเกี่ยวกบั คุณธรรม จรยิ ธรรม ท่เี กี่ยวขอ้ งกบั แนวคิดและทฤษฎีทางด้านสาธารณสุข 1.3 วิธีการประเมนิ ผล (1) สังเกตพฤติกรรมต่างๆ ของนกั ศกึ ษาที่เกิดข้นึ ระหว่างการสอน (2) ประเมินทัศนคตหิ รือมุมมองของนักศกึ ษา ทส่ี ะทอ้ นถึงคุณธรรมและจรยิ ธรรมในตัวนักศกึ ษา (3) ประเมินจากการตรงเวลาของนักศึกษาในการเข้าช้ันเรียน และในการเข้าสอบในแต่ละครั้ง การส่งงาน ตามก�ำหนดเวลาทม่ี อบหมาย และการรว่ มกจิ กรรมเสรมิ หลกั สตู ร (4) ประเมนิ พฤติกรรมโดยเพอื่ นนักศกึ ษา อาจารย์ทปี่ รึกษา อาจารยผ์ สู้ อน (5) ประเมินจากไมม่ ีการทจุ ริตการสอบ | มคอ.3 3
หมวดที่ 4 การพัฒนาผลการเรียนรู้ของนักศึกษา 2. ความรู้ 2.1 ความรูท้ ี่ตอ้ งไดร้ บั • มคี วามรแู้ ละความเขา้ ใจเกยี่ วกบั หลกั การและทฤษฎที สี่ ำ� คญั ในเนอื้ หาสาขาวชิ าอาชวี อนามยั และความปลอดภยั • สามารถวเิ คราะหป์ ญั หา เขา้ ใจและอธบิ าย รวมท้งั ประยกุ ต์ความรู้ ทกั ษะ และการใชเ้ ครื่องมือทเ่ี หมาะสม กับการแก้ไขปญั หา • มคี วามรู้ เข้าใจและสนใจพัฒนาความรู้ ความชำ� นาญดา้ นอาชวี อนามัยและความปลอดภยั อย่างต่อเน่อื ง • มีความรูค้ วามเขา้ ใจในพฒั นาการใหมๆ่ ดา้ นอาชวี อนามัยและความปลอดภยั รวมถงึ การเปลย่ี นแปลงทม่ี ี ผลกระทบตอ่ การพฒั นาความรู้ใหม่ทมี่ ผี ลตอ่ การทำ� งานในปัจจุบนั • สามารถบรู ณาการความรูด้ ้านอาชีวอนามยั และความปลอดภัยเข้ากบั ความรู้ในศาสตรอ์ ืน่ ๆ ทเี่ กยี่ วขอ้ ง 2.2 วิธกี ารสอน (1) บรรยาย อภิปราย การฝึกปฏิบัติการ ศึกษาค้นคว้าด้วยตัวเอง ตามหัวข้อที่ก�ำหนด โดยเน้นแนวคิดและ ทฤษฎเี ปน็ พื้นฐาน รวมถงึ ประยุกต์เข้ากบั การทำ� งานจริง ตามเนือ้ หาสาระของรายวิชาน้ันๆ (2) การท�ำงานกลุ่มการท�ำรายงานการตั้งค�ำถามเพ่ือให้นักศึกษาวิเคราะห์ การน�ำเสนอรายงานการวิเคราะห์ กรณศี ึกษาที่แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ปญั หาและแนวทางการแกไ้ ขปัญหา 2.3 วิธีการประเมนิ ผล ประเมนิ จากผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี นและการปฏบิ ัติของนกั ศกึ ษา ในดา้ นตา่ ง ๆ คอื (1) การทดสอบยอ่ ย (2) ทดสอบกลางภาคและปลายภาคดว้ ยขอ้ สอบเชงิ วเิ คราะห์ เพอ่ื วดั ความรคู้ วามเขา้ ใจในแนวคดิ และทฤษฎี (3) ประเมินจากการมีส่วนร่วมในช้ันเรียนประเมินการจัดท�ำรายงานท่ีได้จากการคิดวิเคราะห์และสามารถ วจิ ารณ์ได้ นำ� เสนอรายงานในชั้นเรยี น 2. วตั ถุประสงคใ์ นการพัฒนา/ปรบั ปรุงรายวิชา 2.1 เพ่ือปรับปรุงเน้ือหาของรายวิชาให้มีความทันสมัย และสอดคล้องกับสถานการณ์ ตรงกับความต้องการ ของหลกั สูตร 2.2 เพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนโดยเน้นผู้เรียนเป็นส�ำคัญ ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ด้วยตนเอง ควบคไู่ ปกบั การเรยี นในชน้ั เรยี น เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจและสามารถคดิ วเิ คราะหป์ ญั หาดา้ นอาชวี อนามยั ความปลอดภัย และสภาพแวดลอ้ มในการทำ� งาน 3. ทกั ษะทางปัญญา 3.1 ทักษะทางปัญญาทีต่ อ้ งพฒั นา • คิดอย่างมีวิจารณญาณและอยา่ งเป็นระบบ • สามารถสบื ค้น ตีความ และประเมนิ สารสนเทศ เพื่อใชใ้ นการแกไ้ ขปญั หาอยา่ งสร้างสรรค์ • สามารถรวบรวม ศกึ ษา วเิ คราะห์ และสรปุ ประเดน็ ปญั หาและความตอ้ งการ เพอ่ื พฒั นาใหเ้ กดิ องคค์ วามรใู้ หม่ • สามารถประยกุ ตค์ วามรแู้ ละทกั ษะกบั การแกไ้ ขปญั หาทางดา้ นอาชวี อนามยั และความปลอดภยั ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม • สามารถคดิ หาเหตุผลและเช่อื มโยงองค์ความรูอ้ ยา่ งเป็นระบบ | มคอ.3 4
หมวดท่ี 4 การพัฒนาผลการเรียนรู้ของนักศึกษา 3.2 วิธกี ารสอน (1) เนน้ การสอนโดยเน้นผู้เรยี นเปน็ ส�ำคญั (2) บรรยายและอภปิ รายระหวา่ งอาจารยก์ ับนักศึกษา อภิปรายระหวา่ งกลมุ่ นักศึกษา พร้อมทงั้ ยกประเด็น ปญั หาส�ำคญั หรือกรณศี กึ ษา (3) มอบหมายใหน้ กั ศกึ ษาวเิ คราะหก์ รณศี กึ ษาทงั้ ของไทยและตา่ งประเทศเพอื่ แกป้ ญั หาทกี่ ำ� หนด และนำ� เสนอ ผลการแกป้ ญั หาในรปู ของการอภิปรายกลุ่มและเสนอแนะในชั้นเรยี น (4) มอบหมายใหน้ กั ศกึ ษาจดั ทำ� รายงาน/โครงงาน สมั มนากลมุ่ และนำ� เสนอผลการทำ� รายงานรายบคุ คลและกลมุ่ 3.3 วธิ ีการประเมินผลทกั ษะทางปัญญาของนักศึกษา (1) ประเมนิ ผลการเรยี นรจู้ ากการเรยี นรายวชิ า เชน่ การทดสอบยอ่ ย สอบกลางภาคและปลายภาค โดยเนน้ ข้อสอบท่มี ีการวิเคราะห์ วิจารณ์ และการประยุกต์ความรู้ทศ่ี กึ ษาแบบองคร์ วม (2) ประเมนิ ผลงานจากการศึกษาค้นคว้าดว้ ยตนเอง การท�ำรายงาน (3) ประเมนิ จากการคิดวเิ คราะหแ์ ละการเสนอแนะของนกั ศกึ ษาในระหวา่ งการอภปิ รายประเด็นปญั หาหรือ กรณีศึกษา 4. ทกั ษะความสมั พันธร์ ะหวา่ งบคุ คลและความรบั ผดิ ชอบ 4.1 ทักษะความสัมพนั ธ์ระหวา่ งบุคคลและความรับผดิ ชอบท่ีต้องพัฒนา • สามารถสื่อสารกับกลุ่มคนหลากหลายและสามารถสนทนาท้ังภาษาไทยและภาษาต่างประเทศอย่างมี ประสิทธภิ าพ • สามารถใหค้ วามชว่ ยเหลอื และอำ� นวยความสะดวกแกก่ ารแกป้ ญั หาสถานการณต์ า่ งๆ ในกลมุ่ ทงั้ ในบทบาท ของผู้น�ำ ผูต้ ามหรือในบทบาทของผรู้ ว่ มทมี ท�ำงาน • มคี วามรบั ผิดชอบในการกระท�ำของตนเองและรบั ผดิ ชอบงานในกลมุ่ • สามารถเปน็ ผรู้ เิ รม่ิ แสดงประเดน็ ในการแกไ้ ขสถานการณท์ ง้ั สว่ นตวั และสว่ นรวม พรอ้ มทง้ั แสดงจดุ ยนื อยา่ ง เหมาะสมท้ังของตนเองและของกลุ่ม • มีความรับผดิ ชอบการพฒั นาการเรียนรทู้ ั้งของตนเองและทางวิชาชพี อยา่ งต่อเน่อื ง 4.2 วธิ ีการสอน • จดั การเรยี นการสอนทม่ี กี ารกำ� หนดกจิ กรรมใหม้ กี ารทำ� งานเปน็ กลมุ่ การทำ� งานทตี่ อ้ งประสานงานกบั ผอู้ น่ื กำ� หนดความรับผิดชอบในการทำ� งานกลุ่ม เพ่ือให้เกิดทักษะความสมั พนั ธร์ ะหว่างบคุ คล 4.3 วิธีการประเมนิ (1) ประเมินจากพฤติกรรมและการแสดงออกของนักศึกษาในการน�ำเสนอรายงานกลมุ่ ในชนั้ เรยี น (2) ประเมินจากพฤติกรรมท่แี สดงออกในการร่วมกิจกรรมตา่ งๆ และความครบถ้วนชัดเจนตรงประเด็นของ ขอ้ มลู ท่ีได้ | มคอ.3 5
หมวดที่ 4 การพัฒนาผลการเรียนรู้ของนักศึกษา 5. ทกั ษะการวิเคราะหเ์ ชิงตัวเลข การสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ 5.1 ทกั ษะการวิเคราะห์เชิงตวั เลข การสื่อสาร และการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศทต่ี อ้ งพัฒนา • สามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพวิ เตอร์ ในการแสวงหาความรแู้ ละการศกึ ษาทเ่ี ปน็ ประโยชน์ตอ่ วชิ าชีพโดยการสบื ค้นขอ้ มูลจากฐานขอ้ มูลและแหลง่ สารสนเทศทเ่ี กี่ยวขอ้ งได้อย่างเหมาะสม • สามารถแนะน�ำประเด็นการแก้ไขปญั หา โดยใช้สารสนเทศทางคณิตศาสตรห์ รอื การแสดงสถิตปิ ระยุกต์ต่อ ปญั หาทีเ่ ก่ียวข้องอยา่ งสร้างสรรค์ • มีทักษะในการวิเคราะห์ปัญหาจากกรณีศึกษา การเชื่อมโยงปัญหาไปสู่แนวคิดและทฤษฎีในเน้ือหาวิชา การเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา โดยใช้กระบวนการทางด้านวิทยาศาสตร์ สถิติและเทคโนโลยีสารสนเทศ อย่างเหมาะสม • สามารถสอื่ สารอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ทงั้ ปากเปลา่ และการเขยี น เลอื กใชร้ ปู แบบของสอื่ การนำ� เสนออยา่ งเหมาะสม • มที กั ษะในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ สถติ แิ ละการสอ่ื สาร ในการนำ� เสนอรายงานโดยใชร้ ปู แบบ เครอื่ งมอื สือ่ และเทคโนโลยที ่ีเหมาะสม 5.2 วธิ กี ารสอน (1) จดั ให้มกี ารเรยี นการสอนโดยเน้นการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการวิเคราะหเ์ ชงิ ตวั เลข ในรายวชิ าต่างๆ (2) มอบหมายงานใหศ้ กึ ษาคน้ ควา้ ดว้ ยตนเองหรอื เปน็ กลมุ่ โดยคน้ ควา้ จากเวบ็ ไซต์ สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ เปน็ ตน้ แลว้ จัดทำ� รายงาน โดยเน้นการน�ำตวั เลข หรอื มสี ถติ อิ า้ งอิง จากแหลง่ ข้อมลู ที่นา่ เชื่อถือ (3) ให้นักศกึ ษานำ� เสนอรายงานโดยใช้รปู แบบและเทคโนโลยที เ่ี หมาะสม (4) จัดให้มีการเรียนรู้จากการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การส่ือสาร และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ในการท�ำ รายงาน และกจิ กรรมการเรยี นการสอนอน่ื ๆ 5.3 วิธีการประเมิน (1) ประเมินจากผลการเรยี นรใู้ นรายวชิ าท่ีเกยี่ วข้อง (2) ประเมนิ จากรายงานบุคคลที่ศึกษาคน้ ควา้ ในเร่อื งท่ีไดร้ ับมอบหมาย (3) ประเมนิ จากรปู แบบการนำ� เสนอดว้ ยเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สารทเ่ี หมาะสม และการมสี ว่ นรว่ ม ในการน�ำเสนอ (4) ประเมินจากการมสี ว่ นรว่ มในการอภปิ ราย วิธีการอภปิ ราย การซกั ถามและการตอบคำ� ถาม | มคอ.3 6
หมวดท่ี 5 แผนการสอนและการประเมินผล 1. แผนการสอน สปั ดาห์ หน่วย บท และหวั ข้อ จำ� นวน วตั ถปุ ระสงคก์ ารเรยี นรู้ กจิ กรรมการเรยี นการสอน อาจารย์ ท่ี ชว่ั โมง /สอ่ื การสอน ผู้สอน (บรรยาย) 1 บทท่ี 1 3 เพื่อให้นักศึกษามีความรู้ • บรรยายและยกตัวอย่าง อาจารย์ ความหมายและขอบเขต ความเขา้ ใจเก่ยี วกับ โดยใชโ้ ดยใช้สไลด์ส่อื การ เกียรติศักด์ิ ของการด�ำเนินงานด้าน 1. ววิ ฒั นาการของการ สอนภาพตัวอย่าง บัตรสูงเนิน อ า ชี ว อ น า มั ย แ ล ะ ค ว า ม ด�ำเนินงานด้านอาชีว • เอกสารประกอบการสอน ปลอดภัย อนามยั และความปลอดภยั • ถาม - ตอบขอ้ ซกั ถาม 2. ความหมายของงาน อาชีวอนามัยและความ ปลอดภัย 3. หลกั การดำ� เนนิ งาน ด้านอาชีวอนามัยและ ความปลอดภัย 4. ขอบเขตของงาน อาชีวอนามัยและความ ปลอดภยั 5. ประโยชน์ของการ ด� ำ เ นิ น ง า น ด ้ า น อ า ชี ว อนามยั และความปลอดภยั 2 บทที่ 2 3 เพื่อให้นักศึกษามีความรู้ • บรรยายและยกตวั อยา่ ง อาจารย์ บคุ ลากรและองคก์ รทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ความเข้าใจเกีย่ วกบั โดยใชโ้ ดยใชส้ ไลด์ส่ือการ เกียรติศักดิ์ กบั งานดา้ นอาชวี อนามยั และ 1. บคุ ลากรในงานอาชวี สอนภาพตวั อย่าง บัตรสูงเนิน ความปลอดภยั อนามยั และความปลอดภยั • เอกสารประกอบการสอน 2. องค์กรท่ีเก่ียวข้อง • ถาม - ตอบขอ้ ซกั ถาม กบั งานดา้ นอาชวี อนามยั และความปลอดภัย • องค์กรภาครัฐ • องค์กรภาคเอกชน • องค์กรภายในสถาน ประกอบการ • องค์กรต่างประเทศ | มคอ.3 7
หมวดที่ 5 แผนการสอนและการประเมินผล 1. แผนการสอน สปั ดาห์ หน่วย บท และหัวขอ้ จำ� นวน วตั ถปุ ระสงคก์ ารเรยี นรู้ กจิ กรรมการเรยี นการสอน อาจารย์ ที่ ชว่ั โมง /สอื่ การสอน ผู้สอน (บรรยาย) 3 บทที่ 3 3 1. เพอื่ ใหน้ กั ศกึ ษาทราบ • บรรยายและยกตัวอย่าง อาจารย์ สถานการณก์ ารบาดเจบ็ และ ถึงสถานการณ์ของการ โดยใชโ้ ดยใชส้ ไลด์สอ่ื การ เกียรติศักดิ์ การเจบ็ ปว่ ยเนอื่ งจากการ เกิดอุบัติเหตุจากการ สอนภาพตวั อย่าง บัตรสูงเนิน ทำ� งาน ทำ� งานของกจิ การประเภท • เอกสารประกอบการสอน ตา่ งๆ • ถาม - ตอบขอ้ ซกั ถาม 2. เพอ่ื ใหน้ กั ศกึ ษาทราบ • จดั ทำ� รายงาน ถึงลักษณะของการเกิด อุบัติเหตุจากการท�ำงาน ของกิจการประเภทตา่ งๆ 3. เพ่ือให้นักศึกษา สามารถหาแนวทางใน การป้องกันอุบัติเหตุจาก การท�ำงานของกิจการ แตล่ ะประเภท 4 บทท่ี 4 3 เพ่ือให้นักศึกษามีความรู้ • บรรยายและยกตัวอยา่ ง อาจารย์ สภาพแวดล้อมในการ ความเขา้ ใจเกยี่ วกบั สภาพ โดยใช้โดยใชส้ ไลดส์ ่ือการ เกียรติศักด์ิ ท� ำ ง า น ที่ อ า จ ก ่ อ ใ ห ้ เ กิ ด การท�ำงานและสภาวะ สอนภาพตัวอยา่ ง บัตรสูงเนิน อันตราย สิ่งแวดล้อมท่ีอาจก่อให้ • เอกสารประกอบการสอน เกิดอันตรายต่อสุขภาพ • ถาม - ตอบขอ้ ซกั ถาม ข อ ง ค น ง า น ทั้ ง ด ้ า น รา่ งกาย และจติ ใจ • ด้านกายภาพ • ด้านเคมี • ดา้ นชีวภาพ • ด้านการยศาสตร์ | มคอ.3 8
หมวดที่ 5 แผนการสอนและการประเมินผล 1. แผนการสอน สปั ดาห์ หนว่ ย บท และหวั ข้อ จำ� นวน วตั ถปุ ระสงคก์ ารเรยี นรู้ กจิ กรรมการเรยี นการสอน อาจารย์ ที่ ชว่ั โมง /สอื่ การสอน ผ้สู อน (บรรยาย) 5 บทที่ 5 3 เพอื่ ใหน้ กั ศกึ ษาสามารถ • บรรยายและยกตวั อย่าง อาจารย์ ความปลอดภยั ในงาน 1. บอกความหมายและ โดยใช้โดยใชส้ ไลดส์ อื่ การ เกียรติศักด์ิ อตุ สาหกรรม สาเหตขุ องการเกดิ อบุ ตั เิ หตุ สอนภาพตัวอย่าง บัตรสูงเนิน ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง • เอกสารประกอบการสอน 2. จ�ำแนกค่าใช้จ่าย • ถาม - ตอบขอ้ ซกั ถาม ที่เกี่ยวข้องกับการเกิด • จัดทำ� รายงาน อบุ ตั เิ หตไุ ดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 3. ค�ำนวณค่าสถิติท่ี เกี่ยวข้องกบั การบาดเจ็บ จากการท�ำงานได้อย่าง ถกู ต้อง 6 บทที่ 6 3 ให้นักศึกษามีความรู้ • บรรยายและยกตัวอยา่ ง อาจารย์ หลกั การปอ้ งกนั และควบคมุ ความเข้าใจเกี่ยวกับ โดยใชโ้ ดยใชส้ ไลดส์ ่อื การ เกียรติศักด์ิ อันตรายจากสภาพแวดล้อม 1. หลกั การทว่ั ไปในการ สอนภาพตวั อย่าง บัตรสูงเนิน ในการทำ� งาน ควบคุมป้องกันอันตราย • เอกสารประกอบการสอน จากการท�ำงานท่ีแหล่ง • ถาม - ตอบขอ้ ซกั ถาม ก�ำเนิดท่ีทางผ่านและท่ี ตวั บคุ คล 2. วธิ กี ารควบคมุ อนั ตราย จากสภาพแวดลอ้ มในการ ทำ� งานทางดา้ นวศิ วกรรม การบรหิ ารจดั การ และการ ใชอ้ ปุ กรณป์ อ้ งกนั อนั ตราย ส่วนบุคคล 7 สอบครง้ั ท่ี 1 | มคอ.3 9
หมวดที่ 5 แผนการสอนและการประเมินผล 1. แผนการสอน สปั ดาห์ หนว่ ย บท และหวั ขอ้ จำ� นวน วตั ถปุ ระสงคก์ ารเรยี นรู้ กจิ กรรมการเรยี นการสอน อาจารย์ ท่ี ชว่ั โมง /สอื่ การสอน ผสู้ อน (บรรยาย) 8 บทที่ 6 3 เพ่ือให้นักศึกษามีความรู้ • บรรยายและยกตวั อยา่ ง อาจารย์ หลกั การปอ้ งกนั และควบคมุ ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั วธิ กี าร โดยใช้โดยใชส้ ไลดส์ ่ือการ เกียรติศักด์ิ อันตรายจากสภาพแวดล้อม ป ้ อ ง กั น แ ล ะ ค ว บ คุ ม สอนภาพตวั อยา่ ง บัตรสูงเนิน ในการทำ� งาน (ต่อ) อนั ตรายจากการทำ� งาน • เอกสารประกอบการสอน • ด้านกายภาพ • ถาม - ตอบขอ้ ซกั ถาม • ด้านเคมี • จัดท�ำรายงาน • ด้านชวี ภาพ • ดา้ นการยศาสตร์ 9 บทท่ี 7 3 เพื่อให้นักศึกษามีความรู้ • บรรยายและยกตัวอยา่ ง อาจารย์ โรคจากการประกอบอาชีพ ความเข้าใจและสามารถ โดยใชโ้ ดยใช้สไลดส์ ื่อการ เกียรติศักด์ิ 1. อธิบายความหมาย สอนภาพตัวอยา่ ง บัตรสูงเนิน และจ�ำแนกโรคจากการ • เอกสารประกอบการสอน ประกอบอาชีพได้ • ถาม - ตอบขอ้ ซกั ถาม 2. อธบิ ายชนิดของโรค จากการประกอบอาชีพ อาชพี หรอื กลมุ่ เสยี่ ง รวมทงั้ ลกั ษณะอาการของโรคจาก การประกอบอาชพี ได้ 9 บทท่ี 7 3 เพื่อให้นักศึกษามีความรู้ • บรรยายและยกตวั อยา่ ง อาจารย์ โรคจากการประกอบอาชีพ ความเขา้ ใจและสามารถ โดยใช้โดยใช้สไลด์สอ่ื การ เกียรติศักดิ์ (ต่อ) 1. อธบิ ายหลกั การวนิ จิ ฉยั สอนภาพตัวอย่าง บัตรสูงเนิน โรคจากการประกอบ • เอกสารประกอบการสอน อาชีพได้ • ถาม - ตอบขอ้ ซกั ถาม 2. ป้องกันและควบคุม โรคจากการประกอบ อาชพี ได้ | มคอ.3 10
หมวดที่ 5 แผนการสอนและการประเมินผล 1. แผนการสอน สปั ดาห์ หนว่ ย บท และหวั ขอ้ จำ� นวน วตั ถปุ ระสงคก์ ารเรยี นรู้ กจิ กรรมการเรยี นการสอน อาจารย์ ท่ี ชวั่ โมง /สอื่ การสอน ผสู้ อน (บรรยาย) 11 บทที่ 8 3 เพื่อให้นักศึกษามีความรู้ • บรรยายและยกตวั อยา่ ง อาจารย์ การตรวจสุขภาพตามปัจจัย ความเขา้ ใจและสามารถ โดยใช้โดยใช้สไลด์สอื่ การ เกียรติศักด์ิ เสย่ี งจากการประกอบอาชพี 1.อธบิ ายประเภทของการ สอนภาพตวั อย่าง บัตรสูงเนิน ตรวจสขุ ภาพได้ • เอกสารประกอบการสอน 2. อธบิ ายองคป์ ระกอบการ • ถาม - ตอบขอ้ ซกั ถาม ตรวจสขุ ภาพได้ 3. อธบิ ายสาระสำ� คญั ของ กฎหมายที่เก่ียวข้องกับ การตรวจสุขภาพของ ลกู จา้ ง 4. อธบิ ายขนั้ ตอนการจดั กจิ กรรมการตรวจสขุ ภาพ ตามปัจจัยเส่ียงในสถาน ประกอบการ 12 บทท่ี 9 3 เพื่อให้นักศึกษามีความรู้ • บรรยายและยกตวั อยา่ ง อาจารย์ หลักการจัดบริการอาชีว ความเขา้ ใจและสามารถ โดยใชโ้ ดยใชส้ ไลด์สอ่ื การ เกียรติศักดิ์ อนามัยและความปลอดภัย 1. บอกประเภทการจัด สอนภาพตวั อยา่ ง บัตรสูงเนิน ในสถานประกอบการ บริการอาชีวอนามัยและ • เอกสารประกอบการสอน ความปลอดภยั • ถาม - ตอบขอ้ ซกั ถาม 2. การจัดสวสั ดิการใน สถานประกอบการตาม กฎหมายไทย 3. หลักการจัดบริการ อาชีวอนามัยและความ ป ล อ ด ภั ย ใ น ส ถ า น ประกอบการ 4. ประโยชน์ที่ได้รับ จ า ก ก า ร จั ด ส วั ส ดิ ก า ร ด้านอาชีวอนามัยและ ความปลอดภยั 13 สอบครงั้ ท่ี 2 | มคอ.3 11
หมวดที่ 5 แผนการสอนและการประเมินผล 2. แผนการประเมนิ ผลการเรียนรู้ กิจกรรม ผลการเรียนรู้ วิธีการประเมนิ สัปดาห์ สดั ส่วนของ ท่ีประเมนิ การประเมิน ภาคบรรยาย - ความมรี ะเบยี บวนิ ยั การเขา้ ชนั้ เรยี น ครบทกุ คร้งั และตรงตอ่ เวลา 1-12 10 % ตามองคป์ ระกอบ - การสอบครั้งที่ 1 1-5 40 % ในหมวด 4 - การสอบคร้ังท่ี 2 6, 8-12 45 % - การมอบหมายให้คน้ คว้า หรอื ท�ำ 3, 5, 8 5% รายงาน หมวดท่ี 6 ทรัพยากรประกอบการเรียนการสอน 1. ตำ� ราและเอกสารหลกั 1. วิทยา อยู่สุข, อาชีวอนามัย ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม. ภาควิชาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย มหาวทิ ยาลยั มหิดล. 2544 2. พรพิมล กองทิพย์. สุขศาสตร์อุตสาหกรรม Industrial Hygiene. ภาควิชาอาชีวอนามัยและความ ปลอดภยั . มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล, 2545 3. เอกสารประกอบการสอนชดุ วชิ า การบรหิ ารงานอาชวี อนามยั และความปลอดภยั หนว่ ย 1-7 พมิ พค์ รง้ั ที่ 3. สาขาวิชาวทิ ยาศาสตร์สุขภาพ. มหาวิทยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธริ าช. 2552 4. วชิ ยั พฤกษธ์ าราธกิ ลุ . เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า ความปลอดภยั ในงานอตุ สาหกรรม Industrial Safety. ภาควิชาอาชีวอนามัยและความปลอดภยั มหาวทิ ยาลัยมหิดล 5. อนามัย ธีรวิโรจน์. เอกสารประกอบการสอนวิชา 711201 อาชีวอนามัยเบ้ืองต้น (Introduction to Occupational Health). คณะสาธารณสุขศาสตร.์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา. 2543 6. ส�ำนักงานกองทุนเงินทดแทน ส�ำนักงานประกันสังคม. มาตรฐานการวินิจฉัยโรคจากการท�ำงานฉบับ เฉลมิ พระเกียรติ เนอ่ื งในโอกาสมหามงคลเฉลมิ พระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธนั วาคม 2550. กระทรวงแรงงาน 7. วิลาวัลย์ จงึ ประเสริฐ และ สรุ จิต สุนทีธรรม. อาชีวเวชศาสตร์ ฉบับพิษวิทยา. โครงการตำ� รากรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. 2542 8. เพ็ญจันทร์ สุวรรณแสง โมไนยพงศ์. การวิเคราะห์ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการส�ำหรับพยาบาล. พมิ พ์ครงั้ ที่ 12. ห้างหุ้นสว่ นจำ� กัด วี.เจ. พริ้นตง้ิ . กรุงเทพฯ. 2551. 9. เกยี รตศิ กั ด์ิ บตั รสงู เนนิ . เอกสารประมวลสาระรายวชิ า 618 101 อาชวี นามยั และความปลอดภยั พนื้ ฐาน (Basic Occupational Health and Safety). มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีสุรนารี | มคอ.3 12
หมวดท่ี 6 ทรัพยากรประกอบการเรียนการสอน 2. เอกสารและข้อมลู สำ� คัญ - เอกสารประกอบการสอนรายสัปดาห์ และสอ่ื Microsoft Power Point แผน่ ภาพประกอบและวีดีทัศน์ 3. เอกสารและขอ้ มูลแนะน�ำ 1. Herbert William Heinrich. Industrial accident prevention: a scientific approach. McGraw-Hill. 1931. 2. Joseph LaDou. Current Occupational & Environmental Medicine. Third Edition. Lange Medical Books. McGraw-Hill 3. U.S. Department of Labor, Informational Booklet on Industrial Hygiene, U.S. Department of Labor Occupational Safety and Health Administration OSHA 3143 1998 (Revised) 4. กระทรวงแรงงาน. พระราชบญั ญัติแรงงาน พ.ศ. 2541. ให้ไว ณ วนั ที่ 12 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2541 เปน็ ปี ที่ 53 ในรัชกาลปัจจบุ นั . ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่ม 115 ตอนที่ 8 ก 5. กระทรวงแรงงาน. พระราชบญั ญตั คิ วามปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทำ� งาน พ.ศ. 2554. ใหไ้ ว ณ วนั ท่ี 12 มกราคม พ.ศ. 2554 เปน็ ปที ี่ 66 ในรชั กาลปจั จบุ นั . ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา หนา้ 5 เล่ม 128 ตอนที่ 4 ก 6. กฎกระทรวงแรงงาน. ก�ำหนดมาตรฐานในการบริหารและการจัดการด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการท�ำงาน พ.ศ. 2549. ประกาศในราชกจิ จานุเบกษาหน้า 5 เลม่ 123 ตอนท่ี 65 ก วนั ที่ 21 มถิ นุ ายน 2549 7. กรมสวัสดิการและคมุ้ ครองแรงงาน http://www.labour.go.th/th 8. สำ� นกั ความปลอดภัยแรงงาน http://www.oshthai.org/index.php 9. สมาคมส่งเสริมความปลอดภยั และอนามัยในการทำ� งาน (ประเทศไทย) http://www.shawpat.or.th 10. กระทรวงอตุ สาหกรรม http://www.industry.go.th/page/index.aspx 11. กรมควบคุมมลพษิ http://www.pcd.go.th 12. ศูนย์ขอ้ มลู วตั ถอุ นั ตรายและเคมภี ณั ฑ์ กรมควบคุมมลพษิ http://msds.pcd.go.th 13. ฐานความร้ดู า้ นความปลอดภัยด้านสารเคมี http://www.chemtrack.org 14. NIOSH Pocket Guide to Chemical Hazards http://www.cdc.gov/niosh/npg 15. NIOSH Manual of Analytical Methods http://www.cdc.gov/niosh/docs/2003-154 16. Chemical and Laboratory Equipment http://www.sciencelab.com | มคอ.3 13
หมวดท่ี 7 การประเมินและปรับปรุงการด�ำเนินการของรายวิชา 1. กลยทุ ธก์ ารประเมนิ ประสิทธิผลของรายวิชาโดยนักศึกษา - การประเมนิ เนื้อหารายวชิ าและผสู้ อนของนักศึกษาผา่ นระบบลงทะเบยี นของมหาวิทยาลัย 2. กลยุทธก์ ารประเมนิ การสอน - การประเมนิ ผู้สอนของนกั ศึกษาผ่านระบบลงทะเบยี นของมหาวทิ ยาลยั - การประเมนิ ผลจากผลการสอบของนักศึกษา 3. การปรบั ปรงุ การสอน - มีการประเมินผลการดำ� เนนิ งานตามแผนงานของรายวชิ า - ปรบั แผนการดำ� เนนิ งานรายวิชาสำ� หรับปกี ารศกึ ษาต่อไป - ปรบั ปรงุ การสอนจากการหารอื รว่ มกนั ของคณาจารยใ์ นสาขาวชิ าหรอื คณาจารยใ์ นสาขาวชิ าชพี ของนกั ศกึ ษา หรอื ความคดิ เหน็ จากทีป่ ระชุมเก่ยี วกับการพัฒนาประสทิ ธภิ าพการสอน 4. การทวนสอบมาตรฐานผลสัมฤทธ์ิรายวชิ าของนักศึกษา - ทวนสอบโดยการประเมนิ ข้อสอบและรายงาน ทีน่ กั ศกึ ษาทำ� - ออกข้อสอบการกระจายเน้อื หาและคลอบคลุมตามหัวข้อตามวัตถปุ ระสงค์รายวิชา 5. การด�ำเนนิ การทบทวนและการวางแผนปรับปรุงประสทิ ธิผลของรายวชิ า ประเมินประสิทธิผลของรายวิชา โดยพิจารณาจากการประเมินการสอนของนักศึกษา การรายงานโดย อาจารยผ์ สู้ อน มกี ารทบทวนเน้อื หา วธิ กี ารสอน เพอ่ื ปรับปรุง และเป็นแนวทางในการพัฒนารายวิชา การประชุม หลักสตู รของสาขาวชิ าเพือ่ พิจารณาหาขอ้ สรปุ และเปน็ แนวทางในการพัฒนาการสอนตอ่ ไป | มคอ.3 14
บทท่ี 1 ความหมายและขอบเขต ของการดำ� เนนิ งานดา้ นอาชวี อนามัย และความปลอดภยั The Definition and Scope of Occupational Health and Safety เนอ้ื หาการเรียนรู้ - ววิ ฒั นาการของการด�ำเนนิ งานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย - ความหมายของงานดา้ นอาชวี อนามัยและความปลอดภัย - หลักการดำ� เนินงานดา้ นอาชีวอนามยั และความปลอดภยั - ขอบเขตของงานด้านอาชวี อนามยั และความปลอดภยั - ประโยชนข์ องการดำ� เนินงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภยั
1. บทน�ำ เมอื่ สงั คมโลกมกี ารเปลย่ี นแปลงจากสงั คมเกษตรเปน็ สงั คมอตุ สาหกรรม โดยอตุ สาหกรรมชว่ งแรกของโลก สว่ นใหญ่จะเป็นอุตสาหกรรมเหมืองแร่ อุตสาหกรรมสงิ่ ทอ และอตุ สาหกรรมเพื่อการดำ� รงชพี เปน็ หลกั จนถงึ ช่วงปี ค.ศ. 1750 ถึง ค.ศ. 1850 ได้เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรม ข้ึนท่ีประเทศอังกฤษเป็นประเทศแรก ท�ำให้เกิดการ เปล่ียนแปลงทสี่ ำ� คัญในระบบและวิธกี ารผลิต คือ เปล่ียนจากการใชแ้ รงงานคนและสัตว์ มาเป็นเครอ่ื งจกั รกลท่ีสลบั ซับซ้อน และมีประสิทธิภาพมากข้ึน เพื่อให้ได้ผลผลิตมากข้ึน และเพียงพอต่อจ�ำนวนประชากรท่ีเพิ่มมากข้ึน รวมทั้งเพื่อการสง่ ออกใหไ้ ดผ้ ลกำ� ไร การปฏวิ ัตอิ ุตสาหกรรมนสี้ ่งผลอย่างมากตอ่ สุขภาพอนามัยและความปลอดภัย ของผใู้ ชแ้ รงงาน ท�ำใหเ้ กิดอุบตั เิ หตุและโรคจากการท�ำงาน รวมท้งั มแี รงงานเสยี ชีวิตจากการทำ� งานมากขน้ึ ชั่วโมง การท�ำงานท่ียาวนาน ส่งผลให้คนงานได้รับอันตรายรวมทั้งการปฏิบัติงานส่วนใหญ่ยังขาดมาตรฐานในการท�ำงาน ทำ� ให้นักวชิ าการ หน่วยงานภาครฐั และประชาชนผู้ใชแ้ รงงาน มกี ารต่นื ตัวในการป้องกนั อันตรายที่อาจจะเกดิ จาก การทำ� งาน ส่งผลให้การด�ำเนินการด้านอาชีวอนามยั และความปลอดภยั มีการพฒั นาอยา่ งต่อเนอ่ื ง เพอื่ ให้สามารถ ทนั ตอ่ การเปลย่ี นแปลงด้านอุสาหกรรมและอนั ตรายท่ีเกดิ ขนึ้ การด�ำเนนิ งานดา้ นอาชวี อนามยั และความปลอดภัย ในช่วงตน้ ไดอ้ าศัยการรวมตัวของประชาชนและหน่วยงานภาครฐั และองคก์ รวิชาชพี ต่างๆผลักดนั ให้เกดิ กฎหมาย ที่เกย่ี วขอ้ งกับความปลอดภยั ในการท�ำงานขน้ึ มา เพ่อื ป้องกนั สุขภาพอนามยั ของผู้ใชแ้ รงงาน และลดการเอารัด เอาเปรยี บของนายจา้ ง ส่งผลให้ปจั จุบนั นีง้ านด้านอาชวี อนามยั และความปลอดภัยมีการดำ� เนินงานอยา่ งเป็นระบบ รวมทงั้ การใชเ้ ทคโนโลยีที่ทนั สมัยต่างๆ เขา้ มามีบทบาทในการทำ� งานมากขน้ึ มมี าตรฐานในการทำ� งาน สง่ ผลให้ งานดา้ นอาชีวอนามัยและความปลอดภัยของโลกมกี ารพฒั นาขน้ึ เปน็ ล�ำดับ 2. ววิ ฒั นาการของการดำ� เนนิ งานดา้ นอาชวี อนามยั และความปลอดภยั [1,2,3] การดำ� เนนิ งานดา้ นอาชีวอนามยั และความปลอดภยั เกดิ ข้ึนครั้งแรกในโลกในช่วง 400 ปี กอ่ นครสิ ตกาล โดย Hippocrates ไดท้ ำ� การศกึ ษาและบนั ทกึ เกยี่ วกบั อนั ตรายของพษิ ตะกวั่ ในกลมุ่ คนงานในอตุ สาหกรรมเหมอื งแร่ ประมาณ ค.ศ. 100 Pliny ผู้อาวุโสชาวโรมัน ได้อธิบายถึงอันตรายจากการสัมผสั ก�ำมะถัน และสงั กะสี และไดป้ ระดิษฐ์หนา้ กากซ่งึ ท�ำมาจากกระเพาะปสั สาวะของสตั วส์ ำ� หรบั ผู้ท่ปี ฏิบัตงิ านในท่มี ฝี ุ่นและฟูมของตะกั่ว ประมาณ ค.ศ. 200 Galen แพทย์ชาวกรีก ได้อธิบายพยาธิวิทยาของคนท่ีได้รับพิษจากตะก่ัว และได้ อธบิ ายถงึ อนั ตรายของการสัมผัสละอองกรดจากการท�ำเหมอื งแร่ทองแดง ช่วงยคุ กลาง ค.ศ. 1556 Agricola นกั วิชาการชาวเยอรมนั ไดเ้ ขียนหนังสอื ท่ีชอ่ื วา่ De Re Metallica หนังสือเล่มน้ีได้อธิบายถึง อันตรายและโรคที่เกิดขน้ึ กบั คนงานที่ทำ� งานในเหมอื งแร่ รวมทงั้ ไดก้ ำ� หนดวธิ กี ารในการ ป้องกันอนั ตราย ในหนังสอื เลม่ นีย้ งั ไดแ้ นะนำ� ระบบระบายอากาศสำ� หรบั การทำ� งานในเหมือง เพื่อปกป้องคุม้ ครอง อนั ตรายทจ่ี ะเกดิ ขนึ้ กบั คนงาน รวมทง้ั ไดบ้ รรยายถงึ อบุ ตั เิ หตแุ ละโรคทเี่ กดิ ขนึ้ จากการทำ� เหมอื งแร่ เชน่ โรคซลิ โิ คซสี ในปี ค.ศ.1700 งานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง โดย Bernardo Ramazzini เปน็ แพทย์ชาวอิตาลี ซึ่งต่อมาไดร้ ับการขนานนามว่า “บิดาแหง่ แพทย์อาชีวเวชศาสตร์ (father of industrial medicine)” ได้เขียนต�ำราเล่มแรกท่ีครอบคลุมงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ในหนังสือท่มี ชี ือ่ ว่า De Morbis Artificum Diatriba (The Diseases of Workmen) ซงึ่ แปลเป็นภาษาไทยวา่ โรคของคนประกอบอาชพี Bernardo Ramazzini ไดใ้ หค้ วามสำ� คญั ของโรคจากการทำ� งาน โดยทำ� การศกึ ษาสภาพ แวดลอ้ มในการทำ� งานมากกว่าท่ีจะมาท�ำการรักษาในโรงพยาบาลเมอื่ คนงานเกิดการเจบ็ ป่วยขนึ้ 2 | อาชีวอนามัยและความปลอดภยั พน้ื ฐาน
ในปี ค.ศ. 1743 งานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดได้รบั การเผยแพร่มากย่งิ ขน้ึ Ulrich Ellenborg ได้จัดท�ำ Pocketbook ท่ีมีช่ือว่า “โรคและอุบัติเหตุจากจากการท�ำงานของคนงานเหมืองแร่ทองค�ำ” รวมทั้ง เขียนบทความเกี่ยวกับความเปน็ พษิ ของกา๊ ซคารบ์ อนมอนอกไซด์, ปรอท, ตะก่ัวและกรดไนตริก ในชว่ ง ศตวรรษท่ี 18 ประเทศองั กฤษมกี ารปฏิวัตอิ ตุ สาหกรรม ทำ� ให้งานดา้ นอาชีวอนามัยและความ ปลอดภยั มีการพฒั นามากยงิ่ ขึ้น Percival Pott ได้ท�ำการศกึ ษาผลกระทบของคนงานทีท่ ำ� งานกวาดเขม่าปลอ่ งไฟ ทำ� ใหร้ ฐั สภาขององั กฤษไดอ้ อกพระราชบญั ญตั คิ นกวาดเขมา่ ปลอ่ งไฟ (Chimney-Sweepers Acts) ในปี ค.ศ. 1978 ในปี ค.ศ. 1983 ประเทศอังกฤษไดอ้ อกพระราชบญั ญัตโิ รงงาน (Factory Acts) ทำ� ให้เกิดการบังคับใช้ กฎหมายด้านอาชวี อนามยั และความปลอดภัยในโรงงานอุตสาหกรรม อย่างไรกต็ ามกฎหมายฉบบั นีใ้ หค้ วามส�ำคัญ ในการจ่ายเงินชดเชยหรือจ่ายเงินทดแทนกรณีท่ีเกิดอุบัติเหตุ มากกว่าการป้องกันอุบัติเหตุจากการท�ำงาน ต่อมา ประเทศตา่ งๆในยโุ รปไดม้ กี ารพฒั นาและออกกฎหมายทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั เงนิ ทดแทน รวมทง้ั ไดอ้ อกกฎหมายทเ่ี กยี่ วขอ้ ง กับงานด้านอาชีวอนามยั และความปลอดภยั รวมถงึ การให้บรกิ ารทางการแพทยใ์ นโรงงานอตุ สาหกรรม ในช่วงต้น ศตวรรษที่ 20 ในประเทศสหรฐั อเมรกิ า Alice Hamilton ไดพ้ ยายามปรบั ปรงุ งานดา้ นสขุ ศาสตร์ อุตสาหกรรมและความปลอดภยั โดยสังเกตสภาพแวดล้อมในการท�ำงานของคนงาน ผู้จัดการ และเจา้ หนา้ ทข่ี องรัฐ ทท่ี ำ� งานในเหมอื งแรม่ กั ไดร้ บั อนั ตรายจากสารพษิ ทเี่ ขาเหลา่ นนั้ ไดร้ บั สมั ผสั และมหี ลกั ฐานวา่ การเจบ็ ปว่ ยเนอื่ งจาก การทำ� งานเกดิ จากการไดร้ บั สมั ผสั สารพษิ รวมทงั้ ไดเ้ สนอโครงการขจดั ปญั หาทเี่ กดิ จากสภาพแวดลอ้ มในการทำ� งาน ในช่วงเวลาเดียวกันน้ีหน่วยงานรัฐบาลกลางของสหรัฐอเมริกา ได้ท�ำการสอบสวนหาสาเหตุปัญหาสุขภาพ ท่ีเกิดข้ึนในภาคอุตสาหกรรม ในปี ค.ศ. 1908 ประชาชน ได้ตระหนักถึงโรคที่เกิดจากการท�ำงานและกระตุ้นให้ รัฐบาลออกพระราชบัญญัตเิ งินทดแทนใหก้ ับคนงาน ในปี ค.ศ. 1911 รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ออกกฎพระราชบัญญัติเงินทดแทนฉบับแรก (Workers’ Compensation Laws) ในปี ค.ศ. 1913 ในรัฐนิวยอร์กได้ก่อตั้งกรมแรงงาน (Department of Labor) ขึ้นมาเปน็ ครง้ั แรก และในรฐั โอไฮโอ ได้ก่อตั้งกรมอนามัย (Department of Health) ขึ้นมาเช่นเดียวกัน รวมทั้ง ได้มีการพัฒนาโปรแกรมด้านสุขศาสตร์อุตสาหกรรมและความปลอดภัย ต่อมาทุกรัฐในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ตรากฎหมายเงนิ ทดแทนขน้ึ มาจนครอบคลุมทกุ รัฐในปี ค.ศ. 1948 การจ่ายเงินทดแทนน้ีครอบคลมุ ถึงโรคจาก การท�ำงานอีกดว้ ย ในปี ค.ศ. 1919 ไดม้ กี ารจดั ตง้ั องคก์ รแรงงานระหวา่ งประเทศ (International Labour Organization; ILO) โดยมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ใหท้ กุ ประเทศมงี านทำ� และขจดั ความยากจน คมุ้ ครองผใู้ ชแ้ รงงาน และสง่ เสรมิ ประชาธปิ ไตย และสิทธิแห่งมนุษยชน โดยจัดให้มีการเจรจาร่วมของผู้เกี่ยวข้องสามฝ่าย ได้แก่ ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายนายจ้าง และฝ่าย แรงงาน ในเวลาต่อมารัฐสภาของสหรัฐอเมริกาได้ประกาศใช้กฎหมายที่เก่ียวข้องกับงานด้านอาชีวอนามัยและ ความปลอดภัยเพ่ือปกป้องคุ้มครองสุขภาพอนามัยของคนงาน อีก 3 ฉบับ โดย ในปี ค.ศ. 1966 ออกพระราช บัญญัติความปลอดภัยในการท�ำเหมืองแร่โลหะและธาตุไม่ใช่โลหะ (The Metal and Nonmetallic Mines Safety Act) ในปี ค.ศ. 1969 ออกพระราชบัญญัติสุขภาพและความปลอดภัยในการท�ำเหมืองแร่ถ่านหิน (The Federal CoalMine Safety and Health Act) และ ในปี ค.ศ. 1970 ออกพระราชบัญญัติอาชีวอนามัยและความปลอดภัย (The Occupational Safety and Health Act) ซึ่งท�ำให้มีการด�ำเนินงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย มีการพัฒนาอย่างเปน็ ระบบ และต่อเนอ่ื งมาจนถงึ ปจั จบุ ัน | อาชวี อนามยั และความปลอดภัยพ้ืนฐาน 3
3. ววิ ฒั นาการของการดำ� เนนิ งานดา้ นอาชวี อนามยั และความปลอดภยั ในประเทศไทย ประเทศไทยมีการพัฒนาการด�ำเนินงานด้านอาชีวอนามยั และความปลอดภยั อย่างต่อเนอ่ื ง ทัง้ ในด้านการ ออกกฎหมายและบังคับใช้กฎหมาย การให้การศึกษาและบริการวชิ าการ การจดั ตั้งหนว่ ยงานหรือองคก์ รวิชาชีพ โดยววิ ฒั นาการดา้ นการด�ำเนินงานด้านอาชวี อนามยั และความปลอดภัย ได้พัฒนาเป็นล�ำดับดงั ต่อไปน้ี 3.1 ววิ ฒั นาการดา้ นหนว่ ยงานทร่ี บั ผดิ ชอบดา้ นแรงงาน [4] ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบบประชาธิปไตย เม่ือวันท่ี 24 มถิ นุ ายน 2475 คณะผกู้ อ่ การเปลยี่ นแปลงการปกครองไดต้ ราพระราชบญั ญตั วิ า่ ดว้ ยสำ� นกั จดั หางาน พ.ศ. 2475 และพระราชบัญญัติส�ำนักงานจัดหางานประจ�ำท้องถ่ิน พ.ศ. 2475 พร้อมกับการปรับปรุงกฎหมายด้านแรงงาน และจัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาบริหารให้เกิดผลในทางปฏิบัติ โดยแผนกจัดหางาน กองทะเบียน กรมปลัดกระทรวง มหาดไทย นบั เปน็ หนว่ ยงานแรกท่มี บี ทบาทในการบรหิ ารแรงงานอย่างชัดเจน เม่ือเร่มิ แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 1 (พ.ศ. 2504 – 2509) หนว่ ยงานที่ท�ำหนา้ ที่ด้าน บรหิ ารแรงงานขณะนนั้ คอื กองแรงงานจงึ ไดร้ บั การยกฐานะขนึ้ เปน็ สว่ นแรงงานในปี พ.ศ. 2505 และในปี พ.ศ. 2508 ได้รับการยกฐานะเป็นกรมแรงงานภายใต้สังกัดกระทรวงมหาดไทย ท�ำหน้าท่ีในการบริหารแรงงาน การคุ้มครอง แรงงาน การแรงงานสมั พันธ์ การพฒั นาฝีมือแรงงาน การจดั หางาน และดแู ลกองทุนเงินทดแทน ปี พ.ศ. 2533 ประเทศไทยได้จัดตั้งส�ำนักงานประกันสังคม และโอนภารกิจด้านกองทุนเงินทดแทนของ กรมแรงงานใหก้ บั ส�ำนกั งานประกนั สังคมซึ่งอยูภ่ ายใต้สงั กดั กระทรวงมหาดไทย วันท่ี 28 มกราคม 2535 คณะรฐั มนตรมี มี ติอนุมตั ิใหย้ ุบกรมแรงงานและจดั ตั้งหนว่ ยงานในสังกัดกระทรวง มหาดไทยข้ึนใหม่ 2 หน่วยงาน คือ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ท�ำหน้าท่ีดูแล รับผิดชอบ บริหารการ คุ้มครองแรงงานและการแรงงานสัมพันธ์ และกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ท�ำหน้าท่ีดูแลรับผิดชอบ บริหารงานการส่ง เสรมิ การมีงานท�ำ ได้แก่ การพัฒนาฝีมือแรงงาน และการจดั หางาน พร้อมท้ังอนุมัติในหลกั การให้เตรยี มด�ำเนินการ จัดตั้งกระทรวงแรงงานและสวสั ดิการสงั คมตอ่ ไป การดำ� เนนิ การจดั ตง้ั กระทรวงแรงงานและสวสั ดกิ ารสงั คมประสบผลสำ� เรจ็ ในวนั ที่ 23 กนั ยายน พ.ศ. 2536 ท�ำให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานได้เป็นส่วนราชการภายใต้สังกัดกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ในวันท่ี 3 ตุลาคม 2545 รัฐบาลได้ตราพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับท่ี 5) พ.ศ. 2545 และพระราชบญั ญัตปิ รับปรงุ กระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 เพ่อื ให้หนว่ ยงานภาครัฐมีการบรหิ าร ราชการแผ่นดินอย่างเป็นระบบ มีการก�ำหนดรูปแบบการจัดโครงสร้างและปรับเปล่ียนรูปแบบการบริหารงานใหม่ ให้ชัดเจน เป็นผลให้มีการปรับกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมไปเป็นกระทรวงแรงงาน โดยโอนงานด้าน ประชาสงเคราะห์ไปยังกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ดังน้ัน กรมสวัสดิการและคุ้มครอง แรงงานจงึ เปน็ สว่ นราชการในสังกดั กระทรวงแรงงาน 4 | อาชีวอนามัยและความปลอดภยั พืน้ ฐาน
3.2 วิวัฒนาการดา้ นกฎหมาย ประเทศไทยได้ออกพระราชบญั ญตั สิ าธารณสุขฉบบั แรกเมื่อปี พ.ศ. 2477 และได้มกี ารปรับปรุงกฎหมาย ฉบับน้ีอย่างต่อเนื่องโดยเน้ือหาสาระของกฎหมายฉบับนี้เกี่ยวข้องกับการดูแลเรื่องสุขลักษณะส่วนบุคคล การดูแล ชมุ ชน เพอ่ื ปอ้ งกนั ไมใ่ หเ้ กดิ เหตเุ ดอื ดรอ้ นรำ� คราญ การจดั การสง่ิ ปฏกิ ลู และมลู ฝอย สขุ ลกั ษณะของอาคาร การควบคมุ การเล้ียงหรือปล่อยสัตว์ กิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ รวมทั้งการจ�ำหน่ายสินค้าในที่หรือทางสาธารณะ รายละเอียดของการปรบั ปรงุ กฎหมายฉบับนี้ เป็นดงั นี้ [5] 1) พระราชบญั ญตั กิ ารสาธารณสุข พ.ศ. 2477 2) พระราชบัญญตั กิ ารสาธารณสุข พ.ศ. 2484 3) พระราชบญั ญตั ิการสาธารณสขุ พ.ศ. 2495 4) พระราชบญั ญัตกิ ารสาธารณสุข พ.ศ. 2497 5) พระราชบัญญตั ิการสาธารณสุข พ.ศ. 2505 6) พระราชบัญญัติการสาธารณสขุ พ.ศ. 2527 7) พระราชบญั ญัตกิ ารสาธารณสุข พ.ศ. 2535 8) พระราชบัญญตั กิ ารสาธารณสขุ (ฉบับท่ี 2) พ.ศ.2550 ในปี พ.ศ. 2510 ประเทศไทยได้มีการออกพระราชบัญญัติวัตถุมีพิษ และได้มีการปรับปรุงกฎหมายฉบับน้ี ครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2516 ปัจจุบันได้ปรับปรุงครั้งล่าสุดเมื่อวันท่ี 29 มีนาคม พ.ศ. 2535 ในชื่อพระราชบัญญัติวัตถุ อันตราย กฎหมายฉบับนี้มีสาระส�ำคัญคือ ผู้ท่ีผลิต ขาย น�ำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ครอบครองวัตถุอันตราย ตาม กฎหมายฉบับนี้ต้องมีการขออนุญาตการด�ำเนินงานและต้องมีการก�ำหนดมาตรการด้านความปลอดภัยในการ ทำ� งานดว้ ย โดยวตั ถอุ นั ตรายตามกฎหมายฉบบั น้ที ั้ง 10 ประเภท ประกอบไปด้วย [6] 1) วตั ถุระเบิดได้ 2) วัตถไุ วไฟ 3) วตั ถุออกซิไดซแ์ ละวตั ถุเปอรอ์ อกไซด์ 4) วัตถมุ พี ษิ 5) วัตถุท่ีทำ� ให้เกิดโรค 6) วตั ถกุ ัมมนั ตรงั สี 7) วตั ถุท่ีก่อให้เกดิ การเปลย่ี นแปลงทางพนั ธุกรรม 8) วัตถกุ ดั กร่อน 9) วัตถทุ ่ีกอ่ ให้เกิดการระคายเคือง 10) วัตถุอย่างอื่น ไม่ว่าจะเป็นเคมีภัณฑ์หรือสิ่งอื่นใด ที่อาจท�ำให้เกิดอันตรายแก่บุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์สิน หรือสิง่ แวดลอ้ ม ในปี พ.ศ. 2512 ประเทศไทยได้ออกพระราชบญั ญตั โิ รงงานฉบับแรกขนึ้ [7] และได้มีการปรบั ปรุงกฎหมาย ฉบับน้ีอย่างต่อเนื่อง โดยมีการปรับปรุงฉบับที่ 2 เมื่อปี 2518 และปรับปรุงฉบับที่ 3 เมื่อปี 2522 ฉบับปัจจุบัน ได้ปรับปรุงคร้ังล่าสุดเมื่อวันท่ี 2 เมษายน 2535 เนื้อหาในกฎหมายฉบับน้ีมีสาระส�ำคัญเกี่ยวกับ การควบคุม และก�ำกับดูแล การป้องกันเหตุเดือดร้อนร�ำคาญ การป้องกันความเสียหาย และการป้องกันอันตรายจากโรงงาน ผลกระทบที่จะมีต่อประชาชนหรือสิ่งแวดล้อม รวมท้ังต้องมีการด�ำเนินการด้านอาชีวอนามัย ความปลอดภัยและ สภาพแวดล้อมในการท�ำงาน | อาชีวอนามัยและความปลอดภยั พ้นื ฐาน 5
ในปี พ.ศ. 2515 ถือเป็นจุดเร่ิมต้นของวิวัฒนาการด้านการออกกฎหมายและการบังคับใช้ กฎหมายที่เก่ียวข้องกับการด�ำเนินงานด้านอาชีวอนามัยความปลอดภัยและสภาพแวดล้อมในการท�ำงานที่แท้จริง โดยกระทรวงมหาดไทย ได้ออกประกาศกระทรวงมหาดไทยท้ังหมด 15 ฉบับ ซง่ึ ออกโดยอาศยั อ�ำนาจตามความใน ขอ้ 2(7)แหง่ ประกาศของคณะปฏวิ ตั ิฉบบั ที่103 ลงวนั ที่16มนี าคม2515 ซงึ่ ประกอบดว้ ยประกาศกระทรวงดงั ตอ่ ไปน้ี 1) ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องความปลอดภยั ในการท�ำงานเกย่ี วกบั เครอ่ื งจักร 2) ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องความปลอดภัยในการทำ� งานเก่ยี วกบั ภาวะแวดลอ้ ม 3) ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องความปลอดภยั ในการท�ำงานเก่ียวกบั ภาวะแวดลอ้ ม (สารเคมี) 4) ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรอ่ื งความปลอดภัยในการท�ำงานเกี่ยวกบั ไฟฟ้า 5) ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรอ่ื งความปลอดภัยในการทำ� งานเกี่ยวกับภาวะแวดล้อม (ประดาน้ำ� ) 6) ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรอ่ื งความปลอดภัยในการทำ� งานในสถานท่ีอบั อากาศ 7) ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรอ่ื งความปลอดภัยในการท�ำงานเก่ยี วกบั สารเคมอี นั ตราย 8) ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรอ่ื งความปลอดภัยในการทำ� งานกอ่ สร้างวา่ ดว้ ยเขตก่อสรา้ ง 9) ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรอื่ งความปลอดภัยในการทำ� งานเกีย่ วกบั ป้ันจ่ัน 10) ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรอ่ื งความปลอดภัยในการท�ำงานเกย่ี วกบั การตอกเสาเข็ม 11) ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรือ่ งความปลอดภัยในการท�ำงานก่อสร้างว่าดว้ ยลฟิ ท์ขนสง่ วัสดชุ วั่ คราว 12) ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรอื่ งความปลอดภยั ในการท�ำงานก่อสรา้ งว่าด้วยนั่งรา้ น 13) ประกาศกระทรวงมหาดไทย เร่อื งความปลอดภยั ในการทำ� งานในสถานทท่ี ีม่ อี นั ตรายจากการตกจากท่ีสงู วสั ดกุ ระเด็น ตกหล่น และการพังทลาย 14) ประกาศกระทรวงมหาดไทย เร่อื งความปลอดภัยในการท�ำงานเกย่ี วกับหมอ้ น้ำ� 15) ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรอ่ื ง การป้องกนั และระงบั อัคคีภยั ในสถานประกอบการเพอื่ ความปลอดภยั ในการท�ำงานส�ำหรบั ลกู จ้าง ในช่วงเวลาต่อมาปี พ.ศ. 2536 กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน แยกการดูแลออกจากกระทรวง มหาดไทย เข้าสังกัดในกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมในขณะน้ัน ได้ออกกฎหมายท่ีเก่ียวข้องกับงานด้าน อาชีวอนามยั และความปลอดภยั อกี 3 ฉบับ คือ 1) ประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดกิ ารสังคม เร่ือง คณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามยั และสภาพ แวดล้อมในการท�ำงาน 2) ประกาศกรมสวสั ดกิ ารและคมุ้ ครองแรงงาน เรอ่ื งหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารคดั เลอื กผแู้ ทนลกู จา้ งระดบั ปฏบิ ตั กิ าร 3) ประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดกิ ารสังคม เรอ่ื ง ความปลอดภัย ในการท�ำงานของลกู จา้ ง ท�ำให้ในช่วงก่อนปี พ.ศ. 2515 เป็นต้นมา ประเทศไทยใช้กฎหมายท้ัง 18 ฉบับนี้ในการด�ำเนินงาน ดา้ นอาชีวอนามัยและความปลอดภยั อย่างตอ่ เนือ่ ง ในปจั จบุ ันกฎหมายทง้ั 18 ฉบบั ได้ทยอยถูกยกเลกิ ไปทลี ะฉบับ เน่ืองจากการออกกฎหมายใหมข่ ึน้ มาทดแทนและตวั กฎหมายใหม่น้ันได้ประกาศยกเลิกกฎหมายฉบับเดมิ ในปี 2536 เกดิ เหตกุ ารณส์ ำ� คญั อนั เปน็ จดุ เปลยี่ นแปลงทส่ี ำ� คญั ของกฏหมายอาชวี อนามยั และความปลอดภยั ของประเทศไทย เนื่องจากมีเหตุการณ์โรงงานตุ๊กตาเคเดอร์ไฟไหม้ ในวนั ท่ี 10 พฤษภาคม 2536 มแี รงงานเสียชีวติ 188 คน บาดเจบ็ 469 คน ซึ่งสว่ นใหญเ่ ปน็ แรงงานหญิงและแรงงานเด็ก ทำ� ใหส้ ินคา้ ของประเทศไทยไม่สามารถ ส่งขายยังต่างประเทศได้เน่ืองจากเกิดการโจมตีเร่ืองสินค้าที่ได้น้ันแลกมาด้วยเลือดเนื้อและชีวิตของแรงงาน จึงท�ำให้ประเทศไทยได้มีการพัฒนากฎหมายแรงงานให้มีความยุติธรรมและให้ความส�ำคัญกับงานด้านอาชีวอนามัย ความปลอดภยั และสภาพแวดล้อมในการท�ำงานของแรงงานมากขึ้น จากเหตกุ ารณน์ อี้ กี 5 ปีต่อมาประเทศไทย จึงได้มพี ระราชบัญญตั คิ ุม้ ครองแรงงานฉบับแรกขึ้นมา ดังนนั้ เพื่อเป็นการลำ� รกึ ถึงเหตุการณ์โรงงานตกุ๊ ตาเคเดอร์ ไฟไหม้ ประเทศไทยจงึ ได้กำ� หนดให้วนั ที่ 10 พฤษภาคม ของทกุ ปเี ป็น “วนั ความปลอดภยั แหง่ ชาต”ิ ตามความ เหน็ ชอบของมติคณะรฐั มนตรเี มื่อวันที่ 26 สงิ หาคม 2540 6 | อาชีวอนามัยและความปลอดภัยพ้นื ฐาน
ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2541 กระทรวงแรงงาน ได้ออกพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน 2541 [8] ในมาตรา 3 ใหย้ กเลิกกฎหมายที่เก่ยี วขอ้ งกับประกาศของคณะปฏิวตั ิ ฉบบั ที่ 103 ลงวันที่ 16 มนี าคม พ.ศ. 2515 พระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับท่ี 103 ลงวันท่ี 16 มีนาคม พ.ศ. 2515 (ฉบับที่ 1) พ.ศ. 2533 รวมทง้ั บรรดากฎหมาย กฎ และข้อบงั คับอ่นื ในสว่ นที่มีบัญญตั ิไว้แลว้ ในพระราชบัญญัตินี้ หรือขดั แย้งกับ บทแห่งพระราชบัญญตั ินี้ ใหใ้ ชพ้ ระราชบัญญัตนิ ้ีแทน แตอ่ ยา่ งไรกต็ ามกฎหมายทั้ง 18 ฉบบั ไม่ไดถ้ กู ยกเลิกในทันที เนื่องจากมาตรา 166 ในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน 2541 ก�ำหนดไว้ว่า บรรดาประกาศหรือค�ำส่ังที่ออก ตามประกาศของคณะปฏวิ ัติ ฉบับที่ 103 ลงวันท่ี 16 มีนาคม พ.ศ. 2515 ใหย้ ังคงใชไ้ ด้ตอ่ ไปเทา่ ทไ่ี มข่ ดั หรือแยง้ กับ พระราชบัญญตั ิน้ี ทัง้ นี้ จนกว่าจะมกี ฎกระทรวง ระเบียบ และประกาศทอี่ อกตามพระราชบญั ญตั ิน้ีใชบ้ ังคับ พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 [8] มีเจตนารมณ์ของกฎหมายเพื่อใช้คุ้มครองแรงงาน ให้มีความปลอดภยั และท�ำงานภายใตส้ ภาพแวดลอ้ มในการท�ำงานที่ปลอดภัย ลดการเอารดั เอาเปรียบจากนายจ้าง ประกอบดว้ ยการด�ำเนินงานทั้งส้นิ 16 หมวด โดยเนื้อหาสำ� คัญของกฎหมายฉบบั นเ้ี ก่ยี วขอ้ งกบั การใชแ้ รงงานท่วั ไป การใช้แรงงานหญงิ การใช้แรงงานเดก็ ค่าจา้ งคา่ ล่วงเวลาสวสั ดกิ ารความปลอดภัยอาชวี อนามัยและสภาพแวดลอ้ ม ในการท�ำงาน รวมท้ังในกฎหมายฉบับนี้ได้ก�ำหนดบทก�ำหนดโทษ ซ่ึงโทษสูงสุด คือ ต้องระวางโทษจ�ำคุกไม่เกิน หนึ่งปี หรือปรับไมเ่ กนิ สองแสนบาท หรือทงั้ จำ� ทั้งปรบั ข้นึ อยูก่ ับมาตรา แตอ่ ย่างไรกต็ าม พระราชบญั ญัตคิ ุ้มครอง แรงงานฉบบั นี้ ไมบ่ งั คับใชใ้ นหน่วยงาน ราชการสว่ นกลาง ราชการสว่ นภูมภิ าค และราชการสว่ นทอ้ งถิ่น รัฐวิสาหกิจ ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยแรงงานรัฐวิสาหกิจสมั พนั ธ์ เมื่อพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานฉบับน้ีได้ออกกฎหมายลูก ได้แก่ กฎกระทรวง ประกาศกระทรวง ประกาศกรม ทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั การดำ� เนนิ งานดา้ นอาชวี อนามยั ความปลอดภยั และสภาพแวดลอ้ มในการทำ� งานเพมิ่ เตมิ ท�ำให้กฎหมายท่ีออกโดย ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 103 ถูกยกเลิกไป กฎกระทรวงท่ีออกตาม พระราช บัญญตั ิคมุ้ ครองแรงงานน้ี ไดแ้ ก่ 1) กฎกระทรวง ก�ำหนดมาตรฐานในการบริหารและการจัดการ ด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทำ� งานในที่อบั อากาศ พ.ศ. 2547 2) กฎกระทรวง ก�ำหนดมาตรฐานในการบริหารและการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการท�ำงาน เก่ียวกับรงั สชี นิดกอ่ ไอออน พ.ศ. 2547 3) กฎกระทรวง ก�ำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสุขภาพของลูกจ้าง และส่งผลการตรวจแก่ พนักงานตรวจแรงงาน พ.ศ. 2547 4) กฎกระทรวง ก�ำหนดมาตรฐานในการบริหารและการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการท�ำงานเก่ยี วกบั งานประดาน�้ำ พ.ศ. 2548 5) กฎกระทรวง ก�ำหนดมาตรฐานในการบริหารและการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำ� งานเกี่ยวกบั ความรอ้ น แสงสว่าง และเสยี ง พ.ศ. 2549 6) กฎกระทรวง ก�ำหนดมาตรฐานในการบริหารและการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการท�ำงาน พ.ศ. 2549 7) กฎกระทรวงก�ำหนดมาตรฐานในการบริหารและการจัดการ ด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการท�ำงาน เกยี่ วกับงานกอ่ สร้าง พ.ศ. 2551 8) กฎกระทรวงก�ำหนดมาตรฐานในการบริหารและการจัดการ ด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทำ� งาน เกี่ยวกบั เคร่อื งจกั ร ปั้นจัน่ และหม้อน้ำ� พ.ศ. 2552 9) กฎกระทรวงก�ำหนดมาตรฐานในการบริหารและการจัดการด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการท�ำงาน (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ.2553 10) กฎกระทรวงกำ� หนดมาตรฐานในการบริหารและการจดั การดา้ นความปลอดภยั อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการท�ำงานเก่ียวกับไฟฟ้า พ.ศ. 2554 | อาชวี อนามัยและความปลอดภยั พนื้ ฐาน 7
ในวันท่ี 12 มกราคม 2554 กระทรวงแรงงานได้ ออกพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัยและ สภาพแวดลอ้ มในการทำ� งาน[9]มผี ลบังคบั ใช้อีก180วันนบั จากวนั ท่ีประกาศในราชกิจจานเุ บกษาทำ� ให้กฎหมายน้ี มีผลบงั คบั ใช้ในวนั ท่ี 16 กรกฎาคม 2554 ในมาตรตรา 3 ไดก้ �ำหนดไวว้ ่า ให้หนว่ ยงานราชการส่วนกลาง ราชการ สว่ นภมู ิภาค ราชการสว่ นท้องถนิ่ และกิจการอน่ื ตามที่ก�ำหนดในกฎกระทรวงตามวรรคหน่งึ (ในที่นห้ี มายถงึ กฎ กระทรวง ก�ำหนดมาตรฐานในการบรหิ ารและการจดั การดา้ นความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มใน การทำ� งาน พ.ศ. 2549) จัดให้มมี าตรฐานในการบรหิ ารและการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามยั และสภาพ แวดลอ้ มในการทำ� งานในหนว่ ยงานของตนไม่ต่ำ� กว่ามาตรฐานความปลอดภยั อาชีวอนามัยและสภาพแวดลอ้ มใน การท�ำงานตามพระราชบัญญัตนิ ้ี โดยผูใ้ ดฝ่าฝนื หรือไมป่ ฏบิ ัตติ ามมาตรฐานท่กี ำ� หนดมีโทษสงู สดุ คือ จ�ำคกุ ไมเ่ กนิ หน่ึงปี หรือปรับไม่เกินส่ีแสนบาท หรือทั้งจ�ำทั้งปรับ ข้ึนยู่กับมาตราท่ีกระท�ำความผิด กฎหมายฉบับนี้อยู่ระหว่าง การดำ� เนนิ การออกกฎกระทรวงประกอบพระราชบัญญัติ ดังนนั้ ในระหวา่ งท่ียงั มไิ ด้ออกกฎกระทรวง ประกาศ หรือ ระเบียบเพื่อปฏิบตั กิ ารตามพระราชบัญญัตินี้ ให้น�ำกฎกระทรวงทอี่ อกตามความในหมวด 8 (หมวด ความปลอดภยั อาชวี อนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำ� งาน) แหง่ พระราชบญั ญัตคิ ุม้ ครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาใช้บังคบั โดย อนุโลม เมอื่ พระราชบญั ญัติความปลอดภัย อาชวี อนามัยและสภาพแวดลอ้ มในการทำ� งาน มีผลบงั คบั ใช้ ท�ำใหม้ ี กฎหมาย 3 ฉบับถูกยกเลกิ และไมม่ ผี ลบังคบั ใช้ทันที เนอื่ งจากในพระพระราชบญั ญตั ิความปลอดภัยฯ มาตรา 74 ได้กำ� หนดไว้วา่ ในระหวา่ งท่ยี ังมิไดอ้ อกกฎกระทรวง ประกาศ หรือระเบียบเพือ่ ปฏิบตั กิ ารตามพระราชบญั ญัตนิ ี้ ให้น�ำกฎกระทรวงท่ีออกตามความในหมวด 8 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาใช้บังคับ โดยอนุโลม ซ่ึงในความหมายนี้ไม่รวมกฎหมายที่ออกโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับท่ี 103 อีก 3 ฉบับ ท�ำให้ กฎหมายท้งั 3 ฉบบั เกิดการลอยตวั และไมม่ ีการบังคบั ใช้โดยปรยิ าย ได้แก่ 1) ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องความปลอดภัยในการทำ� งานเกยี่ วกบั (สารเคม)ี 2) ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรือ่ งความปลอดภยั ในการท�ำงานเก่ียวกบั สารเคมีอนั ตราย 3) ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การป้องกนั และระงบั อคั คีภยั ในสถานประกอบการเพื่อความปลอดภยั ในการท�ำงานส�ำหรับลูกจ้าง แตอ่ ยา่ งไรกต็ ามในวนั ที่ 7 ธนั วาคม 2555 กระทรวงแรงงานไดอ้ อกกฎกระทรวงทอี่ อกตาม พระราชบญั ญตั ิ ความปลอดภัย อาชวี อนามัยและสภาพแวดลอ้ มในการทำ� งาน ฉบับแรก คือ กฎกระทรวง กำ� หนดมาตรฐานในการ บริหาร จัดการ และด�ำเนินการด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางานเก่ียวกับการ ป้องกันและระงับอัคคีภัย 2555 และในวันท่ี 22 ตุลาคม 2556 ได้ออกกฎกระทรวงเพ่ิมเติมอีก 1 ฉบับ ได้แก่ กฎกระทรวงก�ำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และด�ำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพ แวดล้อมในการท�ำงานเก่ียวกับสารเคมีอันตราย พ.ศ. 2556 ท�ำให้ปัจจุบันนี้ มีกฎหมายท่ีถูกยกเลิกไปและไม่มีผล บงั คบั ใชเ้ พยี ง 1 ฉบบั (ข้อมูล ณ วนั ที่ 1 มกราคม 2557) 8 | อาชวี อนามัยและความปลอดภัยพ้ืนฐาน
3.3 วิวัฒนาการด้านการศึกษา ในวันท่ี 8 ส.ค. 2512 มหาวิทยาลัย มหิดล [10] ได้ท�ำการเปิดสอนเปิดสอนหลักสูตรวิทยาศาสตร์บัณฑิต (สาธารณสุขศาสตร์) สาขาวิชาเอกอาชีวอนามัย เป็นครั้งแรก และต่อมามีมหาวิทยาลัยชั้นน�ำของประเทศอีกเป็น จ�ำนวนมากได้เปิดการเรียนการสอนด้านน้ี เช่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัย ขอนแก่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปัจจุบันมีสถาบันการศึกษาของรัฐบาล มหาวิทยาลัยในก�ำกับของรัฐและมหา วิทยาลัยเอกชน ได้รับการรับรองหลักสูตรแล้วทั้งสิ้น 29 สถาบัน เพื่อพัฒนาความรู้ด้านอาชีวอนามัยและความ ปลอดภัย รวมทั้งกระจายตัวเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำ� งานส่โู รงงานในภมู ิภาคต่างๆทั่วประเทศ แตอ่ ย่างไร ก็ตาม ปัจจุบันนี้เน่ืองจากมีสถาบันการศึกษาอีกเป็นจ�ำนวนมาก ที่ต้องการเปิดการเรียนการสอนด้านน้ี ดังน้ันเพ่ือ เปน็ การประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา สำ� นกั ความปลอดภยั แรงงาน กรมสวสั ดกิ ารและคมุ้ ครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน ไดอ้ อกขอ้ กำ� หนดกรอบโครงสรา้ งหลกั สตู รสาขาวชิ าอาชวี อนามยั และความปลอดภยั ตอ้ งประกอบไปดว้ ยหลกั เกณฑ์ ขัน้ ต่ำ� ไดแ้ ก่ จำ� นวนกรอบหนว่ ยกิต คณาจารย์ นกั ศกึ ษา เครอ่ื งมอื และรายช่ือวิชาในกลุ่มวิชาชพี เฉพาะสาขาอาชีว อนามยั และความปลอดภัย [11] 1). จำ� นวนหนว่ ยกติ หนว่ ยกติ รวมตลอดหลกั สตู ร ไมน่ อ้ ยกวา่ 139 หนว่ ยกติ สำ� หรบั ระบบการเรยี นการสอน แบบทวิภาคหรอื สองเทอม (ถา้ เป็นการศึกษาในระบบไตรภาค เชน่ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีสุรนารจี �ำนวนหนว่ ยกิต จะตอ้ งไม่น้อยกวา่ 185 หนว่ ยกติ ) จำ� นวนหน่วยกิต ประกอบดว้ ย 3 สว่ นหลกั ๆไดแ้ ก่ • หมวดศกึ ษาทัว่ ไป ไมน่ ้อยกวา่ 30 หน่วยกติ • หมวดวชิ าชีพเฉพาะ ไม่น้อยกว่า 103 หน่วยกิต • และหมวดวิชาเลือกเสรี ไมน่ อ้ ยกว่า 6 หน่วยกติ 2). คณาจารย์ประจ�ำหลักสูตร ต้องเป็นคณาจารย์ที่มีคุณวุฒิตรงตามสาขาวิชาอาชีวอนามัยและความ ปลอดภัย ไม่น้อยกว่า 3 คน และมีคุณสมบัติเป็นไปตามเกณฑ์ท่ีส�ำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) กำ� หนด 3). คุณสมบัติของนักศึกษา นักศึกษาท่ีสามารถเข้าเรียนในหลักสูตรอาชีวอนามัยและความปลอดภัยน้ัน ตอ้ งมคี ุณสมบัติ ดงั ตอ่ ไปนี้ 1. สำ� เรจ็ การศึกษาระดับมธั ยมศึกษาปที ี่ 6 แผนการเรยี นวทิ ยาศาสตร-์ คณติ ศาสตร์ หรอื มี การเรยี นใน กลมุ่ สาระการเรยี นทางวิทยาศาสตรไ์ มน่ ้อยกว่า 22 หน่วยกิต คณิตศาสตร์ ไม่นอ้ ยกว่า 12 หนว่ ยกติ 2. ส�ำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีท่ี 6 แผนการศึกษาทั่วไป และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) สายชา่ งอุตสาหกรรม 3. สำ� เรจ็ การศึกษาระดับประกาศนยี บตั รวิชาชีพช้ันสูง (ปวส.) สายชา่ งอุตสาหกรรม 4. สำ� เรจ็ การศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาตรดี า้ นวทิ ยาศาสตร์ ดา้ นสาธารณสขุ ศาสตร์ หรอื ดา้ นอนื่ ทเ่ี ทยี บเคยี งกนั โดยผู้ท่ีมีคุณสมบัติตามข้อที่ 2 และ 3 ผู้เข้าศึกษาต้องเรียนการปรับเพ่ิมพื้นฐานกลุ่มสาระการเรียนทาง วทิ ยาศาสตรจ์ ำ� นวนไมน่ อ้ ยกวา่ 22 หนว่ ยกติ คณติ ศาสตร์ ไมน่ อ้ ยกวา่ 12 หนว่ ยกติ สว่ นผทู้ มี่ คี ณุ สมบตั ติ ามขอ้ ที่ 4 สามารถเทียบโอนหน่วยกิต ตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงศึกษาธิการ ส่วนจ�ำนวนนักศึกษาในห้องเรียนต้องไม่เกิน 60 คนต่อห้อง ยกเวน้ มหาวิทยาลัยเปิด เช่น มหาวิทยาลัยสุโขทยั ธรรมาธริ าช | อาชีวอนามยั และความปลอดภยั พืน้ ฐาน 9
4). เคร่อื งมือด้านสขุ ศาสตร์อตุ สาหกรรม ทีเ่ กีย่ วกับการตรวจวัด เช่น แสง เสยี ง ความร้อน ฝนุ่ และสาร เคมี ท่ีได้มาตรฐานตามท่ีกฎหมายก�ำหนดไม่เกิน 20 คนต่อ 1 ชุด 5). รายชื่อวิชาในกลุ่มวิชาชีพเฉพาะสาขาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ประกอบด้วยหมวดวิชาท่ี เกยี่ วข้องกับการทำ� งานด้านอาชีวอนามยั และความปลอดภัย 4 หมวดวิชาไดแ้ ก่ 1. หมวดวิชาด้านความปลอดภยั , การบรหิ าร และการยศาสตร์ 2. หมวดวชิ าทางด้านสขุ ศาสตรอ์ ตุ สาหกรรม 3. หมวดวิชาด้านวศิ วกรรมและการควบคมุ สิง่ แวดล้อมในการทำ� งาน 4. หมวดวชิ าดา้ นอนื่ ๆ เช่น สหกิจศกึ ษา การฝึกปฏิบัติงานวชิ าชีพ ระเบียบวธิ ีวิจยั ทางอาชีวอนามยั และ ความปลอดภัย และสาระนิพนธเ์ ปน็ ตน้ ปัจจุบันมีสถาบันการศึกษาที่ผ่านการรับรองหลักสูตรโดยส�ำนักความปลอดภัยแรงงาน กรมสวัสดิการ และคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงานแลว้ ท้ังสนิ้ 29 สถาบัน 38 หลักสูตร [11] (ข้อมูล ณ วนั ท่ี 2 กรกฎาคม 2556) สามารถเข้าดูขอ้ มลู ได้ที่ http://www.oshthai.org/index.php 4. ความหมายของงานอาชวี อนามยั และความปลอดภยั [1,2] อาชวี อนามยั และความปลอดภยั ตรงกบั ภาษาองั กฤษคำ� วา่ “Occupational Health and Safety” โดยมี ค�ำ 3 ค�ำผสมผสานกัน คือค�ำว่า Occupational (อาชีวะหรืออาชีพ) Health (สุขภาพหรืออนามัย) และค�ำว่า Safety (ความปลอดภยั ) อาชีวะ (Occupational) หมายถึง อาชพี หรือ ผ้ปู ระกอบอาชพี ท้ังมวลทุกสาขาอาชพี ทั้งในภาคเกษตร อุตสาหกรรม ภาครฐั เอกชน รฐั วสิ าหกจิ ฯลฯ สุขภาพหรืออนามัย (Health) หมายถึง สภาวะท่ีสมบูรณ์ท้ังร่างกาย (Physical Health) ทางจิตใจ (Mental Health) สงั คม และจิตวญิ ญาณ (Social well-being) (ตามความหมายขององค์การอนามยั โลก) ความปลอดภัย (Safety) หมายถึง สภาพทป่ี ราศจากภัยคกุ คาม (Hazard) อนั ตราย (Danger) และความ เสยี่ ง (Risk) หรือความสูญเสยี ใดๆ (Loss) หรอื อีกความหมายคอื ความเสย่ี งท่ียอมรับได้ (Acceptable Risk) ภยั คุกคาม (Hazard) หมายถงึ สภาพหรือสภาวการณท์ ี่มศี ักยภาพ หรือแนวโนม้ ก่อให้เกิดอบุ ัตเิ หตุหรือ ความสูญเสยี อันตราย (Danger) หมายถงึ สภาพหรือสภาวการณเ์ ป็นอันตรายทเ่ี กิดจากการทำ� งาน ความเสีย่ ง (Risk) หมายถงึ โอกาสและความรนุ แรงของอนั ตรายทม่ี ผี ลตอ่ การเกดิ อบุ ตั เิ หตแุ ละความสญู เสยี ความสูญเสีย (Loss) หมายถึง ความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการท�ำงาน ไม่ว่าจะเป็น การบาดเจ็บ พิการ เสยี ชวี ติ สญู เสยี ทรพั ยส์ นิ การผลติ หยดุ ชะงกั ทรพั ยากร ชมุ ชนไดร้ บั ผลกระทบ ชอ่ื เสยี งของสถานประกอบการ ฯลฯ อาชวี อนามยั และความปลอดภยั (Occupational Health and Safety) หมายถึง สภาพท่ีสมบูรณ์ดีท้ังทางร่างกาย จิตใจ สังคมและจิตวิญญาณของผู้ประกอบอาชีพท้ังมวล โดย การดูแลสุขภาพอนามัยและความปลอดภัยของคนท�ำงาน ให้ปราศจากภยั คุกคาม อันตราย และความเสี่ยงใดๆ รวมท้ัง อุบัตเิ หตุและโรคจากการทำ� งาน และความปลอดภยั นอกการทำ� งาน พร้อมทงั้ อยู่ในสงั คมอยา่ งมีความสขุ ทั้งทางด้านรา่ งกาย จติ ใจ สังคมและจติ วิญญาณ 10 | อาชีวอนามัยและความปลอดภัยพ้นื ฐาน
5. หลกั การของการดำ� เนนิ งานดา้ นอาชวี อนามยั และความปลอดภยั [12] การด�ำเนินงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยน้ัน อาศัยหลักการด�ำเนินงาน 3 หลักการ ที่สำ� คัญ ได้แก่ การตระหนกั (Recognition) การประเมนิ (Evaluation) และ การควบคมุ (Control) 5.1 การตระหนัก (Recognition) หมายถึง การคาดการณ์หรือหย่ังรู้ถึงสาเหตุของการเกิด อุบัติเหตุ อันตราย หรือโรคจากการท�ำงาน ซึ่งอาจส่งผลต่อผู้ปฏิบัติงาน โดยอาศัยทฤษฎีของการเกิดอุบัติเหตุของ H.W. Heinrich โดยพบว่า สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุและโรคจาการท�ำงานน้ันมีสาเหตุมาจากปัจจัย 2 ปัจจัยที่ ส�ำคัญคือ การกระท�ำที่ไม่ปลอดภัย (Unsafe Action) ซ่ึงเป็นการกระท�ำของผู้ปฏิบัติงานเอง และสภาพแวดล้อม ในการท�ำงานที่ไม่ปลอดภัย (Unsafe Condition) ซึ่งสภาพแวดล้อมในการท�ำงานท่ีไม่ปลอดภัยน้ันเช่น การ ท�ำงานในสภาพที่มีเสียงดัง ความส่ันสะเทอื น ความร้อน ความเย็น รังสี แสงสวา่ ง ความกดดันบรรยากาศ นอกจากน้ยี ังรวมถงึ เครื่องจกั ร เคร่อื งมือ อุปกรณ์ ท่ีเก่ียวข้องกับการท�ำงาน ซึ่งต้องตระหนักให้ได้ว่าการกระท�ำ ท่ีไม่ปลอดภัยและสภาพแวดล้อมในการทำ� งานน้นั จะส่งผลเสยี หรือ อันตรายต่อผ้ปู ฏบิ ัตงิ านและเพื่อนรว่ มงาน อย่างอยา่ งไร 5.2 การประเมิน (Evaluation) หมายถึง การประเมินสภาพแวดล้อมในการท�ำงานที่ผู้ปฏิบัติงานสัมผัส ว่ามีศักยภาพ แนวโน้ม หรือโอกาสที่จะก่อให้เกิดอุบัติเหตุและโรคจากการท�ำงานน้ันหรือไม่ โดยแบ่งการประเมิน ออกเปน็ 2 ส่วน คือ การประเมนิ ด้านส่ิงแวดล้อม และ การประเมนิ ด้านสขุ ภาพ การประเมนิ ดา้ นสงิ่ แวดลอ้ ม อาศยั การประเมนิ โดยใชเ้ ครอ่ื งมอื ทางดา้ นสขุ ศาสตรอ์ ตุ สาหกรรมในการประเมนิ เช่น การประเมินอนั ตรายดา้ นกายภาพ เคมี และชวี ภาพ โดยใช้เครือ่ งมอื วดั ต่างๆ เชน่ เคร่ืองวดั ความร้อน เครื่อง วัดเสยี ง เคร่อื งวัดแสง เป็นตน้ ในการประเมนิ สว่ นการประเมินความปลอดภัยของ เครอ่ื งจักร เคร่อื งมอื ไฟฟา้ กระบวนการผลิต อุปกรณ์ตา่ งๆ จะใช้วิธกี ารประเมนิ ความเสยี่ งในการประเมนิ เชน่ การประเมินความเสี่ยงโดยใช้ เทคนคิ Checklist , What if analysis, Fault Tree Analysis, Event Tree Analysis, FMEA หรอื HAZOP เป็นต้น โดยดูจากโอกาสของการเกิดอบุ ัตเิ หตหุ รอื โรคจากการทำ� งาน และความรุนแรงทอ่ี าจจะเกิดขน้ึ กับผปู้ ฏิบตั ิ งานของงานนน้ั ๆ สว่ นการประเมนิ ดา้ นการยศาสตรน์ นั้ สามารถใชเ้ ครอื่ งมอื วดั และแบบประเมนิ ทางดา้ นการยศาสตร์ ในการประเมิน เชน่ เครื่องวดั คล่ืนไฟฟา้ กล้ามเนอ้ื (Electromyography, EMG) หรอื แบบประเมนิ อนื่ ๆ เช่น แบบ ประเมนิ Rapid Upper Limb Assessment (RULA) แบบประเมนิ Rapid Entire Body Assessment (REBA) แบบประเมนิ ความเจบ็ ปวด Pain Scale เป็นตน้ การประเมินด้านสุขภาพ เป็นการประเมินสภาวะสุขภาพของคนงาน โดยการน�ำคนงานไปตรวจสุขภาพ กอ่ นเข้าท�ำงาน ตรวจสุขภาพขณะท�ำงานหรือตรวจสุขภาพประจ�ำปี การตรวจสุขภาพตามปัจจัยเส่ียงท่ีผู้ปฏิบัติ งานไดร้ บั เพ่อื เปน็ การคัดเลอื กคนใหเ้ หมาะสมกบั งาน รวมทั้งเปน็ การป้องกันควบคุมอนั ตรายท่ีอาจจะเกิดข้นึ กบั ผู้ ปฏิบัตงิ าน เชน่ การตรวจสมรรถภาพการมองเหน็ การตรวจสมรรถการได้ยนิ การตรวจสมรรถภาพปอด เปน็ ต้น การประเมนิ อนั ตรายจากการทำ� งานอาศยั หลกั การ ตรวจวดั สภาพแวดลอ้ มหรอื ตรวจสขุ ภาพของผปู้ ฏบิ ตั งิ าน น�ำค่าท่ีได้จากการตรวจวัดมาเทียบกับค่ามาตรฐาน และแปลผลออกมาว่าปลอดภัยหรือเป็นอันตรายต่อผู้ปฏิบัติ งานหรอื ไม่ โดยทำ� การทำ� การประเมนิ ทงั้ ทางดา้ นสงิ่ แวดลอ้ มและดา้ นสขุ ภาพควบคกู่ นั ตามความเสย่ี งทคี่ นงานไดร้ บั | อาชีวอนามัยและความปลอดภยั พ้ืนฐาน 11
เช่นการตรวจวดั ระดับเสยี ง กบั การตรวจสมรรถภาพการได้ยนิ เปน็ ตน้ โดยหลกั การประเมนิ แสดงใน รปู ท่ี 1 – 1 ตรวจวดั เทียบกับมาตรฐาน แปรผล รปู 1 - 1 หลักการประเมนิ ดา้ นอาชวี อนามัยและความปลอดภยั ตวั อยา่ ง เชน่ พนกั งานทำ� งานในแผนกปม๊ั โลหะของบรษิ ทั แหง่ หนงึ่ ซง่ึ ในแผนกนม้ี เี สยี งดงั มาก เราไดต้ ระหนกั แล้วว่าเสียงดังน้ันอาจจะเป็นอันตรายต่อผู้ปฏิบัติงานคือท�ำให้สูญเสียสมรรถภาพการได้ยิน แต่เราจะไม่สามารถ บอกได้ว่าเสียงดังในแผนกนี้เป็นอันตรายต่อผู้ปฏิบัติงานจริงหรือไม่ เพราะเราไม่สามารถบอกได้ว่าเสียงที่เกิด ข้ึนน้นั ดงั ในปริมาณเท่าใด จนกว่าเราจะทำ� การตรวจวดั ระดบั เสยี งน้นั รวมท้ังหาคา่ มาตรฐานความปลอดภยั ของ เสยี งเพื่อน�ำมาเปรียบเทียบว่าท่ีระดับเท่าใดจึงจะเป็นอันตรายต่อผู้ปฏิบัติงาน ดังน้ันเราต้องใช้หลักการประเมิน เข้ามาประเมนิ อนั ตราย โดยการตรวจวัดเสยี งซง่ึ ใช้เครอ่ื งวัดเสียง (Sound Level Meter) ในการตรวจวดั และตาม มาตรฐานกฎหมายไทย กฎกระทรวง กำ� หนดมาตรฐานในการบริหารและการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีว อนามัยและสภาพแวดล้อมในการท�ำงานเก่ียวกับความรอ้ น แสงสว่าง และเสยี ง พ.ศ. 2549 กำ� หนดไวว้ ่าเสียงทคี่ น งานท�ำงานตอ่ เนือ่ ง 8 ช่ัวโมงตอ่ วนั ระดบั ความดงั เสียงไมค่ วรเกิน 90 เดซเิ บลเอ (dBA) ถ้าคนงานท�ำงานที่ระดับเสยี ง ดงั เกนิ กวา่ 90 dBA แปลผลได้วา่ คนงานนั้นมีโอกาสไดร้ ับอนั ตรายจากการท�ำงานในสภาพแวดลอ้ มการท�ำงานน้นั การประเมินด้านสุขภาพก็เช่นเดียวกัน คือการตรวจสุขภาพตามปัจจัยเสี่ยงที่คนได้ได้รับสัมผัสโดยการน�ำ คนงานไปตรวจสขุ ภาพ ในตัวอย่างน้ีคอื การตรวจสมรรถภาพการได้ยนิ โดยใชเ้ ครื่อง Audio Meter โดยมาตรฐาน ก�ำหนดไว้วา่ ถา้ คนงานไมส่ ามารถได้ยินเสยี งดังที่ 25 - 40 dBA แสดงว่า คนงานเร่ิมมอี าการหูตึงเลก็ น้อย ต้องมีการ ควบคมุ เสยี งต่อไป ดังนน้ั สิ่งสำ� คัญทส่ี ดุ ของการประเมิน คอื การเลอื กเครื่องมอื ใหม้ คี วามเฉพาะเจาะจงกับอนั ตรายท่ีผปู้ ฏบิ ตั ิ งานไดร้ บั เทคนคิ ตา่ งๆในการตรวจวดั ตอ้ งถกู ตอ้ ง เครอ่ื งมอื ตอ้ งไดร้ บั มาตรฐาน ผตู้ รวจวดั ตอ้ งมคี วามชำ� นาญ รวมทง้ั หาคา่ มาตรฐานของอนั ตรายน้นั ต้องได้จากองค์กรท่ีมีมาตรฐานน่าเช่อื ถือ เพ่ือใหผ้ ลทไ่ี ด้จากการตรวจวดั นัน้ ถกู ต้อง แมน่ ย�ำและเป็นประโยชนต์ อ่ การด�ำเนนิ การปรบั ปรุงสภาพแวดลอ้ มในการทำ� งานของผู้ปฏิบตั งิ าน 5.3 การควบคมุ (Control) หมายถึง การปรบั ปรุงสภาพแวดลอ้ มในการท�ำงานใหผ้ ู้ปฏิบัติงานสามาร ปฏบิ ตั งิ านไดอ้ ยา่ งปลอดภยั จากหลกั การประเมนิ อนั ตรายจากการทำ� งานแลว้ พบวา่ สภาพแวดลอ้ มในการทำ� งานนนั้ เป็นอันตรายต่อผู้ประกอบอาชีพ ดังนั้นต้องมีการด�ำเนินการป้องกันและควบคุมอันตราย โดยการใช้มาตรการ วธิ ีการที่เหมาะสมและมีประสทิ ธภิ าพในการควบคมุ อันตราย โดยอาศยั หลักการ ดงั ต่อไปนี้ 1) การป้องกันควบคุมท่ีแหล่งก�ำเนิด (Source) เช่น การปิดคลุมอันตราย การเปล่ียนกระบวนการผลิต แทนที่สารท่ีมีพิษน้อยกว่าทดแทน เป็นต้น 2) การปอ้ งกนั ควบคมุ ทางผ่าน (Part) เช่น การหมนุ เวยี นสับเปลีย่ นคนงาน การลดระยะเวลาการทำ� งาน การอบรมให้ความรู้ เป็นตน้ 3) การปอ้ งกนั ควบคุมตวั บคุ คล (Receiver) โดยการใช้อปุ กรณ์ป้องกนั อนั ตรายส่วนบุคคล ตามลกั ษณะ อันตรายทีผ่ ูป้ ฏิบัติงานไดร้ ับ เช่น การสวมถงุ มอื สวมหมวกนริ ภยั สวมรองเท้านิรภยั เปน็ ต้น 12 | อาชีวอนามัยและความปลอดภัยพนื้ ฐาน
6. ขอบเขตของงานอาชวี อนามยั และความปลอดภยั [1,2] คณะกรรมการรว่ มระหว่างองคก์ ารแรงงานระหวา่ งประเทศ (International Labor Organization; ILO) และองค์การอนามัยโลก (World Health Organization; WHO) ได้ก�ำหนดขอบเขตของการด�ำเนินงานด้านอาชีว อนามัยและความปลอดภยั ไว้ 5 ดา้ น ดังน้ี 1) การส่งเสริมและด�ำรงไว้ (promotion and maintenance) ซ่ึงความสมบูรณ์ที่สุดของสุขภาพ ร่างกาย จิตใจ และความเป็นอยู่ที่ดีในสังคมของผู้ประกอบอาชีพในทุกอาชีพ โดยก�ำหนดมาตรการในการดูแล คนงานและส่งเสรมิ สขุ ภาพของคนงานให้มีสุขภาพดี ดงั เชน่ กอ่ นทค่ี นงานเขา้ มาทำ� งาน 2) การป้องกัน (prevention) หมายถึง การป้องกันไม่ให้ผู้ประกอบอาชีพมีสุขภาพอนามัยเสื่อมโทรม หรือผิดปกติ อนั มีสาเหตมุ าจากสภาพแวดล้อมในการทำ� งาน รวมทง้ั การปอ้ งกันอุบัติเหตแุ ละโรคจากการท�ำงาน เพอ่ื ไมใ่ ห้ผู้ปฏิบตั ิงานต้องสมั ผสั กับปัจจัยเส่ยี งดา้ นต่างๆ 3) การปกปอ้ งคมุ้ ครอง (protection) ผู้ประกอบอาชีพไม่ใหท้ ำ� งานในสภาพทเี่ สยี่ งอันตราย เป็นสาเหตุ ให้เจ็บป่วย หรือเกิดอุบัติเหตุของผู้ประกอบอาชีพ เม่ือไม่สามารถจัดสภาพแวดล้อมในการท�ำงานที่ปลอดภัยได้ แตค่ นงานต้องเขาไปปฏบิ ตั ิงานต้องหาอปุ กรณป์ อ้ งกนั อันตรายในการปกปอ้ งคุ้มครองแรงงาน จากอนั ตรายนัน้ ๆ 4) การจัดงาน (placing) ให้ผู้ประกอบอาชีพได้ท�ำงานที่เหมาะสมกับความสามารถของร่างกายและ จิตใจของผู้ปฏิบัติงานน้ัน เพราะงานบางอย่างไม่สามารถท�ำได้ทุกคนจึงต้องเลือกคนที่เหมาะสมกับงานนั้นๆ เชน่ คนท่มี ีปญั หาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ไม่ควรทำ� งานในสภาพแวดล้อมทมี่ ีฝุ่น เปน็ ต้น 5) การปรับงาน (adaptation) ให้เหมาะสมกับคน และการปรับคนให้เหมาะสมกับสภาพการท�ำงาน โดยน�ำปัจจัยด้านต่างๆ ร่วมพิจารณา เช่น ปัจจัยด้านสรีระวิทยาของคนงาน โดยค�ำนึงสถานีงานท่ีเหมาะสม ไม่ว่า จะเปน็ ความสูง ระยะเอื้อม การวางแขน เกา้ อี้ โตะ๊ ท�ำงาน และสภาพแวดลอ้ มในการท�ำงานที่เหมาะสมกับคนงาน 7. ความครอบคลมุ ของการดำ� เนนิ งานดา้ นอาชวี อนามยั และความปลอดภยั จากความหมายและหลกั การดำ� เนนิ งานดา้ นอาชวี อนามยั และความปลอดภยั สามารถสรปุ ลกั ษณะของการ ดูแลสขุ ภาพอนามัยและความปลอดภัย ของผู้ประกอบอาชีพทั้งมวล โดยมวี ัตถปุ ระสงค์ เพ่อื ปอ้ งกันอุบตั ิเหตแุ ละ การบาดเจบ็ จากการทำ� งาน ปอ้ งกนั โรคจากการทำ� งาน และสง่ เสรมิ สขุ ภาพอนามยั ของผปู้ ระกอบอาชพี ทง้ั มวล โดยมี ความครอบคลมุ การด�ำเนินงาน 3 ดา้ น ไดแ้ ก่ 1) ความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงาน (Worker) ให้ผู้ท่ีปฏิบัติงานอาชีพต่างๆได้รับการดูและทางสุขภาพ อนามยั การสง่ เสรมิ สขุ ภาพอนามัย การป้องกนั โรค และอบุ ตั ิเหตุท่อี าจเกดิ จากการทำ� งาน เช่น การอบรมใหค้ วามรู้ การใช้อปุ กรณ์ป้องกนั อันตรายสว่ นบุคคล การตรวจสอบความพรอ้ มของรา่ งกายก่อนท�ำงาน การตรวจสุขภาพคน งานตามปจั จัยเส่ียง เป็นตน้ 2) สภาพแวดล้อมในการท�ำงาน (Working Environment) ปอ้ งกนั ผู้ปฏิบัติงาน ให้ปฏิบตั งิ านในสภาพ แวดล้อมในการท�ำงานที่ปลอดภัยทัง้ 4 ดา้ น ไดส้ ภาพแวดล้อมทางด้านกายภาพ สภาพแวดลอ้ มดา้ นเคมี สภาพ แวดลอ้ มด้านชีวภาพ และสภาพแวดล้อมในการทำ� งานดา้ นการยศาสตร์ 3) ความปลอดภยั นอกงาน เป็นการดแู ลสขุ ภาพอนามัยของคนงานนอกการท�ำงาน เช่น ความปลอดภัย ในการเดนิ ทาง รถรับส่งคนงาน สภาพทพ่ี ักอาศยั ของคนงาน เปน็ ต้น | อาชีวอนามัยและความปลอดภยั พน้ื ฐาน 13
8. ประโยชนท์ ไ่ี ดร้ บั จากการดำ� เนนิ งานดา้ นอาชวี อนามยั และความปลอดภยั 1) ชว่ ยป้องกนั และควบคมุ ใหเ้ กดิ สภาพความปลอดภัยในการทำ� งาน 2) ลดอบุ ัติเหตุและโรคจากการทำ� งานรวมท้ังรักษาชวี ติ และทรพั ยส์ ินของลูกจา้ งและนายจา้ ง 3) ชว่ ยใหผ้ ปู้ ฏิบตั ิงานใหไ้ ดร้ บั การปฏิบัติที่เป็นธรรม ไมข่ ดั ต่อหลกั มนุษยธรรม 4) ช่วยลดความสูญเสยี จากการทำ� งาน และช่วยเพิ่มผลผลติ 5) ลดรายจา่ ยดา้ นการรกั ษาพยาบาล และการบรกิ ารทางการแพทย์ 6) ลดรายจ่ายของเงินทดแทนจากกองทนุ เงนิ ทดแทน และรายจ่ายด้านประกันภัยตา่ ง 7) สร้างขวญั และกำ� ลงั ใจแก่พนกั งาน ทำ� ใหอ้ งค์กรรกั ษาแรงงานที่มีประสทิ ธภิ าพไว้ได้ 8) ได้รับเครื่องหมายรับรองมาตรฐานด้านความปลอดภัย เสริมสร้างภาพลักษณ์ขององค์กรและลดการ กดี กันทางการคา้ 9) ชว่ ยลดผลกระทบทางสงั คมทอี่ าจตามมา หลังการประสบอันตรายจากการทำ� งาน บทสรปุ การดำ� เนนิ งานดา้ นอาชวี อนามยั และความปลอดภยั เกดิ ขนึ้ ครง้ั แรกในโลกในชว่ ง 400 ปกี อ่ นครสิ ตกาล โดย Hippocrates ได้ทำ� การได้ทำ� การศึกษาอนั ตรายของพษิ ตะกัว่ ของคนงานในอุตสาหกรรมเหมอื งแร่ และได้มกี าร พัฒนาอย่างต่อเนื่อง มาจนถึง ค.ศ. 1700 Bernardo Ramazzini บิดาแห่งแพทย์อาชีวะเวชศาสตร์ (father of industrial medicine) ได้เขยี นต�ำราเล่มแรกทคี่ รอบคลมุ งานดา้ น อาชีวอนามยั และความปลอดภัย ในหนังสือที่ มีชื่อวา่ De Morbis Artificum Diatriba (The Diseases of Workmen) ซงึ่ แปลเปน็ ภาษาไทยวา่ โรคของคน ประกอบอาชพี ในชว่ งต้น ศตวรรษที่ 20 ในประเทศสหรฐั อเมริกา ไดพ้ ยายามปรบั ปรุงงานดา้ นสขุ ศาสตร์ อตุ สาหกรรมและความปลอดภัย จนกระทัง่ ปี ค.ศ. 1970 ออกพระราชบัญญัตอิ าชวี อนามัยและความปลอดภยั ซ่ึงทำ� ให้มีการดำ� เนนิ งานดา้ นอาชวี อนามยั และความปลอดภยั มกี ารพัฒนาอยา่ งเป็นระบบและต่อเนอ่ื งมาจนถึง ปจั จุบนั อาชวี อนามัยและความปลอดภยั (Occupational Health and Safety) หมายถึง สภาพที่สมบรู ณด์ ที ง้ั ทาง ร่างกาย จติ ใจ สังคมและจิตวิญญาณของผูป้ ระกอบอาชีพทงั้ มวล โดยการ ดแู ลสุขภาพอนามยั และความปลอดภยั ของคนท�ำงาน ใหป้ ราศจากภยั คุกคาม อันตราย และความเส่ยี งใดๆ รวมทงั้ อบุ ัติเหตแุ ละโรคจากการท�ำงาน และความปลอดภยั นอกการท�ำงาน พร้อมทง้ั ให้ผใู้ ช้แรงงานอยู่ในสังคมอย่างมีความสขุ ทัง้ ทางดา้ นร่างกาย จิตใจ สังคม และจติ วิญญาณ การดำ� เนินงานด้านอาชีวอนามยั และความปลอดภัย อาศัยหลักการ 3 หลักการในการ ด�ำเนนิ งาน ได้แก่ การตระหนัก (Recognition) การประเมนิ (Evaluation) และ การควบคมุ (Control) อันตราย จากการท�ำงาน ขอบเขตของงานอาชีวอนามัยและความปลอดภัย มีขอบเขตการด�ำเนินงาน 5 ด้าน ได้แก่ การส่งเสริม และด�ำรงไว้ (promotion and maintenance) การป้องกัน (prevention) การปกป้องคุ้มครอง (protection) การจดั งาน (placing) และ การปรบั (adaptation) โดยมีความครอบคลุมของการดำ� เนินงาน 3 ด้าน ไดแ้ ก่ ความ ปลอดภยั ของผู้ปฏบิ ัติงาน สภาพแวดลอ้ มในการท�ำงาน และ ความปลอดภยั นอกงาน 14 | อาชีวอนามยั และความปลอดภัยพ้ืนฐาน
บรรณานกุ รม 1. วทิ ยา อยสู่ ขุ . อาชวี อนามยั ความปลอดภยั และสงิ่ แวดลอ้ ม. ภาควชิ าอาชวี อนามยั และความปลอดภยั มหาวิทยาลัยมหิดล. 2544 2. เอกสารประกอบการสอนชดุ วชิ า การบรหิ ารงานอาชวี อนามยั และความปลอดภยั หนว่ ย 1-7. พมิ พค์ รงั้ ที่ 3. สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ. มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. 2552 3. U.S. Department of Labor, Informational Booklet on Industrial Hygiene, U.S. Department of Labor Occupational Safety and Health Administration OSHA 3143 1998 (Revised) 4. กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน, กระทรวงแรงงาน, เข้าถึงข้อมูลวันที่ 3 มกราคม 2556. จาก http://www.labour.go.th 5. พระราชบญั ญตั กิ ารสาธารณสขุ พ.ศ. 2535. ใหไ้ ว ณ วนั ท่ี 29 มนี าคม พ.ศ. 2535 เปน็ ปที ี่ 47 ในรชั กาล ปจั จบุ นั 6. พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535. ให้ไว ณ วันท่ี 29 มีนาคม พ.ศ. 2535 เป็นปีที่ 47 ในรัชกาล ปจั จบุ นั 7. พระราชบัญญัตโิ รงงาน พ.ศ. 2535. ให้ไว ณ วนั ท่ี 2 เมษายน พ.ศ. 2535 เปน็ ปที ่ี 47 ในรชั กาลปัจจุบัน 8. พระราชบัญญัติแรงงาน พ.ศ. 2541. ให้ไว ณ วันท่ี 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2541 เป็นปีท่ี 53 ในรัชกาล ปัจจุบัน 9. พระราชบัญญตั คิ วามปลอดภัย อาชีวอนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทำ� งาน พ.ศ. 2554 ใหไ้ ว ณ วนั ท่ี 12 มกราคม พ.ศ. 2554 เป็นปีท่ี 66 ในรัชกาลปัจจุบัน. ประกาศในราชกิจจานุเบกษาหน้า 5 เล่ม 128 ตอนท่ี 4 ก 10. คณะสาธารณสขุ ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล, ความเปน็ มาของภาควชิ าอาชวี อนามยั และความปลอดภยั . เขา้ ถงึ ข้อมลู วนั ท่ี 3 มกราคม 2556. จาก http://phoh.ph.mahidol.ac.th 11. ส�ำนักความปลอดภัยแรงงาน, เกณฑ์ในการพิจารณาวุฒิการศึกษาอาชีวอนามัยหรือเทียบเท่า, กรมสวสั ดกิ ารและคมุ้ ครองแรงงาน เขา้ ถงึ ขอ้ มลู วนั ท่ี 10 มนี าคม 2556. จาก http://www.oshthai.org 12. พรพิมล กองทิพย์. สุขศาสตร์อุตสาหกรรม Industrial Hygiene. ภาควิชาอาชีวอนามัยและ ความปลอดภยั . มหาวิทยาลยั มหดิ ล. 2545 | อาชีวอนามัยและความปลอดภยั พนื้ ฐาน 15
คำ� ถามทา้ ยบท 1. ใหน้ กั ศกึ ษาอธบิ ายววิ ฒั นาการดา้ นอาชวี อนามยั และความปลอดภยั 2. ให้นักศึกษาบอกความหมายของค�ำว่า “อาชีวอนามัยและความปลอดภัย (Occupational Health and Safety) ” 3. ใหน้ กั ศกึ ษาอธบิ าย หลกั การดำ� เนนิ งานดา้ นอาชวี อนามยั และความปลอดภยั 4. ให้นักศึกษาอธิบายขอบเขตของการด�ำเนินงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ตามความหมาย ของ ILO และ WHO 5. ใหน้ กั ศกึ ษาอธบิ ายประโยชนท์ ไ่ี ดร้ บั จากการดำ� เนนิ งานดา้ นอาชวี อนามยั และความปลอดภยั 16 | อาชวี อนามยั และความปลอดภยั พื้นฐาน
บทที่ 2 บุคลากรและองคก์ รที่เกย่ี วข้องกบั งาน ดา้ นอาชวี อนามัยและความปลอดภัย Occupational Health and Safety Teamwork and Organization เนือ้ หาการเรียนรู้ ●- บุคลากรในงานอาชีวอนามยั และความปลอดภยั - องคก์ รทเี่ ก่ียวขอ้ งกบั งานดา้ นอาชวี อนามยั และความปลอดภัย • องคก์ รภาครฐั • องคก์ รวิชาชพี และและสมาคมวิชาชีพในประเทศไทย • องค์กรต่างประเทศ • องค์กรภายในสถานประกอบการ
1. บทนำ� การด�ำเนินงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ไม่สามารถด�ำเนินการให้ประสบความส�ำเร็จได้โดย อาศยั บคุ คลเพยี งคนเดยี ว แตต่ อ้ งอาศยั ความรว่ มมอื การทำ� งานของสหสาขาวชิ าชพี มากมายรว่ มมอื กนั ไมว่ า่ จะเปน็ ฝ่ายนายจ้าง ฝ่ายลูกจ้าง รวมท้ังหน่วยงานหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานเอกชน ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึง องค์กรวิชาชีพต่างๆ ด�ำเนินการร่วมกันอย่างเป็นระบบ จนท�ำให้งานด้านอาชีวอนามัย ความปลอดภัย และสภาพ แวดล้อมในการท�ำงาน ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และเป็นระบบมาจนถึงปัจจุบัน ในบทน้ีจะกล่าวถึงบุคลากร และหน่วยงานที่มีบทบาทสำ� คัญตอ่ งานดา้ นอาชีวอนามัย ความปลอดภยั และสภาพแวดล้อมในการทำ� งาน 2. บคุ ลากรในงานอาชวี อนามยั และความปลอดภัย [1,2,3] การด�ำเนินงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย สามารถด�ำเนินการให้ประสบความส�ำเร็จและมี ประสิทธภิ าพสงู สุดในการทำ� งาน ตอ้ งอาศัยคณะทำ� งานทางด้านอาชีวอนามยั และความปลอดภยั (Occupational Health and Safety Teamwork) ซ่ึงประกอบด้วยนักวิชาการและผู้ช�ำนาญการแต่ละด้าน หลากหลายสาขา วิชาชพี ดังต่อไปน้ี 2.1 เจา้ หนา้ ที่ความปลอดภยั ในการท�ำงาน (Safety Officer หรอื Safety Professional) [1,3] หมายถึง บุคคล นักวิชาการ หรือ ผู้ท่ีมีความรู้ด้านอาชีวอนามัย ความปลอดภัยและสภาพแวดล้อมในการท�ำงาน เป็นอย่างดี โดยอาศัยหลักการการด�ำเนินงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย คือ การตระหนักถึงอันตราย ประเมินอันตราย และควบคุมอันตรายท่ีอาจเกิดขึ้นในสถานประกอบการ ตามกฎกระทรวง ก�ำหนดมาตรฐานใน การบริหารและการจัดการด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการท�ำงาน พ.ศ. 2549 ได้แบ่ง ระดับเจา้ หนา้ ทค่ี วามปลอดภัยในการทำ� งาน ไว้ 5 ระดบั ได้แก่ 1) เจา้ หนา้ ที่ความปลอดภัยระดับหวั หนา้ งาน 2) เจา้ หน้าทค่ี วามปลอดภยั ระดับบริหาร 3) เจา้ หนา้ ที่ความปลอดภัยในการท�ำงานระดบั เทคนคิ 4) เจ้าหน้าทีค่ วามปลอดภัยในการทำ� งานระดับเทคนคิ ขั้นสูง 5) เจ้าหน้าทค่ี วามปลอดภยั ระดับระดับวิชาชีพ ในกฎกระทรวงฉบบั เดียวกนั น้ี ได้กำ� หนดคุณสมบัตขิ องเจา้ หนา้ ทค่ี วามปลอดภัยในการทำ� งานท้งั 5 ระดบั รวมทัง้ ไดก้ �ำหนดบทบาทหนา้ ท่รี บั ผดิ ชอบทีม่ ตี อ่ งานอาชีวอนามัย ความปลอดภยั และสภาพแวดล้อมในการทำ� งาน ไว้อยา่ งครอบคลุม 2.1.1 บทบาทหนา้ ท่ีของเจ้าหนา้ ท่ีความปลอดภยั ในการท�ำงานระดบั วชิ าชพี [3] เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการท�ำงานระดับวิชาชีพ มีหน้าที่รับผิดชอบที่ส�ำคัญในการปกป้องคุ้มครอง ผปู้ ระกอบอาชพี ทง้ั มวล ใหป้ ราศจากความเสยี่ ง อนั ตราย อบุ ตั เิ หตแุ ละโรคจากการทำ� งานและความปลอดภยั นอกงาน ตามกฎหมายหมายแลว้ เจา้ หนา้ ทค่ี วามปลอดภยั ในการทำ� งานระดบั วชิ าชพี มหี นา้ ทท่ี ส่ี ำ� คญั 12 ขอ้ ดงั ตอ่ ไปนี้ 1) ตรวจสอบและเสนอแนะให้นายจ้างปฏิบัติตามกฎหมาย ที่เกี่ยวกับความปลอดภัยอาชีวอนามัยและ สภาพแวดลอ้ มในการทำ� งาน 2) วเิ คราะหง์ านเพอ่ื ชบ้ี ง่ อนั ตราย รวมทง้ั กำ� หนดมาตรการปอ้ งกนั หรอื ขน้ั ตอนการทำ� งานอยา่ งปลอดภยั เสนอต่อนายจ้าง 18 | อาชวี อนามยั และความปลอดภยั พ้ืนฐาน
3) ประเมินความเสยี่ งดา้ นความปลอดภัยในการท�ำงาน 4) วิเคราะห์แผนงานโครงการ รวมท้ังข้อเสนอแนะของหน่วยงานต่าง ๆ และเสนอแนะมาตรการความ ปลอดภยั ในการทำ� งานต่อนายจา้ ง 5) ตรวจประเมนิ การปฏิบตั ิงานของสถานประกอบกจิ การใหเ้ ป็นไปตามแผนงานโครงการหรือมาตรการ ความปลอดภัยในการทำ� งาน 6) แนะนำ� ให้ลกู จา้ งปฏบิ ัตติ ามขอ้ บงั คบั และคมู่ ือความปลอดภยั ในการทำ� งาน 7) แนะนำ� ฝึกสอน อบรมลูกจา้ ง เพอ่ื ใหก้ ารปฏบิ ตั ิงานปลอดจากเหตอุ ันจะท�ำให้เกิดความไมป่ ลอดภยั ในการท�ำงาน 8) ตรวจวัดและประเมินสภาพแวดล้อมในการท�ำงาน หรือด�ำเนินการร่วมกับบุคคลหรือหน่วยงานท่ีขึ้น ทะเบยี นกับกรมสวสั ดิการและคุ้มครองแรงงานเป็นผรู้ ับรองหรอื ตรวจสอบเอกสารหลกั ฐานรายงาน ในการตรวจสอบสภาพแวดลอ้ มในการทำ� งานภายในสถานประกอบกิจการ 9) เสนอแนะต่อนายจ้างเพ่ือให้มีการจัดการด้านความปลอดภัยในการท�ำงานที่เหมาะสมกับสถาน ประกอบกิจการ และพฒั นาให้มีประสิทธภิ าพอย่างตอ่ เนอื่ ง 10) ตรวจสอบหาสาเหตุ และวเิ คราะหก์ ารประสบอนั ตราย การเจบ็ ปว่ ย หรอื การเกดิ เหตเุ ดอื ดรอ้ นรำ� คาญ อันเนื่องจากการท�ำงาน และรายงานผล รวมทั้งเสนอแนะต่อนายจ้างเพ่ือป้องกันการเกิดเหตุโดย ไมช่ ักชา้ 11) รวบรวมสถติ ิ วเิ คราะหข์ อ้ มลู จดั ทำ� รายงาน และขอ้ เสนอแนะเกยี่ วกบั การประสบอนั ตราย การเจบ็ ปว่ ย หรือการเกิดเหตเุ ดือดรอ้ นร�ำคาญอันเน่ืองจากการทำ� งาน 12) ปฏบิ ัตงิ านดา้ นความปลอดภัยในการท�ำงานอนื่ ตามท่ีนายจา้ งมอบหมาย 2.2 นักสุขศาสตร์อุตสาหกรรม (Industrial Hygienist) [1,4] หมายถึง เป็นบุคคล นักวิชาการหรือ ผทู้ ม่ี คี วามรแู้ ละความเชยี่ วชาญดา้ นการประเมนิ อนั ตรายทเ่ี กดิ ขน้ึ จากสภาพแวดลอ้ มการทำ� งานเปน็ หลกั โดยอาศยั วธิ ี การตรวจวัดอันตราย ประเมินอันตราย และควบคลุมสภาพแวดล้อมในการท�ำงานให้เกิดความปลอดภัย นกั สขุ ศาสตร์อตุ สาหกรรม มหี น้าที่จดั ทำ� โครงการด้านสขุ ศาสตร์อตุ สาหกรรม (Industrial Hygiene Program) ศึกษาอันตรายจากสภาพแวดล้อมในการท�ำงาน รวมทั้งศึกษาวิจัยเพื่อปรับปรุงค่า Threshold Limit Value (TLV) และคา่ Biological Exposure Indices (BEI) ในปี ค.ศ. 1995 คณะกรรมการของ American Academy of Industrial Hygiene (AAIH), Amercan Board of Industrial Hygiene (ABIH), American Conference of Industrial Hygienists (ACGIH) และ American Industrial Hygiene Association (AIHA) ทั้ง 4 หนว่ ยงานไดจ้ ัดท�ำข้อตกลงเร่ืองจรรยาบรรณของ ผู้ประกอบอาชีพนักสุขศาสตร์อุตสาหกรรม (Hygienist) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ ปกป้องคมุ้ ครองสุขภาพอนามัย ของผู้ประกอบอาชีพและประชาชนทงั้ มวลใหม้ สี ขุ ภาพอนามัยทด่ี ี จากอนั ตรายทางด้านเคมี อันตรายทางด้าน ชีวภาพ อันตรายทางด้านกายภาพ จากการสถานที่ท�ำงาน โดยจรรยาบรรณประกอบด้วย 6 ข้อคอื 1) ตอ้ งปฏบิ ตั งิ านในสายวชิ าชพี ตามหลกั วชิ าการทางวทิ ยาศาสตรโ์ ดยตระหนกั วา่ ชวี ติ สขุ ภาพ และความ กินดอี ยูด่ ีของคนทำ� งานในทกุ สาขาอาชีพ อาจข้นึ อย่กู ับการตดั สนิ ใจในวชิ าชพี ของทา่ น 2) ให้ค�ำปรึกษาด้านความเสี่ยงที่มีผลต่อสุขภาพ รวมท้ังให้ค�ำแนะน�ำที่จ�ำเป็นเพ่ือป้องกันอันตรายที่ ไม่พงึ ประสงคท์ อ่ี าจเกดิ ข้นึ กับคนงาน | อาชีวอนามยั และความปลอดภยั พนื้ ฐาน 19
3) ต้องเก็บข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลทางธุรกิจที่ได้รับระหว่างการปฏิบัติงานด้านสุขศาสตร์ อุตสาหกรรมไว้เป็นความลับ อาจเปิดเผยข้อมูลได้เมื่อเป็นข้อก�ำหนดกฎหมาย หรือเพ่ือป้องกัน อันตรายต่อสขุ ภาพและความปลอดภยั ของคนงานและชุมชน 4) การตัดสินใจด้านวิชาชีพต้องหลีกเล่ียงสถานการณ์การประนีประนอมหรือความขัดแย้งทางผล ประโยชน์ทอี่ าจเกิดขึน้ 5) ต้องให้บริการในขอบเขตท่ีมีความเช่ียวชาญ ซ่ึงได้จากการศึกษา การฝึกอบรม หรือมีประสบการณ์ ในงานท่ีเฉพาะน้นั ๆ 6) ตอ้ งมีความรับผิดชอบทีจ่ ะคงไวซ้ ่งึ ความซอ่ื สตั ย์ในวชิ าชีพ 2.3 พยาบาลอาชีวอนามยั (Occupational Health Nurse) [1] เป็นบุคคลากรที่ส�ำคญั ในการให้บริการ ทางดา้ นสุขภาพอนามยั ของคนงาน ในขอบเขตการด�ำเนินงาน 4 ด้าน ได้แก่ การส่งเสริมสขุ ภาพ การป้องกนั โรค การรักษา และการพื้นฟูสภาพของคนงานให้สามารถด�ำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุขและอยู่ในอยู่ในสิ่งแวดล้อม การท�ำงานที่ดีและปลอดภัย พยาบาลอาชีวอนามัยจะเป็นส่วนเช่ือมต่อระหว่างสถานะทางสุขภาพของลูกจ้าง กระบวนการท�ำงาน และความสามารถของคนงานในการท�ำงาน ร่วมทั้งแนะน�ำให้สถานประกอบการจัดบริการ สขุ ภาพทเ่ี หมาะสมแก่คนงาน ปัจจบุ นั มีหลายหน่วยงานทีจ่ ดั อบรมหลกั สูตรพยาบาลอาชวี อนามยั เพือ่ เตรียมความ พรอ้ มให้กบั บุคลากรดา้ นนี้ เชน่ มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล มหาวทิ ยาลัยบูรพา และ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ เป็นต้น 2.4 แพทย์อาชีวอนามัย (Occupational Physician) [1] หมายถึง แพทย์ท่ีผ่านการอบรมหรือ มีประสบการณ์ และความรูอ้ ยา่ งกว้างขวางเก่ียวกับสาเหตุของการเกิดโรคจากการท�ำงาน สามารถวินิจฉยั โรคจาก การท�ำงานได้อย่างถูกต้องแม่นย�ำ รวมท้ังมีความรู้ความสารถในการประเมินอันตรายจากการท�ำงานท้ังทางด้าน กายภาพ เคมี ชีวภาพ และการยศาสตรท์ มี่ ีตอ่ คนงาน รวมท้งั สามารถบ่งชถี้ งึ อาการ และอาการแสดงของการไดร้ ับ อันตรายแบบเฉยี บพลนั และเรอ้ื รัง สามารถรักษาโรคท่ีเกิดขึ้นได้ จุดมงุ่ หมายของแพทย์อาชีวอนามัยก็เพื่อป้องกัน โรคจากการท�ำงาน เม่ือเกิดโรคจากการท�ำงานข้ึนสามารถรักษาโรคจากการท�ำงานให้หายได้และช่วยให้คนงานมี สถานท่ีทำ� งานทด่ี ีและปลอดภยั มีการจัดท�ำโครงการเฝ้าระวังทางการแพทย์ การตรวจสุขภาพทีเ่ หมาะสม รวมทง้ั จดั ให้มีการทดสอบท่ีจ�ำเป็นตามลักษณะงานเพื่อดูแลสุขภาพของคนงาน และสามารถตรวจพบความผิดบกติของ คนงานไดก้ อ่ นที่จะเกดิ โรคจากการท�ำงาน 2.5 นักการยศาสตร์ (Ergonomist) เป็นผู้ที่ศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปฏิบัติงาน สถานท่ีท�ำงาน และการออกแบบงานใหม้ ีความเหมาะสมกับร่างกายและจิตใจของคนงาน เชน่ การจัดทน่ี ง่ั การเคลื่อนย้ายวัสดุ อยา่ งถูกวธิ ี การออกแบบอุปการณ์ใหเ้ หมาะสมกับขนาดและอวัยวะของรา่ งกาย เปน็ ต้น 2.6 นักพิษวิทยา (Toxicologists) หมายถึง บุคคลที่ท�ำการศึกษาเกี่ยวกับกลไกการก่อพิษของ สารเคมีชนิดต่างๆ เชี่ยวชาญการตรวจสอบลักษณะของความเป็นพิษ ตั้งแต่ระดับโมเลกุล ระดับเซลล์ ไปจนถึง ผลต่อส่ิงแวดล้อม รวมท้ังสามารถประเมินความเส่ียงและโอกาสที่มนุษย์จะได้รับผลกระทบจากสารพิษเหล่านั้น เพอื่ การป้องกันอนั ตรายใหก้ บั มนุษย์ และสง่ิ มชี ีวติ อนื่ ๆ จากพิษภยั ของสารตา่ งๆ ทงั้ ในธรรมชาติ และสารสังเคราะห์ ซ่ึงอาจเกิดขึ้นจากการตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม นอกจากน้ีพันธะกิจที่ส�ำคัญอีกอย่างหนึ่งของนักพิษวิทยาได้แก่ งานค้นคว้าและ วจิ ัย เพ่ือพัฒนา หาสารใหม่ทมี่ ีความปลอดภัยขน้ึ หรือมพี ษิ ลดลงมาใช้แทนสารเดิมเชน่ สารกำ� จดั ศตั รพู ชื ยารกั ษาโรคและสารในอุตสาหกรรมประเภทต่างๆ เปน็ ต้น 20 | อาชวี อนามัยและความปลอดภยั พนื้ ฐาน
2.7 วศิ วกร (Engineer) คอื ผู้ท่ปี ระกอบอาชีพทางดา้ นวศิ วกรรม มีหน้าท่ี ศกึ ษาวเิ คราะห์ คำ� นวณ ออกแบบ ตรวจสอบแก้ไขปัญหาและควบคุมการผลิต อาทิ การก่อสร้างสิ่งก่อสร้าง การออกแบบและผลิต การ ควบคุมเคร่อื งจกั รกลโรงงานต่าง ๆ โดยวศิ วกรยงั แบง่ ออกได้เปน็ หลายสาขา เช่น วศิ วกรเครอื่ งกล วศิ วกรโยธา วิศวกรไฟฟา้ วศิ วกรรมสง่ิ แวดล้อม วิศวกรรมเคมี วิศวกรรมอุตสาหการ เป็นต้น โดยการด�ำเนนิ งานดา้ นความ ปลอดภัยต้องอาศัยวิศวกรในการออกแบบและปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีความปลอดภัยต้ังแต่เร่ิมต้นไม่ว่า จะเปน็ ความปลอดภยั ในเร่อื งของเครอ่ื งมือ เครอ่ื งจักร ไฟฟา้ รวมถงึ การติดตงั้ อปุ กรณ์เพ่อื ความปลอดภัยต่างๆ ปัจจุบันหลายมหาวทิ ยาลยั ได้เปิดสอนหลักสูตรด้านวศิ วกรรมความปลอดภยั เชน่ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ 2.8 นายจ้าง (Employer) [3] ความหมายทางกฎหมาย หมายถึง ผซู้ ึง่ ตกลงรบั ลูกจา้ งเข้าท�ำงานโดยจา่ ย คา่ จา้ งให้ และหมายความรวมถงึ ผู้ซ่ึงไดร้ ับมอบหมายให้ทำ� งานแทนนายจา้ ง ในการดำ� เนนิ งานด้านความปลอดภัย นายจ้างมีบทบาทส�ำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนการด�ำเนินงานเกี่ยวกับความปลอดภัยในการท�ำงานไม่ว่าจะ เป็น การสนบั สนนุ ดา้ นงบประมาณ ทรัพยากรต่างๆที่เพยี งพอตอ่ การดำ� เนนิ งานดา้ นความปลอดภัย เพอ่ื เป็นการ ปกป้องคมุ้ ครองสขุ ภาพอนามัยของลูกท้ังหมด รวมท้งั รกั ษาช่ือเสียงและภาพลกั ษณท์ ่ีดีขององคก์ ร 2.9 ลูกจ้าง หรอื พนกั งาน (Employee) [3] ความหมายทางกฎหมาย หมายถึง ผซู้ ่งึ ตกลงทำ� งานให้ นายจ้างโดยรบั คา่ จ้าง ลกู จา้ งเปน็ สว่ นส�ำคญั ในโครงการอาชีวอนามยั และความปลอดภยั ลูกจ้างเปน็ แหล่งขอ้ มลู ของข้ันตอนการท�ำงาน วิธีการท�ำงานและอันตรายท่ีเกิดจากกระบวนการทำ� งานตา่ งๆ ในอตุ สาหกรรม รวมทั้งเป็น ส่วนหน่ึงคณะกรรมการความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการท�ำงาน ลูกจ้างมีส่วนส�ำคัญอย่าง มากในการพฒั นางานด้านอาชีวอนามัย ความปลอดภัยและสภาพแวดล้อมในการท�ำงาน ดงั น้ันพนักงานทกุ คนควร มบี ทบาทหนา้ ที่ด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภยั ดังตอ่ ไปนี้ 1) พนักงานทุกคนตอ้ งท�ำงานด้วยความสำ� นกึ ถึงความปลอดภัยอยเู่ สมอท้งั ของตนเองและผอู้ ื่น 2) พนกั งานทุกคนต้องรายงานสภาพการท�ำงานที่ไม่ปลอดภัยและอุปกรณป์ อ้ งกันที่ ช�ำรุด เสยี หายต่อ ผู้บงั คับบญั ชาหรอื ผ้เู ก่ยี วข้อง 3) พนักงานทกุ คนต้องเอาใจใส่และปฏบิ ัติตามกฎขอ้ บงั คบั ในการทำ� งานอย่างปลอดภัยอยเู่ สมอ 4) พนักงานทกุ คนตอ้ งใหค้ วามรว่ มมือกบั บริษัทฯ เก่ยี วกับขอ้ ปฏบิ ัติให้เกิดความปลอดภยั ในการท�ำงาน 5) เมือ่ พนกั งานมขี อ้ คดิ เห็นเกยี่ วกบั ความปลอดภยั ใหเ้ สนอผูบ้ ังคับบัญชาหรือผู้เกย่ี วข้อง 6) พนักงานทุกคนตอ้ งใช้อุปกรณป์ ้องกันภยั ท่ีบริษทั ฯ จัดให้และแต่งกายให้รดั กมุ เหมาะสมกบั งานตลอด ระยะเวลาปฏิบัตงิ าน 7) พนักงานทุกคนตอ้ งไม่เสีย่ งกับงานทีย่ ังไม่เขา้ ใจหรอื ไม่แนใ่ จว่าท�ำอยา่ งไรจึงจะปลอดภัย 8) พนกั งานทกุ คนตอ้ งศกึ ษางานทปี่ ฏบิ ตั วิ า่ อาจเกดิ อบุ ตั เิ หตหุ รอื อนั ตรายใดทอี่ าจเกดิ ขนึ้ กบั ตนเองหรอื ผอู้ นื่ | อาชวี อนามยั และความปลอดภยั พ้นื ฐาน 21
3. องค์กรภาครฐั ท่เี กี่ยวข้องกับงานด้านอาชวี อนามัยและความปลอดภยั องค์กรภาครัฐในประเทศไทยมีส่วนอย่างมาก ในการพัฒนาระบบงานด้านอาชีวอนามัย ความปลอดภัย และสภาพแวดล้อมในการท�ำงานของประเทศเป็นอย่างมาก เช่น กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข และกรุงเทพมหานคร โดยหน่วยงานภาครฐั มบี ทบาทหลัก ได้แก่ การสนบั สนุนทางวชิ าการ และการให้บรกิ ารวชิ าการ การออกกฎหมายและบังคับใชก้ ฎหมาย 1). การสนับสนุนทางวิชาการและการให้บริการวิชาการ หน่วยงานภาครัฐมีบทบาทส�ำคัญในการ สนบั สนนุ ทางวชิ าการทางดา้ นอาชวี อนามยั และความปลอดภยั ในดา้ นตา่ งๆ เพอ่ื ใหก้ ารดำ� เนนิ งานดา้ นความปลอดภยั สามารถดำ� เนินไปได้ เชน่ 1. การให้บริการฝึกอบรมด้านอาชีวอนามยั ความปลอดภยั และสภาพแวดลอ้ มในการท�ำงาน 2. การจดั สมั มนาวิชาการ เพอ่ื พัฒนาองค์ความร้ดู า้ นอาชวี อนามัยและความปลอดภัย 3. การจัดนทิ รรศการดา้ นอาชีวอนามยั และความปลอดภยั 4. จดั ทำ� เอกสารทางวิชาการ เพ่ือให้ความร้ดู ้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย 5. การใหบ้ รกิ ารตรวจวดั ดา้ นสุขศาสตรอ์ ตุ สาหกรรมและความปลอดภยั 6. การใหบ้ รกิ ารตรวจสุขภาพตามปจั จยั เสี่ยง 7. การพฒั นางานวิจยั เพ่อื สอดรับกบั การพฒั นางานดา้ นอาชีวอนามยั และความปลอดภยั 8. การพฒั นาหลักสตู รการเรยี นการสอนดา้ นอาชีวอนามยั และความปลอดภยั 9. การให้ค�ำปรึกษาดา้ นตา่ งๆ ด้านอาชีวอนามยั และความปลอดภยั 2). การออกกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมาย หน่วยงานราชการเป็นหน่วยงานหลักท่ีออกกฎหมาย เพื่อใหห้ น่วยงานท่ีเกย่ี วขอ้ งท้ังหมด ไม่ว่าจะเปน็ หนว่ ยงานภาครฐั หรือเอกชนมีการด�ำเนนิ การตามขอ้ กำ� หนดท่ีถกู กำ� หนดไวใ้ นกฎหมายนน้ั ๆ โดยการออกกฎหมายของประเทศไทยมหี ลายระดับ ดงั ต่อไปนี้ 1. รัฐธรรมนูญ 2. พระราชบญั ญัติประกอบรัฐธรรมนูญ 3. พระราชบญั ญตั ิ 4. พระราชกำ� หนด 5. พระราชกฤษฎกี า 6. กฎกระทรวง 7. ประกาศกระทรวง ระเบียบกระทรวง ระเบียบกรม 8. ขอ้ บัญญตั ิทอ้ งถ่ิน เม่ือมีการออกกฎหมายแล้ว หน่วยงานราชการจะมีบทบาทที่ส�ำคัญอีกประการหน่ึงได้แก่ การตรวจ สอบหรือการบังคับใช้กฎหมายขององค์กรต่างๆ ว่าได้มีการปฏิบัติตามกฎหมายท่ีบัญญัติไว้ครบถ้วนและถูก ต้องหรือไม่ ถา้ หน่วยงานใดฝา่ ฝืนหรือไมป่ ฏิบัติตาม หน่วยงานนน้ั อาจถกู ถกู ลงโทษในรูปแบบตา่ งๆเช่น การปรับ เงนิ การจำ� คุก หรือท้ังจ�ำทง้ั ปรับ ในกรณที ่มี ีความเสยี่ งร้ายแรงอาจใหม้ กี ารปิดสถานประกอบการ เปน็ ตน้ 22 | อาชวี อนามยั และความปลอดภัยพื้นฐาน
3.1 กระทรวงงาน Ministry of Labour [5,6] เป็นหน่วยงานหลักท่ีมีบทบาทส�ำคัญในการดูแลด้านแรงงานของประเทศ โดยงานด้านอาชีวอนามัย ความปลอดภัยและสภาพแวดล้อมในการท�ำงาน อยู่ภายใต้การด�ำเนินงานของกลุ่มภารกิจด้านประกันความม่ันคง ในการท�ำงาน โดยมีหน่วยงานท่ีมีหน้าที่ดูแลงานด้านนี้โดยตรง คือกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรรงงาน แผนผัง โครงสรา้ งกระทรวงแรงงาน แสดงใน รปู ท่ี 2 - 1 รปู ท่ี 2 – 1 แผนผงั โครงสร้างกระทรวงแรงงาน กระทรวงแรงงานมีวิสัยทัศน์ในการด�ำเนินงาน คือเป็นองค์กรหลักในการสร้างแรงงานสมานฉันท์ มั่นคง และปลอดภัย โดยประกอบด้วยพันธะกจิ ในการดำ� เนินงาน 4 ด้าน ได้แก่ 1) ก�ำหนดและพฒั นามาตรฐานแรงงานให้สอดคล้องกบั มาตรฐานสากล 2) ก�ำกบั ดแู ลการคมุ้ ครองแรงงานใหเ้ ปน็ ไปตามกฎหมาย 3) ส่งเสริมและพัฒนาการคุ้มครองแรงงาน ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการ ทำ� งาน แรงงานสมั พนั ธ์ สวัสดกิ ารแรงงาน และมาตรฐานแรงงานไทย 4) พัฒนาระบบบรหิ ารจัดการของกรม กระทรวงแรงงานได้ด�ำเนินการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการและอ�ำนาจหน้าท่ีของกรมสวัสดิการและ คมุ้ ครองแรงงานใหม่ โดยรวมภารกจิ ของกองตรวจความปลอดภยั และสถาบนั ความปลอดภยั ในการทำ� งาน จดั ตงั้ เปน็ ส�ำนักความปลอดภัยแรงงาน เพื่อให้การบริหารจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อม ในการท�ำงานเป็นระบบและมีประสิทธิภาพย่ิงขึ้น เพ่ิมความคล่องตัวในการให้บริการ โดยกระจายภารกิจลงสู่ศูนย์ ความปลอดภัยแรงงานพน้ื ท่ี ลดความซับซอ้ นในการท�ำงาน มงุ่ เนน้ การมสี ่วนร่วมของภาคเี ครือขา่ ย และเพ่อื รองรบั การเป็นเจ้าภาพหลักขับเคลื่อนระเบียบวาระแห่งชาติ “แรงงานปลอดภัยและสุขภาพอนามัยดี” ให้บรรลุผล สัมฤทธิ์ โดยการจดั ตั้งส�ำนกั ความปลอดภัยแรงงานน้ไี ด้ประกาศลงในราชกจิ จานเุ บกษาและมผี ลบงั คับใชต้ ั้งแตว่ นั ท่ี 11 ธนั วาคม 2552 โดยส�ำนกั ความปลอดภัยแรงงาน มีอ�ำนาจหนา้ ทดี่ งั ตอ่ ไปนี้ 1) ก�ำหนดและพฒั นามาตรฐานความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำ� งาน 2) ควบคุมดูแลนายจ้างและลูกจ้าง รวมท้ังบุคคล นิติบุคคล หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ปฏิบัติตาม กฎหมายเก่ยี วกับความปลอดภยั อาชวี อนามัย และสภาพแวดล้อมในการท�ำงาน 3) ด�ำเนินการเก่ียวกับการอนุญาต การข้ึนทะเบียน และก�ำกับดูแลมาตรฐานการให้บริการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำ� งาน | อาชวี อนามัยและความปลอดภยั พืน้ ฐาน 23
4) พัฒนาระบบการคุ้มครองความปลอดภัยแรงงาน มาตรการ และวิธีปฏิบัติด้านการตรวจความ ปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำ� งาน 5) พัฒนาระบบสารสนเทศความปลอดภยั อาชีวอนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการท�ำงาน 6) ศึกษา วิเคราะห์ วิจัย ส่งเสริม และพัฒนาเกี่ยวกับความปลอดภัย อาชวี อนามยั และสภาพแวดล้อม ในการทำ� งาน 7) สง่ เสรมิ และพฒั นาเครอื ข่ายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการท�ำงาน 8) ปฏบิ ัตงิ านร่วมกับหรอื สนับสนนุ การปฏิบัตงิ านของหน่วยงานอื่นที่เก่ียวข้องหรือทไ่ี ด้รับมอบหมาย สำ� นกั ความปลอดภยั แรงงาน [6] ไดก้ ระจายการด�ำเนนิ งานไปส่สู วนภูมภิ าค เพือ่ ให้การด�ำเนนิ งานดา้ น ความปลอดภัยอาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการทำ� งานมกี ารพฒั นาอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง โดยมีการจดั ต้งั ศูนยค์ วาม ปลอดภยั กระจายไปทั่วประเทศทัง้ สิน้ 12 ศนู ย์ ได้แก่ 1) ศูนย์ความปลอดภยั แรงงานพ้ืนท่ี 1 (เขตตลง่ิ ชัน กรงุ เทพมหานคร) 2) ศนู ย์ความปลอดภยั แรงงานพ้ืนท่ี 2 (เขตมีนบรุ ี กรงุ เทพมหานคร) 3) ศูนย์ความปลอดภยั แรงงานพน้ื ท่ี 3 (จงั หวัดล�ำปาง) 4) ศนู ยค์ วามปลอดภัยแรงงานพ้ืนท่ี 4 (จังหวดั นครสวรรค)์ 5) ศนู ย์ความปลอดภยั แรงงานพน้ื ที่ 5 (จงั หวดั อยธุ ยา) 6) ศูนยค์ วามปลอดภยั แรงงานพื้นท่ี 6 (จังหวดั ราชบรุ )ี 7) ศนู ย์ความปลอดภยั แรงงานพ้ืนที่ 7 (จังหวัดชลบุร)ี 8) ศูนย์ความปลอดภัยแรงงานพน้ื ที่ 8 (จังหวดั สมุทรปราการ) 9) ศนู ย์ความปลอดภัยแรงงานพ้นื ที่ 9 (จงั หวดั อุดรธานี) 10) ศนู ยค์ วามปลอดภัยแรงงานพืน้ ท่ี 10 (จงั หวัดนครราชสีมา) 11) ศนู ย์ความปลอดภยั แรงงานพ้ืนที่ 11 (จงั หวัดสรุ าษฎร์ธานี) 12) ศนู ยค์ วามปลอดภยั แรงงานพนื้ ที่ 12 (จังหวัดสงขลา) หน่วยงานของกระทรวงแรงงานในส่วนภมู ภิ าคทีส่ ำ� คญั อกี หนง่ึ หนว่ ยงาน ไดแ้ ก่ ส�ำนักงานสวัสดกิ ารและ คุ้มครองแรงงานจงั หวัด ซึง่ มีครบทุกจังหวัด เป็นหนว่ ยงานทม่ี ีความส�ำคญั คือ ใหบ้ รกิ ารวิชาการและใหค้ �ำปรึกษา ดา้ นแรงงานรวมทง้ั เกบ็ รวมรวมรายงานทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั การด�ำเนนิ งานดา้ นความปลอดภยั ทกุ สถานประกอบการ เชน่ รายงานการปฏบิ ัตงิ านของเจา้ หน้าท่ีความปลอดภัยระดบั วชิ าชพี (จปว.) ที่สถานประกอบการตอ้ งสง่ ทุกๆ 3 เดือน รายงานการซ้อมอพยพหนไี ฟ รายงานการตรวจสขุ ภาพประจำ� ปี เป็นตน้ 3.2 กระทรวงอุตสาหกรรม Ministry of Industry [7] กระทรวงอตุ สาหกรรมเปน็ อกี หนง่ึ กระทรวงทมี่ บี ทบาทสำ� คญั ในการพฒั นางานดา้ นอาชวี อนามยั ความปลอดภยั และสภาพแวดล้อมในการท�ำงานเป็นอย่างมาก โดยกระทรวงอุตสาหกรรมนี้มีบทบาทหน้าท่ีในการดูและความ ปลอดภัย โดยจะเน้นในเรื่องของอาคารสถานที่ เคร่ืองจักร และอุปกรณ์การท�ำงานต่างๆ กระทรวงอุตสาหกรรม มีส่วนราชการระดับกรมในสังกัดรวม 8 หน่วยงาน โดยจัดเป็น 3 กลุ่มภารกิจ ได้แก่ กลุ่มภารกิจด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม กลุ่มภารกิจด้านก�ำกับตรวจสอบกระบวนการผลิต และกลุ่มภารกิจด้านส่งเสริมอุตสาหกรรมและผู้ ประกอบการ ดังน้ี 1. ส�ำนกั งานรฐั มนตรกี ระทรวงอุตสาหกรรม 2. สำ� นกั งานปลดั กระทรวงอตุ สาหกรรม 24 | อาชีวอนามัยและความปลอดภัยพ้ืนฐาน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264