Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือมรดกธรรม เล่ม ๒

หนังสือมรดกธรรม เล่ม ๒

Published by koranis9, 2020-11-10 19:48:55

Description: หนังสือมรดกธรรม เล่ม ๒

Search

Read the Text Version

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทมุ วนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เล่มที่ ๒ คำนำธรรม “คนตำ่ งจงั หวดั มีควำมทุกข์กำย แตม่ คี วำมสขุ ใจ ในขณะทคี่ น กรงุ เทพฯ มีควำมสุขกำย แตก่ ลบั มีควำมทุกข์ใจกันมำก ดังนนั้ จึงควรสร้ำงที่พักทำงใจขน้ึ ในกลำงกรงุ ” พระราชดารัสส่วนหน่ึงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช พระบรมนาถบพิตร ผู้ทรงพระคุณอัน ประเสริฐ เมื่อครั้งเสด็จพระราชดาเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนาง เจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในงานพระราชพิธีทอดผ้าพระกฐิน พระราชทานแดพ่ ระสงฆ์วัดปทุมวนาราม ปพี ทุ ธศกั ราช ๒๕๓๕ ในปีพุทธศักราช ๒๕๖๑ คณะสงฆ์วัดปทุมวนารามได้ทา สัญญาเช่าพ้ืนที่ศาลาพระราชศรัทธาและสวนป่าจากสานักงาน ทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ และได้ปรับปรุงสิ่งปลูกสร้างบางส่วน พร้อมทั้งพื้นท่ีโดยรอบเพ่ือให้สอดคล้องและรองรับกับกิจกรรม ต่างๆ ตามนโยบายของคณะสงฆ์วัดปทุมวนาราม โดยยึดหลักการ และแนวทางกิจกรรมทุกอย่าง เพ่ือสืบสานพระราชปณิธานธรรม อันมีค่าแห่งหิตานุหิตประโยชน์ แก่พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย และ เพื่อราลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระองค์ท่านผู้ เสดจ็ สู่สวรรคาลัย ดังนั้น คณะสงฆ์พร้อมด้วยอุบาสก และอุบาสิกาวัดปทุม วนาราม จึงได้จัดกิจกรรมสานต่อปฏิปทาพระกรรมฐาน สืบสาน พระราชศรัทธา พระราชปณิธานธรรมเพื่อน้อมถวายเป็นพระราช กุศล ด้วยการกราบนิมนต์พระเถราจารย์ฝ่ายอรัญวาสี มาบรรยาย ธรรมทุกเดือน ท่ีศาลาพระราชศรัทธา เพื่อเป็นการฟื้นฟูและดารง ๑

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทมุ วนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ที่ ๒ รักษาไว้ซึ่งปฏิปทาจริยาวตั รอันดีงาม ท่ีบูรพาจารย์วัดปทุมวนาราม ได้นาพาประพฤติปฏิบัติมา ในแต่ละเดือนก็ได้รับความเมตตาจากพระเถรานุเถระ ผู้ ปฏบิ ตั ิตามปฏปิ ทาพระกรรมฐานสาย หลวงป่มู ั่น ภรู ทิ ัตตมหาเถระ, หลวงปู่ชา สุภัททมหาเถระ ฯลฯ ดังมีรายนามและคาสอนท่ีปรากฏ ในหนังสือเล่มน้ี ทั้งองค์ความรู้ แนวทางการปฏิบัติ รวมท้ังข้อวัตร ในการดาเนินชีวิตของความเป็นพระท่ีได้รับการพร่าสอนมาจาก พระอุปัชฌาย์และพระอาจารย์ พร้อมกับประสบการณ์ตรงที่ได้ลง มือปฏิบัติตามหลักคาสอนของพระพุทธชินสีห์สัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ ถ่ายทอดเป็นคาพูดและบันทึกรวบรวมไว้ในหนังสือมรดกธรรมเล่ม น้ี ผู้อ่านสามารถปลูกศรัทธา ทาความเข้าใจ สร้างกาลังใจ และน้อมนาไปปฏิบัติในชีวิตประจาวันได้ก็จักสาเร็จประโยชน์แห่ง ตนตามสมควรแก่ธรรมท่ีตนได้ประพฤติปฏิบัติ ขออนุโมทนาใน ความวิริยะอุตสาหะของท่านผู้มีจิตศรัทธาในการรวบรวมและ จัดพิมพ์หนังสือมรดกธรรม ศาลาพระราชศรัทธาในครั้งน้ี และขอ ความสขุ ความเจริญจงมีแกท่ กุ ทา่ นเทอญฯ พระธรรมธัชมนุ ี ประธานบริหารศาลาพระราชศรัทธา เจา้ อาวาสวัดปทมุ วนาราม ๒

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วดั ปทมุ วนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เล่มที่ ๒ สำรบญั หน้า คานาธรรม ๑-๒ ๑. หลวงพอ่ ทองจันทร์ พุทธญาโณ ๔ - ๔๐ ๒. พระราชภาวนาวกิ รม (เลย่ี ม ฐิตธมั โม) ๔๑ - ๖๕ ๓. หลวงพอ่ ฟิลลปิ ญาณธัมโม ๖๖ – ๑๐๔ ๔. หลวงปู่บุญมี ธัมมรโต ๑๐๕ - ๑๕๓ ๓

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วัดปทมุ วนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ที่ ๒ หลวงพ่อทองจันทร์ พุทฺธ ำโณ สำนกั สงฆห์ ุบเขำผำจันทร์ ต.วงั กะทะ อ.ปำกช่อง จ.นครรำชสีมำ แสดงเมอ่ื วันอำทติ ย์ท่ี ๑๔ ตุลำคม ๒๕๖๑ ณ ศำลำพระรำชศรัทธำ วัดปทมุ วนำรำม รำชวรวหิ ำร ขอเจริญสุข เจริญธรรม ผู้สนใจใฝ่ศีล ใฝ่ธรรม ใฝ่บุญ ใฝ่ กุศลทั้งหลาย ไม่ต้องต้ังนะโมหรอกเนาะ อยากจะให้ตั้ง มโน – นะ โม นั่น ครูบาอาจารย์ท่านตั้งมาตลอด ไม่ว่าองค์ไหน องค์ไหน จะ เทศนาธรรม แสดงธรรม ท่านก็ต้ังนะโม แต่อาตมาอยากจะให้ตั้ง มโน – มโนคือใจ อยากใหต้ ้งั ใจฟงั ถ้าใจไม่ตง้ั แลว้ มนั จะเอาธรรมะ ใสไ่ มไ่ ด้ ใสเ่ ขา้ ไปไม่ได้ เหมือนกระเป๋าโยมมนั ควา่ อยู่ เหมือนตะกร้า โยมมันคว่าอยู่ เอาอะไรใส่ มันก็ไม่ได้ ไม่อยู่ อันน้ีใจก็เหมือนกัน มโนคือใจ ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน อยากให้ตั้งใจ ต้ังได้หรือยัง ๔

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วัดปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ท่ี ๒ หมื อาตมาไม่ตอ้ งต้งั นะโม ใหโ้ ยมตั้งมโน ตั้งกันทุกคนแล้วเนาะ ถา้ ตั้งใจแล้ว ตั้งใจฟัง แม้ผู้เทศน์ ผู้แสดงจะไม่เก่ง แต่ถ้าโยมฟังเก่งก็ สามารถที่จะเข้าถึงธรรมได้ แม้ครูบาอาจารย์องค์แสดงจะเก่งขนาด ไหนก็ตาม แต่ถ้าคนฟังไม่เก่ง ก็ไม่เข้าใจ ไม่ได้ประโยชน์ ฉะน้ัน อยากให้โยมเป็นผู้ฟังท่ีดี เป็นผู้ฟังที่เก่ง เพราะอะไร เพราะอาตมา พูดไม่เก่ง เทศน์ไม่เก่ง ท่านอาจารย์มหาขอไมค์ด้วย ไมค์ตัวนั้นมัน พูดเก่ง ไมค์ตัวนี้ไม่เก่ง ขอไมค์ตัวน้ันหน่อย ต้องหาตัวช่วยเนาะโยม เนาะ ขอไมค์มาช่วยท่านก็ไม่ให้ ก็ต้องเอาตามอตั ภาพ มนั เหนอื่ ย ๆ ยงั ไง ไมค์ตวั น้นี ะ พระกิตตสิ ำรสธุ ี ไมค์ตัว นั้น สาหรับนักเทศน์ โดยเฉพาะเลยครบั หลวงพ่อทองจันทร์ อ่อ เราไม่ใช่นักเทศน์ มันเลยไม่ เข้าเกรดกันเนาะ อา่ เอาตัวใหม่ มา มันเหน่ือย มันเหนื่อย มันดี เกินสาหรับเรา หรือว่าผู้ฟัง ฟัง ได้ไหม ฟังชัดเจนดีไหม ตัวเมื่อ เช้าน้ีนะ พูดดี พูดนุ่มดี ไม่ เหน่ือย ไม่เหน่ือย ขอตัวช่วย หนอ่ ย พระกติ ตสิ ำรสธุ ี คงจะอยู่ท่ีคนจัดครับผม หลวงพ่อทองจนั ทร์ เมื่อเช้าน้ี พูดแล้วอ่ิม อ่ิมใจ อ่ิม เสียงตัวเอง อิ่มคาพูด นะ เอ่อ ลอง เปลยี่ นดู ๕

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วดั ปทมุ วนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เล่มท่ี ๒ พระกติ ติสำรสธุ ี เพราะว่าไมค์ดี ๆ เป็นไมค์ เฉพาะบุคคล เจ้าหน้าที่ถือกลับ หลวงพ่อทองจนั ทร์ กุฏิ พอเทศน์เสร็จแล้วก็ใส่ย่าม พระกติ ตสิ ำรสุธี ถอื กลับกุฏิ คอื ไมค์มคี วามสาคัญ หลวงพอ่ ทองจันทร์ ขอเพ่ิมเติมญาติโยมหน่อยว่า บางทีเขาว่าไมค์ปราบเซียน นี่ ไมค์ไม่ถึงคนพูดเนี่ย พูดไปไม่ถึง ชั่วโมง มันดดู เสยี ง เสียงจะแหง้ โอ้! ไม่ทราบนะเนี่ยว่าวัดปทุม จะมีไมค์ปราบเซียนเทศน์ มีไมค์ ปราบนักเทศน์ มาทีหลังต้องพก ของขลงั มาดว้ ย มากนั ไมค์ หลวงพอ่ ต้องพกมาดว้ ยครบั อ้าว เข้าเร่ืองหนอ พูดอย่างนี้ก็ เ พื่ อ ดึ ง ค ว า ม ส น ใ จ ญ า ติ โ ย ม เหมือนกันนะแหละ ที่พูดกับ ท่านอาจารย์มหาฯ ท่านบัดนี้ มาถึงภาคบ่าย เป็นวาระที่ อาตมาจะได้ปรารภธรรมะ ท่ี อาตมาเคยปรารภอยู่เสมอ ก็คือ นานาสาระธรรม นานาสาระ ธรรม – ทุกคาพูด ทุกเรื่องราว ย่อมมีสาระอยู่ในน้ัน แม้จะพูด เล่น ๆ หัว ๆ แต่ว่ามันมีสาระ ๖

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วดั ปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เล่มที่ ๒ อันนี้เป็นสานวนของพระป่า – พระที่ไม่ได้เจนจัดทางตารานะ พูดออกมาจากใจ ไม่ได้เตรียม ตัว ไม่ได้คิดว่าไปทีน่ ั่นจะต้องพูด เรือ่ งนน้ั ยกเรือ่ งนั้น ไม่ไดเ้ อามา คิดไว้ล่วงหน้า เอาสถานการณ์ เ ห ตุ ก า ร ณ์ ปั จ จุ บั น เ อ า เหตุการณ์สิ่งแวดล้อม เอาผู้ฟัง เป็นเหตุ แล้วก็ปรารภไปตาม เหตุนั้น สูตรน้ีหลวงปู่ชา ได้ ปลกู ฝังนิสยั มา หลวงปู่ไม่มหี ลักสูตรสอนลูกศษิ ย์ เอำลูกศิษยเ์ ป็นเหตุ เป็น อุเทศท่ีจะให้ท่านอบรมธรรมะ อบรมข้อวัตรปฏิบัติ เอาความ บกพร่องของลูกศิษย์เป็นหลัก ฉะนั้น ท่านจึงพูดไปตามธรรมชาติ สอนไปตามธรรมชาติ ฉะนนั้ อาตมาในฐานะเป็นลูกศิษย์ เคยอยู่กับ ท่านมา ก็เจริญรอยตาม ในงานน้ี กส็ บื สานงานปฏบิ ตั ธิ รรมของพระ ป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่ม่ัน เพอื่ สบื สานงานปฏิบัติตอ่ วดั นีห้ ลวงปู่ ม่ันก็เคยมาอยู่ ปฏิบตั ธิ รรมจาพรรษา กฏุ ิหลวงป่กู ย็ งั อยู่ทางนู้น อนั นี้ก็ว่าย้ายมาตรงข้างๆ ทางท่ีจะเข้ามาน่ี กุฏิทาสีเขียว ๆ หน่อย น่ัน แหละ ถ้าใครไม่รู้ ใครไม่เห็นไปกราบตรงน้ันก็ได้ น่ันแหละ คือ รอ่ งรอยของหลวงปมู่ นั่ บางทีเราอาจจะไม่รู้ เดินผ่านไป ผ่านมาเข้าออก อันนี้ต้อง อาศัยการบอกเล่า เหมือนอาตมาเคยไปวัดป่าสุทธาวาส หลวงปู่สิม ท่านปรารภว่า ถ้าอยากกราบตรงประทีปประชุมเพลิงของหลวงปู่ ๗

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วดั ปทมุ วนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ที่ ๒ ม่ัน ก็ให้ไปกราบที่โบสถ์ ตรงท่ีโบสถ์เป็นท่ีประชุมเพลิงของหลวงปู่ มน่ั ท่พี ิพธิ ภณั ฑ์น้นั สรา้ งข้นึ ใหม่ เป็นท่เี ก็บอฏั ฐบรขิ าร ท่ีเกบ็ อัฐิ แต่ ตรงประชุมเพลิงจริงๆนั่น อยู่ตรงโบสถ์ อาตมากจ็ าไว้ เวลาไปวดั ป่า สุทธาวาส สกลนคร ไปกราบโบสถ์ ท่ีตรงโบสถ์แล้ว น้อมระลึกถึง หลวงปู่มั่น น้อมระลึกอย่างไร เมื่อเรากราบลงไป หลับตาลงไป เหมือนเราสร้างมโนภาพนิมิตว่า เหมือนหลวงปู่ม่ันยืนอยู่ตรงหน้า เรา เรากราบเท้าท่าน เมื่อเรากราบเท้าท่าน แล้วความรู้สึกเราจะ เปน็ ยงั ไงน่ะ มันถึงจิตถึงใจ หรือแม้เราจะกราบพระประธ าน พระพุทธเจ้า พระพุทธรูป เราก็น้อมนึกว่าท่านยืนประทับอยู่ แล้ว เรากราบตรงหลังเท้าท่าน แล้วความรู้สึกมันจะลึกลงไปอีก ควำม ประชุมพร้อมของสติ ของสมำธิ มันจะมีความสาคัญข้ึน ดีกว่าเรา กราบไม่มีจุดหมายอะไร เราเงยหน้าขึ้นก็เหมือนเรามองต้ังแต่พระ พกั ตรข์ องทา่ น ยันฝเี ทา้ แลว้ กก็ ราบลง ลองดู ลองดูวิธีน้ีดู นะ ความ ปีติอาจจะบังเกดิ ขึ้น ขนพองสยองเกลา้ ขนลกุ ขนพองก็ได้ อนั น้เี ม่ือ หลวงปสู่ มิ ปรารภอย่างน้นั กห็ วนไป หวนระลึกถึงวัดหนองป่าพง ปี ๒๕๑๗ โยมแม่หลวงปู่ชาเสียชีวิต ละสังขาร เป็นแม่ชี ท่านก็ประชุมเพลิงตรงกลางวัดหนองป่าพง เสร็จแล้วก็สร้างโบสถ์ เสร็จแล้วก็รวมลูกศิษย์ลูกหามาสวดถอด สวดถอนสร้างอุโบสถ แม่ เป็นผใู้ ห้กำเนิดเกดิ ผมมำ ผมก็จะเอำทต่ี รงนี้เป็นทกี่ ำเนิดเกิดภิกษุ สำมเณร ครูบาอาจารย์ท่านชอบ ชอบจะทาอะไรท่ีมีความหมาย เออ มีความหมาย แม่ให้กาเนิดเกิดผมมา ผมก็จะเอาท่ีตรงน้ีเป็นท่ี เกิดของภกิ ษสุ ามเณร ในทสี่ ุดก็วางศลิ าฤกษส์ ร้างโบสถ์ตรงนั้น บวช พระบวชเณร สืบสานงานพระศาสนามาหลายท่านหลายองค์ พวก ๘

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วัดปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เล่มท่ี ๒ อาจารย์ชยสาโร อาจารย์จันทร์ดี อาจารย์คเวสโก อาจารย์ไหน หลายองค์ บวชท่นี น่ั ลกู ศิษย์รุ่นหลงั แต่อาตมาบวชก่อนปีหนึ่ง อาตมาบวชปี ๑๖ หลวงปู่เลย ไม่ได้เป็นอุปัชฌาย์ เราเป็นนาค เป็นผ้าขาวอยู่ ก็ไปบวชท่ีสีมา ที่ อุโบสถตามวัดบ้าน นี่ อันน้ี สถานที่นี่ ก็เหมือนกัน เมื่อวานน้ี ค่า วานนี้ หลวงพ่ี หลวงพ่อท่านเจ้าคุณ ชัยทวี พระเทพญาณวิศิษฏ์ ท่านก็ได้ปรารภถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ เคย เสด็จมา และเคยมาเข้าไปในถ้า ตรงข้างหลังมันมีถ้าอยู่ แต่มีถ้าอยู่ ถ้ากส็ รา้ งเอานะแหละ ไม่ใช่ถ้าธรรมชาติ เป็นถา้ เป็นอะไร สรา้ งเอา เพ่ือความวิเวก อยากอยู่คูหาอยากอยู่ถ้า ของหลวงพี่ เจ้าคุณมหา ถาวร หลวงพ่ีท่านเกิดก่อนอาตมาปีหน่ึง ท่านบวชก็บวชก่อนปีหนง่ึ ท่านเกิดปีมะโรง อาตมาเกิดปีมะเส็ง ก็รักใคร่สนิทสนมกัน เหมือนกัน จึงได้ก่อเกิดศาลาพระราชศรัทธาขึ้น เม่ือมาแล้วทาให้ เกิดศรัทธา ศรัทธาคอื ความเชือ่ ความเลื่อมใส ในทส่ี ดุ ก็มาสร้างเป็น ศาลา แล้ววันนี้ ก่อนท่ีจะขึ้นมาปรารภธรรมะ มาพบปะญาติโยม ก็ได้เดินเท่ียวชมบริเวณ ทัศนียภาพรอบ ๆ สวยงาม ร่มรื่น ไม่น่า เชื่อ ป่ากลางกรุง ป่ากลางกรุง ออกพ้นกาแพงวัดไป เป็นอีกโลก หน่ึง เมื่อเช้า ออกไปโรงพยาบาลตารวจ เป็นอีกโลกหน่ึง พอเข้ามา นี่ เป็นอีกโลกหนึ่ง ป่ากลางกรุง ไม่น่าเชื่อว่าจะมีสถานที่แบบนี้ อยู่ ในกลางป่า กลางกรุง แล้วพระ ทั้งพระท้ังโยมก็มาปฏิบัติกรรมฐาน ธดุ งควัตร ถอื ธดุ งควัตร เนสชั ชกิ ังคธดุ งค์ พากันปฏิบัติอยา่ งอุกฤษฏ์ ถือศีลปฏิบตั ิธรรม ฉลองสนองศรัทธา ถวายเป็นพระราชกุศล แผจ่ ติ แผใ่ จ แผ่บญุ แผ่กศุ ล อุทิศในหลวงรัชกาลท่ี ๙ ครบรอบวันสวรรคต ๙

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วดั ปทุมวนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เล่มท่ี ๒ ของท่าน ปีนี้โชคดีจริง ๆ อาตมาก็ได้มาร่วมด้วย ไม่คิดว่าจะได้มา ร่วมงานสาคัญแบบนี้ ได้มาพบผู้ใฝ่ศีล ใฝ่ธรรม มากมายมาก หลากหลายนะ จึงขอช่ืนชมยินดีท่านทั้งหลาย ท่ีมาทากายของตน ให้เป็นดอกพุทธชาติ เป็นดอกพุทธธรรม ให้เบ่งบาน อยู่ท่ัวพุทธ สถาน ลานพระธรรมแห่งนี้ มานุ่งขาวห่มขาวถือศีลปฏิบัติธรรม ทั้ง ทอ่ี ยใู่ นสถานที่ อนั วนุ่ วาย แออัด ยัดเยยี ด แคโ่ รงพยาบาลตารวจใช้ เวลาตัง้ ๒๐ นาที ๓๐ นาทีกว่าจะไปถึง มองเหน็ กันอยู่ ข้ามถนนไป ก็ได้ แต่ไปไม่ได้ น่ันคือโลกหนึ่ง อันนี้คือโลกหนึ่ง จะว่าเป็นพรหม โลกก็ได้ เพราะโยมมาสมาทานศีลอุโบสถ ศีลพรหมจรรย์ ผู้ ประพฤติพรหมจรรยค์ ือผปู้ ระพฤติดง่ั พรหม ออกจากครอบจากครัว จากผัวจากเมีย มาต้ังอยู่ในพรหมจรรย์ มาต้ังอยู่ในความเป็นพรหม พรหมไม่มผี ู้หญิง ไมม่ ีผูช้ าย ผู้ที่ถือพรหมจรรย์ไม่ได้เก่ียวข้องเร่ืองครอบครัวผัวเมีย เป็นผูม้ ศี ลี บริสทุ ธิ์ นี่ ท่ีนีก้ ม็ เี ทวดาตนหนึ่ง มฤี ทธ์มิ เี ดช มาเนรมติ ผนื ป่าอันนี้ มาเนรมิตผืนป่า ให้เป็นป่ากลางกรุง ให้เป็นป่าแห่งศีลแห่ง ธรรม ให้เป็นแผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง แผ่นดินพี่ แผ่นดินน้อง ท่ีมี แต่ความสงบร่มเย็น เห็นแล้วช่ืนใจ เพียงแต่เข้ามาเท่านี้ ก็เกิด ความสุขแล้ว เห็นสิ่งแวดล้อม เห็นต้นไม้ ทัศนียภาพรอบ ๆ ทุก อย่างเอ้ืออานวยให้เกิดความสุขความสงบ บุคคลท่ีมาทา มาจัดมา สร้างมาทา ก็ให้ความสุขเป็นทาน ใครเข้ามาแล้ว มาเห็นแล้ว มี ความสุข บุคคลที่มาทานั้นก็ถือว่าให้ความสุขเป็นทาน ให้ความสุข เป็นทาน ไม่มีประมาณ หาทสี่ ดุ หาท่ีประมาณไม่ได้ อาตมาไปเดินดูหมดนะ เดินดูรอบ ๆ ไป ทุกสิ่งทุกอย่าง พร้อมท่ีจะให้เกิดความสุข ความสงบ ความร่มเย็น งั้นถ้าเราค่อย ๑๐

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วดั ปทุมวนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เล่มท่ี ๒ เดินไปเงียบ ๆ ไปคนเดียว ไม่ต้องพูดต้องคุยกัน ให้จิตของเรามัน กลืนผืนป่าธรรมชาติ ซึมซับเข้าไป ในทุกส่ิงทุกอย่างแล้วเราจะมี ความสุขความสงบอันเกิดจากสถานที่ ส่ิงแวดล้อม นี่ เขาเรียกว่า สัปปายะ เครื่องอานวยความสะดวกสบาย เป็นที่ผ่อนคลายหาย ทุกข์ ใครว่างเว้นเม่ือไร ออกจากที่ทางาน มาน่ังสงบจิตสงบใจ ตรง นี้ หรือมาเดินจงกรมในแนวป่า ช่วงที่อาตมาไปสารวจ โยมผู้หญิง ผูช้ ายมีนอ้ ย ปกตกิ ็มีนอ้ ยอยู่แล้ว ไปเดินจงกรมอยูน่ น่ั หาความสงบ หาความวิเวก นะ แต่ว่าบางทีมองไปแล้วก็เดินช้าเกินไป ไม่เป็น ธรรมชาติ เพราะอาตมาฝึกแบบธรรมชาติ ธรรมชาติ คอื เราจะตั้งสติ กาหนดไว้ที่ฝ่าเท้าเรา รับรู้ รับสัมผัสเวลาเราก้าวไปตามธรรมชาติ ไม่ต้องไปกดไปเกร็งมาก ไม่ต้องไปต่อเท้าต่อส้น บางทีมันล้มนะ ความทรงตัวไม่มี มันช้าเกินไป และขาเรามีน้อย ไม่ใช่กิ้งกือ ก้ิงกือ ไปช้าแต่ขามันเยอะ น่ี เรามี ๒ ขาน่ี เราไปซอยถี่มาก เดี๋ยวล้ม ล้ม แล้วไปโดนต้นไม้ โดนหินนะ จะบอกให้ ผู้ปฏิบัติต้องเข้ากับ ธรรมชาติและธรรมชาติเราเดินอย่างไร ขอให้เรามีสติ รู้ทุกก้าวย่าง รู้ทุกสัมผัส ขณะเดิน รู้ทุกสัมผัส เพียงแต่กาหนดสติ กาหนดดู กาหนดรู้อยู่แค่นั้น และปล่อยวางเร่ืองทุกอย่างจนกว่าเราจะพบ เงื่อนธรรม เดินไปพอสมควร เง่ือนธรรม อาตมาเคยไปศึกษากับ หลวงปู่วัน หลวงพ่อวัน อุตตโมที่ตกเครื่องบินมรณภาพไปท่ีลาลูก- กา หลายปีมาแลว้ นะ ทว่ี ัดถา้ อภัยดารงธรรม สกลนคร ก่อนท่ีจะไปที่นั่นก็มีเหตุเหมือนกัน เหตุไป ปี ๒๕๒๑ – ๒๕๒๒ หลวงพ่อชาได้นาพุทธศาสนาไปเผยแผ่ทางซีกโลกตะวันตก ทางอังกฤษ อเมริกา ฝรั่งเศส อาตมาก็ไปส่งท่านข้ึนเคร่ืองบินที่ ๑๑

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วดั ปทุมวนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ท่ี ๒ ดอนเมือง เม่ือหลวงพ่อข้ึนเครื่องก็ถือโอกาสกราบลาท่าน ในช่วง นั้น อาตมาก็เป็นพระอุปัฏฐากอยู่ ในเมื่อหลวงพ่อไปแล้ว ก็เป็น โอกาสท่ีเราจะไปศึกษาหาประสบการณ์ เมื่อส่งท่านเสร็จก็กราบลา ท่านไปอุดร ไปศึกษาธรรมะข้อวัตรอยู่กับหลวงตามหาบัว อยู่กับ อาจารย์สิงห์ทอง วัดป่าแก้วชุมพล อยู่กับอาจารย์หลวงพ่อวัน อุตต โม ที่ถ้าอภัยดารงธรรม พอไปศึกษาข้อธรรมกับหลวงพ่อวันก็ชอบ ใจ เพราะหลวงพ่อวันเป็นพระอุปัฏฐากหลวงปู่ม่ัน หลวงพ่อวันเป็น พระหนุ่ม หลวงตาทองคาก็เป็นพระหนมุ่ หลวงปูห่ ล้าเป็นพระมอี ายุ แล้ว ทา่ นมีครอบครัวแลว้ ถึงลาครอบครัวมาบวช แต่เป็นผ้มู ีศรทั ธา เกินร้อยเกินพัน และได้ดูแลอุปัฏฐากทุกเช้าทุกเย็น ส่วนหลวงตาม หาบัวท่านเล่าว่าท่านบริหารสั่งการท่ัว ๆ ไป ท่านไม่ได้ไปอยู่ อุปัฏฐากด้วย บางทีท่านก็ปลีกวิเวกไปองค์เดียวท่าน พวกน้ีก็อยู่ เป็นหลัก เมื่อรู้ว่าหลวงปู่วันเป็นพระอุปัฏฐาก หลวงปู่เพ็ง หลวงพ่อ เพ็ง วัดถ้ากลองเพลเป็นสามเณรอุปัฏฐาก เณรใหญ่ กับข้าวหุงหา อาหาร ต้มน้า ต้มน้าร้อนให้อาบ ให้สรง หลวงพ่อเพ็งตอนเป็น สามเณร ท่านไปเยี่ยมอาตมา ตอนอยู่สกลฯ ท่านปรารภให้ฟัง ช่วง ท่านยังแข็งแรง สมัยท่านเดินธุดงค์ มาเจอฝูงวัวป่า ฝูงควายป่า มา เจอเสือ มาเจออะไร พออาตมาไปอยู่ ก็หมดไปแล้วล่ะ ท่านก็มา ปรารภให้ฟัง ถึงได้รู้เรื่องราว ทีน้ีเมื่อไปอยู่กับหลวงพ่อวัน เราเป็น อาคันตุกะ ตอนนั้นก็ได้ ๕ พรรษา อายุก็ ๒๕ ปี ๕ พรรษา ตกบ่าย บ่าย ๒ โมงท่านจะออกจากกุฏิมา ท่านจะมาสรงนา้ สรงผา้ ลกู ศิษย์ ลูกหาก็องค์หนึ่งถูหลัง องค์หน่ึงถูเท้า รอเปล่ียนผ้าเปล่ียนผ่อน เช็ด ตงเช็ดตัวอะไร ทาข้อวัตร ทาอาจาริยวัตรให้ท่านเสร็จ ท่านจะฉัน ๑๒

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วัดปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เล่มที่ ๒ ของท่ีดีท่ีสุด ท่านฉันวันละ ๒ ขวด ๒ ขวด อาตมาจาได้ อะไรล่ะ ดี ทส่ี ดุ เปป๊ ซีด่ ีที่สุด อ้าว เมื่อก่อนเขาออกโฆษณาในวทิ ยุ เป๊ปซ่ดี ีที่สุด นะ ของดที ่ีสดุ ทา่ นจะฉนั เปป๊ ซ่ีทกุ วันเป็นประจา และลกู ศิษย์ลกู หา แยกย้าย ไปกวาดตาด ตีตาด อาตมาเป็นอาคันตุกะ ก็จะกราบ คลานเข้าไปกราบสนทนาธรรมนะ ถึงข้อวัตรปฏิบัติอะไรต่าง ๆ ถึง ส่ิงที่ขัดข้องอยู่ในใจ ท่านก็เมตตาเล่าให้ฟัง ปรารภให้ฟัง ปรารภให้ ฟัง แบบสบาย ๆ ง่าย ๆ ไม่มีพิธีรีตองอะไรนะ ฉันเป๊ปซี่ ใบปรมัตถ์ รู้จักใบปรมัตถ์ไหม ใบส้มลม โยมอยู่กรุงเทพฯ คงไม่มี ใบส้มลม ใบ บัวบก โยมแม่ชีก็จะตาข่า ตาตะไคร้ ตาพริก ใส่เกลือ ใส่อะไร ๆ ใส่ นา้ ตาล ใส่นา้ อ้อยบ้าง พอดี ๆ คุยดีนะ เสร็จแล้วก็สนทนากัน คุยเข้าใจกัน ขอโอกาสหลวงพ่อ ผม เป็นพระเล็กพระน้อย เอ่อ แต่ก็มีศรัทธ าเข้ามาบวชใน พระพุทธศาสนา ปฏิบัติยังไง จิตใจมันก็ไม่สงบ ไม่เหมือนองค์อื่น หมู่เพ่ือน จิตสงบเป็นอย่างโน้นอย่างน้ี เห็นนิมิตอย่างโน้นอย่างน้ี แต่ผมไม่เป็นอะไร แต่ผมก็มีศรัทธา เห็นโทษเห็นภัยในวัฏฏสงสาร เห็นโทษเห็นภัยในชีวิตครอบครัวของพี่ ๆ น้อง ๆ เขามีครอบครัว แต่ผมก็ไม่มีความสงบอย่างที่หมู่เพ่ือนว่า แต่ผมก็ตั้งใจบวช มอบ กายถวายชวี ติ ในพระพุทธศาสนา ท่านก็บอกเออ ดีแล้ว ความสงบก็ เอาเป็นประมาณไม่ได้ ลูกศิษย์ผมก็เหมือนกัน ว่าภาวนาดี สงบ อย่างนั้นสงบอย่างน้ี ได้นิมิตอย่างน้ันอย่างนี้ พอออกพรรษามัน มาลาสิกขาซะง้ัน อ้าว ภาวนาดี เห็นนิมิตโน้น นิมิตนี่ จิตสงบ แล้ว จะสึกไปหาห่า หาพ่อหาแม่มันเหรอ ดี ท่านเป็นผู้เห็นภัยในวัฏฏ- สงสาร ภิกษุผู้เห็นโทษเห็นภัยในวัฏฏสงสาร เออ เม่ือมีศรัทธาก็ดี แลว้ ตั้งใจภาวนา ใหศ้ ึกษาปรารภตวั เอง เมื่อได้รับโอวาทจากครูบา ๑๓

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วดั ปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เล่มท่ี ๒ อาจารย์แล้ว กลับไปให้เดินจงกรมภาวนา ศึกษาปรารภสิ่งท่ีได้ยิน ได้ฟังมา เอามาเดินจงกรม ให้สิ่งที่ได้ยินได้ฟัง มันเกิดข้ึนในจิตในใจ ของเรา ตอนที่ทา่ นพูดใหเ้ ราฟงั มันเปน็ ของทา่ น ท่านหยิบยน่ื ใหเ้ รา แต่เม่ือเราเอามาทาให้เกิดข้ึนมีขึ้นด้วยกำรภำวนำ ภาวะ ทาให้ เกิดขน้ึ มีขึ้นดว้ ยตนเอง ทีนี้มนั เปน็ ของเรา เมื่อมันเป็นของเราแล้ว จะเป็นบัณฑิตผู้ไม่มีความยากจน คือไมจ่ นด้วยปัญญา ไมจ่ นปญั ญาทีจ่ ะแก้ปัญหาอารมณ์จติ ใจตนเอง ภาวนาเข้าไป ศึกษาปรารภ ได้ยินโอวาทธรรมคาสอนครูบาอาจารย์ องค์ไหนก็ตาม ถ้าเอาศึกษาปรารภให้มันเกิดขึ้นมีข้ึนกับเราเอง มัน ก็จะอยู่กับเรา ถ้าไม่ศึกษาปรารภ ไปฟังเทศน์ องค์น้ีเทศน์เก่ง องค์ นี้เทศน์ดี ดีก็ดีของท่าน เสร็จแล้วก็แล้วไป ในเราไม่มีอะไร เมื่อเรา เอามาทาให้เกิดขึ้นมีขึ้นเป็นของเรา มันจะอยู่กับเราตลอดไป นะ ฉะน้ัน พระป่านี้ท่านจะสรรเสริญในการเดินจงกรม ทากุฏิก็ต้องทา ทางเดินจงกรม เพราะนั่นคือที่ทางานของพระกรรมฐาน พระ กรรมฐานไม่มีทางเดินจงกรม ก็เหมือนโยมไม่มีออฟฟิศทางาน ไม่มี ที่ทางาน ไม่มีห้องทางาน ท่านว่าอย่างนั้นนะ นี่ สูตรพระโบราณ ต้องมีทางเดินจงกรม ท่านเจ้าคุณมหาโส เราเนี่ย ท่านไปศึกษากับ หลวงป่กู อง ท่อี ุดร นู่น หลวงปูเ่ พียร วดั หนองกอง อดุ รฯ ท่านมาทา ทางเดินจงกรมไว้ทุกกุฏิ ทาแน่ะ สร้างท่ีทางานให้พระกรรมฐาน สร้างที่ทางานให้พระกรรมฐาน อืม ทุกกุฏิ ทุกท่ี ท่านไปทา เม่ือ ท่านไปอยู่ครูบาอาจารย์ท่ีไหนก็ตาม ท่ีหลวงปู่ลี ท่านก็ไปอยู่จา พรรษาด้วย ที่หลวงปู่เพียร ท่ีหลวงปู่อะไร ท่านไปหลายแห่ง ไป ศึกษาหาความรู้ หาประสบการณ์ ในท่ีสุดก็มาสืบสานงานพระ กรรมฐานที่ศาลาพระราชศรัทธา วดั ปทมุ วนาราม ๑๔

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วัดปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ท่ี ๒ อยา่ วา่ แตพ่ ระ โยมกเ็ หมือนกนั อาตมาเดนิ จงกรมมาตั้งแต่ เป็นโยม อายุ ๑๘-๑๙ ปี ใช้คันนา คันแทนา เพราะเราเป็นชาวนา ลูกชาวนา กถ็ ากหญ้าออก ก็เดินจงกรมทค่ี ันนา ทแี่ รกกเ็ ดนิ พทุ โธ ๆ ทุกก้าวย่าง แต่พอเดินไปเดินมา พุทโธจริง ๆ มันคือผู้รู้ มันคือ ควำมรู้ ควำมพิจำรณำอะไร ต่าง ๆ พอเดินไปอีกสักพัก ก็ อืม เดี๋ยวเอาวัวไปกินน้า เด๋ียวเอาควายไปกินน้า เด๋ียวเอาม้าไปอาบน้า เอ้ มันก็เป็นภาระหนอ นี่หนอ มันก็เกิดความรู้ขึ้นมาว่า มีวัวก็เป็น ทุกข์เพราะวัว มีควายก็เป็นทุกข์เพราะควาย มีม้าก็เป็นทุกข์เพราะ ม้า มีนาก็เป็นทุกข์เพราะนา มีอะไรก็เป็นทุกข์เพราะอันน้ัน เห็น ทุกข์เกิดขึ้นมาก่อนนะ ทุกขัง อริยสัจจัง ทุกข์เป็นความจริง มีขาก็ ปวดขา อ้าว มีขาก็ปวดขา มีหลังก็ปวดหลัง มีเอวก็ปวดเอว มีหัวก็ ปวดหัว มีท้องก็ปวดท้อง มีอะไรก็ มีแต่โรคภัยไข้เจ็บ มีแต่สิ่งท่ีเป็น ทุกข์ ..เห็นสังขารร่างกายนี้เป็นกองทุกข์ขึ้นมา พุทธศาสนาต้อง เกย่ี วขอ้ งกับทกุ ข์ ทกุ ขังอรยิ สจั จัง เหมอื นเราสวดเมื่อวาน เมอื่ คืนน้ี มแี ต่เร่ืองทกุ ข์ ถ้ำเห็นทุกข์ก็เห็นธรรม ผู้ใดเห็นธรรมผู้น้ันก็เห็นทุกข์ ผู้ใดเห็นทุกข์ผู้นั้นเห็นธรรม ถ้าเห็นแต่สุข มันไม่ใช่แล้ว ปฏิบัติเอา แต่สุข มันต้องพบทุกข์ก่อน พระพุทธเจ้าก็เกิดทุกข์ก่อน – ทุกขัง อริยสัจจัง ท่านยังตรัสเร่ืองอริยสัจ ๔ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เรา พอเจอทกุ ข์หน่อย เราไม่อยากได้ ไมต่ ้องการ เจอเวทนาหน่อย ก็ไม่ ต้องการแล้ว ทุกขเวทนา ก็ตามเวทนานี้ ไปหาความดับทุกข์ คนมา หาอาตมา โอ๊ย! ทายังไงหลวงพ่อ มันทุกข์มันยาก ไม่อยากเกิดมา อีก ไม่อยากเกิดอีก โถ มันไม่ใช่พูดเอาอย่างน้ัน ถ้าไม่อยากเกิด มัน ต้องเข้าใจเรื่องเกิด เร่ืองทุกข์ มันต้องเบื่อหน่ายในทุกข์ซะก่อน ใน ๑๕

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วัดปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ที่ ๒ พระสูตร ท่านเจ้าคุณฯ พาสวดเม่ือคืนน้ีก็มีสัพเพ สังขำรำ อนิจจำ ติ ยะทำ ปัญญำยะ ปัสสติ เม่ือใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่าสังขาร ท้ังปวงเป็นทุกข์ อถะ นิพฺพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยำ เม่ือนั้นย่อมเบ่ือหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ท่ีตนหลง นั่นแหละ เป็นทาง แห่งพระนิพพานอันเป็นธรรมหมดจด ปรารภเรื่องทุกข์ ถ้าเห็นทุกข์ในสกนธ์ร่างกาย แล้วเราถึง จะเบื่อหน่ายในอัตภาพร่างกาย จิตถึงจะไม่อยากมาถือเอาอัตภาพ ร่างกาย มาถือเอาความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย มา ถือเอาภพน้อย ภพใหญ่ มันต้องเบ่ือหน่ายในทุกข์ที่ตนหลงก่อน พระสูตรที่เราสาธยายเม่ือคืนน้ี มีแต่สูตรยอดธรรม อนัตตลักขณ- สูตร ธัมมจักกัปวัตนสูตร มีแต่สูตรยอด ๆ ธรรมทั้งน้ัน ท่ีเมื่อก่อนน้ี ผู้คนได้ยินได้ฟังแล้วเป็นพระอรหันต์ อัญญาโกณฑัญญะ ได้ดวงตา เห็นธรรม ได้เป็นสักขีพยานในการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็สูตรธัมมจักกัปปวัตนสูตรเม่ือคืนนี้ อาทิตตปริยายสูตร โยมก็สวด ได้ ก็สวดตามตาราเม่ือคืนนี้ ศึกษาบท ทาความเข้าใจ ถ้าเรามา ศึกษาตัวทุกข์ในตัวเรา มาค้นหาทุกข์ พูดมาถึงตรงน้ีก็ต้องมาวกไป วัดป่าสุทธาวาสอีก หาหลวงปู่สิม เมื่อก่อนวัดป่าสุทธาวาสเป็นศูนย์ รวมจิตใจ วัดป่าสุทธาวาสอยู่สกลนคร เป็นที่ประดิษฐานเจดีย์อัฐิ ธาตุ อัฏฐบริขาร องค์หลวงปู่มั่น หลวงปู่หลยุ ศษิ ยอ์ าจารยอ์ ย่ทู ีน่ ัน่ แต่กอ่ น เม่ือถึงวันมาฆบูชา ลูกศิษยล์ ูกหากจ็ ะไปรวมกันวัน บูรพาจารย์ วันบูรพาจารย์ ราลึกถึงหลวงปู่มั่น หลังจากนั้นหลวงปู่ สิมท่านก็วา่ องคน์ ั้นกต็ ิด องค์นก้ี ็ติด ทามาค้าทีว่ ัดตวั เอง กข็ อเล่ือน มาอกี ขอเล่ือนมาอีก เลยมาเอาวนั ทีเ่ ท่าไร อาตมากจ็ าไมไ่ ด้ เปน็ วัน บรู พาจารย์ พระเถระก็จะมาหมด หลวงปู่ออ่ น หลวงปู่ชอบ หลวงปู่ ๑๖

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เล่มท่ี ๒ เทสก์ หลวงปู่เหรียญ หลวงปู่อะไรมาหมดเลย หลวงตามหาบัว หลวงปู่ขาว มาเพ่ือราลึกถึงอาจารย์ มากราบสถานที่ประชุมเพลิง ของหลวงปู่มั่น และก็ประกอบศาสนกิจ ศาสนพิธี อุทิศส่วนกุศล ให้แก่ครูบาอาจารย์ในวันบูรพาจารย์ ในที่สุดก็คือการปฏิบัติบูชา กลางคนื กป็ รารภกนั ต้งั แตภ่ าคเชา้ ภาคบา่ ย ภาคค่าคืน ทนี ี้หลวงปู่ สิมก็มาพักกุฏิ ไม่ห่างจากพิพิธภัณฑ์เท่าไร คนก็ไปกราบไปไหว้ มี ส่ิงของไปถวาย พระเณรก็ไปกราบไปไหว้ เทียวขึ้นเทียวลง เราเป็น อาคันตุกะมา ก็ตามไป ไปกราบ แล้วก็อยู่ห่าง ๆ หน่อย พอพระ น้อยก็เข้าไปกราบใกล้ ๆ พอกราบใกล้ ๆ หลวงปู่เสรจ็ ด้วยความโง่ ด้วยความซ่ือ เม่ือกราบเสร็จแลว้ ก็ประนมมือข้ึน ขอโอกาส หลวงปู่ สขุ สบายดอี ยู่กระผม น่ดี ้วยความซื่อ ก็คดิ ว่าหลวงปู่ สบายดีอยู่ไหม แตห่ ลวงปู่ไม่ได้ตอบอย่างที่เราถาม หลวงปู่ก็จ้องมองหน้าอยู่ กุฏิก็เป็นอาสนะสงฆ์ เป็นพนัก เหมือนอาตมานั่งนี่แหละ ก็นั่ง ท่านก็ตอบว่า ในโลกนี้ท่านว่าท่ีไหน มันมีความสุข ผมเกดิ มา จนเฒา่ จนแกบ่ ัดนี้ ยงั ไมเ่ หน็ ความสุข “ถำ้ ท่ำนหำควำมสุข จะพบกับทุกข์ตลอดไป ถ้ำท่ำนค้นหำทุกข์ แล้ว ท่ำนจะนิพพำน” โอ๊ย อาตมาก็ก้มกราบด้วยความซื่อด้วยความโง่ หลวงปู่ก็เลยเอาธรรมะโปะหัวให้ ต้ังแต่นั้นเป็นต้นมา ต้ังแต่ปี ๒๕๒๓ จนถึงป่านน้ี ยังไม่กล้า ถ้าโยมหรือพระมาถาม ท่าน อาจารย์สบายดีไหม หลวงพ่อสบายดีไหม ไม่กล้าพูดว่าสบายดี เพราะ คาพูดหลวงปู่ยังก้องอยู่ ก็จะตอบ เออ พออดทนได้ตาม อัตภาพ พออดพอทนได้ เออ สบายดี เออ สุขดี ไม่กล้าพูด เพราะ หลวงปู่บอกว่า “ในโลกน้ี มีควำมสุขท่ีไหน ผมบวชมำจนเฒ่ำจน แก่ ยังไมเ่ หน็ ควำมสุข” และท่านยังพูดอีกว่า “ถ้ำท่ำนหำควำมสุข ๑๗

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วัดปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เล่มที่ ๒ จะพบกับทุกข์ตลอดไป ถ้ำท่ำนค้นหำทุกข์ แล้วท่ำนจะนิพพำน” เอ เราก็มาค้นหาทุกข์ กองทุกข์ ค้นหากองทุกข์อย่างนี้ ให้มันเบื่อ หน่ายในทุกข์ ถึงจะเป็นโรคภัยไข้เจ็บก็อยู่ด้วยกัน ไม่คิดจะไปทา ร้าย อาตมาเป็นมะเร็งลาไส้ ลาไส้ใหญ่อักเสบเรื้อรัง เป็นมะเร็ง ระยะเริ่มแรกมานานแล้ว เป็นระยะ ๑๐ ปี ก็ไม่คิดที่จะไปทาร้าย มัน ไปฉายแสง ไปคีโม ไปตัดต่อ ก็คิดว่าถ้าอยากอยู่ด้วยก็อย่า เบยี ดเบยี นกนั ถ้าเบียดเบียนกัน ตายก่อนแล้ว ไม่มีที่อยู่ อยู่ด้วยกันไปน่ี แหละ ต่างคนตา่ งอาศัย เรากอ็ าศัยกรรมฐานจากโรคภัยไข้เจบ็ โรค อันนี้ก็กลายเป็นข้ออ้าง อ้างที่จะอ้างจากหมู่คณะ ครูบาอาจารย์ว่า ผมเป็นโรคอย่างน้ันอย่างน้ี เออ ขอโอกาสหมู่คณะสงฆ์ การงาน ประชุมก็ดีงานอะไร ถ้าผมไม่สะดวกก็จะไม่ไปงานกิจนิมนต์ ญาติ โยมก็ตาม ถ้าไม่สะดวกก็จะไม่ไป ถ้าพอไปก็จะไปนะ เพราะก็เอา โรคกรรมฐานขอ้ น้ีไปเป็นข้ออา้ ง แลว้ เราก็ดูแลสง่ิ เหล่าน้ี อยูด่ ว้ ยกัน ไป น่ีเรียกว่าโรคกรรมฐาน มันก็มีประโยชน์ต่อเรา ทาให้เราไม่ ประมาท ชีวิตไม่ประมาท เพราะว่าอีกหน่อยเราก็ต้องล้มหายตาย จากทุกสิ่งทุกอย่างไป และก็มองเห็น ก็เอาอันน้ันแหละ ยิ่งหลวงปู่- ชาสง่ มาอยู่กับหลวงปู่กินรี หลวงปู่กินรีเปน็ ลูกศษิ ย์หลวงปมู่ ่ัน หลวง ปู่ชาเป็นลกู ศิษยห์ ลวงปูก่ นิ รี ท่านกส็ ่งมาอยกู่ บั อาจารย์ทา่ น พรรษา หนึ่ง เกือบปี หลวงปู่ก็ เออ ภาวนาเอา ภาวนาเข้าไป ทาความเพียร เข้าไป อสุภกรรมฐานเป็นสมบัติพระนิพพาน มรณกรรมฐานเป็น สมบัติพระนิพพาน ภาวนาเข้าไป ท่านก็จะพูดอยู่อย่างน้ี ใช่ จริงๆ เม่อื เราเปน็ โรคภยั ไข้เจ็บข้ึนมา เราจงึ ถึงมรณกรรมฐาน ว่าเราจะอยู่ ได้อีกกี่วันก่ีเดือนกี่ปี อายุก็มากแล้ว อายุก็ ๕๐ ปี ก็มาคิดว่าถ้าเรา ๑๘

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วัดปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ท่ี ๒ อยู่อีก ๕๐ ปี ก็ ๑๐๐ ปี มันจะถึงน้ันไหม มันไม่แน่ นะ เหมือนโยม ขณะนี้ก็ ๔๐-๕๐-๖๐ แตว่ า่ เงินทองของใช้ เราใช้ไปเท่าไร มันเหลือ เท่าไร เรานบั ดู เรากร็ ู้ แต่อายเุ ราใชไ้ ป เรารหู้ มดไปเท่าไร แตส่ ว่ นที่ เหลือ เราไม่รู้ การท่ีเราอยู่กับความไม่รู้ มันน่าใจหาย เราจะ ประมาทไมไ่ ด้ นี่ อาตมาเองก็ยงั ไมร่ ้วู ่าอายุอาตมาเองจะเหลือเท่าไร เด๋ยี วน้ีหมดแล้ว ๖๕ มนั จะเหลอื เท่าไร มนั นา่ ใจหาย พ่อก็ ๕๘ แม่ก็ ๗๒ .. ๖ รอบไม่ผ่าน โยมแม่ ๖ x ๑๒ ตก รอบ แม่อาตมาเป็นมะเร็งลาไส้ อาตมาพามาหาท่านปัญญา .. ท่าน ปญั ญาก็พาไปฝากให้หมอ หมอเติมชยั รักษา กลับไป ไม่กเ่ี ดอื น แม่ ก็เสียปีใหม่ คุณหมอก็ส่ง ส.ค.ส. ไปให้ ท้ังๆท่ีแม่ เผาไปนานแล้ว อาตมาก็ไม่ได้แจ้ง พอหลังมา ก็ขออภัยที่ไม่ได้แจ้งเขาให้ทราบ ไม่ คิดว่าหมอกับคนไข้จะผูกพันกันขนาดนั้น หมอท่ีดีก็เป็นห่วงคนไข้ ไปอยู่ท่ีไหนๆ ก็ส่งความสุขไปให้นะ ส.ค.ส. ส่งความสุข ไปอวยชัย ให้พร ให้พรที่ไหนได้ ตายไปต้ังนานแล้ว น่ีคือน้าใจของหมอท่ี ประเสริฐ เป็นห่วงเป็นใยคนไข้ หมอเติมชัย อาตมาก็ยังเป็นคนไข้ คนป่วยของหมอ ท่านปัญญามีอะไรก็พาไปที่สยามนี่แหละ หมอ สยาม หมอใจบุญ เคยไปบวชกับหลวงตามหาบวั คณุ หมอเติมชัย น่ี ในเมื่อเราไม่รู้ว่าเราจะอยู่ได้เท่าไร เหมือนเมื่อคืนน้ี อาตมาว่า หำยใจเข้ำ เอำควำมแก่เข้ำมำ หำยใจออก เอำควำมหนุ่มเรำ ออกไป จาได้ไหม มันน่าใจหาย เมื่อเราสารวมจิตสารวมใจ จิตสงบ ลงแล้ว ลมหายใจเขา้ ลมหายใจออก มันจึงเกดิ ความรู้สึกว่า หายใจ เข้าเอาความแก่เข้ามา หายใจออกเอาความหนุ่มออกไป ก็ทาให้เรา ไม่ประมาท ๑๙

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วัดปทมุ วนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ที่ ๒ ควำมประมำทคือควำมตำย ควำมไม่ประมำทก็คือควำม ไม่ตำย ถ้ำเรำมีสติ รักษำลมหำยใจเข้ำลมหำยใจออกอยู่ มันก็ยัง ไม่ตำยอยู่ ยังไมต่ ำย นนั่ คอื ควำมไม่ประมำท ควำมไมป่ ระมำทคือ ควำมไม่ตำย ควำมประมำทคือควำมตำย หลวงพ่อวันท่านบอกว่า อุบายครูบาอาจารย์ อุบายครูบาอาจารย์ บอกแต่อุบายวิธี ส่วนที่ ต้องไปปฏิบัติเป็นหน้าท่ีของเรา เป็นเร่ืองของเรา อาตมาก็ไปเข้าใจ ว่าการศึกษาปรารภ เมื่อได้ยินได้ฟังพระธรรมคาสอนแล้ว ก็เอามา ศึกษาปรารภกับตัวเอง ให้มันเกิดขึ้นมีข้ึน เมื่อเกิดข้ึนมีข้ึน ทีนี้มัน เป็นของเรา ท่านให้เรา ท่านให้เรามันเป็นของเรา หรือเหมือนกับ ท่านเอาเม็ดพันธุ์ให้เราแค่เม็ดสองเม็ด เมื่อเราเอาไปปลูกแล้ว เม่ือ มันเจริญข้ึนมาออกดอกออกผล ไม่รู้กี่ผลท่ีมันแตกออกไป ธรรมะที่ ท่านหยิบยื่นให้เรา อุบายวิธีเล็กน้อย ถ้าเราเอาไปวิพากษ์ วิจารณ์ วิตก วิจารณ์ จาแนกแจงแจกมาน้ัน โอ้ย มันย่ิงมากหลากหลาย แล้วแต่สติปัญญา ความรู้ความสามารถ ความเข้าใจของแต่ละคน เร่ืองจิตเร่ืองใจ ไม่ใช่ว่าโยม ไม่ใช่ว่าพระ มันเหมือนกันนะ มัน เหมือนกัน พระก็มาจากโยม พระก็มาจากโยม แต่เม่ือมาสมมติเปน็ พระแล้ว ก็ต่างเพศต่างภาวะต่างฐานะเฉย ๆ แต่เรื่องสุขเร่ืองทุกข์ เรื่องกิเลสตัณหาราคะ เหมือนกันหมด เหมือนกันหมด แต่ว่าเรา ไมไ่ ดท้ าตามมัน คนปฏบิ ตั ิ คนฝกึ คนหัด ต้องฝกึ ตอ้ งฝนื ฝนื อารมณ์ ทวนอารมณ์ ทวนกระแส พระพุทธเจ้าจะได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ เสี่ยง ถาดเสี่ยงทาย ถ้าจะได้ตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้าก็ขอให้ถาดนี้ลอย ทวนกระแสน้า ถ้าจะไม่ได้เลย ก็ให้ไหลไปตามน้า ถาดนั้น ไม่รู้มัน จะไหลไปจริงหรือเปล่า เพราะว่ามันไม่ใช่ธรรมชาติ แต่ความรู้สึก ๒๐

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วัดปทมุ วนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ที่ ๒ ความรู้สึก ถ้าเราทวนกระแสน้าคือกิเลส น้าคือตัณหา อันน้ีเราไม่ ไหลไปตามมัน เราทวนกระแสมัน อันนี้ยังพอมองเห็นเค้า แต่เร่ือง ถาดทองคาจะไหลทวนน้านั้น เช่ือก็ได้ ไม่เชื่อก็ได้ แต่เร่ืองทวน กระแสน้า กามลิเลสนี้แน่นอน แม่น้ากามกิเลสน่ี ถ้าทวนกระแสมัน ได้ แน่นอน ต้องได้ตรัสรู้ ต้องตรัสรู้ธรรม ตรัสรู้ตามพระพุทธเจ้านะ รู้ตาม เห็นตาม แม้อัญญาโกณฑัญญะฤาษีจะมีปุญญากตาธิการ มากมายกต็ าม แตไ่ มใ่ ช่วิสยั พุทธะ ต้องไดย้ ินไดฟ้ ังเสียก่อน ถึงรตู้ าม เห็นตาม จึงเม่ือได้ฟัง ธัมมจักกัปปวัตนสูตร เรื่องอริยสัจ ๔ อริยมรรคมีองค์ ๘ เรื่องปฏิจจสมุปบำท ส่ิงท่ีอาศัยกันเกิดข้ึนใน ทุกสิ่งทุกอย่าง อัญญาโกณฑัญญะ จึงรู้ตาม เห็นตามได้ดวงตาเห็น ธรรม ได้เป็นสักขีพยานในการตรัสรู้ และขออุปสมบทเป็นภิกษุรูป แรกในพระพทุ ธศาสนา เมอื่ พระพทุ ธเจ้าตรัสรใู้ หม่ ๆ ก็มแี ตพ่ ระพุทธกับพระธรรม ยังไม่มีพระสงฆ์ ยังไม่มีพระสงฆ์ เม่ืออัญญาโกณฑัญญะได้ดวงตา เห็นธรรม ได้เป็นสักขีพยาน ขออุปสมบท พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์จึงเกิดขึ้น ครบทงั้ ๓ รัตนะ ท่ีป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมือง พาราณสี จึงได้ทาการเผยแผ่พระพุทธศาสนาสืบต่อไป สืบต่อไป น่ี นะ ถึงแม้ท่านจะมีปุญญากตาธิการ เป็นหมอดูแม่น ๆ ด้วย ทานาย ทายทกั พทุ ธลกั ษณะวา่ พระกุมารนีจ้ ะต้องออกบวชแน่นอน จะตอ้ ง เป็นศาสดาเอกของโลกในวันข้างหน้า จึงได้ออกบวชเป็นฤาษีชีไพร รอจนกว่าพระกุมารจะเติบใหญ่ขึ้นมา ในที่สุดก็ไปดูแลอุปถัมป์ อปุ ฏั ฐาก จนสมณโคดมไดเ้ ปลี่ยนทศิ ทางการปฏิบัติตามรูปแบบเดิม ทฤ่ี าษโี ยคี ปฏิบัติอัตตกลิ มถานโุ ยคประกอบทุกขม์ า ๒๑

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ที่ ๒ เม่ือมาเปลี่ยนหาความพอดี มาฉันอาหาร มาฉันข้าว มา อาบน้า กินน้า มาฉันข้าว มาทาอะไรปกติ พวกนั้นน่ะผิดไปจากรูป เดิม ก็คือว่าคลายความเพียร เวียนเป็นคนมาสู่ความมักมาก ก็หนี จากแล้วไปอยู่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ปล่อยให้พระสมณโคดม ทน ทุกข์กริยาอยู่ที่ภูเขาดงคสิริ อยู่ฟากตรงข้ามแม่น้าเนรัญชราฝ่ังโน้น ในท่ีสุดมา เสวยพระกระยาหาร มาฉันข้าวอิ่มแล้ว จากพระนาง สุชาดาจึงได้เดินข้ามแม่น้าเนรัญชรามาฝั่งนี้ มาเห็นต้นโพธิ์ ต้นไม้ อันร่มรื่น มีใบดกใบหนา จึงมาต้ังสัจจะอธิษฐาน มาน่ังเจริญสติ สมาธิภาวนา อานาปานสติอยู่ ยังไม่ได้บริกรรมพุทโธ ธัมโม สังโฆ ดอก มาดูลมหายใจเข้าหายใจออก มาทบทวนสิ่งที่ได้ประสบมา เรียนรู้มาจากอาจารย์ท้ังหลาย อุทกดาบส อาฬารดาบส อาจารย์ อีกเยอะแยะที่ได้ไปศึกษามา มาประมวล ทบทวนเขา้ กัน มาสรุปหา มาใช้ปญั ญา แต่ก่อนใช้แต่ความเพียร ใช้แต่ความเพียร ใช้แต่การกดขี่ ข่มนะ เปรียบเหมือนเอาหินทับหญ้า ไม่ให้หญ้ามันข้ึนแต่มันไม่ตาย พอเอาหินออกมันก็งอกข้ึนแต่การใช้ปัญญาพิจารณาร้ือถอนอันน้ี ถอนรากถอนโคน ถอนอกุศลมูลอันนี้ออก มันจึงส้ินทุกข์ สิ้นกิเลส สิ้นทุกข์ต่างหาก ทีนี้ เม่ือมาน่ังเจริญธรรมอยู่ตรงน้ัน ทบทวนธรรม อยู่ ใต้ต้นโพธิ์นั้น จึงได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ เป็น พระพุทธเจ้า ฉะน้ัน คนอินเดีย คนศรีลังกา เขาจะเคารพต้นโพธ์ิ อย่างสูงสุด เคารพต้นโพธ์ิ ถ้าเราไปศรีลังกาเขาจะมีหม้อน้าให้บูชา และไปรดต้นโพธิ์นะ หรือต้นโพธ์ิท่ีถือว่านางภิกษุณี นางสังฆะมิตต ราเถรีภกิ ษุณนี ามาจากอินเดยี เอามาปลูกทีศ่ รีลงั กา จะเข้าไปถงึ ต้น โพธ์ิไปสักการะ ต้องเอกซเรย์ผ่านถึงเข้าไปได้ น่ี เขาเคารพต้นโพธ์ิ ๒๒

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วดั ปทมุ วนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เล่มท่ี ๒ มาก ถ้าเขามา เม่ือก่อนอาตมามาพักอยู่กุฏิจิตสดใส เจ้าอาวาสองค์ ก่อน พวกศรีลังกามาเยี่ยมอาตมา ก็จะให้พาไปขอกุญแจเจ้าหน้าที่ เอานา้ ไปรดตน้ โพธิ์ ตน้ โพธท์ิ ่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ ัวพระจอม เกล้าเจ้าสยามทรงปลกู ไว้ ที่วัดปทุมฯ เขาก็ให้อาตมาพาไปรด บอก วา่ เขาเคารพต้นโพธ์ิ ต้นโพธิต์ น้ นี้ พอดีไม่ได้เดนิ ไปเลยไมท่ ราบว่ายัง อยู่หรือเปล่า คิดว่ายังอยู่นะ ยังอยู่ เขาก็ให้อาตมาพาไปรดน้าต้น โพธิ์ ชาวศรีลังกาเช่ือว่าสมณโคดมไปนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ต้นไหนก็ ไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้า เม่ือมานั่งอยู่ใต้ต้นโพธิ์จงึ ได้เป็นพระพุทธเจ้า ต้นโพธิ์เป็นต้นไม้ท่ีมีคุณ ศรีลังกาเขาเคารพสูงสุดเลย เร่ืองต้นโพธิ์ เรื่องโพธิ เรื่องพุทธะน่ี ศรลี งั กา คนดา ๆ ไม่ใชธ่ รรมดา ใจดี คนดาน่ี แหละ ไปต่อสู้เอาพุทธคยามาเป็นของชาวพุทธ นะ ชื่ออะไรนะ ธัมมปำละ อนำคำริกธัมมปำละ ก็คนศรีลังกานี่แหละไปต่อสู้ ไป สร้างเอาสมาคมมหาโพธิ์ ออกวารสารอะไรต่าง ๆ ขอแนวร่วมจาก ชาวพุทธท่ัวโลกให้มาให้ถอนเอา ที่เราได้สักการะได้ไปสะดวก ก็ บุญคุณของคนศรีลังกา มิหนาซ้า เสนอเอาวันวิสาขบูชาเป็นวัน สากลของโลกแห่งโลก ก็คนศรีลังกาเป็นคนเสนอ หาแนวร่วม ประเทศไหนท่ีนับถือพระพุทธศาสนา ประเทศไทย ประเทศลาว ประเทศเขมร ประเทศพม่า ประเทศไหนก็ตาม จึงได้ประกาศเป็นวิ สาขบูชาเป็นวันสากลของโลก เราจึงได้ฉลองวันวิสาขบูชาโลก คน ศรีลังกา ไม่ใช่เห็นเขาดา ๆ แล้วจะไปดูถูกเขา ตัวดา แต่ใจดี ตัวดา ใจดี ยิ้มเก่ง ว่าแต่สยามเมืองยม้ิ คนศรีลังกานี่ ยิ้มเก่งนะ ย้ิมเก่ง ถ้า เขามาวัดปทุมฯ เม่ือก่อนอาตมาพัก ถ้าจะมากรุงเทพฯ ได้ข่าวว่า อาจารยท์ องจนั ทร์อยู่ทนี่ ี่ บางทเี ขาจะเอาพระพุทธรูปไม้มาถวาย ท่ี ๒๓

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วดั ปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เล่มที่ ๒ แกะจากต้นโพธ์ิ ต้นแก่นจันทร์ เอามาถวาย ให้อาตมาพาไปรดน้า ต้นโพธิ์ เขาถือเป็นชีวติ จิตใจ “ต้นโพธ์อิ ย่ไู ด้ ศรลี งั กำกอ็ ยู่ได้ ทันต- ธำตุอยู่ได้ ศรีลังกำก็อยู่ได้ ไม่มีทันตธำตุ ไม่มีศรีลังกำ” เขาถวาย ชีวิตเลย พวกศรีลังกา ถ้าใครไปศรีลังกา จะไปบูชา พระธาตุเขี้ยว แก้ว เขาเรียกว่าทันตธาตุ ก็ใช่ ทันตา ก็คือ ฟันทั้งหลาย ท่ีเราสวด น่ันแหละ เกสาคือผม โลมาคือขน ทันตาคือฟัน เขาเรียก ทันตธำตุ กถ็ กู ของเขา บางทีเราก็ไปเอาจาลองเขามา มาหาเงิน มาหาเงิน วัด อะไร ขอโทษ ๆ วดั ฝั่งอะไรนะ วัดฝ่งั นา้ วัดอรุณฯ หลวงพอ่ อนิ เตอร์ ๆ วัดอรุณฯ วัดสายหาเงิน เพ่ินก็ไปยืมของเขามา แต่เขาก็ไม่ได้ให้ ดอก อันจริงน่ะ เขาก็จาลองให้ แกก็เอามา น้ามนต์พระธาตุเข้ียว แก้ว ขวดละร้อย ใหญ่กว่าหัวแม่มือจักหน่อย ได้ตังค์ เอามาทาเป็น ธุรกิจ เกณฑ์คนไปสักการะบูชา ของจริงเขาไม่ให้มาหรอก ศรีลังกา อยไู่ ด้ ทันตธาตุอยูไ่ ด้ ศรลี งั กาอยู่ได้ ศรีมหาโพธอิ์ ย่ไู ด้ ศรีลังกาอยู่ได้ ไม่มีศรีมหาโพธ์ิ ไม่มศี รลี งั กา เขาบอกอยา่ งน้ันเลย คนศรีลังกา นี่โพธิสัตว์ โพธิญาณ โพธิกา เม่ือพระพุทธเจ้าได้ไปอยู่ตรง น้ัน ท่ีโคนต้นโพธ์ิ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่สาคัญ เราไปก็ไปหาเก็บเอาใบ แล้วเอามา มาสักการะบูชา เป็นท่ีระลึก อันนี้ เม่ืออัญญาโกณ- ฑัญญะได้ดวงตาเห็นธรรม ได้เป็นสักขีพยาน ในการตรัสรู้ จึงได้เผย แผ่พุทธธรรมขจรขจายไป จนมาถึงพวกเรา สืบสานมาถึงกาลพวก เรา พทุ ธศาสนา บรรพบรุษของเราจึงเอาพุทธศาสนามาเป็นศาสนา ประจาชาติ เอามาเป็นศาสนาประจาชาติ เอามาคลุกเคล้ากับวิถี ชีวิตเลย ต้ังแต่เกิดจนตาย เพ่ือให้เกี่ยวข้องกันอยู่ ตั้งแต่เกิดจนตาย เห็นไหม บางคนแต่งการแต่งงานกัน ๕ ปี ๑๐ ปี ๑๐ กว่าปี ไม่มีลูก ๒๔

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วดั ปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เล่มที่ ๒ ไปขอจากสถูปพระพุทธรูป เจดีย์ พระธาตุพนม พระธาตุองค์ตื้อ หลวงพอ่ แสน หลวงพอ่ เสรมิ หลวงพอ่ สายน์ทีไ่ หน ไปขอ บางทีก็ได้ ลูกมา ได้ลูกมา ด้วยความเช่ือ ได้ลูกมาแล้วก็ยัง ไม่เป็นที่อบอุ่นนะ คลอดออกมาแล้ว ยังเอาไปฝาก เอาไปถวายพระ เป็นลูกพระ เอา ไปถวายพระ โตขึ้นมาเอาไปฝากเป็นสังกะลีวัด โตข้ึนมาบวชเป็น เณรเรียนนักธรรมบาลี เปน็ มหาเณร เปรียญธรรม ๙ ประโยคตั้งแต่ เป็นสามเณร เมื่อจบเปรียญธรรม ๙ ประโยค เป็นเปรียญธรรม ๙ ประโยคแล้ว พระเจ้าแผ่นดินต้องเป็นเจ้าภาพ เจ้าศรัทธา เป็นผู้ อปุ สมบทให้ อปุ สมบทที่วัดพระแก้ว โบสถ์วัดพระแกว้ น่อี กี หนอ่ ยก็ ได้เป็นเจ้าคุณ ได้เป็นเจ้าคุณ ไม่ได้เป็นพระครูด้วย จบเปรียญธรรม ๙ ประโยค เป็นมหาเณร เดี๋ยวน้ีหายากแล้ว เพราะเขาคุมกาเนิด สามเณร เพราะเขาคมุ กาเนิดคนได้ สมัยโยมมชี ยั (วีระไวทยะ) หญิง ก็ได้ ชายก็ดี ได้ท้ังสอง คุมได้หมดนะ ที่นี้ก็มาคุมกาเนิดเณร ขยาย ภาคเรียนออกไป เมื่อก่อน จบป.๔ พอจบป.๔ แล้วก็ไปบวชเป็น สามเณร ศึกษานักธรรมตรี นักธรรมโท นักธรรมเอก เปรียญธรรม จนถึงเปรยี ญ ๙ ประโยค หรือตอ่ มายังป.๖ อย่างอาตมาก็จบป.๔ แต่ไม่ได้บวช เป็นสังกะลีวัดอยู่ต้ังแต่ อายุ ๙ ขวบ จบป.๔ ก็ออก ไปช่วยพ่อแม่ทาไร่ไถนา พอโตข้ึนมา ด้วยความห่วงใยวัดวาพระพุทธศาสนา ห่วงญาติห่วงโยมก็กลับมา บวชอีก เพราะชีวิตเลือดเนื้อมันโตมากับข้าวก้นบาตรนะ มันโตมา กับข้าวก้นบาตร ข้าวก้นบาตรก็คือข้าวก้นหวด ข้าวก้นหม้อของ โยมน่ะแหละ ทีน้ีเลือดเน้ือเชื้อไขมันเป็นของโยม ท่ีสุดก็ต้องมาบวช มอบกายถวายชีวิตในร่มผ้ากาสาวพัสตร์ นาญาตินาโยมไปสู่สวรรค์ สันติสุข ก็เพราะพ่อแม่ปลูกฝังนิสัยมา ต่อไปทีนี้มันก็จะไม่มี แม้แต่ ๒๕

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วัดปทมุ วนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เล่มที่ ๒ เณรก็หายาก การขยายการศึกษาเล่าเรียนก็ขยายออกไปเร่ือยๆ อายุก็ ๑๕-๑๖ ก็เป็นวัยรุ่นแล้ว ไม่อยากบวชแล้ว ติดเล่นแล้ว เมื่อ จบเปรียญธรรม ๙ ประโยคตั้งแต่เป็นเณร พวกนี้แหละมาบริหาร กิจการวัดวาพระพุทธศาสนา เป็นเจ้าคุณ เป็นสมเด็จ เป็นสังฆราช เป็นเจ้าคุณสมเด็จ อะไรต่างๆ ก็ลูกชาวบ้าน ลูกญาติ ลูกโยม ต่อไป มันก็จะหายากแล้ว หายาก หายาก นี่ก็คือ การคุมกาเนิดสามเณร คุมกาเนิดพุทธศาสนา ท่ีสุดก็เหลือแต่หลวงพ่อ หลวงตาแก่ ๆ ผู้นา จิตวิญญาณ ไหนล่ะ คนที่มีความรู้ปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญา เอก ก็ไม่สนใจที่จะมาช่วยวัดวาพระพุทธศาสนา ไม่สนใจท่ีจะมา บวช ทีนี้ คนท่ีมาบวชก็มีแต่คนท่ีไม่มีคุณภาพ นอกจากไม่มี คณุ ภาพ ยังทุพพลภาพ ต้องแก่ ๆ มีปญั หา หรือว่าปญั หายาเสพติด ติดเหล้า ติดยา ติดการพนัน อย่างนั้น โยมผู้หญิงแม่บ้านอยากให้ บวชนาน ๆ บวชจนตาย แบบน้ัน ถ้าผัวดี ๆ มาบวช มาเฝ้าเอา อยากให้สึกเรว็ ๆ ลกู ดี ๆ มาบวชก็หาวนั สึกมาพรอ้ ม ลกู ไมด่ ีก็อยาก ให้บวชจนตาย แน่ะ ทายังไง วัดวาพุทธศาสนา พอทาไม่ดีก็ว่า ศาสนาไม่ดี วัดไม่ดี คนมันไม่ดีต่างหาก คนไม่ดี เห็นไหมล่ะ เขา ปฏิรปู การศึกษา พฒั นาคน พฒั นากจิ การ พัฒนาอะไรต่าง ๆ สาเร็จ หมด จะทางาน จะเข้าทางานอะไร สอบแข่งขันกัน จะเอาร้อย คน มาสมัครเป็นหม่ืน มาสอบเป็นหม่ืน มันยังไงล่ะ หาเอาแต่ความรู้ ความดี ทีน้ี พอติดประกาศที่วัดปทุมวนาราม ใครจบปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก มารับสมัคร มาบวช มอบกายถวายชีวิต มันจะมีใครมาสมัคร วัดปทุมฯก็วัดปทุมฯเถอะ ศาลาพระราช- ๒๖

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วัดปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เล่มท่ี ๒ ศรัทธา มันก็จะมีแต่ลาแล้วเด้อ ถ้าจะประกาศให้มาบวชมอบกาย ถวายชีวิตนะ คนที่มีคุณภาพ คนที่ดีมีคุณภาพท่ีจะมาช่วยวัดวา พระพุทธศาสนา ใครจะมองเห็นประโยชน์ ไม่เหมือนคนโบราณ อาตมาก็ ที่มานาจิตวิญญาณโยมอย่นู ี้ กจ็ บป.๔ นะ ทาไงละ่ จบป.๔ คนมปี รญิ ญาตรี โท เอก เรียนมาดี ๆ ร้มู า มาช่วยวัดวาพุทธศาสนา หน่อย ปรารภธรรมะแบบนี้ อาตมาก็ได้ลูกศิษย์หลายปีแล้ว ๑๐ ปี ๑๐ กวา่ ปี ไปปรารภในลักษณะน้ี ที่วัดป่านานาชาติ ก็มี มี มีลูกชาย โยมที่กรุงเทพฯ แถวร้านทองเยาวราช แถวห้างทองเยาวราช แถว เยาวราช ไปบวช ก็เตรียมจะสึกแล้วออกพรรษา ทอดกฐินวัดป่า นานาชาติ ทางวัดป่านานาชาติก็มารับอาตมาไปในฐานะ ความคุ้นเคย และเปล่ียนเจ้าอาวาสใหม่ด้วย อาตมาไป ก็ปรารภ ก่อนทอดกฐิน องค์นั้นที่ท่านก็จบปริญญาตรีมาใหม่ๆ ก็มาบวชสัก พรรษา เตรียมจะสึกแล้ว ออกพรรษา หมดกฐินก็จะสึก พออาตมา พูดเรื่องนี้ แกอยู่มาได้ ๑๐ กวา่ พรรษา อาตมาก็ไม่รู้ ไปเจอกันท่ีชลบุรี แกก็สะพายย่ามไปส่งที่กุฏิ ก็ว่า หลวงพ่อจาได้ไหม เอ่อ หลวงพ่อได้ปรารภธรรมะที่วัดป่า นานาชาติ ผมต้ังใจจะสึกแล้ว พอหลวงพ่อปรารภธรรมวันนั้น ผม เปลีย่ นใจ เลยไม่สกึ เดี๋ยวนี้ก็ ๑๑ พรรษาแล้ว อาตมายกมือทว่ มหัว สาธุ เลย ไม่คิดว่าคาพูดเราจะไปกระทบจิต ทาให้สะท้อนถึง ความคิด ปลุกความคิดจิตใจของคนให้สู้ขึ้นมาที่จะช่วยวัดวาพุทธ ศาสนา อย่างน้ีก็ดี ดี คนมีคุณภาพ ถ้ามาบวชมันก็ดี แล้วมีคุณมี ประโยชน์ ต่อวดั มาช่วยกนั เผยแผ่ ทาเทปธรรมะ จัดหมวดหมู่เร่ือง ทาซีดี เร่ืองทาอะไร เขาเป็นมาแล้ว เอามาใช้ประโยชน์ เอาความรู้ ทางโลกสมัยใหม่ เอามาใช้ให้เป็นประโยชน์ มันก็เป็นประโยชน์แก่ ๒๗

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทมุ วนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ที่ ๒ วัดวาพระพุทธศาสนา เด๋ียวนี้ หลายองค์ก็มีแต่ไปเป็นอาจารย์ (ยู) ทูบทั้งหมด มีโยมไปถามอาตมา จะปฏิบัติอย่างไร ทาไปแล้วทาไม ติดขัดอย่างนั้นอย่างน้ี อาตมาก็ถามว่าโยมไปปฏิบัติสานักไหน ไป เรียนมาจากอาจารย์ไหน เขาก็บอกว่าฟังท่ียูทูบ เขาว่า ถ้าอย่างงน้ั ก็ไปถามที่อาจารย์ทูบ อย่ามาถามอาตมา อาตมาไม่ได้สอน ไม่ได้ แนะนา ไปถามอาจารย์ทูบไป ไม่อยากไปวัด อยากปฏิบัติ อยาก เรียนธรรมะกับอาจารย์ทูบ ไม่ต้องไปวดั แบบน้กี ม็ ี แบบนี้ก็มี ไม่เหมือนโยม ใคร่ต่อการศึกษา ใคร่ต่อการได้ยินได้ฟัง แม้ จะเป็นนานาสาระธรรม อย่างอาตมามาปรารภ ก็ยังฟังกันดี แม้จะ ไม่ได้นอนก็ยังไม่เห็นใครง่วงสักคนหนึ่ง ไม่เห็นใครง่วงสักคนหน่ึง หรือว่าไปแอบง่วงอยู่ข้างหลังบังเสาอยู่ มองไม่เห็น บ่หนา มันบ่ แม่นดอก ไผจะซืน ๆ ตืน ๆ รู้ต่ืน เบิกบานอยู่นี่ รู้ต่ืน เบิกบาน น่ัน แหละ พอแล้วบ่แม่ออก ปวดขาแล้วบ่ ปวดขาก็พลิกเปลี่ยน อิริยาบถไป พนมมือไหว้ขึ้นด้วยความเคารพ แล้วก็พลิกไป มันก็ หายปวดดอก อิริยาบถบังทุกข์ เม่ือทุกข์ข้ึนมาก็เปลี่ยนไป แต่จิต ของโยมไม่ไดเ้ ปลย่ี นนี่ หรืออาตมาพาเปลี่ยนเนาะ แน่ะ พอพาเปล่ียน เปล่ียนนาหมด ขาเนื้อขาหนัง ไม่ใช่ขา เหลก็ ด้วยความเคารพ ไมก่ ล้าเปล่ียนหนอ พอเชอื่ ผู้นา ว่านอนสอน ง่ายดี ๆ ผู้นาไม่พาเปล่ียนพาทน ก็เอาเยี่ยวหยดตดแตกอยู่ (หัวเราะ) น่ันแหละ นี่แหละนานาสาระธรรม พระป่าแท้ ๆ พระ ไม่ได้ร่าได้เรียนแต่สามารถเข้ากันได้กับครูบาอาจารย์ท่านผู้รู้ท่ีได้ ศกึ ษาเลา่ เรียนมา เพราะธรรมะมันเป็นอนั หน่ึงอันเดียว ธรรมะเป็น อันหนึ่งอันเดียว ฉะนั้น เมื่อเราไปท่ีไหนก็ตาม ไปวัดไหนสานกั ไหน อย่าไปอวดดี อย่าไปอวดรู้ เราต้องยอมรับฟัง เขาจะว่ายังไงก็ตาม ๒๘

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วัดปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เล่มท่ี ๒ เราเลือกเอาถา้ เรารู้ เหมือนกันกบั กบั ข้าว มายมากหลากหลายเต็ม โต๊ะ เราไม่เอาหมดทุกอย่างดอก เราเลือกเอา ถ้าเรารู้ แม้จะเอามา ผสมกันมากต็ าม ในถาดน้ี มเี งาะ มลี าไย มมี งั คุด มีพุทรา มแี อปเปิล มีองุ่น อะไรก็ตาม เราต้องการอะไร เราก็เอาอันน้ัน เพราะเรารู้อยู่ แล้วเร่ืองธรรมะอันมายมากหลากหลาย ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ พระพทุ ธเจ้าแสดงให้คนฟังมากมาย เราไมต่ ้องไปเอาหมด อาตมาผู้ มีสตปิ ัญญาน้อย ก็จะเอาพอมาปฏิบัติ พยายามเอาเฉพาะ พระองค์ ทรงแสดงปฐมเทศนา ปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ก็ไม่มีเร่ืองยุ่งยากมากมาย เร่ืองอริยมรรคมีองค์ ๘ สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ สัมมาสังกัปโป ความดาริชอบ สมั มาทฏิ ฐิ ความเห็นชอบ ความรู้ ความเห็นจะชอบ ได้ จะถูกต้องได้ ต้องอาศัยการได้ยินได้ฟัง ได้สดับศึกษาจากครูบา อาจารย์ท่านผรู้ ู้ พอท่านให้แนวทางท่ีถูกที่ชอบแล้ว ความดาริชอบ มันก็ เกิดขึ้นมา ความดาริ คือ ความคิดนึกตรึกตรอง เมื่อความดาริชอบ เกิดข้ึน สัมมาวาจา พูดจาชอบ ตามมาทันที เมื่อความดาริชอบมี สัมมากัมมันโต การงานชอบ เราทาการทางาน ชอบด้วยศีล ชอบ ด้วยธรรมไหม หรือว่าผิดศีลผิดธรรม ผิดกฎหมายบ้านเมือง เบียดเบียนตัวเอง เบียดเบียนผู้อื่นนะ ถ้าเป็นอย่างน้ันอยู่ เราก็มา เปลี่ยนใหม่ เพราะความดาริชอบ ความเห็นชอบเกิดขึ้น ความดาริ ชอบมีแล้ว หางานที่มันไม่เป็นบาปเป็นกรรม ไม่เบียดเบียนตัวเอง ไมเ่ บียดเบียนผอู้ ่ืน ไม่หาความสุขบนความทุกขข์ องผอู้ ืน่ นี่ก็คือปฏิบัติธรรมด้วย สัมมากัมมันโต เมื่อการงานชอบ สัมมาอาชีโว เลี้ยงชีวิตชอบ มันก็ตามมา เม่ือดาริชอบ สัมมาสติ ความระลึกชอบ เหมือนเราเจริญสติ สมาธิ ภาวนากันมันก็ตามมา ๒๙

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วดั ปทมุ วนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เล่มที่ ๒ สัมมาวายาโม พากเพียรชอบ สัมมาสติ ระลึกชอบ สัมมาสมาธิ ตั้งใจมั่นชอบ มันจะไปด้วยกัน อริยมรรค อริยทาง – ทางอัน ประเสริฐ ทาแล้ว ไม่เป็นพิษเป็นภัยแก่ตัวเองและผู้อื่น ถ้าไม่ เบียดเบียนผู้อ่ืน แต่เบียดเบียนตัวเอง คิดให้ตัวเองเป็นทุกข์ เบียดเบียนตัวเอง อันน้ีก็ไม่ใช่ มันต้องหาพอดี หาพอดี หาความ พอดี ถ้าเราเข้าใจในเร่ืองนี้ การดาเนินวิถีชีวิตของเรา ก็ไปด้วยศีล ดว้ ยธรรม ไปดว้ ยธรรมะ ไม่ตอ้ งไปเขา้ ฌาน ไม่ตอ้ งไปวเิ ศษวิโสอะไร ดอก อาตมาวา่ นะ เอาเท่านี้แหละ เอำแค่อยู่ในครอบครัวผัวเมียสำมีภรรยำ ลูกเต้ำเหล่ำหลำน ถูกต้องปรองดองสำมัคคีกัน มีควำมเห็นอก เห็นใจซึ่งกันและกัน มีควำมเคำรพสิทธซ์ิ ึ่งกันและกัน ไม่ก้ำวก่ำย ซึ่งกันและกัน รักษำน้ำใจซ่ึงกนั และกัน ถนอมน้ำใจซ่ึงกันและกนั ก็อยู่กันด้วยธรรมะ ก็เป็นครอบครัวธรรมะ อบอุ่นด้วยธรรมะ ก็ เผอื่ แผ่ไปถงึ ญำตพิ ี่นอ้ งเจือจุนไปสู่พรรคพวกเพ่ือฝูงบรวิ ำร ขอให้ เราน่ีแหละ บางคนก็อยาก อยากจะให้สามีเป็นอย่างนี้ อู้ย ไปบีบ บังคับกันเกินไป น่ีเขาไม่ใช่เรา เราไม่ใช่เขา ถ้าเขาไม่เป็นไปตามนน้ั เราก็ต้องทาใจเราสิ ที่เป็นเดือดเป็นทุกข์เป็นเดือดร้อน ร้องห่ม ร้องไห้ไปหาอาตมา อาตมาก็บอก อู้ย อย่าใจแคบสิ ใจกว้าง ๆ หนอ่ ย ไม่มหี รอกท่จี ะไม่ต้องการความดี ถา้ เราดแี ล้ว มันเอาชนะได้ ทุกอย่าง เว้นแต่เราไม่ดี อยากให้เขาดี ไม่ต้องไปบังคับเขาหรอก เอาตามหลวงพอ่ ไหมล่ะ ถ้าเอาตามหลวงพ่อน่ะมันดี ถ้าทาตามนะ เอ้าดิ พอเห็น หนา้ มา ข้นึ บ้านมา หาผ้าเยน็ ไปให้ น้าเยน็ ไปให้ มอี ะไรเป็นหว่ งเป็น ใย ดูแลเอาอกเอาใจ ฮ่วย มนั จะหนไี ปไหน คนนะ แตถ่ ้ามาแลว้ ก็ตึง ๓๐

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทมุ วนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ที่ ๒ เด๋ียวด่าพร้อยให้ มันก็บ่อยากกลับบ้าน อย่าว่าแต่อยู่บ้าน ไปวัด ไป เยี่ยมบางวัด โยมผู้หญิง ผู้ชายมีน้อย โยมผู้หญิงก็เสนอหน้ามา อูย ท่านอาจารย์ วัดนี้ มีแต่เทวดา ชื่นใจ ก็เลยพูดว่าตัวเองเป็นเทวดา อาตมาก็คิดได้ยังไง ไม่รู้ ใช่หรือโยม ไม่ใช่มีแต่เทวด่า บ่ ถ้ามีแต่ เทวดาก็ดี อาตมากลัวว่ามันจะมีแต่เทวด่า ถ้ามีแต่เทวด่าแล้ว โยม ผู้ชายก็จะไปหานางฟ้าใหม่ ก็ (มิด ปางตาย ว่างี้ มิดจีหรี่) ไม่มีใคร เสนอหน้าเลย พวกเทวด่า นั่นแหละ ต้องเอาชนะเขาด้วยความดี มันถึงจะเอาชนะใจคนได้ มันก็การแก้นิสัยคน มันก็โอ้ย คนชอบบ่น ชอบว่า ชอบเอาชนะคน มโี ยมคนหนึ่ง อืม อาตมาไป วัดอืน่ วัดใหม่ หลวงพ่อ ผมไม่อยากกลับบ้าน แฟนผมมันบ่นจัง บ่นยังไง โอย สารพัดหลวงพ่อ เอ้า เอาอย่างน้ี จะปฏิบัติตามหลวงพ่อไหม ลองดู ลองเปลีย่ นดู ลองปรับปรงุ ให้ เอาอย่างน้ี พอข้ึนบา้ น พอขึ้นบา้ นปปุ๊ มันก็หาเรื่องดา่ ทันที โยมก็วา่ ง้นั เอาอยา่ งน้ี โยมไปทางาน ไปรบั จา้ งขบั แมคโคร ข้นึ แมค โคร ขับรับจ้างเขา เอาอย่างน้ี พอข้ึนบ้าน พอโยมแม่ออก โยมหญงิ ท่ีบ้าน พอกาลังเริ่มอารัมภบทกถา อารัมภบทข้ึน โยมก็นั่งลง ประนมมือแต้เลยนะ นั่งฟังเทศน์น่ะ น่ังฟัง พอจบแล้วก็สาธุ แล้วก็ ให้ค่าเทศน์ ในกระเป๋าขับรถมาได้เท่าไร ก็ให้หมด โอ้ย พอแฟนน่ัง ลงประนมมือ หัวเราะ ก๊าก ๆ ทาไปทามา เลยไม่ได้ด่า จากน้ันมา ถ้าจะด่า ก็นึกถึงหลวงพ่อ เลยไม่ด่า ก็กลายเป็นเทวดา จากเทวด่า แบบนี้ก็ดี แบบนี้ก็มีนะ บอกแฟนเขาน่ะ ก็น่ังลงประนมมือ พอฟัง เสร็จแล้ว ก็สาธุ ถวายค่าเทศน์ อย่าไปว่าเขาด่า ว่าเขาเทศน์ ว่าเขา ให้ศีลให้พร ว่าซั่น ได้ผล แบบนี้ก็ได้ผลนะ ได้ผล โยมจะกล้าด่า เหรอ เหน็ โยมผู้ชายมา มานั่งประนมมือ ฟงั โยมดา่ นะ อนั นี้กว็ ธิ หี น่งึ ๓๑

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ท่ี ๒ ได้ผล ได้ผลสาหรับคนบางคน บางคนอาจจะไม่ได้ก็ได้ อาจจะไม่ได้ ก็ได้ อันนี้ท่ีปรารภให้ฟัง ก็นานาสาระธรรม เอาธรรมะไปใช้ได้ผล ถ้าธรรมะเปน็ เครื่องแกป้ ญั หา สงิ่ ไหนเปน็ เคร่ืองแก้ปญั หา ไมใ่ ห้เกิด การทะเลาะเบาะแว้งได้ ให้เกิดความสามัคคีได้ เข้าใจกันได้ ก็คือ ธรรมะ ทีน้ี ลองดูเด้อ โยมเด้อ ลองเอาไปใช้ดู ถ้าหากว่า สถานการณ์มันเปน็ อยา่ งนน้ั ถา้ มันไม่เปน็ กไ็ ม่เปน็ ไรหรอก ฮึ ๆ น่กี ็ คือได้ผลมาแบบหน่ึง ได้ผล เอาน่ี ก่ีโมงก่ียามแล้วโยม กี่โมงก่ียาม เร่ิมบ่ายโมง ตอนนี้เวลาเท่าไร ไม่กล้าบอกเวลา กลัวอาตมาจะหยุด บ่ โอ้ย ติดใจพระป่าซะแล้ว ติดใจพระป่าแล้ว แน่ะ ต้องมาคารวะ เจ้าคุณโสบ่อย ๆ นะน่ี ต้องมาอ้อนเจ้าคุณโส มาอ้อนท่านปัญญา บ่อย ๆ ถึงจะได้ โยมอยากจะถามอะไรอาตมาบ้าง ในฐานะท่ีมา พบปะญาติโยมในวันนี้ อาตมาคิดว่าไม่ต้องถามดีกว่า คือ ไม่อยาก ให้เป็นเจ้าปัญหา อยากให้เป็นเจ้าปัญญา คือ เจ้าปัญหา มันไม่ สิ้นสุด ปัญหามันไม่จบ บางทีเจ้าปัญหา เจออาจารย์น้ีก็ถาม ถาม ลองภูมิ ลองปัญญา พอไปเจอองค์ใหม่ก็เอาเร่ืองเก่าไปถามอีก มัน ไม่ได้ถามเพ่ือให้เกิดความหาย หายความสงสัย หายความข้องใจ เข้าใจแลว้ น้อมสู่การปฏิบตั ิ แนะ่ มนั ถามเพ่ือทิฏฐิมานะ นั่นคอื เจ้า ปญั หา เจ้าปัญญาน่ี ฟัง อาตมาจึงบอกว่า ถ้าโยมเป็นผู้ฟังที่ดี เก่ง กว่าผู้พูดอีก ผู้พูดไม่ต้องสอน ผู้เทศน์ไม่ต้องเก่ง แต่ผู้ฟังเก่ง ย่อม เข้าใจ .. เข้าใจแล้ว มันมองย้อนหลังไป ย้อนชีวิตตัวเองไป ท่ีจะ ปรับปรุงเปล่ียนแปลงแก้ไข ทางดาเนินวิถีชีวิตเรายังไง ในหน้าที่ การงาน ในครอบครัวผัวเมีย ในเพื่อนร่วมการร่วมงาน มันมองเห็น ๓๒

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วัดปทมุ วนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ท่ี ๒ ไปตรงโน้นนะ นะ น่ันคือเจ้าปัญญา หรือถาม จะแนะนาวิธีถาม ถามก็ถามน้อยๆ เวลาถามครูบาอาจารย์ ถามพอเป็นเหตุ พอเป็น อุเทศ แล้วท่านก็จะปรารภเอง ถ้าเราคิดแต่เรื่องท่ีจะมาถาม มาโต้ มาตอบ นั่นคือทิฏฐิ นั่นคือมานะ ยกทิฎฐิ คือความเห็นเราแซงไป ตลอดเรื่อยไป ไม่ได้ประโยชน์นะ ไม่ได้ประโยชน์ หรือเป็นผู้ฟังที่ดี ฟังคนหนึ่งถาม แล้วเราต้ังใจฟังท่านตอบ ความขัดข้องในใจ ความ สงสัยมันจะหมดไป น่ีคนที่ได้ประโยชน์มากกว่าคนถามอีก เหมอื นกบั คนขน้ึ ตน้ มะมว่ ง แต่คนเก็บอย่ขู า้ งล่างไดเ้ ยอะกวา่ คนขึ้น ได้น้อย คนเก็บได้เยอะ คนถามได้น้อย คนฟังได้ประโยชน์มาก เพราะต้ังใจฟัง อาตมาทาอย่างนั้น อยู่กับหลวงปู่ชา ฟังท่านโต้ตอบ ปญั หากับโยม โตต้ อบปญั หากับพระอาคนั ตุกะ กับพระลูกศิษย์ที่มา แต่เราไม่ถาม เราจะฟังนะ ฟังแล้วเอาไปศึกษาปรารภเหมือนอย่าง ทใ่ี หอ้ ุบายวิธีไป แลว้ กจ็ ะเกิดสติเกิดปัญญา น่ี การถาม ไม่ใช่ว่าไม่ดี การถามคือการขุดขุมทรัพย์แห่ง ปัญญา การขุดคุ้ยคือถาม การขุดคุ้ยคือเราได้ขุดขุมทรัพย์แห่ง ปัญญา ครูบาอาจารย์คือขุมทรัพย์แห่งปัญญา เมื่อถามแล้ว ท่านก็ จะตอบเรามา น่ันคือท่านก็ให้เราได้เจอขุมทรัพย์ เจอทรัพย์สิน คือ ปัญญา ปัญญาคือทรพั ย์อนั ประเสรฐิ ทรพั ย์อ่นื เสมอดว้ ยปญั ญาไม่มี พระพุทธเจ้าก็จะตรัสอย่างนี้ ปัญญาคือทรัพย์อันประเสริฐ ทรัพย์ อ่ืนเสมอด้วยปัญญาไม่มี ถ้าคนมีปัญญาแล้ว จะหาเอาอะไรได้หมด ถา้ คนไมม่ ีปญั ญา แมจ้ ะไดร้ บั มรดกตกทอดมาจากพ่อแม่ปูย่ ่าตายาย ก็ตาม รักษาเอาไว้ไม่ได้ อีกหน่อยก็ฉิบหาย อีกหน่อยก็ล้มละลาย เพราะไม่มีปัญญา ถ้าคนมีปัญญาแล้ว หาด้วยมันสมอง หาด้วยมือ สองข้าง กส็ ามารถทีจ่ ะสร้างฐานะตัวเองได้ น่นั คือ คนมปี ัญญา ๓๓

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เล่มท่ี ๒ ทรพั ยค์ ือปญั ญา ทรพั ย์คือแสงสวา่ ง แสงสว่างอน่ื เสมอด้วย ปัญญาไม่มี แสงไฟสว่างตา แสงปัญญาสว่างใจ แสงธรรมสว่างใจ แสงไฟสว่างตา วนั น้ีท่านเจ้าคุณมหาโสฬส ทา่ นปญั ญา ท่านเจ้าคุณ มงคลกิตติธาดา ได้ดึงอาตมาออกมาจากป่าจากเขา ท่ีอยู่ไม่ใช่ ธรรมดา เป็นท่ีลึกลับซับซ้อน ถ้าพูดภาษาอีสานคือ ไปอยู่ท่ีผีบ่ท่อง คนบ่เที่ยว ไม่มีบ้านคน แล้วบิณฑบาตยังไง ไปบิณฑบาตท่ีไหน ไม่ได้เปิดสายการบนิ เพราะไมม่ ีรนั เวย์ มันไม่มีรันเวย์ ไมไ่ ดเ้ ปิดสาย การบนิ กอ็ าศยั โรงครวั อาศัยโยมไปส่งอาหารไว้ ก็พอได้ทา ฉนั วัน ละเล็กละน้อยก็อยู่กันได้ อยู่ในป่าในเขา พูดโยมก็ไม่เข้าใจ เพราะ ไมไ่ ด้เหน็ ว่าอยอู่ ยา่ งไร ท่านพระครปู ัญญาไปสร้างศาลาใหห้ ลังหนึ่ง กว้าง ๑๐ เมตร ยาว ๒๐ เมตร ความยาวก็คงจะเท่าส้นั ๆเรานีแ่ หละ เท่ากบั ๒ ห้องนนู้ แค่น้ันแหละ ทีนี้ท่ีได้มาปรารภนานาสาระธรรมกบั ญาตกิ ับโยมในวันน้ี ก็ ถือว่าเป็นสิริมงคล เป็นบุญเป็นกุศลของอาตมาด้วยของญาติโยม ด้วย ฉะน้ัน บุญกุศลอันใดที่ท่านท้ังหลาย ได้กระทาบาเพ็ญมา อาตมาก็ขออนุโมทนา บุญกุศลอันใดที่อาตมาได้กระทาบาเพ็ญมา ก็ขอแผ่ส่วนบุญกุศล ให้แก่ท่านทั้งหลาย จงมีสุขภาพแข็งแรง ปราศจากโรคภัย ทุกข์โศกโรคภัยอันตรายทั้งหลายท้ังปวง มี ความสุขความเจริญ เจริญในหน้าที่การงาน เจริญในธุรกิจกิจการ เจรญิ ในศลี ในธรรม คา้ จนุ วดั วาพระพุทธศาสนา อายุ วัณโณ สขุ งั พะลงั สัพพะ สทิ ธิ ภะวันตุเต สัพพะ ธะนงั สพั พะ ลาภัง ภะวนั ตุ เต รักขันตุ สุรักขนั ตุ สัพพะ สทิ ธิ ภะวนั ตุ เต ๓๔

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทมุ วนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เล่มท่ี ๒ สพั พะ ธะนงั สัพพะ ลาภงั ภะวันตุ เต อคั คะโต เว ปะสันนานงั อัคคัง ธมั มัง วชิ านะตงั เมอ่ื บคุ คลรู้จกั ธรรมอนั เลิศ เลือ่ มใสแล้วโดยความเปน็ ของเลิศดงั น้ี อคั เค พทุ เธ ปะสันนานัง ทกั ขิเณยเย อะนตุ ตะเร เลื่อมใสแลว้ ในพระพุทธเจา้ ผูเ้ ลิศ ซึง่ เป็นทักขิเณยยะบคุ คลอยา่ งยอดเยย่ี ม อคั เค ธัมเม ปะสนั นานงั วริ าคปู ะสะเม สุเข เลื่อมใสแล้วในธรรมอนั เลิศ ซง่ึ เป็นธรรมท่ีปราศจากราคะ สงบระงบั เป็นสขุ อัคเค สังเฆ ปะสนั นานัง ปุญญกั เขตเต อะนุตตะเร เลือ่ มใสแล้วในพระสงฆ์ผเู้ ลิศซึง่ เปน็ บุญญเขตอย่างยอดเยีย่ ม อคั คสั มงิ ทานัง ทะทะตงั อคั คัง ปุญญงั ปะวัฑฒะติ ถวายทานในทา่ นผูเ้ ลิศนนั้ บญุ ท่ีเลศิ ย่อมเจรญิ อัคคัง อายุ จะ วณั โณ จะ ยะโส กติ ตสิ ุขัง พะลัง อายุ วรรณะท่ีเลิศ และยศ เกียรตคิ ุณ สขุ ะ พละ ที่เลิศ ยอ่ มเจรญิ อคั คสั สะ ทาตา เมธาวี อัคคะธัมมะสะมาหโิ ต ผู้มีปัญญาต้งั มั่นในพระธรรมอันเลศิ และ ใหท้ านแก่ทา่ นผู้มธี รรมอนั เลศิ เทวะภโู ต มะนสุ โส วา อัคคัปปตั โต ปะโมทะตีติ ฯ เป็นนาบุญอันเลิศแล้ว จะไปบังเกิดเปน็ เทวดาหรือมนุษย์ก็ตาม ย่อมถึงความเปน็ ผู้เลศิ บนั เทิงอยู่ ดงั นี้ ฯ ภะวะตุ สัพพะมังคะลงั ขอสรรพมงคลจงมแี ด่ทา่ น รกั ขนั ตุ สพั พะเทวตา ขอเหล่าเทวดาทง้ั ปวง จงรกั ษาท่าน สัพพะพุทธานุภาเวนะ ด้วยอานุภาพแหง่ พระพทุ ธเจ้าท้ังหลาย ๓๕

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วดั ปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ที่ ๒ สัพพะธมั มานุภาเวนะ ด้วยอานภุ าพแหง่ พระธรรมทง้ั ปวง สัพพะสงั ฆานุภาเวนะ ด้วยอานุภาพแห่งพระสงฆ์ท้ังหลาย สะทา โสตถี ภะวันตุ เต ขอความสุขสวัสดีจงมแี ด่ท่าน ทุกเมื่อ เทอญฯ แกน่ ธรรมหลวงพ่อทองจันทร์ พทุ ธญำโณ อาตมาอยากจะให้ตงั้ มโน – มโนคอื ใจ อยากให้ต้ังใจฟงั ถา้ ใจ ไม่ตั้งแล้ว มันจะเอาธรรมะใส่ไม่ได้ ใส่เข้าไปไม่ได้ อาตมาไม่มี หลักสูตรสอนลูกศิษย์ เอำลูกศิษย์เป็นเหตุ เป็นอุเทศท่ีจะ อบรมธรรมะ อบรมข้อวัตรปฏิบัติ เอาความบกพร่องของลูก ศิษยเ์ ป็นหลกั จงึ พดู ไปตามธรรมชาติ สอนไปตำมธรรมชำติ เราจะกราบพระประธาน พระพุทธเจ้า พระพุทธรูป เราก็น้อม นึกว่าท่านยืนประทับอยู่ แล้วเรากราบตรงหลังเท้าท่าน แล้ว ความรู้สึกมันจะลึกลงไปอีก ควำมประชุมพร้อมของสติ ของ สมำธิ มันจะมีความสาคัญขึ้น ดีกว่าเรากราบไม่มีจุดหมาย อะไร เราเงยหน้าขึ้นก็เหมือนเรามองตง้ั แต่พระพักตร์ของท่าน ยันฝีเท้าแล้วก็กราบลง ลองดู ลองดูวิธีน้ี ควำมปีติ อาจจะ บังเกดิ ขึ้น โยมสมาทานศีลอุโบสถ ศลี พรหมจรรย์ ผ้ปู ระพฤติพรหมจรรย์ คือผู้ประพฤติด่ังพรหม ออกจากครอบจากครัว จากผัวจาก เมยี มาต้งั อย่ใู นพรหมจรรย์ มาตงั้ อย่ใู นความเป็นพรหม พรหม ไม่มีผู้หญิง ไม่มีผู้ชาย จึงขอชื่นชมยินดีท่านทั้งหลาย ที่มาทา ๓๖

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทมุ วนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ที่ ๒ กายของตนให้เป็นดอกพุทธชาติ เป็นดอกพุทธธรรม ให้เบ่ง บาน อยทู่ ่ัวพทุ ธสถาน ลานพระธรรมแหง่ น้ี พระป่านี้ท่านจะสรรเสริญในการเดินจงกรม ทากุฏิก็ต้องทา ทางเดินจงกรม เพราะนั่นคือท่ีทางานของพระกรรมฐาน พระ กรรมฐานไมม่ ีทางเดนิ จงกรม ก็เหมือนโยมไม่มอี อฟฟิศทางาน อาตมาฝึกแบบธรรมชาติ คือ เราจะต้ังสติกำหนดไว้ที่ฝ่ำเท้ำ เรา รับรู้ รับสัมผัสเวลาเราก้าวไปตามธรรมชาติ ไม่ต้องไปกด ไปเกร็งมาก ไม่ต้องไปต่อเท้าต่อส้น บางทีมันล้ม ความทรงตัว ไมม่ ี มันช้าเกนิ ไป และขาเรามีน้อย กำรปฏิบัติต้องเข้ำกับธรรมชำติและธรรมชาติเราเดินอยา่ งไร ขอให้เรามีสติ รู้ทุกก้ำวย่ำง รู้ทุกสัมผัส ขณะเดิน กำหนดสติ กำหนดดู กำหนดรู้ อยู่แค่น้ัน และปล่อยวางเรื่องทุกอย่าง จนกว่าเราจะพบเง่ือนธรรม ตอนที่ท่านพูดให้เราฟัง มันเป็นของท่าน ท่านหยิบยื่นให้เรา แต่เมื่อเรำเอำมำทำให้เกิดข้นึ มีข้นึ ด้วยกำรภำวนำ ภำวะ ทำ ให้เกิดขึน้ มีข้ึนดว้ ยตนเอง ทีนี้มันเปน็ ของเรา เมื่อมันเป็นของเราแล้ว จะเป็นบัณฑิตผู้ไม่มีความยากจน คือ ไม่จนดว้ ยปัญญำ ท่ีจะแกป้ ญั หำอำรมณจ์ ติ ใจตนเอง ภาวนา เข้าไป ศึกษาปรารภ ได้ยินโอวาทธรรมคาสอนครู-บาอาจารย์ องค์ไหนก็ตาม ถา้ เอาศกึ ษาปรารภใหม้ นั เกิดข้นึ มีขนึ้ กับเราเอง มันก็จะอยู่กับเรา ถ้าไม่ศึกษาปรารภ ไปฟังเทศน์ องค์น้ีเทศน์ เก่ง องค์นี้เทศน์ดี ดีก็ดีของท่าน เสร็จแล้วก็แล้วไป ในเราไม่มี อะไร เม่ือเราเอามาทาให้เกิดข้ึนมีขึ้นเป็นของเรา มันจะอยู่กับ เราตลอดไป ๓๗

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทุมวนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ท่ี ๒ พุทโธจริง ๆ มันคือผู้รู้ มัน คือควำมรู้ ควำมพิจำรณำอะไร ตำ่ งๆ พทุ ธศาสนาตอ้ งเกย่ี วขอ้ งกับทุกข์ ทุกขังอรยิ สจั จงั มวี วั ก็เป็นทุกข์เพราะวัว มีควายก็เป็นทุกข์เพราะควาย มีม้าก็เป็น ทุกข์เพราะม้า มีนาก็เป็นทุกข์เพราะนา มีอะไรก็เป็นทุกข์ เพราะอันน้ัน เห็นทุกข์เกิดข้ึนมาก่อนนะ ทุกขัง อริยสัจจัง ทุกข์เป็นความจริง มีขาก็ปวดขา มีหลังก็ปวดหลัง มีเอวก็ปวด เอว มีหัวก็ปวดหัว มีท้องก็ปวดท้อง มีอะไรก็ มีแต่โรคภัยไข้ เจ็บ มีแต่สิ่งที่เป็นทุกข์ เห็นสังขำรร่ำงกำยน้ีเป็นกองทุกข์ ข้นึ มา ถ้าเห็นทุกข์ก็เห็นธรรม ผู้ใดเห็นธรรมผู้น้ันก็เห็นทุกข์ ผู้ใด เห็นทุกข์ผู้นั้นเห็นธรรม ถ้าเห็นแต่สุข มันไม่ใช่แล้ว ถ้าเห็น ทุกข์ในสกนธ์ร่างกาย แล้วเราถึงจะเบ่ือหน่ายในอัตภาพ ร่างกาย จิตถึงจะไม่อยากมาถือเอาอัตภาพร่างกาย มาถือเอา ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย มาถือเอาภพน้อย ภพใหญ่ มนั ต้องเบือ่ หน่ำยในทุกข์ทีต่ นหลงกอ่ น สัพเพ สังขำรำ อนิจจำติ ยะทำ ปัญญำยะ ปัสสติ เมื่อใด บุคคลเหน็ ดว้ ยปัญญาวา่ สังขารทัง้ ปวงเปน็ ทุกข์ อถะ นิพฺพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยำ เม่ือนั้นย่อมเบ่ือ หน่ำยในสิ่งที่เป็นทุกข์ท่ีตนหลง นั่นแหละ เป็นทางแห่งพระ นิพพานอนั เปน็ ธรรมหมดจด หลวงปสู่ ิม “ในโลกน้ี มคี วำมสขุ ทไี่ หน ผมบวชมำจนเฒ่ำจน แก่ ยังไม่เห็นควำมสุข” และท่านยังพูดอีกว่า “ถ้ำท่ำนหำ ควำมสุขจะพบกับทุกข์ตลอดไป ถ้ำท่ำนค้นหำทุกข์ แล้ว ทำ่ นจะนิพพำน” ๓๘

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วัดปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เล่มที่ ๒ ภำวนำเอำ ภำวนำเข้ำไป ทำควำมเพียรเข้ำไป อสุภ กรรมฐำนเป็นสมบัติพระนิพพาน มรณกรรมฐำน เป็นสมบัติ พระนิพพำน ภาวนาเข้าไป เรำจะประมำทไม่ได้ อาตมาว่า หายใจเข้า เอาความแก่เข้ามา หายใจออก เอาความหนุ่มเรา ออกไป ควำมประมำทคือควำมตำย ความไม่ประมาทก็คือความไม่ ตาย ถ้าเรามีสติ รักษาลมหายใจเข้าลมหายใจออกอยู่ มันก็ยัง ไม่ตายอยู่ ยังไม่ตาย ครูบาอาจารย์บอกแต่อุบายวิธี ส่วนท่ี ต้องไปปฏบิ ัตเิ ป็นหนำ้ ทขี่ องเรำ ธรรมะที่ท่านหยิบย่ืนให้เรา อุบายวิธีเล็กน้อย ถ้าเราเอาไป วิพากษ์ วิจารณ์ วิตก วิจารณ์ จาแนกแจงแจกมาน้ัน มันยิ่ง มากหลากหลาย แลว้ แต่สตปิ ัญญา ความร้คู วามสามารถ ความ เขา้ ใจของแตล่ ะคน เร่ืองจิตเร่ืองใจ ต้องฝึกต้องฝืน ฝืนอารมณ์ ทวนอารมณ์ ทวน กระแส ความรสู้ ึก ถ้าเราทวนกระแสน้าคือกิเลส น้าคือตัณหา ไมไ่ หลไปตามมนั เราทวนกระแสมนั ทวนกระแสนา้ กามลเิ ลส ถ้าทวนกระแสมันได้ แน่นอน ต้องได้ตรัสรู้ ต้องตรัสรู้ธรรม ตรสั รตู้ ามพระพทุ ธเจา้ ธรรมะเป็นอันหน่ึงอันเดียว เร่ืองธรรมะอันมายมาก หลากหลาย ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ พระพทุ ธเจา้ แสดงให้คน ฟงั มากมาย เราไม่ต้องไปเอาหมด เอาพอมาปฏิบตั ิ อริยมรรคมีองค์ ๘ สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ สัมมาสังกัปโป ความดาริชอบ ความเห็นจะชอบได้ จะถูกต้องได้ ต้องอาศัย การได้ยินไดฟ้ ัง ไดส้ ดบั ศึกษาจากครูบาอาจารยท์ า่ นผู้รู้ ๓๙

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เล่มท่ี ๒ ครูบาอาจารย์คือขุมทรัพย์แห่งปัญญา การถามคือการขุด ขุมทรัพย์แห่งปัญญา เมื่อถามแล้ว ท่านก็จะตอบเรามา จะ แนะนาวิธีถาม เวลาถามครูบาอาจารย์ ถามก็ถามน้อยๆ ถาม พอเปน็ เหตุ พอเปน็ อเุ ทศ แลว้ ท่านก็จะปรารภเอง ไม่อยากให้เป็น เจ้ำปัญหำ อยากให้เป็น เจ้ำปัญญำ คือ เจ้า ปัญหา มันไม่ส้ินสุด ปัญหามันไม่จบ เจออาจารย์นี้ก็ถาม ถาม ลองภูมิ ลองปัญญา พอไปเจอองค์ใหม่ก็เอาเรื่องเก่าไปถามอีก มนั ไมไ่ ดถ้ ามเพื่อใหเ้ กิดความหายความสงสยั หายความข้องใจ มันถามเพ่ือทิฏฐิมานะ นั่นคือเจ้าปัญหา ไม่ใช่เพ่ือความเข้าใจ แล้วน้อมสู่การปฏบิ ตั ิ เจ้าปัญญาน่ี อย่างที่อาตมาบอก ถ้าโยมเป็นผฟู้ ังที่ดี ผู้เทศน์ไม่ ต้องเก่ง แต่ผู้ฟังเก่ง ย่อมเข้าใจ เข้าใจแล้วมองย้อนหลังไป ย้อนชีวิตตัวเองไป เพ่ือจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไข ทาง ดาเนินวิถีชีวิตในหน้าที่การงาน ในครอบครัวผัวเมีย ในเพื่อน รว่ มการร่วมงาน มันมองเหน็ ไปตรงโนน้ นะ นนั่ คือเจ้าปัญญา ปญั ญำคอื ทรพั ยอ์ ันประเสรฐิ ทรพั ยอ์ นื่ เสมอดว้ ยปัญญาไมม่ ี ทรัพย์คือปัญญา ทรัพย์คือแสงสว่าง แสงสว่ำงอื่นเสมอด้วย ปญั ญำไมม่ ี สพั เพ สังขารา อนิจจาติ ยะทา ปัญญายะ ปสั สติ เมอ่ื ใดบุคคลเหน็ ด้วยปญั ญาวา่ สังขารทง้ั ปวงเป็นทกุ ข์ อถะ นิพพฺ ินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธยิ า เมอ่ื น้ันย่อมเบ่ือหนา่ ยในสงิ่ ทีเ่ ป็นทุกข์ที่ตนหลง นนั่ แหละ เป็นทางแหง่ พระนิพพานอนั เป็นธรรมหมดจด ๔๐

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เล่มที่ ๒ พระรำชภำวนำวกิ รม (เลี่ยม ฐิตธัมโม) เจำ้ อำวำสวดั หนองปำ่ พง ต.โนนผงึ้ อ.วำรนิ ชำรำบ จ.อุบลรำชธำนี แสดงเมือ่ วนั อำทติ ย์ที่ ๒๕ พฤศจกิ ำยน ๒๕๖๑ ณ ศำลำพระรำชศรทั ธำ วัดปทมุ วนำรำม รำชวรวหิ ำร “เป็นมนุษยส์ ุดแสนดีมีโอกาส มปี ัญญาเฉลียวฉลาดกวา่ สตั ว์ท้งั ผอง ขอวิงวอนพวกเราท้ังหลายจงไตร่ตรอง ยดึ ครรลองความเป็นธรรมนาจิตใจ สัจธรรมของชีวติ คดิ ดกู นั บา้ งเถิด เมอ่ื มเี กดิ ต้องมีแก่แน่แลว้ ใช่ไหม หนีไม่พน้ กต็ ้องป่วยไข้ทัง้ กายใจ จะแก้ไขกันอย่างไรให้ทกุ ขค์ ลาย ๔๑

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ท่ี ๒ โรคทางกายมหี มอมียารักษาโรค ถูกโศลกเหตผุ ลดลโรคหาย แตโ่ รคทางใจน้นั ภัยกลุ้มรมุ้ กลุ้มคนตาย จะมาละลายรจู้ ักใช้โอสถธรรม ปฏิบตั ธิ รรมเรยี นธรรมเป็นธรรมะ เรียนเพอ่ื ละทุกขใ์ จไม่ท้อถอย ยิง่ เรยี นลงทท่ี ุกข์ยิ่งเข้ารอย มีสตไิ มเ่ ลื่อนลอยมองใหเ้ หน็ ตามเป็นจรงิ ” ขอเจริญพร เจริญธรรม เจริญสุขแด่ทุกท่าน วันนี้ก็ถือเป็น ส่วนหน่ึงของกาลเวลา เป็นวันที่ ๒๕ ของเดือนพฤศจิกายน เรา ทั้งหลายให้ความสาคัญต่อสุขภาพทางด้านคุณธรรม เราจึงได้มสี ่วน เสียสละมาในส่วนที่ได้ยินได้ฟัง เพื่อเป็นส่วนประกอบในการปฏิบัติ หรือการประยุกต์ใช้ในการดาเนินชีวิต เพราะการได้ยินได้ฟังนั้นถือ เป็นส่วนหน่ึงของความรู้ ฉะน้ันการได้ยินได้ฟังถือเป็นส่วนหน่ึงของ ชีวิตก็ว่าได้ ฉะนั้น การได้ยินได้ฟังก็ต้องไตร่ตรอง ต้องใคร่ครวญ และก็มีส่วนทบทวน ทักได้ว่ามันเป็นส่ิงที่ควร ส่ิงท่ีไม่ควร เราก็มามี ส่วนประยุกต์ใช้ ในฐานะว่าเราเป็นทรัพยากร ทรัพยากรของความ เป็นมนุษย์ ถือว่าเป็นทรัพยากรที่มีศักยภาพ ทรัพยากรประเสริฐ แม้แต่บุพพาจารย์ บุพการีหรือศาสดา ท่านยังให้การสรรเสริญว่า กิจโฉ มะนุสสะปะฏิลำโภ การได้เกิดข้ึนมาเป็นมนุษย์นั้นถือว่ามี ส่วนประเสรฐิ กใ็ หใ้ คร่ครวญกันบา้ ง ดังนั้น สุขภาพทางด้านร่างกายเป็นองค์ประกอบของวัตถุ เราทั้งหลายก็พอท่ีจะประเมินได้ วัตถุที่เป็นส่วนหนึ่งของรูปขันธ์ ๔๒

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทมุ วนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ที่ ๒ กาลเวลามีส่วนให้ข้อมูล ว่ามันมีอายุกาล อายุขัย อายุเราก็เห็นเปน็ ข้อมูล เพราะเราได้เคยไปร่วมในงานของการจากไป เรียกว่า ฌาปนกิจ ระบบของวัตถุมีส่วนมารวมกันก็มีการเส่ือมสลาย เหมือนกนั กลบั ไปสสู่ ภาพเดิม มองในแงใ่ หเ้ กิดความคลาย ไม่ใชม่ อง ในแง่ให้เกิดความผูกพัน ร่างกายเป็นวัตถุธาตุท่ีมีส่วนประกอบกับ สง่ิ ปฏิกูลโสโครก เราก็คงเขา้ ใจกันได้วา่ ในร่างกายน้ัน ไมม่ ีอะไรท่ีน่า ปรารถนา บง่ บอกถงึ ความรสู้ กึ ทเี่ รยี กวา่ เป็นสว่ นหนงึ่ ของความจริง ความจริงของสามัญแห่งไตรลักษณ์ เรามองกันในแง่ให้เกิด ความรู้สึกคลายกันบ้าง ว่าการคลายนั้นมันมีส่วนให้เป็นอิสระ ทุก คนกพ็ อทจี่ ะมองออกได้ ความมีสติพิจารณา พิจารณาในรูปแบบของด้านวัตถุ รูป ขันธ์มีบุคลิก กว้างศอกกามือยาววาหนาคืบ เป็นส่วนประกอบบ่ง บอกว่าไม่มีอะไรเป็นของของตน จาต้องละสิ่งทั้งปวงไป เรามอง อย่างน้ี มันได้ มนั ไดค้ วามสงดั ความสงัดเปน็ ส่วนหนงึ่ ของความร้สู ึก ที่ให้ภูมิคุ้มกัน เหมือนกับด้านจิตใจของเราไม่วิตกกังวล มันมี อารมณ์ให้เกิดความรู้สึกเป็นอิสระ น้ีก็คล้ายๆกัน อารมณ์ทาให้เกิด ความรู้สึกคลายความกาหนัดย้อมใจ ภาษาพระท่านเรียกว่าฐาน ฐานเป็นท่ีตั้งสิ่งที่เราถือว่าเป็นส่วนที่ต้องวาง ต้องปลง เราก็มา กาหนดกัน เป็นอารมณ์ท่ีให้เกิดความสงบใจ และก็เป็นที่ตั้งของ ความรอบรู้ท่ีเราเรียกว่าเป็นส่วนหน่ึงของ พุทธะหรือพุทโธ ก็พูด กันอย่างนั้น ผู้รู้ ผู้ต่ืน มันมีส่วนให้เกิดความเห็นถูก ความเข้าใจถูก ทุกคนก็มีส่วนประกอบของความรู้สึกของธรรม คือความมีสติ กาหนดกาย กาหนดลงบนพื้นท่ี เหมือนเราต้องดาเนินชีวิตในการ ๔๓

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วัดปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ท่ี ๒ เป็นอยู่ เราก็ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับพื้นที่ที่เราเรียกในรูปแบบวา่ โลก หรอื ผืนแผน่ ดิน ผนื แผ่นดนิ เปน็ ทใี่ ห้เกิดความสมบรู ณ์กบั ปัจจัยเครื่องอาศัย เราต้องอาศัยพื้นดินแต่เราต้องมีส่วนปรับปรุงพ้ืนดิน เราก็ได้มาซ่ึง ปัจจัยเครื่องอาศัย อาหาร การมีส่วนกับการเป็นอยู่ให้ภูมิคุ้มกัน ก็ มาจากพนื้ ดินท้ังน้ัน เครือ่ งนุง่ ห่ม กนั เรือด กนั ยุง กนั หนาว กนั ร้อน ตลอดถึงท่ีอยู่ท่ีอาศัย ก็มาจากพ้ืนดิน เหมือนกัน ฉะน้ันความมีสติ กาหนดลงในพน้ื ท่นี ้ี มันลดความรอ้ น มันถอนความเมา มนั ยงั ทาให้ เราไม่เกิดความรู้สึกในรูปแบบว่าวิตกกังวล เพราะเรามีส่วนให้เกิด ความเข้าใจถูก ถ้าเข้าใจถูก มันก็อยู่อย่างเป็นอิสระ ลดความร้อน ถอน ความเมา ยังทาให้เราอยู่ในรูปแบบมีความสงบใจ เราก็ฝึกดูกันบ้าง ฝกึ สงั เกตกันบา้ งว่า ชวี ติ ด้านสุขภาพ แลว้ ก็สังเกตดู ถ้าสังเกตดมู นั ก็ ให้ขอ้ มูล ดา้ นสขุ ภาพมันมองเห็นได้ดว้ ยตา ดว้ ยประสาทสมั ผสั เห็น ได้ง่ายๆ เราก็ยังรู้จักกันดี แต่สุขภาพด้านจิตใจน้ี ก็ควรที่จะศึกษา ควรท่ีจะกาหนดดู กาหนดรู้กันบ้าง จิตใจไม่มีรูปไม่มีร่าง แต่ว่ามัน ทาหน้าทใ่ี นรปู แบบเปน็ ประธานดว้ ย ท่านให้หลักการว่า มโน ปุพพังคมำ ธัมมำ มโนเสฏฐำ มโนมยำ ธรรมท้ังหลาย ท่านก็พูดอย่างน้ัน ทั้งที่มันเป็นส่วน รูปธรรมก็ดี ทั้งที่มันเป็นส่วนนามธรรมก็ดี ทั้งหมดท้ังส้ิน ท่านก็ให้ เราได้ศึกษา ฉะนั้น ความมีสติ ศึกษาดู เม่ือศึกษาดูก็จะเกิด ความรู้สึก เกิดความรู้สึกในลักษณะว่า พ้ืนท่ีนี้ สถานที่น้ี เราไม่ได้ อยู่กันอย่างถาวร เราอยู่กันแบบช่ัวคร้ังชั่วคราว เราก็ดูกันอย่างน้ัน ถ้าดูกันอย่างนี้มันก็จะคลาย ด้านจิตใจก็เหมือนกัน มันมีความรู้สึก ๔๔

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วัดปทมุ วนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ที่ ๒ สุข รู้สึกทุกข์ มันมีความรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ แต่ส่วนมาก คนเรา มักจะถือเป็นของเราท้ังหมด ถือว่าเป็นเรา เราสุข เราทุกข์ เรายนิ ดี เรายินร้าย เราชอบ เราไม่ชอบ มันเป็นเคร่ืองบดบัง มันเป็นวัตถุ ท่ีมามีส่วนบดบัง บดบังให้เรามีส่วนอยู่ในสภาพท่ีเรียกว่า ไม่ปรุ- โปรง่ นั้นเอง ไม่เกดิ ความรู้สึกทะลุปรโุ ปรง่ ฉะน้ัน พระพุทธเจ้า ท่านจึงให้ข้อคิดในรูปแบบว่า เอถะ ปัสสะถิมังโลกงั จติ ตงั รำชะระถปู ะมัง ยตั ถะ พำลำ วิสีทนั ติ นตั ถิ สังโค วิชำนะตังฯ ท่านให้ข้อมูลอย่างนี้ ไม่ได้ให้ดูท่ีอ่ืน ให้ดูในพื้นที่ ของเรา ให้มันแจ่มชัด ให้มันชัดเจนขึ้น ถ้ามันมีส่วนให้ข้อมูลอย่าง ถูกต้อง ชัดเจน มันบ่งบอก ถึงความเป็นอิสระ มันบ่งบอกถึง ความรู้สึก มีความสงบ จะมีลักษณะ เรียกว่า บวกหรือลบ สุขหรือ ทุกข์ เรากเ็ ห็นเปน็ แต่สักวา่ สิง่ แปลกปลอม เราทัง้ หลายก็คงรู้จักว่า ของแปลกปลอม ไม่ใช่ของจริง มันเป็นสิ่งขวางกั้น ไม่ให้เราอยู่ใน รปู แบบทเ่ี รียกวา่ มคี วามร้สู กึ เป็นอิสระได้ พระพุทธเจ้าก็ดี บุพพาจารย์ก็ดี ท่านก็ให้กาหนดเป็น อารมณ์ เป็นที่ต้ัง เป็นท่ีต้ังของกรรมฐาน เป็นที่ต้ังของความสงบใจ เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องบดบัง เรียกว่ามันเป็นเคร่ืองขวาง ก้ัน เรามีความรู้สึกกาหนดรู้ได้อย่างน้ี มันมีส่วนให้เกิดวางปลงได้ วางปลงได้ ยินดีมันก็ครอบงาไม่ได้ พอใจมันก็ชักจูงไม่ได้ เห็นแต่ เป็นภาพมายา อันเป็นส่ิงหน่ึงของเครื่องหลอกลวง เราก็ไม่ได้ให้ ความสาคัญ เหมือนกับละครท่ีเขามีส่วนทาหน้าที่ ในการเล่นให้ คนเราได้เกิดความรู้สึกเพลิดเพลิน แต่ถ้าเรามองเห็นว่ามันเป็นสิ่ง หลอกลวง เราไม่สนใจ และเราก็ไม่อยากจะดูด้วย ละครมันก็หมด กาลัง มันหมดกาลัง มันไม่มีกาลัง เมื่อมันไม่มีกาลังมันก็ดับ สังขาร ๔๕

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เล่มท่ี ๒ ด้านการปรุงแต่งก็เหมือนกัน ตัวสังขารนี้ เราก็มองแต่ในรูปแบบ ของวัตถุภายนอก เราปรงุ เราแต่ง พระพุทธเจ้าท่านให้กาหนด กาหนดดูสังขาร ระวังสังขาร จะเป็นปุญญาภสิ งั ขาร ประเภททมี่ สี ่วนยอมรบั กนั จะเป็นประเภทอ ปุญญาภิสังขาร ประเภทปฏิเสธกัน เราก็เห็นว่าเป็นส่วนหน่ึงของ เครื่อง เครื่องหน่วงเหนี่ยว เคร่ืองผูกพัน เคร่ืองดึงรัด มองในแง่ให้ เกิดความรู้สึกคลายความกาหนัด ย้อมใจ สังขารมันก็พลอยสงบไป ดว้ ย เมอ่ื สงั ขารมันสงบ ความรสู้ กึ ประเภททีม่ นั เป็นเคร่อื งผกู พันมัน ก็พลอย มันก็พลอยเสื่อมสภาพ เรียกว่าหมดความอยากไป ภาษา หนึ่ง เพราะความอยาก มันเป็น ประเภทความอยากมันเป็น ความ ไม่เปน็ อิสระ หลวงปู่ชาท่านจึงให้ข้อคิดว่า ทุกข์มีเพราะอยาก ทุกข์มาก เพราะพลอย ทุกข์น้อยเพราะหยุด ทุกข์หลุดเพราะปล่อย ท่านให้ ข้อคิดอย่างนั้น ความอยาก ไม่มีตัวไม่มีตน แต่ว่ามันก็มีอานาจ เหมอื นกัน ฉะนนั้ ความอยากมันเป็นส่วนหน่งึ ของความทุกข์ ความ ทุกข์ทางใจ แต่ว่าความทุกข์ทางกายเป็นรูปแบบของธรรมชาติ เช่น รูปแบบของความรสู้ ึกของการผ่านกาลเวลา ทเี่ ราเรยี กวา่ มันก็มีการ สึกกร่อน มันเป็นเรื่องของธรรมชาติไป ธรรมชาติของเขาเป็นอย่าง น้ัน ท่านจึงให้ข้อคิดในรูปแบบท่ีเรียกว่า เรามีความแก่เป็นธรรมดา เรามคี วามเจบ็ เปน็ ธรรมดา ตลอดถึงเรามีความพลัดพรากเป็นธรรมดา มองกันใน ลักษณะคลาย ถ้ามันคลายมันก็เป็นการเสียสละ เป็นการปลง ถ้ามี การปลง เราก็รู้สึก ว่ามันมีความรู้สึกมีความเป็นอิสระดี ภาษาท่าน เรียกว่าจาคะ จาคะ สละสิ่งท่ีมันเป็นข้าศึกแก่ความจริงของใจ ๔๖

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร ปี ๒๕๖๑ เล่มท่ี ๒ ข้าศึกต่อความจริงของใจน้ันไม่มีรูปไม่มีร่าง แต่ว่ามันมาในรูปแบบ เรียกว่าการปรุงการแต่งน้ีแหละ ผู้ที่มีส่วนเข้าใจ การปรุงการแต่งก็ พลอยมคี วามรู้สึกเส่อื มสภาพ เรยี กวา่ มีความสงบ ถ้ามีความสงบ ท่านก็เรียกว่าเป็นผู้อยู่ในรูปแบบมีวิหาร ธรรม ธรรมของการเป็นอยู่ของผู้มีความสงบใจ เป็นภาษาภาค บัญญัติ ปริยัติ เรียกว่า อสังขตธรรม ธรรมท่ีไม่มีการปรุงแต่ง แต่ มันก็ใช้ได้เหมือนกับว่าเราอยู่ในสังคม เราเป็นส่วนหนึ่งของการอยู่ ร่วมเปน็ สังคม แต่เรากอ็ ย่ใู นรูปแบบเหน็ เป็นเพียง การเป็นอยู่ในรูป แบบอย่างนี้ ไม่ได้ยินดี ไม่ได้ยินร้าย เห็นเป็นแต่ส่วนหน่ึงของการ เป็นอย่เู ทา่ นัน้ ถา้ ดูกันในรปู แบบอยา่ งนี้มันก็มีความรู้สึก อย่างน้อย ก็เกิดความรู้สึกในรูปแบบเรียกว่า ผู้ถูกปลดปล่อย ปลดปล่อยจาก เครอื่ งผกู พัน ภาษาเรยี กว่าไม่อยู่ในรูปแบบถูกกักขัง ฉะนัน้ อารมณ์ ที่ให้เกิดความสงบใจ มันก็มี มันก็พร้อมอยู่แล้ว ทุกคนก็พร้อมอยู่ แล้ว ทกุ คนกม็ กี ันอยแู่ ล้ว ก็ให้เขา้ ใจกนั อยา่ งนี้ เรามีกาย เราก็กาหนดกาย กาหนดดูว่าเราจะไม่ดูเลยมันก็ ไม่ได้ มันต้องดูว่า กาลเวลาผ่านไป ผ่านไป สภาพท่ีมันมีส่วน เกี่ยวขอ้ งกับกาลเวลามันจะชี้แนะ มนั จะใหข้ ้อมูล เม่อื มันชี้แนะ มัน ให้ข้อมูล เราก็จะมีความเข้าใจ ปรับความเข้าใจ ให้รู้สึกที่เรียกว่า รู้ แจ้งเห็นจริง ในสิ่งท่ีถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของ สามัญญะ ภาษาก็ เรยี กว่า วปิ ัสสนา วปิ สั สนำ ทำให้มนั แจง้ เหมือนกบั เราอยู่ในพ้ืนท่ี น้ี มีแสงสว่างของพระอาทิตย์ มีแสงสว่างจากกระแสไฟ เราก็มอง ในแง่ว่ามันมีความสะดวก เพราะเราไม่ได้มองไปอีก เพราะปกตแิ ล้ว อายตนะ ถือว่าเป็นส่วนหน่ึงของประสาทสัมผัส ตา ถือว่าเป็นส่วน ๔๗

มรดกธรรมศาลาพระราชศรทั ธา วดั ปทุมวนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ท่ี ๒ หนึ่งของอวัยวะประสาทสัมผัส เราอาศัยแสงสว่าง เราก็บอกว่าตา เราดี ทานองน้แี หละ ไมพ่ ิการ แต่ถ้ามองในแง่ว่า ถ้าไม่มีแสงพระอาทิตย์หรือไม่มี กระแสไฟ เรากบ็ อกว่าตานมี้ นั มีจดุ ด้อย มันมจี ุดทีเ่ รยี กว่า ไมใ่ หเ้ กิด ความสะดวก ฉะน้ัน ผู้ปฏิบัติท่านจึงมีส่วน ถ้ามีส่วนของการมา สารวมสังวร ก็มาสารวมสังวรที่อายตนะของเรา คือทางผ่าน ทางที่ มันมีส่วนของการผ่าน ผ่านเข้าผ่านออก ตาได้เห็นเกิดอะไรบ้าง หู ได้ฟงั แล้วก็มีอะไรบ้าง เราคอยสงั เกตเพราะสภาวะอนั เปน็ สว่ นหน่ึง ของเครื่องบดบังนั้นมันมีส่วนเก่ียวข้อง ภาษาพระท่านเรียกว่า ธรรมเป็นเคร่ืองครอบงา เรียกว่า โลกธรรมมันครอบงา ตาได้เห็น มันกม็ สี ่วนของความยินดี ความยนิ ร้าย เรียกว่าความสุขหรือความทุกข์ เราก็พอที่จะได้เห็นกันว่า สภาพอันน้ี สภาวะอันน้ี เรากาหนดในรูปแบบเรียกว่า กาหนดรู้ ก็ เห็นความยินดี สักว่า สักว่าแต่ความรู้สึก เห็นความพอใจก็สักว่าแต่ ความรู้สึก มันเป็นส่วนหน่ึงของการอยู่ร่วมในสังคม อารมณ์ท่ีอยู่ รอบข้าง เรากาหนดรู้ คลาย คลายความยินดีออกเสีย คลายความ พอใจออกเสียเป็นการเปน็ อยู่แบบนงึ ของผูเ้ ห็นโทษ เห็นภยั ในวัฏฏ- สงสาร เรียกว่า อุเปกขำธรรม ก็ได้ เป็นธรรมชาติอันบริสุทธ์ิบ่ง บอกถึงความรู้สึกในทางให้เกิด ให้เกิดความรอบรู้ ก็อาศัยความมี การกาหนดรู้ นเี่ อง การปฏิบัติธรรมเปน็ การเกี่ยวข้องกบั การดาเนิน ชีวิตจะอยู่ในอิริยาบถไหน เพราะร่างกายมีส่วนเกี่ยวข้องกับ อิริยาบถ จะยืน จะเดิน จะนั่ง จะนอน ก็มีส่วนอย่างน้ี น่ีเราก็ เหมือนกัน เราอยู่ในรปู แบบ เรยี กว่ามสี ว่ นเกย่ี วข้องกับสงั คมในส่วน ๔๘

มรดกธรรมศาลาพระราชศรัทธา วดั ปทมุ วนารามราชวรวหิ าร ปี ๒๕๖๑ เลม่ ท่ี ๒ ที่ ตาเห็นรูป หูฟังเสียง ท่านให้อยู่อย่างมีความรู้สึกเรียกว่า รู้ตัว ทานองนี้ ถา้ เราอยู่กนั อยา่ งมีความรตู้ ัวจะเกิดความรู้สึกเหมือนกับว่า สร้างภูมิคุ้มกัน คนมีภูมิคุ้มกันมันก็ปลอดภัย เหมือนกับร่างกายที่ เรามีการส่งเสริมด้วยอาหารให้ภูมิคุ้มกัน ระบบของการ เปลีย่ นแปลงของบรรยากาศโลก ชว่ งนีก้ เ็ ปน็ ช่วงฤดู ฤดหู นาว แต่ว่า อากาศ บรรยากาศกย็ ังไมม่ ีอาการ เพราะร่างกายของเรายงั เข้มแข็ง ร่างกายของเรายังมีภูมิคุ้มกัน อยู่ที่อุบลฯ นู้น กลางคืนมาก็ลดลง บ้างอยู่ท่ี ๒๔ – ๒๓ องศา ก็ไม่หนาว แต่กลางวันก็จะร้อนหน่อย ก็ ถือว่ามันเป็นสว่ นสมั ผัสทางด้านร่างกาย ร่างกายมีภูมิคุ้มกันมันกไ็ ม่ มีความรู้สึกรุนแรง หนาวก็ไม่หนาว ร้อนก็ไม่ถือว่าร้อน ถือว่ามัน เป็นส่วนหนึ่งของบรรยากาศ ของสภาพส่ิงแวดล้อม อันนี้ก็ คล้ายๆกัน เราอยู่ในสังคมสรรเสริญ นินทา มันก็ไม่มีอะไร ถ้ามอง ในแง่เราอยู่ในสงั คม ผู้มีสติ ผู้มีความรู้สึกรู้ตัว เรามีส่วนได้รับในการทักทาย เรียกว่า ในส่วนมคี วามเกยี่ วขอ้ งกับสงั คม เขาพูดในรปู แบบให้ขอ้ มูล ว่า ไม่ดี ทานองน้ี เราก็ไม่ควรท่ีจะเรียกว่า ยินดี ยินร้าย มองไป บอกว่ามันไม่ดีจริง ๆ มันไม่มีอะไรคงทน มันบ่งบอกถึงความ เปลี่ยนแปลง และบ่งบอกถึงสภาพท่ีเราเรียกว่า ไม่น่าปรารถนา พระท่านมักจะเอามาใช้เป็นอารมณ์ ในการเปล่ียนจริตนิสัย เพราะ เรามนั มสี ว่ นถูก เรียกว่า เสีย้ มสอนมา ตัง้ แตอ่ อ้ นแต่ออก แตเ่ ม่ือมา ไดม้ ีสว่ นรับเอาหลกั ของการแนะนากม็ ักจะเกิดความรสู้ ึก ท่านบอกว่า อารมณ์ที่ทาให้เกิดความสงบใจ ท่านก็ไม่ได้ เอาออกจากพื้นที่ใด แต่ท่านก็เอาในพื้นท่ีที่เรามีอยู่น้ี คนที่เคยผ่าน ๔๙


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook