Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พฤติกรรมการสื่อสารสารสนเทศทางการเมืองของคนไทย

พฤติกรรมการสื่อสารสารสนเทศทางการเมืองของคนไทย

Published by Komgrit Rumdon, 2021-07-07 04:23:00

Description: พฤติกรรมการสื่อสารสารสนเทศทางการเมืองของคนไทย

Keywords: การเมือง

Search

Read the Text Version

154 ศุภรัศม์ิ ฐิติกุลเจริ ญ. (2540). ทฤษฎีการสื่ อสาร: Communication Theory. กรุ งเทพฯ: สานักพิมพ์ มหาวทิ ยาลยั รามคาแหง. ศูนย์ศึกษาวิจยั การเมืองไทย. (2550). การเมืองสาคัญอย่างไร. กรุงเทพฯ : คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั . จาก http://www.thprc.org/book/node/128.htm สมควร กวียะ. (2547). การส่ือสารมวลชน: บทบาทหน้าที่ เสรีภาพ และความรับผิดชอบ. กรุงเทพฯ : โกสินทร์. สมบตั ิ ธารงธญั วงศ.์ (2540). การเมืองแนวความคดิ และการพฒั นา. กรุงเทพมหานคร: โครงการเอกสารและ ตารา คณะรัฐศาสตร์สถาบนั บณั ฑิตพฒั นบริหารศาสตร์. _____________. (2541). การเมือง: แนวความคดิ และพฒั นา. กรุงเทพฯ: เสมาธรรม. สฤษด์ิ วิฑูรย.์ (2561). การพัฒนาการเมืองกับการจัดกระบวนการเรียนรู้วิถีประชาธิปไตยสู่ประชาชน. สถาบนั นโยบายการศึกษา.จาก http://fpps.or.th/news.php?detail=n1078045127.news สัญญา เคณาภูมิ. (2559). การตดั สินใจทางการเมืองแบบวิถีประชาธิปไตย: แนวคิดและรูปแบบลกั ษณะ. มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์, 33(2): 89-119. สานกั งานเลขาธิการสภาผแู้ ทนราษฎร. (2557). การพัฒนาการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย. กรุงเทพฯ : สานกั งานเลขาธิการสภาผแู้ ทนราษฎร. สินีนุช วิบูลรัตน์. (2548). การสื่อสารทางการเมืองกับการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนท่ีมีสิทธิ เลือกต้งั ในเขตคลองเตย. วทิ ยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบณั ฑิต มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์. สุมิตร สุวรรณ และคณะ. (2556). มนุษย์กับสังคม เศรษฐกิจ การเมือง กฎหมาย และส่ิงแวดล้อม. โครงการ วชิ าบูรณาการ. นครปฐม: มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาลยั กาแพงแสน. สุรพงษ์ โสชนะเสถียร. (2541). การสื่อสารกบั การเมือง. กรุงเทพมหานคร: ประสิทธิภณั ฑแ์ อนด์ พริ้นติง้ . สุรียา ทศั นาทินกร. (2559). พฤติกรรมสารสนเทศของผูป้ ระกอบการวสิ าหกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มใน หมวดหมูธ่ ุรกิจบริการดา้ นสถาปัตยกรรมและวศิ วกรรม ในจงั หวดั ขอนแก่น, วารสารสารสนเทศ ศาสตร์, 34(3): 68-88. เ ส รี ว ง ษ์ม ณ ฑ า . (2537). ก า ร ป ร ะ ยุ ก ต์ ท ฤ ษ ฎี ใ น ก า ร ส่ื อ ส า ร ห ลัก แ ล ะ ท ฤ ษ ฎีก า ร สื่ อ ส า ร . มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช: นนทบุรี. อณพสิษฐ ไชยเชษฐ.์ (2543). การรับสารสนเทศด้านการเมืองของประชาชนชุมชนหนองใหญ่ในเขตเทศบาล นครขอนแก่น. วทิ ยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบณั ฑิต มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น. อญั ชสา สีนวนแกว้ . (2558). ปัจจยั เอ้ือต่อพฤติกรรมสารสนเทศท่ีส่งผลต่อการสร้างมูลค่าดา้ นการผลิตและ การตลาดของเกษตรกรไทย, วารสารสานักหอสมุดมหาวทิ ยาลยั ทกั ษิณ, 4(1): 96-116.

155 เอกวิทย์ ธีรวิโรจน์. (2553). ปัญหาการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน: กรณีศึกษาเทศบาลเมือง นางรอง. วิทยานิพนธ์ปริญญารัฐศาสตรมหาบณั ฑิต คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบนั บณั ฑิตพฒั นบริหารศาสตร์. Almond, G.A. and Powell, Bingham G, JR. (1966). Comparative Politic: A Developmental Approach. Boston: Little Brown and Co. Berlo, D. K. (1960). The Process of Communication. New York: Rinehart & Winston. Blumler, J. A., and Gurevitch, M. (1977). Linkage between the Mass Media and Politics. In Blumler J. .G. and Katz E. (eds.), Mass Communication and Society. Leicester: Leicester University. _____________. (1977). Journalistic Orientation to Political Institutions. Leicester: Leicester University Press. Bootcampdemy. ( 2 5 6 2 ก ) . ค ว า ม ห ม า ย แ ล ะ ค ว า ม ส า คั ญ ข อ ง ก า ร เ มื อ ง . ค ณ ะ นิ ติ ศ า ส ต ร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. จาก https://www.bootcampdemy.com/content/69-ความหมายและ ความสาคญั ของการเมือง _____________. (2562ข). สถานการณ์ การเมืองการปกครองของสั งคมไทย . คณะนิติศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์. จาก https://www.bootcampdemy.com/ content/70-สถานการณ์การเมือง การปกครองของสงั คมไทย Bormann, E. G. (1975). Discussion and Group Method: Theory and Practice. New York: Harper & Row. Carl I. Hoveland, Irving L. Janis and Horold H. Kelly. (1953). Communication and Persuasion. New Haven: Yale University Press. Denton, R.E. & Woodword, G.C. (2003). Political Communication in America. New York: Preager. Everett M. Roger and F. Floyd Shoemaker. (1971). Communication of Innovations. New York: The Free Press. George A. Miller. (1951). Language and Communication. New York: McGraw-Hill. Huntington, S. P. and J. M. Nelson, (1976). No Easy Choice: Political Participation in Developing Countries. Cambridge Mass: Harvard University Press. Lasswell, Harold D. (1949). The Structure and Function of Communication in Society.In W.S. Schramm (ed.), Mass Communication. Urbana: University of Illinois Press. McClosky, H. (1968). Political Participation. International Encyclopedia of the Social Science. New York: McMillan and Free Press. McNair, Brian. (1999). An Introduction to Political Communication. London: Routledge Press. Milbrath, L. W. (1971). Political Participation. New York: University of Buffalo Press.

156 Milbrath, L. W. and Goel. (1977). Political Participation: How and Why Do People Get Involved in Politics. 2 ed. Chicago: Rand McNally College Publishing Company. Newcomp, T. M. (1965). Social Psychology. New York: Holt, Rinehart & Winston. Nie, N. H. and S. Verba. (1975). Political Paticipation. In Fred G. and W. N. Polsby (EDS.) Handbook Political Science : Non-Government Politic. Massachusette: Addison Wesley.

157 ภาคผนวก

158 ภาคผนวก ก. แบบสอบถามพฤตกิ รรมการส่ือสารสารสนเทศทางการเมืองของคนไทย แบบสอบถาม พฤติกรรมการสือ่ สารสารสนเทศทางการเมอื งของคนไทย ตอนที่ 1 ภูมหิ ลงั ของผูต้ อบแบบสอบถาม คาช้ ีแจง โปรดทำเคร่อื งหมำย √ ลงใน ( ) ตำมควำมเป็นจรงิ ของท่ำนมำกท่สี ดุ 1. เพศ ( ) ชำย ( ) หญงิ 2. ช่วงอำยุ ( ) 18 - 30 ปี ( ) 31 - 40 ปี ( ) 41 - 50 ปี ( ) 51 - 60 ปี ( ) 61 ปี ข้นึ ไป 3. ระดบั กำรศึกษำสงู สดุ ( ) ไม่ได้รับกำรศึกษำ ( ) ประถมศึกษำ ( ) มธั ยมศึกษำหรือเทยี บเท่ำ ( ) ปรญิ ญำตรี ( ) สงู กว่ำปรญิ ญำตรี 4. อำชีพหลกั ( ) นักเรียน/นกั ศกึ ษำ ( ) รับรำชกำร ( ) ช่ำงฝีมอื (ช่ำงแตง่ หน้ำ ช่ำงตดั ผม ช่ำงไม้ ฯลฯ) ( ) เกษตรกรรม ( ) ค้ำขำย ( ) กรรมกร ( ) พนักงำนบริกำร (โรงแรม ห้ำงร้ำน สถำนบนั เทงิ ร้ำนอำหำร ฯลฯ) ( ) พนกั งำนหน่วยงำนรัฐ และเอกชน 5. อำชพี เสรมิ ( ) ช่ำงฝีมอื (ช่ำงแตง่ หน้ำ ช่ำงตดั ผม ช่ำงไม้ ฯลฯ) ( ) เกษตรกรรม ( ) ค้ำขำย ( ) พนักงำนบรกิ ำร (โรงแรม ห้ำงร้ำน สถำนบนั เทงิ ร้ำนอำหำร ฯลฯ) 6. รำยได้ต่อเดอื น ( ) น้อยกว่ำ 10,000 บำท ( ) 10,001-20,000 บำท ( ) 20,001-30,000 บำท ( ) 30,001-40,000 บำท ( ) 40,001-50,000 บำท ( ) 50,001 บำทข้นึ ไป 7. ศำสนำ ( ) พุทธ ( ) ครสิ ต์ ( ) อสิ ลำม 8. แหล่งท่อี ยู่อำศยั ( ) สงั คมเมอื ง ( ) สงั คมชนบท

159 ตอนที่ 2 การตดั สินใจในการมสี ่วนร่วมทางการเมอื ง คาช้ ีแจง โปรดทำเคร่อื งหมำย √ ลงในช่องว่ำงท่กี ำหนดให้ตำมควำมคดิ เหน็ ของทำ่ นในตรงกบั ควำมเป็นจรงิ มำกท่สี ดุ 9. ท่ำนตดั สนิ ใจในกำรมสี ว่ นร่วมทำงกำรเมอื งอยู่ในระดบั ใด มี การมีส่วนร่วมทางการเมอื ง ไม่มี ปาน นอ้ ย นอ้ ยที่สุด มากที่สดุ มาก กลาง การแสดงความสนใจต่อกิจกรรมทางการเมอื ง ท่ำนให้ควำมสำคญั กบั ข่ำวสำรทำงกำรเมอื ง มำกกว่ำเร่อื งอ่นื ๆ ในระดบั ชำติ ท่ำนตดิ ตำมข่ำวสำรเก่ยี วกบั กำรสมคั รกำนนั / ผ้ใู หญ่บ้ำน นำยกองคก์ ำรบรหิ ำรสว่ นตำบล นำยก องคก์ ำรบริหำรส่วนจงั หวัด การใชส้ ิทธิเลือกต้งั ทำ่ นเหน็ ควำมสำคญั ในกำรใช้สทิ ธเิ ลือกต้งั สมำชิกสภำผ้แู ทนรำษฎร และสมำชกิ วุฒิสภำ ทำ่ นให้ควำมสำคญั ในกำรใช้สทิ ธเิ ลอื กต้งั ของ องคก์ ำรบริหำรส่วนตำบล และองคก์ ำรบริหำร สว่ นจงั หวัด การริเริม่ ประเด็นพูดคุยทางการเมือง ทำ่ นแลกเปล่ยี นควำมคดิ เหน็ ทำงกำรเมอื งในกำร ดำเนนิ งำนของพรรคกำรเมอื ง สมำชิกสภำผ้แู ทน รำษฎร และสมำชิกวฒุ ิสภำ ทำ่ นชอบวิพำกษว์ ิจำรณแ์ ละตดิ ตำมกำร ดำเนนิ งำนขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่นิ การชกั จูงผูอ้ ื่นใหเ้ ลอื กต้งั ผทู้ ี่ตนสนบั สนุน ทำ่ นเปิ ดประเดน็ กำรบริหำรรำชกำรเพ่ือช้ใี ห้เพ่ือน เหน็ ถงึ ข้อดแี ละข้อเสยี ของกำรบรหิ ำรงำนของ พรรคกำรเมอื ง ท่ำนได้รับอทิ ธพิ ลจำกเพ่ือนในกำรเหน็ ข้อดแี ละ ข้อเสยี ขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่นิ การแสดงสญั ลกั ษณใ์ นการสนบั สนุนพรรคการเมือง ท่ำนแสดงพฤตกิ รรมกำรสนับสนุนพรรคกำรเมอื ง โดยกำรสวมเส้อื พรรค ตดิ สต๊กิ เกอรพ์ รรค ทำ่ นแสดงพฤตกิ รรมทำงกำรเมอื งโดยเข้ำร่วมกำร หำเสยี งของกำนนั /ผ้ใู หญ่บ้ำน การบริจาคเงินสนบั สนุนและระดมทุน ทำ่ นบริจำคเงินเพ่ือสนับสนุนกำรทำงำนของ สมำชกิ สภำผู้แทนรำษฎร และสมำชกิ วฒุ ิสภำท่ี ทำ่ นสนบั สนุนเสมอ

160 มี การมสี ่วนร่วมทางการเมอื ง ไม่มี ปาน นอ้ ย นอ้ ยที่สุด มากที่สดุ มาก กลาง ท่ำนบริจำคเงนิ เพ่ือสนับสนุนกำรทำงำนของ กำนัน/ผู้ใหญ่บ้ำนท่ที ่ำนสนับสนุนเสมอ การร่วมกิจกรรมของพรรคการเมืองและประชมุ หรือชมุ นุมทางการเมอื ง ทำ่ นเข้ำร่วมชุมนุมทำงกำรเมอื งทม่ี กี ำรรวมกล่มุ กำรต่อส้ทู ำงกำรเมอื ง ท่ำนเข้ำร่วมในกำรต่อส้ทู ่เี ก่ยี วข้องกบั ผลประโยชน์ ของชุมชน การร่วมรณรงคท์ างการเมือง ท่ำนเข้ำร่วมรณรงคใ์ ห้คนไปใช้สทิ ธ์เิ ลอื กต้งั สมำชิกสภำผ้แู ทนรำษฎร และสมำชกิ วฒุ ิสภำ ทำ่ นเข้ำร่วมรณรงคใ์ ห้คนไปใช้สทิ ธ์เิ ลอื กต้งั กำนัน/ผ้ใู หญ่บ้ำน การเสนอตวั เป็ นตวั แทนทางการเมือง ท่ำนเสนอตวั ในกำรลงรบั สมคั รเลอื กต้งั สมำชิกสภำผ้แู ทนรำษฎร และสมำชกิ วฒุ ิสภำ ท่ำนเสนอตวั ในกำรลงรับสมคั รเลือกต้งั กำนนั / ผ้ใู หญ่บ้ำน

161 ตอนที่ 3 พฤติกรรมสารสนเทศทางการเมอื ง ตอนที่ 3.1 การใชส้ ารสนเทศ คาช้ ีแจง โปรดทำเคร่อื งหมำย √ ลงในช่องว่ำงท่กี ำหนดให้ตำมควำมคดิ เหน็ ของทำ่ นในตรงกบั ควำมเป็นจรงิ มำกท่สี ดุ 10. ทำ่ นมพี ฤตกิ รรมกำรมสี ่วนร่วมทำงกำรเมอื งอย่ำงไร มี การมสี ่วนร่วมทางการเมอื ง ไม่มี ปาน นอ้ ย นอ้ ยที่สดุ มากที่สดุ มาก กลาง การแสดงความสนใจต่อกิจกรรมทางการเมือง ทำ่ นตดิ ตำมข่ำวสำรทำงกำรเมอื งอยู่เป็นประจำ ทำ่ นรวบรวมข้อมลู ข่ำวสำรทำงกำรเมอื งเพ่ือ เพ่ิมพนู ควำมร้ทู ำงกำรเมอื งของตนเอง ท่ำนนำข้อมูลข่ำวสำรทำงกำรเมอื งมำวเิ ครำะห์ใน กำรตดั สนิ ใจทำงกำรเมอื ง การใชส้ ิทธิเลอื กต้งั ท่ำนตดิ ตำมข่ำวสำรกำรหำเสยี งเลือกต้งั และ ตดั สนิ ใจในกำรไปใช้สทิ ธเิ ลอื กต้งั ท่ำนตดั สนิ ใจเลอื กพรรคกำรเมอื งโดยดูจำก นโยบำยของพรรค ทำ่ นตดั สนิ ใจเลอื กพรรคกำรเมอื งโดยพิจำรณำ จำกคุณสมบตั ขิ องบคุ คลท่รี บั สมัครกำรเลือกต้งั ท่ำนมสี ่วนร่วมในกำรตดิ ตำมผลกำรนบั คะแนน กำรเลือกต้งั ทกุ คร้งั ทำ่ นตดิ ตำมผลกำรนบั คะแนนกำรเลือกต้งั ผ่ำน ทำงส่อื สำรมวลชนทุกคร้งั การริเริม่ ประเด็นพูดคยุ ทางการเมือง ท่ำนสนทนำประเดน็ ทำงกำรเมอื งกบั คนใน ครอบครัวของทำ่ น ท่ำนพบปะพูดคุยประเดน็ ทำงกำรเมอื งกบั เพ่ือน บ้ำน/ชุมชนเสมอๆ ทำ่ นแสดงควำมคดิ เหน็ ทำงกำรเมอื งผ่ำนส่อื สงั คม ออนไลนเ์ สมอๆ เช่น Facebook, Line, SMS เป็ นต้ น การชกั จูงผูอ้ ื่นใหเ้ ลอื กต้งั ผทู้ ี่ตนสนบั สนุน ท่ำนโน้มน้ำวใจให้ผู้อ่นื เลือกนักกำรเมอื งท่ที ่ำน เหน็ ว่ำเหมำะสม การแสดงสญั ลกั ษณใ์ นการสนบั สนุนพรรคการเมอื ง ทำ่ นใสเ่ ส้อื หรือตดิ สญั ลักษณข์ องพรรคกำรเมอื งท่ี ทำ่ นสนบั สนุนเสมอๆ

162 มี การมสี ่วนร่วมทางการเมือง ไม่มี ปาน มากที่สุด มาก นอ้ ย นอ้ ยที่สดุ กลาง ท่ำนตดิ สต๊กิ เกอรพ์ รรคกำรเมอื งท่ที ่ำนสนบั สนุนท่ี ยำนพำหนะของท่ำน การบริจาคเงินสนบั สนุนและระดมทุน ทำ่ นบรจิ ำคเงินหรือหรอื สง่ิ ของต่ำงๆ เพ่ือ สนบั สนุนกจิ กรรมทำงกำรเมอื งของพรรค กำรเมอื ง ท่ำนได้รับเงนิ หรอื สง่ิ ของต่ำงๆ เพ่ือสนับสนุน กจิ กรรมทำงกำรเมอื งของพรรคกำรเมอื ง ทำ่ นเข้ำร่วมจดั กจิ กรรมระดมทุนสนบั สนุนพรรค กำรเมอื ง เช่น กำรจำหน่ำยเส้อื กำรจดั แสดง ดนตรี การร่วมกิจกรรมของพรรคการเมืองและประชมุ หรือชมุ นุมทางการเมอื ง เม่อื มกี จิ กรรมทำงกำรเมอื ง ทำ่ นได้เข้ำร่วม กจิ กรรมอย่ำงเสมอๆ ทำ่ นเข้ำร่วมรบั ฟังกำรหำเสยี งหรอื นโยบำยของ พรรคกำรเมอื งเสมอๆ การร่วมรณรงคท์ างการเมอื ง ท่ำนชกั ชวนบคุ คลอ่นื ให้ไปใช้สทิ ธเิ ลอื กต้งั เสมอๆ การเสนอตวั เป็ นผูแ้ ข่งขนั ทางการเมอื ง ทำ่ นหำข้อมูลในกำรเสนอช่อื เพ่ือเข้ำชิงตำแหน่ง ทำงกำรเมอื ง

163 ตอนที่ 3.2 ความตอ้ งการสารสนเทศ 11. ท่ำนต้องกำรสำรสนเทศทำงกำรเมอื งใดบ้ำงในกำรตดั สนิ ใจทำงกำรเมอื ง สารสนเทศทางการเมือง ตอ้ งการ ไม่ตอ้ งการ มากที่สุด มาก ปานกลาง นอ้ ย นอ้ ยที่สดุ ทำ่ นคดิ ว่ำทำ่ นอยำกให้รฐั บำลจัดทำ นโยบำยท่ลี งมำช่วยเหลอื ประชำชน ท่ำนคดิ ว่ำทำ่ นอยำกให้รฐั บำลจัดทำ นโยบำยวำงแผนระยะยำวท่จี ะเกดิ ข้นึ ใน อนำคต ทำ่ นคดิ ว่ำทำ่ นต้องกำรให้รัฐบำลจดั ทำ นโยบำยประชำนยิ มหรอื ไม่ สารสนเทศที่เกี่ยวกบั การแสดงความสนใจต่อกิจกรรมทางการเมือง สำรสนเทศท่เี ก่ยี วข้องกบั ควำมเคล่ือนไหว ทำงกำรเมอื ง สำรสนเทศท่เี ก่ยี วข้องกบั กำรวเิ ครำะห์ทำง กำรเมอื ง สารสนเทศที่เกีย่ วกบั การใชส้ ิทธิเลอื กต้งั สำรสนเทศท่เี ก่ยี วข้องกบั นโยบำยพรรค กำรเมอื ง สำรสนเทศเทศเก่ยี วกบั ประวัตแิ ละผลงำน ของผ้สู มคั รรับเลอื กต้งั สารสนเทศที่เกีย่ วกบั การเริม่ พูดคยุ ประเด็นทางการเมือง สำรสนเทศท่เี ก่ยี วข้องกบั กำรแสดงควำม คดิ เหน็ ทำงกำรเมอื ง สารสนเทศที่เกี่ยวกบั การชกั จูงผูอ้ ื่นใหเ้ ลอื กต้งั ผูท้ ี่ตนสนบั สนุน สำรสนเทศท่เี ก่ยี วข้องกบั กำรเปรยี บเทยี บ นโยบำยและผลงำนของพรรคกำรเมอื ง สารสนเทศที่เกี่ยวกบั การติดต่อกบั นกั การเมืองหรือผูน้ าทางการเมือง สำรสนเทศท่เี ก่ยี วข้องกบั ช่องทำงกำร ตดิ ต่อกบั นักกำรเมอื ง สารสนเทศที่เกีย่ วกบั การเป็ นสมาชิกและบริจาคเงินสนบั สนุนกิจกรรมทางการเมือง สำรสนเทศท่เี ก่ยี วข้องกบั รำยช่ือ ผ้สู นับสนุนพรรคกำรเมอื ง สารสนเทศที่เกี่ยวกบั การร่วมรณรงคท์ างการเมือง สำรสนเทศท่เี ก่ยี วข้องกบั กำรรณรงคท์ ำง กำรเมอื ง สำรสนเทศท่เี ก่ยี วกบั สทิ ธหิ น้ำท่ขี อง ประชำชนในรฐั ธรรมนูญ

164 สารสนเทศทางการเมอื ง ตอ้ งการ ไม่ตอ้ งการ มากที่สุด มาก ปานกลาง นอ้ ย นอ้ ยที่สดุ สารสนเทศที่เกีย่ วกบั การเขา้ ร่วมกิจกรรมของพรรคการเมอื ง สำรสนเทศท่เี ก่ยี วข้องกบั กำรดำเนินงำน กจิ กกรมของพรรคกำรเมอื ง สารสนเทศที่เกี่ยวกบั การเสนอตวั เป็ นผูแ้ ข่งขนั ทางการเมือง สำรสนเทศท่เี ก่ยี วข้องกบั ประวัตแิ ละ ผลงำนของค่แู ข่งขนั ทำงกำรเมอื ง สำรสนเทศท่เี ก่ยี วข้องกบั กฎเกณฑก์ ำร สมคั รรับเลอื กเลือกต้งั ตำมรฐั ธรรมนูญ ตอนที่ 3.3 การแสวงหาสารสนเทศทางการเมือง 12. ทำ่ นค้นหำข้อมูลข่ำวสำรทำงกำรเมอื งจำกแหล่งสำรสนเทศใดบ้ำง แหล่งสารสนเทศทางการเมือง แสวงหา ไม่คน้ หา มากที่สดุ มาก ปานกลาง นอ้ ย นอ้ ยที่สดุ แหลง่ สารสนเทศบุคคล คนในครอบครวั ผ้นู ำชุมชน เช่น กำนนั ผ้ใู หญ่บ้ำน เพ่ือนร่วมงำน นกั กำรเมอื ง หัวคะแนนกำรเมอื ง คร/ู อำจำรย์ ผ้นู ำทำงศำสนำ แหล่งสารสนเทศสถาบนั ห้องสมดุ ประชำชน ศนู ย์กำรเรียนร้ชู ุมชน แหลง่ สื่อมวลชน วิทยุกระจำยเสยี ง วิทยุโทรทศั น์ หนงั สอื พิมพ์ วำรสำร/นิตยสำร แหล่งอินเตอรเ์ นต็ เครอื ข่ำยสงั คมออนไลน์ เช่น Facebook, Line ฯลฯ เวบ็ ไซตข์ ำ่ วสำรทำงกำรเมอื ง แหลง่ องคก์ ารทางการเมอื ง พรรคกำรเมอื ง นักกำรเมอื ง โฆษกพรรคกำรเมอื ง

165 ตอนที่ 4 การเปิ ดรบั สารสนเทศทางการเมอื ง 13. ท่บี ้ำนทำ่ นใช้เคร่ืองมอื ในกำรรบั ข่ำวสำรทำงกำรเมอื งใดบ้ำง เครือ่ งมือในการเปิ ดรบั สารสนเทศ ไม่เปิ ดรบั เปิ ดรบั ทางการเมือง มากที่สุด มาก ปานกลาง นอ้ ย นอ้ ยที่สดุ วทิ ยุ โทรทศั น์ โทรศพั ทม์ อื ถอื คอมพิวเตอร์ 14. ท่ำนได้รบั ข่ำวสำรทำงกำรเมอื งจำกสถำนท่หี รือพ้ืนท่ใี ดบ้ำง เปิ ดรบั สถานที่เปิ ดรบั สารสนเทศทางการเมอื ง ไม่เปิ ดรบั มากที่สุด มาก ปานกลาง นอ้ ย นอ้ ยที่สุด บ้ำน ร้ำนกำแฟ ร้ำนตดั ผม ร้ำนอำหำร สถำนท่ที ำงำน ตลำด สถำนท่ปี ระกอบพิธที ำงศำสนำ เวทสี ำธำรณะ เครอื ข่ำยสงั คมออนไลน์ 15. ทำ่ นได้รบั ข้อมลู ข่ำวสำรทำงกำรเมอื งด้วยวธิ ใี ดบ้ำง เปิ ดรบั วิธีการเปิ ดรบั สารสนเทศทางการเมือง ไม่เปิ ดรบั มากที่สุด มาก ปานกลาง นอ้ ย นอ้ ยที่สดุ กำรได้ยนิ กำรสนทนำกำรเมอื ง กำรแสดงควำมคดิ เหน็ ทำงกำรเมอื ง กำรเข้ำร่วมประชุม

166 16. ทำ่ นเคยเหน็ สำรสนเทศทำงกำรเมอื งในลกั ษณะใดบ้ำง ลกั ษณะสารสนเทศทางการเมือง เห็น ไม่เห็น มากที่สดุ มาก ปานกลาง นอ้ ย นอ้ ยที่สดุ โปสเตอรห์ ำเสยี ง รถแห่หำเสยี ง โพลทำงกำรเมอื ง สถติ ทิ ำงกำรเมอื ง บทวจิ ำรณก์ ำรเมอื ง แผ่นพับกำรเมอื ง อเี มล์กำรเมอื ง เสยี งโฆษณำพรรคกำรเมอื งผ่ำนวิทยุ โทรทศั น์ หรอื เครือข่ำยสงั คมออนไลน์ 17. ท่ำนคดิ ว่ำคณุ ภำพของข่ำวสำรทำงกำรเมอื งท่ที ำ่ นได้รับเป็นอย่ำงไร มีคณุ ภาพ คณุ ภาพสารสนเทศทางการเมอื ง ไม่มีคุณภาพ มากที่สุด มาก ปานกลาง นอ้ ย นอ้ ยที่สุด สำรสนเทศมคี วำมเป็นมำของเร่อื งรำว อย่ำงต่อเน่อื ง สำรสนเทศท่ไี ด้รับมคี วำมถกู ต้องและ ครบถ้วน สำรสนเทศมคี วำมทนั สมยั และทนั ต่อ เหตกุ ำรณใ์ นปัจจุบนั สำรสนเทศท่ไี ด้รับอำจทำให้เกดิ ควำม สงสยั ซ่งึ จะนำไปส่กู ำรต้งั คำถำมและหำ ข้อมลู เพ่ิมเตมิ สำรสนเทศมคี วำมน่ำเช่อื ถอื สำรสนเทศได้รบั ตรงกบั ควำมต้องกำร ของท่ำนและนำไปใช้ในกำรตดั สนิ ใจทำง กำรเมอื งได้ ขอบคณุ ครบั

167 ภาคผนวก ข. ผลการประเมินดัชนีความสอดคล้องของเครื่องมือวจิ ัย (IOC) ผลการประเมนิ ดชั นีความสอดคล้องของเครื่องมือวจิ ัย (IOC) สาหรับผู้ทรงคุณวฒุ ิพจิ ารณาประเมนิ และให้คาแนะนา การวจิ ัยเร่ือง : พฤติกรรมการส่ือสารสารสนเทศทางการเมืองของคนไทย ผู้วจิ ัย : นายคมกริช รุมดอน คาชี้แจง : เชิญท่านพิจารณาขอ้ คาถาม/ขอ้ สอบ สาหรับการวิจยั แต่ละขอ้ วา่ มีความเหมาะสม ไม่ขดั จริยธรรม และสอดคลอ้ งกบั นิยามเชิงปฏิบตั ิการ วตั ถุประสงค์ ของตวั แปรที่ศึกษาหรือไม่ ถา้ พจิ ารณาแลว้ เห็นวา่ สอดคลอ้ งใหก้ า  ที่ช่องวา่ ง ข้อคาถาม คนท่ี 1 ความคดิ เห็น คนที่ 5 คะแนน แปล คนที่ 2 คนท่ี 3 คนท่ี 4 ตอนที่ 1 ภูมหิ ลงั ของผูต้ อบแบบสอบถาม +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 1. เพศ -1 ( ) ชำย +1 +1 +1 +1 +1 0.80 ใช้ได้ ( ) หญงิ 2. ช่วงอำยุ -1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ( ) 18 - 30 ปี ( ) 31 - 40 ปี +1 +1 +1 +1 0.60 ใช้ได้ ( ) 41 - 50 ปี ( ) 51 - 60 ปี ( ) 61 ปี ข้นึ ไป 3. ระดบั กำรศึกษำสงู สดุ ( ) ไม่ได้รับกำรศกึ ษำ ( ) ประถมศึกษำ ( ) มธั ยมศกึ ษำหรือเทยี บเท่ำ ( ) ปริญญำตรี ( ) สงู กว่ำปรญิ ญำตรี 4. อำชีพหลัก ( ) นักเรียน/นักศึกษำ ( ) รบั รำชกำร ( ) ช่ำงฝีมอื ( ) เกษตรกรรม ( ) ค้ำขำย ( ) กรรมกร/ลูกจ้ำงรำยวนั ( ) พนักงำนบริกำร

168 ข้อคาถาม คนท่ี 1 ความคดิ เหน็ คนที่ 5 คะแนน แปล คนท่ี 2 คนที่ 3 คนที่ 4 ( ) พนกั งำนหน่วยงำนรัฐ และเอกชน 5. อำชีพเสรมิ +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ( ) ช่ำงฝีมอื ( ) เกษตรกรรม ( ) ค้ำขำย ( ) พนักงำนบริกำร 6. รำยได้ต่อเดอื นต่อครวั เรือน ( ) น้อยกว่ำ 10,000 บำท ( ) 10,001-20,000 บำท +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ( ) 20,001-30,000 บำท ( ) 30,001-40,000 บำท ( ) 40,001-50,000 บำท ( ) 50,001 บำทข้นึ ไป 7. ศำสนำ ( ) พุทธ +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ( ) ครสิ ต์ ( ) อสิ ลำม -1 +1 +1 +1 +1 0.60 ใช้ได้ 8. แหล่งท่อี ยู่อำศัย ( ) สงั คมเมอื ง ( ) สงั คมชนบท ตอนที่ 2 การตดั สินใจในการมสี ่วนร่วมทางการเมือง 9. ทำ่ นตดั สนิ ใจในกำรมสี ่วนร่วมทำงกำรเมอื งอยู่ในระดบั ใด การแสดงความสนใจต่อกิจกรรมทางการเมือง ทำ่ นให้ควำมสำคญั กบั ข่ำวสำรทำงกำรเมอื ง +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ มำกกว่ำเร่อื งอ่นื ๆ ในระดบั ชำติ ท่ำนตดิ ตำมข่ำวสำรเก่ยี วกบั กำรสมคั ร กำนัน/ผ้ใู หญ่บ้ำน นำยกองคก์ ำรบรหิ ำร +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ สว่ นตำบล นำยกองคก์ ำรบริหำรสว่ น จังหวัด การใชส้ ิทธิเลอื กต้งั ท่ำนเหน็ ควำมสำคญั ในกำรใช้สทิ ธเิ ลอื กต้งั สมำชกิ สภำผ้แู ทนรำษฎร และสมำชกิ +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ วฒุ ิสภำ ทำ่ นให้ควำมสำคญั ในกำรใช้สทิ ธเิ ลือกต้งั ขององคก์ ำรบริหำรส่วนตำบล และองคก์ ำร +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ บรหิ ำรส่วนจงั หวดั

169 ข้อคาถาม คนที่ 1 ความคดิ เห็น คนที่ 5 คะแนน แปล คนที่ 2 คนที่ 3 คนท่ี 4 การริเริ่มประเด็นพูดคยุ ทางการเมอื ง ท่ำนแลกเปล่ยี นควำมคดิ เหน็ ทำงกำรเมอื ง ในกำรดำเนนิ งำนของพรรคกำรเมอื ง +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ สมำชกิ สภำผ้แู ทนรำษฎร และสมำชิก วุฒิสภำ ท่ำนชอบวพิ ำกษว์ จิ ำรณแ์ ละตดิ ตำมกำร +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ดำเนนิ งำนขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถน่ิ การชกั จูงผูอ้ ื่นใหเ้ ลอื กต้งั ผทู้ ี่ตนสนบั สนุน ทำ่ นเปิ ดประเดน็ กำรบรหิ ำรรำชกำรเพ่ือช้ี ให้เพ่ือนเหน็ ถงึ ข้อดแี ละข้อเสยี ของกำร +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ บรหิ ำรงำนของพรรคกำรเมอื ง ทำ่ นได้รบั อทิ ธพิ ลจำกเพ่ือนในกำรเหน็ ข้อดแี ละข้อเสยี ขององคก์ รปกครองสว่ น +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ท้องถ่นิ การแสดงสญั ลกั ษณใ์ นการสนบั สนุนพรรคการเมือง ท่ำนแสดงพฤตกิ รรมกำรสนับสนุนพรรค กำรเมอื งโดยกำรสวมเส้อื พรรค ตดิ +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ สต๊กิ เกอร์พรรค ท่ำนแสดงพฤตกิ รรมทำงกำรเมอื งโดยเข้ำ +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ร่วมกำรหำเสยี งของกำนนั /ผ้ใู หญ่บ้ำน การบริจาคเงินสนบั สนุนและระดมทุน ทำ่ นบรจิ ำคเงินเพ่ือสนบั สนุนกำรทำงำน ของสมำชกิ สภำผ้แู ทนรำษฎร และสมำชิก +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ วฒุ ิสภำท่ที ำ่ นสนบั สนุนเสมอ ทำ่ นบริจำคเงินเพ่ือสนับสนุนกำรทำงำน ของกำนนั /ผ้ใู หญ่บ้ำนท่ที ่ำนสนบั สนุน +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ เสมอ การร่วมกิจกรรมของพรรคการเมืองและประชมุ หรือชมุ นุมทางการเมอื ง ทำ่ นเข้ำร่วมชุมนุมทำงกำรเมอื งทม่ี กี ำร +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ รวมกล่มุ กำรต่อส้ทู ำงกำรเมอื ง ท่ำนเข้ำร่วมในกำรต่อส้ทู ่เี ก่ยี วข้องกบั +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ผลประโยชนข์ องชุมชน การร่วมรณรงคท์ างการเมอื ง +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ทำ่ นเข้ำร่วมรณรงคใ์ ห้คนไปใช้สทิ ธ์ิ เลอื กต้งั สมำชกิ สภำผ้แู ทนรำษฎร และ สมำชิกวฒุ ิสภำ

170 ข้อคาถาม คนท่ี 1 ความคดิ เห็น คนที่ 5 คะแนน แปล คนที่ 2 คนท่ี 3 คนท่ี 4 ท่ำนเข้ำร่วมรณรงคใ์ ห้คนไปใช้สทิ ธ์ิ +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ เลือกต้งั กำนนั /ผ้ใู หญ่บ้ำน การเสนอตวั เป็ นตวั แทนทางการเมือง ท่ำนเสนอตวั ในกำรลงรบั สมคั รเลอื กต้งั +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ สมำชกิ สภำผ้แู ทนรำษฎร และสมำชิก วุฒิสภำ ทำ่ นเสนอตวั ในกำรลงรับสมคั รเลอื กต้งั +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ กำนัน/ผ้ใู หญ่บ้ำน ตอนที่ 3 พฤติกรรมสารสนเทศทางการเมือง ตอนที่ 3.1 การใชส้ ารสนเทศ 10. ทำ่ นมพี ฤตกิ รรมกำรมสี ่วนร่วมทำงกำรเมอื งอย่ำงไร การแสดงความสนใจต่อกิจกรรมทางการเมอื ง ทำ่ นตดิ ตำมข่ำวสำรทำงกำรเมอื งอยู่เป็น +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ประจำ ทำ่ นรวบรวมข้อมลู ข่ำวสำรทำงกำรเมอื ง +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ เพ่ือเพ่ิมพนู ควำมร้ทู ำงกำรเมอื งของตนเอง ท่ำนนำข้อมลู ข่ำวสำรทำงกำรเมอื งมำ +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ วิเครำะห์ในกำรตดั สนิ ใจทำงกำรเมอื ง การใช้สิทธิเลือกต้งั ทำ่ นตดิ ตำมข่ำวสำรกำรหำเสยี งเลือกต้งั +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ และตดั สนิ ใจในกำรไปใช้สทิ ธเิ ลอื กต้งั ท่ำนตดั สนิ ใจเลอื กพรรคกำรเมอื งโดยดู -1 +1 +1 +1 +1 0.60 ใช้ได้ จำกนโยบำยของพรรค ทำ่ นตดั สนิ ใจเลือกพรรคกำรเมอื งโดย -1 +1 +1 +1 +1 0.60 ใช้ได้ พิจำรณำจำกคณุ สมบตั ขิ องบคุ คลท่รี ับ สมคั รกำรเลือกต้งั ทำ่ นมสี ว่ นร่วมในกำรตดิ ตำมผลกำรนบั +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ คะแนนกำรเลือกต้งั ทกุ คร้งั ทำ่ นตดิ ตำมผลกำรนับคะแนนกำรเลอื กต้งั -1 +1 +1 +1 +1 0.60 ใช้ได้ ผ่ำนทำงส่อื สำรมวลชนทกุ คร้งั การริเริม่ ประเด็นพูดคุยทางการเมือง ทำ่ นสนทนำประเดน็ ทำงกำรเมอื งกบั คนใน +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ครอบครัวของท่ำน ท่ำนพบปะพูดคุยประเดน็ ทำงกำรเมอื งกบั +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ เพ่ือนบ้ำน/ชุมชนเสมอๆ

171 ข้อคาถาม คนที่ 1 ความคดิ เหน็ คนที่ 5 คะแนน แปล คนที่ 2 คนท่ี 3 คนที่ 4 ท่ำนแสดงควำมคดิ เหน็ ทำงกำรเมอื งผ่ำน ส่อื สงั คมออนไลนเ์ สมอๆ เช่น Facebook, +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ Line, SMS เป็นต้น การชกั จูงผูอ้ ื่นใหเ้ ลือกต้งั ผทู้ ี่ตนสนบั สนุน ท่ำนโน้มน้ำวใจให้ผ้อู ่นื เลอื กนักกำรเมอื งท่ี +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ท่ำนเหน็ ว่ำเหมำะสม การแสดงสญั ลกั ษณใ์ นการสนบั สนุนพรรคการเมอื ง ท่ำนใสเ่ ส้อื หรอื ตดิ สญั ลักษณข์ องพรรค +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ กำรเมอื งท่ที ่ำนสนับสนุนเสมอๆ ทำ่ นตดิ สต๊กิ เกอรพ์ รรคกำรเมอื งท่ที ำ่ น +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ สนับสนุนท่ยี ำนพำหนะของท่ำน การบริจาคเงินสนบั สนุนและระดมทุน ท่ำนบรจิ ำคเงินหรอื หรอื สง่ิ ของตำ่ งๆ เพ่ือ สนบั สนุนกจิ กรรมทำงกำรเมอื งของพรรค +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ กำรเมอื ง ท่ำนได้รับเงนิ หรือสง่ิ ของต่ำงๆ เพ่ือ 0 0 +1 +1 +1 0.60 ใช้ได้ สนบั สนุนกจิ กรรมทำงกำรเมอื งของพรรค กำรเมอื ง ท่ำนเข้ำร่วมจดั กจิ กรรมระดมทุนสนับสนุน พรรคกำรเมอื ง เช่น กำรจำหน่ำยเส้อื กำร +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ จัดแสดงดนตรี การร่วมกิจกรรมของพรรคการเมืองและประชมุ หรือชมุ นุมทางการเมอื ง เม่อื มกี จิ กรรมทำงกำรเมอื ง ทำ่ นได้เข้ำร่วม +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ กจิ กรรมอย่ำงเสมอๆ ทำ่ นเข้ำร่วมรับฟังกำรหำเสยี งหรอื นโยบำย +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ของพรรคกำรเมอื งเสมอๆ การร่วมรณรงคท์ างการเมอื ง ทำ่ นชกั ชวนบุคคลอ่นื ให้ไปใช้สทิ ธเิ ลือกต้งั +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ เสมอๆ การเสนอตวั เป็ นผูแ้ ข่งขนั ทางการเมอื ง ทำ่ นหำข้อมลู ในกำรเสนอช่อื เพ่ือเข้ำชงิ +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ตำแหน่งทำงกำรเมอื ง ตอนที่ 3.2 ความตอ้ งการสารสนเทศ 11. ท่ำนต้องกำรสำรสนเทศทำงกำรเมอื งใดบ้ำงในกำรตดั สนิ ใจทำงกำรเมอื ง ท่ำนคดิ ว่ำท่ำนอยำกให้รฐั บำลจัดทำ +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ นโยบำยท่ลี งมำช่วยเหลือประชำชน

172 ข้อคาถาม คนท่ี 1 ความคดิ เห็น คนท่ี 5 คะแนน แปล คนท่ี 2 คนที่ 3 คนท่ี 4 ท่ำนคดิ ว่ำท่ำนอยำกให้รัฐบำลจัดทำ นโยบำยวำงแผนระยะยำวท่จี ะเกดิ ข้นึ ใน +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ อนำคต ทำ่ นคดิ ว่ำทำ่ นต้องกำรให้รฐั บำลจัดทำ +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ นโยบำยประชำนิยมหรอื ไม่ สารสนเทศที่เกี่ยวกบั การแสดงความสนใจต่อกิจกรรมทางการเมอื ง สำรสนเทศท่เี ก่ยี วข้องกบั ควำมเคล่ือนไหว +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ทำงกำรเมอื ง สำรสนเทศท่เี ก่ยี วข้องกบั กำรวเิ ครำะห์ทำง +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ กำรเมอื ง สารสนเทศที่เกี่ยวกบั การใชส้ ิทธิเลอื กต้งั สำรสนเทศท่เี ก่ยี วข้องกบั นโยบำยพรรค +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ กำรเมอื ง สำรสนเทศเทศเก่ยี วกบั ประวตั แิ ละผลงำน +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ของผ้สู มคั รรบั เลอื กต้งั สารสนเทศที่เกีย่ วกบั การเริม่ พูดคยุ ประเด็นทางการเมือง สำรสนเทศท่เี ก่ยี วข้องกบั กำรแสดงควำม +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ คดิ เหน็ ทำงกำรเมอื ง สารสนเทศที่เกี่ยวกบั การชกั จูงผูอ้ ื่นใหเ้ ลือกต้งั ผูท้ ีต่ นสนบั สนุน สำรสนเทศท่เี ก่ยี วข้องกบั กำรเปรยี บเทยี บ +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ นโยบำยและผลงำนของพรรคกำรเมอื ง สารสนเทศที่เกี่ยวกบั การติดต่อกบั นกั การเมืองหรือผูน้ าทางการเมอื ง สำรสนเทศท่เี ก่ยี วข้องกบั ช่องทำงกำร +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ตดิ ต่อกบั นกั กำรเมอื ง สารสนเทศที่เกี่ยวกบั การเป็ นสมาชิกและบริจาคเงินสนบั สนุนกิจกรรมทางการเมอื ง สำรสนเทศท่เี ก่ยี วข้องกบั รำยช่ือผ้สู นับสนุน +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ พรรคกำรเมอื ง สารสนเทศที่เกีย่ วกบั การร่วมรณรงคท์ างการเมอื ง สำรสนเทศท่เี ก่ยี วข้องกบั กำรรณรงคท์ ำง +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ กำรเมอื ง สำรสนเทศท่เี ก่ยี วกบั สทิ ธหิ น้ำท่ขี อง +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ประชำชนในรฐั ธรรมนูญ สารสนเทศที่เกีย่ วกบั การเขา้ ร่วมกิจกรรมของพรรคการเมอื ง สำรสนเทศท่เี ก่ยี วข้องกบั กำรดำเนินงำนกจิ +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ กกรมของพรรคกำรเมอื ง สารสนเทศที่เกีย่ วกบั การเสนอตวั เป็ นผูแ้ ข่งขนั ทางการเมอื ง

173 ข้อคาถาม คนท่ี 1 ความคดิ เห็น คนท่ี 5 คะแนน แปล คนที่ 2 คนที่ 3 คนท่ี 4 สำรสนเทศท่เี ก่ยี วข้องกบั ประวัตแิ ละ +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ผลงำนของค่แู ข่งขนั ทำงกำรเมอื ง สำรสนเทศท่เี ก่ยี วข้องกบั กฎเกณฑก์ ำร +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ สมคั รรบั เลอื กเลือกต้งั ตำมรัฐธรรมนูญ ตอนที่ 3.3 การแสวงหาสารสนเทศทางการเมือง 12. ทำ่ นค้นหำข้อมูลข่ำวสำรทำงกำรเมอื งจำกแหล่งสำรสนเทศใดบ้ำง แหลง่ สารสนเทศบุคคล +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ คนในครอบครัว +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ผ้นู ำชุมชน เช่น กำนนั ผ้ใู หญ่บ้ำน +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ เพ่ือนร่วมงำน +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ นักกำรเมอื ง +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ หัวคะแนนกำรเมอื ง +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ คร/ู อำจำรย์ +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ผ้นู ำทำงศำสนำ แหลง่ สารสนเทศสถาบนั +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ห้องสมดุ ประชำชน +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ศูนย์กำรเรยี นร้ชู ุมชน แหลง่ สื่อมวลชน +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ วิทยุกระจำยเสยี ง +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ วิทยุโทรทศั น์ +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ หนังสอื พิมพ์ +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ วำรสำร/นิตยสำร แหล่งอินเตอรเ์ นต็ เครือข่ำยสงั คมออนไลน์ เช่น Facebook, +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ Line ฯลฯ เวบ็ ไซตข์ ่ำวสำรทำงกำรเมอื ง +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ แหลง่ องคก์ ารทางการเมือง +1 +1 +1 0 +1 0.80 ใช้ได้ พรรคกำรเมอื ง +1 +1 +1 0 +1 0.80 ใช้ได้ นักกำรเมอื ง +1 +1 +1 0 +1 0.80 ใช้ได้ โฆษกพรรคกำรเมอื ง ตอนที่ 4 การเปิ ดรบั สารสนเทศทางการเมอื ง 13. ท่บี ้ำนท่ำนใช้เคร่ืองมอื ในกำรรับข่ำวสำรทำงกำรเมอื งใดบ้ำง วิทยุ +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ โทรทศั น์ +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้

174 ข้อคาถาม คนที่ 1 ความคดิ เหน็ คนท่ี 5 คะแนน แปล คนท่ี 2 คนที่ 3 คนท่ี 4 โทรศัพทม์ อื ถอื คอมพิวเตอร์ +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 14. ทำ่ นได้รบั ข่ำวสำรทำงกำรเมอื งจำกสถำนท่หี รอื พ้ืนทใ่ี ดบ้ำง บ้ำน +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ร้ำนกำแฟ +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ร้ำนตดั ผม +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ร้ำนอำหำร +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ สถำนท่ที ำงำน +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ตลำด +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ สถำนท่ปี ระกอบพิธที ำงศำสนำ +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ เวทสี ำธำรณะ +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ เครือข่ำยสงั คมออนไลน์ +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 15. ท่ำนได้รบั ข้อมูลข่ำวสำรทำงกำรเมอื งด้วยวิธใี ดบ้ำง กำรได้ยนิ กำรสนทนำกำรเมอื ง +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ กำรแสดงควำมคดิ เหน็ ทำงกำรเมอื ง +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ กำรเข้ำร่วมประชุม +1 16. ท่ำนเคยเหน็ สำรสนเทศทำงกำรเมอื งในลกั ษณะใดบ้ำง โปสเตอร์หำเสยี ง +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ รถแห่หำเสยี ง +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ โพลทำงกำรเมอื ง +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ สถติ ทิ ำงกำรเมอื ง +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ บทวจิ ำรณก์ ำรเมอื ง +1 +1 แผ่นพับกำรเมอื ง +1 +1 อเี มลก์ ำรเมอื ง +1 +1 เสยี งโฆษณำพรรคกำรเมอื งผ่ำนวทิ ยุ +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ โทรทศั น์ หรือเครือข่ำยสงั คมออนไลน์ 17. ทำ่ นคดิ ว่ำคณุ ภำพของขำ่ วสำรทำงกำรเมอื งท่ที ำ่ นได้รับเป็นอย่ำงไร สำรสนเทศมคี วำมเป็นมำของเร่อื งรำวอย่ำง +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ต่อเน่อื ง สำรสนเทศท่ไี ด้รบั มคี วำมถูกต้องและ +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ครบถ้วน สำรสนเทศมคี วำมทนั สมยั และทนั ต่อ +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ เหตกุ ำรณใ์ นปัจจุบนั

175 ข้อคาถาม คนที่ 1 ความคดิ เหน็ คนที่ 5 คะแนน แปล คนที่ 2 คนท่ี 3 คนท่ี 4 สำรสนเทศท่ไี ด้รับอำจทำให้เกดิ ควำมสงสยั +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ซ่ึงจะนำไปสกู่ ำรต้งั คำถำมและหำข้อมูล +1 เพ่ิมเตมิ +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ สำรสนเทศมคี วำมน่ำเช่อื ถอื สำรสนเทศได้รับตรงกบั ควำมต้องกำรของ +1 +1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ทำ่ นและนำไปใช้ในกำรตดั สนิ ใจทำง กำรเมอื งได้

176 ประวตั ิผู้เขยี น ชื่อ-นามสกลุ นายคมกริช รุมดอน วนั เกดิ 27 ธนั วาคม 2536 ภูมิลาเนา จงั หวดั ขอนแก่น ประวตั ิการศึกษา ปี พ.ศ. 2558 จบการศึกษาระดบั ปริญญาตรี (เกียรตินิยมอนั ดบั สอง) สาขาวชิ าสารสนเทศศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ประวตั กิ ารทางาน มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น ปัจจุบนั กาลงั ศึกษาระดบั ปริญญาโท สารสนเทศศาสตมหาบณั ฑิต คณะมนุษยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น ปัจจุบนั ปฏิบตั ิงานตาแหน่งบรรณารักษ์ หอ้ งสมุดธนาคารแห่งประเทศไทย สานกั งานภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ จงั หวดั ขอนแก่น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook