คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 36 แผนปฐมนิเทศ ปฐมนิเทศและข้อตกลงในการเรียนรายวชิ าพนื้ ฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 เวลา 1 ชั่วโมง สาระที่ 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม พระพทุ ธศาสนา ปฐมนิเทศและข้อตกลงในการเรียน ช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี 1 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ส 1.1 รู้และเขา้ ใจประวตั ิ ความสาํ คญั ศาสดา หลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนาหรือ ศาสนาท่ีตนนบั ถือและศาสนาอื่น มีศรัทธาท่ีถูกตอ้ ง ยดึ มน่ั และปฏิบตั ิตามหลกั ธรรมเพ่อื อยรู่ ่วมกนั อยา่ ง สนั ติสุข มาตรฐาน ส 1.2 เขา้ ใจ ตระหนกั และปฏิบตั ิตนเป็นศาสนิกชนท่ีดี และธาํ รงรักษาพระพทุ ธศาสนา หรือศาสนาท่ีตนนบั ถือ 2. ตัวชี้วดั ช้ันปี 1. อธิบายการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาหรือศาสนาท่ีตนนบั ถือสู่ประเทศไทย (ส 1.1 ม. 1/1) 2. วเิ คราะห์ความสาํ คญั ของพระพทุ ธศาสนาหรือศาสนาท่ีตนนบั ถือที่มีต่อสภาพแวดลอ้ มใน สงั คมไทย รวมท้งั การพฒั นาตนและครอบครัว (ส 1.1 ม. 1/2) 3. วเิ คราะห์พทุ ธประวตั ิต้งั แต่ประสูติจนถึงบาํ เพญ็ ทุกกรกิริยา หรือประวตั ิศาสดาท่ีตนนบั ถือตาม ที่กาํ หนด (ส 1.1 ม. 1/3) 4. วิเคราะห์และประพฤติตนตามแบบอยา่ งการดาํ เนินชีวติ และขอ้ คิดจากประวตั ิสาวก ชาดก เร่ือง เล่า และศาสนิกชนตวั อยา่ งตามที่กาํ หนด (ส 1.1 ม 1/4) 5. อธิบายพทุ ธคุณและขอ้ ธรรมสาํ คญั ในกรอบอริยสจั 4 หรือหลกั ธรรมของศาสนาที่ตนนบั ถือ ตามท่ีกาํ หนด เห็นคุณค่าและนาํ ไปพฒั นาแกป้ ัญหาของตนเองและครอบครัว (ส 1.1 ม. 1/5) 6. เห็นคุณค่าของการพฒั นาจิตเพอ่ื การเรียนรู้และการดาํ เนินชีวติ ดว้ ยวธิ ีคิดแบบโยนิโสมนสิการ คือวธิ ีคิดแบบคุณค่าแท–้ คุณค่าเทียม และวธิ ีคิดแบบคุณ–โทษ และทางออก หรือการพฒั นาจิตตามแนวทาง ของศาสนาที่ตนนบั ถือ (ส 1.1 ม. 1/6) 7. สวดมนต์ แผเ่ มตตา บริหารจิตและเจริญปัญญาดว้ ยอานาปานสติ หรือตามแนวทางของศาสนาท่ี ตนนบั ถือตามท่ีกาํ หนด (ส 1.1 ม. 1/7) 8. วิเคราะห์และปฏิบตั ิตนตามหลกั ธรรมทางศาสนาท่ีตนนบั ถือในการดาํ รงชีวติ แบบพอเพียง และ ดูแลรักษาส่ิงแวดลอ้ มเพ่ือการอยรู่ ่วมกนั ไดอ้ ยา่ งสนั ติสุข (ส 1.1 ม. 1/8) 9. วเิ คราะห์เหตุผลความจาํ เป็นที่ทุกคนตอ้ งศึกษาเรียนรู้ศาสนาอื่น ๆ (ส 1.1 ม. 1/9)
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 37 10. ปฏิบตั ิตนตอ่ ศาสนิกชนอ่ืนในสถานการณ์ต่าง ๆ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม (ส 1.1 ม. 1/10) 11. วิเคราะห์การกระทาํ ของบุคคลท่ีเป็นแบบอยา่ งดา้ นศาสนสมั พนั ธ์ และการนาํ เสนอแนวทาง การปฏิบตั ิของตนเอง (ส 1.1 ม. 1/11) 12. บาํ เพญ็ ประโยชนต์ ่อศาสนสถานของศาสนาที่ตนนบั ถือ (ส 1.2 ม. 1/1) 13. อธิบายจริยวตั รของสาวกเพอ่ื เป็นแบบอยา่ งในการประพฤติปฏิบตั ิตน และปฏิบตั ิตนอยา่ ง เหมาะสมต่อสาวกของศาสนาที่ตนนบั ถือ (ส 1.2 ม. 1/2) 14. ปฏิบตั ิตนอยา่ งเหมาะสมต่อบุคคลตา่ ง ๆ ตามหลกั ศาสนาท่ีตนนบั ถือตามท่ีกาํ หนด (ส 1.2 ม. 1/3) 15. จดั กิจกรรมและปฏิบตั ิตนในศาสนพิธี พธิ ีกรรมไดถ้ กู ตอ้ ง (ส 1.2 ม. 1/4) 16. อธิบายประวตั ิ ความสาํ คญั และปฏิบตั ิตนในวนั สาํ คญั ทางศาสนาท่ีตนนบั ถือตามที่กาํ หนดได้ ถกู ตอ้ ง(ส 1.2 ม. 1/5) 3. สาระสําคญั /ความคดิ รวบยอด การจัดการเรียนรู้รายวิชาพ้ืนฐาน พระพุทธศาสนา ม. 1 เป็ นไปตามนโยบายของสํานักงาน คณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน (สพฐ.) ท่ีไดใ้ หส้ ถานศึกษาจดั การเรียนรู้อีกรายวิชาหน่ึงในกลุ่มสาระ การเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม โดยไดก้ าํ หนดสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ของรายวิชา พ้ืนฐาน พระพุทธศาสนา ม. 1 เป็ น 2 มาตรฐาน และยงั ได้กาํ หนดตัวช้ีวดั ช้ันปี และสารการเรียนรู้ที่ สอดคลอ้ งกบั มาตรฐานการเรียนรู้ รวมท้งั ยงั ไดจ้ ดั ทาํ คาํ อธิบายรายวิชา เพ่ือให้สถานศึกษานาํ ไปกาํ หนด เป็นหลกั สูตรสถานศึกษาของตนใหเ้ ป็นไปในทิศทางเดียวกนั 4. สาระการเรียนรู้ 1. เทคนิคและวธิ ีการจดั การเรียนรู้ รายวิชาพ้นื ฐาน พระพทุ ธศาสนา 2. แนวทางการวดั และประเมินผลการเรียนรู้รายวิชาพ้ืนฐาน พระพทุ ธศาสนา 3. ตารางวิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ช้ีวดั ช้นั ปี กบั สาระในหน่วยการเรียนรู้ 4. คาํ อธิบายรายวชิ าพ้นื ฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 5. โครงสร้างรายวชิ าพ้นื ฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 6. โครงสร้างเวลาเรียน รายวชิ าพ้ืนฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 5. สมรรถนะของผู้เรียน 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 38 6. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ 2. ซ่ือสตั ยส์ ุจริต 3. มีวนิ ยั 4. ใฝ่ เรียนรู้ 5. อยอู่ ยา่ งพอเพียง 6. มุ่งมน่ั ในการทาํ งาน 7. รักความเป็นไทย 8. มีจิตสาธารณะ 7. ภาระงาน/ชิ้นงาน ภาระงานรวบยอด – การตอบคาํ ถามเก่ียวกบั การจดั การเรียนรู้รายวิชาพ้ืนฐาน พระพทุ ธศาสนา – การอภิปรายแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั การจดั การเรียนรู้รายวชิ าพ้ืนฐาน พระพุทธศาสนา 8. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) และค่านิยม (A) ประเมินพฤติกรรมในการ 1. ซกั ถามความรู้เร่ือง ปฐมนิเทศ ประเมินพฤติกรรมในการ ทาํ งานเป็นรายบุคคลหรือ เป็นกลุ่มในดา้ นการสื่อสาร และขอ้ ตกลงในการเรียน ทาํ งานเป็นรายบุคคลในดา้ น การคิด การแกป้ ัญหา ฯลฯ รายวชิ าพ้ืนฐาน ความมีวินยั ความใฝ่ เรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 ฯลฯ 2. ตรวจผลงาน/กิจกรรม เป็ นรายบุคคลหรื อเป็ นกลุ่ม 9. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ข้นั ท่ี 1 นําเข้าสู่บทเรียน ชั่วโมงท่ี 1 1. ครูสร้างบรรยากาศและส่ิงแวดลอ้ มในการเรียนรู้ท่ีเหมาะสมเพ่ือกระตุน้ ให้นกั เรียนอยากเรียนรู้ เช่น จดั นง่ั เรียนแบบตวั U นง่ั เรียนเป็ นกลุ่ม นาํ นกั เรียนไปเรียนที่หอ้ งประชุม ห้องโสตทศั นศึกษา สนาม หญา้ ใตร้ ่มไม้ 2. ครูแนะนําตนเอง แลว้ ให้นักเรียนแนะนาํ ตนเองตามลาํ ดบั ตวั อกั ษร หรือตามลาํ ดบั หมายเลข ประจาํ ตวั หรือตามแถวท่ีนง่ั ตามความเหมาะสม
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 39 3. ครูให้ความรู้ทว่ั ๆ ไปเก่ียวกบั การจดั การเรียนรู้ รายวิชาพ้ืนฐาน พระพุทธศาสนา พร้อมซกั ถาม นกั เรียนในประเดน็ ต่าง ๆ เช่น 1) ทาํ ไมเราจึงตอ้ งเรียนสงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม 2) รายวิชาพ้นื ฐาน พระพทุ ธศาสนามีความสาํ คญั และจาํ เป็นต่อเราหรือไม่ เพราะอะไร 4. ครูสรุปความรู้แลว้ เช่ือมโยงไปสู่เน้ือหาที่จะเรียน ข้นั ท่ี 2 กจิ กรรมการเรียนรู้ 5. ครูระบุสิ่งที่ตอ้ งเรียนในรายวิชาพ้ืนฐาน พระพุทธศาสนา ม. 1 โดยใชข้ อ้ มูลจากหน้าสารบญั ใน หนงั สือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน พระพุทธศาสนา ม. 1 ของบริษทั สาํ นกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั จากน้นั อธิบาย เพอ่ื ทาํ ความเขา้ ใจกบั นกั เรียนในเร่ืองต่อไปน้ี (โดยใชข้ อ้ มูลจากตอนท่ี 1) 1) คาํ อธิบายรายวชิ าพ้นื ฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 2) โครงสร้างรายวชิ าพ้นื ฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 3) โครงสร้างเวลาเรียน รายวชิ าพ้ืนฐาน พระพุทธศาสนา ม. 1 6. ครูบอกเทคนิคและวิธีการจดั การเรียนรู้รายวิชาพ้ืนฐาน พระพุทธศาสนา ม. 1 โดยสรุปวา่ มีเทคนิค และวิธีการเรียนรู้อะไรบา้ ง (โดยใชข้ อ้ มลู จากตอนที่ 1) 7. ครูสนทนาและซักถามนักเรียนเพื่อทาํ ความเข้าใจถึงแนวทางการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ รายวิชาพ้ืนฐาน พระพุทธศาสนา ม. 1 (โดยใช้ข้อมูลจากตอนที่ 1) รวมท้งั เกณฑ์ตดั สินผลการเรียนรู้ ใน ประเดน็ ต่าง ๆ เช่น 1) รายวิชาพ้ืนฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 มีเวลาเรียนเท่าไร 2) รายวชิ าน้ีจะสอบและเกบ็ คะแนนอยา่ งไร และเท่าไร 3) รายวชิ าน้ีจะตดั สินผลการเรียนอยา่ งไร 8. ครูแนะนาํ สื่อการเรียนรู้และแหล่งการเรียนรู้ที่จะใชป้ ระกอบการเรียนรู้รายวิชาพ้ืนฐาน ภูมิศาสตร์ ม. 1 โดยใชข้ อ้ มูลจากหนา้ บรรณานุกรมในหนงั สือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน พระพุทธศาสนา ม. 1 ของบริษทั สาํ นกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั นอกจากน้ีครูควรแนะนาํ แหล่งสืบคน้ ความรู้ขอ้ มูลเพิ่มเติมเก่ียวกบั เรื่องต่าง ๆ ที่ได้ระบุไวใ้ นแต่ละหน่วยการเรียนรู้ในหนังสือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน พระพุทธศาสนา ม. 1 ของบริษทั สาํ นกั พมิ พว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั เพ่อื ทาํ ความเขา้ ใจถึงแหล่งสืบคน้ ความรู้แต่ละอยา่ ง 9. ครูสนทนากบั นกั เรียนและร่วมกนั ทาํ ขอ้ ตกลงในการเรียน รายวิชาพ้นื ฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 ใน ประเดน็ ต่าง ๆ ดงั น้ี 1) เวลาเรียน ตอ้ งเขา้ เรียนไม่นอ้ ยกวา่ ร้อยละ 80 ของเวลาเรียนในรายวิชาน้ี หรือไม่ขาดเรียนเกิน 3 คร้ัง กรณีป่ วยตอ้ งส่งใบลาโดยผปู้ กครองลงชื่อรับรองการลา 2) ควรเขา้ หอ้ งเรียนตรงเวลาและรักษามารยาทในการเรียน 3) เมื่อเร่ิมเรียนแต่ละหน่วยการเรียนรู้จะมีการทดสอบก่อนเรียน และหลงั จากเรียนจบแต่ละหน่วย การเรียนรู้แลว้ จะมีการทดสอบหลงั เรียน 4) ในชว่ั โมงที่มีการฝึ กปฏิบตั ิงาน ควรเตรียมวสั ดุ อุปกรณ์ และเครื่องมือให้พร้อม โดยจดั หาไว้ ล่วงหนา้
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 40 5) รับผดิ ชอบการเรียน การสร้างชิ้นงาน และการส่งงานตามเวลาที่กาํ หนด 6) รักษาความสะอาดบริเวณที่ปฏิบตั ิกิจกรรม วสั ดุ อุปกรณ์ และเครื่องมือท่ีใชท้ าํ งานทุกคร้ัง ข้นั ที่ 3 ฝึ กฝนผู้เรียน 10. ครูให้นักเรียนร่วมกนั อภิปรายแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั แหล่งการเรียนรู้และแหล่งสืบคน้ ความรู้อื่น ๆ ที่จะนํามาใช้ในการจดั การเรียนรู้รายวิชาพ้ืนฐาน พระพุทธศาสนา ม. 1 จากน้ันครูและ นกั เรียนร่วมกนั สรุปและบนั ทึกผล ข้นั ที่ 4 นําไปใช้ 11. ครูให้นกั เรียนพิจารณาว่า จากหัวขอ้ ท่ีเรียนมาและการปฏิบตั ิกิจกรรมมีเรื่องอะไรบา้ งท่ียงั ไม่ เขา้ ใจหรือมีขอ้ สงสยั ถา้ มีครูช่วยอธิบายเพ่ิมเติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ 12. นักเรียนร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใด และได้มีการแก้ไข อยา่ งไรบา้ ง 13. ครูให้นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั ประโยชน์ท่ีไดร้ ับจากการเรียนหัวขอ้ น้ีและ การปฏิบตั ิกิจกรรม 14. ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยการใหต้ อบคาํ ถาม เช่น 1) รายวชิ าน้ีมีเกณฑต์ ดั สินผลการเรียนรู้อยา่ งไร 2) ขอ้ ตกลงในการเรียนมีอะไรบา้ ง 15. ครูให้นักเรียนนาํ ประโยชน์จากการเรียนรู้เร่ือง ปฐมนิเทศและขอ้ ตกลงในการเรียนรายวิชา พ้นื ฐาน พระพุทธศาสนา ม. 1 ไปประพฤติปฏิบตั ิใหถ้ กู ตอ้ งเหมาะสมและสอดคลอ้ งกบั การจดั การเรียนรู้ ข้นั ที่ 5 สรุป 16. ครูและนักเรียนร่วมกนั สรุปความรู้เร่ือง ปฐมนิเทศและขอ้ ตกลงในการเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน พระพุทธศาสนา ม. 1 โดยให้นกั เรียนบนั ทึกขอ้ สรุปลงในแบบบนั ทึกความรู้ หรือสรุปเป็ นแผนที่ความคิด หรือผงั มโนทศั นล์ งในสมุด พร้อมท้งั ตกแต่งใหส้ วยงาม 17. ครูให้นกั เรียนอ่านเน้ือหาในหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 พระพุทธ เร่ือง การสังคายนา เป็ นการบา้ น เพ่ือเตรียมจดั การเรียนรู้ในคร้ังต่อไป 10. ส่ือการเรียนรู้และแหล่งการเรียนรู้ 1. หนงั สือเรียน รายวชิ าพ้ืนฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 บริษทั สาํ นกั พมิ พว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั 2. คู่มือการสอน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 บริษทั สาํ นกั พมิ พว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั 3. ส่ือการเรียนรู PowerPoint รายวิชาพ้ืนฐาน พระพุทธศาสนา ม. 1 บริษทั สํานักพิมพ์วฒั นา พานิช จาํ กดั
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 41 11. บันทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้ 1. ความสาํ เร็จในการจดั การเรียนรู้ แนวทางการพฒั นา 2. ปัญหา/อุปสรรคในการจดั การเรียนรู้ แนวทางแกไ้ ขปัญหา/อุปสรรค 3. ส่ิงท่ีไม่ไดป้ ฏิบตั ิตามแผน เหตุผล 4. การปรับแผนการจดั การเรียนรู้ ลงช่ือ ผู้สอน //
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 42 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เวลา 9 ช่ัวโมง พระพทุ ธ ผงั มโนทัศน์เป้ าหมายการเรียนรู้และขอบข่ายภาระงาน/ชิ้นงาน ความรู้ 1. การสงั คายนา 2. การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาเขา้ สู่ประเทศไทย 3. ความสาํ คญั ของพระพุทธศาสนาต่อสงั คมไทย 4. พทุ ธประวตั ิ 5. ชาดก ทกั ษะ/กระบวนการ พระพุทธ คุณธรรม จริยธรรม 1. การส่ือสาร 2. การใชเ้ ทคโนโลยี และค่านิยม 3. การคิด 1. มีวินยั 4. การแกป้ ัญหา 2. ใฝ่ เรียนรู้ 5. กระบวนการกลุ่ม 3. ซ่ือสตั ยส์ ุจริต 4. มุ่งมนั่ ในการทาํ งาน ภาระงาน/ชิ้นงาน 1. การทาํ แบบทดสอบ 2. การอภิปรายเกี่ยวกบั การสงั คายนา 3. การอภิปรายเก่ียวกบั การเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาเขา้ สู่ประเทศไทย 4. การอภิปรายเก่ียวกบั ความสาํ คญั ของพระพทุ ธศาสนาต่อสงั คมไทย 5. การอภิปรายเก่ียวกบั พทุ ธประวตั ิต้งั แต่ประสูติจนถึงบาํ เพญ็ ทุกกรกิริยา 6. การวเิ คราะห์ขอ้ คิดจากอมั พชาดกและติตติรชาดก 7. การนาํ เสนอผลงาน
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 43 ผงั การออกแบบการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 พระพุทธ ข้นั ท่ี 1 ผลลพั ธ์ปลายทางทตี่ ้องการให้เกดิ ขนึ้ กบั นกั เรียน ตวั ชี้วดั ช้ันปี 1. อธิบายการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาหรือศาสนาท่ีตนนบั ถือสู่ประเทศไทย (ส 1.1 ม. 1/1) 2. วิเคราะห์ความสาํ คญั ของพระพทุ ธศาสนาหรือศาสนาท่ีตนนบั ถือท่ีมีต่อสภาพแวดลอ้ ม ในสงั คมไทย รวมท้งั การพฒั นาตนและครอบครัว (ส 1.1 ม. 1/2) 3. วเิ คราะห์พทุ ธประวตั ิต้งั แต่ประสูติจนถึงบาํ เพญ็ ทุกกรกิริยา หรือประวตั ิศาสดาท่ีตนนบั ถือตาม ที่กาํ หนด (ส 1.1 ม. 1/3) 4. วิเคราะห์และประพฤติตนตามแบบอยา่ งการดาํ เนินชีวิตและขอ้ คิดจากประวตั ิสาวก ชาดก เร่ืองเล่า และศาสนิกชนตวั อยา่ งตามที่กาํ หนด (ส 1.1 ม 1/4) ความเข้าใจทคี่ งทนของนักเรียน คาํ ถามสําคัญทท่ี ําให้เกดิ ความเข้าใจทีค่ งทน นกั เรียนจะเข้าใจว่า... 1. การสงั คายนามีผลดีต่อพระพทุ ธศาสนา 1. การสงั คายนาพระธรรมวนิ ยั เป็นวธิ ีการหน่ึง อยา่ งไร ในการบาํ รุงพระพทุ ธศาสนาใหเ้ จริญมน่ั คง 2. การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาเขา้ สู่ประเทศไทย และแผข่ ยายกวา้ งออกไป มีประวตั ิความเป็นมาอยา่ งไร 2. การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาเขา้ สู่ประเทศไทย 3. พระพทุ ธศาสนามีความสาํ คญั ต่อสงั คมไทย ทาํ ใหค้ นไทยนบั ถือพระพทุ ธศาสนามาเป็น อยา่ งไร เวลาชา้ นาน โดยผา่ นยคุ สมยั ต่าง ๆ 4. การศึกษาพุทธประวตั ิมีประโยชนอ์ ยา่ งไร ประวตั ิศาสตร์ของประเทศไทยจึงเป็น 5. การศึกษาชาดกมีประโยชน์อยา่ งไร ประวตั ิศาสตร์ของพระพทุ ธศาสนา 3. การที่คนไทยนบั ถือพระพทุ ธศาสนา ต่อเน่ืองกนั มาเป็นเวลาชา้ นานทาํ ใหม้ ี ความสาํ คญั ต่อสงั คมไทยในดา้ นต่าง ๆ 4. การศึกษาพุทธประวตั ิทาํ ใหร้ ู้และเขา้ ใจ ประวตั ิของพระพทุ ธเจา้ ซ่ึงเป็นศาสดาของ พระพุทธศาสนา และไดแ้ บบอยา่ งในการ ดาํ เนินชีวติ 5. การศึกษาอมั พชาดกและติตติรชาดกทาํ ใหไ้ ด้ ขอ้ คิดที่สามารถนาํ ไปประยกุ ตใ์ ชห้ รือเป็น แบบอยา่ งในการดาํ เนินชีวิตได้
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 44 ความรู้ของนักเรียนทนี่ ําไปสู่ความเข้าใจท่ีคงทน ทกั ษะ/ความสามารถของนักเรียนท่นี ําไปสู่ นักเรียนจะรู้ว่า... ความเข้าใจท่ีคงทน นักเรียนจะสามารถ... 1. คาํ สาํ คญั ไดแ้ ก่ ชมพทู วปี สงั คายนา ราชคฤห์ 1. อภิปรายสาเหตุและผลที่เกิดจากการสงั คายนา สุวรรณภมู ิ เถรวาท มหายาน พทุ ธมณฑล ในแต่ละคร้ัง ลุมพนิ ีวนั เทวทูต อโนมา ทุกกรกิริยา ชาดก 2. เล่าประวตั ิการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาเขา้ สู่ สุตตนั ตปิ ฎก โพธิสตั ว์ จณั ฑาล ตกั สิลา ประเทศไทยผา่ นยคุ สมยั ต่าง ๆ จนถึงปัจจุบนั ฉพั พคั คีย์ 3. อภิปรายความสาํ คญั ของพระพทุ ธศาสนาต่อ 2. การสงั คายนาเป็นการรวบรวมคาํ สงั่ สอนของ สงั คมไทยในดา้ นต่าง ๆ พระพุทธศาสนาใหเ้ ป็นหมวดหมู่ ซ่ึงได้ 4. เล่าพทุ ธประวตั ิต้งั แต่ประสูติจนถึงบาํ เพญ็ กระทาํ ติดต่อกนั มารวม 11 คร้ัง ท้งั ในประเทศ ทุกกรกิริยา อินเดียและประเทศอื่น ๆ ไดแ้ ก่ ศรีลงั กาและ 5. วิเคราะห์ขอ้ คิดจากอมั พชาดกและติตติรชาดก ไทย และนาํ ไปประพฤติปฏิบตั ิในชีวติ ประจาํ วนั 3. หลงั จากการสงั คายนาคร้ังที่ 3 พระพทุ ธศาสนา กไ็ ดแ้ ผข่ ยายไปสู่ดินแดนต่าง ๆ รวมท้งั ประเทศไทยทาํ ใหค้ นไทยนบั ถือพระพทุ ธ- ศาสนามาเป็นเวลาชา้ นาน ผา่ นยคุ สมยั ต่าง ๆ จนกล่าวไดว้ า่ ประวตั ิศาสตร์ของประเทศไทย เป็นประวตั ิศาสตร์ของพระพทุ ธศาสนา 4. การท่ีคนไทยนบั ถือพระพุทธศาสนามาเป็น เวลาชา้ นานทาํ ใหพ้ ระพทุ ธศาสนามี ความสาํ คญั ต่อสงั คมไทยในฐานะเป็นศาสนา ประจาํ ชาติ เป็นสถาบนั หลกั ของสงั คมไทย เป็นสภาพแวดลอ้ มท่ีกวา้ งขวางและ ครอบคลุมสงั คมไทย และเป็นหลกั ในการ พฒั นาตนเองและครอบครัว 5. พทุ ธประวตั ิ คือ ประวตั ิของพระพทุ ธเจา้ การศึกษาพทุ ธประวตั ิต้งั แต่ประสูติจนถึง บาํ เพญ็ ทุกกรกิริยา ช่วยใหเ้ กิดศรัทธาใน พระพุทธศาสนาและไดแ้ บบอยา่ งการดาํ เนิน ชีวิตในทางที่ถูกตอ้ ง 6. อมั พชาดกใหข้ อ้ คิดเก่ียวกบั คนที่กตญั ญูรู้คุณ คนอื่นยอ่ มเป็นคนเจริญ ส่วนติตติรชาดกให้ ขอ้ คิดเก่ียวกบั คนที่ฉลาดในธรรม มีความ นอบนอ้ มถ่อมตนต่อผใู้ หญ่ จะไดร้ ับการ
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 45 สรรเสริญในปัจจุบนั น้ีและในอนาคต เราควร นาํ ขอ้ คิดจากการศึกษาชาดกไปประพฤติ ปฏิบตั ิในชีวิตประจาํ วนั ข้นั ที่ 2 ภาระงานและการประเมนิ ผลการเรียนรู้ซึ่งเป็ นหลกั ฐานทีแ่ สดงว่านักเรียนมผี ลการเรียนรู้ ตามท่ีกาํ หนดไว้อย่างแท้จริง 1. ภาระงานท่นี ักเรียนต้องปฏิบตั ิ 1.1 อภิปรายเกี่ยวกบั การสงั คายนา 1.2 อภิปรายเกี่ยวกบั การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาเขา้ สู่ประเทศไทย 1.3 อภิปรายเก่ียวกบั ความสาํ คญั ของพระพุทธศาสนาต่อสงั คมไทย 1.4 อภิปรายเกี่ยวกบั พทุ ธประวตั ิต้งั แต่ประสูติจนถึงบาํ เพญ็ ทุกกรกิริยา 1.5 วิเคราะห์ขอ้ คิดจากอมั พชาดกและติตติรชาดก 2. วธิ ีการและเครื่องมอื ประเมนิ ผลการเรียนรู้ 2.2 เครื่องมือประเมินผลการเรียนรู้ 2.1 วธิ ีการประเมินผลการเรียนรู้ 1) แบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียน 1) การทดสอบ 2) แบบประเมินผลงาน/กิจกรรม 2) การประเมินผลงาน/กิจกรรม เป็นราย บุคคลหรือเป็นกลุ่ม เป็ นรายบุคคลหรื อเป็ นกล่มุ 3) แบบประเมินดา้ นคุณธรรม จริยธรรม 3) การประเมินดา้ นคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยม และค่านิยม 4) แบบประเมินดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ 4) การประเมินดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ 3. ส่ิงที่มุ่งประเมนิ 3.1 ความสามารถ 6 ดา้ น ไดแ้ ก่ การอธิบาย ช้ีแจง การแปลความและตีความ การประยกุ ต์ ดดั แปลง และนาํ ไปใช้ การมีมุมมองท่ีหลากหลาย การใหค้ วามสาํ คญั และใส่ใจในความรู้สึก ของผอู้ ่ืน และการรู้จกั ตนเอง 3.2 สมรรถนะสาํ คญั ไดแ้ ก่ ความสามารถในการส่ือสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถ ในการแกป้ ัญหา ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต และความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 3.3 คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ไดแ้ ก่ รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ซ่ือสตั ยส์ ุจริต มีวินยั ใฝ่ เรียนรู้ อยอู่ ยา่ งพอเพียง มุ่งมน่ั ในการทาํ งาน รักความเป็นไทย และมีจิตสาธารณะ ข้นั ที่ 3 แผนการจัดการเรียนรู้ เวลา 1 ชวั่ โมง แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1 การสงั คายนา เวลา 2 ชวั่ โมง แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 2 การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาเขา้ สู่ประเทศไทย เวลา 2 ชวั่ โมง แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 3 ความสาํ คญั ของพระพทุ ธศาสนาต่อสงั คมไทย เวลา 2 ชวั่ โมง แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 4 พทุ ธประวตั ิ เวลา 2 ชว่ั โมง แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 5 ชาดก
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 46 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เวลา 1 ช่ัวโมง การสังคายนา พระพทุ ธศาสนา สาระท่ี 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม ช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 พระพทุ ธ 1. สาระสําคญั การสงั คายนา คือ การรวบรวมคาํ สง่ั สอนของพระพทุ ธศาสนาใหเ้ ป็นหมวดหมู่ เป็นวิธีการหน่ึงใน การบาํ รุงพระพทุ ธศาสนาใหเ้ จริญมนั่ คงและแผข่ ยายกวา้ งออกไป การสงั คายนาไดก้ ระทาํ ติดต่อกนั มาท้งั ในประเทศอินเดีย ศรีลงั กา และไทย รวม 11 คร้ัง 2. ตวั ชี้วดั ช้ันปี อธิบายการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนบั ถือสู่ประเทศไทย ( ส1.1 ม. 1/1) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความหมายของการสงั คายนาและระบุสาเหตุ ผกู้ ระทาํ สถานที่ ผอู้ ุปถมั ภ์ และระยะเวลา ท่ีทาํ สงั คายนาในแต่ละคร้ังได้ (K) 2. เห็นความสาํ คญั ของการสงั คายนาซ่ึงเป็นวิธีการหน่ึงในการบาํ รุงพระพทุ ธศาสนาใหเ้ จริญมน่ั คง และแผข่ ยายกวา้ งออกไป (A) 3. สืบคน้ ขอ้ มูลและเผยแผข่ อ้ มลู ความรู้เกี่ยวกบั การสงั คายนาไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและมีเหตุผล (A, P) 4. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) และค่านิยม (A) • ประเมินพฤติกรรมในการ 1. ทดสอบก่อนเรียน • ประเมินพฤติกรรมในการ ทาํ งานเป็นรายบุคคลหรือ เป็นกลุ่มในดา้ นการส่ือสาร 2. ซกั ถามความรู้เรื่อง ทาํ งานเป็นรายบุคคลในดา้ น การคิด การแกป้ ัญหา ฯลฯ การสงั คายนา ความซ่ือสตั ยส์ ุจริต ความมี 3. ตรวจผลงาน/กิจกรรม วินยั ความใฝ่ เรียนรู้ ความมี เป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม เหตุผล ฯลฯ
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 47 5. สาระการเรียนรู้ การสงั คายนา 6. แนวทางบูรณาการ ภาษาไทย ฟัง พดู อ่าน และเขียนขอ้ มลู เก่ียวกบั การสงั คายนา การงานอาชีพฯ ออกแบบแผน่ พบั เพ่ือเผยแผค่ วามรู้เกี่ยวกบั การสงั คายนา ภาษาต่างประเทศ ฟัง พดู อ่าน และเขียนคาํ ศพั ทภ์ าษาองั กฤษเก่ียวกบั ชื่อประเทศ ต่าง ๆ ที่เกี่ยวขอ้ งกบั การสงั คายนา 7. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ข้นั ที่ 1 นําเข้าสู่บทเรียน ชั่วโมงท่ี 2 1. ครูสร้างบรรยากาศและส่ิงแวดลอ้ มในการเรียนรู้เพ่อื ใหเ้ กิดความศรัทธาเล่ือมใสในพระรัตนตรัย ที่เหมาะสม เช่น จดั นงั่ เรียนแบบตวั U นาํ นกั เรียนไปเรียนท่ีห้องประชุม ห้องจริยธรรม สนามหญา้ ใตร้ ่มไม้ ก่อนเรียนใหน้ กั เรียนสวดมนตไ์ หวพ้ ระ นงั่ สมาธิ และแผเ่ มตตา 2. ครูใหน้ กั เรียนทาํ แบบทดสอบก่อนเรียน โดยแจกแบบทดสอบใหน้ กั เรียนทุกคน และใหน้ กั เรียน ทาํ แบบทดสอบ โดยเขียนเคร่ืองหมาย ทบั ตวั อกั ษร (ก–ง) หนา้ คาํ ตอบที่ถูกตอ้ งที่สุดเพียงคาํ ตอบเดียว จากน้นั ตรวจใหค้ ะแนน แต่ยงั ไม่เฉลยคาํ ตอบ 3. ครูแจง้ ตวั ช้ีวดั ช้นั ปี และจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ใหน้ กั เรียนทราบ ข้นั ท่ี 2 กจิ กรรมการเรียนรู้ 4. ครูสนทนาทบทวนความรู้หรือประสบการณ์เดิมของนกั เรียน แลว้ เปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนซกั ถาม ขอ้ สงสยั ต่าง ๆ จากเรื่องท่ีไดร้ ับมอบหมายใหไ้ ปอา่ นมา โดยครูตอบขอ้ สงสยั และอธิบายเพ่ิมเติม จากน้นั ให้ ความรู้แก่นกั เรียนเกี่ยวกบั การสงั คายนา โดยใชข้ อ้ มลู จากหนงั สือเรียน รายวชิ าพ้ืนฐาน พระพุทธศาสนา ม. 1 ของบริษทั สาํ นกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั 5. ครูแบ่งนกั เรียนออกเป็น 3 กลุ่ม โดยใชว้ ธิ ีนบั หมายเลข 1–3 ผทู้ ี่นบั หมายเลข 1 อยกู่ ลุ่มท่ี 1 หมายเลข 2 อยกู่ ลุ่มท่ี 2 และหมายเลข 3 อยกู่ ลุ่มท่ี 3 จากน้นั ใหแ้ ต่ละกลุ่มเลือกประธานกลุ่ม เลขานุการ กลุ่ม และผอู้ ภิปราย 6. ครูช้ีแจงบทบาทหนา้ ที่ของสมาชิกในกลุ่ม พร้อมท้งั แจง้ ประเดน็ หรือหวั ขอ้ การอภิปรายให้ แต่ละกลุ่มทราบดงั น้ี กลุ่มที่ 1 อภิปรายในหวั ขอ้ การสงั คายนาในประเทศอินเดีย (India) กล่มุ ท่ี 2 อภิปรายในหวั ขอ้ การสงั คายนาในประเทศศรีลงั กา (SriLanka) กลุ่มที่ 3 อภิปรายในหวั ขอ้ การสงั คายนาในประเทศไทย (Thailand) 7. ครูแนะนาํ สื่อการเรียนรู้และแหล่งการเรียนรู้สาํ หรับใหน้ กั เรียนใชเ้ ป็นแหล่งคน้ ควา้ ขอ้ มูลหรือ
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 48 รายละเอียดของหวั ขอ้ อภิปราย 8. ครูใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มไปศึกษาคน้ ควา้ ขอ้ มลู หรือรายละเอียดของหวั ขอ้ การอภิปรายท่ีกลุ่ม ไดม้ อบหมายนาํ ขอ้ มูลหรือรายละเอียดท่ีไดม้ าอภิปรายร่วมกนั ในกลุ่ม สรุปบนั ทึกผล และเตรียมนาํ เสนอ ผลการอภิปรายหนา้ ช้นั เรียน 9. ครูใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มนาํ เสนอผลการอภิปราย (กลุ่มละไม่เกิน 10 นาที) 10. หลงั จากการนาํ เสนอผลการอภิปรายของแต่ละกลุ่มแลว้ ครูเปิ ดโอกาสใหเ้ พอ่ื นนกั เรียนกลุม่ อื่น ๆ ซกั ถามและผอู้ ภิปรายเป็นผตู้ อบ จากน้ันครูและนักเรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นว่า ประเทศสมาชิกอาเซียน ที่นับถอื ศาสนาอน่ื ๆ เช่น ศาสนาอสิ ลาม คริสต์ศาสนา มกี ารสังคายนาหรือรวบรวมหลกั คาํ สอนของศาสนา เหมอื นกบั พระพุทธศาสนาหรือไม่ ถ้ามจี ะเป็ นผลดอี ย่างไร แล้วครูสรุปสาระสําคญั ของเรื่องทอ่ี ภิปราย 11. ในขณะปฏิบตั ิกิจกรรมของนกั เรียน ใหค้ รูสงั เกตพฤติกรรมในการทาํ งานและการนาํ เสนอ ผลงานของนกั เรียนตามแบบประเมินพฤติกรรมในการทาํ งานเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม ข้นั ท่ี 3 ฝึ กฝนผ้เู รียน 12.ครูใหน้ กั เรียนทาํ กิจกรรมท่ีเก่ียวกบั การสงั คายนาในแบบฝึกทกั ษะ รายวชิ าพ้ืนฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 ของบริษทั สาํ นกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั แลว้ ช่วยกนั เฉลยคาํ ตอบที่ถูกตอ้ ง 13. ครูใหน้ กั เรียนศึกษาเพมิ่ เติมเก่ียวกบั การสงั คายนาจากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น หอ้ งสมุด อินเทอร์เน็ต แลว้ นาํ มาสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้กนั ในช้นั เรียน ข้นั ท่ี 4 นําไปใช้ 14. ครูใหน้ กั เรียนออกแบบแผน่ พบั เพื่อเผยแผค่ วามรู้เกี่ยวกบั การสงั คายนาใหก้ บั คนในครอบครัว เพ่ือนบา้ น หรือคนในชุมชนของตนทราบ ข้นั ท่ี 5 สรุป 15. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปความรู้เรื่อง การสงั คายนา โดยใหน้ กั เรียนสรุปลงในแบบบนั ทึก ความรู้ หรืออาจสรุปเป็นความเรียง แผนที่ความคิด หรือผงั มโนทศั นก์ ไ็ ด้ 16. ครูบอกกบั นกั เรียนวา่ หลงั จากเสร็จสิ้นการสงั คายนาคร้ังท่ี 3 แลว้ พระเจา้ อโศกมหาราช ได้ ทรงส่งคณะสมณทตู ไปเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนายงั ดินแดนต่าง ๆ 9 สาย แลว้ มอบหมายใหน้ กั เรียนอ่านและ สรุปเน้ือหาเก่ียวกบั การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาเขา้ สู่ประเทศไทย พร้อมท้งั สืบคน้ ขอ้ มูลวา่ เอเชียตะวนั ออก เฉียงใตป้ ระกอบดว้ ยประเทศอะไรบา้ ง และมีประเทศใดบา้ งที่นบั ถือพระพทุ ธศาสนา เป็นการบา้ นเพื่อ เตรียมจดั การเรียนรู้ในคร้ังต่อไป 8. กจิ กรรมเสนอแนะ 1. ครูสนทนากบั นกั เรียนเกี่ยวกบั สาเหตุของการสงั คายนาในแต่ละคร้ัง แลว้ กระตุน้ ใหน้ กั เรียน ร่วมกนั คิดวิเคราะห์เพ่ือหาคาํ ตอบร่วมกนั ตามประเดน็ คาํ ถามที่ครูกาํ หนดให้ คือ การสงั คายนาคร้ังท่ี 1–11 เกิดข้ึนจากสาเหตุใด และเม่ือปัญหาเกิดข้ึนแลว้ หากไมม่ ีการสงั คายนาจะเกิดผลเป็นอยา่ งไร 2. ครูใหน้ กั เรียนร่วมกนั จดั ป้ ายนิเทศเร่ือง การสงั คายนาพระไตรปิ ฎก
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 49 9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1. แบบทดสอบก่อนเรียน 2. แบบบนั ทึกความรู้ 3. แบบประเมินพฤติกรรมในการทาํ งานเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม 4. หนงั สือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 บริษทั สาํ นกั พมิ พว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั 5. แบบฝึกทกั ษะ รายวิชาพ้ืนฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 บริษทั สาํ นกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั 6. คู่มือการสอน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 บริษทั สาํ นกั พมิ พว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั 7. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพ้ืนฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 สาํ นกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั 10. บันทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้ 1. ความสาํ เร็จในการจดั การเรียนรู้ แนวทางการพฒั นา 2. ปัญหา/อุปสรรคในการจดั การเรียนรู้ แนวทางแกไ้ ขปัญหา/อุปสรรค 3. สิ่งท่ีไม่ไดป้ ฏิบตั ิตามแผน เหตุผล 4. การปรับแผนการจดั การเรียนรู้ ลงช่ือ ผ้สู อน //
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 50 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาเข้าสู่ประเทศไทย เวลา 2 ช่ัวโมง สาระท่ี 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม พระพทุ ธศาสนา หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 พระพทุ ธ ช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ 1 1. สาระสําคญั หลงั จากการสงั คายนาคร้ังที่ 3 พระพทุ ธศาสนาไดแ้ ผข่ ยายไปสู่ดินแดนต่าง ๆ รวมท้งั ประเทศไทย ทาํ ใหค้ นไทยนบั ถือพระพทุ ธศาสนามาเป็นเวลาชา้ นาน ผา่ นยคุ สมยั ต่าง ๆ จนกลา่ วไดว้ า่ ประวตั ิศาสตร์ ของประเทศไทยเป็นประวตั ิศาสตร์ของพระพทุ ธศาสนา 2. ตัวชี้วดั ช้ันปี อธิบายการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาหรือศาสนาท่ีตนนบั ถือสู่ประเทศไทย (ส 1.1 ม. 1/1) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. เล่าประวตั ิความเป็นมาและระบุหลกั ฐานท่ีเก่ียวกบั การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาเขา้ สู่ประเทศไทย ในยคุ ต่าง ๆ ได้ (K) 2. อธิบายพระพทุ ธศาสนาในประเทศไทยต้งั แต่สมยั สุโขทยั จนถึงปัจจุบนั ได้ (K) 3. เห็นความสาํ คญั ของการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาเขา้ สู่ประเทศไทย (A) 4. สื่อสารและเผยแผค่ วามรู้เกี่ยวกบั การเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาเขา้ สู่ประเทศไทย (P) 4. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) และค่านิยม (A) • ประเมินพฤติกรรมในการ 1. ซกั ถามความรู้เร่ืองการเผยแผ่ • ประเมินพฤติกรรมในการ ทาํ งานเป็นรายบุคคลหรือ เป็นกลุ่มในดา้ นการส่ือสาร พระพุทธศาสนาเขา้ สู่ ทาํ งานเป็นรายบุคคลในดา้ น การคิด การแกป้ ัญหา ฯลฯ ประเทศไทย ความซื่อสตั ยส์ ุจริต ความมี 2. ตรวจผลงาน/กิจกรรม วินยั ความใฝ่ เรียนรู้ ความมี เป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม เหตุผล ฯลฯ
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 51 5. สาระการเรียนรู้ การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาเขา้ สู่ประเทศไทย – พระพทุ ธศาสนาในประเทศไทยต้งั แต่สมยั สุโขทยั จนถึงปัจจุบนั 6. แนวทางบูรณาการ ภาษาไทย ฟัง พดู อ่าน และเขียนขอ้ มูลเกี่ยวกบั การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนา เขา้ สู่ประเทศไทย คณิตศาสตร์ คิดคาํ นวณเปรียบเทียบปี พ.ศ. กบั ปี ค.ศ. ภาษาต่างประเทศ ฟัง พดู อ่าน และเขียนคาํ ศพั ทภ์ าษาองั กฤษที่เกี่ยวกบั ช่ือประเทศ และหลกั ฐานต่าง ๆ ท่ีเก่ียวขอ้ งกบั การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนา เขา้ สู่ประเทศไทย 7. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ข้นั ท่ี 1 นําเข้าสู่บทเรียน ช่ัวโมงท่ี 3 1. ครูสร้างบรรยากาศและสิ่งแวดลอ้ มในการเรียนรู้เพอ่ื ใหเ้ กิดความศรัทธาเลื่อมใสในพระรัตนตรัย ท่ีเหมาะสม เช่น จดั นงั่ เรียนแบบตวั U นาํ นกั เรียนไปเรียนท่ีหอ้ งประชุม หอ้ งจริยธรรม สนามหญา้ ใตร้ ่มไม้ ก่อนเรียนใหน้ กั เรียนสวดมนตไ์ หวพ้ ระ นงั่ สมาธิ และแผเ่ มตตา 2. ครูแจง้ ตวั ช้ีวดั ช้นั ปี และจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ใหน้ กั เรียนทราบ 3. ครูใหน้ กั เรียนดูแผนท่ีแสดงลกั ษณะทางรัฐกิจของเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ แลว้ ซกั ถามนกั เรียน วา่ เอเชียตะวนั ออกเฉียงใตป้ ระกอบดว้ ยประเทศอะไรบา้ ง ใหน้ กั เรียนช่วยกนั ตอบ โดยครูคอยจดชื่อ ประเทศเป็นภาษาไทยและภาษาองั กฤษลงบนกระดานดาํ จากน้นั ซกั ถามนกั เรียนวา่ ประเทศเหล่าน้ี ประเทศใดบา้ งท่ีประชากรส่วนใหญ่ของประเทศนบั ถือพระพทุ ธศาสนา อาสาสมคั รนกั เรียน 3–4 คน ออกมาเขียนวงกลมลอ้ มรอบช่ือประเทศเหล่าน้นั 4. ครูเฉลยคาํ ตอบและสรุปโดยใชข้ อ้ มลู ในใบความรู้ที่ 1 เร่ือง ประเทศในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ และเชื่อมโยงความรู้ไปสู่เน้ือหาเร่ืองท่ีจะเรียน ข้นั ท่ี 2 กจิ กรรมการเรียนรู้ 5. ครูอาสาสมคั รนกั เรียน 2–3 คน ออกมานาํ เสนอผลงานจากเรื่องท่ีไดร้ ับมอบหมายใหไ้ ปอ่านและ สรุปมา ใหเ้ พ่อื น ๆ ฟังในช้นั เรียน จากน้นั ครูอาจสรุปใหน้ กั เรียนฟังอีกคร้ัง 6. ครูใหน้ กั เรียนแบ่งกลุ่ม กลุม่ ละ 4–6 คน โดยจดั แบบคละความสามารถและเพศ 7. ครูมอบหมายประเดน็ ที่ศึกษาใหแ้ ต่ละกลุม่ ร่วมกนั คิด ประเดน็ ศึกษา: 1) การสงั คายนาเก่ียวขอ้ งกบั การเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาเขา้ สู่ประเทศไทยอยา่ งไร
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 52 2) ถา้ ไม่มีพระโสณเถระและพระอุตตรเถระ การเผยแผแ่ ละการนบั ถือพระพทุ ธศาสนาใน ประเทศไทยจะเป็นอยา่ งไร 3) มีหลกั ฐานอะไรบา้ งท่ีสามารถยนื ยนั ไดว้ า่ พระพทุ ธศาสนาไดเ้ ผยแผเ่ ขา้ มาสู่ประเทศไทย ต้งั แต่ก่อน พ.ศ. 500 4) การเผยแผแ่ ละการนบั ถือพระพทุ ธศาสนาของคนไทยเป็นไปในลกั ษณะใด 8. สมาชิกในกลุ่มจบั คู่กนั คิดตามประเดน็ ดงั กล่าวภายใน 10 นาที จากน้นั สลบั คู่กนั ภายในกลุ่ม แลว้ ร่วมกนั คิดในประเดน็ ดงั กล่าวอีกคร้ัง 9. เม่ือสลบั คู่กนั ครบภายในกลุ่มแลว้ ร่วมกนั อภิปรายกลุ่มเพื่อสรุปเป็นความคิดของกลุ่ม และ บนั ทึกผลการอภิปราย 10. ครูใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มส่งตวั แทนนาํ เสนอความคิดของกลุ่มหนา้ ช้นั เรียน พร้อมท้งั เปิ ดโอกาส ใหเ้ พอื่ นนกั เรียนกลุ่มอื่นซกั ถามขอ้ สงสยั ช่ัวโมงที่ 4 11. ครูทบทวนความรู้ของนกั เรียนเกี่ยวกบั การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาเขา้ สู่ประเทศไทย 12. ครูใหน้ กั เรียนกลุ่มเดิมร่วมกนั ศึกษาและอภิปรายเก่ียวกบั พระพทุ ธศาสนาในประเทศไทยต้งั แต่ สมยั สุโขทยั ถึงปัจจุบนั โดยมอบหมายประเดน็ ท่ีศึกษาใหแ้ ต่ละกลุ่มร่วมกนั คิด ประเดน็ ศึกษา: การนบั ถือพระพทุ ธศาสนาในประเทศไทยต้งั แต่สมยั สุโขทยั จนถึงปัจจุบนั เป็นอยา่ งไร 13. สมาชิกในกลุ่มจบั คู่กนั คิดตามประเดน็ ดงั กล่าวภายใน 10 นาที จากน้นั สลบั คู่กนั ภายในกลุ่ม แลว้ ร่วมกนั คิดในประเดน็ ดงั กล่าวอีกคร้ัง 14. เม่ือสลบั คู่กนั ครบภายในกลุ่มแลว้ ร่วมกนั อภิปรายกลุ่มเพ่ือสรุปเป็นความคิดของกลุ่ม และ บนั ทึกผลการอภิปราย 15. ครูใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มส่งตวั แทนนาํ เสนอความคิดของกลุ่มหนา้ ช้นั เรียน พร้อมท้งั เปิ ดโอกาส ใหเ้ พอ่ื นนกั เรียนกลุ่มอื่นซกั ถามขอ้ สงสยั 16. หลงั จากการนาํ เสนอผลการอภิปรายครบทุกกลุ่มแลว้ ครูสรุปสาระสาํ คญั ของประเดน็ ที่อภิปราย จากน้ันครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคดิ เห็นว่า ศาสนาอนื่ ๆ เช่น ศาสนาอสิ ลาม คริสต์ศาสนา ท่ีนับ ถอื กนั ในประเทศสมาชิกอาเซียนมกี ารเผยแผ่เข้าสู่ประเทศไทยในลกั ษณะใด ครูให้ความรู้เพมิ่ เติมเกย่ี วกบั การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศสมาชิกอาเซียนอ่นื ๆ สรุปและบันทึกผล 17. ในขณะปฏิบตั ิกิจกรรมของนกั เรียน ใหค้ รูสงั เกตพฤติกรรมในการทาํ งานและการนาํ เสนอ ผลงานของนกั เรียนตามแบบประเมินพฤติกรรมในการทาํ งานเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม ข้นั ที่ 3 ฝึ กฝนผู้เรียน 18. ครูใหน้ กั เรียนทาํ ใบงานท่ี 1 เรื่อง อะไรเอ่ย และใบงานที่ 2 เรื่อง พระราชกรณียกิจดา้ นพระพทุ ธ- ศาสนาของพระมหากษตั ริยไ์ ทยสมยั รัตนโกสินทร์ แลว้ ช่วยกนั เฉลยคาํ ตอบที่ถูกตอ้ ง 19. ครูใหน้ กั เรียนฝึกคิดคาํ นวณเปรียบเทียบปี พ.ศ. กบั ปี ค.ศ. ของการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนา เขา้ สู่ประเทศไทย
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 53 20. ครูใหน้ กั เรียนทาํ กิจกรรมที่เกี่ยวกบั การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาเขา้ สู่ประเทศไทย ในแบบฝึก ทกั ษะ รายวชิ าพ้ืนฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 บริษทั สาํ นกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั แลว้ ช่วยกนั เฉลย คาํ ตอบที่ถูกตอ้ ง ข้นั ท่ี 4 นําไปใช้ 21. ครูใหน้ กั เรียนนาํ ความรู้เรื่องการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาเขา้ สู่ประเทศไทย ไปเผยแผใ่ หก้ บั คน ในครอบครัว เพ่ือนบา้ น หรือคนในชุมชนของตน ข้นั ท่ี 5 สรุป 22. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปความรู้เร่ือง การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาเขา้ สู่ประเทศไทย โดยให้ นกั เรียนสรุปลงในแบบบนั ทึกความรู้ หรืออาจสรุปเป็นความเรียง แผนท่ีความคิด หรือผงั มโนทศั น์ กไ็ ด้ 23. ครูบอกกบั นกั เรียนวา่ นบั ต้งั แตพ่ ระพทุ ธศาสนาไดเ้ ขา้ มาเผยแผใ่ นประเทศไทย พระพทุ ธศาสนา ไดม้ ีความสาํ คญั ต่อสงั คมไทยอยา่ งมาก แลว้ มอบหมายใหน้ กั เรียนอ่านและสรุปเน้ือหาเก่ียวกบั ความสาํ คญั ของพระพุทธศาสนาต่อสงั คมไทย พร้อมท้งั วเิ คราะห์วา่ พระพทุ ธศาสนามีความสาํ คญั ต่อจิตใจของ ชาวพทุ ธอยา่ งไร เป็นการบา้ นเพอ่ื เตรียมจดั การเรียนรู้ในคร้ังต่อไป 8. กจิ กรรมเสนอแนะ ครูใหน้ กั เรียนศึกษาขอ้ มูลเกี่ยวกบั เรื่องการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาเขา้ สู่ประเทศไทย แลว้ นาํ มา สนทนาแลกเปลี่ยนความรู้กนั ในหอ้ งเรียน 9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1. แผนที่แสดงลกั ษณะทางรัฐกิจของเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ 2. ใบความรู้ที่ 1 เร่ือง ประเทศในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ 3. ใบงานท่ี 1 เรื่อง อะไรเอ่ย 4. ใบงานที่ 2 เร่ือง พระราชกรณียกิจดา้ นพระพทุ ธศาสนาของพระมหากษตั ริยไ์ ทยสมยั รัตนโกสินทร์ 5. แบบประเมินพฤติกรรมในการทาํ งานเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม 6. แบบบนั ทึกความรู้ 7. หนงั สือเรียน รายวชิ าพ้ืนฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 บริษทั สาํ นกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั 8. แบบฝึกทกั ษะ รายวิชาพ้ืนฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 บริษทั สาํ นกั พมิ พว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั 9. คู่มือการสอน พระพุทธศาสนา ม. 1 บริษทั สาํ นกั พมิ พว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั 10. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพ้นื ฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 สาํ นกั พมิ พว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 54 10. บันทกึ หลงั การจดั การเรียนรู้ 1. ความสาํ เร็จในการจดั การเรียนรู้ แนวทางการพฒั นา 2. ปัญหา/อุปสรรคในการจดั การเรียนรู้ แนวทางแกไ้ ข ปัญหา/อุปสรรค 3. ส่ิงท่ีไม่ไดป้ ฏิบตั ิตามแผน เหตุผล 4. การปรับแผนการจดั การเรียนรู้ ลงช่ือ ผู้สอน //
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 55 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 3 ความสําคญั ของพระพทุ ธศาสนาต่อสังคมไทย เวลา 2 ชั่วโมง สาระท่ี 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม พระพทุ ธศาสนา หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 พระพทุ ธ ช้ันมัธยมศึกษาปี ท่ี 1 1. สาระสําคญั การท่ีคนไทยนบั ถือพระพทุ ธศาสนามาเป็นเวลาชา้ นานทาํ ใหพ้ ระพทุ ธศาสนามีความสาํ คญั ต่อ สงั คมไทยในฐานะเป็นศาสนาประจาํ ชาติ เป็นสถาบนั หลกั ของสงั คมไทย เป็นสภาพแวดลอ้ มท่ีกวา้ งขวาง และครอบคลุมสงั คมไทย และเป็นหลกั ในการพฒั นาตนเองและครอบครัว 2. ตวั ชี้วดั ช้ันปี วิเคราะห์ความสาํ คญั ของพระพทุ ธศาสนาหรือศาสนาท่ีตนนบั ถือที่มีต่อสภาพแวดลอ้ มใน สงั คมไทย รวมท้งั การพฒั นาตนและครอบครัว (ส 1.1 ม. 1/2) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความสาํ คญั ของพระพทุ ธศาสนาต่อสงั คมไทยในดา้ นต่าง ๆ ได้ (K) 2. เห็นความสาํ คญั ของพระพทุ ธศาสนาท่ีมีต่อสงั คมไทยในดา้ นต่าง ๆ (A) 3. เผยแผค่ วามรู้และปฏิบตั ิตนไดถ้ กู ตอ้ งเหมาะสมต่อความสาํ คญั ของพระพทุ ธศาสนาในดา้ น ต่าง ๆ (P) 4. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) และค่านิยม (A) • ประเมินพฤติกรรมในการ 1. ซกั ถามความรู้เรื่อง ความ • ประเมินพฤติกรรมในการ ทาํ งานเป็นรายบุคคลหรือ เป็นกลุ่มในดา้ นการสื่อสาร สาํ คญั ของพระพทุ ธศาสนา ทาํ งานเป็นรายบุคคลในดา้ น การคิด การแกป้ ัญหา ฯลฯ ต่อสงั คมไทย ความซื่อสตั ยส์ ุจริต ความมี 2. ตรวจผลงาน/กิจกรรม วินยั ความใฝ่ เรียนรู้ ความมี เป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม เหตุผล ฯลฯ
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 56 5. สาระการเรียนรู้ 1. พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจาํ ชาติ 2. พระพุทธศาสนาเป็นสถาบนั หลกั ของสงั คมไทย 3. พระพุทธศาสนาเป็นสภาพแวดลอ้ มท่ีกวา้ งขวางและครอบคลุมสงั คมไทย 4. พระพุทธศาสนาเป็นหลกั ในการพฒั นาตนเองและครอบครัว 6. แนวทางบูรณาการ ภาษาไทย ฟัง พดู อ่าน และเขียนขอ้ มูลเก่ียวกบั ความสาํ คญั ของพระพทุ ธ- ศาสนาต่อสงั คมไทย การงานอาชีพฯ ออกแบบแผน่ พบั เพื่อเผยแพร่ความรู้เก่ียวกบั ความสาํ คญั ของ พระพทุ ธศาสนาต่อสงั คมไทย 7. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ข้นั ที่ 1 นําเข้าสู่บทเรียน ช่ัวโมงท่ี 5 1. ครูสร้างบรรยากาศและสิ่งแวดลอ้ มในการเรียนรู้เพ่อื ใหเ้ กิดความศรัทธาเลื่อมใสในพระรัตนตรัย ท่ีเหมาะสม เช่น จดั นง่ั เรียนแบบตวั U นาํ นกั เรียนไปเรียนท่ีหอ้ งประชุม หอ้ งจริยธรรม สนามหญา้ ใตร้ ่มไม้ ก่อนเรียนใหน้ กั เรียนสวดมนตไ์ หวพ้ ระ นงั่ สมาธิ และแผเ่ มตตา 2. ครูแจง้ ตวั ช้ีวดั ช้นั ปี และจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ใหน้ กั เรียนทราบ 3. ครูสนทนาทบทวนความรู้หรือประสบการณ์เดิมของนกั เรียนเกี่ยวกบั ความสาํ คญั ของพระพทุ ธ- ศาสนาต่อสงั คมไทยวา่ มีอะไรบา้ ง จากน้นั สรุปการสนทนาวา่ พระพทุ ธศาสนาไม่เพียงแต่มีความสาํ คญั ต่อ ชาวพทุ ธทางดา้ นจิตใจและทางดา้ นศิลปวฒั นธรรมเท่าน้นั แต่ยงั มีความสาํ คญั ทางดา้ นอื่น ๆ อีกไดแ้ ก่ 1) พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจาํ ชาติ 2) พระพทุ ธศาสนาเป็นสถาบนั หลกั ของสงั คมไทย 3) พระพทุ ธศาสนาเป็นสภาพแวดลอ้ มที่กวา้ งขวางและครอบคลุมสงั คมไทย 4) พระพทุ ธศาสนาเป็นหลกั ในการพฒั นาตนเองและครอบครัว ข้นั ท่ี 2 กจิ กรรมการเรียนรู้ 4. ครูสุ่มเลือกนกั เรียน 2–3 คน ใหอ้ อกมานาํ เสนอเร่ืองที่ไดไ้ ปอ่าน วิเคราะห์ และสรุปมา โดยครู คอยเพม่ิ เติมในสิ่งที่นกั เรียนขาดหรือยงั ไม่เขา้ ใจ 5. ครูใหน้ กั เรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 4 กลุ่ม โดยใชว้ ธิ ีนบั หมายเลข 1–4 ผทู้ ่ีนบั หมายเลข 1 อยกู่ ลุ่มท่ี 1 หมายเลข 2 อยกู่ ลุ่มที่ 2 หมายเลข 3 อยกู่ ลุ่มที่ 3 และหมายเลข 4 อยกู่ ลุ่มที่ 4 ใหแ้ ต่ละกลุ่มเลือกประธาน กลุ่ม เลขานุการกลุ่ม และผอู้ ภิปราย 6. ครูช้ีแจงบทบาทหนา้ ท่ีของสมาชิกในกลุ่ม พร้อมท้งั แจง้ ประเดน็ หรือหวั ขอ้ การอภิปรายใหแ้ ต่ละ กลุ่มทราบ ดงั น้ี
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 57 กลุ่มท่ี 1 อภิปรายในหวั ขอ้ พระพทุ ธศาสนาเป็นศาสนาประจาํ ชาติ กลุ่มท่ี 2 อภิปรายในหวั ขอ้ พระพทุ ธศาสนาเป็นสถาบนั หลกั ของสงั คมไทย กลุ่มท่ี 3 อภิปรายในหวั ขอ้ พระพทุ ธศาสนาเป็นสภาพแวดลอ้ มที่กวา้ งขวางและครอบคลุม สงั คมไทย กลุ่มท่ี 4 อภิปรายในหวั ขอ้ พระพทุ ธศาสนาเป็นหลกั ในการการพฒั นาตนเองและครอบครัว 7. ครูแนะนาํ ส่ือการเรียนรู้และแหล่งการเรียนรู้สาํ หรับใหน้ กั เรียนใชเ้ ป็นแหล่งคน้ ควา้ ขอ้ มลู หรือ รายละเอียดของหวั ขอ้ อภิปราย 8. ครูใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มศึกษาขอ้ มลู หรือรายละเอียดของหวั ขอ้ การอภิปรายที่กลุ่มไดม้ อบหมาย นาํ ขอ้ มลู หรือรายละเอียดที่ไดม้ าอภิปรายร่วมกนั ในกลุ่ม สรุปบนั ทึกผล และเตรียมนาํ เสนอผลการอภิปราย ในช้นั เรียนในคร้ังต่อไป ช่ัวโมงท่ี 6 9. ก่อนการนาํ เสนอผลการอภิปราย ครูทบทวนประเดน็ หรือหวั ขอ้ การอภิปราย วตั ถุประสงค์ และ รูปแบบของการอภิปราย พร้อมท้งั ช้ีแจงกฎ กติกาหรือหลกั เกณฑก์ ารอภิปราย เช่น เวลาท่ีใชใ้ นการอภปิ ราย (กลุ่มละ10 นาที) บทบาทหนา้ ท่ีของสมาชิกในกลุ่ม 10. ครูใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มนาํ เสนอผลการอภิปราย 11. หลงั จากการนาํ เสนอผลการอภิปรายของนกั เรียนแต่ละกลุ่มแลว้ ก็โอกาสใหเ้ พือ่ นนกั เรียนกลุ่ม อ่ืน ๆ ซกั ถามและผอู้ ภิปรายเป็นผตู้ อบ จากน้นั ครูสรุปสาระสาํ คญั ของหวั ขอ้ ที่อภิปราย 12. ครูใหน้ กั เรียนกลุ่มท่ี 2 กลุ่มท่ี 3 และกลุ่มที่ 4 นาํ เสนอผลการอภปิ ราย 13. หลงั จากนักเรียนอภิปรายครบทุกกลุ่มแล้ว ครูและนักเรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นว่า ศาสนาอนื่ ๆ เช่น ศาสนาอสิ ลาม คริสต์ศาสนา มคี วามสําคญั ต่อประชาชนในประเทศสมาชิกอาเซียนทน่ี ับถอื อย่างไร สรุปและบันทกึ ผล 14. ในขณะปฏิบตั ิกิจกรรมของนกั เรียน ใหค้ รูสงั เกตพฤติกรรมในการทาํ งานและการนาํ เสนอผลงาน ของนกั เรียนตามแบบประเมินพฤติกรรมในการทาํ งานเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม ข้นั ท่ี 3 ฝึ กฝนผู้เรียน 15. ครูใหน้ กั เรียนทาํ กิจกรรมที่เก่ียวกบั ความสาํ คญั ของพระพทุ ธศาสนาต่อสงั คมไทย ในแบบฝึก ทกั ษะ รายวิชาพ้ืนฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 ของบริษทั สาํ นกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั แลว้ ช่วยกนั เฉลย คาํ ตอบที่ถกู ตอ้ ง 16. ครูใหน้ กั เรียนหาภาพจากสื่อสิ่งพมิ พต์ ่าง ๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ความสาํ คญั ของพระพทุ ธศาสนาต่อ สงั คมไทย แลว้ นาํ มาสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้กนั วา่ ภาพดงั กล่าวสอดคลอ้ งกบั เรื่องท่ีเรียนอยา่ งไร ข้นั ที่ 4 นําไปใช้ 17. ครูใหน้ กั เรียนนาํ ความรู้เร่ือง ความสาํ คญั ของพระพทุ ธศาสนาตอ่ สงั คมไทย ไปเผยแผใ่ หก้ บั คนในครอบครัวเพ่ือนบา้ นหรือคนในชุมชนของตน 18. ครูใหน้ กั เรียนนาํ ความรู้เรื่อง ความสาํ คญั ของพระพทุ ธศาสนาต่อสงั คมไทย ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ น
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 58 ชีวิตประจาํ วนั ข้นั ท่ี 5 สรุป 19. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปความรู้เร่ือง ความสาํ คญั ของพระพทุ ธศาสนาต่อสงั คมไทย โดยให้ นกั เรียนสรุปลงในแบบบนั ทึกความรู้ หรืออาจสรุปเป็นความเรียง แผนท่ีความคิด หรือผงั มโนทศั น์ กไ็ ด้ 20. ครูบอกกบั นกั เรียนวา่ พทุ ธประวตั ิ คือ ประวตั ิของพระพทุ ธเจา้ เร่ิมต้งั แต่ประสูติ ตรัสรู้ และ ปรินิพพาน แลว้ มอบหมายใหน้ กั เรียนอ่านและสรุปเน้ือหาเก่ียวกบั พทุ ธประวตั ิ เป็นการบา้ นเพื่อเตรียม จดั การเรียนรู้ในคร้ังต่อไป 8. กจิ กรรมเสนอแนะ ครูใหน้ กั เรียนทาํ แผน่ พบั เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกบั ความสาํ คญั ของพระพทุ ธศาสนาต่อสงั คมไทย 9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1. แบบประเมินพฤติกรรมในการทาํ งานเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม 2. แบบบนั ทึกความรู้ 3. หนงั สือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 บริษทั สาํ นกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั 4. แบบฝึกทกั ษะ รายวชิ าพ้ืนฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 บริษทั สาํ นกั พมิ พว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั 5. คู่มือการสอน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 บริษทั สาํ นกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั 6. ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพ้นื ฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 สาํ นกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั 10.บันทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้ 1. ความสาํ เร็จในการจดั การเรียนรู้ แนวทางการพฒั นา 2. ปัญหา/อุปสรรคในการจดั การเรียนรู้ แนวทางแกไ้ ขปัญหา/อุปสรรค 3. ส่ิงที่ไม่ไดป้ ฏิบตั ิตามแผน เหตุผล 4. การปรับแผนการจดั การเรียนรู้ ลงช่ือ ผู้สอน //
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 59 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 4 เวลา 2 ช่ัวโมง พทุ ธประวตั ิ พระพทุ ธศาสนา สาระที่ 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม ช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 พระพทุ ธ 1. สาระสําคญั พทุ ธประวตั ิ คือ ประวตั ิของพระพุทธเจา้ การศึกษาพุทธประวตั ิต้งั แต่ประสูติจนถึงบาํ เพญ็ ทุกกรกิริยา ช่วยใหเ้ กิดศรัทธาในพระพทุ ธเจา้ พระพทุ ธศาสนา และไดแ้ บบอยา่ งในการดาํ เนินชีวติ ในทางที่ถกู ตอ้ ง 2. ตัวชี้วดั ช้ันปี วเิ คราะห์พทุ ธประวตั ิต้งั แต่ประสูติจนถึงบาํ เพญ็ ทุกกรกิริยา หรือประวตั ิศาสดาที่ตนนบั ถือตามที่ กาํ หนด (ส 1.1 ม. 1/3) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. เล่าพทุ ธประวตั ิต้งั แต่ประสูติจนถึงบาํ เพญ็ ทุกกรกิริยาไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง (K) 2. มีความสนใจอยากศึกษาพทุ ธประวตั ิ (A) 3. สืบคน้ ขอ้ มลู เก่ียวกบั พทุ ธประวตั ิและนาํ แบบอยา่ งการดาํ เนินชีวติ ของพระพทุ ธเจา้ ไปประยกุ ต์ ใชใ้ นทางท่ีถกู ตอ้ ง (P) 4. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) และค่านิยม (A) • ประเมินพฤติกรรมในการ 1. ซกั ถามความรู้เรื่อง พทุ ธ- • ประเมินพฤติกรรมในการ ทาํ งานเป็นรายบุคคลหรือ เป็นกลุ่มในดา้ นการส่ือสาร ประวตั ิ ทาํ งานเป็นรายบุคคลในดา้ น การคิด การแกป้ ัญหา ฯลฯ 2. ตรวจผลงาน/กิจกรรม ความซื่อสตั ยส์ ุจริต ความมี เป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม วนิ ยั ความใฝ่ เรียนรู้ ความมี เหตุผล ฯลฯ 5. สาระการเรียนรู้ พทุ ธประวตั ิ
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 60 1. การประสูติ 2. การเห็นเทวทูต 4 3. การแสวงหาความรู้ 4. การบาํ เพญ็ ทุกกรกิริยา 6. แนวทางบูรณาการ ภาษาไทย ฟัง พดู อ่าน และเขียนขอ้ มูลเกี่ยวกบั พทุ ธประวตั ิ ออกแบบแผน่ พบั เพื่อเผยแพร่ความรู้เก่ียวกบั พทุ ธประวตั ิ การงานอาชีพฯ ฟัง พดู อ่าน และเขียนคาํ ศพั ทภ์ าษาองั กฤษเก่ียวกบั พุทธประวตั ิ ภาษาต่างประเทศ 7. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ข้นั ท่ี 1 นําเข้าสู่บทเรียน ช่ัวโมงท่ี 7 1. ครูสร้างบรรยากาศและส่ิงแวดลอ้ มในการเรียนรู้เพ่อื ใหเ้ กิดความศรัทธาเลื่อมใสในพระรัตนตรัย ที่เหมาะสม เช่น จดั นง่ั เรียนแบบตวั U นาํ นกั เรียนไปเรียนที่หอ้ งประชุม หอ้ งจริยธรรมสนามหญา้ ใตร้ ่มไม้ ก่อนเรียนใหน้ กั เรียนสวดมนตไ์ หวพ้ ระ นงั่ สมาธิ และแผเ่ มตตา 2. ครูแจง้ ตวั ช้ีวดั ช้นั ปี และจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ใหน้ กั เรียนทราบ 3. ครูใหน้ กั เรียนจบั คู่ทาํ ใบงานที่ 3 เรื่อง พทุ ธประวตั ิ โดยใหเ้ วลา 10 นาที 4. เม่ือหมดเวลาท่ีกาํ หนด ใหน้ กั เรียนแลกเปลี่ยนใบงานกบั คู่อ่ืนเพ่ือตรวจคาํ ตอบโดยครูและนกั เรียน ช่วยกนั เฉลยคาํ ตอบ 5. ครูกล่าวชมเชยนกั เรียนคู่ท่ีทาํ ใบงานไดค้ ะแนนสูงสุด จากน้นั เช่ือมโยงไปสู่เน้ือหาที่จะเรียน ข้นั ที่ 2 กจิ กรรมการเรียนรู้ 6. ครูสุ่มเลือกนกั เรียน 2–3 คน ใหอ้ อกมานาํ เสนอเร่ืองท่ีไดไ้ ปอ่านและสรุปมาในชวั่ โมงท่ีแลว้ โดยครู คอยเพ่มิ เติมในสิ่งที่นกั เรียนขาดหรือยงั ไม่เขา้ ใจ 7. ครูซกั ถามนกั เรียนเก่ียวกบั พทุ ธประวตั ิในประเดน็ ต่อไปน้ี 1) พทุ ธประวตั ิคืออะไร 2) เหตุการณ์สาํ คญั ที่เกี่ยวกบั พทุ ธประวตั ิมีเหตุการณ์ใดบา้ ง ยกตวั อยา่ ง 3) เทวทูต 4 มีอะไรบา้ ง 8. ครูใหค้ วามรู้แก่นกั เรียนเก่ียวกบั พทุ ธประวตั ิเร่ือง การประสูติและการเห็นเทวทูต 4 โดยใชข้ อ้ มูล จากหนังสือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน พระพุทธศาสนา ม. 1 ของบริษทั สํานักพิมพว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั พร้อม ซกั ถามนกั เรียนเป็นระยะ เพอื่ ทบทวนความรู้และเพม่ิ เติมความรู้ เม่ือบรรยายถึงการเห็นเทวทตู 4 ครูจดั ให้ นกั เรียนร่วมกนั อภิปรายกลุ่มยอ่ ย โดยใหน้ กั เรียนแบ่งเป็น 2 กลุ่ม อภิปรายในประเด็นท่ีวา่ “การศึกษาพุทธ ประวตั ิเร่ือง การประสูติและการเห็นเทวทูต 4 มีประโยชนต์ ่อเราอยา่ งไร”
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 61 9. ครูใหน้ กั เรียนนงั่ แยกเป็นกลุ่ม อภิปรายในประเดน็ ดงั กล่าวภายใน 10 นาที แต่ละกลุ่มบนั ทึกผล การอภิปราย และส่งตวั แทนนาํ เสนอผลการอภิปรายหนา้ ช้นั เรียน กลุ่มละ 3–5 นาที 10. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเกี่ยวกบั พทุ ธประวตั ิเร่ือง การประสูติและการเห็นเทวทูต 4 โดยครู เขียนขอ้ สรุปลงบนกระดานดาํ ใหน้ กั เรียนบนั ทึกลงในสมุด ชั่วโมงที่ 8 11. ครูทบทวนความรู้ของนกั เรียนเกี่ยวกบั พทุ ธประวตั ิเรื่อง การประสูติและการเห็นเทวทตู 4 12. ครูให้ความรู้แก่นักเรียนเกี่ยวกบั พุทธประวตั ิเร่ือง การแสวงหาความรู้และการบาํ เพ็ญทุกกร กิริยา โดยใชข้ อ้ มูลจากหนงั สือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน พระพุทธศาสนา ม. 1 ของบริษทั สํานักพิมพว์ ฒั นา พานิช จาํ กดั พร้อมซกั ถามนกั เรียนเป็นระยะ เพือ่ ทบทวนความรู้และเพมิ่ เติมความรู้ เมื่อบรรยาย ถึงการบาํ เพญ็ ทุกกรกิริยา ครูจดั ใหน้ กั เรียนร่วมกนั อภิปรายกลุ่มยอ่ ย โดยใหน้ กั เรียนแบ่งเป็น 2 กลุ่ม อภิปรายในประเดน็ ท่ีวา่ “การบาํ เพญ็ ทุกกรกิริยามีผลตอ่ การตรัสรู้ของพระพทุ ธเจา้ อยา่ งไร” ติ. ครูใหน้ กั เรียนนงั่ แยกเป็นกลุ่ม อภิปรายในประเดน็ ดงั กลา่ วภายใน 10 นาที แต่ละกลุ่มบนั ทึก ผลการอภิปราย และส่งตวั แทนนาํ เสนอผลการอภิปรายหนา้ ช้นั เรียน กลุ่มละ 3–5 นาที 14. เม่ือนกั เรียนนาํ เสนอผลการอภิปรายครบทุกกลุ่มแลว้ ครูสรุปผลการอภิปรายและใหค้ าํ ติ–ชม นกั เรียนแต่ละกลุ่ม แล้วสรุปเพมิ่ เตมิ ในส่ิงที่นักเรียนยงั ไม่เข้าใจ เช่น ครูสรุปเรื่อง มชั ฌมิ าปฏิปทาที่พระ พระสิทธัตถะทรงใช้ในการบําเพญ็ เพยี รทางจิตจนได้ตรัสรู้เป็ นพระพทุ ธเจ้าว่าเรื่องดงั กล่าวนี้ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัวได้นํามาเป็ นปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งทสี่ ามารถนํามาประยกุ ต์ใช้ใน การดําเนินชีวติ ประจําวนั ได้ 15. ครูให้นักเรียนหาภาพหรือวาดภาพศาสดาของศาสนาต่าง ๆ ท่นี ับถือกนั ในประเทศสมาชิก อาเซียน พร้อมท้ังเขยี นบรรยายว่า เป็ นศาสดาของศาสนาอะไร และมปี ระเทศสมาชิกอาเซียนประเทศไหน บ้างท่ีประชากรส่วนใหญ่นับถอื ศาสนานี้ จากน้ันช่วยกนั คดั เลอื กผลงานท่ีดที ีส่ ุดนํามาตดิ ป้ ายนิเทศ พร้อม ตกแต่งให้สวยงาม 16. ในขณะปฏิบตั ิกิจกรรมของนกั เรียน ใหค้ รูสงั เกตพฤติกรรมในการทาํ งานและการนาํ เสนอ ผลงานของนกั เรียนตามแบบประเมินพฤติกรรมในการทาํ งานเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม ข้นั ที่ 3 ฝึ กฝนผู้เรียน 17. ครูใหน้ กั เรียนทาํ กิจกรรมที่เกี่ยวกบั พทุ ธประวตั ิ ในแบบฝึกทกั ษะ รายวชิ าพ้ืนฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 ของบริษทั สาํ นกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั แลว้ ช่วยกนั เฉลยคาํ ตอบท่ีถกู ตอ้ ง 18. ครูใหน้ กั เรียนคน้ ควา้ ขอ้ มูลความรู้เก่ียวกบั พทุ ธประวตั ิเพ่ิมเติมจากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น หอ้ งสมุดสอบถามพระสงฆห์ รือผรู้ ู้ แลว้ บนั ทึกสรุปลงในแบบบนั ทึกความรู้ ข้นั ที่ 4 นําไป ใช้ 19. ครูแนะนาํ ใหน้ กั เรียนนาํ ขอ้ คิดหรือคุณธรรมและแบบอยา่ งการดาํ เนินชีวติ ท่ีไดจ้ ากการเรียนเรื่อง พทุ ธประวตั ิ ไปปฏิบตั ิหรือประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตประจาํ วนั
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 62 ข้นั ที่ 5 สรุป 20. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปความรู้เร่ือง พทุ ธประวตั ิ โดยใหน้ กั เรียนบนั ทึกขอ้ สรุปลงในสมุด หรืออาจสรุปเป็ นความเรียง แผนที่ความคิด หรือผงั มโนทศั นก์ ไ็ ด้ 21. ครูบอกกบั นกั เรียนวา่ ชาดก คือ เรื่องราวท่ีเก่ียวกบั อดีตชาติของพระพทุ ธเจา้ ก่อนท่ีพระองคจ์ ะ มาประสูติและตรัสรู้เป็นพระพทุ ธเจา้ ในชาติสุดทา้ ยแลว้ มอบหมายใหน้ กั เรียนอ่านและสรุปเน้ือหาเก่ียวกบั ชาดก เร่ือง อมั พชาดก เป็นการบา้ นเพอื่ เตรียมจดั การเรียนรู้ในคร้ังต่อไป 8 . กจิ กรรมเสนอแนะ 1. ครูใหน้ กั เรียนเขียนเรียงความ 1 เร่ืองที่เกี่ยวกบั พทุ ธประวตั ิในตอนที่ตนสนใจหรือช่ืนชอบมาก ที่สุด จากน้นั ร่วมกนั คดั เลือกผลงานและจดั ป้ ายนิเทศ 2. ครูใหน้ กั เรียนทาํ แผน่ พบั เพอื่ เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกบั พทุ ธประวตั ิ 9 . ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 1.ใบงานที่ 3 เรื่อง พทุ ธประวตั ิ 2. แบบประเมินพฤติกรรมในการทาํ งานเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม 3. แบบบนั ทึกความรู้ 4. หนงั สือเรียน รายวชิ าพ้ืนฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 บริษทั สาํ นกั พมิ พว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั 5. แบบฝึกหดั รายวชิ าพ้ืนฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 บริษทั สาํ นกั พมิ พว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั 6. คู่มือการสอน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 บริษทั สาํ นกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั 7. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพ้นื ฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 สาํ นกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั 10.บันทกึ หลงั การจดั การเรียนรู้ 1. ความสาํ เร็จในการจดั การเรียนรู้ แนวทางการพฒั นา 2. ปัญหา/อุปสรรคในการจดั การเรียนรู้ แนวทางแกไ้ ขปัญหา/อุปสรรค 3. ส่ิงที่ไม่ไดป้ ฏิบตั ิตามแผน เหตุผล 4. การปรับแผนการจดั การเรียนรู้ ลงช่ือ ผู้สอน //
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 63 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 5 เวลา 2 ช่ัวโมง ชาดก พระพทุ ธศาสนา สาระที่ 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม ช้ันมัธยมศึกษาปี ท่ี 1 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 พระพทุ ธ 1. สาระสําคญั ชาดก คือ เร่ืองราวในอดีตของพระพทุ ธเจา้ ก่อนที่จะมาประสูติและตรัสรู้เป็นพระพทุ ธเจา้ ในชาติ สุดทา้ ย การศึกษาอมั พชาดกและติตติรชาดกจะทาํ ใหเ้ ราไดข้ อ้ คิดเกี่ยวกบั คนท่ีกตญั ญูรู้คุณคนอื่น ยอ่ มเป็น คนเจริญในที่ทุกสถานในกาลทุกเมื่อ และคนท่ีฉลาดในธรรม มีความนอบนอ้ มถ่อมตนต่อผใู้ หญ่จกั เป็นผู้ ไดร้ ับการสรรเสริญในปัจจุบนั น้ีและอนาคตต่อ ๆ ไป ซ่ึงขอ้ คิดเหล่าน้ีสามารถนาํ ไปประพฤติปฏิบตั ิใน ชีวิตประจาํ วนั ได้ 2. ตัวชี้วดั ช้ันปี วิเคราะห์และประพฤติตนตามแบบอยา่ งการดาํ เนินชีวติ และขอ้ คิดจากประวตั ิสาวก ชาดก เร่ือง เล่า และศาสนิกชนตวั อยา่ งตามท่ีกาํ หนด(ส 1.1 ม. 1/4) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายเร่ืองราวเกี่ยวกบั อมั พชาดกและติตติรชาดกได้ (K) 2. เห็นคุณค่าในการศึกษาของอมั พชาดกและติตติรชาดก (A) 3. วิเคราะห์ขอ้ คิดจากอมั พชาดกและติตติรชาดก และนาํ ขอ้ คิดดงั กล่าวไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจาํ วนั (P) 4. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) และค่านิยม (A) • ประเมินพฤติกรรมในการ 1. ทดสอบหลงั เรียน • ประเมินพฤติกรรมในการ ทาํ งานเป็นรายบุคคลหรือ เป็นกลุ่มในดา้ นการสื่อสาร 2. ซกั ถามความรู้เรื่อง อมั พชาดก ทาํ งานเป็นรายบุคคลในดา้ น การคิด การแกป้ ัญหา ฯลฯ และติตติรชาดก ความซื่อสตั ยส์ ุจริต ความมี 3. ตรวจผลงาน/กิจกรรม วินยั ความใฝ่ เรียนรู้ ความมี เป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม เหตุผล ฯลฯ
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 64 5. สาระการเรียนรู้ ชาดก 1. อมั พชาดก 2. ติตติรชาดก 6. แนวทางบูรณาการ ภาษาไทย ฟัง พดู อ่าน และเขียนขอ้ มลู เก่ียวกบั ชาดก จดั ป้ ายนิเทศเก่ียวกบั ชาดก ศิลปะ สืบคน้ ขอ้ มูลเก่ียวกบั ชาดกหรือเล่าเร่ือง การงานอาชีพฯ 7. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ข้นั ท่ี 1 นําเข้าสู่บทเรียน ชั่วโมงที่ 9 1. ครูสร้างบรรยากาศและสิ่งแวดลอ้ มในการเรียนรู้เพื่อใหเ้ กิดความศรัทธาเล่ือมใสในพระรัตนตรัย ที่เหมาะสม เช่น จดั นงั่ เรียนแบบตวั U นาํ นกั เรียนไปเรียนท่ีหอ้ งประชุม หอ้ งจริยธรรม สนามหญา้ ใตร้ ่มไม้ ก่อนเรียนใหน้ กั เรียนสวดมนตไ์ หว้ พระนงั่ สมาธิ และแผเ่ มตตา 2. ครูแจง้ ตวั ช้ีวดั ช้นั ปี และจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ใหน้ กั เรียนทราบ 3. ครูซกั ถามนกั เรียนวา่ เคยฟังนิทานเกี่ยวกบั อดีตชาติของพระพทุ ธเจา้ บา้ งหรือไม่ ใหน้ กั เรียน ร่วมกนั แสดงความคิดเห็น 4. ครูสนทนากบั นกั เรียนเพอ่ื ใหไ้ ดข้ อ้ สรุปวา่ พระพทุ ธเจา้ กวา่ จะตรัสรู้เป็นพระพทุ ธเจา้ ไดน้ ้นั พระองคต์ อ้ งบาํ เพญ็ เพียรต้งั หลายร้อยชาติ ซ่ึงเราเรียกเรื่องราวท่ีมีความเก่ียวขอ้ งกบั พระพทุ ธเจา้ ใน ชาติต่าง ๆ วา่ ชาดก ชาดกมีหลายเรื่อง ในพระไตรปิ ฎกระบุไวม้ ีมากกวา่ 500 เรื่อง สาํ หรับในช้นั น้ี กาํ หนดใหศ้ ึกษา 2 เร่ือง คือ อมั พชาดกและติตติรชาดก ข้นั ท่ี 2 กจิ กรรมการเรียนรู้ (ครูจดั การเรียนรู้โดยใชเ้ ทคนิคเล่าเรื่องรอบวง) 5. ครูใหน้ กั เรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน โดยสมาชิกแต่ละคนมีหมายเลข 1, 2, 3 และ 4 6. ครูแจง้ ประเดน็ ท่ีจะศึกษาใหแ้ ต่ละกลุ่มทราบ ไดแ้ ก่ 1) พระพทุ ธเจา้ ตรัสเล่าอมั พชาดกโดยทรงปรารภเร่ืองใด 2) ตวั ละครที่สาํ คญั ในอมั พชาดกมีใครบา้ ง 3) ตวั ละครใดบา้ งควรเอาเป็นแบบอยา่ งและไม่ควรเอาเป็นแบบอยา่ ง เพราะเหตุใด 4) การศึกษาอมั พชาดกไดข้ อ้ คิดอะไรบา้ งที่สามารถนาํ ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจาํ วนั ได้ 7. ครูใหส้ มาชิกภายในกลุ่มจบั คู่กนั เล่าเรื่องราวในอมั พชาดกท่ีศึกษาโดยใชเ้ วลาเท่า ๆ กนั ตามลาํ ดบั ข้นั ตอนต่อไปน้ี
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 65 ข้นั ที่ 1 สมาชิกหมายเลข 1จบั คู่กบั หมายเลข 2 และหมายเลข 3 จบั คู่กบั หมายเลข 4 โดยหมายเลข 1 และ 3 เป็นผเู้ ล่า ส่วนหมายเลข 2 และ 4 เป็นผฟู้ ัง ข้ันท่ี 2 เปลี่ยนผเู้ ล่าและผฟู้ ัง โดยสมาชิกหมายเลข 2 และ 4 เป็นผเู้ ล่า ส่วนหมายเลข 1 และ 3 เป็น ผฟู้ ัง ข้นั ที่ 3 รวมกลุ่มกนั ใหแ้ ต่ละคนผลดั กนั เล่าใหส้ มาชิกภายในกลุ่มฟัง โดยเร่ิมจากหมายเลข 1, 2, 3 และ 4 ตามลาํ ดบั 8. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเกี่ยวกบั ชาดกเรื่อง อมั พชาดก โดยครูเขียนขอ้ สรุปลงบนกระดานดาํ ใหน้ กั เรียนเขียนบนั ทึกลงในสมุด ช่ัวโมงที่ 10 9. ครูใหน้ กั เรียนกลุ่มเดิมร่วมกนั ศึกษาติตติรชาดก โดยครูแจง้ ประเดน็ ท่ีจะศึกษาใหแ้ ต่ละกลุ่ม ทราบ ไดแ้ ก่ 1) พระพทุ ธเจา้ ตรัสเล่าติตติรชาดกโดยทรงปรารภเร่ืองใด 2) ตวั ละครท่ีสาํ คญั ในติตติรชาดกมีใครบา้ ง 3) ตวั ละครใดบา้ งควรเอาเป็นแบบอยา่ งและไม่ควรเอาเป็นแบบอยา่ ง เพราะเหตุใด 4) การศึกษาติตติรชาดกไดข้ อ้ คิดอะไรบา้ งที่สามารถนาํ ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตประจาํ วนั ได้ 10. ครูใหส้ มาชิกภายในกลุ่มจบั คู่กนั เล่าเรื่องราวในชาดกที่ศึกษาโดยใชเ้ วลาเท่า ๆ กนั ตามลาํ ดบั ข้นั ตอนต่อไปน้ี ข้ันที่ 1 สมาชิกหมายเลข 1จบั คู่กบั หมายเลข 2 และหมายเลข 3 จบั คู่กบั หมายเลข 4 โดยหมายเลข 1 และ 3 เป็นผเู้ ล่า ส่วนหมายเลข 2 และ 4 เป็นผฟู้ ัง ข้นั ท่ี 2 เปล่ียนผเู้ ล่าและผฟู้ ัง โดยสมาชิกหมายเลข 2 และ 4 เป็นผเู้ ล่า ส่วนหมายเลข 1 และ 3 เป็น ผฟู้ ัง ข้ันท่ี 3 รวมกลุ่มกนั ใหแ้ ตล่ ะคนผลดั กนั เล่าใหส้ มาชิกภายในกลุ่มฟัง โดยเริ่มจากหมายเลข 1, 2, 3 และ 4 ตามลาํ ดบั 11. ครูซกั ถามนกั เรียนตามประเดน็ ท่ีศึกษาโดยสุ่มหมายเลขประจาํ ตวั สมาชิกในกลุ่มเป็นผตู้ อบ ปัญหา จากน้ันครูให้นักเรียนช่วยกนั สืบค้นหรือสํารวจข้อมูลว่า ประเทศสมาชิกอาเซียนทน่ี ับถือศาสนา อนื่ ๆ เช่น ศาสนาอสิ ลาม คริสต์ศาสนา มเี ร่ืองราวที่มลี กั ษณะคล้ายกบั ชาดกของพระพทุ ธศาสนาหรือไม่ รวบรวมข้อมูลไว้สําหรับจดั ป้ ายนิเทศร่วมกนั ในช้ันเรียน 12. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเกี่ยวกบั ชาดกเรื่อง ติตติรชาดก โดยครูเขียนขอ้ สรุปลงบนกระดาน ดาํ ใหน้ กั เรียนเขียนบนั ทึกลงในสมุด 13. ครูประเมินผลนกั เรียนแต่ละกลุ่ม และใหก้ าํ ลงั ใจดว้ ยการช่ืนชมนกั เรียนที่ตอบปัญหาไดถ้ กู ตอ้ ง 14. ครูใหน้ กั เรียนทาํ ใบงานที่ 4 เร่ือง ขอ้ คิดจากชาดก 15. ในขณะปฏิบตั ิกิจกรรมของนกั เรียน ใหค้ รูสงั เกตพฤติกรรมในการทาํ งานและการนาํ เสนผลงาน ของนกั เรียนตามแบบประเมินพฤติกรรมในการทาํ งานเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 66 ข้นั ที่ 3 ฝึ กฝนผ้เู รียน 16.ครูใหน้ กั เรียนทาํ กิจกรรมท่ีเกี่ยวกบั อมั พชาดกและติตติรชาดก ในแบบฝึกทกั ษะ รายวิชาพ้ืนฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 ของบริษทั สาํ นกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั แลว้ ช่วยกนั เฉลยคาํ ตอบท่ีถกู ตอ้ ง ข้นั ท่ี 4 นําไปใช้ 17. ครูแนะนาํ ใหน้ กั เรียนนาํ ขอ้ คิดหรือคุณธรรมท่ีไดจ้ าการเรียนรู้เรื่อง อมั พชาดกและติตติรชาดก ไปปฏิบตั ิหรือประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจาํ วนั พร้อมท้งั สงั เกตและบนั ทึกผลการปฏิบตั ิ 18. นกั เรียนนาํ ขอ้ คิดหรือคุณธรรมท่ีไดจ้ ากการเรียนชาดกและจากการปฏิบตั ิตนไปแนะนาํ ผอู้ ่ืนให้ เขา้ ใจและปฏิบตั ิตามในทางที่ถูกตอ้ ง ข้นั ที่ 5 สรุป 19. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปสาระสาํ คญั และขอ้ คิดหรือคติเตือนใจท่ีดจ้ ากการศึกษาเร่ือง อมั พชาดก และติตติรชาดก โดยใหน้ กั เรียนสรุปลงในแบบบนั ทึกความรู้ 20. ครูใหน้ กั เรียนทาํ แบบทดสอบหลงั เรียนและช่วยกนั เฉลยคาํ ตอบที่ถกู ตอ้ ง 21. ครูใหน้ กั เรียนทาํ แบบทดสอบการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ประจาํ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ใน แบบฝึกทกั ษะ รายวิชาพ้นื ฐาน พระพุทธศาสนา ม. 1 ของบริษทั สาํ นกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั เพื่อ ประเมินผลการเรียนรู้ดา้ นความรู้ ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยม และดา้ นทกั ษะ/กระบวนการของ นกั เรียน 22. ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนอ่านเน้ือหาในหน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 พระธรรม เร่ือง พระรัตนตรัย แลว้ สรุปสาระสาํ คญั เป็นแผนท่ีความคิด เป็นการบา้ นเพือ่ เตรียมจดั การเรียนรู้ในคร้ังต่อไป 8. กจิ กรรมเสนอแนะ 1. ครูแบ่งนกั เรียนออกเป็น 2 กลุ่ม โดยใหก้ ลุ่มที่ 1 แสดงนิทานชาดกเรื่อง อมั พชาดก และกลุ่มท่ี 2 แสดงเรื่อง ติตติรชาดก ใหเ้ พ่ือน ๆ ช่วยกนั ประเมินผล 2. ครูใหน้ กั เรียนร่วมกนั จดั ป้ ายนิเทศเก่ียวกบั ชาดก เพอ่ื เผยแพร่ความรู้และคุณธรรมจากชาดกให้ คนอื่นไดร้ ู้และนาํ ไปปฏิบตั ิ 9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1. แบบทดสอบหลงั เรียน 2. ใบงานท่ี 4 เรื่อง ขอ้ คิดจากชาดก 3. แบบประเมินพฤติกรรมในการทาํ งานเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม 4. หนงั สือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 บริษทั สาํ นกั พมิ พว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั 5. แบบฝึกทกั ษะ รายวิชาพ้ืนฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 บริษทั สาํ นกั พมิ พว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 67 6. คู่มือการสอน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 บริษทั สาํ นกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั 7. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพ้ืนฐาน พระพุทธศาสนา ม. 1 สาํ นกั พมิ พว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั 10.บันทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้ 1. ความสาํ เร็จในการจดั การเรียนรู้ แนวทางการพฒั นา 2. ปัญหา/อุปสรรคในการจดั การเรียนรู้ แนวทางแกไ้ ขปัญหา/อุปสรรค 3. ส่ิงท่ีไม่ไดป้ ฏิบตั ิตามแผน เหตุผล 4. การปรับแผนการจดั การเรียนรู้ ลงชื่อ ผ้สู อน //
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 68 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 เวลา 9 ชั่วโมง พระธรรม ผงั มโนทัศน์เป้ าหมายการเรียนรู้และขอบข่ายภาระงาน/ชิ้นงาน ความรู้ 1. พระรัตนตรัย 2. หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา 3. พทุ ธศาสนสุภาษิต ทกั ษะ/กระบวนการ พระธรรม คุณธรรม จริยธรรม 1. การสื่อสาร 2. การใชเ้ ทคโนโลยี และค่านิยม 3. การคิด 1. มีวนิ ยั 4. การแกป้ ัญหา 2. ใฝ่ เรียนรู้ 5. กระบวนการกลุ่ม 3. มีความรับผดิ ชอบ 4. มีเหตุผล 5. มุ่งมนั่ ในการทาํ งาน ภาระงาน/ชิ้นงาน 1. การทาํ แบบทดสอบ 2. การอภิปรายเรื่อง พทุ ธคุณ 9 3. การวิเคราะห์กรณีตวั อยา่ งโดยใชห้ ลกั อริยสจั 4 4. การอภิปรายหลกั ธรรมและนาํ ไปประยกุ ตใ์ ชห้ รือประพฤติปฏิบตั ิ ในชีวติ ประจาํ วนั 5. การวิเคราะห์ขอ้ คิดหรือคติสอนใจจากพทุ ธศาสนสุภาษิตที่ศึกษา 6. การเขียนเรียงความหรือคาํ ขวญั เกี่ยวกบั พทุ ธศาสนสุภาษิต 7. การนาํ เสนอผลงาน
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 69 ผงั การออกแบบการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 พระธรรม ข้นั ที่ 1 ผลลพั ธ์ปลายทางที่ต้องการให้เกดิ ขึน้ กบั นักเรียน ตวั ชี้วดั ช้ันปี 1. อธิบายพทุ ธคุณและขอ้ ธรรมสาํ คญั ในกรอบอริยสจั 4 หรือหลกั ธรรมของศาสนาที่ตนนบั ถือตามท่ี กาํ หนด เห็นคุณคา่ และนาํ ไปพฒั นาแกป้ ัญหาของตนเองและครอบครัว (ส 1.1 ม.1/5) 2. วิเคราะห์และปฏิบตั ิตนตามหลกั ธรรมทางศาสนาท่ีตนนบั ถือในการดาํ รงชีวิตแบบพอเพยี ง และดูแลรักษาสิ่งแวดลอ้ มเพอ่ื การอยรู่ ่วมกนั ไดอ้ ยา่ งสนั ติสุข (ส 1. 1 ม. 1/8) ความเข้าใจท่คี งทนของนักเรียน คาํ ถามสําคญั ที่ทําให้เกดิ ความเข้าใจทค่ี งทน นกั เรียนจะเข้าใจว่า... 1. การศึกษาพทุ ธคุณมีผลดีตอ่ ตนเองและสงั คม 1. การศึกษาพทุ ธคุณใหม้ ีความรู้ความเขา้ ใจและ อยา่ งไร นาํ ไปเป็นแบบอยา่ งในการประพฤติปฏิบตั ิตน 2. การศึกษาและนาํ หลกั ธรรมในพระพทุ ธ- มีผลดีต่อตนเองและสงั คม ศาสนามาประพฤติปฏิบตั ิมีผลดีต่อการดาํ เนิน 2. หลกั ธรรมในพระพทุ ธศาสนามีจาํ นวนมาก ชีวิตประจาํ วนั อยา่ งไร แต่ท้งั หมดสามารถศึกษาไดใ้ นกรอบของ 3. การศึกษาพทุ ธศาสนสุภาษิตมีคุณค่าและ อริยสจั 4 การศึกษาหลกั ธรรมในพระพทุ ธศาสนา ความสาํ คญั ต่อการดาํ เนินชีวติ อยา่ งไร มีประโยชน์ต่อการดาํ เนินชีวติ ประจาํ วนั สามารถนาํ ไปแกป้ ัญหาและพฒั นาตนเอง ครอบครัว สงั คม และส่ิงแวดลอ้ มได้ 3. พทุ ธศาสนสุภาษิตเป็นสุภาษิตทางพระพทุ ธ- ศาสนา การศึกษาพทุ ธศาสนสุภาษิตทาํ ใหไ้ ด้ ขอ้ คิดหรือคติสอนใจที่สามารถนาํ ไป ประยกุ ตใ์ ชใ้ หเ้ กิดผลดีต่อการดาํ เนินชีวติ ได้ ความรู้ของนักเรียนทน่ี ําไปสู่ความเข้าใจที่คงทน ทกั ษะ/ความสามารถของนักเรียนทนี่ ําไปสู่ความ นักเรียนจะรู้ว่า... เข้าใจที่คงทนนักเรียนจะสามารถ... 1. คาํ สาํ คญั ไดแ้ ก่ พทุ ธคุณ อริยสจั ตณั หา 1. อภิปรายความหมาย ประเภท และคุณค่าของ มชั ฌิมาปฏิปทา เบญจขนั ธ์ กฎแห่งกรรม พทุ ธคุณ 9 กรรม อบายมุข คฤหสั ถ์ วปิ ัสสนา ศีลธรรม 2. วิเคราะห์กรณีตวั อยา่ งโดยใชห้ ลกั อริยสจั 4 มงคล คนพาล บณั ฑิต พทุ ธศาสนสุภาษิต 3. อภิปรายหลกั ธรรมและนาํ ไปประยกุ ตใ์ ชห้ รือ พทุ ธภาษิต ฆราวาสธรรม 2. พทุ ธคุณเป็นคุณความดีงามของพระพทุ ธเจา้ มี ประพฤติปฏิบตั ิในชีวิตประจาํ วนั 9 ประการไดแ้ ก่ ทรงเป็นพระอรหนั ต์ ทรง 4. วิเคราะหห์ ลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนาเพื่อ เป็นผตู้ รัสรู้ดว้ ยพระองคเ์ องโดยชอบ ทรงเป็น การดาํ รงชีวิตแบบพอเพียงและการดูแลรักษา ส่ิงแวดลอ้ ม
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 70 ผถู้ ึงพร้อมดว้ ยวชิ ชาและจรณะ เสด็จไปดีแลว้ 5. วิเคราะห์ขอ้ คิดหรือคติสอนใจจากพทุ ธศาสน- ทรงรู้แจง้ โลก ทรงเป็นสารถีฝึ กคนที่ฝึ กได้ สุภาษิตที่ศึกษา ไม่มีใครยง่ิ กวา่ ทรงเป็นศาสดาของเทวดาและ 6. เขียนเรียงความเก่ียวกบั พุทธศาสนสุภาษิต มนุษยท์ ้งั หลาย ทรงเป็นผตู้ ื่นและเบิกบาน ทรงเป็นผมู้ ีโชคและจาํ แนกแจกแจงธรรม เราสามารถยอ่ พทุ ธคุณ 9 ไดเ้ ป็น 3 ประการ ไดแ้ ก่ พระปัญญาคุณ พระวิสุทธิคุณ และ พระกรุณาคุณ การศึกษาพทุ ธคุณใหม้ ีความรู้ ความเขา้ ใจและนาํ ไปเป็นแบบอยา่ งในการ ประพฤติปฏิบตั ิตนมีผลดีต่อตนเองและสงั คม 3. อริยสจั เป็นหลกั ความจริงอนั ประเสริฐ เป็น หลกั แห่งเหตุและผล มี 4 ประการ ไดแ้ ก่ ทุกข์ สมุทยั นิโรธ และมรรค อริยสจั เป็นหลกั คาํ สอนท่ีเป็นหวั ใจของพระพทุ ธศาสนา หลกั ธรรมคาํ สอนท้งั หมด ไม่วา่ จะเป็นขนั ธ์ 5 ธาตุ 4 หลกั กรรม อบายมุข 6 สุข 2 คิหิสุข 4 กรรมฐาน 2 ไตรสิกขาโกศล 3 ปธาน 4 และ มงคล 38 ลว้ นสรุปลงในอริยสจั 4 4. พทุ ธศาสนสุภาษิตเป็นคาํ สุภาษิตทางพระ พทุ ธศาสนา เป็นคาํ สอนท่ีมีลกั ษณะเป็น ขอ้ ความส้นั ๆ แต่มีความหมายลึกซ้ึง แฝงไป ดว้ ยขอ้ คิดหรือคติสอนใจใหป้ ฏิบตั ิตาม ไดแ้ ก่ ยํ เว เสวติ ตาทิโส (คบคนเช่นใด เป็น คนเช่นน้นั ) อตฺตนา โจทยตฺตานํ (จงเตือนตน ดว้ ยตน) นิสมฺม กรณํ เสยฺโย (ใคร่ครวญก่อน แลว้ จึงทาํ ) ทุราวาสา ฆรา ทุกฺขา (เรือนท่ีครอง ไม่ดีนาํ ทุกขม์ าให)้ การศึกษาพทุ ธศาสน- สุภาษิตทาํ ใหไ้ ดข้ อ้ คิดหรือคติสอนใจที่ สามารถนาํ ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ หเ้ กิดผลดีต่อการ ดาํ เนินชีวิตได้
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 71 ข้ันท่ี 2 ภาระงานและการประเมนิ ผลการเรียนรู้ซ่ึงเป็ นหลกั ฐานทแ่ี สดงว่านักเรียนมผี ลการเรียนรู้ ตามท่ีกาํ หนดไว้อย่างแท้จริง 1. ภาระงานท่ีนักเรียนต้องปฏิบัติ 1.1 อภิปรายเร่ือง พทุ ธคุณ 9 1.2 วิเคราะห์กรณีตวั อยา่ งโดยใชห้ ลกั อริยสจั 4 1.3 อภิปรายหลกั ธรรมและนาํ ไปประยกุ ตใ์ ชห้ รือประพฤติปฏิบตั ิในชีวติ ประจาํ วนั 1.4 วเิ คราะห์ขอ้ คิดหรือคติสอนใจจากพทุ ธศาสนสุภาษิตท่ีศึกษา 1.5 เขียนเรียงความหรือคาํ ขวญั เก่ียวกบั พทุ ธศาสนสุภาษิต 2. วธิ ีการและเครื่องมอื ประเมนิ ผลการเรียนรู้ 2.1 วิธีการประเมินผลการเรียนรู้ 2.2 เคร่ืองมือประเมินผลการเรียนรู้ 1) การทดสอบ 1) แบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียน 2) การประเมินผลงาน/กิจกรรม 2) แบบประเมินผลงาน/กิจกรรม เป็ นรายบุคคลหรื อเป็ นกลุ่ม เป็ นรายบุคคลหรื อเป็ นกลุ่ม 3) การประเมินดา้ นคุณธรรม จริยธรรม 3) แบบประเมินดา้ นคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยม และค่านิยม 4) การประเมินดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ 4) แบบประเมินดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ 3. ส่ิงทีม่ ุ่งประเมนิ 3.1 ความสามารถ 6 ดา้ น ไดแ้ ก่ การอธิบาย ช้ีแจง การแปลความและตีความ การประยกุ ต์ ดดั แปลง และนาํ ไปใช้ การมีมุมมองที่หลากหลาย การใหค้ วามสาํ คญั และใส่ใจในความรู้สึก ของผอู้ ่ืน และการรู้จกั ตนเอง 3.2 สมรรถนะสาํ คญั ไดแ้ ก่ ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถ ในการแกป้ ัญหา ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ และความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 3.3 คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ไดแ้ ก่ รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ซ่ือสตั ยส์ ุจริต มีวนิ ยั ใฝ่ เรียนรู้ อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง มุ่งมนั่ ในการทาํ งาน รักความเป็นไทย และมีจิตสาธารณะ ข้ันท่ี 3 แผนการจดั การเรียนรู้ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 6 พระรัตนตรัย เวลา 1 ชวั่ โมง แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 7 อริยสจั 4 และการปฏิบตั ิตนตามหลกั ธรรม เวลา 6 ชว่ั โมง แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 8 พทุ ธศาสนสุภาษิต เวลา 2 ชว่ั โมง
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 72 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 6 เวลา 2 ช่ัวโมง พระรัตนตรัย พระพทุ ธศาสนา สาระท่ี 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม ช้ันมัธยมศึกษาปี ท่ี 1 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 พระธรรม 1. สาระสําคญั พทุ ธคุณเป็นคุณความดีงามของพระพทุ ธเจา้ มี 9 ประการ ไดแ้ ก่ ทรงเป็นพระอรหนั ต์ ทรงเป็น ผตู้ รัสรู้ดว้ ยพระองคเ์ องโดยชอบ ทรงเป็นผถู้ ึงพร้อมดว้ ยวชิ ชาและจรณะ เสด็จไปดีแลว้ ทรงรู้แจง้ โลก ทรงเป็นสารถีฝึกคนท่ีฝึกไดไ้ ม่มีใครยง่ิ กวา่ ทรงเป็นศาสดาของเทวดาและมนุษยท์ ้งั หลาย ทรงเป็นผตู้ ื่น และเบิกบาน ทรงเป็นผมู้ ีโชคและเป็นผจู้ าํ แนกแจกแจงธรรม เราสามารถยอ่ พทุ ธคุณ 9 ไดเ้ ป็น 3 ประการ ไดแ้ ก่ พระปัญญาคุณ พระวิสุทธิคุณ และพระกรุณาคุณ การศึกษาพุทธคุณใหม้ ีความรู้ความเขา้ ใจ และนาํ ไปเป็นแบบอยา่ งในการประพฤติปฏิบตั ิตนมีผลดีต่อตนเองและสงั คม 2. ตวั ชี้วดั ช้ันปี อธิบายพทุ ธคุณและขอ้ ธรรมสาํ คญั ในกรอบอริยสจั 4 หรือหลกั ธรรมของศาสนาท่ีตนนบั ถือ ตามท่ีกาํ หนด เห็นคุณค่าและนาํ ไปพฒั นาแกป้ ัญหาของตนเองและครอบครัว (ส 1.1 ม. 1/5) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความหมายและประเภทของพทุ ธคุณ 9 ได้ (K) 2. วิเคราะห์คุณค่าของพทุ ธคุณ 9 ไดอ้ ยา่ งมีเหตุผล (A, P) 3. นาํ พทุ ธคุณไปเป็นแบบอยา่ งในการประพฤติปฏิบตั ิตนใหเ้ กิดผลดีต่อตนเองและสงั คมได้ (A, P) 4. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้าน ทักษะ/กระบวนการ (P) และค่านิยม (A) • ประเมินพฤติกรรมในการ 1. ทดสอบก่อนเรียน • ประเมินพฤติกรรมในการ ทาํ งานเป็นรายบุคคลหรือ เป็นกลุ่มในดา้ นการสื่อสาร 2. ซกั ถามความรู้เรื่อง ทาํ งานเป็นรายบุคคลในดา้ น การคิด การแกป้ ัญหาฯลฯ พทุ ธคุณ 9 ความซื่อสตั ยส์ ุจริต ความมี 3. ตรวจผลงาน/กิจกรรม วนิ ยั ความใฝ่ เรียนรู้ ความมี เป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม เหตุผล ฯลฯ
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 73 5. สาระการเรียนรู้ • พระรัตนตรัย – พทุ ธคุณ 6. แนวทางบูรณาการ ฟัง พดู อ่าน และเขียนขอ้ มลู เกี่ยวกบั พุทธคุณ 9 จดั กลุ่มพุทธคุณ 9 ใหเ้ ป็นกลุ่มตามพทุ ธคุณ 3 ภาษาไทย ออกแบบการนาํ เสนอผลการอภิปรายในรูปแบบต่าง ๆ เช่น คณิตศาสตร์ แผน่ ใส PowerPoint การงานอาชีพฯ ตกแต่งรูปแบบการนาํ เสนอผลการอภิปรายในรูปแบบต่าง ๆ เช่น แผน่ ใส PowerPoint ศิลปะ 7. กระบวนการ จดั การ เรียนรู้ ข้นั ที่ 1 นําเข้าสู่บทเรียน ช่ัวโมงท่ี 11 1. ครูสร้างบรรยากาศและส่ิงแวดลอ้ มในการเรียนรู้เพือ่ ใหเ้ กิดความศรัทธาเล่ือมใสในพระรัตนตรัย ท่ีเหมาะสม เช่น จดั นงั่ เรียนแบบตวั U นาํ นกั เรียนไปเรียนท่ีหอ้ งประชุม หอ้ งจริยธรรม สนามหญา้ ใตร้ ่ม ไม้ ท่ีวดั ก่อนเรียนใหน้ กั เรียนสวดมนตไ์ หวพ้ ระ นง่ั สมาธิ และแผเ่ มตตา 2. ครูใหน้ กั เรียนทาํ แบบทดสอบก่อนเรียน โดยแจกแบบทดสอบใหน้ กั เรียนทุกคน และใหน้ กั เรียน ทาํ แบบทดสอบ โดยเขียนเคร่ืองหมาย ทบั ตวั อกั ษร (ก–ง) หนา้ คาํ ตอบที่ถูกตอ้ งที่สุดเพยี งคาํ ตอบเดียว จากน้นั ตรวจใหค้ ะแนน แต่ยงั ไม่เฉลยคาํ ตอบ 3. ครูแจง้ ตวั ช้ีวดั ช้นั ปี และจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ใหน้ กั เรียนทราบ 4. ครูนาํ สนทนาและใหน้ กั เรียนร่วมกนั อภิปรายในประเดน็ ต่อไปน้ี 1) เมื่อนกั เรียนเขา้ ไปไหวพ้ ระในโบสถ์ นกั เรียนนงั่ สงบและมองดูพระพกั ตร์ของพระพุทธรูป นกั เรียนรู้สึกอยา่ งไร 2) เม่ือนกั เรียนสวดมนตไ์ หวพ้ ระและกล่าวคาํ บูชาวา่ “อะระหงั สมั มาสมั พทุ โธ ภะคะวา พทุ ธงั ภะคะวนั ตงั อภิวาเทมิ” นกั เรียนควรรําลึกนึกถึงใคร 5. ครูกล่าวชมเชยนกั เรียน จากน้นั สรุปประเดน็ การอภิปราย และเช่ือมโยงไปสู่เน้ือหาท่ีจะเรียน ข้นั ที่ 2 กจิ กรรมการเรียนรู้ 6. ครูสุ่มเลือกนกั เรียนใหอ้ อกมาแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เรื่องที่ไดร้ ับมอบหมายให้ไปอ่านในชวั่ โมง ท่ีแลว้ ใหเ้ พือ่ น ๆ ฟัง โดยครูสรุปความคิดเห็นของนกั เรียนและใหค้ าํ แนะนาํ หรือความรู้เพ่มิ เติม
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 74 7. ครูใหน้ กั เรียนแบ่งกลุ่ม กลุม่ ละ 6–8 คน โดยวธิ ีนบั หมายเลข เลือกเฉพาะเจาะจง หรือจบั สลาก แลว้ แต่ความเหมาะสม ใหแ้ ต่ละกลุ่มศึกษาใบความรู้ที่ 1 เรื่อง พทุ ธคุณ จากน้นั ร่วมอภิปรายในประเดน็ ต่อไปน้ี 1) ขอ้ มลู ในใบความรู้กล่าวถึงเรื่องอะไร 2) เร่ืองท่ีกล่าวถึงเก่ียวขอ้ งกบั พุทธคุณ 9 อยา่ งไร 3) พทุ ธคุณ 9 คืออะไร 4) การศึกษาพทุ ธคุณ 9 มีคุณค่าหรือประโยชนอ์ ยา่ งไร 8. ครูใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มศึกษาคน้ ควา้ หาขอ้ มลู เพ่มิ เติมเก่ียวกบั ประเดน็ การอภิปรายจากส่ือ และแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น เอกสารความรู้ หนงั สือในหอ้ งสมุด อินเทอร์เน็ต 9. หลงั จากไดข้ อ้ มูลเพียงพอแลว้ ครูใหแ้ ต่ละกลุ่มอภิปราย บนั ทึกผล พร้อมท้งั เตรียมตวั นาํ เสนอ ผลการอภิปรายในรูปแบบท่ีหลากหลาย เช่น ภาพประกอบ แผน่ ใส วดี ิทศั น์ PowerPoint 10. แต่ละกลุ่มส่งตวั แทนนาํ เสนอผลการอภิปรายกลุ่มละ 10 นาที พร้อมเปิ ดโอกาสใหเ้ พื่อนนกั เรียน กลุ่มอ่ืนซักถามและวิจารณ์ผลงาน จากน้ันครูให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่า ประเทศสมาชิก อาเซียนที่นับถือศาสนาอ่นื ๆ เช่น ศาสนาอสิ ลาม คริสต์ศาสนา มีสิ่งเคารพบูชาสูงสุดหรือไม่ ถ้ามีคืออะไร สรุปและบันทกึ ผล 11. ในขณะปฏิบตั ิกิจกรรมของนกั เรียน ครูคอยเสริมความรู้ ใหค้ าํ แนะนาํ คาํ ติ–ชม และสงั เกต พฤติกรรมการทาํ งานและการนาํ เสนอผลการอภิปรายของนกั เรียนตามแบบประเมินพฤติกรรมในการ ทาํ งานเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม 12. เมื่อนาํ เสนอผลการอภิปรายครบทุกกลุ่มแลว้ ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปความรู้ท่ีไดร้ ับจาก การอภิปราย ข้นั ที่ 3 ฝึ กฝนผู้เรียน 13. ครูใหน้ กั เรียนทาํ ใบงานท่ี 1 เรื่อง ความหมายและประเภทของพทุ ธคุณ 9 และใบงานที่ 2 เรื่อง ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งพทุ ธคุณ 9 กบั พทุ ธคุณ 3 และทาํ กิจกรรมที่เก่ียวกบั พุทธคุณ 9 ในแบบฝึก ทกั ษะ รายวชิ าพ้ืนฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 บริษทั สาํ นกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั แลว้ ช่วยกนั เฉลย คาํ ตอบที่ถกู ตอ้ ง ข้นั ที่ 4 นําไปใช้ 14. ครูแนะนาํ ใหน้ กั เรียนนาํ ความรู้เร่ือง พุทธคุณ 9 ไปเป็นแบบอยา่ งในประพฤติปฏิบตั ิตนให้ เหมาะสมและสอดคลอ้ งกนั สถานการณ์ในชีวติ ประจาํ วนั ข้นั ท่ี 5 สรุป 15. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปความรู้เรื่อง พทุ ธคุณ 9 โดยใหน้ กั เรียนสรุปลงในแบบบนั ทึก ความรู้ หรือสรุปเป็นแผนที่ความคิด พร้อมตกแตง่ แผนที่ความคิดใหส้ วยงาม 16. ครูบอกกบั นกั เรียนวา่ อริยสจั 4 เป็นหลกั ธรรมที่พระพทุ ธเจา้ ตรัสรู้ชอบไดโ้ ดยพระองคเ์ อง แลว้ มอบหมายใหน้ กั เรียนอ่านและสรุปเน้ือหาเกี่ยวกบั หลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนาเรื่อง อริยสจั 4 เป็น การบา้ นเพอ่ื เตรียมจดั การเรียนรู้ในคร้ังต่อไป
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 75 8. กจิ กรรมเสนอแนะ 1. ครูแนะนาํ ใหน้ กั เรียนสวดมนตไ์ หวพ้ ระก่อนนอนอยา่ งสม่าํ เสมอ เพ่ือราํ ลึกถึงพระพทุ ธ พระธรรม และพระสงฆ์ อนั จะทาํ ใหเ้ กิดความศรัทธาในพระรัตนตรัย 2. ครูใหน้ กั เรียนเขียนเรียงความส้นั ๆ เร่ือง “พระพทุ ธเจา้ ของเรา” 9. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 1. แบบทดสอบก่อนเรียน 2. ใบความรู้ที่ 1 เรื่อง พทุ ธคุณ 3. ใบงานที่ 1 เรื่อง ความหมายและประเภทของพทุ ธคุณ 9 4. ใบงานท่ี 2 เรื่อง ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งพทุ ธคุณ 9 กบั พทุ ธคุณ 3 5. แบบประเมินพฤติกรรมในการทาํ งานเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม 6. หนงั สือเรียน รายวชิ าพ้ืนฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 บริษทั สาํ นกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั 7. แบบฝึกทกั ษะ รายวิชาพ้ืนฐาน พระพุทธศาสนา ม. 1 บริษทั สาํ นกั พมิ พว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั 8. คู่มือการสอน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 บริษทั สาํ นกั พมิ พว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั 9. ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพ้นื ฐาน พระพุทธศาสนา ม. 1 สาํ นกั พมิ พว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั 10.บันทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้ 1. ความสาํ เร็จในการจดั การเรียนรู้ แนวทางการพฒั นา 2. ปัญหา/อุปสรรคในการจดั การเรียนรู้ แนวทางแกไ้ ขปัญหา/อปุ สรรค 3. สิ่งที่ไม่ไดป้ ฏิบตั ิตามแผน เหตุผล 4. การปรับแผนการจดั การเรียนรู้ ลงช่ือ ผ้สู อน //
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 76 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 7 อริยสัจ 4 และการปฏบิ ัติตนตามหลกั ธรรม เวลา 6 ช่ัวโมง สาระที่ 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม พระพทุ ธศาสนา หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 พระธรรม ช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ 1 1. สาระสําคญั อริยสจั 4 เป็นหลกั ความจริงอนั ประเสริฐ เป็นหลกั แห่งเหตุและผล มี 4 ประการ ไดแ้ ก่ ทุกข์ สมุทยั นิโรธ และมรรค อริยสจั 4 เป็นหลกั คาํ สอนที่เป็นหวั ใจของพระพทุ ธศาสนา หลกั ธรรมคาํ สอนท้งั หมด ไม่วา่ จะเป็นขนั ธ์ 5 ธาตุ 4 หลกั กรรม อบายมุข 6 สุข 2 คิหิสุข 4 กรรมฐาน 2 ไตรสิกขา โกศล 3 ปธาน 4 และมงคล 38 ลว้ นสรุปลงในอริยสจั 4 2. ตัวชี้วดั ช้ันปี 1. อธิบายพทุ ธคุณและขอ้ ธรรมสาํ คญั ในกรอบอริยสจั 4 หรือหลกั ธรรมของศาสนาที่ตนนบั ถือ ตามที่กาํ หนด เห็นคุณค่าและนาํ ไปพฒั นาแกป้ ัญหาของตนเองและครอบครัว (ส 1.1 ม. 1/5) 2. วเิ คราะห์และปฏิบตั ิตนตามหลกั ธรรมทางศาสนาท่ีตนนบั ถือในการดาํ รงชีวติ แบบพอเพียง และดูแลรักษาสิ่งแวดลอ้ มเพอ่ื การอยรู่ ่วมกนั ไดอ้ ยา่ งสนั ติสุข(ส 1.1 ม. 1/8) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความหมายและประเภทของหลกั ธรรมในกรอบอริยสจั 4 ได้ (K) 2. วิเคราะห์คุณค่าของหลกั ธรรมในกรอบอริยสจั 4 ไดอ้ ยา่ งมีเหตุผล (A, P) 3. นาํ หลกั ธรรมไปประยกุ ตใ์ ชห้ รือประพฤติปฏิบตั ิตนในชีวติ ประจาํ วนั ใหเ้ กิดผลดีต่อตนเองและ สงั คมได้ (A, P) 4. วเิ คราะห์และปฏิบตั ิตนตามหลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนาที่สอนใหด้ าํ รงชีวติ แบบพอเพยี งและ ดูแลรักษาส่ิงแวดลอ้ มเพ่ือการอยรู่ ่วมกนั ไดอ้ ยา่ งสนั ติสุข (A, P)
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 77 4. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) และค่านิยม (A) • ประเมินพฤติกรรมในการ 1. ซกั ถามความรู้เรื่อง อริยสจั 4 • ประเมินพฤติกรรมในการ ทาํ งานเป็นรายบุคคลหรือ เป็นกลุ่มในดา้ นการส่ือสาร และการปฏิบตั ิตนตาม ทาํ งานเป็นรายบุคคลในดา้ น การคิด การแกป้ ัญหา ฯลฯ หลกั ธรรม ความซื่อสตั ยส์ ุจริต ความมี 2. ตรวจผลงาน/กิจกรรม วนิ ยั ความใฝ่ เรียนรู้ ความมี เป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม เหตุผล ฯลฯ 5. สาระการเรียนรู้ • หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา 1. อริยสจั 4 2. การปฏิบตั ิตนตามหลกั ธรรม 6. แนวทางบูรณาการ ภาษาไทย ฟัง พดู อ่าน และเขียนขอ้ มลู เก่ียวกบั อริยสจั 4 จดั กลุ่มหลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนาลงในกรอบของอริยสจั 4 คณิตศาสตร์ ออกแบบการนาํ เสนอผลการอภิปรายในรูปแบบต่าง ๆ เช่น แผน่ ใส PowerPoint การงานอาชีพฯ ออกแบบและตกแต่งแผนที่ความคิดเกี่ยวกบั ผลและวิธีป้ องกนั แกไ้ ข อบายมุข 6 ศิลปะ ฟัง พดู อ่าน และเขียนคาํ ศพั ทภ์ าษาองั กฤษเกี่ยวกบั อริยสจั 4 ภาษาต่างประเทศ 7. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ข้นั ท่ี 1 นําเข้าสู่บทเรียน ชั่วโมงท่ี 12 1. ครูสร้างบรรยากาศและสิ่งแวดลอ้ มในการเรียนรู้เพือ่ ใหเ้ กิดความศรัทธาเล่ือมใสในพระรัตนตรัย ท่ีเหมาะสม เช่น จดั นงั่ เรียนแบบตวั U นาํ นกั เรียนไปเรียนที่หอ้ งประชุม หอ้ งจริยธรรม สนามหญา้ ใตร้ ่ม ไม้ ที่วดั ก่อนเรียนใหน้ กั เรียนสวดมนตไ์ หวพ้ ระ นงั่ สมาธิ และแผเ่ มตตา 2. ครูแจง้ ตวั ช้ีวดั ช้นั ปี และจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ใหน้ กั เรียนทราบ 3. ครูนาํ หวั ขอ้ ข่าวจากหนงั สือพิมพ์ วทิ ยุ หรือโทรทศั นเ์ กี่ยวกบั การกระทาํ ของบุคคลท่ีมีลกั ษณะ ต่อไปน้ีมาเล่าใหน้ กั เรียนฟัง 1) คนทะเลาะวิวาทและทาํ ร้ายร่างกายกนั
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 78 2) คนเมาสุราอาละวาด 3) นกั การพนนั ถูกเจา้ หนา้ ท่ีตาํ รวจจบั 4) คนกลบั จากเที่ยวกลางคืนแลว้ ขบั รถไดร้ ับอุบตั ิเหตุ 5) คนท่ีไดร้ ับรางวลั หรือเกียรติบตั รจาการทาํ ความดี 6) หน่วยงานของรัฐหรือเอกชนนาํ ส่ิงของไปบริจาคใหแ้ ก่ผปู้ ระสบภยั พบิ ตั ิ เช่น น้าํ ท่วม 4. ครูต้งั ประเด็นคาํ ถามใหน้ กั เรียนช่วยกนั แสดงความคิดเห็น เช่น 1) การกระทาํ ในขอ้ ใดเป็นการกระทาํ ความดี และการกระทาํ ดงั กล่าวก่อใหเ้ กิดผลดีต่อตนเอง และต่อส่วนรวมอยา่ งไร 2) การกระทาํ ในขอ้ ใดเป็นการกระทาํ ความชวั่ และการกระทาํ ดงั กล่าวก่อใหเ้ กิดผลเสียต่อ ตนเองและต่อส่วนรวมอยา่ งไร 5. ครูกล่าวชมเชยนกั เรียน จากน้นั สรุปประเดน็ การแสดงความคิดเห็นวา่ การกระทาํ ดงั กล่าว ขา้ งตน้ มีท้งั การกระทาํ ความดีและการกระทาํ ความชว่ั ถา้ เป็นการกระทาํ ความดีจะทาํ ใหช้ ีวิตมีความสุข สงั คมเกิดความสงบสุขและเรียบร้อย แต่ถา้ เป็นการกระทาํ ความชวั่ ชีวติ จะมีแต่ความทุกขแ์ ละความ เดือดร้อน สงั คมไม่สงบ ขาดความเป็นระเบียบเรียบร้อย ดงั น้นั เราควรเลือกกระทาํ แต่ความดีและ หลีกหนีความชวั่ ข้นั ท่ี 2 กจิ กรรมการเรียนรู้ อริยสัจ 4 6. ครูสุ่มเลือกนกั เรียน 2–3 คน ใหอ้ อกมานาํ เสนอเรื่องที่ไดไ้ ปอ่านและสรุปมาในชวั่ โมงที่แลว้ โดยครู คอยเพมิ่ เติมในส่ิงท่ีนกั เรียนขาดหรือยงั ไม่เขา้ ใจ 7. ครูใหน้ กั เรียนศึกษาและคน้ หาคาํ ศพั ทภ์ าษาองั กฤษเก่ียวกบั อริยสจั 4 จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ ต่าง ๆ เช่น หนงั สือเรียน เอกสารความรู้ อินเทอร์เน็ต ในหวั ขอ้ ต่อไปน้ี 1) ความหมายและประเภทของอริยสจั 4 2) คุณค่าของอริยสัจ 4 3) หลกั ธรรมที่สรุปลงในอริยสจั 4 8. ครูใหน้ กั เรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4–6 คน โดยวิธีนบั หมายเลข เลือกเฉพาะเจาะจง หรือจบั สลาก แลว้ แต่ความเหมาะสม ใหแ้ ต่ละกลุ่มทาํ ใบงานท่ี 3 เร่ือง ความทกุ ข์ ตามหวั ขอ้ ที่กาํ หนดให้ 9. ครูใหน้ กั เรียนแต่ละคนในกลุ่มผลดั กนั อภิปรายตามประเดน็ ท่ีกาํ หนดในใบงาน โดยมีครูคอย ตรวจสอบความถูกตอ้ ง แต่ละกลุ่มบนั ทึกผลการอภิปรายของกลุ่มตนเพอื่ นาํ เสนอหนา้ ช้นั เรียน พร้อมท้งั เตรียมตวั นาํ เสนอผลการอภิปรายในรูปแบบที่หลากหลาย เช่น ภาพประกอบ แผน่ ใส วดี ิทศั น์ PowerPoint 10. แต่ละกลุ่มส่งตวั แทนนาํ เสนอผลการอภิปรายกลุ่มละ 5 นาที พร้อมเปิ ดโอกาสใหเ้ พ่อื นนกั เรียน กลุ่มอื่นซกั ถามและวิจารณ์ผลงาน 11. ในขณะปฏิบตั ิกิจกรรมของนกั เรียน ครูคอยเสริมความรู้ ใหค้ าํ แนะนาํ คาํ ติ–ชม และสงั เกต พฤติกรรมการทาํ งานและการนาํ เสนอผลการอภิปรายของนกั เรียนตามแบบประเมินพฤติกรรมใน การทาํ งานเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 79 12. เม่ือนาํ เสนอผลการอภิปรายครบทุกกลุ่มแลว้ ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปความรู้ที่ไดร้ ับจาก การอภิปราย จากน้นั ครูใหน้ กั เรียนดแู ผนภมู ิของอริยสจั 4 ท่ีเกี่ยวกบั หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนาที่ สรุปลงในอริยสจั 4 โดยครูช้ีแจงใหน้ กั เรียนทราบวา่ อริยสจั 4 ถือเป็นหวั ใจของหลกั คาํ สอนของ พระพทุ ธศาสนา เป็นความรู้ที่สมบรู ณ์ดว้ ยหลกั การ ภาคทฤษฎี ภาคปฏิบตั ิ และการวิเคราะห์ผลของการ ปฏิบตั ิ ดงั น้นั ไม่วา่ เราจะพิจารณาสาระของหลกั ธรรมคาํ สอนในเรื่องใดหรือแง่มุมใด เช่น ในเร่ืองของ ขนั ธ์ 5 ธาตุ 4 หลกั กรรม อบายมุข 6 สุข 2 คิหิสุข 4 กรรมฐาน 2 ไตรสิกขา โกศล 3 ปธาน 4 และมงคล 38 ทุกเร่ืองทุกแง่มมุ สามารถสรุปลงในอริยสจั 4 ไดท้ ้งั สิ้น ดงั แผนภมู ิ หลกั ธรรมท่ีศึกษา อริยสัจ 4 จดั อย/ู่ สรุปลง ขนั ธ์ 5, ธาตุ 4 ทุกข:์ ธรรมที่ควรรู้ หลกั ธรรม, อบาบมุข 6 สมุทยั : ธรรมที่ควรละ สุข 2, คิหิสุข 4 นิโรธ: ธรรมที่ควรบรรลุ กรรมฐาน 2, ไตรสิกขา โกศล 3, ปธาน 4 มรรค: ธรรมที่ควรเจริญ มงคล 38 ทุกข์: ธรรมที่ควรรู้ 13. ครูใหน้ กั เรียนศึกษาและบนั ทึกสาระสาํ คญั เกี่ยวกบั อริยสจั 4 ทุกข:์ ธรรมท่ีควรรู้ เรื่อง ขนั ธ์ 5 ธาตุ 4 จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น หนงั สือเรียน เอกสารความรู้ อินเทอร์เน็ต ในหวั ขอ้ ต่อไปน้ี 1) ความหมายและประเภทของขนั ธ์ 5 2) ความหมายและประเภทของธาตุ 4 3) คุณค่าของการศึกษาเร่ืองธาตุ 4 14. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเก่ียวกบั อริยสจั 4 ทุกข:์ ธรรมท่ีควรรู้ เรื่อง ขนั ธ์ 5 ธาตุ 4 โดยครูให้ นกั เรียนเขียนบนั ทึกลงในสมุด 15. ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนอ่านเน้ือหาเก่ียวกบั อริยสจั 4 สมุทยั :ธรรมที่ควรละ เรื่องหลกั กรรมและ อบายมุข6 เป็นการบา้ นเพื่อเตรียมจกั การเรียนรู้ในคร้ังต่อไป ชั่วโมงท่ี 13 16. ครูเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนซกั ถามขอ้ สงสยั ต่าง ๆ จากเรื่องที่ไดร้ ับมอบหมายใหไ้ ปอ่านมา โดยครูคอยตอบขอ้ สงสยั และอธิบายเพม่ิ เติม 17. ครูใหน้ กั เรียนศึกษาและบนั ทึกสาระสาํ คญั เก่ียวกบั อริยสจั 4 ทุกข:์ ธรรมที่ควรรู้ เร่ือง หลกั กรรม และอบายมุข 6 จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น หนงั สือเรียน เอกสารความรู้ อินเทอร์เน็ต ในหวั ขอ้ ต่อไปน้ี
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 80 1) ความหมายและประเภทของกรรม 2) กฎแห่งกรรมและคุณคา่ ของการศึกษาเรื่อง กรรม 3) ความหมาย ประเภท และโทษของอบายมุข 6 4) คุณค่าของการหลีกเล่ียงจากอบายมุข 6 18. ครูสุ่มเลือกนกั เรียน 4–6 คน ใหอ้ อกมานาํ เสนอผลงานของตนเอง จากน้นั นาํ ผลงาน ของนกั เรียนท้งั หมดมาพจิ ารณาร่วมกนั และเสนอแนวทางปฏิบตั ิ พร้อมท้งั ร่วมกนั ออกแบบบนั ทึกผล การปฏิบตั ิตนตามหลกั ธรรม เพ่อื ใหน้ กั เรียนนาํ ไปบนั ทึกและรายงานผลการปฏิบตั ิต่อครูทุกสปั ดาห์ 19. ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนไปหาข่าวการกระทาํ ของบุคคลต่าง ๆ ท่ีเก่ียวขอ้ งกบั อบายมุข 6 เป็นการบา้ น คนละ 1 ข่าว เพ่ือนาํ มาจดั ป้ ายนิเทศร่วมกนั 20. ครูใหน้ กั เรียนทาํ ใบงานท่ี 4 เร่ือง รู้จกั คิด ตามหวั ขอ้ ที่กาํ หนดให้ จากน้นั ใหแ้ ต่ละกลุ่มส่ง ตวั แทนออกมานาํ เสนอผลงานหนา้ ช้นั เรียน พร้อมเปิ ดโอกาสใหเ้ พ่อื นนกั เรียนกลุ่มอ่ืนซกั ถามและ วิจารณ์ผลงาน 21. ในขณะปฏิบตั ิกิจกรรมของนกั เรียน ครูคอยเสริมความรู้ ใหค้ าํ แนะนาํ คาํ ติ–ชม และสงั เกต พฤติกรรมการทาํ งานและการนาํ เสนอผลงานของนกั เรียนตามแบบประเมินพฤติกรรมในการทาํ งานเป็น รายบุคคลหรื อเป็ นกลุ่ม 22. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปความรู้ จากน้นั ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนแต่ละคนวิเคราะห์ผลที่ เกิดข้ึนจากการกระทาํ ต่อไปน้ีวา่ มีผลต่อตนเอง ครอบครัว และสงั คมอยา่ งไร ควรป้ องกนั แกไ้ ขอยา่ งไร โดยทาํ เป็นแผนที่ความคิดและใชว้ ธิ ีคิดแบบสืบสาวเหตุปัจจยั 1) การชอบเท่ียวกลางคืน 2) การชอบเที่ยวดูการละเล่น 3) การเป็นนกั เลงสุรา 4) การเป็นนกั เลงการพนนั 5) ความเกียจคร้านทาํ การงาน 6) การคบคนชว่ั เป็นมิตร 23.ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนอ่านเน้ือหาเก่ียวกบั อริยสจั 4 นิโรธ:ธรรมที่ควรบรรลุ เรื่องสุข 2และคิหิสุข4 เป็นการบา้ นเพื่อเตรียมจกั การเรียนรู้ในคร้ังต่อไป ชั่วโมงท่ี 14 นิโรธ: ธรรมที่ควรบรรลุ 24. ครูเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนซกั ถามขอ้ สงสยั ต่าง ๆ จากเรื่องที่ไดร้ ับมอบหมายใหไ้ ปอ่านมา โดยครูคอยตอบขอ้ สงสยั และอธิบายเพิม่ เติม 25. ครูใหน้ กั เรียนศึกษาและบนั ทึกสาระสาํ คญั เกี่ยวกบั อริยสจั 4นิโรธ:ธรรมที่ควรบรรลุ เรื่อง สุข 2 และคิหิสุข4 จากส่ือและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น หนงั สือเรียน เอกสารความรู้ อินเทอร์เน็ต 1) สุข 2 2) คิหิสุข 4
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 81 26. ครูใหน้ กั เรียนลองสาํ รวจตนเองและครอบครัวของตนเองวา่ มีหรือไดป้ ฏิบตั ิตามหลกั ธรรมทาง พระพทุ ธศาสนาในเร่ืองอะไรบา้ งตามประเดน็ ต่อไปน้ี 1) ครอบครัวของนกั เรียนมีสุขประเภทใดมากกวา่ กนั ระหวา่ งกายกิ สุขกบั เจตสิกสุข เพราะอะไร 2) คิหิสุขขอ้ ใดที่ครอบครัวของนกั เรียนยงั ไม่มี เพราะอะไร 3) นกั เรียนอยากใหต้ นเองและครอบครัวมีคิหิสุขขอ้ ใดมากที่สุด เพราะอะไร 27. ครูสุ่มเลือกนกั เรียน 4–6 คน ใหอ้ อกมานาํ เสนอผลงานของตนเองใหเ้ พ่ือนฟัง พร้อมท้งั เปิ ด โอกาสใหเ้ พือ่ นซกั ถามขอ้ สงสยั 28. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเน้ือหาเก่ียวกบั เก่ียวกบั อริยสจั 4 นิโรธ: ธรรมท่ีควรบรรลุ เรื่อง สุข 2 และคิหิสุข 4 โดยครูใหน้ กั เรียนเขียนบนั ทึกลงในสมุด 29. ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนอ่านเน้ือหาเก่ียวกบั อริยสจั 4 มรรค:ธรรมที่ควรเจริญเร่ือง กรรมฐาน2 ไตรสิกขา โกศล3ปธาน 4 เป็นการบา้ นเพ่ือเตรียมจกั การเรียนรู้ในคร้ังต่อไป ช่ัวโมงท่ี 15 30. ครูเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนซกั ถามขอ้ สงสยั ต่าง ๆ จากเรื่องที่ไดร้ ับมอบหมายใหไ้ ปอ่านมา โดย ครูคอยตอบขอ้ สงสยั และอธิบายเพิม่ เติม 31.ครูใหน้ กั เรียนศึกษาและบนั ทึกสาระสาํ คญั เกี่ยวกบั อริยสจั 4มรรค:ธรรมที่ควรเจริญ เรื่อง กรรมฐาน2 ไตรสิกขา โกศล 3 ปธาน 4 จากส่ือและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น หนงั สือเรียน เอกสารความรู้ อินเทอร์เน็ต 1) กรรมฐาน 2 2) ไตรสิกขา 3) โกศล 3 4) ปธาน 4 32. ครูใหน้ กั เรียนลองสาํ รวจตนเองและครอบครัวของตนเองวา่ มีหรือไดป้ ฏิบตั ิตามหลกั ธรรมทาง พระพทุ ธศาสนาในเร่ืองอะไรบา้ งตามประเด็นต่อไปน้ี 1) นกั เรียนไดป้ ฏิบตั ิตนตามหลกั ธรรมต่อไปน้ีในเรื่องอะไรบา้ ง ไดผ้ ลเป็นอยา่ งไร (1) กรรมฐาน 2 (2) ไตรสิกขา (3) โกศล 3 (4) ปธาน 4 2) นกั เรียนไดน้ าํ หลกั ธรรมขอ้ ใดบา้ งมาปฏิบตั ิเพอื่ การดาํ รงชีวติ ที่พอเพียง และไดผ้ ลเป็นอยา่ งไร 3) นกั เรียนไดน้ าํ หลกั ธรรมขอ้ ใดบา้ งมาปฏิบตั ิเพ่ือการดูแลรักษาส่ิงแวดลอ้ มและไดผ้ ลเป็น อยา่ งไร 33. ครูสุ่มเลือกนกั เรียน 4–6 คน ใหอ้ อกมานาํ เสนอผลงานของตนเองใหเ้ พ่ือนฟัง พร้อมท้งั เปิ ด โอกาสใหเ้ พื่อนซกั ถามขอ้ สงสยั 34. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเน้ือหาเกี่ยวกบั เก่ียวกบั อริยสจั 4 มรรค: ธรรมท่ีควรเจริญ เรื่อง กรรมฐาน 2 ไตรสิกขา โกศล 3 ปธาน 4 โดยครูเขียนบลั งบนกระดานดาํ ใหน้ กั เรียนเขียนบนั ทึกลงในสมุด
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 82 35. ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนอ่านเน้ือหาเกี่ยวกบั อริยสจั 4 มรรค:ธรรมท่ีควรเจริญเรื่อง มงคล38 เป็น การบา้ นเพื่อเตรียมจกั การเรียนรู้ในคร้ังต่อไป ช่ัวโมงท่ี 16 36. ครูเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนซกั ถามขอ้ สงสยั ต่าง ๆ จากเร่ืองที่ไดร้ ับมอบหมายใหไ้ ปอ่านมา โดย ครูคอยตอบขอ้ สงสยั และอธิบายเพิม่ เติม 37. ครูใหค้ วามรู้แกนกั เรียนเก่ียวกบั อริยสจั 4มรรค:ธรรมท่ีควรเจริญ เร่ือง มงคล38 (ไมค่ บตนพาล คบบณั ฑิต บชู าคนท่ีควรบูชา) โดยใชข้ อ้ มลู จากหนงั สือเรียน รายวชิ าพ้ืนฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 ของ บริษทั สาํ นกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั 38. ครูใหน้ กั เรียนลองสาํ รวจตนเองและครอบครัวของตนเองวา่ มีหรือไดป้ ฏิบตั ิตามหลกั ธรรมทาง พระพทุ ธศาสนาในเรื่องมงคล 38 ตามประเด็นต่อไปน้ี พร้อมเขียนบนั ทึกวา่ เมื่อนกั เรียนไดป้ ฏิบตั ิตนตาม มงคล 38 ในเร่ืองดงั กล่าวน้ีแลว้ ไดร้ ับผลดีอยา่ งไร 1) ไม่คบคนพาล 2) คบบณั ฑิต 3) บูชาคนท่ีควรบชู า 39. ครูสุ่มเลือกนักเรียนออกมานาํ เสนอผลการสาํ รวจประมาณ 4–6 คน จากน้นั นาํ ผลการสํารวจ ของนักเรียนท้งั หมดมาพิจารณาร่วมกนั และเสนอแนวทางปฏิบตั ิ พร้อมท้งั ร่วมกนั ออกแบบบนั ทึกผล การปฏิบตั ิตนตามหลกั ธรรม เพ่ือให้นักเรียนนําไปบนั ทึกและรายงานผลการปฏิบัติต่อครูทุกสัปดาห์ จากน้ันครูให้ความรู้เสริมแก่นักเรียนว่า หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา นอกจากเป็ นหลักปฏิบัติตนเพ่ือ การอยู่ร่วมกันในสังคมแล้ว ยังเป็ นหลักปฏิบัติที่เน้นความพอเพียงท่ีประสานกลมกลืนกับวิถีชีวิตของ ประชาชนในทุกระดับ เป็ นการสอนให้ปฏิบัตติ นในทางสายกลางหลักหลกั มชั ฌิมาปฏิปทา คอื สอนให้รู้จัก พอประมาณในการใช้สอยทรัพยากรธรรมชาติ และใช้ชีวิตแบบฟ่ ุมเฟื อย ฟ้ ุงเฟ้ อ และสอนเน้นการลด ละ เลกิ อบายมุข ด้วยการประพฤตปิ ฏิบัตติ ามหลกั ธรรมกศุ ลกรรมต่าง ๆ 40. ครูให้นักเรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นว่า ถ้านักเรียนนําหลกั อริยสัจ 4 และหลกั ธรรมท่ีเกย่ี วข้อง กับหลักอริยสัจ 4 ของพระพุทธศาสนาไปประพฤติปฏิบัติจะเป็ นผลดีต่อการอยู่ร่วมกันเป็ นประชาคม อาเซียนอย่างไร ครูเขียนสรุปเป็ นข้อ ๆ บนกระดานดํา และให้นกั เรียนบนั ทึกลงในสมุดบนั ทึก 41. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเก่ียวกบั อริยสจั 4 มรรค:ธรรมที่ควรเจริญ เร่ืองมงคล38 (ไม่คบตน พาล คบบณั ฑิต บูชาคนที่ควรบชู า) โดยครูใหน้ กั เรียนเขียนบนั ทึกลงในสมุด 42. ครูบอกกบั นกั เรียนวา่ หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนามีความจาํ เป็นต่อการดาํ เนินชีวติ การนาํ หลกั ธรรมมาปฏิบตั ิตนใหเ้ หมาะสมเป็นสิ่งที่ควรกระทาํ แลว้ มอบหมายใหน้ กั เรียนอ่านและสรุปเน้ือหาเก่ียวกบั การปฏิบตั ิตนตามหลกั ธรรม เป็นการบา้ นเพื่อเตรียมจกั การเรียนรู้ในคร้ังต่อไป ช่ัวโมงที่ 17 43. ครูเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนซกั ถามขอ้ สงสยั ต่าง ๆ จากเร่ืองท่ีไดร้ ับมอบหมายใหไ้ ปอ่านมา โดยครูคอยตอบขอ้ สงสยั และอธิบายเพิม่ เติม จากน้นั อาสาสมคั รนกั เรียนใหอ้ อกมาแสดงความคิดเห็น
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 83 เกี่ยวกบั เรื่องท่ีไดร้ ับมอบหมายใหอ้ ่านและสรุป ใหเ้ พื่อน ๆ ฟัง โดยครูสรุปความคิดเห็นของนกั เรียนและ ใหค้ าํ แนะนาํ หรือความรู้เพ่ิมเติม 44. ครูใหค้ วามรู้แก่นกั เรียนเก่ียวกบั หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนาเร่ือง การปฏิบตั ิตนตามหลกั ธรรม โดยใชข้ อ้ มลู จากหนงั สือเรียน รายวชิ าพ้ืนฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 ของบริษทั สาํ นกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั 45. ครูใหน้ กั เรียนลองสาํ รวจตนเองและครอบครัวของตนเองวา่ มีหรือไดป้ ฏิบตั ิตามหลกั ธรรมทาง พระพทุ ธศาสนาในเร่ืองอะไรบา้ งตามประเด็นต่อไปน้ี 1) นกั เรียนไดน้ าํ หลกั ธรรมขอ้ ใดบา้ งมาปฏิบตั ิเพอ่ื การดาํ รงชีวติ ที่พอเพียง และไดผ้ ลเป็นอยา่ งไร 2) นกั เรียนไดน้ าํ หลกั ธรรมขอ้ ใดบา้ งมาปฏิบตั ิเพ่ือการดูแลรักษาส่ิงแวดลอ้ ม และไดผ้ ลเป็นอยา่ งไร 46. ครูสุ่มเลือกนกั เรียน 4–6 คน ใหอ้ อกมานาํ เสนอผลงานของตนเองใหเ้ พ่ือนฟัง พร้อมท้งั เปิ ด โอกาสใหเ้ พอื่ นซกั ถามขอ้ สงสยั 47.ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเกี่ยวกบั หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนาเร่ือง การปฏิบตั ิตนตามหลกั ธรรม โดยครูใหน้ กั เรียนเขียนบนั ทึกลงในสมุด ข้นั ท่ี 3 ฝึ กฝนผู้เรียน 48. ครูให้นักเรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นว่า นกั เรียนจะปฏบิ ตั ิตนตามหลกั ธรรมข้อใดจงึ จะสอดคล้องกบั คุณลกั ษณะปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง และเมอ่ื ปฏบิ ัตแิ ล้วจะมผี ลดตี ่อตนเอง ผู้อน่ื และสังคมอย่างไร 49. ครูใหน้ กั เรียนทาํ กิจกรรมเก่ียวกบั อริยสจั 4 และการปฏิบตั ิตนตามหลกั ธรรม ในแบบฝึกทกั ษะ รายวชิ าพ้นื ฐาน พระพุทธศาสนา ม. 1 ของบริษทั สาํ นกั พมิ พว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั แลว้ ช่วยกนั เฉลยคาํ ตอบที่ ถูกตอ้ ง ข้นั ท่ี 4 นําไปใช้ 50. ครูใหน้ กั เรียนนาํ หลกั ธรรมท่ีไดศ้ ึกษามาไปประพฤติปฏิบตั ิและบนั ทึกผลการปฏิบตั ิลงในแบบ บนั ทึกผลการปฏิบตั ิตนตามหลกั ธรรม และรายงานผลการปฏิบตั ิต่อครูเป็นระยะ ๆ ข้นั ที่ 5 สรุป 51. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปความรู้เรื่อง อริยสจั 4 และการปฏิบตั ิตนตามหลกั ธรรม โดยให้ นกั เรียนสรุปลงในแบบบนั ทึกความรู้ หรือสรุปเป็นแผนท่ีความคิด พร้อมตกแต่งแผนท่ีความคิดให้ สวยงาม 52. ครูบอกกบั นกั เรียนวา่ พทุ ธศาสนสุภาษิตเป็นคาํ สอนที่มีลกั ษณะเป็นขอ้ ความสน่ั ๆแต่มีความหมายที่ แฝงไปดว้ ยคติสอนใจใหป้ ฏิบตั ิตามแลว้ มอบหมายใหน้ กั เรียนอ่านและสรุปเน้ือหาเกี่ยวกบั พทุ ธศาสนสุภาษิต เรื่อง ยํเว เสวติ ตาทิโส (คบคนเช่นใด เป็นคนเช่นน้นั ) และ อตฺตนา โจทยตฺตานํ (จงเตือนตนดว้ ยตน) เป็น การบา้ นเพอ่ื เตรียมจกั การเรียนรู้ในคร้ังต่อไป
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 84 8. กจิ กรรมเสนอแนะ 1. ครูให้นกั เรียนฝึ กนาํ ภาพข่าวหรือเหตุการณ์ท่ีไดพ้ บเห็นเกี่ยวกบั พฤติกรรมหรือการกระทาํ ของ บุคคลท่ีเกิดการปฏิบตั ิตามและไม่ปฏิบตั ิตามหลกั ธรรมมาวิเคราะห์โดยอภิปรายร่วมกบั เพ่ือน ๆ ในช้ัน เรียนวา่ หากตอ้ งการใหเ้ กิดเหตุการณ์น้นั ข้ึนจะตอ้ งทาํ อยา่ งไร และหากไม่ตอ้ งการใหเ้ กิดเหตุการณ์น้นั ข้ึน จะตอ้ งทาํ อยา่ งไร 2. นกั เรียนควรหาโอกาสไปสนทนากบั พระสงฆห์ รือท่านผรู้ ู้เกี่ยวกบั หลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา เพือ่ ความเขา้ ใจท่ีชดั เจนมากยง่ิ ข้ึน 9. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 1. หวั ขอ้ ข่าวจากหนงั สือพิมพ์ วิทยุ หรือโทรทศั นเ์ ก่ียวกบั การกระทาํ ของบุคคลท่ีมีลกั ษณะต่าง ๆ เช่น คนทะเลาะววิ าทและทาํ ร้ายร่างกายกนั คนเมาสุราอาละวาด 2. ใบงานที่ 3 เร่ือง ความทุกข์ 3. ใบงานที่ 4 เรื่อง รู้จกั คิด 4. แบบประเมินพฤติกรรมในการทาํ งานเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม 5. หนงั สือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 บริษทั สาํ นกั พมิ พว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั 6. แบบฝึกทกั ษะ รายวชิ าพ้ืนฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 บริษทั สาํ นกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั 7. คู่มือการสอน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 บริษทั สาํ นกั พมิ พว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั 8. ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพ้ืนฐาน พระพุทธศาสนา ม. 1 สาํ นกั พมิ พว์ ฒั นาพานิช จาํ กดั 10.บันทกึ หลงั การจดั การเรียนรู้ 1. ความสาํ เร็จในการจดั การเรียนรู้ แนวทางการพฒั นา 2. ปัญหา/อุปสรรคในการจดั การเรียนรู้ แนวทางแกไ้ ขปัญหา/อุปสรรค 3. ส่ิงท่ีไม่ไดป้ ฏิบตั ิตามแผน เหตุผล 4. การปรับแผนการจดั การเรียนรู้ ลงชื่อ ผ้สู อน //
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 85 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 8 พทุ ธศาสนสุภาษิต เวลา 2 ช่ัวโมง สาระที่ 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม พระพทุ ธศาสนา หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 พระธรรม ช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ 1 1. สาระสําคญั พทุ ธศาสนสุภาษิตเป็นคาํ สุภาษิตทางพระพทุ ธศาสนา เป็นคาํ สอนท่ีมีลกั ษณะเป็นขอ้ ความส้นั ๆ แต่มีความหมายลึกซ้ึง แฝงไปดว้ ยขอ้ คิดหรือคติสอนใจใหป้ ฏิบตั ิตาม ไดแ้ ก่ ยํ เว เสวติ ตาทิโส (คบคน เช่นใด เป็นคนเช่นน้นั ) อตฺตนา โจทยตฺตานํ (จงเตือนตนดว้ ยตน) นิสมฺม กรณํ เสยฺโย (ใคร่ครวญก่อน แลว้ จึงทาํ ) ทุราวาสา ฆรา ทุกฺขา (เรือนที่ครองไมด่ ี นาํ ทุกขม์ าให)้ การศึกษาพทุ ธศาสนสุภาษิตทาํ ใหไ้ ด้ ขอ้ คิดหรือคติสอนใจท่ีสามารถนาํ ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ หเ้ กิดผลดีต่อการดาํ เนินชีวิตได้ 2. ตัวชี้วดั ช้ันปี อธิบายพทุ ธคุณและขอ้ ธรรมสาํ คญั ในกรอบอริยสจั 4 หรือหลกั ธรรมของศาสนาท่ีตนนบั ถือ ตามที่กาํ หนด เห็นคุณค่าและนาํ ไปพฒั นาแกป้ ัญหาของตนเองและครอบครัว (ส 1.1 ม .1/5) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความหมาย แหลง่ ท่ีมา และคุณค่าของพทุ ธศาสนสุภาษิตได้ (K) 2. วิเคราะห์ขอ้ คิดหรือคติสอนใจจากพทุ ธศาสนสุภาษิตไดอ้ ยา่ งมีเหตุผล (A, P) 3. นาํ ขอ้ คิดหรือคติสอนใจจากพทุ ธศาสนสุภาษิตไปประพฤติปฏิบตั ิตนในชีวติ ประจาํ วนั ได้ (A, P) 4. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) และค่านิยม (A) • ประเมินพฤติกรรมในการ 1. ทดสอบหลงั เรียน • ประเมินพฤติกรรมในการ ทาํ งานเป็นรายบุคคลหรือ เป็นกลุ่มในดา้ นการส่ือสาร 2. ซกั ถามความรู้เรื่อง ทาํ งานเป็นรายบุคคลในดา้ น การคิด การแกป้ ัญหา ฯลฯ พทุ ธศาสนสุภาษิต ความซ่ือสตั ยส์ ุจริต ความมี 3. ตรวจผลงาน/กิจกรรม วินยั ความใฝ่ เรียนรู้ ความมี เป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม เหตุผล ฯลฯ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263