Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สรุปงายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ ปี 2557-ข่า

สรุปงายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ ปี 2557-ข่า

Published by dnavaroj15, 2020-01-29 23:11:55

Description: สรุปงายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ ปี 2557-ข่า

Search

Read the Text Version

6. แบง่ นา้ ข่าออกมา 10 ml. 50ml. 100ml. ตามลาดับ โดยนาใส่บกี เกอร์ 7. ทาใหม้ ีมีความเข้มข้นท่ีต่างกนั คอื โดยเตมิ นา้ กล่นั ให้ความเขม้ ขน้ ต่างกนั คือ รอ้ ยละ 10 ร้อยละ 50 และนา้ ขา่ ร้อยละ 100 8. บรรจลุ งในขวดสเปรย์ ทั้งสามขวด โดยเขยี นกากบั ดว้ ยวา่ แต่ละขวดความเขม้ ขน้ เท่าใด เพื่อไม่ให้เกดิ ความสับสน การสร้างเหตุ ( ตวั แปลตน้ หรือเปน็ สิ่งทสี่ ร้างได้ วดั ได้ ) 1. เตรยี มโครงกล่องอะลูมิเนียม 30x30 เซนตเิ มตร จานวน 4 กลอ่ ง - นาไม้ไผม่ าสานเป็นตาข่ายโดยให้มชี อ่ งว่างเทา่ กนั - ตดิ เขา้ กับโครงกลอ่ งสองด้าน สว่ นด้านทเ่ี หลือนาถงุ พลาสติกใสมาติด 2. ใสป่ ลาร้าลงในกลอ่ ง กล่องละ 20 กรัม 3. เตรียมปรมิ าณน้าข่า แยกตามความเขม้ ขน้ 4. ฉีดนา้ คนั้ ขา่ ลงในกล่องจนครบทง้ั 4 กลอ่ ง ดังแผนการทดลองต่อไปนี ความเขม้ ขน้ ร้อยละ 10 ความเขม้ ขน้ ร้อยละ 50 จานวนแมลงวนั ความเขม้ ขน้ ร้อยละ 100 ไม่ใส่สาร ความเขม้ ขน้ ร้อยละ 10 ความเขม้ ขน้ ร้อยละ 50 ควไามม่ฉเขีดม้ สขาน้รร้อยละ 100

การควบคมุ เหตุ ( ตัวแปลควบคมุ หรือเหตทุ ี่คุมไวไ้ ม่ให้ส่งไปกอ่ ให้เกดิ ผล ) - ระยะเวลา 30 นาที - อาหารท่ีนามาทดสอบ คือปลาร้าจานวน 0.8 กโิ ลกรัม จานวนกล่องละ 20 กรัม - กลอ่ งทใ่ี ชม้ ีขนาด 30x30 เซนติเมตร จานวน 4 กล่อง - ทดลองในสถานท่ีเดียวกัน จากตวั แปรของการทดลองตา่ งๆ ทาใหเ้ ราได้ผังการทดลอง รูปที่ 2 ดงั น้ี การวดั ผล( ตัวแปรตามเปน็ สิง่ ทสี่ ังเกตได้ / วดั ได้ ) - สังเกตผลการทดลองในระยะเวลาที่มีแมลงวันบินเขา้ ไปในกลอ่ งทดลอง - บนั ทกึ ผลการทดลอง ผลการวิจยั จากการทดลองนานา้ สกดั จากข่ามาทดสอบไลแ่ มลงวัน(ความกลา้ ของแมลงวัน) ทาใหเ้ ราได้บันทึกผล การทดลองไดต้ ามตารางบันทึกผลการทดลองขา้ งล่างนี้ การทดลอง ครังท่ี 1 ปริมาณความเข้มขน้ ของนา้ ข่า เวลาในการทดลอง ( นาที ) / จานวนแมลงวัน ( ตวั ) ( รอ้ ยละโดยมวลตอ่ ปริมาตร) 10 นาที 20 นาที 30 นาที ไมใ่ ส่น้าข่า ความเข้มขน้ รอ้ ยละ10 14 46 30 ความเข้มขน้ รอ้ ยละ50 ความเขม้ ขน้ รอ้ ยละ100 14 10 6 5 13 4 5 8 10

กราฟแสดงผลการทดลองครงั ที่ 1 50 45 40 35 30 25 20 15 10 5 0 20 นาที 30 นาที 10 นาที ไม่ใส่ เข้มข้น 10 เข้มข้น 50 เข้มข้น 100 การทดลอง ครังที่ 2 ปริมาณความเขม้ ขน้ ของน้าข่า เวลาในการทดลอง ( นาที ) / จานวนแมลงวัน ( ตวั ) ( รอ้ ยละโดยมวลตอ่ ปริมาตร) 10 นาที 20 นาที 30 นาที ไม่ใส่นา้ ข่า ความเข้มขน้ ร้อยละ10 22 26 22 ความเขม้ ขน้ รอ้ ยละ50 ความเข้มข้นร้อยละ100 29 15 9 10 15 18 5 44 กราฟแสดงผลการทดลองครังท่ี 2 30 25 20 15 10 5 0 20 นาที 30 นาที 10 นาที ไม่ใส่ เข้มข้น 10% เข้มข้น 50 เข้มข้น100

อภิปรายผล จากการทดลองนาสารสกัดจากข่ามาทดสอบกับความกล้าของแมลงวัน ท้ัง 2 คร้ังโดยแยกตามความ เขม้ ขน้ ร้อยละ 10 ,50 ,100 ตามลาดับ นามาฉดี ใส่ในกลอ่ งทดลองตามท่ีออกแบบไว้ทาให้ทราบผลคือ กล่องที่ ไม่ฉีดสารสกัดจากข่าในช่วง 30 นาที มีแมลงวันบินเข้าไปตอม 14 - 26 ตัว กล่องท่ีฉีดสารสกัดจากข่าความ เข้มข้นร้อยละ 10 มีแมลงวันบินเข้าไปตอม 6 – 29 กล่องที่ฉีดข่าความเข้มข้นร้อยละ 50 แมลงวันบินเข้าไป ตอม 5 – 18 ตัว กล่องที่ฉีดข่าความเข้มข้นร้อยละ 100 มีแมลงวันบินเข้าไป 5 – 10 ตัว จากกราฟที่ได้แสดง ให้เห็นว่าความเข้มข้นของสารสกัดจากข่าท่ีมีความเข้มข้นมากสามารถสกัดความกล้าของแมลงวันได้มากกว่า กว่าความเข้มข้นน้อย ตามลาดับ ฉะน้ัน สารสกัดจากข่าสามารถสกัดความกลา้ ของแมลงวนั ได้ สรปุ ผล จากการศกึ ษาความเขม้ ขน้ ของสารสกัดจากข่า ที่มีผลต่อการไล่แมลงวันทาให้เราทราบผลคือ สารสกัดจาก ขา่ ทมี่ คี วามเขม้ ขน้ 100 % สามารถไล่แมลงวันไดจ้ ริง เอกสารอา้ งองิ http://e-chemistry.tripod.com/sasan/s3_4.htm http://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8% A7%E0%B8%B1%E0%B8%99 http://www.vcharkarn.com/project/view/254 http://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2_(%E0%B8%9E%E0%B8 %B7%E0%B8%8A) http://frynn.com/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2/ http://www.med.cmu.ac.th/dept/parasite/public/fly.htm http://www.thai-organic.com/knowleage/knowleage07.html http://www.numthang.com/product/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E 0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B9%81%E0 %B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%87%20%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%82%E0%B8%AD- %E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A2/1/ http://thongphaphum.kanchanaburi.doae.go.th/files/km.samupai.plai.pdf

สญั ญาท่ี RDG5740040211 รายงานวจิ ัยฉบับสมบรู ณ์ โครงงานยอ่ ยที่ 6 เรื่อง สบู่สมุนไพรขา่ สรา้ งรายได้ (Galangal Herb Soap to make Money อาจารยท์ ี่ปรกึ ษาโครงงาน นางสาวกิตติมา สาระรักษ์ นางอาภาพร วรรณสขุ นายวรทุ ธ์ วรรณสุข คณะผู้วจิ ยั (นกั เรียน) นางสาวศศธิ ร ปะสาวะโถ นางสาวลลิตา อ่อนชัง นายณฐั พลธ์ พลพวก สนบั สนุนโดยสานกั งานกองทุนสนบั สนนุ การวิจัย(สกว) และ บมจ.ธนาคารกสิกรไทย ชุดโครงการ “เพาะพันธป์ุ ัญญา (พฒั นายุววิจยั )”

กิตตกิ รรมประกาศ การจัดทาโครงงาน RBL เร่ือง สบู่สมุนไพรข่าสร้างรายได้ (Galangal Herb Soap to make Money) ในครั้งน้ี สาเร็จลุล่วงได้ต้องขอกราบขอบพระคุณ นายชาติชาย สิงห์พรหมสาร ผู้อานวยการ โรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร ในพระสังฆราชูปถัมภ์ นายเชิดชัย สิงห์คิบุตร รองผู้อานวยการโรงเรียน สมเด็จพระญาณสังวร ในพระสังฆราชปู ถัมภ์ ที่ใหค้ าชแ้ี นะและอานวยความสะดวกในการทาโครงงานครั้งนี้ กราบขอบพระคุณ คณุ ครูกิตติมา สาระรักษ์ คุณครูอาภาพร วรรณสุข และคุณครูแสงเดือน บกน้อย ครูที่ปรึกษา ที่ให้คาปรึกษา ดูแล แนะนา และแก้ไขข้อบกพร่องในการทาโครงงานทุกด้าน กราบ ขอบพระคุณ คณะครู บุคลากรทางการศึกษา และเพ่ือนๆนักเรียนท่ีคอยให้กาลังใจ กราบขอบพระคุณ บิดา- มารดา และสมาชิกในครอบครัว ที่คอยให้กาลังใจจนกระทั่งโครงงานเรื่อง สบู่สมุนไพรข่าสร้างรายได้ สาเร็จ ลลุ ว่ ง คณะผู้จัดทา

บทคดั ย่อ เร่ือง สบู่สมุนไพรขา่ สร้างรายได้ (สบูจ่ ากขา่ ) ผ้จู ดั ทาโครงงาน นางสาวศศธิ ร ปะสาวะโถ นางสาวลลิตา ออ่ นชงั นายณฐั พลธ์ พลพวก ครทู ป่ี รึกษา นางสาวกิตตมิ า สาระรกั ษ์ นางอาภาพร วรรณสุข นางสาวแสงเดือน บกน้อย โรงเรยี น สมเดจ็ พระญาณสังวร ในพระสงั ฆราชูปถัมภ์ ปีทท่ี า พ.ศ. 2557 การทาโครงงานสบู่สมุนไพรข่าสร้างรายได้มีการทาแบบสอบถามสองครั้ง ครั้งที่หน่ึงเกี่ยวกับการ สารวจพฤติกรรมความต้องการของผบู้ ริโภคต่อผลติ ภณั ฑ์สบู่สมุนไพรข่า พบว่า มีกลุ่มผู้สนใจสองกลุ่ม คือ ผู้ท่ี ต้องการใช้สบู่ก้อน และผู้ต้องการใช้สบู่เหลว จากน้ันได้มีการทาแบบสอบถามคร้ังที่สองเกี่ยวกับการสารวจ พฤติกรรมความตอ้ งการของผ้บู ริโภคเมือ่ ได้ทดลองใช้ผลติ ภณั ฑส์ บสู่ มุนไพรขา่ โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายสองกลุ่ม พบวา่ ส่วนมากจะมผี ทู้ ่ีใช้ผลิตภณั ฑ์ทาความสะอาดสบู่สมุนไพรข่า ชนิดเป็นก้อน รองลงมาเป็นผลิตภัณฑ์สบู่ สมุนไพรขา่ ชนดิ เหลว

บทนา ความเปน็ มาและความสาคัญของโครงงาน สบู่ เปน็ เคร่อื งสาอางชนิดหน่ึงที่ใช้ในการทาความสะอาดร่างกาย เดิมใช้เพ่ือทาความสะอาดร่างกาย เท่าน้ัน ปัจจุบันกระบวนการผลิตสบู่มีการเพ่ิมส่วนผสมอื่นๆ เพื่อให้สบู่มีสรรพคุณตรงตามความต้องการของ ผู้บริโภคมากขึ้น เช่น มีสีสันที่สวยงามน่าใช้ มีกลิ่นหอม และมีสรรพคุณทางยา ในทางการค้ามีการใช้สาร สงั เคราะหเ์ พิ่มขึ้นทาใหผ้ ลติ ภัณฑ์น่าใช้ บรรจุภัณฑ์สวยงาม แตแ่ ฝงไปด้วยสารเคมีที่เป็นอันตราย มีพิษตกค้าง และราคาสูง ทาให้ปัจจุบันนิยมใช้พืชสมุนไพรท่ีมีอยู่ในธรรมชาติมาเป็นส่วนผสมเพิ่มเติม ในสบู่แทนการใช้ สารเคมีสังเคราะห์ พืชสมุนไพรที่ใช้มีสาระสาคัญ และมีสรรพคุณทางยา เช่น มีน้ามันหอมระเหยท่ีมีกลิ่น เฉพาะใช้ในการบาบัดโรค มีสีสันสวยงาม หาง่ายราคาถูก ประหยัด ปลอดภัย ไร้สารสังเคราะห์ และไม่มีพิษ ตกค้าง ทาให้สบู่สมนุ ไพรทผี่ ลติ ขนึ้ จากผลิตภัณฑ์ธรรมชาติมีคุณลักษณะเฉพาะที่หลากหลาย จึงเป็นบทพิสูจน์ ให้เห็นถึงความมหัศจรรย์ของสบู่สมุนไพรที่มีคุณค่ายิ่งของภูมิปัญญาไทย ( www.yru.ac.th/e- journal/file/pdf_30.pdf ) จากการศึกษาดังกล่าวทาให้พบว่า ข่าเป็นพืชที่ปลูกง่าย พบได้ทั่วไปในครัวเรือน มีประโยชน์ทาง สมุนไพร มสี ารท่ชี ่วยรกั ษาบารงุ ร่างกาย และรักษาโรคตา่ งๆ ข่ามีสาร eugenol ซึ่งมีฤทธ์ิขับน้าดี จึงช่วยย่อย อาหารได้ และเป็นสาระสาคัญ ในการช่วยยับย้ังแบคทีเรียท่ีทาให้เกิดสิว มีน้ามันหอมระเหย ซ่ึงมีฤทธิ์ขับลม มีเมทานอล เป็นสาระสาคญั ในการออกฤทธ์ิฆ่าเช้ือรา เช่น โรคกลากเกล่ือน สิวอักเสบ เป็นต้น จึงนับได้ว่าข่า เป็นพืชท่ีมีคณุ ประโยชนท์ างสมุนไพรชนดิ หนงึ่ แต่เป็นท่ีน่าสังเกตว่า คนไทยมีการนาข่ามาใช้ประโยชน์ในการ ดารงชีวิตน้อยมาก และข่ายังเป็นพืชที่มีราคาถูก ไม่เป็นท่ีน่าสนใจในฐานะพืชเศรษฐกิจที่สามารถนามาสร้าง รายได้ ทง้ั ๆท่ีข่าจัดว่าเปน็ พชื ที่มีประโยชน์มากมายนานัปการ ประกอบกบั สบู่เปน็ สินคา้ ในการทาความสะอาด รา่ งกายทีจ่ าเปน็ ตอ้ งมีไวใ้ ชป้ ระจาในครัวเรอื น หากนาคุณสมบตั ทิ างสมุนไพรของข่ามาสร้างมูลค่าเพ่ิมโดยการ แปรรปู ผลติ เป็น สบู่สมุนไพรข่า นบั วา่ เปน็ หนทางหนึง่ ทีจ่ ะช่วยสร้างรายได้ใหก้ ับครัวเรอื นต่อไป วตั ถปุ ระสงค์ ข่า สามารถทาเปน็ สบสู่ มุนไพร เพือ่ เพม่ิ รายได้ และสามารถทาเป็นอาชพี เสรมิ ได้

แนวคดิ และทฤษฎที ี่เก่ยี วข้อง ประเทศไทยตงั้ อยใู่ นเขตภมู อิ ากาศแบบร้อนชื้น ทาใหส้ ภาพภมู ิอากาศมีความเหมาะสมในการปลูกพืช ประกอบกบั คนไทยมวี ถิ กี ารดาเนนิ ชีวิตในรูปแบบของการพง่ึ พาตนเองจึงนิยมทาการเกษตร ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ เพอ่ื บรโิ ภคและใช้ประโยชน์ในการดารงชีวิต ซึ่งการปลกู พชื และเลี้ยงสตั ว์ส่วนใหญ่มกั ทาในรูปแบบของกิจการ ครวั เรือนขนาดเล็ก ใช้บรโิ ภคในชวี ติ ประจาวัน พืชที่ปลูกมักจะเป็นพืชผักสวนครัวท่ีปลูกไว้ในบริเวณบ้าน โดย มวี ัตถปุ ระสงค์เพอ่ื ปลูกไว้สาหรบั รบั ประทานเองภายในครอบครัว การปลกู ผกั สวนครวั ไวร้ บั ประทานจะทาให้ ผปู้ ลกู ได้รับประทานผกั สดท่ีอดุ มดว้ ยวิตามนิ และเกลือแร่ต่าง ๆ มีความปลอดภัยจากสารเคมี และยังสามารถ ลดรายจ่ายในครัวเรอื นได้ (agrimedia.agritech.doae.go.th/book/book-veg/VS%20035.pdf ) ข่า เป็นพืชผักสวนครัวชนิดหนึ่งที่คนไทยนิยมปลูก ข่า เป็นพืชที่มีลาต้นอยู่ใต้ดินเรียกว่า \"เหง้า\" อยู่ ในวงศ์ขิง เป็นไม้ล้มลุก เป็นพืชสมุนไพรที่นามาใช้ในการประกอบอาหาร ข่าเป็นพืชท่ีนามาใช้ประโยชน์ ทางด้านอาหารมากมาย ใช้ใส่ในต้มข่า ต้มยา น้าพริกแกงทุกชนิดใส่ข่าเป็นส่วนประกอบ ยกเว้น แกงเหลือง และแกงกอและทางภาคใต้ที่ไม่นิยมใส่ข่า มีบทบาทในการดับกลิ่นคาวของเน้ือและปลา นอกจากนั้น ข่ายังมี ฤทธิ์ทางยา เหง้าแก่แก้ปวดท้อง จุกเสียด แน่น ดอกใช้ทาแก้กลากเกลื้อน ผลช่วยย่อยอาหาร แก้คลื่นเหียน อาเจยี น ตน้ แก่นาไปเคีย่ วกับน้ามันมะพร้าว ทาแก้ปวดเม่ือย เป็นตะคริว ใบมีรสเผ็ดร้อน แก้พยาธิ สารสกัด จากขา่ มีฤทธิฆ์ า่ เช้อื แบคทีเรีย นา้ มันหอมระเหยจากข่ามีฤทธิ์ทาให้ไข่แมลงฝ่อ กาจัดเช้ือราบางชนิดได้ ใช้ผสม กับสะเดาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกาจัดแมลง ข่า ลดการบีบตัวของลาไส้ ขับน้าดี ขับลมลดการอักเสบ ยั บ ยั้ ง แ ผ ล ใ น ก ร ะ เ พ า ะ อ า ห า ร ฆ่ า เ ชื อ แ บ ค ที เ รี ย ฆ่ า เ ชื อ ร า ใ ช้ รั ก ษ า ก ล า ก เ ก ลื อ น ( http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2_(%E0%B8%9E%E0%B8% B7%E0%B8%8A) และจากการสืบค้นพบว่า มีงานวิจัยที่ค้นพบว่า สารสกัด 80% เอทานอลของเหง้าข่าเล็ก (Alpinia officinarum ) เมื่อนามาทดสอบฤทธิ์ต้านการอักเสบแบบเฉียบพลันและแบบเร้ือรังในหนูแรท โดย ในกลุ่มที่ทดสอบการอักเสบแบบเฉียบพลัน หนูแรทจะถูกเหน่ียวนาให้เกิดการอักเสบด้วยการฉีดสาร carrageenan เข้าใต้ผิวหนังบริเวณอุ้งเท้าด้านหลัง ในขณะท่ีหนูกลุ่มท่ีทดสอบการอักเสบแบบเรื้อรัง หนู แรทจะถูกเหนี่ยวนาให้เกิดการอักเสบด้วยการฉีด complete Freund's adjuvant (CFA) เข้าใต้ผิวหนัง บรเิ วณอุง้ เทา้ ดา้ นหลงั จากนนั้ จงึ ให้สารสกัดจากเหง้าข่าเล็กโดยการป้อนเข้าทางปาก พบว่าสารสกัด 80% เอ ทานอล มีฤทธ์ิต้านการอักเสบ โดยสามารถลดอาการบวมท่ีเกิดจากสารcarrageenan และ CFA นอกจากน้ี ส่วนสกัดเอทิวอะซิเตทจากสารสกัดดังกล่าวยังยับยั้งการสร้าง nitric oxide (NO) ในเซลล์ RAW 264.7 ที่ถูก เหนี่ยวนาด้วย lipopolysaccharide (LPS) และมีฤทธิ์ต้านความผิดปกติในระบบประสาทโดยมีผลลด c-Fos protein ในสมองส่วน hippocampus ของหนูแรทที่ถูกกระตุ้นด้วย CFA ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเหง้าของข่าเล็กมี ฤทธิต์ ้านการอกั เสบท้ังแบบเฉยี บพลนั และแบบเรื้อรัง J Ethnopharmacol 2009;126(2):258 – 64 ( http://www.medplant.mahidol.ac.th/active/shownews.asp?id=583 ) สบู่ เป็นเคร่ืองสาอางชนิดหนึ่งท่ีใช้ในการทาความสะอาดร่างกาย เดิมใช้เพ่ือทาความสะอาดร่างกาย เท่าน้ัน ปัจจุบันกระบวนการผลิตสบู่มีการเพ่ิมส่วนผสมอ่ืนๆ เพ่ือให้สบู่มีสรรพคุณตรงตามความต้องการของ ผู้บริโภคมากข้ึน เช่น มีสีสันท่ีสวยงามน่าใช้ มีกล่ินหอม และมีสรรพคุณทางยา ในทางการค้ามีการใช้ สาร สังเคราะหเ์ พิ่มข้นึ ทาให้ผลิตภณั ฑ์น่าใช้ บรรจภุ ณั ฑส์ วยงาม แต่แฝงไปด้วยสารเคมีท่ีเป็นอันตราย มีพิษตกค้าง

และราคาสูง ทาให้ปัจจุบันนิยมใช้พืชสมุนไพรที่มีอยู่ในธรรมชาติมาเป็นส่วนผสมเพิ่มเติม ในสบู่แทนการใช้ สารเคมีสังเคราะห์ พืชสมุนไพรท่ีใช้มีสาระสาคัญ และมีสรรพคุณทางยา เช่น มีน้ามันหอมระเหยท่ีมีกล่ิน เฉพาะใช้ในการบาบัดโรค มีสีสันสวยงาม หาง่ายราคาถูก ประหยัด ปลอดภัย ไร้สารสังเคราะห์ และไม่มีพิษ ตกค้าง ทาให้สบสู่ มนุ ไพรทีผ่ ลิตขนึ้ จากผลิตภัณฑ์ธรรมชาติมีคุณลักษณะเฉพาะท่ีหลากหลาย จึงเป็นบทพิสูจน์ ให้เห็นถึงความมหัศจรรย์ของสบู่สมุนไพรท่ีมีคุณค่าย่ิ งของภูมิปัญญาไทย ( www.yru.ac.th/e- journal/file/pdf_30.pdf ) หลักการตลาด 7Ps หลัก 7Ps เป็นแนวคิดสาหรับการวิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็งของสินค้าและบริการในด้านการตลาดโดย พจิ ารณาจากปัจจยั 7 ประการคือ Product - สินค้า หรือบริการ โดยพิจารณาจากการตอบสนองความต้องการของลูกคา้ Price - ความเมาะสมของราคา กบั คุณคา่ ทลี่ กู คา้ จะได้รบั เม่ือเปรยี บเทยี บกบั คู่แข่งขนั อื่นๆ Place - สถานทจ่ี ดั จาหน่าย หรอื ชอ่ งทางในการจัดจาหนา่ ย ซ่งึ จะพิจารณาจากความสะดวกและปรมิ าณของ ลกู คา้ Promotion - การส่งเสรมิ การขาย ทีจ่ ะทาใหเ้ กดิ แรงจงู ใจในการซื้อสินคา้ People - ความรู้ความสามารถ และความน่าเชอ่ื ถือของบุคลกร Physical Evidence - ส่งิ ทปี่ รากฎตอ่ สายตาลูกคา้ เชน่ สี รูปรา่ ง แพ็คเกจ บรรยากาศภายในร้าน Process - กระบวนการในการจัดการดา้ นการบริการ ทจ่ี ะทาใหล้ ูกค้าเกิดความประทบั ใจ และเกิดความภกั ดี ในตัวสนิ คา้ (http://mba.sorrawut.com/wiki/หลกั การตลาด_7Ps)

อปุ กรณแ์ ละวิธกี ารทา วตั ถุดิบ นา้ ของเหง้าขา่ 500 กรัม ผงของข่า 185 กรมั กลเี ซอรอล 1 กโิ ลกรมั นา้ 150 กิโลกรัม วธิ กี ารทาสบู่ ( สูตร 1 ผงขา่ +นาของเหงา้ ข่า ) วัตถุดิบ นา้ ของเหงา้ ข่า 500 กรัม ผงของข่า 185 กรัม กลเี ซอรอล 1 กิโลกรมั นา้ 150 กโิ ลกรมั วาสลนิ 1 กล่อง วสั ดุอุปกรณ์ เคร่ืองชง่ั ชอ้ นตกั สาร แมแ่ บบสบู่ ชามอา่ งสแตนเลส หรอื ชามแก้ว เทอร์โมมเิ ตอร์ ถ้วยตวง ไม้พาย ผ้าขาวบาง มดี ครก/สาก เขยี ง ขวด/ถุงห่อผลติ ภณั ฑ์ วิธกี ารทา 1) นาเหง้าขา่ มาปัน่ เปน็ ผงละเอยี ด 2) นาเหง้าข่ามาตาใหล้ ะเอยี ดจนไดน้ า้ นานา้ ขา่ ทไี่ ด้กรองด้วยผ้าขาวสกั 1-2 ครั้ง 3) นากลีเซอรอล ใสล่ งในภาชนะ นาไปตั้งในชามน้าเดอื ด(เหมือนตนุ๋ ไข่) รอจนเกล็ดสบ่ลู ะลายเปน็ ของเหลวใส 4) จากนั้นเติมน้าสมุนไพร และผงข่า ทเี่ ตรียมไว้ คนใหเ้ ขา้ กัน แล้วดบั ไฟ 5) ทาวาสลิน บางๆท่แี ม่พมิ พ์ เพ่ือให้สบู่หลดุ ออกง่าย 6) เทน้าสบูท่ ี่ได้ ลงในแบบพิมพ์ รูปร่างตามท่ีต้องการ ท้ิงไว้ประมาณ 1 ชว่ั โมงขน้ึ กับเวลาและขนาด 7) เคาะสบู่ออกจากแม่พิมพ์ แล้วทาการหอ่ ดว้ ยฟิล์มยดื ติดโลโก้ สบู่จะคงรปู อยู่นาน *หมายเหตุ*อยา่ เติมนา้ หอมในขณะท่นี า้ สบ่ยู งั ร้อน

วิธีการทาสบู่ ( สตู ร 2 นาของเหงา้ ข่า ) วัตถุดิบ 1. N 70 1 กิโลกรัม 2. เกลือป่น 250 กรมั 3. หัวมุก 50 กรมั 4. CAPB 60 กรัม 5. Silk 700 30 กรัม 6. น้าเหงา้ ข่า 500 กรมั วสั ดุอุปกรณ์ เครือ่ งช่ัง ช้อนตกั สาร ชามอ่างสแตนเลส หรอื ชามแก้ว เทอร์โมมิเตอร์ ถว้ ยตวง ไมพ้ าย ผ้าขาวบาง มดี ครก/สาก เขียง และขวด/ถุงห่อผลิตภัณฑ์ วธิ ีการทา 1) นาเหงา้ ขา่ มาปน่ั 2) นาเหงา้ ข่ามาตาให้ละเอียดจนไดน้ า้ นานา้ ข่าที่ได้กรองด้วยผ้าขาวสกั 1-2 คร้งั 3) ตัง้ หม้อเทกวน เอน็ 70 กวนเรือ่ ยๆจนใหเ้ ปน็ สีขาวนวล 4) โปรยเกลือไปประมาณ ครึ่งถงุ กวนเรื่อยๆจนเป็นสีขาวนวล 5) ค่อยๆเตมิ น้าทีละน้อยแล้วคนให้เข้ากนั 6) เติม CAPB แล้วคนใหเ้ ขา้ กนั 5) เตมิ Silk 700 กวนใหเ้ ขา้ กัน 6) เตมิ น้าส่วนท่เี หลอื แล้วเติมหัวมุกคนให้เข้ากัน 7) เติมนา้ เหง้าขา่ แลว้ ทง้ิ ไว้รอฟองยุบ แลว้ บรรจใุ ส่ขวด

ผลการวิจัย การทาแบบสอบถามคร้ังท่ี หน่ึง คือ การสารวจพฤติกรรมความต้องการของผู้บริโภคต่อ ผลิตภัณฑ์สบู่สมุนไพรข่า ทาเพื่อต้องการทราบข้อมูลพื้นฐานทั่วไปของผู้บริโภค ข้อมูลพฤติกรรมการใช้ ผลิตภณั ฑใ์ นการทาความสะอาดผวิ และข้อมูลเกย่ี วกับการพัฒนาผลติ ภณั ฑ์ทีผ่ ู้บริโภคต้องการใช้ โดยกลุ่มของ พวกเราได้ทาแบบสอบถามการสารวจพฤติกรรมความต้องการของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์สบู่สมุนไพรข่า ทา ทง้ั ส้ิน 160 ชดุ จากน้ันได้คดิ เป็นเปอร์เซน็ ต์ สรปุ ผลได้ดงั ตารางด้านลา่ ง ตอนที่ 1 ขอ้ มูลท่ัวไปของผตู้ อบแบบสอบถาม ขอ้ ที่ หัวข้อ ตัวเลอื ก จานวน เปอรเ์ ซ็นต์ 1 เพศ ชาย 60 38 % 2 อายุ หญิง 100 63% 42-47 ปี 40 25% 30-35 ปี 20 12% 18-23 ปี 30 19% 24-29ปี 20 12% 54-60 ปี 25 15% 36-41 ปี 20 12% 48-53 ปี 20 12% มากกวา่ 60 ปี 5 3% 3 อาชพี นกั เรยี น 30 19% เกษตร 54 34% นสิ ติ 10 6% รับจ้าง 23 14% ธรุ กจิ 25 15% 4 รายได้เฉลีย่ แมบ่ า้ น 21 13% 7 4% ขา้ ราชกาล 2 1% 77 48% อื่นๆ 45 28% น้อยกว่า 3000 13 8% บาท 10 6% 3001-5000 บาท 5001-7000 บาท 7001-9000 บาท มากกวา่ 9000 10 6%

ตอนที่2 ข้อมลู เก่ยี วกับพฤติกรรมการใช้ผลติ ภณั ฑ์ในการทาความสะอาดผิว 5 ปกตทิ า่ นนยิ มใช้ผลติ ภัณฑใ์ นการทา ใช้ 158 99% ความสะอาดผิวกายหรือไม่ 1% ไม่ใช้ 2 84% 6 ทา่ นใชผ้ ลิตภณั ฑ์ในกาทาความสะอาด ใชท้ ุกวัน 134 6% ผวิ กายบ่อยเพยี งไร ใน 1 สัปดาห์ 11 3% 6% 2 – 3 ครั้ง 38% 4 – 5 ครั้ง 5 7% มากกวา่ 5 คร้งั 10 17% 7 เหตผุ ลท่ีท่านเลือกใชผ้ ลติ ภณั ฑท์ าความ เพอื่ ทาความสะอาดผวิ 61 15% สะอาดผวิ กาย (ตอบได้มากกว่า 1 ขอ้ ) 28% เพอ่ื ชว่ ยในการขดั 12 25% 39% เซลลผ์ วิ 7% 1% เพอ่ื ให้ผิวพรรณนมุ่ 28 7% เนยี น 5% 29% เพือ่ ให้ผิวแลดกู ระจา่ ง 25 46% ใสขึน้ 8 สว่ นผสมหลกั ของผลติ ภณั ฑ์ทาความ จากผลไม้ 45 สะอาดผิวกายท่ีทา่ นต้องการคือข้อใด จากดอกไม้ 40 จากสมนุ ไพร 62 สารปรงุ แต่ง 11 อื่นๆ 2 9 รปู แบบของผลิตภัณฑ์ทาความสะอาด กระปุก 11 ผิวกายท่ีทา่ นนิยมใช้ (ตอบได้มากกวา่ 8 1 ขอ้ ) ห่อพลาสติก ขวดปมั้ /กด 47 แบบอัดก้อน 74

ขวดบีบ 25 15% 0.62% อื่นๆ 1 3% 10 ท่านนิยมใชผ้ ลิตภณั ฑท์ าความสะอาด ไม่มีกลิ่น 4 44% ผิวกายกลิ่นใด (ตอบไดม้ ากกว่า 1 ข้อ) 13% 31% ดอกไม้ 70 26% 2% ธรรมชาติ 21 18% สมุนไพร 50 54% นา้ หอม 42 15% อน่ื ๆ 3 13% 11 โดยปกติ ทา่ นซื้อผลิตภณั ฑ์ทาความ น้อยกว่า 1 สัปดาห์ 28 19% สะอาดผิวกายบ่อยเพียงไร 25% ประมาณ 1 – 3 86 6% สปั ดาหต์ ่อคร้งั 25 25% 59% ประมาณ 4 – 6 22% สัปดาห์ต่อครงั้ 4% 1% มากกว่า 6 สัปดาห์ขนึ้ 21 56% ไป 12 ถ้าทา่ นต้องการซ้อื ผลติ ภณั ฑ์ทาความ สว่ นผสม 30 สะอาดผิวกาย คุณสมบตั ิใดบ้างทีท่ า่ น 40 ใช้พจิ ารณาในการตดั สินใจซ้ือ (ตอบได้มากกว่า 1 ขอ้ ) ราคา บรรจุภณั ฑ์ 10 เหมาะกับสภาพผวิ 40 คณุ ภาพ 95 กลน่ิ 35 ความหลากหลาย 7 อน่ื ๆ 2 13 ท่านคิดวา่ ปจั จยั ใดที่มีอิทธิพลตอ่ การ ตวั ทา่ นเอง 90 เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ทาความสะอาดผิว

กายของท่าน เพื่อน 20 12% ครอบครัว 40 25% อื่นๆ 3 2% ตอนท่ี 3 ขอ้ มูลเกี่ยวกับการพฒั นาผลิตภณั ฑ์ 33% 14. ทา่ นทราบถึงสรรพคุณของข่าในดา้ นสุขภาพ ข่าสว่ นเหงา้ รักษา 53 58% อาการแน่นจุก และการรักษาโรคในขอ้ ใดบ้าง (ตอบได้ 20% เสียด 19% มากกวา่ 1 ข้อ) 9% เปน็ ยารกั ษา 92 64% 12% กลากเกลื้อน โรค 34% 20% ผิวหนงั ตดิ เช้อื 4% 81% แบคทีเรีย เช้ือรา 3% ใช้เปน็ ยาระบาย/ 33 9% แก้อาการท้องผกู ใช้เปน็ ยาขบั 30 เสมหะ/แก้ไอ/ แกอ้ าการหวดั อื่นๆ 15 15 ทา่ นเคยใชข้ ่าในด้านใดบ้าง (ตอบได้มากกว่า 1 แทนผกั 103 ขอ้ ) บารุงผวิ พรรณ 20 บารงุ สุขภาพ 54 รักษาโรค 33 อื่นๆ 6 16 ท่านเคยใชข้ า่ เพื่อบารงุ ผิวพรรณและความงาม ไม่เคย 130 5 ในข้อใดบา้ ง (ตอบได้มากกว่า 1 ขอ้ ) พอกหน้า พอกผวิ 15

ขัดผวิ 25 15% 4% อื่นๆ 7 19% 17 ทา่ นคดิ วา่ ขา่ มปี ระโยชนใ์ นการบารงุ ชว่ ยทาใหผ้ วิ เป็น 30 14% ผิวพรรณและความงามอย่างไร ธรรมชาติ 22 101 63% ชว่ ยทาให้ผิว 7 เรยี บเนยี น ผิว 4% ชุม่ ชน้ื 6% ชว่ ยยบั ย้ัง 64% แบคทีเรียภายใน 53% ผิว 4% อืน่ ๆ 2% 20% 18 ทา่ นคดิ วา่ ขา่ มปี ระโยชน์ต่อสขุ ภาพและความ มากที่สุด 9 งามในระดับใด 103 44% 6% มาก 25% 2% ปานกลาง 85 2% 63% น้อย 6 น้อยที่สดุ 3 19 รปู แบบของผลติ ภัณฑ์ทาความสะอาดผวิ กายท่ี แบบสบู่ขัดผวิ 33 มี ขา่ เปน็ ส่วนผสมหลกั ทท่ี ่านต้องการใชม้ าก ท่ีสุด สบู่ก้อน 71 แบบกระปุก 10 แบบกด/ปั้ม 40 พลาสติก 3 อ่ืนๆ 3 20 ทา่ นมคี วามคิดเห็นอย่างไรต่อผลติ ภณั ฑท์ า ใหม่นา่ ทดลอง 100 ความสะอาดผวิ กายท่ีมีสว่ นผสมหลกั จากขา่

(ตอบไดม้ ากกว่า 1 ข้อ) มีความปลอดภัย 25 15% 38% ส่วนผสมจาก 60 12% สมนุ ไพร 20 2% 3 88% เพิ่มมูลค่าให้กับ พืช 12% 12% อนื่ ๆ 73% 21 หากมีการวางจาหน่ายผลิตภณั ฑท์ าความ สนใจ 140 8% สะอาดผิวกายทีม่ ีข่าเปน็ ส่วนผสม ทา่ นสนใจใช้ 7% ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวหรือไม่ 72% ไม่สนใจ 20 6% 3% 22. สาหรบั ท่านทม่ี คี วามสนใจในผลิตภัณฑท์ า ภายใน 1 20 47% ความสะอาดผวิ กายท่ีมีขา่ เปน็ สว่ นผสมหลัก สัปดาห์ หากมกี ารวางจาหน่าย ผลติ ภัณฑด์ งั กลา่ วแล้ว ทา่ นคาดว่าตัดสินใจซ้ือเมื่อใด ภายใน 2 – 3 117 สัปดาห์ ภายใน 4 – 6 12 สปั ดาห์ มากกว่า 6 11 สปั ดาห์ 23 จานวนเงินทีท่ า่ นคาดว่าจะใช้ในการเลอื กซื้อ ตา่ กวา่ 30 บาท 115 ผลิตภณั ฑ์ทาความสะอาดผวิ กายทม่ี ีขา่ เปน็ สว่ นผสมหลกั ในแต่ละครั้ง อยทู่ ่ีเท่าใด 31-50 บาท 10 มากกว่า 100 5 บาท 24 ท่านต้องการใหม้ ีการวางจาหน่ายผลติ ภัณฑท์ า ร้านสหกรณต์ าม 75 ความสะอาดผิวกายท่ีมีขา่ เป็นสว่ นผสมหลกั หม่บู ้าน จากสถานท่ใี ดบ้าง (ตอบได้มากกว่า 1 ขอ้ )

จากเพ่ือน 12 8% 19% ร้านสะดวกซื้อ 30 17% 13% รา้ นขายยา 27 3% รา้ นความงาม 20 18% และสขุ ภาพ 5 4% อื่นๆ 2% 6% 25 ถ้าท่านต้องการซือ้ ผลติ ภัณฑ์ทาความสะอาด สว่ นผสม 29 8% 16% ผิวกายท่มี ขี า่ เปน็ ส่วนผสมหลัก คุณสมบตั ิ 55% 1% ใดบา้ งทีท่ ่านใช้พจิ ารณา 1% 66% ในการตดั สนิ ใจซื้อ มากทีส่ ุด 23% ความหลากหลาย 6 7% สง่ เสรมิ การขาย 3 2% 47% กลิ่น 10 ราคา 13 ความเหมาะสม 25 คุณภาพ 88 บรรจภุ ัณฑ์ 2 อ่นื ๆ 2 26 ทา่ นคดิ วา่ ปจั จัยใดท่ีมีอิทธิพลต่อการเลือกซ้ือ ตัวท่านเอง 109 ผลิตภัณฑท์ าความสะอาดผวิ กายท่มี ีข่าเปน็ ส่วนผสมหลักของทา่ นมากทส่ี ุด 37 11 บุคคลใน ครอบครวั เพ่ือน อื่นๆ 3 27 ทา่ นคิดว่า โปรโมชั่น/การสง่ เสรมิ การขายใด ที่ ลดราคา 75 จะมีผลต่อการตัดสินใจซื้อผลติ ภัณฑ์ทาความ

สะอาดผวิ กายทมี่ ขี ่าเปน็ สว่ นผสมหลัก มาก ทีส่ ดุ รับคูปอง 7 4% ชงิ โชค 5 3% ซื้อ 1 แถม 1 60 38% สรุปผล การทาแบบสอบถามครงั้ ที่ หนงึ่ คือ การสารวจพฤติกรรมความต้องการของผู้บริโภคตอ่ ผลิตภณั ฑ์ สบูส่ มนุ ไพรข่า จากการทาแบบสอบถามทั่วไปจะเป็นเพศหญิง 63% มีช่วงอายุ 42-47 ปี 25% ส่วนมากทาอาชีพ เกษตร 34% มีรายไดเ้ ฉล่ียตอ่ เดือนนอ้ ยกวา่ 3000 บาท 48% สว่ นมากนิยมใช้ผลิตภัณฑ์ทาความสะอาดผิว กายทุกวนั ซ่ึงสว่ นผสมหลักของผลิตภัณฑท์ ีท่ ่านต้องการใชเ้ ปน็ สมุนไพร มีรูปแบบผลิตภัณฑ์เป็นก้อน ดังน้ัน พวกเราจงึ ไดท้ าสบู่สมนุ ไพรขา่ ชนดิ ก้อน ท่ีมสี รรพคุณในการช่วยขดั เซลลผ์ ิวทมี่ เี ส้นใยข่าเป็นส่วนประกอบ ร่วม ทัง้ ชว่ ยรกั ษาโรคกลากเกล่ือน และยบั ยั้งแบคทีเรีย จากการทาแบบสอบถามทั่วไปพบว่าเป็นเพศหญิง 63% อยู่ในช่วงอายุ 18-23 ปี มีอาชีพเป็น นักเรยี นนักศึกษา 19% มีรายได้เฉลย่ี ต่อเดือนนอ้ ยกว่า 3000 บาท 48%ท่ีนิยมใช้ผลิตภัณฑ์ทาความสะอาดผิว กายที่มีส่วนผสมหลักเป็นสมุนไพร ต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ทาความสะอาดชนิดเหลวท่ีใส่แบบขวดปั้ม/แบบกด ดังนั้น พวกเราจึงได้ทาสบู่สูตรท่ีสองเป็นสบู่สมุนไพรจากข่าชนิดสบู่เหลว สะดวกในการใช้ทาความสะอาด สามารถล้างออกง่าย มสี รรพคุณช่วยรกั ษาโรคกลากเกลื่อน และยับยง้ั แบคทีเรยี แบบสอบถามครงั ท่ี สอง การสารวจพฤตกิ รรมความต้องการของผู้บริโภคเมื่อได้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์สบู่ สมนุ ไพรข่า สบ่สู มุนไพรขา่ (ชนิดก้อน) ทาเพ่ือสารวจความพึงพอใจผลิตภัณฑ์ของผู้บริโภคหลังจากการทดลองใช้สบู่สมุนไพรข่า เพื่อนา ข้อมูลท่ีได้หรือข้อมูลความต้องการเกี่ยวกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ท่ีผู้บริโภคต้องการใช้ นากลับมาแก้ไขและ พัฒนาผลิตภัณฑ์ ให้ดีข้ึนโดยกลุ่มของพวกเราได้ทาการสารวจพฤติกรรมความต้องการของผู้บริโภคเมื่อได้ ทดลองใชผ้ ลติ ภัณฑ์สบู่สมนุ ไพรข่า(ชนดิ ก้อน) ท้ังสนิ้ 60 ชดุ จากนั้นได้คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ สรุปผลได้ดังตาราง ด้านล่าง

ข้อท่ี หัวข้อ ตวั เลือก จานวน เปอร์เซ็นต์ 98% 1 ท่านชอบผลติ ภณั ฑ์สบ่สู มุนไพรข่า ชอบ 59 (ชนดิ ก้อน) หรือไม่ 1 0.62% 81% ไมช่ อบ 12% 2 ท่านคดิ ว่าจะใช้ผลิตภณั ฑส์ บู่ ใช้ทุกวัน 49 3% 3% สมนุ ไพรข่า (ชนดิ ก้อน) ในกาทา 97% ความสะอาดผิวกายบ่อยเพยี งไรใน 1 3% 54% สปั ดาห์ 46% 2-3 ครั้ง 7 2% 92% 4-5 ครั้ง 2 5% อนื่ ๆ 2 3% 14% 3 ท่านชอบรปู แบบของผลติ ภัณฑส์ บู่ ชอบ 58 สมนุ ไพรข่า (ชนิดก้อน) แบบบรรจุ 3% ห่อด้วยพลาสตกิ ใส หรือไม่ 43% อื่นๆ 2 15% 4 ท่านชอบผลติ ภัณฑ์สบู่สมุนไพรขา่ ชอบ 32 (ชนิดกอ้ น) ทไ่ี มม่ ีกลิน่ ข่า หรือไม่ 48% ไม่ชอบ 28 อนื่ ๆ 1 5 ทา่ นคิดวา่ สบู่สมุนไพรขา่ (ชนิดกอ้ น) 5 บาท 55 ควรมรี าคาก้อนหนึ่งกี่บาท 10 บาท 3 20 บาท 2 6 ท่านมคี วามคดิ เหน็ อยา่ งไรต่อ เปน็ ผลิตภัณฑใ์ หม่ที่น่า 22 ผลติ ภณั ฑ์สบู่สมุนไพรขา่ (ชนิดก้อน) ทดลองใช้ เป็นผลติ ภณั ฑท์ ่ีมีความ 2 ปลอดภัย 26 เปน็ ผลติ ภัณฑ์ทม่ี สี ว่ นผสม 9 มาจากสมุนไพร เป็นผลิตภณั ฑ์ทช่ี ่วยเพ่มิ มลู ค่าให้กับพชื 7 หากมกี ารวางจาหน่ายผลิตภัณฑ์สบู่ ภายใน 1 สัปดาห์ 29

สมนุ ไพรขา่ (ชนิดก้อน) ท่านคาดวา่ ตดั สินใจซ้อื เม่ือใด ภายใน 2 – 3 สปั ดาห์ 24 40% 8% ภายใน 4 – 6 สปั ดาห์ 5 3% 98% อน่ื ๆ 2 2% 8 หากมกี ารวางจาหน่ายผลิตภัณฑ์สบู่ สนใจ 59 95% สมนุ ไพรข่า (ชนิดก้อน) จากรา้ น 5% 2% สหกรณต์ ามหมู่บ้าน ท่านสนใจซอ้ื 6% หรือไม่ 90% อนื่ ๆ 1 9 ผลท่ีทา่ นได้จากการทดลองใชส้ บู่ ไม่มีอาการแพ้ 57 สมนุ ไพรขา่ (ชนดิ ก้อน) อื่นๆ 3 10 หากทา่ นไม่มีอาการแพ้สบู่สมุนไพร ผวิ พรรณน่มุ เนยี น 1 ข่า (ชนิดก้อน) ผลตามมาคือ ผวิ แลดกู ระจา่ งใส 4 ช่วยรกั ษาโรคกลากเกลอ่ื น 54 อนื่ ๆ 1 2% สรุปผล การทาแบบสอบถามครั้งท่ี สอง การสารวจพฤติกรรมความต้องการของผู้บริโภคเม่ือได้ทดลองใช้ ผลติ ภณั ฑ์สบู่สมนุ ไพรขา่ สบสู่ มนุ ไพรขา่ (ชนดิ กอ้ น) จากการสารวจพบว่าผู้บริโภคมีความสนใจผลิตภัณฑ์สบู่สมุนไพรข่า 98% มีการชื่นชอบแบบบรรจุ ห่อด้วยพลาสตกิ เป็นส่วนมาก ยงั ชอบสบู่ทไ่ี มม่ ีกลิ่นข่า 52% ซึง่ สบสู่ มุนไพรขา่ ควรมรี าคาก้อนล่ะ 5 บาท เม่ือ มีการทดลองใช้แล้วไม่เกิดการแพ้ 95% ผลที่ตามมาส่วนมากใช้รักษาโรคกลากเกลื่อนได้ ถ้าหากมีการวาง จาหน่ายผลติ ภณั ฑ์สบ่สู มุนไพรขา่ สว่ นมากสนใจทจี่ ะซอื้ 98

สบ่สู มนุ ไพรข่า (ชนิดเหลว) ทาเพื่อสารวจความพึงพอใจผลิตภัณฑ์ของผู้บริโภคหลังจากการทดลองใช้สบู่สมุนไพรข่า เพื่อนา ข้อมูลที่ได้หรือข้อมูลความต้องการเกี่ยวกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ท่ีผู้บริโภคต้องการใช้ นากลับมาแก้ไขและ พัฒนาผลิตภัณฑ์ ให้ดีขึ้นโดยกลุ่มของพวกเราได้ทาการสารวจพฤติกรรมความต้องการของผู้บริโภคเม่ือได้ ทดลองใชผ้ ลติ ภัณฑ์สบสู่ มนุ ไพรขา่ (ชนดิ เหลว) ทั้งส้นิ 60 ชดุ จากนน้ั ได้คดิ เปน็ เปอรเ์ ซน็ ต์ สรปุ ผลไดด้ ังตาราง ด้านล่าง ขอ้ ที่ หวั ข้อ ตวั เลือก จานวน เปอร์เซ็นต์ 1 ท่านชอบผลติ ภัณฑส์ บสู่ มนุ ไพรขา่ (ชนดิ ชอบ 55 92% เหลว) หรอื ไม่ 5 8% ไมช่ อบ 2 ท่านคิดว่าจะใช้ผลิตภณั ฑส์ บู่สมุนไพรข่า ใชท้ กุ วัน 11 18% (ชนดิ กอ้ น) ในกาทาความสะอาดผวิ กายบอ่ ย เพยี งไรใน 1 สปั ดาห์ 2-3 ครัง้ 37 62% 4-5 ครงั้ 8 13% อน่ื ๆ 3 5% 3 ทา่ นชอบรปู แบบของผลติ ภัณฑส์ บู่สมุนไพร ชอบ 56 93% ข่า (ชนดิ เหลว) แบบขวดปมั้ /แบบกด หรอื ไม่ ไมช่ อบ 3 5% อนื่ ๆ 1 2% 4 ทา่ นชอบผลติ ภัณฑส์ บสู่ มุนไพรข่า (ชนิด ชอบ 57 95% เหลว) ท่ไี มม่ ีกลนิ่ ข่า หรอื ไม่ ไมช่ อบ 3 5% อนื่ ๆ 18 30% 5 ทา่ นคดิ ว่าสบูส่ มุนไพรขา่ (ชนิดเหลว) ควรมี 20 บาท 29 48% ราคาขวดหน่ึงก่ีบาท 25บาท 19 31% 30 บาท 8 13% อื่นๆ 1 2% 6 ท่านมีความคดิ เหน็ อย่างไรต่อผลติ ภัณฑส์ บู่ เปน็ ผลิตภณั ฑ์ใหม่ท่ีนา่ 26 44%

สมนุ ไพรขา่ (ชนดิ เหลว) ทดลองใช้ 5% 36% 7 หากมีการวางจาหน่ายผลิตภัณฑส์ บู่ เป็นผลิตภณั ฑท์ ม่ี ีความ 3 สมุนไพรข่า (ชนิดก้อน) ทา่ นคาดวา่ ปลอดภัย 13% ตัดสินใจซือ้ เมื่อใด เป็นผลติ ภัณฑท์ ่มี ี 22 27% ส่วนผสมมาจาก สมนุ ไพร 65% เป็นผลติ ภัณฑท์ ช่ี ่วย 8 5% เพิ่มมลู คา่ ใหก้ บั พืช 3% 97% ภายใน 1 สัปดาห์ 16 3% ภายใน 2 – 3 สปั ดาห์ 39 98% 2% ภายใน 4 – 6 สัปดาห์ 3 2% 2% อ่ืนๆ 2 93% 3% 8 หากมกี ารวางจาหน่ายผลิตภัณฑ์สบู่ สนใจ 58 สมุนไพรขา่ (ชนิดเหลว) จากรา้ นสหกรณ์ ตามหมบู่ า้ น ทา่ นสนใจซื้อหรือไม่ อ่นื ๆ 2 9 ผลท่ีทา่ นไดจ้ ากการทดลองใชส้ บสู่ มุนไพรข่า ไมม่ ีอาการแพ้ 59 (ชนิดเหลว) อื่นๆ 1 10 หากท่านไมม่ ีอาการแพ้สบู่สมุนไพรข่า (ชนิด ผิวพรรณนุ่มเนยี น 1 ก้อน) ผลตามมาคือ ผิวแลดูกระจา่ งใส 1 ชว่ ยรกั ษาโรคกลาก 56 เกลือ่ น อ่ืนๆ 2

สรปุ ผล การทาแบบสอบถามครั้งท่ี สอง การสารวจพฤติกรรมความตอ้ งการของผู้บรโิ ภคเมอ่ื ได้ทดลองใช้ ผลิตภณั ฑส์ บู่สมนุ ไพรข่า สบสู่ มนุ ไพรข่า (ชนิดเหลว) จากการสารวจพบว่าผ้บู รโิ ภคมคี วามสนใจผลิตภัณฑ์สบสู่ มุนไพรข่า 92% มีการช่ืนชอบแบบบรรจุห่อ ด้วยพลาสติกเป็นส่วนมาก 93% ยังชอบสบู่ท่ีไมม่ กี ลิ่นข่า 65% ซึ่งสบสู่ มุนไพรขา่ ควรมีราคาขวดล่ะ 20 บาท เมื่อมีการทดลองใช้แล้วไม่เกิดการแพ้ 98% ผลที่ตามมาส่วนมากใช้รักษาโรคกลากเกลื่อนได้ 93% ถ้าหากมี การวางจาหน่ายผลติ ภัณฑ์สบู่สมนุ ไพรข่าสว่ นมากสนใจทจี่ ะซ้อื 97% อภปิ รายผล การทาสบ่สู มนุ ไพรข่าสร้างรายได้ มีการทาแบบสอบถาม การทาแบบสอบถามสองคร้ัง โดยคร้ังที่หนึ่ง คือ การสารวจพฤตกิ รรมความต้องการของผบู้ ริโภคตอ่ ผลิตภัณฑ์สบูส่ มนุ ไพรขา่ โดยมีกลุ่มตัวอย่างท่ัวไปจะเป็น เพศหญิง 63% มีช่วงอายุ 42-47 ปี ที่ต้องการใช้สบู่สมุนไพรข่าชนิดก้อน 25% และมีช่วงอายุ 18-23 ปีท่ี ตอ้ งการใช้สบูส่ มุนไพรชนิดเหลว 19% คิดเป็นรอ้ ยละ 160 ทต่ี ้องการใช้ผลิตภัณฑ์ทาความสะอาดผิวกายทุก วัน ทั้งนี้เนื่องจากกลุ่มผู้บริโภคส่วนมากเป็นนักเรียนนักศึกษา 19% และเกษตร 34% มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน น้อยกว่า 3000 บาท ซ่ึงส่วนผสมหลักของผลิตภัณฑ์ท่ีผู้บริโภคต้องการใช้ในการทาความสะอาดผิวกายเป็น สมุนไพร 39% มีรูปแบบผลิตภัณฑ์เป็นสบู่ท่ีเป็นก้อนท่ีห่อด้วยพลาสติก รองลงมาเป็นรูปแบบผลิตภัณฑ์ท่ี เป็นสบ่เู หลวทผ่ี ้บู รโิ ภคตอ้ งการใช้ที่ใส่ขวดปัม้ /ขวดกด จึงทาให้ทราบว่ามีกลุ่มผู้บริโภคท่ีสนใจ 2 กลุ่มคือกลุ่มที่ 1 ซ่ึงมีอายุ 42-47 ปี มอี าชีพเกษตร ชอบบริโภคสบชู่ นิดก้อน ต้องการห่อด้วยพลาสติก กลุ่มที่ 2 มีอายุ18-23 ปี มีอาชีพเป็นนักเรียนนักศึกษา ชอบบริโภคสบู่ชนิดเหลวท่ีบรรจุด้วยขวดป้ัม/แบบกด ดังนั้นเพื่อเป็นการ สารวจความแนใ่ จกอ่ นมกี ารขายผลติ ภณั ฑ์สบู่จากข่าเพื่อหารายได้เสริม ได้มีการทาแบบสอบถามครั้งท่ี 2 โดย การสารวจพฤติกรรมความต้องการของผู้บริโภคเมื่อได้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์สบู่สมุนไพรข่าโดยเน้น กลุ่มเป้าหมาย 2 กลุ่มหลัก พบว่ากลุ่มที่ 1 ที่ต้องการใช้ผลิตภัณฑ์สบู่สมุนไพรข่าชนิดก้อนมีความชอบใน ผลิตภณั ฑ์ 99% และชอบรปู แบบบรรจภุ ณั ฑ์ท่ีหอ่ ดว้ ยพลาสติก 97% ซึ่งไม่ต้องการกลิ่นข่า 52% ต้องการสบู่ มรี าคาก้อนละ่ 5 บาท 55% จากการทดลองใช้สบู่ชนิดก้อนไม่มีอาการแพ้ใดๆ 95% ซึ่งมีการใช้ผลตามมาช่วย รักษาโรคกลากเกล่ือนได้ ซ่ึงกลุ่มท่ี 2 พบว่าต้องการใช้ผลิตภัณฑ์สบู่สมุนไพรข่าชนิดเหลวมีความชอบใน ผลิตภัณฑ์ 92% และชอบรูปแบบบรรจุภัณฑ์ที่ใส่ขวดแบบป้ัม/แบบกด 93% ซึ่งไม่ต้องการกล่ินข่า 65% ต้องการสบู่มีราคาขวดล่ะ 20 บาท 48% พบว่าปัจจัยที่มีผลทาให้ผู้บริโภคมีความสนใจในการเลือกใช้ ผลิตภัณฑ์มาจากสรรพคุณของผลิตภัณฑ์ 59% และการจาหน่ายท่ีมีการลดราคามีอิทธิพลต่อการจาหน่าย ผลติ ภณั ฑ์ 47%

สรปุ ผล การทาโครงงานเรื่อง สบู่สมุนไพรข่าสร้างรายได้ เป็นโครงงานประเภทเศรษฐศาสตร์ ได้มีการทาสบู่ สมนุ ไพรจากขา่ เพ่ือเพ่ิมรายได้ และสามารถทาเป็นอาชีพเสริมได้ จากนั้นพวกเราได้ออกแบบสอบถามโดยยึด หลักการตลาด 7 Ps โดยออกแบบครั้งท่ีหน่ึง เก่ียวกับการสารวจพฤติกรรมความต้องการของผู้บริโภคต่อ ผลิตภัณฑ์สบู่สมุนไพรข่า ทาให้ทราบว่า ส่วนมากเป็นเพศหญิงท่ีนิยมใช้ผลิตภัณฑ์ทาความสะอาดทุกวัน ซ่ึงมี อายุ 42-47 ปี และในช่วงอายุ 18-23 ปี ส่วนมากมีอาชีพเกษตร และเป็นนักเรียนนักศึกษา มีรายได้เฉลี่ยต่อ เดอื นน้อยกว่า 3000 บาท ซ่งึ สว่ นผสมหลกั ของผลติ ภัณฑ์ท่ที า่ นตอ้ งการใช้เปน็ สมุนไพร มีรูปแบบผลิตภัณฑ์ เป็นก้อน และเป็นชนิดเหลวรองลงมา ดังน้ัน พวกเราจึงได้คิดทาสบู่สมุนไพรข่าชนิดก้อนที่มีบรรจุภัณฑ์ท่ีห่อ ดว้ ยพลาสติก ซ่ึงมีกลิ่นขา่ เล็กน้อย เพราะบางกลุ่มอาจไม่ชอบกล่ินข่ามากเกินไปเพราะมีกล่ินฉุนหรือแสบจมูก เกนิ ไป สว่ นผลิตภัณฑ์ชนิดทส่ี องเป็นสบชู่ นดิ เหลว มีรปู แบบผลติ ภัณฑ์บรรจแุ บบขวดป้ัม/แบบกด ซึ่งมีกล่ินข่า เล็กน้อย เพราะบางกลุ่มอาจไม่ชอบกลิ่นขา่ มากเกนิ ไปเพราะมีกล่นิ ฉุนหรือแสบจมูกเกินไป ขณะในการทาสบู่ก็ มอี ุปสรรคปัญหากค็ อื สบู่มีการเกบ็ รกั ษาได้ไมน่ าน พวกเราได้ทาสบู่เร่ือยๆจนสามารถแก้ไขปัญหาได้ก็คือ การ นาเหง้าข่ามาอบเพื่อฆ่าเชื้อรา จากน้ันได้มีการออกแบบคร้ังที่สองการสารวจพฤติกรรมความต้องการของ ผบู้ ริโภค เพอ่ื ต้องการทราบข้อมูลทีผ่ บู้ รโิ ภคแตล่ ่ะกลมุ่ พอใจหรือไม่อย่างไรในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สบู่ข่า โดย การแจกแบบสอบถามแยกเป็นสองกลุ่มพร้อมการแจกผลิตภัณฑ์สบู่เพ่ือให้ผู้บริโภคได้ทดลองใช้ จากผลของ แบบสอบถามการสารวจพฤติกรรมความต้องการของผู้บริโภค กลุ่มท่ีหน่ึงกลุ่มท่ีนิยมใช้สบู่ชนิดก้อนพบว่ามี ความสนใจมคี วามชอบในผลติ ภณั ฑ์สบู่สมุนไพรข่า 99% และชอบรูปแบบบรรจุภัณฑ์ที่ห่อด้วยพลาสติก 97% ซึ่งชอบสบู่ที่ไม่กล่ินข่า 52% ต้องการสบู่มีราคาก้อนล่ะ 5 บาท 55% จากการทดลองใช้สบู่ชนิดก้อนไม่มี อาการแพ้ใดๆ 95% ซ่ึงมีการใช้ผลตามมาช่วยรักษาโรคกลากเกลื่อนได้ กลุ่มท่ีสองกลุ่มท่ีนิยมใช้สบู่ชนิดเหลว พบว่ามีความสนใจความชื่นชอบในการใช้ผลิตภัณฑ์สบู่สมุนไพรข่าชนิดเหลว 92% และชอบรูปแบบบรรจุ ภัณฑ์ท่ีใส่ขวดแบบป้ัม/แบบกด 93% ซึ่งชอบสบู่ที่ไม่ต้องมีกล่ินข่า 65% ต้องการสบู่มีราคาขวดล่ะ 20 บาท 48% จากผลการทดลองใช้ไม่มีอาการแพ้ใดๆ 95% ซึ่งพบว่าปัจจัยที่มีผลทาให้ผู้บริโภคมีความสนใจในการ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์มาจากสรรพคุณของผลิตภัณฑ์ 59% และการจาหน่ายท่ีมีการลดราคามีอิทธิพลต่อการ จาหน่ายผลิตภัณฑ์ 47% และได้รับความร่วมมือจากการทาแบบสอบถามทั้งสองคร้ัง โดยผู้บริโภคผลิตภัณฑ์ ไดม้ ีขอเสนอแนะหรือขอ้ คดิ ดๆี มาใหก้ ล่มุ พวกเราได้นามาพัฒนาผลิตภัณฑ์สบู่สมุนไพรข่า เช่น พยายามสู้ต่อไป ถ้ามีการทาสบู่ควรให้มีการทดลองใช้ฟรีก่อน ยินดีสนับสนุนในผลิตภัณฑ์ รอใช้สบู่สมุนไพรจากข่าอยู่นะ เป็น การทาจากวัตถุดบิ ธรรมชาติมีความปลอดภัย ผลิตภัณฑ์สะอาดปลอดภัย และไม่มีผลข้างเคียง ถ้าผลิตภัณฑ์ดี เราก็ต้องแจกสินค้า เผื่อว่าสินค้าจะติดตลาด แล้วจะได้ผลิตภัณฑ์ขายที่ต่อเนื่อง คนชอบของฟรี ซึ่งจาก ขอ้ เสนอแนะท้ังหมดนี้ เป็นการพูดให้กาลังใจ รวมท้ังของท่ีควรปฏิบัติ ต้องขอขอบพระคุณทุกๆท่านที่ให้ความ ร่วมมอื ในการตอบแบบสอบถามทั้งสองครงั้ จากการทาสบู่สมุนไพรข่ามีการลงทุนซื้ออุปกรณ์ท้ังหมด 800 บาท ได้มีการทาสบู่สมุนไพรข่าชนิด ก้อนได้ท้ังหมด 10 ก้อน ซึ่งก้อนล่ะ 5 บาท ได้ท้ังหมด 500 บาทและได้ทาสบู่สมุนไพรข่าชนิดเหลวได้ท้ังหมด 20 ขวด ซงึ่ ขวดล่ะ 25 บาท ได้ทั้งหมด 500 บาท รวมสบู่ทั้งสองชนิดมีเงินรวม 1000 บาท เห็นได้ว่า ลงทุน 800 บาท ได้กาไร 200 บาท

เอกสารอา้ งอิง -http://drug.pharmacy.psu.ac.th/Question.asp?ID=3785&gid=3 เข้าถึงเมื่อวันท่ี 5 พฤศจิกายน 2557 -https://www.l3nr.org/posts/337198 เข้าถึงเม่ือวันท่ี 5 พฤศจิกายน 2557 -http://thai-health-article.blogspot.com/2009/06/propionibacterium-acnes-acne.html เขา้ ถงึ เมื่อวนั ที่ 5 พฤศจิกายน 2557 -http://www.trueplookpanya.com/true/ethic_detail.php?cms_id=644 เขา้ ถึงเมอื่ วนั ที่ 5 พฤศจิกายน 2557 -http://www.archeep.com/invention/prd_jun_2011.html เข้าถึงเม่ือวนั ท่ี 5 พฤศจกิ ายน 2557 -http://topicstock.pantip.com/jatujak/topicstock/2008/11/J7210343/J7210343.html เข้าถึง เมอ่ื วนั ท่ี 5 พฤศจิกายน 2557 - http://www.medplant.mahidol.ac.th/active/shownews.asp?id=583 เขา้ ถึงเมื่อวันท่ี 5 พฤศจกิ ายน 2557 - http://agrimedia.agritech.doae.go.th/book/book-veg/VS%20035.pdf เขา้ ถงึ เม่อื วันที่ 5 พฤศจิกายน 2557 http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2_(%E0%B8%9E% E0%B8%B7%E0%B8%8A) เข้าถงึ เม่ือวนั ท่ี 5 พฤศจิกายน 2557 - http://www.yru.ac.th/e-journal/file/pdf_30.pdf ) เข้าถึงเมื่อวันท่ี 5 พฤศจิกายน 2557 - https://www.gotoknow.org/posts/545219 เข้าถึงเมื่อวนั ที่ 5 พฤศจกิ ายน 2557

สญั ญาที่ RDG5740040211 รายงานวจิ ยั ฉบบั สมบูรณ์ โครงงานยอ่ ยที่ 7 เร่ือง น้าพรกิ สมนุ ไพรขา่ สร้างรายได้ ( Galangal Herb Sauce to Make Money ) อาจารย์ทปี่ รกึ ษาโครงงาน นางอาภาพร วรรณสุข คณะผูว้ ิจยั (นกั เรียน) นางสาวสุพรรณษา พลภัฏ นางสาวพจมาลย์ ทองปาน นายเชษฐทวี ทองจันทร์ สนบั สนนุ โดยสานกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การวิจัย(สกว) และ บมจ.ธนาคารกสิกรไทย ชุดโครงการ “เพาะพันธุป์ ญั ญา (พฒั นายุววจิ ยั )”

กติ ตกิ รรมประกาศ ในการจัดทาโครงงาน เรื่อง น้าพริกสมุนไพรข่าสร้างรายได้ ในครั้งน้ี สาเร็จลุล่วงได้ต้อง ขอกราบขอบพระคุณ นายชาตชิ าย สงิ หพ์ รหมสาร ผู้อานวยการโรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร ใน พระสงั ฆราชูปถมั ภ์ นายเชดิ ชัย สิงหค์ บิ ตุ ร รองผูอ้ านวยการโรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร ในพระ สังฆราชูปถัมภ์ คุณครูเดชมณี เนาวโรจน์ ครูสอนวิทยาศาสตร์ คุณครูอาภาพร วรรณสุข ครูสอน วชิ าสงั คมศกึ ษาและเศรษฐศาสตร์ ทใี่ ห้คาชแี้ นะและอานวยความสะดวกในการทาโครงงานครง้ั นี้ กราบขอบพระคุณ คณุ ครูอาภาพร วรรณสุข ครทู ่ีปรึกษา ท่ีให้คาปรึกษา ดูแล แนะนา และ แก้ไข ข้อบกพร่องในการทาโครงงานทุกด้าน กราบขอบพระคุณ คณะครู บุคลากรทางการศึกษา และเพ่ือนนักเรียนที่คอยให้กาลังใจ กราบขอบพระคุณบิดา-มารดา และสมาชิกในครอบครัว ที่ คอยให้กาลงั ใจจนกระทัง่ โครงงาน เรอ่ื ง น้าพรกิ สมนุ ไพรข่าสร้างรายได้ คณะผู้จดั ทา

บทคัดยอ่ ช่อื โครงงาน น้าพริกสมนุ ไพรข่าสรา้ งรายได้ ผจู้ ดั ทา นางสาวสุพรรณษา พลภัฏ นางสาวพจมาลย์ ทองปาน ครูท่ปี รึกษา นายเชษฐทวี ทองจันทร์ โรงเรยี น คุณครูอาภาพร วรรณสุข ปที ี่ทา สมเด็จพระญาณสังวร ในพระสงั ฆราชปู ถมั ภ์ 2557 การทาโครงงานนา้ พริกสมุนไพรข่าสร้างรายได้มีการทาแบบสอบถามสองครั้ง คร้ังท่ีหนึ่งเก่ียวกับการ สารวจพฤติกรรมความต้องการของผู้บรโิ ภคตอ่ ผลิตภัณฑ์น้าพรกิ สมนุ ไพรขา่ พบวา่ พฤติกรรมการรับประทานน้าพริกซึ่งส่วนใหญ่ชอบรับประทานน้าพริกรสเผ็ด 44% รองลงมาคือรส หวาน 32 % และอยากใหน้ ้าพรกิ มสี ่วนผสมส่วนใหญ่เป็นปลาร้า 38% รองลงมาคือกุ้ง 28% มีกล่ินธรรมชาติ คอื กลน่ิ ขา่ บรรจุผลติ ภณั ฑก์ ระปกุ พลาสตกิ 56% ราคาประมาณกระปุกละ 20 บาท จากนั้นได้มีการทาแบบสอบถามคร้ังท่ีสองเกี่ยวกับการสารวจพฤติกรรมความต้องการของผู้บริโภค เมอื่ ได้ทดลองใชผ้ ลิตภณั ฑ์นา้ พรกิ สมนุ ไพรข่า พบว่า ผู้บรโิ ภคมีความชน่ื ชอบในผลติ ภัณฑน์ ้าพริกข่า 86 % มีความสนใจท่ีจะซื้อผลิตภัณฑ์น้าพริกข่า 94 % ซ่ึงน้าพริกสมุนไพรข่าควรมีราคากระปุกละ 20 บาท เมือ่ มกี ารรบั ประทานน้าพรกิ สมุนไพรข่าใชแ้ ล้วไมเ่ กิดการแพ้ 100% และผลิตภัณฑ์น้าพริกข่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ มสี ว่ นผสมจากสมนุ ไพรมปี ระโยชน์ตอ่ รา่ งกาย 80%

บทนา ความเปน็ มาและความสาคัญของโครงงาน ประเทศไทยต้ังอยู่ในเขตภูมอิ ากาศแบบรอ้ นชนื้ ทาใหส้ ภาพภูมิอากาศมคี วามเหมาะสมในการปลูกพืช ประกอบกบั คนไทยมวี ิถีการดาเนินชวี ิตในรปู แบบของการพ่งึ พาตนเองจงึ นิยมทาการเกษตร ปลูกพืช เล้ียงสัตว์ เพ่อื บรโิ ภคและใชป้ ระโยชน์ในการดารงชวี ิต ซงึ่ การปลกู พชื และเลีย้ งสตั ว์สว่ นใหญ่มักทาในรูปแบบของกิจการ ครัวเรือนขนาดเล็ก ใชบ้ รโิ ภคในชวี ติ ประจาวัน พืชท่ีปลูกมักจะเป็นพืชผักสวนครัวที่ปลูกไว้ในบริเวณบ้าน โดย มวี ัตถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ปลกู ไว้สาหรับรบั ประทานเองภายในครอบครวั การปลูกผักสวนครวั ไว้รับประทานจะทาให้ ผู้ปลูกได้รบั ประทานผักสดที่อุดมด้วยวติ ามนิ และเกลอื แร่ต่าง ๆ มีความปลอดภัยจากสารเคมี และยังสามารถ ลดรายจา่ ยในครวั เรอื นได้ (agrimedia.agritech.doae.go.th/book/book-veg/VS%20035.pdf ) ขา่ เปน็ พืชผกั สวนครัวชนดิ หนึง่ ทค่ี นไทยนยิ มปลูก ข่า เป็นพืชท่ีมีลาต้นอยู่ใต้ดินเรียกว่า \"เหง้า\" อยู่ใน วงศ์ขิง เป็นไม้ล้มลุก เป็นพืชสมุนไพรที่นามาใช้ในการประกอบอาหาร ข่าเป็นพืชท่ีนามาใช้ประโยชน์ทางด้าน อาหารมากมาย ใชใ้ สใ่ นต้มขา่ ต้มยา นา้ พรกิ แกงทกุ ชนดิ ใสข่ ่าเป็นสว่ นประกอบ ยกเว้น แกงเหลืองและแกงกอ และทางภาคใต้ที่ไม่นิยมใส่ข่า มีบทบาทในการดับกลิ่นคาวของเนื้อและปลา นอกจากน้ัน ข่ายังมีฤทธ์ิทางยา เหงา้ แกแ่ กป้ วดท้อง จกุ เสียด แนน่ และมีสรรพคุณต่างๆ อีกมากมาย ซ่ึงจากการท่ีข่าเป็นส่วนประกอบของพริกแกงหลายอย่าง คณะผู้จัดทาจึงมีความประสงค์ที่จะทา น้าพริกข่า เพราะน้าพริกเป็นอาหารของคนท้ังในชนบทและเมืองหลวง เพราะน้าพริกทาให้เจริญอาหารได้ดี ช่วยชูรสของอาหาร สามารถรับประทานกับข้าวได้ แทนอาหารประเภทอื่นก็ได้ และสามารถทาน้าพริก จาหน่ายเพือ่ สร้างเปน็ รายได้ เพื่อใช้จ่ายในครัวเรอื นได้อกี ทางหนึ่งด้วย วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพอื่ ชว่ ยเพิ่มรสชาติของอาหาร 2. เพอ่ื ดบั กลิน่ คาวของอาหาร 3. เพ่อื เพมิ่ รายไดใ้ ห้กบั ครัวเรอื น

แนวคดิ และทฤษฎีท่เี กย่ี วข้อง 1. ความเป็นมาของข่า ข่า เปน็ พชื ที่มีลาตน้ อยใู่ ต้ดินเรยี กว่า \"เหงา้ \" อย่ใู นวงศข์ งิ เปน็ ไม้ล้มลุก เป็นพืชสมุนไพรท่ีนามาใช้ ในการประกอบอาหารในประเทศไทยและอินโดนีเซีย ข่ามีช่ือสามัญอื่นอีกคือ กฎุกกโรหินี (กลาง) ข่าหยวก (เหนือ) ข่าหลวง (ตะวันออกเฉียงเหนือ,เหนือ) สะเอเชย (กะเหรี่ยง แม่ฮ่องสอน) และ เสะเออเคย (กะเหรี่ยง แมฮ่ อ่ งสอน) 2. ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ข่าเป็นไม้ล้มลุก สูง 1.5-2 เมตรอยู่เหนือพื้นดิน เหง้ามีข้อและปล้องชัดเจน เน้ือในสีเหลืองและมี กลิ่นหอมเฉพาะ ใบเด่ียวเรียงสลับ รูปใบหอก รูปวงรีหรือเกือบขอบขนาน กว้าง 7-9 ซม. ยาว 20-40 ซม. ดอก ช่อ ออกทย่ี อด ดอกยอ่ ยขนาดเล็ก กลีบดอกสีขาว โคนตดิ กนั เป็นหลอดสั้นๆ ปลายแยกเป็น 3 กลีบ กลีบ ใหญ่ท่ีสุดมีริ้วสีแดง ใบประดบั รปู ไข่ ผล เป็นผลแหง้ แตกได้ รปู กลม 3. สรรพคุณ ข่าเปน็ พชื ท่นี ามาใช้ประโยชน์ทางด้านอาหารมากมาย ใช้ใส่ในตม้ ขา่ ตม้ ยา น้าพริกแกงทุกชนิดใส่ ขา่ เปน็ ส่วนประกอบ ยกเวน้ แกงเหลอื งและแกงกอและทางภาคใต้ที่ไมน่ ยิ มใส่ขา่ มบี ทบาทในการดับกลิน่ คาว ของเนื้อและปลาหน่อขา่ อ่อน เป็นหน่อของข่าทเ่ี พิ่งจะแทงยอดออกมาจากลาตน้ ใต้ดนิ ถา้ อายปุ ระมาณ 3 เดอื นเรียกหน่อข่า ถา้ อายุ 6-8 เดอื นเรยี กข่าอ่อน ถ้าอายุมากกวา่ 1 ปจี ดั เป็นขา่ แก่ หนอ่ ข่าออ่ นทั้งสดและ ลวกใชจ้ ้มิ หลนและน้าพริก นามายาขา่ ยงั มีฤทธิท์ างยา เหงา้ แก่แก้ปวดท้อง จกุ เสยี ด แน่น ดอกใช้ทาแก้กลาก เกลอื้ น ผลชว่ ยยอ่ ยอาหาร แกค้ ลนื่ เหียน อาเจียน ตน้ แก่นาไปเคยี่ วกับน้ามันมะพร้าว ทาแกป้ วดเมื่อย เป็น ตะคริว ใบมรี สเผด็ รอ้ น แก้พยาธิ สารสกดั จากขา่ มีฤทธฆ์ิ า่ เชอ้ื แบคทเี รีย นา้ มันหอมระเหยจากขา่ มีฤทธทิ์ าให้ ไข่แมลงฝอ่ กาจดั เชอื้ ราบางชนิดได้ ใชผ้ สมกบั สะเดาเพ่ือเพ่ิมประสิทธภิ าพในการกาจัดแมลง[4] ข่า ลดการบบี ตวั ของลาไส้ ขบั น้าดี ขบั ลม ลดการอักเสบ ยับยั้งแผลในกระเพาะอาหาร ฆ่าเชือ้ แบคทเี รีย ฆ่าเช้ือราใชร้ กั ษา กลากเกล้ือน http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2_%28%E0%B8%9E%E0%B 8%B7%E0%B8%8A%

4. ประโยชนข์ องขา่ 1. ช่วยให้เจริญอาหาร (ขา่ หลวง) 2. ช่วยบารุงร่างกาย (เหง้า) 3. ชว่ ยบารุงธาตไุ ฟ (หนอ่ ) 4. ขา่ มีสาร 1-acetoxychavicol acetate (ACA) ซง่ึ มีฤทธ์ิยบั ยงั ้ การเกดิ โรคมะเร็งจากการเหนยี วนาของสาร กอ่ มะเร็ง จงึ ชว่ ยป้ องกนั การเกิดโรคมะเร็งไปด้วยในตวั (เหง้า) 5. มฤี ทธิ์ชว่ ยยบั ยงั้ การเจริญเตบิ โตของเซลลม์ ะเร็ง (สารสกดั จากเหง้า) 6. สารสกดั จากเหง้ามฤี ทธ์ิชว่ ยชว่ ยลดระดบั นา้ ตาลในเลอื ด (สารสกดั จากเหง้า) 7. ช่วยรักษาโรคหลอดลมอกั เสบ (เหง้าแก่,สารสกดั จากเหง้า) 8. ช่วยขบั เลอื ดลมให้เดินสะดวก ชว่ ยเพม่ิ การไหลเวยี นของเลอื ดและเพมิ่ การเผาผลาญของร่างกายให้ดีขนึ ้ (ราก) 9. นา้ มนั หอมระเหยจากขา่ มีประโยชน์อยา่ งมากตอ่ ระบบทางเดินหายใจ จงึ มสี ว่ นช่วยแก้อาการหวดั ไอ และ เจ็บคอได้เป็ นอยา่ งดี (สารสกดั จากเหง้า) 10. ช่วยแก้ลมแนน่ หน้าอก (หนอ่ ) 11. ชว่ ยแก้ไข้สนั นบิ าตหน้าเพลงิ (เหง้าแก)่ 12. ขา่ สรรพคณุ ทางยาชว่ ยแก้เสมหะ (เหง้า,ราก) 13. ช่วยแก้อาการคลน่ื ไส้อาเจียน เมารถเมาเรือ ด้วยการใช้เหง้าขา่ แกส่ ด ยาวประมาณ 1 นวิ ้ ฟตุ นามาตาจน ละเอยี ดแล้วเตมิ นา้ ปนู ใส ใช้นา้ ยาดื่มครัง้ ละครึ่งแก้วหลงั อาหารวนั ละ 3 เวลา (เหง้า) 14. ผงจากผลแห้งสามารถนามาใช้รักษาอาการปวดฟันได้ ด้วยการนาผลไปบดแล้วนามาทาบริเวณทป่ี วด (ผล ขา่ ) 15. ใช้เป็ นยาแก้ท้องขนึ ้ ท้องอดื ท้องเฟ้ อ จกุ เสยี ดแนน่ ท้อง ท้องเดนิ ด้วยการใช้เหง้าขา่ แกส่ ด ยาวประมาณ 1 นวิ ้ ฟตุ นามาตาจนละเอยี ดแล้วเตมิ นา้ ปนู ใส ใช้นา้ ยาดมื่ ครงั้ ละคร่ึงแก้วหลงั อาหารวนั ละ 3 เวลา (เหง้า) 16. ดอกขา่ รับประทานชว่ ยแก้อาการท้องเสยี ได้ (ดอก) 17. ช่วยขบั ลมในลาไส้ ด้วยการใช้เหง้าขา่ แกส่ ด ยาวประมาณ 1 นวิ ้ ฟตุ นามาตาจนละเอยี ดแล้วเตมิ นา้ ปนู ใส ใช้นา้ ยาดมื่ ครงั้ ละคร่ึงแก้วหลงั อาหารวนั ละ 3 เวลา (เหง้า) 18. ขา่ สรรพคณุ ช่วยแก้บิด ปวดมวนท้อง ลมป่ วง ด้วยการใช้เหง้าขา่ แกส่ ด ยาวประมาณ 1 นวิ ้ ฟตุ นามาตาจน ละเอยี ดแล้วเตมิ นา้ ปนู ใส ใช้นา้ ยาด่ืมครัง้ ละคร่ึงแก้วหลงั อาหารวนั ละ 3 เวลา (เหง้า) 19. ชว่ ยรักษาโรคท้องร่วง (ผลขา่ ) 20. ชว่ ยอาการแก้อาหารเป็ นพษิ (เหง้า) 21. เหง้าขา่ แกช่ ่วยยอ่ ยอาหาร ช่วยแก้อาการอาหารไมย่ อ่ ย (เหง้าแก่,ผลขา่ ) 22. มฤี ทธ์ิเป็ นยาระบายออ่ นๆ (เหง้า)

23. ชว่ ยยบั ยงั้ แผลในกระเพาะอาหาร (เหง้า) 24. ชว่ ยทาลายสารพษิ ทต่ี กค้างในลาไส้ (สารสกดั จากเหง้า) 25. ช่วยลดการบบี ตวั ของลาไส้ (สารสกดั จากเหง้า) 26. ช่วยขบั นา้ ดี (เหง้า) 27. ชว่ ยแก้ดพี ิการ (ขา่ หลวง) 28. ชว่ ยขบั เลอื ด ขบั นา้ คาวปลา ขบั รก ด้วยการใช้เหง้านามาตากบั มะขามเปียกและเกลอื ให้หญิงรับประทาน หลงั คลอด (เหง้า) 29. ใช้เป็ นยารักษาแผลสด (สารสกดั จากเหง้า) 30. ช่วยลดอาการอกั เสบ (เหง้า) 31. สารสกดั จากเหง้ามฤี ทธ์ิชว่ ยต้านอาการแพ้ตา่ ง (สารสกดั จากเหง้า) 32. ชว่ ยแก้พษิ จากแมลงสตั ว์กดั ตอ่ ย (สารสกดั จากเหง้า) 33. สรรพคณุ ขา่ ใช้รักษาโรคผิวหนงั ตา่ งๆ (เหง้า) 34. ชว่ ยฆา่ เชือ้ แบคทเี รีย และเชือ้ รา (สารสกดั จากเหง้า) 35. ช่วยฆา่ พยาธิ (นา้ มนั หอมระเหย,ใบ) 36. สรรพคณุ ของขา่ ชว่ ยรักษากลากเกลอื ้ น ด้วยการใช้เหง้าแกเ่ ทา่ หวั แมม่ อื นามาตาจนละเอยี ดผสมกบั เหล้า โรง ใช้ทาบริเวณทเี่ ป็ นกลากเกลอื ้ นบอ่ ยๆ จนกวา่ จะหาย (เหง้า,ใบ) 37. ชว่ ยแก้ฝี ดาษ (ดอกของขา่ ลงิ ) 38. ใช้เป็ นยาแก้ลมพษิ ด้วยการใช้เหง้าขา่ แกๆ่ ท่ีสด 1 แง่ง นามาตาจนละเอยี ด แล้วเติมเหล้าโรงพอแฉะ และ ใช้ทงั้ นา้ และเนอื ้ นามาทาบริเวณทเ่ี ป็ นลมพิษบอ่ ยๆ จนกวา่ อาการจะดีขนึ ้ (เหง้า) 39. ชว่ ยแก้โรคนา้ กดั ด้วยการใช้เหง้าแกส่ ดขนาดเทา่ หวั แมม่ ือ นามาตาให้ละเอียดแล้วเติมเหล้าโรงพอทว่ มทงิ ้ ไว้ 2 วนั แล้วใช้สาลชี บุ แล้วทาบริเวณทเี่ ป็ นวนั ละ 3 รอบ (เหง้า) 40. ช่วยแก้ฟกชา้ ข้อเท้าแพลง เคลด็ ขดั ยอก ด้วยการใช้เหง้าแกต่ าละเอยี ด นามาพอกบริเวณทมี่ อี าการ หรือตา ให้ละเอียดแล้วนาไปแชก่ บั เหล้าขาวหรือนา้ ส้มสายชทู งิ ้ ไว้ 1 วนั กรองเอาแตน่ า้ มาใช้ทาบริเวณทีเ่ ป็น (เหง้า) 41. ชว่ ยแก้ตะคริว (เหง้า) 42. ชว่ ยแก้เหนบ็ ชา (เหง้า) 43. ช่วยแก้อาการปวดเม่ือยตามกล้ามเนอื ้ อาการปวดบวมตามข้อ ด้วยการใช้ต้นขา่ แกน่ ามาตาผสมกบั นา้ มนั มะพร้าวแล้วทาแก้อาการ (ต้นแก่,ใบ,สารสกดั จากเหง้า) 44. ดอกและลาต้นออ่ นสามารถใช้รับประทานเป็ นผกั สดได้ (ลาต้น,ดอก) 45. เหง้าของขา่ ลงิ เอามาต้มนา้ แล้วนานา้ มาผสมกบั สรุ า จะช่วยเพมิ่ ดีกรีของสรุ า ทาให้ดกี รีไมต่ ก สรุ ามกี ลนิ่ ฉนุ แรงมากขนึ ้ (เหง้าของขา่ ลงิ ) 46. ชว่ ยแก้กามโรค (เหง้าของขา่ ลงิ ) 47. ช่วยบารุงสมรรถภาพทางเพศ 48. สารสกดั จากเหง้าขา่ มฤี ทธ์ิชว่ ยฆา่ แมงลงวนั ได้ (สารสกดั จากเหง้า)

49. ประโยชน์ขา่ ชว่ ยไลแ่ มลง ด้วยการใช้เหง้านามาตาให้ละเอยี ดเพอ่ื เอานา้ มนั หอมระเหย แล้วนาไปวางใน บริเวณท่ีมีแมลง (เหง้า) 50. ขา่ มีเหง้าทม่ี นี า้ มนั หอมระเหย มกี ลนิ่ หอม สามารถใช้ดบั กลนิ่ คาวของเนอื ้ สตั ว์ ก้งุ หอยปปู ลาได้เป็นอยา่ งดี (สารสกดั จากเหง้า) 51. ในบางประเทศใช้ขา่ เพ่ือชว่ ยระงบั กลน่ิ ปากปากและใช้ดบั กลน่ิ กาย 52. ขา่ ประโยชน์นามาใช้ประกอบอาหารได้หลายชนดิ ไมว่ า่ จะเป็ น ต้มขา่ ไก่ ต้มยาก้งุ ต้มยาปลา แกงมสั มนั่ แกงเทโพ แกงไตปลา ผดั เผ็ด ลาบ ฯลฯ 53. ประโยชน์ของขา่ มกี ารนาขา่ ไปผลติ หรือแปรรูปเป็ นเคร่ืองดื่ม หรือชา ทาลกู ประคบ สเปรย์ดบั กลน่ิ ฯลฯ 54. http://frynn.com/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2/ อุปกรณแ์ ละวธิ ีการทดลอง อปุ กรณ์ 1. ครก-สาก 2. ถ้วย-ชอ้ น-จาน 3. กระทะ-ตะหลวิ วตั ถดุ บิ 1. ข่าแก่คัว่ 5-7 แว่น 2. หอมแดงคัว่ 3 หัว 3. กระเทยี มคว่ั 2-3 กลบี 4. พริกแห้งควั่ 5-6 เมด็ วธิ กี ารทา 1. นาพรกิ มาโขรกใหล้ ะเอียด 2. นาขา่ มาโขรกรวมกบั พรกิ ให้ละเอียด 3. นากระเทียม หวั หอม ท่ีค่ัวเสร็จแลว้ มาโขรกรวมกนั กบั พรกิ และขา่ ใหล้ ะเอยี ด 4. เติมเกลือ 1 ชอ้ นชา แลว้ ชมิ เม่ืออร่อยแลว้ ตักใส่ถว้ ยได้

ผลการวจิ ยั การทาแบบสอบถามคร้ังท่ี หน่ึง คือ การสารวจพฤติกรรมความต้องการของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์ น้าพรกิ สมุนไพรข่า ทาเพ่อื ตอ้ งการทราบข้อมลู พนื้ ฐานทัว่ ไปของผู้บริโภค ข้อมูลพฤติกรรมการใช้ผลิตภัณฑ์ใน การรับประทาน และข้อมูลเก่ียวกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ท่ีผู้บริโภคต้องการใช้ โดยกลุ่มของพวกเราได้ทา แบบสอบถามการสารวจพฤติกรรมความต้องการของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์สบู่สมุนไพรข่า ทาท้ังสิ้น 100 ชุด จากนั้นได้คิดเป็นเปอรเ์ ซ็นต์ สรปุ ผลได้ดังตารางด้านล่าง ตอนที่ 1 ข้อมลู ทั่วไปของผูต้ อบแบบสอบถาม ขอ้ ท่ี หวั ข้อ ตวั เลอื ก จานวน เปอร์เซ็นต์ 39 39 % 1 เพศ ชาย 61 61 % 2 อายุ หญิง 16 16 % 18 – 23 ปี 13 13 % 3 สถานภาพ 24 – 29 ปี 8 8% 4 อาชพี 30 – 35 ปี 9 9% 36 – 41 ปี 21 21 % 42 – 47 ปี 7 7% 48 - 53 ปี 6 6% 54 – 60 ปี 11 11 % 60 ปีขน้ึ ไป 33 33 % โสด 55 55 % สมรส 4 4% หยา่ ร้าง/แยกกนั อยู่ 15 15 % นสิ ิต/นักศึกษา 4 4% ขา้ ราชการ 3 3% พนักงานบริษทั 7 7% ธรุ กิจสว่ นตวั 13 13 % รับจา้ ง

เกษตรกร 44 44 % แม่บา้ น 5 5% 5 รายได้สว่ นตัวเฉล่ียต่อ น้อยกวา่ 3,000 บาท 29 29 % เดอื น 3,000 – 7,000 บาท 40 40 % 7,001 – 12,000 บาท 12 12 % 12,001 – 15,000 บาท 5 5% มากกวา่ 15,000 บาท 5 5% ตอนท่ี 2 ข้อมลู เกี่ยวกบั พฤติกรรมการรับประทานนาพริก เพือ่ บรโิ ภคในชวี ติ ประจาวัน ข้อท่ี หัวข้อ ตัวเลือก จานวน เปอรเ์ ซน็ ต์ 19 19 % 1 ความต้องการในการ มากที่สุด 44 44 % 35 35 % รับประทานอาหาร มาก 2 2% ประเภทน้าพริกของท่าน 65 65 % ปานกลาง 13 13 % 22 22 % น้อย 39 39 % 28 28 % 2 ปกตทิ ่านนิยม ชอบ 29 29 % 4 4% รบั ประทานอาหาร ไมช่ อบ 53 53 % ประเภทนา้ พริกหรอื ไม่ 24 24 % เฉยๆ 20 20 % 3 3% 3 ทา่ นรับประทานอาหาร น้อยกวา่ 2 ครง้ั ประเภทนา้ พริกบ่อย 2 – 3 ครงั้ เพียงไร ต่อ 1 สัปดาห์ 4- 5 คร้ัง มากกวา่ 5 ครัง้ 4 เหตุผลที่ทา่ นเลอื ก เพม่ิ ความอร่อย รบั ประทานอาหาร เพม่ิ รสชาติให้กบั อาหาร ประเภทน้าพริกคือข้อใด ( ตอบได้มากกว่า 1 ขอ้ ) บารงุ สุขภาพ อ่นื ๆ

5 ท่านชอบรบั ประทาน แมงดา 17 17 % 38 38 % อาหารประเภทน้าพริก ปลาร้า 27 27 % ผสมกับอาหารชนดิ ใด 17 17 % กงุ้ - 0% 32 32 % ปลาย่าง 44 44 % 18 18 % อน่ื ๆ 26 26 % 69 69 % 6 ทา่ นชอบรบั ประทาน หวาน 20 20 % 6 6% อาหารประเภทน้าพริก เผ็ด 2 2% รสชาตใิ ด 3 3% เปรี้ยว 47 47 % 31 31 % เคม็ 22 22 % 75 75 % 7 จานวนเงินทที่ ่านซื้อ 20 บาท 5 5% 6 6% อาหารประเภทน้าพริก 21 – 30 บาท 10 10 % แตล่ ะคร้ังอยทู่ ี่เทา่ ใด 4 4% 31 – 40 บาท 45 45 % 21 21 % 41 – 50 บาท 9 9% 20 20 % มากกว่า 50 บาท ขน้ึ ไป 8 เวลาท่านซือ้ อาหาร ผกั สด ประเภทน้าพริกส่วนใหญ่ ผกั ตม้ รบั ประทานคู่กับอะไร ข้าวเปล่า 9 ท่านเลือกซื้อผลติ ภัณฑ์ ตลาด อาหารประเภทน้าพริก ซปุ เปอร์มาร์เก็ต จากสถานที่ใด รา้ นสะดวกซ้ือ 7-11 ร้านคา้ ท่ัวไป อ่ืนๆ 10 ถ้าทา่ นต้องการซอ้ื รสชาติ ผลิตภณั ฑ์อาหาร ราคา ประเภทนา้ พริก คุณสมบัติใดบา้ งที่ท่านใช้ ปรมิ าณ พจิ ารณาในการตดั สินใจ ส่วนผสม

ซอ้ื บรรจุภัณฑ์ 7 7% 20 % 11 บรรจภุ ณั ฑท์ ่ที า่ น กระปุกแกว้ 20 56 % 56 11 % ตอ้ งการซ้ืออาหาร กระปุกพลาสติก 11 12 % ประเภทน้าพริก เมื่อเหน็ 12 1% ผลิตภัณฑ์เปน็ อยา่ งไร กลอ่ งพลาสตกิ 76 % 21 % ถุงพลาสติก 3% 31 % อ่ืนๆ 1 23 % 29 % 12 ถา้ ทา่ นต้องการ ทากินเอง 76 17 % 0% รับประทานอาหาร ซ้อื รบั ประทาน 21 71 % ประเภทน้าพริก ทา่ นทา 3 21 % อยา่ งไร จา้ งผอู้ น่ื ทา 3% 5% 13 ท่านรบั ทราบข้อมลู ของ ไดร้ ับคาแนะนาจากคนร้จู ัก 31 ผลิตภัณฑอ์ าหาร สื่อโฆษณาทางโทรทัศน์ 23 ประเภทน้าพริกจาก สอ่ื โฆษณาทางวทิ ยุ 29 แหลง่ ใดบา้ ง สอ่ื โฆษณาทางหนังสือพิมพ์ / นิตยสาร 17 พนกั งานขาย - 14 ใครเปน็ ผู้มสี ว่ นสาคญั ใน ตวั ทา่ นเอง 71 21 การตดั สินใจซ้ือ บุคคลในครอบครัว 3 ผลิตภณั ฑ์อาหาร 5 ประเภทน้าพริกของท่าน เพอื่ น อนื่ ๆ ตอนท่ี 3 ขอ้ มลู เก่ยี วกบั ผลิตภัณฑ์ ข้อท่ี หัวข้อ ตัวเลือก จานวน เปอร์เซ็นต์ ใชร้ กั ษาโรค 65 65 % 1 ทา่ นเคยใชข้ า่ ในดา้ น ใช้รบั ประทานเพ่ือบารุงสขุ ภาพ 8 8% ใดบา้ ง ใช้ประกอบการทาอาหาร 9 9% ใชบ้ ารุงผวิ พรรณและความงาม 18 18 %

2 ท่านคดิ วา่ นา้ พริก มากท่สี ุด 21 21 % 63 63 % สมนุ ไพรขา่ มีประโยชน์ มาก 16 16 % ตอ่ สุขภาพในระดับใด - 0% ปานกลาง - 0% 17 17 % นอ้ ย 38 38 % 27 27 % นอ้ ยท่ีสดุ 17 17 % 30 30 % 3 ท่านต้องการรบั ประทาน แมงดา 40 40 % 15 15 % อาหารประเภทน้าพริก ปลาร้า 15 15 % สมนุ ไพรขา่ ท่มี ีข่าเป็น 55 55 % ส่วนผสมหลัก มสี ่วนผสม ปลายา่ ง 30 30 % 15 15 % อะไรเพิ่มเติม กุ้งแหง้ 56 56 % 4 ทา่ นตอ้ งการรบั ประทาน หวาน 20 20 % 24 24 % นา้ พรกิ สมนุ ไพรข่า ทีม่ ี เผ็ด ข่าเปน็ สว่ นผสมหลัก ทม่ี ี 69 69 % เปรย้ี ว 20 20 % รสชาติใด 3 3% 3 3% เคม็ 2 2% 5 ทา่ นตอ้ งการรบั ประทาน กลิ่นธรรมชาติ ( ไมม่ ีการเตมิ กลน่ิ ) อาหารประเภทน้าพริก กล่ินสมุนไพร สมุนไพรขา่ ทมี่ ีขา่ เปน็ กลิน่ แมงดา ส่วนผสมหลัก กล่ินใด มากที่สดุ 6 ท่านตอ้ งการรบั ประทาน ใสก่ ระปุกพลาสติก อาหารประเภทน้าพริก ใสก่ ระปุกแกว้ สมุนไพรข่าที่มีขา่ เปน็ ส่วนผสมหลักทท่ี า่ น ใส่ถุงพลาสติก ต้องการใช้มากท่สี ดุ 7 ท่านมีความคิดเห็นว่า 20 บาท ผลติ ภัณฑน์ า้ พรกิ 30 บาท สมุนไพรข่า ควรมรี าคา เทา่ ใด 35 บาท 40 บาท 45 บาท

50 บาท 3 3% 8 ท่านต้องการให้ การลดราคา 30 30 % 4 4% ผลติ ภัณฑน์ ้าพริก การแจกสนิ ค้าตวั อย่างใหท้ ดลอง สมนุ ไพรขา่ มกี ารจัด รับประทาน 26 26 % โปรโมชัน่ เพอ่ื ส่งเสรมิ การ 15 15 % ขายอย่างไรบา้ ง การขายแบบหนึ่งแถมหนงึ่ ทาใหส้ นิ ค้ามีหลายขนาด การโฆษณาตามส่ือตา่ งๆ 25 25 % 9 ท่านตอ้ งการซื้อ ซุปเปอร์มารเ์ ก็ต 9 9% 6 6% ผลติ ภัณฑน์ ้าพรกิ รา้ นค้าสะดวกซื้อ 10 10 % สมุนไพรข่า มกี ารจัดทา 75 75 % รา้ นค้าท่วั ไป หน่ายทีใดบา้ ง ตลาด 10 ท่านมีความคิดเหน็ เปน็ ผลติ ภณั ฑ์ใหมท่ ่ีน่าทดลอง 25 25 % อย่างไรตอ่ ผลติ ภัณฑ์ รับประทาน 30 30 % น้าพริกสมนุ ไพรขา่ เป็นผลิตภัณฑท์ ี่มีความปลอดภัย เป็นผลติ ภัณฑท์ ม่ี สี ว่ นผสมมาจาก 16 16 % ธรรมชาติ เปน็ ผลติ ภัณฑท์ ชี่ ว่ ยเพม่ิ มลู ค่าให้กบั 29 29 % วตั ถดุ บิ ที่มใี นประเทศ 11 หากมีผลติ ภัณฑน์ า้ พริก สนใจ 56 56 % สมนุ ไพรขา่ จาหน่าย ไม่สนใจ 12 12 % ทา่ นสนใจทจี่ ะซ้ือ ไมแ่ น่ใจ 32 32 % รับประทานหรือไม่ สรุป การทาแบบสอบถามครังท่ี หนึ่ง คือ การสารวจพฤติกรรมความต้องการของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์ นา้ พริกสมุนไพรข่า จากการสอบถามท่วั ไปส่วนใหญเ่ ป็นเพศหญิง 61% มีช่วงอายุ 42-47 ปี ส่วนใหญ่มีครอบครัวแล้วท่ี ตอ้ งการรบั ประทานนา้ พรกิ สมุนไพรข่า 44% กลุ่มผู้บริโภคส่วนมากมีอาชีพเกษตรกรรม 44% มีรายได้เฉลี่ย ตอ่ เดอื นประมาณ 3,000 – 7,000 บาท พฤติกรรมการรับประทานน้าพริกซง่ึ ส่วนใหญช่ อบรับประทานนา้ พริกรสเผ็ด 44% รองลงมา คือรสหวาน 32 % และอยากใหน้ า้ พริกขา่ มีส่วนผสมส่วนใหญ่เปน็ ปลาร้า 38% รองลงมาคอื กุ้ง 28% มกี ลนิ่ ธรรมชาติคอื กล่นิ ข่า บรรจผุ ลิตภณั ฑ์กระปุกพลาสติก 56% และราคา กระปกุ ละ 20 บาท

แบบสอบถามครังท่ี สอง การสารวจพฤติกรรมความตอ้ งการของผบู้ รโิ ภคเมอ่ื ไดท้ ดลองรบั ประทาน นาพริกสมุนไพรขา่ ทาเพ่อื สารวจความพงึ พอใจผลิตภณั ฑข์ องผบู้ ริโภคหลงั จากการทดลองรบั ประทานนา้ พริกสมุนไพรข่า เพื่อนาขอ้ มูลทไ่ี ด้หรือข้อมูลความต้องการเก่ียวกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ท่ีผู้บริโภคต้องการใช้ นากลับมาแก้ไข และพฒั นาผลิตภณั ฑ์ ให้ดีขน้ึ โดยกลุ่มของพวกเราได้ทาการสารวจพฤติกรรมความต้องการของผู้บริโภคเมื่อได้ ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์น้าพริกสมุนไพรข่า ท้ังส้ิน 50 ชุด จากน้ันได้คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ สรุปผลได้ดังตาราง ดา้ นล่าง ขอ้ หัวข้อ ตัวเลอื ก จานวน เปอรเ์ ซน็ ต์ ที่ 43 86 % 1 ทา่ นชอบผลติ ภณั ฑ์นา้ พรกิ ข่า ชอบ 7 14 % หรือไม่ ไมช่ อบ 15 30 % 20 40 % 2 ท่านคิดวา่ จะรบั ประทานน้าพริก รับประทานทุกวัน 15 30 % 40 80 % สมนุ ไพรข่า บ่อยเพียงไรต่อ 1 2 – 3 คร้งั 10 20 % 4 8% สปั ดาห์ 4 – 5 คร้ัง 6 12 % 40 80 % 3 ท่านคิดวา่ นา้ พริกสมนุ ไพรข่า หน่ึง 20 บาท 25 50 % กระปุกควรมีราคากบ่ี าท 25 บาท 19 38 % 6 12 % 4 ทา่ นมีความคิดเหน็ อยา่ งไรต่อ เปน็ ผลิตที่นา่ ทดลองรบั ประทาน 47 94 % ผลิตภณั ฑ์นา้ พรกิ สมนุ ไพรข่า เปน็ ผลติ ภัณฑ์ทีม่ ีความปลอดภัย 3 6% เปน็ ผลติ ภณั ฑ์ทมี่ ีสว่ นผสมจาก 50 100 % สมุนไพร - 0% 5 หากมีการวางจาหน่ายน้าพริก ภายใน 1 สปั ดาห์ สมนุ ไพรข่า ทา่ นคาดวา่ จะซ้ือเมอื่ ใด ภายใน 2 -3 สัปดาห์ 4 – 5 สปั ดาห์ 6 หากมีการวางจาหน่ายผลติ ภณั ฑ์ สนใจ น้าพรกิ สมนุ ไพรข่า จากรา้ นสหกรณ์ ไมส่ นใจ ตามหมู่บ้าน ท่าจะสนใจซ้ือหรือไม่ 7 ผลทท่ี า่ นไดท้ ดลองชมิ ผลติ ภัณฑ์ ไมม่ ีอาการแพ้ น้าพรกิ สมุนไพรขา่ มีอาการแพ้

สรุปผล การทาแบบสอบถามคร้ังท่ี สอง การสารวจพฤติกรรมความต้องการของผู้บริโภคเมื่อได้ ทดลองรบั ประทานน้าพรกิ สมนุ ไพรขา่ จากการสารวจพบว่าผ้บู รโิ ภคมีความชอบรบั ประทานในผลิตภณั ฑน์ ้าพรกิ ขา่ 86% มคี วามสนใจ ท่จี ะซื้อผลติ ภัณฑน์ ้าพริกข่า 94 % ซง่ึ นา้ พริกสมนุ ไพรข่าควรมรี าคากระปกุ ละ 20 บาท เมอ่ื มีการ รับประทานน้าพริกสมนุ ไพรข่าใชแ้ ล้วไม่เกดิ การแพ้ 100% และผลติ ภัณฑน์ ้าพริกขา่ เปน็ ผลิตภณั ฑ์ท่มี ี สว่ นผสมจากสมุนไพรมปี ระโยชนต์ ่อรา่ งกาย 80% อภปิ รายผล ในการทาน้าพริกสมนุ ไพรขา่ สร้างรายได้ มกี ารทาแบบสอบถามสองคร้ัง โดยครงั้ ท่หี นึ่ง คือ การสารวจ พฤติกรรมความตอ้ งการของผบู้ รโิ ภคต่อผลิตภัณฑ์น้าพรกิ สมุนไพรข่า โดยมีกลุ่มตัวอย่างทั่วไปส่วนใหญ่จะเป็น เพศหญิง 61% มีช่วงอายุ 42-47 ปี สว่ นใหญ่มีครอบครัวแล้วท่ีต้องการรับประทานน้าพริกสมุนไพรข่า 44% ท้ังน้ีเนื่องจากกลุ่มผู้บริโภคส่วนมากมีอาชีพเกษตรกรรม 44% มีรายได้เฉล่ียต่อเดือนประมาณ 3,000 – 7,000 บาท พฤติกรรมการรับประทานน้าพริกซ่ึงส่วนใหญ่ชอบรับประทานน้าพริกรสเผ็ด 44% รองลงมาคือรส หวาน 32 % และอยากใหน้ า้ พรกิ มสี ว่ นผสมสว่ นใหญ่เปน็ ปลาร้า 38% รองลงมาคือกุ้ง 28% มีกลิ่นธรรมชาติ คือกลน่ิ ข่า บรรจผุ ลิตภัณฑก์ ระปุกพลาสตกิ 56% ราคาประมาณกระปกุ ละ 20 บาท ดังนั้นเพื่อเป็นการสารวจความแน่ใจก่อนมีการขายผลิตภัณฑ์น้าพริกสมุนไพรข่า เพื่อหารายได้เสริม ได้มีการทาแบบสอบถามครั้งท่ี 2 โดยการสารวจพฤติกรรมความต้องการของผู้บริโภคเมื่อได้ทดลอง รบั ประทานผลติ ภัณฑ์สมุนไพรน้าพริกข่า โดยพบว่าผู้บริโภคมีความช่ืนชอบในผลิตภัณฑ์น้าพริกข่า 86 % มีความสนใจท่ีจะซ้ือผลิตภัณฑ์ น้าพริกข่า 94 % ซึ่งน้าพริกสมุนไพรข่าควรมีราคากระปุกละ 20 บาท เมื่อมีการรับประทานน้าพริกสมุนไพร ข่าใช้แลว้ ไมเ่ กดิ การแพ้ 100% และผลิตภัณฑ์นา้ พริกขา่ เป็นผลติ ภัณฑ์ที่มสี ่วนผสมจากสมุนไพรมีประโยชน์ต่อ รา่ งกาย 80% สรุปผล ในการทาโครงงานเรื่อง น้าพริกสมุนไพรข่าสร้างรายได้ เป็นโครงงานประเภทเศรษฐศาสตร์ ได้มีการ ทาน้าพริกสมุนไพรจากข่า เพ่ือเพ่ิมรายได้ และสามารถทาเป็นอาชีพเสริมได้ จากนั้นพวกเราได้ออกแบบ สอบถามโดยยึดหลักการตลาด 7 Ps โดยออกแบบครัง้ ทีห่ นงึ่ เกีย่ วกับการสารวจพฤตกิ รรมความต้องการของ ผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์น้าพริกสมุนไพรข่า ทาให้ทราบว่า ส่วนมากเป็นเพศหญิงที่นิยมรับประทานผลิตภัณฑ์ น้าพริกขา่ ซง่ึ สว่ นใหญ่มีอายุระหว่าง 42-47 ปี มีสถานภาพสมรส ส่วนมากมีอาชีพเกษตรกร มรี ายไดเ้ ฉลี่ย ตอ่ เดือน 3,000 – 7,000 บาท พฤติกรรมการรับประทานน้าพริกซ่ึงส่วนใหญ่ชอบรับประทานน้าพริกรสเผ็ดรองลงมาคือรสหวาน และอยากให้น้าพริกมีส่วนผสมส่วนใหญ่เป็นปลาร้า ผลิตภัณฑ์ท่ีต้องการใส่น้าพริกส่วนใหญ่ต้องการใส่กระปุก

พลาสติก ดังนี้นพวกเราจึงได้จัดทาผลิตภัณฑ์น้าพริกข่าสมุนไพรรสเผ็ด หวาน และมีผสมของปลาร้า ใส่บรรจุ ภัณฑก์ ระปุกพลาสติก และขายในราคากระปกุ ละ 20 บาท และหลงั จากที่ผบู้ รโิ ภคไดล้ องรบั ประทานผลิตภัณฑ์น้าพริกข่าสมุนไพรแล้วพบว่ามีความชื่นชอบและ สนใจในผลิตภัณฑ์น้าพริกข่า เมื่อรับประทานน้าพริกสมุนไพรข่าใช้แล้วไม่เกิดการแพ้ และรู้ว่าผลิตภัณฑ์ น้าพริกข่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมาก ช่วยเพิ่มรสชาติในการ รับประทานอาหาร และข่ายังช่วยดับกลิ่นคาวในอาหาร ทาให้รับประทานอาหารอย่างอร่อยและยังเป็นการ สร้างรายไดใ้ ห้กบั ครวั เรอื นได้อีกดว้ ย ซึ่งพวกเราได้รับความร่วมมือจากการทาแบบสอบถามทั้งสองคร้ัง โดยผู้บริโภคผลิตภัณฑ์ได้มีขอ เสนอแนะที่ดีมาให้กลุ่มพวกเราได้นามาพัฒนาผลิตภัณฑ์น้าพริกสมุนไพรข่า เช่น ยินดีสนับสนุนในผลิตภัณฑ์ น้าพริกสมุนไพรข่า เป็นการทาจากวัตถุดิบธรรมชาติมีความปลอดภัย ผลิตภัณฑ์สะอาดปลอดภัย และไม่มี ผลข้างเคียง ถ้าผลิตภัณฑ์ดี เราก็ต้องแจกสินค้า เผื่อว่าสินค้าจะติดตลาด แล้วจะได้ผลิตภัณฑ์ขายท่ีต่อเน่ือง ซ่งึ จากข้อเสนอแนะทงั้ หมดน้ี เป็นการพดู ใหก้ าลงั ใจ ตอ้ งขอขอบพระคุณทกุ ๆท่านท่ีให้ความร่วมมือในการตอบ แบบสอบถามทั้งสองคร้ัง เอกสารอ้างอิง 1.http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0% B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81 2. http://xn--12c1cpu7eo7l6a.com/history.html 3. http://www.medplant.mahidol.ac.th/pubhealth/alpinia.html 4. http://frynn.com/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2/ 5. https://sites.google.com/site/meuxngxisan/home/withi-chiwit-khxng- chaw-xisan 6. http://www.trueplookpanya.com/new/cms_detail/knowledge/1722-00/

สญั ญาที่ RDG5740040211 รายงานวิจัยฉบับสมบรู ณ์ โครงงานยอ่ ยท่ี 8 เรอ่ื ง นา้ พรกิ สมุนไพรข่าสร้างรายได้ ( Galangal Herb Sauce to Make Money ) อาจารยท์ ่ปี รกึ ษาโครงงาน นางสาว ยาใจ เจริญพงษ์ นางสาว แสงเดือน บกนอ้ ย นาย เดชมณี เนาวโรจน์ คณะผวู้ ิจัย(นักเรียน) นางสาว จนิ ตนา วงษณ์ ะรัตน์ นางสาว กัญญารตั น์ แสนสุด นาย นราธร ทาทอง สนับสนนุ โดยสานักงานกองทนุ สนบั สนนุ การวจิ ยั (สกว) และ บมจ.ธนาคารกสิกรไทย ชดุ โครงการ “เพาะพนั ธุ์ปญั ญา (พัฒนายวุ วจิ ยั )”

กิตตกิ รรมประกาศ โครงงานวิจัยเล่มนี้จะสาเร็จได้ด้วยดีโดยได้รับการสนับสนุนและคาปรึกษาจาก นายเดชมณี เนาวโรจน์ นางสาวยาใจ เจริญพงษ์ นางสาว แสงเดือน บกน้อยซ่ึงเป็นที่ปรึกษาโครงงานเล่มนี้ตลอดจนให้ ความช่วยเหลือด้านต่างๆไม่ว่าจะเป็น การให้ความรู้ด้านการทาโครงงานวิจัย ท่านจะค่อยให้คาปรึกษา คาแนะนาตา่ งๆที่เราไมเ่ ขา้ ใจ และตอ้ งขอขอบคณุ นายชาตชิ าย สิงห์พรหมสาร ผู้อานวยการโรงเรียน นายเชิดชัย สิงห์คิบุตร รอง ผู้อานวยการโรงเรียน คณะอาจารย์จากศูนย์พี่เล้ียงมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ที่ให้การสนับสนุนความรู้และ เอ้ือเฟื้อสถานท่ีในการจัดกิจกรรมหรือการทดลอง และขอบคุณเพ่ือนๆที่ค่อยให้กาลังใจให้ความช่วยเหลือใน ดา้ นต่างๆ จึงทาใหโ้ ครงงานประสบความสาเร็จดว้ ยดี โครงงานเล่มน้ีได้รับความร่วมมือ ร่วมแรง รวมใจจากคณะการทางาน ท่ีมีความมุ่งมั่นต้ังใจในการ ทางานและสละเวลามาช่วยทาโครงงานใหเ้ สรจ็ สมบูรณ์ตามความคาดหวงั คณะผู้จัดทา

ช่อื โครงงาน บทคัดยอ่ ผู้จดั ทา น้าพริกสมุนไพรข่าสร้างรายได้ ครูท่ีปรึกษา นางสาว จินตนา วงษณ์ ะรตั น์ โรงเรยี น นางสาว กัญญารตั น์ แสนสดุ ปีทีท่ า นาย นราธร ทาทอง นายเดชมณี เนาวโรจน์ นางสาวยาใจ เจริญพงษ์ นางสาวแสงเดอื น บกน้อย สมเดจ็ พระญาณสังวร ในพระสงั ฆราชปู ถัมภ์ พ.ศ. 2557 ข่าเป็นสมุนไพรคุ้ยเคยกับเราเป็นอย่างดี เป็นพืชที่จัดเป็นเคร่ืองเทศที่มีความสามารถเป็นท้ัง อาหารและเป็นท้ังยารักษาโรคได้ โดยเฉพาะน้ามันท่ีสกัดได้จากข่าสามารถนามาใช้ประโยชน์ได้อย่างมากมาย การสกัดสารขากข่ามีหลากหลายวิธี แต่ในการทดลองศึกษาการสกัดน้ามันจากข่า โดยวิธีการกล่ันด้วยไอน้า การทดลอง นาส่วนตา่ ง ๆ ของขา่ คอื เหงา้ ข่า ลาต้นข่า และใบข่า จานวน 250 กรัม มาสกัดโดยการกลั่นด้วย ไอนา้ เปน็ เวลา 1 ช่ัวโมง ทาการทดลองซา้ จานวน 5 คร้ัง ผลการทดลอง ปรากฏว่า เหง้าข่าสามารถสกัดน้ามัน ได้มากกว่าลาต้น และใบ ซึ่งจากการดลองยังทาให้พบว่าการสกัดน้ามันจากใบข่า และลาต้น ให้น้ามันข่าน้อย มาก จนไม่สามารถวัดปรมิ าณได้

บทนา ความเปน็ มาและความสาคัญของโครงงาน ประเทศไทยมีพืชสมุนไพรมากมายหลายชนิดซ่ึงคนสมัยโบราณนามาใช้ประโยชน์ นานัปการ การสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน อาทิ น้ามันหอมระเหย (essential oil) จากพืชสมุนไพร (Aromatherapy) และการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากน้ามันหอมระเหย แต่เดิมคนไทยมักนิยมนาพืชสมุนไพร ไปขายต่างประเทศและชาวต่างชาติก็จะนาน้ามันหอมระเหยกลับมาขายยังประเทศของเรา ดังนั้น เราจึง ควรหันมาปลูกจติ สานึกให้คนไทยหันมานยิ มนา้ มนั หอมะเหยของไทย ทเ่ี รียกว่า ไทยทาไทยใช้(อ้างอิง สรุป การบรรยายประชุมวิชาการกรมพัฒนาฯ เร่ือง Natural Flauour จากสมุนไพรไทย โดย จงกชพร พินิจ อักษร วันที่ 5 ต.ค. 2548 ณ หอ้ งประชมุ เบญจกลู กรมพัฒนฯ์ ) ข่าเป็นสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งท่ีคุ้ยเคยอย่างดี คนจานวนมากจึงมองข้ามหรือรู้สึกว่าข่าเป็นพืช ธรรมดาๆไม่มีอะไรพิเศษ แต่ถ้าลองทบทวนภูมิปัญญาของบรรพบุรุษเราก็จะพบความแปลกใจที่คนรุ่น ก่อนช่างสรรหาพืชชนิดนี้มาเป็นสมุนไพรประจาครัวไทยและมีความสาคัญต่ออาหารไทยที่โดดเด่นระดับ โลกน่ันคอื ข่าเปน็ พืชทจ่ี ัดเปน็ เครือ่ งเทศทีม่ ีความสามารถเปน็ ทั้งอาหารและเป็นท้งั ยารกั ษาโรคได้ ด้วยความมหัศจรรย์ข้างต้นท่ีกล่าวมาน้ี ทาให้เราตระหนักและเห็นคุณค่าของพืชจาพวกข่ามาก ขึ้น เราจึงหาวิธีการทาสารที่มีในตัวข่ามาใช้ประโยชน์ จึงเป็นที่มาของการสกัดน้ามันหอมระเหยจากข่า 3 ชนิด ได้แก่ ข่าใหญ่ ข่าตาแดง และ ข่าลิง โดยวัดปริมาณของน้ามันหอมระเหยท่ีกลั่นได้ เพราะสารสกัด ของข่าสดมีสารสกัดจีนอลสามารถฆา่ เชอ้ื ราได้และในการกลั่นมีด้วยกันหลายวิธี แต่เราเลือกที่จะกล่ันด้วย ไอน้า เพราะการกลน่ั ดว้ ยไอนา้ งา่ ยต่อการศึกษาและงา่ ยตอ่ การทดลอง ไม่ยงุ่ ยากและสามารถกล่ันได้อย่าง รวดเร็ว ตวั แปรตน้ ข่าชนดิ เดียวกัน 3 สว่ น(เหง้าขา่ ลาต้นขา่ ใบขา่ ) ตวั แปรตาม ปริมาณนา้ มนั หอมระเหย ตวั แปรควบคุม ชนิดของข่า , ระยะเวลาท่ีสกดั , ปริมาณที่ใช้ทาการทดลอง สมมตฐิ านของโรงงาน สว่ นของข่าตา่ งกัน สกดั น้ามนั หอมระเหยได้ไมเ่ ท่ากนั

เหง้าขา่ สว่ นใดของขา่ มากกวา่ ? ปริมาณนา้ มนั หอมระเหย ลาต้นขา่ สกดั กลน่ั ด้วยไอนา้ เหง้าขา่ ผังเหตุ-ผล หรอื ตัวแปรตน้ (เหต)ุ ตัวแปรตาม(ผล)ของโครงงานวจิ ัยนี แนวคิด และทฤษฎที ี่เกี่ยวข้อง ขา่ ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Alpiniagalanga (L.) Willd. ชื่อสามญั : Galanga วงศ์ : Zingiberaceae ช่ืออืน่ : ข่าหยวก ข่าหลวง (ภาคเหนอื ) , กฏกุ กโรหนิ ี (ภาคกลาง) ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ล้มลกุ สูง 1.5-2 เมตร เหงา้ มขี ้อและปลอ้ งชดั เจน ใบ เด่ียว เรียงสลบั รูปใบ หอก รปู วงรีหรอื เกือบขอบขนาน กวา้ ง 7-9 ซม. ยาว 20-40 ซม. ดอก ช่อ ออกที่ยอด ดอกย่อยขนาดเล็ก กลบี ดอกสขี าว โคนตดิ กันเป็นหลอดสนั้ ๆ ปลายแยกเป็น 3 กลีบ กลีบใหญ่ทีส่ ดุ มีร้วิ สีแดง ใบประดบั รูปไข่ ผล เป็นผลแห้งแตกได้ รปู กลม สรรพคุณ: ข่าเปน็ พชื ทน่ี ามาใช้ประโยชน์ทางดา้ นอาหารมากมาย ใช้ใสใ่ นตม้ ข่า ตม้ ยา น้าพรกิ แกงทุกชนิดใส่ ขา่ เปน็ ส่วนประกอบ ยกเว้น แกงเหลืองและแกงกอและทางภาคใตท้ ่ีไม่นยิ มใสข่ ่า มีบทบาทในการดับกลน่ิ คาว ของเน้ือและปลา นอกจากนั้น ข่ายงั มฤี ทธท์ิ างยา เหงา้ แกแ่ ก้ปวดท้อง จุกเสียด แน่น ดอกใช้ทาแกก้ ลาก เกล้อื น ผลชว่ ยย่อยอาหาร แก้คลืน่ เหยี น อาเจียน ตน้ แกน่ าไปเคีย่ วกบั น้ามนั มะพร้าว ทาแก้ปวดเม่ือย เปน็ ตะคริว ใบมีรสเผ็ดร้อน แก้พยาธิ สารสกดั จากข่ามีฤทธ์ิฆ่าเช้อื แบคทีเรีย นา้ มนั หอมระเหยจากขา่ มีฤทธิ์ทาให้ ไขแ่ มลงฝ่อ กาจัดเช้ือราบางชนิดได้ ใชผ้ สมกบั สะเดาเพ่ือเพ่ิมประสิทธิภาพในการกาจดั แมลงข่า ลดการบบี ตวั

ของลาไส้ ขบั นา้ ดี ขับลม ลดการอักเสบ ยับย้ังแผลในกระเพาะอาหาร ฆา่ เชื้อแบคทเี รยี ฆ่าเชอื้ ราใชร้ ักษา กลากเกลื้อน การทดสอบความเปน็ พิษ สารสกัดข่าด้วยเอทานอล ร้อยละ 50 ไม่พบความเป็นพิษเม่ือให้ทางปากหรือฉีดเข้าใต้ผิวหนัง หนู แต่มีความเป็นพิษปานกลางถึงมากเมื่อฉีดเข้าช่องท้องหนู สารสกัดเหง้าข่าด้วยเอทานอลร้อยละ 95 ไม่ พบความเป็นพิษเมื่อให้หนูทางปากในขนาด 3 กรัม/กิโลกรัม น้ามันหอมระเหยจากเหง้าข่ามีความเป็นพิษ ปานกลางเม่อื ฉดี เขา้ ช่องทอ้ งหนูตะเภา สารสกดั แอลกอฮอล์จากเหง้าข่าขนาด 100 มิลลิลิตร/กิโลกรัม ไม่พบ ความเปน็ พษิ เมอ่ื ฉีดเข้าช่องท้องหนูเมาสต์ ดิ ตอ่ กัน 7 วนั การทดสอบความเป็นพิษก่ึงเร้ือรัง พบว่าสารสกัดข่าด้วย เอทานอลร้อยละ 95 ให้หนูโดยผสม กับน้าดมื่ ในขนาด 100 มลิ ลิกรมั /กิโลกรัม ติดตอ่ กนั 3 เดือน ทาใหห้ นูตายถึงร้อยละ 15 ( http://www.rspg.or.th/plants_data/herbs/herbs_02_1.htm) การสกดั นามนั หอมระเหย น้ามันหอมระเหย ( Essential Oil) คือ นา้ มันท่ีพืชสรา้ งข้ึนและเกบ็ ไว้ในส่วนตา่ งๆ ของพืช เช่น ดอก ใบผล ลาต้น ตลอดจนเมล็ดซึง่ จะพบ แตกตา่ งกันไปในพชื แตล่ ะชนดิ คุณสมบัตทิ ีเ่ ดน่ ชัด คือ มีกลนิ่ หอมและ ระเหยได้ง่ายทอี่ ุณหภูมิปกติ นา้ มนั หอมระเหยเป็นกลมุ่ สารอนิ ทรีย์ กล่ินดงั กลา่ วไม่จาเปน็ ต้องหอมเสมอไป สะสมอยู่ในบริเวณผนังเซลล์ จากพชื เปน็ ผลพลอยไดท้ เ่ี กิดขึน้ จากการเจริญเตบิ โต ซง่ึ ประกอบด้วย 2 ขบวนการ คอื การเผาผลาญ (catabolism) และการสรา้ ง (anabolism) ปรมิ าณและคุณภาพน้ามนั หอมระเหยข้นึ อย่กู บั ปัจจยั หลายประการ เช่น ดนิ ภูมิอากาศ อณุ หภูมิ ปรมิ าณนา้ ฝน ความสงู จากระดับน้าทะเล การเกบ็ เกีย่ ว ตลอดจนเทคนิค และวิธกี ารสกดั และการกล่นั ใส ปัจจบุ นั นา้ มนั หอมระเหยกลายเปน็ สง่ิ จาเป็นตอ่ มนุษยเ์ พมิ่ ขึ้น และมีบทบาทอย่างกว้างขวางใน วงการอตุ สาหกรรม ทงั้ ทางด้านบริโภคและอปุ โภค และท่ีเกยี่ วข้องกบั ชวี ติ ประจาวัน จะเห็นไดว้ า่ ในแต่ละ วนั ตั้งแต่เช้าจรดคา่ ต่ืนเชา้ ขึ้นมา ลา้ งหนา้ แปรงฟนั อาบน้า หวีผม แต่งหนา้ ล้วนแล้วแตใ่ ชใ้ นเคร่ือง อุปโภคชว่ ยปรงุ แต่งด้วยน้ามันหอมระเหย และเครื่องหอมทง้ั ส้นิ นับตั้งแต่ สบู่ ยาสี ฟัน ยาสระผม นา้ มนั ใสผ่ ม โลชั่น โคโลญจ์ เป็นต้น และปัจจุบันประเทศไทยต้องสัง่ นา้ มันหอมระเหยและกลนิ่ ต่างๆ เข้ามา คิดเป็นมลู ค่าหลายพนั ลา้ นบาท โดยเฉพาะโรงงานอุตสาหกรรมท้งั เครื่องบรโิ ภคและอปุ โภค อตุ สาหกรรม อาหาร เครื่องสาอาง ผงซักฟอก ยาสบู เบยี ร์ สบู่ นมสด ไอศกรมี ฯลฯ ซึง่ มอี ยู่ ในประเทศไทยมากกว่า 200 โรงงาน โรงงานเหล่านมี้ คี วามจาเป็นตอ้ งใช้น้ามันหอมระเหยกลนิ่ หอมต่างๆ การสกดั น้ามันหอมระเหยมีอยู่ 5 วธิ ี คือ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook