ภาคผนวก ประชุมเลอื กหัวขอ้ ในกำรทำโครงงำน ลงพนื้ ที่ทำแบบสัมภำษณ์ นำเสนอเคำ้ โครงกำรทำโครงงำน 50
ลงพืน้ ที่ทำแบบสอบถำม มวี ทิ ยำกรมำใหค้ วำมรเู้ พ่ิมเติมเก่ียวกำรประกอบอำชีพขำยไก่ยำ่ ง 51
ภาคผนวก (ก) รายชื่อผ้ใู ห้สมั ภาษณ์ 1 นำงปรำณี พิมพ์จันทร 11 นำงรัชนี ทองทำ นำงวนั สุตตะคำน 2 นำงจำรวุ รรณ กองทำ 12 นำงรชั นี ทองทำ นำงประไพร สุตะคำน 3 นำงยุวดี โสวรรณี 13 นำยเลศิ ภำคะ นำยเจริญ วงศช์ ำลี 4 นำงวไิ ลพร อุบลบำล 14 นำงบัน ขันธรุ ำ นำงคำกร ทองคำ 5 นำงอนงคล์ กั ษณ์ นักผกู 15 นำงสุวมิ ล วงศ์อนนั ท์ นำยถวนิ บญุ สำร 6 นำงสมหมำย เสำแก้ว 16 นำงบวั ลอง รวมธรรม 7 นำยสมำน กองธรรม 17 8 นำงอ้วน ภำคะ 18 9 นำยสำคร ภำคะ 19 10 นำงปรำนี กองธรรม 20 21 52
ภาคผนวก (ข ) แบบสมั ภาษณ์ แบบสมั ภาษณง์ านวจิ ัย เร่ือง การศึกษาอาชพี ขายไกย่ า่ งของชมุ ชนบ้านดงแคนใหญ่ ต.ดงแคนใหญ่ อ.คาเขือ่ นแก้ว จ.ยโสธร แบบสมั ภำษณน์ ี้ สร้ำงขนึ้ เพอื่ ศึกษำวจิ ยั เกย่ี วกบั เรือ่ ง อำชพี ไก่ย่ำงบ้ำนแคน ตำบลดงแคนใหญ่ อำเภอคำเข่อื นแก้ว จังหวดั ยโสธร ทำ่ นเปน็ ผู้หน่งึ ท่สี ำมำรถให้ข้อมลู ทเี่ ป็นประโยชน์แก่งำนวิจัยและกำรวิจัยนีจ้ ะนำขอ้ มลู มำ ประกอบกำรเรยี นรขู้ องนกั เรียนในโครงกำรเพำะพันธ์ปุ ัญญำ โรงเรยี นสมเดจ็ พระญำณสงั วร ในพระสงั ฆรำชูปถัมภ์ ศูนย์พเ่ี ลย้ี ง มหำวทิ ยำลยั อบุ ลรำชธำนี ผลกำรศกึ ษำท่ีได้จะไมอ่ ำ้ งถงึ บุคคลหรอื หนว่ ยงำน และจะสรุปผลเป็นภำพรวม แบบสัมภาษณ์ประกอบดว้ ย 3 ขน้ั ตอน ดงั นี้ ตอนท่ี 1 เปน็ คำถำมเก่ียวกับขอ้ มลู พ้ืนฐำนของผู้ให้สัมภำษณ์ ตอนที่ 2 อดตี ปัจจบุ ัน และอนำคตของอำชพี คนขำยไก่ยำ่ ง ตอนที่ 3 กำรประกอบอำชพี ขำยไกย่ ำ่ ง จงึ ขอความร่วมมือจากท่านในการตอบแบบสอบถาม กรุณาตอบคาถามทุกขอ้ ตามความเปน็ จรงิ ตรงตามความร้สู ึกของทา่ นขอขอบพระคุณท่านทก่ี รณุ าสละเวลาในการตอบแบบสอบถามน้ี ............................................................................................................................................................. ตอนท่ี 1 เป็นคาถามเก่ยี วกบั ข้อมูลพ้นื ฐานของผู้ให้สัมภาษณ์ ช่ือ .................................................................................................................................... ท่อี ยู่ .................................................................................................................................. 1. เพศ ชำย หญิง 2. อายุ ตงั้ แต่ 25-35 ปี ต้ังแต่ 36-45 ปี ต่ำว่ำ 25 ปี สงู กว่ำ 55 ปขี นึ้ ไป ตั้งแต่ 46-55 ปี 3. ระดับการศกึ ษา ระดับมธั ยมศึกษำ ระดบั ประถมศกึ ษำ สงู กวำ่ ปรญิ ญำตรี ระดับปรญิ ญำตรี 4. ระยะเวลาในกาประกอบอาชพี 1 - 10 ปี 11 - 20 ป 21 - 30 ปี มำกกว่ำ 30 ปี 5. ระดับรายได้ 15,001 -30,000 บำท / เดอื น น้อยกว่ำ 15,000 บำท / เดือน 40,001 -50,000 บำท / เดือน 30,001 - 40,000 บำท / เดือน มำกกว่ำ 50,000บำทขึน้ ไป 53
ตอนท่ี 2 อดตี ปัจจบุ นั และอนาคตของอาชพี คนขายไก่ยา่ ง 1. มปี ระวตั คิ วำมเปน็ มำอยำ่ งไร 2. เพรำะเหตุใดจงึ ทำอำชีพขำยไกย่ ำ่ ง 3. ควำมเป็นอยกู่ อ่ นและหลังกำรประกอบอำชีพขำยไกย่ ่ำง 4. สตู รทใ่ี ช้ คิดค้นเอง/สบื ทอด/รบั มำจำกคนอืน่ 5. ช่วงเวลำทีข่ ำยไก่ยำ่ งไดดีท่สี ดุ 6. สภำวะเศรษฐกิจมผี ลกระทบอยำ่ งไร 7. เคล็ดลบั ในกำรเพม่ิ ยอดขำย ตอนท่ี 3 การประกอบอาชพี ขายไกย่ ่าง 1. ทุนท่ีใช้ในกำรผลิตเปน็ ทนุ ตนเอง หรอื กู้ยืมมำจำกทใ่ี ด ถำ้ กมู้ ำตอ้ งจำ่ ยดอกเบ้ียหรือไม่ จำ่ ยดอกเบ้ียต่อหนว่ ยเท่ำไหร่ 2. ต้นทนุ ต่อหนว่ ยประมำณเทำ่ ไร 3. รำคำขำยต่อหนว่ ยประมำณเทำ่ ไร 4. กำไรตอ่ หนว่ ยประมำณเทำ่ ไร(เมื่อเปรยี บเทียบต้นทนุ กบั รำคำขำย) 5. วิธกี ำรจำหนำ่ ยไกย่ ำ่ งทำอยำ่ งไร (ลกู ค้ำรบั ประทำนทีร่ ้ำน/ซ้ือไปรับประทำนทบี่ ้ำน) 6. มกี ำรขำยส่งบ้ำงหรือไม่ หรือมีเฉพำะกำรขำยปลีก 7. ในแต่ละวันขำยไก่ยำ่ งไดก้ ำไรวนั ละประมำณกีบ่ ำท (หักต้นทนุ ออกแล้ว) 8. ขั้นตอนในกำรผลิตไก่ย่ำงทำอยำ่ งไร 54
ภาคผนวก (ค) แบบสอบถาม แบบสอบถามงานวจิ ยั เร่อื ง การศึกษาต้นทนุ และผลกาไรของผูป้ ระกอบอาชีพขายไก่ย่าง ของบ้านดงแคนใหญ่ แบบสอบถำมน้ี สรำ้ งข้นึ เพื่อศกึ ษำวิจัยเกีย่ วกับเรอื่ ง กำรศึกษำต้นทนุ และผลกำไร ของผู้ ประกอบอำชพี ขำยไกย่ ำ่ งของบ้ำนดงแคนใหญ่ ตำบลดงแคนใหญ่ อำเภอคำเขอ่ื นแกว้ จงั หวัดยโสธร ท่ำนเป็นผหู้ น่ึงที่ สำมำรถให้ข้อมลู ท่ีเปน็ ประโยชนแ์ กง่ ำนวจิ ยั และกำรวจิ ัยนจี้ ะนำขอ้ มลู มำประกอบกำรเรยี นรู้ของนักเรยี นในโครงกำรเพำะพนั ธ์ุ ปญั ญำ โรงเรียนสมเดจ็ พระญำณสังวร ในพระสังฆรำชปู ถัมภ์ ศนู ยพ์ ี่เล้ยี งมหำวทิ ยำลยั อบุ ลรำชธำนี ผลกำรศึกษำทีไ่ ดจ้ ะไมอ่ ำ้ งถึงบคุ คลหรอื หน่วยงำน และจะสรปุ ผล เปน็ ภำพรวม แบบสอบถำมประกอบดว้ ย 3 ข้นั ตอน ดังนี้ ตอนที่ 1 คำถำมเกย่ี วกับข้อมลู พื้นฐำนของผูใ้ หส้ ัมภำษณ์ ตอนที่ 2 ตน้ ทนุ กำรประกอบอำชีพขำยไกย่ ำ่ ง ตอนท่ี 3 ผลประกอบกำร จงึ ขอควำมร่วมมอื จำกทำ่ นในกำรตอบแบบสอบถำม กรณุ ำตอบคำถำมทกุ ขอ้ ตำมควำมเป็นจรงิ ตรงตำมควำมรสู้ ึกของท่ำนขอขอบพระคุณทำ่ นท่กี รุณำสละเวลำในกำรตอบแบบสอบถำมน้ี .............................................................................................................................................................................. ตอนท่ี 1 คาถามเกย่ี วกับขอ้ มลู พ้ืนฐานของผใู้ หส้ ัมภาษณ์ ช่ือ ......................................................................................................................................... ทีอ่ ยู่ ....................................................................................................................................... 1. เพศ ชำย หญิง 2. อายุ ต่ำกว่ำ 25 ปี 25 - 35 ปี ตงั้ 36 - 45 ปี 46 - 55 ปี มำกกวำ่ 55 ปีขนึ้ ไป 3. ระดับการศึกษา ระดบั มัธยมศึกษำ ระดับประถมศกึ ษำ สงู กวำ่ ปริญญำตรี ระดบั ปรญิ ญำตรี 4. ระยะเวลาในการประกอบอาชพี 1 - 10 ปี 11 - 20 ปี 21 - 30 ปี มำกกว่ำ 30 ปี 5. รายได้ น้อยกว่ำ 15,000 บำท / เดือน 15,001 - 30,000 บำท / เดือน 30,001 - 40,000 บำท / เดือน 40,001 - 50,000 บำท / เดอื น มำ มำกกวำ่ 50,000บำท ขน้ึ ไป 6. กอ่ นจะมาประกอบอาชีพขายไกย่ า่ งเคยประกอบอาชพี ใดมาก่อน ทำไร่-ทำนำ ทำงำนบรษิ ัท รับจ้ำงท่ัวไป รับรำชกำร อื่นๆ 55
7. เพราะเหตุใดจึงประกอบอาชพี ขายไก่ยา่ ง อำชพี อิสระ สบื ทอดมำจำกรุ่นสรู่ ุ่น เป็นอำชพี ท่ีคนในพน้ื ทีน่ ิยมทำกัน อนื่ ๆ......... เคยประกอบอำชีพอนื่ แล้วเปลีย่ นมำขำยไกย่ ่ำง ตอนท่ี 2 ต้นทุนการประกอบอาชีพขายไก่ย่าง 1. สถานท่ปี ระกอบการขายไก่ยา่ ง ทีด่ นิ ของตนเอง เช่ำ มหี นุ้ สว่ น 2. ทุนทใี่ ช้ในกำรผลิต กู้ยืม ทนุ ของตนเอง 3. ชนิดของไก่ท่ีนำมำยำ่ ง ไก่พนั ธเ์ุ กรด A ไกพ่ ันธเุ์ กรด C ไกพ่ นั ธุเ์ กรดพืน้ บ้ำน อืน่ ๆ ……... 4. รบั ไกม่ ำจำกที่ใด ฟำรม์ ไก่บ้ำนหนองแปน ฟำรม์ ไกบ่ ้ำนกลำงนำ อน่ื ๆ……… 5. รำคำไก่ดบิ ทรี่ ับซอ้ื ตอ่ ตัว น้อยกว่ำ 60 บำท 61 – 70 บำท 71 – 80 บำท มำกกว่ำ 80 บำท 6. รำคำไมห้ นีบไก่ นอ้ ยกวำ่ 60 บำท 61 – 70 บำท 71 – 80 บำท มำกกว่ำ 80 บำท 7. รำคำต้นทุนเครอ่ื งปรุงเฉลย่ี ตอ่ 1 วนั น้อยกว่ำ 50 บำท 51 - 100 บำท 101 – 200 บำท มำกกว่ำ 200 บำท 8. รำคำต้นทนุ ถ่ำนเฉลยี่ ต่อวนั นอ้ ยกวำ่ 50 บำท 51 – 60 บำท 61 – 70 บำท มำกกว่ำ 70 บำท ตอนที่ 3 ผลประกอบการ 1.รำคำขำยไกย่ ำ่ งตวั ละเท่ำไหร่ 80 - 100 บำท 100 – 120 บำท 120 – 150 บำท อื่นๆ ………… 2. ขำยไก่ยำ่ งไดว้ นั ละก่ีตัว น้อยกว่ำ 20 ตวั 20 – 30 ตัว 30 – 40 ตวั มำกกว่ำ 40 ตัว 3. ชว่ งเวลำทขี่ ำยไก่ย่ำงไดด้ ีท่ีสุด ช่วงวนั ธรรมดำ วนั เสำร์ – อำทิตย์ ช่วงเทศกำล วนั หยุดนกั ขตั ฤกษ์ 4.กลยทุ ธใ์ นการเพิ่มยอดขาย ขำยอยำ่ งอน่ื ควบคกู่ ันไปด้วยเชน่ สม้ ตำ น้ำตก ฯลฯ ซ้ือครบ 10 ไม้แถมฟรี 1 ไม้ ขำยรำคำถูกกว่ำรำ้ นอนื่ ๆ ตดิ ป้ำยรำ้ นปำ้ ยรำคำให้เด่นชดั เพ่ือเป็นจุดสนใจให้กบั ลกู ค้ำ 5.ควำมพงึ พอใจในรำยได้จำกกำรประกอบอำชพี ขำยไก่ยำ่ ง มำกท่ีสุด มำก ปำนกลำง น้อย น้อยมำก 6.คิดว่ำในอนำคตจะยงั ประกอบอำชพี ขำยไกย่ ่ำงอยู่ไหม ขำยต่อไป ไมแ่ น่ใจ อำจจะเปลี่ยนอำชีพ 56
ภาคผนวก (ง) ภาพถา่ ยการลงพ้นื ท่ีเก็บข้อมูล ภาพถา่ ยการลงพ้ืนท่เี กบ็ ข้อมูล 57
สญั ญำท่ี RDG5740040/59-11 โครงงำน RBL เร่ือง กำรเปรยี บเทยี บพลังงำนจำกถำ่ นไมย้ ูคำ ไม้กระถิ่นณรงค์ และไมพ้ อก ชอื่ ผู้จัดทำโครงงำน 1. นำงสำว อันธยิ ำ ทองเจยี ว 2. นำงสำว อรวรำ สรำญรมย์ 3. นำย ทิวำ จำรึกธรรม 4. นำย ณฐั เดช จนั ทร์ดง ครูท่ปี รึกษำ นำยกติ พิ งษ์ บุญสำร ศนู ยพ์ เี่ ลยี้ งมหำวทิ ยำลยั อุบลรำชธำนี โรงเรยี นสมเดจ็ พระญำณสังวร ในพระสงั ฆรำชูปถมั ภ์ อำเภอคำเขือ่ นแก้ว จงั หวดั ยโสธร สำนักงำนเขตพ้ืนทีก่ ำรศกึ ษำมัธยมศึกษำ เขต 28 58
กิตตกิ รรมประกาศ โครงงำนเร่ือง กำรเปรียบเทียบพลงั งำนจำกถ่ำนไม้ยูคำ ไม้กระถ่ินณรงค์ และไม้พอก สำเร็จลุลว่ งไดด้ ้วย ควำมกรณุ ำของอำจำรย์ทป่ี รึกษำโครงงำน ได้แก่อำจำรย์กิตพิ งษ์ บุญสำร อำจำรย์ เดชมณี เนำวโรจน์ และ อำจำรยใ์ นแผนกวชิ ำวิทยำศำสตร์ ทไ่ี ดใ้ ห้คำปรึกษำ แนะนำ ชแ้ี นะในกำรศกึ ษำคน้ คว้ำ แนะนำขนั้ ตอนและวธิ ี จดั ทำโครงงำนจนสำเร็จลลุ ว่ งด้วยดี คณะผจู้ ัดทำจึงขอกรำบขอบพระคณุ เปน็ อย่ำงสูงไว้ ณ โอกำสนี้ ขอกรำบขอบพระคุณ นำยเฉลมิ เกียรติ ทองเจยี ว ที่ใหค้ วำมอนุเครำะห์ดำ้ น อุปกรณ์ ตลอดจนได้ใหค้ ำปรึกษำ แนะนำกำรจดั ทำโครงงำนจนประสบผลสำเร็จ ขอกรำบขอบพระคุณ บดิ ำ มำรดำ ท่ใี ห้กำลงั ใจในกำรศกึ ษำเลำ่ เรยี นและสมำชิกในกลุม่ ทใี่ หค้ วำม รว่ มมือเปน็ อยำ่ งดี ในกำรทำโครงงำนครง้ั น้ี จนกระทัง่ ประสบควำมสำเรจ็ ดว้ ยดี 59
บทคดั ย่อ เนอื่ งจำกชมุ ชนขำยไก่ยำ่ ง ในกำรยำ่ งไก่เรำจะใช้ถ่ำนเป็นเชอ้ื เพลงิ ในกำรย่ำงไก่เสมอ แตบ่ ำงครง้ั ถำ่ นที่ นำมำใช้ย่ำงไก่นนั้ เมื่อก่อไฟขึ้น จะแตก กระเดน็ ไปทัว่ และบำงคร้ังถำ่ นยังให้พลงั งำนนอ้ ย พวกเรำจึงทำ โครงงำนวิจยั เก่ยี วกับกำรเปรยี บเทยี บพลังงำนจำกถ่ำน ซงึ่ มีประโยชน์มำก เช่น กำรเลือกไม้มำยำ่ งไก่ ประกอบกับชมุ ชนของเรำท่ที ำอำชพี ขำยไกย่ ่ำง ซง่ึ พวกเรำอยำกทรำบวำ่ ถ่ำนไมย้ ูคำ ถ่ำนไม้กระถิ่นณรงค์ และ ถ่ำนไม้พอกนั้น ถำ่ นชนดิ ไหนท่ีสำมำรถให้พลังงำนมำกที่สุด จำกกำรทดลองพวกเรำสงั เกตกำรเปรียบเทยี บพลังงำนจำกถ่ำนไม้ยคู ำ ถ่ำนไม้กระถ่ินณรงค์ และถำ่ นไม้ พอก พบว่ำ ถ่ำนไม้ยูคำสำมำรถใหพ้ ลังงำนมำกท่สี ุด ถ่ำนทั้ง 3 ชนิดสำมำรถใหพ้ ลงั งำนได้ แตจ่ ะให้พลงั งำนได้ สูงสุดในชว่ ง 30 นำที 60
บทนำ ควำมเปน็ มำและควำมสำคญั ของโครงงำน ไก่ย่ำงบำ้ นแคน เป็นอำหำรท่ขี นึ้ ชอ่ื เปน็ อย่ำงมำกของจังหวัดวัดยโสธร ที่มคี วำมอร่อยและกรรมวิธกี ำร ทำที่แตกตำ่ งจำกไก่ยำ่ งที่อ่นื ดงั น้ันอำชีพขำยไกย่ ่ำงจึงเป็นอำชพี ที่อยู่มำกับคนในชมุ ชนดงแคนใหญ่และชมุ ชน ใกล้เคยี ง ฉะน้นั คนในชุมชนจงึ ประกอบอำชีพขำยไกย่ ่ำงเป็นทงั้ อำชีพหลกั และอำชีพเสริม เรำจะพบเห็นไดว้ ่ำคนชุมชนขำยไก่ย่ำง ในกำรย่ำงไกเ่ รำจะใชถ้ ่ำนเป็นเชื้อเพลงิ ในกำรย่ำงไกเ่ สมอ แตบ่ ำงครง้ั ถำ่ นทน่ี ำมำใช้ย่ำงไกน่ ้ัน เมอื่ ก่อไฟข้นึ จะแตก กระเดน็ ไปท่วั และบำงครงั้ ถำ่ นยังให้พลงั งำนน้อย ดังน้นั กลมุ่ ของข้ำพเจ้ำจงึ มคี วำมสนใจทีจ่ ะศึกษำ ชนดิ ของถ่ำนทใี่ ห้พลงั งำนมำก และไมท่ ำใหถ้ ำ่ น แตก เพื่อทจ่ี ะชว่ ยคนขำยไก่ย่ำงประหยัดค่ำใชจ่ ่ำยลง วตั ถุประสงค์ 1.เพ่อื ศกึ ษำพลังงำนจำกถ่ำน 2.เพอ่ื ลดค่ำใชจ้ ่ำยในชุมชน 3.เพอื่ ฝกึ กำรทำงำนแบบกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ 4.เพอ่ื ฝึกกำรทำงำนเป็นหมู่คณะ 61
แนวคดิ และทฤษฎที ่ีเก่ียวข้อง ตน้ ยูคำลปิ ตัส ชือ่ วิทยำศำสตร์: Eucalyptus globulus Labill. ลกั ษณะทั่วไป:ต้นยูคาลปิ ตัส จัดเป็นไมย้ นื ตน้ ลำต้นตง้ั ตรงมคี วำมสูงได้ประมำณ 10-25 เมตร เรอื นยอดเปน็ พุ่มหนำทึบค่อนข้ำงกลม แตก กิง่ กำ้ นมำก เปลือกตน้ บำงเรยี บเปน็ มนั และลอกออกง่ำย เปลอื กตน้ เป็นสีนำ้ ตำลอ่อนปนขำว หรอื มีสเี ทำสลบั สี ขำวและสีนำ้ ตำลแดงเปน็ บำงแหง่ เปลือกนอกจะแตกรอ่ นเป็นแผ่น ๆ และหลุดออกจำกผวิ ของลำตน้ เม่ือแห้ง จะลอกได้งำ่ ย กง่ิ ก้ำนเลก็ เปน็ เหลี่ยม มจี ดุ ตำกลม ประโยชนข์ องตน้ ยูคำลปิ ตสั 1. ใช้ทำเป็นยำไลย่ ุง ฆ่ำยงุ และแมลง ดว้ ยกำรใช้ใบสดประมำณ 1 กำมือ นำมำขยี้ กลนิ่ ของน้ำมันจะออกมำ ซ่งึ จะช่วยไลย่ งุ และแมลงได้ 2. ใบสำมำรถนำมำสกัดเปน็ นำ้ มัน น้ำยำหอมระเหยไอระเหยแกห้ วัด 3. เน้อื ไม้ยูคำลปิ ตัสสำมำรถนำมำใช้ทำกระดำษ ใชเ้ ปน็ วสั ดกุ ่อสรำ้ ง ทำเสำเข็ม สร้ำงบ้ำน ทำเคร่ืองเรือน เฟอรน์ เิ จอร์ เครื่องใช้สอยตำ่ ง ๆ ทำร้ัว ทำเสำ คอกเล้ียงสตั ว์ นง่ั รำ้ นในกำรก่อสร้ำง (แตต่ ้องมีกำรอำบ นำ้ ยำเพ่ือรักษำเนอื้ ไม้ไวก้ อ่ นถงึ จะยืดอำยุกำรใช้งำนไดน้ ำนย่งิ ข้นึ ) ฯลฯ 4. เปลอื กไม้ นำมำบดให้ละเอยี ดผสมกับขเี้ ลอื้ ยและกำว ใช้ทำเป็นธปู และผสมกำมะถนั ใช้ทำเป็นยำกนั ยุงได้ ดี 5. นำมำใช้เผำถ่ำน โดยฟินจำกไมย้ ูคำลปิ ตัสจะให้พลงั งำนควำมรอ้ นสงู ถงึ 4,800 แคลอรตี่ ่อกรมั ส่วนถ่ำนไม้ ยูคำลิปตสั จะให้พลังงำนควำมร้อน 7,400 แคลอร่ตี ่อกรมั ซึ่งมีควำมใกลเ้ คยี งกบั ไม้โกงกำงซ่งึ เปน็ ถำ้ นไมช้ น้ั ดที สี่ ดุ 62
ต้นกระถน่ิ ณรงค์ ชื่อวทิ ยำศำสตร์: Acacia auriculiformis Cunn ลกั ษณะทั่วไป:กระถินณรงคเ์ ปน็ ไม้ยืนตน้ ไมผ่ ลดั ใบ ขนำดกลำง - ใหญ่ สงู 10 - 30 เมตร] เรือนยอดทรงกลม ทบึ เปลอื กสีนำ้ ตำลถึงสีนำ้ ตำลเข้ม แตกเปน็ ร่องตำมยำว ใบประกอบแบบขนนกสองชน้ั เม่ือยงั เล็กและเปลย่ี น รูปเปน็ ใบขนำดใหญห่ นำ สีเขียวเข้ม เรียวยำว โคง้ เป็นรูปเคยี ว กว้ำงประมำณ 1.2 - 2.5 ซม. ยำวประมำณ 7 - 15 ซม. ดอกสเี หลือง มกี ลน่ิ หอม ออกรวมกันเปน็ ชอ่ คล้ำยหำงกระรอกตำมงำ่ มใบ ดอกยอ่ ยแตล่ ะดอกมี ขนำดเล็กมำก ช่อหน่ึงๆ มี ประมำณ 70 - 100 ดอก] ชอ่ ดอกจะห้อยลงขำ้ งล่ำง ผลแหง้ แตก เป็นฝักแบน สี เขยี ว ม้วนบดิ เปน็ วง 1 - 3 วง เม่อื แก่มสี ีน้ำตำล มีเมลด็ สีน้ำตำลดำเปน็ มนั 5 - 12 เมล็ด ประโยชนข์ องตน้ กระถ่ินณรงค์ กระถินณรงคเ์ ป็นไม้โตเร็ว นยิ มปลูกเพอ่ื นำไปใช้ประโยชนไ์ ดห้ ลำยอยำ่ ง นอกจำกกำรใชเ้ ปน็ พชื เบกิ นำ ในกำรปลกู ป่ำในพน้ื ดนิ เสื่อมโทรมได้ดีแลว้ ยงั ใช้ตดั ฟันเปน็ ไมฟ้ ืนเชือ้ เพลงิ ซึ่งมีกำรวจิ ยั โรงไฟฟำ้ ชีวมวล เพอื่ ใช้ไม้กระถินเปน็ เชื้อเพลิง[4] และประโยชน์อื่นๆ เชน่ เผำถำ่ น ทำเฟอรน์ ิเจอร์ และเปน็ วัตถุดิบสำหรบั อุตสำหกรรมเย่ือกระดำษได้ด้วย 63
ตน้ พอก ชอ่ื วทิ ยำศำสตร์: Parinari anamensis ลักษณะท่ัวไป: เป็นไมย้ ืนตน้ เปลอื กสีนำ้ ตำลปนเทำ ลกึ และแตกเปน็ รปู สะเกด็ ใบเด่ยี ว แผน่ ใบดำ้ นบนสเี ขียว ด้ำนล่ำงมีขนสขี ำวนวล ดอกช่อ ออกท่ปี ลำยกงิ่ ผลสดคอ่ นข้ำงกลมหรือรปู กระสวย ผิวแข็งและมีตุ่มเล็กๆ สี เทำแกมนำ้ ตำล เมล็ดแขง็ ในผลมีนำ้ มัน คน้ั ออกมำใชป้ ระโยชนไ์ ด้ แกน่ ใชต้ ้มน้ำด่ืมและอำบรกั ษำโรคประดง ผสมกับสมนุ ไพรอื่นเพ่ือรกั ษำโรคหดื เปลอื กตน้ ทำใหร้ อ้ นใชป้ ระคบแก้ช้ำใน อุปกรณ์และวธิ ีกำรทดลอง อปุ กรณ์ 1. ขี้กระบอง 2. ไมข้ ีด 3. ถำ่ นไมย้ ูคำ ถ่ำนไม้กระถนิ่ ณรงค์ และถ่ำนไม้พอก ชนิดละ 200 กรมั 4. เตำดินสำหรบั ย่ำงไก่ 3 เตำ 5. นำ้ ปริมำณ 600 มลิ ิลิตร 3 ขวด 6. หม้อสำหรับตม้ นำ้ 3 ใบ 7. เทอร์โมมเิ ตอร์ 3 อัน วิธกี ำรทดลอง 1. เผำถ่ำนทีล่ ะชนิดโดยใช้ถังน้ำมัน 100 ลติ ร ใชเ้ วลำในกำรทำถ่ำนชนดิ ละ 3 วนั 2. ได้ถ่ำน 3 ชนดิ มำแล้ว 3. นำเตำดนิ 3 เตำ มำตงั้ แล้วนำถ่ำนไมย้ คู ำ ไมก้ ระถิน่ ณรงค์ และไม้พอกชนดิ ละ 200 กรมั มำก่อไฟใน แต่ละเตำ 4. นำหม้อ 3 ใบ ใสน่ ำ้ ทุกใบ ใบละ 600 มิลลิ ติ ร และนำไปต้ังเตำ 5. วัดอุณหภมู ิ 6. สังเกตและบันทกึ ผล 64
การสร้างเหตุ (ตัวแปรตน้ หรอื สิง่ ท่สี รา้ งได้ วดั ได้) ถำ่ น 3 ชนดิ ชนดิ ละ 200 กรัม การควบคุมเหตุ (ตวั แปรควบคมุ หรือเหตทุ ่ีคุมไว้ไมใ่ หส้ ่งไปกอ่ ใหเ้ กดิ ผล) -ระยะเวลำ 30 นำที เวลำ 09.00-09.30น. -เตำขนำดเดยี วกนั 3เตำ -หมอ้ ขนำดเดยี วกัน 3 หมอ้ -ทดลองในสถำนทเี่ ดียวกนั ท่ีอณุ หภูมิห้อง การวดั (ตัวแปรตามเป็นสิ่งท่ีสังเกตได้ วัดได้) ว้ดอณุ หภูมแิ ละสงั เกตผลกำรทดลอง บันทกึ ผลกำรทดลอง สมมตฐิ ำน ถ่ำน 3 ชนดิ ใหพ้ ลังงำนท่ีแตกต่ำงกัน โครงงำนมตี วั แปรต่อไปนี้ และแสดงแผนผงั เหตุ – ผล ได้ดงั รูปท่ี 1 ตัวแปร ตัวแปรอิสระ(ตัวแปลต้น) ได้แก่ ถำ่ น 3 ชนดิ ตัวแปรตำม ไดแ้ ก่ ถ่ำนให้พลังงำน ตวั แปรควบคมุ ได้แก่ ระยะเวลำ ปรมิ ำณถ่ำน ปรมิ ำณนำ้ ภำชนะที่ใสน่ ้ำ แผนการทดลอง : ศึกษำพลงั งำนของถำ่ นโดยวัดอุณหภมู ิ เวลำ ควนั ไฟ ชนิดถ่ำน เตำ อณุ หภูมิ รูปที่1 ผงั เหตุ-ผล หรือตัวแปรตน้ (เหต)ุ ตวั แปรตาม (ผล) ของโครงงานฐานวจิ ัย 65
จากตวั แปรของการทดลองต่างๆ ทาให้เราไดผ้ งั การทดลอง รปู ที่ 2 ดงั นี้ ถำ่ นไม้ยคู ำ ถำ่ นไมก้ ระถนิ่ ณรงค์ เตำ เปรียบเทียบพลงั งำน อณุ หภมู ิ ถ่ำนไมพ้ อก การวดั ผล ( ตวั แปรตามเปน็ สิ่งทสี่ ังเกตได้ วดั ได้ ) -สังเกตกำรณ์ทดลองในระยะเวลำที่กำหนด คือ ในระยะเวลำ 30 นำที -บันทึกผลกำรทดลองในระยะเวลำทกี่ ำหนด ผลการวจิ ยั ผลการทดลองท่ี1 เวลา(นาที) อณุ หภมู ิ(องศาเซลเซียส) ถ่านไม้ยูคา ถ่านไม้กระถ่ินณรงค์ ถ่านไมพ้ อก 73 10 80 78 15 95 92 90 20 98 98 96 25 93 93 93 30 91 93 92 66
ผลการทดลองท่ี2 เวลา(นาท)ี อณุ หภูมิ(องศาเซลเซียส) 10 ถา่ นไมย้ ูคา ถ่านไม้กระถ่ินณรงค์ ถา่ นไมพ้ อก 79 76 72 15 93 91 90 20 99 98 96 25 94 94 92 30 90 93 90 ผลการทดลองที่3 เวลา(นาที) อุณหภมู ิ(องศาเซลเซยี ส) ถา่ นไมย้ คู า ถ่านไมก้ ระถนิ่ ณรงค์ ถ่านไม้พอก 10 81 79 73 15 95 95 91 20 97 97 95 25 94 94 92 30 90 92 91 สรุปผล จำกกำรสงั เกตกำรเปรยี บเทียบพลังงำนจำกถำ่ นพบวำ่ ถำ่ นไม้ยูคำให้พลงั งำนดีท่สี ุด ถ่ำนทงั้ 3 ชนิดที่นำมำ ทดลองจะสำมำรถใหพ้ ลังงำนได้จรงิ แต่ให้พลงั งำนได้ในชว่ งไม่เกิน 30 นำที เพรำะหลังจำกนถ้ี ่ำนจะเปน็ เถ้ำ 67
อภิปรำย จำกกำรเปรียบเทยี บพลังงำนจำกถำ่ นไม้ยูคำ ถ่ำนไมก้ ระถ่ินณรงค์ และถำ่ นไมพ้ อกโดยกำรทดลองนี้ จะ พบวำ่ ถ่ำนไมย้ ูคำสำมำรถให้พลงั งำนมำกกว่ำ ถ่ำนไม้กระถน่ิ ณรงค์และถ่ำนไม้พอก ช่วงที่ถ่ำนให้พลังงำนมำก ในเวลำ20 นำที เอกสำรอ้ำงอิง จำกวกิ ิพีเดีย สำรำนุกรมเสรี https://th.wikipedia.org ไทยอำชพี ดอทคอม -http://www.thaiarcheep.com http://www.adswow.net/76456 https://web.ku.ac.th/schoolnet/snet6/envi5/panya/panyan.htm https://www.gotoknow.org/posts/135129 68
ภาคผนวก 69
สญั ญำที่ RDG5740040/59-11 รำยงำนวิจยั ฉบับสมบูรณ์ โครงงำนย่อยท่ี 4 เรอ่ื ง สปำเก็ตตผี้ ดั กระเพรำไก่ยำ่ ง อำจำรย์ที่ปรกึ ษำโครงงำน นางนชุ นาฎ โชตสิ วุ รรณ คณะผู้วิจัย(นกั เรียน) นำงสำว ธัญญลกั ษณ์ ไทยสีลำ นำงสำว กชมน สังข์ทอง นำย กฤษฎำ อำจไทสงค์ สนบั สนุนโดยสำนกั งำนกองทุนสนบั สนุนกำรวิจัย(สกว) และ บมจ.ธนำคำรกสิกรไทย ชุดโครงกำร “เพำะพันธ์ปุ ัญญำ (พัฒนำยุววิจยั )” 70
กิตติกรรมประกาศ ในกำรจัดทำโครงงำนเร่ือง สปำเก็ตต้ีผัดกระเพรำไก่ย่ำง ในครั้งน้ี สำเร็จลุล่วงได้ ต้องขอกรำบ ขอบพระคณุ นำยชำติชำย สิงห์พรหมสำร ผู้อำนวยกำรโรงเรียนสมเด็จพระญำณสังวร ในพระสังฆรำชูปถัมภ์ นำยเชิดชยั สงิ หค์ บิ ุตร รองผู้อำนวยกำรโรงเรียนสมเดจ็ พระญำณสงั วร ในพระสังฆรำชปู ถัมภ์ในกำรสนับสนุน และสง่ เสรมิ ให้นกั เรยี นมกี ำรพฒั นำทักษะกำรคดิ ให้คำชแี้ นะและอำนวยควำมสะดวกในกำรทำโครงงำนครั้งน้ี กรำบขอบพระคุณ คุณครเู ดชมณี เนำวโรจน์ คณุ ครนู ชุ นำฎ โชติสุวรรณ ท่ีให้คำปรกึ ษำดูแล แนะนำ และแก้ไขขอ้ บกพรอ่ งในกำรโครงงำนในทุกๆดำ้ น กรำบขอบพระคุณคระครูและบคุ ลำกำรทำงกำรศึกษำและ สมำชกิ ในครอบครวั ที่คอยชว่ ยเหลอื ในกำร ทำโครงงำน อีกท้งั เพื่อนนกั เรียน ทค่ี อยช่วยเหลอื และใหก้ ำลังใจจนกระท่ังโครงงำนสำเร็จ ขอขอบคุณทกุ ท่ำน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้งำนบรรลุตำมวัตถปุ ระสงค์ คณะผจู้ ัดทา 71
บทคดั ยอ่ คาสาคัญ สปำเกต็ ตผ้ี ดั กระเพรำไกย่ ่ำง นักเรียนผทู้ าโครงงาน นำงสำว ธญั ญลกั ษณ์ ไทยสลี ำ นำงสำว กชมน สงั ข์ทอง นำย กฤษฎำ อำจไทสงค์ ครทู ่ปี รึกษา คนที่ ชอื่ -สกุล สอนกลุ่ม โทรศัพท์ อีเมล์ 1 นำงนุชนำฏ โชตสิ ุวรรณ สำระ 0847524758 [email protected] ฟสิ กิ ส์ โครงงำนเพำะพันธุ์ปัญญำได้ทำกำรศึกษำเรื่อง สปำเก็ตต้ีผัดกระเพรำไก่ย่ำง เพื่อกำรศึกษำ เปรยี บเทียบวำ่ สปำเกต็ ตี้ผัดกระเพรำไก่ย่ำงที่ผู้วิจัยคิดค้นสูตรของสปำเก็ตตี้ 3 สูตรน้ัน สูตรใดท่ีจะได้รับควำม พงึ พอใจจำกผบู้ รโิ ภคมำกทส่ี ดุ ซึ่งในกำรทำสปำเก็ตตี้ผัดกระเพรำไก่ย่ำงนั้นเรำจะนำเน้ือไก่ย่ำงมำเป็นวัตถุดิบ หลักในกำรทำสปำเก็ตตี้ผัดกระเพรำไก่ย่ำงและนำเส้นสปำเก็ตต้ีมำผัดเข้ำกับวัตถุดิบและเคร่ืองปรุงในกำรทำ ผัดกระเพรำแล้วนำสปำเก็ตต้ีผัดกระเพรำไก่ย่ำงแต่ละสูตรที่เรำได้ทำไปทดลองกลุ่มตัวอย่ำงเพ่ือรับประทำน แลว้ ประเมินควำมพึงพอใจโดยใช้แบบประเมินในกำรวัดผลว่ำสปำเกต็ ตี้ผัดกระเพรำไก่ย่ำงสูตรใดได้รับควำมพึง พอใจมำกท่ีสุดได้ผลสรปุ ว่ำ สปำเกต็ ตี้ผัดกระเพรำไก่ยำ่ งสตู รท่ี 1 ไดร้ บั ควำมพงึ พอใจมำกทส่ี ุด 72
บทนำ ในประเทศไทยมไี ก่หลำยสำยพันธ์ไม่ว่ำจะเป็น ไก่บ้ำน ไก่ป่ำ ไก่พันธ์ ฯลฯ ไก่แต่ละชนิดล้วนมีประโยชน์ และควำมสำคัญที่แตกต่ำงกัน สำมำรถนำมำประกอบอำหำรและเป็นท่ีนิยมรับประทำนกันทั่วโลกที่สำคัญไก่ ยังเป็นหนึ่งในควำมเชอ่ื ทำงวิถชี ีวิตของอสี ำนนำมำประกอบพธิ ีกรรมต่ำง เช่น กำรนำไก่ไหว้เจ้ำปู่ กำรแรกขวัญ ฯลฯ และไกย่ ังมโี ปรตีนสูงและเนือ้ ไก่มีสว่ นสำคญั ในกำรช่วยลดนำ้ หนกั และหนำ้ ท้องอีกด้วย จำกกำรนำไกม่ ำใช้ประโยชน์ด้ำนต่ำง เช่น นำมำประกอบอำหำรนำมำไหว้เจ้ำปู่ และไก่ที่นิยมนำมำ รับประทำนส่วนมำกทน่ี ิยมคอื ไก่พันธ์และไก่พันธ์ก็จะแบ่งเกรดตำมคุณภำพของไก่ ปัจจุบันไก่เป็นสินค้ำที่ผู้คน รู้จักจำนวนมำกและนำไก่มำสร้ำงรำยได้ทำเป็น เช่น ไก่ KFC ไก่ย่ำง5ดำว ฯลฯ และท่ีสำคัญเป็นอำหำรที่ ควบค่กู ับสม้ ตำของภำคอีสำนคือไก่ย่ำง หรือ ป้ิงไก่ ท่ีทุกคนรู้จังในพ้ืนที่บริเวณหมู่บ้ำนข้ำพเจ้ำ ผู้คนนิยมนำไก่ ย่ำงขำยและเป็นสินค้ำOTOPก็ว่ำได้และไก่ย่ำงที่อร่อยและโด่งดังไม่ท่ัวทุกภำคคือ ไก่ย่ำงบ้ำนแคนซึ่งคนใน ชมุ ชนทำเปน็ กจิ กำรสรำ้ งรำยได้เกอื บทกุ ครัวเรอื นโดยขำยแบบทฤษฎีป่ำล้อมเมือง ซ่ึงสร้ำงกำไรให้แก่ชำวบ้ำน มำกมำยซง่ึ ไก่ย่ำงบำ้ นแคนมีรสแซ่บและเป็นรสที่ผู้คนติดมำกอย่ำงมำกแต่ยังไม่มีใครนำไก่ย่ำงมำทประยุกต์ทำ เปน็ เมนูอื่น ซง่ึ ขำ้ พเจ้ำสนใจทจ่ี ะศกึ ษำและต่อยอดไก่ย่ำงบ้ำนแคนมำทำเป็นอำหำรและเพ่ิมมูลค่ำให้กับไก่ย่ำง เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนไก่ย่ำงให้ผู้คนรู้จักมำกข้ึน โดยจะประยุกต์เข้ำกับผัดกระเพรำท่ีเป็นอำหำรไทยและ เปน็ อำหำรจำนด่วนท่นี ยิ มและมีคนร้จู กั มำก ผัดกระเพรำเกิดข้ึนในสมัยรัชกำรที่7แต่เป็นที่รู้จักกันในสมัย จอม พล ป.พิบูลสงคำรม ซึ่งได้จัดแข่งขันอำหำรประจำชำติและจำกกำรแข่งขันครั้งนั้นจึงทำให้ผัดกระเพรำเป็น อำหำรประจำชำติไทยและมำผสมผสำนกับเส้นสปำเก็ตต้ีซ่ึงไม่ว่ำเด็กหรือผู้ใหญ่ก็นิยมรับประทำนเพรำะ เส้นสปำเก็ตต้ีเพรำะเส้นสปำเก็ตตี้มีค่ำ glycemic index ต่ำกว่ำขนมปังหรือมันฝร่ัง ซึ่งเส้นสปำเก็ตต้ีนั้นมีต้น กำเนิดมำจำกซิซิลีและแพร่กระจำยไปถึงใจกลำง ประเทศอิตำลีและคนไทยส่วนใหญ่ก็ได้นิยมรับประทำน อำหำรฝรง่ั อกี ด้วย ดังนนั้ กลมุ่ ขำ้ พเจ้ำจึงมีแนวคิดที่อยำกคดิ คันเมนูอำหำรใหมโ่ ดยทีค่ ดิ สตู รขน้ึ มำ 3 สูตรและสำรวจ ควำมชืน่ ชอบโดยใชไ้ ก่ย่ำงที่เรำมีคอื ไกย่ ่ำงบำ้ นแคนเคยมำทำเป็นเมนทู ีส่ ำมำรถรบั ประทำนไดเ้ ร็วซ่งึ ทำให้ไก่ ย่ำงมคี วำมน่ำสนใจมำกขึ้นโดยนำไก่ย่ำงมำผสมผสำนกับผัดกระเพรำและอำหำรฝรงั่ คอื เส้นสปำเกตต้เี พื่อเพม่ิ มลู คำ่ ของอำหำรและสำมำรถสร้ำงรำยไดใ้ ห้แก่ครอบครวั และชุมชนได้ 2.ตวั แปรและสมมตุ ิฐานของโครงงาน โครงงำนนม้ี ีตัวแปรต่อไปนี้ และแสดงผงั เหตุ-ผลในรปู ท่ี 1 ตวั แปรตน้ สูตรกำรทำสปำเกต็ ตีผ้ ดั กระเพำไกย่ ำ่ ง 3 สูตร ตวั แปรตาม ควำมพงึ พอใจต่อสปำเกต็ ตี้กระเพำไก่ยำ่ ง ตวั แปรควบคุม แหล่งวตั ถุดบิ ,อปุ กรณท์ ่ีใช้, ปริมำณเส้นสปำเกตตท้ี ีเ่ ทำ่ กนั ในแตล่ ะสูตร, ปรมิ ำณไก่ยำ่ งที่ เท่ำกนั ในและสูตร 73
ไก่ยา่ ง หอม,น่มุ สปาเกตตีผ้ ดั กระเพราไก่ยา่ ง ผดั กระเพรา เผ็ด,หอม ปริมาณเครื่องปรุงและวตั ถดุ ิบในปริมาณที่แกต่างกนั เส้นสปาเก็ตตี ้ เหนียว,น่มุ สตู รสปาเกตตีผ้ ดั กระเพราไกย่ า่ ง 3 สตู ร สารวจความพงึ พอใจ สูตรสปำเกตตีท้ ไี่ ด้รับควำมพึงพอใจมำกทสี่ ุด แนวคิดและทฤษฏีทีเ่ กี่ยวข้อง 1.ประวัติไกย่ ่างบ้านแคน เดิมดงแคนใหญ่มีลักษณะเป็นที่เนิน เต็มไปด้วยดงไม้ ป่ำไม้ตะเคียนขนำดใหญ่ และมีไม้แคนท่ี ใหญแ่ ละมีจำนวนมำกจึงต้ังช่ือหมู่บ้ำนว่ำตำบลเป็นดงแคนใหญ่ต่อมำมีพระสงฆ์เป็นผู้นำ คือ หลวงพ่อท้ำว ได้ รเิ ริ่มนำชำวบำ้ นมำสร้ำงวดั แม่กง ก่อนจะมำเป็นดงแคนใหญ่ ซ่ึงเป็นคนมำจำกหลำยหมู่บ้ำนได้อพยพมำต้ังถ่ิน ฐำน บำ้ นดงแคนใหญ่ มีคนดว้ ยกัน 3 กลุ่ม คือ กลมุ่ ท่ี 1 มำจำกบ้ำนปำ๋ ข่ำนำคำ ไดแ้ ก่กลุ่มนำยแก้ว นำงคำ่ ภำคะ พ่อแม่ของนำยทมุ ภำคะ กลุม่ ที่ 2 มำจำกบ้ำนน้ำเตำ้ หนองแหน ได้แก่ กลมุ่ พ่อใหญ่เมำ้ กล่มุ พ่อใหญ่หนูโฮม ทองทำ กลุม่ พ่อ ใหญอ่ นุ่ และลูกหลำน กลมุ่ ที่ 3 มำจำกบ้ำนสงั บำ้ นนำฮี กล่มุ แมม่ ำลี มำจำกบำ้ นดงบ้ำนเกำ่ (อัมพวนั ) คนแต่ละหมู่บ้ำนอพยพมำรวมตวั กนั จนเปน็ บ้ำนดงแคนใหญ่ นำงเก่ง บุญเฉลียวเป็นคนบ้ำนท่ำวำรี อำเภอเข่ืองใน จังหวัดอุบลรำชธำนีและยำยแหลม ยำยฝือ เป็นคนบ้ำนกอก ตำบลไทย อำเภอเข่ืองใน จังหวัดอุบลรำชธำนี เข้ำมำอยู่บ้ำนดงแคนใหญ่ เม่ือปี พ.ศ. 2495 มำได้สำมีท่ีบ้ำนดงแคนใหญ่ แต่ก่อนจะมีรถสำยทำง “รถสำยันต์” สำย25 กรุงเทพ-อุบลหรือรถบขส.ใน ปจั จบุ ัน รถคันน้ีจะออกจำกบขสอบุ ลรำชธำนปี ระมำณ 06.00 น. พอมำถึงบ้ำนดงแคนใหญ่ก็จะเช้ำผู้โดยสำรก็ จะหิวขำ้ วพอดีแต่ก่อนจะไมค่ ่อยมีอะไรขำย ยำยเก่ง ยำยแหลม ยำยฝือจึงพำกันขำยไก่ยำงได้นำเอำสูตรไก่ย่ำง ท่ีตนมีมำขำยใช้ชื่อร้ำนว่ำ “ไก่ย่ำงบ้ำนแคนยกล้อ”เม่ือปี พ.ศ.2511แต่ก่อนจะขำยในรำคำไม้ละ10บำทคือไม้ ใหญ่ ไม้เล็กขำยในรำคำ 1บำท หมักใส่เกลือ พริกไทยและกะเทียม เป็นรสชำติที่ทุกคนชื่นชอบ ลูกค้ำก็เริ่ม เยอะมำกขน้ึ ขำยดีมำกข้นึ ญำติพ่ีน้องและคนบ้ำนดงแคนใหญ่เห็นว่ำขำยดีและมีรำยได้เยอะจึงมำเปิดร้ำนขำย ไก่ย่ำงเพิ่มข้ึน10กว่ำร้ำนแต่จะใช้สูตรหมักไก่สูตรเดียวกันคนซื้อก็เพ่ิมข้ึนร้ำนขำยไก่ย่ำงบำงส่วนก็สืบทอด 74
กิจกำร ปี พ.ศ.2545ไก่บ้ำนลดน้อยลงและเนื้อไม่เยอะคนขำยไก่ย่ำงจึงหันมำใช้ไก่พันธ์ุผสมหรือไก่เนื้อจำก บริษทั เบทำโกท่ีจะมีรถมำส่งถึงหน้ำร้ำนจะรับในตัวละ 17บำท รำคำของเพ่ิมขึ้นไก่ย่ำงจึงเพิ่มรำคำเป็นตัว 35 บำทหรือ 3ตวั 100 บำท ร้ำนขำยไกย่ ่ำงเพ่ิมขึ้นเปน็ 27 รำ้ นบ้ำนดงแคนใหญ่ตดิ ถนนแจง้ สนทิ และเป็นทำงผ่ำน ไก่ยำ่ งมรี สชำตอิ ร่อยแถมยงั มกี ลน่ิ หอมคนท่ีเดินทำงไปมำจึงพำกันพักรับประทำนอำหำรและยังซื้อไปฝำกญำติ พีน่ อ้ งไกย่ ่ำงบำ้ นดงคนใหญจ่ ึงเปน็ ท่ีเล่ืองลือไปไกลผู้คนสนใจทำให้ผู้ใหญ่ในชุมชนจัดต้ังให้เป็นสินค้ำโอท็อป ปี พ.ศ.2552 ยงั ใช้ไกพ่ ันธุ์ผสมในกำรย่ำงแต่จะรับจำกฟำร์มบ้ำนกลำงนำและบ้ำนหนองแปนรับมำในรำคำตัวละ 65 บำท นำมำยำ่ งขำยในรำคำตัวละ 100-120 บำท มีจำนวน 27 ร้ำน จนถงึ ปจั จบุ นั 2.ความเป็นมาของผัดกระเพรา อำจำรย์ประยูร อุลุชำฎะ หรือ น.ณ ปำกน้ำ ได้เล่ำเกี่ยวกับประวัติควำมเป็นมำของผัดกะเพรำดังนี้***ผัด กะเพรำ (ท่ำนเรียกกะเพรำผัดพริก) นิยมกันเมื่อประมำณ 40 ปีก่อน ก่อนหน้ำน้ันไม่มี พิจำรณำจำกกำรที่หนังสือเล่มน้ีพิมพ์คร้ังแรกปี 2531 ประมำณเอำว่ำผัดกะเพรำเร่ิมฮิตรำวๆปี 2490 - 2500 ก่อนหน้ำนั้นคนไทยใส่มันในผัดเผ็ด หรือแกงป่ำ ต่อมำอีกคนจีนได้คิดดัดแปลงนำเน้ือมำผัดกับเต้ำเจ้ียว ดำผัดกับกระเทียม ใส่พริก ใส่ใบกะเพรำ นำมำโปะข้ำวพร้อมไข่ดำวบนข้ำวร้อนๆ ตอนหลังเต้ำเจ้ียวหำยไป จำกตำรับหนี้ ***คณุ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ ได้บรรยำยไว้วำ่ ***ผัดกะเพรำเกดิ ขึ้นเพรำะนักท่องเท่ียวกลุ่มหนึ่ง แวะไปร้ำนอำหำร แถวบำงแสนกลำงดึก เจ้ำของร้ำนบอกว่ำไม่เหลือวัตถุดิบอะไรจะทำให้ได้ แต่ด้วยควำมหิว นักท่องเท่ียวจึงรบ เร้ำพ่อครัวไม่เลิกในท่ีสุดพ่อครัวยังจัด เดินเข้ำครัวหยิบเน้ืออะไรได้โยนลงกะทะผัดกับใบกะเพรำแบบขอไป ที กะเอำว่ำกินแล้วต้องมีวำงมวยกันแน่ แต่ปรำกฎว่ำลูกค้ำติดใจอย่ำงแรง และน่ันคือท่ีมำของผัดกะเพรำะท่ี เรำรจู้ ักกัน ***คุณ กิเลน ประลองเชิง**ท่ำนว่ำต้นตำรับอยู่ที่ร้ำนชัยวัฒน์ กลำงตลำดแม่กลอง ประมำณปี 2500 ก็นับว่ำ เปน็ ชว่ งเวลำท่ไี ลเ่ ล่ียกันจำกกำรคน้ ข้อมูลไปเร่ือยๆ ก็ดูเหมือนว่ำเมนูผัดกะเพรำจะโผล่มำในยุค จอมพล ป.แต่ จรงิ ๆนำ่ จะตัง้ แต่รำวๆ รัชกำลท่ี 7 เป็นต้นมำ ก็น่ำจะมีผู้เริ่มทำรับประทำนกันอยู่แล้วเพียงแต่ในสมัย จอมพล ป. ได้จัดกำรแข่งขันอำหำรประจำชำติไทย ซ่ึงจำกกำรแข่งขั้นครั้งน้ัน ผัดกะเพรำ ก๋วยเต๋ียว และผัดไทย ก็ได้ ถูกบรรจุเปน็ เมนูประจำชำตไิ ทยเรียกว่ำ **วฒั นธรรมกำรกนิ : กนิ แบบชำตนิ ิยมสมยั จอมพล ป. พิบูลสงครำม** ในสมัยก่อนอำหำรไทย ไม่มีเมนูผัดค่ะ คนจีนเป็นผู้นำเมนูผัดๆเข้ำมำในเมืองไทยสังเกตุได้จำก กำพย์เห่ชม เครื่องคำว - หวำนบทพระรำชนิพนธ์พระบำทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้ำนภำลัย ล้นเกล้ำรัชกำลที่ 2จะไม่มี อำหำรคำวที่เป็นเมนูผัดเลยแม้แต่พระรำชนิพนธ์ไกลบ้ำน ของรัชกำรที่ 5ท่ำนก็กล่ำวถึงเมนูผัดเพียงเมนูเดียว ก็คือผัดผักกำด ซึ่ง ร.5 ท่ำนได้ให้พ่อครัวชำวจีน เข้ำมำทำให้ถึงในวัง ในวันที่ท่ำนทรงอยำกเสวยจำกกำรหำ ข้อมลู ทั้งหมด ก็เลยสรปุ ไม่ได้วำ่ ใครเปน็ ผคู้ ดิ คน้ ผดั กะเพรำเป็นท่ำนแรก **แตข่ อ้ มลู ท่ีน่ำเชอื่ ถือท่ีสุด ก็คอื ผดั กะเพรำมีท่ีมำจำกคนจีน สืบเนื่องจำกในทุกวันน้ีท่ีเมืองจีนทำงตอนใต้ ยัง มีกำรกินผดั กะเพรำ(แต่ใส่เตำ้ เจี้ยว)กนั อยู่อย่ำงแพร่หลำย 75
วิธกี ารทดลอง 1. คดิ สูตรสปำเกตต้ผี ัดกระเพรำไกย่ ำ่ ง 2. เตรียมวัตถดุ ิบตำมสตู รแต่ละสูตร 3. ลงมือทำสปำเก็ตต้ผี ดั กระเพรำไกย่ ำ่ งตำมสตู รแต่ละสตู ร 4. นำสปำเก็ตตี้ผดั กระเพรำไกย่ ่ำงท่ไี ด้ในแต่ละสูตรไปให้กล่มุ ตวั อย่ำงรบั ประทำน 5. สำรวจควำมพงึ พอใจ 6. นำผลสำรวจควำมพึงพอใจมำหำคำ่ ทำงสถิติ 7. ไดส้ ูตรสปำเก็ตต้ีท่ไี ดร้ บั ควำมพงึ พอใจมำกทส่ี ุด สตู รสปาเก็ตตที้ ั้ง 3 สตู ร สูตรที่ 1 น้ำตำล 3 ชอ้ นชำ น้ำปลำ 2 ชอ้ นโต๊ะ น้ำซุปไก่ 4 ชอ้ นโตะ๊ ซอสหอยนำงรม 2 ชอ้ นโต๊ะ ซีอิ้วขำว 3 ชอ้ นชำ น้ำมนั 24 กรัม กระเทียมสบั ละเอียด 2 พริกข้ีหนูโครก 2 ชอ้ นโต๊ะ ชอ้ นโต๊ะ หอมหวั ใหญ่ 1 ลูก ใบกระเพรำ 1 ถว้ ยตวง แครอท 30 กรัม พริกไทยอ่อน 2 ชอ้ นชำ 76
สูตรที่ 2 น้ำตำล 2 ชอ้ นชำ น้ำซุปไก่ 5 ชอ้ นโต๊ะ น้ำปลำ 1 ชอ้ นโตะ๊ ซีอิว้ ขำว 3 ชอ้ นชำ ซอสหอยนำงรม 1 ชอ้ นโต๊ะ กระเทียมสับละเอียด 1 ชอ้ นโต๊ะ น้ำมนั 25 กรัม พริกข้ีหนูโครก 3 ชอ้ นชำ หอมหวั ใหญ่ 1ส่วน 2 ของ1ลูก ใบกระเพรำ 2 ถว้ ยตวง พริกไทยอ่อน 1 ชอ้ นโต๊ะ แครอท 25 กรัม สูตรท่ี 3 น้ำตำล 1 ช้อนโต๊ะ น้ำซุปไก่ 4 ชอ้ นโต๊ะ นำ้ ปลำ 1 ชอ้ นโตะ๊ ซีอิว้ ขำว 4 ชอ้ นชำ ซอสหอยนำงรม 2 ชอ้ นโต๊ะ กระเทียมสับละเอียด 5 ชอ้ นชำ น้ำมนั 30 กรัม หอมหวั ใหญ่ 1ส่วน 2 ของ1ลกู พริกข้ีหนูโครก 5 ชอ้ นชำ ใบกระเพรำ 50 กรัม แครอท 30 กรัม พริกไทยอ่อน 3ชอ้ นโตะ๊ 77
ผลการวิจัย เม่ือได้ผลิตภัณฑ์สปำเก็ตตี้ผัดกระเพรำไก่ย่ำงแล้ว ได้นำทดลองกับกลุ่มตัวอย่ำง ในช่วง เพศและ อำชีพท่ีหลำกหลำย ท้ังในและนอกโรงเรียน จำกนั้นทำกำรสำรวจควำมพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่ำงที่ได้รับประทำนสปำเก็ตต้ีโดยใช้แบบประเมิน ควำมพึงพอใจ แล้วนำข้อมูลและข้อเสนอแนะจำกกลุ่มตัวอย่ำงมำสรุปผลและใช้เป็นแนวทำงในกำรพัฒนำปรับปรุงสูตรให้ดี ยิ่งขึ้น โดยกลุ่มของพวกเรำได้ทำกำรสำรวจควำมพึงพอใจในกำรบริโภคสปำเก็ตตี้ผัดกระเพรำไก่ย่ำงจำกทั้งสิ้น 50 คน จำกน้ันได้สรปุ ผลคิดเป็นเปอรเ์ ซ็นต์ สรปุ ผลไดด้ ังตำรำง ตอนท่ี 1 ขอ้ มูลทว่ั ไปของผตู้ อบแบบสอบถำม ตวั เลอื ก จำนวน ร้อยละ ขอ้ ที่ หวั ขอ้ เพศ ชำย 20 40.00 1 หญงิ 30 60.00 อำชีพ ข้ำรำชกำร 10 20.00 ชำวนำ 10 20.00 2 แมค่ ้ำ 10 20.00 นกั ศกึ ษำ 10 20.00 นักเรยี น 10 20.00 ตอนท่ี 2 ความพงึ พอใจในการบรโิ ภคสปาเก็ตต้ีผดั กระเพราไก่ยา่ ง สตู ร รำยกำรประเมนิ ตวั เลอื ก จำนวน รอ้ ยละ 10 20.00 1.รสชำติ สสี ัน กล่ินของอำหำร มำกท่ีสุด 23 46.00 9 18.00 มำก 5 10.00 3 6.00 ปำนกลำง 19 38.00 17 34.00 นอ้ ย 9 18.00 5 10.00 1 นอ้ ยท่ีสุด 0 12 0 2.เสน้ มคี วำมเหนียวนมุ่ มำกที่สดุ 23 24.00 13 46.00 มำก 2 26.00 1 4.00 ปำนกลำง 2.00 น้อย นอ้ ยท่สี ดุ 3.ควำมเหมำะสมและเข้ำกนั มำกท่สี ดุ ของวัตถดุ ิบ มำก ปำนกลำง นอ้ ย น้อยที่สุด 78
รำยกำรประเมิน ตวั เลอื ก จำนวน รอ้ ยละ 4.ควำมสะอำดถกู หลกั อนำมยั มำกทีส่ ุด 5 10.00 16 32.00 มำก 20 40.00 ปำนกลำง 9 18.00 0 นอ้ ย 0 นอ้ ยท่ีสดุ จำนวน 10 รอ้ ยละ สูตร รำยกำรประเมิน ตวั เลอื ก 25 20.00 1.รสชำติ สีสนั กลนิ่ ของ 8 50.00 อำหำร มำกท่สี ุด 4 16.00 มำก 3 8.00 2.เส้นมคี วำมเหนยี วนุม่ 10 6.00 ปำนกลำง 25 20.00 3.ควำมเหมำะสมและเขำ้ กนั นอ้ ย 11 50.00 ของวตั ถุดิบ 4 22.00 น้อยท่ีสุด 0 8.00 2 มำกทีส่ ุด 10 26 0 4.ควำมสะอำดถูกหลักอนำมยั มำก 14 20.00 ปำนกลำง 0 52.00 0 28.00 น้อย 8 น้อยทส่ี ุด 23 0 มำกที่สดุ 10 0 9 16.00 มำก 0 46.00 ปำนกลำง 20.00 18.00 นอ้ ย 0 น้อยทีส่ ุด มำกที่สุด มำก ปำนกลำง นอ้ ย น้อยทส่ี ดุ 79
สูตร รำยกำรประเมิน ตัวเลือก จำนวน รอ้ ยละ 1.รสชำติ สีสนั กล่ินของ อำหำร มำกทส่ี ดุ 8 16.00 มำก 16 32.00 2.เส้นมคี วำมเหนยี วน่มุ 20 40.00 ปำนกลำง 5 10.00 3 นอ้ ย 1 2.00 3.ควำมเหมำะสมและเขำ้ กัน 16 32.00 ของวตั ถุดิบ นอ้ ยทส่ี ดุ 20 40.00 มำกทส่ี ุด 9 18.00 4.ควำมสะอำดถูกหลัก 5 10.00 อนำมัย มำก 00 ปำนกลำง 12 24.00 19 38.00 นอ้ ย 13 26.00 นอ้ ยที่สดุ 3 6.00 มำกทสี่ ดุ 3 6.00 5 10.00 มำก 18 36.00 ปำนกลำง 20 40.00 4 8.00 น้อย 3 6.00 นอ้ ยทส่ี ดุ มำกที่สุด มำก ปำนกลำง นอ้ ย นอ้ ยท่สี ุด 80
นาผลท่ีอยใู่ นเกณฑ์มากทสี่ ุดของแตล่ ะหวั ข้อประเมนิ มาเปรยี บเทียบสปาเก็ตตผี้ ัดกระเพราไกย่ ่างท้งั 3 สตู ร ไดผ้ ลดังตาราง รายการประเมิน คา่ ร้อยละความพึงพอใจที่อยู่ในระดบั มาก ท่ีสุด 1.รสชำติ สีสัน กลิ่นของอำหำร 2.เสน้ มคี วำมเหนยี วนุ่ม สตู รที่ 1 สตู รที่ 2 สตู รท่ี 3 3.ควำมเหมำะสมและเขำ้ กนั ของวัตถุดิบ 4.ควำมสะอำดถูกหลักอนำมัย 20.00 20.00 16.00 38.00 20.00 32.00 รวม 24.00 20.00 24.00 ร้อยละในภำพรวม 10.00 16.00 10.00 92.00 76.00 82.00 36.80 30.40 32.80 แผนภูมเิ ปรยี บเทยี บความพึงพอใจในการบรโิ ภคสปาเก็ตตีผ้ ดั กระเพราไกย่ ่าง แผนภมู คิ วามพึงพอใจในการบริโภคสปาเก็ตตี้ผัดกระเพราไก่อยา่ ง 81
ร้ อยละ 40 ร้ อยละ 35 30 สตู รท่ี 2 สตู รท่ี 3 25 20 15 10 5 0 สตู รที่ 1 40 ร้ อยละ ร้ อยละ 35 30 สรู ท่ี 2 สตู รท่ี 3 25 20 15 10 5 0 สตู รท่ี 1 อภปิ รายผล ในกำรทำสปำเกต็ ต้ีผดั กระเพรำไกย่ ่ำงที่เรำได้คิดค้นขนึ้ มำ 3 สตู ร ได้นำไปทดลองกับกลมุ่ ตวั อย่ำง จำนวน 50 คน เพอ่ื ทำกำรประเมนิ ควำมพึงพอใจในกำรบริโภคสปำเกต็ ต้ีผดั กระเพรำไก่ย่ำง ส่วนท่ีหนง่ึ เปน็ ข้อมลู พนื้ ฐำนของผ้บู รโิ ภคพบว่ำ เป็นเพศชำยร้อยละ 40 เพศหญิง รอ้ ยละ 60 อำชพี ข้ำรำชกำร ร้อยละ 20 อำชีพชำวนำ รอ้ ยละ 20 อำชีพแม่คำ้ ร้อยละ 20 อำชีพนักศึกษำ ร้อยละ 20 และอำชพี นักเรียนร้อยละ 20 ส่วนที่สองเปน็ กำรประเมินควำมพงึ พอใจในกำรบริโภคทำสปำเกต็ ต้ีผดั กระเพรำไก่ย่ำงท้ัง 3 สูตรนำเกณฑ์ ประเมนิ ในระดบั มำกท่สี ดุ ของแต่ละรำยกำรประเมินมำวเิ ครำะหข์ ้อมลู พบว่ำ รสชำติ สีสัน กล่นิ ของอำหำร 82
สูตรท่ี 1 ร้อยละ 20 สตู รท่ี 2 รอ้ ยละ 20 สตู รท่ี 3 รอ้ ยละ 16 เส้นมีควำมเหนยี วนุ่ม สตู รท่ี 1 รอ้ ยละ 38 สูตร ที่ 2 รอ้ ยละ 20 สตู รที่ 3 รอ้ ยละ 32 ควำมเหมำะสมและเข้ำกนั ของวตั ถุดิบ สูตรที่ 1 รอ้ ยละ 24 สูตรที่ 2 ร้อย ละ 20 สตู รท่ี 3 ร้อยละ 24 ควำมสะอำดถกู หลักอนำมัย สูตรที่ 1 ร้อยละ 10 สูตรที่ 2 รอ้ ยละ 16 สูตรที่ 3 ร้อยละ 10 สรุปผล ในกำรทำโครงงำนวจิ ยั เรอื่ ง สปำเก็ตต้ีผดั กระเพรำไก่ยำ่ ง พวกเรำไดค้ ดิ ค้นสตู รสปำเกต็ ตีผ้ ัดกระ เพรำไกย่ ำ่ งขน้ึ มำ 3 สูตร โดยใชไ้ กย่ ่ำงบำ้ นดงแคนใหญซ่ ่งึ เป็นสนิ ค้ำOTOP และนำมำผสมผสำนกับเส้นสปำ เกต็ ตีข้ องอิตำลีและผัดกระเพรำของไทยเรำมำดัดแปลงเปน็ เมนใู หม่ เมื่อไดผ้ ลติ ภณั ฑส์ ปำเก็ตต้ีผดั กระเพรำไก่ ย่ำง ท้งั 3 สูตร แล้วได้ทำไปใหก้ ลมุ่ ตัวอย่ำงจำนวน 50 คน ทั้งเพศหญิงและเพศชำย และในกลุ่มอำชีพ ข้ำรำชกำร อำชีพชำวนำ อำชพี แม่ค้ำ อำชีพนักศึกษำ และอำชีพนกั เรียน มคี วำมพงึ พอใจในกำรบรโิ ภคสปำ เกต็ ตี้ผัดกระเพรำไกย่ ำ่ งสูตรท่ี 1 มำกกว่ำสตู รท่ี 2 และสตู รที่ 3 ร้อยละ 92 และจำกผลทำแบบประเมนิ ควำม พงึ พอใจในด้ำนต่ำงๆ คือ รสชำติ สสี นั กลิ่นของอำหำร เสน้ มคี วำมเหนียวน่มุ ควำมเหมำะสมและเขำ้ กนั ของ วัตถดุ บิ และควำมสะอำดถูกหลกั อนำมยั พบว่ำ สตุ รสปำเกต็ ต้ผี ดั กระเพรำไกย่ ่ำงทีม่ รี ะดบั คำมพงึ พอใจมำก ที่สดุ คอื สตู รที่ 1 รอ้ ยละ 36.8 รองลงมำคอื สตู รที่ 3 รอ้ ยละ 32.8 และสุดทำ้ ยคือสูตรท่ี 2 รอ้ ยละ 30.4 เอกสารอ้างอิง 1.ประวัตเิ ส้นสปำเกตตี้ Edacatepark.2559.ช่อื เร่ือง ประวัติของพาสต้า(ออนไลน)์ .แหล่งทม่ี ำ:www.eda cateperk.com วันที่ 4 สิงหำคม พ.ศ.2559 2.ประวตั ิไก่ สุวภำ แกว้ สุขและประวทิ ย์ สุวณิชน์ ‘ไก่งำมเพรำะขน’ สำรคดี .2559.ชอ่ื เรือ่ ง เรอ่ื งของไกใ่ ครวา่ ไมส่ าคญั (ออนไลน)์ .แหลง่ ทม่ี ำ:www.lid.ru.ac.th/journal/cook.htmi.วนั ท่ี 4สงิ หำคม พ.ศ.2559 3.ประโยชนข์ องเน้ือไก่ วิทิต จณั นำบูล .2559.ช่ือเรอ่ื ง ไก่ ก็เป็นยา (ออนไลน์).แหล่งทม่ี ำ:www.doctor.or.th/aetai/ 6769.วนั ที่4 สิงหำคม พ.ศ.2559 4.ประวัตผิ ัดกระเพรำ กิเลน ประลองเชงิ .ช่ือเร่ือง ต้นเรื่องผดั กระเพรา(ออนไลน์).แหล่งทมี ำ: http://korakotz1.blogspot.com. วนั ที่4 สงิ หำคม พ.ศ.2559 5.ประวตั ิไกย่ ่ำงบ้ำนแคน นำงปรำณี พิมพจ์ ันทร์.2559.ชอ่ื เรอื่ งไกย่าง(ออนไลน์).แหลง่ ทีม่ ำ:www.otoptoday.com.วันท่ี 4 สงิ หำคม พ.ศ.2559 83
ภาคผนวก 84
85
สญั ญำที่ RDG5740040/59-11 รำยงำนวิจยั ฉบับสมบรู ณ์ เรือ่ ง พฤติกรรมกำรซอ้ื และบรโิ ภคไกย่ ่ำงบ้ำนแคน ตำบลดงแคนใหญ่ อำเภอคำเข่ือนแก้ว จงั หวดั ยโสธร อำจำรย์ที่ปรึกษำโครงงำน นำงสำวแสงเดือน บกนอ้ ย คณะผวู้ ิจยั (นักเรยี น) นำงสำว ผกำวดี ก่องดวง นำงสำว สุพรรณนิกำ สมจติ ร นำย เจนณรงค์ สตุ ะคำน สนับสนุนโดยสำนักงำนกองทุนสนบั สนุนกำรวจิ ัย(สกว) และ บมจ.ธนำคำรกสิกรไทย ชดุ โครงกำร “เพำะพันธุป์ ญั ญำ (พัฒนำยวุ วจิ ยั )” 86
กติ ตกิ รรมประกาศ ในกำรจดั ทำโครงงำนRBL เรอื่ ง กำรศกึ ษำตน้ ทนุ และผลกำไรของผปู้ ระกอบอำชีพขำยไกย่ ่ำง ของบำ้ นดงแคนใหญ่ ในครง้ั นี้สำเร็จลุลว่ งได้ต้อง ขอกรำบขอบพระคุณ นำยชำติชำย สงิ หพ์ รหมสำร ผอู้ ำนวยกำรโรงเรียนสมเดจ็ พระญำณสงั วร ในพระสังฆรำชปู ถมั ภ์ นำยเชดิ ชัย สงิ หค์ บิ ุตร รองผ้อู ำนวยกำร โรงเรียนสมเด็จพระญำณสงั วร ในพระสังฆรำชูปถมั ภ์ทีใ่ ห้คำช้แี นะอำนวยควำมสะดวกในกำรทำโครงงำนครัง้ นี้ กรำบขอบพระคุณ คุณครแู สงเดอื น บกน้อย ทใ่ี ห้คำปรึกษำ ดแู ลแนะนำ และแก้ไขข้อบกพร่องในกำร ทำโครงงำนทุกด้ำน กรำบขอบพระคุณ คณะครู บุคลำกรทำงกำรศึกษำ ที่ใหค้ ำปรึกษำเกี่ยวกบั กำรทำ โครงงำนในครั้งนี้ และเพ่ือนนักเรยี นทคี่ อยใหก้ ำลงั ใจ และให้ควำมช่วยเหลือในเร่ืองต่ำงๆ จนกระทั่งโครงงำน เร่ือง กำรศึกษำต้นทนุ และผลกำไรของผปู้ ระกอบอำชีพขำยไก่ย่ำงของบำ้ นดงแคนใหญ่ สำเร็จลลุ ่วงไปด้วยดี 87
ท่ีมาและความสาคญั ของโครงงาน ไก่ยำ่ ง เปน็ อำหำรท่ีใหส้ ำรอำหำรท่ดี ี มปี ระโยชน์แกร่ ่ำงกำย เป็นอำหำรยอดนิยมของคนไทย ใช้ รับประทำนได้ทงั้ เป็นอำหำรจำนหลกั โดยรับประทำนกับข้ำวเหนียว เป็นอำหำรว่ำง รับประทำนกับสม้ ตำ ซึ่ง ในแต่ละท่จี ะมสี ูตรเฉพำะแตกตำ่ งกันออกไป แตส่ ว่ นใหญ่มักนยิ มทำให้หนังกรอบ เนอ้ื นุ่ม และมคี วำมหอม จำกเคร่ืองเทศ นอกจำกนอ้ี ำจมีกำรปรุงรสเพิม่ เติม เชน่ ทำไก่ด้วยขม้ิน หรอื ทำเป็น ไก่ย่ำงนมสด ไกย่ ่ำง นำ้ ผ้งึ เปน็ ตน้ ไก่ยำ่ งบ้ำนแคน เปน็ ไกย่ ำ่ งท่ีมเี อกลักษณเ์ ฉพำะ ซึ่งเปน็ ท่ีนิยมของผูบ้ รโิ ภคทั้งในพื้นท่แี ละผู้สัญจรไป มำ มผี ้ปู ระกอบอำชพี ขำยมำนำนหลำยชัว่ อำยคุ น จำกท่ีมีผขู้ ำยจำนวนนอ้ ย แต่ปัจจุบนั พบวำ่ มีผ้ปู ระกอบ อำชพี ขำยไกย่ ่ำงมำกข้ึนขนึ้ เร่ือยๆ จะพบตลอดแนวสองข้ำงทำงของถนนแจ้งสนิท ในชุมชนตำบลดงแคนใหญ่ และหมู่บำ้ นใกลเ้ คยี ง อกี ทง้ั มีกำรนำ ไกย่ ่ำงบ้ำนแคน ไปจำหนำ่ ยยงั อำเภอและและจังหวัดอ่ืนๆ เพอ่ื ให้ ผบู้ ริโภคสำมำรถซอ้ื ได้สะดวกมำกข้ึน ดงั นัน้ ผู้วจิ ยั จึงได้จัดทำโครงงำนน้ขี ้ึนเพื่อศึกษำพฤติกรรมกำรซ้อื และกำรบรโิ ภคไกย่ ่ำงบ้ำนแคน ซงึ่ จะได้ใช้ ขอ้ มูลเปน็ แนวทำง ในกำรสง่ เสริมอำชพี ขำยไก่ย่ำงบ้ำนแคนได้ตรงกับควำมต้องกำรของผู้บรโิ ภค เพื่อพัฒนำ อำชพี และเศรษฐกจิ ในชุมชนให้ดยี ิ่งข้ึนตอ่ ไป คาถามท่อี ยากรู้ 1. ควำมถใ่ี นกำรซื้อ / บริโภคไก่ย่ำง 2. โอกำสที่ใชไ้ กย่ ่ำงเปน็ อำหำร 3. ปัจจัยท่ที ำให้เลอื กซ้ือไกย่ ำ่ ง 4. สว่ นประกอบของไกย่ ่ำงที่ชอบซือ้ 5. ลกั ษณะกำรรบั ประทำน เชน่ ซอ้ื กลบั บำ้ น / น่งั ทำนทรี่ ำ้ น / ของฝำก 6. จุดเด่น จุดด้อย และจุดทีค่ วรพฒั นำของไก่ยำ่ งบำ้ นแคน ในควำมคิดเหน็ ของผ้บู รโิ ภค วธิ กี ารศกึ ษาข้อมลู 1. ประชุมเลอื กหัวขอ้ โครงงำน 2. วำงแผนกำรทำงำน มอบหมำยหนำ้ ท่ใี นกลุ่ม 3. ออกแบบ แบบสอบถำมเพื่อให้สอดคลอ้ งกบั หวั ข้อโครงงำน 4. ใหผ้ เู้ ช่ียวชำญตรวจสอบควำมถกู ต้องของแบบสอบถำม 5. ออกเก็บขอ้ มลู โดยใช้แบบสอบถำมกบั กลุ่มตวั อย่ำงจำนวน 100 คน แบบไมเ่ จำะจง 6. วเิ ครำะหข์ ้อมลู และสรุปผล 7. นำเสนอผลงำน 8. ประเมนิ ผลกำรดำเนินงำน 88
แผนกำรปฎบิ ัติงำน ท่ี งำนปฏบิ ตั ิ ระยะเวลำ ผลกำรดำเนินงำน 1. ประชุมเลอื กหัวข้อท่สี นใจ ก.ค. – ส.ค. 2 วำงแผนกำรทำงำน มอบหมำยหน้ำที่ ส.ค. – ก.ย. ศกึ ษำพฤตกิ รรมกำรซ้ือและบริโภคไกย่ ำ่ งบ้ำนแคน -ศกึ ษำประวัตแิ ละควำมเป็นมำของไก่ย่ำงบำ้ นแคน 3 ออกแบบ แบบสอบถำม ส.ค – ก.ย. - กำรสำรวจพน้ื ท่ที ่จี ำหน่ำยไกย่ ่ำงบ้ำนแคน 4 ใหผ้ ู้เชีย่ วชำญตรวจสอบควำมถูกต้อง ก.ย. – ต.ค. -สงั เกตพฤตกิ รรมกำรซื้อของผบู้ ริโภค ไดแ้ บบสอบถำมทีค่ รอบคลุมประเดน็ ท่ีต้องกำรรู้ สมบรู ณข์ องแบบสอบถำม ต.ค – พ.ย. ได้ควำมถูกต้อง ชัดเจนของแบบสอบถำมเพ่ือ 5 ออกเกบ็ ข้อมลู ธ.ค. – ม.ค. นำไปใช้ในกำรเก็บรวบรวมข้อมูล 6 วเิ ครำะหข์ ้อมลู และสรปุ ผล ไดแ้ บบสอบถำมทีม่ ีข้อมลู ครบ ก.พ. ขอ้ มูลที่ได้ผ่ำนกำรวเิ ครำะห์ แปรผลและสรุปทงั้ ใน 7 นำเสนอผลงำน รูปแบบตำรำง แผนภูมิ กรำฟ ม.ี ค. ผรู้ ับผิดชอบโครงงำนนำเสนอท้งั ในรปู แบบเอกสำร 8 ประเมนิ ผลกำรดำเนนิ งำน สื่อICT และ ปำกเปล่ำต่อทป่ี ระชมุ มคี วำมพึงพอใจในกำรทำงำน และผลงำนอยใู่ น เกณฑ์ดเี ย่ยี ม ผลกำรทดลอง กำรเสนอผลกำรดำเนนิ งำนจะเสนอเป็นตอนๆดังน้ี ตอนท่ี 1 คำถำมเกีย่ วกับปัจจัยพืน้ ฐำนสว่ นบคุ คล ตอนที่ 2 คำถำมเกี่ยวกบั พฤติกรรมกำรซื้อและกำรบริโภคไกย่ ่ำงบำ้ นแคน ตอนที่ 3 คำถำมเกย่ี วกบั ควำมคดิ เห็น ตอนที่ 4 ขอ้ เสนอแนะต่อกำรสง่ เสรมิ กำรบริโภคไก่ย่ำงบ้ำนแคน ตอนท่ี 1 คำถำมเกยี่ วกับปัจจัยพนื้ ฐำนสว่ นบคุ คล 1.เพศ ตำรำงที่ 1 เพศของผตู้ อบแบบสอบถำม เพศ จำนวน(คน) ร้อยละ หญิง 28 56 ชำย 22 44 รวม 50 100 จำกขอ้ มลู ข้ำงตน้ สรุปไดว้ ำ่ ผู้ตอบแบบสอบถำมครั้งน้ีเป็นเพศหญงิ จำนวน 28 คน คิดเป็นร้อยละ 56 เพศชำย จำนวน 22 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ44 89
ตำรำงที่2 อำยขุ องผตู้ อบแบบสอบถำม ร้อยละ อำย(ุ ป)ี จำนวน(คน) 7-14 2 4 15-24 30 6o 25-34 9 18 35-44 7 14 45-54 1 2 50ปีข้ึนไป 1 2 รวม 50 100 จำกข้อมลู ข้ำงตน้ สรปุ ไดว้ ำ่ ผูต้ อบแบบสอบถำมคร้งั น้ีมีอำยุ 7-14ปี จำนวน2คน คดิ เป็นร้อยละ4 อำยุ15- 24ปี จำนวน30คน คิดเปน็ ร้อยละ60 อำยุ25-34ปี จำนวน9คน คิดเป็นร้อยละ 18 อำยุ35-44ปี จำนวน7คน คิดเป็นรอ้ ยละ14 อำยุ45-54ปี จำนวน 1คน คดิ เปน็ ร้อยละ2 อำยุ55ปีขึน้ ไป จำนวน1คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ2 ตำรำงท่ี3 ระดับกำรศกึ ษำผตู้ อบแบบสอบถำม ระดับ จำนวน(คน) รอ้ ยละ ป.1-6 6 12 86 ม.1-6 ปวช. ปวส. 43 2 ปริญญำตรี 1 สูงกวำ่ ปริญญำ 0 0 รวม 50 100 จำกข้อมูลข้ำงตน้ สรปุ ได้วำ่ ผู้ตอบแบบสอบถำมครั้งนี้มรี ะดับกำรศึกษำ ป.1-6 จำนวน6คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 12 ม.1-6 ปวช. ปวส. จำนวน43คน คิดเป็นรอ้ ยละ 86 ปริญญำตรี จำนวน1คน คิดเป็นรอ้ ยละ 2 ตำรำงท่ี4 อำชพี ของผูต้ อบแบบสอบถำม อำชพี จำนวน(คน) ร้อยละ 74 นกั เรยี น/นกั ศึกษำ 37 2 0 รับรำชกำร/รฐั วิสำหกจิ 1 6 พนักงำนบริษัทเอกชน 0 18 ธุรกจิ สว่ นตัว/คำ้ ขำย 3 100 เกษตรกรรม 9 รวม 50 90
จำกขัอมลู ข้ำงต้นสรุปได้ว่ำผูต้ อบแบบสอบถำมมีอำชพี นกั เรียน/นกั ศกึ ษำ จำนวน37คน คดิ เป็น ร้อยละ74 รบั รำชกำร/รฐั วิสำหกจิ จำนวน1คน คิดเป็นรอ้ ยละ2 พนักงำนบริษัทเอกชน จำนวน 0คน คดิ เปน็ ร้อยละ 0 ธรุ กจิ สว่ นตัว/ค้ำขำย จำนวน3คน คดิ เป็นรอ้ ยละ6 เกษตรกรรม จำนวน9คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ18 ตำรำงท่ี5 รำยได้ตอ่ เดือนของผตู้ อบแบบสอบถำม รำยไดต้ อ่ เดอื น จำนวน(คน) รอ้ ยละ ไม่มรี ำยได้ 2 4 50 น้อยกวำ่ 5,000 บำท 25 22 4 5,000 – 7,500 บำท 11 20 0 7,501 – 10,000 บำท 2 0 100 10,001 – 12,500 บำท 10 12,501 – 15,000 บำท 0 มำกกวำ่ 15,000 บำท 0 รวม 50 จำกข้อมูลขำ้ งต้นสรุปได้ว่ำผตู้ อบแบบสอบถำมมรี ำยไดต้ ่อเดอื น ไม่มีรำยได้ จำนวน2คน คดิ เปน็ รอ้ ย ละ4 น้อยกว่ำ 5,000 บำท จำนวน25คน คิดเป็นร้อยละ50 5,000 – 7,500 บำท จำนวน11คน คดิ เปน็ ร้อย ละ22 7,501 – 10,000 บำท จำนวน2คน คิดเป็นรอ้ ยละ4 10,001 – 12,500 บำท จำนวน10คน คิดเปน็ ร้อยละ20 ตำรำงที่6 ผู้สอบถำมเป็นคนกล่มุ ใด บคุ คลกลมุ่ จำนวน(คน) ร้อยละ บคุ คลในพนื้ ท่ี 18 36 บคุ คลใกลเ้ คียงตำบลดงแคนใหญ่ 13 26 บคุ คลที่อยใู่ นจังหวดั 6 12 บคุ คลท่ีอยใู่ นพ้ืนทีต่ ำ่ งจังหวัด 11 22 ผ้เู ดินทำงผำ่ นตำบลดงแคนใหญ่ 24 รวม 50 100 จำกข้อมูลขำ้ งตน้ สรุปไดว้ ำ่ ผู้ตอบแบบสอบถำมเปน็ คนกลุ่ม บคุ คลในพนื้ ท่ี จำนวน18คน คิดเปน็ รอ้ ย ละ36 บุคคลใกล้เคยี งตำบลดงแคนใหญ่ จำนวน13คน คิดเป็นร้อยละ26 บุคคลทีอ่ ยใู่ นจังหวดั จำนวน6คน คดิ เป็นร้อยละ12 บคุ คลที่อยใู่ นพน้ื ทตี่ ำ่ งจังหวดั จำนวน11คน คิดเปน็ ร้อยละ22 ผ้เู ดินทำงผำ่ นตำบลดงแคน ใหญ่ จำนวน2คน คิดเป็นร้อยละ4 91
ตอนที่ 2 คำถำมเกี่ยวกับพฤติกรรมกำรซ้ือและกำรบริโภคไกย่ ่ำงบ้ำนแคน ตำรำงท่ี1 ท่ำนซ้อื ไก่ย่ำงเพื่อใชใ่ นจุดประสงคใ์ ด เรอ่ื ง จำนวน(คน) ร้อยละ รับประทำนเอง 40 80 ซอ้ื เป็นของฝำก 6 12 มีผู้ฝำกซอ้ื 4 8 รวม 50 100 จำกข้อมูลขำ้ งต้นสรปุ ไดว้ ่ำ มีผ้ซู ือ้ ไก่ย่ำงเพอื่ ใช้ในกำร รบั ประทำนเอง จำนวน 40คน คดิ เปน็ ร้อยละ 40 ซ้ือเปน็ ของฝำก จำนวน6คน คิดเปน็ รอ้ ยละ12 มีผฝู้ ำกซือ้ จำนวน4คน คิดเปน็ ร้อยละ8 ตำรำงที่2 คณุ ซื้อไกย่ ำ่ งบ่อยแคไ่ หน เรอ่ื ง จำนวน(คน) ร้อยละ ทกุ วัน 10 20 36 สปั ดำหล์ ะคร้ัง 18 14 สปั ดำหล์ ะ2-3ครัง้ 7 สปั ดำห์ละ4-5คร้งั 4 8 ซ้อื เฉพำะชว่ งเทศกำล 11 22 รวม 50 100 จำกข้อมูลข้ำงตน้ สรุปได้ว่ำ ซื้อไกย่ ำ่ ง ทุกวนั จำนวน10คน คดิ เป็นรอ้ ยละ20 สปั ดำห์ละคร้งั จำนวน 18คน คิดเปน็ รอ้ ยละ36 สัปดำหล์ ะ2-3คร้งั จำนวน7คน คิดเปน็ รอ้ ยละ14 สปั ดำหล์ ะ4-5คร้งั จำนวน4คน คิด เป็นรอ้ ยละ8 ซ้อื ช่วงเทศกำล จำนวน11คน คิดเป็นร้อยละ22 ตำรำงท่ี3 สว่ นท่ซี ้ือมำรับประทำน เรอ่ื ง จำนวน(คน) ร้อยละ ท้งั ตวั 47 94 บำงสว่ น 3 6 รวม 50 100 จำกขอ้ มลู ขำ้ งตน้ สรปุ ไดว้ ำ่ สว่ นท่ีซอื้ คือ ท้งั ตวั จำนวน47คน คิดเปน็ รอ้ ยละ94 บำงสว่ น จำนวน3คน คดิ เป็น ร้อยละ6 92
ตำรำงท่ี4 รับประทำนไกย่ ่ำงเป็นม้ือใด เร่ือง จำนวน(คน) รอ้ ยละ มอื้ เชำ้ 23 46 18 มอ้ื กลำงวัน 9 16 ม้อื เยน็ 8 เป็นอำหำรว่ำง 8 16 รวม 50 100 จำกข้อมลู ข้ำงตน้ สรปุ ได้ว่ำ รบั ประทำน ม้ือเชำ้ จำนวน23คน คิดเป็นร้อยละ46 มอ้ื กลำงวัน จำนวน9คน คดิ เป็นร้อยละ18 มื้อเย็น จำนวน8คน คิดเปน็ รอ้ ยละ16 อำหำรวำ่ ง จำนวน8คน คดิ เป็นร้อยละ16 ตำรำงท่ี5 โอกำสพิเศษใด ทีท่ ำให้เลอื กซื้อ เรื่อง จำนวน(คน) ร้อยละ เทศกำล เช่น ปใี หม่ 12 24 2 ซื้อไปทำบญุ 1 30 ให้ญำติผใู้ หญ่ 15 ไมม่ โี อกำสไหนเปน็ พิเศษ 22 44 รวม 50 100 จำกข้อมูลขำ้ งต้นสรุปไดว้ ่ำ โอกำสทที่ ำใหเ้ ลอื กซ้ือ เทศกำล เชน่ ปีใหม่ จำนวน12คน คดิ เป็นร้อยละ24 ซ้ือไปทำบุญ จำนวน1คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ2 ใหญ้ ำติผู้ใหญ่ จำนวน15คน คดิ เปน็ ร้อยละ30 ไม่มโี อกำสไหนพเิ ศษ จำนวน22คน คิดเป็นร้อยละ44 ตำรำงท่ี6 กำรตัดสินใจเลอื กซื้อไกย่ ำ่ ง เร่ือง จำนวน(คน) ร้อยละ ตัดสินใจดว้ ยตนเอง 41 82 ผู้จำหน่ำยชว่ ยตัดสนิ 8 16 เพ่ือนหรือผใู้ กลช้ ดิ 1 2 รวม 50 100 จำกข้อมูลข้ำงต้นสรปุ ไดว้ ่ำ เลือกซ้ือโดย ตัดสินใจดว้ ยตนเอง จำนวน41คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ82 ผู้ จำหนำ่ ยช่วยตัดสนิ จำนวน 8คน คดิ เป็นรอ้ ยละ16 เพอื่ นหรือผู้ใกล้ชดิ จำนวน1คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ2 93
ตำรำงท่ี7 ร้ำนทจี่ ำหน่ำยมคี วำมเหมำะสมหรอื ไม่ เรื่อง จำนวน(คน) ร้อยละ เหมำะสม 50 50 ไมเ่ หมำะสม 0 0 รวม 50 100 จำกขอ้ มูลขำ้ งตน้ สรุปได้ว่ำ รำ้ นมีควำมเหมำะสม จำนวน50คน คิดเป็นร้อยละ100 ตำรำงท่ี8 วธิ ใี ดทำให้ตดั สินใจเลือกซ้ือ เรื่อง จำนวน(คน) ร้อยละ กำรใหส้ ว่ นลด 39 78 กำรใหข้ องแถม 11 22 รวม 50 100 จำกข้อมูลข้ำงตน้ สรุปได้วำ่ วธิ ีกำรให้สว่ นลด จำนวน39คน คดิ เป็นร้อยละ78 กำรใหข้ องแถม จำนวน 11คน คดิ เป็นร้อยละ22 ตำรำงท่ี9 รำคำท่ีเลือกซื้อ เรื่อง จำนวน(คน) ร้อยละ 25บำท 2 4 40บำท 2 4 60บำท 1 2 80บำท 1 2 120บำท 44 88 รวม 50 100 จำกข้อมูลข้ำงตน้ สรุปได้ว่ำ รำคำ 25บำท จำนวน2คน คดิ เปน็ ร้อยละ4 40บำท จำนวน2คน คดิ เป็นรอ้ ยละ4 60บำท จำนวน1คน คดิ เป็นร้อยละ2 80บำท จำนวน1คน คิดเปน็ ร้อยละ2 120บำท จำนวน44คน คิดเปน็ ร้อยละ88 94
พฤติกรรมกำรซ้ือและบรโิ ภคไก่ยำ่ ง ควำมพงึ พอใจของผูซ้ ้ือและบริโภค เฉลยี่ ผลิตภัณฑ์ มำกที่สดุ มำก ปำน น้อย นอ้ ย รวม 4.92 1.ควำมสะอำดของรำ้ นและผูป้ ระกอบควำม กลำง ทสี่ ดุ สะอำด 4.56 2.สีสนั ไก่ยำ่ ง 46 4 0 0 0 50 4.72 3.ชอื่ เสียงของไกย่ ่ำง 4.72 4.รสชำติของไกย่ ำ่ ง 28 22 0 0 0 50 รำคำ 36 14 0 0 0 50 4.5 1.รำคำถูกกว่ำเม่ือเทียบกบั ร้ำนใกลเ้ คียง 36 14 0 0 0 50 4.5 4.64 2.รำคำเปลีย่ นแปลงตำมเทศกำล/ระยะเวลำ 29 17 4 0 0 50 28 19 3 0 0 50 4.5 3.รำคำเหมำะกับปริมำณ 33 16 1 0 0 50 4.64 ช่องทำงกำรจำหน่ำย 4.2 1.บรรยำกำศของรำ้ น 26 23 1 0 0 50 4.42 2.มอี ำหำรให้เลือกมำกมำย 37 11 1 0 0 50 3.มีส่งิ อำนวยควำมสะดวก 31 13 1 0 0 50 4.กำรจัดตกแต่งรำ้ นใหเ้ ลอื กซ้ือสะดวก 28 15 7 0 0 50 สรปุ ผลการทดลอง กำรวิจยั คร้งั นมี้ วี ัตถปุ ระสงค์ เพ่ือศกึ ษำพฤติกรรมกำรซื้อและบรโิ ภคไกย่ ำ่ งบำ้ นดงแคนใหญ่ มคี วำม พงึ พอใจต่อกำรซือ้ และบรโิ ภค ตลอดจนควำมคิดเห็นและขอ้ เสนอแนะต่ำงๆ จำกกำรซื้อและบรโิ ภค เครื่องมือ ท่ีใช้ในกำรวจิ ัยคือแบบสอบถำม ซึ่งประกอบดว้ ยคำถำม ประเภทกำหนดคำตอบให้ ประเภทตอบไดอ้ ย่ำงเสรี และประเภทประมำณค่ำ (Likert Scale) เน้ือหำของแบบสอบถำมแบง่ ออกเปน็ 4 ตอน คือ ตอนท่ี 1 คำถำม เกยี่ วกับปจั จัยพน้ื ฐำนสว่ นบคุ คล ตอนท่ี 2 คำถำมเกี่ยวกับพฤติกรรมกำรซ้ือและกำรบริโภคไกย่ ำ่ งบ้ำนแคน ตอนที่ 3 คำถำมเกย่ี วกับควำมคดิ เห็น ตอนที่ 4 ข้อเสนอแนะต่อกำรส่งเสริมกำรบริโภคไก่ย่ำงบำ้ นแคน คณุ ลักษณะทั่วไปของผ้ตู อบแบบสอบถาม ผ้ตู อบแบบสอบถำมคร้ังน้ีเป็นเพศหญิงจำนวน 28 คน คิดเปน็ ร้อยละ 56 เพศชำยจำนวน 22 คน คิด เป็นร้อยละ44 อำยตุ ั้งแต่7-14ปี จำนวน2คน คิดเปน็ ร้อยละ4 อำย1ุ 5-24ปี จำนวน30คน คดิ เป็นร้อยละ60 อำย2ุ 5-34ปี จำนวน9คน คดิ เปน็ ร้อยละ 18 อำยุ35-44ปี จำนวน7คน คดิ เป็นร้อยละ14 อำยุ45-54ปี จำนวน 1คน คิดเป็นร้อยละ2 อำย5ุ 5ปีขน้ึ ไป จำนวน1คน คิดเปน็ รอ้ ยละ2 95
มรี ะดับกำรศึกษำ ป.1-6 จำนวน6คน คิดเป็นร้อยละ 12 ม.1-6 ปวช. ปวส. จำนวน43คน คดิ เป็นร้อย ละ 86 ปรญิ ญำตรี จำนวน1คน คิดเป็นร้อยละ 2 อำชีพ นักเรยี น/นกั ศึกษำ จำนวน37คน คิดเปน็ ร้อยละ74 รับรำชกำร/รฐั วสิ ำหกจิ จำนวน1คน คิด เป็นรอ้ ยละ2 พนักงำนบริษทั เอกชน จำนวน 0คน คดิ เปน็ ร้อยละ 0 ธุรกิจส่วนตวั /คำ้ ขำย จำนวน3คน คิดเปน็ รอ้ ยละ6 เกษตรกรรม จำนวน9คน คดิ เปน็ ร้อยละ18 มีรำยได้ต่อเดือน ไมม่ ีรำยได้ จำนวน2คน คดิ เป็นร้อยละ4 น้อยกว่ำ 5,000 บำท จำนวน25คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ50 5,000 – 7,500 บำท จำนวน11คน คิดเปน็ ร้อยละ22 7,501 – 10,000 บำท จำนวน2คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ4 10,001 – 12,500 บำท จำนวน10คน คดิ เป็นร้อยละ20 เปน็ คนกลมุ่ บคุ คลในพนื้ ที่ จำนวน18คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ36 บคุ คลใกล้เคียงตำบลดงแคนใหญ่ จำนวน 13คน คิดเป็นร้อยละ26 บคุ คลทอี่ ยู่ในจังหวัด จำนวน6คน คดิ เป็นรอ้ ยละ12 บคุ คลที่อยูใ่ นพืน้ ทีต่ ่ำงจังหวัด จำนวน11คน คิดเป็นร้อยละ22 ผู้เดนิ ทำงผำ่ นตำบลดงแคนใหญ่ จำนวน2คน คดิ เป็นร้อยละ4 คาถามเกีย่ วกับพฤติกรรมการซอื้ และการบรโิ ภคไก่ย่างบ้านแคน ผตู้ อบแบบสอบถำมชอบซ้ือและบรโิ ภคดงั นี้ ผู้ซ้อื ไกย่ ่ำงเพ่ือใชใ้ นกำร รับประทำนเอง จำนวน 40คน คิดเปน็ ร้อยละ40 ซ้อื เป็นของฝำก จำนวน6 คน คิดเปน็ ร้อยละ12 มีผู้ฝำกซ้อื จำนวน4คน คดิ เป็นรอ้ ยละ8 ซ้อื ไก่ย่ำง ทกุ วัน จำนวน10คน คดิ เป็นร้อยละ20 สัปดำห์ละครัง้ จำนวน18คน คดิ เปน็ ร้อยละ36 สัปดำห์ละ2-3คร้งั จำนวน7คน คิดเปน็ รอ้ ยละ14 สปั ดำหล์ ะ4-5คร้งั จำนวน4คน คิดเป็นร้อยละ8 ซ้อื ช่วง เทศกำล จำนวน11คน คดิ เป็นรอ้ ยละ22 สว่ นท่ซี ื้อคือ ท้ังตวั จำนวน47คน คิดเปน็ ร้อยละ94 บำงส่วน จำนวน3คน คิดเปน็ รอ้ ยละ6 รับประทำน มื้อเช้ำ จำนวน23คน คดิ เปน็ ร้อยละ46 มอื้ กลำงวนั จำนวน9คน คดิ เป็นร้อยละ18 มื้อเย็น จำนวน 8คน คดิ เป็นร้อยละ16 อำหำรวำ่ ง จำนวน8คน คดิ เป็นร้อยละ16 โอกำสที่ทำใหเ้ ลือกซื้อ เทศกำล เชน่ ปใี หม่ จำนวน12คน คิดเปน็ ร้อยละ24 ซ้อื ไปทำบุญ จำนวน1 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ2 ให้ญำตผิ ู้ใหญ่ จำนวน15คน คิดเปน็ ร้อยละ30 ไมม่ ีโอกำสไหนพเิ ศษ จำนวน22คน คดิ เป็น รอ้ ยละ44 เลอื กซือ้ โดย ตัดสินใจด้วยตนเอง จำนวน41คน คิดเปน็ รอ้ ยละ82 ผจู้ ำหนำ่ ยช่วยตัดสนิ จำนวน 8 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ16 เพือ่ นหรือผใู้ กล้ชิด จำนวน1คน คิดเป็นรอ้ ยละ2 รำ้ นมคี วำมเหมำะสม จำนวน50คน คดิ เปน็ ร้อยละ100 วธิ ีกำรใหส้ ่วนลด จำนวน39คน คิดเปน็ ร้อยละ78 กำรให้ของแถม จำนวน11คน คิดเปน็ ร้อยละ22 รำคำ 25บำท จำนวน2คน คดิ เป็นรอ้ ยละ4 40บำท จำนวน2คน คิดเป็นร้อยละ4 60บำท จำนวน1คน คดิ เปน็ ร้อยละ2 80บำท จำนวน1คน คดิ เปน็ ร้อยละ2 120บำท จำนวน44คน คดิ เปน็ ร้อย ละ88 96
ปจั จัยความคิดเห็น ผู้ซอ้ื และบริโภคไกย่ ่ำงบำ้ นดงแคนใหญ่ มีควำมพงึ พอใจอยำ่ งมำกในกำรเลือกซ้ือ เลือกบรโิ ภค เนอื่ งจำกอำหำร สะอำด มีสีสันรสชำตดิ ี รำคำเหมำะสม เมื่อเทียบกับแห่งอืน่ บรรยำกำศของรำ้ นสวย มสี งิ่ อำนวยควำมสะดวก เอกสารอา้ งองิ https://th.wikipedia.org/wiki www.ladyinter.com/forum_posts.asp?TID=5917 www.dek-d.com www.jeerapan.com/th/main/content.php?id=51 www.coopthai.com/coopksk/chicken.html 97
ภาคผนวก แบบสอบถาม เรอ่ื ง พฤติกรรมการซื้อและการบริโภคไก่ย่างบา้ นแคน ตาบลดงแคนใหญ่ อาเภอคาเขือ่ นแกว้ จงั หวดั ยโสธร แบบสอบถำมครัง้ นี้ สรำ้ งข้ึนเพ่อื ศึกษำวจิ ยั เก่ียวกบั เรื่อง พฤติกรรมกำรซื้อและกำรบรโิ ภคไกย่ ่ำงบำ้ น แคน ตำบลดงแคนใหญ่ อำเภอคำเขื่อนแก้ว จงั หวัดยโสธร ท่ำนเปน็ ผู้หนึ่งท่ีสำมำรถใหข้ อ้ มลู ทเ่ี ป็น ประโยชน์แก่งำนวิจยั และกำรวิจยั นี้จะนำข้อมูลมำประกอบกำรเรยี นรู้ของนกั เรยี นในโครงกำรเพำะพันธ์ุปญั ญำ โรงเรยี นสมเดจ็ พระญำณสงั วร ในพระสงั ฆรำชูปถมั ภ์ ศนู ย์พี่เลี้ยงมหำวิทยำลยั อุบลรำชธำนี ผลกำรศกึ ษำท่ี ได้จะไม่อ้ำงถึงบคุ คลหรือหน่วยงำน และจะสรปุ ผลเปน็ ภำพรวม แบบสอบถำมประกอบดว้ ย 4 ขั้นตอน ดังน้ี ตอนที่ 1 คำถำมเกย่ี วกบั ปัจจัยพ้นื ฐำนสว่ นบุคคล ตอนท่ี 2 คำถำมเกี่ยวกบั พฤติกรรมกำรซ้ือและกำรบรโิ ภคไกย่ ่ำงบ้ำนแคน ตอนที่ 3 คำถำมเกย่ี วกับควำมคิดเหน็ ตอนท่ี 4 ข้อเสนอแนะต่อกำรสง่ เสรมิ กำรบริโภคไก่ย่ำงบำ้ นแคน จงึ ขอควำมร่วมมือจำกท่ำนในกำรตอบแบบสอบถำม กรุณำตอบคำถำมทุกข้อตำมควำมเปน็ จรงิ ตรงตำม ควำมรู้สกึ ของท่ำน ขอขอบพระคณุ ท่ำนที่กรุณำสละเวลำในกำรตอบแบบสอบถำมน้ี 98
แบบสอบถามงานวิจัย เรื่อง พฤติกรรมการซ้อื และการบรโิ ภคไก่ยา่ งบา้ นแคน ตาบลดงแคนใหญ่ อาเภอคาเขือ่ นแกว้ จงั หวัด ยโสธร ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- คำชแี้ จง แบบสอบถำมนจ้ี ดั ทำเพอื่ ประโยชนท์ ำงกำรศึกษำพฤติกรรมกำรซื้อและกำรบริโภค ไก่ย่ำงบ้ำนแคน ผูว้ จิ ยั จึงขอควำมกรณุ ำท่ำนไดโ้ ปรดให้ขอ้ มูลที่ตรงกับควำมเป็นจริงของท่ำนมำกที่สุด ขอขอบพระคณุ ตอนที่ 1 ขอ้ มูลปจั จัยพื้นฐำนส่วนบคุ คล คำชี้แจง: โปรดใสเ่ คร่อื งหมำย √ ลงในชอ่ ง ��� หรือ เติมข้อควำมท่ีตรงกับควำมจริงลงในชอ่ งว่ำง 1. เพศ ��� ชำย ��� หญิง 2. อำยุ ���7-14ป���ี 15 – 24 ปี ��� 25 – 34 ปี ��� 35 – 44 ปี ��� 45 – 54 ปี ��� 55 ปีขึน้ ไป 3. ระดบั กำรศึกษำ ��� ป.1 – 6 ��� ม.1 – 6 ปวช.-ปวส. ��� ปรญิ ญำตรี สูงกว่ำปรญิ ญำตรี 4. อำชีพ ��� นกั เรยี น/นกั ศึกษำ ��� รบั รำชกำร/รัฐวสิ ำหกิจ ��� พนักงำนบริษทั เอกชน ��� ธรุ กจิ ส่วนตวั /ค้ำขำย ��� เกษตรกรรม ��� อ่ืน ๆ (ระบ)ุ ....................................... 5. รำยได้ตอ่ เดือน ��� ไม่มรี ำยได้ ��� นอ้ ยกวำ่ 5,000 บำท ��� 5,000 – 7,500 บำท ��� 7,501 – 10,000 บำท ��� 10,001 – 12,500 บำท 12,501 – 15,000 บำท ��� มำกกวำ่ 15,000 บำท 6.ทำ่ นเป็นบคุ คลกลมุ่ ใด บคุ คลในพ้นื ที่ ��� บุคคลใกล้เคยี งตำบลดงแคนใหญ่ ��� บคุ คลทอี่ ยู่ในจงั หวดั ��� บุคคลทอ่ี ยู่ในพน้ื ที่ต่ำงจังหวัด ผเู้ ดินทำงผ่ำนตำบลดงแคนใหญ่ 99
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156