ก่อนเขา้ ไลนก์ ารผลิต นักศึกษาแต่ละคนอาจจะ เปน็ ปลาจะละเมด็ ปลาทนู า่ ปลากระเบน ปลากะพง แ ต่ ผ ล ผ ลิ ต สุ ด ท้ า ย เราต้องได้ปลาซาร์ดีน กระป๋อง ครูกต็ อ้ งทำ�ตัว ชาๆ ไมร่ สู้ กึ รสู้ ากบั ความ เจ็บปวดของนักศึกษา ที่ เ ป็ น ป ล า ก ร ะ เ บ น ท่ีตัวแบนๆ แล้วต้อง พยายามหอ่ ตัวให้กลม เพ่อื จะลงกระป๋อง ให้ได้ ดร.สรยทุ ธ (เอเชยี ) รตั นพจนารถ เจา้ ของชัน้ เรยี น NREM
III บทเรียนและการเรียนรู้
การเรียนการสอน ในช้ันเรียน NREM คลาสนโี้ ดยรปู แบบกเ็ หมอื นไมไ่ ดส้ อนนะคะ ไมม่ เี ลคเชอร์ เราลอ้ มวงคยุ กนั แตห่ นกู แ็ ปลกใจวา่ ถา้ ไมม่ กี ารสอนแลว้ ความรมู้ นั มาจากไหน เพราะ หนรู ้สู ึกว่าหนไู ดค้ วามรู้ตลอดเวลา และได้ทกุ คร้ังเมอ่ื เข้าเรียน --- มัน อาจจะเปน็ การเรยี นรรู้ ปู แบบใหมห่ รอื เปลา่ คะ ? หนกู ไ็ มร่ ู้ --- จติ รณา เก่งการนา นักศึกษาชัน้ ปี 4 ตอนแรกหนูรู้สึกว่าอาจารย์ไม่ได้สอน หนูรู้สึกอย่างนั้น พวกเรามานั่ง คุยกนั เหมอื นใหพ้ วกเราเรยี นรกู้ นั เอง อาจารย์ไมเ่ คยสรปุ ความรู้ใหเ้ รา บางทีก็งงวา่ จะสอนอะไร แต่พร้อมกันนั้นอาจารยก์ ค็ อยไกด์ คอยแนะ หนูก็แปลกใจว่าพวกเราก็แคน่ ่งั คุยกันแต่ทำ� ไมเราไมอ่ อกนอกทาง --- สัณห์สินี บุญกจิ นกั ศึกษาช้นั ปี 3 บางทีอาจารย์ก็แนะค่ะแต่เราไม่เช่ือ เราจะท�ำแบบท่ีเราอยากท�ำ แล้ว เราก็ไดเ้ หน็ เองเลยว่ามันไม่โอเค ไปต่อไมไ่ ด้ แลว้ เราก็ไดเ้ รยี นรู้ บางที อาจารย์ก็จะบอกค่ะว่า ‘เตือนแล้วไงว่าผิด’ แต่เขาก็ไม่ได้ห้ามเด็ดขาด นะคะ ใหเ้ ราตดั สนิ ใจเอง พอผดิ ก็...ก็ได้เรยี นรู้ (หวั เราะ) --- นภภสั สร บุญดี นกั ศกึ ษาชน้ั ปีท่ี 3 ผมวา่ คลาสน้ไี ม่คอ่ ยมอี าจารย์ --- แมว้ า่ จะมีทีมสอนต้ัง 3 คน ก็เถอะ เหมือนทีมอาจารย์มาเป็นทีมโค้ชครับ คอยแย็บขวา แย็บซ้าย ไม่เคย มีอาจารย์คนไหนบอกเลยว่ากระบวนการโดยสรุป สมบูรณ์ มันเป็น อย่างไร ต้องท�ำอะไร ไม่มีอะไรเหมือนท่ีเราเคยเรียนมา การมีผู้สอน แบบนีก้ ็ดีนะครบั ช่วยลดชอ่ งวา่ งไดเ้ ยอะมากเลย --- รชั พล ปลูกอ้อม นกั ศึกษาช้ันปที ่ี 3 ห้องเรียนเปลย่ี นโลก 53
ภาพรวมของการเรยี น-การสอน 54 NREM
ชน้ั เรยี น NREM เรยี นในวนั พธุ ชว่ งบา่ ย ตง้ั แตเ่ วลา 13.30-16.30 น. (ซ่งึ มกั จะเลกิ จรงิ หลงั จากนนั้ เสมอ) รูปแบบท่ีแตกตา่ งจากชนั้ เรยี นอน่ื ๆ อยา่ งเหน็ ไดช้ ดั กค็ อื การจดั ทนี่ งั่ เปน็ วงกลมพอดกี บั จำ� นวนผเู้ รยี นและผสู้ อน ทุกคนหันหน้าเข้าหากัน คุยในรูปแบบของสุนทรียสนทนา (Dialogue) แทบจะเรียกได้ว่าเป็นชั้นเรียนท่ีไม่มีการบรรยายเลย และไม่มีการสอบ วัดผลปลายภาค ถ้ารูปแบบการเรียนการสอนหมายถึง นักศึกษาหันหน้าเข้าหา กระดาน อาจารย์ท�ำหน้าท่ีฉายแผ่นใส หรือใช้ PowerPoint รูปแบบใน ช้ันเรียนนี้ก็คือการล้อมวงหันหน้าเข้าหากัน รูปแบบท่ีคาดเดาได้ ท�ำ เหมือนกันทุกคร้ังที่มีช้ันเรียน มี 3 ประการ คือ Tune in, Check-in, Check-out ส่วนกิจกรรมการเรียนการสอนอื่นๆ ปรับเปล่ียนตาม สถานการณ์ และแนใ่ จไดว้ ่าแทบจะไม่มีการบรรยาย (Lecture) นำ� เขา้ (Tunein)เปน็ ชว่ งเวลาสนั้ ๆ3-5นาทใี หท้ กุ คนไดก้ ลบั มาอยกู่ บั เนอ้ื กบั ตวั (บางคนเรยี กวา่ ขนั้ ตอนการประกอบรา่ ง) ‘นำ� ใจมาอยกู่ บั กาย’ จะเรยี กกว่าเป็นการภาวนากอ่ นเริม่ เรียนกค็ งจะได้ เช็คอิน (Check-in) คือการบอกเล่าความรู้สึก ความพร้อม หรือ ไมพ่ รอ้ มของตนเองในขณะน้ี ใหส้ มาชกิ ในชนั้ เรยี นไดร้ บั รรู้ ว่ มกนั บางคน อาจจะเรม่ิ ดว้ ยการบอกวา่ “เมอื่ คนื นอนหวั คำ่� วนั นจ้ี งึ พรอ้ มเรยี นมากคะ่ ” ในขณะทบี่ างคนอาจจะบอกวา่ “เมื่อคนื แลบ็ หนูมปี ัญหา เพิ่งเข้านอนเมื่อ หอ้ งเรียนเปล่ยี นโลก 55
ตอนตสี นี่ เี้ อง แลว้ กม็ เี รยี นวชิ าแรกตอนแปดโมง ถา้ งว่ งมาก หนขู ออนญุ าต ยนื เรยี นนะคะ” จากนนั้ ผสู้ อนจงึ จะแจง้ บทเรยี น และการเรยี นการสอนใน วนั นนั้ ๆ เชน่ จะพดู คยุ กนั ในหวั ขอ้ ทแ่ี ตล่ ะคนไปอา่ นมา หรอื จะเปดิ โอกาส ใหน้ กั ศึกษาน�ำเสนอการบ้าน หรอื ซกั ถามขอ้ ขอ้ งใจเกีย่ วกบั โปรเจ็ค ฯลฯ เชค็ เอา้ ท์ (Check-out) ทำ� ใน 20-30 นาทสี ดุ ทา้ ยกอ่ นเลกิ ชนั้ เรยี น ทุกครงั้ แตล่ ะคนจะไดพ้ ดู ถงึ การเรยี นรูข้ องตัวเองตลอด 3 ชว่ั โมงท่ผี า่ น 56 NREM
มาวา่ เขาเรยี นรู้ในประเด็นไหนเป็นพิเศษ ร้สู กึ ‘โดน’ ในเรอ่ื งอะไร หรือ สภาวะตัวเขาในขณะน้ี (หลงั จากเรยี นมาแลว้ 2-3 ชัว่ โมง) เปน็ อย่างไร บา้ ง บางคนเช็คอนิ แรกเข้าวา่ เหนื่อยมาก แตเ่ ชค็ เอ้าทว์ ่ารสู้ ึกมีพลัง บาง คนเช็คอินด้วยท่าทีสบายๆ แต่เช็คเอ้าท์ว่ารู้สึกมึนศีรษะคิดว่าต้องกลับ ไปทำ� การบา้ นกบั ตวั เองในบางเรอ่ื ง บางคนพดู ถอ้ ยคำ� ประทบั ใจทไี่ ดฟ้ งั ใน คลาสวันนี้ หรือบางคนเผยเรอื่ งราวทพ่ี ดู ไดย้ ากในชว่ งเวลานี้ ฯลฯ ห้องเรียนเปล่ยี นโลก 57
การสะท้อนตัวเอง (Self Reflection) เป็นหัวใจส�ำคัญอีกเร่ืองหนึ่ง ของชั้นเรียนนี้ วิชาน้ีว่าด้วยเรื่องการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและ สง่ิ แวดลอ้ ม ซงึ่ การสอนเรอื่ งนใ้ี หเ้ กดิ ผลจะไม่ใชเ่ พยี งแคก่ ารทอ่ งเนอื้ หา วชิ า แตเ่ ขาตอ้ งเหน็ วา่ ทรพั ยากรธรรมชาตนิ นั้ ถกู จดั การโดยมนษุ ย์ และ สง่ิ ทท่ี า้ ทายการแกป้ ญั หาในปจั จบุ นั นนั้ ไมไ่ ดอ้ ยทู่ เี่ ทคนคิ เทคโนโลยี แต่ อยู่ท่ีว่ามนุษย์ไม่มีความสามารถในการจัดการตัวเอง ถ้ามนุษย์จัดการ ตัวเองเปน็ ส่ิงแวดลอ้ มกจ็ ะดขี ึ้นมาก ถา้ มนษุ ยม์ คี วามสามารถท่จี ะจดั การความโลภ ความโกรธ ความ น้อยเนื้อต�่ำใจท่ีมีอยู่ในตัวเองได้ ปัญหาส่ิงแวดล้อมก็จะดีข้ึนมากหรือ หมดไปเลยด้วยซ�้ำ ดังนั้นถ้าผู้เรียนสนใจการแก้ปัญหาและการจัดการ ทรพั ยากรธรรมชาติ เขาจะตอ้ งเขา้ ใจมนษุ ย์ และเพอ่ื ใหเ้ ขาเขา้ ใจมนษุ ย์ เขาตอ้ งเขา้ ใจตัวเอง ปจั จบุ นั นค้ี นมกั จะเขา้ ใจวา่ ปญั หาสง่ิ แวดลอ้ มเปน็ เรอ่ื งขา้ งนอก ไม่ เกย่ี วอะไรกบั ตนเอง หลายคนรวู้ า่ ปญั หามอี ยู่ แตไ่ มค่ ดิ วา่ ตวั เองเปน็ สว่ น หนึง่ ของปญั หา หลายคนรูว้ ่าสังคมแย่ การเมืองไม่ดี แตต่ ัวเราไม่เกย่ี ว เราเปน็ คนดี แตห่ ากไดก้ ลบั มาทำ� ความรจู้ กั ตวั เอง เขา้ ใจตวั เอง กจ็ ะเรมิ่ เขา้ ใจคนทอ่ี ยู่ในบรบิ ทและโครงสรา้ งทเี่ ปน็ อยวู่ า่ ทำ� ไมเขาถงึ คดิ แบบนนั้ เม่ือเข้าใจก็จะเร่ิมมีมุมมองต่อการแก้ปัญหาใหม่ๆ ได้ ---แล้วเขาจะ เขา้ ใจตัวเองไดอ้ ยา่ งไรเขาตอ้ งสะทอ้ นตัวเองเป็น อีกเรอ่ื งหนึ่งก็คอื ช้นั เรยี นนเ้ี ป็นไปเพ่ือความเปน็ มนุษย์ท่สี มบูรณ์ เน้ือหา วิชา เปน็ พาหนะใหเ้ ราเข้าถึงบรรลถุ ึงความเปน็ มนษุ ย์ทสี่ มบรู ณ์ ได้ ไม่วา่ เราจะเรยี นสถาปัตย์ กฎหมาย วิศวะ ฯลฯ เราก็จะเขา้ ถงึ ความ เปน็ มนษุ ยท์ สี่ มบรู ณ์ได้ ดงั นนั้ ไมว่ า่ เราจะเรยี นวชิ าอะไรกต็ ามเรากค็ วร สะท้อนตัวเองเป็น ในอดีตเราอาจจะมบี างวิชาทดี่ เู หมอื นพยายามจะให้เด็กๆ ไดร้ ูจ้ ัก การสะท้อนและเชื่อมโยงตัวเอง เช่น วิชาสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต (สปช.) วิชาสรา้ งเสริมลักษณะนสิ ัย (สลน.) แต่ด้วยระบบการเรียนก็ ท�ำให้วิชาเหล่าน้ีเด็กๆ ต้องเรียนแบบท่องจ�ำเพื่อไปสอบ คร้ันมาถึงใน 58 NREM
ระดับมหาวิทยาลัยโดยเฉพาะอย่างย่ิงในคณะวิทยาศาสตร์ซ่ึงเราถูก สอนให้เป็น “ผู้สงั เกต” ซ่ึงกำ� ลงั ดู “สงิ่ ที่ถูกสงั เกต” กย็ ่ิงทำ� ใหเ้ ราแยก ตัวเองออกมา การสะท้อนตัวเองเป็นประตูไปสู่ความเข้าใจตัวเอง เพื่อ จะเข้าใจเพื่อนมนุษย์ แล้วจะได้เข้าใจปัญหา เขา้ ใจสิง่ แวดลอ้ มและรจู้ ัก โลก ตัวผมเองมีความถนัดในเครือ่ งมือบางชนิดเชน่ การจัดวงสนุ ทรีย สนทนา (Dialogue) ก็ใช้เคร่ืองมือนั้นมาดูแลชั้นเรียนนี้ จัดห้องเรียน เป็นวงกลม ทุกคนเห็นหน้ากันและกัน หรือการเขียนบันทึก (Jour- nal) เปิดพ้ืนที่ส�ำหรับบางคนท่ีไม่ได้มีความถนัดหรือคุ้นเคยหรือ พร้อมทจ่ี ะแบง่ ปนั ในวงใหญ่ มนี กั ศกึ ษาหลายคนที่การดำ� รงอย่ขู องเขา ในชนั้ เรยี น กบั ตวั ของเขาในบนั ทกึ แทบจะเปน็ คนละคนกนั คนบางคนใน คลาสเงียบมาก แทบจะไม่พูดอะไรเลย แต่พอเขียนบันทึก เขาเขียน สะทอ้ นตวั เองไดด้ มี าก รจู้ ักต้ังคำ� ถาม ซึง่ ทำ� ใหผ้ มทง่ึ อย่หู ลายคร้งั และ ในทางกลบั กัน บางคนก็พูดในห้องดมี าก บุคลกิ การพูดจาดมี าก แต่ใน บนั ทกึ กลับไม่มอี ะไรน่าสนใจเทา่ ไรนกั ห้องเรยี นเปล่ยี นโลก 59
ในวิชาน้ี การเรียนทกุ ครงั้ คือการสอบ เพราะการเขา้ เรยี นทกุ ครงั้ มีการประเมิน ทั้งการประเมินเพื่อนและการประเมินตัวเอง เรียกว่ามี ทั้ง การสอบทานตัวเอง และการสอบทานกนั และกนั หากเราสามารถที่ จะสร้างเคร่ืองมือให้เขารู้จักกลับมาส�ำรวจตัวเอง สะท้อนตัวเองเป็น ก็ จะช่วยเขาได้ในระยะยาวและเป็นหลักการเรยี นรเู้ พอ่ื จะตืน่ รู้ดว้ ย พทุ ธ ศาสนาอาจจะเรียกว่า โพชฌงค์ ในการเรยี นทกุ ๆ คร้งั นักศกึ ษาจะได้ถามตัวเองว่าเขารู้อะไร และ เขาไมร่ อู้ ะไร การเรยี นแบบไหน หรอื การดำ� รงตนแบบไหนทจ่ี ะทำ� ใหเ้ ขา เรียนดขี น้ึ พฒั นาตวั เองดีขนึ้ ทุกครง้ั ทเี่ ข้าเรยี นมีการเชค็ อิน ให้กลบั มา ตรวจสอบสภาพรา่ งกายและจติ ใจตวั เองวา่ พรอ้ มต่อการเรยี นไหม และ กอ่ นจบชน้ั เรยี นมี เช็คเอ้าท์ ด้านหนงึ่ ก็เปน็ การให้เขากลบั มาตรวจสอบ ตวั เอง กลบั มาเช็ควา่ วนั นเี้ ขาไดเ้ รยี นรู้อะไร อะไรทที่ �ำใหร้ ู้สึกดี อะไรที่ ทำ� ให้เขารู้สึกแย่ในบนั ทกึ (การบา้ น) ของเขา ผมใหเ้ ขาเล่าวา่ เกดิ อะไร บ้างในชีวติ เขาได้นำ� ความรู้ แนวคิด ทกั ษะ ที่เกิดจากห้องเรยี นไปใช้ใน ชวี ติ บา้ งไหม พวกเรา(ครู) ตอ้ งตั้งคำ� ถามอยเู่ สมอวา่ สงิ่ ทีเ่ ราจะทำ� ใหห้ อ้ งเรยี น นั้นเราจะท�ำไปท�ำไม เราจะท�ำสิ่งน้ีเพื่ออะไร ท�ำไมทุกคนต้องหันหน้า เขา้ หาอาจารย์ หรอื เราจะหนั หนา้ เขา้ หากนั ทำ� ไมตอ้ งเขา้ เรยี นตรงเวลา หรือจะต่างคนต่างเข้าเรียน ท�ำไมต้องฟังเวลาที่มีคนพูด สิ่งเหล่าน้ีเรา อาจจะตอ้ งชวนกันตั้งคำ� ถาม รวมถึงถามวา่ ท�ำไมเราจึงตอ้ งสอบ 60 NREM
โลกทศั นแ์ บบกลไกเขา้ มาครอบกระบวนการศกึ ษา โลกทศั นท์ บ่ี อก ว่า เราต้องมีมาตรฐานเดียวกัน โลกทัศน์ของความเป็นวิทยาศาสตร์ที่ บอกวา่ การทดลองทางวทิ ยาศาสตร์นัน้ ไมว่ ่าจะท�ำทไ่ี หน ประเทศไหน กจ็ ะใหผ้ ลเหมอื นกนั --- โลกทศั นแ์ บบนแ้ี รงและสง่ ผลครอบความเปน็ มนษุ ย์ เวลาทเ่ี ราเปน็ ครู จะทำ� การสอน กต็ อ้ งมมี าตรฐานการศกึ ษา เมอ่ื สอนแล้วตอ้ งไดแ้ บบน้ี เม่ือลงมือท�ำ A จะต้องไดผ้ ลลพั ธเ์ ป็น B ถ้าผลลพั ธอ์ อกมาเป็น B C D หา้ มทำ� โลกทัศนแ์ บบกลไกบีบใหท้ ุกๆ คนเปน็ เหมอื นๆ กนั แม้วา่ แต่ละคนจะไม่เหมือนกัน กระบวนการศึกษาจะท�ำให้ทุกคนจบออกมา แล้วเหมอื นๆ กัน นค่ี ือการทำ� ลายความเปน็ มนุษย์ ทัง้ ความเป็นมนษุ ย์ ของครูและความเป็นมนุษย์ของนักเรียน-นักศึกษา ครูบอกตัวเอง วา่ ไมต่ ้องใส่ใจอะไรมากนกั มหี นา้ ทีผ่ ลติ นกั ศึกษาออกมา กอ่ นเขา้ ไลน์ การผลิต นักศึกษาแต่ละคนอาจจะเป็นปลาจะละเม็ด ปลาทูน่า ปลา กระเบน ปลากะพง แต่ผลผลิตสุดท้ายเราต้องได้ปลาซาร์ดีนกระป๋อง ครูต้องท�ำตัวชาๆ ไม่รู้สึกรู้สากับความเจ็บปวดของนักศึกษาท่ีเป็น ปลากระเบน ท่ีตัวแบนๆ แล้วพยายามห่อตัวให้กลมเพื่อจะลงกระป๋อง ให้ได้ ครตู ้องบอก(หลอก)ตวั เองว่า โลกก็เป็นแบบนี้แหละ เราท�ำอะไร ไมไ่ ดห้ รอก --- ไม่เคารพความเป็นมนษุ ยเ์ ลยนะครบั ห้องเรยี นเปลย่ี นโลก 61
จติ รณา เกง่ การนา: หนชู อบชนั้ เรยี นนค้ี ะ่ รสู้ กึ วา่ เปน็ การเรยี นรทู้ เ่ี ราหนั หนา้ เขา้ หา กนั เปน็ การเรยี นรทู้ เี่ กดิ จากการท่ี เราคุยกนั เปิดใหเ้ ราฟังความเห็น ที่หนูชอบท่ีสุดคือการฟังอย่าง ลึกซ้ึงท่ีทุกคนต่างก็ฟังกันและ กันโดยไม่ตัดสิน เพื่อนฟังหนูและไม่ตัดสินตัวเรา มันท�ำให้เรากล้าที่จะ พูดออกไป ในช้นั เรยี นอนื่ บอ่ ยๆ ทีห่ นตู อ้ งเก็บค�ำถามเอาไว้ ไมก่ ลา้ พูด ชว่ งแรกกง็ งเพราะเราคิดว่าจะเรยี นแบบหนึง่ แตเ่ อาเข้าจริงอาจารย์ สอนอีกแบบหน่ึง สิ่งท่ีรู้สึกว่าได้รับเป็นเรื่องค�ำพูดจากทีมอาจารย์ท่ีอยู่ ในคลาส เป็นการแนะแนวทาง เป็นการบอก การสอน ที่หนูหยิบเร่ือง เหล่าน้ันมาใช้ในชีวิตได้ท้ังหมด เอาเข้าจริงแล้วคลาสน้ีมีผลในเร่ืองการ ปรบั ปรุงตัวเอง อยา่ งเช่น การตรงเวลา หนเู คยร้สู กึ ว่าการช้าสัก 5 นาที เป็นเร่ืองท่ียอมรับได้ แต่พออาจารย์พูดถึงความส�ำคัญการตรงต่อเวลา เราได้แลกเปล่ียนกันท้ังกลุ่ม ก็ยิ่งท�ำให้เห็นว่าเรื่องน้ีส�ำคัญจริงๆ ไม่ใช่ เป็นเพราะว่าอาจารย์พูดว่าส�ำคัญ ไม่ใช่เรื่องการสอนของอาจารย์ แต่ ทงั้ หมดนี้ เราเหน็ ร่วมกัน หนูยังไม่เคยเจอชั้นเรียนไหนที่เปิดให้เราพูดคุย แสดงความเห็น อยา่ งเป็นตัวเราเองไดม้ ากเท่ากับชัน้ เรียนน้ี แมว้ า่ บางคลาสอาจจะมกี าร 62 NREM
ทำ� งานเปน็ กล่มุ มีการเปดิ ให้แสดงความเห็น แตเ่ ราก็จะเห็นวา่ มีบางคน เทา่ น้นั ทีพ่ ดู และแสดงความเห็น แต่คนส่วนใหญ่จะไมอ่ อกความเห็นเลย ท�ำให้เราไม่รู้เลยว่าในใจของเขาเป็นอย่างไร มีอะไรในความคิดของเขา แตใ่ นชนั้ เรยี น NREM จะเห็นไดว้ ่าทุกๆ การกระท�ำของทกุ คนมคี วามคดิ มีความรู้สึก มีความเปน็ ตวั ของตวั เองอยูท่ งั้ น้ัน และการได้รบั รู้กช็ ว่ ยให้ เรามมี ุมมองต่อชีวิตท่ดี ี หนอู ยากใหม้ กี ารเรยี นการสอนแบบนม้ี ากขนึ้ แมว้ า่ จรงิ ๆ แลว้ หนกู ็ ไมร่ วู้ า่ จะทำ� ในภาพรวมไดอ้ ยา่ งไร แตม่ นั เปน็ ประโยชน์ ตวั หนเู องไดเ้ รอ่ื ง การฟงั มาก พอออกไปนอกช้นั เรียนเรากจ็ ะไดเ้ จอคนทีไ่ ม่ชอบฟัง เขาไม่ อยากฟงั คนอนื่ เขาพร้อมท่ีจะตัดสนิ แตถ่ า้ มีคลาสแบบน้ีเพ่มิ ขึ้น ใหร้ ู้จัก การฟงั มากข้ึน หลายอย่างกค็ งจะดขี ึ้น ดูเหมือนว่าคลาสน้ีอาศัยใจ หรือ inner อะไรบางอย่างซ่ึงไม่เกี่ยว กับความฉลาด การเรียนเก่งหรือไม่เก่ง ไปได้เร็วหรือไปได้ช้า หนูรู้สึก วา่ คลาสนเ้ี ปน็ คลาสทเี่ ราอาศยั ขอ้ ตกลงรว่ ม และการไปดว้ ยกนั อยา่ งมาก อย่างเชน่ การประเมินแบบฉันทามติ มีหลายส่งิ หลายอยา่ งที่ทำ� ให้รู้สึกวา่ เราไปดว้ ยกนั ตลอดทาง นรุตม์ เหลา่ นิพนธ์: ผมรู้สึกว่ามีการเรียนรู้เกิดข้ึนตลอดเวลาในช้ันเรียนของเรา ค�ำ พูดของเพื่อนแต่ละคนบอกอะไรกับเรา หรือแม้แต่ความเงียบที่เกิดขึ้นก็ ห้องเรียนเปล่ยี นโลก 63
บอกได้ว่าก�ำลังมีอะไร ความรู้นี้อาจ จะไม่ใช่ความรู้วิชาการ แต่เป็นความ รู้เชิงทักษะที่เราสามารถน�ำไปปรับใช้ กับทุกๆ อย่างในชีวิต เป็นความรู้ท่ี เปน็ แกนกลาง เปน็ แกน่ แลว้ เราเอาไป ต่อยอด เอาไปปรับใช้ ขึ้นกับตัวของ เราวา่ จะเอาไปใช้ได้มากน้อยแคไ่ หน คลาสน้ีท�ำให้เราได้เห็นมุมมองของคนอื่นๆ ได้เห็นแนวคิด ได้เอา ความคิดเหล่าน้ันมาปรบั ใช้ในแบบของเรา มันท�ำให้เราได้คดิ ว่า ‘เออ..มี มมุ มองแบบนอี้ ยู่ เราอาจจะลองมองประเดน็ นน้ั ในมมุ มองแบบนบี้ า้ งกไ็ ด’้ ซงึ่ กอ็ าจจะชว่ ยใหเ้ ราตดั สนิ ใจไดด้ ขี นึ้ สว่ นอกี เรอ่ื งคอื การฝกึ เขยี น คลาสน้ี ตอ้ งเขยี นการบา้ นสง่ ทกุ สปั ดาห์ และเขยี นรวี วิ หนงั สอื (มคี นแซววา่ ราวกบั เป็นนักเรียนอักษรศาสตร์) ผมว่าก็ดีนะ เพราะพอเราใกล้จบเราก็ต้อง เขียนเล่มเหมอื นกนั เป็นการฝึกเรา ฝึกภาษา ฝกึ การเรยี บเรยี งความคิด การเรียนแบบนี้อาศัยเวลามาก ตัวผมเองต้องเรียนสักพักจึงเริ่ม เขา้ ใจไดว้ า่ ทำ� ไมบรบิ ทของหอ้ งเรยี นจงึ เปน็ แบบนี้ NREM ไมใ่ ชก่ ารเรยี น ที่เลคเชอร์ 1 ช่ัวโมงแล้วทกุ คนได้เหมอื นๆ กัน แต่คลาส NREM เป็นการ เรยี นรแู้ บบซึมซบั ไปทีละนิดๆ ประกอบเขา้ มาทลี ะส่วน แล้วในทสี่ ดุ เราก็ จะเห็นภาพใหญท่ ัง้ หมดรว่ มกัน แล้วพอได้ป๊บุ กไ็ ดเ้ ลย เอาไปใช้ไดจ้ รงิ 64 NREM
หัดพดู และ หดั ฟัง การฟัง 4 ระดับ การฟัง 4 ระดับ เปน็ บทเรียนแรกๆ ท่ีทกุ คนจะได้เรียนรแู้ ละฝึกฝน ในช้ันเรียนน้ีหากผู้เรียนไม่ฝึกฝนทักษะน้ีให้ดี การเรียนรู้ในชั้นเรียนน้ี ก็เป็นไปได้ยาก เพราะช้ันเรียนนี้อาศัยมุมมองท่ีหลากหลายซ่ึงพื้นฐาน ของมุมมองที่หลากหลายคือการเปิดใจรับฟัง และการเท่าทันความคิด ของตนเอง ระดบั ที่ 1 I in Me การฟงั ทผ่ี ู้ฟงั ยงั คงอยูก่ บั ตนเอง ยงั มเี สยี งในหวั ท่ีโต้ตอบกับเรื่องราวท่ีได้ยิน หรืออยู่กับเรื่องราวในใจของตนเอง การ ฟังในระดับน้ีมักเปน็ การฟงั ผ่านๆ แต่จบั ใจความของเรอ่ื งราวที่ฟังไมไ่ ด้ ห้องเรยี นเปลยี่ นโลก 65
การฟงั 4 ระดบั I in Me การจมอยกู่ ับตวั เอง I in It อยกู่ ับเนอ้ื หาเรอื่ งราว I in You สามารถเขา้ ไปรับรู้เขา I in Now อยู่กับทั้งหมด รบั ร้ตู วั เอง เร่อื งราว เขา และบริบท ระดับท่ี 2 I in It การฟังท่ีผู้ฟงั อยู่กับเร่ืองราวทร่ี บั ฟงั จับใจความ ได้ แต่ไม่ได้รับรบู้ รบิ ทอืน่ ๆ เชน่ ความร้สู กึ ของผพู้ ูด ไม่สามารถรบั รู้ถงึ 66 NREM
ความหมายที่ผู้พดู อยากจะสื่อแต่ไมไ่ ดก้ ลา่ วออกมา ระดบั ท่ี 3 I in You การฟังท่ผี ้ฟู งั สามารถรบั รเู้ รอื่ งราว ความรู้สกึ และบริบทแวดล้อมของผู้พดู เกิดความเข้าอกเขา้ ใจ ระดบั ที่ 4 I in Now การฟงั ท่ผี พู้ ดู รบั รู้เรอ่ื งราว ความร้สู กึ บรบิ ท แวดลอ้ มของผพู้ ดู พรอ้ มๆ กบั รบั รบู้ รบิ ทและความรสู้ กึ ของตนเอง(ผฟู้ งั ) รวมถึงรบั รบู้ รบิ ทแวดล้อมทง้ั หมด การฝกึ ทกั ษะการฟงั ในชน้ั เรยี น NREM นี้ คอื การพานกั ศกึ ษาใหร้ จู้ กั สงั เกตทกั ษะการฟงั ของตนเอง และนำ� พาใหท้ กุ ๆ คนไดข้ ยบั มาฝกึ ทกั ษะ การฟงั ในระดบั ทส่ี งู ขนึ้ ซง่ึ อาศยั การเปดิ ใจ การเทา่ ทนั เสยี งภายในของตวั เอง การเคารพผ้ฟู ัง ฯลฯ ทักษะการฟงั น้ีเป็นทักษะพน้ื ฐานทีส่ ำ� คัญที่สดุ ส�ำหรบั การเรยี นในชนั้ เรียน NREM สณั หส์ ินี บญุ กิจ: หนรู สู้ กึ วา่ หนเู ปน็ คนพดู ไมเ่ กง่ พดู ไมร่ เู้ รอ่ื ง กเ็ ลยไมค่ อ่ ยกลา้ พดู กบั ใคร แตใ่ นห้องอาจารย์กม็ กั จะบอกว่า ให้ พูดออกมาเลย ซ่ึงหนูไม่ชอบพูดสิ่งท่ีอยู่ ในใจกับใคร เวลาใครถามก็มักจะบอก วา่ ไมร่ ู้ ไม่รูอ้ ะไรเลย แต่เดย๋ี วนีก้ ็กล้าขน้ึ การพดู ทำ� ใหค้ นอนื่ เขา้ ใจเรามากขนึ้ การ พูดทำ� ให้เราสบายใจมากขึ้น หอ้ งเรียนเปลี่ยนโลก 67
นภภัสสร บญุ ดี: เมื่อก่อนหนูเป็นคนไม่ค่อยพูดค่ะ จะว่าเก็บกดก็ไม่เชิงแต่ก็รู้สึก อึดอัดบ้าง แต่หลังๆ มานี้พบว่าการที่เราคิดแล้วไม่ได้พูดบางทีก็ท�ำให้ เรารู้สึกไม่ดี บางทีการตัดสินใจพูดออกไปก็อาจจะดีต่อเพื่อน ดีต่อเรา ดีตอ่ สว่ นรวมมากกว่า สธุ ินี ศริ โิ สดา: หนูตรงข้ามค่ะ เพราะหนูกล้าพูดอยู่ แล้วแต่หนูรู้สึกว่าหนูกล้าท่ีจะฟังมากข้ึน กลา้ ท่จี ะรับฟัง หนเู ปน็ คนแบบวา่ หนกู ล้าพดู เพราะ หนูคิดมาดีแล้ว ประมวลผลมาแล้ว เก็บ ขอ้ มลู มาแลว้ ทกุ คนนา่ จะฟงั หนู มนั อาจจะ เปน็ ความรูส้ กึ อยากชนะ ในคลาสท่ีต้องเรียนเรื่องการฟังหนูอึดอัดมาก ไม่เคยคิดว่าจะต้อง ต้ังใจฟังใครมากขนาดนั้นเพราะปกติเรามีแต่เร่ืองท่ีเราอยากจะพูด เรา ไมไ่ ด้อยากจะฟัง มอี ยูค่ รั้งหน่ึง เราจับค่กู ัน คนหนึ่งพดู แลว้ อีกคนหน่งึ ฟงั หนกู ็วา่ หนฟู ังนะ(คอื ไมพ่ ดู ) แต่มนั ก็ลอยๆ แลว้ อาจารยก์ ็บอกวา่ ใหค้ นท่ี ฟงั เมอื่ สักครูน่ ้ีพดู ออกมาหนอ่ ยว่าเพอ่ื นพูดว่าอะไรบ้าง --- ตอนนน้ั หนู รูส้ กึ เลยว่า ‘ฉิบหายแล้ว’ หนูไมไ่ ด้ฟัง หนจู บั ใจความไมไ่ ด้เลย มันท�ำให้ เห็นแพทเทิร์นการฟังของตัวเองในอดีต คือเวลาฟังหนูจับแค่ค�ำบางค�ำ 68 NREM
จบั คีย์เวิร์ด แล้วหนกู ส็ รุปเรื่องราวทั้งหมดเอง ซึ่งนน่ั ไมใ่ ช่การฟังหรอก จากคลาสเรียนครั้งนน้ั ‘เปล่ียนเลยจ้า’ (หวั เราะ) หนูต้องคอยบอก ตวั เองว่า “น!่ี อยนู่ ิง่ ๆ ฟงั กอ่ น ไอ้อ้วนเอ๊ย อยนู่ ่ิงๆ ฟังเขา ฟงั เขากอ่ น” (หวั เราะ) หนรู สู้ กึ วา่ การฟงั ใหผ้ ลกบั ตวั หนอู ยา่ งมาก หนตู ง้ั ใจฟงั มากขน้ึ กบั ทุกๆ คน รวมถึงคนในครอบครวั ด้วยโดยเฉพาะแม่ เมอ่ื กอ่ นหนรู ู้สกึ วา่ แม่ขบ้ี น่ แตเ่ ดีย๋ วนีถ้ งึ บน่ กฟ็ ังได้ (หัวเราะ) แลว้ เขา้ ใจแมม่ ากขึ้นไหม หนูวา่ หนูเขา้ ใจนะ คอื หนูไมไ่ ด้เขา้ ใจทแ่ี มห่ งดุ หงิดหรือเขา้ ใจค�ำพดู ของแม่ แต่หนูเข้าใจว่าแม่ก�ำลังจะบอกอะไร บางทีแม่ดุแต่หนูก็ยิ้มนะ คล้ายๆ กับมันเห็นว่าเขาจะบอกอะไร แต่ตอนนั้นเขาบอกไม่ได้เพราะ เขาก�ำลังโมโห รัชพล ปลูกออ้ ม: การฟงั คนทเี่ ขาอยากพดู กเ็ ปน็ ทกั ษะทด่ี นี ะครบั มคี นบางประเภทที่ เขาแค่อยากจะพดู พดู ซ้�ำๆ เร่อื งเดิม 5 รอบ 10 รอบ พูดแต่เรอ่ื งนัน้ ซง่ึ แนน่ อนวา่ มนั นา่ เบอื่ มาก แตถ่ า้ เราตง้ั ใจฟงั เขา จริงๆ แล้วบอกได้ว่า เราฟังเร่ืองน้ีมาหลาย รอบแล้ว เขาอยากจะแก้ปัญหาน้ีไหม หรือ เขาอยากจะออกจากสถานการณ์นไี้ หม มนั ดี มากเลยนะครบั มนั เปน็ การชว่ ยเขาเหมอื นกนั ห้องเรียนเปล่ยี นโลก 69
--- ผมคดิ ว่าทีเ่ ขาพดู ซ�ำ้ ๆ อย่างนน้ั กเ็ พราะไม่เคยมคี นฟงั เขาจริงๆ เลย สักคน การฟงั และการพดู เปล่ยี นผมมาก ผมคดิ วา่ มันชว่ ยใหผ้ มได้ดแู ล ความสัมพันธ์ ได้รู้จกั เคารพความคดิ จติ รณา เก่งการนา: สิง่ ทชี่ อบมากในชั้นเรียน และเอาไปใช้ไดแ้ นๆ่ คือการฟัง มนั เป็น สิง่ ท่ีเราจะไดช้ ว่ ยท้ังคนอ่นื และตวั เอง เมอ่ื กอ่ นเวลามีใครมาปรึกษาเราก็ มกั จะให้คำ� แนะนำ� แตเ่ ดย๋ี วนเี้ ห็นแล้วว่าการฟงั จะช่วยเขาไดม้ ากกวา่ ซึ่ง รวมถึงการฟังตวั เองดว้ ย บางคร้ังการฟังตัวเองกม็ าจากการเขยี นบันทึก สง่ อาจารย์ เขยี นความรสู้ กึ เขยี นสงิ่ ทเ่ี กดิ ขนึ้ ทำ� ใหเ้ ราไดท้ บทวน หนเู หน็ วา่ มนั มคี วามรสู้ กึ ชวั่ ครกู่ บั ความรสู้ กึ ทเี่ ราผา่ นการทบทวนแลว้ มนั ทำ� ให้ เราเห็นว่าเราจะเอาอยา่ งไร จะไปตอ่ หรือจะหยุด กลับมามีสติ ทบทวน มากข้นึ หนูยอมรับว่าตัวหนูก็ได้รับผลกระทบจากการเรียนในคลาสมากๆ การกระท�ำแทบทุกอย่างในชีวิตประจ�ำวันมันจะแฝงไปด้วยสิ่งที่เราได้ เรียนรูจ้ ากในห้องและมนั ทำ� ให้หนอู ยากปรบั ปรงุ ตัวในหลายๆ อย่าง หนู มองเหน็ และยอมรบั ขอ้ เสยี ในตวั เองมากขนึ้ หนเู ปดิ ใจและรบั ฟงั ผอู้ น่ื อยา่ ง ลึกซ้ึงและไม่ตัดสิน จนค้นพบแล้วว่าทางน้ีมันเป็นทางท่ีดีมากท่ีสุดอย่าง หนึ่ง ในการช่วยเหลือคนอื่น และส�ำหรับมุมมองด้านสิ่งแวดล้อมและ โลกหนูคิดว่าการกระท�ำจากจุดเล็กๆ ที่แสดงออกมาว่าเราท�ำได้น่ีแหละ 70 NREM
สมดุ บันทึกของ จติ รณา เก่งการนา มนั เปน็ ก�ำลังใจใหเ้ ราอยากจะทำ� ส่งิ อน่ื ๆ ตอ่ ไป ท่ใี หญ่ข้นึ เร่อื ยๆ เพื่อโลก และก็มีความหวังว่าการกระท�ำของเราจะไปกระตุ้นคนอ่ืนๆ ให้ตระหนัก และท�ำตามต่อๆ กนั ถ้ามนั เป็นอยา่ งทีห่ นูคดิ โลกคงนา่ อยขู่ ้ึนไม่ใชน่ อ้ ย หอ้ งเรียนเปล่ียนโลก 71
การฟงั ในวนั นมี้ นั ตา่ งจากการฟงั ทเ่ี ราเคยฟงั มาตลอด หนสู ามารถมี อารมณ์รว่ มกับผู้พดู สามารถจับประเด็นไดว้ า่ ประเดน็ ไหนทม่ี ันนา่ สนใจ ประเด็นไหนที่เราเห็นด้วยและอยากเพิ่มเติมหรือเสริมตามความคิดของ เรา ทำ� ใหเ้ ราไดแ้ งค่ ดิ ทต่ี า่ งออกไป เหน็ มมุ บางมมุ ทเี่ ราไมไ่ ดม้ อง หรอื ไม่ เคยมองในมมุ น้ี คำ� พดู ของเพอื่ นในคลาสแตล่ ะคนมนั มคี ณุ คา่ มนั สะทอ้ น ถึงความสนใจและท�ำให้เกดิ “ความเขา้ ใจร่วม” แบบทพ่ี เ่ี ลง้ ได้พูดไปเมื่อ สัปดาหท์ ่แี ล้ว ตามความรูส้ กึ ของหนจู ริงๆ หนูคิดว่า Dialogue คร้ังนม้ี นั สรา้ งทัศนคติทีด่ ีในตัวหนเู อง มันไมใ่ ช่การสนทนาออกความเห็นท่ีใครจะ พดู ก็พดู ไป เราจะเลือกฟังหรือไม่ฟงั กไ็ ด้ แบบนั้นมนั ไมอ่ นิ เท่ากับ Dia- logue หนอู าจจะยงั หาเหตผุ ลทชี่ ดั เจนไมไ่ ดว้ า่ มนั เกดิ อะไรขน้ึ กบั ทศั นคติ ทเี่ ปลย่ี นไปตอ่ วงสนทนา แตต่ อนนหี้ นยู นื ยนั ไวก้ อ่ นไดเ้ ลยวา่ มนั เปน็ เรอื่ ง ดๆี ท่ีเกิดขนึ้ แน่นอน 72 NREM
ห้องเรยี นเปล่ยี นโลก 73
การบา้ น การอา่ น การเขยี น 74 NREM
นกั ศึกษาในช้ันเรยี น NREM16 (ปกี ารศกึ ษา 2559) ต้อง commit ที่จะตอ้ งสง่ งาน 3 ชิน้ หลักคือ 1. เขยี นบันทกึ (Journal) สปั ดาห์ละ 2 ครงั้ เพอื่ ส่งให้คณะผสู้ อน อ่าน (สง่ สมดุ ทุกวันจนั ทร์ และจะไดส้ มดุ คนื ในชนั้ เรยี นของวนั พุธ) 2. อา่ นหนงั สอื อชิ มาเอล: จติ วญิ ญาณทศั นาจร พรอ้ มเขยี นรายงาน 3 ชน้ิ เกย่ี วกบั หนงั สอื น้ี • รายงานสรุปเนื้อหา ใจความหลัก ของหนังสืออิชมาเอล (Descriptive Review) • รายงานการตีความหนังสืออิชมาเอล (Interpretative Review) • บทความอสิ ระจากการอา่ นหนงั สอื อชิ มาเอล (Free Essays) 3. โครงงานเพ่ือการลงมอื ทำ� 1 ชนิ้ (Action Project) ในประเด็น ทีต่ นเองสนใจ นำ� เสนอในชว่ งท้ายเทอม ไม่จำ� กัดเทคนิค หอ้ งเรียนเปลี่ยนโลก 75
อชิ มาเอล เปน็ หนังสอื อา่ นนอกเวลาภาคบงั คบั ของ วชิ า NREM ผเู้ รยี นจะตอ้ งอา่ นและเขยี นการบา้ นทเ่ี กยี่ วกบั อชิ มาเอล 3 ชน้ิ ในชน้ั เรยี นกจ็ ดั เวลาเพอ่ื พดู คยุ ถงึ เนอ้ื หา และประเดน็ ตา่ งๆ ในเลม่ หลายครงั้ ‘การอา่ นใหแ้ ตก’ เปน็ ปัจจัยส�ำคัญซงึ่ จะเพิม่ ความเข้มขน้ ของชั้นเรียน อชิ มาเอล: จติ วญิ ญาณทศั นาจร เขยี นโดย แดเนยี ล ควนิ น์ แปลโดย กรรณิการ์ พรมเสาร์ สนพ.โกมลคมี ทอง วรรณกรรมเรื่องน้ีด�ำเนินเร่ืองผ่านบทสนทนาของ กอริลลากับมนุษย์ในบริบทครู-ศิษย์ แทรกแนวคิด และทฤษฎีส�ำคัญๆ ไว้อย่างแนบเนียน ครอบคลุมทั้ง ชุดความคิดด้านวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ ศาสน ศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ วิวฒั นาการ และชุดความคดิ ดา้ น นิเวศวิทยาเชิงลึก (Deep Ecology) ซ่ึงผู้อ่านสามารถ คน้ คว้าและพดู คุยเพ่มิ เตมิ ได้ที่ www.ishmael.com และ www.friendsofishmael.org 76 NREM
ห้องเรยี นเปล่ยี นโลก ท�ำไมอาจารยจ์ งึ ใชอ้ ิชมาเอลเป็นหนังสอื อา่ น ประจำ� วิชานี้ ผมอยากพานักศึกษาออกนอกกรอบ และมีจินตนาการหนังสือเล่มนี้ท�ำงานกับเรา ในหลายระดับ ด้วยความท่ีหนังสือเล่มน้ีเป็น วรรณกรรม มันช่วยกระตุ้นให้เกิดทั้งความ คดิ และจนิ ตนาการ ซง่ึ ผมคดิ วา่ เหมาะสำ� หรบั นกั ศกึ ษาของผมซง่ึ เปน็ นกั เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ผมไม่ชอบหนังสืออ่านนอกเวลาที่ไม่ชวนให้ คิด ไม่ชอบหนังสืออ่านนอกเวลาที่มีข้อสรุป เดยี วเหมอื นๆ กนั ผมคดิ วา่ นกั ศกึ ษาตอ้ งการ หนังสือที่ให้มากกว่าข้อเท็จจริง ต้องการ หนังสือท่ีเปิดจินตนาการ และให้พ้นื ทสี่ ำ� หรับ การตคี วาม 77
หนงั สอื เลม่ นที้ า� งานกบั คนทงั้ ในระดบั ความคดิ ความร้สู กึ และสัญชาตญาณ --- นักศึกษาบางคน อ่านอิชมาเอลแล้วรู้สึกช็อคจนเขารู้สึกว่าอยู่ในเมือง ไม่ได้ ต้องหลบเข้าไปอยู่ในป่าเป็นระยะ ไปอยู่ใน ธรรมชาติ ส�าหรับตัวผม ผมเห็นว่านักศึกษาคณะ วิทยาศาสตร์มักจะได้อ่านแต่ข้อมูล ข้อเท็จจริง แต่ ผมคิดว่าเราน่าจะต้องรู้ประวัติศาสตร์ รู้การก�าเนิด ข้ึนของโลกและชีวิต รวมถึงประวัติศาสตร์ของ มนุษยชาติด้วย แม้ว่ามุมมองในหนังสือน้ีจะเป็น แบบคริสต์แตห่ ลายเร่อื งก็เป็นววิ ฒั นาการของสงั คม มนษุ ย์จริงๆ เชน่ เกษตรกรรม ปฏวิ ัติอุตสาหกรรม การค้าขาย ซ่ึงมมี ติ ทิ างวัฒนธรรมอยู่ องคป์ ระกอบ เหล่าน้ีท�าให้แต่ละคนเข้าถึงหนังสือเล่มนี้ได้ต่างกัน มีเซ้นส์ของความลี้ลับนิดๆ มีเซ้นส์ที่น่าต่ืนตาตื่นใจ พรอ้ มกนั นนั้ หลายคนกอ็ าจจะรสู้ กึ วา่ กา� ลงั ถกู ตบหนา้ กม็ ี ทสี่ า� คญั คอื หนงั สอื เลม่ นเี้ ปน็ เรอ่ื งแตง่ ซงึ่ นา่ จะงา่ ย สา� หรบั นกั ศึกษา 78 NREM
อิชมาเอล กับ ช้นั เรียน NREM หนูไม่ใช่คนที่ชอบอ่านหนังสือ หนูเป็นเด็กท่ีโตมาแบบตั้งใจเรียน แลว้ อิชมาเอลกไ็ ม่ใชห่ นังสอื ทเ่ี ปน็ ตา� ราเรียนโดยตรง มันท�าให้เรา ต้องคิดเยอะ ต้องตีความ หนังสืออ่านนอกเวลาเล่มสุดท้ายที่อ่าน คอื ช่วงมธั ยม จากน้นั กไ็ มต่ ้องอ่านอีก จนกระทั่งมาเรยี นในคลาสน้ี การท่ีได้อ่านหนังสือจนจบเล่มเป็นความรู้สึกที่ดีมากนะคะ เป็น แรงบันดาลใจทีอ่ ยากจะอ่านหนงั สือเป็นงานอดิเรก ซึง่ หนกู ล็ องทา� ดคู ่ะ --- จติ รณำ เกง่ กำรนำ หนูรู้สึกว่าอิชมาเอล เป็นหนังสือด้านส่ิงแวดล้อมที่ดีมาก และการ ท่ีเราได้น่ังคุยกัน เปิดใจ เพราะแต่ละคนอ่านก็ได้อะไรไม่เหมือน กัน เปิดโลกเรอื่ งส่ิงแวดล้อมของหนมู ากขึ้น --- ลลิดำ แสงผอ่ ง ผมเตบิ โตข้นึ มาดว้ ยความเชื่อทวี่ ่า พลงั งานทดแทนคอื คา� ตอบของ โลก --- การไดอ้ า่ นอชิ มาเอลในชนั้ เรยี นของอาจารยก์ ท็ �าใหช้ อ็ ค ไปเหมอื นกนั ครบั เพราะกลายเปน็ วา่ มนษุ ยเ์ ปน็ สว่ นหนงึ่ ของปญั หา การมีอารยธรรม การที่มนุษย์เข้าไปจัดการ เข้าไปกระท�ากับสิ่ง แวดลอ้ มกเ็ ปน็ สว่ นหนง่ึ ของปญั หา---วเิ ศษบำ� รงุ วงศ์อดตี นกั ศกึ ษา ในชนั้ เรียน NREM หอ งเร�ยนเปล่ยี นโลก 79
การอ่านหนังสือ ประสบการณ์ในการฟัง การสังเกต ความสามารถใน การส่ือสาร เป็นความส�ำคัญของชีวิตที่เราต้องฝึกฝน เพราะเร่ืองเหล่า นีม้ ันแทรกอยู่ในชีวติ ของพวกเรา โดยเฉพาะอย่างยิง่ เรื่องการสอ่ื สาร การส่ือสาร เช่นการเขียนรีวิวหนังสือ หรือการส่ือสารเรื่องใหญ่ๆ ที่มี ความซบั ซอ้ นอยา่ งในหนงั สอื เลม่ นี้ หรอื การสอ่ื สารเรอื่ งทต่ี รงไปตรงมา เชน่ เราเรยี นจบปรญิ ญาตรแี ลว้ เราอยากจะทำ� งานเลย ไมอ่ ยากเรยี นตอ่ แตท่ บ่ี า้ นอยากจะใหเ้ ราเรยี น --- เรอื่ งอยา่ งนไ้ี มซ่ บั ซอ้ นแตเ่ ราจะสอื่ สาร กับคนในบ้านได้อย่างไร หรือในทางกลับกัน ท่ีบ้านอยากให้ท�ำงาน มีรายได้ แต่เราอยากเรียนต่อ --- เราจะสอื่ สารอยา่ งไร การสอ่ื สารจงึ เปน็ ทกั ษะทสี่ ำ� คญั ไมว่ า่ จะเปน็ เรอ่ื งใหญๆ่ ระดบั โลก หรอื ประเดน็ ส�ำคญั ๆ ในชีวิตของเรา ทักษะแบบนี้อาศัยความเข้าใจโลกของ ตัวเรา อาศยั ความเข้าใจตัวเอง ซง่ึ เปน็ ทงั้ ศาสตร์และศลิ ป์ หลายๆ เรอ่ื ง ในโลกนไ้ี มไ่ ดส้ อื่ สารออกมาตรงๆ แตเ่ รอื่ งราว เนอื้ หา อยรู่ ะหวา่ งบรรทดั อยทู่ ว่ี า่ เราจะหยบิ จบั ขน้ึ มาไดห้ รอื ไม่ คนบางคนไมไ่ ดส้ อื่ สารกบั เราตรง ไปตรงมา แต่เขาสื่อสารระหว่างบรรทัด เขามองเราอย่างไร เขาพูดกบั เราอยา่ งไร เขาสง่ ขอ้ ความแบบไหนมาหาเรา ถา้ เราอา่ นระหวา่ งบรรทดั ไม่ออก เราจะท�ำแบบเดิม ด้วยวิธีเดิม แต่หวังผลต่างออกไป ซ่ึงบ่อย คร้ังมนั เหนอื่ ยเปล่า 80 NREM
ในบันทึกของพวกเราหลายคนเขียนว่า สัปดาห์ท่ีผ่านมาเป็นสัปดาห์ท่ี ฝรั่งเรียกว่า “สัปดาห์นรกแตก” คือมีเร่ืองราวมากมาย มีการสั่งงาน โนน้ งานนเ้ี ตม็ ไปหมด แล้วพวกเราก็ทำ� ไมท่ ัน แตก่ ระนั้นพวกเรากบ็ อก วา่ หนูจะพยายามคะ่ ผมจะสู้ครบั ค�ำถามของผมก็คอื ถ้า input ของ สัปดาห์ท่แี ลว้ เหมอื นกบั input ของสัปดาห์นี้ แล้วเราจะหวังผลทแี่ ตก ตา่ งไดอ้ ยา่ งไร ถา้ เราไมม่ คี วามสามารถทจี่ ะสะทอ้ นตนเอง ถอยออกมา แลว้ มองกลบั ไปในชวี ติ ของเราเพอื่ จะเหน็ แพทเทริ น์ เราจะไมส่ ามารถฝา่ วงลอ้ มน้ีออกมาได้ เราจะตกอยู่ในวงวนเดมิ ๆ ของเรา การจดั เวลาเพอื่ อา่ นหนงั สอื การจดั เวลาเพอ่ื เขยี นการบา้ น คณุ ภาพงาน เหล่าน้ีเป็นเรื่องเดียวกันกับการใช้ชีวิต ถ้าเราได้ลองถอยออกมา แล้ว มองกลับเข้าไปในชีวิต เราอาจจะสามารถสร้างความเป็นได้ใหม่ๆ ให้ กับชวี ิตของเรา การแลกเปลย่ี นในหอ้ งเรียน NREM วนั ท่ี 15 กุมภาพันธ์ 2560 ดร.สรยุทธ (เอเชยี ) รตั นพจนารถ เจ้าของวชิ า ห้องเรยี นเปล่ียนโลก 81
ตอนน้งี านลนกน้ มาก ตอ้ งท�ำสัมมนา พุธหนา้ กต็ ้องไปแล็ปกอ่ น ไปเรียนดว้ ย เมอื่ วานใส่ antibody ผดิ ที่แล็ปดว้ ย คอื ทำ� มา 2-3 วนั ไม่ๆ 4 วันละ ตง้ั ใจมากไม่พลาด มาเพลียท่ขี ั้นตอนสดุ ทา้ ย แลว้ ก็เสียใจมาก วันหลังจะตง้ั ใจใหส้ ุดคะ่ เสยี ใจจจจจ.. 82 NREM
ช่วงวนั หยดุ ทีผ่ า่ นมารู้สึกท้ังสบายใจและหนักใจปนเปกันไป ท้งั เร่ืองงาน เรื่อง อาชพี เรอ่ื งอนาคตของเราเอง มันเป็นช่วงวันหยดุ ท่ที ำ� ให้เราไดพ้ กั และกลบั มาทบทวนกบั ตวั เองในแตล่ ะวัน การท�ำโปรเจ็คมันทำ� ใหเ้ ราไดม้ องเหน็ ตวั เอง มองเหน็ สง่ิ ทซ่ี อ่ นอยใู่ นความชอบของตวั เอง ซงึ่ สว่ นตวั ผมกช็ อบมนั มากนะครบั ถงึ แม้วา่ มันจะเหนื่อยๆ บ้าง แต่มนั กเ็ ปน็ ส่ิงท่ีใช้ความชอบของเราทำ� งาน ซึ่งใหมๆ่ มันไมส่ นกุ เลย แต่หลงั ๆ มามันท�ำใหเ้ ราพบตวั เอง พบค�ำถามของชีวิต ซึง่ อาจเปล่ียนเส้นทางการเดินของเราดว้ ย... หอ้ งเรียนเปลี่ยนโลก 83
84 NREM
นภภัสสร บุญดี: พอได้กลับไปอ่านส่ิงที่เขียนตั้งแต่ต้นเทอมก็เห็นว่าตัวเองเขียนบ่น เยอะมาก เขียนอะไรกไ็ มร่ ู้ พออาจารย์เขยี นคอมเมนท์มาใหบ้ อ่ ยขึน้ ๆ ก็ รสู้ ึกวา่ ตัวเองมีพัฒนาการ มปี ระเด็น โฟกสั ได้ การเขียนเป็นการสะทอ้ น ตวั เองจรงิ ๆ ไดก้ ลบั มาดตู วั เอง ไดเ้ หน็ วา่ เรากำ� ลงั เปน็ อะไร อะไรกำ� ลงั เกดิ ขึน้ กับเรา มนั ท�ำให้เราเห็นจรงิ ๆ ไมบ่ ่นไปเรื่อยๆ แบบเมือ่ กอ่ น เป็นประสบการณ์ชีวิตท่ีดีนะ ได้ท�ำอะไรที่ไม่เคยท�ำ ตอนแรกเรา จะถามตัวเองตลอดเลยว่าไหวไหม นึกภาพไม่ออกว่าจะผ่านไปได้ยังไง คุยกับเพื่อน บ่นกับเพื่อนว่างานเยอะมากเลย เพื่อนก็ถามเราอีกว่าไหว ไหม ฮา่ ฮ่า ฮา่ ค�ำตอบมนั ก็อยู่ท่เี ราเลอื ก เราเลือกคำ� วา่ ต้องไหว ยังไงก็ จะต้องไหว ไมว่ ่าจะเจออะไรที่เราคิดว่ายากหรอื ท�ำไมไ่ ด้ เราก็ต้องทำ� ให้ ได้ มนั กไ็ มน่ า่ เชอื่ นะการใหแ้ รงใจ ใหก้ ำ� ลงั ใจตวั เองเปน็ เรอ่ื งทส่ี ำ� คญั มาก เลย (ไมม่ ใี คร heal เราได้นอกจากตัวเราเอง ) จากคำ� ทเ่ี ราบอกตวั เอง วา่ ตอ้ งไหว ทำ� ให้เราผา่ นอะไรมาเยอะ แยะเลย แลว้ ผลทไี่ ด้พอเรามองยอ้ นไป มนั ภมู ิใจอะ่ อยากแชรก์ บั อาจารยแ์ ลว้ กพ็ ๆ่ี คอื รู้สึกว่าการได้มาเรียนในคลาสนี้ท�ำให้ เราโตขน้ึ เปน็ ผู้ใหญข่ นึ้ เหมอื นสอนวชิ า ชวี ิตควบค่ไู ปด้วย หอ้ งเรยี นเปล่ยี นโลก 85
86 NREM
Action Project นำ�ส่งิ ทีเ่ รียนรู้ไปลงมอื ทำ� นกั ศึกษาในช้นั เรียน NREM รู้วา่ ตนเองจะต้องทำ� โครงงาน Action Project บทเรียนท่ที ุกคนเรียนเพอื่ เตรียมความพร้อมกอ่ นเขยี นโครงงาน คือชุดความรู้เรื่อง การคิดกระบวนระบบ (Systems Thinking) ซ่ึง กล่าวถึงการเห็นความซับซ้อนของปัญหาและการหาวิธีการและวิธีการ แก้ไข การคดิ กระบวนระบบแบ่งการวิเคราะหป์ ญั หาออกเป็น 4 ระดบั 1. เห็นปญั หาในระดับปรากฏการณ์ (Phenomenon) จงึ แกป้ ัญหา แบบเฉพาะหนา้ (Reactive) เชน่ เหน็ ขยะเลอะเทอะ แกป้ ัญหาดว้ ยการ จัดหาถังขยะเพ่ิมเตมิ หรือการเพิ่มแรงงานคนเก็บขยะ ห้องเรียนเปล่ียนโลก 87
2. เห็นปัญหาในระดับแบบแผนพฤติกรรม (Pattern) คือเห็นรูป แบบของการเกิดปัญหาซ้�ำๆ จึงแก้ปัญหาด้วยการปรับตัว (Adaptive) เช่น การจราจรแน่น ติดขดั ในช่วง 6.30—8.30 ทุกวัน จึงแกป้ ญั หาดว้ ย การออกจากบ้านใหเ้ ชา้ กวา่ เดิม 3. เหน็ ปัญหาในระดบั โครงสรา้ ง (Structure) จึงแกป้ ัญหาดว้ ยการ สรา้ งสรรคส์ งิ่ ใหมๆ่ คดิ รปู แบบการแกป้ ญั หาใหมๆ่ เชน่ เหน็ วา่ ปญั หาการ จราจรนน้ั สมั พนั ธก์ บั ระเบยี บการจราจร ระบบขนสง่ มวลชน จงึ คดิ เครอื่ ง มือหรอื วิธีการเพือ่ ปรบั โครงสรา้ งการใช้รถใชถ้ นน กฎ ระเบียบ วินัยการ จราจร กฎหมายเพ่อื ควบคมุ การใช้รถสว่ นบุคคล 4. เหน็ ปญั หาในระดบั แบบแผนความคดิ ความเชอื่ (Mental Model) จงึ แก้ปัญหาดว้ ยการรณรงค์ใหเ้ ปลี่ยนวิธีคิด เปลีย่ นทศั นคติ ค่านิยม ในการท�ำโครงงาน Action Project น้ี นักศึกษาจะได้ใช้การคิด วเิ คราะห์โครงงานของตนเองวา่ ในโครงงานทตี่ นกำ� ลงั ทำ� (Action) กำ� ลงั แก้ปัญหาในระดับใด และหากจะแกป้ ัญหาไดม้ ปี ระสิทธภิ าพมากขน้ึ จะ ตอ้ งท�ำงานเพ่ิมตรงส่วนไหน อยา่ งไร 88 NREM
REACTIVE ปรากฏการณ์ ADAPTIVE แนวโน้มแบบแผน เกิดข้นึ ซำ�้ ๆ (Pattern) CREATIVE โครงสรา้ ง RETHINK (STRUCTURE) แบบจำ�ลองความคิด (MENTAL MODEL) ชดุ ความเชื่อท่มี ีรว่ มกัน แผนภาพชุดความรู้เรื่อง การคดิ กระบวนระบบ ดร.สรยุทธ (เอเชยี ) รตั นพจนารถ: Action Project เปน็ โอกาสทนี่ กั ศกึ ษาจะไดล้ องเอาสงิ่ ทเี่ รยี นไปลงมอื ทำ� แทนทจี่ ะเรยี นแบบ passive ตอ้ งหดั เปน็ active player ตอ้ งเอาความรู้ ทเี่ รยี น เอาความสามารถในการอา่ น การฟงั การเขยี น ทงั้ หมดนปี้ ระมวล เขา้ ดว้ ยกนั แล้วท�ำใหม้ ันปรากฏขน้ึ มา ผเู้ รยี นจะเรม่ิ รวู้ า่ ความรทู้ มี่ นี น้ั พอหรอื ไมพ่ อ ถา้ ไมพ่ อเขาจะตอ้ งไป หาเพิ่มอย่างไร เพอ่ื จะไดร้ ู้วา่ ความร้มู าไดจ้ ากหลากหลายชอ่ งทาง การ หอ้ งเรียนเปลีย่ นโลก 89
มคี นบอก การไปคน้ ควา้ การคิดวิเคราะห์ เขาจะไดร้ วู้ ่า เฉพาะ ‘การรู้จำ� ’ นั้นยงั ใชก้ ารอะไรไม่ได้ จะต้องมี ‘ความเขา้ ใจ’ และ ‘รู้จักน�ำไปใช้’ การทำ� Action Project ของเขาคอื การสรา้ งใหม่ (synthesis) เกือบ ทงั้ หมด จรงิ อยวู่ า่ เขาอาจจะเคยเหน็ บางคนทำ� คลา้ ยๆ กบั ทเ่ี ขาทำ� แตไ่ มม่ ี อะไรเหมอื นกนั เขาก๊อปปไี้ ม่ได้ Action Project จงึ เป็นสนามท่เี ขาจะได้ ร้จู กั การสรา้ งความรขู้ น้ึ มาใหม่ดว้ ยตวั เองแทนการนง่ั ใหค้ นนำ� ความรขู้ น้ั ทีส่ องหรอื ขั้นที่สาม มาป้อนเขา อ.วิเศษ บำ�รงุ วงศ:์ ตอนท่ีผมเป็นนกั ศึกษาในคลาส NREM ตอนนนั้ อยูใ่ นม้ดู ทเ่ี ราอสิ ระ 90 NREM
พอท่ีส�ำรวจอะไรก็ได้ ตอนท่ผี มซอื้ ของทโ่ี รงอาหารไดย้ ินพ่อค้าแมค่ ้าคุย กนั วา่ คณะกรรมการโรงอาหารซง่ึ กค็ อื อาจารย์ในคณะวทิ ยาศาสตร์ กำ� ลงั จะวางระเบยี บใหม่ ใหบ้ รรจภุ ณั ฑ์ในโรงอาหารใหเ้ ปน็ บรรจภุ ณั ฑช์ วี ภาพ (Bio-degradable) ทั้งหมด ซึ่งราคาบรรจุภณั ฑ์ประเภทนแ้ี พงกว่าบรรจุ ภัณฑ์ที่ใช้อยู่ในขณะน้ันราวๆ 20 เท่า ตอนท่ีผมยืนรอซื้อก๋วยเต๋ียวน้ัน ก็ได้ยินแม่ค้าพ่อค้าก�ำลังอ่านประกาศแล้วคุยกันอย่างคร�่ำเครียด ผมก็ เลยขออ่านประกาศนัน้ ดว้ ย แลว้ กเ็ ลยคยุ กับเขา เม่ือคุย ผมก็มีอารมณ์ร่วมกับพ่อค้าแม่ค้ามากข้ึนเรื่อยๆ รู้สึกว่า อะไรก�ำลังเกิดข้ึนในมหาวิทยาลัยของเรา? ในท่ีสุดจึงจะใช้เรื่องน้ีเป็น Action Project คอื ทำ� การสำ� รวจความคิดเหน็ เพื่อจะเขา้ ใจทศั นคติของ บรรดาพ่อค้าแม่ค้าต่อนโยบายนี้ ซ่ึงจริงๆ แล้วในใจของผมก็มีธงอยู่ เหมือนกันว่า นโยบายน้ีคงจะท�ำให้เขาได้ก�ำไรน้อยลงล่ะสิ แต่พอได้คุย ได้ฟงั จริงๆ กพ็ บวา่ ไม่ใช่ -มนั มอี ะไรมากกว่านั้น การทำ� Action Project ทำ� ใหเ้ ราเหน็ วา่ เขาไมไ่ ดเ้ ปน็ แคพ่ อ่ คา้ -แมค่ า้ ที่ซ้ือมา-ขายไป แต่เราได้เห็นคนท่ีเป็นคน เขามีชีวิต มีแรงบันดาลใจ ในชีวิต เขาผูกพันกับนักศึกษา เขามีครอบครัวที่ต้องดูแล เขาทุกข์เป็น มันเผยประเด็นที่ลึกกว่าน้ันคือ ปฏิสัมพันธ์ของพ่อค้า-แม่ค้า กับคณะ กรรมการโรงอาหาร ท่ีอยู่ในรูปแบบค�ำสั่งตลอดเวลา เป็นลักษณะของ ผมู้ อี ำ� นาจกบั ผู้ใตบ้ งั คบั บญั ชา เปน็ ผอู้ อกกฎและบงั คบั ใช้ ถา้ ใครไมท่ ำ� ตาม ก็ออกจากเวทีไปซะ ซ่ึงไม่เคยมีใครรับรู้สิ่งเหล่าน้ี จากน้ันจึงจัดเป็นเวที หอ้ งเรยี นเปลยี่ นโลก 91
รบั ฟังความเห็น เป็นคร้ังแรกที่มีการรวมพอ่ คา้ แม่ค้าในโรงอาหารมาพดู ปัญหา แล้วมีผมกับเพื่อนนัง่ ฟงั เพอื่ นของผมไม่ไดเ้ รยี นวิชานีแ้ ตเ่ ราเป็น ห่วงอะไรบางอย่างคลา้ ยๆ กัน พอเวทจี บ คยุ เสรจ็ พ่อคา้ แม่ค้าพดู วา่ “น่ี เปน็ คร้ังแรกทีม่ ีคนฟังเขา ทีผ่ ่านมาไมเ่ คยมใี ครฟงั เขาเลย” นั่นเปน็ จุดที่ ทำ� ให้เรารูส้ ึกวา่ ส่งิ แวดลอ้ มไม่ใช่วัตถุอกี ต่อไป แตเ่ ป็นเร่อื งทวี่ ่า ความ ตระหนักรู้ของผู้บริโภคมีแค่ไหน เราจะช่วยกันดูแลให้ดีกว่าน้ีได้ไหม ผมคิดว่านี่เป็นหัวใจของการดูแลธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ที่ไม่กันคน ออกไป มันอาจจะไม่ใช่การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แตม่ ันคือการดแู ลทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อมโดยมเี ราอยู่ในนน้ั การเรยี นแบบคละ และ ความสามารถในการเรียนร้ทู ่ีไมเ่ ท่ากนั ของ นกั ศกึ ษาเปน็ อุปสรรคตอ่ การท�ำ Action Project หรอื ไม่ ดร.สรยุทธ (เอเชยี ) รตั นพจนารถ: ผมตอบไดเ้ ลยว่า ไม่ แตส่ ิ่งทอี่ าจารย์ต้องเตรียมตัวอย่างมาก หาก จะให้นักศึกษาท�ำ Action Project ก็คือ ‘อะไรคือความต้องการพ้ืนฐาน ของอาจารยท์ ่อี ยากใหน้ กั ศกึ ษาได้ทำ� หรอื ได้เรียนร’ู้ Action Project ท่ีนักศึกษาไม่ได้อยากท�ำ แต่จ�ำต้องท�ำเพราะถูก บังคับ ตัวเขาไม่เชื่อ ไม่ศรัทธา ไม่สนใจตัวเอง ไม่สนใจผู้สอนหรือวิชา น้ันมากเพียงพอ ผมคิดว่าไม่ควรท�ำ ซึ่งก็อาจจะหมายถึง เราแทบจะรู้ ตง้ั แตเ่ มอ่ื แรกรบั นกั ศกึ ษาเขา้ คลาสแลว้ วา่ เรานา่ จะทำ� เรอ่ื งนห้ี รอื ไม่ สว่ น 92 NREM
ประเด็นท่ีว่า บางคนเรียนชั้นปี 3 บางคนอย่ปู ี 4 มีเวลามาก-นอ้ ย ไม่เท่า กัน หรอื แมแ้ ต่เรอ่ื งเกง่ หรือไม่เก่ง ไมใ่ ชป่ ญั หา เพราะ Action project มี พนื้ ทเี่ พอ่ื การเรยี นรสู้ ำ� หรบั พวกเขาแตล่ ะคนอยแู่ ลว้ คนทตี่ ง้ั ใจเรยี นกจ็ ะมี บทเรียนของเขา คนท่ีต้ังใจน้อยหรือไม่ตั้งใจก็จะมีบทเรียนท่ีเขาจะได้ เรียนรู้ต่อการกระท�ำของเขา มีการเรียนรู้ท่ีรออยู่ส�ำหรับทุกๆ คนแล้ว ในบริบทของเขา ไม่ได้หมายถึงว่า ทุกคนต้องเรียนรู้เรื่องเดียวกัน ในเวลาเดียวกัน Action project เปน็ พนื้ ทซ่ี ่งึ ทุกคนจะได้เรยี นรู้อย่างเป็น ส่วนตัวและเฉพาะตัวอย่างย่ิง แต่ก็เป็น ‘การเรียนรู้ร่วมกัน’ (collabo- ratively) อย่างย่ิงด้วย ความแตกต่างและไมเ่ ท่ากันจงึ ไมใ่ ช่ปญั หาเลย เวลา 15 สปั ดาห์ คอ่ นขา้ งจำ� กดั ดงั นน้ั คลาส NREM ในแตล่ ะปกี ต็ อ้ ง ดูจังหวะหลายอย่าง ดูความพร้อม ความใส่ใจและความรับผิดชอบของ นกั ศกึ ษา ถา้ อาศยั เพยี งการผลกั ดนั และคำ� สง่ั ของอาจารย์ Action project จะไปได้ไมถ่ ึงไหน ไม่ค่อยประสบผลสำ� เรจ็ ตัวนกั ศกึ ษาไมไ่ ด้เรยี นรแู้ ถม ยงั รู้สกึ แยเ่ ม่ือรูว้ า่ ตัวเองทำ� ไมไ่ ด้ หรอื ทำ� ได้ไม่ดี ในช้ันเรียนปี 2016 นี้ Action Project ก็เป็นตัวเลือกหน่ึงในการ วางแผนการสอน ถ้าปัจจัยหลายอย่างไม่พร้อมเราก็ไม่ท�ำ ส�ำหรับ นักศึกษาบางรุ่นแม้ว่าจะไม่ได้ท�ำ Action Project แต่เขาเรียนรู้การฟัง และการสนทนาอย่างลึก กลายเป็นทักษะติดตัวให้เขาได้ใช้ไปท�ำอาชีพ การงานหลังจากที่เรียนจบ หอ้ งเรยี นเปลี่ยนโลก 93
นรุตม์ เหล่านพิ นธ:์ ชุดความรู้เรื่องการคิดกระบวนระบบ (Systems Thinking) และ การลงมือท�ำ (Action Project) มีผลกับตัวผมมาก ผมเห็นความเช่ือม โยงของสิง่ ต่างๆ มากขึ้น การทำ� Action Project ต้องใชท้ ักษะหลายๆ อย่างมาประกอบกัน การที่เราเหน็ พฤตกิ รรม แบบแผนการกระทำ� โครงสรา้ ง เพอื่ จะท�ำความ เขา้ ใจถึง ทัศนคติ ว่าทำ� ไมเขาจึงท�ำแบบน้นั ต้องอาศัยทั้งการหาข้อมลู การเก็บขอ้ มลู การฟัง การพดู และในระหว่างการฟงั และการสนทนานัน้ ถ้ามีอะไรบางอยา่ งทสี่ ามารถจูนกนั ติด อกี ฝ่ายกจ็ ะเปดิ มากขึ้น ท�ำใหเ้ รา เขา้ ใจเขาได้มากขึ้น ผมเรยี นร้อู ยา่ งมากจากการทำ� โปรเจค็ ซึง่ มีพ้ืนฐาน มากจากชุดความรู้นี้ครับ มันท�ำให้เราเข้าใจว่าท�ำไมจึงเกิดส่ิงนี้ หรือ สง่ิ นนั้ จะนำ� ไปสอู่ ะไร ทำ� ใหเ้ ราเหน็ ความเชอื่ มโยงและมนั จะเปน็ ประโยชน์ มากในการท�ำงานในอนาคต ตอนที่ท�ำโปรเจ็ค บางเรื่องเราอาจจะเห็นว่ามันเป็นคนละส่วน กันแต่จริงๆ แล้วมันเป็นส่วนหนึ่งของก้อนเดียวกัน ท�ำให้เราเห็น ความเชื่อมโยงมากๆ การเรียนเรื่องน้ีในคลาส ท�ำให้ผมมองเห็นความ เชื่อมโยงในโปรเจ็คจบ (Senior Project) ของตัวเองมากขึ้น เห็นว่า แต่ละส่วนของโปรเจ็คน้ันเชื่อมโยงกันอย่างไรและจะน�ำไปสู่อะไรทั้งๆ ที่ กอ่ นหนา้ นผ้ี มไมไ่ ด้มองแบบนัน้ การทำ� Action Project สง่ ผลสะเทอื นกบั ตวั เองเยอะ เพราะเมอื่ กอ่ น 94 NREM
เรากร็ วู้ า่ เราควรทำ� อะไร และไมค่ วรทำ� อะไร แตเ่ รากไ็ มไ่ ดล้ งมอื ทำ� เรารวู้ า่ เราควรจะใชถ้ งุ ผา้ เพอื่ ลดการใชถ้ งุ พลาสตกิ เราควรพกกระตกิ นำ้� สว่ นตวั แต่จรงิ ๆ เรากไ็ มไ่ ด้ใสใ่ จมากนัก แต่พอตัวเราได้ลงมือทำ� การทเี่ ราเหน็ วา่ เพอื่ นกำ� ลงั ทำ� อะไรอยู่ ยงิ่ ทำ� ใหเ้ ราตระหนกั วา่ เราตอ้ งลงมอื ทำ� แลว้ เรา ต้องพกถงุ ผา้ ตอ้ งพกกระตกิ นำ้� โปรเจค็ ท่ีท�ำคือการคดั แยกขยะ การทิง้ ขยะใหถ้ กู ตอ้ งทงิ้ ขยะใหเ้ ปน็ เพอื่ จะไดน้ ำ� ไปสกู่ ารรไี ซเคลิ ผลของโปรเจค็ นั้นท�ำให้เราคิดต่อไปว่าแล้วขยะที่ก�ำลังจะเกิดจากตัวเราน้ี มันจะไม่เป็น ขยะได้ไหม เราจะไมส่ ร้างขยะได้หรือเปล่า ท�ำให้ตวั เราเปล่ยี นและคดิ ไป ถงึ คนใกลต้ วั เราเช่นคนในครอบครวั หลายครั้งที่การมองแบบกระบวนระบบก็เกิดขึ้นในใจเมื่ออยู่ใน ครอบครัว เราเหน็ ว่าพ่อมกั จะพูดแบบนี้ อามา่ อากงมักจะสอนเราแบบน้ี ลึกลงไปในสิ่งเหลา่ น้ันมนั คอื อะไร พอเราเรม่ิ เขา้ ใจบางเรอ่ื งมากขึน้ เราก็ จะฟงั ไดม้ ากขน้ึ จากทเี่ ราอาจจะพดู ไมค่ อ่ ยได้ และไมค่ อ่ ยอยากฟงั เทา่ ไร นกั การเรยี นรเู้ รอ่ื ง Systems Thinking น้ี แมเ้ รายงั คงไมไ่ ดพ้ ดู เหมอื นเดมิ แตเ่ ราฟังแล้วเราเขา้ ใจบางอย่างมากขน้ึ รชั พล ปลกู อ้อม: กอ่ นทผ่ี มจะไดเ้ รม่ิ เรยี น ผมคดิ วา่ สงิ่ ทผี่ มจะไดเ้ รยี นรู้ในชนั้ เรยี นนคี้ อื น้�ำเป็นอยา่ งไร ดินเป็นอย่างไร แสงเป็นอยา่ งไร เราตอ้ งบริหารนำ้� แบบน้ี ดนิ แบบน้ี ปา่ แบบนี้ แตพ่ อเขา้ เรยี นจรงิ มนั ไมใ่ ชค่ รบั ไมใ่ ชเ่ ลย กลายเปน็ หอ้ งเรยี นเปลีย่ นโลก 95
ว่าเราเข้าเรียนมาตลอดสี่เดือนน้ีเรากลับมารับรู้ความเป็นคน รับรู้ความ คดิ รบั รคู้ ำ� พดู เรากลบั มาเชอื่ มโยงเรอ่ื งภายในตวั เราออกสภู่ ายนอก การ เขา้ ใจส่ิงเหลา่ น้ีท�ำใหเ้ ราเขา้ ใจแบบแผนความคดิ ของคน กลบั มาเข้าใจวา่ คนคิดอย่างน้ี จึงท�ำแบบนี้ ถา้ เขามพี ฤติกรรมแบบนี้ มันสะท้อนวา่ เขามี แบบแผนการคิดแบบไหน เม่ือเราสังเกตเราก็จะเข้าใจได้ว่าท�ำไมคนจึง ตัดไม้ ท�ำไมจึงท�ำลายป่า ซ่ึงมันมีความเช่ือมโยงกับเร่ืองรายได้ ความ เหลื่อมล้�ำทางสังคม ก่อนที่ผมจะเข้าเรียน ผมไม่คิดว่าเร่ืองเหล่าน้ีจะไป ดว้ ยกันได้ วิทยาศาสตร์ สิ่งแวดลอ้ ม สังคม เศรษฐกจิ เม่ือก่อนผมจะมองว่ามีปัญหาการท�ำลายป่าไม้ มีปัญหาคนทิ้งขยะ แต่ผมไม่ได้มองว่าแล้วท�ำไมคนจึงท�ำลายป่า ท�ำไมคนจึงทิ้งขยะ วิชาน้ี ทำ� ใหเ้ ราเหน็ ภาพกวา้ งและความเชอื่ มโยงในระบบสงั คม มากกวา่ จะสอน ให้แยกว่าสิ่งแวดล้อมก็คือสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจก็คือเศรษฐกิจ แต่เขา สอนวา่ แตล่ ะเรอื่ งมนั โยงเขา้ มาหากนั อยา่ งไร แลว้ ถา้ เราจะแกเ้ ราจะทำ� ได้ อยา่ งไร เมอ่ื กอ่ นเราจะรเู้ ปน็ เรอ่ื งๆ รเู้ พอื่ จะเอาไปสอบ เชน่ ประชาธปิ ไตย เป็นการปกครองที่ดี การตัดไม้ท�ำลายป่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่เราไม่รู้ วา่ ความรู้เหล่าน้นั จะเอามาใช้ในชีวติ อยา่ งไร มนั เช่ือมโยงกนั อยา่ งไร แต่ คลาสนี้ท�ำให้เห็นภาพรวม การเช่ือมโยง แบบแผนของความคิดของคน เพอื่ ทีว่ ่าจะได้เหน็ ว่าแลว้ ตวั เราจะทำ� อะไรตรงไหนได้บา้ ง 96 NREM
เนื้อหาของวิชา NREM (Natural Resource & Environmental Management) คอื อะไร พอจะอธิบายได้ไหมคะ สทุ ธิคณุ แพง่ ผ่องใส: ผมคดิ ว่าเนื้อหาหรือหัวใจของวชิ านีอ้ ธบิ ายไดย้ ากจริงๆ ครบั ถ้าเราคดิ วา่ เราเพียงแค่เข้าเรยี นวิชานี้ จดสิ่งท่ีอยบู่ นบอรด์ แล้วก็ กลบั ไปอ่าน --- ไม่ใช่สิง่ ที่วชิ าน้ีจะบอก โดยปกติ เมื่อเราเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นในส่ิงแวดล้อมแล้วเราก็อยาก จะเขา้ จัดการแก้ปญั หา นี่เปน็ การเหน็ ในระดบั ผิวเผนิ และเราเข้าไป แก้ ปัญหาไดแ้ ค่ในระดบั พื้นผวิ แตว่ ชิ าน้ีบอกว่า ‘น่นั เปน็ ปญั หาในระดบั พ้นื ผิวนะมันมีความจริงท่ีซ่อนอยู่อีก เราจะแก้ปัญหาท่ีลึกกว่าระดับพ้ืนผิว ได้อย่างไร’ --- เหมอื นกบั ว่า ในตอนแรกที่เราเหน็ ชอ่ื วชิ าเรากเ็ ขา้ ใจว่า เขาจะสอน How To NREM หรือ ฮาวทกู ารแก้ไขปญั หาสิง่ แวดลอ้ ม แต่ พอมาเรียนจริงๆ กลายเป็นวา่ เราต้องมองลึกและไกลกวา่ นน้ั (beyond) อาจารย์ไม่สอน How To อาจารย์สอนเรื่องอ่ืน ส่วน How To เป็นเร่ือง ของเรา เราต้องกลับมาคดิ เอง --- งงไหมครบั เข้าใจยากหนอ่ ยนะครับ วิชานี้ให้เรากลับมาเปล่ียนแปลงพฤติกรรม เปลี่ยนแปลงแนวคิด ของตวั เราก่อน เพราะถ้าเราไมเ่ ปล่ียนทีร่ ะบบความคดิ แม้วา่ จะพยายาม แก้ไขปัญหา ผลที่ได้ก็จะไม่มีประสิทธิผลเท่าที่ควร แล้วมันก็จะวนมา สร้างปญั หาอีก หอ้ งเรียนเปลีย่ นโลก 97
สมพงษ์ วรกลุ : ในหนงั สอื อชิ มาเอล เลา่ วา่ มีชายหนุ่มท่ีกำ� ลังตามหาครแู ล้วเขาก็ไป เจอ อิชมาเอล ซง่ึ เป็นลงิ กอรลิ ลาทีส่ ่อื สารไดด้ ้วยสายตา อชิ มาเอลถกู ขงั ไว้ในตกู้ ระจก --- ถ้าเพยี งแตเ่ ขามองตาแวบเดยี วหรือฟงั คำ� พูดไมก่ ีค่ ำ� ก็จะรู้ว่าใครเปน็ ลกู ศิษย์ของเขา NREM คอื คลาสท่เี ราได้เจอกอริลลานั้น เราจะไดเ้ จอเรอ่ื งท่ีเราควร จะรู้ มีเซ้นส์ท่ีเราจะรู้ได้ว่าเร่ืองไหนในชีวิตท่ีส�ำคัญกับเรา ใครที่จะเป็น อาจารยข์ องเรา เพราะสำ� หรับตวั ผมแลว้ NREM ท�ำให้ผมได้เจอส่ิงท่ผี ม ควรจะเรยี นรู้ อา้ ว! NREM ไม่ใชว่ ชิ าทีว่ ่าดว้ ยสิง่ แวดล้อมเหรอ (หวั เราะ) อาจารย์มกั จะบอกวา่ ปัญหาเรอื่ งสิ่งแวดลอ้ ม ดนิ น�ำ้ ปา่ ทรัพยากร ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการเอาส่ิงนี้สิ่งนั้นไปบ�ำบัดเพราะ ปัญหาอยู่ที่มนุษย์ ถ้าเราไม่กลับมาดูตัวเอง สิ่งต่างๆ ก็แก้ไขไม่ได้โดย แทจ้ รงิ หรอกครบั ดงั นนั้ ในคลาส NREM จะไมม่ กี ารพดู ถงึ การแก้ไขปญั หา นำ�้ เสยี อากาศเปน็ พษิ --- สง่ิ ทกี่ อ่ ปญั หาใหส้ ง่ิ แวดลอ้ มมากทสี่ ดุ กค็ อื คน คือมนษุ ย์ ดังนั้นอาจารยจ์ ึงกลบั มาสอนคน สอนมนุษย์ 98 NREM
ผูส้ อนและวิทยากร ส่ิงท่ี NREM แตกต่างจากชั้นเรียนอ่ืนๆ อีกประการหน่ึงก็คือ ช้ัน เรยี น NREM เปน็ ช้ันเรียนท่ีมีผสู้ อนหลายคน มีแขกรบั เชญิ จากภายนอก เข้ามาบรรยายพเิ ศษให้ฟัง โดยท้งั หมดนอ้ี ย่ใู นความดแู ลของ ดร.สรยุทธ (เอเชีย) เจ้าของวชิ า ห้องเรยี นเปลยี่ นโลก 99
การมกี ลั ยาณมติ ร หรอื มบี คุ คลภายนอกมาอยู่ในชนั้ เรยี นทำ� ใหช้ น้ั เรยี น ในแต่ละปีต่างไป และเป็นส่ิงดีท่ีนักศึกษาจะได้เรียนรู้จากคนท่ีไม่ใช่ อาจารยซ์ ่งึ เขาคุน้ เคย เพอ่ื น-กัลยาณมิตรของผมมาชว่ ยกนั สรา้ งสรรค์ ช้ันเรียนให้สมบูรณ์และแตกต่าง กัลยาณมิตรที่เคยมาช่วยในชั้นเรียน ของผมกเ็ ชน่ เชน่ อ.หนมุ่ (ธรี ะพล เตม็ อดุ ม) อ.ปมุ๋ (ดร.นฤมล เอมะรตั ต)์ อ.น้อย (ชลลดา ทองทวี) อ.จง (ดร.จงดี โตอิ้ม) อ.แอน (วรวรรณ วัฒนาวงศ์สวา่ ง) รวมถงึ ศษิ ยเ์ ก่าท่ีจบออกไปบางครั้งก็กลับมานงั่ เรยี น กบั รนุ่ น้อง การเจอคนนอกชั้นเรียนแต่อยู่ในวงการส่ิงแวดล้อม ท�ำให้เกิด Learning curve อยา่ งมหศั จรรย์ การอา่ นงานวจิ ยั หรอื อา่ นหนงั สอื เทยี บ ไม่ได้กับการได้เจอตัวจริง แตกต่างและมหัศจรรย์ เกิดผลสะเทือนต่อ ตัวผเู้ รยี นตา่ งกันมาก ส่งิ นเี้ ปน็ สว่ นผสมส�ำคัญที่สง่ ผลสะเทอื นให้คลาส แต่ช้ันเรียนท่ัวไปไม่ค่อยท�ำหรือท�ำไม่ได้เพราะมีปัจจัยหลายอย่าง ทั้ง เร่ืองค่าตอบแทนและการข้ันตอนด้านเอกสารราชการ แต่ผมเป็นคน ท่ีชอบความหลากหลาย เห็นว่านักศึกษาน่าจะได้เห็นตัวจริงเสียงจริง จากหลายๆ พ้ืนท่ีการท�ำงาน บางคนเป็นคนในชุมชนท้องถ่ิน ปราชญ์ ชนั้ เรยี น NREM16 ประจำ�ปกี ารศกึ ษา 2559 NREM ประกอบดว้ ยคณะผสู้ อนคอื อาจารย์ประจ�ำวชิ า 2 ท่าน • ดร.สรยทุ ธ รตั นพจนารถ • อาจารย์วิเศษ บำ�รงุ วงศ์ 100
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216