Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือ-ธุระกิจยุคใหม่-ใส่ใจลดโลกร้อน-ผลิตยั่งยืน-ธุรกิจยั่งยืน (1)

คู่มือ-ธุระกิจยุคใหม่-ใส่ใจลดโลกร้อน-ผลิตยั่งยืน-ธุรกิจยั่งยืน (1)

Published by Chalermkiat Deesom, 2022-06-21 08:36:57

Description: คู่มือ-ธุระกิจยุคใหม่-ใส่ใจลดโลกร้อน-ผลิตยั่งยืน-ธุรกิจยั่งยืน (1)

Search

Read the Text Version

ธรุ กจิ ยคุ ใหม่ ใสใ่ จลดโลกรอ้ น : ผลติ ยั่งยนื ธรุ กจิ ยั่งยนื 1

2

3 ุธร ิกจ ุยคใหม่ ใส่ใจลดโลกร้อน : ผ ิลตยั่ง ืยน ธุร ิกจยั่ง ืยน เนื่องจากปัจจุบัน ปัญหาสิ่งแวดล้อมหรือมลภาวะเป็นพิษ ก�ำลังเป็นปัญหาใหญ่ ระดับโลก ซ่ึงเรื่องหนึ่งได้แก่ การเผาพลาญอินทรีย์สารมากเกินไป ท�ำให้ก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์เกิดขึ้นจ�ำนวนมาก และไปห่อหุ้มโลกในชั้นบรรยากาศ อันเป็น การปิดก้ันไม่มีการระบายความร้อนเป็นไปตามธรรมชาติ ซึ่งมีผลท�ำให้อุณหภูมิ ของโลกสูงข้ัน เกิดความแปรปรวนของดินฟ้าอากาศ และเป็นภัยอย่างร้ายแรง ดงั ท่ีนกั อนุรักษส์ ิ่งแวดล้อมมคี วามหว่ งใยในปญั หานี้ ซึ่งเรียกวา่ กรนี เฮาส์ เอฟเฟ็ค (Greenhouse Effect) พระราชดำ� ริ ณ ศูนย์ศกึ ษาพัฒนาภูพานอนั เน่ืองมาจากพระราชด�ำริ เมอื่ วนั ที่ 22 พฤศจกิ ายน 2532

4 พมิ พค์ รัง้ ท่ี 1: กันยายน 2561 จ�ำนวน: 700 เล่ม จดั ท�ำโดย: องคก์ ารบรหิ ารจดั การก๊าซเรือนกระจก (องคก์ ารมหาชน) 120 หมทู่ ี่ 3 ชัน้ 9 อาคารรฐั ประศาสนภักดี ศูนย์ราชการเฉลมิ พระเกยี รติฯ ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงท่งุ สองห้อง เขตหลกั ส่ี กรุงเทพฯ 10210 ท่ปี รึกษา: นางประเสรฐิ สุข เพฑูรย์สิทธิชยั ดร.พงษว์ ภิ า หล่อสมบูรณ์ นางสาวสุมน สเุ มธเชงิ ปรชั ญา กองบรรณาธกิ าร: นางสาวภคมน สภุ าพพันธ์ นางสาวพวงพนั ธ์ ศรีทอง นางสาวอโณทยั สังข์ทอง นายนพรตั น์ พรหมอนิ ทร์ นายธาดา วรุณโชติกุล นายคเชนทร์ ใจกวา้ ง

5 คำ� น�ำ ุธร ิกจ ุยคใหม่ ใส่ใจลดโลกร้อน : ผ ิลตยั่ง ืยน ธุร ิกจยั่ง ืยน ตามทร่ี ัฐบาลได้อัญเชิญหลกั “ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง” มาเปน็ หลักน�ำทางการจัด ท�ำยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 เพ่ือมุ่งสู่การพัฒนาอย่างย่ังยืนในทุกระดับ โดยเฉพาะการมุ่งเน้นความร่วมมือกับ ภาคเอกชนในการด�ำเนินงานให้บรรลุเป้าหมายด้วยการน�ำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาใช้ประกอบการด�ำเนินธุรกิจที่มุ่งแสวงก�ำไรบนพ้ืนฐานของการค�ำนึงถึงผลกระทบ ด้านสงั คมและสงิ่ แวดล้อมของประเทศชาตโิ ดยรวม องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก.ได้อัญเชิญ หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาใชใ้ นประกอบการดำ� เนนิ การดา้ นการเปลยี่ นแปลง สภาพภมู อิ ากาศโดยไดด้ ำ� เนนิ งานโครงการ “การพฒั นาธรุ กจิ คารบ์ อนตำ�่ ตามหลกั ปรชั ญา เศรษฐกจิ พอเพยี งเพอื่ บรรลเุ ปา้ หมายการพฒั นาทย่ี งั่ ยนื ” ขนึ้ โดยมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ศึกษาส�ำรวจสถานการณ์การด�ำเนินธุรกิจคาร์บอนต่�ำ เพื่อค้นหาแนวปฏิบัติที่ดี ปัจจัยแห่งความส�ำเร็จ ของการด�ำเนินธุรกิจคาร์บอนต่�ำตลอดโซ่อุปทาน เพื่อให้ได้ แนวทางสำ� หรบั นำ� ไปใชส้ ง่ เสรมิ องคก์ รภาคธรุ กจิ ไทยใหม้ งุ่ สกู่ ารเปน็ ธรุ กจิ คารบ์ อนตำ�่ อบก. ขอขอบคณุ ผู้ประกอบการต้นแบบการด�ำเนินธรุ กิจคาร์บอนตำ่� ประกอบดว้ ย บริษทั แดรโี่ ฮม จำ� กัด บรษิ ัท ธนากรผลิตภณั ฑ์นำ้� มันพชื จ�ำกัด บรษิ ทั ปูนซิเมนต์ นครหลวง จ�ำกัด (มหาชน) บริษัท พีทที ี โกลบอล เคมิคอล จำ� กดั (มหาชน) บริษัท เอสซีจี ซเิ มนต์ จ�ำกัด (มหาชน) บริษทั แอลฟ่า โปรเซสซ่งิ จำ� กดั ท่ีได้ถ่ายทอดแนวคิดประสบการณ์และแนวปฏิบัติท่ีดี ท�ำให้อบก.สามารถถอดเป็น บทเรยี นดงั ทปี่ รากฎในเอกสารเลม่ นเี้ พอื่ เผยแพรใ่ หก้ บั ภาคธรุ กจิ นำ� ไปใชเ้ ปน็ แนวทาง ในการดำ� เนินงานท่มี ุ่งสกู่ ารเปน็ ธรุ กจิ คาร์บอนต่�ำอย่างยง่ั ยนื ตอ่ ไป

6 สาร ับญ 1 . ท�ำไมจงึ ตอ้ งเป็นธรุ กจิ คารบ์ อนตำ่� นโยบายทเ่ี ก่ียวข้องกบั ธุรกจิ คารบ์ อนต�่ำ 14 . 28. เครื่องมอื ดำ� เนินธรุ กจิ คารบ์ อนตำ่� กรณีศกึ ษาการด�ำเนินธรุ กจิ คาร์บอนตำ่� 45. บรษิบทัรบิษพรทั ษิที บปทัีทรนูีิษธโซกัทนิเลบมาเบรกอนิษอสรตัทลผซ์นจีลคแเคีอิตรซมลภหเิบมิคฟลณั รนอว่าษิ ฑตลงัทโ์น์ปจจจแ้�ำรำำ���ำดมเกกกซรนั ดััดัดสโี่ พฮซ(((มมมมชืงิ่ หหหจจจาาาำ�ำ�ําชชชกกกนนนดัดัดั ))) 1876490202084...... 122.บทวเิ คราะหก์ ารดำ� เนนิ ธรุ กจิ คารบ์ อนตำ่�

1 ท�ำไมจงึ ต้องเป็นธุรกิจคาร์บอนตำ�่ ธรุ กจิ ยคุ ใหม่ ใสใ่ จลดโลกรอ้ น : ผลติ ยั่งยนื ธรุ กจิ ยั่งยนื

2

3 ทำ� ไมจึงต้องเป็น “ธรุ กิจคารบ์ อนต�ำ่ ” โลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภมู ิอากาศ…จดุ เริม่ ต้นของธรุ กิจคาร์บอนต�ำ่ ุธร ิกจ ุยคใหม่ ใส่ใจลดโลกร้อน : ผ ิลตยั่ง ืยน ธุร ิกจยั่ง ืยน จากหลักฐานและปรากฏการณ์มากมายที่เกิดข้ึนท�ำให้นักวิทยาศาสตร์นับพันคน ทว่ั โลกไดร้ ว่ มกนั ศกึ ษาวจิ ยั และตดิ ตามผลอยา่ งตอ่ เนอ่ื งมากกวา่ 10 ปี จนไดผ้ ลยนื ยนั ท่ีแน่ชัดว่าโลกร้อนหรือ Global Warming ก�ำลังเกิดข้ึนจริง ซึ่งก๊าซเรือนกระจก ที่ท�ำให้เกิดโลกร้อนมีความเข้มข้นสูงสุดในช้ันบรรยากาศจากท่ีเคยมีมาในช่วงเวลา กวา่ 6 แสนปี “โลกร้อน” ดังกล่าว เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ที่ ปล่อยก๊าซเรือนกระจกขึ้นไปบนชั้นบรรยากาศ เนือ่ งจากก๊าซเรือนกระจก มคี ณุ สมบตั ิในการเก็บกกั รังสีความร้อนจากผวิ โลก แลว้ คายรงั สคี วามรอ้ นกลบั ลงมายงั พนื้ ผวิ โลกอกี ครง้ั สง่ ผลใหอ้ ณุ หภมู ขิ องผวิ โลก รอ้ นขนึ้ กวา่ เดมิ เปรยี บไดก้ บั หอ้ งกระจกทเ่ี กบ็ กกั รงั สี ความร้อนไม่ให้ออกไปนอกโลก จึงเรียกกันว่าเป็น “ปรากฏการณเ์ รอื นกระจก หรอื Greenhouse effect” อุณหภมู ิทเ่ี พมิ่ ขนึ้ ได้สง่ ผลไปสู่การเปล่ยี นแปลงสภาพภูมิอากาศในรปู แบบตา่ งๆ อาทิ รปู แบบของลม รวมทัง้ ความถข่ี องอากาศทีร่ นุ แรงเพิม่ ขน้ึ ผลที่ตามมา ไดแ้ ก่ ปรมิ าณ น�้ำจืดลดลง ผลผลิตการเกษตรตกต่�ำ โรคระบาดในคนและพืช ระดับน�้ำทะเลเพ่ิม สงู ขน้ึ สภาพภมู ิอากาศรนุ แรงท่ีเกดิ มากขน้ึ ซ่ึงจะส่งผลกระทบมหาศาลต่อสังคมและ เศรษฐกิจ (รายงานการประเมนิ คร้ังท่ี 3 ของคณะกรรมาธกิ ารระหว่างรฐั บาลว่าดว้ ย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Intergovernmental Panel on Climate Change: IPCC))

4 กา๊ ซเรอื นกระจก…ตวั การของโลกรอ้ น กา๊ ซเรอื นกระจก หรอื Greenhouse Gases (GHGs) เปน็ ก๊าซท่ีมีคุณสมบัติในการดูดซับคลื่นรังสีความร้อนหรือ รังสีอินฟาเรดได้ดี หากโลกไม่มีก๊าซเรือนกระจกดังกล่าว จะสง่ ผลใหม้ อี ณุ หภมู ทิ ร่ี อ้ นจดั ในตอนกลางวนั และหนาว จดั ในตอนกลางคนื เนอื่ งจากกา๊ ซเหลา่ นดี้ ดู คลนื่ รงั สคี วาม ร้อนเอาไวใ้ นเวลาช่วงกลางวนั แล้วจงึ ค่อยๆ แผร่ ังสีความ รอ้ นออกมาในเวลากลางคนื ทำ� ใหอ้ ณุ หภมู ิในบรรยากาศ ของโลกไม่เปล่ียนปลงอย่างฉับพลันและมีความอบอุ่น พอเหมาะส�ำหรบั สง่ิ มีชวี ิตบนโลก กา๊ ซทอี่ ยรู่ อบตวั จำ� นวนมากมคี ณุ สมบตั ใิ นการดดู ซบั คลน่ื รังสีความร้อนและถกู จดั อยูใ่ นกลมุ่ กา๊ ซเรอื นกระจก ซงึ่ มี ท้งั ก๊าซเรอื นกระจกทเี่ กดิ ขึน้ เองตามธรรมชาติ เชน่ ไอน�้ำ ส่วนก๊าซเรือนกระจกเกิดข้ึนจากกิจกรรมของมนุษย์ท่ี ส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อนอย่างมากมีอยู่ 7 ชนิด ได้แก่ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ก๊าซมีเทน (CH4) ก๊าซไนตรัสออกไซด์ (N2O) ก๊าซไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน (HFCs) ก๊าซเพอร์ฟลูออโรคาร์บอน (PFCs) และ กา๊ ซซลั เฟอรเ์ ฮกซะฟลอู อกไรด์ (SF6) การปลอ่ ยกา๊ ซเรอื น กระจกซ่ึงมีอยู่หลายชนิดรวมกันนี้ เรียกว่าเป็น “การ ปล่อยคาร์บอน” อันเป็นจุดเร่ิมริเร่ิมของแนวคิดการ จัดการลดคารบ์ อน หรอื “คาร์บอนต่�ำ” นั่นเอง

ธรุ กจิ ยคุ ใหม่ ใสใ่ จลดโลกรอ้ น : ผลติ ยั่งยนื ธรุ กจิ ยั่งยนื 5

6

7 ความเส่ยี งของประเทศไทยจากปญั หาการ เปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศ รายงานของ IPCC ระบุว่าภูมิภาคเอเซียตะวัน ออกเฉยี งใตเ้ ปน็ ภมู ภิ าคทมี่ คี วามเปราะบางสงู ตอ่ ผลกระทบจากการเปลย่ี นแปลงสภาพภมู อิ ากาศ1 กรณีของประเทศไทยได้รับการจัดล�ำดับจาก องค์กร Germanwatch ให้เป็นหนึ่งในสิบของ ประเทศที่มีความเส่ียงสูงต่อการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศระยะยาว2 1 IPCC 2014 2 https://germanwatch.org/en/download/13503.pdf ุธร ิกจ ุยคใหม่ ใส่ใจลดโลกร้อน : ผ ิลตยั่ง ืยน ธุร ิกจยั่ง ืยน

8 การปลอ่ ยกา๊ ซเรือนกระจกของโลกและประเทศไทย การปลอ่ ยระดับโลก ปี พ.ศ. 2556 ทั่วโลกมีการปลอ่ ยกา๊ ซเรอื นกระจกออกสชู่ น้ั บรรยากาศ 48,257 ลา้ น ตนั คาร์บอนไดออกไซดเ์ ทยี บเท่า โดยประเทศทีป่ ล่อยสูงสุด 3 อันดบั แรก ไดแ้ ก่ จนี สหรัฐอเมริกา กลุ่มสหภาพยุโรป ตามล�ำดับ3 ส�ำหรับประเทศไทยมีการปล่อยก๊าซ เรือนกระจกประมาณร้อยละ 0.8 ของโลก โดยมีปริมาณการปล่อยเป็นล�ำดับท่ี 23 ของโลก และเปน็ อนั ดบั 2 ของอาเซยี นรองจากประเทศอนิ โดนเี ซยี (World Resourc- es Institute, 2017) 3 CAIT Climate Data Explorer. 2015. Washington, DC: World Resources Institute. http://cait.wri.org.

9 แหล่งปลอ่ ยก๊าซเรอื นกระจกของโลก แหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงสุดคือ ภาคพลังงาน ร้อยละ 35 รองลงมาคือ ภาคอุตสาหกรรม (ร้อยละ 18) การขนส่ง (ร้อยละ 13) ภาคเกษตร (ร้อยละ 11) ภาคปา่ ไม้ (รอ้ ยละ 11) ภาคอาคาร (รอ้ ยละ 8) สว่ นภาคของเสยี มกี ารปลอ่ ยนอ้ ยทสี่ ดุ (รอ้ ยละ 4)4 (UNEP, 2013) 4 http://inhabitat.com/infographic-the-worlds-biggest-sources-of-greenhouse-gas-emissions/ Energy Buildings 35% 8% Power generation, refineries, Fuel combustion for coke ovens, fuel flaring, heating, cooling, fugitive methane cooking and hot water Forestry Industry Transport 11% 18% 13% Forest fires, wood decay, Combustion of fuels, Primarily combustion of peat decay and fires cement production, oil based fuels for road, chemicals shipping, air and rail ุธร ิกจ ุยคใหม่ ใส่ใจลดโลกร้อน : ผ ิลตยั่ง ืยน ธุร ิกจยั่ง ืยน Waste Agriculture 4% 11% Landfill Animal digestion, and wastewater fertilizer use, rice production, manure management

10 การปลอ่ ยก๊าซเรอื นกระจกของประเทศไทย การปล่อยในภาพรวม การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทยอย่างเป็นทางการ จากรายงานความ ก้าวหน้าราย 2 ปี ประเทศไทย ฉบับท่ี 1 (Thailand’s First Biennial Update Repot 2011) เพ่ือเสนอต่ออนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปล่ียนแปลงสภาพ ภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change) หรอื อนสุ ญั ญา UNFCCC ในเดอื นธันวาคม พ.ศ. 2558 พบวา่ ประเทศไทยมปี รมิ าณ การปลอ่ ยกา๊ ซเรอื นกระจก (Emission by sources) 305.52 ลา้ นตนั คารบ์ อนไดออกไซด์ เทียบเทา่ และเมอื่ พิจารณาปรมิ าณการดดู กลบั (Removal by sink) พบว่า ภาคการ ภาพ 1 แนวโน้มการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทยท้ังในส่วนรวมและ ไมร่ วมภาคปา่ ไมแ้ ละการใชป้ ระโยชนท์ ดี่ นิ (LULUCF : Land Use, Land Use Change and Forestry)

11 ุธร ิกจ ุยคใหม่ ใส่ใจลดโลกร้อน : ผ ิลตยั่ง ืยน ธุร ิกจยั่ง ืยน เปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินและป่าไม้มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 43.19 ล้านตัน คารบ์ อนไดออกไซดเ์ ทยี บเทา่ และมกี ารดดู กลบั -114.13 ลา้ นตนั คารบ์ อนไดออกไซด์ เทยี บเท่า เมอ่ื หกั ลบกบั สว่ นดูดกลับแล้ว ภาคการเปล่ยี นแปลงการใช้ทดี่ ินและป่าไม้ มีการดดู กลบั -70.94 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทยี บเทา่ ดงั น้นั ปริมาณการปล่อย กา๊ ซเรอื นกระจกสทุ ธขิ องประเทศไทยจงึ มคี า่ เปน็ 234.58 ลา้ นตนั คารบ์ อนไดออกไซด์ เทยี บเทา่ นอกจากน้ี พบวา่ การปลอ่ ยกา๊ ซเรอื นกระจกของไทยมแี นวโนม้ เพม่ิ ขน้ึ อยา่ ง ต่อเน่อื ง

12 การปล่อยก๊าซเรอื นกระจกรายสาขา ภาคพลังงาน เป็นภาคท่ีปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดคือ 222.94 ล้านตัน คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า รองลงมาคือภาคการเกษตร ภาคกระบวนการ อตุ สาหกรรม ซึ่งมกี ารปลอ่ ยเปน็ 52.92 และ 18.23 ล้านตนั คาร์บอนไดออกไซด์ เทยี บเทา่ ตามลำ� ดบั สำ� หรบั ภาคทป่ี ลอ่ ยกา๊ ซเรอื นกระจกนอ้ ยทสี่ ดุ คอื ภาคของเสยี คอื 11.43 ลา้ นตันคารบ์ อนไดออกไซด์เทยี บเท่า ของเสีย: 11.43 Mt3C.O742e%q. พ72ล.ัง9ง7า%น: 222.94 MtCO2eq. เกษตร: 52.92 M1t7C.O322e%q. กร1ะ8บ.2ว3นMกาtCรOอตุ2eสqา. ห5ก.9ร7ร%ม: ภาพ 2 การปล่อยก๊าซเรอื นกระจกจำ� แนกตามภาคสว่ น ปี พ.ศ. 2554 (ไม่รวมภาคการใช้ประโยชน์ท่ีดินการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ท่ีดิน และป่าไม้ ซง่ึ เป็นภาคที่มกี ารดดู กลับกา๊ ซเรอื นกระจก)

13 โลกมงุ่ ส่กู ารเป็นสังคมคาร์บอนต�ำ่ (Low Carbon Society) ุธร ิกจ ุยคใหม่ ใส่ใจลดโลกร้อน : ผ ิลตยั่ง ืยน ธุร ิกจยั่ง ืยน จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หลายประเทศท่ัวโลกจึงร่วมกันขับเคลื่อนแนวคิดสังคม คาร์บอนต�่ำ (Low Carbon Society: LCS) เพ่ือต่อสู้กับการเปล่ียนแปลงสภาพ ภมู อิ ากาศ แนวคดิ สงั คมคารบ์ อนตำ่� น้ี ไดร้ บั การยอมรบั และนำ� ไปปฏบิ ตั กิ นั แพรห่ ลาย ในทุกมุมโลก ด้วยการส่งเสริมสนับสนุนคนในสังคมให้ความร่วมมือกันในการลด การปลอ่ ยกา๊ ซเรอื นกระจกโดยเฉพาะทเี่ กดิ ขน้ึ จากการกระทำ� ของมนษุ ยใ์ นทกุ กจิ กรรม ไมว่ า่ จะเปน็ ภาคครวั เรอื น อตุ สาหกรรม เกษตรกรรม การเดนิ ทางขนสง่ ภาคพลงั งาน จากแนวคิดดังกลา่ วช้ใี หเ้ หน็ ว่า ภาคธรุ กจิ นั้น มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับการปล่อย ก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมจากกระบวนการผลิต ภาคการเดิน ทางขนสง่ จากการขนสง่ วตั ถดุ บิ และการกระจายสนิ คา้ ไปยงั ผบู้ รโิ ภค ภาคพลงั งานจาก การใช้พลังงานต่างๆ นอกจากนี้ การด�ำเนินธุรกิจคาร์บอนต่�ำ จึงมีความเกี่ยวข้อง โดยตรงกบั หว่ งโซอ่ ปุ ทาน ทจ่ี ำ� เปน็ ตอ้ งลดการปลอ่ ยกา๊ ซเรอื นกระจก ซง่ึ หว่ งโซอ่ ปุ ทาน (Supply Chain) นนั้ เรมิ่ ตน้ ตงั้ แตก่ ระบวนการจดั ซอื้ (Procurement) การผลติ (Man- ufacturing) การจดั เก็บ (Storage) เทคโนโลยสี ารสนเทศ (Information Technol- ogy) การจดั จ�ำหน่าย (Distribution) และการขนสง่ (Transportation) จนกระทง่ั ถงึ เสร็จส้ินกระบวนการหรือสินค้าถึงมือลูกค้าและผู้บริโภค ดังนั้นในแง่ของภาคส่วนท่ี ตอ้ งเกย่ี วขอ้ งในหว่ งโซอ่ ปุ ทาน จงึ ประกอบดว้ ย ผจู้ ดั จา่ ยวตั ถดุ บิ /สว่ นประกอบ (Raw Material/suppliers) ผผู้ ลติ (Manufacturers) ผคู้ า้ สง่ /ผกู้ ระจายสนิ คา้ (Wholesal- ers/distributors) และผู้ค้าปลีก (Retailers) ผู้บริโภค (Customer) ซึ่งหากมีการ จัดการห่วงโซ่อุปทานตลอดท้ังวงจร ให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จึงจะสามารถ ขบั เคลือ่ นใหภ้ าคธรุ กิจสกู่ ารเป็นธรุ กิจคารบ์ อนต�ำ่ ได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ

14 นโยบายที่เก่ยี วขอ้ งกบั ธุรกจิ คารบ์ อนต่ำ�

15 นโยบายทเ่ี ก่ียวข้องกบั ธุรกจิ คาร์บอนตำ่� 1. เปา้ หมายการพฒั นาอยา่ งยงั่ ยนื (Sustainable Development Goals: SDGs) องคก์ ารสหประชาชาติ (The United Nations) ไดก้ �ำหนดเป้าหมายการพัฒนาเพอื่ ขบั เคล่อื นโลกสคู่ วามยั่งยืน โดยอาศยั กรอบความคดิ ทม่ี องการพัฒนาแบบเปน็ 3 มิติ ได้แก่ เศรษฐกิจ สังคม และส่ิงแวดล้อมที่มีร้อยเรียงความเช่ือมโยงกันเรียกว่า “เปา้ หมายการพฒั นาท่ยี ั่งยืน หรือ (Sustainable Development Goals: SDGs)” ภาพ 3 เปา้ หมายการพฒั นาอยา่ งยง่ั ยนื (Sustainable Development Goals: SDGs) ุธร ิกจ ุยคใหม่ ใส่ใจลดโลกร้อน : ผ ิลตยั่ง ืยน ธุร ิกจยั่ง ืยน ที่มา: http://www.un.or.th/globalgoals/th/the-goals/ ครอบคลมุ วาระการพัฒนาในระยะ 15 ปี สน้ิ สุดในเดือนสงิ หาคม ค.ศ. 2030 ทั้งนีไ้ ด้ ก�ำหนดเปา้ หมาย SDGs ไว้ 17 ประเดน็ ดงั ภาพ 3 ซึ่งการด�ำเนนิ ธรุ กิจคาร์บอนตำ่� มคี วามสอดคลอ้ งกบั เปา้ หมายการพฒั นาทยี่ ง่ั ยนื 7 เปา้ หมาย โดยมี “เปา้ หมายที่ 13 การรบั มือการเปล่ียนแปลงสภาพภูมอิ ากาศ (Climate action)” เปน็ เปา้ หมายที่

16 เกย่ี วขอ้ งโดยตรงและถอื เปน็ เปา้ หมายปลายทางทส่ี ำ� คญั ของการดำ� เนนิ ธรุ กจิ คารบ์ อนตำ�่ นอกจากนี้แล้ว ยงั มอี กี 6 เปา้ หมายการพัฒนา ท่เี ปน็ กรอบแนวคิดของการสนบั สนุน การดำ� เนนิ ธรุ กจิ คารบ์ อนตำ่� ไดแ้ ก่ เปา้ หมายท่ี 8 การจา้ งงานทม่ี คี ณุ คา่ และการเตบิ โต ทางเศรษฐกิจ เป้าหมายที่ 12 แผนการบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน เป้าหมายที่ 6 การจดั การนำ�้ และสขุ าภบิ าล เปา้ หมายท่ี 7 พลงั งานสะอาดทท่ี กุ คนเขา้ ถงึ ได้ เปา้ หมาย ที่ 9 อุตสาหกรรม นวตั กรรม โครงสร้างพ้นื ฐาน และเปา้ หมายท่ี 17 ความรว่ มมอื เพ่อื การพัฒนาท่ยี ั่งยนื ประเทศไทยกับ SDGs ประเทศไทยไดน้ ำ� SDGs มาใชเ้ ปน็ แนวทางในการพฒั นาประเทศ โดยในเดอื นกนั ยายน พ.ศ. 2558 นายกรฐั มนตรขี องไทยพรอ้ มคณะไดเ้ ขา้ รว่ มประชมุ สมชั ชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ คร้ังท่ี 70 พร้อมกับผู้น�ำจากประเทศสมาชิก 193 ประเทศ ซ่ึงได้มีการ รับรอง Transforming Our World: the 2030 Agenda for Sustainable Devel- opment (การปรับเปลย่ี นโลกของเรา: วาระ 2030 เพ่อื การพฒั นาท่ยี ่ังยนื ) โดยต้อง บรรลใุ นอีก 15 ปขี า้ งหนา้ (เริม่ ตัง้ แตเ่ ดอื นกนั ยายน ปี พ.ศ. 2558 ถงึ เดอื นสงิ หาคม พ.ศ. 2573) (ส�ำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยแี ห่งชาต,ิ 2560) SDGs นี้ถือเป็นวาระการพัฒนาใหม่ของโลกท่ีจะเป็นแรงกดดันในห่วงโซ่การผลิตใน อนาคตทม่ี งุ่ เนน้ ความเชอ่ื มโยงทง้ั ดา้ นเศรษฐกจิ สงั คม และสงิ่ แวดลอ้ ม โดยมหี ลกั การ 5Ps ได้แก่ ประชาชน โลก ความม่ังคงั่ สันติภาพ และความเปน็ หุ้นสว่ น

17 2. ความตกลงปารีส (Paris Agreement) ุธร ิกจ ุยคใหม่ ใส่ใจลดโลกร้อน : ผ ิลตยั่ง ืยน ธุร ิกจยั่ง ืยน ความตกลงปารีส คือหัวใจส�ำคัญส�ำหรับใช้ขับเคล่ือนการด�ำเนินงานด้านการ เปลยี่ นแปลงสภาพภมู อิ ากาศของโลก เกดิ จากผลการประชมุ สมชั ชารฐั ภาคอี นสุ ญั ญา สหประชาชาติว่าด้วยการเปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศ คร้ังที่ 21 (COP 21) ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยได้รับรองความตกลงปารีส (Paris Agreement) เม่อื วันที่ 12 ธันวาคม 2558 ซึง่ เปน็ ตราสารกฎหมายท่รี บั รองภายใต้กรอบอนุสญั ญา UNFCCC ฉบบั ล่าสดุ เพ่อื กำ� หนดกฎกตกิ าระหว่างประเทศท่มี คี วามมงุ่ ม่นั มากยิง่ ขึ้น ส�ำหรับการมีส่วนร่วมของภาคีในการแก้ไขปัญหาการเปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมุ่งเสริมสร้างการตอบสนองต่อภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ระดบั โลก ในบรบิ ทของการพฒั นาทย่ี ง่ั ยนื และความพยายามในการขจดั ความยากจน รวมถึงเป้าหมายทส่ี �ำคญั 3 ประการ คือ (1) ควบคมุ การเพม่ิ ขน้ึ ของอณุ หภมู เิ ฉลยี่ ของโลกใหต้ ำ�่ กวา่ 2 องศาเซลเซยี ส เมอื่ เทียบกับยุคก่อนอุตสาหกรรม และมุ่งพยายามควบคุมการเพิ่มขึ้นของ อณุ หภมู ิไม่ใหเ้ กิน 1.5 องศาเซลเซียส เมอ่ื เทียบกับยุคกอ่ นอตุ สาหกรรม (2) เพม่ิ ขดี ความสามารถในการปรบั ตวั ตอ่ ผลกระทบจากการเปลย่ี นแปลงสภาพ ภูมิอากาศ และการส่งเสริมการสร้างภูมิต้านทานและความสามารถในการ ฟน้ื ตวั จากการเปลยี่ นแปลงสภาพภมู อิ ากาศ และการพฒั นาประเทศทป่ี ลอ่ ย กา๊ ซเรอื นกระจกตำ�่ ในลกั ษณะท่ไี มก่ ระทบตอ่ การผลิตอาหาร (3) ทำ� ใหเ้ กดิ เงนิ ทนุ หมนุ เวยี นทม่ี คี วามสอดคลอ้ งกบั แนวทางทน่ี ำ� ไปสกู่ ารพฒั นา ทปี่ ลอ่ ยกา๊ ซเรอื นกระจกตำ่� และการพฒั นาใหม้ ภี มู ติ า้ นทานและความสามารถ ในการฟน้ื ตัวจากการเปล่ียนแปลงสภาพภมู อิ ากาศ

18 ประเทศไทยกบั ความตกลงปารสี ประเทศไทยได้ประกาศเจตนารมณ์และก�ำหนดเป้าหมายของประเทศในการลดการ ปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ต�่ำกว่าระดับการปล่อยตามปกติ ร้อยละ 7-20 ภายในปี พ.ศ. 2563 ตามความตกลงปารสี (Paris Agreement) ทีน่ านาประเทศได้รับรองร่วม กันเม่อื 12 ธันวาคม 2558 ซึง่ มงุ่ ควบคุมการเพิ่มขนึ้ ของอุณหภมู เิ ฉลย่ี ของโลกใหต้ ำ�่ กวา่ 2 องศาเซลเซียส จากนั้นเมื่อ 22 เมษายน 2559 ประเทศไทยได้ลงนามรับรองความตกลงดังกล่าว อีกคร้ัง ซึ่งในเวลาต่อมาวันท่ี 21 กันยายน 2559 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซ่ึงเข้ารว่ มการประชมุ สมัชชาสหประชาชาติสมัยสามญั คร้งั ท่ี 71 ท่ี นครนวิ ยอรก์ สหรฐั อเมรกิ า ไดม้ อบสตั ยาบนั สารเขา้ เปน็ ภาคคี วามตกลงปารสี ของไทย ให้กับนายบัน คีมนู เลขาธิการสหประชาชาติ ณ ส�ำนกั งานใหญ่สหประชาชาติ

19 ุธร ิกจ ุยคใหม่ ใส่ใจลดโลกร้อน : ผ ิลตยั่ง ืยน ธุร ิกจยั่ง ืยน ความตกลงปารีสมผี ลใช้บังคับเม่อื วันที่ 4 พฤศจกิ ายน 2559 ประเทศตา่ ง ๆ จึงต้อง เร่งด�ำเนินการเพื่อให้สามารถปฏิบัติตามความตกลงได5้ ส่งผลให้ไทยต้องมีส่วนร่วม ในการลดการปลอ่ ยกา๊ ซเรอื นกระจกอยา่ งตอ่ เนอ่ื งโดยกำ� หนดเปา้ หมายในการลดการ ปลอ่ ยกา๊ ซเรือนกระจกเพม่ิ ขึน้ เปน็ ร้อยละ 20-25 ภายในปี พ.ศ. 2573 อีกทั้งต้องมี การทบทวนเพ่ือเพ่ิมระดับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทุก 5 ปี ก่อให้เกิด นัยส�ำคัญต่อการพัฒนาประเทศท่ีจะต้องเร่งด�ำเนินการเพ่ือลดการปล่อยก๊าซเรือน กระจกในทุกภาคสว่ น ทั้งภาคอุตสาหกรรม บริการ และการผลิตไฟฟ้า ตลอดจนภาค ครัวเรือน เป็นแรงกดดันให้ประเทศต้องเปล่ียนแปลงรูปแบบการผลิตและบริโภคให้ เปน็ มติ รกบั สง่ิ แวดลอ้ ม และเพมิ่ การใชพ้ ลงั งานหมนุ เวยี นและพลงั งานชวี ภาพเพม่ิ มากขน้ึ 5 การพฒั นาและสิง่ แวดล้อม กรมองค์การระหว่างประเทศ, 2559

20 หมายเหตุ: QELRC คือ เป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของรัฐภาคี ภาคผนวก 1 ภายใต้ พิธีสารเกยี วโต QERTs คือ เปา้ หมายการลดกา๊ ซเรือนกระจกทุกสาขา ส�ำหรับประเทศพฒั นาแล้ว NAMAs คือ เจตจ�ำนงการด�ำเนินงานลดก๊าซเรือกระจกที่เหมาะสมของประเทศ ส�ำหรับประเทศกำ� ลังพัฒนา NDC คือ การมีส่วนร่วมของประเทศในการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพ ภมู อิ ากาศ ภาพ 4 พัฒนาการของกฎกติกาโลกด้านการลดก๊าซเรือนกระจก

21 3. ประเทศไทยกับนโยบายท่เี กี่ยวข้องกับธุรกิจคารบ์ อนตำ�่ ุธร ิกจ ุยคใหม่ ใส่ใจลดโลกร้อน : ผ ิลตยั่ง ืยน ธุร ิกจยั่ง ืยน ประเทศไทยจดั เป็นประเทศกำ� ลงั พฒั นานอกภาคผนวกที่ 1 (Non-Annex I) ซงึ่ ไมม่ ี พันธกรณีท่ีจะต้องลดก๊าซเรือนกระจก อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการมีส่วนร่วมกับ ประชาคมโลกในการลดกา๊ ซเรอื นกระจก ประเทศไทยไดม้ กี ารดำ� เนนิ การลดกา๊ ซเรอื น กระจกและการด�ำเนินงานด้านการเปลีย่ นแปลงสภาพภูมอิ ากาศ โดยแบ่งการด�ำเนิน งานเปน็ 2 ระยะ ดังน้ี (1) การดำ� เนนิ งานชว่ งระยะกอ่ นปี พ.ศ. 2563 ซง่ึ เปน็ การดำ� เนนงิ านตามแผนการ ดำ� เนนิ งานการลดกา๊ ซเรอื นกระจกทเี่ หมาะสมของประเทศ (Nationally Ap- propriate Mitigation Action) หรือ NAMA (2) การดำ� เนนิ งานช่วงระยะเวลาภายหลังปี พ.ศ. 2563 – 2573 จะดำ� เนินการ ตามขอ้ เสนอการมสี ว่ นรว่ มในการลดกา๊ ซเรอื นกระจกและการดำ� เนนิ งานดา้ น การเปล่ยี นแปลงสภาพภมู ิอากาศภายหลังปี พ.ศ. 2563 (Intened Nation- ally Determined Contribution) หรอื INDC ซง่ึ ครอบคลุมท้ังการลดก๊าซ เรือนกระจก และการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดย พลเอกประยทุ ธ์ จนั ทนโ์ อชา นายกรฐั มนตรขี องไทยไดป้ ระกาศในการประชมุ COP 21 ว่า “ประเทศไทยมีความต้ังใจท่ีจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ร้อยละ 20 จากระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกรณีปกติภายในปี 2573 (2030) ระดบั ของการมสี ว่ นรว่ มในการลดการปลอ่ ยกาซเรอื นกระจกสามารถ เพิม่ ขน้ึ ถงึ ร้อยละ 25 ขน้ึ อยูก่ บั การเขา้ ถึงกลไกการสนบั สนุนทางการพัฒนา และถ่ายทอดเทคโนโลยี การเงิน และการเสริมสรา้ งศพั ยภาพท่ีเพิ่มข้ึนและ เพียงพอภายใต้กรอบความตกลงใหม่ ภายใต้อนุสัญญาการเปล่ียนแปลง สภาพภมู อิ ากาศ”

22 ภาพ 5 เปา้ หมายการลดกา๊ ซเรอื นกระจกตาม NAMA และ NDC ของประเทศไทย ท่ีมา: สำ� นักนโยบายและแผนฯ กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม (2559) ประเทศไทยได้ก�ำหนดนโยบายการพัฒนาประเทศเพื่อเร่งเตรียมความพร้อมในการ เสรมิ สรา้ งขดี ความสามารถด้านการปรบั ตวั และการลดก๊าซเรอื นกระจกเพอ่ื มุ่งสู่การ พัฒนาทีป่ ล่อยกา๊ ซเรอื นกระจกต่ำ� มภี มู ติ ้านทานและความสามารถในการฟ้นื ตวั จาก ผลกระทบทเี่ กดิ ขนึ้ จากการเปลย่ี นแปลงสภาพภมู อิ ากาศ โดยทผี่ า่ นมาไดม้ กี ารบรู ณา การประเด็นการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศเข้าไว้ในนโยบายและแผนต่างๆ ตัวอย่างเช่น แผนยทุ ธศาสตร์ชาตริ ะยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคม แห่งชาติ ฉบบั ที่ 12 (พ.ศ. 2560 – 2564) แผนแม่บทด้านการเปลย่ี นแปลงสภาพ ภมู อิ ากาศ (พ.ศ. 2555-2593) เปน็ ตน้ เพือ่ ใหห้ น่วยงานทีเ่ กยี่ วข้องน�ำไปใชเ้ ปน็ กรอบ นโยบายในการแปลงแผนไปสกู่ ารปฏบิ ตั เิ พอ่ื นำ� ไปสสู่ งั คมคารบ์ อนตำ�่ โดยแผนแมบ่ ทฯ ได้ก�ำหนดยุทธศาสตร์หลักประกอบด้วย การปรับตัวเพ่ือรองรับผลกระทบจากการ เปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการเพ่ิมแหล่ง กกั เกบ็ กา๊ ซเรือนกระจก รวมทั้งการเสริมสรา้ งขดี ความสามารถของบุคลากร องคก์ ร และประเทศด้านบรหิ ารจัดการการเปล่ยี นแปลงสภาพภูมอิ ากาศ

23 ุธร ิกจ ุยคใหม่ ใส่ใจลดโลกร้อน : ผ ิลตยั่ง ืยน ธุร ิกจยั่ง ืยน การกำ� หนดนโยบายด้านการเปลีย่ นแปลงสภาพภูมิอากาศขา้ งตน้ จะช่วยสร้างความ เป็นเอกภาพในการด�ำเนินงานระหว่างหน่วยงานภาครัฐทุกระดับ เพ่ือสร้างกลไก ประสานการทำ� งานรว่ มกนั สง่ เสรมิ และสนบั สนนุ ทกุ ภาคสว่ นไดเ้ ขา้ มามสี ว่ นรว่ มดำ� เนนิ กิจกรรมท่เี ก่ียวข้องเพอื่ มุ่งไปสกู่ ารเปน็ สงั คมคาร์บอนต�่ำ 4. แนวคดิ มาตรฐานอุตสาหกรรมตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง ปัจจุบันประเทศไทยได้มีการผลักดันหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางหลัก ในการขับเคล่อื นการพัฒนาต่าง ๆ ในทกุ ภาคส่วน ไมเ่ วน้ แมแ้ ตใ่ นภาคธุรกจิ ซงึ่ เป็น ภาคส่วนท่ีน�ำแนวทางตามหลักเศรษฐกิจมาใช้น้อยท่ีสุด ด้วยความเข้าใจผิดท่ีว่า เศรษฐกิจพอเพียงเป็นเรอ่ื งของเกษตรกรรม เปน็ เร่ืองของชนบท และเป็นเร่ืองไกลตัว ของสังคมเมือง ท�ำให้ไม่เกิดการประยุกต์ใช้ในภาคธุรกิจอย่างแพร่หลายโดยเฉพาะ ธุรกิจที่เป็นอุตสาหกรรม หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงโดยแท้จริงแล้วเป็นทั้ง แนวคดิ และแนวทางในการทำ� ใหเ้ กดิ ประโยชนส์ ขุ ทง้ั ตอ่ บคุ คลจนถงึ องคก์ รในทกุ ระดบั และทกุ สาขา พรอ้ มทงั้ ยงั มคี วามสอดคลอ้ งตอ่ การดำ� เนนิ การธรุ กจิ คารบ์ อนตำ�่ อกี ดว้ ย และเพ่ือเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับภาคธุรกิจต่อการนำ� หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอ เพียงมาประยุกต์ใช้ กระทรวงอุตสาหกรรม โดยส�ำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อตุ สาหกรรม (สมอ.) จงึ ไดก้ ำ� หนดมาตรฐานผลติ ภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรมแนวทางเศรษฐกจิ พอเพียงภาคอุตสาหกรรม (มอก.9999 เล่ม 1-2556) ขึ้น ขอบข่ายของมาตรฐานผลิตภณั ฑ์อตุ สาหกรรม มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้มีจุดมุ่งหมายเพ่ือส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรและ องค์กรให้มีการบริหารจัดการและการด�ำเนินงานท่ีก่อให้เกิดการพัฒนาที่สมดุลทั้งใน ดา้ นเศรษฐกจิ สงั คม และสง่ิ แวดลอ้ ม มคี วามมนั่ คง เตบิ โตไดอ้ ยา่ งยง่ั ยนื และมคี วามสขุ ตลอดจนมีภูมิคุ้มกันท่ีดีพร้อมรับมือกับการเปล่ียนแปลงสภาพแวดล้อมทั้งภายใน

24 และภายนอกในดา้ นต่างๆ ไดแ้ ก่ สังคม เทคโนโลยี เศรษฐกจิ สิง่ แวดลอ้ ม การเมือง และกฎระเบียบ ท่ีมีการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็วและผันผวน ซึ่งส่งผลกระทบต่อ ภาคอตุ สาหกรรมไทยอยา่ งหลกี เลย่ี งไมไ่ ด้ การดำ� เนนิ งานและการประกอบธรุ กจิ ตาม แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงภาคอุตสาหกรรม จะตั้งอยู่บนพื้นฐานความพอประมาณ ความมีเหตมุ ผี ล การมภี มู คิ มุ้ กนั ในตัวทด่ี ี ควบคูก่ ับการมคี วามรแู้ ละคุณธรรม หลกั การนำ� หลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งมาประยกุ ตใ์ ช้ โดยกำ� หนดหลกั การสำ� คญั ข้นึ มาดว้ ยกนั 4 หลักการ คือ 1. การมสี ว่ นร่วมของบุคลากร (Involvement of people) 2. การเคารพต่อผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้เสีย (Respect for stakeholder interests) 3. การบรหิ ารแบบองค์รวม (Holistic management) 4. การบรหิ ารเชิงระบบ (System approach to management) แนวทางเกีย่ วกบั องคป์ ระกอบของเศรษฐกจิ พอเพยี งภาคอุตสาหกรรม การน�ำมาตรฐานเศรษฐกิจพอเพียงภาคอุตสาหกรรมไปใช้ในทางปฏิบัติ ควรมีการ พิจารณาใน 3 องค์ประกอบหลกั และ 2 เงือ่ นไข ของหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ตามแนวทางสายกลางดงั นี้คอื ความพอประมาณ องค์กรควรพิจารณาถึงหลักของความจ�ำเป็นและความ เหมาะสมกับฐานะของตนเอง สังคม สิ่งแวดล้อม รวมทั้ง วฒั นธรรมในแตล่ ะทอ้ งถนิ่ ใหอ้ ยใู่ นลกั ษณะทพี่ อดี นน่ั คอื ไมม่ ากเกนิ ไป และนอ้ ยเกนิ ไปจนเกดิ ความทกุ ขแ์ กต่ นเอง และผ้อู ่ืน

25 ความมีเหตุผล องค์กรควรมีการตัดสินใจด�ำเนินการต่าง ๆ บนพื้นฐาน ของการใช้เหตุผลตามหลักวิชาการ หลักกฎหมาย และ วัฒนธรรมท่ีดีงาม โดยค�ำนึงถึงปัจจัยท่ีมีความเกี่ยวข้อง กันอย่างละเอียดถ่ีถ้วน และคาดการณ์ผลท่ีเกิดขึ้นอย่าง รอบคอบ รจู้ ักเลอื กสงิ่ ที่ดแี ละเหมาะสมที่สดุ มาประยกุ ต์ ใช้ในการด�ำเนินการตา่ ง ๆ การมีภมู ิคุม้ กนั ในตวั ทดี่ ี องคก์ รควรมกี ารเตรยี มความพรอ้ มทงั้ บคุ ลากรและองคก์ ร เพอื่ รบั มอื กบั ผลกระทบและการเปลย่ี นแปลงตา่ ง ๆ ทอ่ี าจ เกิดขึน้ ทั้งดา้ นสงั คม เทคโนโลยี เศรษฐกิจ สิง่ แวดลอ้ ม กฎระเบยี บและการเมือง ทง้ั ในประเทศและต่างประเทศ รวมถงึ ความไม่แนน่ อนอืน่ ๆ โดยค�ำนึงถึงความเป็นไปได้ ของสถานการณใ์ นรปู แบบตา่ ง ๆ ทง้ั ในอนาคตอนั ใกลแ้ ละ ระยะไกล เพอ่ื สามารถปรบั ตวั แสวงหาโอกาส และรบั มอื ได้อย่างทนั ท่วงที เงอื่ นไขความรู้ องค์กรควรน�ำหลักวิชาและความรู้ทางเทคโนโลยีต่าง ๆ ท่ีเหมาะสมมาใช้ ท้ังในขั้นตอนของการวางแผนและ การปฏบิ ตั ิ โดยพจิ ารณาถงึ ความเชอ่ื มโยงกนั อยา่ งรอบคอบ ุธร ิกจ ุยคใหม่ ใส่ใจลดโลกร้อน : ผ ิลตยั่ง ืยน ธุร ิกจยั่ง ืยน และระมัดระวังในการน�ำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดผลในทาง ปฏบิ ัติทกุ ข้นั ตอน เงอ่ื นไขคุณธรรม องค์กรควรเสริมสร้างจิตใจของบุคลากรในองค์กร และ ผู้ที่เกี่ยวข้องในทุกระดับให้มีความตระหนักถึงการ มีคุณธรรมและความซ่ือสัตย์ในการด�ำเนินชีวิตและ การประกอบธุรกิจด้วยความอดทน ความเพียร มีสติ มี ปญั ญา มีน้ำ� ใจ และการแบง่ ปนั 6 6 ประกาศกฎกระทรวงอุตสาหกรรม ตามราชกิจจานเุ บกษา, 2556

26 ภาพ 6 ภาพรวมของมาตรฐานแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงภาคอุตสาหกรรม ท่มี า: ประกาศกฎกระทรวงอุตสาหกรรม ตามราชกิจจานเุ บกษา (2556) จากแนวทางดงั กลา่ ว จะเหน็ ไดว้ า่ มาตรฐานผลติ ภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรมแนวทางเศรษฐกจิ พอเพยี งภาคอุตสาหกรรม หรอื มอก.9999 มแี นวทางทส่ี ามารถนำ� ไปใช้ไดใ้ นทุก ๆ ห่วงโซ่อุปทาน จึงมีความเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งท่ีจะน�ำมาใช้เป็นแนวทางหลักในการ บรหิ ารจดั การการปลอ่ ยกา๊ ซเรอื นกระจกในภาคธรุ กจิ เพอ่ื พฒั นาไปสธู่ รุ กจิ คารบ์ อนตำ�่ และเป็นการตอบสนองเจตจ�ำนงของประเทศไทยที่ได้ประกาศไว้ให้กับประชาคมโลก นั่นคือตอ้ งการที่จะลดการปลอ่ ยกา๊ ซเรือนกระจก รอ้ ยละ 20 จากปรมิ าณกา๊ ซเรือน กระจกปกติ (Business as Usual: BAU) ภายในปี พ.ศ. 2573 และระดบั ของการมี ส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสามารถเพิ่มข้ึนถึง ร้อยละ 25 ภายใต้ อนสุ ญั ญาสหประชาชาตวิ า่ ดว้ ยการเปลย่ี นแปลงสภาพภมู อิ ากาศ และสง่ ผลใหเ้ กดิ การ พัฒนาทยี่ ั่งยืนในอนาคตต่อไป

27 ภาพ 7 ความเชอื่ มโยงของการพัฒนาทย่ี งั่ ยืนสู่การเปน็ ธรุ กิจคาร์บอนต่ำ� ุธร ิกจ ุยคใหม่ ใส่ใจลดโลกร้อน : ผ ิลตยั่ง ืยน ธุร ิกจยั่ง ืยน

28 เคร่อื งมอื การดำ� เนนิ ธุรกจิ คารบ์ อนต่ำ�

29 เคร่ืองมอื การดำ� เนนิ ธุรกิจคาร์บอนต่ำ� เพ่ือส่งเสริมและสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมด�ำเนินธุรกิจมุ่งสู่คาร์บอนต่�ำ ุธร ิกจ ุยคใหม่ ใส่ใจลดโลกร้อน : ผ ิลตยั่ง ืยน ธุร ิกจยั่ง ืยน ประเทศไทยไดม้ กี ารพฒั นาเครอื่ งมอื ในการดำ� เนนิ ธรุ กจิ คารบ์ อนตำ�่ ขน้ึ องคก์ ารบรหิ าร จดั การกา๊ ซเรือนกระจก (องคก์ ารมหาชน) หรอื อบก. ในฐานะทเี่ ป็นองคก์ ารมหาชน ทไี่ ดร้ บั มอบหมายจากกระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ มไดพ้ ฒั นาเครอื่ งมอื กลไกตา่ งๆ ทหี่ ลากหลาย สำ� หรบั ใหภ้ าคธรุ กจิ นำ� ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นหลายระดบั ทง้ั ระดบั องคก์ ร ผลติ ภณั ฑ์ โครงการ เมอื ง และกิจกรรม ระดบั องคก์ ร คารบ์ อนฟตุ พรน้ิ ทข์ ององค์กร (Carbon Footprint for Organization) คารบ์ อนฟตุ พรนิ้ ทข์ ององคก์ ร (Carbon Footprint for Organization: CFO) เป็นการประเมินปริมาณก๊าซเรือน กระจกท่ีปล่อยจากการด�ำเนินงานของ องค์กร ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถ ค�ำนวณการบ่งช้ีแหล่งปล่อยก๊าซเรือน กระจกท่ีมีนยั สำ� คัญ ซึ่งเป็นการดำ� เนนิ งานที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล หรือ ISO 14064-1 เพอื่ น�ำไปกำ� หนด แนวทางการจดั การและดำ� เนนิ กจิ กรรม ลดการปล่อยก๊าซเรือน กระจกอย่างมี ประสทิ ธภิ าพ

30 อบก. ได้ก�ำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางการประเมินคาร์บอนฟุตพร้ินท์ขององค์กร เพ่ือใช้เป็นเครื่องมือประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดข้ึนจากการด�ำเนิน กจิ กรรมทงั้ การผลติ และการบรกิ ารขององคก์ ร อนั จะเปน็ การชว่ ยเสรมิ สรา้ งศกั ยภาพ ใหก้ บั ผ้ปู ระกอบการธรุ กจิ ของไทยสามารถแขง่ ขนั ไดใ้ นตลาดโลก และเปน็ การเตรียม ความพร้อมในการจัดท�ำรายงานปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร และ การบริหารจดั การการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย ประโยชนต์ ่อเนือ่ งเชงิ ธรุ กิจ • เพิ่มประสทิ ธภิ าพการผลิต ลดต้นทนุ • เสรมิ สรา้ งภาพลกั ษณ์ขององคก์ ร • ใชร้ ายงานผลผา่ นรายงานการพฒั นาทย่ี งั่ ยนื ตามขอ้ กำ� หนดของตลาดหลกั ทรพั ย์ แหง่ ประเทศไทย • ใช้เป็นเครื่องมือในการรายงานผลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร (Carbon Disclosure Project) หรือ CDP ระดับผลิตภัณฑ์ คารบ์ อนฟุตพร้ินทข์ องผลิตภัณฑ์ (Carbon Footprint of Product) “คาร์บอนฟุตพร้นิ ท์ของผลิตภัณฑ์” ซ่งึ เปน็ ปริมาณก๊าซ เรือนกระจกท่ีปล่อยออกมาตลอดวัฏจักรชีวิตของ ผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง อบก. กับศูนย์ เทคโนโลยีโลหะและวสั ดุแห่งชาติ หรือเอ็มเท็ค ส่งเสรมิ ใหผ้ ปู้ ระกอบการมกี ารดำ� เนนิ งานคารบ์ อนฟตุ พรน้ิ ทข์ อง ผลติ ภณั ฑส์ ำ� หรบั ใชเ้ ครอ่ื งมอื ไปสกู่ ารวางแผนเพอ่ื ลดการ ปล่อยได้อย่างตรงจุด ตลอดจนเพื่อช่วยเพ่ิมขีดความ สามารถในการแขง่ ขันของสนิ ค้าไทยในตลาดโลก

31 ประโยชน์ตอ่ เนอ่ื งเชิงธรุ กิจ • เพม่ิ ประสิทธภิ าพการผลติ ลดตน้ ทนุ • เพ่ิมขดี ความสามารถในการแข่งขนั • เสริมสรา้ งภาพลักษณ์ขององคก์ ร ฉลากลดคาร์บอนฟุตพรน้ิ ทข์ องผลติ ภณั ฑ์ (Carbon Footprint Reduction) “ฉลากลดโลกร้อน” (Carbon Footprint Re- duction : CFR) เปน็ การดำ� เนนิ งานตอ่ ยอดจาก การดำ� เนนิ งานคารบ์ อนฟตุ พรนิ้ ทข์ องผลติ ภณั ฑ์ เพ่ือบ่งชี้ว่าผลิตภัณฑ์มีการลดการปล่อยก๊าซ เรอื นกระจกตลอดวฏั จกั รชวี ติ ของผลติ ภณั ฑแ์ ลว้ ปจั จุบนั ผลติ ภณั ฑ์ท่ผี า่ นการขึ้นทะเบียนฉลากลดโลกร้อน ได้รบั การบรรจเุ ข้าสบู่ ญั ชี รายการสินคา้ ท่เี ปน็ มิตรกับส่ิงแวดล้อมของภาครฐั โดยกรมควบคุมมลพิษ และระบบ บัตรเดยี วเขียวทวั่ ไทยโดยกรมสง่ เสริมคณุ ภาพส่ิงแวดลอ้ ม เรียบรอ้ ยแล้ว ประโยชนต์ ่อเน่ืองเชงิ ธรุ กิจ • เขา้ ถึงตลาดสนิ ค้าท่เี ป็นมติ รกับส่ิงแวดลอ้ มของรฐั โดยกรมควบคมุ มลพษิ • เสริมสร้างภาพลักษณ์ขององคก์ ร ุธร ิกจ ุยคใหม่ ใส่ใจลดโลกร้อน : ผ ิลตยั่ง ืยน ธุร ิกจยั่ง ืยน

32 ฉลากคูลโหมด หรอื เสื้อผ้าลดโลกรอ้ น (CoolMode) “คลู โหมด” เปน็ ฉลากทม่ี อบใหก้ บั เสอ้ื ผา้ หรอื ผลิตภัณฑ์ท่ีมีคุณสมบัติพิเศษ ท�ำให้สวมใส่ สบาย ไม่ร้อนอบอ้าวไม่รู้สึกร้อนในอุณหภูมิ ปกติ (25 C ) โดยจะเรยี กเส้ือผา้ เหล่านี้วา่ “เสือ้ ผา้ ลดโลกรอ้ น”ซง่ึ คณุ สมบัตพิ ิเศษนี้มี ด้วยกนั 3 ประการ คือ (1) ปลอดภัยตอ่ สขุ ภาพของผูส้ วมใสแ่ ละสิ่งแวดลอ้ ม (2) มี คุณสมบัติของความแข็งแรงและคงทน ไม่ขาด ไม่ยืดง่าย สีไม่ตก และสีคงทนต่อ แสงแดด(ไมซ่ ีดจางงา่ ย) และ (3) ชว่ ยลดความรอ้ น ชว่ ยลดอุณหภูมิของร่างกาย ท�ำ ใหส้ ว่ มใสแ่ ลว้ รสู้ กึ เยน็ สบาย และชว่ ยลดการใชพ้ ลงั งานจากเครอื่ งปรบั อากาศ นอกจาก น้ยี ังทำ� ความสะอาดง่าย ไมด่ ดู ซับความสกปรก การด�ำเนินโครงการส่งเสริมการพัฒนาเส้ือผ้าลดโลกร้อนเกิดจากความร่วมมือกัน ระหว่าง อบก. กับสถาบันพัฒนาอตุ สาหกรรมสิ่งทอ (THT) และกลมุ่ ผู้ผลิตสิง่ ทอ เพื่อ เปน็ การเพ่ิมทางเลอื กให้กับผบู้ รโิ ภคในการใช้เสอื้ ผ้าท่ีสามารถลดการปลอ่ ยกา๊ ซเรือน กระจก ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดผู้ผลิตและตลาดสินค้าส่ิงทอท่ีลดโลกร้อนใน ประเทศไทย ประโยชน์ต่อเนอ่ื งเชงิ ธรุ กจิ • เสริมสร้างภาพลกั ษณข์ ององคก์ ร • เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขนั • เขา้ ถึงตลาดสนิ คา้ ทีเ่ ปน็ มติ รกบั สงิ่ แวดล้อมของรัฐ โดยกรมควบคมุ มลพษิ • ผบู้ รโิ ภคสเี ขยี วในระบบบตั รเดยี วเขยี วทว่ั ไทย โดยกรมสง่ เสรมิ คณุ ภาพสง่ิ แวดลอ้ ม

ธรุ กจิ ยคุ ใหม่ ใสใ่ จลดโลกรอ้ น : ผลติ ยั่งยนื ธรุ กจิ ยั่งยนื 33

34 ระดับโครงการ โครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมคั รใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program) โครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมคั รใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program) หรอื ทเ่ี รยี กกวา่ โครงการ T-VER เปน็ การ ส่งเสริมและสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการลดก๊าซเรือนกระจกใน ประเทศไทยโดยความสมัครใจ และสามารถน�ำปริมาณการลดการปล่อยก๊าซเรือน กระจกทเ่ี กดิ ขนึ้ หรอื คารบ์ อนเครดติ ทเี่ รยี กวา่ “TVERs” เปน็ ขอ้ มลู ในการแสดงถงึ การ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่มีมาตรฐานเทียบเท่ากับมาตรฐานสากล และน�ำไป ประโยชน์ในการแสดงออกด้านความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility) หรือ CSR ขององค์กร และในอนาคตสามารถใช้ในการชดเชย การปล่อยก๊าซเรอื นกระจก (Carbon Offset) และการซอ้ื ขายในตลาดคารบ์ อนได้ ทง้ั นส้ี ามารถแบง่ โครงการออกเปน็ 7 ประเภท ไดแ้ ก่ (1) การเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพพลงั งาน (2) พลงั งานทดแทน (3) การจัดการของเสยี (4) การจัดการในภาคขนสง่ (5) ป่าไม้ และพ้ืนที่สเี ขียว (6) การเกษตร และ (7) อนื่ ๆ ตามที่ อบก. ก�ำหนด ทางดา้ นรปู แบบ ของการดำ� เนนิ โครงการดงั กลา่ ว สามารถแบง่ ออกไดเ้ ปน็ 3 รปู แบบ คอื โครงการเดยี่ ว โครงการแบบควบรวม และโครงการแบบกลมุ่ ซง่ึ ประโยชนท์ จ่ี ะไดร้ บั เมอ่ื เขา้ รว่ มดำ� เนนิ การแล้วน้ัน ถือเป็นการสร้างภาพลักษณ์ท่ีดีต่ององค์กร การมีส่วนร่วมในการลด ก๊าซเรือนกระจก การเพ่ิมแหล่งกักเก็บก๊าซเรือนกระจก และช่วยลดและบรรเทา ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภมู อิ ากาศจนเกิดการพัฒนาท่ียงั่ ยืน

35 โครงการสนบั สนุนกจิ กรรมลดก๊าซเรือนกระจก (Low Emission Support Scheme) โครงการสนบั สนนุ กจิ กรรมลดกา๊ ซเรอื นกระจก (Low Emission Support Scheme) หรือเรียกวา่ โครงการ LESS คือแนวคดิ ในการพัฒนารูปแบบการดำ� เนินกจิ กรรมเพือ่ สรา้ งความตระหนกั ใหเ้ กดิ การลดการปลอ่ ยก๊าซเรือนกระจก และยกย่องผทู้ �ำความดี โดยการมอบใบประกาศเกียรตคิ ณุ (Letter of Recognition: LOR) เพอ่ื ให้ไดร้ บั การ ยอมรับ โดยผ่านกระบวนการวิเคราะห์และประเมินทางเทคนิควิชาการ และน�ำมา ผนวกกับแนวคดิ การใหก้ ารสนับสนนุ (Support) จาก “ผูใ้ ห้” ในภาคองค์กร/ธรุ กจิ ไปสู่ “ผรู้ ับ” ในสังคม/ชมุ ชน การเกษตร การเพ่มิ ประสิทธิภาพพลงั งาน ปา่ ไมแ้ ละพืน้ ทส่ี ีเขยี ว การพัฒนา พลงั งานหมุนเวยี น LOR การพัฒนา พลงั งานทางเลือก ประเภทโครงการประเภทกจิ กรรม การจดั การใน การจัดการขยะมลู ฝอย ุธร ิกจ ุยคใหม่ ใส่ใจลดโลกร้อน : ผ ิลตยั่ง ืยน ธุร ิกจยั่ง ืยน ภาคขนสง่ สง่ิ ปฎิกูล และวสั ดุเหลอื ใช้ ขอ้ ดขี องโครงการคือไมเ่ สียค่าใชจ้ า่ ยในการเขา้ รว่ มโครงการ และนอกจากนี้โครงการ ยังช่วยลดปัญหาโลกร้อนแล้วยังก่อให้เกิดประโยชน์ร่วมในด้านการลดค่าใช้จ่ายด้าน พลังงาน ลดปริมาณขยะ เพ่ิมพ้ืนท่ีสีเขียว สร้างระบบนิเวศให้ดีข้ึน และน�ำไปสู่การ พฒั นาประเทศไปสสู่ ังคมคารบ์ อนต่�ำอย่างยั่งยนื

36 ระดบั เมอื ง คารบ์ อนฟุตพรนิ้ ท์ระดับเมอื ง (City Carbon Footprint) อบก. ไดส้ ่งเสรมิ การจัดท�ำคาร์บอนฟุตพริ้นทข์ ององค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิ่น (อปท.) เพอื่ มงุ่ ส่กู ารเป็นเมอื งคารบ์ อนตำ�่ ท้ังในระดับองคก์ ร และระดับเมอื ง (City Carbon Footprint) หรอื CCF ทำ� ให้ อปท. สามารถคำ� นวณและบรหิ ารจดั การกา๊ ซเรอื นกระจก ของตนอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ การใช้กลไกตลาดเพอื่ สนบั สนนุ  การจดั การก๊าซเรอื นกระจก ตลาดคารบ์ อน “ตลาดคาร์บอน” หรือตลาดซื้อขายคาร์บอน (Carbon Market) เปน็ การใช้กลไกตลาดเพอื่ เป็นแรงจูงใจในการลดการปล่อยก๊าซเรือน กระจก โดย “คาร์บอนเครดิต” คือสินค้า ส�ำหรบั การซ้ือขาย อบก. ไดผ้ ลกั ดันให้เกดิ แรง จงู ใจในการซ้ือขายคารบ์ อนเครดิต เช่น

37 ุธร ิกจ ุยคใหม่ ใส่ใจลดโลกร้อน : ผ ิลตยั่ง ืยน ธุร ิกจยั่ง ืยน • ร่วมมือกับกรมสรรพากรให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีอากรแก่ผู้ขายคาร์บอน เครดิต ซึง่ ไดป้ ระกาศในพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรษั ฎากร วา่ ดว้ ยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบบั ท่ี 514) พ.ศ. 2554 • ร่วมกับส�ำนักงานคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ กลต. พฒั นาหลกั การและกรอบด�ำเนนิ งานในการจัดต้ังกองทนุ รวมเพ่อื ลดก๊าซเรือน กระจก (Carbon Fund) การชดเชยคารบ์ อน หรอื T-COP กิจกรรมการชดเชยคารบ์ อน (Thailand Carbon Offsetting Program) หรอื ท่เี รยี ก วา่ โครงการ T-COP เปน็ การส่งเสรมิ ให้องค์กร บุคคล ทำ� การชดเชยกา๊ ซเรือนกระจก ทเ่ี กดิ ขึน้ จากกจิ กรรมขององคก์ ร ผลิตภณั ฑ์ การจดั ประชุมสมั มนา และบคุ คล หลัง จากได้ด�ำเนินการลดการปล่อย กา๊ ซเรอื นกระจกดว้ ยตนเองแลว้ ด้วยการซื้อคาร์บอนเครดิตเพ่ือ ชดเชยบางส่วน ซ่ึงเรยี กวา่ Car- bon Offsetting หรือชดเชย เท่ากับปริมาณก๊าซเรือนกระจก ทปี่ ลอ่ ยทง้ั หมด ซงึ่ เรยี กวา่ Car- bon Neutral การดำ� เนนิ งานดงั กล่าวเป็นการแสดงความรับผิด ชอบต่อสังคม เน่ืองจากช่วยลด การปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน ภาพรวม

38 การดำ� เนนิ งานเพอื่ สนบั สนนุ การดำ� เนนิ งานคารบ์ อนตำ่� โดยหนว่ ยงานตา่ งๆ ฉลากประหยดั ไฟเบอร์ 5 (Label No.5) โครงการฉลากประหยดั ไฟเบอร์ 5 ดำ� เนนิ การโดยการไฟฟา้ ฝา่ ยผลติ แหง่ ประเทศไทย (กฟผ.) มงุ่ รณรงคส์ ง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ การใชพ้ ลงั งานไฟฟา้ อยา่ งรคู้ ณุ คา่ และมปี ระสทิ ธภิ าพ โดยเป้าหมายคือการรณรงค์ให้ผู้ผลิตน�ำเข้าอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงและมี ราคาทเี่ หมาะสม สรา้ งแรงจงู ใจและ เสรมิ สรา้ งทศั นคตกิ ารประหยดั ไฟฟา้ แกป่ ระชาชน โดยให้ความรู้และสร้างความเข้าใจท่ีถูกต้องเกี่ยวกับการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ถูกวิธีและ มปี ระสทิ ธภิ าพ ฉลากเสอ้ื เบอร์ 5 แนวคิดพัฒนาเส้ือผ้าที่สวมใส่สบายและไม่จ�ำเป็นต้องรีดหลังจากการซัก เน่ืองจากมี ความเรียบอยู่ในระดับที่ผู้บริโภคพึงพอใจท่ีจะส่วมใส่แบบไม่ต้องรีดโดยมีหลักเกณฑ์ ส�ำคัญ คือ ผู้ประกอบการจะต้องไดร้ ับการรับรองฉลาก CoolMode โดย อบก. และ ผา่ นการทดสอบความเรยี บตามมาตรฐาน ตวั อยา่ งของเสอ้ื ผา้ ทส่ี ามารถพฒั นาสามารถ รับรองฉลากเสื้อเบอร์ 5 ได้ เช่น เสื้อยืดโปโลเสื้อคอกลมเส้ือเช้ิตสูทเดรสกางเกง กระโปรง ซงึ่ เปน็ เสอื้ ผา้ ชนดิ ถกั และทอ สำ� หรบั เสอื้ ผา้ ทตี่ ดิ ฉลากเสอ้ื เบอร์ 5 มคี ณุ สมบตั ิ อยู่ 4 ประการ คอื (1) สีท่ใี ชย้ อ้ มผา้ ปลอดภัยจากสารกอ่ มะเร็งและโลหะหนกั (2) เนื้อผ้านุ่มใส่สบายแต่คุณภาพดที นทานไมห่ ดไมย่ ้วย (3) ถา่ ยเทความร้อนได้ดีใส่แลว้ รสู้ กึ เยน็ สบาย (4) คงความเรียบตามเกณฑ์ของเส้ือเบอร์ 5 คือ สามารถซักทั้งการใช้มือและ เคร่อื งซกั ผ้าได้ โดยเม่ือแหง้ แล้วสามารถนำ� มาใส่ไดโ้ ดยไม่ตอ้ งรดี หมายเหตุ คณุ สมบัติ (1) – (3) เป็นคณุ สมบตั ิของผลิตภัณฑ์ CoolMode (การไฟฟา้ ฝ่ายผลติ แหง่ ประเทศไทย, 2561)

39 โครงการเส้ือผา้ เบอร์ 5 เปิดตัวไปเมอื่ วนั ท่ี 31 มกราคม 2561 ที่ผา่ นมา เพ่ือเป็นทาง เลือกหน่ึงที่สามารถช่วยให้เกิดการประหยัดพลังงานได้และมีเป้าหมายรณรงค์ให้คน ไทยหนั มาใช้เส้ือ“ฉลากเส้ือเบอร์ 5 จ�ำนวน 1,700,000 ตวั โดยมคี วามคาดหวังว่าจะ สามารถชว่ ยประหยดั ไฟไดม้ ากกวา่ 7 ลา้ นหนว่ ยตอ่ ปี หรอื ประหยดั เงนิ จากการใชไ้ ฟฟา้ ทลี่ ดลงได้ถงึ 28 ล้านบาท และลดก๊าซคารบ์ อนไดออกไซด์ถงึ 3,600 ตันต่อปีอีกด้วย ุธร ิกจ ุยคใหม่ ใส่ใจลดโลกร้อน : ผ ิลตยั่ง ืยน ธุร ิกจยั่ง ืยน

40 อาคารเขยี ว (Green building) อาคารเขียว (Green building) เกดิ จากการ รวมตวั ของกลมุ่ อาสาสมคั ร ระหวา่ งสถาปนกิ และวิศวกรจากสมาคมวิชาชีพ มีเป้าหมาย หลักคือ การพัฒนาองค์ความรู้และจัดท�ำ มาตรฐานรวมทั้งหลักเกณฑ์อาคารเขียวของไทยขึ้นมาใช้เอง เพื่อน�ำมาใช้แทนเกณฑ์ อาคารเขยี วทกี่ ำ� หนดมาจากตา่ งประเทศ ลดความเสยี เปรยี บดา้ นการคา้ และเศรษฐกจิ ของประเทศ ลกั ษณะของอาคารเขียว คอื อาคารท่ที �ำใหเ้ กิดผลกระทบตอ่ สิง่ แวดล้อมนอ้ ยที่สดุ ทัง้ ในชว่ งการกอ่ สรา้ งและระหวา่ งการใชง้ านอาคาร โดยการประหยดั พลงั งาน ประหยดั นำ้� ใชท้ รพั ยากรทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั อาคารอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ และใหค้ วามสำ� คญั กบั สขุ ภาพ และความสบายของผูท้ อี่ ยใู่ นอาคาร ท้ังนี้ตอ้ งพิจารณาตลอดวงจรชีวิตอาคาร รวมถงึ การสร้างจิตส�ำนึกให้กับประชาชนและสังคมไทยเรื่องการออกแบบ ก่อสร้าง และ พฒั นาอาคารเขยี วแบบยงั่ ยนื สง่ เสรมิ ให้เกิดความรู้ความเข้าใจเร่ืองอาคาร เขยี วทถี่ กู ตอ้ งใหก้ บั สถาปนกิ วศิ วกร หน่วยงานรัฐบาล และประชาชน ทว่ั ไป ซงึ่ เกณฑใ์ นการประเมนิ อาคาร เขียวส�ำหรับประเทศไทย ใช้เกณฑ์ที่ เรยี กวา่ TREES (Thai’s Rating of Energy and Environmental Sustainability)

41 ุธร ิกจ ุยคใหม่ ใส่ใจลดโลกร้อน : ผ ิลตยั่ง ืยน ธุร ิกจยั่ง ืยน อตุ สาหกรรมสเี ขียว (Green Industry) เป็นอุตสาหกรรมที่ยึดม่ันในการปรับปรุงกระบวนการผลิตและการบริหารจัดการสิ่ง แวดล้อมอย่างต่อเนื่อง เพื่อการประกอบกิจการที่เปน็ มติ รกบั สงิ่ แวดลอ้ ม พรอ้ มกบั ยดึ มน่ั ในการประกอบกิจการด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมท้ังภายในและภายนอก องค์กรตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพ่ือการพัฒนาอย่าง ย่ังยืน โดยกระทรวงอุตสาหกรรม ด�ำเนินการท�ำข้อตกลงร่วม (MOU) ระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ในสังกัดกระทรวง อุตสาหกรรม ซึ่งเป็นจุดเร่ิมต้นในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมสู่การสร้างเศรษฐกิจสี เขียว (Green Economy) ท้ังน้ีกระทรวงอุตสาหกรรมได้ผนกึ ก�ำลงั กบั ทกุ หนว่ ยงาน พรอ้ มทง้ั สง่ เสรมิ ใหส้ ถานประกอบการทว่ั ประเทศ และมกี ารพฒั นาอยา่ งตอ่ เนอื่ ง โดย การขบั เคลือ่ นอตุ สาหกรรมสเี ขียว ตั้งอยบู่ นแนวคิดความสมัครใจของสถานประกอบ การท่ีต้องการด�ำเนินธุรกิจให้เป็นมิตรกับชุมชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อมุ่งสู่การพัฒนาที่ ยงั่ ยนื และดำ� เนนิ การอยา่ งเปน็ ระบบใน 5 ระดบั จาก ระดบั ทงี่ า่ ยไปสรู่ ะดบั ทยี่ าก ดงั นี้ (1) ระดบั ที่ 1 ความม่งุ ม่นั สเี ขยี ว (Green Commitment) (2) ระดบั ที่ 2 ปฏิบัติการสีเขียว (Green Activity) (3) ระดบั ที่ 3 ระบบสีเขยี ว (Green System) (4) ระดบั ท่ี 4 วัฒนธรรมสีเขยี ว (Green Culture) (5) ระดับท่ี 5 เครอื ข่ายสีเขียว (Green Network) โครงการสำ� นักงานสีเขียว โครงการส�ำนักงานสีเขียว หรือ Green Office เป็นการด�ำเนินงานโดยกรมส่งเสริม คณุ สภาพสง่ิ แวดลอ้ ม (สส.) มงุ่ เนน้ สง่ เสรมิ การปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมในสำ� นกั งาน เพอ่ื ลดการใชพ้ ลงั งาน ใช้ ทรพั ยากรอยา่ งคมุ้ คา่ และมปี ระสทิ ธภิ าพ ลดปรมิ าณนำ�้ เสยี และ ขยะโดยการลดการใช้ การใช้ซ�้ำการน�ำกลับมาใช้ใหม่ การลดและเลิกใช้สารเคมี อันตราย การจัดซื้อจัดจ้างสินค้าที่เป็นมิตรกับส่ิงแวดล้อม รวมทั้งประเมินผลการ ด�ำเนินงานในภาพรวมผ่านการค�ำนวณการปล่อยก๊าซเรอื นกระจก

42

43 ุธร ิกจ ุยคใหม่ ใส่ใจลดโลกร้อน : ผ ิลตยั่ง ืยน ธุร ิกจยั่ง ืยน โครงการโรงแรมสเี ขียว โครงการโรงแรมสีเขียว หรือ Green Hotel เปน็ การสง่ เสรมิ ศักยภาพโรงแรมให้มีการ ใชท้ รพั ยากร พลงั งานอยา่ งคมุ้ คา่ และมปี ระสทิ ธภิ าพ มกี ารจดั การสงิ่ แวดลอ้ มทดี่ ี และ ยกระดบั มาตรฐานการบรกิ ารใหเ้ ปน็ มติ รกบั สง่ิ แวดลอ้ มมากขน้ึ ทผ่ี า่ นมาตง้ั แตป่ ี พ.ศ 2557 – 2559 มีสถานประกอบการโรงแรมผ่านเกณฑ์การบริการที่เป็นมิตรกับสิ่ง แวดลอ้ ม หรอื โรงแรมสเี ขยี วแลว้ จำ� นวน 97 แหง่ และประเมนิ การลดกา๊ ซเรอื นกระจก เฉลี่ยร้อยละ 6 ต่อหอ้ งต่อคนื ของจำ� นวนห้องพักของโรงแรม ยังมีเคร่อื งมืออ่นื ๆ ทีภ่ าคธุรกิจสามารถน�ำมาใช้เพอ่ื ม่งุ ส่ธู ุรกิจคารบ์ อนตำ่� อาทิ การประเมนิ วฏั จกั รชวี ติ ผลติ ภณั ฑ์ (Life Cycle Assessment: LCA) การประเมนิ เทคโนโลยีสะอาด (Cleaner Technology: CT) หลักการ 3Rs การออกแบบ สงิ่ แวดลอ้ ม (Eco-Design) การจดั การหว่ งโซอ่ ปุ ทาน (Supply chain management) ผลประโยชน์ของภาคธรุ กิจไทยจากการด�ำเนินธรุ กิจคารบ์ อนต�่ำ ผลประโยชน์หลักของธุรกิจท่ีด�ำเนินการปรับปรุงกระบวนการผลิตและการให้บริการ เพ่ือสรา้ งภมู ิคมุ้ กันต่อการเปล่ยี นแปลงสภาพภูมอิ ากาศ มีดังนี้ • ประหยัดต้นทุนในระยะยาว ธุรกิจที่เข้าใจผลกระทบในการด�ำเนินงานท่ีเกิด จากความเสย่ี งดา้ นการเปลยี่ นแปลงสภาพภมู อิ ากาศ จะตดั สนิ ใจลงทนุ ไดด้ ขี น้ึ และสามารถลดต้นทุนระยะยาวได้ ได้แก่ การเปล่ียนแปลงสินทรัพย์และ อปุ กรณต์ า่ งๆ เพอ่ื เพม่ิ ผลติ ภาพในการดำ� เนนิ งาน และลดการใชว้ ตั ถดุ บิ ลง รวม ถงึ การปรบั ปรงุ กระบวนการดำ� เนนิ งาน และการบำ� รงุ รกั ษาใหม้ ตี น้ ทนุ ทตี่ ำ�่ เพอ่ื เพ่มิ ประสิทธิภาพอปุ กรณ์การทำ� งาน • ความไดเ้ ปรยี บเชิงเปรียบเทียบ กลุม่ ธุรกจิ ชั้นน�ำจะสามารถสรา้ งไดเ้ ปรียบเชิง เปรียบเทียบได้จาก (1) การบริหารจัดการความเสี่ยงด้านการเปล่ียนแปลง

44 สภาพภูมิอากาศ และ (2) การพัฒนาขีดความสามารถภายในองค์กร อาทิ การเก็บข้อมูล การพัฒนาทักษะ และการประเมินทางเลือกที่เก่ียวข้องกับ การสนองตอบต่อความเสย่ี งด้านการเปลีย่ นแปลงสภาพภูมอิ ากาศ • เสรมิ สรา้ งภาพลกั ษณใ์ นการดำ� เนนิ ธรุ กจิ กลมุ่ ธรุ กจิ ขา้ มชาตขิ นาดใหญร่ ะบวุ า่ ความสนใจของผถู้ อื หนุ้ สงู ขน้ึ จากการพฒั นาการดำ� เนนิ งานทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั การ ฟื้นฟูปัญหาด้านการเปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศ แสดงถึงให้เห็นถึงความ สำ� คญั ระหวา่ งการบรหิ ารจดั การทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั สภาพภมู อิ ากาศของธรุ กจิ และ ช่ือเสียงของบริษัท เป็นไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ธนาคารและสถาบัน การเงินบางแห่ง ให้ความส�ำคัญกับผลกระทบของการเปล่ียนแปลงสภาพภูมิ อากาศสูงข้ึน เน่ืองจากผลกระทบดังกล่าวเป็นปัจจัยส�ำคัญท่ีส่งผลต่อผล ประกอบการของพอรต์ โฟลโิ อการลงทุนในปัจจบุ ัน