ความรู้เกยี่ วกบั แนวคดิ และทฤษฎกี ารพฒั นาชุมชนและความรู้และกระบวนการเกย่ี วกบั การปฏบิ ัติงาน 1.การพฒั นาชุมชนต้งั อยบู่ นพ้นื ฐาน ปรัชญาแนวคดิ และหลกั การท่ีปรารถนา ใหม้ ีการเปลี่ยนแปลงทางคา้ น ใด? ก. คน้ เศรษฐกิจ ข. คา้ นสงั คม ค. คา้ นการเมือง ง. ขอ้ ก. และ ข. จ. ขอ้ ก. ขอ้ ข. และ ค. คอบ จ. ดา้ นเศรษฐกิจ ดา้ นสังคม คา้ นการเมือง 2.ในการเริ่มงานพฒั นาชุมชนตอ้ งพจิ ารณาถึงบริบทของชุมชน (Content) เป็นหลกั บริบทของชุมชน หมายถึง? ก. สภาพความเป็นอยทู่ างกายภาพ ข. สภาพความเป็นอยทู่ างชีวภาพ ค. สภาพความเป็นอยทู่ างเศรษฐกิจ ง. สภาพสงั คมวฒั นธรรม - การเมืองการปกครอง จ. ถกู ทุกขอ้ ตอบ จ. ถูกทุกขอ้ 3. หลกั การพฒั นาชุมชนต่อไปน้ี หลกั การขอ้ ใดควรใชก้ ่อนหลกั การขอ้ อ่ืนๆ? ก. การดึงประชาชนเขา้ มาเก่ียวขอ้ งหรือมีส่วนร่วม (Participation) ข. การทางานตอ้ งค่อยเป็นค่อยไปGradualnesotro ค. การใหค้ วามสาคญั กบั คนในชุมชนเป็นหลกั (Man - Center Development ง. การใชว้ ธิ ีดาเนินงานแบบประชาธิปไตย (Democracy) จ. สอดคลอ้ งกบั วฒั นธรรมชุมชน (Culture) ตอบ ก. การดึงประชาชนเขา้ มาเกี่ยวขอ้ งหรือมีส่วนร่วม (IParticipation) 4.หลกั การพฒั นาชุมชนใชว้ ธิ ีดาเนินแบบประชาธิปไตย (Democracy) ยดึ ถือหลกั การใด? ก. ยดึ ถือเสียงขา้ งมาก ข. รับฟังเสียงขา้ งนอ้ ย ค. ใชก้ ารประนีประนอม ง. ขอ้ ก. และ ข.
จ. ขอ้ ก. ขอ้ ข. และ ค. ตอบ ง. ขอ้ ก. และ ข. 5. ขอ้ ใดไม่ใช่ หลกั การพฒั นาชุมชน? ก. สอดคลอ้ งกบั วฒั นธรรมชุมชน ข. ทางานกบั ผนู้ าทอ้ งถิ่น ค. รีบเร่งเพอื่ ใหบ้ รรลุจุดมุ่งหมาย ง. พยายามใชท้ รัพยากรในชุมชนใหม้ ากที่สุด ตอบ ค. รีบเร่งเพอ่ื ใหบ้ รรลุจุดมุ่งหมาย 6.ขอ้ ใดกล่าว ไม่ถูกตอ้ ง? ก. การเขา้ ใจวฒั นธรรมชุมชน ไดม้ ากเท่าใด กจ็ ะเขา้ ใจงานพฒั นาชุมชนไดม้ ากเท่าน้นั ข. การประเมินผลน้นั สามารถทาไดท้ ุกข้นั ตอนของการดาเนินงานและเม่ือโครงการเสร็จสิ้นไปแลว้ ค. ไม่มีกลุ่มกไ็ ม่มีการพฒั นาชุมชน ง. การพฒั นาชุมชนเป็นกระบวนการท่ีพยายามท่ีจะเปลี่ยนแปล แนวความทศั นคติ และพฤติกรรม ของประชาชนในชุมชนใหด้ ีข้ึนกวา่ เดิม จ. ไม่มีคาตอบ ตอบ จ. ไม่มีคาตอบ 7.หลกั การพฒั นาชุมชน ขอ้ ใด ไม่ถกู ตอ้ ง? ก. การทางานตอ้ งต่อยเป็นค่อยไป ข. ทางานกบั ผนู้ าทอ้ งถ่ิน ค. การดาเนินงานตอ้ งยดื หยนุ่ ได้ ง. พยายามใชท้ รัพยากรในชุมชนใหค้ ุม้ ค่าที่สุด จ. ไม่มีคาตอบ ตอบ ง. ไม่มีคาตอบ 8.หลกั การพฒั นาชุมชนของกรมการพฒั นาชุมชนมีก่ีประการ? ก. 8 ประการ ข. 59 ประการ ค. 10 ประการ ง. 11 ประการ
จ. 12 ประการ ตอบ ก. 10) ประการ 9.ขอ้ ใดเป็นผนู้ าที่เป็นทางการ? ก. พระสงฆ์ ข. ครู ง. เถา้ แก่โรงสี ค. คนเฒ่าคนแก่ จ. ไม่มีขอ้ ถูก ตอบ ข. ครู 10. ทรัพยากร ในชุมชนหมายถึง ก. คน ข. วตั ถุ ค. สถาบนั ทางสงั คม ง. กลุ่มต่างๆ จ. ถูกทุกขอ้ ตอบ จ. ถูกทุกขอ้ 12. หลกั การดาเนินงานพฒั นา (หลกั 4 ประการ) ของกรมการพฒั นาชุมชน ไดแ้ ก่ ก.ประชาชน ประสานงาน ประหยดั ประเมิน ข.ประชาชน ประสานงาน ประโยชน์ ประหยดั ค.ประชาชน ประสานงาน ประหยดั ประโยชน์ ง. ประชาชน ประชาธิปไตย ประสานงาน ประหยดั จ.ประชาชน ประชาธิปไตย ประสานงาน ประเมิน ตอบ ง.ประชาชน ประชาธิปไตย ประสานงาน ประหยดั 13.ขอ้ ใด มิใช่ กระทรวงหลกั ในการปฏิบตั ิงานพฒั นาชนบท? ก. กระทรวงสาธารณสุข ข. กระทรวงศึกษาธิการ ค. กระทรวงวฒั นธรรม ง. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
จ.กระทรวงอุตสาหกรรม คอบ ค. กระทรวงวฒั นธรรม 23 “การพฒั นาชนบท” ประกอบดว้ ยกระทรวงหลกั ที่กระทรวง” ก. 4 กระทรวง ข. 5 กระทรวง ค. 6 กระทรวง ง. 7 กระทรวง จ. 8 กระทรวง คอบ ข.5 กระทรวง 14. ในการพฒั นาชุมชน หลกั การนาความคิดมวลชนในทิศทางท่ีถูกตอ้ งคือ? ก. ถกู ตอ้ งตามนโยบายแห่งรัฐ ข. ถกู ตอ้ งตามทฤษฎีและวชิ าการ ก. ถูกตอ้ งตามสาเหตุ ง. ถกู ตอ้ งตามขีดความสามารถ จ. ถูกทุกขอ้ ตอบ ง. ถูกทุกขอ้ 15.ขอ้ ใด มิใช่ แผนงานพฒั นาชุมชนระดบั ตาบล ? ก. แผนงานพฒั นาเดก็ ข. แผนงานพฒั นาเยาวชน ค. แผนงานพฒั นาสตรี ง. แผนงานพฒั นาบุรุษ จ. แผนงานพฒั นาจิตใจ ตอบ ง. แผนงานพฒั นาบรุ ุษ 16. วธิ ีการพฒั นาชุมชนมีวธิ ีการใหญ่ๆ อยู่ 2 วธิ ี คือ? ก. วธิ ีการใหก้ ารศึกษาแก่ชุมชน วธิ ีการจดั ระเบียบชุมชน ข. วธิ ีการเปลี่ยนแปลงในดา้ นความรู้ วธิ ีการเปลี่ยนแปลงทศั นคติ ค. วธิ ีการใหก้ ารศึกษาแก่ชุมชน วธิ ีการเปล่ียนแปลงทศั นคติ ง. วธิ ีการเปลี่ยนแปลงในดา้ นความรู้ วธิ ีการจดั ระเบียบชุมชน
จ. วธิ ีการเพิ่มพนู ทกั ษะ วธิ ีการเปลี่ยนแปลงทศั นคติ ตอบ ก. วธิ ีการใหก้ ารศึกษาแก่ชุมชน วธิ ีการจดั ระเบียบชุมชน 17. การศกึ ษาทาใหม้ นุษยไ์ ดม้ ีการเปล่ียนแปลงพฤติกรรม การเปลี่ยนแปลงเหล่าน้นั ไดแ้ ก่? ก. ความรู้ (Knowledge) ข. ทศั นคติ (Attitude) ค. ทกั ษะ (Skill) ง. ขอ้ ก. และ ข. จ. ขอ้ ก. ขอ้ ข. และ ค. ตอบ ข. ขอ้ ก. ขอ้ ข. และ ก. 18. การเรียนรู้ของคนเราดว้ ยการเห็น ดว้ ยการฟัง และทางอื่นๆ เป็นร้อยละเท่า ก. การเห็น 65 การฟัง 20 ทางอ่ืนๆ 15 ข. การเห็น 70 การฟัง 20 ทางอ่ืนๆ 10 ค. การเห็น 75 การฟัง 15 ทางอื่นๆ 10 ง. การเห็น 80 การฟัง 15 ทางอ่ืนๆ 5 จ. การเห็น 85 การฟัง 10 ทางอ่ืนๆ 5 ตอบ จ. การเห็น 85 การฟัง 10 ทางอื่นๆ 5 19. ทฤษฎีแห่งการแพร่กระจายเป็นของใคร? ก. A.T Mosher ข. Everett M. Rogers ค. Garcia ง. Misra จ. Freire ตอบ ข. Everett M. Rogers 20. ทฤษฎีแห่งการแพร่กระจายก่อนที่คนเราจะรับเอาความคิดใหม่ไปสู่การปฏิบตั ิจะมี ข้นั ตอนแห่งปฏิกิริยาทางจิต 5 ข้นั ตอน ข้นั ตอนใดเป็นข้นั ตอนแรก? ก. มีความสนใจ ข. มีความตระหนกั
ค. การทดลอง ง. การยอมรับปฏิบตั ิ จ. มีการประเมินผล ตอบ ข. มีความตระหนกั 21. จากขอ้ 20. ข้นั ตอนแห่งปฏิกิริยาทางจิต ข้นั ตอนสุดทา้ ยคือ? ก. มีความตระหนกั ข. มีการประเมินผล ค. การยอมรับปฏิบตั ิ ง. การทดลอง จ. การนาไปใช้ ตอบ ค. การยอมรับปฏิบตั ิ 22. วธิ ีการสอนซ่ึงนกั พฒั นาเลือกใชโ้ ดยมุ่งใหไ้ ดผ้ ลถึงคนจานวนมากคือ? ก. การประชุม ข. การจดั นิทรรศการ ค. การไปเยย่ี มไร่นา ง. การสอนผา่ นสื่อสารมวลชน จ. การทศั นศกึ ษา ตอบ ง. การสอนผา่ นสื่อสารมวลชน 23. การใหก้ ารศึกษาเป็นรายบุคคลซ่ึงนกั พฒั นาเลือกใช้ คือ? ก. การไปเยย่ี มไร่นา บ. การสาธิต ค. การอภิปราย ง. การทศั นศึกษา จ. การสอนผา่ นสื่อสารมวลชน ตอบ ก. การไปเยยี่ มไร่นา 24. วธิ ีใหก้ ารศกึ ษาในงานพฒั นาชุมชนที่สามารถเขา้ ถึงชาวบา้ นดีกวา่ วธิ ีอื่นคือ? ก. การไปเยยี่ มบา้ นและไร่นา (Visiting) ข. การอภิปราย (Discussion)
ค. การสาธิต (Demonstration) ง. การจดั นิทรรศการ (Exhibition) จ. ถูกทุกขอ้ ตอบ ก. การไปเยย่ี มไร่นา (Visiting) 25. การไปเยย่ี มไร่นา (Visiting) ไม่ควร ปฏิบตั ิเช่นไร? ก. มีของฝากที่เป็นประโยชนแ์ ก่ชาวบา้ น ข. หากจะมาเยยี่ มเยยี นอีกควรแจง้ ใหท้ ราบล่วงหนา้ ค. อยนู่ านเท่าใดกไ็ ดเ้ พ่อื ใหไ้ ดข้ อ้ มลู มากที่สุด ง. พยายามใชภ้ าษาง่ายๆ หลีกเล่ียงการใชศ้ พั ทเ์ ทคนิค จ. ปล่อยใหช้ าวบา้ นพดู มากที่สุดและอยา่ พยายามขดั จงั หวะ ตอบ ค. อยนู่ านเท่าใดกไ็ ดเ้ พื่อใหไ้ ดข้ อ้ มูลมากที่สุด 26. สถานท่ีใด ไม่สมควร ใชเ้ ป็นสถานท่ีอภิปราย+ (Discussion) ? ก. โรงเรียน ข. ศาลาวดั ค. ศาลประชาคม ง. ท่ีทาการศนู ยต์ ่างๆ จ. ไม่มีคาตอบ ตอบ จ. ไม่มีคาตอบ 27. วธิ ีใหก้ ารศึกษาในงานพฒั นาชุมชนวธิ ีใดช่วยใหต้ น้ พบผนู้ าทอ้ งถิ่น ก. การไปเยยี่ มบา้ นและไร่นา (Visiting) ข. การอภิปราย (Discussion) ค. การสาธิต (Demonstration) ง. การจดั นิทรรศการ (Exhibition) จ. ขอ้ ก. และ ข. ตอบ ข. การอภิปราย (Discussion) 28. ขอ้ ใด ไมค่ วร ปฏิบตั ิในการจดั อภิปราย (Discussion) ? ก. กลุ่มอภิปรายยง่ิ ใหญ่ยง่ิ ดี ข. ใหท้ ุกคนไดพ้ ดู และแสดงออก
ค. ไม่ควรตาหนิเมื่อสมาชิกแสดงความคิดเห็น ง. ใหป้ ระชาชนในทอ้ งถิ่นทาการอภิปรายเอง จ. ไม่ควรอภิปรายหลายๆ หวั ขอ้ เร่ืองพร้อมกนั ตอบ ก. กลุ่มอภิปรายยงิ่ ใหญ่ยงิ่ ดี 29. “การแสดงดว้ ยตวั อยา่ งของส่ิงต่างๆ ในดา้ นวตั ถุเพื่อใหผ้ ไู้ ม่รู้หนงั สือสามารถรับรู้ และเขา้ ใจได”้ เป็นการกล่าวถึงวธิ ีใหก้ ารศึกษาในงานพฒั นาชุมชน วธิ ีการใด” ก. การไปเยย่ี มบา้ นและไร่นา (Visiting) ข. การอภิปราย (Discussion) ค. การสาธิต (Demonstration) ง. การจดั นิทรรศการ (Exhibition) จ. การศกึ ษาดูงาน ตอบ ง. การจดั นิทรรศการ (Exhibition) 30. หลกั การทวั่ ๆ ไป ในการจดั นิทรรศการ (Exhibition) คือ? ก. มีจุดมุ่งหมายแน่นอน ข. ส่ิงท่ีนามาแสดงตอ้ งมีความดีเด่น ค. เป็นการแสดงทางดา้ นวตั ถุมากกวา่ ตวั หนงั สือ ง. ส่วนประกอบที่นามาแสดงควรมีคาอธิบายชดั เจน จ. ถกู ทุกขอ้ ตอบ จ. ถกู ทุกขอ้ 31. ในการพฒั นาชนบท กลุ่มที่มีบทบาทสาคญั ยง่ิ ในการดาเนินการพฒั นาชนบทคือ? ก. รัฐบาล ข. หน่วยงานท่ีมิใช่รัฐบาล ค. ประชาชน ง. ขอ้ ก. และ ข. จ. ขอ้ ก. ขอ้ ข. และ ค. ตอบ ค. ประชาชน 32. แนวคิดการพฒั นาชุมชนเร่ิมมีการยอมรับกนั ในประเทศต่างๆ ต้งั แต่เม่ือใด? ก. ทศวรรษ 1900
ข. ทศวรรษ 1930 ค. ทศวรรษ 1950 ง. ทศวรรษ 1970 จ. ทศวรรษ 1990 ตอบ ข. ทศวรรษ 1930 33. มีการใชค้ าวา่ “การพฒั นาชุมชน” อยา่ งเป็นทางการคร้ังแรกเม่ือใด? ก. พ.ศ. 2480 ข. พ.ศ. 2489 ค. พ.ศ. 2491 ง. พ.ศ. 2497 จ. พ.ศ. 2498 ตอบ ค. พ.ศ. 2491 34. หลกั การดาเนินงานพฒั นาชุมชนท่ีสาคญั คือ? ก. การช่วยตวั เอง ข. การใหป้ ระชาชนมีส่วนร่วม ค. การทาความเขา้ ใจวฒั นธรรมทอ้ งถิ่น ง. การใชป้ ระชาธิปไตยเป็นแนวทางดาเนินงาน จ. ถกู ทุกขอ้ ตอบ ง. ถกู ทุกขอ้ 35. การพฒั นาชนบทโดยใชค้ วามจาเป็นพ้นื ฐาน (Rural Development as Basic Needs Strategy) ถือวา่ ความ ตอ้ งการของมนุษยด์ า้ นใดเป็นพ้ืนฐานสาคญั ที่สุดของกร พฒั นาชนบทแนวน้ี? ก. ความตอ้ งการทางดา้ นกายภาพ ข. ความมนั่ คงปลอดภยั ค. ความรัก ความเป็นเจา้ ของ ง. ความตอ้ งการความเคารพนบั ถือ จ. ความตระหนกั ในความสามารถของตน ตอบ ก. ความตอ้ งการทางดา้ นกายภาพ 36. “การพฒั นาชนบทที่สามารถดาเนินการเปล่ียนแปลงตามแนวทางท่ีชุมชนน้นั พึง
ปรารถนา และมีการรักษาสมดุลของสิ่งแวดลอ้ มเพื่อการเปลี่ยนแปลงน้นั ไปได้ ยาวนาน” เป็นความหมาย ของการพฒั นาชนบทตามทฤษฎีใด? ก. การพฒั นาชนบทโดยการพฒั นาชุมชน ข. การพฒั นาชนบทแบบผสมผสานหรือบูรณาการ ค. การพฒั นาชนบทโดยใชค้ วามจาเป็นพ้ืนฐาน ง. การพฒั นามบพเนววฒั นธรรมชุมชน จ. การพฒั นาชนบทที่ยง่ั ยนื ตอบ จ. การพฒั นาชนบทท่ียงั่ ยนื 37. การทาไร่นาสวนผสม (Integrated Farming (or Mixed Farming) เป็นกิจกรรมการพฒั นาชนบทตาม ทฤษฎีใด? ก. การพฒั นาชนบทโดยเนน้ การพฒั นาการเกษตร ข. การพฒั นาชนบทแบบผสมผสานหรือบูรณาการ ค. การพฒั นาชนบทโดยใชค้ วามจาเป็นพ้ืนฐาน ง. การพฒั นาชนบทแนววฒั นธรรมชุมชน จ. การพฒั นาชนบทที่ยง่ั ยนื ตอบ จ. การพฒั นาชนบทท่ียงั่ ยนื 38. การพฒั นาแบบยง่ั ยนื ประกอบดว้ ยปัจจยั ในดา้ นใดบา้ ง? ก. เศรษฐกิจยงั่ ยนื สงั คมยงั่ ยนื การเมืองยงั่ ยนื ข. เศรษฐกิจยง่ั ยนื สังคมยงั่ ยนื การเมืองยงั่ ยนื วฒั นธรรมยงั่ ยนื ค. เศรษฐกิจยงั่ ยนื สงั คมยง่ั ยนื การเมืองยง่ั ยนื สิ่งแวดลอ้ มยงั่ ยนื ง. สิ่งแวดลอ้ มยง่ั ยนื เศรษฐกิจยง่ั ยนื วฒั นธรรมยงั่ ยนื สังคมยงั่ ยนื การเมืองยงั่ ยนื จ. ไม่มีขอ้ ถกู ตอบ ง. ส่ิงแวดลอ้ มยงั่ ยนื เศรษฐกิจยง่ั ยนื วฒั นธรรมยงั่ ยนื สงั คมยงั่ ยนื การเมืองยง่ั ยนื 39. องคค์ วามรู้ในการสร้างชุมชนใหพ้ ่ึงตนเองได้ คือ TERMS BAN PAR ตวั อกั ษรใด ใหค้ วามหมาย ไม่ถูกตอ้ ง? ก. T = Technology ข. E = Economic ค. R = Resources
ง. M = Man จ. S = Social ตอบ ง. M = Man 40 แนวคิดทฤษฎีท่ีช่วยทาใหป้ ระชาชนมีส่วนร่วมในการพฒั นาชุมชนมากข้นึ มีอยู่ 5 แนวคิด แนวคิดใดเป็นวธิ ีท่ีง่าย? ก. แนวคิดทฤษฎีการเกล้ียกล่อมมวลชน ข. แนวคิดทฤษฎีการระคมสร้างขวญั ของชนในชาติ ค. แนวคิดทฤษฎีสร้างความรู้สึกชาตินิยม ง. แนวคิดทฤษฎีการสร้างผนู้ า จ. แนวคิดทฤษฎีการใชว้ ธิ ีและระบบบริหาร ตอบ จ. แนวคิดทฤษฎีการใชว้ ธิ ีและระบบบริหาร 41. “การพฒั นาเป็นกระบวนการเปล่ียนแปลงท่ีมนุษยต์ อ้ งการทาใหด้ ีข้ึนตามความคิดของตน กระบวนการ น้นั จะไม่ใช่สภาวการณ์ใดสภาวการณ์หน่ึง กระบวนการจะ อา้ งอิงถึงค่านิยมต่างๆ เป็นพ้ืนฐาน และค่านิยม ต่างๆ น้นั ประชาชนตอ้ งมีส่วนร่วม ในการพฒั นา” เป็นความเห็นของใคร? ก. Misra ข. Garcia ค. Freire ง. Riggs จ. Streeten ตอบ ก. Misra 42. กรมพฒั นาชุมชน กล่าวถึงการพฒั นา (Development) หมายถึง ก. การสร้างสรรค์ ความเจริญกา้ วหนา้ จนเกิดการเปล่ียนแปลงในทางท่ีดีข้ึน ข. รูปแบบหน่ึงของการเปล่ียนแปลงทางสังคม ซ่ึงแนวการเปลี่ยนแปลงทางสังคมน้ี จะช่วยปรับปรุงโครงสร้างองคก์ รทางสังคมดีข้ึน ค. การเปลี่ยนแปลง ที่มีการกาหนดทิศทาง หรือการเปลี่ยนแปลงท่ีไดว้ างแผนไว้ แน่นอนล่วงหนา้ ซ่ึงทิศทางท่ีกาหนดข้ึนจะตอ้ งเป็นของดีสาหรับชุมชน ง. การเจริญเติบโต (Growth) เปล่ียนแปลง (Change) และกา้ วหนา้ (Progress) อยา่ งมีระบบท้งั ในรูปธรรม และนามธรรม ซ่ึงสามารถวดั ผลและประเมินค่า
ของการเปล่ียนแปลงน้นั ได้ จ. การเคล่ือนยา้ ยจากความดอ้ ยพฒั นา ใหห้ ลุดพน้ จากความยากจน ซ่ึงจะแสวงหา และบรรลุถึงไดอ้ ยา่ งแทจ้ ริง โดยวธิ ีการวางแผนเพือ่ การพฒั นา ตอบ ก. การสร้างสรรค์ ความเจริญกา้ วหนา้ จนเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีข้ึน 43. ขอ้ ใด มิใช่ ลกั ษณะโดยทว่ั ไปของสังคมชนบทไทย? ก. เชื่อโชคลาง ไสยศาสตร์ ข. ใชเ้ งินส่วนใหญ่ไปในงานพิธีต่างๆ ค. เป็นคนกระเหมด็ กระแหม่ชอบเกบ็ เงินไวเ้ ฉยๆ ง. มีโลกทศั นเ์ ป็นคนหวั โบราณ จ. กระตือรือร้น ตื่นตวั ตอบ จ. กระตือรือร้น ตื่นตวั 44. ประเทศไทย จดั อยใู่ นขอ้ ใดตามการแบ่งระดบั การพฒั นา? ก. ประเทศดอ้ ยพฒั นา ข. ประเทศกาลงั พฒั นา ค. ประเทศที่พฒั นาแลว้ ง. โลกท่ีหน่ึง (The First World) จ. โลกที่สอง (The Second World) ตอบ ข. ประเทศกาลงั พฒั นา 45. กลยทุ ธ์หลกั ประเดน็ การยกระดบั และเพ่ิมขีดความสามารถการดาเนินงานดา้ น เศรษฐกิจชุมชน ของแผนปฏิบตั ิราชการ 4 ปี (พ.ศ. 2548 - 2551) กรมการพฒั นา ชุมชน คือ? ก. พฒั นาองคค์ วามรู้ภมู ิปัญญาทอ้ งถ่ินโดยใชก้ ระบวนการวสิ าหกิจชุมชนและ OTOP ข. เสริมสร้างขีดความสามารถของชุมชนในการแกไ้ ขปัญหาชุมชน ค. การพฒั นาระบบฐานขอ้ มูลและระบบสารสนเทศที่เอ้ือต่อการบริหารจดั การชุมชน ง. การสร้างฐานขอ้ มูลและพฒั นาระบบสารสนเทศที่เอ้ือต่อการแกไ้ ขปัญหาความยากจน จ. ถกู ทุกขอ้ ตอบ ก.พฒั นาองคค์ วามรู้ภมู ิปัญญาทอ้ งถิ่น โดยใชก้ ระบวนการวสิ าหกิจชุมชนและ OTOP 46. กลยทุ ธห์ ลกั ประเดน็ การสร้างฐานขอ้ มลู และพฒั นาระบบสารสนเทศที่เอ้ือต่อการ บริหารจดั การชุมชนและแกไ้ ขปัญหาความยากจน ของแผนปฏิบตั ิราชการ 4 ปี (พ.ศ. 2548 - 2551) กรมการพฒั นาชุมชน คือ? ก. พฒั นาองคค์ วามรู้ภมู ิปัญญาทอ้ งถ่ินโดยใชก้ ระบวนการวสิ าหกิจชุมชนและ OTOP
ข. เสริมสร้างขีดความสามารถของชุมชนในการแกไ้ ขปัญหาชุมชน ค. การพฒั นาระบบฐานขอ้ มลู และระบบสารสนเทศที่เอ้ือต่อการบริหารจดั การชุมชน ง. การสร้างฐานขอ้ มูลและพฒั นาระบบสารสนเทศที่เอ้ือต่อการแกไ้ ขปัญหาความยากจน จ. ขอ้ ค. และ ง. ตอบ ง. ขอ้ ค. และ ง. 47. ยทุ ธศาสตร์ของกรมการพฒั นาชุมชน พ.ศ. 2551 ยทุ ธศาสตร์ใดใชง้ บประมาณมากท่ีสุด? ก. เสริมสร้างขีดความสามารถของชุมชนในการแกไ้ นปัญหาชุมชน ข. ยกระดบั และเพม่ิ ขีดความสามารถการดาเนินงานดา้ นเศรษฐกิจชุมชน ค. เพิม่ ประสิทธิภาพคุณภาพและขีดความสามารถในการใหบ้ ริการ ง. ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพฒั นาประชาธิปไตยและกระบวนการประชาสงั คม จ. สร้างฐานขอ้ มูลและพฒั นาระบบสารสนเทศท่ีเอ้ือต่อการแกไ้ ขปัญหาความยากจน ตอบ ข. ยกระดบั และเพ่ิมขีดความสามารถการดาเนินงานดา้ นเศรษฐกิจชุมชน 48. “การพฒั นา” หมายถึง? ก. การเปล่ียนแปลงที่กาหนดทิศทาง หรือการเปล่ียนแปลงท่ีไดว้ างแผนไวล้ ่วงหนา้ ข. การประดิษฐค์ ิดคน้ หรือริเริ่มทาสิ่งใหม่ๆ ข้ึนมาและนามาใชเ้ ป็นคร้ังแรก ค. การเปล่ียนแปลงไปในทางท่ีดีข้ึนของระบบต่างๆ ในสงั คมที่ไดร้ ับการยอมรับ จากคนในสังคมน้นั ง. ขอ้ ก. และ ค. จ. ขอ้ ก. ขอ้ ข. และ ค. ตอบ ง. ขอ้ ก. ขอ้ ข. และ ค. 49. การพฒั นาท่ีแทจ้ ริง (เกิดความเจริญอยา่ งบริบูรณ์) คือ? ก. การพฒั นาสังคม ข. การพฒั นาส่ิงแวดลอ้ ม ค. การพฒั นาเศรษฐกิจ ง. การพฒั นาคน จ. การพฒั นาที่ยงั่ ยนื ตอบ จ. การพฒั นาที่ยง่ั ยนื 50. คาวา่ “พฒั นา” เกิดและนามาใชค้ ร้ังแรกในคริสตศ์ ตวรรษที่เท่าไร?
ก. คริสตศ์ ตวรรษท่ี 15 ข. คริสตศ์ ตวรรษที่ 16 ค. คริสตศ์ ตวรรษที่ 17 ง. คริสตศ์ ตวรรษที่ 18 จ. คริสตศ์ ตวรรษที่ 19 ตอบ จ. คริสตศ์ ตวรรษท่ี 19 51. ขอ้ ใด มิใช่ ลกั ษณะของการพฒั นา? ก. มีลกั ษณะเป็นพลวตั ร เกิดข้ึนอยา่ งต่อเน่ืองแต่ไม่มีลาดบั ข้นั ตอน ข. เป็นการเปล่ียนแปลงที่เกิดข้ึนจากมนุษยห์ รืออาจจะเกิดข้ึนเอง ค. มีลกั ษณะเป็นวชิ าการ ง. เป็นการเปล่ียนแปลงทุกดา้ นใหด้ ีข้ึนกวา่ สภาพที่เป็นอยเู่ ตม็ จ. มีลกั ษณะเป็นแผนและโครงการ ตอบ ก. มีลกั ษณะเป็นพลวตั ร เกิดข้ึนอยา่ งต่อเน่ืองแต่ไม่มีลาดบั ข้นั ตอน 52. “การพฒั นาชุมชน” มุ่งเนน้ ไปที่การเปล่ียนแปลงในขอ้ ใด? ก. มนุษย์ ข. ชุมชน ค. สังคม ง. วฒั นธรรม จ. ส่ิงแวดลอ้ ม ตอบ ก. มนุษย์ 53. วธิ ีการและเทคนิคในการเอาคนท่ีจะทางานร่วมกนั เขา้ มาประชุมเชิงปฏิบตั ิการ (Workshop) คือเครื่องมือ อะไร? ก. CIA V. AIC ก. MAP ง. PIRT จ. POSTCORB ตอบ ข. AIC
54. ทุกฝ่ าย (เบญจภาคี) เขา้ มาร่วมกนั ทางานดา้ นการพฒั นา ทุกฝ่ ายในท่ีน้ี คือ? ก. ชุมชน รัฐ องคก์ รเอกชน องคก์ รธุรกิจ นกั เศรษฐศาสตร์ ข. ชุมชน รัฐ องคก์ รเอกชน องคก์ รธุรกิจ นกั บริหาร ก. ชุมชน รัฐ องคก์ รเอกชน องคก์ รธุรกิจ นกั วชิ าการ ง. ชุมชน รัฐ องคก์ รเอกชน องคก์ รธุรกิจ นกั การเมือง จ. ชุมชน รัฐ องคก์ รเอกชน องคก์ รธุรกิจ นกั พฒั นาชุมชน ตอบ ก. ชุมชน รัฐ องคก์ รเอกชน องคก์ รธุรกิจ นกั วชิ าการ 55. “การพฒั นาชุมชน” เป็นกระบวนการรวมกาลงั ระหวา่ งประชาชนในชุมชนกบั เจา้ หนา้ ที่ของรัฐบาลเพอ่ื ปรับปรุงสภาพทางเศรษฐกิจ สงั คมและวฒั นธรรมของ ชุมชนน้นั ๆ ใหเ้ จริญยงิ่ ข้ึน และผสมผสานเขา้ เป็นชีวติ ของชาติ ทาใหป้ ระชาชน สามารถอุทิศตนเองเพอ่ื ความกา้ วหนา้ ของประเทศชาติ ไดอ้ ยา่ งเตม็ ท่ี ใครเป็นผใู้ หค้ วามหมาย? ก. องคก์ ารสหประชาชาติ ข. กรมการพฒั นาชุมชน ค. Authur Dunham ง. Peter Du Soutoy จ. พฒั น์ บุญริตพนั ธุ์ ตอบ ก. องคก์ ารสหประชาชาติ 56. “การพฒั นาชุมชน คือ การพฒั นาความรู้ความสามารถของประชาชน เพ่ือใหเ้ กิด ความเช่ือมน่ั ในการช่วยตนเอง เพอื่ นบา้ น และชุมชน ใหม้ ีมาตรฐานเป็นอยดู่ ีข้ึน โดยการร่วมมือกนั ระหวา่ ง ประชาชนกบั รัฐบาล เป็นวธิ ีการท่ีนาเอาบริการของรัฐผนวกเขา้ กบั ความตอ้ งการของประชาชนเพ่ือยกระดบั คุณภาพชีวติ ของประชาชนใหด้ ีข้ึน” ใครเป็นผใู้ หค้ วามหมาย? ก. องคก์ ารสหประชาชาติ ข. กรมการพฒั นาชุมชน ค. Authur Dunham ง. Peter Du Soutoy จ. พฒั น์ บุญริตพนั ธุ์ ตอบ ข. กรมการพฒั นาชุมชน 57. ปรัชญาของการพฒั นาชุมชนคือ
ก. มนุษยแ์ ต่ละคนมีความแตกต่างกนั ข. มนุษยไ์ ม่สามารถประสบความสาเร็จของชีวติ ไดเ้ ท่าเทียมกนั ค. มนุษยท์ ุกคนมีสิทธิเสมอภาค มีโอกาสเท่าเทียมกนั ง. ขอ้ ก. และ ข. จ. ขอ้ ก. ขอ้ ข. และ ค. ตอบ ง. ขอ้ ก. ขอ้ ข. และ ค. 58. แนวความคิดของการพฒั นาชุมชน ขอ้ ใด ไม่ถกู ตอ้ ง ก. คนท่ีมีความสาคญั มากที่สุด ข. การพ่ึงตนเองของชุมชน ค. ประชาชนเป็นผรู้ ิเร่ิมในการศกึ ษาวิเคราะห์ปัญหา ง. เนน้ ใหด้ าเนินการ โดยคนและทรัพยากรในชุมชนเป็นสาคญั จ. การสนบั สนุนส่งเสริมของรัฐบาลไม่มีความจาเป็น ตอบ ง. การสนบั สนุนส่งเสริมของรัฐบาล ไม่มีความจาเป็น 59. แนวความคิดของการพฒั นาชุมชน ขอ้ ใด ไม่ถกู ตอ้ ง? ก. การพฒั นาชุมชนเป็นกระบวนการ ข. การพฒั นาชุมชนเป็นวธิ ีการ ค. การพฒั นาชุมชนเป็นโครงการ ง. การพฒั นาชุมชนเป็นกระบวนการทางสงั คม จ. ไม่มีคาตอบ ตอบ จ. ไม่มีคาตอบ 60. นกั พฒั นาชุมชน ทาหนา้ ท่ีอะไร? ก. กระตุน้ เตือน ข. จงู ใจ ค. ประสานงาน ง. ระดมพลงั จ. ถูกทุกขอ้ ตอบ จ. ถูกทุกขอ้ 61. องคป์ ระกอบของการพฒั นาชุมชน?
ก. คน ทุน วสั ดุอุปกรณ์ ยทุ ธศาสศร์ ข. กระบวนการ นกั พฒั นาชุมชน การประสานงาน ค. การสนบั สนุนช่วยเหลือจากรัฐและภาคเอกชน ง. การบริหารจดั การที่ดี ผลของการพฒั นา จ. ถกู ทุกขอ้ ตอบ จ. ถูกทุกขอ้ 62. การพฒั นาชุมชนมีเป้ าหมายสาคญั คือ? ก. การพฒั นาคนใหม้ ีความสุข ข. การพฒั นาชุมชนใหเ้ ขม้ แขง็ ค. การพฒั นาส่ิงแวดลอ้ ม ง. การพฒั นาเศรษฐกิจ จ. ขอ้ ก. และ ข. ตอบ จ. ขอ้ ก. และ ข. 63. ขอ้ ใดถือวา่ มีจิตสานึกชุมชน? ก. สานึกวา่ ตนเองเป็นเจา้ ของชุมชน ข. ยอมรับในความหลากหลายของสมาชิก ค. ยอมรับในศกั ยภาพของกนั และกนั ง. ขอ้ ก. ขอ้ ข. และ ค. จ. ขอ้ ก. และ ข. ตอบ ง. ขอ้ ก. ขอ้ ข. และ ค. 64. งานพฒั นาชุมชนท้งั ในเมืองและชนบทเหมือนกนั ในดา้ นใด? ก. ปรัชญา ข. หลกั การ ค. วธิ ีการ ง. เทคนิคในการทางาน จ. ขอ้ ก. ขอ้ ข. และ ค ตอบ จ. ขอ้ ก. ขอ้ ข. และ ค. 65. มิติน้ีเนน้ “ความสัมพนั ธ์” เป็นความหมายของ “ชุมชน” ในมิติใด?
ก. มิติภูมิศาสตร์ ข. มิติสังคมศาสตร์ ค. มิติจิตวทิ ยา ง. มิติเศรษฐศาสตร์ จ. มิติรัฐศาสตร์ ตอบ ข. มิติสังคมศาสตร์ 66. มิติใดก่อใหเ้ กิด “การเรียนรู้\" และกลายเป็น “พลงั ชุมชน” เพอ่ื “พฒั นาชุมชน” ได้ ก. มิติภมู ิศาสตร์ (Geography) ข. มิติสังคม (Sociology) ค. มิติจิตวทิ ยา (Psychotogy) ง. ขอ้ ก. และ ข. จ. ขอ้ ข. และ ค. ตอบ จ. ขอ้ ข. และ ค. 67. ทศั นคติขอ้ ใด ไม่เอ้ือต่อการมีส่วนร่วมในการพฒั นา? ก. ประชาชนคิดวา่ การพฒั นาเป็นเรื่องของราชการหรือผนู้ าทอ้ งถิ่น ข. ประชาชนไม่มน่ั ใจในตนเองวา่ จะสามารถดาเนินการพฒั นาได้ ค. ประชาชนมือการงราชการและผนู้ า ง. ขา้ ราชการหรือผนู้ าไม่เช่ือในตวั ประชาชน จ. ถูกทุกขอ้ ตอบ จ. ถูกทุกขอ้ 68. ผนู้ า ในขอ้ ใด เอ้ืออานวยต่อการพฒั นา? ก. ผนู้ าชอบส่ังการ” ข. ผนู้ าขาดความรู้ความสามารถ ค. ผนู้ าประชาธิปไตย ง. ผนู้ าเผดจ็ การ จ. ผนู้ าตามสบาย ตอบ ค. ผนู้ าประชาธิปไตย 69. ขอ้ ใด มิใช่ ปรัชญาของการพฒั นาชุมชน?
ก. การรวมกลุ่ม ข. ความยตุ ิธรรม ค. หลกั ประชาธิปไตย ง. คนเป็นสัตวโ์ ลกที่พฒั นาไดด้ ีที่สุด จ. ไม่มีคาตอบ ตอบ จ. ไม่มีคาตอบ 70. ปรัชญาของการพฒั นาชุมชนใหค้ วามสาคญั กบั ขอ้ ใดมากที่สุด? ก. คน ข. การรวมกลุ่ม ค. การศกึ ษา ง. ความยตุ ิธรรม จ. หลกั ประชาธิปไตย ตอบ ก. คน 71. จุดหมายปลายทางสงูสดุของการพฒั นาคือ? ก. พฒั นาคน ข. พฒั นาสังคม ค. พฒั นาการศึกษา ง. พฒั นาประชาธิปไตย จ. ถกู ทุกขอ้ ตอบ ก. พฒั นาคน 72. การรวมกลุ่ม (Grouping) เกิดจากความกลวั เป็นความเห็นของนกั ปรัชญาท่านใด? ก. กองเต (Conte) ข. ฮอบส์ (Hobbes) ค. สเปนเซอร์ (Spencer) ง. ทรอทเตอร์ (Trotter) จ. ลอ็ ค (Locke) และ รุสโซ (Rousseau) ตอบ ข. ฮอบส์ (Hobbes) 73. ถา้ ไม่มีกลุ่มกจ็ ะไม่มีกฎหมาย (no group. no law) เป็นความเชื่อของนกั ปรัชญาท่านใด?
ก. กองเต (Conte) ข. ฮอบส์ (Hobbes) ค. สเปนเซอร์ (Spencer) ง. ทรอทเตอร์ (Trotter) จ. ลอ็ ค (Locke) และ รุสโซ (Rousseau) ตอบ จ. ลอ็ ค (Locke) และ รุสโซ (Rousseau) 74. “มนุษยม์ าร่วมกลุ่มกนั เพราะแรงกระตุน้ ภายในบางส่วนจากธรรมชาติท่ีตอ้ งพ่งึ พา อาศยั คนอ่ืนมาต้งั แต่เกิด” เป็นแนวความคือของใคร ก. กองเต (Conte) ข. ฮอบส์ (Hobbes) ค. สเปนเซอร์ (Spencer) ง. ทรอทเตอร์ (Trotter) จ. ลอ็ ค (Locke) และ รุสโซ (Rousseau) ตอบ ก. กองเต (Conte) 75. ปัจจยั ที่ก่อใหเ้ กิดการเปล่ียนแปลงไดม้ ากท่ีสุดคือ? ก. การรวมกลุ่ม ข. ความยตุ ิธรรม ค. ความศรัทธา ง. การศกึ ษา จ.วฒั นธรรม ตอบ ง. การศึกษา 76. “วฏั จกั รแห่งความชวั่ ร้าย” ไดแ้ ก่? ก. ความไม่รู้ ข. ความยากจน ค. ความเจบ็ ป่ วย ง. ความเฉื่อยชาเฉยเมย จ.ถกู ทุกขอ้ ตอบ จ. ถกู ทุกขอ้
77. การใหก้ ารศึกษาตามหลกั การพฒั นาชุมชนจะตอ้ งสอดคลอ้ งกบั ส่ิงได ก. ความตอ้ งการ ข. ความสนใจ ค. ความสามารถ ง. ขอ้ ก. และ ข. จ. ขอ้ ก. ขอ้ ข. และ ก. ตอบ จ. ขอ้ ก. ขอ้ ข. และ ค. 75. หลกั ประชาธิปไตย เนน้ ในเร่ืองใด? ก. ความยตุ ิธรรม การมีเหตุผล การมีเมตตาธรรม ข. การมีศรัทธาในตวั มนุษยชาติ การเคารพในเกียรติภูมิแห่งมนุษยชน ค. การเลือกต้งั การปกครองโดยเสียงขา้ งมาก ง. สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค จ. ขอ้ ก. และ ข ตอบ จ. ขอ้ ก. และ ข. 79. ขอ้ ใดกล่าวถกู ตอ้ ง? ก. การพฒั นาชุมชน เร่ิมพฒั นาดา้ นวตั ถุก่อนดา้ นจิตใจ ข. คนทุกคนมีสิทธิที่จะเลือกวธิ ีการดาเนินชีวติ ที่ตนเองตอ้ งการได้ ค. รากฐานของประชาชงเคยเริ่มท่ีหมู่บา้ น ง. ขอ้ ข. และ ค. จ. ขอ้ ก. ขอ้ ข. และ ค. ตอบ ง. ขอ้ ข. และ ค. 80. สมยั ใหม่แต่ไม่พฒั นา (Modernization without development) หมายถึง ก. คนรุ่นใหม่แต่ไม่พฒั นาชุมชน ข. คนรุ่นใหม่แต่ไม่สนใจความเจริญกา้ วหนา้ ของบา้ นเมือง ค. สมยั ใหม่ (ปัจจุบนั ) แต่ทาตวั คร่าครึ (คนหวั โบราณ) ง. พฒั นาดา้ นวตั ถุอยา่ งมากแต่ดา้ นจิตใจไม่พฒั นาใหท้ ดั เทียมกนั จ. ไม่พฒั นาท้งั ดา้ นวตั ถุและดา้ นจิตใจ ตอบ ง. พฒั นาดา้ นวตั ถุอยา่ งมากแต่ดา้ นจิตใจไม่พฒั นาใหท้ ดั เทียมกนั
81. ผทู้ ่ีทางานดา้ นพฒั นาตอ้ งมีความเชื่อข้นั พ้นื ฐาน คือ? ก. คนมีศกั ด์ิศรี คนมีความสามารถ ความสามารถของคนพฒั นาได้ ข. คนมีศกั ด์ิศรี คนมีความสามารถ คนมีความเป็นอจั ฉริยะ ค. คนมีจิตวญิ ญาณ คนมีความสามารถ คนมีความเป็นอจั ฉริยะ ง. คนมีจิตวญิ ญาณ คนมีศกั ด์ิศรี ความสามารถของคนพฒั นาได้ จ. คนมีศกั ด์ิศรี คนมีจิตวญิ ญาณ คนมีความสามารถ ตอบ ก. คนมีศกั ด์ิศรี คนมีความสามารถ ความสามารถของคนพฒั นาได้ 82. “สังคมสมยั ใหม่ทาใหเ้ กิดการสูญเสียความรู้สึกผกู พนั ของชุมชน (Sense of Community) เป็นแนวคิดของใคร? ก. Baker Brownell ข. Robert Nisbet ค. Hirsch ง. Schuler จ. Lois Dean ตอบ ข. Robert Nisbet 83. การที่คนในสังคม ซ่ึงมีจิตสานึกร่วมกนั มารวมตวั กนั ในลกั ษณะท่ีเป็นหุน้ ส่วน กนั ในการกระทา บางอยา่ ง ท้งั น้ีดว้ ยความรักและเอ้ืออาทรต่อกนั ภายใตร้ ะบบการ จดั การใหเ้ กิดความรู้สึกร่วมกนั เพอื่ ประโยชนส์ าธารณะ” เป็นความหมายของคาใด ก. ชุมชน ข.การพฒั นา ค. การพฒั นาชุมชน ง. ประชาสงั คม จ. ประชานิยม ตอบ ง. ประชาคม 84. “ประชาสังคม\" มีลกั ษณะอยา่ งไร ? ก. เป็นสงั คมแห่งการเรียนรู้ ข. มีความรัก ความเอ้ืออาทรต่อกนั ค. มีวสิ ัยทศั นร์ ่วมกนั
ง. มีส่วนร่วมของสมาชิกอยา่ งกวา้ งขวาง จ. ถกู ทุกขอ้ ตอบ จ. ถูกทุกขอ้ 85. ขอ้ ใด มิใช่ ลกั ษณะ ของประชาสงั คม” ก. มีความหลากหลายในรูปแบบของกิจกรรม ข. เป็นสงั คมแห่งการเรียนรู้ ค. เป็นชุมชนขนาดใหญ่หรือเลก็ กไ็ ด้ ง. ขอ้ ก. และ ค. จ. ไม่มีคาตอบ ตอบ จ. ไม่มีคาตอบ 86. “ชุมชนท่ีไม่จาเป็นตอ้ งมีพ้ืนที่ทางกายภาพและไม่จาเป็นวา่ สมาชิกตอ้ งพบปะหนา้ ตากนั โดยตรง\" จดั เป็น แนวคิดเก่ียวกบั ชุมชนประเภทใด? ก. แนวคิดทางสังคมวทิ ยา ข. แนวคิดทางมนุษยนิยม ค. แนวคิดเกี่ยวกบั ชุมชนประชาคม ง. แนวคิดเกี่ยวกบั ชุมชนในรูปแบบใหม่ จ. แนวคิดเกี่ยวกบั ชุมชนในอนาคต ตอบ ง. แนวคิดเก่ียวกบั ชุมชนในรูปแบบใหม่ 87 “ชุมชนท่ีอาศยั เทคโนโลยกี ารสื่อสารและเทคโนโลยสี ารสนเทศเป็นเคร่ืองสาน ความสมั พนั ธแ์ ละจิตสานึกร่วมของสมาชิก\" จดั เป็นแนวคิดเก่ียวกบั ชุมชนประเภทใด? ก. แนวคิดทางสงั คมวทิ ยา ข. แนวคิดทางมนุษยนิยม ค. แนวคิดเก่ียวกบั ชุมชนประชาคม ง. แนวคิดเก่ียวกบั ชุมชนในรูปแบบใหม่ จ. แนวคิดเก่ียวกบั ชุมชนในอนาคต ตอบ ง. แนวคิดเก่ียวกบั ชุมชนในรูปแบบใหม่
88 “ชุมชน หมายถึง องคก์ รทางสังคมอยา่ งหน่ึงท่ีมีอาณาเขตครอบคลุมทอ้ งถิ่น หน่ึงและปวงสมาชิกสามารถ บรรลุถึงความตอ้ งการพ้นื ฐานส่วนใหญ่ไดแ้ ละสามารถแกไ้ ขปัญหาส่วนใหญ่ในชุมชนของตนเองได”้ เป็น คากล่าวของใคร? ก. กาญจนา แกว้ เทพ ข. สัญญา สญั ญาววิ ฒั น์ ค. ประเวศ วะสี ง. จิตติ มงคลชยั อรัญญา จ. ชยนั ต์ วรรธนะภูติ ตอบ ข. สัญญา สญั ญาววิ ฒั น์ 89. “ความเป็นชุมชน หมายถึง การที่คนจานวนหน่ึงเท่าใดกไ็ ด้ มีวตั ถุประสงคร์ ่วมกนั มีการติดต่อส่ือสารหรือรวมกลุ่มกนั มีความเอ้ืออาทรต่อกนั มีการเรียนรู้ร่วมกนั ในการกระทา มีการจดั การ เพ่อื ใหเ้ กิดความสาเร็จตามวตั ถุประสงคร์ ่วมกนั ” เป็นคากล่าวของใคร? ก. กาญจนา แกว้ เทพ ข. สญั ญา สญั ญาววิ ฒั น์ ค. ประเวศ วะสี ง. จิตติ มงคลชยั อรัญญา จ. ชยนั ต์ วรรธนะภตู ิ ตอบ ค. ประเวศ วะสี 90. “การพฒั นาชุมชน คือ กระบวนการท่ีมุ่งส่งเสริมความเป็นอยขู่ องประชาชนใหด้ ีข้ึน ท้งั น้ี โดยประชาชน เขา้ ร่วมมือและริเริ่มดาเนินงานเอง” เป็นความหมายของใคร ก. กาญจนา แกว้ เทพ ข. จิตติ มงคลชยั อรัญญา ค. ประเวศ วะสี ง. ชยนั ต์ วรรธนะภูติ จ. สุวทิ ย์ ยงิ่ วรพนั ธ์ ตอบ จ. สุวทิ ย์ ยง่ิ วรพนั ธ์ 91. การพฒั นาชุมชน ตอ้ งพฒั นาทางดา้ นวตั ถุ และดา้ นจิตใจ การพฒั นาดา้ นวตั ถุไดแ้ ก่? ก. ส่งเสริมดา้ นการผลิต
ข. การคมนาคม ค. การศึกษา ง. ขอ้ ก. และ ข. จ. ขอ้ ก. ขอ้ ข. และ ค. ตอบ ง. ขอ้ ก. และ ข. 92. ขอ้ ใดมิใช่ การพฒั นาทางดา้ นจิตใจ? ก. การอบรม ข. การศกึ ษาทางไกล ค. การศกึ ษานอกระบบ ง. เขา้ วดั ฟังธรรม จ. ไม่มีคาตอบ ตอบ จ. ไม่มีคาตอบ 93. ตวั ช้ีวดั หญิงต้งั ครรภไ์ ดก้ ินอาหารอยา่ งเพยี งพอ ทาใหเ้ ดก็ แรกเกิดมีน้าหนกั ตวั เท่าไร? ก. 2.500 กรัมข้ึนไป ข. 2.800 กรัมข้ึนไป ค. 3.000 กรัมข้ึนไป ง. 3.200 กรัมข้ึนไป จ. 3.500 กรัมข้ึนไป ตอบ ค. 3.000 กรัมข้ึนไป 94. ตวั ช้ีวดั เดก็ อายตุ ่ากวา่ 1 ปี ไดร้ ับการฉีดวคั ซีนป้ องกนั โรคใดบา้ ง? ก. วณั โรค ไอกรน ข. บาดทะยกั โปลิโอ หดั ค. ตบั อกั เสบบี ง. ขอ้ ก. และ ข. จ. ขอ้ ก. ขอ้ ข. และ ขอ้ ค. ตอบ จ. ขอ้ ก. ขอ้ ข. และ ค. 95. ตวั ช้ีวดั เดก็ วยั ประถมศึกษา ไดร้ ับการศึกษาภาคบงั คบั ช่วงอายเุ ท่าไร? ก. 5 - 12 ปี
ข. 6- 13 ปี ค. 6 - 12 ปี ง. 7- 15 ปี จ. 8- 16 ปี ตอบ ค. 6 - 12 ปี 96. ตวั ช้ีวดั ประชาชนอายเุ ท่า ไร ตอ้ งมีบตั รประจาตวั ประชาชนและอ่านออกเขียนได”้ ก. 14 - 59 ปี ข. 14 – 60 ปี ค. 7 – 59 ปี ง. 15 - 60 ปี จ. 18 - 60 ปี ตอบ ค. 7 - 59 ปี 97. “ผสู้ ูงอาย”ุ ตามดชั นีช้ีวดั ความจาเป็นพ้ืนฐาน คือผทู้ ี่มีอายเุ ท่าไร? ก. 55 ปี ข. 60 ปี ค. 65 ปี ง. 70 ปี จ. 75 ปี ตอบ ข. 60 ปี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127