12. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ท่ี วธิ กี าร เครอื่ งมือ เกณฑ์ 1 ตรวจใบงาน แบบประเมนิ การทำงาน รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2 สังเกตพฤตกิ รรมการมีสว่ นรว่ ม แบบสังเกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ การทำงานรายบุคคล ในกจิ กรรม แบบประเมินคณุ ลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ อันพงึ ประสงค์ 3 สังเกตความมีวินัย ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมนั่ ในการทำงาน
บนั ทึกการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ผลการสอน ปัญหาและอุปสรรค ข้อเสนอแนะ/ แนวทางแก้ไข ลงชื่อ ผสู้ อน (นางสาวสกุ าญจนา แก้วขาว) ตำแหนง่ ครโู รงเรยี นวัดศาลาตกึ สิทธิชัยวิศาล วันที่ เดอื น พ.ศ.
แบบประเมนิ แผนการจัดการเรียนรู้สาระวทิ ยาศาสตร์ ลำดบั เกณฑค์ ณุ ภาพ คณุ ภาพ 321 1 เขียนสาระสำคญั ครอบคลุมองค์ความรู้ แนวปฏิบัตคิ ุมคา่ 2 จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมสอดคล้องกบั KAP 3 สาระเรยี นร้คู รอบคลุมเน้ือหา เนอ้ื หา กระบวนการ คุณลกั ษณะ 4 กจิ กรรมการเรียนรู้เนน้ สมอง RL เกิด Active Learning 5 ออกแบบแตล่ ะกจิ กรรมเหมาะสมกับผเู้ รียน 6 ออกแบบการวัดประเมนิ จากชิ้นงานกลมุ่ /เดีย่ วของผเู้ รยี น 7 มคี วามสัมพันธร์ ะหว่างองคป์ ระกอบข้อท1ี่ -6 8 สอื่ การเรยี นรู้สอดคล้อง จุดประสงค์ ตรงเนอ้ื หา น่าสนใจ เหมาะสมกับวยั สะดวกใช้ รวม เฉล่ีย เกณฑก์ ารประเมนิ คณุ ภาพ 2.5 – 3 ระดับ 3 หมายถงึ ดี 1.5 – 2.49 ระดบั 2 หมายถงึ พอใช้ 0 - 1.49 ระดับ 1 หมายถึง ปรับปรุง กิจกรรมเสนอแนะ (ถ้าม)ี ข้อเสนอแนะของหวั หนา้ สถานศึกษาหรือผทู้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ลงช่ือ ผู้ประเมนิ (นายอดุ มศกั ดิ์ เตยี วตอ๋ ย) ตำแหนง่ ผู้อำนวยการโรงเรยี นวดั ศาลาตกึ สิทธิชัยวิศาล วนั ที่ เดอื น พ.ศ.
าคผนวก
แบบประเมนิ การทำงานเรือ่ ง ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ เลขที่ ช่อื – นามสกุล รายการประเมนิ รวมคะแนน ผลการ ความ ความ ความตรง (10) ประเมิน 1 ถูกตอ้ ง สวยงาม ต่อเวลา 2 (5) (3) (2) 3 4 ลงช่อื ผู้ประเมนิ 5 ( ) 6 วันท่ี เดือน 7 พ.ศ. 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ 9-10 ดมี าก 7-8 ดี 5-6 พอใช้ 1-4 ต้องปรบั ปรุง
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนการทำงาน รายการ เกณฑก์ ารให้คะแนน ประเมนิ 5 4 3 21 ความถูกต้อง ระบุหรืออธิบาย ระบุหรอื อธบิ าย ระบุหรืออธบิ าย ระบุหรืออธบิ าย ระบหุ รืออธิบาย ความสวยงาม คำตอบทกุ ข้อ คำตอบทุกข้อ คำตอบทกุ ขอ้ คำตอบไม่ครบ คำตอบไม่ครบ ครบถว้ นถูกต้อง ครบถว้ นแต่ ครบถว้ นแต่ ทุกข้อ แต่ ทกุ ขอ้ และ ถกู ต้องบางส่วน ถูกตอ้ งบางส่วน ถกู ต้อง ถูกต้องบางสว่ น (ผดิ 1-2 จดุ ) (ผิดมากกวา่ 2 จุด) ตกแตง่ ระบายสี ตกแต่งระบายสี ตกแตง่ ระบายสี - - สวยงาม สะอาด สวยงาม ใบงานไม่ เรยี บร้อย สะอาด ความตรงต่อ - - ส่งงานตาม สง่ งานช้ากวา่ เวลา - ระยะเวลาท่ี ระยะเวลาท่ี กำหนด กำหนด
แบบสงั เกตพฤติกรรมการมสี ่วนรว่ มในกจิ กรรมชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ท่ี พฤติกรรม ความสนใจ การแสดง การตอบคำถาม การยอมรับ ทำงานท่ีได้รบั ความคดิ เห็น ฟงั คนอนื่ มอบหมาย สรุป ชอ่ื -สกลุ 432143214321432143 2 1 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 เกณฑก์ ารวัดผลให้คะแนนระดบั คุณภาพของแต่ละพฤตกิ รรมดังนี้ ดีมาก = 4 มีความสนใจ ไม่พดู คุยในช้นั ตอบคำถามถูกต้อง ทำงานส่งครบตรงเวลา ดี = 3 การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 70% ปานกลาง = 2 การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 50% ปรบั ปรงุ = 1 เขา้ ชั้นเรียนแต่การแสดงออกนอ้ ยมาก ส่งงานไมค่ รบ ไมต่ รงต่อเวลา ลงช่อื ผสู้ งั เกต ( ) พ.ศ. วนั ที่ เดอื น
แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คำช้แี จง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี น แล้วขดี ✓ ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อนั พึงประสงคด์ ้าน 321 1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาตไิ ด้ 1.2 เขา้ รว่ มกิจกรรมท่ีสร้างความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ กษัตรยิ ์ 1.3 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางศาสนาท่ีตนนับถอื ปฏบิ ัติตามหลกั ศาสนา 1.4 เขา้ ร่วมกจิ กรรมท่เี ก่ยี วกบั สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ตามทีโ่ รงเรียนจดั ขึ้น 2. ซือ่ สตั ย์ สจุ รติ 2.1 ใหข้ อ้ มลู ที่ถูกต้อง และเป็นจริง 2.2 ปฏบิ ตั ิในสง่ิ ทีถ่ กู ตอ้ ง 3. มีวินัย รบั ผดิ ชอบ 3.1 ปฏิบตั ิตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ มคี วามตรงตอ่ เวลา 4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 ร้จู กั ใชเ้ วลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์ และนำไปปฏิบตั ิได้ 4.2 รจู้ กั จดั สรรเวลาให้เหมาะสม 5. อยูอ่ ย่าง 4.3 เชือ่ ฟงั คำส่ังสอนของบิดา-มารดา โดยไม่โตแ้ ยง้ พอเพยี ง 4.4 ตงั้ ใจเรียน 5.1 ใชท้ รัพยส์ นิ และสง่ิ ของของโรงเรียนอยา่ งประหยัด 6. มุ่งมัน่ 5.2 ใชอ้ ปุ กรณก์ ารเรยี นอยา่ งประหยัดและรคู้ ุณคา่ ในการทำงาน 5.3 ใชจ้ ่ายอยา่ งประหยดั และมกี ารเกบ็ ออมเงิน 6.1 มีความตัง้ ใจและพยายามในการทำงานทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย 7. รกั ความเปน็ ไทย 6.2 มคี วามอดทนและไมท่ อ้ แทต้ อ่ อุปสรรคเพื่อใหง้ านสำเรจ็ 7.1 มีจติ สำนึกในการอนรุ กั ษว์ ัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย 8. มีจิตสาธารณะ 7.2 เห็นคุณคา่ และปฏบิ ัตติ นตามวัฒนธรรมไทย 8.1 รู้จกั ชว่ ยพ่อแม่ ผ้ปู กครอง และครทู ำงาน 8.2 ร้จู ักการดแู ล รกั ษาทรัพย์สมบตั แิ ละสิ่งแวดล้อม รวม เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยคร้ัง ให้ 2 คะแนน 46 - 60 ดี ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 1 คะแนน 30 - 45 พอใช้ ต่ำกว่า 30 ปรับปรุง ลงช่อื ผู้สงั เกต ( ) พ.ศ. วันที่ เดอื น
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 11 เรื่อง การตกตะกอน กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 6 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 เร่ือง การแยกสารเนื้อผสม เวลา 17 ช่ัวโมง สอนวนั ที่ เดอื น พ.ศ. เวลา 1 ช่ัวโมง 1. สาระท่ี 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ 2. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสมั พนั ธ์ระหว่างสมบัติของสสาร กับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี 3. ตัวชี้วัด ว 2.1 ป.6/1 อธิบายและเปรียบเทียบการแยกสารผสมโดยการตกตะกอน การร่อน การใช้แม่เหล็ก ดึงดูด การรินออก การกรอง และการตกตะกอนโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์รวมทั้งระบุวิธีแก้ปัญหา ในชีวติ ประจำวนั เกี่ยวกบั การแยกสาร 4. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด การตกตะกอน เป็นการแยกสารผสมเมอ่ื ของแข็งผสมเป็นสารแขวนลอยในของเหลว ในลักษณะข่นุ โดยใชส้ ารส้มแกวง่ 5. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1) อธิบายวิธกี ารแยกสารด้วยการตกตะกอนได้ (K) 2) ออกแบบขนั้ ตอนการทดลองการแยกสารผสมด้วยการตกตะกอนได้ (P) 3) รบั ผิดชอบและม่งุ ม่ันในการทำงานทไี่ ดร้ บั มอบหมาย (A) 6. คณุ ลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ 1) มวี ินัย 2) ใฝ่เรียนรู้ 3) มุ่งมน่ั ในการทำงาน 7. สมรรถนะทีส่ ำคัญ 1) ความสามารถในการคิด 1.1) ทกั ษะการสังเกต 1.2) ทักษะการสำรวจค้นหา 1.3) ทกั ษะการเชอ่ื มโยงความรู้ 2) ความสามารถในการสอ่ื สาร 3) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 4) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ
8. ทักษะกระบวนการคดิ การคดิ วิเคราะห์ คดิ อยา่ งมวี ิจารณญาณ 9. เนื้อหาสาระ การตกตะกอน เปน็ วิธกี ารแยกสารผสมท่ีมขี องแข็งแขวนลอยอยใู่ นของเหลวโดยสารผสมน้ันจะมี ลักษณะขนุ่ เราสามารถแยกสารได้โดยวางสารผสมทง้ิ ไว้ แลว้ ให้ของแขง็ ที่แขวนลอยคอ่ ยๆ ตกตะกอนรวมกนั ที่ก้นภาชนะตามแรงโน้มถว่ งของโลก หากตอ้ งการใหข้ องแขง็ ทแี่ ขวนลอยตกตะกอนไดเ้ ร็วขน้ึ อาจใชส้ าร ตวั กลาง เช่น สารส้ม มาทำใหอ้ นภุ าคของตะกอนเกาะกนั เม่ืออนุภาคมาขึ้นน้ำหนักกม็ ากขน้ึ จงึ ตกตะกอนเร็ว ทำให้สามารถแยกตะกอนของแขง็ ออกจากของเหลวได้ 10. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ • วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ Inquiry Method : 5E ข้ันที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ 1) ครเู ตรยี มสารผสมระหว่างของแขง็ กับของเหลวชนิดเดยี วกนั 3 แก้ว โดยแต่ละแก้วมรี ะดับ ความขุ่นแตกต่างกันหรอื มีปรมิ าณของแขง็ ไม่เท่ากัน จากนัน้ ให้นกั เรยี นร่วมกนั สังเกตว่านำ้ ทัง้ สามแก้วน้ีควรใช้ วิธกี ารอย่างไรทำให้น้ำใส 2) ครูให้นกั เรยี นรว่ มกันแสดงความคิดอย่างอิสระ โดยใหน้ กั เรยี นเขียนวธิ ีการครา่ ว ๆ ลงบน กระดาน จากน้นั ใหน้ กั เรียนในหอ้ งร่วมกันแสดงความคดิ เหน็ ถึงความเป็นไปได้ในการทำให้นำ้ ทั้ง 3 ใส 3) ครูให้นักเรียนร่วมกันสังเกตขนาดของของแข็งที่อยู่ในของเหลวแต่ละภาชนะมีขนาดไม่ เทา่ กัน โดยแกว้ ทีข่ ุน่ มากจะมปี ริมาณเศษตะกอนมาก ดังนั้นเพอ่ื นำใสอาจจะใชว้ ธิ ีการเดยี วกันทงั้ สามแก้วไม่ได้ 4) ครูชแ้ี จงจุดประสงค์ในการเรียนให้แกน่ ักเรียนทราบ ขั้นที่ 2 สำรวจคน้ หา 5) ครใู หน้ กั เรยี นแบง่ กลุม่ กลุม่ ละ 3 - 4 คน เพอื่ ร่วมกนั ออกแบบการทดลองสารผสม ด้วย วธิ ีการตกตะกอน 6) ครูให้นักเรียนเลือกสารผสม 3 ชนิด ที่สามารถใช้วธิ ีการตกตะกอนได้ จากนั้นให้นักเรยี น ร่วมกันระดมความคิดออกแบบการทดลองเพื่อแยกสารผสมดังกล่าว โดยจะต้องระบุอุปกรณ์ในการทดลอง และวิธีการทดลอง เป็นต้น 7) ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มรว่ มกันระดมความคิดเห็นเพ่ือออกแบบการทดลองการแยกสาร เน้อื ผสมดว้ ยวธิ ีการตกตะกอนลงในกระดาษบรู๊ฟ ตกแตง่ ระบายสใี หส้ วยงาม โดยมีครูคอยอำนวยความสะดวก และให้คำแนะนำนกั เรยี นเพิม่ เตมิ ขนั้ ที่ 3 อธบิ ายความรู้ 8) ครใู ห้นักเรยี นแต่ละกลุม่ นำเสนอผลงานการออกแบบการทดลองแยกสารเนอ้ื ผสมด้วยการ ตกตะกอนหนา้ ชนั้ เรยี น โดยนกั เรียนคนอ่ืน ๆ สามารถแสดงความคิดเหน็ เพ่ิมเติมอย่างสรา้ งสรรค์ได้
9) ครอู ธิบายความรเู้ พม่ิ เติมใหแ้ ก่นักเรียนทราบวา่ สารเนอื้ ผสมท่ีเหมาะสมในการตกตะกอน คอื สารผสมทมี่ ีขนาดเล็ก แขวนลอยอยูใ่ นของเหลว ไม่สามารถแยกไดด้ ้วยการกรอง 10) ครูและนักเรียนร่วมกนั สนทนาเกี่ยวกับการใชส้ ารส้ม ซึ่งเป็นสิง่ ที่ชว่ ยทำให้สารเกดิ การ ตกตะกอนเรว็ มากยิ่งขน้ึ โดยลกั ษณะของสารส้มเปน็ ของแข็งสขี าวใส ขนั้ ท่ี 4 ขยายความเข้าใจ 11) ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับกิจกรรมใน ชีวติ ประจำวนั หรืออาชพี ท่ตี อ้ งมีการแยกสารผสมดว้ ยวธิ ีการตกตะกอน จากน้นั ให้นักเรยี นทำใบงานเรื่อง การ ตกตะกอน เพอื่ ขยายความเขา้ ใจของนกั เรียนเพิม่ เตมิ 12) ครูยกตัวอย่างสถานการณ์ หากสารผสมที่มีเป็นสารแขวนลอยด์ไม่เหมาะกับการการ กรอง นักเรียนจะมีวิธีการแยกสารผสมนั้นได้อย่างไร โดยในขณะนั้นไม่มีสารส้มที่ช่วยในการตกตะกอน (แนวคำตอบ : อิสระตามความคดิ เหน็ ของนักเรยี น) 13) ครูให้นักเรียนตัง้ คำถามที่สนใจเพ่ิมเติมเกี่ยวกับการแยกสารด้วยวิธีการตกตะกอน เช่น นอกจากสารส้ม ยังมสี ารอ่ืนอีกหรือไม่ทีช่ ว่ ยทำให้สารแขวนลอยดต์ กตะกอนเรว็ ยง่ิ ข้นึ ) ขน้ั ท่ี 5 ตรวจสอบผล 14) ครูส่มุ นกั เรียน 2 คน สรปุ ความรทู้ ่ไี ด้จากการทำกิจกรรม เร่อื ง การตกตะกอน จากน้ันให้ เพื่อน ๆ ในหอ้ งรว่ มกนั แลกเปลี่ยนความคดิ เหน็ 15) ครูตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยการยกตัวอย่างสถานการณ์จำลอง “การ ตกตะกอนสามารถนำไปใช้แยกสารผสมระหว่างน้ำกับเกลือได้หรือไม่เพราะเหตุใด (แนวคำตอบ : ไมไ่ ด้ เพราะนำ้ เกลอื เปน็ สารละลาย ของแขง็ ได้ละลายรวมเป็นเน้อื เดยี วกบั ของเหลวแลว้ ) 16) ครปู ระเมินนักเรียนจากการตรวจใบงาน เรอ่ื ง การตกตะกอน การนำเสนอหนา้ ช้นั เรยี น และการมีส่วนรว่ มในการตอบคำถามในชัน้ เรียน 11. สื่อการเรยี นรู้ 1) สื่อการเรยี นรู้ 1.1) หนงั สือเรยี น วิทยาศาสตร์ ป.6 1.2) ใบงาน เรอ่ื ง การตกตะกอน 1.3) แกว้ บรรจุของสารผสมที่แตกตา่ งกนั 3 แกว้ 2) แหล่งการเรยี นรู้ 2.1) ห้องเรียน 2.2) หอ้ งสมุด
12. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ท่ี วธิ กี าร เคร่ืองมอื เกณฑ์ 1 ตรวจใบงาน แบบประเมินการทำงาน รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2 สงั เกตพฤตกิ รรมการมสี ว่ นรว่ ม แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ การทำงานรายบุคคล ในกจิ กรรม แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ อันพึงประสงค์ 3 สงั เกตความมีวนิ ยั ใฝ่เรียนรู้ และม่งุ มัน่ ในการทำงาน บนั ทึกการใชแ้ ผนการจัดการเรยี นรู้ ผลการสอน ปญั หาและอปุ สรรค ข้อเสนอแนะ/ แนวทางแกไ้ ข ลงชือ่ ผู้สอน (นางสาวสุกาญจนา แก้วขาว) ตำแหนง่ ครโู รงเรียนวดั ศาลาตึกสิทธชิ ัยวิศาล วันที่ เดือน พ.ศ.
แบบประเมนิ แผนการจัดการเรียนรู้สาระวทิ ยาศาสตร์ ลำดบั เกณฑค์ ณุ ภาพ คณุ ภาพ 321 1 เขียนสาระสำคญั ครอบคลุมองค์ความรู้ แนวปฏิบัตคิ ุมคา่ 2 จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมสอดคล้องกบั KAP 3 สาระเรยี นร้คู รอบคลุมเน้ือหา เนอ้ื หา กระบวนการ คุณลกั ษณะ 4 กจิ กรรมการเรียนรู้เนน้ สมอง RL เกิด Active Learning 5 ออกแบบแตล่ ะกจิ กรรมเหมาะสมกับผเู้ รียน 6 ออกแบบการวัดประเมนิ จากชิ้นงานกลมุ่ /เดีย่ วของผเู้ รยี น 7 มคี วามสัมพันธร์ ะหว่างองคป์ ระกอบข้อท1ี่ -6 8 สอื่ การเรยี นรู้สอดคล้อง จุดประสงค์ ตรงเนอ้ื หา น่าสนใจ เหมาะสมกับวยั สะดวกใช้ รวม เฉล่ีย เกณฑก์ ารประเมนิ คณุ ภาพ 2.5 – 3 ระดับ 3 หมายถงึ ดี 1.5 – 2.49 ระดบั 2 หมายถงึ พอใช้ 0 - 1.49 ระดับ 1 หมายถึง ปรับปรุง กิจกรรมเสนอแนะ (ถ้าม)ี ข้อเสนอแนะของหวั หนา้ สถานศึกษาหรือผทู้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ลงช่ือ ผู้ประเมนิ (นายอดุ มศกั ดิ์ เตยี วตอ๋ ย) ตำแหนง่ ผู้อำนวยการโรงเรยี นวดั ศาลาตกึ สิทธิชัยวิศาล วนั ที่ เดอื น พ.ศ.
ภาคผนวก ใบงาน เรอ่ื ง การตกตะกอน
แบบประเมนิ การทำงานเรือ่ ง ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ เลขที่ ช่อื – นามสกุล รายการประเมนิ รวมคะแนน ผลการ ความ ความ ความตรง (10) ประเมิน 1 ถูกตอ้ ง สวยงาม ต่อเวลา 2 (5) (3) (2) 3 4 ลงช่อื ผู้ประเมนิ 5 ( ) 6 วันท่ี เดือน 7 พ.ศ. 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ 9-10 ดมี าก 7-8 ดี 5-6 พอใช้ 1-4 ต้องปรบั ปรุง
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนการทำงาน รายการ เกณฑก์ ารให้คะแนน ประเมนิ 5 4 3 21 ความถูกต้อง ระบุหรืออธิบาย ระบุหรอื อธบิ าย ระบุหรืออธบิ าย ระบุหรืออธบิ าย ระบหุ รืออธิบาย ความสวยงาม คำตอบทกุ ข้อ คำตอบทุกข้อ คำตอบทกุ ขอ้ คำตอบไม่ครบ คำตอบไม่ครบ ครบถว้ นถูกต้อง ครบถว้ นแต่ ครบถว้ นแต่ ทุกข้อ แต่ ทกุ ขอ้ และ ถกู ต้องบางส่วน ถูกตอ้ งบางส่วน ถกู ต้อง ถูกต้องบางสว่ น (ผดิ 1-2 จดุ ) (ผิดมากกวา่ 2 จุด) ตกแตง่ ระบายสี ตกแต่งระบายสี ตกแตง่ ระบายสี - - สวยงาม สะอาด สวยงาม ใบงานไม่ เรยี บร้อย สะอาด ความตรงต่อ - - ส่งงานตาม สง่ งานช้ากวา่ เวลา - ระยะเวลาท่ี ระยะเวลาท่ี กำหนด กำหนด
แบบสงั เกตพฤติกรรมการมสี ่วนรว่ มในกจิ กรรมชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ท่ี พฤติกรรม ความสนใจ การแสดง การตอบคำถาม การยอมรับ ทำงานท่ีได้รบั ความคดิ เห็น ฟงั คนอนื่ มอบหมาย สรุป ชอ่ื -สกลุ 432143214321432143 2 1 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 เกณฑก์ ารวัดผลให้คะแนนระดบั คุณภาพของแต่ละพฤตกิ รรมดังนี้ ดีมาก = 4 มีความสนใจ ไม่พดู คุยในช้นั ตอบคำถามถูกต้อง ทำงานส่งครบตรงเวลา ดี = 3 การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 70% ปานกลาง = 2 การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 50% ปรบั ปรงุ = 1 เขา้ ชั้นเรียนแต่การแสดงออกนอ้ ยมาก ส่งงานไมค่ รบ ไมต่ รงต่อเวลา ลงช่อื ผสู้ งั เกต ( ) พ.ศ. วนั ที่ เดอื น
แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คำช้แี จง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี น แล้วขดี ✓ ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อนั พึงประสงคด์ ้าน 321 1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาตไิ ด้ 1.2 เขา้ รว่ มกิจกรรมท่ีสร้างความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ กษัตรยิ ์ 1.3 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางศาสนาท่ีตนนับถอื ปฏบิ ัติตามหลกั ศาสนา 1.4 เขา้ ร่วมกจิ กรรมท่เี ก่ยี วกบั สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ตามทีโ่ รงเรียนจดั ขึ้น 2. ซือ่ สตั ย์ สจุ รติ 2.1 ใหข้ อ้ มลู ที่ถูกต้อง และเป็นจริง 2.2 ปฏบิ ตั ิในสง่ิ ทีถ่ กู ตอ้ ง 3. มีวินัย รบั ผดิ ชอบ 3.1 ปฏิบตั ิตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ มคี วามตรงตอ่ เวลา 4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 ร้จู กั ใชเ้ วลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์ และนำไปปฏิบตั ิได้ 4.2 รจู้ กั จดั สรรเวลาให้เหมาะสม 5. อยูอ่ ย่าง 4.3 เชือ่ ฟงั คำส่ังสอนของบิดา-มารดา โดยไม่โตแ้ ยง้ พอเพยี ง 4.4 ตงั้ ใจเรียน 5.1 ใชท้ รัพยส์ นิ และสง่ิ ของของโรงเรียนอยา่ งประหยัด 6. มุ่งมัน่ 5.2 ใชอ้ ปุ กรณก์ ารเรยี นอยา่ งประหยัดและรคู้ ุณคา่ ในการทำงาน 5.3 ใชจ้ ่ายอยา่ งประหยดั และมกี ารเกบ็ ออมเงิน 6.1 มีความตัง้ ใจและพยายามในการทำงานทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย 7. รกั ความเปน็ ไทย 6.2 มคี วามอดทนและไมท่ อ้ แทต้ อ่ อุปสรรคเพื่อใหง้ านสำเรจ็ 7.1 มีจติ สำนึกในการอนรุ กั ษว์ ัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย 8. มีจิตสาธารณะ 7.2 เห็นคุณคา่ และปฏบิ ัตติ นตามวัฒนธรรมไทย 8.1 รู้จกั ชว่ ยพ่อแม่ ผ้ปู กครอง และครทู ำงาน 8.2 ร้จู ักการดแู ล รกั ษาทรัพย์สมบตั แิ ละสิ่งแวดล้อม รวม เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยคร้ัง ให้ 2 คะแนน 46 - 60 ดี ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 1 คะแนน 30 - 45 พอใช้ ต่ำกว่า 30 ปรับปรุง ลงช่อื ผู้สงั เกต ( ) พ.ศ. วันที่ เดอื น
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 12 เร่ือง การทดลองแยกสารด้วยการตกตะกอน กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 6 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 เรือ่ ง การแยกสารเนอ้ื ผสม เวลา 17 ชั่วโมง สอนวนั ท่ี เดอื น พ.ศ. เวลา 1 ชว่ั โมง 1. สาระท่ี 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ 2. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพนั ธร์ ะหว่างสมบตั ขิ องสสาร กับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี 3. ตัวช้วี ดั ว 2.1 ป.6/1 อธิบายและเปรียบเทียบการแยกสารผสมโดยการตกตะกอน การร่อน การใช้แม่เหล็ก ดึงดูด การรินออก การกรอง และการตกตะกอนโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์รวมทั้งระบุวิธีแก้ปัญหา ในชีวิตประจำวันเก่ียวกับการแยกสาร 4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด การตกตะกอน เปน็ การแยกสารผสมเมือ่ ของแขง็ ผสมเปน็ สารแขวนลอยในของเหลว ในลกั ษณะขุ่น โดยใชส้ ารสม้ แกวง่ 5. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1) อธิบายวิธกี ารแยกสารดว้ ยการตกตะกอนได้ (K) 2) ทดลองการแยกสารผสมด้วยการตกตะกอนได้ (P) 3) รบั ผดิ ชอบและมงุ่ ม่ันในการทำงานทไ่ี ด้รบั มอบหมาย (A) 6. คณุ ลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์ 1) มวี นิ ัย 2) ใฝ่เรยี นรู้ 3) มงุ่ มัน่ ในการทำงาน 7. สมรรถนะทสี่ ำคญั 1) ความสามารถในการคิด 1.1) ทักษะการสงั เกต 1.2) ทกั ษะการสำรวจคน้ หา 1.3) ทักษะการเช่ือมโยงความรู้ 2) ความสามารถในการสื่อสาร 3) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 4) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ
8. ทกั ษะกระบวนการคดิ การคิดวิเคราะห์ คิดอยา่ งมวี จิ ารณญาณ 9. เนื้อหาสาระ การตกตะกอน เปน็ วิธีการแยกสารผสมทมี่ ีของแข็งแขวนลอยอยใู่ นของเหลวโดยสารผสมน้นั จะมี ลักษณะขนุ่ เราสามารถแยกสารได้โดยวางสารผสมทงิ้ ไว้ แลว้ ใหข้ องแข็งท่แี ขวนลอยคอ่ ยๆ ตกตะกอนรวมกนั ทกี่ ้นภาชนะตามแรงโน้มถ่วงของโลก หากตอ้ งการใหข้ องแขง็ ท่ีแขวนลอยตกตะกอนได้เร็วข้ึนอาจใชส้ าร ตวั กลาง เช่น สารสม้ มาทำใหอ้ นภุ าคของตะกอนเกาะกัน เมือ่ อนุภาคมาขึ้นน้ำหนักกม็ ากข้นึ จงึ ตกตะกอนเร็ว ทำให้สามารถแยกตะกอนของแข็งออกจากของเหลวได้ 10. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ • วิธสี อนแบบสืบเสาะหาความรู้ Inquiry Method : 5E ขน้ั ท่ี 1 กระตุ้นความสนใจ 1) ครใู หน้ ักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายเกย่ี วกบั ลักษณะของสารผสมทส่ี ามารถใชว้ ิธีการตกตะกอน (แนวคำตอบ: เป็นสารผสมระหวา่ งของแข็งกบั ของเหลว โดยทข่ี องแขง็ นั้นมีขนาดเล็กมาก) 2) ครสู มุ่ ตัวแทนนกั เรียน 2 - 3 คน ออกมานำเสนอการออกแบบวิธีการทดลองสารผสมดว้ ย การตกตะกอนจากชั่วโมงที่แลว้ หน้าชั้นเรียนเพอ่ื ทบทวนความรู้ของนกั เรยี นเกย่ี วกับการตกตะกอน 3) ครชู แี้ จงจดุ ประสงคใ์ นการเรยี นให้แก่นกั เรยี นทราบ ข้ันที่ 2 สำรวจค้นหา 4) ครูเตรียมสารแขวนลอยด์เพื่อใช้ในการทดลองการแยกสารด้วยการตกตะกอน โดย นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ จะไดร้ บั สารแขวนลอยดก์ ลุ่มละ 2 ใบ เพื่อเปรยี บเทยี บผลการทดลอง 5) ครใู ห้นกั เรียนแบง่ กลุ่ม กลมุ่ ละ 3 - 4 คน เพอ่ื ทำกิจกรรมการทดลองเรื่อง การตกตะกอน โดยก่อนการทดลองให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันพิจารณาลักษณะภายนอกของสารผสม และบันทึกผลการ ทดลองลงในสมดุ ของตนเอง 6) ครูให้นักเรียนทดลองแยกสารด้วยการตกตะกอน กำหนดให้ภาชนะใบแรกไม่ต้องแกว่ง ดว้ ยสารสม้ สว่ นภาชนะอีกใบใช้สารสม้ แกว่ง จับเวลาท่ีใช้ในการทดลอง บันทึกผลลงในสมดุ ของตนเอง 7) ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอผลการทดลองหน้าชั้นเรียน โดยใน ระหว่างน้ีใหน้ ักเรยี นรว่ มกนั พิจารณาระยะเวลาของกลุ่มเพ่อื นกับกลุม่ ตนเองวา่ ใชร้ ะยะเวลาในการทำให้น้ำใส แตกตา่ งกันมานอ้ ยเพียงใด ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายความรู้ 8) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการทดลอง โดยให้นักเรียนมีบทบาทสำคัญในการเสนอ ข้อมูล (จากการทดลองพบว่า ภาชนะที่ใช้สารส้มแกว่งทำให้สารแขวนลอยด์ตกตะกอนได้เร็วกว่า เนื่องจาก สารสม้ จะทำใหส้ ารแขวนลอยดร์ วมตัวกนั จนหนกั และตกตะกอนสูก่ ้อนภาชนะ)
9) ครูยกตวั อยา่ งสถานการณ์ “ปานใจรองน้ำฝนไว้ด่ืม แต่หลังจากทร่ี องนำ้ เสรจ็ แล้วพบว่าน้ำ ไม่ใส ปานใจจึงคิดจะนำสารส้มมาแกว่งในน้ำฝนเพื่อไวดื่ม” จากเหตุการณ์ข้างต้นนักเรียนเห็นด้วยกับ พฤติกรรมของปานใจหรือไม่เพราะเหตุใด ให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระโดยใช้เหตุผลทาง วทิ ยาศาสตรใ์ นการอธิบายความคิดเห็นของตนเอง 10) ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สนทนาว่าในชวี ิตประจำวันนักเรียนหรอื คนรอบตัวของนักเรียนมี การใช้การตกตะกอนหรอื ไม่อย่างไร ข้นั ที่ 4 ขยายความเข้าใจ 11) ครูขยายความเข้าใจของนักเรยี นเก่ยี วกบั บริโภคน้ำ นอกจากน้ำทสี่ ามารถด่ืมได้จะตอ้ งใส ทสี่ ำคัญควรผ่านกระบวนการฆา่ เช้อื โรคกอ่ น และนักเรียนไม่ควรไว้ใจด่มื น้ำท่ีผ่านการแกวง่ สารส้มมากก่อน เพราะตาเปลา่ ของเรามองไม่เห็นเชื้อโรค 12) ครูให้นักเรยี นตงั้ คำถามทีส่ นใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทดลองแยกสารด้วยการตกตะกอน (แนวคำตอบ : อิสระตามความคิดเห็นของนกั เรยี น เช่น การตง้ั สารผสมทิ้งไวก้ ็สามารถทำใหส้ ารแขวนลอยด์ เกิดการตกตะกอนเชน่ เดยี วกับการแกว่งสารสม้ ใช่หรือไม่ อยา่ งไร) ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล 13) ครูสุ่มนักเรยี น 2 คน สรุปความรทู้ ไ่ี ด้จากการทำกิจกรรม เรอ่ื ง การทดลองแยกสารด้วย การตกตะกอน จากน้นั ใหเ้ พ่อื น ๆ ในห้องร่วมกันแลกเปล่ียนความคิดเหน็ 14) ครตู ้ังคำถามเพอ่ื ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรยี นในประเด็นตา่ ง ๆ ดังน้ี - ลกั ษณะของสารผสมที่สามารถใชว้ ธิ ีการตกตะกอน (แนวคำตอบ: เปน็ สารผสมระหว่างของแข็งกบั ของเหลว โดยทข่ี องแขง็ นั้นมีขนาด เล็กมาก) - สงิ่ ทีช่ ว่ ยทำให้สารเกิดการตกตะกอนเรว็ ข้ึนคอื สิง่ ใด (แนวคำตอบ : สารสม้ ) 15) ครปู ระเมนิ นกั เรียนจากการตรวจสมดุ การนำเสนอหนา้ ชัน้ เรียน และการมสี ่วนรว่ มใน การตอบคำถามในช้ันเรียน 11. สื่อการเรียนรู้ 1) สื่อการเรียนรู้ 1.1) หนังสอื เรียน วิทยาศาสตร์ ป.6 1.2) สารผสมแขวนลอยด์ 1.3) สารสม้ 2) แหล่งการเรยี นรู้ 2.1) หอ้ งเรยี น 2.2) ห้องสมดุ
12. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ท่ี วธิ ีการ เคร่ืองมอื เกณฑ์ 1 ตรวจสมุด แบบประเมินการทำงาน รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ 2 สงั เกตพฤตกิ รรมการมสี ว่ นรว่ ม แบบสังเกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ การทำงานรายบุคคล ในกิจกรรม แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ อนั พึงประสงค์ 3 สงั เกตความมวี ินัย ใฝ่เรยี นรู้ และมุง่ มั่นในการทำงาน บันทกึ การใช้แผนการจัดการเรยี นรู้ ผลการสอน ปญั หาและอปุ สรรค ข้อเสนอแนะ/ แนวทางแกไ้ ข ลงชือ่ ผูส้ อน (นางสาวสกุ าญจนา แกว้ ขาว) ตำแหน่ง ครโู รงเรียนวัดศาลาตึกสทิ ธชิ ยั วิศาล วนั ที่ เดือน พ.ศ.
แบบประเมนิ แผนการจัดการเรียนรู้สาระวทิ ยาศาสตร์ ลำดบั เกณฑ์คุณภาพ คณุ ภาพ 321 1 เขียนสาระสำคญั ครอบคลุมองค์ความรู้ แนวปฏบิ ัตคิ ุมคา่ 2 จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมสอดคล้องกบั KAP 3 สาระเรยี นร้คู รอบคลุมเน้ือหา เนอ้ื หา กระบวนการ คุณลกั ษณะ 4 กจิ กรรมการเรียนรู้เนน้ สมอง RL เกิด Active Learning 5 ออกแบบแตล่ ะกจิ กรรมเหมาะสมกับผเู้ รียน 6 ออกแบบการวัดประเมนิ จากชิ้นงานกลมุ่ /เดยี่ วของผเู้ รยี น 7 มคี วามสัมพันธร์ ะหว่างองคป์ ระกอบข้อท1ี่ -6 8 สอื่ การเรยี นรู้สอดคล้อง จุดประสงค์ ตรงเน้อื หา น่าสนใจ เหมาะสมกับวยั สะดวกใช้ รวม เฉล่ีย เกณฑก์ ารประเมนิ คณุ ภาพ 2.5 – 3 ระดับ 3 หมายถงึ ดี 1.5 – 2.49 ระดบั 2 หมายถงึ พอใช้ 0 - 1.49 ระดับ 1 หมายถึง ปรับปรุง กิจกรรมเสนอแนะ (ถ้าม)ี ข้อเสนอแนะของหวั หนา้ สถานศึกษาหรือผทู้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ลงชอื่ ผู้ประเมนิ (นายอดุ มศกั ดิ์ เตยี วตอ๋ ย) ตำแหนง่ ผู้อำนวยการโรงเรยี นวดั ศาลาตกึ สิทธิชัยวิศาล วนั ที่ เดอื น พ.ศ.
แบบประเมนิ การทำงานเรือ่ ง ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ เลขที่ ช่อื – นามสกุล รายการประเมนิ รวมคะแนน ผลการ ความ ความ ความตรง (10) ประเมิน 1 ถูกตอ้ ง สวยงาม ต่อเวลา 2 (5) (3) (2) 3 4 ลงช่อื ผู้ประเมนิ 5 ( ) 6 วันท่ี เดือน 7 พ.ศ. 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ 9-10 ดมี าก 7-8 ดี 5-6 พอใช้ 1-4 ต้องปรบั ปรุง
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนการทำงาน รายการ เกณฑก์ ารให้คะแนน ประเมนิ 5 4 3 21 ความถูกต้อง ระบุหรืออธิบาย ระบุหรอื อธบิ าย ระบุหรืออธบิ าย ระบุหรืออธบิ าย ระบหุ รืออธิบาย ความสวยงาม คำตอบทกุ ข้อ คำตอบทุกข้อ คำตอบทกุ ขอ้ คำตอบไม่ครบ คำตอบไม่ครบ ครบถว้ นถูกต้อง ครบถว้ นแต่ ครบถว้ นแต่ ทุกข้อ แต่ ทกุ ขอ้ และ ถกู ต้องบางส่วน ถูกตอ้ งบางส่วน ถกู ต้อง ถูกต้องบางสว่ น (ผดิ 1-2 จดุ ) (ผิดมากกวา่ 2 จุด) ตกแตง่ ระบายสี ตกแต่งระบายสี ตกแตง่ ระบายสี - - สวยงาม สะอาด สวยงาม ใบงานไม่ เรยี บร้อย สะอาด ความตรงต่อ - - ส่งงานตาม สง่ งานช้ากวา่ เวลา - ระยะเวลาท่ี ระยะเวลาท่ี กำหนด กำหนด
แบบสงั เกตพฤติกรรมการมสี ่วนรว่ มในกจิ กรรมชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ท่ี พฤติกรรม ความสนใจ การแสดง การตอบคำถาม การยอมรับ ทำงานท่ีได้รบั ความคดิ เห็น ฟงั คนอนื่ มอบหมาย สรุป ชอ่ื -สกลุ 432143214321432143 2 1 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 เกณฑก์ ารวัดผลให้คะแนนระดบั คุณภาพของแต่ละพฤตกิ รรมดังนี้ ดีมาก = 4 มีความสนใจ ไม่พดู คุยในช้นั ตอบคำถามถูกต้อง ทำงานส่งครบตรงเวลา ดี = 3 การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 70% ปานกลาง = 2 การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 50% ปรบั ปรงุ = 1 เขา้ ชั้นเรียนแต่การแสดงออกนอ้ ยมาก ส่งงานไมค่ รบ ไมต่ รงต่อเวลา ลงช่อื ผสู้ งั เกต ( ) พ.ศ. วนั ที่ เดอื น
แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คำช้แี จง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี น แล้วขดี ✓ ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อนั พึงประสงคด์ ้าน 321 1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาตไิ ด้ 1.2 เขา้ รว่ มกิจกรรมท่ีสร้างความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ กษัตรยิ ์ 1.3 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางศาสนาท่ีตนนับถอื ปฏบิ ัติตามหลกั ศาสนา 1.4 เขา้ ร่วมกจิ กรรมท่เี ก่ยี วกบั สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ตามทีโ่ รงเรียนจดั ขึ้น 2. ซือ่ สตั ย์ สจุ รติ 2.1 ใหข้ อ้ มลู ที่ถูกต้อง และเป็นจริง 2.2 ปฏบิ ตั ิในสง่ิ ทีถ่ กู ตอ้ ง 3. มีวินัย รบั ผดิ ชอบ 3.1 ปฏิบตั ิตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ มคี วามตรงตอ่ เวลา 4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 ร้จู กั ใชเ้ วลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์ และนำไปปฏิบตั ิได้ 4.2 รจู้ กั จดั สรรเวลาให้เหมาะสม 5. อยูอ่ ย่าง 4.3 เชือ่ ฟงั คำส่ังสอนของบิดา-มารดา โดยไม่โตแ้ ยง้ พอเพยี ง 4.4 ตงั้ ใจเรียน 5.1 ใชท้ รัพยส์ นิ และสง่ิ ของของโรงเรียนอยา่ งประหยัด 6. มุ่งมัน่ 5.2 ใชอ้ ปุ กรณก์ ารเรยี นอยา่ งประหยัดและรคู้ ุณคา่ ในการทำงาน 5.3 ใชจ้ ่ายอยา่ งประหยดั และมกี ารเกบ็ ออมเงิน 6.1 มีความตัง้ ใจและพยายามในการทำงานทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย 7. รกั ความเปน็ ไทย 6.2 มคี วามอดทนและไมท่ อ้ แทต้ อ่ อุปสรรคเพื่อใหง้ านสำเรจ็ 7.1 มีจติ สำนึกในการอนรุ กั ษว์ ัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย 8. มีจิตสาธารณะ 7.2 เห็นคุณคา่ และปฏบิ ัตติ นตามวัฒนธรรมไทย 8.1 รู้จกั ชว่ ยพ่อแม่ ผ้ปู กครอง และครทู ำงาน 8.2 ร้จู ักการดแู ล รกั ษาทรัพย์สมบตั แิ ละสิ่งแวดล้อม รวม เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยคร้ัง ให้ 2 คะแนน 46 - 60 ดี ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 1 คะแนน 30 - 45 พอใช้ ต่ำกว่า 30 ปรับปรุง ลงช่อื ผู้สงั เกต ( ) พ.ศ. วันที่ เดอื น
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 13 เรอื่ ง การรินออก กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 เวลา 17 ช่ัวโมง หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 2 เรอื่ ง การแยกสารเน้ือผสม เวลา 1 ชว่ั โมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. 1. สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ 2. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบัตขิ องสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสมั พนั ธ์ระหว่างสมบตั ขิ องสสาร กับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี 3. ตวั ช้วี ัด ว 2.1 ป.6/1 อธิบายและเปรียบเทยี บการแยกสารผสมโดยการหยิบออก การริน การใชแ้ ม่เหล็กดึงดูด การรนิ ออก การกรอง และการตกตะกอนโดยใช้หลักฐานเชงิ ประจักษร์ วมท้ังระบุวิธแี ก้ปัญหา ใน ชีวิตประจำวันเกีย่ วกับการแยกสาร 4. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด การรินออก เมื่อของแข็งเกิดการตกตะกอนและนอนที่ก้นภาชนะโดยของแข็งนั้นต้องไม่รวมกับ ของเหลว โดยใช้เอยี งภาชนะให้ของเหลวไหลออก 5. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1) อธบิ ายวธิ กี ารแยกสารดว้ ยการรนิ ออกได้ (K) 2) ออกแบบขน้ั ตอนการทดลองการแยกสารผสมด้วยการรินออกได้ (P) 3) รบั ผิดชอบและมงุ่ มั่นในการทำงานทไ่ี ด้รบั มอบหมาย (A) 6. คุณลักษณะทพี่ งึ ประสงค์ 1) มวี นิ ยั 2) ใฝ่เรยี นรู้ 3) มุ่งม่นั ในการทำงาน 7. สมรรถนะท่สี ำคญั 1) ความสามารถในการคิด 1.1) ทักษะการสังเกต 1.2) ทักษะการสำรวจค้นหา 1.3) ทักษะการเช่ือมโยงความรู้ 2) ความสามารถในการสอื่ สาร 3) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 4) ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ
8. ทักษะกระบวนการคดิ การคิดวเิ คราะห์ คดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ 9. เนอ้ื หาสาระ การรินออก เป็นวิธีการแยกสารผสมที่มีของแข็งผสมอยู่กับของเหลว โดยของแข็งจะไม่ละลายใน ของเหลวนั้นเป็นอะไรในการแยกด้วยการรินออกทำได้ง่ายโดยรินสารส่วนที่เป็นของเหลวออกจากส่วนท่ีเป็น ของแขง็ เช่น รนิ นำ้ ซาวขา้ วเพื่อแยกน้ำออกจากเมลด็ ข้าว 10. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ • วิธสี อนแบบสืบเสาะหาความรู้ Inquiry Method : 5E ขนั้ ที่ 1 กระตุน้ ความสนใจ 1) ครูและนกั เรยี นรว่ มกันอภิปรายวิธีการแยกสารผสมระหว่างของแขง็ กบั ของเหลว (แนว คำตอบ : การกรอง การตกตะกอน และการรนิ ) 2) ครูให้นักเรียนร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับการรินและการตกตะกอนเป็นวิธีการแยกสารท่ี เหมอื นหรอื แตกตา่ งกันอยา่ งไร เน่ืองจากเม่อื สารตกตะกอนแลว้ ก็จะตอ้ งรนิ เพอื่ นำของเหลวออกจากภาชนะ 3) ครใู หน้ ักเรียนรว่ มกนั แสดงความคดิ เก่ยี วกับลกั ษณะของสารที่จะนำมาแยกด้วยวิธีการริน (แนวคำตอบ : ของแขง็ จะไมล่ ะลายในของเหลว) 4) ครูช้ีแจงจดุ ประสงค์ในการเรยี นใหแ้ ก่นกั เรียนทราบ ข้ันท่ี 2 สำรวจค้นหา 5) ครูใหน้ ักเรียนแบง่ กลุม่ กลุม่ ละ 3 - 4 คน เพื่อร่วมกันออกแบบการทดลองสารผสมดว้ ย วธิ ีการรนิ 6) ครูให้นักเรียนเลือกสารผสม 3 ชนิด ที่สามารถใช้วิธีการรินได้ จากนั้นให้นักเรียนร่วมกนั ระดมความคิดออกแบบการทดลองเพื่อแยกสารผสมดังกล่าว โดยจะต้องระบุอุปกรณ์ในการทดลอง และ วิธกี ารทดลอง เปน็ ต้น 7) ครูให้นักเรียนแตล่ ะกลุ่มร่วมกันระดมความคิดเห็นเพือ่ ออกแบบการทดลองการแยกสาร เนือ้ ผสมด้วยวธิ ีการรนิ ลงในกระดาษบรูฟ๊ ตกแต่งระบายสีให้สวยงาม โดยมีครูคอยอำนวยความสะดวกและให้ คำแนะนำนกั เรยี นเพ่มิ เติม ข้ันที่ 3 อธิบายความรู้ 8) ครใู ห้นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ นำเสนอผลงานการออกแบบการทดลองแยกสารเนือ้ ผสมด้วยการ รินหนา้ ชน้ั เรียน โดยนักเรยี นคนอนื่ ๆ สามารถแสดงความคดิ เห็นเพม่ิ เตมิ อยา่ งสร้างสรรค์ได้ 9) ครูอธิบายความรู้เพิ่มเติมให้แก่นักเรียนทราบว่าสารเนื้อผสมที่เหมาะสมในการริน คือ วิธีการแยกสารผสมทีม่ ีของแข็งผสมอยู่กับของเหลว โดยของแข็งจะไมล่ ะลายในของเหลวน้ันเป็นอะไรในการ แยกด้วยการรนิ ออกทำได้งา่ ยโดยรินสารส่วนที่เปน็ ของเหลวออกจากสว่ นท่เี ปน็ ของแข็ง
10) ครใู ห้นักเรยี นรว่ มกนั อภปิ รายเกี่ยวกับวิธกี ารแยกสารผสมของแขง็ กับของเหลวแต่ละวิธี ว่ามคี วามเหมอื นหรือแตกตา่ งกนั อยา่ งไรตามความใจของนกั เรียน ขั้นที่ 4 ขยายความเข้าใจ 11) ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับกิจกรรมใน ชีวิตประจำวันหรืออาชีพที่ต้องมีการแยกสารผสมด้วยวิธีการหยิบออก จากนั้นให้นักเรียนทำใบงานเรื่อง การริน เพือ่ ขยายความเขา้ ใจของนกั เรยี นเพมิ่ เตมิ 12) ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั เฉลยคำตอบในใบงานเรื่อง การรินออก โดยใหน้ กั เรียนมีบทบาท สำคัญในการใหข้ ้อมลู ส่วนครคู อยเพ่ิมเตมิ เนอื้ หาให้ครบถ้วนสมบูรณ์มากยิง่ ขน้ึ 13) ครใู หน้ กั เรยี นตง้ั คำถามท่สี นใจเพิ่มเตมิ เกยี่ วกับการรินออก (แนวคำตอบ : อิสระตาม ความคดิ เห็นของนักเรยี น เชน่ ขนาดของของแข็งท่ผี สมมีผลตอ่ การรินหรือไมอ่ ยา่ งไร) ขัน้ ที่ 5 ตรวจสอบผล 14) ครูสุ่มนักเรียน 2 คน สรุปความรู้ที่ได้จากการทำกิจกรรม เรื่อง การรินออก จากนั้นให้ เพือ่ น ๆ ในหอ้ งร่วมกนั แลกเปลย่ี นความคิดเหน็ 15) ครูตงั้ คำถามเพือ่ ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรยี นในประเด็นตา่ ง ๆ ดังนี้ - การรนิ เปน็ วิธีการแยกสารที่เหมาะกบั สารผสมแบบใด (แนวคำตอบ: ของแข็งจะไม่ละลายในของเหลว) - การรนิ กับการกรอง วิธกี ารใดช่วยใหก้ ารแยกสารมคี วามแมน่ ยำมากกว่ากนั (แนวคำตอบ : อิสระตามความคดิ เห็นของนกั เรียน) 16) ครปู ระเมนิ นักเรยี นจากการตรวจใบงาน เรื่อง การรนิ ออก การนำเสนอหนา้ ชั้นเรยี น และการมีสว่ นรว่ มในการตอบคำถามในชนั้ เรียน 11. สือ่ การเรียนรู้ 1) ส่อื การเรียนรู้ 1.1) หนังสือเรียน วทิ ยาศาสตร์ ป.6 1.2) ใบงาน เรื่อง การรินออก 1.3) กระดาษบรู๊ฟ 1.4) ปากกาเคมี 2) แหลง่ การเรยี นรู้ 2.1) หอ้ งเรียน 2.2) ห้องสมดุ
12. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ท่ี วธิ กี าร เคร่ืองมอื เกณฑ์ 1 ตรวจใบงาน แบบประเมินการทำงาน รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2 สงั เกตพฤตกิ รรมการมสี ว่ นรว่ ม แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ การทำงานรายบุคคล ในกจิ กรรม แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ อันพึงประสงค์ 3 สงั เกตความมีวนิ ยั ใฝ่เรียนรู้ และม่งุ มัน่ ในการทำงาน บนั ทึกการใชแ้ ผนการจัดการเรยี นรู้ ผลการสอน ปญั หาและอปุ สรรค ข้อเสนอแนะ/ แนวทางแกไ้ ข ลงชือ่ ผู้สอน (นางสาวสุกาญจนา แก้วขาว) ตำแหนง่ ครโู รงเรียนวดั ศาลาตึกสิทธชิ ัยวิศาล วันที่ เดือน พ.ศ.
แบบประเมนิ แผนการจัดการเรียนรู้สาระวทิ ยาศาสตร์ ลำดบั เกณฑ์คุณภาพ คณุ ภาพ 321 1 เขียนสาระสำคญั ครอบคลุมองค์ความรู้ แนวปฏบิ ัตคิ ุมคา่ 2 จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมสอดคล้องกบั KAP 3 สาระเรยี นร้คู รอบคลุมเน้ือหา เนอ้ื หา กระบวนการ คุณลกั ษณะ 4 กจิ กรรมการเรียนรู้เนน้ สมอง RL เกิด Active Learning 5 ออกแบบแตล่ ะกจิ กรรมเหมาะสมกับผเู้ รียน 6 ออกแบบการวัดประเมนิ จากชิ้นงานกลมุ่ /เดยี่ วของผเู้ รยี น 7 มคี วามสัมพันธร์ ะหว่างองคป์ ระกอบข้อท1ี่ -6 8 สอื่ การเรยี นรู้สอดคล้อง จุดประสงค์ ตรงเน้อื หา น่าสนใจ เหมาะสมกับวยั สะดวกใช้ รวม เฉล่ีย เกณฑก์ ารประเมนิ คณุ ภาพ 2.5 – 3 ระดับ 3 หมายถงึ ดี 1.5 – 2.49 ระดบั 2 หมายถงึ พอใช้ 0 - 1.49 ระดับ 1 หมายถึง ปรับปรุง กิจกรรมเสนอแนะ (ถ้าม)ี ข้อเสนอแนะของหวั หนา้ สถานศึกษาหรือผทู้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ลงชอื่ ผู้ประเมนิ (นายอดุ มศกั ดิ์ เตยี วตอ๋ ย) ตำแหนง่ ผู้อำนวยการโรงเรยี นวดั ศาลาตกึ สิทธิชัยวิศาล วนั ที่ เดอื น พ.ศ.
ภาคผนวก ใบงาน เร่อื ง การรนิ ออก
แบบประเมนิ การทำงานเรือ่ ง ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ เลขที่ ช่อื – นามสกุล รายการประเมนิ รวมคะแนน ผลการ ความ ความ ความตรง (10) ประเมิน 1 ถูกตอ้ ง สวยงาม ต่อเวลา 2 (5) (3) (2) 3 4 ลงช่อื ผู้ประเมนิ 5 ( ) 6 วันท่ี เดือน 7 พ.ศ. 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ 9-10 ดมี าก 7-8 ดี 5-6 พอใช้ 1-4 ต้องปรบั ปรุง
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนการทำงาน รายการ เกณฑก์ ารให้คะแนน ประเมนิ 5 4 3 21 ความถูกต้อง ระบุหรืออธิบาย ระบุหรอื อธบิ าย ระบุหรืออธบิ าย ระบุหรืออธบิ าย ระบหุ รืออธิบาย ความสวยงาม คำตอบทกุ ข้อ คำตอบทุกข้อ คำตอบทกุ ขอ้ คำตอบไม่ครบ คำตอบไม่ครบ ครบถว้ นถูกต้อง ครบถว้ นแต่ ครบถว้ นแต่ ทุกข้อ แต่ ทกุ ขอ้ และ ถกู ต้องบางส่วน ถูกตอ้ งบางส่วน ถกู ต้อง ถูกต้องบางสว่ น (ผดิ 1-2 จดุ ) (ผิดมากกวา่ 2 จุด) ตกแตง่ ระบายสี ตกแต่งระบายสี ตกแตง่ ระบายสี - - สวยงาม สะอาด สวยงาม ใบงานไม่ เรยี บร้อย สะอาด ความตรงต่อ - - ส่งงานตาม สง่ งานช้ากวา่ เวลา - ระยะเวลาท่ี ระยะเวลาท่ี กำหนด กำหนด
แบบสงั เกตพฤติกรรมการมสี ่วนรว่ มในกจิ กรรมชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ท่ี พฤติกรรม ความสนใจ การแสดง การตอบคำถาม การยอมรับ ทำงานท่ีได้รบั ความคดิ เห็น ฟงั คนอนื่ มอบหมาย สรุป ชอ่ื -สกลุ 432143214321432143 2 1 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 เกณฑก์ ารวัดผลให้คะแนนระดบั คุณภาพของแต่ละพฤตกิ รรมดังนี้ ดีมาก = 4 มีความสนใจ ไม่พดู คุยในช้นั ตอบคำถามถูกต้อง ทำงานส่งครบตรงเวลา ดี = 3 การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 70% ปานกลาง = 2 การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 50% ปรบั ปรงุ = 1 เขา้ ชั้นเรียนแต่การแสดงออกนอ้ ยมาก ส่งงานไมค่ รบ ไมต่ รงต่อเวลา ลงช่อื ผสู้ งั เกต ( ) พ.ศ. วนั ที่ เดอื น
แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คำช้แี จง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี น แล้วขดี ✓ ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อนั พึงประสงคด์ ้าน 321 1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาตไิ ด้ 1.2 เขา้ รว่ มกิจกรรมท่ีสร้างความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ กษัตรยิ ์ 1.3 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางศาสนาท่ีตนนับถอื ปฏบิ ัติตามหลกั ศาสนา 1.4 เขา้ ร่วมกจิ กรรมท่เี ก่ยี วกบั สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ตามทีโ่ รงเรียนจดั ขึ้น 2. ซือ่ สตั ย์ สจุ รติ 2.1 ใหข้ อ้ มลู ที่ถูกต้อง และเป็นจริง 2.2 ปฏบิ ตั ิในสง่ิ ทีถ่ กู ตอ้ ง 3. มีวินัย รบั ผดิ ชอบ 3.1 ปฏิบตั ิตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ มคี วามตรงตอ่ เวลา 4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 ร้จู กั ใชเ้ วลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์ และนำไปปฏิบตั ิได้ 4.2 รจู้ กั จดั สรรเวลาให้เหมาะสม 5. อยูอ่ ย่าง 4.3 เชือ่ ฟงั คำส่ังสอนของบิดา-มารดา โดยไม่โตแ้ ยง้ พอเพยี ง 4.4 ตงั้ ใจเรียน 5.1 ใชท้ รัพยส์ นิ และสง่ิ ของของโรงเรียนอยา่ งประหยัด 6. มุ่งมัน่ 5.2 ใชอ้ ปุ กรณก์ ารเรยี นอยา่ งประหยัดและรคู้ ุณคา่ ในการทำงาน 5.3 ใชจ้ ่ายอยา่ งประหยดั และมกี ารเกบ็ ออมเงิน 6.1 มีความตัง้ ใจและพยายามในการทำงานทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย 7. รกั ความเปน็ ไทย 6.2 มคี วามอดทนและไมท่ อ้ แทต้ อ่ อุปสรรคเพื่อใหง้ านสำเรจ็ 7.1 มีจติ สำนึกในการอนรุ กั ษว์ ัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย 8. มีจิตสาธารณะ 7.2 เห็นคุณคา่ และปฏบิ ัตติ นตามวัฒนธรรมไทย 8.1 รู้จกั ชว่ ยพ่อแม่ ผ้ปู กครอง และครทู ำงาน 8.2 ร้จู ักการดแู ล รกั ษาทรัพย์สมบตั แิ ละสิ่งแวดล้อม รวม เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยคร้ัง ให้ 2 คะแนน 46 - 60 ดี ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 1 คะแนน 30 - 45 พอใช้ ต่ำกว่า 30 ปรับปรุง ลงช่อื ผู้สงั เกต ( ) พ.ศ. วันที่ เดอื น
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 14 เรือ่ ง การทดลองแยกสารดว้ ยการรนิ ออก กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 6 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 เร่ือง การแยกสารเน้อื ผสม เวลา 17 ช่ัวโมง สอนวนั ที่ เดอื น พ.ศ. เวลา 1 ชั่วโมง 1. สาระที่ 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ 2. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบตั ิของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธร์ ะหวา่ งสมบัตขิ องสสาร กับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี 3. ตวั ชี้วัด ว 2.1 ป.6/1 อธิบายและเปรยี บเทยี บการแยกสารผสมโดยการหยบิ ออก การริน การใช้แมเ่ หล็กดึงดูด การรนิ ออก การกรอง และการตกตะกอนโดยใช้หลักฐานเชงิ ประจักษร์ วมทั้งระบุวิธแี ก้ปัญหา ใน ชวี ิตประจำวนั เกย่ี วกบั การแยกสาร 4. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด การรินออก เมื่อของแข็งเกิดการตกตะกอนและนอนที่ก้นภาชนะโดยของแข็งนั้นต้องไม่รวมกับ ของเหลว โดยใช้เอยี งภาชนะใหข้ องเหลวไหลออก 5. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1) อธบิ ายวิธกี ารแยกสารด้วยการรินออกได้ (K) 2) ทดลองการแยกสารผสมดว้ ยการรินออกได้ (P) 3) รับผิดชอบและมุ่งมัน่ ในการทำงานทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย (A) 6. คุณลักษณะที่พึงประสงค์ 1) มีวินยั 2) ใฝ่เรียนรู้ 3) มงุ่ มั่นในการทำงาน 7. สมรรถนะท่ีสำคัญ 1) ความสามารถในการคิด 1.1) ทกั ษะการสงั เกต 1.2) ทักษะการสำรวจค้นหา 1.3) ทกั ษะการเช่อื มโยงความรู้ 2) ความสามารถในการสื่อสาร 3) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 4) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ
8. ทกั ษะกระบวนการคิด การคดิ วเิ คราะห์ คดิ อยา่ งมีวจิ ารณญาณ 9. เนอ้ื หาสาระ การรินออก เปน็ วิธกี ารแยกสารผสมทมี่ ีของแขง็ ผสมอยูก่ ับของเหลว โดยของแขง็ จะไมล่ ะลายใน ของเหลวนัน้ เป็นอะไรในการแยกดว้ ยการรนิ ออกทำได้ง่ายโดยรนิ สารส่วนทีเ่ ป็นของเหลวออกจากส่วนทเ่ี ป็น ของแขง็ เชน่ รนิ นำ้ ซาวข้าวเพื่อแยกน้ำออกจากเมลด็ ข้าว 10. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ • วิธสี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ Inquiry Method : 5E ขั้นท่ี 1 กระตุน้ ความสนใจ 1) ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับลักษณะของสารผสมที่สามารถใช้วิธีการริน (แนวคำตอบ: เปน็ ของแข็งผสมกับของเหลว ทขี่ องแข็งนั้นไมร่ วมกบั ของเหลว) 2) ครสู ุ่มตัวแทนนักเรียน 2 - 3 คน ออกมานำเสนอการออกแบบวิธีการทดลองสารผสมดว้ ย การรนิ ออกจากช่ัวโมงทแ่ี ลว้ หน้าชั้นเรียนเพื่อทบทวนความรูข้ องนกั เรียนเก่ียวกบั การหยิบออก 3) ครูชแ้ี จงจดุ ประสงคใ์ นการเรยี นให้แก่นักเรียนทราบ ขั้นท่ี 2 สำรวจคน้ หา 4) รนิ น้ำปูนลงในแก้วพลาสตกิ ใส 3 ใบ เทา่ ๆ กัน สงั เกตลกั ษณะน้ำปนู และระบสุ ถานะของ สารในน้ำปูน บันทึกผล 5) วางนำ้ ปนู แก้วท่ี 1 ไวน้ ิง่ ๆ สงั เกตและบันทกึ ผลทกุ ๆ 5 นาที จนครบ 15 นาที บนั ทกึ ผล 6) ระดมความคดิ เพื่อหาวธิ ีการแยกน้ำปนู และแยกนำ้ ปูนตามวธิ ีนั้น สังเกตและบันทกึ ผล 7) นำนำ้ ปนู แกว้ ที่ 2 มาแยกสารโดยใช้ผา้ ขาวบางในกรวยกรองแล้วเทนำ้ ปนู ไปตามแท่งแก้ว อย่างช้า ๆ สังเกตและบนั ทึกผล 8) นำนำ้ ปนู แกว้ ท่ี 3 มาแยกสารโดยใชก้ ระดาษกรองในกรวยกรองแล้วเทนำ้ ปนู ไปตามแท่ง แก้วอยา่ งช้า ๆ สังเกตและบันทึกผลลงในใบบันทกึ กิจกรรม ขั้นท่ี 3 อธบิ ายความรู้ 9) ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลงานการทดลอง และผลการวิเคราะห์ข้อดีและ ข้อจำกดั ของวธิ ที เ่ี ลือกใชใ้ นการแยกสารหนา้ ชั้นเรียน โดยนกั เรียนคนอ่นื ๆ สามารถแสดงความคิดเหน็ เพิ่มเติม อย่างสร้างสรรค์ได้ 10) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการทดลอง โดยให้นักเรียนมีบทบาทสำคัญในการเสนอ ขอ้ มูล (จากการทดลองพบว่า การแยกสารเปน็ ของแข็งผสมกับของเหลว โดยท่ีของแข็งนน้ั ไม่รวมกบั ของเหลว สามารถทำไดห้ ลากหลายวธิ ี ได้แก่ การกรอง การตกตะกอน และการรนิ ออก)
ขนั้ ท่ี 4 ขยายความเข้าใจ 11) ครใู หน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุ่มยกตัวอยา่ งสารผสมที่มีสถานะเป็นของแข็งผสมกบั ของเหลว ท่ี ของแข็งนน้ั ไม่รวมกับของเหลว กลุม่ ละ 10 ชนดิ เขียนลงในกระดาษ A4 ให้ได้อย่างรวดเรว็ มากท่สี ุด 12) ให้นกั เรียนนำกระดาษของกลุ่มตวั เองไปแลกกับเพ่ือนกลุ่มขา้ ง ๆ โดยใหน้ กั เรียนกลุ่ม ดังกล่าวระบวุ ิธกี ารแยกสารผสมท้ัง 10 ชนดิ นน้ั วา่ จะใช้วธิ กี ารกรอง การรินออก หรือการตกตะกอน 13) ครใู หน้ กั เรียนต้งั คำถามทีส่ นใจเพิม่ เติมเกี่ยวกับการแยกสารทีม่ ีสถานะเปน็ ของแข็งกับ ของเหลวผสมรวมกันเพิม่ เตมิ (แนวคำตอบ : อสิ ระตามความคิดเหน็ ของนกั เรยี น ) ขน้ั ท่ี 5 ตรวจสอบผล 14) ครูสุ่มนักเรียน 2 คน สรุปความรู้ที่ได้จากการทำกิจกรรม เรื่อง การแยกสารที่มีสถานะ เป็นของแขง็ กับของเหลวผสมรวมกนั จากน้นั ใหเ้ พื่อน ๆ ในหอ้ งร่วมกันแลกเปลยี่ นความคิดเห็น 15) ครตู ง้ั คำถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจของนักเรยี นในประเด็นตา่ ง ๆ ดงั นี้ - การแยกสารที่มีสถานะเป็นของแข็งกับของเหลวผสมรวมกันมวี ธิ ีอะไรบา้ ง (แนวคำตอบ : การกรอง การรินออก หรือการตกตะกอน) - การแยกสารที่มีสถานะเป็นของแขง็ กับของเหลวผสมรวมกนั ใดทต่ี ้องใชอ้ ุปกรณ์ (แนวคำตอบ : การกรอง) 16) ครูประเมินนักเรียนจากการตรวจใบบันทึกผลกิจกรรม เรื่อง การแยกของแข็งกับ ของเหลวในสารเนือ้ ผสมออกจากกันได้อย่างไร การนำเสนอหน้าช้นั เรยี น และการมีสว่ นร่วมในการตอบคำถาม ในชั้นเรยี น 11. ส่ือการเรียนรู้ 1) สื่อการเรยี นรู้ 1.1) หนงั สอื เรยี น วทิ ยาศาสตร์ ป.6 1.2) ใบบนั ทกึ ผลกจิ กรรม เร่ือง การแยกของแข็งกับของเหลวในสารเนื้อผสมออกจากกนั ได้ อยา่ งไร 1.3) อุปกรณใ์ นการทดลอง เรื่อง การแยกของแข็งกบั ของเหลวในสารเนอ้ื ผสมออกจากกนั ได้ อยา่ งไร 2) แหลง่ การเรยี นรู้ 2.1) หอ้ งเรียน 2.2) ห้องสมดุ
12. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ท่ี วธิ ีการ เคร่ืองมอื เกณฑ์ 1 ตรวจใบบันทึกผลกจิ กรรม แบบประเมินการทำงาน รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2 สังเกตพฤตกิ รรมการมีส่วนร่วม แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ การทำงานรายบุคคล ในกจิ กรรม แบบประเมนิ คุณลักษณะ ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ อนั พงึ ประสงค์ 3 สงั เกตความมีวินัย ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมนั่ ในการทำงาน บันทกึ การใชแ้ ผนการจดั การเรียนรู้ ผลการสอน ปัญหาและอปุ สรรค ข้อเสนอแนะ/ แนวทางแกไ้ ข ลงช่ือ ผสู้ อน (นางสาวสุกาญจนา แกว้ ขาว) ตำแหนง่ ครโู รงเรยี นวดั ศาลาตึกสทิ ธิชัยวิศาล วันท่ี เดอื น พ.ศ.
แบบประเมนิ แผนการจัดการเรียนรู้สาระวทิ ยาศาสตร์ ลำดบั เกณฑค์ ณุ ภาพ คณุ ภาพ 321 1 เขียนสาระสำคญั ครอบคลุมองค์ความรู้ แนวปฏิบัตคิ ุมคา่ 2 จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมสอดคล้องกบั KAP 3 สาระเรยี นร้คู รอบคลุมเน้ือหา เนอ้ื หา กระบวนการ คุณลกั ษณะ 4 กจิ กรรมการเรียนรู้เนน้ สมอง RL เกิด Active Learning 5 ออกแบบแตล่ ะกจิ กรรมเหมาะสมกับผเู้ รียน 6 ออกแบบการวัดประเมนิ จากชิ้นงานกลมุ่ /เดีย่ วของผเู้ รยี น 7 มคี วามสัมพันธร์ ะหว่างองคป์ ระกอบข้อท1ี่ -6 8 สอื่ การเรยี นรู้สอดคล้อง จุดประสงค์ ตรงเนอ้ื หา น่าสนใจ เหมาะสมกับวยั สะดวกใช้ รวม เฉล่ีย เกณฑก์ ารประเมนิ คณุ ภาพ 2.5 – 3 ระดับ 3 หมายถงึ ดี 1.5 – 2.49 ระดบั 2 หมายถงึ พอใช้ 0 - 1.49 ระดับ 1 หมายถึง ปรับปรุง กิจกรรมเสนอแนะ (ถ้าม)ี ข้อเสนอแนะของหวั หนา้ สถานศึกษาหรือผทู้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ลงช่ือ ผู้ประเมนิ (นายอดุ มศกั ดิ์ เตยี วตอ๋ ย) ตำแหนง่ ผู้อำนวยการโรงเรยี นวดั ศาลาตกึ สิทธิชัยวิศาล วนั ที่ เดอื น พ.ศ.
ภาคผนวก ใบบันทกึ ผลการทดลอง เรอ่ื ง แยกของแขง็ กับของเหลวในสารเนือ้ ผสมออกจากกันได้อยา่ งไร ภาคผนวก
แบบประเมนิ การทำงานเรือ่ ง ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ เลขที่ ช่อื – นามสกุล รายการประเมนิ รวมคะแนน ผลการ ความ ความ ความตรง (10) ประเมิน 1 ถูกตอ้ ง สวยงาม ต่อเวลา 2 (5) (3) (2) 3 4 ลงช่อื ผู้ประเมนิ 5 ( ) 6 วันท่ี เดือน 7 พ.ศ. 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ 9-10 ดมี าก 7-8 ดี 5-6 พอใช้ 1-4 ต้องปรบั ปรุง
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนการทำงาน รายการ เกณฑก์ ารให้คะแนน ประเมนิ 5 4 3 21 ความถูกต้อง ระบุหรืออธิบาย ระบุหรอื อธบิ าย ระบุหรืออธบิ าย ระบุหรืออธบิ าย ระบหุ รืออธิบาย ความสวยงาม คำตอบทกุ ข้อ คำตอบทุกข้อ คำตอบทกุ ขอ้ คำตอบไม่ครบ คำตอบไม่ครบ ครบถว้ นถูกต้อง ครบถว้ นแต่ ครบถว้ นแต่ ทุกข้อ แต่ ทกุ ขอ้ และ ถกู ต้องบางส่วน ถูกตอ้ งบางส่วน ถกู ต้อง ถูกต้องบางสว่ น (ผดิ 1-2 จดุ ) (ผิดมากกวา่ 2 จุด) ตกแตง่ ระบายสี ตกแต่งระบายสี ตกแตง่ ระบายสี - - สวยงาม สะอาด สวยงาม ใบงานไม่ เรยี บร้อย สะอาด ความตรงต่อ - - ส่งงานตาม สง่ งานช้ากวา่ เวลา - ระยะเวลาท่ี ระยะเวลาท่ี กำหนด กำหนด
แบบสงั เกตพฤติกรรมการมสี ่วนรว่ มในกจิ กรรมชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ท่ี พฤติกรรม ความสนใจ การแสดง การตอบคำถาม การยอมรับ ทำงานท่ีได้รบั ความคดิ เห็น ฟงั คนอนื่ มอบหมาย สรุป ชอ่ื -สกลุ 432143214321432143 2 1 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 เกณฑก์ ารวัดผลให้คะแนนระดบั คุณภาพของแต่ละพฤตกิ รรมดังนี้ ดีมาก = 4 มีความสนใจ ไม่พดู คุยในช้นั ตอบคำถามถูกต้อง ทำงานส่งครบตรงเวลา ดี = 3 การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 70% ปานกลาง = 2 การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 50% ปรบั ปรงุ = 1 เขา้ ชั้นเรียนแต่การแสดงออกนอ้ ยมาก ส่งงานไมค่ รบ ไมต่ รงต่อเวลา ลงช่อื ผสู้ งั เกต ( ) พ.ศ. วนั ที่ เดอื น
แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คำช้แี จง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี น แล้วขดี ✓ ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อนั พึงประสงคด์ ้าน 321 1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาตไิ ด้ 1.2 เขา้ รว่ มกิจกรรมท่ีสร้างความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ กษัตรยิ ์ 1.3 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางศาสนาท่ีตนนับถอื ปฏบิ ัติตามหลกั ศาสนา 1.4 เขา้ ร่วมกจิ กรรมท่เี ก่ยี วกบั สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ตามทีโ่ รงเรียนจดั ขึ้น 2. ซือ่ สตั ย์ สจุ รติ 2.1 ใหข้ อ้ มลู ที่ถูกต้อง และเป็นจริง 2.2 ปฏบิ ตั ิในสง่ิ ทีถ่ กู ตอ้ ง 3. มีวินัย รบั ผดิ ชอบ 3.1 ปฏิบตั ิตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ มคี วามตรงตอ่ เวลา 4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 ร้จู กั ใชเ้ วลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์ และนำไปปฏิบตั ิได้ 4.2 รจู้ กั จดั สรรเวลาให้เหมาะสม 5. อยูอ่ ย่าง 4.3 เชือ่ ฟงั คำส่ังสอนของบิดา-มารดา โดยไม่โตแ้ ยง้ พอเพยี ง 4.4 ตงั้ ใจเรียน 5.1 ใชท้ รัพยส์ นิ และสง่ิ ของของโรงเรียนอยา่ งประหยัด 6. มุ่งมัน่ 5.2 ใชอ้ ปุ กรณก์ ารเรยี นอยา่ งประหยัดและรคู้ ุณคา่ ในการทำงาน 5.3 ใชจ้ ่ายอยา่ งประหยดั และมกี ารเกบ็ ออมเงิน 6.1 มีความตัง้ ใจและพยายามในการทำงานทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย 7. รกั ความเปน็ ไทย 6.2 มคี วามอดทนและไมท่ อ้ แทต้ อ่ อุปสรรคเพื่อใหง้ านสำเรจ็ 7.1 มีจติ สำนึกในการอนรุ กั ษว์ ัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย 8. มีจิตสาธารณะ 7.2 เห็นคุณคา่ และปฏบิ ัตติ นตามวัฒนธรรมไทย 8.1 รู้จกั ชว่ ยพ่อแม่ ผ้ปู กครอง และครทู ำงาน 8.2 ร้จู ักการดแู ล รกั ษาทรัพย์สมบตั แิ ละสิ่งแวดล้อม รวม เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยคร้ัง ให้ 2 คะแนน 46 - 60 ดี ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 1 คะแนน 30 - 45 พอใช้ ต่ำกว่า 30 ปรับปรุง ลงช่อื ผู้สงั เกต ( ) พ.ศ. วันที่ เดอื น
แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 15 เร่อื ง เปรียบเทยี บวิธกี ารแยกสารเน้ือผสมดว้ ยวิธีตา่ ง ๆ กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 6 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 2 เรอื่ ง การแยกสารเน้อื ผสม เวลา 17 ชัว่ โมง สอนวันท่ี เดือน พ.ศ. เวลา 2 ชว่ั โมง 1. สาระท่ี 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ 2. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบตั ิของสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสมั พนั ธร์ ะหว่างสมบตั ขิ องสสาร กับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี 3. ตัวช้วี ัด ว 2.1 ป.6/1 อธิบายและเปรียบเทียบการแยกสารผสมโดยการหยิบออก การร่อน การใช้แม่เหล็ก ดึงดูด การรินออก การกรอง และการตกตะกอนโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์รวมทั้งระบุวิธีแก้ปัญหา ในชีวติ ประจำวนั เก่ยี วกับการแยกสาร 4. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด วธิ กี ารทีเ่ หมาะสมในการแยกสารผสมขึน้ อยกู่ ับลกั ษณะและสมบัติของสารท่ผี สมกัน ถ้าองค์ประกอบ ของสารผสมเป็นของแข็งกบั ของแข็งท่มี ีขนาดแตกต่างกันอยา่ งชัดเจน อาจใชว้ ธิ ีการหยิบออกหรอื การรอ่ นผ่าน วัสดุทีม่ ีรูถ้ามสี ารใดสารหนง่ึ เป็นสารแม่เหลก็ อาจใชว้ ิธีการใช้แม่เหลก็ ดงึ ดูด ถา้ องค์ประกอบเป็นของแข็งที่ไม่ ละลายในของเหลว อาจใช้วธิ ีการรินออกการกรอง หรอื การตกตะกอน 5. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) อธิบายวธิ ีการแยกสารเนอื้ ผสมด้วยวิธีตา่ งๆ ได้ (K) 2) เปรยี บเทยี บวิธีการแยกสารเนอื้ ผสมดว้ ยวธิ ตี ่างๆ ได้ (P) 3) รับผดิ ชอบและม่งุ มัน่ ในการทำงานทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย (A) 6. คุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ 1) มวี ินัย 2) ใฝ่เรียนรู้ 3) ม่งุ ม่ันในการทำงาน 7. สมรรถนะทีส่ ำคญั 1) ความสามารถในการคิด 1.1) ทักษะการสังเกต 1.2) ทักษะการสำรวจคน้ หา 1.3) ทักษะการเช่ือมโยงความรู้ 2) ความสามารถในการสอ่ื สาร
3) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 4) ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ 8. ทักษะกระบวนการคดิ การคดิ วเิ คราะห์ คดิ อย่างมวี จิ ารณญาณ 9. เนื้อหาสาระ การเปรยี บเทียบวิธีการแยกสารเนือ้ ผสมด้วยวิธกี ารต่าง ๆ สถานะของสารผสม ลกั ษณะของสารผสม วธิ กี าร การหยบิ ออก ของแขง็ + ของแขง็ ของแข็งผสมมขี นาดใหญ่ การรอ่ น ของแขง็ ผสมมขี นาดเล็ก การรนิ การแกวง่ สารส้ม ของแข็ง + ของเหลว ของแขง็ ตกตะกอนกน้ ภาชนะ การกรอง (ของแข็งไม่รวมกบั ของเหลว) ของแข็งเป็นสารแขวนลอย แม่เหลก็ ดดู ของแข็งมีขนาดใหญก่ ว่ารพู รุน ของแขง็ + สารท่แี มเ่ หล็กดูดได้ สารท่ีแม่เหลก็ ดูดได้ 10. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ • วธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ Inquiry Method : 5E ช่ัวโมงที่ 1 ข้นั ท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ 1) ครูขออาสาสมัครนกั เรียน 3 คน เพอ่ื ใบค้ ำเก่ยี วกับวิธีการแยกสาร 3 คำ ไดแ้ ก่ การกรอง การร่อน และการใช้แม่เหล็กดดู โดยใหน้ กั เรียนท่ใี บ้จะต้องใชท้ ่าทางประกอบการใบ้ ไม่ใชเ้ สยี งในการใบ้ ส่วน นกั เรียนใหห้ ้องร่วมคนอน่ื ๆ พิจารณาคำใบ้ที่เพ่อื นกนั ทาย 2) ครูใหน้ กั เรียนรว่ มกนั อภิปรายวธิ ีการทดลองทนี่ ักเรียนได้เรียนรจู้ ากหนว่ ยการเรยี นรู้ การ แยกสารเนอื้ ผสมวา่ มวี ิธีการใดบ้าง (แนวคำตอบ : การหยบิ ออก การร่อน การรนิ การแกว่งสารสม้ การกรอง แมเ่ หลก็ ดูด 3) ครูชี้แจงจดุ ประสงคใ์ นการเรยี นให้แกน่ กั เรียนทราบ ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา 4) ครูให้นกั เรยี นแบ่งกล่มุ กลุ่มละ 3 - 4 คน เพือ่ รว่ มกนั ทำกิจกรรมเปรียบเทยี บวิธีการแยก สารเนื้อผสมด้วยวิธีต่าง ๆ โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันระดมความคิดและนำข้อมูลที่ได้รับจากการทำ กจิ กรรมในช่วั โมงกอ่ นหนา้ น้มี าใชท้ ำกจิ กรรม
5) นักเรียนแต่ละกลุ่มระดมความคิดเพื่อเปรียบเทียบวิธีการแยกสารเนื้อผสมด้วยวิธีต่าง ๆ ในรูปแบบใดก็ได้ เชน่ ตาราง แผนผงั ความคดิ หรอื อนื่ ๆ ตามความเหมาะสมของนักเรยี น ลงในกระดาษบรู๊ฟ และตกแตง่ ใหส้ วยงาม 6) ในระหว่างที่นักเรียนทำกิจกรรมครูคอยอำนวยความสะดวก และให้คำแนะนำนักเรียน เพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้เกณฑ์ในการเปรียบเทียบ และการเลือกรูปแบบในการนำเสนอเพื่อให้เข้าใจง่ายและ ชัดเจนมากที่สดุ 7) ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลงานการเปรียบเทียบวิธีการแยกสารเนื้อผสมด้วย วิธีการต่าง ๆ หน้าชั้นเรียน ในระหว่างนี้นักเรียนกลุ่มอื่น ๆ สามารถตั้งคำถามหรอื แสดงความคิดอืน่ ๆ อย่าง สร้างสรรคเ์ พ่มิ เติมได้ ชัว่ โมงที่ 2 ขน้ั ท่ี 3 อธิบายความรู้ 8) ครทู บทวนผลการเปรียบเทยี บวิธกี ารแยกสารเนอื้ ผสมตา่ ง ๆ โดยให้นกั เรียนพจิ ารณาตา่ ง ดงั ต่อไปนี้ สถานะของสารผสม ลกั ษณะของสารผสม วธิ ีการ ของแข็ง + ของแข็ง ของแขง็ ผสมมีขนาดใหญ่ การหยบิ ออก ของแข็งผสมมีขนาดเล็ก การรอ่ น ของแข็ง + ของเหลว ของแขง็ ตกตะกอนก้นภาชนะ การรนิ (ของแข็งไม่รวมกบั ของเหลว) ของแขง็ เป็นสารแขวนลอย การแกวง่ สารสม้ ของแขง็ มีขนาดใหญ่กวา่ รพู รุน การกรอง ของแข็ง + สารทแี่ ม่เหล็กดดู ได้ สารทแี่ ม่เหล็กดูดได้ แม่เหล็กดูด 9) ครูอธบิ ายนกั เรียนเพม่ิ เติมเกี่ยวกบั การเปรยี บเทียบการแยกสารในตารางโดยพิจารณา สถานะ ลักษณะภายนอก และสมบัติเฉพาะตัวของสารในการแยก 10) ครอู ธบิ ายความรูเ้ พ่มิ เตมิ เกี่ยวกบั สง่ิ ทต่ี อ้ งคำนงึ ในการแยกสารคอื อุปกรณท์ ี่จะใช้ควร จะตอ้ งมีความสัมพนั ธ์กับขนาดของสารผสม เช่น ขนาดของรตู ะแกรง หรือการแกวง่ ดว้ ยสารส้ม หากแกวง่ แรง เกินไปจะทำให้ตะกอนท่นี อนกน้ ภาชนะไปแล้วกลับขน้ึ มาอกี ได้ ขนั้ ท่ี 4 ขยายความเข้าใจ 11) ครูใหน้ ักเรียนทำใบงานเรือ่ ง การวิเคราะห์ขอ้ มลู การแยกสารเน้ือผสมด้วยวธิ ีการต่าง ๆ เพอ่ื ขยายความเข้าใจของนกั เรยี น
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169