Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ป.6 หน่วยที่ 2

แผนการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ป.6 หน่วยที่ 2

Published by watsalatuekschool, 2022-08-07 12:30:03

Description: แผนหน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง การแยกสาร

Search

Read the Text Version

ภาคผนวก ใบงานเรื่อง การรอ่ น

แบบประเมนิ การทำงานเรือ่ ง ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ เลขที่ ช่อื – นามสกุล รายการประเมนิ รวมคะแนน ผลการ ความ ความ ความตรง (10) ประเมิน 1 ถูกตอ้ ง สวยงาม ต่อเวลา 2 (5) (3) (2) 3 4 ลงช่อื ผู้ประเมนิ 5 ( ) 6 วันท่ี เดือน 7 พ.ศ. 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ 9-10 ดมี าก 7-8 ดี 5-6 พอใช้ 1-4 ต้องปรบั ปรุง

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนการทำงาน รายการ เกณฑก์ ารให้คะแนน ประเมนิ 5 4 3 21 ความถูกต้อง ระบุหรืออธิบาย ระบุหรอื อธบิ าย ระบุหรืออธบิ าย ระบุหรืออธบิ าย ระบหุ รืออธิบาย ความสวยงาม คำตอบทกุ ข้อ คำตอบทุกข้อ คำตอบทกุ ขอ้ คำตอบไม่ครบ คำตอบไม่ครบ ครบถว้ นถูกต้อง ครบถว้ นแต่ ครบถว้ นแต่ ทุกข้อ แต่ ทกุ ขอ้ และ ถกู ต้องบางส่วน ถูกตอ้ งบางส่วน ถกู ต้อง ถูกต้องบางสว่ น (ผดิ 1-2 จดุ ) (ผิดมากกวา่ 2 จุด) ตกแตง่ ระบายสี ตกแต่งระบายสี ตกแตง่ ระบายสี - - สวยงาม สะอาด สวยงาม ใบงานไม่ เรยี บร้อย สะอาด ความตรงต่อ - - ส่งงานตาม สง่ งานช้ากวา่ เวลา - ระยะเวลาท่ี ระยะเวลาท่ี กำหนด กำหนด

แบบสงั เกตพฤติกรรมการมสี ่วนรว่ มในกจิ กรรมชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ท่ี พฤติกรรม ความสนใจ การแสดง การตอบคำถาม การยอมรับ ทำงานท่ีได้รบั ความคดิ เห็น ฟงั คนอนื่ มอบหมาย สรุป ชอ่ื -สกลุ 432143214321432143 2 1 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 เกณฑก์ ารวัดผลให้คะแนนระดบั คุณภาพของแต่ละพฤตกิ รรมดังนี้ ดีมาก = 4 มีความสนใจ ไม่พดู คุยในช้นั ตอบคำถามถูกต้อง ทำงานส่งครบตรงเวลา ดี = 3 การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 70% ปานกลาง = 2 การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 50% ปรบั ปรงุ = 1 เขา้ ชั้นเรียนแต่การแสดงออกนอ้ ยมาก ส่งงานไมค่ รบ ไมต่ รงต่อเวลา ลงช่อื ผสู้ งั เกต ( ) พ.ศ. วนั ที่ เดอื น

แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คำช้แี จง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี น แล้วขดี ✓ ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อนั พึงประสงคด์ ้าน 321 1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาตไิ ด้ 1.2 เขา้ รว่ มกิจกรรมท่ีสร้างความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ กษัตรยิ ์ 1.3 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางศาสนาท่ีตนนับถอื ปฏบิ ัติตามหลกั ศาสนา 1.4 เขา้ ร่วมกจิ กรรมท่เี ก่ยี วกบั สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ตามทีโ่ รงเรียนจดั ขึ้น 2. ซือ่ สตั ย์ สจุ รติ 2.1 ใหข้ อ้ มลู ที่ถูกต้อง และเป็นจริง 2.2 ปฏบิ ตั ิในสง่ิ ทีถ่ กู ตอ้ ง 3. มีวินัย รบั ผดิ ชอบ 3.1 ปฏิบตั ิตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ มคี วามตรงตอ่ เวลา 4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 ร้จู กั ใชเ้ วลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์ และนำไปปฏิบตั ิได้ 4.2 รจู้ กั จดั สรรเวลาให้เหมาะสม 5. อยูอ่ ย่าง 4.3 เชือ่ ฟงั คำส่ังสอนของบิดา-มารดา โดยไม่โตแ้ ยง้ พอเพยี ง 4.4 ตงั้ ใจเรียน 5.1 ใชท้ รัพยส์ นิ และสง่ิ ของของโรงเรียนอยา่ งประหยัด 6. มุ่งมัน่ 5.2 ใชอ้ ปุ กรณก์ ารเรยี นอยา่ งประหยัดและรคู้ ุณคา่ ในการทำงาน 5.3 ใชจ้ ่ายอยา่ งประหยดั และมกี ารเกบ็ ออมเงิน 6.1 มีความตัง้ ใจและพยายามในการทำงานทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย 7. รกั ความเปน็ ไทย 6.2 มคี วามอดทนและไมท่ อ้ แทต้ อ่ อุปสรรคเพื่อใหง้ านสำเรจ็ 7.1 มีจติ สำนึกในการอนรุ กั ษว์ ัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย 8. มีจิตสาธารณะ 7.2 เห็นคุณคา่ และปฏบิ ัตติ นตามวัฒนธรรมไทย 8.1 รู้จกั ชว่ ยพ่อแม่ ผ้ปู กครอง และครทู ำงาน 8.2 ร้จู ักการดแู ล รกั ษาทรัพย์สมบตั แิ ละสิ่งแวดล้อม รวม เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยคร้ัง ให้ 2 คะแนน 46 - 60 ดี ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 1 คะแนน 30 - 45 พอใช้ ต่ำกว่า 30 ปรับปรุง ลงช่อื ผู้สงั เกต ( ) พ.ศ. วันที่ เดอื น

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 เร่อื ง การทดลองแยกสารด้วยการร่อน กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 6 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2 เรื่อง การแยกสารเน้ือผสม เวลา 17 ช่วั โมง สอนวนั ที่ เดอื น พ.ศ. เวลา 1 ชว่ั โมง 1. สาระท่ี 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ 2. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบตั ขิ องสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสมั พนั ธ์ระหว่างสมบัติของสสาร กับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี 3. ตัวช้ีวดั ว 2.1 ป.6/1 อธิบายและเปรียบเทียบการแยกสารผสมโดยการหยิบออก การร่อน การใช้แม่เหล็ก ดึงดูด การรินออก การกรอง และการตกตะกอนโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์รวมทั้งระบุวิธีแก้ปัญหา ในชวี ิตประจำวันเกี่ยวกบั การแยกสาร 4. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด การร่อน คอื การแยกสารผสมท่เี ปน็ ของแข็งผสมมขี นาดเล็กจนหยบิ ออกไมไ่ ด้ โดยใช้ตะแกรง หรอื กระชอน เป็นอปุ กรณใ์ นการร่อน 5. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1) อธิบายวิธกี ารแยกสารดว้ ยการการรอ่ นได้ (K) 2) ทดลองการแยกสารผสมด้วยการการรอ่ นได้ (P) 3) รบั ผิดชอบและมุง่ มัน่ ในการทำงานท่ีได้รบั มอบหมาย (A) 6. คณุ ลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ 1) มวี นิ ัย 2) ใฝ่เรียนรู้ 3) มุง่ มัน่ ในการทำงาน 7. สมรรถนะที่สำคัญ 1) ความสามารถในการคิด 1.1) ทักษะการสงั เกต 1.2) ทักษะการสำรวจค้นหา 1.3) ทักษะการการเชอ่ื มโยง 2) ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 3) ความสามารถในการแกป้ ญั หา 4) ความสามารถในการสอื่ สาร

8. ทักษะกระบวนการคดิ การคิดวเิ คราะห์ คดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ 9. เน้ือหาสาระ การรอ่ น เปน็ วิธีการแยกสารผสมทีม่ ีของแขง็ ขนาดต่างๆ ผสมกนั อยใู่ ห้ออกจากกนั โดยของแขง็ อาจมี ขนาดเลก็ และไม่สามารถใชม้ ือหยบิ ออกจากกัน จงึ ต้องเลอื กใช้อปุ กรณ์ท่ีมคี วามกว้างของรใู หเ้ หมาะสมกบั อนุภาคของสารท่ตี อ้ งการแยกที่ เช่น ตะแกรงกระชอน โดยการสา่ ยอุปกรณ์ไปมาเพื่อใหส้ ารท่ีมีอนุภาคเลก็ กวา่ ลอดผา่ นรูของอปุ กรณ์ได้ ส่วนสารท่ีมีอนภุ าคใหญ่กวา่ จะค้างอยู่บนอุปกรณน์ ั้น 10. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ • วธิ ีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ Inquiry Method : 5E ข้ันท่ี 1 กระตุ้นความสนใจ 1) ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับลักษณะของสารผสมที่สามารถใช้วิธีการร่อน (แนวคำตอบ: เป็นของแข็งผสมกบั ของแขง็ ทม่ี ีขนาดเลก็ จนไม่สามารถหยบิ ออกได้) 2) ครสู ุ่มตัวแทนนกั เรียน 2 - 3 คน ออกมานำเสนอการออกแบบวธิ กี ารทดลองสารผสมดว้ ย การรอ่ นจากชั่วโมงท่ีแลว้ หน้าชน้ั เรียนเพือ่ ทบทวนความรขู้ องนกั เรียนเกยี่ วกับการหยิบออก 3) ครูชี้แจงจดุ ประสงคใ์ นการเรยี นให้แก่นกั เรยี นทราบ ขัน้ ท่ี 2 สำรวจค้นหา 4) ครูให้นักเรียนแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 3 - 4 คน เพื่อทำกิจกรรมการทดลองเรื่อง การหยิบออก โดยกอ่ นการทดลองให้นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันพิจารณาลกั ษณะภายนอกของสารผสม 5) ให้นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ตำขา้ วเปลือกเบา ๆ ให้เปลอื กกะเทาะออกจากเมล็ดขา้ ว 6) แตล่ ะกลุ่มร่วมกันอภิปรายเพือ่ หาวธิ ตี ่าง ๆ ที่ใช้แยกเมลด็ ข้าวสารออกจากสารเนื้อผสม และตั้งสมมติฐาน และเริ่มทำการทดลองแยกเมล็ดข้าวสารออกจากสารเนื้อผสมตามวิธีที่เลือก สังเกตและ บนั ทกึ ผลลงในใบบนั ทึกผลกจิ กรรมเรื่อง การแยกของแข็งในสารเน้ือผสมออกจากกัน 7) ในระหว่างทีน่ ักเรยี นทำกิจกรรมครูคอยให้คำแนะนำนกั เรียนเพิ่มเติมเกีย่ วกับการเลือกใช้ วธิ กี าร โดยใหน้ กั เรียนพิจารณาลักษณะภายนอกของสารใหล้ ะเอียด 8) ให้แต่ละกลุ่มร่วมกันอภปิ รายเกี่ยวกับวิธีการแยกสารของกลุ่มตนเอง พร้อมทั้งวิเคราะห์ ขอ้ ดแี ละข้อจำกัดของวิธีท่เี ลือก ขั้นที่ 3 อธบิ ายความรู้ 9) ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลงานการทดลอง และผลการวิเคราะห์ข้อดีและ ขอ้ จำกัดของวิธีท่เี ลือกใช้ในการแยกสารหน้าชน้ั เรียน โดยนักเรียนคนอนื่ ๆ สามารถแสดงความคิดเหน็ เพ่ิมเติม อย่างสรา้ งสรรค์ได้

10) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการทดลอง โดยให้นักเรียนมีบทบาทสำคัญในการเสนอ ข้อมูล (จากการทดลองพบว่า สารผสมมีสถานะเป็นของแข็งสามารถใช้วิธีการให้การแยกได้แตกต่างกันตาม ลักษณะของเนอื้ สาร และมวลของสาร เช่น การหยบิ ออก การรอ่ น การฝดั ) 11) ครูอธิบายความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการฝัด ซึ่งเป็นวิธีการหนึ่งในการแยกสารผสมที่มี สถานะเป็นของแข็ง แต่จะแตกต่างจากการร่อนคือ จะใช้แยกของแข็งที่มีมวลแตกต่างกัน ดังเช่นข้าวกับ ขา้ วเปลอื กทม่ี ีมวลแตกต่างกนั สามารถใชว้ ิธกี ารฝัดไดเ้ ช่นกนั ) ขนั้ ที่ 4 ขยายความเข้าใจ 11) ครูให้นกั เรยี นรว่ มกันสรปุ เกณฑใ์ นการพจิ ารณาเพอ่ื เลือกวิธกี ารแยกสารผสมท่ีมีสถานะ เปน็ ของแขง็ มีอะไรบา้ ง (แนวคำตอบ : ขนาด มวล อปุ กรณ์ท่ีจะใชใ้ นการแยก) 12) ครูยกตัวอย่างสารผสมท่มี ีสถานะเป็นของแข็ง จากนน้ั ใหน้ กั เรยี นระบวุ ิธกี ารท่ีเหมาะสม ในการแยกสารผสม ดงั น้ี - ทรายหยาบ (แนวคำตอบ : การรอ่ น) - การหาแร่ (แนวคำตอบ : การรอ่ น) - ปากกากับดนิ สอ (แนวคำตอบ : การหยิบออก) 13) ครูให้นักเรียนตั้งคำถามที่สนใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทดลองแยกสารด้วยการร่อน (แนวคำตอบ : อิสระตามความคดิ เห็นของนกั เรียน เช่น ในการทดลองดว้ ยการรอ่ นหากใชต้ ะแกรงกบั กระชอน ทม่ี รี ูขนาดเท่ากันจะได้ผลการร่อนที่เหมือนหรือแตกตา่ งกันหรอื ไม่อย่างไร) ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล 14) ครูสุ่มนักเรียน 2 คน สรุปความรู้ที่ได้จากการทำกิจกรรม เรื่อง การแยกของแข็งในสาร เนือ้ ผสมออกจากกัน จากน้นั ใหเ้ พือ่ น ๆ ในหอ้ งรว่ มกนั แลกเปล่ียนความคิดเหน็ 15) ครูต้ังคำถามเพอ่ื ตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรียนในประเดน็ ต่าง ๆ ดังนี้ - หากนักเรียนไมช่ อบด่ืมนม จะทำให้ขาดสารอาหารชนิดใด (แนวคำตอบ: โปรตีน) - นักเรียนรับประทานขา้ วเหนียวหมปู ง้ิ จะได้รบั สารอาหารใดบา้ ง (แนวคำตอบ: คารโ์ บไฮเดรตจากข้าว โปรตีนและไขมนั จากหม)ู 16) ครูประเมินนักเรียนจากการตรวจใบบนั ทกึ ผลกิจกรรมเรอ่ื ง การแยกของแข็งในสารเน้ือ ผสมออกจากกัน การนำเสนอหนา้ ชน้ั เรยี น และการมสี ่วนร่วมในการตอบคำถามในชัน้ เรียน 11. ส่อื การเรียนรู้ 1) ส่อื การเรียนรู้ 1.1) หนงั สอื เรียน วิทยาศาสตร์ ป.6 1.2) ใบบนั ทึกผลกจิ กรรมเรอ่ื ง การแยกของแขง็ ในสารเนือ้ ผสมออกจากกัน 1.3) อปุ กรณใ์ นการทดลองแยกของแข็งในสารเนื้อผสมออกจากกนั

2) แหล่งการเรียนรู้ 2.1) ห้องเรยี น 2.2) หอ้ งสมดุ 12. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ท่ี วิธกี าร เคร่อื งมือ เกณฑ์ 1 ตรวจใบบันทกึ ผลกิจกรรม แบบประเมินการทำงาน ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ 2 สงั เกตพฤตกิ รรมการมีสว่ นร่วม แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ การทำงานรายบุคคล ในกจิ กรรม แบบประเมนิ คุณลักษณะ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ อนั พึงประสงค์ 3 สงั เกตความมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และม่งุ มัน่ ในการทำงาน บันทกึ การใช้แผนการจดั การเรยี นรู้ ผลการสอน ปญั หาและอปุ สรรค ข้อเสนอแนะ/ แนวทางแกไ้ ข ลงชื่อ ผูส้ อน (นางสาวสกุ าญจนา แกว้ ขาว) ตำแหน่ง ครูโรงเรยี นวดั ศาลาตึกสทิ ธิชยั วิศาล วันท่ี เดอื น พ.ศ.

แบบประเมนิ แผนการจัดการเรียนรู้สาระวทิ ยาศาสตร์ ลำดบั เกณฑค์ ณุ ภาพ คณุ ภาพ 321 1 เขียนสาระสำคญั ครอบคลุมองค์ความรู้ แนวปฏิบัตคิ ุมคา่ 2 จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมสอดคล้องกบั KAP 3 สาระเรยี นร้คู รอบคลุมเน้ือหา เนอ้ื หา กระบวนการ คุณลกั ษณะ 4 กจิ กรรมการเรียนรู้เนน้ สมอง RL เกิด Active Learning 5 ออกแบบแตล่ ะกจิ กรรมเหมาะสมกับผเู้ รียน 6 ออกแบบการวัดประเมนิ จากชิ้นงานกลมุ่ /เดีย่ วของผเู้ รยี น 7 มคี วามสัมพันธร์ ะหว่างองคป์ ระกอบข้อท1ี่ -6 8 สอื่ การเรยี นรู้สอดคล้อง จุดประสงค์ ตรงเนอ้ื หา น่าสนใจ เหมาะสมกับวยั สะดวกใช้ รวม เฉล่ีย เกณฑก์ ารประเมนิ คณุ ภาพ 2.5 – 3 ระดับ 3 หมายถงึ ดี 1.5 – 2.49 ระดบั 2 หมายถงึ พอใช้ 0 - 1.49 ระดับ 1 หมายถึง ปรับปรุง กิจกรรมเสนอแนะ (ถ้าม)ี ข้อเสนอแนะของหวั หนา้ สถานศึกษาหรือผทู้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ลงช่ือ ผู้ประเมนิ (นายอดุ มศกั ดิ์ เตยี วตอ๋ ย) ตำแหนง่ ผู้อำนวยการโรงเรยี นวดั ศาลาตกึ สิทธิชัยวิศาล วนั ที่ เดอื น พ.ศ.

ภาคผนวก ใบบันทึกผลกิจกรรมเรอ่ื ง การแยกของแขง็ ในสารเนื้อผสมออกจากกนั

แบบประเมนิ การทำงานเรือ่ ง ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ เลขที่ ช่อื – นามสกุล รายการประเมนิ รวมคะแนน ผลการ ความ ความ ความตรง (10) ประเมิน 1 ถูกตอ้ ง สวยงาม ต่อเวลา 2 (5) (3) (2) 3 4 ลงช่อื ผู้ประเมนิ 5 ( ) 6 วันท่ี เดือน 7 พ.ศ. 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ 9-10 ดมี าก 7-8 ดี 5-6 พอใช้ 1-4 ต้องปรบั ปรุง

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนการทำงาน รายการ เกณฑก์ ารให้คะแนน ประเมนิ 5 4 3 21 ความถูกต้อง ระบุหรืออธิบาย ระบุหรอื อธบิ าย ระบุหรืออธบิ าย ระบุหรืออธบิ าย ระบหุ รืออธิบาย ความสวยงาม คำตอบทกุ ข้อ คำตอบทุกข้อ คำตอบทกุ ขอ้ คำตอบไม่ครบ คำตอบไม่ครบ ครบถว้ นถูกต้อง ครบถว้ นแต่ ครบถว้ นแต่ ทุกข้อ แต่ ทกุ ขอ้ และ ถกู ต้องบางส่วน ถูกตอ้ งบางส่วน ถกู ต้อง ถูกต้องบางสว่ น (ผดิ 1-2 จดุ ) (ผิดมากกวา่ 2 จุด) ตกแตง่ ระบายสี ตกแต่งระบายสี ตกแตง่ ระบายสี - - สวยงาม สะอาด สวยงาม ใบงานไม่ เรยี บร้อย สะอาด ความตรงต่อ - - ส่งงานตาม สง่ งานช้ากวา่ เวลา - ระยะเวลาท่ี ระยะเวลาท่ี กำหนด กำหนด

แบบสงั เกตพฤติกรรมการมสี ่วนรว่ มในกจิ กรรมชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ท่ี พฤติกรรม ความสนใจ การแสดง การตอบคำถาม การยอมรับ ทำงานท่ีได้รบั ความคดิ เห็น ฟงั คนอนื่ มอบหมาย สรุป ชอ่ื -สกลุ 432143214321432143 2 1 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 เกณฑก์ ารวัดผลให้คะแนนระดบั คุณภาพของแต่ละพฤตกิ รรมดังนี้ ดีมาก = 4 มีความสนใจ ไม่พดู คุยในช้นั ตอบคำถามถูกต้อง ทำงานส่งครบตรงเวลา ดี = 3 การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 70% ปานกลาง = 2 การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 50% ปรบั ปรงุ = 1 เขา้ ชั้นเรียนแต่การแสดงออกนอ้ ยมาก ส่งงานไมค่ รบ ไมต่ รงต่อเวลา ลงช่อื ผสู้ งั เกต ( ) พ.ศ. วนั ที่ เดอื น

แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คำช้แี จง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี น แล้วขดี ✓ ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อนั พึงประสงคด์ ้าน 321 1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาตไิ ด้ 1.2 เขา้ รว่ มกิจกรรมท่ีสร้างความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ กษัตรยิ ์ 1.3 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางศาสนาท่ีตนนับถอื ปฏบิ ัติตามหลกั ศาสนา 1.4 เขา้ ร่วมกจิ กรรมท่เี ก่ยี วกบั สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ตามทีโ่ รงเรียนจดั ขึ้น 2. ซือ่ สตั ย์ สจุ รติ 2.1 ใหข้ อ้ มลู ที่ถูกต้อง และเป็นจริง 2.2 ปฏบิ ตั ิในสง่ิ ทีถ่ กู ตอ้ ง 3. มีวินัย รบั ผดิ ชอบ 3.1 ปฏิบตั ิตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ มคี วามตรงตอ่ เวลา 4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 ร้จู กั ใชเ้ วลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์ และนำไปปฏิบตั ิได้ 4.2 รจู้ กั จดั สรรเวลาให้เหมาะสม 5. อยูอ่ ย่าง 4.3 เชือ่ ฟงั คำส่ังสอนของบิดา-มารดา โดยไม่โตแ้ ยง้ พอเพยี ง 4.4 ตงั้ ใจเรียน 5.1 ใชท้ รัพยส์ นิ และสง่ิ ของของโรงเรียนอยา่ งประหยัด 6. มุ่งมัน่ 5.2 ใชอ้ ปุ กรณก์ ารเรยี นอยา่ งประหยัดและรคู้ ุณคา่ ในการทำงาน 5.3 ใชจ้ ่ายอยา่ งประหยดั และมกี ารเกบ็ ออมเงิน 6.1 มีความตัง้ ใจและพยายามในการทำงานทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย 7. รกั ความเปน็ ไทย 6.2 มคี วามอดทนและไมท่ อ้ แทต้ อ่ อุปสรรคเพื่อใหง้ านสำเรจ็ 7.1 มีจติ สำนึกในการอนรุ กั ษว์ ัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย 8. มีจิตสาธารณะ 7.2 เห็นคุณคา่ และปฏบิ ัตติ นตามวัฒนธรรมไทย 8.1 รู้จกั ชว่ ยพ่อแม่ ผ้ปู กครอง และครทู ำงาน 8.2 ร้จู ักการดแู ล รกั ษาทรัพย์สมบตั แิ ละสิ่งแวดล้อม รวม เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยคร้ัง ให้ 2 คะแนน 46 - 60 ดี ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 1 คะแนน 30 - 45 พอใช้ ต่ำกว่า 30 ปรับปรุง ลงช่อื ผู้สงั เกต ( ) พ.ศ. วันที่ เดอื น

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 7 เรอ่ื ง การกรอง กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 เวลา 17 ชวั่ โมง หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 2 เรอ่ื ง การแยกสารเนือ้ ผสม เวลา 1 ช่ัวโมง สอนวันท่ี เดือน พ.ศ. 1. สาระท่ี 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ 2. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัตขิ องสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสัมพันธร์ ะหวา่ งสมบตั ิของสสาร กับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี 3. ตัวชวี้ ัด ว 2.1 ป.6/1 อธิบายและเปรียบเทียบการแยกสารผสมโดยการหยิบออก การร่อน การใช้แม่เหล็ก ดึงดูด การรินออก การกรอง และการตกตะกอนโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์รวมทั้งระบุวิธีแก้ปัญหา ในชีวิตประจำวันเก่ียวกบั การแยกสาร 4. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด การกรอง เปน็ การแยกสารผสมทเี่ ป็นของแขง็ มขี นาดใหญ่กว่ารูพรุนอุปกรณใ์ นการกรอง และของแข็ง น้นั ตอ้ งไม่รวมกบั ของเหลว โดยใช้ตะแกรง ผ้าขาวบาง กระดาษกรอง เปน็ อุปกรณ์ช่วยในการแยกสารผสม 5. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) อธิบายวธิ กี ารแยกสารด้วยการกรอง ได้ (K) 2) ออกแบบข้นั ตอนการทดลองการแยกสารผสมด้วยการกรองได้ (P) 3) รับผิดชอบและม่งุ มน่ั ในการทำงานท่ีไดร้ บั มอบหมาย (A) 6. คณุ ลกั ษณะที่พึงประสงค์ 1) มวี ินยั 2) ใฝ่เรียนรู้ 3) มุ่งม่นั ในการทำงาน 7. สมรรถนะท่สี ำคญั 1) ความสามารถในการคิด 1.1) ทกั ษะการสังเกต 1.2) ทักษะการสำรวจค้นหา 1.3) ทกั ษะการจำแนกประเภท 2) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ

8. ทักษะกระบวนการคิด การคิดวิเคราะห์ คิดอยา่ งมีวิจารณญาณ 9. เนอ้ื หาสาระ การกรอง เป็นวิธีการแยกสารผสมทมี่ ขี องแขง็ ผสมอยู่กับของเหลว หรอื ใช้ในการแยกสารแขวนลอย ออกจากน้ำซง่ึ การกรองจะต้องเทสารผสมผ่านอปุ กรณ์ทม่ี ีรพู รนุ เชน่ กระดาษกรองสำลี ผ้าขาวบาง หรือ เคร่อื งกรองนำ้ โดยอนภุ าคของแขง็ ทีล่ อดผ่านรไู ม่ได้จะติดอยบู่ นอปุ กรณ์นัน้ สวนน้ำและสารทล่ี ะลายน้ำไดจ้ ะ ลอดผา่ นรูลงสู่ภาชนะทเี่ ตรียมไว้ 10. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ • วธิ สี อนแบบสืบเสาะหาความรู้ Inquiry Method : 5E ขนั้ ท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ 1) ครูกระตุ้นความคิดของนักเรียนโดยการถามนักเรยี นว่า นกั เรยี นทราบหรือไมว่ า่ กว่านำ้ ด่มื ทใ่ี สสะอาดให้เรารบั ประทานทุกวัน ต้องผ่านข้ันตอนใดบา้ ง (แนวคำตอบ : การกรองและการฆ่าเช่ือโรค ) 2) ครูเปิดภาพขนั้ ตอนการผลติ นำ้ ด่มื ใหน้ ักเรียนสงั เกต จากน้นั ถามนกั เรียนวา่ การกรอง จำเป็นต้องใชก้ ระดาษกรองอย่างเดยี วหรือไม่ หลักการของการกรองคืออะไร (แนวคำตอบ : ไม่จำเป็น จะใช้ กระดาษกรองหรือวสั ดุทมี่ ีรพู รุนขนาดเล็ก โดยท่ีขนาดของรูต้องเล็กกวา่ ของแขง็ ท่ีต้องการแยกออกจาก ของเหลวนนั้ ) 3) ครูวางอุปกรณใ์ หน้ กั เรยี นเลือกว่า วสั ดุใดบ้างที่สามารถนำมาใชก้ รองได้ ดังน้ี ผ้าขาวบาง แผ่นกรองอากาศ พลาสติกใส สำลี หนิ ทราย เป็นต้น จากนั้นให้นักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเห็นวา่ มีวสั ดุ ใดบา้ งท่ีสามารถนำมากรองได้ (แนวคำตอบ :ผ้าขาวบาง แผ่นกรองอากาศ สำลี หิน ทราย เป็นต้น) 4) ครชู ี้แจงจุดประสงคใ์ นการเรียนให้แก่นักเรยี นทราบ ขน้ั ที่ 2 สำรวจค้นหา 5) ครูให้นักเรยี นแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 3 - 4 คน เพื่อรว่ มกันออกแบบการทดลองแยกสารผสม ดว้ ยวิธีการกกรอง 6) ครูให้สถานการณ์ “หมบู่ ้านของนักเรยี นมนี ำ้ ปะปาขนุ่ มาก ทำให้ไม่สามารถนำน้ำไปซักผ้า ล้างจานได้ นักเรียนจะมีวิธีการอย่างไรที่จะทำให้น้ำปะปาใสจนสามารถนำไปใช้งานได้” จากนั้นให้นักเรียน ร่วมกันระดมความคิดออกแบบการทดลองเพื่อแยกสารผสมดังกล่าว โดยจะต้องระบุอุปกรณ์ในการทดลอง และวธิ กี ารทดลอง เป็นตน้ 7) ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันระดมความคิดเห็นเพื่อออกแบบการทดลองการแยกสาร เนอื้ ผสมดว้ ยวธิ ีการกรองออกลงในกระดาษบรู๊ฟ ตกแต่งระบายสใี ห้สวยงาม โดยมคี รคู อยอำนวยความสะดวก และให้คำแนะนำนักเรียนเพิ่มเติม

ขนั้ ที่ 3 อธบิ ายความรู้ 8) ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลงานการออกแบบการทดลองแยกสารเนื้อผสมด้วย การกรองหนา้ ช้ันเรียน โดยนักเรยี นคนอืน่ ๆ สามารถแสดงความคิดเห็นเพ่ิมเติมอยา่ งสร้างสรรค์ได้ 9) ครอู ธิบายความรู้เพิ่มเติมใหแ้ ก่นกั เรียนทราบวา่ สารเนือ้ ผสมที่เหมาะสมในการกรอง คือ สารผสมท่ีมีสถานะเป็นของแขง็ ผสมกบั ของเหลว โดยท่ีของแข็งต้องไม่ละลายในของเหลว 10) ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สนทนาเก่ียวกับสารผสมท่ีมีสถานะเป็นของแขง็ ผสมกบั ของเหลว แต่ของแข็งละลายได้ในของเหลวว่า สามารถแยกโดยใช้วิธีการกรองได้หรือไม่เพราะเหตุใด (แนวคำตอบ : ไมไ่ ด้ เพราะเมอ่ื ของแข็งละลายไดใ้ นของเหลว สารละลายทไี่ ดจ้ ะมขี นาดอนุภาคเลก็ กวา่ รขู องกระดาษกรอง) ขั้นท่ี 4 ขยายความเข้าใจ 11) ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับกิจกรรมใน ชีวติ ประจำวนั หรืออาชพี ทีต่ อ้ งมีการแยกสารผสมด้วยวิธีการกรอง จากนนั้ ใหน้ กั เรยี นทำใบงานเรอ่ื ง การกรอง เพือ่ ขยายความเขา้ ใจของนักเรียนเพิ่มเติม 12) ครูใหน้ ักเรยี นทำใบงานเรือ่ ง การกรอง เพื่อขยายความเข้าใจของนักเรียนเพ่ิมเตมิ ขนั้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล 13) ครูสุ่มนักเรียน 2 คน สรุปความรู้ที่ได้จากการทำกิจกรรม เรื่อง การกรอง จากนั้นให้ เพื่อน ๆ ในห้องรว่ มกันแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ 14) ครูต้ังคำถามเพอ่ื ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรยี นในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ - หากนักเรียนจะแยกสารด้วยวธิ กี ารกรอง สารดังกลา่ วตอ้ งเปน็ อยา่ งไรจงึ จะ เหมาะสม (แนวคำตอบ: เปน็ สารผสมระหว่างของเหลวกบั ของแข็งท่ีไม่ละลายในของเหลวน้ัน) - หากนักรยี นจะเลือกวัสดทุ นี่ ำมากรอง จะมหี ลกั การเลอื กอยา่ งไร (แนวคำตอบ: รูพรุนของวัสดทุ จ่ี ะนำมาใช้กรองตอ้ งมขี นาดเลก็ กว่าของแขง็ ในสาร ผสมนน้ั ) 15) ครปู ระเมินนักเรยี นจากการตรวจใบงาน เรอ่ื ง การกรอง และการมสี ่วนรว่ มในการตอบคำถามในชั้นเรียน 11. ส่ือการเรียนรู้ 1) สอ่ื การเรยี นรู้ 1.1) หนงั สือเรยี น วิทยาศาสตร์ ป.6 1.2) ใบงาน เร่ือง การกรอง 2) แหลง่ การเรยี นรู้ 2.1) ห้องเรยี น 2.2) ห้องสมุด

12. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ท่ี วธิ กี าร เครอื่ งมือ เกณฑ์ 1 ตรวจใบงาน แบบประเมนิ การทำงาน รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2 สังเกตพฤตกิ รรมการมีสว่ นรว่ ม แบบสังเกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ การทำงานรายบุคคล ในกจิ กรรม แบบประเมินคณุ ลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ อันพงึ ประสงค์ 3 สังเกตความมีวินัย ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมนั่ ในการทำงาน

บนั ทึกการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ผลการสอน ปัญหาและอุปสรรค ข้อเสนอแนะ/ แนวทางแก้ไข ลงชื่อ ผสู้ อน (นางสาวสกุ าญจนา แก้วขาว) ตำแหนง่ ครโู รงเรยี นวัดศาลาตกึ สิทธิชัยวิศาล วันที่ เดอื น พ.ศ.

แบบประเมนิ แผนการจัดการเรยี นรู้สาระวทิ ยาศาสตร์ ลำดบั เกณฑค์ ณุ ภาพ คณุ ภาพ 321 1 เขียนสาระสำคญั ครอบคลุมองค์ความรู้ แนวปฏบิ ัตคิ ุมคา่ 2 จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมสอดคล้องกบั KAP 3 สาระเรยี นร้คู รอบคลุมเน้ือหา เนอ้ื หา กระบวนการ คุณลกั ษณะ 4 กจิ กรรมการเรียนรู้เนน้ สมอง RL เกิด Active Learning 5 ออกแบบแตล่ ะกจิ กรรมเหมาะสมกับผเู้ รียน 6 ออกแบบการวัดประเมนิ จากชิ้นงานกลมุ่ /เดีย่ วของผเู้ รยี น 7 มคี วามสัมพันธร์ ะหว่างองคป์ ระกอบข้อท1ี่ -6 8 สอื่ การเรยี นรู้สอดคล้อง จุดประสงค์ ตรงเนอ้ื หา น่าสนใจ เหมาะสมกับวยั สะดวกใช้ รวม เฉล่ีย เกณฑก์ ารประเมนิ คณุ ภาพ 2.5 – 3 ระดับ 3 หมายถงึ ดี 1.5 – 2.49 ระดบั 2 หมายถงึ พอใช้ 0 - 1.49 ระดับ 1 หมายถึง ปรับปรุง กิจกรรมเสนอแนะ (ถ้าม)ี ข้อเสนอแนะของหวั หนา้ สถานศึกษาหรือผทู้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ลงชื่อ ผู้ประเมนิ (นายอดุ มศกั ดิ์ เตยี วตอ๋ ย) ตำแหนง่ ผู้อำนวยการโรงเรยี นวดั ศาลาตกึ สิทธิชัยวิศาล วันที่ เดอื น พ.ศ.

ภาคผนวก ใบงานเร่อื ง การกรอง

แบบประเมนิ การทำงานเรือ่ ง ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ เลขที่ ช่อื – นามสกุล รายการประเมนิ รวมคะแนน ผลการ ความ ความ ความตรง (10) ประเมิน 1 ถูกตอ้ ง สวยงาม ต่อเวลา 2 (5) (3) (2) 3 4 ลงช่อื ผู้ประเมนิ 5 ( ) 6 วันท่ี เดือน 7 พ.ศ. 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ 9-10 ดมี าก 7-8 ดี 5-6 พอใช้ 1-4 ต้องปรบั ปรุง

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนการทำงาน รายการ เกณฑก์ ารให้คะแนน ประเมนิ 5 4 3 21 ความถูกต้อง ระบุหรืออธิบาย ระบุหรอื อธบิ าย ระบุหรืออธบิ าย ระบุหรืออธบิ าย ระบหุ รืออธิบาย ความสวยงาม คำตอบทกุ ข้อ คำตอบทุกข้อ คำตอบทกุ ขอ้ คำตอบไม่ครบ คำตอบไม่ครบ ครบถว้ นถูกต้อง ครบถว้ นแต่ ครบถว้ นแต่ ทุกข้อ แต่ ทกุ ขอ้ และ ถกู ต้องบางส่วน ถูกตอ้ งบางส่วน ถกู ต้อง ถูกต้องบางสว่ น (ผดิ 1-2 จดุ ) (ผิดมากกวา่ 2 จุด) ตกแตง่ ระบายสี ตกแต่งระบายสี ตกแตง่ ระบายสี - - สวยงาม สะอาด สวยงาม ใบงานไม่ เรยี บร้อย สะอาด ความตรงต่อ - - ส่งงานตาม สง่ งานช้ากวา่ เวลา - ระยะเวลาท่ี ระยะเวลาท่ี กำหนด กำหนด

แบบสงั เกตพฤติกรรมการมสี ่วนรว่ มในกจิ กรรมชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ท่ี พฤติกรรม ความสนใจ การแสดง การตอบคำถาม การยอมรับ ทำงานท่ีได้รบั ความคดิ เห็น ฟงั คนอนื่ มอบหมาย สรุป ชอ่ื -สกลุ 432143214321432143 2 1 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 เกณฑก์ ารวัดผลให้คะแนนระดบั คุณภาพของแต่ละพฤตกิ รรมดังนี้ ดีมาก = 4 มีความสนใจ ไม่พดู คุยในช้นั ตอบคำถามถูกต้อง ทำงานส่งครบตรงเวลา ดี = 3 การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 70% ปานกลาง = 2 การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 50% ปรบั ปรงุ = 1 เขา้ ชั้นเรียนแต่การแสดงออกนอ้ ยมาก ส่งงานไมค่ รบ ไมต่ รงต่อเวลา ลงช่อื ผสู้ งั เกต ( ) พ.ศ. วนั ที่ เดอื น

แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คำช้แี จง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี น แล้วขดี ✓ ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อนั พึงประสงคด์ ้าน 321 1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาตไิ ด้ 1.2 เขา้ รว่ มกิจกรรมท่ีสร้างความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ กษัตรยิ ์ 1.3 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางศาสนาท่ีตนนับถอื ปฏบิ ัติตามหลกั ศาสนา 1.4 เขา้ ร่วมกจิ กรรมท่เี ก่ยี วกบั สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ตามทีโ่ รงเรียนจดั ขึ้น 2. ซือ่ สตั ย์ สจุ รติ 2.1 ใหข้ อ้ มลู ที่ถูกต้อง และเป็นจริง 2.2 ปฏบิ ตั ิในสง่ิ ทีถ่ กู ตอ้ ง 3. มีวินัย รบั ผดิ ชอบ 3.1 ปฏิบตั ิตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ มคี วามตรงตอ่ เวลา 4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 ร้จู กั ใชเ้ วลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์ และนำไปปฏิบตั ิได้ 4.2 รจู้ กั จดั สรรเวลาให้เหมาะสม 5. อยูอ่ ย่าง 4.3 เชือ่ ฟงั คำส่ังสอนของบิดา-มารดา โดยไม่โตแ้ ยง้ พอเพยี ง 4.4 ตงั้ ใจเรียน 5.1 ใชท้ รัพยส์ นิ และสง่ิ ของของโรงเรียนอยา่ งประหยัด 6. มุ่งมัน่ 5.2 ใชอ้ ปุ กรณก์ ารเรยี นอยา่ งประหยัดและรคู้ ุณคา่ ในการทำงาน 5.3 ใชจ้ ่ายอยา่ งประหยดั และมกี ารเกบ็ ออมเงิน 6.1 มีความตัง้ ใจและพยายามในการทำงานทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย 7. รกั ความเปน็ ไทย 6.2 มคี วามอดทนและไมท่ อ้ แทต้ อ่ อุปสรรคเพื่อใหง้ านสำเรจ็ 7.1 มีจติ สำนึกในการอนรุ กั ษว์ ัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย 8. มีจิตสาธารณะ 7.2 เห็นคุณคา่ และปฏบิ ัตติ นตามวัฒนธรรมไทย 8.1 รู้จกั ชว่ ยพ่อแม่ ผ้ปู กครอง และครทู ำงาน 8.2 ร้จู ักการดแู ล รกั ษาทรัพย์สมบตั แิ ละสิ่งแวดล้อม รวม เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยคร้ัง ให้ 2 คะแนน 46 - 60 ดี ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 1 คะแนน 30 - 45 พอใช้ ต่ำกว่า 30 ปรับปรุง ลงช่อื ผู้สงั เกต ( ) พ.ศ. วันที่ เดอื น

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 8 เรื่อง การทดลองแยกสารด้วยการกรอง กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 6 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 เรอ่ื ง การแยกสารเนื้อผสม เวลา 17 ชว่ั โมง สอนวันท่ี เดอื น พ.ศ. เวลา 1 ชั่วโมง 1. สาระที่ 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ 2. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบตั ิของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพนั ธร์ ะหว่างสมบตั ขิ องสสาร กับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี 3. ตัวชี้วดั ว 2.1 ป.6/1 อธิบายและเปรียบเทียบการแยกสารผสมโดยการหยิบออก การร่อน การใช้แม่เหล็ก ดึงดูด การรินออก การกรอง และการตกตะกอนโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์รวมทั้งระบุวิธีแก้ปัญหา ในชวี ติ ประจำวนั เกยี่ วกบั การแยกสาร 4. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด การกรอง เปน็ การแยกสารผสมทีเ่ ป็นของแข็งมีขนาดใหญ่กวา่ รูพรนุ อปุ กรณ์ในการกรอง และของแขง็ นั้นต้องไม่รวมกบั ของเหลว โดยใช้ตะแกรง ผ้าขาวบาง กระดาษกรอง เปน็ อุปกรณ์ชว่ ยในการแยกสารผสม 5. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1) อธิบายวิธีการแยกสารดว้ ยการกรอง ได้ (K) 2) ทดลองการแยกสารผสมด้วยการกรองได้ (P) 3) รับผดิ ชอบและม่งุ มนั่ ในการทำงานท่ีได้รบั มอบหมาย (A) 6. คุณลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ 1) มีวนิ ยั 2) ใฝ่เรยี นรู้ 3) มุ่งมนั่ ในการทำงาน 7. สมรรถนะท่สี ำคญั 1) ความสามารถในการคิด 1.1) ทักษะการสังเกต 1.2) ทักษะการสำรวจคน้ หา 1.3) ทักษะการจำแนกประเภท 2) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต

8. ทกั ษะกระบวนการคิด การคดิ วิเคราะห์ คิดอย่างมวี ิจารณญาณ 9. เนอื้ หาสาระ การกรอง เป็นวิธีการแยกสารผสมที่มขี องแข็งผสมอยูก่ บั ของเหลว หรือใช้ในการแยกสารแขวนลอย ออกจากน้ำซงึ่ การกรองจะตอ้ งเทสารผสมผ่านอุปกรณ์ทม่ี ีรูพรนุ เชน่ กระดาษกรองสำลี ผ้าขาวบาง หรือ เครอื่ งกรองน้ำ โดยอนภุ าคของแข็งท่ลี อดผา่ นรไู ม่ไดจ้ ะตดิ อยู่บนอปุ กรณน์ นั้ สวนน้ำและสารทลี่ ะลายนำ้ ได้จะ ลอดผ่านรลู งส่ภู าชนะท่ีเตรยี มไว้ 10. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ • วธิ ีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ Inquiry Method : 5E ขน้ั ท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ 1) ครูใหน้ ักเรยี นอภปิ รายรว่ มกันเด่ยี วกบั หลักการแยกสารด้วยวธิ ีการกรอง (แนวคำตอบ: สารผสมนั้นต้องเป็นสารผสมระหว่างของเหลวกับของแข็ง โดยท่ีของแข็งตอ้ งไม่ละลายในของเหลวนั้น) 2) ครใู หน้ กั เรียนดูสารผสม 2 บกี เกอร์ บเี กอร์ท่ี 1 เปน็ นำ้ ผสมกับเกลอื บกี เกอร์ท่ี 2 เป็นนำ้ ผสมกับผงถ่าน จากนั้นใหน้ กั เรยี นรว่ มกันวเิ คราะห์วา่ บกี เกอรืใดสามารถแยกสารด้วยวธิ กี ารกรองได้ (แนว คำตอบ : บีกเกอร์ที่ 2 เพราะผงถ่านไมล่ ะลายนำ้ ส่วนบีกเกอรท์ ี่ 1 เกลือละลายได้ในน้ำ) 3) ครูชแ้ี จงจุดประสงคใ์ นการเรียนให้แกน่ ักเรียนทราบ ขน้ั ท่ี 2 สำรวจคน้ หา 4) ครูแจกสารผสมให้กล่มุ ละ 2 สาร โดยที่บีกเกอร์ท่ี 1 เป็นน้ำผสมนำ้ เกลือ และบกี เกอร์ที่ 2 เปน็ นำ้ ผสมผงถ่าน พร้อมท้งั อปุ กรณ์ทใี่ ช้ในการกรอง 5) ครใู ห้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลมุ่ ละ 3 - 4 คน เพอื่ ทำกจิ กรรมการทดลองเรือ่ ง การทดลองการ แยกสารผสมด้วยการกรอง โดยก่อนการทดลองให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันพิจารณาลักษณะภายนอกของ สารผสม และบันทกึ ผลการทดลองลงในสมุดของตนเอง 6) ครูให้นักเรียนทำการแยกสารด้วยการกรอง กับสารทั้ง 2 บีกเกอร์ และบันทึกผลการ ทดลองลงในสมุดของตนเอง 7) ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอผลการทดลองหน้าชั้นเรียน โดยให้ ลำดบั การนำเสนอเป็นไปตามลำดับเวลาทใ่ี ชใ้ นการแยกสารจากเรว็ ที่สุดไปหาชา้ ทีส่ ดุ รวมไปถงึ ใหน้ กั เรียนท่ที ำ เวลาได้รวดเร็วทส่ี ุดบอกวิธีการหรอื เทคนคิ ที่ทำให้แยกสารได้รวดเรว็ มากยิง่ ข้ึน ข้นั ที่ 3 อธิบายความรู้ 8) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการทดลอง โดยให้นักเรียนมีบทบาทสำคัญในการเสนอ ข้อมูล (จากการทดลองพบว่า เมื่อเทสารทั้งสองผ่านกระดาษกรอง บีกเกอร์ที่ 1 ไม่มีสารค้างอยู่บนกระดาษ กรอง สว่ นบเี กอร์ท่ี 2 มีผงถ่านตดิ อย่บู นกระดาษกรอง สรุปไดว้ า่ สารผสมที่สามารถแยกไดโ้ ดยวธิ ีการกรองต้อง เป็นสารผสมระหว่างของเหลวกบั ของแข็ง โดยท่ขี องแขง็ ต้องไมล่ ะลายในของเหลวน้นั ด้วย)

9) ครูยกตัวอยา่ งสารผสมเพิ่มเติม เช่น “น้ำเชือ่ ม” นักเรียนคิดว่าควรใช้วิธกี ารกรองหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด (แนวคำตอบ :ไม่ควรใช้ เพราะน้ำตาลสามารถละลายนำ้ ได้) ข้นั ที่ 4 ขยายความเข้าใจ 10) ครูให้นักเรียนยกตัวอยา่ งสถานการณ์หรืออุปกรณ์ในชีวติ ประจำวนั ที่ใช้หลักการกรองที่ ตนเองพบเจอ คนละ 5 กิจกรรม จากนั้นแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาเขียนบนกระดาน โดยที่ถ้าตัวอยา่ งของ ใครไม่ซ้ำกับเพื่อนกลุ่มอื่นจะได้คะแนนพิเศษข้อละ 1 คะแนน (แนวคำตอบ : อิสระตามความคิดเห็นของ นกั เรียน) 11) ครูให้นกั เรียนตั้งคำถามที่สนใจเพ่ิมเติมเกี่ยวกับการทดลองแยกสารด้วยการกรอง (แนว คำตอบ : อสิ ระตามความคิดเหน็ ของนักเรยี น เช่น ในการทดลองดว้ ยการกรองช่วยกรองเชอื้ โรคได้หรอื ไม่ เป็น ตน้ ) ขน้ั ท่ี 5 ตรวจสอบผล 12) ครูสมุ่ นกั เรียน 2 คน สรุปความรู้ท่ไี ดจ้ ากการทำกิจกรรม เรอ่ื ง การทดลองแยกสารผสม ดว้ ยการกรอง จากน้ันให้เพื่อน ๆ ในห้องร่วมกันแลกเปลยี่ นความคดิ เหน็ 13) ครูต้งั คำถามเพอื่ ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนในประเดน็ ตา่ ง ๆ ดงั นี้ - เม่ือเทสารผ่านกระดาษกรองไปแล้ว เราจะทราบไดอ้ ย่างไรว่าสารชนิดนัน้ กรองได้ หรอื ไมไ่ ด้ สงั เกตไดจ้ ากอะไร (แนวคำตอบ: สงั เกตวา่ มขี องแข็งคา้ งอยบู่ นกระดาษกรองหรือไม)่ 14) ครูประเมนิ นกั เรียนจากการตรวจใบงาน เร่ือง ประเภทของสารอาหาร บตั รภาพอาหาร และการมสี ่วนร่วมในการตอบคำถามในช้ันเรยี น 11. สอ่ื การเรยี นรู้ 1) ส่ือการเรียนรู้ 1.1) หนงั สือเรยี น วิทยาศาสตร์ ป.6 1.2) ใบงาน เรื่อง การทดลองแยกสารผสมด้วยการกรอง 2) แหล่งการเรียนรู้ 2.1) ห้องเรยี น 2.2) ห้องสมุด

12. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ท่ี วธิ กี าร เครอื่ งมือ เกณฑ์ 1 ตรวจใบงาน แบบประเมนิ การทำงาน รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2 สังเกตพฤตกิ รรมการมีสว่ นรว่ ม แบบสังเกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ การทำงานรายบุคคล ในกจิ กรรม แบบประเมินคณุ ลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ อันพงึ ประสงค์ 3 สังเกตความมีวินัย ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมนั่ ในการทำงาน

บนั ทึกการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ผลการสอน ปัญหาและอุปสรรค ข้อเสนอแนะ/ แนวทางแก้ไข ลงชื่อ ผสู้ อน (นางสาวสกุ าญจนา แก้วขาว) ตำแหนง่ ครโู รงเรยี นวัดศาลาตกึ สิทธิชัยวิศาล วันที่ เดอื น พ.ศ.

แบบประเมนิ แผนการจัดการเรียนรู้สาระวทิ ยาศาสตร์ ลำดบั เกณฑค์ ณุ ภาพ คณุ ภาพ 321 1 เขียนสาระสำคญั ครอบคลุมองค์ความรู้ แนวปฏิบัตคิ ุมคา่ 2 จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมสอดคล้องกบั KAP 3 สาระเรยี นร้คู รอบคลุมเน้ือหา เนอ้ื หา กระบวนการ คุณลกั ษณะ 4 กจิ กรรมการเรียนรู้เนน้ สมอง RL เกิด Active Learning 5 ออกแบบแตล่ ะกจิ กรรมเหมาะสมกับผเู้ รียน 6 ออกแบบการวัดประเมนิ จากชิ้นงานกลมุ่ /เดีย่ วของผเู้ รยี น 7 มคี วามสัมพันธร์ ะหว่างองคป์ ระกอบข้อท1ี่ -6 8 สอื่ การเรยี นรู้สอดคล้อง จุดประสงค์ ตรงเนอ้ื หา น่าสนใจ เหมาะสมกับวยั สะดวกใช้ รวม เฉล่ีย เกณฑก์ ารประเมนิ คณุ ภาพ 2.5 – 3 ระดับ 3 หมายถงึ ดี 1.5 – 2.49 ระดบั 2 หมายถงึ พอใช้ 0 - 1.49 ระดับ 1 หมายถึง ปรับปรุง กิจกรรมเสนอแนะ (ถ้าม)ี ข้อเสนอแนะของหวั หนา้ สถานศึกษาหรือผทู้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ลงช่ือ ผู้ประเมนิ (นายอดุ มศกั ดิ์ เตยี วตอ๋ ย) ตำแหนง่ ผู้อำนวยการโรงเรยี นวดั ศาลาตกึ สิทธิชัยวิศาล วนั ที่ เดอื น พ.ศ.

แบบประเมนิ การทำงานเรือ่ ง ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ เลขที่ ช่อื – นามสกุล รายการประเมนิ รวมคะแนน ผลการ ความ ความ ความตรง (10) ประเมิน 1 ถูกตอ้ ง สวยงาม ต่อเวลา 2 (5) (3) (2) 3 4 ลงช่อื ผู้ประเมนิ 5 ( ) 6 วันท่ี เดือน 7 พ.ศ. 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ 9-10 ดมี าก 7-8 ดี 5-6 พอใช้ 1-4 ต้องปรบั ปรุง

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนการทำงาน รายการ เกณฑก์ ารให้คะแนน ประเมนิ 5 4 3 21 ความถูกต้อง ระบุหรืออธิบาย ระบุหรอื อธบิ าย ระบุหรืออธบิ าย ระบุหรืออธบิ าย ระบหุ รืออธิบาย ความสวยงาม คำตอบทกุ ข้อ คำตอบทุกข้อ คำตอบทกุ ขอ้ คำตอบไม่ครบ คำตอบไม่ครบ ครบถว้ นถูกต้อง ครบถว้ นแต่ ครบถว้ นแต่ ทุกข้อ แต่ ทกุ ขอ้ และ ถกู ต้องบางส่วน ถูกตอ้ งบางส่วน ถกู ต้อง ถูกต้องบางสว่ น (ผดิ 1-2 จดุ ) (ผิดมากกวา่ 2 จุด) ตกแตง่ ระบายสี ตกแต่งระบายสี ตกแตง่ ระบายสี - - สวยงาม สะอาด สวยงาม ใบงานไม่ เรยี บร้อย สะอาด ความตรงต่อ - - ส่งงานตาม สง่ งานช้ากวา่ เวลา - ระยะเวลาท่ี ระยะเวลาท่ี กำหนด กำหนด

แบบสงั เกตพฤติกรรมการมสี ่วนรว่ มในกจิ กรรมชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ท่ี พฤติกรรม ความสนใจ การแสดง การตอบคำถาม การยอมรับ ทำงานท่ีได้รบั ความคดิ เห็น ฟงั คนอนื่ มอบหมาย สรุป ชอ่ื -สกลุ 432143214321432143 2 1 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 เกณฑก์ ารวัดผลให้คะแนนระดบั คุณภาพของแต่ละพฤตกิ รรมดังนี้ ดีมาก = 4 มีความสนใจ ไม่พดู คุยในช้นั ตอบคำถามถูกต้อง ทำงานส่งครบตรงเวลา ดี = 3 การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 70% ปานกลาง = 2 การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 50% ปรบั ปรงุ = 1 เขา้ ชั้นเรียนแต่การแสดงออกนอ้ ยมาก ส่งงานไมค่ รบ ไมต่ รงต่อเวลา ลงช่อื ผสู้ งั เกต ( ) พ.ศ. วนั ที่ เดอื น

แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คำช้แี จง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี น แล้วขดี ✓ ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อนั พึงประสงคด์ ้าน 321 1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาตไิ ด้ 1.2 เขา้ รว่ มกิจกรรมท่ีสร้างความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ กษัตรยิ ์ 1.3 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางศาสนาท่ีตนนับถอื ปฏบิ ัติตามหลกั ศาสนา 1.4 เขา้ ร่วมกจิ กรรมท่เี ก่ยี วกบั สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ตามทีโ่ รงเรียนจดั ขึ้น 2. ซือ่ สตั ย์ สจุ รติ 2.1 ใหข้ อ้ มลู ที่ถูกต้อง และเป็นจริง 2.2 ปฏบิ ตั ิในสง่ิ ทีถ่ กู ตอ้ ง 3. มีวินัย รบั ผดิ ชอบ 3.1 ปฏิบตั ิตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ มคี วามตรงตอ่ เวลา 4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 ร้จู กั ใชเ้ วลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์ และนำไปปฏิบตั ิได้ 4.2 รจู้ กั จดั สรรเวลาให้เหมาะสม 5. อยูอ่ ย่าง 4.3 เชือ่ ฟงั คำส่ังสอนของบิดา-มารดา โดยไม่โตแ้ ยง้ พอเพยี ง 4.4 ตงั้ ใจเรียน 5.1 ใชท้ รัพยส์ นิ และสง่ิ ของของโรงเรียนอยา่ งประหยัด 6. มุ่งมัน่ 5.2 ใชอ้ ปุ กรณก์ ารเรยี นอยา่ งประหยัดและรคู้ ุณคา่ ในการทำงาน 5.3 ใชจ้ ่ายอยา่ งประหยดั และมกี ารเกบ็ ออมเงิน 6.1 มีความตัง้ ใจและพยายามในการทำงานทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย 7. รกั ความเปน็ ไทย 6.2 มคี วามอดทนและไมท่ อ้ แทต้ อ่ อุปสรรคเพื่อใหง้ านสำเรจ็ 7.1 มีจติ สำนึกในการอนรุ กั ษว์ ัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย 8. มีจิตสาธารณะ 7.2 เห็นคุณคา่ และปฏบิ ัตติ นตามวัฒนธรรมไทย 8.1 รู้จกั ชว่ ยพ่อแม่ ผ้ปู กครอง และครทู ำงาน 8.2 ร้จู ักการดแู ล รกั ษาทรัพย์สมบตั แิ ละสิ่งแวดล้อม รวม เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยคร้ัง ให้ 2 คะแนน 46 - 60 ดี ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 1 คะแนน 30 - 45 พอใช้ ต่ำกว่า 30 ปรับปรุง ลงช่อื ผู้สงั เกต ( ) พ.ศ. วันที่ เดอื น

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 9 เรื่อง การใช้แม่เหล็กดึงดูด กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 เรื่อง การแยกสารเนอ้ื ผสม เวลา 17 ชั่วโมง สอนวันท่ี เดือน พ.ศ. เวลา 1 ช่ัวโมง 1. สาระที่ 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ 2. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบตั ิของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสมบัติของสสาร กับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกิรยิ าเคมี 3. ตวั ชี้วดั ว 2.1 ป.6/1 อธิบายและเปรียบเทียบการแยกสารผสมโดยการหยิบออก การร่อน การใช้แม่เหล็ก ดึงดูด การรินออก การกรอง และการตกตะกอนโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์รวมทั้งระบุวิธีแก้ปัญหา ในชีวิตประจำวันเกี่ยวกับการแยกสาร 4. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด การใชแ้ มเ่ หลก็ ดึงดดู เปน็ การแยกสารผสมเมอื่ ของแข็งผสมมสี มบัติในการถูกแม่เหลก็ ดูดได้ โดยใช้ถือ แม่เหลก็ เหนือสารผสม 5. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1) อธบิ ายวิธกี ารแยกสารด้วยการใชแ้ ม่เหล็กดึงดูดได้ (K) 2) ออกแบบขั้นตอนการทดลองการแยกสารผสมด้วยการใช้แม่เหลก็ ดงึ ดดู ได้ (P) 3) รบั ผดิ ชอบและมงุ่ ม่นั ในการทำงานทไี่ ด้รับมอบหมาย (A) 6. คุณลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์ 1) มีวินยั 2) ใฝ่เรียนรู้ 3) มุง่ มัน่ ในการทำงาน 7. สมรรถนะทส่ี ำคญั 1) ความสามารถในการคิด 1.1) ทกั ษะการสงั เกต 1.2) ทกั ษะการสำรวจค้นหา 1.3) ทักษะการจำแนกประเภท 2) ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต

8. ทักษะกระบวนการคดิ การคดิ วเิ คราะห์ คดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ 9. เน้อื หาสาระ การใช้แมเ่ หล็กดงึ ดดู เปน็ วิธีการแยกสารผสมที่ในส่วนประกอบหน่ึงของสารผสมมีสมบัติในการถูก แม่เหลก็ ดงึ ดูดได้ เรยี กว่า สารแม่เหล็ก เชน่ ผงตะไบเหล็ก โดยจะใชอ้ ำนาจแม่เหล็กดงึ ดดู สารแม่เหล็กให้แยก ออกจากสารผสมนั้น 10. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ • วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ Inquiry Method : 5E ขั้นท่ี 1 กระต้นุ ความสนใจ 1) ครูเตรียมอปุ กรณด์ งั น้ี กระดาษ คลิปหนบี กระดาษ ตะปู ไมบ้ รรทัด ผงตะไบเหล็ก เม็ด โฟม ทราย เป็นต้น จากน้นั กระตนุ้ ความคิดของนกั เรยี นโดยการให้นักเรียนจำแนกสารดงั กล่าวออกเปน็ 2 กลมุ่ นกั เรยี นจะใชเ้ กณฑอ์ ะไรในการจำแนก (แนวคำตอบ : การดูดติดแมเ่ หลก็ ) 2) ครูถามตอ่ วา่ นักเรียนคิดวา่ มีวัสดใุ ดบ้างท่สี ามารถดดู ติดแม่เหลก็ ได้ (แนวคำตอบ :คลิป หนีบกระดาษ ตะปู ผงตะไบเหล็ก) 3) ครใู ห้นกั เรียนร่วมกันแลกเปลยี่ นความคิดเห็นว่า สารท่ีสามารถใช้แม่เหลก็ ดูดติดได้ต้องมี ลักษณะอยา่ งไร (แนวคำตอบ : สว่ นใหญจ่ ะเป็นโลหะ ที่มสี ารแม่เหล็กผสมอยู่) 4) ครูชแี้ จงจดุ ประสงคใ์ นการเรยี นใหแ้ ก่นกั เรียนทราบ ขน้ั ท่ี 2 สำรวจคน้ หา 5) ครใู ห้นักเรยี นแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 3 - 4 คน เพอ่ื ร่วมกนั ออกแบบการทดลองสารผสม ดว้ ย วิธกี ารใช้แม่เหลก็ ดดู 6) ครูให้นักเรียนออกแบบการทดลองสารผสมระหวา่ งของแขง็ กบั ของแข็ง ที่มีโลหะผสมอยู่ กบั ไมม่ ี ทสี่ ามารถใช้วิธกี ารใช้แม่เหล็กดงึ ดูดได้ จากน้ันให้นักเรียนรว่ มกันระดมความคิดออกแบบการทดลอง เพือ่ แยกสารผสมดงั กลา่ ว โดยจะต้องระบุอปุ กรณใ์ นการทดลอง และวธิ ีการทดลอง เปน็ ตน้ 7) ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันระดมความคิดเหน็ เพื่อออกแบบการทดลองการแยกสาร เนื้อผสมด้วยวิธีการใช้แม่เหล็กดงึ ดูดลงในกระดาษบรฟู๊ ตกแตง่ ระบายสใี ห้สวยงาม โดยมีครคู อยอำนวยความ สะดวกและให้คำแนะนำนกั เรียนเพ่ิมเติม ขนั้ ท่ี 3 อธิบายความรู้ 8) ครใู ห้นักเรียนแตล่ ะกลุ่มนำเสนอผลงานการออกแบบการทดลองแยกสารเนือ้ ผสมด้วยการ ใช้แม่เหลก็ ดงึ ดูดหนา้ ช้นั เรยี น โดยนักเรียนคนอื่น ๆ สามารถแสดงความคิดเห็นเพิม่ เติมอย่างสรา้ งสรรค์ได้ 9) ครูอธบิ ายความรูเ้ พิ่มเตมิ ใหแ้ กน่ กั เรียนทราบว่าสารเน้อื ผสมท่เี หมาะสมในการใชแ้ ม่เหล็ก ดดู คอื สารผสมท่มี ีสถานะเปน็ ของแข็งและของแขง็ โดยทต่ี อ้ งมขี องแข็งหนงึ่ ชนดิ มีสารแมเ่ หล็กปนอยู่

10) ครูและนกั เรยี นร่วมกันสนทนาเกย่ี วกบั ความแตกตา่ งของการแยกสารดว้ ยวธิ ีการร่อน กับการใช้แม่เหลก็ ดูด เนอื่ งจากทง้ั สองวธิ ีเหมอื นกันคือ เป็นวธิ กี ารท่ีใช้ในการแยกสารผสมทเ่ี ปน็ ของแขง็ กบั ของแขง็ แต่จะแตกต่างกันตรงที่หากใช้วิธกี ารใช้แมเ่ หล็กดงึ ดูด ของแขง็ ตอ้ งมีสารแมเ่ หล็กปนอย่ดู ว้ ย แตก่ าร ร่อนจะดูท่ีขนาดของของแข็งใหแ้ ตกต่างกัน ข้ันที่ 4 ขยายความเข้าใจ 11) ครใู หน้ กั เรยี นร่วมกนั อภปิ รายปัจจัยทม่ี ผี ลต่อการดงึ ดูดของแมเ่ หล็กคอื อะไร (แนว คำตอบ : ขนาดของรตู ะแกรง หากขนาดของรตู ะแกรงกว้างเกินไปอาจจะทำใหส้ ารผสมท้ังหมดหล่นผา่ นรขู อง ตะแกรงได้) 12) ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับกิจกรรมใน ชีวิตประจำวันหรืออาชีพที่ต้องมีการแยกสารผสมด้วยวิธีการหยิบออก จากนั้นให้นักเรียนทำใบงานเรื่อง การใช้แม่เหล็กดึงดดู เพ่ือขยายความเขา้ ใจของนกั เรยี นเพมิ่ เตมิ 13) ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั เฉลยคำตอบในใบงานเรอื่ ง การใช้แม่เหลก้ ดงึ ดดู โดยให้นักเรยี นมี บทบาทสำคัญในการใหข้ ้อมูล สว่ นครคู อยเพ่ิมเติมเนอ้ื หาใหค้ รบถ้วนสมบูรณ์มากย่งิ ขึ้น ข้ันที่ 5 ตรวจสอบผล 14) ครูสุ่มนักเรียน 2 คน สรุปความรู้ที่ได้จากการทำกิจกรรม เรื่อง การใช้แม่เหล็กดึงดูด จากน้ันใหเ้ พ่ือน ๆ ในหอ้ งรว่ มกันแลกเปลี่ยนความคดิ เหน็ 15) ครูต้งั คำถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจของนักเรยี นในประเดน็ ต่าง ๆ ดงั น้ี - หากนกั เรยี นต้องการแยกสารผสมดว้ ยวธิ ีการใช้แมเ่ หลก็ ดูด สารผสมนั้นต้องมี ลักษณะอย่างไร (แนวคำตอบ: เปน็ ของแข็งผสมกับของแขง็ โดยท่ีตอ้ งมีของแขง็ หน่งึ ชนดิ ตอ้ งมสี ารแมเ่ หลก็ ปนอย)ู่ - นักเรยี นยกตวั อย่างของผสมทส่ี ามารถใช้ วธิ ีการแยกสารโดยใชแ้ ม่เหลก็ ดึงดดู ได้ (แนวคำตอบ: ผงตะไบเหล็กกบั ผงกำมะถนั หรอื ผงตะไบเหล็กกบั ทราย เป็นตน้ ) 16) ครูประเมินนกั เรยี นจากการตรวจใบงาน เรอื่ ง การใช้แมเ่ หลก็ ดงึ ดดู และการมีส่วนรว่ มในการตอบคำถามในช้ันเรียน 11. สือ่ การเรยี นรู้ 1) สื่อการเรยี นรู้ 1.1) หนงั สอื เรยี น วทิ ยาศาสตร์ ป.6 1.2) ใบงาน เร่อื ง การใชแ้ มเ่ หล็กดงึ ดดู 2) แหล่งการเรียนรู้ 2.1) ห้องเรยี น 2.2) หอ้ งสมดุ

12. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ท่ี วธิ กี าร เครอื่ งมือ เกณฑ์ 1 ตรวจใบงาน แบบประเมนิ การทำงาน รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2 สังเกตพฤตกิ รรมการมีสว่ นรว่ ม แบบสังเกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ การทำงานรายบุคคล ในกจิ กรรม แบบประเมินคณุ ลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ อันพงึ ประสงค์ 3 สังเกตความมีวินัย ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมนั่ ในการทำงาน

บนั ทึกการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ผลการสอน ปัญหาและอุปสรรค ข้อเสนอแนะ/ แนวทางแก้ไข ลงชื่อ ผสู้ อน (นางสาวสกุ าญจนา แก้วขาว) ตำแหนง่ ครโู รงเรยี นวัดศาลาตกึ สิทธิชัยวิศาล วันที่ เดอื น พ.ศ.

แบบประเมนิ แผนการจัดการเรียนรู้สาระวทิ ยาศาสตร์ ลำดบั เกณฑค์ ณุ ภาพ คณุ ภาพ 321 1 เขียนสาระสำคญั ครอบคลุมองค์ความรู้ แนวปฏิบัตคิ ุมคา่ 2 จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมสอดคล้องกบั KAP 3 สาระเรยี นร้คู รอบคลุมเน้ือหา เนอ้ื หา กระบวนการ คุณลกั ษณะ 4 กจิ กรรมการเรียนรู้เนน้ สมอง RL เกิด Active Learning 5 ออกแบบแตล่ ะกจิ กรรมเหมาะสมกับผเู้ รียน 6 ออกแบบการวัดประเมนิ จากชิ้นงานกลมุ่ /เดีย่ วของผเู้ รยี น 7 มคี วามสัมพันธร์ ะหว่างองคป์ ระกอบข้อท1ี่ -6 8 สอื่ การเรยี นรู้สอดคล้อง จุดประสงค์ ตรงเนอ้ื หา น่าสนใจ เหมาะสมกับวยั สะดวกใช้ รวม เฉล่ีย เกณฑก์ ารประเมนิ คณุ ภาพ 2.5 – 3 ระดับ 3 หมายถงึ ดี 1.5 – 2.49 ระดบั 2 หมายถงึ พอใช้ 0 - 1.49 ระดับ 1 หมายถึง ปรับปรุง กิจกรรมเสนอแนะ (ถ้าม)ี ข้อเสนอแนะของหวั หนา้ สถานศึกษาหรือผทู้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ลงช่ือ ผู้ประเมนิ (นายอดุ มศกั ดิ์ เตยี วตอ๋ ย) ตำแหนง่ ผู้อำนวยการโรงเรยี นวดั ศาลาตกึ สิทธิชัยวิศาล วนั ที่ เดอื น พ.ศ.

ภาคผนวก

แบบประเมนิ การทำงานเรือ่ ง ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ เลขที่ ช่อื – นามสกุล รายการประเมนิ รวมคะแนน ผลการ ความ ความ ความตรง (10) ประเมิน 1 ถูกตอ้ ง สวยงาม ต่อเวลา 2 (5) (3) (2) 3 4 ลงช่อื ผู้ประเมนิ 5 ( ) 6 วันท่ี เดือน 7 พ.ศ. 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ 9-10 ดมี าก 7-8 ดี 5-6 พอใช้ 1-4 ต้องปรบั ปรุง

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนการทำงาน รายการ เกณฑก์ ารให้คะแนน ประเมนิ 5 4 3 21 ความถูกต้อง ระบุหรืออธิบาย ระบุหรอื อธบิ าย ระบุหรืออธบิ าย ระบุหรืออธบิ าย ระบหุ รืออธิบาย ความสวยงาม คำตอบทกุ ข้อ คำตอบทุกข้อ คำตอบทกุ ขอ้ คำตอบไม่ครบ คำตอบไม่ครบ ครบถว้ นถูกต้อง ครบถว้ นแต่ ครบถว้ นแต่ ทุกข้อ แต่ ทกุ ขอ้ และ ถกู ต้องบางส่วน ถูกตอ้ งบางส่วน ถกู ต้อง ถูกต้องบางสว่ น (ผดิ 1-2 จดุ ) (ผิดมากกวา่ 2 จุด) ตกแตง่ ระบายสี ตกแต่งระบายสี ตกแตง่ ระบายสี - - สวยงาม สะอาด สวยงาม ใบงานไม่ เรยี บร้อย สะอาด ความตรงต่อ - - ส่งงานตาม สง่ งานช้ากวา่ เวลา - ระยะเวลาท่ี ระยะเวลาท่ี กำหนด กำหนด

แบบสงั เกตพฤติกรรมการมสี ่วนรว่ มในกจิ กรรมชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ท่ี พฤติกรรม ความสนใจ การแสดง การตอบคำถาม การยอมรับ ทำงานท่ีได้รบั ความคดิ เห็น ฟงั คนอนื่ มอบหมาย สรุป ชอ่ื -สกลุ 432143214321432143 2 1 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 เกณฑก์ ารวัดผลให้คะแนนระดบั คุณภาพของแต่ละพฤตกิ รรมดังนี้ ดีมาก = 4 มีความสนใจ ไม่พดู คุยในช้นั ตอบคำถามถูกต้อง ทำงานส่งครบตรงเวลา ดี = 3 การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 70% ปานกลาง = 2 การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 50% ปรบั ปรงุ = 1 เขา้ ชั้นเรียนแต่การแสดงออกนอ้ ยมาก ส่งงานไมค่ รบ ไมต่ รงต่อเวลา ลงช่อื ผสู้ งั เกต ( ) พ.ศ. วนั ที่ เดอื น

แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คำช้แี จง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี น แล้วขดี ✓ ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อนั พึงประสงคด์ ้าน 321 1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาตไิ ด้ 1.2 เขา้ รว่ มกิจกรรมท่ีสร้างความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ กษัตรยิ ์ 1.3 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางศาสนาท่ีตนนับถอื ปฏบิ ัติตามหลกั ศาสนา 1.4 เขา้ ร่วมกจิ กรรมท่เี ก่ยี วกบั สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ตามทีโ่ รงเรียนจดั ขึ้น 2. ซือ่ สตั ย์ สจุ รติ 2.1 ใหข้ อ้ มลู ที่ถูกต้อง และเป็นจริง 2.2 ปฏบิ ตั ิในสง่ิ ทีถ่ กู ตอ้ ง 3. มีวินัย รบั ผดิ ชอบ 3.1 ปฏิบตั ิตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ มคี วามตรงตอ่ เวลา 4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 ร้จู กั ใชเ้ วลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์ และนำไปปฏิบตั ิได้ 4.2 รจู้ กั จดั สรรเวลาให้เหมาะสม 5. อยูอ่ ย่าง 4.3 เชือ่ ฟงั คำส่ังสอนของบิดา-มารดา โดยไม่โตแ้ ยง้ พอเพยี ง 4.4 ตงั้ ใจเรียน 5.1 ใชท้ รัพยส์ นิ และสง่ิ ของของโรงเรียนอยา่ งประหยัด 6. มุ่งมัน่ 5.2 ใชอ้ ปุ กรณก์ ารเรยี นอยา่ งประหยัดและรคู้ ุณคา่ ในการทำงาน 5.3 ใชจ้ ่ายอยา่ งประหยดั และมกี ารเกบ็ ออมเงิน 6.1 มีความตัง้ ใจและพยายามในการทำงานทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย 7. รกั ความเปน็ ไทย 6.2 มคี วามอดทนและไมท่ อ้ แทต้ อ่ อุปสรรคเพื่อใหง้ านสำเรจ็ 7.1 มีจติ สำนึกในการอนรุ กั ษว์ ัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย 8. มีจิตสาธารณะ 7.2 เห็นคุณคา่ และปฏบิ ัตติ นตามวัฒนธรรมไทย 8.1 รู้จกั ชว่ ยพ่อแม่ ผ้ปู กครอง และครทู ำงาน 8.2 ร้จู ักการดแู ล รกั ษาทรัพย์สมบตั แิ ละสิ่งแวดล้อม รวม เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยคร้ัง ให้ 2 คะแนน 46 - 60 ดี ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 1 คะแนน 30 - 45 พอใช้ ต่ำกว่า 30 ปรับปรุง ลงช่อื ผู้สงั เกต ( ) พ.ศ. วันที่ เดอื น

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 10 เร่ือง การทดลองแยกสารดว้ ยการใช้แม่เหลก็ ดงึ ดดู กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 6 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 เรื่อง การแยกสารเน้อื ผสม เวลา 17 ชว่ั โมง สอนวนั ท่ี เดือน พ.ศ. เวลา 1 ช่วั โมง 1. สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 2. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบตั ิของสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสมั พันธร์ ะหวา่ งสมบัตขิ องสสาร กับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกดิ ปฏิกิริยาเคมี 3. ตัวช้วี ดั ว 2.1 ป.6/1 อธิบายและเปรียบเทียบการแยกสารผสมโดยการหยิบออก การร่อน การใช้แม่เหล็ก ดึงดูด การรินออก การกรอง และการตกตะกอนโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์รวมทั้งระบุวิธีแก้ปัญหา ในชีวิตประจำวันเก่ยี วกับการแยกสาร 4. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด การใชแ้ มเ่ หลก็ ดงึ ดดู เปน็ การแยกสารผสมเมื่อของแขง็ ผสมมสี มบัติในการถกู แมเ่ หล็กดดู ได้ โดยใช้ถือ แมเ่ หล็กเหนอื สารผสม 5. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) อธบิ ายวิธกี ารแยกสารดว้ ยการใช้แม่เหล็กดงึ ดูดได้ (K) 2) ทดลองการแยกสารผสมด้วยการใช้แม่เหลก็ ดึงดูดได้ (P) 3) รับผิดชอบและมุ่งม่ันในการทำงานท่ีได้รบั มอบหมาย (A) 6. คณุ ลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ 1) มีวินัย 2) ใฝ่เรียนรู้ 3) มุ่งม่นั ในการทำงาน 7. สมรรถนะที่สำคญั 1) ความสามารถในการคิด 1.1) ทกั ษะการสังเกต 1.2) ทกั ษะการสำรวจค้นหา 1.3) ทักษะการจำแนกประเภท 2) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต

8. ทกั ษะกระบวนการคิด การคดิ วเิ คราะห์ คดิ อยา่ งมีวิจารณญาณ 9. เน้อื หาสาระ การใชแ้ ม่เหล็กดึงดูด เป็นวธิ ีการแยกสารผสมทใ่ี นส่วนประกอบหน่งึ ของสารผสมมสี มบตั ิในการถูก แม่เหล็กดงึ ดดู ได้ เรยี กว่า สารแม่เหล็ก เชน่ ผงตะไบเหล็ก โดยจะใชอ้ ำนาจแม่เหล็กดึงดดู สารแมเ่ หลก็ ใหแ้ ยก ออกจากสารผสมนั้น 10. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ • วธิ สี อนแบบสืบเสาะหาความรู้ Inquiry Method : 5E ข้นั ที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ 1) ครใู ห้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเกย่ี วกบั ลักษณะของสารผสมท่สี ามารถใชว้ ธิ กี ารใช้แมเ่ หลก็ ดงึ ดดู (แนวคำตอบ: เป็นของแขง็ ผสมกบั ของแขง็ โดยท่ีตอ้ งมีของแข็งหน่งึ ชนดิ ตอ้ งมีสารแมเ่ หลก็ ปนอย่)ู 2) ครูสุ่มตวั แทนนักเรยี น 2 - 3 คน ออกมานำเสนอการออกแบบวิธกี ารทดลองสารผสมด้วย การใช้แมเ่ หล็กดงึ ดูดจากชว่ั โมงท่ีแล้วหนา้ ช้นั เรยี นเพื่อทบทวนความรูข้ องนกั เรยี นเกยี่ วกบั การใช้แม่เหล็ก ดงึ ดดู 3) ครชู ีแ้ จงจดุ ประสงค์ในการเรยี นใหแ้ กน่ กั เรยี นทราบ ขัน้ ท่ี 2 สำรวจคน้ หา 4) ครแู จกสารผสมกลุ่มละ 1 อย่าง คือ เมลด็ ข้าวเปลือกผสมกับผงเหลก็ พรอ้ มทั้งอปุ กรณ์ใน การทดลอง 5) ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุ่มสงั เกตลกั ษณะของสารเนอ้ื ผสมที่ประกอบด้วยเมล็ดข้าวเปลือกและ ผงเหลก็ พร้อมทั้งออกแบบตารางบันทกึ ผลการทดลอง 6) อภิปรายเพ่ือหาวิธีการตา่ ง ๆ ในการแยกผงเหล็กออกจากเมลด็ ข้าวเปลอื กโดยใช้อุปกรณ์ ที่กำหนดให้ และบันทึกผล 7) แยกผงเหล็กออกจากเมลด็ ข้าวเปลือกตามวิธีท่ีเลือก สังเกตและบันทกึ ผล 8) อภิปรายเกี่ยวกบั วธิ ีการแยกสารของแต่ละกลุ่ม พร้อมทั้งวิเคราะห์ข้อดแี ละขอ้ จำกัดของ วิธที ่ีเลอื ก ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายความรู้ 9) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการทดลอง โดยให้นักเรียนมีบทบาทสำคัญในการเสนอ ขอ้ มูล (จากการทดลองพบว่า สารผสมระหว่างเมล็ดข้าวเปลือกกับผงเหล็ก เมอ่ื ใชแ้ ม่เหล็กไปดูดบริเวณใกล้ๆ ผงตะไบเหลก็ จะดูดตดิ ข้ึนมากบั แท่งแม่เหล็ก ทำใหส้ ามารถแยกเมล็ดข้าวเปลือกกบั ผงเหล็กได้ ) 10) ครูยกตัวอยา่ งสถานการณ์ “หากสารผสมมีเหล็กทมี่ ีขนาดค่อนข้างใหญ่” นักเรียนคิดว่า ควรใชว้ ิธีการหยบิ ออกหรอื ใช้แมเ่ หล็กดูดเพราะเหตุใด (แนวคำตอบ : หยบิ ออก เพราะสะดวกและรวดเร็วกว่า

เพราะเหล็กมีขนาดใหญ่สามารถหยิบได้ วิธีการใช้แม่เหล็กดูดควรใชก้ ับสารผสมท่ีผสมกบั ผงเหล็กขนาดเล็กที่ ไม่สามารถหยิบออกทลี ะช้นิ ได้) ขั้นท่ี 4 ขยายความเข้าใจ 11) ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับกิจกรรมใน ชีวิตประจำวนั หรอื อาชพี ท่ตี ้องมีการแยกสารผสมดว้ ยวิธกี ารใชแ้ ม่เหล็กดึงดูด จากนนั้ ให้นักเรยี นทำใบงานเรื่อง การทดลองแยกสารด้วยการใช้แม่เหล็กดึงดดู เพื่อขยายความเขา้ ใจของนักเรียนเพิ่มเตมิ 12) ครูให้นักเรียนทำใบงานเรื่อง การทดลองแยกสารด้วยการใช้แม่เหล็กดึงดูด เพื่อขยาย ความเขา้ ใจของนักเรียนเพม่ิ เตมิ ขน้ั ท่ี 5 ตรวจสอบผล 13) ครูสุ่มนกั เรียน 2 คน สรปุ ความรูท้ ไ่ี ด้จากการทำกิจกรรม เรื่อง การทดลองแยกสารด้วย การใช้แม่เหลก็ ดึงดูด จากน้นั ให้เพอื่ น ๆ ในห้องรว่ มกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็น 14) ครูตง้ั คำถามเพ่ือตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรียนในประเดน็ ตา่ ง ๆ ดังนี้ - หากนักเรยี นต้องการแยกสารผสมดว้ ยวธิ ีการใช้แมเ่ หลก็ ดดู จะมีวิธีการอย่างไร (แนวคำตอบ: นำแมเ่ หล็กไปเข้าใกล้สารผสมทมี่ ีสารแม่เหลก็ ผสมอยู่ สารแม่เหล็กจะ ดูดตดิ แม่เหลก็ ออกไป) - นักเรยี นคดิ วา่ สารประเภทใดจะมีสารแม่เหล็กปนอยู่ (แนวคำตอบ: โลหะ) 15) ครูประเมินนักเรียนจากการตรวจใบงาน เรื่อง การทดลองแยกสารด้วยการใช้แม่เหล็ก ดงึ ดูด และการมีสว่ นร่วมในการตอบคำถามในชัน้ เรยี น 11. ส่ือการเรยี นรู้ 1) สอ่ื การเรียนรู้ 1.1) หนังสือเรยี น วทิ ยาศาสตร์ ป.6 1.2) ใบงาน เร่อื ง การทดลองแยกสารดว้ ยการใช้แมเ่ หลก็ ดึงดดู 2) แหลง่ การเรียนรู้ 2.1) หอ้ งเรียน 2.2) หอ้ งสมุด


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook