Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เครื่องมือการวิจัย

เครื่องมือการวิจัย

Published by สุภาภรณ์ เวชกุล, 2022-08-11 12:36:23

Description: เครื่องมือการวิจัย

Search

Read the Text Version

เครื่องมือและการเกบ็ รวบรวมข้อมูล ดร. กรรณิกา เรืองเดช ชาวสวนศรีเจริญ

Research Design Purpose of the Type of Extent of researcher Study Setting Measurement and measures study investigation interference Operational definition Establishing: Minimal: Studying Items (measure) Scaling, Coding Explore - Causal events as they Contrived Categorizing Description relationships normally occur Noncontrived Data-collection Data Analysis method 1. Feel for data Hypothesis -Correlations Manipulation and/or Observation Interview 2. Goodness of P testing control simulation Questionnaire data R 3. Hypotheses testing O BL E M S T A T E Unit of Sampling Time M analysis design horizon E Individuals N Dyads Probability/ One-shot T Groups nonprobability (crossectional) Sample size (n) Organizations, Longitudinal etc.

ข้อมูล (Data) • ขอ้ มูลปฐมภูมิ (primary data) • ขอ้ มูลทุติยภูมิ (secondary data)

การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล คอื การดาเนนิ การที่จะทาใหไ้ ดข้ อ้ เท็จจรงิ ประจกั ษพ์ ยาน หลกั ฐานต่างๆ ท่ีจะใชใ้ นการประเมินจาแนกได้ 2 ประเภท 1. การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลจากแหล่งปฐมภมู ิ เป็ นวิธีการเกบ็ รวบรวม ขอ้ มูลโดยตรงจากแหลง่ ผูใ้ หข้ อ้ มูลดว้ ยวิธีต่างๆ เช่น สอบถาม สนทนา สมั ภาษณ์ สงั เกต ทดสอบ ประชมุ ระดมสมอง เป็ นตน้ 2. การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลจากแหลง่ ทุติยภูมิ เป็ นการรวบรวมขอ้ มูลท่ีมี อยูเ่ ดมิ แลว้ เช่น จากเอกสาร รายงานประจาปี

เคร่ืองมือการวจิ ัยโดยทว่ั ไปแล้วจะมีอยู่ 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ 1. เคร่ืองมือทเี่ ป็ น อุปกรณ์ (Materials) เป็นเคร่ืองมือท่ีใชเ้ พื่อใหก้ ลุ่ม ตวั อยา่ งเรียนรู้ หรือทากิจกรรม อุปกรณ์เหล่าน้ี ไดแ้ ก่ สื่อท่ีสามารถรับรู้ ไดโ้ ดยผา่ นประสาทสมั ผสั ส่วนใหญ่เป็นประสาทสมั ผสั ทางตาและทางหู เช่น ชุดการเรียนดว้ ยตนเอง ชุดการสอน แผนการสอน วีดิทศั น์ CAI เป็น ตน้ 2ม. เกัคใร่ืชองใ้ มนือขว้นัดต(Mอนeaขsอurงeกs)ารเปใ็นหเคต้ รวั ื่อแงปมรือท่ีใดชลว้ อดั งลกั รษณีทะหี่เปร็ือนคกุณาสรวมิจบยัตเิตช่าิงง ๆ ขอทงกดลลุม่ อตงวั อยา่ ง ซ่ึงเป็นขอ้ มูลของตวั แปรท่ีศึกษา เคร่ืองมือประเภทน้ีกค็ ือ เคร่ืองมือใน การรวบร2ว.มเคขรอ้ ื่อมงูลมนือนั่ วเอัดง(Measures) เป็นเคร่ืองมือท่ีใชว้ ดั ลกั ษณะหรือ คุณสมบตั ิต่าง ๆ ของกลุ่มตวั อยา่ ง ซ่ึงเป็นขอ้ มูลของตวั แปรท่ีศึกษา เคร่ืองมือประเภทน้ีกค็ ือ เครื่องมือในการรวบรวมขอ้ มูลนน่ั เอง

การเลือกใช้วธิ ีการเกบ็ รวบรวมข้อมูล ผวู้ จิ ยั ตอ้ งพิจารณาถึง • ลกั ษณะของกล่มุ เป้าหมาย : กลุ่มคน ระดบั การศึกษา ประเพณีและ วฒั นธรรม • ตัวแปรทต่ี ้องการวดั : จะวดั อะไร พฤติกรรม ทศั นคติ เหตกุ ารณ์ที่ เกิดข้ึนจริง • ระยะเวลาทใ่ี ช้ : มีเวลามาก หรือ มีเวลานอ้ ย

ขนั้ ตอนการสรา้ งเครอื่ งมือวิจยั 1. กาหนดสง่ิ ที่ตอ้ งการจะวดั 2. นยิ ามสงิ่ ที่ตอ้ งการวดั 3. เลอื กประเภทของเครอื่ งมือ 4. สรา้ งเครอ่ื งมือ 5. ตรวจสอบคณุ ภาพของเครอื่ งมือ 6. ปรบั ปรงุ คุณภาพ

1. กาหนดสง่ิ ท่ีตอ้ งการจะวดั ตอ้ งการขอ้ มูลอะไรบา้ ง ขอบเขตของสงิ่ ที่ตอ้ งการจะวดั มาตราของสงิ่ ท่ีตอ้ งการวดั

ตวั อยา่ งงานวิจยั ชอื่ งานวิจยั การศกึ ษาความรแู้ ละความตระหนกั อนั ตรายของนา้ มนั ทอดซา้ ของผูบ้ รโิ ภคอาหารทอดของรา้ นอาหารแผงลอยในเขตเทศบาล นครตรงั ตวั แปรที่ศกึ ษา ?????????? ประชากรและกล่มุ ตวั อยา่ ง ประชากร : ??????????? กล่มุ ตวั อย่าง : ??????????

ตวั อย่างงานวิจยั ชอ่ื งานวิจยั การศกึ ษาความรแู้ ละความตระหนกั อนั ตรายของนา้ มนั ทอดซา้ ของ ผูบ้ รโิ ภคอาหารทอดของรา้ นอาหารแผงลอยในเขตเทศบาลนครตรงั ตวั แปรท่ีศกึ ษา ความรแู้ ละความตระหนกั อนั ตรายของนา้ มนั ทอดซา้ ประชากรและกล่มุ ตวั อยา่ ง ประชากร : ความรแู้ ละความตระหนกั อนั ตรายของนา้ มนั ทอดซา้ เดอื น พ.ย.-ธ.ค.58 กล่มุ ตวั อย่าง : ความรแู้ ละความตระหนกั อนั ตรายของนา้ มนั ทอดซา้ เดอื น พ.ย.-ธ.ค. 58 จานวน 400 คน

มาตรวดั ตัวแปร/ระดบั ในการวดั ตวั แปร ขอ้ มูลเป็นสญั ลกั ษณ์หรือตวั เลขท่ีบอกลกั ษณ์ อาการหรือปริมาณท่ี ตอ้ งการศึกษา และไดม้ าจากการนบั หรือวดั และสามารถแบ่งระดบั ได้ 4 ระดบั ดงั น้ี 1. มาตรนามบัญญตั ิ (nominal scale) 2. มาตรอนั ดับ (ordinal scale) 3. มาตรอนั ตรภาคช้ัน (interval scale) 4. มาตรอตั ราส่วน (ratio scale)

มาตรวดั ตวั แปร/ระดบั ในการวดั ตัวแปร 1. มาตรนามบญั ญตั ิ (nominal :scale) • เป็นการวดั ในระดบั ง่าย ๆ • เป็นการแบ่ง “กลุ่ม” จาแนกประเภทตวั แปร • การแบ่งกลุ่มตอ้ งแยกกนั อยา่ งเดด็ ขาด และตอ้ งครอบคลุมขอ้ มูลท้งั หมดท่ีมี • เน่ืองจากการวดั ในระดบั น้ีเป็นการจดั กลุ่ม ขอ้ มูลจึงไม่สามารถนาไป คานวณ (+ −  ) ได้ • ไม่สามารถเรียงลาดบั หรือบอกปริมาณความแตกต่างได้

มาตรวดั ตวั แปร/ระดบั ในการวดั ตวั แปร การวดั ระดบั แบ่งกลุม่ มีคุณสมบตั ิที่สาคญั ดงั น้ี 1.1 สมาชิกในกลุม่ เดียวกนั มีความเท่าเทียมกนั มีคุณสมบตั ิและค่าเหมือนกนั 1.2 ตวั เลขหรือสัญลกั ษณ์ที่กาหนดกลุ่มมีลกั ษณะเพยี งบอกชื่อเท่าน้นั ไม่มี ความหมายเชิงปริมาณ จึงนาไป + −   ไม่ได้ 1.3 ตวั เลขหรือสญั ลกั ษณ์ท่ีกาหนดใหแ้ ทนกลุม่ แลว้ จะตอ้ งใชแ้ ทนกลุม่ น้นั ตลอดไป จะใชแ้ ทนกลุม่ อ่ืนหรือประเภทอ่ืนไม่ได้ 1.4 ตวั เลขหรือสัญลกั ษณ์มีคุณสมบตั ิเชิงคุณภาพ คือ ป็นขอ้ มูลเชิงคุณภาพและ ไม่ต่อเน่ือง (discrete data)

มาตรวดั ตวั แปร/ระดับในการวดั ตัวแปร ตวั อยา่ ง 1. เพศ (1) ชาย (2)หญิง 2. ในแต่ละวนั คุณทากิจกรรมใดเหล่าน้ีบา้ ง (1)โทรทศั น์ (2) วิทยุ (3) หนงั สือพมิ พ์ (4)อินเตอร์เน็ต ขอ้ สงั เกต หมายเลขต่าง ๆ เป็นการแยกกลุ่มเท่าน้นั ไม่สามารถนามาเปรียบไดเ้ ปรียบ เทียบวา่ ใครดีกวา่ ใคร หรือช่องทางไหนดีกวา่ กนั

มาตรวดั ตัวแปร/ระดบั ในการวดั ตวั แปร 2. มาตรอนั ดับ (ordinal scale) : • แบ่งแยกเป็นกลุม่ เป็นประเภทได้ • สามารถเรียงลาดบั หรือบ่งบอกระดบั มาก – นอ้ ย ได้ • แต่ไม่สามารถบอกปริมาณความแตกต่างได้

มาตรวดั ตวั แปร/ระดบั ในการวดั ตัวแปร การวดั ระดบั เรียงอนั ดบั มีคุณสมบตั ิที่สาคญั ดงั น้ี 2.1 การจดั กลุม่ หรือการจดั ประเภทเพอื่ เรียงอนั ดบั จะตอ้ งใชเ้ พียงเกณฑเ์ ดียวเป็น หลกั จะใชห้ ลายเกณฑพ์ ร้อมกนั ไม่ได้ 2.2 แตล่ ะกลุม่ ที่แบ่ง ใชเ้ ปรียบเทียบกนั ได้ แตเ่ ปรียบเทียบกนั เฉพาะวา่ กลุ่มใด มากกวา่ หรือนอ้ ยกวา่ กลุ่มใด ไม่สามารถบอกไดว้ า่ มากกวา่ หรือนอ้ ยกวา่ กนั เท่าใด 2.3 ขอ้ มูลท่ีวดั ได้ ไม่สามารถนาไป + −   ได้ 2.4 ตวั เลขหรือสัญลกั ษณ์มีคุณสมบตั ิเชิงคุณภาพ เป็นขอ้ มูลเชิงคุณภาพและไม่ ตอ่ เน่ือง (discrete data)

มาตรวดั ตัวแปร/ระดับในการวดั ตัวแปร ตวั อยา่ ง 1. ช่องทางการสื่อสารการตลาดที่ใช้ (กรุณาเรียงลาดบั โดยใชห้ มายเลข 1 แทน ช่องทางที่ใชบ้ ่อยท่ีสุด) __ โทรทศั น์ __ วิทยุ __ หนงั สือพิมพ์ __ อินเตอร์เน็ต __ ใบปลิว

มาตรวดั ตวั แปร/ระดบั ในการวดั ตวั แปร 3. มาตรอนั ตรภาค (interval scale) : • แบ่งแยกเป็นกลุ่ม เป็นประเภทได้ • สามารถเรียงลาดบั หรือบ่งบอกระดบั มาก – นอ้ ย ได้ • แตล่ ะกลุ่มท่ีแบ่งน้นั มีความห่างเท่ากนั สามารถบอกไดว้ า่ มากกวา่ หรือนอ้ ย กวา่ เท่าใด • ไม่มีคา่ ที่เป็นศูนยแ์ ท้

มาตรวดั ตัวแปร/ระดับในการวดั ตัวแปร การวดั ระดบั ช่วงมีคุณสมบตั ิท่ีสาคญั ดงั น้ี 2.1 กลุม่ หรือประเภทที่แบ่งจะห่างกนั เป็ นช่วง ๆ และแต่ละช่วงจะมีคา่ ความห่าง เท่ากนั 2.2 จุดเร่ิมตน้ ของสิ่งที่วดั ไม่มีจุดเร่ิมตน้ ท่ีเป็ นศูนยแ์ ท้ ท่ีเห็นเป็นศูนยน์ ้นั เป็น เพยี งศูนยส์ มั พนั ธ์หรือศูนยเ์ ทียม ท่ีสมมติข้ึนใหเ้ ป็นศูนยเ์ ท่าน้นั 2.3 อาจกาหนดตวั เลขแทนกลุม่ หรือส่ิงที่วดั น้นั ได้ และความแตกต่างระหวา่ ง ตวั เลขจะแทนความแตกต่างของกลุม่ หรือสิ่งท่ีวดั น้นั

มาตรวดั ตวั แปร/ระดับในการวดั ตัวแปร การโฆษณาทางโทรทศั น์ต่อการจดจาแบ Strongly Disagree รนด์ Disagree Neutral Agree Strongly Agree 543 2 1 1. การโฆษณาทางโทรทศั นท์ าใหท้ ่านจดจา สินคา้ ได้ 2. การโฆษณาทางโทรทศั นท์ าใหท้ ่านนึกถึง สินคา้ ชิ้นน้ีเวลาที่ท่านตอ้ งการซ้ือ

มาตรวดั ตวั แปร/ระดับในการวดั ตวั แปร 4. มาตรอตั ราส่วน (ratio scale) : • เป็นการวดั เชิงปริมาณอยา่ งแทจ้ ริง • แบ่งแยกเป็นกลุม่ เป็นประเภทได้ • สามารถเรียงลาดบั หรือบ่งบอกระดบั มาก – นอ้ ย ได้ • แต่ละกลุม่ ท่ีแบ่งน้นั มีความห่างเท่ากนั สามารถบอกไดว้ า่ มากกวา่ หรือนอ้ ย กวา่ เท่าใดอยา่ งชดั เจน • ขอ้ มูลที่วดั ไดม้ ีศูนยแ์ ทจ้ ริง

มาตรวดั ตวั แปร/ระดับในการวดั ตัวแปร ตวั อยา่ ง 1. ท่านมีส่วนสูงเท่าใด ....... ซม. 2. ท่านใชเ้ วลาก่ีนาทีในการเดินทางจากบา้ นไปท่ีทางาน ...... นาที 3. ท่านใชจ้ ่ายเงินเท่าใดใ้ นการเดินทางไปและกลบั ...... นาที

ตวั อยา่ งคาถามแยกตามประเภทมาตรวดั ขอ้ มูลที่เกบ็ รวบรวม : พฤติกรรมผูใ้ ชบ้ รกิ ารหา้ งสรรพสนิ คา้ abc คาถามแบบมาตรวดั นามบญั ญตั ิ ท่านมาใชบ้ รกิ ารหา้ งสรรพสนิ คา้ abc หรอื ไม่ _________ ใช้ _________ ไม่ใช้ คาถามแบบมาตรวดั อนั ดบั ท่านมาซ้อื สนิ คา้ ที่หา้ งสรรพสนิ คา้ abc บ่อยเพยี งใดในช่วง 3 เดอื นท่ีแลว้  ตา่ กว่า 2 ครงั้  2 – 4 ครงั้  5 – 6 ครงั้  ตง้ั แต่ 6 ครงั้ ข้นึ ไป

คาถามแบบมาตรวดั อนั ตรภาค ความพงึ พอใจของผูใ้ ชบ้ รกิ ารหา้ งสรรพสนิ คา้ abc พงึ พอใจ ไม่พงึ พอใจ จานวนสนิ คา้ ใหเ้ ลอื ก 5 4 3 2 1 บรกิ ารที่หลากหลาย 543 21 การใหบ้ รกิ ารของพนกั งาน 5 4 3 2 1 คาถามแบบมาตรวดั อตั ราสว่ น ท่านมาใชบ้ รกิ ารหา้ งสรรพสนิ คา้ abc กค่ี รงั้ ในรอบปี ท่ีผ่านมา_________ ครง้ั

ข้อควรระวงั ในการวดั ตวั แปร • ระดบั ในการวดั ตวั แปรมีผลโดยตรงกบั การเลือกสถิติท่ีจะนามาวิเคราะห์ขอ้ มูล • พิจารณาวา่ การเลือกใชร้ ะดบั ในการวดั น้นั ๆ สามารถนาขอ้ มูลมาใชต้ าม วตั ถุประสงคไ์ ดจ้ ริง • ทฤษฎีการวดั กลา่ ววา่ ขอ้ มูลที่วดั ในระดบั สูงกวา่ สามารถนามาแปลงค่าใหอ้ ยใู่ นระดบั ที่ต่ากวา่ ได้ แต่ ขอ้ มูลท่ีวดั ในระดบั ต่า ไม่สามารถนาไปแปลงคา่ ใหอ้ ยใู่ นระดบั สูงข้ึนไปได้ ขอ้ มูลระดบั อตั ราส่วน ขอ้ มูลอนั ตรภาค หรือ จดั ลาดบั หรือ นามบญั ญติได้ ขอ้ มูลระดบั นามบญั ญติ ขอ้ มูลจดั ลาดบั หรือ อนั ตรภาค หรือ อตั ราส่วนได้

ข้อควรระวงั ในการวดั ตวั แปร *** ดงั น้นั จึงเป็นหนา้ ที่ของนกั วจิ ยั ที่จะตอ้ งตดั สินใจใหร้ อบคอบวา่ ลกั ษณะของขอ้ มูลท่ีตอ้ งการเป็นอยา่ งไร ตอ้ งการขอ้ มูลท่ีวดั ใน ระดบั ใด ก่อนการตดั สินใจเกบ็ ขอ้ มูล***

ข้อควรระวงั ในการวดั ตัวแปร (ตวั อย่าง) ระดบั แนวคาถาม คาตอบ ระดบั อตั ราส่วน คุณใชเ้ วลามากนอ้ ยเท่าไรในการเดินทางไป .......นาที ทางาน ระดบั อนั ตรภาค คุณใชเ้ วลามากนอ้ ยเท่าไรในการเดินทางไป นอ้ ยกวา่ 5 นาที 5 – 10 นาที ทางาน 11 – 15 นาที ระดบั เรียงลาดบั ช่องทางการสื่อสารการตลาดที่ใช้ มากกวา่ 15 นาที (เรียงตามลาดบั มากไปหานอ้ ย) __ โทรทศั น์ ระดบั นาม ช่องทางการสื่อสารการตลาดที่ใชบ้ ่อยที่สุด __ วทิ ยุ บญั ญตั ิ __ หนงั สือพิมพ์ __ อินเตอร์เนต็ __ ใบปลิว __ โทรทศั น์ __ วทิ ยุ __ หนงั สือพมิ พ์ __ อินเตอร์เน็ต __ ใบปลิว

ส่ิงที่ควรคานึงถงึ ในการสร้างเครื่องมือการวจิ ัย 1. ลกั ษณะของตวั แปร เป็นการแบ่งเพือ่ การสร้างเครื่องมือ 1.1 ตวั แปรที่เป็นลกั ษณะทางกายภาพท่ีเป็ นตวั แปรเด่ียว เช่น เพศ อายุ 1.2 ตวั แปรที่เป็นลกั ษณะทางกายภาพที่เป็ นตวั แปรรวม เช่น ฐานะทางเศรษฐกิจ ปัจจยั ทางสังคม 1.3 ตวั แปรที่เป็ นลกั ษณะเป็ นภาวะสันนิษฐาน (construct) หรือเป็ นคุณลกั ษณะ แฝง (latent) เช่น การยอมรับ ความสนใจ เจตคติ

ส่ิงท่คี วรคานึงถึงในการสร้างเครื่องมือการวจิ ัย ตวั แปรทม่ี ลี กั ษณะเป็ นภาวะสันนิษฐาน (construct) หรือเป็ นคุณลกั ษณะแฝง (latent trait) ตวั แปรชุดน้ีมีคุณลกั ษณะที่แฝงอยหู่ รือภาวะท่ีสันนิษฐานวา่ มีอยใู่ นตวั บุคคล เช่น ระดบั ความรู้ ทศั นคติ ความน่าเชื่อถือ กล่าวคือ มีตวั บ่งช้ีคุณลกั ษณะหลายตวั ทา ใหน้ กั วจิ ยั อาจไม่สามารถวดั ไดต้ รง ๆ เพียงประเดน็ เดียว ตวั แปรน้ีมีความสาคญั ทางสังคมศาสตร์ เพราะเป็นลกั ษณะท่ีมีอยใู่ นตวั บุคคลและเป็น ตวั แปรที่ก่อใหเ้ กิดความแตกต่างข้ึนในตวั บุคคล และส่งผลต่อตวั แปรอื่น ๆ ท่ี เก่ียวขอ้ ง

ส่ิงทีค่ วรคานึงถึงในการสร้างเคร่ืองมือการวจิ ัย 2. หากเป็นตวั แปรรวมหรือตวั แปรภาวะสันนิษฐาน ผวู้ ิจยั ตอ้ งนิยามตวั แปร (conceptual and operational definitions) 3. สร้างขอ้ คาถามที่ครอบคลุมเน้ือหา และ ทาใหไ้ ดข้ อ้ มูลมากที่สุด 4. ใชว้ ธิ ีการสร้างมาตรวดั ท่ีถูกตอ้ ง เช่น rating scale จะตอ้ งสร้างขอ้ คาถามอยา่ งไร 5. ใชภ้ าษาท่ีเขา้ ใจง่าย และเขา้ ถึงระดบั การใชภ้ าษาของกลุม่ ตวั อยา่ ง

ส่ิงท่คี วรคานึงถึงในการสร้างเคร่ืองมือการวจิ ยั ตัวแปรทม่ี ีลกั ษณะเป็ นภาวะสันนิษฐาน (construct) หรือเป็ นคุณลกั ษณะ แฝง (latent trait) • นกั วจิ ยั ไม่สามารถวดั ไดต้ รง ๆ เพียงประเดน็ เดียว • ตอ้ งเลือกดาเนินการวดั ทางออ้ ม เพื่อใหไ้ ดค้ าตอบที่ถูกตอ้ ง ชดั เจน และสอดคลอ้ ง กบั กรอบแนวคิด/ทฤษฎี นกั วจิ ยั ทาไดโ้ ดย

การวดั ตวั แปรที่มลี กั ษณะเป็ นภาวะสันนิษฐาน หรือเป็ นคุณลกั ษณะแฝง การสังเกตหลายด้าน หรือหลายมุม ในการวดั ตวั แปรเดียว เช่น ความน่าเชื่อถือ ของสาร ในหนงั โฆษณาประชาสมั พนั ธ์ของกระทรวงศึกษา ความน่าเช่ือถือของสาร ประกอบดว้ ย 3 ประเดน็ ไดแ้ ก่ 1. ความเชี่ยวชาญ : ระดบั การศึกษา และประสบการณ์ในการทางาน 2. สถานภาพทางสังคม : ตาแหน่งหนา้ ท่ีการงาน และการแตง่ กาย 3. ระดบั ความเป็นกลาง : การพดู และการใหข้ อ้ มูลในสถานการณ์ต่าง ๆ ภาวะผนู้ าการเปล่ียนแปลง

2. นยิ ามสง่ิ ที่ตอ้ งการวดั ตวั อยา่ งเช่น งานวิจยั เรอ่ื ง “การรบั รคู้ วามเสยี่ งของผูบ้ รโิ ภคในการซ้อื สนิ คา้ อปุ โภคบรโิ ภคในไฮเปอรม์ ารเ์ กต็ ” สง่ิ ที่ตอ้ งนยิ าม คอื • การรบั รคู้ วามเสย่ี ง

นิยามศพั ท์ การรบั รคู้ วามเสยี่ ง หมายถงึ ความสามารถในการประเมิน ค่าความเสย่ี งท่ีผูบ้ รโิ ภคตอ้ งเผชญิ ในการตดั สนิ ใจซ้อื สนิ คา้ และบรกิ ารในไฮเปอรม์ ารเ์ กต็ ไดแ้ ก่ ความเสยี่ งดา้ นหนา้ ที่ของสนิ คา้ หมายถงึ คุณสมบตั ิ ลกั ษณะต่าง ๆ ของสนิ คา้ อปุ โภคบรโิ ภค ไดแ้ ก่ คุณภาพ ความสะอาด ความสดใหม่ ความ หลากหลาย รวมถงึ การรบั ประกนั สนิ คา้

ตวั อยา่ งเช่น งานวิจยั เรอ่ื ง “การประเมินคณุ ลกั ษณะบณั ฑติ ที่พงึ ประสงค”์ สงิ่ ท่ีตอ้ งนยิ าม คอื คุณลกั ษณะบณั ฑติ ที่พงึ ประสงค์ ซงึ่ ประกอบดว้ ย • ความรบั ผดิ ชอบ • ความมีวินยั • ความขยนั หมน่ั เพยี ร • ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ ฯลฯ

นยิ ามศพั ทแ์ ละตวั บ่งช้ี นยิ ามศพั ท์ ตวั ช้วี ดั ความรบั ผดิ ชอบ 1. มุ่งมน่ั ปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ีของตนอย่าง ความมุ่งมนั่ ตงั้ ใจปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ีของ เตม็ ความสามารถเพอ่ื ใหง้ าน ตนอย่างเตม็ ความสามารถ เพอ่ื ให้ บรรลผุ ลสาเรจ็ ตามเป้ าหมายที่ตงั้ ไว้ บรรลเุ ป้ าหมายตามเวลาโดยรจู้ กั ภายในเวลาท่ีกาหนด สทิ ธิและหนา้ ท่ีต่อตนเองและผูอ้ น่ื 2. รจู้ กั สทิ ธิและหนา้ ท่ีต่อตนเองและ พรอ้ มทง้ั ยอมรบั ผลการกระทาของ ผูอ้ น่ื ตนเอง 3. ยอมรบั การกระทาของตนเองและ ของกล่มุ เพอ่ื ปรบั ปรงุ แกไ้ ขใหด้ ขี ้นึ ของกล่มุ เพอื่ ปรบั ปรงุ แกไ้ ขใหด้ ขี ้นึ

ตัวอย่างการนิยาม • นิยามเชิงทฤษฎี ความพงึ พอใจในงาน เป็นคณุ ลกั ษณะทางจติ หรอื ทางอารมณ์ หรอื ทศั นคตขิ องบุคคลทม่ี ตี อ่ งานในมติ ติ ่างๆ ทส่ี าคญั 2 มติ ิ มติ แิ รกเป็น มติ เิ กย่ี วกบั บรบิ ทของงาน 5 ดา้ นคอื ตวั งาน คา่ จา้ ง โอกาส ความกา้ วหน้า ผบู้ งั คบั บญั ชา ซง่ึ รวมการนิเทศงานและเพ่อื น รว่ มงาน มติ ทิ ส่ี องเป็นมติ เิ กย่ี วกบั อารมณ์หรอื ความรูส้ กึ พงึ พอใจใน งาน 3 ดา้ นคอื แรงจงู ใจภายในเกย่ี วกบั งาน ความรสู้ กึ พงึ พอใจเมอ่ื มี ความกา้ วหน้าในการทางาน และความรสู้ กึ พงึ พอใจเกย่ี วกบั งาน ทวั่ ๆไป การศกึ ษาความพงึ พอใจทาไดส้ องแนวทาง

ตวั อย่างการนิยาม • นิยามปฎิบตั ิการ ตวั แปรวดั ความพงึ พอใจในงานวดั ไดจ้ ากแบบสอบถามมาตรประมาณค่า 5 ระดบั ซง่ึ ผวู้ จิ ยั พฒั นามาจากแบบวดั ความพงึ พอใจในงานของมนิ ิโซตา (The Minnesota Satisfaction Questionaire) และแบบวดั ความพงึ พอใจของ แฮกแมนและโอลดแ์ ฮม (Hackman and Oldham. 1980) แบบสอบถาม ประกอบดว้ ยขอ้ คาถามรวม 30 ขอ้ เป็นขอ้ คาถามวดั ความพงึ พอใจดา้ น บรบิ ท (CSAT) รวม 15 ขอ้ วดั ระดบั ความพงึ พอใจตอ่ ลกั ษณะงาน 5 ดา้ น (ตวั งาน คา่ จา้ ง /รายได้ ความมนั่ คง ผบู้ งั คบั บญั ชาและเพอ่ื นรว่ มงาน) ดา้ นละ 3 ขอ้ และขอ้ คาถามความพงึ พอใจดา้ นความรสู้ กึ (ASAT) รวม 15 ขอ้ วดั ระดบั ความพงึ พอใจเมอ่ื มคี วามกา้ วหน้าในงาน 5 ขอ้ วดั ความพงึ พอใจทจ่ี ะเป็นความรสู้ กึ ภายใน 5 ขอ้ และวดั ความรสู้ กึ ความพงึ พอใจ ทวั่ ไปอกี 5 ขอ้

นิยามปฏิบตั ิการ ความเสียสละ หมายถงึ การมงุ่ มนั่ ทจ่ี ะละความเหน็ แก่ตวั โดยการ ใหป้ ันทงั้ ทางดา้ นกาลงั กาย กาลงั ใจ กาลงั ทรพั ย์ กาลงั สตปิ ัญญาและเวลาดว้ ยเหตุอนั ควร และเหมาะสมตาม อตั ภาพ เพอ่ื ทาประโยชน์สขุ ใหแ้ ก่บุคคลและสงั คม ซ่งึ สามารถ วดั และประเมนิ ดว้ ยวธิ กี ารและเครอ่ื งมอื ต่างๆ เชน่ การสงั เกต การบนั ทกึ พฤตกิ รรม แบบสารวจและแบบทดสอบพฤตกิ รรม ความเสยี สละ

นิยามปฏบิ ตั ิการ ผวู้ จิ ยั ตอ้ งนาองคป์ ระกอบแตล่ ะองคป์ ระกอบมาพจิ ารณาใหน้ ยิ ามความหมายในลกั ษณะนิยามปฎบิ ตั ิ การ เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความชดั เจนและเขา้ ใจตรงกนั ดงั น้ี องคป์ ระกอบ/ความคิดรวบยอด นิยามปฎิบตั ิการ 1.การไมเ่ อาเปรียบ การกระทาทไ่ี มค่ านึงถงึ ผลประโยชน์ 2. การเหน็ อกเหน็ ใจ ของตนแต่ฝ่ายเดยี ว โดยการรว่ มคดิ รว่ มทา และแบง่ ปันผลประโยชน์อยา่ งเทา่ เทยี มกนั ความปรารถนาทจ่ี ะบรรเทาความทุกข์ รอ้ นของผอู้ ่นื โดยไมห่ วงั ผลตอบแทน ดว้ ยการ ปฎบิ ตั ทิ แ่ี สดงออกซง่ึ ความรสู้ กึ ตนเองเพอ่ื ใหผ้ อู้ ่นื คลายความทุกข์

นิยามปฎบิ ัตกิ าร 3. การช่วยเหลือผอู้ ่ืน • การเขา้ ไปมสี ว่ นแบง่ เบาภาระขอบุคคลอ่นื • โดยการใหเ้ ป็นดว้ ยกาลงั ใจ กาลงั กาย กาลงั สตปิ ัญญา กาลงั ทรพั ย์ หรอื สงิ่ ทต่ี นรกั ดว้ ยเหตุอนั ควรและเหมาะสมตามอตั ภาพ 4. การเหน็ แก่ประโยชน์ส่วนรวม • การคานงึ ถงึ ผลดที จ่ี ะเกดิ ขน้ึ แกส่ ว่ นรวม มากกวา่ สว่ นตน และปฎบิ ตั ใิ นสงิ่ ทก่ี ่อใหเ้ กดิ ประโยชน์ตอ่ คนสว่ นใหญ่ 5. การอดทนเพอ่ื ให้ผอู้ ื่นมีความสขุ • ความพยายามทจ่ี ะควบคุมอารมณ์ และการ กระทาของตนเองทจ่ี ะทาใหผ้ อู้ ่นื เดอื ดรอ้ น โดน ระงบั ความรสู้ กึ และการปฏบิ ตั ทิ ข่ี ดั ต่อ ประโยชน์สขุ ของผอู้ น่ื

การปรับนิยามปฏิบัติการเป็ นพฤติกรรมบ่งชี้ จากนิยาม ความหมายคณุ ลกั ษณะดา้ นความเสยี สละ และนิยาม ปฏบิ ตั กิ ารของแต่ละองคป์ ระกอบ นามากาหนดพฤตกิ รรมชบ้ี ง่ ทม่ี ี ความหมายตรงกบั องคป์ ระกอบ มคี วามเพยี งพอและครอบคลุมและ เหมาะสมกบั เดก็ ระดบั ประถมศกึ ษา โดยกาหนดใหเ้ ป็นพฤตกิ รรมท่ี สงั เกตไดแ้ ละวดั ได้ ผลการวเิ คราะหพ์ ฤตกิ รรมชบ้ี ่งมดี งั น้ี

การปรับนิยามปฏิบตั กิ ารเป็ นพฤตกิ รรมบ่งชี้ องคป์ ระกอบ/ความคิดรวบยอด พฤติกรรมชี้บ่ง • การไม่เอาเปรียบ 1. ชว่ ยทางานบา้ นโดยไมเ่ กย่ี งงอน 2. อาสาทางานในครอบครวั ทเ่ี หมาะสม 3. มสี ว่ นชว่ ยในการประกอบอาชพี ของ ครอบครวั 4. แบง่ งานกนั ทาอยา่ งทงั่ ถงึ ในชนั้ เรยี น 5. รว่ มทากจิ กรรมตา่ งๆของโรงเรยี น 6.ชว่ ยเหลอื ซง่ึ กนั และกนั ในการทางานของ หมคู่ ณะ 7. อาสาทางานของโรงเรยี น 8. ทางานในสว่ นทไ่ี ดร้ บั มอบหมายสาเรจ็

การปรับนิยามปฏิบัติการเป็ นพฤตกิ รรมบ่งชี้ องค์ประกอบ/ความคดิ รวบยอด พฤตกิ รรมชี้บ่ง 1.2 ด้านผลประโยชน์ 1. รจู้ กั ใหแ้ ละรจู้ กั รบั ทงั้ ในครอบครวั และ โรงเรยี น 2.แบง่ ปันผลประโยชน์ทไ่ี ดร้ บั จากการ ทางานรว่ มกนั 3.ในโรงเรยี น ใหแ้ ก่ผรู้ ว่ มงานอยา่ งยุตธิ รรม 4.ยอมรบั การจดั สรรคา่ ใชจ้ า่ ยสว่ นตวั ขา้ ว ของเครอ่ื งใชห้ รอื ผลประโยชน์ท่ี ครอบครวั จดั สรรใหอ้ ยา่ งเท่าเทยี มกนั 5.ใชส้ าธารณสมบตั หิ รอื สมบตั สิ ว่ นร่วมโดน คานึงถงึ สทิ ธปิ ระโยชน์ของผอู้ ่นื

ข้อควรระวงั ในการต้งั คาถาม เมอ่ื สรา้ งพฤตกิ รรมชบ้ี ง่ ไดแ้ ลว้ กน็ าพฤตกิ รรมเหล่าน้ีไปสรา้ งเป็น ขอ้ คาถามในแบบสอบถาม การสรา้ งขอ้ คาถามตอ้ ง ระมดั ระวงั เรอ่ื งระดบั ของการวดั (Unit of Analysis) ถา้ ระดบั ของการวดั เป็นบคุ คลกต็ อ้ งถามตวั ผตู้ อบเทา่ นนั้ ไมค่ วรถาม ความคดิ เหน็ ของครอบครวั วา่ คดิ อยา่ งไร เพราะครอบครวั เป็นคนละระดบั ของการวดั

Item Specification Table มติ ิ จานวนข้อ ข้อคาถาม ตอนที่ ความพึงพอใจด้านบริบท (CSAT) 15 13, 16, 2.1 1.ตวั งาน 3 2, 9, 18 2.1 2.คา่ จา้ ง/รายได้ 1, 10, 17 2.1 3.ความมนั่ คง 3 11 2.1 4.ผบู้ งั คบั บญั ชา 3 4, 7, 5.เพอ่ื รว่ มงาน 3 5, 8, 14 3 12 2.1 ความพึงพอใจด้านความร้สู ึก (ASAT) 1. ความพงึ พอใจเม่อื มคี วามกา้ วหน้า 15 2.1, 2.2 2.ความพงึ พอใจทเ่ี ป็นความรสู้ กึ ภายใน 5 3, 6, 15, 19, 20 3.ความพงึ พอใจทวั่ ไป 2, 4, 6, 7, 9 5 1, 3, 5, 8, 10 5

3. เลอื กประเภทของเครอ่ื งมือ เม่ือใดจะเลอื กใชเ้ ครอื่ งมือชนดิ ใดข้นึ อยู่กบั วตั ถุประสงคข์ องงานวิจยั ขอ้ มูลที่ตอ้ งการและวิธีการเกบ็ รวบรวม ลกั ษณะของผูต้ อบ งบประมาณ ระยะเวลา สถานท่ี

วิธีการ ตวั อย่างเครอื่ งมือ การทดสอบ แบบทดสอบ การรายงานตนเอง - แบบทดสอบ - แบบสอบถาม - แบบสารวจรายการ - แบบบนั ทึก

วิธีการ ตวั อย่างเครอื่ งมือ การสมั ภาษณ์ - แบบสมั ภาษณ์ การสงั เกต - แบบสอบถาม - แบบสารวจรายการ - แบบบนั ทึก - แบบสารวจรายการ - แบบบนั ทึก

วิธีการ ตวั อย่างเครอ่ื งมือ การเยยี่ มพ้นื ที่ - แบบสมั ภาษณ์ (การเยย่ี มลกู คา้ ) - แบบสอบถาม - แบบสารวจรายการ - แบบบนั ทึก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook