ค่มู ือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ ตามหลักการพฒั นาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรบั สถานพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ทดี่ แู ลเด็กต่ำ� กว่า 3 ปี สถาบนั พัฒนาอนามัยเดก็ แหง่ ชาติ กรมอนามัย คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 01 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
คมู่ อื การจดั กจิ กรรมโรงเรยี นพอ่ แมต่ ามหลกั การพฒั นาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) สำ� หรับสถานพฒั นาเด็กปฐมวัยท่ดี แู ลเด็กตำ่� กว่า 3 ปี จัดพมิ พโ์ ดย : สถาบนั พัฒนาอนามยั เดก็ แห่งชาติ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสขุ ปีท่พี มิ พ์ : 2564 จำ� นวนพิมพ์ : 500 เลม่ พิมพ์ท่ี : ส�ำนกั งานกิจการโรงพิมพ์องคก์ ารสงเคราะห์ทหารผ่านศกึ 02 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
คำ� นำ� การพัฒนาเด็กปฐมวัยถือเป็นการวางรากฐานท่ีมีผลต่อคุณภาพและประสิทธิภาพ ของบคุ คลน้ันไปจนตลอดชวี ิต และเป็นการลงทนุ ทคี่ ุ้มค่าทสี่ ดุ ในการพัฒนาประเทศ จากการ ศึกษาในต่างประเทศยืนยันว่าการลงทุนในเด็กมีความคุ้มค่า เน่ืองจากได้ผลตอบแทนกลับมา 6.7-17.6 เทา่ ของเงนิ ทีล่ งทนุ การดแู ลเด็กปฐมวัยจึงมคี วามส�ำคัญเนื่องจากเป็นชว่ งทรี่ ่างกาย และสมอง มีการเจริญเติบโตท้ังด้านขนาดและน�้ำหนักอย่างรวดเร็วถึงร้อยละ 80 ของผู้ใหญ่ เดก็ วยั นมี้ ีพฒั นาการดา้ นตา่ งๆ เปลีย่ นแปลงไปอยา่ งรวดเร็วและเป็นวัยที่ส�ำคัญทจ่ี ะต้องได้รับ การอบรมเล้ยี งดูทีถ่ กู ตอ้ งเหมาะสมใหม้ ีภาวะโภชนาการท่ีดี มพี ัฒนาการทสี่ มวัย มีสมองและ สติปัญญาที่ดี และมีพฤติกรรมท่ีเหมาะสม พ่อ แม่และผู้ดูแลเด็กจึงมีบทบาทความส�ำคัญต่อ การอบรมเลย้ี งดเู ดก็ ในวยั นใ้ี หเ้ ตบิ โตอยา่ งเตม็ ศกั ยภาพ ทงั้ ทางรา่ งกาย สตปิ ญั ญา จติ ใจ อารมณ์ สงั คมและจรยิ ธรรมและพฒั นากระบวนการดา้ นความคดิ และจติ ใจของเดก็ เพอื่ นำ� ไปสกู่ ารหลอ่ หลอมใหเ้ กดิ เปน็ บคุ ลกิ ภาพและอปุ นสิ ยั ทดี่ ขี องเดก็ เมอ่ื เตบิ โตสวู่ ยั ผใู้ หญ่ สามารถดำ� รงชวี ติ อยู่ ในสังคมได้อยา่ งมีความสุขและเปน็ กำ� ลงั ที่ส�ำคัญของประเทศชาติ สถาบนั พฒั นาอนามยั เดก็ แหง่ ชาติ หวงั เปน็ อยา่ งยง่ิ วา่ คมู่ อื การจดั กจิ กรรมโรงเรยี น พ่อแม่ตามหลกั การพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ฉบับนี้ จะช่วยให้ครผู ้ดู แู ล เด็กท่ีมีอายุต�่ำกว่า 3 ปี ในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ได้มีแนวทางในการจัดการ ให้ความรู้ ฝึกทักษะพ่อแม่ หรือผู้เลี้ยงดู และสามารถออกออกแบบการเรียนรู้เป็นข้ันตอนตามหลักการ พัฒนาสมอง : BBL(Brain – based - Learning) เพือ่ ใหพ้ ่อแมแ่ ละผ้ดู แู ลเด็กมคี วามรู้ เจตคติ และมีทกั ษะในการอบรมเล้ียงดเู ด็กที่สามารถน�ำไปปฏิบตั ไิ ด้จรงิ คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 03 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
สารบญั เรอื่ ง หนา้ บทน�ำหลกั สูตรโรงเรยี นพ่อแม่ BBL 1 หลักการและขัน้ ตอนการออกแบบการสอนโรงเรียนพ่อแม่ BBL 7 การจดั กิจกรรมโรงเรยี นพ่อแม่ตามหลักการพฒั นาสมอง BBL: Brain – based Learning 11 แผนการจดั กิจกรรมท่ี 1 ภาวะโภชนาการและการเจรญิ เติบโตของเดก็ ปฐมวัย 13 กจิ กรรมที่ 1.1 การสง่ เสริมโภชนาการในเด็กปฐมวัย แม่ไปท�ำงาน หนูยังกินนมได ้ 14 กจิ กรรมที่ 1.2 อาหารตามช่วงวยั ทำ� อยา่ งไร กินอย่างไรใหล้ ูกเติบโตแข็งแรง 27 กิจกรรมที่ 1.3 การสง่ เสรมิ โภชนาการในเด็กปฐมวยั “ท�ำอย่างไร ใหล้ กู กินผกั ผลไม”้ 39 แผนการจัดกิจกรรมท่ี 2 ส่งเสรมิ ดา้ นพฒั นาการและการเล่น 47 กิจกรรมท่ี 2.1 สานสมั พนั ธส์ ายใยในครอบครวั ดว้ ยกจิ กรรม “ลกู บอลหรรษา” 49 กจิ กรรมที่ 2.2 ประดิษฐ์สื่อและของเล่นเพือ่ การส่งเสรมิ พัฒนาการ : ลูกกลิ้งหรรษา 58 กิจกรรมที่ 2.3 เทคนคิ การเล่านิทานและการจัดท�ำหนังสอื่ ภาพเพอื่ สง่ เสรมิ พัฒนาการ 69 ดา้ นภาษา กิจกรรมท่ี 2.4 การสง่ เสริมพฒั นาการทางดา้ นภาษาด้วยนิทาน“เลา่ ไป พับไป” 81 กิจกรรมที่ 2.5 เทคนคิ สอนลกู ให้มีระเบียบวินยั รอคอย รอควิ 88 กิจกรรมท่ี 2.6 ก้าวยา่ ง สรา้ งตัวตนทดี่ ใี ห้แก่ลกู 96 แผนการจดั กิจกรรมท่ี 3 ส่งเสริมการดูแลสขุ ภาพชอ่ งปากและฟนั 104 กิจกรรมท่ี 3.1 รู้ปัญหา เกดิ ปัญหาป้องกนั แก้ไข 105 กจิ กรรมท่ี 3.2 กา้ วแรกของการเลย้ี งลูกใหม้ ีฟันดี 108 กิจกรรมท่ี 3.3 แปรงฟนั ลกู ได้ ไม่ยากอย่างทคี่ ดิ 116 แผนการจดั กิจกรรมท่ี 4 ส่งเสริมและเฝา้ วงั พฒั นาการ สุขภาพ 125 และการปอ้ งกันโรคในเด็กเล็ก กจิ กรรมที่ 4.1 การเฝา้ ระวังและส่งเสริมพัฒนาการลูกรักดว้ ยคู่มอื DSPM 126 กิจกรรมที่ 4.2 สง่ เสริมการนอนในเดก็ ปฐมวัย “นอนอย่างไร ใหเ้ ตบิ โตแข็งแรง” 134 กจิ กรรมท่ี 4.3 เชด็ ตัวลดไข้ 140 คณะผจู้ ดั ท�ำ 146 04 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
บทน�ำ หลักสูตรโรงเรยี น พ่อ-แม่ BBL หลกั สูตรโรงเรยี น พ่อ- แม่ BBL เป็นหลักสตู รคณุ ภาพ สอนง่าย เรยี นงา่ ย เขา้ ใจง่าย และ ลกึ ซึง้ ถึงขัน้ ทน่ี ำ� ไปปฏิบตั จิ ริง ทำ� ได้ถูกตอ้ ง ด้วยความม่นั ใจ เมอื่ กลับถงึ บา้ น การอมุ้ ลูก ใหน้ ม อาบนำ�้ เชด็ ตวั นวดตัว ฯลฯ หลักสูตรโรงเรียนพ่อแม่ BBL คม ชัด ลึก เพราะผลิต คดิ ค้น วเิ คราะห์ สงั เคราะห์ เนอ้ื หาของหลกั สตู รและการบรหิ ารจดั การเรยี นดว้ ยองคค์ วามรตู้ ามหลกั (BBL) Brain- based Learning : Neuroscience of teaching/ learning and assessment และด้วยศาสตร์และศิลป์ของการ เรียนรู้/ การสอนงานฝมี ือทุกชนิด Skill: Psychomotor teaching/learning and assessment 10 ปากวา่ 1 ตาเหน็ ไมเ่ ท่ากับ 10 ตาเหน็ 1 มอื ท�ำ 10 มอื ทำ� 1 ครั้งท่ลี งมือท�ำจริง เรียนรจู้ ากของจริง/สถานการณจ์ รงิ การให้พ่อแม่ผู้ปกครองได้ลงมือปฏิบัติกับทารกจริงของตนเองภายใต้การเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด ระหว่างที่พ่อแม่ท�ำกิจกรรมจริงจึงเป็นหัวใจของหลักสูตรโรงเรียนพ่อแม่ BBL ในหลักสูตรโรงเรียน พ่อแม่ BBL ทุกกิจกรรมมีชื่อเรื่องชัดเจนจ�ำง่าย กินใจ สั้นแต่ความหมายลึกซ้ึง ครอบคลุมกิจกรรม ทงั้ หมด วตั ถปุ ระสงคก์ ส็ น้ั ชดั เจน ทำ� เพอ่ื อะไร? ทำ� ไมจงึ ทำ� ? และเมอื่ ทำ� เสรจ็ กจิ กรรม ผลลพั ธท์ เ่ี กดิ ขน้ึ โดยตรงกับสมองเด็ก และผลสมั ฤทธิท์ างออ้ มที่เกิดขนึ้ กับพอ่ แม่ก็ชัดเจนอกี เช่นเดียวกนั เขยี นเป็นข้อๆ ในกระบวนการเรียน/การสอนกิจกรรมก็ส้ัน แบ่งเป็นข้ันตอนชัดเจน เพ่ือให้ง่ายต่อการปฏิบัติการ ประเมิน และการให้ feedback ท�ำได้ตรงจุด ตรงประเด็น ในตอนส�ำคัญแต่ละข้ันยังมีการเน้นย�้ำ จุดส�ำคัญ จุดที่ต้องให้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดขณะท�ำการปฏิบัติ หรือไม่ให้พลาดจุดส�ำคัญ/ประเด็นส�ำคัญท่ีต้องปฏิบัติให้ถูกต้องในกิจกรรมน้ันๆ ก่อนเข้าสู่บทเรียน ต้องมีการเปิดสมอง เปิดลิมบิก ปลุกให้ผู้เรียนตื่นเพ่ือให้สมองเปิดรับองค์ความรู้ได้เต็มที่ทุกช่องทาง การเรยี นรู้ โดยการสงั เกตดู แววตา สหี นา้ นำ้� เสยี ง ทา่ ทาง ถา้ ผเู้ รยี นยงั ไมต่ น่ื งว่ งซมึ ครโู รงเรยี นพอ่ แม่ BBL จะหารปู แบบวธิ กี ารกระตนุ้ วธิ อี น่ื ขณะทที่ ำ� กจิ กรรมเมอื่ พบพอ่ แมท่ ำ� ไดถ้ กู ตอ้ ง กใ็ ห้ positive feedback ยืนยัน ว่าท�ำได้ถูกต้องแล้วพร้อมกับอธิบายให้ชัดเจนต่อไปอีกว่าท�ำได้ถูกต้องเพราะอะไรหรือท�ำไม ท�ำได้ถูกตอ้ ง ทงั้ นเี้ พื่อใหพ้ ่อแม่มคี วามมัน่ ใจยิ่งขนึ้ และน�ำองค์ความรู้นนั้ ไปปฏบิ ตั ิตอ่ ไป ในกรณที ปี่ ฏบิ ตั กิ จิ กรรมไมถ่ กู ตอ้ ง กจ็ ะบอกตรงๆ ดว้ ยวาจาสภุ าพวา่ คณุ พอ่ คณุ แมท่ ำ� ผดิ แลว้ และให้ค�ำอธิบายดว้ ยเหตุผลว่าเพราะเหตใุ ดจงึ ผิด พร้อมทง้ั เพมิ่ เตมิ ค�ำอธบิ ายว่าท�ำอย่างไรจงึ จะปรบั เปลยี่ นการกระทำ� ทผี่ ดิ นน้ั ใหถ้ กู ตอ้ ง negative feedback ไมใ่ ชค่ ำ� ตำ� หนติ เิ ตยี น และ positive feedback กไ็ มใ่ ชค่ ำ� ชมเชย หรอื ยกยอ กอ่ นจบกจิ กรรมทกุ เรอ่ื งตอ้ งมกี ารสรปุ ทกุ ครงั้ เพอ่ื ความชดั เจนความเขา้ ใจ คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 1 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
ท่ีถูกต้องตรงกันของกิจกรรมการเรียนรู้ อาจใช้วิธีให้ห้องเรียนช่วยสรุปเป็นข้อๆ หรือวิทยากรสรุปให้ ก็ได้แล้วแต่เวลาและโอกาส แน่นอนการสรุปวิธีแรกจะดีกว่าวิธีหลัง หลักสูตรโรงเรียนพ่อแม่ BBL คณุ ภาพคงทไ่ี มแ่ ปรผนั ไปตามองคค์ วามรแู้ ละอารมณข์ องวทิ ยากรทที่ ำ� หนา้ ทส่ี อนทดแทน “คณุ ภาพคงที่ ไม่ลดลง Motto ของโรงเรยี นพอ่ แม่ BBL คอื “เรยี นคูข่ นานความสขุ ” นักเรยี นมีความสขุ เพราะเรียน ขณะท่สี มองลมิ บิกเปิด สมองใหญท่ ั้ง ซีกซา้ ย ซีกขาว เปิดรบั องคค์ วามรู้เต็มศักยภาพ เรยี นงา่ ย เข้าใจ ไดล้ กึ ซง้ึ ถงึ ขน้ั ลงมอื ปฏบิ ตั ดิ ว้ ยความมน่ั ใจ คณุ ครกู ม็ คี วามสขุ แมต้ อ้ งทำ� งานหนกั ในการเตรยี มตวั สอน และเตรียมสอื่ และอปุ กรณก์ ารเรยี นรสู้ �ำหรบั กจิ กรรมน้นั ๆ BBL คอื อะไร? BBL : Brain- based Learning แปลตามศพั ท์ การเรยี นทใี่ ชส้ มองเปน็ พน้ื ฐาน ขององค์ความรู้ ไม่ได้ใช้ทฤษฎีเร่ืองการเรียนการ/สอน ของ guru กูรูทางการศึกษาระดับนานาชาติ องค์ความรู้เรื่องสมองนั้นคือ อะไร? เป็นความรู้เร่ืองโครงสร้าง Neuroanatomy และการท�ำงาน ของสมอง Neurophysiology รวมทั้งกลไกการท�ำงานของสมอง Basic neuronal mechanism ตงั้ แตอ่ ยใู่ นครรภม์ ารดา จนถงึ วยั ชรา สมองเดก็ สามารถรบั รู้ เรยี นรแู้ ละสอื่ สารกบั แมไ่ ดต้ ง้ั แตอ่ ายุ 7 เดอื น แม่อยากได้ลูกท่ีฉลาดเป็นเด็กดีมีคุณธรรม แม่ต้องเริ่มท�ำการบ้านเก่ียวกับเร่ืองน้ีต้ังแต่ลูกอยู่ในท้อง ตอ้ งพดู คยุ กบั ลกู พรอ้ มกบั ใชม้ อื แตะลบู ทอ้ งดว้ ยแรงสนั่ สะเทอื นจากเสยี งพดู ของแม่ หรอื จากเสยี งเพลง เสยี งดนตรี สามารถวง่ิ ไปถงึ สมองของทารกในครรภไ์ ด้ ปจั จบุ นั มงี านวจิ ยั ในแมอ่ าสาสมคั รโดยใชก้ ลอ้ ง แคปซูลขนาดจิว๋ หยอ่ นทิง้ ไว้ในมดลกู แลว้ เฝ้าดพู ฤติกรรมของทารก ได้ข้อมลู สรุปท่ีส�ำคัญ คอื มกี าร เชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดระหว่างอารมณ์ของมารดากับทารก แม่เครียด– ลูกเครียด แม่มีความสุข- ลูกมีความสุข แม่ต้องดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิตให้ดี พ่อก็ต้องท�ำให้แม่สบายใจด้วย แม่ของ อลั เบริ ต์ ไอนส์ ไตน์ เปน็ ครสู อนเปยี โน สมองของอลั เบริ ต์ ไอนส์ ไตนค์ งไดค้ ลน่ื แหง่ ความสขุ จากงานสอนเปยี โน ของแมต่ ง้ั แตร่ ะยะแรกถงึ ระยะสดุ ทา้ ยของการอยใู่ นครรภม์ ารดา ผลของดนตรตี อ่ พฒั นาการของทารก ในครรภ์เรียก Mozart effect ในอดตี ที่ผ่านมามคี นสงสัยวา่ Mozart effect มผี ลต่อทารกในครรภ์ จริงหรือไม่จริง ณ ปัจจุบันมีข้อมูลในแม่คนไทยมากพอว่าเร่ืองน้ีเป็นจริง และสำ� คัญมากด้วยสำ� หรับ แม่คนไทยไม่จ�ำต้องฟังเพลงคลาสสิกของโมซาร์ต หรือบีโธเฟน แม่ฟังเพลงอะไรก็ได้ เพลงลูกทุ่ง- ลูกกรุง สากล เพลงทแ่ี มฟ่ ังแล้วรู้สึกสขุ กาย สบายใจ หายเครง่ เครยี ด มคี วามสุขได้ท้ังนัน้ สมองเป็นอวัยวะหนงึ่ เดยี วในร่างกายที่มคี วามรสู้ ึก นกึ คดิ จดจ�ำวเิ คราะห/์ สงั เคราะห์ข้อมูล และการตดั สนิ ใจสมองต้องการอาหารกาย 5 หมวดหมู่ และอาหารใจ ในการเจรญิ เตบิ โต การเรียนรู้ การทำ� งานเพอ่ื แกป้ ญั หาทกุ ชนดิ อาหารกายเปน็ กอ้ น ตอ้ งผา่ นการยอ่ ยสลายในกระเพาะอาหาร ลำ� ไส้ กอ่ นรา่ งกายนำ� ไปใชง้ าน แตอ่ าหารใจเปน็ คลนื่ กระแสไฟฟา้ ทวี่ งิ่ ออกจากเซลลร์ บั สญั ญาณที่ ตา หู จมกู ลน้ิ ผวิ กาย ใจ เขา้ ถึงสมองโดยตรงเข้าสสู่ มอง พรอ้ มกันทง้ั 6 ช่องทางกไ็ ด้ ไม่เบียด ไม่แยง้ กนั เข้าไปเกบ็ ไว้ท่ี ธนาคารความจำ� เรอื่ งภาพ เสยี ง กลนิ่ ทกี่ ระจายอยใู่ นสว่ นตา่ งๆ ของสมองทงั้ 2 จะใหเ้ ดก็ เรยี นรไู้ ดง้ า่ ย และจดจ�ำได้ดีก็ต้องให้องค์ความรู้เก่ียวกับของสิ่งนั้น เข้าไปอยู่ในธนาคารความจ�ำให้มากท่ีสุด ทงั้ 6 ชอ่ งทางไดก้ ย็ ง่ิ ดี เชน่ จะใหเ้ ดก็ อนบุ าลไดเ้ รยี นรคู้ ำ� วา่ สม้ กใ็ หเ้ ดก็ ไดเ้ หน็ ไดจ้ บั ไดด้ มและชมิ ดดู ว้ ย 2 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
สดุ ยอดของ อาหารกาย- อาหารใจ สำ� หรบั ทารก คอื “นมจากเตา้ ” ขณะทท่ี ารกกำ� ลงั ดดู นมแมต่ อ้ งพดู คยุ ลบู ไล้ กอดรดั เบาๆ ถา้ แมป่ ฏบิ ตั อิ ยา่ งนี้ ทารกจะไดอ้ าหารกายครบ 5 หมวดหมู่ และ อาหารใจ ผา่ นอายตนะ ครบทัง้ 6 ช่องทาง ตัวเดก็ สมองเดก็ จะไดร้ บั ความรัก ความอบอุ่น และสายใย จากแมเ่ ต็มที่ เดก็ ท่ีมีความสขุ กจ็ ะเจริญเติบโต สมวยั ทง้ั ดา้ นรา่ งกาย จติ ใจ และอารมณ์ อาหารใจ-กำ� ลงั ใจทแี่ ทจ้ รงิ แรงที่สุด กอ้ นใหญ่ท่สี ุด มีผลบวกตอ่ การทำ� งานของสมองและ พัฒนาการของเด็กมากทีส่ ุด ไมไ่ ดม้ าจากคำ� ชมเชยวา่ ฉลาด เกง่ ดี ดมี าก แตเ่ กิดจากงาน หรอื บทเรียน ทเ่ี ดก็ ไดค้ ดิ ไดเ้ ลน่ ไดล้ งมอื ทำ� ลองผดิ ลองถกู จนสามารถแกป้ ญั หา หาคำ� ตอบทถ่ี กู ตอ้ ง และทำ� สำ� เรจ็ ไดด้ ว้ ยตนเอง พอ่ แม่ พเี่ ลย้ี ง ตอ้ งเฝา้ ดแู ลเดก็ ขณะกำ� ลงั เลน่ อยา่ งใกลช้ ดิ การเลน่ บางชนดิ เดก็ อาจไมถ่ นดั ท�ำไม่ได้ หลังจากลองผิดลองถูก 4-5 ครั้งแล้ว ยังท�ำไม่ส�ำเร็จ เริ่มแสดงอาการ “ถอดใจจะเลิกเล่น เลิกทำ� งานช้นิ นน้ั ” ณ เวลานั้น พ่อ แม่ ผ้ปู กครอง ผู้ดูแล ตอ้ งเข้าไปช่วย เพ่ือใหเ้ ด็กเล่น/ทำ� งานน้ันได้ ส�ำเร็จ แตถ่ ้าเดก็ ยงั ไมแ่ สดงอาการ “ถอดใจ” กป็ ล่อยไป ไดเ้ ลน่ ลองผิด ลองถกู ตอ่ ไป อาหารใจ กำ� ลงั ใจมผี ลตอ่ การทำ� งาน การเรยี นรขู้ องสมอง ได้ 2 แบบ เมอ่ื อาหารใจทำ� ใหเ้ ดก็ มคี วามพอใจมคี วามสขุ สมองเบาไม่หนกั ไมเ่ ครง่ เครยี ด สมองจะทำ� งานเต็มท่ี เต็มศักยภาพของสมอง และเรยี นรูไ้ ดโ้ ดยไมร่ ู้สึกเบือ่ เพราะสมองหลง่ั สารแหง่ ความสขุ endorphin เด็กสามารถเรยี น ท�ำงาน ไดน้ านยง่ิ ขนึ้ ลมื ความเหนอ่ื ยของหวิ และเวลา แตถ่ า้ อาหารใจทำ� ใหเ้ ดก็ ไมส่ บายใจเครง่ เครยี ด cortisol สารแห่งความเครียด ความทุกข์จะหล่ังออกมา ถ้ามากเกินไปสมองบวม หนัก เด็กจะทนต่อไปไม่ได้ ต้องหาทางระบายความเครียดด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง แล้วแต่โอกาสและเวลาจะเอื้ออ�ำนวย สมองลิมบิก Limbic system ท�ำหน้าท่ีเก่ียวกับการควบคุมอารมณ์ และเป็นประตูกลเปิด-ปิด เพื่อให้สมองใหญ่ Cerebral cortex ทำ� งานไดเ้ ตม็ ศกั ยภาพ หรอื ไดไ้ มเ่ ตม็ ศกั ยภาพ ไมท่ ำ� งาน สมองลมิ บกิ เปน็ สว่ นสมอง ท่เี ชอ่ื มตอ่ ระหวา่ งแกนสมอง Brainstem กับสมองใหญ่ Neocortex Cerebral cortex ซึ่งทำ� หนา้ ที่ เรอื่ งธนาคารความจำ� ทางตา หู จมกู ลน้ิ กายใจ และการประมวลขอ้ มลู จากธนาคารความจำ� เพอื่ ตดั สนิ ใจ สมองส่วนน้ีอยูท่ างดา้ นหน้า Frontal lobe สมองเดก็ ระดับอนุบาลยงั มพี ฒั นาการไม่เตม็ ที่ immature เนือ่ งจากการสร้างฉนวนห้มุ เสน้ ใยเสน้ ประสาท myelin sheath เพอ่ื ให้เกดิ วงจรการท�ำงานในสมองสว่ นหน้า Frontal lobe ยงั ไม่ เสร็จเรียบร้อย ถึงระดับใช้งานได้เต็มที่ เด็กอนุบาลไม่สามารถเข้าใจ เร่ือง เหตุ-ผล ส�ำคัญ-ไม่ส�ำคัญ อนั ตราย-ไมอ่ นั ตราย ความจำ� เปน็ -ไมจ่ ำ� เปน็ สะอาด-สกปรก ฉะนนั้ การเรยี นรใู้ นเดก็ เลก็ ตอ้ งใชว้ ธิ กี าร บงั คบั ทางออ้ ม กระตนุ้ สมองลมิ บกิ เปดิ สมองลบิ บกิ กอ่ นทกุ ครง้ั เพอ่ื ใหส้ มองใหญเ่ ปดิ เมอ่ื เดก็ อารมณด์ ี เสยี งดงั ตามแี วว ใบหนา้ ใส จงึ เขา้ สบู่ ทเรยี น การกระตนุ้ ใหส้ มองลมิ บกิ ของเดก็ เปดิ มหี ลายวธิ ใี นผใู้ หญ่ กจ็ ำ� เปน็ ตอ้ งเปดิ สมองเปดิ ลมิ บกิ กอ่ นเขา้ สบู่ ทเรยี นเหมอื นกนั เพอ่ื ใหเ้ กดิ การเรยี นรชู้ ว่ั โมงนน้ั ไดผ้ ลเตม็ ท่ี ในหลกั สตู รโรงเรยี นพอ่ แม่ BBL กน็ ำ� หลกั การมาประยกุ ตด์ ว้ ยเหมอื นกนั ทกุ บทเรยี นจะมกี ารเตรยี มพรอ้ ม การเปดิ สมอง เปดิ ลมิ บกิ ทกุ ครง้ั ไมม่ กี ารยกเวน้ “เรยี นรู้ คขู่ นาน ความสขุ ” เปน็ Motto ของหลกั สตู ร BBL ทุกหลักสตู ร ท้งั เร่ืองการเรียนรแู้ ละการทำ� งานในโรงงานฝีมอื ทกุ อาชีพ คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 3 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
สมองมวี งจรหลักสำ� หรับการเรียนรู้ 2 วงจร “วงจรเรียนรู้แบบต้งั ใจ” เม่ือถูกคุณครู พอ่ แม่ บังคับให้เด็กเรียนรู้ อีกวงจรหนึ่งคือ “วงจรการเรียนรู้แบบไม่ต้ังใจ” การเข้าสู่วงจรนี้จำ� เป็นต้องเปิด ลมิ บกิ เปดิ สมองกอ่ นทุกครง้ั วงจรนเ้ี รียนร้ไู ด้ดกี ว่า กว้างขวางละเอยี ดและลกึ ซงึ้ กว่า วงจรการเรยี นรู้ เมอ่ื ถกู บงั คับใหเ้ รียน ต้นก�ำเนิดความรู้ เร่ือง BBL คือ สมเด็จพระมหิตลาราธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรม ราชชนก พระองค์จบปริญญาแพทยศาสตร์บัณฑิต เกียรตินิยมจากมหาวิทยาฮาร์วาด เมืองบอสตัน ประเทศสหรฐั อเมรกิ า ในปี พ.ศ. 2471 และได้นำ� เอาองค์ความรูเ้ รื่องสมอง BBL มาใช้เลยี้ งดพู ระธิดา และพระโอรส ท้งั 3 พระองค์ 60 ปี ก่อนท่ผี ้เู ช่ยี วชาญดา้ นสมองและนักการศกึ ษาเริ่มสนใจ ค้นพบ และเข้าใจเร่ืองการพัฒนาสมอง เน่ืองจากพระบรมราชชนกได้สิ้นพระชนมายุค่อนข้างน้อย สมเด็จ พระศรีนครินททาราบรมราชชนนี เป็นผู้สืบเจตนารมณ์ของสมเด็จพระบรมราชชนก จากบันทึกงาน พระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระเจ้าพ่ีนางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ “ทแ่ี มส่ อนเรามาจากทลู กระหมอ่ มพอ่ พอ่ แกก่ วา่ แมแ่ ปดปี ทรงสงั่ สอนแมม่ าก และแม่ receptive ดมี าก ท่านได้อะไรจากทูลกระหม่อมพ่อมากมายเหลือเกินที่ท่านสอนที่พูดกับเรา ฉันไปพบทีหลังว่า ถอดมาแล้วเกือบจะเป็นค�ำเดียวกับทูลกระหม่อมพ่อ” ผลลัพธ์ที่ปรากฏให้เห็นคือ พระอัจฉริยะภาพ รอบดา้ น เศรษฐศาสตร์รัฐศาสตร์ นติ ิศาสตร์ เกษตรศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ ภาษาศิลปะ ดนตรี กฬี า อย่างน้อย 20 ศาสตร์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช “ราชันของปวงประชา King of The Kings” ส�ำนักงานบรหิ ารและพฒั นาองค์ความรู้ (OKMD) ได้นำ� หลักสตู ร BBL มาใช้ในประเทศไทย ครัง้ แรก เมื่อ 10 “ปกี อ่ น เป็นโครงการนำ� รอ่ ง ในโรงเรียน 12 โรงเรยี นท่ัวประเทศไทย ท้ังภาคเหนอื อสี าน กลาง ใต้ ใช้กบั เด็กอนุบาลหน่วยงานทีร่ ับผิดชอบ ณ เวลา น้ันช่อื สถาบนั วิทยาการการเรียนรู้ สวร. ตอ่ มาเปลย่ี นชอื่ เปน็ สถาบนั สง่ เสรมิ อจั ฉรยิ ภาพและนวตั กรรมการเรยี นรู้ สสอน. อยภู่ ายใตส้ งั กดั ของสำ� นกั งานบรหิ ารและพัฒนาองค์ความรู้ ณ เวลาน้มี ี 2 โรงเรียนทป่ี ระสบความส�ำเร็จทกุ หลักสตู ร โรงเรยี นปรนิ้ รอยลั จงั หวดั เชยี งใหม่ เปน็ โรงเรยี นเอกชนและโรงเรยี นอนบุ าลศรสี ะเกษ จงั หวดั ศรสี ะเกษ ชอ่ื โรงเรยี นอนบุ าลแตม่ ชี ้นั ประถมด้วยทงั้ 2 โรงเรียน การเรียนการสอนท�ำไดต้ าม Motto ของ BBL “เรียนรู้คู่ขนานความสุข” นักเรียนมีความสุข ความสนุกกับการเรียนรู้คุณครูก็มีความสุขเช่นเดียวกัน แมต้ อ้ งทำ� งานหนกั เหนอื่ ย แตเ่ มอ่ื เหน็ เดก็ ของตนเองประสบความสำ� เรจ็ อยา่ งรวดเรว็ กห็ ายเหนอื่ ยทงั้ 2 โรง ผอู้ �ำนวยการโรงเรยี นเปน็ Key person ที่ผลักดันจนสำ� เร็จทกุ หลกั สตู ร ส่วนโรงเรยี นอน่ื อาจ ส�ำเร็จบางหลักสูตร ผู้อ�ำนวยการไม่สนับสนุนเต็มที่ ใส่เกียร์ว่าง ครูผู้น้อยถึงแม้จะมีไฟแรงระยะแรก กไ็ ม่สามารถทำ� อะไรไดม้ ากนานไปไฟกห็ มด BBL in Factory : ในเดอื นมิถุนายน 2555 OKMD ได้รว่ มกับสถาบันเพม่ิ ผลผลติ แห่งชาติ น�ำองค์ความรู้เรื่องสมองไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาทักษะฝีมือส�ำหรับพนักงานในภาคการผลิต เป้าหมาย คือเพม่ิ productivity ของโรงงานโดยไม่ต้องเพ่ิมจำ� นวนพนักงาน หรือจำ� นวนเคร่ืองจกั ร/ 4 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
เครอื่ งมอื ของโรงงาน งานฝมี อื เหลา่ น้ี เชน่ บดั กรแี ผงวงจรไฟฟา้ จกิ ตาสบั ปะรดบรรจกุ ระปอ๋ ง กเ็ ปน็ งาน ตอ้ งใชฝ้ มี อื และความแมน่ ยำ� สงู มาก คลา้ ยกบั งานฝมี อื ของศลั ยแ์ พทยเ์ ปน็ Psychomotor teaching/ learning and assessment เหมอื นกนั แตง่ านของแพทยค์ วามแมน่ ยำ� ตอ้ งสงู มากกวา่ “Zero defect Error” ท�ำผิดพลาดไม่ได้แม้แต่คร้ังเดียว เพราะคนไข้อาจเจ็บพิการหรือเสียชีวิตได้ หลักใหญ่ของ ขน้ั ตอนสำ� คญั จะคลา้ ยกัน แต่จดุ สำ� คัญในประเด็นย่อยแตกตา่ งกนั มโี รงงาน 5 โรงในโครงการน�ำร่อง โรงงานซัมมิทอิเล็กทรอนิกส์ คอมโพเน้นท์ ดาสโก้ ทอผ้ากรุงเทพ ถุงเท้าไทย และทิปโก้ฟูดส์ ผลออกมาดีมาก productivity เพมิ่ ข้ึนเฉลีย่ 55.4% สงู สุด 98% ตำ�่ สดุ 44% ดีกวา่ น�ำระบบประกัน คุณภาพทุกชนิดเข้าไปใช้แรงงาน เช่น ISO หรือ TQM ระบบเหล่าน้ีสามารถเพิ่ม productivity ได้ประมาณ 20% อย่างมาก ที่โรงงานซัมมิท สามารถลดงานเสียที่ลูกค้าได้ 17 เท่า ลดงานเสีย ในสายการผลติ ชิน้ สว่ น 10 เท่า ลด Training time สำ� หรับพนกั งานใหม่ จาก 12 วนั เหลอื 3 วนั เรียนง่ายเข้าใจง่าย คุณภาพพนักงานไม่ลดลง โรงงานมีพนักงาน 1000 กว่าคน เป็นคนไทยล้วน พ้ืนฐานของพนักงานจบใหม่จบการศึกษามัธยมปีที่ 3 ขึ้นไป หรือ ปวช. ปวส. แต่ละคนไม่มีความรู้ เรอ่ื งงานฝมี ือมากอ่ น หลักสตู ร BBL in Factory อาจนำ� ไปใชใ้ นโรงเรยี นช่างฝมี ือไดท้ กุ ชนดิ การเรียนรู้ ทำ� ไดง้ ่ายรวดเรว็ และมีประสทิ ธิภาพประสทิ ธผิ ลดว้ ย การสร้างหลักสตู รโรงเรียนพอ่ แม่ BBL คร้งั แรกก็คล้ายกบั การผลติ รถยนต์คนั แรก ถงึ แมจ้ ะ ช่วยกันคิดค้นทดลองท่ีดีท่ีสุด ก็ยังเป็นรถยนต์คันแรก รถเบนซ์คันแรก โตโยต้าคันแรกไม่ได้ดีมาก หรือดีเยี่ยมอย่างรถเบนซ์หรือโตโยต้าคันล่าสุดในปัจจุบัน หลักสูตรโรงเรียนพ่อแม่ BBL ฉบับแรก กเ็ ช่นเดยี วกัน ด้วยเหตผุ ลอยา่ งนี้ จึงออกแบบหลกั สตู รโรงเรียนพ่อแม่ BBL ให้เปน็ หลักสตู รปลายเปดิ เปิดโอกาสให้ทุกท่านท่ีเก่ียวข้องกับการเรียนการสอน วิทยากร และพ่อแม่ท่ีผู้ใช้หลักสูตรโรงเรียน พ่อแม่ BBL นี้ น�ำข้อมูลที่เป็นเหตุผลมาช่วยปรับปรุงให้หลักสูตรโรงเรียนพ่อแม่ BBL ฉบับต่อไป คม ชดั ลกึ และมคี ณุ ภาพมากย่ิงขึ้นๆ ทกุ ครั้งทีม่ กี ารปรบั ปรงุ หลกั สตู รโรงเรียนพ่อแม่ BBL ในอนาคต ศาสตราจารยเ์ กยี รตคิ ุณนายแพทยป์ ระเสริฐ บญุ เกดิ นายกสมาคมโรคสมองเสือ่ มแหง่ ประเทศไทย คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 5 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
หลักการเรียนรขู้ องสมอง ที่มา : สำ� นักงานบริหารและพัฒนาองคค์ วามรู้ (องค์การมหาชน) 6 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
หลักการและขนั้ ตอนการออกแบบการสอนโรงเรยี นพ่อแม่ BBL การจัดการเรยี นรตู้ ามหลักการพัฒนาสมอง (Brain – based – Learning) คือ องคค์ วามรู้ และการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่ถูกต้อง เหมาะสม กับทุกช่วงวัยต้ังแต่อยู่ในครรภ์มารดาถึงวัยชรา โดยสอดคล้องกบั พฒั นาการดา้ นโครงสรา้ งและการท�ำงานของสมอง หลกั การเรียนรขู้ องสมอง 1. สมองเปน็ อวยั วะพเิ ศษของรา่ งกาย ตอ้ งการทงั้ อาหารกาย และอาหารใจ ในสดั สว่ นทถี่ กู ตอ้ ง เหมาะสม ตลอดช่วงอายุ ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาถึงวัยชรา สมองต้องการอาหารใจ ทั้งในการเจริญ เตบิ โต การเรียนรู้ การท�ำงานและการพัฒนาศกั ยภาพการเรยี นรกู้ ารท�ำงานของสมองให้เต็มท่ี 2. สมองเรียนร้ไู ดด้ ีเม่ือมคี วามพร้อมครบทั้ง 3 ด้าน คอื 1) ความพร้อมด้านอารมณ์ เดก็ เลก็ ตอ้ งเปดิ สมอง limbic กอ่ นทกุ ครงั้ 2) ความพรอ้ มดา้ นองคค์ วามรู้ ความรยู้ ากหรอื สงู เกนิ ศกั ยภาพของ สมองเดก็ ณ ชว่ งอายนุ ัน้ และ3) ความพร้อมด้านพัฒนาการของสมอง สมองส่วนหน้ายงั เจริญเตบิ โต ไมเ่ ต็มที่ 3. สมองเรียนรูเ้ ต็มท่ี เมื่อสมองเปิด limbic system เปดิ วธิ ีการเปิดสมองท�ำไดห้ ลายวธิ ี เช่น น่ังสมาธิ การเคล่ือนไหว ประกอบบทเพลง ปรบมือเป็นจังหวะ เปิดโอกาสให้เด็กท�ำกิจกรรม ทีช่ อบใจ สนใจ เพลดิ เพลนิ สขุ สนุก 4. สมองเรียนรู้จากจริงไปหาสัญลักษณ์และจากง่ายไปหายาก องค์ความรู้เดินทางเข้าสู่ สมองเดก็ ไดห้ ลายชอ่ งทาง ในเวลาเดยี วกนั ไดก้ ลน่ิ ไดล้ มิ้ รส และความสขุ ใจ พอใจ เชน่ เดก็ ทารกเรยี นรู้ เอกลักษณ์ของตวั แม่ได้ 6 ชอ่ งทางพร้อมๆ กนั ขณะท่กี ำ� ลงั ดดู นม 5. สมองเรียนรู้ด้วยความเข้าใจมากกว่า ความจ�ำ ความเข้าใจท่ีเกิดจากการสัมผัสทางกาย การเคล่ือนไหว ทางจมกู ทางล้นิ และทางใจ 6. สมองเรียนรู้ได้ 2 แบบ ไม่ต้ังใจ เมื่อ สมองเปิด/ลิมบิกเปิด และตั้งใจ เมื่อถูกบังคับ โดยพ่อแม่ ครู ผู้ปกครอง การเรียนร้โู ดยไมต่ ั้งใจในทารกและเด็กเลก็ จะเปน็ ไปได้งา่ ย รวดเร็ว ถูกต้อง แม่นย�ำ ละเอียดลกึ ซงึ้ กว้างขวาง มากกว่า เม่ือเดก็ ถกู บงั คบั ใหเ้ รยี น ในเด็กเล็กช่องทางหลกั ส�ำหรับ การเรยี นรู้ มเี พยี ง 1 ชอ่ งทาง เทา่ นน้ั คอื แบบไมต่ งั้ ใจ เพราะสมองสว่ นหนา้ ทที่ ำ� หนา้ ทบี่ งั คบั ใหเ้ รยี นรู้ ในเดก็ เล็ก จำ� เปน็ อย่างย่งิ ทต่ี อ้ งเปิดสมอง/ลิมบิก กอ่ นเริม่ ต้นเข้าสู่บทเรยี นทุกครงั้ 7. สมองเรยี นไดด้ ีจาก active learning มากกวา่ passive learning passive learning คอื การเรยี นรทู้ เี่ ดก็ นง่ั ฟงั แตค่ รบู รรยาย Active learning คอื การเรยี นรทู้ เ่ี ดก็ ไดม้ โี อกาส ลงมอื ปฏบิ ตั ดิ ว้ ย ตนเอง ลองผิด ลองถูก ได้พูด ไดข้ ีดเขยี น ได้ป้นั ได้แปะ ไดเ้ คล่ือนไหวไดส้ มั ผสั ไดด้ มกลน่ิ ได้ล้ิมรส การจัดการเรยี นรู้สำ� หรบั เดก็ ที่ดีตอ้ งให้เดก็ ได้เรียนรูค้ รบท้ัง 6 ชอ่ งทาง ถา้ ไมไ่ ด้ทงั้ 6 ชอ่ งทาง ได้เพียง 5, 4 หรอื 3 ช่องทาง ยงั ดีกวา่ 1 หรอื 2 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 7 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
8. BBL คอื การสรา้ ง การฝกึ สมอง ใหส้ มองเรียนรกู้ ารแกป้ ัญหาได้ถูกต้อง แม่นย�ำเหมาะสม ทกุ ชว่ งวยั ของการเรยี นรู้ และสามารถนำ� องคค์ วามรไู้ ปใชแ้ กป้ ญั หาในงานวชิ าการทก่ี ำ� ลงั เรยี น วชิ าชพี และปัญหาส่วนตัวท่ีเกิดข้ึนในชีวิตจริงได้ ในอนาคต การเรียนรู้การแก้ปัญหาในเด็กเล็กต้องเริ่มจาก ปัญหาง่ายๆ ทเ่ี ด็กเลก็ คนนัน้ สามารถทำ� ไดส้ �ำเรจ็ กอ่ นทุกครัง้ และเมอ่ื ทำ� ได้ส�ำเร็จ อาหารใจ พลังจติ พลังปัญญา ก็เกิดข้ึน เพราะมีการหลั่งสารแห่งความสุข ความส�ำเร็จ Endorphin ออกมา เมื่อเด็ก ประสบความส�ำเร็จบ่อยๆ พลังจิต พลังปัญญา จะเพิ่มพูนมากขึ้น เด็กอยากจะแก้ปัญหาที่ยากและ ซับซ้อนมากย่ิงขึ้นๆ ถ้าแก้ไม่ส�ำเร็จ เด็กจะเคร่งเครียด เกิดความทุกข์ ปวดศีรษะ เนื่องจากมีสาร แห่งความทุกข์ Cortisol หล่ังออกมา เด็กจะทนอยู่ ณ ท่ีน้ันไม่ได้ ต้องหาทางระบายความเครียด ดว้ ยกิจกรรม Action อยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ ถงึ แมจ้ ะมคี วามเส่ยี ง และอันตรายมากกไ็ ม่กลัว เมือ่ เราเขา้ ใจ ถงึ หลกั การทีส่ ำ� คญั การทจ่ี ะนำ� ไปสู่การปฏิบัติในการออกแบบกระบวน การจัดการเรียนรู้ตามหลักการพัฒนาสมอง (Brain – based – Learning) น้ันยังมีองค์ ประกอบพน้ื ฐานทเ่ี กยี่ วขอ้ ง ดงั น้ี คอื องคค์ วามรู้ ขน้ั ตอน Step up กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอื่ วสั ดอุ ปุ กรณ์ และการประเมนิ ดังน้ี 1. องคค์ วามรู้ คือ การก�ำหนดเนื้อหาสาระ ความรู้ท่ีถูกต้อง เหมาะสม สอดคล้องกับวัยและพัฒนาการ ความรู้ท่ีเป็นหลักการทฤษฎี ความรู้จากผู้ปฏิบัติจริง ซ่ึงเป็นการดึงความรู้ ประสบการณ์มาเช่ือมต่อ บรู ณาการระหวา่ งความรู้และทกั ษะในทางปฏบิ ัตจิ ากการลงมอื ทำ� 2. ลำ� ดบั ขั้นตอนการเรียนรตู้ ามหลกั การพัฒนาสมอง Step up คือ ขั้นตอนการเรียนรู้ตามธรรมชาติการท�ำงานของสมอง การเรียนรู้ท่ีมีประสิทธิภาพ ควรเป็นไปตามล�ำดบั ข้ันตอน ดังน้ี 2.1 เตรียมความพร้อม (Set up) เป็นการเตรียมสมองเปิด Limbic ให้พร้อมส�ำหรับ การเรียนรู้ อาจจะเป็นรปู แบบทใ่ี หค้ วามสขุ สนุก หรอื สรา้ งสมาธิ ฯลฯ 2.2 ทบทวนความรเู้ ดิม – เชอื่ มโยงความรใู้ หม่ (Tie-in) การให้ความรจู้ ำ� เปน็ ท่เี ราจะต้อง ทบทวนส่ิงที่รู้มาแล้วในเรื่องนั้นว่ามีมากน้อยเท่าไร เพียงพอหรือไม่ท่ีจะเชื่อมต่อกับความรู้ใหม่ ทีเ่ กยี่ วขอ้ งซึ่งความรู้ใหม่ถา้ สามารถเชอื่ มโยงความรเู้ ดมิ ทมี่ อี ยจู่ ะทำ� ใหค้ วามรนู้ น้ั เข้าใจได้ดีมากขน้ึ 2.3 เร้าความสนใจ (Engage) สมองไมไ่ ด้สนใจทกุ เรอ่ื ง บางคร้ังเราจึงจ�ำเปน็ ตอ้ งกระต้นุ เร้าใหส้ มองสนใจในส่งิ ทจ่ี ำ� เปน็ ต้องรู้/ควรรู้ เพอ่ื ให้สมองสามารถเกดิ ข้อสงสัย ใคร่รู้และอยากตดิ ตาม หาคำ� ตอบ 2.4 ลงมอื ท�ำ (Perform) สมองเรียนรู้ไดด้ จี ากการไดล้ องผิด ลองถกู การลงมือท�ำจึงเปน็ ขั้นตอน การทดสอบความรู้ความเขา้ ใจ เมือ่ ลงมือทำ� ถูกหรือผดิ จงึ ไม่ใชเ่ ป็นปัญหา 8 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
2.5 ฝึกปฏบิ ตั ิ (Use) เป็นการฝกึ ฝน เพือ่ ใหเ้ กดิ ความชำ� นาญ แม่นยำ� รวดเรว็ และทักษะ ขัน้ ตอนน้ีจงึ ต้องได้วิธีการท่ีถกู ต้อง เพ่ือเปน็ การสรา้ งวงจรการจำ� อยา่ งถาวรให้เกิดขนึ้ 2.6 สรุป (Pack) การสรุปส่ิงท่ีได้จากกระบวนการเรียนรู้ การทดสอบและการตรวจทาน ความรู้ความเขา้ ใจ จงึ มีความสำ� คญั 3. กจิ กรรมการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้จะต้องก�ำหนดเป้าหมาย/วัตถุประสงค์ท่ีชัดเจน เพื่อให้มีทิศทางในการ ใหค้ วามรู้ ความเข้าใจ และทักษะ ค�ำนงึ ถงึ ความเหมาะสม และสอดคล้องกบั โครงสรา้ งการทำ� งานของ สมอง ให้ความส�ำคญั กบั การลงมือเรียนร้ดู ้วยตนเองอย่างเป็นขน้ั ตอน ดังนัน้ จึงต้องมีการเตรียมพร้อม ในการออกแบบกจิ กรรมการเรยี นรู้ ดงั นี้ 1. ความเหมาะสมของเวลาและสถานที่ เลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเรียนรู้ จัดเตรียม ความเหมาะสมกับการเรียนรู้ เชน่ มแี สงสวา่ งเพยี งพอ ไม่มีเสยี งรบกวน มีบรเิ วณพื้นท่ีเพียงพอในการ ลงมอื ปฏบิ ตั กิ ิจกรรม 2. การกำ� หนดกลมุ่ ผเู้ รยี น กำ� หนดผเู้ รยี นใหเ้ หมาะสมกบั เนอ้ื หาสาระ โดยพจิ ารณาตามเกณฑ์ ที่ทางหนว่ ยงานกำ� หนด มกี ารเตรยี มความพรอ้ ม สรา้ งแรงบันดาลใจ /ทัศนคตทิ ดี่ ี และใหเ้ หน็ ภาพรวม ของส่งิ ท่ีไดเ้ รียนรู้ 3. การเตรยี มเนือ้ หา/กจิ กรรม มกี ารวิเคราะห์เนอ้ื หาความรใู้ หม้ ีความถูกตอ้ ง เหมาะสมกับ ผู้เรียน และน�ำความรู้น้ันไปออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้อย่างมีข้ันตอนท่ีถูกต้องเหมาะสม การสร้าง ประสบการณ์ จริงใหผ้ ้เู รยี นไดเ้ รียนรู้ท่ีหลากหลาย ขนึ้ อยูก่ ับความเหมาะสมของเนอื้ หา โดยให้ความ สำ� คญั ในประเด็น ดังน้ี 3.1 กจิ กรรมทบ่ี ง่ บอกถงึ ความสำ� คญั ของความรนู้ นั้ ๆ และเหตผุ ลในการปฏบิ ตั เิ พอ่ื สรา้ ง ความตระหนักให้กบั ผ้เู รยี น 3.2 กิจกรรมจะต้องมีขั้นตอนการจัดล�ำดับการให้ความรู้โดยมีการก�ำหนดจุดส�ำคัญ ทีจ่ ะนำ� ไปสูค่ วามสำ� เร็จตามวัตถปุ ระสงค์ของกจิ กรรมนั้นๆ 3.3 กจิ กรรมนัน้ สามารถเชอ่ื มโยงเนื้อหาความรู้เขา้ กบั ประสบการณ์จริงหรือสอดคล้อง กับชวี ติ ประจ�ำวันของผเู้ รยี นเพือ่ สร้างความเข้าใจ และน�ำไปสกู่ ารปฏบิ ตั ิไดง้ า่ ยขึ้น 3.4 กิจกรรมนั้นใชว้ ิธกี ารท่หี ลากหลาย ผสู้ อนควรผสมผสานแนวการสอน วิธีการหรอื เทคนคิ ทหี่ ลากหลาย เพอ่ื กระตนุ้ การทำ� งานของสมองทกุ สว่ นและสรา้ งความนา่ สนใจใหก้ บั กจิ กรรม เชน่ • กิจกรรมที่ให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติจริงเพ่ือให้เกิดความเข้าใจอย่างแท้จริงและ สามารถนำ� ไปปฏบิ ัติไดด้ ้วยตนเอง • กจิ กรรมกลมุ่ กอ่ ใหเ้ กดิ ปฏสิ มั พนั ธก์ บั ผอู้ นื่ มกี ารแลกเปลยี่ นเรยี นรปู้ ระสบการณ์ รว่ มกัน ซ่ึงจะทำ� ให้ผเู้ รียนไดส้ รา้ งความเขา้ ใจตนเองและผู้อน่ื คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 9 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
3.5 กิจกรรมที่ต้องมีข้อมูลความรู้ประกอบควรเป็นการให้ข้อมูลในรูปแบบที่จ�ำง่าย เช่น วดิ โี อ แผ่นพับ ใบงาน ใบความรู้ แผนภาพ ฯลฯ ทงั้ นี้ข้นึ อยู่กบั ความเหมาะสมและสอดคลอ้ งกับ เนือ้ หากจิ กรรม 3.6 กิจกรรมน้ันจะต้องตกผลึกทางความคิด เช่น การใช้ผู้เรียนได้แสดงความคิดเห็น หรือบอกประโยชน์ มีข้อดีข้อเสีย อะไร คือปัญหา อุปสรรค แนวทางแก้ไข และสามารถน�ำไปสู่ การแก้ปญั หาได้ดว้ ยตนเอง 4. สอื่ วสั ดอุ ุปกรณ์ มีการจัดเตรียมส่ือของจริง สื่อแผ่นภาพ บัตรค�ำ และวัสดุอุปกรณ์ท่ีใช้ประกอบในการ จัดกิจกรรมอย่างเหมาะสม เพียงพอต่อการน�ำไปใช้ โดยสื่อและวัสดุอุปกรณ์นั้นจะต้องใช้ง่าย ช่วยสร้างความเข้าใจในกระบวนการทถ่ี กู ตอ้ ง 5. การประเมิน การสรุปประเด็นเนื้อหาต่างๆ เป็นขั้นตอนส�ำคัญท่ีผู้สอนจะต้องด�ำเนินการทุกครั้งในการ ทำ� กิจกรรมโดยคำ� นึงถงึ • การให้ข้อสรุปนั้นสามารถท�ำได้ทั้งผู้สอนเป็นผู้สรุป และผู้เรียนเป็นผู้สรุป หรือ เปน็ การสรปุ ร่วมกัน ทง้ั น้ีขน้ึ อยู่กับความเหมาะสมของเน้ือหาและเวลาในการทำ� กิจกรรมนั้นๆ • การสรุปประเด็นส�ำคัญของเน้ือหา เพ่ือให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง และกระตุ้น ใหเ้ กิดการนำ� เอาความร้ไู ปใช้ ทีม่ า : ส�ำนกั งานบริหารและพฒั นาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) 10 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
การจดั กิจกรรมโรงเรยี นพ่อแม่ ตามหลกั การพฒั นาสมอง BBL: Brain – based Learning สคู่ รอบครวั คณุ ภาพ โรงเรียนพ่อแม่ คือ กระบวนการของการให้ความรู้แก่พ่อแม่ ครอบครัวและผู้ดูแลเด็ก โดยด�ำเนินการในสถานท่ีจัดเตรียมไว้เป็นสัดส่วน มีบรรยากาศและสภาพแวดล้อมท่ีเหมาะสม เออื้ ตอ่ การเรยี นรขู้ องพอ่ แม่ กระบวนการสอนมงุ่ เนน้ เพอ่ื เพมิ่ พนู ความรู้ เจตคติ และทกั ษะในการเลย้ี งดู โดยมีหลกั สตู ร ส่ือ แผนการสอนทช่ี ัดเจนในทศิ ทางเดียวกัน มงุ่ หวังให้เดก็ ปฐมวยั มพี ฒั นาการสมวัย ท้ังด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม โรงเรียนพ่อแม่ BBL คือ กระบวนการให้ความรู้ พ่อแม่ ครอบครัว และผดู้ แู ลเดก็ โดยใชส้ มองเปน็ พนื้ ฐานของการเรยี นรทู้ กุ เรอื่ ง ทง้ั ดา้ นโครงสรา้ งและทงั้ กลไกการทำ� งาน ของสมองตั้งแต่อยใู่ นครรภม์ ารดาจนถงึ วัยชราโดยอาศยั หลักการสมองเป็นพ้ืนฐาน จากบนั ทกึ ขอ้ ตกลงการบรู ณาการทำ� งานรว่ มกนั ของ 4 กระทรวง ไดแ้ ก่ กระทรวงสาธารณสขุ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงศึกษาธิการ ไดก้ ำ� หนดคณุ ลกั ษณะทพี่ งึ ประสงคข์ องเดก็ ปฐมวยั ไว้ 4 คณุ ลกั ษณะ (4H) คอื 1. Head : เกง่ 2.Heart : ดีมวี ินยั 3.Hand : ใฝเ่ รียนรู้ มีทักษะ 4.Health : แข็งแรง การอบรมเลย้ี งดเู ดก็ จึงเปรยี บเสมือนการ ปลกู ต้นไม้ ทตี่ อ้ งไดร้ บั การดแู ล รดน�้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย แต่งกง่ิ กา้ น เพือ่ ให้ต้นไมเ้ ตบิ โตเป็นต้นไมใ่ หญ่ ที่สมบูรณ์ กิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ BBL จึงเป็นจุดเช่ือมโยงระหว่างครอบครัวและสถานพัฒนาเด็ก ปฐมวัยท่ีจะช่วยให้พ่อแม่และผู้ดูแลเด็กมีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะในการดูแลเด็กอายุตำ�่ กว่า 3 ปี ซึง่ เนน้ การดแู ลดา้ นสขุ ภาพ 4 ด้าน เป็นหลัก ดังน้ี 1. ด้านการเจรญิ เตบิ โตและโภชนาการ (Diet) 2. ดา้ นพัฒนาการเดก็ และการเล่น (Development and Play) 3. ดา้ นสุขภาพชอ่ งปาก (Dental) 4. ด้านสิ่งแวดล้อมความปลอดภยั และการปอ้ งกนั ควบคุมโรค (Disease) เพื่อให้เด็กมีทักษะ ความเก่ง วินัย และสุขภาพร่างกายท่ีแข็งแรง โดยมีแผนการจัด กจิ กรรมหลัก จ�ำนวน 4 แผน และประกอบด้วยแผนกจิ กรรมย่อย ดงั น้ี 1. แผนการจดั กิจกรรมท่ีส่งเสรมิ ภาวะโภชนาการและการเจรญิ เติบโตของเด็กปฐมวัย กจิ กรรมที่ 1.1 การส่งเสริมโภชนาการในเด็กปฐมวยั “แมไ่ ปทำ� งาน หนยู ังกนิ นมได”้ กจิ กรรมท่ี 1.2 อาหารตามช่วงวัยท�ำอย่างไร กินอยา่ งไรให้ลกู เตบิ โตแข็งแรง กจิ กรรมท่ี 1.3 สง่ เสรมิ โภชนาการในเด็กปฐมวัย “ทำ� อยา่ งไรใหล้ กู กินผกั ” 2. แผนการจัดกจิ กรรมที่ ส่งเสรมิ ดา้ นพฒั นาการและการเลน่ กจิ กรรมท่ี 2.1 สานสมั พนั ธส์ ายใยในครอบครวั ดว้ ยกิจกรรม “ลกู บอลหรรษา” กิจกรรมท่ี 2.2 ประดิษฐ์สอ่ื และของเลน่ เพ่ือการสง่ เสรมิ พัฒนาการ : “ลกู กลง้ิ หรรษา” คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 11 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
กิจกรรมท่ี 2.3 เทคนิคการเล่านิทานและการจัดท�ำหนังสือภาพเพ่ือส่งเสริมพัฒนาการ ด้านภาษา กจิ กรรมที่ 2.4 การสง่ เสริมพัฒนาการดา้ นภาษา ดว้ ยนิทาน “เล่าไป พับไป” กจิ กรรมท่ี 2.5 เทคนคิ สอนลกู ใหม้ รี ะเบียบวนิ ยั “รอคอย รอคิว” กจิ กรรมที่ 2.6 กา้ วย่าง สร้างตวั ตนท่ีดใี ห้แก่ลกู 3. แผนการจัดกิจกรรมท่ีส่งเสรมิ การดแู ลสุขภาพช่องปากและฟนั กิจกรรมท่ี 3.1 รู้ปัญหา เกิดปัญญา ป้องกันแก้ไข กิจกรรมท่ี 3.2 ก้าวแรกของการเลยี้ งลูกให้มฟี ันดี กิจกรรมท่ี 3.2 แปรงฟันลกู ไม่ยากอยา่ งท่ีคดิ 4. แผนการจัดกิจกรรมทส่ี ง่ เสรมิ และเฝา้ วังพัฒนาการ สุขภาพ และการป้องกันโรค กิจกรรมท่ี 4.1 การเฝา้ ระวังและสง่ เสริมพัฒนาการลกู น้อยด้วย คู่มือ DSPM กิจกรรมที่ 4.2 นอนอย่างไร ใหเ้ ติบโตแขง็ แรง กจิ กรรมท่ี 4.3 การเช็ดตวั ลดไข้ 12 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
แผนการจดั กิจกรรมท่ี 1 สง่ เสริมภาวะโภชนาการและการเจรญิ เติบโตของเด็กปฐมวยั เป้าหมายรวม : เพือ่ สง่ เสริมใหเ้ ด็กมีภาวะโภชนาการทดี่ แี ละเจริญเติบโตทสี่ มวัย สาระส�ำคญั 1. การสง่ เสริมให้เด็กอายุ 3 เดือน - 1 ปี ได้กินนมแม่อย่างต่อเน่อื งเมื่อแม่ต้องไปทำ� งาน 2. การจัดอาหารทีค่ รบถ้วน เพยี งพอ และสมดลุ เหมาะสมตามวัยของเดก็ อายุ 1-3 ปี 3. เทคนิค/วิธีการ การสง่ เสริมให้เด็กไดก้ ินผกั ผลไมอ้ ย่างเพยี งพอ กจิ กรรมทกี่ ำ� หนด กิจกรรมที่ 1.1 การสง่ เสริมโภชนาการในเดก็ ปฐมวยั แม่ไปทำ� งาน หนยู งั กนิ นมได้ กจิ กรรมที่ 1.2 อาหารตามชว่ งวัยทำ� อย่างไร กนิ อย่างไรใหล้ กู เติบโตแขง็ แรง กิจกรรมที่ 1.3 สง่ เสริมโภชนาการในเด็กปฐมวัย “ท�ำอย่างไร ใหล้ ูกกินผกั ผลไม้” ประโยชนท์ ี่ได้รบั เพ่ือให้พ่อ แม่ และผู้ดูแลเด็ก มีความรู้ความเข้าใจ และตระหนักถึงบทบาทของตนเอง ในการส่งเสริมให้เด็กได้รับนมแม่อย่างเดียว และต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือน และอาหารตามวัย ที่ครบถ้วน ท้ังคุณภาพและปริมาณ และให้รับพลังงานสารอาหารที่ครบถ้วน เพียงพอ ส่งผลให้เด็ก มีภาวะการเจรญิ เตบิ โตอยา่ งเต็มศกั ยภาพ ระยะเวลาท้ังหมด 120 นาที รูปแบบ/วิธีการสอน 1. บรรยาย 2. ทำ� กิจกรรมกลมุ่ 3. สาธติ และฝกึ ปฏิบัติ คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 13 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
กจิ กรรมการสอนโรงเรยี นพ่อแม่ กจิ กรรมที่ 1.1 การสง่ เสริมโภชนาการในเดก็ ปฐมวยั “แม่ไปท�ำงาน หนยู งั กนิ นมได”้ วตั ถปุ ระสงค์ 1. ส่งเสริมให้ลกู ได้กนิ นมแมอ่ ยา่ งเดยี วต่อเนอ่ื ง อยา่ งนอ้ ย 6 เดอื น 2. ส่งเสริมให้ลูกได้รับภูมิคุ้มกันโรคต่างๆ จากการกินแม่อย่างต่อเนื่องท�ำให้แข็งแรง ไม่เจบ็ ป่วยงา่ ย 3. สร้างรากฐานการเจริญเติบโตของสมองในระยะ 6 เดือนแรก หลังการเกิด พ่อแม่และ ครอบครวั เกดิ ความเขา้ ใจเหน็ ถงึ ความสำ� คญั ของการเลย้ี งลกู ดว้ ยนมแม่ ซงึ่ เปน็ รากฐานของสายสมั พนั ธ์ ในครอบครวั ทย่ี ัง่ ยืน สิ่งทค่ี าดวา่ จะไดร้ บั 1. ระยะทแี่ ม่ใหน้ มลูกจะเปน็ เวลาทแี่ มแ่ ละลูกไดใ้ กล้ชิด และเรียนรูก้ ันมากท่ีสุดท�ำใหเ้ กิด การเจริญเตบิ โตและพฒั นาการของลกู เป็นไปอย่างมีคุณภาพรอบดา้ น 2. ในระยะแรกร่างกายของลูกน้อยยังเปราะบาง ไม่แข็งแรงสมบูรณ์ จึงมีโอกาสติดเช้ือ ได้งา่ ย ในน้ำ� นมแมม่ ีภมู คิ ุ้มกันโรคท่จี ะชว่ ยลดความเส่ียงในการตดิ เชอื้ 3. ช่วงแม่ให้นมลูกจะเป็นเวลาท่ีแม่และลูกได้ใกล้ชิดเกิดความผูกพัน ส่งผลให้เป็นเด็ก ว่านอนสอนง่ายเช่ือฟงั พอ่ แม่ และมีภูมิค้มุ กนั ทางดา้ นจติ ใจเพียงพอ เป็นเดก็ ดมี คี ณุ ธรรมต่อไป 4. พ่อ และครอบครัวมีส่วนร่วมในการเลี้ยงดูลูก โดยสามารถน�ำน้�ำนมแม่ที่บีบเก็บตุนไว้ มาให้ลกู กิน เม่อื แม่ต้องไปท�ำงานจนเกดิ สายสัมพันธ์พอ่ ลูกและครอบครวั ที่แนน่ แฟ้นขึ้น 5. การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ลูกเป็นกระบวนการสร้างเสริมสายใยรัก และความผูกพันของ แม่ลูกอยา่ งม่นั คงเหนยี วแน่น ซึง่ เปน็ รากฐานของความรกั ที่แท้จริง หลกั การและวิธกี ารสำ� คัญ ข้ันตอนสำ� คญั จดุ สำ� คัญ 1. การเตรยี มความพรอ้ ม • วิทยากร สร้างความคุ้นเคยด้วยการแนะน�ำ • บรรยากาศผ่อนคลายผู้สอนใช้น�้ำเสียงและ ตนเอง ท้ังผู้เรียนและผู้สอนพูดคุยซักถาม ท่าทางท่เี ป็นกนั เอง ความรสู้ ึกและประสบการณ์ในการเลยี้ งลูก • สังเกตความสนใจจากการดูสีหน้าแววตา • เปดิ สมองโดยดภู าพเดก็ กนิ นมแม/่ ภาพเดก็ นา่ รกั ท่าทาง มีพัฒนาการดี และให้ผู้เรยี นแสดงความรสู้ กึ 14 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
ขน้ั ตอนสำ� คญั จดุ สำ� คญั 2. การน�ำเขา้ ส่บู ทเรียน • วทิ ยากร แบ่งผูเ้ รยี น เปน็ 2 กลมุ่ ๆ ละเทา่ กนั • กระตนุ้ ใหท้ กุ คนมสี ว่ นรว่ มในการทำ� กจิ กรรม ทำ� กจิ กรรมในหวั ขอ้ ความแตกตา่ งของนำ้� นม และแสดงความคิดเห็น แม่กับนมผสม (ตามใบงาน 1) • กระตุ้นให้ผู้เรียนแสดงความคิดเห็นอุปสรรค • วิทยากร พูดคุยสอบถามความตั้งใจปัญหา และวิธกี ารแก้ไขปญั หา และอุปสรรคในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เมื่อต้องไปทำ� งานนอกบ้าน 3. การใหอ้ งคค์ วามรู้ • วิทยากร เปิดวีดิทัศน์เรื่อง “แม่ไปท�ำงาน • ต้องไมม่ แี สงเสียงรบกวนขณะชมวีดที ัศน์ หนูกก็ นิ นมแม่ได้” • กระตุน้ ใหผ้ ้เู รยี นแสดงความคิดเหน็ • ชว่ ยกนั สรปุ ปญั หา อปุ สรรคและปจั จยั ทที่ ำ� ให้ แม่ประสบความสำ� เรจ็ 4. การสะท้อนกลับมาทดสอบความรู้ความ เขา้ ใจ • วิทยากร บรรยายสาธิตการบีบเก็บน้�ำนม • วิทยากร ควรดูแลอย่างใกล้ชิดในการฝึก โดยใช้เต้านมจ�ำลองและการให้เครื่องปั๊มนม ปฏบิ ัติ ให้ผู้เรียนปฏิบัติโดยบีบจะนมจากเต้าตนเอง • จัดมุมแยกที่มิดชิด เป็นสัดส่วนส�ำหรับแม่ พรอ้ มประเมนิ ผลการเรยี นรู้ (ตามใบความรทู้ ี่ 5) ทฝ่ี ึกปฏิบตั ิ • วทิ ยากร ใหผ้ เู้ รยี นวางแผนการเกบ็ นำ้� นมและ • ฝึกจนกว่าแม่จะท�ำได้ถูกต้องถ้าท�ำถูกต้อง นำ� เสนอเปน็ รายบคุ คล (ตามใบงานท่ี 2) แล้วให้แสดงค�ำชื่นชมถ้าท�ำไม่ถูกต้อง/ ครบถว้ น ใหค้ ำ� อธิบายถงึ ความถกู ต้อง พรอ้ ม ขอ้ แกไ้ ข • กระตุ้นให้ผู้เรียนแสดงความคิดเห็นและ วางแผนร่วมกนั 5. การสรุป • ผเู้ รียนสรุปข้ันตอน “การปฏิบัตเิ พือ่ เตรยี มตั • วทิ ยากรเพม่ิ เตมิ /แกไ้ ขประเดน็ ทย่ี งั ไมถ่ กู ตอ้ ง ไปท�ำงานนอกบ้าน” หรือครอบคลุม • กระตุ้นให้กลุ่มช่วยกันตอบข้อซักถามและ • เปดิ โอกาสใหผ้ ้เู รียนซักถามข้อสงสยั • แจกคู่มือเร่ือง “แม่ไปท�ำงานลูกก็กินนมได้” แกไ้ ขปัญหา ร่วมกับผูส้ อน และถุงเก็บน�้ำนมตวั อย่าง • เนื้อหาครอบคลุมตรงประเด็นส�ำคัญและ มีภาพประกอบ คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 15 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
ความสอดคล้องของกิจกรรมตามหลกั การพัฒนาสมอง Brain – based Learning (BBL) จากการดูแลลูกอย่างใกล้ชิด น้�ำนมแม่คืออาหารท่ีจ�ำเป็นและเหมาะสม ตัวแม่เป็นผู้ที่จะ กระตุ้นให้วงจรประสาทในสมองลูกเกิดท�ำงานได้เต็มที่ซ�้ำแล้วซ้�ำอีกอย่างต่อเนื่อง เด็กจะเจริญเติบโต อย่างรวดเรว็ เตม็ ศักยภาพในชว่ ง 6 เดือนแรกและเจรญิ เตบิ โตตอ่ ไปอย่างมีคุณภาพ ระยะเวลา 30 นาที สอื่ อปุ กรณ์ 1. ใบความรู้ 2. ใบงาน 3. ภาพพลิก/แผน่ พับ คมู่ ือ (แมไ่ ปทำ� งานลูก กไ็ ด้กินนมแม่ ) 4. เต้านมจำ� ลอง 5. อปุ กรณเ์ กบ็ นำ้� นมเช่นถงุ เก็บน�้ำนมแก้วป้อนนม 6. วดิ ที ศั น์ “เร่ืองเมื่อแมไ่ ปทำ� งาน ลูกก็ได้กนิ นมแม่” การประเมินผล : การฝกึ ปฏบิ ตั จิ ริงและการตอบขอ้ ซักถาม 16 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
ใบงานท่ี 1 ความแตกตา่ งของน้ำ� นมแมก่ ับนมผสม วัสดุอปุ กรณ์ 1. ไวทบ์ อร์ด 1 ชุด 2. โปสเตอร์ภาพเด็กดดู นมแม่และภาพเด็กดูดนมผสม 3. กระดาษ Post-it ขนั้ ตอนการท�ำกจิ กรรม 1. ให้แม่แบ่งกลุ่มเป็น 2 กลุ่มๆ ละเท่ากันให้แม่และครอบครัวดูภาพในโปสเตอร์ กลุ่ม 1 ดูภาพที่ 1 คอื ภาพเดก็ ดดู นมแม่ กลมุ่ 2 ดูภาพที่ 2 คือ ภาพเดก็ ดูดนมผสม 2. ให้กล่มุ ท่ี 1 ชว่ ยกนั เขยี นผลดี ผลเสีย ของนมแม่ลงในกระดาษ Post-it และน�ำไปตดิ ท่ี ฟิวเจอร์บอร์ดชุดที่ 1 แม่กลุ่มที่ 2 ช่วยกันเขียนผลดี ผลเสีย ของนมผสมลงในกระดาษ Post-it และน�ำไปติดทีฟ่ วิ เจอร์บอร์ดชุดท่ี 2 3. ใหต้ วั แทนสรปุ ผลของกลมุ่ 1 และกลมุ่ 2 โดยผสู้ อนชว่ ยเตมิ เตม็ ขอ้ มลู ใหถ้ กู ตอ้ งครบถว้ น ของประโยชน์ และผลเสียของนมแมแ่ ละนมผสม คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 17 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
ใบงานท่ี 2 การบีบเกบ็ นำ้� นมแม่ วสั ดุอุปกรณ์ 1. กระดาษข้อความคำ� ถาม 2. ดนิ สอ ปากกา ขนั้ ตอนการท�ำกิจกรรม 1. แจกกระดาษค�ำถามแก่แม่ทุกคนในหัวข้อ “คุณแม่คิดว่าจะวางแผนการเก็บตุนน�้ำนม เพ่อื ไปทำ� งานอย่างไร” 2. หลังจากตอบค�ำถามใหแ้ ม่เล่าแนวทางของแตล่ ะคนให้ฟงั 3. ผสู้ อนรวบรวมผลและสรปุ ใหฟ้ งั เพอื่ ให้แม่นำ� ไปปฏบิ ัติจรงิ คุณแม่คิดว่าจะวางแผนการเก็บตุนน�้ำนมในการท�ำงานอย่างไรให้ขีด / หน้าข้อที่เห็นว่าถูกต้อง ตอบไดม้ ากกว่า 1 ขอ้ 1. เวลาทจี่ ะบบี เก็บน้�ำนมเมอ่ื อยู่ทท่ี �ำงาน ทุก 3 ชัว่ โมง ทุกมอ้ื ที่ถงึ เวลาลูกดดู นมแม่ ทุกครั้งทีม่ อี าการคัดเตา้ นมคดั เมอ่ื ไหร่ก็ไดท้ ีส่ ะดวก 2. สถานทีบ่ ีบน�้ำนม ในห้องทำ� งาน ในหอ้ งพยาบาล ในหอ้ งน�ำ้ ในหอ้ งครัว ไม่มสี ถานทบี่ ีบเกบ็ 3. เก็บน้ำ� นมไว้ท่ไี หน ในตเู้ ย็นท่ที �ำงาน ในกระติกนำ้� แข็ง ในตเู้ ยน็ หอ้ งพยาบาล เกบ็ ในตเู้ ย็นห้องครัว 4. อุปกรณ์ในใสน่ ำ�้ นมแม ่ ถงุ เกบ็ น�้ำนม ขวดนม ถงุ พลาสติกอื่น 18 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
5. การเตรยี มผเู้ ลยี้ งดูเดก็ เมือ่ ตอ้ งออกไปท�ำงาน เล้ียงเองทบ่ี า้ น ตายายเลีย้ ง ปยู่ า่ เลย้ี ง ญาติพน่ี อ้ งเลย้ี ง ยังหาคนเลยี้ งไม่ได้ 6. การนำ� ส่งน้�ำนมไว้ให้ลูก 6.1 กรณีส่งนมแม่ไปให้ลกู ท่ีตา่ งจังหวัด ปัม๊ นมไว้แล้วนำ� ไปสง่ ต่างจังหวดั เอง ปม๊ั นมไวแ้ ลว้ สง่ รถประจำ� ทาง/เครอื่ งบนิ ไมส่ ามารถสง่ น้ำ� นมได้ 6.2 กรณีเลีย้ งลกู เองที่บ้าน ป๊มั นมไวใ้ ห้ลูกกนิ ทุกวนั ไมส่ ามารถป๊ัมนมในท่ีท�ำงานได้ ส่งิ ทีค่ ิดว่าเปน็ อุปสรรค ………………………………………………………………...............………… แนวทางการแก้ไข …………………………………………………………………....................……… คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 19 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
ใบความรู้ที่ 1 ผลดขี องนมแม่และผลกระทบของนมผสม ปปรระะโโยยชชนน์ขข์ อองงนนมมแแมม่ ่ ผผลลกกรระะททบบขขอองงนนมมผผสสมม ประโยชนข์ องการเลี้ยงลกู ดว้ ยนมแม่ตอ่ ลกู ผลกระทบของการเลย้ี งลกู ดว้ ยนมผสม • สร้างความรักความผูกพันระหว่างมารดาและ • ทารกมีโอกาสเจ็บป่วยได้บ่อยกว่าทารกท่ีกิน ทารก นมแม่โดยเฉพาะโรคทางเดินอาหารและโรคทาง • ให้สารอาหารที่จ�ำเป็นต่อร่างกายและสมอง เดนิ หายใจ ครบถ้วนท�ำให้เด็กเจริญเติบโตสมวัยและเชาว์ • ทารกมีโอกาสแพ้นมผสมและเกิดโรคภูมิแพ้ ปัญญาดี ไดม้ ากกวา่ ทารกท่กี นิ นมแม่ • มภี ูมติ ้านทานโรค ลดความเส่ียงตอ่ การติดเชอื้ • ทารกมีโอกาสได้รับสารอาหารในสัดส่วนท่ี • ไมม่ สี ารแปลกปลอม ลดความเสย่ี งตอ่ การเกดิ ไม่เหมาะสมจากการชงนมไม่ถกู วิธี โรคภูมแิ พ้ • เด็กมีโอกาสเป็นเบาหวานชนิดท่ี 2 และ • กระดกู บรเิ วณกรามและหนา้ มพี ฒั นาการและ โรคอ้วนเม่ือเข้าสู่วัยผู้ใหญ่จากการเติมน�้ำตาล เจริญเติบโตอยา่ งเหมาะสม ในสว่ นผสม • นมแม่มีสารช่วยกระตุ้นพัฒนาการของอวัยวะ • โอกาสทแ่ี มล่ กู ไดใ้ กลช้ ดิ กนั จะมลี ดลงเพราะให้ ต่างๆ ใครป้อนนมกไ็ ด้ • นมแม่มอี ณุ หภูมิพอเหมาะกนิ ได้ทนั ที • ค่าใช้จ่ายเพิ่มข้ึนเพราะต้องซื้อนมผสมและ • โอกาสเป็นเบาหวานชนิดท่ี 2 และโรคอ้วน ภาชนะนึ่งขวดนม นอ้ ยลงเมอื่ เขา้ สู่วัยผ้ใู หญ ่ ประโยชนข์ องการเลยี้ งลกู ดว้ ยนมแมต่ อ่ แมแ่ ละ ครอบครวั • ชว่ ยลดการตกเลือดหลังคลอด มดลกู เขา้ อู่เรว็ • เวน้ ระยะหา่ งของการมบี ตุ ร • ลดโอกาสเสย่ี งตอ่ มะเรง็ เตา้ นมและมะเรง็ รงั ไข่ • รูปร่างและนำ�้ หนักตวั แมค่ ืนสู่สภาพเดิมได้เรว็ • ประหยัดเวลาและค่าใชจ้ า่ ย • มโี อกาสเปน็ เบาหวานชนดิ ที่ 2 นอ้ ยลงเมอื่ อายุ มากขน้ึ • มคี วามภาคภมู ใิ จในตนเองทส่ี ามารถทำ� หนา้ ท่ี แมท่ ดี่ ี 20 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
ปปปรระระโะโยโยชยชนชนนข์ ์ขอ์ขององนงนนมมแมแมแม่ม่ ่ ผผลผลกลกรกระระทะททบบบขขอขององนงนนมมผมผสผสมสมม ประโยชน์ของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ต่อสังคม และประเทศชาติ • ประหยัดเงินในการซื้อนมแม่นมผสมจากต่าง ประเทศ ลดคา่ ใชจ้ า่ ย • ช่วยรกั ษาสิง่ แวดลอ้ มและภาวะโลกรอ้ น • เพิ่มคุณภาพของเยาวชนและประชากรใน อนาคต • เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพการท�ำงานของแม ่ คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 21 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
ใบความร้ทู ่ี 5 การบีบเก็บนมแมเ่ ม่อื ตอ้ งไปท�ำงานนอกบา้ น เมื่อต้องไปท�ำงานนอกบ้านคุณแม่ไม่จ�ำเป็นต้องหยุดการให้นมลูก ถ้าได้เรียนรู้เข้าใจวิธีการ เก็บน�้ำนมไว้ให้ลูกและมีความต้ังใจจริงก็สามารถประสบความส�ำเร็จในการเล้ียงลูกด้วยนมแม่ โดยไม่ยาก ขน้ั ตอน ข้อควรระวัง 1. การให้นมแม่ในชว่ งที่ลาพกั หลังคลอด • ให้ลูกกินนมแม่อย่างเดียวทุก 2-3 ช่ัวโมงใน • หมั่นสร้างความม่ันใจแก่แม่ในเรื่องความพอ ช่วงลาพักคลอด น้�ำนมแม่จะมากข้ึนโดยเฉพาะ เพยี งของนำ้� นม ในชว่ งเวลา 3 เดือนแรกของการลาคลอด • แม่ควรไปศึกษาเทคนิคการบีบเก็บน้�ำนมให้ • หลงั 1-2 เดอื น เมอ่ื มีน้�ำนมมากพอใหเ้ รม่ิ บบี เข้าใจฝึกปฏิบัติให้ถูกต้องและถ่ายทอดให้คน เกบ็ นำ�้ นม เลย้ี งลกู ทราบและปฏิบตั ิตาม • 1-2 สัปดาห์ก่อนไปท�ำงานฝึกให้คนเลี้ยงคุ้น • ไมค่ วรฝกึ ลกู ดดู นมจากขวดก่อนอายุ 1 เดือน เคยกับลูกและเร่ิมป้อนนมบีบให้ลูกโดยระยะ เพราะท�ำให้ลูกติดรอให้ลูกดูดนมแม่จนเก่งเสีย ก่อนไปท�ำงานให้ฝึกลูกดูดนมท่ีบีบไว้เพียง ก่อน 1 ม้อื /วนั • ฝกึ ทุกวนั จนกระทั่งไปทำ� งาน • หมั่นสร้างความม่ันใจแก่แม่ในเร่ืองความพอ เพยี งของน้ำ� นม • แม่ควรไปศึกษาเทคนิคการบีบเก็บน้�ำนมให้ เข้าใจฝึกปฏิบัติให้ถูกต้องและถ่ายทอดให้ คนเลยี้ งลกู ทราบและปฏบิ ตั ติ าม • ไมค่ วรฝกึ ลูกดดู นมจากขวดกอ่ นอายุ 1 เดือน เพราะท�ำให้ลูกติดรอให้ลูกดูดนมแม่จนเก่ง เสยี กอ่ น 2. การใหน้ มแม่ในช่วงทีไ่ ปทำ� งานหลัง ลาคลอดครบก�ำหนดแล้ว • เวลาในการบีบเก็บอาจจะจัดเวลาตามที่แม่ • จัดเวลาบีบเก็บน�้ำนมขณะไปท�ำงานบีบเก็บ สะดวก น�้ำนมอยา่ งน้อยทุก 3 ชั่วโมง เชน่ 22 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
• 09.00 น. ขนั้ ตอน ขอ้ ควรระวัง • การบีบเก็บน�้ำนมควรค�ำนึงถึงความสะอาด • 12.30 น. ใหม้ าก • 14.30 น. น�้ำนมท่บี ีบให้เก็บใส่กระติกน้�ำแข็ง หรือใส่ตู้เย็นที่ท�ำงานแล้วน�ำกลับไปบ้านเพ่ือใส่ ชอ่ งแชแ่ ขง็ ในตู้เย็น • กลางวันให้คนอนื่ เล้ียงปอ้ นนมท่ีบบี เก็บไว้ • ขณะอยบู่ า้ นใหล้ กู กนิ นมจากอกแมอ่ ยา่ งเดยี ว เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายแม่สร้างน้�ำนม อยา่ งต่อเนือ่ ง 3. การบบี น�้ำนม 3.1 การบบี นำ�้ นมด้วยมือ • การบบี จะใชม้ ือขา้ งไหนกไ็ ดท้ ี่แมถ่ นัด • หามมุ สงบและผ่อนคลายจติ ใจ เช่น ฟังเพลง • ล้างมอื ใหส้ ะอาดก่อนบบี น้ำ� นม เบาๆ จะท�ำให้น�้ำนมหลัง่ มาก • วางนิ้วหัวแม่มือไว้ด้านบนของเต้านมและ • ตอ้ งระวงั เรื่องความสะอาดลา้ งมอื ด้วยสบูท่ กุ นิ้วช้ีด้านตรงข้ามบริเวณด้านนอกของลานนม คร้งั ก่อนป๊ัมน้ำ� นมเพอ่ื ปอ้ งกนั เชือ้ โรคปนเปือ้ น ห่างจากฐานหัวนมประมาณ 3 ซม. อย่าวางนิ้ว ที่หัวนมจะท�ำให้น้�ำนมไม่ไหล เพราะไปกด ทอ่ รูเปดิ • กดน้วิ มอื ทั้งสองข้างหน้าอกให้เตา้ นมบมุ๋ บีบ นว้ิ เขา้ หากนั นำ�้ นมจะพงุ่ ออกมา นำ� ขวดแกว้ หรอื ถ้วยรองรบั น้ำ� นมเม่อื นำ�้ นมไหลใหผ้ า่ นนิ้วได้ • กดบีบ คลาย เปน็ จังหวะประมาณ 1-2 วินาที ตอ่ ครงั้ นำ้� นมจะไหลพงุ่ บบี เปน็ จงั หวะจนกระทงั่ น�้ำนมนอ้ ยลงจงึ คอ่ ยๆ เล่ือนน้วิ ทั้งสองไปรอบๆ ลานนมแต่ละเต้าจะใช้เวลาประมาณ 15 นาที นำ้� นมจะไหลชา้ ลงใหย้ า้ ยไปทเี่ ตา้ นมอกี ขา้ งหนง่ึ • ให้บีบน�้ำนมสลับไปมาท้ังสองเต้า เต้าละ ประมาณ 15 นาที จนกระทงั่ ครบ 30 นาที 3.2 การใชเ้ ครอ่ื งปม๊ั นำ้� นม • ล้างมือ อุปกรณป์ มั๊ นม และขวดนมใหส้ ะอาด คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 23 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
ข้นั ตอน ขอ้ ควรระวัง • วางกรวยเต้าส�ำหรับปั๊มนมบนหัวนม โดยให้ กรวยอยตู่ รงกลางหัวนม • ประคองเตา้ นมดว้ ยมอื ขา้ งเดยี ว โดยใหน้ วิ้ โปง้ อยดู่ า้ นบน สว่ นนวิ้ ทเี่ หลอื ประคองอยดู่ า้ นใตเ้ ตา้ นม และระมัดระวังอย่าออกแรงดันหัวนมกับ กรวยเตา้ นมมากเกนิ ไป เพราะอาจทำ� ใหเ้ กดิ รอย ที่ผวิ บรเิ วณเต้านมได้ • ปรับความเร็วและอัตราการปั๊มนมตามคู่มือ การใช้เคร่ือง โดยควรเร่ิมต้นจากอัตราการปั๊มที่ ต�่ำและเร็ว เมอื่ น�้ำนมเรมิ่ ไหลอยา่ งคงท่ี ซึ่งปกติ จะใช้เวลาประมาณ1-3 นาที แล้วจึงค่อยปรับ ความเร็วให้ชา้ ลงและเพม่ิ อัตราการปม๊ั ขน้ึ • การปั๊มนมแตล่ ะครง้ั ใชเ้ วลาประมาณ 15-20 นาที เมือ่ เรียบร้อยแลว้ ให้ค่อย ๆ นำ� กรวยเตา้ ส�ำหรับปั๊มนมออกจากเต้านม จากน้ันน�ำน�้ำนม ท่ีได้ไปเก็บไว้ในท่ีเย็นทันที เพ่ือรักษาคุณภาพ ของนำ�้ นม • ท�ำความสะอาดเคร่อื งปม๊ั นมตามคมู่ ือ การใช้และเก็บให้มิดชิดเพ่ือป้องกันเช้ือโรคและ สิ่งสกปรก 4. เก็บน้ำ� นม • ควรบบี นำ�้ นมทง้ิ กอ่ น 3 ครงั้ แลว้ จงึ เรมิ่ ใชข้ วด • การน�ำนมแม่มาใช้ไม่จ�ำเป็นต้องแช่ในน้�ำอุ่น รองเก็บ และไม่ควรแช่ในน้�ำร้อนหรือใส่ในไมโครเวฟ • เก็บน�้ำนมลงในขวดหรือถุงเก็บน้�ำนม ท่ีลูก เพราะจะท�ำให้เสียคุณค่าสารอาหาร อาจน�ำ ต้องการกนิ ในแตล่ ะม้อื นำ้� นมจากชอ่ งแชแ่ ขง็ มาวางไวจ้ นกระทงั่ หายเยน็ • เมอ่ื บบี นำ�้ นมเสรจ็ ปดิ ฝาขวดใหม้ ดิ ชดิ ทนั ทถี า้ ก็ให้ลกู กนิ ได้เลย ตง้ั ไวไ้ มใ่ สต่ เู้ ยน็ จะอยไู่ ด้ 1 ชวั่ โมงในอณุ หภมู หิ อ้ ง ปกตไิ ม่ติดแอร์ • เก็บไว้ในตู้เย็นส่วนที่เย็นที่สุดคือ ช้ันท่ีอยู่ใต้ ช่องแขง็ ด้านในสุดจะเกบ็ ไดน้ าน 2 วนั 24 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
ข้นั ตอน ขอ้ ควรระวัง • เก็บในช่องแช่แข็งตู้เย็น 1 ประตู เก็บได้ 2 สัปดาห์หรอื 1 เดือน (กรณีชอ่ งแขง็ ไม่มีอาหาร อย่ดู ว้ ย) • ถา้ เก็บไว้ในช่องแข็งตเู้ ยน็ 2 ประตู จะเกบ็ ได้ นาน 3 เดอื น อย่าเก็บไว้ท่ปี ระตตู เู้ ย็นเพราะเมือ่ เปดิ – ปดิ ตเู้ ย็นความเย็นจะไมค่ งท ่ี 5. เก็บนำ�้ นมในกรณีท่ีไม่มตี ู้เย็น • ทนั ทหี ลงั แมต่ น่ื นอนใหล้ กู ดดู นมแมก่ อ่ น 1 มอ้ื • เมอื่ รสู้ กึ เตา้ นมเรม่ิ คดั ควรบบี นมออกกอ่ นเลก็ • ก่อนไปท�ำงานนอกบ้านครึ่งชั่วโมงแม่บีบ น้อยเพราะอาการคัดจะทำ� ให้บบี ออกไม่ได้ นำ้� นมแมเ่ กบ็ ใสข่ วดแกว้ มฝี าปดิ มดิ ชดิ ตงั้ ไวใ้ นท่ี เยน็ ทสี่ ดุ ในบา้ น หรอื ใสใ่ นกระตกิ นำ้� แขง็ เพอ่ื เกบ็ ไว้ให้ลูกดื่มกนิ 1-2 มื้อ • แม่ท่ีฝึกบีบนมอย่างดีแล้วจะสามารถบีบนม หลังลกู ดูดอิ่มแลว้ 400- 500 ซซี ี หรอื 2 ถ้วย • เมอ่ื รสู้ กึ เตา้ นมเรม่ิ คดั ควรบบี นมออกกอ่ นเลก็ น้อยเพราะอาการคดั จะทำ� ใหบ้ ีบออกไม่ได้ 6. วิธปี อ้ นนมจากถ้วย (แกว้ ) • ขณะทจ่ี ะเรมิ่ ปอ้ นนมดว้ ยถว้ ยนนั้ ถา้ ลกู ไมอ่ ยนู่ ง่ิ • ห้ามรินน�้ำนมเข้าปาก เพราะอาจเกิดการ ควรหอ่ ลกู ไวเ้ พอื่ ปอ้ งกนั ลกู เอามอื มากระแทกถว้ ย สำ� ลกั • วางผา้ กนั เปื้อนไวท้ ีใ่ ตค้ างลกู • จบั ลกู นง่ั บนตกั ในทา่ เอนนอน โดยคนปอ้ นอยู่ ในทา่ ทีส่ บายใช้ฝ่ามือรองรบั ทีต่ น้ คอลกู • ถ้วยท่ีใช้ป้อนนมควรเป็นถ้วยแก้วจะเห็น น�ำ้ นมเวลาเอียงถว้ ย • ใช้ถ้วยเลก็ ๆ ขนาดถว้ ยยา ใส่น�้ำนมประมาณ ครึ่งถว้ ยกพ็ อ • ใช้มือจับถ้วยแบบท่ีใช้น้ิวช่วยกระดกถ้วยได้ โดยอาจใช้น้ิวก้อยหรือสันมือแตะท่ีอกลูก แล้ว วางปากถ้วยแนบที่ปากลูกเอียงแก้วจนน้�ำนม ไหลมาแตะท่ีริมผปี ากลูก ใหอ้ ยูใ่ นลกั ษณะเอียง ตลอดเวลา คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 25 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
บรรณานกุ รม นงลักษณ์ สมรปู , ภทั ราภรณ์ เอมย่านยาว, นนธนวนันท์ สนุ ทรา (2561). “กิจกรรมที่ 2 แม่ไปท�ำงาน หนูกย็ งั กนิ นมแม่ได”้ . ใน นนธนวนณั ท์ สนุ ทรา และคณะ (บก.), โรงเรยี นพอ่ แม่ BBL นวัตกรรมการเปล่ียนพฤติกรรมของพ่อแม่ผู้ดูแลเด็ก. (น.63-71). กรุงเทพมหานคร: บริษัท พาณิช พระนคร (2535) จ�ำกัด ป๊มั นมอย่างไรใหถ้ ูกตอ้ ง. สืบค้นวนั ที่ 28 สงิ หาคม 2564. จากhttp://www.pobpad.com /%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B9%8A%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0% B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3 %E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0% B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD 26 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
กจิ กรรมการสอนโรงเรียนพ่อแม่ กจิ กรรมที่ 1.2 อาหารตามช่วงวัยท�ำอยา่ งไร กนิ อยา่ งไรให้ลกู เติบโตแข็งแรง วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพอื่ ใหพ้ อ่ แม่ และผู้ดูแลเดก็ มีความรู้ ความเขา้ ใจ เก่ยี วกบั การใหอ้ าหารตามวยั สำ� หรับ เด็กอายแุ รกเกดิ - 3 ปี 2. เพื่อให้พ่อ แม่ และผู้ดูแลเด็กมีความรู้ ความเข้าใจ เก่ียวกับการจัดอาหารตามหลัก โภชนาการทสี่ อดคลอ้ งกบั ภาวะการเจริญเติบโต สำ� หรับเด็กอายุแรกเกดิ - 3 ปี 3. เพื่อให้เด็กไดร้ ับสารอาหารครบ 5 หมู่ และมีการเจรญิ เติบโตทส่ี มวยั และแข็งแรง ผลทีค่ าดว่าจะได้รบั 1. พ่อ แม่ และผู้ดูแลเด็กเกิดความตระหนักถึงความส�ำคัญของการรับประทานอาหาร ให้เหมาะสมตามวัยของเดก็ 2. พ่อ แม่ และผู้ดแู ลเดก็ สามารถเลือกอาหารใหถ้ ูกตอ้ งเหมาะสมตามวยั ของเดก็ 3. เดก็ ได้รับสารอาหารครบ 5 หมู่ และมกี ารเจรญิ เตบิ โตที่ตามวัยและแข็งแรง หลกั การและวิธกี าร ขนั้ ตอนส�ำคัญ จุดส�ำคญั 1. เตรียมความพร้อม : เตรียมสถานที่สภาพ • จัดนงั่ เกา้ อ้เี ปน็ คร่ึงวงกลม แวดลอ้ มและสรา้ งบรรยากาศการเรยี นรดู้ ว้ ยการ • ผู้เรียนต้องมีความพร้อม โดยมีสีหน้าแววตา • พดู คุยทักทาย ผ้ปู กครอง น้�ำเสียง ท่าทางที่ให้ความร่วมมือ สนุกสนาน • แนะน�ำทีมวิทยากร เปิดสมองด้วยเพลง ผ่อนคลาย และเปน็ กันเองกับวทิ ยากร “Chicken Dance”ก่อนเข้าสกู้ ิจกรรม • กจิ กรรมเปดิ สมองสามารถปรบั เปลยี่ นไดต้ าม ความถนดั ของวทิ ยากร 2. ขั้นน�ำเขา้ สบู่ ทเรียน • วิทยากร พูดคุย ซักถามผู้ปกครองเกี่ยวกับ • สังเกตความพร้อมของผู้เรียนในการโต้ตอบ อาหารท่ีเด็กๆ รับประทานในแต่ละวัน และ หรือการมีส่วนร่วมในการแบ่งปันประสบการณ์ ความสำ� คญั ของอาหารทเี่ ดก็ ๆ รบั ประทาน โดย โดยดจู ากแววตา สหี น้า ท่าทาง น�ำ้ เสียง แนวค�ำถาม ดงั น้ี “ ผปู้ กครองรู้หรือไม่วา่ อาหาร • ต้องไม่มีส่ิงรบกวน คลิปวิดีโอต้องมีความ ท่ีเด็กๆ รับประทานแต่ละมื้อมีความส�ำคัญกับ คมชัดไม่มีเสียงรบกวน เด็กอย่างไรและอาหารท่ีเหมาะสมแต่ละวยั ของ เดก็ ควรเป็นอยา่ งไร” คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 27 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
ขนั้ ตอนส�ำคญั จุดส�ำคญั • วทิ ยากรเปดิ วดี ที ศั น์ “เรอ่ื งอนั ตรายจากการ ป้อนอาหารเสริมเร็วเกินไป” จากน้ันพูดคุยกับ พอ่ แม่ / ผ้ดู แู ลเดก็ สรปุ ความสำ� คญั ของอาหาร ตามวัย และผลกระทบจากการรับประทาน อาหารเสริมที่เร็วเกินไปหรือการรับประทาน อาหารที่ไม่เหมาะสมกับวัยของเด็ก (ใบความรู้ ท่ี 1 และ 2) 3. การใหอ้ งคค์ วามรู้และลงมอื ปฏิบัติ • วทิ ยากรนำ� เขา้ สกู่ จิ กรรม “สง่ เสรมิ โภชนาการ • พ่อ แม่ และผู้ดูแลเด็ก สามารถบอกถึง ในเดก็ ปฐมวยั : อาหารตามชว่ งวยั ทำ� อยา่ งไร กนิ แนวทางการจัดอาหารและปริมาณอาหารท่ี อย่างไรให้ลกู เติบโตแข็งแรง” แนะนำ� ใหบ้ รโิ ภคใน 1 วนั ได้ โดยแบ่งพ่อแม่ / ผู้ดูแลเด็ก เป็น 2 กลุ่มและ ดำ� เนินกิจกรรม (ใบงานที่ 1) ดงั น้ี 1. ให้พ่อแม่ / ผดู้ แู ลเด็ก จดั อาหารในแตล่ ะม้ือ ของแตล่ ะวนั แลว้ นำ� ไปตดิ ไวใ้ นตารางทจี่ ดั เตรยี ม ไว้ สำ� หรับ 1 อาทิตย์ โดย วทิ ยากรสาธติ วธิ กี ารจดั เมนอู าหารเพอื่ เปน็ ตัวอยา่ งให้ผ้ปู กครอง จ�ำนวน 1 วัน 2. พอ่ แม่ / ผดู้ แู ลเดก็ นำ� เสนอเมนอู าหารทเี่ ลอื ก ในแต่ละกลุ่ม • วทิ ยากร สรุป ดงั นี้ 1. ข้อปฏิบัติการจัดอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีของ เด็ก อายุ 1-3 ปี (ใบความรทู้ ี่ 3) 2. แนวทางการจัดอาหารและปริมาณอาหารท่ี แนะน�ำให้บริโภคใน 1 วัน (ใบความรูท้ ี่ 4) • พอ่ แม่ และผดู้ แู ลเดก็ ไดฝ้ กึ ปฏบิ ตั ทิ ดลองจดั เมนูอาหารให้กบั เดก็ ๆ 4. ข้ันสะท้อนกลับและทดสอบความรู้ • วิทยากร พูดคุยและสรุปแนวทางการจัด • ผู้ปกครองบอกความส�ำคัญของอาหารตาม อาหารและปรมิ าณอาหารทแี่ นะนำ� ใหบ้ รโิ ภคใน วัยได้ 28 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
ขั้นตอนสำ� คัญ จุดสำ� คัญ 1 วนั รว่ มกนั อกี ครง้ั จากนนั้ เปดิ โอกาสใหผ้ เู้ รยี น • กรณที พี่ อ่ แม/่ ผปู้ กครองหยบิ เมนอู าหารไมถ่ กู ซักถาม ข้อสงสัย ต้อง ไม่ควรต�ำหนิ ควรเปิดโอกาสให้พ่อแม่/ ผปู้ กครองเดก็ ทา่ นอนื่ ไดช้ ว่ ยกนั เลอื กเมนอู าหาร ใหมอ่ ีกครั้ง 5. ขน้ั สรปุ • วิทยากรซักถามพ่อแม่ผู้ปกครองถึงส่ิงที่ได้ • กระตุ้นให้ทุกคนมีส่วนร่วม ค่อยๆ สร้าง เรียนรู้ความรู้สึก/ความประทับใจในกิจกรรม บรรยากาศให้ผ่อนคลาย ไม่ถามเฉพาะเจาะจง วันนี้ ดูคนทีพ่ ร้อมตอบกอ่ น คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 29 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
ความสอดคลอ้ งของกิจกรรมตามหลักการพัฒนาสมอง BBL (Brain – based Learning) 1. มีการเตรียมความพรอ้ ม พ่อ แม่ และผดู้ แู ลเด็กดว้ ยการเปิดสมองกอ่ นทำ� กิจกรรม 2. เปน็ การสง่ เสรมิ สายใยความรกั ความผกู พนั ในครอบครวั และชว่ ยใหเ้ กดิ ความเพลดิ เพลนิ ในการทำ� กจิ กรรมร่วมกนั 3. ผู้ปกครองทดลองได้ลงมือปฏิบัติ และแก้ไขความรู้ ความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง ท�ำให้เกิด การเรียนรแู้ ละเปน็ ภาพจ�ำทถ่ี กู ตอ้ งมากย่ิงข้นึ ระยะเวลา 30 – 45 นาที ส่ืออปุ กรณ์ แผ่นภาพเมนอู าหาร กระดาษฟลปิ ชารท์ และตารางชว่ งเวลาอาหาร 5 มอื้ โมเดลอาหาร ผลการประเมิน 1. สังเกตการมีส่วนร่วมในกิจกรรม การตอบข้อซักถาม หรือแลกเปล่ียนความคิดเห็น ของผูป้ กครอง 2. ตดิ ตามการทำ� กจิ กรรมรว่ มกนั ระหวา่ งเดก็ และผปู้ กครองขณะอยทู่ บ่ี า้ น โดยใหผ้ ปู้ กครอง ส่งภาพกจิ กรรม หรอื VDO ผ่านทางแอพพลเิ คชน่ั Line ของชัน้ เรยี น 30 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
ใบความรู้ที่ 1 ความส�ำคัญของอาหารตามวัยและผลกระทบของเดก็ ทีม่ ีภาวะทพุ โภชนาการ อาหารทเ่ี หมาะสมตามวยั ของเดก็ ทง้ั ชนดิ และปรมิ าณ จะเปน็ ปจั จยั สำ� คญั ตอ่ พฒั นาการและ การเจริญเติบโตของร่างกายและสมอง เพราะในเด็กแรกเกิด-3 ปี เป็นช่วงชีวิตที่มีการเจริญเติบโต อย่างรวดเร็ว เดก็ อายุ 1-5 ปี มคี วามตอ้ งการสารอาหารตา่ งๆเพมิ่ ขนึ้ โดยทวั่ ไปในชว่ งอายนุ เี้ ดก็ จะมอี ตั รา การเพม่ิ น้ำ� หนกั 2-3 กโิ ลกรมั ต่อปี และสว่ นสูงเพ่ิม 5-8 เซนติเมตรตอ่ ปี เป็นวัยท่ีมกี ิจกรรมเคล่ือนไหว และการเลน่ มากขน้ึ ทำ� ใหร้ า่ งกายตอ้ งการสารอาหารเพมิ่ ขนึ้ วยั นจ้ี งึ มคี วามเสยี่ งตอ่ การขาดสารอาหาร หรือได้รับมากจนเกินความต้องการจนมีภาวะอ้วน การได้รับอาหารท่ีเหมาะสมทั้งชนิดและปริมาณ จึงมคี วามสำ� คญั และจำ� เปน็ อย่างยิ่งตอ่ พฒั นาการและการเจรญิ เติบโตของเดก็ พลงั งาน : พลงั งานจากอาหารทเี่ พยี งพอจำ� เปน็ ตอ่ การเจรญิ เตบิ โตและเพอ่ื รกั ษาสภาพสมดลุ รา่ งกายและมสี ำ� รองใหร้ า่ งกายใช้ เมอ่ื เดก็ มกี จิ กรรมเคลอื่ นไหวเพม่ิ ขนึ้ หรอื ในยามเจบ็ ปว่ ย โดยเดก็ อายุ 3-5 ปี ตอ้ งการพลงั งานวนั ละ 1,000-1,300 กโิ ลแคลอรี อาหารทใี่ หพ้ ลงั งานจะไดจ้ ากหมวด ขา้ ว-แปง้ - ธัญพืชต่างๆ นำ้� ตาล และไขมนั จากพชื และสัตว์ โปรตนี : อาหารโปรตนี ชว่ ยการเจรญิ เตบิ โตและสรา้ งกลา้ มเนอ้ื ตา่ งๆ เดก็ วยั นต้ี อ้ งการโปรตนี วนั ละ1.2-1.4 กรมั ต่อน�ำ้ หนกั ตวั 1 กโิ ลกรมั ต่อวัน (18-22 กรมั ต่อวนั ) อาหารทใ่ี ห้โปรตนี คอื ไข่ นม เน้อื สัตว์ต่างๆ เชน่ เน้อื ปลา หมู ไก่ หรืออาจใหอ้ าหารทเ่ี ปน็ ถัว่ ต้มเปอ่ื ยต่างๆ เต้าหู้ ฯลฯ ทใ่ี ช้ทดแทน อาหารเน้อื สตั ว์ในบางม้อื เด็กควรได้รบั ไขว่ นั ละ 1 ฟอง และไดด้ ม่ื นมรสจดื ทกุ วัน ผ้ปู กครองสามารถ ให้อาหารท่ีเสริมธาตุเหล็กโดยปรุงอาหารจากเนื้อสัตว์ ตับ เลือด ไข่แดง ฯลฯ โดยจัดให้สัปดาห์ละ 2-3 ครัง้ เพือ่ ปอ้ งกนั ปญั หาโลหิตจาง ไขมนั : ไขมนั ชว่ ยสร้างพลังงานแก่รา่ งกายและชว่ ยการดูดซึมวิตามนิ บางตัว เช่น วติ ามินเอ ดี อี และเคในร่างกาย เด็กอายุ 3-5 ปี ไม่ควรได้รับไขมันเกินกว่าร้อยละ 30 ของพลังงานท้ังหมด (หรอื เทยี บเทา่ นำ�้ มนั พชื 6-8 ชอ้ นชาตอ่ วนั ) เนอ่ื งจากการไดร้ บั ไขมนั มากเกนิ ไปจะสง่ ผลใหเ้ กดิ โรคอว้ น ได้ จงึ ควรหลกี เลย่ี งอาหารทใ่ี หไ้ ขมนั อมิ่ ตวั ตา่ งๆ เชน่ ไขมนั จากเนอ้ื สตั ว์ นำ้� มนั หมู กะทิ มารก์ ารนี ฯลฯ เพราะในระยะยาวมผี ลทำ� ให้ระดับไขมันแอลดีแอล-คอเลสเตอรอล (ไขมันไมด่ ี) ในเลอื ดเพมิ่ ขน้ึ น�ำไป สู่การเกิดปญั หาไขมันในเลือดสูงและโรคไมต่ ดิ ตอ่ เรือ้ รงั อ่นื ๆ คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 31 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
ผลกระทบของเดก็ ท่มี ภี าวะทุพโภชนาการ เด็กทม่ี ีนำ�้ หนกั นอ้ ย จะมีผลกระทบดา้ นสตปิ ัญญา โดยเด็กทมี่ ีน้�ำหนักน้อยกวา่ 2,500 กรัม มีโอกาสทจ่ี ะท�ำให้เกดิ การพฒั นาทางสมองไม่ดี ความสามารถในการเรียนรู้ สติปญั ญาตำ่� กวา่ เดก็ แรก เกดิ ทมี่ นี ำ้� หนกั แรกเกดิ ปกติ โดยเฉพาะในเดก็ ทมี่ ภี าวะเตย้ี จะมรี ะดบั สตปิ ญั หาทต่ี ำ่� กวา่ เดก็ ทม่ี คี วามสงู อยู่ในเกณฑ์ปกติ ส�ำหรับผลกระทบด้านสุขภาพ เด็กท่ีขาดสารอาหารจะมีภูมิต้านทานโรคต�่ำและ ติดเช้ือโรคได้ง่าย จึงส่งผลให้เด็กจะมีภาวะเจ็บป่วยบ่อย เป็นนาน หายช้า และเม่ือโตเป็นผู้ใหญ่ มีโอกาสท่ีจะเป็นโรคเรื้อรังต่างๆ มากขึ้น เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจและ หลอดเลือด เน่ืองจากมีการพัฒนาอวัยวะต่างๆ ท่ีไม่สมบูรณ์มาจากการขาดสารอาหารในวัยเด็ก จึงท�ำใหป้ ระสิทธภิ าพในการเผาผลาญอาหารลดลง เด็กที่มีภาวะอ้วน จะมีผลกระทบด้านสุขภาพท�ำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อ เร้ือรัง ได้แก่ โรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง ซึ่งจะน�ำไปสู่โรคหัวใจ ผลกระทบด้านสติปัญญา เดก็ อว้ นมักจะมภี าวะกรนและหยดุ หายใจขณะนอนหลับ ท�ำใหส้ มองขาดออกซิเจนเป็นชว่ งๆ ซึง่ มีผล ต่อการพัฒนาสมองและการเรียนรู้ คือ เมื่อเด็กนอนหลับไม่สนิทจะง่วงนอนในตอนกลางวันท�ำให้มี ผลต่อการเรียนรู้ของเด็ก ส่งผลต่อความมั่นใจในตนเองและการยอมรับของกลุ่มเพื่อน โดยเด็กท่ีอ้วน มกั จะถกู ลอ้ เลียนจงึ ท�ำให้ขาดความมนั่ ใจ แยกตวั และอาจทำ� ให้เกดิ ภาวะซึมเศรา้ ขน้ึ ได้ 32 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
ใบความร้ทู ี่ 2 อนั ตรายจากการรับประทานอาหารเสริมหรอื การรับประทานอาหารท่เี ร็วเกินไป 1. การใหอ้ าหารเสรมิ แกท่ ารกเร็วเกินไป คือ ก่อนอายุ 6 เดือน ซงึ่ ทารกยงั ไมพ่ ร้อมที่จะรบั และเคีย้ วอาหารทม่ี ลี ักษณะกึ่งแขง็ ก่งึ เหลวได้ อาจเกดิ การส�ำลักอาหารเขา้ หลอดลมได้ 2. การให้อาหารเสริมเร็วเกินไปก่อนทารกมีอายุ 6 เดือน จะท�ำให้ทารกดูดนมแม่น้อยลง เสี่ยงตอ่ การเปน็ โรคขาดสารอาหาร โรคอุจจาระร่วง และโรคภูมิแพ้ 3. ทารกทอี่ ายไุ ม่ถงึ 6 เดอื น ระบบการท�ำงานของไต และตับของลกู ซึ่งทำ� หน้าที่ในการ กรองสารพิษต่างๆ ยังท�ำงานได้ไม่ดี หากลูกของเราได้รับอาหารที่มีการปนเปื้อนสารพิษ จากยา ฆา่ แมลง, สารเคมตี า่ งๆ ในผกั , สารเรง่ เนอื้ แดงในเนอื้ สตั ว์ รวมถงึ ฮอรโ์ มนตา่ งๆ ทผี่ สมเขา้ ไปในอาหารสตั ว์ ทำ� ใหร้ า่ งกายของลกู ไมส่ ามารถขบั สารพษิ เหลา่ นนั้ ออกมาได้ เมอ่ื รา่ งกายสะสมสารพษิ นานเขา้ จะกลาย เป็นโรคแพอ้ าหารบางชนิดทันที 4. หากทารกได้รับอาหารเสริมเร็วเกินไป เช่น รับประทานอาหารเสริมจ�ำพวกกล้วยบด ข้าวบด หรืออาหารเสริมอ่ืนๆ ท�ำให้เกิดล�ำไส้อุดตัน เนื่องจาก ระบบย่อยอาหารเด็กยังไม่สมบูรณ์ แข็งแรงพอ 5. ทารกแรกเกิดจนถึงอายุ 6 เดอื น ระบบการย่อยแปง้ ของทารกยังท�ำงานไดไ้ มด่ ีนัก ดงั นั้น การให้อาหารเสริมก่อนวัยอันควร จะส่งผลเสียท�ำให้การดูดซึมอาหารบกพร่องรวมถึงดูดซึมเกลือแร่ ไดน้ อ้ ยลง 6. ทารกแรกเกิดจะมีเอนไซม์ท่ีย่อยไขมันต่�ำ ท�ำให้ทารก ดูดซึมไขมันได้ไม่ดีนัก ดังนั้น การใหอ้ าหารเสรมิ ทม่ี ไี ขมนั มาก หรอื นอ้ ยเกนิ ไปอาจกอ่ ใหเ้ กดิ ปญั หา เชน่ ถา้ ใหอ้ าหารเสรมิ มากเกนิ ไป จะเกดิ อาการถ่ายเปน็ ไขมนั ได้ 7. ถ้าหากอาหารเสริมท่ีให้พลังงานสูง อาจท�ำให้ทารกมีโอกาส เป็นโรคอ้วนสูง เนื่องจาก ทารกทมี่ นี ำ�้ หนกั ตวั เพม่ิ ขนึ้ ในระยะแรกเนอ่ื งมาจากการเพม่ิ จำ� นวนของเซลลไ์ ขมนั ทำ� ใหท้ ารกมจี ำ� นวน ไขมันมากกจ็ ะมโี อกาสอว้ นงา่ ยขึ้นในอนาคต 8. อาหารเสริมทม่ี ีน�้ำตาลปรุงรสหวาน อาจมีผลกระทบตอ่ นสิ ัย การบรโิ ภคของทารก ท�ำให้ ทารกติดการรับประทานอาหารรสหวาน และมโี อกาสฟันผุไดง้ า่ ย 9. อาหารเสริมบางชนิดอาจมีคุณค่าทางโภชนาการไม่ครบถ้วน ท�ำให้ไตท�ำงานหนัก บางชนิดเติมเกลือลงไปเพื่อปรุงรส ถือเป็นอันตรายต่อทารก เพราะอาจท�ำให้เด็กมีแนวโน้มเป็นโรค ความดนั โลหิตสูงได้ คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 33 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
ใบงานท่ี 1 ให้พอ่ แม่ / ผู้ดแู ลเดก็ ดำ� เนนิ กจิ กรรม ดังนี้ 1) เลือกเมนูอาหารในแต่ละมื้อของแต่ละวันแล้วน�ำไปติดไว้ในตารางที่จัดเตรียมไว้ สำ� หรับ 1 อาทติ ย์ 2) น�ำเสนอเมนูอาหารท่ีเลือก โดยบอกประโยชน์ ความส�ำคญั ทจ่ี ำ� เปน็ ที่เดก็ ไดร้ ับ 34 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
ใบความรูท้ ี่ 3 ขอ้ ปฏบิ ัตกิ ารจัดอาหารเพอ่ื สขุ ภาพท่ีดขี องเดก็ อายุ 1-3 ปี 1. จดั อาหารม้ือหลกั 3 มอ้ื และอาหารว่างไมเ่ กนิ 2 มือ้ ต่อวัน 2. จัดอาหารครบ 5 หมู่ แตล่ ะหมใู่ หห้ ลากหลาย เป็นประจำ� ทุกวนั 3. ใหน้ มแม่ตอ่ เนอ่ื งถึง 2 ปี เสรมิ นมรสจดื วันละ 2-3 แก้ว 4. ฝึกใหเ้ ดก็ รับประทานผกั และผลไมจ้ นเป็นนสิ ยั 5. จดั อาหารวา่ งท่มี คี ุณภาพ 6. ฝกึ ใหเ้ ดก็ รับประทานอาหารรสธรรมชาติ ไมห่ วานจัด ไมม่ นั จดั และไมเ่ ค็มจดั 7. ให้รบั ประทานอาหารสะอาดและปลอดภยั 8. ใหด้ มื่ น้ำ� สะอาด หลีกเล่ยี งเครื่องดืม่ ปรุงแตง่ รสหวานและน้ำ� อัดลม 9. ฝึกวินัยการรบั ประทานอาหารให้เหมาะสมตามวัย จนเปน็ นิสัย 10. เลน่ กับลูก สรา้ งความผกู พัน หมน่ั ติดตามการเจริญเตบิ โตและพัฒนาการ คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 35 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
ใบความรทู้ ี่ 4 แนวทางการจดั อาหารและปรมิ าณท่ีอาหารท่แี นะนำ� ให้บรโิ ภคใน 1 วัน 1) กลุ่มข้าวแป้ง ควรกนิ ขา้ วกลอ้ งหรอื ขา้ วซ้อมมือ เพราะจะให้วิตามินและแรธ่ าตมุ ากกวา่ ขา้ วขาว รวมทง้ั ใยอาหาร 2) กลุ่มผักและกลมุ่ ผลไม้ กิน เปน็ ประจำ� ทกุ วนั และกนิ ให้หลากหลายสี เช่น สเี หลือง-ส้ม สีแดง สีเขยี วเขม้ สมี ว่ ง สีขาว เปน็ ตน้ เพอื่ ให้ไดว้ ติ ามินและแร่ธาตคุ รบถว้ นเพียงพอ 3) กลมุ่ เนอื้ สตั ว์ กนิ ใหห้ ลากหลาย รวมทง้ั ไข่ ถวั่ เมลด็ แหง้ และผลติ ภณั ฑ์ เชน่ เตา้ หู้ เปน็ ตน้ เพ่อื ใหไ้ ดโ้ ปรตนี กรดไขมนั จำ� เปน็ แร่ธาตุ และวิตามิน ซ่งึ จ�ำ เปน็ ต่อการสรา้ งเน้ือเยื่อตา่ งๆ รวมทง้ั การเจรญิ เตบิ โตของเซลลส์ มองของเด็ก 3.1) จดั อาหารให้มีไขเ่ ปน็ ส่วนประกอบ สัปดาหล์ ะ 3-7 วนั ๆ ละ 1ฟอง เพือ่ ให้ได้โปรตนี คุณภาพดี และยังให้วิตามินและแร่ธาตุท่ีส�ำคัญหลายชนิด เช่น วิตามินเอ วิตามินบี และเลซิติน (ช่วยสร้างสารส่ือประสาทช่วยการท�ำงานของระบบประสาท ท�ำให้มีความจ�ำและความสามารถใน การเรยี นรดู้ ขี น้ึ ) เปน็ ตน้ อยา่ งไรกต็ าม ไขแ่ ดงมคี อเลสเตอรอลสงู (1ฟอง มคี อเลสเตอรอล 200 มลิ ลกิ รมั ) ปรมิ าณท่ีแนะน�ำ ควรได้รบั คอเลสเตอรอลไม่เกินวันละ 300 มลิ ลกิ รัม ดงั นน้ั จึงควรบรโิ ภคไขไ่ ม่เกิน วันละ 1 ฟอง 3.2) จัดอาหารให้มีปลา(ต้องระวังก้าง) เป็นส่วนประกอบ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน จะชว่ ยใหไ้ ด้รบั DHA (Docosahexaenoic acid) ซึง่ เปน็ กรดไขมนั จ�ำเป็นในกลุ่มโอเมก้า 3 มีบทบาท 36 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
ส�ำคัญต่อโครงสร้างและการท�ำงานของสมอง และระบบประสาทเกี่ยวกับการพัฒนาเรียนรู้และ จอประสาทตาซ่ึงเกี่ยวกบั การมองเหน็ 3.3) จัดอาหารที่เป็นแหล่งธาตุเหล็กสัปดาห์ละ 1-2 วัน เช่น ตับ เลือด เป็นต้น และ ควรมีแหล่งอาหารวิตามินซีสูงรว่ มดว้ ย เช่น ฝรง่ั ส้ม มะปรางสกุ มะละกอสกุ เปน็ ต้น เพอ่ื ช่วยในการ ดดู ซึมธาตเุ หลก็ 3.4) เน้ือสัตว์ชนิดอื่น เช่น หมู ไก่ กุ้ง ปลาหมึก เป็นต้น สลับผลัดเปลี่ยนหมุนเวียน ในแตล่ ะวนั 4) กลุ่มนม นมเปน็ แหล่งแคลเซยี มทีด่ ีที่สดุ เนอ่ื งจากมปี ริมาณแคลเซยี มสงู และดดู ซมึ ได้ดี ควรให้เป็นนมสดรสจืด และไม่ควรด่ืมนมหลังอาหารทันที เพราะจะขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็ก จงึ ควรดมื่ ในมอื้ อาหารวา่ ง สว่ นแหลง่ แคลเซยี มจากอาหารอน่ื เชน่ โยเกริ ต์ เนยแขง็ กะปิ เตา้ หแู้ ขง็ -ออ่ น ปลาเลก็ ปลาน้อย สตั ว์ตวั เล็ก ปรมิ าณอาหารทแี่ นะนำ� ใน 1 วัน แต่ละกลุม่ วัย ควรแบง่ ปรมิ าณอาหารท่ีแนะนำ� ในกลุ่ม อาหาร (กลมุ่ ข้าวแปง้ กลมุ่ ผกั กลุม่ ผลไม้ กล่มุ เนื้อสัตว์ กลมุ่ นม) เป็นอาหารมอื้ หลัก 3 ม้ือ และอาหาร ว่าง 2 มือ้ หากอาหารมื้อ เช้ากนิ กลุม่ ใดมาก มอื้ กลางวันต้องกนิ กลุ่มน้นั นอ้ ยลง ในทางตรงกันข้าม กนิ อาหารม้ือเช้ากลมุ่ ใดน้อย ต้องกินมื้อกลางวนั กลมุ่ นัน้ มากขึน้ เพอื่ ใหไ้ ด้ตามปริมาณทแี่ นะนำ� ปรมิ าณอาหารท่ีแนะนำ� ให้บรโิ ภคใน 1 วนั สำ� หรับเด็กอายุ 1-5 ปี กลุ่มอาหาร ปรมิ าณอาหาร ข้าว-แป้ง (ทัพพี) ผัก (ทพั พี) เดก็ อายุ 1-3 ปี เดก็ อายุ 4-5 ปี ผลไม้ (สว่ น) เนื้อสตั ว์ (ช้อนกนิ ข้าว) 3 5 นมและผลติ ภัณฑ์ (แก้ว) 2 3 น�้ำมนั กะทิ (ชอ้ นชา) 3 3 นำ้� ตาล (ชอ้ นชา) 3 3 2 2-3 < 3 < 4 < 2 < 3 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 37 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
บรรณานุกรม สำ� นกั โภชนาการ กรมอนามยั (2558 ). คมู่ อื สง่ เสรมิ สขุ ภาพดา้ นโภชนาการในคลนิ กิ สขุ ภาพ เด็กด.ี สบื ค้น 25 เมษายน 2562. จากhttps://nutrition.anamai.moph.go.th/images/file/%E0 %B8%84%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8% AA%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0 %B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8% 9E%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A0%E0 %B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3_%E0%B9% 83%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0 %B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8% 9E%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B5.pdf ม่ิงขวัญ ลิรุจประภากร. อันตรายจากการรับประทานอาหารเสริมท่ีเร็วเกินไปหรือการรับ ประทานอาหาร.สบื คน้ 25 เมษายน 2562.จาก https://th.theasianparent.com/dangers-from-ear- ly-supplimentary-to-baby อมุ าพร สุทศน์วงวุฒิ สภุ าพรรรณ ตันตราชวี ธร และสมโชค คุณสนอง (2552). คมู่ อื อาหาร ตามวยั ส�ำหรับทารกและเด็กเลก็ . สืบคน้ 25 เมษายน 2562. จาก https://www.tmwa.or.th/new/ lib/file/20170121162528.pdf กลมุ่ งานโภชนวทิ ยา. แนวทางการจดั อาหารและปรมิ าณทอ่ี าหารทแ่ี นะนำ� ใหบ้ รโิ ภคใน 1 วนั . สบื คน้ 25 เมษายน 2562. จากhttp://110.164.68.234/nutrition/index.php?option=com_con- tent&view=article&id=5:2012-06-22-15-15-07&catid=10:-1 กิจกรรมการสอนโรงเรยี นพอ่ แม่ 38 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
กิจกรรมที่ 1.3 การส่งเสรมิ โภชนาการในเด็กปฐมวัย : “ทำ� อย่างไรให้ลูกกินผัก ผลไม้” วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพอ่ื สง่ เสรมิ การกินผกั ผลไมใ้ นเดก็ ปฐมวยั 2. เพอ่ื ใหพ้ อ่ แม่ ผูด้ แู ลเดก็ มคี วามรู้ ความเข้าใจ และวิธกี ารสง่ เสริมใหล้ กู กนิ ผัก ผลไม้ 3. เพื่อให้พ่อ แม่ ผู้ดูแลเด็กแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เทคนิควิธีการส่งเสริมให้ลูกกินผัก ผลไม้ 4. เพือ่ สรา้ งสัมพนั ธท์ ด่ี รี ะหวา่ งสมาชกิ ในครอบครวั ด้วยการท�ำกจิ กรรมรว่ มกนั ผลทีค่ าดว่าจะไดร้ ับ 1. เดก็ สามารถกินผกั ผลไม้ ไดห้ ลากหลายชนดิ ขน้ึ 2. พอ่ แม่ ผู้ดูแลเด็กมีแนวทางในการส่งเสรมิ ใหล้ ูกกินผัก 3. พ่อ แม่ ผู้ดแู ลเด็กพ่อแม่มีเทคนคิ วิธีการส่งเสรมิ ใหล้ กู กนิ ผกั พอ่ แม่ 4. พอ่ แม่ และผดู้ แู ลเดก็ เกดิ สายใยรกั ความผกู พนั ในครอบครวั จากการทำ� กจิ กรรมรว่ มกนั หลกั การและวิธกี ารส�ำคัญ ขั้นตอนสำ� คัญ จดุ ส�ำคัญ 1. เตรยี มความพรอ้ ม : เตรยี มสถานทแ่ี ละสภาพ • จัดน่งั เกา้ อ้ีเปน็ ครึ่งวงกลม แวดลอ้ ม พรอ้ มสรา้ งบรรยากาศการเรยี นรดู้ ังนี้ • ผู้เรียนต้องมีความพร้อม โดยมีสีหน้า แวว • พูดคุยทักทายผปู้ กครอง ตานำ�้ เสียง ท่าทางทใ่ี ห้ความรว่ มมอื สนกุ สนาน • แนะน�ำทีมวิทยากร เปิดสมองด้วยการบริหาร ผ่อนคลาย และเป็นกันเองกบั วทิ ยากร สมองกอ่ นเข้าสูก่ ิจกรรม (เพลงศนู ย์ สอง ห้า สิบ • กจิ กรรมเปดิ สมองสามารถปรบั เปลยี่ นไดต้ าม พรอ้ มท่าประกอบ) ความถนดั ของวิทยากร • ผู้สอนกลา่ ววตั ถุประสงคข์ องกิจกรรม 2. การน�ำเขา้ สบู่ ทเรียน • วิทยากร พูดคุยสอบถามผู้ปกครองถึง • สังเกตความสนใจ และปฏิกิริยาการ พฤติกรรมการกินผัก ผลไม้ ของเด็กๆ โดยให้ โต้ตอบ หรือการมีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยน ผู้ปกครองและเด็กจัดประเภทของผักออกเป็น ประสบการณ์ 2 กลมุ่ คือ 1) ผัก ผลไม้ท่ีเด็กชอบรับประทาน คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 39 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
ขนั้ ตอนส�ำคัญ จดุ ส�ำคัญ และ2) ผัก ผลไม้ท่ีเด็กๆ ไม่ชอบรับประทาน จากนั้นพูดคุยแลกเปล่ียนความคิดเห็นกับ ผู้ปกครองตามแนวทางดงั น้ี 1. ลกู หลานของทา่ นชอบและไมช่ อบกนิ ผกั ผล ไมช้ นดิ ใดบา้ ง 2. เหตุใดลูกถงึ ไม่ชอบกินผกั ผลไม้ 3. ผู้ปกครองมีเทคนิควิธีการท�ำอย่างไรให้ลูก กนิ ผกั ผลไม้ • วิทยากรสรุปถึงความส�ำคัญของสาเหตุท่ีท�ำให้ เดก็ ไมช่ อบรบั ประทานผกั ผลไม้ และความสำ� คญั ของการสง่ เสรมิ ใหเ้ ด็กรับประทานผัก (ใบความรู้ ที่ 1 และ 2) 3. การให้องคค์ วามรู้และลงมอื ปฏบิ ตั ิ: • วิทยากร น�ำเสนอเมนูอาหารทางเลือกท่ีมีผัก • มีเมนูอาหารประเภทผักเป็นตัวอย่างให้กับ ผลไม้เป็นส่วนประกอบ ได้แก่ (ใบความรู้ที่ 3) ผปู้ กครองอยา่ งหลากหลาย “เมนูสลดั โรล มหัศจรรย์” • วิทยากรอธิบายความน่าสนใจของเมนูอาหาร • วทิ ยากรและผปู้ กครองรว่ มกนั สรปุ เทคนคิ ทใี่ ช้ และสามารถสอดแทรกแนวทาง/เทคนิคให้ สง่ เสริมใหเ้ ดก็ รับประทาน (ใบความรู้ท่ี 4) ผู้ปกครองระหวา่ งการนำ� เสนอได้ • ผู้ปกครองสามารถอธิบายได้ว่าจะมีวิธีท�ำให้ เดก็ สนใจและกินผัก ผลไม้ แต่ละชนิดอยา่ งไร 4. ขน้ั สะทอ้ นกลับและทดสอบความรู้ • วทิ ยากรพดู คยุ เกย่ี วกบั กจิ กรรม โดยขอตวั แทน • ผู้ปกครองจะต้องสามารถสรุปวิธีการหรือ ผูป้ กครอง พูดคยุ ตามแนวทาง ดงั นี้ 1.ประโยชน์ เทคนคิ ทจี่ ะชว่ ยสง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ กนิ ผกั ได้ อยา่ งสนั้ ที่ได้รับหลังจากท่ีได้ท�ำกิจกรรมร่วมกันในวันน้ี กระชับ เขา้ ใจงา่ ย 2. เมนอู าหารทจี่ ะทำ� ใหล้ กู กนิ ผกั เมอ่ื เดก็ ๆ อยทู่ บี่ า้ น/ • ถ้าสรปุ ไม่ครอบคลมุ ใหเ้ พม่ิ เติมให้สมบูรณ์ เทคนคิ วธิ กี ารทจ่ี ะชว่ ยใหล้ กู รบั ประทานผกั มากขนึ้ 5. ขนั้ สรุป • วิทยากรซักถามพ่อแม่ผู้ปกครองถึงส่ิงท่ีได้ • กระตุ้นให้ทุกคนมีส่วนร่วม ค่อยๆ สร้าง เรียนรู้ความรู้สึก/ความประทับใจในกิจกรรม บรรยากาศให้ผ่อนคลาย ไม่ถามเฉพาะเจาะจง วนั นี้ ดคู นทพี่ ร้อมตอบก่อน 40 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
ความสอดคล้องของกิจกรรมตามหลักการพฒั นาสมอง BBL (Brain – based Learning) 1. มีการเตรียมความพรอ้ ม พอ่ แม่ และผดู้ ูแลเด็กด้วยการเปิดสมองก่อนทำ� กจิ กรรม 2. เปน็ การสง่ เสรมิ สายใยความรกั ความผกู พนั ในครอบครวั และชว่ ยใหเ้ กดิ ความเพลดิ เพลนิ ในการท�ำกจิ กรรมร่วมกัน 3. เด็กได้ลงมือปฏิบัติและมีส่วนร่วมในการประกอบอาหารโดยใช้วัตถุดิบท่ีเป็นของจริง และมกี ารออกแบบเมนทู ่นี ่าสนใจจะช่วยสง่ เสริมใหเ้ ดก็ รบั ประทานผกั มากขน้ึ ระยะเวลา 30 – 45 นาที สื่ออปุ กรณ์ 1. วัตถดุ บิ ท�ำเมนูสลัดโรล ได้แก่ ปอู ดั , แผ่นแป้งหอ่ , ผกั กาดแกว้ , แตงกวา, ขา้ วโพดเหลือง ต้มสกุ , ฟกั ทองตม้ สกุ , น้ำ� สลัดขน้ , แครอทตม้ สกุ ,ขนมปงั โฮมวที , ไข่ตม้ 2. ภาชนะสำ� หรบั ใส่สลดั โรล ผลการประเมิน 1. สังเกตการมีส่วนร่วมในกิจกรรม การตอบข้อซักถาม หรือแลกเปล่ียนความคิดเห็น ของผปู้ กครอง 2. ตดิ ตามการทำ� กจิ กรรมรว่ มกนั ระหวา่ งเดก็ และผปู้ กครองขณะอยทู่ บี่ า้ น โดยใหผ้ ปู้ กครอง สง่ ภาพกจิ กรรม หรือ VDO ผา่ นทางแอพพลเิ คช่นั Line ของชน้ั เรยี น คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 41 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
ใบความรทู้ ่ี 1 สาเหตทุ ี่ท�ำใหล้ กู ไมก่ นิ ผัก การรบั ประทานผกั เปน็ หนง่ึ ในปจั จยั หลกั ของการมสี ขุ ภาพดี เนอื่ งจากในผกั มเี สน้ ใย วติ ามนิ เกลือแร่ และสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) ที่ไม่อาจพบได้ในอาหารประเภทอื่นยกเว้นผัก ผลไม้ การท�ำให้เด็กชื่นชอบและมีนิสัยการรับประทานผักเป็นประจ�ำเป็นความท้าทายอย่างหน่ึง ของพ่อแม่ผู้ดูแลเด็ก เพราะตามธรรมชาติแล้วเด็กย่อมสนใจอาหารรสชาติหวานมากกว่าผักท่ีมัก มีรสชาติขม เม่ือเด็กมีพฤติกรรมเลือกรับประทานอาหารโดยหลีกเล่ียงการรับประทานผัก พ่อแม่ ผู้ดูแลเด็กจึงจ�ำเป็นทีจ่ ะต้องหาสาเหตุที่ทำ� ให้ลกู ไมก่ ินผัก ซึ่งอาจเกิดขน้ึ ได้จากสาเหตดุ ังตอ่ ไปนี้ 1. ลูกไม่กินผักเพราะโดนบังคับให้กินผักท้ังที่ยังไม่พร้อม ในช่วงแรกของการกินผัก เด็กๆ ส่วนใหญ่จะไม่คุ้นเคยกับสีกับหน้าตาของผัก เมื่อพ่อแม่ให้กินก็จะรู้สึกเหมือนโดนบังคับให้กิน ของแปลกๆ และไม่ชอบจนเกิดการต่อตา้ น 2. ลูกไม่กินผักเพราะยังชินกับอาหารอ่อน เด็กในวัย 1-3 ปี ยังชินกับอาหารอ่อนๆ เคย้ี วงา่ ย แต่พอเจอผกั ทีเ่ คี้ยวยากกเ็ ลยไม่อยากเคีย้ ว และผักยังมีกากใยที่เม่ือเคยี้ วแลว้ จะรสู้ กึ สากลนิ้ จึงท�ำใหล้ กู ไมก่ นิ ผักอีก 3. ลูกไม่กินผักเพราะไม่ชอบสีเขียวและกลิ่นเหม็น เด็กบางคนพอเห็นผักสีเขียวๆ เข้มๆ ก็จะรู้สึกว่าไม่ใช่อาหาร ไม่อยากกินหรือเคยกินแล้วแต่บังเอิญไปเจอผักท่ีมีกลิ่นเหม็นเขียว รสขมๆ เลยทำ� ให้ฝังใจและไม่ชอบกนิ ผัก 4. ลกู ไมก่ นิ ผกั เพราะคนในครอบครวั ไมม่ ใี ครกนิ ใหด้ ู เดก็ ๆ ในวยั นม้ี กั ชอบเลยี นแบบผใู้ หญ่ จะมองวา่ ผใู้ หญท่ ำ� อะไรกม็ กั จะทำ� ตาม ดงั นน้ั ถา้ ตอนกนิ ขา้ ว พอ่ แมห่ รอื พๆี่ ไมก่ นิ ผกั ใหด้ ู ใหเ้ หน็ บอ่ ยๆ เดก็ ก็จะรูส้ กึ ว่าไมจ่ ำ� เปน็ ต้องกินผกั 42 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
ใบความรทู้ ี่ 2 ความสำ� คญั ของการรับประทานผักในเดก็ ร่างกายของเด็กมีความจ�ำเป็นต้องได้รับสารอาหารจ�ำพวกวิตามินและเกลือแร่ ซึ่งมีความ ส�ำคัญต่อกระบวนการเจริญเติบโตและสร้างสมดุลของร่างกาย ดังนั้นการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหา เดก็ ไม่ยอมรบั ประทานผักจงึ เปน็ เรื่องทไี่ ม่ควรละเลย มเิ ช่นนัน้ แลว้ หากเด็กไมไ่ ดบ้ รโิ ภคผักในปริมาณ ท่ีเพยี งพอ ยอ่ มนำ� ไปสปู่ ัญหาความบกพร่องของพัฒนาการและปัญหาสุขภาพอืน่ ๆ ดังนี้ 1. ภาวะร่างกายขาดวิตามนิ เอ ซี อี วติ ามินเอ มีความจำ� เปน็ ต่อการสร้างเซลล์ในรา่ งกาย วิตามนิ ซี เป็นสว่ นประกอบในการสรา้ งคอลลาเจนสำ� หรบั ยดึ โครงสร้างเซลลเ์ ข้าดว้ ยกนั สว่ นวิตามนิ อี เก่ียวข้องกับการสร้างเมด็ เลอื ดแดงใหแ้ ขง็ แรง ดังนัน้ การขาดวติ ามนิ ดงั กล่าวย่อมหมายถึง การท�ำงานของเซลล์ เมด็ เลอื ด และเนอ้ื เย่ือ ในร่างกายท่ีไมป่ กติ 2. ภาวะร่างกายขาดเกลือแร่ (Mineral Deficiency) เด็กต้องการสารอาหารประเภท เกลือแร่ส�ำหรับกระบวนการเจริญเติบโต เช่น แคลเซียมที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง รวมท้ังธาตุเหล็กที่ช่วยในการล�ำเลียงออกซิเจนในเซลล์เม็ดเลือดแดงไปเลี้ยงสมองและส่วนต่างๆ ของร่างกาย ซึง่ เกลอื แร่ทงั้ 2 ชนิดสามารถพบได้มากในผกั ใบเขียว 3. ปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร (Digestive Problems) และระบบขับถ่าย (Excretory Problems) ในผักมีเอนไซม์ซ่ึงมีความส�ำคัญในกระบวนการท�ำให้อาหารแตกตัวและ การย่อยอาหาร อย่างไรก็ตามเอนไซม์ในผักเหล่านี้อาจสูญเสียไปเม่ือผ่านข้ันตอนการประกอบอาหาร ผใู้ หญจ่ งึ ควรให้เด็กรบั ประทานผกั สดในปรมิ าณที่พอเหมาะเชน่ กัน นอกจากนี้ เส้นใยในผักยงั ส่งผลดี ต่อล�ำไส้และระบบขับถ่ายอีกด้วย ดังน้ัน เด็กที่ไม่รับประทานผักย่อมมีความเสี่ยงต่อปัญหาระบบ ย่อยอาหารและระบบขับถ่าย ซงึ่ อาจส่งผลเสียตอ่ การเจรญิ เติบโตรวมถงึ สุขภาพในระยะยาว คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 43 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
ใบความรทู้ ี่ 3 คุณคา่ และสารอาหารจากเมนู “สลดั โรล มหศั จรรย์” สว่ นประกอบ สลัดโรล 1. ปูอัด 1 แท่ง 15 กรัม ใหพ้ ลังงาน 14.85 กิโลแคลอรี่ 2. แผน่ แปง้ หอ่ 2 แผน่ (ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 16 เซนติเมตร) ใหพ้ ลังงาน 40 กิโลแคลอรี่ 3. ผักกาดแก้ว 5 กรมั ให้พลงั งาน 1 กโิ ลแคลอรี่ 4. แตงกวา 10 กรม้ ให้พลังงาน 2.3 กิโลแคลอรี่ 5. ข้าวโพดเหลอื ง 5 กรัม ให้พลงั งาน 8.35 กโิ ลแคลอรี่ 6. ฟักทอง 10 กรมั ใหพ้ ลงั งาน 6.15 กโิ ลแคลอร่ี 7. น้�ำสลดั ขน้ 5 กรัม ให้พลงั งาน 28.3 กโิ ลแคลอรี่ 8. แครอท 10 กรมั ให้พลงั งาน 4 กิโลแคลอรี่ ให้พลงั งานรวม 104.96 กโิ ลแคลอร่ี วัตถดุ ิบอ่ืนๆ 1. ขนมปังโฮมวที ½แผน่ ให้พลังงาน 51.3 กิโลแคลอร่ ี 2. ไข่ตม้ ½ฟอง ใหพ้ ลงั งาน 38.35 กโิ ลแคลอรี่ คณุ ค่าทางโภชนาการและประโยชนข์ องผกั ในเมนู “สลดั โรล มหศั จรรย”์ • ผกั กาดแกว้ เปน็ ผกั ใบเขยี ว ทอี่ ดมุ ไปดว้ ยสารตา้ นอนมุ ลู อสิ ระ และธาตเุ หลก็ ทชี่ ว่ ยเสรมิ การสร้างเม็ดเลอื ดหรือฮโี มโกลบิน (Hemoglobin) • แตงกวา ประกอบด้วยเส้นใยอาหาร ช่วยเร่ืองการขับถ่าย สารต้านอนุมูลอิสระ และ วติ ามนิ เอ บี และวิตามินซี ท่ใี หพ้ ลงั งานและเปน็ ประโยชน์ต่อระบบภูมคุม้ กนั ร่างกาย และมแี รธ่ าตุ ทจี่ �ำเปน็ ตอ่ ระบบหมุนเวียนโลหิตและดีต่อสขุ ภาพผิว • ฟักทอง และ แครอท เป็นผักท่ีอดุมไปด้วย เบต้าแคโรทีน, วิตามีนเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 และวติ ามินซี ช่วยต้านอนมุ ูลอิสระ บำ� รงุ สายตา และช่วยสร้างภูมติ า้ นโรคท�ำใหร้ า่ งกาย แข็งแรง บำ� รงุ กระดูก ฟัน เหงอื ก และเล็บให้แขง็ แรง 44 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154