ตัวอย่างบทร้อยกรอง เร่อื งที่ 1 วัฒนธรรม ในโลกนมี้ ีอะไรเปน็ ไทยแท ้ ของไทยแน่น้ันหรือคอื ภาษา ซงึ่ ผลดิ อกออกผลแต่ต้นมา รวมเรียกวา่ วรรณคดีไทย อนง่ึ ศิลป์งามเด่นเปน็ ของชาติ เชน่ ปราสาทปรางคท์ องอันผอ่ งใส อกี ดนตรีรำรา่ ยลวดลายไทย อวดโลกได้ไทยแทอ้ ยา่ งแน่นอน และอย่าลมื จติ ใจแบบไทยแท ้ เช่ือพอ่ แม่ฟงั ธรรมคำส่งั สอน กำเนิดธรรมจรยิ าเปน็ อาภรณ ์ ประชากรโลกเห็นเราเปน็ ไทย แล้วยงั มีประเพณีมรี ะเบยี บ ซงึ่ ไมม่ ที เ่ี ปรยี บในชาติไหน เปน็ ของร่วมรวมไทยให้คงไทย น่แี หละประโยชน์ในประเพณี ไดร้ ้เู ช่นเห็นชดั สมบัตชิ าติ เหลอื ประหวาดลว้ นเหน็ เปน็ ศกั ดศิ์ ร ี ล้วนไทยแทไ้ ทยแน่ไทยเราม ี สิ่งเหล่านค้ี ือวัฒนธรรม ท่มี า : หม่อมหลวงปนิ่ มาลากุล เทคนิค วธิ ีการจดั กจิ กรรมการเรยี นรเู้ พอื่ ขบั เคลอ่ื นจดุ เนน้ การพฒั นาคณุ ภาพผูเ้ รยี น ดา้ นอา่ นออก อ่านคล่อง เขยี นได้ เขยี นคล่อง 43
เรือ่ งที่ 2 เด็กกางร่ม ฟา้ คลัง่ เกรี้ยวกราด ฝนสาดเมด็ คม เดก็ นอ้ ยกางร่ม อุ้มเจา้ สามส ี เดินฝา่ สายฝน อกี คนขอเขา้ สองคนกางรม่ แบง่ กันหลบฝน อกี คนขอเข้า สามคนกางร่ม เบยี ดกนั หลบฝน เอ้า! อีกคนขอเข้า ย้ิมแยม้ แจ่มใส ยอ้ื ไปยือ้ มา เฮฮาเสยี งล่นั เปียกกนั ทัง้ ส่ี ไอ้เดก็ นอ้ ยเอย เปน็ หว่ งเปน็ ใย เพียงกางร่มไว้ ให้เจ้าสามสี มนั รอ้ งเหมยี วเหมียว เหลียวดหู น้านน้ั ทีหนา้ นี้ที ทมี่ า : ศักดส์ิ ริ ิ มสี มสบื “มอื นน้ั สีขาว” เทคนิค วิธีการจัดกจิ กรรมการเรยี นรเู้ พอ่ื ขบั เคลอื่ นจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผเู้ รียน 44 ด้านอา่ นออก อา่ นคล่อง เขยี นได้ เขยี นคลอ่ ง
ตัวอย่างบทความ ก้าวทมี่ ่นั คงส่คู วามสำเร็จ การจะเดินต่อไปข้างหน้าด้วยหวังว่าทางท่ีเดินไปน้ันจะราบร่ืน สวยงาม เหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบนั้นคงเป็นไปได้ยาก ไม่ว่าใครก็ตาม กว่าจะไดม้ าซ่ึงความสำเรจ็ มักจะต้องเจอกับอุปสรรคนานัปการ ไมว่ ่าจะเปน็ เร่ืองเล็กหรือเรื่องใหญ่ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ ถ้าเราคิดว่า เราสามารถท่ีจะทำได้ทุกอย่างและพยายามท่ีจะทำส่ิงนั้นๆ ให้ดีที่สุด ส่ิงท่ีเราทำน้ันก็จะสำเร็จลงได้ แม้จะเจอกับปัญหาใดๆ ก็ตาม ให้เรามอง ปัญหาน้ัน เป็นครูของเราซะ เพราะปัญหาท่ีเราได้เจอจะทำให้ประสบการณ ์ ในชีวิตของเรามีมากย่ิงขึ้น หนทางต่อไปข้างหน้าไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไร เราก็สามารถที่จะนำประสบการณ์ของเรามาย้ำเตือนเป็นแนวทางในการ แกป้ ญั หานั้นๆ ได ้ การก้าวไปข้างหน้าด้วยความม่ันคงสู่ความสำเร็จนั้น จำเป็นที่เราจะ ต้องมีปัจจัยบางอย่างช่วยด้วย น่ันคือ ผู้คนรอบข้างที่ดีที่พร้อมจะสนับสนุน เราทกุ เม่อื เงนิ ทุนท่มี ีอยู่เพยี งพอกบั การเรม่ิ ต้นหรอื ไม่ ไมจ่ ำเป็นต้องมากมาย ขอแค่สามารถใช้ในการเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ น้อยๆ ก่อนก็พอแล้ว และ ที่สำคัญการมีจิตใจที่ม่ันคงไม่แปรเปล่ียนความคิดเอาง่ายๆ หรือเลิกล้ม เป้าหมายกลางคัน ค่อยๆ ก้าวเดินต่อไปข้างหน้าทีละก้าวอย่างมุ่งมั่น เทคนิค วิธีการจัดกจิ กรรมการเรยี นรเู้ พ่ือขับเคล่อื นจุดเนน้ การพัฒนาคณุ ภาพผู้เรียน ดา้ นอ่านออก อา่ นคล่อง เขียนได้ เขียนคล่อง 45
แล ะม่ันคง ทุกอย่างท่ีฝันและตั้งใจไว้จะสามารถเป็นจริงขึ้นมาได้ และแต่ละ ก้าวท่ีเดินไปนั้น จำเป็นต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง อย่าเผลอเดินออกนอก เสน้ ทางเปน็ อนั ขาด เพราะถา้ เมอ่ื ใดทค่ี ณุ กา้ วออกนอกเสน้ ทางแลว้ มนั ยากมาก ท่ีคุณจะกลับเข้าสู่เส้นทางเดิมได้ เพราะคุณอาจจะหลงทางอยู่นอกเส้นทาง จนหาทางกลับมาไม่ได้ อย่าท้อแท้แม้ว่าทางที่ก้าวเดินไปน้ันมันจะไกล แสนไกล ขอให้มีจิตใจมุ่งมั่นเสมอว่าคุณสามารถท่ีจะเดินไปนั้นมันจะไกล แสนไกล ขอให้มีจิตใจมุ่งมั่นเสมอว่าคุณสามารถท่ีจะเดินไปให้ถึงฝั่งฝันได้ เท่าน้ันก็เพียงพอแล้ว เพราะความสำเร็จจะยังคงรอคุณอยู่ ณ ท่ีตรงน้ัน ไม่ไปไหน ทม่ี า : เชาว์ ทองบลุ ำดวน. วธิ สี ูค่ วามสำเร็จในชีวิตและหนา้ ทกี่ ารงาน. หนา้ 45 - 46 เทคนิค วิธกี ารจัดกจิ กรรมการเรยี นรูเ้ พอ่ื ขับเคล่อื นจุดเน้นการพฒั นาคุณภาพผ้เู รียน 46 ดา้ นอ่านออก อ่านคลอ่ ง เขยี นได้ เขียนคลอ่ ง
ตัวอย่างเรื่องสน้ั จรรโลงใจ ปลอ่ ยแมว “จกุ โว้ย ไดล้ าภแล้ว ได้ลาภแล้ว ข้าว่าแล้วไหมละ่ ” จุกเงยหน้าขึ้นจากงานช้อนแหนเพื่อนำไปเป็นอาหารเป็ด มองดูเพิ้ง เพ่ือนคู่หูวัยสิบขวบไล่เล่ียกับตน ซึ่งกำลังไต่เดียะๆ ข้ามต้นหมากท่ีพาด ทอ้ งร่องมาหาตนโดยเรว็ “ลาภอะไรของเอง็ วะ เสียงเอะอะยงั กะเจ๊กตกี นั เคราะห์ดีวา่ ขา้ ไมไ่ ด้ ตกปลาอยนู่ ะน่”ี “ยายแป้นแกจะให้ข้ากะเอ็งเอาอีแด่นไปปล่อย ให้ค่าจ้างคนละ สองบาท เอาหรอื ไมเ่ อา” จุกลืมตาโพลง “สองบาทเชียวหรอื วะ” “เออ หนแรกแกกะจะใช้ข้าคนเดียว ข้าว่าไม่ได้ ต้องเอาเอ็งไป เป็นเพื่อนด้วย ข้าไม่กล้าไปคนเดียว อ้อนวอนอยู่ตั้งนานแกจึงยอม เฮอะ สองบาทเชียวนะโว้ย ข้าน่ะเขม่นตาขวามาต้ังสองวันสองคืนแล้ว นึกแล้ว วา่ จะตอ้ งได้ลาภ” เพง้ิ คยุ โออ่ ย่างคร้ึมอกครึ้มใจ จุกพลอยตื่นเตน้ ไปดว้ ย เทคนิค วธิ กี ารจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้เพอ่ื ขบั เคลอื่ นจุดเน้นการพัฒนาคณุ ภาพผูเ้ รียน ด้านอ่านออก อ่านคล่อง เขียนได้ เขยี นคล่อง 47
“เด๋ียว ให้ข้าช้อนแหนอีกแป๊บเดียว เอ็งคอยกะเด๋ียวเดียวนะ หรือ ชว่ ยข้าด้วยก็ดี จะได้ไวๆ” จุกและเพ้ิงช่วยกันช้อนแหนอย่างลุกลน ได้ปริมาณราวคร่ึง ของที่เคยได้ ทั้งคู่ก็หมดความอดทน ยกถังใส่แหนกลับไปให้เป็ดท่ีบ้านกิน ไปตามมีตามเกิด แล้วท้ังคู่ก็โลดวิ่งไปยังบ้านยายแป้นเจ้าของแมวจุดดำขาว หนา้ แด่น ตวั ทีก่ ำลงั จะถูกปลอ่ ยนนั่ “เออ เอาไปแล้วอย่าให้มันกลับมาได้อีกเชียวนา หาไม่ข้าจะเอาเงิน สองบาทของข้าคืน” ยายแปน้ ยนื่ คำขาด “ลูกดกยังกะเม็ดกล้วยตานี ข้าเลี้ยงไม่ไหวแล้ว เอาไปปล่อยท่ีไหน ก็ทะเล้นกลับบ้านได้ทุกที คราวน้ีเอ็งสองคนเอาไปให้ไกลสุดกู่เชียวนะ เอาไปไหนก็ตามใจ อยา่ ให้มนั กลบั มาบ้านข้าไดอ้ กี กแ็ ลว้ กัน” เพ้ิงกับจุกปรึกษากัน เห็นว่าป่าจากเป็นเหมาะที่สุด เพราะลึกเข้าไป มีดงไม้ชนิดอ่ืนค่อนข้างหนาทึบขึ้นอยู่เต็ม พามันคดเค้ียวเล้ียวลึกเข้าไปมากๆ ขค้ี รา้ นอแี ดน่ จะสนิ้ ชอื่ กนั คราวน้ี กอ่ นทจี่ ะเดนิ ทางเขา้ ปา่ อแี ดน่ ถกู ผกู ตาเสยี มิดชิด เพ้ิงและจุกผลัดกันอุ้มแมว พลางร้องเพลงชมนกชมไม้ไปด้วย ความผาสุก ท๊อฟฟี่คนละย่ีสิบอันซ่ึงแปรธาตุมาจากเงินคนละสองบาทตุงอยู่ ที่ชายพกของทง้ั ค่อู ย่างอบอนุ่ เทคนิค วธิ ีการจดั กิจกรรมการเรียนรู้เพอ่ื ขบั เคลื่อนจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผเู้ รียน 48 ดา้ นอา่ นออก อา่ นคลอ่ ง เขียนได้ เขยี นคล่อง
อีแด่นท่ีน่าสงสารไม่รู้ชะตากรรมของตัวเอาเลย มันเพียงแต่ ประหลาดใจเล็กน้อยว่าเด็กท้ังสองคนน้ีจะพามันไปไหน และทำไมจะต้อง ผูกตามันจนมืดเช่นนั้นด้วย แต่มันก็ไม่เดือดร้อนเท่าไรนัก เพราะมันมักคุ้น กับเด็กทง้ั คนู่ พ้ี อควร และมนั กม็ อี ปุ นสิ ยั คอ่ นขา้ งจะเชอ่ื งอยดู่ ว้ ย ทงั้ จกุ และเพง้ิ รวู้ ธิ ที จ่ี ะทำใหม้ นั สงบลงได้ ด้วยการเกาคางมันไปเร่ือยๆ อีแด่นก็เลยเงยคาง ให้เกา หลบั ตาพริม้ ไปจริงๆ และแถมกรนอยา่ งพงึ พอใจไปตลอดทางเสียอกี เด็กทั้งสองเดินลดเล้ียวเค้ียวคดเข้าป่าไปได้ลึกโข คะเนว่าคราวน ้ี อีแด่นเห็นจะสิ้นฤทธิ์แน่จึงหยุดเดิน แก้ผ้าผูกตามันออกแล้วหย่อนมันไป ในดงไม้ทึบแห่งหน่ึง แล้วท้ังคู่ก็ออกว่ิงสวบๆ หนีหายไปโดยไว ป่าน้ีไม่ใช่ จะลึกลับซับซ้อนอะไรนักหนาสำหรับเด็กท้ังสองคน ซึ่งเคยติดตามพ่อหรือ พี่ชายมาตัดไม้ทำฟืนอยู่บ่อยๆ ช่ัวแต่ว่าคราวน้ีมาลึกกว่าที่เคยเท่าน้ัน ทัง้ คู่เดนิ กอดคอคุยกันกินขนมพลางไปได้พักใหญ่ก็ถงึ ทางที่เคยเป็นทางออก “เฮอ้ อิจฉานก” เพง้ิ กล่าวลอยๆ จุกไมต่ อบ วกวนกันไปมาอีกพัก ก็กลับมาโผล่เอาที่ดงสะแกเดิมเข้าอีกจนได้ อแี ดน่ กลับมาน่งั ประจำซองอยู่ท่เี ก่าอีกแลว้ มันรอ้ งทักเช่นเคย “เมี้ยว” คราวน้ีจุกหมดความอดทนต่ออารมณ์กดดันของตัวเอง คว้าไม้ไดก้ ็ตีมนั เขา้ ไปทหี นึง่ ด้วยอารมณ์พาล เทคนคิ วธิ กี ารจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้เพ่อื ขบั เคล่ือนจดุ เนน้ การพัฒนาคุณภาพผ้เู รียน ดา้ นอา่ นออก อา่ นคล่อง เขียนได้ เขียนคล่อง 49
“อีตัวดี เพราะมึงเชียวทำให้กูหลงทาง เอ้า มึงเก่งจริงนำทางกู กลับบา้ นใหไ้ ดส้ ิวะ” นังแด่นไมส่ ง่ เสยี ง ลุกขนึ้ ไดก้ ็เดนิ กระดิกหนวดนำหนา้ ไป เด็กทง้ั สอง เดินตามแมวไปอย่างไม่รู้จะทำอะไรดีไปกว่านั้น แด่นเดินลัดเลาะไปเร่ือยๆ โดยไมเ่ อาใจใส่กับเด็กทง้ั สอง ท่าทางมันผยองมาก และ.......เหมอื นปาฏิหารยิ ์ ในทสี่ ดุ ทง้ั สองคนและหนงึ่ ตวั กห็ ลดุ พน้ ปา่ ออกมาได้ ดว้ ยความสามารถ ของแมวนั่นเอง ต่อจากนั้นก็ไม่เป็นปัญหาอะไรที่จะแยกย้ายกลับบ้านตน ปัญหาอยทู่ อี่ ีแดน่ เทา่ นัน้ ถ้าปลอ่ ยไปมันกต็ ้องเดินทางกลบั บา้ นเดิมของมัน คือ บ้านยายแปน้ แลว้ ถา้ ยายแปน้ จะเรยี กเงนิ คนื จะเอาทไี่ หนไปใหแ้ ก ในเมอ่ื เงนิ มนั เปลยี่ นสภาพ เป็นอะไรต่ออะไรไปจนหมดสิ้นแล้ว แล้วยายแป้นนั้นก็ปากตะไกร รู้จักกันดี อยู่ตลอดย่านนั้น ในที่สุดเพิ้งซึ่งเป็นจำเลยท่ีหน่ึง ก็จำต้องรับเอาอีแด่น เข้าบ้านของตน ซึ่งยงั ผลให้แมข่ องเพ้ิงดา่ โขมงไปสองสามวัน “ลูกจัญไร ไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ นั่นแหละกรรมมันสนอง เอาทันตาเห็นไหมล่ะ สัตว์มันไปทำความผิดอะไร เสือกเอามันไปปล่อยถึง ในปา่ ในดง เมื่อไมม่ ใี ครเลย้ี งกใ็ ห้มนั อยู่น่แี หละ เล้ยี งแมวตวั เดียวไมถ่ ึงกบั ตาย หรอกวะ” เทคนคิ วิธีการจัดกจิ กรรมการเรยี นรเู้ พอ่ื ขับเคล่อื นจุดเน้นการพฒั นาคุณภาพผู้เรยี น 50 ดา้ นอ่านออก อา่ นคลอ่ ง เขียนได้ เขยี นคล่อง
เม่ือเจ้าของบ้านมีน้ำใจเช่นน้ัน อีแด่นก็อยู่ฉลองศรัทธาเรื่อยมา โดยไม่คิดกลบั ภมู ลิ ำเนาเดมิ ทงั้ ๆ ทม่ี นั จะหลบั ตาเดนิ กลบั ไปเสยี เมอ่ื ไหรก่ ไ็ ด้ และลูกครอกแรกท่ีมันออกมาฉลองพระเดชพระคุณนายใหม่ของมันนั้น ก็จำนวนถึงเก้าตัวจนถึงขณะนี้ อีแด่นก็ยังเพ่ิมผลผลิตของมันอยู่เรื่อยๆ โดยไม่มีใครกล้าไปยุ่งกับมันเพราะท้ังจุกและเพ้ิงยังคงเข็ดการปล่อยแมวอยู่ จนบดั น ้ี ท่มี า : สที นั ดร เทคนคิ วธิ กี ารจดั กิจกรรมการเรยี นรเู้ พอ่ื ขับเคลื่อนจดุ เน้นการพัฒนาคณุ ภาพผเู้ รียน ด้านอา่ นออก อา่ นคล่อง เขียนได้ เขยี นคลอ่ ง 51
คำถามทา้ ยบท เรือ่ ง ปลอ่ ยแมว สนุกไหมขอรบั มาตอบคำถาม เร่ือง ปลอ่ ยแมว 1. “จุกโว้ย ได้ลาภแล้ว ได้ลาภแล้ว ข้าว่าแล้วไหมล่ะ” ข้อความน ี้ ผพู้ ดู มคี วามรสู้ กึ อยา่ งไร เพราะเหตุใด ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………. 2. จุกกบั เพ้ิงรว่ มมือกันทำอะไร ไดร้ บั ผลจากการกระทำอยา่ งไร ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………. เทคนิค วธิ กี ารจัดกจิ กรรมการเรียนร้เู พอื่ ขับเคลือ่ นจดุ เนน้ การพฒั นาคณุ ภาพผู้เรียน 52 ด้านอ่านออก อ่านคล่อง เขียนได้ เขยี นคลอ่ ง
3. ถ้านักเรียนเป็นยายแป้นนักเรียนจะแก้ปัญหาเช่นเดียวกับ ยายแปน้ หรือไม่ เพราะเหตใุ ด ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… 4. เรื่อง ปล่อยแมว ใหข้ อ้ คดิ อะไรแก่ผ้อู า่ น (ตอบไม่นอ้ ยกว่า 3 ข้อ) ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… เทคนคิ วธิ กี ารจัดกิจกรรมการเรียนร้เู พอ่ื ขับเคลอ่ื นจุดเน้นการพฒั นาคณุ ภาพผู้เรียน ด้านอา่ นออก อา่ นคลอ่ ง เขียนได้ เขยี นคลอ่ ง 53
5. ใหพ้ จิ ารณาข้อความตอ่ ไปน้ี 1) ขอ้ ความใดกลา่ วถูกต้อง ก. เร่อื งปล่อยแมวเปดิ เรอ่ื งด้วยการบรรยายฉาก ข. จุกเปน็ ตัวละครสำคัญของเร่อื ง ค. อีแดน่ เปน็ ตัวละครสำคญั ของเรื่อง ง. ยายแปน้ เป็นตัวละครทีค่ ลี่คลายปมปัญหาของเรอื่ ง 2) ขอ้ ความใดแสดงให้เหน็ ว่าสตั ว์นา่ สงสาร ก. อีแดน่ ถกู ผกู ตาเสยี มิดชดิ ข. อีแด่นเงยคางใหจ้ กุ และเพิง้ เกา ค. อแี ดน่ ประหลาดใจเลก็ นอ้ ยวา่ เดก็ ท้งั สองพามนั ไปไหน ง. อีแด่นหลบั ตาพร้มิ และกรนไปตลอดทางจนถึงป่าสะแก 3) “หรอื กรรมมันจะตามทันเรา” ผูพ้ ดู มคี วามรสู้ ึกอยา่ งไร ก. หวาดกลวั ข. สำนึกผดิ ค. กลัวบาป ง. สิ้นหวัง เทคนิค วิธกี ารจดั กิจกรรมการเรียนรเู้ พ่อื ขบั เคลอ่ื นจุดเนน้ การพัฒนาคณุ ภาพผเู้ รียน 54 ดา้ นอา่ นออก อา่ นคลอ่ ง เขยี นได้ เขยี นคลอ่ ง
4) เหตุใดอแี ดน่ สามารถนำจุกและเพง้ิ กลบั บ้านได ้ ก. อีแดน่ มีความจำดมี าก ข. อแี ด่นถูกนำมาปล่อยหลายครั้งแล้ว ค. อีแดน่ มีสัญชาตญาณท่ีดมกลิ่นในการเดินทาง ง. ความบงั เอิญในขณะท่อี แี ด่นว่ิงหนจี กุ และเพ้งิ 5) ยายแปน้ ไม่เลี้ยงอแี ดน่ เพราะเหตุใด ก. อแี ด่นเปน็ แมวตัวเมีย ข. อแี ด่นมีลูกดกมาก ค. อแี ดน่ คลอดลูกทกุ ป ี ง. อแี ด่นเป็นแมวข้ีออ้ น กินจุ และคลอดลูกทุกปี 6) คำกลา่ วใดสอดคล้องกับการกระทำของเพ้งิ มากทส่ี ดุ ก. กรรมเวร ข. ทำคณุ บูชาโทษ ค. กงเกวียนกำเกวียน ง. เหน็ ทันตา เทคนิค วธิ กี ารจดั กิจกรรมการเรียนรเู้ พ่ือขบั เคลอื่ นจุดเนน้ การพฒั นาคุณภาพผูเ้ รียน ด้านอา่ นออก อา่ นคลอ่ ง เขยี นได้ เขยี นคลอ่ ง 55
การประเมนิ ผลการเขยี นสรุปใจความ ประเดน็ 4 ระดับคุณภาพ 1 (ดมี าก) (ปรับปรงุ ) การประเมิน 3 2 (ด)ี (พอใช)้ ความถกู ต้อง เขยี นสรุปความ เขยี นสรปุ ความ เขียนสรุปความ เขยี นสรุปความ ของเนอ้ื หา จากเร่อื งท่ีอ่าน จากเร่อื งทอ่ี า่ น จากเรือ่ งทีอ่ ่าน จากเรอื่ งทอี่ า่ น ได้ครบถว้ นและ ได้ครบถ้วน ได้ไมค่ รบถ้วน ไดไ้ มค่ รบถว้ น ลำดบั เนอ้ื หา แตล่ ำดับเนอื้ หา แต่ลำดบั เนื้อหา และลำดบั เนอื้ หา ถูกต้อง ไม่ถกู ต้อง ถกู ตอ้ ง ไม่ถกู ต้อง การใชภ้ าษา ใชภ้ าษาสละสลวย ใชภ้ าษาสละสลวย ใชภ้ าษาสละสลวย ใชภ้ าษาสละสลวย และลำดบั เนอื้ หา และลำดบั เนอื้ หา และลำดับ และลำดบั ครบถ้วน เหมาะสม เน้อื หาเหมาะสม เนอ้ื หา เหมาะสม บางสว่ น ไม่เหมาะสม มารยาท ลายมอื สวยงาม ลายมอื สวยงาม ลายมอื ไมส่ วย ลายมอื ในการเขยี น สะอาด สะอาด แต่สะอาด และ ไมส่ วยงาม เปน็ ระเบียบ แตไ่ ม่เปน็ เปน็ ระเบียบ ไม่สะอาด และ ระเบยี บ ไม่เป็นระเบยี บ เกณฑก์ ารตัดสิน 10-12 หมายถงึ ดมี าก คะแนน 7-9 หมายถงึ ด ี คะแนน 4-6 หมายถึง พอใช้ คะแนน 1-3 หมายถึง ปรับปรุง คะแนน เกณฑ์การผา่ น ต้งั แต่ระดับพอใช้ขน้ึ ไป เทคนคิ วิธกี ารจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพ่ือขับเคล่อื นจดุ เน้นการพฒั นาคณุ ภาพผู้เรียน 56 ดา้ นอา่ นออก อา่ นคล่อง เขยี นได้ เขยี นคลอ่ ง
การประเมนิ ผลการเขยี นแผนภาพโครงเรื่อง คำชแ้ี จง ครูประเมินผลงานของนักเรียนในการเขียนแผนภาพโครงเร่ือง และใหค้ ะแนนลงในช่องทีต่ รงกับรายการประเมนิ รายการประเมนิ เลขท่ี ชื่อ-สกุล 1. ลำ ัดบความ ิคด เหตุการณ์อ ่ยางต่อเ ืน่อง รวม 2. เสนอประเ ็ดนสำ ัคญของเ ืร่องได้ 3. ใ ้ชภาษากระชับ ัชดเจน สุภาพ ถูกต้อง 4. เขียนสะกดถูกต้อง 5. เว้นวรรคตอนถูกต้อง 6. สะอาด สวยงาม เรียบร้อย 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 เทคนิค วิธกี ารจัดกิจกรรมการเรยี นรู้เพือ่ ขับเคลือ่ นจดุ เน้นการพฒั นาคณุ ภาพผ้เู รยี น ดา้ นอา่ นออก อา่ นคล่อง เขยี นได้ เขยี นคล่อง 57
เกณฑ์การตดั สนิ ผา่ นการประเมินระดับดีมาก นกั เรียนปฏิบตั ไิ ด้ 6 รายการ ผ่านการประเมินระดับด ี นักเรียนปฏิบตั ิได ้ 5 รายการ ผา่ นการประเมินระดับพอใช ้ นกั เรียนปฏบิ ตั ิได้ 4 รายการ ต้องปรบั ปรุง นักเรยี นปฏบิ ัตไิ ด้ต่ำกวา่ 3 รายการ เกณฑ์การผ่าน ตัง้ แต่ระดับดีข้ึนไป เทคนคิ วิธกี ารจัดกิจกรรมการเรียนรเู้ พอ่ื ขบั เคลื่อนจดุ เน้นการพฒั นาคุณภาพผเู้ รยี น 58 ด้านอา่ นออก อา่ นคลอ่ ง เขียนได้ เขียนคลอ่ ง
เทคนคิ วธิ กี ารจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ แบบ K - W - L (Know - Want - Learned) 1. แนวคิด/ทฤษฎี การจดั กจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบ K - W - L (Know - Want - Learned) เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับทักษะการคิดอย่างรู้ตัวว่าตนคิดอะไร มีวิธีคิดอย่างไร สามารถตรวจสอบความคิด ตลอดจนปรับเปลี่ยนกลวิธีการคิด ของตนได้ โดยผเู้ รยี นจะไดร้ บั การฝกึ ใหต้ ระหนกั ในกระบวนการทำความเขา้ ใจตนเอง มีการวางแผนตง้ั จุดมุ่งหมาย ตรวจสอบความเขา้ ใจของตน มกี ารจดั ระบบข้อมลู เพ่ือการดึงมาใชภ้ ายหลงั ไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ มีขน้ั ตอนสำคัญ ดังต่อไปน ี้ 1.1 ขัน้ K (What you know) เปน็ ขน้ั ของการเตรยี มความรพู้ น้ื ฐานกอ่ นการอา่ น เชน่ ถา้ จะใหเ้ รยี นรู้ เรอ่ื ง การอนรุ กั ษส์ ง่ิ แวดลอ้ มทางธรรมชาติ ผสู้ อนอาจทบทวนความรเู้ ดมิ เกยี่ วกบั เรอ่ื ง ทรพั ยากรธรรมชาตริ อบตวั แลว้ ใหผ้ เู้ รยี นชว่ ยกนั ระดมสมองในสงิ่ ทผี่ เู้ รยี น ได้เรียนรู้เก่ียวกับการอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อม ขณะเดียวกันก็จะให้มีการบันทึก ความคดิ เหน็ ทเ่ี กดิ จากการระดมสมอง ซงึ่ อาจทำไดห้ ลายวธิ ี เชน่ ผสู้ อนและผเู้ รยี น ช่วยกนั บันทึกบนกระดานดำ ในรูปของแผนทคี่ วามคดิ (Mind Mapping) หรอื แผนผงั ใยแมงมุม (Web Diagram) ให้ชัดเจน ซึ่งจะประกอบดว้ ยความคิดหลกั ความคดิ รอง และความคดิ ยอ่ ย ตามลำดบั โดยผสู้ อนชว่ ยจดั ขอ้ ความทเ่ี ปน็ ความคดิ ใหถ้ กู ตอ้ งกอ่ นทจี่ ะใหผ้ เู้ รยี นคดั ลอกแผนทคี่ วามคดิ หรอื แผนผงั นนั้ ลงในแผน่ กระดาษ แตถ่ า้ ผเู้ รยี นคนุ้ เคยกบั การเขยี นแผนผงั ความคดิ แลว้ ผสู้ อนอาจใหผ้ เู้ รยี นแตล่ ะคน เขียนสิ่งที่ตนรู้เก่ียวกับหัวข้อที่ผู้สอนจะให้ผู้เรียนเรียนรู้เป็นแผนผังความคิดด้วย ตนเอง เทคนคิ วธิ ีการจัดกิจกรรมการเรียนรเู้ พือ่ ขับเคลื่อนจดุ เนน้ การพฒั นาคณุ ภาพผู้เรียน ด้านอ่านออก อา่ นคลอ่ ง เขียนได้ เขยี นคลอ่ ง 59
1.2 ขนั้ W (What you want to know) การตงั้ จุดมงุ่ หมายในการอา่ น หลงั จากทผี่ สู้ อนกระตนุ้ ความรเู้ ดมิ ของผเู้ รยี นในขนั้ K แลว้ ผสู้ อน จะนำผเู้ รยี นไปสขู่ นั้ การตงั้ จดุ มงุ่ หมายในการเรยี นรโู้ ดยการอา่ น ซง่ึ ผสู้ อนจะใชค้ ำถาม กระตนุ้ ผเู้ รียน เชน่ 1) นักเรียนต้องเรียนรู้อะไรเพ่ิมเติมอีกบ้างในเรื่องการอนุรักษ ์ สง่ิ แวดล้อมทางธรรมชาต ิ 2) ถ้าพวกเราไมช่ ว่ ยกันอนุรักษ์สงิ่ แวดลอ้ มจะเกิดผลอย่างไร 3) นักเรียนจะมีวิธีการแนะนำให้เพ่ือนๆ หรือผู้อื่นที่เกี่ยวข้อง ปฏิบตั ติ นอย่างไรเก่ียวกับการอนรุ กั ษส์ ิ่งแวดล้อม 4) ถ้านักเรียนมีโอกาสพูดคุยกับท่านนายกรัฐมนตรี นักเรียน ต้องการจะถามอะไรบ้าง เกีย่ วกับเร่อื งน้ี เปน็ ต้น ผู้เรียนเขยี นคำถาม ผสู้ อนใหผ้ ู้เรียนเขยี นคำถามทตี่ นมลี งในกระดาษใหม้ ากที่สุด ผูเ้ รียนหาคำตอบ ผสู้ อนใหผ้ เู้ รยี นอา่ นขอ้ ความทผี่ สู้ อนเตรยี มไว้ โดยกระตนุ้ ใหผ้ เู้ รยี น พยายามหาคำตอบในสงิ่ ทตี่ นตง้ั คำถามไวแ้ ลว้ นนั้ ในขนั้ นผ้ี สู้ อนอาจดดั แปลงจาก การอา่ น เปน็ การใชว้ ธิ บี รรยายหรอื ดวู ดี ทิ ศั นก์ ไ็ ด้ และจะเปน็ การเนน้ ทกั ษะการฟงั แทนการอา่ น 1.3 ขัน้ L (What you have learned) หลังจากที่ผู้เรียนอ่านข้อความแล้ว ให้ผู้เรียนเขียนคำตอบที่ได้ลง ในกระดาษเปล่า รวมท้งั เขยี นข้อมลู อนื่ ๆ ทศ่ี ึกษาเพม่ิ เตมิ ไดแ้ ตไ่ มไ่ ดต้ ง้ั คำถามไว้ เทคนิค วิธกี ารจดั กิจกรรมการเรยี นรเู้ พ่อื ขับเคลอ่ื นจุดเนน้ การพฒั นาคุณภาพผ้เู รียน 60 ด้านอ่านออก อ่านคลอ่ ง เขยี นได้ เขยี นคลอ่ ง
การบันทึกข้อมูลตามกิจกรรมในขั้น K W และ L น้ัน ผู้สอนควร ให้ผเู้ รียนบนั ทึกโดยใช้ตาราง 3 ชอ่ ง ดงั ตวั อยา่ งข้างลา่ ง K W L (ผ้เู รยี นเรียนรอู้ ะไรบ้าง) (ผเู้ รยี นตอ้ งการรอู้ ะไรบา้ ง) (ผ้เู รยี นได้เรยี นรอู้ ะไร) 1.4 ขนั้ การเขียนสรุปและนำเสนอ กจิ กรรมในข้นั น้ีเปน็ กิจกรรมเพม่ิ เติมในขน้ั ตอนหลกั K - W - L หลงั จากผเู้ รยี นไดเ้ รยี นรแู้ ละเขยี นขอ้ มลู ความรทู้ ไ่ี ดใ้ นขน้ั W และ L แลว้ ใหน้ กั เรยี น นำขอ้ มลู ทไ่ี ดม้ าปรบั แผนผงั ความคดิ เดมิ ทผี่ เู้ รยี นเขยี นไวใ้ นขน้ั K ซง่ึ อาจจะมกี าร ตดั ทอนเพมิ่ เติม หรอื จัดระบบขอ้ มูลใหม่ เพือ่ ให้แผนผงั ความคดิ มีความสมบูรณ์ มากยงิ่ ขนึ้ หรอื อาจมกี จิ กรรมอนื่ ทผี่ สู้ อนเหน็ วา่ เปน็ กจิ กรรมสง่ เสรมิ การเรยี นรู้ เชน่ มีการอภิปรายถึงเหตุและผลกระทบในเร่ืองสิ่งแวดล้อม หรือให้ผู้เรียนนำเสนอ แผนผังความคดิ เป็นตน้ 2. วัตถปุ ระสงค์/เปา้ หมายทีม่ ่งุ ให้เกิดกบั ผู้เรยี น 2.1 เพ่ือใหน้ ักเรยี นอ่านจบั ใจความสำคัญของเรือ่ งทอ่ี า่ นได ้ 2.2 เพ่ือให้นกั เรียนเขียนสรุปใจความสำคัญของเรอื่ งทอ่ี ่านได ้ 3. ความสอดคล้อง/ความเชื่อมโยง 3.1 กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 3.2 สาระท่ี 1 การอา่ น เทคนคิ วิธกี ารจดั กจิ กรรมการเรยี นรเู้ พือ่ ขับเคลอื่ นจุดเน้นการพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รียน ด้านอา่ นออก อ่านคลอ่ ง เขยี นได้ เขียนคลอ่ ง 61
มาตรฐานการเรียนรู้ ท 1.1 ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้ และความคิด เพ่ือนำไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการดำเนินชีวิตและมีนิสัย รกั การอา่ น ตวั ช้ีวดั ท 1.1 ป.6/3 อ่านเรื่องส้ันๆ อย่างหลากหลาย โดยจับเวลา แลว้ ถามเกี่ยวกับเรอื่ งท่ีอ่าน 3.3 สาระที่ 2 การเขยี น มาตรฐานการเรียนรู้ ท 2.1 ใช้กระบวนการเขียน เขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวในรูปแบบต่างๆ เขียนรายงาน ข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ ตัวช้วี ดั ท 2.1 ป.6/5 เขยี นยอ่ ความจากเร่ืองทอี่ ่าน 4. กระบวนการที่ใชใ้ นการพฒั นาผู้เรยี น 4.1 กิจกรรมการเรียนร ู้ 1) ติดแผ่นตารางข้อความต่อไปนี้บนกระดานดำ แล้วอธิบาย รายละเอียดของตารางแตล่ ะชอ่ ง ดงั น้ ี K W L นักเรยี นรอู้ ะไรบา้ ง นักเรยี นตอ้ งการรูอ้ ะไร นกั เรยี นได้เรยี นรู้อะไร ..................................... ..................................... ..................................... ..................................... ..................................... ..................................... ..................................... ..................................... ..................................... ..................................... ..................................... ..................................... เทคนคิ วธิ ีการจดั กจิ กรรมการเรยี นรเู้ พอื่ ขับเคลื่อนจุดเน้นการพฒั นาคุณภาพผ้เู รียน 62 ด้านอ่านออก อ่านคลอ่ ง เขียนได้ เขยี นคล่อง
2) ครแู ละนกั เรยี นสนทนารว่ มกนั เกยี่ วกบั เรอื่ ง มมั มี่ วา่ รอู้ ะไรบา้ ง และบนั ทึกคำตอบลงในตาราง ช่อง K 3) ให้นักเรียนช่วยกันคิดว่าอยากรู้อะไรอีกบ้างเก่ียวกับ เรื่อง มัมม่ี โดยบันทึกคำถามไว้บนกระดานดำแล้วช่วยกันคัดเลือกคำถาม และ จัดเรียงลำดับความสำคญั แล้วบนั ทกึ ลงในตาราง ช่อง W ตัวอย่างเชน่ - มัมมีพ่ บอยู่ประเทศใดบ้าง - มีความเช่อื อะไรบ้างเกยี่ วกบั การทำมัมม ี่ - มมั มี่มีวธิ กี ารทำอย่างไร - การทำมมั มมี่ ปี ระโยชนอ์ ย่างไร 4) ครูใช้คำถามให้นักเรียนคิดว่า เกิดการเรียนรู้อะไรบ้าง โดยดำเนินการ ดงั น ี้ 4.1) แจกใบความรู้ เรื่อง มัมมี่ ให้อ่านในใจเป็นรายบุคคล จากน้นั บอกสง่ิ ท่ไี ดร้ ับรูจ้ ากการอ่าน เร่ือง มัมม ี่ 4.2) บนั ทกึ คำตอบไวบ้ นกระดานดำ 4.3) ช่วยตรวจสอบสิ่งที่ได้รู้แล้วจากการอ่าน เรื่อง มัมมี่ ว่าสามารถตอบคำถามในส่ิงที่อยากรู้หรือไม่ ถ้ายังไม่สามารถตอบคำถามได้ให้ ไปค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติม แล้วบันทึกผลลงในตาราง ช่อง L (มีคลิปวีดิโอ ใหน้ กั เรยี นท่สี นใจดูเพม่ิ เตมิ ) 5) ใหนั กั เรียนแต่ละคนสรุปใจความสำคัญ ดังน้ี 5.1) สรุปใจความสำคญั ในรปู แผนผังความคิด เร่อื ง มมั มี่ 5.2) เขยี นสรุปใจความสำคัญจากแผนผังความคิด เทคนคิ วิธกี ารจัดกิจกรรมการเรยี นรูเ้ พ่อื ขับเคลอื่ นจดุ เนน้ การพฒั นาคณุ ภาพผู้เรยี น ดา้ นอา่ นออก อา่ นคล่อง เขียนได้ เขยี นคลอ่ ง 63
4.2 สือ่ ประกอบการเรียนร ู้ 1) ใบความรู้ เรอื่ ง มัมม ่ี 2) รูปภาพมมั ม่ี ต๊กุ ตามมั ม่ี 3) ตารางบนั ทึก K - W - L 4) คลปิ วดี โิ อ เรอ่ื ง มัมมี่ 4.3 การวัดและประเมินผล 1) ตรวจผลงานแผนผังความคิด 2) ตรวจผลงานการเขียนสรปุ ใจความสำคัญ 5. จุดเด่น (จดุ เด่นของเทคนคิ /วธิ ที ีน่ ำมาใช้) กจิ กรรมมลี กั ษณะบรู ณาการทกั ษะการอา่ น การเขยี น และการคดิ วเิ คราะห์ โดยใช้กระบวนการแสวงหาความรู้ 6. ผลทีเ่ กิดกบั ผเู้ รยี น (ความรู้ สมรรถนะ คณุ ลักษณะ) 6.1 ความรู้ : ผู้เรียนรู้กระบวนการสำรวจ ไดอ้ งคค์ วามรู้ และวธิ ีการ แสวงหาความรู้เพิ่มเตมิ 6.2 สมรรถนะ : ผู้เรียนมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ และ การสอ่ื สาร 6.3 คณุ ลักษณะ : ผเู้ รยี นมวี ินยั ใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ มนั่ ในการทำงาน และ มที ักษะชีวติ เทคนคิ วธิ ีการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้เพอ่ื ขบั เคลื่อนจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน 64 ด้านอา่ นออก อา่ นคล่อง เขียนได้ เขียนคล่อง
แหลง่ ทมี่ าของข้อมลู สำนกั งานเขตพนื้ ทก่ี ารศึกษา โรงเรยี นบา้ นสระเตย ประถมศกึ ษาสพุ รรณบรุ ี เขต 3 เทคนคิ วธิ กี ารจัดกิจกรรมการเรียนรเู้ พ่ือขบั เคลอื่ นจดุ เน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ดา้ นอ่านออก อา่ นคล่อง เขยี นได้ เขยี นคลอ่ ง 65
ภาคผนวก ❖ ใบความรู้ เรอ่ื ง มมั ม ี่ รปู ภาพมมั มี่ ตกุ๊ ตามมั ม่ ี ❖ ตารางบันทึก K - W - L ❖ ตัวอย่าง Mind Mapping เรื่อง มัมมี่ ❖ การประเมนิ แผนผังความคิด (Mind Mapping) ❖ การประเมินผลการเขียนสรปุ ใจความสำคญั เทคนิค วธิ กี ารจัดกจิ กรรมการเรียนรเู้ พ่ือขบั เคลือ่ นจดุ เน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ดา้ นอ่านออก อ่านคลอ่ ง เขียนได้ เขียนคลอ่ ง 67
ใบความร ู้ เรื่อง มมั ม ่ี มัมมี่ (อังกฤษ Mummy) คือ ศพท่ีพันทั่วท้ังร่างกายด้วยผ้าลินิน สีขาว ดองหรือแช่ในน้ำยาพิเศษพบในประเทศอียิปต์ การทำมัมม่ีเป็นการ รักษาสภาพของศพ เพ่ือรอการกลับคืนร่างของวิญญาณผู้ตาย ตามความเชื่อ ของชาวอียิปต์โบราณ โดยชาวอียิปต์โบราณจะทำมัมมี่ของฟาโรห์และ เชอ้ื พระวงศท์ กุ พระองค์ และนำไปฝงั ในลกั ษณะแนวนอนภายใตพ้ นื้ แผน่ ทราย ของอียิปต์ อาศัยแรงลมที่พัดผ่านในแถบทะเลทรายอาระเบียและทะเลทราย ในพ้ืนที่รอบบริเวณของอียิปต์ เพื่อป้องกันการเน่าเป่ือยของซากศพ ทีอ่ าบด้วยน้ำยา ความเชือ่ อียิปต์โบราณมีความเชื่อเกี่ยวกับเร่ืองของชีวิตหลังความตาย เกี่ยวกับการหวนกลับคืนร่างของวิญญาณ โดยมีความเชื่อว่าเมื่อวิญญาณ ออกจากร่างไปช่ัวระยะเวลาหน่ึง จะหวนกลับคืนสู่ร่างเดิมของผู้เป็นเจ้าของ จึงต้องมกี ารถนอมและรักษาสภาพของร่างเดมิ โดยการแชแ่ ละดองด้วยนำ้ ยา บีทูมิน ซึง่ จะช่วยรกั ษาและปอ้ งกันไมใ่ หซ้ ากศพเน่าเป่ือยผผุ งั ไปตามกาลเวลา เทคนิค วธิ กี ารจดั กจิ กรรมการเรยี นรเู้ พื่อขับเคล่อื นจดุ เน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรยี น ด้านอ่านออก อ่านคลอ่ ง เขียนได้ เขยี นคลอ่ ง 69
วิธกี ารทำมมั มี ่ นำศพของผู้ตายมาทำความสะอาด ล้วงเอาอวัยวะภายในออก โดยการใช้ตะขอท่ีทำด้วยสำริดเกี่ยวเอาสมองออกทางโพรงจมูก แล้วใช้มีด ที่ทำจากหินเหล็กไฟซ่ึงมีความคมมากกรีดข้างลำตัว เพ่ือล้วงเอาตับ ไต กระเพาะอาหาร ปอด และลำไส้ออกจากศพ ซ่ึงลำไส้ใหญ่ท่ีเต็มไปด้วย แบคทีเรีย (Bacteria) และเน่าก่อนอวัยวะอื่นๆ ซ่ึงนับว่าชาวอียิปต์โบราณ มีวิทยาการสูงโดยเหลือหัวใจไว้ สาเหตุที่ไม่เอาหัวใจออกจากร่างด้วย เพราะเช่ือกันว่า หัวใจเป็นศูนย์รวมแห่งจิตวิญญาณ ความเฉลียวฉลาด และ ความรู้สึกนึกคิด อวัยวะภายในเหล่านี้จะถูกแทนท่ีด้วยวัสดุประเภทข้ีเล่ือย ใบไม้แห้ง เศษผ้าลินิน และเครื่องหอม เพ่ือให้ใกล้เคียงกับเม่ือยังมีชีวิตอยู่ ไม่ยุบตัวตามกาลเวลา จากน้ันอวัยวะท้ังหมดจะถูกนำไปล้างด้วยไวน์ปาล์ม ใหส้ ะอาดแลว้ กลบดว้ ยสารทเ่ี รยี กวา่ Natron ซงึ่ เปน็ เกลอื โซเดยี มคารบ์ อรเ์ นต เมื่ออวัยวะเหล่าน้ีแห้งแล้ว จึงห่อด้วยผ้าแล้วเก็บลงในโถท่ีทำด้วยไม้เนื้อแข็ง หรือหินสลัก ฝาโถสลักเป็นเศียรของเทพ 4 องค์ ท่ีเป็นบุตรของเทพ Horus ซ่งึ เปน็ เทพสูงสดุ ท่ชี าวอยี ปิ ตโ์ บราณนบั ถือ สว่ นร่างของผู้ตายจะถกู นำไปดอง โดยใช้เกลือประมาณ 14 วัน เมื่อศพแห้งสนิทแล้ว ล้างศพด้วยน้ำจาก แม่น้ำไนล์ แล้วนำมาเคลอื บด้วยน้ำมนั สน จากนั้นจะมกี ารตกแต่งและพันศพ เทคนคิ วิธีการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้เพื่อขบั เคลื่อนจุดเนน้ การพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี น 70 ด้านอา่ นออก อ่านคล่อง เขียนได้ เขยี นคล่อง
ด้วยผ้าลินินสีขาวชุบเรซิน มัมมี่ท่ีเสร็จสมบูรณ์แล้วจะถูกนำบรรจุลงในหีบศพ พร้อมกับเครื่องรางของขลังต่างๆ และมัมม่ีบางตัวยังมีหน้ากากท่ีจำลอง ใบหน้าของผู้ตายวางไว้ในหีบศพของมมั ม่ีอีกดว้ ย เรอ่ื งของมมั มเี่ ปน็ ทส่ี นใจในวงการแพทยม์ าชา้ นาน เหตเุ พราะตอ้ งศกึ ษา โดยให้มัมม่คี งสภาพเดมิ จึงไมส่ ามารถผ่าออกมาศึกษาได้ ทำใหน้ ักโบราณคดี และนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ในอดีตสามารถศึกษาร่างของมัมมี่ได้ ในวงจำกัด โดยศกึ ษาทาง X-ray และสอ่ งกลอ้ ง (Scope) ครั้นเม่ือวิทยาการทางการแพทย์เจริญก้าวหน้าจนมีเคร่ือง MRI ในปัจจุบนั จึงสามารถศึกษามัมม่ีไดล้ ะเอียดถถ่ี ว้ นมากขน้ึ โดยเฉพาะสว่ นของ กะโหลก ทำให้ทราบวิธีทำมัมม่ีละเอียดขึ้น ตัวอย่างเช่น ทราบว่ามีทั้งท ี่ เกบ็ สมองไว้ และเอาสมองออก นอกจากนี้ยังพบโรคต่างๆ และสาเหตุการตายของชาวอียิปต์โบราณ เชน่ เพดานโหว่ กะโหลกแตก โพรงอากาศทก่ี ะโหลกอกั เสบ โรคเหงอื กและฟนั โรคท่ีพบบ่อยในอยี ปิ ตโ์ บราณ มีโรคตา พยาธิ วัณโรค เกาต์ โรคไขขอ้ ฝดี าษ โรคทางนรีเวช ส่วนยาที่ใช้ ได้แก่ ขี้ผึ้ง ยาน้ำ ยาเม็ดที่ทำจากสมุนไพร ไขมนั เลอื ด อวัยวะสตั ว์ นำ้ ผ้ึง เปน็ ตน้ เทคนคิ วธิ กี ารจดั กิจกรรมการเรียนร้เู พอ่ื ขับเคล่ือนจุดเน้นการพฒั นาคณุ ภาพผู้เรียน ด้านอ่านออก อา่ นคล่อง เขียนได้ เขยี นคลอ่ ง 71
จะเห็นได้ว่าอียิปต์ยุคโบราณ มีความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการ สูงทีเดียว มัมมี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีด้านศิลปะ สถาปัตยกรรม วิหารขนาดใหญ่ สมบัติล้ำค่ามากมายมหาศาลท่ีเก็บไว้ในสุสานเตรียมไว้ใช้ ในโลกหน้าของตุตันคาเมนอันลือช่ือ สุสานนี้ซ่อนอยู่ในหุบผากษัตริย์ จึงหลดุ รอดสายตาโจรขโมยหลงเหลอื ใหเ้ หน็ ในปัจจบุ นั ส่วนสุสานท่ีทำเป็นพีรามิดขนาดมหึมาเป็นส่ิงก่อสร้างที่พบเห็นได้ โดยง่าย จึงถกู ขโมยไม่เหลือสมบตั ใิ หเ้ หน็ ในปัจจบุ ัน ท่มี า : th.wikipedia.org/wiki/มมั ม่ ี เทคนคิ วิธกี ารจดั กิจกรรมการเรียนรู้เพอ่ื ขบั เคลอ่ื นจุดเนน้ การพฒั นาคุณภาพผเู้ รียน 72 ดา้ นอา่ นออก อา่ นคล่อง เขยี นได้ เขยี นคล่อง
รปู ภาพมมั ม่ี ต๊กุ ตามัมม ่ี พีรามิดท่ีพบมัมมี่ในประเทศอยี ิปต ์ เม่ือทำมัมมี่เสร็จกจ็ ะบรรจใุ นโลง มัมมที่ ี่ถกู คน้ พบในสุสาน เทคนคิ วิธกี ารจดั กจิ กรรมการเรียนรเู้ พื่อขบั เคลือ่ นจุดเนน้ การพฒั นาคณุ ภาพผ้เู รียน ด้านอา่ นออก อ่านคลอ่ ง เขยี นได้ เขยี นคลอ่ ง 73
ตารางบนั ทึก K - W - L เรือ่ ง .................................................................................... K W L (ผเู้ รียนรูอ้ ะไรบา้ งแลว้ (ผู้เรยี นต้องการรู้อะไร (ผ้เู รียนไดเ้ รยี นร ู้ อกี บา้ งเก่ียวกับมมั ม)่ี อะไรบ้าง จากการอ่าน เกย่ี วกับมัมม)่ี เรื่องมัมม)ี่ เทคนิค วิธกี ารจัดกจิ กรรมการเรยี นรเู้ พื่อขบั เคลอ่ื นจดุ เนน้ การพัฒนาคุณภาพผ้เู รยี น 74 ด้านอา่ นออก อา่ นคล่อง เขียนได้ เขียนคลอ่ ง
ตัวอย่าง Mind Mapping เร่อื ง มมั มี่ ความเชือ่ มัมมี ่ ความสำคญั ข้ันตอนการทำ มมั มี่ เทคนคิ วิธีการจัดกจิ กรรมการเรียนร้เู พอื่ ขบั เคลอื่ นจดุ เนน้ การพัฒนาคณุ ภาพผเู้ รยี น ด้านอ่านออก อา่ นคลอ่ ง เขยี นได้ เขียนคล่อง 75
การประเมินแผนผังความคิด (Mind Mapping) ประเด็น 4 ระดบั คณุ ภาพ 1 การประเมนิ (ดีมาก) 3 2 (ปรับปรงุ ) รูปแบบ สสี ันสวยงาม สีสนั ไม่สวยงาม (ดี) (พอใช)้ สีสนั สวยงาม สสี นั สวยงาม และมีความ และคอ่ นขา้ ง แต่ขาดความ และขาดความ ปราณีตมาก มีความปราณตี ปราณีต ปราณตี การเชื่อมโยง เชอื่ มโยงความคดิ เชอ่ื มโยงความคดิ เชอื่ มโยงความคดิ ไมเ่ ชือ่ มโยง ความคิด รวบยอดหลกั รวบยอดหลัก รวบยอดหลัก ความคดิ ความคิดรอง ความคดิ รอง ความคิดรอง รวบยอดหลกั และความคิด และความคิด และความคิด ความคิดรอง ย่อยไดช้ ดั เจน ย่อยได ้ ยอ่ ยได้ แตย่ ัง และความคดิ ยอ่ ย เนอ้ื หา ไมช่ ดั เจน ขยายความคิด ขยายความคดิ ขยายความคดิ ขยายความคดิ ย่อยไดถ้ ูกตอ้ ง ย่อยได้ถูกต้อง ย่อยได้ถกู ตอ้ ง ยอ่ ยไดถ้ ูกตอ้ ง ครบทุกประเดน็ ครบทุกประเดน็ แตม่ จี ำนวนนอ้ ย แตไ่ มค่ รบ และมีจำนวน แตม่ จี ำนวน ประเด็นนอ้ ย ทกุ ประเด็น ประเด็นมาก ประเดน็ นอ้ ย เทคนิค วิธกี ารจดั กจิ กรรมการเรียนรู้เพอ่ื ขบั เคล่อื นจดุ เน้นการพัฒนาคณุ ภาพผ้เู รียน 76 ด้านอา่ นออก อา่ นคล่อง เขียนได้ เขียนคล่อง
เกณฑก์ ารตัดสนิ คะแนน 11-12 หมายถึง ดมี าก คะแนน 9-10 หมายถงึ ดี คะแนน 7-8 หมายถึง พอใช้ คะแนน 0-6 หมายถึง ปรบั ปรงุ เกณฑก์ ารผ่าน ไดต้ ้ังแต่ระดับพอใช้ขนึ้ ไป เทคนิค วธิ ีการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้เพื่อขบั เคลอ่ื นจุดเนน้ การพฒั นาคุณภาพผเู้ รียน ดา้ นอา่ นออก อ่านคล่อง เขยี นได้ เขยี นคล่อง 77
การประเมินผลการเขียนสรปุ ใจความสำคัญ ประเดน็ 4 ระดับคุณภาพ 1 การประเมนิ (ดมี าก) 3 2 (ปรับปรงุ ) (ด)ี (พอใช)้ ความถูกตอ้ ง เขียนสรปุ ความ เขยี นสรุปความ เขยี นสรุปความ เขียนสรปุ ความ ของเน้อื หา จากเร่อื งทอ่ี ่าน จากเร่ืองทีอ่ า่ น จากเรอื่ งที่อา่ น จากเรอื่ งทอ่ี า่ น ไดค้ รบถ้วนและ ได้ครบถ้วน ไดไ้ มค่ รบถ้วน ไดไ้ ม่ครบถว้ น ลำดับเน้ือหา แต่ลำดบั เนือ้ หา แต่ลำดบั เน้อื หา และลำดบั เนอ้ื หา ถูกต้อง ไมถ่ ูกตอ้ ง ถกู ตอ้ ง ไมถ่ ูกตอ้ ง การใชภ้ าษา ใชภ้ าษาสละสลวย ใชภ้ าษาสละสลวย ใชภ้ าษาสละสลวย ใชภ้ าษาสละสลวย และลำดบั เนอ้ื หา และลำดบั เนอ้ื หา และลำดบั และลำดับ ครบถว้ น เหมาะสม เนือ้ หาเหมาะสม เน้ือหา เหมาะสม บางสว่ น ไม่เหมาะสม มารยาท ลายมอื สวยงาม ลายมือสวยงาม ลายมือไม่สวย ลายมือ ในการเขียน สะอาด สะอาด แตส่ ะอาด และ ไมส่ วยงาม เป็นระเบยี บ แตไ่ ม่เปน็ เป็นระเบียบ ไมส่ ะอาด และ ระเบียบ ไม่เปน็ ระเบียบ เทคนิค วธิ กี ารจัดกจิ กรรมการเรยี นรเู้ พ่อื ขบั เคลอ่ื นจุดเน้นการพฒั นาคณุ ภาพผู้เรยี น 78 ด้านอ่านออก อา่ นคล่อง เขียนได้ เขียนคล่อง
เกณฑ์การตัดสนิ คะแนน 10-12 หมายถงึ ดมี าก คะแนน 7-9 หมายถึง ด ี คะแนน 4-6 หมายถงึ พอใช้ คะแนน 1-3 หมายถึง ปรบั ปรงุ เกณฑ์การผ่าน ได้ตัง้ แตร่ ะดบั พอใชข้ ้นึ ไป เทคนิค วิธกี ารจัดกจิ กรรมการเรยี นรเู้ พ่อื ขบั เคล่ือนจดุ เนน้ การพัฒนาคุณภาพผเู้ รยี น ด้านอ่านออก อ่านคลอ่ ง เขยี นได้ เขียนคลอ่ ง 79
เทคนคิ วธิ ีการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู ้ แบบบันได 5 ขน้ั 1. แนวคิด/ทฤษฎี การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแก่ผู้เรียนเพ่ือให้เกิดความรู้ท่ีแท้จริง ผู้สอนต้องเข้าใจระบบการทำงานของสมอง ซ่ึงสอดคล้องกับทฤษฎีพัฒนาการ ทางสติปัญญาของเพียเจต์ (Piaget) ท่ีเน้นกลไกการเรียนรู้ท่ีนำไปสู่การ สร้างความรู้ คือ เม่ือบุคคลปะทะสัมพันธ์กับประสบการณ์หนึ่งๆ ถ้าข้อมูล หรือประสบการณ์น้ัน สัมพันธ์กับความรู้หรือโครงสร้างทางปัญญาที่มีอยู่แล้ว จะเกิดกระบวนการซึมเข้ากับโครงสร้างทางปัญญาที่มีอยู่เดิม แต่ถ้าข้อมูล หรือประสบการณ์ไม่สัมพันธ์กับความรู้ หรือโครงสร้างทางปัญญาท่ีมีอยู่แล้ว จะเกิดภาวะไม่สมดุล ทำให้บุคคลพยายามเรียนรู้เพื่อปรับสมดุลทางปัญญา โดยการสร้างโครงสร้างทางปัญญาขึ้นใหม่ เกิดเป็นความรู้ใหม่ของบุคคลน้ัน กระบวนการจดั กจิ กรรมการเรียนร้แู บบบันได 5 ขน้ั (5L) ซง่ึ ประกอบดว้ ย ขน้ั L1 การตงั้ ประเดน็ คำถาม/สมมตฐิ าน (Learning to Question) เป็นการฝึกให้ผู้เรียนรู้จักคิด สังเกต ต้ังข้อสงสัยตั้งคำถามอย่างมีเหตุผล และสร้างสรรค ์ ขนั้ L2 การสบื คน้ ความรจู้ ากแหลง่ เรยี นรแู้ ละสารสนเทศ (Learning to Search) เป็นการฝึกแสวงหาความร/ู้ ขอ้ มลู และสารสนเทศ จากแหลง่ เรียน รู้อย่างหลากหลาย เช่น ห้องสมุด อินเทอร์เน็ต หรือจากการปฏิบัติทดลอง เปน็ ต้น เทคนิค วิธีการจัดกิจกรรมการเรียนรเู้ พ่อื ขับเคลื่อนจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผเู้ รยี น ดา้ นอ่านออก อา่ นคลอ่ ง เขยี นได้ เขียนคล่อง 81
ขน้ั L3 การสรปุ องคค์ วามรู้ (Learning to Construct) เปน็ การฝกึ นำความรู้และสารสนเทศหรือข้อมูลที่ได้จากการอภิปราย การทดลอง มาคิด วิเคราะห์ สงั เคราะห์ และสรุปเปน็ องค์ความรู้ ขน้ั L4 การสอ่ื สารและการนำเสนออยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ (Learning to Communicate) เป็นการฝึกให้ความรู้ที่ได้มานำเสนอและสื่อสารอย่าง มีประสทิ ธิภาพใหเ้ กดิ ความเข้าใจ ขัน้ L5 การบรกิ ารสงั คมและจติ สาธารณะ (Learning to Serve) เป็นการนำความรู้สู่การปฏิบัติ ซ่ึงผู้เรียนจะต้องมีความรู้ในบริบทรอบตัว และบริบทโลกตามวุฒิภาวะที่เหมาะสม โดยจะนำองค์ความรู้ไปใช้ให้เกิด ประโยชน์อย่างสร้างสรรค์ จึงเป็นอีกวิธีหน่ึงท่ีน่าสนใจ ท่ีผู้สอนสามารถ นำไปปรับใช้ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ตามบริบท และธรรมชาติของวิชา เพ่อื พฒั นาผูเ้ รยี นให้บรรลุผลตามวตั ถุประสงค์ 2. วัตถปุ ระสงค/์ เป้าหมายท่ีมุ่งใหเ้ กดิ กับผเู้ รียน 2.1 เพ่ือใหผ้ ู้เรียนอา่ นและเขียนคำพ้องรูป คำพอ้ งเสียงได้ถูกต้อง 2.2 เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นรคู้ วามหมายของคำพอ้ งรปู คำพอ้ งเสยี ง และนำไปใช้ ส่อื สารได้ถกู ตอ้ ง เทคนคิ วิธีการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้เพือ่ ขบั เคล่ือนจุดเนน้ การพัฒนาคณุ ภาพผูเ้ รียน 82 ดา้ นอา่ นออก อา่ นคล่อง เขียนได้ เขียนคล่อง
3. ความสอดคลอ้ ง/ความเชอื่ มโยง 3.1 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 3 3.2 สาระที่ 1 การอา่ น มาตรฐานการเรียนรู้ ท 1.1 ใช้กระบวนการอ่านสร้างความร้ ู และความคดิ เพอ่ื นำไปใชต้ ดั สนิ ใจ แกป้ ญั หาในการดำเนนิ ชวี ติ และมนี สิ ยั รกั การอา่ น ตวั ชว้ี ัด ท 1.1 ป.3/1 อ่านออกเสียงคำ ข้อความ เรื่องส้ันๆ และ บทร้อยกรองงา่ ยๆ ไดถ้ ูกต้องคลอ่ งแคล่ว ท 1.1 ป.3/2 อธิบายความหมายของคำและข้อความท่ีอ่าน 3.3 สาระที่ 4 หลักการใชภ้ าษาไทย มาตรฐานการเรียนรู้ ท 4.1 เข้าใจธรรมชาติของภาษาและ หลกั ภาษาไทย การเปลย่ี นแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ิของชาต ิ ตัวชวี้ ัด ท 4.1 ป.3/1 เขียนสะกดคำและบอกความหมายของคำ ท 4.1 ป.3/3 ใชพ้ จนานกุ รมค้นหาความหมายของคำ 4. กระบวนการท่ีใชใ้ นการพัฒนาผูเ้ รียน 4.1 กจิ กรรมการเรียนร ู้ ขั้น L1 การต้ังประเด็นคำถาม/สมมติฐาน (Learning to Question) 1) ตดิ แผนภมู เิ พลงแหล่ “คำพอ้ งรปู คำพอ้ งเสยี ง” อา่ นออกเสยี ง พร้อมกัน จากนั้นร้องเพลงแหล่ให้ฟัง 1 เที่ยว แล้วร่วมร้องเพลงแหล่ พรอ้ มกนั ดงั น ี้ เทคนิค วธิ ีการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้เพ่อื ขับเคล่อื นจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผเู้ รยี น ดา้ นอ่านออก อา่ นคล่อง เขียนได้ เขียนคลอ่ ง 83
เพลงแหล่ “คำพอ้ งรูป คำพอ้ งเสียง” ผู้แต่ง : ครูวนั เพญ็ เจรญิ หลาย ทำนอง : เพลงแหล ่ *** ติงโจะ๊ ติงตงิ ติงท่งั ติงทง่ั (สร้อย) ฉนั จะขอเกร่นิ ออกมาเป็นเพลงแหล่ ฟังให้แนแ่ ทเ้ รื่องของคำพอ้ ง นน้ั คำพอ้ งเสยี งอา่ นเสยี งเดยี วสมปอง หากเราทดลองอา่ นเขยี นเรว็ พลนั *** (สรอ้ ย) การอา่ นนัน้ จะดตี อ้ งใช้ ร (เรอื ) กาลส่วนท่เี หลือกาลเวลา กาฬแปลว่าดำสมดงั เจตนา ประสบการณน์ นั้ หนาจำไวด้ จี รงิ *** (สรอ้ ย) น้ันคำพ้องรูปโปรดจงจำไว้ เพลารถยนตน์ ัน้ ไง จำไว้เถิดหนา เวลาตอนเย็นใชเ้ พลาอย่ารีรอ ตน้ ไม้มากพอตน้ เสมาจงจำ *** (สร้อย) ภูผาใหญ่คอื เส - ลา นนั้ ไง โปรดจงจำคำพอ้ งรูปทเี่ ห็น เสมาโบสถไ์ ง ทด่ี งู ามเดน่ โอเ้ จา้ เนอ้ื เยน็ คำพอ้ งรปู เอย *** (สรอ้ ย) เทคนคิ วิธีการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้เพอื่ ขับเคลื่อนจุดเน้นการพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รียน 84 ด้านอ่านออก อ่านคล่อง เขียนได้ เขียนคลอ่ ง
2) จัดนักเรียนเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มท่ี 1 ให้อ่านทบทวนเน้ือเพลง และร่วมกันต้ังคำถามจากเนื้อเพลง กลุ่มที่ 2 ให้ตอบคำถามของกลุ่มที่ 1 ตวั อยา่ งคำถาม (1) คำพ้องเสียง มีลกั ษณะอย่างไร (2) คำพอ้ งรูป มีลกั ษณะอยา่ งไร (3) คำพ้องรูปและคำพ้องเสียง มีความเหมือนหรือความ แตกตา่ งอย่างไร 3) ฝกึ การจำแนกคำพอ้ งเสยี ง และคำพอ้ งรปู โดยเลน่ “รรี ขี า้ วสาร” มอี ุปกรณแ์ ละวิธีการเลน่ ดงั นี้ 3.1) อุปกรณ์ (1) สายคาดศีรษะท่ีเขียนคำศัพท์เท่ากับจำนวน นักเรยี นในหอ้ ง โดยแบ่งเปน็ บตั รคำพ้องรูป คำพ้องเสยี งอยา่ งละเทา่ ๆ กัน เชน่ ปักเป้า ปักเป้า สมาธิ สมาธิ กรี กรี สระ สระ สุข ศุกร์ จันทร ์ จันทน ์ พนั ธ ์ พนั กาล กาฬ เทคนิค วธิ ีการจัดกจิ กรรมการเรยี นร้เู พือ่ ขบั เคล่ือนจุดเน้นการพัฒนาคณุ ภาพผู้เรยี น ด้านอ่านออก อ่านคลอ่ ง เขียนได้ เขียนคลอ่ ง 85
(2) สายคาดศีรษะทีเ่ ขียนคำพอ้ งรูป คำพอ้ งเสยี ง คำพอ้ งรปู คำพอ้ งเสียง 3.2 วธิ กี ารเล่น (1) ใหอ้ าสาสมคั ร 2 คน คาดศรี ษะ คำวา่ “คำพอ้ งรปู ” “คำพ้องเสียง” ยืนเอามือประสานกันเหนือศีรษะ เปน็ ประตโู คง้ (2) แจกสายคาดศีรษะคนละ 1 เส้น แล้วอ่านคำ ของตนเอง แล้วยืนเกาะไหล่กันลอดใต้ประตูโค้ง ไปเรื่อยๆ หัวแถวจะต้องเดินอ้อมหลังคนท่ีเป็น ประตูคร้ังละหน เมื่อจบเพลงสองคนท่ีเป็นประต ู จะกระตุกแขนลงกนั้ คนสุดท้าย ใหอ้ ยรู่ ะหว่างกลาง (3) คนที่ถูกคล้องไว้ได้จะต้องเลือกไปอยู่ข้างใด ข้างหนึ่ง ระหว่างคำพ้องรูปและคำพ้องเสียง ใหถ้ ูกต้องตามคำทต่ี วั เองไดร้ บั เทคนิค วิธกี ารจัดกิจกรรมการเรียนรเู้ พ่ือขับเคลือ่ นจดุ เนน้ การพัฒนาคณุ ภาพผเู้ รียน 86 ดา้ นอา่ นออก อา่ นคลอ่ ง เขยี นได้ เขียนคลอ่ ง
บทร้องประกอบการเล่น “รรี ีข้าวสาร สองทะนานขา้ วเปลอื ก เลือกท้องใบลาน เก็บเบ้ยี ใตถ้ ุนร้าน คดขา้ วใสจ่ าน พานเอาคนข้างหลังไวใ้ ห้ดี” 4) เม่ือเล่น “รีรีข้าวสาร” จบแล้ว นั่งเป็นกลุ่ม “คำพ้องรูป” และ “คำพอ้ งเสยี ง” ช่วยกนั ตรวจสอบความถกู ต้องว่าเข้ากลมุ่ ถูกหรือไม่ จากนน้ั อา่ นออกเสยี งคำทั้งหมด โดยแกไ้ ขคำทอ่ี า่ นผดิ ให้ถูกตอ้ ง 5) รว่ มกนั บอกความหมายหรอื ลกั ษณะของคำพอ้ งรปู คำพอ้ งเสยี ง อีกครั้ง โดยสังเกตคำที่ใช้ในการเล่น “รีรีข้าวสาร” และช่วยแก้ไขความเข้าใจ ทีค่ าดเคล่ือน ข้ัน L2 การสืบค้นความรู้จากแหล่งเรียนรู้และสารสนเทศ (Learning to Search) 1) สืบค้นข้อมูลเร่ืองคำพ้องรูป และคำพ้องเสียงเพ่ิมเติม จากห้องสมุด ค้นคว้าจากอินเทอร์เน็ต พจนานุกรม โดยศึกษาเป็นรายบุคคล แลว้ รว่ มกนั สนทนาเกย่ี วกบั ความหมายหรอื ลกั ษณะของคำพอ้ งรปู และคำพอ้ งเสยี ง 2) รวบรวมข้อมูลท่ีได้จากการค้นคว้า จัดทำเป็นรายงาน พร้อม ท้งั นำเสนอแลกเปลย่ี นเรียนรู้อีกครัง้ หน่งึ ขนั้ L3 การสรปุ องคค์ วามรู้ (Learning to Construct) ร่วมกันสรุปความหมายหรือลักษณะของคำพ้องรูปและ คำพ้องเสยี ง จดั ทำเป็นแผนผังความคิด เทคนคิ วิธกี ารจัดกจิ กรรมการเรียนรูเ้ พื่อขบั เคลอื่ นจดุ เน้นการพัฒนาคณุ ภาพผู้เรยี น ด้านอ่านออก อ่านคล่อง เขยี นได้ เขียนคลอ่ ง 87
ข้ัน L4 การสื่อสารและการนำเสนออย่างมีประสิทธิภาพ (Learning to Communicate) 1) แบง่ กลมุ่ ยอ่ ย กลมุ่ ละ 3 - 4 คน ชว่ ยกนั ทำหนงั สอื Big Book คำพ้องรูปและคำพ้องเสียง โดยการเขียนคำศัพท์ อธิบายความหมาย ของคำศัพท์ แต่งประโยคจากคำศัพท์ พร้อมท้ังวาดภาพระบายสี หรือนำภาพ มาปะติดประกอบคำศพั ท์ 2) ตรวจสอบความถูกตอ้ งของผลงานก่อนนำไปเผยแพร่ ขั้น L5 การบริการสังคมและจิตสาธารณะ (Learning to Serve) นำผลงานไปเผยแพร่โดยการอ่านหนังสือให้เพ่ือนๆ ฟังตอนเช้า หน้าเสาธงหลังเคารพเพลงชาติ หรือนำไปอ่านให้คนในครอบครัว ในโรงเรียน หรือในหมู่บ้านฟงั ข้อเสนอแนะเพ่ิมเติม : ครูให้นักเรียนศึกษาจากใบความร ู้ เพิ่มเติมและทำแบบฝึกในใบกิจกรรม จำนวน 2 กิจกรรม ได้แก่ ใบกจิ กรรมที่ 1 เติมคำพ้องรูป และคำพ้องเสียง และใบกิจกรรมที่ 2 นำไปใช้ เพ่ือเป็นการ ทบทวนความเขา้ ใจอีกคร้งั หน่งึ 4.2 สอ่ื ประกอบการเรียนร ู้ 1) แผนภูมเิ พลง แหล่ “คำพอ้ งรปู คำพ้องเสยี ง” 2) บัตรคำ 3) ใบความรู้ เร่อื ง คำพอ้ ง 4) ใบกิจกรรมท่ี 1 เตมิ คำพอ้ งเสียง 5) ใบกิจกรรมท่ี 2 นำไปใช ้ เทคนิค วิธีการจดั กจิ กรรมการเรยี นรเู้ พอ่ื ขับเคลื่อนจดุ เน้นการพฒั นาคุณภาพผูเ้ รยี น 88 ด้านอา่ นออก อ่านคล่อง เขยี นได้ เขยี นคลอ่ ง
4.3 การวดั และประเมนิ ผล 1) ประเมนิ การอ่านจากใบกิจกรรม 2) ประเมินการเขียนจากใบกิจกรรม 3) ประเมินผลงานหนงั สือ Big Book 5. จุดเดน่ (จดุ เด่นของเทคนิค/วิธีท่นี ำมาใช)้ 5.1 สง่ เสรมิ ใหผ้ เู้ รยี นรจู้ กั การสงั เกตและสรปุ องคค์ วามรไู้ ดด้ ว้ ยตนเอง 5.2 สง่ เสริมใหผ้ ู้เรยี นเปน็ บุคคลแหง่ การเรียนรู้และมีเหตุผล 6. ผลทีเ่ กิดกับผู้เรียน (ความรู้ สมรรถนะ คณุ ลกั ษณะ) 6.1 ความรู้ : ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจในเร่ืองการอ่านคำพ้องรูป และคำพอ้ งเสียง 6.2 สมรรถนะ : ผู้เรียนมีความสามารถในการสื่อสาร ทักษะการคิด ลงความคิดเห็น 6.3 คุณลักษณะ : ผู้เรียนมีจิตสาธารณะ มีนิสัยรักการอ่าน และมี ความมุง่ มนั่ ในการทำงาน แหล่งทีม่ าของขอ้ มลู โรงเรยี นอนบุ าลมหาสารคาม นางสมรกั ษ์ สวุ รรณโท สำนกั งานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษา ประถมศกึ ษามหาสารคาม เขต 1 เทคนคิ วธิ กี ารจัดกจิ กรรมการเรียนรูเ้ พื่อขับเคล่ือนจุดเนน้ การพฒั นาคณุ ภาพผู้เรยี น ดา้ นอ่านออก อ่านคล่อง เขียนได้ เขียนคล่อง 89
ภาคผนวก ❖ ใบความรู้ เรื่อง คำพอ้ ง ❖ ใบกจิ กรรมท่ี 1 เตมิ คำพ้องเสียง ❖ ใบกจิ กรรมท่ี 2 นำไปใช ้ ❖ ตัวอย่างคำและประโยคในหนังสอื Big Book เร่อื ง คำพอ้ งเสียง ❖ การประเมนิ ผลงาน หนงั สอื Big Book เทคนคิ วิธีการจัดกจิ กรรมการเรียนร้เู พื่อขับเคล่อื นจุดเน้นการพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รียน ด้านอา่ นออก อา่ นคล่อง เขยี นได้ เขียนคล่อง 91
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174