Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Best Practices & Lessons Learned การเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์ภาคอุตสาหกรรม กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 2557

Best Practices & Lessons Learned การเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์ภาคอุตสาหกรรม กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 2557

Published by Thalanglibrary, 2021-02-14 05:18:17

Description: 36885

Search

Read the Text Version

กล่มุ อตุ สาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟา้ และอิเล็กทรอนิกส์



ชือ่ หนังสอื Best Practices & Lessons Learned การเพ่มิ ประสิทธิภาพโลจิสตกิ สภ์ าคอตุ สาหกรรม กลมุ่ อตุ สาหกรรมเครื่องใชไ้ ฟฟ้าและอเิ ล็กทรอนิกส์ ภายใตโ้ ครงการ โครงการเพิ่มประสทิ ธภิ าพโลจิสตกิ สอ์ ุตสาหกรรมภาคกลาง กลมุ่ อุตสาหกรรมเครอื่ งใช้ไฟฟา้ และอิเลก็ ทรอนิกส์ จานวนหนา้ 106 หนา้ เจ้าของลิขสทิ ธิ์ กรมอุตสาหกรรมพนื้ ฐานและการเหมอื งแร่ 75/10 ถนนพระรามท่ี 6 แขวงทงุ่ พญาไท เขตราชเทวี จงั หวดั กรุงเทพมหานคร 10400 เว็บไซต์: www.logistics.go.th อเี มล: [email protected] ดาเนนิ งานโดย บริษัท ไอ-ทรี ครีเอชัน่ จากดั 36/190 หมู่ 9 ตาบลบางพูด อาเภอปากเกร็ด จงั หวดั นนทบุรี 11120 โทรศัพท์ 0-2964-1088 โทรสาร 0-2964-1088 พิมพค์ รง้ั ท่ี 20 ธันวาคม 2557 จานวน 300 เลม่ พมิ พท์ ่ี ห้างหุ้นสว่ นจากดั มีน เซอร์วสิ ซัพพลาย 661 ซอยฉลองกรงุ 1 ถนนฉลองกรงุ แขวงลาดกระบงั เขตลาดกระบัง จงั หวดั กรงุ เทพมหานคร 10520 โทรศัพท์ 0-2326-4124 โทรสาร 0-2326-4125

คำนำ ก ร ม อุ ต ส า ห ก ร ร ม พื้ น ฐ า น แ ล ะ ก า ร เห มื อ งแ ร่ ได้ ด า เนิ น โค ร งก า ร เพ่ิ ม ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ โ ล จิ ส ติ ก ส์ ภาคอุตสาหกรรม มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทานให้บุคลากรใช้เป็น พ้ืนฐานในการดาเนินงานในสถานประกอบการ และให้คาปรึกษาเพื่อปรับปรุงการจัดการภา ยใน สถานประกอบการ ด้วยการจดั ทาโครงการที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมโลจิสติกส์เพื่อการปรับปรุงการบรหิ ารจัดการ ธุรกิจการค้าและการผลิตภายในของตนเอง ภายใต้การดูแลและชี้แนะของผู้เช่ียวชาญ ให้เกิดการเพิ่ม ประสทิ ธภิ าพหรอื ลดต้นทุนดา้ นโลจิสตกิ ส์ มกี ารวดั ผลตามแบบประเมินความก้าวหน้าของโครงการอย่างชัดเจน พร้อมทั้งพัฒนาบุคลากรด้านการบริหารจัดการและการปฏิบัติงานด้านโลจิสติกส์ภายในองค์กร ท้ังน้ีจากการ รวบรวมประสบการณ์และผลการดาเนินงานโครงการนี้ จึงได้ดาเนินการจัดทาหนังสือโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ เผยแพร่แนวทางการดาเนินการท่ีดีในการบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ (Logistics Best Practices) รวมทั้ง บทเรียนจากประสบการณ์ของผู้ประกอบการอุตสาหกรรม (Lessons Learned) และแบบจาลองสาหรับการ พัฒนาศักยภาพการจัดการด้านโลจิสติกส์ (Logistics Success Factor Model) สู่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม อ่นื ในการเพ่ิมประสทิ ธิภาพและลดตน้ ทุนดา้ นโลจสิ ติกส์อย่างต่อเนอื่ ง คณะผู้จัดทาขอขอบคุณ สถานประกอบการท่ีเข้าร่วมโครงการท่ีให้ข้อมูลแล ะให้ความร่วมมือกับ สานักโลจิสติกส์ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ในการปรับปรุงประสิทธิภาพโลจิสติกส์ภายใน องค์กรจนบรรลุเป้าหมาย และสามารถดาเนินการอย่างต่อเน่ืองจนถึงปัจจุบัน หวังเป็นอย่างย่ิงวา่ หนังสือ Best Practices & Lessons Learned การเพ่ิมประสิทธิภาพโลจิสติกส์ภาคอุตสาหกรรม กลุ่มอุตสาหกรรม เคร่ืองใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์นี้ จะก่อให้เกิดความตื่นตัวและช่วยยกระดับขีดความสามารถของ ภาคอุตสาหกรรมไทยเพ่อื การแขง่ ขนั ในระดบั สากลที่กว้างไกลตอ่ ไป สำนกั โลจิสตกิ ส์ กรมอตุ สำหกรรมพน้ื ฐำนและกำรเหมอื งแร่ ผู้จดั ทำ

สารบญั หนา้ บทที่ 1 บทนา ..............................................................................................................................1 บทที 2 ระบบโลจสิ ติกสแ์ ละซพั พลายเชนของกลมุ่ อุตสาหกรรมไฟฟา้ และอิเล็กทรอนิกส์ ............3 2.1 ซัพพลายเชนของกล่มุ อุตสาหกรรมไฟฟา้ และอเิ ลก็ ทรอนิกส์............................................3 2.2 กระบวนการผลิตของกลมุ่ อตุ สาหกรรมไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนิกส์.....................................7 2.3 ปัญหาและอปุ สรรคตอ่ ความสาเร็จของกลมุ่ อตุ สาหกรรมไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนิกส์..........9 2.4 การแกป้ ัญหาระบบโลจสิ ตกิ สข์ องกล่มุ อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์............... 11 บทท่ี 3 กรณีศกึ ษาการแกไ้ ขปญั หาดา้ นโลจสิ ตกิ สข์ องกลมุ่ อุตสาหกรรมไฟฟ้า และอิเล็กทรอนกิ ส์.........................................................................................................15 กรณศี กึ ษาที่ 1 การลดปรมิ าณสนิ ค้าคงคลงั (งานระหวา่ งรอผลิต : WIP) ของเครือ่ งแช่เยน็ รุ่นจนิ นี่ ............................................................................ 15 กรณศี ึกษาท่ี 2 การจัดการคลงั สนิ ค้า โดยการปรับปรงุ คลงั สนิ คา้ วัตถุดบิ (กล่องบรรจุภณั ฑ์)....................................................................................... 21 กรณีศกึ ษาที่ 3 การจดั การคลงั สนิ ค้า โดยการปรับปรุงคลังสินคา้ วัตถดุ บิ ............................ 27 กรณศี กึ ษาที่ 4 การลดต้นทุนคา่ ขนส่งสินคา้ โดยคดั เลือกผู้ให้บริการขนสง่ ใน เสน้ ทางทีเ่ หมาะสม..................................................................................... 32 กรณีศกึ ษาท่ี 5 การเพิ่มประสิทธิภาพการส่งมอบสนิ ค้าให้ทนั เวลาด้วยการบรหิ าร กลอ่ งบรรจภุ ัณฑ์......................................................................................... 38 กรณีศึกษาที่ 6 การจดั การระบบโลจิสติกส์ย้อนกลบั เพ่ือลดเวลาในกระบวนซ่อม หม้อแปลงไฟฟา้ .......................................................................................... 43 กรณีศึกษาที่ 7 การเพ่มิ ประสิทธภิ าพงานบริการหลังการขาย............................................. 48 กรณีศึกษาท่ี 8 การจดั สมดลุ การผลติ สาหรบั การลงอุปกรณ์อเิ ลก็ ทรอนิกส์......................... 52 กรณศี กึ ษาที่ 9 การควบคมุ สตอ็ กวัตถุดิบในคลงั สินคา้ ด้วยวธิ ีการพยากรณค์ วามตอ้ งการ และการกาหนดปรมิ าณการส่งั ซ้อื ............................................................... 60 กรณีศึกษาที่ 10 การลดต้นทุนการถือครองวตั ถุดิบคงคลงั ดว้ ยวธิ ีการพยากรณค์ วามต้องการ และการกาหนดนโยบายวัตถดุ ิบคงคลังให้เหมาะสม ................................... 66 บทที 4 การวดั ประสิทธิภาพการดาเนินงานในโซ่อปุ ทาน ...........................................................73 4.1 การประเมินเชงิ คุณภาพด้วย Logistics Scorecard..................................................... 73

สารบญั (ต่อ) หน้า ภาคผนวก ก รายชอื่ สถานประกอบการทเ่ี ขา้ รว่ มโครงการเพิม่ ประสทิ ธิภาพโลจิสตกิ ส์ อุตสาหกรรมภาคกลาง กล่มุ อตุ สาหกรรมเครือ่ งใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนกิ ส์..........75 ภาคผนวก ข Logistics Scorecard...........................................................................................77 ภาคผนวก ค ผลการดาเนินโครงการเพิ่มประสิทธภิ าพโลจิสตกิ สอ์ ุตสาหกรรมภาคกลาง กลุ่มอตุ สาหกรรมเครือ่ งใชไ้ ฟฟ้าและอิเล็กทรอนกิ ส์ ..............................................96 ภาคผนวก ง ประมวลภาพกจิ กรรมในการดาเนินโครงการเพิ่มประสทิ ธิภาพโลจิสตกิ ส์ อุตสาหกรรมภาคกลาง กลุม่ อุตสาหกรรมเครอ่ื งใช้ไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนิกส์....... 103

สารบญั รปู หน้า รปู ที่ 2-1 ภาพรวมซพั พลายเชนของอตุ สาหกรรมเคร่อื งใชไ้ ฟฟ้าและอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ของประเทศไทย....5 รูปที่ 2-2 รปู แบบในการผลติ สนิ คา้ ........................................................................................................7 รูปท่ี 2-3 ภาพรวมกระบวนการผลติ ของกรณศี ึกษา...............................................................................9 รปู ที่ 2-4 สรปุ ปญั หาดา้ นโลจสิ ติกส์ของกรณศี กึ ษา............................................................................. 14 รูปที่ 2-5 สรปุ วิธกี ารแก้ไขปญั หาของกรณีศกึ ษา ................................................................................ 14 รปู ท่ี 3-1 เครอ่ื งแช่เยน็ แบบต่างๆ........................................................................................................ 16 รูปที่ 3-2 กระบวนการดาเนนิ งานทางธรุ กิจ........................................................................................ 16 รปู ที่ 3-3 เคร่อื งแช่เยน็ รนุ่ จนิ นี่............................................................................................................ 17 รูปท่ี 3-4 กระบวนการผลติ เครอื่ งแชเ่ ยน็ รนุ่ จนิ น.ี่ ................................................................................ 18 รปู ที่ 3-5 ภาพทมี ที่ปรึกษาและบรษิ ัทวิเคราะหข์ นั้ ตอนการค้นหาวตั ถุดิบและการจัดการพื้นท่ี ในคลงั สนิ ค้า......................................................................................................................... 22 รูปที่ 3-6 แผนผังคลงั สินคา้ วตั ถดุ บิ กอ่ นปรบั ปรุง ................................................................................ 23 รปู ที่ 3-7 คลงั สนิ คา้ วัตถุดิบกอ่ นปรบั ปรุง............................................................................................ 23 รปู ที่ 3-8 แผนผังคลงั สนิ ค้าวตั ถดุ บิ หลงั ปรับปรงุ ................................................................................. 24 รูปที่ 3-9 คลงั สินคา้ วัตถุดบิ ขณะทาการปรบั ปรุง ................................................................................ 24 รูปท่ี 3-10 กราฟเปรียบเทียบเวลา...................................................................................................... 25 รปู ท่ี 3-11 ภาพผงั กา้ งปลาการวเิ คราะหส์ าเหตขุ องปัญหาการคน้ หาที่ลา่ ช้า ...................................... 28 รูปที่ 3-12 ภาพทีมท่ีปรึกษาสารวจขน้ั ตอนการค้นหาวตั ถดุ บิ ............................................................. 29 รูปท่ี 3-13 กาหนดสญั ลกั ษณเ์ พื่อระบตุ าแหน่งในการจดั เกบ็ หรอื ค้นหา (R1-R32)............................. 30 รปู ท่ี 3-14 ภาพตวั อยา่ งเอกสารการตรวจนบั ตามรอบท่รี อบรบั การบันทกึ ตาแหน่ง ........................... 30 รูปท่ี 3-15 ภาพทีมทป่ี รกึ ษาและบรษิ ทั ระหวา่ งการกาหนดแนวทางการลดตน้ ทนุ ขนส่ง .................... 33 รูปที่ 3-16 ที่ปรึกษาสารวจกลอ่ งบรรจภุ ณั ฑท์ ีใ่ ชบ้ รรจสุ ินคา้ เพอื่ สง่ มอบระหว่างคูค่ ้า......................... 38 รูปท่ี 3-17 ผงั ก้างปลาการวเิ คราะหส์ าเหตุของปญั หา......................................................................... 39 รูปท่ี 3-18 การระดมความคดิ เห็นระหว่างหนว่ ยงานต่างๆ ของสถานประกอบการ............................ 40 รูปท่ี 3-19 กระบวนการธรุ กิจก่อนและหลังการปรบั ปรงุ .................................................................... 41 รปู ที่ 3-20 กระบวนการดาเนนิ งานทางธรุ กจิ ...................................................................................... 44 รปู ที่ 3-21 ท่ปี รกึ ษาและบรษิ ทั รว่ มกันวเิ คราะห์ข้อมลู และกระบวนการซ่อมหม้อแปลง..................... 45 รูปท่ี 3-22 ผงั การทางานของกระบวนการซ่อมหม้อแปลงไฟฟ้า ......................................................... 45 รปู ที่ 3-23 ภาพกระบวนการทางโลจิสตกิ ส์ย้อนกลับกอ่ นการปรับปรุง............................................... 49

สารบญั รปู (ต่อ) หนา้ รปู ที่ 3-24 การพยากรณ์อะไหลต่ น้ แบบสาหรบั พนื้ ทร่ี อบกรุงเทพฯ และปรมิ ณฑล............................ 50 รูปที่ 3-25 กระบวนการทางโลจสิ ตกิ สย์ ้อนกลบั หลังการปรับปรงุ ....................................................... 50 รูปท่ี 3-26 ภาพทมี ที่ปรกึ ษาและบริษทั ทาการจบั เวลาในการทางานแตล่ ะสถานี................................ 53 รปู ท่ี 3-27 ผังกา้ งปลาในการวิเคราะหป์ ัญหา...................................................................................... 55 รปู ที่ 3-28 ภาพทมี ท่ปี รึกษาและบริษัทระหว่างการดาเนนิ งานคานวณการกาหนดปรมิ าณการสง่ั ซื้อ. 60 รูปที่ 3-29 ขอ้ มลู แนวโนม้ ปรมิ าณความตอ้ งการใช้ Epoxy................................................................. 61 รูปที่ 3-30 ขอ้ มลู ความตอ้ งการในปี 2012-2014 และข้อมูลการพยากรณ์ ปี 2014-2015................. 61 รูปท่ี 3-31 ขอ้ มลู ความคลาดเคลอื่ นการพยากรณ์ ปี 2014................................................................. 62 รปู ที่ 3-32 ข้อมลู ปรมิ าณการจดั เกบ็ ณ ส้นิ เดอื นพฤศจกิ ายน ในปี 2014 ผลลพั ธ์ก่อนและหลงั การปรับปรุง........................................................................................ 63 รปู ที่ 3-33 ปรมิ าณการรบั วัตถุดบิ เข้าคลังเปรยี บเทยี บกับปริมาณเบกิ จา่ ย ......................................... 66 รปู ท่ี 3-34 การพยากรณ์ความต้องการโดยใช้ Excel spreadsheet................................................... 67 รปู ท่ี 3-35 การตัดแบง่ กล่มุ วตั ถดุ บิ โดยใชห้ ลกั การ ABC..................................................................... 68 รูปท่ี 3-36 การควบคมุ ด้วยการมองเหน็ ในคลงั วัตถดุ ิบ ....................................................................... 71 รปู ท่ี ง-1 ผเู้ ชี่ยวชาญ ผศ.ดร. วจิ ิตรสวัสด์ิ สุขสวสั ดิ์ ณ อยุธยา และอาจารยพ์ รเทพ แก้วเชื้อ ให้คาปรกึ ษาเชงิ ลกึ บริษัท ซีซี หมอ้ แปลงไฟฟา้ จากดั ......................................................103 รูปที่ ง-2 ผู้เชย่ี วชาญ ผศ.ดร. วิจิตรสวสั ด์ิ สุขสวสั ด์ิ ณ อยธุ ยา และอาจารยพ์ รเทพ แก้วเชื้อ...........103 รูปที่ ง-3 ผเู้ ชีย่ วชาญ อาจารยพ์ ฒั นพงษ์ แสงหัตถวฒั นา และอาจารย์อรณิชา อนุชิตชาญชยั ..........104 รูปที่ ง-4 ผู้เชี่ยวชาญ อาจารย์พัฒนพงษ์ แสงหัตถวฒั นา และอาจารยอ์ รณชิ า อนชุ ติ ชาญชัย..........104 รูปท่ี ง-5 การจัดกจิ กรรมประชาสมั พันธ์ผลการดาเนินงาน...............................................................105 รูปท่ี ง-6 การจดั กจิ กรรมประชาสมั พันธ์ผลการดาเนนิ งาน...............................................................105 รปู ที่ ง-7 การจัดกิจกรรมประชาสมั พันธ์ผลการดาเนนิ งาน...............................................................106 รปู ท่ี ง-8 การจดั กจิ กรรมประชาสมั พันธ์ผลการดาเนินงาน...............................................................106

สารบญั ตาราง หน้า ตารางท่ี 3-1 ปริมาณการผลิตและการส่งั ซอื้ เครือ่ งแช่เย็น รุ่นจินน่ี ..................................................... 17 ตารางท่ี 3-2 จานวนงานระหว่างรอผลิตของแตล่ ะสถานงี านสาหรบั เดอื นพฤษภาคมถงึ เดือน กรกฎาคม ............................................................................................................................ 18 ตารางที่ 3-3 ปริมาณงานระหว่างรอผลติ (WIP) หลังการปรับปรุง....................................................... 19 ตารางท่ี 3-4 รอ้ ยละเฉล่ยี ของปรมิ าณสินคา้ คงคลงั (งานระหว่างรอการผลติ : WIP) ของเครอ่ื งแชเ่ ย็น รุ่นจนิ น่ี ................................................................................................................................ 19 ตารางที่ 3-5 สรปุ ผลการดาเนนิ โครงการ ............................................................................................ 25 ตารางท่ี 3-6 การแบ่งขนาดพ้นื ท่ีคลังวตั ถดุ บิ ...................................................................................... 29 ตารางท่ี 3-7 สรุปผลการดาเนินโครงการ ............................................................................................ 31 ตารางที่ 3-8 ต้นทนุ ค่าขนสง่ สนิ คา้ ภายในเขต กรุงเทพ และปรมิ ณฑล โดยรถขนสง่ ของบรษิ ัท.......... 34 ตารางที่ 3-9 การเปรียบเทยี บความสาคญั ดา้ นตน้ ทนุ ระหว่าง LSP1, LSP2, LSP3 และ Leotech.. 34 ตารางที่ 3-10 การเปรยี บเทยี บความสาคญั ในการจ้างผู้ให้บริการขนสง่ และดาเนินการเอง................ 35 ตารางที่ 3-11 การคดั เลอื กผ้สู ง่ มอบที่เหมาะสมโดยพจิ ารณาจากนา้ หนักความสาคญั ........................ 35 ตารางท่ี 3-12 สรุปการเปรียบเทยี บบริษทั ผูใ้ ห้บรกิ ารโลจิสตกิ ส์......................................................... 35 ตารางที่ 3-13 การเปรียบเทยี บตน้ ทนุ การจัดส่ง ระหวา่ ง บรษิ ัทกรณศี ึกษากบั บรษิ ทั LSP2............. 36 ตารางท่ี 3-14 การเปรียบเทยี บตน้ ทนุ การจัดสง่ รวมทงั้ หมดระหวา่ งบรษิ ัทกรณศี กึ ษากบั บริษทั LSP2 ........................................................................................................................ 36 ตารางท่ี 3-15 การเปรยี บเทยี บตน้ ทุนคา่ ขนสง่ รวมก่อน-หลังปรับปรุง................................................ 36 ตารางท่ี 3-16 สรปุ ผลการดาเนนิ โครงการ.......................................................................................... 42 ตารางท่ี 3-17 ข้อมูลยอ้ นหลงั ระยะเวลาในแตล่ ะข้ันตอนในการซอ่ มก่อนการปรบั ปรุง (หนว่ ย: ช่ัวโมง).................................................................................................................... 46 ตารางท่ี 3-18 ข้อมูลระยะเวลาในแต่ละขนั้ ตอนในการซอ่ มหลังการปรับปรุง (หน่วย: ชัว่ โมง) ........... 46 ตารางที่ 3-19 ระยะเวลาเฉลยี่ ในการซ่อม........................................................................................... 47 ตารางที่ 3-20 สรุปผลการดาเนินโครงการ.......................................................................................... 51 ตารางท่ี 3-21 ผลการจับเวลางานของแตล่ ะสถานี.............................................................................. 54 ตารางที่ 3-22 เวลามาตรฐานขนั้ ตอนการผลติ วงจรไฟฉุกเฉนิ ............................................................. 56 ตารางที่ 3-23 ผลการทดลองปรบั ปรงุ ................................................................................................ 57 ตารางที่ 3-24 สรุปผลการดาเนินโครงการ.......................................................................................... 58

สารบัญตาราง (ต่อ) หนา้ ตารางท่ี 3-25 สรปุ ผลการดาเนินโครงการ.......................................................................................... 63 ตารางที่ 3-26 สรปุ รายละเอยี ดการแบง่ กลมุ่ วัตถดุ บิ ........................................................................... 68 ตารางท่ี 3-27 สรปุ ผลการดาเนินโครงการ.......................................................................................... 71 ตารางที่ 4-1 ขอบเขตการประเมนิ และดชั นชี ้ีวดั ใน Logistics Scorecard......................................... 74 ตารางท่ี ก-1 รายช่อื สถานประกอบการทเ่ี ข้าร่วมโครงการ.................................................................. 75 ตารางที่ ข-1 การกาหนดกลยุทธอ์ งคก์ ร.............................................................................................. 77 ตารางท่ี ข-2 การวางแผนและความสามารถในการปฏบิ ัติงาน............................................................ 80 ตารางท่ี ข-3 ประสทิ ธภิ าพและประสทิ ธิผลด้านโลจสิ ตกิ ส์.................................................................. 84 ตารางท่ี ข-4 ระบบบริหารข้อมลู สารสนเทศ และเทคโนโลยีสารสนเทศ ............................................. 90 ตารางที่ ข-5 การรว่ มมอื กันระหวา่ งองค์กร......................................................................................... 93 ตารางท่ี ค-1 การประเมนิ ศักยภาพดา้ นโลจสิ ติกส์กอ่ นและหลังเขา้ รว่ มโครงการ................................ 96 ตารางที่ ค-2 การดาเนนิ โครงการพัฒนาระบบโลจสิ ติกส์ 2 โครงการ................................................ 98 ตารางที่ ค-3 การประเมนิ มลู คา่ ทผี่ ูป้ ระกอบการสามารถเพ่มิ รายไดห้ รือลดต้นทุนได้ .......................101

บทท่ี 1 บทนำ บทที่ 1 บทนำ ปัจจุบันกำรแข่งขนั ในธุรกิจกำรผลิตสินค้ำเครื่องใช้ไฟฟ้ำและอิเล็กทรอนิกส์เป็นไปอย่ำงเข้มข้น เนื่อง ด้วยกำรเปิดเขตกำรค้ำเสรีระหว่ำงประเทศไทยกับประเทศคู่ค้ำท่ีสำคัญ อำทิ จีน อินเดีย และกลุ่มประเทศ อำเซียน (เริ่มต้น 31 ธันวำคม 2558) กำรเพ่ิมควำมสำมำรถ ทกั ษะกำรผลติ และกำรใช้ทรพั ยำกรอย่ำงร้คู ุณค่ำ จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่ำงยง่ิ กำรจัดกำรโลจสิ ตกิ ส์และซัพพลำยเชนเป็นหัวข้อที่หลำยธุรกจิ หันมำเน้นให้ควำมสำคัญ เพรำะสำมำรถตอบโจทย์ของภำคธุรกิจ กำรบริหำรจัดกำรโลจิสติกส์และซัพพลำยเชนที่มีประสิทธิภำพย่อม สำมำรถเพ่ิมประสิทธิภำพและลดตน้ ทนุ ที่ใชใ้ นกำรผลิตและกำรบริกำรในหลำยมติ ิ ตวั อย่ำงเชน่ มติ ิดำ้ นกำรเงิน มิติดำ้ นเวลำ มิติดำ้ นกำรจัดกำรทรพั ยำกร และมติ ิดำ้ นกำรตอบสนองควำมตอ้ งกำรของลกู คำ้ กิจกรรมดำ้ นตำ่ งๆ ของระบบโลจิสติกส์ เช่น กำรวำงแผนกำรผลิต กำรขนส่งวัตถุดิบ ช้ินส่วน ส่วนประกอบ และสินค้ำสำเร็จรูป กำรจัดกำรคลังสินค้ำ กำรบริหำรสินค้ำคงคลัง กำรลดปริมำณงำนระหว่ำงรอทำ รวมถึงกำรบริหำรระบบ โลจสิ ติกสย์ อ้ นกลบั มีสว่ นทำให้สถำนประกอบกำรดำเนินงำนโดยใชท้ รัพยำกรไดอ้ ยำ่ งเตม็ ประสทิ ธิภำพ ต้นทุน ดำ้ นโลจิสติกส์เป็นต้นทุนหลักของกำรผลิตสินค้ำและบริกำร ซ่ึงต้นทุนเหล่ำน้ีมีผลสะท้อนไปยังรำคำสินค้ำและ บริกำร ดังน้ัน โครงกำรเพ่ิมประสทิ ธภิ ำพโลจิสตกิ ส์อตุ สำหกรรมภำคกลำง กลุม่ อุตสำหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้ำและ อิเล็กทรอนิกส์ จึงให้น้ำหนักไปยังกำรปรับปรุงประสิทธิภำพด้ำนกำรจัดกำรสินค้ำคลังของทั้งวัตถุดิบ ชิ้นส่วน ส่วนประกอบ งำนระหว่ำงรอทำ และสินค้ำสำเร็จรูป เพ่ือให้ภำคธุรกิจเพิ่มขีดควำมสำมำรถท้ังด้ำนกำรใช้ ทรัพยำกร ด้ำนกำรลดต้นทุน ด้ำนกำรตอบสนองควำมต้องกำรของลกู ค้ำ และด้ำนกำรปรับตัวกับควำมท้ำทำย ใหมจ่ ำกคู่แขง่ ท้ังภำยในและภำยนอกประเทศ สงิ่ ทภ่ี ำคธุรกิจได้รบั จำกโครงกำรน้ี คือ กำรเรยี นรู้และกำรจดั กำร เพ่ือลดต้นทุนให้กับสินค้ำและบริกำร โดยมุ่งให้ภำคธุรกิจมีกำไร และมีกำรพัฒนำบุคลำกรในกำรบริหำรงำน ดำ้ นโลจสิ ติกสแ์ ละซัพพลำยเชน กำรพัฒนำบุคลำกรและระบบกำรจัดกำรซัพพลำยเชนและโลจิสติกส์ในสถำนประกอบกำร เป็นส่ิง สำคัญท่ีต้องดำเนินกำร เน่ืองด้วยบุคลำกรคือทรัพยำกรท่ีสำคญั ต่อสถำนประกอบกำรน้ันๆ กำรพัฒนำบุคลำกร ต้องเป็นไปอย่ำงต่อเนื่องและมีแผนงำนของกำรพัฒนำบุคลำกร เพ่ือให้บุคลำกรมีทักษะและควำมเข้ำใจในกำร จัดกำรโลจิสติกส์และซัพพลำยเชน คุณสมบัติเหล่ำนี้จำเป็นต่อกำรปฏิบัติงำนและบริหำรงำนให้ได้ตำมแผนท่ี สถำนประกอบกำรกำหนดไว้ ควำมต่อเนื่องและควำมย่ังยืนในกำรพัฒนำและเพิ่มประสิทธิภำพเป็น หัวจักรสำคัญให้สถำนประกอบกำรได้เข้ำใจและเห็นควำมสำคัญในกำรเรียนรู้วิธีรวมกลุ่มทำงำน โดยมี ผู้เช่ียวชำญทำหน้ำที่เป็นครูสอนท่ีจะแนะนำ อธิบำย และให้คำปรึกษำ แก่บุคลำกรเพื่อให้เกิดกำรเรียนรู้ท่ี ถูกต้องและมีหลักคิดในกำรทำงำนเป็นกลุ่มเพ่ือแก้ปัญหำท่ีเกิดขึ้น กำรเรียนรู้น้ีส่งผลให้สถำนประกอบกำร สำมำรถมีต้นแบบท่ีดีไปต่อยอดและปรับใช้ในกำรแก้ปัญหำอื่นๆเพื่อปรับปรุงประสิทธิภำพแบบต่อเน่ืองและ ย่ังยืน กรมอุตสำหกรรมพื้นฐำนและกำรเหมอื งแร่ 1 กระทรวงอตุ สำหกรรม

Best Practices & Lessons Learned กำรเพิ่มประสทิ ธภิ ำพโลจสิ ตกิ ส์ภำคอุตสำหกรรม กลุม่ อตุ สำหกรรมเครือ่ งใชไ้ ฟฟ้ำและอิเล็กทรอนิกส์ ประสบกำรณ์ท่ีได้รับจำกกำรดำเนินโครงกำรเพิ่มประสิทธิภำพโลจิสติกส์ของสถำนประกอบกำรในปี 2557 ในกลุ่มอุตสำหกรรมเคร่ืองใช้ไฟฟ้ำและอิเล็กทรอนิกส์ ท้ังหมด 25 สถำนประกอบกำร คือ สถำน ประกอบกำรส่วนใหญ่ขำดทกั ษะและควำมเข้ำใจในกำรจดั กำรโลจิสตกิ ส์และซัพพลำยเชน ปัญหำตำ่ งๆ ที่พบใน กำรดำเนนิ กำรให้คำปรกึ ษำสำมำรถแบ่งออกเป็น 3 หมวดดงั ต่อไปน้ี 1. สถำนประกอบกำรมีกำรบันทึกข้อมูลไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง เน่ืองจำกกำรบันทึกข้อมูลไม่มี ประสิทธิภำพ หรือพนักงำนขำดวินัยในกำรบันทึกข้อมูล ทำให้สถำนประกอบกำรไม่สำมำรถนำข้อมูลมำใช้ ประโยชน์เพ่ือกำรจัดกำรข้อมูล กำรวิเครำะห์ และปญั หำดังกลำ่ วทำให้ไม่สำมำรถกำรตดั สินใจทำงธุรกิจได้อย่ำง รวดเรว็ และถกู ต้อง 2. สถำนประกอบกำรยังขำดกำรฝึกฝนในกำรรวมกลุ่มของพนักงำนหรือบุคลำกรในกำรแก้ปัญหำท่ี ต้องใชท้ ีมงำนและขำดทักษะที่จำเป็นในกำรแก้ไขปญั หำทีแ่ ท้จริง ซึง่ สถำนประกอบกำรประสบอยู่ 3. สถำนประกอบกำรขำดแผนกำรกำหนดนโยบำยด้ำนโลจิสติกส์ และกำรต้ังหน่วยงำนภำยในขึ้นมำ เปน็ เจ้ำภำพเพอ่ื รับผิดชอบด้ำนโลจิสติกส์ ปัญหำที่พบข้ำงต้นเป็นสิ่งท่ีเกิดข้ึนอย่ำงต่อเน่ืองและลดขีดควำมสำมำรถในกำรแข่งขันของสถำน ประกอบกำรลง โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งกรณขี องผปู้ ระกอบกำรขนำดกลำงและขนำดยอ่ ม ท่ตี ้องอำศัยเงินหมุนเวยี น ในกำรทำธรุ กจิ ตัวอย่ำงและวธิ กี ำรแกไ้ ขปัญหำท่ีไดก้ ลำ่ วมำไดถ้ กู รวบรวมและถำ่ ยทอดออกมำเปน็ ลำดบั ข้ันตอน เพ่ือให้สถำนประกอบกำรอื่นท่ีมีควำมสนใจได้นำปรับประยุกต์ใช้กับปัญหำที่เกิดข้ึนกับหน่วยงำนของตน และ เป็นคุณประโยชน์ต่อไม่เฉพำะกับกลุ่มอุตสำหกรรมเคร่ืองใช้ไฟฟ้ำและอิเล็กทรอนิกส์ แต่ยังรวมไปถึงกลุ่ม อุตสำหกรรมอื่นๆ ด้วย หนังสือ Best Practices & Lessons Learned กำรเพ่ิมประสิทธิภำพโลจิสติกส์ภำคอุตสำหกรรม กลุ่มอุตสำหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้ำและอิเล็กทรอนิกส์ อธิบำยระบบโลจิสติกส์และซัพพลำยเชนของกลุ่ม อุตสำหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้ำและอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้ได้เห็นถึงภำพรวมของกลุ่มอุตสำหกรรมน้ี ต้ังแต่ ต้นน้ำ กลำงน้ำ และปลำยน้ำ ซงึ่ เป็นข้ันตอนแรกทส่ี ำคัญในกำรทำควำมเข้ำใจกับสภำพกำรดำเนินกำร ปัญหำของกำร ดำเนินกำร และเครื่องในกำรแก้ไขปัญหำของกลุ่มอุตสำหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้ำและอิเล็กทรอนิกส์ นอกจำกน้ี ยังได้กล่ำวถึงตัวชว้ี ัดควำมสำมำรถและประสิทธภิ ำพของสถำนประกอบกำรเพ่ือเป็นตัวอย่ำงของกำรพฒั นำกำร ทำงำนได้อย่ำงมที ศิ ทำง โดยสรุป หนังสือ Best Practices & Lessons Learned ยังรวบรวมกรณีศึกษำที่มีท้ังหมด 10 กรณีศึกษำ กรณีศึกษำเหล่ำน้ีเป็นกำรสรุปบทเรียนที่ได้รับจำกกลุ่มสถำนประกอบกำรท่ีได้เข้ำร่วมโครงกำรเพิ่ม ประสิทธิภำพฯ ยกตัวอย่ำงเช่น ประเภทของปัญหำ กำรวิเครำะห์ปัญหำ ข้อมูลท่ีจำเป็นในกำรดำเนินโครงกำร ทงั้ กำรวิเครำะห์และกำรวัดผล แนวทำงสำหรับกำรแกไ้ ขปัญหำ และบทเรียนที่ไดร้ ับจำกกำรดำเนินโครงกำรจริง ซึ่งมีประโยชน์ในกำรปรับใช้ให้เป็นต้นแบบในกำรเพ่ิมประสิทธิภำพกำรจัดกำรโลจสิ กติกสแ์ ละซัพพลำยเชน ซ่ึง ประโยชนแ์ ก่สถำนประกอบกำรอ่ืนๆ และผทู้ ่ีสนใจโดยท่ัวไป 2 กรมอุตสำหกรรมพนื้ ฐำนและกำรเหมอื งแร่ กระทรวงอตุ สำหกรรม

บทท่ี 2 ระบบโลจสิ ตกิ ส์และซพั พลายเชนของกล่มุ อุตสาหกรรมเคร่ืองใชไ้ ฟฟา้ และอิเล็กทรอนิกส์ บทที่ 2 ระบบโลจิสตกิ ส์และซัพพลายเชนของกลมุ่ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนิกส์ บทนี้เป็นการอธิบายซัพพลายเชนของกลุ่มอุตสาหกรรมเครอ่ื งใช้ไฟฟา้ และอิเล็กทรอนิกส์ ไลต่ ั้งแต่ ต้น นา้ (Up Stream) กลางน้า (Middle Stream) ไปจนถึงปลายน้า (Down Stream) ซ่งึ แสดงศักยภาพในส่วนของ ภาคการผลิตของประเทศไทย รวมถึง แนวโน้ม วิธีการผลิต ปัญหาและอุปสรรคต่อกระบวนการผลิตของกลุ่ม อุตสาหกรรมน้ี และแนวทางการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะปัญหาทางด้านกระบวนการโลจิสติกส์ย้อนกลับ (Reverse Logistics) ซ่งึ เปน็ หัวขอ้ ใหม่สา้ หรับการแก้ไขปญั หาของกิจกรรมด้านโลจิสตกิ ส์ 2.1 ซพั พลายเชนของกลุ่มอตุ สาหกรรมเครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ และอิเลก็ ทรอนกิ ส์ ภาวะการผลิตของอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทยในไตรมาสท่ีสองของปี พ.ศ. 2557 เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.82 เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี พ.ศ. 2557 เนื่องด้วยความต้องการท่ีมีมากขึ้นของ อปุ กรณ์ส่ือสาร แต่ก็ยังลดลงรอ้ ยละ 5.02 เม่ือเทียบกับปี พ.ศ. 25561 โดยที่ตลาดส่งออกหลักของประเทศไทย ได้แก่ อาเซียน สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ซ่ึงจะเห็นได้ว่าการผลิตหลักของกลุ่มอุตสาหกรรมนี้เป็นไปเพื่อการ ส่งออก และมีการจ้างงานส้าหรับแรงงานเกือบ 6 แสนต้าแหน่ง บริษัทข้ามชาติได้ใช้ประเทศไทยเป็นฐานการ ผลิตช้ินส่วน ส่วนประกอบ ประกอบสินค้า หรือแม้กระทั่งผลิตสินค้าส้าเร็จรูป ภาพรวมซัพพลายเชนของ อตุ สาหกรรมเคร่ืองใช้ไฟฟ้าและอิเลก็ ทรอนิกสส์ ามารถอธิบายไดต้ ามรปู ที่ 2-1 กลุ่มอุตสาหกรรมต้นน้าของกลุ่มเครอื่ งใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (Up Stream) เร่ิมต้นด้วยการ ออกแบบ IC (IC Design) ซ่ึงยังเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ประเทศไทยจ้าเป็นต้องพัฒนาศักยภาพเพื่อให้สามารถ แข่งขันและท้าให้เกิดมูลค่าเพ่ิม กลุ่มอุตสาหกรรมต้นน้าเป็นกระบวนการผลิตท่ีต้องการแรงงานที่มีฝีมือ การศกึ ษา และความร้คู วามช้านาญสงู อกี ทง้ั ยงั ตอ้ งการการลงทนุ ขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม อตุ สาหกรรมกลุม่ ต้น น้าของประเทศไทยยังมีส่วนของซัพพลายเชนท่ีขาดหายไปน้ันคือ ไม่มีการออกแบบและวิจัย และไม่มีการผลิต วงจรรวม (Wafer Fabrication) ซง่ึ ท้าใหอ้ ตุ สาหกรรมในส่วนนยี้ ังเปน็ การรับจ้างผลิต กลุ่มอุตสาหกรรมกลางน้าของกลุ่มเคร่ืองใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (Middle Stream) ประกอบด้วยอุตสาหกรรมท่ีเป็นพวกผลิตช้ินส่วน ส่วนประกอบ ซ่ึงใช้เป็นช้ินส่วนหลักส้าหรับการผลิตใน อุตสาหกรรมปลายน้า (Down Stream) ซ่ึงจะเป็นพวกการผลิตแผงวงจรรวม (Printed Circuit Board, PCB) นอกจากน้ียังมีกลุ่มอุตสาหกรรมกลางน้าอ่ืนๆ อีก เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนหลักเพ่ือใช้ในการผลิต เคร่ืองใช้ไฟฟ้า เช่น ขดลวดทองแดง ท่อทองแดงสา้ หรบั เคร่ืองปรับอากาศ ซึ่งมีการจ้างงานของแรงงานท่ีมีฝีมือ และกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตฮาร์ดดิสก์ ที่ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตหลักของโลกในการผลิตช้ินส่วน 1 หนงั สือพมิ พ์ ทนั หุน้ 2 กนั ยายน 2557 กรมอตุ สาหกรรมพน้ื ฐานและการเหมอื งแร่ 3 กระทรวงอุตสาหกรรม

Best Practices & Lessons Learned การเพ่ิมประสิทธภิ าพโลจสิ ติกส์ภาคอุตสาหกรรม กลมุ่ อุตสาหกรรมเคร่ืองใช้ไฟฟา้ และอิเลก็ ทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ โดยตลาดหลักเป็นตลาดภายนอกประเทศ โดยมีตลาดภายในประเทศเป็นตลาดรอง ดังนั้นการ สร้างมลู ค่าเพ่ิมส้าหรบั การผลิตฮารด์ ดสิ กจ์ ึงเป็นเรือ่ งทป่ี ระเทศไทยต้องใหค้ วามสา้ คญั 4 กรมอุตสาหกรรมพืน้ ฐานและการเหมอื งแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม

บทที่ 2 ระบบโลจ รูปท่ี 2-1 ภาพรวมซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมเคร่ือง

จิสตกิ สแ์ ละซพั พลายเชนของกลุ่มอุตสาหกรรมเครือ่ งใชไ้ ฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนิกส์ งใช้ไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนิกส์ของประเทศไทย กรมอตุ สาหกรรมพน้ื ฐานและการเหมืองแร่ 5 กระทรวงอตุ สาหกรรม

Best Practices & Lessons Learned การเพิม่ ประสิทธภิ าพโลจสิ ติกส์ภาคอตุ สาหกรรม กลมุ่ อตุ สาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ กลุ่มอุตสาหกรรมปลายน้าของกลุ่มเคร่ืองใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (Down Stream) เป็นกลุ่ม อุตสาหกรรมท่ีมีการผลิตสินค้าหลากหลายชนิด เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดผู้บริโภคภายในและ ภายนอกประเทศ สินคา้ สามารถจดั เปน็ หมวดหมู่ออกมาได้ดังต่อไปนี้  อุตสาหกรรมเคร่ืองใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมท่ียังมีการเติบโตเพ่ิมขึ้นตามก้าลังซื้อ ของผู้บริโภค สินค้ามีหลากหลาย ตั้งแต่ ตู้เย็น เคร่ืองปรับอากาศ กล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอล มอเตอรไ์ ฟฟ้า ตคู้ วบคุมไฟฟ้า (Switchboard) ฯลฯ กลุ่มอตุ สาหกรรมน้ียงั สามารถพัฒนาศกั ยภาพใน การผลิตและการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะอย่างย่ิง สถานประกอบ การที่มี ความสามารถต้องเร่งสร้างแบรนด์ของตวั เอง เพื่อสามารถส่งออกสินค้าของตัวเองไปยังประเทศเพ่ือน บ้านที่มีตลาดท่ีพร้อมจะเติบโต ท้ังนี้ อุตสาหกรรมน้ีต้องไม่ตกอยู่ในกบั ดักของการรับจา้ งผลติ รบั จ้าง ประกอบ  อุตสาหกรรมชนิ ส่วนอิเลก็ ทรอนิกส์ เป็นกลมุ่ อตุ สาหกรรมท่ีมีการผลติ ช้นิ สว่ น ส่วนประกอบ อาทิเช่น แผงวงจรไฟฟ้า พัดลม ตัวเก็บประจุ ไดโอด อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในรถยนต์ ที่ตอบสนองความ ต้องการของผู้ขับข่ีทั้งด้านสมรรถนะของรถยนต์ส้าหรับการทรงตัว การเข้าโค้ง การเบรค และ ด้าน ความสุนทรีย์ ตลาดของกลุ่มอุตสาหกรรมน้ีมีการขยายตัวตามตลาดรถยนต์ท้ังภายในและภายนอก ประเทศ เนื่องด้วยประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ที่ส้าคัญในภูมิภาคอาเซียนหรือแม้กระท่ัง เอเชีย ดังนัน้ อตุ สาหกรรมนีม้ ีความเกีย่ วขอ้ งกับอุตสาหกรรมยานยนตอ์ ย่างมาก  อตุ สาหกรรมเครื่องคอมพิวเตอรแ์ ละส่วนประกอบ เน่อื งด้วยประเทศไทยเป็นฐานการผลิตฮาร์ดดสิ ก์ ของโลก ดังนั้นอุตสาหกรรมเคร่ืองคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ ก็มีฐานการผลิตบางส่วนต้ังอยู่ใน ประเทศไทย ท่ีทา้ การผลิตช้นิ สว่ นประกอบและอุปกรณ์ตอ่ พ่วงกับเคร่ืองคอมพิวเตอร์ รวมถึง ชิน้ สว่ น สา้ หรบั อุปกรณส์ ่ือสารและโทรคมนาคม  อุตสาหกรรมอื่นๆ อาทิเช่น ชิ้นส่วนของเครื่องมือทางการแพทย์ เคร่ืองมือทางการเกษตร อย่างไรก็ ตาม สัดส่วนของตลาดในกลุ่มอุตสาหกรรมนี้ยังมีน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรมท่ีได้ กล่าวถงึ มาแล้วขา้ งตน้ นอกเหนือจากที่กล่าวมา ยังมีกลุ่มอุตสาหกรรมสนับสนุนอ่ืนๆ ท่ีท้าการผลิตวัตถุดิบ ช้ินส่วนให้กับกลุ่ม อตุ สาหกรรมเครอื่ งใช้ไฟฟ้าและอิเลก็ ทรอนกิ ส์ใหก้ บั กลมุ่ อตุ สาหกรรมตน้ น้า กลางน้า และปลายนา้ ตวั อยา่ งเช่น อุตสาหกรรมการผลิตสายไฟ ลวดทองแดง และท่อทองแดง อุตสาหกรรมฉีดข้ึนรูปพลาสติกและยาง อุตสาหกรรมเหล่านี้เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่สนับสนุนการผลิตของกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและ อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 6 กรมอุตสาหกรรมพืน้ ฐานและการเหมอื งแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม

บทที่ 2 ระบบโลจสิ ติกส์และซพั พลายเชนของกลมุ่ อุตสาหกรรมเครื่องใชไ้ ฟฟ้าและอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 2.2 รปู แบบการผลติ ของกล่มุ อุตสาหกรรมเคร่ืองใช้ไฟฟา้ และอิเล็กทรอนกิ ส์ รูปแบบการผลิตของอุตสาหกรรมโดยทั่วไปสามารถจ้าแนกออกได้เป็น 3 รูปแบบ กล่าวคือ การผลิตเพ่ือเก็บ เป็นสินค้าคงคลัง (Make-to-Stock) การผลิตตามค้าส่ังซ้ือของลูกค้า (Make-to-Order) และการผลิตแบบผสมผสาน (Hybrid) การผลิตเพ่ือเกบ็ เป็นสินคา้ คงคลัง (Make-to-Stock) ได้รับความนิยมสมัยหลงั สงครามโลกครั้งท่ีสอง โดยอาศัย หลักคิดของการประหยัดเนื่องจากการผลิตขนาดใหญ่ (Economic of Scale) การผลิตตามค้าส่ังซ้ือของลูกค้า (Make- to-Order) เป็นแนวทางการผลิตท่ีถือก้าเนิดข้ึนจากประเทศญ่ีปุ่น โดยหัวหอกหลักคือบริษัทรถยนต์ของญี่ปุ่น การผลิต แบบผสมผสาน (Hybrid) เร่ิมได้รับความนิยมในส่วนหลัง เพราะสามารถจะตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีกว่า การผลิตเพ่ือเก็บเป็นสินค้าคงคลัง (Make-to-Stock) และสามารถส่งสนิ ค้าได้รวดเร็วกว่าการผลติ ตามค้าส่ังซื้อของลกู ค้า (Make-to-Order) ดังนั้น ผู้ผลิตต้องท้าการเลือกรูปแบบการผลิตของตนเอง (หรือปรับเปล่ียน) ให้เหมาะสมกับลูกค้า สถานการณ์ของตลาด และคู่แข่ง อีกท้ังยังต้องค้านึงถึงลักษณะของสินค้า เทคโนโลยีในการผลิตที่อาจจะมีการ เปลี่ยนแปลง รวมถึง โครงสร้างทั้งทางด้านต้นทุน และลักษณะทางกายภาพของการกระจายสินค้า รูปแบบในการผลิต สนิ ค้าแสดงไวใ้ นรปู ที่ 2-2 และรายละเอยี ดของรูปแบบการผลิตทัง้ 3 แบบ เปน็ ดงั นี้ รูปที่ 2-2 รปู แบบในการผลติ สินคา้ การผลิตเพื่อเก็บเป็นสินค้าคงคลัง (Make-to-Stock) เป็นแนวคิดในการผลิตสินค้าโดยอาศัยหลักการ พยากรณ์ความต้องการในการก้าหนดปริมาณการผลติ สินค้า ซ่ึงสนิ ค้าส่วนใหญ่จะเป็นสินค้ามาตรฐาน ที่ผผู้ ลิตได้กา้ หนด คณุ สมบัติเอาไว้ล่วงหนา้ ก่อนการผลิต การปรับเปลี่ยนรปู ลักษณ์ของสินค้าในการผลิตประเภทน้ีมีนอ้ ยมาก วธิ ีการผลิตน้ี ได้รับความนิยมเพราะสามารถอาศัยประโยชน์จากการประหยัดเนื่องจากการผลิตจ้านวนมาก ผู้ผลิตสามารถต่อรองกับ ผู้ขายวัตถุดิบส้าหรับการส่ังซ้ือปริมาณมาก และสามารถใช้งานเครื่องจักร คน และทรัพยากรอ่ืนๆ ในการผลิตสินค้า วิธีการน้ีท้าให้ตน้ ทุนรวมต่อหนง่ึ หน่วยมมี ูลค่าลดลงอย่างมาก อย่างไรก็ตาม วิธีการผลิตรปู แบบนี้เหมาะกับสินคา้ ท่ีความ ต้องการสินค้ามีความผันผวนน้อยและทราบความต้องการสินค้าท่ีค่อนข้างแน่นอน ดังนั้น เมื่อความผันผวนของความ ต้องการสินค้ามีมาก และลูกค้าต้องการความหลากหลายของสินค้า การผลิตแบบน้ีไม่สามารถตอบโจทย์ของลูกค้าท่ี เปล่ียนไปได้ เป็นผลท้าให้การผลิตตามค้าสั่งซื้อของลูกค้า (Make-to-Order) จึงได้รับความสนใจจากผู้ผลิตสินค้าท่ี ต้องการตอบสนองความตอ้ งการท่ีหลากหลายของลกู ค้า การผลิตตามค้าสั่งซ้ือของลูกค้า (Make-to-Order) เป็นแนวคิดในการผลิตสินค้าท่มี ีจุดเริ่มต้นในประเทศญี่ปุ่น ในยุคทศวรรษที่ ค.ศ. 1960 เนื่องด้วย บริษัทญ่ีปุ่นไม่มีเงินลงทุนในการซ้ือสินค้าคงคลังได้เหมือนอย่างบริษัทในประเทศ ตะวันตก โดยเฉพาะอย่างย่ิงประเทศสหรัฐอเมริกา ดงั นั้น แนวคิดของการผลิตตามค้าสั่งซ้ือของลูกค้า (Make-to-Order) กรมอตุ สาหกรรมพน้ื ฐานและการเหมอื งแร่ 7 กระทรวงอตุ สาหกรรม

Best Practices & Lessons Learned การเพิ่มประสิทธภิ าพโลจสิ ติกส์ภาคอุตสาหกรรม กลุ่มอตุ สาหกรรมเครือ่ งใช้ไฟฟา้ และอิเลก็ ทรอนิกส์ จึงท้าการผลิตก็เมื่อได้รับค้าสั่งซื้อแล้วเท่าน้ัน วิธีการผลิตนี้ใช้ได้เป็นอย่างดีกับสินค้าที่ต้องการการออกแบบเฉพาะ หรือ กึ่งเฉพาะ ดังน้ันจึงไม่มีความจ้าเป็นท่ีจะต้องผลิตเพ่ือเก็บเป็นสินค้าคลัง อีกท้ังยังสามารถผลิตสินค้าได้ตรงกับความ ต้องการของลูกค้า หรือรับการเปลี่ยนแปลงได้ดีกว่าวิธีการผลิตเพ่ือเก็บเป็นสินค้าคงคลัง และเนื่องด้วยบริษัทญี่ปุ่นสมัย นั้นมีเงินลงทุนไม่มาก ท้าให้แนวคิดในการปรับปรุงคุณภาพการท้างาน คุณภาพสินค้า และการลด (หรือก้าจัด) ปริมาณ สินค้าคงคลังจึงเกิดข้ึน หรือท่ีเรียกว่าแนวคิดแบบลีน (Lean) และการลดของเสีย (กิจกรรมท่ีไม่ก่อให้เกิดมูลค่าจาก มุมมองของลูกค้า) ซ่ึงแนวคิดเป็นส่ิงที่ช่วยปรับปรุงการท้างานและเพ่ือประสิทธิภาพในการผลิต อีกทั้งยังเชื่อมโยงไป ยังซัพพลายเยอร์ของบริษัทฯ ได้อีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นเรื่องคุณภาพของวัตถุดิบ หรือช้ินส่วน บริษัท โตโยต้าก็เปรียบเสมือนหัวเรือใหญ่ส้าหรับแนวคิดในการผลิตแบบน้ี อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการของประเทศตะวันตก เริ่มหันมาให้ความสนใจในความส้าเรจ็ ในการผลิตแบบน้ี แต่ก็ตระหนักวา่ วิธีการผลติ ตามค้าสัง่ ซ้ือของลูกค้า (Make-to- Order) ไม่สามารถน้ามาปรับใชก้ ับบริษทั ฯของประเทศตะวันตกได้ทงั้ หมด เนอื่ งดว้ ยวฒั นธรรมการท้างานและสภาพทาง กายภาพของประเทศญ่ีปนุ่ กับประเทศตะวันตกหลายประเทศ ตวั อยา่ งเช่น ประเทศสหรัฐอเมรกิ ามคี วามแตกต่างกนั มาก อีกทั้ง เม่ือมีค้าส่ังซ้ือจ้านวนมาก วิธีการผลิตตามค้าสั่งซื้อของลูกค้า (Make-to-Order) ก็ไม่สามารถตอบสนองความ ตอ้ งการของลกู คา้ ได้ทนั ทว่ งที แนวความคิดแบบผสมผสานจึงเกิดขึ้น การผลติ แบบผสมผสาน (Hybrid) เป็นแนวคิดในการผลิตที่ดึงจุดดีของทั้งสองระบบข้างต้นมารวมกัน กล่าวคือ มีลักษณะการออกแบบสินค้าให้มีลกั ษณะเป็นส่วนๆ (Modular Design) และท้าการเปล่ยี นให้เป็นสินค้าส้าเร็จเม่ือได้รับ ค้าสั่งซ้ือจากลูกค้าท่ีมีความชัดเจนในด้านของคุณลักษณะของสินค้า (Specification) ตัวอย่างท่ีนิยมเอาไว้ใช้อธิบาย วิธีการผลิตแบบผสมผสานก็คือการท้าพิซซ่า พิซซ่าแต่ละชนิด (โดยหลักการแล้ว) มีความแตกต่างกันที่หน้าของพิซซ่า ดังน้ัน การผลิตแป้งพิซซ่าจึงสามารถผลิตเก็บไว้เป็นสินค้าคงคลังได้ก่อน และหลังจากเม่ือทราบความต้องการของหน้า พิซซ่าในแต่ละค้าสัง่ ซ้ือ พนักงานกส็ ามารถแตง่ หนา้ พิซซา่ ให้ตรงกบั ความต้องการของลูกค้าได้ ขัน้ ตอนการผลิตแป้งพซิ ซ่า จึงเปรียบเสมือนการผลิตเพื่อเก็บเป็นสินค้าคงคลัง (Make-to-Stock) และข้ันตอนการแต่งหน้าพิซซ่าก็เปรียบเสมือน วธิ กี ารผลติ ตามคา้ สงั่ ซ้อื ของลกู คา้ (Make-to-Order) นอ ก จ าก นี้ ก ารผลิตแ บ บ ก ารเลื่อ น ความแ ตก ต่างห รือ เรีย ก ว่า “Postponement ห รือ Delay Differentiation” ก็เป็นวิธีการผลิตท่ีใกล้เคียงกับวิธีการผลิตแบบผสมผสาน วิธีการผลิตแบบการเลื่อนความแตกต่างคือ การท่ีเก็บสินค้าเป็นส่วนประกอบย่อย และจะถูกน้ามาประกอบรวมกันให้เป็นสินค้าส้าเร็จเมื่อทราบความต้องการท่ี แน่นอนของลูกค้าแล้ว วิธีการนี้ชว่ ยให้ผู้ผลิตลดความเสี่ยงในการเกบ็ สินคา้ คงคลังเป็นสินค้าส้าเร็จ โดยเลีย่ งไปเก็บสินค้า คงคลงั ในรปู แบบของส่วนประกอบยอ่ ยแทน วิธกี ารนถ้ี ูกนา้ ไปปรับใช้อย่างแพร่หลายในสนิ ค้าคอมพิวเตอร์และมือถอื รูปแบบในการผลติ ที่กล่าวมาท้ังหมดเป็นแนวทางเพื่อให้ผู้ผลิตสินค้าได้เลอื กแนวทางของการผลิตให้เหมาะสม กับลกั ษณะของสินค้าและความต้องการของลูกค้า รวมถึงการเปลย่ี นแปลงเทคโนโลยที ่ีอาจจะเกิดข้ึนกับสินค้าของผู้ผลิต นนั้ ๆ ได้อยา่ งเหมาะสม อน่ึง ถึงแม้กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใชไ้ ฟฟา้ และอิเล็กทรอนิกส์จะใช้แนวทางการผลิตแบบวิธีการ ผลิตตามค้าสั่งซื้อของลูกค้า (Make-to-Order) เป็นส่วนใหญ่ เนื่องด้วยคุณลักษณะของสินค้าและความต้องการของ ลูกค้าที่มีความผันผวน แต่ก็ยังมีผู้ผลิตบางส่วนที่เลือกใช้วิธีการผลิตเพื่อเก็บเป็นสินค้าคงคลัง (Make-to-Stock) โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ผลิตสินค้าประเภทฮาร์ดแวร์ อาทิเช่น สายไฟ ท่อทองแดง ตัวจับยึดสายไฟฟ้าหรือสายโทรศัพท์ ซ่ึง สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้านปริมาณสินค้าได้เป็นอย่างดี รูปที่ 2-3 แสดงภาพรวมกระบวนการผลิต ของกรณศี กึ ษาในบทท่ี 3 8 กรมอตุ สาหกรรมพืน้ ฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม

บทที่ 2 ระบบโลจิสตกิ ส์และซพั พลายเชนของกล่มุ อุตสาหกรรมเครือ่ งใชไ้ ฟฟ้าและอเิ ล็กทรอนิกส์ รูปแบบกระบวนการผลิต Make-to-Order Make-to-Stock Hybrid กลุ่มอุตสาหกรรม กลางน้า กรณศี กึ ษาท่ี 3 กรณศี กึ ษาท่ี 5 Middle Stream กรณศี กึ ษาท่ี 1 กรณศี ึกษาท่ี 10 กรณศี ึกษาท่ี 2 กลุ่มอุตสาหกรรมปลายน้า กรณศี ึกษาท่ี 4 Down Stream กรณศี กึ ษาที่ 6 กรณศี ึกษาท่ี 7 กรณศี ึกษาที่ 10 รปู ที่ 2-3 ภาพรวมกระบวนการผลติ ของกรณศี กึ ษา 2.3 ปัญหาและอปุ สรรคต่อความส้าเรจ็ ของกลุ่มอตุ สาหกรรมเคร่อื งใช้ไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนิกส์ การขาดหว่ งโซส่ า้ คญั ในซพั พลายเชนของกลุม่ อุตสาหกรรมเคร่อื งใช้ไฟฟ้าและอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ อาทิเช่น การขาดการออกแบบ IC (IC Design) การขาดการพัฒนาและวิจยั ในอตุ สาหกรรมต้นน้า ถอื เปน็ เร่ืองใหญ่ เนือ่ ง ด้วยท้าให้อุตสาหกรรมในหมวดนี้ขาดการเรียนรู้ในการออกแบบและวิจัยแผงวงจรรวม (Wafer Fabrication) ผลลัพธ์คืออุตสาหกรรมการผลิตเครือ่ งใชไ้ ฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทยเป็นลักษณะการรบั จ้างผลิต และประกอบชิ้นส่วน ซ่ึงต้องมีตน้ ทุนการผลิตท่ีต่้าเพ่อื ท่ีจะให้มีขีดความสามารถในการแข่งขัน ส่งผลให้ต้องจ้าง แรงงานที่มีค่าจ้างต้่า ซึ่งทั้งหมดที่ได้กล่าวมาเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างของระบบซัพพลายเชนของกลุ่ม อตุ สาหกรรมนี้ การแกไ้ ขปญั หาดงั กลา่ วอยู่นอกเหนอื ขอบเขตของหนงั สือเล่มนี้ อย่างไรก็ตาม ปัญหาท่ีทีมท่ีปรึกษาประสบระหว่างการให้ค้าปรึกษาสถานประกอบการในการเพ่ิม ประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ฯ หนังสือ Best Practices & Lesson Learned เล่มน้ีอธิบายถึงโดยละเอียด รวมถึงวิธีการในการวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาที่แท้จริง การด้าเนินการปรับปรุงเพ่ือแก้ไขปัญหา ข้อมูลที่ จ้าเป็นต้องใช้ในการวิเคราะห์และแก้ไขปัญหา ดังนั้น หนังสือเล่มน้ีสามารถเป็นต้นแบบส้าหรับตัวแทนสถาน ประกอบการอ่ืนๆ หรือผู้สนใจทั่วไป ได้น้าวิธีการที่กล่าวมาข้างต้นไปปรับใช้เพื่อพัฒนาขีดความสามารถของ องค์กรในการแก้ไขปญั หาที่เหมอื นกันหรือใกล้เคียงกนั โดยกรณีตัวอย่างของการแก้ไขปัญหาถูกอธิบายไว้ในบท ที่ 3 นอกเหนือจากนี้ หนังสือเล่มน้ียังได้เพ่ิมเติมประเด็นปัญหาด้านกิจกรรมโลจิสติกส์ย้อนกลับ (Reverse Logistics) ทีก่ ้าลังไดร้ ับความสนใจในหม่ผู ปู้ ระกอบการในกลมุ่ อตุ สาหกรรมเครือ่ งใช้ไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนกิ ส์ หนงั สือ Best Practices & Lesson Learned การเพ่ิมประสิทธิภาพโลจสิ ติกสภ์ าคอตุ สาหกรรม กลุ่ม เคร่อื งใชไ้ ฟฟ้าและอิเล็กทรอนกิ ส์ น้าเสนอปัญหาของกจิ กรรมโลจิสตกิ ส์ทพี่ บแบง่ ออกเปน็ 6 ปญั หา ได้แก่ กรมอตุ สาหกรรมพน้ื ฐานและการเหมืองแร่ 9 กระทรวงอุตสาหกรรม

Best Practices & Lessons Learned การเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพโลจิสติกส์ภาคอุตสาหกรรม กลมุ่ อุตสาหกรรมเครอ่ื งใช้ไฟฟา้ และอิเลก็ ทรอนกิ ส์ 1. ปัญหาดา้ นการจดั การสนิ ค้าคงคลัง (Inventory Management) 2. ปัญหาดา้ นการจดั การคลังสินค้า (Warehouse Management) 3. ปญั หาของการขนสง่ (Transportation Problem) 4. ปัญหาด้านกิจกรรมโลจสิ ตกิ สย์ อ้ นกลับ (Reverse Logistics) 5. ปญั หาของสมดุลการผลิต (Line Balancing) 6. ปัญหาการพยากรณ์ความตอ้ งการสนิ คา้ (Demand Forecasting) ปัญ หาด้านการจัดการสินค้าคงคลัง (Inventory Management) เป็นปัญ หาส้าคัญหลัก นอกเหนือจากปัญหาการขนส่ง สา้ หรบั ปัญหาทางด้านโลจิสตกิ ส์ สา้ นักโลจิสตกิ ส์ กรมอุตสาหกรรมพ้ืนฐานและ การเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม ได้เน้นความส้าคัญในการแก้ปัญหานี้ โดยการก้าหนดให้เป็นหัวข้อหลักที่ สถานประกอบการต้องด้าเนินการแก้ไข สินค้าในสถานประกอบการมีอยู่ในหลายลักษณะทั้ง วัตถุดิบ ช้ินส่วน ส่วนประกอบ และสินค้าส้าเร็จรูป การลดระดับการถือครองสินค้าคงคลังเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระทางด้าน การเงินของสถานประกอบการและลดปญั หาดา้ นการประกอบการลงด้วย ปัญหาด้านการจัดการคลังสินค้า (Warehouse Management) การจัดการคลังสินค้าถือเป็น กิจกรรมหลักของสถานประกอบการเน่ืองด้วยคลังสินค้าเป็นท่ีเก็บสินทรัพย์ที่ส้าคัญของสถานประกอบการ นอกเหนือไปจาก งานระหว่างรอท้า ที่กองรอการผลิตหรือประกอบและเคร่ืองจักรท่ีใช้ในการผลิต การจัดการ คลังท่ีดีต้องเร่ิมต้นมาจากการวางแผนการจัดเก็บโดยเฉพาะการก้าหนดต้าแหน่ง การก้าหนดพ้ืนท่ี และการ ก้าหนดรหัสของต้าแหนง่ การจัดเกบ็ อีกทัง้ ถ้าจ้านวนสินค้าท่ีจัดเก็บมปี ริมาณมาก การใช้ระบบสารสนเทศก็เป็น สิ่งจ้าเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการจัดเตรียมให้เหมาะสมกับขนาดของคลังสินค้าท้ังปัจจุบันและอนาคต ปัญหาที่ เกิดขึ้น (เกือบทุกสถานประกอบการ) ในการดูแลรักษาคลังสินค้าสามารถจ้าแนกออกเป็น 2 ลักษณะกล่าวคือ ปัญหาของความถูกต้องของข้อมูลในคลังสินค้าจริงกับข้อมูลสารสนเทศที่มีอยู่ และปัญหาของการจดั เก็บสินค้า และการคน้ หาสินค้า กรณีตวั อย่างไดแ้ สดงวธิ กี ารหาสาเหตขุ องปัญหาและแนวทางการแก้ไขในบทท่ี 3 ปั ญ ห าข อ งก ารข น ส่ ง (Transportation Problem) กิจกรรม การขน ส่งสิน ค้า ชิ้นส่ วน ส่วนประกอบ เป็นกิจกรรมหลักในระบบโลจิสตกิ ส์ ปัญหาหลักของการขนสง่ ได้แก่ ต้นทนุ ของการขนส่งมีมูลค่า สงู การจดั ส่งใหล้ ูกคา้ ไม่ทันเวลาทก่ี า้ หนด และการบริหารจัดการผใู้ ห้บริการโลจสิ ติกสด์ า้ นการขนส่ง การบรหิ าร การขนส่งที่ดีท้าให้สถานประกอบการสามารถลดต้นทุนการด้าเนินการลงเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นแล้ว การ แก้ปัญหาการขนสง่ ยงั สามารถช่วยลดภาระอน่ื ๆของสถานประกอบการได้ เช่น ลดระยะเวลาในการรอส่งสนิ ค้า เพ่ิมความน่าเชื่อถือให้กับสถานประกอบการ ลดค่าใช้จ่ายในการขนส่ง หรือลดความผิดพลาดที่เกิดข้ึนใน การขนสง่ ส้าหรับกรณีศึกษาท่ียกขึ้นมาเป็นตัวอยา่ งในหนงั สือเลม่ น้ีเป็นตัวอย่างการคัดเลือกผสู้ ่งมอบ เน่ืองดว้ ย สถานประกอบการว่าจา้ งผใู้ หบ้ รกิ ารโลจสิ ติกสเ์ ข้ามาดแู ลเรือ่ งการขนส่ง ปัญหาของกิจกรรมโลจิสติกส์ย้อนกลับ (Reverse Logistics) กิจกรรมโลจิสติกส์ย้อนกลับเป็น กิจกรรมท่ีได้รับความสนใจมากขึ้นในช่วงระยะเวลาท่ีผ่านมา เน่ืองด้วยสาธารณะชนได้ให้ความสนใจเรื่อง 10 กรมอุตสาหกรรมพน้ื ฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม

บทที่ 2 ระบบโลจิสตกิ ส์และซัพพลายเชนของกลุม่ อุตสาหกรรมเครอื่ งใชไ้ ฟฟ้าและอเิ ล็กทรอนิกส์ สภาพแวดลอ้ มและคุณภาพของสนิ คา้ ในบางครง้ั กิจกรรมโลจิสติกสย์ อ้ นกลบั ถอื ว่าเป็นกญุ แจส้าคัญในการสร้าง จดุ เดน่ หรอื ความได้เปรียบใหก้ บั สถานประกอบการ อย่างไรกต็ าม การจัดการระบบโลจิสติกสย์ อ้ นกลับกส็ ามารถ สร้างปัญหาใหก้ ับสถานประกอบการได้ ถ้าไม่นับปัญหาด้านคา่ ใช้จ่ายท่ีเกดิ กับลกู ค้าทีส่ ง่ สินค้าเขา้ มาซ่อมแซม ก็ เป็นเร่อื งของการดงึ ทรพั ยากรของสถานประกอบการเขา้ มาจดั การโลจิสตกิ ส์ยอ้ นกลบั ทรัพยากรเหล่านีไ้ ดแ้ ก่ ก) พนักงานที่มฝี ีมือ พนักงานเหล่าน้ีส่วนใหญ่เป็นผู้มีความช้านาญสูงกว่าพนักงานอ่ืนๆ โดยส่วนใหญ่ เป็นหวั หน้างาน การดงึ พนักงานเหล่านไี้ ปสู่กจิ กรรมโลจิสติกส์ยอ้ นกลบั อาจจะทา้ ให้ (บางครงั้ ) สายการผลิตตอ้ ง หยุดชะงกั ข) อะไหล่ท่จี ้าเป็นท่ีตอ้ งใช้ในการซ่อม โดยส่วนใหญ่ สถานประกอบการยากท่ีจะคาดเดาปริมาณและ ชนิดของอะไหล่ท่จี ้าเป็นต้องใชใ้ นการซ่อม และหลายคร้งั การแกป้ ัญหาจะเป็นการใช้อะไหล่ที่ต้องใชใ้ นการผลิต เพื่อให้การซ่อมสามารถลุล่วงไปได้ กรณีศึกษาที่หนังสือเล่มน้ียกมาเป็นเรื่องของการซ่อมหม้อแปลงไฟฟ้า โดย เปา้ หมายเป็นเร่ืองของการลดระยะเวลาซ่อมแซม ปัญหาของการจัดสมดุลการผลิต (Line Balancing) การจัดสมดุลการผลิตมีความส้าคญั อยา่ งมาก ส้าหรบั สถานประกอบการทีม่ ีสถานีประกอบสินค้า เน่อื งด้วยความไม่สมดุลการผลิต ท้าให้เกิดการว่างงาน หรือ รอคอยงาน การใช้แรงงานไม่มีประสิทธิภาพ วิธีท่ีมีประสิทธิภาพคือการปรับเวลาให้แต่ละสถานีงานมีเวลาที่ใช้ ในแต่ละสถานีเท่ากัน การวิเคราะห์ด้วยวิธี ECRS (Eliminate, Combine, Reduce, and Simplify) ถูกน้ามา ปรับใชอ้ ย่างแพรห่ ลายเพ่อื แกป้ ัญหาการจัดสมดลุ การผลิต (Line Balancing) ปญั หาการพยากรณ์ความต้องการสินค้า (Demand Forecasting) สถานประกอบการจ้าเป็นต้อง ทราบความต้องการของลูกค้าเพอ่ื ทา้ การกา้ หนดปริมาณการผลิต จ้านวนคนงาน ระยะเวลาการทา้ งานล่วงเวลา เพื่อใหส้ ามารถตอบสนองความต้องการของลกู ค้าไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ปญั หานีส้ ่วนใหญ่จะ ถูกมองข้ามไป เน่ืองด้วยความไม่แน่นอนของลูกค้าและพนักงานขายไม่สามารถแจ้งข้อมูลท่ีใกล้เคียงกับความ ต้องการจริงได้ อย่างไรก็ตาม ปัญหาน้ีหลายคร้ังสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการเก็บข้อมูลทางสถิติเพ่ือน้าไป วิเคราะห์ และปรับปรุงวิธีการพยากรณ์ความตอ้ งการสินค้า กรณตี ัวอย่างในบทที่ 3 ได้กล่าวถงึ วิธีการหาสาเหตุ ของปญั หาและแนวทางการแก้ไขปญั หา 2.4 การแกป้ ัญหาระบบโลจสิ ติกสข์ องกลุ่มอุตสาหกรรมเครอ่ื งใช้ไฟฟา้ และอเิ ลก็ ทรอนิกส์ สิ่งที่ส้าคัญในการแก้ปัญหาคือการวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริง (Root Cause) ของปัญหาน้ันๆ ซ่ึงวิธีท่ี แพร่หลายกค็ อื วธิ ีหาสาเหตแุ ละผล (Cause and Effect Diagram) หรือเรียกอกี อย่างวา่ ผังก้างปลา (Fishbone Diagram) ซ่งึ มีการแบง่ สาเหตุของปญั หาหลกั เปน็ 5 สาเหตุ ได้แก่ 1. พนกั งาน หรือบุคลากร (Man) 2. เครอื่ งจกั ร หรือเครือ่ งมือ (Machine) 3. วตั ถุดิบ อะไหล่ หรือช้ินส่วน (Material) 4. กระบวนการทา้ งานหรือวธิ ีการทา้ งาน (Method) กรมอุตสาหกรรมพนื้ ฐานและการเหมอื งแร่ 11 กระทรวงอุตสาหกรรม

Best Practices & Lessons Learned การเพม่ิ ประสิทธภิ าพโลจิสติกส์ภาคอุตสาหกรรม กล่มุ อตุ สาหกรรมเครื่องใชไ้ ฟฟา้ และอิเลก็ ทรอนิกส์ 5. สถานท่ีท้างาน หรือสภาพแวดลอ้ ม (Environment) นอกเหนอื จากวิธีหาสาเหตแุ ละผลแล้ว ยังมีวิธีแบบ Why-Why เพื่อใช้ในการหาสาเหตุของปัญหา โดยมหี ลักคิด ที่ว่า ถ้าถามว่า “ท้าไม” ไม่เกิน 5 คร้ัง ก็จะรู้ปัญหาท่ีเกิดข้ึน อย่างไรก็ตาม วิธกี ารน้ีต้องอาศัยประสบการณ์ใน การต้ังค้าถาม ถ้าปัญหายังเกิดขึ้นซ้า ก็แปลว่าการวิเคราะห์ปัญหายังไม่รอบด้านหรือตรงประเด็นปัญหา ส่วน การใช้วิธีแบบใบตรวจสอบ (Check Sheet) ก็เป็นวิธีการป้องกันปัญหาเบ้ืองต้น ท่ีท้าให้ผู้ปฏิบัติงานได้เห็น รายละเอยี ดและตรวจสอบขัน้ ตอนตา่ งๆ ในการทา้ งานใหค้ รบถว้ นตามกระบวนการท้างานทีว่ างไว้หรือไม่ เม่ือทราบถึงสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาแล้ว ส่ิงต่อไปที่ขาดไม่ได้คือ ข้อมูลท่ีจ้าเป็นต้องใช้ในการ วิเคราะห์ การเก็บข้อมูลทางด้านกิจกรรมโลจิสติกส์เป็นสิ่งส้าคัญในการจัดการและวิเคราะห์ปัญหา ดังนั้นวินัย ของพนักงานจงึ เปน็ สง่ิ ที่ตอ้ งเน้นย้าเสมอ เพื่อให้สถานประกอบการไดม้ ขี ้อมลู เพอื่ ใช้ในการตรวจสอบ เฝ้าดู และ วิเคราะห์หาวิธีการแก้ไขปัญหา ขนั้ ตอนสา้ หรับการแก้ไขปัญหาในแต่ละปัญหาทก่ี ล่าวมาข้างตน้ สามารถสรุปได้ พอสังเขป ดังนี้  ปัญหาด้านการจัดการสินค้าคงคลัง (Inventory Management) แนวทางการแก้ไขส่วนใหญ่คือการ จัดล้าดับความส้าคัญในการจัดการสินค้าคงคลัง วิธีการหลักคือการใช้การแบ่งกลุ่มสินค้า ตามมูลค่า สินค้ารวมต่อปีในแต่ละรายการ ความส้าคัญของสินค้านั้นๆต่อการผลิต ระยะเวลาในการส่งมอบของ ซัพพลายเยอร์ กรณศี ึกษาในหนังสือน้ีเปน็ การลดสนิ คา้ คงคลงั ในส่วนของงานระหว่างรอท้า (Work in Process)  ปัญหาด้านการจัดการคลังสินค้า (Warehouse Management) ส่วนใหญ่การแก้ปัญหาเร่ิมต้นด้วย การวางแผนปริมาณสินค้า ชนิดและขนาดที่ท้าการจัดเก็บในคลังสินค้า ปริมาณการไหลเข้าออกของ สินคา้ ประเภทต่างๆ เป้าหมายของการแก้ปัญหาสว่ นใหญ่ เปน็ การลดระยะเวลาในการค้นหาสนิ ค้า ลด ระยะทางในการเดินหยิบสินค้า และการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการเก็บสินค้า วิธีการ แบ่งกลุ่มสินค้า ไม่ว่าจะแบ่งตามลักษณะของสินค้า แบ่งตามซัพพลายเยอร์ แบ่งตามการเคล่ือนไหว ของสินค้า หรืออ่ืนๆ เป็นวิธีเบ้ืองต้นในการจัดระเบียบของคลังสินค้า สิ่งส้าคัญส้าหรับคลังสินค้าคือ ความถูกต้องของข้อมูลปริมาณและชนดิ ของสนิ ค้าที่เกบ็ ไวใ้ นคลังสินคา้ การกา้ หนดจ้านวนคนเข้าออก คลงั หรอื การกา้ หนดสิทธิผู้ที่จะเข้าคลงั สินค้าจึงเป็นเร่ืองสา้ คัญยง่ิ นอกเหนือจากน้นั แล้ว การควบคุม ดว้ ยสายตา (Visual Control) กเ็ ป็นหลกั ปฏบิ ตั ิทีจ่ ะช่วยใหส้ ามารถพบเหน็ สงิ่ ผิดปกตไิ ด้รวดเรว็ ขึ้น ถา้ ปรมิ าณชนิดของสนิ ค้ามจี ้านวนเพ่ิมมากข้นึ การจดบันทึก ควรจะมีระบบสารสนเทศเข้ามาช่วย อีกท้ัง ระบบสารสนเทศนั้นๆ ควรจะมีความสามารถในการจัดการข้อมูล หรือวิเคราะห์ข้อมูลได้ รวมถึง สินค้าอาจต้องท้าการติดรหัสแท่ง (Barcode) เพ่ือให้การตรวจนับสะดวกรวดเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม การลงทุนส้าหรบั สารสนเทศทม่ี รี าคาต้องพิจารณาใหร้ อบด้านเพ่ือใหก้ ารลงทุนคุ้มคา่  ปัญหาของการขนส่ง (Transportation Problem) แนวทางการแก้ไขปัญหาปรับเปลี่ยนไปตาม สถานการณ์ซ่ึงข้ึนอยู่กับปัญหาท่ีสถานประกอบการประสบอยู่ ไล่ตั้งแต่ การคัดเลือกผู้ให้บริการ 12 กรมอุตสาหกรรมพ้ืนฐานและการเหมอื งแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม

บทที่ 2 ระบบโลจิสตกิ สแ์ ละซพั พลายเชนของกลมุ่ อตุ สาหกรรมเครื่องใชไ้ ฟฟา้ และอิเล็กทรอนกิ ส์ โลจิสติกส์ในกรณีสถานประกอบการนั้นๆ ไม่ได้เป็นผู้จัดส่งสินค้าเอง การก้าหนดเส้นทางการขนส่ง เพื่อให้สามารถประหยัดคา่ ใช้จ่าย หรือเพื่อใหเ้ กิดความรวดเร็วในการขนส่ง กรณีศึกษายกตัวอย่างท้ัง การแก้ปญั หาการคัดเลือกผู้ให้บริการโลจิสติกสด์ ้านการขนส่ง และการแก้ปัญหาความล่าชา้ ในการส่ง มอบ  ปัญหาของกิจกรรมโลจิสติกส์ย้อนกลับ (Reverse Logistics) ก้าลังเป็นท้ังปัญหาและโอกาสส้าหรับ กลุ่มอุตสาหกรรมเคร่ืองใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เป้าหมายของการแก้ไขปัญหานี้ข้ึนอยู่กับ วตั ถุประสงคข์ องสถานประกอบการ กรณศี กึ ษาทย่ี กขน้ึ มาเป็นการแกป้ ญั หาของการลดระยะเวลาการ ซอ่ มแซมสินค้า ทเ่ี กิดจากกระบวนการที่ไม่ก่อให้เกิดมูลค่าเพ่มิ จากมุมมองของลูกค้า วธิ ีการแกป้ ัญหา เป็นการลดขั้นตอนทไ่ี ม่ก่อใหเ้ กิดมูลค่าเพ่มิ  ปัญหาของการจัดสมดุลการผลิต (Line Balancing) แนวทางการแก้ไขปัญหานี้ได้รับความสนใจจาก นักวิชาการในวงกว้าง การแก้ไขปัญหาการจัดสมดุลการผลิตส่วนใหญ่เป็นการปรับสถานีงานให้มี ระยะเวลาการท้างานให้ใกล้เคียงกันมากท่สี ุด โดยใช้หลักการ ECRS หรือวิธกี ารจัดการอื่นๆ แต่หวั ใจ หลกั การของการแก้ปัญหาคือการจบั เวลามาตรฐาน (Standard Time)  ปัญหาการพยากรณ์ความต้องการสินค้า (Demand Forecasting) เป็นปัญหาของสถานประกอบการ ส่วนใหญ่ แนวทางการแก้ไขปัญหามีทั้งวิธีวเิ คราะห์เชงิ คุณภาพ (ใชป้ ระสบการณ)์ และเชิงปรมิ าณ (ใช้ ข้อมูลทางสถิติ) โดยท่ีการเลือกแบบจา้ ลองทางคณิตศาสตร์ที่เหมาะสมกับชุดข้อมูลช่วยให้การท้าการ พยากรณ์มีความแม่นย้ามากข้ึน โปรแกรมกระดาษค้านวณ (Excel) เป็นหน่ึงในโปรแกรมท่ีนิยมใช้ใน การวิเคราะห์ นอกจากนี้ การแก้ปัญหาการพยากรณ์อาจช่วยแก้ปัญหาอื่นๆ ด้วย อาทิเช่น การ แก้ปัญหาสินคา้ คลงั กรณีศึกษาส้าหรับหนังสือ Best Practice & Lesson Learned การเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์ ภาคอตุ สาหกรรม กลุ่มอุตสาหกรรมเคร่อื งใชไ้ ฟฟ้าและอเิ ลก็ ทรอนิกส์ เล่มน้ีมกี รณีศึกษาท้ังหมด 10 กรณีศึกษา ซ่ึงมีปัญหาด้านโลจิสติกส์ของกรณีศึกษาเป็นไปตามรูปท่ี 2-3 กรณีศึกษาท่ี 1 เป็นการจัดการสินค้าคงคลัง กรณีศกึ ษาที่ 2 และ 3 เป็นตัวอยา่ งการแก้ปัญหาด้านการจัดการคลงั สนิ ค้า กรณีศึกษาที่ 4 และ 5 เป็นตัวอยา่ ง การแก้ปัญหาด้านการขนส่ง กรณีศึกษาท่ี 6 และ 7 เป็นตัวอย่างการแก้ปัญหาด้านโลจิสติกส์ย้อนกลับ กรณีศกึ ษาท่ี 8 เป็นการแก้ปญั หาการจัดสมดลุ การผลิต และ กรณีศึกษาท่ี 9 และ 10 (รวมกรณีศึกษาที่ 7) เป็น ตวั อย่างการแก้ปัญหาเร่ืองการพยากรณ์ รปู ที่ 2-4 และ 2.5 แสดงสรุปปัญหาด้านโลจิสติกส์ของกรณีศึกษาสรุป และวธิ กี ารแก้ไขปัญหาของกรณีศกึ ษา ตามลา้ ดับ กรมอตุ สาหกรรมพนื้ ฐานและการเหมอื งแร่ 13 กระทรวงอตุ สาหกรรม

Best Practices & Lessons Learned การเพมิ่ ประสิทธภิ าพโลจสิ ติกส์ภาคอตุ สาหกรรม กล่มุ อุตสาหกรรมเคร่อื งใช้ไฟฟา้ และอิเล็กทรอนิกส์ ปัญ หาด้าน โ ลจิ สติกส์ของกร ณีศึ กษ า Make-to-Order Make-to-Stock Hybrid กลุ่มอุตสาหกรรม กลางน้า การจัดการคลังสินค้า การขนส่ง Middle Stream สินค้าคงคลัง การพยากรณ์ การจัดการคลังสินคา้ กลุ่มอุตสาหกรรมปลายน้า การขนส่ง โลจิสติกส์ยอ้ นกลับ Down Stream โลจิสตกิ ส์ยอ้ นกลับ การพยากรณ์ รูปที่ 2-4 สรปุ ปญั หาดา้ นโลจิสติกส์ของกรณศี ึกษา การ แก้ปัญ หาของกร ณีศึ กษ า Make-to-Order Make-to-Stock Hybrid กลุ่มอุตสาหกรรม กลางน้า ABC Analysis กาหนดวิธที างาน Middle Stream การลดปรมิ าณการผลิต เทคนิคการพยากรณ์ ABC Analysis กลุ่มอุตสาหกรรมปลายน้า การคดั เลือกและประเมนิ Down Stream การลดข้ันตอนการทางาน Why Why Analysis เทคนิคการพยากรณ์ รูปที่ 2-5 สรุปวธิ ีการแกไ้ ขปญั หาของกรณศี ึกษา 14 กรมอุตสาหกรรมพ้ืนฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม

บทท่ี 3 กรณีศึกษาการแก้ไขปญั หาดา้ นโลจสิ ติกส์ของกลมุ่ อตุ สาหกรรมเครื่องไฟฟ้าและอิเล็กทรอนกิ ส์ บทที่ 3 กรณศี ึกษาการแกไ้ ขปัญหาด้านโลจสิ ตกิ สข์ องกลมุ่ อุตสาหกรรม เครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ และอิเล็กทรอนิกส์ กรณีศึกษาที่ 1 การลดปรมิ าณสินคา้ คงคลงั (งานระหวา่ งรอผลิต : WIP) ของเคร่อื งแชเ่ ยน็ รุน่ จินนี่ บทนา กรณีศึกษานี้เป็นกรณีศึกษาเพื่อลดปริมาณสินค้าคงคลัง (งานระหว่างรอการผลิต : WIP) ของเครื่อง แช่เย็นรุ่นจนิ นี่ เน่ืองจากเคร่ืองแช่เย็นรุ่นจินนี่เป็นเครื่องท่ีได้รบั ความนิยม และเป็นเคร่ืองอเนกประสงค์ คือ ได้ ทั้งแช่เย็น และสามารถท้าไอน้าความร้อนได้ รวมถึงเป็นเครื่องท่ีมีขายเจ้าเดียวในประเทศไทย ซึ่งในปัจจุบัน ประสบปัญหามีงานระหว่างกระบวนการผลิตมากเกินไปท้าให้ระยะเวลาผลิตโดยรวม (cycle time) มาก ตามล้าดับ เนอ่ื งจากเป็นกระบวนการผลิตแบบเปน็ Batch ครงั้ ละ 10 เครือ่ งต่อสถานีงาน เมือ่ ท้าการผลติ แต่ละ สถานีงานเสร็จครบ 10 เคร่ืองจึงสง่ สถานีงานถัดไป ดังนน้ั เม่ือมีค้าส่งั ในปรมิ าณทไี่ มถ่ ึง 10 เครื่องท้าให้ต้องผลิต 10 เครอ่ื งท้าให้ใช้ระยะเวลานาน ในปัจจุบันมสี ถานงี าน 3 สถานี ท้าให้ปรมิ าณงานระหวา่ งรอผลิต (WIP) เฉล่ีย 30 เครือ่ งต่อเดือน ดังนั้นทางทีมที่ปรึกษาจงึ เห็นสมควรที่จะลดปริมาณงานระหว่างรอผลติ ของเครือ่ งแชเ่ ย็นรุ่น จินน่ี เนือ่ งจากมีปริมาณมากเกินไปและไมม่ ีความยืดหยุ่นในการผลติ ดังน้ันโครงการน้ีมีวัตถุหลักเพอื่ ลดปริมาณ สินค้าคงคลัง (งานระหว่างรอการผลิต : WIP) ของเคร่ืองแช่เย็นรุ่นจินน่ี ซึ่งก่อนการปรับปรุงบริษัทมีปริมาณ งานระหว่างรอผลติ (WIP) เฉลี่ย 30 เคร่ืองต่อเดือน หลังการปรับปรุงบริษัทมีปรมิ าณงานระหว่างรอผลิต (WIP) เฉลี่ย 9 เครื่องต่อเดอื น ดงั นัน้ บรษิ ัทสามารถลดปรมิ าณสนิ ค้าคงคลงั (งานระหว่างรอการผลิต : WIP) ของเคร่ือง แชเ่ ย็นร่นุ จนิ นีไ่ ด้ 21 เครอ่ื ง ลดลงเปน็ 70 เปอรเ์ ซน็ ต์ ได้ผลเปน็ ไปตามเปา้ หมายทไ่ี ด้วางไว้ ข้อมูลทว่ั ไปของบริษทั บริษัทกรณีศึกษาน้ี เป็นบริษัทที่ผลิตเครื่องแช่เย็นชั้นน้าของประเทศไทย ก่อต้ังบริษัทในปี 2524 ดว้ ยทุนจดทะเบียน 33,550,000 บาท โดยเป็นการผลิตเครื่องแช่เย็น ทัง้ แบบเคร่อื งแช่เย็นแบบมีประตูปิด การ ผลติ เครอ่ื งแช่เย็นแบบไมม่ ีฝาปดิ การผลิตเครื่องแช่เย็นที่มที งั้ เครื่องให้ความรอ้ นและเครอื่ งให้ความเยน็ ในเครื่อง เดียวกัน ดังรูปท่ี 3-1 การผลติ เป็นการผลิตตามค้าสั่งซ้ือ ลูกคา้ หลัก คือ ร้านสะดวกซอ้ื และห้างสรรพสินคา้ ชั้น น้า โดยลักษณะเด่นของเครื่องแช่เย็นของบริษัท คือ เคร่ืองเย็นที่ออกแบบ พัฒนา และคัดสรรวัสดุ โดยทาง บริษัทเอง ในขณะท่ีรูปแบบสามารถปรับเปล่ียนไดต้ ามต้องการของลูกค้า ดังนัน้ จึงเป็นเครอื่ งเย็นท่ีมเี อกลักษณ์ ของบริษัท และไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ ท้าให้ในแผนกแช่เย็นในห้างสรรพสินค้าจะพบเคร่ืองแช่เย็นของ กรมอุตสาหกรรมพน้ื ฐานและการเหมอื งแร่ 15 กระทรวงอุตสาหกรรม

Best Practices & Lessons Learned การเพ่มิ ประสิทธภิ าพโลจสิ ติกสภ์ าคอุตสาหกรรม กลุ่มอตุ สาหกรรมเครอ่ื งใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนกิ ส์ บริษัทอยู่เสมอ จากการท้าให้เป็นต้นแบบและความเป็นเอกลักษณ์ ความทนทานท้าให้บริษัทเติบโตอย่ าง ตอ่ เนื่องจนเป็นผู้น้าด้านเครอ่ื งแชเ่ ยน็ จนถงึ ปจั จบุ ัน และมีการดา้ เนินงานทางธรุ กิจ ดังรูปท่ี 3-2 รปู ท่ี 3-1 เคร่อื งแช่เยน็ แบบตา่ งๆ รูปที่ 3-2 กระบวนการดา้ เนนิ งานทางธุรกิจ วัตถุประสงค์ เพอ่ื ลดปรมิ าณสินค้าคงคลงั (งานระหว่างรอการผลติ : WIP) ของเครือ่ งแชเ่ ย็นร่นุ จินนี่ ลดลงอย่างนอ้ ย 15% ขึน้ ไป %การลดปริมาณสินคา้ คงคลงั = 100*((ปรมิ าณสนิ คา้ คงคลังกอ่ นการปรับปรงุ – ปริมาณสินค้าคงคลงั หลงั การ ปรบั ปรุง)/ปรมิ าณสินคา้ คงคลังกอ่ นการปรบั ปรุง) 16 กรมอตุ สาหกรรมพื้นฐานและการเหมอื งแร่ กระทรวงอตุ สาหกรรม

บทท่ี 3 กรณีศึกษาการแกไ้ ขปญั หาดา้ นโลจสิ ติกสข์ องกล่มุ อตุ สาหกรรมเครอื่ งไฟฟ้าและอิเลก็ ทรอนกิ ส์ สภาพปัญหาปัจจุบนั ปัจจุบนั การผลิตเคร่ืองแชเ่ ย็นรุ่นจนิ น่ี เป็นท่ีต้องการของรา้ นสะดวกซื้อ เพราะใช้ได้ท้ังสองลักษณะคือ ด้านบนเป็นท่ีนึ่งขนมปังโดยใช้ไอน้า และด้านล่างเป็นตู้แช่แข็งสินค้าต่างๆ เช่น ไส้กรอก ขนมจีบ ซาลาเปา เปน็ ต้น ซ่ึงเป็นเครอ่ื งที่อย่ดู า้ นหลังเคานเ์ ตอรช์ ้าระเงิน ดังรปู ท่ี 3-3 และตารางท่ี 3-1 แสดงปรมิ าณการผลิตและ การส่งั ซอ้ื ยอ้ นหลัง 3 เดือน รปู ที่ 3-3 เครื่องแชเ่ ยน็ รนุ่ จินนี่ ตารางที่ 3-1 ปรมิ าณการผลิตและการส่ังซ้อื เครื่องแช่เย็น ร่นุ จนิ น่ี เดอื น พฤษภาคม(เคร่ือง) มิถุนายน(เคร่อื ง) กรกฎาคม(เครือ่ ง) ผลิต การสั่งซื้อ 40 50 40 36 42 34 จากตารางพบว่าปริมาณการผลิตเป็นการผลิตแบบสายการผลิต และผลิตให้ครบ 10 เคร่ือง จึงจะ สง่ ไปสถานีงานต่อไป ท้าให้การผลติ ในบางครั้งเกินความจ้าเป็นและต้องเหลือเกบ็ และใชร้ ะยะเวลาในการผลิต นานเกินไป ซงึ่ แสดงดงั รปู ที่ 3-4 กรมอุตสาหกรรมพ้นื ฐานและการเหมอื งแร่ 17 กระทรวงอตุ สาหกรรม

Best Practices & Lessons Learned การเพ่ิมประสทิ ธภิ าพโลจิสติกสภ์ าคอตุ สาหกรรม กล่มุ อุตสาหกรรมเคร่อื งใชไ้ ฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนกิ ส์ รปู ท่ี 3-4 กระบวนการผลิตเครอ่ื งแชเ่ ย็นรนุ่ จนิ นี่ โดยมีสถานีงานหลัก 3 สถานีงาน คือ สถานีงานท่ี 1 เป็นสถานีงานประกอบโครงเครอื่ งแช่ สถานีงาน ท่ี 2 เป็นสถานีงานท่ีประกอบวงจรและสายไฟ สถานีงานที่ 3 เป็นสถานีงานท่ีตรวจสอบและห่อพลาสติกรอส่ง ซ่ึงปัญหาในปัจจุบันมีการส่งสินค้าไม่ครบตามจ้านวนเพราะการผลิตต้องผลิตทีละ 10 เคร่ือง ท้าให้ผลิตไม่ทัน เป็นบางช่วง เช่น ช่วงเร่งด่วนอาจจะต้องการวันจันทร์ 4 เครื่อง และวันศุกร์อีก 7 เครื่องรวมเป็น 11 เคร่ืองใน หนง่ึ สัปดาห์ ซงึ่ ทา้ ให้ผลติ ไมท่ ันเพราะต้องผลติ ออกมาทลี ะ 10 เคร่อื ง ดังน้นั การหาปริมาณ Batch ทเี่ หมาะกับ การความต้องการของลูกค้าจึงเป็นสิ่งที่ส้าคัญอันดับต้นๆ เน่ืองจากถ้าสามารถก้าหนด Batch ที่เหมาะสมได้จะ สง่ ผลให้สามารถลดปริมาณสินค้าคงคลังด้านงานระหว่างรอผลิตได้ และมีงานระหว่างรอผลติ (WIP) ดังตารางที่ 3-2 ตารางที่ 3-2 จ้านวนงานระหวา่ งรอผลิตของแตล่ ะสถานงี านส้าหรบั เดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฎาคม สถานีงานท่ี พฤษภาคม มถิ ุนายน กรกฎาคม 1 10 10 10 2 10 10 10 3 10 10 10 รวม 30 30 30 เฉลยี่ 10 จากตารางพบว่าในแตล่ ะสถานงี านมีงานระหว่างรอผลิต (WIP) 10 เคร่ือง และรวมทั้ง 3 สถานีงานจะ ได้งานระหว่างผลิต (WIP) เฉล่ีย 30 เคร่ืองต่อเดือน ซ่ึงทางทีมที่ปรึกษาเห็นว่าเป็นทั้งต้นทุนจม และใช้พื้นที่ใน การผลิตมาก และใช้ระยะเวลาในแต่สถานีงานมาก ดังนั้นแนวทางการแก้ไขปัญหาทางทีมทีป่ รึกษาจึงแนะนา้ การลดปรมิ าณล็อต (Batch) ในการผลติ ซ่ึง จะสามารถท้าให้ปรมิ าณงานระหวา่ งรอผลิต (WIP) ลดลง และท้าให้สามารถมีความยืดหยนุ่ ในการวางแผนการ ผลิตมากกว่าและทางทีมที่ปรึกษาได้ประชุมหารือและได้ข้อสรุปว่า ผลิตในปริมาณ 3 เคร่ืองต่อBatch ทั้งน้ี 18 กรมอุตสาหกรรมพ้ืนฐานและการเหมอื งแร่ กระทรวงอตุ สาหกรรม

บทท่ี 3 กรณศี กึ ษาการแกไ้ ขปัญหาดา้ นโลจิสตกิ ส์ของกล่มุ อตุ สาหกรรมเครือ่ งไฟฟา้ และอิเล็กทรอนิกส์ อาจจะเปล่ียนแปลงได้ตามความเหมาะสมโดยยืดหยุ่นได้คือ 5 เคร่ืองต่อBatch เมื่อมีความต้องการในปริมาณ มาก ผลการปรบั ปรุง หลงั จากการวางแผนการผลติ ทางบรษิ ทั สรุปเปลีย่ นปริมาณการผลติ จากครัง้ ละ 10 เครื่องตอ่ Batch เป็น 3 เครอื่ งตอ่ Batch สง่ ผลใหป้ รมิ าณงานระหวา่ งรอผลิต (WIP) ลดลง ดังตารางท่ี 3-3 ตารางท่ี 3-3 ปรมิ าณงานระหว่างรอผลติ (WIP) หลงั การปรับปรุง สถานีงานท่ี สงิ หาคม กันยายน 133 233 333 รวม 9 9 เฉล่ีย 9 จากตารางที่ 3-3 พบวา่ การลดปรมิ าณการผลติ ตอ่ Batch สามารถลดปริมาณงานระหว่างรอการผลิตได้ โดยก่อน การปรับปรุงมีปริมาณงานระหว่างรอผลิตเฉล่ีย 30 เครื่องต่อเดือน หลังการปรับปรุงมีปริมาณงานระหว่างรอ ผลิตเฉล่ีย 9 เครอื่ งตอ่ เดอื น สามารถแสดงดงั ตารางท่ี 3-4 ตารางท่ี 3-4 ร้อยละเฉล่ยี ของปรมิ าณสนิ ค้าคงคลงั (งานระหวา่ งรอการผลิต : WIP) ของเครอื่ งแช่เย็น ร่นุ จินน่ี ปริมาณสนิ ค้าคงคลัง (งาน ปรมิ าณสินคา้ คงคลัง (งานระหวา่ งรอ ร้อยละของปรมิ าณสนิ คา้ คงคลัง ระหวา่ งรอการผลิต : WIP) เฉลยี่ ก่อนการปรบั ปรงุ การผลติ : WIP) เฉลีย่ หลงั การปรับปรุง (งานระหวา่ งรอการผลติ : (หน่วย : เคร่ือง) (หนว่ ย : เครอื่ ง) WIP) ทลี่ ดลง 30 9 70 แต่ในปัจจุบันบริษัทมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้นให้มีทางเลือกให้กับลูกค้า มากข้ึน ส่งผลให้การวางแผนการผลิตไม่สามารถพยากรณ์ได้ล่วงหน้าท้าให้การท่ีจะผลิต ผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด ต้องใชก้ ารวางแผนตามความช้านาญแบบเดมิ ท้าให้การผลิตผลิตภัณฑ์คร้ังละมากๆท้าให้เสยี เวลามาก และไม่มี ความยืดหยุ่นในการผลิต ซ่ึงการผลิตปัจจุบันควรมีการผลิตคร้ังละน้อยๆ ควรที่จะสามารถผลิตได้หลาย ผลิตภัณฑ์ และควรยืดหยุ่นได้ตามความต้องการของลูกค้าอยา่ งแท้จรงิ กรมอตุ สาหกรรมพนื้ ฐานและการเหมอื งแร่ 19 กระทรวงอตุ สาหกรรม

Best Practices & Lessons Learned การเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพโลจสิ ติกสภ์ าคอุตสาหกรรม กล่มุ อุตสาหกรรมเครอื่ งใชไ้ ฟฟ้าและอิเล็กทรอนกิ ส์ สรปุ กรณีศึกษานี้ เป็นการศึกษาโดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือลดปริมาณสนิ ค้าคงคลัง (งานระหว่างรอการผลิต : WIP) ของเคร่ืองแช่เย็นรุ่นจินนี่ เน่ืองจากเคร่ืองแช่เย็นรุ่นน้ีมีความต้องการในปัจจุบันเป็นจ้านวนมากและทาง บริษัทมีปัญหาเรื่องการวางแผนและการผลิตไม่ทันต่อความต้องการของลูกค้า เน่ืองจากการวางแผนการผลิต เป็นแบบ Batch คร้ังละ 10 เครื่องต่อ Batch ท้าให้ใช้ระยะเวลาในการผลิตมาก ใช้พ้ืนที่มาก และไม่มีความ ยืดหยุ่นในการผลิต การปรับปรุงใช้หลกั การลดปรมิ าณการผลิต (Batch size) ใหป้ รมิ าณน้อยลงโดยอาศัยขอ้ มูล ย้อนหลังเพื่อหาปริมาณการผลิตท่ีเหมาะสม โดยในโครงการนี้ลดปริมาณการผลิตเหลือ 3 เครื่องต่อ Batch สง่ ผลให้สามารถลดปรมิ าณสินค้าคงคลัง (งานระหว่างรอการผลิต : WIP) เฉลี่ยก่อนการปรับปรุง 30 เครื่องต่อ เดือน เหลือปริมาณสินคา้ คงคลงั (งานระหว่างรอการผลติ : WIP) เฉล่ียหลงั การปรับปรงุ 9 เคร่อื งตอ่ เดอื น ท้าให้ สามารถลดปริมาณสินค้าคงคลัง (งานระหว่างรอการผลิต : WIP) ลงได้ร้อยละ 70 ซ่ึงบรรลุตามเป้าหมายของ โครงการ 20 กรมอุตสาหกรรมพ้ืนฐานและการเหมอื งแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม

บทท่ี 3 กรณีศกึ ษาการแกไ้ ขปญั หาดา้ นโลจสิ ติกส์ของกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องไฟฟา้ และอิเลก็ ทรอนิกส์ กรณศี กึ ษาท่ี 2 การจัดการคลงั สนิ ค้า โดยการปรับปรุงคลงั สินค้าวตั ถดุ ิบ (กลอ่ งบรรจภุ ัณฑ์) บทนา บริษัทกรณีศึกษานี้เป็นผู้ผลิตและจ้าหน่ายเตาแก๊ส ปัญหาหลักของบริษัทฯ คือการมีวัตถุดิบ (กล่อง บรรจุภัณฑ์) ในคลังสินค้ามากเกินไป ดังนั้นทีมที่ปรึกษาได้ศึกษาการจัดการคลังสินค้าในปัจจุบันพบว่า ในการ จัดการคลังสินค้าวัตถุดิบ โดยเฉพาะ กล่องบรรจุภัณฑ์ ไม่มีการจัดการที่ดี ซ่ึงอาจเน่ืองจากกล่องมีขนาดใหญ่ ยากต่อการขนย้าย กล่องบรรจุภัณฑ์มีหลายรุ่น ท้าให้การจัดเก็บไม่เป็นระบบ ท้าให้ใช้เวลาในการค้นหากล่อง บรรจุภัณฑ์นาน ซึ่งใช้ในการบรรจุผลิตภัณฑ์ของบริษัทกรณีศึกษา ทีมที่ปรึกษาได้ใช้เทคนิคการวเิ คราะห์แบบ Cause and effect Diagram และใช้วิธีการจัดคลังสินค้าตามหลักการ ABC Analysis ท้าให้สามารถลดเวลา การหาวตั ถุดิบ (กล่องบรรจภุ ัณฑ์) ไดเ้ กนิ 15 % ดังนนั้ ถ้าบรษิ ัทสามารถนา้ วิธีการและการวิเคราะห์ท่ีได้รับจาก โครงการนี้ไปต่อยอด จะท้าให้สามารถลดตน้ ทุนสนิ ค้าคงคลังไดห้ ลายลา้ นบาท ข้อมูลเบ้อื งตน้ ของสถานประกอบการ บรษิ ัทกรณีศกึ ษาน้ี เป็นผู้ผลติ และจา้ หน่ายเตาแกส๊ ทเี่ ร่ิมต้นจากการทา้ ธุรกิจแบบครอบครัว โดยมงุ่ มั่น จะเป็นผู้น้าในตลาดผลิตภัณฑ์เตาแก๊สที่ใช้ในครัวเรือน เพื่อเพิ่มพูนความสมบรู ณ์พูนสุขให้กบั การด้าเนินชีวติ ใน ครอบครัว โดยทุนจดทะเบียนที่ 30 ล้านบาท บริษัทมีความมุ่งม่ันในการผลิตและปรับปรุงคุณภาพของสินค้า อยา่ งไมห่ ยุดยั้ง โดยมงุ่ สรา้ งประโยชน์และยกระดับคณุ ภาพชวี ติ ของประชาชนผ่านทางผลติ ภัณฑ์และบริการของ บริษัท ได้รับการรับรองภายใต้มาตรฐาน ISO9001 ขณะเดียวกันก็ต้องการสร้างคุณค่าให้เกิดขึ้นโดยผ่าน นวัตกรรม การเตบิ โตของธุรกิจ และรายได้ทีเ่ พิม่ ขึ้น ปญั หาของสถานประกอบการคือลกั ษณะการจัดเก็บวัตถุดบิ มีการเก็บกล่องบรรจุภัณฑ์ไม่เป็นหมวดหมู่ ใช้พ้ืนท่ีในการจัดเก็บสิ้นเปลือง ซ่ึงเป็นสาเหตุท้าให้การค้นหากล่อง บรรจุภัณฑ์ ใช้เวลานานและพืน้ ทคี่ ลงั สินค้าไมพ่ อสา้ หรับการจัดเกบ็ วัตถุประสงค์ เพ่อื ลดเวลาในการค้นหาคลังสินคา้ วตั ถดุ บิ (กล่องบรรจุภณั ฑ)์ ลดลงอย่างนอ้ ย 15% ข้นึ ไป การ คา้ นวณตัวชว้ี ดั เปน็ ดงั นี้ = (เวลาในการคน้ หาวตั ถดุ บิ ก่อนปรับปรุง – เวลาในการคน้ หาวตั ถดุ ิบหลงั ปรบั ปรงุ ) x100 (เวลาในการค้นหาวตั ถุดิบกอ่ นปรบั ปรุง) กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมอื งแร่ 21 กระทรวงอตุ สาหกรรม

Best Practices & Lessons Learned การเพ่ิมประสิทธภิ าพโลจิสตกิ สภ์ าคอุตสาหกรรม กลมุ่ อตุ สาหกรรมเคร่ืองใชไ้ ฟฟ้าและอเิ ล็กทรอนกิ ส์ กระบวนปรับปรุงระบบโลจิสติกส์ ขอ้ มูลทใ่ี ชใ้ นการด้าเนินงาน ประกอบดว้ ย ปรมิ าณการใช้กล่องบรรจภุ ัณฑ์ ปริมาณของการสัง่ ซอื้ กลอ่ ง บรรจุภัณฑ์ในแต่ละชนิด (ข้อมูลย้อนหลัง 3 เดือน) ขนาดของกล่องแต่ละชนิดและพื้นท่ีการจัดเก็บของ คลังสินค้า แล้วน้าเทคนิคการวิเคราะห์ เช่น Cause and effect Diagram ในการวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาที่ เกดิ ข้ึน เพือ่ หาแนวทางการปรับปรงุ ทเี่ หมาะสม มกี ารวิเคราะห์กระบวนการคน้ หาวัตถุดิบ กลอ่ งบรรจภุ ัณฑ์ เพื่อ จับเวลาการทา้ งานในแตล่ ะข้นั ตอน สา้ หรบั ใช้เปน็ ข้อมลู ประกอบในการด้าเนนิ การโครงการ รูปที่ 3-5 ภาพทมี ทีป่ รกึ ษาและบรษิ ัทวิเคราะห์ข้ันตอนการคน้ หาวตั ถุดิบและการจดั การพ้นื ท่ใี นคลังสนิ ค้า ในการก้าหนดแนวทางการลดเวลาการค้นหาวัตถุดิบ ให้รวบรวมยอดการหยิบใช้กล่องบรรจุภัณฑ์ท่ี น้าไปบรรจุผลิตภัณฑ์ย้อนหลัง 3 เดือน และจัดกลุ่มขนาดของกล่องออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ท่ีมีขนาดต่างกัน จากนั้นแบ่งกลุ่มเป็น ABC ตามปริมาณการหยิบใช้ของแต่ละขนาด ค้านวณในการก้าหนดพ้ืนท่ีของการจัดเก็บ กลอ่ งบรรจภุ ณั ฑ์แต่ละขนาด พร้อมท้ังระบุรหสั ต้าแหน่งจดั เกบ็ ทีมทปี่ รึกษารว่ มกบั สถานประกอบใช้เทคนิคการ จดั คลังสินค้าโดยใช้วิธีการจัดคลังสินคา้ ตามหลักการ ABC Analysis โดยเปรียบเทียบเวลาในการค้นหาวัตถุดิบ ตามแผนผงั คลังสนิ ค้าวตั ถดุ ิบกอ่ นปรับปรงุ และแผนผงั คลังสนิ ค้าวตั ถุดบิ หลังปรบั ปรุง แสดงดงั รปู ที่ 3-8 จากนั้นจดั คลังสนิ คา้ โดยใชว้ ิธีการจดั คลงั สินคา้ ตามหลักการ ABC Analysis แสดงดงั รปู ที่ 3-9 และจับ เวลาในการค้นหาวัตถุดิบ กล่องบรรจุภัณฑ์ ก่อนและหลังปรังปรุง พบว่าสามารถลดเวลาการค้นหาวัตถุดิบ กล่องบรรจุภัณฑ์ ซ่ึงก่อนการปรับปรุงใช้เวลาในการค้นหาวัตถุดิบ (กล่องบรรจุภัณฑ์) เท่ากับ 1,645.10 วินาที หลังการปรับปรุงใช้เวลาในการค้นหาวัตถดุ ิบ (กลอ่ งบรรจภุ ัณฑ์) เท่ากบั 265.50 วนิ าที เวลาหลังปรับปรงุ ลดลง คดิ เป็น 83.86 % สามารถลดตน้ ทนุ ได้ 233,969.40 บาทตอ่ ปี 22 กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอตุ สาหกรรม

บทที่ 3 กรณีศกึ ษาการแกไ้ ขปัญหาดา้ นโลจสิ ตกิ สข์ องกลุ่มอตุ สาหกรรมเคร่อื งไฟฟา้ และอิเลก็ ทรอนิกส์ รปู ที่ 3-6 แผนผังคลงั สนิ ค้าวตั ถดุ บิ ก่อนปรบั ปรงุ รูปท่ี 3-7 คลังสินคา้ วตั ถุดิบกอ่ นปรับปรงุ กรมอตุ สาหกรรมพืน้ ฐานและการเหมอื งแร่ 23 กระทรวงอุตสาหกรรม

Best Practices & Lessons Learned การเพิม่ ประสทิ ธภิ าพโลจสิ ตกิ สภ์ าคอุตสาหกรรม กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใชไ้ ฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนกิ ส์ นอกจากน้ี ทีมที่ปรึกษายังได้ประเมินความสามารถด้านโลจิสติกส์โดยใช้ Logistics Scorecard ท้ัง ก่อน และหลังด้าเนินโครงการ ซ่ึงท้าให้ทราบถึงระดับความสามารถด้านโลจิสติกส์ในทุกๆ ตัวช้ีวัด และใน ภาพรวม เพ่ือประโยชน์ต่อการวางแนวทางการปรับปรุงส้าหรับโครงการในปัจจุบัน และโครงการที่จะเกิดขึ้นใน อนาคต รปู ที่ 3-8 แผนผงั คลงั สนิ ค้าวตั ถุดบิ หลังปรบั ปรุง รปู ท่ี 3-9 คลังสินค้าวตั ถุดิบขณะทา้ การปรับปรุง 24 กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมอื งแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม

บทที่ 3 กรณศี กึ ษาการแก้ไขปัญหาดา้ นโลจิสติกส์ของกลุ่มอุตสาหกรรมเคร่ืองไฟฟ้าและอเิ ล็กทรอนิกส์ ผลลพั ธ์กอ่ นและหลงั การปรับปรงุ ผลกอ่ นและหลงั การปรับปรุง สา้ หรบั เวลาทีใ่ ช้คน้ หาวัตถดุ ิบ (กลอ่ งบรรจภุ ณั ฑ)์ ท่ไี ดด้ า้ เนินการ ปรบั ปรงุ ทา้ ใหล้ ดเวลาการคน้ หาลงเป็นไปดงั ตารางท่ี 3-5 ซึง่ แสดงถงึ การสรุปผลของโครงการ ตารางท่ี 3-5 สรุปผลการดา้ เนินโครงการ กระบวนการหลกั เวลาก่อนการปรบั ปรุง เวลาหลังการปรบั ปรุง การเปลยี่ นแปลง ลดลง (%) (วนิ าที) (วินาที) 83.86 การจัดการคลังสินค้า 233,969.40 โดยการปรบั ปรุง 1,645.1 265.5 คลังสินคา้ วัตถุดิบ (กลอ่ งบรรจภุ ณั ฑ)์ คดิ เปน็ ต้นทุนลดลง (บาทตอ่ ป)ี เวลา ( ิวนาที) กราฟเปรยี บเทยี บเวลา กอ่ น-หลัง ปรับปรุง 2000 1645.1 1500 1000 500 265.5 0 ขน้ั ตอนการค้นหาวตั ถดุ บิ (กล่องบรรจุภัณฑ์) เวลาก่อนปรบั ปรุง เวลาหลงั ปรบั ปรงุ รูปท่ี 3-10 กราฟเปรียบเทยี บเวลา กรมอตุ สาหกรรมพืน้ ฐานและการเหมอื งแร่ 25 กระทรวงอุตสาหกรรม

Best Practices & Lessons Learned การเพิ่มประสิทธภิ าพโลจสิ ตกิ สภ์ าคอุตสาหกรรม กลุม่ อตุ สาหกรรมเคร่ืองใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนกิ ส์ ปัญหาและอปุ สรรค สถานประกอบการไม่เคยท้าการจัดคลังวัตถุดิบเลย ท้าให้การปรับปรุงในช่วงแรกใช้ระยะเวลาในการ จัดคลังวัตถุดิบค่อนข้างนาน และขนาดของกล่องบรรจุภัณฑ์มีขนาดใหญ่ ต้องใช้เคร่ืองมือในการเคลื่อนย้าย และสถานประกอบการขาดบุคลากรท่ีมคี วามรู้ความเข้าใจในเรอื่ งของโลจสิ ติกส์ที่ถกู ต้อง อีกทั้งขาดบคุ ลากรที่มี ความรู้ความเข้าใจในเรื่องของโลจิสติกส์ ส่งผลให้การด้าเนินการเพื่อเก็บข้อมูล และการรวบรวมข้อมูลด้าน ประสิทธภิ าพตามข้อกา้ หนดของโครงการ รวมถึงการตรวจสอบความถูกต้องใช้เวลานาน บทเรียนจากกรณีศึกษานี้คือ บริษัทควรอบรมพนักงานที่รับผิดชอบคลังวัตถุดิบ เพราะการจัดคลังวัตถุดิบใหม่ คอ่ นข้างเปลยี่ นพน้ื ที่ในการจัดเกบ็ แตกตา่ งไปจากเดิม ซ่งึ ไดก้ า้ หนดรหัสของกลอ่ งบรรจภุ ณั ฑข์ องแตล่ ะขนาด ถ้า ขาดการอบ รม จะท้าให้ พ นักงานเกิดความ สับ สนและไม่ ทราบ ว่าควรเก็บ กล่ องบ รรจุภั ณ ฑ์ ไว้ ตา้ แหนง่ ใด ท้าให้เกดิ ปัญหาแบบเดมิ คอื ใช้เวลานานในการคน้ หากลอ่ งบรรจภุ ณั ฑ์ สรุป กรณีศึกษานีเ้ ปน็ การแกป้ ญั หาในการค้นหาวัตถดุ ิบ (กล่องบรรจภุ ัณฑ)์ โดยทีมทปี่ รกึ ษาได้ใชเ้ ทคนคิ Cause and Effect Diagram และใชว้ ิธีการจดั คลงั สนิ ค้าตามหลักการ ABC Analysis รวมถึงการก้าหนดพน้ื ที่ การจัดเก็บของวตั ถุดบิ (กลอ่ งบรรจุภัณฑ)์ ทา้ ให้โครงการสา้ เรจ็ ตามเปา้ หมายทก่ี า้ หนดไว้ ดงั น้นั หากใชเ้ ทคนิค ตามทีมทปี่ รึกษาแนะนา้ จะสามารถลดตน้ ทนุ ได้ ประมาณ 233,969.40 บาทต่อปี 26 กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมอื งแร่ กระทรวงอตุ สาหกรรม

บทที่ 3 กรณีศึกษาการแก้ไขปญั หาดา้ นโลจิสติกส์ของกลุ่มอตุ สาหกรรมเคร่ืองไฟฟ้าและอิเลก็ ทรอนิกส์ กรณศี ึกษาท่ี 3 การจัดการคลงั สนิ ค้า โดยการปรับปรงุ คลังสินค้าวัตถดุ ิบ บทนา บริษัทกรณีศึกษาน้ีเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า ช้ินส่วนรถยนต์ และออกแบบแม่พิมพ์โลหะ ปญั หาหลักของบริษทั ฯ คอื การใช้พนักงานและระยะเวลาในการค้นหาวัตถุดบิ ในคลังสินค้ามากเกินไป เช่น การ ค้นหาวัตถุดิบเพื่อเบิกเข้ากระบวนการผลิต หรือ การค้นหาเพ่ือตรวจนับตามรอบ ดังน้ันทีมที่ปรึกษาได้ศึกษา การจัดการคลังสนิ คา้ ในปจั จุบนั พบวา่ ในการจดั การคลงั สนิ คา้ วัตถุดิบ โดยเฉพาะวัตถุดบิ ของลกู คา้ ที่มีหลายกลุ่ม ผลิตภัณฑ์ไม่มกี ารจดั การท่ีดี ซึ่งอาจเน่ืองจากการไม่มีขั้นตอนในการจัดการทีเ่ หมาะสมเน้นใช้ประสบการณ์ของ พนักงานในการจดั การคลังวัตถุดิบ การจัดเก็บไม่เป็นระบบยากตอ่ การค้นหา ท้าให้โดยรวมใช้เวลาในการค้นหา วัตถุดิบนาน ทีมท่ีปรึกษาได้ใช้เทคนิคการวิเคราะห์แบบ Cause and effect Diagram และใช้วิธีการจัด คลังสินค้าตามหลักการ ABC Analysis ท้าให้สามารถลดเวลาการหาวัตถุดิบได้เกินร้อยละ 15 ดังน้ัน ถ้าบริษัท สามารถน้าวิธีการและการวิเคราะห์ที่ได้รับจากโครงการน้ีไปต่อยอด จะท้าให้สามารถลดต้นทุนสินค้าคงคลังได้ หลายล้านบาท ขอ้ มลู เบื้องตน้ ของสถานประกอบการ บริษทั กรณศี กึ ษานดี้ า้ เนินธุรกิจผลิตชน้ิ ส่วนเคร่อื งใช้ไฟฟ้า ชน้ิ สว่ นรถยนต์ และออกแบบแมพ่ ิมพโ์ ลหะ โดยได้การรับรองมาตรฐานทางอุตสาหกรรม ISO 9001:2008 และ มาตรฐานสิ่งแวดล้อม ISO 14001:2004 การผลติ เปน็ แบบผลิตตามคา้ สัง่ ซือ้ (Make to Order) ผลติ ตามแบบทีล่ กู ค้าส่งให้และมีบางส่วนออกแบบข้ึนเอง กอ่ ตั้งเม่อื ปี 2538 โดยทุนจดทะเบียนท่ี 17 ล้านบาท ในปัจจุบนั บริษัทมีพนักงานประมาณ 169 คน ปัญหาของ สถานประกอบการคือลักษณะการจัดเก็บและการเบิกจ่ายวัตถุดิบไม่เป็นระบบท่ีชัดเจนซ่ึงเป็นสาเหตุท้าให้ ใช้ เวลาและพนกั งานในการค้นหาวัตถดุ ิบจา้ นวนมาก ใชพ้ ืน้ ทใ่ี นการจดั เกบ็ ส้นิ เปลอื ง วัตถุประสงค์ เพื่อลดเวลาในการค้นหาคลังสินคา้ วัตถดุ ิบลดลงมากกวา่ 15% การค้านวณตวั ชวี้ ัดเปน็ ดงั นี้ = 100 x (เวลาในการค้นหาวัตถุดบิ กอ่ นปรบั ปรุง – เวลาในการคน้ หาวัตถุดบิ หลังปรบั ปรุง) (เวลาในการคน้ หาวตั ถดุ ิบกอ่ นปรับปรุง) กรมอตุ สาหกรรมพ้นื ฐานและการเหมืองแร่ 27 กระทรวงอตุ สาหกรรม

Best Practices & Lessons Learned การเพิ่มประสิทธภิ าพโลจิสตกิ สภ์ าคอุตสาหกรรม กลมุ่ อตุ สาหกรรมเคร่อื งใชไ้ ฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนกิ ส์ กระบวนปรบั ปรุงระบบโลจสิ ตกิ ส์ ก้าหนดแนวทางการลดเวลาการค้นหาวัตถุดิบ รวบรวมข้อมูลกระบวนการจัดการคลังวัตถุดิบ เช่น ข้ันตอนการเก็บหรือการจ่ายวัตถุดิบ, ข้ันตอนการท้างานทางเอกสาร, จ้านวนพนักงานที่ใช้ในการเก็บหรือการ จา่ ยวัตถดุ บิ , ระยะเวลาและความถ่ีในการเบิก/จา่ ยวตั ถุดิบ, ขนาดของพ้ืนทแี่ ละเคร่อื งมือท่ีใชใ้ นการจดั เกบ็ พนกั งาน วธิ กี ารทา้ งาน ไม่มีมาตรฐานการระบุ พนกั งานมักง่ายในการ เนน้ ใช้ความจา้ ตา้ แหนง่ หรอื คน้ หาวตั ถดุ ิบ จัดเกบ็ และหยิบวัตถดุ ิบ สว่ นตวั การวิเคราะห์ปญั หา คลังสนิ คา้ เขา้ ออกได้ การคน้ หาทล่ี า่ ช้า ทางเดยี ว สภาพแวดล้อม เครื่องมือ/อปุ กรณ์ ลกู คา้ ชะลอการผลติ และฝาก วตั ถุดิบบ่อยครง้ั รูปที่ 3-11 ภาพผังก้างปลาการวเิ คราะหส์ าเหตขุ องปญั หาการค้นหาทลี่ ่าช้า ในข้ันตอนแรกทีมที่ปรึกษาได้จัดการระดมสมองระหว่างหน่วยงานต่างๆ ท่ีเก่ียวข้องภายในสถาน ประกอบการ เพ่ือวิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหาที่ท้าให้การค้นหาวัตถุดิบเป็นไปด้วยความล่าช้า ใช้ก้าลังคนใน การคน้ หามาก โดยร่วมกนั วาดผังก้างปลาด้วยหลกั การ 4M จึงพบท่ีมาของปัญหา จากรปู ที่ 3-11 ผงั ก้างปลาการวิเคราะห์สาเหตุของปัญหา จะเห็นได้วา่ สภาพปัญหาที่ท้าให้การค้นหา วัตถุดิบล่าช้า ใช้ก้าลังคนมาก เกิดจากเจ้าหน้าท่ีไม่มีการวางแผนในการจัดเก็บวัตถุดิบ ไม่มีมาตรฐานการระบุ ต้าแหน่งหรือค้นหาวัตถุดิบ เนื่องจากวัตถุดิบกว่าร้อยละ 95 เป็นของคู่ค้า ซึ่งในคู่ค้าบางรายมีการชะลอการส่ัง ผลิตและขอร้องให้จัดเก็บวัตถุดิบไว้ชั่วคราว ท้าให้เกิดการสะสมและจัดเรียงไม่เป็นระบบจนเกิดปัญหาในการ ค้นหาต้าแหน่งวัตถุดิบ ซึ่งหากสินค้าบางรายการมีการเบิกจ่ายล่าช้าหรือเป็นสินค้า Dead stock ไม่มีการ เคล่ือนไหวท้าให้การค้นหาโดยใช้ประสบการณ์หรือความจ้าของพนักงานไม่มีประสิทธิภาพ นอกจากน้ันแล้วยัง ต้องเสียคา่ ใช้จ่ายในการจ่างพนักงานประจ้าคลงั วัตถุดบิ จ้านวนกวา่ 5 คน เพื่อช่วยในการค้นหา 28 กรมอตุ สาหกรรมพ้นื ฐานและการเหมอื งแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม

บทที่ 3 กรณีศกึ ษาการแกไ้ ขปญั หาดา้ นโลจสิ ตกิ ส์ของกลมุ่ อุตสาหกรรมเคร่ืองไฟฟา้ และอเิ ลก็ ทรอนิกส์ รูปที่ 3-12 ภาพทีมทปี่ รกึ ษาสา้ รวจข้นั ตอนการค้นหาวตั ถุดบิ ชนดิ กลมุ่ วัตถุดิบ ตารางที่ 3-6 การแบ่งขนาดพนื้ ท่ีคลงั วตั ถดุ บิ สัญลักษณ์ refrigerator สัดสว่ นวัตถุดิบ (%) ใช้ขนาดพื้นที่ (rack) R1-R13 microwave R14-R21 air 40 13 R22-R29 other 25 8 R30-R32 25 8 รวม 10 3 100 32 แนวการการปรับปรุง การก้าหนดโซน และต้าแหน่งการเก็บวัตถุดิบตามชนิดสินค้าดังตารางที่ 3-6 และล้าดับการเบิกจ่าย (FIFO) แบ่งพื้นท่ีเป็นวัตถุดิบท่ีเคล่ือนไหว และเคลื่อนไหวต่้ามากถึงไม่เคลื่อนไหว (มากกว่า90วัน) และวิเคราะห์ปริมาณวัตถุดิบของสินค้าแต่ละชนิด เพื่อประมาณพื้นที่ท่ีใช้ในการจัดเก็บ และ แบ่งชั้นในการจัดเก็บตามความถี่ในการใชง้ านมีความถี่ในการใช้งานต้งั แต่ 1-7 วนั จดั เกบ็ ท่ชี ้นั ล่าง มากกว่า 7 วนั (ไม่เกนิ 90วนั ) จดั เกบ็ ชั้นบน สา้ หรับวัตถดุ ิบท่เี คล่ือนไหวต้า่ มากถึงไม่เคล่อื นไหว (มากกวา่ 90วนั ) จะจดั เกบ็ ไว้ใน พื้นท่ีท้ายสดุ และก้าหนดสัญลักษณ์ในแตล่ ะพ้ืนท่ีจัดเกบ็ เพ่ือระบุต้าแหน่งในการจดั เก็บหรอื คน้ หา เช่น R1-R32 และระบตุ วั กา้ หนดพืน้ ท่ีเพื่อแบ่งขอบเขตของพน้ื ทวี่ ตั ถุดบิ ตามชนดิ ของสินคา้ เช่น refrigerator กรมอุตสาหกรรมพ้ืนฐานและการเหมืองแร่ 29 กระทรวงอตุ สาหกรรม

Best Practices & Lessons Learned การเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพโลจิสติกสภ์ าคอุตสาหกรรม กลมุ่ อุตสาหกรรมเคร่อื งใช้ไฟฟ้าและอิเลก็ ทรอนิกส์ รปู ที่ 3-13 กา้ หนดสญั ลักษณเ์ พื่อระบตุ ้าแหนง่ ในการจดั เกบ็ หรอื ค้นหา (R1-R32) หลงั การปรับปรุงพนกั งานจดั เกบ็ วัตถดุ บิ จะใช้เอกสารในรปู ที่ 3-14 เพื่อบนั ทึกตา้ แหน่งของวัตถุดบิ ทุก คร้ังทจ่ี ัดเก็บ โดยใช้ตัวยอ่ ตา้ แหน่งตั้งแตช่ ้ันล่าง R1-R32 และชน้ั บน U1-U32 และขอ้ มูลการจัดเก็บจะถกู บนั ทึก ลงโปรแกรม Microsoft Excel เมื่อต้องการค้นหาพนักงานจะใช้เอกสารที่ระบุต้าแหน่งการจัดเก็บของวัตถุดิบ โดยเอกสารจะถกู จัดเรียงล้าดับต้าแหนง่ และระดับช้ันการหยิบจากใกล้ทางเข้าคลัง โดยล้าดับจะเริ่มจากช้ันล่าง ทั้งหมดและตามด้วยชน้ั บนเพ่ือลดการเสยี เวลาการข้ึนลงของพนกั งานคน้ หาออกแบบเอกสารเพือ่ ใช้ในการค้นหา วตั ถดุ บิ ได้อยา่ งรวดเร็ว รูปท่ี 3-14 ภาพตัวอย่างเอกสารการตรวจนบั ตามรอบที่รอบรับการบันทกึ ต้าแหนง่ 30 กรมอุตสาหกรรมพ้นื ฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม

บทที่ 3 กรณีศกึ ษาการแก้ไขปญั หาดา้ นโลจสิ ตกิ สข์ องกลุ่มอุตสาหกรรมเครอ่ื งไฟฟ้าและอเิ ลก็ ทรอนิกส์ จากน้ันทดลองจับเวลาในการค้นหาวัตถุดิบโดยใช้พนักงาน 5 คน ซึ่งก่อนการปรับปรุงใช้เวลาในการ ค้นหาวัตถุดิบ เท่ากับ 2,629 วินาที ต่อ 40 รายการวัตถุดิบ หลังการปรับปรุงใช้เวลาในการค้นหาวัตถุดิบ เท่ากับ 1,520 วนิ าที ต่อ 40 รายการวตั ถดุ ิบ ซึ่งเวลาหลงั ปรบั ปรงุ ลดลงคิดเป็น 42.18% ผลลพั ธ์ก่อนและหลงั การปรบั ปรงุ ผลก่อนและหลังการปรับปรุง ส้าหรับเวลาที่ใช้ค้นหาวัตถุดิบ (กล่องบรรจุภัณฑ์) ที่ได้ด้าเนินการ ปรับปรงุ ท้าให้ลดเวลาการคน้ หาลงเป็นไปดงั ตารางที่ 3-7 ซ่งึ แสดงถงึ การสรปุ ผลของโครงการ ตารางที่ 3-7 สรปุ ผลการด้าเนินโครงการ กระบวนการหลกั เวลาก่อนการปรับปรุง เวลาหลงั การปรบั ปรุง การเปลย่ี นแปลง ลดลง (%) (วินาที) (วนิ าที) 42.18 การจดั การคลังสินคา้ 414,000 โดยการปรับปรุง 2,629 1,520 คลงั สินค้าวัตถดุ บิ คดิ เปน็ ตน้ ทุนลดลง (บาทต่อป)ี ปัญหาและอปุ สรรค สถานประกอบการไม่ได้มีการวางแผนระยะยาวในการสร้างและออกแบบคลังวัตถุดิบ ท้าให้ในช่วง หลายปีท่ีผ่านมามีการต่อเติมคลังวัตถุดิบหลายครั้งโดยไม่ค้านึงถึงพื้นท่ีการเข้าออกคลัง ท้าให้ในปัจจุบัน ทางเข้าออกมีเพียงทางเดียว ส่งผลถึงเวลาและระยะทางในการจัดเก็บหรือหยิบวัตถุดิบอย่างมาก บทเรียนจาก กรณีศกึ ษานีค้ ือ สถานประกอบการควรค้านึงถึงความงา่ ยและระยะทางในการเข้าออกของรถโฟล์คลิฟท์ รวมถึง การบริหารจัดการพื้นท่ีให้มีประสิทธิภาพสูงสุดไปพร้อมๆกัน เพื่อลดต้นทุนและความยุ่งยากและปัญหาในการ บริหารจดั การในอนาคต สรปุ กรณีศึกษาน้ีเป็นการแก้ปัญหาในการค้นหาวัตถุดิบ โดยทีมท่ีปรึกษาได้ใช้เทคนิค Cause and Effect Diagram รวมถงึ การก้าหนดพ้ืนท่ีและเอกสารการจดั เกบ็ ของวัตถดุ ิบท่มี ีประสิทธิภาพ ทา้ ใหโ้ ครงการสา้ เร็จตาม เป้าหมายท่กี า้ หนดไว้ ดังนั้นหากใช้เทคนิคตามทมี ทปี่ รกึ ษาแนะน้า จะสามารถลดเวลาลงคดิ เปน็ 42.18% กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมอื งแร่ 31 กระทรวงอตุ สาหกรรม

Best Practices & Lessons Learned การเพม่ิ ประสิทธภิ าพโลจิสติกสภ์ าคอุตสาหกรรม กลุ่มอตุ สาหกรรมเครอ่ื งใช้ไฟฟ้าและอเิ ลก็ ทรอนิกส์ กรณศี ึกษาที่ 4 การลดตน้ ทุนค่าขนส่งสนิ ค้าโดยคดั เลือกผู้ใหบ้ ริการขนสง่ ในเส้นทางทเี่ หมาะสม บทนา บริษัทกรณีศึกษาน้ี เป็นบริษัทจัดจ้าหน่าย อุปกรณ์ สัญญาณทีวี ดาวเทียม และประกอบอุปกรณ์ ประเภท SMART SOLUTION ให้แก่ลูกค้าตามค้าสั่งผลิต และมีสินค้าท้ังหมด 8 หมวด มากกว่า 750 SKUs (Stock Keeping Units) ปญั หาหลักของบริษัทฯ คือมีตน้ ทุนขนสง่ สนิ ค้ารวมมากเกนิ ไป ดงั น้ัน กรณีศกึ ษานเ้ี ปน็ การคัดเลือก ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ (Third Party Logistics : 3PL) เพื่อช่วยลดต้นทุนรวมในการขนส่งให้แก่ บริษัท โดยร่วมกันค้นหาสาเหตุของปัญหาท่ีท้าให้ต้นทุนรวมการขนส่งสูง จากนั้นรวบรวมข้อมูลที่เก่ียวข้องกับ ตน้ ทุนการจัดส่งปัจจุบัน รวมถึงใบเสนอราคาค่าขนส่งจากผู้ให้บริการโลจิสติกส์ (Third Party Logistics : 3PL) แต่ละราย แล้วจึงประเมินคะแนนด้าน เวลา จ้านวนเส้นทาง ความน่าเชื่อถือ เพื่อน้ามาพิจารณาคัดเลือก ผู้ ให้บริการโลจิสตกิ ส์ ( Third Party Logistics : 3PL) ทเ่ี หมาะสม ผลการคัดเลือก ปรากฏวา่ ตน้ ทุนการขนส่งรวมจากผ้ใู ห้บริการขนส่งท่ีได้รับคัดเลอื กลงจาก 1,372,500 บาทต่อเดือน เป็น 855,200 บาทต่อเดือน หรือลดลง 517,300 บาทต่อเดือน คิดเป็น 37.69 % ซ่ึงหากมีการ น้าวิธกี ารและการวิเคราะห์ท่ไี ดร้ บั จากโครงการน้ีไปต่อยอด จะทา้ ใหส้ ามารถลดต้นทุนการขนสง่ รวมได้เปน็ อยา่ ง มาก ข้อมูลเบือ้ งตน้ ของสถานประกอบการ บริษัท ลีโอเทคโนโลยี แอนด์ มาร์เกตต้ิง จ้ากัด (ลีโอเทคฯ) ผู้จัดจ้าหน่าย อุปกรณ์ สัญญาณทีวี ดาวเทียม และประกอบอุปกรณ์ประเภท SMART SOLUTION ใหแ้ ก่ลูกคา้ ตามค้าส่ังผลิต และมีสินคา้ ทั้งหมด 8 หมวด มากกว่า 750 SKUs (Stock Keeping Units) และส่งไปยังผู้แทนจ้าหน่ายที่กระจายอยู่ท่ัวประเทศกว่า 2,000 ราย และเคเบิล้ โอเปอเรเตอรก์ ว่า 400 ราย ลูกค้าหลักแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มบุคคลทั่วไป กลุ่มผู้ประกอบการเคเบิลทีวี และกลุ่มลูกค้า โรงแรม รีสอร์ท คอนโดมิเนียม อพาร์ทเมนต์ และหน่วยงานราชการ โดยกลุ่มบุคคลทั่วไปมีการสั่งอุปกรณ์ ส้าหรับรับชมภาพยนตร์ดาวเทียมภายในเคหะสถาน จึงใช้การส้ารวจตลาดด้านความต้องการอุปกรณ์ เพ่ือได้ จัดหามาประกอบเข้าชุดส่งให้ผู้แทนจ้าหน่ายในภูมิภาคก่อนส่งต่อให้ลูกค้าต่อไป ส้าหรับกลุ่มผู้ประกอบการ เคเบิลทีวี ใช้การจัดชุดเพ่ือให้ผู้ประกอบการน้าไปติดต้ัง และในกลุ่มสุดท้าย กลุ่มลูกค้าโรงแรม รีสอร์ท คอนโดมิเนียม อพาร์ทเมนต์ และหน่วยงานราชการ หลังจากผ่านการเสนอราคาและได้รับอนุมัติจากลูกคา้ แล้ว จึงจัดทีมงานเขา้ ไปตดิ ตง้ั ให้ ปัญหาหลักคือ มีการเช่ารถขนส่งสินค้า จ้านวน 5 คัน ซ่ึงเวียนกันมารับสินค้า และจัดส่งสินค้าตาม เส้นทางท่ีแผนกจัดส่งวางแผนไว้ให้ พบว่ามีปัญหาการจัดส่งล่าช้า เนื่องจากการจราจรติดขัดบางเส้นทาง และ 32 กรมอตุ สาหกรรมพืน้ ฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอตุ สาหกรรม

บทท่ี 3 กรณีศึกษาการแก้ไขปัญหาดา้ นโลจสิ ตกิ สข์ องกลุ่มอุตสาหกรรมเครือ่ งไฟฟ้าและอเิ ล็กทรอนกิ ส์ ปัญหาการส่งสินค้าไปต่างจังหวัดโดยรถขนส่งของบริษัทน้าสินค้าไปฝากส่งที่บริษัทขนส่ง ซ่ึงบางคร้ังอยู่นอก เส้นทาง และบางเสน้ ทางมีปรมิ าณการจัดส่งน้อย ทา้ ให้ตน้ ทนุ คา่ ขนส่งตอ่ เทย่ี วสูงมาก วัตถุประสงค์ เพอ่ื ลดต้นทนุ การขนส่งรวม ลงมากกวา่ 15 % ขึน้ ไป การค้านวณตัวชีว้ ัดเป็นดงั นี้ = 100 x ((1.1 + 1.2) เดิม – (1.1 + 1.2) ใหม)่ (1.1 + 1.2) เดิม หมายเหตุ 1.1 = ต้นทุนการขนส่งใน กรงุ เทพฯ และปรมิ ณฑล 1.2 = ตน้ ทุนการขนส่งไปตา่ งจงั หวดั กระบวนปรับปรุงระบบโลจสิ ตกิ ส์ ทีมท่ปี รกึ ษาได้รวบรวมข้อมลู ปริมาณการจัดสง่ สินคา้ และเส้นทาง ท้ังในเขตกรงุ เทพฯ ปริมณฑล และ การขนส่งไปต่างจังหวัด รวมถึงต้นทุนการจัดส่งปัจจุบัน เพ่ือเป็นข้อมูลพื้นฐานที่ใช้ในการวิเคราะห์ เพื่อค้นหา สาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้น และหาแนวทางการปรับปรุงที่เหมาะสม โดยน้าแผนภาพกระบวนการทางธุรกิจ (Business flow) มาใช้ในการวิเคราะห์กระบวนการทางธุรกจิ เพ่ือให้ทราบถึงขั้นตอน และแผนกท่ีเกี่ยวข้องกับ การขนสง่ สินคา้ ส้าหรับใช้เปน็ ข้อมูลประกอบในการดา้ เนนิ การโครงการ รปู ท่ี 3-15 ภาพทีมทปี่ รกึ ษาและบริษทั ระหว่างการกา้ หนดแนวทางการลดตน้ ทนุ ขนส่ง กรมอุตสาหกรรมพืน้ ฐานและการเหมืองแร่ 33 กระทรวงอตุ สาหกรรม

Best Practices & Lessons Learned การเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพโลจิสตกิ สภ์ าคอตุ สาหกรรม กลมุ่ อุตสาหกรรมเครอ่ื งใช้ไฟฟา้ และอเิ ลก็ ทรอนิกส์ จากการรวบรวมข้อมูล พบว่าต้นทุนการขนส่งสนิ ค้าภายในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยรถขนส่ง ของบริษัท มีต้นทุนรวมต่อเท่ียว = 8,375 บาทต่อเที่ยว โดยมีรายละเอียดต้นทุนค่าขนส่งแสดงดังตารางที่ 3-8 โดยจ้านวนเทีย่ วในการขนส่งในเขตกรงุ เทพ และปริมณฑลเท่ากับ 140 เท่ียว/เดือน รวมคา่ ขนส่งในเขตกรุงเทพ และปริมณฑลเท่ากบั 1,172,500 บาท/เดือน ตารางที่ 3-8 ต้นทุนคา่ ขนส่งสนิ ค้าภายในเขต กรงุ เทพ และปรมิ ณฑล โดยรถขนสง่ ของบรษิ ทั ค่าขนสง่ 7,500 บาท/เที่ยว คา่ แรงงาน 300 บาท/เท่ยี ว คา่ นา้ มนั 375 บาท/เทย่ี ว คา่ อนื่ ๆ 200 บาท/เทีย่ ว รวม 8,375 บาท/เที่ยว การขนส่งในเขตพนื้ ที่ ตา่ งจังหวดั การค้านวณค่าขนสง่ ต่างจงั หวัด 2 เทยี่ ว / วนั ต้นทนุ 5,000 บาท / เทยี่ ว จ้านวนการขนส่งต่างจังหวัด/เดอื น 2 เทย่ี ว / วัน x 5 วนั / สปั ดาห์ x 4 สัปดาห์ / เดือน = 40 เทย่ี ว / เดือน รวมค่าขนสง่ ตา่ งจังหวดั = 40 x 5,000 = 200,000 บาท / เดือน รวมต้นทุนค่าขนส่ง 1,172,500+200,000 = 1,372,500 บาท/เดือน ท่ีปรึกษาและบริษัท ได้เปรียบเทียบคุณสมบัติของผู้ให้บริการขนส่ง 3 ราย กับการด้าเนินการเองใน ประเด็นดา้ นต้นทนุ เวลา ความเหมาะสมของเส้นทาง และความน่าเชื่อถอื ตารางที่ 3-9 การเปรียบเทยี บความสา้ คญั ด้านต้นทนุ ระหวา่ ง LSP1, LSP2, LSP3 และ Leotech ช่อื ผใู้ ห้บรกิ าร ต้นทุนเดมิ ตน้ ทนุ ท่ีเสนอราคาใหม่ ประหยัด (บาท/เที่ยว) (บาท/เทีย่ ว) (%) LSP1 4,450 3,925 37.94 LSP2 4,680 3,695 35.72 LSP3 5,650 2,725 26.34 บริษัทฯ ดาเนนิ การเอง 8,375 0 - รวม 23,155 10,345 100.00 34 กรมอุตสาหกรรมพ้ืนฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม

บทที่ 3 กรณศี กึ ษาการแกไ้ ขปัญหาดา้ นโลจิสตกิ ส์ของกล่มุ อตุ สาหกรรมเครือ่ งไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนิกส์ ตารางท่ี 3-10 การเปรยี บเทียบความสา้ คญั ในการจ้างผู้ใหบ้ ริการขนสง่ และดา้ เนินการเอง คิดเปน็ ชอ่ื ผู้ ความ เวลาในการ ความ รวม (%) % ใหบ้ ริการ หลากหลาย ขนส่ง น่าเช่อื ถอื ของ (5)=(4) / ของเสน้ ทาง บริษัท (1) (2) (3) (4)=(1+2+3) 3 LSP1 20 20 20 60 20.00 % LSP2 30 30 40 100 33.33 % LSP3 20 20 20 60 20.00 % บรษิ ัทฯ 30 30 20 80 26.67 % ดาเนินการ เอง รวม 100% 100% 100% 300% 100.00 ตารางที่ 3-11 การคดั เลือกผู้สง่ มอบทเ่ี หมาะสมโดยพิจารณาจากนา้ หนักความส้าคัญ น้าหนกั ปจั จยั LSP1 LSP2 บรษิ ทั ฯ (%) LSP3 ดาเนนิ การ เอง ต้นทุน 80 0.3794 0.3572 0.2634 0 ปัจจัยอนื่ ๆ 20 0.2 0.33 0.2 0.2667 รวม 100 34.352 35.176 25.072 5.334 จากตารางการคา้ นวณ พบว่า คะแนนการพิจารณาคดั เลอื กบริษทั ขนสง่ ทเี่ หมาะสม ส้าหรบั บรษิ ทั Leotech เรยี งตามลา้ ดับดังน้ี ตารางท่ี 3-12 สรปุ การเปรยี บเทยี บบริษทั ผู้ให้บรกิ ารโลจสิ ติกส์ ลาดบั คะแนนของผูส้ ง่ มอบ LSP2 35.176 % 1 LSP1 34.352 % 2 LSP3 25.072 % 3 บริษัทฯ ดาเนินการเอง 5.334 % 4 กรมอุตสาหกรรมพ้นื ฐานและการเหมืองแร่ 35 กระทรวงอุตสาหกรรม

Best Practices & Lessons Learned การเพ่ิมประสิทธภิ าพโลจิสติกสภ์ าคอตุ สาหกรรม กลุ่มอตุ สาหกรรมเครอ่ื งใชไ้ ฟฟ้าและอเิ ล็กทรอนิกส์ ผลลัพธก์ ่อนและหลงั การปรับปรุง ตารางท่ี 3-13 ถึง 3-15 แสดงการเปรียบเทียบต้นทุนการจดั ส่งระหว่างผู้ให้บริการขนส่ง และบริษัทฯ ด้าเนินการเอง ในเขตกรุงเทพฯ และปรมิ ณฑล ตารางที่ 3-13 การเปรียบเทียบตน้ ทุน การจดั ส่ง ระหว่าง บริษัทกรณศี กึ ษา กบั บริษทั LSP2 บริษัท Leotech LSP2 ต้นทุนตอ่ เที่ยว 8,375 บาท/เที่ยว 4,680 บาท/เทย่ี ว ประหยดั ได้ 0 บาท/เท่ียว 3,695 บาท/เทย่ี ว จา้ นวนเทยี่ ว 140 เทยี่ ว/เดอื น 140 เทยี่ ว/เดือน รวมคา่ ขนสง่ 1,172,500 บาท/เดือน 655,200 บาท/เดอื น ผลตา่ งที่ 517,300 บาท/เดอื น ประหยดั ได้ คดิ เปน็ 44.12 % ตารางท่ี 3-14 การเปรียบเทยี บตน้ ทนุ การจดั ส่งรวมทง้ั หมดระหว่าง บริษัทกรณศี กึ ษา กับ บริษัท LSP2 รวมค่าขนสง่ ในเขตกรุงเทพปริมณฑล และ ต่างจังหวัด ผลต่างท่ีประหยัดได้ 1,172,500+200,000 = 1,372,500 บาท/เดอื น 517,300 บาท/เดือน ( คดิ เป็น 37.69 % ) ตารางที่ 3-15 การเปรียบเทยี บตน้ ทุนค่าขนส่งรวมก่อน-หลงั ปรับปรงุ ต้นทนุ ค่าขนส่งรวม (บาท/เดอื น) ช่อื ผใู้ ห้บริการ กอ่ นการปรบั ปรุง หลังการปรับปรงุ การเปลีย่ นแปลง (เปรยี บเทียบกบั บรษิ ทั ลดลง (บาท/เดอื น) ที่ถูกคดั เลอื ก) บริษัทฯ ดา้ เนนิ การเอง 1,372,500 - 0 LSP2 - 855,300 517,300 คดิ เปน็ ตน้ ทุนเฉล่ียลดลง (%) 37.69 % 36 กรมอุตสาหกรรมพนื้ ฐานและการเหมอื งแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม

บทท่ี 3 กรณีศึกษาการแก้ไขปญั หาดา้ นโลจิสติกสข์ องกลุ่มอตุ สาหกรรมเคร่อื งไฟฟา้ และอิเล็กทรอนกิ ส์ สถานประกอบการมีการพิจารณาคัดเลือกผู้ใหบ้ ริการโลจิสติกส์ ( Third Party Logistics : 3PL) โดย พิจารณาปัจจัยด้านต้นทุนเป็นหลัก ซึง่ เม่ือพิจารณาร่วมกับปัจจัยด้านเวลาความเหมาะสม และความน่าเช่ือถือ แล้ว พบว่าหากสามารถใช้บริการผู้ให้บริการโลจิสติกส์ ( Third Party Logistics : 3PL) ในทุกเส้นทางจะช่วย ประหยดั ต้นทุนได้มาก โดยเฉพาะผูใ้ ห้บรกิ ารโลจสิ ตกิ ส์ ( Third Party Logistics : 3PL) ท่ีคดั เลือกมีการบริการ ยกสินค้าที่บริษัทจดั เตรียมขน้ึ รถให้ด้วย จะมผี ลกับเวลาและแรงงาน อย่างไรก็ตามสถานประกอบการก็ยังต้องมี รถของตัวเองส้าหรบั ให้บรกิ ารเรง่ ด่วนในบางกรณี ซ่งึ อาจมตี น้ ทุนเพิ่มขึน้ เลก็ น้อย สรุป ผใู้ หบ้ ริการโลจสิ ติกส์ (3PL) ท่ไี ด้รบั คัดเลือกชว่ ยประหยดั ต้นทุนการขนสง่ รวมลงจาก 1,372,500 บาท ต่อเดือน เปน็ 855,200 บาทต่อเดอื น ลดลง 517,300 บาทตอ่ เดือน คิดเป็น 37.69 % บทเรยี นจากกรณีศึกษานค้ี อื การคดั เลอื กบรษิ ทั ผ้ใู หบ้ ริการโลจิสติกส์ ( Third Party Logistics : 3PL) ที่เหมาะสม นอกจากจะเปน็ การชว่ ยลดต้นทุนการขนส่งใหบ้ รษิ ทั ยงั มีประเด็นเก่ียวกับการบรกิ ารขนสินคา้ ข้นึ รถ จึงเปน็ การเพ่มิ ประสทิ ธภิ าพ และลดเวลาในการขนส่งได้เป็นอยา่ งดี กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมอื งแร่ 37 กระทรวงอุตสาหกรรม

Best Practices & Lessons Learned การเพมิ่ ประสิทธภิ าพโลจสิ ติกสภ์ าคอตุ สาหกรรม กลมุ่ อตุ สาหกรรมเครือ่ งใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ กรณีศกึ ษาท่ี 5 การเพม่ิ ประสทิ ธิภาพการสง่ มอบสนิ ค้าให้ทันเวลาด้วยการบริหารกลอ่ งบรรจภุ ัณฑ์ บทนา สถานประกอบการดา้ เนนิ ธุรกิจในการผลติ อุปกรณ์และอะไหลเ่ ครือ่ งทา้ ความเย็น จากสภาพปญั หาใน เบ้ืองต้นพบว่า สถานประกอบการมีการบริหารจัดการการส่งมอบสินค้าที่ล่าช้า ไม่สามารถส่งมอบได้ตรงตาม เวลาน้า (Lead time) ท่ีก้าหนดไว้ได้ ลูกค้าหลายรายเกิดความไม่มั่นใจต่อระยะเวลาในการส่งมอบสินค้า และ ส่งผลต่อภาพลักษณ์ขององค์กร หลังจากทีมที่ปรึกษาและทีมงานวิเคราะห์ปัญหาร่วมกันจึงน้าเทคนิคการใช้ แผนผังก้างปลา (Fish Bone Diagram) ร่วมกับการระดมสมอง (Focus Group) และใช้เทคนิคการประเมินผล ด้วยเวลามาตรฐาน (Standard Time) ท้าให้มิติความน่าเชื่อถือในด้านของความสามารถในการส่งมอบสินค้า เพม่ิ มากขน้ึ จากปี พ.ศ.2546 เปน็ ร้อยละ 96.3 ในปี พ.ศ.2547 รูปที่ 3-16 ทป่ี รึกษาสา้ รวจกลอ่ งบรรจภุ ณั ฑท์ ่ใี ชบ้ รรจสุ ินคา้ เพอื่ สง่ มอบระหว่างคคู่ า้ ขอ้ มลู เบอื้ งตน้ ของสถานประกอบการ ในช่วงเร่ิมต้นโครงการ ทีมท่ีปรึกษาได้ระดมสมองร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ท่ีเกี่ยวข้องภายในสถาน ประกอบการ เพ่ือวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาท่ีท้าให้การส่งมอบสินค้าล่าช้า ไมเ่ ป็นไปตามแผนการส่งมอบท่ีวาง ไว้ โดยร่วมกันวาดผังก้างปลาด้วยหลักการ 4M จึงพบท่ีมาของปัญหา มีรายละเอียดดังรูปท่ี 3-17 จากผัง ก้างปลาการวิเคราะห์สาเหตุของปัญหา จะเห็นได้ว่าสภาพปัญหาที่ท้าให้การส่งมอบสินค้าล่าช้า ไม่เป็นไปตาม แผนการส่งมอบสินค้า เกิดจากกล่องบรรจุภัณฑม์ ีไม่เพียงพอต่อความต้องการ เจ้าหน้าทไี่ มม่ ีการวางแผนการใช้ งานกล่องบรรจุภัณฑ์ ไม่มีมาตรฐานการวางแผนร่วมกับคู่ค้าในการส่งคืนกล่องบรรจุภัณฑ์ เนื่องจากกล่อง บรรจุภัณฑ์ของบริษัทเป็นกล่องบรรจุภัณฑ์หมุนเวียนระหว่างคู่ค้าหลายราย ซ่ึงในคู่ค้าบางรายมีการพยากรณ์ และส่ังผลิตสินค้าจ้านวนมากและไม่ส่งคืนกล่องบรรจุภัณฑ์ รอการเบิกจ่ายวัตถุดิบในกล่องบรรจุภัณฑ์ให้หมด กอ่ นส่งกลอ่ งบรรจภุ ณั ฑค์ ืนมายงั บรษิ ทั ฯ ในเทย่ี วการสัง่ ซ้อื ถัดไป 38 กรมอุตสาหกรรมพ้ืนฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอตุ สาหกรรม

บทท่ี 3 กรณศี ึกษาการแก้ไขปญั หาดา้ นโลจสิ ติกส์ของกลุ่มอุตสาหกรรมเคร่ืองไฟฟ้าและอิเล็กทรอนกิ ส์ ซ่ึงหากสินค้าบางรายการมีการเบิกจ่ายล่าช้าหรือเป็นสินค้า Dead stock ไม่มีการเคลื่อนไหว กล่อง บรรจุภัณฑ์ก็จะถูกเก็บไว้ใช้งานที่สถานประกอบการของคู่ค้า ท้าให้กล่องบรรจุภัณฑ์ท่ีใช้หมุนเวียนระหว่างคู่ค้า ของบรษิ ัทมไี มเ่ พียงพอต่อความต้องการ เครอ่ื งมือ/อปุ กรณ์ คน เจา้ หนา้ ที่ไม่มกี ารวางแผนการ กลอ่ งบรรจภุ ัณฑไ์ ม่ รถขนส่งต้องรอ ใชง้ านกล่องบรรจุภัณฑ์ เพยี งพอตอ่ ความต้องการ บรรจสุ ินค้า การวิเคราะห์ปญั หา ไมม่ มี าตรฐานการวางแผน สภาพแวดลอ้ ม การสง่ มอบสนิ คา้ ลา่ ชา้ ส่งคืนของกล่องบรรจุภณั ฑ์ คคู่ ้ารอใหม้ ีการเบกิ จ่ายวตั ถุดิบหมด วิธกี ารทา้ งาน ก่อนส่งกลอ่ งบรรจุภณั ฑ์กลบั คืน รูปที่ 3-17 ผงั กา้ งปลาการวเิ คราะห์สาเหตุของปัญหา นอกจากนั้นแล้วในบางสถานการณ์ยังต้องเสียค่าใช้จ่ายในการวิ่งรถเท่ียวเปล่าไปรบั กล่องบรรจุภัณฑ์ จากคู่ค้ากลับมาบรรจสุ ินคา้ เรง่ ดว่ นใหล้ ูกคา้ รายอน่ื อีกดว้ ย วตั ถุประสงค์ 1. เพ่อื บรหิ ารจัดการกล่องบรรจสุ นิ คา้ ได้อย่างเพยี งพอ 2. เพ่อื ให้สามารถสง่ มอบสนิ ค้าไดท้ ันตามเวลาท่กี ้าหนด 3. เพอื่ ลดค่าใชจ้ า่ ยการจา้ งงานขนสง่ สนิ คา้ จากบรษิ ัทขนส่งภายนอก กระบวนการปรับปรงุ ระบบโลจิสตกิ ส์ การก้าหนดแนวทางการพัฒนากระบวนการโลจิสติกส์ย้อนกลับของกล่องบรรจุภัณฑ์จากลูกค้ามายัง ผู้ผลิต ทีมท่ีปรึกษา และทีมผู้ประกอบการร่วมกันหารือ เพื่อระบุแนวทางการแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องกับการ วิเคราะหห์ าสาเหตขุ องปัญหาจากผงั ก้างปลาดงั นี้ กรมอตุ สาหกรรมพนื้ ฐานและการเหมอื งแร่ 39 กระทรวงอุตสาหกรรม