Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เติมชีวา_ให้ชีวิต_[พระไพศาล]

เติมชีวา_ให้ชีวิต_[พระไพศาล]

Published by Thalanglibrary, 2020-11-18 10:52:54

Description: เติมชีวา_ให้ชีวิต_[พระไพศาล]

Search

Read the Text Version

เตมิ ชีวาใหช้ ีวติ พระไพศาล วิสาโล

เตมิ ชวี าให้ชีวิต ผู้แต่ง : พระไพศาล วิสาโล ISBN : 978-616-7755-18-2 พมิ พค์ รง้ั ที่ ๑ : ตลุ าคม 2557 จ�ำนวนพิมพ์ : 3,000 เลม่ ราคา 80 บาท ภาพประกอบ/รูปเล่ม : วทญั ญู พรอัมรา จดั ท�ำโดย : เครือข่ายพทุ ธกิ า เลขที่ ๔๕/๔ ซ.อรณุ อมรนิ ทร์ ๓๙ ถ.อรณุ อมรนิ ทร์ แขวงอรณุ อมรินทร์ เขตบางกอกนอ้ ย กรุงเทพฯ ๑๐๗๐๐ โทรศัพท์ ๐๒-๘๘๒-๔๙๕๒,๐๘๑-๖๕๘-๗๒๔๑, ๐๘๖-๓๐๐-๕๔๕๘ โทรสาร ๐๒-๘๘๒-๕๐๔๓ อีเมล์ [email protected] เวบ็ ไซต์ http://www.budnet.org สนใจสนับสนุนการจัดพมิ พ์เผยแพร่ ตดิ ตอ่ เครือขา่ ยพุทธิกา รายละเอียดการโอนเงนิ : ธนาคารกรุงศรีอยธุ ยา สาขาอรุณอมรนิ ทร์ ประเภทออมทรพั ย์ ชื่อบญั ชี เครือขา่ ยชาวพทุ ธเพ่อื พระพุทธศาสนาและสังคมไทย เลขท่บี ัญชี 157-1-17074-3 หรือธนาณัติ สง่ั จ่ายในนาม นางสาวมณี ศรเี พยี งจนั ทร์ ปณ.ศริ ริ าช 10702 และสง่ มาทีเ่ ครอื ข่ายพทุ ธิกา สายด่วนให้คำ� ปรึกษาทางจติ ใจผปู้ ่วยระยะสดุ ทา้ ย โทร.086-0022-302

คำ�ปรารภ ชวี ติ ไมไ่ ดม้ คี วามหมายเพยี งแคก่ ารมลี มหายใจเขา้ ออกเทา่ นน้ั คนเราจะมีชีวิตอย่างแท้จริงต่อเมื่อมีความรู้ตัว มีความสดชื่น แจ่มใส เบกิ บาน จติ อยกู่ บั ปัจจุบนั ใครท่ียงั หลบั ใหล ไมร่ สู้ ึกตวั อยู่ในโลกแห่งอดีต หรือจมอยู่ในอารมณ์ท่ีเศร้าหมอง ถูกเผาลน ดว้ ยความโกรธแคน้ ยอ่ มไมอ่ าจเรยี กไดว้ า่ เขามชี วี ติ อยอู่ ยา่ งแทจ้ รงิ กล่าวอีกนัยหนึง่ ต้องมี “ชวี า” ดว้ ย ถงึ จะเรยี กว่ามชี วี ติ อย่างเต็ม ร้อย ชีวิตเตม็ ร้อยนน้ั ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจ�ำนวนทรัพยส์ นิ บริษทั บรวิ าร หรอื อำ� นาจทคี่ รอบครอง หากอยทู่ ค่ี ณุ ภาพภายใน ซงึ่ ชว่ ยใหจ้ ติ ใจ เป็นอิสระ ผาสุก และสงบเย็น ไม่ว่ามีอะไรมากระทบ ใจก็ไม่ กระเทือน ไม่พลัดหลงเขา้ ไปในอารมณท์ ีเ่ ป็นอกุศล ทเ่ี ป็นเชน่ น้นั กเ็ พราะมสี ตริ ทู้ นั อารมณท์ เ่ี กดิ ขน้ึ สามารถพาจติ กลบั มาอยกู่ บั เนอ้ื 3

กับตัว ไม่วา่ ทำ� อะไรอยู่ที่ไหน ก็มคี วามรู้สกึ ตัว เปน็ หน่ึงเดียวกับ ปจั จบุ นั สามารถเปดิ รบั ความสขุ ทม่ี อี ยรู่ อบตวั ขณะเดยี วกนั กร็ จู้ กั หาประโยชนจ์ ากทกุ เหตกุ ารณท์ เี่ กดิ ขนึ้ ไมว่ า่ ย�่ำแยเ่ ลวรา้ ยเพยี งใด กต็ าม ดังน้นั จงึ เป็นสุขและมีชีวติ ชวี าได้ในทกุ หนแหง่ บทความในหนังสือเล่มน้ีถ่ายทอดเร่ืองราวและประสบการณ์ ของผู้คนที่สามารถรักษาใจให้เป็นสุข น�ำพาชีวิตให้เจริญงอกงาม หรอื สรา้ งสรรคป์ ระโยชน์ แมเ้ ผชญิ อปุ สรรคและขอ้ จำ� กดั นานปั การ สามารถให้ข้อคิดหรือเป็นแบบอย่างของการวางใจ ที่ช่วยเติมชีวา ให้แก่ชวี ติ ของเราไดไ้ ม่น้อย หนังสือเล่มน้ีประกอบด้วยขอ้ เขียนรวมท้ังสนิ้ ๓๖ ช้ิน แบ่ง เปน็ สองส่วน สว่ นแรกเปน็ งานเขยี นของ “ภาวนั ” ท่ีเคยตพี ิมพ์ใน นติ ยสาร IMAGE ระหว่างปี ๒๕๕๕-๒๕๕๖ สว่ นท่สี องเป็นข้อ เขยี นของพระไพศาล วิสาโล ซึ่งคัดเลือกจาก “ค�ำปรารภ” หรือ “คำ� นิยม” ในที่ต่างๆ โดยมกี ารลอ้ มกรอบเพื่อให้แยกจากสว่ นแรก โดยเรียงสลับกันทีละบทตลอดท้ังเล่ม เพื่อเสริมเน้ือหาของกัน และกนั 4

หนังสือเล่มนี้ส�ำเร็จได้ โดยคุณนงลักษณ์ ตรงศีลสัตย์ เป็น บรรณาธิการคัดเลือกต้นฉบับ และคุณมณี ศรีเพียงจันทร์ ช่วย ด�ำเนนิ การตพี มิ พ์จนส�ำเรจ็ เปน็ รปู เล่ม ขอขอบคณุ ทง้ั สองทา่ นมา ณ ท่นี ี้ พระไพศาล วสิ าโล “ภาวนั ” อาสาฬหปุณณมี ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ Dhammaintrend รว่ มเผยแพรแ่ ละแบง่ ปันเป็ นธรรมทาน 5

สารบัญ ๑. สญั ชาตญาณหมู่ 9 มติ รทดี่ ีที่สดุ ของเรา 13 ๒. ล้างพษิ ทง้ั กายและใจ 17 ปว่ ยกายแตไ่ มป่ ่วยใจ 21 ๓. จากดอ้ ยเป็นเด่น 25 ของขวัญอันประเสรฐิ  30 ๔. คดิ บวก 33 เจอทกุ ข์ แตใ่ จไม่ทกุ ข์ 37 5. ทกั ทว้ งใจใหไ้ กลทุกข์ 39 มองเป็น เห็นถกู 45 6. คนสองโลก49 ความสขุ กลางใจ 53 7. นายหรอื ทาสความคิด 57 ชีวิตทงี่ ดงาม 61 8. ใช้สมอง อย่าลมื หัวใจ 65 ความร้สู ู่ความสขุ  69 9. อย่าเห็นแตก่ ากบาท 73 ไม่ระย่อตอ่ ความท้อแท้ ไม่ยอมแพ้โชคชะตา 77

10. คอยได้ ใจเยน็  81 สขุ ทุกเวลา 85 11. มหัศจรรย์แหง่ ปจั จบุ ันขณะ 89 โปร่งโลง่ เบาสบาย 93 12. ปญั หาอยทู่ ใ่ี จ 97 เปดิ ใจรับความสขุ  101 13. มีและเป็นอย่างไรถงึ จะไมท่ ุกข์ 105 ฉลาดทำ� ใจ 111 14. อตั ตาเลก็ หวั ใจใหญ่ 115 ชีวิตใหมเ่ ร่ิมได้ทกุ วัน 120 15. เยียวยาดว้ ยรกั  123 ครอบครวั เดียวกนั  127 16. อย่าร้องไหเ้ มือ่ อาทติ ยล์ บั ฟา้  131 อย่ตู รงนี้ เดย๋ี วน้กี ส็ ขุ ได้ 135 17. ใจดสี เู้ สือ 139 เปลยี่ นเคราะห์ใหก้ ลายเป็นโชค 143 18. โมงยามท่เี ปี่ยมชีวิตชีวา 147 ความสุขอันประเสรฐิ  151

8

สญั ชาตญาณหมู่ วัวไบซันเป็นสัตว์ที่มีความส�ำคัญต่อชีวิตของชาวอินเดียนแดง มานานนับหมื่นปี โดยเฉพาะในเขตที่ราบกว้างใหญ่อันทุรกันดาร ท้ังน้ีเพราะนอกจากเป็นอาหารแล้ว อวัยวะทุกส่วนของมันยัง สามารถเอามาใช้ประโยชน์ไดห้ มด ไม่ว่า เครอื่ งนงุ่ ห่ม ทพี่ ักอาศัย เคร่ืองมือ และอาวธุ วัวไบซันน้นั ตวั ใหญม่ าก สมยั ท่ยี งั ไมม่ ีปืนและมา้ นั่นคือก่อน ทจี่ ะตดิ ตอ่ สมั พนั ธก์ บั คนผวิ ขาว ชาวอนิ เดยี นแดงฆา่ มนั ไดอ้ ยา่ งไร ไม่ใช่แค่ตัวสองตัว แต่พวกเขาสามารถสังหารมันได้มากมายเป็น จำ� นวนนบั รอ้ ยนบั พัน ชาวอนิ เดยี นแดงนน้ั รจู้ กั นสิ ยั ของววั ไบซนั เปน็ อยา่ งดี เวลาเหน็ ฝูงวัวไบซันซึ่งมีจ�ำนวนนับพันหรือนับหม่ืน หากินอยู่ใกล้หน้าผา 9

พวกเขาจะกระจายก�ำลังล้อมกระหนาบฝูงวัวทั้งด้านหลังและด้าน ข้างอย่างเงียบๆ ขณะเดียวกันก็มีหน่วยกล้าตายแค่ ๒-๓ คน คนอ�ำพรางตัวด้วยหนังวัว คืบเคลื่อนเข้าไปอยู่ระหว่างฝูงวัวและ หน้าผา เมื่อได้สัญญาณผู้คนที่ล้อมกระหนาบก็แสดงตัวและส่ง เสยี งโห่รอ้ งเพื่อสรา้ ง ความตน่ื ตระหนกแกฝ่ ูงววั ช่วั เวลาเดยี วกัน นั้นเอง “ววั ปลอม” ซง่ึ ตอนนี้มาอย่ใู กลฝ้ ูงววั แล้ว ก็เรม่ิ ออกวิง่ เพ่อื ชักน�ำให้ฝูงวัวท้ังหมดวิ่งตาม วัวเหล่าน้ันพอเห็น “เพื่อน” ว่ิงนำ� พวกมนั กว็ ง่ิ ตามโดยหารไู้ มว่ า่ ขา้ งหนา้ นนั้ คอื หนา้ ผา เมอ่ื ถงึ หนา้ ผา หน่วยกล้าตายก็กระโดดลงหน้าผาโดยห้อยโหนเชือกท่ีผูกเตรียม เอาไว้ ขณะท่ีฝงู ววั ทง้ั หมดตกหนา้ ผาสงู แม้ไม่ตายทนั ทกี ็ตอ้ งถกู ผูค้ นสังหารในที่สุด ววั ไบซนั ตายยกฝงู เพราะหลงวิง่ ตาม “ตัวลอ่ ” ด้วยสำ� คัญผิด คิดว่าเป็นพวกเดียวกัน ท่ีจริงหากมันไม่ตื่นตระหนก มันก็คง แยกแยะออกวา่ ตัวทีว่ ่ิงนำ� น้นั เป็นคน ไม่ใช่พวกเดียวกนั และคง ไม่หลงวง่ิ ตาม เป็นธรรมดาวา่ เมอ่ื ตัวหน่ึงวิ่งตาม ตวั อืน่ ๆ ก็วิ่งตาม ไปดว้ ยโดยไมส่ นใจวา่ ข้างหนา้ จะเป็นอะไร ท่ีจริงไม่ใช่แต่วัวไบซันเท่าน้ันที่ตายหมู่เพราะหลงเช่ือตามๆ กัน คนเราก็ประสบชะตากรรมอย่างเดียวกันอยบู่ ่อยๆ เช่น เวลา 10

มีใครตะโกนวา่ ไฟไหม้ในโรงหนังหรือสถานบันเทิง ผูค้ นกแ็ ตกฮอื และวิ่งตามคนท่ีขยับตัวก่อน โดยไม่สนใจว่าเขาจะว่ิงไปไหน สุดท้ายก็พาไปติดทางตัน และก่ายกองกันอยู่ตรงน้ัน ถ้าไม่ตาย เพราะส�ำลักควันกเ็ พราะเหยยี บกนั ตายระหว่างทแี่ ตกฮือ คนที่กลายเป็นแมลงเม่าในตลาดหุ้น แม้ไม่ถึงกับตาย แต่ที่ หมดเนื้อหมดตัว ก็เพราะความแตกต่ืน จึงเทขายหุ้นตามๆ กัน หนุ้ จงึ ดงิ่ ลงเหวพรอ้ มกบั เงนิ ลงทนุ จำ� นวนมหาศาล ทำ� นองเดยี วกนั ผคู้ นทแ่ี หถ่ อนเงนิ ดว้ ยความตนื่ ตระหนกเพราะไดข้ า่ ววา่ ธนาคารมี ปญั หา ผลกค็ ือเจ็บตวั ไปตามๆ กนั เพราะเทา่ กับเร่งใหธ้ นาคารลม้ เรว็ เขา้ ยงั ไมต่ อ้ งพดู ถงึ ผทู้ ต่ี กเปน็ เหยอ่ื ของแชรล์ กู โซเ่ พราะพากนั หลงเชอื่ “ตวั ลอ่ ” หรือหน้ามา้ คนเราน้ันแม้อยากเป็นตัวของตัวเอง แต่ก็ถูกครอบง�ำด้วย สญั ชาตญาณหมไู่ มน่ ้อย หาไม่กค็ งไมแ่ หท่ ำ� ตามแฟชั่น ไมว่ า่ การ แตง่ กาย สะพายกระเป๋าราคาแพง หรือเข้าควิ ซอื้ ไอโฟน ๕ ท่ีจรงิ ไม่ใช่แต่การท�ำตามแฟช่ันซึ่งผุดโผล่เป็นคร้ังคราวเท่าน้ัน ในชีวิต ประจำ� วนั ของเรา เรามกั ทำ� ตามๆ กนั โดยไมร่ ตู้ วั อยบู่ อ่ ยๆ เชน่ กนิ ตามเพื่อน มกี ารวจิ ัยพบว่าคนที่มีเพ่ือนอว้ นหลายคน มแี นวโนม้ ที่ จะอ้วนไปกับเขาด้วย นอกจากนั้นยังพบอีกว่า หากกินกับเพื่อน 11

หนงึ่ คน เรามแี นวโนม้ ทจ่ี ะกนิ เพม่ิ ขน้ึ ๓๕% เมอื่ เทยี บกบั เวลากนิ คนเดียว ถา้ ร่วมวงส่คี น กจ็ ะกินเพิ่มเป็น ๗๕% และถ้าวงขยาย เปน็ ๑๐ คนกจ็ ะกินเพมิ่ เป็น ๙๖% การวจิ ยั ในกรณีอน่ื ยงั พบว่า วยั รนุ่ ท่ีเหน็ วยั รุ่นคนอ่นื ต้ังครรภ์ มแี นวโนม้ มากทตี่ นเองจะมที อ้ งเสยี เอง ขณะเดยี วกนั ปรากฏการณ์ ในหลายแห่งชีว้ า่ การรณรงคใ์ หผ้ ู้คนหยดุ กนิ เหลา้ สูบบหุ รี่ หรือ เสียภาษี จะได้ผล หากใหข้ ้อมลู วา่ คนส่วนใหญ่ (๗๐-๙๐ %) ทำ� เชน่ นั้น สญั ชาตญาณหมนู่ นั้ บางครงั้ มผี ลดตี อ่ ตวั เรา แตบ่ อ่ ยครง้ั กเ็ ปน็ โทษอยไู่ มน่ อ้ ย การรเู้ ทา่ ทนั นสิ ยั ทช่ี อบทำ� ตามๆ กนั จงึ เปน็ สง่ิ สำ� คญั อยา่ งหนง่ึ ของชวี ติ ใชห่ รอื ไมว่ า่ บอ่ ยครง้ั เราไมไ่ ดท้ ำ� เพราะตอ้ งการ การยอมรบั จากคนรอบขา้ ง แตท่ ำ� เพยี งเพราะไมร่ ตู้ ัว จึงปล่อยให้ คนอื่นชักน�ำไป การมีสติรู้ตัวอยู่เสมอไม่เพียงช่วยให้เราเป็นนาย ของตัวเองเท่าน้ัน แต่ยังอาจป้องกันไม่ให้เราประสบชะตากรรม แบบวัวไบซนั ได้ 12

มติ รท่ีดที ส่ี ดุ ของเรา ชวี ิตท่ีดยี อ่ มตอ้ งมมี ิตรคอยชว่ ยเหลือเกือ้ กลู คนส่วนใหญ่นน้ั แสวงหาแตม่ ิตรภายนอก โดยมองข้ามมิตรท่อี ยใู่ นใจของตน มิตร ในเรอื นใจนั้นสามารถเป็นมติ รทดี่ ีท่ีสดุ ของเรา หากวา่ มกี ารอบรม ฝกึ ฝนตนจนเปน็ ทพ่ี ง่ึ แกต่ นเองได้ แตจ่ ะทำ� เชน่ นนั้ ไดก้ ต็ อ้ งเรมิ่ จาก การรู้จักตนเองเป็นเบื้องแรก การรจู้ กั ตนเอง ไมอ่ าจเกดิ ขนึ้ ไดจ้ ากการคดิ เทา่ นนั้ แตย่ งั ตอ้ ง อาศัยการเห็นความจริงท่ีเกิดกับกายและใจ อย่างไม่ตัดสิน เห็น อยา่ งทมี่ นั เปน็ จรงิ ๆ นนั่ คอื เหน็ ดว้ ยสติ จรงิ อยทู่ แี รกยอ่ มอดไมไ่ ดท้ ี่ จะเห็นความจรงิ วา่ ตวั เองน้นั “แย”่ กวา่ ท่คี ิด แต่เพราะเห็นดว้ ยใจ ท่ีเป็นกลาง จึงท�ำให้ความชั่วร้ายหรืออกุศลธรรมต่างๆ ที่เกิดข้ึน นนั้ ไมส่ ามารถครอบง�ำจติ ใจได้ กายวาจาจึงเปน็ ไปอยา่ งปกติ ไม่ ไปกอ่ ปญั หาใหแ้ กใ่ คร รวมทง้ั ไมส่ รา้ งความเดอื ดรอ้ นแกต่ นเองดว้ ย 13

ขณะเดยี วกันจติ ใจกจ็ ะสงบเยน็ ไม่ถกู อกุศลธรรมแผดเผา ยงิ่ รจู้ กั ตนเองมากเท่าไร กจ็ ะยงิ่ เปน็ มิตรกบั ตัวเองไดม้ ากข้ึน และคน้ พบ ความสขุ อันประณีตทีอ่ ยกู่ ลางใจ คนทกุ วนั นยี้ ากทจ่ี ะเปน็ มติ รกบั ตวั เอง มแี ตค่ วามรสู้ กึ เหนิ หา่ ง หมางเมนิ หรอื แปลกแยกกบั ตวั เอง จงึ คดิ แตจ่ ะหนตี วั เองตลอดเวลา ด้วยการวิ่งหาส่งิ เสพ หมกมุ่นกับความบันเทิง เทีย่ วหา้ ง เล่นเกม คลกุ คลตี โี มงกับผ้คู น คุยโทรศพั ท์(หรอื ทวติ เตอร์)ท้งั วัน หาไมก่ ็ ท�ำตัวให้วุ่นกับการงาน แต่ย่ิงพยายามหนีตัวเองมากเท่าไร ก็ยิ่ง ไกลจากความสขุ เทา่ นนั้ เพราะสขุ ทแี่ ทน้ นั้ ไมไ่ ดอ้ ยนู่ อกตวั หากอยู่ ในใจเรานีเ้ อง การมสี ตริ ะลกึ รคู้ วามเปน็ ไปของกายและใจในแตล่ ะขณะ เปน็ กุญแจส�ำคัญสู่การรู้จักตนเองอย่างลึกซ้ึง จนเห็นชัดว่าความทุกข์ นั้นเกิดข้ึนเพราะใจท่ียึดติดกับส่ิงปรุงแต่งท้ังปวง โดยเฉพาะการ ยดึ ตดิ ในตวั ตน หรอื ยดึ ตดิ สิ่งต่างๆ ทง้ั รูปธรรมและนามธรรมวา่ เปน็ ตัวตน ปญั ญาทเี่ ห็นความจรงิ อย่างลกึ ซ้งึ น้แี หละท่จี ะท�ำใหเ้ รา เปน็ อสิ ระจากความทุกข์อย่างสิน้ เชงิ 14

15

16

ลา้ งพษิ ทัง้ กายและใจ การลา้ งพษิ กำ� ลงั ไดร้ บั ความนยิ ม บางคนยอมเสยี เงนิ เปน็ หมน่ื เพอื่ การน้ี ท้ังๆ ทต่ี อ้ งอดอาหารหลายวนั นอกจากของโปรดจะไม่ ได้กินแล้ว ยังต้องเจอกับความหิวและอ่อนเพลีย แต่ก็ยอมเพ่ือ สขุ ภาพ ท่ีจริงร่างกายเรามีการระบายถ่ายเทสารพิษนานาชนิดเป็น ธรรมชาตอิ ยแู่ ลว้ แตม่ กั จะทำ� ไดไ้ มด่ หี ากเรากนิ อาหารเขา้ ไปมากๆ เน่ืองจากร่างกายต้องใช้พลังงานไม่น้อยในการย่อยและดูดซึมสาร อาหาร จนแทบไม่ได้พกั ผอ่ น จงึ เหลอื พลังงานไมม่ ากสำ� หรบั การ ขจดั สารพษิ ออกไปจากรา่ งกาย ผลกค็ อื มสี ารพษิ ตกคา้ งเปน็ จำ� นวน มาก สารพิษบางอยา่ งมาจากของเสยี ท่รี ะบายออกไปไม่หมด จงึ หมักหมมจนกลายเป็นโทษ สารพิษเหล่าน้ีถ้าสะสมตามอวัยวะ ต่างๆ มากเกินไปกท็ ำ� ใหอ้ วัยวะสว่ นน้นั มีปญั หา จนท�ำใหร้ า่ งกาย 17

เจ็บป่วยในท่ีสุด มะเร็งหลายชนิดเชื่อว่าเกิดจากสารพิษท่ีตกค้าง ในร่างกาย โดยเฉพาะทตี่ บั กระเพาะอาหารและลำ� ไส้ ดว้ ยเหตนุ ใ้ี นการลา้ งพษิ การงดรบั อาหารจงึ เปน็ ขน้ั ตอนสำ� คญั เพ่ือให้อวัยวะส�ำคัญได้พักผ่อนจากการย่อยและดูดซึม จะได้เอา พลงั งานไปทมุ่ เทใหก้ บั การระบายถา่ ยเทสารพษิ ออกไปอยา่ งเตม็ ที่ ในกระบวนการดงั กลา่ ว มกั มกี ารกนิ ของเหลวบางชนดิ เขา้ ไป เพอื่ ชว่ ยใหร้ า่ งกายขบั ถา่ ยสารพษิ ไดด้ ขี น้ึ หลายคนเมอ่ื ผา่ นการลา้ งพษิ แล้ว จะรสู้ กึ เบาตัว สบายกาย อยา่ งเหน็ ได้ชดั จะวา่ ไปแล้ว ไม่ใชแ่ ตร่ า่ งกายเทา่ นนั้ ใจเรากม็ พี ิษท่คี วรขจดั ออกไปดว้ ยเชน่ กนั นน่ั คอื อารมณท์ ตี่ กคา้ งหมกั หมมในจติ ใจ โดย เฉพาะความเครียด ความวิตกกงั วล ความโกรธ และความเศร้า ซงึ่ มกั เปน็ ผลจากการออกไปรบั ผสั สะตา่ งๆ อยา่ งไมห่ ยดุ หยอ่ นทง้ั กลางวันและกลางคืน อารมณ์เหล่านี้เม่ือเกิดข้ึนแล้ว หากรู้จัก ปลอ่ ยวางสะสางออกไปบา้ งกไ็ ม่เป็นปญั หา แต่ถ้าเกบ็ สะสมเอาไว้ ก็ท�ำให้เปน็ ทุกข์ อาจส่งผลให้เกิดความเจบ็ ปว่ ยไดด้ ้วย เชน่ ความ ดนั สงู ปวดหวั ยดื เยอ้ื หรอื ปวดทอ้ งเรอ้ื รงั ทง้ั ๆ ทรี่ า่ งกายไมม่ อี ะไร ผิดปกติ 18

ถ้าไม่หยุดรับผัสสะต่างๆ เสียบ้าง เช่น แสงสีที่มากระทบ ตลอดจนขอ้ มลู ขา่ วสาร ไมว่ า่ จากสอ่ื นานาชนดิ หรอื จากการพบปะ พดู คยุ กบั คน สง่ิ ตกคา้ งโดยเฉพาะอารมณท์ หี่ มกั หมมกค็ งทว่ มทน้ ใจ จนทำ� ใหใ้ จปว่ ยได้ บางครงั้ เราจำ� ตอ้ งหยดุ รบั สงิ่ เหลา่ นสี้ กั ระยะ หนงึ่ เพอ่ื ใหจ้ ติ ใจมเี วลาระบายสงิ่ หมกั หมมออกไป จะไดเ้ กดิ ความ แช่มชื่นโปร่งเบา ที่จริงหากรับแต่พอดี จิตใจก็มีความสามารถ ระบายสงิ่ หมักหมมออกไปได้ทนั ท่วงที แต่ทุกวนั น้เี รารบั ผัสสะมา มากเหลือเกิน โดยเฉพาะข้อมูลข่าวสารท่ีระดมมาไม่หยุด จิตใจ เลยระบายไมไ่ หว ผลกค็ อื เกดิ ความขง้ึ เครยี ด ความวติ กกงั วล และ ความรุ่มร้อนใจ พรอ้ มๆ กับการควบคุมปรมิ าณของผสั สะ การเพมิ่ สมรรถนะ ของใจในการระบายส่ิงตกค้าง ก็จ�ำเป็นเช่นกัน ดังนั้นเราจึงควร เจริญสติ ท�ำสมาธิ และบ�ำเพ็ญเมตตาภาวนาอยู่เนืองๆ สติและ สมาธชิ ว่ ยให้เราปลอ่ ยวางอารมณต์ ่างๆ ไดง้ า่ ย ไมใ่ ห้มันคา้ งคาจน หมกั หมมเป็นพิษ ส่วนเมตตาก็ช่วยสลายความโกรธ ไมใ่ หต้ กคา้ ง และแผดเผาจติ จนรุม่ รอ้ น เช่นเดียวกบั การลา้ งพษิ ในร่างกาย การล้างพิษในจิตใจ ตอ้ ง อาศยั การปลกี ตวั ออกจากภารกจิ และวถิ ชี วี ติ ประจำ� วนั สกั ระยะหนงึ่ 19

ซงึ่ เปน็ การพกั ผอ่ นในตวั ไมต่ ้องไปไกลถงึ รสี อร์ตริมทะเลกไ็ ด้ แม้ อยใู่ นบา้ นกท็ ำ� ได้ หรอื จะหลกี เรน้ ในทส่ี งบสงดั กย็ ง่ิ ดี แมว้ า่ จะตอ้ ง เจอกับอาการโหยหิวผัสสะ เช่นแสงสี หรอื ข้อมูลข่าวสาร ไม่ตา่ ง จากคนที่ “ลงแดง” เพราะขาดเหล้า แต่หากอดทนและผา่ นพน้ มา ได้ จะพบกบั ความโปร่งโล่งเบาสบายในใจ ถ้าไม่อยากล้างพิษบ่อยๆ ก็ควรกินอาหารและเสพรับข้อมูล ขา่ วสารพอประมาณ รวู้ า่ เทา่ ไรควรพอ และมเี วลาใหก้ ายและใจได้ พกั ผอ่ นอย่เู สมอ สารพษิ นานาชนดิ ก็จะคกุ คามชวี ติ น้อยลง 20

ปว่ ยกายแต่ไม่ป่วยใจ ความเจ็บป่วยเป็นธรรมดาของชีวิต ไม่มีใครหนีพ้นความจริง ขอ้ นี้ไปได้ แม้พยายามปอ้ งกันเพยี งใดกต็ าม กย็ ่อมมีวันท่จี ะตอ้ ง ลม้ ปว่ ย ในยามนน้ั นอกจากการเยยี วยารักษากายแลว้ ส่ิงท่ีส�ำคญั ไม่นอ้ ยไปกว่ากนั กค็ ือการดแู ลรกั ษาใจ เพราะความป่วยใจมักเกิด ขน้ึ ควบคกู่ บั ความปว่ ยกาย บอ่ ยครง้ั ความปว่ ยใจยงั ซำ�้ เตมิ ใหค้ วาม ป่วยกายเพียบหนักขึ้น หรือขัดขวางไม่ให้การเยียวยาทางกาย ประสบผลดี แตห่ ากดูแลรกั ษาใจให้ดแี ลว้ ความทุกขท์ รมานก็จะ ลดลง อีกท้ังยงั อาจชว่ ยใหค้ วามเจบ็ ป่วยทเุ ลาลงด้วย ป่วยกายแตไ่ ม่ปว่ ยใจนน้ั เป็นไปได้ หากรู้จกั วางใจใหเ้ ป็น ยิ่ง กวา่ นน้ั ใจทม่ี สี ตแิ ละปญั ญา ยงั สามารถหาประโยชนจ์ ากความเจบ็ ป่วยได้ด้วย เช่น ท�ำให้เกิดความเข้าใจในความเป็นจริงของชีวิต ตระหนักถึงความไม่เท่ียงของสังขาร กระตุ้นให้เกิดความไม่ 21

ประมาท เร่งสร้างกุศล และท�ำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดในขณะที่ ยังมีเวลา ความเจ็บป่วยจึงสามารถเป็นปัจจัยผลักดันให้ชีวิต เปลีย่ นแปลงไปในทางทดี่ ขี ้นึ ทำ� ใหจ้ ิตใจเจรญิ งอกงามและเป็นสุข 22

23

24

จากดอ้ ยเป็นเด่น ในสายตาของคนทั่วไป ออทิสติก แอสเปอร์เกอร์ ความ บกพรอ่ งในการอา่ น (dyslexia) สมาธสิ นั้ จดั วา่ เปน็ “โรค” เพราะ เป็นอาการท่ีไม่พึงประสงค์ หากเกิดข้ึนกับตัวเองก็ถือว่าเป็นโชค ร้าย ส่วนใครที่รวู้ า่ ลูกหลานของตวั เองมีอาการเหล่าน้ี ก็คงกนิ ไม่ ได้นอนไมห่ ลบั ข่าวดีก็คือ อาการเหลา่ น้มี ีประโยชนไ์ ม่ใช่นอ้ ย นิตยสาร ดิอี โคโนมสิ ต์ เปดิ เผยวา่ คนเกง่ คนดงั ระดับโลกหลายคน โดยเฉพาะ ในวงการเทคโนโลยแี ละธรุ กจิ มอี าการเหลา่ นคี้ นละอยา่ งสองอยา่ ง เชน่ มารค์ ซคั เกอรเ์ บริ ก์ ผกู้ อ่ ตง้ั เฟซบคุ๊ จากปากคำ� ของคนทร่ี จู้ กั เขา ซัคเกอร์เบิร์ก มีอาการของคนที่เป็นแอสเปอร์เกอร์หรือ ออทิสตกิ อยา่ งออ่ นๆ อาทเิ ชน่ “เขาไมค่ ่อยมฟี ีดแบ็คหรอื ตอบรับ วา่ เขาก�ำลงั ฟงั คุณอย”ู่ 25

หลายคนทที่ ำ� หนา้ ทร่ี บั คนเขา้ ทำ� งานตง้ั ขอ้ สงั เกตวา่ คณุ สมบตั ิ ของโปรแกรมเมอร์ที่เก่งนั้นคล้ายคลึงกับอาการของคนท่ีเป็นแอส เปอร์เกอร์ เช่น ชอบจดจอ่ หมกมนุ่ อยู่กับเรื่องแคบๆ หลงใหลใน ตวั เลข แบบแผน และเคร่ืองจักร เสพติดงานทีซ่ ้ำ� ซาก และขาด ความออ่ นไหวตอ่ อารมณ์และปฏสิ ัมพันธ์ของผคู้ น ปเี ตอร์ ทเี อล ซงึ่ เป็นคนแรกๆ ที่รว่ มลงทนุ ในเฟซบคุ๊ บอกวา่ “คนที่บริหารธุรกิจอินเทอร์เน็ตล้วนเป็นพวกออทิสติก” แต่ใช่ว่า แวดวงอ่ืนจะแตกต่างไปจากน้ี มีการศึกษาพบว่าผู้ประกอบการ ธุรกิจจ�ำนวนมากมีอาการทางจิตท่ีไม่เหมือนคนอ่ืน เช่น จูลี ล็อกอนิ แห่งมหาวิทยาลัยธุรกจิ คาสส์ พบวา่ ร้อยละ ๓๕ ของคน เหล่าน้ีมีความบกพร่องในการอ่าน ขณะที่ประชากรเพียงร้อยละ ๑๐ เท่านนั้ ท่มี อี าการดงั กล่าว คนดงั ทมี่ อี าการดงั กลา่ ว ไดแ้ ก่ ผกู้ อ่ ตง้ั บรษิ ทั ฟอรด์ เจเนอรลั อเี ลค็ ทรคิ ไอบเี อม็ และไอเคยี ไมเ่ วน้ แมก้ ระทง่ั คนดงั ในยคุ นี้ อาทิ สตฟี จอ็ บส์ และรชิ ารด์ แบรนสัน ทำ� ไมถึงเปน็ เช่นนั้น มคี ำ� อธิบายมากมาย ข้อหนึ่งกค็ ือ คนท่ี มีความบกพร่องในการอ่าน จะฉลาดในการมอบหมายงานให้คน 26

อน่ื ทำ� ตั้งแต่เล็ก (เช่น ขอให้คนอ่นื ชว่ ยท�ำการบ้านให้) นอกจาก นนั้ เขายงั ชอบเขา้ หางานทไ่ี มเ่ รยี กรอ้ งคณุ สมบตั ทิ เ่ี ปน็ ทางการมาก รวมท้ังไม่ตอ้ งอ่านมากเขยี นมาก สมาธิสั้น ก็เป็นอาการอกี อยา่ งที่ “เปน็ มิตร” กบั ผู้ประกอบ การ เพราะชว่ ยใหม้ คี วามคดิ ใหมๆ่ เกดิ ขน้ึ ตลอดเวลา มกี ารศกึ ษา พบว่าคนท่ีมีสมาธิสั้นมีแนวโน้มที่จะท�ำกิจการของตัวเองมากเป็น ๖ เทา่ เม่ือเทียบกบั คนปกติ เดวิด นีเลอแมน ผู้กอ่ ตงั้ เจ็ทบลู สายการบินต้นทุนต่ำ� พดู ไว้ นา่ สนใจวา่ “สมองสมาธสิ นั้ ของผมชอบแสวงหาวธิ ที ด่ี กี วา่ เดมิ เวลา จะทำ� อะไรกต็ าม แมว้ ่าความไมเ่ ปน็ ระเบียบ ชอบผลดั วันประกนั พรุง่ ไม่สามารถจดจ่อกับอะไรได้ รวมท้งั สงิ่ แยๆ่ ทงั้ หลายจะมา พร้อมกับโรคสมาธิส้ัน แต่ส่ิงที่ตามมาด้วยกันก็คือ ความคิด สรา้ งสรรคแ์ ละความกล้าได้กลา้ เสยี ” ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่แย่ไปเสียหมด จุดอ่อนด้านหน่ึงหมายถึง จุดแข็งอกี ดา้ นหนึ่ง คนท่ีเรยี นไม่เกง่ จำ� ไม่แม่นมกั มีความสามารถ อีกด้านหน่ึงมาทดแทน เช่น มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีหรือมีอีคิวสูง ท�ำนองเดียวกับคนที่ตาบอดมักมีหูไวและสัมผัสเป็นเลิศ ประเทศ 27

ทขี่ าดแคลนทรพั ยากรธรรมชาตมิ กั มปี ระชากรทฉ่ี ลาดและกา้ วหนา้ ดา้ นเทคโนโลยี อาทิ ญป่ี ุน่ สิงคโปร์ และหลายประเทศในยุโรป ในทางตรงขา้ มจดุ แขง็ ดา้ นหนงึ่ กห็ มายถงึ จดุ ออ่ นอกี ดา้ นหนงึ่ หลาย ประเทศร่�ำรวยทรัพยากรธรรมชาติแต่คุณภาพคนกลับย�่ำแย่และ ตอ้ งพ่ึงพาเทคโนโลยีของชาติอื่น ครง้ั หนงึ่ ผหู้ ญงิ ถกู มองวา่ เปน็ เพศทอี่ อ่ นแอ ตอ้ งอยกู่ บั เหยา้ เฝา้ กับเรือน แต่ทุกวันน้ีผู้หญิงก�ำลังเป็นคนท�ำรายได้หลักให้แก่ ครอบครวั ในสหรฐั อเมรกิ า ขณะทผ่ี ชู้ ายตกงานกนั เปน็ จำ� นวนมาก เพราะโรงงานปดิ ตัว หรือไมก่ ็ยา้ ยไปเอเชยี ผูห้ ญิงกลบั มีการงาน และรายไดท้ มี่ นั่ คงกวา่ ทงั้ นเี้ พราะกจิ การทย่ี งั เตบิ โตไดเ้ รอ่ื ยๆ เปน็ กิจการด้านบรกิ าร ซึง่ ใช้สมองและทกั ษะทางสังคม ซ่ึงผู้หญิงมีความได้เปรียบกว่า ขณะที่งานใช้แรงกายน้ัน ถดถอยน้อยลงไปเรื่อยๆ บางเมืองในอเมริกา รายได้เฉล่ียของผู้ หญงิ สงู กวา่ ของผชู้ ายถงึ ร้อยละ ๔๐ แมก้ ระทง่ั ในบราซิล ปัจจุบนั ผ้หู ญิงเกอื บ ๑ ใน ๓ มีรายไดเ้ ฉล่ยี มากกว่าสามี ปรากฏการณ์ ดังกลา่ วกำ� ลังเปน็ ธรรมดาของเศรษฐกิจยุคโลกาภิวตั นไ์ ปแลว้ เม่อื โลกมคี วามหลากหลายมากขน้ึ นน่ั หมายถึงโอกาสที่เปดิ 28

กวา้ งส�ำหรับคนทุกประเภท ไมว่ ่า ออทิสติก คนพิการ คนเรยี นชา้ ซง่ึ ครง้ั หนงึ่ เคยถกู มองวา่ ดอ้ ยความสามารถ หากมองหาจดุ แขง็ ของ ตัวให้เจอ หรือทำ� สิง่ ทีต่ นถนดั อยู่ในต�ำแหนง่ ท่เี หมาะ ก็สามารถ สรา้ งสรรคส์ ิ่งต่างๆ ได้มากมาย และประสบความส�ำเร็จได้ไม่ยาก 29

ของขวญั อันประเสริฐ ของขวญั อันประเสรฐิ ยิ่งนั้น ไมม่ ใี ครสามารถมอบใหแ้ กเ่ ราได้ แทจ้ ริงเปน็ ส่ิงทีม่ ีอยแู่ ล้วกบั เรา แต่จะมคี วามหมายอย่างแท้จรงิ ก็ ตอ่ เมอื่ เรารูจ้ ักใชป้ ระโยชนห์ รอื ต่อยอดให้เกดิ ความดงี ามย่ิงๆ ขน้ึ ไป หาไม่แล้วส่ิงเหลา่ น้ันกด็ ูเหมือนไรค้ า่ หรอื ถกู มองขา้ มไป ขณะ ที่ทรพั ย์ ยศ อ�ำนาจ หรือส่งิ ท่ฉี าบฉวยผิวเผินทง้ั หลาย กลบั เป็นท่ี หมายปอง หรือถูกยกให้มีความส�ำคญั ข้ึนมาแทน ไม่ว่ายากดีมีจน อยู่ในสถานะใด เราแต่ละคนล้วนมีสิ่งทรง คณุ คา่ ไมไ่ ด้ย่ิงหยอ่ นกว่ากนั ไม่มใี ครต�่ำต้อยกวา่ ใคร กล่าวอย่าง ถึงท่ีสุดแล้ว ชีวิตของเราจะมีคุณค่ามากหรือน้อย ก็อยู่ที่ว่าจะใช้ ของขวญั ทีม่ ีอยนู่ ัน้ ใหเ้ กิดประโยชนเ์ พียงใดตา่ งหาก 30

31

32

คิดบวก ทกุ วนั นี้ “คดิ บวก” กำ� ลงั เปน็ ทนี่ ยิ มมาก แตเ่ ราหมายความวา่ อยา่ งไรเวลานกึ ถงึ คำ� นี้ ความหมายหนงึ่ กค็ อื การคาดการณอ์ นาคต ในแงด่ ี มองเหน็ ความสำ� เรจ็ อยขู่ า้ งหนา้ หนว่ ยงานหลายแหง่ ถงึ กบั เอาแนวคิดนม้ี าใช้ในการวางแผน คือ ต้ังเปา้ ทสี่ วยหรูเอาไว้ ทัง้ นี้ เพ่ือกระตุ้นให้เกิดก�ำลังใจในการท�ำงาน บางคนถึงกับเช่ือว่า ถ้า นึกถงึ ส่งิ ดๆี สิ่งน้นั ก็มโี อกาสจะเกิดขนึ้ กับตนได้ แต่ปัญหาทเ่ี กิดจากวธิ ีคดิ แบบนก้ี ค็ อื หากผลที่ออกมาไม่เป็น อยา่ งท่ีคดิ เอาไว้ กจ็ ะตงั้ รับไม่ทนั หลายคนวาดหวงั ว่าชวี ิตจะต้อง ราบรื่น ก้าวหน้าและเปี่ยมสุข แต่พอรู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็ง ก็ล้ม ทรุดทันทที ้งั ๆ ท่ีมะเร็งยงั อย่ใู นระยะแรก นกั ธรุ กจิ จำ� นวนไมน่ อ้ ยทำ� งานอยา่ งเลง็ ผลเลศิ มองเหน็ อนาคต 33

สดใส จงึ เดนิ หนา้ เตม็ ทโ่ี ดยไมค่ ดิ เผอื่ ทางอน่ื ไวเ้ ลย พอสถานการณ์ ไม่เปน็ อย่างที่คดิ ก็ปรับตัวไมท่ ัน เพราะไมม่ ีแผนสองไวร้ องรบั การต้ังเป้าไว้สวยหรูนั้น ยังมีผลเสียตรงที่ ดึงดูดให้ผู้คน หมกมุ่นอยู่กับการท�ำให้ถึงเป้า จนลืมเร่ืองอ่ืนที่มีความส�ำคัญต่อ ชวี ติ ผลกค็ อื แมป้ ระสบความสำ� เรจ็ ตามเปา้ แตก่ ส็ ญู เสยี หลายสงิ่ หลายอยา่ งไป มีนกั ธรุ กิจชาวอเมรกิ นั คนหน่ึงเลา่ ว่า เขาต้งั เป้าไว้ วา่ จะตอ้ งมเี งนิ ๑ ลา้ นเหรยี ญกอ่ นอายุ ๔๐ แลว้ เขากท็ ำ� ไดใ้ นทสี่ ดุ แต่ปรากฏว่าเขาต้องหย่าขาดจากภรรยา มีปัญหาสุขภาพ ซ้�ำลูก ยังไมค่ ยุ กับเขาอกี ดว้ ย จะดกี วา่ ไหมหากเรามองอนาคตในแงล่ บไวบ้ า้ ง เพราะอนาคต เป็นสิ่งท่ีไม่แน่นอน และเราไม่อาจควบคุมบังคับให้เป็นไปตามใจ ของเราได้ แมว้ นั นช้ี ีวติ จะราบร่ืน ก็ไมไ่ ดห้ มายความว่าพรุง่ นีช้ ีวติ จะราบรนื่ เหมอื นวนั นี้ ดงั นน้ั ไมว่ า่ จะทำ� อะไร จงึ ควรเผอื่ ใจไวว้ า่ อาจ ไมส่ �ำเรจ็ อย่างท่ีวาดหวงั การมองวา่ ในอนาคตเราอาจเจ็บปว่ ยดว้ ยโรคร้าย การงานล้ม เหลว มีปญั หาการเงิน หลายคนมองว่าเปน็ “ลาง” ไม่ดี แต่ท่จี ริง มนั เปน็ การกระตนุ้ เตอื นใหเ้ ราไมป่ ระมาทกบั ชวี ติ และไมห่ ลงเพลนิ 34

ในความสำ� เร็จทกี่ �ำลังเกิดขน้ึ ทำ� ใหเ้ ราเตรียมพรอ้ มรบั มือกบั เหตุ ร้ายทีอ่ าจมาถงึ และหาทางปอ้ งกนั มใิ ห้มนั เกดิ ขน้ึ หากอยูใ่ นวิสัยท่ี จะทำ� ได้ รวมทง้ั เรง่ ทำ� สง่ิ ทคี่ วรทำ� แทนทจี่ ะปลอ่ ยใหเ้ วลาผา่ นไปโดย เปลา่ ประโยชน์ นเี้ ปน็ วธิ หี นงึ่ ทพี่ ระพทุ ธเจา้ ใชส้ อนพระภกิ ษแุ ละคฤหสั ถ์ กลา่ ว คือ ทรงแนะใหร้ ะลึกถงึ ความแก่ ความเจ็บ ความตาย และความ พลดั พรากสญู เสยี จากของรกั ของชอบใจ อยเู่ นอื งๆ ในบางครงั้ ทรง แนะใหพ้ ระภกิ ษรุ ะลกึ ถงึ อนาคตภยั ๕ ประการ คอื ความแก่ ความ เจบ็ ปว่ ย ข้าวยากหมากแพง ความไมส่ งบในบา้ นเมือง และความ แตกสามคั คีในหมสู่ งฆ์ ท้ังน้ีเพือ่ กระตุน้ เตอื นให้เร่งทำ� ความเพยี ร ในขณะทย่ี ังมชี วี ติ สุขสบาย เวลาไปฟังผลตรวจร่างกายจากหมอ หลายคนวิตกกังวลวา่ จะ เจอขา่ วร้าย จนกินไมไ่ ดน้ อนไม่หลบั แตถ่ ้าตง้ั สตใิ หด้ ี แล้วนกึ ถงึ สถานการณเ์ ลวรา้ ยทส่ี ดุ ท่ีอาจเกดิ ขึ้น เช่น เปน็ มะเรง็ ลองท�ำใจ ให้คุ้นกับความคิดนึกดังกล่าวสักพัก ยอมรับความกลัวที่เกิดขึ้น แลว้ จะพบวา่ เราสามารถรบั ฟงั คำ� วนิ จิ ฉยั ของหมอดว้ ยใจทส่ี งบมาก ขึ้น สุดท้ายแมพ้ บวา่ ตวั เองเปน็ มะเร็ง เราก็จะยอมรับความจรงิ นี้ ไดง้ ่ายขน้ึ เพราะเผือ่ ใจเอาไวแ้ ล้ว 35

ถึงตรงน้ีแหละที่ “คิดบวก” ในอีกความหมายหน่ึงเป็น ประโยชน์แก่เรา นัน่ คือการมองเหน็ ดา้ นดขี องเหตรุ า้ ย มบี างคน บอกวา่ โชคดที ร่ี แู้ ตเ่ นน่ิ ๆ ทำ� ใหม้ เี วลารกั ษาตวั เองกอ่ นทมี่ นั จะลาม หลายคนบอกว่า โชคดีท่ีเป็นมะเร็ง เพราะมะเร็งท�ำให้เขาหันมา สนใจธรรมะ จงึ ได้พบกับความสขุ ที่แท้ ในท�ำนองเดียวกัน การเห็นส่ิงดีๆ ไม่จดจ่ออยู่กับสิ่งแย่ๆ ก็ ท�ำให้เราสามารถรับมือกับเหตุร้ายได้ ดังหลายคนบอกว่า ถึงแม้ กายจะปว่ ย แตก่ ย็ ังเห็นสิ่งสวยงามอยู่รอบตัว การมองเห็นดา้ นดขี องเหตรุ ้าย และการเหน็ สงิ่ ดๆี ท่ีอยรู่ าย รอบส่ิงแย่ๆ เป็นการคดิ บวกท่ีช่วยใหเ้ ราอยกู่ บั ความทุกข์ได้โดยใจ ไมท่ กุ ข์ 36

เจอทกุ ข์ แต่ใจไมท่ ุกข์ ไมว่ า่ รำ่� รวยเพยี งใด ยงิ่ ใหญแ่ คไ่ หน กไ็ มอ่ าจคาดหวงั ไดว้ า่ ชวี ติ จะมีแต่ความราบรื่นและความส�ำเร็จไปตลอด ถึงอย่างไรก็ต้อง ประสบกบั ความไมส่ มหวงั ความลม้ เหลว ความพลดั พรากสญู เสยี ไม่ต้องพูดถงึ ความแก่ ความเจ็บ ความตาย อนั เปน็ ความจรงิ ที่ ไมม่ ใี ครหนพี น้ แมก้ ระนน้ั กไ็ มไ่ ดห้ มายความวา่ เมอ่ื ประสบเหตรุ า้ ย ดงั กลา่ ว เราจะต้องเดือดเนือ้ ร้อนใจเสมอไป เจอทุกข์ แต่ใจไมท่ ุกขก์ ไ็ ด้ หากรจู้ กั รกั ษาใจ ไมใ่ หค้ วามทุกข์ ครอบง�ำใจ มีสติรู้ทันอารมณ์ที่เกิดขึ้น ย่ิงรู้จักมองแง่บวก หา ประโยชนจ์ ากทกุ เหตกุ ารณท์ เ่ี กดิ ขน้ึ กม็ แี ตไ่ ด้ ไมม่ เี สยี อยา่ ลมื วา่ ความทกุ ขน์ น้ั สามารถเปดิ ใจใหเ้ ราเหน็ ธรรม จนเกดิ ปญั ญา ไมห่ ลง แบกความทุกข์หรอื ยดึ ตดิ ถอื มนั่ ในสง่ิ ที่แปรเปลี่ยนเป็นนิจ เพราะ ยึดจงึ เปน็ ทุกข์ เมือ่ ปลอ่ ย ใจกเ็ ป็นสขุ เบาสบาย 37

38

ทกั ทว้ งใจให้ไกลทกุ ข์ ในเวยี ดนามมเี รอื่ งเลา่ วา่ ชายคนหนง่ึ แตง่ งานได้ไม่นาน ก็ถูก เกณฑไ์ ปท�ำสงคราม จึงต้องท้งิ ภรรยาสาวเอาไว้ เขาหายไป ๓ ปี ไมส่ ่งขา่ วมาเลย เม่อื กลบั มาบ้าน ภรรยากด็ ใี จ สามจี งึ ใหภ้ รรยา ไปซ้ือของมาเซ่นไหว้บรรพบุรุษตามประเพณี ระหว่างที่ภรรยา เขา้ ไปในตลาด ชายคนนน้ั ก็เดินเขา้ บา้ น เจอเดก็ อายุ ๓ ขวบ เดก็ ถามวา่ เปน็ ใคร ชายหนมุ่ กบ็ อกวา่ “ฉนั เปน็ พอ่ ของหนไู ง” เดก็ บอก “ลุงไม่ใชพ่ ่อหนู พ่อหนมู าที่บ้านทกุ คนื เลย ทุกคืนแม่จะคยุ กบั พ่อ แลว้ กร็ อ้ งไห้ แม่นง่ั พ่อกน็ ่ังดว้ ย แม่นอนพ่อก็นอนดว้ ย” พอได้ฟัง อยา่ งนีช้ ายหนุม่ กข็ ุ่นเคืองขน้ึ มาทนั ที ความรสู้ ึกตอ่ ภรรยาของตวั เองเปลี่ยนไปทันที เม่ือภรรยากลับมาจากตลาด ชายหนุ่มก็แสดงทีท่าเฉยชา 39

มนึ ตงึ ไมพ่ ดู ดว้ ย เมอ่ื ทำ� การเซน่ ไหวบ้ รรพบรุ ษุ เสรจ็ กเ็ กบ็ เสอ่ื เลย ไมย่ อมใหภ้ รรยาเซน่ ไหวด้ ว้ ย ภรรยาตกใจ ไมร่ วู้ า่ เกดิ อะไรขน้ึ แต่ ผชู้ ายกไ็ มพ่ ดู อะไรทงั้ สนิ้ เดนิ หายเข้าไปในหมบู่ ้าน เอาแต่รำ่� สุรา สามวนั สามคนื ไมก่ ลบั มาเลย ภรรยาเสยี ใจรอ้ งหม่ รอ้ งไห้ รสู้ กึ นอ้ ย เนอื้ ต่ำ� ใจ ท้งั ๆ ทอ่ี ตุ สา่ ห์เฝ้าคอยสามีมาตลอด แต่ทำ� ไมถึงกระท�ำ กบั ตนอยา่ งนนั้ ราวกบั ว่าตัวเองไม่มีอยใู่ นโลก เธอทนสภาพเช่นน้ี ไม่ได้ ในทีส่ ุดกโ็ ดดน�ำ้ ตาย ชายหนุม่ กลับมาทำ� พธิ ศี พภรรยา ตอนเย็นกก็ ลบั มาบ้าน พอ จดุ ตะเกียง ลูกชายก็ตะโกนออกมาว่า “นี่ไงพอ่ ” แล้วเดก็ กช็ ้ไี ปท่ี เงาของพอ่ บนกำ� แพง เดก็ พดู ตอ่ วา่ “พอ่ มาทกุ คนื อยา่ งนแ้ี หละ แม่ คยุ กบั พอ่ ทกุ คนื รอ้ งไหด้ ว้ ย ถา้ แมน่ งั่ พอ่ กน็ ง่ั ถา้ แมน่ อนพอ่ กน็ อน” ถึงตอนนี้ชายหนุ่มก็เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ความจริงก็คือว่า ภรรยาของเขาร้องไห้กับเงาของตวั เองทุกคนื ดว้ ยความคดิ ถงึ สามี แล้ววันหนึ่งลกู สงสยั ขึน้ มาวา่ พ่อของตัวอยไู่ หน แมจ่ ึงช้ไี ปท่ีเงาบน ก�ำแพงแล้วบอกวา่ “น่ีไงพอ่ ของลูก” เดก็ กพ็ าซ่อื เข้าใจวา่ เงาบน กำ� แพงนั้นเปน็ พอ่ ของตวั จรงิ ๆ ทง้ั ภรรยาและสามีตา่ งรกั กนั ซอ่ื สตั ยต์ ่อกัน แตท่ �ำไมเรอ่ื งนี้ จงึ จบลงดว้ ยความเศรา้ นน่ั กเ็ พราะชายหนมุ่ ปกั ใจเชอื่ ความคดิ ของ 40

ตน พอไดย้ นิ ค�ำพดู ของเด็กซึง่ ไรเ้ ดียงสา กส็ รปุ ทนั ทีวา่ ภรรยาของ ตวั มชี ู้ ดจู ากลักษณะอาการที่ลูกเล่า มันกน็ ่าจะเป็นอย่างนน้ั จะมี ใครท่ีไหนมาหาภรรยาของตนทุกคืน นอกจากชายชู้ เขาเชื่อว่า ภรรยามีชู้เพราะลักษณะอาการมันน่าจะเป็นอย่างน้ัน ว่าโดย ตรรกะก็นา่ จะเปน็ อย่างนนั้ แต่ความจรงิ เปน็ อกี อย่างหนึ่ง เปน็ เพราะชายหนมุ่ ดว่ นสรุป โดยไม่ร้จู กั ทว้ งความคดิ ของตัว เองบา้ ง วา่ ความจรงิ อาจไมไ่ ดเ้ ปน็ อยา่ งทต่ี วั เองคดิ กไ็ ด้ แตเ่ มอ่ื สรปุ และเชอ่ื ความคดิ อยา่ งนนั้ กท็ ำ� ใหเ้ หน็ ภรรยาของตวั เปน็ คนเลวทนั ที ทจี่ รงิ เรอื่ งนอ้ี าจไมจ่ บอยา่ งนน้ั หากชายหนมุ่ พยายามหาความจรงิ เช่น สอบถามภรรยาของตัวว่าอะไรเป็นอะไร แต่เป็นเพราะปาก หนัก จึงทำ� ใหส้ ถานการณเ์ ลวรา้ ยลงไปอีก ถา้ มสี ตเิ ราจะทกั ทว้ งความคดิ ของตวั เองวา่ อยา่ เพง่ิ สรปุ อยา่ ง นนั้ คนทมี่ สี ติ รทู้ นั ความคดิ เขาจะไมเ่ ชอื่ ความคดิ ของตวั เองงา่ ยๆ เพราะรูว้ า่ ความคิดเปน็ สง่ิ ทวี่ างใจไม่ได้ เวลาเราเจรญิ สติ จะรู้ดี วา่ ความคดิ มนั หลอกเราเกง่ แคไ่ หน คดิ เปน็ ตเุ ปน็ ตะ นา่ เชอ่ื ถอื แต่ บางทีก็ตีตนไปก่อนไข้ ถ้าเรารู้จักความคิดของเราดีพอ เราจะไม่ ดว่ นสรุป ไม่รบี ตดั สนิ อะไรง่ายๆ สติจะช่วยทักทว้ งหรือตักเตอื น ให้ชา้ ก่อน เพราะประสบการณห์ ลายๆ คร้งั สอนเราวา่ เมอ่ื ด่วน 41

สรุปแล้วมักจะมีความผิดพลาดเกิดข้ึน ส่ิงท่ีเราคิดว่าแน่นอนแล้ว แตค่ วามจรงิ เป็นตรงกนั ข้าม ประสบการณเ์ หล่านีท้ �ำใหเ้ ราไม่ดว่ น สรปุ หรอื เชอื่ อะไรงา่ ยๆ แมแ้ ตค่ วามคิดของตวั เอง สติช่วยให้เราระลึกถึงกาลามสูตรข้อที่ว่า อย่าเชื่อเพราะรูป ลกั ษณะมนั นา่ จะเปน็ อยา่ งนนั้ ความเปน็ จรงิ อาจจะเปน็ อกี อยา่ งซงึ่ เรานกึ ไมถ่ งึ กไ็ ด้ เพราะฉะนนั้ ถา้ เรามสี ตเิ ราจะไมด่ ว่ นสรปุ อะไรงา่ ย โดยเฉพาะการสรุปไปในทางท่ีเป็นโทษกับตัวเองหรือเป็นภัยแก่ผู้ อืน่ ลองดูเถอะว่า กีค่ รง้ั กี่หนแลว้ ท่พี อเราด่วนสรปุ ไปแลว้ ทำ� ให้ตัว เองเป็นทุกข์ และคนอื่นกเ็ ดือดร้อนด้วย กีค่ รง้ั แล้วท่ี เราด่วนสรุป เพราะรูปลกั ษณะมันชวนใหเ้ ช่ือวา่ นา่ จะเปน็ อย่างนนั้ เคยเจอไหม นดั กนั แล้วไมม่ าตามนัด เลยโกรธ หาวา่ เขาโกหกเรา ไม่ใหค้ วาม สำ� คัญกบั เรา เสร็จแล้วใจกห็ วนไปคิดและขุดเอาเร่อื งเก่าๆ ที่ไมด่ ี ของเขาออกมา เชน่ มาสายเปน็ ประจำ� พดู จาเช่ือถอื ไมไ่ ด้ ไม่รับ ผดิ ชอบงานการ ฯลฯ ถา้ เรามีความคดิ แบบนข้ี ้ึนมา น่าจะท้วงเอา ไวก้ อ่ น เพราะเขาอาจจะมาแตย่ งั มาไมถ่ งึ หรอื อาจจะมาแลว้ แตว่ า่ ไปรอคนละประตู หรืออาจจะเขา้ ใจคลาดเคล่ือน เช่น นดั กันสีโ่ มง เย็น แตเ่ ขามาสโี่ มงเชา้ หรอื อาจจะมาแล้วแตเ่ กิดอุบัตเิ หตุ หรอื พ่อแมเ่ กดิ ปว่ ยกะทนั หนั มีสาเหตสุ ารพดั ทท่ี ำ� ใหเ้ ขาไม่สามารถมา 42

พบเรา ณ เวลานน้ั หรอื ตรงจดุ นน้ั ได้ แตเ่ รากลบั ปกั ใจวา่ เปน็ เพราะ เขาไมไ่ ดเ้ รอื่ งอยา่ งเดยี ว สดุ ทา้ ยกพ็ บวา่ ความจรงิ เขาไมไ่ ดเ้ ปน็ อยา่ ง ทเี่ ราคดิ ทจี่ ริงถ้าสติของเรารวดเร็วฉับไว เราจะทกั ท้วงไดด้ ขี ึ้นและลึก ข้ึน ไดด้ ขี ้นึ เวลามีคนมาดา่ หรอื ตำ� หนิเรา ถา้ ไม่มสี ติ เราจะเป็น ทกุ ขท์ นั ที เพราะใจจะสำ� คญั มน่ั หมายวา่ “ฉนั ถกู ดา่ ” หรอื อาจะนกึ ต่อไปว่า “ท�ำไมถึงมาด่าฉัน” แต่ถ้ามีสติ มันจะท้วงขึ้นมาเลย “ท�ำไมฉันถึงทุกข์เพราะลมปากเขา” เคยไหม เราเคยให้สติมา ทกั ทว้ งบา้ งไหมวา่ ทำ� ไมถงึ ตอ้ งทกุ ขเ์ พราะลมปากเขา เราไดแ้ ตบ่ น่ ว่าท�ำไมเขามาด่าฉัน ท�ำไมไม่เห็นความดีของฉัน แต่เราเคยถาม ตวั เราเองบา้ งหรอื เปลา่ วา่ ทำ� ไมฉนั ถงึ ทกุ ขเ์ พยี งเพราะลมปากของ เขา บางทีกบ็ ่นเสียใจวา่ “เขาไม่เข้าใจฉนั เลยๆ” ถ้าเรามีสตเิ ราจะ ถามตวั เองใหมว่ า่ “แลว้ ฉนั เขา้ ใจเขาบา้ งหรอื เปล่า” ถ้าเรามีสติและปัญญาที่แคล่วคล่องฉับไว เมื่อประสบ เหตุการณไ์ มน่ า่ พอใจ นอกจากจะไมท่ กุ ข์ คอื เฉยๆ หรือเสมอตวั คอื ไม่ทุกข์ เรายงั สามารถทำ� ให้มันกลายเปน็ บวกขน้ึ มา หรอื เกดิ เปน็ ประโยชนต์ อ่ จติ ใจ เรยี กวา่ มกี ำ� ไรเกดิ ขนึ้ อยา่ งคนทเ่ี ปน็ มะเรง็ บางคนนอกจากจะไม่ทุกข์ท่ีเป็นมะเร็งแล้ว ยังรู้สึกโชคดีท่ีเป็น 43

มะเร็ง ส่วนคนท่ีประสบความพลัดพรากสูญเสีย นอกจากจะไม่ ทุกข์เพราะถือว่าธรรมดาแล้ว ยังได้บทเรียนสอนใจ เกิดปัญญา เขา้ ใจธรรมะ น่ีเรียกว่าไดก้ ำ� ไร คอื ได้ประโยชน์ เราตอ้ งรจู้ กั เปลยี่ นทกุ ขใ์ หเ้ ปน็ คณุ ใหไ้ ด้ พระพทุ ธองคเ์ คยตรสั วา่ คนฉลาดไดป้ ระโยชนจ์ ากศตั รมู ากกวา่ ทค่ี นเขลาไดจ้ ากมติ ร ถา้ ความทกุ ขเ์ หมอื นกบั ศตั รู เรากพ็ ดู ไดอ้ กี อยา่ งหนงึ่ วา่ ความทกุ ขใ์ ห้ ประโยชน์แก่คนฉลาด มากกวา่ ที่คนเขลาจะได้จากความสขุ สำ� หรับผู้ท่ีมีปญั ญาแลว้ สามารถจะได้ประโยชน์จากศัตรูหรอื ความทกุ ข์ไดม้ าก เชน่ เวลาศตั รมู าดา่ มาวา่ มองให้ดี กจ็ ะเหน็ ตวั เราในอีกแง่หนงึ่ ซึง่ มกั จะมองไม่เห็น เพราะศัตรชู อบเอาแงท่ ไ่ี มด่ ี ของเรามาแฉ ในขณะท่ีเพ่ือนๆ มองไม่เห็นหรือไม่กล้าพูดเพราะ เกรงใจ กลัวมิตรภาพจะสัน่ คลอน แตศ่ ตั รเู ขาไม่แคร์ จึงเอาสว่ นที่ ไมด่ ีของเราออกมาแฉ ประโยชนท์ ี่เราจะได้กค็ อื เราได้เห็นความ จรงิ อกี ดา้ นหนง่ึ ของเรา จรงิ อยสู่ ว่ นทไี่ มจ่ รงิ กค็ งมอี ยู่ เรากต็ อ้ งรจู้ กั ตดั ออกไป แต่อนั ไหนทีเ่ ปน็ ความจรงิ แมจ้ ะเปน็ ด้านลบ กค็ วรเอา มาพิจารณาเพ่ือแก้ไขปรับปรุงตัวเอง ด้วยวิธีนี้ชีวิตของเราจึงจะ เจรญิ งอกงามได้ 44

มองเป็น เห็นถูก สัมมาทิฏฐิเป็นสิ่งท่ีส�ำคัญอย่างยิ่งส�ำหรับการด�ำเนินชีวิตท่ีดี งามและผาสกุ หากเหน็ ผดิ แลว้ กง็ า่ ยทจ่ี ะทำ� ชว่ั หรอื พาตนใหต้ กตำ่� หมกจมอยใู่ นความทกุ ข์ สมั มาทฏิ ฐนิ นั้ จะเกดิ ขน้ึ ไดต้ อ้ งอาศยั ปจั จยั สองประการ ดงั มพี ทุ ธพจนว์ า่ “ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ปจั จยั เพอื่ ความเกดิ ขน้ึ แหง่ สมั มาทฏิ ฐิ มี ๒ ประการดงั น้ี คอื ปรโตโฆสะ และ โยนโิ ส มนสิการ” โยนโิ สมนสิการนั้นหมายถงึ การรู้จกั คิด คดิ เป็น หรือคิดถูก วธิ ี จดั เปน็ ปจั จยั ภายใน สว่ นปรโตโฆสะนน้ั หมายถงึ เสยี งจากผอู้ น่ื ได้แก่ ค�ำส่ังสอนหรือค�ำแนะน�ำจากบุคคลที่เป็นกัลยาณมิตร ส�ำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว จะรู้จักคิด คิดเป็น หรือคิดถูกวิธีได้ก็ เพราะไดย้ ินไดฟ้ งั คำ� สั่งสอนชี้แนะจากกลั ยาณมติ ร เริม่ จากพ่อแม่ ตามมาด้วยครูบาอาจารย์ 45

ค�ำสอนของครบู าอาจารย์น้ัน นอกจากชว่ ยใหเ้ ราคิดชอบเหน็ ชอบถกู ทำ� นองคลองธรรม จนอยากท�ำความดี ด�ำเนินชวี ติ อย่างมี จริยธรรมแล้ว ยังสามารถเปิดใจให้เราเห็นความจริงของชีวิตและ โลก หรอื สจั ธรรม จนสามารถวางใจได้ถูกต้อง เช่น ไม่ยดึ ติดถือ มนั่ เพราะรวู้ า่ ไมม่ อี ะไรทเ่ี ทยี่ งแทค้ งท(่ี อนจิ จงั ) คงตวั (ทกุ ขงั ) หรอื เป็นตวั ตน(อนตั ตา) ทำ� ให้จติ ใจเปน็ อสิ ระ จนอยูเ่ หนือความทกุ ข์ ได้ 46

47

48

คนสองโลก แดน อาเรียลล่ี นกั เศรษฐศาสตรเ์ ชงิ พฤติกรรมแหง่ เอ็มไอที เขียนเล่าว่า คราวหน่ึงสมาคมผู้เกษียณอายุแห่งสหรัฐอเมริกาได้ สอบถามทนายความจำ� นวนหนึ่งวา่ พวกเขาสามารถลดค่าบรกิ าร ใหแ้ กค่ นวยั เกษยี ณทยี่ ากจนไดไ้ หม โดยอาจเหลอื แคช่ ว่ั โมงละ ๓๐ ดอลลาร์ ทนายความตอบเปน็ เสียงเดยี วกนั วา่ “ไมไ่ ด”้ แทนท่ีผู้ จดั การโครงการจะท้อถอย เขาเปลีย่ นมาถามทนายความเหล่านั้น วา่ พวกเขายนิ ดใี หบ้ รกิ ารแกผ่ ยู้ ากไรว้ ยั เกษยี ณโดยไมค่ ดิ คา่ ใชจ้ า่ ย ใดๆ ได้ไหม ปรากฏวา่ ทนายส่วนใหญต่ อบว่า “ได”้ อะไรท�ำให้ค�ำตอบท่ีได้ท้ังสองคร้ังน้ันแตกต่างกันมาก โดย สามัญส�ำนึกของคนทั่วไป ขนาดลดค่าบริการ ทนายความยังไม่ ยอม แลว้ จะยอมท�ำงานให้ฟรๆี ได้อยา่ งไร ค�ำอธิบายเรอ่ื งนกี้ ็คอื เวลาพูดถึงเรื่องเงิน ทนายความจะนึกถึงบรรทัดฐานท่ีใช้ในทาง 49

ธุรกจิ ท�ำให้รู้สกึ ว่า ๓๐ ดอลลาร์นน้ั เปน็ อตั ราทต่ี ำ�่ มาก แต่พอไม่ พดู ถงึ เรอ่ื งเงินเลย หากเปน็ การขอรอ้ งใหช้ ่วยเหลือคนท่เี ดือดร้อน ทนายความจะนึกถึงบรรทัดฐานทางสังคม ซ่ึงเน้นเร่ืองความ เอือ้ เฟ้ือเกอ้ื กูลกนั จึงตอบตกลงได้ง่าย คนเราทกุ วนั นเ้ี สมอื นอยใู่ นโลกสองโลกทซ่ี อ้ นกนั โลกหนง่ึ คอื โลกท่ีสัมพันธก์ นั ด้วยเงินตรา ใช้เงินเป็นตัววดั มูลค่า เป็นโลกแหง่ ก�ำไร-ขาดทุน อีกโลกหน่ึงนั้นเป็นโลกที่สัมพันธ์กันด้วยน้�ำใจ ให้ คุณค่าแก่ความเอ้ือเฟื้อเก้ือกูล รวมทั้งให้ความส�ำคัญแก่คุณค่าที่ เปน็ นามธรรม ประเมนิ เปน็ ตวั เลขไมไ่ ด้ เวลาเราอยใู่ นโลกประเภท แรก เงินทองจะกลายเป็นเร่ืองใหญ่ มีการใช้ “บรรทัดฐานทาง ตลาด” เปน็ เกณฑ์ แตเ่ มอื่ เราอยใู่ นโลกประเภททสี่ อง นำ�้ ใจจะเปน็ สิ่งส�ำคัญ “บรรทัดฐานทางสังคม” จะเป็นตัวก�ำกับความคิดและ พฤติกรรมของเรา จะเรียกวา่ คนเรามสี องมาตรฐานกไ็ ด้ จะใช้มาตรฐานใดกข็ ึน้ อยู่กับวา่ อีกฝ่ายมปี ฏสิ ัมพันธ์กับเราอยา่ งไร หรอื มอี ะไรมากระตนุ้ ให้เราใช้มาตรฐานประเภทใด เคยมีการทดลองกับคนสามกลุ่ม โดยทุกกลมุ่ ท�ำกิจกรรมอย่างเดียวกัน นั่นคือลากวงกลมทีป่ รากฏ อยู่ด้านซ้ายของจอคอมพิวเตอร์ ให้เข้าไปอยู่ในกรอบสี่เหล่ียมซ่ึง 50


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook