Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พระบรมสารีริกธาตุ น้อมนำปัญญา สู่สัมมาปฏิบัติ

พระบรมสารีริกธาตุ น้อมนำปัญญา สู่สัมมาปฏิบัติ

Published by Thalanglibrary, 2020-11-28 11:26:13

Description: พระบรมสารีริกธาตุ น้อมนำปัญญา สู่สัมมาปฏิบัติ

Search

Read the Text Version

รวมได ๘๖ องค วันแรกในศรีลังกา พระธาตุไดเสด็จใหพวกเราไดช่ืนชมถึงพุทธานุภาพ อิทธิปาฏิหาริย ขององค สมเดจ็ สัมมาสัมพทุ ธเจาแลว วันท่ี ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๒ ตอนเชากอนเดินทางพระอาจารยไดถือพานท่ีบรรจุผอบพระธาตุ ลงมาจากหอ งของทา น พวกเรามโี อกาสไดส ักการะอีกครงั้ และไดเห็นมีพระธาตุสีชมพูเพิ่มขึ้น ตกกลางคืน เมื่อถงึ ทีพ่ กั พระอาจารยพาสวดมนตแ ละมีการนับจํานวนพระธาตุอีกครั้ง เพราะรูวามีเพิ่มเปนจํานวนมาก คือ - สัณฐานคลา ยกระดกู งาชาง องคใหญ สขี าว เพิม่ จาก ๑ องค เปน ๖ องค - สณั ฐานเมล็ดถ่ัวองคใ หญ เพม่ิ จาก ๒ องค เปน ๓ องค - มสี ขี าวใส องคใ หญ เพมิ่ จาก ๒ องค เปน ชมพู ๙ องค และสีเหลอื งอําพนั ๑๙ องค - สณั ฐานเมล็ดผักกาด สขี าวใส เพิ่มจาก ๘๑ องค เปน ๑,๑๔๕ องค ความปต ิ ตืน่ เตน อัศจรรย มีเพ่มิ ข้ึน เมือ่ ไดเ หน็ พระธาตุเสดจ็ เพิม่ เปนจํานวนมากเชน น้ี ปติหนอ วันท่ี ๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๒ ไกดไดนําพวกเราไปซื้อผอบจากรานคาในศรีลังกา เพ่ือจะมาขอ บญุ บารมีขอใหพระธาตุเสดจ็ และขอบารมีจากพระอาจารย อัญเชิญพระธาตุเสด็จในผอบของตนเอง เพื่อ จะไดนํากลับมาบูชาที่บานของตน คืนน้ันพระอาจารยใหทุกคนกลับไปสวดมนต น่ังสมาธิท่ีหองพักของ ตนเอง ขออญั เชิญพระธาตเุ สดจ็ ในผอบของตน ในใจของทกุ คนคงไมต างกนั ตางกลวั วา ในผอบของตนเอง จะไมมพี ระธาตุเสด็จมาใหไดชน่ื ชมบารมี เราอาจไมมบี ญุ พอ พอรงุ เชา ทุกคนไปรวมกันทห่ี องพกั ของพระอาจารย พระอาจารยไดเปดผอบของทุกคนออกพวก เราผลัดกันชะโงกเขาไปดู ขา พเจา ไดเห็นพระธาตขุ องทกุ ผอบท่ีเรียงรายกันอยู ทานเสด็จมาทุกผอบ และมี จาํ นวนเทากนั คือ สชี มพู ๓ องค สขี าวใส ๒ องค แตกตา งกันทีข่ นาด และสีออนแก ตามบุญบารมีของแต ละคน ความรูสึกของขาพเจาในขณะน้ันคือ ปติ ขนลุกจนหนาวสั่น หนาวมากๆ นํ้าตาซึมดวยความดีใจ และเมอื่ มองในผอบของพระอาจารย กเ็ ห็นพระธาตุมีสเี ขมข้ึน ท้งั สีชมพู และสเี หลอื งอาํ พัน งามมาก เม่ือนํากลับมาบูชาที่บาน ชวงแรกขาพเจาจะเปดดูบอยมาก กลัวทานจะเสด็จหายไป จนบัดน้ี พบวา จํานวนองคยงั คงเทาเดมิ แตมีขนาดใหญข้นึ กวาเดมิ สว นสีขาวใส ๒ องคเ ร่มิ เปลีย่ นสีเปน สขี าวขุน ขาพเจาเช่ือในกฏแหงกรรม บุญและบาป บัดน้ีขาพเจาเช่ืออีกอยางหนึ่งวา ในโลกนี้ยังมีสิ่ง มหัศจรรย คือ พระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุ ทานสามารถเสด็จเพ่ิมได และสามารถเสด็จไปจากเราได ขึ้นอยูกับการปฏิบัติ เชื่อวา เถากระดูก เสนผม ฟน เล็บ ของผูบรรลุธรรม พระอรหันต แปรเปลี่ยนเปน พระธาตไุ ด ขอบคุณตัวเองท่ีไดเกิดในพระพุทธศาสนาตามกรรมดีในภพกอน จึงไดมีโอกาสปฏิบัติธรรม เกือบสายเกินไป กราบขอบพระคุณพระอาจารยจิรยุทธ เปนเนื้อนาบุญท่ีนําพวกเราไดปฏิบัติดี ปฏิบัติ ชอบ ดว ยบุญบารมีของพระอาจารยจ ึงทาํ ใหพวกเราไดพบกับสงิ่ มหัศจรรยท ่เี กิดขน้ึ ในโลกนี้ กราบนมัสการ อยางสูงแดองคสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจา ท่ีใหลูกไดประจักษในบารมีอันสูงสงของพระองค ขอ พระพุทธองคโปรดปกปกรักษาคุมครองพระอาจารยใหมีสุขภาพแข็งแรง อยูเปนรมโพธิ์รมไทร เปนท่ีพ่ึง ของลูกศิษยแ ละชาวพทุ ธ ชวยจรรโลงพทุ ธศาสนาใหเจรญิ รงุ เรืองตลอดกาลนานเจาคะ ๙๙

ตอ มาในชวงวันที่ ๒๑ – ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ขาพเจาไดมีโอกาสรวมคณะทัวรติดตามพระ อาจารยไปพมา และในวันสุดทายที่เราจะกลับเมืองไทย เราไดไปนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ ณ เจดีย โบตาทาวน พระอาจารยไดนําพวกเราสวดมนต น่ังสมาธิหนาพระพุทธรูป ซึ่งอยูทางดานซายมือ สวน ทางดา นขวามือจะเปนเทพทันใจ เมอ่ื ออกจากสมาธิ พระอาจารยไดเรียกหาวาใครมีผอบ เพราะมีพระธาตุ เสด็จในมือของพระอาจารย ๑๒ องค สรางความปติ อัศจรรย แกพวกเราเปนอยางย่ิง วันน้ันเรารีบมาก เพราะกลัวจะมาไมทันเครื่องบินท่ีจะกลับเมืองไทย พระอาจารยไมไดปูผาขาวรองกราบเหมือนตอนไป ศรลี ังกา ทา นยงั เมตตามาเสดจ็ ทมี่ ือพระอาจารย น่ีคือประสบการณท่ีขาพเจาไดประสบมาดวยตาตนเอง ในชีวิตนี้จะไมมีวันลืม คิดถึงทีไรภาพจะ เดน ชัด มีความสุข มคี วามเพียร ที่จะปฏิบัติ อยากทําความดียิ่งๆ ขึ้น เพื่อเปนการบูชาองคสมเด็จพระ ศาสดา สาธุ สนุ ีย อธปิ ณุ กุล คณุ สนุ ยี  อธิปณุ กุล ถา ยท่หี นาสระวา ยนาํ้ ของโรงแรมทพ่ี ัก ในเมอื งแคนด้ี ประเทศศรลี งั กา ๑๐๐

เรอื่ ง ความประทับใจ ในประเทศศรีลังกา (โดย รพิรัตน วันชูเพลา) ตอนที่ ๑ อาจินไตย ไรข อบเขต ตอนท่ี ๒ คณุ เคยสงสัยไหม? วาเหตใุ ด พระอาจารยจิรยทุ ธ จึงมีบุญบารมีสมพงษกับ พระธาตยุ ่งิ นกั ตอนที่ ๑ อาจินไตย ไรข อบเขต อาจนิ ไตย เปนปรากฏการณทีเ่ กิดข้ึนในทางพุทธศาสนา เปน สงิ่ ที่อยเู หนอื เหตผุ ลท่ีจะนํามาอธิบาย ได แมจะดวยกฏเกณฑทางธรรมชาติ หรือดวยกฏเกณฑทางวิทยาศาสตรก็ตาม แตที่นาทึ่งยิ่งกวาน้ัน คือ แมจะอธิบายไมได แตสามารถพิสูจนใหเห็นจริงได เชน กรณีที่พระธาตุเสด็จ ไมมีใครอธิบายไดวา เสด็จมาอยา งไร ดว ยวิธใี ด ทาํ ไมจงึ เปนเชน นน้ั แตก ส็ ามารถพิสจู นใหเ ห็นกนั จะๆ ตอ หนาตอ ตาได การเสด็จ ของพระธาตุ ประกาศกอ ง ขอพนี่ อ ง เชือ่ อจนิ ไตย ในพทุ ธศาสนา เปนสิ่งที่ เหนอื เหตุผล จนปญญา จะนํามา ชี้แจง ใหแ จง ใจ เมอื่ พระธาตุ ทรงเสด็จ เจ็ดสสี รรค ช้ดี บั ขันธ หมดตณั หา พาจติ ใส หมดทุกขโ ศก หมดเศราหมอง เคยครองใจ สน้ิ วัฏฏะไป พบสขุ สนั ต นริ ันดร (สิน้ วัฏฏะะไป ตลอดกาล นิพพานเอย) ผูใดท่ีกระดูกกลายเปนพระธาตุ ผูน้ันเช่ือกันวาเปนพระอรหันต เพราะรางกายและจิตใจของทาน ถูกฟอกจนบริสุทธ์ิ ปราศจากตัณหาและกิเลส ปราศจากทุกข ดับวัฏฏะสงสาร ดับการเกิดการตาย ถึงซึ่ง พระนิพพาน ซึ่งเปน ทส่ี ุดของพระพทุ ธศาสนา อาจินไตย ที่จะกลาวถึงในคร้ังนี้ เปนเหตุการณท่ีพระธาตุทรงเสด็จมาใหเห็นกันจะๆ ตอหนาตอ ตาพวกเราทุกคนท่ีประเทศศรีลังกา ซึ่งเปนหนึ่งในความประทับใจครั้งท่ีไปประเทศศรีลังกา กับพระครู สมหุ จิรยุทธ อธฉิ นฺโท เจาอาวาสวดั ตาลเอน อ.บางปะหนั จ.พระนครศรีอยธุ ยา ในคร้ังน้ันพระอาจารยไดพาพวกเราไปทําบุญใหญ คือ ไปมอบพระพุทธรูปปางมหาจักรพรรดิ ใหแดวัดนาคารุกขาราม ที่เมืองโคลัมโบ เมืองหลวงของประเทศศรีลังกา องคพระน้ันมีขนาดหนาตัก ๘๐ นวิ้ สูง ๑๔ ฟุต ทรงเคร่ืองที่สวยงามมากๆ ซ่ึงสงไปถึงกอนหนานั้นแลวโดยทางเรือ ใหญโตจนกระทั่ง ทางวดั ตอ งทุบผนังศาลา เพราะเอาเขาประตไู มได ความเปน มาเปนไปอยางไรเกี่ยวกับพระพทุ ธรปู นอ ง ๑๐๑

พอลล่ี (คณุ วรินทรธ ร ปยะทัชอังกวรา) และนองหญิง (คุณวรรณภา พิพัฒนางกูร) ผูเปนตัวตั้งตัวตีคงได เลาไปแลว ซ่ึงการมอบพระพุทธรูปในคร้ังนี้ ยังความปล้ืมปติ ใหกับทั้งผูใหและผูรับ คือ พระอาจารยจิรยุทธ และพวกเราผูรวมทีม กับชาวเมืองโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา ทางศรีลังกาไดทําพิธีตอนรับอยางย่ิงใหญ เอกิ เกริก สมเกียรติของพระพุทธเจาจริงๆ ถึงข้ันที่ทานประธานาธิบดีของศรีลังกา ไดแสดงความขอบคุณ ลงในหนาหนึ่งของหนังสือพิมพยักษใหญของศรีลังกา พรอมกับลงรูปของพระพุทธรูป ท่ีหนา ๑ ของ หนงั สอื พมิ พด ว ย และยงั บอกอีกวา หากไมต ดิ ราชการงานเมอื งสําคัญจะมารวมพธิ ีดว ย ดวยเหตุที่ชาวศรีลังกาเคารพและศรัทธาในพระพุทธศาสนาเปนอยางยิ่ง จึงไดยินเสียงอนุโมทนา ดังกึกกองไปทั้งวัด ดวยคําวา สาธุ สาธุ สาธุ สา, สาธุ สาธุ สาธุ สา, สาธุ ๆ ๆ ๆ ๆ ซํ้าแลวซ้ําอีก ทําให พวกเราอดทจ่ี ะปล้ืมปต ิ และตนื้ ตันใจมิไดในการทาํ บุญใหญค รง้ั น้ี โดยเฉพาะพระพุทธรูป(ปดทองคําเปลว) ขนาดใหญ ไมคอยมีในศรีลังกา ยิ่งปางมหาจักรพรรดิ ดวยแลว ยง่ิ ไมม ีเลย ท่เี ห็นมจี ะเปนปางอืน่ และขนาดกลางๆ ไมใหญโต ซึ่งสวนมากก็คนไทยทั้งนั้นที่นําไป ถวาย เพราะพระพุทธศาสนาในศรีลังกาเปนสยามวงศ ซึ่งพระครูอุบาลี ทานเปนผูนําไปเผยแผไว ฉะนั้น พระพุทธศาสนาในศรีลังกากบั ไทยจงึ เปน พี่นอ งกนั สายเดียวกัน นอกจากการถวายพระพทุ ธรูปแลว พวกเรายังไดไปทัวรบุญ มอบของใช ถวายปจจัย ถวายผาไตร และถวายรมเอาเคล็ด เพื่อความรมเย็น ไมตองตรากตรํากรําแดดกรําฝน ซ่ึงก็จริง พระอาจารยจิรยุทธยัง พดู เลยวา เรามาครั้งนี้ไมเจอฝนเลยท้ังๆ ท่ีเปนฤดูฝน ถาตกก็ไมตกตอนที่พวกเราลงเดิน จากนั้นพวกเรา ยังไดเที่ยวชมสถานที่สําคัญตางๆ ไปกราบไหวสิ่งศักด์ิสิทธิ์ ตนพระศรีมหาโพธิ์ที่เชื่อกันวาเปนหนอเน้ือ เดียวกับที่พุทธคยาประเทศอินเดีย ซึ่งพระพุทธเจาใชเปนสถานท่ีทรงตรัสรูสัมมาสัมโพธิญาณ กราบไหว พระธาตใุ นทต่ี างๆ รวมท้งั ไปกราบพระเข้ียวแกว ส่งิ ศกั ดิ์สิทธ์สิ งู สุดท่ีเมอื งแคนดี้ อยางใกลช ดิ ดวย มคี วามประทับใจหลายเรอื่ งทอี่ ยากจะเลา ไดแ ก ๑. ความประทับใจในกลุมของพวกเรากนั เอง ๑.๑ ความประทับใจในทีมทวั ร ๑.๒ ความประทบั ใจในการเสด็จมาของพระธาตุ ๒. ความประทบั ใจในประเทศ และประชาชนคนศรีลงั กา ๓. ความไมประทบั ใจในประชาชนคนสว นนอยของศรีลงั กา ๑. ความประทบั ใจในกลุมของพวกเรากนั เอง ๑.๑ ความประทับใจในทีมทัวร โดยเฉพาะความนารักของทุกๆ คนที่แบบไปไหนไปกัน ไมมี ขัดกัน แตละคนก็เต็มไปดวยนํ้าใจไมตรี มีความเอื้อเฟอเผ่ือแผ เปนกันเองเหมือนเปนพ่ีเปนนองกัน กลืนกันเปนเน้ือเดียวท้ังหมดไมมีแบงแยก ทุกคนลวนตั้งใจไปทําบุญ ไปเอาบุญกันจริงๆ แตละคนจึง อิ่มอาบไปดวยรอยยิ้มแหงความปติสุข บริษัทลายนํ้าทองทัวร ก็ทําใหเราประทับใจไดไมนอย ท้ังท่ีพัก อาหารการกินท่ีโรงแรม และท่ีบริษัททัวรนํามาบริการเรา เชน ท่ีพัก จําไดวา พักริมทะเลสาบ ๑ คืน ริม มหาสมทุ รอนิ เดีย ๓ คนื คอื คนื แรก และ ๒ คืนสุดทาย บนยอดเขาอีก ๑ คืน แตตองขออภัยหากสถานท่ี ๑๐๒

และตัวเลขอาจจะขาดตกไปบาง เพราะตอนน้ีผูเขียนไมไดอยูท่ีบานจึงไมมีขอมูล ขณะท่ีเขียนนี้ผูเขียนจํา พรรษา เขากรรมฐานเก็บอารมณปลีกวิเวกอยู การเขียนจึงอาจขาดตกบกพรองไมสมบูรณนัก และตอง กราบอโหสิกรรมตอพระพุทธ พระธรรม พระสงฆดวย ท่ีลูกบังอาจหยุดกรรมฐานช่ัวคราวเพ่ือมาเขียน หนงั สอื ! ก็ทําเอาฟงุ ไปหลายวันทเี ดยี ว แตจ ะขอไถโทษ โดยการเขยี นเก่ียวกับเรื่องธรรมะในตอนที่ ๒ เปน การชดเชย บางทานอาจสงสัยเขากรรมฐานแลวติดตอไดไง น่ีตองยกใหเปนผลงานของผูประสานงาน ขนาดปดโทรศพั ท เกบ็ ตัวในกุฏิ ยังเอามาได ๑.๒ ความประทบั ใจในการเสด็จมาของพระธาตุ เปนท่ีสุด ของท่ีสุด ของความประทับใจ ในครั้งน้ีท่ีพวกเรามีบุญท่ีไดช่ืนชมบารมีของพระบรม สารีริกธาตุที่ทรงเมตตาเสด็จมาใหพวกเราไดสักการะบูชากราบไหวกันจะๆ อยางถึงจิตถึงใจกันจริงๆ ก็ ดวยบญุ บารมขี องพระอาจารยจ ิรยุทธ ที่ชางมีความสมพงษกับพระธาตุเสียจริงๆ เพราะถาพระอาจารยพา สวดมนตน่ังสมาธิท่ีไหน สวนใหญแลวจะมีพระธาตุเสด็จทุกทีไปเหมือนกับจะรู หลายคนท่ีเคยไปทัวรบุญ กับพระอาจารย มักจะเตรียมผอบติดตัวไปดวย แตผูเขียนเพ่ิงจะไดรวมทีมแสวงบุญกับพระอาจารยเปน ครัง้ แรกจึงไมอ าจลว งรูถงึ ความลับน้ี จึงไมไดเตรียมผอบไป แตภายหลงั จากทีพ่ ระธาตุเสด็จพระอาจารยจึง ใหคนขับรถพาพวกเราไปซ้ือผอบมาประจําตัวไวจนครบทุกคน เผื่อวาจะไดใชประโยชนและก็ไดใชจริงๆ ในวันกอนจะกลบั ประเทศไทย วนั ทีอ่ งคพระธาตุเสด็จ เปนวันเดยี วกับทเ่ี ราไปสกั การะตนพระศรีมหาโพธ์ิ จากนัน้ กเ็ ดินทางตอไป สักการะสถูปวัดสุวรรรมาลิก ซึ่งบางคนเรียกวาวัดชางลอม เพราะท่ีฐานรั้วจะมีรูปปนของชางนอยท่ีนารัก ตอเน่ืองกันตลอดแนวดูสวยงามมาก วัดน้ีเปนตนแบบของพระปฐมเจดียของเราที่นครปฐม จากนั้นก็ เดินทางตอ ไปอกี หลายที่ จนกระทั่งบายคลอยแดดเร่ิมออนแสงลง เราก็มาถึงวัดถูปาราม ซ่ึงท่ียอดเจดียเปนที่บรรจุ พระรากขวญั เบือ้ งขวา หรือกระดูกไหปลารา เบ้อื งขวาของสมเด็จพระพุทธบิดาสัมมาสัมพุทธเจา ของเรา พระอาจารยจิรยุทธ ไดพาพวกเรานําดอกไมไปสักการะบูชา แลวนําพวกเราสวดมนตบูชาพระ รัตนตรยั และบทอืน่ ๆ จากนั้นใหทุกคนน่ังสมาธิ นั่งอยูนานประมาณครึ่งชั่วโมง โดยทานวางผารองกราบสี ขาวไวตรงหนาทาน พอออกจากสมาธิทานจับดูที่ผารองกราบ ผูเขียนเห็นเพราะนั่งไมไกลจากทาน แลว ทา นก็พดู ออกมาวา พระธาตเุ สด็จ หลายคนที่ไมเคยรูอาจจะไมสนใจฟง แตพวกที่เคยรวมทัวรบุญกับทาน คงจะหูผ่ึงรอฟง อยแู ลว พอไดยินเชนนั้นจึงบอกตอๆกันไปวา พระธาตุเสด็จๆๆๆ พวกเราจึงพากันลุกฮือ ไปลอมวงตรงหนาพระอาจารย พระอาจารยจ ึงคอยๆเปด ผารองกราบที่พับอยูออกมา ปรากฏวาภายในนั้น มีพระธาตุองคใหญ ๕ องค ประกอบไปดวย พระบรมสารีริกธาตุที่มีสัณฐานรูปกระดูก ขนาดเทาปากกา ยาวประมาณหน่ึงขอมือ จํานวน ๑ องค, สันฐานรูปเมล็ดถ่ัวแดงท่ีเราตมน้ําตาลทราย สีเขียวแซมขาว ๑ องค และสีขาวแซมน้ําตาล ๑ องค, สัณฐานเปนผลึกสีขาวใสองคใหญ ๒ องค นอกน้ันเปนองคเล็กๆ ขาว ใสอกี ๘๑ องค สรุปวานบั รวมท้งั ขนาดใหญและเล็กไดท ้ังหมด ๘๖ องค ทุกคนตางก็ต่ืนเตนฮือฮากันยกใหญ ผูเขียนเองก็อดที่จะตื่นเตนไมได แตในใจก็ยังเกิดความ คลางแคลงใจ ตามประสาคนเจาปญหาบาความคิด ก็คิดฟุงปรุงแตงไปวา ตอนท่ีเรานั่งสมาธิก็นั่งหลับตา กันทุกคน หากคนเฝาสถูปหรือคนศรีลังกาสักคน นําพลอยสีมาวางไวบนผารองกราบของพระอาจารย (อาจจะมีขบวนการหลอกคนไทย) ยอมไมมีใครรูเลย เพราะไมมีใครลืมตา เพราะที่ศรีลังกา พลอยสีหา ๑๐๓

งา ย ราคาถกู ดวย แลว กท็ าํ ไมเขาตองทําเชนน้ัน? คําตอบก็คือ ถาทุกทัวรท่ีมาท่ีศรีลังกา มากราบไว แลวมี พระธาตุเสด็จ ทีต่ รงโนนบา ง ตรงนบี้ าง คดิ ดวู าจะฮอื ฮาขนาดไหน คนไทยก็จะแหกันมาเท่ียวศรีลังกา เพื่อ จะไดมาชมบารมขี องพระธาตุทีเ่ สดจ็ มาเอง การทอ งเทีย่ วของศรลี ังกากจ็ ะบูมขึน้ มาทนั ตาเหน็ แตพระธาตุไมไดเสด็จบนผา แตเสด็จอยูในสวนพับของผา คงยากท่ีใครจะเอาไปวางไวไดงายๆ (คงจะทรงลวงรูวาผูเขียนจะสงสัย เลยเสด็จในผา ไมใชบนผา) ก็หายสงสัยไปไดเปราะหน่ึง แตก็ไม ทง้ั หมดเสียทเี ดียว จากน้ันเรากไ็ ปเทย่ี วตอในสถานท่ีอนื่ ๆอีกจนมืดคา่ํ รสู กึ จะไปจบลงที่วัดมหินตเล จากน้ันก็กลับท่ี พักคือ อมายาเลค ที่อยูริมทะเลสาบ เปนรีสอรทท่ีมีธรรมชาติรมรื่นสวยงาม หองพักก็แสนจะโรแมนติค ต่ืนเชาทุกคนก็มาตามนัด หลังทานอาหารเสร็จ พระอาจารยก็นําพระธาตุออกมา ปรากฏวาเสด็จเพ่ิมอีก เพ่ิมทมี ิใชองคส ององคน ะ เปนรอย โดยเฉพาะองคเล็กท่ีสีขาวใส ครั้งน้ีมีสีอื่นๆ เพิ่มมาดวย ทุกคนก็ ตื่นเตน กัน ทุกเชาท่ีรถเคลื่อนออกจากท่พี ัก พระอาจารยจะนําพวกเราทําวัตรเชาบนรถทุกวัน และเชาน้ีเราจะ ไปกราบนมัสการพระเข้ียวแกวที่เมืองแคนดี้ดวย ทุกคนจึงดูตื่นเตนเปนพิเศษกวาทุกวันเพราะเปนท่ีสุด ของทัวรครั้งนี้ท่ีทุกคนรอคอย พวกเราไดเขาไปสักการะอยางใกลชิดสมใจอยาก นําความปลาบปลื้มใจจน ไมอยากจะไปตอ ทีอ่ ่ืนอกี ผเู ขยี นเองอยากจะหาท่ีนั่งสมาธิแตก ็กลัวจะถูกเหยยี บเอง เพราะคนเยอะมาก แตถึงกระน้ัน ในใจก็ยังอดคิดตามประสาคนเจาปญหาบาความคิดไมไดวา “ท่ีเอามาใหเรากราบ ไหวน้ี ใชองคจริงหรือไมหนอ? แอบเอาองคจริงไปซอนไว แลวเอาองคแทนมาใหเรากราบไหวหรือเปลา หนอ?” แตก็ชางเถอะ จะองคจริงหรือไม แตใจเราถึงซึ่งองคจริงก็แลวกัน จะเอาไปซอนไวท่ีไหน เราก็ สง ใจไปกราบถึงท่นี น่ั แหละ เพราะเจตนาเราต้งั ใจมากราบองคจ รงิ ไมไดมากราบองคแทน จากน้ันเราก็ไปทานอาหารบนช้ัน ๕ ของตึกซ่ึงทิวทัศนรอบดานเปนภูเขา หน่ึงในภูเขานั้น คือ โรงแรมท่ีพักคืนนี้ของเรา ซึ่งอยูบนยอดเขาชื่อ อมายาฮิลล บรรยากาศดีมากๆ มองลงมาเห็นเหมือน แคนดีอ้ ยูเ บื้องลาง พอถึงโรงแรมพระอาจารยก็เรียกพวกเรามารวมกันท่ีล็อบบี้ซ่ึงกวางขวางพอจะมีมุมให พวกเราไดส วดมนตทาํ วัตรเยน็ กนั เสร็จแลวพระอาจารยกไ็ ดเปดผอบอีกคร้ัง วันนี้จึงเปดผอบท้ังเชาและคํ่า ปรากฏวาพระธาตุเสด็จอีก เหมือนกับพระอาจารยจะรูไดโดยไม ตองเปดดู เพราะทุกคร้ังที่เปดเสด็จเพิ่มทุกที ครั้งนี้ก็เชนกัน ท้ังสีชมพู เขียวออน เหลืองออน สีขาวมุก และอีกมากมาย ทกุ คนกต็ น่ื เตน กันอีกรอบ ถึงเวลาน้ีผูเขยี นจงึ หมดความสงสัยโดยสิ้นเชิงแลวเก่ียวกับ การเสด็จมาของพระธาตุ เพราะคงไมมีใครแอบเอาไปใสในยามพระลูกศิษยของพระอาจารยได เพราะ ทานหอบยา มของพระอาจารยติดกายไมเคยหา งเลยสักนิด คํ่านี้ผูเขียนนอกจากจะอิ่มบุญท่ีไดชมบารมีของพระธาตุสารพัดสีแลว ยังอ่ิมทองดวยอาหารจาน โปรด เน้ือแกะอบเคร่ืองเทศ ที่น่ีทําอรอยมากๆ ขอบอก เนื้อนุมหอมอรอย ผูเขียนไมทานอะไรอ่ืนเลย ทานเนื้อแกะอบอยางเดียว ๒ จาน ทานจนพุงกาง เพราะรูวาคงหาทานท่ีไหนไมไดอีกแลว ก็เคยทานที่ ประเทศอังกฤษ และท่ีประเทศออสเตรเลีย ทานไมไดเลย เหม็นสาบ แตท่ีน่ีสุดยอด ท่ีจริงอยากจะจัดไว เปนสงิ่ ประทบั ใจโดยสวนตวั ของผเู ขียนดว ย เน้ือแกะอบเครอื่ งเทศ ต่ืนเชาจิบกาแฟ ทานอาหารเชาริมสระนํ้า บนยอดเขา มองไปรอบๆ ก็เห็นภูเขาอีก ขางลางคือ เมืองแคนดี้ โอย! อากาศแสนจะสดช่นื กาํ ลงั สดชนื่ อยดู ีๆ ฝนโปรยมาซะนี่ หนีดีกวา ๑๐๔

สองคนื สดุ ทาย เราพกั ท่โี รงแรมกาลาดารี ซ่ึงอยูริมมหาสมุทรอินเดีย ฝงตรงขามโรงแรมท่ีพัก คือ ที่ทําการประธานาธิบดีของศรีลังกา ชวงนั้นกบฏอีแรมยังไมหมด การอารักขาจึงเขมขนมาก ใครนอนฝง ตรงขามที่ทําการฯ เขาตองเช็คประวัติกอน และหามเปดมานหองนอนดวย กลัวเปนผูกอการราย ทหาร อารกั ขาเพียบ ตอนเชา ผูเขียนจะไปถายรูปที่ริมมหาสมุทรอินเดีย ทหารก็ไมยอม บอกวาฉันถายออกทะเล ไมไดถายไปยังที่ทําการฯ เขาก็ไมยอม เราก็เลยตองยอมเขา เขาชางดูแลประธานาธิบดีของเขาดีจริงๆ ประเภทยุงไมใหไ ต ไรไมใ หต อม ยังกบั ไขใ นหินก็ไมป าน คืนสุดทายท่ีโรงแรมเดิม พระอาจารยสั่งไววาใหรีบทานขาวเย็น แลวรีบขึ้นไปอาบน้ําสวดมนตนั่ง สมาธิ และอธษิ ฐานขอใหพ ระธาตุเสด็จ เพราะพระอาจารยใหท ุกคนเอาผอบไปฝากไวก ับพระอาจารย ทาน บอกวา ไมตองกลวั ทุกคนตอ งไดพระธาตกุ ลับบา น เพราะถา ผอบใครพระธาตไุ มทรงเสด็จ พระอาจารยจะ แบงของพระอาจารยให แลวทานก็นัดวาในเวลาตี ๕ ถาใครต่ืนไหวใหมาพรอมกันท่ีหองของทาน ในคืน นั้นเช่ือวาทุกคนตองเปนเชนเดียวกับผูเขียนท่ีตั้งอกตั้งใจสวดมนตนั่งสมาธิอยางเอาจริงเอาจัง เพราะกลัว วา พระธาตจุ ะเสด็จผอบของคนอน่ื หมด แตไ มเสด็จผอบเรา คงจะเปน แซดมูฟวี่ (หนังเศรา) ทีเดียว คืนนี้ ผเู ขียนหลบั สบาย นอนรวดเดยี วตนื่ อาจจะเปน เพราะเพลียมาหลายวัน และเพราะทําจิตสงบกอนนอน ลืม บอกไปวา ทน่ี ่ี ดมี อนสเตรชนั่ ฟูดอรอ ยมากๆ ขอบอก วันน้ตี น่ื ตง้ั แตแ ต ๔ รบี อาบน้าํ แตง ตวั จัดกระเปา กอ นตี ๕ เลก็ นอ ย ผูเขยี นไปตามนัด ปรากฏวามี ผูรวมทีมมาถึงกอนผูเขียนหลายคนแลว พอถึงเวลาพระอาจารยก็เปดผอบทุกผอบ ปรากฏเปนท่ีนา อัศจรรยว า พระพุทธบิดาสัมมาสัมพุทธเจาชา งทรงพระเมตตา และทรงไวซ่ึงความยุติธรรมจริงๆ ทรง เสดจ็ ทุกผอบ ผอบละ ๕ องคเ ทา ๆ กัน ตางกันเล็กนอยท่ีขนาดและความเขมของสีเทานั้น คือ ผลึกสีชมพู ออนใส ขนาดประมาณครึ่งซีกเมล็ดถั่วเขียว รูปทรงแบนๆ ๒ องค และสีขาวใส ขนาดเทาเมล็ดงา ๓ องค พอพระอาจารยเปดครบทกุ ผอบ ทุกคนตางก็รองข้ึนพรอมกันโดยมิไดนัดหมาย ตางก็โลงอกไปตามๆ กัน ที่ไมเจอผอบวางเปลา เพราะอาจจะเปนของเรา ถามพระอาจารยวาพระอาจารยเอามาใสไวใหหรือเปลา? ทานบอกวาเปลา ทรงเสดจ็ มาเอง พอเห็นเชนน้ัน แตละคนก็เกิดอาการแตกตางกันไป บางคนก็รูสึกต้ืนตัน บางคนก็ปติ ตื่นเตน ขนหัวลุก อาจารยสุนียเพ่ือนผูเขียน เขาบอกวา เขาขนลุกทั้งตัวต้ังแตหัวจรดเทา และ เกิดอาการหนาว ขึ้นมาดวยความปต ปิ นตนื่ เตนเปนที่สุด สําหรับผูเขียนเอง บอกกับตัวเองวา ใหทําใจเปนกลางๆเขาไว แต เอาเขาจริงๆ ก็อดตื่นเตนไมได สวนผอบของพระอาจารย นับของพระอาจารยเอง ก็เสด็จมาเพ่ิม นับ รวมกันท้ังหมดแลว ไดหน่ึงพันกวาองคจากวันแรก ๘๖ องค เพิ่มข้ึนสิบกวาเทา และสีเขมข้ึน ท้ังชมพู เหลือง และเขียว ชมพูท่ีเขมข้ึนเปนสีแดงสวยมากๆ จึงสรุปไดวา การเสด็จของพระธาตุเปนไดหลาย ลักษณะดังน้ี ๑. เพิ่มจํานวน ๒. เพ่ิมขนาดใหญข้ึน อวนข้ึน ๓. สีเขมขึ้น ๔. สีเปนมันวาวข้ึน แวววับมาก ขน้ึ วันนี้ทุกคนรับผอบของตัวเองกลับไปดวยความรูสึกท่ีเปยมลนไปดวยความปลื้มปติ สวนผูเขียน เองก็น่ังอมยิ้มอยูกับตัวเองเหมือนคนบา คิดข้ึนมาทีไรก็มีความปติสุขทุกครั้งไป กลับมาบานเปดผอบดูที ไร กช็ น่ื ใจทุกครั้ง และก็อดคดิ ถึงประเทศศรีลังกาไมได ๑๐๕

๒. ความประทบั ใจในประเทศและประชาชนคนศรีลังกา นอกจากไดกราบพระเขี้ยวแกว ไดทานแกะอบเคร่ืองเทศ และเดมอนสเตรชั่นฟูดจานโปรดแลว ประเทศศรีลังกาเปนเกาะอยูทามกลางมหาสมุทรอินเดีย จึงรายรอบไปดวยทะเลมหาสมุทร หาดทรายที่น่ี กวางมากๆ ยาวอีกตางหาก เชน ท่ีพักคืนแรกของเรา หาดทรายกวาง ๓ เทา ๔ เทาของหาดบางแสน แต ทะเลท่ีน่ีไมคอยมีคนเที่ยว ไมเหมือนเมืองไทย คงเปนเพราะคลื่นแรง หรือไมงั้นก็ เว้ิงวางวังเวงนากลัว มากกวานา เท่ียว เพราะเปน มหาสมทุ รไมใ ชทะเล หรือมฉิ ะนัน้ กเ็ หน็ จนชนิ ท่ีน่ีมีทะเลสาบเยอะมาก เกาะกลางทะเลสาบก็รมคร้ึมไปดวยปาไมที่ยังสมบูรณ ผูเขียนชอบ ทะเลสาบ ชอบทะเล ชอบปาไม จึงชอบศรีลังกา ไปไหนก็เขียวคร้ึมไปหมด ธรรมชาติเขาคอนขางสมบูรณ และบรสิ ุทธจิ์ รงิ ๆ ตา งจากเมอื งไทย ไปไหนมแี ตภเู ขาหวั โลน ชาวบานก็ดูเรียบงาย ดูจากการแตงตัว สวนใหญคอนขางขาดแคลน เห็นแลวอดสงสารไมได แต บานเรอื นเขาดสู ะอาดสะอาน ท่ีสาํ คัญทส่ี ุดคือ เครงครัดในการปฏบิ ัตใิ นทางพทุ ธศาสนา นาชื่นชมจริงๆ ถึงวันหยุดเด็กๆ จะแตงชุดสีขาวไปวัดกัน ผูใหญหากเปนวันโกนวันพระจะไปอยูถือศีลสวดมนตกันท่ี วัด ในครัง้ น้ีพอดีตรงกบั วนั พระ มีอยวู ดั หนง่ึ ที่ทกุ ศาลามผี สู ูงอายุท้ังชายหญิงมาเตรียมจับจองที่กันเต็มทุก ศาลา นาชนื่ ใจจริงๆ นบั แลว หลายรอยคน ไมวาเราจะทําอะไรท่ีเปนบุญเปนกุศล ชาวศรีลังกาเขาจะมารวมอนุโมทนาดวย ถาอยูใกล เขาจะย่ืนมอื มาแตะ เชนเราแหผ า ทจี่ ะนําไปหมพระพุทธรูป เขาก็จะเอามือมาแตะพรอมทั้งเปลงคําวา สาธุ สาธุ สาธุ สา.....ๆๆๆ ซ้ําแลวซ้ําอีก จนผูเขียนรูสึกขนลุก และรูสึกวาทําบุญแลวไดบุญทันใจจริงๆ ปติมาก ปติทเี่ ราไมไดบุญคนเดียวหรือเฉพาะพวกเรา แตพวกเขาก็ไดดวย จากการที่ใหพวกเขาไดอนุโมทนา บญุ นนั่ เอง ๓. ความไมประทบั ใจในประชาชนสวนนอ ยของศรีลงั กา ดวยทุกท่ีในโลกยอมมีมิจฉาชีพ เพราะความจนปะปนแทรกซึมอยูทุกหยอมหญาในโลก คนศรีลังกาเกือบท้ังหมดบริสุทธ์ินารักนาสงสาร เครงครัดในศีลในธรรม แตก็ยังมีคนจํานวนไมมากที่เปน มจิ ฉาชีพ ฝากเตือนไวผูเขียนเจอมากับตัวเองท่ีวัดอาโลกวิหาร ซึ่งเปนหนึ่งในวัดที่ใชเปนสถานท่ีในการทํา สังคายนาพระไตรปฎก (จากหลายคร้ังที่เคยทําในลังกา) เมื่อผูเขียนไหวพระ และนําปจจัยหยอดใส ตูบริจาค (โดยที่ตูบริจาคของเขานั้นทําแบบชาวบาน ที่หยอดทําเปนซี่ๆ ซอนกัน ๒-๓ ช้ันกันมือลวง แตใ ชไมเขี่ยเอาเงินทคี่ างอยขู ึ้นมาได) เสร็จแลวกําลังจะเดินออกประตูก็มีชาย ๒ คน เดินตรงเขามาจะไป ท่ีตูบ ริจาค คนหนุม ถือไมขนาดเทา นว้ิ มือยาวประมาณ ๑ ศอก พอเห็นผูเขียนเขาชะงัก ผูเขียนเกิดสังหรณ ใจเลยขอไมเขามา แลวเอาไปเขี่ยเงินที่คางตูอยูหลายใบลงไป ทําใหคนท่ีแกกวาไมพอใจ แตผูเขียนกลับ พอใจท่ไี ดท ําบุญคอื หน่งึ -ไดช ว ยใหช าย ๒ คนนน้ั ไมต กอบายภมู ิที่ไปขโมยเงินวัด หลวงพอจรัญมีตัวอยาง มาก คนท่ีขโมยของวัดแลวเปนเปรต สอง-ทําใหวัดไดเงินไปใชทํานุบํารุงพุทธศาสนา โดยไมถูกขโมยไป สาม-ชวยใหคนบริจาคสมประสงคตามเจตนาท่ีทาํ บญุ ไป โดยเงนิ ไมถ ูกขโมยไป ๑๐๖

ตอนท่ี ๒ คณุ เคยสงสยั ไหม? วา เหตใุ ด พระอาจารยจริ ยุทธ จงึ มีบญุ บารมีสมพงษกับพระธาตุย่ิงนกั จะมีใครสักกี่คนในโลกนี้ท่ีจะสามารถอัญเชิญเสด็จพระธาตุใหเสด็จมาตอหนาตอตาไดตามใจ ปรารถนา ผูเขียนเชื่อวาในโลกนี้คงมีนอยคนนัก ซึ่งหน่ึงในจํานวนน้ันก็คือ พระครูสมุหจิรยุทธ อธิฉนฺโท เจาอาวาสวัดตาลเอนของเราน่ีเอง เหมือนพระอาจารยจะรูวาท่ีไหนอัญเชิญได ท่ีไหนอัญเชิญไมได เทาที่ ผูเขียนสังเกตดู มักจะเปนสถานท่ีศักด์ิสิทธ์ิท่ีเก่ียวของกับพระพุทธเจาโดยเฉพาะเปนสถูป เปนเจดียท่ี บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และที่สําคัญตองเปนท่ีไมพลุกพลานวุนวาย ตองมีความเงียบสงบพอสมควร อยางเชนท่ีสถานท่ีบรรจุพระเข้ียวแกวที่เมืองแคนด้ีนาอัญเชิญย่ิงนัก แตพระอาจารยก็ไมทําเพราะคน พลกุ พลา นวุนวายมากพระธาตไุ มเสด็จแน การจะอัญเชญิ พระธาตใุ หเสด็จมาได ไมใชฟลกุ ไมใ ชบังเอิญ แตจงใจ ถาเราจะทําบางจะไดไหม? ได ถาบุญบารมีถึง แตถาบุญบารมีไมถึงก็ทําไมไดผล เพราะในทางพุทธศาสนา ยึดหลักเหตุผลวา ถาไม สมควรแกเ หตุ อะไรๆ กเ็ กิดขน้ึ ไมได แตถาเหตปุ จ จยั สมบูรณอ ะไรๆ ก็ขวางไว ไมใหเ กดิ ข้นึ ไมได ทําอยางไรละบุญบารมีจึงจะถึง? “บุญบารมี” เปนสิ่งที่ตองส่ังสมเอาเอง ไมใชจะซื้อมาไดดวย เงินเหมือนกับ “บารมี” หรือใชวาจะไปขอเอาจากครูอาจารยผูท่ีมากดวยบุญบารมีทานใดก็ได ไมเปน เชนนนั้ แน จะสั่งสมบุญบารมีดวยวิธีใด? ก็ทําไดตามหลักพุทธศาสนา คือ ส่ังสมดวยการทําทาน ถือศีล ปฏิบัติภาวนา บุญใหญท่ีสุดก็คือภาวนา จะครอบคลุมหมดคือ ถาการปฏิบัติภาวนาสมบูรณ ทาน ศีล ก็ จะรวมอยใู นนน้ั หมด หรอื อกี นยั หนึ่งก็คอื ถา ทานศีลสมบูรณ ภาวนาสมบูรณ จะใหสมบูรณไดโดยตองเขา กรรมฐานทําวิปสสนากรรมฐาน เพราะภาวนาท่ียิ่งใหญท่ีสุดคือ “วิปสสนาภาวนา” หากทําไดสมบูรณ ก็ สมบูรณในพุทธศาสนา คือ ดับทุกขได ตดั วัฏฏสงสารได คือ ถึงนิพพานในที่สุด ใหอานเน้ือความตอไปน้ีแลวลองวิจัยธรรมดูวาเหตุใดพระอาจารยจิรยุทธ จึงมีบุญบารมีจน อัญเชิญเสดจ็ พระธาตุไดส มปรารถนาเสมอ เม่ือครั้งท่ีไปประเทศศรลี ังกาคราวน้ันพระอาจารยไดเลาใหพวกเราฟงในรถวา สมัยเม่ือคร้ังท่ีพระ อาจารยเปน สามเณรนอ ยจริ ยทุ ธ อยทู ว่ี ัดอัมพวัน จังหวดั สิงหบุรี เคยใฝฝ นอยากจะมีพระธาตุมาไวบูชา แต กไ็ มรจู ะไปหามาไดจ ากท่ีไหน ความทราบถึงหลวงพอจรัญ ทานจึงเมตตาใหบทสวดอัญเชิญพระธาตุมาให สามเณรนอย เณรนอยก็แสนจะดีใจ รีบไปหาผอบมาไวเตรียมรับการเสด็จมาของพระธาตุ จากน้ันก็หมั่น สวดภาวนาทกุ ๆวนั ไมไ ดข าดดวยความมุงมั่น และไดคอยแงมดูผอบทุกวันเชนกัน ๑๐ วันก็แลว ๒๐ วันก็ แลว ๑ เดือนก็แลว ๒ เดือนก็แลว พระธาตุไมเสด็จมาสักที เณรนอยเริ่มทอแทส้ินหวัง ในท่ีสุดก็เบื่อ หนา ยท่ีจะตองมาเปดดผู อบทกุ วันๆ โดยไมเ กิดผลใดๆ นบั แตน้ันมาเณรนอยก็เลยเลิกเปดดูผอบ แตยังมี ขนั ติ วิริยะ อุตสาหะ ไมลดละการสวด ยังคงทําเชนน้ันเปนประจําอยูเหมือนเคย นานแคไหนไมรู จนจํา ไมไ ดแ ลว นึกขึน้ ไดอ ีกที จึงไปเปด ดผู อบ คร้ังนสี้ ามเณรนอยตองตื่นเตนดีใจเปนที่สุด เพราะความฝนเปน จรงิ แลว พระธาตพุ ระเมตตาเสดจ็ มาจรงิ ๆแลว สมปรารถนาท่ีจะมีพระธาตไุ วกราบไหวบูชา นบั ตั้งแตวันนน้ั จนกระทง่ั ถงึ วันนี้ วันที่สามเณรนอยกลายมาเปนพระครูสมุหจิรยุทธ อธิฉนฺโท เจา อาวาสวดั ตาลเอน ทานมิเคยละเวนตอ การสวดอญั เชญิ เสดจ็ พระธาตุเลย ๑๐๗

ฉะนั้นการสั่งสมบุญบารมีตองใชเวลา ตองมีขันติ วิริยะ อตุสาหะ และขอย้ําอีกครั้งวา ตาม หลักพุทธศาสนา ใชหลักของเหตุผลเปนสําคัญ ไมใชเร่ืองงมงายไรสาระอยางท่ีบางคนเขาใจ คือถา เหตไุ มส มบูรณ ผลยอ มไมเกดิ แตถ าเหตุปจ จัยสมบรู ณ อะไรๆ กข็ วางไวไ มไ ด การปฏบิ ัตธิ รรม การส่ังสมบญุ บารมี ทา นวาไมตา งกับการปลกู ไมผล เชนการปลูกมะมวง ผูปฏิบัติ ทําหนาที่เหมือนคนสวน คอยใสปุย รดน้ํา พรวนดิน เลาะก่ิงใหแดดสองถึงรากเพื่อไมใหเกิดเชื้อรา พอ อาหารนํ้าสมบูรณ ไมมีเช้ือโรค ตนไมจะเติบโตของเขาเอง และจะใหดอกใหผลเต็มที่เองเมื่อเขาสมบูรณ เตม็ ทีแ่ ลว ฉะน้ันครูบาอาจารยทานผูมีประสบการณทานสั่งสอนชี้แนะอะไร ถาทําตามไดหมด และทําเปน ประจาํ ตอ เน่อื งไมไ ดขาด รบั รองวา รอรับผลไดเลย อยาใหเหมือนผูเขียนที่ชอบทดสอบทดลอง เจาปญหาบาความคิด ซ่ึงลวนเปนนิวรณท่ีกีดก้ันขัด ขวางทางธรรมทั้งส้ิน จึงทําใหชากวาจะทําลายอนุสัยพวกน้ีไดตองใชเวลามาก แทนท่ีจะพุงตรงไปยัง จดุ หมายปลายทางเลย ก็มัวแตแ วะโนน สนใจนอี้ ยู ทําใหเสยี เวลาเนน่ิ ชา ทีนี้ก็ลองมาวิจัยธรรมกัน วาเหตุใด ๒ เดือนแรก พระธาตุจึงไมเสด็จ และเหตุใดตอๆมาจึงทรง เสด็จมา เหตุผลก็คือ ๒ เดือนแรกน้ัน เหตุปจจัยยังไมสมบูรณ บุญบารมีท่ีส่ังสมไวยังไมมากพอ ผลจึงไม เกิดขึ้น หลังจากน้ัน ก็ยังไมละความเพียร ยังมีขันติ อดทน อดกล้ัน ท้ังๆที่ผลไมเกิดก็อดทนสวดภาวนา ตอไป เพียรพยายามเอาชนะความทอแทถดถอย สวดตอไปท้ังๆท่ียังไมเห็นผล จนกระทั่งเหตุปจจัยพรอม สมบรู ณน ั่นแหละ ผลจึงเกิดขนึ้ ซึง่ กไ็ มทราบวา เสด็จมาตอนไหน และท่สี ําคญั ชวงแรกทําดว ยความโลภ ธรรมวิจัย วาเหตปุ จ จยั ใดทีม่ ผี ลตอการเสด็จมา และไมเสดจ็ มาของพระธาตุ แยกเปน ขอไดด ังน้ี ๑. ชวง ๒ เดือนแรก ทําดวยความโลภ ทําดวยจิตที่เปนอกุศล เพราะมีกิเลสตัณหาเขามาแทรก ตอ งทาํ ดว ยจติ ที่เปนกุศล ทําดวยใจบริสุทธ์ิ คือ ปราศจาก โลภะ โทสะ โมหะ ทําดวยใจที่เปน มชั ฌิมา เปน กลาง วางอุเบกขาไดจริงๆ เสดจ็ มาก็ดี ไมมาก็ได วางใจใหเปนกลางไว ๒. หลังจาก ๒ เดือนผานไป วางใจเปนกลางไดแลว เพราะหมดหวังแลว ตอนน้ีความอยากที่มัน รบเราจิตใจไมมีแลว สวดไปอยางน้ัน สวดไปเฉยๆ โดยไมมีความคาดหวังใดๆ ใจบริสุทธ์ิ แลว โลภะไมม ีแลว ๓. มีขนั ตบิ ารมี มีความอดทนอดกลั้น แมผลไมเ กดิ กย็ งั อดทนสวดตอไป ๔. มวี ริ ยิ ะบารมี มคี วามเพยี รพยายาม แมจะเกดิ ความทอแทส ้ินหวงั ก็ยงั คงสวดตอ ไป ๕. มีอธิษฐานบารมี ทานตองอธิษฐานอัญเชิญเสด็จดวย สวดโดยไมอธิษฐานอาจจะไมไดผล เต็มท่ี ซ่ึงอันน้ีจะเกิดไดจิตตองมีสติสมบูรณมีสมาธิตั้งมั่น ถึงจุดหน่ึงอธิษฐานบารมีก็จะ เกิดขึ้นได จากนั้นยังจะเกดิ ปญญาบารมตี อ ไปดว ย วาจะสวดอยา งไร สถานการณอยางไรจึงจะ ทาํ ใหเกิดผล อยา งที่พระอาจารยพาเราสวดมนตน่ังสมาธิ ทานไมไดทําทุกท่ีนะ ทานจะทําเปน เปนบางที่ท่ีทานมีปญญามองเห็นวา ที่ใดที่เหมาะสมหรือมีโอกาสท่ีจะเสด็จมาได นี้เปนสวน หนงึ่ ของปญญาบารมี ๖. เกี่ยวเนอ่ื งกบั ขอ ๕ คือ การจะมปี ญญาบารมี และอธิษฐานบารมีได ตองเริ่มตนจากสติ ตองมี สติสมบูรณ เมื่อสติสมบูรณ สมาธิจะตั้งมั่น เมื่อสมาธิตั้งมั่นจะทําใหเกิดปญญาหาวิธีการท่ีจะ นําไปสูความสําเรจ็ สมหวังดังตง้ั ใจ จงึ อยากเชญิ ชวนใหนักการเมือง นักธรุ กิจ นักวิชาการ ๑๐๘

นกั เรียน นสิ ติ นักศึกษา มาปฏิบัติธรรมกันใหมากๆ เพราะเม่ือเกิดปญญาแลว โครงการรอย ลานพันลานจะหลั่งไหลออกมาจากสมอง ทั้งนักการเมือง นักวิชาการ ความคิดบรรเจิดจะ เกิดขึ้นได นักเรียน นิสิต นักศึกษา ความจําจะดี สมองดี ปญญาดี มีปญหาใดๆ แกได ขอสอบมาแบบไหนก็ทําได หากถงึ ข้ันปญญาเกิด ถาไมมีเวลาคร้ังแรกใหไปเขากรรมฐานเพื่อเอาพื้นฐานกับครูบาอาจารยกอน ตอไปทําที่บานก็ได ทาํ ไดท กุ ทีท่ กุ เวลา (อกาลโิ ก) หลวงพอ จรัญ ทา นจงึ พดู เสมอๆ วา ใหมาสวดมนตภาวนา เขากรรมฐานกัน ทั้งประเทศ ประเทศไทยจะไดมีแตเด็กฉลาดๆ ผูใหญท่ีอยูในศีลในธรรม บานเมืองสงบสุขรมเย็น เจริญกา วหนา เปนอนั ดบั ตนๆ ของโลกแนห ากทุกคนสวดมนตภ าวนาปฏบิ ัติตามพระธรรมคําสอนของพระ พุทธบิดาสัมมาสัมพุทธเจากันจริงๆ (ตอนทายๆน้ีผูเขียนตอเติมเอง) หลวงพอจรัญ จึงมักพูดเสมอวา “สวดมนตเ ปนยาทา วิปสสนาเปนยากิน” (ของฝากจากผูเขียน คือ ขันติ กับ วิริยะ เปนส่ิงท่ีขาดไมไดเลย จริงๆ ในการปฏบิ ตั ธิ รรม) ทําอยางไรจึงจะเกิดสติเต็มที่? จากการสวดมนต ขออางคําพูดของหลวงพอชัชวาล (พระอาจารย ชินสภะเถระ) แหง พุทธวิหาร จังหวัดนครนายก ทานบอกวา การอาน (รวมถึงการสวดมนต) การพูด การ ฟง การเขยี น จะใหมสี ตเิ ตม็ ตอ งไมอานรวบๆ เร็วๆ แบบนกแกว นกขุนทอง แตตอง อาน พูด ฟง เขียน ทลี ะคาํ ๆ และใหม ีสติ หรือใหมีจติ รูอยกู ับแตละคําน้ันๆ หากมีความคิดแทรกเขามา ก็ใหรู แลวต้ังสติอาน ตอไป สวดตอไป (ถาเปนปกติ ก็ใหกําหนด คิดหนอๆๆ แตถาเปนการดูจิตอยางหลวงพอปราโมทย ปราโมชโช ก็ไมตองกําหนด ใหรูเฉยๆ โดยไมคิดตอ ไมปรุงแตงตอ ไมแทรกแซง แลวความคิดจะดับไป เอง) (เพราะมนั เปน อนิจจัง มันมีอายุของมัน หมดอายุมันก็ดับไป ขออยางเดียว อยาไปยุงกับมัน มันเกิด มาเอง มนั กจ็ ะดบั ไปเอง อันนีเ้ ขียนเพิม่ เติมเอง) ทานอาจารยชัชวาล ทานเนนอยาอาน (สวด) เร็วเกินไป โมหะความคิดจะเขามาแทรก อยาชา เกนิ ไป โมหะความคิดจะเขามาแทรก ถาอานพอดีๆ ประมาณ ๑ วินาที ไมเร็วไมชาเกินไป ความคิดจะเขา แทรกไมไดเลย เขามาเหมือนเปนกําแพง เดงออกไปเลย ไมเช่ือก็ลองดู ลองไปหาชวงที่พอเหมาะของ ตัวเองดู อันนม้ี ปี ระโยชนมาก นักเรียน นสิ ติ นักศึกษา เอาการอาน พูด ฟง เขียน แบบท่ีวานี้ไปใช ถาอาน หนงั สือแลว ไมมีความคิดแทรกจะจําไดดีมาก ทานอาจารยบอกวา ถาทําจนเห็นแตการเกิดดับๆๆ ของแต ละคํา ความจาํ จะดมี ากทกุ อยา งจะเกบ็ ไวใ นหนว ยความจํา พอจะเอาออกมาใช ถาสมาธิดีมันจะไหลออกมา เอง ท่ีอานไมรเู รื่อง ฟง ครสู อนไมร เู รือ่ ง เพราะฟงไปคิดไป คดิ เรอื่ งอน่ื ทไ่ี มเ กีย่ วกบั ทฟี่ ง อยอู กี ตา งหาก สมัยพุทธกาลมีไมนอยท่ีฟงเทศนของพระพุทธเจาเฉยๆ ก็บรรลุธรรมได เชน ทานโกณฑัญญะ ไมใชคนสมัยนั้นสมองดีกวาคนสมัยนี้ เปลาเลย แตเปนเพราะทานมีสติมากกวาคนสมัยน้ีตางหาก เพราะ ทานเจริญสติอยูเสมอๆ ผูเขียนเองเคยเกิดปญญารูแจงในขณะสวดมนต ในเรื่องท่ีกําลังสวด ทั้งๆ ที่สวด มาต้ังนานก็รูตามบทสวด แตพอมาวันหนึ่ง ก็เกิดรูแจงแตกฉานในเรื่องที่สวดข้ึนมา สามเณรนอยจิรยุทธ ทา นกต็ องสวดอยางมีสติเต็มท่ี คือรูตามทุกคําท่ีสวดโดยไมมีความคิดแทรก หรือวอกแวกไปไหน เมื่อสติ เตม็ สมาธิกต็ ั้งมน่ั ปญ ญาก็เกดิ บารมีตางๆ ก็มตี ามมา เชน อธิษฐานบารมี ดังที่กลาวแลว เพราะการ ไมมีความคิดแทรก ก็ไมมีกิเลสตัณหาซ่ึงเปนอกุศลแฝงมากับความคิด จิตก็มีแตกุศล สวดไปก็สั่งสมบุญ ไป ย่ิงสวดนานก็ยิ่งส่ังสมบุญไดมากข้ึนๆ อยาลืมคําของหลวงพอจรัญ “สวดมนตเปนยาทา วิปสสนาเปน ยากนิ ” ทําอยา งมสี ตเิ ตม็ มีแตบุญกับบุญ ๑๐๙

บทสวดอญั เชิญเสด็จพระธาตุ ทพ่ี ระอาจารยจ ริ ยุทธ ใหพ วกเราไว คอื อะหังวันทามิ สารีรกิ ะธาตุ อะหังวันทามิ ทูระโต อะหงั วนั ทามิ ธาตโุ ย อะหังวันทามิ สพั พะโส อิติปโส วิเสเสอิ อเิ สเส พุทธะนาเมอิ อเิ มนา พุทธะตังโสอิ อโิ สตงั พุทธะปต ิอิ ขอมอบตอใหท า นผอู านทุกทา น ใหถ ือวาเปน ของขวัญจากพระอาจารยจริ ยุทธ ทีม่ อบใหทา น ตองขอบคุณผูประสานงาน คือ คุณภาริษา มธุรพงศากุล กับ คุณสุนีย อธิปุณกุล ที่ช้ีแจงให คุณแมช นี รนิ รตั น เขา ใจจนยอมใหผ เู ขยี นหยดุ กรรมฐานชว่ั คราวเพ่ือมาเขยี นเร่อื งนี้ เพราะที่จริงก็เกี่ยวของ กับพุทธศาสนา และคุณแมชีจ๊ิก ยังเปนธุระนําสงตนฉบับนี้ใหดวย กราบขอบพระคุณแมชี กับนองตะวัน มิฉะน้ันขอ เขียนน้คี งไมม วี ันไดอยใู นหนงั สือเลมน้แี นน อน จบความประทับใจในประเทศศรีลังกาไวเพียงเทานี้ ขอความสุขสวัสดีจงมีแดทุกๆทาน และขอ อํานาจบุญบารมีของพระธาตุ และพระรัตนตรัยโปรดคุมครองรักษาทุกๆ ทาน และประทานพรใหสม ปรารถนาในทุกๆสง่ิ ทด่ี ีงาม และไมขัดตอศีลธรรมดว ยกนั ทุกทา นทกุ คนเทอญ ดวยความปรารถนาดีจากผเู ขยี น รพิรตั น วนั ชเู พลา ๑๑ กันยายน ๒๕๕๓ ณ. สาํ นกั ปฏบิ ัติ “แสงธรรมสองชวี ติ ” อาํ เภอปากชอง จังหวดั นครราชสีมา (สาขาหลวงพอ สมชาติ ธมมฺ โชโต) คุณรพริ ตั น วนั ชูเพลา ถา ยรูปรวมกับนกั เตน “ระบําศรลี งั กา” ๑๑๐

จากอโยธยาถึง . . . ซีลอน หลายๆ คร้ังที่ขาพเจาไดเปนคณะติดตามทานพระครูสมุหจิรยุทธ อธิฉันโท ไปกราบนมัสการ พุทธสถานอนั สรา งขึ้นมาจากแรงศรทั ธาของพุทธศาสนิกชนมาต้งั แตคร้ังโบราณกาล หลายๆ ท่ีท้ังใกลและ ไกล อาทิเชน วัดพระธาตุแชแหง จังหวัดนาน วัดพระมหาธาตุวรวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช ประเทศ ศรีลังกา พมา อินเดีย และอีกหลายประเทศซึ่งลวนเปนดินแดนแหงพระพุทธศาสนาท่ีขาพเจาไดเดินทาง ไปโดยลําพัง ส่ิงสําคัญนอกเหนือจากการเรียนรูศิลปะ วัฒนธรรม และประเพณีอันงดงาม ท่ีมีท้ังความ คลายคลงึ และแตกตางกัน เหมือนสายธารหลั่งไหลไปมาของความสมั พันธทางศาสนาแลว ยังไดพบวาตาม เมืองโบราณสาํ คญั ๆ จะปรากฏวา มีวัดคบู า นคูเมอื งที่มีเจดยี บรรจพุ ระบรมสารีริกธาตอุ ยเู สมอ ท่ีลืมเสียมิไดก็คงจะเปน พระธาตุเข้ียวแกว แหงเมืองแคนดี้ ซึ่งบรรจุอยูในสถูปทองคําประดับ ประดาดวยอัญมณีลํ้าคามากมาย พุทธศาสนิกชนรุนแลวรุนเลาไดถวายเปนพุทธบูชา อีกทั้งยังแสดงถึง การสลัดคราบแหงกิเลสใหส้ินไป ดวยการไมยึดติดในส่ิงมีคาท่ีตนไดเหนื่อยยากหามา แตตองไมลืมวา การบูชาพระพุทธดวยวิธีประเสริฐสูงสุด คือ การศึกษาธรรมและนอมประพฤติปฏิบัติตาม ดวยการ เจริญกุศลทุกประการ เพราะฉะนั้น แมวาพระพุทธองคจะปรินิพพานไปแลว แตธรรมยังเปนศาสดา แทนพระองค ผทู ีไ่ มเขา ใจพระธรรม แมจ ะเหน็ พระพทุ ธองค คือ พระเขี้ยวแกว ก็ไมสามารถเห็นพระ พุทธองคไ ด สําหรบั ตํานานการสรางพระธาตุเขี้ยวแกวในพุทธศตวรรษท่ี ๘ โดยสองพ่ีนองเจาชายทันตะกุมาร และเจา หญิงเหมมาลา เหตุใดเลา ถึงไดเ หมอื นกบั ตาํ นานการสรา งพระธาตุนครศรีธรรมราช ทั้งที่ระยะเวลา หางกันถึงพันกวาปทีเดียว จะเปนปาฏิหาริยหรือวาจุดประสงคเพื่อสรางความศรัทธา น่ันก็คงไมใช สาระสาํ คัญไปย่ิงกวา การแสดงถึงการรับอิทธิพลทางศาสนาพุทธเถระวาท แบบลังกาวงศของไทย มาทาง นครศรีธรรมราชต้ังแตสมัยน้ัน คร้ันยามที่พุทธศาสนาในศรีลังกาเกือบจะสูญส้ินไป พระสงฆไทยจาก อยธุ ยานามวา พระอุบาลี ก็ยงั ไดนําพระพทุ ธศาสนาเผยแผก ลับไปยงั ศรีลังกาใหยนื ยงสืบไป วันนี้คณะของเราโดยการนําของพระครสู มุหจ ิรยทุ ธ อธิฉันโท ไดเดินตามรอยบรรพบรุ ุษดวยความ ภาคภูมิใจเปนยิ่งนัก ที่ไดอัญเชิญ พระพุทธรูปพระมหาจักพรรดิไปประดิษฐานที่วัดนาคารุกขาราม ประเทศศรีลังกา ใหผูคนที่น่ันไดสาธุสักการบูชา เพ่ือเปนการระลึกถึงคุณแหงพุทธะ เสียงอนุโมทนา สาธกุ ารของผคู นนบั รอ ยนบั พัน ยงั คงตรึงอยใู นดวงจิตของฉนั อยางไมรูลมื การเดนิ ทางครง้ั นี้ คณะของเราไดไปท่เี จดียถ ูปาราม แหงเมืองอนุราธปุระดวย ถูปารามเจดียเปน ทีบ่ รรจุพระบรมสารรี ธิ าตพุ ระรากขวัญเบื้องขวา โดยมีพระมหินทรเถระเปนประธานในการสรางพระสถูป มีลักษณะดังกองขาวเปลือกในตอนตน เม่ือเทวดาและหมูชนไดประชุมกันแลว พระธาตุก็ไดแสดงยมก ปาฏหิ ารยิ  อันเกิดจากปาฏหิ าริยท พ่ี ระพทุ ธเจาไดอธษิ ฐานไวเม่อื กอ นปรินิพพานวา ยมกปาฏิหาริยจงมีใน วันประดิษฐานพระรากขวัญเบ้ืองขวาของเรา สถานที่แหงนี้จึงไมเปนสถานที่ธรรมดาแนนอน อีกท้ัง ๑๑๑

ถูปารามแหงน้ีในอดีต ยังเปนท่ีต้ังของบริโภคเจดียของพระพุทธเจาในอดีตถึง ๓ พระองค คือ ในสมัย พระพุทธเจากกุสันธะ ถูปารามไดเปนที่ประดิษฐาน ธัมกรก (ผากรองน้ํา) ในกาลสมัยพระพุทธเจาโกนา คม ถูปารามไดเ ปนท่ปี ระดิษฐาน ประคตเอว ในกาลสมัยของพระพุทธเจากัสสปะ ถูปารามแหงน้ีไดเปนท่ี ประดิษฐาน อุทกสาฏิก (ผาอาบนํ้าฝน) ทราบถึงความมหัศจรรยเชนน้ีแลว ทานพระครูฯ ไดนําคณะของ เราสวดมนต และนั่งภาวนา ดูธรรมใหเปนอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เห็นชัดวารูป เวทนา สัญญา สังขาร วญิ ญาณ เกดิ ข้นึ แลวกด็ ับไป แตสําหรับพระพุทธองค แมปรินิพพานไปแลว ยังเมตตาคงไวซ่ึงพระบรมสารีริกธาตุ เปนเคร่ือง เตือนใหพุทธศาสนิกชนระลึกถึงคุณความดีแหงพระองค วันน้ีคณะของเราไดประจักษแกสายตาวา คุณ ความดแี หงพระองคเปน สิง่ ที่สัมผัสได ความมหัศจรรยมีอยูจริง เม่ือไดเห็นพระบรมสารีริกธาตุปรากฏอยู ตรงหนา ดวยการอธษิ ฐานของทานพระครูฯ อกี ท้ังทา นยังเมตตามอบใหทกุ คนในคณะไดอัญเชิญพระบรม สารีริกธาตไุ ปบูชาท่บี า นอีกดวย เพื่อเปนกรอบแกวแหงความดี ที่มีสายพระเนตรแหงพุทธะ คอยเปนแสง สวางนาํ ทางใหเห็นธรรมดว ยปญญา จากอโยธยาถึงซลี อน อายุบวรสาธกุ าร ขอเปนจติ ตาธษิ ฐาน ใหข า พเจา ไดข า มทะเลวัฏสงสาร ไปถงึ ฝงพระนพิ พานดว ยเทอญ จินตนา จิตรสงิ ห คุณจนิ ตนา จติ รสงิ ห (ตา) ๑๑๒

จากวดั ตาลเอน ถึง ศรลี ังกา ... จากพระพุทธรปู ถึง พระพุทธเจา ประเทศศรีลังกา เปนประเทศหมูเกาะเล็กๆ ต้ังอยูในมหาสมุทรอินเดีย เปนประเทศท่ีมี ความสําคญั ตอพระพทุ ธศาสนาในหลายๆ ดาน เชน หนึ่ง เปนประเทศท่ีองคสมเด็จพระสมณะโคดมพุทธเจา ไดเคยตรัสไววา หลังจากการเสด็จดับ ขันธปรินิพพานของพระพุทธองคแลว พระพุทธศาสนาจะคอยๆ เส่ือมสลายไปจากดินแดนชมพูทวีป แตจะไปสถติ ดํารงคงมั่นอยใู นลงั กาทวีป จวบจนสิ้นอายุพระพุทธศาสนาของพระองคห าพันป สอง เปนประเทศทีม่ ีพระบรมสารีริกธาตสุ ว นท่ีสาํ คญั ท่สี ุดของพระพุทธเจาคือ สวนท่ีไมถูกไฟไหม อยูถึง ๒ องค จากท่ีมีอยูท้ังส้ิน ๗ องค คือ พระพระทาฐธาตุ (พระเขี้ยวแกวเบ้ืองตํ่าขวา) และ พระราก ขวญั (กระดกู ไหปลารา) เบ้ืองขวา สาม พระอริยสงฆศรีลังกาไดจัดใหมีการสังคายนาพระไตรปฎก และจารึกลงในใบลานเปน คร้ังแรกของโลก เม่ือประมาณพันกวาปกอน ทําใหพระพุทธศาสนามีหลักฐานในดานคําสอนท่ีชัดเจนมา จวบจนปจจุบันนี้ ส่ี ศรีลังกาเปนประเทศที่มีความสัมพันธกับประเทศไทยมาเนิ่นนาน เพราะเคยเผยแผ พระพุทธศาสนามายังประเทศไทยจนเกิดเปน “ลัทธิลังกาวงศ” ในไทยอยูชวงระยะเวลาหนึ่ง และเม่ือ ศาสนาพทุ ธในศรีลังกาออนแอลง ซึ่งตรงกับสมัยกรุงศรีอยุธยาเปนราชธานี พระเจาอยูหัวบรมโกศก็ไดสง คณะพระสมณทูตไทยนําโดย “พระอุบาลีมหาเถระ” ไปยังศรีลังกา จนเกิดเปนนิกาย “สยามวงศ” ใน ศรลี ังกามาจวบจนถงึ ปจจุบันนี้ ลาสุด ศรีลังกาไดเปนแกนนําของประเทศท่ีนับถือพระพุทธศาสนาท่ัวโลก ผลักดันใหองคการ ยูเนสโกประกาศให วันวิสาขบูชาเปนวันสําคัญของโลก มีความสําคัญเทียบเทากับวันคริสตมาส (วัน ประสตู ขิ องพระเยซู) และวันประสตู ขิ องพระอลั เลาะห เปน ตน นาจะดว ยเหตผุ ลประการตางๆดงั กลาวนเี้ อง ที่ทาํ ใหพระครูสมุหจิรยุทธ อธิฉนฺโท (หรือท่ีลูกศิษย เรียกกันติดปากวา “พระอาจารย”) เกิดความประทับใจในประเทศศรีลังกา และคิดวาสักวันหน่ึงทานคง จะไดมีโอกาสไปเยือนดินแดนหมูเกาะเล็กๆ น้ี และนาจะไดทําอะไรบางอยางเพ่ือเปนการตอบแทน พทุ ธบริษัท ๔ ชาวศรีลังกาบาง ในที่สุดความปรารถนาของพระอาจารยก็เปนจริง เมื่อทานไดเดินทางไป ถวายพระบรมสารีริกธาตุ พระพุทธรูป และเครื่องสังฆทานใหกับวัดตางๆ ในศรีลังกา เมื่อชวงกลางป พทุ ธศักราช ๒๕๕๒ แตกอนที่จะเลาถึงเรื่องราวความเปนมาของการท่ีพระอาจารยไดเดินทางไปประเทศศรีลังกา ขา พเจาขออนญุ าตชีแ้ จงถงึ ขอ เขยี นน้ีสกั เล็กนอย คอื ขอเขยี นน้ีไดเคยลงพิมพมาคร้ังหน่ึงแลวใน จดหมาย ขาววดั ตาลเอน ฉบบั ที่ ๒ – ๕ พ.ศ. ๒๕๕๔ แตเน่ืองจากพื้นที่ในการเขียนจดหมายขาวมีจํากัด ขาพเจาจึง ตองรวบรัดเนื้อหาในการเขียน แตหนังสือเลมน้ีมีเนื้อท่ีมากข้ึน ขาพเจาจึงสามารถเขียนรายละเอียดของ เหตุการณตางๆ ไดเพิ่มขึ้น และเพ่ิมประเด็นความคิดเห็นสวนตัวเขามาบาง เพราะหากจะใหทานผูอาน ตองอานซํ้าทั้งหมด ก็เกรงวา จะเบ่ือกันเสียเปลา ๆ อกี ทง้ั ยังไดจ ดั เรียงลาํ ดบั เน้ือหาใหม โดยจะนําเน้ือหาใน สวนของการถวายพระพุทธรูปขนึ้ กอ น แลวจึงไปสูเหตุการณพระธาตุเสด็จ เอาละคะคราวน้ีขอเชิญติดตาม ๑๑๓

อานเรื่องราวความเปนมาของการถวายพระบรมสารีริกธาตุ พระพุทธรูป และเหตุการณพระธาตุเสด็จใน ประเทศศรีลงั กากันไดเ ลยคะ การที่พระอาจารยในฐานะตัวแทนของพระภิกษุสงฆวัดตาลเอนไดมีโอกาสไปถวายพระพุทธรูปให วัดในศรีลังกา ซึ่งถือเปนบทบาทแรกในการเผยแผพระพุทธศาสนาไปยังตางประเทศของวัดตาลเอนนั้น เริ่มจากสามภี รรยาชาวศรีลงั กาคหู นึง่ คือ คุณสุลงั คะ ชามินดา และคุณบุดด้ี วิกครามารัตเน ผูเปนอุบาสก อบุ าสกิ าทีไ่ ดอ ปุ ถมั น วัดนาคารุกขาราม ซึ่งเปนวัดเกา แกม ีอายกุ วา ๑๓๐ ป ตงั้ อยูหางจากกรุงโคลอมโบซึ่ง เปนเมืองหลวงของศรีลังกาเพียงแค ๑๐ กิโลเมตร ตองการจะเชาบูชาพระไปเปน พระประธานในวิหาร ของวดั ท้ังคไู ดโทรตดิ ตอ สอบถามเพ่อื นชาวไทยคือ คุณพอลล่ี (คณุ วรนิ ทรธ ร ปยะทัชอังกวรา) ขอใหชวย หาสถานท่ีท่ีจะเชาบูชาพระใหหนอย คุณพอลล่ีจึงไดปรึกษากับคุณหญิง (คุณวรรณภา พิพัฒนางกูร) ซ่ึง ทงั้ คเู ปน ลูกศษิ ยของพระอาจารยอยแู ลว จงึ ไดชวนกนั มากราบนมสั การและเรยี นถามทาน เม่ือพระอาจารย ทราบเร่ือง แทนท่ีทานจะตอบวา ใหไปเชาบูชาพระไดที่ไหน ทานกลับบอกวา ทางวัดตาลเอนยินดีจะ ถวาย พระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหนาตัก ๘๐ นิ้ว สูง ๑๔ ฟุต ทําจากกราไฟต ทรงเคร่ือง จักรพรรดิ ปดทองคําเปลวทั้งองค ประดับตกแตงดวยคริสตัลและอัญมณี งามพรอมเรียบรอยแลว พรอ มทง้ั ฐานทต่ี ้ังสําหรับประดิษฐานองคพระ และหอหุมองคพระพรอมสรรพสําหรับการขนสงใหกับ ทางประเทศศรลี ังกา ทางนัน้ จะยนิ ดรี บั หรอื ไม ?! แนนอนวาคุณสุลังคะ คุณบุดด้ี คุณพอลล่ี และคุณหญิง ตองยินดีและปลื้มปติเปนอยางมาก หากแตก็นําความกังวลใจมาใหกับสองสาวชาวไทยไมนอย เพราะขนาดขององคพระน้ันไมใชเล็กๆ (ใกลเคยี งกบั พระพุทธมหาจกั รพรรดิบนศาลา ๘๐ ป และหลวงพอ ปล่ังในโบสถ) คาขนสงองคพระไปทาง เรือคิดเปนเงินถึงประมาณ ๒๐๐,๐๐๐ บาท ทวาทั้งสองสาวก็มิไดทอแท ตั้งจิตอธิษฐานขอใหบารมีของ องคสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจา บารมีขององคพระพุทธมหาจักรพรรดิ บารมีธรรมของหลวงพอจรัญ ฐิตธมฺโม และบารมีธรรมของพระอาจารย ชวยดลบันดาลใหมีผูมารวมทําบุญคาขนสงองคพระดวย และ ดวยจติ ศรทั ธาอนั บริสทุ ธิ์น้ที ําใหม ผี มู ารว มบุญ จนไดปจจัยคาขนสง ครบภายในเวลาไมนาน เปนท่ีอัศจรรย ใจของทั้งสองอุบาสิกายิ่งนัก สาธ.ุ ..สาธ.ุ ..สาธ.ุ ..อนุโมทามิ อน่ึง พระพุทธมหาจักรพรรดิองคน้ี มีลูกศิษยทานหน่ึงของพระอาจารยไดนํามาถวายวัดตาลเอน แตทางวัดไมมีสถานที่ท่ีจะนําองคพระไปประดิษฐานไดอยางเหมาะสม เพราะทางวัดไดทําการหลอพระ พุทธมหาจักรพรรดิ องคท่ีจะมาประดิษฐานท่ีศาลา ๘๐ ปไวเรียบรอยแลว อยางไรก็ดีนับวาเปนธรรมะ จัดสรรโดยแท ที่ทางศรีลังกาไดขอพระมา ทําใหพระพุทธรูปองคนี้ไดไปประดิษฐานในสถานท่ี ท่ีมีความ เหมาะสมยิง่ ขา พเจาขออนุโมทนาบุญในกศุ ลจติ ของผทู ่จี ัดสรา ง และถวายพระองคนี้ใหกับวัดตาลเอนดวย จากใจจรงิ แมจ ะไมทราบนามของทานผูสรา งกต็ าม สาธุ...สาธ.ุ ..สาธุ...อนโุ มทามิ เม่ือพระพุทธรูปไดรับการขนสงจนถึงท่ีวัดนาฯ ในประเทศศรีลังกาแลว ปรากฏวาความกวางและความสูง ขององคพระน้ัน กวางกวาประตูทางเขา และสูงกวาเพดานหอง แตเมื่อทานเจาอาวาสวัดนาฯ พรอมดวย พทุ ธศาสนกิ ชนชาววัด ไดแ ลเห็นองคพระทแี่ กะผาหุมออกแลว ตา งกต็ กตะลึงในความงามและปล้ืมปติเปน อยางมาก จึงลงมติกันใหทุบประตูทางเขาใหกวางข้ึน และทุบเพดานหองบริเวณท่ีจะประดิษฐานองคพระ ใหส ูงข้ึน พรอมทัง้ กน้ั หอ งพระดว ยกระจกเพอ่ื ปองกันฝุน คราวน้ีความกลุมใจจึงตกมาอยูที่คุณสุลังคะและ คุณบุดด้ีบาง เพราะจะตองระดมทุนในการปรับปรุงสถานที่ แตแลวความอัศจรรยก็ไดเกิดข้ึนอีกครั้งหนึ่ง ๑๑๔

เม่ือชาวศรีลังกาในชุมชนนั้นไดมารวมกันทําบุญจนไดปจจัยครบภายในเวลาไมนาน แมวาประชากรใน ชุมชนไมไ ดเปน ผูมีฐานะรํ่ารวยนกั กต็ าม สาธ.ุ ..สาธุ...สาธุ...อนโุ มทามิ เม่ือขั้นตอนในการปรับปรุงสถานท่ีเสร็จเรียบรอยแลว คุณสุลังคะก็สงขาวมาวา จะจัดพิธีฉลอง องคพระใหประชาชนชาวศรีลังกาไดกราบสักการบูชาอยางเปนทางการ โดยจะทําพิธีเฉลิมฉลอง ๗ วัน ๗ คืน ขอกราบนิมนตพระอาจารยใหไปรวมงานดวย เมื่อพระอาจารยไดทราบขาวก็ตอบตกลงดวยความ ยินดี แตจะใหอ ยูรว มพธิ ีทั้ง ๗ วนั ๗ คืนน้ันคงจะไมสะดวก ทานคงจะไปรวมงานไดเพียงวันเดียว คือ วัน เสารท ่ี ๖ มถิ ุนายน พ.ศ. ๒๕๕๒ ซ่ึงเปนวันแรกของงาน โดยทานจะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุบางสวนท่ี ไดรับประทานมาจากสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายกฯ และพระบรมสารีริกธาตุที่ทานมีอยูแลว อกี สวนหน่ึง นําไปมอบใหแ กท านเจาอาวาสวัดนาฯดวย สาธ.ุ ..สาธ.ุ ..สาธุ...อนุโมทามิ กอนการเดนิ ทางไปนน้ั พระอาจารยพ รอ มทั้งผูม ีจิตศรัทธาไดจัดเตรียมผาไตรประมาณ ๑๐๐ ไตร รมมากกวา ๑๐๐ คัน เพื่อจะนําไปถวายพระสงฆศรีลังกาท่ีจะมาในงาน และถวายยังวัดตางๆ ที่ทานจะ เดินทางไปเยือน โดยผาไตรที่เตรียมไปนั้น พระอาจารยไดคัดเลือกใหเปนสีเดียวกันกับท่ีพระศรีลังกาใช อยู จึงคาดวาผาไตรท่ีถวายนี้ พระสงฆศรีลังกาจะนําไปครองเพื่อปฏิบัติศาสนกิจไดเลยทันที นอกจากน้ี พระอาจารยยังไดเตรียมเข็มกลัดรูปพระแกวมรกตและพระพุทธชินราช ประมาณ ๖๐ ช้ิน เพื่อนําไปมอบ ใหคณะผูจัดงานชาวลังกา พรอมทั้งพระเครื่องและสายสิญจนผูกขอมือจํานวนมาก สําหรับไปแจกให อุบาสกอุบาสิกาที่นั่น เพราะชาวศรีลังกาถือเปนสิริมงคลชีวิตอยางสูง หากไดรับการผูกสายสิญจนจาก พระสงฆ การเตรียมสิ่งของตางๆ เพ่ือไปทําบุญและบริจาคในคร้ังน้ี ถือเปนการแสดงความขอบคุณ ในส่ิงท่ีชาวลังกาไดสรางคุณูประการตางๆ ใหแกพุทธศาสนาต้ังแตอดีตเรื่อยมา และเปนการเติม ขวญั กําลงั ใจใหก ับพุทธบริษัท ๔ ชาวลังกา ไดครบองคเลยทีเดียว นาจะเปนความสําเร็จสมความต้ังใจ ของพระอาจารยแ ลว สาธ.ุ ..สาธุ...สาธ.ุ ..อนุโมทามิ วันที่ ๒ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๒ พระครูสมุหจิรยุทธ อธิฉันโท พระไกรวัลย อภิปสันโน พรอมดวย คณะญาติธรรมชาววัดตาลเอน ๒๐ คน และมัคคุเทศกไทยอีก ๓ คน (รวม ๒๕ ชีวิต) ไดเดินทางจาก วัดตาลเอนเหินฟาสูประเทศศรีลังกา โดยตามกําหนดการแลว วันท่ี ๓ – ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๒ ชาว คณะจะเดินทางไปกราบนมัสการพุทธสถานท่ีสําคัญตามจังหวัดตางๆ ของศรีลังกากอน จากน้ันวันที่ ๖ – ๗ มิถุนายน จะเขารวมพิธีเฉลิมฉลองท่ีวัดนาฯ และจะเดินทางกลับในคืนวันที่ ๗ และถึงประเทศไทยใน เชา วนั ท่ี ๘ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๒ ตามลําดับ ชาวคณะเดินทางถึงสนามบินดารานายเก เมืองโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา ในชวงดึกของวันที่ ๒ มถิ นุ ายน มีคณะของคณุ สุลังคะ และคุณบุดด้ี พรอมเพ่ือนอีก ๒-๓ ทานมารอรับ เมื่อชาวศรีลังกาท่ีมารอ รับ ไดเห็นพระอาจารย พวกเขาตางก็กมลงกราบนมัสการที่เทาของพระอาจารยที่พื้นสนามบินน้ันเอง และเมอื่ ไดเห็นพานอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุท่ีพระอาจารยถือดวยมือของทานเองตลอดเวลา ตั้งแตขึ้น เคร่ืองจนลงเคร่ืองแลว พวกเขาตางก็คุกเขาลงกับพ้ืน พนมมือ และนอมศีรษะลงเพ่ือใหพระอาจารยนํา พานพระธาตุมาแตะไวบนศีรษะ ทีละคน ทีละคน ทีละคน นับเปนภาพแหงความประทับใจภาพแรก ท่ี คณะญาติธรรมไทยไดเหน็ ซง่ึ พานอัญเชิญพระบรมสารรี ิกธาตจุ ากเมอื งไทยน้ี จะนําไปประดิษฐานไวที่บาน ของคณุ สลุ ังคะเปนการชั่วคราวกอน จนกวา จะถึงวนั งานสมโภชนในวันท่ี ๖ มิถุนายน จึงจะทําการถวายแด วดั นาฯ ตอไป จากนนั้ คณะชาวไทยกไ็ ดเ ดนิ ทางเขาพกั ทโ่ี รงแรมในเวลาที่คอนขางดึกมากแลว ๑๑๕

เชาวันท่ี ๓ มิถุนายน ซ่ึงถือเปนการเดินทางวันแรกของคณะเราในศรีลังกา ชาวคณะออกเดินทาง ไปยังเมืองอนุราธปุระ ซึ่งเคยเปนราชธานีแหงแรกของประเทศศรีลังกานานถึง ๑,๕๐๐ ป จึงมีวัด เจดีย และโบราณสถานตางๆ มากมาย ไดกราบนมัสการพุทธสถานหลายๆ แหง เชน ถ้ําดัมบุลลา ซึ่ง ไดรบั การประกาศใหเปนมรดกโลก เปนถํ้าขนาดใหญหลายถํ้าอยูบนยอดเขา ภายในมีพระพุทธรูป พระ เจดยี เลก็ ๆ มากมายหลายองค และภาพจิตรกรรมเขียนสีที่แสนงดงาม จากน้ันไดไปกราบ พระมหาเจดีย รุวนั เวลสิ ายะ หรือเรยี กอีกชื่อวา เจดียวัดชางลอม ซึ่งพระเจดียมีขนาดใหญมากใหญจนบรรยายไมถูก วา ใหญขนาดไหน ใหญจนงงวา คนโบราณสรางขึ้นมาไดอยางไร มหาเจดียแหงนี้คงไมไดสรางสําเร็จลงได ดวยอิฐดวยปูนเพียงอยางเดียว แตสรางสําเร็จไดเพราะพลังศรัทธาอันแรงกลานั่นเอง ทานผูอานคงตอง ไปดูดวยตาตัวเองวาใหญขนาดไหน ชาวคณะยังไดไปกราบ ตนพระศรีมหาโพธิ์ ท่ีพระสังฆมิตตาเถรีได อัญเชญิ มาจากอนิ เดีย และในชว งบายใกลเยน็ ก็ไดไ ปท่ี วดั ถูปาราม ท่ีมเี จดยี บรรจุพระบรมสารรี ิกธาตุสวน พระรากขวัญเบ้ืองขวา ซึ่งเหตุการณพระบรมสารีริกธาตุเสด็จ ก็เกิดข้ึนท่ีวัดถูปารามน้ีเอง (จะกลาวถึงใน ภายหลัง) วันที่ ๔ มิถุนายน เดินทางในเมืองโปโลนนารุวะ ราชธานีแหงที่สองของศรีลังกา กราบนมัสการ เจดียวาทาเดค ที่มีพระพุทธรูปปางสมาธิท่ีแสนจะงดงามต้ังอยูหนาเจดียสี่ทิศ และสถานที่ตางๆ อีก มากมาย ทีข่ า พเจาเองก็แทบจาํ ไมไ ด เพราะไมเคยมีความรูเก่ียวกับศรีลังกาเลย ครั้นจะอานจากโปรแกรม การเดินทางที่ไดรับมา เพ่ือเปนการเรียกความทรงจํากลับคืน ก็ทําไมไดอีก เพราะไมเหมือนการเดินทาง จริง เน่ืองจากพระอาจารยเห็นวาการเดินทางคร้ังน้ี เปนการเดินทางมาเพื่อทําบุญสรางกุศลจริงๆ จึงเพ่ิม รายการวดั และสถานทีท่ จี่ ะกราบไหวบูชามาอีกหลายแหง ทําใหโปรแกรมการเดินทางแนนเอี๊ยด ไดทําบุญ จนอม่ิ อกอิ่มใจไปทั่วทกุ ตัวคนเลยทีเดียว สาธุ...สาธ.ุ ..สาธุ...อนุโมทามิ จากเมืองโปโลนนารุวะก็เดินทางสูเมืองแคนด้ี ชมวัดอาโลกาวิหาร ท่ีเคยเปนสถานท่ีสังคายนา พระไตรปฎก ซ่ึงขาพเจาจําไมไดวาเปนการสังคายนาคร้ังที่เทาไร แตจําไดแนๆ วา ในการสังคายนา พระไตรปฎกคร้ังน้ี ไดมีการจาร หรือจารึกพระธรรมคําส่ังสอนเปนลายลักษณอักษรไวบนใบลานเปนคร้ัง แรก นับตง้ั แตพระพุทธศาสนาถือกําเนดิ ขนึ้ บนโลก โดยจารึกเปน ภาษาสิงหล จึงทําใหศาสนาพุทธมีบันทึก พระธรรมคําสั่งสอนที่ชัดเจนเกิดขึ้นเปนครั้งแรก จากท่ีแตกอนเปนการทองจําสืบๆ กันมาโดยพระอริย สาวกทง้ั หลาย ท่ีวัดนี้ยังคงอนุรักษ และสืบสานวิธีการจารพระไตรปฎกไวบนใบลานจนถึงปจจุบัน ซึ่งมีข้ันตอน การทาํ ท่ียงุ ยากมาก คณะของเรายงั ไดชมขั้นตอนที่พระสงฆชาวลังกา ทานน่ังจารพระไตรปฎกดวย แลวจึง ไดเดินชมรอบวัด ซ่ึงมลี ักษณะเปนถาํ้ เล็ก ถ้ํานอย และมีพระเจดียขนาดยอ มๆ อยบู นยอดเขา พระอาจารย บอกวา “ใหพวกเรา ลองหลับตา นึกถึงภาพของพระอรหันตหนึ่งพันรูป ท่ีมาอยูรวมกันในบริเวณนี้ เพื่อทาํ การสงั คายนาพระไตรปฎ ก สถานทที่ ่ีเรายนื อยูน้ี ทุกตารางนิ้ว ลวนเปนท่ีซ่ึงพระอรหันตในอดีต ทา นเคยไดอ ยมู ากอนแลว ทา นอาจจจะน่งั สมาธิ หรือนอนบนพน้ื ดนิ ทเ่ี รากําลังเดินอยูนี้ก็ได ทานตอง ลําบากมาอยูรวมกัน เพ่ือใหพุทธบริษัทในรุนหลัง มีหลักพระธรรม คําส่ังสอน ที่แนนอนเปนลาย ลักษณอ ักษร...” สาธุ...สาธ.ุ ..สาธุ...อนโุ มทามิ วันท่ี ๕ มิถุนายน เดินทางไป วัดมัลลิกา ดาลดา เพ่ือกราบนมัสการ พระบรมสารีริกธาตุสวน พระทนต คือ พระเขี้ยวเบื้องลางขวา เม่ือไดกราบสักการะนมัสการแลว ความปลาบปลื้มปติยินดีคงจะ ๑๑๖

เกิดขน้ึ ในจติ ใจของผูท ี่ไดไ ปทกุ ทาน และคงจะไดเ ขยี นบรรยายกนั ไปแลว จึงไมขอกลาวถึงอีก แตภาพท่ีนา ประทับใจของวัดนี้ที่อยากจะกลาวถึง คงจะเปนภาพของชาวศรีลังกาท่ีนอมนําศรัทธามาเต็มเปยม ตางยืน เขาแถวเปนระเบียบเพ่ือรอใหถึงคิวของตน ท่ีจะไดกราบสักการะพระทาฐธาตุ แมผูคนจะมากมาย แต ความวนุ วายมิไดเกิดขึ้น เพราะตางมาดวยหัวใจศรัทธาดวงเดียวกัน โดยเฉพาะอยางย่ิงเด็กและเยาวชน ในทุกชวงอายุ ตั้งแตตัวนอยๆ ระดับอนุบาล ใสชุดนักเรียน และชุดสีขาวสะอาดตา เดินแถวตอกันเปน ขบวนรถไฟ พรอมพานนอยๆ ในมือท่ีบรรจุดอกบัวและบุปผชาตินานา รอสักการะพระบรมสารีริกธาตุ องคเดียวกัน ไฉนหนอ...จึงไมเห็นภาพเชนนี้ท่ีบานเมืองเราบางนะ ชางนาปลื้มใจและนาอนุโมทนาแทที่ คณุ ครแู ละผูใหญในศรีลังกา สนับสนุนใหเด็กๆ ของเขาเขาวัดตั้งแตอยูในวัยยังไมหยาน้ํานมเชนน้ี สาธุ... สาธ.ุ ..สาธ.ุ ..อนโุ มทามิ ชวงบาย ไดเขาชมวัดบุปผาราม เปนวัดท่ีพระอุบาลีมหาเถระ ซ่ึงเปนพระธรรมทูตจากไทย ไป เผยแผพระพุทธศาสนาท่ีศรีลังกาไดเคยพํานักอยู ที่นี่มีพิพิธภัณฑซ่ึงไดเก็บอัฐบริขาร และขาวของที่ทาน เคยใชไวดวย เชน บาตร เตียง เกาอ้ีท่ีทานนั่งในพิธีอุปสมบทใหพระชาวลังกา ฯลฯ สิ่งของเกือบทุกอยาง ยังอยูในสภาพท่ีคอนขา งดี นาจะแสดงใหเ หน็ ถงึ ความศรทั ธาทช่ี าวศรลี ังกามอบใหแดทาน จึงไดดูแลรักษา สงิ่ ของทุกอยา งไวเ ปนอยา งดี สาธุ...สาธุ...สาธุ...อนุโมทามิ ท่ีพิพิธภัณฑของพระอุบาลีมหาเถระนี้ มีพระสงฆรูปหนึ่งที่ทานเปนพระผูดูแลพิพิธภัณฑ ทานได ใหพวกเราชาวคณะเขาไปกราบ พรอมท้ังไดบอกบุญใหชาวคณะชวยกันทําโบรชัวรหรือ แผนพับคูมือการ ชมพิพธิ ภัณฑ ขึ้นมาใหมเปน ฉบบั ภาษาไทย-อังกฤษ เนื่องจากโบรชัวรที่ใชอยูในขณะนั้นเปนภาษาอังกฤษ เพยี งภาษาเดียว แตผูเ ขา ชมสวนใหญเปนชาวไทย จึงไมสะดวกในการอานทําความเขาใจ ชาวคณะตกปาก รับคํากับทา นดว ยความเต็มใจ และปลื้มใจยิ่ง เนื่องจากทานเปนผูกลาวเองวา กลุมผูเขาชมสวนใหญเปน ชาวไทย แตเหตุไฉนทานจึงไดใหกลุมของเราเปนผูจัดทํา ทานเล็งเห็นถึงสิ่งใดหรือ? จะเปนเร่ือง บังเอิญหรือเพราะเหตุใดก็ตาม แตก็นาแปลกใจดีแท เมื่อพระอุบาลีมหาเถระทานเปนชาวอยุธยา พระอาจารยจิรยุทธก็เปนชาวอยุธยา วัดตาลเอนก็อยูในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ชางเปนธรรมะ จัดสรร ที่จัดสรรไดอยางถูกตอง เหมาะเจาะลงตัวเปนที่สุด เมื่อใหพระชาวอยุธยาและลูกศิษยในยุค ปจจุบนั ไดม าตอบแทนพระอยุธยาผูทรงคุณในอดีต ถึงดนิ แดนศรีลงั กาเชนนี้ เหตุการณนี้ทาํ ใหขา พเจานึกถึงคําซ่ึงเคยไดยินมาวา “บุญตอบุญ...ธรรมยอมไหลไปสูธรรม” ได ในทนั ที คณะของเราต้ังใจมาถวายพระพุทธมหาจักรพรรดิแดวัดนาฯ แตขณะนี้กําลังจะไดทําบุญใหมเพิ่ม คือ จะไดพิมพโบรชัวรเผยแพรกิจท่ีพระอุบาลีมหาเถระทานไดเคยทําไวในอดีตในฐานะพระธรรมทูตจาก เมืองไทย เผยแพรส ูพุทธศาสนิกชนชาวไทย ชาวลังกา และท่ัวโลกไดรับทราบ น่ีเองที่เรียกวา “บุญตอบุญ ...ธรรมยอมไหลไปสูธรรม” ภารกิจแหงบุญใหมน้ี พี่หญิง (คุณวรรณภา พิพัฒนางกรู) รับหนาที่เปน หวั เรอื ใหญที่จะจดั พมิ พ โดยไดร บั ความเมตตาเปนอยางมากจาก “พระมหาสมชาย ปภัสฺสโร – พระภิกษุ จากวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร” ในการเรียบเรียงขอมูลและเขียนขอความภาษาไทยลงในโบรชัวร แปล เปนภาษาอังกฤษโดยเพื่อนของพ่ีหญิง โบรชัวรน้ีพิมพเสร็จและสงมอบใหกับวัดบุปผารามไดใชแจกเปน การเรียบรอยแลว ตั้งแตป  พ.ศ. ๒๕๕๓ สาธุ...สาธุ...สาธุ...อนุโมทามิ (สวนหนึ่งของบทความในโบรชัวร น้ี ไดจัดพมิ พไวในชว งทายของหนังสือเลมนี้ดวย เพ่ือเปน การเผยแพรก ิตตคิ ุณของพระอุบาลีมหาเถระ อีก ทางหน่งึ ) ๑๑๗

ประมวลภาพ การสักการะพทุ ธสถานตา งๆ ในศรลี งั กา (คร้งั ท่ี ๒) พระครสู มหุ จ ิรยุทธ อธิฉนฺโท ผกู สายสญิ จนใหกบั ตํารวจ ทหาร และพุทธบริษัท ๔ ชาวลงั กา ถํ้าดมั บูลลา พระอาจารยขณะยืนสนทนาธรรม เมื่อไปถึงวัดใดก็ตาม พระอาจารยจ ะนาํ กบั ญาตธิ รรม ท่หี นาถา้ํ ดมั บูลลา คณะญาติธรรม ถวายเคร่อื งสังฆทานและเงนิ ปจ จยั แดพระภิกษสุ งฆในวัดนั้นๆ ทกุ ครั้ง ๑๑๘

พระมหาเจดยี รวุ ันเวลิสายะ หรอื พระเจดียว ัดชางลอม พระเจดียวดั ถปู าราม คณะญาตธิ รรมต้ังขบวนแหผ าตาดทอง เวียนประทักษิณเพ่ือหมตน พระศรีมหาโพธิ์ ตนพระศรมี หาโพธิ์ ใตรม เงาพระศรีมหาโพธิ์ จากหนอท่ีพระสงั ฆมิตตาเถรีอญั เชญิ จากอินเดีย จากซายมือ พระตวั แทนจากวดั พระศรีมหาโพธิ์ มัคคเุ ทศกชาวลังกา พระครสู มุหจริ ยทุ ธ อธิฉนฺโท เม่ือสองพนั ปก อ น บดั น้มี ผี า ตาดทองของคณะญาตธิ รรมไทย และพระไกรวลั ย อภิปสนฺโน หม คลุมอยูทโ่ี คนตน ๑๑๙

ทล่ี านทรายรอบตน พระศรมี หาโพธ์ิ พระอาจารยน าํ ศรัทธาในพระพทุ ธศาสนาของชาวศรีลงั กานน้ั แรงกลา นกั คณะญาติธรรมสวดมนต โดยมีชาวลงั การว มสวด อบุ าสกิ าในชุดขาวสองทา นนนี้ ่ังสวดมนตอยใู นทา น้ี ท่ี บริเวณตน พระศรมี หาโพธิ์ เปน เวลานานกวา หนงึ่ ชวั่ โมง เธอน่ังสวดอยูกอนทีค่ ณะของพวกเราจะมา และจนเมอ่ื คณะของพวกเรากลบั เธอทัง้ สองกย็ งั คงสวดมนตอ ยู สาธ.ุ ..สาธุ...สาธุ...อนุโมทามิ ธงฉพั พรรณรงั สี และธงผา เขยี นบทสวดมนตข อพร มี ซากปรักหกั พังของพุทธสถานทเี่ มืองโปโลนนารวุ ะ แขวนอยทู ั่วท้งั วัด และทกุ วัด ดว ยความเชื่อวา เมอื่ ลม พัดผา นธง อานุภาพความศักด์สิ ิทธิข์ องบทสวดมนต และพระพทุ ธศาสนาจะกระจายไปท่วั ทกุ ทศิ เทา ทลี่ ม พดั ไปถงึ ๑๒๐

พระพุทธรปู างสมาธิ หนาพระเจดยี ว าทาเดค เมืองโปโลนนารุวะ พระพุทธรูป ๔ ปางอันงดงาม แกะสลกั บนหนาผาหนิ แกรนิต ณ กลั วหิ าร เมอื งโปโลนนารวุ ะ ที่วัดอาโลกาวหิ าร พระอาจารยช มวธิ กี ารจารตัวอกั ษร ลงบนใบลาน และถายรูปรว มกับเจาอาวาสวดั ๑๒๑

หนา หองทปี่ ระดิษฐานพระเขี้ยวแกวที่วัดมลั ลกิ า ดาลดา พระอาจารย และหลวงพไ่ี กรวัลย มีดอกไมท ่พี ทุ ธศาสนกิ ชนชาวลงั กานาํ มาบชู าวางซอนกัน นอ มสักการะพระเขย้ี วแกว จนเตม็ โตะ เด็กอนบุ าลทีม่ าทศั นศึกษากบั ทางโรงเรียนเพอื่ กราบ นมัสการพระเขีย้ วแกว และเดก็ ๆทไี่ ปวัดตา งๆพรอม ผปู กครอง ๑๒๒

ณ วัดบปุ ผาราม พระอาจารย และหลวงพไ่ี กรวัลย ถา ยรปู รูปหลอ พระอบุ าลมี หาเถระ ณ พพิ ธิ ภณั ฑ รว มกับพระสงฆลงั กาทไ่ี ดบอกบญุ ใหค ณะญาติธรรมไทย ได วัดบุปผาราม ประเทศศรีลงั กา ชวยพิมพค ูมอื การชมพพิ ธิ ภัณฑฉบับภาษาไทย พัดยศ และเกาอท้ี พ่ี ระอบุ าลีมหาเถระ ใชนง่ั ในขณะทที่ าํ พธิ ีบรรพชาอปุ สมบทใหกับพระสงฆศ รีลงั กา จนมพี ระสงฆสามเณรเกิดขนึ้ ในยคุ นน้ั กวา ๓,๐๐๐ รปู ทวี่ ดั กัลยาณี พระอาจารยนาํ คณะญาติธรรมแหผาหม องคพระ พรอ มท้ังผาไตร และเครอ่ื งสังฆทานตา งๆ มอี บุ าสก อุบาสิกาศรีลังกามารว มอนุโมทนาบุญอยางลน หลาม เสียงดัง สาธุ...สาธ.ุ ..สาธุ....สา..... กกึ กอ ง ท่ัวทั้งวดั ๑๒๓

ภาพนาประทับใจที่เหน็ ไดทกุ ๆวดั คอื อบุ าสกอุบาสิกา ชาวลงั กาจาํ นวนมาก นง่ั สวดมนต ทําสมาธิ บนลานทราย และตามมุมตา งๆของวัด เมื่อสวดเหนื่อยแลวกพ็ ัก เหยยี ดแขง เหยยี ดขาหรอื นอนกอน หายเหนอ่ื ยแลวกล็ ุก ขน้ึ มาสวดใหม สาธ.ุ ..สาธุ...สาธ.ุ ..อนโุ มทามิ ชาวศรลี งั กาหอบลูกจงู หลานเขาวดั และรดน้าํ ตน รานขายดอกไมเพ่อื บชู าพระ ไมต อ งมีกาน ไมต อ ง โพธ์ทิ กุ เชา เยน็ จนตะไครและมอสขน้ึ เขยี วคร้มึ ปก แจกัน แสดงความจรงิ ของชวี ติ วา ดอกไมต องมี เปน อีกภาพของความประทับใจ วนั เห่ียวแหง โรยรา สะทอนสัจจธรรม พระพุทธศาสนา “เกิดขนึ้ ตงั้ อยู ดบั ไป” ๑๒๔

เม่ือชาวคณะเสร็จสิ้นภารกิจการกราบนมัสการพุทธสถานตางๆ ในเย็นวันที่ ๕ มิ.ย. แลว รถบัสของชาวคณะบายหนาออกจากเมืองแคนด้ี มุงตรงสูกรุงโคลอมโบ เมืองหลวงของประเทศศรีลังกา เพ่ือเตรียมเขารวมพิธีฉลองพระพุทธมหาจักรพรรดิในวันรุงขึ้น กวาที่รถบัสจะมาถึงโรงแรมที่พักในกรุง โคลอมโบก็ใกลค ํ่าแลว เมอื่ ถึงโรงแรมไดส ักพัก คณุ สลุ งั คะก็ไดเดินทางมากราบพระอาจารย และนัดหมาย เวลาสําหรับการจดั งานในวนั รุงขึ้น เชาวันเสารที่ ๖ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๒ เวลาประมาณ ๗.๐๐ น. เม่ือรถของชาวคณะเดินทาง มาถึงบริเวณถนนหนาวัดนาฯ ก็ตองตกตะลึงกับคณะพุทธศาสนิกชนชาวศรีลังกากลุมใหญประมาณ ๓๐๐ คน ท้ังหญิงชาย ท้ังวัยกลางคน ทั้งเด็กนักเรียน และวัยรุน ทุกคนสวมชุดสีขาวสะอาดตา ผูหญิงนุง ชุดสาหรีสีขาว ผูชายใสเสื้อแขนยาว ตัวเส้ือยาวถึงเขา สวมกางเกงขายาวสีขาวพร่ึบ ทุกคนมารวมตัวกัน เพื่อต้ังขบวนแหตอนรับพระบรมสารีริกธาตุ ท่ีพระอาจารยอัญเชิญมาจากประเทศไทย และเพ่ือตอนรับ คณะของพวกเรา เปนภาพท่ีขา พเจา เหน็ แลว คงจะไมมีวันลมื ไปจนวนั ตาย สาธ.ุ ..สาธ.ุ ..สาธุ...อนโุ มทามิ ขบวนแหเริ่มจากคณะเด็กนักเรียนชายท่ีถือธงชาติศรีลังกา และธงฉัพพรรณรังสี (คือ ธง ๕ สี ซ่ึง เปนสีทีเ่ ปลงเรืองรองออกมาจากพระวรกายของพระสมั มาสัมพทุ ธเจา เมอ่ื ตอนทพ่ี ระองคตรัสรู ปจจุบันธง นใี้ ชแสดงถงึ ความเปนศาสนาพุทธ คลายกับท่ีประเทศไทยใชธงธรรมจักร) ติดตามดวย ขบวนดนตรี และ กลองพ้ืนเมอื ง ขบวนนักเตน รําชายทีท่ อนบนเปลอื ยเปลา แตสวมใสเคร่ืองประดับเงินเต็มตัวและใสกางเกง ทรงน้ําเตารัดขอเทา มีจีบกรุยกรายตรงบริเวณชวงเอว กระโดดโลดเตนตีลังกา ดวยลีลาท่ีเรียกวา “ระบํา ศรีลังกา” อยางสนุกสนาน จากนั้นจึงเปนพระครูสมุหจิรยุทธ อธิฉนฺโท ท่ีเดินถือพานอัญเชิญพระบรม สารีริกธาตุ เดินขนาบขางดานขวาดวยตัวแทนของประธานาธิบดีศรีลังกา พระไกรวัลย เดินขนาบทาง ดานซาย ตลอดทางเดินน้ันคณะผูจัดงานไดใหนักเรียนชายเดินกางสัปทน (รมผาตกแตงด้ินเงินดิ้นทอง) ถวายแดพระบรมสารีริกธาตุและพระสงฆอยางสมเกียรติ ตอจากนั้นจึงเปนคณะญาติธรรมไทย และคณะ พทุ ธศาสนิกชนชาวศรลี ังกาตามลําดับ ขบวนอญั เชิญพระบรมสารรี ิกธาตเุ ดินเทาประมาณ ๕๐๐ เมตร ก็มาถึงบริเวณริมกําแพงวัดนาฯ ท่ี มเี ด็กผหู ญงิ อนุบาลตัวเล็กๆ หลายคน ยืนเขาแถวตากแดดรอน คอยโปรยดอกไมสีสันตางๆ เพื่อตอนรับ ชาวคณะ และเด็กหญิงเล็กๆ อีกกลุมหนึ่งก็นําพานดอกไมมามอบใหชาวไทย เพื่อคนไทยจะไดนําไปบูชา ตน โพธิท์ ปี่ ลกู อยภู ายในวัด เม่ือเด็กๆ เหลานั้นมอบพานดอกไมใหแกญาติธรรมไทยแลว เธอจะทําความ เคารพดวยการกมลงกราบเทาชาวไทย ณ พ้ืนดินตรงนั้น สรางความประทับใจ และกอนสะอื้นใหมาจุก อยทู ่ีคอของชาวคณะโดยท่ัวกัน ขาพเจาเองสะทอนใจวา “ตัวเราไดท ําความดีอะไรไวมากพอหรือยัง ที่จะ ใหเด็กหญิงนอยๆ เหลาน้ีตองยืนตากแดดรอนานนับชั่วโมง และกมลงกราบเทาของเรา?” ก็ไดรับ คําตอบจากใจตัวเองวา ความดีของตัวเองนั้น มีไมเพียงพอแนแท แตเปนเพราะเราไดยึดถือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆเ ปน สรณะทีพ่ ง่ึ ของชีวิต จึงทําใหเราไดมาพบมาเจอเหตุการณความสวยงาม และความ ประทับใจมากมายเชน นไ้ี ด นบั วา โชคดเี หลือเกินทีไ่ ดเ กดิ มาเปน มนุษย และไดพ บพระพทุ ธศาสนา เมื่อขบวนแหเ ขา ถึงวัดแลว ก็ไดเดินทักษิณาวัตรรอบตนโพธ์ิ ๓ รอบ (ซ่ึงเปนประเพณีของชาวศรี ลังกา ที่จะใหความเคารพกับตนโพธิ์ เหมือนกับท่ีใหความเคารพกับพระพุทธเจา ชาวบานแถววัดจะเขา มารดน้าํ ตนโพธิ์ท่ีวดั ทกุ เชาเย็น) จากนนั้ ขบวนแหก็มุงหนาสูวิหารที่ประดิษฐานพระพุทธมหาจักรพรรดิซ่ึง อญั เชญิ ไปจากวดั ตาลเอน และคณะของเราจะมาทาํ พธิ ถี วายแดว ัดนาฯ อยางเปน ทางการในวันน้ีน่ันเอง ใน ๑๒๕

วหิ ารนั้นพระพุทธมหาจักรพรรดิประดิษฐานอยูในหองกระจกที่มีมานปดอยูโดยรอบ เพื่อมิใหผูใดไดเห็น พระพักตรกอนเวลาเปด เมื่อเริ่มพิธี ประธานจุดเทียนธูป สวดบทกราบพระ บูชาพระ เปนภาษาบาลีท่ีทั้ง ชาวไทยและชาวศรีลังกาสวดไดพรอมๆ กัน แทบจะไมมีผิดเพ้ียนแมแตสําเนียง เสียงสวดมนตจึงดัง กึกกอ งไปท่ัวทงั้ วดั สาธุ...สาธ.ุ ..สาธุ...อนโุ มทามิ จากน้ันพระอาจารยพรอมท้ังทานเจาอาวาสวัดนาฯ ก็ไดกดปุมเปดมานที่ปดคลุมหองกระจกออก ฉับพลันที่สายตาของพุทธศาสนิกชนชาวไทยและชาวศรีลังกาไดแลเห็นองคพระพุทธมหาจักรพรรดิ ซ่ึงมี พระพักตรสงบนิ่ง ทอดสายพระเนตรลงต่ํา แตเปยมลนไปดวยแววแหงพระเมตตา ก็เกิดความปล้ืมปติ ชนิดท่ียากจะหาถอยคําใดมาอธิบาย ในชวงเวลานั้นไมมีความแตกตางทางเช้ือชาติ ภาษา หรือวัฒนธรรม มีแตความคิดท่ีวา “เราเปนชาวพุทธเหมือนกัน มีที่ยึดเหน่ียวทางจิตใจอยางเดียวกัน คือ พุทธรัตนะ ธรรมะรัตนะ และสังฆะรัตนะ จึงทําใหเราทุกคนไดมาเจอกันในวันนี้ ไดมาเปนญาติกันในทางธรรม และไดม ีประสบการณช ีวิตดีๆ รวมกันในวนั น”ี้ ณ เวลาน้ันญาติธรรมไทยเกือบทุกคนรองไหดวยความ ปลืม้ ปต ิ ไมตางอะไรจากญาติธรรมศรลี ังกาทีม่ นี ํ้าตาแหงความยนิ ดีไหลอาบแกม เชน กัน ตอจากนั้น พระอาจารยถวายส่ิงของตางๆ แดทานเจาอาวาสวัดนาฯ ประกอบดวย พระบรม สารีริกธาตุ พระพุทธรูปขนาดหนาตัก ๙ นิ้ว ผาไตร และรมท่ีไดเตรียมไปจากเมืองไทยถวายแดวัดนาฯ จากน้ันถวายผาไตร และรมแดเจาอาวาสและตัวแทนเจาอาวาสจากวัดตางๆ ในบริเวณใกลเคียงที่มารวม เปนสักขีพยานในงานคร้ังนี้ประมาณ ๕๐ รูป พิธีกรยังใหขอมูลเพิ่มเติมวา วัดนี้เปดเปนโรงเรียนสอน พระพุทธศาสนาวันอาทิตยดวย มีนักเรียนชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษาภายในชุมชนมาเรียน จํานวน ประมาณ ๓๐๐ คน และขณะนี้วัดกําลังดําเนินการสรางอาคารเรียนอยู แตยังขาดปจจัยอีกเปนจํานวนมาก เมื่อคณะญาติธรรมไทยไดฟงดังนั้น จึงตกลงรวมกันวาจะรวบรวมปจจัยจากทุกคนในคณะ เพ่ือนํามา ทอดผาปาสรางโรงเรียนภายในวันรุงข้ึน ซึ่งไดเงินประมาณ ๑๕,๐๐๐ บาท นับเปนเหตุการณ บุญตอบุญ ... ธรรมยอมไหลไปสธู รรม อกี ครงั้ หน่งึ สาธ.ุ ..สาธ.ุ ..สาธุ...อนุโมทามิ ตอมาเจาอาวาสวัดนาฯ ไดถวายของท่ีระลึกใหแกพระอาจารยเปนตนโพธ์ิ ๒ ตน โดยตนหนึ่งนั้น ประธานาธิบดีศรีลังกามอบใหมา ซึ่งเปนตนที่ตอนมาจากก่ิงตนแมที่ไดรับจากประเทศอินเดีย เม่ือครั้ง พระสังฆมิตตาเถรอี ญั เชญิ มาในสมยั พระเจา อโศกมหาราชเลยทเี ดยี ว สวนอีกตนหน่ึงเปนตนท่ีเพาะขึ้นจาก เมล็ด ผูจัดยังไดถวายเกียรติบัตรเปนการขอบพระคุณในนํ้าใจไมตรีของพระอาจารย และชาวตาลเอน จากนนั้ พระอาจารยกลาวขอบคณุ เปนอันเสร็จพิธี ตลอดพิธีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุไปถวายแดวัดนาฯ และการเฉลิมฉลององคพระใน คร้ังน้ี มีส่ือมวลชนชาวศรีลังกาทุกแขนงมารวมทําขาว ทั้งวิทยุ โทรทัศน และหนังสือพิมพ ทําใหญาติ ธรรมชาวไทยที่ไมคาดคิดวาจะไดรับการตอนรับที่ยิ่งใหญอลังการเชนน้ี ถึงกับตองตกตะลึง ต่ืนเตน ปลื้ม ปติ และปล้ืมใจ จนยากจะหาคําใดมาบรรยายได แตทุกคนลวนตระหนักดีวา ที่ชีวิตของตนไดมีโอกาสมา พบกับความสุขทางกาย และสุขสันติที่อ่ิมเอิบในใจน้ีเชน มีจุดเริ่มตนมาจาก ความปรารถนาดีดวยใจ บริสุทธ์ิ ท่ีจะถวายพระพุทธรูป จากวัดตาลเอน ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ใหกับวัดท่ีขาดแคลนใน ประเทศศรีลังกา ถือเปนการชวยพระอาจารยเผยแผพระพุทธศาสนาไปตางแดน ในท่ีสุดผลแหงความ บริสุทธใ์ิ จกไ็ ดมาแสดงใหเห็นเปนรูปธรรม ไมวา จะเปนการเดนิ ทางท่ีไมมีอุปสรรค การไดรับการตอนรับท่ี ดี ความประทับใจในทุกๆ เหตุการณตลอดการเดินทาง และโดยเฉพาะอยางย่ิง คือ เหตุการณพระบรม ๑๒๖

สารีริกธาตุเสด็จท่ีวัดถูปาราม การเดินทางไปศรีลังกาคร้ังน้ี จึงเปรียบเสมือนมีจุดเร่ิมตนที่พระพุทธรูป แลวดําเนินไปสพู ระบรมสารรี ิกธาตุ ซ่ึงก็คอื พระพทุ ธเจา นัน่ เอง ประมวลภาพ การถวายพระพุทธมหาจกั รพรรดิ ภาพแรกท่เี หน็ เม่อื ลงจากรถบสั คือ นกั เรยี นและ พุทธศาสนกิ ชนชาวศรีลังกา พรอ มธงฉัพพรรณรงั สี สีสนั สดใส ตง้ั ขบวนรอตอนรับคณะพระครูสมุหจ ิรยทุ ธ อธฉิ นโฺ ท และญาติธรรมไทย โปรดสังเกตวา ชาวศรลี ังกา เดนิ เทา เปลาเขาวัด ทงั้ ๆท่ีระยะทางของการเดนิ เกอื บ ๕๐๐ เมตร พระครูสมหุ จริ ยทุ ธ อธฉิ นโฺ ท พระไกรวัลย อภปิ สนโฺ น พรอมญาติธรรมไทย ต้ังแถวเตรยี มตัวอัญเชิญ พระธาตุ จากวัดตาลเอน ประเทศไทย ถวายวัดนาคารกุ ขาราม ประเทศศรีลงั กา ๑๒๗

ขบวนนกั ดนตรี และนกั เตน ราํ ของ “ระบําศรีลังกา” ขบวนอญั เชญิ พระธาตุ ๑๒๘

เมื่อถึงวัดนาฯ พระอาจารยและชาวคณะไดถวาย ดอกไมบ ชู าพระพุทธรูป และตน โพธิ์ หน่งึ ในเด็กหญงิ ตวั นอย ท่ีคอยยืนโบกธงชาตศิ รีลงั กา ตอนรับคณะชาวไทยอยูสองขา งทาง สองขางทางเดนิ จากลานตนโพธสิ์ วู หิ ารพระพุทธ อบุ าสก อบุ าสิกา ชาวศรีลงั กาอีกกลมุ หนง่ึ คอยยืน มหาจกั รพรรดิ นักดนตรพี น้ื เมอื ง ต้งั แถวบรรเลง ตอ นรบั อยูหนาวหิ าร กลาวสวัสดี เปนภาษาพน้ื เมอื งวา ดนตรีใหชาวคณะเดินผา น “อายบุ วร” มีความหมายเปน สองนยั คือ ขอใหทาน อายุยนื และขอใหพ ระพุทธศาสนายนื ยงตลอดไป เจา อาวาสวดั นาฯ และคุณบดุ ด้ี วกิ ครามารัตเน ได เจา อาวาสวัดตา งๆในบรเิ วณใกลเ คียง ทกั ทาย คณุ วรนิ ทรธร ปยทชั องั กว รา และ ทมี่ ารว มเปน เกยี รติในงาน คณุ วรรณภา พพิ ฒั นางกูร – “คนตนบญุ ชาวไทย” ๑๒๙

ญาติธรรมชาวไทย ญาตธิ รรมศรลี งั กา บรรยากาศในพิธี เจาอาวาสวัดนาฯ น่งั อยูระหวา งพระครูสมุหจิรยทุ ธ และพระไกรวัลย มี พุทธศาสนกิ ชนชาวศรีลังกามารวมงานมากมาย จนเต็มลนออกไปนอกวหิ าร วนิ าทีทผ่ี ามา นซ่ึงปด หอ งกระจกไว ถกู เปด ออก ก็เผยใหเห็นพระพกั ตรของ พระพุทธมหาจักรพรรดิ ที่สงบน่งิ อยู แยมพระโอษฐเลก็ นอยดว ยพระเมตตา ชา งงดงามนัก ๑๓๐

ภาพพระพุทธมหาจกั รพรรดิ เมอื่ มองจากมุมซาย และดานหนา ทานเจา อาวาสวัดนาฯ รับพระบรมสารีริกธาตุจากพระครสู มหุ จิรยทุ ธแลว อัญเชิญไปประดษิ ฐานยงั พระแทน ที่สรางขนึ้ ใหมเพอ่ื การน้ีโดยเฉพาะ พระครูสมหุ ฯจิรยุทธ ถวายพระพทุ ธรปู ขนาดหนา ตกั ๙ น้วิ เข็มกลดั พระแกว มรกต แดท านเจาอาวาสวัดนาฯ ๑๓๑

พระครสู มหุ จ ิรยุทธ อธฉิ นฺโท ถา ยรปู เบ้อื งหนา พระ พทุ ธมหาจักรพรรดิ ทา นเจา อาวาสวดั นาฯ และตัวแทนจากรัฐบาล มอบตนโพธิ์ ประกาศเกียรติคุณ และเจดยี ทองเหลืองทรงระฆงั ควํ่า สาํ หรับบรรจุพระธาตุ แดพระครูสมหุ จิรยุทธ ทานเจา อาวาสวัดนาฯ และพระครู สมหุ จิรยทุ ธ ขณะถวายขาวพระพุทธ โปรดสงั เกตวาภตั ตาหารที่ถวาย เปนมงั สวิรัตทิ ัง้ หมด เพราะชาวพทุ ธ ศรีลังกาสว นใหญไมทานเนอ้ื สตั ว ๑๓๒

พระครูสมหุ จริ ยุทธ อธฉิ นฺโท ในฐานะตวั แทนคณะสงฆ เมอ่ื เสร็จพิธใี นภาคเชาพระครสู มหุ จ ริ ยทุ ธ และผปู ฏิบตั ธิ รรมวัดตาลเอน ถวายผา ไตร รม และ พระไกรวลั ย พรอ มดวยคณะญาติธรรม ไดถา ยรูป เขม็ กลัดพระแกว มรกต พระพุทธชนิ ราช แดพระสงฆ ศรีลงั กาจากวดั ตา งๆทีม่ ารวมงาน รวมกนั เบื้องหนาองคพระพุทธมหาจักรพรรดิ ญาติธรรมไทย และญาติธรรมศรีลงั กา ถา ยรปู พระครูสมุหจิรยทุ ธ อธิฉนฺโท และ รว มกนั อยางใกลชดิ เพราะเราศาสนาเดียวกนั พระไกรวัลย อภิปสนโฺ น เบ้ืองหนาพระพทุ ธมหาจักรพรรดิ หลงั จากฉันเพลแลว ทา นเจาอาวาสวัดนาฯ นมิ นตพ ระอาจารย พระอาจารยเ งยหนา มองพระพทุ ธมหาจักรพรรดิ และชาวคณะกลับสวู หิ ารอีกครัง้ เพือ่ มอบของทร่ี ะลกึ ระหวา งรอ ทา นจะคิดสงิ่ ใดอยูในใจหนอ? เริ่มพธิ ี พระอาจารยพลิกดหู นงั สือพิมพยกั ษใหญระดับประเทศ ท่ีลงขาวหนา หน่งึ ประชาสัมพันธการถวายพระพุทธรูปในวนั นี้ สวนหลวงพ่ไี กรวัลย ขอดูหนังสือพิมพบ า ง ๑๓๓

คณุ สุลงั คะ ชามนิ ดา ถวายรปู ถายพระพทุ ธมหาจกั รพรรดิ คุณบุดดี้ วิกครามารตั เน และ คณุ สลุ ังคะ ชามินดา แดพระอาจารย โดยกลาววา เมอ่ื วดั ตาลเอนไดถวายพระ “คนตนบุญ ชาวศรลี งั กา” สองสามภี รรยา พุทธมหาจกั รพรรดิแดวัดนาฯแลว วดั ตาลเอนก็จะไมม ีพระ มหาอุบาสกอุบาสิกา แหงวดั นาคารกุ ขาราม พุทธมหาจกั รพรรดอิ ยู จงึ ขอมอบรูปนีเ้ พ่ือใหชาววดั ตาลเอน ไดดูรูปของพระองคท าน เปนการระลกึ ถงึ กนั ภาพใบปลวิ ประชาสมั พนั ธง านฉลององคพระ ทคี่ ณุ สลุ ังคะจดั ทําขึ้น เพอ่ื แปะประชาสมั พนั ธตามสถานที่ ตา งๆ และแจกแกบุคคลทว่ั ไป แจง กําหนดการของ งาน ตั้งแตวันที่ ๖ – ๑๔ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๕๕๒ หนังสอื พมิ พศ รีลงั กาฉบับตา งๆ ที่ตพี มิ พ เรื่องการถวายพระพุทธมหาจักรพรรดิแด วดั นาฯ โดยพมิ พท ั้งภาษาอังกฤษและสิงหล ทั้งกอนหนา และหลังวันงาน ๑๓๔

เม่อื เลาเร่อื งพิธถี วายพระพุทธมหาจักรพรรดิแดวัดนาฯ เสร็จเรียบรอยแลว ก็จะขอเลาเรื่อง พระบรมสารรี ิกธาตุเสดจ็ ตอเลยนะคะ ระหวางการเดนิ ทางกราบสกั การะพระเจดีย และพระพุทธรูปตามสถานที่ตางๆ ในศรีลังกา ใน วันที่ ๓ มถิ ุนายน พ.ศ. ๒๕๕๒ (ซ่ึงเปน การเดินทางวนั แรกของชาวคณะในศรีลังกา)นั้น หากสถานที่ใดมี เวลานอ ย พระอาจารยจะนําสวดมนตบ ทส้ันๆ เชน พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ แตหากที่ใดมีเวลามาก พระอาจารยจะนาํ สวดพาหุงมหากาฯ ดวย แตท่ี “วดั ถปู าราม” ณ เมืองอนุราธปุระ ซึ่งมีเจดียขนาดใหญ ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ คือ พระรากขวัญเบ้ืองขวา (ไหปลาราดานขวา) ซึ่งเปนพระบรม สารรี ิกธาตุ ๑ ใน ๗ องคข องพระพทุ ธเจา ทไ่ี มถ ูกไฟไหม เม่ือครงั้ ถวายพระเพลิงพระบรมศพนนั้ นอกจาก พระอาจารยจ ะใหช าวคณะสวดพาหงุ มหากาฯ แลว ยงั ใหนง่ั สมาธิเปนเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงอีกดวย โดย กอ นที่จะนั่งสมาธนิ นั้ ทา นไดน าํ ผากราบสขี าวมาพับครึ่งแลว วางไวท ีเ่ บือ้ งหนาทาน ซ่ึงในชวงการน่ังสมาธิ นั้นเกิดเหตุการณแปลกๆ เปนทป่ี ระจักษแกส ายตาของไกดชาวไทยและไกดศรีลังกาที่นั่งรออยูดานนอก คือ มีฝูงผึ้งจาํ นวนมากมาบินวนรอบองคพระเจดยี  พรอมๆ กับมีพระอาทิตยทรงกลด และลมเย็นกอน ใหญกอนหน่ึงพดั วูบมาทางชาวคณะทนี่ ง่ั สมาธิอยูด วย เมือ่ พระอาจารยใ หแผเมตตาและลืมตาขึ้น ทา นก็ไดเ ปดผาขาวออกและใหชาวคณะไดดูพรอมๆ กนั พบวา ในใจกลางของผา ผืนนั้นมีพระบรมสารีรกิ ธาตุหลายวรรณะ หลายสี หลายสณั ฐาน มารวมกันอยู ในผืนผา นบั ไดถงึ ๘๖ องค แตทีเ่ ดนที่สดุ ไดแ ก พระบรมสารีริกธาตุองคหนึ่งซึ่งไมเหมือนองคอ่ืนใด ทง้ั สน้ิ คือ มีลักษณะคลายแทงกระดูกของคนธรรมดาๆ น้เี อง เพราะมรี พู รุนคลา ยกระดูกของคนท่ีไมถูก ไฟไหม แตแ ตกตางกบั คนธรรมดา ตรงทม่ี ี ความเรยี บล่นื เงางาม และแวววาว กวากระดูกของคน ธรรมดาทัว่ ไปมาก ผูรว มคณะบางทานจงึ อดคดิ ไมไดว า พระบรมสารีริกธาตุสวนที่ไมถูกไฟไหมขององค สมเด็จพระสมั มาสัมพุทธเจา นาจะมีลกั ษณะเชน นีเ้ อง! จาํ นวนของพระบรมสารีริกธาตทุ ี่เสด็จมาในครั้งนี้ จาํ แนกประเภทตามสัณฐานวรรณะได ดังนี้ - สณั ฐานคลายแทง กระดกู มรี พู รนุ สงี าชางขาว เรียบลน่ื แวววาว (ตามที่กลาวแลว) องคใหญ ๑ องค - สณั ฐานเมล็ดถั่วแดง องคใหญ ๒ องค คือ มีสีขาวเปน เงาแกมเขยี ว ๑ องค และสีขาวเปนเงา แกมนํ้าตาล ๑ องค (คลายหนิ หยกขาว หรอื หินออ นสีขาว ทมี่ เี งาเหลือบเขยี ว เหลือบน้าํ ตาล) - สณั ฐานเปน ผลึกแกวใส (แสงทะลุผานได) องคใ หญ ๒ องค - สัณฐานเมล็ดผักกาด เปน ผลกึ แกว ใสและสขี าวนวลคลายมุกดาคละกัน องคเลก็ ๆ ๘๑ องค รวมนบั ได ๘๖ องค เหตกุ ารณพระบรมสารรี ิกธาตเุ สด็จน้สี รางความปลาบปลื้ม ปติ ยินดี และต่ืนเตนใหเกิดข้ึนแกทุก คนในคณะเปน อยา งมาก เพราะทกุ คนยังไมเ คยมปี ระสบการณพระธาตุเสด็จใหเห็นเปนที่ประจักษแจง เชนน้ี ชาวคณะทอี่ ยูใกลพระอาจารยมากทสี่ ุดทานหนึ่ง กลาววา มองเห็นชัดเจนแนนอนวา ตอนที่พระ อาจารยพ บั ผาน้นั ไมม อี ะไรอยูขา งในผาจรงิ ๆ และหากจะคิดวา มใี ครแอบเอาพระธาตุมาใสตอนท่ีหลับตา นง่ั สมาธิอยนู ้นั ก็เปน ไปไมได เพราะไมม คี วามรูส ึกวามีใครเดินผา นหนาในระหวา งทนี่ ่งั สมาธิอยูเลย ดังน้ัน เหตกุ ารณน ้ีจงึ เปน ขอสนับสนนุ ท่ชี ดั เจน ของคําที่มีผูกลาววา “พระธาตุเสด็จไดเอง” และในความคิด ๑๓๕

สว นตัวของขา พเจาแลว ทาํ ใหข าพเจามนั่ ใจขน้ึ มากวา พระพทุ ธานภุ าพ ยังมีอยูจริง แมพระพุทธองคจะ ทรงดบั ขนั ธปรินพิ พานไปนานนบั เปนพันๆ ปแ ลว ก็ตาม เหตุการณอัศจรรยพ ระธาตุเสดจ็ ยังไมไดจบแคนั้น เพราะเมื่อชาวคณะจะเขาพักในสถานที่ใด พระอาจารยจ ะใหส วดมนตบูชาพระธาตใุ นทุกๆ สถานท่ี และพระธาตหุ ลากหลายสีสันวรรณะก็จะเสด็จมา เพ่ิมในผอบมากขนึ้ มากขน้ึ ทุกๆ คืน โดยเสดจ็ เพิ่มมากที่สุดในคืนที่ชาวคณะอยูที่ เมืองแคนดี้ ซึ่งเปน เมอื งท่ีมคี วามสําคญั เพราะเปน เมืองทปี่ ระดษิ ฐานพระบรมสารีริกธาตสุ วนพระเข้ียวแกวเบ้ืองลางขวา ซึ่ง เปนพระธาตุอีก ๑ ใน ๗ องคท่ไี มถกู ไฟไหม จนกระท่งั คืนสดุ ทา ยกอนกลับเมอื งไทย คอื คืนวันที่ ๖ มถิ ุนายน หลงั จากทีท่ กุ คนในคณะรูสึกอ่ิม บุญมากมาย จากการไดท าํ บญุ ใหญ คือ ไดถวายพระพุทธมหาจักรพรรดิ แดวัดนาฯ ในชวงเชา และได สักการะพระพทุ ธรูปตามวัดตางๆ เชน วัดกลั ยาณีในชว งบา ยและเย็นแลว กอนกลับเขาโรงแรมที่พัก ชาว คณะกไ็ ดแ วะซ้อื ผอบไมส กั แกะสลักเปน รปู เจดียท รงลังกาที่รานขายของท่ีระลึกแหงหน่ึงขางทาง ดวย ความหวังเลก็ ๆ วา ในคืนน้ีพระอาจารยอาจจะอัญเชิญพระธาตุใหเรา สวนใครท่ีเตรี ยมผอบมาจาก เมอื งไทยก็ไมต อ งซ้ือ ชาวคณะกลบั ถงึ โรงแรมกาลาดารี ซ่งึ เปนท่พี กั ในเวลาประมาณหน่ึงทุมครึ่ง ชาวคณะหลายทาน ตองการชมพระบรมสารีรกิ ธาตุอีกสกั ครัง้ พระอาจารยจึงไดเปดผอบพระธาตุใหดูท่ีล็อบบ้ีของโรงแรม นั่นเอง เมื่อเปด ดูแลว ทุกคนกต็ องตะลงึ อึ้ง น่ิง เม่ือเห็นพระธาตุในผอบขอ งพระอาจารย (ที่ตอนนี้มี ประมาณ ๕ – ๖ ผอบแลว เพราะญาตโิ ยมถวายให) มีพระธาตมุ าเสด็จมาอยูเต็มไปหมด บางผอบที่แยกสี ไวแ ลว กม็ ีสอี ่นื ๆ มาเพิ่ม บางผอบกเ็ ปนสีเดิมแตมีจาํ นวนมากข้ึน โดยเฉพาะสัณฐานเมล็ดพันธุผักกาดมี พระธาตมุ ากขน้ึ จนแนน ผอบ เหตกุ ารณตอนนจี้ ึงดเู หมอื นการชมุ นุมยอยๆ เนื่องจากทุกคนอยากจะเขามา ชมพระธาตใุ กลๆ แตพระอาจารยเห็นวา อาจจะทําใหพนกั งานรกั ษาความปลอดภัยของโรงแรมเขาใจผิด วา มีเหตุการณชลุ มนุ เพราะโรงแรมน้ีมีการกวดขันเขมงวดเพราะอยใู กลก บั ทําเนียบประธานาธิบดี จึงได บอกใหชาวคณะไปรวมพลกนั ท่หี อ งพกั ของทาน เพือ่ จะไดร ว มกนั สวดมนตบูชาพระธาตุ และชวยกันนับ จํานวนพระธาตดุ วย เม่อื ถึงหองของทา น ชาวคณะท้ังชายหญิงไดช วยกันจัดโตะเกา อี้ใหเหมาะสําหรับการนําพระธาตุ ออกมานับ และใหม ที เี่ พียงพอสาํ หรบั ทุกคนไดน่งั สวดมนตกัน โดยที่พระอาจารย และหลวงพี่ไกรวัลย น่งั บนเกา อี้ มีโตะ วางพระธาตุอยดู านหนา ทาน นองปริญ (คุณปริญ เฉลยวราเรศ) น่ังพ้ืนติดกับเกาอี้ พระอาจารย และโยมผูช ายอกี ทานหน่งึ นง่ั พ้ืนติดกับเกา อีห้ ลวงพี่ไกรวัลย ตัวขาพเจาเองโชคดีไดน่ังติด กบั โตะ ทว่ี างพระธาตุ โดยนงั่ ถดั มาจากนองปริญอกี ทหี นง่ึ จึงไดเห็นสีสัน วรรณะ สัณฐาน พระธาตุอยาง ชดั ๆ เต็มตา จุใจเลยทเี ดยี ว สว นผรู วมคณะทานอนื่ ๆ ทไี่ มไ ดนง่ั ใกลโตะ ก็ไดผลัดกันเขามาชม จนอิ่มใจ กันไปทกุ คน ชาวคณะทนี่ งั่ ใกลก บั ขา พเจาก็คือ ปา จิ๋ว (คณุ สริ มิ า เหลอื งอราม) ซง่ึ ทาํ ธุรกิจคาขายอัญมณี และคงจะเปนธรรมะจัดสรรอีกครง้ั หนงึ่ ทีไ่ ดจดั สรรใหปาจวิ๋ เดนิ ทางมาในคณะดวย เพราะเมื่อเทพระธาตุ ลงบนผา สขี าวที่ปโู ตะ อยู เพอ่ื แยกสีสันวรรณะน้ัน ก็ไดปาจ๋ิวท่ีชวยแยกแยะ สีหรือวรรณะของพระธาตุ ออกเปนกลมุ ๆ ตามความใกลเ คียงกบั สขี องอัญมณี เชน วรรณะเขียวออนดั่งไพฑูรย ขาวนวลดั่งมุกดา เหลืองดง่ั อําพนั ฯลฯ สพี ระธาตทุ ่ีเสดจ็ มาน้นั เกือบจะครบสีของมณนี พรัตนท ี่เราเคยทองกันมาในสมัย เรียนเลยทีเดยี ว (เสยี ดายท่ีขาพเจาทองไดเปน บางตอนเทาน้ัน) ขาพเจาจึงไดเรียนถามพระอาจารยวา ๑๓๖

ทาํ ไมพระธาตถุ ึงมไี ดห ลายสเี ชนน้ี พระอาจารยตอบมาส้ันๆ วา “สีของพระบรมสารีริกธาตุมีไดทุก วรรณะในโลกน้ี” ขาพเจาไมเ ขา ใจจงึ ไดถ ามตอ ทานอธบิ ายวา “พระบรมสารีริกธาตุน้ัน มีและเปนสีไดทุก สี ที่สีตางๆ ในโลกนี้จะมไี ดเปนไดนะโยม” ระหวา งทําการแยกสีพระธาตุและนับจาํ นวนอยูน น้ั พระอาจารยไดห ยบิ เอาหนังสอื พระธาตุออกมา จากยา มของทาน มาเปด รปู เทยี บดู นอ งปรญิ ขอยืมมาดู แลว อุทานออกมาวา “โอโห !!! ที่เสด็จมาในวันน้ี ก็เกือบครบที่มใี นเลม นแ้ี ลวนะครบั ” ขาพเจา ลองยมื มาดบู าง กเ็ ห็นดวยกบั นอ งปริญ จึงพดู ออกไปวา “เอ ...หรือพระอาจารย จะตงั้ ใจอญั เชญิ พระธาตุใหไ ดค รบทุกสีสนั วรรณะ แลวทําหนังสือบางเจาคะ? ” พระ อาจารยก ไ็ มต อบวากระไร ทา นเพียงแตน่ังอมย้ิม (จนในภายหลงั ขา พเจา มานึกออกวา ทา นไดเคยพูดแบบ ทีเลน ทีจรงิ บนรถบัส มากอนหนานี้แลว - คือในชวงออกจากเมืองแคนดีมาโคลัมโบ วา “ไมแนนะโยม เมื่อกลับมาเมอื งไทยแลว ทีมของพวกเราทไ่ี ดมาศรลี งั กากนั ในวันนี้ อาจจะไดมีโอกาสทําหนังสือเร่ืองการ เดนิ ทาง และพระธาตทุ ่ีเสดจ็ มาในครงั้ นี้ก็เปน ได” . . . เอ. . . หรือวา หนังสอื เลมนน้ั ท่ีพระอาจารยพูดถึง จะเปนเลม ทอ่ี ยใู นมอื ทา นผอู า นในขณะนี้? แมว าหนงั สอื เลมน้จี ะถกู ตีพิมพห ลังจากเกิดเหตุการณมาแลว ๓ ปเต็มก็ตาม เพราะวา ในขณะนนั้ ไมมใี ครคดิ จะทําเลย คดิ แควา พระอาจารยพูดเลน เทา นัน้ ) เมือ่ แยกสสี นั วรรณะพระธาตุไป นบั ไป และสวดมนตไ ปพรอมๆ กันนั้น ไกดก็มาบอกวา ใหชาว คณะรบี ลงไปทานอาหารทีห่ อ งอาหารของโรงแรมกอ นทีห่ องอาหารจะปด เพราะขณะน้ันเวลาใกลสามทุม แลว ชาวคณะบางทานก็อยากไป บางทานกไ็ มอ ยากไป เพราะอยากจะอยูนับใหเสร็จ พระอาจารยจึงบอกวา แลวแตค วามสมคั รใจวา ใครจะอยูนบั หรอื ใครจะไปทานอาหาร แตใ หท ุกคนนําผอบของตัวเองมารวมไวที่ หองของทา น โดยใหท าํ ความสะอาดผอบ เขียนช่อื เจา ของไวใตผอบ และใหวางสําลีไวดานใน ชาวคณะ หลายทา นบอกวาทาํ ไมเ ปน เพราะไมเคยมีพระธาตุ บางทานก็บอกวาไมมีสําลี ดังน้ันขาพเจา เพ่ือนของ ขาพเจา คอื อร (คณุ ภาริษา มธรุ พงศากลุ ) และแมชีหมู (แมชีวรวรรณ ชัยขจรวัฒน) จากวัดพระธาตุ ศรจี อมทอง จังหวัดเชียงใหม จึงไดอ าสาจะจดั การในเร่ืองผอบใหทกุ ๆ คน แลวพระอาจารยก็ไดบอกวา เม่ือทุกคนทานอาหารเสร็จแลว ใหท ุกคนไปสวดมนตปฏิบัติธรรมที่หองของตนกอนเขานอน และนอม จิตอญั เชิญพระธาตุดวยตวั เอง แลว ตอนเชาคอยใหไ ปดผู อบของตนวา จะมีพระธาตเุ สด็จหรือไม ดงั นัน้ ขาพเจากบั อรจงึ ไดรีบชวนกันลงมาทานอาหาร เมอื่ ทานใกลเ สร็จ ก็ไดพบพี่หญิงที่พ่ึงเดิน เขา มาพรอมกับนอ งปรญิ เพราะอยูช วยพระอาจารยนับพระธาตุจนเสร็จ เรารีบถามพ่ีหญิงทันทีวา นับ พระธาตไุ ดเ ทา ไร พีห่ ญิงตอบวา “นับได ๑,๑๔๕ องค จะ ” ขาพเจาจําไดแมนเลย ทุกคนที่ไดยินตางก็ ตน่ื เตนดีใจท่ีพระธาตเุ สดจ็ มามากมายถงึ เพียงนัน้ เม่ือขา พเจากบั อรทานอาหารเสร็จก็รีบขึ้นมาที่หองพักของแมชีหมู เพื่อจัดทําผอบสําหรับรับ พระธาตุ พวกเราบรรจงเช็ดผอบ บรรจงตัดสาํ ลใี หเ ปนวงกลม ใหพอดกี บั ดานในของแตละผอบ จากน้ัน เขียนช่อื ใสก ระดาษ แลว นาํ ผอบของแตล ะคนวางไวใหต รงกับช่อื เจาของ พอถงึ ข้นั จะปด ฝาผอบ ก็ไมแนใจ วา พระอาจารยท านใหเปด ฝาผอบไว หรอื ใหปด ในที่สุดพวกเราก็ตกลงกนั วา ปด ฝาผอบไวดีกวา จะไดรู กันใหแ นๆ ไปเลยวา พระธาตเุ สดจ็ ผานเครอ่ื งกีดขวางไดจริง นอกจากน้ี เมื่อ อร บอกวาเตรียมผอบ มาเยอะ (เปน ขนาดเลก็ ๆ ) จะใหทําไงดี เพราะชาวคณะทุกคนก็มีผอบกนั ครบแลว ขาพเจาก็เลยบอกวา “งัน้ ลอง เขียนช่ือของ บดุ ดี้ สลุ งั คะ ไกดลงั กา และไกดไทยอีกสามคนเถอะ เพราะไหนๆ ก็ไดมาทัวร เดยี วกนั แลว และบดุ ดีก้ บั สลุ งั คะ เขากค็ งเหนอ่ื ยมากกบั การจัดงานคร้งั น้ี ถาพระธาตเุ สด็จในผอบของเขา ๑๓๗

แลวเราเอาไปใหเขา เขาคงจะดีใจ” อรกต็ อบตกลง ทําดงั นี้แลว ผอบก็ยังเหลืออยูดี ขาพเจาก็เลยบอกวา “งั้นลองเขียน ชอื่ พอกับแมฉนั ผอบนึงนะ เพราะพอ กับแมฉนั ก็สวดมนตทุกวนั และก็เขยี นชื่อเพ่ือนฉันอีก สองผอบก็แลว กัน เพราะเขาฝากทาํ บญุ มา และเขาก็เปน คนทําบญุ ปฏิบตั ธิ รรมอยแู ลว ดวย” เจาอรก็ดีแสน ดี ใหซ ะดว ย สุดทา ยก็ยงั เหลือผอบอยูอีกหนง่ึ ผอบ ขา พเจา ก็เลยบอกวา “งั้นเขียนชือ่ พระอาจารยไปเลยก็ แลว กัน ถวายเปน ผอบสว นตัวของทา นไป เพราะวาทกุ ผอบทีท่ านมีอยู ทานก็คงถวายวดั นะ” สรปุ แลว มีผอบสาํ หรับรอรบั พระธาตุในคืนน้ปี ระมาณสามสิบผอบ จากนั้นเปนการจัดเรียงผอบ ลงบนถาด โดยเราเอาถาดอาหารของโรงแรมขนาดยาวประมาณหนง่ึ ฟุตครึ่ง กวา งประมาณหน่ึงฟุต มาวาง ไวกอน ปผู าขาวทบั (จาํ ไมไดแลววาเปน ผาอะไร และหามาจากไหน แตจ าํ ไดวาเหมาะเจาะพอดิบพอดีกับ ขนาดของถาดมาก) แลวจึงวางแผนกระดาษที่เขียนช่ือเจาของผอบไวเ ปน ช้นั ที่สอง จากน้ันจึงวางผอบทับ ดา นบน กวาจะทาํ กนั เสรจ็ ก็ประมาณเทีย่ งคืน พวกเราสามคนจงึ เดินถอื ถาดนน้ั จากหองแมชีหมู มาที่หนา หองพระอาจารย เคาะประตหู อ ง แลวหลวงพี่ไกรวัลยซ ่งึ คาดวาถูกปลุกขึ้นมาจากการจําวัด ก็เดินออกมา รบั ถาดเขา ไป ขาพเจา เดนิ กลบั เขาหอ งพักของตวั เองดว ยใจตมุ ๆ ตอ มๆ ใจหนงึ่ ก็กลัวพระบรมสารีริกธาตุจะไม เสด็จมา แตอ กี ใจหนง่ึ กค็ อนขางเชือ่ วา ทา นตอ งเสดจ็ มาแนนอน เพราะมั่นใจและอุนใจในบุญที่ชาวคณะ ทกุ ทา นไดรวมกนั สรา งมาวา เมอื่ ธรรมะจัดสรรใหแ ตล ะคนไดม าทาํ บุญใหญถวายพระพุทธมหาจักรพรรดิ กนั ในคร้ังนี้ และพระธาตุเสดจ็ มาเยอะขนาดน้ี พระพุทธเจาทานคงจะจัดสรรพระ บรมสารีริกธาตุของ พระองคทา นมาใหพ วกเราไดบูชากันบางละ แตจะวางใจไมได ถึงจะงวงขนาดไหน เราก็ตองกัดฟน สวดมนต ปฏบิ ตั ิธรรม ทง้ั ทที่ ง้ั เหนอื่ ย ทงั้ เพลียกบั การเดนิ ทาง และในเวลานั้นกด็ กึ มากแลว เมื่อสวดมนต ปฏบิ ัติธรรม (แบบเดนิ จงกรมแทบลม ทัง้ ยนื และน่งั สมาธิหัวทิ่มหัวตํา)เสร็จแลว ขาพเจาก็ไดอธิษฐาน ขอใหพ ระธาตเุ สด็จในผอบของคุณพอ คุณแม และของเพ่ือนขาพเจาอีกดวย ในตอนนั้นขาพเจาอยากรู จรงิ ๆ วา เพือ่ นของขา พเจาสองคนท่ีมีความตา งกนั สุดขั้ว คอื คนทีห่ นึง่ มีฐานะดี การงานดี แตไมคอยมี เวลา จึงไมค อยไดป ฏิบตั ธิ รรม แตเ ขาก็พยายามสวดมนต และบริจาคทานเปนประจําในทุกครั้งที่มีโอกาส สว นคนทส่ี อง ฐานะไมด ี การงานไมดี จึงไมคอยมีเงินจะทําบุญทําทาน แตมีเวลาที่จะปฏิบัติธรรมเปน ประจําสม่ําเสมอ อยา งไรก็ตาม ทง้ั สองเหมือนกันตรงท่ีมีความศรัทธาเชื่อมั่นในพระพุทธศาสนาอยาง จริงใจน้ัน พระธาตุจะเสด็จในผอบของทั้งสองคนหรือไม ในเชา วันรงุ ขึน้ คือ วันที่ ๗ มิถุนายน พระอาจารยใ หชาวคณะเขาไปในหองของทาน ทุกคนจึงได เห็นวา ทกุ ผอบมีพระธาตุเสดจ็ อยู ๕ องค ขาพเจา ตื่นเตน และดใี จมากๆ ไมไดด ีใจเฉพาะในสวนท่ีตนเอง ได แตด ีใจทใ่ี นผอบ ของคณุ บดุ ดี้ คณุ ุสลังคะ ไกดล งั กา ไกดไทยสามคน เพ่ือนของขาพเจาสองคน และ ของคณุ พอ คุณแมของขาพเจานัน้ พระธาตกุ เ็ สด็จมาดว ย ไมวา พระธาตจุ ะเสด็จมาในผอบของทุกๆ คนใน จาํ นวนเทา ๆ กัน ดว ยเหตผุ ลใดกต็ าม แตขา พเจา คดิ วา เปนเพราะพระอรหันตสมั มาสัมพุทธเจาทานทรง มีความยตุ ิธรรม และพระเมตตาอยางเปย มลน ทานคงไมอยากทําใหใครตองจิตตก หากพระธาตุไม เสด็จมา และทานตอ งทรงรูอ ยางแนนอนวา เพ่อื นทัง้ สองของขา พเจา ศรัทธาพระพุทธศาสนาอยางจริงใจ แมว าจะมรี ูปแบบในการทําบญุ และประพฤตปิ ฏบิ ตั ธิ รรมท่ีตางกันกต็ าม ทานจึงไดพระราชทาน พระบรม สารรี ิกธาตุมาใหเปน เครอ่ื งยึดเหนี่ยวจติ ใจน่ันเอง สาธุ...สาธ.ุ ..สาธุ...อนุโมทามิ ๑๓๘

จะขอเลาถึงลักษณะพระธาตทุ ี่เสดจ็ มาในผอบของทุกๆ คนบา ง กลาวคือ พระบรมสารีริกธาตุ ท่ี เสด็จผอบละ ๕ องคนนั้ ประกอบดวย - พระธาตุสีชมพูออนใสโปรง แสง ขนาดคร่ึงซีกเมล็ดถว่ั เขียว จํานวน ๓ องค - พระธาตุสีขาวนวลขุน คลา ยมุกดา (บางผอบมี สขี าวใส) ขนาดเทาเมลด็ งา จํานวน ๒ องค พระธาตทุ ง้ั สองแบบเปนลกั ษณะทแ่ี ตกตา งจากพระธาตุที่เสด็จมาในคืนกอนๆ จึงสาม ารถ ขจดั ขอสงสยั ในใจของชาวคณะคนหนงึ่ ไดว า พระอาจารยอาจจะตักพระธาตุท่ีเสด็จมาในคืนกอนๆ แจกลงในผอบของทุกคนก็ได เพราะอาจจะกลัวญาตโิ ยมเสยี ใจ แตเนื่องจากพระธาตุที่เสด็จมาในผอบ ของทุกคนน้ัน แตกตางจากที่เสด็จมาในผอบของพระอาจารยใ นคนื กอ นๆ ดงั ทกี่ ลา วแลว ดงั นั้น จึงเปนไป ไมไ ดท พี่ ระอาจารยจ ะเปนผูตกั แจกใหแ กท ุกคน นี่จงึ เปน อีกเหตุการณห น่ึงที่แสดงวา “พระพทุ ธานุภาพ – พระพุทธคุณ ยังมีอยูจริง” เพราะแมพระพทุ ธองคจ ะทรงปรินิพพานไปนานแลว แตยังทรงทราบขอสงสัย ในใจของทุกๆ คน และตอบขอ สงสยั น้ันไดอ ยางกระจา งแจง เหมือนกบั วา พระองคท รงยนื มองดเู ราอยูจาก ทุกๆ มมุ ในทุกๆ สถานท่ีเลยทีเดียว จากวนั แรกจนถึงวันสุดทายทพ่ี ระบรมสารีริกธาตุเสด็จมาในผอบของพระอาจารยน้ัน นับรวม จํานวนพระธาตไุ ด ๑,๑๔๕ องค ซ่งึ พระอาจารยท า นไดกลา ววา ทานไมไดมีเจตนาจะเก็บไวบูชาเปนการ สวนตัวแตอยา งใด แตมีความมงุ หมายท่ีจะนําไปจดั ไวใหพุทธศาสนิกชนชาวไทยทั้งหลาย ไดกราบ สกั การบชู ารวมกนั ที่วัดตาลเอนนัน่ เอง สาธุ...สาธ.ุ ..สาธ.ุ ..อนโุ มทามิ เลา มาถงึ จดุ นี้ ขาพเจา อดคดิ ไมไดว า อาจจะมผี อู า นบางทานทส่ี งสยั วา “เร่ืองทั้งหมดนี้เปนเรื่อง โกหกหลอกลวงมาต้ังแตตน สง่ิ ของอะไรเลาจะเหาะไปเหาะมาไดเอง จะเปนไปไดไ หมท่ีพระอาจารยจะเอา หนิ สๆี ใสๆ สวยๆ เตรียมใสย ามไปจากเมืองไทย แลว แอบเอาหินนัน้ ใสล งในใจกลางผืนผาระหวางที่ทุก คนกําลงั หลบั ตานั่งสมาธิ พอตกกลางคนื กเ็ อาใสผอบใหม ีจาํ นวนเพ่ิมมากขึ้นทุกคืน พอถึงคื นสุดทาย ก็ แอบตักใสผอบใหทกุ ๆ คน !?! ” ความลังเลสงสัยน้ี พระอาจารยท า นไดเคยเทศนแ ลว วา จะเปนตวั หนว งเหน่ียวการประพฤติปฏิบัติ ธรรมไมใหเ จริญกาวหนา และโดยสว นตวั ขา พเจาแลว เปนหวงวา ความลงั เลสงสัยนี้ อาจจะทําใหกาวลวง ไปสกู ารจาบจว งครูบาอาจารยได ซ่ึงไมเพยี งจะทาํ ใหก ารปฏิบตั ไิ มกาวหนาเทาน้ัน แตอาจจะถึงกับทําให ชีวิตวบิ ตั ิขดั สนไดเ ลยทเี ดียว ดังน้นั เพอื่ เปน การปองกนั ความลังเลสงสัยของทานผูอานไมใหเกิดข้ึนแลว ขา พเจาขอเปนประจกั ษพยานหน่ึงทีจ่ ะยนื ยันในความบรสิ ุทธิ์ของพระอาจารย และการเสด็ จมาเองไดของ พระธาตุ ตามเหตกุ ารณท่จี ะเลา นค้ี ะ ในวันแรกท่พี ระธาตุเสด็จทว่ี ัดถปู ารามนั้น ขา พเจา เองเดินเขาไปชา กวาคนอน่ื ๆ เพราะลืมของไวท่ี รถบัสจงึ เดินกลับไปเอาของ เสร็จแลวจงึ เดินไปที่วดั ขณะน้ันพระอาจารยและชาวคณะไดเร่ิมสวดมนตกัน ไปแลว ขา พเจา เหน็ วา อาจารยต๋ิง (คุณรพีรัตน วันชูเพลา) ที่น่ังใกลกับพระอาจารยนั้น แมจะน่ังหาง ออกมาบา ง แตก็ใกลมากพอท่จี ะรูสึกตวั ไดใ นขณะหลับตา หากพระอาจารยมีการเคล่ือนไหว เชน หาก พระอาจารยจ ะเปด ผากราบทอ่ี ยูข า งหนาเพือ่ ใสหินสีตา งๆ ลงไป ตอใหม อื เบาขนาดไหน ก็ตองมีเสียงกุกๆ ก๊ิกๆ ของหนิ กระทบกัน หรือเสียงผา สบงจวี รขยบั เขย้อื นบา ง เพราะในเวลานั้นเงียบมาก ไมมีนกั ทองเท่ียว กลมุ อ่นื อยูเลย เนือ่ งจากเปนเวลาบายแกๆ ใกลจะเย็น ซงึ่ วดั ใกลจ ะปด แลว แตอาจารยต ิง๋ กย็ ืนยันวา ไมมี ความรูสกึ วามใี ครขยับ หรือเดินผานไปผา นมาเลย ๑๓๙

สวนในวนั อน่ื ๆ ของการเดนิ ทาง ก็ไมม ที างที่พระอาจารยจ ะแอบเอาหินตางๆ มาใสผ อบ แลวแอบ อางวาเปน พระธาตไุ ดเลย เนอื่ งจากตลอดการเดนิ ทางโดยรถบัสนั้น ถาดวางผอบซึง่ บรรจพุ ระธาตุอยูน้ันจะ วางไวบ นรถตลอด โดยวางไวบ นท่ีวางของเล็กๆท่ีคั่นกลางระหวางคนขับรถกับที่นั่งของพระอาจารย หากไมม ีใครอยบู นรถ ก็จะมีคนขบั นงั่ เฝารถอยูตลอด บุคคลอ่ืนไมสามารถจะขึ้นมาในรถไดเลย ท่ีน่ัง พระอาจารยต ดิ กับฝง ขวาสดุ ของตัวรถ หลวงพไี่ กรวลั ยน ั่งติดทางเดิน มไี กดช าวลังกานงั่ อยตู รงริมทางเดิน ฝง ซาย หากพระอาจารยจะแอบเอาหนิ ใสระหวางการเดนิ ทางละ ก.็ ..คงไมพ ลาดสายตาของไกดชาวลังกาได เพราะตลอดการเดินทางน้ัน เขาจะคอยเมียงมองมาที่พระอาจารยตลอด เพ่ือจะคอยบริการ หาก พระอาจารยจ ะเคลื่อนไหวหยบิ จบั อะไร เขากจ็ ะคอยหยบิ จบั ทําให นอกจากนั้น ตลอดการเดินทางอันมี โปรแกรมแนน เอี๊ยดจนแทบจะไมม เี วลาว่งิ เขา หอ งนาํ้ น้ี พระอาจารยก ็แทบจะไมมโี อกาสไดถือยามเอง เลย เพราะหลวงพี่ไกรวลั ย และอุบาสกอกี สองทา นจะคอยสลบั กันถอื ใหทาน ดงั น้ันโอกาสที่พระอาจารยจะได หยบิ จับยามของทานเอง เพื่อเอาสงิ่ หนงึ่ ส่ิงใดออกมากน็ อยเตม็ ที ทา นจะไดจับยามบ างก็ในเวลาที่ถึงวัด ตางๆ และตอ งการนาํ ปจจยั ออกมาทาํ บุญ พรอ มๆ กบั สายตาของญาติโยมทั้งหลายที่คอยจับจองอยูเพื่อ อนโุ มทนาบุญน่นั เอง แลว ในคืนวนั ที่ ๖ มถิ นุ ายนละ ทา นอาจจะเอาหนิ จากไหนมาตกั ลงในผอบก็ได ขอนี้ก็ไมนาเปนไป ได เพราะดังที่กลา วแลว วา กวา ทก่ี ลุมของขา พเจาจะเอาถาดไปถวายไวท่ีหลวงพี่ไกรวัลยน้ัน ก็เปนเวลา ประมาณเท่ยี งคนื แลว และพระอาจารยนัดญาติโยมใหม าดูตอนตหี า ผอบกม็ ีตงั้ ประมาณสามสิบผอบ พวก เราสามคนหมนุ ปด ซะแนน แคจ ะเปด ใหครบทุกอนั ก็ตองเสียเวลาเยอะแลว และหากตองคอยๆ คีบหิน กอนเลก็ ๆ อีกกวาหนง่ึ รอยหา สิบกอ น (สามสิบ คูณ หา) ลงในผอบ แลวปดฝาผอบใหม ก็จะเสียเวลา มากๆ ประการสําคัญทสี่ ดุ กค็ อื พระธาตุที่เสด็จมาในแตละผอบนั้น ประดิษฐานอยูในลักษณะรูปแบบ เดียวกนั ดเู รียบรอ ย สวยงาม แตห ากดูจากผอบเลก็ อาจจะดไู มออก เพราะจะเหมือนกองๆ รวมกันอยู เน่อื งจากพนื้ ทีน่ อ ย แตหากดจู ากผอบใหญคือผอบไมส กั ซ่ึงมีกนผอบเรียบแบน จะเห็นวา เสด็จมาใน รูปแบบเดียวกัน คอื ทัง้ หา องคน้ัน อยูตรงกลางผอบ แตองคใ หญสององคอ ยูท างซายมือ สวนองคเล็กสาม องคเ กาะกลมุ กนั อยูทางขวามอื หากจะมีใครสกั คนคอ ยๆคีบหินมาวางไว กน็ ับวาเปน งานฝมือท่ีตองต้ังใจ ทาํ มากๆ หากทําแขง กับเวลา กร็ ับรองวา ทําไมทนั แน ประการสุดทา ย จากปฏิปทาของพระอาจารย พระครสู มหุ จริ ยุทธ อธฉิ นฺโท ท่พี วกเราเหลาลูกศิษย ลูกหาไดติดตามเฝา ดู พรอมท้งั เรยี นรธู รรมะจากทานน้ัน ทําใหเราเชื่ออยางสนิทใจวา ไมมีทางที่ เร่ือง ท้งั หมดน้ี จะเปนเร่ืองท่พี ระอาจารยท านทาํ ขึ้นมา เพ่ือหลอกลวงประชาชน หรือเพื่อหวังลาภสักการะ ศรทั ธาแตประการใด ไมว าจะเปนลาภเพ่ือตวั ทานเอง หรอื ลาภเพอื่ วัดตาลเอนก็ตาม อยางไรก็ดี ผูอานที่ ไมเ ชอื่ กอ็ าจจะยงั ไมเ ชอื่ อยูดี ขาพเจาจงึ กลา ทา ขอใหท านไดมาพบปะศึกษาธรรมะจากพระอาจารยเอง เถดิ แลว ทา นจะตดั สนิ ใจไดเ องวา เร่ืองทัง้ หมดน้จี ะเปนเร่ืองจรงิ หรือไม เพราะ “ธรรมะ ยอมทาทายตอ การพสิ จู น” และขา พเจาก็มั่นใจวา พระอาจารยจิรยุทธ ทานไดนอมนําเอาธรรมะขององคสมเด็จพระ สมั มาสมั พทุ ธเจา มาประพฤติปฏิบตั ิจนสามารถเปน แบบอยา งทดี่ ใี หแ กพ ทุ ธบริษัทท้ังหลายได อยางไรก็ ตาม ขอเขยี นนี้มิไดมีจุดประสงคเพือ่ จะเขียนสรรเสริญเยินยอพระอาจารย จึงจะไมขอกลาวอะไรมาก นอกจากขอยํ้าอีกครงั้ วา ขอใหทา นท้ังหลายไดม าพบปะศกึ ษาขอ ธรรมะจากพระอาจารย และนอมนําเอา ๑๔๐

ธรรมะของพระพทุ ธองคไ ปประพฤติปฏิบัติเองเถิด แลวทา นจะแยกแยะไดดวยตนเองวา เรื่องท้ังหมดนี้ เปนเรือ่ งจรงิ หรอื ไม เอาละ! ขอกลับมาเลาเร่อื งพระบรมสารีริกธาตกุ นั ตอ ดกี วา จากการทพี่ ระบรมสารีริกธาตุเสด็จมา ๕ องค โดยเปน ผลึกใสขนาดใหญ ๓ องค และขาวขนุ ขนาดเลก็ ๒ องคน ้ัน ทําใหขาพเจาเกิดความสงสัย ข้นึ มาอยา งมากวา ทาํ ไมตอ งเปนตัวเลขแบบนี้ เพราะพระธาตุจะเสด็จมามากหรือนอยกวานี้ก็ได ถึงจะ เสด็จแคหนง่ึ องค พวกเราก็คงจะดใี จกันอยูดี หรอื จะเสดจ็ มากกวา นน้ั ก็นาจะไดในเม่ือยังเสด็จมาในผอบ ของพระอาจารย (ซึง่ พระอาจารยถวายวัด) ไดเปนพันองคเลย ขาพเจาน่ังคิดนอนคิดเร่ืองนี้อยูบน เครือ่ งบนิ ขากลบั มาตลอดทาง ชาวคณะทา นอนื่ ก็คงคดิ เร่ืองเดียวกันกับขา พเจา เพราะไดยินบางทานก็พูด วา “พระธาตเุ สดจ็ ๕ องค ก็หมายถึง พระพทุ ธเจา ๕ พระองคยังไงละ” แตในความคิดของขาพเจาใน ขณะนั้น คิดคาํ ตอบไดว า “ ออ ...๓ องค ก็คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ และ ๒ องค ก็คือ หิริ และ โอตัปปะ เปน ธรรมะของเทวดาไง ” พอมาถึงสนามบนิ สวุ รรณภูมิ ขาพเจาเหน็ พระอาจารยน ่ังวางๆ อยู ก็ เลยรบี เขาไปถามถึงส่ิงท่ตี วั เองคดิ วา ถกู ตองหรอื ไม ทานกต็ อบส้ันๆ วา “กต็ ีความไดหลายแบบนะโยม” แลว ก็เงยี บ ไมพ ดู อะไรอกี เลย ขาพเจาจาํ ไดว า คันปาก อยากจะถามพระอาจารยตอเหลือเกินวา แลว ตคี วามไดแ บบไหนบาง แตกไ็ มไดถ ามออกไป เพราะสังเกตเห็นวา เหมือนทานอยากจะใหเราไปลอง ปฏบิ ตั ิธรรม แลวคิดดูใหม ซ่งึ ขา พเจา คิดเรอ่ื งน้มี าตลอดตดิ ตอ กนั ๓ วนั ก็เลิกคิดแลว เพราะไมสามารถ คดิ คาํ ตอบอะไรใหมๆ ไดเลย จนเม่อื ไมน านมานี้ ท่ขี า พเจา ตัง้ ใจจะเขยี นเรื่องน้ีแบบจรงิ ๆ จัง จึงไดมีคําถามนี้ผุดขึ้นมาบอยๆ วา ทําไมพระธาตุตองเสด็จมา ๕ องค และแตกตา งกันเปน ๒ รูปแบบ คือ ใสใหญ ๓ องค และขุนเล็ก ๒ องค เมอ่ื คดิ ขน้ึ มาทีไร กก็ าํ หนด คิดหนอๆๆ หรอื รหู นอๆๆ ไปตามเร่ืองตามราว ไมไดจริงจังอะไร เพราะรสู กึ วา “เราก็อยากรูม านานแลว แตก็คิดไมออกเสียที อยาคิดตอเลย ปวดหัวเปลาๆ” แตก็ได กําหนด คิดหนอๆๆ รูหนอๆๆ ไปเรอ่ื ยๆ จนในทีส่ ดุ วนั หนึ่งจึงไดกระจาง และรูคําตอบไดดวยตัวเอง ถงึ แมค ําตอบนีจ้ ะถูกหรอื ไมถ กู หรอื เปนส่งิ ที่จติ ปรุงแตงขน้ึ เองก็ตาม แตเปน สิ่งทข่ี า พเจารูสึกข้ึนไดจริงๆ คอื ที่พระธาตุเสดจ็ มา ๕ องคน้ัน หมายถึง เบญจขันธ ๕ ประการ เพราะชวี ติ ของเราทุกคนนี้ เกิดขึ้นมา ไดเ พราะมีขันธ ๕ คอื กาย เวทนา สญั ญา สังขาร และวญิ ญาณ หรอื จะใหย อ ที่สดุ ก็เหลือ ๒ คือ กาย และใจ หรือ รปู กบั นาม ซ่ึงกายและใจ หรือรปู กบั นามน้ี เปนของหนัก เปนส่ิงที่เศราหมอง พระธาตุท่ี เสดจ็ มา ๒ องค จึงเปนสีขาวขุน ทบึ แสง กายและใจหรือรปู กบั นามทั้งหลาย ก็ลว นตกอยูภายใตลักษณะ ๓ ประการ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไดแก ความความไมเท่ียง ความทนไดย าก และความไมใชตัวใชตนของเรา-เราจะบังคับบัญชา มไิ ด เรยี กวา กฏพระไตรลักษณ ปถุ ุชนใดปรารถนาจะกาวลวงไมตองอยูในกฏพระไตรลักษณ ก็ตอง ปฏิบตั ติ ัวใหอยูในหลกั การปฏบิ ตั ิ ๓ อยาง คอื ทาน ศีล ภาวนา รวมเรียกวา ไตรสิกขา โดยยึดถือหรือดู แบบอยางตามสิ่งอีก ๓ ส่ิง คอื พระพทุ ธ พระธรรม และพระสงฆ รวมเรียกวา พระรัตนตรัย ซึ่งปุถุชน ทั้งหลายควรยดึ ถอื เอาหลกั ไตรลักษณ ไตรสิกขา และพระรตั นตรัยวาเปนแกนสารเปนหลักใหญของชีวิต เพอ่ื เปาหมายสูงสดุ ของชวี ิตคือพระนพิ พาน ดังนัน้ พระธาตทุ ่ีเสดจ็ มา ๓ องคจงึ มีขนาดใหญ เม่ือลวงพน จากกฏไตรลักษณเขาสนู ิพพานไดแลว ชีวิตของเรากจ็ ะเบา จติ ก็จะใสไมขนุ มัว ดังนั้น พระบรมสารีริกธาตุ ที่เสดจ็ มา ๓ องคใ หญ จงึ มีลักษณะใสโปรง แสง ไมขนุ มัว ๑๔๑

สาธุ...สาธุ...สาธุ...อนุโมทามิ ลูกขอสาธุแดองคพระพุทธ บิดาพระสัมมาสัมพุทธเจา ท่ีแม ปรินพิ พานนานแลว ยังทรงสั่งสอนมนุษยปุถุชนคนธรรมดาเชนลูกไดดวยพระบรมสารีริกธาตุ เชนน้ี สาธุ...สาธ.ุ ..สาธุ...อนุโมทามิ ลูกจะขอประพฤติปฏิบัตธิ รรมเพื่อบรรลุมรรคผลนิพพาน เพื่อลวงพนจาก กองทกุ ขตามรอยบาทพระศาสดาใหส มกบั พระเมตตาทุกชาติไป พนู สขุ สุภากรณ คณุ พูนสุข สุภากรณ (แปบ) ที่วัดพระเขย้ี วแกว ๑๔๒

ประมวลภาพพระธาตุเสดจ็ ท่ี ประเทศศรีลังกา (คร้ังที่ ๒) พระเจดยี  ณ วดั ถปู าราม ในเยน็ วนั ที่ ๓ มิถนุ ายน พ.ศ. ๒๕๕๒ พระบรมสารีรกิ ธาตทุ ่ีเสดจ็ มา หลงั จากสวดมนตและนัง่ สมาธเิ สรจ็ จาํ นวน ๘๖ องค เมอ่ื พระบรมสารีรกิ ธาตุเสดจ็ มา ญาติธรรมทกุ ทาน พระอาจารยกราบลาพระเจดีย หลวงพไี่ กรวลั ย ถือผา ท่ี ตนื่ เตน มาก กรกู นั เขามาขอถายรูป ไมเ วน แมแตพระสงฆ ศรีลังกาทอ่ี ยเู ฝา สถานที่ ก็ขอเขามาชมดว ย หอ พระบรมสารีริกธาตุไว อธิษฐานถึงส่งิ ใดหนอ? ๑๔๓

เมอ่ื กลับถงึ สถานท่พี กั พระอาจารย และหลวงพ่ไี กรวลั ย ชวยกนั นบั พระบรมสารีรกิ ธาตุ แยกใสผอบตามวรรณะ สัณฐาน พระธาตสุ ณั ฐานเมล็ดพนั ธุผกั กาด ทอี่ ยูบ นผานั้น นบั แยกเปนกองละ ๑๐ องค เชาตรทู เ่ี มอื งแคนดี้ กอ นจะไปกราบพระเข้ียวแกว ชาวคณะขอชม พระธาตอุ กี คร้งั หน่งึ พระอาจารยจ ึงเปดใหด ู พบวามีพระธาตุ เสดจ็ มาเพ่มิ เปนจํานวนมาก หลายวรรณะสณั ฐาน แตย งั ไมไ ดน ับ เนื่องจากตองรบี ออกเดินทาง ๑๔๔

เย็นวันท่ี ๖ มถิ นุ ายน ณ เมอื งโคลอมโบ หลังจากถวายพระพุทธมหาจกั รพรรดิเสร็จแลว กลบั เขาโรงแรมทีพ่ ัก บริเวณลอ็ บบี้ พระอาจารยเปดผอบใหดูอกี คร้ัง ตง้ั ใจวา จะ ชวยกันนับพระธาตุ แตแ สงไมพอเพยี ง ตอ ง ระดมไฟฉายของชาวคณะมาชวยกนั เพิม่ ความ สวา ง ๑๔๕

หลงั จากยายสถานทน่ี ับพระธาตุมาเปนทห่ี อ งพกั ของ พระอาจารยแ ลว พระอาจารย และหลวงพ่ไี กรวลั ย จงึ ชวยกันนับพระธาตอุ ยางขะมกั เขมน ในขณะท่ี คณะญาตธิ รรมก็นัง่ สวดมนตบทบูชาพระธาตกุ นั อยา งตั้งอกตง้ั ใจ ดอกไมสีขาวบริสุทธิ์ เพ่ือบูชาพระธาตุ ๑๔๖

คดั แยกและนบั พระธาตุ ขนาดใหญ บรรจใุ สผ อบกอ น ๑๔๗

ภาพขั้นตอนการนบั พระธาตขุ นาดเลก็ คือ สณั ฐานเมล็ดพนั ธผุ กั กาด โดยนับแยกเปน กอง เลก็ ๆ กองละ ๑๐ องค ๑๔๘


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook