รวมได ๘๖ องค วันแรกในศรีลังกา พระธาตุไดเสด็จใหพวกเราไดช่ืนชมถึงพุทธานุภาพ อิทธิปาฏิหาริย ขององค สมเดจ็ สัมมาสัมพทุ ธเจาแลว วันท่ี ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๒ ตอนเชากอนเดินทางพระอาจารยไดถือพานท่ีบรรจุผอบพระธาตุ ลงมาจากหอ งของทา น พวกเรามโี อกาสไดส ักการะอีกครงั้ และไดเห็นมีพระธาตุสีชมพูเพิ่มขึ้น ตกกลางคืน เมื่อถงึ ทีพ่ กั พระอาจารยพาสวดมนตแ ละมีการนับจํานวนพระธาตุอีกครั้ง เพราะรูวามีเพิ่มเปนจํานวนมาก คือ - สัณฐานคลา ยกระดกู งาชาง องคใหญ สขี าว เพิม่ จาก ๑ องค เปน ๖ องค - สณั ฐานเมล็ดถ่ัวองคใ หญ เพม่ิ จาก ๒ องค เปน ๓ องค - มสี ขี าวใส องคใ หญ เพมิ่ จาก ๒ องค เปน ชมพู ๙ องค และสีเหลอื งอําพนั ๑๙ องค - สณั ฐานเมล็ดผักกาด สขี าวใส เพิ่มจาก ๘๑ องค เปน ๑,๑๔๕ องค ความปต ิ ตืน่ เตน อัศจรรย มีเพ่มิ ข้ึน เมือ่ ไดเ หน็ พระธาตุเสดจ็ เพิม่ เปนจํานวนมากเชน น้ี ปติหนอ วันท่ี ๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๒ ไกดไดนําพวกเราไปซื้อผอบจากรานคาในศรีลังกา เพ่ือจะมาขอ บญุ บารมีขอใหพระธาตุเสดจ็ และขอบารมีจากพระอาจารย อัญเชิญพระธาตุเสด็จในผอบของตนเอง เพื่อ จะไดนํากลับมาบูชาที่บานของตน คืนน้ันพระอาจารยใหทุกคนกลับไปสวดมนต น่ังสมาธิท่ีหองพักของ ตนเอง ขออญั เชิญพระธาตเุ สดจ็ ในผอบของตน ในใจของทกุ คนคงไมต างกนั ตางกลวั วา ในผอบของตนเอง จะไมมพี ระธาตุเสด็จมาใหไดชน่ื ชมบารมี เราอาจไมมบี ญุ พอ พอรงุ เชา ทุกคนไปรวมกันทห่ี องพกั ของพระอาจารย พระอาจารยไดเปดผอบของทุกคนออกพวก เราผลัดกันชะโงกเขาไปดู ขา พเจา ไดเห็นพระธาตขุ องทกุ ผอบท่ีเรียงรายกันอยู ทานเสด็จมาทุกผอบ และมี จาํ นวนเทากนั คือ สชี มพู ๓ องค สขี าวใส ๒ องค แตกตา งกันทีข่ นาด และสีออนแก ตามบุญบารมีของแต ละคน ความรูสึกของขาพเจาในขณะน้ันคือ ปติ ขนลุกจนหนาวสั่น หนาวมากๆ นํ้าตาซึมดวยความดีใจ และเมอื่ มองในผอบของพระอาจารย กเ็ ห็นพระธาตุมีสเี ขมข้ึน ท้งั สีชมพู และสเี หลอื งอาํ พัน งามมาก เม่ือนํากลับมาบูชาที่บาน ชวงแรกขาพเจาจะเปดดูบอยมาก กลัวทานจะเสด็จหายไป จนบัดน้ี พบวา จํานวนองคยงั คงเทาเดมิ แตมีขนาดใหญข้นึ กวาเดมิ สว นสีขาวใส ๒ องคเ ร่มิ เปลีย่ นสีเปน สขี าวขุน ขาพเจาเช่ือในกฏแหงกรรม บุญและบาป บัดน้ีขาพเจาเช่ืออีกอยางหนึ่งวา ในโลกนี้ยังมีสิ่ง มหัศจรรย คือ พระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุ ทานสามารถเสด็จเพ่ิมได และสามารถเสด็จไปจากเราได ขึ้นอยูกับการปฏิบัติ เชื่อวา เถากระดูก เสนผม ฟน เล็บ ของผูบรรลุธรรม พระอรหันต แปรเปลี่ยนเปน พระธาตไุ ด ขอบคุณตัวเองท่ีไดเกิดในพระพุทธศาสนาตามกรรมดีในภพกอน จึงไดมีโอกาสปฏิบัติธรรม เกือบสายเกินไป กราบขอบพระคุณพระอาจารยจิรยุทธ เปนเนื้อนาบุญท่ีนําพวกเราไดปฏิบัติดี ปฏิบัติ ชอบ ดว ยบุญบารมีของพระอาจารยจ ึงทาํ ใหพวกเราไดพบกับสงิ่ มหัศจรรยท ่เี กิดขน้ึ ในโลกนี้ กราบนมัสการ อยางสูงแดองคสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจา ท่ีใหลูกไดประจักษในบารมีอันสูงสงของพระองค ขอ พระพุทธองคโปรดปกปกรักษาคุมครองพระอาจารยใหมีสุขภาพแข็งแรง อยูเปนรมโพธิ์รมไทร เปนท่ีพ่ึง ของลูกศิษยแ ละชาวพทุ ธ ชวยจรรโลงพทุ ธศาสนาใหเจรญิ รงุ เรืองตลอดกาลนานเจาคะ ๙๙
ตอ มาในชวงวันที่ ๒๑ – ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ขาพเจาไดมีโอกาสรวมคณะทัวรติดตามพระ อาจารยไปพมา และในวันสุดทายที่เราจะกลับเมืองไทย เราไดไปนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ ณ เจดีย โบตาทาวน พระอาจารยไดนําพวกเราสวดมนต น่ังสมาธิหนาพระพุทธรูป ซึ่งอยูทางดานซายมือ สวน ทางดา นขวามือจะเปนเทพทันใจ เมอ่ื ออกจากสมาธิ พระอาจารยไดเรียกหาวาใครมีผอบ เพราะมีพระธาตุ เสด็จในมือของพระอาจารย ๑๒ องค สรางความปติ อัศจรรย แกพวกเราเปนอยางย่ิง วันน้ันเรารีบมาก เพราะกลัวจะมาไมทันเครื่องบินท่ีจะกลับเมืองไทย พระอาจารยไมไดปูผาขาวรองกราบเหมือนตอนไป ศรลี ังกา ทา นยงั เมตตามาเสดจ็ ทมี่ ือพระอาจารย น่ีคือประสบการณท่ีขาพเจาไดประสบมาดวยตาตนเอง ในชีวิตนี้จะไมมีวันลืม คิดถึงทีไรภาพจะ เดน ชัด มีความสุข มคี วามเพียร ที่จะปฏิบัติ อยากทําความดียิ่งๆ ขึ้น เพื่อเปนการบูชาองคสมเด็จพระ ศาสดา สาธุ สนุ ีย อธปิ ณุ กุล คณุ สนุ ยี อธิปณุ กุล ถา ยท่หี นาสระวา ยนาํ้ ของโรงแรมทพ่ี ัก ในเมอื งแคนด้ี ประเทศศรลี งั กา ๑๐๐
เรอื่ ง ความประทับใจ ในประเทศศรีลังกา (โดย รพิรัตน วันชูเพลา) ตอนที่ ๑ อาจินไตย ไรข อบเขต ตอนท่ี ๒ คณุ เคยสงสัยไหม? วาเหตใุ ด พระอาจารยจิรยทุ ธ จึงมีบุญบารมีสมพงษกับ พระธาตยุ ่งิ นกั ตอนที่ ๑ อาจินไตย ไรข อบเขต อาจนิ ไตย เปนปรากฏการณทีเ่ กิดข้ึนในทางพุทธศาสนา เปน สงิ่ ที่อยเู หนอื เหตผุ ลท่ีจะนํามาอธิบาย ได แมจะดวยกฏเกณฑทางธรรมชาติ หรือดวยกฏเกณฑทางวิทยาศาสตรก็ตาม แตที่นาทึ่งยิ่งกวาน้ัน คือ แมจะอธิบายไมได แตสามารถพิสูจนใหเห็นจริงได เชน กรณีที่พระธาตุเสด็จ ไมมีใครอธิบายไดวา เสด็จมาอยา งไร ดว ยวิธใี ด ทาํ ไมจงึ เปนเชน นน้ั แตก ส็ ามารถพิสจู นใหเ ห็นกนั จะๆ ตอ หนาตอ ตาได การเสด็จ ของพระธาตุ ประกาศกอ ง ขอพนี่ อ ง เชือ่ อจนิ ไตย ในพทุ ธศาสนา เปนสิ่งที่ เหนอื เหตุผล จนปญญา จะนํามา ชี้แจง ใหแ จง ใจ เมอื่ พระธาตุ ทรงเสด็จ เจ็ดสสี รรค ช้ดี บั ขันธ หมดตณั หา พาจติ ใส หมดทุกขโ ศก หมดเศราหมอง เคยครองใจ สน้ิ วัฏฏะไป พบสขุ สนั ต นริ ันดร (สิน้ วัฏฏะะไป ตลอดกาล นิพพานเอย) ผูใดท่ีกระดูกกลายเปนพระธาตุ ผูน้ันเช่ือกันวาเปนพระอรหันต เพราะรางกายและจิตใจของทาน ถูกฟอกจนบริสุทธ์ิ ปราศจากตัณหาและกิเลส ปราศจากทุกข ดับวัฏฏะสงสาร ดับการเกิดการตาย ถึงซึ่ง พระนิพพาน ซึ่งเปน ทส่ี ุดของพระพทุ ธศาสนา อาจินไตย ที่จะกลาวถึงในคร้ังนี้ เปนเหตุการณท่ีพระธาตุทรงเสด็จมาใหเห็นกันจะๆ ตอหนาตอ ตาพวกเราทุกคนท่ีประเทศศรีลังกา ซึ่งเปนหนึ่งในความประทับใจครั้งท่ีไปประเทศศรีลังกา กับพระครู สมหุ จิรยุทธ อธฉิ นฺโท เจาอาวาสวดั ตาลเอน อ.บางปะหนั จ.พระนครศรีอยธุ ยา ในคร้ังน้ันพระอาจารยไดพาพวกเราไปทําบุญใหญ คือ ไปมอบพระพุทธรูปปางมหาจักรพรรดิ ใหแดวัดนาคารุกขาราม ที่เมืองโคลัมโบ เมืองหลวงของประเทศศรีลังกา องคพระน้ันมีขนาดหนาตัก ๘๐ นวิ้ สูง ๑๔ ฟุต ทรงเคร่ืองที่สวยงามมากๆ ซ่ึงสงไปถึงกอนหนานั้นแลวโดยทางเรือ ใหญโตจนกระทั่ง ทางวดั ตอ งทุบผนังศาลา เพราะเอาเขาประตไู มได ความเปน มาเปนไปอยางไรเกี่ยวกับพระพทุ ธรปู นอ ง ๑๐๑
พอลล่ี (คณุ วรินทรธ ร ปยะทัชอังกวรา) และนองหญิง (คุณวรรณภา พิพัฒนางกูร) ผูเปนตัวตั้งตัวตีคงได เลาไปแลว ซ่ึงการมอบพระพุทธรูปในคร้ังนี้ ยังความปล้ืมปติ ใหกับทั้งผูใหและผูรับ คือ พระอาจารยจิรยุทธ และพวกเราผูรวมทีม กับชาวเมืองโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา ทางศรีลังกาไดทําพิธีตอนรับอยางย่ิงใหญ เอกิ เกริก สมเกียรติของพระพุทธเจาจริงๆ ถึงข้ันที่ทานประธานาธิบดีของศรีลังกา ไดแสดงความขอบคุณ ลงในหนาหนึ่งของหนังสือพิมพยักษใหญของศรีลังกา พรอมกับลงรูปของพระพุทธรูป ท่ีหนา ๑ ของ หนงั สอื พมิ พด ว ย และยงั บอกอีกวา หากไมต ดิ ราชการงานเมอื งสําคัญจะมารวมพธิ ีดว ย ดวยเหตุที่ชาวศรีลังกาเคารพและศรัทธาในพระพุทธศาสนาเปนอยางยิ่ง จึงไดยินเสียงอนุโมทนา ดังกึกกองไปทั้งวัด ดวยคําวา สาธุ สาธุ สาธุ สา, สาธุ สาธุ สาธุ สา, สาธุ ๆ ๆ ๆ ๆ ซํ้าแลวซ้ําอีก ทําให พวกเราอดทจ่ี ะปล้ืมปต ิ และตนื้ ตันใจมิไดในการทาํ บุญใหญค รง้ั น้ี โดยเฉพาะพระพุทธรูป(ปดทองคําเปลว) ขนาดใหญ ไมคอยมีในศรีลังกา ยิ่งปางมหาจักรพรรดิ ดวยแลว ยง่ิ ไมม ีเลย ท่เี ห็นมจี ะเปนปางอืน่ และขนาดกลางๆ ไมใหญโต ซึ่งสวนมากก็คนไทยทั้งนั้นที่นําไป ถวาย เพราะพระพุทธศาสนาในศรีลังกาเปนสยามวงศ ซึ่งพระครูอุบาลี ทานเปนผูนําไปเผยแผไว ฉะนั้น พระพุทธศาสนาในศรีลังกากบั ไทยจงึ เปน พี่นอ งกนั สายเดียวกัน นอกจากการถวายพระพทุ ธรูปแลว พวกเรายังไดไปทัวรบุญ มอบของใช ถวายปจจัย ถวายผาไตร และถวายรมเอาเคล็ด เพื่อความรมเย็น ไมตองตรากตรํากรําแดดกรําฝน ซ่ึงก็จริง พระอาจารยจิรยุทธยัง พดู เลยวา เรามาครั้งนี้ไมเจอฝนเลยท้ังๆ ท่ีเปนฤดูฝน ถาตกก็ไมตกตอนที่พวกเราลงเดิน จากนั้นพวกเรา ยังไดเที่ยวชมสถานที่สําคัญตางๆ ไปกราบไหวสิ่งศักด์ิสิทธิ์ ตนพระศรีมหาโพธิ์ที่เชื่อกันวาเปนหนอเน้ือ เดียวกับที่พุทธคยาประเทศอินเดีย ซึ่งพระพุทธเจาใชเปนสถานท่ีทรงตรัสรูสัมมาสัมโพธิญาณ กราบไหว พระธาตใุ นทต่ี างๆ รวมท้งั ไปกราบพระเข้ียวแกว ส่งิ ศกั ดิ์สิทธ์สิ งู สุดท่ีเมอื งแคนดี้ อยางใกลช ดิ ดวย มคี วามประทับใจหลายเรอื่ งทอี่ ยากจะเลา ไดแ ก ๑. ความประทับใจในกลุมของพวกเรากนั เอง ๑.๑ ความประทับใจในทีมทวั ร ๑.๒ ความประทบั ใจในการเสด็จมาของพระธาตุ ๒. ความประทบั ใจในประเทศ และประชาชนคนศรีลงั กา ๓. ความไมประทบั ใจในประชาชนคนสว นนอยของศรีลงั กา ๑. ความประทบั ใจในกลุมของพวกเรากนั เอง ๑.๑ ความประทับใจในทีมทัวร โดยเฉพาะความนารักของทุกๆ คนที่แบบไปไหนไปกัน ไมมี ขัดกัน แตละคนก็เต็มไปดวยนํ้าใจไมตรี มีความเอื้อเฟอเผ่ือแผ เปนกันเองเหมือนเปนพ่ีเปนนองกัน กลืนกันเปนเน้ือเดียวท้ังหมดไมมีแบงแยก ทุกคนลวนตั้งใจไปทําบุญ ไปเอาบุญกันจริงๆ แตละคนจึง อิ่มอาบไปดวยรอยยิ้มแหงความปติสุข บริษัทลายนํ้าทองทัวร ก็ทําใหเราประทับใจไดไมนอย ท้ังท่ีพัก อาหารการกินท่ีโรงแรม และท่ีบริษัททัวรนํามาบริการเรา เชน ท่ีพัก จําไดวา พักริมทะเลสาบ ๑ คืน ริม มหาสมทุ รอนิ เดีย ๓ คนื คอื คนื แรก และ ๒ คืนสุดทาย บนยอดเขาอีก ๑ คืน แตตองขออภัยหากสถานท่ี ๑๐๒
และตัวเลขอาจจะขาดตกไปบาง เพราะตอนน้ีผูเขียนไมไดอยูท่ีบานจึงไมมีขอมูล ขณะท่ีเขียนนี้ผูเขียนจํา พรรษา เขากรรมฐานเก็บอารมณปลีกวิเวกอยู การเขียนจึงอาจขาดตกบกพรองไมสมบูรณนัก และตอง กราบอโหสิกรรมตอพระพุทธ พระธรรม พระสงฆดวย ท่ีลูกบังอาจหยุดกรรมฐานช่ัวคราวเพ่ือมาเขียน หนงั สอื ! ก็ทําเอาฟงุ ไปหลายวันทเี ดยี ว แตจ ะขอไถโทษ โดยการเขยี นเก่ียวกับเรื่องธรรมะในตอนที่ ๒ เปน การชดเชย บางทานอาจสงสัยเขากรรมฐานแลวติดตอไดไง น่ีตองยกใหเปนผลงานของผูประสานงาน ขนาดปดโทรศพั ท เกบ็ ตัวในกุฏิ ยังเอามาได ๑.๒ ความประทบั ใจในการเสด็จมาของพระธาตุ เปนท่ีสุด ของท่ีสุด ของความประทับใจ ในครั้งน้ีท่ีพวกเรามีบุญท่ีไดช่ืนชมบารมีของพระบรม สารีริกธาตุที่ทรงเมตตาเสด็จมาใหพวกเราไดสักการะบูชากราบไหวกันจะๆ อยางถึงจิตถึงใจกันจริงๆ ก็ ดวยบญุ บารมขี องพระอาจารยจ ิรยุทธ ที่ชางมีความสมพงษกับพระธาตุเสียจริงๆ เพราะถาพระอาจารยพา สวดมนตน่ังสมาธิท่ีไหน สวนใหญแลวจะมีพระธาตุเสด็จทุกทีไปเหมือนกับจะรู หลายคนท่ีเคยไปทัวรบุญ กับพระอาจารย มักจะเตรียมผอบติดตัวไปดวย แตผูเขียนเพ่ิงจะไดรวมทีมแสวงบุญกับพระอาจารยเปน ครัง้ แรกจึงไมอ าจลว งรูถงึ ความลับน้ี จึงไมไดเตรียมผอบไป แตภายหลงั จากทีพ่ ระธาตุเสด็จพระอาจารยจึง ใหคนขับรถพาพวกเราไปซ้ือผอบมาประจําตัวไวจนครบทุกคน เผื่อวาจะไดใชประโยชนและก็ไดใชจริงๆ ในวันกอนจะกลบั ประเทศไทย วนั ทีอ่ งคพระธาตุเสด็จ เปนวันเดยี วกับทเ่ี ราไปสกั การะตนพระศรีมหาโพธ์ิ จากนัน้ กเ็ ดินทางตอไป สักการะสถูปวัดสุวรรรมาลิก ซึ่งบางคนเรียกวาวัดชางลอม เพราะท่ีฐานรั้วจะมีรูปปนของชางนอยท่ีนารัก ตอเน่ืองกันตลอดแนวดูสวยงามมาก วัดน้ีเปนตนแบบของพระปฐมเจดียของเราที่นครปฐม จากนั้นก็ เดินทางตอ ไปอกี หลายที่ จนกระทั่งบายคลอยแดดเร่ิมออนแสงลง เราก็มาถึงวัดถูปาราม ซ่ึงท่ียอดเจดียเปนที่บรรจุ พระรากขวญั เบือ้ งขวา หรือกระดูกไหปลารา เบ้อื งขวาของสมเด็จพระพุทธบิดาสัมมาสัมพุทธเจา ของเรา พระอาจารยจิรยุทธ ไดพาพวกเรานําดอกไมไปสักการะบูชา แลวนําพวกเราสวดมนตบูชาพระ รัตนตรยั และบทอืน่ ๆ จากนั้นใหทุกคนน่ังสมาธิ นั่งอยูนานประมาณครึ่งชั่วโมง โดยทานวางผารองกราบสี ขาวไวตรงหนาทาน พอออกจากสมาธิทานจับดูที่ผารองกราบ ผูเขียนเห็นเพราะนั่งไมไกลจากทาน แลว ทา นก็พดู ออกมาวา พระธาตเุ สด็จ หลายคนที่ไมเคยรูอาจจะไมสนใจฟง แตพวกที่เคยรวมทัวรบุญกับทาน คงจะหูผ่ึงรอฟง อยแู ลว พอไดยินเชนนั้นจึงบอกตอๆกันไปวา พระธาตุเสด็จๆๆๆ พวกเราจึงพากันลุกฮือ ไปลอมวงตรงหนาพระอาจารย พระอาจารยจ ึงคอยๆเปด ผารองกราบที่พับอยูออกมา ปรากฏวาภายในนั้น มีพระธาตุองคใหญ ๕ องค ประกอบไปดวย พระบรมสารีริกธาตุที่มีสัณฐานรูปกระดูก ขนาดเทาปากกา ยาวประมาณหน่ึงขอมือ จํานวน ๑ องค, สันฐานรูปเมล็ดถ่ัวแดงท่ีเราตมน้ําตาลทราย สีเขียวแซมขาว ๑ องค และสีขาวแซมน้ําตาล ๑ องค, สัณฐานเปนผลึกสีขาวใสองคใหญ ๒ องค นอกน้ันเปนองคเล็กๆ ขาว ใสอกี ๘๑ องค สรุปวานบั รวมท้งั ขนาดใหญและเล็กไดท ้ังหมด ๘๖ องค ทุกคนตางก็ต่ืนเตนฮือฮากันยกใหญ ผูเขียนเองก็อดที่จะตื่นเตนไมได แตในใจก็ยังเกิดความ คลางแคลงใจ ตามประสาคนเจาปญหาบาความคิด ก็คิดฟุงปรุงแตงไปวา ตอนท่ีเรานั่งสมาธิก็นั่งหลับตา กันทุกคน หากคนเฝาสถูปหรือคนศรีลังกาสักคน นําพลอยสีมาวางไวบนผารองกราบของพระอาจารย (อาจจะมีขบวนการหลอกคนไทย) ยอมไมมีใครรูเลย เพราะไมมีใครลืมตา เพราะที่ศรีลังกา พลอยสีหา ๑๐๓
งา ย ราคาถกู ดวย แลว กท็ าํ ไมเขาตองทําเชนน้ัน? คําตอบก็คือ ถาทุกทัวรท่ีมาท่ีศรีลังกา มากราบไว แลวมี พระธาตุเสด็จ ทีต่ รงโนนบา ง ตรงนบี้ าง คดิ ดวู าจะฮอื ฮาขนาดไหน คนไทยก็จะแหกันมาเท่ียวศรีลังกา เพื่อ จะไดมาชมบารมขี องพระธาตุทีเ่ สดจ็ มาเอง การทอ งเทีย่ วของศรลี ังกากจ็ ะบูมขึน้ มาทนั ตาเหน็ แตพระธาตุไมไดเสด็จบนผา แตเสด็จอยูในสวนพับของผา คงยากท่ีใครจะเอาไปวางไวไดงายๆ (คงจะทรงลวงรูวาผูเขียนจะสงสัย เลยเสด็จในผา ไมใชบนผา) ก็หายสงสัยไปไดเปราะหน่ึง แตก็ไม ทง้ั หมดเสียทเี ดียว จากน้ันเรากไ็ ปเทย่ี วตอในสถานท่ีอนื่ ๆอีกจนมืดคา่ํ รสู กึ จะไปจบลงที่วัดมหินตเล จากน้ันก็กลับท่ี พักคือ อมายาเลค ที่อยูริมทะเลสาบ เปนรีสอรทท่ีมีธรรมชาติรมรื่นสวยงาม หองพักก็แสนจะโรแมนติค ต่ืนเชาทุกคนก็มาตามนัด หลังทานอาหารเสร็จ พระอาจารยก็นําพระธาตุออกมา ปรากฏวาเสด็จเพ่ิมอีก เพ่ิมทมี ิใชองคส ององคน ะ เปนรอย โดยเฉพาะองคเล็กท่ีสีขาวใส ครั้งน้ีมีสีอื่นๆ เพิ่มมาดวย ทุกคนก็ ตื่นเตน กัน ทุกเชาท่ีรถเคลื่อนออกจากท่พี ัก พระอาจารยจะนําพวกเราทําวัตรเชาบนรถทุกวัน และเชาน้ีเราจะ ไปกราบนมัสการพระเข้ียวแกวที่เมืองแคนดี้ดวย ทุกคนจึงดูตื่นเตนเปนพิเศษกวาทุกวันเพราะเปนท่ีสุด ของทัวรครั้งนี้ท่ีทุกคนรอคอย พวกเราไดเขาไปสักการะอยางใกลชิดสมใจอยาก นําความปลาบปลื้มใจจน ไมอยากจะไปตอ ทีอ่ ่ืนอกี ผเู ขยี นเองอยากจะหาท่ีนั่งสมาธิแตก ็กลัวจะถูกเหยยี บเอง เพราะคนเยอะมาก แตถึงกระน้ัน ในใจก็ยังอดคิดตามประสาคนเจาปญหาบาความคิดไมไดวา “ท่ีเอามาใหเรากราบ ไหวน้ี ใชองคจริงหรือไมหนอ? แอบเอาองคจริงไปซอนไว แลวเอาองคแทนมาใหเรากราบไหวหรือเปลา หนอ?” แตก็ชางเถอะ จะองคจริงหรือไม แตใจเราถึงซึ่งองคจริงก็แลวกัน จะเอาไปซอนไวท่ีไหน เราก็ สง ใจไปกราบถึงท่นี น่ั แหละ เพราะเจตนาเราต้งั ใจมากราบองคจ รงิ ไมไดมากราบองคแทน จากน้ันเราก็ไปทานอาหารบนช้ัน ๕ ของตึกซ่ึงทิวทัศนรอบดานเปนภูเขา หน่ึงในภูเขานั้น คือ โรงแรมท่ีพักคืนนี้ของเรา ซึ่งอยูบนยอดเขาชื่อ อมายาฮิลล บรรยากาศดีมากๆ มองลงมาเห็นเหมือน แคนดีอ้ ยูเ บื้องลาง พอถึงโรงแรมพระอาจารยก็เรียกพวกเรามารวมกันท่ีล็อบบี้ซ่ึงกวางขวางพอจะมีมุมให พวกเราไดส วดมนตทาํ วัตรเยน็ กนั เสร็จแลวพระอาจารยกไ็ ดเปดผอบอีกคร้ัง วันนี้จึงเปดผอบท้ังเชาและคํ่า ปรากฏวาพระธาตุเสด็จอีก เหมือนกับพระอาจารยจะรูไดโดยไม ตองเปดดู เพราะทุกคร้ังที่เปดเสด็จเพิ่มทุกที ครั้งนี้ก็เชนกัน ท้ังสีชมพู เขียวออน เหลืองออน สีขาวมุก และอีกมากมาย ทกุ คนกต็ น่ื เตน กันอีกรอบ ถึงเวลาน้ีผูเขยี นจงึ หมดความสงสัยโดยสิ้นเชิงแลวเก่ียวกับ การเสด็จมาของพระธาตุ เพราะคงไมมีใครแอบเอาไปใสในยามพระลูกศิษยของพระอาจารยได เพราะ ทานหอบยา มของพระอาจารยติดกายไมเคยหา งเลยสักนิด คํ่านี้ผูเขียนนอกจากจะอิ่มบุญท่ีไดชมบารมีของพระธาตุสารพัดสีแลว ยังอ่ิมทองดวยอาหารจาน โปรด เน้ือแกะอบเคร่ืองเทศ ที่น่ีทําอรอยมากๆ ขอบอก เนื้อนุมหอมอรอย ผูเขียนไมทานอะไรอ่ืนเลย ทานเนื้อแกะอบอยางเดียว ๒ จาน ทานจนพุงกาง เพราะรูวาคงหาทานท่ีไหนไมไดอีกแลว ก็เคยทานที่ ประเทศอังกฤษ และท่ีประเทศออสเตรเลีย ทานไมไดเลย เหม็นสาบ แตท่ีน่ีสุดยอด ท่ีจริงอยากจะจัดไว เปนสงิ่ ประทบั ใจโดยสวนตวั ของผเู ขียนดว ย เน้ือแกะอบเครอื่ งเทศ ต่ืนเชาจิบกาแฟ ทานอาหารเชาริมสระนํ้า บนยอดเขา มองไปรอบๆ ก็เห็นภูเขาอีก ขางลางคือ เมืองแคนดี้ โอย! อากาศแสนจะสดช่นื กาํ ลงั สดชนื่ อยดู ีๆ ฝนโปรยมาซะนี่ หนีดีกวา ๑๐๔
สองคนื สดุ ทาย เราพกั ท่โี รงแรมกาลาดารี ซ่ึงอยูริมมหาสมุทรอินเดีย ฝงตรงขามโรงแรมท่ีพัก คือ ที่ทําการประธานาธิบดีของศรีลังกา ชวงนั้นกบฏอีแรมยังไมหมด การอารักขาจึงเขมขนมาก ใครนอนฝง ตรงขามที่ทําการฯ เขาตองเช็คประวัติกอน และหามเปดมานหองนอนดวย กลัวเปนผูกอการราย ทหาร อารกั ขาเพียบ ตอนเชา ผูเขียนจะไปถายรูปที่ริมมหาสมุทรอินเดีย ทหารก็ไมยอม บอกวาฉันถายออกทะเล ไมไดถายไปยังที่ทําการฯ เขาก็ไมยอม เราก็เลยตองยอมเขา เขาชางดูแลประธานาธิบดีของเขาดีจริงๆ ประเภทยุงไมใหไ ต ไรไมใ หต อม ยังกบั ไขใ นหินก็ไมป าน คืนสุดทายท่ีโรงแรมเดิม พระอาจารยสั่งไววาใหรีบทานขาวเย็น แลวรีบขึ้นไปอาบน้ําสวดมนตนั่ง สมาธิ และอธษิ ฐานขอใหพ ระธาตุเสด็จ เพราะพระอาจารยใหท ุกคนเอาผอบไปฝากไวก ับพระอาจารย ทาน บอกวา ไมตองกลวั ทุกคนตอ งไดพระธาตกุ ลับบา น เพราะถา ผอบใครพระธาตไุ มทรงเสด็จ พระอาจารยจะ แบงของพระอาจารยให แลวทานก็นัดวาในเวลาตี ๕ ถาใครต่ืนไหวใหมาพรอมกันท่ีหองของทาน ในคืน นั้นเช่ือวาทุกคนตองเปนเชนเดียวกับผูเขียนท่ีตั้งอกตั้งใจสวดมนตนั่งสมาธิอยางเอาจริงเอาจัง เพราะกลัว วา พระธาตจุ ะเสด็จผอบของคนอน่ื หมด แตไ มเสด็จผอบเรา คงจะเปน แซดมูฟวี่ (หนังเศรา) ทีเดียว คืนนี้ ผเู ขียนหลบั สบาย นอนรวดเดยี วตนื่ อาจจะเปน เพราะเพลียมาหลายวัน และเพราะทําจิตสงบกอนนอน ลืม บอกไปวา ทน่ี ่ี ดมี อนสเตรชนั่ ฟูดอรอ ยมากๆ ขอบอก วันน้ตี น่ื ตง้ั แตแ ต ๔ รบี อาบน้าํ แตง ตวั จัดกระเปา กอ นตี ๕ เลก็ นอ ย ผูเขยี นไปตามนัด ปรากฏวามี ผูรวมทีมมาถึงกอนผูเขียนหลายคนแลว พอถึงเวลาพระอาจารยก็เปดผอบทุกผอบ ปรากฏเปนท่ีนา อัศจรรยว า พระพุทธบิดาสัมมาสัมพุทธเจาชา งทรงพระเมตตา และทรงไวซ่ึงความยุติธรรมจริงๆ ทรง เสดจ็ ทุกผอบ ผอบละ ๕ องคเ ทา ๆ กัน ตางกันเล็กนอยท่ีขนาดและความเขมของสีเทานั้น คือ ผลึกสีชมพู ออนใส ขนาดประมาณครึ่งซีกเมล็ดถั่วเขียว รูปทรงแบนๆ ๒ องค และสีขาวใส ขนาดเทาเมล็ดงา ๓ องค พอพระอาจารยเปดครบทกุ ผอบ ทุกคนตางก็รองข้ึนพรอมกันโดยมิไดนัดหมาย ตางก็โลงอกไปตามๆ กัน ที่ไมเจอผอบวางเปลา เพราะอาจจะเปนของเรา ถามพระอาจารยวาพระอาจารยเอามาใสไวใหหรือเปลา? ทานบอกวาเปลา ทรงเสดจ็ มาเอง พอเห็นเชนน้ัน แตละคนก็เกิดอาการแตกตางกันไป บางคนก็รูสึกต้ืนตัน บางคนก็ปติ ตื่นเตน ขนหัวลุก อาจารยสุนียเพ่ือนผูเขียน เขาบอกวา เขาขนลุกทั้งตัวต้ังแตหัวจรดเทา และ เกิดอาการหนาว ขึ้นมาดวยความปต ปิ นตนื่ เตนเปนที่สุด สําหรับผูเขียนเอง บอกกับตัวเองวา ใหทําใจเปนกลางๆเขาไว แต เอาเขาจริงๆ ก็อดตื่นเตนไมได สวนผอบของพระอาจารย นับของพระอาจารยเอง ก็เสด็จมาเพ่ิม นับ รวมกันท้ังหมดแลว ไดหน่ึงพันกวาองคจากวันแรก ๘๖ องค เพิ่มข้ึนสิบกวาเทา และสีเขมข้ึน ท้ังชมพู เหลือง และเขียว ชมพูท่ีเขมข้ึนเปนสีแดงสวยมากๆ จึงสรุปไดวา การเสด็จของพระธาตุเปนไดหลาย ลักษณะดังน้ี ๑. เพิ่มจํานวน ๒. เพ่ิมขนาดใหญข้ึน อวนข้ึน ๓. สีเขมขึ้น ๔. สีเปนมันวาวข้ึน แวววับมาก ขน้ึ วันนี้ทุกคนรับผอบของตัวเองกลับไปดวยความรูสึกท่ีเปยมลนไปดวยความปลื้มปติ สวนผูเขียน เองก็น่ังอมยิ้มอยูกับตัวเองเหมือนคนบา คิดข้ึนมาทีไรก็มีความปติสุขทุกครั้งไป กลับมาบานเปดผอบดูที ไร กช็ น่ื ใจทุกครั้ง และก็อดคดิ ถึงประเทศศรีลังกาไมได ๑๐๕
๒. ความประทบั ใจในประเทศและประชาชนคนศรีลังกา นอกจากไดกราบพระเขี้ยวแกว ไดทานแกะอบเคร่ืองเทศ และเดมอนสเตรชั่นฟูดจานโปรดแลว ประเทศศรีลังกาเปนเกาะอยูทามกลางมหาสมุทรอินเดีย จึงรายรอบไปดวยทะเลมหาสมุทร หาดทรายที่น่ี กวางมากๆ ยาวอีกตางหาก เชน ท่ีพักคืนแรกของเรา หาดทรายกวาง ๓ เทา ๔ เทาของหาดบางแสน แต ทะเลท่ีน่ีไมคอยมีคนเที่ยว ไมเหมือนเมืองไทย คงเปนเพราะคลื่นแรง หรือไมงั้นก็ เว้ิงวางวังเวงนากลัว มากกวานา เท่ียว เพราะเปน มหาสมทุ รไมใ ชทะเล หรือมฉิ ะนัน้ กเ็ หน็ จนชนิ ท่ีน่ีมีทะเลสาบเยอะมาก เกาะกลางทะเลสาบก็รมคร้ึมไปดวยปาไมที่ยังสมบูรณ ผูเขียนชอบ ทะเลสาบ ชอบทะเล ชอบปาไม จึงชอบศรีลังกา ไปไหนก็เขียวคร้ึมไปหมด ธรรมชาติเขาคอนขางสมบูรณ และบรสิ ุทธจิ์ รงิ ๆ ตา งจากเมอื งไทย ไปไหนมแี ตภเู ขาหวั โลน ชาวบานก็ดูเรียบงาย ดูจากการแตงตัว สวนใหญคอนขางขาดแคลน เห็นแลวอดสงสารไมได แต บานเรอื นเขาดสู ะอาดสะอาน ท่ีสาํ คัญทส่ี ุดคือ เครงครัดในการปฏบิ ัตใิ นทางพทุ ธศาสนา นาชื่นชมจริงๆ ถึงวันหยุดเด็กๆ จะแตงชุดสีขาวไปวัดกัน ผูใหญหากเปนวันโกนวันพระจะไปอยูถือศีลสวดมนตกันท่ี วัด ในครัง้ น้ีพอดีตรงกบั วนั พระ มีอยวู ดั หนง่ึ ที่ทกุ ศาลามผี สู ูงอายุท้ังชายหญิงมาเตรียมจับจองที่กันเต็มทุก ศาลา นาชนื่ ใจจริงๆ นบั แลว หลายรอยคน ไมวาเราจะทําอะไรท่ีเปนบุญเปนกุศล ชาวศรีลังกาเขาจะมารวมอนุโมทนาดวย ถาอยูใกล เขาจะย่ืนมอื มาแตะ เชนเราแหผ า ทจี่ ะนําไปหมพระพุทธรูป เขาก็จะเอามือมาแตะพรอมทั้งเปลงคําวา สาธุ สาธุ สาธุ สา.....ๆๆๆ ซ้ําแลวซ้ําอีก จนผูเขียนรูสึกขนลุก และรูสึกวาทําบุญแลวไดบุญทันใจจริงๆ ปติมาก ปติทเี่ ราไมไดบุญคนเดียวหรือเฉพาะพวกเรา แตพวกเขาก็ไดดวย จากการที่ใหพวกเขาไดอนุโมทนา บญุ นนั่ เอง ๓. ความไมประทบั ใจในประชาชนสวนนอ ยของศรีลงั กา ดวยทุกท่ีในโลกยอมมีมิจฉาชีพ เพราะความจนปะปนแทรกซึมอยูทุกหยอมหญาในโลก คนศรีลังกาเกือบท้ังหมดบริสุทธ์ินารักนาสงสาร เครงครัดในศีลในธรรม แตก็ยังมีคนจํานวนไมมากที่เปน มจิ ฉาชีพ ฝากเตือนไวผูเขียนเจอมากับตัวเองท่ีวัดอาโลกวิหาร ซึ่งเปนหนึ่งในวัดที่ใชเปนสถานท่ีในการทํา สังคายนาพระไตรปฎก (จากหลายคร้ังที่เคยทําในลังกา) เมื่อผูเขียนไหวพระ และนําปจจัยหยอดใส ตูบริจาค (โดยที่ตูบริจาคของเขานั้นทําแบบชาวบาน ที่หยอดทําเปนซี่ๆ ซอนกัน ๒-๓ ช้ันกันมือลวง แตใ ชไมเขี่ยเอาเงินทคี่ างอยขู ึ้นมาได) เสร็จแลวกําลังจะเดินออกประตูก็มีชาย ๒ คน เดินตรงเขามาจะไป ท่ีตูบ ริจาค คนหนุม ถือไมขนาดเทา นว้ิ มือยาวประมาณ ๑ ศอก พอเห็นผูเขียนเขาชะงัก ผูเขียนเกิดสังหรณ ใจเลยขอไมเขามา แลวเอาไปเขี่ยเงินที่คางตูอยูหลายใบลงไป ทําใหคนท่ีแกกวาไมพอใจ แตผูเขียนกลับ พอใจท่ไี ดท ําบุญคอื หน่งึ -ไดช ว ยใหช าย ๒ คนนน้ั ไมต กอบายภมู ิที่ไปขโมยเงินวัด หลวงพอจรัญมีตัวอยาง มาก คนท่ีขโมยของวัดแลวเปนเปรต สอง-ทําใหวัดไดเงินไปใชทํานุบํารุงพุทธศาสนา โดยไมถูกขโมยไป สาม-ชวยใหคนบริจาคสมประสงคตามเจตนาท่ีทาํ บญุ ไป โดยเงนิ ไมถ ูกขโมยไป ๑๐๖
ตอนท่ี ๒ คณุ เคยสงสยั ไหม? วา เหตใุ ด พระอาจารยจริ ยุทธ จงึ มีบญุ บารมีสมพงษกับพระธาตุย่ิงนกั จะมีใครสักกี่คนในโลกนี้ท่ีจะสามารถอัญเชิญเสด็จพระธาตุใหเสด็จมาตอหนาตอตาไดตามใจ ปรารถนา ผูเขียนเชื่อวาในโลกนี้คงมีนอยคนนัก ซึ่งหน่ึงในจํานวนน้ันก็คือ พระครูสมุหจิรยุทธ อธิฉนฺโท เจาอาวาสวัดตาลเอนของเราน่ีเอง เหมือนพระอาจารยจะรูวาท่ีไหนอัญเชิญได ท่ีไหนอัญเชิญไมได เทาที่ ผูเขียนสังเกตดู มักจะเปนสถานท่ีศักด์ิสิทธ์ิท่ีเก่ียวของกับพระพุทธเจาโดยเฉพาะเปนสถูป เปนเจดียท่ี บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และที่สําคัญตองเปนท่ีไมพลุกพลานวุนวาย ตองมีความเงียบสงบพอสมควร อยางเชนท่ีสถานท่ีบรรจุพระเข้ียวแกวที่เมืองแคนด้ีนาอัญเชิญย่ิงนัก แตพระอาจารยก็ไมทําเพราะคน พลกุ พลา นวุนวายมากพระธาตไุ มเสด็จแน การจะอัญเชญิ พระธาตใุ หเสด็จมาได ไมใชฟลกุ ไมใ ชบังเอิญ แตจงใจ ถาเราจะทําบางจะไดไหม? ได ถาบุญบารมีถึง แตถาบุญบารมีไมถึงก็ทําไมไดผล เพราะในทางพุทธศาสนา ยึดหลักเหตุผลวา ถาไม สมควรแกเ หตุ อะไรๆ กเ็ กิดขน้ึ ไมได แตถาเหตปุ จ จยั สมบูรณอ ะไรๆ ก็ขวางไว ไมใหเ กดิ ข้นึ ไมได ทําอยางไรละบุญบารมีจึงจะถึง? “บุญบารมี” เปนสิ่งที่ตองส่ังสมเอาเอง ไมใชจะซื้อมาไดดวย เงินเหมือนกับ “บารมี” หรือใชวาจะไปขอเอาจากครูอาจารยผูท่ีมากดวยบุญบารมีทานใดก็ได ไมเปน เชนนนั้ แน จะสั่งสมบุญบารมีดวยวิธีใด? ก็ทําไดตามหลักพุทธศาสนา คือ ส่ังสมดวยการทําทาน ถือศีล ปฏิบัติภาวนา บุญใหญท่ีสุดก็คือภาวนา จะครอบคลุมหมดคือ ถาการปฏิบัติภาวนาสมบูรณ ทาน ศีล ก็ จะรวมอยใู นนน้ั หมด หรอื อกี นยั หนึ่งก็คอื ถา ทานศีลสมบูรณ ภาวนาสมบูรณ จะใหสมบูรณไดโดยตองเขา กรรมฐานทําวิปสสนากรรมฐาน เพราะภาวนาท่ียิ่งใหญท่ีสุดคือ “วิปสสนาภาวนา” หากทําไดสมบูรณ ก็ สมบูรณในพุทธศาสนา คือ ดับทุกขได ตดั วัฏฏสงสารได คือ ถึงนิพพานในที่สุด ใหอานเน้ือความตอไปน้ีแลวลองวิจัยธรรมดูวาเหตุใดพระอาจารยจิรยุทธ จึงมีบุญบารมีจน อัญเชิญเสดจ็ พระธาตุไดส มปรารถนาเสมอ เม่ือครั้งท่ีไปประเทศศรลี ังกาคราวน้ันพระอาจารยไดเลาใหพวกเราฟงในรถวา สมัยเม่ือคร้ังท่ีพระ อาจารยเปน สามเณรนอ ยจริ ยทุ ธ อยทู ว่ี ัดอัมพวัน จังหวดั สิงหบุรี เคยใฝฝ นอยากจะมีพระธาตุมาไวบูชา แต กไ็ มรจู ะไปหามาไดจ ากท่ีไหน ความทราบถึงหลวงพอจรัญ ทานจึงเมตตาใหบทสวดอัญเชิญพระธาตุมาให สามเณรนอย เณรนอยก็แสนจะดีใจ รีบไปหาผอบมาไวเตรียมรับการเสด็จมาของพระธาตุ จากน้ันก็หมั่น สวดภาวนาทกุ ๆวนั ไมไ ดข าดดวยความมุงมั่น และไดคอยแงมดูผอบทุกวันเชนกัน ๑๐ วันก็แลว ๒๐ วันก็ แลว ๑ เดือนก็แลว ๒ เดือนก็แลว พระธาตุไมเสด็จมาสักที เณรนอยเริ่มทอแทส้ินหวัง ในท่ีสุดก็เบื่อ หนา ยท่ีจะตองมาเปดดผู อบทกุ วันๆ โดยไมเ กิดผลใดๆ นบั แตน้ันมาเณรนอยก็เลยเลิกเปดดูผอบ แตยังมี ขนั ติ วิริยะ อุตสาหะ ไมลดละการสวด ยังคงทําเชนน้ันเปนประจําอยูเหมือนเคย นานแคไหนไมรู จนจํา ไมไ ดแ ลว นึกขึน้ ไดอ ีกที จึงไปเปด ดผู อบ คร้ังนสี้ ามเณรนอยตองตื่นเตนดีใจเปนที่สุด เพราะความฝนเปน จรงิ แลว พระธาตพุ ระเมตตาเสดจ็ มาจรงิ ๆแลว สมปรารถนาท่ีจะมีพระธาตไุ วกราบไหวบูชา นบั ตั้งแตวันนน้ั จนกระทง่ั ถงึ วันนี้ วันที่สามเณรนอยกลายมาเปนพระครูสมุหจิรยุทธ อธิฉนฺโท เจา อาวาสวดั ตาลเอน ทานมิเคยละเวนตอ การสวดอญั เชญิ เสดจ็ พระธาตุเลย ๑๐๗
ฉะนั้นการสั่งสมบุญบารมีตองใชเวลา ตองมีขันติ วิริยะ อตุสาหะ และขอย้ําอีกครั้งวา ตาม หลักพุทธศาสนา ใชหลักของเหตุผลเปนสําคัญ ไมใชเร่ืองงมงายไรสาระอยางท่ีบางคนเขาใจ คือถา เหตไุ มส มบูรณ ผลยอ มไมเกดิ แตถ าเหตุปจ จัยสมบรู ณ อะไรๆ กข็ วางไวไ มไ ด การปฏบิ ัตธิ รรม การส่ังสมบญุ บารมี ทา นวาไมตา งกับการปลกู ไมผล เชนการปลูกมะมวง ผูปฏิบัติ ทําหนาที่เหมือนคนสวน คอยใสปุย รดน้ํา พรวนดิน เลาะก่ิงใหแดดสองถึงรากเพื่อไมใหเกิดเชื้อรา พอ อาหารนํ้าสมบูรณ ไมมีเช้ือโรค ตนไมจะเติบโตของเขาเอง และจะใหดอกใหผลเต็มที่เองเมื่อเขาสมบูรณ เตม็ ทีแ่ ลว ฉะน้ันครูบาอาจารยทานผูมีประสบการณทานสั่งสอนชี้แนะอะไร ถาทําตามไดหมด และทําเปน ประจาํ ตอ เน่อื งไมไ ดขาด รบั รองวา รอรับผลไดเลย อยาใหเหมือนผูเขียนที่ชอบทดสอบทดลอง เจาปญหาบาความคิด ซ่ึงลวนเปนนิวรณท่ีกีดก้ันขัด ขวางทางธรรมทั้งส้ิน จึงทําใหชากวาจะทําลายอนุสัยพวกน้ีไดตองใชเวลามาก แทนท่ีจะพุงตรงไปยัง จดุ หมายปลายทางเลย ก็มัวแตแ วะโนน สนใจนอี้ ยู ทําใหเสยี เวลาเนน่ิ ชา ทีนี้ก็ลองมาวิจัยธรรมกัน วาเหตุใด ๒ เดือนแรก พระธาตุจึงไมเสด็จ และเหตุใดตอๆมาจึงทรง เสด็จมา เหตุผลก็คือ ๒ เดือนแรกน้ัน เหตุปจจัยยังไมสมบูรณ บุญบารมีท่ีส่ังสมไวยังไมมากพอ ผลจึงไม เกิดขึ้น หลังจากน้ัน ก็ยังไมละความเพียร ยังมีขันติ อดทน อดกล้ัน ท้ังๆที่ผลไมเกิดก็อดทนสวดภาวนา ตอไป เพียรพยายามเอาชนะความทอแทถดถอย สวดตอไปท้ังๆท่ียังไมเห็นผล จนกระทั่งเหตุปจจัยพรอม สมบรู ณน ั่นแหละ ผลจึงเกิดขนึ้ ซึง่ กไ็ มทราบวา เสด็จมาตอนไหน และท่สี ําคญั ชวงแรกทําดว ยความโลภ ธรรมวิจัย วาเหตปุ จ จยั ใดทีม่ ผี ลตอการเสด็จมา และไมเสดจ็ มาของพระธาตุ แยกเปน ขอไดด ังน้ี ๑. ชวง ๒ เดือนแรก ทําดวยความโลภ ทําดวยจิตที่เปนอกุศล เพราะมีกิเลสตัณหาเขามาแทรก ตอ งทาํ ดว ยจติ ที่เปนกุศล ทําดวยใจบริสุทธ์ิ คือ ปราศจาก โลภะ โทสะ โมหะ ทําดวยใจที่เปน มชั ฌิมา เปน กลาง วางอุเบกขาไดจริงๆ เสดจ็ มาก็ดี ไมมาก็ได วางใจใหเปนกลางไว ๒. หลังจาก ๒ เดือนผานไป วางใจเปนกลางไดแลว เพราะหมดหวังแลว ตอนน้ีความอยากที่มัน รบเราจิตใจไมมีแลว สวดไปอยางน้ัน สวดไปเฉยๆ โดยไมมีความคาดหวังใดๆ ใจบริสุทธ์ิ แลว โลภะไมม ีแลว ๓. มีขนั ตบิ ารมี มีความอดทนอดกลั้น แมผลไมเ กดิ กย็ งั อดทนสวดตอไป ๔. มวี ริ ยิ ะบารมี มคี วามเพยี รพยายาม แมจะเกดิ ความทอแทส ้ินหวงั ก็ยงั คงสวดตอ ไป ๕. มีอธิษฐานบารมี ทานตองอธิษฐานอัญเชิญเสด็จดวย สวดโดยไมอธิษฐานอาจจะไมไดผล เต็มท่ี ซ่ึงอันน้ีจะเกิดไดจิตตองมีสติสมบูรณมีสมาธิตั้งมั่น ถึงจุดหน่ึงอธิษฐานบารมีก็จะ เกิดขึ้นได จากนั้นยังจะเกดิ ปญญาบารมตี อ ไปดว ย วาจะสวดอยา งไร สถานการณอยางไรจึงจะ ทาํ ใหเกิดผล อยา งที่พระอาจารยพาเราสวดมนตน่ังสมาธิ ทานไมไดทําทุกท่ีนะ ทานจะทําเปน เปนบางที่ท่ีทานมีปญญามองเห็นวา ที่ใดที่เหมาะสมหรือมีโอกาสท่ีจะเสด็จมาได นี้เปนสวน หนงึ่ ของปญญาบารมี ๖. เกี่ยวเนอ่ื งกบั ขอ ๕ คือ การจะมปี ญญาบารมี และอธิษฐานบารมีได ตองเริ่มตนจากสติ ตองมี สติสมบูรณ เมื่อสติสมบูรณ สมาธิจะตั้งมั่น เมื่อสมาธิตั้งมั่นจะทําใหเกิดปญญาหาวิธีการท่ีจะ นําไปสูความสําเรจ็ สมหวังดังตง้ั ใจ จงึ อยากเชญิ ชวนใหนักการเมือง นักธรุ กิจ นักวิชาการ ๑๐๘
นกั เรียน นสิ ติ นักศึกษา มาปฏิบัติธรรมกันใหมากๆ เพราะเม่ือเกิดปญญาแลว โครงการรอย ลานพันลานจะหลั่งไหลออกมาจากสมอง ทั้งนักการเมือง นักวิชาการ ความคิดบรรเจิดจะ เกิดขึ้นได นักเรียน นิสิต นักศึกษา ความจําจะดี สมองดี ปญญาดี มีปญหาใดๆ แกได ขอสอบมาแบบไหนก็ทําได หากถงึ ข้ันปญญาเกิด ถาไมมีเวลาคร้ังแรกใหไปเขากรรมฐานเพื่อเอาพื้นฐานกับครูบาอาจารยกอน ตอไปทําที่บานก็ได ทาํ ไดท กุ ทีท่ กุ เวลา (อกาลโิ ก) หลวงพอ จรัญ ทา นจงึ พดู เสมอๆ วา ใหมาสวดมนตภาวนา เขากรรมฐานกัน ทั้งประเทศ ประเทศไทยจะไดมีแตเด็กฉลาดๆ ผูใหญท่ีอยูในศีลในธรรม บานเมืองสงบสุขรมเย็น เจริญกา วหนา เปนอนั ดบั ตนๆ ของโลกแนห ากทุกคนสวดมนตภ าวนาปฏบิ ัติตามพระธรรมคําสอนของพระ พุทธบิดาสัมมาสัมพุทธเจากันจริงๆ (ตอนทายๆน้ีผูเขียนตอเติมเอง) หลวงพอจรัญ จึงมักพูดเสมอวา “สวดมนตเ ปนยาทา วิปสสนาเปนยากิน” (ของฝากจากผูเขียน คือ ขันติ กับ วิริยะ เปนส่ิงท่ีขาดไมไดเลย จริงๆ ในการปฏบิ ตั ธิ รรม) ทําอยางไรจึงจะเกิดสติเต็มที่? จากการสวดมนต ขออางคําพูดของหลวงพอชัชวาล (พระอาจารย ชินสภะเถระ) แหง พุทธวิหาร จังหวัดนครนายก ทานบอกวา การอาน (รวมถึงการสวดมนต) การพูด การ ฟง การเขยี น จะใหมสี ตเิ ตม็ ตอ งไมอานรวบๆ เร็วๆ แบบนกแกว นกขุนทอง แตตอง อาน พูด ฟง เขียน ทลี ะคาํ ๆ และใหม ีสติ หรือใหมีจติ รูอยกู ับแตละคําน้ันๆ หากมีความคิดแทรกเขามา ก็ใหรู แลวต้ังสติอาน ตอไป สวดตอไป (ถาเปนปกติ ก็ใหกําหนด คิดหนอๆๆ แตถาเปนการดูจิตอยางหลวงพอปราโมทย ปราโมชโช ก็ไมตองกําหนด ใหรูเฉยๆ โดยไมคิดตอ ไมปรุงแตงตอ ไมแทรกแซง แลวความคิดจะดับไป เอง) (เพราะมนั เปน อนิจจัง มันมีอายุของมัน หมดอายุมันก็ดับไป ขออยางเดียว อยาไปยุงกับมัน มันเกิด มาเอง มนั กจ็ ะดบั ไปเอง อันนีเ้ ขียนเพิม่ เติมเอง) ทานอาจารยชัชวาล ทานเนนอยาอาน (สวด) เร็วเกินไป โมหะความคิดจะเขามาแทรก อยาชา เกนิ ไป โมหะความคิดจะเขามาแทรก ถาอานพอดีๆ ประมาณ ๑ วินาที ไมเร็วไมชาเกินไป ความคิดจะเขา แทรกไมไดเลย เขามาเหมือนเปนกําแพง เดงออกไปเลย ไมเช่ือก็ลองดู ลองไปหาชวงที่พอเหมาะของ ตัวเองดู อันนม้ี ปี ระโยชนมาก นักเรียน นสิ ติ นักศึกษา เอาการอาน พูด ฟง เขียน แบบท่ีวานี้ไปใช ถาอาน หนงั สือแลว ไมมีความคิดแทรกจะจําไดดีมาก ทานอาจารยบอกวา ถาทําจนเห็นแตการเกิดดับๆๆ ของแต ละคํา ความจาํ จะดมี ากทกุ อยา งจะเกบ็ ไวใ นหนว ยความจํา พอจะเอาออกมาใช ถาสมาธิดีมันจะไหลออกมา เอง ท่ีอานไมรเู รื่อง ฟง ครสู อนไมร เู รือ่ ง เพราะฟงไปคิดไป คดิ เรอื่ งอน่ื ทไ่ี มเ กีย่ วกบั ทฟี่ ง อยอู กี ตา งหาก สมัยพุทธกาลมีไมนอยท่ีฟงเทศนของพระพุทธเจาเฉยๆ ก็บรรลุธรรมได เชน ทานโกณฑัญญะ ไมใชคนสมัยนั้นสมองดีกวาคนสมัยนี้ เปลาเลย แตเปนเพราะทานมีสติมากกวาคนสมัยน้ีตางหาก เพราะ ทานเจริญสติอยูเสมอๆ ผูเขียนเองเคยเกิดปญญารูแจงในขณะสวดมนต ในเรื่องท่ีกําลังสวด ทั้งๆ ที่สวด มาต้ังนานก็รูตามบทสวด แตพอมาวันหนึ่ง ก็เกิดรูแจงแตกฉานในเรื่องที่สวดข้ึนมา สามเณรนอยจิรยุทธ ทา นกต็ องสวดอยางมีสติเต็มท่ี คือรูตามทุกคําท่ีสวดโดยไมมีความคิดแทรก หรือวอกแวกไปไหน เมื่อสติ เตม็ สมาธิกต็ ั้งมน่ั ปญ ญาก็เกดิ บารมีตางๆ ก็มตี ามมา เชน อธิษฐานบารมี ดังที่กลาวแลว เพราะการ ไมมีความคิดแทรก ก็ไมมีกิเลสตัณหาซ่ึงเปนอกุศลแฝงมากับความคิด จิตก็มีแตกุศล สวดไปก็สั่งสมบุญ ไป ย่ิงสวดนานก็ยิ่งส่ังสมบุญไดมากข้ึนๆ อยาลืมคําของหลวงพอจรัญ “สวดมนตเปนยาทา วิปสสนาเปน ยากนิ ” ทําอยา งมสี ตเิ ตม็ มีแตบุญกับบุญ ๑๐๙
บทสวดอญั เชิญเสด็จพระธาตุ ทพ่ี ระอาจารยจ ริ ยุทธ ใหพ วกเราไว คอื อะหังวันทามิ สารีรกิ ะธาตุ อะหังวันทามิ ทูระโต อะหงั วนั ทามิ ธาตโุ ย อะหังวันทามิ สพั พะโส อิติปโส วิเสเสอิ อเิ สเส พุทธะนาเมอิ อเิ มนา พุทธะตังโสอิ อโิ สตงั พุทธะปต ิอิ ขอมอบตอใหท า นผอู านทุกทา น ใหถ ือวาเปน ของขวัญจากพระอาจารยจริ ยุทธ ทีม่ อบใหทา น ตองขอบคุณผูประสานงาน คือ คุณภาริษา มธุรพงศากุล กับ คุณสุนีย อธิปุณกุล ที่ช้ีแจงให คุณแมช นี รนิ รตั น เขา ใจจนยอมใหผ เู ขยี นหยดุ กรรมฐานชว่ั คราวเพ่ือมาเขยี นเร่อื งนี้ เพราะที่จริงก็เกี่ยวของ กับพุทธศาสนา และคุณแมชีจ๊ิก ยังเปนธุระนําสงตนฉบับนี้ใหดวย กราบขอบพระคุณแมชี กับนองตะวัน มิฉะน้ันขอ เขียนน้คี งไมม วี ันไดอยใู นหนงั สือเลมน้แี นน อน จบความประทับใจในประเทศศรีลังกาไวเพียงเทานี้ ขอความสุขสวัสดีจงมีแดทุกๆทาน และขอ อํานาจบุญบารมีของพระธาตุ และพระรัตนตรัยโปรดคุมครองรักษาทุกๆ ทาน และประทานพรใหสม ปรารถนาในทุกๆสง่ิ ทด่ี ีงาม และไมขัดตอศีลธรรมดว ยกนั ทุกทา นทกุ คนเทอญ ดวยความปรารถนาดีจากผเู ขยี น รพิรตั น วนั ชเู พลา ๑๑ กันยายน ๒๕๕๓ ณ. สาํ นกั ปฏบิ ัติ “แสงธรรมสองชวี ติ ” อาํ เภอปากชอง จังหวดั นครราชสีมา (สาขาหลวงพอ สมชาติ ธมมฺ โชโต) คุณรพริ ตั น วนั ชูเพลา ถา ยรูปรวมกับนกั เตน “ระบําศรลี งั กา” ๑๑๐
จากอโยธยาถึง . . . ซีลอน หลายๆ คร้ังที่ขาพเจาไดเปนคณะติดตามทานพระครูสมุหจิรยุทธ อธิฉันโท ไปกราบนมัสการ พุทธสถานอนั สรา งขึ้นมาจากแรงศรทั ธาของพุทธศาสนิกชนมาต้งั แตคร้ังโบราณกาล หลายๆ ท่ีท้ังใกลและ ไกล อาทิเชน วัดพระธาตุแชแหง จังหวัดนาน วัดพระมหาธาตุวรวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช ประเทศ ศรีลังกา พมา อินเดีย และอีกหลายประเทศซึ่งลวนเปนดินแดนแหงพระพุทธศาสนาท่ีขาพเจาไดเดินทาง ไปโดยลําพัง ส่ิงสําคัญนอกเหนือจากการเรียนรูศิลปะ วัฒนธรรม และประเพณีอันงดงาม ท่ีมีท้ังความ คลายคลงึ และแตกตางกัน เหมือนสายธารหลั่งไหลไปมาของความสมั พันธทางศาสนาแลว ยังไดพบวาตาม เมืองโบราณสาํ คญั ๆ จะปรากฏวา มีวัดคบู า นคูเมอื งที่มีเจดยี บรรจพุ ระบรมสารีริกธาตอุ ยเู สมอ ท่ีลืมเสียมิไดก็คงจะเปน พระธาตุเข้ียวแกว แหงเมืองแคนดี้ ซึ่งบรรจุอยูในสถูปทองคําประดับ ประดาดวยอัญมณีลํ้าคามากมาย พุทธศาสนิกชนรุนแลวรุนเลาไดถวายเปนพุทธบูชา อีกทั้งยังแสดงถึง การสลัดคราบแหงกิเลสใหส้ินไป ดวยการไมยึดติดในส่ิงมีคาท่ีตนไดเหนื่อยยากหามา แตตองไมลืมวา การบูชาพระพุทธดวยวิธีประเสริฐสูงสุด คือ การศึกษาธรรมและนอมประพฤติปฏิบัติตาม ดวยการ เจริญกุศลทุกประการ เพราะฉะนั้น แมวาพระพุทธองคจะปรินิพพานไปแลว แตธรรมยังเปนศาสดา แทนพระองค ผทู ีไ่ มเขา ใจพระธรรม แมจ ะเหน็ พระพทุ ธองค คือ พระเขี้ยวแกว ก็ไมสามารถเห็นพระ พุทธองคไ ด สําหรบั ตํานานการสรางพระธาตุเขี้ยวแกวในพุทธศตวรรษท่ี ๘ โดยสองพ่ีนองเจาชายทันตะกุมาร และเจา หญิงเหมมาลา เหตุใดเลา ถึงไดเ หมอื นกบั ตาํ นานการสรา งพระธาตุนครศรีธรรมราช ทั้งที่ระยะเวลา หางกันถึงพันกวาปทีเดียว จะเปนปาฏิหาริยหรือวาจุดประสงคเพื่อสรางความศรัทธา น่ันก็คงไมใช สาระสาํ คัญไปย่ิงกวา การแสดงถึงการรับอิทธิพลทางศาสนาพุทธเถระวาท แบบลังกาวงศของไทย มาทาง นครศรีธรรมราชต้ังแตสมัยน้ัน คร้ันยามที่พุทธศาสนาในศรีลังกาเกือบจะสูญส้ินไป พระสงฆไทยจาก อยธุ ยานามวา พระอุบาลี ก็ยงั ไดนําพระพทุ ธศาสนาเผยแผก ลับไปยงั ศรีลังกาใหยนื ยงสืบไป วันนี้คณะของเราโดยการนําของพระครสู มุหจ ิรยทุ ธ อธิฉันโท ไดเดินตามรอยบรรพบรุ ุษดวยความ ภาคภูมิใจเปนยิ่งนัก ที่ไดอัญเชิญ พระพุทธรูปพระมหาจักพรรดิไปประดิษฐานที่วัดนาคารุกขาราม ประเทศศรีลังกา ใหผูคนที่น่ันไดสาธุสักการบูชา เพ่ือเปนการระลึกถึงคุณแหงพุทธะ เสียงอนุโมทนา สาธกุ ารของผคู นนบั รอ ยนบั พัน ยงั คงตรึงอยใู นดวงจิตของฉนั อยางไมรูลมื การเดนิ ทางครง้ั นี้ คณะของเราไดไปท่เี จดียถ ูปาราม แหงเมืองอนุราธปุระดวย ถูปารามเจดียเปน ทีบ่ รรจุพระบรมสารรี ธิ าตพุ ระรากขวัญเบื้องขวา โดยมีพระมหินทรเถระเปนประธานในการสรางพระสถูป มีลักษณะดังกองขาวเปลือกในตอนตน เม่ือเทวดาและหมูชนไดประชุมกันแลว พระธาตุก็ไดแสดงยมก ปาฏหิ ารยิ อันเกิดจากปาฏหิ าริยท พ่ี ระพทุ ธเจาไดอธษิ ฐานไวเม่อื กอ นปรินิพพานวา ยมกปาฏิหาริยจงมีใน วันประดิษฐานพระรากขวัญเบ้ืองขวาของเรา สถานที่แหงนี้จึงไมเปนสถานที่ธรรมดาแนนอน อีกท้ัง ๑๑๑
ถูปารามแหงน้ีในอดีต ยังเปนท่ีต้ังของบริโภคเจดียของพระพุทธเจาในอดีตถึง ๓ พระองค คือ ในสมัย พระพุทธเจากกุสันธะ ถูปารามไดเปนที่ประดิษฐาน ธัมกรก (ผากรองน้ํา) ในกาลสมัยพระพุทธเจาโกนา คม ถูปารามไดเ ปนท่ปี ระดิษฐาน ประคตเอว ในกาลสมัยของพระพุทธเจากัสสปะ ถูปารามแหงน้ีไดเปนท่ี ประดิษฐาน อุทกสาฏิก (ผาอาบนํ้าฝน) ทราบถึงความมหัศจรรยเชนน้ีแลว ทานพระครูฯ ไดนําคณะของ เราสวดมนต และนั่งภาวนา ดูธรรมใหเปนอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เห็นชัดวารูป เวทนา สัญญา สังขาร วญิ ญาณ เกดิ ข้นึ แลวกด็ ับไป แตสําหรับพระพุทธองค แมปรินิพพานไปแลว ยังเมตตาคงไวซ่ึงพระบรมสารีริกธาตุ เปนเคร่ือง เตือนใหพุทธศาสนิกชนระลึกถึงคุณความดีแหงพระองค วันน้ีคณะของเราไดประจักษแกสายตาวา คุณ ความดแี หงพระองคเปน สิง่ ที่สัมผัสได ความมหัศจรรยมีอยูจริง เม่ือไดเห็นพระบรมสารีริกธาตุปรากฏอยู ตรงหนา ดวยการอธษิ ฐานของทานพระครูฯ อกี ท้ังทา นยังเมตตามอบใหทกุ คนในคณะไดอัญเชิญพระบรม สารีริกธาตไุ ปบูชาท่บี า นอีกดวย เพื่อเปนกรอบแกวแหงความดี ที่มีสายพระเนตรแหงพุทธะ คอยเปนแสง สวางนาํ ทางใหเห็นธรรมดว ยปญญา จากอโยธยาถึงซลี อน อายุบวรสาธกุ าร ขอเปนจติ ตาธษิ ฐาน ใหข า พเจา ไดข า มทะเลวัฏสงสาร ไปถงึ ฝงพระนพิ พานดว ยเทอญ จินตนา จิตรสงิ ห คุณจนิ ตนา จติ รสงิ ห (ตา) ๑๑๒
จากวดั ตาลเอน ถึง ศรลี ังกา ... จากพระพุทธรปู ถึง พระพุทธเจา ประเทศศรีลังกา เปนประเทศหมูเกาะเล็กๆ ต้ังอยูในมหาสมุทรอินเดีย เปนประเทศท่ีมี ความสําคญั ตอพระพทุ ธศาสนาในหลายๆ ดาน เชน หนึ่ง เปนประเทศท่ีองคสมเด็จพระสมณะโคดมพุทธเจา ไดเคยตรัสไววา หลังจากการเสด็จดับ ขันธปรินิพพานของพระพุทธองคแลว พระพุทธศาสนาจะคอยๆ เส่ือมสลายไปจากดินแดนชมพูทวีป แตจะไปสถติ ดํารงคงมั่นอยใู นลงั กาทวีป จวบจนสิ้นอายุพระพุทธศาสนาของพระองคห าพันป สอง เปนประเทศทีม่ ีพระบรมสารีริกธาตสุ ว นท่ีสาํ คญั ท่สี ุดของพระพุทธเจาคือ สวนท่ีไมถูกไฟไหม อยูถึง ๒ องค จากท่ีมีอยูท้ังส้ิน ๗ องค คือ พระพระทาฐธาตุ (พระเขี้ยวแกวเบ้ืองตํ่าขวา) และ พระราก ขวญั (กระดกู ไหปลารา) เบ้ืองขวา สาม พระอริยสงฆศรีลังกาไดจัดใหมีการสังคายนาพระไตรปฎก และจารึกลงในใบลานเปน คร้ังแรกของโลก เม่ือประมาณพันกวาปกอน ทําใหพระพุทธศาสนามีหลักฐานในดานคําสอนท่ีชัดเจนมา จวบจนปจจุบันนี้ ส่ี ศรีลังกาเปนประเทศที่มีความสัมพันธกับประเทศไทยมาเนิ่นนาน เพราะเคยเผยแผ พระพุทธศาสนามายังประเทศไทยจนเกิดเปน “ลัทธิลังกาวงศ” ในไทยอยูชวงระยะเวลาหนึ่ง และเม่ือ ศาสนาพทุ ธในศรีลังกาออนแอลง ซึ่งตรงกับสมัยกรุงศรีอยุธยาเปนราชธานี พระเจาอยูหัวบรมโกศก็ไดสง คณะพระสมณทูตไทยนําโดย “พระอุบาลีมหาเถระ” ไปยังศรีลังกา จนเกิดเปนนิกาย “สยามวงศ” ใน ศรลี ังกามาจวบจนถงึ ปจจุบันนี้ ลาสุด ศรีลังกาไดเปนแกนนําของประเทศท่ีนับถือพระพุทธศาสนาท่ัวโลก ผลักดันใหองคการ ยูเนสโกประกาศให วันวิสาขบูชาเปนวันสําคัญของโลก มีความสําคัญเทียบเทากับวันคริสตมาส (วัน ประสตู ขิ องพระเยซู) และวันประสตู ขิ องพระอลั เลาะห เปน ตน นาจะดว ยเหตผุ ลประการตางๆดงั กลาวนเี้ อง ที่ทาํ ใหพระครูสมุหจิรยุทธ อธิฉนฺโท (หรือท่ีลูกศิษย เรียกกันติดปากวา “พระอาจารย”) เกิดความประทับใจในประเทศศรีลังกา และคิดวาสักวันหน่ึงทานคง จะไดมีโอกาสไปเยือนดินแดนหมูเกาะเล็กๆ น้ี และนาจะไดทําอะไรบางอยางเพ่ือเปนการตอบแทน พทุ ธบริษัท ๔ ชาวศรีลังกาบาง ในที่สุดความปรารถนาของพระอาจารยก็เปนจริง เมื่อทานไดเดินทางไป ถวายพระบรมสารีริกธาตุ พระพุทธรูป และเครื่องสังฆทานใหกับวัดตางๆ ในศรีลังกา เมื่อชวงกลางป พทุ ธศักราช ๒๕๕๒ แตกอนที่จะเลาถึงเรื่องราวความเปนมาของการท่ีพระอาจารยไดเดินทางไปประเทศศรีลังกา ขา พเจาขออนญุ าตชีแ้ จงถงึ ขอ เขยี นน้ีสกั เล็กนอย คอื ขอเขยี นน้ีไดเคยลงพิมพมาคร้ังหน่ึงแลวใน จดหมาย ขาววดั ตาลเอน ฉบบั ที่ ๒ – ๕ พ.ศ. ๒๕๕๔ แตเน่ืองจากพื้นที่ในการเขียนจดหมายขาวมีจํากัด ขาพเจาจึง ตองรวบรัดเนื้อหาในการเขียน แตหนังสือเลมน้ีมีเนื้อท่ีมากข้ึน ขาพเจาจึงสามารถเขียนรายละเอียดของ เหตุการณตางๆ ไดเพิ่มขึ้น และเพ่ิมประเด็นความคิดเห็นสวนตัวเขามาบาง เพราะหากจะใหทานผูอาน ตองอานซํ้าทั้งหมด ก็เกรงวา จะเบ่ือกันเสียเปลา ๆ อกี ทง้ั ยังไดจ ดั เรียงลาํ ดบั เน้ือหาใหม โดยจะนําเน้ือหาใน สวนของการถวายพระพุทธรูปขนึ้ กอ น แลวจึงไปสูเหตุการณพระธาตุเสด็จ เอาละคะคราวน้ีขอเชิญติดตาม ๑๑๓
อานเรื่องราวความเปนมาของการถวายพระบรมสารีริกธาตุ พระพุทธรูป และเหตุการณพระธาตุเสด็จใน ประเทศศรีลงั กากันไดเ ลยคะ การที่พระอาจารยในฐานะตัวแทนของพระภิกษุสงฆวัดตาลเอนไดมีโอกาสไปถวายพระพุทธรูปให วัดในศรีลังกา ซึ่งถือเปนบทบาทแรกในการเผยแผพระพุทธศาสนาไปยังตางประเทศของวัดตาลเอนนั้น เริ่มจากสามภี รรยาชาวศรีลงั กาคหู นึง่ คือ คุณสุลงั คะ ชามินดา และคุณบุดด้ี วิกครามารัตเน ผูเปนอุบาสก อบุ าสกิ าทีไ่ ดอ ปุ ถมั น วัดนาคารุกขาราม ซึ่งเปนวัดเกา แกม ีอายกุ วา ๑๓๐ ป ตงั้ อยูหางจากกรุงโคลอมโบซึ่ง เปนเมืองหลวงของศรีลังกาเพียงแค ๑๐ กิโลเมตร ตองการจะเชาบูชาพระไปเปน พระประธานในวิหาร ของวดั ท้ังคไู ดโทรตดิ ตอ สอบถามเพ่อื นชาวไทยคือ คุณพอลล่ี (คณุ วรนิ ทรธ ร ปยะทัชอังกวรา) ขอใหชวย หาสถานท่ีท่ีจะเชาบูชาพระใหหนอย คุณพอลล่ีจึงไดปรึกษากับคุณหญิง (คุณวรรณภา พิพัฒนางกูร) ซ่ึง ทงั้ คเู ปน ลูกศษิ ยของพระอาจารยอยแู ลว จงึ ไดชวนกนั มากราบนมสั การและเรยี นถามทาน เม่ือพระอาจารย ทราบเร่ือง แทนท่ีทานจะตอบวา ใหไปเชาบูชาพระไดที่ไหน ทานกลับบอกวา ทางวัดตาลเอนยินดีจะ ถวาย พระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหนาตัก ๘๐ นิ้ว สูง ๑๔ ฟุต ทําจากกราไฟต ทรงเคร่ือง จักรพรรดิ ปดทองคําเปลวทั้งองค ประดับตกแตงดวยคริสตัลและอัญมณี งามพรอมเรียบรอยแลว พรอ มทง้ั ฐานทต่ี ้ังสําหรับประดิษฐานองคพระ และหอหุมองคพระพรอมสรรพสําหรับการขนสงใหกับ ทางประเทศศรลี ังกา ทางนัน้ จะยนิ ดรี บั หรอื ไม ?! แนนอนวาคุณสุลังคะ คุณบุดด้ี คุณพอลล่ี และคุณหญิง ตองยินดีและปลื้มปติเปนอยางมาก หากแตก็นําความกังวลใจมาใหกับสองสาวชาวไทยไมนอย เพราะขนาดขององคพระน้ันไมใชเล็กๆ (ใกลเคยี งกบั พระพุทธมหาจกั รพรรดิบนศาลา ๘๐ ป และหลวงพอ ปล่ังในโบสถ) คาขนสงองคพระไปทาง เรือคิดเปนเงินถึงประมาณ ๒๐๐,๐๐๐ บาท ทวาทั้งสองสาวก็มิไดทอแท ตั้งจิตอธิษฐานขอใหบารมีของ องคสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจา บารมีขององคพระพุทธมหาจักรพรรดิ บารมีธรรมของหลวงพอจรัญ ฐิตธมฺโม และบารมีธรรมของพระอาจารย ชวยดลบันดาลใหมีผูมารวมทําบุญคาขนสงองคพระดวย และ ดวยจติ ศรทั ธาอนั บริสทุ ธิ์น้ที ําใหม ผี มู ารว มบุญ จนไดปจจัยคาขนสง ครบภายในเวลาไมนาน เปนท่ีอัศจรรย ใจของทั้งสองอุบาสิกายิ่งนัก สาธ.ุ ..สาธ.ุ ..สาธ.ุ ..อนุโมทามิ อน่ึง พระพุทธมหาจักรพรรดิองคน้ี มีลูกศิษยทานหน่ึงของพระอาจารยไดนํามาถวายวัดตาลเอน แตทางวัดไมมีสถานที่ท่ีจะนําองคพระไปประดิษฐานไดอยางเหมาะสม เพราะทางวัดไดทําการหลอพระ พุทธมหาจักรพรรดิ องคท่ีจะมาประดิษฐานท่ีศาลา ๘๐ ปไวเรียบรอยแลว อยางไรก็ดีนับวาเปนธรรมะ จัดสรรโดยแท ที่ทางศรีลังกาไดขอพระมา ทําใหพระพุทธรูปองคนี้ไดไปประดิษฐานในสถานท่ี ท่ีมีความ เหมาะสมยิง่ ขา พเจาขออนุโมทนาบุญในกศุ ลจติ ของผทู ่จี ัดสรา ง และถวายพระองคนี้ใหกับวัดตาลเอนดวย จากใจจรงิ แมจ ะไมทราบนามของทานผูสรา งกต็ าม สาธุ...สาธ.ุ ..สาธุ...อนโุ มทามิ เม่ือพระพุทธรูปไดรับการขนสงจนถึงท่ีวัดนาฯ ในประเทศศรีลังกาแลว ปรากฏวาความกวางและความสูง ขององคพระน้ัน กวางกวาประตูทางเขา และสูงกวาเพดานหอง แตเมื่อทานเจาอาวาสวัดนาฯ พรอมดวย พทุ ธศาสนกิ ชนชาววัด ไดแ ลเห็นองคพระทแี่ กะผาหุมออกแลว ตา งกต็ กตะลึงในความงามและปล้ืมปติเปน อยางมาก จึงลงมติกันใหทุบประตูทางเขาใหกวางข้ึน และทุบเพดานหองบริเวณท่ีจะประดิษฐานองคพระ ใหส ูงข้ึน พรอมทัง้ กน้ั หอ งพระดว ยกระจกเพอ่ื ปองกันฝุน คราวน้ีความกลุมใจจึงตกมาอยูที่คุณสุลังคะและ คุณบุดด้ีบาง เพราะจะตองระดมทุนในการปรับปรุงสถานที่ แตแลวความอัศจรรยก็ไดเกิดข้ึนอีกครั้งหนึ่ง ๑๑๔
เม่ือชาวศรีลังกาในชุมชนนั้นไดมารวมกันทําบุญจนไดปจจัยครบภายในเวลาไมนาน แมวาประชากรใน ชุมชนไมไ ดเปน ผูมีฐานะรํ่ารวยนกั กต็ าม สาธ.ุ ..สาธุ...สาธุ...อนโุ มทามิ เม่ือขั้นตอนในการปรับปรุงสถานท่ีเสร็จเรียบรอยแลว คุณสุลังคะก็สงขาวมาวา จะจัดพิธีฉลอง องคพระใหประชาชนชาวศรีลังกาไดกราบสักการบูชาอยางเปนทางการ โดยจะทําพิธีเฉลิมฉลอง ๗ วัน ๗ คืน ขอกราบนิมนตพระอาจารยใหไปรวมงานดวย เมื่อพระอาจารยไดทราบขาวก็ตอบตกลงดวยความ ยินดี แตจะใหอ ยูรว มพธิ ีทั้ง ๗ วนั ๗ คืนน้ันคงจะไมสะดวก ทานคงจะไปรวมงานไดเพียงวันเดียว คือ วัน เสารท ่ี ๖ มถิ ุนายน พ.ศ. ๒๕๕๒ ซ่ึงเปนวันแรกของงาน โดยทานจะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุบางสวนท่ี ไดรับประทานมาจากสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายกฯ และพระบรมสารีริกธาตุที่ทานมีอยูแลว อกี สวนหน่ึง นําไปมอบใหแ กท านเจาอาวาสวัดนาฯดวย สาธ.ุ ..สาธ.ุ ..สาธุ...อนุโมทามิ กอนการเดนิ ทางไปนน้ั พระอาจารยพ รอ มทั้งผูม ีจิตศรัทธาไดจัดเตรียมผาไตรประมาณ ๑๐๐ ไตร รมมากกวา ๑๐๐ คัน เพื่อจะนําไปถวายพระสงฆศรีลังกาท่ีจะมาในงาน และถวายยังวัดตางๆ ที่ทานจะ เดินทางไปเยือน โดยผาไตรที่เตรียมไปนั้น พระอาจารยไดคัดเลือกใหเปนสีเดียวกันกับท่ีพระศรีลังกาใช อยู จึงคาดวาผาไตรท่ีถวายนี้ พระสงฆศรีลังกาจะนําไปครองเพื่อปฏิบัติศาสนกิจไดเลยทันที นอกจากน้ี พระอาจารยยังไดเตรียมเข็มกลัดรูปพระแกวมรกตและพระพุทธชินราช ประมาณ ๖๐ ช้ิน เพื่อนําไปมอบ ใหคณะผูจัดงานชาวลังกา พรอมทั้งพระเครื่องและสายสิญจนผูกขอมือจํานวนมาก สําหรับไปแจกให อุบาสกอุบาสิกาที่นั่น เพราะชาวศรีลังกาถือเปนสิริมงคลชีวิตอยางสูง หากไดรับการผูกสายสิญจนจาก พระสงฆ การเตรียมสิ่งของตางๆ เพ่ือไปทําบุญและบริจาคในคร้ังน้ี ถือเปนการแสดงความขอบคุณ ในส่ิงท่ีชาวลังกาไดสรางคุณูประการตางๆ ใหแกพุทธศาสนาต้ังแตอดีตเรื่อยมา และเปนการเติม ขวญั กําลงั ใจใหก ับพุทธบริษัท ๔ ชาวลังกา ไดครบองคเลยทีเดียว นาจะเปนความสําเร็จสมความต้ังใจ ของพระอาจารยแ ลว สาธ.ุ ..สาธุ...สาธ.ุ ..อนุโมทามิ วันที่ ๒ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๒ พระครูสมุหจิรยุทธ อธิฉันโท พระไกรวัลย อภิปสันโน พรอมดวย คณะญาติธรรมชาววัดตาลเอน ๒๐ คน และมัคคุเทศกไทยอีก ๓ คน (รวม ๒๕ ชีวิต) ไดเดินทางจาก วัดตาลเอนเหินฟาสูประเทศศรีลังกา โดยตามกําหนดการแลว วันท่ี ๓ – ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๒ ชาว คณะจะเดินทางไปกราบนมัสการพุทธสถานท่ีสําคัญตามจังหวัดตางๆ ของศรีลังกากอน จากน้ันวันที่ ๖ – ๗ มิถุนายน จะเขารวมพิธีเฉลิมฉลองท่ีวัดนาฯ และจะเดินทางกลับในคืนวันที่ ๗ และถึงประเทศไทยใน เชา วนั ท่ี ๘ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๒ ตามลําดับ ชาวคณะเดินทางถึงสนามบินดารานายเก เมืองโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา ในชวงดึกของวันที่ ๒ มถิ นุ ายน มีคณะของคณุ สุลังคะ และคุณบุดด้ี พรอมเพ่ือนอีก ๒-๓ ทานมารอรับ เมื่อชาวศรีลังกาท่ีมารอ รับ ไดเห็นพระอาจารย พวกเขาตางก็กมลงกราบนมัสการที่เทาของพระอาจารยที่พื้นสนามบินน้ันเอง และเมอื่ ไดเห็นพานอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุท่ีพระอาจารยถือดวยมือของทานเองตลอดเวลา ตั้งแตขึ้น เคร่ืองจนลงเคร่ืองแลว พวกเขาตางก็คุกเขาลงกับพ้ืน พนมมือ และนอมศีรษะลงเพ่ือใหพระอาจารยนํา พานพระธาตุมาแตะไวบนศีรษะ ทีละคน ทีละคน ทีละคน นับเปนภาพแหงความประทับใจภาพแรก ท่ี คณะญาติธรรมไทยไดเหน็ ซง่ึ พานอัญเชิญพระบรมสารรี ิกธาตจุ ากเมอื งไทยน้ี จะนําไปประดิษฐานไวที่บาน ของคณุ สลุ ังคะเปนการชั่วคราวกอน จนกวา จะถึงวนั งานสมโภชนในวันท่ี ๖ มิถุนายน จึงจะทําการถวายแด วดั นาฯ ตอไป จากนนั้ คณะชาวไทยกไ็ ดเ ดนิ ทางเขาพกั ทโ่ี รงแรมในเวลาที่คอนขางดึกมากแลว ๑๑๕
เชาวันท่ี ๓ มิถุนายน ซ่ึงถือเปนการเดินทางวันแรกของคณะเราในศรีลังกา ชาวคณะออกเดินทาง ไปยังเมืองอนุราธปุระ ซึ่งเคยเปนราชธานีแหงแรกของประเทศศรีลังกานานถึง ๑,๕๐๐ ป จึงมีวัด เจดีย และโบราณสถานตางๆ มากมาย ไดกราบนมัสการพุทธสถานหลายๆ แหง เชน ถ้ําดัมบุลลา ซึ่ง ไดรบั การประกาศใหเปนมรดกโลก เปนถํ้าขนาดใหญหลายถํ้าอยูบนยอดเขา ภายในมีพระพุทธรูป พระ เจดยี เลก็ ๆ มากมายหลายองค และภาพจิตรกรรมเขียนสีที่แสนงดงาม จากน้ันไดไปกราบ พระมหาเจดีย รุวนั เวลสิ ายะ หรือเรยี กอีกชื่อวา เจดียวัดชางลอม ซึ่งพระเจดียมีขนาดใหญมากใหญจนบรรยายไมถูก วา ใหญขนาดไหน ใหญจนงงวา คนโบราณสรางขึ้นมาไดอยางไร มหาเจดียแหงนี้คงไมไดสรางสําเร็จลงได ดวยอิฐดวยปูนเพียงอยางเดียว แตสรางสําเร็จไดเพราะพลังศรัทธาอันแรงกลานั่นเอง ทานผูอานคงตอง ไปดูดวยตาตัวเองวาใหญขนาดไหน ชาวคณะยังไดไปกราบ ตนพระศรีมหาโพธิ์ ท่ีพระสังฆมิตตาเถรีได อัญเชญิ มาจากอนิ เดีย และในชว งบายใกลเยน็ ก็ไดไ ปท่ี วดั ถูปาราม ท่ีมเี จดยี บรรจุพระบรมสารรี ิกธาตุสวน พระรากขวัญเบ้ืองขวา ซึ่งเหตุการณพระบรมสารีริกธาตุเสด็จ ก็เกิดข้ึนท่ีวัดถูปารามน้ีเอง (จะกลาวถึงใน ภายหลัง) วันที่ ๔ มิถุนายน เดินทางในเมืองโปโลนนารุวะ ราชธานีแหงที่สองของศรีลังกา กราบนมัสการ เจดียวาทาเดค ที่มีพระพุทธรูปปางสมาธิท่ีแสนจะงดงามต้ังอยูหนาเจดียสี่ทิศ และสถานที่ตางๆ อีก มากมาย ทีข่ า พเจาเองก็แทบจาํ ไมไ ด เพราะไมเคยมีความรูเก่ียวกับศรีลังกาเลย ครั้นจะอานจากโปรแกรม การเดินทางที่ไดรับมา เพ่ือเปนการเรียกความทรงจํากลับคืน ก็ทําไมไดอีก เพราะไมเหมือนการเดินทาง จริง เน่ืองจากพระอาจารยเห็นวาการเดินทางคร้ังน้ี เปนการเดินทางมาเพื่อทําบุญสรางกุศลจริงๆ จึงเพ่ิม รายการวดั และสถานทีท่ จี่ ะกราบไหวบูชามาอีกหลายแหง ทําใหโปรแกรมการเดินทางแนนเอี๊ยด ไดทําบุญ จนอม่ิ อกอิ่มใจไปทั่วทกุ ตัวคนเลยทีเดียว สาธุ...สาธ.ุ ..สาธุ...อนุโมทามิ จากเมืองโปโลนนารุวะก็เดินทางสูเมืองแคนด้ี ชมวัดอาโลกาวิหาร ท่ีเคยเปนสถานท่ีสังคายนา พระไตรปฎก ซ่ึงขาพเจาจําไมไดวาเปนการสังคายนาคร้ังที่เทาไร แตจําไดแนๆ วา ในการสังคายนา พระไตรปฎกคร้ังน้ี ไดมีการจาร หรือจารึกพระธรรมคําส่ังสอนเปนลายลักษณอักษรไวบนใบลานเปนคร้ัง แรก นับตง้ั แตพระพุทธศาสนาถือกําเนดิ ขนึ้ บนโลก โดยจารึกเปน ภาษาสิงหล จึงทําใหศาสนาพุทธมีบันทึก พระธรรมคําสั่งสอนที่ชัดเจนเกิดขึ้นเปนครั้งแรก จากท่ีแตกอนเปนการทองจําสืบๆ กันมาโดยพระอริย สาวกทง้ั หลาย ท่ีวัดนี้ยังคงอนุรักษ และสืบสานวิธีการจารพระไตรปฎกไวบนใบลานจนถึงปจจุบัน ซึ่งมีข้ันตอน การทาํ ท่ียงุ ยากมาก คณะของเรายงั ไดชมขั้นตอนที่พระสงฆชาวลังกา ทานน่ังจารพระไตรปฎกดวย แลวจึง ไดเดินชมรอบวัด ซ่ึงมลี ักษณะเปนถาํ้ เล็ก ถ้ํานอย และมีพระเจดียขนาดยอ มๆ อยบู นยอดเขา พระอาจารย บอกวา “ใหพวกเรา ลองหลับตา นึกถึงภาพของพระอรหันตหนึ่งพันรูป ท่ีมาอยูรวมกันในบริเวณนี้ เพื่อทาํ การสงั คายนาพระไตรปฎ ก สถานทที่ ่ีเรายนื อยูน้ี ทุกตารางนิ้ว ลวนเปนท่ีซ่ึงพระอรหันตในอดีต ทา นเคยไดอ ยมู ากอนแลว ทา นอาจจจะน่งั สมาธิ หรือนอนบนพน้ื ดนิ ทเ่ี รากําลังเดินอยูนี้ก็ได ทานตอง ลําบากมาอยูรวมกัน เพ่ือใหพุทธบริษัทในรุนหลัง มีหลักพระธรรม คําส่ังสอน ที่แนนอนเปนลาย ลักษณอ ักษร...” สาธุ...สาธ.ุ ..สาธุ...อนโุ มทามิ วันท่ี ๕ มิถุนายน เดินทางไป วัดมัลลิกา ดาลดา เพ่ือกราบนมัสการ พระบรมสารีริกธาตุสวน พระทนต คือ พระเขี้ยวเบื้องลางขวา เม่ือไดกราบสักการะนมัสการแลว ความปลาบปลื้มปติยินดีคงจะ ๑๑๖
เกิดขน้ึ ในจติ ใจของผูท ี่ไดไ ปทกุ ทาน และคงจะไดเ ขยี นบรรยายกนั ไปแลว จึงไมขอกลาวถึงอีก แตภาพท่ีนา ประทับใจของวัดนี้ที่อยากจะกลาวถึง คงจะเปนภาพของชาวศรีลังกาท่ีนอมนําศรัทธามาเต็มเปยม ตางยืน เขาแถวเปนระเบียบเพ่ือรอใหถึงคิวของตน ท่ีจะไดกราบสักการะพระทาฐธาตุ แมผูคนจะมากมาย แต ความวนุ วายมิไดเกิดขึ้น เพราะตางมาดวยหัวใจศรัทธาดวงเดียวกัน โดยเฉพาะอยางย่ิงเด็กและเยาวชน ในทุกชวงอายุ ตั้งแตตัวนอยๆ ระดับอนุบาล ใสชุดนักเรียน และชุดสีขาวสะอาดตา เดินแถวตอกันเปน ขบวนรถไฟ พรอมพานนอยๆ ในมือท่ีบรรจุดอกบัวและบุปผชาตินานา รอสักการะพระบรมสารีริกธาตุ องคเดียวกัน ไฉนหนอ...จึงไมเห็นภาพเชนนี้ท่ีบานเมืองเราบางนะ ชางนาปลื้มใจและนาอนุโมทนาแทที่ คณุ ครแู ละผูใหญในศรีลังกา สนับสนุนใหเด็กๆ ของเขาเขาวัดตั้งแตอยูในวัยยังไมหยาน้ํานมเชนน้ี สาธุ... สาธ.ุ ..สาธ.ุ ..อนโุ มทามิ ชวงบาย ไดเขาชมวัดบุปผาราม เปนวัดท่ีพระอุบาลีมหาเถระ ซ่ึงเปนพระธรรมทูตจากไทย ไป เผยแผพระพุทธศาสนาท่ีศรีลังกาไดเคยพํานักอยู ที่นี่มีพิพิธภัณฑซ่ึงไดเก็บอัฐบริขาร และขาวของที่ทาน เคยใชไวดวย เชน บาตร เตียง เกาอ้ีท่ีทานนั่งในพิธีอุปสมบทใหพระชาวลังกา ฯลฯ สิ่งของเกือบทุกอยาง ยังอยูในสภาพท่ีคอนขา งดี นาจะแสดงใหเ หน็ ถงึ ความศรทั ธาทช่ี าวศรลี ังกามอบใหแดทาน จึงไดดูแลรักษา สงิ่ ของทุกอยา งไวเ ปนอยา งดี สาธุ...สาธุ...สาธุ...อนุโมทามิ ท่ีพิพิธภัณฑของพระอุบาลีมหาเถระนี้ มีพระสงฆรูปหนึ่งที่ทานเปนพระผูดูแลพิพิธภัณฑ ทานได ใหพวกเราชาวคณะเขาไปกราบ พรอมท้ังไดบอกบุญใหชาวคณะชวยกันทําโบรชัวรหรือ แผนพับคูมือการ ชมพิพธิ ภัณฑ ขึ้นมาใหมเปน ฉบบั ภาษาไทย-อังกฤษ เนื่องจากโบรชัวรที่ใชอยูในขณะนั้นเปนภาษาอังกฤษ เพยี งภาษาเดียว แตผูเ ขา ชมสวนใหญเปนชาวไทย จึงไมสะดวกในการอานทําความเขาใจ ชาวคณะตกปาก รับคํากับทา นดว ยความเต็มใจ และปลื้มใจยิ่ง เนื่องจากทานเปนผูกลาวเองวา กลุมผูเขาชมสวนใหญเปน ชาวไทย แตเหตุไฉนทานจึงไดใหกลุมของเราเปนผูจัดทํา ทานเล็งเห็นถึงสิ่งใดหรือ? จะเปนเร่ือง บังเอิญหรือเพราะเหตุใดก็ตาม แตก็นาแปลกใจดีแท เมื่อพระอุบาลีมหาเถระทานเปนชาวอยุธยา พระอาจารยจิรยุทธก็เปนชาวอยุธยา วัดตาลเอนก็อยูในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ชางเปนธรรมะ จัดสรร ที่จัดสรรไดอยางถูกตอง เหมาะเจาะลงตัวเปนที่สุด เมื่อใหพระชาวอยุธยาและลูกศิษยในยุค ปจจุบนั ไดม าตอบแทนพระอยุธยาผูทรงคุณในอดีต ถึงดนิ แดนศรีลงั กาเชนนี้ เหตุการณนี้ทาํ ใหขา พเจานึกถึงคําซ่ึงเคยไดยินมาวา “บุญตอบุญ...ธรรมยอมไหลไปสูธรรม” ได ในทนั ที คณะของเราต้ังใจมาถวายพระพุทธมหาจักรพรรดิแดวัดนาฯ แตขณะนี้กําลังจะไดทําบุญใหมเพิ่ม คือ จะไดพิมพโบรชัวรเผยแพรกิจท่ีพระอุบาลีมหาเถระทานไดเคยทําไวในอดีตในฐานะพระธรรมทูตจาก เมืองไทย เผยแพรส ูพุทธศาสนิกชนชาวไทย ชาวลังกา และท่ัวโลกไดรับทราบ น่ีเองที่เรียกวา “บุญตอบุญ ...ธรรมยอมไหลไปสูธรรม” ภารกิจแหงบุญใหมน้ี พี่หญิง (คุณวรรณภา พิพัฒนางกรู) รับหนาที่เปน หวั เรอื ใหญที่จะจดั พมิ พ โดยไดร บั ความเมตตาเปนอยางมากจาก “พระมหาสมชาย ปภัสฺสโร – พระภิกษุ จากวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร” ในการเรียบเรียงขอมูลและเขียนขอความภาษาไทยลงในโบรชัวร แปล เปนภาษาอังกฤษโดยเพื่อนของพ่ีหญิง โบรชัวรน้ีพิมพเสร็จและสงมอบใหกับวัดบุปผารามไดใชแจกเปน การเรียบรอยแลว ตั้งแตป พ.ศ. ๒๕๕๓ สาธุ...สาธุ...สาธุ...อนุโมทามิ (สวนหนึ่งของบทความในโบรชัวร น้ี ไดจัดพมิ พไวในชว งทายของหนังสือเลมนี้ดวย เพ่ือเปน การเผยแพรก ิตตคิ ุณของพระอุบาลีมหาเถระ อีก ทางหน่งึ ) ๑๑๗
ประมวลภาพ การสักการะพทุ ธสถานตา งๆ ในศรลี งั กา (คร้งั ท่ี ๒) พระครสู มหุ จ ิรยุทธ อธิฉนฺโท ผกู สายสญิ จนใหกบั ตํารวจ ทหาร และพุทธบริษัท ๔ ชาวลงั กา ถํ้าดมั บูลลา พระอาจารยขณะยืนสนทนาธรรม เมื่อไปถึงวัดใดก็ตาม พระอาจารยจ ะนาํ กบั ญาตธิ รรม ท่หี นาถา้ํ ดมั บูลลา คณะญาติธรรม ถวายเคร่อื งสังฆทานและเงนิ ปจ จยั แดพระภิกษสุ งฆในวัดนั้นๆ ทกุ ครั้ง ๑๑๘
พระมหาเจดยี รวุ ันเวลิสายะ หรอื พระเจดียว ัดชางลอม พระเจดียวดั ถปู าราม คณะญาตธิ รรมต้ังขบวนแหผ าตาดทอง เวียนประทักษิณเพ่ือหมตน พระศรีมหาโพธิ์ ตนพระศรมี หาโพธิ์ ใตรม เงาพระศรีมหาโพธิ์ จากหนอท่ีพระสงั ฆมิตตาเถรีอญั เชญิ จากอินเดีย จากซายมือ พระตวั แทนจากวดั พระศรีมหาโพธิ์ มัคคเุ ทศกชาวลังกา พระครสู มุหจริ ยทุ ธ อธิฉนฺโท เม่ือสองพนั ปก อ น บดั น้มี ผี า ตาดทองของคณะญาตธิ รรมไทย และพระไกรวลั ย อภิปสนฺโน หม คลุมอยูทโ่ี คนตน ๑๑๙
ทล่ี านทรายรอบตน พระศรมี หาโพธ์ิ พระอาจารยน าํ ศรัทธาในพระพทุ ธศาสนาของชาวศรีลงั กานน้ั แรงกลา นกั คณะญาติธรรมสวดมนต โดยมีชาวลงั การว มสวด อบุ าสกิ าในชุดขาวสองทา นนนี้ ่ังสวดมนตอยใู นทา น้ี ท่ี บริเวณตน พระศรมี หาโพธิ์ เปน เวลานานกวา หนงึ่ ชวั่ โมง เธอน่ังสวดอยูกอนทีค่ ณะของพวกเราจะมา และจนเมอ่ื คณะของพวกเรากลบั เธอทัง้ สองกย็ งั คงสวดมนตอ ยู สาธ.ุ ..สาธุ...สาธุ...อนุโมทามิ ธงฉพั พรรณรงั สี และธงผา เขยี นบทสวดมนตข อพร มี ซากปรักหกั พังของพุทธสถานทเี่ มืองโปโลนนารวุ ะ แขวนอยทู ั่วท้งั วัด และทกุ วัด ดว ยความเชื่อวา เมอื่ ลม พัดผา นธง อานุภาพความศักด์สิ ิทธิข์ องบทสวดมนต และพระพทุ ธศาสนาจะกระจายไปท่วั ทกุ ทศิ เทา ทลี่ ม พดั ไปถงึ ๑๒๐
พระพุทธรปู างสมาธิ หนาพระเจดยี ว าทาเดค เมืองโปโลนนารุวะ พระพุทธรูป ๔ ปางอันงดงาม แกะสลกั บนหนาผาหนิ แกรนิต ณ กลั วหิ าร เมอื งโปโลนนารวุ ะ ที่วัดอาโลกาวหิ าร พระอาจารยช มวธิ กี ารจารตัวอกั ษร ลงบนใบลาน และถายรูปรว มกับเจาอาวาสวดั ๑๒๑
หนา หองทปี่ ระดิษฐานพระเขี้ยวแกวที่วัดมลั ลกิ า ดาลดา พระอาจารย และหลวงพไ่ี กรวัลย มีดอกไมท ่พี ทุ ธศาสนกิ ชนชาวลงั กานาํ มาบชู าวางซอนกัน นอ มสักการะพระเขย้ี วแกว จนเตม็ โตะ เด็กอนบุ าลทีม่ าทศั นศึกษากบั ทางโรงเรียนเพอื่ กราบ นมัสการพระเขีย้ วแกว และเดก็ ๆทไี่ ปวัดตา งๆพรอม ผปู กครอง ๑๒๒
ณ วัดบปุ ผาราม พระอาจารย และหลวงพไ่ี กรวัลย ถา ยรปู รูปหลอ พระอบุ าลมี หาเถระ ณ พพิ ธิ ภณั ฑ รว มกับพระสงฆลงั กาทไ่ี ดบอกบญุ ใหค ณะญาติธรรมไทย ได วัดบุปผาราม ประเทศศรีลงั กา ชวยพิมพค ูมอื การชมพพิ ธิ ภัณฑฉบับภาษาไทย พัดยศ และเกาอท้ี พ่ี ระอบุ าลีมหาเถระ ใชนง่ั ในขณะทที่ าํ พธิ ีบรรพชาอปุ สมบทใหกับพระสงฆศ รีลงั กา จนมพี ระสงฆสามเณรเกิดขนึ้ ในยคุ นน้ั กวา ๓,๐๐๐ รปู ทวี่ ดั กัลยาณี พระอาจารยนาํ คณะญาติธรรมแหผาหม องคพระ พรอ มท้ังผาไตร และเครอ่ื งสังฆทานตา งๆ มอี บุ าสก อุบาสิกาศรีลังกามารว มอนุโมทนาบุญอยางลน หลาม เสียงดัง สาธุ...สาธ.ุ ..สาธุ....สา..... กกึ กอ ง ท่ัวทั้งวดั ๑๒๓
ภาพนาประทับใจที่เหน็ ไดทกุ ๆวดั คอื อบุ าสกอุบาสิกา ชาวลงั กาจาํ นวนมาก นง่ั สวดมนต ทําสมาธิ บนลานทราย และตามมุมตา งๆของวัด เมื่อสวดเหนื่อยแลวกพ็ ัก เหยยี ดแขง เหยยี ดขาหรอื นอนกอน หายเหนอ่ื ยแลวกล็ ุก ขน้ึ มาสวดใหม สาธ.ุ ..สาธุ...สาธ.ุ ..อนโุ มทามิ ชาวศรลี งั กาหอบลูกจงู หลานเขาวดั และรดน้าํ ตน รานขายดอกไมเพ่อื บชู าพระ ไมต อ งมีกาน ไมต อ ง โพธ์ทิ กุ เชา เยน็ จนตะไครและมอสขน้ึ เขยี วคร้มึ ปก แจกัน แสดงความจรงิ ของชวี ติ วา ดอกไมต องมี เปน อีกภาพของความประทับใจ วนั เห่ียวแหง โรยรา สะทอนสัจจธรรม พระพุทธศาสนา “เกิดขนึ้ ตงั้ อยู ดบั ไป” ๑๒๔
เม่ือชาวคณะเสร็จสิ้นภารกิจการกราบนมัสการพุทธสถานตางๆ ในเย็นวันที่ ๕ มิ.ย. แลว รถบัสของชาวคณะบายหนาออกจากเมืองแคนด้ี มุงตรงสูกรุงโคลอมโบ เมืองหลวงของประเทศศรีลังกา เพ่ือเตรียมเขารวมพิธีฉลองพระพุทธมหาจักรพรรดิในวันรุงขึ้น กวาที่รถบัสจะมาถึงโรงแรมที่พักในกรุง โคลอมโบก็ใกลค ํ่าแลว เมอื่ ถึงโรงแรมไดส ักพัก คณุ สลุ งั คะก็ไดเดินทางมากราบพระอาจารย และนัดหมาย เวลาสําหรับการจดั งานในวนั รุงขึ้น เชาวันเสารที่ ๖ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๒ เวลาประมาณ ๗.๐๐ น. เม่ือรถของชาวคณะเดินทาง มาถึงบริเวณถนนหนาวัดนาฯ ก็ตองตกตะลึงกับคณะพุทธศาสนิกชนชาวศรีลังกากลุมใหญประมาณ ๓๐๐ คน ท้ังหญิงชาย ท้ังวัยกลางคน ทั้งเด็กนักเรียน และวัยรุน ทุกคนสวมชุดสีขาวสะอาดตา ผูหญิงนุง ชุดสาหรีสีขาว ผูชายใสเสื้อแขนยาว ตัวเส้ือยาวถึงเขา สวมกางเกงขายาวสีขาวพร่ึบ ทุกคนมารวมตัวกัน เพื่อต้ังขบวนแหตอนรับพระบรมสารีริกธาตุ ท่ีพระอาจารยอัญเชิญมาจากประเทศไทย และเพ่ือตอนรับ คณะของพวกเรา เปนภาพท่ีขา พเจา เหน็ แลว คงจะไมมีวันลมื ไปจนวนั ตาย สาธ.ุ ..สาธ.ุ ..สาธุ...อนโุ มทามิ ขบวนแหเริ่มจากคณะเด็กนักเรียนชายท่ีถือธงชาติศรีลังกา และธงฉัพพรรณรังสี (คือ ธง ๕ สี ซ่ึง เปนสีทีเ่ ปลงเรืองรองออกมาจากพระวรกายของพระสมั มาสัมพทุ ธเจา เมอ่ื ตอนทพ่ี ระองคตรัสรู ปจจุบันธง นใี้ ชแสดงถงึ ความเปนศาสนาพุทธ คลายกับท่ีประเทศไทยใชธงธรรมจักร) ติดตามดวย ขบวนดนตรี และ กลองพ้ืนเมอื ง ขบวนนักเตน รําชายทีท่ อนบนเปลอื ยเปลา แตสวมใสเคร่ืองประดับเงินเต็มตัวและใสกางเกง ทรงน้ําเตารัดขอเทา มีจีบกรุยกรายตรงบริเวณชวงเอว กระโดดโลดเตนตีลังกา ดวยลีลาท่ีเรียกวา “ระบํา ศรีลังกา” อยางสนุกสนาน จากนั้นจึงเปนพระครูสมุหจิรยุทธ อธิฉนฺโท ท่ีเดินถือพานอัญเชิญพระบรม สารีริกธาตุ เดินขนาบขางดานขวาดวยตัวแทนของประธานาธิบดีศรีลังกา พระไกรวัลย เดินขนาบทาง ดานซาย ตลอดทางเดินน้ันคณะผูจัดงานไดใหนักเรียนชายเดินกางสัปทน (รมผาตกแตงด้ินเงินดิ้นทอง) ถวายแดพระบรมสารีริกธาตุและพระสงฆอยางสมเกียรติ ตอจากนั้นจึงเปนคณะญาติธรรมไทย และคณะ พทุ ธศาสนิกชนชาวศรลี ังกาตามลําดับ ขบวนอญั เชิญพระบรมสารรี ิกธาตเุ ดินเทาประมาณ ๕๐๐ เมตร ก็มาถึงบริเวณริมกําแพงวัดนาฯ ท่ี มเี ด็กผหู ญงิ อนุบาลตัวเล็กๆ หลายคน ยืนเขาแถวตากแดดรอน คอยโปรยดอกไมสีสันตางๆ เพื่อตอนรับ ชาวคณะ และเด็กหญิงเล็กๆ อีกกลุมหนึ่งก็นําพานดอกไมมามอบใหชาวไทย เพื่อคนไทยจะไดนําไปบูชา ตน โพธิท์ ปี่ ลกู อยภู ายในวัด เม่ือเด็กๆ เหลานั้นมอบพานดอกไมใหแกญาติธรรมไทยแลว เธอจะทําความ เคารพดวยการกมลงกราบเทาชาวไทย ณ พ้ืนดินตรงนั้น สรางความประทับใจ และกอนสะอื้นใหมาจุก อยทู ่ีคอของชาวคณะโดยท่ัวกัน ขาพเจาเองสะทอนใจวา “ตัวเราไดท ําความดีอะไรไวมากพอหรือยัง ที่จะ ใหเด็กหญิงนอยๆ เหลาน้ีตองยืนตากแดดรอนานนับชั่วโมง และกมลงกราบเทาของเรา?” ก็ไดรับ คําตอบจากใจตัวเองวา ความดีของตัวเองนั้น มีไมเพียงพอแนแท แตเปนเพราะเราไดยึดถือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆเ ปน สรณะทีพ่ ง่ึ ของชีวิต จึงทําใหเราไดมาพบมาเจอเหตุการณความสวยงาม และความ ประทับใจมากมายเชน นไ้ี ด นบั วา โชคดเี หลือเกินทีไ่ ดเ กดิ มาเปน มนุษย และไดพ บพระพทุ ธศาสนา เมื่อขบวนแหเ ขา ถึงวัดแลว ก็ไดเดินทักษิณาวัตรรอบตนโพธ์ิ ๓ รอบ (ซ่ึงเปนประเพณีของชาวศรี ลังกา ที่จะใหความเคารพกับตนโพธิ์ เหมือนกับท่ีใหความเคารพกับพระพุทธเจา ชาวบานแถววัดจะเขา มารดน้าํ ตนโพธิ์ท่ีวดั ทกุ เชาเย็น) จากนนั้ ขบวนแหก็มุงหนาสูวิหารที่ประดิษฐานพระพุทธมหาจักรพรรดิซ่ึง อญั เชญิ ไปจากวดั ตาลเอน และคณะของเราจะมาทาํ พธิ ถี วายแดว ัดนาฯ อยางเปน ทางการในวันน้ีน่ันเอง ใน ๑๒๕
วหิ ารนั้นพระพุทธมหาจักรพรรดิประดิษฐานอยูในหองกระจกที่มีมานปดอยูโดยรอบ เพื่อมิใหผูใดไดเห็น พระพักตรกอนเวลาเปด เมื่อเริ่มพิธี ประธานจุดเทียนธูป สวดบทกราบพระ บูชาพระ เปนภาษาบาลีท่ีทั้ง ชาวไทยและชาวศรีลังกาสวดไดพรอมๆ กัน แทบจะไมมีผิดเพ้ียนแมแตสําเนียง เสียงสวดมนตจึงดัง กึกกอ งไปท่ัวทงั้ วดั สาธุ...สาธ.ุ ..สาธุ...อนโุ มทามิ จากน้ันพระอาจารยพรอมท้ังทานเจาอาวาสวัดนาฯ ก็ไดกดปุมเปดมานที่ปดคลุมหองกระจกออก ฉับพลันที่สายตาของพุทธศาสนิกชนชาวไทยและชาวศรีลังกาไดแลเห็นองคพระพุทธมหาจักรพรรดิ ซ่ึงมี พระพักตรสงบนิ่ง ทอดสายพระเนตรลงต่ํา แตเปยมลนไปดวยแววแหงพระเมตตา ก็เกิดความปล้ืมปติ ชนิดท่ียากจะหาถอยคําใดมาอธิบาย ในชวงเวลานั้นไมมีความแตกตางทางเช้ือชาติ ภาษา หรือวัฒนธรรม มีแตความคิดท่ีวา “เราเปนชาวพุทธเหมือนกัน มีที่ยึดเหน่ียวทางจิตใจอยางเดียวกัน คือ พุทธรัตนะ ธรรมะรัตนะ และสังฆะรัตนะ จึงทําใหเราทุกคนไดมาเจอกันในวันนี้ ไดมาเปนญาติกันในทางธรรม และไดม ีประสบการณช ีวิตดีๆ รวมกันในวนั น”ี้ ณ เวลาน้ันญาติธรรมไทยเกือบทุกคนรองไหดวยความ ปลืม้ ปต ิ ไมตางอะไรจากญาติธรรมศรลี ังกาทีม่ นี ํ้าตาแหงความยนิ ดีไหลอาบแกม เชน กัน ตอจากนั้น พระอาจารยถวายส่ิงของตางๆ แดทานเจาอาวาสวัดนาฯ ประกอบดวย พระบรม สารีริกธาตุ พระพุทธรูปขนาดหนาตัก ๙ นิ้ว ผาไตร และรมท่ีไดเตรียมไปจากเมืองไทยถวายแดวัดนาฯ จากน้ันถวายผาไตร และรมแดเจาอาวาสและตัวแทนเจาอาวาสจากวัดตางๆ ในบริเวณใกลเคียงที่มารวม เปนสักขีพยานในงานคร้ังนี้ประมาณ ๕๐ รูป พิธีกรยังใหขอมูลเพิ่มเติมวา วัดนี้เปดเปนโรงเรียนสอน พระพุทธศาสนาวันอาทิตยดวย มีนักเรียนชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษาภายในชุมชนมาเรียน จํานวน ประมาณ ๓๐๐ คน และขณะนี้วัดกําลังดําเนินการสรางอาคารเรียนอยู แตยังขาดปจจัยอีกเปนจํานวนมาก เมื่อคณะญาติธรรมไทยไดฟงดังนั้น จึงตกลงรวมกันวาจะรวบรวมปจจัยจากทุกคนในคณะ เพ่ือนํามา ทอดผาปาสรางโรงเรียนภายในวันรุงข้ึน ซึ่งไดเงินประมาณ ๑๕,๐๐๐ บาท นับเปนเหตุการณ บุญตอบุญ ... ธรรมยอมไหลไปสธู รรม อกี ครงั้ หน่งึ สาธ.ุ ..สาธ.ุ ..สาธุ...อนุโมทามิ ตอมาเจาอาวาสวัดนาฯ ไดถวายของท่ีระลึกใหแกพระอาจารยเปนตนโพธ์ิ ๒ ตน โดยตนหนึ่งนั้น ประธานาธิบดีศรีลังกามอบใหมา ซึ่งเปนตนที่ตอนมาจากก่ิงตนแมที่ไดรับจากประเทศอินเดีย เม่ือครั้ง พระสังฆมิตตาเถรอี ญั เชญิ มาในสมยั พระเจา อโศกมหาราชเลยทเี ดยี ว สวนอีกตนหน่ึงเปนตนท่ีเพาะขึ้นจาก เมล็ด ผูจัดยังไดถวายเกียรติบัตรเปนการขอบพระคุณในนํ้าใจไมตรีของพระอาจารย และชาวตาลเอน จากนนั้ พระอาจารยกลาวขอบคณุ เปนอันเสร็จพิธี ตลอดพิธีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุไปถวายแดวัดนาฯ และการเฉลิมฉลององคพระใน คร้ังน้ี มีส่ือมวลชนชาวศรีลังกาทุกแขนงมารวมทําขาว ทั้งวิทยุ โทรทัศน และหนังสือพิมพ ทําใหญาติ ธรรมชาวไทยที่ไมคาดคิดวาจะไดรับการตอนรับที่ยิ่งใหญอลังการเชนน้ี ถึงกับตองตกตะลึง ต่ืนเตน ปลื้ม ปติ และปล้ืมใจ จนยากจะหาคําใดมาบรรยายได แตทุกคนลวนตระหนักดีวา ที่ชีวิตของตนไดมีโอกาสมา พบกับความสุขทางกาย และสุขสันติที่อ่ิมเอิบในใจน้ีเชน มีจุดเริ่มตนมาจาก ความปรารถนาดีดวยใจ บริสุทธ์ิ ท่ีจะถวายพระพุทธรูป จากวัดตาลเอน ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ใหกับวัดท่ีขาดแคลนใน ประเทศศรีลังกา ถือเปนการชวยพระอาจารยเผยแผพระพุทธศาสนาไปตางแดน ในท่ีสุดผลแหงความ บริสุทธใ์ิ จกไ็ ดมาแสดงใหเห็นเปนรูปธรรม ไมวา จะเปนการเดนิ ทางท่ีไมมีอุปสรรค การไดรับการตอนรับท่ี ดี ความประทับใจในทุกๆ เหตุการณตลอดการเดินทาง และโดยเฉพาะอยางย่ิง คือ เหตุการณพระบรม ๑๒๖
สารีริกธาตุเสด็จท่ีวัดถูปาราม การเดินทางไปศรีลังกาคร้ังน้ี จึงเปรียบเสมือนมีจุดเร่ิมตนที่พระพุทธรูป แลวดําเนินไปสพู ระบรมสารรี ิกธาตุ ซ่ึงก็คอื พระพทุ ธเจา นัน่ เอง ประมวลภาพ การถวายพระพุทธมหาจกั รพรรดิ ภาพแรกท่เี หน็ เม่อื ลงจากรถบสั คือ นกั เรยี นและ พุทธศาสนกิ ชนชาวศรีลังกา พรอ มธงฉัพพรรณรงั สี สีสนั สดใส ตง้ั ขบวนรอตอนรับคณะพระครูสมุหจ ิรยทุ ธ อธฉิ นโฺ ท และญาติธรรมไทย โปรดสังเกตวา ชาวศรลี ังกา เดนิ เทา เปลาเขาวัด ทงั้ ๆท่ีระยะทางของการเดนิ เกอื บ ๕๐๐ เมตร พระครูสมหุ จริ ยทุ ธ อธฉิ นโฺ ท พระไกรวัลย อภปิ สนโฺ น พรอมญาติธรรมไทย ต้ังแถวเตรยี มตัวอัญเชิญ พระธาตุ จากวัดตาลเอน ประเทศไทย ถวายวัดนาคารกุ ขาราม ประเทศศรีลงั กา ๑๒๗
ขบวนนกั ดนตรี และนกั เตน ราํ ของ “ระบําศรีลังกา” ขบวนอญั เชญิ พระธาตุ ๑๒๘
เมื่อถึงวัดนาฯ พระอาจารยและชาวคณะไดถวาย ดอกไมบ ชู าพระพุทธรูป และตน โพธิ์ หน่งึ ในเด็กหญงิ ตวั นอย ท่ีคอยยืนโบกธงชาตศิ รีลงั กา ตอนรับคณะชาวไทยอยูสองขา งทาง สองขางทางเดนิ จากลานตนโพธสิ์ วู หิ ารพระพุทธ อบุ าสก อบุ าสิกา ชาวศรีลงั กาอีกกลมุ หนง่ึ คอยยืน มหาจกั รพรรดิ นักดนตรพี น้ื เมอื ง ต้งั แถวบรรเลง ตอ นรบั อยูหนาวหิ าร กลาวสวัสดี เปนภาษาพน้ื เมอื งวา ดนตรีใหชาวคณะเดินผา น “อายบุ วร” มีความหมายเปน สองนยั คือ ขอใหทาน อายุยนื และขอใหพ ระพุทธศาสนายนื ยงตลอดไป เจา อาวาสวดั นาฯ และคุณบดุ ด้ี วกิ ครามารัตเน ได เจา อาวาสวัดตา งๆในบรเิ วณใกลเ คียง ทกั ทาย คณุ วรนิ ทรธร ปยทชั องั กว รา และ ทมี่ ารว มเปน เกยี รติในงาน คณุ วรรณภา พพิ ฒั นางกูร – “คนตนบญุ ชาวไทย” ๑๒๙
ญาติธรรมชาวไทย ญาตธิ รรมศรลี งั กา บรรยากาศในพิธี เจาอาวาสวัดนาฯ น่งั อยูระหวา งพระครูสมุหจิรยทุ ธ และพระไกรวัลย มี พุทธศาสนกิ ชนชาวศรีลังกามารวมงานมากมาย จนเต็มลนออกไปนอกวหิ าร วนิ าทีทผ่ี ามา นซ่ึงปด หอ งกระจกไว ถกู เปด ออก ก็เผยใหเห็นพระพกั ตรของ พระพุทธมหาจักรพรรดิ ที่สงบน่งิ อยู แยมพระโอษฐเลก็ นอยดว ยพระเมตตา ชา งงดงามนัก ๑๓๐
ภาพพระพุทธมหาจกั รพรรดิ เมอื่ มองจากมุมซาย และดานหนา ทานเจา อาวาสวัดนาฯ รับพระบรมสารีริกธาตุจากพระครสู มหุ จิรยทุ ธแลว อัญเชิญไปประดษิ ฐานยงั พระแทน ที่สรางขนึ้ ใหมเพอ่ื การน้ีโดยเฉพาะ พระครูสมหุ ฯจิรยุทธ ถวายพระพทุ ธรปู ขนาดหนา ตกั ๙ น้วิ เข็มกลดั พระแกว มรกต แดท านเจาอาวาสวัดนาฯ ๑๓๑
พระครสู มหุ จ ิรยุทธ อธฉิ นฺโท ถา ยรปู เบ้อื งหนา พระ พทุ ธมหาจักรพรรดิ ทา นเจา อาวาสวดั นาฯ และตัวแทนจากรัฐบาล มอบตนโพธิ์ ประกาศเกียรติคุณ และเจดยี ทองเหลืองทรงระฆงั ควํ่า สาํ หรับบรรจุพระธาตุ แดพระครูสมหุ จิรยุทธ ทานเจา อาวาสวัดนาฯ และพระครู สมหุ จิรยทุ ธ ขณะถวายขาวพระพุทธ โปรดสงั เกตวาภตั ตาหารที่ถวาย เปนมงั สวิรัตทิ ัง้ หมด เพราะชาวพทุ ธ ศรีลังกาสว นใหญไมทานเนอ้ื สตั ว ๑๓๒
พระครูสมหุ จริ ยุทธ อธฉิ นฺโท ในฐานะตวั แทนคณะสงฆ เมอ่ื เสร็จพิธใี นภาคเชาพระครสู มหุ จ ริ ยทุ ธ และผปู ฏิบตั ธิ รรมวัดตาลเอน ถวายผา ไตร รม และ พระไกรวลั ย พรอ มดวยคณะญาติธรรม ไดถา ยรูป เขม็ กลัดพระแกว มรกต พระพุทธชนิ ราช แดพระสงฆ ศรีลงั กาจากวดั ตา งๆทีม่ ารวมงาน รวมกนั เบื้องหนาองคพระพุทธมหาจักรพรรดิ ญาติธรรมไทย และญาติธรรมศรีลงั กา ถา ยรปู พระครูสมุหจิรยทุ ธ อธิฉนฺโท และ รว มกนั อยางใกลชดิ เพราะเราศาสนาเดียวกนั พระไกรวัลย อภิปสนโฺ น เบ้ืองหนาพระพทุ ธมหาจักรพรรดิ หลงั จากฉันเพลแลว ทา นเจาอาวาสวัดนาฯ นมิ นตพ ระอาจารย พระอาจารยเ งยหนา มองพระพทุ ธมหาจักรพรรดิ และชาวคณะกลับสวู หิ ารอีกครัง้ เพือ่ มอบของทร่ี ะลกึ ระหวา งรอ ทา นจะคิดสงิ่ ใดอยูในใจหนอ? เริ่มพธิ ี พระอาจารยพลิกดหู นงั สือพิมพยกั ษใหญระดับประเทศ ท่ีลงขาวหนา หน่งึ ประชาสัมพันธการถวายพระพุทธรูปในวนั นี้ สวนหลวงพ่ไี กรวัลย ขอดูหนังสือพิมพบ า ง ๑๓๓
คณุ สุลงั คะ ชามนิ ดา ถวายรปู ถายพระพทุ ธมหาจกั รพรรดิ คุณบุดดี้ วิกครามารตั เน และ คณุ สลุ ังคะ ชามินดา แดพระอาจารย โดยกลาววา เมอ่ื วดั ตาลเอนไดถวายพระ “คนตนบุญ ชาวศรลี งั กา” สองสามภี รรยา พุทธมหาจกั รพรรดิแดวัดนาฯแลว วดั ตาลเอนก็จะไมม ีพระ มหาอุบาสกอุบาสิกา แหงวดั นาคารกุ ขาราม พุทธมหาจกั รพรรดอิ ยู จงึ ขอมอบรูปนีเ้ พ่ือใหชาววดั ตาลเอน ไดดูรูปของพระองคท าน เปนการระลกึ ถงึ กนั ภาพใบปลวิ ประชาสมั พนั ธง านฉลององคพระ ทคี่ ณุ สลุ ังคะจดั ทําขึ้น เพอ่ื แปะประชาสมั พนั ธตามสถานที่ ตา งๆ และแจกแกบุคคลทว่ั ไป แจง กําหนดการของ งาน ตั้งแตวันที่ ๖ – ๑๔ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๕๕๒ หนังสอื พมิ พศ รีลงั กาฉบับตา งๆ ที่ตพี มิ พ เรื่องการถวายพระพุทธมหาจักรพรรดิแด วดั นาฯ โดยพมิ พท ั้งภาษาอังกฤษและสิงหล ทั้งกอนหนา และหลังวันงาน ๑๓๔
เม่อื เลาเร่อื งพิธถี วายพระพุทธมหาจักรพรรดิแดวัดนาฯ เสร็จเรียบรอยแลว ก็จะขอเลาเรื่อง พระบรมสารรี ิกธาตุเสดจ็ ตอเลยนะคะ ระหวางการเดนิ ทางกราบสกั การะพระเจดีย และพระพุทธรูปตามสถานที่ตางๆ ในศรีลังกา ใน วันที่ ๓ มถิ ุนายน พ.ศ. ๒๕๕๒ (ซ่ึงเปน การเดินทางวนั แรกของชาวคณะในศรีลังกา)นั้น หากสถานที่ใดมี เวลานอ ย พระอาจารยจะนําสวดมนตบ ทส้ันๆ เชน พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ แตหากที่ใดมีเวลามาก พระอาจารยจะนาํ สวดพาหุงมหากาฯ ดวย แตท่ี “วดั ถปู าราม” ณ เมืองอนุราธปุระ ซึ่งมีเจดียขนาดใหญ ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ คือ พระรากขวัญเบ้ืองขวา (ไหปลาราดานขวา) ซึ่งเปนพระบรม สารรี ิกธาตุ ๑ ใน ๗ องคข องพระพทุ ธเจา ทไ่ี มถ ูกไฟไหม เม่ือครงั้ ถวายพระเพลิงพระบรมศพนนั้ นอกจาก พระอาจารยจ ะใหช าวคณะสวดพาหงุ มหากาฯ แลว ยงั ใหนง่ั สมาธิเปนเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงอีกดวย โดย กอ นที่จะนั่งสมาธนิ นั้ ทา นไดน าํ ผากราบสขี าวมาพับครึ่งแลว วางไวท ีเ่ บือ้ งหนาทาน ซ่ึงในชวงการน่ังสมาธิ นั้นเกิดเหตุการณแปลกๆ เปนทป่ี ระจักษแกส ายตาของไกดชาวไทยและไกดศรีลังกาที่นั่งรออยูดานนอก คือ มีฝูงผึ้งจาํ นวนมากมาบินวนรอบองคพระเจดยี พรอมๆ กับมีพระอาทิตยทรงกลด และลมเย็นกอน ใหญกอนหน่ึงพดั วูบมาทางชาวคณะทนี่ ง่ั สมาธิอยูด วย เมือ่ พระอาจารยใ หแผเมตตาและลืมตาขึ้น ทา นก็ไดเ ปดผาขาวออกและใหชาวคณะไดดูพรอมๆ กนั พบวา ในใจกลางของผา ผืนนั้นมีพระบรมสารีรกิ ธาตุหลายวรรณะ หลายสี หลายสณั ฐาน มารวมกันอยู ในผืนผา นบั ไดถงึ ๘๖ องค แตทีเ่ ดนที่สดุ ไดแ ก พระบรมสารีริกธาตุองคหนึ่งซึ่งไมเหมือนองคอ่ืนใด ทง้ั สน้ิ คือ มีลักษณะคลายแทงกระดูกของคนธรรมดาๆ น้เี อง เพราะมรี พู รุนคลา ยกระดูกของคนท่ีไมถูก ไฟไหม แตแ ตกตางกบั คนธรรมดา ตรงทม่ี ี ความเรยี บล่นื เงางาม และแวววาว กวากระดูกของคน ธรรมดาทัว่ ไปมาก ผูรว มคณะบางทานจงึ อดคดิ ไมไดว า พระบรมสารีริกธาตุสวนที่ไมถูกไฟไหมขององค สมเด็จพระสมั มาสัมพุทธเจา นาจะมีลกั ษณะเชน นีเ้ อง! จาํ นวนของพระบรมสารีริกธาตทุ ี่เสด็จมาในครั้งนี้ จาํ แนกประเภทตามสัณฐานวรรณะได ดังนี้ - สณั ฐานคลายแทง กระดกู มรี พู รนุ สงี าชางขาว เรียบลน่ื แวววาว (ตามที่กลาวแลว) องคใหญ ๑ องค - สณั ฐานเมล็ดถั่วแดง องคใหญ ๒ องค คือ มีสีขาวเปน เงาแกมเขยี ว ๑ องค และสีขาวเปนเงา แกมนํ้าตาล ๑ องค (คลายหนิ หยกขาว หรอื หินออ นสีขาว ทมี่ เี งาเหลือบเขยี ว เหลือบน้าํ ตาล) - สณั ฐานเปน ผลึกแกวใส (แสงทะลุผานได) องคใ หญ ๒ องค - สัณฐานเมล็ดผักกาด เปน ผลกึ แกว ใสและสขี าวนวลคลายมุกดาคละกัน องคเลก็ ๆ ๘๑ องค รวมนบั ได ๘๖ องค เหตกุ ารณพระบรมสารรี ิกธาตเุ สด็จน้สี รางความปลาบปลื้ม ปติ ยินดี และต่ืนเตนใหเกิดข้ึนแกทุก คนในคณะเปน อยา งมาก เพราะทกุ คนยังไมเ คยมปี ระสบการณพระธาตุเสด็จใหเห็นเปนที่ประจักษแจง เชนน้ี ชาวคณะทอี่ ยูใกลพระอาจารยมากทสี่ ุดทานหนึ่ง กลาววา มองเห็นชัดเจนแนนอนวา ตอนที่พระ อาจารยพ บั ผาน้นั ไมม อี ะไรอยูขา งในผาจรงิ ๆ และหากจะคิดวา มใี ครแอบเอาพระธาตุมาใสตอนท่ีหลับตา นง่ั สมาธิอยนู ้นั ก็เปน ไปไมได เพราะไมม คี วามรูส ึกวามีใครเดินผา นหนาในระหวา งทนี่ ่งั สมาธิอยูเลย ดังน้ัน เหตกุ ารณน ้ีจงึ เปน ขอสนับสนนุ ท่ชี ดั เจน ของคําที่มีผูกลาววา “พระธาตุเสด็จไดเอง” และในความคิด ๑๓๕
สว นตัวของขา พเจาแลว ทาํ ใหข าพเจามนั่ ใจขน้ึ มากวา พระพทุ ธานภุ าพ ยังมีอยูจริง แมพระพุทธองคจะ ทรงดบั ขนั ธปรินพิ พานไปนานนบั เปนพันๆ ปแ ลว ก็ตาม เหตุการณอัศจรรยพ ระธาตุเสดจ็ ยังไมไดจบแคนั้น เพราะเมื่อชาวคณะจะเขาพักในสถานที่ใด พระอาจารยจ ะใหส วดมนตบูชาพระธาตใุ นทุกๆ สถานท่ี และพระธาตหุ ลากหลายสีสันวรรณะก็จะเสด็จมา เพ่ิมในผอบมากขนึ้ มากขน้ึ ทุกๆ คืน โดยเสดจ็ เพิ่มมากที่สุดในคืนที่ชาวคณะอยูที่ เมืองแคนดี้ ซึ่งเปน เมอื งท่ีมคี วามสําคญั เพราะเปน เมืองทปี่ ระดษิ ฐานพระบรมสารีริกธาตสุ วนพระเข้ียวแกวเบ้ืองลางขวา ซึ่ง เปนพระธาตุอีก ๑ ใน ๗ องคท่ไี มถกู ไฟไหม จนกระท่งั คืนสดุ ทา ยกอนกลับเมอื งไทย คอื คืนวันที่ ๖ มถิ ุนายน หลงั จากทีท่ กุ คนในคณะรูสึกอ่ิม บุญมากมาย จากการไดท าํ บญุ ใหญ คือ ไดถวายพระพุทธมหาจักรพรรดิ แดวัดนาฯ ในชวงเชา และได สักการะพระพทุ ธรูปตามวัดตางๆ เชน วัดกลั ยาณีในชว งบา ยและเย็นแลว กอนกลับเขาโรงแรมที่พัก ชาว คณะกไ็ ดแ วะซ้อื ผอบไมส กั แกะสลักเปน รปู เจดียท รงลังกาที่รานขายของท่ีระลึกแหงหน่ึงขางทาง ดวย ความหวังเลก็ ๆ วา ในคืนน้ีพระอาจารยอาจจะอัญเชิญพระธาตุใหเรา สวนใครท่ีเตรี ยมผอบมาจาก เมอื งไทยก็ไมต อ งซ้ือ ชาวคณะกลบั ถงึ โรงแรมกาลาดารี ซ่งึ เปนท่พี กั ในเวลาประมาณหน่ึงทุมครึ่ง ชาวคณะหลายทาน ตองการชมพระบรมสารีรกิ ธาตุอีกสกั ครัง้ พระอาจารยจึงไดเปดผอบพระธาตุใหดูท่ีล็อบบ้ีของโรงแรม นั่นเอง เมื่อเปด ดูแลว ทุกคนกต็ องตะลงึ อึ้ง น่ิง เม่ือเห็นพระธาตุในผอบขอ งพระอาจารย (ที่ตอนนี้มี ประมาณ ๕ – ๖ ผอบแลว เพราะญาตโิ ยมถวายให) มีพระธาตมุ าเสด็จมาอยูเต็มไปหมด บางผอบที่แยกสี ไวแ ลว กม็ ีสอี ่นื ๆ มาเพิ่ม บางผอบกเ็ ปนสีเดิมแตมีจาํ นวนมากข้ึน โดยเฉพาะสัณฐานเมล็ดพันธุผักกาดมี พระธาตมุ ากขน้ึ จนแนน ผอบ เหตกุ ารณตอนนจี้ ึงดเู หมอื นการชมุ นุมยอยๆ เนื่องจากทุกคนอยากจะเขามา ชมพระธาตใุ กลๆ แตพระอาจารยเห็นวา อาจจะทําใหพนกั งานรกั ษาความปลอดภัยของโรงแรมเขาใจผิด วา มีเหตุการณชลุ มนุ เพราะโรงแรมน้ีมีการกวดขันเขมงวดเพราะอยใู กลก บั ทําเนียบประธานาธิบดี จึงได บอกใหชาวคณะไปรวมพลกนั ท่หี อ งพกั ของทาน เพือ่ จะไดร ว มกนั สวดมนตบูชาพระธาตุ และชวยกันนับ จํานวนพระธาตดุ วย เม่อื ถึงหองของทา น ชาวคณะท้ังชายหญิงไดช วยกันจัดโตะเกา อี้ใหเหมาะสําหรับการนําพระธาตุ ออกมานับ และใหม ที เี่ พียงพอสาํ หรบั ทุกคนไดน่งั สวดมนตกัน โดยที่พระอาจารย และหลวงพี่ไกรวัลย น่งั บนเกา อี้ มีโตะ วางพระธาตุอยดู านหนา ทาน นองปริญ (คุณปริญ เฉลยวราเรศ) น่ังพ้ืนติดกับเกาอี้ พระอาจารย และโยมผูช ายอกี ทานหน่งึ นง่ั พ้ืนติดกับเกา อีห้ ลวงพี่ไกรวัลย ตัวขาพเจาเองโชคดีไดน่ังติด กบั โตะ ทว่ี างพระธาตุ โดยนงั่ ถดั มาจากนองปริญอกี ทหี นง่ึ จึงไดเห็นสีสัน วรรณะ สัณฐาน พระธาตุอยาง ชดั ๆ เต็มตา จุใจเลยทเี ดยี ว สว นผรู วมคณะทานอนื่ ๆ ทไี่ มไ ดนง่ั ใกลโตะ ก็ไดผลัดกันเขามาชม จนอิ่มใจ กันไปทกุ คน ชาวคณะทนี่ งั่ ใกลก บั ขา พเจาก็คือ ปา จิ๋ว (คณุ สริ มิ า เหลอื งอราม) ซง่ึ ทาํ ธุรกิจคาขายอัญมณี และคงจะเปนธรรมะจัดสรรอีกครง้ั หนงึ่ ทีไ่ ดจดั สรรใหปาจวิ๋ เดนิ ทางมาในคณะดวย เพราะเมื่อเทพระธาตุ ลงบนผา สขี าวที่ปโู ตะ อยู เพอ่ื แยกสีสันวรรณะน้ัน ก็ไดปาจ๋ิวท่ีชวยแยกแยะ สีหรือวรรณะของพระธาตุ ออกเปนกลมุ ๆ ตามความใกลเ คียงกบั สขี องอัญมณี เชน วรรณะเขียวออนดั่งไพฑูรย ขาวนวลดั่งมุกดา เหลืองดง่ั อําพนั ฯลฯ สพี ระธาตทุ ่ีเสดจ็ มาน้นั เกือบจะครบสีของมณนี พรัตนท ี่เราเคยทองกันมาในสมัย เรียนเลยทีเดยี ว (เสยี ดายท่ีขาพเจาทองไดเปน บางตอนเทาน้ัน) ขาพเจาจึงไดเรียนถามพระอาจารยวา ๑๓๖
ทาํ ไมพระธาตถุ ึงมไี ดห ลายสเี ชนน้ี พระอาจารยตอบมาส้ันๆ วา “สีของพระบรมสารีริกธาตุมีไดทุก วรรณะในโลกน้ี” ขาพเจาไมเ ขา ใจจงึ ไดถ ามตอ ทานอธบิ ายวา “พระบรมสารีริกธาตุน้ัน มีและเปนสีไดทุก สี ที่สีตางๆ ในโลกนี้จะมไี ดเปนไดนะโยม” ระหวา งทําการแยกสีพระธาตุและนับจาํ นวนอยูน น้ั พระอาจารยไดห ยบิ เอาหนังสอื พระธาตุออกมา จากยา มของทาน มาเปด รปู เทยี บดู นอ งปรญิ ขอยืมมาดู แลว อุทานออกมาวา “โอโห !!! ที่เสด็จมาในวันน้ี ก็เกือบครบที่มใี นเลม นแ้ี ลวนะครบั ” ขาพเจา ลองยมื มาดบู าง กเ็ ห็นดวยกบั นอ งปริญ จึงพดู ออกไปวา “เอ ...หรือพระอาจารย จะตงั้ ใจอญั เชญิ พระธาตุใหไ ดค รบทุกสีสนั วรรณะ แลวทําหนังสือบางเจาคะ? ” พระ อาจารยก ไ็ มต อบวากระไร ทา นเพียงแตน่ังอมย้ิม (จนในภายหลงั ขา พเจา มานึกออกวา ทา นไดเคยพูดแบบ ทีเลน ทีจรงิ บนรถบัส มากอนหนานี้แลว - คือในชวงออกจากเมืองแคนดีมาโคลัมโบ วา “ไมแนนะโยม เมื่อกลับมาเมอื งไทยแลว ทีมของพวกเราทไ่ี ดมาศรลี งั กากนั ในวันนี้ อาจจะไดมีโอกาสทําหนังสือเร่ืองการ เดนิ ทาง และพระธาตทุ ่ีเสดจ็ มาในครงั้ นี้ก็เปน ได” . . . เอ. . . หรือวา หนังสอื เลมนน้ั ท่ีพระอาจารยพูดถึง จะเปนเลม ทอ่ี ยใู นมอื ทา นผอู า นในขณะนี้? แมว าหนงั สอื เลมน้จี ะถกู ตีพิมพห ลังจากเกิดเหตุการณมาแลว ๓ ปเต็มก็ตาม เพราะวา ในขณะนนั้ ไมมใี ครคดิ จะทําเลย คดิ แควา พระอาจารยพูดเลน เทา นัน้ ) เมือ่ แยกสสี นั วรรณะพระธาตุไป นบั ไป และสวดมนตไ ปพรอมๆ กันนั้น ไกดก็มาบอกวา ใหชาว คณะรบี ลงไปทานอาหารทีห่ อ งอาหารของโรงแรมกอ นทีห่ องอาหารจะปด เพราะขณะน้ันเวลาใกลสามทุม แลว ชาวคณะบางทานก็อยากไป บางทานกไ็ มอ ยากไป เพราะอยากจะอยูนับใหเสร็จ พระอาจารยจึงบอกวา แลวแตค วามสมคั รใจวา ใครจะอยูนบั หรอื ใครจะไปทานอาหาร แตใ หท ุกคนนําผอบของตัวเองมารวมไวที่ หองของทา น โดยใหท าํ ความสะอาดผอบ เขียนช่อื เจา ของไวใตผอบ และใหวางสําลีไวดานใน ชาวคณะ หลายทา นบอกวาทาํ ไมเ ปน เพราะไมเคยมีพระธาตุ บางทานก็บอกวาไมมีสําลี ดังน้ันขาพเจา เพ่ือนของ ขาพเจา คอื อร (คณุ ภาริษา มธรุ พงศากลุ ) และแมชีหมู (แมชีวรวรรณ ชัยขจรวัฒน) จากวัดพระธาตุ ศรจี อมทอง จังหวัดเชียงใหม จึงไดอ าสาจะจดั การในเร่ืองผอบใหทกุ ๆ คน แลวพระอาจารยก็ไดบอกวา เม่ือทุกคนทานอาหารเสร็จแลว ใหท ุกคนไปสวดมนตปฏิบัติธรรมที่หองของตนกอนเขานอน และนอม จิตอญั เชิญพระธาตุดวยตวั เอง แลว ตอนเชาคอยใหไ ปดผู อบของตนวา จะมีพระธาตเุ สด็จหรือไม ดงั นัน้ ขาพเจากบั อรจงึ ไดรีบชวนกันลงมาทานอาหาร เมอื่ ทานใกลเ สร็จ ก็ไดพบพี่หญิงที่พ่ึงเดิน เขา มาพรอมกับนอ งปรญิ เพราะอยูช วยพระอาจารยนับพระธาตุจนเสร็จ เรารีบถามพ่ีหญิงทันทีวา นับ พระธาตไุ ดเ ทา ไร พีห่ ญิงตอบวา “นับได ๑,๑๔๕ องค จะ ” ขาพเจาจําไดแมนเลย ทุกคนที่ไดยินตางก็ ตน่ื เตนดีใจท่ีพระธาตเุ สดจ็ มามากมายถงึ เพียงนัน้ เม่ือขา พเจากบั อรทานอาหารเสร็จก็รีบขึ้นมาที่หองพักของแมชีหมู เพื่อจัดทําผอบสําหรับรับ พระธาตุ พวกเราบรรจงเช็ดผอบ บรรจงตัดสาํ ลใี หเ ปนวงกลม ใหพอดกี บั ดานในของแตละผอบ จากน้ัน เขียนช่อื ใสก ระดาษ แลว นาํ ผอบของแตล ะคนวางไวใหต รงกับช่อื เจาของ พอถงึ ข้นั จะปด ฝาผอบ ก็ไมแนใจ วา พระอาจารยท านใหเปด ฝาผอบไว หรอื ใหปด ในที่สุดพวกเราก็ตกลงกนั วา ปด ฝาผอบไวดีกวา จะไดรู กันใหแ นๆ ไปเลยวา พระธาตเุ สดจ็ ผานเครอ่ื งกีดขวางไดจริง นอกจากน้ี เมื่อ อร บอกวาเตรียมผอบ มาเยอะ (เปน ขนาดเลก็ ๆ ) จะใหทําไงดี เพราะชาวคณะทุกคนก็มีผอบกนั ครบแลว ขาพเจาก็เลยบอกวา “งัน้ ลอง เขียนช่ือของ บดุ ดี้ สลุ งั คะ ไกดลงั กา และไกดไทยอีกสามคนเถอะ เพราะไหนๆ ก็ไดมาทัวร เดยี วกนั แลว และบดุ ดีก้ บั สลุ งั คะ เขากค็ งเหนอ่ื ยมากกบั การจัดงานคร้งั น้ี ถาพระธาตเุ สด็จในผอบของเขา ๑๓๗
แลวเราเอาไปใหเขา เขาคงจะดีใจ” อรกต็ อบตกลง ทําดงั นี้แลว ผอบก็ยังเหลืออยูดี ขาพเจาก็เลยบอกวา “งั้นลองเขียน ชอื่ พอกับแมฉนั ผอบนึงนะ เพราะพอ กับแมฉนั ก็สวดมนตทุกวนั และก็เขยี นชื่อเพ่ือนฉันอีก สองผอบก็แลว กัน เพราะเขาฝากทาํ บญุ มา และเขาก็เปน คนทําบญุ ปฏิบตั ธิ รรมอยแู ลว ดวย” เจาอรก็ดีแสน ดี ใหซ ะดว ย สุดทา ยก็ยงั เหลือผอบอยูอีกหนง่ึ ผอบ ขา พเจา ก็เลยบอกวา “งั้นเขียนชือ่ พระอาจารยไปเลยก็ แลว กัน ถวายเปน ผอบสว นตัวของทา นไป เพราะวาทกุ ผอบทีท่ านมีอยู ทานก็คงถวายวดั นะ” สรปุ แลว มีผอบสาํ หรับรอรบั พระธาตุในคืนน้ปี ระมาณสามสิบผอบ จากนั้นเปนการจัดเรียงผอบ ลงบนถาด โดยเราเอาถาดอาหารของโรงแรมขนาดยาวประมาณหนง่ึ ฟุตครึ่ง กวา งประมาณหน่ึงฟุต มาวาง ไวกอน ปผู าขาวทบั (จาํ ไมไดแลววาเปน ผาอะไร และหามาจากไหน แตจ าํ ไดวาเหมาะเจาะพอดิบพอดีกับ ขนาดของถาดมาก) แลวจึงวางแผนกระดาษที่เขียนช่ือเจาของผอบไวเ ปน ช้นั ที่สอง จากน้ันจึงวางผอบทับ ดา นบน กวาจะทาํ กนั เสรจ็ ก็ประมาณเทีย่ งคืน พวกเราสามคนจงึ เดินถอื ถาดนน้ั จากหองแมชีหมู มาที่หนา หองพระอาจารย เคาะประตหู อ ง แลวหลวงพี่ไกรวัลยซ ่งึ คาดวาถูกปลุกขึ้นมาจากการจําวัด ก็เดินออกมา รบั ถาดเขา ไป ขาพเจา เดนิ กลบั เขาหอ งพักของตวั เองดว ยใจตมุ ๆ ตอ มๆ ใจหนงึ่ ก็กลัวพระบรมสารีริกธาตุจะไม เสด็จมา แตอ กี ใจหนง่ึ กค็ อนขางเชือ่ วา ทา นตอ งเสดจ็ มาแนนอน เพราะมั่นใจและอุนใจในบุญที่ชาวคณะ ทกุ ทา นไดรวมกนั สรา งมาวา เมอื่ ธรรมะจัดสรรใหแ ตล ะคนไดม าทาํ บุญใหญถวายพระพุทธมหาจักรพรรดิ กนั ในคร้ังนี้ และพระธาตุเสดจ็ มาเยอะขนาดน้ี พระพุทธเจาทานคงจะจัดสรรพระ บรมสารีริกธาตุของ พระองคทา นมาใหพ วกเราไดบูชากันบางละ แตจะวางใจไมได ถึงจะงวงขนาดไหน เราก็ตองกัดฟน สวดมนต ปฏบิ ตั ิธรรม ทง้ั ทที่ ง้ั เหนอื่ ย ทงั้ เพลียกบั การเดนิ ทาง และในเวลานั้นกด็ กึ มากแลว เมื่อสวดมนต ปฏบิ ัติธรรม (แบบเดนิ จงกรมแทบลม ทัง้ ยนื และน่งั สมาธิหัวทิ่มหัวตํา)เสร็จแลว ขาพเจาก็ไดอธิษฐาน ขอใหพ ระธาตเุ สด็จในผอบของคุณพอ คุณแม และของเพ่ือนขาพเจาอีกดวย ในตอนนั้นขาพเจาอยากรู จรงิ ๆ วา เพือ่ นของขา พเจาสองคนท่ีมีความตา งกนั สุดขั้ว คอื คนทีห่ นึง่ มีฐานะดี การงานดี แตไมคอยมี เวลา จึงไมค อยไดป ฏิบตั ธิ รรม แตเ ขาก็พยายามสวดมนต และบริจาคทานเปนประจําในทุกครั้งที่มีโอกาส สว นคนทส่ี อง ฐานะไมด ี การงานไมดี จึงไมคอยมีเงินจะทําบุญทําทาน แตมีเวลาที่จะปฏิบัติธรรมเปน ประจําสม่ําเสมอ อยา งไรก็ตาม ทง้ั สองเหมือนกันตรงท่ีมีความศรัทธาเชื่อมั่นในพระพุทธศาสนาอยาง จริงใจน้ัน พระธาตุจะเสด็จในผอบของทั้งสองคนหรือไม ในเชา วันรงุ ขึน้ คือ วันที่ ๗ มิถุนายน พระอาจารยใ หชาวคณะเขาไปในหองของทาน ทุกคนจึงได เห็นวา ทกุ ผอบมีพระธาตุเสดจ็ อยู ๕ องค ขาพเจา ตื่นเตน และดใี จมากๆ ไมไดด ีใจเฉพาะในสวนท่ีตนเอง ได แตด ีใจทใ่ี นผอบ ของคณุ บดุ ดี้ คณุ ุสลังคะ ไกดล งั กา ไกดไทยสามคน เพ่ือนของขาพเจาสองคน และ ของคณุ พอ คุณแมของขาพเจานัน้ พระธาตกุ เ็ สด็จมาดว ย ไมวา พระธาตจุ ะเสด็จมาในผอบของทุกๆ คนใน จาํ นวนเทา ๆ กัน ดว ยเหตผุ ลใดกต็ าม แตขา พเจา คดิ วา เปนเพราะพระอรหันตสมั มาสัมพุทธเจาทานทรง มีความยตุ ิธรรม และพระเมตตาอยางเปย มลน ทานคงไมอยากทําใหใครตองจิตตก หากพระธาตุไม เสด็จมา และทานตอ งทรงรูอ ยางแนนอนวา เพ่อื นทัง้ สองของขา พเจา ศรัทธาพระพุทธศาสนาอยางจริงใจ แมว าจะมรี ูปแบบในการทําบญุ และประพฤตปิ ฏบิ ตั ธิ รรมท่ีตางกันกต็ าม ทานจึงไดพระราชทาน พระบรม สารรี ิกธาตุมาใหเปน เครอ่ื งยึดเหนี่ยวจติ ใจน่ันเอง สาธุ...สาธ.ุ ..สาธุ...อนุโมทามิ ๑๓๘
จะขอเลาถึงลักษณะพระธาตทุ ี่เสดจ็ มาในผอบของทุกๆ คนบา ง กลาวคือ พระบรมสารีริกธาตุ ท่ี เสด็จผอบละ ๕ องคนนั้ ประกอบดวย - พระธาตุสีชมพูออนใสโปรง แสง ขนาดคร่ึงซีกเมล็ดถว่ั เขียว จํานวน ๓ องค - พระธาตุสีขาวนวลขุน คลา ยมุกดา (บางผอบมี สขี าวใส) ขนาดเทาเมลด็ งา จํานวน ๒ องค พระธาตทุ ง้ั สองแบบเปนลกั ษณะทแ่ี ตกตา งจากพระธาตุที่เสด็จมาในคืนกอนๆ จึงสาม ารถ ขจดั ขอสงสยั ในใจของชาวคณะคนหนงึ่ ไดว า พระอาจารยอาจจะตักพระธาตุท่ีเสด็จมาในคืนกอนๆ แจกลงในผอบของทุกคนก็ได เพราะอาจจะกลัวญาตโิ ยมเสยี ใจ แตเนื่องจากพระธาตุที่เสด็จมาในผอบ ของทุกคนน้ัน แตกตางจากที่เสด็จมาในผอบของพระอาจารยใ นคนื กอ นๆ ดงั ทกี่ ลา วแลว ดงั นั้น จึงเปนไป ไมไ ดท พี่ ระอาจารยจ ะเปนผูตกั แจกใหแ กท ุกคน นี่จงึ เปน อีกเหตุการณห น่ึงที่แสดงวา “พระพทุ ธานุภาพ – พระพุทธคุณ ยังมีอยูจริง” เพราะแมพระพทุ ธองคจ ะทรงปรินิพพานไปนานแลว แตยังทรงทราบขอสงสัย ในใจของทุกๆ คน และตอบขอ สงสยั น้ันไดอ ยางกระจา งแจง เหมือนกบั วา พระองคท รงยนื มองดเู ราอยูจาก ทุกๆ มมุ ในทุกๆ สถานท่ีเลยทีเดียว จากวนั แรกจนถึงวันสุดทายทพ่ี ระบรมสารีริกธาตุเสด็จมาในผอบของพระอาจารยน้ัน นับรวม จํานวนพระธาตไุ ด ๑,๑๔๕ องค ซ่งึ พระอาจารยท า นไดกลา ววา ทานไมไดมีเจตนาจะเก็บไวบูชาเปนการ สวนตัวแตอยา งใด แตมีความมงุ หมายท่ีจะนําไปจดั ไวใหพุทธศาสนิกชนชาวไทยทั้งหลาย ไดกราบ สกั การบชู ารวมกนั ที่วัดตาลเอนนัน่ เอง สาธุ...สาธ.ุ ..สาธ.ุ ..อนโุ มทามิ เลา มาถงึ จดุ นี้ ขาพเจา อดคดิ ไมไดว า อาจจะมผี อู า นบางทานทส่ี งสยั วา “เร่ืองทั้งหมดนี้เปนเรื่อง โกหกหลอกลวงมาต้ังแตตน สง่ิ ของอะไรเลาจะเหาะไปเหาะมาไดเอง จะเปนไปไดไ หมท่ีพระอาจารยจะเอา หนิ สๆี ใสๆ สวยๆ เตรียมใสย ามไปจากเมืองไทย แลว แอบเอาหินนัน้ ใสล งในใจกลางผืนผาระหวางที่ทุก คนกําลงั หลบั ตานั่งสมาธิ พอตกกลางคนื กเ็ อาใสผอบใหม ีจาํ นวนเพ่ิมมากขึ้นทุกคืน พอถึงคื นสุดทาย ก็ แอบตักใสผอบใหทกุ ๆ คน !?! ” ความลังเลสงสัยน้ี พระอาจารยท า นไดเคยเทศนแ ลว วา จะเปนตวั หนว งเหน่ียวการประพฤติปฏิบัติ ธรรมไมใหเ จริญกาวหนา และโดยสว นตวั ขา พเจาแลว เปนหวงวา ความลงั เลสงสัยนี้ อาจจะทําใหกาวลวง ไปสกู ารจาบจว งครูบาอาจารยได ซ่ึงไมเพยี งจะทาํ ใหก ารปฏิบตั ไิ มกาวหนาเทาน้ัน แตอาจจะถึงกับทําให ชีวิตวบิ ตั ิขดั สนไดเ ลยทเี ดียว ดังน้นั เพอื่ เปน การปองกนั ความลังเลสงสัยของทานผูอานไมใหเกิดข้ึนแลว ขา พเจาขอเปนประจกั ษพยานหน่ึงทีจ่ ะยนื ยันในความบรสิ ุทธิ์ของพระอาจารย และการเสด็ จมาเองไดของ พระธาตุ ตามเหตกุ ารณท่จี ะเลา นค้ี ะ ในวันแรกท่พี ระธาตุเสด็จทว่ี ัดถปู ารามนั้น ขา พเจา เองเดินเขาไปชา กวาคนอน่ื ๆ เพราะลืมของไวท่ี รถบัสจงึ เดินกลับไปเอาของ เสร็จแลวจงึ เดินไปที่วดั ขณะน้ันพระอาจารยและชาวคณะไดเร่ิมสวดมนตกัน ไปแลว ขา พเจา เหน็ วา อาจารยต๋ิง (คุณรพีรัตน วันชูเพลา) ที่น่ังใกลกับพระอาจารยนั้น แมจะน่ังหาง ออกมาบา ง แตก็ใกลมากพอท่จี ะรูสึกตวั ไดใ นขณะหลับตา หากพระอาจารยมีการเคล่ือนไหว เชน หาก พระอาจารยจ ะเปด ผากราบทอ่ี ยูข า งหนาเพือ่ ใสหินสีตา งๆ ลงไป ตอใหม อื เบาขนาดไหน ก็ตองมีเสียงกุกๆ ก๊ิกๆ ของหนิ กระทบกัน หรือเสียงผา สบงจวี รขยบั เขย้อื นบา ง เพราะในเวลานั้นเงียบมาก ไมมีนกั ทองเท่ียว กลมุ อ่นื อยูเลย เนือ่ งจากเปนเวลาบายแกๆ ใกลจะเย็น ซงึ่ วดั ใกลจ ะปด แลว แตอาจารยต ิง๋ กย็ ืนยันวา ไมมี ความรูสกึ วามใี ครขยับ หรือเดินผานไปผา นมาเลย ๑๓๙
สวนในวนั อน่ื ๆ ของการเดนิ ทาง ก็ไมม ที างที่พระอาจารยจ ะแอบเอาหินตางๆ มาใสผ อบ แลวแอบ อางวาเปน พระธาตไุ ดเลย เนอื่ งจากตลอดการเดนิ ทางโดยรถบัสนั้น ถาดวางผอบซึง่ บรรจพุ ระธาตุอยูน้ันจะ วางไวบ นรถตลอด โดยวางไวบ นท่ีวางของเล็กๆท่ีคั่นกลางระหวางคนขับรถกับที่นั่งของพระอาจารย หากไมม ีใครอยบู นรถ ก็จะมีคนขบั นงั่ เฝารถอยูตลอด บุคคลอ่ืนไมสามารถจะขึ้นมาในรถไดเลย ท่ีน่ัง พระอาจารยต ดิ กับฝง ขวาสดุ ของตัวรถ หลวงพไี่ กรวลั ยน ั่งติดทางเดิน มไี กดช าวลังกานงั่ อยตู รงริมทางเดิน ฝง ซาย หากพระอาจารยจะแอบเอาหนิ ใสระหวางการเดนิ ทางละ ก.็ ..คงไมพ ลาดสายตาของไกดชาวลังกาได เพราะตลอดการเดินทางน้ัน เขาจะคอยเมียงมองมาที่พระอาจารยตลอด เพ่ือจะคอยบริการ หาก พระอาจารยจ ะเคลื่อนไหวหยบิ จบั อะไร เขากจ็ ะคอยหยบิ จบั ทําให นอกจากนั้น ตลอดการเดินทางอันมี โปรแกรมแนน เอี๊ยดจนแทบจะไมม เี วลาว่งิ เขา หอ งนาํ้ น้ี พระอาจารยก ็แทบจะไมมโี อกาสไดถือยามเอง เลย เพราะหลวงพี่ไกรวลั ย และอุบาสกอกี สองทา นจะคอยสลบั กันถอื ใหทาน ดงั น้ันโอกาสที่พระอาจารยจะได หยบิ จับยามของทานเอง เพื่อเอาสงิ่ หนงึ่ ส่ิงใดออกมากน็ อยเตม็ ที ทา นจะไดจับยามบ างก็ในเวลาที่ถึงวัด ตางๆ และตอ งการนาํ ปจจยั ออกมาทาํ บุญ พรอ มๆ กบั สายตาของญาติโยมทั้งหลายที่คอยจับจองอยูเพื่อ อนโุ มทนาบุญน่นั เอง แลว ในคืนวนั ที่ ๖ มถิ นุ ายนละ ทา นอาจจะเอาหนิ จากไหนมาตกั ลงในผอบก็ได ขอนี้ก็ไมนาเปนไป ได เพราะดังที่กลา วแลว วา กวา ทก่ี ลุมของขา พเจาจะเอาถาดไปถวายไวท่ีหลวงพี่ไกรวัลยน้ัน ก็เปนเวลา ประมาณเท่ยี งคนื แลว และพระอาจารยนัดญาติโยมใหม าดูตอนตหี า ผอบกม็ ีตงั้ ประมาณสามสิบผอบ พวก เราสามคนหมนุ ปด ซะแนน แคจ ะเปด ใหครบทุกอนั ก็ตองเสียเวลาเยอะแลว และหากตองคอยๆ คีบหิน กอนเลก็ ๆ อีกกวาหนง่ึ รอยหา สิบกอ น (สามสิบ คูณ หา) ลงในผอบ แลวปดฝาผอบใหม ก็จะเสียเวลา มากๆ ประการสําคัญทสี่ ดุ กค็ อื พระธาตุที่เสด็จมาในแตละผอบนั้น ประดิษฐานอยูในลักษณะรูปแบบ เดียวกนั ดเู รียบรอ ย สวยงาม แตห ากดูจากผอบเลก็ อาจจะดไู มออก เพราะจะเหมือนกองๆ รวมกันอยู เน่อื งจากพนื้ ทีน่ อ ย แตหากดจู ากผอบใหญคือผอบไมส กั ซ่ึงมีกนผอบเรียบแบน จะเห็นวา เสด็จมาใน รูปแบบเดียวกัน คอื ทัง้ หา องคน้ัน อยูตรงกลางผอบ แตองคใ หญสององคอ ยูท างซายมือ สวนองคเล็กสาม องคเ กาะกลมุ กนั อยูทางขวามอื หากจะมีใครสกั คนคอ ยๆคีบหินมาวางไว กน็ ับวาเปน งานฝมือท่ีตองต้ังใจ ทาํ มากๆ หากทําแขง กับเวลา กร็ ับรองวา ทําไมทนั แน ประการสุดทา ย จากปฏิปทาของพระอาจารย พระครสู มหุ จริ ยุทธ อธฉิ นฺโท ท่พี วกเราเหลาลูกศิษย ลูกหาไดติดตามเฝา ดู พรอมท้งั เรยี นรธู รรมะจากทานน้ัน ทําใหเราเชื่ออยางสนิทใจวา ไมมีทางที่ เร่ือง ท้งั หมดน้ี จะเปนเร่ืองท่พี ระอาจารยท านทาํ ขึ้นมา เพ่ือหลอกลวงประชาชน หรือเพื่อหวังลาภสักการะ ศรทั ธาแตประการใด ไมว าจะเปนลาภเพ่ือตวั ทานเอง หรอื ลาภเพอื่ วัดตาลเอนก็ตาม อยางไรก็ดี ผูอานที่ ไมเ ชอื่ กอ็ าจจะยงั ไมเ ชอื่ อยูดี ขาพเจาจงึ กลา ทา ขอใหท านไดมาพบปะศึกษาธรรมะจากพระอาจารยเอง เถดิ แลว ทา นจะตดั สนิ ใจไดเ องวา เร่ืองทัง้ หมดน้จี ะเปนเร่ืองจรงิ หรือไม เพราะ “ธรรมะ ยอมทาทายตอ การพสิ จู น” และขา พเจาก็มั่นใจวา พระอาจารยจิรยุทธ ทานไดนอมนําเอาธรรมะขององคสมเด็จพระ สมั มาสมั พทุ ธเจา มาประพฤติปฏิบตั ิจนสามารถเปน แบบอยา งทดี่ ใี หแ กพ ทุ ธบริษัทท้ังหลายได อยางไรก็ ตาม ขอเขยี นนี้มิไดมีจุดประสงคเพือ่ จะเขียนสรรเสริญเยินยอพระอาจารย จึงจะไมขอกลาวอะไรมาก นอกจากขอยํ้าอีกครงั้ วา ขอใหทา นท้ังหลายไดม าพบปะศกึ ษาขอ ธรรมะจากพระอาจารย และนอมนําเอา ๑๔๐
ธรรมะของพระพทุ ธองคไ ปประพฤติปฏิบัติเองเถิด แลวทา นจะแยกแยะไดดวยตนเองวา เรื่องท้ังหมดนี้ เปนเรือ่ งจรงิ หรอื ไม เอาละ! ขอกลับมาเลาเร่อื งพระบรมสารีริกธาตกุ นั ตอ ดกี วา จากการทพี่ ระบรมสารีริกธาตุเสด็จมา ๕ องค โดยเปน ผลึกใสขนาดใหญ ๓ องค และขาวขนุ ขนาดเลก็ ๒ องคน ้ัน ทําใหขาพเจาเกิดความสงสัย ข้นึ มาอยา งมากวา ทาํ ไมตอ งเปนตัวเลขแบบนี้ เพราะพระธาตุจะเสด็จมามากหรือนอยกวานี้ก็ได ถึงจะ เสด็จแคหนง่ึ องค พวกเราก็คงจะดใี จกันอยูดี หรอื จะเสดจ็ มากกวา นน้ั ก็นาจะไดในเม่ือยังเสด็จมาในผอบ ของพระอาจารย (ซึง่ พระอาจารยถวายวัด) ไดเปนพันองคเลย ขาพเจาน่ังคิดนอนคิดเร่ืองนี้อยูบน เครือ่ งบนิ ขากลบั มาตลอดทาง ชาวคณะทา นอนื่ ก็คงคดิ เร่ืองเดียวกันกับขา พเจา เพราะไดยินบางทานก็พูด วา “พระธาตเุ สดจ็ ๕ องค ก็หมายถึง พระพทุ ธเจา ๕ พระองคยังไงละ” แตในความคิดของขาพเจาใน ขณะนั้น คิดคาํ ตอบไดว า “ ออ ...๓ องค ก็คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ และ ๒ องค ก็คือ หิริ และ โอตัปปะ เปน ธรรมะของเทวดาไง ” พอมาถึงสนามบนิ สวุ รรณภูมิ ขาพเจาเหน็ พระอาจารยน ่ังวางๆ อยู ก็ เลยรบี เขาไปถามถึงส่ิงท่ตี วั เองคดิ วา ถกู ตองหรอื ไม ทานกต็ อบส้ันๆ วา “กต็ ีความไดหลายแบบนะโยม” แลว ก็เงยี บ ไมพ ดู อะไรอกี เลย ขาพเจาจาํ ไดว า คันปาก อยากจะถามพระอาจารยตอเหลือเกินวา แลว ตคี วามไดแ บบไหนบาง แตกไ็ มไดถ ามออกไป เพราะสังเกตเห็นวา เหมือนทานอยากจะใหเราไปลอง ปฏบิ ตั ิธรรม แลวคิดดูใหม ซ่งึ ขา พเจา คิดเรอ่ื งน้มี าตลอดตดิ ตอ กนั ๓ วนั ก็เลิกคิดแลว เพราะไมสามารถ คดิ คาํ ตอบอะไรใหมๆ ไดเลย จนเม่อื ไมน านมานี้ ท่ขี า พเจา ตัง้ ใจจะเขยี นเรื่องน้ีแบบจรงิ ๆ จัง จึงไดมีคําถามนี้ผุดขึ้นมาบอยๆ วา ทําไมพระธาตุตองเสด็จมา ๕ องค และแตกตา งกันเปน ๒ รูปแบบ คือ ใสใหญ ๓ องค และขุนเล็ก ๒ องค เมอ่ื คดิ ขน้ึ มาทีไร กก็ าํ หนด คิดหนอๆๆ หรอื รหู นอๆๆ ไปตามเร่ืองตามราว ไมไดจริงจังอะไร เพราะรสู กึ วา “เราก็อยากรูม านานแลว แตก็คิดไมออกเสียที อยาคิดตอเลย ปวดหัวเปลาๆ” แตก็ได กําหนด คิดหนอๆๆ รูหนอๆๆ ไปเรอ่ื ยๆ จนในทีส่ ดุ วนั หนึ่งจึงไดกระจาง และรูคําตอบไดดวยตัวเอง ถงึ แมค ําตอบนีจ้ ะถูกหรอื ไมถ กู หรอื เปนส่งิ ที่จติ ปรุงแตงขน้ึ เองก็ตาม แตเปน สิ่งทข่ี า พเจารูสึกข้ึนไดจริงๆ คอื ที่พระธาตุเสดจ็ มา ๕ องคน้ัน หมายถึง เบญจขันธ ๕ ประการ เพราะชวี ติ ของเราทุกคนนี้ เกิดขึ้นมา ไดเ พราะมีขันธ ๕ คอื กาย เวทนา สญั ญา สังขาร และวญิ ญาณ หรอื จะใหย อ ที่สดุ ก็เหลือ ๒ คือ กาย และใจ หรือ รปู กบั นาม ซ่ึงกายและใจ หรือรปู กบั นามน้ี เปนของหนัก เปนส่ิงที่เศราหมอง พระธาตุท่ี เสดจ็ มา ๒ องค จึงเปนสีขาวขุน ทบึ แสง กายและใจหรือรปู กบั นามทั้งหลาย ก็ลว นตกอยูภายใตลักษณะ ๓ ประการ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไดแก ความความไมเท่ียง ความทนไดย าก และความไมใชตัวใชตนของเรา-เราจะบังคับบัญชา มไิ ด เรยี กวา กฏพระไตรลักษณ ปถุ ุชนใดปรารถนาจะกาวลวงไมตองอยูในกฏพระไตรลักษณ ก็ตอง ปฏิบตั ติ ัวใหอยูในหลกั การปฏบิ ตั ิ ๓ อยาง คอื ทาน ศีล ภาวนา รวมเรียกวา ไตรสิกขา โดยยึดถือหรือดู แบบอยางตามสิ่งอีก ๓ ส่ิง คอื พระพทุ ธ พระธรรม และพระสงฆ รวมเรียกวา พระรัตนตรัย ซึ่งปุถุชน ทั้งหลายควรยดึ ถอื เอาหลกั ไตรลักษณ ไตรสิกขา และพระรตั นตรัยวาเปนแกนสารเปนหลักใหญของชีวิต เพอ่ื เปาหมายสูงสดุ ของชวี ิตคือพระนพิ พาน ดังนัน้ พระธาตทุ ่ีเสดจ็ มา ๓ องคจงึ มีขนาดใหญ เม่ือลวงพน จากกฏไตรลักษณเขาสนู ิพพานไดแลว ชีวิตของเรากจ็ ะเบา จติ ก็จะใสไมขนุ มัว ดังนั้น พระบรมสารีริกธาตุ ที่เสดจ็ มา ๓ องคใ หญ จงึ มีลักษณะใสโปรง แสง ไมขนุ มัว ๑๔๑
สาธุ...สาธุ...สาธุ...อนุโมทามิ ลูกขอสาธุแดองคพระพุทธ บิดาพระสัมมาสัมพุทธเจา ท่ีแม ปรินพิ พานนานแลว ยังทรงสั่งสอนมนุษยปุถุชนคนธรรมดาเชนลูกไดดวยพระบรมสารีริกธาตุ เชนน้ี สาธุ...สาธ.ุ ..สาธุ...อนุโมทามิ ลูกจะขอประพฤติปฏิบัตธิ รรมเพื่อบรรลุมรรคผลนิพพาน เพื่อลวงพนจาก กองทกุ ขตามรอยบาทพระศาสดาใหส มกบั พระเมตตาทุกชาติไป พนู สขุ สุภากรณ คณุ พูนสุข สุภากรณ (แปบ) ที่วัดพระเขย้ี วแกว ๑๔๒
ประมวลภาพพระธาตุเสดจ็ ท่ี ประเทศศรีลังกา (คร้ังที่ ๒) พระเจดยี ณ วดั ถปู าราม ในเยน็ วนั ที่ ๓ มิถนุ ายน พ.ศ. ๒๕๕๒ พระบรมสารีรกิ ธาตทุ ่ีเสดจ็ มา หลงั จากสวดมนตและนัง่ สมาธเิ สรจ็ จาํ นวน ๘๖ องค เมอ่ื พระบรมสารีรกิ ธาตุเสดจ็ มา ญาติธรรมทกุ ทาน พระอาจารยกราบลาพระเจดีย หลวงพไี่ กรวลั ย ถือผา ท่ี ตนื่ เตน มาก กรกู นั เขามาขอถายรูป ไมเ วน แมแตพระสงฆ ศรีลังกาทอ่ี ยเู ฝา สถานที่ ก็ขอเขามาชมดว ย หอ พระบรมสารีริกธาตุไว อธิษฐานถึงส่งิ ใดหนอ? ๑๔๓
เมอ่ื กลับถงึ สถานท่พี กั พระอาจารย และหลวงพ่ไี กรวลั ย ชวยกนั นบั พระบรมสารีรกิ ธาตุ แยกใสผอบตามวรรณะ สัณฐาน พระธาตสุ ณั ฐานเมล็ดพนั ธุผกั กาด ทอี่ ยูบ นผานั้น นบั แยกเปนกองละ ๑๐ องค เชาตรทู เ่ี มอื งแคนดี้ กอ นจะไปกราบพระเข้ียวแกว ชาวคณะขอชม พระธาตอุ กี คร้งั หน่งึ พระอาจารยจ ึงเปดใหด ู พบวามีพระธาตุ เสดจ็ มาเพ่มิ เปนจํานวนมาก หลายวรรณะสณั ฐาน แตย งั ไมไ ดน ับ เนื่องจากตองรบี ออกเดินทาง ๑๔๔
เย็นวันท่ี ๖ มถิ นุ ายน ณ เมอื งโคลอมโบ หลังจากถวายพระพุทธมหาจกั รพรรดิเสร็จแลว กลบั เขาโรงแรมทีพ่ ัก บริเวณลอ็ บบี้ พระอาจารยเปดผอบใหดูอกี คร้ัง ตง้ั ใจวา จะ ชวยกันนับพระธาตุ แตแ สงไมพอเพยี ง ตอ ง ระดมไฟฉายของชาวคณะมาชวยกนั เพิม่ ความ สวา ง ๑๔๕
หลงั จากยายสถานทน่ี ับพระธาตุมาเปนทห่ี อ งพกั ของ พระอาจารยแ ลว พระอาจารย และหลวงพ่ไี กรวลั ย จงึ ชวยกันนับพระธาตอุ ยางขะมกั เขมน ในขณะท่ี คณะญาตธิ รรมก็นัง่ สวดมนตบทบูชาพระธาตกุ นั อยา งตั้งอกตง้ั ใจ ดอกไมสีขาวบริสุทธิ์ เพ่ือบูชาพระธาตุ ๑๔๖
คดั แยกและนบั พระธาตุ ขนาดใหญ บรรจใุ สผ อบกอ น ๑๔๗
ภาพขั้นตอนการนบั พระธาตขุ นาดเลก็ คือ สณั ฐานเมล็ดพนั ธผุ กั กาด โดยนับแยกเปน กอง เลก็ ๆ กองละ ๑๐ องค ๑๔๘
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222