Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พระบรมสารีริกธาตุ น้อมนำปัญญา สู่สัมมาปฏิบัติ

พระบรมสารีริกธาตุ น้อมนำปัญญา สู่สัมมาปฏิบัติ

Published by Thalanglibrary, 2020-11-28 11:26:13

Description: พระบรมสารีริกธาตุ น้อมนำปัญญา สู่สัมมาปฏิบัติ

Search

Read the Text Version

ชวงที่ ๔ จากศรัทธาแหงมหากษัตรยิ  . . . สูธรรมะปฏบิ ตั ขิ องมหาชน ธรรมบรรยายโดย พระครสู มุหจิรยุทธ อธฉิ นโฺ ท เจาอาวาสวัดตาลเอน จ. พระนครศรีอยุธยา ในวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๓ ถอดเสยี งเปน ลายลักษณอกั ษรโดย อายุบวร ๔๙

ขอนอบนอ มแดองคสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจา พระธรรมวินัย และพระ อริยสงฆสาวก ผปู ระพฤตดิ ปี ฏิบตั ิชอบ ขอถวายความเคารพแดหลวงพอจรัญ ฐิตธมฺโม พระอุปชฌาย พรอมทั้งทาน พระครภู าวนานกุ ลู ทา นพระครปู ญ ญาประสทิ ธคิ ุณ ขอถวายความเคารพแดบูรพาจารยและอดีตเจาอาวาส วดั ตาลเอนทุกรูปอันมหี ลวงพอ กัณหาและหลวงพอฟองเปนตน ขอความสุขสวัสดีจงมีแกทานผูปฏิบัติ ธรรมทุกทา น ณ บดั นีเ้ ทอญ สําหรับเร่ืองที่จะพูดในวนั นีก้ ็คอื เรอื่ งของพระบรมสารรี กิ ธาตแุ ละพระอรหันตธาตุ ซึ่งไดมีคติการ สกั การบูชาไวในพระพุทธศาสนา เทาท่ีสติปญ ญา ความรู ความสามารถของอาตมาจะนํามาบอกตอแกทาน สาธุชนทง้ั หลายพอสมควรแกเ วลาทมี่ ีอยูน ้ี อนึ่งสงิ่ ทจ่ี ะเลาตอจากน้ีไป สวนหน่ึงก็เปนประสบการณจริง ทไ่ี ดเคยไดย ินไดฟ ง จากครูบาอาจารยผูรูท ั้งหลาย และที่อาตมภาพไดประสบพบเหน็ มาดวยตัวเองบาง แต ส่ิงท่ีจะกลา วตอ จากน้ไี ปนนั้ เปนเครอ่ื งประจักษพ ยานยืนยันของพระพุทธศาสนาในสวนท่ีเปนพุทธานุ ภาพ ธรรมนุภาพ สังฆานุภาพ ของพระรัตนตรัยทีอ่ าจอาํ นวยอวยผลใหผูศึกษาและประพฤติปฏิบัติ ตาม หรือผูท่ียึดถือพระรัตนตรัยเปนสรณะเปนท่ีพ่ึง ไดมีความสุขสวัสดี หรือมีความเจริญใน การศกึ ษาประพฤตปิ ฏบิ ตั พิ ระธรรมคาํ สอนขององคพระสัมมาสัมพุทธเจา และเปนประจักษพยาน ยนื ยนั การบรรลุธรรมขององค พระสัมมาสัมพทุ ธเจา และเปน ประจักษพยานยืนยันวา การท่ีเราไดนําเอา ธรรมะของพระพทุ ธเจาไปศึกษาและปฏบิ ตั ิตาม ยอมเกดิ ผลแกต นไดในสว นของความบริสุทธิ์ทางจิตใจซ่ึง เปน นามธรรม แตในขณะเดียวกัน สวนท่ีเปนนามธรรมน้ันก็อาจจะสงผล ซักฟอกเบญจขันธ และ กระดูกของมนษุ ยซ ่งึ เปน ของสกปรก ใหสะอาดผองแผว บรสิ ทุ ธดิ์ จุ แกว มณี มีความใส หรือมีสีตางๆ มีวรรณะผิวพรรณทีง่ ดงาม มรี ัศมีเปลง ปล่ัง ทเ่ี รยี กวาพระบรมสารีริกธาตุหรือพระธาตุ ซ่ึงยากนักที่ มนุษยป ถุ ุชนคนทั่วไปจะมไี ดจ ะเขา ถึงได หรือแมก ระท่งั ในศาสนาอื่นๆ นั้น ก็ไมอาจท่ีจะสามารถพัฒนา ตัวเองเขา ไปถงึ ความท่กี ระดกู ของมนษุ ยเปน พระธาตุ ซ่งึ พระธาตุเปน ธาตุแข็ง เปน ธาตใุ สบริสุทธิ์ เปนพระ ธาตทุ ี่มีอานภุ าพได เปนประจักษพ ยานยนื ยนั ของพระพุทธศาสนา เปนเครื่องช้ีนําสงเสริม และสนับสนุน ใหเห็นวา พระธรรมคาํ สัง่ สอนของพระพทุ ธเจานัน้ สขุ ุม ละเอียดออน ลึกซึ้งคัมภีรภาพ อันวิญูชนผูมี สตปิ ญญากลา หาญ อาจจะแผว ถางกิเลสในใจของตนใหเตียนโลง และเ ขาสูมรรคา คือ ปฏิปทามรรค อริยมรรค ใหนาํ ไปสู อริยผลคือ ความเปน พระอรยิ บคุ คล ชน้ั พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และพระอรหนั ตไ ด โดยไมเลอื กวา เปน เพศชายหรอื เพศหญงิ โดยไมเ ลือกวา จะเปนคนในยุคไหนสมัยไหน พระธรรมของพระองคทา นก็สามารถนํามาประพฤตปิ ฏิบตั ขิ ดั เกลาจรติ อัธยาศยั ของตนใหบริสุทธิ์ผองแผว มีจติ ใจที่สะอาด ปราศจากเครอื่ งมัวหมองคอื ธลุ ีไดแกก เิ ลส อนั เปนเหตุทาํ ใหจติ ใจของมนุษยหมนหมอง ดําคลํา้ ไดทุกคน โดยไมตองสงสยั เลย เทา ความวา..ในสมยั ท่อี งคส มเด็จพระสมั มาสมั พุทธเจา ทานยังดํารงพระชนมชีพอยูน้ัน พระองค ไดทรงปรารภในพระหฤทัย แลวก็ทรงตรัสแกหมูภิกษุทั้งหลายวา ศาสนาของตถาคตนั้นมีอายุไมยืน ยาวนานถาเทยี บกบั ศาสนาของพระพุทธเจาในอดีต บางพระองคก็มีอายุยืนยาวนานเปนหม่ืนๆ ป แต ศาสนาของพระพทุ ธเจา บางพระองคก็มีอายุเพียงแคหลักรอยป แตจะอยางไรเสียก็ตามพระพุทธเจา บางพระองคนนั้ มีพระชนมายุยืนนาน บางพระองคมีอายุเปนพันป บางพระองคมีอายุเปนหมื่นป แต สาํ หรบั องคพระชินสหี ของเรานัน้ มอี ายเุ พยี งไมถึงรอยปก็จะปรินิพพานไปในอายุเพียงแค ๘๐ พรรษา พระศาสนธรรมคาํ สอนของพระองคท่ีไดวางไวถึงจะมีมากถึง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ รวมเรียกวา ๕๐

พระไตรปฎก มีทั้งพระสุตตันตปฎ ก ๒๑,๐๐๐ พระวนิ ัยปฎ ก ๒๑,๐๐๐ และพระอภิธรรมปฎก ๔๒,๐๐๐ กร็ วมเปน ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ ก็นบั วามาก แตแ ทจริงแลว ยงั จดั วา นอ ยอยถู า เทียบกับพระพุทธเจาใน อดีตบางพระองค โดยเฉพาะพระชนมายุทมี่ เี พียงไมถงึ รอ ยปของพระพทุ ธเจา เมอื่ พระองคไ ดท รงดาํ ริและตรสั กับหมพู ระภกิ ษดุ งั นั้น พระองคก็ไดทรงดําริวาพระพุทธเจาใน อดีตทุกพระองคน น้ั เมอื่ นิพพานแลว พระบรมสารีริกธาตุไดเกดิ อศั จรรย กระดูกทกุ ช้ินมารวมกันเปนแทง มีลักษณะใสดจุ แกวมณี ไรไฝฝา ราคคี าว มองในทศิ ใดก็สามารถเหน็ ความใสสวา งสองผานทะลุไปทุกสิ่งทุก อยา งได และมเี พียงแคกอนเดยี วหรือแทงเดียวเทาน้ัน จะประดิษฐานไวมั่นคงในที่ใดที่หนึ่ง มหาชน ทง้ั หลายกจ็ ะพากนั มาจากทิศทั้งส่ี ทศิ ท้งั แปด ทิศทั้งสิบ เพื่อมาสักการะซ่ึงพระบรมสารีริกธาตุแกวน้ัน เพยี งทีแ่ หง เดียว แตสาํ หรบั องคพ ระบรมโลกเชษฐพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจาของเรานั้น มีพระชนมายุ นอย พระศาสนายงั มิไดแ พรหลาย พระองคกท็ รงดํารทิ จ่ี ะอธษิ ฐานใหพระบรมสารีริกธาตุของพระองค นนั้ แผกระจายไปยงั ทต่ี างๆ เพ่ือประโยชนแหง การสักการบูชาของมหาชน เพ่ือเปนเคร่ืองเชื่อมโยง ใหเกิดปต ิ เกดิ ศรทั ธา เกิดโสมนัสในจิต ดํารทิ ่ีจะประพฤติปฏิบตั ติ ามพระธรรมคําสอนของพระองค ทา นได หรอื เปน เหตุชักจงู จิตใจของมนุษยผูไดส ักการบูชา ไดสนใจนําชีวิตของตนเขาสูทางธรรมะ เปนเครือ่ งกา วลวงชีวติ ของตนออกจากกองทุกขได ดังน้นั ในวันทีพ่ ระองคไ ดทรงปรินิพพานไปแลว ไดมีการถวายพระเพลิงพระบรมศพท่ีเมือง กสุ ินารานคร โดยพระมหากัสสปะเถระเจา เมื่อทานไปนมัสการท่ีเบื้องพระยุคลบาทขององคสมเด็จ พระสัมมาสมั พทุ ธเจา ซงึ่ พระบรมศพขององคพ ระสมั มาสมั พทุ ธเจาไดหอ ดวยผาเน้อื ดีและมีสําลีเปนไสใน ถึงหา รอยชน้ั นน้ั เกิดเหตุอัศจรรยรอยพระพทุ ธบาทไดย่ืนออกมานอกเหนือผาที่หอเอาไวหารอยช้ันน้ัน ทาํ ใหพระมหากัสสปะเถระไดก ราบบงั คมทีเ่ บ้อื งพระยุคลบาท เอาหนา ผากแตะไปท่ีกลางฝาพระบาทของ องคพ ระสัมมาสมั พุทธเจา เมือ่ ทานเงยหนา ออกมา กเ็ กดิ อัศจรรย เตโชธาตุหรือธาตุไฟไดลุกโชติชวงเผา ไหมพ ระบรมศพ และมีพระบรมสารรี กิ ธาตหุ ลงเหลอื อยู พรอมท้งั ผาสิงคิวรรณ ท่ีมีผูถวายพระองคทาน แตผาชนิดน้ีไมถูกไฟไหม พรอมทั้งพระบรมสารีริกธาตุที่ไมถูกไฟไหมอีกสวนหน่ึงก็มี หนาผาก ไหปลาราทั้งสอง เข้ยี วท้งั ส่ี อันน้พี ระบรมสารีริกธาตุทั้งเจ็ดที่ไมถูกไฟไหมนี้ ก็ไดประดิษฐานอยูในที่ ตา งๆ ในโลกมนุษยน หี้ ลายแหงดวยกัน แลวก็ยังมีพระบรมสารีริกธาตุอีกประมาณแปดถึงเกาทะนาน ทแ่ี ตกกระจายเปน เมด็ เล็กเมด็ นอย พูดภาษาชาวบานคือ เม็ด ภาษาพระคือ เปนองคเล็กองคนอย มสี ัณฐานหลายๆ อยาง เชน มีสัณฐานเหมือนถั่ว มีสัณฐานเหมือนเมล็ดพันธุผักกาด มีวรรณะที่ แตกตาง วรรณะคือสี บางครั้งกม็ สี เี หลอื งอาํ พัน บางองคกม็ สี ีชมพูออนๆ บางองคกม็ สี ีแสด บางอ งค กม็ ีสีขาวขุน เหมือนงาชา ง บางองคก็มีสีขาวใสดุจแกวมณี พระบรมสารีริกธาตุตางๆ เหลานี้ ไดถูก โทณพราหมณแ บงดว ยทะนานทองคาํ ไปยงั เมอื งตา งๆ หลงั จากทพ่ี ระพทุ ธศาสนาเจรญิ รงุ เรืองมาไดในระยะหน่งึ พระเจา อชาตศัตรูไดรวบรวมพระบรม สารีริกธาตใุ นท่ีนั้นๆ มารวมไวในเมืองแหงหนึ่ง และทําพิธี “ธาตุนิธาน” หมายถึงวา ฝงพระบรม สารีรกิ ธาตไุ วใ นอโุ มงคใตด ิน เพราะวาพระพุทธเจาไดม ีพระพุทธพยากรณไวแลววา ตอไปภายภาคหนา หลังจ ากท่ีพระพุทธ เจาปรินิพพานไดประมาณสามรอ ยป จ ะมีพระอ รหันตรูปหน่ึง พรอมท้ัง พระมหากษัตริยอกี หน่ึงพระองคอ ันมชี อื่ วา พระเจา อโศกมหาราช จะไดนําใหพระบรมสารีริกธาตุ และ พระธรรมคําสอนของพระพทุ ธเจา แพรออกไปนอกชมพูทวีป หลังจากนั้นเวลากาลลว งมาเปนเวลาประมาณ ๕๑

สามรอยป ไดม ีกษัตรยิ เ มืองปาตลบี ตุ ร อนั มีนามวา อโศก เปน กษตั รยิ ท่มี ีจิตใจโหดราย รุกรานบานเมือง อ่ืนเอามาเปนอาณานคิ มของตน วันหน่งึ ทา นไดส ่ังฆา ผคู นจาํ นวนมากใหลมตาย และทานก็กําลังข่ีมาเพื่อ ตรวจดกู ารประหารชีวติ หมูในคร้ังน้นั ก็ปรากฏวา ทานไดพ บสามเณรรูปหน่ึงกําลังเดินสํารวมมา โดยผาน ซากศพเหลานนั้ ไป และสามเณรรปู นัน้ ก็ปราศจากความสะดุงหวาดกลัว เดินกมหนา ทอดสายตาลงต่ํา ดวยจติ ใจทส่ี งบมงุ มน่ั พระเจา อโศกมหาราชกล็ งจากมา แลว เขา ไปกราบ ถามวาพอสามเณรมาจากไหน และจะไปไหน และทานเปนลกู ศิษยของใคร สามเณรก็เลาใหฟง เกิดความศรัทธา ก็เลยขอฟงธรรม สามเณรเหน็ วา อโศกกษัตริยผ ูน ้ี มีบญุ บารมจี ะไดทํานบุ าํ รงุ พระศาสนาใหรุง เรอื งกา วหนา จึงไดแนะนําให ไปพบกบั พระอรหนั ตซึ่งเปน อาจารยข องตนมีชอ่ื วา พระโมคคัลลีบุตรติสสะเถระเจา เม่ือไปพบพระโมคคลั ลบี ตุ รแลว พระโมคคัลลีบุตรก็ไดแสดงธรรมใหฟง ทําใหพระเจาอโศก มหาราชผูนม้ี คี วามศรัทธาเลอื่ มใสในพระพทุ ธศาสนา แลว ก็คิดท่ีจะทํานุบํารุงพระพุทธศาสนาใหรุงเรือง ประสงคจะบชู าพระสมั มาสมั พุทธเจา พระโมคคลั ลีบตุ รติสสะเถระก็แนะนาํ วา พระพุทธองคไดทรงตรัสไว วา เม่อื พระองคนพิ พานไปแลว หากกุลบุตรกลุ ธิดามคี วามประสงคจ ะระลกึ ถึงพระตถาคต กราบไหวบูชา ตถาคต ก็ใหไประลึกโดยการกราบไหวนมสั การสังเวชนยี สถานท้ังสแี่ หง ก็คือ สถานท่ีประสูติ ณ ลุมพินี สถานที่ตรสั รูท ่ีพุทธคยา สถานที่ปรินพิ พานทีก่ ุสินารา และสถานที่แสดงพระธรรมจักรที่ ธัมเมกสถูป พาราณสี และยังไดก ลา วตอ ไปวา ใหส าธุชนนั้นกราบไหวส กั การบูชาพระบรมสารรี ิกธาตขุ องพระองค และ นอ มเอาพระธรรมคําส่ังสอนทพ่ี ระองคไดประพฤติปฏิบัติน้ันมาประพฤติปฏิบัติ เมื่อพระเจาอโศก มหาราชไดฟง ดัง นั้น ก็ไ ดเ สด็จ ไปในสังเ วชนียสถาน ไดก ราบไ หวแลวเกิดป ติโสมนัส เ กรงวา พทุ ธศาสนกิ ชนในวนั ขางหนาจะไมร จู กั กเ็ ลยทําการสรางเสาหินเอาไว และจารึกวาสถานท่ีแหงนี้เปนท่ี ใดบา ง ในปจ จบุ ันน้เี สาหนิ นีเ้ ปนประโยชนอยางมากตอ นักโบราณคดีในยุคตอๆ มา เพราะทําใหไดรูวา สถานที่ท่ีพระเจาอโศกไดปกเสาหินไวนั้น เปนสถ านท่ีท่ีมีความสําคัญทางพระพุทธศาสนา ที่ทําให ทา นเซอร อเลก็ ซานเดอร คนั นิง่ แฮม ทา นเปนขา หลวงขององั กฤษ ทานไดค น จนเจอท้ังส่ีตําบล ทั้งสี่แหง ทง้ั ทีพ่ ุทธคยา ทพี่ าราณสี ทกี่ สุ ินารา และกท็ ลี่ ุมพนิ ี และกย็ งั มีเสาหินที่อื่นๆอีกที่มีความสําคัญท่ีเกี่ยวกับ พระพทุ ธศาสนา กลาวถงึ พระเจาอโศกมหาราชวา เม่อื ทา นไดม พี ระราชจิตศรทั ธาดงั นนั้ แลว ทานก็ยังมีจิตศรัทธาที่ จะสรางพระเจดยี แ ปดหมืน่ สพี่ นั องคไปทั่วชมพูทวีป โดยนําพระบรมสารีริกธาตุท่ีในตํานานกลาวไววา เจา ชายอชาตศัตรูไดท ําพิธฝี งไว ขุดข้ึนมาแลว จะไดบรรจุไวตามเจ ดียตางๆ และในขณะเดียวกันก็ยังมี ความประสงคจะเผยแพรพ ระธรรมคาํ สัง่ สอนของพระพุทธเจา ไปในแควน ตางๆ โดยจัดตั้ง สมณทูตจํานวน ๙ สาย และสงไปเผยแพรใ นทิศตางๆ ก็เนื่องจากวาไดคําแนะนําจากพระอรหันตว า เมือ่ ครง้ั ที่พระพุทธเจา ยังมีพระชนมชีพอยนู น้ั พระพทุ ธเจา ไดทรงทาํ นายไวแ ลว วา ในอนาคตกาล พระพุทธศาสนาจะไมดํารงม่ัน อยใู นชมพทู วปี แตจ ะมีศาสนาอนื่ มารกุ ราน ดงั นน้ั พระเจา อโศกมหาราชกเ็ กรงวา พระพทุ ธศาสนาจะส้ินสูญ ไป จงึ จดั สงสมณทูต ๙ สายไปประกาศพระศาสนายังที่ตางๆ และ ๑ ใน ๙ สายน้ัน ก็คือ สุวรรณภูมิ อันไดแ ก ประเทศไทย พมา ลาว ซึ่งเรากไ็ ดรับพระพทุ ธศาสนามา แลวก็ยังรวมไปถึงประเทศจีน เกาหลี และสง ตอผานไปถึงอินโดนีเซียในยุคหนึ่ง แลวก็มีศรีลังกา แลวก็มีหลายๆเมือง ซ่ึงบางประเทศก็ เปล่ยี นเปนศาสนาอื่นไปแลว อยางเมืองทางฝงหน่ึงของอินเดีย ซึ่งปจจุบันน้ีคื อประเทศปากีสถาน ๕๒

อัฟกานิสถานนเ่ี ดิมก็เปนเมอื งพุทธมากอ น มองโกเลียเม่อื กอ นก็เคยมีพุทธศาสนาเขา ไปถึง แตปจจุบันนี้ก็ ไมม ี น่กี ค็ ือความสาํ คัญอนั หนึ่งทพี่ ระเจา อโศกมหาราชทา นไดก ระทํา ทนี กี้ ลาวถึงพระบรมสารีริกธาตุกนั บา ง ยอนกลับไปวาพระเจาอโศกมหาราชเม่ือดํา ริท่ีจะสราง พระเจดียแ ปดหมืน่ สี่พันพระธรรมขันธแลว ทา นกไ็ ดแสวงหาสถานที่ ที่พระเจาอชาตศัตรูไดฝงพระบรม สารรี กิ ธาตุไว จนกระท่ังวา ไดพบเบาะแสโดยพระเถระอายุ ๑๒๓ หรือ ๑๓๐ ปร ูปหน่งึ อาตมาจําไมไดแลว ทานเปน ผบู อกเบาะแสให เพราะวาครงั้ หน่ึงทา นเคยเปนสามเณร และกเ็ ห็นอาจารยของทานพาไปสักการะ กเ็ ลยถามวา ท่เี จดียห นิ อันน้ี ทอ่ี าจารยพามาสักการะนมี้ อี ะไรสําคัญ อาจารยก็เลาใหฟงวา อาจารยของ อาจารยอ ีกรปู หนงึ่ ซง่ึ เกิดทนั ในยุคของพระพุทธเจา ไดเ ลาใหฟงวา มีพระบรมสารรี กิ ธาตุของพระพุทธเจา ฝงอยูในสมยั ของพระเจาอชาตศตั รู พระเถระรูปนีก้ เ็ ลยมาเลา ใหพ ระเจาอโศกฟง พระเจาอโศกมหาราช พรอ มดวยพระอรหนั ต และประชาชานก็ไดไ ปในสถานท่แี หงนนั้ เพ่อื แผว ถาง ก็ไดพบเจดียศิลาซ่ึงพระเจา อชาตศัตรูไดท ําพธิ ฝี งพระบรมสารีริกธาตไุ วใ ตข า งลา ง เลาโดยยอวา ก็ทําการขุด ขุด แลวก็เจอพระบรม สารรี ิกธาตจุ าํ นวนมาก แตม ีเกร็ดท่ีมบี นั ทึกไวใ นคมั ภีรวา เม่ือขุดลงไปน้ัน เปน หอ งส่เี หลย่ี ม กรุดวยทองคํา มีประทปี และดอกไมวางอยู แตส ง่ิ ทีอ่ ศั จรรยก ็คือ สามรอยปท ่ีผานมา นา้ํ มนั ในตะเกยี งน้ันไมเคยเหือด แหงไป แสงไฟทจี่ ดุ อยกู ไ็ มไ ดดับ ดอกไมมดี อกบัวเปน ตนทบ่ี ูชาอยู ก็ไมเห่ียวแหง เปนสิ่งที่อัศจรรย เม่อื พระเจาอโศกมหาราชเห็นดังนน้ั กเ็ กดิ ปต ิ มีความเช่ือมัน่ ในพทุ ธานุภาพยิ่งนัก เมื่ออัญเชิญพระบรม สารีรกิ ธาตมุ าแลว กไ็ ดบรรจุไปในเจดยี แ ปดหมนื่ สี่พนั องคทว่ั ชมพูทวปี และก็ไดสงใหพระอรหันต ท้ังเกา สายนนั้ นํามาประดิษฐานพระพทุ ธศาสนายงั ดินแดนตางๆ และในเมืองไทยก็นํามาท่ีน่ีโดย พระโสณะ พระอุตตระ และพระเถระนัน่ เอง ก็ไดน ํามา กลา วถึงพระบรมสารีรกิ ธาตุขององคส มเด็จพระสมั มาสัมพุทธเจานี้ ถาเราจะวากันแลวในคัมภีร หรือในหนังสือตางๆ ท่ีครูบาอาจารยพ ระสงฆท ้ังปวงทา นไดเ ขียนไว เรียบเรียงไวนั้น หลายๆ เลมถาจะ ประมาณการดูไดแลว ที่อาตมาไดเ คยศึกษาและอานมา ท้ังที่เปนรุนโบราณและก็รุนสมัยใหม ท้ังที่เปน พระสงฆเขียนเอง และเปนคฤหสั นญาติโยมทมี่ ีความรคู วามสามารถเขยี น กป็ ระมาณการไดโดยยอ วา ๑. พระบรมสารรี กิ ธาตุท่เี กิดขน้ึ เองจากพระพุทธสรีระของพระพุทธเจา ๒. พระบรมสารีรกิ ธาตุที่เกดิ ขน้ึ จากพุทธานภุ าพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ เทวานุภาพ ท่ีเกิด เหตอุ ศั จรรย เชน พระธาตเุ สด็จมาเอง พระธาตขุ ยายตัวได พระธาตเุ พิ่มจํานวนมากขึ้นได จากหน่ึง องค เปน สามองค เปน สบิ องค เปนมากกวาสิบ เปนรอยๆ พนั ๆ องค ๓. พระบรมสารรี ิกธาตหุ รือพระธาตุทเ่ี กิดขึน้ จากการอธษิ ฐานจติ ของพระอริยสงฆ เพ่ือใหคน ไดส ักการบูชา ใหม นษุ ยแ ละเทวดาไดสกั การบูชา กลาวถึงพระบรมสารีริกธาตุประเภทท่ีหนึ่งน้ี คือพระบรมสารีริกธาตุที่ไดจากพระพุทธ สรีระ โดยตรงน้ัน กม็ ีอยูห ลายแหง ทง้ั ในชมพทู วีป ทัง้ ในประเทศตางๆ ซ่งึ สวนมากมักจะมีอักษรจารึกไวอยาง ชดั เจน วา มกี ารจารกึ ไวในยคุ ใดในสมยั ใด แตเมอ่ื บุคคลหนึ่งบุคคลใดไดเขาไปกราบพระบรมสารีริกธาตุ แลว ไดไ ปทาํ จติ ใหสงบตอ หนา พระบรมสารีรกิ ธาตุแลว สวนมากมกั จะกลาวเปน เสยี งเดยี วกันวา เกิดความ อิม่ ใจ เกิดความปต ิ บางคนบอกนํ้าตาไหล บางคนบอกขนลุก บางคนบอกมีอาการเหมือนตัวเบา บางคน บอกมีความสุขลกึ ๆ ซ่งึ ไมส ามารถอธบิ ายดว ยคําพดู ได หรอื ไมส ามารถจะเขยี นดวยภาษาเขยี นใดๆ ไดเลย หลายคนมกี ําลงั ใจท่จี ะประพฤตปิ ฏิบตั ธิ รรม หลายคนมเี หตจุ งู ใจใหไ ดเ ขา มาศึกษาธรรมะเพ่ิมมากข้ึน ๕๓

จากเพยี งแตเ ปน ชาวพทุ ธไหวก ราบเทานัน้ กก็ ลายเปนชาวพุทธที่ประพฤติปฏิบัติธรรมดวย ก็สมดัง มโนปณิธานของพระพุทธเจา แลว ทไ่ี ดท รงตรัสไววา ทานประสงคจ ะใหพระบรมสารีริกธาตุของพระองค นัน้ แพรกระจายไปทั่วโลกเพ่อื ประโยชนของการสักการบูชา เพ่ือเปนตัวแทนของพระองค เพ่ือยังความ เปนประจัก ษพยานใหเ ห็นวา บุคค ลใดก็แลวแต แมเปนม นุษยธรรมด า เชนพระพุทธเจาแล ะ พระอรหนั ตสาวก กเ็ ปนมนษุ ยทีเ่ กิดจากครรภมารดา ไมไ ดตา งอะไรจากพวกเรา แตส ามารถประพฤติ ปฏิบตั ิจนกระดกู สามารถเปลี่ยนเปนพระธาตุได เม่ือคนเขา ไปศึกษาประพฤติปฏิบัตติ าม กจ็ ะสามารถ เปนอยา งนน้ั ได สว นพระบรมสารรี กิ ธาตปุ ระเภทที่สองนน้ั ก็เปน พระบรมสารีรกิ ธาตุที่เสด็จมาเอง หรือมีอยูแลว เพิม่ มากขึน้ ซงึ่ อาตมามีประสบการณจากการอา นคมั ภรี ตา งๆ มามาก และก็มปี ระสบการณท่ีไดประสบกับ ตวั เองมา ท่จี ะเลาใหกับทานสาธุชนไดฟง แตก็ขอใหทานทั้งหลายไดใชวิจารณญาณในการฟงและใน การศกึ ษา เพราะสิง่ เหลา นหี้ ากวา ถาทานยังมสี ติปญ ญาดอย มีภมู จิ ิตท่ตี าํ่ ทานก็จะไมเช่ือ เม่ือทานไมเชื่อ ทา นก็จะปรามาส เมอื่ ทา นปรามาสอกุศลจติ ก็จะครอบงําทาน กจ็ ะเปนเหตุเปนปจจัยใหการประพฤติ ปฏิบตั ธิ รรมเนิ่นชาไป เปรียบเหมอื นกบั ทพั พีทไ่ี มรูรสแกง ทพั พอี ยูในหมอ แกง ตักแกง แตก็ไมรูรสแกง ฉันใด คนท่ีมีภูมิจิตดอย มีสติปญญาออ นกําลัง ก็อาจจะไ มสามารถ เขาถึงพระธรรมคําสอนขอ ง พระพุทธเจา ได ดังนนั้ อาตมาจะเลาใหกบั ญาติโยมทั้งหลายฟง แตเ มอื่ ทานฟงแลว ทานตองทําใจเปนกลาง อยาใหเกดิ อกุศลจิตครอบงํา แตในขณะเดียวกัน ผูท่ีมีความเช่ือม่ันเล่ือมใสในคุณพระรัตนตรัย มี สตปิ ญ ญาสงู อยูแลว กอ็ าจจะเชอ่ื มัน่ และสามารถพบเจอสงิ่ เหลา นัน้ ได เพราะเม่ือครั้งแรกที่อาตมาเคย อา นหนังสอื ทเี่ ก่ียวกับพระบรมสารีรกิ ธาตุน้ัน อาตมาก็มีความรูสึกในใจ ในเรื่องของความเปนไป ไมได คิดวา คนโบราณนั้นคงจะเขยี นเอาเอง แตไ มอ าจเปนไปได แตก ็ไมเคยพดู ใหใ ครฟง เพราะเกรงวา จะเปน บาป ถึงไมเ ชอ่ื แตก ็ไมเคยคดั คา นดวยวาจา และก็ไมเคยไปเหนยี่ วร้ังใครไวที่จะไมใหเช่ืออยางน้ัน ใครเขาพดู ในทาํ นองเชือ่ ถือ เราก็ฟง ไวเ ปนขอมูล ใครเขาพดู ในทํานองไมเชื่อถือ เราก็ไมผสมโรงกับเขา เพยี งแตเ ก็บไวเปนขอ มลู เทาน้ันเอง เพราะรอู ยวู าถา หากวา เรายังไมไดสัมผัสดวยตัวเอง ก็อยาพึ่งไป ตดั สนิ ใจวาใชหรือไมใช แตในขณะที่เรายงั ไมไ ดตดั สนิ ใจ เรากไ็ มค วรทาํ จิตของเราใหเอียงเอนไปใน ดา นใดดานหน่ึง โดยเฉพาะฝงที่จะทาํ ใหเ กิดอกุศลจติ เพราะจะทําใหเราเนิน่ ชาในการประพฤติปฏิบัติ ธรรม ดังนน้ั ขอมูลท่อี าตมาไดอ า นมานนั้ บางขอ มูลทําใหเกดิ วิจิกิจฉา (ความลังเลสงสัย) อยา งเชนบอกวา เคยมคี นหรอื มีพระเห็นพระธาตเุ สดจ็ เปน ดวง เปน แสง พงุ มาจากทีห่ นึ่งไปทห่ี นง่ึ แมใ นประวัติศาสตรชาติ ไทยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชก็ยังเคยทอดพระเนตรเหน็ พระบรมสารีรกิ ธาตุเสด็จในวันท่ีกอนที่ทานจะ ยกทพั ไปท่หี นองสาหรา ย อันน้ีถา ทานอานในพงศาวดารเขาจะเขียนชัดเจนมาก พงศาวดารเขาเขียนไว อยา งนัน้ แมใ นสมยั รชั กาลท่ี ๖ ทา นเสด็จไปประทับอยูท่ีนครปฐม ทานมองมาท่ีพระปฐมเจดียก็เห็นพระ บรมสารีรกิ ธาตเุ สด็จ นี่เจาฟา พระมหากษัตรยิ  แมพระสงฆพระสุปฏิปนโนทั้งหลายก็เขียนไว แตสําหรับ พระสงฆพ ระสุปฏปิ นโนน้นั เราไมไ ปกาวลวงเพราะเนือ่ งจากวาทา นเปนพระสปุ ฏิปนโน แตในใจลึกๆ ก็ยังมี ความรสู ึกตะขดิ ตะขวงใจอยวู า จะเปนไปไดอยางไร จวบจนกระทัง่ วา เม่อื บวชเณรมาสกั พรรษาสอง พรรษาสาม ก็ไดเห็นหลวงพอจรัญ ทานไดพูด กับญาตโิ ยมวา ทานมีพระธาตเุ ปนบาตรๆ บาตรใสขา วสาํ หรับพระนะ ญาติโยมกไ็ ปขอตัก แลวก็ไมมีวัน หมด เราก็อยากจะได กข็ อใหโ ยมไปขอให โยมก็ไดไ ปขอหลวงพอ จรญั มาให แตม ีครั้งหน่ึงหลวงพอจรัญ ๕๔

ทานพดู เองในที่ประชุมพระเณรและญาตโิ ยมวา ทา นมพี ระธาตุเปน บาตร ตอนแรกมอี ยูไ มก่ีองค เพ่ิมมา เปนบาตรๆ ตอนนเ้ี ตม็ บาตรแลว ตองหาอีกบาตรหนึง่ มารองเอาไว พวกเราก็แปลกใจวาจะจริงหรือไม แตทานเปนอุปช ฌายก ็คงไมโ กหกลูกศษิ ย ตอ มามีพระในวัดอมั พวนั ชอื่ พระครปู ลดั สิทธิวรวัฒน สมัยกอน ยงั ไมมสี มณะศักด์ิ ก็เรยี กกันวา หลวงพคี่ ธาวุฒิ ไดข า ววาทา นไดไปขอพระบรมสารีริกธาตุหรือพระธาตุ จากหลวงปบู ดุ ดา ถาวโร ซึง่ หลวงปบู ดุ ดา ถาวโรน้นั ทา นไดเ อามือมารองท่ีปากของทาน แลวก็มีพระบรม สารรี ิกธาตหุ รือพระธาตุออกมาจากปากทาน แลวทา นก็ยื่นใหก ับพระที่ไปขอ อาตมาก็เลยอยากจะได ก็เลย ไปขอทานมา ทา นกใ็ ห แตวนั ท่ที า นให ทานบอกวา “ใหไ ปอยา งนี้ ไมน าภาคภูมิใจ เณรตองไปประพฤติ ปฏบิ ตั ธิ รรม จนกวา พระธาตจุ ะเสด็จมาเอง ถา เสด็จมาเองเมื่อไร แสดงวาเราไมขี้เกียจปฏิบัติ เรา ไดผ ลแลว อยา เชอื่ อาจารยน ะ ใหไ ปพิสูจนเอาเอง” น่ีคําพดู ของทานพระครปู ลัดฯ เม่อื ไดรบั มา อาตมาก็นาํ มาตงั้ บชู า กน็ ึกถึงทานพระครูปลดั ฯ เสมอ กเ็ ลยไปซื้อผอบเปลามาวางไว แลวกท็ ําการสวดมนต สวดธรรมจักร สวดเมตตาใหญ สวดพาหุง สวดชินบัญชร ยอดพระกัณฑไตรปฎก น่ังสมาธิ เดินจงกรม อธษิ ฐานจติ ขอใหพระธาตุเสดจ็ มา พอสวดเสรจ็ ก็เปดดู ก็ปรากฏวาอัศจรรยมาก มี แตความวา งเปลา ไมมีพระธาตเุ สด็จมาเลย แตใจลกึ ๆ กว็ า เราคงยังไมถ ึง วนั รุงขึ้นและวันตอๆ มา ก็ทํา อีก เปด อีก ก็ไมเห็นมีมาสกั ครัง้ หน่ึง ทําอยูอยางนี้ เปด ทกุ วนั ทกุ วัน จนกระทัง่ วันหนง่ึ เกดิ ความขี้เกียจ ก็ เลยไมเปดแลว แตขอดีอยางหน่งึ กค็ อื วา ถงึ มีความคิดวา ทาํ ไมพระธาตไุ มเสด็จ แตก็ไมเกิดความขี้ เกยี จทจ่ี ะสวดมนตป ฏบิ ัติธรรม แตวา กลับคิดในใจวา เราคงอยากไดม ากเกินไปมั้ง ที่จะข้ีเกียจแลวก็ ทอ ปฏบิ ตั ินี่ไมเอา แตเพอ่ื นทที่ ําดว ยกนั เขาเลกิ สวดมนตไปแลว เขาบอกวา “อาจารยโกหก สวดไมเห็นได เลย ไดเหมือนกันนะ ! ไดเ สียงแหง!” เขาวา ง้ัน เขากเ็ ลกิ สวด แตอาตมากลบั มาคิดในใจวา สวดมนตเ ปน เรือ่ งดี พระธาตุเสดจ็ หรือไมเ สดจ็ เปน เรื่องของพระธาตุ อาตมากส็ วดไปเรือ่ ย จากนั้นเปนเดือน ไมเคย เปด ดผู อบเจดียอ กี เลย จนกระท่ังทาํ ความสะอาดหองแบบยกเคร่อื งกนั เชด็ ทกุ อยา ง ถูทุกอยางกนั กเ็ ลยรือ้ โตะพระมาทํา ความสะอาด ขณะที่ทําความสะอาดเจดยี พ ระธาตอุ ยู กค็ ิดในใจวา เอ! เราไมไดเปดดูตั้งนานแลว ก็เลย เปด ดู พอเปดดู กป็ รากฏวา มีพระบรมสารรี ิกธาตุอยใู นผอบเจดยี ประมาณ ๕ องค ก็เลยถามเณรเพ่ือน วา “เณรเอามาวางไวห รือเปลา ” เณรเพอ่ื นก็บอกวา “ผมไมเคยแตะของทานเลยนะ” ถามใครก็ไมมีใครรู ก็เปนอนั วา พระธาตุเสด็จมา จรงิ ดงั ทท่ี านอาจารยท านไดแนะนาํ ไว กเ็ ลยถงึ ความเขา ใจวา ออ! คนเราถามี ความพอดี ไมโ ลภะ ไมอยากได ถงึ เวลาทานก็มาของทา นเอง ทีนจี้ ากนัน้ มาก็มาเรอื่ ยๆ เรอื่ ยๆ มา บาง ทกี ็มพี ระเอามาใหบ าง บางทีก็เสด็จมาเพมิ่ บาง แตน ่ีคือครง้ั แรกเลย คร้งั ท่สี อง กอ็ านหนังสือเรือ่ งพระเขี้ยวแกว เกดิ ปตศิ รัทธาอยากไปไหวพระเข้ียวแกวท่ีประเทศ ศรีลังกา สมยั น้ันเปน พระลกู วัด บวชไดไ มก่พี รรษา วาสนาที่จะไปถึงศรีลงั กาคงเปนเรื่องยาก ก็เลยไดแต เอาหนังสือโลกทิพยทีเ่ ขาเขียนเรือ่ งพระเขีย้ วแกว เอารูปมาบชู าท่ีหอ ง วนั นั้นรสู ึกจติ ใจดีมาก หลังจากเอา รูปวางไวท ี่หองแลวก็เกดิ สมาธิ มันไมอยากทําอะไร ไมอยากไปสรงนํ้า ไมอยากไปกวาดลานวัด แต จิตอยากปฏิบัติ ตอนน้ันกท็ ํางานดูเณรมาเหนือ่ ยๆ ก็ไมงวง ไมเพลีย ไมลา ปกติจะตองงีบสักนิดหนึ่ง เยน็ ๆ คอยไปดเู ณรใหม ชว งบายนะ กลับมาประมาณสักเกอื บๆ ส่ีโมงเยน็ กเ็ ลยครองจีวรแลวนั่งทําสมาธิ พอเรม่ิ หลับตา จติ กร็ วมเปน หนึ่งเดียวไดเรว็ มาก อัศจรรยจากการทอี่ านหนังสือพระสารีริกธ าตุในครั้งนั้น นะ แตอ านมาหลายเรอ่ื งหลายอาจารยก ไ็ มเหมอื นกับอานเร่อื งพระบรมสารีรกิ ธาตุในวันนั้น แปลก จิตมัน ๕๕

เหมอื นรวมกันเปน หนึ่งเรว็ มาก รวมกนั ก็น่ิงไป กน็ ่ังไปเรื่อยๆ เรอื่ ยๆ ไมร วู านานเทาไร รูสึกตัวอีกทีหนึ่ง มันมีแสงสวางอยทู ่ีมอื วาบ..บ...บ... ความรสู กึ นะ ตอนนัน้ ยงั หลับตาอยู ก็กาํ หนดตกใจหนอ เห็นหนอ รูหนอ รูห นอ รูหนอ ตามที่ห ลวงพอทานสอนไว วาไมใหยึดสิ่งใดๆ ท้ังนั้น ใหกําหนดรูปจจุบัน มคี วามรสู ึกเหมอื นมีอะไรสักอยา งหนึ่งเย็นๆ อยูท่ฝี า มือ แตเ ปน ความเย็นที่ทําใหใจเราสุข พอหมด เวลา ท่รี ูวาหมดเวลาก็เพราะวาพระพี่เล้ยี งอีกองคห นง่ึ มาเคาะประตูบอกวา “ทานจริ ยทุ ธ วนั น้ีจะไปนําเณร สวดมนตไหม เพลียหรือเปลา ถาไมไหว เดย๋ี วผมไปสวดให” ก็เลยรูวา ออ...น่มี ันจะหกโมงเย็นแลว ก็เลย บอกกับทานไปวา “ไป ไป ทานไปกอ นแลว กนั เด๋ียวตามไป ขอสรงนาํ้ กอ น” ก็เลยยกมือขึ้นพนม เตรียม แผเ มตตาอทุ ศิ สว นกศุ ล ก็ปรากฏวามองไปท่ฝี ามือ อาว! มีพระบรมสารรี ิกธาตุอยอู งคห นึง่ มีลักษณะสี เหมือนกับงาชาง อยใู นฝามอื องคหนึง่ กพ็ ยายามมองวา เอ! เราก็น่ังอยูคนเดียวในหอง ไมมีใครเขา มานะ ทําไมพระธาตุทานเสด็จมาอยูในฝามือเราได นคี่ ือคร้ังทีส่ องท่ีเจอดวยตัวเอง นี่ก็เลาสูญาติโยมฟง เปนประสบการณสว นตัว สวนพระบรมสารีริกธาตุเสดจ็ เปน แสงกเ็ คยอา นเจอ แตก ไ็ มเ คยคดิ วา จะมีจริง ท่ีวาในพงศาวดาร สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชเหน็ พระธาตุเสด็จก็มี หรือผูรูหลายๆ ทานเห็นก็เยอะ แตเม่ือมาอยูที่วัด ตาลเอน ไดพ บความอศั จรรยน้ีดว ยสายตาของตนเอง ก็คือครัง้ หนึง่ จาํ ไดเลยวา ครั้งแรกท่ีเห็นก็คือวันท่ี ๑๘ เดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๐ หลังจากท่สี วดมนต เดินจงกรม นั่งสมาธิเสร็จแลว ประมาณเกือบ หาทมุ ก็เตรยี มจะจาํ วดั เผอญิ กฏุ ทิ ี่อาตมาอยูนี้ ถานอนหรือน่ังอยูก็แลวแต หันหนาเขาหาหนาตางจะ มองเหน็ อุโบสถและเจดีย สมัยนัน้ ตนไมยงั ไมปกคลุมมากอยา งทุกวนั น้ี อาตมาก็เห็นแสงสวางโชติชวง จากเจดียหลงั โบสถ แตสมยั กอนนั้นยังไมปฏิสังขรณนะ เปนแสงเรืองรอง ผองอําไพ สวยงามมาก แรกๆ ก็นึกขึน้ ไดวา พระทา นเปด สปอตไลทหรือเปลา เพราะกอนหนาน้ีมีพระทานไปทําสปอตไลทสอง โบสถสองเจดียก นั ทานบอกวาเวลามีงานจะไดสอง จะไดส วยๆ ทานวา อยางนน้ั ก็นกึ วาทา นไปลอง ไปลอง สอ งสปอตไลทเ ลนกนั ก็ไมคิดอะไรมาก แตม องแลว มนั ก็ไมนา จะใชแ สงจากสปอตไลท อาตมาก็พยายาม ลองยืนในหลายๆ จุด หลายๆ มมุ ที่มันเห็นชัดๆ ก็ไมใชแสงสปอตไลทแนนอน และแสงนั้นก็คอยๆ หายไป แตส วา งอยเู ปนนาน เปนหลายๆ นาทีเลยละ พอรุง ขน้ึ กเ็ รียกพระที่ทําสปอตไลทมาหา แตทุกวันนี้ ทานสึกไปแลวนะ ชื่อพระพล ปญญาธโร ก็ถามทา นวา “ทานพล ทานไปเปดสปอตไลทเม่ือคืนหรือเปลา ประมาณสกั หาทมุ ทีโ่ บสถ” ทานก็บอกวา “เปลา ผมหลบั ไปแลว ทําไมเหรอครับพระอาจารย” ก็เลยเลา ใหพระทา นฟง วา เปน อยางนีๆ้ นั่นคร้ังหน่งึ ก็นกึ ถงึ คําพดู ของคนตาลเอน ญาติโยมคนตาลเอนเขาบอกวา “ทีว่ ัดตาลเอนเจา เณรสรา ง มที องสองอาง อยูหวางคนโทษ.... ที่เจดียหลังโบสถนี่ วันดีคืนดีจะมีแสง เรืองรอง ผองอาํ ไพ เปน แสงจากพระธาตเุ สดจ็ เด๋ียวสักวันอาจารยอยูไปเรื่อยๆ อาจารยก็จะไดเห็น ” อาตมาก็ไมคดิ วา จะไดเ หน็ ก็ไดเหน็ นั่นครง้ั หนง่ึ และอกี ครงั้ หนง่ึ ก็ในพรรษาเดยี วกนั ในเดอื นเขา พรรษา ในชว งป ๒๕๕๐ นแ่ี หละ กอ็ อกจากโบสถ จะไปเขา หอ งนํ้าหลังโบสถ กเ็ ดนิ สอ งไฟฉายไป ดแู มลง ดูงู ดสู ตั วเล้ือยคลาน ทีนี้พอเดินสองกมหนาไป เรือ่ ยๆ อยูดีๆ มนั ก็มีแสงสวางจา อยขู า งหนา เปน ดวง คอื พอเห็นแสงสวางจาปุบ แสงมันมากกวาไฟ ฉาย สญั ชาตญาณคนเรากน็ กึ วา เอะ ! ใครมาสอ งไฟเขาหาหนา เรา กเ็ ลยเงยหนาไปมอง พอเงยหนาไปมอง หางจากเราไมเกนิ วาหนงึ่ มีแสงไฟเทา ลกู ฟุตบอล แตไ มร อน สวา งออกมาจากเสมาขางโบสถ ถาโยมหัน หนาเขาหาโบสถนะ หนั หนาเขาหาโบสถ ขวามอื จะมใี บเสมาใบหน่ึง และก็ใบที่สองนะ จากใบที่สองนะ ๕๖

ออกมาแลว ก็สวา ง อาตมากต็ กใจ กต็ กใจหนอ ตกใจหนอ ตกใจหนอ เอ! นี่เราไมไดห ลับใชไ หม สติกบ็ อก ไมไ ดห ลบั แสงนนั้ กค็ อ ยๆ ลอยเคล่ือนตัวนําหนา เราออกไป แลว กห็ ายเขาไปในเจดีย อาตมาก็ไปยืน ไหว แลวก็เขาหอ งนํ้า กลบั มาก็ยงั มาเลาใหพ ระทา นฟงวา เห็นพระธาตุเสดจ็ แลวกย็ ังมีพระบางรูปที่อยูวัด นที้ านกเ็ หน็ ที่มาบวช ทัง้ พระใหมพ ระเกา แลวก็มีญาติโยม แลวก็มัคทายกเห็นก็มีนะบอกวา เดินไปจะ ขามไปฝงโนน เห็นมแี สง ดวงกลมๆ ว่งิ ลอยอยใู นอากาศ และกห็ ายเขาไปในเจดีย นี่ก็เคยมี อันนี้ก็เปน ลกั ษณะของแสงพระธาตุเสดจ็ อยางเมอื่ พรรษาท่ีแลว (คอื พ.ศ.๒๕๕๒) ก็มีพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมาท่ีในพระอุโบสถวัด ตาลเอนตงั้ พันกวา องค แตอ าตมาจําไมไดแ ลว วาพนั เทา ไร แตมนั เปนเรื่องทแี่ ปลก กค็ ือวา เศษนะก็คือหา สิบสอง ซ่ึงกไ็ มไดมีการนัดหมายมากอนเลย ปท ี่แลวกป็ พทุ ธศักราชสองพันหารอยหาสิบสองพอดี และมี เศษอยูหา สิบสององคพอดี คอื หมายความวา นับแลวนะ พนั เทาไรไมรู แตวาเลขสุดทายก็คือหาสิบสอง อยา งนีเ้ ปน ตน ก็เปน เร่ืองที่นาคดิ เหมอื นกนั ในเรอ่ื งของพระบรมสารรี กิ ธาตนุ ี้ เปนความอัศจรรยท่ีเปน พทุ ธานุภาพ เพราะฉะนน้ั คนที่สกั การบูชาน้ัน ก็จะเกิดโนมนาวจิตใจให ยึดมั่นในคุณพระรัตนตรัย น่ันเอง อยางเชน มีโยมคนหนงึ่ เขามาเลาใหอาตมาฟง สามีภรรยาทํางานอยูบริษัทการบินไทย สามีเปน ระดบั ผบู รหิ าร แตวา เปนชาวคริสต เขามาถามอาตมาวา “พระธาตุเสด็จมีจริงหรือ” อาตมาก็ถามวา “ทําไมโยมถามอยางนี้” เพราะวา เวลาเขามาถงึ น่ีเขาไมม านัง่ พับเพียบอยางพวกเรา เขามานั่งขัดสมาธิ (ใน ท่นี ีอ้ านวา สะหมาด) คยุ กับอาตมาเลย แตภรรยาเขาเปนชาวพทุ ธนะ เขากเ็ ลาเกริ่นประวัตินําใหฟงวา เขา สองคนรกั กันมาก แตก อ นจะแตง งาน คุยกันแลววา ถาแตง งานกนั แลว เราจะไมก าวลวงเรอ่ื งศาสนา นะ ถา เราไมม ีลูกดวยกันก็คือเจา กันไป แตถา มีลูกดวยกนั ฝา ยหญิงกบ็ อกวา ฉนั เปน คนพทุ ธ แลวคุณจะแตงงาน กบั ฉัน คณุ มาขอฉนั ฉันตองขอมากหนอย ถา ฉนั ไดล กู ผูช าย ฉันตอ งใหม าเปน คนพุทธ และบวชเปนพระ ใหฉนั นะ แตถ า ไดลกู ผหู ญงิ คุณเอาไป ไปเปนชาวครสิ ต เขาวานะ เขามาเลาใหอาตมาฟง สามีเขาท่ีตอน นนั้ กอ นแตง งานเปน แฟนกนั เขากบ็ อก ได ได เขารบั ปาก แตป รากฏสองคนนี้แตงงานกันแลวไมมีลูก ก็ เลยไมมีปญ หาอะไร แตเ ขากไ็ มเ คยยงุ เกีย่ วกนั ในเรอ่ื งศาสนานะ สามวี ันอาทติ ยกไ็ ปโบสถคริสต ภรรยาถา วันไหนอยากไปวดั เขาก็ไปของเขา อยากจะไปทาํ บุญ เขากไ็ ป บางทีกช็ วนสามีไป สามีก็ไป บางทีชวนแลว สามีไมไ ป ก็ไมไดว า อะไร กค็ อื ตางคนตางกเ็ ดนิ กนั ไปคนละทาง แตว าอยดู วยกันเปนสามภี รรยากัน ทีน้ีมันมีอยูวันหน่ึง โยมผูชายคนน้ีเขากน็ ง่ั ดูทวี ีในหอ งรบั แขก ภรรยาก็ไปน่ังสวดมนตในหองพระ กป็ รากฏวา ไฟดบั ไฟฟา ดบั ปุบ ทีวีมันกด็ ับไปดว ย มันมดื ตึด๊ ต๋ือเลย ไฟสาํ รองในบา นก็ไมติด เสีย ไฟฉาย กไ็ มม ี โยมเขากข็ ้ีเกยี จขยบั ตวั ไปไหน เขาก็นงั่ หลบั ตาพักผอ น กะวา ถาหลบั ก็หลับมันบนโซฟาน้ี เขาก็คิด ในใจ แลว กเ็ อนหลังไป ก็หลบั ตาไปเรอื่ ย แตธ รรมชาติในกรงุ เทพไฟมันจะไมดับนานใชไหม เขาก็นั่งไป เรือ่ ย สักพกั หนึง่ มันสวา งจาขนึ้ มา เขากน็ กึ วาไฟติดแลว ทีนี้ในความรูส ึกสญั ชาตญาณของคนเปนผูบริหาร ปญ ญากจ็ ะไวหนอ ย ก็ เอะ ! ถาไฟตดิ ทวี ีมันกต็ อ งมีเสยี งสิ เขากล็ มื ตาดวู า เอะ ! ทีวีก็ดับ ไฟทุกดวงก็ยัง ดบั แตทําไมในหอ งนัน้ มันสวา ง เขาก็เหลยี วไปดวู า ออ ! ความสวา งมันมาจากหองพระ ที่ภรรยาสวด มนตอยู คอื ภรรยาสวดมนต จะไมป ดประตหู นา ตา ง เปด ประตู เปดหนาตางไวตลอด ภรรยาจะชอบลม ธรรมชาติ จะไมชอบเปด แอร กจ็ ะเปดหนา ตา ง เปดประตไู ว เมอื่ แสงสวา งจากประตูหองพระที่อยูไมไกล จากหอ งทส่ี ามนี ั่งดทู ีวนี ะ ซ่งึ สามีก็เคยบอกกับภรรยาตลอดเวลาวา ทําไมคุณไมเปดแอร ไมปดประตูละ ๕๗

ผมดูทวี นี ะ มนั ไมรบกวนคณุ เหรอ ภรรยาก็บอกวา ไมรบกวนหรอก ฉันแยกได คอื หมายความวา คุณจะดู ทีวี ก็ดขู องคณุ ไป ฉันจะสวดมนตทาํ สมาธิ ฉันก็ทาํ ของฉนั ได ไมม ีอะไร ประมาณน้ี สามีก็คิดวาภรรยาของ เรานี่ตลกนะ เขาก็เคยเตอื นบอยวา ใหป ดประตู เปดแอรไป ภรรยาก็จะไมยอม ก็จะเปดประตูไวนะ คือ นสิ ยั เปนอยางน้ี ฝกมาจนชนิ แลวนะ คือแยกจติ ไดแ ลว ไมสนใจกับเสียงกับรูปอะไรแลว ทนี ้กี ป็ รากฏวา แสงสวางมนั เรอื งรองมาจากหองภรรยา สามีก็นึกวา ภรรยาเราใชเทียนอะไร ทําไม มนั สวา งจงั สามนี ึกนะ เขากเ็ ดิน เดินไปตามแสงนัน้ เขาไปในหอ ง ไมไกลกันหรอก ติดๆกัน เดินอีกนิด หนึ่งกถ็ งึ แลว ก็ไปตกใจวา ภรรยาเวลาไหวพระสวดมนต ไมเ คยจุดธปู จุดเทียน แตแสงอันเรืองรองอัน น้ัน มาจากเจดียใสๆอนั หนึง่ ท่ีวางไวหนา โตะหมขู องภรรยา แตแ สงน้จี ามากเลย สวางจาก ในหองนั้น มาถงึ หอ งทีเ่ ขาดูทีวีอยู โยมคิดดกู แ็ ลว กันวา มันสวา งขนาดไหน น่มี นั สวางอยางน้ีเลยนะ ทีนี้เขาก็ดูดวย ความตกใจวา เอะ ! นม่ี นั เกดิ อะไรขึน้ นะ ทําไมอะไรที่มันอยูใ นเจดียน้ี ทาํ ไมมันเรืองแสงไดข นาดนี้เลยหรือ ก็รอจนภรรยาสวดมนตเสรจ็ สกั พักหน่งึ ไฟก็มาแลว ละ เขากเ็ ลยคุยกบั ภรรยาวา เขาเห็นอยางน้ีๆ มันเกิด อะไรข้นึ แตในขณะเดียวกนั ภรรยาไมรูตัวเลยนะ ภรรยาน่ังหลับตาสวดมนตอยู ไมลืมตาเลย แตรูวา ไฟดับ แตก ็นั่งสวดมนตไ ปเรอื่ ยๆ เออ...ภรรยาไมรู แตสามีกลับเห็นดวยสายตา ก็เลยถามภรรยา ภรรยาบอกวา เปนแสงพระธาตเุ สด็จ พระธาตุที่อยูใ นนี้ ทบ่ี ชู าอยูน ี้ ทา นแสดงปาฏิหาริย เขาก็เลยนึกขึ้นมา ไดวา เขาเคยไปโบสถคริสต บาทหลวงเคยเลา ใหฟ ง วา เซนตห รือนักบุญของเขา นักบญุ ในศาสนาคริสตเขา เรยี กวาเซนต พวกน้ีเวลาตายไปแลว ในหลุมฝงศพของเขา วนั ดีคนื ดีกจ็ ะมแี สงเรืองรองออกมา แตจะไมมี ในบาทหลวงทว่ั ไป จะมีแตในเฉพาะพวกเซนต พวกนกั บุญใหญๆ เทานนั้ เขาบอก แตทีน้ีปญหามันมีอยูวา แลวเพียงแคเศษกอ นเล็กๆนิดเดียว ที่ภรรยาบูชาอยู แลวก็อางวาเปนกระดูกของพระอรหันตหรือ พระพทุ ธเจา ทาํ ไมจงึ ใหค วามสวา งไดมากมายขนาดนัน้ เขากเ็ ลยสงสัย ภรรยาเขาก็เลยบอกวา เด๋ียว คอยไปถามทา นอาจารยจิรยุทธ ดูดีกวา แลวจะไดความกระจาง เขาก็มาคุยกับอาตมา อาตมาก็คุยใหเขา ฟง วาเรื่องเปน ยังไงๆ อะไรอยา งนีน้ ะ เขากเ็ ขา ใจ นับตงั้ แตบ ดั นน้ั มา โยมผูชายคนนั้นก็เร่ิมหันเห มา ศกึ ษาพุทธศาสนามากขนึ้ อาตมาก็เลยมานั่งนึกวา โอโ ห...จริงอยางทพี่ ระพทุ ธเจา ไดทรงตรัสไววา ทานประสงคจะใหพระ บรมสารรี ิกธาตุน้นั เสด็จแพรหลายไปในท่ัวโลก เพื่อประสงคของการสักการบูชา และก็เปนสักขี พยานของการปฏิบัติธรรม และก็ชักจูงใหผูคนหันมาสนใจการประพฤติปฏิบัติธรรม เพราะวามี ประจกั ษพยานวา ขนาดพระธาตยุ งั เสด็จและใหแสงสวางได หรือกระดูกคนเรายังกลายเปนพระธาตุได และในคัมภีรบางคัมภีรไดกลาวไวถึงขนาดวา พระบรมสารีริกธาตุนั้น มีมากกวาเมล็ดทรายใน มหาสมทุ รอกี คือหมายความวา สามารถแตกตวั ได ขยายตวั เองเพ่มิ ไดจ าํ นวนมหาศาลไมรูจักจบจัก ประมาณอยางนั้น มนั ก็เปน เรอ่ื งท่แี ปลก อยางวนั น้นั โยมชยั วฒั น เราก็สวดมนตก นั ในหอสวดมนต พระทําวัตรเย็น นั่งสมาธิ ทีน้ีวาท่ีวัดน้ี ทุกวนั เวลาสวดมนตท ําวตั รเสร็จ กจ็ ะมีการสวดมนตบชู าพระบรมสารีรกิ ธาตุ ในขณะที่อาตมากําลังนําสวด บชู าพระบรมสารรี กิ ธาตุ ทดิ ชยั วัฒนเขากส็ วดตามไปดวย แตใ นขณะเดยี วกันเขาก็มองมาที่กุฏิอาตมา ซึ่งมี พระสารรี กิ ธาตุตัง้ อยู เขาบอกวา เขาเหน็ แสงสวา ง เปน ดวงกลมใหญ หมนุ ลอยอยูในกุฏิ เขาก็แปลกใจ เอะ! ใครเขาไปในกฏุ พิ ระอาจารย เอาไฟไปสอง ไปคนของอะไรหรือเปลา คืออาตมาเห็นแลวละวา ในขณะทอ่ี าตมากําลังนําอยนู ี่ ทดิ ชัยวัฒนเขารีบลุกปุบปบขึ้นมา เดินออกไป ก็นึกในใจตําหนินะ เอะ ! ๕๘

ชัยวัฒนเ ปน อะไร ทาํ ไมถึงลกุ ออกไปอยา งน้ี ก็ยังสวดไมจบนะ แลวสักพักหน่ึงพระมหาภาณุพงศก็ลุก ออกไปอีก พอออกมาจากการสวดมนตแ ผเมตตาเสร็จแลว พระทา นกเ็ ลยมาเลาใหฟงวา ทานเห็นดวงไฟ สวา งลอยอยเู หนือวัด เปน ดวงจันทร แตทีนี้ทา นก็แปลกใจวา ทําไมดวงจันทรมันมีสองดวง ดวงหนึ่ง เปนดวงจันทรจริงๆ อกี ดวงหนง่ึ เปนดวงจนั ทรปลอมๆ ดวงจันทรที่เกิดจากอะไรก็ไมรู ทานก็เลยลุก ออกไปดู แลวทดิ ชยั วัฒนเขาก็ไปดูทก่ี ฏุ ิอาตมาวา ใครเอาไฟมาสอ งอะไร ก็ปรากฏวาไมพบใคร จึงได พจิ ารณาดโู ดยความอศั จรรยเชนนี้ คงเปน สิง่ ทีโ่ บราณเรยี กวา แสงพระธาตุเสดจ็ เปนแนแ ท อยางท่อี าตมาเกรนิ่ ใหฟงในเบ้ืองตนแลววาเปนประสบการณ สิ่งตางๆ เหลาน้ีโยมก็ตองใช ดุลพนิ ิจ แลว โยมก็ไมตอ งไปอยากเห็น เพราะถงึ อยากยังไงโยมกไ็ มไ ดเห็น เพราะวาเขาไมปรากฏใหคนที่ อยากเหน็ ไดเ หน็ แตเขาปรากฏใหคนท่ีมจี ังหวะ และโอกาส และความเหมาะสมไดเห็น ซ่ึงเปนเรื่องท่ี แปลก ถงึ บอกไงวา ถา คนฟงแลวไมเช่ือจะเปนอกุศลทนั ที อาตมาถึงบอกตอนแรกไง แตถาคนมีสติปญญา ดี มบี ญุ วาสนาบารมอี ยูเดิม ฟง แลว ก็จะเกิดความเชื่อม่ัน และไมป รามาส แตอาตมาก็ไมไดหมายความวา อาตมาเปนคนมีสติปญญาดีนะ แตค รง้ั แรกๆ ที่อาตมาอาน อาตมาไมเชือ่ นะ แตอ าตมาไมเคยคัดคานใคร เพียงแตร อเวลาวา สักวันหน่งึ เราคงไดเหน็ บาง แลวอีกอยา งหนึ่งก็คือวา ถาไม ง้ันเขาคงไมจารึกไวเปน หนงั สือหนงั หาใหค นรุน หลังไดอ า นแนนอน และโดยเฉพาะในหลวงรัชกาลท่ี ๖ น่ีเปนพระราชหัตถเลขา เลยนะ เปน ลายมือของทา นเองเลย เขยี นมาใหร ัชกาลท่ี ๕ คือตอนน้นั ทานเปน มกุฎราชกุมาร แลวทานไป ฝก สนามเสอื ปา อยูทพี่ ระราชวังสนามจันทร จ. นครปฐม แลวทานก็ไดเห็นพระปฐมเจดียพระธาตุเสด็จ ทานกเ็ ลยเขียนมาใหใ นหลวงรชั กาลท่ี ๕ อา น ระดบั ในหลวงรชั กาลที่ ๖ เขียนใหพ อน่ี อาตมาวาทานคงไม กลาโกหกรัชกาลที่ ๕ นะ แตทานบอกทานเห็น เปน ดวงสวา งเลย นี่ครั้งแรกๆ ที่อาตมาอาน อาตมาก็ท่ึง เหมือนกนั แลว มาสะดุดใจท่หี ลวงพอจรัญทานบอกวา พระธาตุของทา นนะ เสด็จมาเปนบาตรๆ เลย ทาน วาอยางนน้ั นะ น่คี ือคําทีไ่ ดยนิ จากปากอปุ ช ฌายม าอีกทหี น่งึ หลวงปหู ลวงพอตา งๆ ทานก็พูดไวเยอะ เชน หลวงพอฤๅษีลงิ ดาํ หรือพระอาจารยใ นสายหลวงปมู ่ันเอง ทานอาจารยพระมหาบัวเอง ก็ไดกล าวเรื่อง พระบรมสารรี ิกธาตไุ วอยหู ลายครง้ั หลายคราดวยกนั ก็เปน เร่อื งท่นี า แปลกอยางหนงึ่ เหมอื นกนั ในเร่ืองนี้วา เปนพุทธานภุ าพ ท่อี าตมาพดู เร่อื งน้ีในวันน้กี เ็ พราะวา อยางท่บี อกวา เจาหนา ท่ีเขาอยากจะพิมพหนังสือสัก เลม หนง่ึ ทเ่ี กยี่ วกบั พระบรมสารรี กิ ธาตุ เขากเ็ ลยมาขอใหอาตมาเลา ขอ มูลในสว นทีเ่ คยประสบมา หรือเคย เรียนรมู า กเ็ ลยเลา ใหฟงไว แตจริงๆยงั มอี ีกเยอะเลยท่ีอาตมาไมไดเลา ในเร่อื งน้ี แตใ นทกุ วนั นีอ้ าตมาไมเ คยสงสัยมานานแลว อาตมาบอกกับตัวเองตลอดเวลา ณ วันท่ีอาตมาเริ่ม เหน็ ความอศั จรรยข องพระธาตเุ สดจ็ ทวี่ ัดอัมพวัน หาองคแ รก ที่เลาใหฟงเมื่อกี้จําไดไหม ในใจอาตมา บอกตัวเองเลยวา เราหมดความสงสยั ในเร่อื งพุทธานุภาพแลว ตอจากน้ีไปมีเพียงอยางเดียวเทาน้ัน คอื เราจะมคี วามพากเพียร บากบนั่ มุง ม่นั พยายาม ท่จี ะศกึ ษาพระธรรมคําสั่งสอนของพระพุทธเจา หรอื ประพฤติปฏบิ ตั ติ าม ใหไ ดอยางในบทสวดมนตไ หม ทีบ่ อกวา “คแู หง บรุ ษุ ส่คี ู นับเรียงตัวบุรุษได แปดบรุ ษุ ” ไดแก พระโสดาบันปฏิมรรค โสดาบันปฏผิ ล สกิทาคามีมรรค สกิทาคามีผล อนาคามีมรรค อนาคามีผล อรหัตตมรรค อรหัตตผล และทเ่ี ราทองจําอยูเ สมอวา มรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑ อันนี้เปน ของที่มอี ยจู ริง เปน สิ่งท่ชี าวพทุ ธเขาถงึ ไดแนนอน เพยี งแตวาเราจะมคี วามพากเพียรพยายามบากบั่น มุง มนั่ ไปถงึ หรือเปลา ซ่ึงไมไดอยูที่ใครเลย อยูท่ีตัวเราเอง เพราะฉะนั้นเราไดมีโอกาสกราบไหว สกั การบชู าเปน ประจํา เทา น้กี ็ถือวา เราไดเขาใกลส ่งิ อันเปน มงคลสูงสุดในชวี ิตแลวโยม ๕๙

แลวบางบานเปน ฆราวาสนะ แตพ ระธาตเุ สด็จมาเต็มบานเลย มีนายพลทหารคนหน่ึง ทานเปน ทหารพราน แลว ทานเคยฆาคนมาเยอะ แลวทา นเคยทําเรือ่ งเกๆ มาเยอะ แตต อนหลงั พอทานอายุมากเขา ทานกเ็ หมือนเสือถอดเขย้ี วนะ ทานกพ็ ยายามยายไปอยูหนว ยอ่นื แลวทา นกเ็ ลิกละ สงิ่ บาป สง่ิ ไมดีทั้งหลาย ท้ังปวงทัง้ หมด สุรา นารี เหลา บุหร่ี เลิกหมดเลย แลว หนั มาศกึ ษาประพฤติ ปฏิบัติธรรม พระธาตุเสด็จ เตม็ ..ม..ม...หองเลยโยม หอ งพระนะ ทา นมีลูกสาวเปน ดอกเตอร ลูกชายเปน นายทหาร ทานเรียกมาบอก วา “ลกู พอ ใกลจะตายแลว ถา ลกู ไมส นใจบชู าพระธาตุทีพ่ อ ไดรับมาน้ี หลังจากพอตาย ๗ วัน พระ ธาตุจะเสดจ็ กลับ ไมเ หลอื สักองคนะลูก” กส็ อนใหล ูกสวดมนต ลูกก็ไมไดสนใจ ลูกสาวเปนดอกเตอร ลูกชายเปน นายทหาร ไมส นใจ จรงิ อยา งวา พออยไู ดไมนาน พอ อายไุ ดหกสิบกวาๆ เอง อยูดีๆ เปนลม แลวก็เสยี ชีวิตไปกะทนั หัน หลงั จากการพระราชทานเพลิงศพพอแลว ก็เปนเดือนเหมือนกัน ลูกสาวกับ พ่ีชายทเี่ ปนนายทหารกม็ าน่ังกนิ ขา ว คยุ กันวา เอะ ! พอเคยพดู ไว แลว หอ งพระไมเคยเปดเลยนับจากพอ ตาย เราลองข้นึ ไปดูหนอยสิ พอขน้ึ ไปเทา นนั้ เองโยม พระทุกองคยังอยูหมด พระสมเด็จวัดระฆัง พระ อะไรที่พอ เคยมี เคยบอกไวเ ลยวา ถา ลูกชายอยากไดก ใ็ หลกู ชายไป พระวัดระฆังอันนี้ พระนางพญาถาลูก สาวอยากไดก ใ็ หล ูกสาวไป เพราะเปนของผูหญงิ แตแ ปลกโยม พระธาตุในโถ ในเจดียท้ังหลาย ไมเหลือ สักองคหน่ึง แลวเขาบอกบานนไ้ี มม ใี ครเขา ไปไดหรอกโยม นอกจากลูก ลูกสะใภ ลูกเขย หลาน และ คนงานในบา นเทา น้นั แหละที่จะเขา ออกได และก็ไมมใี ครมีกญุ แจหองพระ มีพอ คนเดยี ว และพอพอตายก็ ไปเปด เอามาจากหองของพอ และกไ็ ปเปดเขา ไป ไมม ีใครสามารถเขา ไปไดเลยพูดงายๆ แตพระธาตุท่ีมี อยูท้ังหมดไมเ หลือเลยสกั องคเ ดยี ว สักองคเดยี วกไ็ มเหลือนะ ก็พอ เขาเคยพดู ไวแลวไงบอกวา ถาลูกไม สนใจบูชา จะไมเ หลอื สกั องคห น่งึ เลยนะ น่ีโยมเขามาเลาใหอาตมาฟง เขาเสียใจมากเลย เขาบอกเขามี ของดแี ทๆ เลย แตเขาไมเ ชือ่ พอเขา เขาวา นะ โยมนี่เขาเปนทหารไง พอดีเขามาอบรมท่ีวัดอัมพวัน เพราะวาวัดอมั พวนั นีก่ ็จะมีทหารมาอบรมเปนประจํา โยมเขาก็เลยมาเลาใหอาตมาฟงวาเปนอยางนี้ๆ อาตมาก็เลยไดข อมลู มา แตคนบางคนเขาบูชาแลว กเ็ สด็จเพิม่ มา อาตมาเคยใหพระธาตุโยมคนหน่ึงไปกเ็ สด็จเพิ่มมา อยา ง โยมเกษม แกน รอด นะ เปน เจาหนา ท่ีวดั นี้ ลองไปถามดูได เขาใหผอบอาตมามา อาตมาก็เอามาวางไว วนั หนง่ึ โยมเกษมกม็ าทวง บอกวาโยมจะเอาไปบชู าแลว อาตมาก็ยงั ไมไดต ักพระธาตุใหโยมเขานะ ก็กะวา เด๋ียวจะเขา ไปตกั พระธาตใุ หโ ยมสักหนอย พอไปตักปบุ พอไปเปด เจดยี พ ระธาตุของโยมเขานะนะ ปรากฏ วา มีพระธาตุอยูแ ลวในนน้ั องคหนงึ่ งามมากเลยโยม สีชมพูออ นๆ ซ่ึงอาตมาก็ไมไ ดตักไวเหมือนกัน ก็ แสดงวาคงเปน บญุ บารมขี องโยมเกษมเขานะนะ ทว่ี า พระธาตทุ า นเสด็จมา แลวอาตมาก็ตักในโถใหญให เขาไปดว ย แลวกม็ ีโยมอยูธนาคารกสกิ รไทย สาขาอยุธยา มาทําบุญ เขาก็มาคุยเรื่องพระธาตุ เขาก็ทําหนาทําตา เหมอื นประมาณไมเ ชื่อ มากับเพ่ือนเขานะ ทนี ้ขี ณะคุยกันนัน้ นั่งอยูหนาหลวงพอ ทนั ใจในโบสถ โยมเขาก็มี ผา กราบมาวางกราบพระ ปรากฏวาพระธาตกุ ็เสดจ็ มาบนผากราบเขา องคนดิ เดยี วเองโยม เทาหัวไมขีด เขากเ็ ลยบอกวาขอ อาตมากใ็ หเขาไป พออีกประมาณหนง่ึ เดือนผานมา เขาก็เอาเงินมาถวายอาตมา แสนหนง่ึ อาตมาก็บอกวา เอามาถวายทําไมละโยม เขาก็บอกวา เอามาสรางกฏุ ิหลังหนึง่ แลวเขาก็เอาพระ ธาตมุ าใหอ าตมาดู พระธาตุทีต่ อนแรกองคเทา หวั ไมขดี นะ ตอนนอี้ งคเ ทา น้วิ กอยนะ โยมเขาบอกวา เขา แปลกใจมากเลยนะ พอเขาไดม า เขากเ็ อาไปวางไว แลวเขาก็ไมไ ดสนใจเลยนะ จนกระทั่งวันหน่ึงสามีเขาก็ ๖๐

บอกวา “คุณบอกวาคุณมีพระธาตุ เดย๋ี วขอเปด ดูหนอย” พอเปดดู เขาก็บอกวา “เอะ! พระธาตุอะไร ทําไมใหญจ ัง” เขาก็พดู กับภรรยาเขา ภรรยาเขากเ็ อะใจ เลยเดินขึ้นไปดู เขาก็แปลกใจวา พระธาตุองค เลก็ ๆ ขนาดเทาหัวไมข ดี ทาํ ไมกลายเปนใหญเ ทาน้ิวได อยางนี้มันก็เปน เร่อื งท่เี ปนไปได ก็เลยทําใหโยม คนน้มี ีความเชือ่ ม่นั ในการประพฤติปฏบิ ตั มิ ากข้ึน แลว ยงั มโี ยมอกี คนหนึ่ง โยมคนน้ีทานเปนครู ทา นเปน ครูที่ใจบุญ ใจบุญมากเลย พอวางก็จะไป ศึกษาปฏบิ ัติธรรมอะไรหลายอยาง แลว ทานก็ไมเคยดุใคร ไมเคยวา ใคร เปนคนที่เด็กรักมาก ผูปกครอง รักมาก เปนครธู รรมดา ครผู ูสอนธรรมดา ไมใชค รผู บู ริหารอะไรหรอกนะ แลวพอเกษียณแลว ทานก็ไป ชว ยงานที่วดั ใชช ีวิตเรียบงาย ไมมใี ครรูอะไรหรอกวาชีวติ ทานเปน ยังไง จนกระทงั่ ตาย พอตายก็เผา สวด แลว ก็เผา เผาเสรจ็ แลว ลูกก็เก็บกระดูกไว ทนี ีเ้ ผอิญลูกเขาก็ไปร่ํารวย ไปทํามาหากินที่ตางจังหวัด ไป ร่าํ รวยขน้ึ มา กน็ กึ ในใจวา “เราน่ี เอาเจดียท องเหลอื งใสกระดกู แมไว มันดาํ งา ย จะเปลี่ยนเปนเจดียมุก ” ประดบั มกุ อยางสวยเลยนะ เพราะชอบ เปน คนชอบของสวยๆ ก็เลยไปซือ้ เจดียมกุ มา ก็จะถายเปล่ียน พอ ไปเปดตกใจโยม กระดกู ของแมก ลายเปน พระธาตุหมดทัง้ เจดียเลย ทั้งโถเลย ผูหญิงนะ เปนฆราวาส นะโยม แปลกมาก มีลักษณะเหมอื นกับเมล็ดถ่ัว แลว เปน สีเขยี วๆ เหมอื นหยกเลยนะ เขากย็ ังแปลกใจ วา เอะ! กระดูกของคนเรานตี่ อนเก็บมาเปนกระดูกธรรมดา แลวทําไมมนั มากลายเปนเม็ดอยางนี้ได เขา บอก แตวาเพ่ือนบา นหรือคนท่ีอยใู นหมูบานนั้น พอเขารู เขาบอกเขาเช่ือมั่นเลยละ เพราะคุณครูคนน้ี ทา นปฏบิ ัตธิ รรมตลอด แลว ใครพดู อะไรทา นก็ยิ้มตลอด ใครวายังไงก็ยิ้ม ทานเปนคนแบบไมพูดไมคุย อะไรกบั ใครนะ เปน คนใจเยน็ พูดชา ๆ สว นมากชวี ิตมกั จะอยูว ัดมากกวาอยบู า น ถา วันพระก็จะไปนอนวัด ถาวนั ธรรมดานอนไมไ ด ทา นก็มานอนบาน พอเชา กไ็ ปชว ยงานวัด กวาดถู เดินจงกรม นั่งสมาธิอยูขาง โบสถอ ะไรอยา งน้ี พระกไ็ มไดว า อะไร พระก็ชอบ เพราะวาโยมเขากม็ าชว ยทาํ ความสะอาดวัดใชหรือเปลา โยมทา นก็อานหนงั สือพระไตรปฎกบาง น่ังสวดมนต น่ังอะไรของทานไปอยางนี้ แตวาพอตายไปแลว กระดกู เปน พระธาตุนะ โยมคนน้ี เออมันก็เปนเรื่องท่ีแปลกดีเหมอื นกนั เพราะฉะน้ันตรงนี้ก็คือเปนสิ่งท่ี อาตมาเลาใหฟง ไวเ ปน อุทาหรณสอนใจนะ และในขณะเดยี วกันคนท่ีเขาจะเอาไปทําหนังสือ เขาก็จะไดไป ถอดเทปไปตัดตอได เพราะอาตมาไมมีเวลาพดู อัดเทปอยางน้กี ็ถือวาพูดทีเดียวไปเลย โยมก็ไดฟงดวย ที่นีก่ ็มเี ครือ่ งอดั อยแู ลว กอ็ ัดไปเลย พอถงึ เวลาเขาก็จะไดเอาไปตดั ตอ อันไหนเหน็ สมควรวาจะไปลงก็ไป ลง เพราะถาไปลงท้งั หมดกค็ งจะเปน สิบๆ หนา เหมือนกัน เพราะพูดกนั นานเลยนะ แตย งั ไมจบเลยนะ ยังมีอีกเยอะเลย เพราะอยา งท่อี าตมาบอกยังไงวา ใหขอ คิดโยมไปเลยวา เรื่อง น้ไี มตองสงสยั แตโยมอาจจะยงั สงสัยอยอู าตมาไมร ูนะ เพราะโยมยังไมไดสมั ผัส แตส วนตัวอาตมาไมสงสัย แลว เลกิ สงสัยมาตง้ั แตสมยั อยูว ดั อมั พวันแลว มอี ยา งเดยี วกค็ ือวา มุงม่ันประพฤติปฏิบัติธรรมใหเขาถึง อยางเดียวพอ แตเราไมไดไปมุงหวงั วา เราจะเขา ถงึ เพ่อื ใหก ระดูกเปนพระธาตุ ไมใชอยางน้ันนะ แต วา เขา ถงึ วา ธรรมะของพระองคทานนัน้ สขุ ุม ละเอียดออน คัมภีรภาพ และผูประพฤติปฏิบัติตาม เขาถงึ ได เปน สง่ิ ทีพ่ ิสจู นไ ด เปนคาํ สอนของศาสนาท่ปี ระเสรฐิ นะ เพราะวาศาสนาอื่นน้ันยังตองอีกนาน แตของเราเขาถึงไดเ ลยในเรอ่ื งตา งๆ โดยเฉพาะเร่อื ง ทาน ศีล ภาวนา เปนเรื่องท่ีชวยเรา อยางนอยท่ีสุด อาตมาเชอื่ มน่ั เลยวา เวลาเรามคี วามทกุ ข ถา เราไดหมั่นทําทาน ไหวพ ระ สวดมนต ประพฤติปฏิบัติธรรม จิตใจเรากจ็ ะดีขึ้น จติ ใจเราก็จะสบายขนึ้ เรากป็ ระเสรฐิ ข้ึน สวนสิ่งตางๆ เหลาน้ีก็เปน เพยี งแค “อุปกรณ” ๖๑

ของพระพุทธศาสนาท่ที าํ ใหเ กดิ ความเชอ่ื มัน่ ขึ้นมา เร่อื งพระธาตุเรอ่ื งอะไรก็เปนอุปกรณของพระศาสนา ทที่ าํ ใหเกิดความเชอื่ มัน่ ขึน้ มา สุดทา ยนก้ี ็ขออนโุ มทนาสาธกุ ารนะ กค็ ดิ วา คงจะเปนขอ คิดได แลว ก็ฝากญาติโยมดวยนะ วาวันท่ี ๒๑ นีเ้ ปน วนั ลอยกระทง ใหโ ยมไปลอยกระทงกัน การลอยกระทงน้ี ก็มคี ติ ๒ อยา งนะ ญาติโยมก็คงจะพอ ทราบนะ คตทิ ่หี นึ่ง คอื ลอยกระทงเพ่อื บชู าพระบาทของพระพทุ ธเจา ซง่ึ พระบาทนอ้ี ยูท่ีไหนโยม “แมน้ํา นมั มทานที” การลอยพระบาทกเ็ ปน คําสอนท่แี นะนําพวกเรา เปน อนสุ รณเ ตือนใจพวกเราวา ชีวิตของเรา ตอ งเดินตามรอยพระบาทของพระพทุ ธเจา พระพทุ ธเจา สอนอะไรไวบา ง ก็สอนใหเ ราละความช่ัว สอง ทาํ ดี สามทําจิตใหบรสิ ทุ ธิ์ คตทิ ส่ี องของการลอยกระทง คอื เพื่อบูชาและขอขมาพระแมคงคาหรอื สายนา้ํ สายน้ําเปนของมี คุณตอชีวติ มนุษยไหม มี เมอ่ื เราใชส ายน้าํ ลงไปแลว เราก็ตอ งบชู าทา น ขอขมาทาน น้าํ เปนของสะอาดไหม โยม สะอาด ใสไหม ใส แตน า้ํ ทวี่ า สะอาดและใส ถาผานผิวมนุษย ผานรางกายมนุษยไปแลว ความใส ความสะอาดนนั้ เหมอื นเดิมไหม สกปรก แสดงวา รา งกายมนุษยส ะอาด หรอื สกปรก นโ่ี ยมเวลาโยมลอยกระทง โยมตองคิดนะ หนง่ึ ดําเนินตามรอยบาทพระศาสดา เพราะเราบูชา พระบาทพระพทุ ธเจา สองขอขมาสายนาํ้ สายนํา้ แตเดิมสะอาด แตม าผา นมนษุ ยสกปรกไหม สกปรก เรา ใชนา้ํ ที่สะอาดชําระความสกปรกของเรา มนษุ ยกค็ วรจะเหน็ คุณคาของธรรมชาตปิ ระการที่หนึ่ง ประการ ทส่ี องถา ตเี ปน ธรรมะก็คือ มนษุ ยน ส่ี ะอาดไหม มีแตส กปรก แตท ีเ่ ราเหน็ วา เราสะอาด เราสวย เรางาม อยู เพราะอะไร เพราะเราตกแตงจรงิ ไหม เพราะเราชาํ ระลา ง โยมอยาลืมตรงนี้ อยาหลงตัวเอง ถา โยมไมไดส ายน้าํ ชวย โยมก็คงสกปรกแนนอน นีอ่ าตมาแคเอาน้ําใสปาก อมไวสามนาที แลวอาตมาบวน ออกมา กส็ กปรกแลว โยม แคเอาน้าํ เทใสม อื แลวก็ราดลงไป ก็ไมม ใี ครเขาอยากเอานํ้านนั้ ไปใชแลว ที่ผาน มอื เรานี้ จากเปนน้าํ สะอาดนะโยม มนั ก็เปน ของสกปรกได เพราะรางกายเรามีแตความสกปรก รางกาย สกปรกชางมัน แตว าอยา ใหจ ติ ใจเราสกปรกไปดว ย สุดทา ยน้กี ็ขออนุโมทนาสาธกุ าร ขออาํ นาจแหง คุณพระศรพี ระรตั นตรัยจงเปนปจจัยอดิศัยบุญเขต ใหทุกทานไดถงึ ซ่งึ ความเจริญงอกงามไพบลู ยใ นพระธรรมของพระพทุ ธเจา และประสงคจํานงหมายส่ิงใด ท่ีเปนพรของชาวโลก อันมอี ายุ วรรณะ สุขะ พละ กจ็ งสมความปรารถนา จงทกุ ประการเทอญ. หมายเหตุ ทา นผูอ านที่มีความสนใจในเร่ืองเก่ียวกับพระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันตธาตุ และเรื่องของพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว รัชกาลที่ ๖ ทรงมีพระราชหัตถเลขา ถึงพระบาทสมเด็จพระ เจา อยูหัว รชั กาลที่ ๕ นั้น ศึกษาขอมูลเพิ่มเติมไดจากหนังสือ “พระบรมสารีริกธาตุ พระอรหนั ตธาตุ” แตงโดย ทศพล จังพานิช กลุ บรษิ ัท สาํ นักพิมพ คอมมา จํากดั ๖๒

ภาพพระบรมสารรี กิ ธาตุทีเ่ สดจ็ เขามาในพระอโุ บสถวดั ตาลเอน เม่ือป พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยพระธาตุที่อยูใน ผอบเปนพระธาตุท่เี สด็จ ณ ประเทศศรลี ังกา เมอ่ื เดอื นมถิ ุนายน และนํามาประดิษฐานท่ีพระอุโบสถให พทุ ธศาสนิกชนไดส ักการบชู า ตอ มาในชวงเขา พรรษาปเ ดียวกันนนั้ มีพระธาตุเสดจ็ มาเพิ่ม โดยเสด็จมาลง บนผา สกั หลาดแดง มไิ ดเขาไปปะปนอยูในผอบ นบั จาํ นวนไดมากกวา หน่งึ พันองค พระบรมสารีรกิ ธาตุ วรรณะหลากสี สณั ฐานรวม เสด็จในพระอโุ บสถวดั ตาลเอน ๖๓

พระบรมสารรี กิ ธาตุ วรรณะงาชาง สณั ฐานรวม เสด็จในพระอโุ บสถวัดตาลเอน พระบรมสารรี กิ ธาตุ วรรณะงาชาง และผลกึ แกว สณั ฐานรวม เสด็จในพระอโุ บสถวดั ตาลเอน ๖๔

ชว งท่ี ๕ จากธรรมะปฏิบัติของมหาชน. . .สูประสบการณพระธาตเุ สดจ็ รวมเหตกุ ารณพ ระธาตุเสด็จในสถานท่ตี า ง ๆ ของพระครูสมหุ จริ ยุทธ อธิฉนโฺ ท ๖๕

พระธาตเุ สด็จท่ี ประเทศศรลี ังกา (ครง้ั ที่ ๑) ชวงวนั ท่ี ๑๒ – ๑๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ระหวา งการปฏิบัติศาสนกจิ ของพระครสู มุหจ ริ ยทุ ธ อธิฉนโฺ ท และญาตธิ รรม จดหมายเรื่องเลา ของผปู ฏิบัติธรรมท่ีอยใู นคณะ และเหน็ เหตกุ ารณจริง ๖๖

ประสบการณพ ระธาตเุ สดจ็ ท่ีศรีลงั กา การเดนิ ทางไปประเทศศรลี งั กาในครัง้ นี้ของอาตมา เปนการไปแบบหมูคณะซึ่งมีผูรวมเดินทาง ประมาณ ๒๐ ทา น มที านพระครปู ลดั สทิ ธิวรวฒั น เปน หัวหนาคณะ สว นผูท อี่ ํานวยความสะดวกในการจัด ทัวรค ร้งั นคี้ อื คณุ นภาพร กาญจนะวสิต ซึง่ หลายคนอาจจะรจู ักกันดใี นนาม พ่ีแหมม หรือปาแหมม ของ เรานเี่ อง พระภกิ ษุทรี่ ว มเดนิ ทางไปในคร้ังนม้ี ที ั้งหมด ๖ รูปดวยกัน คือ พระครปู ลัดสิทธิวรวัฒน พระครู สมหุ จริ ยทุ ธ อธฉิ นโฺ ท หลวงพเี่ กง (ปจจุบันสกึ แลว) อาตมาพระวิโรจน และพระภิกษุอีกสองรูป การ เดินทางไปคร้งั นจ้ี ุดมุง หมายกเ็ พอ่ื ศึกษาสถานทสี่ าํ คัญตางๆทางพุทธศาสนา ของประเทศศรลี ังกา กอนอ่นื ตอ งขอเทา ความถงึ ประวัติและความเปนมา ในการนําพุทธศาสนาเขามาเผยแผ ของ พระภกิ ษุมหนิ ทรเถระ และ พระภกิ ษุณีสงั ฆมติ ตาเถรี ใหไดพอทราบกนั กอน จะไดไมเกิดความงงงวยเดา ผดิ เดาถกู กันไปตามความเคยชิน จงึ ขอยกเอาเนอ้ื หาบางสว น จากหนังสือ อันวาศรีลังกา โดยพระวิ เทศ โพธิคุณ มาเพือ่ ขยายความเขา ใจแกผูอานใจความดังนี้ พระเถระท้ังสองเปนพ่ีนองกัน เดิมทรงเปน พระโอรส และพระธดิ า ของพระเจาอโศกมหาราช เปนกษัตริยแ หงราชวงศโ มริยะองคที่ ๓ พระเจาอโศก มหาราชทรงเลอื่ มใสในพระพทุ ธศาสนามาก และไดทรงคดั เลือกนําเอาคติพุทธธรรม มาเปนหลักในการ ปกครองราชอาณาจักร เชดิ ชูพระพุทธศาสนาเปนศาสนาประจาํ ชาติ กับทั้งทรงประกาศแกเทศาภิบาลให เปนธุระในการสั่งสอนประชาชน ใหต ้งั อยใู นหลกั สัมมาปฏิบตั ิ ทรงแกไขประเพณีเดิมใหเขากับหลักธรรม ของพระพุทธศาสนา ทรงหา มมใิ หเ บียดเบยี นสัตว สรางถนนหนทาง ขุด บอสาธารณะสําหรับประชาชน ปลูกตน ไมใ หรมเงาตามแนวถนน สรา งศาลาเปนท่พี ักรอน และโรงพยาบาลรักษาโรคแกมนุษย และสัตว เดรัจฉาน งานท่ีเปนหลักเพอ่ื เสริมความม่นั คง และการเผยแผพ ทุ ธศาสนาในสมยั ของพระองค คือ การชําระ สงั ฆมณฑลใหบริสทุ ธิ์ ทรงปรารภใหมกี ารประชุมสงฆท าํ สงั คายนาครัง้ ที่สามข้นึ ทีอ่ โศการาม เมืองปาตลี บตุ ร ภายใตพ ระบรมราชปู ถัมภของพระเจา อโศกมหาราช โดยพระโมคคัลลีบุตรติสสะเถระเปนประธาน ไดทรงคัดเลอื กพระจาํ นวน ๑,๐๐๐ รปู เฉพาะท่ีทานทรงปริยัติแตกฉานในปฏิสัมภิทา ชํานาญในวิชา ท้ังสิน้ ทาํ สังคายนาอยู ๙ เดือน จึงสาํ เร็จ ครน้ั เมอื่ สังคายนาแลว เสร็จ ทรงพิจารณาเหน็ วา กาลตอไปพระพทุ ธศาสนาในชมพูทวีป จะเส่ือม ลง มพี ระประสงคใหพทุ ธธรรมไปประดิษฐานต้ังมน่ั ในประเทศตางๆ โปรดใหจัดสงพระเถระพรอมดวย บริวาร เปนพระธรรมฑูตไปเผยแผศ าสนาในสว นตา งๆ ถงึ ๙ สาย คือ ๑. พระมัชฌณั ติกเถระ ไปเผยแผไดทรมานพวกนาคใหน ับถือพระพุทธศาสนา ๒. พระมหาเทวเถระ ไปเผยแผพ ระพทุ ธศาสนา ณ แควนมหสกะมณฑล ไดแก บริเวณตอนใต ของลุม นํา้ โคธาวารี อันเปนแควน ไมซอรในปจจบุ ัน ๓. พระรักขิตตเถระ ไปเผยแผศาสนาในวนวาลีประเทศ ไดแก แควนกนราเหนือ ทางทิศ ตะวนั ออกเฉยี งใตข องประเทศอนิ เดีย คมั ภรี ม หาวังสะกลาววา มวี ัดเกดิ ข้ึนถงึ ๕๐๐ วดั ในดินแดนสวนน้ี ๔. พระโยนกธรรมรักขิต ซ่ึง เปนพระเถระอรหันตชนชาติก รีก ไปเผยแผพระพุทธศาสนา ณ อปรันตะกชนบท เชอ่ื กันวา ไดแกดินแดนชายทะเล อันเปนเมืองบอมเบยในปจ จุบัน ๖๗

๕. พระมหาธรรมรักขติ เถระ เปน หัวหนาคณะ ไปเผยแผพระพุทธศาสนา ณ แควนมหาราษฎร ปจจุบนั ไดแ ก รฐั มหาราษฎรของประเทศอนิ เดีย ๖. พระมหารกั ขิตเถระ ไปเผยแผพระพุทธศาสนา ณ โยนกประเทศ คือ ดินแดนที่อยูในความยึด ครองของฝร่งั ชนชาตกิ รกี ในทวปี เอเชียตอนกลาง เหนอื อิหรานขึน้ ไปจนถงึ เตอรกสี ถาน ๗. พระมชั ฌิมเถระ พรอมดว ยพระเถระอีก ๔ รูป คือ พระกัสสปะโคตะ ๑ พระมูลกเทวะ ๑ พระทนุ ทะภิสระ ๑ พระเทวะ ๑ ไปเผยแยพ ทุ ธศาสนาในดินแดนแถบภูเขาหมิ าลยั ๘. พระโสณะเถระ และพระอุตตระเถระ ไปเผยแผพระพทุ ธศาสนา ณ ดินแดนที่เรียกวา สุวรรณ- ภูมิ เช่อื กนั วาดนิ แดนที่เปนจังหวดั นครปฐมปจ จบุ นั ๙. พระมหินทรเถระ พรอ มดวยพระอิฎฎิยะเถระ พระอุตติยะเ ถระ พระสัมพละเถระ พระภทั ทสาละเถระ และสุมนสามเณร มาเผยแผพทุ ธศาสนาทเ่ี กาะลงั กา ในสมยั พระเจา เทวานมั ปย ติสสะ เมอ่ื พระมหินทรเถระไดร ับมอบหมายใหเปนผูอัญเชิญพระพุทธธรรม มาเผยแผท่ีเกาะลังกา ทา นไดรอจังหวะอยถู งึ ๗ เดอื น จึงมาถึงเกาะสิงหล หลังองคอ่ืนทั้งหมด ท้ังน้ีเพราะวาพระเจามุฆสีวะ พระเจาแผน ดินลังกาขณะน้ันทรงชราภาพมาก คงไมมีกําลังพอท่ีจะยกยอง และสนับสนุนศาสนาได แตก มุ ารผเู ปน โอรสของพระองค ทรงพระนามวา เทวานัมปยตสิ สะยังหนุมอยู ตอ มาพระราชกุมารไดเสวยราชสมบัติ และพระมหินทรเถระจึงไดล าพระราชชนนีท่ีนครเวทิสาคีรี กอ น จึงคอยเสด็จมาเกาะสิงหล ลงที่ยอดภูเขามิสสกะ ดานทิศตะวันออก เมื่อวันเพ็ญเดือน ๗ พุทธศักราช ๒๓๖ ขณะนั้นพระเจาเทวานัมปยติสสะก็เสด็จมาลาสัตว ณ ท่ีแหงเดียวกันน้ี ดวยความ เพลิดเพลนิ สัตวนอ ยใหญกว็ ง่ิ หนีดวยกลวั ภัย มีเนื้อสมันหรือกวางรางงามตัวหน่ึงวิ่งผานมา พระราชา ทอดพระเนตรเหน็ เขาก็ชอบใจ ดว ยหมายไวว าจะใหเ ปน เปาของลูกธนูใหได จึงไดออกเดนิ ตามไป ซ่ึงเนื้อ ตวั น้นั กว็ ิ่งเขามาทางโขดหนิ แลวก็หายไป คงปลอ ยใหพ ระราชาเสดจ็ ตามหาจากรอย ในขณะนั้นพระองคได ยินเสยี งดงั กังวาน เรยี กชอื่ ของพระองคว า “ติสสะ ติสสะ” พระราชาไดสดบั เสยี งน้นั กท็ รงเอะพระทัยอยู เหมือนกัน ดาํ รวิ าทุกคนทีเ่ กิดในเกาะนี้ จะมีใครกลา เรียกชอื่ เราวา “ติสสะ” พระราชาเสดจ็ ไปตามเสยี งเรยี ก พบสมณะหนุม นงุ หมผา เกา ๆ ฉกี ขาด ศีรษะโลน หมผายอมฝาด “เขาเปนใคร เปน มนุษย หรืออมนษุ ย จงึ กลาออกชื่อเรา” “ดกู อ นมหาบพติ รพระราชสมภารเจา อาตมาภาพเปนสมณศากยบุตร เปนสาวกของพระบรม ศาสดาผูเปน พระธรรมราชา จากชมพูทวปี มาสู ณ ทนี่ ่ี ก็เพอ่ื สงเคราะหพระองคโดยแท ” คร้ันฟงคําพระ เถระวา อาตมาเปน สมณะ เปน สาวกของพระธรรมราชา จงึ ทราบวาพระคุณเจาน้ีเอง เปนบุญเขตแหง สงั ฆรัตนะ เทา นน้ั เองพระราชาแหงกรุงลังกากป็ ระทับน่ัง ตรสั พระวาจาตอ นรับปฏิสันถารเปนอยางดี คร้ัน เมือ่ พระราชาทรงทอดพระเนตรเห็นคนอีก ๖ คน จงึ ตรสั ถามวา คนเหลา นม้ี ากนั เมือ่ ไหร “มาพรอมกับอาตมาภาพเอง ถวายพระพร” “เด๋ยี วน้ี ในชมพูทวปี ยงั มีคนเชนน้อี ีกไหม” “มีมากมหาบพิตร เด๋ยี วนใ้ี นชมพทู วปี นัน้ รงุ เรอื งไปดว ยผา กาสาวพัตร อบอวลไปดวยพระภิกษุ สงฆ สาวกของพระผมู ีพระภาคเจามีมาก เปนพระอรหันตขีณาสพ มีไตรวิชชา มีฤทธ์ิ ฉลาดในเจโต ปรยิ ญาน” “ขาแตพระคณุ เจาผูเจรญิ พระคณุ เจามาทางไหนกนั ” ๖๘

“มหาบพติ ร อาตมามิไดมาทางนา้ํ และทางบก” พระราชาทรงทราบทนั ทีวาพระเถระเหลาน้ัน มาทางอากาศ เมอ่ื พระมหนิ ทรเถระสนทนากับพระเจาเทวานัมปยติสสะพอสมควร เปนท่ีชอบพระทัยของ พระราชา พระเถระทรงดาํ รวิ า ควรจะทดลองภมู ิปญ ญาในการทจี่ ะรับธรรมะของพระราชาวามีมากแคไหน เพียงไร จงึ ไดเ ปลย่ี นอาสนะ มายงั ใตรมมะมวง และถามปญ หา โดยนําเอาตนมะมวงเปน จดุ หมายวา “มหาบพติ ร นต่ี นอะไร” “ตนมะมว ง พระคุณเจา ” “มหาบพิตร นอกจากตน นีแ้ ลว มีตน มะมว งอ่นื อีกหรอื ไม” “มพี ระคณุ เจา แตไ มใ ชต นมะมว ง” “นอกจากตนมะมวงอ่ืนๆ และตน ท่ไี มใ ชม ะมว งละ จะมอี ีกไหม” “กม็ ะมวงตนนนี้ ะซิ พระคณุ เจา” เพยี งเทา น้ี พระมหินทรเถระกส็ าธุการในความเปนบัณฑิตของพระราชา พรอมกับถามปญหาท่ี สองสืบตอ ไป “มหาบพติ ร พระญาติของพระองค มีไหม” “มมี าก พระคณุ เจา ” “นอกจากพระญาตเิ หลาน้ัน คนอ่ืนทไ่ี มใ ชญาติมไี หม มหาบพติ ร” “ขา แตพระคณุ เจาผเู จรญิ คนอืน่ ทีไ่ มใ ชญ าติ มีมากกวาญาตเิ สยี อีก” “นอกจากพระญาติ นอกจากคนอื่นที่ไมใชพระญาติ ยังมคี นอื่นอีกไหม มหาบพิตร” “ก็ขาพเจา นแ่ี หละ พระคณุ เจา” “สาธุ มหาบพติ ร ขน้ึ ชอ่ื วา ตนแลว นบั วา เปน ญาติของตนโดยแท ไมใชคนอืน่ ท่ีไมใชญาติ” เพียงเทาน้ีพระเถระกท็ รงทราบวา พระราชาทรงเปนบัณฑิต สามารถท่ีจะรูธรรมได จึงไดตรัส แสดงธรรม “จูฬหัตถปิ โทปมสตู ร” (มัชฌมิ นกิ ายมูลปณ ณาสก วรรค ๓) เปนพระธรรมเทศนาครั้งแรก ทางพุทธศาสนาแสดงในกรงุ ลังกา พระมหินทรเถระเขามาเผยแผพระพุทธศาสนา ต้ังแตอายุได ๓๒ กระท่ังอายุ ๘๐ ปกน็ พิ พาน ดานพระนางสงั ฆมติ ตาเถรี หลังจากพระเจา เทวานัมปยะติสสะ ทรงประกาศพระองคเปนพุทธ ศาสนปู ถัมภก โปรดใหอัฏฐทิมหาอาํ มาตย ไปทลู พระเจาอโศกมหาราช ขอภิกษุณสี งฆเพื่อมาอุปสมบทแก สตรีชาวศรีลงั กา และใหอ ัญเชญิ กง่ิ พระศรีมหาโพธมิ์ าพรอ มกัน พระเจาอโศกมหาราชจึงไดให พระนาง สงั ฆมติ ตาเถรี ภคินอี รหนั ต พระราชธิดา นาํ กง่ิ โพธท์ิ ่ตี อนจากตน เดิมท่ีพุทธคยา เมืองพระพุทธเจา ตรัสรใู นประเทศอินเดยี มาถวายพระเจา เทวานัมปย ติสสะ และทรงปลกู ในสวนชื่อวา เมฆวัน ขอกลับเขา มาสเู ร่ืองราวการเดนิ ทางของคณะเรากันบาง เมอ่ื คณะของเราเดินทางถงึ สนามบินโคลัมโบ และ ทําการตรวจสอบกระเปา เดนิ ทางเรียบรอ ยแลว ก็ถึงเวลาขึ้นรถบสั ทท่ี างคณะทัวรศรีลังกาไดจัดเตรียมไวให หนึง่ ในสถานทข่ี องการเดนิ ทางทีเ่ ราจะไปพรอ มกันนน้ั ก็เปน เหตุเร่ิมตนคร้ังแรกของ ประสบการณพระ ธาตเุ สด็จในตางแดน นัน่ ก็คอื มหินตเล มหินตเล มาจากคาํ วา มหนิ + ตะเล “มหิน” หมายถึง พระมหิ นทรเถระ ซ่ึงเปนพระโอรสของพระเจา อโศกมหาราชแหง อินเดีย สวน “ตะเล” เปนภาษาพ้นื เมือง แปลวา ๖๙

ดอยหรือภูเขา สรุปกค็ ือ ภเู ขาท่พี ระมหินทรไดเ สด็จมาพบกับพระเจาเทวานัมปยะติสสะ ซ่ึงเปนกษัตริย ลงั กาในสมัยน้นั ปจจุบันที่แหง นไ้ี ดกลายเปน ที่ตั้งของ อมั พัตถลเจดีย (Ambatthacetiya) คือ เจดียเนิน มะมว ง ที่สรางขนึ้ เพอ่ื บรรจพุ ระธาตุ หรือพระอฐั ธิ าตุของพระมหินทรเถระ ผูทรงมีพระคุณอยางย่ิงตอ พระพุทธศาสนา และเพ่อื เปนการระลึกถึงคุณงามความดีของทา นในการนาํ พระพุทธศาสนาเขามาเผยแผ ยงั ดินแดนลังกา เปนครงั้ แรก ณ สถานที่แหง นี้ละเปน ทม่ี าของเรอื่ งราวพระธาตุเสตจ็ ในตางแดน ซึ่งกเ็ ปนประสบการณคร้ังแรก ของทานพระครสู มหุ จริ ยุทธด ว ยเชนกนั ขณะท่ีคณะของเรากาํ ลงั เดนิ ชมสถานที่อยูนั้น อาตมาและโยมอีก สองสามทา น ก็เดินชมสถานทอ่ี ยใู กลกนั กับทา นพระครูสมุหจิรยุทธ ในชวงที่เราตางกําลังเดินชมอยูน้ัน คุณวาสินี ตั้งประกอบ ไดกลา วกับทา นพระครูสมุหจิรยทุ ธวา “พระครูคะ พระครอู ธิษฐานจิตใหพระธาตุ เสต็จซเิ จาคะ พระครมู ีบารมี พระธาตุนาจะเสด็จมา” ทานพระครูทานไดยินดังน้ัน ทานก็ย้ิมๆ แตไมได ตอบอะไร หลงั จากที่ไดก ราบพระธาตุของพระมหินทรเถระเปน ทีเ่ รียบรอ ยแลว คณะของเราก็เดินขึ้นบันได ไปสยู อดเขามิสสกะ ซ่งึ บนนน้ั มีเจดียใ หญสขี าว เรียกวา มหาเสยเจดยี  คณะของเราสวนหน่ึงเดินข้ึนไป ที่ เหลือเดนิ ขนึ้ เขาไมไหวก็รออยูขา งลา ง ทานพระครูสมหุ จิรยุทธ ทก่ี าํ ลังอาพาธจากอาการปวดเขาอยู ทําให ทา นไมส ะดวกในการเดินขน้ึ เขาไปดว ย จึงรออยขู า งลา งเชน กนั หลังจากที่ไดขน้ึ ไปสยู อดเขาอนั เปน ทต่ี ้งั ของ พระมหาเสยเจดียเ ปน ทีเ่ รียบรอยแลว อาตมาและคณะก็เดนิ ชมสถานที่รอบเจดีย และวิวทิวทัศนโดยรอบอันสวยงามบนยอดเขาสูง ซ่ึงสามารถมองเหน็ เมืองอนรุ าธปุระไกลจากท่ีน่ีถงึ ๑๒ กม. เม่ือไดเวลาพอสมควร คณะของเราก็ลงจาก ยอดเขา เพือ่ เตรียมตวั เดินทางกลบั สทู ีพ่ กั ชวงเวลาทอี่ าตมากาํ ลงั จะเดินไปขึ้นรถบัสพรอมกับคณะ ก็ได เหลียวมองไปเหน็ ทา นพระครสู มุหจ ริ ยุทธ กําลังนงั่ สมาธิอยูที่หนาอัมพัตถลเจดีย ซ่ึงบรรจุพระธาตุของ พระมหนิ ทรเถระ ทา นพระครปู ลดั ฯ จงึ บอกใหอาตมาไปเรยี กทา นพระครูสมหุ  ใหเ ตรียมตัวขึ้นรถบัสเพ่ือ เดินทางกลับ พอไปถงึ อาตมาไดก ระซบิ เบาๆ ทา นพระครสู มุหฯ คอ ยๆ ลมื ตา จากนั้นก็ลุกข้ึนยืน ทานได มองไปยังแทน บชู าหนาเจดีย พรอมกับอทุ านข้ึนวา “พระธาตเุ สด็จ” พวกเราทอี่ ยูใกลกับทาน ในตอนน้ัน มอี าตมา หลวงพ่เี กง โยมยยุ โยมเอ ตา งกร็ บี เดินเขามาดูใกลๆ กไ็ ดเ ห็นผา ขาวผืนหน่ึง มีดอกไมบูชาวาง ทับส่มี ุมเพื่อไมใหล มพดั บนผามีวัตถุลกั ษณะตา งกันวางอยู ลักษณะกลมสีแดงออกดํา ๑ และลักษณะ ผลึกแกวใสสอี อกแดงออ นๆ เหมือนมเี สนใยบางๆ อยภู ายในอีก ๑ หลังจากที่เราไดยืนดูกันอยูครู หน่งึ ทา นพระครูสมุหฯ ก็ไดเ ลา ถึงความต้งั ใจของทา นใหฟ งวา หลงั จากทีค่ ุณวาสนิ ี ตงั้ ประกอบ (โยมเอ) ไดพูดขน้ึ วาทานนาจะลองอธิษฐานขอพระธาตดุ ู ทานจงึ รูสึกอยภู ายในใจวานาจะลองดู โดยใชเวลาชวงที่ ทา นไมไดข ึน้ ไปชม พระมหาเสยเจดยี  น่ังกรรมฐาน กอนนง่ั ทา นก็ไดนาํ ผาขาวท่ีปาเล็ก (คุณอุไร ชมชีพ) ถวายมา มาปูรองไวกอนบนแทน บูชา นําดอกไมบ ชู ามาวางทบั ผา ไวส ี่มุมกันลมพัด และ ไดอธิษฐานขอให พระธาตุพระมหินทรเถระ และพระนางสงั ฆมติ ตาเถรี เสด็จมาบนผาขาวท่ีไดปูรอไว เพ่ือนํากลับไป บูชายังประเทศไทย พวกเราชาวคณะทั้งหมด ท้ังพระและฆราวาส เมื่อทราบเรื่องการเสด็จมาของพระธาตุพระ มหนิ ทรเถระ และพระนางสังฆมิตตาเถรี จากการอธิษฐานจิตของทานพระครูสมุหจิรยุทธ ตางก็เกิด ความรูสึกปต ิกันทว่ั หนา กอ นกลบั ถึงทพี่ ักในวนั น้นั คณะของเราไดแวะจอดรถเพ่ือซ้ือผอบสําหรับบรรจุ ๗๐

พระธาตทุ ่เี สดจ็ มาท้งั สองพระองค เรอ่ื งนาแปลกใจยงั ไมหมดเพียงเทา นี้ เมื่อถึงที่พกั ทานพระครสู มุห ก็ได เปดผอบใหชาวคณะของเราไดช มพระธาตทุ ง้ั สององคท ีเ่ สดจ็ มาอีกคร้งั หนึ่ง ทกุ คนตางก็เห็นวาพระธาตุที่ เสดจ็ มานน้ั มีเพยี งสององคเทา น้ัน เชาวนั ตอมาเมอื่ คณะของเราขึ้นรถบัสกนั ครบทุกคนแลว ทานพระครู - สมุหก ็ใหอ าตมาซง่ึ น่ังอยขู างทานเปด ผอบออกดู สงิ่ ท่อี าตมาเหน็ นั้น คือ พระธาตุเพิ่มขึ้นจากสององค เปนสิบกวาองค อาตมาไมแนใจจึงถามทานพระครูวา “พระครูใสพระธาตุลง ไปเพ่ิมหรือครับ ” ทา นพระครูสมุหไดย ินดังนนั้ ก็แสดงสีหนาแปลกใจ เมื่อทา นเห็นวา เพิ่มข้ึนจริง ตามท่ีอาตมาพูด ทานจึง บอกกบั อาตมาวา ทานไมไดใ สเ พ่ิมลงไป ทานไมรเู ร่ืองเลย ดังน้ัน อาตมา ทานพระครูสมุห รวมถึงชาว คณะจงึ เขาใจไดทันทวี า พระธาตเุ สด็จมาเพ่ิมเอง หลังจากนั้นทุกเชาที่เราเปดผอบดูก็พบวา พระธาตุได เสด็จมาเพิม่ ทกุ วัน กระท่ังกอนวันกลับประเทศไทยหน่ึงวัน ชาวคณะของเราไดซ้ือผอบกันคนละอัน เพ่อื ทจ่ี ะไดรบั แบงจากทานพระครสู มหฯ ไปบชู าหลังกลับถงึ ประเทศไทย คนื วันกอ นกลบั ทุกคนจึงนําผอบ มาฝากไวทห่ี อ งพักทา นพระครูสมหุ ฯ เพื่อทที่ า นจะไดแ บงใหบ ชู า คนื นัน้ กอนท่จี ะพกั ผอน ทา นพระครสู มหุ ฯ ไดกลาวกับอาตมาวา ทา นจะยังไมแบงใหกอน แตจะ นําผอบทโี่ ยมฝากมาทั้งหมด ตงั้ ไวร อบๆ กบั ผอบที่มีพระธาตุอยแู ลว เผื่อวาบางทีพระธาตุจะเสด็จมายัง ผอบเปลาดว ยองคทานเองก็เปน ได ปรากฏวา เชา วนั เดนิ ทางกลบั ผอบเปลาทัง้ หมดท่ตี ้ังไวรอบๆ ผอบที่มี พระธาตุ มีพระธาตุเสดจ็ มาอยูใ นผอบเองท้ังหมด ผอบละสององค จะมกี ็แตผ อบของโยมมิ้น ที่มีพระธาตุ เสด็จมาหลายองค เปนไปตามที่ทา นพระครูสมุห ทานสันนิษฐาน โดยทานไมตองแบงพระธาตุใหเลย เพราะตางกเ็ สด็จมาเองทง้ั น้นั เม่ือกลับมาถึงประเทศไทย ทานพระครสู มหุ จิรยทุ ธ ไดแ จง ใหทางวดั ตาลเอน ท้ังพระและฆราวาส มาคอยที่โบสถ เพอื่ เตรยี มตวั สวดมนตตอ นรับการมาของพระธาตุจากประเทศศรีลังกาอันเปนมงคล พระ ธาตุไดต ้ังบูชาไวท ี่โบสถวดั ตาลเอน ใหผูมจี ิตศรทั ธาไดท ําการสกั การะเพื่อเปน การระลกึ นกึ ถงึ คุณแหงพระ รัตนตรยั อนั มีพระพทุ ธ พระธรรม และพระสงฆ สืบไป อาตมาภาพรสู กึ ยินดีท่ไี ดเปน สวนหน่งึ ในการนําเสนอเหตุการณพ ระธาตุเสด็จท่ีศรีลังกา ศาสนา พุทธเปน ศาสนาทีม่ เี หตุผล สามารถพิสูจนไ ดดวยตนเอง วิธีการพสิ ูจนก็คอื การลงมอื ปฏิบัติธรรมจริง ไมใ ชเ ปน การทาํ เลน ผลของการทําเลนๆ จมิ้ ๆ จ้าํ ๆ ก็คอื ไมส ามารถรูผลตามความเปนจริงได เมื่อเรายัง ไมลงมอื ทาํ จริง ก็ยงั มอิ าจพดู ไดว าส่ิงนน้ั สิง่ นีไ้ มมอี ยจู ริง แตท ี่ไมจริงแนๆ ก็คอื ตวั เรานัน่ แหละ พระวโิ รจน จกกฺ วโร ศูนยปฏิบตั ธิ รรมสวนเวฬวุ ัน จังหวดั ขอนแกน พระวโิ รจน จกกฺ วโร ถา ยรปู ใตต น พระศรีมหาโพธ์ิ ประเทศศรีลงั กา ๗๑

ความทรงจาํ อันแสนลํ้าคา จนยากจะลมื เลือน ขาพเจาขอยอมรับตรงๆ วา กอนท่ีจะเดนิ ทางมาท่ีประเทศศรีลังกาน้ัน ขาพเจา แทบจะไมมีความรู ใดๆ เกี่ยวกบั ศรลี ังกามากอนเลย นอกจากเคยอา นหนงั สอื กฏแหงกรรม ธรรมปฏิบัติ ที่พระเดชพระคุณ หลวงพอ พระธรรมสงิ หบรุ าจารย (จรัญ ฐิตธมฺโม) ไดไปพบของดีทีถ่ ํ้าบริเวณเขาสกิ ริ ยิ า ซึ่งจะมีสักก่ีคนใน โลกนี้ ไดม โี อกาสเหน็ ตนมกั กะลีผล ผลไมท ่ีมีอยูในปา หิมพานต และรูเพียงคราวๆ วาจะไดมานมัสการ พระเข้ยี วแกว และตน พระศรีมหาโพธิ์เพยี งเทา น้นั แมกระทง่ั ชอื่ ของพระอบุ าลี พระมหินทรเถระ และพระ นางสังฆมิตตาเถรี ขาพเจาเองก็เพง่ิ จะไดย นิ จากพระวทิ ยากร และทานพระครูสมุหจิรยุทธ อธิฉนฺโท ใน ตอนท่ีไปท่ีบริเวณอมั พัตถลเจดยี นั่นเอง ขาพเจา ไมเคยคดิ มากอ นเลยวา การเดินทางมาท่ีประเทศศรีลังกา ในครัง้ นี้ จะไดประสบการณ และของดีกลบั มามากมาย จนอดไมไดท ่ีจะนําเร่ืองดๆี ทเี่ กดิ ขึ้นมาเลาสูกันฟง ตามความคดิ ของขา พเจา ประเทศศรีลังกาเปนอีกประเทศหนึง่ ที่พวกเราชาวพุทธ ที่ปรารถนาจะตาม รอยพระศาสดา ควรทีจ่ ะไปเยือนสกั ครงั้ หนึ่งในชีวติ เชน เดยี วกับประเทศอินเดยี และประเทศพมา ขาพเจา มีโอกาสเดินทางไปทปี่ ระเทศศรีลงั กาตั้งแตว นั ท่ี ๑๒-๑๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยมี ทา นพระครูปลดั สทิ ธวิ รวัฒนเ ปนหัวหนาคณะ พรอ มดวยพระครูสมุหจิรยุทธ อธิฉนฺโท พระอนุชาติ พระ วิโรจน จกฺกวโร พระปรญิ ญา อาจาโร (ปจ จุบนั ไดลาสิกขาแลว ) และพระอาจารยอาทิตย พระวิทยากรที่ เดินทางไปกบั คณะ รวมท้ังญาตธิ รรมทเี่ ดนิ ทางไปดว ยกันอกี ๑๐ กวาคน พวกเราชาวคณะไดมีโอกาสไป ขึน้ เขาสกิ ริ ิยา ประเทศศรีลงั กา สถานท่ีท่ีพวกทมฬิ หนิ ชาติจับพระมหากษัตริยมาขังไว แลวฆาพระเณร หมดทง้ั ศรีลังกา จนทางประเทศศรลี ังกาไดสงทตู มาขอนิมนตพระสงฆจ ากเมืองไทย ซึง่ ตรงกับรัชสมัยของ พระเจาอยูหัวบรมโกศ แหงกรุงศรีอยธุ ยา ซ่ึงพระองคไดส ง พระสมณทูตไทยจํานวน ๑๐ รูปโดยมีพระอุ บาลีมหาเถระ เปนหัวหนาเดินทางมาเพื่อบรรพชาอุปสมบทแกกุลบุตรจํานวนมากถึงสามพันคน จนกระทั่งเกดิ นิกายสยามวงศ มาจนถึงทุกวันน้ี นอกจากนี้ยังเปนสถานท่ีซ่ึงหลวงพอจรัญไดมาพบ มกั กะลผี ลในถํ้าแหงหน่งึ ในบริเวณนีด้ ว ย นอกจากนี้ การท่ีขาพเจาที่ไดมีโอกาสมากราบนมัสการ พระบรมสารีริกธาตุพระเขี้ยวแกว (พระทนตของพระสัมมาสมั พุทธเจา) ทเ่ี มอื งแคนดี้ พรอมท้งั สกั การะตนพระศรีมหาโพธิ์ที่เกาแกที่สุดใน โลก คอื มอี ายุถงึ ๒,๓๑๗ ป (อายใุ นขณะนั้น) ทีเ่ มืองอนรุ าธปรุ ะโดยพระนางสังฆมิตตาเถรี (พระราช ธดิ าของพระเจาอโศกมหาราช) ไดน ํากิ่งดา นขวาของตนพระศรีมหาโพธิ์ท่ีพุทธคยาไปถวายแดพระเจา เทวานมั ปย ะติสสะ ซง่ึ เปน กษัตริยศ รีลังกาสมยั นน้ั ณ ประเทศศรีลงั กา นับวาเปนบุญกุศลสูงสุดอยางยิ่ง ในชีวติ ของขา พเจาอกี ดวย วนั หนึ่งคณะของเรากไ็ ดเ ดนิ ทางไปขึ้นภเู ขามหินตเล ซง่ึ เปน ภเู ขาที่พระมหินทรเถระ (พระโอรส ของ พระเจาอโศกมห าราช) ไดเ สด็จ มาพบและแสดงพระธ รรมเทศนาเ ปนครั้งแรกแกพระเจา เทวานัมปยะติสสะ (กษัตรยิ ลังกาในสมยั นัน้ ) ซง่ึ เปนสถานที่สําคัญมาก เพราะถือวาเปนจุดเริ่มตนของ พระพุทธศาสนาในลงั กา โดย ณ สถานทแ่ี หงน้ี ไดม กี ารสรา ง อัมพัตถลเจดีย ซ่ึงแปลวา เจดียบนเนินตน มะมว ง เพื่อบรรจพุ ระธาตขุ องพระมหนิ ทรเถระ ผูท ี่นาํ พระพทุ ธศาสนาเขามาเผยแพรในเกาะลังกาเปน ครัง้ แรก ๗๒

ขณะที่คณะของเราไดแ ยกยา ยกันไปถา ยรูปบริเวณทีบ่ รรจุพระอรหันตธาตุของพระมหินทรเถระ น้ัน ขา พเจาไดยืนอยกู บั คณุ วัชนนั ท จงสิริทวีโชค (พี่ยุย) ซ่ึงยืนอยูใกลๆ กับทานพระครูสมุหจิรยุทธ พระวโิ รจน พระปรญิ ญา โดยกอนทจี่ ะเดินขนึ้ ไปสยู อดเขามิสสกะ ทา นพระครสู มุหจ ริ ยุทธไดปรารภกับชาว คณะวา “ทานระลึกถงึ พระคุณของพระอุบาลี ท่ีมาเผยแผพระพุทธศาสนาในลังกา จนกระทั่งทําให พวกเราชาวคณะไดมโี อกาสมายังสถานทแี่ หงน้ี” นอกจากนน้ั ทา นยงั ปรารภวา “ทา นมีความปรารถนาท่ี จะไดพระอ รหันตธาตุข องพระม หินทรเถระ แล ะพระนางสังฆมิตต าเถ รี ผูซึ่งมาเผย แผ พระพุทธศาสนา ณ สถานท่ีแหง นีเ้ พือ่ นาํ กลับไปบชู าที่ประเทศไทย ” ขาพเจาจึงตอบทานไปวา “พระ อาจารยมีบารมที างดา นนม้ี า พระอาจารยล องอธิษฐานดสู ิคะ เผ่ือวาพระธาตุอาจจะเสด็จมาก็ไดนะคะ ” จากน้ันพวกเราก็เดินขน้ึ บันไดไปสูยอดเขามิสสกะ ซ่ึงบนน้ันมีเจดียใหญสีขาว ท่ีเรียกวา มหาเสยเจดีย ทานพระครูสมุหจิรยุทธเดินข้ึนบันไดที่คอนขางลาดชันไปไดชวงหน่ึง ทานก็บอกพระวิ โรจนและ พระปรญิ ญาวา ทานเจบ็ เขา ทา นจงึ ขอรออยูขา งลาง หลงั จากทคี่ ณะของเราไดถายรปู ววิ ทวิ ทศั นท่สี วยงามมาก บนมหาสยเจดียกันแลว ก็ทยอยกันลง มา ขา พเจา และคณะกาํ ลงั จะเดินไปข้ึนรถ พอดีเจอทา นพระครูปลดั สทิ ธิวรวฒั น ตรงทางเดนิ ทานกลาววา “เดินไปดูอาจารยหนอย ยงั น่ังสมาธอิ ยตู รงนนั้ เลย” พระวโิ รจน พระปรญิ ญา พีย่ ยุ และขาพเจาจึงเดินไป ตรงสถานที่ทพ่ี ระครูสมหุ จิรยุทธไ ดนั่งสมาธริ ออยทู ีห่ นา อัมพัตถลเจดีย ซ่ึงก็คือ บริเวณที่บรรจุพระธาตุ ของพระมหนิ ทรเถระนัน่ เอง ระหวางนนั้ ขาพเจา ก็ไดยินพระครูสมุหจิรยุทธกลาววา “พระธาตุเสด็จ” พวกเราตางกร็ ีบเดนิ เขามาดใู กลๆ จึงไดเหน็ ผา ขาวผืนหนึ่ง มดี อกบัวที่ชาวศรลี ังกานํามาบูชา (ที่ศรีลังกา ดอกบวั ทนี่ ํามาบูชา จะใชแคด อกอยางเดียว โดยตัดกานออกจนหมด) วางทบั ท่ีผา ขาวทงั้ สี่มุมเพื่อไมใหลม พดั บนผาขาวผืนนั้น ขาพเจา เห็น พระธาตุเสดจ็ ๒ พระองค โดยพระองคแรก มีลักษณะกลม สีแดง คอนไปทางดํา และอกี พระองคม ีลกั ษณะผลึกแกวใส สอี อกแดงออ นๆ หลังจากท่คี ณะของเราไดย นื ดูกนั อยคู รหู น่งึ ทานพระครูสมหุ ฯ ก็ไดเลาวา หลังจากท่ีทานไดฟง ขาพเจา บอกใหท า นลองอธษิ ฐานขอพระธาตดุ ู ทานจงึ รูส กึ ภายในใจวา นาจะลองดู โดยใชเวลาชวงที่ทาน ไมไ ดข้ึนไปชม พระมหาเสยเจดีย น่งั กรรมฐานรอชาวคณะ กอนทีจ่ ะนง่ั ทา นกไ็ ดน ําผาขาวท่ปี าเล็กถวายมา มาปูรองไวก อ นบนแทน บูชา นาํ ดอกบัวมาวางทับผาไวสี่มุมกันลมพัด และไดอธิษฐานขอใหพระธาตุ พระมหนิ ทรเถระ และพระนางสังฆมติ ตาเถรี เสด็จมาบนผาขาวท่ีไดปูรอไว เพ่ือนํากลับมาบูชาที่ประเทศ ไทย จากนั้นพวกเรากไ็ ดเลาเหตุการณต างๆ ทีเ่ กิดขึน้ ใหแ กท ุกคนฟงบนรถ เมื่อทุกคนในคณะทราบ เรื่องการเสด็จมาของพระอรหนั ตธาตุของพระมหนิ ทรเถระ และพระนางสังฆมติ ตาเถรี จากการอธษิ ฐานจิต ของทา นพระครสู มุหจิรยทุ ธ ตางกเ็ กดิ ความรสู กึ ปติกันถว นหนา ระหวา งการเดินทางเขา ท่ีพัก คณะของเรา ตกลงกันวา จะหาซื้อผอบหรอื ภาชนะสาํ หรบั บรรจุพระธาตุทเ่ี สดจ็ มาท้ังสองพระองค จากน้ันเม่ือถึงท่ีพัก พระครูสมหุ จ ิรยุทธจงึ ไดบ รรจุพระธาตุทั้งสอง พระองคใสผอบที่เราไดหาซื้อไดจากรานคาในศรีลังกา พรอมทั้งอนญุ าตใหช าวคณะชมพระธาตทุ ั้งสองพระองคทีเ่ สดจ็ มา โดยพวกเราไดถายรูปพระธาตุทั้งสอง พระองคเอาไวเปนจาํ นวนมาก เชาวันตอมา เมื่อคณะของเราขึ้นรถกนั ครบทุกคนแลว และเตรียมตัวท่ีจะเดินทางไปชมสถานท่ี ตา งๆ ตอ ไป ทา นพระครสู มหุ ก็ใหพระวโิ รจนซ ึ่งนงั่ อยขู างทา น เปด ผอบออกดู ปรากฏวา พระอรหันตธาตุ ๗๓

ไดเ สด็จเพม่ิ ข้ึนจากสองพระองคเปน สิบกวา พระองค พวกเราชาวคณะจึงไดเห็นส่ิงมหัศจรรยเกิดข้ึนอีก เปนครั้งท่ีสอง หลังจากน้ันทุกเชาท่ีเราเปดผอบดูก็พบวาพระธาตุไดเสด็จมาเพ่ิมทุกวัน ขาพเจาก็มีความ ปรารถนาวา หากพระอรหนั ตธาตุของทั้งสองพระองคทเ่ี สด็จมาน้ัน มีจํานวนมากเพียงพอท่ีทานพระครู สมุหฯ จะสามารถแจกชาวคณะที่รวมเดนิ ทางในทรปิ นี้ ขา พเจาจะขอทา นไปบชู าท่ีบานเพ่ือ เปนสิริมงคลทั้ง แกต ัวขา พเจาเองและครอบครัวของขา พเจา ดวย โดยระหวา งท่เี ดนิ ทางไปยังสถานที่ตางๆ ในศรีลังกาน้ัน ขา พเจา จงึ อธษิ ฐานจติ ขอใหค วามปรารถนาของขา พเจาเปนจรงิ ดวย เทอญ จนกระทั่งกอนวันกลบั ประเทศไทยหน่งึ วนั ชาวคณะของเราไดซ ้ือผอบกันคนละอัน เพื่อที่จะไดรับ แบง จากทานพระครสู มุหฯ ไปบูชาหลงั กลับถงึ ประเทศไทย โดยมีการพูดคุยกันท่ี หองอาหารในคืนกอน เดนิ ทางกลบั เพราะวา ทานพระครสู มุหฯ ตองการที่จะนําพระธาตุทั้งหมดท่ีเสด็จมาไปฉลองพระธาตุท่ี วดั ตาลเอน จ.พระนครศรีอยุธยา เสยี กอน แตเ นื่องจากชาวคณะมากนั จากหลายจงั หวัด บางสวนจึงมีความ ปรารถนาทจี่ ะไดร บั พระธาตุเพอ่ื ไปบูชาเลย เพราะอาจจะไมสะดวกในการเดินทางมารับพระธาตุท่ีวัด ตาลเอน ในคนื น้นั ทานพระครปู ลดั ฯ ไดเ มตตาและแนะนาํ ใหชาวคณะทกุ คนรวมกนั สวดมนตแลวอธิษฐาน จิตกนั เอง โดยใหแตล ะคนนาํ ผอบมาฝากไวท่ีหอ งพักทานพระครูสมุหฯ เพื่อที่ทานจะไดแบงใหไปบูชา โดยใหแตละคนทําสญั ลกั ษณไ วท ่ีผอบของตนเอง ปรากฏวาเชาวนั เดนิ ทางกลบั ผอบเปลาทั้งหมดท่ีตั้งไว รอบๆ ผอบทีม่ พี ระอรหันตธาตุทเี่ สด็จมาคร้ังแรก มีพระธาตเุ สดจ็ มาอยูในผอบเองท้ังหมด ผอบละ ๒ พระองค จะมกี ็แตผอบของคุณพนิตตา (ม้นิ ท) ที่มีพระธาตเุ สดจ็ มา ๘ พระองค เปน ไปตามที่ทานพระครู สมุหฯ ต้งั ใจไว โดยที่ทา นไมตอ งแบงพระธาตุใหใครเลย เพราะทุกคนไดร บั พระธาตุนน้ั โดยทว่ั กนั ทุกคน จากการที่ไดเ ดินทางไปเห็นสภาพภูมิประเทศที่นั่นและไดฟงพระวิทยากรบรรยาย จึงพบวา ประเทศศรลี ังกาเปน อกี ประเทศหน่ึงทีน่ ับถอื พุทธศาสนาเปนศาสนาประจาํ ชาติ ซงึ่ ความเจริญรุงเรืองทาง พระพทุ ธศาสนาในประเทศศรีลงั กาน้ันไมไ ดหมายความถึงจาํ นวนวัดวาอารามหรือศาสนวัตถุตาง ๆที่ มอี ยูมากมาย แตห มายถงึ จติ ใจของบคุ คลท่มี คี วามเขาใจในพระธรรมคําสอนของพระพุทธองค โดย ประชากรชาวศรลี งั กานั้นมคี วามศรัทธาและนบั ถอื พุทธศาสนาอยางแนว แนมั่นคงมาก มากจนกระท่ังเกิด ขนบธรรมเนียมประเพณที ี่วา ในครอบครวั ท่ีนับถือพทุ ธศาสนา ตองสงบุตรชายอยางนอย ๑ คนมาบวช เรยี นในพทุ ธศาสนา เพอ่ื ศกึ ษาพระธรรมและสืบทอดอายพุ ระพุทธศาสนาใหค งอยูตลอดไป การท่ขี าพเจา ไดมากราบตน พระศรีมหาโพธท์ิ ่ปี ระเทศศรลี งั กาในครั้งนี้ อาจจะเปรียบ เสมือนวา เราไดมีโอกาสมาเขา เฝา พระพุทธเจา ถงึ แมว าเราอาจจะเกิดมาชา ไมมีบุญวาสนาท่ีจะ ไดฟงพระธรรมคํา สอนจากพระองคท า นเอง แตเรากถ็ อื วา ยังโชคดี ที่ไดเกิดมาทันในยุคสมัยที่พระพุทธศาสนายังคง ดาํ รงอยู และการท่ีตวั ขา พเจานั้นมบี ุญวาสนาและโอกาสทดี่ ีทีไ่ ดม าประสบพบเจอเหตุการณอันมหัศจรรย ทส่ี ดุ แสนจะเหลอื เชอ่ื หากไมไดเจอกับตนเอง ท่พี ระอรหนั ตธาตุไดเ สด็จมาจากการอธิษฐานจิตของทาน พระครูสมหุ ฯ และเสด็จมาเองเรอื่ ยๆ ทุกๆ วนั จนกระท่ังวันเดินทางกลับ นั่นก็เปนการยืนยันแลววา พระพุทธเจา มีอยูจริง พระธรรมคําส่ังสอนของพระองคท านมอี ยูจริง และผูท่ีปฏิบัติตามคําสอนของ พระองคท า นแลว ไดผลจริง ยังคงมีอยู ดังเชนพระอรหันตธาตุของพระมหินทรเถระ และพระนาง สงั ฆมิตตาเถรีทเี่ สด็จมา เปน ตน ๗๔

จากเหตกุ ารณในคร้ังน้ี ทําใหข า พเจาเชอื่ มนั่ วา หากเราทาํ ความดี ต้ังความปรารถนาในส่ิงที่ดี สิ่งดีๆน้ัน ก็จกั เกิดขึ้นกับเราไดราวกับปาฏิหาริย ปาฏิหาริยจึงไมใชส่ิงมหัศจรรย หรือเปนส่ิงท่ี เหลอื เชื่อแกบคุ คลท่ไี ดก ระทาํ เหตใุ นสง่ิ ท่เี ปนกุศลอยางสมเหตุและสมผล แตในทางกลับกัน หากเรา เคยสรา งเหตแุ หงอกศุ ลหรือทําบาปเอาไว ผลแหงอกศุ ลท่ีเราเคยทําไวน้ันอาจสงผลใหดูเหมือนวา เปน เรอ่ื งบังเอญิ ท่ีเกิดข้ึน ราวกบั วา มีใครจงใจกลนั่ แกลงเราไดอ ยางเหลือเชื่อหรือนาอัศจรรยใจ จนอาจมีคน สงสยั วา ทําไมคนบางคนถึงเกิดมาโชครา ย มีแตเ รือ่ งรา ยๆ ผานเขามาในชีวิตซํ้าแลวซ้ําเลา ทั้งๆ ที่จริงๆ แลว หากวา เราเปนชาวพุทธแท เราจะเขา ใจและเชื่อไดวา สิ่งศักด์ิสิทธิ์และโชคชะตาท้ังหลายน้ัน ไมไ ดดลบนั ดาลใหเกิดเหตุการณดีหรือรายแกเรา แตตัวเราเองตางหาก ท่ีเปนผูกระทําใหเกิด เหตกุ ารณด หี รือรายนน้ั เอง ดงั คาํ กลาวทวี่ า สรางเหตอุ ยางไร ยอ มไดรบั ผลเชน น้ัน นับวาไมเสียทีที่ขาพเจาไดมีโอก าสเกิดมาเปนมนุษย ไดมาพบพระพุทธ ศาสนา ไดมาพบ ครูบาอาจารยและกัลยาณมติ รที่ดี ชวี ิตที่เหลอื อยขู องขา พเจานับจากน้ีไป ขา พเจา ขอปฏิบตั ติ ามคําสอนของ หลวงพอ จรัญท่วี า “คิดดี พดู ดี ทาํ ดี” เพอ่ื เปน การสรางเหตทุ ดี่ ี และขาพเจาก็เช่ือมั่นวาในอนาคต หาก ขา พเจา ยงั ตองเกดิ อยู ขา พเจาตองไดมาพบและเจอสง่ิ ดีๆ ท่นี า ประทับใจดงั เชนทขี่ า พเจาไดป ระสบพบเจอ มาแลวทีป่ ระเทศศรีลังกาอีกอยา งแนน อน วาสนิ ี ตัง้ ประกอบ คณุ วาสินี ตง้ั ประกอบ (จะ เอ) ๗๕

ประสบการณพระธาตุเสดจ็ ที่ศรีลงั กา วันท่ี ๓๐ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๓ ดฉิ ัน วัชนนั ท จงสิรทิ วีโชค รสู ึกดีใจ และปติมากเมือ่ คณุ วาสินี ต้ังประกอบ หรือนองเอ โทรมา บอกวาใหช วยกนั เขยี นบทความเรื่องพระธาตเุ สดจ็ ท่ศี รีลงั กา เนื่องจากทานพระครูสมุหจิรยุทธ ทานจะ รวบรวมทาํ หนังสือ ตอนแรกทีท่ ราบเร่อื งมี ๒ อารมณเกิดขึน้ ระหวา งดใี จ กบั กังวลใจ ที่วาดีใจเพราะเมื่อ นกึ หวนไปถงึ ความรูส กึ ณ ขณะท่ีอยูในเหตุการณวนั นน้ั นกึ ถึงทีไรกย็ งั รูสึกต่นื เตน และเกิดปติทุกครั้งไป ทเ่ี ราไดเ ปนสว นหนงึ่ ในเหตกุ ารณสาํ คัญ เปน ประสบการณใหมในชวี ติ ทีย่ ังไมเคยไดเ รยี นรูมากอน ยังจําได วา หลังจากที่กลับมาจากศรีลังกาคร้งั น้นั มีเรอ่ื งมาคยุ ใหเ พอ่ื นฝูง-พี่นองฟงไปนานเปนอาทิตยเลย สวน เร่ืองท่ีวากังวลใจ คือ เหตุการณผ านมานานพอสมควรแลว จําช่ือสถานท่ี ที่ไปไมคอยได แตนองเอให กําลังใจวา พ่ยี ยุ ไมเ ปน ไร มบี ทความหลวงพ่ี วิโรจน เปน แนวทางเรอ่ื งชือ่ สถานที่ได ใหเขียนความรูสึกใน วนั น้ัน แลวสง พระอาจารยพรอมกนั จงึ ตกลงเขียน ขอเลายอนความไปวา คณะท่ีเดินทางไปศรีลังกาครั้งน้ี มีพระ ๖ รูป คือ ทานพระครูปลัด สทิ ธวิ รวัฒน จากศูนยปฏบิ ตั ธิ รรมสวนเวฬุวนั จ.ขอนแกน พระครูสมหุ จ ริ ยทุ ธ วัดตาลเอน หลวงพ่ีวิโรจน จากศูนยปฏบิ ัตธิ รรมสวนเวฬุวนั จ.ขอนแกน หลวงพี่เกง วดั ตาลเอน หลวงพ่อี าทิตย พระวิทยากรนักแหล ฝป ากเอก ประจาํ คณะ และหลวงพอ่ี ีก ๑ รูปจําชื่อไมได พรอมดวยฆราวาสรวมประมาณ ๒๐ คน การ เดนิ ทางคร้ังน้เี ปน ทัวรท ําบุญครงั้ ท่ี ๒ ของการไปแสวงบุญในตางประเทศของตัวเอง หลังที่กลับจากพมา ซงึ่ ก็ไปกับคณะของทานพระครูสมุหจริ ยทุ ธเชน กนั สมาชกิ ครงั้ น้สี วนใหญก ค็ ุนๆ หนากันท้ังน้ัน หลายคน เคยไปพมา ดว ย โดยรวมแลวทริปนี้นาประทับใจมาก ไดเห็นวิถีชีวิต สภาพชีวิตความเปนอยูของชาว ศรีลังกาซง่ึ ก็คลายๆ บานเรา บรรยากาศระหวา งทางขณะรถว่ิงไปตามสถานทต่ี า งๆ เหมือนกับกําลังขับรถ อยูตามตา งจังหวดั ในเมืองไทย สองขางทางมตี นไมเยอะ และบานเมืองเขาอนุรกั ษต นไม โดยเฉพาะตนไม ใหญ เสน ทางใดจะตัดถนนผา น ถา มีตน ไมใ หญขวางทางอยู เขาทาํ ถนนออ มตน ไม เลยดูเหมอื นปลูกตนไม ใหญข วางถนนไว แตทีจ่ ริงแลว ไมใช สวนเร่อื งของพระพทุ ธศาสนา คนศรลี ังกาใหค วามสําคญั ในเรอื่ งศาสนาอยูมาก โดยเฉพาะศาสนา พทุ ธ ยิ่งถารวู าเปนคนไทยมาทาํ บญุ จะดีใจมาก ใหก ารตอ นรับเปน อยางดี เพราะคนไทยชอบทําบุญและ ชอบบรจิ าคทาน และทส่ี าํ คญั คือไดประสบการณทดี่ ีมากกลับมา คณะใชเวลาสักการะสิ่งศักดสิ์ ทิ ธใ์ิ นศรีลังกาอยหู ลายแหง มีวนั หนง่ึ คณะของเราจะไปมหินตเลขึ้น เขาเพอื่ กราบบูชาสถานทีส่ ําคญั ทีพ่ ระพุทธศาสนาไดเ ขา มาเผยแพรท่ปี ระเทศศรีลังกาเปนครั้งแรก วันนั้น คณะเราขึ้นเขาชว งบายแกๆ แลว ประมาณบาย ๓ – ๔ โมงเห็นจะได อากาศไมคอยรอน ทานพระครู สมุหจ ริ ยทุ ธ ทา นเดนิ ล่วิ นาํ คนอ่นื ขนึ้ เขามาจนถงึ ลานดานบนแลว ซ่ึงทานก็เกร่ินอยูกอนแลววา ปวดเขา เหตเุ พราะทา นไปขึน้ เขาคชิ กูฎิ ท่ีจังหวัดจันทบรุ มี ากอนจะมาศรลี ังกา เลยเปนเหตุผลที่ทานไมข้ึนไปกราบ สถปู ดานบนสุด ที่ตอ งเดนิ ข้ึนเขาไปอกี ระยะทางไมไกลนัก ดิฉันถามทา นวา ไมข้ึนตอหรือ คะ อีกนิดเดียว จะถึงบนสดุ แลว ทา นตอบวา “ไม อาตมารสู กึ ปวดเขา ขอน่งั คอยดานลา ง” ฉะน้นั คณะท้ังหมดจึงเดินขึ้น ไปกราบสถูป พรอ มถา ยรปู เกบ็ ภาพบรรยากาศพระอาทติ ยจ ะตกดิน กอนท่ีแสงจะหมด ดิฉั นกับนองเอ ๗๖

และหลวงพ่ีวิโรจน ไดเ ดนิ ลงมากอ น เหน็ ทานพระครูทานนั่งสมาธิอยู เลยเดินเขาไปถายรูปทานขณะนั่ง สมาธิ โดยไมเ ปด แฟลชเพอื่ จะไดไ มร บกวนทาน ก็พอดีเปนชว งจังหวะท่ีคณะท่ีเหลือเดินลงมาพอดีเพราะ เร่ิมจะมืดแลว ตองรบี ลงเขา หลวงพว่ี ิโรจน จึงไปกระซิบบอกทานวาจะกลับแลว ทานกถ็ อนออกจากสมาธิ แลวลกุ เดินไปทแี่ ทน ดา นหนา เจดียท่ที านนัง่ สมาธิ พวกเราจึงเห็นวา ทา นวางผา ขาวเอาไว โดยเอาดอกบัวที่ มคี นมาวางสักการะอยูเตม็ แทนวางทบั ผาขาวเอาไว ๔ มุมกันลมพัดปลิว แลวก็ไดยินหลวงพี่เกงพูดดวย นํา้ เสยี งที่ตืน่ เตนวา “พระธาตุเสดจ็ พระธาตเุ สดจ็ ” พวกเรากเ็ ห็นกับตาเปนคร้ังแรกวา มีวัตถุคอนขาง กลม คลา ยเม็ดกรวดอยู ๒ ชิน้ สดี าํ ๑ และสนี วลคอ นขางใสอีก ๑ วางอยกู ลางผา ขาวสะอาด (ตอน แรกดิฉันไมท ราบวา จะตองเรยี กหนว ยของพระธาตวุ า อะไร มารตู อนหลังวา ตอ งเรียกเปน องค เน่ืองจาก ไมเคยมีประสบการณ) ความรูสึกตอนน้นั ยากทีจ่ ะบรรยายทั้งต่ืนเตน และมี ปติมาก ดิฉัน นองเอ และ หลวงพีเ่ กง ระดมถายรูปกันใหญ น่ีเปนครั้งแรกในชีวิตท่ีเห็นความมหัศจรรยของพลังพุทธานุภาพ หรือจะอธิบายทางหลัก วิทยาศาตรวาดว ยเรอ่ื ง พลงั งาน สสาร มวลสาร หรอื อะไรก็แลว แต ที่สําคัญคือ สิ่งน้ีเปนเครื่องพิสูจนให ตัวเองไดประจกั ษช ัดยิ่งขนึ้ วา ศาสนาพทุ ธสามารถอธิบายไดจริงดวยหลกั ของวิทยาศาตร หากเราตั้งมั่นใน ศรทั ธาและดว ยจติ อันบรสิ ุทธ ไดแ ตบอกตัวเองวามันคงมเี หตุท่ที าํ ใหเราไดเ ปน สวนหน่งึ ของเรื่องดีๆ ใน คร้งั น้ี พอลงจากเขาแลว ไดแวะซื้อผอบทร่ี า นคาเครื่องทองเหลอื งขางทาง ทานพระครูนําสวดทําพิธีบรรจุ พระธาตุ ๒ องคท ร่ี านขายผอบน้นั เลย เจา ของรานเขาก็คงงงอยูเหมือนกันวาพระ ๓ – ๔ รูป กับโยม ผูหญิง ๒ คนน้ี คอื หมายถงึ ดิฉัน กับ นอ งเอ มาทาํ อะไรกนั ในรานของเขา ดฉิ ันจงึ บอกกับเจาของรานวา คณุ โชคดนี ะ พวกเรามาทําบญุ ทน่ี ่ีแลว พระธาตุเสดจ็ คณุ ไดเ ห็นสงิ่ มหศั จรรยและพิธีการบรรจุ ตัวเขา พรอมพนกั งานพอไดฟ งก็ดีใจไปกับเราดวย เขามาไหวพระธาตุ พรอ มยกถาดท่ีวางพระธาตุเทินไวบน ศรษี ะ แสดงถึงความเคารพอยางมาก เปน อนั วาพวกเราจบพิธีบรรจุพระธาตุที่รานขายครื่องทองเหลือง นั่นเอง และเดนิ ทางกลับโรงแรมดว ยความปต ิ ทามกลางเสยี งอนโุ มทนาสาธุการของทุกคนในคณะ จนถึง โรงแรมทานพระครูสมหุ จงึ เปด ผอบใหท กุ คนไดถายรปู เก็บไวเ ปน ท่รี ะลึกกันทกุ คน แตความมหัศจรรยยัง มไิ ดหมดเทา นี้ รงุ ข้นึ เม่ือทกุ คนขน้ึ รถแลว ทา นกพ็ ดู ออกไมคถ ึงสิ่งทเ่ี กดิ ขึ้นวา เพราะวาโยมเอบอกวาทานนาจะ ลองอธษิ ฐานจติ เร่ืองพระธาตดุ ู เพราะวาทา นเองกม็ ปี ระสบการณด า นน้ีอยู ทานจึงลองอธิษฐานดูวาอยาก ไดพระอรหันตธาตุของพระมหนิ ทรเถระ และพระนางสังฆมิตตาเถรี กลบั ไปบูชาท่ีประเทศไทย ก็เปนจริง ตามคําอธิษฐาน แตดูเหมือนตัวทานเองก็ไมไดตื่นเตนเทาพวกเราทุกคนเลย ทานเลาวาทานเคยมี ประสบการณใ นลกั ษณะน้ีมาบา งแลว ก็ไดเ ลา ประสบการณบ างอยางของทานใหทุกคนฟง ทานวาเมื่อคืนนี้ บางคนยงั ไมไ ดเห็นพระธาตุ เดี๋ยวจะเปด ใหดอู กี ครง้ั พอหลวงพ่วี ิโรจน (ในขณะเปรยี บเสมือนผูรักษาพระ ธาตุ) เปดผอบออกมา แลวหันมาถามทา นพระครูวาเอาพระธาตุมาใสเ พิ่มหรือเปลา น่ันคือพระธาตุเสด็จ มาเพม่ิ ในผอบจากเดมิ ๒ องค นับไดประมาณ ๒๗ องค ถาดฉิ ันจําไมผดิ แลวก็เสด็จเพิ่มทุกวัน จนมาก พอท่ีแจกใหก ับทกุ คนในคณะ ตางคนตางดีใจที่จะได พระอรหันตธาตุกลับบานกัน ทุกคนชื่นชมกับ พระธาตทุ เ่ี สด็จมาเพ่มิ ทุกวันๆ อยากไดอ งคนนั้ บาง องคน้ีบาง สีน้ัน สีน้ี ทานพระครูจึงบอกใหทุกคน เตรยี มผอบมา พวกเรากเ็ ชาสามลอ ถีบจากโรงแรมไปซ้ือที่ตลาดไดมาครบทุกคน ทานก็บอกวาใหเขียน ตําหนิ หรือหมายเลขในคณะทวั รไวใตผ อบเพื่อจะไดไ มร วู า ผอบน้นั เปนของใคร แลวใหล างทําความสะอาด ๗๗

ผอบดว ยนํ้าสะอาด แลว อธษิ ฐานจิตเอาเอง จากน้นั เอาไปใหท า นท่ีหองพัก หลวงพ่ีเ กงก็สลับผอบไปมา เหมือนลา งไพ ยงั ไง ยังง้นั แลวพรุง นค้ี อยมารับพระธาตุท่ีหอ งของทา น ทุกคนก็กลับไปพักผอน คอยลุน กนั วา จะไดองคไ หน สอี ะไร แลวรงุ เชาท่ีทกุ คนรอคอยกม็ าถึง พรอมกันท่ีหองพักของพระครูสมุห ก็ปรา กฏวา ทุกผอบมี พระธาตุอยูผอบละ ๒ องค มีอยูผอบเดียวทม่ี ี ๙ องค และเนื่องจากมีพระอาจารยบางทานไมมีผอบใส พระธาตุ จงึ มีพระธาตใุ นซองพลาสติกใส ก็ลุนกันวา อันไหนของใคร ทานพระครูสมุหทานจึงบอกวา แทจ รงิ แลว ทานไมไ ดเปน ผแู บง พระธาตุ เพยี งแตท า นอธษิ ฐานใหพ ระธาตุเสด็จเอง แลวแตบุญบารมีของ แตละคน ก็ยิ่งทาํ ใหทุกคนรซู ้งึ ถงึ ความมหัศจรรยของพระธาตุมากข้ึนไปอีก ทานพระครูจึงเลา ความฝนของ ทา นใหฟง ซง่ึ นา จะเปน นิมติ เกย่ี วกบั พระธาตุ แตด ฉิ นั จาํ ไมไ ด ซึ่งตัวดิฉนั เองก็ฝนแปลกๆ เลาใหทานฟง วา มีคนแตงตัว สวยทัง้ ผชู าย ผหู ญิง มากมายเหมือนจะไปงานบญุ มากนั ทบ่ี า นดิฉันเต็มไปหมด มาสวัสดี ดฉิ นั กต็ อนรับเปน อยางดี แลวกม็ ากินเลยี้ งกนั เต็มบา นไปหมดทุกหอ งเลย แตที่วาแปลกคือ ดิฉันไมรูจัก พวกเขาเลยซักคน ก็คดิ วา คงเปนนิมิตหมายท่ีดีที่จะไดพระธาตุกลับบาน ถึงตอนแจกผอบคืน ผูที่ได พระธาตุมากที่สุดคือ นองมน้ิ ลกู สาวคุณแหมม หัวหนา ทัวรนั่นเอง แอบถามวา อธิษฐานอะไรทําไมได เยอะ นอ งมน้ิ ตอบวา หนอู ธิษฐานวา ขอพระธาตุกลบั บาน แลวหนูสัญญาวาจะเปนเด็กดี สรุปวา ทุกคนได เทาๆ กนั มนี อ งมิ้นคนเดียวที่พิเศษกวา เพือ่ น กอนกลับเมืองไทย ในระหวางอยูบนรถทวั ร มีการใหม าเลาความรูสึกของการไดมาทําบุญคร้ังนี้ ดิฉันไดแ สดงความรสู ึกวา รสู กึ ขอบคุณพอ แมท่ีใหชีวติ ใหไ ดมาพบกับเรอ่ื งดีๆ สิ่งดๆี ขอบคุณตัวเอง ที่ ไดส รา งเหตุปจ จัยทด่ี พี อ ซง่ึ ทําใหไดมาพบเจอสิ่งอันเปนมงคลของชีวิต อีกประการหน่ึง ขอบคุณ กลั ยาณมติ รท่ดี ี ผทู เ่ี คยเกอื้ หนนุ กนั มา เคยสรางเหตุที่ดีมาดวยกัน จนทําใหตางคนตางท่ีมา แตไดมา รวมกันสรางความดี และมีประสบการณท่ีดีๆ รวมกันในเหตุการณน้ี และทานพระครูสมุหทานสรุปใน ตอนทายวา เมอ่ื ทกุ คนไดร บั รูประสบการณใ นคร้ังนีแ้ ลว ก็ควรตัดเร่ืองความลังเลสงสัย ใน ขอธรรม ท้งั หลาย และใหต ัง้ ใจปฎิบตั ิธรรมเพอื่ ท่จี ะไดบ รรลถุ งึ ส่ิงทท่ี ุกคนไดต งั้ จิตอธษิ ฐานกนั ไว วัชนันท จงสิริทวีโชค (ยยุ ) ๗๘

ประมวลภาพพระธาตเุ สดจ็ ที่ ประเทศศรลี งั กา (คร้ังท่ี ๑) ทางเดินขึ้นมหนิ ตเล ภาพทวิ ทัศน ท่สี ามารถมองเหน็ ไดจาก มหาเสยเจดยี  อมั พตั ถเจดยี  ๗๙

ภาพซา ย/ขวาบน –พระครสู มุหจ ิรยทุ ธ อธฉิ นฺโท ขณะน่งั สมาธิอยหู นาอมั พัตถเจดีย ภาพกลาง – พระธาตุของพระมหินทรเถระ และ พระสังฆมติ ตาเถรีที่เสด็จมาบนผาขาวทับดวย ดอกบวทง้ั ส่มี ุม ภาพซาย/ขวาลาง – พระอาจาร ยขณะบรร จุ พระธาตลุ งผอบ ทร่ี านขายเครอื่ งทองเหลือง ๘๐

พระบรมสารีรกิ ธาตุ และพระอรหันตธาตุ ที่เสด็จเพ่ิมในวันตอ มา เม่ือพ ระอาจาร ยอัญเชิญพร ะธาตุกลับ มาถึง วัดตาลเอน พระสงฆพรอมดว ยคณะผปู ฏบิ ตั ธิ รรม ตั้งแถวรอรบั พระธาตุ ๘๑

พระอาจารยอัญเชญิ พานพระธาตุ พรอมท้ังเวียน ประทกั ษณิ รอบพระอโุ บสถ พ ร ะ อ า จ า ร ย ค ณ ะ ส ง ฆ แ ล ะ ผูป ฏิบตั ิธรรม สวดมนตบูชาพระธาตุ ภายในโบสถโ ดยพระปรญิ ญา อาจาโร และพระวิโรจน จกฺกวโร บรรยายถึง เหตุการณทเ่ี กิดข้ึนทศ่ี รลี ังกา พระอาจารยนาํ พานพระธาตุเทินศรีษะ เหลา พระสงฆ และผปู ฏบิ ัติธรรม เพื่อ ความเปนสิรมิ งคล และนอมใจขอให เขาถึงธรรมะของพระศาสดา ๘๒

พระธาตุเสดจ็ ท่ี ประเทศศรลี งั กา (ครั้งท่ี ๒) ชวงวนั ท่ี ๒ – ๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๒ ระหวางการปฏิบตั ิศาสนกิจของพระครูสมุหจ ริ ยทุ ธ อธฉิ นฺโท และญาติธรรม จดหมายเรื่องเลา ของผูปฏบิ ัตธิ รรมท่อี ยูในคณะ และเหน็ เหตุการณจ ริง ๘๓

อํานาจบารมีของพระบรมสารรี ิกธาตุ กับ คําอธิษฐานของขา พเจา ดิฉันไดรับมอบหมายใหเขียนประสบการณเกี่ยวกับพระบรมสารีริกธาตุ สําหรับตัวดิฉันเองก็มี เหตกุ ารณ ๒-๓ เหตุการณเ ก่ียวกับเรือ่ งน้ี จึงขอนํามาเลา สูก นั ฟงนะคะ ในเร่ืองพระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันตธาตุ น้ัน ดิฉันเคยอานเจอในหนังสือธรรมะหลายเลม และมีโอกาสไดยินไดฟงเทศนถึงเรื่องพระบรมสารีริกธาตุมานาน แตก็แคนั้น ยังไมมีโอกาสเขาไปสัมผัส ศึกษา หรือบชู าแตอยา งใด เทาที่จําไดน้ัน เขาวากันวา บานใดหรือบุคคลใดหากไดพระบรมสารีริกธาตุมาบูชาท่ีบาน จักเปน สิริมงคลแกบานและครอบครัวอยางย่ิง และหากบานหรือครอบครัวใดท่ีสักการบูชาองค พระบรมสารีริกธาตุไมเหมาะไมควร ละท้ิงการสวดมนต ไหวพระ องคพระบรมสารีริกธาตุจะเสด็จหายไป จากบา นน้ันไดเ อง และในทางกลับกัน หากบุคคลในบานน้ันๆ สวดมนต ไหวพระ ปฏิบัติธรรม อยูในศีล ในธรรมอยูเปนเนืองๆ แลวละก็ องคพระบรมสารีริกธาตุจะเสร็จมาสถิตอยู ณ บานนั้นๆ เพิ่มขึ้นเองดุจ ปาฏหิ าริย หากถามดิฉันวา ตัวเองเชื่อในเร่ืองที่พระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุเสด็จมาอยูในบานของผูที่ ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเองดุจเนรมิตน้ันไหม และจะเสด็จหายไปเองเมื่อมีการปฏิบัติอันมิควร ขอตอบวา “เชื่อคะ” ไมร ูเ หมือนกันคะวาทําไมถึงเชื่อ ทวาตั้งแตจําความได เมื่อไดยินเรื่องเหตุอัศจรรยเก่ียวกับพระ บรมสารีริกธาตุ ก็ไมเคยนึกสงสัยหรือไมเช่ือ ไมเคยรูสึกวิจิกิจฉา (ความลังเลสงสัย) แตอยางใด ทวา อยางท่ีเกร่ินมาขางตน ในตอนน้ันดิฉันยังไมเคยไดพระบรมสารีริกธาตุมาบูชาท่ีบาน (และรูสึกเฉยๆ ไม นกึ อยากแตประการใด) แตคราใดท่มี ีโอกาส กจ็ ะไปกราบสกั การบูชาตามวัดตา งๆ อยเู นืองๆ เหตุการณหน่ึงท่ีดิฉันเช่ือวา เปนเพราะอํานาจบารมีของพระบรมสารีริกธาตุ คือเม่ือป พ.ศ. ๒๕๔๙ ดิฉนั คดิ อยากไปอินเดีย ไปกราบสกั การะ “สังเวชนียสถาน ท้ัง ๔” อยากไปกบั คุณแม พี่สะใภ และ หลานสาวทั้งสองคน ในตอนน้ันดิฉันไดยินมาวา ศจ. ดร. สุจิตรา ออนคอม (ผูเขียนหนังสือสัตวโลกยอม เปนไปตามกรรม โดยใชนามปากกาวา “สุทัสสา ออนคอม”) จะจัดทัวรไปอินเดีย แตตอมาฟงเหมือน รายการทัวรน้ีจะลมเลิกยังไงไมรู อีกทั้งดูเหมือนหลานสาวกับพี่สะใภอาจไปดวยไมได ดิฉันรูสึกหวั่นใจ มาก บอกตรงๆ นะคะวา อยากไปพรอมกับทุกคนมากทีเดียว ในชวงเวลาน้ันเอง วันท่ี ๔ - ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ ท่ีอิมแพค เมืองทองธานีไดมีการจัด “งานมหาพุทธานุภาพ ปฏิบัติบูชาสักการะพระบรม สารีริกธาตุ ๙ ประเทศ ฉลองสิริราชสมบัติ ๖๐ ปในหลวง” พอดิฉันทราบขาว จึงหาเวลาไปกราบ สักการบูชาในทนั ทที ่มี ีโอกาส กอนไปนั้นไมไดคิดอะไรมาก แคอยากไปกราบสักการะเทาน้ัน เมื่อไปถึงก็ เกิดความคดิ วาไหนๆ มาแลว จึงอธิษฐานขอใหตัวเอง และครอบครัวคือคุณแม พี่สะใภ และหลานท้ังสอง คน ไดม โี อกาสไปกราบสกั การะพระบรมสารรี ิกธาตุถึงสถานที่จริงในประเทศน้ันๆ เลย จําไมไดแลวคะวา ๙ ประเทศนี้มีประเทศใดบาง (มีอินเดียแนนอนคะ แตไมแนใจวามีศรีลังกาดวยหรือไม คิดวานาจะมีนะ คะ) หลังจากนั้นดิฉันก็ไดรับขาววา ศจ. ดร. สุจิตรา จะจัดทัวรไปอินเดียและศรีลังกาแนนอน ทุกคนท่ี ดฉิ ันอยากใหไ ปดว ยกัน ก็ไดไปดังหวังคะ ไดไปกราบสักการะองคพระบรมสารีริกธาตุ ณ สถานท่ีจริงคือ ที่ อินเดียและศรีลังกาตามคําอธิษฐาน ขอบอกตามตรงวา จริงๆ แลว คิดจะไปแคประเทศอินเดียเทาน้ัน ๘๔

เพราะตัวเองไมรูเรือ่ งเกยี่ วกับประเทศศรีลังกามากอนเลย แตในเม่ือ ศจ. ดร. สุจิตราจัดมายังไง ก็ไปยัง ง้ันคะ ตองเรียกไดวาโชคดีมาก ไดมีโอกาสไปกราบสักการบูชาพระทันตธาตุ (พระเข้ียวแกว) ขององค สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจา ท่ีวัดมัลลิกา ดาลดา หรือ วัดพระเขี้ยวแกวแหงเมืองแคนดี้ ประเทศ ศรีลังกา ขอสารภาพวา ตอนน้ันไปกันแบบไมรูความ ไมเคยตระหนักมากอนวาประเทศศรีลังกาจะมี ความสาํ คญั ทางพุทธศาสนาอยางใหญหลวง แตมาทราบในภายหลังวา ตนเองกับครอบครัวน้ันโชคดีมาก ท่ีไดไปกราบสักการะ ดังนั้นดิฉันคิดวาเหตุปจจัยหน่ึงที่ดิฉันและครอบครัวไดไป และกลับมาพรอมกับ ความปลืม้ ปติ นาจะพดู ไดว าเปนเพราะบารมขี ององคพ ระบรมสารีริกธาตุกไ็ มผ ิดคะ อีกหนึ่งเหตุการณเกี่ยวกับพระบรมสารีริกธาตุที่นาปลาบปล้ืมคะ คือดิฉันไดรับพระบรม สารีริกธาตุจาก “พระปลัดทองสุข ฐิตสีโล” เจาอาวาสศูนยปฏิบัติวิปสสนากรรมฐานวัดถ้ําพระผาคอก จังหวัดเชียงราย จําไดแมนเลยคะวาไดมาทั้งหมด ๔ องค จากน้ันนํามาบูชาท่ีบาน ก็บูชาตามปกติ ไมมี อะไรมาก (ที่บานดิฉัน คุณแมและพ่ีสะใภจะปฎิบัติกรรมฐานทุกวัน สวนดิฉันจะกําหนดสติ เจริญ กรรมฐานทุกครั้งเม่ือโอกาสอํานวย และทุกครั้งเม่ือมีเวลาและจังหวะเหมาะก็จะไปปฎิบัติกรรมฐานที่วัด อัมพวนั จงั หวัดสิงหบ ุรี อยูเสมอ) ตอมาขณะที่ดิฉันทําความสะอาดหองพระที่บาน เกิดนึกอะไรข้ึนมาไมทราบ ลองเปดผอบบรรจุ พระบรมสารีริกธาตุดูวาเปนอยางไรแลว พอเปดดูเปนตองตะลึงคะ เพราะในผอบท่ีบรรจุนั้นมีพระบรม สารีริกธาตุมากกวาเดิมหลายองคคะ จําไดนะคะวา พระอาจารยทองสุขมอบใหดิฉันเพียง ๔ องคเทาน้ัน ดิฉันจึงลองนับดูวามีเทาไร เทาที่จําไดมีพระธาตุประมาณ ๑๕ องคคะ (อาจมากกวาน้ัน จําจํานวนท่ี แนนอนไมไ ดคะ ทีแ่ นๆ คอื ๑๐ องคข้ึนไปคะ) ในตอนแรกรูสึกปติมาก ตอมาเริ่มไมแนใจวาตัวเองจําผิด หรือเปลา เรอ่ื งจาํ นวน เมือ่ มโี อกาสไดคยุ กบั พระอาจารยทองสุข จึงถามทานวา ทานใหพระบรมสารีริกธาตุ ดิฉนั มาถึง ๑๐ องคหรือเปลาคะ ทานตอบวาเปลา ทานไมไดใหมากขนาดนั้นหรอก ใหมาไมก่ีองคเทานั้น นถี่ ือเปน เหตุการณที่ ๒ ท่ที ําใหร ูสกึ ปลาบปล้มื ใจมากคะ และมอี กี เหตุการณเ ก่ยี วกับพระบรมสารีริกธาตุท่ีชวนช่ืนใจและปติอีกเร่ืองคะ ดิฉันกับคุณแมไดมี โอกาสเดินทางไปประเทศศรีลังกาอีกครั้งหน่ึง กับคณะของทานพระครูสมุหจิรยุทธ อธิฉนฺโท เจาอาวาส วัดตาลเอน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เดินทางไปเม่ือวันที่ ๒ – ๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๒ ในวันท่ี ๓ มิถุนายน คณะเราไดมีโอกาสไปกราบนมัสการพระเจดียถูปาราม ซ่ึงเปนเจดียองคแรกของศรีลังกาสราง โดยพระเจาเทวานัมปยะติสสะ และพระมหินทรเถระ ไดบรรจุพระรากขวัญเบื้องขวา (กระดูกไหปลารา ดา นขวาของพระพทุ ธเจา) และเปนสถานท่ีทําสงั คายนาคร้ังแรกในลงั กาหรือเปน ครั้งท่ี ๔ นบั จากทอ่ี ินเดยี พระรากขวัญเบ้ืองขวา (กระดูกสวนไหปลาราดานขวา) น้ีเปนหน่ึงในเจ็ดพระบรมสารีริกธาตุท่ีไม ถูกไฟไหม (อางจากคําเทศนของพระอาจารยจิรายุทธ ความวา “....เกิดอัศจรรย เตโชธาตุหรือธาตุไฟได ลกุ โชติชวงเผาไหมพ ระบรมศพ และมีพระบรมสารีริกธาตุหลงเหลืออยู.....” “...พระบรมสารีริกธาตุท่ีไม ถูกไฟไหมอ ีกสวนหนึ่งก็มี หนาผาก ไหปลาราทั้งสอง เขี้ยวทั้งสี่ อันนี้พระบรมสารีริกธาตุท้ังเจ็ดท่ีไมถูกไฟ ไหมนี้ ไดป ระดิษฐานอยใู นที่ตา งๆ ในโลก”) เม่ือไปถึงพระอาจารยนําใหพวกเราสวดมนตสักการบูชาองคพระบรมสารีริกธาตุ (อะหัง วันทามิ สารีริกะธาตุ ...) และนัง่ สมาธิ (ดิฉันจําไดว าพระอาจารยวางผาขาวเปลาๆ ไวเบื้องหนาทานดวย) พอพวก เราสวดมนตน ่ังสมาธเิ สร็จ และหันไปทางพระอาจารย ก็พบวามีพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมาอยูในผาขาวท่ี ๘๕

พระอาจารยวางพับไวกอนหนานี้ ซ่ึงถือเปนเร่ืองอัศจรรยใจและนาปติมาก จากน้ันพวกเราก็เดินทางตอ จนกระทั่งกลับเขาที่พัก และที่ล็อบบ้ีของโรงแรมท่ีพัก พวกเราขอพระอาจารยชมพระบรมสารีริกธาตุเพ่ือ เปนบุญตาอีกครั้ง และพวกเราก็ไดทําการนับจํานวนพระบรมสารีริกธาตุกัน นับไดทั้งสิ้นจํานวน ๘๖ องค (เฉพาะในคืนแรกที่ล็อบบ้ีในโรงแรม) จากน้ันพระบรมสารีริกธาตุก็เสด็จเพ่ิมจํานวนเร่ือยๆ ตลอดการ เดินทาง และในคืนสุดทาย คืนวันท่ี ๖ มิถุนายน ไดมีการนับองคพระบรมสารีริกธาตุอีกครั้ง พบวามี จํานวนเพ่มิ ขน้ึ อีกมากมาย นบั ไดถึง ๑,๑๔๕ องค ในการเดินทางครั้งน้ี ดิฉันไดเตรียมผอบสวนตัวไปดวย (สวนผูรวมคณะทานอื่นท่ีไมไดเตรียม ผอบไป ก็ไดแวะซื้อผอบไมท่ีรานขายของท่ีระลึกในเมืองโคลัมโบ) ในคืนน้ันทางคณะไดจัดผอบดวยการ เขียนช่ือของแตละคนบนกระดาษ แลววางผอบของแตละคนทับกระดาษไว จากน้ันนําไปท่ีหองพักของ พระอาจารย (จําไมไดแลววา มีการรวมตัวกันสวดมนตอันเชิญพระบรมสารีริกธาตุที่หองพักพระอาจารย กอนแยกยายหรือไม แตคุนๆ วามีการสวดมนตคะ) พระอาจารยบอกใหทุกคนกลับหองพักไปสวดมนต ปฎิบัติธรรมท่ีหองของตัวเอง พอเชาวันรุงข้ึน พวกเราไปหองพระอาจารยเพื่อดู จึงพบวาผอบเปลาที่มีช่ือ ของแตละคนนนั้ มีพระบรมสารรี กิ ธาตุบรรจอุ ยู ทุกผอบมพี ระบรมสารรี กิ ธาตุท้ังหมด ๕ องค (องคสีชมพู ๓ องค องคสขี าว ๒ องค) เหตกุ ารณทั้งหมดน้ชี างนาทึง่ นา เหลอื เชือ่ นาอัศจรรยใจมากจริงๆ คะ ดิฉันขอรับรองคะวาประสบการณที่เลาสูกันฟงน้ีเปนความจริงทุกประการ ทั้งหมดทั้งมวลที่กลาว มานี้ มิใชใหทุกทานเช่ือหรือหลงงมงายอยางขาดสติ หากแตเพื่อเผยแพรใหรับรูถึงความเปนไปที่ เกิดข้ึน โดยสวนตัวแลว ดิฉันยึดม่ันและเช่ือเสมอมาคะวา ส่ิงท่ีเราควรยึดมั่นน้ัน มิใชพระบรมสารีริกธาตุ มิใชพ ระเครอื่ ง เคร่ืองรางของขลังแตอยา งใด แตเปนพระรัตนตรัยเทาน้ันที่เราควรยึดมั่นเปนสรณะ อัน น้ีเปนคําสอนท่ีดิฉันไดจากพระเดชพระคุณหลวงพอจรัญ ฐิตธมโม เจาอาวาสวันอัมพวัน จังหวัดสิงหบุรี ซ่งึ ดฉิ ันนอ มนาํ คาํ สอนของหลวงพอ มาไวในใจเสมอ ภาริษา มธุรพงศากลุ ๑๓ กุมภาพันธ พ.ศ. ๒๕๕๕ คณุ ภาริษา มธุรพงศากุล (อร) ถา ยรูปคูกบั คณุ แม หนาถํา้ ดมั บลุ ลา ประเทศศรลี ังกา ๘๖

ความเชอ่ื …. ดิฉันเปนนักวิทยาศาสตร ทางเคมีและสถิติประยุกต ความเชื่อทุกอยางตองมีเหตุผลพิสูจนได สําหรับเร่ืองพระธาตุน้ันไดฟงมาบางนานแลวแตก็เฉยๆ แมแตเรื่องที่พระอาจารยทานสามารถเชิญ พระธาตุมาได (คําบอกเลาจากเพ่ือนผูปฏิบัติธรรม เม่ือทานยังอยูวัดอัมพวัน) ดิฉันก็ไมคอยสนใจเทาใด นัก สนใจแตว าทา นเปน พระอาจารยสอนและตอบปญหากรรมฐานไดเทานั้น จนมาเม่ือไดเดินทางไปพมา และศรีลังกาโดยทานเดินทางไปดวย ความอัศจรรยก็เกิดขึ้นคือ ในขณะท่ีเราไดไปน่ังภาวนากันตาม พุทธสถานที่สําคัญๆ ในประเทศดังกลาวน้ันไดมีพระธาตุเสด็จมา ในระยะหลังน้ีดิฉันก็ไดพบเหตุการณ พระธาตุเสด็จบาง เชน หลนลงมาจากอากาศก็มีตอหนาครูอาจารย และไดยินเรื่องราวพระธาตุ ครูบาอาจารยห ลายองค เชน เลือดหลวงตาพวง เปนพระธาตุ (ดไู ดท่ีโรงพยาบาลวชิ ยั ยุทธ) และไดมีความรูเพิ่มเติมเก่ียวกับพระอรหันตธาตุอีก เชน พระอรหันตที่ทานบรรลุธรรมไดเร็ว และมีชีวิตอยูนานนั้นสรีระทานจะมีการฟอกใหเปนพระธาตุ แตถาทานเพ่ิงบรรลุธรรมไมนานและ มรณภาพไป สรีระยงั ไมท นั เปลย่ี นมากกส็ งั เกตไมไดมาก แตก ระดูกหรือเถา จะขาวกวา ปกติ สาํ หรบั ดฉิ นั คดิ วา ตราบใดที่จิตใจชาวพุทธยงั มี “พทุ ธะ” อยใู นใจ เรอื่ งราวพระธาตกุ ย็ ังคงมี บุญเรอื ง ตง้ั ตรงสากล คณุ บญุ เรอื ง ตง้ั ตรงสากล ถายรูปกับคูบาวสาวชาวศรลี ังกาในชดุ พื้นเมอื ง ๘๗

ประสบการณที่มีตอพระบรมสารรี กิ ธาตุ ขาพเจาเคยไดยินเรื่องเลาหลายครั้งถึงพลานุภาพของการเสด็จมาและเสด็จกลับไดเองขององค พระบรมสารีริกธาตุ ซ่ึงขึ้นอยูกับตัวบุคคลผูน้ันเองวา ทานเปนผูที่ประพฤติดี ปฎิบัติธรรม สวดมนตไหว พระและทาํ ตามคาํ สอนขององคสมเดจ็ พระสัมมาสัมพทุ ธเจา หรือไม ถาถามวา ขาพเจาเช่ือตั้งแตคร้ังแรกที่ไดยินเร่ืองพระบรมสารีริกธาตุน้ีหรือไม ก็คงตองบอกวา เชื่อ แตเปนความเชื่อท่ีแฝงดวยความสงสัย อยากรู และเชื่อเพราะคนที่เลานั้นนาเชื่อถือ แตก็ไมได เช่ือแบบเต็มหัวจิดหัวใจจากความรูสึกลึกๆ ของตัวเองจริงๆ จนกระท่ังขาพเจาไดไปเปนเจาภาพถวาย เพลพระท่วี ดั อมั พวนั ในชวงวนั เกดิ เมื่อประมาณป พ.ศ. ๒๕๔๙ หลวงพี่ที่ขา พเจา ไดเปนเจาภาพบวชใหท่ี วดั อัมพวัน ไดม อบพระบรมสารรี กิ ธาตใุ หข าพเจา จาํ นวน ๑๖ องค ใหขาพเจามาบูชาที่บาน ซ่ึงขาพเจารูสึก ดีใจมาก เพราะเปน คร้ังแรกทีไ่ ดมีพระบรมสารีรกิ ธาตุมาบูชาเปนของตนเอง และขาพเจาไดเก็บบูชาไวบน ช้นั บนสุดของหิ้งพระท่ีบาน ในชวงนั้นขาพเจาไดสวดมนต ไหวพระ ปฎิบัติธรรมตามปกติเรื่อยมา และจําไดวาในวัน สงกรานตของปถัดมา ขาพเจาไดทําความสะอาดหองพระ และนําพระท้ังหมดลงมาสรงนํ้าตามประเพณี เชน เดิม รวมถงึ ไดท ําความสะอาดผอบที่บรรจุองคพระบรมสารีริกธาตุนี้ดวย และแลวในวันนั้น ขาพเจาก็ ไดพบเห็นส่ิงอัศจรรย คือ มีพระบรมสารีริกธาตุจํานวนมากอยูในผอบ ซึ่งดูดวยตาแลวมากกวาท่ี ขาพเจาเคยไดรับมาอยางแนนอน ขาพเจารูสึกต่ืนเตน ดีใจ ปลาบปล้ืมใจอยางบอกไมถูก จึงไดตะโกน บอกปากับแมวาพระธาตุเสด็จ พระธาตุเสด็จมาเพิ่มจริงๆ ดวย ขาพเจาจึงไดลองนับจํานวนดู ก็ไดอยู ประมาณ ๓๒ องค นเี่ ปนครง้ั แรกทีข่ า พเจามปี ระสบการณต รง ในการสมั ผสั ถงึ บารมแี หงพทุ ธานุภาพ และ ขาพเจาก็สามารถท่ีจะบอกกับทุกคนไดเต็มปาก จากจิตจากใจอยางไมตองมีขอสงสัยอีกเลยวา พระบรม สารรี กิ ธาตมุ อี ยจู ริง ทานสามารถเสด็จมาเพม่ิ ไดจ ริงๆ ถาเราปฎบิ ตั ดิ ี สวดมนต ไหวพระอยูเ ปนประจํา และอีกคร้ังหน่ึง ขาพเจาไดรับพระบรมสารีริกธาตุมาจากหลวงปูทองพูน และจาก คณุ ลงุ บรรเจิด จันทรเชื้อ ขาพเจาจึงไดนําใสพานเล็กแยกไวบูชา เนื่องจากไดมาทีหลังจึงยังไมสามารถปน นําขึ้นไปวางรวมไวใ นพานใหญทข่ี าพเจา ไดบ ชู าพระบรมสารีรกิ ธาตุท้ังหลายที่ไดม ากอนหนานี้ (ขาพเจาจะ นาํ พานลงมา สรงนาํ้ ปล ะครั้งในวนั สงกรานต) และมอี ยูคืนหน่ึง หลังจากขาพเจาสวดมนตและปฎิบัติธรรม และแผเมตตาเสร็จ ขาพเจาก็นึกถึงคําท่ีหลวงปูทองพูน ทานบอกขาพเจาในวันที่ทานมอบพระบรม สารีรกิ ธาตุใหวา “พระบรมสารรี กิ ธาตุ ทา นชอบอิติปโส ๑๐๘” (ขาพเจาไดปฎิบัติธรรมและสวดอิติป โส ๑๐๘ ตอเน่ืองมาเปน เวลาเกือบ ๒ เดือนแลว) ขาพเจาจึงลุกข้ึนมาหยิบพานเล็กที่ใสพระบรมสารีริกธาตุท่ีไดรับจากหลวงปูและลุงบรรเจิดมาดู และสิ่งที่ขาพเจาเห็น คือ พระบรมสารีริกธาตุท่ีเปนสัณฐานเมล็ดขาวสารท่ีไดมาจากหลวงปูน้ัน มี ขนาดใหญและกวางข้ึนจนเปนลักษณะออกส่ีเหล่ียมและเปนสีขาวนวลสวยงามข้ึนจํานวนหลายองค และของคุณลุงเจิดที่ขาพเจาไดมา อยูในขวดเล็กๆ เปนพระบรมสารีริกธาตุสัณฐาน เมล็ดขาวสาร ๒ องค พรอมท้ังพระโลหิตธาตุจํานวนมาก (ไมไดนับจํานวนองค) ซึ่งพอขาพเจาไดหยิบขึ้นมาดู พระบรม สารีริกธาตุที่เปนเมล็ดขาวสารนั้น มีลักษณะสีขาวแวววับ เหมือนงาชางสวยงามมากทั้งสององค ซ่ึงทําให ขา พเจามีความปลม้ื ปต เิ ปนย่ิงนัก วาพระพทุ ธองคท านทรงเมตตาไดแสดงพุทธานุภาพใหหมูเวไนยสัตว ๘๘

เช่ือมั่นตอพระธรรมคําสอน และประพฤติ ปฎิบัติตามท่ีทานไดสอนไว เราก็จะสามารถหลุดพนจาก ทกุ ขน ้ไี ปได และอีกหน่ึงประสบการณท่ีสําคัญ และเปนที่ประทับใจของขาพเจาเปนอยางมาก และไมมีวันลืม เลย เกี่ยวกับการเสด็จมาขององคพระบรมสารีริกธาตุ คือ เมื่อครั้งท่ีขาพเจาติดตามพระอาจารย (พระครสู มุหจิรยทุ ธ อธิฉนฺโท) ไปประเทศศรลี งั กา ในเดอื นมถิ นุ ายน ป พ.ศ. ๒๕๕๒ เพื่อไปงานฉลองใน การถวายพระพุทธรปู ใหแกวัดในประเทศศรีลังกา (จาํ ไดวาเปน ทริปทีข่ าพเจาบอกผูอ่ืนวาเปนทริปที่วิเศษ มาก เพราะขาพเจามีความอ่ิมเอมใจ มีปติสุข นํ้าตาไหลพรากทุกๆ วัน และรูสึกถึงคุณของพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ และคงจริงดั่งท่ีพระอาจารยทานเคยกลาวใหฟงวา ศรีลังกาเปนประเทศที่ พระพุทธศาสนาเจริญอยา งมาก เมอ่ื ไปแลว กร็ ูสกึ และสัมผสั ไดวาเปนเชนน้ันจรงิ ๆ) ในการไปศรลี ังกา พระอาจารยทา นไดนาํ พวกเราไหวพระสวดมนต และเจริญสมาธิภาวนาแทบจะ ทุกท่ีๆ เวลาและโอกาสอํานวย ในวันแรกของการเดินทาง ณ เจดียถูปาราม ซ่ึงเปนท่ีประดิษฐานของ กระดูกไหปลาราของพระพุทธเจา หลังจากพระอาจารยใหพวกเราสวดมนตและเจริญจิตภาวนาอยูราว ๓๐ นาที หลงั จากลมื ตา พวกเราก็ไดพบสิ่งอัศจรรยวา พระธาตุทานไดเสด็จมาในผาขาวของพระอาจารย ท่ีวางอยูเบื้องหนา ทุกคนตางตื่นเตน ปลาบปลื้ม ปติ ยินดี ท่ีไดสัมผัสพลังแหงพุทธานุภาพ ในดินแดน ศกั ดส์ิ ทิ ธเ์ิ ชน น้ี ตลอดระยะเวลาท่ีอยูในประเทศศรีลังกา ทุกๆ วันขาพเจาไดสัมผัสถึงพลังอันศักดิ์สิทธ์ิของ พุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ และเอิบอ่ิมใจยิ่งนักท่ีไดสัมผัสประสบการณเห็นพระบรม สารีรกิ ธาตุที่ทานเสด็จมาเพ่ิมข้ึน เพิ่มขึ้นทุกๆ วัน มีสี และสัณฐานท่ีสวยงามแตกตางกันมากมาย ประทับ จิตประทบั ใจเหลอื เกนิ จากจํานวนสบิ เปนรอ ย จากรอ ยเปน พันองค ซ่ึงขาพเจาคิดวาตัวเองโชคดีเปนอยาง มากที่ไดมีโอกาสเห็นองคทานอยางใกลชิด เพราะเปนคนชวยพระอาจารยถือท่ีสองไฟ (ในคืนแรกที่ ล็อบบ)้ี และชวยนับ และจดบันทึกจํานวนองคพระธาตุท่ีเสด็จมาทั้งหมดในคืนวันที่ ๖ มิถุนายน ยังจําได วา สนทิ ใจวา จาํ นวนทงั้ หมดท่ีนับไดคือ ๑,๑๔๕ องค ชางเปนบุญของขาพเจาจริงๆ ที่มีโอกาสไดเห็นและ ไดส มั ผัสประสบการณเชนน้ี หลังจากนั้นคืนสดุ ทายกอ นกลับ พระอาจารยบ อกพวกเราใหเตรยี มติดช่ือใตผอบเอาไวแลวฝากไว ในหองทาน แลว ใหทุกคนกลับไปสวดมนต ปฎิบัติธรรมที่หองของตัวเองเพ่ืออธิษฐานจิตใหพระธาตุเสด็จ เอง แลวแตบุญบารมีแตละคน เพ่ือจะไดนํากลับไปบูชาที่บานได ขาพเจาจําไดเลยวาต่ืนเตน และพูดกับ พอลล่ีวา ถาในผอบเราไมม พี ระธาตุเสด็จตองเศรามากแนเลย แลวก็ชวนกันสวดมนต น่ังสมาธิ เพื่อทําให ดีที่สุด ปรากฏวา ตอนเชาก็ไปดูผอบตัวเองในหองพระอาจารยกัน ก็จําไดวา เห็นพระบรมสารีริกธาตุทาน เสด็จในทุกผอบ จาํ นวน ๕ องคเทากนั มีสีชมพใู สสวยงามมาก ๓ องค และก็เปนผลึกแกวสีขาวใส ๒ องค ตางกันออกไปในแตละคน ขาพเจารูสึกดีใจ ปลาบปล้ืมใจ และระลึกถึงคุณของพระพุทธองคเปนย่ิงนักวา พระองคท า นทรงมีพระมหากรุณาธคิ ณุ และพระเมตตาอยา งมากมายที่ไดเสดจ็ มาใหทุกคนไดรับในจํานวน องคที่เทาๆ กัน โดยไมทําใหใครตองรูสึกแตกตางจากใครในเรื่องของบุญบารมี หลีกเลี่ยงสิ่งท่ีจะทําให พวกเราเกิดอกศุ ลจิตได ทา นชา งมีนาํ้ พระทยั ท่เี ปยมดว ยความเมตตาอยางหาท่ีเปรียบมิไดเลยจรงิ ๆ ขาพเจาอยากบอกวา ขาพเจาไมมีความสงสัยหรือคลางแคลงใจใดๆทั้งส้ินที่เก่ียวกับพลานุ ภาพของพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ และขาพเจาจะตั้งจิต ต้ังใจ พากเพียรพยายาม ๘๙

ประพฤติดี ปฏิบัติชอบและดําเนินรอยตามคําสอนขององคพระศาสดา ไปจนกวาจะบรรลุถึงจุดหมายอัน เปน ทีส่ ิ้นไปแหง กเิ ลส คือ พระนพิ พานดวยเทอญ วรรณภา พิพัฒนางกรู คุณวรรณภา พิพัฒนางกูร (หญิง) ถายรปู หนาพระพทุ ธรปู ปางราํ พึง ท่ี กัลวหิ าร เมอื งโปโลนนารุวะ ประเทศศรีลังกา ๙๐

ประสบการณพระบรมสารีริกธาตุ ขา พเจา ไมเคยเขา ใจ ซาบซ้งึ หรอื ปลืม้ ปติกับคาํ วา “พระบรมสารีริกธาตุ” รูแตวาถาเมื่อใดมีขาวลง หนาหนังสือพิมพวา มกี ารอัญเชญิ พระบรมสารีริกธาตุมาจากประเทศตางๆ ขาพเจาก็จะเห็นผูคนมากมาย พากันชวนไปกราบไหวบูชา และถาย่ิงมีโอกาสไดอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุกลับไปบูชาที่บาน ผูคน เหลานั้นกด็ จู ะพากนั ปลาบปล้ืมปตริ าวกบั ไดส มบัติอนั ลํ้าคา กลับไปบูชาอยา งไรอยางนัน้ จนขาพเจาไดมีโอกาสรวมทริปไปศรีลังกากับคณะพระครูสมุหจิรยุทธ อธิฉนฺโท ทานเจาอาวาส วัดตาลเอน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพ่ืออัญเชิญพระพุทธรูปจากประเทศไทยที่ทานเมตตามอบใหไป ประดิษฐานยังวัดท่ีประเทศศรีลังกา เมื่อไหนๆ ตองไปประเทศศรีลังกาแลว ทานจึงปรารถนาจะใหญาติ โยมไดมีโอกาสนมัสการสิ่งศักด์ิสิทธิ์และโบราณสถานที่สําคัญหลายๆ ท่ี เพื่อใหทริปนี้เปนทริปที่พวกเรา ลูกศิษยและญาติโยมไดบุญสมกับความต้ังใจ เม่ือไปในแตละที่ ทานจะนําคณะน่ังสวดมนตเพื่อบูชาสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ ณ สถานที่น้ันๆ ท่ีแลวที่เลา ชาวคณะไมไดมีอาการเหน็ดเหน่ือย แตกลับรูสึกปลาบปลื้มเปน อยางมาก ทุกที่ๆ ขาพเจาไดมีโอกาสไปน้ําตาจะไหลพรากๆ อันเนื่องมาจากความปลื้มปติที่ขาพเจาเองก็ บอกไมถ ูกเหมอื นกนั วาเพราะอะไร รแู ตวา ขา พเจาสัมผัสไดถ ึงกระแสแหงความเย็น และศักด์ิสิทธ์ิท่ีมาจาก สถานทีต่ า งๆ เหลา นัน้ ในชวงเย็นวันแรกของการกราบไหวพระ และเจดียศักดิ์สิทธิ์ในประเทศศรีลังกา พวกเราไป นมัสการเจดียแหงหนึ่ง แตขาพเจาตองขอโทษทานผูอานดวยที่จําชื่อสถานท่ีไมไดจริงๆ แตเหตุการณท่ี ขา พเจาลืมไมลงเลยก็ไดเ กิดข้ึนคอื ...พระอาจารยทา นจะนําสวดมนตบูชาส่ิงศักดิ์สิทธ์ิเหมือนเดิม แตกอนที่ จะนําสวดทานก็ไดบอกพวกเราวาใหต้ังจิตอธิษฐานอัญเชิญพระธาตุ และทานก็ไดปูผาขาวสะอาดบริสุทธ์ิ ผืนหน่ึงลงตรงหนาของทาน อันเน่ืองมาจากขาพเจาบุญนอย ขาพเจาจึงไมไดคาดหวังอะไร แตลึกๆ ขาพเจาก็แอบอยากรูวาพระธาตุทานจะเสด็จมาหรือไม จนเมื่อลืมตาและพระอาจารยทานกางผาออกดู พวกเราทุกคนก็เห็นเปนประจักษพยานวา ภายใตผาขาวดานใน มีหินท่ีมีลักษณะขาวขุนกอน เล็กๆ กระจายอยูในผา แตล ะกอนมีรปู พรรณสัณฐานท่ีแตกตา งกันไป ขาพเจาตอนน้ันยังงงๆ แตก็ตกใจเพราะ ขาพเจาเห็นแนๆ วากอนหนาน้ัน ผานั้นไมมีอะไร และไมมีใครทําอะไรกับผาท้ังสิ้น ทวา....แลวหินกอน เล็กๆ พวกน้ีมาจากไหน พวกเราพากันรุมถายรูปพระธาตุ ซึ่งขาพเจามารูจากพระอาจารยในภายหลังวา นั่นคือพระบรมสารีริกธาตุที่ทานเสดจ็ มา เทานั้นยังไมพอ หลังจากท่ีพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมาในวันแรกแลว วันตอๆ มาเราก็ไดเห็นวา ทานยังเสด็จมาอีกหลายพระองค โดยมาปรากฏในผอบของพระอาจารยในรูปแบบและรูปลักษณะตางๆ ยังความแปลกใจ และซาบซ้ึงมาสูคณะของเราเปนอยางยิ่ง ในชวงเวลานั้นทําใหขาพเจาไดเห็นและเรียนรู วา พระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตทุ านมแี ละมาในรูปแบบตางๆ มากมาย จากที่เคยสงสัยวาเปนไปได เหรอที่อยูๆ ทานจะเสด็จมา ตอนนี้ขาพเจาไดหมดขอกังขา เพราะขาพเจาไดเห็นดวยตาตนเองที่ ประเทศศรลี งั กาแหง นี้ ในเย็นวันหนง่ึ ซ่งึ ใกลวนั ที่จะกลบั เมืองไทย พวกเราชาวคณะไดแวะรานขายของฝาก ชาวคณะตาง กพ็ ากันไปหาซ้ือผอบไมแกะสลักเปนรปู เจดยี เล็กๆ วากันวา เผ่อื พระอาจารยจ ะอัญเชญิ พระธาตุมาใหพ วก ๙๑

เราบาง ตอนนั้นขาพเจาก็ไมไดสนใจอะไรมาก แตก็เดินตามไปดู ไมไดคิดจะซื้ออะไรกับเคาเลย....แต โชคดที ่ีขาพเจา ไดก ัลยาณมติ รเพ่อื นรกั ของขาพเจา ทซ่ี อื้ ผอบเผอ่ื ให หนาํ ซ้ํายงั ยดั เยยี ดใหข า พเจาอีก คืนนั้นพระอาจารยทานจึงเมตตาบอกพวกเราวา ใหเอาผอบของพวกเรามาวางรวมกัน แลวให คณะมารวมตัวกันเพื่อสวดมนตถวายใหแดพระบรมสารีริกธาตุ ฉับพลันน้ันเองขาพเจาตองรีบหันไป ขอบคุณกัลยาณมิตรเพื่อนรักของขาพเจา คือ คุณวรรณภา พิพัฒนางกูรที่ซ้ือผอบใหกับขาพเจา เพราะ ทําใหขาพเจามีผอบไปวางกับชาวคณะเหมือนกัน แตก็แอบทําใจวา เราบุญนอย ทานอาจไมเสด็จมาใน ผอบเราก็ได เพราะผอบใครก็ผอบมัน แตล ะคนก็จะทําสญั ลกั ษณหรือแปะชื่อไวเพื่อใหรูวาผอบน้ีเปนของ เรา และคืนน้นั พวกเรากไ็ ปรวมตัวกนั เพ่อื สวดมนต และแยกยายกนั ไปเขา นอน หลังจากนั้นในตอนเชา พวกขาพเจาก็ตองตกใจ เพราะพระอาจารยทานแจงใหพวกเราทราบวา ผอบของทกุ คนมีพระบรมสารรี ิกธาตุเสด็จมา และทา นไมเสดจ็ มาใหน อยใจ ทาํ ใหตอ งยิ่งตกใจวาทานเสด็จ มาอยา งยตุ ธิ รรมและเทา เทียม ทั้งรปู ลักษณ ขนาดและจาํ นวน ทกุ คนไดพ ระบรมสารีริกธาตุจํานวน ๕ องค เทากัน ไมมีใครไดมากกวานอยกวา และใน ๕ องคที่ทุกคนไดก็แบงเปน ๒ แบบท่ีแตกตาง โดยทุกคนได ๒ แบบที่แตกตางกันเหมือนกันหมด ทําใหขาพเจาทึ่งวา แมจะมีจํานวนคนมาก วางผอบในรูปแบบท่ี แตกตาง แตทานก็ใหความยุติธรรมเทาเทียมคือ เสด็จมาเมตตาพวกเราทุกคนอยางเสมอภาค ในใจ ขาพเจา ลกึ ๆ ก็นกึ ดีใจมากๆ และปลาบปลืม้ ปต ิ แมจะไมร ูเหตผุ ลทีแ่ ทจ ริงวา ทําไมทานเสด็จมาเหมือนกัน หมด แตก็แอบคิดวาทานชางยุติธรรม และเมตตาพวกเราทุกคนจริงๆ และน่ันเปนครั้งแรกที่ทําให ขา พเจาไดต ระหนกั ถงึ พทุ ธานุภาพพลังอันศักด์สิ ิทธข์ิ องพระบรมสารีริกธาตุ จากวันนน้ั จนถึงวันนี้ แมวา ขา พเจา จะไมไดมีโอกาสประสบกับเหตุการณการเสด็จมาของพระบรม สารีริกธาตุอีก แตขาพเจาก็หมดทุกขอสงสัย และวันนี้ผอบของพระบรมสารีริกธาตุที่ขาพเจาอัญเชิญ กลับมาบูชาท่ีบาน ซ่ึงคุณแมของขาพเจาก็ไดหม่ันสวดมนตบูชา และเปล่ียนนํ้าถวายแดทานอยูเปนประจํา คุณแมจะหมั่นแวะมาดูวา ทานเสด็จมาเพ่ิมบางหรือไม แตไมวาทานจะเสด็จมาเพิ่มอีกหรือไม เหตุการณ ครั้งนั้นก็เปนเหตุการณท่ีขาพเจาไมมีวันลืมเลือนถึงพุทธานุภาพของพระบรมสารีริกธาตุ แมวาจะผานมา นานถึง ๓ ปแ ลวกต็ าม วรินทรธ ร ปยทัชอังกว รา คณุ วรินทรธ ร ปย ทัชอังกวรา (พอลล)ี่ นอ มสักการะพระพทุ ธมหาจกั รพรรดิ ทีถ่ วายแด วดั นาคารุกขาราม ประเทศศรีลงั กา ๙๒

พระบรมสารรี ิกธาตุ ประเทศศรีลังกา เปนประเทศท่ีไมเคยอยูในความนึกคิดของขาพเจาที่จะไปเยี่ยมเยียน ไมวาจะ ดว ยเหตุผลใดๆ แตแลววันหน่ึงหลานสาวของขาพเจาก็โทรศัพทมาหา และเลาใหฟงวา มีเพ่ือนของเพื่อน คนหน่ึงเปน คนศรลี ังกา อยากไดพระพุทธรูป และจะเดินทางมาเมืองไทย โดยขอใหเพื่อนของหลานพาไป หาเชาพระ เพื่อนของหลานจึงโทรมาหาหลานสาวขาพเจา และปรึกษากันวาจะพาไปเชาพระไดจากท่ีไหน ซ่ึงทุกคนก็ลงความเห็นกันวา ใหลองคุยกับพระอาจารยจิรยุทธ เจาอาวาสวัดตาลเอนดู เพราะเห็นที่วัดมี คนนําพระพทุ ธรปู มาถวายมากมาย เพ่อื นของหลานขาพเจาก็ไปคุยกับพระอาจารย ปรากฏวาพระอาจารย ทานก็เมตตาใหพระองคหน่ึงซ่ึงใหญมาก ซ่ึงเพ่ือนที่ศรีลังกาพอทราบเรื่องก็ดีใจมาก และเตรียมจัดงาน ฉลองพระ พรอมกับนิมนตพระอาจารยไ ปรว มฉลองดว ย ขาพเจาก็บอกกับหลานสาวทันที โดยหลานยังเลา ไมท ันจบวา “ขอไปดวย” การไปทริปศรีลังกาคราวน้ัน มีเพื่อนรวมทริปประมาณ ๒๕ คน ชาวศรีลังกาใหการตอนรับพวก เราอยางดี ขาพเจาคิดวาเขาใหเกียรติพวกเรามาก ตอนที่พระอาจารยทําพิธีเปดมาน ทําใหพวกเราทุกคน เห็นองคพระเปนคร้ังแรก เปนพระพุทธรูปทรงเครื่องจักรพรรดิ องคใหญและงามมาก ขาพเจาเกิดความ ปลม้ื ปติอยา งบอกไมถ ูก ทําใหนา้ํ ตาไหลพราก กลนั้ ไมอ ยจู ริงๆ เหมือนธรรมะจัดสรรใหพวกเรานําความ ปรารถนาดไี ปใหค นศรีลงั กาจรงิ ๆ เลย นอกจากน้ีขาพเจายังเกิดความต่ืนเตนเกี่ยวกับการเสด็จมาของพระบรมสารีริกธาตุ และพระ อรหันตธาตุตา งๆ ซง่ึ ทา นเสดจ็ มาทุกวัน จนวันสุดทายนับไดมากกวาหน่ึงพันองค อัศจรรยจริงๆ และส่ิงท่ี ทําใหขาพเจาต่ืนเตน ดีใจ ชื่นใจ ปลื้มใจ เปนที่สุด ก็คือเชาวันท่ีพวกเราจะเดินทางกลับบาน ซ่ึงพระบรม สารีริกธาตุ ทานเสด็จมาในผอบของพวกเราทุกคน คนละ ๕ องคเทาๆ กัน เปนสีชมพูออนใส และขาว เหมือนกันหมดทกุ คน ขาพเจา นองวี (คุณสุรียพร โอริส) นองจิ๋ม (คุณวันเพ็ญ ลีลาสถาพรกิจ) ตางกอดกันรองไหดวย ความดีใจ ปล้ืมปติเปนท่ีสุด พวกเราทุกคนตางก็มีความสุขกันมาก และตางก็ประทับใจกับการไปศรีลังกา ครั้งนั้นไมรูลมื ภณินทจันทร พิพฒั นางกรู ภาพซา ย – เรียงลาํ ดับจากซายมือ คณุ วรนิ ทรธ ร ปย ทชั อังกว รา (พอลล)ี่ คณุ วรรณภา พิพฒั นางกรู (หญงิ ) คณุ ภณินทจันทร พิพฒั นางกูร (อาเล็ก) ๙๓

เพราะมีสติ ถึงไดพบพระบรมสารีริกธาตุ วนั จันทรท่ี ๖ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๕๓ กราบนมัสการทานพระอาจารยจ ิรยุทธ ทเ่ี คารพอยา งสูง ตามท่ีพระอาจารยไดนําพาคณะญาติธรรมไปประเทศศรีลังกา ระหวางวันที่ ๒ – ๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๒ ในการนไี้ ดม ีโอกาสไปกราบสกั การะสถานทีศ่ กั ด์ิสทิ ธิ์หลายแหง มีพระเข้ียวแกว เปนตน และ จดุ หมายท่ีสําคัญ คือ การไปสมโภชนพระประธานทรงเครื่องจักรพรรดิที่ทางวัดตาลเอน โดยพระอาจารย จิรยุทธ พรอมเหลาญาติธรรมไดมอบถวายวัดท่ีประเทศศรีลังกา กอนหนาน้ีขาพเจาไมทราบมาเลยวามี กิจกรรมอันเปนมหามงคลมหากุศลน้ีเกิดขึ้น รูสึกวามาทราบตอนที่นําปจจัยไปถวายพระอาจารยในการ สรางกฏุ ิกรรมฐาน กลบั มาถงึ บานกย็ งั ไมไ ดค ดิ อะไร ไมไ ดสนใจท่จี ะไป พอวนั ตอ มาขณะปฏิบตั ิกรรมฐานที่ บา น กาํ ลงั นัง่ สมาธิ อยูๆ สตภิ ายในกผ็ ุดข้ึนมาวา ทาํ ไมไมรว มเดนิ ทางไปสมโภชนพระครั้งน้ี เพราะเปนบุญ ใหญมาก แมหากภายภาคหนาตองการจะไปกราบสักการะบูชาสถานท่ีศักดิ์สิทธิ์และสําคัญในทาง พระพุทธศาสนา แตโอกาสท่ีจะไดไปสมโภชนพระ มอบถวายพระประธาน อาจจะไมไดไปอีก โอกาส แบบน้ีหายากมาก อาจเปนคร้ังเดียวในชีวิต เมื่อสติภายในบอกเชนนี้ พอออกจากสมาธิ ขาพเจารีบโทร ติดตอหาบุคคลท่ีรูจัก ท่ีคิดวาพอจะสามารถชวยใหขาพเจาไดรวมเดินทางไปคร้ังนี้ได ขาพเจาไดอธิษฐาน จิตขอกําลังบุญที่ขาพเจาไดบําเพ็ญมา จงเปนพลวปจจัยชวยใหขาพเจาไดไปรวมบุญน้ีดวยเถิด เพราะอีก ประมาณ ๑ สัปดาห คณะญาติธรรมก็จะออกเดินทางไปแลว เปนชวงเวลาท่ีกระช้ันชิดมากสําหรับขาพเจา เพราะไมรูว าจะมีทนี่ ั่งสาํ หรบั ขา พเจา หรือเปลา ตอ งขอขอบคุณ คณุ นิภาพร พ่เี ลก็ นอ งหญิง นองอร เพราะ ทานเหลา นมี้ ีสว นสาํ คญั ทท่ี าํ ใหข า พเจา สามารถเดนิ ทางไปได เม่ือไดไ ปกค็ มุ คาสําหรับการเดนิ ทางจริงๆ ไดเ ห็นพระบรมสารีรกิ ธาตุเสด็จมา ยังความปลาบปลื้ม ปติใหกับทุกคนในคณะ ขาพเจาถึงกับนํ้าตาไหล พระธาตุเสด็จมาจํานวนมาก มีหลายสัณฐาน หลายสี ขาพเจาไดบันทึกเปนดีวีดีไว และไดมอบใหทุกคนในคณะคนละ ๑ ชุด คืนวันกอนท่ีจะเดินทางกลับ พระอาจารยใ หทุกคนปฏบิ ัติธรรมในหอ งของตนเอง โดยนําผอบของแตละคนมาฝากไวท่ีหองพระอาจารย พอรงุ เชาปรากฏวา พระธาตเุ สดจ็ ทุกผอบในจํานวนเทาๆ กัน ยงั ความปตยิ นิ ดกี บั ทุกคนย่ิงนัก ขาพเจา พ่ีวี พีเ่ ลก็ กอดกนั รองไห ดีใจเปนที่สดุ เพราะกอ นหนาที่จะทราบวาพระธาตุเสด็จทุกผอบ ขาพเจาก็รูสึกกังวล ใจไมรวู าจะมีบญุ ไดร ับพระธาตหุ รือเปลา แตพอรูว าพระธาตุทานเสด็จมาโปรดพวกเราทุกคน ปติยินดีมาก วันกอนออกเดินทางมาท่ีน่ี ขาพเจาไดนําผารองกราบสีขาวมาฝากทุกคน แลววันกลับผารองกราบผืนนี้ บางคนไดใชป ระโยชนในการอัญเชิญเสด็จพระธาตกุ ลับบาน นับวา เปนประโยชนอ ยา งย่ิง พระอาจารยท า นไดใหพวกเราทกุ คนไดพูดบอกความรูส กึ ในการเดินทางมาครง้ั นี้ ระหวางทางท่ีอยู ในรถ ขา พเจา กไ็ ดบรรยายความรูส ึกไปหมดแลว แตข อนํามาเขียนอยางยอๆ ในครั้งน้ีวา บุญนําพาจัดสรร ใหพ วกเรา ไดม าสรา งบารมใี นครั้งนี้ และเหตุการณมหากศุ ลน้ี จะไมมีวันลืมไปจากใจจนตลอดชีวิต นับวา พวกเรามีบุญอยางมากที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ไดประพฤติปฏิบัติธรรม ไดสรางทั้ง ทาน ศีล ภาวนา ไดพบกัลยาณมิตร ไดพบครูบาอาจารยที่เปนพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ มีบารมีมาก ทานพระอาจารยจิรยุทธ เปนพระภิกษุอีกรูปหนึ่งที่เปนเนื้อนาบุญอันดีเยี่ยม อุทิศตนเพื่อไปงานสมโภชน ๙๔

พระพุทธรูป พวกเขาคงซาบซึ้งใจท่ีไดรับพระพุทธรูปซ่ึงเปนพระประธานทรงเครื่องจักรพรรดิที่งดงามจน ขาพเจา และอีกหลายทานตกตะลึง จนปติน้ําตาไหล ยามเม่ือเขาเปดมานใหเห็นองคพระเปนครั้งแรก ชางงดงามจนเกินบรรยาย เสียงสาธุการดังลั่นศาลา มันยากที่จะพรรณนาเปนถอยคําได รูสึกถึงพลังแหง พุทธานุภาพอันยิ่งใหญ เหมือนพวกเราแมจะตางชาติ แตไมตางศาสนา พวกเรามีสมเด็จพอองค เดียวกัน ท่ีรอยดวงใจใหพวกเรายึดม่ันในคุณงามความดี และจะดําเนินรอยตามทางที่พระบรม ศาสดาพระสมั มาสมั พทุ ธเจา ไดโ ปรดสอนช้แี นะแนวทางไว แมเสนทางแหงพระนิพพานจะอีกยาวไกล เทาใด หากเรามุงมน่ั เดนิ ทาง คงมสี กั วันท่จี ะถงึ สดุ ทา ยนขี้ อกราบอาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยมาปกปองผองภัย ใหพระอาจารยจิรยุทธมีสุขภาพ พลานามัยสมบูรณ แข็งแรง กิจการงานในการเผยแผท าํ นุบํารงุ พระพทุ ธศาสนาท่ีพระอาจารยมีดําริไว และ กําลังดาํ เนนิ การอยู งานน้ันจงสําเร็จราบรื่น ขาพเจา ขอสง ท้ังกําลังกาย กาํ ลังทรัพย กําลังใจ อันสมควรตาม กําลังของขาพเจา นอมถวายเปนพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ขอพระอาจารยอยูเปนรมโพธิ์ รมไทร หลักใจ ของศิษยานศุ ษิ ย และพุทธศาสนกิ ชนไปตราบนานเทา นานเทอญ กราบนมัสการดว ยความเคารพอยางสูง วนั เพ็ญ ลลี าสถาพรกจิ คุณวนั เพ็ญ ลลี าสถาพรกิจ (ซาย) คุณสรุ ยี พ ร โอริส (ขวา) ๙๕

การแสวงบญุ ประเทศศรีลงั กา ระหวา ง ๒ – ๘ มิถนุ ายน พ.ศ. ๒๕๕๒ ประเทศศรีลังกาเปนประเทศท่ีมีธรรมชาติสวยงาม เปนเมืองที่นับถือศาสนาพุทธ มีวัดมากมาย เปนประเทศท่มี คี วามเปนมาเกีย่ วกับพระพุทธศาสนามากมาย และไดมาเผยแผพระพุทธศาสนาท่ีประเทศ ไทยดว ย ประชากรชาวศรีลังกาสวนใหญม รี ูปรา งหนาตาคลา ยกบั คนอินเดยี มผี ิวดํา ตาโตดาํ การท่ีเราจะเขาไปบริเวณวัดในประเทศศรีลังกาน้ีตองถอดรองเทากอน ตองเดินเทาเปลาเขาไป และขาพเจาไดไปกราบสักการะพระมหาเจดียสุวันเวลิสายะ หรือเรียกอีกอยางหนึ่งวาพระเจดีย สุวรรณมาลิกท่ีใหญและงดงามมาก เปนตนแบบพระเจดียทรงโอควํ่า เชน พระปฐมเจดีย และไดกราบ พระบรมสารีริกธาตุ พระรากขวัญเบื้องขวา (กระดูกไหปลาราของพระพุทธเจา) ณ วัดถูปาราม ซึ่งอยูบน ยอดเจดีย เปนประวัติศาสตรที่มีตํานานเลาขานกันมากวา ๒,๐๐๐ ป เปนราชธานีแหงแรกของกษัตริย สิงหลในพุทธกาล ในการไปกราบครั้งนี้ มีทานพระครูสมุหจิรยุทธ อธิฉนฺโท เปนผูนําสวดมนต และนั่ง สมาธิที่ตรงหนาพระเจดีย แลวใหอธิษฐานจิตอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมา ระหวางน่ังสมาธิอยูนั้น มีเหตุอัศจรรยเกิดข้ึน ซึ่งหลายคนที่อยูดวยขณะนั้น ก็ไดรับรูเชนกัน คือมีแสงสีขาวสวางจาที่บริเวณน้ัน และหลังจากที่เราลืมตาขึ้นมา (พระอาจารยไดบอก ใหกําหนดลืมตา) พระอาจารยไดเปดผาขาวบนพาน และปรากฏวาพบองคพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมาบนผาขาวท่ีปูไวบนพานจํานวนหลายองค นับได ๘๖ องค ทกุ คนที่ไปรูสึกอัศจรรยใจมากทไี่ ดมาเหน็ กับตาตัวเอง หากเปน ผูอน่ื บอกเลาอาจจะไมเชือ่ ถงึ ๑๐๐ % หลังจากท่ีกลับมาท่ีพัก พอวันรุงขึ้นพระอาจารยเปดดูพระบรมสารีริกธาตุพบวา เสด็จมาเพ่ิมอีก เปนจํานวนมาก โดยมีสีสันสวยงามแตกตางกันออกไป มีสีเหลืองบุษราคัม สีชมพู ผลึกใสประดุจเพชร สเี ขยี วมรกต มีรปู พรรณสณั ฐานแตกตา งกนั สัณฐานรูปทรงกระดกู รูปเมล็ดผักกาด เมล็ดถั่ว และทุกคนก็ รสู ึกปลมื้ ปติมาก บางคนถึงกบั น้าํ ตาไหลทไ่ี ดเ จอเหตุการณวเิ ศษทไี่ มเคยประสบน้ี ในคนื สุดทายท่ีประเทศศรลี งั กา พระครูสมุหจิรยุทธ ไดใหพวกเราสวดมนต ทําสมาธิ อธิษฐานจิต อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุใหเสด็จมาท่ีผอบของแตละคนท่ีนําไป รุงเชาซ่ึงเปนวันท่ีพวกเราจะเดินทาง กลับปรากฏวา พระบรมสารีริกธาตุเสด็จมาท่ีผอบของแตละคน คนละ ๕ องค มีสีชมพู ๓ องค และสีขาว ขนาดเทา เมลด็ งา ๒ องค ทําใหท กุ คนดใี จกันมาก ปลม้ื ปติกันไปทุกคน บุญกุศลท่ีพระอาจารยไดนําพระพุทธรูป พระมหาจักรพรรดิ ถวายใหกับประเทศศรีลังกา ได อญั เชญิ พระบรมสารีริกธาตุจากประเทศไทยไปไวที่ประเทศศรีลังกา นับวาเปนมหากุศลอยางย่ิงท่ีขาพเจา ไดม ารว มบุญดวย ขาพเจาขออนุโมทนาบุญในมหากุศลที่พระอาจารย คือ พระครูสมุหจิรยุทธ อธิฉนฺโท ไดบําเพ็ญ ปฏิบัตมิ า และทกี่ ําลังจะทําตอ ไปเพื่อสบื ตอพระพทุ ธศาสนาโดยแทจรงิ สุรยี พร โอริส ๙๖

อิทธิปาฏิหารยิ พระบรมสารรี ิกธาตุ พระธาตุ ทขี่ า พเจา ไดรแู จงเห็นจรงิ ในศรลี งั กา และพมา ขาพเจา สุนีย อธิปุณกุล ไดประสบการณตรงเก่ียวกับการเสด็จของพระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุ เร่ิมจากเพ่ือนสนิทของขาพเจาไดทําบุญทอดกฐินกับคุณหญิงสุรีพันธ และไดรับแจกพระธาตุมาบูชา ๕ องค เราไดอ ญั เชญิ มาบูชาที่บานโดยใสในผอบที่ปดมิดชิด มีสําลี และผาขาวหอไว เพื่อนคนน้ีสนใจการ ปฏิบัติธรรม และไดไปปฏิบัติทางภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคกลาง สวนใหญจะชอบอยูแบบปฏิบัติ เดย่ี ว และไดพยายามชักชวนใหขาพเจาไปปฏิบัติธรรม ขาพเจาก็เฉยมาตลอด ซ้ํายังบอกกับเพื่อนวา อยา มาชวนอกี นะ ถึงเวลาจะไปเอง ถาชวนแลวไมไป ทําใหขาพเจาคิดวา ตัวเองจะเปนบาปเปนกรรม ตอนน้ัน ขา พเจาคดิ วา เพียงไดทําบุญตักบาตรสมํ่าเสมอ ทําบุญกฐิน ผาปา รวมสรางอุโบสถ รวมบุญตามวัดตางๆ ท่ีทราบวาทางวัดตัองการปจจัยไปสรางสิ่งจําเปนภายในวัด และรักษาศีล ไมเบียดเบียนตนเองและผูอื่น เทานี้ก็พอแลว เพ่ือนก็บอกวาถาหากปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ พระธาตุจะเสด็จเพิ่มได แตถาปฏิบัติไมดี พระธาตุก็จะเสด็จไปจากเราได ขาพเจาไมเชื่อเด็ดขาด สสารจะเกิดข้ึนเอง และหายไปเอง ไมมีทาง เปนไปได (ขออโหสิกรรมดวยเถิดเจาคะ) ขาพเจาจึงบอกกับเพ่ือนวา หากพระธาตุเสด็จเพ่ิมจริง ขา พเจา จะเร่มิ ปฏบิ ัตธิ รรม ปกติวนั สงกรานตเราจะสรงน้าํ พระธาตุ และพระพทุ ธรูปทกุ องคท ่ีเราบูชาบนโตะหมูบูชา ปรากฏวา เม่ือเปดผอบออกพบวามีพระธาตุ ๗ องค เพิ่มจากเดิม ๒ องค เพื่อนขาพเจาต่ืนเตน และดีใจมาก และ บอกวา เธอตองปฏิบัติธรรมตามสัญญา ขาพเจาก็ยังแคลงใจ ถามวา เธออยากใหฉันปฏิบัติจึงเอาพระธาตุ จากท่ีไดมาเพิ่มทีหลัง มาเพิ่มในผอบนี้หรือ เพื่อนก็ยืนยันวา ไมไดเอามาเพ่ิม ทานเพ่ิมของทานเอง ขาพเจาก็ยังไมคอยจะเช่ืออยูดีวาเพ่ือนพูดจริง แตก็เร่ิมปฏิบัติ โดยอานจากหนังสือ และเริ่มนั่งสมาธิ โดย ไมไดไปหาครูบาอาจารยขอกรรมฐาน ชวงน้ันขาพเจายังทํางานอยู (เปนคุณครู) ไมมีเวลาไปปฏิบัติที่วัด เพราะทําท้ังงานประจาํ จนั ทรถงึ ศุกร วันเสารอาทิตยก็ทํางานพิเศษ ลูกศิษยจะไปกราบหลวงปูมาชวน ก็ไม มเี วลาไป แตชอบทาํ บุญฝากอาหารไปถวายหลวงปู ขาพเจาเริ่มเขาวัดปฏิบัติธรรมเมื่อป พ.ศ. ๒๕๔๕ โดยมีแรงบันดาลใจจากการท่ีไดไปกราบหลวง พอจรัญ ฐิตธมฺโม วดั อมั พวัน จ.สิงหบุรี ไดเห็นจริยวัตรอันงดงาม เกิดความศรัทธา ประกอบกับมีนองคน หนึ่งเอาหนังสือของหลวงพอมาใหอาน คือ อนุสาสนียปฏิหาริย ขาพเจาจึงบอกเพ่ือนวา ขาพเจาจะไป ปฏิบัติธรรมท่ีวัดอัมพวัน ทําใหขาพเจาโชคดีมีโอกาสไดเปนลูกศิษยของพระอาจารยจิรยุทธ อธิฉนฺโท ไดรบั ความรู ความเขาใจจากทา นมา ไดเห็นถงึ ความกตัญูกตเวที ที่ทานมีตอหลวงพอจรัญเปนอยางมาก ขอบคุณโครงการมุทิตาสักการะ โครงการพุทธศาสตร-ทางสายเอก ของพระอาจารย ตอมาพระอาจารย ไดมาดํารงตําแหนงเจาอาวาสวัดตาลเอน อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา มีอยูวันหนึ่งในเดือน พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๒ ขาพเจาและลกู สาวของนองท่เี ปนกลั ยาณมิตรอยากทําบุญเลี้ยงพระท้ังวัด เน่ืองใน โอกาสวันคลายวันเกิด ซึ่งขาพเจาและลูกสาวของนองคนน้ันเกิดวันที่และเดือนเดียวกัน ชวนกันจะไป ทําบุญที่วัดตาลเอน ปรากฏวาโทรติดตอทางวัดไมได เพราะตองจองวันและติดตอพอครัวทําอาหาร จึง ตัดสินใจขับรถจากชลบุรีมาวัดตาลเอน เพ่ือติดตอเรื่องวันและอาหาร ถือวาเปนบุญที่สุดที่ตัดสินใจมา ทํา ๙๗

ใหไดติดตามพระอาจารยไปศรีลังกา เพราะวันที่เรามาท่ีวัดเปนวันท่ีพระอาจารยเพิ่งกลับมาจากศรีลังกา (ซ่ึงเปน การเดินทางไปศรีลังกาคร้ังแรกของทาน) เราไดทราบจากทานวา ทานจะไปศรีลังกาอีกครั้งในตน เดือนมิถุนายน ๒๕๕๒ เพ่ือมอบพระพุทธรูปพระมหาจักรพรรดิ (องคใหญหนาตัก ๘๐ น้ิว) ใหแกชาว ศรีลังกา และรวมงานสมโภชน เพ่ือนของขาพเจาจึงถามพระอาจารยวา จะขอติดตามไปดวยไดหรือไม อยากไปรวมบุญกับพระอาจารย พระอาจารยจึงใหนองแปบ เอาเบอรโทรศัพทคนจัดทัวรให(นองอร) ปรากฏวามีท่ีวาง ขาพเจาและเพื่อนจึงมีโอกาสติดตามพระอาจารยไปศรีลังกา และในวันนั้นเอง เราได ทราบจากพระอาจารยสมบุญวา พระอาจารยจิรยุทธไดพระธาตุมาจากศรีลังกา(จากเหตุการณพระธาตุ เสด็จในครัง้ แรก) จาํ นวน ๘๖ องค พระอาจารยสมบุญไดเมตตาใหพวกเราเขาไปกราบพระธาตุในอุโบสถ วัดตาลเอน ไดเห็นองคพระธาตุอยางชัดเจนและใกลชิด รูสึกปติ ดีใจ และปลาบปล้ืมมาก เราขอติดตาม พระอาจารยไ ปศรีลังกา กอ นทจี่ ะทราบวาพระอาจารยไ ดพ ระธาตมุ าจากศรีลงั กา คณะทริปอิ่มบุญไปศรีลังกา ๒-๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยมีพระภิกษุไป ๒ รูป คือ พระอาจารยจิรยุทธ และพระไกรวัลย มีลูกศิษย อุบาสก อุบาสิกา ติดตาม ๒๐ คน และไกด ๓ คน เร่ิมเดินทางคืนวันที่ ๒ มิ.ย. พอเชาวันที่ ๓ มิ.ย. ก็เดินทางในศรีลังกา ไปสักการะพระมหาเจดีย สถูป แหลง โบราณคดี วัด สถานท่ีศักดิ์สิทธิ์ของศรีลังกา บางแหงพระอาจารยจะนําสวดมนต บางแหงก็จะมีการ น่ังสมาธิ ตกเย็นไดไปกราบสักการะ พระเจดียสุวรรณมาลิกท่ีใหญ และงดงามมาก ตอจากนั้นจึงไดไปวัด ถปู าราม ที่วัดถูปาราม ซึ่งเปนที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุพระรากขวัญเบื้องขวา (กระดูกไหปลาราของ พระพุทธเจา) พระอาจารยไดนําพวกเราสวดมนตและน่ังสมาธิ หลังจากที่นั่งสมาธิเสร็จ พระอาจารยได เอื้อมมือไปแตะผาขาวซ่ึงเปนผารองกราบ โดยพระอาจารยไดพับทบไว ขาพเจาสังเกตเห็นสีหนาขอ พระอาจารยมีแววปติ ยิ้มนอยๆ ขาพเจาจึงกระซิบบอกเพ่ือนขาพเจาวา ใหขยับเขามาใกลๆ ตองมีส่ิงดีๆ เกิดขึ้นแน เมื่อพระอาจารยเปดผาท่ีพับไวออก ขาพเจาตะลึง ปติ เย็นวาบ ท่ีไดเห็นพระธาตุจํานวนมาก มีท้ังองคใหญ องคเล็ก รูสึกตื่นเตน อัศจรรย กับอิทธิปาฏิหาริยที่เกิดข้ึน เปนครั้งแรกในชีวิตท่ีไดเห็น พระธาตุเสดจ็ ดว ยพทุ ธานุภาพขององคสมเด็จพระสมั มาสัมพทุ ธเจา เปน บญุ ท่ีไดม าพบ ซึ่งเปนสิ่งที่ไมเคย คิดวาจะไดพบ ขาพเจาคิดวาทุกคนก็คงจะมีความรูสึกไมตางกัน คราวนี้ขาพเจาเช่ือแลววาพระธาตุ สามารถเสด็จมาไดจริงๆ ดวยบุญบารมีของพระอาจารย ดวยความเมตตาของพระพุทธองค เปนสิริ มงคลอันลํ้าคา ขาพเจาไมสงสัยอีกแลวเจาคะ บารมีของพระพุทธองคแผไพศาลทั่วสากลโลก แมพ ระองคจะเสด็จดับขันธป รินพิ พานไปกวา สองพันหารอ ยหาสิบสองป (ปที่เกดิ เหตกุ ารณ ในขณะน้ัน) สี่ทุมเศษ คณะเราถึงท่ีพัก พระอาจารยไดนําพระธาตุมาใหพวกเราไดชมบารมี พระอาจารยนํา สวดมนตแลวก็มีการแยกพระธาตุตามสัณฐาน สี นับจํานวน โดยสามารถแยกสัณฐาน และสีไดตางๆ กัน ดังน้ี - สัณฐานคลา ยกระดูกงาชา ง แตม รี ูพรุน องคใหญ สีขาว ๑ องค - สัณฐานเมล็ดถั่วองคใหญ ๒ องค คือ มีสีขาวเปนเงาแกมเขียว ๑ องค และสีขาวเปนเงาแกม นา้ํ ตาล ๑ องค - มสี ขี าวใส องคใ หญ ๒ องค - สณั ฐานเมล็ดผักกาด สีขาวใส องคเล็กๆ ๘๑ องค ๙๘


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook