ชวงที่ ๔ จากศรัทธาแหงมหากษัตรยิ . . . สูธรรมะปฏบิ ตั ขิ องมหาชน ธรรมบรรยายโดย พระครสู มุหจิรยุทธ อธฉิ นโฺ ท เจาอาวาสวัดตาลเอน จ. พระนครศรีอยุธยา ในวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๓ ถอดเสยี งเปน ลายลักษณอกั ษรโดย อายุบวร ๔๙
ขอนอบนอ มแดองคสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจา พระธรรมวินัย และพระ อริยสงฆสาวก ผปู ระพฤตดิ ปี ฏิบตั ิชอบ ขอถวายความเคารพแดหลวงพอจรัญ ฐิตธมฺโม พระอุปชฌาย พรอมทั้งทาน พระครภู าวนานกุ ลู ทา นพระครปู ญ ญาประสทิ ธคิ ุณ ขอถวายความเคารพแดบูรพาจารยและอดีตเจาอาวาส วดั ตาลเอนทุกรูปอันมหี ลวงพอ กัณหาและหลวงพอฟองเปนตน ขอความสุขสวัสดีจงมีแกทานผูปฏิบัติ ธรรมทุกทา น ณ บดั นีเ้ ทอญ สําหรับเร่ืองที่จะพูดในวนั นีก้ ็คอื เรอื่ งของพระบรมสารรี กิ ธาตแุ ละพระอรหันตธาตุ ซึ่งไดมีคติการ สกั การบูชาไวในพระพุทธศาสนา เทาท่ีสติปญ ญา ความรู ความสามารถของอาตมาจะนํามาบอกตอแกทาน สาธุชนทง้ั หลายพอสมควรแกเ วลาทมี่ ีอยูน ้ี อนึ่งสงิ่ ทจ่ี ะเลาตอจากน้ีไป สวนหน่ึงก็เปนประสบการณจริง ทไ่ี ดเคยไดย ินไดฟ ง จากครูบาอาจารยผูรูท ั้งหลาย และที่อาตมภาพไดประสบพบเหน็ มาดวยตัวเองบาง แต ส่ิงท่ีจะกลา วตอ จากน้ไี ปนนั้ เปนเครอ่ื งประจักษพ ยานยืนยันของพระพุทธศาสนาในสวนท่ีเปนพุทธานุ ภาพ ธรรมนุภาพ สังฆานุภาพ ของพระรัตนตรัยทีอ่ าจอาํ นวยอวยผลใหผูศึกษาและประพฤติปฏิบัติ ตาม หรือผูท่ียึดถือพระรัตนตรัยเปนสรณะเปนท่ีพ่ึง ไดมีความสุขสวัสดี หรือมีความเจริญใน การศกึ ษาประพฤตปิ ฏบิ ตั พิ ระธรรมคาํ สอนขององคพระสัมมาสัมพุทธเจา และเปนประจักษพยาน ยนื ยนั การบรรลุธรรมขององค พระสัมมาสัมพทุ ธเจา และเปน ประจักษพยานยืนยันวา การท่ีเราไดนําเอา ธรรมะของพระพทุ ธเจาไปศึกษาและปฏบิ ตั ิตาม ยอมเกดิ ผลแกต นไดในสว นของความบริสุทธิ์ทางจิตใจซ่ึง เปน นามธรรม แตในขณะเดียวกัน สวนท่ีเปนนามธรรมน้ันก็อาจจะสงผล ซักฟอกเบญจขันธ และ กระดูกของมนษุ ยซ ่งึ เปน ของสกปรก ใหสะอาดผองแผว บรสิ ทุ ธดิ์ จุ แกว มณี มีความใส หรือมีสีตางๆ มีวรรณะผิวพรรณทีง่ ดงาม มรี ัศมีเปลง ปล่ัง ทเ่ี รยี กวาพระบรมสารีริกธาตุหรือพระธาตุ ซ่ึงยากนักที่ มนุษยป ถุ ุชนคนทั่วไปจะมไี ดจ ะเขา ถึงได หรือแมก ระท่งั ในศาสนาอื่นๆ นั้น ก็ไมอาจท่ีจะสามารถพัฒนา ตัวเองเขา ไปถงึ ความท่กี ระดกู ของมนษุ ยเปน พระธาตุ ซ่งึ พระธาตุเปน ธาตุแข็ง เปน ธาตใุ สบริสุทธิ์ เปนพระ ธาตทุ ี่มีอานภุ าพได เปนประจักษพ ยานยนื ยนั ของพระพุทธศาสนา เปนเครื่องช้ีนําสงเสริม และสนับสนุน ใหเห็นวา พระธรรมคาํ สัง่ สอนของพระพทุ ธเจานัน้ สขุ ุม ละเอียดออน ลึกซึ้งคัมภีรภาพ อันวิญูชนผูมี สตปิ ญญากลา หาญ อาจจะแผว ถางกิเลสในใจของตนใหเตียนโลง และเ ขาสูมรรคา คือ ปฏิปทามรรค อริยมรรค ใหนาํ ไปสู อริยผลคือ ความเปน พระอรยิ บคุ คล ชน้ั พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และพระอรหนั ตไ ด โดยไมเลอื กวา เปน เพศชายหรอื เพศหญงิ โดยไมเ ลือกวา จะเปนคนในยุคไหนสมัยไหน พระธรรมของพระองคทา นก็สามารถนํามาประพฤตปิ ฏิบตั ขิ ดั เกลาจรติ อัธยาศยั ของตนใหบริสุทธิ์ผองแผว มีจติ ใจที่สะอาด ปราศจากเครอื่ งมัวหมองคอื ธลุ ีไดแกก เิ ลส อนั เปนเหตุทาํ ใหจติ ใจของมนุษยหมนหมอง ดําคลํา้ ไดทุกคน โดยไมตองสงสยั เลย เทา ความวา..ในสมยั ท่อี งคส มเด็จพระสมั มาสมั พุทธเจา ทานยังดํารงพระชนมชีพอยูน้ัน พระองค ไดทรงปรารภในพระหฤทัย แลวก็ทรงตรัสแกหมูภิกษุทั้งหลายวา ศาสนาของตถาคตนั้นมีอายุไมยืน ยาวนานถาเทยี บกบั ศาสนาของพระพุทธเจาในอดีต บางพระองคก็มีอายุยืนยาวนานเปนหม่ืนๆ ป แต ศาสนาของพระพทุ ธเจา บางพระองคก็มีอายุเพียงแคหลักรอยป แตจะอยางไรเสียก็ตามพระพุทธเจา บางพระองคนนั้ มีพระชนมายุยืนนาน บางพระองคมีอายุเปนพันป บางพระองคมีอายุเปนหมื่นป แต สาํ หรบั องคพระชินสหี ของเรานัน้ มอี ายเุ พยี งไมถึงรอยปก็จะปรินิพพานไปในอายุเพียงแค ๘๐ พรรษา พระศาสนธรรมคาํ สอนของพระองคท่ีไดวางไวถึงจะมีมากถึง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ รวมเรียกวา ๕๐
พระไตรปฎก มีทั้งพระสุตตันตปฎ ก ๒๑,๐๐๐ พระวนิ ัยปฎ ก ๒๑,๐๐๐ และพระอภิธรรมปฎก ๔๒,๐๐๐ กร็ วมเปน ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ ก็นบั วามาก แตแ ทจริงแลว ยงั จดั วา นอ ยอยถู า เทียบกับพระพุทธเจาใน อดีตบางพระองค โดยเฉพาะพระชนมายุทมี่ เี พียงไมถงึ รอ ยปของพระพทุ ธเจา เมอื่ พระองคไ ดท รงดาํ ริและตรสั กับหมพู ระภกิ ษดุ งั นั้น พระองคก็ไดทรงดําริวาพระพุทธเจาใน อดีตทุกพระองคน น้ั เมอื่ นิพพานแลว พระบรมสารีริกธาตุไดเกดิ อศั จรรย กระดูกทกุ ช้ินมารวมกันเปนแทง มีลักษณะใสดจุ แกวมณี ไรไฝฝา ราคคี าว มองในทศิ ใดก็สามารถเหน็ ความใสสวา งสองผานทะลุไปทุกสิ่งทุก อยา งได และมเี พียงแคกอนเดยี วหรือแทงเดียวเทาน้ัน จะประดิษฐานไวมั่นคงในที่ใดที่หนึ่ง มหาชน ทง้ั หลายกจ็ ะพากนั มาจากทิศทั้งส่ี ทศิ ท้งั แปด ทิศทั้งสิบ เพื่อมาสักการะซ่ึงพระบรมสารีริกธาตุแกวน้ัน เพยี งทีแ่ หง เดียว แตสาํ หรบั องคพ ระบรมโลกเชษฐพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจาของเรานั้น มีพระชนมายุ นอย พระศาสนายงั มิไดแ พรหลาย พระองคกท็ รงดํารทิ จ่ี ะอธษิ ฐานใหพระบรมสารีริกธาตุของพระองค นนั้ แผกระจายไปยงั ทต่ี างๆ เพ่ือประโยชนแหง การสักการบูชาของมหาชน เพ่ือเปนเคร่ืองเชื่อมโยง ใหเกิดปต ิ เกดิ ศรทั ธา เกิดโสมนัสในจิต ดํารทิ ่ีจะประพฤติปฏิบตั ติ ามพระธรรมคําสอนของพระองค ทา นได หรอื เปน เหตุชักจงู จิตใจของมนุษยผูไดส ักการบูชา ไดสนใจนําชีวิตของตนเขาสูทางธรรมะ เปนเครือ่ งกา วลวงชีวติ ของตนออกจากกองทุกขได ดังน้นั ในวันทีพ่ ระองคไ ดทรงปรินิพพานไปแลว ไดมีการถวายพระเพลิงพระบรมศพท่ีเมือง กสุ ินารานคร โดยพระมหากัสสปะเถระเจา เมื่อทานไปนมัสการท่ีเบื้องพระยุคลบาทขององคสมเด็จ พระสัมมาสมั พทุ ธเจา ซงึ่ พระบรมศพขององคพ ระสมั มาสมั พทุ ธเจาไดหอ ดวยผาเน้อื ดีและมีสําลีเปนไสใน ถึงหา รอยชน้ั นน้ั เกิดเหตุอัศจรรยรอยพระพทุ ธบาทไดย่ืนออกมานอกเหนือผาที่หอเอาไวหารอยช้ันน้ัน ทาํ ใหพระมหากัสสปะเถระไดก ราบบงั คมทีเ่ บ้อื งพระยุคลบาท เอาหนา ผากแตะไปท่ีกลางฝาพระบาทของ องคพ ระสัมมาสมั พุทธเจา เมือ่ ทานเงยหนา ออกมา กเ็ กดิ อัศจรรย เตโชธาตุหรือธาตุไฟไดลุกโชติชวงเผา ไหมพ ระบรมศพ และมีพระบรมสารรี กิ ธาตหุ ลงเหลอื อยู พรอมท้งั ผาสิงคิวรรณ ท่ีมีผูถวายพระองคทาน แตผาชนิดน้ีไมถูกไฟไหม พรอมทั้งพระบรมสารีริกธาตุที่ไมถูกไฟไหมอีกสวนหน่ึงก็มี หนาผาก ไหปลาราทั้งสอง เข้ยี วท้งั ส่ี อันน้พี ระบรมสารีริกธาตุทั้งเจ็ดที่ไมถูกไฟไหมนี้ ก็ไดประดิษฐานอยูในที่ ตา งๆ ในโลกมนุษยน หี้ ลายแหงดวยกัน แลวก็ยังมีพระบรมสารีริกธาตุอีกประมาณแปดถึงเกาทะนาน ทแ่ี ตกกระจายเปน เมด็ เล็กเมด็ นอย พูดภาษาชาวบานคือ เม็ด ภาษาพระคือ เปนองคเล็กองคนอย มสี ัณฐานหลายๆ อยาง เชน มีสัณฐานเหมือนถั่ว มีสัณฐานเหมือนเมล็ดพันธุผักกาด มีวรรณะที่ แตกตาง วรรณะคือสี บางครั้งกม็ สี เี หลอื งอาํ พัน บางองคกม็ สี ีชมพูออนๆ บางองคกม็ สี ีแสด บางอ งค กม็ ีสีขาวขุน เหมือนงาชา ง บางองคก็มีสีขาวใสดุจแกวมณี พระบรมสารีริกธาตุตางๆ เหลานี้ ไดถูก โทณพราหมณแ บงดว ยทะนานทองคาํ ไปยงั เมอื งตา งๆ หลงั จากทพ่ี ระพทุ ธศาสนาเจรญิ รงุ เรืองมาไดในระยะหน่งึ พระเจา อชาตศัตรูไดรวบรวมพระบรม สารีริกธาตใุ นท่ีนั้นๆ มารวมไวในเมืองแหงหนึ่ง และทําพิธี “ธาตุนิธาน” หมายถึงวา ฝงพระบรม สารีรกิ ธาตไุ วใ นอโุ มงคใตด ิน เพราะวาพระพุทธเจาไดม ีพระพุทธพยากรณไวแลววา ตอไปภายภาคหนา หลังจ ากท่ีพระพุทธ เจาปรินิพพานไดประมาณสามรอ ยป จ ะมีพระอ รหันตรูปหน่ึง พรอมท้ัง พระมหากษัตริยอกี หน่ึงพระองคอ ันมชี อื่ วา พระเจา อโศกมหาราช จะไดนําใหพระบรมสารีริกธาตุ และ พระธรรมคําสอนของพระพทุ ธเจา แพรออกไปนอกชมพูทวีป หลังจากนั้นเวลากาลลว งมาเปนเวลาประมาณ ๕๑
สามรอยป ไดม ีกษัตรยิ เ มืองปาตลบี ตุ ร อนั มีนามวา อโศก เปน กษตั รยิ ท่มี ีจิตใจโหดราย รุกรานบานเมือง อ่ืนเอามาเปนอาณานคิ มของตน วันหน่งึ ทา นไดส ่ังฆา ผคู นจาํ นวนมากใหลมตาย และทานก็กําลังข่ีมาเพื่อ ตรวจดกู ารประหารชีวติ หมูในคร้ังน้นั ก็ปรากฏวา ทานไดพ บสามเณรรูปหน่ึงกําลังเดินสํารวมมา โดยผาน ซากศพเหลานนั้ ไป และสามเณรรปู นัน้ ก็ปราศจากความสะดุงหวาดกลัว เดินกมหนา ทอดสายตาลงต่ํา ดวยจติ ใจทส่ี งบมงุ มน่ั พระเจา อโศกมหาราชกล็ งจากมา แลว เขา ไปกราบ ถามวาพอสามเณรมาจากไหน และจะไปไหน และทานเปนลกู ศิษยของใคร สามเณรก็เลาใหฟง เกิดความศรัทธา ก็เลยขอฟงธรรม สามเณรเหน็ วา อโศกกษัตริยผ ูน ้ี มีบญุ บารมจี ะไดทํานบุ าํ รงุ พระศาสนาใหรุง เรอื งกา วหนา จึงไดแนะนําให ไปพบกบั พระอรหนั ตซึ่งเปน อาจารยข องตนมีชอ่ื วา พระโมคคัลลีบุตรติสสะเถระเจา เม่ือไปพบพระโมคคลั ลบี ตุ รแลว พระโมคคัลลีบุตรก็ไดแสดงธรรมใหฟง ทําใหพระเจาอโศก มหาราชผูนม้ี คี วามศรัทธาเลอื่ มใสในพระพทุ ธศาสนา แลว ก็คิดท่ีจะทํานุบํารุงพระพุทธศาสนาใหรุงเรือง ประสงคจะบชู าพระสมั มาสมั พุทธเจา พระโมคคลั ลีบตุ รติสสะเถระก็แนะนาํ วา พระพุทธองคไดทรงตรัสไว วา เม่อื พระองคนพิ พานไปแลว หากกุลบุตรกลุ ธิดามคี วามประสงคจ ะระลกึ ถึงพระตถาคต กราบไหวบูชา ตถาคต ก็ใหไประลึกโดยการกราบไหวนมสั การสังเวชนยี สถานท้ังสแี่ หง ก็คือ สถานท่ีประสูติ ณ ลุมพินี สถานที่ตรสั รูท ่ีพุทธคยา สถานที่ปรินพิ พานทีก่ ุสินารา และสถานที่แสดงพระธรรมจักรที่ ธัมเมกสถูป พาราณสี และยังไดก ลา วตอ ไปวา ใหส าธุชนนั้นกราบไหวส กั การบูชาพระบรมสารรี ิกธาตขุ องพระองค และ นอ มเอาพระธรรมคําส่ังสอนทพ่ี ระองคไดประพฤติปฏิบัติน้ันมาประพฤติปฏิบัติ เมื่อพระเจาอโศก มหาราชไดฟง ดัง นั้น ก็ไ ดเ สด็จ ไปในสังเ วชนียสถาน ไดก ราบไ หวแลวเกิดป ติโสมนัส เ กรงวา พทุ ธศาสนกิ ชนในวนั ขางหนาจะไมร จู กั กเ็ ลยทําการสรางเสาหินเอาไว และจารึกวาสถานท่ีแหงนี้เปนท่ี ใดบา ง ในปจ จบุ ันน้เี สาหนิ นีเ้ ปนประโยชนอยางมากตอ นักโบราณคดีในยุคตอๆ มา เพราะทําใหไดรูวา สถานที่ท่ีพระเจาอโศกไดปกเสาหินไวนั้น เปนสถ านท่ีท่ีมีความสําคัญทางพระพุทธศาสนา ที่ทําให ทา นเซอร อเลก็ ซานเดอร คนั นิง่ แฮม ทา นเปนขา หลวงขององั กฤษ ทานไดค น จนเจอท้ังส่ีตําบล ทั้งสี่แหง ทง้ั ทีพ่ ุทธคยา ทพี่ าราณสี ทกี่ สุ ินารา และกท็ ลี่ ุมพนิ ี และกย็ งั มีเสาหินที่อื่นๆอีกที่มีความสําคัญท่ีเกี่ยวกับ พระพทุ ธศาสนา กลาวถงึ พระเจาอโศกมหาราชวา เม่อื ทา นไดม พี ระราชจิตศรทั ธาดงั นนั้ แลว ทานก็ยังมีจิตศรัทธาที่ จะสรางพระเจดยี แ ปดหมืน่ สพี่ นั องคไปทั่วชมพูทวีป โดยนําพระบรมสารีริกธาตุท่ีในตํานานกลาวไววา เจา ชายอชาตศัตรูไดท ําพิธฝี งไว ขุดข้ึนมาแลว จะไดบรรจุไวตามเจ ดียตางๆ และในขณะเดียวกันก็ยังมี ความประสงคจะเผยแพรพ ระธรรมคาํ สัง่ สอนของพระพุทธเจา ไปในแควน ตางๆ โดยจัดตั้ง สมณทูตจํานวน ๙ สาย และสงไปเผยแพรใ นทิศตางๆ ก็เนื่องจากวาไดคําแนะนําจากพระอรหันตว า เมือ่ ครง้ั ที่พระพุทธเจา ยังมีพระชนมชีพอยนู น้ั พระพทุ ธเจา ไดทรงทาํ นายไวแ ลว วา ในอนาคตกาล พระพุทธศาสนาจะไมดํารงม่ัน อยใู นชมพทู วปี แตจ ะมีศาสนาอนื่ มารกุ ราน ดงั นน้ั พระเจา อโศกมหาราชกเ็ กรงวา พระพทุ ธศาสนาจะส้ินสูญ ไป จงึ จดั สงสมณทูต ๙ สายไปประกาศพระศาสนายังที่ตางๆ และ ๑ ใน ๙ สายน้ัน ก็คือ สุวรรณภูมิ อันไดแ ก ประเทศไทย พมา ลาว ซึ่งเรากไ็ ดรับพระพทุ ธศาสนามา แลวก็ยังรวมไปถึงประเทศจีน เกาหลี และสง ตอผานไปถึงอินโดนีเซียในยุคหนึ่ง แลวก็มีศรีลังกา แลวก็มีหลายๆเมือง ซ่ึงบางประเทศก็ เปล่ยี นเปนศาสนาอื่นไปแลว อยางเมืองทางฝงหน่ึงของอินเดีย ซึ่งปจจุบันน้ีคื อประเทศปากีสถาน ๕๒
อัฟกานิสถานนเ่ี ดิมก็เปนเมอื งพุทธมากอ น มองโกเลียเม่อื กอ นก็เคยมีพุทธศาสนาเขา ไปถึง แตปจจุบันนี้ก็ ไมม ี น่กี ค็ ือความสาํ คัญอนั หนึ่งทพี่ ระเจา อโศกมหาราชทา นไดก ระทํา ทนี กี้ ลาวถึงพระบรมสารีริกธาตุกนั บา ง ยอนกลับไปวาพระเจาอโศกมหาราชเม่ือดํา ริท่ีจะสราง พระเจดียแ ปดหมืน่ สี่พันพระธรรมขันธแลว ทา นกไ็ ดแสวงหาสถานที่ ที่พระเจาอชาตศัตรูไดฝงพระบรม สารรี กิ ธาตุไว จนกระท่ังวา ไดพบเบาะแสโดยพระเถระอายุ ๑๒๓ หรือ ๑๓๐ ปร ูปหน่งึ อาตมาจําไมไดแลว ทานเปน ผบู อกเบาะแสให เพราะวาครงั้ หน่ึงทา นเคยเปนสามเณร และกเ็ ห็นอาจารยของทานพาไปสักการะ กเ็ ลยถามวา ท่เี จดียห นิ อันน้ี ทอ่ี าจารยพามาสักการะนมี้ อี ะไรสําคัญ อาจารยก็เลาใหฟงวา อาจารยของ อาจารยอ ีกรปู หนงึ่ ซง่ึ เกิดทนั ในยุคของพระพุทธเจา ไดเ ลาใหฟงวา มีพระบรมสารรี กิ ธาตุของพระพุทธเจา ฝงอยูในสมยั ของพระเจาอชาตศตั รู พระเถระรูปนีก้ เ็ ลยมาเลา ใหพ ระเจาอโศกฟง พระเจาอโศกมหาราช พรอ มดวยพระอรหนั ต และประชาชานก็ไดไ ปในสถานท่แี หงนนั้ เพ่อื แผว ถาง ก็ไดพบเจดียศิลาซ่ึงพระเจา อชาตศัตรูไดท ําพธิ ฝี งพระบรมสารีริกธาตไุ วใ ตข า งลา ง เลาโดยยอวา ก็ทําการขุด ขุด แลวก็เจอพระบรม สารรี ิกธาตจุ าํ นวนมาก แตม ีเกร็ดท่ีมบี นั ทึกไวใ นคมั ภีรวา เม่ือขุดลงไปน้ัน เปน หอ งส่เี หลย่ี ม กรุดวยทองคํา มีประทปี และดอกไมวางอยู แตส ง่ิ ทีอ่ ศั จรรยก ็คือ สามรอยปท ่ีผานมา นา้ํ มนั ในตะเกยี งน้ันไมเคยเหือด แหงไป แสงไฟทจี่ ดุ อยกู ไ็ มไ ดดับ ดอกไมมดี อกบัวเปน ตนทบ่ี ูชาอยู ก็ไมเห่ียวแหง เปนสิ่งที่อัศจรรย เม่อื พระเจาอโศกมหาราชเห็นดังนน้ั กเ็ กดิ ปต ิ มีความเช่ือมัน่ ในพทุ ธานุภาพยิ่งนัก เมื่ออัญเชิญพระบรม สารีรกิ ธาตมุ าแลว กไ็ ดบรรจุไปในเจดยี แ ปดหมนื่ สี่พนั องคทว่ั ชมพูทวปี และก็ไดสงใหพระอรหันต ท้ังเกา สายนนั้ นํามาประดิษฐานพระพทุ ธศาสนายงั ดินแดนตางๆ และในเมืองไทยก็นํามาท่ีน่ีโดย พระโสณะ พระอุตตระ และพระเถระนัน่ เอง ก็ไดน ํามา กลา วถึงพระบรมสารีรกิ ธาตุขององคส มเด็จพระสมั มาสัมพุทธเจานี้ ถาเราจะวากันแลวในคัมภีร หรือในหนังสือตางๆ ท่ีครูบาอาจารยพ ระสงฆท ้ังปวงทา นไดเ ขียนไว เรียบเรียงไวนั้น หลายๆ เลมถาจะ ประมาณการดูไดแลว ที่อาตมาไดเ คยศึกษาและอานมา ท้ังที่เปนรุนโบราณและก็รุนสมัยใหม ท้ังที่เปน พระสงฆเขียนเอง และเปนคฤหสั นญาติโยมทมี่ ีความรคู วามสามารถเขยี น กป็ ระมาณการไดโดยยอ วา ๑. พระบรมสารรี กิ ธาตุท่เี กิดขน้ึ เองจากพระพุทธสรีระของพระพุทธเจา ๒. พระบรมสารีรกิ ธาตุที่เกดิ ขน้ึ จากพุทธานภุ าพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ เทวานุภาพ ท่ีเกิด เหตอุ ศั จรรย เชน พระธาตเุ สด็จมาเอง พระธาตขุ ยายตัวได พระธาตเุ พิ่มจํานวนมากขึ้นได จากหน่ึง องค เปน สามองค เปน สบิ องค เปนมากกวาสิบ เปนรอยๆ พนั ๆ องค ๓. พระบรมสารรี ิกธาตหุ รือพระธาตุทเ่ี กิดขึน้ จากการอธษิ ฐานจติ ของพระอริยสงฆ เพ่ือใหคน ไดส ักการบูชา ใหม นษุ ยแ ละเทวดาไดสกั การบูชา กลาวถึงพระบรมสารีริกธาตุประเภทท่ีหนึ่งน้ี คือพระบรมสารีริกธาตุที่ไดจากพระพุทธ สรีระ โดยตรงน้ัน กม็ ีอยูห ลายแหง ทง้ั ในชมพทู วีป ทัง้ ในประเทศตางๆ ซ่งึ สวนมากมักจะมีอักษรจารึกไวอยาง ชดั เจน วา มกี ารจารกึ ไวในยคุ ใดในสมยั ใด แตเมอ่ื บุคคลหนึ่งบุคคลใดไดเขาไปกราบพระบรมสารีริกธาตุ แลว ไดไ ปทาํ จติ ใหสงบตอ หนา พระบรมสารีรกิ ธาตุแลว สวนมากมกั จะกลาวเปน เสยี งเดยี วกันวา เกิดความ อิม่ ใจ เกิดความปต ิ บางคนบอกนํ้าตาไหล บางคนบอกขนลุก บางคนบอกมีอาการเหมือนตัวเบา บางคน บอกมีความสุขลกึ ๆ ซ่งึ ไมส ามารถอธบิ ายดว ยคําพดู ได หรอื ไมส ามารถจะเขยี นดวยภาษาเขยี นใดๆ ไดเลย หลายคนมกี ําลงั ใจท่จี ะประพฤตปิ ฏิบตั ธิ รรม หลายคนมเี หตจุ งู ใจใหไ ดเ ขา มาศึกษาธรรมะเพ่ิมมากข้ึน ๕๓
จากเพยี งแตเ ปน ชาวพทุ ธไหวก ราบเทานัน้ กก็ ลายเปนชาวพุทธที่ประพฤติปฏิบัติธรรมดวย ก็สมดัง มโนปณิธานของพระพุทธเจา แลว ทไ่ี ดท รงตรัสไววา ทานประสงคจ ะใหพระบรมสารีริกธาตุของพระองค นัน้ แพรกระจายไปทั่วโลกเพ่อื ประโยชนของการสักการบูชา เพ่ือเปนตัวแทนของพระองค เพ่ือยังความ เปนประจัก ษพยานใหเ ห็นวา บุคค ลใดก็แลวแต แมเปนม นุษยธรรมด า เชนพระพุทธเจาแล ะ พระอรหนั ตสาวก กเ็ ปนมนษุ ยทีเ่ กิดจากครรภมารดา ไมไ ดตา งอะไรจากพวกเรา แตส ามารถประพฤติ ปฏิบตั ิจนกระดกู สามารถเปลี่ยนเปนพระธาตุได เม่ือคนเขา ไปศึกษาประพฤติปฏิบัตติ าม กจ็ ะสามารถ เปนอยา งนน้ั ได สว นพระบรมสารรี กิ ธาตปุ ระเภทที่สองนน้ั ก็เปน พระบรมสารีรกิ ธาตุที่เสด็จมาเอง หรือมีอยูแลว เพิม่ มากขึน้ ซงึ่ อาตมามีประสบการณจากการอา นคมั ภรี ตา งๆ มามาก และก็มปี ระสบการณท่ีไดประสบกับ ตวั เองมา ท่จี ะเลาใหกับทานสาธุชนไดฟง แตก็ขอใหทานทั้งหลายไดใชวิจารณญาณในการฟงและใน การศกึ ษา เพราะสิง่ เหลา นหี้ ากวา ถาทานยังมสี ติปญ ญาดอย มีภมู จิ ิตท่ตี าํ่ ทานก็จะไมเช่ือ เม่ือทานไมเชื่อ ทา นก็จะปรามาส เมอื่ ทา นปรามาสอกุศลจติ ก็จะครอบงําทาน กจ็ ะเปนเหตุเปนปจจัยใหการประพฤติ ปฏิบตั ธิ รรมเนิ่นชาไป เปรียบเหมอื นกบั ทพั พีทไ่ี มรูรสแกง ทพั พอี ยูในหมอ แกง ตักแกง แตก็ไมรูรสแกง ฉันใด คนท่ีมีภูมิจิตดอย มีสติปญญาออ นกําลัง ก็อาจจะไ มสามารถ เขาถึงพระธรรมคําสอนขอ ง พระพุทธเจา ได ดังนนั้ อาตมาจะเลาใหกบั ญาติโยมทั้งหลายฟง แตเ มอื่ ทานฟงแลว ทานตองทําใจเปนกลาง อยาใหเกดิ อกุศลจิตครอบงํา แตในขณะเดียวกัน ผูท่ีมีความเช่ือม่ันเล่ือมใสในคุณพระรัตนตรัย มี สตปิ ญ ญาสงู อยูแลว กอ็ าจจะเชอ่ื มัน่ และสามารถพบเจอสงิ่ เหลา นัน้ ได เพราะเม่ือครั้งแรกที่อาตมาเคย อา นหนังสอื ทเี่ ก่ียวกับพระบรมสารีรกิ ธาตุน้ัน อาตมาก็มีความรูสึกในใจ ในเรื่องของความเปนไป ไมได คิดวา คนโบราณนั้นคงจะเขยี นเอาเอง แตไ มอ าจเปนไปได แตก ็ไมเคยพดู ใหใ ครฟง เพราะเกรงวา จะเปน บาป ถึงไมเ ชอ่ื แตก ็ไมเคยคดั คา นดวยวาจา และก็ไมเคยไปเหนยี่ วร้ังใครไวที่จะไมใหเช่ืออยางน้ัน ใครเขาพดู ในทาํ นองเชือ่ ถือ เราก็ฟง ไวเ ปนขอมูล ใครเขาพดู ในทํานองไมเชื่อถือ เราก็ไมผสมโรงกับเขา เพยี งแตเ ก็บไวเปนขอ มลู เทาน้ันเอง เพราะรอู ยวู าถา หากวา เรายังไมไดสัมผัสดวยตัวเอง ก็อยาพึ่งไป ตดั สนิ ใจวาใชหรือไมใช แตในขณะที่เรายงั ไมไ ดตดั สนิ ใจ เรากไ็ มค วรทาํ จิตของเราใหเอียงเอนไปใน ดา นใดดานหน่ึง โดยเฉพาะฝงที่จะทาํ ใหเ กิดอกุศลจติ เพราะจะทําใหเราเนิน่ ชาในการประพฤติปฏิบัติ ธรรม ดังนน้ั ขอมูลท่อี าตมาไดอ า นมานนั้ บางขอ มูลทําใหเกดิ วิจิกิจฉา (ความลังเลสงสัย) อยา งเชนบอกวา เคยมคี นหรอื มีพระเห็นพระธาตเุ สดจ็ เปน ดวง เปน แสง พงุ มาจากทีห่ นึ่งไปทห่ี นง่ึ แมใ นประวัติศาสตรชาติ ไทยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชก็ยังเคยทอดพระเนตรเหน็ พระบรมสารีรกิ ธาตุเสด็จในวันท่ีกอนที่ทานจะ ยกทพั ไปท่หี นองสาหรา ย อันน้ีถา ทานอานในพงศาวดารเขาจะเขียนชัดเจนมาก พงศาวดารเขาเขียนไว อยา งนัน้ แมใ นสมยั รชั กาลท่ี ๖ ทา นเสด็จไปประทับอยูท่ีนครปฐม ทานมองมาท่ีพระปฐมเจดียก็เห็นพระ บรมสารีรกิ ธาตเุ สด็จ นี่เจาฟา พระมหากษัตรยิ แมพระสงฆพระสุปฏิปนโนทั้งหลายก็เขียนไว แตสําหรับ พระสงฆพ ระสุปฏปิ นโนน้นั เราไมไ ปกาวลวงเพราะเนือ่ งจากวาทา นเปนพระสปุ ฏิปนโน แตในใจลึกๆ ก็ยังมี ความรสู ึกตะขดิ ตะขวงใจอยวู า จะเปนไปไดอยางไร จวบจนกระทัง่ วา เม่อื บวชเณรมาสกั พรรษาสอง พรรษาสาม ก็ไดเห็นหลวงพอจรัญ ทานไดพูด กับญาตโิ ยมวา ทานมีพระธาตเุ ปนบาตรๆ บาตรใสขา วสาํ หรับพระนะ ญาติโยมกไ็ ปขอตัก แลวก็ไมมีวัน หมด เราก็อยากจะได กข็ อใหโ ยมไปขอให โยมก็ไดไ ปขอหลวงพอ จรญั มาให แตม ีครั้งหน่ึงหลวงพอจรัญ ๕๔
ทานพดู เองในที่ประชุมพระเณรและญาตโิ ยมวา ทา นมพี ระธาตุเปน บาตร ตอนแรกมอี ยูไ มก่ีองค เพ่ิมมา เปนบาตรๆ ตอนนเ้ี ตม็ บาตรแลว ตองหาอีกบาตรหนึง่ มารองเอาไว พวกเราก็แปลกใจวาจะจริงหรือไม แตทานเปนอุปช ฌายก ็คงไมโ กหกลูกศษิ ย ตอ มามีพระในวัดอมั พวนั ชอื่ พระครปู ลดั สิทธิวรวัฒน สมัยกอน ยงั ไมมสี มณะศักด์ิ ก็เรยี กกันวา หลวงพคี่ ธาวุฒิ ไดข า ววาทา นไดไปขอพระบรมสารีริกธาตุหรือพระธาตุ จากหลวงปบู ดุ ดา ถาวโร ซึง่ หลวงปบู ดุ ดา ถาวโรน้นั ทา นไดเ อามือมารองท่ีปากของทาน แลวก็มีพระบรม สารรี ิกธาตหุ รือพระธาตุออกมาจากปากทาน แลวทา นก็ยื่นใหก ับพระที่ไปขอ อาตมาก็เลยอยากจะได ก็เลย ไปขอทานมา ทา นกใ็ ห แตวนั ท่ที า นให ทานบอกวา “ใหไ ปอยา งนี้ ไมน าภาคภูมิใจ เณรตองไปประพฤติ ปฏบิ ตั ธิ รรม จนกวา พระธาตจุ ะเสด็จมาเอง ถา เสด็จมาเองเมื่อไร แสดงวาเราไมขี้เกียจปฏิบัติ เรา ไดผ ลแลว อยา เชอื่ อาจารยน ะ ใหไ ปพิสูจนเอาเอง” น่ีคําพดู ของทานพระครปู ลัดฯ เม่อื ไดรบั มา อาตมาก็นาํ มาตงั้ บชู า กน็ ึกถึงทานพระครูปลดั ฯ เสมอ กเ็ ลยไปซื้อผอบเปลามาวางไว แลวกท็ ําการสวดมนต สวดธรรมจักร สวดเมตตาใหญ สวดพาหุง สวดชินบัญชร ยอดพระกัณฑไตรปฎก น่ังสมาธิ เดินจงกรม อธษิ ฐานจติ ขอใหพระธาตุเสดจ็ มา พอสวดเสรจ็ ก็เปดดู ก็ปรากฏวาอัศจรรยมาก มี แตความวา งเปลา ไมมีพระธาตเุ สด็จมาเลย แตใจลกึ ๆ กว็ า เราคงยังไมถ ึง วนั รุงขึ้นและวันตอๆ มา ก็ทํา อีก เปด อีก ก็ไมเห็นมีมาสกั ครัง้ หน่ึง ทําอยูอยางนี้ เปด ทกุ วนั ทกุ วัน จนกระทัง่ วันหนง่ึ เกดิ ความขี้เกียจ ก็ เลยไมเปดแลว แตขอดีอยางหน่งึ กค็ อื วา ถงึ มีความคิดวา ทาํ ไมพระธาตไุ มเสด็จ แตก็ไมเกิดความขี้ เกยี จทจ่ี ะสวดมนตป ฏบิ ัติธรรม แตวา กลับคิดในใจวา เราคงอยากไดม ากเกินไปมั้ง ที่จะข้ีเกียจแลวก็ ทอ ปฏบิ ตั ินี่ไมเอา แตเพอ่ื นทที่ ําดว ยกนั เขาเลกิ สวดมนตไปแลว เขาบอกวา “อาจารยโกหก สวดไมเห็นได เลย ไดเหมือนกันนะ ! ไดเ สียงแหง!” เขาวา ง้ัน เขากเ็ ลกิ สวด แตอาตมากลบั มาคิดในใจวา สวดมนตเ ปน เรือ่ งดี พระธาตุเสดจ็ หรือไมเ สดจ็ เปน เรื่องของพระธาตุ อาตมากส็ วดไปเรือ่ ย จากนั้นเปนเดือน ไมเคย เปด ดผู อบเจดียอ กี เลย จนกระท่ังทาํ ความสะอาดหองแบบยกเคร่อื งกนั เชด็ ทกุ อยา ง ถูทุกอยางกนั กเ็ ลยรือ้ โตะพระมาทํา ความสะอาด ขณะที่ทําความสะอาดเจดยี พ ระธาตอุ ยู กค็ ิดในใจวา เอ! เราไมไดเปดดูตั้งนานแลว ก็เลย เปด ดู พอเปดดู กป็ รากฏวา มีพระบรมสารรี ิกธาตุอยใู นผอบเจดยี ประมาณ ๕ องค ก็เลยถามเณรเพ่ือน วา “เณรเอามาวางไวห รือเปลา ” เณรเพอ่ื นก็บอกวา “ผมไมเคยแตะของทานเลยนะ” ถามใครก็ไมมีใครรู ก็เปนอนั วา พระธาตุเสด็จมา จรงิ ดงั ทท่ี านอาจารยท านไดแนะนาํ ไว กเ็ ลยถงึ ความเขา ใจวา ออ! คนเราถามี ความพอดี ไมโ ลภะ ไมอยากได ถงึ เวลาทานก็มาของทา นเอง ทีนจี้ ากนัน้ มาก็มาเรอื่ ยๆ เรอื่ ยๆ มา บาง ทกี ็มพี ระเอามาใหบ าง บางทีก็เสด็จมาเพมิ่ บาง แตน ่ีคือครง้ั แรกเลย คร้งั ท่สี อง กอ็ านหนังสือเรือ่ งพระเขี้ยวแกว เกดิ ปตศิ รัทธาอยากไปไหวพระเข้ียวแกวท่ีประเทศ ศรีลังกา สมยั น้ันเปน พระลกู วัด บวชไดไ มก่พี รรษา วาสนาที่จะไปถึงศรีลงั กาคงเปนเรื่องยาก ก็เลยไดแต เอาหนังสือโลกทิพยทีเ่ ขาเขียนเรือ่ งพระเขีย้ วแกว เอารูปมาบชู าท่ีหอ ง วนั นั้นรสู ึกจติ ใจดีมาก หลังจากเอา รูปวางไวท ี่หองแลวก็เกดิ สมาธิ มันไมอยากทําอะไร ไมอยากไปสรงนํ้า ไมอยากไปกวาดลานวัด แต จิตอยากปฏิบัติ ตอนน้ันกท็ ํางานดูเณรมาเหนือ่ ยๆ ก็ไมงวง ไมเพลีย ไมลา ปกติจะตองงีบสักนิดหนึ่ง เยน็ ๆ คอยไปดเู ณรใหม ชว งบายนะ กลับมาประมาณสักเกอื บๆ ส่ีโมงเยน็ กเ็ ลยครองจีวรแลวนั่งทําสมาธิ พอเรม่ิ หลับตา จติ กร็ วมเปน หนึ่งเดียวไดเรว็ มาก อัศจรรยจากการทอี่ านหนังสือพระสารีริกธ าตุในครั้งนั้น นะ แตอ านมาหลายเรอ่ื งหลายอาจารยก ไ็ มเหมอื นกับอานเร่อื งพระบรมสารีรกิ ธาตุในวันนั้น แปลก จิตมัน ๕๕
เหมอื นรวมกันเปน หนึ่งเรว็ มาก รวมกนั ก็น่ิงไป กน็ ่ังไปเรื่อยๆ เรอื่ ยๆ ไมร วู านานเทาไร รูสึกตัวอีกทีหนึ่ง มันมีแสงสวางอยทู ่ีมอื วาบ..บ...บ... ความรสู กึ นะ ตอนนัน้ ยงั หลับตาอยู ก็กาํ หนดตกใจหนอ เห็นหนอ รูหนอ รูห นอ รูหนอ ตามที่ห ลวงพอทานสอนไว วาไมใหยึดสิ่งใดๆ ท้ังนั้น ใหกําหนดรูปจจุบัน มคี วามรสู ึกเหมอื นมีอะไรสักอยา งหนึ่งเย็นๆ อยูท่ฝี า มือ แตเ ปน ความเย็นที่ทําใหใจเราสุข พอหมด เวลา ท่รี ูวาหมดเวลาก็เพราะวาพระพี่เล้ยี งอีกองคห นง่ึ มาเคาะประตูบอกวา “ทานจริ ยทุ ธ วนั น้ีจะไปนําเณร สวดมนตไหม เพลียหรือเปลา ถาไมไหว เดย๋ี วผมไปสวดให” ก็เลยรูวา ออ...น่มี ันจะหกโมงเย็นแลว ก็เลย บอกกับทานไปวา “ไป ไป ทานไปกอ นแลว กนั เด๋ียวตามไป ขอสรงนาํ้ กอ น” ก็เลยยกมือขึ้นพนม เตรียม แผเ มตตาอทุ ศิ สว นกศุ ล ก็ปรากฏวามองไปท่ฝี ามือ อาว! มีพระบรมสารรี ิกธาตุอยอู งคห นึง่ มีลักษณะสี เหมือนกับงาชาง อยใู นฝามอื องคหนึง่ กพ็ ยายามมองวา เอ! เราก็น่ังอยูคนเดียวในหอง ไมมีใครเขา มานะ ทําไมพระธาตุทานเสด็จมาอยูในฝามือเราได นคี่ ือคร้ังทีส่ องท่ีเจอดวยตัวเอง นี่ก็เลาสูญาติโยมฟง เปนประสบการณสว นตัว สวนพระบรมสารีริกธาตุเสดจ็ เปน แสงกเ็ คยอา นเจอ แตก ไ็ มเ คยคดิ วา จะมีจริง ท่ีวาในพงศาวดาร สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชเหน็ พระธาตุเสด็จก็มี หรือผูรูหลายๆ ทานเห็นก็เยอะ แตเม่ือมาอยูที่วัด ตาลเอน ไดพ บความอศั จรรยน้ีดว ยสายตาของตนเอง ก็คือครัง้ หนึง่ จาํ ไดเลยวา ครั้งแรกท่ีเห็นก็คือวันท่ี ๑๘ เดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๐ หลังจากท่สี วดมนต เดินจงกรม นั่งสมาธิเสร็จแลว ประมาณเกือบ หาทมุ ก็เตรยี มจะจาํ วดั เผอญิ กฏุ ทิ ี่อาตมาอยูนี้ ถานอนหรือน่ังอยูก็แลวแต หันหนาเขาหาหนาตางจะ มองเหน็ อุโบสถและเจดีย สมัยนัน้ ตนไมยงั ไมปกคลุมมากอยา งทุกวนั น้ี อาตมาก็เห็นแสงสวางโชติชวง จากเจดียหลงั โบสถ แตสมยั กอนนั้นยังไมปฏิสังขรณนะ เปนแสงเรืองรอง ผองอําไพ สวยงามมาก แรกๆ ก็นึกขึน้ ไดวา พระทา นเปด สปอตไลทหรือเปลา เพราะกอนหนาน้ีมีพระทานไปทําสปอตไลทสอง โบสถสองเจดียก นั ทานบอกวาเวลามีงานจะไดสอง จะไดส วยๆ ทานวา อยางนน้ั ก็นกึ วาทา นไปลอง ไปลอง สอ งสปอตไลทเ ลนกนั ก็ไมคิดอะไรมาก แตม องแลว มนั ก็ไมนา จะใชแ สงจากสปอตไลท อาตมาก็พยายาม ลองยืนในหลายๆ จุด หลายๆ มมุ ที่มันเห็นชัดๆ ก็ไมใชแสงสปอตไลทแนนอน และแสงนั้นก็คอยๆ หายไป แตส วา งอยเู ปนนาน เปนหลายๆ นาทีเลยละ พอรุง ขน้ึ กเ็ รียกพระที่ทําสปอตไลทมาหา แตทุกวันนี้ ทานสึกไปแลวนะ ชื่อพระพล ปญญาธโร ก็ถามทา นวา “ทานพล ทานไปเปดสปอตไลทเม่ือคืนหรือเปลา ประมาณสกั หาทมุ ทีโ่ บสถ” ทานก็บอกวา “เปลา ผมหลบั ไปแลว ทําไมเหรอครับพระอาจารย” ก็เลยเลา ใหพระทา นฟง วา เปน อยางนีๆ้ นั่นคร้ังหน่งึ ก็นกึ ถงึ คําพดู ของคนตาลเอน ญาติโยมคนตาลเอนเขาบอกวา “ทีว่ ัดตาลเอนเจา เณรสรา ง มที องสองอาง อยูหวางคนโทษ.... ที่เจดียหลังโบสถนี่ วันดีคืนดีจะมีแสง เรืองรอง ผองอาํ ไพ เปน แสงจากพระธาตเุ สดจ็ เด๋ียวสักวันอาจารยอยูไปเรื่อยๆ อาจารยก็จะไดเห็น ” อาตมาก็ไมคดิ วา จะไดเ หน็ ก็ไดเหน็ นั่นครง้ั หนง่ึ และอกี ครงั้ หนง่ึ ก็ในพรรษาเดยี วกนั ในเดอื นเขา พรรษา ในชว งป ๒๕๕๐ นแ่ี หละ กอ็ อกจากโบสถ จะไปเขา หอ งนํ้าหลังโบสถ กเ็ ดนิ สอ งไฟฉายไป ดแู มลง ดูงู ดสู ตั วเล้ือยคลาน ทีนี้พอเดินสองกมหนาไป เรือ่ ยๆ อยูดีๆ มนั ก็มีแสงสวางจา อยขู า งหนา เปน ดวง คอื พอเห็นแสงสวางจาปุบ แสงมันมากกวาไฟ ฉาย สญั ชาตญาณคนเรากน็ กึ วา เอะ ! ใครมาสอ งไฟเขาหาหนา เรา กเ็ ลยเงยหนาไปมอง พอเงยหนาไปมอง หางจากเราไมเกนิ วาหนงึ่ มีแสงไฟเทา ลกู ฟุตบอล แตไ มร อน สวา งออกมาจากเสมาขางโบสถ ถาโยมหัน หนาเขาหาโบสถนะ หนั หนาเขาหาโบสถ ขวามอื จะมใี บเสมาใบหน่ึง และก็ใบที่สองนะ จากใบที่สองนะ ๕๖
ออกมาแลว ก็สวา ง อาตมากต็ กใจ กต็ กใจหนอ ตกใจหนอ ตกใจหนอ เอ! นี่เราไมไดห ลับใชไ หม สติกบ็ อก ไมไ ดห ลบั แสงนนั้ กค็ อ ยๆ ลอยเคล่ือนตัวนําหนา เราออกไป แลว กห็ ายเขาไปในเจดีย อาตมาก็ไปยืน ไหว แลวก็เขาหอ งนํ้า กลบั มาก็ยงั มาเลาใหพ ระทา นฟงวา เห็นพระธาตุเสดจ็ แลวกย็ ังมีพระบางรูปที่อยูวัด นที้ านกเ็ หน็ ที่มาบวช ทัง้ พระใหมพ ระเกา แลวก็มีญาติโยม แลวก็มัคทายกเห็นก็มีนะบอกวา เดินไปจะ ขามไปฝงโนน เห็นมแี สง ดวงกลมๆ ว่งิ ลอยอยใู นอากาศ และกห็ ายเขาไปในเจดีย นี่ก็เคยมี อันนี้ก็เปน ลกั ษณะของแสงพระธาตุเสดจ็ อยางเมอื่ พรรษาท่ีแลว (คอื พ.ศ.๒๕๕๒) ก็มีพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมาท่ีในพระอุโบสถวัด ตาลเอนตงั้ พันกวา องค แตอ าตมาจําไมไดแ ลว วาพนั เทา ไร แตมนั เปนเรื่องทแี่ ปลก กค็ ือวา เศษนะก็คือหา สิบสอง ซ่ึงกไ็ มไดมีการนัดหมายมากอนเลย ปท ี่แลวกป็ พทุ ธศักราชสองพันหารอยหาสิบสองพอดี และมี เศษอยูหา สิบสององคพอดี คอื หมายความวา นับแลวนะ พนั เทาไรไมรู แตวาเลขสุดทายก็คือหาสิบสอง อยา งนีเ้ ปน ตน ก็เปน เร่ืองที่นาคดิ เหมอื นกนั ในเรอ่ื งของพระบรมสารรี กิ ธาตนุ ี้ เปนความอัศจรรยท่ีเปน พทุ ธานุภาพ เพราะฉะนน้ั คนที่สกั การบูชาน้ัน ก็จะเกิดโนมนาวจิตใจให ยึดมั่นในคุณพระรัตนตรัย น่ันเอง อยางเชน มีโยมคนหนงึ่ เขามาเลาใหอาตมาฟง สามีภรรยาทํางานอยูบริษัทการบินไทย สามีเปน ระดบั ผบู รหิ าร แตวา เปนชาวคริสต เขามาถามอาตมาวา “พระธาตุเสด็จมีจริงหรือ” อาตมาก็ถามวา “ทําไมโยมถามอยางนี้” เพราะวา เวลาเขามาถงึ น่ีเขาไมม านัง่ พับเพียบอยางพวกเรา เขามานั่งขัดสมาธิ (ใน ท่นี ีอ้ านวา สะหมาด) คยุ กับอาตมาเลย แตภรรยาเขาเปนชาวพทุ ธนะ เขากเ็ ลาเกริ่นประวัตินําใหฟงวา เขา สองคนรกั กันมาก แตก อ นจะแตง งาน คุยกันแลววา ถาแตง งานกนั แลว เราจะไมก าวลวงเรอ่ื งศาสนา นะ ถา เราไมม ีลูกดวยกันก็คือเจา กันไป แตถา มีลูกดวยกนั ฝา ยหญิงกบ็ อกวา ฉนั เปน คนพทุ ธ แลวคุณจะแตงงาน กบั ฉัน คณุ มาขอฉนั ฉันตองขอมากหนอย ถา ฉนั ไดล กู ผูช าย ฉันตอ งใหม าเปน คนพุทธ และบวชเปนพระ ใหฉนั นะ แตถ า ไดลกู ผหู ญงิ คุณเอาไป ไปเปนชาวครสิ ต เขาวานะ เขามาเลาใหอาตมาฟง สามีเขาท่ีตอน นนั้ กอ นแตง งานเปน แฟนกนั เขากบ็ อก ได ได เขารบั ปาก แตป รากฏสองคนนี้แตงงานกันแลวไมมีลูก ก็ เลยไมมีปญ หาอะไร แตเ ขากไ็ มเ คยยงุ เกีย่ วกนั ในเรอ่ื งศาสนานะ สามวี ันอาทติ ยกไ็ ปโบสถคริสต ภรรยาถา วันไหนอยากไปวดั เขาก็ไปของเขา อยากจะไปทาํ บุญ เขากไ็ ป บางทีกช็ วนสามีไป สามีก็ไป บางทีชวนแลว สามีไมไ ป ก็ไมไดว า อะไร กค็ อื ตางคนตางกเ็ ดนิ กนั ไปคนละทาง แตว าอยดู วยกันเปนสามภี รรยากัน ทีน้ีมันมีอยูวันหน่ึง โยมผูชายคนน้ีเขากน็ ง่ั ดูทวี ีในหอ งรบั แขก ภรรยาก็ไปน่ังสวดมนตในหองพระ กป็ รากฏวา ไฟดบั ไฟฟา ดบั ปุบ ทีวีมันกด็ ับไปดว ย มันมดื ตึด๊ ต๋ือเลย ไฟสาํ รองในบา นก็ไมติด เสีย ไฟฉาย กไ็ มม ี โยมเขากข็ ้ีเกยี จขยบั ตวั ไปไหน เขาก็นงั่ หลบั ตาพักผอ น กะวา ถาหลบั ก็หลับมันบนโซฟาน้ี เขาก็คิด ในใจ แลว กเ็ อนหลังไป ก็หลบั ตาไปเรอื่ ย แตธ รรมชาติในกรงุ เทพไฟมันจะไมดับนานใชไหม เขาก็นั่งไป เรือ่ ย สักพกั หนึง่ มันสวา งจาขนึ้ มา เขากน็ กึ วาไฟติดแลว ทีนี้ในความรูส ึกสญั ชาตญาณของคนเปนผูบริหาร ปญ ญากจ็ ะไวหนอ ย ก็ เอะ ! ถาไฟตดิ ทวี ีมันกต็ อ งมีเสยี งสิ เขากล็ มื ตาดวู า เอะ ! ทีวีก็ดับ ไฟทุกดวงก็ยัง ดบั แตทําไมในหอ งนัน้ มันสวา ง เขาก็เหลยี วไปดวู า ออ ! ความสวา งมันมาจากหองพระ ที่ภรรยาสวด มนตอยู คอื ภรรยาสวดมนต จะไมป ดประตหู นา ตา ง เปด ประตู เปดหนาตางไวตลอด ภรรยาจะชอบลม ธรรมชาติ จะไมชอบเปด แอร กจ็ ะเปดหนา ตา ง เปดประตไู ว เมอื่ แสงสวา งจากประตูหองพระที่อยูไมไกล จากหอ งทส่ี ามนี ั่งดทู ีวนี ะ ซ่งึ สามีก็เคยบอกกับภรรยาตลอดเวลาวา ทําไมคุณไมเปดแอร ไมปดประตูละ ๕๗
ผมดูทวี นี ะ มนั ไมรบกวนคณุ เหรอ ภรรยาก็บอกวา ไมรบกวนหรอก ฉันแยกได คอื หมายความวา คุณจะดู ทีวี ก็ดขู องคณุ ไป ฉันจะสวดมนตทาํ สมาธิ ฉันก็ทาํ ของฉนั ได ไมม ีอะไร ประมาณน้ี สามีก็คิดวาภรรยาของ เรานี่ตลกนะ เขาก็เคยเตอื นบอยวา ใหป ดประตู เปดแอรไป ภรรยาก็จะไมยอม ก็จะเปดประตูไวนะ คือ นสิ ยั เปนอยางน้ี ฝกมาจนชนิ แลวนะ คือแยกจติ ไดแ ลว ไมสนใจกับเสียงกับรูปอะไรแลว ทนี ้กี ป็ รากฏวา แสงสวางมนั เรอื งรองมาจากหองภรรยา สามีก็นึกวา ภรรยาเราใชเทียนอะไร ทําไม มนั สวา งจงั สามนี ึกนะ เขากเ็ ดิน เดินไปตามแสงนัน้ เขาไปในหอ ง ไมไกลกันหรอก ติดๆกัน เดินอีกนิด หนึ่งกถ็ งึ แลว ก็ไปตกใจวา ภรรยาเวลาไหวพระสวดมนต ไมเ คยจุดธปู จุดเทียน แตแสงอันเรืองรองอัน น้ัน มาจากเจดียใสๆอนั หนึง่ ท่ีวางไวหนา โตะหมขู องภรรยา แตแ สงน้จี ามากเลย สวางจาก ในหองนั้น มาถงึ หอ งทีเ่ ขาดูทีวีอยู โยมคิดดกู แ็ ลว กันวา มันสวา งขนาดไหน น่มี นั สวางอยางน้ีเลยนะ ทีนี้เขาก็ดูดวย ความตกใจวา เอะ ! นม่ี นั เกดิ อะไรขึน้ นะ ทําไมอะไรที่มันอยูใ นเจดียน้ี ทาํ ไมมันเรืองแสงไดข นาดนี้เลยหรือ ก็รอจนภรรยาสวดมนตเสรจ็ สกั พักหน่งึ ไฟก็มาแลว ละ เขากเ็ ลยคุยกบั ภรรยาวา เขาเห็นอยางน้ีๆ มันเกิด อะไรข้นึ แตในขณะเดียวกนั ภรรยาไมรูตัวเลยนะ ภรรยาน่ังหลับตาสวดมนตอยู ไมลืมตาเลย แตรูวา ไฟดับ แตก ็นั่งสวดมนตไ ปเรอื่ ยๆ เออ...ภรรยาไมรู แตสามีกลับเห็นดวยสายตา ก็เลยถามภรรยา ภรรยาบอกวา เปนแสงพระธาตเุ สด็จ พระธาตุที่อยูใ นนี้ ทบ่ี ชู าอยูน ี้ ทา นแสดงปาฏิหาริย เขาก็เลยนึกขึ้นมา ไดวา เขาเคยไปโบสถคริสต บาทหลวงเคยเลา ใหฟ ง วา เซนตห รือนักบุญของเขา นักบญุ ในศาสนาคริสตเขา เรยี กวาเซนต พวกน้ีเวลาตายไปแลว ในหลุมฝงศพของเขา วนั ดีคนื ดีกจ็ ะมแี สงเรืองรองออกมา แตจะไมมี ในบาทหลวงทว่ั ไป จะมีแตในเฉพาะพวกเซนต พวกนกั บุญใหญๆ เทานนั้ เขาบอก แตทีน้ีปญหามันมีอยูวา แลวเพียงแคเศษกอ นเล็กๆนิดเดียว ที่ภรรยาบูชาอยู แลวก็อางวาเปนกระดูกของพระอรหันตหรือ พระพทุ ธเจา ทาํ ไมจงึ ใหค วามสวา งไดมากมายขนาดนัน้ เขากเ็ ลยสงสัย ภรรยาเขาก็เลยบอกวา เด๋ียว คอยไปถามทา นอาจารยจิรยุทธ ดูดีกวา แลวจะไดความกระจาง เขาก็มาคุยกับอาตมา อาตมาก็คุยใหเขา ฟง วาเรื่องเปน ยังไงๆ อะไรอยา งนีน้ ะ เขากเ็ ขา ใจ นับตงั้ แตบ ดั นน้ั มา โยมผูชายคนนั้นก็เร่ิมหันเห มา ศกึ ษาพุทธศาสนามากขนึ้ อาตมาก็เลยมานั่งนึกวา โอโ ห...จริงอยางทพี่ ระพทุ ธเจา ไดทรงตรัสไววา ทานประสงคจะใหพระ บรมสารรี ิกธาตุน้นั เสด็จแพรหลายไปในท่ัวโลก เพื่อประสงคของการสักการบูชา และก็เปนสักขี พยานของการปฏิบัติธรรม และก็ชักจูงใหผูคนหันมาสนใจการประพฤติปฏิบัติธรรม เพราะวามี ประจกั ษพยานวา ขนาดพระธาตยุ งั เสด็จและใหแสงสวางได หรือกระดูกคนเรายังกลายเปนพระธาตุได และในคัมภีรบางคัมภีรไดกลาวไวถึงขนาดวา พระบรมสารีริกธาตุนั้น มีมากกวาเมล็ดทรายใน มหาสมทุ รอกี คือหมายความวา สามารถแตกตวั ได ขยายตวั เองเพ่มิ ไดจ าํ นวนมหาศาลไมรูจักจบจัก ประมาณอยางนั้น มนั ก็เปน เรอ่ื งท่แี ปลก อยางวนั น้นั โยมชยั วฒั น เราก็สวดมนตก นั ในหอสวดมนต พระทําวัตรเย็น นั่งสมาธิ ทีน้ีวาท่ีวัดน้ี ทุกวนั เวลาสวดมนตท ําวตั รเสร็จ กจ็ ะมีการสวดมนตบชู าพระบรมสารีรกิ ธาตุ ในขณะที่อาตมากําลังนําสวด บชู าพระบรมสารรี กิ ธาตุ ทดิ ชยั วัฒนเขากส็ วดตามไปดวย แตใ นขณะเดยี วกันเขาก็มองมาที่กุฏิอาตมา ซึ่งมี พระสารรี กิ ธาตุตัง้ อยู เขาบอกวา เขาเหน็ แสงสวา ง เปน ดวงกลมใหญ หมนุ ลอยอยูในกุฏิ เขาก็แปลกใจ เอะ! ใครเขาไปในกฏุ พิ ระอาจารย เอาไฟไปสอง ไปคนของอะไรหรือเปลา คืออาตมาเห็นแลวละวา ในขณะทอ่ี าตมากําลังนําอยนู ี่ ทดิ ชัยวัฒนเขารีบลุกปุบปบขึ้นมา เดินออกไป ก็นึกในใจตําหนินะ เอะ ! ๕๘
ชัยวัฒนเ ปน อะไร ทาํ ไมถึงลกุ ออกไปอยา งน้ี ก็ยังสวดไมจบนะ แลวสักพักหน่ึงพระมหาภาณุพงศก็ลุก ออกไปอีก พอออกมาจากการสวดมนตแ ผเมตตาเสร็จแลว พระทา นกเ็ ลยมาเลาใหฟงวา ทานเห็นดวงไฟ สวา งลอยอยเู หนือวัด เปน ดวงจันทร แตทีนี้ทา นก็แปลกใจวา ทําไมดวงจันทรมันมีสองดวง ดวงหนึ่ง เปนดวงจันทรจริงๆ อกี ดวงหนง่ึ เปนดวงจนั ทรปลอมๆ ดวงจันทรที่เกิดจากอะไรก็ไมรู ทานก็เลยลุก ออกไปดู แลวทดิ ชยั วัฒนเขาก็ไปดูทก่ี ฏุ ิอาตมาวา ใครเอาไฟมาสอ งอะไร ก็ปรากฏวาไมพบใคร จึงได พจิ ารณาดโู ดยความอศั จรรยเชนนี้ คงเปน สิง่ ทีโ่ บราณเรยี กวา แสงพระธาตุเสดจ็ เปนแนแ ท อยางท่อี าตมาเกรนิ่ ใหฟงในเบ้ืองตนแลววาเปนประสบการณ สิ่งตางๆ เหลาน้ีโยมก็ตองใช ดุลพนิ ิจ แลว โยมก็ไมตอ งไปอยากเห็น เพราะถงึ อยากยังไงโยมกไ็ มไ ดเห็น เพราะวาเขาไมปรากฏใหคนที่ อยากเหน็ ไดเ หน็ แตเขาปรากฏใหคนท่ีมจี ังหวะ และโอกาส และความเหมาะสมไดเห็น ซ่ึงเปนเรื่องท่ี แปลก ถงึ บอกไงวา ถา คนฟงแลวไมเช่ือจะเปนอกุศลทนั ที อาตมาถึงบอกตอนแรกไง แตถาคนมีสติปญญา ดี มบี ญุ วาสนาบารมอี ยูเดิม ฟง แลว ก็จะเกิดความเชื่อม่ัน และไมป รามาส แตอาตมาก็ไมไดหมายความวา อาตมาเปนคนมีสติปญญาดีนะ แตค รง้ั แรกๆ ที่อาตมาอาน อาตมาไมเชือ่ นะ แตอ าตมาไมเคยคัดคานใคร เพียงแตร อเวลาวา สักวันหน่งึ เราคงไดเหน็ บาง แลวอีกอยา งหนึ่งก็คือวา ถาไม ง้ันเขาคงไมจารึกไวเปน หนงั สือหนงั หาใหค นรุน หลังไดอ า นแนนอน และโดยเฉพาะในหลวงรัชกาลท่ี ๖ น่ีเปนพระราชหัตถเลขา เลยนะ เปน ลายมือของทา นเองเลย เขยี นมาใหร ัชกาลท่ี ๕ คือตอนน้นั ทานเปน มกุฎราชกุมาร แลวทานไป ฝก สนามเสอื ปา อยูทพี่ ระราชวังสนามจันทร จ. นครปฐม แลวทานก็ไดเห็นพระปฐมเจดียพระธาตุเสด็จ ทานกเ็ ลยเขียนมาใหใ นหลวงรชั กาลท่ี ๕ อา น ระดบั ในหลวงรชั กาลที่ ๖ เขียนใหพ อน่ี อาตมาวาทานคงไม กลาโกหกรัชกาลที่ ๕ นะ แตทานบอกทานเห็น เปน ดวงสวา งเลย นี่ครั้งแรกๆ ที่อาตมาอาน อาตมาก็ท่ึง เหมือนกนั แลว มาสะดุดใจท่หี ลวงพอจรัญทานบอกวา พระธาตุของทา นนะ เสด็จมาเปนบาตรๆ เลย ทาน วาอยางนน้ั นะ น่คี ือคําทีไ่ ดยนิ จากปากอปุ ช ฌายม าอีกทหี น่งึ หลวงปหู ลวงพอตา งๆ ทานก็พูดไวเยอะ เชน หลวงพอฤๅษีลงิ ดาํ หรือพระอาจารยใ นสายหลวงปมู ่ันเอง ทานอาจารยพระมหาบัวเอง ก็ไดกล าวเรื่อง พระบรมสารรี ิกธาตไุ วอยหู ลายครง้ั หลายคราดวยกนั ก็เปน เร่อื งท่นี า แปลกอยางหนงึ่ เหมอื นกนั ในเร่ืองนี้วา เปนพุทธานภุ าพ ท่อี าตมาพดู เร่อื งน้ีในวันน้กี เ็ พราะวา อยางท่บี อกวา เจาหนา ท่ีเขาอยากจะพิมพหนังสือสัก เลม หนง่ึ ทเ่ี กยี่ วกบั พระบรมสารรี กิ ธาตุ เขากเ็ ลยมาขอใหอาตมาเลา ขอ มูลในสว นทีเ่ คยประสบมา หรือเคย เรียนรมู า กเ็ ลยเลา ใหฟงไว แตจริงๆยงั มอี ีกเยอะเลยท่ีอาตมาไมไดเลา ในเร่อื งน้ี แตใ นทกุ วนั นีอ้ าตมาไมเ คยสงสัยมานานแลว อาตมาบอกกับตัวเองตลอดเวลา ณ วันท่ีอาตมาเริ่ม เหน็ ความอศั จรรยข องพระธาตเุ สดจ็ ทวี่ ัดอัมพวัน หาองคแ รก ที่เลาใหฟงเมื่อกี้จําไดไหม ในใจอาตมา บอกตัวเองเลยวา เราหมดความสงสยั ในเร่อื งพุทธานุภาพแลว ตอจากน้ีไปมีเพียงอยางเดียวเทาน้ัน คอื เราจะมคี วามพากเพียร บากบนั่ มุง ม่นั พยายาม ท่จี ะศกึ ษาพระธรรมคําสั่งสอนของพระพุทธเจา หรอื ประพฤติปฏบิ ตั ติ าม ใหไ ดอยางในบทสวดมนตไ หม ทีบ่ อกวา “คแู หง บรุ ษุ ส่คี ู นับเรียงตัวบุรุษได แปดบรุ ษุ ” ไดแก พระโสดาบันปฏิมรรค โสดาบันปฏผิ ล สกิทาคามีมรรค สกิทาคามีผล อนาคามีมรรค อนาคามีผล อรหัตตมรรค อรหัตตผล และทเ่ี ราทองจําอยูเ สมอวา มรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑ อันนี้เปน ของที่มอี ยจู ริง เปน สิ่งท่ชี าวพทุ ธเขาถงึ ไดแนนอน เพยี งแตวาเราจะมคี วามพากเพียรพยายามบากบั่น มุง มนั่ ไปถงึ หรือเปลา ซ่ึงไมไดอยูที่ใครเลย อยูท่ีตัวเราเอง เพราะฉะนั้นเราไดมีโอกาสกราบไหว สกั การบชู าเปน ประจํา เทา น้กี ็ถือวา เราไดเขาใกลส ่งิ อันเปน มงคลสูงสุดในชวี ิตแลวโยม ๕๙
แลวบางบานเปน ฆราวาสนะ แตพ ระธาตเุ สด็จมาเต็มบานเลย มีนายพลทหารคนหน่ึง ทานเปน ทหารพราน แลว ทานเคยฆาคนมาเยอะ แลวทา นเคยทําเรือ่ งเกๆ มาเยอะ แตต อนหลงั พอทานอายุมากเขา ทานกเ็ หมือนเสือถอดเขย้ี วนะ ทานกพ็ ยายามยายไปอยูหนว ยอ่นื แลวทา นกเ็ ลิกละ สงิ่ บาป สง่ิ ไมดีทั้งหลาย ท้ังปวงทัง้ หมด สุรา นารี เหลา บุหร่ี เลิกหมดเลย แลว หนั มาศกึ ษาประพฤติ ปฏิบัติธรรม พระธาตุเสด็จ เตม็ ..ม..ม...หองเลยโยม หอ งพระนะ ทา นมีลูกสาวเปน ดอกเตอร ลูกชายเปน นายทหาร ทานเรียกมาบอก วา “ลกู พอ ใกลจะตายแลว ถา ลกู ไมส นใจบชู าพระธาตุทีพ่ อ ไดรับมาน้ี หลังจากพอตาย ๗ วัน พระ ธาตุจะเสดจ็ กลับ ไมเ หลอื สักองคนะลูก” กส็ อนใหล ูกสวดมนต ลูกก็ไมไดสนใจ ลูกสาวเปนดอกเตอร ลูกชายเปน นายทหาร ไมส นใจ จรงิ อยา งวา พออยไู ดไมนาน พอ อายไุ ดหกสิบกวาๆ เอง อยูดีๆ เปนลม แลวก็เสยี ชีวิตไปกะทนั หัน หลงั จากการพระราชทานเพลิงศพพอแลว ก็เปนเดือนเหมือนกัน ลูกสาวกับ พ่ีชายทเี่ ปนนายทหารกม็ าน่ังกนิ ขา ว คยุ กันวา เอะ ! พอเคยพดู ไว แลว หอ งพระไมเคยเปดเลยนับจากพอ ตาย เราลองข้นึ ไปดูหนอยสิ พอขน้ึ ไปเทา นนั้ เองโยม พระทุกองคยังอยูหมด พระสมเด็จวัดระฆัง พระ อะไรที่พอ เคยมี เคยบอกไวเ ลยวา ถา ลูกชายอยากไดก ใ็ หลกู ชายไป พระวัดระฆังอันนี้ พระนางพญาถาลูก สาวอยากไดก ใ็ หล ูกสาวไป เพราะเปนของผูหญงิ แตแ ปลกโยม พระธาตุในโถ ในเจดียท้ังหลาย ไมเหลือ สักองคหน่ึง แลวเขาบอกบานนไ้ี มม ใี ครเขา ไปไดหรอกโยม นอกจากลูก ลูกสะใภ ลูกเขย หลาน และ คนงานในบา นเทา น้นั แหละที่จะเขา ออกได และก็ไมมใี ครมีกญุ แจหองพระ มีพอ คนเดยี ว และพอพอตายก็ ไปเปด เอามาจากหองของพอ และกไ็ ปเปดเขา ไป ไมม ีใครสามารถเขา ไปไดเลยพูดงายๆ แตพระธาตุท่ีมี อยูท้ังหมดไมเ หลือเลยสกั องคเ ดยี ว สักองคเดยี วกไ็ มเหลือนะ ก็พอ เขาเคยพดู ไวแลวไงบอกวา ถาลูกไม สนใจบูชา จะไมเ หลอื สกั องคห น่งึ เลยนะ น่ีโยมเขามาเลาใหอาตมาฟง เขาเสียใจมากเลย เขาบอกเขามี ของดแี ทๆ เลย แตเขาไมเ ชือ่ พอเขา เขาวา นะ โยมนี่เขาเปนทหารไง พอดีเขามาอบรมท่ีวัดอัมพวัน เพราะวาวัดอมั พวนั นีก่ ็จะมีทหารมาอบรมเปนประจํา โยมเขาก็เลยมาเลาใหอาตมาฟงวาเปนอยางนี้ๆ อาตมาก็เลยไดข อมลู มา แตคนบางคนเขาบูชาแลว กเ็ สด็จเพิม่ มา อาตมาเคยใหพระธาตุโยมคนหน่ึงไปกเ็ สด็จเพิ่มมา อยา ง โยมเกษม แกน รอด นะ เปน เจาหนา ท่ีวดั นี้ ลองไปถามดูได เขาใหผอบอาตมามา อาตมาก็เอามาวางไว วนั หนง่ึ โยมเกษมกม็ าทวง บอกวาโยมจะเอาไปบชู าแลว อาตมาก็ยงั ไมไดต ักพระธาตุใหโยมเขานะ ก็กะวา เด๋ียวจะเขา ไปตกั พระธาตใุ หโ ยมสักหนอย พอไปตักปบุ พอไปเปด เจดยี พ ระธาตุของโยมเขานะนะ ปรากฏ วา มีพระธาตุอยูแ ลวในนน้ั องคหนงึ่ งามมากเลยโยม สีชมพูออ นๆ ซ่ึงอาตมาก็ไมไ ดตักไวเหมือนกัน ก็ แสดงวาคงเปน บญุ บารมขี องโยมเกษมเขานะนะ ทว่ี า พระธาตทุ า นเสด็จมา แลวอาตมาก็ตักในโถใหญให เขาไปดว ย แลวกม็ ีโยมอยูธนาคารกสกิ รไทย สาขาอยุธยา มาทําบุญ เขาก็มาคุยเรื่องพระธาตุ เขาก็ทําหนาทําตา เหมอื นประมาณไมเ ชื่อ มากับเพ่ือนเขานะ ทนี ้ขี ณะคุยกันนัน้ นั่งอยูหนาหลวงพอ ทนั ใจในโบสถ โยมเขาก็มี ผา กราบมาวางกราบพระ ปรากฏวาพระธาตกุ ็เสดจ็ มาบนผากราบเขา องคนดิ เดยี วเองโยม เทาหัวไมขีด เขากเ็ ลยบอกวาขอ อาตมากใ็ หเขาไป พออีกประมาณหนง่ึ เดือนผานมา เขาก็เอาเงินมาถวายอาตมา แสนหนง่ึ อาตมาก็บอกวา เอามาถวายทําไมละโยม เขาก็บอกวา เอามาสรางกฏุ ิหลังหนึง่ แลวเขาก็เอาพระ ธาตมุ าใหอ าตมาดู พระธาตุทีต่ อนแรกองคเทา หวั ไมขดี นะ ตอนนอี้ งคเ ทา น้วิ กอยนะ โยมเขาบอกวา เขา แปลกใจมากเลยนะ พอเขาไดม า เขากเ็ อาไปวางไว แลวเขาก็ไมไ ดสนใจเลยนะ จนกระทั่งวันหน่ึงสามีเขาก็ ๖๐
บอกวา “คุณบอกวาคุณมีพระธาตุ เดย๋ี วขอเปด ดูหนอย” พอเปดดู เขาก็บอกวา “เอะ! พระธาตุอะไร ทําไมใหญจ ัง” เขาก็พดู กับภรรยาเขา ภรรยาเขากเ็ อะใจ เลยเดินขึ้นไปดู เขาก็แปลกใจวา พระธาตุองค เลก็ ๆ ขนาดเทาหัวไมข ดี ทาํ ไมกลายเปนใหญเ ทาน้ิวได อยางนี้มันก็เปน เร่อื งท่เี ปนไปได ก็เลยทําใหโยม คนน้มี ีความเชือ่ ม่นั ในการประพฤติปฏบิ ตั มิ ากข้ึน แลว ยงั มโี ยมอกี คนหนึ่ง โยมคนน้ีทานเปนครู ทา นเปน ครูที่ใจบุญ ใจบุญมากเลย พอวางก็จะไป ศึกษาปฏบิ ัติธรรมอะไรหลายอยาง แลว ทานก็ไมเคยดุใคร ไมเคยวา ใคร เปนคนที่เด็กรักมาก ผูปกครอง รักมาก เปนครธู รรมดา ครผู ูสอนธรรมดา ไมใชค รผู บู ริหารอะไรหรอกนะ แลวพอเกษียณแลว ทานก็ไป ชว ยงานที่วดั ใชช ีวิตเรียบงาย ไมมใี ครรูอะไรหรอกวาชีวติ ทานเปน ยังไง จนกระทงั่ ตาย พอตายก็เผา สวด แลว ก็เผา เผาเสรจ็ แลว ลูกก็เก็บกระดูกไว ทนี ีเ้ ผอิญลูกเขาก็ไปร่ํารวย ไปทํามาหากินที่ตางจังหวัด ไป ร่าํ รวยขน้ึ มา กน็ กึ ในใจวา “เราน่ี เอาเจดียท องเหลอื งใสกระดกู แมไว มันดาํ งา ย จะเปลี่ยนเปนเจดียมุก ” ประดบั มกุ อยางสวยเลยนะ เพราะชอบ เปน คนชอบของสวยๆ ก็เลยไปซือ้ เจดียมกุ มา ก็จะถายเปล่ียน พอ ไปเปดตกใจโยม กระดกู ของแมก ลายเปน พระธาตุหมดทัง้ เจดียเลย ทั้งโถเลย ผูหญิงนะ เปนฆราวาส นะโยม แปลกมาก มีลักษณะเหมอื นกับเมล็ดถ่ัว แลว เปน สีเขยี วๆ เหมอื นหยกเลยนะ เขากย็ ังแปลกใจ วา เอะ! กระดูกของคนเรานตี่ อนเก็บมาเปนกระดูกธรรมดา แลวทําไมมนั มากลายเปนเม็ดอยางนี้ได เขา บอก แตวาเพ่ือนบา นหรือคนท่ีอยใู นหมูบานนั้น พอเขารู เขาบอกเขาเช่ือมั่นเลยละ เพราะคุณครูคนน้ี ทา นปฏบิ ัตธิ รรมตลอด แลว ใครพดู อะไรทา นก็ยิ้มตลอด ใครวายังไงก็ยิ้ม ทานเปนคนแบบไมพูดไมคุย อะไรกบั ใครนะ เปน คนใจเยน็ พูดชา ๆ สว นมากชวี ิตมกั จะอยูว ัดมากกวาอยบู า น ถา วันพระก็จะไปนอนวัด ถาวนั ธรรมดานอนไมไ ด ทา นก็มานอนบาน พอเชา กไ็ ปชว ยงานวัด กวาดถู เดินจงกรม นั่งสมาธิอยูขาง โบสถอ ะไรอยา งน้ี พระกไ็ มไดว า อะไร พระก็ชอบ เพราะวาโยมเขากม็ าชว ยทาํ ความสะอาดวัดใชหรือเปลา โยมทา นก็อานหนงั สือพระไตรปฎกบาง น่ังสวดมนต น่ังอะไรของทานไปอยางนี้ แตวาพอตายไปแลว กระดกู เปน พระธาตุนะ โยมคนน้ี เออมันก็เปนเรื่องท่ีแปลกดีเหมอื นกนั เพราะฉะน้ันตรงนี้ก็คือเปนสิ่งท่ี อาตมาเลาใหฟง ไวเ ปน อุทาหรณสอนใจนะ และในขณะเดยี วกันคนท่ีเขาจะเอาไปทําหนังสือ เขาก็จะไดไป ถอดเทปไปตัดตอได เพราะอาตมาไมมีเวลาพดู อัดเทปอยางน้กี ็ถือวาพูดทีเดียวไปเลย โยมก็ไดฟงดวย ที่นีก่ ็มเี ครือ่ งอดั อยแู ลว กอ็ ัดไปเลย พอถงึ เวลาเขาก็จะไดเอาไปตดั ตอ อันไหนเหน็ สมควรวาจะไปลงก็ไป ลง เพราะถาไปลงท้งั หมดกค็ งจะเปน สิบๆ หนา เหมือนกัน เพราะพูดกนั นานเลยนะ แตย งั ไมจบเลยนะ ยังมีอีกเยอะเลย เพราะอยา งท่อี าตมาบอกยังไงวา ใหขอ คิดโยมไปเลยวา เรื่อง น้ไี มตองสงสยั แตโยมอาจจะยงั สงสัยอยอู าตมาไมร ูนะ เพราะโยมยังไมไดสมั ผัส แตส วนตัวอาตมาไมสงสัย แลว เลกิ สงสัยมาตง้ั แตสมยั อยูว ดั อมั พวันแลว มอี ยา งเดยี วกค็ ือวา มุงม่ันประพฤติปฏิบัติธรรมใหเขาถึง อยางเดียวพอ แตเราไมไดไปมุงหวงั วา เราจะเขา ถงึ เพ่อื ใหก ระดูกเปนพระธาตุ ไมใชอยางน้ันนะ แต วา เขา ถงึ วา ธรรมะของพระองคทานนัน้ สขุ ุม ละเอียดออน คัมภีรภาพ และผูประพฤติปฏิบัติตาม เขาถงึ ได เปน สง่ิ ทีพ่ ิสจู นไ ด เปนคาํ สอนของศาสนาท่ปี ระเสรฐิ นะ เพราะวาศาสนาอื่นน้ันยังตองอีกนาน แตของเราเขาถึงไดเ ลยในเรอ่ื งตา งๆ โดยเฉพาะเร่อื ง ทาน ศีล ภาวนา เปนเรื่องท่ีชวยเรา อยางนอยท่ีสุด อาตมาเชอื่ มน่ั เลยวา เวลาเรามคี วามทกุ ข ถา เราไดหมั่นทําทาน ไหวพ ระ สวดมนต ประพฤติปฏิบัติธรรม จิตใจเรากจ็ ะดีขึ้น จติ ใจเราก็จะสบายขนึ้ เรากป็ ระเสรฐิ ข้ึน สวนสิ่งตางๆ เหลาน้ีก็เปน เพยี งแค “อุปกรณ” ๖๑
ของพระพุทธศาสนาท่ที าํ ใหเ กดิ ความเชอ่ื มัน่ ขึ้นมา เร่อื งพระธาตุเรอ่ื งอะไรก็เปนอุปกรณของพระศาสนา ทที่ าํ ใหเกิดความเชอื่ มัน่ ขึน้ มา สุดทา ยนก้ี ็ขออนโุ มทนาสาธกุ ารนะ กค็ ดิ วา คงจะเปนขอ คิดได แลว ก็ฝากญาติโยมดวยนะ วาวันท่ี ๒๑ นีเ้ ปน วนั ลอยกระทง ใหโ ยมไปลอยกระทงกัน การลอยกระทงน้ี ก็มคี ติ ๒ อยา งนะ ญาติโยมก็คงจะพอ ทราบนะ คตทิ ่หี นึ่ง คอื ลอยกระทงเพ่อื บชู าพระบาทของพระพทุ ธเจา ซง่ึ พระบาทนอ้ี ยูท่ีไหนโยม “แมน้ํา นมั มทานที” การลอยพระบาทกเ็ ปน คําสอนท่แี นะนําพวกเรา เปน อนสุ รณเ ตือนใจพวกเราวา ชีวิตของเรา ตอ งเดินตามรอยพระบาทของพระพทุ ธเจา พระพทุ ธเจา สอนอะไรไวบา ง ก็สอนใหเ ราละความช่ัว สอง ทาํ ดี สามทําจิตใหบรสิ ทุ ธิ์ คตทิ ส่ี องของการลอยกระทง คอื เพื่อบูชาและขอขมาพระแมคงคาหรอื สายนา้ํ สายน้ําเปนของมี คุณตอชีวติ มนุษยไหม มี เมอ่ื เราใชส ายน้าํ ลงไปแลว เราก็ตอ งบชู าทา น ขอขมาทาน น้าํ เปนของสะอาดไหม โยม สะอาด ใสไหม ใส แตน า้ํ ทวี่ า สะอาดและใส ถาผานผิวมนุษย ผานรางกายมนุษยไปแลว ความใส ความสะอาดนนั้ เหมอื นเดิมไหม สกปรก แสดงวา รา งกายมนุษยส ะอาด หรอื สกปรก นโ่ี ยมเวลาโยมลอยกระทง โยมตองคิดนะ หนง่ึ ดําเนินตามรอยบาทพระศาสดา เพราะเราบูชา พระบาทพระพทุ ธเจา สองขอขมาสายนาํ้ สายนํา้ แตเดิมสะอาด แตม าผา นมนษุ ยสกปรกไหม สกปรก เรา ใชนา้ํ ที่สะอาดชําระความสกปรกของเรา มนษุ ยกค็ วรจะเหน็ คุณคาของธรรมชาตปิ ระการที่หนึ่ง ประการ ทส่ี องถา ตเี ปน ธรรมะก็คือ มนษุ ยน ส่ี ะอาดไหม มีแตส กปรก แตท ีเ่ ราเหน็ วา เราสะอาด เราสวย เรางาม อยู เพราะอะไร เพราะเราตกแตงจรงิ ไหม เพราะเราชาํ ระลา ง โยมอยาลืมตรงนี้ อยาหลงตัวเอง ถา โยมไมไดส ายน้าํ ชวย โยมก็คงสกปรกแนนอน นีอ่ าตมาแคเอาน้ําใสปาก อมไวสามนาที แลวอาตมาบวน ออกมา กส็ กปรกแลว โยม แคเอาน้าํ เทใสม อื แลวก็ราดลงไป ก็ไมม ใี ครเขาอยากเอานํ้านนั้ ไปใชแลว ที่ผาน มอื เรานี้ จากเปนน้าํ สะอาดนะโยม มนั ก็เปน ของสกปรกได เพราะรางกายเรามีแตความสกปรก รางกาย สกปรกชางมัน แตว าอยา ใหจ ติ ใจเราสกปรกไปดว ย สุดทา ยน้กี ็ขออนุโมทนาสาธกุ าร ขออาํ นาจแหง คุณพระศรพี ระรตั นตรัยจงเปนปจจัยอดิศัยบุญเขต ใหทุกทานไดถงึ ซ่งึ ความเจริญงอกงามไพบลู ยใ นพระธรรมของพระพทุ ธเจา และประสงคจํานงหมายส่ิงใด ท่ีเปนพรของชาวโลก อันมอี ายุ วรรณะ สุขะ พละ กจ็ งสมความปรารถนา จงทกุ ประการเทอญ. หมายเหตุ ทา นผูอ านที่มีความสนใจในเร่ืองเก่ียวกับพระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันตธาตุ และเรื่องของพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว รัชกาลที่ ๖ ทรงมีพระราชหัตถเลขา ถึงพระบาทสมเด็จพระ เจา อยูหัว รชั กาลที่ ๕ นั้น ศึกษาขอมูลเพิ่มเติมไดจากหนังสือ “พระบรมสารีริกธาตุ พระอรหนั ตธาตุ” แตงโดย ทศพล จังพานิช กลุ บรษิ ัท สาํ นักพิมพ คอมมา จํากดั ๖๒
ภาพพระบรมสารรี กิ ธาตุทีเ่ สดจ็ เขามาในพระอโุ บสถวดั ตาลเอน เม่ือป พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยพระธาตุที่อยูใน ผอบเปนพระธาตุท่เี สด็จ ณ ประเทศศรลี ังกา เมอ่ื เดอื นมถิ ุนายน และนํามาประดิษฐานท่ีพระอุโบสถให พทุ ธศาสนิกชนไดส ักการบชู า ตอ มาในชวงเขา พรรษาปเ ดียวกันนนั้ มีพระธาตุเสดจ็ มาเพิ่ม โดยเสด็จมาลง บนผา สกั หลาดแดง มไิ ดเขาไปปะปนอยูในผอบ นบั จาํ นวนไดมากกวา หน่งึ พันองค พระบรมสารีรกิ ธาตุ วรรณะหลากสี สณั ฐานรวม เสด็จในพระอโุ บสถวดั ตาลเอน ๖๓
พระบรมสารรี กิ ธาตุ วรรณะงาชาง สณั ฐานรวม เสด็จในพระอโุ บสถวัดตาลเอน พระบรมสารรี กิ ธาตุ วรรณะงาชาง และผลกึ แกว สณั ฐานรวม เสด็จในพระอโุ บสถวดั ตาลเอน ๖๔
ชว งท่ี ๕ จากธรรมะปฏิบัติของมหาชน. . .สูประสบการณพระธาตเุ สดจ็ รวมเหตกุ ารณพ ระธาตุเสด็จในสถานท่ตี า ง ๆ ของพระครูสมหุ จริ ยุทธ อธิฉนโฺ ท ๖๕
พระธาตเุ สด็จท่ี ประเทศศรลี ังกา (ครง้ั ที่ ๑) ชวงวนั ท่ี ๑๒ – ๑๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ระหวา งการปฏิบัติศาสนกจิ ของพระครสู มุหจ ริ ยทุ ธ อธิฉนโฺ ท และญาตธิ รรม จดหมายเรื่องเลา ของผปู ฏิบัติธรรมท่ีอยใู นคณะ และเหน็ เหตกุ ารณจริง ๖๖
ประสบการณพ ระธาตเุ สดจ็ ท่ีศรีลงั กา การเดนิ ทางไปประเทศศรลี งั กาในครัง้ นี้ของอาตมา เปนการไปแบบหมูคณะซึ่งมีผูรวมเดินทาง ประมาณ ๒๐ ทา น มที านพระครปู ลดั สทิ ธิวรวฒั น เปน หัวหนาคณะ สว นผูท อี่ ํานวยความสะดวกในการจัด ทัวรค ร้งั นคี้ อื คณุ นภาพร กาญจนะวสิต ซึง่ หลายคนอาจจะรจู ักกันดใี นนาม พ่ีแหมม หรือปาแหมม ของ เรานเี่ อง พระภกิ ษุทรี่ ว มเดนิ ทางไปในคร้ังนม้ี ที ั้งหมด ๖ รูปดวยกัน คือ พระครปู ลัดสิทธิวรวัฒน พระครู สมหุ จริ ยทุ ธ อธฉิ นโฺ ท หลวงพเี่ กง (ปจจุบันสกึ แลว) อาตมาพระวิโรจน และพระภิกษุอีกสองรูป การ เดินทางไปคร้งั นจ้ี ุดมุง หมายกเ็ พอ่ื ศึกษาสถานทสี่ าํ คัญตางๆทางพุทธศาสนา ของประเทศศรลี ังกา กอนอ่นื ตอ งขอเทา ความถงึ ประวัติและความเปนมา ในการนําพุทธศาสนาเขามาเผยแผ ของ พระภกิ ษุมหนิ ทรเถระ และ พระภกิ ษุณีสงั ฆมติ ตาเถรี ใหไดพอทราบกนั กอน จะไดไมเกิดความงงงวยเดา ผดิ เดาถกู กันไปตามความเคยชิน จงึ ขอยกเอาเนอ้ื หาบางสว น จากหนังสือ อันวาศรีลังกา โดยพระวิ เทศ โพธิคุณ มาเพือ่ ขยายความเขา ใจแกผูอานใจความดังนี้ พระเถระท้ังสองเปนพ่ีนองกัน เดิมทรงเปน พระโอรส และพระธดิ า ของพระเจาอโศกมหาราช เปนกษัตริยแ หงราชวงศโ มริยะองคที่ ๓ พระเจาอโศก มหาราชทรงเลอื่ มใสในพระพทุ ธศาสนามาก และไดทรงคดั เลือกนําเอาคติพุทธธรรม มาเปนหลักในการ ปกครองราชอาณาจักร เชดิ ชูพระพุทธศาสนาเปนศาสนาประจาํ ชาติ กับทั้งทรงประกาศแกเทศาภิบาลให เปนธุระในการสั่งสอนประชาชน ใหต ้งั อยใู นหลกั สัมมาปฏิบตั ิ ทรงแกไขประเพณีเดิมใหเขากับหลักธรรม ของพระพุทธศาสนา ทรงหา มมใิ หเ บียดเบยี นสัตว สรางถนนหนทาง ขุด บอสาธารณะสําหรับประชาชน ปลูกตน ไมใ หรมเงาตามแนวถนน สรา งศาลาเปนท่พี ักรอน และโรงพยาบาลรักษาโรคแกมนุษย และสัตว เดรัจฉาน งานท่ีเปนหลักเพอ่ื เสริมความม่นั คง และการเผยแผพ ทุ ธศาสนาในสมยั ของพระองค คือ การชําระ สงั ฆมณฑลใหบริสทุ ธิ์ ทรงปรารภใหมกี ารประชุมสงฆท าํ สงั คายนาครัง้ ที่สามข้นึ ทีอ่ โศการาม เมืองปาตลี บตุ ร ภายใตพ ระบรมราชปู ถัมภของพระเจา อโศกมหาราช โดยพระโมคคัลลีบุตรติสสะเถระเปนประธาน ไดทรงคัดเลอื กพระจาํ นวน ๑,๐๐๐ รปู เฉพาะท่ีทานทรงปริยัติแตกฉานในปฏิสัมภิทา ชํานาญในวิชา ท้ังสิน้ ทาํ สังคายนาอยู ๙ เดือน จึงสาํ เร็จ ครน้ั เมอื่ สังคายนาแลว เสร็จ ทรงพิจารณาเหน็ วา กาลตอไปพระพทุ ธศาสนาในชมพูทวีป จะเส่ือม ลง มพี ระประสงคใหพทุ ธธรรมไปประดิษฐานต้ังมน่ั ในประเทศตางๆ โปรดใหจัดสงพระเถระพรอมดวย บริวาร เปนพระธรรมฑูตไปเผยแผศ าสนาในสว นตา งๆ ถงึ ๙ สาย คือ ๑. พระมัชฌณั ติกเถระ ไปเผยแผไดทรมานพวกนาคใหน ับถือพระพุทธศาสนา ๒. พระมหาเทวเถระ ไปเผยแผพ ระพทุ ธศาสนา ณ แควนมหสกะมณฑล ไดแก บริเวณตอนใต ของลุม นํา้ โคธาวารี อันเปนแควน ไมซอรในปจจบุ ัน ๓. พระรักขิตตเถระ ไปเผยแผศาสนาในวนวาลีประเทศ ไดแก แควนกนราเหนือ ทางทิศ ตะวนั ออกเฉยี งใตข องประเทศอนิ เดีย คมั ภรี ม หาวังสะกลาววา มวี ัดเกดิ ข้ึนถงึ ๕๐๐ วดั ในดินแดนสวนน้ี ๔. พระโยนกธรรมรักขิต ซ่ึง เปนพระเถระอรหันตชนชาติก รีก ไปเผยแผพระพุทธศาสนา ณ อปรันตะกชนบท เชอ่ื กันวา ไดแกดินแดนชายทะเล อันเปนเมืองบอมเบยในปจ จุบัน ๖๗
๕. พระมหาธรรมรักขติ เถระ เปน หัวหนาคณะ ไปเผยแผพระพุทธศาสนา ณ แควนมหาราษฎร ปจจุบนั ไดแ ก รฐั มหาราษฎรของประเทศอนิ เดีย ๖. พระมหารกั ขิตเถระ ไปเผยแผพระพุทธศาสนา ณ โยนกประเทศ คือ ดินแดนที่อยูในความยึด ครองของฝร่งั ชนชาตกิ รกี ในทวปี เอเชียตอนกลาง เหนอื อิหรานขึน้ ไปจนถงึ เตอรกสี ถาน ๗. พระมชั ฌิมเถระ พรอมดว ยพระเถระอีก ๔ รูป คือ พระกัสสปะโคตะ ๑ พระมูลกเทวะ ๑ พระทนุ ทะภิสระ ๑ พระเทวะ ๑ ไปเผยแยพ ทุ ธศาสนาในดินแดนแถบภูเขาหมิ าลยั ๘. พระโสณะเถระ และพระอุตตระเถระ ไปเผยแผพระพทุ ธศาสนา ณ ดินแดนที่เรียกวา สุวรรณ- ภูมิ เช่อื กนั วาดนิ แดนที่เปนจังหวดั นครปฐมปจ จบุ นั ๙. พระมหินทรเถระ พรอ มดวยพระอิฎฎิยะเถระ พระอุตติยะเ ถระ พระสัมพละเถระ พระภทั ทสาละเถระ และสุมนสามเณร มาเผยแผพทุ ธศาสนาทเ่ี กาะลงั กา ในสมยั พระเจา เทวานมั ปย ติสสะ เมอ่ื พระมหินทรเถระไดร ับมอบหมายใหเปนผูอัญเชิญพระพุทธธรรม มาเผยแผท่ีเกาะลังกา ทา นไดรอจังหวะอยถู งึ ๗ เดอื น จึงมาถึงเกาะสิงหล หลังองคอ่ืนทั้งหมด ท้ังน้ีเพราะวาพระเจามุฆสีวะ พระเจาแผน ดินลังกาขณะน้ันทรงชราภาพมาก คงไมมีกําลังพอท่ีจะยกยอง และสนับสนุนศาสนาได แตก มุ ารผเู ปน โอรสของพระองค ทรงพระนามวา เทวานัมปยตสิ สะยังหนุมอยู ตอ มาพระราชกุมารไดเสวยราชสมบัติ และพระมหินทรเถระจึงไดล าพระราชชนนีท่ีนครเวทิสาคีรี กอ น จึงคอยเสด็จมาเกาะสิงหล ลงที่ยอดภูเขามิสสกะ ดานทิศตะวันออก เมื่อวันเพ็ญเดือน ๗ พุทธศักราช ๒๓๖ ขณะนั้นพระเจาเทวานัมปยติสสะก็เสด็จมาลาสัตว ณ ท่ีแหงเดียวกันน้ี ดวยความ เพลิดเพลนิ สัตวนอ ยใหญกว็ ง่ิ หนีดวยกลวั ภัย มีเนื้อสมันหรือกวางรางงามตัวหน่ึงวิ่งผานมา พระราชา ทอดพระเนตรเหน็ เขาก็ชอบใจ ดว ยหมายไวว าจะใหเ ปน เปาของลูกธนูใหได จึงไดออกเดนิ ตามไป ซ่ึงเนื้อ ตวั น้นั กว็ ิ่งเขามาทางโขดหนิ แลวก็หายไป คงปลอ ยใหพ ระราชาเสดจ็ ตามหาจากรอย ในขณะนั้นพระองคได ยินเสยี งดงั กังวาน เรยี กชอื่ ของพระองคว า “ติสสะ ติสสะ” พระราชาไดสดบั เสยี งน้นั กท็ รงเอะพระทัยอยู เหมือนกัน ดาํ รวิ าทุกคนทีเ่ กิดในเกาะนี้ จะมีใครกลา เรียกชอื่ เราวา “ติสสะ” พระราชาเสดจ็ ไปตามเสยี งเรยี ก พบสมณะหนุม นงุ หมผา เกา ๆ ฉกี ขาด ศีรษะโลน หมผายอมฝาด “เขาเปนใคร เปน มนุษย หรืออมนษุ ย จงึ กลาออกชื่อเรา” “ดกู อ นมหาบพติ รพระราชสมภารเจา อาตมาภาพเปนสมณศากยบุตร เปนสาวกของพระบรม ศาสดาผูเปน พระธรรมราชา จากชมพูทวปี มาสู ณ ทนี่ ่ี ก็เพอ่ื สงเคราะหพระองคโดยแท ” คร้ันฟงคําพระ เถระวา อาตมาเปน สมณะ เปน สาวกของพระธรรมราชา จงึ ทราบวาพระคุณเจาน้ีเอง เปนบุญเขตแหง สงั ฆรัตนะ เทา นน้ั เองพระราชาแหงกรุงลังกากป็ ระทับน่ัง ตรสั พระวาจาตอ นรับปฏิสันถารเปนอยางดี คร้ัน เมือ่ พระราชาทรงทอดพระเนตรเห็นคนอีก ๖ คน จงึ ตรสั ถามวา คนเหลา นม้ี ากนั เมือ่ ไหร “มาพรอมกับอาตมาภาพเอง ถวายพระพร” “เด๋ยี วน้ี ในชมพูทวปี ยงั มีคนเชนน้อี ีกไหม” “มีมากมหาบพิตร เด๋ยี วนใ้ี นชมพทู วปี นัน้ รงุ เรอื งไปดว ยผา กาสาวพัตร อบอวลไปดวยพระภิกษุ สงฆ สาวกของพระผมู ีพระภาคเจามีมาก เปนพระอรหันตขีณาสพ มีไตรวิชชา มีฤทธ์ิ ฉลาดในเจโต ปรยิ ญาน” “ขาแตพระคณุ เจาผูเจรญิ พระคณุ เจามาทางไหนกนั ” ๖๘
“มหาบพติ ร อาตมามิไดมาทางนา้ํ และทางบก” พระราชาทรงทราบทนั ทีวาพระเถระเหลาน้ัน มาทางอากาศ เมอ่ื พระมหนิ ทรเถระสนทนากับพระเจาเทวานัมปยติสสะพอสมควร เปนท่ีชอบพระทัยของ พระราชา พระเถระทรงดาํ รวิ า ควรจะทดลองภมู ิปญ ญาในการทจี่ ะรับธรรมะของพระราชาวามีมากแคไหน เพียงไร จงึ ไดเ ปลย่ี นอาสนะ มายงั ใตรมมะมวง และถามปญ หา โดยนําเอาตนมะมวงเปน จดุ หมายวา “มหาบพติ ร นต่ี นอะไร” “ตนมะมว ง พระคุณเจา ” “มหาบพิตร นอกจากตน นีแ้ ลว มีตน มะมว งอ่นื อีกหรอื ไม” “มพี ระคณุ เจา แตไ มใ ชต นมะมว ง” “นอกจากตนมะมวงอ่ืนๆ และตน ท่ไี มใ ชม ะมว งละ จะมอี ีกไหม” “กม็ ะมวงตนนนี้ ะซิ พระคณุ เจา” เพยี งเทา น้ี พระมหินทรเถระกส็ าธุการในความเปนบัณฑิตของพระราชา พรอมกับถามปญหาท่ี สองสืบตอ ไป “มหาบพติ ร พระญาติของพระองค มีไหม” “มมี าก พระคณุ เจา ” “นอกจากพระญาตเิ หลาน้ัน คนอ่ืนทไ่ี มใ ชญาติมไี หม มหาบพติ ร” “ขา แตพระคณุ เจาผเู จรญิ คนอืน่ ทีไ่ มใ ชญ าติ มีมากกวาญาตเิ สยี อีก” “นอกจากพระญาติ นอกจากคนอื่นที่ไมใชพระญาติ ยังมคี นอื่นอีกไหม มหาบพิตร” “ก็ขาพเจา นแ่ี หละ พระคณุ เจา” “สาธุ มหาบพติ ร ขน้ึ ชอ่ื วา ตนแลว นบั วา เปน ญาติของตนโดยแท ไมใชคนอืน่ ท่ีไมใชญาติ” เพียงเทาน้ีพระเถระกท็ รงทราบวา พระราชาทรงเปนบัณฑิต สามารถท่ีจะรูธรรมได จึงไดตรัส แสดงธรรม “จูฬหัตถปิ โทปมสตู ร” (มัชฌมิ นกิ ายมูลปณ ณาสก วรรค ๓) เปนพระธรรมเทศนาครั้งแรก ทางพุทธศาสนาแสดงในกรงุ ลังกา พระมหินทรเถระเขามาเผยแผพระพุทธศาสนา ต้ังแตอายุได ๓๒ กระท่ังอายุ ๘๐ ปกน็ พิ พาน ดานพระนางสงั ฆมติ ตาเถรี หลังจากพระเจา เทวานัมปยะติสสะ ทรงประกาศพระองคเปนพุทธ ศาสนปู ถัมภก โปรดใหอัฏฐทิมหาอาํ มาตย ไปทลู พระเจาอโศกมหาราช ขอภิกษุณสี งฆเพื่อมาอุปสมบทแก สตรีชาวศรีลงั กา และใหอ ัญเชญิ กง่ิ พระศรีมหาโพธมิ์ าพรอ มกัน พระเจาอโศกมหาราชจึงไดให พระนาง สงั ฆมติ ตาเถรี ภคินอี รหนั ต พระราชธิดา นาํ กง่ิ โพธท์ิ ่ตี อนจากตน เดิมท่ีพุทธคยา เมืองพระพุทธเจา ตรัสรใู นประเทศอินเดยี มาถวายพระเจา เทวานัมปย ติสสะ และทรงปลกู ในสวนชื่อวา เมฆวัน ขอกลับเขา มาสเู ร่ืองราวการเดนิ ทางของคณะเรากันบาง เมอ่ื คณะของเราเดินทางถงึ สนามบินโคลัมโบ และ ทําการตรวจสอบกระเปา เดนิ ทางเรียบรอ ยแลว ก็ถึงเวลาขึ้นรถบสั ทท่ี างคณะทัวรศรีลังกาไดจัดเตรียมไวให หนึง่ ในสถานทข่ี องการเดนิ ทางทีเ่ ราจะไปพรอ มกันนน้ั ก็เปน เหตุเร่ิมตนคร้ังแรกของ ประสบการณพระ ธาตเุ สด็จในตางแดน นัน่ ก็คอื มหินตเล มหินตเล มาจากคาํ วา มหนิ + ตะเล “มหิน” หมายถึง พระมหิ นทรเถระ ซ่ึงเปนพระโอรสของพระเจา อโศกมหาราชแหง อินเดีย สวน “ตะเล” เปนภาษาพ้นื เมือง แปลวา ๖๙
ดอยหรือภูเขา สรุปกค็ ือ ภเู ขาท่พี ระมหินทรไดเ สด็จมาพบกับพระเจาเทวานัมปยะติสสะ ซ่ึงเปนกษัตริย ลงั กาในสมัยน้นั ปจจุบันที่แหง นไ้ี ดกลายเปน ที่ตั้งของ อมั พัตถลเจดีย (Ambatthacetiya) คือ เจดียเนิน มะมว ง ที่สรางขนึ้ เพอ่ื บรรจพุ ระธาตุ หรือพระอฐั ธิ าตุของพระมหินทรเถระ ผูทรงมีพระคุณอยางย่ิงตอ พระพุทธศาสนา และเพ่อื เปนการระลึกถึงคุณงามความดีของทา นในการนาํ พระพุทธศาสนาเขามาเผยแผ ยงั ดินแดนลังกา เปนครงั้ แรก ณ สถานที่แหง นี้ละเปน ทม่ี าของเรอื่ งราวพระธาตุเสตจ็ ในตางแดน ซึ่งกเ็ ปนประสบการณคร้ังแรก ของทานพระครสู มหุ จริ ยุทธด ว ยเชนกนั ขณะท่ีคณะของเรากาํ ลงั เดนิ ชมสถานที่อยูนั้น อาตมาและโยมอีก สองสามทา น ก็เดินชมสถานทอ่ี ยใู กลกนั กับทา นพระครูสมุหจิรยุทธ ในชวงที่เราตางกําลังเดินชมอยูน้ัน คุณวาสินี ตั้งประกอบ ไดกลา วกับทา นพระครูสมุหจิรยทุ ธวา “พระครูคะ พระครอู ธิษฐานจิตใหพระธาตุ เสต็จซเิ จาคะ พระครมู ีบารมี พระธาตุนาจะเสด็จมา” ทานพระครูทานไดยินดังน้ัน ทานก็ย้ิมๆ แตไมได ตอบอะไร หลงั จากที่ไดก ราบพระธาตุของพระมหินทรเถระเปน ทีเ่ รียบรอ ยแลว คณะของเราก็เดินขึ้นบันได ไปสยู อดเขามิสสกะ ซ่งึ บนนน้ั มีเจดียใ หญสขี าว เรียกวา มหาเสยเจดยี คณะของเราสวนหน่ึงเดินข้ึนไป ที่ เหลือเดนิ ขนึ้ เขาไมไหวก็รออยูขา งลา ง ทานพระครูสมหุ จิรยุทธ ทก่ี าํ ลังอาพาธจากอาการปวดเขาอยู ทําให ทา นไมส ะดวกในการเดินขน้ึ เขาไปดว ย จึงรออยขู า งลา งเชน กนั หลังจากที่ไดขน้ึ ไปสยู อดเขาอนั เปน ทต่ี ้งั ของ พระมหาเสยเจดียเ ปน ทีเ่ รียบรอยแลว อาตมาและคณะก็เดนิ ชมสถานที่รอบเจดีย และวิวทิวทัศนโดยรอบอันสวยงามบนยอดเขาสูง ซ่ึงสามารถมองเหน็ เมืองอนรุ าธปุระไกลจากท่ีน่ีถงึ ๑๒ กม. เม่ือไดเวลาพอสมควร คณะของเราก็ลงจาก ยอดเขา เพือ่ เตรียมตวั เดินทางกลบั สทู ีพ่ กั ชวงเวลาทอี่ าตมากาํ ลงั จะเดินไปขึ้นรถบัสพรอมกับคณะ ก็ได เหลียวมองไปเหน็ ทา นพระครสู มุหจ ริ ยุทธ กําลังนงั่ สมาธิอยูที่หนาอัมพัตถลเจดีย ซ่ึงบรรจุพระธาตุของ พระมหนิ ทรเถระ ทา นพระครปู ลดั ฯ จงึ บอกใหอาตมาไปเรยี กทา นพระครูสมหุ ใหเ ตรียมตัวขึ้นรถบัสเพ่ือ เดินทางกลับ พอไปถงึ อาตมาไดก ระซบิ เบาๆ ทา นพระครสู มุหฯ คอ ยๆ ลมื ตา จากนั้นก็ลุกข้ึนยืน ทานได มองไปยังแทน บชู าหนาเจดีย พรอมกับอทุ านข้ึนวา “พระธาตเุ สด็จ” พวกเราทอี่ ยูใกลกับทาน ในตอนน้ัน มอี าตมา หลวงพ่เี กง โยมยยุ โยมเอ ตา งกร็ บี เดินเขามาดูใกลๆ กไ็ ดเ ห็นผา ขาวผืนหน่ึง มีดอกไมบูชาวาง ทับส่มี ุมเพื่อไมใหล มพดั บนผามีวัตถุลกั ษณะตา งกันวางอยู ลักษณะกลมสีแดงออกดํา ๑ และลักษณะ ผลึกแกวใสสอี อกแดงออ นๆ เหมือนมเี สนใยบางๆ อยภู ายในอีก ๑ หลังจากที่เราไดยืนดูกันอยูครู หน่งึ ทา นพระครูสมุหฯ ก็ไดเ ลา ถึงความต้งั ใจของทา นใหฟ งวา หลงั จากทีค่ ุณวาสนิ ี ตงั้ ประกอบ (โยมเอ) ไดพูดขน้ึ วาทานนาจะลองอธิษฐานขอพระธาตดุ ู ทานจงึ รูสึกอยภู ายในใจวานาจะลองดู โดยใชเวลาชวงที่ ทา นไมไดข ึน้ ไปชม พระมหาเสยเจดยี น่ังกรรมฐาน กอนนง่ั ทา นก็ไดนาํ ผาขาวท่ีปาเล็ก (คุณอุไร ชมชีพ) ถวายมา มาปูรองไวกอนบนแทน บูชา นําดอกไมบ ชู ามาวางทบั ผา ไวส ี่มุมกันลมพัด และ ไดอธิษฐานขอให พระธาตุพระมหินทรเถระ และพระนางสงั ฆมติ ตาเถรี เสด็จมาบนผาขาวท่ีไดปูรอไว เพ่ือนํากลับไป บูชายังประเทศไทย พวกเราชาวคณะทั้งหมด ท้ังพระและฆราวาส เมื่อทราบเรื่องการเสด็จมาของพระธาตุพระ มหนิ ทรเถระ และพระนางสังฆมิตตาเถรี จากการอธิษฐานจิตของทานพระครูสมุหจิรยุทธ ตางก็เกิด ความรูสึกปต ิกันทว่ั หนา กอ นกลบั ถึงทพี่ ักในวนั น้นั คณะของเราไดแวะจอดรถเพ่ือซ้ือผอบสําหรับบรรจุ ๗๐
พระธาตทุ ่เี สดจ็ มาท้งั สองพระองค เรอ่ื งนาแปลกใจยงั ไมหมดเพียงเทา นี้ เมื่อถึงที่พกั ทานพระครสู มุห ก็ได เปดผอบใหชาวคณะของเราไดช มพระธาตทุ ง้ั สององคท ีเ่ สดจ็ มาอีกคร้งั หนึ่ง ทกุ คนตางก็เห็นวาพระธาตุที่ เสดจ็ มานน้ั มีเพยี งสององคเทา น้ัน เชาวนั ตอมาเมอื่ คณะของเราขึ้นรถบัสกนั ครบทุกคนแลว ทานพระครู - สมุหก ็ใหอ าตมาซง่ึ น่ังอยขู างทานเปด ผอบออกดู สงิ่ ท่อี าตมาเหน็ นั้น คือ พระธาตุเพิ่มขึ้นจากสององค เปนสิบกวาองค อาตมาไมแนใจจึงถามทานพระครูวา “พระครูใสพระธาตุลง ไปเพ่ิมหรือครับ ” ทา นพระครูสมุหไดย ินดังนนั้ ก็แสดงสีหนาแปลกใจ เมื่อทา นเห็นวา เพิ่มข้ึนจริง ตามท่ีอาตมาพูด ทานจึง บอกกบั อาตมาวา ทานไมไดใ สเ พ่ิมลงไป ทานไมรเู ร่ืองเลย ดังน้ัน อาตมา ทานพระครูสมุห รวมถึงชาว คณะจงึ เขาใจไดทันทวี า พระธาตเุ สด็จมาเพ่ิมเอง หลังจากนั้นทุกเชาที่เราเปดผอบดูก็พบวา พระธาตุได เสด็จมาเพิม่ ทกุ วัน กระท่ังกอนวันกลับประเทศไทยหน่ึงวัน ชาวคณะของเราไดซ้ือผอบกันคนละอัน เพ่อื ทจ่ี ะไดรบั แบงจากทานพระครสู มหฯ ไปบชู าหลังกลับถงึ ประเทศไทย คนื วันกอ นกลบั ทุกคนจึงนําผอบ มาฝากไวทห่ี อ งพักทา นพระครูสมหุ ฯ เพื่อทที่ า นจะไดแ บงใหบ ชู า คนื นัน้ กอนท่จี ะพกั ผอน ทา นพระครสู มหุ ฯ ไดกลาวกับอาตมาวา ทา นจะยังไมแบงใหกอน แตจะ นําผอบทโี่ ยมฝากมาทั้งหมด ตงั้ ไวร อบๆ กบั ผอบที่มีพระธาตุอยแู ลว เผื่อวาบางทีพระธาตุจะเสด็จมายัง ผอบเปลาดว ยองคทานเองก็เปน ได ปรากฏวา เชา วนั เดนิ ทางกลบั ผอบเปลาทัง้ หมดท่ตี ้ังไวรอบๆ ผอบที่มี พระธาตุ มีพระธาตุเสดจ็ มาอยูใ นผอบเองท้ังหมด ผอบละสององค จะมกี ็แตผ อบของโยมมิ้น ที่มีพระธาตุ เสด็จมาหลายองค เปนไปตามที่ทา นพระครูสมุห ทานสันนิษฐาน โดยทานไมตองแบงพระธาตุใหเลย เพราะตางกเ็ สด็จมาเองทง้ั น้นั เม่ือกลับมาถึงประเทศไทย ทานพระครสู มหุ จิรยทุ ธ ไดแ จง ใหทางวดั ตาลเอน ท้ังพระและฆราวาส มาคอยที่โบสถ เพอื่ เตรยี มตวั สวดมนตตอ นรับการมาของพระธาตุจากประเทศศรีลังกาอันเปนมงคล พระ ธาตุไดต ้ังบูชาไวท ี่โบสถวดั ตาลเอน ใหผูมจี ิตศรทั ธาไดท ําการสกั การะเพื่อเปน การระลกึ นกึ ถงึ คุณแหงพระ รัตนตรยั อนั มีพระพทุ ธ พระธรรม และพระสงฆ สืบไป อาตมาภาพรสู กึ ยินดีท่ไี ดเปน สวนหน่งึ ในการนําเสนอเหตุการณพ ระธาตุเสด็จท่ีศรีลังกา ศาสนา พุทธเปน ศาสนาทีม่ เี หตุผล สามารถพิสูจนไ ดดวยตนเอง วิธีการพสิ ูจนก็คอื การลงมอื ปฏิบัติธรรมจริง ไมใ ชเ ปน การทาํ เลน ผลของการทําเลนๆ จมิ้ ๆ จ้าํ ๆ ก็คอื ไมส ามารถรูผลตามความเปนจริงได เมื่อเรายัง ไมลงมอื ทาํ จริง ก็ยงั มอิ าจพดู ไดว าส่ิงนน้ั สิง่ นีไ้ มมอี ยจู ริง แตท ี่ไมจริงแนๆ ก็คอื ตวั เรานัน่ แหละ พระวโิ รจน จกกฺ วโร ศูนยปฏิบตั ธิ รรมสวนเวฬวุ ัน จังหวดั ขอนแกน พระวโิ รจน จกกฺ วโร ถา ยรปู ใตต น พระศรีมหาโพธ์ิ ประเทศศรีลงั กา ๗๑
ความทรงจาํ อันแสนลํ้าคา จนยากจะลมื เลือน ขาพเจาขอยอมรับตรงๆ วา กอนท่ีจะเดนิ ทางมาท่ีประเทศศรีลังกาน้ัน ขาพเจา แทบจะไมมีความรู ใดๆ เกี่ยวกบั ศรลี ังกามากอนเลย นอกจากเคยอา นหนงั สอื กฏแหงกรรม ธรรมปฏิบัติ ที่พระเดชพระคุณ หลวงพอ พระธรรมสงิ หบรุ าจารย (จรัญ ฐิตธมฺโม) ไดไปพบของดีทีถ่ ํ้าบริเวณเขาสกิ ริ ยิ า ซึ่งจะมีสักก่ีคนใน โลกนี้ ไดม โี อกาสเหน็ ตนมกั กะลีผล ผลไมท ่ีมีอยูในปา หิมพานต และรูเพียงคราวๆ วาจะไดมานมัสการ พระเข้ยี วแกว และตน พระศรีมหาโพธิ์เพยี งเทา น้นั แมกระทง่ั ชอื่ ของพระอบุ าลี พระมหินทรเถระ และพระ นางสังฆมิตตาเถรี ขาพเจาเองก็เพง่ิ จะไดย นิ จากพระวทิ ยากร และทานพระครูสมุหจิรยุทธ อธิฉนฺโท ใน ตอนท่ีไปท่ีบริเวณอมั พัตถลเจดยี นั่นเอง ขาพเจา ไมเคยคดิ มากอ นเลยวา การเดินทางมาท่ีประเทศศรีลังกา ในครัง้ นี้ จะไดประสบการณ และของดีกลบั มามากมาย จนอดไมไดท ่ีจะนําเร่ืองดๆี ทเี่ กดิ ขึ้นมาเลาสูกันฟง ตามความคดิ ของขา พเจา ประเทศศรีลังกาเปนอีกประเทศหนึง่ ที่พวกเราชาวพุทธ ที่ปรารถนาจะตาม รอยพระศาสดา ควรทีจ่ ะไปเยือนสกั ครงั้ หนึ่งในชีวติ เชน เดยี วกับประเทศอินเดยี และประเทศพมา ขาพเจา มีโอกาสเดินทางไปทปี่ ระเทศศรีลงั กาตั้งแตว นั ท่ี ๑๒-๑๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยมี ทา นพระครูปลดั สทิ ธวิ รวัฒนเ ปนหัวหนาคณะ พรอ มดวยพระครูสมุหจิรยุทธ อธิฉนฺโท พระอนุชาติ พระ วิโรจน จกฺกวโร พระปรญิ ญา อาจาโร (ปจ จุบนั ไดลาสิกขาแลว ) และพระอาจารยอาทิตย พระวิทยากรที่ เดินทางไปกบั คณะ รวมท้ังญาตธิ รรมทเี่ ดนิ ทางไปดว ยกันอกี ๑๐ กวาคน พวกเราชาวคณะไดมีโอกาสไป ขึน้ เขาสกิ ริ ิยา ประเทศศรีลงั กา สถานท่ีท่ีพวกทมฬิ หนิ ชาติจับพระมหากษัตริยมาขังไว แลวฆาพระเณร หมดทง้ั ศรีลังกา จนทางประเทศศรลี ังกาไดสงทตู มาขอนิมนตพระสงฆจ ากเมืองไทย ซึง่ ตรงกับรัชสมัยของ พระเจาอยูหัวบรมโกศ แหงกรุงศรีอยธุ ยา ซ่ึงพระองคไดส ง พระสมณทูตไทยจํานวน ๑๐ รูปโดยมีพระอุ บาลีมหาเถระ เปนหัวหนาเดินทางมาเพื่อบรรพชาอุปสมบทแกกุลบุตรจํานวนมากถึงสามพันคน จนกระทั่งเกดิ นิกายสยามวงศ มาจนถึงทุกวันน้ี นอกจากนี้ยังเปนสถานท่ีซ่ึงหลวงพอจรัญไดมาพบ มกั กะลผี ลในถํ้าแหงหน่งึ ในบริเวณนีด้ ว ย นอกจากนี้ การท่ีขาพเจาที่ไดมีโอกาสมากราบนมัสการ พระบรมสารีริกธาตุพระเขี้ยวแกว (พระทนตของพระสัมมาสมั พุทธเจา) ทเ่ี มอื งแคนดี้ พรอมท้งั สกั การะตนพระศรีมหาโพธิ์ที่เกาแกที่สุดใน โลก คอื มอี ายุถงึ ๒,๓๑๗ ป (อายใุ นขณะนั้น) ทีเ่ มืองอนรุ าธปรุ ะโดยพระนางสังฆมิตตาเถรี (พระราช ธดิ าของพระเจาอโศกมหาราช) ไดน ํากิ่งดา นขวาของตนพระศรีมหาโพธิ์ท่ีพุทธคยาไปถวายแดพระเจา เทวานมั ปย ะติสสะ ซง่ึ เปน กษัตริยศ รีลังกาสมยั นน้ั ณ ประเทศศรีลงั กา นับวาเปนบุญกุศลสูงสุดอยางยิ่ง ในชีวติ ของขา พเจาอกี ดวย วนั หนึ่งคณะของเรากไ็ ดเ ดนิ ทางไปขึ้นภเู ขามหินตเล ซง่ึ เปน ภเู ขาที่พระมหินทรเถระ (พระโอรส ของ พระเจาอโศกมห าราช) ไดเ สด็จ มาพบและแสดงพระธ รรมเทศนาเ ปนครั้งแรกแกพระเจา เทวานัมปยะติสสะ (กษัตรยิ ลังกาในสมยั นัน้ ) ซง่ึ เปนสถานที่สําคัญมาก เพราะถือวาเปนจุดเริ่มตนของ พระพุทธศาสนาในลงั กา โดย ณ สถานทแ่ี หงน้ี ไดม กี ารสรา ง อัมพัตถลเจดีย ซ่ึงแปลวา เจดียบนเนินตน มะมว ง เพื่อบรรจพุ ระธาตขุ องพระมหนิ ทรเถระ ผูท ี่นาํ พระพทุ ธศาสนาเขามาเผยแพรในเกาะลังกาเปน ครัง้ แรก ๗๒
ขณะที่คณะของเราไดแ ยกยา ยกันไปถา ยรูปบริเวณทีบ่ รรจุพระอรหันตธาตุของพระมหินทรเถระ น้ัน ขา พเจาไดยืนอยกู บั คณุ วัชนนั ท จงสิริทวีโชค (พี่ยุย) ซ่ึงยืนอยูใกลๆ กับทานพระครูสมุหจิรยุทธ พระวโิ รจน พระปรญิ ญา โดยกอนทจี่ ะเดินขนึ้ ไปสยู อดเขามิสสกะ ทา นพระครสู มุหจ ริ ยุทธไดปรารภกับชาว คณะวา “ทานระลึกถงึ พระคุณของพระอุบาลี ท่ีมาเผยแผพระพุทธศาสนาในลังกา จนกระทั่งทําให พวกเราชาวคณะไดมโี อกาสมายังสถานทแี่ หงน้ี” นอกจากนน้ั ทา นยงั ปรารภวา “ทา นมีความปรารถนาท่ี จะไดพระอ รหันตธาตุข องพระม หินทรเถระ แล ะพระนางสังฆมิตต าเถ รี ผูซึ่งมาเผย แผ พระพุทธศาสนา ณ สถานท่ีแหง นีเ้ พือ่ นาํ กลับไปบชู าที่ประเทศไทย ” ขาพเจาจึงตอบทานไปวา “พระ อาจารยมีบารมที างดา นนม้ี า พระอาจารยล องอธิษฐานดสู ิคะ เผ่ือวาพระธาตุอาจจะเสด็จมาก็ไดนะคะ ” จากน้ันพวกเราก็เดินขน้ึ บันไดไปสูยอดเขามิสสกะ ซ่ึงบนน้ันมีเจดียใหญสีขาว ท่ีเรียกวา มหาเสยเจดีย ทานพระครูสมุหจิรยุทธเดินข้ึนบันไดที่คอนขางลาดชันไปไดชวงหน่ึง ทานก็บอกพระวิ โรจนและ พระปรญิ ญาวา ทานเจบ็ เขา ทา นจงึ ขอรออยูขา งลาง หลงั จากทคี่ ณะของเราไดถายรปู ววิ ทวิ ทศั นท่สี วยงามมาก บนมหาสยเจดียกันแลว ก็ทยอยกันลง มา ขา พเจา และคณะกาํ ลงั จะเดินไปข้ึนรถ พอดีเจอทา นพระครูปลดั สทิ ธิวรวฒั น ตรงทางเดนิ ทานกลาววา “เดินไปดูอาจารยหนอย ยงั น่ังสมาธอิ ยตู รงนนั้ เลย” พระวโิ รจน พระปรญิ ญา พีย่ ยุ และขาพเจาจึงเดินไป ตรงสถานที่ทพ่ี ระครูสมหุ จิรยุทธไ ดนั่งสมาธริ ออยทู ีห่ นา อัมพัตถลเจดีย ซ่ึงก็คือ บริเวณที่บรรจุพระธาตุ ของพระมหนิ ทรเถระนัน่ เอง ระหวางนนั้ ขาพเจา ก็ไดยินพระครูสมุหจิรยุทธกลาววา “พระธาตุเสด็จ” พวกเราตางกร็ ีบเดนิ เขามาดใู กลๆ จึงไดเหน็ ผา ขาวผืนหนึ่ง มดี อกบัวที่ชาวศรลี ังกานํามาบูชา (ที่ศรีลังกา ดอกบวั ทนี่ ํามาบูชา จะใชแคด อกอยางเดียว โดยตัดกานออกจนหมด) วางทบั ท่ีผา ขาวทงั้ สี่มุมเพื่อไมใหลม พดั บนผาขาวผืนนั้น ขาพเจา เห็น พระธาตุเสดจ็ ๒ พระองค โดยพระองคแรก มีลักษณะกลม สีแดง คอนไปทางดํา และอกี พระองคม ีลกั ษณะผลึกแกวใส สอี อกแดงออ นๆ หลังจากท่คี ณะของเราไดย นื ดูกนั อยคู รหู น่งึ ทานพระครูสมหุ ฯ ก็ไดเลาวา หลังจากท่ีทานไดฟง ขาพเจา บอกใหท า นลองอธษิ ฐานขอพระธาตดุ ู ทานจงึ รูส กึ ภายในใจวา นาจะลองดู โดยใชเวลาชวงที่ทาน ไมไ ดข้ึนไปชม พระมหาเสยเจดีย น่งั กรรมฐานรอชาวคณะ กอนทีจ่ ะนง่ั ทา นกไ็ ดน ําผาขาวท่ปี าเล็กถวายมา มาปูรองไวก อ นบนแทน บูชา นาํ ดอกบัวมาวางทับผาไวสี่มุมกันลมพัด และไดอธิษฐานขอใหพระธาตุ พระมหนิ ทรเถระ และพระนางสังฆมติ ตาเถรี เสด็จมาบนผาขาวท่ีไดปูรอไว เพ่ือนํากลับมาบูชาที่ประเทศ ไทย จากนั้นพวกเรากไ็ ดเลาเหตุการณต างๆ ทีเ่ กิดขึน้ ใหแ กท ุกคนฟงบนรถ เมื่อทุกคนในคณะทราบ เรื่องการเสด็จมาของพระอรหนั ตธาตุของพระมหนิ ทรเถระ และพระนางสังฆมติ ตาเถรี จากการอธษิ ฐานจิต ของทา นพระครสู มุหจิรยทุ ธ ตางกเ็ กดิ ความรสู กึ ปติกันถว นหนา ระหวา งการเดินทางเขา ท่ีพัก คณะของเรา ตกลงกันวา จะหาซื้อผอบหรอื ภาชนะสาํ หรบั บรรจุพระธาตุทเ่ี สดจ็ มาท้ังสองพระองค จากน้ันเม่ือถึงท่ีพัก พระครูสมหุ จ ิรยุทธจงึ ไดบ รรจุพระธาตุทั้งสอง พระองคใสผอบที่เราไดหาซื้อไดจากรานคาในศรีลังกา พรอมทั้งอนญุ าตใหช าวคณะชมพระธาตทุ ั้งสองพระองคทีเ่ สดจ็ มา โดยพวกเราไดถายรูปพระธาตุทั้งสอง พระองคเอาไวเปนจาํ นวนมาก เชาวันตอมา เมื่อคณะของเราขึ้นรถกนั ครบทุกคนแลว และเตรียมตัวท่ีจะเดินทางไปชมสถานท่ี ตา งๆ ตอ ไป ทา นพระครสู มหุ ก็ใหพระวโิ รจนซ ึ่งนงั่ อยขู างทา น เปด ผอบออกดู ปรากฏวา พระอรหันตธาตุ ๗๓
ไดเ สด็จเพม่ิ ข้ึนจากสองพระองคเปน สิบกวา พระองค พวกเราชาวคณะจึงไดเห็นส่ิงมหัศจรรยเกิดข้ึนอีก เปนครั้งท่ีสอง หลังจากน้ันทุกเชาท่ีเราเปดผอบดูก็พบวาพระธาตุไดเสด็จมาเพ่ิมทุกวัน ขาพเจาก็มีความ ปรารถนาวา หากพระอรหนั ตธาตุของทั้งสองพระองคทเ่ี สด็จมาน้ัน มีจํานวนมากเพียงพอท่ีทานพระครู สมุหฯ จะสามารถแจกชาวคณะที่รวมเดนิ ทางในทรปิ นี้ ขา พเจาจะขอทา นไปบชู าท่ีบานเพ่ือ เปนสิริมงคลทั้ง แกต ัวขา พเจาเองและครอบครัวของขา พเจา ดวย โดยระหวา งท่เี ดนิ ทางไปยังสถานที่ตางๆ ในศรีลังกาน้ัน ขา พเจา จงึ อธษิ ฐานจติ ขอใหค วามปรารถนาของขา พเจาเปนจรงิ ดวย เทอญ จนกระทั่งกอนวันกลบั ประเทศไทยหน่งึ วนั ชาวคณะของเราไดซ ้ือผอบกันคนละอัน เพื่อที่จะไดรับ แบง จากทานพระครสู มุหฯ ไปบูชาหลงั กลับถงึ ประเทศไทย โดยมีการพูดคุยกันท่ี หองอาหารในคืนกอน เดนิ ทางกลบั เพราะวา ทานพระครสู มุหฯ ตองการที่จะนําพระธาตุทั้งหมดท่ีเสด็จมาไปฉลองพระธาตุท่ี วดั ตาลเอน จ.พระนครศรีอยุธยา เสยี กอน แตเ นื่องจากชาวคณะมากนั จากหลายจงั หวัด บางสวนจึงมีความ ปรารถนาทจี่ ะไดร บั พระธาตุเพอ่ื ไปบูชาเลย เพราะอาจจะไมสะดวกในการเดินทางมารับพระธาตุท่ีวัด ตาลเอน ในคนื น้นั ทานพระครปู ลดั ฯ ไดเ มตตาและแนะนาํ ใหชาวคณะทกุ คนรวมกนั สวดมนตแลวอธิษฐาน จิตกนั เอง โดยใหแตล ะคนนาํ ผอบมาฝากไวท่ีหอ งพักทานพระครูสมุหฯ เพื่อที่ทานจะไดแบงใหไปบูชา โดยใหแตละคนทําสญั ลกั ษณไ วท ่ีผอบของตนเอง ปรากฏวาเชาวนั เดนิ ทางกลบั ผอบเปลาทั้งหมดท่ีตั้งไว รอบๆ ผอบทีม่ พี ระอรหันตธาตุทเี่ สด็จมาคร้ังแรก มีพระธาตเุ สดจ็ มาอยูในผอบเองท้ังหมด ผอบละ ๒ พระองค จะมกี ็แตผอบของคุณพนิตตา (ม้นิ ท) ที่มีพระธาตเุ สดจ็ มา ๘ พระองค เปน ไปตามที่ทานพระครู สมุหฯ ต้งั ใจไว โดยที่ทา นไมตอ งแบงพระธาตุใหใครเลย เพราะทุกคนไดร บั พระธาตุนน้ั โดยทว่ั กนั ทุกคน จากการที่ไดเ ดินทางไปเห็นสภาพภูมิประเทศที่นั่นและไดฟงพระวิทยากรบรรยาย จึงพบวา ประเทศศรลี ังกาเปน อกี ประเทศหน่ึงทีน่ ับถอื พุทธศาสนาเปนศาสนาประจาํ ชาติ ซงึ่ ความเจริญรุงเรืองทาง พระพทุ ธศาสนาในประเทศศรีลงั กาน้ันไมไ ดหมายความถึงจาํ นวนวัดวาอารามหรือศาสนวัตถุตาง ๆที่ มอี ยูมากมาย แตห มายถงึ จติ ใจของบคุ คลท่มี คี วามเขาใจในพระธรรมคําสอนของพระพุทธองค โดย ประชากรชาวศรลี งั กานั้นมคี วามศรัทธาและนบั ถอื พุทธศาสนาอยางแนว แนมั่นคงมาก มากจนกระท่ังเกิด ขนบธรรมเนียมประเพณที ี่วา ในครอบครวั ท่ีนับถือพทุ ธศาสนา ตองสงบุตรชายอยางนอย ๑ คนมาบวช เรยี นในพทุ ธศาสนา เพอ่ื ศกึ ษาพระธรรมและสืบทอดอายพุ ระพุทธศาสนาใหค งอยูตลอดไป การท่ขี าพเจา ไดมากราบตน พระศรีมหาโพธท์ิ ่ปี ระเทศศรลี งั กาในครั้งนี้ อาจจะเปรียบ เสมือนวา เราไดมีโอกาสมาเขา เฝา พระพุทธเจา ถงึ แมว าเราอาจจะเกิดมาชา ไมมีบุญวาสนาท่ีจะ ไดฟงพระธรรมคํา สอนจากพระองคท า นเอง แตเรากถ็ อื วา ยังโชคดี ที่ไดเกิดมาทันในยุคสมัยที่พระพุทธศาสนายังคง ดาํ รงอยู และการท่ีตวั ขา พเจานั้นมบี ุญวาสนาและโอกาสทดี่ ีทีไ่ ดม าประสบพบเจอเหตุการณอันมหัศจรรย ทส่ี ดุ แสนจะเหลอื เชอ่ื หากไมไดเจอกับตนเอง ท่พี ระอรหนั ตธาตุไดเ สด็จมาจากการอธิษฐานจิตของทาน พระครูสมหุ ฯ และเสด็จมาเองเรอื่ ยๆ ทุกๆ วนั จนกระท่ังวันเดินทางกลับ นั่นก็เปนการยืนยันแลววา พระพุทธเจา มีอยูจริง พระธรรมคําส่ังสอนของพระองคท านมอี ยูจริง และผูท่ีปฏิบัติตามคําสอนของ พระองคท า นแลว ไดผลจริง ยังคงมีอยู ดังเชนพระอรหันตธาตุของพระมหินทรเถระ และพระนาง สงั ฆมิตตาเถรีทเี่ สด็จมา เปน ตน ๗๔
จากเหตกุ ารณในคร้ังน้ี ทําใหข า พเจาเชอื่ มนั่ วา หากเราทาํ ความดี ต้ังความปรารถนาในส่ิงที่ดี สิ่งดีๆน้ัน ก็จกั เกิดขึ้นกับเราไดราวกับปาฏิหาริย ปาฏิหาริยจึงไมใชส่ิงมหัศจรรย หรือเปนส่ิงท่ี เหลอื เชื่อแกบคุ คลท่ไี ดก ระทาํ เหตใุ นสง่ิ ท่เี ปนกุศลอยางสมเหตุและสมผล แตในทางกลับกัน หากเรา เคยสรา งเหตแุ หงอกศุ ลหรือทําบาปเอาไว ผลแหงอกศุ ลท่ีเราเคยทําไวน้ันอาจสงผลใหดูเหมือนวา เปน เรอ่ื งบังเอญิ ท่ีเกิดข้ึน ราวกบั วา มีใครจงใจกลนั่ แกลงเราไดอ ยางเหลือเชื่อหรือนาอัศจรรยใจ จนอาจมีคน สงสยั วา ทําไมคนบางคนถึงเกิดมาโชครา ย มีแตเ รือ่ งรา ยๆ ผานเขามาในชีวิตซํ้าแลวซ้ําเลา ทั้งๆ ที่จริงๆ แลว หากวา เราเปนชาวพุทธแท เราจะเขา ใจและเชื่อไดวา สิ่งศักด์ิสิทธิ์และโชคชะตาท้ังหลายน้ัน ไมไ ดดลบนั ดาลใหเกิดเหตุการณดีหรือรายแกเรา แตตัวเราเองตางหาก ท่ีเปนผูกระทําใหเกิด เหตกุ ารณด หี รือรายนน้ั เอง ดงั คาํ กลาวทวี่ า สรางเหตอุ ยางไร ยอ มไดรบั ผลเชน น้ัน นับวาไมเสียทีที่ขาพเจาไดมีโอก าสเกิดมาเปนมนุษย ไดมาพบพระพุทธ ศาสนา ไดมาพบ ครูบาอาจารยและกัลยาณมติ รที่ดี ชวี ิตที่เหลอื อยขู องขา พเจานับจากน้ีไป ขา พเจา ขอปฏิบตั ติ ามคําสอนของ หลวงพอ จรัญท่วี า “คิดดี พดู ดี ทาํ ดี” เพอ่ื เปน การสรางเหตทุ ดี่ ี และขาพเจาก็เช่ือมั่นวาในอนาคต หาก ขา พเจา ยงั ตองเกดิ อยู ขา พเจาตองไดมาพบและเจอสง่ิ ดีๆ ท่นี า ประทับใจดงั เชนทขี่ า พเจาไดป ระสบพบเจอ มาแลวทีป่ ระเทศศรีลังกาอีกอยา งแนน อน วาสนิ ี ตัง้ ประกอบ คณุ วาสินี ตง้ั ประกอบ (จะ เอ) ๗๕
ประสบการณพระธาตุเสดจ็ ที่ศรีลงั กา วันท่ี ๓๐ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๓ ดฉิ ัน วัชนนั ท จงสิรทิ วีโชค รสู ึกดีใจ และปติมากเมือ่ คณุ วาสินี ต้ังประกอบ หรือนองเอ โทรมา บอกวาใหช วยกนั เขยี นบทความเรื่องพระธาตเุ สดจ็ ท่ศี รีลงั กา เนื่องจากทานพระครูสมุหจิรยุทธ ทานจะ รวบรวมทาํ หนังสือ ตอนแรกทีท่ ราบเร่อื งมี ๒ อารมณเกิดขึน้ ระหวา งดใี จ กบั กังวลใจ ที่วาดีใจเพราะเมื่อ นกึ หวนไปถงึ ความรูส กึ ณ ขณะท่ีอยูในเหตุการณวนั นน้ั นกึ ถึงทีไรกย็ งั รูสึกต่นื เตน และเกิดปติทุกครั้งไป ทเ่ี ราไดเ ปนสว นหนงึ่ ในเหตกุ ารณสาํ คัญ เปน ประสบการณใหมในชวี ติ ทีย่ ังไมเคยไดเ รยี นรูมากอน ยังจําได วา หลังจากที่กลับมาจากศรีลังกาคร้งั น้นั มีเรอ่ื งมาคยุ ใหเ พอ่ื นฝูง-พี่นองฟงไปนานเปนอาทิตยเลย สวน เร่ืองท่ีวากังวลใจ คือ เหตุการณผ านมานานพอสมควรแลว จําช่ือสถานท่ี ที่ไปไมคอยได แตนองเอให กําลังใจวา พ่ยี ยุ ไมเ ปน ไร มบี ทความหลวงพ่ี วิโรจน เปน แนวทางเรอ่ื งชือ่ สถานที่ได ใหเขียนความรูสึกใน วนั น้ัน แลวสง พระอาจารยพรอมกนั จงึ ตกลงเขียน ขอเลายอนความไปวา คณะท่ีเดินทางไปศรีลังกาครั้งน้ี มีพระ ๖ รูป คือ ทานพระครูปลัด สทิ ธวิ รวัฒน จากศูนยปฏบิ ตั ธิ รรมสวนเวฬุวนั จ.ขอนแกน พระครูสมหุ จ ริ ยทุ ธ วัดตาลเอน หลวงพ่ีวิโรจน จากศูนยปฏบิ ัตธิ รรมสวนเวฬุวนั จ.ขอนแกน หลวงพี่เกง วดั ตาลเอน หลวงพ่อี าทิตย พระวิทยากรนักแหล ฝป ากเอก ประจาํ คณะ และหลวงพอ่ี ีก ๑ รูปจําชื่อไมได พรอมดวยฆราวาสรวมประมาณ ๒๐ คน การ เดนิ ทางคร้ังน้เี ปน ทัวรท ําบุญครงั้ ท่ี ๒ ของการไปแสวงบุญในตางประเทศของตัวเอง หลังที่กลับจากพมา ซงึ่ ก็ไปกับคณะของทานพระครูสมุหจริ ยทุ ธเชน กนั สมาชกิ ครงั้ น้สี วนใหญก ค็ ุนๆ หนากันท้ังน้ัน หลายคน เคยไปพมา ดว ย โดยรวมแลวทริปนี้นาประทับใจมาก ไดเห็นวิถีชีวิต สภาพชีวิตความเปนอยูของชาว ศรีลังกาซง่ึ ก็คลายๆ บานเรา บรรยากาศระหวา งทางขณะรถว่ิงไปตามสถานทต่ี า งๆ เหมือนกับกําลังขับรถ อยูตามตา งจังหวดั ในเมืองไทย สองขางทางมตี นไมเยอะ และบานเมืองเขาอนุรกั ษต นไม โดยเฉพาะตนไม ใหญ เสน ทางใดจะตัดถนนผา น ถา มีตน ไมใ หญขวางทางอยู เขาทาํ ถนนออ มตน ไม เลยดูเหมอื นปลูกตนไม ใหญข วางถนนไว แตทีจ่ ริงแลว ไมใช สวนเร่อื งของพระพทุ ธศาสนา คนศรลี ังกาใหค วามสําคญั ในเรอื่ งศาสนาอยูมาก โดยเฉพาะศาสนา พทุ ธ ยิ่งถารวู าเปนคนไทยมาทาํ บญุ จะดีใจมาก ใหก ารตอ นรับเปน อยางดี เพราะคนไทยชอบทําบุญและ ชอบบรจิ าคทาน และทส่ี าํ คญั คือไดประสบการณทดี่ ีมากกลับมา คณะใชเวลาสักการะสิ่งศักดสิ์ ทิ ธใ์ิ นศรีลังกาอยหู ลายแหง มีวนั หนง่ึ คณะของเราจะไปมหินตเลขึ้น เขาเพอื่ กราบบูชาสถานทีส่ ําคญั ทีพ่ ระพุทธศาสนาไดเ ขา มาเผยแพรท่ปี ระเทศศรีลังกาเปนครั้งแรก วันนั้น คณะเราขึ้นเขาชว งบายแกๆ แลว ประมาณบาย ๓ – ๔ โมงเห็นจะได อากาศไมคอยรอน ทานพระครู สมุหจ ริ ยทุ ธ ทา นเดนิ ล่วิ นาํ คนอ่นื ขนึ้ เขามาจนถงึ ลานดานบนแลว ซ่ึงทานก็เกร่ินอยูกอนแลววา ปวดเขา เหตเุ พราะทา นไปขึน้ เขาคชิ กูฎิ ท่ีจังหวัดจันทบรุ มี ากอนจะมาศรลี ังกา เลยเปนเหตุผลที่ทานไมข้ึนไปกราบ สถปู ดานบนสุด ที่ตอ งเดนิ ข้ึนเขาไปอกี ระยะทางไมไกลนัก ดิฉันถามทา นวา ไมข้ึนตอหรือ คะ อีกนิดเดียว จะถึงบนสดุ แลว ทา นตอบวา “ไม อาตมารสู กึ ปวดเขา ขอน่งั คอยดานลา ง” ฉะน้นั คณะท้ังหมดจึงเดินขึ้น ไปกราบสถูป พรอ มถา ยรปู เกบ็ ภาพบรรยากาศพระอาทติ ยจ ะตกดิน กอนท่ีแสงจะหมด ดิฉั นกับนองเอ ๗๖
และหลวงพ่ีวิโรจน ไดเ ดนิ ลงมากอ น เหน็ ทานพระครูทานนั่งสมาธิอยู เลยเดินเขาไปถายรูปทานขณะนั่ง สมาธิ โดยไมเ ปด แฟลชเพอื่ จะไดไ มร บกวนทาน ก็พอดีเปนชว งจังหวะท่ีคณะท่ีเหลือเดินลงมาพอดีเพราะ เร่ิมจะมืดแลว ตองรบี ลงเขา หลวงพว่ี ิโรจน จึงไปกระซิบบอกทานวาจะกลับแลว ทานกถ็ อนออกจากสมาธิ แลวลกุ เดินไปทแี่ ทน ดา นหนา เจดียท่ที านนัง่ สมาธิ พวกเราจึงเห็นวา ทา นวางผา ขาวเอาไว โดยเอาดอกบัวที่ มคี นมาวางสักการะอยูเตม็ แทนวางทบั ผาขาวเอาไว ๔ มุมกันลมพัดปลิว แลวก็ไดยินหลวงพี่เกงพูดดวย นํา้ เสยี งที่ตืน่ เตนวา “พระธาตุเสดจ็ พระธาตเุ สดจ็ ” พวกเรากเ็ ห็นกับตาเปนคร้ังแรกวา มีวัตถุคอนขาง กลม คลา ยเม็ดกรวดอยู ๒ ชิน้ สดี าํ ๑ และสนี วลคอ นขางใสอีก ๑ วางอยกู ลางผา ขาวสะอาด (ตอน แรกดิฉันไมท ราบวา จะตองเรยี กหนว ยของพระธาตวุ า อะไร มารตู อนหลังวา ตอ งเรียกเปน องค เน่ืองจาก ไมเคยมีประสบการณ) ความรูสึกตอนน้นั ยากทีจ่ ะบรรยายทั้งต่ืนเตน และมี ปติมาก ดิฉัน นองเอ และ หลวงพีเ่ กง ระดมถายรูปกันใหญ น่ีเปนครั้งแรกในชีวิตท่ีเห็นความมหัศจรรยของพลังพุทธานุภาพ หรือจะอธิบายทางหลัก วิทยาศาตรวาดว ยเรอ่ื ง พลงั งาน สสาร มวลสาร หรอื อะไรก็แลว แต ที่สําคัญคือ สิ่งน้ีเปนเครื่องพิสูจนให ตัวเองไดประจกั ษช ัดยิ่งขนึ้ วา ศาสนาพทุ ธสามารถอธิบายไดจริงดวยหลกั ของวิทยาศาตร หากเราตั้งมั่นใน ศรทั ธาและดว ยจติ อันบรสิ ุทธ ไดแ ตบอกตัวเองวามันคงมเี หตุท่ที าํ ใหเราไดเ ปน สวนหน่งึ ของเรื่องดีๆ ใน คร้งั น้ี พอลงจากเขาแลว ไดแวะซื้อผอบทร่ี า นคาเครื่องทองเหลอื งขางทาง ทานพระครูนําสวดทําพิธีบรรจุ พระธาตุ ๒ องคท ร่ี านขายผอบน้นั เลย เจา ของรานเขาก็คงงงอยูเหมือนกันวาพระ ๓ – ๔ รูป กับโยม ผูหญิง ๒ คนน้ี คอื หมายถงึ ดิฉัน กับ นอ งเอ มาทาํ อะไรกนั ในรานของเขา ดฉิ ันจงึ บอกกับเจาของรานวา คณุ โชคดนี ะ พวกเรามาทําบญุ ทน่ี ่ีแลว พระธาตุเสดจ็ คณุ ไดเ ห็นสงิ่ มหศั จรรยและพิธีการบรรจุ ตัวเขา พรอมพนกั งานพอไดฟ งก็ดีใจไปกับเราดวย เขามาไหวพระธาตุ พรอ มยกถาดท่ีวางพระธาตุเทินไวบน ศรษี ะ แสดงถึงความเคารพอยางมาก เปน อนั วาพวกเราจบพิธีบรรจุพระธาตุที่รานขายครื่องทองเหลือง นั่นเอง และเดนิ ทางกลับโรงแรมดว ยความปต ิ ทามกลางเสยี งอนโุ มทนาสาธุการของทุกคนในคณะ จนถึง โรงแรมทานพระครูสมหุ จงึ เปด ผอบใหท กุ คนไดถายรปู เก็บไวเ ปน ท่รี ะลึกกันทกุ คน แตความมหัศจรรยยัง มไิ ดหมดเทา นี้ รงุ ข้นึ เม่ือทกุ คนขน้ึ รถแลว ทา นกพ็ ดู ออกไมคถ ึงสิ่งทเ่ี กดิ ขึ้นวา เพราะวาโยมเอบอกวาทานนาจะ ลองอธษิ ฐานจติ เร่ืองพระธาตดุ ู เพราะวาทา นเองกม็ ปี ระสบการณด า นน้ีอยู ทานจึงลองอธิษฐานดูวาอยาก ไดพระอรหันตธาตุของพระมหนิ ทรเถระ และพระนางสังฆมิตตาเถรี กลบั ไปบูชาท่ีประเทศไทย ก็เปนจริง ตามคําอธิษฐาน แตดูเหมือนตัวทานเองก็ไมไดตื่นเตนเทาพวกเราทุกคนเลย ทานเลาวาทานเคยมี ประสบการณใ นลกั ษณะน้ีมาบา งแลว ก็ไดเ ลา ประสบการณบ างอยางของทานใหทุกคนฟง ทานวาเมื่อคืนนี้ บางคนยงั ไมไ ดเห็นพระธาตุ เดี๋ยวจะเปด ใหดอู กี ครง้ั พอหลวงพ่วี ิโรจน (ในขณะเปรยี บเสมือนผูรักษาพระ ธาตุ) เปดผอบออกมา แลวหันมาถามทา นพระครูวาเอาพระธาตุมาใสเ พิ่มหรือเปลา น่ันคือพระธาตุเสด็จ มาเพม่ิ ในผอบจากเดมิ ๒ องค นับไดประมาณ ๒๗ องค ถาดฉิ ันจําไมผดิ แลวก็เสด็จเพิ่มทุกวัน จนมาก พอท่ีแจกใหก ับทกุ คนในคณะ ตางคนตางดีใจที่จะได พระอรหันตธาตุกลับบานกัน ทุกคนชื่นชมกับ พระธาตทุ เ่ี สด็จมาเพ่มิ ทุกวันๆ อยากไดอ งคนนั้ บาง องคน้ีบาง สีน้ัน สีน้ี ทานพระครูจึงบอกใหทุกคน เตรยี มผอบมา พวกเรากเ็ ชาสามลอ ถีบจากโรงแรมไปซ้ือที่ตลาดไดมาครบทุกคน ทานก็บอกวาใหเขียน ตําหนิ หรือหมายเลขในคณะทวั รไวใตผ อบเพื่อจะไดไ มร วู า ผอบน้นั เปนของใคร แลวใหล างทําความสะอาด ๗๗
ผอบดว ยนํ้าสะอาด แลว อธษิ ฐานจิตเอาเอง จากน้นั เอาไปใหท า นท่ีหองพัก หลวงพ่ีเ กงก็สลับผอบไปมา เหมือนลา งไพ ยงั ไง ยังง้นั แลวพรุง นค้ี อยมารับพระธาตุท่ีหอ งของทา น ทุกคนก็กลับไปพักผอน คอยลุน กนั วา จะไดองคไ หน สอี ะไร แลวรงุ เชาท่ีทกุ คนรอคอยกม็ าถึง พรอมกันท่ีหองพักของพระครูสมุห ก็ปรา กฏวา ทุกผอบมี พระธาตุอยูผอบละ ๒ องค มีอยูผอบเดียวทม่ี ี ๙ องค และเนื่องจากมีพระอาจารยบางทานไมมีผอบใส พระธาตุ จงึ มีพระธาตใุ นซองพลาสติกใส ก็ลุนกันวา อันไหนของใคร ทานพระครูสมุหทานจึงบอกวา แทจ รงิ แลว ทานไมไ ดเปน ผแู บง พระธาตุ เพยี งแตท า นอธษิ ฐานใหพ ระธาตุเสด็จเอง แลวแตบุญบารมีของ แตละคน ก็ยิ่งทาํ ใหทุกคนรซู ้งึ ถงึ ความมหัศจรรยของพระธาตุมากข้ึนไปอีก ทานพระครูจึงเลา ความฝนของ ทา นใหฟง ซง่ึ นา จะเปน นิมติ เกย่ี วกบั พระธาตุ แตด ฉิ นั จาํ ไมไ ด ซึ่งตัวดิฉนั เองก็ฝนแปลกๆ เลาใหทานฟง วา มีคนแตงตัว สวยทัง้ ผชู าย ผหู ญิง มากมายเหมือนจะไปงานบญุ มากนั ทบ่ี า นดิฉันเต็มไปหมด มาสวัสดี ดฉิ นั กต็ อนรับเปน อยางดี แลวกม็ ากินเลยี้ งกนั เต็มบา นไปหมดทุกหอ งเลย แตที่วาแปลกคือ ดิฉันไมรูจัก พวกเขาเลยซักคน ก็คดิ วา คงเปนนิมิตหมายท่ีดีที่จะไดพระธาตุกลับบาน ถึงตอนแจกผอบคืน ผูที่ได พระธาตุมากที่สุดคือ นองมน้ิ ลกู สาวคุณแหมม หัวหนา ทัวรนั่นเอง แอบถามวา อธิษฐานอะไรทําไมได เยอะ นอ งมน้ิ ตอบวา หนอู ธิษฐานวา ขอพระธาตุกลบั บาน แลวหนูสัญญาวาจะเปนเด็กดี สรุปวา ทุกคนได เทาๆ กนั มนี อ งมิ้นคนเดียวที่พิเศษกวา เพือ่ น กอนกลับเมืองไทย ในระหวางอยูบนรถทวั ร มีการใหม าเลาความรูสึกของการไดมาทําบุญคร้ังนี้ ดิฉันไดแ สดงความรสู ึกวา รสู กึ ขอบคุณพอ แมท่ีใหชีวติ ใหไ ดมาพบกับเรอ่ื งดีๆ สิ่งดๆี ขอบคุณตัวเอง ที่ ไดส รา งเหตุปจ จัยทด่ี พี อ ซง่ึ ทําใหไดมาพบเจอสิ่งอันเปนมงคลของชีวิต อีกประการหน่ึง ขอบคุณ กลั ยาณมติ รท่ดี ี ผทู เ่ี คยเกอื้ หนนุ กนั มา เคยสรางเหตุที่ดีมาดวยกัน จนทําใหตางคนตางท่ีมา แตไดมา รวมกันสรางความดี และมีประสบการณท่ีดีๆ รวมกันในเหตุการณน้ี และทานพระครูสมุหทานสรุปใน ตอนทายวา เมอ่ื ทกุ คนไดร บั รูประสบการณใ นคร้ังนีแ้ ลว ก็ควรตัดเร่ืองความลังเลสงสัย ใน ขอธรรม ท้งั หลาย และใหต ัง้ ใจปฎิบตั ิธรรมเพอื่ ท่จี ะไดบ รรลถุ งึ ส่ิงทท่ี ุกคนไดต งั้ จิตอธษิ ฐานกนั ไว วัชนันท จงสิริทวีโชค (ยยุ ) ๗๘
ประมวลภาพพระธาตเุ สดจ็ ที่ ประเทศศรลี งั กา (คร้ังท่ี ๑) ทางเดินขึ้นมหนิ ตเล ภาพทวิ ทัศน ท่สี ามารถมองเหน็ ไดจาก มหาเสยเจดยี อมั พตั ถเจดยี ๗๙
ภาพซา ย/ขวาบน –พระครสู มุหจ ิรยทุ ธ อธฉิ นฺโท ขณะน่งั สมาธิอยหู นาอมั พัตถเจดีย ภาพกลาง – พระธาตุของพระมหินทรเถระ และ พระสังฆมติ ตาเถรีที่เสด็จมาบนผาขาวทับดวย ดอกบวทง้ั ส่มี ุม ภาพซาย/ขวาลาง – พระอาจาร ยขณะบรร จุ พระธาตลุ งผอบ ทร่ี านขายเครอื่ งทองเหลือง ๘๐
พระบรมสารีรกิ ธาตุ และพระอรหันตธาตุ ที่เสด็จเพ่ิมในวันตอ มา เม่ือพ ระอาจาร ยอัญเชิญพร ะธาตุกลับ มาถึง วัดตาลเอน พระสงฆพรอมดว ยคณะผปู ฏบิ ตั ธิ รรม ตั้งแถวรอรบั พระธาตุ ๘๑
พระอาจารยอัญเชญิ พานพระธาตุ พรอมท้ังเวียน ประทกั ษณิ รอบพระอโุ บสถ พ ร ะ อ า จ า ร ย ค ณ ะ ส ง ฆ แ ล ะ ผูป ฏิบตั ิธรรม สวดมนตบูชาพระธาตุ ภายในโบสถโ ดยพระปรญิ ญา อาจาโร และพระวิโรจน จกฺกวโร บรรยายถึง เหตุการณทเ่ี กิดข้ึนทศ่ี รลี ังกา พระอาจารยนาํ พานพระธาตุเทินศรีษะ เหลา พระสงฆ และผปู ฏบิ ัติธรรม เพื่อ ความเปนสิรมิ งคล และนอมใจขอให เขาถึงธรรมะของพระศาสดา ๘๒
พระธาตุเสดจ็ ท่ี ประเทศศรลี งั กา (ครั้งท่ี ๒) ชวงวนั ท่ี ๒ – ๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๒ ระหวางการปฏิบตั ิศาสนกิจของพระครูสมุหจ ริ ยทุ ธ อธฉิ นฺโท และญาติธรรม จดหมายเรื่องเลา ของผูปฏบิ ัตธิ รรมท่อี ยูในคณะ และเหน็ เหตุการณจ ริง ๘๓
อํานาจบารมีของพระบรมสารรี ิกธาตุ กับ คําอธิษฐานของขา พเจา ดิฉันไดรับมอบหมายใหเขียนประสบการณเกี่ยวกับพระบรมสารีริกธาตุ สําหรับตัวดิฉันเองก็มี เหตกุ ารณ ๒-๓ เหตุการณเ ก่ียวกับเรือ่ งน้ี จึงขอนํามาเลา สูก นั ฟงนะคะ ในเร่ืองพระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันตธาตุ น้ัน ดิฉันเคยอานเจอในหนังสือธรรมะหลายเลม และมีโอกาสไดยินไดฟงเทศนถึงเรื่องพระบรมสารีริกธาตุมานาน แตก็แคนั้น ยังไมมีโอกาสเขาไปสัมผัส ศึกษา หรือบชู าแตอยา งใด เทาที่จําไดน้ัน เขาวากันวา บานใดหรือบุคคลใดหากไดพระบรมสารีริกธาตุมาบูชาท่ีบาน จักเปน สิริมงคลแกบานและครอบครัวอยางย่ิง และหากบานหรือครอบครัวใดท่ีสักการบูชาองค พระบรมสารีริกธาตุไมเหมาะไมควร ละท้ิงการสวดมนต ไหวพระ องคพระบรมสารีริกธาตุจะเสด็จหายไป จากบา นน้ันไดเ อง และในทางกลับกัน หากบุคคลในบานน้ันๆ สวดมนต ไหวพระ ปฏิบัติธรรม อยูในศีล ในธรรมอยูเปนเนืองๆ แลวละก็ องคพระบรมสารีริกธาตุจะเสร็จมาสถิตอยู ณ บานนั้นๆ เพิ่มขึ้นเองดุจ ปาฏหิ าริย หากถามดิฉันวา ตัวเองเชื่อในเร่ืองที่พระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุเสด็จมาอยูในบานของผูที่ ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเองดุจเนรมิตน้ันไหม และจะเสด็จหายไปเองเมื่อมีการปฏิบัติอันมิควร ขอตอบวา “เชื่อคะ” ไมร ูเ หมือนกันคะวาทําไมถึงเชื่อ ทวาตั้งแตจําความได เมื่อไดยินเรื่องเหตุอัศจรรยเก่ียวกับพระ บรมสารีริกธาตุ ก็ไมเคยนึกสงสัยหรือไมเช่ือ ไมเคยรูสึกวิจิกิจฉา (ความลังเลสงสัย) แตอยางใด ทวา อยางท่ีเกร่ินมาขางตน ในตอนน้ันดิฉันยังไมเคยไดพระบรมสารีริกธาตุมาบูชาท่ีบาน (และรูสึกเฉยๆ ไม นกึ อยากแตประการใด) แตคราใดท่มี ีโอกาส กจ็ ะไปกราบสกั การบูชาตามวัดตา งๆ อยเู นืองๆ เหตุการณหน่ึงท่ีดิฉันเช่ือวา เปนเพราะอํานาจบารมีของพระบรมสารีริกธาตุ คือเม่ือป พ.ศ. ๒๕๔๙ ดิฉนั คดิ อยากไปอินเดีย ไปกราบสกั การะ “สังเวชนียสถาน ท้ัง ๔” อยากไปกบั คุณแม พี่สะใภ และ หลานสาวทั้งสองคน ในตอนน้ันดิฉันไดยินมาวา ศจ. ดร. สุจิตรา ออนคอม (ผูเขียนหนังสือสัตวโลกยอม เปนไปตามกรรม โดยใชนามปากกาวา “สุทัสสา ออนคอม”) จะจัดทัวรไปอินเดีย แตตอมาฟงเหมือน รายการทัวรน้ีจะลมเลิกยังไงไมรู อีกทั้งดูเหมือนหลานสาวกับพี่สะใภอาจไปดวยไมได ดิฉันรูสึกหวั่นใจ มาก บอกตรงๆ นะคะวา อยากไปพรอมกับทุกคนมากทีเดียว ในชวงเวลาน้ันเอง วันท่ี ๔ - ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ ท่ีอิมแพค เมืองทองธานีไดมีการจัด “งานมหาพุทธานุภาพ ปฏิบัติบูชาสักการะพระบรม สารีริกธาตุ ๙ ประเทศ ฉลองสิริราชสมบัติ ๖๐ ปในหลวง” พอดิฉันทราบขาว จึงหาเวลาไปกราบ สักการบูชาในทนั ทที ่มี ีโอกาส กอนไปนั้นไมไดคิดอะไรมาก แคอยากไปกราบสักการะเทาน้ัน เมื่อไปถึงก็ เกิดความคดิ วาไหนๆ มาแลว จึงอธิษฐานขอใหตัวเอง และครอบครัวคือคุณแม พี่สะใภ และหลานท้ังสอง คน ไดม โี อกาสไปกราบสกั การะพระบรมสารรี ิกธาตุถึงสถานที่จริงในประเทศน้ันๆ เลย จําไมไดแลวคะวา ๙ ประเทศนี้มีประเทศใดบาง (มีอินเดียแนนอนคะ แตไมแนใจวามีศรีลังกาดวยหรือไม คิดวานาจะมีนะ คะ) หลังจากนั้นดิฉันก็ไดรับขาววา ศจ. ดร. สุจิตรา จะจัดทัวรไปอินเดียและศรีลังกาแนนอน ทุกคนท่ี ดฉิ ันอยากใหไ ปดว ยกัน ก็ไดไปดังหวังคะ ไดไปกราบสักการะองคพระบรมสารีริกธาตุ ณ สถานท่ีจริงคือ ที่ อินเดียและศรีลังกาตามคําอธิษฐาน ขอบอกตามตรงวา จริงๆ แลว คิดจะไปแคประเทศอินเดียเทาน้ัน ๘๔
เพราะตัวเองไมรูเรือ่ งเกยี่ วกับประเทศศรีลังกามากอนเลย แตในเม่ือ ศจ. ดร. สุจิตราจัดมายังไง ก็ไปยัง ง้ันคะ ตองเรียกไดวาโชคดีมาก ไดมีโอกาสไปกราบสักการบูชาพระทันตธาตุ (พระเข้ียวแกว) ขององค สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจา ท่ีวัดมัลลิกา ดาลดา หรือ วัดพระเขี้ยวแกวแหงเมืองแคนดี้ ประเทศ ศรีลังกา ขอสารภาพวา ตอนน้ันไปกันแบบไมรูความ ไมเคยตระหนักมากอนวาประเทศศรีลังกาจะมี ความสาํ คญั ทางพุทธศาสนาอยางใหญหลวง แตมาทราบในภายหลังวา ตนเองกับครอบครัวน้ันโชคดีมาก ท่ีไดไปกราบสักการะ ดังนั้นดิฉันคิดวาเหตุปจจัยหน่ึงที่ดิฉันและครอบครัวไดไป และกลับมาพรอมกับ ความปลืม้ ปติ นาจะพดู ไดว าเปนเพราะบารมขี ององคพ ระบรมสารีริกธาตุกไ็ มผ ิดคะ อีกหนึ่งเหตุการณเกี่ยวกับพระบรมสารีริกธาตุที่นาปลาบปล้ืมคะ คือดิฉันไดรับพระบรม สารีริกธาตุจาก “พระปลัดทองสุข ฐิตสีโล” เจาอาวาสศูนยปฏิบัติวิปสสนากรรมฐานวัดถ้ําพระผาคอก จังหวัดเชียงราย จําไดแมนเลยคะวาไดมาทั้งหมด ๔ องค จากน้ันนํามาบูชาท่ีบาน ก็บูชาตามปกติ ไมมี อะไรมาก (ที่บานดิฉัน คุณแมและพ่ีสะใภจะปฎิบัติกรรมฐานทุกวัน สวนดิฉันจะกําหนดสติ เจริญ กรรมฐานทุกครั้งเม่ือโอกาสอํานวย และทุกครั้งเม่ือมีเวลาและจังหวะเหมาะก็จะไปปฎิบัติกรรมฐานที่วัด อัมพวนั จงั หวัดสิงหบ ุรี อยูเสมอ) ตอมาขณะที่ดิฉันทําความสะอาดหองพระที่บาน เกิดนึกอะไรข้ึนมาไมทราบ ลองเปดผอบบรรจุ พระบรมสารีริกธาตุดูวาเปนอยางไรแลว พอเปดดูเปนตองตะลึงคะ เพราะในผอบท่ีบรรจุนั้นมีพระบรม สารีริกธาตุมากกวาเดิมหลายองคคะ จําไดนะคะวา พระอาจารยทองสุขมอบใหดิฉันเพียง ๔ องคเทาน้ัน ดิฉันจึงลองนับดูวามีเทาไร เทาที่จําไดมีพระธาตุประมาณ ๑๕ องคคะ (อาจมากกวาน้ัน จําจํานวนท่ี แนนอนไมไ ดคะ ทีแ่ นๆ คอื ๑๐ องคข้ึนไปคะ) ในตอนแรกรูสึกปติมาก ตอมาเริ่มไมแนใจวาตัวเองจําผิด หรือเปลา เรอ่ื งจาํ นวน เมือ่ มโี อกาสไดคยุ กบั พระอาจารยทองสุข จึงถามทานวา ทานใหพระบรมสารีริกธาตุ ดิฉนั มาถึง ๑๐ องคหรือเปลาคะ ทานตอบวาเปลา ทานไมไดใหมากขนาดนั้นหรอก ใหมาไมก่ีองคเทานั้น นถี่ ือเปน เหตุการณที่ ๒ ท่ที ําใหร ูสกึ ปลาบปล้มื ใจมากคะ และมอี กี เหตุการณเ ก่ยี วกับพระบรมสารีริกธาตุท่ีชวนช่ืนใจและปติอีกเร่ืองคะ ดิฉันกับคุณแมไดมี โอกาสเดินทางไปประเทศศรีลังกาอีกครั้งหน่ึง กับคณะของทานพระครูสมุหจิรยุทธ อธิฉนฺโท เจาอาวาส วัดตาลเอน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เดินทางไปเม่ือวันที่ ๒ – ๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๒ ในวันท่ี ๓ มิถุนายน คณะเราไดมีโอกาสไปกราบนมัสการพระเจดียถูปาราม ซ่ึงเปนเจดียองคแรกของศรีลังกาสราง โดยพระเจาเทวานัมปยะติสสะ และพระมหินทรเถระ ไดบรรจุพระรากขวัญเบื้องขวา (กระดูกไหปลารา ดา นขวาของพระพทุ ธเจา) และเปนสถานท่ีทําสงั คายนาคร้ังแรกในลงั กาหรือเปน ครั้งท่ี ๔ นบั จากทอ่ี ินเดยี พระรากขวัญเบ้ืองขวา (กระดูกสวนไหปลาราดานขวา) น้ีเปนหน่ึงในเจ็ดพระบรมสารีริกธาตุท่ีไม ถูกไฟไหม (อางจากคําเทศนของพระอาจารยจิรายุทธ ความวา “....เกิดอัศจรรย เตโชธาตุหรือธาตุไฟได ลกุ โชติชวงเผาไหมพ ระบรมศพ และมีพระบรมสารีริกธาตุหลงเหลืออยู.....” “...พระบรมสารีริกธาตุท่ีไม ถูกไฟไหมอ ีกสวนหนึ่งก็มี หนาผาก ไหปลาราทั้งสอง เขี้ยวทั้งสี่ อันนี้พระบรมสารีริกธาตุท้ังเจ็ดท่ีไมถูกไฟ ไหมนี้ ไดป ระดิษฐานอยใู นที่ตา งๆ ในโลก”) เม่ือไปถึงพระอาจารยนําใหพวกเราสวดมนตสักการบูชาองคพระบรมสารีริกธาตุ (อะหัง วันทามิ สารีริกะธาตุ ...) และนัง่ สมาธิ (ดิฉันจําไดว าพระอาจารยวางผาขาวเปลาๆ ไวเบื้องหนาทานดวย) พอพวก เราสวดมนตน ่ังสมาธเิ สร็จ และหันไปทางพระอาจารย ก็พบวามีพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมาอยูในผาขาวท่ี ๘๕
พระอาจารยวางพับไวกอนหนานี้ ซ่ึงถือเปนเร่ืองอัศจรรยใจและนาปติมาก จากน้ันพวกเราก็เดินทางตอ จนกระทั่งกลับเขาที่พัก และที่ล็อบบ้ีของโรงแรมท่ีพัก พวกเราขอพระอาจารยชมพระบรมสารีริกธาตุเพ่ือ เปนบุญตาอีกครั้ง และพวกเราก็ไดทําการนับจํานวนพระบรมสารีริกธาตุกัน นับไดทั้งสิ้นจํานวน ๘๖ องค (เฉพาะในคืนแรกที่ล็อบบ้ีในโรงแรม) จากน้ันพระบรมสารีริกธาตุก็เสด็จเพ่ิมจํานวนเร่ือยๆ ตลอดการ เดินทาง และในคืนสุดทาย คืนวันท่ี ๖ มิถุนายน ไดมีการนับองคพระบรมสารีริกธาตุอีกครั้ง พบวามี จํานวนเพ่มิ ขน้ึ อีกมากมาย นบั ไดถึง ๑,๑๔๕ องค ในการเดินทางครั้งน้ี ดิฉันไดเตรียมผอบสวนตัวไปดวย (สวนผูรวมคณะทานอื่นท่ีไมไดเตรียม ผอบไป ก็ไดแวะซื้อผอบไมท่ีรานขายของท่ีระลึกในเมืองโคลัมโบ) ในคืนน้ันทางคณะไดจัดผอบดวยการ เขียนช่ือของแตละคนบนกระดาษ แลววางผอบของแตละคนทับกระดาษไว จากน้ันนําไปท่ีหองพักของ พระอาจารย (จําไมไดแลววา มีการรวมตัวกันสวดมนตอันเชิญพระบรมสารีริกธาตุที่หองพักพระอาจารย กอนแยกยายหรือไม แตคุนๆ วามีการสวดมนตคะ) พระอาจารยบอกใหทุกคนกลับหองพักไปสวดมนต ปฎิบัติธรรมท่ีหองของตัวเอง พอเชาวันรุงข้ึน พวกเราไปหองพระอาจารยเพื่อดู จึงพบวาผอบเปลาที่มีช่ือ ของแตละคนนนั้ มีพระบรมสารรี กิ ธาตุบรรจอุ ยู ทุกผอบมพี ระบรมสารรี กิ ธาตุท้ังหมด ๕ องค (องคสีชมพู ๓ องค องคสขี าว ๒ องค) เหตกุ ารณทั้งหมดน้ชี างนาทึง่ นา เหลอื เชือ่ นาอัศจรรยใจมากจริงๆ คะ ดิฉันขอรับรองคะวาประสบการณที่เลาสูกันฟงน้ีเปนความจริงทุกประการ ทั้งหมดทั้งมวลที่กลาว มานี้ มิใชใหทุกทานเช่ือหรือหลงงมงายอยางขาดสติ หากแตเพื่อเผยแพรใหรับรูถึงความเปนไปที่ เกิดข้ึน โดยสวนตัวแลว ดิฉันยึดม่ันและเช่ือเสมอมาคะวา ส่ิงท่ีเราควรยึดมั่นน้ัน มิใชพระบรมสารีริกธาตุ มิใชพ ระเครอื่ ง เคร่ืองรางของขลังแตอยา งใด แตเปนพระรัตนตรัยเทาน้ันที่เราควรยึดมั่นเปนสรณะ อัน น้ีเปนคําสอนท่ีดิฉันไดจากพระเดชพระคุณหลวงพอจรัญ ฐิตธมโม เจาอาวาสวันอัมพวัน จังหวัดสิงหบุรี ซ่งึ ดฉิ ันนอ มนาํ คาํ สอนของหลวงพอ มาไวในใจเสมอ ภาริษา มธุรพงศากลุ ๑๓ กุมภาพันธ พ.ศ. ๒๕๕๕ คณุ ภาริษา มธุรพงศากุล (อร) ถา ยรูปคูกบั คณุ แม หนาถํา้ ดมั บลุ ลา ประเทศศรลี ังกา ๘๖
ความเชอ่ื …. ดิฉันเปนนักวิทยาศาสตร ทางเคมีและสถิติประยุกต ความเชื่อทุกอยางตองมีเหตุผลพิสูจนได สําหรับเร่ืองพระธาตุน้ันไดฟงมาบางนานแลวแตก็เฉยๆ แมแตเรื่องที่พระอาจารยทานสามารถเชิญ พระธาตุมาได (คําบอกเลาจากเพ่ือนผูปฏิบัติธรรม เม่ือทานยังอยูวัดอัมพวัน) ดิฉันก็ไมคอยสนใจเทาใด นัก สนใจแตว าทา นเปน พระอาจารยสอนและตอบปญหากรรมฐานไดเทานั้น จนมาเม่ือไดเดินทางไปพมา และศรีลังกาโดยทานเดินทางไปดวย ความอัศจรรยก็เกิดขึ้นคือ ในขณะท่ีเราไดไปน่ังภาวนากันตาม พุทธสถานที่สําคัญๆ ในประเทศดังกลาวน้ันไดมีพระธาตุเสด็จมา ในระยะหลังน้ีดิฉันก็ไดพบเหตุการณ พระธาตุเสด็จบาง เชน หลนลงมาจากอากาศก็มีตอหนาครูอาจารย และไดยินเรื่องราวพระธาตุ ครูบาอาจารยห ลายองค เชน เลือดหลวงตาพวง เปนพระธาตุ (ดไู ดท่ีโรงพยาบาลวชิ ยั ยุทธ) และไดมีความรูเพิ่มเติมเก่ียวกับพระอรหันตธาตุอีก เชน พระอรหันตที่ทานบรรลุธรรมไดเร็ว และมีชีวิตอยูนานนั้นสรีระทานจะมีการฟอกใหเปนพระธาตุ แตถาทานเพ่ิงบรรลุธรรมไมนานและ มรณภาพไป สรีระยงั ไมท นั เปลย่ี นมากกส็ งั เกตไมไดมาก แตก ระดูกหรือเถา จะขาวกวา ปกติ สาํ หรบั ดฉิ นั คดิ วา ตราบใดที่จิตใจชาวพุทธยงั มี “พทุ ธะ” อยใู นใจ เรอื่ งราวพระธาตกุ ย็ ังคงมี บุญเรอื ง ตง้ั ตรงสากล คณุ บญุ เรอื ง ตง้ั ตรงสากล ถายรูปกับคูบาวสาวชาวศรลี ังกาในชดุ พื้นเมอื ง ๘๗
ประสบการณที่มีตอพระบรมสารรี กิ ธาตุ ขาพเจาเคยไดยินเรื่องเลาหลายครั้งถึงพลานุภาพของการเสด็จมาและเสด็จกลับไดเองขององค พระบรมสารีริกธาตุ ซ่ึงขึ้นอยูกับตัวบุคคลผูน้ันเองวา ทานเปนผูที่ประพฤติดี ปฎิบัติธรรม สวดมนตไหว พระและทาํ ตามคาํ สอนขององคสมเดจ็ พระสัมมาสัมพทุ ธเจา หรือไม ถาถามวา ขาพเจาเช่ือตั้งแตคร้ังแรกที่ไดยินเร่ืองพระบรมสารีริกธาตุน้ีหรือไม ก็คงตองบอกวา เชื่อ แตเปนความเชื่อท่ีแฝงดวยความสงสัย อยากรู และเชื่อเพราะคนที่เลานั้นนาเชื่อถือ แตก็ไมได เช่ือแบบเต็มหัวจิดหัวใจจากความรูสึกลึกๆ ของตัวเองจริงๆ จนกระท่ังขาพเจาไดไปเปนเจาภาพถวาย เพลพระท่วี ดั อมั พวนั ในชวงวนั เกดิ เมื่อประมาณป พ.ศ. ๒๕๔๙ หลวงพี่ที่ขา พเจา ไดเปนเจาภาพบวชใหท่ี วดั อัมพวัน ไดม อบพระบรมสารรี กิ ธาตใุ หข าพเจา จาํ นวน ๑๖ องค ใหขาพเจามาบูชาที่บาน ซ่ึงขาพเจารูสึก ดีใจมาก เพราะเปน คร้ังแรกทีไ่ ดมีพระบรมสารีรกิ ธาตุมาบูชาเปนของตนเอง และขาพเจาไดเก็บบูชาไวบน ช้นั บนสุดของหิ้งพระท่ีบาน ในชวงนั้นขาพเจาไดสวดมนต ไหวพระ ปฎิบัติธรรมตามปกติเรื่อยมา และจําไดวาในวัน สงกรานตของปถัดมา ขาพเจาไดทําความสะอาดหองพระ และนําพระท้ังหมดลงมาสรงนํ้าตามประเพณี เชน เดิม รวมถงึ ไดท ําความสะอาดผอบที่บรรจุองคพระบรมสารีริกธาตุนี้ดวย และแลวในวันนั้น ขาพเจาก็ ไดพบเห็นส่ิงอัศจรรย คือ มีพระบรมสารีริกธาตุจํานวนมากอยูในผอบ ซึ่งดูดวยตาแลวมากกวาท่ี ขาพเจาเคยไดรับมาอยางแนนอน ขาพเจารูสึกต่ืนเตน ดีใจ ปลาบปล้ืมใจอยางบอกไมถูก จึงไดตะโกน บอกปากับแมวาพระธาตุเสด็จ พระธาตุเสด็จมาเพิ่มจริงๆ ดวย ขาพเจาจึงไดลองนับจํานวนดู ก็ไดอยู ประมาณ ๓๒ องค นเี่ ปนครง้ั แรกทีข่ า พเจามปี ระสบการณต รง ในการสมั ผสั ถงึ บารมแี หงพทุ ธานุภาพ และ ขาพเจาก็สามารถท่ีจะบอกกับทุกคนไดเต็มปาก จากจิตจากใจอยางไมตองมีขอสงสัยอีกเลยวา พระบรม สารรี กิ ธาตมุ อี ยจู ริง ทานสามารถเสด็จมาเพม่ิ ไดจ ริงๆ ถาเราปฎบิ ตั ดิ ี สวดมนต ไหวพระอยูเ ปนประจํา และอีกคร้ังหน่ึง ขาพเจาไดรับพระบรมสารีริกธาตุมาจากหลวงปูทองพูน และจาก คณุ ลงุ บรรเจิด จันทรเชื้อ ขาพเจาจึงไดนําใสพานเล็กแยกไวบูชา เนื่องจากไดมาทีหลังจึงยังไมสามารถปน นําขึ้นไปวางรวมไวใ นพานใหญทข่ี าพเจา ไดบ ชู าพระบรมสารีรกิ ธาตุท้ังหลายที่ไดม ากอนหนานี้ (ขาพเจาจะ นาํ พานลงมา สรงนาํ้ ปล ะครั้งในวนั สงกรานต) และมอี ยูคืนหน่ึง หลังจากขาพเจาสวดมนตและปฎิบัติธรรม และแผเมตตาเสร็จ ขาพเจาก็นึกถึงคําท่ีหลวงปูทองพูน ทานบอกขาพเจาในวันที่ทานมอบพระบรม สารีรกิ ธาตุใหวา “พระบรมสารรี กิ ธาตุ ทา นชอบอิติปโส ๑๐๘” (ขาพเจาไดปฎิบัติธรรมและสวดอิติป โส ๑๐๘ ตอเน่ืองมาเปน เวลาเกือบ ๒ เดือนแลว) ขาพเจาจึงลุกข้ึนมาหยิบพานเล็กที่ใสพระบรมสารีริกธาตุท่ีไดรับจากหลวงปูและลุงบรรเจิดมาดู และสิ่งที่ขาพเจาเห็น คือ พระบรมสารีริกธาตุท่ีเปนสัณฐานเมล็ดขาวสารท่ีไดมาจากหลวงปูน้ัน มี ขนาดใหญและกวางข้ึนจนเปนลักษณะออกส่ีเหล่ียมและเปนสีขาวนวลสวยงามข้ึนจํานวนหลายองค และของคุณลุงเจิดที่ขาพเจาไดมา อยูในขวดเล็กๆ เปนพระบรมสารีริกธาตุสัณฐาน เมล็ดขาวสาร ๒ องค พรอมท้ังพระโลหิตธาตุจํานวนมาก (ไมไดนับจํานวนองค) ซึ่งพอขาพเจาไดหยิบขึ้นมาดู พระบรม สารีริกธาตุที่เปนเมล็ดขาวสารนั้น มีลักษณะสีขาวแวววับ เหมือนงาชางสวยงามมากทั้งสององค ซ่ึงทําให ขา พเจามีความปลม้ื ปต เิ ปนย่ิงนัก วาพระพทุ ธองคท านทรงเมตตาไดแสดงพุทธานุภาพใหหมูเวไนยสัตว ๘๘
เช่ือมั่นตอพระธรรมคําสอน และประพฤติ ปฎิบัติตามท่ีทานไดสอนไว เราก็จะสามารถหลุดพนจาก ทกุ ขน ้ไี ปได และอีกหน่ึงประสบการณท่ีสําคัญ และเปนที่ประทับใจของขาพเจาเปนอยางมาก และไมมีวันลืม เลย เกี่ยวกับการเสด็จมาขององคพระบรมสารีริกธาตุ คือ เมื่อครั้งท่ีขาพเจาติดตามพระอาจารย (พระครสู มุหจิรยทุ ธ อธิฉนฺโท) ไปประเทศศรลี งั กา ในเดอื นมถิ นุ ายน ป พ.ศ. ๒๕๕๒ เพื่อไปงานฉลองใน การถวายพระพุทธรปู ใหแกวัดในประเทศศรีลังกา (จาํ ไดวาเปน ทริปทีข่ าพเจาบอกผูอ่ืนวาเปนทริปที่วิเศษ มาก เพราะขาพเจามีความอ่ิมเอมใจ มีปติสุข นํ้าตาไหลพรากทุกๆ วัน และรูสึกถึงคุณของพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ และคงจริงดั่งท่ีพระอาจารยทานเคยกลาวใหฟงวา ศรีลังกาเปนประเทศที่ พระพุทธศาสนาเจริญอยา งมาก เมอ่ื ไปแลว กร็ ูสกึ และสัมผสั ไดวาเปนเชนน้ันจรงิ ๆ) ในการไปศรลี ังกา พระอาจารยทา นไดนาํ พวกเราไหวพระสวดมนต และเจริญสมาธิภาวนาแทบจะ ทุกท่ีๆ เวลาและโอกาสอํานวย ในวันแรกของการเดินทาง ณ เจดียถูปาราม ซ่ึงเปนท่ีประดิษฐานของ กระดูกไหปลาราของพระพุทธเจา หลังจากพระอาจารยใหพวกเราสวดมนตและเจริญจิตภาวนาอยูราว ๓๐ นาที หลงั จากลมื ตา พวกเราก็ไดพบสิ่งอัศจรรยวา พระธาตุทานไดเสด็จมาในผาขาวของพระอาจารย ท่ีวางอยูเบื้องหนา ทุกคนตางตื่นเตน ปลาบปลื้ม ปติ ยินดี ท่ีไดสัมผัสพลังแหงพุทธานุภาพ ในดินแดน ศกั ดส์ิ ทิ ธเ์ิ ชน น้ี ตลอดระยะเวลาท่ีอยูในประเทศศรีลังกา ทุกๆ วันขาพเจาไดสัมผัสถึงพลังอันศักดิ์สิทธ์ิของ พุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ และเอิบอ่ิมใจยิ่งนักท่ีไดสัมผัสประสบการณเห็นพระบรม สารีรกิ ธาตุที่ทานเสด็จมาเพ่ิมข้ึน เพิ่มขึ้นทุกๆ วัน มีสี และสัณฐานท่ีสวยงามแตกตางกันมากมาย ประทับ จิตประทบั ใจเหลอื เกนิ จากจํานวนสบิ เปนรอ ย จากรอ ยเปน พันองค ซ่ึงขาพเจาคิดวาตัวเองโชคดีเปนอยาง มากที่ไดมีโอกาสเห็นองคทานอยางใกลชิด เพราะเปนคนชวยพระอาจารยถือท่ีสองไฟ (ในคืนแรกที่ ล็อบบ)้ี และชวยนับ และจดบันทึกจํานวนองคพระธาตุท่ีเสด็จมาทั้งหมดในคืนวันที่ ๖ มิถุนายน ยังจําได วา สนทิ ใจวา จาํ นวนทงั้ หมดท่ีนับไดคือ ๑,๑๔๕ องค ชางเปนบุญของขาพเจาจริงๆ ที่มีโอกาสไดเห็นและ ไดส มั ผัสประสบการณเชนน้ี หลังจากนั้นคืนสดุ ทายกอ นกลับ พระอาจารยบ อกพวกเราใหเตรยี มติดช่ือใตผอบเอาไวแลวฝากไว ในหองทาน แลว ใหทุกคนกลับไปสวดมนต ปฎิบัติธรรมที่หองของตัวเองเพ่ืออธิษฐานจิตใหพระธาตุเสด็จ เอง แลวแตบุญบารมีแตละคน เพ่ือจะไดนํากลับไปบูชาที่บานได ขาพเจาจําไดเลยวาต่ืนเตน และพูดกับ พอลล่ีวา ถาในผอบเราไมม พี ระธาตุเสด็จตองเศรามากแนเลย แลวก็ชวนกันสวดมนต น่ังสมาธิ เพื่อทําให ดีที่สุด ปรากฏวา ตอนเชาก็ไปดูผอบตัวเองในหองพระอาจารยกัน ก็จําไดวา เห็นพระบรมสารีริกธาตุทาน เสด็จในทุกผอบ จาํ นวน ๕ องคเทากนั มีสีชมพใู สสวยงามมาก ๓ องค และก็เปนผลึกแกวสีขาวใส ๒ องค ตางกันออกไปในแตละคน ขาพเจารูสึกดีใจ ปลาบปล้ืมใจ และระลึกถึงคุณของพระพุทธองคเปนย่ิงนักวา พระองคท า นทรงมีพระมหากรุณาธคิ ณุ และพระเมตตาอยา งมากมายที่ไดเสดจ็ มาใหทุกคนไดรับในจํานวน องคที่เทาๆ กัน โดยไมทําใหใครตองรูสึกแตกตางจากใครในเรื่องของบุญบารมี หลีกเลี่ยงสิ่งท่ีจะทําให พวกเราเกิดอกศุ ลจิตได ทา นชา งมีนาํ้ พระทยั ท่เี ปยมดว ยความเมตตาอยางหาท่ีเปรียบมิไดเลยจรงิ ๆ ขาพเจาอยากบอกวา ขาพเจาไมมีความสงสัยหรือคลางแคลงใจใดๆทั้งส้ินที่เก่ียวกับพลานุ ภาพของพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ และขาพเจาจะตั้งจิต ต้ังใจ พากเพียรพยายาม ๘๙
ประพฤติดี ปฏิบัติชอบและดําเนินรอยตามคําสอนขององคพระศาสดา ไปจนกวาจะบรรลุถึงจุดหมายอัน เปน ทีส่ ิ้นไปแหง กเิ ลส คือ พระนพิ พานดวยเทอญ วรรณภา พิพัฒนางกรู คุณวรรณภา พิพัฒนางกูร (หญิง) ถายรปู หนาพระพทุ ธรปู ปางราํ พึง ท่ี กัลวหิ าร เมอื งโปโลนนารุวะ ประเทศศรีลังกา ๙๐
ประสบการณพระบรมสารีริกธาตุ ขา พเจา ไมเคยเขา ใจ ซาบซ้งึ หรอื ปลืม้ ปติกับคาํ วา “พระบรมสารีริกธาตุ” รูแตวาถาเมื่อใดมีขาวลง หนาหนังสือพิมพวา มกี ารอัญเชญิ พระบรมสารีริกธาตุมาจากประเทศตางๆ ขาพเจาก็จะเห็นผูคนมากมาย พากันชวนไปกราบไหวบูชา และถาย่ิงมีโอกาสไดอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุกลับไปบูชาที่บาน ผูคน เหลานั้นกด็ จู ะพากนั ปลาบปล้ืมปตริ าวกบั ไดส มบัติอนั ลํ้าคา กลับไปบูชาอยา งไรอยางนัน้ จนขาพเจาไดมีโอกาสรวมทริปไปศรีลังกากับคณะพระครูสมุหจิรยุทธ อธิฉนฺโท ทานเจาอาวาส วัดตาลเอน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพ่ืออัญเชิญพระพุทธรูปจากประเทศไทยที่ทานเมตตามอบใหไป ประดิษฐานยังวัดท่ีประเทศศรีลังกา เมื่อไหนๆ ตองไปประเทศศรีลังกาแลว ทานจึงปรารถนาจะใหญาติ โยมไดมีโอกาสนมัสการสิ่งศักด์ิสิทธิ์และโบราณสถานที่สําคัญหลายๆ ท่ี เพื่อใหทริปนี้เปนทริปที่พวกเรา ลูกศิษยและญาติโยมไดบุญสมกับความต้ังใจ เม่ือไปในแตละที่ ทานจะนําคณะน่ังสวดมนตเพื่อบูชาสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ ณ สถานที่น้ันๆ ท่ีแลวที่เลา ชาวคณะไมไดมีอาการเหน็ดเหน่ือย แตกลับรูสึกปลาบปลื้มเปน อยางมาก ทุกที่ๆ ขาพเจาไดมีโอกาสไปน้ําตาจะไหลพรากๆ อันเนื่องมาจากความปลื้มปติที่ขาพเจาเองก็ บอกไมถ ูกเหมอื นกนั วาเพราะอะไร รแู ตวา ขา พเจาสัมผัสไดถ ึงกระแสแหงความเย็น และศักด์ิสิทธ์ิท่ีมาจาก สถานทีต่ า งๆ เหลา นัน้ ในชวงเย็นวันแรกของการกราบไหวพระ และเจดียศักดิ์สิทธิ์ในประเทศศรีลังกา พวกเราไป นมัสการเจดียแหงหนึ่ง แตขาพเจาตองขอโทษทานผูอานดวยที่จําชื่อสถานท่ีไมไดจริงๆ แตเหตุการณท่ี ขา พเจาลืมไมลงเลยก็ไดเ กิดข้ึนคอื ...พระอาจารยทา นจะนําสวดมนตบูชาส่ิงศักดิ์สิทธ์ิเหมือนเดิม แตกอนที่ จะนําสวดทานก็ไดบอกพวกเราวาใหต้ังจิตอธิษฐานอัญเชิญพระธาตุ และทานก็ไดปูผาขาวสะอาดบริสุทธ์ิ ผืนหน่ึงลงตรงหนาของทาน อันเน่ืองมาจากขาพเจาบุญนอย ขาพเจาจึงไมไดคาดหวังอะไร แตลึกๆ ขาพเจาก็แอบอยากรูวาพระธาตุทานจะเสด็จมาหรือไม จนเมื่อลืมตาและพระอาจารยทานกางผาออกดู พวกเราทุกคนก็เห็นเปนประจักษพยานวา ภายใตผาขาวดานใน มีหินท่ีมีลักษณะขาวขุนกอน เล็กๆ กระจายอยูในผา แตล ะกอนมีรปู พรรณสัณฐานท่ีแตกตา งกันไป ขาพเจาตอนน้ันยังงงๆ แตก็ตกใจเพราะ ขาพเจาเห็นแนๆ วากอนหนาน้ัน ผานั้นไมมีอะไร และไมมีใครทําอะไรกับผาท้ังสิ้น ทวา....แลวหินกอน เล็กๆ พวกน้ีมาจากไหน พวกเราพากันรุมถายรูปพระธาตุ ซึ่งขาพเจามารูจากพระอาจารยในภายหลังวา นั่นคือพระบรมสารีริกธาตุที่ทานเสดจ็ มา เทานั้นยังไมพอ หลังจากท่ีพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมาในวันแรกแลว วันตอๆ มาเราก็ไดเห็นวา ทานยังเสด็จมาอีกหลายพระองค โดยมาปรากฏในผอบของพระอาจารยในรูปแบบและรูปลักษณะตางๆ ยังความแปลกใจ และซาบซ้ึงมาสูคณะของเราเปนอยางยิ่ง ในชวงเวลานั้นทําใหขาพเจาไดเห็นและเรียนรู วา พระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตทุ านมแี ละมาในรูปแบบตางๆ มากมาย จากที่เคยสงสัยวาเปนไปได เหรอที่อยูๆ ทานจะเสด็จมา ตอนนี้ขาพเจาไดหมดขอกังขา เพราะขาพเจาไดเห็นดวยตาตนเองที่ ประเทศศรลี งั กาแหง นี้ ในเย็นวันหนง่ึ ซ่งึ ใกลวนั ที่จะกลบั เมืองไทย พวกเราชาวคณะไดแวะรานขายของฝาก ชาวคณะตาง กพ็ ากันไปหาซ้ือผอบไมแกะสลักเปนรปู เจดยี เล็กๆ วากันวา เผ่อื พระอาจารยจ ะอัญเชญิ พระธาตุมาใหพ วก ๙๑
เราบาง ตอนนั้นขาพเจาก็ไมไดสนใจอะไรมาก แตก็เดินตามไปดู ไมไดคิดจะซื้ออะไรกับเคาเลย....แต โชคดที ่ีขาพเจา ไดก ัลยาณมติ รเพ่อื นรกั ของขาพเจา ทซ่ี อื้ ผอบเผอ่ื ให หนาํ ซ้ํายงั ยดั เยยี ดใหข า พเจาอีก คืนนั้นพระอาจารยทานจึงเมตตาบอกพวกเราวา ใหเอาผอบของพวกเรามาวางรวมกัน แลวให คณะมารวมตัวกันเพื่อสวดมนตถวายใหแดพระบรมสารีริกธาตุ ฉับพลันน้ันเองขาพเจาตองรีบหันไป ขอบคุณกัลยาณมิตรเพื่อนรักของขาพเจา คือ คุณวรรณภา พิพัฒนางกูรที่ซ้ือผอบใหกับขาพเจา เพราะ ทําใหขาพเจามีผอบไปวางกับชาวคณะเหมือนกัน แตก็แอบทําใจวา เราบุญนอย ทานอาจไมเสด็จมาใน ผอบเราก็ได เพราะผอบใครก็ผอบมัน แตล ะคนก็จะทําสญั ลกั ษณหรือแปะชื่อไวเพื่อใหรูวาผอบน้ีเปนของ เรา และคืนน้นั พวกเรากไ็ ปรวมตัวกนั เพ่อื สวดมนต และแยกยายกนั ไปเขา นอน หลังจากนั้นในตอนเชา พวกขาพเจาก็ตองตกใจ เพราะพระอาจารยทานแจงใหพวกเราทราบวา ผอบของทกุ คนมีพระบรมสารรี ิกธาตุเสด็จมา และทา นไมเสดจ็ มาใหน อยใจ ทาํ ใหตอ งยิ่งตกใจวาทานเสด็จ มาอยา งยตุ ธิ รรมและเทา เทียม ทั้งรปู ลักษณ ขนาดและจาํ นวน ทกุ คนไดพ ระบรมสารีริกธาตุจํานวน ๕ องค เทากัน ไมมีใครไดมากกวานอยกวา และใน ๕ องคที่ทุกคนไดก็แบงเปน ๒ แบบท่ีแตกตาง โดยทุกคนได ๒ แบบที่แตกตางกันเหมือนกันหมด ทําใหขาพเจาทึ่งวา แมจะมีจํานวนคนมาก วางผอบในรูปแบบท่ี แตกตาง แตทานก็ใหความยุติธรรมเทาเทียมคือ เสด็จมาเมตตาพวกเราทุกคนอยางเสมอภาค ในใจ ขาพเจา ลกึ ๆ ก็นกึ ดีใจมากๆ และปลาบปลืม้ ปต ิ แมจะไมร ูเหตผุ ลทีแ่ ทจ ริงวา ทําไมทานเสด็จมาเหมือนกัน หมด แตก็แอบคิดวาทานชางยุติธรรม และเมตตาพวกเราทุกคนจริงๆ และน่ันเปนครั้งแรกที่ทําให ขา พเจาไดต ระหนกั ถงึ พทุ ธานุภาพพลังอันศักด์สิ ิทธข์ิ องพระบรมสารีริกธาตุ จากวันนน้ั จนถึงวันนี้ แมวา ขา พเจา จะไมไดมีโอกาสประสบกับเหตุการณการเสด็จมาของพระบรม สารีริกธาตุอีก แตขาพเจาก็หมดทุกขอสงสัย และวันนี้ผอบของพระบรมสารีริกธาตุที่ขาพเจาอัญเชิญ กลับมาบูชาท่ีบาน ซ่ึงคุณแมของขาพเจาก็ไดหม่ันสวดมนตบูชา และเปล่ียนนํ้าถวายแดทานอยูเปนประจํา คุณแมจะหมั่นแวะมาดูวา ทานเสด็จมาเพ่ิมบางหรือไม แตไมวาทานจะเสด็จมาเพิ่มอีกหรือไม เหตุการณ ครั้งนั้นก็เปนเหตุการณท่ีขาพเจาไมมีวันลืมเลือนถึงพุทธานุภาพของพระบรมสารีริกธาตุ แมวาจะผานมา นานถึง ๓ ปแ ลวกต็ าม วรินทรธ ร ปยทัชอังกว รา คณุ วรินทรธ ร ปย ทัชอังกวรา (พอลล)ี่ นอ มสักการะพระพทุ ธมหาจกั รพรรดิ ทีถ่ วายแด วดั นาคารุกขาราม ประเทศศรีลงั กา ๙๒
พระบรมสารรี ิกธาตุ ประเทศศรีลังกา เปนประเทศท่ีไมเคยอยูในความนึกคิดของขาพเจาที่จะไปเยี่ยมเยียน ไมวาจะ ดว ยเหตุผลใดๆ แตแลววันหน่ึงหลานสาวของขาพเจาก็โทรศัพทมาหา และเลาใหฟงวา มีเพ่ือนของเพื่อน คนหน่ึงเปน คนศรลี ังกา อยากไดพระพุทธรูป และจะเดินทางมาเมืองไทย โดยขอใหเพื่อนของหลานพาไป หาเชาพระ เพื่อนของหลานจึงโทรมาหาหลานสาวขาพเจา และปรึกษากันวาจะพาไปเชาพระไดจากท่ีไหน ซ่ึงทุกคนก็ลงความเห็นกันวา ใหลองคุยกับพระอาจารยจิรยุทธ เจาอาวาสวัดตาลเอนดู เพราะเห็นที่วัดมี คนนําพระพทุ ธรปู มาถวายมากมาย เพ่อื นของหลานขาพเจาก็ไปคุยกับพระอาจารย ปรากฏวาพระอาจารย ทานก็เมตตาใหพระองคหน่ึงซ่ึงใหญมาก ซ่ึงเพ่ือนที่ศรีลังกาพอทราบเรื่องก็ดีใจมาก และเตรียมจัดงาน ฉลองพระ พรอมกับนิมนตพระอาจารยไ ปรว มฉลองดว ย ขาพเจาก็บอกกับหลานสาวทันที โดยหลานยังเลา ไมท ันจบวา “ขอไปดวย” การไปทริปศรีลังกาคราวน้ัน มีเพื่อนรวมทริปประมาณ ๒๕ คน ชาวศรีลังกาใหการตอนรับพวก เราอยางดี ขาพเจาคิดวาเขาใหเกียรติพวกเรามาก ตอนที่พระอาจารยทําพิธีเปดมาน ทําใหพวกเราทุกคน เห็นองคพระเปนคร้ังแรก เปนพระพุทธรูปทรงเครื่องจักรพรรดิ องคใหญและงามมาก ขาพเจาเกิดความ ปลม้ื ปติอยา งบอกไมถ ูก ทําใหนา้ํ ตาไหลพราก กลนั้ ไมอ ยจู ริงๆ เหมือนธรรมะจัดสรรใหพวกเรานําความ ปรารถนาดไี ปใหค นศรีลงั กาจรงิ ๆ เลย นอกจากน้ีขาพเจายังเกิดความต่ืนเตนเกี่ยวกับการเสด็จมาของพระบรมสารีริกธาตุ และพระ อรหันตธาตุตา งๆ ซง่ึ ทา นเสดจ็ มาทุกวัน จนวันสุดทายนับไดมากกวาหน่ึงพันองค อัศจรรยจริงๆ และส่ิงท่ี ทําใหขาพเจาต่ืนเตน ดีใจ ชื่นใจ ปลื้มใจ เปนที่สุด ก็คือเชาวันท่ีพวกเราจะเดินทางกลับบาน ซ่ึงพระบรม สารีริกธาตุ ทานเสด็จมาในผอบของพวกเราทุกคน คนละ ๕ องคเทาๆ กัน เปนสีชมพูออนใส และขาว เหมือนกันหมดทกุ คน ขาพเจา นองวี (คุณสุรียพร โอริส) นองจิ๋ม (คุณวันเพ็ญ ลีลาสถาพรกิจ) ตางกอดกันรองไหดวย ความดีใจ ปล้ืมปติเปนท่ีสุด พวกเราทุกคนตางก็มีความสุขกันมาก และตางก็ประทับใจกับการไปศรีลังกา ครั้งนั้นไมรูลมื ภณินทจันทร พิพฒั นางกรู ภาพซา ย – เรียงลาํ ดับจากซายมือ คณุ วรนิ ทรธ ร ปย ทชั อังกว รา (พอลล)ี่ คณุ วรรณภา พิพฒั นางกรู (หญงิ ) คณุ ภณินทจันทร พิพฒั นางกูร (อาเล็ก) ๙๓
เพราะมีสติ ถึงไดพบพระบรมสารีริกธาตุ วนั จันทรท่ี ๖ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๕๓ กราบนมัสการทานพระอาจารยจ ิรยุทธ ทเ่ี คารพอยา งสูง ตามท่ีพระอาจารยไดนําพาคณะญาติธรรมไปประเทศศรีลังกา ระหวางวันที่ ๒ – ๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๒ ในการนไี้ ดม ีโอกาสไปกราบสกั การะสถานทีศ่ กั ด์ิสทิ ธิ์หลายแหง มีพระเข้ียวแกว เปนตน และ จดุ หมายท่ีสําคัญ คือ การไปสมโภชนพระประธานทรงเครื่องจักรพรรดิที่ทางวัดตาลเอน โดยพระอาจารย จิรยุทธ พรอมเหลาญาติธรรมไดมอบถวายวัดท่ีประเทศศรีลังกา กอนหนาน้ีขาพเจาไมทราบมาเลยวามี กิจกรรมอันเปนมหามงคลมหากุศลน้ีเกิดขึ้น รูสึกวามาทราบตอนที่นําปจจัยไปถวายพระอาจารยในการ สรางกฏุ ิกรรมฐาน กลบั มาถงึ บานกย็ งั ไมไ ดค ดิ อะไร ไมไ ดสนใจท่จี ะไป พอวนั ตอ มาขณะปฏิบตั ิกรรมฐานที่ บา น กาํ ลงั นัง่ สมาธิ อยูๆ สตภิ ายในกผ็ ุดข้ึนมาวา ทาํ ไมไมรว มเดนิ ทางไปสมโภชนพระครั้งน้ี เพราะเปนบุญ ใหญมาก แมหากภายภาคหนาตองการจะไปกราบสักการะบูชาสถานท่ีศักดิ์สิทธิ์และสําคัญในทาง พระพุทธศาสนา แตโอกาสท่ีจะไดไปสมโภชนพระ มอบถวายพระประธาน อาจจะไมไดไปอีก โอกาส แบบน้ีหายากมาก อาจเปนคร้ังเดียวในชีวิต เมื่อสติภายในบอกเชนนี้ พอออกจากสมาธิ ขาพเจารีบโทร ติดตอหาบุคคลท่ีรูจัก ท่ีคิดวาพอจะสามารถชวยใหขาพเจาไดรวมเดินทางไปคร้ังนี้ได ขาพเจาไดอธิษฐาน จิตขอกําลังบุญที่ขาพเจาไดบําเพ็ญมา จงเปนพลวปจจัยชวยใหขาพเจาไดไปรวมบุญน้ีดวยเถิด เพราะอีก ประมาณ ๑ สัปดาห คณะญาติธรรมก็จะออกเดินทางไปแลว เปนชวงเวลาท่ีกระช้ันชิดมากสําหรับขาพเจา เพราะไมรูว าจะมีทนี่ ั่งสาํ หรบั ขา พเจา หรือเปลา ตอ งขอขอบคุณ คณุ นิภาพร พ่เี ลก็ นอ งหญิง นองอร เพราะ ทานเหลา นมี้ ีสว นสาํ คญั ทท่ี าํ ใหข า พเจา สามารถเดนิ ทางไปได เม่ือไดไ ปกค็ มุ คาสําหรับการเดนิ ทางจริงๆ ไดเ ห็นพระบรมสารีรกิ ธาตุเสด็จมา ยังความปลาบปลื้ม ปติใหกับทุกคนในคณะ ขาพเจาถึงกับนํ้าตาไหล พระธาตุเสด็จมาจํานวนมาก มีหลายสัณฐาน หลายสี ขาพเจาไดบันทึกเปนดีวีดีไว และไดมอบใหทุกคนในคณะคนละ ๑ ชุด คืนวันกอนท่ีจะเดินทางกลับ พระอาจารยใ หทุกคนปฏบิ ัติธรรมในหอ งของตนเอง โดยนําผอบของแตละคนมาฝากไวท่ีหองพระอาจารย พอรงุ เชาปรากฏวา พระธาตเุ สดจ็ ทุกผอบในจํานวนเทาๆ กัน ยงั ความปตยิ นิ ดกี บั ทุกคนย่ิงนัก ขาพเจา พ่ีวี พีเ่ ลก็ กอดกนั รองไห ดีใจเปนที่สดุ เพราะกอ นหนาที่จะทราบวาพระธาตุเสด็จทุกผอบ ขาพเจาก็รูสึกกังวล ใจไมรวู าจะมีบญุ ไดร ับพระธาตหุ รือเปลา แตพอรูว าพระธาตุทานเสด็จมาโปรดพวกเราทุกคน ปติยินดีมาก วันกอนออกเดินทางมาท่ีน่ี ขาพเจาไดนําผารองกราบสีขาวมาฝากทุกคน แลววันกลับผารองกราบผืนนี้ บางคนไดใชป ระโยชนในการอัญเชิญเสด็จพระธาตกุ ลับบาน นับวา เปนประโยชนอ ยา งย่ิง พระอาจารยท า นไดใหพวกเราทกุ คนไดพูดบอกความรูส กึ ในการเดินทางมาครง้ั นี้ ระหวางทางท่ีอยู ในรถ ขา พเจา กไ็ ดบรรยายความรูส ึกไปหมดแลว แตข อนํามาเขียนอยางยอๆ ในครั้งน้ีวา บุญนําพาจัดสรร ใหพ วกเรา ไดม าสรา งบารมใี นครั้งนี้ และเหตุการณมหากศุ ลน้ี จะไมมีวันลืมไปจากใจจนตลอดชีวิต นับวา พวกเรามีบุญอยางมากที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ไดประพฤติปฏิบัติธรรม ไดสรางทั้ง ทาน ศีล ภาวนา ไดพบกัลยาณมิตร ไดพบครูบาอาจารยที่เปนพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ มีบารมีมาก ทานพระอาจารยจิรยุทธ เปนพระภิกษุอีกรูปหนึ่งที่เปนเนื้อนาบุญอันดีเยี่ยม อุทิศตนเพื่อไปงานสมโภชน ๙๔
พระพุทธรูป พวกเขาคงซาบซึ้งใจท่ีไดรับพระพุทธรูปซ่ึงเปนพระประธานทรงเครื่องจักรพรรดิที่งดงามจน ขาพเจา และอีกหลายทานตกตะลึง จนปติน้ําตาไหล ยามเม่ือเขาเปดมานใหเห็นองคพระเปนครั้งแรก ชางงดงามจนเกินบรรยาย เสียงสาธุการดังลั่นศาลา มันยากที่จะพรรณนาเปนถอยคําได รูสึกถึงพลังแหง พุทธานุภาพอันยิ่งใหญ เหมือนพวกเราแมจะตางชาติ แตไมตางศาสนา พวกเรามีสมเด็จพอองค เดียวกัน ท่ีรอยดวงใจใหพวกเรายึดม่ันในคุณงามความดี และจะดําเนินรอยตามทางที่พระบรม ศาสดาพระสมั มาสมั พทุ ธเจา ไดโ ปรดสอนช้แี นะแนวทางไว แมเสนทางแหงพระนิพพานจะอีกยาวไกล เทาใด หากเรามุงมน่ั เดนิ ทาง คงมสี กั วันท่จี ะถงึ สดุ ทา ยนขี้ อกราบอาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยมาปกปองผองภัย ใหพระอาจารยจิรยุทธมีสุขภาพ พลานามัยสมบูรณ แข็งแรง กิจการงานในการเผยแผท าํ นุบํารงุ พระพทุ ธศาสนาท่ีพระอาจารยมีดําริไว และ กําลังดาํ เนนิ การอยู งานน้ันจงสําเร็จราบรื่น ขาพเจา ขอสง ท้ังกําลังกาย กาํ ลังทรัพย กําลังใจ อันสมควรตาม กําลังของขาพเจา นอมถวายเปนพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ขอพระอาจารยอยูเปนรมโพธิ์ รมไทร หลักใจ ของศิษยานศุ ษิ ย และพุทธศาสนกิ ชนไปตราบนานเทา นานเทอญ กราบนมัสการดว ยความเคารพอยางสูง วนั เพ็ญ ลลี าสถาพรกจิ คุณวนั เพ็ญ ลลี าสถาพรกิจ (ซาย) คุณสรุ ยี พ ร โอริส (ขวา) ๙๕
การแสวงบญุ ประเทศศรีลงั กา ระหวา ง ๒ – ๘ มิถนุ ายน พ.ศ. ๒๕๕๒ ประเทศศรีลังกาเปนประเทศท่ีมีธรรมชาติสวยงาม เปนเมืองที่นับถือศาสนาพุทธ มีวัดมากมาย เปนประเทศท่มี คี วามเปนมาเกีย่ วกับพระพุทธศาสนามากมาย และไดมาเผยแผพระพุทธศาสนาท่ีประเทศ ไทยดว ย ประชากรชาวศรีลังกาสวนใหญม รี ูปรา งหนาตาคลา ยกบั คนอินเดยี มผี ิวดํา ตาโตดาํ การท่ีเราจะเขาไปบริเวณวัดในประเทศศรีลังกาน้ีตองถอดรองเทากอน ตองเดินเทาเปลาเขาไป และขาพเจาไดไปกราบสักการะพระมหาเจดียสุวันเวลิสายะ หรือเรียกอีกอยางหนึ่งวาพระเจดีย สุวรรณมาลิกท่ีใหญและงดงามมาก เปนตนแบบพระเจดียทรงโอควํ่า เชน พระปฐมเจดีย และไดกราบ พระบรมสารีริกธาตุ พระรากขวัญเบื้องขวา (กระดูกไหปลาราของพระพุทธเจา) ณ วัดถูปาราม ซึ่งอยูบน ยอดเจดีย เปนประวัติศาสตรที่มีตํานานเลาขานกันมากวา ๒,๐๐๐ ป เปนราชธานีแหงแรกของกษัตริย สิงหลในพุทธกาล ในการไปกราบครั้งนี้ มีทานพระครูสมุหจิรยุทธ อธิฉนฺโท เปนผูนําสวดมนต และนั่ง สมาธิที่ตรงหนาพระเจดีย แลวใหอธิษฐานจิตอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมา ระหวางน่ังสมาธิอยูนั้น มีเหตุอัศจรรยเกิดข้ึน ซึ่งหลายคนที่อยูดวยขณะนั้น ก็ไดรับรูเชนกัน คือมีแสงสีขาวสวางจาที่บริเวณน้ัน และหลังจากที่เราลืมตาขึ้นมา (พระอาจารยไดบอก ใหกําหนดลืมตา) พระอาจารยไดเปดผาขาวบนพาน และปรากฏวาพบองคพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมาบนผาขาวท่ีปูไวบนพานจํานวนหลายองค นับได ๘๖ องค ทกุ คนที่ไปรูสึกอัศจรรยใจมากทไี่ ดมาเหน็ กับตาตัวเอง หากเปน ผูอน่ื บอกเลาอาจจะไมเชือ่ ถงึ ๑๐๐ % หลังจากท่ีกลับมาท่ีพัก พอวันรุงขึ้นพระอาจารยเปดดูพระบรมสารีริกธาตุพบวา เสด็จมาเพ่ิมอีก เปนจํานวนมาก โดยมีสีสันสวยงามแตกตางกันออกไป มีสีเหลืองบุษราคัม สีชมพู ผลึกใสประดุจเพชร สเี ขยี วมรกต มีรปู พรรณสณั ฐานแตกตา งกนั สัณฐานรูปทรงกระดกู รูปเมล็ดผักกาด เมล็ดถั่ว และทุกคนก็ รสู ึกปลมื้ ปติมาก บางคนถึงกบั น้าํ ตาไหลทไ่ี ดเ จอเหตุการณวเิ ศษทไี่ มเคยประสบน้ี ในคนื สุดทายท่ีประเทศศรลี งั กา พระครูสมุหจิรยุทธ ไดใหพวกเราสวดมนต ทําสมาธิ อธิษฐานจิต อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุใหเสด็จมาท่ีผอบของแตละคนท่ีนําไป รุงเชาซ่ึงเปนวันท่ีพวกเราจะเดินทาง กลับปรากฏวา พระบรมสารีริกธาตุเสด็จมาท่ีผอบของแตละคน คนละ ๕ องค มีสีชมพู ๓ องค และสีขาว ขนาดเทา เมลด็ งา ๒ องค ทําใหท กุ คนดใี จกันมาก ปลม้ื ปติกันไปทุกคน บุญกุศลท่ีพระอาจารยไดนําพระพุทธรูป พระมหาจักรพรรดิ ถวายใหกับประเทศศรีลังกา ได อญั เชญิ พระบรมสารีริกธาตุจากประเทศไทยไปไวที่ประเทศศรีลังกา นับวาเปนมหากุศลอยางย่ิงท่ีขาพเจา ไดม ารว มบุญดวย ขาพเจาขออนุโมทนาบุญในมหากุศลที่พระอาจารย คือ พระครูสมุหจิรยุทธ อธิฉนฺโท ไดบําเพ็ญ ปฏิบัตมิ า และทกี่ ําลังจะทําตอ ไปเพื่อสบื ตอพระพทุ ธศาสนาโดยแทจรงิ สุรยี พร โอริส ๙๖
อิทธิปาฏิหารยิ พระบรมสารรี ิกธาตุ พระธาตุ ทขี่ า พเจา ไดรแู จงเห็นจรงิ ในศรลี งั กา และพมา ขาพเจา สุนีย อธิปุณกุล ไดประสบการณตรงเก่ียวกับการเสด็จของพระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุ เร่ิมจากเพ่ือนสนิทของขาพเจาไดทําบุญทอดกฐินกับคุณหญิงสุรีพันธ และไดรับแจกพระธาตุมาบูชา ๕ องค เราไดอ ญั เชญิ มาบูชาที่บานโดยใสในผอบที่ปดมิดชิด มีสําลี และผาขาวหอไว เพื่อนคนน้ีสนใจการ ปฏิบัติธรรม และไดไปปฏิบัติทางภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคกลาง สวนใหญจะชอบอยูแบบปฏิบัติ เดย่ี ว และไดพยายามชักชวนใหขาพเจาไปปฏิบัติธรรม ขาพเจาก็เฉยมาตลอด ซ้ํายังบอกกับเพื่อนวา อยา มาชวนอกี นะ ถึงเวลาจะไปเอง ถาชวนแลวไมไป ทําใหขาพเจาคิดวา ตัวเองจะเปนบาปเปนกรรม ตอนน้ัน ขา พเจาคดิ วา เพียงไดทําบุญตักบาตรสมํ่าเสมอ ทําบุญกฐิน ผาปา รวมสรางอุโบสถ รวมบุญตามวัดตางๆ ท่ีทราบวาทางวัดตัองการปจจัยไปสรางสิ่งจําเปนภายในวัด และรักษาศีล ไมเบียดเบียนตนเองและผูอื่น เทานี้ก็พอแลว เพ่ือนก็บอกวาถาหากปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ พระธาตุจะเสด็จเพิ่มได แตถาปฏิบัติไมดี พระธาตุก็จะเสด็จไปจากเราได ขาพเจาไมเชื่อเด็ดขาด สสารจะเกิดข้ึนเอง และหายไปเอง ไมมีทาง เปนไปได (ขออโหสิกรรมดวยเถิดเจาคะ) ขาพเจาจึงบอกกับเพ่ือนวา หากพระธาตุเสด็จเพ่ิมจริง ขา พเจา จะเร่มิ ปฏบิ ัตธิ รรม ปกติวนั สงกรานตเราจะสรงน้าํ พระธาตุ และพระพทุ ธรูปทกุ องคท ่ีเราบูชาบนโตะหมูบูชา ปรากฏวา เม่ือเปดผอบออกพบวามีพระธาตุ ๗ องค เพิ่มจากเดิม ๒ องค เพื่อนขาพเจาต่ืนเตน และดีใจมาก และ บอกวา เธอตองปฏิบัติธรรมตามสัญญา ขาพเจาก็ยังแคลงใจ ถามวา เธออยากใหฉันปฏิบัติจึงเอาพระธาตุ จากท่ีไดมาเพิ่มทีหลัง มาเพิ่มในผอบนี้หรือ เพื่อนก็ยืนยันวา ไมไดเอามาเพ่ิม ทานเพ่ิมของทานเอง ขาพเจาก็ยังไมคอยจะเช่ืออยูดีวาเพ่ือนพูดจริง แตก็เร่ิมปฏิบัติ โดยอานจากหนังสือ และเริ่มนั่งสมาธิ โดย ไมไดไปหาครูบาอาจารยขอกรรมฐาน ชวงน้ันขาพเจายังทํางานอยู (เปนคุณครู) ไมมีเวลาไปปฏิบัติที่วัด เพราะทําท้ังงานประจาํ จนั ทรถงึ ศุกร วันเสารอาทิตยก็ทํางานพิเศษ ลูกศิษยจะไปกราบหลวงปูมาชวน ก็ไม มเี วลาไป แตชอบทาํ บุญฝากอาหารไปถวายหลวงปู ขาพเจาเริ่มเขาวัดปฏิบัติธรรมเมื่อป พ.ศ. ๒๕๔๕ โดยมีแรงบันดาลใจจากการท่ีไดไปกราบหลวง พอจรัญ ฐิตธมฺโม วดั อมั พวัน จ.สิงหบุรี ไดเห็นจริยวัตรอันงดงาม เกิดความศรัทธา ประกอบกับมีนองคน หนึ่งเอาหนังสือของหลวงพอมาใหอาน คือ อนุสาสนียปฏิหาริย ขาพเจาจึงบอกเพ่ือนวา ขาพเจาจะไป ปฏิบัติธรรมท่ีวัดอัมพวัน ทําใหขาพเจาโชคดีมีโอกาสไดเปนลูกศิษยของพระอาจารยจิรยุทธ อธิฉนฺโท ไดรบั ความรู ความเขาใจจากทา นมา ไดเห็นถงึ ความกตัญูกตเวที ที่ทานมีตอหลวงพอจรัญเปนอยางมาก ขอบคุณโครงการมุทิตาสักการะ โครงการพุทธศาสตร-ทางสายเอก ของพระอาจารย ตอมาพระอาจารย ไดมาดํารงตําแหนงเจาอาวาสวัดตาลเอน อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา มีอยูวันหนึ่งในเดือน พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๒ ขาพเจาและลกู สาวของนองท่เี ปนกลั ยาณมิตรอยากทําบุญเลี้ยงพระท้ังวัด เน่ืองใน โอกาสวันคลายวันเกิด ซึ่งขาพเจาและลูกสาวของนองคนน้ันเกิดวันที่และเดือนเดียวกัน ชวนกันจะไป ทําบุญที่วัดตาลเอน ปรากฏวาโทรติดตอทางวัดไมได เพราะตองจองวันและติดตอพอครัวทําอาหาร จึง ตัดสินใจขับรถจากชลบุรีมาวัดตาลเอน เพ่ือติดตอเรื่องวันและอาหาร ถือวาเปนบุญที่สุดที่ตัดสินใจมา ทํา ๙๗
ใหไดติดตามพระอาจารยไปศรีลังกา เพราะวันที่เรามาท่ีวัดเปนวันท่ีพระอาจารยเพิ่งกลับมาจากศรีลังกา (ซ่ึงเปน การเดินทางไปศรีลังกาคร้ังแรกของทาน) เราไดทราบจากทานวา ทานจะไปศรีลังกาอีกครั้งในตน เดือนมิถุนายน ๒๕๕๒ เพ่ือมอบพระพุทธรูปพระมหาจักรพรรดิ (องคใหญหนาตัก ๘๐ น้ิว) ใหแกชาว ศรีลังกา และรวมงานสมโภชน เพ่ือนของขาพเจาจึงถามพระอาจารยวา จะขอติดตามไปดวยไดหรือไม อยากไปรวมบุญกับพระอาจารย พระอาจารยจึงใหนองแปบ เอาเบอรโทรศัพทคนจัดทัวรให(นองอร) ปรากฏวามีท่ีวาง ขาพเจาและเพื่อนจึงมีโอกาสติดตามพระอาจารยไปศรีลังกา และในวันนั้นเอง เราได ทราบจากพระอาจารยสมบุญวา พระอาจารยจิรยุทธไดพระธาตุมาจากศรีลังกา(จากเหตุการณพระธาตุ เสด็จในครัง้ แรก) จาํ นวน ๘๖ องค พระอาจารยสมบุญไดเมตตาใหพวกเราเขาไปกราบพระธาตุในอุโบสถ วัดตาลเอน ไดเห็นองคพระธาตุอยางชัดเจนและใกลชิด รูสึกปติ ดีใจ และปลาบปล้ืมมาก เราขอติดตาม พระอาจารยไ ปศรีลังกา กอ นทจี่ ะทราบวาพระอาจารยไ ดพ ระธาตมุ าจากศรีลงั กา คณะทริปอิ่มบุญไปศรีลังกา ๒-๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยมีพระภิกษุไป ๒ รูป คือ พระอาจารยจิรยุทธ และพระไกรวัลย มีลูกศิษย อุบาสก อุบาสิกา ติดตาม ๒๐ คน และไกด ๓ คน เร่ิมเดินทางคืนวันที่ ๒ มิ.ย. พอเชาวันที่ ๓ มิ.ย. ก็เดินทางในศรีลังกา ไปสักการะพระมหาเจดีย สถูป แหลง โบราณคดี วัด สถานท่ีศักดิ์สิทธิ์ของศรีลังกา บางแหงพระอาจารยจะนําสวดมนต บางแหงก็จะมีการ น่ังสมาธิ ตกเย็นไดไปกราบสักการะ พระเจดียสุวรรณมาลิกท่ีใหญ และงดงามมาก ตอจากนั้นจึงไดไปวัด ถปู าราม ที่วัดถูปาราม ซึ่งเปนที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุพระรากขวัญเบื้องขวา (กระดูกไหปลาราของ พระพุทธเจา) พระอาจารยไดนําพวกเราสวดมนตและน่ังสมาธิ หลังจากที่นั่งสมาธิเสร็จ พระอาจารยได เอื้อมมือไปแตะผาขาวซ่ึงเปนผารองกราบ โดยพระอาจารยไดพับทบไว ขาพเจาสังเกตเห็นสีหนาขอ พระอาจารยมีแววปติ ยิ้มนอยๆ ขาพเจาจึงกระซิบบอกเพ่ือนขาพเจาวา ใหขยับเขามาใกลๆ ตองมีส่ิงดีๆ เกิดขึ้นแน เมื่อพระอาจารยเปดผาท่ีพับไวออก ขาพเจาตะลึง ปติ เย็นวาบ ท่ีไดเห็นพระธาตุจํานวนมาก มีท้ังองคใหญ องคเล็ก รูสึกตื่นเตน อัศจรรย กับอิทธิปาฏิหาริยที่เกิดข้ึน เปนครั้งแรกในชีวิตท่ีไดเห็น พระธาตุเสดจ็ ดว ยพทุ ธานุภาพขององคสมเด็จพระสมั มาสัมพทุ ธเจา เปน บญุ ท่ีไดม าพบ ซึ่งเปนสิ่งที่ไมเคย คิดวาจะไดพบ ขาพเจาคิดวาทุกคนก็คงจะมีความรูสึกไมตางกัน คราวนี้ขาพเจาเช่ือแลววาพระธาตุ สามารถเสด็จมาไดจริงๆ ดวยบุญบารมีของพระอาจารย ดวยความเมตตาของพระพุทธองค เปนสิริ มงคลอันลํ้าคา ขาพเจาไมสงสัยอีกแลวเจาคะ บารมีของพระพุทธองคแผไพศาลทั่วสากลโลก แมพ ระองคจะเสด็จดับขันธป รินพิ พานไปกวา สองพันหารอ ยหาสิบสองป (ปที่เกดิ เหตกุ ารณ ในขณะน้ัน) สี่ทุมเศษ คณะเราถึงท่ีพัก พระอาจารยไดนําพระธาตุมาใหพวกเราไดชมบารมี พระอาจารยนํา สวดมนตแลวก็มีการแยกพระธาตุตามสัณฐาน สี นับจํานวน โดยสามารถแยกสัณฐาน และสีไดตางๆ กัน ดังน้ี - สัณฐานคลา ยกระดูกงาชา ง แตม รี ูพรุน องคใหญ สีขาว ๑ องค - สัณฐานเมล็ดถั่วองคใหญ ๒ องค คือ มีสีขาวเปนเงาแกมเขียว ๑ องค และสีขาวเปนเงาแกม นา้ํ ตาล ๑ องค - มสี ขี าวใส องคใ หญ ๒ องค - สณั ฐานเมล็ดผักกาด สีขาวใส องคเล็กๆ ๘๑ องค ๙๘
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222