Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือ_การพัฒนาระบบและกลไกการจัดบริการสุขภาพระดับพื้นที่กลุ่มผู้มีปัญหาสถานะและสิทธิ

คู่มือ_การพัฒนาระบบและกลไกการจัดบริการสุขภาพระดับพื้นที่กลุ่มผู้มีปัญหาสถานะและสิทธิ

Published by Thalanglibrary, 2020-07-12 04:26:30

Description: คู่มือ_การพัฒนาระบบและกลไกการจัดบริการสุขภาพระดับพื้นที่กลุ่มผู้มีปัญหาสถานะและสิทธิ

Search

Read the Text Version

ที่คณะท�างานหรือหน่วยบริการรู้สึก เร่ืองใดมีช่องว่างมากจัดว่าเป็น ปญั หาของผ้มู ีปัญหาสถานะบุคคลกับหนว่ ยบรกิ าร 5) ระบุปัญหาและวิเคราะห์ถึงสาเหตุแห่งปัญหา โดยถามว่าท�าไมปัญหา เหล่าน้ียังคงอยู่และมีผลอย่างไรต่อผู้มีปัญหาสถานะบุคคลและหน่วย บริการ 6) จดั ลา� ดบั ความสา� คญั ของปญั หาตามความรนุ แรงและตามความตอ้ งการ ของผู้มีปัญหาสถานะบคุ คลและหนว่ ยบริการ ตัวบง่ ช้ี แตล่ ะพนื้ ทหี่ รอื หนว่ ยบรกิ ารมบี ญั ชรี ายการของปญั หา ซง่ึ ไดจ้ ดั ลา� ดบั ความ สา� คญั เอาไวแ้ ละประเดน็ เร่งดว่ นท่จี ะตอ้ งริเร่ิมพฒั นา 49คู่มือ “พฒั นาระบบและกลไกจัดบรกิ ารสขุ ภาพระดับพนื้ ท”ี่ เรยี บเรียงโดย : วิวฒั น์ ตาม่ี ปี พ.ศ 2563

ขัน้ ตอนที ่ 3 การเรยี นรแู้ ละพัฒนาศกั ยภาพคณะทา� งาน ทา� ความเขา้ ใจเบอ้ื งต้น เมอื่ ผูแ้ ทนหน่วยงานทเ่ี ก่ยี วข้อง (คณะท�างาน) และหนว่ ยบริการตระหนกั ถึงปัญหาเลือกประเด็นและแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกันแล้ว คณะท�างานหรือ หน่วยบริการมักจะต้องการท�ากิจกรรมน้ันทันที หากคณะท�างานหรือหน่วย บรกิ ารมคี วามรใู้ นการทา� กจิ กรรมนนั้ ๆ เปน็ อยา่ งดแี ลว้ กค็ วรมกี ารทบทวนความ รู้นนั้ อาจข้ามขัน้ ตอนการส่งเสริมการเรียนนีไ้ ป แตห่ ากเปน็ กจิ กรรมทยี่ ังไม่คนุ้ เคยหรอื แมเ้ คยทา� มากอ่ นแตเ่ ราเหน็ วา่ ควรทจ่ี ะเพม่ิ เตมิ ความร ู้ เราจะกระตนุ้ ให้ เขาสนใจที่จะแสวงหาความรู้เสียก่อนตัดสินใจ อย่างไรก็ตามคณะท�างานที่มา จากการรวมตัวกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมักจะมีประสบการณ์ต้นทุนท ี่ แตกต่างกัน เราอาจจะต้องจัดเวทีย่อยเพ่ิมเติมเพ่ือหาความต้องการและความ จ�าเป็นในการพัฒนาศักยภาพเพ่ิมเติมด้านใดบ้าง หรืออยากให้โครงการช่วย สนบั สนนุ การเรยี นรเู้ พม่ิ เตมิ ดา้ นใดบ้าง ความรู้ดังกล่าวเป็นความรู้ด้านการพัฒนานโยบายสาธารณะระดับพื้นที่ แนวคิดวิธีการเชิงระบบ (System Approach) การส่ือสารสาธารณะ (Media Advocacy) ที่จ�าเป็นต่อการพัฒนานโยบายสาธารณะพัฒนาระบบและกลไก จดั บรกิ ารสขุ ภาพในแตล่ ะพน้ื ท ่ี ทสี่ า� คญั ความรทู้ วี่ า่ นน้ั จะตอ้ งสอดคลอ้ งกบั ความ ตอ้ งการของสมาชิกกล่มุ โดยมคี วามเหมาะสมและสามารถปฏิบตั ิได้ สา� หรบั วธิ กี ารสง่ เสรมิ การเรยี นรขู้ องคณะทา� งาน/หนว่ ยบรกิ าร เราจะตอ้ ง คา� นงึ ถงึ การมสี ว่ นรว่ มและการฝกึ ปฏบิ ตั ขิ องสมาชกิ กลมุ่ ทงั้ นค้ี วรเปน็ การเสรมิ ความรู้ใหม่ในฐานความรู้เดิมของคณะท�างาน อีกประการหน่ึงคือวิธีการเรียนรู้ เป็นกลุ่มท�าใหผ้ ูแ้ ทนหนว่ ยงานทเี่ กยี่ วข้องไดเ้ รียนรู้ซึ่งกนั และกนั มกี ารกระจาย ความรู้อย่างทั่วถึงทุกกลุ่ม 50 คู่มอื “พฒั นาระบบและกลไกจดั บริการสขุ ภาพระดบั พืน้ ที่” เรียบเรียงโดย : ววิ ฒั น์ ตามี่ ปี พ.ศ 2563

วตั ถุประสงค์ 1) กระตุ้นให้คณะท�างานตระหนักถึงการหาความรู้เกี่ยวกับกิจกรรมน้ันๆ และความรู้ ความพร้อมในการด�าเนินกิจกรรมการพัฒนาระบบและ กลไกจดั บรกิ ารสขุ ภาพ 2) เนน้ การเรยี นรู้ทค่ี ณะท�างานสามารถปฏิบัติได้ 3) เป็นการสร้างการยอมรับความคิดเห็นและประสบการณ์ระหว่าง คณะท�างานที่มาจากตา่ งหน่วยงาน กระบวนการและวิธกี ารศกึ ษาเรยี นรู้ ในขน้ั ตอนดา� เนินการสง่ เสรมิ การเรียนรู้ของกลุ่มม ี 2 ข้นั ตอนยอ่ ย ดงั นี้ ขั้นตอนท่ี 1 : การทบทวนความรใู้ นการท�ากิจกรรม เราเตรยี มจดั ประชมุ คณะทา� งานหรอื ผแู้ ทนหนว่ ยงานทเ่ี กยี่ วขอ้ งทม่ี คี วาม ต้องการเหมือนกันโดยจัดการประชุมแต่ละพ้ืนที่ ไม่ควรจัดประชุมทุกกลุ่มหรือ ทกุ พ้ืนทพี่ รอ้ มกัน ทา� อย่างไร 1. นดั เวลา สถานท ่ี อย่างชดั เจน เหมาะสม ไม่ปะปนกนั 2. กา� หนดวิธกี ารเรยี นร ู้ ซงึ่ อาจท�าได ้ 3 วธิ ี คอื 1) ผบู้ ริหารหน่วยบรกิ ารแต่ละพ้ืนท่ีเรียกประชมุ 2) ประธานคณะท�างานเรียกประชมุ กนั เอง 3) ขอให ้ สสจ. เรียกประชมุ (ถา้ จา� เปน็ ) การประชมุ ครงั้ แรกของแตล่ ะคณะทา� งานในแตล่ ะพนื้ ทเ่ี ปา้ หมายเปน็ การ ประชมุ อยา่ งไมเ่ ปน็ ทางการ เราแจง้ วตั ถปุ ระสงคข์ องการประชมุ โดยเกรนิ่ นา� ถงึ การหาความตอ้ งการของกลมุ่ ผมู้ ปี ญั หาสถานะและสทิ ธแิ ละหนว่ ยบรกิ าร ทา� ให้ เกดิ การประชมุ กลมุ่ คนทมี่ คี วามตอ้ งการเหมอื นกนั มคี วามคดิ ทตี่ อบสนองความ ต้องการน้นั ๆ 51คู่มอื “พฒั นาระบบและกลไกจดั บริการสุขภาพระดับพ้นื ท”่ี เรยี บเรยี งโดย : ววิ ัฒน์ ตามี่ ปี พ.ศ 2563

ท�าการระดมสมอง (Focus group) กระตนุ้ ทปี่ ระชุม ใหป้ รึกษาหารอื กนั ถงึ เงอื่ นไข ปัญหาอปุ สรรค จะทา� อย่างไรจึงจะแกไ้ ขปญั หาและตอบสนองความ ต้องการนั้นๆ ได้ ควรแตกประเด็นให้ท่ีประชุมคิดอย่างรอบด้าน เช่นสภาพปัญหาสิทธิและ การเขา้ ถงึ บรกิ ารสขุ ภาพ การลงทะเบยี นใชส้ ทิ ธ ิ ขอ้ มลู และการณรงค ์ การบรกิ าร สุขภาพ การบริหารจัดการงบประมาณของหน่วยบริการ ความรู้เกี่ยวกับเร่ือง นั้นๆ เพ่ือท�าให้คณะท�างานได้ส�ารวจตนเองว่าหากจะท�าอะไรเพื่อตอบสนอง ความต้องการน้ันตนรู้เรื่องอะไรและยังไม่รู้เรื่องอะไร ยังขาดอะไรบ้าง จากน้ัน รวบรวมเงื่อนไข ปญั หา อปุ สรรค เป็นประเภท ซ่ึงแยกเป็น 2 ประเภท คอื 1. ประเภทความรทู้ างดา้ นระบบ แนวคดิ เชงิ ระบบ และนโยบายสาธารณะ 2. ประเภทการจัดกจิ กรรม การใชข้ อ้ มลู กระตนุ้ เปน็ วธิ กี ารทสี่ า� คญั มาก ซงึ่ หมายถงึ เสรมิ ขอ้ มลู ใหก้ ลมุ่ คดิ แตกประเดน็ หลายๆ ดา้ น และเตรยี มขอ้ มลู ทสี่ รปุ ปญั หาและอปุ สรรคในการ ตอบสนองความตอ้ งการของแต่ละคนในแต่ละกลุม่ เอาไว้ 52 คมู่ อื “พฒั นาระบบและกลไกจัดบริการสขุ ภาพระดบั พน้ื ที”่ เรียบเรียงโดย : ววิ ฒั น์ ตาม่ี ปี พ.ศ 2563

ควร ย�า้ วา่ - ให้เวลาในการคิดการพูดคุยแก่คณะ ความรู้ในที่น้ีเป็นความรู้ทางวิชาการ ท�างาน หรือความรู้แนวคิดเชิงระบบ การจัดท�า - เราน�าอภิปรายต่อไปถึงความส�าคัญของ นโยบายสาธารณะเป็นความรู้ทางวิชาการ ทงั้ สองประการ แตใ่ นระยะแรกเราอาจตอ้ ง หรือความรู้ในการจัดท�าวิจัยที่มีเพียงพอที่ ช่วยชี้แจงให้เห็นถึงความส�าคัญของความรู้ จะท�ากิจกรรมน้ันได้ ทค่ี วรจะม ี และจ�าเป็นในการแก้ไขปัญหา เม่อื ท่ปี ระชุมเหน็ พ้องต้องกันแลว้ เรา กระตนุ้ ใหเ้ กดิ การแลกเปลยี่ นประสบการณ์ ความรู้ในเร่ืองน้ันๆ จนกระท่ังประเมินว่า กลมุ่ หรือคณะท�างานมีความรู้เพียงพอหรอื ไม่ ถา้ ไม่เพียงพอเราจะให้ข้อมลู เพมิ่ เตมิ ว่า ไมพ่ ออยา่ งไร หมายเหตุ การประชุมคร้ังแรกจะเสร็จสิ้นท่ีการได้ข้อสรุป หรือข้อตกลงท่ีจะแสวงหาความรู ้ กลมุ่ เรยี นรจู้ ะเกดิ ขึ้นเมื่อมีการประชุมหรือพบปะกนั ครัง้ ทส่ี อง 53คู่มือ “พฒั นาระบบและกลไกจดั บรกิ ารสขุ ภาพระดับพ้ืนที่” เรียบเรียงโดย : ววิ ัฒน์ ตามี่ ปี พ.ศ 2563

ขน้ั ตอนท ่ี 2 : การเสริมความรู้ จากขน้ั ตอนการทบทวนความรใู้ นการทา� กจิ กรรมของคณะทา� งาน หากพบ ว่าคณะท�างานยังขาดความรู้เร่ืองใดในการพัฒนานโยบายสาธารณะ พัฒนา ระบบและกลไกจดั บรกิ ารสขุ ภาพทเี่ ออื้ ตอ่ การเขา้ ถงึ สทิ ธแิ ละบรกิ ารสขุ ภาพของ กลมุ่ ผมู้ ปี ญั หาสถานะและสทิ ธจิ ะเพม่ิ พนู ความรแู้ ละความสามารถความรรู้ ะบบ และแนวคิดเชิงระบบและนโยบายสาธารณะพัฒนาระบบและกลไกเพื่อท�า กิจกรรมน้ันๆ ไดโ้ ดยมีวธิ กี ารเสรมิ การเรียนรู้ ดังน้ ี จุดประสงค์ เสริมความรู้และทักษะในการพัฒนานโยบายสาธารณะพัฒนาระบบและ กลไกจัดบรกิ ารสขุ ภาพกลุ่มผู้มีปัญหาสถานะบุคคล ท�าอยา่ งไร การเสรมิ ความรใู้ นทนี่ ม้ี อี ย ู่ 4 วธิ ี คอื 1) การเรยี นรแู้ ลกเปลยี่ นประสบการณ์ ภายในและระหว่างหน่วยบริการ 2)วิทยากรเสริมความรู้ด้วยการฝึกอบรมเพ่ิม เติมความรู้ 3)การศึกษาดูงานจากพ้ืนที่อื่นหรือพื้นที่ที่มีปฏิบัติการท่ีดี (Best Practice) และ 4)การทดลองปฏิบตั หิ รือการจัดทา� โครงการน�าร่องเร่อื งใดเรอ่ื ง หน่ึงท่ีคณะท�างานหรือกลุ่มตัดสินใจว่ามีความจ�าเป็นเร่งด่วนที่จะต้องแก้ไข ปญั หา ดงั รายละเอียดตอ่ ไปน ้ี 2.1 การเรียนรู้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ภายในระหว่างหน่วยบริการ และหน่วยบริการจากพ้ืนทอ่ี นื่ เรามีความเชอ่ื วา่ สมาชกิ ภายในกลุ่ม และหนว่ ยบริการอืน่ มีความรู้ความ สามารถในการทา� งานเชิงระบบในรูปแบบอื่นอยู่บา้ ง เราก็จะกระตุ้นให้จับกล่มุ พดู คยุ กนั แลกเปลยี่ นความรกู้ นั โดยทเ่ี ราอาจเสรมิ ขอ้ มลู เชงิ วชิ าการจากรายงาน ผลการวิจยั ผลการถอดบทเรียนการท�างานจากประเดน็ อน่ื ขอ้ ดีเป็นการเสรมิ ความมั่นใจให้แก่คณะท�างาน ท�าให้เรารู้ว่าผู้แทนหน่วยงานและหน่วยบริการ 54 ค่มู ือ “พัฒนาระบบและกลไกจัดบรกิ ารสขุ ภาพระดับพ้นื ที่” เรียบเรยี งโดย : ววิ ฒั น์ ตาม่ี ปี พ.ศ 2563

รู้อะไรบ้าง อะไรท่ียังไม่รู้ และเป็นเรียนรู้แบบธรรมชาติซ่ึงจะท�าให้สมาชิกกลุ่ม และระหวา่ งหน่วยบริการมีความเป็นกันเองมากขึน้ 2.2 วทิ ยากรเสริมความรู้ เมอ่ื เหน็ วา่ สมาชกิ ภายในกลมุ่ /คณะทา� งาน ยงั ขาดความรบู้ างอยา่ ง เราอาจ จะเสรมิ ความรโู้ ดยการเชญิ วทิ ยากรเชย่ี วชาญจากสถาบนั วชิ าการ หรอื พนื้ ทอ่ี นื่ ท่มี ีประสบการณท์ �างานในลกั ษณะเดียวกนั มาใหค้ วามร้ ู ซึง่ วทิ ยากรควรเป็นผทู้ ี่ มีความรู้เรื่องแนวคิดระบบ การท�างานเชิงระบบ และการพัฒนานโยบาย สาธารณะอยา่ งดี และมีการจดั ปรับให้เหมาะสมกบั สภาพบรบิ ทพนื้ ที่ ควร ตอ้ ง • เราตอ้ งรวู้ า่ ในเขตพน้ื ทขี่ องตนใครเกง่ เรอ่ื ง เราควรมีข้อมูล Mapping รายช่ือ อะไร วิทยากรเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน เช่น • เรามีบทบาทประสานงานกับหน่วยงาน วิทยากรเชี่ยวชาญด้านพัฒนานโยบาย อื่นๆ สาธารณะและการขับเคลอื่ น เปน็ ตน้ • จัดสรรงบประมาณสา� หรับการใช้ 55คู่มอื “พัฒนาระบบและกลไกจัดบริการสขุ ภาพระดับพ้ืนท”่ี เรยี บเรยี งโดย : ววิ ัฒน์ ตาม่ี ปี พ.ศ 2563

2.3 การศึกษาดงู านพื้นท่ที ม่ี ปี ฏบิ ตั กิ ารทีด่ ี (Best Practice) การศึกษาดูงาน (Study Tour) เป็นการขอเรยี นทางลัดจากประสบการณ์ ของผูอ้ ื่นโดยเข้าไปดสู ถานทีจ่ รงิ ปฏิบัตกิ ารจริงๆ ขององคก์ รอนื่ ที่มีปฏบิ ตั ิการ ท่ีดี (Best Practice) ทีส่ ามารถเรยี นรแู้ นวคิดรปู แบบ (Model) นวตั กรรมใหม่ ในการทา� งานมาประยกุ ตใ์ ชก้ บั งานของเรา การศกึ ษาดงู านจะดา� เนนิ งานในชว่ ง ที่คณะทา� งานกา� ลงั ออกแบบโครงการและกิจกรรมในพื้นท่ีถือเป็นกจิ กรรมหนง่ึ ในกระบวนการพฒั นาบคุ ลากรหรอื คณะทา� งาน ในอนั ทจ่ี ะเพมิ่ พนู ความร ู้ ทกั ษะ ประสบการณ ์ อกี ทงั้ ยงั ชว่ ยเปดิ มมุ มองหรอื โลกทศั นท์ จ่ี ะรบั การเรยี นรอู้ งคค์ วามรู้ ใหมๆ่ สรา้ งความพร้อมให้บคุ ลากรหรือคณะท�างานและสรา้ งผลสัมฤทธใ์ิ นการ พัฒนาระบบและกลไกจดั บรกิ ารสขุ ภาพที่เอือ้ ตอ่ กล่มุ เปา้ หมาย 1. ท�าอะไร - ประชม/ประชมุ เชิงปฏบิ ัตกิ าร - แลกเปลีย่ นความคดิ ความรู้ 2. ใคร - องคก์ รตวั อยา่ งที่มีปฏบิ ัตกิ ารท่ีดี (Best Practice) 3. เมอ่ื ไหร่ - เม่ือตอ้ งการเรียนรูจ้ ากผอู้ น่ื ก่อนเร่ิมงาน 4. ทา� ทา� ไม - เพื่อระบุแนวทางท่ีเป็นไปไดห้ รือแนวทางใหม่ - สง่ เสริมการแลกเปลีย่ นเรยี นรู้ - ชว่ ยสร้างเครือข่าย - ท้งั สองฝา่ ยเรียนรซู้ ึง่ กันและกนั 56 คูม่ อื “พัฒนาระบบและกลไกจดั บริการสขุ ภาพระดับพื้นท”่ี เรยี บเรียงโดย : วิวฒั น์ ตามี่ ปี พ.ศ 2563

5.ทา� อยา่ งไร เร่ิมตน้ - ระบุปญั หา - ก�าหนดวัน เวลา - เลอื กผเู้ ข้ารว่ ม ด�าเนนิ การ - สร้างบรรยากาศท่ดี ี - แลกเปลย่ี นขอ้ มูล - กระตุน้ ค�าถามและใหข้ อ้ มูลยอ้ นกลบั หลงั ดา� เนินการ - วิเคราะหส์ งิ่ ทไ่ี ด้พบ - ร่างขอ้ ตกลงในการปฏบิ ัติ - นา� เสนอเพอ่ื ใหข้ ้อมูลยอ้ นกลบั - พจิ ารณาแลกเปล่ียนบทเรียนกบั ผ้อู นื่ 57คมู่ ือ “พฒั นาระบบและกลไกจัดบรกิ ารสขุ ภาพระดบั พ้นื ที่” เรยี บเรยี งโดย : ววิ ฒั น์ ตาม่ี ปี พ.ศ 2563

ยา�้ วา่ ตอ้ ง ขอ้ ควรระวงั - มงี บประมาณสนบั สนุน การศึกษาดูงานโดยแนวทางการเรียนรู ้ - เราควรมีข้อมูลเก่ียวกับสถานที่ดูงาน เป็นวิธีการหนึ่งท่ีเราสามารถเลือกน�ามา น้ันๆ ใชไ้ ด ้ เชอ่ื วา่ คงจะมวี ธิ กี ารอน่ื ๆ ทดี่ กี วา่ และ - เราควรช่วยให้กลุ่ม/คณะท�างานต้ัง มีประสิทธิการเรียนรู้มากกว่าเป็นแน ่ วัตถุประสงค์ของการดูงาน และอาจมีการ อย่างไรก็ตามพบว่า การศึกษาดูงานท่ีผ่าน แบง่ งาน มาของหนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ ง เนน้ การทอ่ งเทยี่ ว - การศกึ ษาดงู านเปน็ การกระตนุ้ โดยศกึ ษา เพื่อหาความสนุกจนลืมวัตถุประสงค์ที่แท้ จากของจริง แต่จะต้องเน้นการน�ามาปรับ จรงิ ของการศกึ ษาดงู าน ทา� ใหเ้ สยี เวลาและ ใช้ใหเ้ หมาะสม ทรัพยากรโดยเปล่าประโยชน์ ดังนั้นควร เตรยี มการและวางแผนการศกึ ษาดงู าน เชน่ ท�าความชัดเจนในเป้าหมาย เน้นย้�าให้ สมาชกิ กลมุ่ ตระหนกั ถงึ การใชท้ รพั ยากรให้ เกดิ ประโยชน์สูงสดุ 58 ค่มู ือ “พัฒนาระบบและกลไกจดั บริการสขุ ภาพระดบั พื้นที”่ เรยี บเรียงโดย : ววิ ัฒน์ ตาม่ี ปี พ.ศ 2563

ขน้ั ตอนท่ี 4 การสง่ เสริมการด�าเนินงานของคณะท�างาน (การทา� กิจกรรมของกลุ่ม) ผู้แทนหน่วยงานท่ีร่วมเป็นคณะท�างานมีความพร้อมด้านความรู้เกี่ยวกับ การออกแบบจดั ทา� โครงการและกจิ กรรมแกไ้ ขปญั หาแลว้ เราจะกระตนุ้ ใหค้ ณะ ท�างานเริ่มต้นท�ากิจกรรม ซึ่งเราจะต้องมีความเข้าใจก่อนว่าการเริ่มต้นท�า กจิ กรรมนน้ั มกั จะมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ ดยี ว ลกั ษณะการทา� งานไมซ่ า�้ ซอ้ นเกนิ ไปเพราะ ขั้นตอนน้ีเป็นข้ันตอนที่ผู้แทนหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องจะได้เรียนรู้การท�างานร่วม กัน เพ่ิมประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาและมีโอกาสฝึกด้านการจัดกท�างาน เป็นกลุ่มหรอื คณะทา� งาน โดยทว่ั ไปแกนนา� เครอื ขา่ ยผแู้ ทนองคก์ รพฒั นาเอกชนทเ่ี ปน็ ชนเผา่ ผปู้ ฏบิ ตั ิ งานบางคนในหนว่ ยงานราชการมกั จะเกบ็ ตัว เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ในฐานะผู้ ตามทด่ี เี สมอ ชอบออกแรงทา� งานไมช่ อบแสดงความคดิ เหน็ ในทปี่ ระชมุ ประกอบ กบั มงี านประจา� ทต่ี อ้ งทา� ทกุ วนั ดงั นนั้ โอกาสทผี่ แู้ ทนหนว่ ยงานเหลา่ นจี้ ะมโี อกาส พฒั นาตนเองหรอื แสดงศกั ยภาพความเปน็ ผนู้ า� ในการรบั ผดิ ชอบดา� เนนิ โครงการ ค่อนข้างน้อย ด้วยเหตุนี้ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการท�ากิจกรรมควรที่จะมีการ เสริมสร้างศักยภาพให้แก่ผู้แทนหน่วยงานเหล่านี้ โดยการจัดอบรมหลักสูตรที่ เกี่ยวขอ้ งกบั การพฒั นาระบบและกลไก เชน่ แนวคิดทฤษฎีการทา� งานเชิงระบบ และการพฒั นานโยบายสาธารณะเพอื่ การพฒั นาระบบและกลไกระดบั พน้ื ท ่ี อาจ จะใหส้ มาชิกกลุ่มหรอื คณะทา� งานเป็นผเู้ สนอและคัดเลอื กหรอื เราเสนอเองกไ็ ด ้ ในขนั้ ตอนการเรยี นรขู้ องคณะทา� งานนน้ั บางครงั้ อาจจะมผี แู้ ทนหนว่ ยงาน ทเี่ กย่ี วขอ้ งสนใจเขา้ รว่ มกจิ กรรมในชว่ งแรกจา� นวนมาก แตเ่ มอื่ มาถงึ ขนั้ ตอนการ ดา� เนนิ กจิ กรรมจรงิ อาจจะเหลอื ผแู้ ทนหนว่ ยงานทม่ี ารว่ มกจิ กรรมไมม่ ากนกั ดว้ ย สาเหตุภารกิจส่วนตัวต้องท�างานประจ�าดังกล่าว เราไม่ควรวิตกกังวลเกินไปนัก เนอ่ื งจากผแู้ ทนหนว่ ยงานเหลา่ นส้ี ว่ นหนง่ึ จะรอดผู ลการดา� เนนิ งานของเราก่อน 59คูม่ อื “พฒั นาระบบและกลไกจดั บริการสุขภาพระดบั พนื้ ท”ี่ เรียบเรียงโดย : ววิ ัฒน์ ตาม่ี ปี พ.ศ 2563

ยิ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนด�าเนินการและไม่เคยมีผลงานเชิงประจักษ์มาก่อน ยิ่งจะต้องแสดงฝีมือสร้างผลการท�างานเชิงประจักษ์ให้หน่วยงานราชการหรือ หน่วยบรกิ ารยอมรบั กอ่ น หน่วยงานรัฐเหลา่ นี้จงึ จะตดั สนิ ใจได้เองว่าจะเขา้ รว่ ม ดา� เนนิ กิจกรรมหรือไม ่ ดังน้ันในช่วงการเรียนรู้นั้นควรพยายามเชิญชวนให้ผู้บริหารหน่วยบริการ องคก์ รปกครองสว่ นท้องถนิ่ เขา้ ร่วมกิจกรรมดว้ ย อยา่ งน้อยสุดเป็นประธานเปิด การฝึกอบรมหรือเป็นวิทยากรให้การเรียนรู้เป็นระยะจะเป็นการดีมาก ซ่ึงผู้ บริหารเหล่านี้มีความส�าคัญหรือมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจท�าโครงการพัฒนา ระบบและกลไกหรอื ไม ่ และภายหลงั เสรจ็ สน้ิ โครงการแลว้ จะนา� แนวคดิ ดงั กลา่ ว ผลักดันให้เข้าสู่ระบบงานปกติขององค์กรหรือไม่ แต่ก็ต้องระวังท่ีจะไม่ให ้ ผู้บริหารเหล่านี้มีบทบาทมากจนเกินไปจนกระท่ังคณะท�างานไม่สะดวกในการ ทา� กจิ กรรม แตห่ ากผบู้ รหิ ารเหลา่ นมี้ คี วามมงุ่ มนั่ ทจี่ ะอยากเปน็ สมาชกิ กลมุ่ และ ทา� งานร่วมกันอยา่ งจริงจังเราอาจพจิ ารณาเปน็ ขอ้ ยกเว้นได้ วัตถุประสงค์ 1. เป็นการเพ่ิมประสบการณ์ในการแก้ปัญหาของกลุ่มผู้มีปัญหาสถานะ บคุ คลในพน้ื ทีข่ องตนมากขึน้ 2. ได้มีโอกาสฝกึ ดา้ นการบริหารจดั การรว่ มกันเปน็ กลุ่ม 3. ช่วยพร้อมที่จะพัฒนากลุ่มให้มีโครงสร้างหน้าที่การจัดการองค์กรท่ี ชัดเจนอนั ทา� ให้กล่มุ /คณะท�างานมปี ระสทิ ธิภาพมากยงิ่ ข้นึ กระบวนการ/วิธกี ารสง่ เสรมิ การท�ากจิ กรรมของคณะท�างาน การสง่ เสรมิ ท�ากจิ กรรมในขน้ั ตอนน้มี ี 5 ข้นั ตอนยอ่ ย ดังนี ้ 60 ค่มู อื “พฒั นาระบบและกลไกจัดบริการสุขภาพระดับพืน้ ท่”ี เรียบเรียงโดย : วิวฒั น์ ตาม่ี ปี พ.ศ 2563

1. กา� หนดวัตถปุ ระสงค์ เรากระตุ้นให้กลุ่มหรือคณะท�างานปรึกษาหารือเก่ียวกับวัตถุประสงค์ของ กิจกรรมโดยท�าให้กลุ่มมีการตัดสินใจร่วมกันท่ีจะท�ากิจกรรมเพื่อแก้ไขปัญหา หน่ึงๆ อาจใชค้ า� ถามดังน้ี - กจิ กรรมน้ที า� แลว้ ไดอ้ ะไร - ผลทเ่ี กดิ ขน้ึ จะแก้ไขปญั หาอะไร - หากทา� กจิ กรรมนแ้ี ลว้ ผลทเี่ กดิ ขนึ้ จะแกไ้ ขปญั หาของกลมุ่ ผมู้ ปี ญั หาสถานะ บคุ คลกลุ่มตา่ งๆ และหนว่ ยบริการไดห้ รอื ไม่ - ร่วมกันกา� หนดวตั ถปุ ระสงค์ดีหรือไม่ - เขียนไว้เป็นลายลกั ษณอ์ ักษรดไี หม - สรุปวตั ถปุ ระสงค์ควรเขียนไวอ้ ยา่ งไร เพื่อ...สมาชิกกลุ่มหรือคณะท�างานร่วมก�าหนดวัตถุประสงค์ของการท�า กิจกรรม 61คมู่ อื “พัฒนาระบบและกลไกจดั บรกิ ารสขุ ภาพระดบั พืน้ ท”ี่ เรียบเรียงโดย : วิวฒั น์ ตาม่ี ปี พ.ศ 2563

ควร ย้�าวา่ - ให้เขาพูดคุยกันให้มากและอย่างทั่วถึง - อย่ารีบร้อนก�าหนดวัตถุประสงค์ให้กับ ก่อนการก�าหนดวตั ถุประสงค์ คณะท�างาน - ให้เขาเขียนเปน็ ลายลกั ษณอ์ ักษรไว้ - อย่าให้คนใดคนหน่ึงเป็นผู้ก�าหนด - หลังจากสมาชิกคณะท�างานร่วมกัน วตั ถปุ ระสงค์ กา� หนดวตั ถปุ ระสงคแ์ ลว้ กระตนุ้ ใหส้ มาชกิ ผูกพันและมีสัญญาร่วมกันต่อวัตถุประสงค ์ โดยอาจจะสรา้ งความรูส้ ึกร่วมกัน เทคนิค - ให้ความสา� คัญกับวัฒนธรรมของสมาชกิ กลุ่มในการสรา้ งความร้สู ึกร่วมกนั - ใหผ้ นู้ �ากล่มุ หรือคณะทา� งานกลมุ่ เป็นผู้สร้างความผกู พนั นี้ 2. การวางแผนกิจกรรม เราควรกระตุ้นให้กลุ่มหรือคณะท�างานปรึกษาหารือเก่ียวกับการแสวงหา และระดมทรพั ยากรจากแหลง่ ทนุ อนื่ โดยปกตจิ ะนกึ ถงึ อบต./เทศบาลในทอ้ งถน่ิ เพ่ือให้การสนับสนุนการท�ากิจกรรม ด้านงบประมาณศึกษาดูงาน การจัดเวที การจัดโครงการสง่ เสรมิ ป้องกนั โรค ฯลฯ วัตถุประสงค์ เพอื่ ใหส้ มาชิกกลุ่มรว่ มกนั วางแผนทา� กิจกรรม ท�าอย่างไร : การแบง่ งานกนั ทา� โดยใชแ้ นวคา� ถาม ดงั น้ี - กจิ กรรมท�าแลว้ จะแก้ปญั หาอะไร - กิจกรรมหรือโครงการนีจ้ ะต้องใช้อะไรบ้าง - จะต้องใชง้ บประมาณด�าเนินงานในแตล่ ะกิจกรรมเทา่ ไหร่ 62 คูม่ ือ “พัฒนาระบบและกลไกจดั บรกิ ารสขุ ภาพระดบั พน้ื ท”ี่ เรียบเรยี งโดย : ววิ ัฒน์ ตาม่ี ปี พ.ศ 2563

- ตอ้ งใชว้ สั ดุอุปกรณ์อะไรบ้าง - ตอ้ งใชช่ อื่ คนรบั ผดิ ชอบเปน็ ใคร ใชเ้ งนิ ทนุ มากนอ้ ยแคไ่ หน จะหาไดจ้ าก ทไ่ี หนบ้าง - จะไปขอความรว่ มมือจากใคร ในเรอื่ งอะไร - ใครจะเปน็ คนท�าอะไรบา้ ง ทา� เม่อื ใด ควร - เราควรจะต้องมีความรู้เก่ียวกับสิ่งต่างๆ เหล่านี้เพ่ือใช้ข้อมูลน�าอภิปรายกระตุ้นให ้ กลมุ่ ผูม้ ีปญั หาสถานะและสิทธขิ บคดิ และใครค่ รวญอย่างรอบคอบ - ควรมกี ารประสานงานกบั ระดับอา� เภอและจังหวดั มากข้ึน รวมท้ังภาคเอกชน - บันทึกผลการปรึกษาหารือแล้วน�าผลนั้นมาเขียนในกระดาษแผ่นใหญ่โดยใช้รูปแบบที่ เขา้ ใจงา่ ยเช่นเขียนเปน็ บรรทดั การก�าหนดบทบาทหน้าที ่ เรากระตุ้นให้กลุ่มจัดสรรบทบาทและหน้าที่ในกลุ่มท้ังน้ีข้ึนอยู่กับลักษณะ ของกิจกรรมที่กลุ่มจะด�าเนินการ โดยอาจแยกลักษณะของกิจกรรมท่ีกลุ่มหรือ คณะท�างานในแต่ละพื้นที่จะด�าเนินการเช่นกิจกรรมพัฒนาระบบการส่ือสาร หรอื ลา่ มชมุ ชน กจิ กรรมการสง่ เสรมิ ปอ้ งกนั โรค กจิ กรรมตรวจตรวจมะเรง็ เตา้ นม ในกลุม่ สตรชี นเผ่า เปน็ ตน้ วัตถุประสงค์ สมาชิกคณะท�างานร่วมกันก�าหนดบทบาทหน้าท่ีและท�าความเข้าใจ บทบาทหน้าที่ 63คู่มือ “พัฒนาระบบและกลไกจัดบริการสุขภาพระดบั พืน้ ท”่ี เรยี บเรียงโดย : วิวัฒน์ ตาม่ี ปี พ.ศ 2563

ท�าอยา่ งไร การออกแบบโครงสร้างของกลุ่มหรือต�าแหน่งต่างๆ อาจจะเป็นได้ทั้ง ทางการและไมเ่ ป็นทางทั้งนี้มีเงื่อนไขวา่ สามารถทา� งานไดจ้ รงิ การจดั สรรบทบาทหนา้ ทข่ี องคณะทา� งานควรจะมกี ารพดู คยุ ตกลงระหวา่ ง สมาชิกให้ชัดเจน และสมาชิกมีส่วนร่วมก�าหนดบทบาทหน้าท่ีของคณะท�างาน และเปน็ ผู้เลือกตั้งคณะทา� งาน ควรจะมีการก�าหนดบทบาทหน้าท่ีของสมาชิกเช่นกัน หมายความว่า สมาชิกกลุ่มหรือคณะทา� งานจะต้องท�าอะไรบ้างให้กับกลุ่ม เช่นการปฏิบัติตาม กฎของกลมุ่ การตดิ ตามการทา� งานของคณะทา� งาน การติดตามขา่ วสาร เปน็ ต้น ตวั บง่ ชี ้ มีการก�าหนดบทบาทหน้าท่ีของสมาชิกคณะท�างานเป็นลายลักษณ์อักษร ไว้อยา่ งชัด 64 คู่มอื “พัฒนาระบบและกลไกจัดบรกิ ารสุขภาพระดบั พื้นท”ี่ เรยี บเรียงโดย : วิวฒั น์ ตามี่ ปี พ.ศ 2563

ควร ไมค่ วร - ตั้งต�าแหน่งต่างๆ เท่าท่ีจ�าเป็นในการ - มโี ครงสรา้ งทซี่ บั ซ้อนในระยะเร่ิมต้น ดา� เนินงาน - กา� หนดบทบาทหน้าทอี่ ย่างสมบรู ณ ์ หรือ - ใหส้ มาชกิ กลุ่มเปน็ ผ้เู ลอื ก มากมายในระยะเรมิ่ ต้น - มีการเขียนหรือบันทึกบทบาทหน้าท่ีว่า ใครท�าอะไร โดยอาจเขียนลงในกระดาษ หรอื กระดาษแผน่ ใหญ ่ และตดิ ไวใ้ นทที่ มี่ อง เหน็ ชดั เจน - ก�าหนดบทบาทหน้าที่แบบค่อยเป็นค่อย ไปเท่าท่ีจ�าเป็น เมื่อด�าเนินการไปได้ระยะ หน่ึงหากเห็นว่ามีความจ�าเป็นต้องมี ต�าแหน่งเพ่ิมจึงค่อยก�าหนดเพ่ิมข้ึนตาม สภาพการณข์ องกลมุ่ - การทา� ความเขา้ ใจบทบาทหนา้ ทข่ี องคณะ ท�างานและสมาชิก อาจจะกระท�าได้หลาย ทางเชน่ การอบรมการศกึ ษาแบบอยา่ งกลมุ่ อื่นๆ ท่ีมกี ารจัดสรรบทบาทชัดเจน 65ค่มู อื “พัฒนาระบบและกลไกจัดบริการสขุ ภาพระดบั พื้นท”ี่ เรยี บเรียงโดย : วิวัฒน์ ตามี่ ปี พ.ศ 2563

3. การเสริมและพัฒนาสมาชกิ คณะทา� งาน เม่ือมีการเลือกต้ังคณะท�างานกลุ่มแล้วเราควรค้นให้พบว่าคณะท�างาน แต่ละคนนั้นมีจุดเด่นจุดอ่อนอะไรบ้าง มีอะไรบ้างท่ีเขารู้แล้วหรือยังไม่รู้และ ตอ้ งการเรยี นร้อู ะไรเพ่มิ เติม วัตถุประสงค์ เสรมิ สรา้ งและพฒั นาผนู้ า� ใหม้ คี วามรคู้ วามสามารถในการบรหิ ารกจิ กรรม ท�าอย่างไร จากขอ้ มลู ขา้ งตน้ เรานา� มาพฒั นาโครงการเสรมิ สรา้ งศกั ยภาพใหแ้ กส่ มาชกิ กลมุ่ เช่น การอบรม การศึกษาดูงาน เป็นตน้ ท้งั นกี้ �าหนดเนื้อหาให้เหมาะสม กับความต้องการของคณะทา� งานกลมุ่ ทสี่ า� คญั เรากระตนุ้ ใหค้ ณะทา� งานมกี ารประชมุ ปรกึ ษาหารอื กนั เปน็ ประจา� หากมีปัญหาหรือข้อขัดแย้งใดควรรีบประชุมหาทางแก้ไขปัญหาน้ันๆ อย่างทัน การณ ์ นอกจากนี้เรากระตุ้นให้คณะท�างานพยายามพูดคุยกับสมาชิกเพื่อให้เกิด การส่ือสารระหว่างกันท้ังเป็นทางการและไม่เป็นทางการเช่นประชุมทุกเดือน เปน็ ตน้ 66 ค่มู อื “พัฒนาระบบและกลไกจดั บริการสขุ ภาพระดับพื้นท่ี” เรียบเรยี งโดย : วิวัฒน์ ตามี่ ปี พ.ศ 2563

ควร - หาข้อมูลเกย่ี วกับคณะท�างาน เช่น ประวัติ ความสามารถ/ทักษะ - จดั โครงการเสริมสร้างและพฒั นาอยา่ งตอ่ เน่ืองและเนน้ เรื่องประชมุ กนั เป็นประจ�า - พัฒนาผู้น�าคณะท�างาน 3-4 คน หรือ 5-6 คน ซึ่งจะท�าให้เกิดการรับรู้เท่าเทียมกัน ท�างานรว่ มกันไดแ้ ละกา� หนดวาระการเป็นคณะท�างานของกลมุ่ ไว้ $ ? ...

4. การสรา้ งขอ้ ตกลง เมอื่ เหน็ วา่ กลมุ่ มกี ารวางแผนการทา� โครงการและกจิ กรรมจดั สรรบทบาท หนา้ ทแ่ี ลว้ ขน้ั ตอนสา� คญั อกี ขนั้ ตอนหนงึ่ กค็ อื กลมุ่ จะตอ้ งมขี อ้ ตกลงในเรอ่ื งตา่ งๆ เชน่ การบรหิ ารจดั การงบประมาณ หลกั เกณฑก์ ารใชจ้ า่ ยงบประมาณ ฯลฯ สรา้ ง เปน็ กฎระเบยี บประจา� ของกลมุ่ ทง้ั นส้ี มาชกิ จะตอ้ งเปน็ ผรู้ า่ งกา� หนดกฎระเบยี บ น้ันๆ และตอ้ งปฏบิ ัตติ ามกฎระเบยี บ วัตถุประสงค์ เพื่อสมาชกิ ทกุ คนในกลมุ่ มีกตกิ าทีย่ ดึ ถือและปฏิบตั ริ ว่ มกัน ท�าอยา่ งไร หลังจากที่ก�าหนดข้อตกลงแล้วเรากระตุ้นให้กลุ่มท�าความเข้าใจและ พิจารณาข้อตกลงและกฎระเบยี บอย่างรอบคอบ ขอ้ ตกลงและกฎระเบยี บเหลา่ นส้ี ามารถเปลย่ี นแปลงเพมิ่ เตมิ และลดลงได้ เมื่อผ่านการปฏิบัติสักระยะหนึ่งก็จะมีข้อสรุปของข้อตกลงและกฎระเบียบว่า “เปน็ ไปไดม้ ากนอ้ ยเพยี งใด อยา่ งไรด ี การเปลยี่ นแปลงกฎระเบยี บตา่ งๆ สมาชกิ จะต้องเป็นผู้ร่วมแกไ้ ขเปลย่ี นแปลงทุกครง้ั เรากระตุ้นให้กลุ่มเห็นความส�าคัญของกฎระเบียบและบันทึกกฎระเบียบ ให้เห็นชัดเจน แต่ไม่ติดยึดตายตัวให้เขาเห็นว่ากฎสามารถเปล่ียนแปลงได้ตาม ความเหมาสมและความเป็นจรงิ ของสภาพการณต์ ่างๆ ควร ไม่ควร - ให้สมาชิกสร้างข้อตกลงและกฎระเบียบ ไม่ควร...น�ากฎระเบียบของทางราชการ ขา้ งต้นของเขาเอง เสนอให้แก่กลุ่มทนั ที - เขียนกฎระเบียบให้ชัดเจนเมื่อผ่านการ ด�าเนนิ งานสกั ระยะหนึง่ 68 คู่มอื “พฒั นาระบบและกลไกจดั บริการสุขภาพระดับพืน้ ที่” เรยี บเรียงโดย : ววิ ฒั น์ ตามี่ ปี พ.ศ 2563

ข้ันตอนที ่ 5 การทดลองหรือนา� รอ่ งด�าเนนิ โครงการ การนา� รอ่ งโครงการหมายถงึ การรเิ รมิ่ หรอื ทดลองทา� ไปกอ่ นดา� เนนิ โครงการ จรงิ เพอ่ื ใหแ้ นใ่ จวา่ ปญั หาเรง่ ดว่ นทเี่ ราตอ้ งการแกไ้ ขปญั หานน้ั สา� เรจ็ เปน็ จรงิ ได้ เราจงึ ควรมขี อ้ มลู องคค์ วามร ู้ เพยี งพอในการดา� เนนิ การออกแบบโครงการแกไ้ ข ปัญหาที่มีประสิทธิภาพ เลือกวิธีหรือแนวทางที่เหมาะสมถูกต้องในการดา� เนิน การแก้ไขปัญหา จ�าเป็นจะต้องทดลองหรือจัดท�าโครงการน�าร่องด�าเนินการให้ เกิดความรู้จริงซึ่งเป็นเนื้อหาความรู้ที่ต้องสร้างทักษะหรือไม่เคยรู้มาก่อน เช่น วธิ กี ารพฒั นาแนวคดิ การสรา้ งองคค์ วามรนู้ วตั กรรมใหม ่ การพฒั นากลยทุ ธแ์ ละ กระบวนการท�างานทม่ี ปี ระสิทธแิ ละเกิดประสทิ ธผิ ลไดจ้ รงิ เปน็ ต้น วัตถปุ ระสงค์ เพื่อเป็นการทดสอบโครงการเชิงน�าร่องก่อนท่ีจะลงมือด�าเนินงานตาม โครงการหลกั ที่จะจัดท�าในอนาคต ทา� อย่างไร 1. เลอื กประเดน็ ปญั หาเรง่ ด่วนทีต่ อ้ งการแกไ้ ข 2. ก�าหนดขนาดของโครงการนา� ร่อง 3. กา� หนดจุดประสงค์ของโครงการนา� ร่อง 4. กา� หนดเกณฑเ์ พอ่ื การประเมนิ ความสา� เรจ็ ของโครงการนา� รอ่ งและสรา้ ง เครอื่ งมอื ทีจ่ �าเปน็ ในการด�าเนนิ งานทดลอง 5. ดา� เนนิ การทดลองโครงการนา� รอ่ งและเก็บรวบรวมขอ้ มูล 6. การตดิ ตามสนบั สนนุ การทา� งานของคณะทา� งาน/หนว่ ยบรกิ ารโดย สสจ. 7. วเิ คราะหข์ อ้ มูลและประเมินความส�าเร็จของโครงการน�าร่อง 8. สรุปบทเรียนท่ีได้จากโครงการน�าร่อง จัดท�าข้อเสนอแนะท่ีเหมาะสม และปรับปรุงแกแ้ ผนงานเดิมเท่าท่จี า� เป็น 69คู่มือ “พัฒนาระบบและกลไกจดั บรกิ ารสขุ ภาพระดับพื้นท่ี” เรียบเรยี งโดย : ววิ ฒั น์ ตาม่ี ปี พ.ศ 2563

ตวั บง่ ชี้ คณะท�างาน/หน่วยบริการ มีการทดลองโครงการน�าร่องซึ่งขนาดเล็กกว่า โครงการหลกั ทจี่ ะดา� เนนิ งานและมกี ารรายงานถงึ สง่ิ ทคี่ ณะทา� งาน/หนว่ ยบรกิ าร ได้เรียนรู้จากประสบการณท์ ช่ี ว่ ยกันท�าขึ้น การสนบั สนุน ..... - ใหก้ ลมุ่ /คณะทา� งาน ทา� กจิ กรรมหรอื โครงการนา� รอ่ งทเี่ หน็ วา่ มคี วาม จ�าเป็นและทดลองปฏิบตั ิได้ - สนบั สนุนงบประมาณดา� เนนิ งาน/วิชาการ หรือองค์ความรทู้ จี่ า� เป็น ตอ้ งการน�าร่องโครงการฯ 70 คูม่ อื “พัฒนาระบบและกลไกจัดบรกิ ารสขุ ภาพระดับพ้ืนท่ี” เรียบเรียงโดย : วิวฒั น์ ตามี่ ปี พ.ศ 2563

ขัน้ ตอนท่ี 6 การขยายกจิ กรรม/โครงการ แนวคิดเบือ้ งต้น เม่ือคณะท�างานประสบความส�าเร็จในการแก้ไขปัญหาโดยการด�าเนิน โครงการน�าร่องโครงการใดโครงการหน่ึงหรือกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งแล้ว สมาชิกของกลุ่มหรือคณะท�างานจะมีประสบการณ์เพ่ิมข้ึนจนม่ันใจตระหนักถึง ประโยชน์และความสา� คัญของกลุ่ม ดังนั้นการขยายกิจกรรมหรือโครงการเพื่อ ตอบสนองการแก้ไขปัญหาอ่ืนในพ้ืนท่ีเดียวกันหรือขยายโครงการหรือกิจกรรม สูพ่ นื้ ท่ีอื่น จงึ เปน็ สง่ิ ทค่ี ณะท�างานพัฒนาระบบและกลไกจะตดั สนิ ใจด�าเนินการ ต่อไป คา� วา่ “การขยายกจิ กรรมหรอื โครงการฯ เพอ่ื ตอบสนองการแกไ้ ขปญั หา อื่นๆ” คือการขยายวัตถุประสงค์จากวัตถุประสงค์เดิมที่จ�าเพาะเจาะจงเป็น วตั ถปุ ระสงคท์ แี่ กไ้ ขปญั หาเชงิ องคร์ วมเพอื่ แกไ้ ขปญั หาอน่ื ทเ่ี ชอ่ื มโยงปญั หาเดมิ การขยายกจิ กรรมหรอื โครงการฯ ในระดบั พน้ื ทข่ี น้ึ อยกู่ บั การตดั สนิ ใจของ กลุ่มหรือคณะท�างานในแต่ละพื้นท่ีในการเลือกลักษณะหรือรูปแบบ การขยาย กิจกรรมสามารถท�าได้ใน 2-3 แนวทาง คอื 1. การขยายกจิ กรรมตามแนวตง้ั คือท�ากิจกรรมเพื่อเสริมกิจกรรมเดิมใน ลกั ษณะลงลกึ มากขึน้ เช่นการพฒั นากิจกรรมล่ามในโรงพยาบาลขยายเปน็ ลา่ ม ชมุ ชนท่เี ป็น อสม. เชี่ยวชาญ ล่ามแปลทางโทรศพั ท์มอื ถอื โดยผา่ นแอพลเิ คชัน่ (Application) เปน็ ต้น 2. การขยายกจิ กรรมตามแนวนอน คอื การนา� ผลของการทา� กจิ กรรมในรปู แบบเดมิ ขยายผลสพู่ น้ื ทอ่ี นื่ ในอา� เภอเดยี วกนั ใหค้ รอบคลมุ่ พน้ื ทแ่ี ละจา� นวนกลมุ่ เปา้ หมายใหเ้ พมิ่ ขนึ้ หรอื บางพนื้ ทอี่ าจจะใชว้ ธิ กี ารแตกกจิ กรรมเดมิ เชน่ กจิ กรรม เดมิ เรอื่ ง “ลา่ มในโรงพยาบาล” ขยายกจิ กรรมเปน็ “พฒั นาระบบฐานขอ้ มลู -การ ลงทะเบียนใชส้ ิทธิ” การสง่ เสริมปอ้ งกันและการควบคมุ โรค เปน็ ต้น 71คู่มือ “พฒั นาระบบและกลไกจัดบริการสขุ ภาพระดบั พื้นที่” เรียบเรยี งโดย : ววิ ัฒน์ ตามี่ ปี พ.ศ 2563

3. การยกระดบั เป้าหมายในระดบั นโยบาย โดยใหก้ ระทรวงสาธารณสขุ ม ี นโยบายให้ล่ามชุมชนเป็นกลไกหนึ่งของการจัดบริการสุขภาพในหน่วยบริการ เปน็ ตน้ การสง่ เสรมิ การขยายกจิ กรรมของกลมุ่ /คณะทา� งานนนั้ จะเปน็ ไปเพอื่ การ แก้ไขปัญหาอ่ืนๆ และการเสริมสร้างความเข้มแข็งของกลุ่มเพื่อยังประโยชน์ให้ แก่กลุ่มผู้มีปัญหาสถานะและสิทธิและกลุ่มท่ีมีสัญชาติไทยใช้สิทธิในระบบหลัก ประกันสขุ ภาพแหง่ ชาต ิ (UC) หวั ใจส�าคัญ/เป้าหมาย สนับสนุนให้กลุ่มและคณะท�างานมีความเข้มแข็งและมีความต่อเน่ือง กิจกรรมของกลุ่มโดยการเสริมคุณภาพแกนน�าหลักเดิมและขยายแกนน�าใหม่ ตลอดจนการเสรมิ คุณภาพสมาชกิ กลุ่ม 72 คู่มอื “พฒั นาระบบและกลไกจดั บรกิ ารสขุ ภาพระดบั พ้นื ที”่ เรียบเรยี งโดย : วิวัฒน์ ตาม่ี ปี พ.ศ 2563

กระบวนการสง่ เสริมการขยายกิจกรรม การส่งเสริมการขยายกิจกรรมในข้นั ตอนยอ่ ยม ี 6 ขัน้ ตอน ดงั นี้ 1. การทบทวนข้อสรุป จากขนั้ ตอนการสง่ เสรมิ การทา� กจิ กรรมของกลมุ่ /คณะทา� งานในแตล่ ะพน้ื ท ี่ จะไดข้ อ้ สรปุ ของการดา� เนนิ กจิ กรรมทแ่ี ตกตา่ งกนั ไป เชน่ กจิ กรรมใดทเ่ี หมาะสม กจิ กรรมใดที่ไม่เอ้อื ตอ่ เขา ปญั หาที่เกดิ ขน้ึ คืออะไร แกไ้ ขอย่างไร เปน็ ตน้ จะได้ น�าข้อสรูปเหล่าน้ีมาเสริมให้กลุ่ม/คณะท�างานท�าการขยายกิจกรรม โดยมีแนว ต้ังค�าถาม ดงั นี้ - กิจกรรมหรือโครงการใดบ้างท่ีเป็นประโยชน์แก่กลุ่มผู้มีปัญหาสถานะ บุคคล - เม่ือแก้ไขปญั หาไดร้ ะดับหนึง่ แล้วจะหยดุ กจิ กรรมไว้เพียงแคน่ น้ั หรอื จะ ท�าอะไรต่อ - อะไรคอื ปญั หากลุ่มผมู้ ปี ัญหาสถานะบุคคลและหน่วยบริการท่ียังไม่ได้ รบั การแก้ไขปญั หา - ปญั หานั้นในขณะน้เี ราสามารถแกไ้ ด้แลว้ หรือยงั ฯลฯ วัตถุประสงค์ เพื่อเกิดความต่อเน่ืองจากขั้นตอนการส่งเสริมกิจกรรมของ กล่มุ พยายาม - ต้ังข้อสรปุ ของกิจกรรมเด่นๆ ข้นึ มา - ให้ผอู้ า� นวยการหรอื ผ้บู รหิ ารมบี ทบาทกระตุน้ สมาชิกกลมุ่ แทนเรา - เราอาจจะคยุ กับผู้แทนกลุ่ม 2-3 คนกอ่ นการประชมุ จรงิ ๆ 73คู่มือ “พฒั นาระบบและกลไกจัดบรกิ ารสุขภาพระดบั พน้ื ท่ี” เรียบเรียงโดย : ววิ ฒั น์ ตาม่ี ปี พ.ศ 2563

2. การขยายมโนทศั น์ กิจกรรมท่ีส่งเสริมสนับสนุนให้กลุ่ม/คณะท�างานมีโอกาสขยายความคิด มุมมองท่ีกว้างไกลเพ่ิมข้ึนโดยการจัดให้กลุ่ม/คณะท�างาน ได้มีโอกาสพบปะ แลกเปล่ยี นกับกลมุ่ อ่ืนในพน้ื ท่อี น่ื ท่ีมกี จิ กรรมหรอื แนวคดิ ใกลเ้ คียงกัน วตั ถุประสงค์ เกิดการรับรู้ข้อมูลเพิ่มข้ึนหรือมีโอกาสพัฒนาความคิดและมุมมองการ ทา� งาน ท�าอย่างไร วิธีการและแนวทางการดา� เนนิ งานสามารถทา� ได้ 4 แนวทาง ดงั นี้ 1. เชญิ ผ้แู ทนองคก์ รหรือหนว่ ยงานทมี่ ีประสบการณด์ ๆี หรือตัวอย่าง ปฏิบตั ิการท่ดี ี (Best Practice) ดา้ นการพัฒนาระบบและกลไกการ จดั บรกิ ารมาแลกเปลีย่ นแนวคิดและประสบการณ์ 2. ศึกษาดูงานพน้ื ท่ตี ัวอย่างที่ประสบความส�าเร็จในการพฒั นาระบบและ กลไก 3. จดั สมั มนาแลกเปลย่ี นเรียนรแู้ ละประสบการณ์ท�างานเพ่ิมเติมใน หัวข้อใดหวั ข้อหน่งึ ทสี่ มาชกิ กลุ่ม/คณะทา� งานสนใจ 4. จดั สมั มนาแลกเปลี่ยนเรยี นรรู้ ะหวา่ งกลมุ่ /คณะทา� งานในพน้ื ที่อ่ืนๆ กับหนว่ ยงานอน่ื ในประเดน็ เดยี วกนั หรือประเดน็ ต่างกันกไ็ ด้ 74 คูม่ ือ “พัฒนาระบบและกลไกจดั บรกิ ารสุขภาพระดบั พืน้ ท่ี” เรยี บเรยี งโดย : ววิ ัฒน์ ตาม่ี ปี พ.ศ 2563

สิ่งทค่ี วรทา� พยายาม 1. ให้บทบาทแก่กลุ่ม/คณะท�างานในการ ในกจิ กรรมขยายมโนทัศน์นหี้ ากสามารถ ประสานตดิ ตอ่ พดู คยุ ใหแ้ สดงตวั ถงึ การเปน็ ให้สมาชิกกลุ่มทั้งหมดไปศึกษาดูงานได้ก็ เจา้ ของกลมุ่ สว่ นบทบาทของผทู้ า� โครงการ ควรจะท�า แต่หากไปได้บางส่วนควรจัดให้ คือคอยติดตามหรือเปน็ พี่เล้ียงในบางเร่ือง สมาชิกที่มีความสนใจกระตือรือร้นและมี 2. ขยายการรบั รขู้ องสมาชกิ กลมุ่ ใหม้ ากขนึ้ แววผู้นา� ไปด้วย 3. ใหส้ มาชกิ เขา้ มามสี ว่ นรว่ มในทกุ ขนั้ ตอน ของกจิ กรรม 4. ให้สมาชิกมีโอกาสพูดคุยแลกเปล่ียนดู งาน สัมมนาและเปน็ วิทยากร 75คมู่ ือ “พัฒนาระบบและกลไกจดั บริการสขุ ภาพระดับพนื้ ท่”ี เรยี บเรยี งโดย : ววิ ฒั น์ ตามี่ ปี พ.ศ 2563

3. การพฒั นาแกนน�า การพฒั นาผูน้ า� สามารถทา� ได ้ 2 ลกั ษณะคอื การเสรมิ คณุ ภาพผู้นา� เพือ่ ให้ เกิดการหมุนเวยี นผ้นู �ากลมุ่ หรอื ประธานคณะท�างานและขยายจ�านวนผู้นา� วัตถุประสงค์ เพ่ือเสริมสร้างผู้น�ารุ่นใหม่ให้เกิดความต่อเนื่องและเสริม คณุ ภาพผูน้ �าปัจจบุ นั ท�าอย่างไร การพัฒนาผ้นู �าโดยอาจจะมกี ารก�าหนดวาระ เชน่ เลอื กตั้งทุก 1 หรอื 2 ปี ดงั ตอ่ ไปน้ี 3.1 เสริมคณุ ภาพผนู้ า� เราอาจเสรมิ ความรคู้ วามสามารถของผนู้ า� เปน็ กรณี พเิ ศษหากเหน็ ความจา� เปน็ เชน่ การบรหิ ารระบบการเงนิ และบญั ช ี การ ขบั เคล่ือนนโยบายสาธารณะ เป็นตน้ โดยอาจจะฝึกอบรมเพิม่ เติมเป็น กรณพี ิเศษ ส่งไปเรียนพเิ ศษเพม่ิ เตมิ จากหนว่ ยงานเอกชนก็ได้ 3.2 การขยายผูน้ �า อาจทา� การสง่ เสริมดังน้ี สนบั สนุนให้ผู้น�าใหม่เขา้ รว่ ม อบรม สัมมนา การเป็นวิทยากร ฯลฯ และสนบั สนุนให้มกี ารกระจาย ความรับผิดชอบแก่ผู้น�าใหม่ โดยผู้น�าเป็นพ่ีเลี้ยงดูแลและถ่ายทอด ประสบการณ์ 76 คู่มอื “พัฒนาระบบและกลไกจัดบริการสุขภาพระดบั พน้ื ท่ี” เรียบเรียงโดย : วิวัฒน์ ตามี่ ปี พ.ศ 2563

สิง่ ทคี่ วรค�านึง 1. ผแู้ ทนหนว่ ยงานท่จี ะมาเปน็ ผู้นา� /ประธานกลุม่ มักมภี าระงานประจา� หรอื ภาระงานอื่นอาจสง่ ผลทา� ให้เกดิ ปัญหาเรื่องการจดั การเวลาท่ีเกดิ จาก ภาระงานทเ่ี พ่มิ ข้นึ ในภายหลังได ้ 2. การขยายผูน้ �าในลกั ษณะหมุนเวียนโดยมีวาระการท�างานจะทา� ใหแ้ บ่งเบา ภาระงานกนั หรอื กระจายงานไม่ตกเป็นภาระของใครคนใดคนหนงึ่ ที่มาจาก ต่างหน่วยงาน 3. การสร้างผู้น�าใหมม่ าสืบทอดสบื ต่องานของกลมุ่ ได ้ หากสามารถสรรหา ผ้นู �าทีเ่ ป็นเยาวชน-หนมุ่ สาวจะเปน็ การดีอยา่ งย่ิง

4. การพัฒนาและขยายความร่วมมอื จากขั้นตอนยอ่ ยท่ี 2 เราดา� เนนิ การขยายมโนทศั น์ใหแ้ ก่สมาชิกกลุ่ม เพ่ือ พฒั นาการรบั รคู้ วามสามารถตา่ งๆ ของสมาชกิ ทา� ใหส้ มาชกิ กลมุ่ มคี ณุ ภาพมากขน้ึ วตั ถุประสงค์ เพื่อใหส้ มาชิกพฒั นาตนเองและขยายจา� นวนสมาชิกกลุ่ม ท�าอยา่ งไร 1. พดู คยุ กบั กรรมการหรอื คณะทา� งานใหเ้ หน็ ความสา� คญั ของการกา� หนด ระยะเวลาท่ีเหมาะสมในการขยายความร่วมมือและขยายสมาชิกจาก หนว่ ยงานอ่ืน 2. กลุ่ม/คณะท�างานร่วมกันพิจารณาหลักเกณฑ์ของการขยายแนวร่วม หรอื สมาชิกกลมุ่ ร่วมกัน โดยโครงการฯ ท�าหน้าท่ีกระตนุ้ ให้กลุ่มพดู คยุ กนั เพ่ือหาหลักเกณฑ์ 5.การเสรมิ การสอ่ื สาร การสื่อสารถือเป็นกิจกรรมหนึ่งที่มีความส�าคัญมากในการจัดท�ากิจกรรม และโครงการทม่ี ภี าคีหุ้นสว่ นจา� นวนมากจากหลายหน่วยงาน ดงั นนั้ การสื่อสาร ด้วยการจัดประชุมอย่างเดียวไม่เพียงพอ เราอาจจะต้องเสริมวิธีอื่นเพ่ือการ ส่อื สารมากข้ึน เชน่ การใหข้ อ้ มูลขา่ วสารผา่ นไลน ์ (line) หรือวิธกี ารอ่ืนท่ีเข้าใจ งา่ ยรวดเรว็ วตั ถปุ ระสงค์ เสรมิ การสอื่ สารภายในกลมุ่ ให้มากขึน้ รองรบั สมาชิกท่ีเพิม่ ขึ้น กระบวนการและวธิ ีการส่ือสาร การส่ือสารสามารถสื่อสารเฉพาะหน้าระหว่างกันได้และมีความสนใจ แสดงออกรว่ มกนั ในเรอื่ งใดเรอื่ งหนงึ่ โดยอาจเปน็ การสอ่ื สารแบบ 1:1 หรอื แบบ หน่งึ คนตอ่ หลายๆ คนเพื่อเปน็ การสง่ สารสู่สมาชกิ ในกลุ่มกไ็ ด้ 78 คมู่ ือ “พัฒนาระบบและกลไกจัดบริการสขุ ภาพระดับพ้นื ท”ี่ เรียบเรียงโดย : ววิ ฒั น์ ตาม่ี ปี พ.ศ 2563

ภาพองคป์ ระกอบของการส่อื สารข้อมูล โปรโตคอล ขอ้ มูลข่าวสาร โปรโตคอล ผสู้ ่ง สอื่ กลาง/ตวั กลาง ผ้รู ับ การสอ่ื สารกลมุ่ ไดแ้ ก ่ การสอื่ สารแบบกลมุ่ เลก็ และการสอื่ สารแบบกลมุ่ ใหญ ่ การสอ่ื สารแบบกลุ่มเลก็ (Small-group communication) เป็นกลมุ่ ที่มี สมาชกิ จ�านวน 3 คนข้นึ ไป (แตไ่ ม่มากจนเกินไปสมาชิกรู้จกั ซงึ่ กนั และกันอย่าง ทวั่ ถงึ และมเี ปา้ หมายเดยี วกนั ซง่ึ การสอ่ื สารแบบกลมุ่ เลก็ นจ้ี ะเปน็ ไปอยา่ งไมเ่ ปน็ ทางการ การสอื่ สารแบบกลุม่ ใหญ่ (Large-group communication) หรอื การ พูดในที่สาธารณะ เป็นกลุ่มท่ีมีสมาชิกจ�านวนมากจนไม่สามารถรู้จักซ่ึงกัน และกันได้อย่างทั่วถึง ลักษณะการสื่อสารจะเป็นไปในทางการอภิปราย การ บรรยาย หรอื การปาฐกถา ซง่ึ การสอ่ื สารแบบกลมุ่ ใหญน่ จ้ี ะตอ้ งมหี วั หนา้ ควบคมุ การปฏบิ ตั งิ านอย่างเป็นอย่างเปน็ ทางการ 79คมู่ ือ “พฒั นาระบบและกลไกจัดบรกิ ารสุขภาพระดบั พ้ืนที่” เรยี บเรยี งโดย : วิวัฒน์ ตามี่ ปี พ.ศ 2563

ขัน้ ตอนท่ี 7 การสร้างเครือขา่ ยแก้ไขปญั หาสทิ ธิสุขภาพ แนวคดิ เบ้อื งต้น การสร้างเครือข่ายแก้ไขปัญหาสิทธิสุขภาพ หมายถึงการรวมตัวของกลุ่ม ต่างๆ หรือหน่วยบริการท่ีมีการประสานหรือท�างานอย่างต่อเนื่อง มีระยะเวลา นานพอควร มวี ตั ถปุ ระสงคห์ รอื เพม่ิ เตมิ วตั ถปุ ระสงคใ์ หมไ่ ด ้ ทง้ั นก้ี ารรวมตวั ของ กลมุ่ เปน็ การเจรญิ เตบิ โตและเสริมพลังแก้ไขปัญหาต่างๆ หรอื ด�าเนินกจิ กรรมที่ เป็นประโยชนแ์ ก่กลมุ่ ผู้มีปญั หาสถานะและสิทธิ เครอื ขา่ ยในทน่ี แี้ บง่ ไดเ้ ปน็ 2 ระดบั คอื เครอื ขา่ ยบรกิ ารสขุ ภาพระดบั พน้ื ท่ี ภายในจงั หวดั เดยี วกนั และเครอื ขา่ ยบรกิ ารสขุ ภาพระหวา่ งจงั หวดั โดยมปี ระเดน็ เป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่อยากแก้ไขปัญหาร่วมกันมาท� างานในลักษณะ เครือข่ายจึงจะแก้ไขปัญหาส�าเร็จ การประสานงานหรือการท�างานร่วมกันอาจ อยใู่ นรปู ข้อตกลงการทา� งานหรือบนั ทกึ ความเข้าใจ (MOU = Memorandum of understanding ) ในรูปของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาระดับจังหวัด มี สาธารณสุขจงั หวัดเป็นแม่ขา่ ยหลักด�าเนินงานเครอื ข่ายบริการสขุ ภาพ เป้าหมายการสร้างเครือข่ายแก้ไขปัญหาสิทธิสุขภาพ อาจแบ่งออกได้ 3 ประการคือ ประการทีห่ นง่ึ การรวมตัวเป็นเครอื ข่ายเพอ่ื แลกเปลย่ี นเรยี นร้ใู นเรือ่ งใด เรื่องหนง่ึ ประการทสี่ อง การรวมตัวเปน็ เครอื ข่ายเพ่อื ทา� กจิ กรรมใดกิจกรรมหนง่ึ ประการทีส่ าม การรวมตัวกนั เปน็ เครือข่ายเพอื่ การบริหารจดั การปัญหา รว่ มกัน รูปแบบเครือขา่ ยอาจจดั ได้เป็น 2 รูปแบบ คอื รูปแบบนิติบคุ คล เปน็ การ จดทะเบียนตามกฎหมาย เช่น สมาคม มูลนิธิ เป็นต้น และรูปแบบไม่เป็น 80 คู่มือ “พฒั นาระบบและกลไกจดั บริการสขุ ภาพระดบั พ้นื ท”ี่ เรยี บเรยี งโดย : ววิ ฒั น์ ตามี่ ปี พ.ศ 2563

นิติบคุ คล เป็นการรวมกลุ่มกนั อยา่ งไม่เปน็ ทางการ เชน่ กลุ่ม ชมรม สมาพนั ธ ์ สหพันธ์ เปน็ ต้น ท้งั น้กี ารใช้รปู แบบใดควรค�านงึ ถึงประโยชนท์ จี่ ะเกิดข้นึ กับผ้มู ี ปัญหาสถานะบุคคลและหน่วยบริการ ดังนั้นการตัดสินใจเลือกรูปแบบใด เปน็ การตดั สินใจของกลุ่ม/คณะทา� งาน เพราะเป็นเจา้ ของเครอื ข่ายนน่ั เอง หัวใจสา� คญั สนบั สนนุ ใหก้ ลมุ่ /คณะทา� งานพน้ื ทสี่ รา้ งเครอื ขา่ ยกบั กลมุ่ หรอื หนว่ ยบรกิ าร ต่างๆ ท้ังในระดับพื้นท่ีจังหวัดเดียวกันและระหว่างจังหวัด เพ่ือเสริมพลังแก้ไข ปญั หาทใี่ หญก่ วา่ ทีไ่ ม่สามารถแกไ้ ขไดเ้ พียงล�าพัง กระบวนการสง่ เสริมการสรา้ งเครอื ขา่ ยของกลุ่ม/หน่วยบริการ การดา� เนนิ การสง่ เสรมิ การสรา้ งเครอื ขา่ ยของกลมุ่ /หนว่ ยบรกิ าร คลา้ ยกบั การเริ่มต้นท�างานกับกลุ่ม แต่มีความแตกต่างกันที่บทบาทของเราจะเป็น ผู้สนับสนุนหรือบทบาทรอง ส่วนบทบาทหลักจะเป็นบทบาทของผู้น�าหรือ กรรมการของกลุ่มต่างๆ โดยมีการทา� งานเปน็ ขั้นตอนย่อยอีก 7 ข้ันตอน ดังนี ้ 1. การรู้จักกลุ่มหรือหน่วยบริการ/ขยายแนวคิดเรื่องกลุ่ม เร่ิมจากการ ศกึ ษาขอ้ มลู ทไี่ ด ้ เราจะพบความแตกตา่ งและความคลา้ ยของกลมุ่ ตา่ งๆ ทไ่ี ดร้ เิ รม่ิ ด�าเนินงานมาในแต่ละพื้นที่ หรือบางพ้ืนท่ีได้มีการรวมกลุ่มแก้ไขปัญหากันอยู่ แลว้ ซ่งึ จะท�าให้เราเหน็ กลุ่มทมี่ ีความสนใจหรอื วัตถุประสงคใ์ กลเ้ คียงกนั วัตถุประสงค์ ส�ารวจกลุม่ ตา่ งๆ ท่มี ีอย่ใู นพน้ื ที่หรอื จังหวัดและระหว่างจังหวัด บทบาทของเรา เราด�าเนินการในฐานะผู้วิจัย ด้วยการศึกษารวบรวมข้อมูล วิเคราะห์และ สงั เคราะหร์ ปู แบบกลุ่มและเครอื ขา่ ย จดั ทา� ข้อเสนอแนะจดั ท�าเครือข่าย 81คู่มอื “พัฒนาระบบและกลไกจดั บรกิ ารสุขภาพระดบั พ้นื ท่ี” เรียบเรยี งโดย : ววิ ฒั น์ ตามี่ ปี พ.ศ 2563

รู้วา่ สิ่งที่นา่ สนใจ เมื่อจัดกลุ่มความสนใจหรือความ ขณะท่ีท�าการศึกษารวบรวมข้อมูลของ คลา้ ยคลงึ กนั แลว้ เปน็ เพยี งขอ้ มลู ในใจ มไิ ด้ กลุ่มต่างๆ ในแต่ละพื้นท่ีนั้นควรเชิญชวน จดั กลมุ่ เครอื ขา่ ยใหแ้ ลว้ เสรจ็ ทา� ไดเ้ พยี งขอ้ สมาชิกกลุ่มต่างๆ อย่างน้อย 1-2 คนร่วม เสนอแนะแนวทาง ความเป็นไปได้ในการ ด�าเนินการด้วยเพื่อเป็นการศึกษาร่วมกัน พัฒนาให้เกิดเครอื ข่าย หรือเราอาจกระตุ้นให้ผู้แทนสมาชิกกลุ่ม ท�าการศึกษากลุ่มต่างๆ ด้วยตนเองโดยเรา เป็นฝ่ายสนับสนุนความรู้ ทักษะบางอย่าง และงบประมาณดา� เนนิ การ หรอื เวทสี รปุ การ ด�าเนนิ งาน 82 ค่มู ือ “พฒั นาระบบและกลไกจดั บริการสุขภาพระดับพนื้ ที”่ เรียบเรียงโดย : วิวฒั น์ ตาม่ี ปี พ.ศ 2563

2. การประชมุ ของกลมุ่ : เรม่ิ ตน้ เครือขา่ ย การส�ารวจกลุ่มเราจะเหน็ ประเด็นบางอยา่ งท่เี ปน็ ประเด็นร่วมกนั ได้ วตั ถุประสงค์ เพื่อการพบปะครั้งแรกของการสรา้ งเครือข่าย ท�าอย่างไร เร่ิมต้นจากการพูดคุยกลุ่มต่างๆ เพ่ือกระตุ้นให้กลุ่มเห็นความส�าคัญและ สนใจทจ่ี ะมาพบกนั เชน่ เดยี วกนั กบั การศกึ ษาสา� รวจกลมุ่ หากใหผ้ นู้ า� ดา� เนนิ การ ได้เองจะเป็นสง่ิ ท่ีดี เราอาจเสนอ “เวท”ี การพูดคุยใหแ้ กก่ ล่มุ ต่างๆ เช่นการจัด สัมมนาหรือเราอาจจดั ไปดงู านรว่ มกันของกล่มุ ตา่ งๆ ในขน้ั ตอนนเ้ี ราอาจจัด 2-3 คร้ังเพ่อื ให้กลุ่มมีโอกาสพดู คยุ แลกเปลย่ี นกนั ให้มาก ซ่ึงจะท�าให้ทราบแนวคิดซึ่งกันและกันนอกจากนี้จะเป็นการสร้างความ สนับสนนุ ความเป็นเพ่อื น ระหว่างกลุ่มกนั เองทเ่ี รยี กวา่ “เพอื่ นร่วมทาง” บทบาท ผู้ด�าเนินโครงการฯ ท�าหน้าท่ีประสานงานระหว่างกลุ่มต่างๆ เม่ือเห็นว่า ด�าเนินการกันเองไดแ้ ลว้ เราคอยชว่ ยเหลืออยหู่ า่ งๆ 3. กา� หนดวัตถปุ ระสงคร์ ่วมกนั : แผนงานของเครือขา่ ย วตั ถุประสงค ์ เพื่อกา� หนดวตั ถปุ ระสงคแ์ ละแผนงานของเครือข่าย ท�าอย่างไร 1) จากการประชุมของกลุ่ม 2-3 คร้ัง เพื่อพูดคุยแลกเปล่ียนถึงประเด็น ปัญหาของแต่ละกลุม่ หรอื เรอื่ งต่างๆ เราจะตงั้ คา� ถามใหแ้ กก่ ลุ่ม เช่น - เราจะมารวมกันในรปู เครือขา่ ยเพอื่ วัตถปุ ระสงคอ์ ะไร - เราจะแก้ปัญหาอะไรท่ีเป็นประเด็นปัญหาร่วมของแตล่ ะกล่มุ 83คู่มอื “พัฒนาระบบและกลไกจดั บรกิ ารสุขภาพระดบั พน้ื ท”่ี เรียบเรียงโดย : วิวฒั น์ ตามี่ ปี พ.ศ 2563

- จะตอ้ งท�าอะไรบ้างจงึ จะแก้ไขปญั หาน้นั ๆ ได้ - เราจะเริม่ ต้นท�าเมอื่ ไหร่และใครจะท�า 2) ตั้งคณะกรรมการช่ัวคราวเพื่อประสานงานระหว่างกลุ่มซึ่งอาจมีเพียง 2-3 คน โดยไมต่ อ้ งกา� หนดตา� แหนง่ ตา่ งๆ ใหค้ รบกรรมการ สรปุ มาถงึ ตอนนี้ : ท�าให้เรารู้แล้วว่า กล่มุ มารวมตัวเป็นเครือข่ายในเรอื่ ง ใด เชน่ เครือข่ายการเรยี นร ู้ เครือข่ายรบั -สง่ ต่อผูป้ ว่ ยขา้ มเขต เป็นตน้ ขอให้ตระหนัก - ในข้ันตอนนี้ขอให้ระมัดระวังและตระหนักว่า อย่าเพ่ิงก�าหนดวัตถุประสงค์ให้แก่กลุ่ม แต่พยายามให้สมาชิกกลุ่มอภิปรายเพื่อหาให้ได้หรือข้อตกลงร่วมกันว่ากลุ่มต้องการมา รวมกันเพื่อท�าอะไร - หากตกลงกนั ไมไ่ ด ้ ไมค่ วรฝนื ใหเ้ กดิ การรวมตวั เปน็ เครอื ขา่ ยควรปลอ่ ยไวก้ อ่ น ใหโ้ อกาส หรอื เวลาเพอ่ื ใหก้ ลมุ่ ไดค้ ดิ ตรกึ ตรองใหด้ กี อ่ นและเหน็ ประโยชนข์ องการรวมเครอื ขา่ ยคอ่ ย ดา� เนนิ การต่อ 84 คมู่ ือ “พฒั นาระบบและกลไกจัดบริการสขุ ภาพระดับพนื้ ท่ี” เรียบเรยี งโดย : ววิ ัฒน์ ตาม่ี ปี พ.ศ 2563

4. การทดลองทา� กิจกรรมร่วมกนั ของเครอื ขา่ ย วตั ถุประสงค์ ทดลองทา� กิจกรรมร่วมกนั ของเครือขา่ ย ท�าอยา่ งไร 1) การเรียนรู้ร่วมกัน หากพบว่า มีบางเร่ืองท่ีเป็นความรู้ใหม่หรือไม่ช�านาญการกลุ่มควรเรียนรู้ รว่ มกัน โดยอาจเชิญผู้ทมี่ ีความรู้ความเชีย่ วชาญในเรอื่ งนั้นมาเป็นวทิ ยากรหรอื สมาชิกบางคนอาจมีความรู้เร่ืองน้ันก็มาเป็นวิทยากรได้เช่นกัน หรือเราอาจจัด ไปดูงานในเร่อื งนน้ั ๆ เลยก็ได้ ตระหนัก : ให้กลุ่มเป็นผู้คัดเลือกคณะกรรมการ พยายามหลีกเลี่ยงการลงมติ โดยการยกมือ แต่ใหผ้ แู้ ทนกลมุ่ อภิปรายถึงความเหมาะสมและใหก้ ลุ่มเต็มใจที่ จะรบั งาน 2) การทา� กิจกรรม ทดลองท�ากิจกรรมร่วมกันสักหนึ่งเรื่องควรเป็นเร่ืองท่ีไม่ยากจนเกินไป และคาดว่าจะได้ผล ไม่ควรจบั เร่ืองทีย่ ุ่งยากสลับซับซอ้ นและใชเ้ วลามาก วตั ถปุ ระสงค์ ทดลองทา� กจิ กรรมรว่ มกันของเครือขา่ ย 3) สรุปผลการทดลองท�ากจิ กรรม หลังจากท�ากิจกรรมน้ันๆ แล้วควรจัดประชุมสรุปผลการท�ากิจกรรมร่วม กนั แล้วตัดสินใจวา่ มคี วามเป็นไปได้เพยี งใดในการทา� งานรว่ มกัน กิจกรรมน้นั ๆ เอือ้ ประโยชน์มากน้อยแค่ไหนกับกลมุ่ เป้าหมายและหน่วยบรกิ าร จนกระทัง่ ได้ ข้อสรุปร่วมกันว่าจะท�าอะไรต่อเน่ืองหรอื หรอื ไม่ในการรวมตัวกันเปน็ เครือข่าย 85คมู่ อื “พัฒนาระบบและกลไกจดั บรกิ ารสุขภาพระดบั พน้ื ที”่ เรยี บเรยี งโดย : ววิ ัฒน์ ตามี่ ปี พ.ศ 2563

ย้�า/ถ้า : เหน็ ว่าเรอ่ื งทจ่ี ะกระท�าขน้ึ นน้ั กลมุ่ มคี วามร้พู อสมควรอยแู่ ล้ว กข็ ้าม ข้นั ตอนย่อยนีไ้ ปได้ บทบาท : เราตดิ ตามการทา� กจิ กรรมและคอยสนับสนุน ไมค่ วรรีบเขา้ ไปจดั การ หรอื ช่วยเหลือ 5. ความชัดเจนของงานทที่ �าร่วมกันของเครอื ขา่ ย วตั ถปุ ระสงค์ สรา้ งความชัดเจนของงานทท่ี �าร่วมกนั ของเครือข่าย ทา� อย่างไร 1) กา� หนดกจิ กรรมทช่ี ัดเจน หลังจากผ่านขนั้ ตอนท่ี 4 แล้ว กล่มุ ได้กิจกรรมที่ชัดเจนร่วมกันซ่งึ เปน็ เนื้องานที่กลุ่มมารวมตัวเป็นเครือข่าย ท้ังนี้อาจจะขยายกิจกรรมเพ่ิม เติมที่เกี่ยวขอ้ งซ่ึงกนั และกนั 2) ก�าหนดคณะกรรมการเครือขา่ ย ประชุมสมาชิกเครือข่าย ท�าการคัดเลือกคณะกรรมการให้ครบหน้าท ี่ เทา่ ทจี่ า� เปน็ พรอ้ มทง้ั การทา� ความเขา้ ใจแตล่ ะหนา้ ทใี่ หช้ ดั เจน ทงั้ นอ้ี าจ มกี ารจดั สัมมนาหรอื อบรมเฉพาะกรรมการ 3) ตง้ั กฎกติกา ประชมุ สมาชกิ เครอื ขา่ ยทง้ั หมดเพอ่ื ตง้ั กฎกตกิ ารว่ มกนั รวมถงึ การทา� ให้ สมาชกิ มีความเขา้ ใจกตกิ าตา่ งๆ 86 คมู่ ือ “พัฒนาระบบและกลไกจดั บรกิ ารสขุ ภาพระดับพ้ืนที”่ เรียบเรยี งโดย : ววิ ฒั น์ ตามี่ ปี พ.ศ 2563

4) ก�าหนดเวลา เครือข่ายก�าหนดช่วงเวลาท่ีจะพบกัน เช่นเดือนละคร้ัง สองเดือนคร้ัง หรือแลว้ แตก่ ิจกรรมทจ่ี ะเป็นตัวก�าหนดช่วงเวลาของการพบกัน บทบาท : เราถอยห่างออกมาใหม้ ากเพ่อื ให้กล่มุ ดา� เนนิ การดว้ ยตนเอง โดยเรา อาจตดิ ตามเปน็ ระยะๆ เวลา : ขั้นตอนย่อยนีอ้ าจใช้เวลาเปน็ ปีหรอื หลายปี ไม่ควรรีบร้อนหรอื เร่งรีบ จนเกินไป 6. การพัฒนาองค์กร การพัฒนาองค์กร หมายถึงกระบวนการเปลี่ยนแปลงทดลองด�าเนินการ อย่างเป็นระบบภายในองค์กร โดยมีการวางแผนล่วงหน้าในเรื่องต่างๆ อาทิ ก�าหนดผู้รับผิดชอบข้ันตอนการเปล่ียนแปลงและศึกษาผลกระทบและวิธีแก้ไข เพอ่ื ใหอ้ งคก์ รสามารถดา� รงอยไู่ ดอ้ ยา่ งเหมาะสม และสามารถดา� เนนิ งานไดอ้ ยา่ ง มีประสิทธิภาพ ตลอดจนพัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพในการปฏิบัติงานและมี คุณภาพชีวิตการท�างานท่ีดีภายใตส้ ง่ิ แวดลอ้ มทีเ่ ปลยี่ นแปลงตลอดเวลา การพัฒนาองค์กร คือวิธีการอย่างเป็นระบบต่อการปรับปรุงขององค์กร ทป่ี ระยกุ ตท์ ฤษฎที างดา้ นพฤตกิ รรมศาสตรแ์ ละการวจิ ยั มาใช ้ เพอ่ื เพมิ่ ความเปน็ อย่ทู ่ีดแี ละความมปี ระสทิ ธภิ าพของคนและองคก์ ร วัตถปุ ระสงค ์ : เพอ่ื กลมุ่ ตัดสินใจเลอื กแนวทางการพัฒนาเปน็ องค์กร 87คูม่ อื “พัฒนาระบบและกลไกจดั บริการสุขภาพระดับพ้ืนท่ี” เรยี บเรยี งโดย : ววิ ัฒน์ ตามี่ ปี พ.ศ 2563

ทา� อยา่ งไร ขน้ั ตอนยอ่ ยท ี่ 5 เรอ่ื งสง่ เสรมิ ดา� เนนิ โครงการนา� รอ่ งและขนั้ ตอนท ี่ 6 เรอ่ื ง การขยายกจิ กรรมของกลมุ่ /คณะทา� งาน เปน็ ขนั้ ตอนสา� คญั สกู่ ารกอ่ รปู เครอื ขา่ ย ซง่ึ อาจใชเ้ วลาเปน็ ปหี รอื หลายปใี นการสะสมประสบการณค์ วามเชยี่ วชาญ หาก ผา่ นขน้ั ตอนยอ่ ยท ่ี 5 มาไดแ้ ลว้ เขา้ สกู่ ารพฒั นาเปน็ องคก์ รโดยใหก้ รรมการและ สมาชกิ ตัดสนิ ใจรว่ มกนั ว่า - จะจดทะเบียนเป็นนิตบิ ุคคลหรอื ไม่ - ถา้ จดทะเบยี นจะอย่ใู นรปู องค์กรใด - ถ้าไม่จดทะเบยี นจะอยใู่ นรูปแบบใด อย่าติดในรูปแบบ : ไมย่ ึดม่นั ต่อกล่มุ วา่ จะตอ้ งเปน็ รปู แบบใดรปู แบบหน่งึ บทบาท : หาข้อมลู เกยี่ วกับการจดทะเบียน ขอ้ ดี ข้อเสยี ฯลฯ ใหแ้ ก่เครอื ข่าย 88 คมู่ ือ “พฒั นาระบบและกลไกจัดบริการสุขภาพระดบั พ้นื ท่ี” เรียบเรียงโดย : ววิ ัฒน์ ตามี่ ปี พ.ศ 2563

ขั้นตอนที่ 8 การตดิ ตามประเมินผลภายใน (Internal Evaluation) เมื่อพูดถึงการติดตามประเมินผลอาจนึกถึงแหล่งทุนหรือผู้ให้ทุนส่งบุคคล ภายนอกมาทา� การประเมนิ ผลโครงการหรอื กจิ กรรมทเี่ รารบั ทนุ มาทา� งานวา่ สา� เรจ็ มากนอ้ ยแคไ่ หน ใชจ้ า่ ยงบประมาณเปน็ ไปตามวตั ถปุ ระสงคโ์ ครงการหรอื ไม ่ และ การประเมินผลจะเกิดขึ้นตอนจะส้ินสุดโครงการและต่อโครงการใหม่ ที่ส�าคัญ ประโยชน์ที่ได้รับจากการประเมินผลมักจะเป็นของฝ่ายผู้ให้การสนับสนุนเป็น หลัก และมักมีคา� ถามว่าแลว้ ผ้ถู ูกประเมนิ จะได้ประโยชนอ์ ะไรจากการประเมนิ ผลแต่ละครง้ั ความเช่ือ : เช่ือว่ามนุษย์มีการประเมินผลตลอดเวลา การประเมินแบบ ทางการและไม่เป็นทางการ ไม่ว่าจะเป็นนักบริหาร นักปฏบิ ตั ิ และการตัดสินใจ ในการประเมนิ มไิ ดต้ ดั สนิ ใจภายใตส้ ญุ ญากาศแตต่ ดั สนิ ใจภายใตข้ อ้ มลู ทไี่ ดร้ บั ท่ี เห็น แตบ่ างครงั้ อาจตัดสนิ ใจผดิ ได้เพราะไม่มกี ารรวบรวมข้อมูลเปน็ ระบบเพยี ง พอนนั่ เอง ความหมาย “การประเมินผล” พบวา่ มีผูใ้ หค้ วามหมายของการประเมนิ ผลที่หลากหลายและแตกต่างกันไป การประเมินผลประกอบด้วยการวัด (measurement) และการตดั สิน (judgment) ซึง่ อยู่บนพืน้ ฐานความเชอ่ื และ คณุ ค่าของสงั คม องคป์ ระกอบของการประเมนิ ผล ประกอบดว้ ย การวดั (measurement) +การเปรียบเทียบ (Comparison) และการตดั สนิ ให้คุณค่า ดร.ศภุ วลั ย ์ พลายน้อย,(2555) เสนอวา่ การประเมนิ ผลถอื เป็นศาสตร ์ ท่ีมี พัฒนาการด้านวิธีวิทยา (methodology) หมายถึงวิธีคิดและเทคนิค วิธีการ ประเมินผลแบง่ เปน็ ยุคสมัยตามพัฒนาการหลักๆ ได้ดังน้ี ยุคท่ ี 1 การประเมนิ ท่เี นน้ การวัดและการทดสอบ (Measurement) ยุคที่ 2 การประเมินท่ีเน้นการอธิบายผลที่เกิดขึ้น เทียบกับวัตถุประสงค์ 89คมู่ ือ “พัฒนาระบบและกลไกจดั บริการสุขภาพระดับพน้ื ท่”ี เรยี บเรยี งโดย : ววิ ัฒน์ ตามี่ ปี พ.ศ 2563

และเปา้ หมายโครงการโดยใช้ข้อมูลหลายตัวประกอบกัน ยคุ ท ี่ 3 การประเมนิ ทเ่ี นน้ ชว่ ยใหข้ อ้ มลู เพอื่ ตดั สนิ ใจในการบรหิ าร (Judgment) ยุคท่ี 4 การประเมินที่ตอบสนองความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับ โครงการ (Stakeholder oriented) ยคุ ท่ี 5 การประเมินทีเ่ นน้ การสรา้ งความรู ้ (Knowledge creation) และ พัฒนาศกั ยภาพผปู้ ระเมิน ประเมนิ ผลเพ่อื เรยี นรู้ การประเมนิ ผลในแตล่ ะยคุ สมยั มคี วามเชอื่ และเปา้ หมายทแ่ี ตกตตา่ งกนั ไป โดยการประเมินผลในยุคที่ 1-3 ถือเป็นยุคแรกเร่ืองการประเมินผล เป้าหมาย มงุ่ เนน้ การตดั สนิ ใจเปน็ หลกั และตง้ั แตย่ คุ ท ่ี 4-5 (ปจั จบุ นั ) มงุ่ เนน้ การสรา้ งความ รแู้ ละการใชป้ ระโยชนจ์ ากการประเมนิ ผล ประเภทของการประเมินผล ผศ.ดร.ธีรเดช ฉายอรณุ (2562) เสนอวา่ ประเภทของการประเมินผลแบ่ง ไดห้ ลายแบบเชน่ การประเมนิ ตน้ นา�้ การประเมนิ กลางนา้� และการประเมนิ ปลาย นา้� หรือแบง่ เปน็ การประเมินภายในและการประเมินภายนอก 90 คูม่ อื “พัฒนาระบบและกลไกจัดบริการสุขภาพระดับพื้นท่ี” เรยี บเรียงโดย : วิวัฒน์ ตาม่ี ปี พ.ศ 2563

บทบาทของการประเมินภายในและการประเมินภายนอก การประเมินภายใน การประเมนิ ภายนอก มองไปขา้ งหนา้ ใหข้ อ้ มลู แกผ่ บู้ รหิ ารโครงการ มองยอ้ นอดตี วิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อโครงการได้อย่างลึก ซึ้งเพ่ือให้ข้อเสนอต่อการตัดสินใจปรับปรุง โครงการให้บรรลเุ ปา้ หมายอยา่ งทันเวลา นกั ประเมนิ รบั ผดิ ชอบรว่ มตอ่ ความสา� เรจ็ ของ ใหข้ อ้ มลู แกผ่ ใู้ หก้ ารสนบั สนนุ /แหลง่ ทนุ โครงการ อยูใ่ นโครงการต้งั แต่ต้นนา้� -ปลายน�้า มีบทบาทหลักชว่ งปลายนา�้ พจิ ารณา ภาพรวมของความส�าเร็จของโครงการ 91คู่มือ “พัฒนาระบบและกลไกจดั บริการสุขภาพระดบั พ้นื ท”ี่ เรียบเรยี งโดย : ววิ ัฒน์ ตามี่ ปี พ.ศ 2563

การติดตามประเมนิ ผลภายใน (Internal Evaluation) การประเมินภายในถือว่าเป็นเครื่องมือของผู้บริหารโครงการหรือคณะ ทา� งานพฒั นาระบบและกลไกในการนา� ผลการประเมนิ มาเปน็ สารสนเทศในการ ด�าเนินโครงการให้บรรลุผลส�าเร็จ เช่ือว่าหากมีการประเมินภายในท่ีดีจะเป็น เครื่องมือหนึ่งท่ียืนยันถึงความชอบธรรมของด�าเนินโครงการเม่ือถูกตรวจสอบ จากผปู้ ระเมนิ ภายนอก การประเมนิ ภายในเปน็ กระบวนการตอ่ เนอ่ื ง (ongoing process) ไม่ใช่การด�าเนินงานเป็นห้วงเวลา สามารถท�าให้ผู้ท่ีมีส่วนเกี่ยวข้อง เกิดการเรียนรู้ได้ทันทีและต่อเน่ือง ดังน้ันการประเมินผลถือเป็นส่วนหน่ึงของ โครงการหรือกิจกรรมหนงึ่ ทีถ่ ูกติดต้ังต้ังแต่ต้น (built-in) ต้ังแตเ่ รมิ่ โครงการ การเสริมระบบการติดตามประเมินผลภายในจะใช้ประโยชน์เม่ือบางคร้ัง ผลลัพธ์ไม่ได้เกิดตามที่คาดหวัง จะปรับปรุงอย่างไร? ตัดสินใจขยายโครงการ น�าร่อง เปรียบเทียบความคุ้มค่ากับโครงการท่ีมีลักษณะใกล้เคียงกัน โดยหลัก การแลว้ การประเมินผลเปน็ เคร่ืองมือที่ตอบค�าถาม ดงั น ้ี (1) ดา้ นกลยทุ ธ ์ : เราทา� ใหส้ ่ิงท่ีถูกตอ้ งแลว้ หรือไม่ (2) ด้านการด�าเนินงาน : ถ้าเราท�าส่ิงท่ีถูกต้องแล้วได้ผลตามที่คาดหมาย หรือไม ่ มปี ระสทิ ธิภาพหรือไม ่ ผรู้ บั บริการพอใจหรือไม ่ (3) ดา้ นการเรยี นร ู้ : เรามวี ธิ กี ารทจ่ี ะทา� ใหด้ กี วา่ เดมิ หรอื ไม ่ มที างเลอื กอนื่ และมีบทเรยี นอย่างไร ความสา� คญั และความจา� เป็น ระบบการติดตามประเมินผลภายในเป็นกิจกรรมหรือแผนงานหนึ่งท่ีควร ให้คณะท�างานหรือกลุ่มในแต่ละพื้นที่ระบุไว้ในโครงการที่จะท�า ซ่ึงจะช่วยส่ง เสรมิ สนบั สนนุ ใหม้ กี ารทา� งานสมั ฤทธผ์ิ ลตามเปา้ หมายและวตั ถปุ ระสงค ์ ทส่ี า� คญั ทา� ใหส้ มาชกิ กลมุ่ /คณะทา� งานเกดิ เรยี นรแู้ ละยกระดบั คณุ ภาพผลงานไดม้ ากขน้ึ ดงั นั้นภารกิจส�าคัญของโครงการฯ ควรจะคิดวา่ ท�าอย่างไรจะท�าใหค้ ณะทา� งาน กลุ่มเห็นประโยชน์คุณค่าการประเมินผล ท�าการฝึกอบรมเพ่ิมเติมโดยวิทยากร 92 คูม่ ือ “พฒั นาระบบและกลไกจัดบรกิ ารสุขภาพระดบั พน้ื ที่” เรียบเรียงโดย : วิวฒั น์ ตาม่ี ปี พ.ศ 2563

ผเู้ ชยี่ วชาญจากสถาบนั วชิ าการ สนบั สนนุ ใหค้ ณะทา� งานตดิ ตงั้ ระบบการตดิ ตาม ประเมนิ ผลภายใน วตั ถุประสงค์ (1) เพอ่ื สรา้ งกระบวนการมสี ว่ นรว่ มในการทา� งานระหวา่ งโครงการกบั ภาค ี ในการจัดท�าแผนการประเมินติดตามภายในท่ีชัดเจน เหมาะสม และ ดา� เนนิ การได้จรงิ (2) เพ่ือวิเคราะห์ สังเคราะห์ ความก้าวหน้า เงื่อนไข ข้อจ�ากัดรวมถึงบท เรียนการด�าเนินงานในภาพรวมในแต่ละงวดงาน น�าเสนอต่อคณะ ทา� งานโครงการฯ เมอ่ื สน้ิ สดุ การดา� เนนิ รายปแี ละสน้ิ สดุ การระยะเวลา การดา� เนินงาน กรอบการประเมนิ ผลภายใน การประเมนิ ผลภายใน มเี ปา้ หมาย : องคก์ รภาคมี ศี กั ยภาพเพม่ิ ขนึ้ ในเรอื่ ง การบรหิ ารจดั การโครงการ แผนงานและกจิ กรรมไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ดา� เนนิ งานให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายผลลัพธ์ท่ีก�าหนดไว้ในแต่ละระดับโดยการมี ส่วนร่วมจากภาคีต่างๆ ในการพัฒนาออกแบบกระบวนการ เคร่ืองมือ กลไกที่ เอ้ือในการติดตามประเมินผลและเสริมศักยภาพใหภ้ าคีความร่วมมือหลัก บทบาทผู้ประเมินผลภายในคือ จะท�าหน้าที่ประเมินโครงการตลอดช่วง เวลาของโครงการ คอื การประเมนิ ตน้ นา�้ กลางนา�้ และปลายนา�้ ทา� หนา้ ทสี่ อื่ สาร ผลการประเมนิ และจดั ทา� ขอ้ เสนอใหแ้ กผ่ จู้ ดั การสมา่� เสมอเพอื่ ใหส้ ามารถเทา่ ทนั สถานการณแ์ ละปรบั ปรงุ แผนงานและกลยทุ ธก์ ารทา� งานไดท้ นั ถอดบทเรยี นการ ด�าเนินงานโครงการและพัฒนาเสริมศักยภาพคนท�างานและเจ้าหน้าที่ของภาคี เครือขา่ ย (เฉพาะสมรรถนะทีจ่ า� เปน็ ) เพอ่ื ให้บรรลุเป้าหมายของโครงการ กรอบการประเมนิ เรม่ิ ตัง้ แต ่ ประเมนิ ต้นน�า้ เช่นพัฒนากรอบการวิเคราะห์โครงการ เปา้ หมาย วัตถุประสงค ์ ตัวชวี้ ัด โครงการ และขอ้ มลู (Base line) ตงั้ ตน้ การทา� งาน ประเมนิ กลางนา�้ การตดิ ตาม 93ค่มู ือ “พัฒนาระบบและกลไกจัดบริการสขุ ภาพระดับพ้นื ท่ี” เรยี บเรียงโดย : วิวัฒน์ ตามี่ ปี พ.ศ 2563

ด�าเนินงานโครงการเป็นระยะ ประเมินความก้าวหน้าและถอดบทเรียนของ โครงการเปน็ ระยะ จดั ทา� รายงานความก้าวหนา้ รายไตรมาส (สา� หรับภาค)ี ราย งวดส�าหรับชุดโครงการฯ และการให้ข้อเสนอแนะโครงการอย่างทันเวลา และ การประเมนิ ชว่ งปลายนา้� จะเนน้ การประเมนิ สรปุ อาจแบง่ เปน็ 2 ระยะคอื เมอ่ื สิน้ ปโี ครงการ สรุปบทเรียนเพื่อปรับแผนและงบประมาณและสรุปบทเรียนการท�างาน เมอื่ สนิ้ สดุ โครงการ และการจดั ท�าขอ้ เสนอทศิ ทางการดา� เนนิ งานในระยะต่อไป เครอื่ งมอื ทใี่ ชใ้ นการประเมนิ ผล จะใชเ้ ครอ่ื งมอื ประเมนิ ผลแบบผสมผสาน หรือแบบบูรณการ ดังน ้ี ช่วงประเมินต้นน�้า อาจจะใช้วิธีการเยี่ยมเยียนองค์กรเพ่ือนบ้านเพ่ือแลก เปลี่ยนเรียนรู้หรือศึกษาจากปฏิบัติการที่ดี (Best practice) การใช้ SWOT ANALYSIS เพอ่ื การวเิ คราะหแ์ ละกา� หนดยทุ ธศาสตรแ์ ละจดั ทา� โครงการ และใช้ เคร่ืองมือ Star Model ในการประเมนิ และปรบั ปรงุ คณุ ภาพขอ้ เสนอโครงการ การประเมนิ กลางนา�้ ใชเ้ ครอื่ งมอื สนทนากลมุ่ (Focus group) โดยมแี นว คา� ถามปลายเปดิ ในการตง้ั ประเดน็ สนทนา การเรยี นรหู้ ลงั ปฏบิ ตั ิ (After Action Review : AAR) เฉพาะกจิ กรรมทสี่ า� คญั และในใชเ้ ครอ่ื งมอื Mid-Year Review เพ่ือสรุปบทเรียน จัดท�าข้อเสนอแนะ จัดปรับกลยุทธ์การด�าเนินงานของแผน หรือโครงการย่อย การประเมินช่วงปลายน�้า จะใช้การถอดบทเรียนจากการประเมินแบบ เสรมิ พลงั (Empowerment Evaluation) เพอื่ พฒั นาความสามารถในการบรรลุ เป้าหมายทดี่ ีขน้ึ หมายถงึ การจดั ทา� ขอ้ เสนอแนะทศิ ทางการดา� เนินงานที่ดีและ สามารถยกระดบั คณุ ภาพผลงานในระยะต่อไป การสอ่ื สารกระเมนิ ผล (Feedback forum) จะผา่ นชอ่ งการประชมุ ประจา� ไตรมาสเพื่อน�าเสนอรายงาน ประชุมรายงวดหรือประชุมกลางปี (Mid-Year Review) ประชุมคณะท�างานหรือคณะกรรมการโครงการฯ และการน�าเสนอ รายงานงวดกับคณะกรรมการก�ากบั ทศิ ทางฯ 94 คมู่ อื “พัฒนาระบบและกลไกจดั บรกิ ารสุขภาพระดบั พืน้ ท”่ี เรียบเรียงโดย : วิวฒั น์ ตาม่ี ปี พ.ศ 2563

วิธีวิทยาการประเมิน การประเมินผลครั้งน้ีเป็นการประเมินผลภายในและเพ่ือให้เกิดประโยชน์ สูงสุดต่อการบริหารโครงการ วิธีวิทยาท่ีจะใช้ต้ังอยู่บนหลักการ 3 ข้อคือ หลักการของการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนเก่ียวข้องโครงการ (Stakeholder engagement) หลักการของการพัฒนาให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง (continuous improvement) และหลักพัฒนาศักยภาพ (capacity building) เพอื่ ใหบ้ รรลหุ ลกั การดงั กลา่ ว โครงการฯ จะแบง่ ระยะเวลาการประเมนิ ผล ตามกรอบการประเมิน 3 ระยะ กล่าวคือ ระยะแรกก่อนด�าเนินโครงการ (ประเมินต้นน้�า) การประเมินผลระหว่างด�าเนินโครงการ (กลางน้�า) และการ ประเมนิ ผลเมอื่ สน้ิ สดุ โครงการ (ปลายนา้� ) ดงั นนั้ วธิ กี าร/กระบวนการดา� เนนิ งาน เครือ่ งมือท่ีจะใช้ในแต่ละช่วงเวลามคี วามแตกตา่ งกันไป ดังตวั อย่างต่อไปน้ี เครอ่ื งมอื กลุม่ เป้าหมาย ระยะเวลา แผนงานและกจิ กรรม วธิ กี าร/กระบวนการ (ข้นึ อยกู่ ับระยะ เวลาโครงการฯ) ด�าเนินงาน ก. ก่อนดา� เนนิ โครงการ (ตน้ นา้� ) 1. วเิ คราะหอ์ อกแบบ - การศกึ ษาต้นทนุ Stakeholder ระหวา่ งพัฒนา โครงการ ด�าเนนิ งาน โครงการ - SWOT Analysis 2. วเิ คราะห์ประเมินขอ้ STAR MODEL Stakeholder- 3 เดอื นแรก เสนอโครงการ 5 มิติ เนน้ ภาคโี ครงการยอ่ ย 95คมู่ อื “พัฒนาระบบและกลไกจัดบรกิ ารสุขภาพระดบั พ้นื ท่”ี เรียบเรยี งโดย : วิวัฒน์ ตามี่ ปี พ.ศ 2563

3. ทา� ความเขา้ ใจและขอ้ ประชมุ เชงิ ปฏบิ ตั กิ าร/ Stakeholder- 3 เดอื นแรก ตกลง Focus group เนน้ ภาคโี ครงการยอ่ ย 4. จัดท�าเคร่ืองมือและ ประชมุ เชงิ ปฏบิ ตั กิ าร/ Stakeholder 3 เดอื นแรก แนวทางในการติดตาม Focus group และนกั เนน้ ภาคโี ครงการยอ่ ย ประเมนิ ผลกบั ภาคี วิชาการช่วยให้ค�า ปรึกษาและเสนอแนะ ข.ระหว่างด�าเนนิ โครงการ (กลางนา้� ) 5. ติดตามและรวบรวม - สังเกตแบบมสี ่วน Stakeholder เดือนท ี่ 4 จนถงึ ขอ้ มลู ผลการดา� เนนิ งาน/ ร่วม/ไมม่ ี ทุกภาคส่วนท่ี ก่อนปดิ ข้อสังเกต/ข้อค้นพบ/ - การสัมภาษณ์/ เกยี่ วข้องในแต่ละ โครงการ 3 เงอื่ นไขขอ้ จา� กดั ระหวา่ ง แบบสอบถาม กิจกรรม เดือน ดา� เนนิ โครงการ - สนทนากลุม่ (Focus ทุก 6 เดอื นหรือ group) รายงวด รวม 4 - AAR (After Action คร้ัง Review) 6. เวทสี รปุ ระมวลผล Mid year review Stakeholder สงั เคราะหผ์ ลการ หรอื ใช ้ EE ; Empow- ทกุ ภาคส่วนที่ ดา� เนนิ งานรายงวดงาน erment Evaluation เกยี่ วขอ้ งในแตล่ ะ (6 เดือน) เพ่ือประเมินรายแผน กจิ กรรม งาน(กจิ กรรมหลกั ) 96 ค่มู อื “พฒั นาระบบและกลไกจดั บริการสขุ ภาพระดบั พ้นื ที”่ เรียบเรยี งโดย : วิวัฒน์ ตามี่ ปี พ.ศ 2563

7 . จั ด กิ จ ก ร ร ม เ ส ริ ม ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติ Stakeholder เสรมิ ศักยภาพ ศักยภาพตามผลการ การแบบมีส่วนร่วม เนน้ ภาคโี ครงการยอ่ ย ระหวา่ งด�าเนนิ ปรับกลยุทธ์หรือทิศทาง โดยทีมวิทยากรจาก โครงการเป็น การด�าเนินงานให้กับ ภายนอก ระยะ key man ในระดับ โครงการย่อย 8. Feed back ผลการ การประเมินผลแบบ Stakeholder ทกุ 3 เดือนก่อน ตดิ ตามประเมนิ ผล เสริมพลัง (Empow- ทกุ ภาคส่วนที่ อนมุ ตั ิแผนและ ภายในรายงวดใหแ้ ก่ erment Evaluation) เกย่ี วข้องในแต่ละ งบประมาณให้ เครือข่ายระดบั ปฏิบตั ิ กิจกรรม แกภ่ าคีโครงการ การเพอ่ื ความเขา้ ใจรว่ ม ย่อย และการปรบั กลยทุ ธ์ การดา� เนินงานแตล่ ะ โครงการ 9. เสริมศักยภาพให้กับ ฝกึ อบรมเพิม่ เติมดว้ ย Stakeholder หลัง Feed กลไกการขับเคล่อื นงาน การเชิญวทิ ยากร เนน้ ภาคโี ครงการยอ่ ย back forum ในระดับปฏบิ ัตกิ ารเพือ่ ภายนอก ให้สามารถขับเคลื่อน (Out source) การทา� งานระดับพนื้ ที่/ ปฏบิ ตั ิการใหส้ อดคลอ้ ง กับการปรบั กลยทุ ธ์ ค.เมือ่ สิ้นสดุ การดา� เนินงานประจ�าปงี บประมาณและส้ินสดุ ระยะเวลาดา� เนนิ โครงการ 10. Final work shop พจนานกุ รมโครงการ Stakeholder - 2 เดือน เพอื่ สังเคราะห์และ ใช้ในการประเมนิ ทุกภาคสว่ นท่ี สดุ ท้ายกอ่ น ประมวลผลการด�าเนนิ ด�าเนินงานประจ�า เก่ยี วขอ้ งในแต่ละ สิน้ ป ี งานเมือ่ สน้ิ สดุ แตล่ ะปี ปงี บประมาณ กจิ กรรม - 3 เดือน และส้นิ สดุ โครงการ และส้ินสุด สุดท้ายกอ่ น 2 ปี สิน้ สุดโครงการ 97คมู่ อื “พัฒนาระบบและกลไกจัดบรกิ ารสุขภาพระดบั พน้ื ท่ี” เรียบเรียงโดย : วิวฒั น์ ตาม่ี ปี พ.ศ 2563

การสื่อสารผลการประเมนิ ผล 1) น�าเสนอรายงานตรงต่อผู้จัดการโครงการและผู้จัดการจะท�าหน้าที่ สื่อสารกบั โครงการยอ่ ย 2) น�าเสนอรางานผลการประเมินผลต่อท่ีประชุมเสนอรายงานความ ก้าวหนา้ ของโครงการย่อย 3) นา� เสนอรายงานการประเมินตอ่ ทปี่ ระชมุ กรรมการโครงการ 4) น�าเสนอรายงานตอ่ ท่ีประชุมกรรมการก�ากบั ทศิ ทางของแผน การรายงานขอ้ ค้นพบ การรายงานขอ้ คน้ พบจากการประเมนิ ผล เชน่ ใหข้ อ้ มลู สถานะของโครงการ เยียวยาปัญหาสร้างทางเลือกในการปรับปรุง ให้ทิศทางในการด�าเนินการต่อ สร้างความเช่ือม่ันในการเปลี่ยนแปลง ตรวจสอบการเปล่ียนแปลงท่ีเกิดขึ้นใน ช่วงเวลาต่างๆ และน�าเสนอเฉพาะข้อมูลท่ีส�าคัญ หลีกเลี่ยงข้อมูล “ขยะ” (ศุภวลั ย์ พลายน้อย,2551, หนา้ 51-55) งบประมาณการตดิ ตามประเมินผลภายใน การตดิ ตามประเมนิ ผลภายในเปน็ แผนงานหนงึ่ ทมี่ คี วามสา� คญั มากสา� หรบั การดา� เนนิ โครงการพฒั นา ควรจะตอ้ งมผี รู้ บั ผดิ ชอบทา� หนา้ ทปี่ ระเมนิ ผลภายใน โดยตรงอยภู่ ายใต้การก�ากบั ดแู ลของผ้จู ดั การโครงการฯ ทา� หนา้ ทเี่ ปน็ มนั สมอง ให้ผู้จัดการ ดังน้ันโครงการควรจัดสรรงบประมาณเพ่ือการติดตามประเมินผล ภายในอยา่ งนอ้ ยรอ้ ยละ 10 สา� หรบั โครงการขนาดตงั้ แต ่ 5 ลา้ นบาทขน้ึ ไป หาก เป็นโครงการขนาดเล็กทม่ี ีงบประมาณไมถ่ งึ 1 ลา้ นบาทอาจจะไมจ่ า� เป็นจะต้อง มผี ู้ประเมนิ ภายใน 98 คู่มอื “พัฒนาระบบและกลไกจัดบรกิ ารสุขภาพระดับพื้นท”่ี เรยี บเรียงโดย : ววิ ัฒน์ ตาม่ี ปี พ.ศ 2563