Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวิตในสถานศึกษาประเภทลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ เครื่องหมายลูกเสือโลก ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

คู่มือส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวิตในสถานศึกษาประเภทลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ เครื่องหมายลูกเสือโลก ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

Published by ปริญญา, 2021-11-07 03:53:27

Description: คู่มือส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวิตในสถานศึกษาประเภทลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ เครื่องหมายลูกเสือโลก ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

Keywords: ลูกเสือ,ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่,มัธยมศึกษา,ลูกเสือโลก,ทักษะชีวิต

Search

Read the Text Version

จังหวะที่ 3 ก้าวเท้าซา้ ยไปอยูห่ นา้ ปลายเทา้ ขวา พรอ้ มกับหมนุ ตวั ไปทางขวา จนได้ 90 องศา จากทศิ ทางเดิม จงั หวะท่ี 4 กา้ วเทา้ ขวาออกวงิ่ ตอ่ ไปตามจงั หวะเดมิ 2) ท่าซา้ ยหนั คาบอก \"ซ้าย – หนั \" การปฏิบัติ ใช้คําบอกในจงั หวะท่ีเทา้ ซา้ ยจดถึงพ้นื ปฏิบัตเิ ปน็ 4 จังหวะเช่นเดยี วกับทา่ ขวาหนั โดยเปลีย่ นคาํ บอกวา่ ขวามาเป็นซา้ ยแทน ท่าขวาหนั และซา้ ยหัน เมื่อปฏิบัตเิ ปิดจงั หวะตอ้ งไมห่ ยุดชะงกั และแกว่งแขนท่งี อขนึ้ ตาม จังหวะกา้ วโดยตอ่ เนอ่ื งกนั 3) ท่ากลบั หลงั หัน เปน็ ท่าสําหรับเปล่ียนการหันหนา้ ของแถว จากดา้ นหนา้ เปน็ ดา้ นหลงั ในระหว่างเดนิ คาบอก \"กลับหลัง – หัน\" การปฏบิ ัติ ใชค้ าํ บอกในจงั หวะท่ีเทา้ ซา้ ยจดถึงพ้นื ในลาํ ดบั ติดตอ่ กนั ปฏิบตั ิเป็น 4 จังหวะ จงั หวะที่ 1 กา้ วเทา้ ขวาไปขา้ งหนา้ 1 กา้ วเพอื่ ยงั้ ตัว จังหวะท่ี 2 กา้ วเท้าซา้ ยไปขา้ งหน้าอกี 1 ก้าว พรอ้ มกับหมนุ ตวั ไปทางขวาประมาณ 90 องศา จังหวะที่ 3 ก้าวเทา้ ขวาไปอยหู่ น้าปลายเทา้ ซา้ ย พรอ้ มกบั หมุนตวั ไปทางขวาอกี ประมาณ 90 องศา จากทิศทางเดมิ จงั หวะที่ 4 ก้าวเทา้ ซา้ ยออกวิ่งตอ่ ไปตามจังหวะเดิม การหัดในขัน้ แรก ๆ ควรใหล้ ูกเสอื นับจงั หวะด้วยเสยี งดงั กอ่ น จนทาํ ได้คลอ่ งแล้วจงึ นบั ในใจ 12. การนบั ใชส้ ําหรับหนา้ กระดานแถวเดีย่ ว เพ่ือหัดใหล้ กู เสอื ออกเสยี งใหถ้ ูกต้องตามลักษณะของลกู เสอื คาบอก “นบั ” การปฏิบตั ิ ลูกเสือคนที่อยหู่ วั แถวสะบัดหนา้ ไปทางซ้าย พร้อมกับนับ 1 แลว้ สะบัดหนา้ กลบั มาอยใู่ นทา่ ตรง โดยเร็ว ลูกเสือคนอ่ืน ๆ นบั เรียงไปตามลาํ ดบั เชน่ เดยี วกับคนหวั แถว เว้นคนท่อี ยทู่ ้ายแถวใหส้ ะบดั หนา้ มาทางขวา คาบอก “นับสอง (สาม,ส่,ี ห้า ฯลฯ)” การปฏบิ ัติ ลูกเสอื นับตามจํานวนทบ่ี อก โดยเรมิ่ จากคนทอี่ ยหู่ วั แถวเช่นเดยี วกับการนบั ตามปกติ เช่น นับสอง ลูกเสอื จะนบั หนง่ึ สอง,หนง่ึ สอง, หนง่ึ สอง เรยี งตอ่ ไปตามลาํ ดับจนสดุ แถว การนบั เมอื่ แถวมีการแยกคขู่ าด ให้คนท่อี ยทู่ า้ ยแถวของแถวหลงั สดุ ขานจาํ นวนทข่ี าดใหท้ ราบ โดยขานว่า “ขาดหนง่ึ (สอง,สาม....ฯลฯ)” 92ค่มู อื สง่ เสชคู่มนั้ริมือมแสธั ่งลยเมะสพศรกึัฒิมษแนลาาปะกพีทจิ ี่ัฒก1รนรามกลจิ กูกรเสรมอื ลทูกักเษสะอื ชทวี ักิตษใะนชสีวถิตาในนสศถกึ าษนาศลึกูกษเาสปือรสะาเมภัญทลร่นุูกเใสหอื ญส่ามชญั้นั มร่นุัธใยหมญศ่ึกษาปที ่ี 1 99

13. ท่าถอดหมวก สวมหมวก ใช้ในโอกาสเกี่ยวกับพิธีสงฆ์ หรอื พิธีทางศาสนา เชน่ พิธสี วนสนามทมี่ กี ารประพรมนํ้า พระพุทธมนต์ เปน็ ตน้ คาบอก “ถอดหมวก” การปฏบิ ตั ิ 1) แบมือซา้ ยและงอศอกจนแขนท่อนล่างและทอ่ นบนต้งั ฉากกนั นวิ้ หวั แมม่ ือตง้ั ข้นึ ขา้ งบน พร้อมกันนัน้ ใชม้ ือขวาจบั ที่กะบังหนา้ หมวก (หมวกทรงกลมทม่ี กี ะบงั หนา้ หมวก,หมวกทรงหมอ้ ตาล) หรือจบั ทปี่ ีกหมวกดา้ นหน้า(หมวกปกี กว้างพับขา้ ง และไม่พับขา้ ง) หรือจับทห่ี มวกด้านขวา (หมวกทรงออ่ น) หรือจบั ทีข่ อบหมวกบนด้านหนา้ (หมวกกลาส)ี 2) ถอดหมวกออกจากศรี ษะ วางครอบหัวแม่มอื ซ้าย ให้หน้าหมวกหนั ไปทางขวา ขอบหมวกดา้ นนอกอยู่ระหว่างนว้ิ หัวแมม่ อื กบั น้ิวช้ี 3) ลดมอื ขวาลงมาอยู่ในท่าตรง พรอ้ มกับมอื ซ้ายจับหมวกดว้ ยนิว้ หัวแมม่ อื กับนิว้ อ่ืนท้งั ส่ี คาบอก “สวมหมวก” การปฏบิ ตั ิ 1) ใช้มือขวาจบั หมวกทอี่ ยใู่ นมอื ซา้ ย เชน่ เดยี วกบั การถอดหมวก 2) ยกหมวกข้ึนสวมศรี ษะ มือซ้ายชว่ ยจดั หมวก 3) ลดมือทัง้ สองลงมาอยู่ในทา่ ตรงอยา่ งแขง็ แรง การฝกึ ในขน้ั แรก ควรกระทําเปน็ ตอน ๆ เมอื่ ลกู เสอื มีความเขา้ ใจดแี ลว้ จึงฝกึ โดยเปดิ ตอน ถา้ ลูกเสือถอื ไมพ้ ลองหรอื ไม้ง่าม กอ่ นทาํ ท่าถอดหมวก และสวมหมวก ใหน้ าํ อาวุธมาไว้ระหว่าง ปลายเท้าทง้ั สอง แลว้ พงิ ทอ่ นบนไวก้ บั แขนซา้ ย แลว้ จงึ ปฏิบัติตามขน้ั ตอนตา่ งๆ ต่อไป เม่ือถอดหมวก หรอื สวมหมวกเรยี บรอ้ ยแลว้ จึงนาํ ไมพ้ ลองหรอื ไม้งา่ มไปอยู่ในทา่ เรยี บอาวุธตามเดมิ 14. การถวายราชสดุดี คาบอก “ถอดหมวก, นัง่ ” การปฏิบตั ิ เมอื่ ส่งั “ถอดหมวก” เวน้ ระยะใหล้ กู เสอื ทกุ คนถอด หมวกเรียบร้อยแลว้ ใหส้ ง่ั “นั่ง” เมอื่ ลูกเสือได้ยนิ คาํ ส่งั “น่ัง” ใหก้ า้ วเทา้ ซา้ ยไปข้างหน้าครงึ่ กา้ ว คกุ เข่าขวาลงต้งั เขา่ ซ้าย น่งั ลงบนสน้ เทา้ ขวา มอื ขวาแบควาํ่ วางลงบนเข่าขวา แขนซ้าย วางพาดลงตั้งฉากบบนนเขเขา่ า่ซซา้ า้ยย มือที่ถอื หมวกหนั เข้าหาตัว เมอื่ ร้องเพลงราชสดุดใี ห้กม้ หนา้ เลก็ นอ้ ย เงยข้ึนเมอ่ื เพลงจบ เมื่อไดย้ นิ คาํ สง่ั ว่า “ลุก” ใหล้ ูกเสอื ลกุ ขน้ึ โดยดึงเท้าซ้ายกลับมา ชดิ เทา้ ขวา และเม่ือสัง่ “สวมหมวก” ใหล้ ูกเสือสวมหมวกโดยเร็ว แล้วอยูใ่ นทา่ ตรง ในกรณีท่ลี กู เสือ มไี มพ้ ลอง หรอื ไมง้ า่ ม ให้ถอดหมวกในทา่ มีอาวุธก่อน แล้วจึงนงั่ ลง วางอาวธุ ตามยาวชดิ ขาขวาทางขวา มอื ขวาวางคว�าํ บนเข่าตามปกติ 100 คู่มอื สง่ เสรคมิมู่ แือลสะ่งพเสัฒรมิ นแาลกะจิ พกฒั รรนมาลกกูิจเกสรอืรมทลกั กูษเะสชือีวทิตกั ใษนะสชถีวาิตนในศสึกถษาานลศูกกึ เษสาอื ปสารมะเัญภทรนุ่ลกูใหเสญอื ่สชาัน้มัญมัธรนุ่ยมใหศญกึ ่ษาปีท่ี 913 ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 1

15. ท่าหมอบ – ลุก (มือเปลา่ ) คาบอก “หมอบ” และ “ลกุ ” การปฏิบัติ เม่อื ไดย้ ินคาํ บอกว่า “หมอบ” ให้ลูกเสอื ปฏิบตั เิ ปน็ 3 จังหวะ จงั หวะท่ี 1 ลกู เสือก้าวเท้าซา้ ยไปข้างหนา้ 1 กา้ ว นาํ้ หนกั ตัวอยู่บนเทา้ 2 ขา้ ง แขนอยู่ที่เดมิ จังหวะที่ 2 ทรดุ ตัวลงคกุ เขา่ ขวาและเขา่ ซ้ายตามลาํ ดับ พรอ้ มก้มตวั ไปข้างหนา้ เหยยี ดแขน 2 ข้างใชม้ อื ยนั พ้ืนเพอื่ รับนํา้ หนักตวั แลว้ เหยยี ดขาขวาตงึ เงยหน้าตามองตรงไปข้างหนา้ จงั หวะที่ 3 เหยียดเทา้ ซ้ายออกให้สน้ เท้า 2 ขา้ งชดิ กนั ลดตวั ลงนอนราบกับพน้ื งอแขน ฝ่ามือควาํ่ ลงกับพน้ื ใหน้ วิ้ มือขวาทับนิ้วมือซ้ายแคโ่ คนนว้ิ แนวกง่ึ กลางระหว่างมอื ทัง้ สองอยู่ประมาณ หน้าผาก(เวลากม้ หนา้ ) กางศอก 2 ข้างเตม็ ที่ เงยหนา้ ทาํ ศรี ษะให้ต่ํา เมื่อได้ยินคําบอกว่า “ลุก” ใหล้ กู เสอื ปฏิบตั เิ ป็น 3 จงั หวะ จังหวะที่ 1 ลูกเสอื ชักมอื ทง้ั 2 ขา้ งเขา้ หาตวั ยนั พนื้ ยกตัวขนึ้ แลว้ ชกั เท้าขวาคกุ เข่า จังหวะที่ 2 คุกเขา่ ซ้าย แลว้ ยกตวั ขน้ึ ยนื โดยเรว็ ใหม้ อื ทัง้ 2 อยูท่ ่ีข้างขา จงั หวะท่ี 3 ชกั เท้าขวามาชดิ เทา้ ซ้ายตอ่ ไปอย่ใู นลกั ษณะตรง ถ้าเปน็ การเคลอื่ นท่ีใน ภมู ปิ ระเทศ เหยียด หรอื จะตอ้ งเดนิ ตอ่ ไปไม่ต้องชกั เท้าขวาชดิ เมอื่ ยืนข้ึนแล้วใหอ้ อกเดนิ ได้เลย การฝึกในขั้นแรก ควรกระทาํ เป็นตอน ๆ เมอื่ ลกู เสือมคี วามเข้าใจดแี ลว้ จงึ ฝึกโดยเปิดตอน และใหป้ ฏิบัติด้วยความรวดเรว็ ต่อไป การฝึกระเบยี บแถวบคุ คลท่าประกอบอาวุธ และท่าเคลอื่ นท่ี 1. ท่าตรง – พัก คาบอก “กอง (หม)ู่ – ตรง” การปฏบิ ัติ ทา่ ตรงและท่าพกั ในเวลาถือไมพ้ ลองหรอื ไม้ง่าม เหมือนกับทา่ มอื เปลา่ ไมพ้ ลองหรือไมง้ า่ ม อยู่ในทา่ เรยี บอาวธุ ไมพ้ ลองหรอื ไม้งา่ มในท่าเรียบอาวุธ คอื ลกู เสอื อยใู่ นทา่ ตรง ถอื ไมพ้ ลองหรือไมง้ า่ ม ดว้ ยมอื ขวา โดยไมพ้ ลองหรอื ไม้งา่ มอยู่ประมาณโคนน้วิ ก้อยเทา้ ขวาและชดิ กบั เท้าขวา ไม้พลอง หรอื ไมง้ า่ มอย่รู ะหวา่ งนว้ิ หัวแมม่ อื กับนิว้ ช้ี นวิ้ หวั แมม่ ือจบั ไมพ้ ลองหรอื ไม้งา่ มชดิ ขา นิ้วอน่ื อกี 4 นิว้ ชดิ ตดิ กันจับไม้พลองหรอื ไมง้ ่ามเฉยี งลงไปเบอ้ื งลา่ ง ปลายไมพ้ ลองหรือไมง้ า่ มอยใู่ นรอ่ งไหลข่ วา ลาํ ไม้พลองหรอื ไมง้ ่ามต้ังตรงแนบตัว สําหรบั พกั ตามระเบียบ เหมอื นกับทา่ มือเปลา่ มือขวาทถ่ี อื ไมพ้ ลองหรือไมง้ า่ ม ใหเ้ ลื่อนขน้ึ มา เสมอเอว แล้วย่ืนไมพ้ ลองหรอื ไมง้ ่ามไปขา้ งหนา้ เฉียงขวาประมาณ 45 องศา มือซา้ ยไพลห่ ลังใตเ้ ข็มขดั เลก็ นอ้ ย มือแบตามธรรมชาติและนิว้ เรยี งชิดตดิ กนั 94คู่มือสง่ เสชคมู่น้ัริมือมแสัธง่ลยเมะสพศรึกัฒิมษแนลาาปะกพที จิ ่ีัฒก1รนรามกลจิ กูกรเสรมือลทูกักเษสะอื ชทีวักติ ษใะนชสีวถติ าในนสศถึกาษนาศลกึ ูกษเาสปือรสะาเมภญัทลร่นุกู เใสหอื ญส่ามชัญัน้ มรุ่นธั ใยหมญศ่กึ ษาปที ่ี 1 101

2. ท่าวันทยาวุธ – เรียบอาวุธ เป็นทา่ แสดงการเคารพ คาบอก “วนั ทยา – วธุ ” การปฏบิ ัติ ลูกเสือปฏบิ ัตเิ ปน็ จังหวะเดยี ว โดยยกแขนซา้ ยขึ้นมาเสมอแนวไหล่ ศอกงอไปข้างหน้าให้ตง้ั ฉาก กับลาํ ตวั ฝา่ มือแบควํา่ รวบนว้ิ หวั แม่มอื กบั น้ิวก้อยจดกนั คงเหลอื น้วิ ชี้ น้ิวกลางและน้ิวนาง เหยยี ดตรง ชดิ ตดิ กัน ใหข้ า้ งปลายนิ้วช้แี ตะไมพ้ ลองหรอื ไมง้ ่ามในรอ่ งไหลข่ วา คาบอก “เรยี บ – อาวธุ ” การปฏิบตั ิ เมอ่ื เลิกทําความเคารพ ใหล้ ูกเสอื ลดแขนซ้ายลงมาอยู่ท่ีเดมิ โดยเรว็ ถ้าผู้รบั การเคารพเคล่ือนทม่ี าทางขวา ซ้าย หรอื ตรงหนา้ ผู้ควบคุมแถวจะบอกทิศทางเสยี กอ่ น “ขวา (ซ้ายหรอื ตรงหนา้ ) ระวัง – วันทยา – วุธ” ให้ลกู เสอื ทาํ วันทยาวุธ พรอ้ มกับหันหนา้ ไปยงั ผู้รบั การเคารพ ตาอยทู่ ผ่ี รู้ ับการเคารพ หันหนา้ ตามจนผูร้ บั การเคารพผา่ นหน้าตนไปแลว้ ประมาณ 2 กา้ ว จึงหันมาอยใู่ นทา่ ตรง เมอ่ื ผูร้ ับการเคารพผ่านพ้นแถว ใหผ้ ้คู วบคมุ แถวบอกเลิกทาํ ความเคารพ 3. ท่าแบกอาวธุ – เรยี บอาวุธ คาบอก “แบก – อาวุธ” การปฏิบตั ิ ลูกเสือปฏิบัติเปน็ 2 จงั หวะ จังหวะที่ 1 ยกไม้พลองหรือไม้งา่ มด้วยมือขวาผา่ นหนา้ เฉยี ดลาํ ตัวไปขา้ งซ้าย ใหโ้ คนไมพ้ ลอง หรอื ไมง้ ่ามอยใู่ นองุ้ มอื ซา้ ย ลําไมพ้ ลองหรอื ไม้งา่ มต้งั อย่ตู รงรอ่ งไหลซ่ า้ ย มือขวาจบั ไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ ม อยู่ที่เดมิ ศอกงอไปข้างหนา้ แนวเดียวกบั ไหล่ จังหวะท่ี 2 ดันไม้พลองหรือไม้ง่ามด้วยมอื ซา้ ย พรอ้ มกบั ส่งไม้พลองหรอื ไมง้ า่ มด้วยมอื ขวา ไห้ไมพ้ ลองหรือไมง้ ่ามพาดขนึ้ ไปบนไหล่ซา้ ย แขนซ้ายท่อนบนชดิ ลาํ ตวั ศอกซา้ ยงอ แขนทํามุม 100 องศากับลาํ ตวั ขณะเดยี วกันลดมอื ขวาลงในท่าตรงโดยเรว็ ขอ้ ควรระวัง ขณะลูกเสือทาํ ทา่ แบกอาวธุ จังหวะ 2 ระวังอยา่ ใหศ้ ีรษะเคลอ่ื นหลบไมพ้ ลอง หรือไม้ง่าม ทรงศรี ษะใหค้ งทเ่ี หมือนอยใู่ นทา่ ตรงเสมอ แขนซา้ ยอย่ใู นลักษณะทีถ่ ูกตอ้ งและนง่ิ ปลายไมพ้ ลองจงึ จะได้ระดบั ไมเ่ ฉไปมา คาบอก “เรยี บ – อาวุธ” การปฏิบัติ ลูกเสอื ปฏิบตั ิเปน็ 3 จงั หวะ จงั หวะท่ี 1 ยกมอื ขวาขึ้นจบั ไมพ้ ลองหรือไม้งา่ ม ศอกงอไปขา้ งหนา้ ในแนวเดยี วกับไหล่ พรอ้ มกับเหยยี ดแขนซา้ ย โดยลดไมพ้ ลองหรอื ไมง้ ่ามลงชดิ กับลําตัว จงั หวะท่ี 2 จบั ไม้พลองหรอื ไมง้ า่ มด้วยมอื ขวานาํ มาไว้ข้างลาํ ตวั ในรอ่ งไหล่ขวา (แขนขวา เหยียดเกอื บสดุ ระยะทม่ี ือจับไม้พลองหรอื ไมง้ า่ มในทา่ เรยี บอาวธุ ) ขณะเดียวกนั ยกมอื ซ้ายข้ึนกันไม้ พลองหรอื ไมง้ ่ามท่ีรอ่ งไหลข่ วา ศอกงอไปข้างหน้าในแนวเดยี วกับไหล่ จงั หวะที่ 3 ลดแขนซ้ายอยู่ในท่าเรยี บอาวุธตามเดมิ (ในจงั หวะน้เี หยยี ดแขนขวาลงสดุ ระยะ ทมี่ อื ขวาจับไมพ้ ลองหรอื ไมง้ ่ามอยใู่ นทา่ เรยี บอาวธุ โดยไมพ้ ลองหรือไมง้ า่ มจดพ้นื ) 102 คูม่ ือสง่ เสรคิม่มู แือลสะ่งพเสฒั รมิ นแาลกะจิ พกัฒรรนมาลกูกจิ เกสรอืรมทลกั ูกษเะสชือีวทิตกั ใษนะสชถีวาิตนในศสึกถษาานลศูกกึ เษสาอื ปสารมะเัญภทรนุ่ลูกใหเสญอื ่สชา้ันมัญมัธรุ่นยมใหศญกึ ่ษาปีท่ี 915 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1

ขอ้ สงั เกต ตอนเหยยี ดแขนขวาจากจงั หวะ 2 ลงสดุ ระยะทมี่ ือขวาจับไมพ้ ลองในท่าเรียบอาวธุ ในจงั หวะท่ี 3 จะรู้สึกวา่ ตน้ ไมพ้ ลองหรอื ไมง้ ่ามจดพน้ื 4. ทา่ ถอดหมวก – สวมหมวก คาบอก “ถอดหมวก” การปฏิบัติ ลูกเสอื ปฏบิ ัติเป็นจังหวะเดยี ว โดยนาํ ไมพ้ ลองหรือไม้งา่ มในมอื ขวามาไวต้ รงหนา้ ให้ต้นไม้พลองหรอื ไมง้ า่ มอย่ตู รงก่งึ กลางระหวา่ ง 2 เท้า ส่วนบนพงิ แขนซา้ ยดา้ นในตรงตาํ แหนง่ ศอก ทง่ี อตั้งฉากอยูแ่ ขนซา้ ยทอ่ นบนชดิ ลําตัว ฝา่ มอื แบหงายมาดา้ นหนา้ ขณะเดยี วกนั ใชม้ อื ขวาถอดหมวก ออกจากศีรษะ(ถ้าใสส่ ายรดั คางให้ปลดออกก่อน) แล้วนาํ มาวางบนฝ่ามอื ซา้ ย (หมวกเบเร่ต์ หน้าหมวก อยู่ขวา, หมวกทรงหม้อตาล ใหข้ อบหมวกดา้ นซา้ ยอย่หู นา้ หนา้ หมวกอยขู่ วา, หมวกทรงปีกกว้าง ให้นว้ิ หัวแมม่ อื ซา้ ยชขู ึน้ ชดิ ขอบหมวกดา้ นใน นิ้วทัง้ 4 งอขน้ึ ติดขอบหมวกดา้ นนอก หน้าหมวก อยดู่ า้ นขวา) แลว้ ลดแขนขวาลงอยู่ในท่าตรงตามเดมิ คาบอก “สวมหมวก” การปฏบิ ตั ิ ลกู เสอื ใช้มอื ขวานําหมวกในมอื ซา้ ยขน้ึ สวมโดยใช้มือซ้ายช่วย (ถ้าเป็นหมวกปกี กว้าง ใหใ้ สส่ ายรัดท้ายทอยให้เรยี บรอ้ ย) แล้วใชม้ อื ขวาจับไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ มทพี่ งิ ไวก้ ับแขนซา้ ยมาถอื ไว้ ในทา่ เรยี บอาวุธตามเดิม 5. ท่าหนั และการเคล่อื นท่ีในเวลาถอื ไม้พลองหรอื ไมง้ า่ ม ทา่ หนั ในเวลาถือไม้พลองหรือไมง้ ่าม ใชค้ าํ บอกและวิธปี ฏิบัตเิ หมือนทา่ อยกู่ ับทีม่ อื เปล่า ถา้ หนั ในขณะท่ีไมพ้ ลองหรอื ไมง้ ่ามอยู่ในท่าเรียบอาวุธ เพ่ือให้การหันสะดวกใหย้ กไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ ม ในมอื ขวาพน้ พ้นื เลก็ นอ้ ยจึงหนั เมอ่ื หนั เสร็จใหล้ ดมือขวาลงจนไม้พลองหรอื ไมง้ า่ มจดพน้ื การเคลอ่ื นที่ในเวลาถือไม้พลองหรือไม้งา่ ม ใชค้ าํ บอกและวิธปี ฏบิ ัตเิ หมือนกบั การเคลอื่ นที่ มอื เปล่า ตามปกติเมอื่ จะใหเ้ คลือ่ นที่ ผู้ควบคมุ แถวต้องบอกให้แบกอาวธุ เสียกอ่ น แล้วจงึ สัง่ ใหเ้ ดนิ ในทา่ เดนิ แบกอาวธุ อยใู่ นแถวควบคมุ เมือ่ จะทาํ ความเคารพ ผ้คู วบคุมแถวบอก “แลขวา (ซ้าย) –ทาํ ” ใหล้ ูกเสอื หันหนา้ ไปยังผ้รู บั การเคารพ แขนแกวง่ ตามปกติและรกั ษาทา่ แบกอาวธุ ไวค้ งเดิม เมอ่ื พน้ ผ้รู ับการเคารพแลว้ ลกู เสือหันหนา้ แลตรงเอง ถา้ ลูกเสอื อยใู่ นทา่ แบกอาวธุ เคล่ือนทีอ่ ยตู่ ามลาํ พงั เม่ือจะทําความเคารพให้ลดไม้พลอง หรือไม้ง่ามลงจากท่าปกตอิ าวธุ มาเป็นท่าเรยี บอาวธุ จังหวะท่ี 1 แตม่ ือขวาทย่ี กขน้ึ มาจบั ไมพ้ ลอง ในร่องไหล่ซา้ ยใหจ้ ดั น้วิ เหมอื นทา่ รหสั ลูกเสือ ฝ่ามอื แบควาํ่ ให้ข้างปลายนวิ้ ช้ีแตะไมพ้ ลองหรอื ไม้งา่ ม ศอกงอไปขา้ งหน้าในแนวเดียวกบั ไหล่ หันหนา้ ไปยงั ผรู้ บั การเคารพท่ียนื หรอื เดนิ อยู่ (สวนมาหรือ เดนิ ไป) เม่ือผา่ นผรู้ ับการเคารพไปแล้ว เลิกทาํ ความเคารพโดยใชม้ อื ซา้ ยดนั ไมพ้ ลองข้ึนไปอยใู่ นทา่ แบกอาวธุ ตามเดิม พร้อมกับหันหนา้ แลตรง ลดแขนขวาลง แขนแกวง่ ตอ่ ไปในทา่ เดินตามปกติ 96คมู่ อื สง่ เสคชู่มัน้รมิือมแสธั ง่ลยเมะสพศรกึัฒิมษแนลาาปะกพที จิ ี่ฒั ก1รนรามกลิจกูกรเสรมือลทูกักเษสะือชทีวักิตษใะนชสีวถิตาในนสศถึกาษนาศลึกูกษเาสปือรสะาเมภัญทลรนุู่กเใสหอื ญส่ามชัญั้นมรุ่นัธใยหมญศ่กึ ษาปีที่ 1 103

ในการเคลื่อนทด่ี ว้ ยทา่ แบกอาวธุ เมอ่ื ผ้คู วบคมุ แถวบอก “เดนิ ตามสบาย” ลกู เสือจะเปล่ียน ท่าแบกอาวธุ จากบา่ ซ้ายมาบา่ ขวาก็ได้ แตเ่ มื่อให้เดินเข้าระเบียบแลว้ ตอ้ งจัดไม้พลองหรือไม้งา่ ม ไปไว้บา่ ซา้ ยตามเดมิ เมอื่ ผู้ควบคมุ แถวบอก “แถว – หยดุ ” ลกู เสือหยุดอยใู่ นท่าแบกอาวุธ จนกวา่ ผคู้ วบคมุ แถว จะส่งั ใหเ้ รียบอาวุธหรือสั่งเป็นอย่างอนื่ ต่อไป ถา้ เคลือ่ นที่ไปโดยไม่บอกให้แบกอาวุธหรอื ไปในระยะใกลๆ้ เพ่อื จัดแนวหรือระยะตอ่ – ระยะเคยี งของขบวน หรือเคล่อื นที่ไปบนพนื้ ที่ขรขุ ระไมส่ มา่ํ เสมอ เมือ่ บอกให้เดนิ ลกู เสอื กเ็ คล่ือนทีไ่ ปในทา่ คอนไม้พลองหรอื ไมง้ ่าม โดยยกไมพ้ ลองหรอื ไม้งา่ มใหป้ ลาย ไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ มเอนไปขา้ งหน้า ต้นไมพ้ ลองหรอื ไมง้ ่ามคลอ้ ยไปขา้ งหลังพ้นพน้ื แนวไมพ้ ลองหรอื ไม้ง่ามเฉยี งกบั ลําตัวพอประมาณ เมอ่ื คอนไมพ้ ลองหรอื ไมง้ ่ามอยู่ในแถวควบคมุ และผา่ นผูร้ บั การ เคารพ ผคู้ วบคุมแถวไมต่ ้องบอกแถวทาํ ความเคารพ ผู้ควบคมุ แถวคงทาํ ความเคารพตามลาํ พงั แตผ่ ู้ เดยี ว ถา้ ลูกเสอื คอนไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ มไปโดยลาํ พังผู้เดียว เมื่อผา่ นผู้รับการเคารพให้ลกู เสอื ทาํ ความเคารพด้วยทา่ แลขวา (ซ้าย) โดยแนบไม้พลองหรอื ไม้งา่ มชิดลําตวั แขนไม่แกวง่ เม่อื ผา่ นพ้นผ้รู บั การเคารพไปแลว้ หนั หนา้ แลตรง แขนแกว่งตามสบาย 6. ท่าหมอบ – ลกุ ในเวลาถอื ไม้พลองหรือไม้งา่ ม คาบอก “หมอบ” และ “ลกุ ” การปฏิบัติ เมอ่ื ได้ยินคาํ บอกวา่ “หมอบ” ใหล้ ูกเสอื ปฏิบตั ิเป็น 3 จังหวะ จงั หวะที่ 1 ก้าวเท้าซา้ ยไปข้างหนา้ 1 กา้ ว พร้อมกบั สง่ ไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ มให้มอื ซ้าย ถอื ในทา่ ท่ีถนัด จงั หวะท่ี 2 คุกเขา่ ขวาลง มือขวายนั พ้นื ศอกซา้ ยวางพาดขาซา้ ยทอ่ นบน จังหวะที่ 3 ปลอ่ ยตวั นอนควํา่ ลงไปโดยเร็ว ใหไ้ มพ้ ลองหรอื ไม้งา่ มอยขู่ า้ งตวั ดา้ นขวา มือขวาช่วยรองรบั ไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ มกระชบั ไวข้ า้ งตัว แขนซา้ ยทอ่ นลา่ งทอดไปข้างหน้ามากๆ โดยวางขวางความยาวของลําตวั เมือ่ ไดย้ ินคาํ บอกว่า “ลกุ ” ให้ลกู เสอื ปฏบิ ตั เิ ปน็ 3 จงั หวะกลับกนั จงั หวะที่ 1 ผลกั ตวั ลกุ ข้ึนน่ังคกุ เขา่ ขวา หยบิ ไมพ้ ลองหรอื ไมง้ ่ามใสม่ อื ซา้ ย ศอกซ้ายพาดขาซา้ ยทอ่ นบน มือขวายันพ้นื จังหวะที่ 2 ทรงตวั ขน้ึ ยืน โดยใหเ้ ทา้ ซ้ายอย่ขู ้างหนา้ 1 กา้ วเหมอื นเดมิ ไมพ้ ลองหรอื ไม้งา่ ม ยงั อยใู่ นมอื ซา้ ย จังหวะท่ี 3 ชกั เทา้ ซา้ ยชิดพรอ้ มกบั สง่ ไมพ้ ลองหรือไมง้ า่ มใหม้ อื ขวา และอยู่ในทา่ เรยี บอาวุธ การฝกึ ในขั้นแรก ควรกระทาํ เป็นตอน ๆ เมอ่ื ลกู เสือมีความเขา้ ใจดแี ลว้ จึงฝึกโดยเปดิ ตอน และให้ปฏบิ ัตดิ ว้ ยความรวดเร็วต่อไป 104 คมู่ ือสง่ เสรคมิู่มแือลสะ่งพเสัฒรมิ นแาลกะจิ พกัฒรรนมาลกูกจิ เกสรอืรมทลกั ูกษเะสชอื วี ทติ กั ใษนะสชถวี าิตนในศสึกถษาานลศกูึกเษสาือปสารมะเัญภทรุน่ลกูใหเสญือ่สชาัน้มัญมธัรุ่นยมใหศญกึ ่ษาปีที่ 917 ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 1

2. ทา่ เคารพ ผู้ถอื ป้าย คําบอก “วนั ทยา – วุธ” หรอื “เรยี บ – อาวุธ” การปฏิบตั ิ ผูถ้ ือป้ายจะอยใู่ นท่าตรงเทา่ นนั้ ลกั ษณะการยนื ของผถู้ ือปา้ ย - โดยใหม้ อื ขวาอยู่ดา้ นบน ชดิ ปา้ ย - ส่วนมอื ซา้ ยกาํ ดา้ มธงอยู่ดา้ นลา่ งมอื ขวาใหช้ ิดกัน - ต้นหรอื โคนปา้ ยอยรู่ ะหว่างเทา้ ทง้ั สองข้าง - ยืนอยใู่ นทา่ ปกติ การพัก การพักใหห้ ยอ่ นเข่าขวา ช่วงบนของร่างกายไมเ่ คลื่อนไหว การพัก 98คู่มอื สง่ เสคชู่มัน้รมิือมแสัธ่งลยเมะสพศรึกัฒิมษแนลาาปะกพที จิ ี่ฒั ก1รนรามกลิจกูกรเสรมอื ลทูกกั เษสะอื ชทวี ักิตษใะนชสีวถิตาในนสศถึกาษนาศลกึ กูษเาสปอื รสะาเมภญัทลรุ่นูกเใสหอื ญส่ามชญั้ันมร่นุัธใยหมญศ่กึ ษาปีท่ี 1 105

3. ท่าเคารพ ผถู้ อื ธง คําบอก “วันทยา – วุธ” การปฏิบัติ ลกู เสือยนื อยใู่ นทา่ ตรงปกติ ท่าตรง มอื ขวาจบั ด้ามธง ประคองเหยียดลงข้างลาํ ตัว - ใช้มือซา้ ยยกธงข้ึนในทา่ เคารพ ศอกซา้ ยงอไปขา้ งหนา้ ในแนวกบั ไหล่ ตั้งฉากกับลําตวั เม่ือไดย้ ินคาํ บอกวา่ “ซา้ ย (ขวา หรอื ตรงหนา้ ) ระวงั ” ส้นิ คาํ สง่ั ซา้ ย – ระวัง / ขวา – ระวัง / ตรงหนา้ – ระวงั - ให้ลูกเสอื ยกมอื ซา้ ยมาตบอยเู่ หนอื มือขวา ร่างกายทอ่ นบนยังจดั อยู่ในลักษณะท่าตรง 106 คมู่ ือสง่ เสรคมิมู่ แือลสะ่งพเสัฒรมิ นแาลกะจิ พกฒั รรนมาลกูกิจเกสรอืรมทลักูกษเะสชือีวทิตกั ใษนะสชถวี าติ นในศสกึ ถษาานลศกูกึ เษสาอื ปสารมะเญั ภทรนุ่ลูกใหเสญอื ่สชานั้มัญมธัรนุ่ยมใหศญกึ ่ษาปที ่ี 919 ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 1

- ใหผ้ ู้ถอื ธงทําก่ึงขวาหนั - ชดิ เท้า (รอฟังคาํ สงั่ ) ทา่ ก่ึงขวาหัน โดยไหลซ่ ้ายหนั เข้าหาจุดก่ึงกลาง ชดิ เทา้ ฟงั คาํ บอกต่อวา่ “วันทยา – วุธ” - ผูถ้ ือธงลดปลายธงลงมาข้างหนา้ อยา่ งชา้ ๆ - จบั คันธงอยูใ่ นแนวขนานกับพ้นื มือทัง้ สองอย่เู สมอแนวบา่ โรยธงลงช้า ๆ จับจงั หวะเพลงให้พอดี เมอ่ื ถึงครึ่งเพลง คนั ธงจะอยใู่ นแนวขนานพ้ืน ตอ่ จากน้ันลกู เสอื คอ่ ย ๆ ยกปลายธงข้นึ ชา้ ๆ ตามจงั หวะเช่นเดียวกับขาลง โดยมอื ขวากดดา้ มธง มอื ซา้ ยประคองด้ามธง เลื่อนมอื ซา้ ยมาตามแนวไหลจ่ ากซ้ายมือมาขวามือ ค่อย ๆ ต้งั ธงข้ึนไม่เสยี การทรงตัว 10ค0ู่มอื สง่ เสชคู่มั้นรมิือมแสธั ง่ลยเมะสพศรกึัฒมิ ษแนลาาปะกพีทจิ ี่ฒั ก1รนรามกลิจกูกรเสรมอื ลทูกักเษสะือชทวี กั ติ ษใะนชสวี ถิตาในนสศถึกาษนาศลึกกูษเาสปือรสะาเมภัญทลรุนู่กเใสหือญส่ามชญั้นั มรนุ่ธั ใยหมญศ่ึกษาปที ่ี 1 107

ธงต้งั ขน้ึ เมอื่ ใกลจ้ ะจบเพลง จบเพลงคันธงจะตงั้ ตรงตามแนวร่องไหลอ่ ยใู่ นทา่ เคารพ - ผู้ถือธงอยใู่ นท่าเคารพจนกวา่ จะมีคาํ บอกวา่ “เรียบ – อาวุธ” - สิ้นคําสง่ั ผู้ถอื ธงจึงลดธงลง ปลอ่ ยธงลงพืน้ มอื ซา้ ยแนบลาํ ตัวอยู่ทา่ ตรง จบเพลงคันธงตัง้ ตรง ก่ึงซ้ายหัน ปลอ่ ยธงลงพืน้ มือซา้ ยแนบลําตวั อยทู่ า่ ตรง 108 คู่มอื สง่ เสรคมิ่มู แอื ลสะง่ พเสัฒรมิ นแาลกะิจพกัฒรรนมาลกกูจิ เกสรอืรมทลักูกษเะสชอื ีวทิตักใษนะสชถวี าิตนในศสกึ ถษาานลศูกึกเษสาอื ปสารมะเญั ภทรนุ่ลชกูใน้ั หเมสญัธอื ย่สมชาศ้ันมกึญัมษธัรานุ่ยปมใทีหศ่ีญกึ1่ษาปที 1ี่ 101

เรื่องส้นั ท่ีเป็นคตสิ อนใจ ความสามัคคี นานมาแลว้ มเี มืองๆ หน่ึง ราษฎรมคี วามเป็นอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข จนกระท่ังมียักษ์ตนหนึ่ง เรม่ิ มาจบั คนในเมอื งไปกินทกุ วันๆ ราษฎรจึงมคี วามหวาดกลวั เปน็ อันมาก ไม่เปน็ อนั ทํามาหากิน ได้รบั ความเดือดร้อนไปทวั่ ทกุ หวั ระแหง และพากันไปร้องทุกข์ตอ่ พระราชา พระราชาจึงใหม้ หาดเล็กป่าวประกาศว่า ถ้าใครปราบยักษ์ได้จะพระราชทานข้าวของเงินทอง เป็นรางวัล มีชาย 2 คนขอรับอาสาไปปราบยักษ์ คนแรกเป็นนักแม่นธนูสามารถยิงธนูได้ทีละ 2 ดอก คนท่ี 2 วง่ิ เรว็ มากและเปน็ ผู้มีพละกาํ ลังมหาศาล ท้ัง 2 คนผลดั กนั ไปปราบยักษ์ ปรากฏวา่ พา่ ยแพก้ ลับมาทกุ ครั้ง และหวุดหวดิ จะถูกยักษ์ จบั กนิ หลายครัง้ การกระทําของชายทั้งสองย่งิ ทวคี วามโกรธแคน้ ใหย้ ักษ์มากขึ้น มันยงิ่ อาละวาด พังบ้านเรอื นราษฎรเสยี หายหนกั ขน้ึ ท้ัง 2 คนจึงหันมาปรึกษากนั และตกลงร่วมมือไปปราบยกั ษ์ พร้อมกนั ชายคนท่ีแมน่ ธนไู ปอยบู่ นหน้าผา ชายคนท่วี ่ิงเรว็ ไปตะโกนทา้ ทายยกั ษ์ ลอ่ ให้ตามมา จนถึงหนา้ ผา นักแม่นธนูท่ีซอ่ นอย่กู ย็ งิ ธนูไปถกู ลกู นยั นต์ าทั้งสองข้าง ยกั ษ์ลม้ ลงร้องครวญคราง ดว้ ยความเจ็บปวด ชายคนท่วี ่งิ เร็วและทรงพลังมหาศาลไดย้ กกอ้ นหนิ ใหญท่ มุ่ ใสศ่ ีรษะยกั ษ์ ถึงแกค่ วามตาย ชายทั้งสองจงึ ได้รบั พระราชทานรางวลั มากมาย และได้รบั แตง่ ตัง้ ให้เปน็ ทหารมหาดเล็ก ประจําพระองค์ ต้ังแต่น้นั มาประชาชนกอ็ ยอู่ ยา่ งร่มเย็นเปน็ สุข เรอ่ื งน้ีสอนใหร้ ้วู า่ การกระทาํ สิ่งใด ๆ หากมคี วามสามคั คีร่วมมอื กนั ยอ่ มจะประสบผลสําเรจ็ ได้โดยง่าย หัวใจไรเ้ ดียงสา ณ ชมุ ชนเลก็ ๆ แห่งหนึง่ ฝนแล้งมานานแลว้ พชื ผลเสยี หายหนัก พระจงึ ระดมชาวบา้ น เตรยี มประกอบพิธขี อฝนในวัด เด็กหญิงคนหน่ึงแทรกตัวอยู่ในกลุ่มคนผู้ขอฝนด้วย เน่ืองจากตัวเธอเล็ก จึงเกือบจะไม่มีใคร สังเกตเห็น ทนั ใดนน้ั พระเหน็ ส่งิ ทเี่ ด็กหญิงถืออยู่ จงึ พดู อย่างต่นื เต้นพลางช้ีไปมือไปที่เดก็ หญงิ “หนูนอ้ ยนนั่ ทาํ ให้อาตมาซาบซ้งึ มาก วนั น้ีเรามาอธิษฐานขอฝนกัน แตใ่ นท่ปี ระชมุ แหง่ น้ี ไมม่ ีใครนํารม่ มาเลยนอกจากเด็กหญิงคนน้ี” ทกุ คนหนั มองไปยงั เธอ ก็เห็นเด็กหญิงตัวน้อยในมอื มีรม่ สีแดงถอื อยู่ ความเงียบงนั เกดิ ข้นึ แลว้ ตามด้วยเสยี งปรบมือสนนั่ หวั่นไหว หลายคนถึงกับนา้ํ ตาเอ่อล้นนยั น์ดว้ ยความซาบซึ้งใจ เร่ืองนสี้ อนให้รวู้ า่ เดก็ ตวั เลก็ ก็จริง แตม่ จี ิตใจยิ่งใหญ่ คอื มคี วามรกั และความเช่ือม่ัน ทยี่ ง่ิ ใหญม่ าก ทสี่ มควรเอาเยย่ี งอยา่ ง 10ค2ู่มอื สง่ เสชค่มูั้นริมอืมแสธั ่งลยเมะสพศรึกฒัิมษแนลาาปะกพีทิจ่ีฒั ก1รนรามกลจิ กกู รเสรมอื ลทกูักเษสะือชทีวกั ิตษใะนชสีวถิตาในนสศถกึ าษนาศลึกกูษเาสปอื รสะาเมภัญทลรุน่กู เใสหอื ญส่ามชัญ้ันมรุ่นัธใยหมญศ่กึ ษาปีท่ี 1 109

ต้นไทรกบั ต้นออ้ คนื วันหน่ึงเกดิ พายุพัดรนุ แรง ต้นไทรใหญต่ น้ หนึ่งอยูร่ มิ นํ้าทนลมไมไ่ หวก็หักโคน่ ลอยนํ้า ไปติดพงอ้ออยูท่ ีช่ ายตล่ิงแห่งหนง่ึ รงุ่ ขึ้นตน้ ไทรเห็นพงอ้อเป็นปกติดีไมม่ ีต้นใดหักโคน่ จึงถามพงอ้อว่า “เมอ่ื คนื น้ีพายจุ ัด พัดเราจนหกั โคน่ ลงนาํ้ ลอยมา พวกทา่ นล้วนเป็นต้นไมเ้ ล็กๆ ตน้ หน่งึ จะเทยี บกบั กิ่งเรายงั ไมไ่ ด้ เหตไุ ฉนจงึ อยูเ่ ปน็ ปกตดิ ดี ว้ ย หรอื ว่าพายุไมไ่ ดพ้ ดั มาถงึ ทน่ี ี่” พงออ้ จึงตอบวา่ “พายพุ ดั มาถงึ ทีน่ ี่เหมือนกนั แตพ่ วกเราเป็นไมอ้ ่อน เม่อื ลมพดั กลา้ เราเอนลู่ไปเสยี ตามลม ปลอ่ ยใหล้ มพดั ขา้ มเราไป ลมจึงไม่พดั เราหกั โคน่ ” ต้นไทรได้ฟังดงั น้นั จึงนึกวา่ ถึงเราเปน็ ไมใ้ หญ่โต เราไม่รจู้ ักผอ่ นผนั หลกี เล่ียงลมกลา้ ตัง้ หนา้ ตั้งตาตา้ นลมอย่างเดยี ว ลมมแี รงกว่าเราจึงพัดเอาเราโคน่ ลม้ ต้นออ้ เหลา่ นี้ ถงึ เปน็ ไม้เลก็ รู้จักผ่อนหลบหลกี ใหล้ มพายพุ ัดพน้ ไปได้ กไ็ ม่หกั เหมือนตน้ ไม้ใหญเ่ ชน่ ตัวเรา เร่อื งนส้ี อนใหร้ วู้ า่ การต่อสู้ดว้ ยกาํ ลงั ทม่ี ากนนั้ อาจไมเ่ ป็นผลดีเทา่ การต่อสดู้ ้วยกําลังที่อ่อน 110 คู่มือสง่ เสรคิมู่มแอื ลสะ่งพเสัฒรมิ นแาลกะิจพกัฒรรนมาลกูกจิ เกสรือรมทลกั ูกษเะสชอื ีวทิตักใษนะสชถวี าติ นในศสกึ ถษาานลศูกึกเษสาอื ปสารมะเัญภทรนุ่ลชูกใ้ันหเมสญธัือย่สมชาศ้ันมกึญัมษัธรานุ่ยปมใทีหศ่ีญึก1่ษาปที 1ี่ 103

แผนการจัดกิจกรรมลกู เสอื สามญั รุ่นใหญ่(เครื่องหมายลูกเสอื โลก) ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 1 หน่วยที่ 5 กางเต็นท์และรื้อเตน็ ท์ท่ีพักแรม แผนการจัดกจิ กรรมที่ 12 การกางเต็นท์และรอ้ื เตน็ ทท์ ่พี กั แรม เวลา 2 ชวั่ โมง 1. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1.1 ลูกเสืออธบิ ายส่วนประกอบของเตน็ ท์ วิธีการเก็บและดูแลรักษาเต็นท์ท่ีพกั แรมได้ 1.2 ลูกเสอื ปฏบิ ัติการ กาง และ รอื้ เต็นท์ได้ 1.3 ลูกเสอื มเี จตคตทิ ่ดี ีตอ่ กจิ การลกู เสือได้ 2. เนอ้ื หา การเรียนรู้วธิ ีการกางเต็นท์เป็นการเตรยี มความพร้อมในการเดนิ ทางไกลพักแรมค้างคนื ชว่ ยให้ ลูกเสอื ปฏิบัตงิ านร่วมกบั ลูกเสือสามญั รนุ่ ใหญอ่ กี คนหนึ่งได้และยังเป็นการดแู ลรักษาเต็นทใ์ หม้ ี อายุการใช้งานได้อย่างคุ้มค่า 3. สือ่ การเรยี นรู้ 3.1 แผนภูมิเพลง 3.2 เต็นท์สาํ เร็จรปู , เต็นท์ 5 ชาย 3.3 ใบความรู้ เรือ่ งเตน็ ท์ 3.4 เร่ืองสนั้ ที่เป็นประโยชน์ 4. กจิ กรรม 4.1 กจิ กรรมครั้งท่ี 1 1) พิธีเปดิ ประชุมกอง (ชักธงขึน้ สวดมนต์ สงบน่งิ ตรวจ แยก) 2) เพลงยามค่าํ 3) กจิ กรรมตามจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ (1) ผู้กาํ กบั ลกู เสือสนทนาความรู้เกี่ยวกบั เรอ่ื งเต็นท์ของลกู เสือ รูปแบบตา่ งๆของเต็นท์ (2) ผู้กาํ กับลกู เสอื อธบิ ายและสาธิตวิธกี ารกางเต็นท์ 5 ชาย และเต็นทส์ าํ เรจ็ รปู แบบต่าง ๆ (3) หมู่ลกู เสือวิเคราะห์รูปแบบของเตน็ ท์ และการนําไปใช้ทีเ่ หมาะสมกบั สภาพการอยู่ คา่ ยพกั แรมของหม่ตู นเอง บนพน้ื ฐานขอ้ มูล ของสถานทพ่ี กั แรม พร้อมกับปจั จยั ที่เกยี่ วข้องกบั การกาง เตน็ ท์ เช่นวัสดอุ ุปกรณ์ พน้ื ทรี่ องรบั อปุ กรณ์เสรมิ ตา่ งๆ (4) ผ้กู ํากบั ลูกเสือและลูกเสือร่วมกนั อภปิ รายสรปุ การปฏิบตั ิงาน ขอ้ ดีและข้อจาํ กดั ใน การใช้เต็นทแ์ ต่ละประเภท เชน่ เต็นท์ 5 ชาย เตน็ ท์สาํ เรจ็ รปู แบบตา่ งๆ ฯลฯ 4) ผกู้ าํ กบั ลูกเสอื เลา่ เรื่องสนั้ ท่ีเป็นประโยชน์ เรอื่ ง หมกี ับผึ้ง 5) พิธปี ิดประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเคร่ืองแบบ ชกั ธงลง เลกิ ) - ผูก้ ํากับลกู เสอื นดั หมายลูกเสอื เตรยี มอปุ กรณ์ปฏบิ ัติกิจกรรมในสัปดาหต์ อ่ ไป 10ค4มู่ ือสง่ เสคชูม่น้ัรมิือมแสัธ่งลยเมะสพศรกึัฒมิ ษแนลาาปะกพที ิจ่ีฒั ก1รนรามกลิจกูกรเสรมอื ลทกูกั เษสะอื ชทวี ักิตษใะนชสวี ถิตาในนสศถึกาษนาศลกึ ูกษเาสปอื รสะาเมภัญทลรุ่นกู เใสหือญส่ามชัญ้ันมรุ่นธั ใยหมญศ่ึกษาปีที่ 1 111

4.2 กจิ กรรมครงั้ ท่ี 2 1) พธิ ีเปดิ ประชมุ กอง (ชักธงขึ้น สวดมนต์ สงบน่ิง ตรวจ แยก) 2) เกมการแขง่ เรอื บก 3) กจิ กรรมตามจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ (1) ผูก้ ํากับลูกเสือและลกู เสอื ร่วมกนั สนทนาทบทวนเกย่ี วกับเรอ่ื งเต็นทข์ องลกู เสอื ในชัว่ โมงท่ผี ่านมา (2) ผู้กาํ กบั ลูกเสอื ใหห้ มู่ลกู เสอื ฝึกปฏบิ ัติการกางและรอื้ เตน็ ท์ในเวลาท่กี ําหนด (3) ลกู เสือรว่ มกบั เพอื่ นอกี หนงึ่ คน ปฏิบัตกิ ารกางและร้อื เตน็ ทโ์ ดยมนี ายหมู่เป็นผู้ ใหค้ าํ แนะนําที่ถกู ตอ้ ง รวมทง้ั วธิ กี ารดแู ลรกั ษาเต็นท์ และการเก็บเต็นท์ (4) ลูกเสอื ร่วมกันอภปิ รายสรุปการปฏบิ ัตงิ าน 4) ผ้กู าํ กับลกู เสอื เล่าเรือ่ งสั้นทเ่ี ปน็ ประโยชน์ เรอื่ ง ววั สามเสี่ยว 5) พิธปี ดิ ประชุมกอง (นัดหมาย ตรวจเคร่อื งแบบ ชักธงลง เลิก) - ผู้กาํ กบั ลกู เสอื นดั หมายลกู เสอื เตรียมอุปกรณป์ ฏิบตั ิกจิ กรรมในสปั ดาห์ต่อไป 5.การประเมินผล 5.1 สงั เกตจากการที่ลกู เสอื อธิบายส่วนประกอบ วธิ ีการเก็บและดแู ลรักษาเต็นท์ 5.2 สังเกตจากการที่ลกู เสือปฏิบัติการกางและรอื้ เตน็ ท์ 5.3 แบบประเมินการมเี จตคติทดี่ ีต่อกจิ การลกู เสอื 112 คูม่ ือสง่ เสรคิมมู่ แือลสะง่ พเสัฒริมนแาลกะิจพกัฒรรนมาลกกูจิ เกสรือรมทลกั ูกษเะสชอื ีวทติ กั ใษนะสชถวี าติ นในศสกึ ถษาานลศกูกึ เษสาือปสารมะเญั ภทรนุ่ลชูกใั้นหเมสญธัอื ย่สมชาศ้ันมกึัญมษธัรา่นุยปมใีทหศี่ญกึ1่ษาปีท1่ี 105

ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกิจกรรมที่ 12 เพลง ยามคํา่ ฟ้ามดื มัวลมเยน็ พัดโชยกระหนา่ํ ฝนก็ตกพราํ พราํ ฟ้ามดื คา่ํ มัวไป ใจคดิ ถงึ เมอ่ื คร้งั มาพกั แรมในปา่ แสนจะสุขใจ ฟา้ มืดคํ่าทใี ดพอเบิกบานใจฝนกระหน่ําลงมา เสือเผ่าไทยรว่ มใจมานอนกลางปา่ แมเ้ หนด็ เหนอื่ ยกายา เราสุขอรุ าเกินใคร ถงึ หนักเอาเบาสู้ สามคั คีมีอยู่แสนจะสุขใจ ฟา้ มดื คํา่ ทีไร เล่นรอบกองไฟเราสนุกเฮฮา เกม การแขง่ เรือบก วิธีการเล่นเกมการแขง่ เรอื บก มีดังนี้ 1. ให้ลกู เสอื เข้าแถวตอนเป็นหมู่ ๆ แตล่ ะหมู่ หา่ งกัน 2 ช่วงแขน 2. ใหล้ ูกเสอื แต่ละหมนู่ ง่ั เอามือจับเอวคนข้างหนา้ 3. ให้แต่ละแถวเคลื่อนท่ีไปถึงเสน้ ทก่ี าํ หนดดว้ ยการกระโดดพรอ้ ม ๆ กนั โดยไมใ่ หม้ ือหลดุ จากเอว หรือแถวขาด 4. หมู่ใดถึงเส้นที่กาํ หนดกอ่ นเป็นผู้ชนะ ใหห้ ม่ทู แ่ี พก้ ลา่ วชมเชย 10ค6ูม่ อื สง่ เสคชู่ม้นัรมิือมแสัธ่งลยเมะสพศรึกฒัมิ ษแนลาาปะกพีทิจี่ฒั ก1รนรามกลจิ กกู รเสรมอื ลทกูกั เษสะอื ชทีวักติ ษใะนชสีวถติ าในนสศถกึ าษนาศลึกูกษเาสปอื รสะาเมภัญทลรนุ่กู เใสหือญส่ามชัญ้นั มร่นุธั ใยหมญศ่ึกษาปีท่ี 1 113

ใบความรู้ เตน็ ท์ เต็นท์ทน่ี ยิ มนาํ ไปอยคู่ า่ ยพกั แรมมี 3 ชนดิ 1. เต็นทอ์ าํ นวยการ มีขนาดใหญ่ ใชเ้ ป็นทป่ี ระชมุ 2. เต็นทห์ มู่ ใชเ้ ป็นทพี่ ักสาํ หรับลกู เสือทัง้ หมู่ 3. เต็นทบ์ ุคคล สาํ หรบั ลกู เสอื 2 คน ทนี่ ิยมใช้มี 2 ชนดิ ได้แก่ เตน็ ทก์ ระแบะหรอื เตน็ ท์ 5 ชาย และเต็นท์สําเร็จรปู เต็นท์กระแบะ หรือเตน็ ท์ 5 ชาย เหมาะสาํ หรบั ลูกเสอื 2 คน มีขนาดเลก็ กระทัดรดั พกพาสะดวก ใช้พนื้ ทีก่ างเต็นท์ ไม่กวา้ งมาก และวิธกี างเตน็ ทไ์ ม่ยงุ่ ยาก มลี กู เสอื ชว่ ยกันเพยี ง 2 คนก็สามารถกางเตน็ ทไ์ ด้ ส่วนประกอบของเตน็ ท์ 5 ชาย มีดังนี้ 1. ผ้าเตน็ ท์ 2 ผนื 2. เสาเตน็ ท์ 2 ชุด ( 2 เสา ) ชุดละ 3 ท่อน ( 3 ท่อนตอ่ กันเป็น 1 ชดุ หรือ 1 เสา ) 3. สมอบก 10 ตวั ( หัวทา้ ย 2 ตัว ชายดา้ นลา่ งด้านละ 3 ตวั ประตูหนา้ 1 ตัว และหลงั 1 ตัว ) 4. เชอื กยดึ สมอบก 10 เสน้ (เชอื กยาวใชร้ งั้ หวั ทา้ ยเต็นท์ 2 เส้น เชือกส้นั ใชย้ ดึ ชายเตน็ ท์ 6 เสน้ และประตหู นา้ - หลัง 2 เสน้ ) การกางเต็นท์ 5 ชาย มี 5 ขัน้ ตดน ดังนี้ 1. ตดิ กระดุมผ้าเต็นทท์ ั้ง 2 ผืนเขา้ ดว้ ยกัน ดา้ นท่ีติดกระดมุ เป็นดา้ นสนั ของหลังคา รตู าไกท่ ี่ ซอ้ นกนั และอยถู่ ดั จากระดมุ จะเป็นทยี่ ึดเสาท้งั 2 เสา ส่วนดา้ นทมี่ ีรูตาไก่ดา้ นละ 3 รู จะเปน็ ชายด้านลา่ ง 2. นาํ เสาชุดที่ 1 (ตอ่ 3 ทอ่ นเขา้ ดว้ ยกนั ) มาเสียบที่รหู ลงั คาเตน็ ท์ ให้คนท่ี 1 จับไว้ 3. ให้คนที่ 2 ใช้เชือกยาว 1 เส้นนาํ มายดึ จากหวั เสา (หรือหว่ ง) ไปยังสมอบกดา้ นหนา้ (ผูกดว้ ยเง่อื นตะกรุดเบ็ด กระหวดั ไม้ หรอื ผกู รงั้ ) แล้วจงึ ใชเ้ ชือกส้นั 2 เสน้ ยดึ ชายเต็นทเ์ ข้ากบั สมอบก เพื่อให้เต็นทก์ างออกเปน็ รูปหนา้ จ่วั (ผกู ดว้ ยเงอ่ื นปมตาไก่) 4. ให้คนที่ 2 เดินออ้ มไปอกี ดา้ นหน่งึ ตอ่ เสาที่ 2 เสยี บเข้ากับรหู ลังคาเต็นทอ์ ีกดา้ นหนง่ึ แลว้ จับเสาไว้ ใหค้ นท่ี 1 ปลอ่ ยมอื จากเสาที่ 1 แล้วนําเชอื กยาวเสน้ ท่ี 2 ยดึ จากหวั เสาที่ 2 ไปยงั สมอบกดา้ นหลัง(ผกู ด้วยเงือ่ นตะกรุดเบ็ด กระหวดั ไม้ หรือผกู รง้ั ) 5. ให้คนที่ 2 ปลอ่ ยมอื จากเสาที่ 2 ได้ เตน็ ทจ์ ะไม่ล้ม และทงั้ 2 คนชว่ ยกันใช้เชอื ก ยดึ ชายเตน็ ทจ์ ดุ ทีเ่ หลอื เขา้ กับสมอบก แล้วปรับความตงึ หยอ่ นของเตน็ ทใ์ หเ้ รียบร้อย การร้ือเต็นท์ 5 ชาย มี 7 ข้นั ตอน 1. แก้เชอื กท่ีรั้งเสาหัวทา้ ยกบั สมอบกออก เตน็ ท์จะล้มลงทันที 2. ถอนเสาเต็นทอ์ อกเปน็ 6 ทอ่ น นาํ มารวมกนั ไว้ 3. ถอนสมอบกท้งั 10 ตัว นําไปรวมกันไวท้ ่ใี กล้ ๆ กับเสาเตน็ ท์ 4. แกเ้ ชอื กและเกบ็ เชอื กให้เรยี บร้อย (เชือกสน้ั 8 เส้น เชือกยาว 2 เสน้ รวม 10 เสน้ ) นาํ ไปรวมไวใ้ กล้ ๆ กองสมอบก 114 คมู่ อื สง่ เสรคิมมู่ แือลสะ่งพเสฒั รมิ นแาลกะจิ พกฒั รรนมาลกูกจิ เกสรือรมทลกั กูษเะสชอื วี ทติ กั ใษนะสชถวี าิตนในศสกึ ถษาานลศูกกึ เษสาอื ปสารมะเญั ภทร่นุลชูกในั้ หเมสญัธอื ย่สมชาศั้นมกึญัมษธัราุน่ยปมใีทหศี่ญกึ1่ษาปที 1่ี 107

5. แกะกระดุมเต็นทเ์ พอื่ แยกผา้ เตน็ ท์ออกเป็น 2 ผนื 6. ทําความสะอาดอปุ กรณ์และเก็บพบั ผ้าเต็นทใ์ ห้เรียบรอ้ ย 7. นาํ ผ้าเต็นท์และอปุ กรณเ์ ก็บรวมไวใ้ นท่เี ดยี วกัน เตน็ ท์สาํ เร็จรูป ใชเ้ ปน็ ท่ีพักสาํ หรบั ลกู เสอื ทั้งหมู่ (1 หมู่) มขี นาดใหญ่กวา่ และนาํ้ หนกั มากกว่าเต็นทก์ ระแบะ แต่ยังสามารถพกพาไปได้สะดวก พ้นื ท่ีทใ่ี ชก้ างเตน็ ท์มีบรเิ วณกวา้ งพอสมควร วิธกี างเตน็ ท์ไม่ยุ่งยาก มีลูกเสือชว่ ยกนั เพียง 2 คนกส็ ามารถกางเตน็ ทไ์ ด้ เต็นทส์ ําเร็จรูปมหี ลายแบบ มีรปู ทรงไม่เหมอื นกัน บางแบบคลา้ ยเตน็ ทก์ ระแบะ สว่ นประกอบของเตน็ ท์สาํ เรจ็ รูป มีดงั นี้ 1. ผา้ เตน็ ท์ 1 ชดุ 2. เสาเตน็ ท์ 2 ชุด (2 เสา) ชุดละ 3 ทอ่ น (3 ทอ่ นต่อกนั เป็น 1 ชดุ หรือ 1 เสา) 3. สมอบก 12 ตวั (ยดึ มมุ พื้น 4 ตัว ยดึ ชายหลงั คา 6 ตวั หวั 1 ตัว ท้าย 1 ตัว) 4. เชือกยึดสมอบก 8 เสน้ ทุกเสน้ มดั ติดกับแผน่ เหลก็ สาํ หรบั ปรบั ความตึงหยอ่ นของเชือก โดยเชือกสน้ั 6 เสน้ ใช้ยดึ ชายหลงั คา และเชอื กยาว 2 เสน้ ใชร้ งั้ หวั ทา้ ยเตน็ ท์ วธิ ีกางเตน็ ทส์ าเรจ็ รปู มี 5 ขนั้ ตอน ดังนี้ 1. ยดึ พืน้ ของเต็นท์ทง้ั 4 มมุ ดว้ ยสมอบก 4 ตัว 2. นําเสาชุดที่ 1 ( ต่อ 3 ทอ่ นเขา้ ดว้ ยกัน ) มาเสียบที่รูหลังคาเต็นท์ ใหค้ นที่ 1 จับไว้ 3. ให้คนที่ 2 ใช้เชือกยาว 1 เสน้ ยดึ จากหัวเสา (หรือห่วง) ไปยงั สมอบกด้านหน้า (โดยผูกดว้ ยเงื่อนตะกรดุ เบด็ หรือเงื่อนกระหวัดไม้ ไมต่ อ้ งใช้เงือ่ นผูกรงั้ เพราะมแี ผน่ ปรับความตึง อยแู่ ลว้ ) แลว้ ใชเ้ ชือกสน้ั 2 เส้น ยึดชายเตน็ ทเ์ ข้ากับสมอบก ให้เตน็ ท์กางออกเป็นรปู หนา้ จว่ั 4. ใหค้ นท่ี 2 เดินอ้อมไปอีกด้านหน่ึง ตอ่ เสาท่ี 2 เสยี บเขา้ กับรหู ลังคาเตน็ ทอ์ กี ดา้ นหนง่ึ แล้วจับเสาไว้ ใหค้ นท่ี 1 ปลอ่ ยมอื จากเสาท่ี 1 แลว้ นาํ เชอื กยาวเสน้ ท่ี 2 ยดึ จากหัวเสาท่ี 2 ไปยังสมอบกดา้ นหลงั 5. ให้คนท่ี 2 ปล่อยมอื จากเสาที่ 2 ได้ เต็นทจ์ ะไม่ลม้ ทงั้ สองคนชว่ ยกนั ใช้เชอื ก ยึดชายหลงั คาเตน็ ท์ ( จุดทเ่ี หลือ ) ให้เขา้ กับสมอบกแล้วปรบั ความตงึ หย่อนของเตน็ ท์ใหเ้ รยี บร้อย วิธรี ื้อเต็นท์สาเร็จรปู มี 5 ขนั้ ตอน ดงั นี้ 1. แกเ้ ชอื กที่ร้งั เสาหัวท้ายกับสมอบกออก เตน็ ท์จะลม้ ลงทันที 2. ถอนเสาเต็นทอ์ อกเปน็ 6 ทอ่ น นํามารวมกันไว้ 3. ถอนสมอบกทง้ั 12 ตวั นําไปรวมกันไว้ทใ่ี กล้ ๆ กบั เสาเตน็ ท์ 4. เก็บเชอื กและแผ่นปรับความตงึ ใหเ้ รยี บรอ้ ย (เชือกสั้น 6 เสน้ เชอื กยาว 2 เสน้ แผน่ ปรับความตงึ 8 อนั ) นาํ ไปรวมไว้ใกล้ ๆ กองสมอบก 5. ทาํ ความสะอาดอปุ กรณท์ กุ ชนิ้ แล้วนาํ ไปเกบ็ 10ค8มู่ ือสง่ เสชค่มูัน้ริมอืมแสธั ่งลยเมะสพศรึกฒัิมษแนลาาปะกพที ิจี่ฒั ก1รนรามกลจิ กูกรเสรมอื ลทูกกั เษสะอื ชทีวักติ ษใะนชสวี ถิตาในนสศถกึ าษนาศลกึ กูษเาสปอื รสะาเมภัญทลรุ่นูกเใสหอื ญส่ามชญันั้ มรุน่ัธใยหมญศ่กึ ษาปีที่ 1 115

การเลือกสถานทต่ี ัง้ ค่ายและกางเตน็ ท์ ตอ้ งทําการสาํ รวจความเหมาะสมของพื้นท่ี แหลง่ นํา้ และเส้นทางคมนาคม เพื่อปอ้ งกัน ปัญหาตา่ งๆ ทีจ่ ะตามมา ควรมีลักษณะดงั น้ี 1. เป็นพืน้ ที่โลง่ กว้าง เหมาะสําหรบั การตงั้ คา่ ยและจัดกิจกรรม 2. พ้ืนดินบริเวณที่ตง้ั ค่ายควรเปน็ ดินปนทราย พ้ืนเป็นท่ีเรียบ ไมม่ ีน้าํ ขงั 3. อยู่ใกล้แหล่งนา้ํ สะอาด ปลอดภยั 4. อยู่ห่างจากตน้ ไม้ใหญ่ เพอื่ ปอ้ งกนั อนั ตรายทีจ่ ะเกดิ จากก่ิงไม้หล่นลงมาทบั 5. ทศิ ทางของลมเพ่ือใชพ้ จิ ารณาในการต้งั เต็นท์ท่พี ัก 6. สามารถหาเชอ้ื ไฟ เชน่ ฟนื เศษไม้ สาํ หรบั หุงตม้ ไดส้ ะดวก 7. การคมนาคมสะดวก ใกล้กับโรโรงงพพยยาาบบาาลล หรือ อนามยั ใกลก้ บั สถานตี ํารวจ 8. ได้รับอนุญาตจากเจา้ ของสถานท่ีก่อนจะตง้ั คา่ ยพกั แรม ข้อควรระวงั ในการกางเต็นท์ 1. เม่ือตอ้ งการกางเต็นท์หลายหลงั เปน็ แนวเดยี วกัน ควรเลง็ ใหส้ มอบกตวั ทอ่ี ยู่ดา้ นหนา้ สุด และเสาตน้ แรกของทกุ เตน็ ท์อยใู่ นแนวเดยี วกนั 2. การกางเต็นท์แต่ละหลงั ใหเ้ ลง็ สมอบกตวั แรก เสาแรก เสาหลงั และสมอบกตวั หลังทัง้ 4 จดุ ใหอ้ ยู่ในแนวเดยี วกนั 3. เสาทกุ ตน้ ทยี่ ดึ เต็นทจ์ ะตอ้ งต้ังฉากกบั พน้ื เสมอหลงั คา 4. เต็นทต์ ้องไมม่ ีรอยยน่ สมอบกด้านข้างของเตน็ ท์แตล่ ะหลงั ต้องเรยี งกนั อยา่ งเปน็ ระเบียบ ถา้ เต็นทต์ งึ ไปอาจจะขาดได้ หรือถ้าหย่อนเกนิ ไปก็จะกนั ฝนไมไ่ ด้ ซงึ่ จะเป็นสาเหตทุ าํ ให้นํา้ ซึมไดง้ ่าย และถ้าลมพัดแรงอาจทําให้เต็นทข์ าดได้ 5. การผูกเต็นทค์ วรใช้เง่อื นผูกร้ัง เพราะสามารถปรับใหต้ งึ หยอ่ นไดต้ ามตอ้ งการ การดแู ลรักษาเต็นท์ การดูแลรกั ษาเตน็ ท์ใหม้ อี ายุการใชง้ านทย่ี าวนาน 1. ฝกึ กางเตน็ ท์ใหถ้ ูกวธิ ี เพราะการกางเตน็ ทไ์ ม่ถกู วิธี อาจทาํ ให้อุปกรณ์บางชิ้น เกดิ ความเสียหายได้ เชน่ ใส่เสาเตน็ ทผ์ ดิ อนั ทาํ ใหเ้ กิดความเสยี หายเวลางอเสาเข้ากับเตน็ ท์ เปน็ ต้น 2. อยา่ เก็บเต็นท์ขณะเปียกถ้าไมจ่ าํ เปน็ เพราะจะทาํ ใหเ้ กดิ กลนิ่ อับ ควรจะนําเต็นท์มาผึง่ ลม ให้แห้งกอ่ นและนาํ เศษสิ่งสกปรกออกจากเตน็ ทก์ อ่ นปิดซิปให้เรียบร้อย 3. ไมค่ วรใช้สารเคมีในการทาํ ความสะอาดเต็นท์ เพราะสารเคมจี ะทําลายสารทีเ่ คลอื บเต็นทไ์ ว้ ควรใช้แค่ผ้าชุบนํา้ เช็ดกพ็ อ ห้ามใช้แปรงขดั เพราะแปรงจะทําให้สารเคลอื บหลดุ ออกเชน่ กนั 4. ใช้ผา้ พลาสติกปรู องพนื้ กอ่ นกางเต็นท์ เพือ่ ชว่ ยปกปอ้ งตวั เต็นท์จากหนิ และกง่ิ ไมท้ แี่ หลมคม ซึง่ อาจจะทาํ ใหพ้ ้นื เตน็ ทเ์ กดิ ความเสยี หายได้ และนอกจากนยี้ งั ชว่ ยลดเวลาในการทาํ ความสะอาด เพราะเหลอื แค่ทําความสะอาดผ้าปรู องพน้ื เท่าน้นั 116 ค่มู ือสง่ เสรคิมูม่ แอื ลสะ่งพเสฒั รมิ นแาลกะจิ พกฒั รรนมาลกกูิจเกสรอืรมทลกั ูกษเะสชอื วี ทิตกั ใษนะสชถีวาิตนในศสกึ ถษาานลศกูึกเษสาือปสารมะเญั ภทรุน่ลชกูใั้นหเมสญัธอื ย่สมชาศั้นมึกญัมษธัราุ่นยปมใทีหศ่ีญึก1่ษาปีท1ี่ 109

5. ใชส้ มอบกปักเตน็ ท์ บางคนอาจคดิ วา่ ไมจ่ าํ เป็นเพราะเต็นท์สามารถทรงตัวอยูไ่ ด้เอง แต่เมอ่ื มีลมแรง ๆ เต็นท์อาจพลิกทาํ ให้เกิดความเสียหายได้ ในช่วงท่กี างเตน็ ท์และเกิดมลี มแรง ควรนําสัมภาระเกบ็ ไว้ในเตน็ ทแ์ ล้วปักสมอบกยดึ ไว้ จะชว่ ยป้องกันเตน็ ทพ์ ลิกจากแรงลมได้ 6. ใชอ้ ุปกรณซ์ อ่ มแซมเตน็ ทเ์ มอื่ เตน็ ท์เกดิ ความเสียหาย เช่น ผนงั เต็นท์มรี อยฉีกขาด ควรใช้พวกผา้ เทปปดิ รอยขาดน้นั ไว้ มิฉะนัน้ รอยขาดน้นั จะใหญข่ นึ้ เรอ่ื ยๆ อุปกรณซ์ อ่ มแซมเตน็ ท์ สามารถหาซือ้ ได้ตามรา้ นอุปกรณแ์ ค้มปง้ิ ทว่ั ไป 11ค0ูม่ อื สง่ เสชคมู่้ันรมิอืมแสัธง่ลยเมะสพศรึกัฒิมษแนลาาปะกพที ิจี่ัฒก1รนรามกลิจกูกรเสรมอื ลทูกกั เษสะือชทวี ักิตษใะนชสีวถติ าในนสศถึกาษนาศลกึ ูกษเาสปอื รสะาเมภัญทลรุ่นูกเใสหือญส่ามชญั้นั มรุ่นัธใยหมญศ่ึกษาปีท่ี 1 117

เร่อื งสั้นท่เี ป็นประโยชน์ หมีกบั ผงึ้ หมตี ัวหนงึ่ นกึ ทะนงตวั ในความแขง็ แรงและพละกําลังอนั มหาศาลของมัน วนั หนงึ่ ขณะที่ มันกาํ ลงั กินอาหารอยู่ เผอญิ มผี ้ึงตวั หนึ่งบินผ่านมา หมนี กึ โมโหท่ถี กู กวนใจระหว่างกนิ มันจงึ เอามอื ตะปบผึง้ ตัวนนั้ หวงั จะบใ้ี ห้ตาย ด้วยสญั ชาตญาณในการปอ้ งกนั ตัวของผง้ึ หมจี งึ ถูกผ้งึ ตอ่ ยเขา้ ทีหน่งึ ทห่ี น้า “อุบ๊ะ เจา้ ผึ้งนอ้ ย วอนหาที่ตายซะแล้ว ต่อยใครไม่ตอ่ ยมาตอ่ ยขา้ นแ่ี น่ะ” แต่ยงั ไมท่ นั ที่หมี จะจดั การอย่างไร ผึ้งตวั นน้ั ก็บนิ หนีไปเสยี แลว้ สร้างความโกรธแคน้ ใหก้ บั หมีเป็นอย่างมาก มนั นกึ ในใจว่ามันจะตอ้ งแก้แค้นผ้งึ ใหไ้ ด้ พอกินอาหารเสรจ็ หมขี ี้โมโหกอ็ อกเดนิ ปา่ ตระเวนหารงั ผง้ึ ทันที พอพบรงั ผง้ึ ขนาดใหญ่รงั หนง่ึ มันก็ตรงร่เี ขา้ รือ้ รงั ผง้ึ นนั้ ทนั ที ฝงู ผง้ึ จํานวนมากตกใจพากนั บนิ ออกจากรงั รุมตอ่ ยเจา้ หมีตัวนนั้ จนไดร้ บั บาดเจบ็ แสนสาหสั เร่อื งนส้ี อนใหร้ ู้วา่ ต้องคดิ ก่อนทํา อยา่ ทํากอ่ นคดิ วัวสามเสีย่ ว คร้ังหนึง่ ยังมีวัวสามตวั ไดต้ กลงสัญญาผกู เสยี่ วเปน็ เพื่อนตายต่อกันดังนั้นวัวทง้ั สามจึงมกั ไปไหนดว้ ยกันเสมอๆ เเละคอยระเเวดระวงั ภยั ให้เเกก่ ันด้วยสิงโตที่จอ้ งหาทางจะกนิ ววั อยู่ จึงเเอบไป กระซิบกบั ววั ตัวทห่ี น่งึ วา่ \" วัวตวั ท่ีสองกบั ท่สี ามนัน้ นนิ ทาดา่ วา่ ลับหลงั วัวตวั ทีห่ นง่ึ \" เเล้วสงิ โตก็ไป ยุเเหย่ตวั ท่สี องวา่ \"วัวตัวทหี่ นง่ึ กบั ทสี่ ามคดิ ทาํ รา้ ย ววั ตวั ท่สี อง\"เเลว้ ยเุ เหย่ววั ตัวที่สามในทาํ นองนนั้ เชน่ กันต่อมาววั ทง้ั สามจึงเรม่ิ เเตกคอ ไมไ่ วใ้ จกนั เเละกนั ตา่ งก็ออก ไปหากนิ กนั คนละท่ี จนสงิ โตมี โอกาสไปดกั กนิ ววั ทีละตวั ไดอ้ ยา่ งสบาย เร่อื งน้ีสอนให้รู้ว่า สามคั คคี อื พลงั เมอ่ื แตกสามัคคี เมือ่ นนั้ ความหายนะมาถงึ 118 คู่มือสง่ เสรคิมูม่ แือลสะ่งพเสัฒริมนแาลกะจิ พกัฒรรนมาลกกูจิ เกสรือรมทลกั กูษเะสชือวี ทิตกั ใษนะสชถวี าติ นในศสึกถษาานลศกูึกเษสาอื ปสารมะเญั ภทรนุ่ลชูกใ้นั หเมสญัธอื ย่สมชาศ้ันมึกัญมษัธราุน่ยปมใทีหศี่ญึก1่ษาปีท1ี่ 111

แผนการจดั กิจกรรมลกู เสอื สามญั รุ่นใหญ่(เครอื่ งหมายลูกเสอื โลก) ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 1 หน่วยท่ี 6 การบรรจุเคร่ืองหลัง แผนการจัดกิจกรรมที่ 13 การบรรจุเคร่ืองหลังสําหรับการเดินทางไกลไปพักแรม เวลา 2 ชั่วโมง 1. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1.1 ลกู เสือสามารถวางแผนเตรียมอุปกรณ์ วสั ดุ ส่ิงของเครอ่ื งใชส้ ่วนตัวและส่วนรวมสาํ หรบั เดินทางไกลไปพักแรมคา้ งคืนได้ 1.2 ลกู เสอื สามารถบรรจเุ ครอื่ งหลังสาํ หรบั การเดินทางไกลไปพักแรมคา้ งคนื ได้ถูกตอ้ ง 1.3 ลกู เสอื มีเจตคตทิ ด่ี ีตอ่ กจิ การลกู เสือได้ 2. เนือ้ หา 2.1 การวางแผนเตรียมอปุ กรณ์ วสั ดุ ส่งิ ของเครอ่ื งใช้สว่ นตัวและสว่ นรวมสาํ หรับเดนิ ทางไกล ไปพกั แรมค้างคนื 2.2 วิธกี ารบรรจุเคร่อื งหลงั 3. ส่ือการเรยี นรู้ 3.1 แผนภูมิเพลง, เกม 3.2 อุปกรณ์สาํ หรบั การบรรจุเครอ่ื งหลัง และเคร่ืองหลัง 3.3 ใบความรู้ เรื่อง การบรรจเุ ครอ่ื งหลงั สําหรบั การเดินทางไกลไปอยคู่ ่ายพกั แรม 3.4 เร่อื งสั้นที่เป็นประโยชน์ 4. กจิ กรรม 4.1 กิจกรรมคร้งั ท่ี 1 1) พธิ เี ปิดประชมุ กอง (ชกั ธงขนึ้ สวดมนต์ สงบน่งิ ตรวจ แยก) 2) เพลงเดินทางไกล 3) กจิ กรรมตามจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ (1) ผู้กํากับลูกเสอื นาํ ตัวอย่างสงิ่ ของเครื่องใชส้ ว่ นตัว วัสดุ อปุ กรณ์สาํ หรับเดินทางไกล และอยคู่ ่ายพักแรม เช่น ช้อน จาน ผา้ เชด็ ตัว สบู่ แปรงสีฟนั ยาสีฟัน รองเทา้ แตะ อาหารสาํ เรจ็ รูป ฯลฯ มาจัดเป็นนิทรรศการรูปแบบรา้ นคา้ โดยกาํ กบั ราคาส่งิ ของเหล่าน้นั ไว้ ทกุ รายการ (2) ผูก้ าํ กบั ลกู เสอื ใหล้ กู เสือ เลือกวสั ดุอุปกรณส์ ง่ิ ของเคร่ืองใชส้ าํ หรบั พกั แรม ตามความจาํ เป็นโดยจดั รายการซ้อื สง่ิ ของนั้น จากนทิ รรศการรา้ นคา้ ในจาํ นวนเงนิ คนละไม่เกนิ 300 บาท ตามใบรายการท่ไี ดก้ าํ หนดไว้ (3) ลกู เสอื นํารายการทไ่ี ด้ซอื้ ไว้จากรา้ นค้า มาตรวจสอบ และอภิปรายในกลมุ่ ถงึ เหตุผล ความจําเป็น แล้วสรุปเป็นข้อกาํ หนดของกลมุ่ 11ค2ู่มือสง่ เสชคู่มั้นริมือมแสธั ง่ลยเมะสพศรกึฒัิมษแนลาาปะกพที จิ ี่ัฒก1รนรามกลจิ กูกรเสรมือลทกูกั เษสะือชทวี กั ิตษใะนชสวี ถิตาในนสศถึกาษนาศลึกูกษเาสปอื รสะาเมภญัทลรุนู่กเใสหอื ญส่ามชญั้ันมรนุ่ัธใยหมญศ่กึ ษาปที ่ี 1 119

(4) ผ้กู าํ กบั ลกู เสอื สรปุ และให้ข้อเสนอแนะในการจดั เตรียม วสั ดอุ ปุ กรณท์ ่เี ป็น ประโยชน์และคมุ้ ค่าในการอยูค่ า่ ยพกั แรม โดยยดึ หลักปฏิบตั ิในเรอื่ งความพอเพยี ง 4) ผู้กํากับลูกเสอื เล่าเรอ่ื งสน้ั ทีเ่ ป็นประโยชน์ เรอื่ ง อกี ากับเหยือก 5) พธิ ีปดิ ประชุมกอง (นัดหมาย ตรวจเคร่ืองแบบ ชกั ธงลง เลิก) - ผู้กาํ กับลูกเสอื นดั หมายลูกเสอื เตรยี มเตรยี มอปุ กรณ์ปฏบิ ัตกิ จิ กรรมและนัดหมาย นายหมู่ฝึกปฏบิ ัตกิ ารบรรจเุ ครอ่ื งหลังเตรยี มสาธิตในสปั ดาห์ตอ่ ไป 4.2 กิจกรรมครง้ั ที่ 2 1) พิธีเปิดประชมุ กอง (ชักธงขนึ้ สวดมนต์ สงบน่งิ ตรวจ แยก) 2) เพลงรวมเงนิ เกมรวมเงนิ 3) กจิ กรรมตามจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ (1) ผ้กู ํากับลูกเสือมอบหมายให้ นายหมู่ลกู เสอื แต่ละหมู่ บรรยายและสาธติ วิธกี ารบรรจุ เครื่องหลงั ท่ถี ูกต้อง (2) ลกู เสอื ปฏิบตั กิ ารบรรจวุ ัสดุอปุ กรณ์สิ่งของส่วนตวั ทเี่ ตรียมมาลงเครอ่ื งหลัง ตามวิธีการทน่ี ายหมูล่ กู เสอื ได้สาธติ (3) ลูกเสอื ประเมนิ นา้ํ หนกั ส่ิงของเครื่องใช้ ทบี่ รรจเุ ครอื่ งหลงั ว่าเหมาะสม และสามารถ นาํ พา ไปไดด้ ้วยตนเองในระยะทาง 15 กโิ ลเมตร ได้หรอื ไม่ (4) ลูกเสอื นําเคร่ืองหลังของตนมาเปรียบเทียบ และแลกเปล่ยี นความคดิ เห็นกับลูกเสอื คนอ่นื แลว้ จดั เครอื่ งหลังของตนให้เหมาะสม (5) ผกู้ าํ กับลกู เสอื และลูกเสอื รว่ มกันสรุปการเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ของใช้ส่วนตัวลงบรรจุ เครือ่ งหลงั สาํ หรับการพักแรมค้างคืน 4) ผกู้ ํากบั ลกู เสอื เลา่ เรอ่ื งสนั้ ท่ีเปน็ ประโยชน์ เรอื่ ง กากบั นกพริ าบ 5) พธิ ปี ิดประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเครอื่ งแบบ ชกั ธงลง เลกิ ) 5.การประเมนิ ผล 5.1 สังเกตจากการที่ลกู เสอื จัดเตรยี มวัสดุอปุ กรณส์ ิง่ ของส่วนตัวและสว่ นรวม 5.2 สังเกตจากการสาธติ การจัดการบรรจุเครอ่ื งหลัง 5.3 แบบประเมินการมีเจตคตทิ ี่ดตี อ่ กิจการลกู เสือ 120 คมู่ อื สง่ เสรคมิู่มแอื ลสะง่ พเสฒั รมิ นแาลกะจิ พกัฒรรนมาลกกูิจเกสรอืรมทลักกูษเะสชือีวทติ กั ใษนะสชถวี าติ นในศสึกถษาานลศูกกึ เษสาอื ปสารมะเญั ภทรุ่นลชูกใ้ันหเมสญัธอื ย่สมชาศั้นมึกัญมษัธราุ่นยปมใีทหศ่ีญึก1่ษาปที 1่ี 113

ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมท่ี 13 เพลง เดนิ ทางไกล เดินทางไกล เดินทางไกล เดนิ อยา่ งไรจะใหถ้ ึงปลายทาง เราลกู เสอื ชาตเิ ชอ้ื วชริ า ตา่ งมุง่ หนา้ ม่งุ พากันไป สดุ ทะเล ภผู าฟากฟา้ ไกล ผจญภยั และพชิ ติ มนั ถงึ ฝนตก แดดรอ้ นเพยี งไหน ลูกเสอื ไทย ไมเ่ คยไหวหวั่น วนั ทั้งวนั เรายงั เดินทางไกล เรายมิ้ ไป เมอ่ื เราเดินทางไกล รวมเงนิ รวมเงนิ รวมเงนิ ให้ดี รวมเงินวันน้อี ย่าใหม้ ีผดิ พลาด ผู้หญิงนั้นเป็นเหรยี ญบาท ผู้ชายฉลาดเปน็ ห้าสบิ สตางค์ เกม รวมเงิน 1. กาํ หนดใหล้ ูกเสอื ทีเ่ ปน็ ผู้ชายใหส้ วมหมวก เปน็ ผูห้ ญงิ ให้ถอดหมวก 2. อธบิ ายการเลน่ เกมกําหนดให้ลูกเสอื ชายเปน็ เงนิ มคี ่า หา้ สิบสตางค์ ผหู้ ญงิ เปน็ เงิน มคี า่ 1 บาท 3. เร่ิมเล่นใหล้ ูกเสือเดนิ ปะปนกนั ในกลุ่มโดยรว่ มกันรอ้ งเพลงรวมเงนิ เมอ่ื จบเพลง ผกู้ ํากับลูกเสอื เป็นผูก้ าํ หนดการรวมเงนิ เชน่ สบี่ าทหา้ สบิ ใหล้ กู เสอื รวมกนั เป็นกลุ่มให้ครบ จํานวนเงนิ ส่บี าทหา้ สิบสตางคเ์ ม่ือครบแลว้ ใหน้ ่งั ลง กลมุ่ ที่รวมไม่ครบต้องออกจากเกม 4. เลน่ และรอ้ งซาํ้ ประมาณ 3 รอบ เพ่ือหาลูกเสอื ทร่ี วมกลมุ่ ที่เป็นผู้ชนะ 11ค4มู่ ือสง่ เสชคมู่ั้นรมิือมแสธั ่งลยเมะสพศรกึัฒิมษแนลาาปะกพีทิจี่ฒั ก1รนรามกลิจกูกรเสรมือลทกูักเษสะอื ชทีวักติ ษใะนชสวี ถติ าในนสศถกึ าษนาศลกึ กูษเาสปือรสะาเมภัญทลรนุ่กู เใสหือญส่ามชญัั้นมรนุ่ธั ใยหมญศ่ึกษาปที ่ี 1 121

ใบความรู้ การบรรจเุ คร่ืองหลงั สําหรบั การเดนิ ทางไกลไปอยู่ค่ายพักแรม การเดนิ ทางไกลไปอยู่คา่ ยพกั แรม เปน็ กจิ กรรมหนง่ึ ซึง่ ลูกเสอื จะตอ้ งมกี ารเตรยี มการเรอ่ื ง เครอ่ื งหลงั ให้พรอ้ ม และเหมาะสมกบั การเดินทางไกลไปพกั คา้ งคืน อปุ กรณ์ท่ีตอ้ งจดั เตรยี มแบ่งออก เปน็ 2 ประเภท คอื 1. อุปกรณ์เฉพาะบุคคล หรอื อปุ กรณป์ ระจาํ ตวั 2. อปุ กรณส์ ่วนรวม หรืออปุ กรณส์ ําหรับหมหู่ รอื กอง อปุ กรณเ์ ฉพาะบุคคล ควรเปน็ สง่ิ จําเปน็ มนี ้าํ หนกั ไมม่ ากนกั ได้แก่ 1. กระตกิ นาํ้ ใสน่ า้ํ สะอาดใหเ้ ตม็ 2. เครื่องใช้ประจําตัว เชน่ ผ้าเชด็ ตัว ผา้ ขาวมา้ ผ้าถงุ สบู่ แปรงสฟี นั ยาสฟี นั รองเท้าแตะ ไฟฉาย ช้อนส้อม จานขา้ ว ยาทากนั ยงุ เปน็ ต้น 3. เครือ่ งแบบและเคร่อื งประกอบเครือ่ งแบบ ไดแ้ ก่ เส้ือ กางเกง (กระโปรงสาํ หรบั เนตรนาร)ี ผ้าพนั คอ หมวก เข็มขดั รองเท้า ถุงเทา้ เป็นตน้ 4. ยาประจําตวั และอปุ กรณ์ปฐมพยาบาล 5. เข็มทิศ แผนที่ สมดุ จดบนั ทึกการเดนิ ทาง ดนิ สอ ปากกา 6. ฤดฝู นตอ้ งเตรียมชดุ กนั ฝน ฤดหู นาวให้เตรยี มเสื้อกนั หนาว 7. เครื่องนอน เชน่ เตน็ ท์ ผ้าปูท่ีนอน เส่ีอ ผา้ หม่ ถุงนอน เป็นตน้ 8. ถุงพลาสติก เพ่ือใช้สําหรบั ใสเ่ สอ้ื ผา้ เปยี กช้นื หรือเสอื้ ผา้ ท่ใี ช้แลว้ 9. เชอื กหรือยางเพอ่ื ใชผ้ กู รัดอปุ กรณ์ส่ิงของเลก็ ๆ นอ้ ย ๆ 10. ไมง้ ่าม อปุ กรณ์ ส่วนรวม หรอื อุปกรณส์ ําหรับหม่หู รอื กอง เป็นอปุ กรณ์ท่ีใช้สําหรบั ทกุ คนในหมหู่ รอื กอง ในการอยู่คา่ ยพกั แรมร่วมกนั และตอ้ งแบง่ หนา้ ที่กนั นาํ ส่ิงของไป เช่น -- นายหมู่ เอาตะเกียง มดี พรา้ และแผนที่ -- รองนายหมู่ นําพลัว่ สนาม เต็นท์ กระดาษชําระ กระเปา๋ ยาและอุปกรณใ์ นการปฐมพยาบาล ถงั นํา้ กะละมงั ไมข้ ดี ไฟ เชือ้ ไฟ ยาขดั รองเทา้ ยาขดั โลหะ -- หวั หนา้ คนครวั เตรียมกระทะ หม้อ ทพั พี หมอ้ สาํ หรับปรงุ อาหาร กระทะ มดี ทําครัว -- รองหัวหนา้ คนครัว นาํ กบั ขา้ ว เครอื่ งปรงุ อาหารสด อาหารแห้ง และอาหารกระปอ๋ ง สาํ หรับรับประทานทั้งหมู่ ส่งิ ท่ีไมค่ วรบรรจุเคร่ืองหลัง ไมค่ วรนาํ สง่ิ ของอนื่ ๆ ท่ีไมจ่ ําเปน็ และของมคี า่ ทกุ ชนิดไป เช่น สายสร้อยทองคาํ โทรศัพท์ ราคาแพง เครอ่ื งเลน่ รวมถงึ อุปกรณ์อเี ล็กโทรนคิ อ่ืนๆ ฯลฯ นําเงนิ ตดิ ตวั ไปเท่าทีจ่ าํ เป็นตอ้ งใช้ รวมทง้ั ไม่พกพาอาวุธทกุ ชนดิ 122 ค่มู ือสง่ เสรคมิูม่ แอื ลสะ่งพเสัฒรมิ นแาลกะจิ พกัฒรรนมาลกกูิจเกสรอืรมทลักูกษเะสชือีวทติ ักใษนะสชถีวาิตนในศสกึ ถษาานลศกูกึ เษสาือปสารมะเัญภทรนุ่ลชกูใัน้ หเมสญธัือย่สมชาศั้นมกึญัมษัธราุ่นยปมใทีหศี่ญึก1่ษาปที 1่ี 115

การบรรจสุ ่ิงของลงในถุงเครอื่ งหลังหรอื กระเปา๋ เคร่ืองหลัง คอื ถงุ หรือกระเป๋าสําหรบั ใสส่ ิ่งของต่าง ๆ ใชส้ ะพายหลังเพอ่ื สามารถนาํ สงิ่ ของตดิ ตัว ไปได้สะดวก จัดเป็นสง่ิ สาํ คัญและมคี วามจาํ เปน็ มากสาํ หรับกจิ กรรมการเดนิ ทางไกล เพราะลกู เสอื ต้องใช้บรรจุอปุ กรณป์ ระตวั อปุ กรณ์ประจําหมู่ ท่ีต้องนําไปใช้ในการอยคู่ า่ ยพักแรม เคร่อื งหลงั มีหลายชนิดแลว้ แตล่ ูกเสอื จะเลอื กใชเ้ ชน่ กระเป๋า ยา่ ม หรือ เป้ ลกู เสือควรเลือกใช้ เคร่อื งหลังที่มีลกั ษณะคลา้ ยเป้ เพราะมีช่องสาํ หรับแยกบรรจุสิง่ ของได้หลายประเภท การบรรจุสง่ิ ของลงในถุงเคร่อื งหลงั หรอื กระเป๋า มขี ้อแนะนาํ ดงั น้ี 1. เลอื กเครื่องหลังทม่ี ขี นาดพอเหมาะไมเ่ ล็กหรอื ใหญจ่ นเกินไป 2. บรรจสุ ่งิ ของทม่ี ีนํ้าหนักมากหรอื สงิ่ ของทใ่ี ช้ภายหลงั ไวข้ า้ งล่าง ส่วนส่ิงของทใ่ี ช้กอ่ น หรอื ใช้รีบด่วน เชน่ ไฟฉาย เสอ้ื กนั ฝน ไม้ขดี ไฟ ฯ ให้บรรจไุ ว้ขา้ งบนสดุ เพอ่ื สามารถนาํ ออกมาใช้ได้ อย่างสะดวก 3. บรรจุส่ิงของนมุ่ ๆ เชน่ ผา้ เช็ดตัว ผา้ ห่ม เสอ้ื ผ้า ฯลฯ ตรงส่วนท่ีสมั ผัสกบั หลังของลกู เสอื เพือ่ จะได้ไม่เจบ็ หลงั ขณะเดินทาง 4. สงิ่ ของบางประเภท เชน่ ยารกั ษาโรค ขา้ วสาร เปน็ ตน้ ควรใสถ่ ุงผา้ หรือถงุ พลาสตกิ กอ่ น แลว้ จึงบรรจลุ งเครื่องหลงั 5. ในกรณีทถ่ี ุงนอน และผ้าห่มบรรจุเครอื่ งหลังไมไ่ ด้ ใหผ้ กู ถุงนอนและผา้ ห่มนอนของลกู เสอื ไว้นอกเครือ่ งหลงั คลมุ ดว้ ยแผน่ พลาสตกิ ใสเพอ่ื กันการเปียกน้าํ 6. เครื่องหลังท่ีลกู เสือนาํ ไปตอ้ งไมห่ นกั จนเกินไป เพราะจะทาํ ให้ลกู เสือเหนื่อยเร็ว น้ําหนัก ของเคร่อื งหลังควรหนกั ไมเ่ กนิ 1 ใน 5 ของนํา้ หนักตวั ลูกเสอื เช่น ถา้ ลูกเสอื หนกั 60 กิโลกรมั เครอื่ งหลังควรหนกั ไม่เกิน 12 กิโลกรัม เป็นต้น 11ค6มู่ อื สง่ เสชคู่ม้นัริมอืมแสธั ง่ลยเมะสพศรึกฒัิมษแนลาาปะกพีทจิ ี่ฒั ก1รนรามกลจิ กกู รเสรมือลทูกกั เษสะอื ชทวี ักิตษใะนชสวี ถิตาในนสศถึกาษนาศลกึ ูกษเาสปือรสะาเมภญัทลรนุู่กเใสหือญส่ามชญัั้นมร่นุธั ใยหมญศ่กึ ษาปที ี่ 1 123

เรอื่ งสน้ั ท่ีเป็นประโยชน์ อีกากับเหยือก ขณะท่อี กี าตัวหนึ่งกาํ ลงั บินอยู่ มนั รสู้ กึ กระหายน้าํ มาก เม่ือมองเห็นเหยือกนํา้ ต้งั อยู่ดา้ นล่าง จึงรอ่ นลงไปยงั จดุ หมาย เมอื่ มองเขา้ ไปในเหยอื ก พบวา่ มนี า้ํ อยเู่ พยี งเลก็ นอ้ ย มันจงึ พยายาม สอดจงอยปากเข้าไปเพือ่ จะดม่ื นาํ้ ไมว่ า่ มันจะพยายามเทา่ ใดกไ็ มส่ ามารถสอดจงอยปากเขา้ ไป ถึงกน้ เหยือกได้ วธิ ีถัดมา มันพยายามจะควาํ่ เหยือก เพอื่ ใหน้ าํ้ ไหลหกออกมา แตเ่ หยอื กนั้นหนักเกินไป ในทส่ี ุด มันเหลือบไปเห็นก้อนหนิ ใกล้ ๆ กับบริเวณนน้ั จงึ คาบมาหย่อนลงในเหยือกนา้ํ ทีละกอ้ น จนระดับนํ้าทก่ี น้ เหยอื กคอ่ ย ๆ เอ่อขึ้นมา ในทส่ี ดุ มันกด็ มื่ นา้ํ ได้ตามทีต่ ้องการ เร่อื งน้สี อนให้ร้วู ่า คนฉลาดมกั คิดหาวธิ ไี ปสคู่ วามสําเรจ็ ได้ดว้ ยความอุตสาหะไมย่ ่อทอ้ เสมอ กากับนกพริ าบ มีกาตัวหนึ่งตอ้ งทาํ งานอย่างหนกั เพอ่ื หาอาหารไว้เป็นเสบยี งสาํ หรบั ชว่ งฤดหู นาวที่กาํ ลังจะ มาถึง วันหนงึ่ มนั เกิดบนิ ผา่ นมาเห็นรังของนกพิราบขาวทม่ี อี าหารอยมู่ ากมาย ทําให้มนั เกิดอยากกนิ บ้าง จงึ คดิ อุบายแอบเขา้ ไปในรังของนกพริ าบขาวตวั นนั้ โดยการขโมยสีขาวของชาวบ้านมาทาทข่ี นของมัน จนทั่วทงั้ ตัวจากนน้ั มันก็แฝงตัวเขา้ ไปอาศยั อยใู่ นรังขอนกพริ าบขาวตวั นั้น โดยท่ไี มม่ นี กพริ าบตวั ใด สังเกตเหน็ ว่ามนั เปน็ กาเลยแมแ้ ตต่ ัวเดยี ว กาพยายามไมร่ ้องหรอื ส่งเสยี งใดๆ ออกมา จนกระท่งั วนั หนงึ่ มีนกพิราบเอย่ ทกั มนั มนั จึงเผลอพูดออกไปดว้ ยนา้ํ เสยี งท่ีแสดงถงึ ความเปน็ กาออกมาอย่างชดั เจน ทาํ ใหม้ นั ถูกขับไลอ่ อกจากรังไปในทนั ที เม่ือถูกฝูงนกพริ าบขบั ไลอ่ อกมาแลว้ กาจึงต้องจาํ ใจกลับไปอยู่ท่รี ังเดิมของมนั แตเ่ มอื่ เพ่อื นๆ เห็นวา่ มนั มีตวั สีขาวแตกตา่ งจากกาตวั อื่นๆ จงึ ชวนกนั ขบั ไลม่ นั ออกจากรัง ทาํ ใหม้ ันตอ้ งเร่รอ่ นออกหา อาหารอยเู่ พยี งลาํ พัง และใชช้ วี ติ อยู่อย่างโดดเดยี่ วในทสี่ ดุ เร่อื งนส้ี อนให้รวู้ ่า ผทู้ ห่ี ลอกลวงผอู้ นื่ เพอ่ื แลกกบั ความสุขสบายของตนเอง ยอ่ มไมม่ ใี ครเชอื่ ถอื หรอื ยอมคบค้าสมาคมดว้ ย 124 คมู่ ือสง่ เสรคมิมู่ แือลสะ่งพเสัฒรมิ นแาลกะิจพกฒั รรนมาลกกูจิ เกสรือรมทลักูกษเะสชอื ีวทิตักใษนะสชถวี าติ นในศสึกถษาานลศกูึกเษสาือปสารมะเญั ภทรนุ่ลชกูใน้ั หเมสญธัือย่สมชาศน้ัมึกญัมษธัรานุ่ยปมใีทหศ่ีญกึ1่ษาปที 1่ี 117

แผนการจดั กิจกรรมลกู เสอื สามญั รุ่นใหญ่(เครอื่ งหมายลกู เสือโลก) ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 หนว่ ยที่ 7 ก่อและจดุ ไฟกลางแจง้ แผนการจดั กิจกรรมที่ 14 การก่อและจดุ ไฟกลางแจง้ และการปรงุ อาหาร เวลา 2 ชั่วโมง 1.จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1.1 ลูกเสอื สามารถวางแผนเตรียมอปุ กรณ์ วัสดุ สง่ิ ของเครอ่ื งใชส้ ว่ นตัวและส่วนรวมสาํ หรบั เดินทางไกลไปพักแรมคา้ งคนื ได้ 1.2 ลูกเสือสามารถบรรจุเครอ่ื งหลงั สาํ หรับการเดินทางไกลไปพกั แรมคา้ งคนื ไดถ้ กู ต้อง 1.3 ลูกเสือมีเจตคติทดี่ ตี อ่ กจิ การลกู เสอื ได้ 2.เน้ือหา ส่ิงอํานวยความสะดวกในชีวิตประจําวัน เช่น เตาแก๊ส เตาไมโครเวฟ เป็นอุปกรณ์อํานวย ความสะดวกภายในบ้าน แตเ่ มื่อลูกเสือต้องไปใช้ชวี ิตในการอยู่ค่าย บางครงั้ กไ็ มส่ ามารถนาํ ส่งิ เหล่านต้ี ิด ตัวไปดว้ ยได้ การฝกึ ปฏิบัติกิจกรรมการก่อไฟและปรุงอาหารจึงเป็นประโยชน์อย่างมากสําหรับลูกเสือ เมอ่ื ตอ้ งอยใู่ นสถานการณ์ทขี่ าดสงิ่ อาํ นวยความสะดวกเหล่านี้ 3.สอื่ การเรยี นรู้ 3.1 แผนภูมเิ พลง, เกม 3.2 วสั ดุสําหรบั การก่อกองไฟ, เครอ่ื งปรงุ และอปุ กรณ์ในการประกอบอาหาร 3.3 ใบความรู้ เร่ือง การกอ่ กองไฟและการปรุงอาหาร 3.4 เรือ่ งส้นั ท่ีเปน็ ประโยชน์ 4.กจิ กรรม 4.1 กจิ กรรมคร้ังท่ี 1 1) พธิ เี ปดิ ประชมุ กอง (ชกั ธงขนึ้ สวดมนต์ สงบนิง่ ตรวจ แยก) 2) เพลงสม้ ตํา 3) กิจกรรมตามจดุ ประสงค์การเรียนรู้ (1) ผกู้ าํ กบั ลกู เสือและลกู เสอื ร่วมกันสนทนาเกย่ี วกบั การกอ่ กองไฟ เพอื่ เปน็ การแลกเปล่ียน ประสบการณ์ (2) ผกู้ าํ กบั ลูกเสือใหล้ กู เสอื ดูรูปภาพกองไฟแบบตา่ งๆ ลกู เสอื แสดงความคดิ เหน็ เร่อื ง รปู แบบของกองไฟท่ีใหค้ วามรอ้ น และท่ีให้แสงสวา่ ง ในกจิ กรรมการอยูค่ า่ ยพกั แรม (3) ลกู เสอื และผู้กาํ กบั ลูกเสือรว่ มกนั สรุปประโยชนข์ องกองไฟรูปแบบต่างๆ (4) หมลู่ กู เสอื ฝกึ ปฏิบตั กิ ่อกองไฟ 3 แบบ (แบบคอกหมู แบบกระโจม และแบบผสม) (5) ผู้กํากบั ลกู เสือใหข้ อ้ เสนอแนะ ลกู เสอื นําทักษะประสบการณ์ไปใชใ้ นการอย่คู า่ ย พกั แรม 4) ผกู้ าํ กบั ลกู เสอื เลา่ เร่ืองสนั้ ที่เปน็ ประโยชน์ เรอื่ ง การตอ่ สู้ของไก่ป่า 11ค8่มู ือสง่ เสคชู่มน้ัริมอืมแสธั ่งลยเมะสพศรกึัฒิมษแนลาาปะกพที จิ ่ีัฒก1รนรามกลจิ กกู รเสรมือลทกูกั เษสะอื ชทีวักิตษใะนชสวี ถิตาในนสศถกึ าษนาศลึกกูษเาสปือรสะาเมภญัทลรนุู่กเใสหือญส่ามชัญนั้ มรนุ่ัธใยหมญศ่กึ ษาปที ่ี 1 125

5) พธิ ปี ิดประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเคร่อื งแบบ ชักธงลง เลกิ ) - ผูก้ าํ กับลกู เสอื นดั หมายใหล้ กู เสือจับคู่ วางแผนการทําอาหารและการจดั เตรยี ม เครื่องปรงุ อาหาร รวมทงั้ วัสดอุ ปุ กรณ์ ในสปั ดาห์ต่อไป 4.2 กจิ กรรมครง้ั ท่ี 2 1) พิธีเปิดประชุมกอง (เชญิ ธงขึน้ สวดมนต์ สงบนงิ่ ตรวจ แยก) 2) เกมตอ้ นปลาเข้าอวน 3) กจิ กรรมตามจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ (1) ผกู้ ํากบั ลูกเสอื ให้ลกู เสือแตล่ ะคกู่ อ่ ไฟ และประกอบอาหารตามทไี่ ด้วางแผนไว้ ภายใน เวลาท่ีกาํ หนด (2) ผกู้ ํากับลูกเสอื และลูกเสอื ร่วมกนั ประเมนิ การปฏิบตั ิงานและสรปุ (3) ผกู้ าํ กับลูกเสอื ใหข้ อ้ เสนอแนะเพ่ิมเตมิ เรอื่ งการจดั เก็บทาํ ความสะอาดภาชนะประกอบ อาหารและการฝึกฝนเพม่ิ เติมในครอบครัว เพอ่ื เตรียมพรอ้ มในการอยู่คา่ ยพกั แรม 4) ผ้กู าํ กับลูกเสอื เลา่ เรือ่ งสั้นทีเ่ ป็นประโยชน์ เรอื่ ง ความโลภกับคนขอี้ จิ ฉา 5) พธิ ปี ดิ ประชมุ กอง (นัดหมาย ตรวจเครือ่ งแบบ ชักธงลง เลกิ ) 5. การประเมนิ ผล 5.1 สังเกตจากการท่ีลกู เสือจดั เตรียมวัสดุอปุ กรณ์สง่ิ ของส่วนตวั และส่วนรวม 5.2 สงั เกตจากการท่ีลกู เสอื สาธติ การจดั การบรรจเุ คร่ืองหลงั 5.3 แบบประเมนิ การมเี จตคตทิ ด่ี ีต่อกจิ การลกู เสอื 126 ค่มู อื สง่ เสรคมิู่มแอื ลสะง่ พเสฒั รมิ นแาลกะจิ พกฒั รรนมาลกกูจิ เกสรือรมทลักกูษเะสชอื ีวทิตกั ใษนะสชถีวาิตนในศสกึ ถษาานลศกูึกเษสาือปสารมะเญั ภทร่นุลชูกใ้ันหเมสญธัอื ย่สมชาศั้นมึกัญมษธัราุ่นยปมใีทหศ่ีญึก1่ษาปที 1่ี 119

ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกจิ กรรมที่ 14 เพลง เพลงส้มตํา สม้ ตํา มะละกอสม้ ตาํ มะละกอสม้ ตาํ มะละกอสม้ ตาํ (ซ้ํา) เหยาะนาํ้ ปลานิดหนอ่ ย บบี มะนาวนิดหนอ่ ย มีปลาร้าตัวนอ้ ยเอามาคอยใสน่ าํ เกม เกมต้อนปลาเขา้ อวน แบ่งกองลูกเสอื ออกเป็น กลุ่ม ให้กลมุ่ หนงึ่ ทําหนา้ ทีเ่ ป็นอวน โดยใชม้ ือจบั กนั ไวเ้ ปน็ ลกู โซ่ 2 ไล่ต้อนอกี กลมุ่ ทท่ี ําหน้าทเี่ ป็นปลาให้เข้ามาอยูใ่ นวง จับเวลา เมอ่ื ครบนาที 2 กรรมการนับจาํ นวนปลา ท่ีอยู่ในวง แล้วใหส้ ลบั หนา้ ทีก่ ัน กลมุ่ ท่ีเปน็ ปลากลบั มาจับมอื กันเปน็ อวน ไล่ตอ้ นอีกกลุ่มเขา้ วงจนครบ 2 นาที การตัดสนิ กลมุ่ ใดตอ้ นปลาไดม้ ากกวา่ กลุ่มนน้ั เป็นผู้ชนะ 12ค0ู่มอื สง่ เสชคู่มั้นรมิอืมแสธั ่งลยเมะสพศรกึฒัมิ ษแนลาาปะกพีทิจี่ัฒก1รนรามกลิจกกู รเสรมือลทกูกั เษสะอื ชทีวกั ิตษใะนชสวี ถติ าในนสศถกึ าษนาศลกึ กูษเาสปอื รสะาเมภญัทลรุ่นูกเใสหอื ญส่ามชัญ้ันมรุน่ธั ใยหมญศ่ึกษาปที ่ี 1 127

ใบความรู้ การก่อกองไฟ การกอ่ กองไฟมีได้หลายรูปแบบ ได้แก่ แบบเชงิ ตะกอนหรอื แบบคอกหมู เปน็ การกอ่ กองไฟ โดยการนาํ ท่อนฟนื ใหญม่ ากองเรยี งกันเปน็ ช้นั ๆ ส่วนฟนื ท่อนเลก็ ๆ จะอยขู่ า้ งลา่ ง การกอ่ กองไฟแบบนี้จะใหค้ วามรอ้ นมากและใหแ้ สงสว่างดี แบบกระโจมอนิ เดยี แดง หรอื แบบปริ ามิด วิธีกอ่ แบบนี้ ขั้นแรก ต้องนําเชื้อไฟมากอ่ สมุ กนั เสยี กอ่ น จากนนั้ จงึ นาํ ก่งิ ไมเ้ ล็กๆ กอ่ สุมกัน ขึ้นมา โดยชั้นบนสดุ จะมฟี นื ทอ่ นใหญส่ มุ ทับอกี ทีหน่ึง แบบผสม เปน็ การกอ่ กองไฟโดยการเรียงทอ่ นฟืนแบบ เชงิ ตะกอน ส่วนตรงกลาง ใชก้ ่งิ ไม้เลก็ ๆ กอ่ กนั เป็นรปู กระโจม การก่อกองไฟ แบบเหมาะแกก่ ารเลน่ รอบกองไฟ แบบไฟดาว เป็นการกอ่ กองไฟโดยการนําทอ่ นไมม้ าวางเรยี งซอ้ นกนั ซง่ึ จะมลี ักษณะคลา้ ย ซีล่ อ้ จกั รยาน การก่อกองไฟแบบน้ีจะทาํ ใหไ้ ฟ มเี ปลวเพอ่ื ใหแ้ สงสวา่ งและความอบอนุ่ การเลอื กสถานที่ ควรเลือกทแ่ี ห้ง ในบริเวณโลง่ แจ้ง หา่ งจากต้นไม้ และสง่ิ ปลกู สรา้ ง โดยเกบ็ กวาดและถางหญา้ แห้งรอบ ๆ เพ่อื ปอ้ งกนั การลุกลามของไฟ การเลือกเชื้อเพลงิ เลอื กกิ่งไม้แห้งเลก็ ๆ โดยเฉพาะทีแ่ ห้งคาตน้ จะตดิ ไฟงา่ ย ถา้ เปน็ ก่ิงใหญ่ ควรผา่ ออกเป็นซีก ๆ กอ่ น แต่ถ้าเปยี กชื้นควรนําไปผงึ่ แดดใหแ้ หง้ การจดุ ไม้ขีดไฟ ผ้จู ุดนัง่ ในลักษณะบงั ลม จดุ โดยหันขดี ออกนอกตัว เม่อื กา้ นไมข้ ดี ติดดแี ล้ว รีบนําไปจดุ เช้อื ไฟตอ่ ขอ้ ควรระวงั ตอ้ งดับไฟใหเ้ รยี บร้อยทกุ ครงั้ เมอ่ื เลิกใช้ แลว้ เก็บเศษถา่ นและขเ้ี ถา้ ลงหลุมกลบ แล้วปรับพ้นื ทใ่ี หอ้ ยู่ในสภาพเดมิ 128 คู่มือสง่ เสรคิมู่มแือลสะ่งพเสฒั ริมนแาลกะิจพกัฒรรนมาลกกูิจเกสรือรมทลักกูษเะสชอื ีวทติ กั ใษนะสชถีวาิตนในศสึกถษาานลศูกกึ เษสาือปสารมะเญั ภทรุ่นลชกูใั้นหเมสญธัือย่สมชาศนั้มึกญัมษัธราุน่ยปมใทีหศ่ีญกึ1่ษาปีท1่ี 121

การปรงุ อาหาร การประกอบอาหารหรอื การปรุงอาหาร หมายถงึ การทาํ อาหารใหอ้ รอ่ ยนา่ รับประทาน ซ่ึงรวมถงึ การทาํ อาหารใหส้ ุกโดยใชค้ วามรอ้ น ซึ่งมวี ธิ กี ารทําไดห้ ลายวิธี เชน่ หงุ ต้ม ลวก น่งึ ตนุ๋ ผดั เผา เป็นตน้ ภาพแสดงการปรงุ อาหารในคา่ ยพักแรม การปรงุ อาหารในขณะอยู่คา่ ยพกั แรม เปน็ การปรงุ อาหารแบบชาวป่า ซึ่งเราไม่สามารถ นําเคร่อื งมือเคร่ืองใชใ้ นครัวเรือนไปไดค้ รบทุกอยา่ งเราจึงจําเป็นตอ้ งใช้สงิ่ ทมี่ อี ย่ตู ามธรรมชาตเิ ขา้ ช่วย เชน่ ใช้เตาหลมุ เตาสามเส้า เตารางแทนเตาไฟถาวร ใชม้ ะพร้าวออ่ นแทนหม้อขา้ ว ใชอ้ ลมู เิ นยี ม ฟรอยด์แทนกระทะ ใช้ดนิ พอกเผาแทนการตม้ การปงิ้ เปน็ ตน้ วธิ กี ารเหลา่ นล้ี กู เสอื จงึ ตอ้ งเรยี นรู้ วธิ ีการประกอบอาหารในขณะที่อยู่ค่ายพักแรม1 ในการอยคู่ ่ายพกั แรม ลกู เสือตอ้ งทาํ กจิ กรรมหลายอยา่ ง มีเวลาในการประกอบอาหารนอ้ ย จึงควรเป็นอาหารท่ีใช้เวลานอ้ ยแตม่ คี ุณคา่ ทางโภชนาการ ซึ่งมวี ิธกี ารประกอบอาหารหลกั ทส่ี าํ คัญ ๆ ดงั ต่อไปน้ี การหุงขา้ ว มกี ารหงุ โดยไมเ่ ชด็ นํ้า เช็ดนาํ้ และนง่ึ หรอื หงุ ด้วยภาชนะอืน่ ทไี่ มใ่ ชห่ ม้อหุง ขา้ ว เช่น มะพรา้ ว กระบอกไม้ไผ่ การแกง หมายถึง วธิ กี ารผสมอาหารหลายสิ่งรวมกับนา้ํ แยกเป็นแกงจดื กับแกงเผ็ด ส่วนแกงเผด็ ยังแยกออกไปไดอ้ กี หลายอย่าง เช่น แกงคั่ว แกงแหง้ แกงสม้ แกงเขยี วหวาน ฯลฯ 1วายุ พยคั ฆนั ตร์ และถานนั ดร สวุ รรณรตั น์. เอกสารประกอบการสอนกจิ กรรมลกู เสอื - เนตรนารี ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 1. 2533. หนา้ 46. วิธีการปรุงอาหารแบบต่าง ๆ 1 12ค2มู่ ือสง่ เสคชู่มั้นรมิอืมแสธั ง่ลยเมะสพศรกึฒัิมษแนลาาปะกพที ิจี่ัฒก1รนรามกลิจกูกรเสรมอื ลทกูกั เษสะือชทวี กั ติ ษใะนชสีวถติ าในนสศถกึ าษนาศลกึ กูษเาสปือรสะาเมภญัทลรนุ่กู เใสหอื ญส่ามชญันั้ มรุ่นธั ใยหมญศ่กึ ษาปที ี่ 1 129

แกงจดื ก่อนจะปรุงแกงจืดตอ้ งต้มกระดูกทํานา้ํ ซุป แล้วนาํ้ ข้ึนต้งั ไฟให้เดือดพลา่ น ใสเ่ นอ้ื ลงไปก่อนแล้วจึงใส่ผกั ผกั ท่ใี ชต้ ้องเลอื กดวู า่ อย่างไหนสกุ เรว็ หรอื ตอ้ งเคย่ี วนาน ถา้ เป็นผกั ที่ตอ้ งเคยี่ ว จนเป่อื ยกใ็ สไ่ ปพรอ้ มกบั เนื้อได้เลย ถ้าผักทส่ี กุ งา่ ย ใส่พอสุกกย็ กลงไดท้ ันที แกงเผด็ ถ้าเปน็ แกงกะทิให้คัน้ มะพร้าว แยกหัว-หางกะทิ เอาหัวกะทิต้ังไฟ เคย่ี วให้ แตกมันนํานา้ํ พรกิ ที่เตรียมไว้ ใสล่ งในกะทิท่เี คยี่ วแล้วนาํ เน้อื ลงไปผดั ให้เขา้ กนั ดี เตมิ หางกะทลิ งไป เมอื่ กะทเิ ดือดใสผ่ กั และเครอ่ื งประกอบ ปรงุ รสตามชอบใจ ถา้ เปน็ แกงปลาต่าง ๆ ตอ้ งปรุงนา้ํ แกง ให้ดีกอ่ น พอนา้ํ แกงเดอื ดจงึ ใสป่ ลาลงไป และอย่าคนเนอื้ ปลาจะเละไมน่ ่ารับประทาน การตม้ ทาํ ได้ 2 วธิ ี คอื 1. โดยการใสข่ องทจี่ ะทําให้สุกลงไปพรอ้ มกับนาํ้ แล้วนาํ ไปตัง้ ไฟ เชน่ การต้มไข่ ถ้าใส่ ในนา้ํ เดอื ดแลว้ ไข่จะแตกเสยี กอ่ น 2. โดยการใสข่ องทจี่ ะทําใหส้ ุก เมอื่ นาํ้ นน้ั เดือดแลว้ เช่น การต้มปลากันเหมน็ คาว การทอด หมายถึง การทาํ อาหารใหส้ ุกหรอื กรอบด้วยน้ํามันร้อน ๆ วธิ กี ารทอด ใสน่ าํ้ มนั ลงไปในภาชนะท่จี ะใช้ในการทอด โดยประมาณ ใหท้ ่วมของท่ีจะทอด ตงั้ ไฟใหน้ า้ํ มนั รอ้ นจัด จึงใส่ของลงไปทอด การผดั หมายถึง การทาํ วตั ถสุ ่งิ เดยี วกันหรือหลายส่งิ ซง่ึ ตอ้ งการใหส้ กุ สาํ เรจ็ เป็นอาหาร ส่ิงเดยี ว วธิ ีการผดั โดยการใชน้ าํ้ มนั หรอื กะทิ ใส่ในภาชนะทจ่ี ะใชผ้ ดั แลว้ นําของทจ่ี ะผัดรวมลงไป คนให้สกุ ทวั่ กนั และปรุงรสตามชอบ การปิ้ง หมายถงึ การใช้ไฟอ่อน ๆ ควรร้อนเสมอกนั ทาํ ใหอ้ าหารสกุ วิธีการปง้ิ วางของที่จะปิ้งไวบ้ นตะแกรงเหลก็ ซ่ึงวางอยูเ่ หนือไฟ ให้ความร้อนจากไฟ ลอยขึ้นไปถูกของท่ปี ้ิง การน่งึ หมายถึง การทําใหส้ ุกจากไอน้าํ เดือด โดยใชห้ มอ้ นึ่งวางบนกระทะนาํ้ เดอื ด เชน่ นึง่ ปลา ภาพการปรุงอาหารแบบต่าง ๆ 130 ค่มู ือสง่ เสรคมิู่มแอื ลสะ่งพเสัฒริมนแาลกะิจพกฒั รรนมาลกูกิจเกสรอืรมทลกั กูษเะสชอื ีวทิตักใษนะสชถีวาิตนในศสกึ ถษาานลศูกึกเษสาอื ปสารมะเญั ภทร่นุลชกูใ้ันหเมสญัธือย่สมชาศนั้มึกญัมษธัรานุ่ยปมใีทหศี่ญกึ1่ษาปที 1่ี 123

เรอื่ งสัน้ ทีเ่ ปน็ ประโยชน์ การตอ่ สขู้ องไก่ปา่ ทา่ มกลางป่าอันเงียบสงบแห่งหนึง่ มีไก่ป่าอยสู่ องตัวกาํ ลงั จะตอ่ สู้กนั เพือ่ แยง่ ชิงความเปน็ ใหญ่ โดยพวกมนั ตกลงกนั ไว้ว่าหากใครเป็นผชู้ นะจะได้เป็นผนู้ าํ ของฝูง แตผ่ แู้ พน้ นั้ จะตอ้ งถกู ขบั ไลอ่ อกไป จากปา่ แหง่ นี้ เม่ือวันต่อสู้มาถงึ ไกท่ งั้ สองตา่ งกจ็ กิ ตกี ันอยา่ งเอาเปน็ เอาตายแบบไมค่ ดิ ชีวิตกนั เลยทีเดยี ว และ ผลของการตอ่ ส้กู จ็ บลงโดยมฝี า่ ยหน่ึงชนะและอีกฝา่ ยหน่ึงแพ้ ซ่งึ ไกต่ วั ทช่ี นะกด็ ใี จและฮกึ เหิมเป็น อยา่ งย่งิ ทต่ี วั มันแขง็ แรงและเก่งกลา้ จนสามารถเอาชนะอกี ฝา่ ยหน่ึงได้ เมื่อได้รับชยั ชนะแลว้ มันกพ็ ยายามท่ีจะปนี ขน้ึ ไปบนเนนิ เขาเลก็ ๆ พร้อมกับโกง่ คอขนั เสียงดงั เพอื่ เป็นการประกาศว่าบัดน้ีมนั ไดก้ ลายเปน็ ผู้นาํ ของฝูงไก่ป่าแล้ว และทนั ใดนั้นเองกม็ ีนกอินทรีตัวหนึ่ง บินผา่ นมาเหน็ เขา้ มนั จึงบินโฉบลงมาด้วยความรวดเร็วและควา้ ไกป่ ่าผ้ชู นะไปกนิ เปน็ อาหารในทนั ที เรื่องนส้ี อนให้รู้วา่ ความโออ้ วดจะนาํ พาหายนะมาสู่ตนเอง ความโลภกับคนขอ้ี จิ ฉา วันหนึ่งมชี ายอยสู่ องคนซงึ่ เป็นเพอ่ื นบ้านกนั คนหนง่ึ นั้นเปน็ ผู้ที่มีความโลภเป็นอย่างมาก ส่วน อกี คนหนงึ่ นนั้ เปน็ ผ้ทู ีช่ อบอจิ ฉารษิ ยาผอู้ ่ืน วนั หนึง่ ทัง้ สองได้เดนิ ทางไปหาเทพเจ้าซีอุสเพ่อื ขอพรวิเศษ และทันทที ่ีไปถงึ เทพเจา้ ซีอุสก็ล่วงรู้ ได้ถึงนิสัยของชายทั้งสองคนน้ีและต้องการสั่งสอนให้รู้สํานึก จึงกล่าวกับชายท้ังสองคนไปว่า “ข้าจะ ดลบันดาลพรวิเศษให้กับผู้ท่ีขอพรเป็นคนแรก และอีกคนหนึ่งจะได้รับผลของพรวิเศษนั้น เป็นสองเท่า” เมื่อชายทง้ั สอคนไดฟ้ ังดงั นนั้ ชายผโู้ ลภมากจึงเปดิ โอกาสให้ชายที่ข้ีอิจฉาได้ขอพรก่อน เพราะ ตนหวังจะได้ผลประโยชนท์ ่มี ากกวา่ ส่วนชายขี้อจิ ฉากก็ ลวั ว่าชายโลภมากจะได้ดีกว่าตนจึงได้ขอพรต่อ เทพเจ้าซอี ุสวา่ “ขอใหข้ า้ ตาบอดขา้ งหน่งึ ” ทันใดน้นั เองชายโลภมากก็ไดร้ บั ผลของพรน้ันเปน็ สองเท่า คอื เขาตอ้ งตาบอดทั้งสองข้างนั่นเอง เรือ่ งน้ีสอนใหร้ วู้ ่า ความโลภและความรษิ ยานาํ มาซง่ึ ความหายนะ 12ค4มู่ ือสง่ เสชค่มูน้ัริมือมแสัธ่งลยเมะสพศรกึฒัมิ ษแนลาาปะกพีทิจ่ีัฒก1รนรามกลจิ กูกรเสรมือลทูกักเษสะอื ชทวี กั ติ ษใะนชสวี ถติ าในนสศถกึ าษนาศลกึ กูษเาสปอื รสะาเมภัญทลรนุู่กเใสหอื ญส่ามชญัั้นมรุ่นัธใยหมญศ่กึ ษาปีที่ 1 131

แผนการจดั กจิ กรรมลูกเสอื สามญั ร่นุ ใหญ่(เครื่องหมายลูกเสือโลก) ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 หน่วยที่ 8 แผนที่ เข็มทศิ เวลา 3 ชั่วโมง แผนการจัดกิจกรรมท่ี 15 การอ่านและใช้แผนท่ีเขม็ ทศิ 1. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1.1 ลกู เสอื สามารถอา่ น และจัดทาํ แผนที่ได้ 1.2 ลูกเสอื สามารถใช้เขม็ ทิศนาํ ทางไปส่เู ปา้ หมาย และบอกทิศโดยอาศยั ธรรมชาตไิ ด้ 2. เน้ือหา การอ่านแผนทแ่ี ละการใช้เขม็ ทิศเปน็ ทกั ษะที่จาํ เปน็ ในการเดนิ ทางของลกู เสอื ทั้งในกิจกรรมการ เดินทางไกลและกจิ กรรมการเดินทางสาํ รวจ 3. สื่อการเรียนรู้ 3.1 แผนภมู เิ พลง, เกม 3.2 แผ่นภาพแผนท่ี เขม็ ทิศ, อปุ กรณส์ ําหรับการทําแผนที่ เช่น กระดาษ ดินสอ ดนิ สอสี ฯลฯ 3.3 ใบความรู้ 1) เรื่องแผนท่แี ละเขม็ ทิศ 2) เรื่องการหาทิศโดยอาศยั ธรรมชาติ 3.4 เร่อื งสน้ั ทีเ่ ป็นประโยชน์ 4. กจิ กรรม 4.1 กจิ กรรมคร้ังท่ี 1 1) พธิ เี ปดิ ประชมุ กอง (ชักธงขนึ้ สวดมนต์ สงบนิ่ง ตรวจ แยก) 2) เพลงทศิ แปดทศิ 3) กิจกรรมตามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ (1) ผู้กาํ กบั ลูกเสอื ใหล้ กู เสอื แยกแบบผง้ึ แตกรัง เพอื่ ศกึ ษาเรื่องแผนท่ีตามฐาน ให้ครบทงั้ 2 ฐานจากแผน่ ภาพโดยมนี ายหมู่ เป็นวทิ ยากรประจําฐาน - ฐานท่ี 1 ชนดิ ของแผนที่ - ฐานท่ี 2 การอา่ นแผนท่ี (2) ลกู เสอื กลับมารวมกอง ผ้กู ํากับลกู เสอื มอบหมายใหล้ กู เสือจดั ทาํ แผนทห่ี มูบ่ า้ น ท่ีตนเองอาศยั อยู่ โดยใหแ้ สดงเครอื่ งหมายสัญลกั ษณแ์ ละสใี นแผนทด่ี ว้ ย 4) ผู้กํากับลูกเสอื เล่าเร่ืองสั้นท่เี ป็นประโยชน์ เรือ่ ง แสงอาทติ ย์ 5) พธิ ปี ิดประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเคร่อื งแบบ ชักธงลง เลกิ ) - ผู้กาํ กับลกู เสอื นดั หมายลกู เสอื เรือ่ งการจัดทาํ แผนทท่ี ่ตี ัง้ หม่บู ้าน และนัดหมายนายหมู่ ศึกษาเรื่องเขม็ ทิศนอกเวลาเพอ่ื เปน็ วทิ ยากรประจาํ ฐาน 4.2 กิจกรรมคร้ังท่ี 2 1) พธิ เี ปดิ ประชุมกอง (ชักธงขน้ึ สวดมนต์ สงบนิง่ ตรวจ แยก) 2) เพลงเดินวน เกมทิศทงั้ ส่ี 132 คูม่ อื สง่ เสรคมิ่มู แอื ลสะง่ พเสฒั รมิ นแาลกะิจพกฒั รรนมาลกกูิจเกสรอืรมทลักูกษเะสชือีวทิตกั ใษนะสชถวี าิตนในศสกึ ถษาานลศูกึกเษสาือปสารมะเญั ภทร่นุลชูกใน้ั หเมสญธัอื ย่สมชาศั้นมกึญัมษธัรานุ่ยปมใีทหศี่ญึก1่ษาปีท1่ี 125

3) กจิ กรรมตามจดุ ประสงค์การเรียนรู้ (1) ผู้กาํ กบั ลกู เสือลกู่ เสือให้นายหมู่ปฏิบตั กิ ารประจําฐานเขม็ ทศิ - ฐานท่ี 1 การอ่านและการใช้เขม็ ทศิ - ฐานที่ 2 การใชเ้ ข็มทิศหาพกิ ดั ตําแหนง่ ในแผนที่ - ฐานที่ 3 การหาทศิ โดยอาศยั ธรรมชาติ (2) รองนายหม่ลู ูกเสอื นําลกู เสือศกึ ษาตามฐานต่างๆ แลว้ รว่ มกันสรปุ กิจกรรมที่ศึกษา (3) ผกู้ าํ กบั ลกู เสอื ใหข้ อ้ มลู เพมิ่ เตมิ เรื่องการหาทิศโดยอาศยั ธรรมชาติ (4) ผูก้ ํากบั ลกู เสอื และลกู เสือรว่ มกันสรุปความรูเ้ ร่อื งการใช้เข็มทิศ ประกอบกบั แผนท่ี และการหาทศิ โดยอาศัยธรรมชาติ 4) ผ้กู ําลูกเสอื กบั เล่าเรื่องสนั้ ทเี่ ปน็ ประโยชน์ เรอื่ ง ความฉลาดช่วยให้พน้ ภัย 5) พธิ ีปิดประชมกุ อง (นดั หมาย ตรวจเครื่องแบบ ชักธงลง เลกิ ) - ผู้กาํ กบั ลกู เสอื นดั หมายลกู เสอื เตรียมการจดั กจิ กรรมในสัปดาหต์ อ่ ไป 4.3 กิจกรรมคร้ังที่ 3 1) พิธีเปิดประชุมกอง (ชกั ธงขึ้น สวดมนต์ สงบนงิ่ ตรวจ แยก) 2) เกมหาสิง่ ของ 3) กจิ กรรมตามจดุ ประสงค์การเรียนรู้ (1) ผกู้ าํ กบั ลกู เสือทบทวน เกีย่ วกับการใช้แผนท่ี - เขม็ ทิศ (2) ผ้กู าํ กับลกู เสือให้ลกู เสอื ฝกึ ทกั ษะการใชแ้ ผนท่ี - เขม็ ทิศ โดยเล่น เกมหามมุ อาซมี ทุ (3) ผ้กู าํ กบั ลูกเสือให้ลกู เสอื และลูกเสือร่วมกนั สรุปความร้เู กยี่ วกับ แผนท่ี - เข็มทิศ เพ่อื นาํ ไปปฏิบัตใิ นกิจกรรมอยู่คา่ ยพักแรม 4) ผกู้ ํากับลกู เสอื เลา่ เร่ืองส้นั ท่เี ป็นประโยชน์ เรอ่ื ง พดู ดีเป็นศรแี ก่ปาก 5) พิธีปดิ ประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเครอ่ื งแบบ ชักธงลง เลกิ ) 5. การประเมนิ ผล 5.1 สงั เกตจากการท่ีลกู เสืออา่ น และจดั ทาํ แผนท่ี 5.2 สังเกตจากการที่ลกู เสือใช้เขม็ ทศิ นาํ ทางไปสเู่ ป้าหมาย และบอกทิศโดยอาศยั ธรรมชาติ 5.3 แบบประเมินการมเี จตคตทิ ีด่ ีตอ่ กจิ การลกู เสอื 12ค6มู่ ือสง่ เสคชู่ม้นัริมอืมแสธั ง่ลยเมะสพศรึกฒัมิ ษแนลาาปะกพีทจิ ่ีฒั ก1รนรามกลิจกกู รเสรมอื ลทูกกั เษสะือชทวี กั ติ ษใะนชสวี ถติ าในนสศถึกาษนาศลึกูกษเาสปือรสะาเมภญัทลรุ่นูกเใสหอื ญส่ามชญั้ันมรุน่ธั ใยหมญศ่ึกษาปีท่ี 1 133

ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กจิ กรรมท่ี 15 เพลง ทศิ แปดทิศ ทศิ ทั้งแปดทศิ ขอใหค้ ิดจาํ ให้เคยชิน อดุ รตรงข้ามทักษณิ บูรพาประจิมจําไว้ อสี านตรงหรดี ทอ่ งอกี ที จาํ ใหข้ น้ึ ใจ พายพั นนั้ อยู่ทางไหน (ซาํ้ ) ตรงข้ามไปคอื อาคเนย์ เดนิ เอยเดินวน เดนิ วน สี่คนสท่ี ิศ ขอถามสักนดิ อยทู่ ิศอะไร ทิศเหนอื หรอื ทิศใต้ ทิศไหนบอกมา 134 คู่มอื สง่ เสรคมิมู่ แอื ลสะง่ พเสฒั ริมนแาลกะิจพกฒั รรนมาลกูกิจเกสรอืรมทลกั ูกษเะสชอื วี ทติ กั ใษนะสชถวี าติ นในศสึกถษาานลศูกึกเษสาือปสารมะเญั ภทรุ่นลชกูใั้นหเมสญธัอื ย่สมชาศั้นมกึญัมษธัราุ่นยปมใทีหศี่ญกึ1่ษาปีท1่ี 127

เกม ทศิ ท้ังสี่ ผกู้ าํ กับลูกเสอื กําหนดทิศให้สีท่ ิศ คอื ทิศเหนอื ทิศใต้ ทศิ ตะวันออก และทศิ ตะวันตก เมอ่ื เรมิ่ เลน่ ใหล้ กู เสอื ยืนรวมกัน ใครจะหนั หน้าไปทางใดกไ็ ด้ เมอ่ื ผู้กาํ กบั ลกู เสือบอกทศิ (โดยคําพดู สนั้ ๆ วา่ เหนือ ใต้ ออก ตก ) ลูกเสอื ทุกคนจะตอ้ งหันหนา้ ไปทางทศิ นน้ั ทนั ที กตกิ า ใครหันผดิ คนนนั้ ออกจากการเลน่ ผกู้ าํ กบั ลูกเสอื จะบอกทศิ ต่อไป จนกว่าจะเหลอื ลกู เสอื คนสดุ ทา้ ยซงึ่ ป็นผ้ทู ป่ี ระสาทสั่งงานดี จะเป็นผชู้ นะ หามุมอาซมี ทุ การเตรยี มอุปกรณ์ 1. เขม็ ทิศแบบซลิ วา 2. เสาหลักไม้ 12 เสา 3. กระดาษแข็ง 4. ปากกาเคมี 5. เชือก วิธีจัดทาฐานกจิ กรรม 1. สถานท่ี ทท่ี าํ กจิ กรรมควรเปน็ สนามหรอื ลานกว้างๆ 2. ปกั เสาหลักไมไ้ วต้ รงกลางบริเวณฐาน ใช้เชือกผกู กบั เสาหลกั ดว้ ยเงอื่ นบ่วงสายธนู สามารถหมุนเชอื กไปได้รอบๆเสาหลกั ได้ ปลายเชือกอกี ดา้ นหนง่ึ ให้มคี วามยาวหรือรัศมี ตามความเหมาะสมของสถานท่ี 3. ใช้เข็มทิศหาทศิ เหนือ จะไดม้ ุมอาซมี ทุ เทา่ กบั 0 องศา หรอื 360 องศา ดงึ เชอื ก ท่คี ลอ้ งกับเสาหลกั ใหต้ ึง เปน็ เส้นตรงแนวเดยี วกับทศิ เหนือ ใชเ้ สาหลกั ไม้ปกั เป็นจุดหมายไว้ เขยี นตัวเลข 12 บนกระดาษแข็งนาํ ไปตดิ ไว้ทีเ่ สาหลัก เปน็ สญั ลักษณ์ เลข 12 บนหนา้ ปทั มน์ าฬิกา 4. ใชเ้ ข็มทิศหามุมสกัดกลับ เปน็ ทิศใต้ จะไดม้ มุ อาซีมุท เท่ากบั 180 องศา ดงึ เชือกใหต้ งึ กลับไปแนวเดียวกบั ทศิ ใต้หรอื มุม 180 องศา ปักเสาหลักไมเ้ ปน็ จุดหมาย เขยี นตวั เลข 6 บนกระดาษแขง็ นาํ ไปตดิ ไวท้ เ่ี สาหลกั เปน็ สญั ลกั ษณ์ เลข 6 บนหนา้ ปทั ม์นาฬกิ า 5. ปรับมุมอาซมี ทุ ที่ 90 องศา เพอ่ื หาทิศตะวนั ออก ดงึ เชือกให้ตึงเป็นแนวทิศตะวันออก ปกั เสาหลักไม้ เขยี นตัวเลข 3 ติดไว้ 6. ใช้เข็มทศิ ทาํ มมุ สกัดกลบั เปน็ ทิศตะวนั ตก จะเท่ากับมมุ 270 องศา ดงึ เชือกเป็นแนว ทศิ ตะวันตก ปักเสาหลักไมเ้ ขยี นตัวเลข 9 ตดิ ไว้ 7. ใช้เขม็ ทิศทํามมุ 30 องศา ตดิ หมายเลข 1 ทาํ มมุ 60 องศา ติดหมายเลข 2 ทาํ มมุ 120 องศา ตดิ หมายเลข 4 ทาํ มุม 150 องศา ติดหมายเลข 5 ทํามมุ 210 องศา ติดหมายเลข 7 ทํามมุ 240 องศา ติดหมายเลข 8 ทาํ มุม 300 องศา ติดหมายเลข 10 ทาํ มมุ 330 องศา ติดหมายเลข 11 12ค8ู่มือสง่ เสคช่มูั้นริมอืมแสธั ง่ลยเมะสพศรึกฒัมิ ษแนลาาปะกพที ิจ่ีัฒก1รนรามกลจิ กกู รเสรมอื ลทูกกั เษสะือชทวี กั ติ ษใะนชสีวถิตาในนสศถึกาษนาศลึกกูษเาสปอื รสะาเมภัญทลรุน่กู เใสหอื ญส่ามชัญน้ั มรุ่นธั ใยหมญศ่กึ ษาปีท่ี 1 135

8. จะได้ฐานวงกลมหน้าปทั มน์ าฬิกา การตดิ หมายเลขบนหลักไมใ้ ห้หนั ตวั เลขเขา้ หา ศูนย์กลางของวงกลม วธิ กี ารฝึกปฏิบัติ 1. แจกใบงานให้ลูกเสอื สาํ หรับปฏิบัติตามคําส่งั 2. ใหฝ้ ึกปฏิบตั ิชดุ ละ 2 คน โดยทคี่ นที่หน่ึงเป็นผปู้ รับมมุ ของเขม็ ทศิ คนที่ 2 เปน็ ผอู้ า่ น จุดท่ีกาํ หนด และจดบนั ทกึ อาจมกี ารเปลี่ยนหนา้ ท่กี นั บา้ ง 3. ลูกเสอื คนท่ี 1 อา่ นคาํ สง่ั จุดที่ 1 เชน่ จากจดุ หมายเลข 3 ไปยงั จดุ หมายเลข 10 ใหล้ กู เสอื คนท่ี 2 ไปยนื ทเ่ี สาหลกั หมายเลข 3 โดยยนื ดา้ นนอกวงกลมหนั หนา้ ไปทางหมายเลข 10 4. ลูกเสอื คนที่ 2 ใช้เขม็ ทิศช้ีลูกศรชท้ี าง ไปยังหมายเลข 10 หมนุ กรอบหนา้ ปัทมเ์ ข็มทิศ ใหล้ ูกศรหาทศิ สีแดงซอ้ นทับกบั เข็มแมเ่ หล็กสีแดง ซง่ึ จะชไี้ ปทางทศิ เหนอื จะอา่ นค่ามมุ อาซีมทุ ท่ลี กู ศรชที้ างได้ เท่ากับ 300 องศา ให้ลูกเสอื คนท่ี 1 จดบนั ทึกลงในใบงาน และเร่ิมอา่ นคาํ ส่งั จุดต่อไป โดยใช้เวลาตามทกี่ ําหนด ตัวอย่างใบงาน เรื่องการใชเ้ ขม็ ทิศ คาสั่ง ใหล้ ูกเสอื หามมุ อาซีมทุ จากฐานหนา้ ปทั มน์ าฬกิ า ใชเ้ วลา 5 นาที จุดที่ 1 จาก จดุ หมายเลข 1 ไปยงั จดุ หมายเลข 6 จะไดม้ มุ อาซมี ุท เทา่ กบั ………….องศา จดุ ที่ 2 จาก จดุ หมายเลข 7 ไปยังจุดหมายเลข 3 จะได้มมุ อาซมี ทุ เท่ากับ………….องศา จดุ ท่ี 3 จาก จดุ หมายเลข 8 ไปยังจดุ หมายเลข 11 จะได้มมุ อาซมี ุท เทา่ กบั ………….องศา จุดท่ี 4 จาก จดุ หมายเลข 10 ไปยงั จุดหมายเลข 5 จะได้มมุ อาซีมุท เทา่ กับ………….องศา จุดที่ 5 จาก จดุ หมายเลข 9 ไปยงั จดุ หมายเลข 4 จะไดม้ มุ อาซมี ทุ เทา่ กับ………….องศา จดุ ท่ี 6 จาก จดุ หมายเลข 2 ไปยังจดุ หมายเลข 10 จะได้มมุ อาซีมทุ เทา่ กบั ………….องศา เฉลย ใบงาน เร่ืองการใชเ้ ข็มทิศ คาสง่ั ให้ลูกเสอื หามมุ อาซีมทุ จากฐานหนา้ ปทั มน์ าฬกิ า ใช้เวลา 5 นาที จดุ ที่ 1 จาก จดุ หมายเลข 1 ไปยงั จดุ หมายเลข 6 จะไดม้ มุ อาซมี ทุ เท่ากับ 195 องศา จดุ ท่ี 2 จาก จดุ หมายเลข 7 ไปยงั จดุ หมายเลข 3 จะได้มมุ อาซีมทุ เทา่ กับ 240 องศา จุดท่ี 3 จาก จดุ หมายเลข 8 ไปยงั จุดหมายเลข 11 จะได้มมุ อาซีมุท เท่ากับ 15 องศา จดุ ที่ 4 จาก จดุ หมายเลข 10 ไปยงั จุดหมายเลข 5 จะไดม้ มุ อาซมี ุท เทา่ กับ 135 องศา จุดท่ี 5 จาก จดุ หมายเลข 9 ไปยังจดุ หมายเลข 4 จะไดม้ มุ อาซีมทุ เทา่ กับ 105 องศา จดุ ท่ี 6 จาก จดุ หมายเลข 2 ไปยังจุดหมายเลข 10 จะได้มมุ อาซีมุท เทา่ กบั 255 องศา 136 คู่มือสง่ เสรคมิู่มแอื ลสะง่ พเสฒั รมิ นแาลกะิจพกฒั รรนมาลกกูจิ เกสรอืรมทลกั ูกษเะสชือวี ทติ กั ใษนะสชถวี าิตนในศสกึ ถษาานลศูกึกเษสาอื ปสารมะเัญภทรนุ่ลชูกใ้ันหเมสญัธอื ย่สมชาศ้ันมึกัญมษธัรานุ่ยปมใีทหศี่ญกึ1่ษาปีท1่ี 129

เกมหาสิ่งของ การเตรียมอปุ กรณ์ 1. เข็มทศิ แบบซิลวา 2. กระดาษแข็ง 3. ปากกาเคมี 4. สงิ่ ของท่ีตอ้ งการให้หา เช่นเหรยี ญบาท ขนม ฯลฯ การจดั ทาฐานกจิ กรรม 1.สถานท่ี ควรเปน็ บรเิ วณกว้าง เชน่ บริเวณโรงเรียน 2. การสาํ รวจเพอ่ื วางจดุ คําสงั่ ให้ลกู เสอื ปฏิบัติ ผูก้ าํ กับลูกเสอื ต้องสาํ รวจใหถ้ ูกตอ้ งแมน่ ยํา โดยวธิ ีนําแผนผงั ของโรงเรียนมาช่วยในการวางจดุ 3. เขียนคาํ สงั่ ลงในกระดาษแขง็ เชน่ “จากจุดที่ทา่ นยืนใหท้ า่ นหมุนหนา้ ปทั ม์เข็มทิศไปท่ี มุม 250 องศา แล้วเดินไปตามลกู ศรชี้ จาํ นวน 24 ก้าว และรับคําสั่งต่อไป” นํากระดาษไปติด หรือวางไวต้ รงจดุ ที่ทาํ เคร่อื งหมายไว้ 4. การฝกึ ปฏิบตั คิ วรวางจุดไวป้ ระมาณ 3 – 4 จดุ ตวั อย่างการวางจดุ กจิ กรรม จดุ ที่ 3 ทศิ เหนอื จดุ ที่ 4 จดุ ท่ซี อ่ นสงิ่ ของ จุดที่ 2 จุดท่ี 1 จุดเร่ิมต้น 13ค0่มู อื สง่ เสชคมู่น้ัรมิอืมแสธั ่งลยเมะสพศรึกัฒมิ ษแนลาาปะกพีทิจี่ฒั ก1รนรามกลจิ กูกรเสรมอื ลทูกกั เษสะอื ชทีวกั ติ ษใะนชสวี ถติ าในนสศถึกาษนาศลกึ กูษเาสปือรสะาเมภญัทลรุ่นกู เใสหอื ญส่ามชัญ้ันมร่นุธั ใยหมญศ่ึกษาปที ่ี 1 137

ตัวอย่างคําสั่งจากแผนผัง จดุ เร่มิ ต้น “จากจดุ เร่ิมตน้ ทีท่ า่ นยืนอย่ใู หท้ ่านหมุนหน้าปทั ม์เข็มทศิ ไปท่ี มมุ 40 องศา แลว้ เดินไปตามลูกศรช้ี จาํ นวน 18 ก้าว และรบั คําสั่งตอ่ ไป” จุดท่ี 1 “จากจดุ ที่ 1ใหท้ ่านหมุนหน้าปทั ม์เขม็ ทิศไปท่ี มมุ 260 องศา แล้วเดนิ ไปตามลูกศรชี้ จาํ นวน 52 กา้ ว และรบั คาํ สงั่ ต่อไป” จุดท่ี 2 “จากท่ี 2 ให้ทา่ นหมุนหน้าปัทมเ์ ข็มทิศไปท่ี มมุ 35 องศา แล้วเดินไปตามลูกศรช้ี จํานวน 22 กา้ ว และรบั คาํ ส่ังต่อไป” จดุ ท่ี 3 “จากจุดท่ี 3 ใหท้ ่านหมนุ หนา้ ปัทมเ์ ข็มทิศไปที่ มมุ 110 องศา แลว้ เดนิ ไปตามลกู ศรชี้ จาํ นวน 43 กา้ ว แล้วรับคําสงั่ ตอ่ ไป” จดุ ท่ี 4 “ทา่ นเดนิ ทางมาถึงจุดหมายแลว้ ใหท้ า่ นหาเหรียญทรี่ ะลกึ งานชมุ นมุ ลูกเสอื แห่งชาตคิ รง้ั ที่ 15 แลว้ นําไปมอบให้กับ ผู้กํากบั ลกู เสือต่อไป” 138 ค่มู อื สง่ เสรคมิูม่ แือลสะง่ พเสฒั รมิ นแาลกะจิ พกฒั รรนมาลกกูิจเกสรือรมทลกั กูษเะสชอื วี ทิตักใษนะสชถีวาิตนในศสึกถษาานลศกูกึ เษสาอื ปสารมะเัญภทรนุ่ลชูกใั้นหเมสญัธือย่สมชาศ้ันมึกญัมษัธราุ่นยปมใีทหศ่ีญึก1่ษาปที 1่ี 131

ใบความรู้ แผนทแี่ ละเขม็ ทิศ แผนทค่ี อื อะไร แผนท่ี คือ สงิ่ แสดงรายละเอยี ดของภมู ปิ ระเทศบนพนื้ ผวิ โลก ท้งั ทีม่ อี ย่ตู ามธรรมชาติ และทม่ี นษุ ย์สรา้ งข้นึ โดยจาํ ลองไวบ้ นวัตถุพ้นื ระนาบมาตราส่วน ซงึ่ รายละเอยี ดเหลา่ นี้ แสดงดว้ ยเสน้ สี และสัญลกั ษณต์ ่างๆ เชน่ สนี าํ้ เงนิ แก่ แสดงถึง ทะเล มหาสมทุ รทีล่ ึกมาก สีฟ้าออ่ น แสดงถึง เขตนํา้ ต้นื หรอื ไหลท่ วีป สเี ขียว แสดงถงึ ทรี่ าบระดับตา่ํ สเี หลอื ง แสดงถงึ ท่ีราบระดับสงู สแี สด แสดงถงึ ภูเขาท่ีสงู ปานกลาง สีแดง แสดงถงึ ภูเขาทสี่ งู มาก สีนํา้ ตาล แสดงถึง ยอดเขาทีส่ ูงมากๆ สขี าว แสดงถงึ ยอดเขาท่ีสูงจนมีหมิ ะปกคลุม ประเทศไทย เร่มิ ทําแผนที่ในสมยั รัชกาลท่ี 4 พ.ศ. 2418 การปรบั ปรงุ แผนทีข่ องไทย เริม่ ใน พ.ศ.2491 โดยความชว่ ยเหลอื จากรัฐบาลสหรัฐ ส่งหน่วยทาํ แผนที่ทางอากาศมาทาํ การสาํ รวจและจัดทําแผนท่ี มาตราสว่ น 1 ต่อ 50,000 (2 ซ.ม. ต่อ กม.) และกรมแผนทที่ หารได้ดาํ เนนิ การต่อมาจนปจั จุบัน ชนิดของแผนที่ แผนทโ่ี ดยทั่วไป แบง่ ออกเปน็ 3 ชนดิ - แผนท่ีแบนราบ แสดงพื้นผวิ โลกความสงู ตา่ํ ใชแ้ สดงตําแหนง่ ระยะทาง และเสน้ ทาง - แผนท่ภี มู ิประเทศ แสดงพน้ื ผวิ โลกในทางราบ ไมแ่ สดงความสูงตํา่ ละเอยี ดกวา่ และใช้ ประโยชนไ์ ด้มากว่าแผนทแี่ บนราบ - แผนท่ภี าพถา่ ย ทาํ ข้ึนจากภาพถ่ายทางอากาศ มคี วามละเอยี ดและความถกู ตอ้ งมากกวา่ แผนทชี่ นดิ อ่ืนมาก สามารถมองเห็นสิ่งตา่ งๆ ตามธรรมชาติ และสง่ิ ทมี่ นษุ ยส์ ร้างข้นึ อย่างชดั เจน นอกจากนยี้ ังแบ่งชนดิ ของแผนทตี่ ามลกั ษณะการใช้งาน ตัวอย่าง เชน่ - แผนทท่ี ่ัวไป เชน่ แผนทโี่ ลก แผนทีป่ ระเทศตา่ ง ๆ - แผนที่ทรวดทรงหรอื แผนที่นนู แสดงความสูงตํา่ ของภูมิประเทศ - แผนท่ีทหาร เป็นแผนทยี่ ทุ ธศาสตร์ ยทุ ธวิธี - แผนทเี่ ดนิ อากาศ ใชส้ าํ หรับการบิน เพอื่ บอกตําแหน่ง และทิศทางของเครอื่ งบิน - แผนทเ่ี ดินเรอื ใชใ้ นการเดินเรือ แสดงสนั ดอน ความลกึ แนวปะการัง - แผนทีป่ ระวัตศิ าสตร์ แสดงอาณาเขตยคุ และสมยั ตา่ ง ๆ - แผนท่ีการขนส่ง แสดงการคมนาคมทางบก เรอื อากาศ ฯลฯ 13ค2่มู อื สง่ เสคชมู่น้ัริมือมแสธั ง่ลยเมะสพศรึกัฒมิ ษแนลาาปะกพีทจิ ่ีัฒก1รนรามกลิจกูกรเสรมือลทกูกั เษสะือชทวี ักิตษใะนชสีวถิตาในนสศถึกาษนาศลึกูกษเาสปอื รสะาเมภญัทลรนุู่กเใสหอื ญส่ามชัญนั้ มรุ่นัธใยหมญศ่กึ ษาปีท่ี 1 139

สีท่ีใช้ในแผนท่ี สีดํา ใชแ้ ทนรายละเอยี ดทเี่ กดิ จากแรงงานมนุษย์ ยกเว้นถนน สีแดง ใช้แทนรายละเอียดท่เี ปน็ ถนน สนี ้ําเงนิ ใชแ้ ทนรายละเอยี ดที่เปน็ นาํ้ หรอื ทางนา้ํ เชน่ ทะเล แม่นาํ้ บึง ฯลฯ สเี ขียว ใช้แทนรายละเอียดทเี่ ปน็ ป่าไม้ และบริเวณทท่ี าํ การเพาะปลูก สีน้าํ ตาล ใชแ้ ทนลักษณะทรวดทรงความสงู เสน้ ความสงู ในแผนที่ บรเิ วณภูเขา จะมีเส้นสีนาํ้ ตาลเป็นวงรอบภเู ขาเป็นวงๆ แตล่ ะวงนัน้ จะหา่ งไมเ่ ท่ากนั บางวงใกลช้ ดิ กัน บางวงห่างกัน เป็นเส้นแสดงความสงู จากระดับน้ําทะเลปานกลาง (วัดท่ีเกาะหลัก จ.ประจวบครี ีขันธ์) เราจะทราบวา่ ภเู ขานสี้ งู เทา่ ใด ลกั ษณะชนั หรอื ลาดได้จากเสน้ นี้ โดยระยะแต่ละวงนั้นสูงตา่ งกัน 500 ฟตุ ถา้ วงอยชู่ ิดกนั กจ็ ะชนั วงหา่ งกนั กจ็ ะลาด การอ่านแผนที่ วางแผนท่ีในแนวราบ บนพน้ื ทไ่ี ด้ระดบั ทศิ เหนอื ของแผนทช่ี ไี้ ปทางทศิ เหนือ จดั ใหแ้ นวต่างๆ ในแผนท่ขี นานกบั แนวทเี่ ปน็ จรงิ ในภมู ิประเทศทุกแนว โดยทวั่ ไปแผนทีจ่ ะบอกที่ตง้ั ของสงิ่ ตา่ ง ๆ ระบบท่ีใช้ในการหาทีต่ ้ังของส่งิ ต่างๆ ทนี่ ิยมใช้กนั มี 2 ระบบ คืดระบบพกิ ดั ภมู ิศาสตร์ และระบบพิกัดตาราง 1.ระบบพิกัดภูมศิ าสตร์ ใช้ค่าละติจูดหรอื เส้นรุ้ง และลองติจูดหรอื เสน้ แวง เป็นตัวกาํ หนดท่ีตง้ั ของส่งิ ตา่ ง ๆ ละตจิ ูด เปน็ เส้นทีข่ ดี รอบโลกตามแนวนอนขนานกัน โดยมเี สน้ ศูนย์สตู ร (อิเควเตอร)์ เปน็ เสน้ กําหนดเขตแบ่งโลกเปน็ ซกี โลกเหนอื และซกี โลกใต้ เสน้ ละติจูดทอี่ ยูเ่ หนือและใตเ้ ส้นศูนย์สูตร เรยี กวา่ ละตจิ ูดเหนือและละตจิ ดู ใต้ มจี ํานวนซกี โลกละ 90 เส้น มีหนว่ ยเปน็ องศา ทข่ี อบแผนทจี่ ะมีเลข กาํ กับวา่ 10, 20, 30 เราก็ทราบวา่ 10 องศา, 20 องศา, 30 องศา ลองติจูด เป็นเส้นท่ลี ากจากจากขว้ั โลกเหนือมายงั ขั้วโลกใต้ โดยเริม่ จากเสน้ ทล่ี ากผ่าน เมืองกรนี ิช ประเทศองั กฤษ เป็นเส้นลองตจิ ดู ท่ี 0 องศา ถ้าวัดไปทางขวามอื จะเปน็ ซีกโลกตะวนั ออก มี 180 เส้น ถา้ วัดไปทางซ้ายมือจะเปน็ ซีกโลกตะวันตก มี 180 เส้น มหี น่วยเปน็ องศาเชน่ กนั 140 คูม่ ือสง่ เสรคิมูม่ แอื ลสะง่ พเสัฒรมิ นแาลกะจิ พกัฒรรนมาลกกูจิ เกสรือรมทลักูกษเะสชอื วี ทิตักใษนะสชถวี าิตนในศสกึ ถษาานลศูกึกเษสาือปสารมะเญั ภทรุ่นลชูกใัน้ หเมสญัธือย่สมชาศั้นมกึญัมษัธราุ่นยปมใทีหศี่ญึก1่ษาปที 1่ี 133

ในแผนท่ี จะมตี วั เลขกํากับท่ีขอบบน เช่น 20, 30, 40, 50 เราก็ทราบว่า 20 องศา, 30 องศา, 40 องศา และก็ทราบว่าบริเวณนน้ั อยู่ซกี โลกตะวันออกหรอื ตะวันตก 2.ระบบพกิ ัดตาราง อาศัยเส้นตรง 2 ชดุ เป็นตวั กาํ หนดท่ีตงั้ ของส่งิ ตา่ ง ๆ เสน้ คขู่ นานในแนวตั้งเรยี กวา่ เสน้ พกิ ดั ตง้ั เสน้ คขู่ นานในแนวนอนเรียกวา่ เสน้ พกิ ดั ราบหรือนอน เสน้ คขู่ นานท้ัง 2 ชดุ จะตัดกนั เปน็ รูปสีเ่ หล่ียมจตุรสั เรียกว่า พิกดั กริด ระหว่างเส้นคขู่ นานแต่ละค่ทู ั้งแนวต้ัง และแนวนอนยังแบ่งยอ่ ย ออกเปน็ 10 ชอ่ งเทา่ ๆ กนั ระบบนีจ้ ะมใี นแผนที่ทล่ี ะเอียดมาก คอื มาตราส่วน 1ต่อ 50,000 ขึ้นไป (1 ซ.ม.ตอ่ ครง่ึ กม.) ตวั อย่าง การหาพกิ ดั จดุ A ในระบบตาราง (1) ดตู ารางสเี่ หล่ยี มจตรุ ัสทลี่ อ้ มรอบจดุ A (2) อ่านเส้นพกิ ดั ในแนวนอน โดยอา่ นตวั เลขทก่ี าํ กับเสน้ ต้งั จากซา้ ยไปขวาท่ีผา่ นจดุ A (3) อ่านเส้นพกิ ดั ในแนวนอน โดยอา่ นตวั เลขทก่ี ํากับเสน้ แนวนอนจากลา่ งขนึ้ บนทผี่ า่ นจดุ A (4) นาํ เลขชุดทอ่ี ่านไดใ้ นขอ้ (2)และ (3) มาเรียงต่อกันตามลําดบั ตัวเลขน้ขี จะเปน็ พกิ ัดของจดุ A จุด A = 937604 จุด B = 920585 จดุ C = ………….. จดุ X = …………. จดุ Y = …………. จากตารางนี้ ตาํ แหน่งของจดุ A จะอยู่ทเี่ สน้ 93.7 ตัดกบั เสน้ 60.4 จึงอา่ นเป็น 937604 โดยอ่านตอ่ กนั ไมอ่ ่านและเขียนคําว่าจดุ ตําแหนง่ จุด B กเ็ ช่นเดียวกนั อยู่ทีเ่ สน้ 92 พอดี ก็คอื 92.0 ตดั กบั เส้นที่ 58.5 ก็อา่ น 920585 13ค4่มู ือสง่ เสคชูม่้นัรมิอืมแสัธง่ลยเมะสพศรกึัฒมิ ษแนลาาปะกพีทิจี่ัฒก1รนรามกลจิ กูกรเสรมอื ลทูกักเษสะือชทวี ักติ ษใะนชสีวถิตาในนสศถกึ าษนาศลกึ กูษเาสปือรสะาเมภญัทลรุ่นูกเใสหือญส่ามชญั้นั มรุ่นัธใยหมญศ่กึ ษาปีที่ 1 141

ระยะทางในแผนที่ เป็นมาตราสว่ นท่ยี ่อขนาดลง คอื อตั ราส่วนระหวา่ งระยะทางในแผนท่ีกบั ระยะทางในภมู ิประเทศ เชน่ 1: 50,000 หมายความว่า 1 หน่วยของระยะในแผนทเี่ ท่ากับ 50,000 หนว่ ยของระยะในภูมิประเทศ (ต้องเปน็ หนว่ ยเดยี วกัน ตัวอยา่ ง: 1 เซ็นติเมตรในแผนท่ีเท่ากับระยะทาง 500 เมตรในพน้ื ท)่ี การหาทศิ ในแผนท่ี ปกติหัวกระดาษแผนทจี่ ะเปน็ ทิศเหนอื มลี ูกศรชอี้ ยู่ วางแผนที่ให้หัวลูกศรในแผนทช่ี ไี้ ป ทางทิศเหนอื ตามเข็มทศิ เขม็ ทศิ เป็นเครอ่ื งมอื ทใี่ ชใ้ นการหาทศิ ทาํ ขึน้ จากแม่เหล็กแท่งเล็กๆ ตดิ กบั แกนให้หมุนไปโดยรอบ อยา่ งอิสระ โดยอาศยั คุณสมบัตขิ องแม่เหลก็ ทว่ี ่า เม่ือแขวนใหห้ มุนอย่างอสิ ระแล้วปลายข้างหนงึ่ จะช้ีไป ทางทิศเหนอื เสมอ บนหนา้ ปัดของเขม็ ทิศจะมเี คร่ืองหมายแสดงทิศและเลขบอกองศาของทิศตา่ งๆ ชนดิ ของเขม็ ทศิ เข็มทศิ มีหลายชนิด เช่น - เขม็ ทิศตลับ เปน็ เขม็ ทิศแมเ่ หล็กเลก็ ๆ หาแนวทศิ เหนอื ไดอ้ ยา่ งเดยี ว - เขม็ ทศิ แบบเลนซาตกิ ฝาตลับมชี ่องเล็ง ขึงงเส้นลวดไวต้ รงกลางเพื่อชว่ ยในการเลง็ ที่หมาย - เข็มทิศข้อมือ - เขม็ ทศิ ซลิ วา (Silva) เป็นเข็มทิศทน่ี ยิ มใช้ในวงการลกู เสอื เข็มทศิ ซิลวา (Silva) เปน็ เข็มทศิ ทีท่ าํ ในประเทศสวเี ดน มไี ม้โปรแทรกเตอร์รวมอยู่ด้วยกนั นยิ มใชก้ นั ทัว่ โลก1 เนื่องจากใชท้ ําแผนท่แี ละหาทิศไดด้ ี นอกจากใชง้ า่ ยแล้วยังพกพาสะดวกและราคาถกู ด้วย สว่ นประกอบของเข็มทศิ ซิลวา 1. แผ่นฐานเป็นตัววตั ถุโปรง่ ใส 2. ท่ขี อบมีมาตราส่วนเปน็ นว้ิ และ/หรอื เซนตเิ มตร 3. มีลกู ศรช้ที ศิ ทางทจ่ี ะไป 142 คมู่ ือสง่ เสรคมิู่มแอื ลสะ่งพเสฒั รมิ นแาลกะจิ พกัฒรรนมาลกูกิจเกสรือรมทลักกูษเะสชือีวทติ ักใษนะสชถีวาติ นในศสึกถษาานลศูกึกเษสาือปสารมะเัญภทร่นุลชกูใ้นั หเมสญธัือย่สมชาศั้นมกึัญมษธัรา่นุยปมใีทหศ่ีญึก1่ษาปที 1ี่ 135

4. เลนส์ขยาย 5. ตลับเขม็ ทศิ เป็นวงกลมหมนุ ได้ บนกรอบหนา้ ปัดของตลบั เข็มทศิ แบ่งออกเปน็ 360 องศา 6. ปลายเขม็ ทิศเป็นแมเ่ หลก็ สีแดง ซ่งึ จะชไ้ี ปทางทิศเหนอื เสมอ 7. ขดี ตาํ แหนง่ สาํ หรับตั้งมมุ และอ่านคา่ มมุ อยบู่ นหนา้ ปดั ตรงโคนลูกศรชที้ ศิ ทาง วธิ ีใช้เข็มทศิ ซิลวา ควรใชเ้ ข็มทิศหา่ งจากสงิ่ ท่เี ป็นเหล็กหรอื วงจรไฟฟา้ ระยะปลอดภยั โดยประมาณมดี ังน้ี หมวกเหลก็ 1 หลา โทรศัพท,์ ลวดหนาม 10 หลา รถยนต์ 20 หลา สายไฟฟ้าแรงสงู 60 หลา การหาทศิ วางเข็มทศิ ในแนวระนาบ ปลายเขม็ ทิศขา้ งหนง่ึ จะช้ีไปทางทิศเหนอื คอ่ ยๆ หมุนหน้าปัด ของเขม็ ทศิ ให้ตาํ แหน่งตวั เลขหรืออกั ษรทบ่ี อกทศิ เหนอื บนหน้าปดั ตรงกบั ปลายเหนอื ของเขม็ ทศิ เม่ือปรับเข็มตรงกบั ทิศเหนือแลว้ จะสามารถอา่ นทิศตา่ งๆได้อยา่ งถกู ตอ้ งจากหน้าปดั เขม็ ทศิ ลูกเสอื สามารถนาํ เขม็ ทิศไปใชใ้ นกิจกรรมต่างๆได้ เช่น การเดนิ ทางไกล การสํารวจป่า การผจญภยั การสํารวจและการเยอื นสถานที่ เป็นต้น เมอื่ เรม่ิ ออกเดนิ ทางลกู เสอื ควรหาทิศทจี่ ะม่งุ หนา้ ไปใหท้ ราบกอ่ นว่าเป็นทศิ ใด เมอ่ื เกิดหลงทิศหรอื หลงทางจะสามารถหาทิศทางตา่ งๆ จากเข็มทศิ ได้ กรณบี อกมมุ อะซมิ ทุ มาใหแ้ ละตอ้ งการรูว้ า่ จะตอ้ งเดินทางไปในทิศทางใด สมมุติวา่ มุมอะซิมุท 60 องศา 1) วางเข็มทิศในแนวระดับใหเ้ ข็มแม่เหลก็ หมุนไปมาไดอ้ สิ ระ 2) หมุนกรอบหนา้ ปัดของตลบั เข็มทิศให้เลข 60 อยู่ตรงขดี ตาํ แหนง่ ตั้งมมุ 3) หนั ตวั เขม็ ทศิ ทั้งฐานไปจนกว่าเขม็ แมเ่ หลก็ สีแดงภายในตลับเขม็ ทศิ ช้ตี รงกับอักษร N นิ กบั เครือ่ งหมายหวั ลูกศรทพี่ ิมพไ์ ว้ 4) เม่อื ลกู ศรช้ีทศิ ทางช้ีไปทิศใด ใหเ้ ดินไปตามทศิ ทางนั้น โดยเล็งหาจุดเดน่ ท่ีอยูใ่ นแนวลูกศร ชีท้ ศิ ทางเป็นหลัก แล้วเดนิ ตรงไปยงั สงิ่ นัน้ 13ค6มู่ อื สง่ เสคชมู่นั้รมิอืมแสัธง่ลยเมะสพศรึกฒัิมษแนลาาปะกพีทจิ ี่ฒั ก1รนรามกลจิ กูกรเสรมือลทูกกั เษสะือชทวี กั ติ ษใะนชสีวถติ าในนสศถึกาษนาศลึกกูษเาสปือรสะาเมภญัทลรุ่นูกเใสหือญส่ามชญั้ันมรนุ่ธั ใยหมญศ่กึ ษาปีท่ี 1 143

กรณที ่จี ะหาคา่ ของมมุ อะซิมุทจากตาบลทเี่ รายืนอยู่ ไปยงั ตาบลท่เี ราจะเดินทางไป 1) วางเขม็ ทิศในแนวระดับใหเ้ ขม็ แมเ่ หล็กหมุนไปมาไดอ้ ิสระ 2) หันลกู ศรชีท้ ิศทางไปยงั จดุ หรือตาํ แหน่งที่เราจะเดินทางไป 3) หมนุ กรอบหนา้ ปดั เข็มทศิ ไปจนกว่าอกั ษร N บนกรอบหนา้ ปัด อยตู่ รงปลายเขม็ แมเ่ หลก็ สแี ดงในตลบั เขม็ ทศิ 4) ตวั เลขบนกรอบหนา้ ปดั จะอย่ตู รงขดี ตาํ แหนง่ สาํ หรบั ตั้งมมุ และอ่านคา่ มุม คอื คา่ ของมมุ ทเ่ี ราต้องการทราบ การใชเ้ ขม็ ทศิ หาพกิ ัดตําแหน่งในแผนที่ กอ่ นอน่ื จะตอ้ งรู้ว่าตนเองอยู่ ณ ทใ่ี ดของแผนท่ี โดยใช้เข็มทศิ ช่วยในการวางแผนทใี่ หถ้ กู ทศิ ทาง หรือวางแผนท่ีใหข้ นานกบั เสน้ ทางหรือถนนพ้ืนที่จริง การวางขนานกับเสน้ ทางตอ้ งระวงั ไมใ่ หก้ ลับ ทางทศิ เหนอื -ใต้ โดยตรวจสอบสง่ิ อืน่ บนแผนที่ ประกอบอยา่ งน้อย 2 แหง่ วางเข็มทิศบนแผนที่ ให้เครอ่ื งหมายศรชีท้ ศิ เหนือทางแนวทศิ เหนือในแผนที่ จากนัน้ ก็หมุนกระดาษแผนท่ี (อย่าให้เขม็ ทิศเคลอื่ น) ไปจนเขม็ แดงศรช้ีทศิ เหนอื แลว้ จึงกดเขม็ ทิศตดิ กบั แผนที่ แล้วหมุนแปน้ บอกองศาใหต้ รงทศิ จากนน้ั ให้มองหาที่หมายจริงบนภูมิประเทศ กบั บนแผนทสี่ กั 2 แหง่ เช่น บนภมู ิประเทศ A และ a บนแผนที่ กับ B บนภมู ปิ ระเทศ และ b บนแผนท่ี ใชบ้ รรทดั ลากเสน้ จาก A a และ B b และต่อเสน้ ให้ตดั กนั จะได้ตําแหนง่ c บนแผนที่ คอื ทที่ เ่ี รายนื อยู่ 144 ค่มู ือสง่ เสรคิม่มู แือลสะ่งพเสัฒรมิ นแาลกะิจพกัฒรรนมาลกูกิจเกสรอืรมทลกั กูษเะสชือีวทติ ักใษนะสชถีวาติ นในศสกึ ถษาานลศกูึกเษสาือปสารมะเัญภทรนุ่ลชูกใ้ันหเมสญัธือย่สมชาศนั้มกึัญมษธัราุ่นยปมใีทหศี่ญกึ1่ษาปที 1ี่ 137

ข้ันต่อไป จะหาตาํ แหนง่ ใดๆบนแผนที่ ว่าของจรงิ บนภูมปิ ระเทศอย่ทู ใ่ี ด ก็หาไดจ้ ากแผนท่ี และตง้ั มมุ เขม็ ทศิ ไปได้ ตลอดจนสามารถจะทราบระยะทางจริงบนภูมปิ ระเทศได้โดยเทยี บมาตราส่วน บนแผนท่ี การเดนิ ทางตามแผนที่ เมอ่ื ทราบตําแหนง่ ของตนเองบนแผนที่ และจะเดินทางไปสทู่ หี่ มายตา่ งๆบนภมู ปิ ระเทศน้ัน หากตง้ั มมุ อาซิมทุ แลว้ มองเห็นที่หมายจรงิ กเ็ ปน็ สง่ิ งา่ ย หากมองไม่เห็นก็เดนิ ตรงไปตามทศิ ทางนัน้ โดยสังเกตเป้าหมายใดๆไว้ ขณะเดินต้องระวังอยา่ ใหเ้ ขม็ ทศิ เบนแนวทาง และหม่ันตรวจสอบกับ ทีห่ มายเร่มิ ต้นดว้ ยหากเดนิ ไปพบสงิ่ กีดขวาง เชน่ หนองนา้ํ ตอ้ งเดนิ อ้อมไปตง้ั ตน้ ณ จุดตรง ฟากหนองนาํ้ ใหม่ หากจดุ ตรงฟากน้ันไมม่ ี ก็ตง้ั มุมอาซิมทุ คาํ นวณระยะทางที่เดินออ้ มใหถ้ ูกตอ้ ง การหาทิศโดยอาศยั ธรรมชาติ ในกรณีท่ีลูกเสือไม่มีเข็มทิศ อาจหาทิศโดยการสังเกตจากส่ิงที่มีอยู่ตามธรรมชาติ หรอื ส่ิงแวดลอ้ มที่เปน็ จดุ เดน่ สังเกตได้ง่าย ดงั นี้ 1. สังเกตทิศทางลม โดยวธิ ีงา่ ย ๆ เชน่ โยนหญ้าแห้ง หรือฝนุ่ ขึ้นไปบนอากาศ เมอื่ คดิ ว่าอาจ เดนิ หลงทางกใ็ ห้ตรวจสอบทิศทางลมอกี คร้ังหนงึ่ 2. สงั เกตเถาวัลย์ โดยธรรมชาติยอดเถาวลั ยจ์ ะพันต้นไมไ้ ปทางทิศตะวนั ออก เพอ่ื หนั เขา้ รบั แสงอาทติ ย์ เม่ือทราบทศิ ตะวนั ออกก็สามารถหาทศิ อนื่ ๆ ได้ โดนยนื กางแขนหันหนา้ ไปทางทศิ ตะวนั ออก ซา้ ยมือคอื ทิศเหนือ ขวามอื คอื ทิศใต้ และข้างหลังคอื ทิศตะวันตก 3. สังเกตความอุน่ ของตน้ ไม้ หลงั อาทติ ย์ลบั ขอบฟา้ หาทิศโดยใช้แกม้ แนบกับตน้ ไมใ้ หญ่ ดา้ นทอ่ี นุ่ กวา่ แสดงว่าเปน็ ทศิ ตะวนั ตก เนื่องจากเพง่ิ ไดร้ ับแสงแดดมาไม่นานนกั เม่อื ทราบทศิ ตะวันตก กส็ ามารถหาทิศอน่ื ๆ ได้ โดยการยนื กางแขนหนั หลังชนต้นไมข้ ้างทอี่ ่นุ ด้านหน้าจะเปน็ ทิศตะวนั ตก ทิศเหนืออยู่ขวา ทิศใต้อย่ซู า้ ย และดา้ นหลงั เปน็ ทศิ ตะวนั ออก 13ค8มู่ ือสง่ เสคช่มู้ันรมิอืมแสัธ่งลยเมะสพศรึกัฒมิ ษแนลาาปะกพีทิจี่ฒั ก1รนรามกลจิ กกู รเสรมอื ลทกูกั เษสะอื ชทีวักติ ษใะนชสวี ถิตาในนสศถกึ าษนาศลึกูกษเาสปือรสะาเมภญัทลรนุู่กเใสหอื ญส่ามชญัั้นมร่นุัธใยหมญศ่ึกษาปที ่ี 1 145

4. สงั เกตดวงอาทิตย์ ใน 1 ปดี วงอาทิตยข์ ้นึ ตรงทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตกพอดอี ยู่ 2 วัน คือ 21 มีนาคม และ 22 กนั ยายน ระหวา่ ง 22 มีนาคมถงึ 21 กันยายน จะขึน้ และตกเฉียงไปทาง ทิศเหนอื และเฉยี งเหนอื มากที่สดุ (23.5 องศา) ในวนั ท่ี 21 มถิ นุ ายน ส่วนระหว่าง 23 กันยายน ถึง 20 มีนาคม จะขึ้นและตกเฉียงไปทางทิศใต้ เฉียงมากทส่ี ดุ (23.5 องศา) ในวนั ที่ 21 ธนั วาคม ฤดูหนาว สังเกตดวงอาทิตย์จากเวลาดงั น้ี 6.00 น. ทิศตะวนั ออกคอ่ นไปทางทิศใต้เล็กนอ้ ย 9.00 น. ทิศตะวันออกเฉียงใต้ 12.00 น. ทศิ ใต้ 15.00 น. ทิศตะวนั ตกเฉียงใต้ 18.00 น. ทิศตะวนั ตก ฤดูร้อน สงั เกตดวงอาทิตย์จากเวลาดงั นี้ 6.00 น. ทิศตะวันออกเฉยี งเหนอื 9.00 น. ทิศตะวนั ออกเฉยี งเหนอื 12.00 น. ทศิ เหนือ 15.00 น. ทิศตะวันตกเฉียงเหนอื 18.00 น. ทิศตะวันตก 5. สงั เกตดวงจันทร์ มีขอ้ สงั เกตดงั นี้ วันขา้ งข้นึ ดวงจนั ทรจ์ ะสวา่ งไมเ่ ตม็ ที่ และขน้ึ กอ่ นดวงอาทิตย์ลบั ขอบฟา้ หนั ด้านสวา่ ง ไปทางทศิ ตะวนั ตก และหนั ดา้ นแหวง่ ไปทางทศิ ตะวนั ออก วนั ขึน้ 15 คา่ ดวงจนั ทรส์ ว่างเตม็ ดวงเปน็ วงกลมสกุ ใส ข้นึ ก่อนดวงอาทิตย์ลบั ขอบฟา้ เล็กนอ้ ย วนั ขา้ งแรม ดวงจนั ทรจ์ ะสวา่ งไม่เตม็ ที่ และขน้ึ หลังจากดวงอาทติ ย์ลบั ขอบฟ้าไปแล้ว หันดา้ นสว่างไปทางทิศตะวนั ออก และหันด้านแหว่งไปทางทิศตะวันตก 6. สงั เกตดาว สังเกตจากดาวฤกษซ์ ่ึงขึน้ ประจาํ ท่ี ไดแ้ ก่ 1) ดาวเหนอื ข้ึนตรงทิศเหนือเสมอ มแี สงสว่างมองเห็นด้วยตาเปล่าไดง้ า่ ย 2) กลมุ่ ดาวเต่า หรือกลุม่ ดาวพราน ประกอบดว้ ยดาวฤกษ์ 7 ดวงเรยี งกัน เหน็ ในช่วงหัวคาํ่ ต้ังแต่เดือนธันวาคมเปน็ ต้นไป ข้ึนทางทศิ ตะวนั ออก ชว่ งหวั ค่าํ จะอยู่ตรงศรี ษะพอดี และตกทางทศิ ตะวนั ตกในเดือนเมษายน 3) กลุ่มดาวจระเขห้ รอื ดาวหมใี หญ่ ดาวฤกษ์ 7 ดวง เรียงตวั คล้ายกระบวยตักนาํ้ ขึ้นประจาํ บนทอ้ งฟา้ ทางทศิ เหนอื มองเห็นได้ดว้ ยตาเปล่า ชว่ งหัวคํา่ เดือนกมุ ภาพนั ธ์ุจะเหน็ ขน้ึ ทางทิศตะวนั ออกเฉียงเหนอื เมอื่ ข้นึ สงู สดุ แลว้ จะอยู่ทางทิศเหนือประมาณ 45 องศาในเวลาเทีย่ งคืน และตกลบั ขอบฟา้ ทางทิศตะวันตกเฉยี งเหนอื ในเวลาใกลส้ วา่ ง 4) กลุม่ ดาวแมงปอ่ ง เรียงตวั คล้ายแมงปอ่ ง ขนึ้ ทางทิศตะวนั ออกเฉยี งใต้ โดยเอาหัวขนึ้ กอ่ น และตกลับขอบฟา้ ทางทิศตะวันตกเฉยี งใตโ้ ดยเอาขา้ งลง ขน้ึ เวลาใกล้สว่างชว่ งตน้ เดือนกมุ ภาพนั ธุ์ และขึ้นตอนหัวคา่ํ ในเดอื นพฤษภาคม 5) กลุ่มดาวค้างคาวหรอื กลุม่ ดาวแคสสิโอเปยี กล่มุ ดาวฤกษ์ 5 ดวง เห็นเป็นรูปตวั M ในขณะขึ้นทางทิศตะวนั ออกเฉยี งเหนอื และเห็นเปน็ รปู W ในขณะตกทางทศิ ตะวันตกเฉียงเหนือ 146 คู่มือสง่ เสรคมิู่มแอื ลสะ่งพเสัฒริมนแาลกะิจพกัฒรรนมาลกกูิจเกสรอืรมทลักกูษเะสชือวี ทติ กั ใษนะสชถวี าิตนในศสกึ ถษาานลศูกกึ เษสาอื ปสารมะเัญภทรุน่ลชกูใั้นหเมสญัธอื ย่สมชาศ้นัมกึัญมษธัราุน่ยปมใีทหศี่ญึก1่ษาปีท1ี่ 139

เรือ่ งส้ันท่เี ป็นคติสอนใจ แสงอาทติ ย์ นายแดงเป็นคนหาของป่าประจําหมู่บ้าน ทุกๆ วันนายแดงจะเดินลึกเข้าไปในป่าเรื่อยๆ ไม่ซ้ํากนั ในแตล่ ะวนั เพอ่ื นําของป่าทห่ี าไดไ้ ปขายในหมูบ่ ้าน บ่ า ย วั น ห น่ึ ง ข ณ ะ ท่ี น า ย แ ด ง กํ า ลั ง ห า ข อ ง ป่ า อ ยู่ นั้ น เ กิ ด ล ม พ า ยุ แ ล ะ ท้ อ ง ฟ้ า มื ด ค ร้ึ ม ทําให้นายแดงไม่สามารถหาทิศกลับบ้านได้ เพราะมืดแล้วมองไม่เห็น นายแดงจําได้แต่หมู่บ้าน อยู่ทางทิศตะวันออกของป่าดงดิบเท่านั้น นายแดงพยายามคิดหาทางกลับบ้าน เขานึกได้ว่าในตอนบ่าย ต้นไม้ใหญ่จะโดนแสงแดดท่มี าจากทิศตะวันตก สว่ นดา้ นตรงขา้ มทีไ่ มโ่ ดนแสงแดดกจ็ ะเปน็ ทศิ ตะวนั ออก ดังน้ันเขาจึงรีบใช้มือสัมผัสรอบๆ ต้นไม้เพื่อหาด้านท่ีอุ่นๆ เม่ือหาพบแล้วเขาจึงตัดสินใจเดินทาง ไปดา้ นตรงกนั ข้ามกับดา้ นทอ่ี ่นุ ของตน้ ไมไ้ ปเร่ือยๆ ไม่นานเขาก็เดินถึงหมบู่ า้ นอยา่ งปลอดภยั เรอ่ื งนีส้ อนให้รวู้ ่า การรูจ้ กั สังเกตสิง่ แวดลอ้ ม ยอ่ มมปี ระโยชนต์ อ่ ตนเองและสามารถนําไปใช้ ในชวี ติ ประจาํ วนั ได้ ความฉลาดช่วยให้พ้นภัย ลิงตัวหนึ่งอาศัยอยู่ใกล้แม่น้ํา ซ่ึงมีเกาะกลางน้ําอยู่มากมาย ลิงตัวน้ีฉลาดและแข็งแรงมาก ทุกๆ วันมันจะกระโดดข้ามเกาะตา่ ง ๆ ไปเรอ่ื ย ๆ เพื่อหาผลไมก้ นิ ในแม่น้ํามีจระเข้สองผัวเมียอาศัยอยู่ จระเข้ตัวเมียอยากจะกินหัวใจของลิง จระเข้ตัวผู้ จึงไปนอนบนโขดหนิ เพ่ือรอลงิ กระโดดมา ลงิ เมอื่ หากินเสรจ็ แล้วก็จะกลับข้ึนฝัง่ แต่ดว้ ยความฉลาด และ รอบคอบจงึ สงั เกตเห็นว่าโขดหนิ นั้นสูงกว่าปกติ มันจงึ ส่งเสยี งเรยี กหินว่า “หนิ ๆ ๆ ๆ” จระเขก้ ็เงียบ ลงิ จึงพูดข้ึนว่า “ทุกครัง้ เราเคยเรียกหิน แลว้ เจ้าจะต้องขานรับทกุ คร้ัง วนั นท้ี ําไม จึงไม่ตอบ” แลว้ ก็ เรยี กอกี “หนิ ๆ ๆ ๆ” จระเขจ้ งึ ตอบวา่ “อะไรเลา่ เจา้ ลงิ ” ลงิ ถามอกี วา่ “เจา้ อยากไดอ้ ะไร” จระเขก้ ต็ อบวา่ “อยากได้หวั ใจลิง” ลงิ จงึ พดู วา่ “ถ้าอยา่ งนนั้ ก็อา้ ปากกว้างๆ ซิ” พอจระเขอ้ ้าปากกวา้ ง ตาของมันก็มอง ไม่เหน็ ลงิ ลงิ จึงกระโดดข้ามจระเข้ไปได้ เรื่องนสี้ อนใหร้ ู้วา่ ผทู้ ม่ี ีความฉลาดและรู้จกั คดิ ย่อมเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ ได้ 14ค0ู่มือสง่ เสชคู่ม้นัรมิอืมแสธั ่งลยเมะสพศรึกฒัมิ ษแนลาาปะกพที ิจี่ฒั ก1รนรามกลจิ กกู รเสรมือลทูกักเษสะือชทวี กั ติ ษใะนชสวี ถิตาในนสศถกึ าษนาศลกึ ูกษเาสปอื รสะาเมภัญทลรนุ่กู เใสหอื ญส่ามชัญัน้ มรุน่ธั ใยหมญศ่ึกษาปที ี่ 1 147

พูดดีเปน็ ศรแี ก่ปาก ชายสามคนอยากได้ดอกบัวเพื่อจะนําไปให้หญิงคนรัก จึงชวนกันไปที่สระซ่ึงมีชายจมูกแหว่ง รักษาดอกบัวอยู่ ชายคนแรกพูดว่า “ธรรมดาผมทตี่ ัดแล้วยังงอกออกใหม่ได้ จมูกของทา่ นยอ่ ม จะงอก ออกได้เช่นกัน ท่านจงให้ดอกบัวแก่เราเถอะ” ชายคนที่ 2 พูดว่า “ธรรมดาพืชที่หว่าน ยังงอกออก เจรญิ เตบิ โตได้ จมกู ของทา่ นยอ่ มงอกไดเ้ ชน่ กนั จงใหด้ อกบวั แกเ่ ราเถอะ” ชายคนที่ 3 พดู วา่ “ทง้ั สองคน พูดไมจ่ ริง ธรรมดาจมกู ของคนเราเมื่อแหวง่ แลว้ จะงอกออกมาเหมือนผมหรือพืชทัง้ หลายไม่ได้ ข้าพเจ้า พดู ความจริงท่านจงใหด้ อกบัวแก่เราเถิด” ชายจมกู แหว่งจงึ พูดขึน้ ว่า “ชายสองแรกนั้นพูดเกนิ ความจรงิ และพดู เอาแตไ่ ดอ้ ยา่ งเดยี ว เราจะไมใ่ หด้ อกบวั สว่ นทา่ นคนทสี่ ามพดู ความจรงิ เราชอบใจ เราจะใหด้ อกบวั แก่ท่าน” เร่อื งน้สี อนให้รู้ว่า การพดู ดว้ ยความจรงิ ใจ ยอ่ มได้ความจรงิ ใจกลับคืนมา 148 คู่มือสง่ เสรคมิมู่ แือลสะ่งพเสฒั รมิ นแาลกะิจพกฒั รรนมาลกูกิจเกสรอืรมทลักูกษเะสชอื วี ทิตกั ใษนะสชถวี าิตนในศสกึ ถษาานลศูกึกเษสาอื ปสารมะเัญภทรนุ่ลชูกใน้ั หเมสญธัอื ย่สมชาศน้ัมึกัญมษัธราุ่นยปมใีทหศี่ญึก1่ษาปที 1่ี 141