Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รวมเล่มชุดวิชา TO BE NUMBER ONE ม.ปลาย

รวมเล่มชุดวิชา TO BE NUMBER ONE ม.ปลาย

Published by yenesupaporn, 2020-04-16 22:26:05

Description: รวมเล่มชุดวิชา TO BE NUMBER ONE ม.ปลาย

Search

Read the Text Version

ลกั ษณะอาการของผูต้ ดิ ยาเสพตดิ ลักษณะการติดยาเสพติด ยาเสพติดบางชนดิ กอ่ ใหเ้ กิดการติดได้ท้ังทางรา่ งกายและจิตใจ แต่ยาเสพติดบางชนิดก็ก่อให้เกดิ การ ตดิ ทางด้านจิตใจเพียงอยา่ งเดียว ลกั ษณะทว่ั ไป 1. ตาโรยขาดความกระปร้ีกระเปร่า น้ำมูกไหล น้ำตาไหล ริมฝีปากเขียวคล้ำแหง้ แตก (เสพโดยการ สบู ) 2. เหงอื่ ออกมาก กล่ินตัวแรง พูดจาไม่สมั พันธก์ บั ความจรงิ 3. บริเวณแขนตามแนวเส้นโลหติ มรี ่องรอยการเสพยาโดยการฉีดให้เหน็ 4. ท่ีท้องแขนมีรอยแผลเป็นโดยกรีดด้วยของมีคมตามขวาง (ติดเหล้าแห้ง ยากล่อมประสาท ยาระงบั ประสาท) 5. ใส่แวน่ ตากรอบแสงเขม้ เป็นประจำ เพราะม่านตาขยาย 6. มักสวมเส้ือแขนยาวปกปิดรอยฉีดยา โปรดหลีกให้พ้นจากบุคคลที่มีลักษณะดังกล่าว ชีวิต จะสุขสันต์ตลอดกาล 7. มคี วามต้องการอยา่ งแรงกลา้ ทีจ่ ะเสพยานน้ั ต่อไปอีกเรือ่ ย ๆ 8. มีความโนม้ เอียงท่จี ะเพมิ่ ปรมิ าณของส่งิ เสพตดิ ให้มากขน้ึ ทกุ ขณะ 9. ถ้าถึงเวลาท่ีเกดิ ความตอ้ งการแล้วไม่ไดเ้ สพจะเกิดอาการขาดยาหรืออยากยาโดยแสดงออกมาใน ลกั ษณะอาการตา่ ง ๆ เชน่ หาว อาเจยี น นำ้ มกู นำ้ ตาไหล ทุรนทรุ าย คล้มุ คล่งั ขาดสติ โมโห ฉุนเฉยี ว ฯลฯ 10. ส่ิงเสพติดน้ันหากเสพอยู่เสมอ ๆ และเป็นเวลานานจะทำลายสุขภาพของผู้เสพท้ังทางร่างกาย และจติ ใจ 11. ทำใหร้ ่างกายซบู ผอมมีโรคแทรกซอ้ น และทำให้เกิดอาการทางโรคประสาทและจิตไม่ปกติ การตดิ ยาทางกาย เป็นการติดยาเสพติดที่ผู้เสพมีความต้องการเสพอย่างรุนแรง ทั้งทางร่างกายและจิตใจ เม่ือถึงเวลา อยากเสพแล้วไม่ได้เสพ จะเกิดอาการผิดปกติอย่างมาก ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งเรียกว่า “อาการขาดยา” เชน่ การติดฝนิ่ มอรฟ์ ีน เฮโรอีน เม่ือขาดยาจะมกี ารคล่นื ไส้ อาเจยี น หาว น้ำมูก น้ำตาไหล นอนไม่หลบั เจบ็ ปวดทว่ั รา่ งกาย เปน็ ต้น การติดยาทางใจ เป็นการติดยาเสพติดเพราะจิตใจเกิดความต้องการหรือเกิดการติดเป็นนิสัย หากไม่ได้เสพร่างกายก็ จะไม่เกิดอาการผดิ ปกติ หรอื ทรุ นทรุ ายแต่อยา่ งใด จะมีบ้างก็เพียงเกิดอาการหงุดหงิดหรอื กระวนกระวายวธิ ี สังเกตอาการผู้ติดยาเสพติด จะสังเกตว่าผใู้ ดใช้หรอื เสพยาเสพติด ให้สังเกตจากอาการและการเปล่ียนแปลง ทงั้ ทางรา่ งกายและจิตใจ ตอ่ ไปนี้ ชุดวชิ า TO BE NUMBER ONE “เป็นหนง่ึ โดยไม่พง่ึ ยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย 42

1. การเปลีย่ นแปลงทางร่างกาย จะสังเกตได้จาก - สขุ ภาพร่างกายทรดุ โทรม ซบู ผอม ไมม่ ีแรง ออ่ นเพลีย - รมิ ฝีปากเขียวคล้ำ แห้ง และตก - รา่ งกายสกปรก เหงื่อออกมาก กลิน่ ตัวแรงเพราะไมช่ อบอาบน้ำ - ผิวหนังหยาบกรา้ น เป็นแผลพุพอง อาจมหี นองหรอื น้ำเหลอื ง คลา้ ยโรคผวิ หนงั - มรี อยกรดี ด้วยของมีคม เป็นรอยแผลเปน็ ปรากฏท่บี ริเวณแขน และ/หรอื ท้องแขน - ชอบใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว และสวมแวน่ ตาดำเพือ่ ปดิ บังมา่ นตาที่ขยาย 2. การเปล่ียนแปลงทางจติ ความประพฤติและบุคลิกภาพ สงั เกตได้จาก - เป็นคนเจ้าอารมณ์ หงุดหงิดงา่ ย เอาแตใ่ จตนเอง ขาดเหตุผล - ขาดความรับผิดชอบตอ่ หน้าที่ - ขาดความเชอื่ มนั่ ในตนเอง - พดู จากา้ วรา้ ว แม้แตบ่ ดิ ามารดา ครู อาจารย์ ของตนเอง - ชอบแยกตัวอยูค่ นเดยี ว ไม่เข้าหนา้ ผู้อื่น ทำตัวลึกลับ - ชอบเขา้ หอ้ งนำ้ นาน ๆ - ใชเ้ งินเปลอื งผดิ ปกติ ทรพั ย์สินในบา้ นสูญหายบ่อย - พบอุปกรณเ์ ก่ยี วกับยาเสพตดิ เชน่ หลอดฉีดยา เขม็ ฉีดยา กระดาษตะกว่ั - ม่วั สมุ กบั คนท่มี พี ฤติกรรมเก่ยี วกบั ยาเสพติด - ไม่สนใจความเปน็ อยู่ของตนเอง แตง่ กายสกปรก ไม่เรยี บรอ้ ย ไมค่ อ่ ยอาบนำ้ - ชอบออกนอกบ้านเสมอ ๆ และกลบั บา้ นผิดเวลา - ไม่ชอบทำงาน เกยี จคร้าน ชอบนอนตื่นสาย - อาการวติ กกงั วล เศร้าซมึ สีหนา้ หมองคล้ำ 3. การสงั เกตอาการขาดยา ดงั ตอ่ ไปน้ี - น้ำมกู น้ำตาไหล หาวบอ่ ย - กระสับกระส่าย กระวนกระวาย หายใจถี่ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน เบ่ืออาหาร น้ำหนักลด อาจมอี จุ าระเปน็ เลือด - ขนลุก เหง่ือออกมากผิดปกติ - ปวดเม่อื ยตามร่างกาย ปวดเสียวในกระดูก - มา่ นตาขยายโตขน้ึ ตาพร่าไม่สู้แดด - มกี ารสัน่ ชัก เกรง็ ไขข้ นึ้ สงู ความดันโลหิตสูง - เป็นตะคริว - นอนไมห่ ลบั - เพ้อ คลุ้มคล่ัง อาละวาด ควบคุมตนเองไม่ได้ ชุดวิชา TO BE NUMBER ONE “เปน็ หน่งึ โดยไม่พงึ่ ยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 43

1.3 การปอ้ งกนั และหลกี เลีย่ งการตดิ ยาเสพติด การดำเนินงานป้องกันยาเสพติด จำเป็นต้องสร้างให้กลุ่มเป้าหมายมี “ภูมิคมุ้ กัน” เกิดข้ึนกับตัวเอง มีทักษะชีวิต (Life Skill) เพียงพอที่จะไม่ให้ตนเองต้องติดยาเสพติดและสามารถ เฝ้าระวังพฤติกรรมเส่ียง ปรบั เปลี่ยนพฤตกิ รรมเสีย่ ง เพอื่ ป้องกันมใิ หบ้ คุ คลทีต่ นรักตดิ ยาเสพตดิ ได้ โดยสามารถดำเนนิ การได้ดังน้ี 1. ป้องกันตนเอง ไม่ใช้ยาโดยมิได้รับคำแนะนำจากแพทย์ และจงอย่าทดลองเสพยาเสพติด ทุกชนดิ โดยเด็ดขาด เพราะตดิ งา่ ยหายยาก 2. ป้องกันครอบครัว ควรสอดสอ่ งดูแลเด็กและบุคคลในครอบครัวหรือท่ีอยู่ร่วมกันอยา่ ให้เกี่ยวข้อง กับยาเสพติด ต้องคอยอบรมสั่งสอนให้รู้สึกโทษและภัยของยาเสพติด หากมี ผู้เสพ ยาเสพติด ในครอบครัว จงจัดการให้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล ให้หายเด็ดขาด การรักษาแต่แรกเริ่มติดยาเสพติด มโี อกาสหายได้เร็วกว่าท่ีปล่อยไว้นานๆ 3. ป้องกันเพ่ือนบ้าน โดยช่วยชี้แจงให้เพ่ือนบ้านเข้าใจถึงโทษและภัยของยาเสพติด โดยมิให้เพ่ือน บ้านรู้เท่าไมถ่ ึงการณ์ ต้องถูกหลอกลวง และหากพบวา่ เพือ่ นบา้ นตดิ ยาเสพติด จงชว่ ยแนะนำให้ไปรักษาตัวท่ี โรงพยาบาล 4. ป้องกันโดยให้ความร่วมมอื กับทางราชการ เม่ือทราบว่าบ้านใด ตำบลใด มียาเสพตดิ แพร่ระบาด ขอให้แจ้งเจ้าหน้าท่ี ตำรวจทุก แห่งทุกท้ องที่ทราบ หรือ ท่ีศูน ย์ปราบ ปรามยาเสพ ติดให้โท ษ กรมตำรวจ (ศปส.ตร.) โทร. 0-2252-7962 0-2252-5932 และท่ีสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามยาเสพตดิ (สำนักงาน ป.ป.ส.) สำนกั นายกรัฐมนตรี โทร. 0-2245-9350-9 การป้องกันและหลกี เล่ียงยาเสพตดิ ในชุมชน มีแนวทางดังน้ี 1. ป้องกันตนเอง ทำไดโ้ ดย - ศึกษาหาความรู้เพื่อใหร้ ้เู ทา่ ทนั โทษพิษภยั ของยาเสพติด - ไม่ทดลองใชย้ าเสพติดทุกชนดิ และปฏเิ สธเมอ่ื ถกู ชักชวน - ระมัดระวังเรอ่ื งการใช้ยา เพราะยาบางชนิดอาจทำให้เสพติดได้ - ใช้เวลาวา่ งให้เป็นประโยชน์ - เลอื กคบเพอ่ื นดี ที่ชักชวนกันไปในทางสรา้ งสรรค์ - เมอ่ื มปี ัญหาชวี ิตควรหาหนทางแก้ไขทไี่ มข่ อ้ งเกยี่ วกับยาเสพติดหากแกไ้ ขไม่ได้ควรปรกึ ษาผ้ใู หญ่ 2. ป้องกันครอบครัว ทำได้โดย - สร้างความรัก ความอบอนุ่ และความสัมพันธ์อนั ดีระหว่างสมาชกิ ในครอบครวั - รู้และปฏิบัติตามบทบาทหน้าทข่ี องตนเอง - ดูแลสมาชิกในครอบครวั ไมใ่ ห้ขอ้ งเกีย่ วกับยาเสพตดิ - ให้กำลังใจและหาทางแก้ไข หากพบวา่ สมาชิกในครอบครัวตดิ ยาเสพตดิ ชุดวชิ า TO BE NUMBER ONE “เปน็ หนึง่ โดยไมพ่ ง่ึ ยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 44

3. ปอ้ งกันชมุ ชน ทำไดโ้ ดย - ชว่ ยชมุ ชนในการต่อตา้ นยาเสพติด - เมื่อทราบแหล่งเสพ แหล่งค้า หรือผลิตยาเสพติด ควรแ จ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบทันที ท่ีสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด โทร. 0-2245-9414 หรือ 0-2247-0901-19 ตอ่ 258 โทรสาร 0-2246-8526 - ศนู ย์รบั แจง้ ขา่ วยาเสพตดิ สำนกั งานตำรวจแหง่ ชาติ โทร. 1688 สรุป ยาเสพติดได้แพร่ระบาดเข้าไปถึงกลุ่มคนทุกกลุ่ม ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของกลุ่มคนเหล่าน้ัน และมผี ลต่อประเทศชาตใิ นที่สุด การดำเนนิ งานป้องกันยาเสพตดิ จึงควรใหภ้ ูมิคุ้มกันแก่กลุ่มเป้าหมาย โดยมี หลักการ รูปแบบกจิ กรรมเพอ่ื ป้องกนั ยาเสพติดให้โทษทีช่ ัดเจน 1.4 กฎหมายที่เกี่ยวขอ้ งกบั ยาเสพติด “ยาเสพติดเป็นภัยต่อชีวิต เปน็ พษิ ตอ่ สังคม” เป็นคำกล่าวท่แี สดงถงึ ภาพของยาเสพติดเปน็ อย่างดี ใน ปั จจุบั น ปั ญ ห าเรื่องยาเสพ ติด เป็ น ปัญ ห าที่ ทุ ก ชาติให้ ความ สำคั ญ เป็น อ ย่ างม ากใน ก ารป้ องกั น และ ปราบปรามซ่ึงถือว่าเป็นความผิดสากลโดยแต่ละชาติสามารถจบั กุมและลงโทษผู้กระทำความผิดเก่ียวกับยา เสพตดิ ได้ทันที กฎหมายเก่ียวกับยาเสพติดไดใ้ หค้ วามหมายของคำว่ายาเสพติดไว้ดังนี้ “สารเคมหี รอื วัตถชุ นิด ใดๆ ซ่ึงเม่ือเสพเข้าสู่ร่างกายไม่ว่าจะรับประทาน ดม สูบ ฉีด หรือด้วยประการใดๆ แล้วทำให้เกิดผลต่อ ร่างกายและจิตใจในลักษณะสำคัญ เช่น ต้องเพ่ิมขนาดการเสพขึ้นเป็นลำดับ มีอาการถอนยาเม่ือขาดยา มี ความต้องการเสพท้ังทางร่างกายและจิตใจอย่างรุนแรงตลอดเวลา และสุขภาพโดยท่ัวไปจะทรุดโทรมลง รวมถงึ พชื หรือส่วนของพชื ท่ีเป็นหรอื ให้ผลผลติ เป็นยาเสพติดให้โทษ หรืออาจใช้ผลติ เป็นยาเสพติดให้โทษและ สารเคมีที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดให้โทษด้วย” จากความหมายของยาเสพติดทำให้ทราบว่าอะไรบ้างที่เข้า ลักษณะของยาเสพติด พืชอาจเป็นยาเสพติดได้ ถ้าเสพแล้วเกิดผลต่อร่างกายและจิตใจจนขาดไม่ได้ มิใช่ เฉพาะแตเ่ ฮโรอีน ซ่ึงเปน็ ส่ิงสงั เคราะห์เทา่ น้ันทีเ่ ป็นยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ ประเภทของยาเสพติดและบทลงโทษตามกฎหมาย ตามกฎหมายได้แบ่ง ประเภทของยาเสพติดให้โทษแบง่ ออกเป็น 5 ประเภท ประเภท 1 ยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรง เช่น เฮโรอีน ฝ่ิน ห้ามมิให้ผู้ใด ผลิต จำหน่าย นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองซงึ่ ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เว้นแต่เพ่ือประโยชน์ทางราชการตามท่ี รมต.ฯ อนุญาตเป็นหนังสือเฉพาะราย ผู้ฝ่าฝืนระวางโทษตั้งแต่ 1 ปีถึงประหารชีวิต แล้วแต่จำนวนยาเสพติดที่ จำหน่ายหรอื มีไว้ในครอบครอง ประเภท 2 ยาเสพติดใหโ้ ทษทั่วไป เช่น มอร์ฟีน กฎหมายห้ามมิใหผ้ ู้ใดผลิต นำเขา้ หรือส่งออกซง่ึ ยา เสพติดให้โทษประเภท 2 แต่สามารถจำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองได้เม่ือได้รับอนุญาตจากเลขาธิการ คณะกรรมการอาหารและยาหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายหรือสาธารณสุขจังหวัด สำหรับการมีไว้ ในครอบครองท่ีไม่เกินจำนวนท่ีจำเป็นสำหรับใช้รักษาโรคเฉพาะตัว โดยมีหนังสือรับรองของผู้ประกอบ ชดุ วชิ า TO BE NUMBER ONE “เป็นหนงึ่ โดยไมพ่ ึ่งยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย 45

วชิ าชีพเวชกรรมไม่ต้องขออนุญาต ผฝู้ ่าฝืนระวางโทษจำคุกไมเ่ กิน 5 ปี ถึงจำคุกตลอดชีวิตแล้วแต่ความหนัก เบาของความผดิ ประเภท 3 ยาเสพติดใหโ้ ทษท่ีมยี าเสพติดประเภท 2 เป็นส่วนผสมอยู่ด้วย เชน่ ยาแก้ไอผสมโคเคอีน กฎหมายหา้ มมิใหผ้ ู้ใดผลติ นำเข้า หรือสง่ ออกซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 3 เวน้ แต่ไดร้ ับอนญุ าต ซ่ึงต้องเป็น ร้านค้าที่ได้รับอนุญาตให้ผลิต ขายนำหรือส่งเข้าในราชอาณาจักรประเภทยาแผนปัจจุบันและมีเภสัชกร ประจำตลอดเวลาท่ีเปดิ ทำการ ผูฝ้ า่ ฝืนระวางโทษจำคกุ ไม่เกนิ 1 ปี ถงึ จำคุกไม่เกิน 3 ปี ประเภท 4 สารเคมีที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดให้โทษประเภท 1 หรือประเภท 2 กฎหมายห้าม มิให้ผใู้ ดผลติ นำเขา้ หรอื ส่งออกหรือมีไว้ในครอบครองซงึ่ ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษประเภท 4 เวน้ แตร่ ฐั มนตรีอนญุ าต ผู้ฝ่าฝืนระวางโทษจำคุกตง้ั แต่ 1 ปี – 10 ปี ประเภท 5 ยาเสพติดใหโ้ ทษทีม่ ิไดเ้ ข้าอย่ใู นประเภท 1 ถึงประเภท 4 เชน่ กญั ชา พชื กระทอ่ ม กฎหมายมิใหผ้ ู้ใดผลิต จำหน่าย นำเข้า ส่งออก หรอื มไี ว้ในครอบครองซง่ึ ยาเสพตดิ ให้โทษประเภท 5 เวน้ แต่รฐั มนตรีอนญุ าต ผ้ฝู ่าฝืนระวางโทษจำคุกต้ังแต่ 2 ปี – 15 ปี บทลงโทษเกีย่ วกบั สารระเหย ตามพระราชกำหนดป้องกันการใช้สารระเหย พ.ศ. 2533 กำหนด มาตรการควบคุมไม่ให้นำสาร ร ะ เห ย ม า ใช้ ใ น ท า ง ท่ี ผิ ด ไ ว้ ห ล า ย ป ร ะ ก า ร แ ล ะ ก ำ ห น ด ใ ห้ ผู้ ฝ่ า ฝื น ไ ม่ ป ฏิ บั ติ ต า ม ม า ต ร ก า ร ดั ง ก ล่ า ว มีความผิดและต้องรับโทษ ซึ่งมรี ายละเอียดดงั นี้ 1. กำหนดให้ผผู้ ลิต ผู้นำเข้า หรือผู้ขายสารระเหย ต้องจัดให้มีภาพหรือข้อความท่ีภาชนะบรรจุหรือ หีบห่อบรรจุสารระเหย เพื่อเป็นการเตือนให้ระวังการใช้สารระเหยดังกล่าว ผู้ฝ่าฝืนต้องรับโทษจำคุกไม่เกิน สองปหี รือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือท้ังจำทั้งปรบั 2. ห้ามไม่ให้ผู้ใดขายสารระเหยแก่ผู้ที่มีอายุไม่เกินสิบเจ็ดปี เว้นแต่เป็นการขายโดยสถานศกึ ษาเพื่อ ใช้ในการเรียนการสอน ผู้ฝ่าฝืนต้องรับโทษจำคุกไม่เกินหน่ึงปี หรือปรับไม่เกินหน่ึงหมื่นบาท หรือท้ังจำท้ัง ปรับ 3. ห้ามไม่ให้ผู้ใดขาย จัดหา หรือให้สารระเหยแก่ผู้อื่นซ่ึงตนรู้หรือควรรู้ว่าเป็นผู้ติดสารระเหย ผฝู้ ่าฝนื ต้องรับโทษจำคุกไม่เกนิ สองปี หรอื ปรับไม่เกนิ สองหม่ืนบาท หรอื ท้ังจำทั้งปรบั 4. ห้ามไม่ให้ผู้ใดจูงใจ ชักนำ ยุยงส่งเสริม หรือใช้อุบายหลอกลวงให้บุคคลอื่นใช้สารระเหย บำบัด ความต้องการของรา่ งกายหรือจติ ใจ ผฝู้ ่าฝืนตอ้ งรับโทษจำคกุ ไม่เกนิ สองปี หรอื ปรบั ไม่เกนิ สองหม่ืนบาท หรือ ทง้ั จำท้ังปรับ 5. หา้ มไม่ให้ผู้ใดใช้สารระเหยบำบัดความต้องการของรา่ งกายหรือ จิตใจ ไม่ว่าโดยวิธีสดู ดมวิธีอ่ืนใด ผฝู้ ่าฝืนตอ้ งรับโทษจำคุกไม่เกนิ สองปหี รอื ปรับไม่เกินสองหม่นื บาท หรือท้ังจำทง้ั ปรับ พึงระลึกเสมอว่า การเสพติดสารระเหยนอกจากจะเป็นโทษต่อร่างกายแล้ว ยังเป็นการกระทำที่ผิด กฎหมายดว้ ย ชดุ วชิ า TO BE NUMBER ONE “เปน็ หนง่ึ โดยไมพ่ ึง่ ยาเสพติด” สค3300166 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย 46

ทั้งน้ี กฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ท่ีมีการออกพระราชบัญญัติและระเบียบต่างๆ ใช้กันอยู่ใน ปจั จบุ นั มีหลายฉบบั ซึ่งสามารถจดั เปน็ กลมุ่ ๆ ได้ คือ 1. กฎหมายท่เี ก่ยี วกับตวั ยา ได้แก่ 1.1 พระราชบญั ญตั ยิ าเสพติดใหโ้ ทษ พ.ศ. 2522 1.2 พระราชบัญญัตยิ าเสพติดใหโ้ ทษ (ฉบบั ที่ 5) พ.ศ. 2545 1.3 พระราชบัญญตั วิ ตั ถทุ ี่ออกฤทธต์ิ อ่ จติ และประสาท พ.ศ. 2528 แกไ้ ขเพิม่ เตมิ พ.ศ. 2535 1.4 พระราชกำหนดปอ้ งกันการใชส้ ารระเหย พ.ศ. 2533 1.5 พระราชบญั ญัติควบคุมโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2495 2. กฎหมายทีเ่ ก่ยี วกับมาตรการ ได้แก่ 2.1 พระราชบญั ญัติปอ้ งกนั และปราบปรามยาเสพติด พ.ศ.2519 2.2 พระราชบญั ญตั ิปอ้ งกันและปราบปรามยาเสพตดิ (ฉบบั ที่ 4) พ.ศ.2545 2.3 พระราชบัญญัติฟน้ื ฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.2545 ประชาชน นักเรยี น นกั ศกึ ษาจงึ ควรศึกษาทำความเข้าใจถึงข้อกำหนดการกระทำผดิ และบทลงโทษท่ี เกยี่ วกบั ยาเสพติด เพ่ือหลีกเลีย่ งการกระทำผดิ พรอ้ มทั้งควรแนะนำเผยแพร่ความรดู้ ังกลา่ วแก่เพ่ือน สมาชิก ในครอบครัว และประชาชนในชมุ ชน ให้ตระหนักถึงโทษภัยของยาเสพติด รวมทั้งร่วมกนั รณรงค์ปอ้ งกันการ แพร่ระบาดสเู่ ด็กและเยาวชนในชุมชน ต่อไป ท้ังน้ี การกระทำความผิดเก่ียวกับยาเสพติดไม่ว่าจะกระทำในหรือนอกประเทศต้องรับโทษ ในประเทศซึ่งถ้ารับโทษจากต่างประเทศมาแล้ว ศาลอาจลดหย่อนโทษให้ตามสมควรและตามท่ีกล่าวไว้ ในตอนต้น จึงมีการกำหนดให้การกระทำบางอย่างต้องรับโทษหนักกว่ากฎหมายอื่น เช่น กำหนดโทษให้ผู้ พยายามกระทำความผดิ ตอ้ งระวางโทษเสมอื นกระทำความผิดสำเร็จ ซง่ึ ตามกฎหมายอาญาผ้พู ยายามกระทำ ความผิดจะรับโทษเพียง 2 ใน 3 ของโทษมีกำหนดสำหรับความผิดน้ันเท่าน้ัน นอกจากน้ีผู้สนับสนุน ช่วยเหลือ ให้ความสะดวกผู้กระทำความผิด ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิด และทรัพย์สินท่ี ได้มาจากการกระทำความผิด จะต้องถูกศาลสั่งริบ นอกจากพิสูจน์ได้ว่าทรัพย์สินน้ันไม่เกี่ยวข้องกับการ กระทำความผิด และในเร่ืองการสืบทราบการกระทำผิดเจ้าหน้าที่มีอำนาจเรียกบุคคลใดให้ถ้อยคำส่งบัญชี เอกสารหรือหลักฐานใด ๆ ประกอบการพิจารณาและมีอำนาจเข้าไปในเคหสถานเม่ือตรวจค้นหลักฐานใน กรณีมเี หตุอันควรสงสัยว่ามกี ารกระทำความผดิ เก่ยี วกับยาเสพติด เม่ือตรวจสอบและพบหลักฐานการกระทำ ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเจ้าหน้าท่ีมีอำนาจจับกุมและสอบสวนผู้กระทำผิดและทำสำนวนฟ้องศาลต่อไป ตามกระบวนพิจารณาของศาล ซ่งึ โทษที่จะได้รบั สำหรับผู้กระทำความผดิ คงเป็นโทษที่หนักเน่อื งจากความผิด เกย่ี วกับยาเสพติดเปน็ ความผิดร้ายแรงทแ่ี ต่ละชาตไิ ดใ้ ห้ความสำคญั ตามทีก่ ลา่ วไว้ในขา้ งต้น กจิ กรรมทา้ ยเรือ่ งที่ 1 ความรเู้ กย่ี วกับยาเสพตดิ (ให้ผเู้ รียนทำกิจกรรมท้ายเร่อื งที่ 1 กิจกรรมที่ 1.1-1.4 ทีส่ มุดบนั ทึกกิจกรรมการเรียนรูป้ ระกอบชดุ วชิ า) ชดุ วิชา TO BE NUMBER ONE “เปน็ หนึ่งโดยไมพ่ ึง่ ยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย 47

เรอื่ งที่ 2 การวิเคราะห์ปญั หา สาเหตุ ผลกระทบ และการแพรร่ ะบาดของยาเสพตดิ ในปัจจุบันของ ประเทศไทย สถานการณย์ าเสพติดในปจั จบุ นั ปัจจุบันปัญหาการแพร่ระบาดของสารเสพติดนับว่ารุนแรงมากย่ิงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและ เยาวชน จากสถิติของกระทรวงสาธารณสุขพบว่า จำนวนผู้เสพและผตู้ ิดยาเสพติดในกลมุ่ เด็กนกั เรยี นเพ่มิ มาก ขน้ึ จนหน้าเปน็ หว่ ง ซง่ึ การท่ีเด็กวัยเรยี นมกี ารเสพติดยอ่ มส่งผลกระทบต่อสุขภาพ สติปญั ญาและสมาธิในการ เรียนรู้ทำให้คุณภาพประชากรลดลง เป็นปัญหาต่อการพัฒนาประเทศ และการแข่งขันในระดับโลกต่อไป ในอนาคต ปัญ หายาเสพติดเป็นปัญหาความมั่นคงปลอดภัยของมนุษยชาติ (Human security) และ ยาเสพติดเป็นตัวการท่ีสำคัญในการบ่อนทำลายกำลังทรัพยากรบคุ คลของชาติ ความรุนแรงของสถานการณ์ ยาเสพติดจะเป็นตัวแปรท่ีสำคญั ให้มีการกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพ ติดของรัฐบาลและหน่วยงานที่เก่ียวข้อง ทุกรัฐบาลท่ีผ่านใหค้ วามสำคญั ต่อการแก้ไขปญั หายาเสพตดิ ในระดับ ทส่ี ูงมาก โดยการกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ (National agenda) การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็น นโยบายสาธารณะท่ีเก่ียวข้องกับการควบคุมพฤติกรรมของบุคคลเพ่ือประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม (Protective regulatory policy) ใน อ น าคตปัญ ห าย าเสพ ติ ดยั งคงมี แน วโน้ ม รุ น แรง อ ยู่และ นั บวั น จะ ทวี ความ ซั บซ้ อ น ม ากย่ิ ง ขึ้น ประชาชนได้คาดหวังให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดในการควบคุม ป้องกนั ปราบปราม และแก้ไขปัญหา อย่างมีประสิทธิภาพเพ่ือจะได้มีความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยในการดำรงชีวิต ด้วยเหตุนี้การจัดทำแผน ยุทธศาสตร์เพื่อใช้เป็นกรอบทิศทางในการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของทุกหน่วยงาน ท่ีเก่ียวข้องจงึ เป็นเรอื่ งทีม่ ีความสำคัญและเป็นอย่างยง่ิ ชุดวชิ า TO BE NUMBER ONE “เป็นหน่ึงโดยไม่พ่งึ ยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย 48

แนวโนม้ สถานการณย์ าเสพตดิ ในประเทศไทย 1. สถานการณก์ ารลักลอบผลติ ยาเสพติด 1.1 ด้านสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ยังคงมีสถานะเป็นประเทศผู้ผลิตยาเสพติดหลักใน ภูมิภาคอาเซียนทั้งฝ่ิน เฮโรอีน ยาบา้ และไอซ์ โดยเฉพาะยาบ้าซ่ึงผลิตเพ่ือส่งตลาดในประเทศไทยเป็นหลัก แม้วา่ รัฐบาลเมียนมาร์จะได้มีความพยายามในการเจรจาหยุดยิงกับชนกลุ่มน้อยกลุ่มต่างๆ เพื่อให้เกิดความ สงบสุขภายในประเทศตลอดจนมีกระบวนการเดินหน้าทางประชาธิปไตย สิ่งเหล่านี้คาดว่า จะไม่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ยาเสพตดิ ในสาธารณรฐั แหง่ สหภาพเมยี นมารม์ ากนกั เนื่องจากกลุ่มว้ามกั จะ ไมเ่ ขา้ ร่วมในการเจรจาทสี่ ำคญั นอกจากน้ีหากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ต้องการกวาดล้างแหล่งผลิตยาเสพติดต้องใช้ท้ัง งบประมาณอาวุธและกำลังพลจำนวนมาก จึงไม่ใช่เรื่องสำคัญลำดับต้นๆ ของนโยบายของสาธารณรัฐแห่ง สหภาพเมียนมาร์และรัฐบาลเองก็ไม่มีงบประมาณเพียงพอท่ีจะดูแลชนกลุ่มน้อยท่ีขาดรายได้จากยา เสพติด และอาจกอ่ ให้เกดิ ภาพลักษณท์ ี่ไม่ดหี ากใชค้ วามรนุ แรงในการปราบปราม 1.2 ด้านสาธารณรฐั ประชาธิปไตยประชาชนลาว ยังคงเป็นประเทศที่ผลติ กัญชาแล้วสง่ ผลกระทบ ต่อประเทศไทยมากที่สุดในอาเซียน รวมทั้งมีการปลูกฝิ่นในพื้นท่ีทางตอนเหนือของประเทศเพิ่มสูงข้ึนทุกปี สะท้อนถึงความต้องการฝ่ินดิบจำนวนมากเพื่อส่งโรงงานผลิตเฮโรอีน นอกจากนั้นยังมีสถานะเป็นประเทศ ทางผ่านยาเสพติดสำคัญจากประเทศเมียนมาร์มายังไทย เวียดนาม และกัมพูชา ก่อนที่จะลำเลียงต่อไปยัง ประเทศต่างๆ รวมถึงเปน็ ทางผ่านสารตัง้ ต้นเข้าส่แู หลง่ ผลติ ในพ้นื ทสี่ ามเหล่ยี มทองคำ 1.3 ดา้ นประเทศกัมพูชา มีความเป็นไปได้ท่ีจะยังคงมกี ารผลิตไอซ์ สารตั้งตน้ ซาฟโรลสำหรับผลิต เอ็กซ์ตาซีหรือยาอี และจะยังเป็นฐานการค้าของเครือข่ายนักค้ายาเสพติดชาวแอฟริกันซ่ึงกระจาย ยาเสพติด ได้แก่ ไอซ์ และโคเคน เปน็ ไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะประเทศไทย รวมถึง ยังมสี ถานะเป็นทางผา่ นยาเสพตดิ ท้งั เฮโรอนี ไอซ์ และยาบ้าจากพน้ื ที่สามเหลีย่ มทองคำ ไปยงั ประเทศท่ีสาม 1.4 ด้านพ้ืนที่ภาคเหนือของประเทศไทย การลักลอบปลูกฝ่ินมีแนวโน้มทรงตัว การเพิ่มข้ึนหรือ ลดลงของพ้ืนที่ปลูกในแต่ละปมี ีไม่มากนักสามารถควบคุมปัญหาได้ ในแต่ละปีสามารถดำเนินการตดั ทำลาย ชดุ วิชา TO BE NUMBER ONE “เป็นหนึ่งโดยไมพ่ ึ่งยาเสพติด” สค3300166 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย 49

ต้นฝิ่นได้มากกว่าร้อยละ 95 ผลผลิตที่ได้ส่วนใหญ่เหลือเพียงใช้เสพในพ้ืนท่ีเท่าน้ัน แม้ว่าผลผลิตที่ได้จะไม่ ส่งผลต่อสถานการณ์ยาเสพติดภายในประเทศ แต่ต้องมีการเฝ้าระวังและป้องปรามในพ้ืนที่เดิมท่ีมีการปลูก โดยเฉพาะพน้ื ที่ที่ทุรกนั ดารยากตอ่ การเข้าถงึ ของเจ้าหน้าท่ี มโี อกาสลักลอบปลูกเพิ่มขึ้น ปัญหาฝน่ิ มลี ักษณะ ซบั ซอ้ นและเกีย่ วข้องกบั ปญั หาด้านอ่นื ๆ ของประเทศด้วย 1.5 ด้านพื้นที่ท่ัวไป การลักลอบปลูกกัญชาและพืชกระท่อมยังมีการกระจายตัวไปในทุกภูมิภาค ของประเทศ การค้นหาแหล่งเพาะปลูกกัญชาและพืชกระท่อมเพื่อทำการปราบปรามตัดทำลายเป็นไปได้ อยา่ งยากลำบาก 1.6 เม่ือมีการปราบปรามจับกุมและสกัดก้ันอย่างเข้มงวด องค์กรการผลิตยาเสพติดจะพัฒนา ตัวเองและกระบวนการสังเคราะห์ทางเคมีให้มีความซับซ้อนมากขึ้น มีความพยายามแสวงหาเคมภี ัณฑ์ชนิด ใหม่ๆ รวมท้ังสารตั้งต้นประเภทอ่ืนๆ มาใช้มากขึ้นโดยลำดับ ประกอบกับอุปกรณ์การผลิตยาเสพติดบาง ประเภทยังไม่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปกรณ์การผลิต เคร่ืองอัดเม็ด (tableting rotary) โดยสภาพปกติแล้วสามารถครอบครอง ซ้ือขาย และเคล่ือนย้ายได้โดยทั่วไป จึงมีความเป็นไปได้ท่ีจะมีการ ลักลอบผลิตเกิดข้ึน โดยมีลักษณะที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน เป็นการอัดเม็ดใหม่เพื่อเพิ่มกำไรในการจำหน่ายแก่ ผู้ผลิตยาบา้ หรือการลักลอบผลิตยาบ้าและไอซ์ภายในประเทศในลักษณะ kitchen lab โดยมีความพยายาม เปล่ยี นพน้ื ท่ีไปไม่เลือกพน้ื ท่ีเดมิ ทเี่ ปน็ ท่เี พง่ เลง็ ของเจา้ หน้าที่ 1.7 พัฒนาการในกระบวนการสังเคราะหท์ างเคมที ำให้ศักยภาพในการผลิตยาเสพตดิ สูงขนึ้ ตามไป ด้วย มียาเสพติดชนิดใหม่ๆ เข้ามาแพร่หลายในท้องตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาเสพติดประเภท สังเคราะห์ (designer drugs) 2. สถานการณ์การลกั ลอบนำเขา้ ยาเสพติด 2.1 การลักลอบนำเข้ายาเสพติดทางบก ด้วยเหตุที่ประเทศไทยมีพื้นที่ชายแดนทางบกติดต่อกับ ประเทศเพื่อนบ้านเป็นระยะทางยาวมาก ปัจจัยด้านสภาพภูมิประเทศจึงยังคงเอื้ออำนวยต่อการลักลอบ นำเข้ายาเสพติดอยู่ พ้ืนท่ีนำเขา้ หลัก (เกนิ กวา่ ร้อยละ 80) ยังคงเป็นพ้ืนที่ชายแดนภาคเหนอื โดยเฉพาะพ้ืนที่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน เน่ืองจากเป็นพื้นท่ีท่ีอยู่ใกล้กับแหล่งเก็บพักยาเสพติดของกลุ่ม ผู้ผลิตและเป็นเขตอิทธิพลของชนกลุ่มน้อยในประเทศเพื่อนบ้าน อย่างไรก็ตามหากการสกัดกั้น ชุดวิชา TO BE NUMBER ONE “เป็นหนง่ึ โดยไม่พ่ึงยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 50

ในพ้ืนท่ีชายแดนภาคเหนือมคี วามเข้มข้นและเป็นไปอย่างตอ่ เน่ือง จะเปลี่ยนเส้นทางมานำเข้าในพ้ืนทภี่ าคะ วันออกเฉียงเหนือเพิ่มมากข้ึน พ้ืนที่ที่ควรเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดเน่ืองจากมีการนำเข้าในปริมาณมากอย่าง ต่อเน่ือง หรือเป็นพ้ืนที่ใหม่ท่ีเริ่มปรากฏการนำเข้าในปริมาณมาก ได้แก่ อำเภอแม่สาย แม่ฟ้าหลวง แม่จัน จงั หวัดเชียงราย อำเภอฝาง ไชยปราการ เชียงดาว แม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย อำเภอเมือง จังหวดั บึงกาฬ อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี อำเภอชานุมาน จังหวดั อำนาจเจริญ อำเภอ เมือง ท่าอุเทน ธาตุพนม บ้านแพงจังหวัดนครพนม อำเภอท่าล่ี จังหวัดเลย อำเภออรัญประเทศ จังหวัด สระแกว้ และอำเภอสงั ขละบุรี จงั หวดั กาญจนบุรี เปน็ ตน้ 2.2 การลักลอบนำเข้ายาเสพติดทางน้ำ การลักลอบนำเข้ายาเสพติดผ่านทางแม่น้ำระหว่าง ประเทศและนา่ นนำ้ ระหว่างประเทศมแี นวโน้มยังคงอยอู่ ย่างต่อเนือ่ ง 2.3 การลักลอบนำเขา้ ยาเสพตดิ ทางอากาศ เนือ่ งจากประเทศไทยมีระบบการคมนาคมขนส่งทาง อากาศท่ีเช่ือมโยงกับทั่วทุกภูมิภาคของโลก สถานะของประเทศไทยจึงเป็นไปได้ท้ังเป็นประเทศ ต้นทาง (Source country) ประเทศทางผ่าน (Transit country) และประเทศปลายทาง (Destination country) ของการลักลอบลำเลียงยาเสพติด การลักลอบนำเข้ายาเสพติดจากต่างประเทศโดยทางเครื่องบิน มักจะใช้สนามบินสุวรรณ ภูมิเป็นหลัก หลังจากที่มีการเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ในการตรวจค้น ทำให้กลุ่มเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหวา่ งประเทศปรับเปล่ียนเส้นทางการลำเลยี งโดยการนำผ่านประเทศ เพอ่ื นบ้านก่อนนำเขา้ ประเทศไทยโดยทางบก การใช้สนามบินนานาชาตใิ นภมู ิภาค ได้แก่ สนามบินนานาชาติภูเก็ต สมุย และเชียงใหม่ การปรับเปล่ียนการเดินทางโดยใช้สายการบิน Low Cost รวมท้ังการเปลี่ยนแปลงผู้ลำเลียงให้หลากหลายสัญชาติ ข้อมูลดังกล่าวเหล่าน้ีจำเป็นต้อง มีการประสานกบั หนว่ ยงานทีเ่ ก่ยี วขอ้ งเพอ่ื ประโยชนใ์ นการวางแผนเฝ้าระวังร่วมกัน 2.4 การพัฒนาเส้นทางคมนาคมขนส่งรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนท่ีคาดว่าอาจจะส่งผล กระทบต่อการลักลอบลำเลยี งยาเสพติดในอนาคตทต่ี ้องเฝ้าระวงั ได้แก่ โครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกและนิคม อตุ สาหกรรมทวาย โดยจะมกี ารพฒั นาโครงสรา้ งพน้ื ฐานทางถนนท่สี ำคัญ 2.5 มีปริมาณยาเสพติดจำนวนมากท่ีรอดพ้นไปจากการสกัดก้ันปราบปรามและจับกุมของ เจา้ หน้าท่ีและถกู กระจายไปส่กู ลุ่มผู้เสพผู้ติดในประเทศ 3. สถานการณก์ ารลกั ลอบสง่ ออกยาเสพติด 3.1 การลักลอบส่งออกยาเสพติดทางบก ความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนใน ภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และความตกลงอาเซียนว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งผู้โดยสารทางบกข้าม พรมแดนอาจจะเป็นช่องทางและโอกาสของการลกั ลอบสง่ ออกยาเสพตดิ มากขึ้นได้ 3.2 การลักลอบส่งออกยาเสพติดทางน้ำ แนวโน้มการขนส่งสินค้าทางท่าเรือยังคงมีมากอย่าง ตอ่ เนอ่ื ง ในแต่ละวันมีสินค้าไหลเวียนผา่ นทางคลังสินคา้ เพือ่ การสง่ ออกไปยงั ต่างประเทศเป็นปริมาณมากจน ไม่สามารถทำการตรวจตู้บรรจุสินค้าได้โดยละเอียดและทั่วถึง ย่ิงไปกว่าน้ันสภาพชายฝ่ังท ะเลที่ยาว ทำให้ยากต่อการตรวจตราดูแลให้ท่ัวถึง ยังมีปัญหาในการตรวจตราและควบคุมเรือ เพราะมีการใช้พาหนะ ชุดวิชา TO BE NUMBER ONE “เป็นหนงึ่ โดยไม่พง่ึ ยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย 51

หลากหลายรูปแบบท้ังเรือหางยาว เรือประมง เคล่ือนไหวเข้าออกได้ทุกจุด เรือบรรทุกสินค้าก็สามารถจอด แวะท่ีทา่ เทียบเรอื ระหวา่ งการเดนิ ทางที่ใดก็ไดห้ ลายจดุ เป็นพื้นท่ีอิทธิพล เป็นท่าเรอื เอกชน ในการปฏบิ ัตกิ าร ทางท ะเลเพ่ื อสกัดก้ั น ก ารลัก ลอบ ลำเลียงยาเสพ ติดโดยเฉพ าะอ ย่างยิ่งพื้ น ที่ ที่เป็ น รอยต่อ เขตเหลื่อมทับ และเขตพื้นท่ีทับซ้อนทางทะเลอาจจะกลายเป็นการเผชิญหน้ากัน และกระทบต่อ ความสัมพันธ์ระหวา่ งประเทศกับประเทศเพ่ือนบ้าน 3.3 การลักลอบส่งออกยาเสพติดทางอากาศ เนอื่ งจากพ้ืนทที่ ่าอากาศยานแต่ละแห่งกวา้ งขวาง มี ชอ่ งทางเข้าออกหลายแห่ง มที ั้งผู้โดยสารและผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน ในการควบคุมดูแลและ ตรวจตราผู้โดยสารเคร่ืองบินก่อนออกเดินทางก็มีเวลาค่อนข้างจำกัด ย่ิงไปกว่าน้ันหากเจ้าหน้าที่ไม่มี ประสบการณห์ รอื ไม่มีข่าวสารทช่ี ดั เจนกย็ ากทจ่ี ะดำเนินการสกัดก้นั จับกุม 3.4 การลักลอบนำสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์จากประเทศไทยเข้าไปยังประเทศเพ่ือนบ้านยังคง เกิดขึ้น ทั้งการกวา้ นซื้อในประเทศและการใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านเพื่อส่งออกโดยเฉพาะยาแก้หวัดสูตร ผสมซูโดอีเฟดรีน กรดอาเซติก โซเดียมคาร์บอเนต กรด ไฮโดรคลอริก กาเฟอีน และฟอสฟอรัส ท่ีมีการระบวุ า่ เป็นสารท่ีสามารถใชเ้ ป็นสารต้ังตน้ ในการผลติ ยาบา้ และไอซ์ 3.5 การควบคมุ ยาเสพติดสารตั้งต้นและเคมีภณั ฑ์เปน็ ปัญหาระดับชาติและนานาชาติทุกประเทศ ต้องหามาตรการป้องกันการยักย้าย การเปล่ียนแปลง และการลักลอบลำเลียงเพ่ือนนำไปใช้ในทางที่ผิด กฎหมาย 4. สถานการณ์การลกั ลอบค้ายาเสพติด 4.1 กลุ่มนักค้าชาวแอฟริกันยังคงมีบทบาทสำคัญในการบงการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเข้าดำเนินการในประเทศเพ่ือนบ้านอาศัยการเปิดประเทศเข้าสู่ประชาคมอาเซียนซึ่งจะเอ้ือ ประโยชน์ในการลำเลยี งยาเสพติด รวมทัง้ การพัฒนาตนเองเปน็ นักคา้ ยาเสพติด 4.2 ในช่วงที่ผ่านมายังไม่สามารถตัดวงจรการค้ารายสำคัญที่อยู่ในและนอกเรือนจำ รวมถึง เจ้าหน้าที่รัฐท่ีเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดได้จากสถิติการจับกุมพบว่ากลุ่มนักค้ารายใหญ่ยังคงมีบทบาทใน การบงการการค้าอย่างต่อเน่อื ง รวมถึงกลุ่มนกั โทษรายสำคัญในเรอื นจำและเจ้าหนา้ ที่รัฐถอื เป็นตัวจักรสำคัญ ตอ่ สถานการณ์ปัญหายาเสพติดในอนาคต ชดุ วชิ า TO BE NUMBER ONE “เปน็ หนึ่งโดยไมพ่ งึ่ ยาเสพติด” สค3300166 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 52

4.3 แม้ว่ากลุ่มการค้าส่วนใหญ่มักจะใช้วธิ ีการเดิมๆ ในการซุกซ่อนยาเสพติด แต่ช่วงหลังพบการ ลักลอบขนสง่ โดยรถโดยสารประจำทาง รถไฟ บรษิ ัทขนสง่ สินคา้ การส่งทางพัสดุไปรษณียบ์ อ่ ยครั้งข้ึนจำเป็น จะต้องประสานความร่วมมือกับบริษัทไปรษณีย์ไทยจำกดั การรถไฟแห่งประเทศไทย และกรมการขนสง่ ทาง บก เพื่อกำหนดมาตรการในการป้องกัน ตรวจสอบ และพิจารณาดำเนินการเพ่ือให้เหมาะสมและสอดคล้อง กบั สถานการณท์ ่เี กดิ ขึ้น 4.4 จากการจับกุมคดีผลิตไอซ์ในช่วงปี 2552 - 2553 มีผู้ต้องหาระบุว่าได้เรียนรู้การผลิตและ สั่งซ้ือสารตั้งต้นจากอินเตอรเ์ น็ต นอกจากนี้ยังปรากฏว่ามีหลายเวบ็ ไซต์ท่ีมกี ารโฆษณาเชิญชวนและจำหน่าย ยาเสพติด หน่วยงานทีเ่ กี่ยวข้องและกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สารต้องร่วมมือกันแก้ไขอยา่ ง ใกลช้ ิด 4.5 เน่อื งจากขบวนการคา้ ยาเสพติดมีเงินจำนวนมากเข้ามาเก่ียวขอ้ ง แม้วา่ ภาครัฐจะได้มมี าตรการ ในการยดึ ทรัพย์สินและพยายามสืบสาวไปถึงผบู้ งการท่ีอยเู่ บื้องหลัง แต่การเปิดเสรดี ้านการเงินในอนาคตอาจ ส่งผลให้การดำเนินงานด้านธุรกรรมการเงนิ ของผู้ค้ามีความซับซ้อนมากข้ึน ทั้งนี้เพอื่ ปอ้ งกันหรอื ตดั ตอนมิให้ สามารถจบั กุมผู้คา้ ยาเสพตดิ รายใหญห่ รอื ผู้อยู่เบื้องหลังได้ 4.6 ในกรณีทีม่ กี ารปราบปรามยาเสพติดอย่างรนุ แรงและตอ่ เนื่องจะนำไปส่ภู าวะขาดแคลนยาเสพ ติด สภาพยาเสพติดที่หายากทำให้ราคายาเสพติดสูงขึ้น ผลของราคายาเสพติดท่ีแพงกลายเป็นแรงจูงใจให้มี คนบางกลุ่มหนั มาค้ายาเสพตดิ มากขน้ึ เพ่อื หวงั ผลกำไร 4.7 เมื่อใดที่มีการมุ่งเน้นปราบปรามยาเสพติดชนิดใดเข้มงวดมาก มีแนวโน้มจะทำให้เกิดการ หลีกเล่ียงหันไปส่ยู าเสพติดชนิดใหมเ่ กิดข้ึน เกิดการแตกตวั ของยาเสพติดขน้ึ มามากมาย (Diversification of drug) หรอื ไม่กห็ นั ไปคา้ ยาเสพติดในพืน้ ท่ีอ่นื ๆ (Displacement effect) มากยิ่งขึ้น 5. แนวโนม้ สถานการณป์ ญั หาเสพตดิ ในระดับพ้ืนท่ี จากการประมวล วิเคราะห์ และสงั เคราะห์ข้อมูลที่มีทำให้เห็นแนวโน้มปญั หายาเสพตดิ ในระดับพื้น ทีว่ า่ มคี วามรุนแรงมากข้นึ กลา่ วคือ 5.1 พนื้ ทีภ่ าคเหนือตอนบน ปริมาณยาเสพติดภายนอกประเทศยังคงมีอยู่ล้นเหลือ มียาเสพติดจำนวนมากพักรอตามแนวชาย แดนเพ่ือคอยจังหวะโอกาสท่ีจะนำเข้ามาในประเทศไทย พ้ืนท่ีนำเข้ายาเสพติดหลักยังคงเป็นพื้นที่จังหวัด เชียงใหม่และเชียงราย ถึงแม้จะได้มีการสกัดก้ันปราบปรามจับกุมการลักลอบลำเลียงยาเสพติดตามแนว ชายแดนได้มากข้นึ กต็ าม แตเ่ ชื่อว่ายงั มียาเสพติดท่ีหลดุ รอดเข้ามายงั พ้ืนทีต่ อนในไดอ้ ีกเปน็ จำนวนมากเชน่ กัน ยังพยายามลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพ้ืนท่ีชายแดนเขา้ มายงั พื้นที่ตอนในอยา่ งต่อเน่ือง เครือขา่ ยการคา้ ยา เสพติดจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นลักษณะองค์กรอาชญากรรมท่ีขยายตัวกว้างขวางย่ิงขึ้น เครือข่ายนักโทษใน เรือนจำยังคงเป็นกลุ่มหลักในการเช่ือมโยงการค้ากับกลุ่มนักค้ายาเสพติดในพื้นท่ีภาคเหนือตอนบน การค้า ระดับรายย่อยยังคงมีอย่ใู นชมุ ชนเมือง โครงสร้างการค้าและการเสพมีการขยายตวั เข้าไปในกลมุ่ เดก็ และ ชดุ วิชา TO BE NUMBER ONE “เป็นหนึง่ โดยไมพ่ ่งึ ยาเสพติด” สค3300166 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 53

เยาวชนท้ังในและนอกสถานศึกษามากข้ึน ยาเสพติดจะมีความหลากหลายมากข้ึน มีการดัดแปลงตัวยาเสพ ตดิ ในรปู แบบต่างๆ มากขน้ึ ยาบ้ายังคงเป็นตัวยาหลัก รองลงมาได้แก่ ฝ่ิน ส่วนตวั ยาทม่ี แี นวโน้มเพ่ิมขึน้ ได้แก่ ไอซ์ เฮโรอีน และสารระเหย พ้ืนท่ีกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดส่วนใหญ่เป็นที่พักอาศัยเชิงพาณิชย์ทั้งหอพัก บ้านเช่า รองลงมาได้แก่ สถานบนั เทงิ โต๊ะสน๊กุ เกอร์/โตะ๊ พนันบอล/รา้ นคา้ แอบแฝง และร้านเกมส์/อินเตอรเ์ น็ต 5.2 พ้ืนที่ภาคเหนอื ตอนล่าง พื้นที่ภาคเหนือตอนล่างเปน็ ทางผ่านของเส้นทางลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ การค้ายาเสพติดยังคงมีแนวโน้มสูงข้ึน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครือข่ายการค้าในพื้นที่อำเภอแม่สอด อำเภอพบ พระ และอำเภอวังเจ้า จังหวัดตาก อำเภอนครไทยและอำเภอชาติตระการ จังหวัดพษิ ณุโลก และอำเภอเขา คอ้ จังหวัดเพชรบูรณ์ ผูเ้ สพยกระดับขึ้นไปเปน็ ผู้ค้ารายยอ่ ยในระดบั หมบู่ ้าน/ชุมชน ยาบา้ ยังคงเป็นตัวยาหลัก ทม่ี กี ารแพรร่ ะบาด โดยเฉพาะในเขตตัวเมอื งของทุกจังหวัด 5.3 พน้ื ท่ภี าคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน สถาน การณ์ การผลิตยาเสพ ติดจากภายน อกประ เทศเพิ่มปริม าณ มากข้ึน เนื่องจากเป็น ปัจจัย ภายนอกที่ควบคุมไมไ่ ด้ เป็นเหตุใหย้ ังคงมคี วามต้องการระบายยาเสพติดจากกลุม่ ผู้ผลิตและนักค้ายาเสพติด ใน ประเทศเพื่ อน บ้าน และยังคงมีความพ ยายามลักลอบน ำเข้ายาเสพ ติดตามแน วชายแดน อยู่ตลอดเวลา สืบเนื่องจากพื้นท่ีนำเข้าทางภาคเหนือถูกกดดันอย่างหนักจากเจ้าหน้าท่ี การลักลอบนำเข้า ยาเสพติดในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีแนวโน้มเพ่ิมสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะจังหวัดเลยและ หนองคาย หมู่บ้านชุมชนตามแนวชายแดนถูกใช้เป็นแหล่งพกั ยาเสพติด ยังมีกลุ่มนักค้ารายย่อยในพ้ืนที่ตอน ในของภาค รวมทั้งกลุ่มรับจ้าง/ขนและลำเลียงยาเสพติดตามความต้องการของกลุ่มนายทุนทั้งในและนอก พื้นที่ การค้าและแพร่ระบาดยาเสพติดยังคงมีแนวโน้มเพ่ิมสงู ขนึ้ กลุม่ ผู้เสพรายใหมย่ ังคงเพิ่มสูงข้ึน กลุ่มผู้ใช้ แรงงาน ใน ภาคเก ษตร ก รรมยังมีความเชื่อ ว่าก ารเสพ ยาบ้ าสามารถช่วยให้มีแรงทำงาน ได้ ซึ่งส่งผลตอ่ รายได้ทีเ่ พิ่มขึน้ มีนกั ค้ารายย่อยในพืน้ ทเ่ี พ่มิ ขน้ึ โดยเฉพาะเยาวชนท้ังในและนอกสถานศกึ ษา 5.4 พ้ืนทภ่ี าคตะวนั ออกเฉยี งเหนือตอนล่าง พื้นท่ีแหลง่ พกั ยาเสพติดยังปรากฏในประเทศเพ่ือนบา้ น (สปป.ลาว) ทำให้มีการลักลอบนำเข้าผา่ น มาทางพื้นท่ีชายแดน และพักไว้ตามหมู่บ้านแนวชายแดน ยาเสพติดท่ีลักลอบนำเข้าพบทั้งยาบ้า ไอซ์ และ กัญชาแห้ง การค้าและแพร่ระบาดของยาเสพติดยังคงมอี ยู่โดยเฉพาะในเขตพื้นท่อี ำเภอเมืองและอำเภอขนาด ใหญ่ในจังหวัด โดยยาบ้า กัญชา สารระเหย และไอซ์ ยังคงพบการแพร่ระบาดมากในพื้นท่ีผู้เสพรายใหม่ (มีการใช้ยาเสพติดระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี) มีอัตราสูงเฉลี่ยร้อยละ 10.36 กลุ่มเยาวชน ที่ไม่อยู่ในระบบ การศึกษาจะมีความเสยี่ งสูงตอ่ การเขา้ ไปเก่ียวข้องกับยาเสพตดิ มากกวา่ กลุ่มที่อยใู่ นระบบการศึกษาถึง 5 เทา่ 5.5 พน้ื ที่ภาคกลาง กลมุ่ ผลิตอัดเมด็ ยาบ้ายงั คงสร้างตัวแทนใหม่ทดแทนบุคคลในเครือข่ายท่ีถกู จับกุมไปแล้วอยา่ ง ตอ่ เน่อื ง การคา้ ยาเสพติดรายสำคัญระดบั ภาค ระดบั จงั หวัด แม้จะมีปฏิบัติการและจับกุมไปแลว้ หลายราย ชุดวชิ า TO BE NUMBER ONE “เปน็ หน่งึ โดยไมพ่ ึง่ ยาเสพติด” สค3300166 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย 54

แตเ่ ครือขา่ ยการคา้ ยังคงสามารถจัดหายาเสพตดิ ทุกชนดิ ไดจ้ ากพ้นื ทช่ี ายแดน ซุกซอ่ นลำเลียง และพักยาเสพ ติดในพ้นื ทป่ี ริมณฑล เพอ่ื นำสง่ ปลายทางได้อยา่ งตอ่ เนือ่ ง โดยพบว่าสว่ นใหญเ่ ชอ่ื มโยงกับผตู้ ้องขัง และนายทุนทุกภาคยาบ้ายังคงเป็นตัวยาท่ีแพร่ระบาดหลัก และมีปริมาณมากทำให้ผู้เสพผู้ติดหาซื้อได้ง่าย ด้วยราคาท่ีไม่สูงขึ้น เฉลี่ยเม็ดละไม่เกิน 200 บาท เด็กและเยาวชนที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด มีแนวโน้มมากข้ึนและมีสัดส่วนกระทำผิดซ้ำเพ่ิมข้ึนต่อเน่ือง พ้ืนที่เศรษฐกิจสำคัญมีการขยายตัวของ ภาคอุตสาหกรรมในเขตปริมณฑล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดสระบุรี โดยมีจำนวนโรงงานและ แรงงานเข้าสพู่ นื้ ที่เพิม่ ข้นึ 5.6 พ้นื ทภ่ี าคตะวนั ออก ยงั มีการนำเข้ายาเสพติดจากประเทศเพอ่ื นบ้าน การค้าและแพร่ระบาดในพนื้ ท่สี ่วนใหญ่อยใู่ นเขต พืน้ ที่ชุมชนเมอื ง พ้ืนที่ท่องเที่ยว และพื้นท่ีนิคมอุตสาหกรรม กลุ่มผู้เสพท่ีพัฒนาตัวเองเป็นผคู้ ้ารายย่อย การ แพร่ระบาดยาเสพติดส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ท้ังการรับจ้างท่ัวไป ลูกจ้างในภาคเกษตรและ อุตสาหกรรม ว่างงาน ค้าขาย และเยาวชนทั้งในสถานศึกษาและนอกสถานศึกษา ยาเสพติดท่ีแพร่ระบาด ไดแ้ ก่ ยาบา้ ไอซ์ กญั ชา และพชื กระท่อม 5.7 พ้นื ที่ภาคตะวันตก พ้ื น ที่ ภ า ค ต ะ วั น ต ก ยั ง ค ง ถู ก ใช้ เป็ น พื้ น ที่ พั ก ย า เส พ ติ ด แ ล ะ ก ร ะ จ า ย ย า เส พ ติ ด ไ ป ยั ง พ้ื น ท่ี กรุงเทพมหานครและปริมณฑล กลุ่มเครือข่ายการค้ายาเสพติดในพื้นที่ภาคตะวันตกเป็นเส้นทางในการ ลักลอบลำเลียงยาเสพติดทั้งจากภาคเหนือ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ลงสู่พื้นท่ีภาคใต้ การ พัฒนาขยายเส้นทางถนนหมายเลข 87 จากอำเภอพญาตองซู สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมารเ์ ช่ือมต่อกับ ถนนสายหลักหมายเลข 8 และการเปิดช่องทางชายแดนด้านบ้านพนุ ้ำร้อนอำเภอเมอื งจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อ รองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจการค้าของโครงการทวายส่งผลให้การลักลอบนำเข้ายาเสพติดตามแนว ชายแดนดา้ นอำเภอสังขละบุรี จงั หวดั กาญจนบรุ ี มีแนวโน้มเพิ่มขน้ึ กลุ่มผู้เก่ยี วขอ้ งรายใหม่ท้งั ผู้ค้าและผเู้ สพ ยังคงเป็นปัญหาหลัก มีกลมุ่ แรงงานต่างดา้ วบุคคลสามสัญชาติเขา้ มากระทำความผิดเก่ียวกับยาเสพติดทั้งคดี คา้ และคดีเสพมากขนึ้ 5.8 พ้ืนทก่ี รุงเทพมหานคร เครือข่ายการค้ายาเสพติดยังคงนำยาเสพติดท่ีมีปริมาณมากมาพักคอยในพ้ืนท่ีกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลเพ่ือนำไปจำหน่ายใหก้ ับผู้ค้าระดับกลางและรายย่อยในชุมชน นักคา้ รายกลางและรายสำคัญท่ี ยังไม่ถูกจับกุมยังอยู่ในพื้นที่และยังมีการเคลื่อนไหวอยู่อย่างต่อเน่ือง กลุ่มนักค้ายาเสพติดท่ียังคงมีบทบาท สำคัญได้แก่เครือข่ายนักโทษในเรือนจำ กลุ่มนักค้ารายเก่า ยังมีเจ้าหน้าที่รัฐท่ีเข้าไปมีผลประโยชน์และ เก่ียวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดในพ้นื ที่กลุ่มการค้ายาเสพติดใหม่ๆ เกิดข้ึนอย่างต่อเน่ืองโดยเฉพาะผูเ้ สพ พฒั นาตนเองเป็นนักคา้ รายใหมย่ ังมพี ้ืนทเ่ี ส่ียงมากมายหลายแหล่งทเ่ี อื้ออำนวยต่อการแพร่ระบาดของยาเสพ ตดิ อย่างเช่น สถานบริการ สถานบันเทงิ หอพัก ที่พักอาศัยเชิงพาณิชย์ ร้านเกมส์ อินเตอรเ์ นต็ และมีปัจจัย เสย่ี งหลายประการทนี่ ำไปสู่วงจรปญั หายาเสพติด ชุดวิชา TO BE NUMBER ONE “เป็นหน่ึงโดยไม่พ่งึ ยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย 55

ยังมีชุมชน ที่เป็นแหล่งจำหน่ายและแพร่ระบาดยาเสพติดกระจายครอบคลุมทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 621 ชุมชน หรือร้อยละ 30 ของชุมชนท้ังหมดในพื้นท่ีกรุงเทพมหานคร นอกจากนั้นพ้ืนที่ กรุงเทพมหานคร ยังถูกใช้ในการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากประเทศไทยไปยังตลาดต่างประเทศและ นำยาเสพติดจากตา่ งประเทศเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยอีกด้วย 5.9 พืน้ ทีภ่ าคใตต้ อนบน ยังคงมีความเคล่ือนไหวของเครือข่ายการค้ายาเสพติดที่เช่ือมโยงกับเครือข่ายภาคเหนือและ ภาคใต้อย่างต่อเนื่อง ผู้เสพรายใหม่ยังมีโอกาสเกิดขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากน้ันพ้ืนที่ภาคใต้ตอนบน ยังเป็นพื้นที่ที่มีชาวต่างชาติเข้ามาจำนวนมาก ท้ังการเข้ามาท่องเที่ยวและการเข้ามาทำงาน โดยเฉพาะ แรงงานชาวพม่าซึ่งพบการเข้ามากระทำผิดในคดียาเสพติดมากกว่าสญั ชาตอิ น่ื ๆ 5.10 พืน้ ทภ่ี าคใต้ตอนลา่ ง ยงั คงมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ และภาคกลางเข้าสู่ พื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง การค้าและแพร่ระบาดมีแนวโน้มเพิ่มข้ึน โดยเฉพาะในเขตพ้ืนท่ีอำเภอเมืองและเมือง สำคัญ เช่น อำเภอสุไหงโก–ลก จังหวัดนราธิวาส อำเภอสะเดาและหาดใหญ่จังหวัดสงขลา มีการลักลอบ นำเข้ายาเสพติด โดยเฉพาะ Club Drugs และไอซ์จากประเทศมาเลเซีย ส่วนมากนำเข้ามาเสพเพื่อการไป เท่ี ยวใน สถาน บริก าร/ สถาน บัน เทิง ตัวยาที่ แพ ร่ระบ าดห ลัก ยังคงเป็น ยาบ้ า รองลงมาคือ พืชกระท่อม ไอซ์ กญั ชาแหง้ และเฮโรอีน 2. สาเหตุการตดิ ยาเสพติด 1. สาเหตุทีเ่ กิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จำแนกตามการออกฤทธ์ิต่อระบบประสาท แบ่งเป็น 4 ประเภท 1.1 อยากทดลอง เกดิ จากความอยากรู้อยากเห็นซ่ึงเปน็ นสิ ัยของคนโดยทว่ั ไป และโดยที่ไม่ คดิ วา่ ตนจะตดิ ส่งิ เสพติดน้ีได้จึงไปทำการทดลองใชส้ ิ่งเสพตดิ นั้น ในการทดลองใช้ครง้ั แรกๆ อาจมีความรู้สกึ ดี หรือไมด่ ีกต็ าม ถ้ายังไมต่ ิดสิ่งเสพติดนนั้ ก็อาจประมาท ไปทดลองใช้สง่ิ เสพติดน้ันอกี จนใจท่ีสดุ กต็ ิดสิ่งเสพย์ ติ ด นั้ น ห รือ ถ้ าไป ท ด ล อ งใช้ ส่ิงเส พ ย์ติ ด บ างช นิ ด เช่ น เฮ โร อี น แ ม้ จ ะ เส พ เพี ย งค รั้งเดี ย ว กอ็ าจทำใหต้ ิดได้ 1.2 ความคึกคะนอง คนบางคนมีความคึกคะนอง ชอบพูดอวดเก่งเป็นนิสัย โดยเฉพาะ วัยรุ่นมักจะมีนิสัยดังกล่าว คนพวกนี้อาจแสดงความเก่งกล้าของตน ในกลุ่มเพ่ือนโดยการแสดงการใช้ ส่ิงเสพติดชนิดต่างๆ เพราะเห็นแก่ความสนุกสนาน ต่นื เต้น และให้เพอื่ นฝูงยอมรบั ว่าตนเก่ง โดยมไิ ด้คำนงึ ถึง ผลเสยี หาย หรือ อนั ตรายทจี่ ะเกิดข้นึ ภายหลงั แตอ่ ยา่ งไร ในทส่ี ุดตนเองก็กลายเปน็ คนตดิ ส่ิงเสพตดิ นัน้ 1.3 การชักชวนของคนอื่น อาจเกิดจากการเชื่อตามคำชักชวนโฆษณาของผู้ขายสินค้า ท่ีเป็นส่ิงเสพติดบางชนิด เช่น ยากระตุ้นประสาทต่างๆ ยาขยัน ยาม้า ยาบ้า เป็นต้น โดยผู้ขายโฆษณา สรรพคุณของส่ิงเสพติดนั้นว่ามีคุณภาพดีสารพัดอย่าง เช่น ทำให้มีกำลังวังชา ทำให้มีจิตใจแจ่มใส ทำให้ มีสุขภาพดี ทำให้มีสติปัญญาดี สามารถรักษาโรคได้บางชนิด เป็นต้น ผู้ที่เชื่อคำชักชวนโฆษณาดังกล่าว ชดุ วิชา TO BE NUMBER ONE “เป็นหนึง่ โดยไม่พงึ่ ยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 56

จึงไปซ้ือตามคำชักชวนของเพื่อนฝูง ซึ่งโดยมากเป็นพวกที่ติดส่ิงเสพติดนั้นอยู่แล้ว ด้วยความเกรงใจเพื่อน หรือ เชื่อเพอ่ื น หรอื ต้องการแสดงว่าตัวเป็นพวกเดียวกบั เพื่อน จึงใชส้ ่งิ เสพตดิ นนั้ 2. สาเหตทุ ี่เกิดจากการถูกหลอกลวง ปจั จุบันนี้มีผู้ขายสินค้าประเภทอาหาร ขนม หรือเคร่ืองดื่มบางรายใช้สง่ิ เสพตดิ ผสมลงในสินค้าท่ีขาย เพื่อให้ผู้ซื้อสินค้าน้ันไปรับประทานเกิดการติด อยากมาซ้ือไปรับประทานอีก ซ่ึงในกรณีน้ี ผู้ซ้ืออาหารนั้นมา รับประทาน จะไม่รู้สึกว่าตนเองเกิดการติดสิ่งเสพติดข้ึนแล้ว รู้เพียงว่าอยากรับประทานอาหาร ขนม หรือ เคร่ืองดื่มที่ซอื้ จากร้านนั้น ๆ กว่าจะทราบก็ต่อเม่ือตนเองรสู้ ึกผิดสังเกตตอ่ ความตอ้ งการจะซอ้ื อาหารจากร้าน นนั้ มารับประทาน หรือตอ่ เมอ่ื มอี าการเสพติดรนุ แรง และมีสุขภาพเสือ่ มลง 3. สาเหตุที่เกดิ จากความเจ็บปว่ ย 3.1 คนท่ีมีอาการเจ็บป่วยทางกายเกิดขึ้นเพราะสาเหตุต่างๆ เช่นได้รับบาดเจ็บรุนแรง เป็นแผล เร้ือรังมีความเจ็บปวดอยู่เป็นประจำ เป็นโรคประจำตัวบางอย่าง เป็นต้น ทำให้ได้รับทุกข์ทรมานมาก หรือ เป็นประจำ จงึ พยายามแสวงหาวิธีท่ีจะช่วยเหลือตนเองให้พน้ จากความทุกข์ทรมานนนั้ ซึ่งวิธหี นึ่งที่ทำไดง้ ่าย คือการรบั ประทานยาท่มี ฤี ทธ์ิระงับอาการเจบ็ ปวดนัน้ ได้ ซงึ่ ไม่ใชเ่ ป็นการรกั ษาท่ีเปน็ ตน้ เหตุของความเจบ็ ป่วย เพียงแต่ระงับอาการเจ็บปวดให้หมดไปหรือลดน้อยลงได้ชั่วขณะ เมื่อฤทธิ์ยาหมดไปก็จะกลับเจ็บปวดใหม่ ผูป้ ่วยก็จะใชย้ านนั้ อกี เมอื่ ทำเช่นนไ้ี ปนานๆ เกิดอาการตดิ ยานั้นขนึ้ 3.2 ผู้ที่มีจิตใจไม่เป็นปกติเช่น มีความวิตก กังวล เครียด มีความผิดหวังในชีวิต มีความเศร้าสลด เสียใจ เป็นต้น ทำให้สภาวะจิตใจไม่เป็นปกติจนเกิดการป่วยทางจิตขึ้น จึงพยายามหายาหรือส่ิงเสพติดที่มี ฤทธิ์สามารถคลายความเครียดจากทางจิตได้ชั่วขณะหน่ึงมารับประทาน แต่ไม่ได้รักษาท่ีต้นเหตุเม่ือยาหมด ฤทธ์ิ จติ ใจก็จะกลบั เครียดอีก และผปู้ ่วยก็จะเสพสง่ิ เสพตดิ ถา้ ทำเช่นนี้ไปเร่ือยๆ ก็จะทำใหผ้ ู้นั้นติดยาเสพติด ในทีส่ ดุ 3.3 การไปซ้ือยามารบั ประทานเองโดยไม่ทราบสรรพคณุ ยาทีแ่ ทจ้ ริงขนาดยาท่ีควรรับประทาน การ รับประทานยาเกินจำนวนกว่าที่แพทย์ได้ส่ังไว้ การรับประทานยาบางชนิดมากเกินขนาด หรือรับประทาน ตดิ ต่อกนั นานๆ บางครงั้ อาจมีอาการถึงตายได้ หรอื บางครั้งทำให้เกิดการเสพตดิ ยาน้นั ได้ 3.4 สาเหตุอ่ืนๆ การอยู่ใกล้แหล่งขายหรือใกล้แหล่งผลิต หรือ เป็นผู้ขายหรือผู้ผลิตเอง จึงทำให้มี โอกาสตดิ สิง่ เสพติดใหโ้ ทษนั้นมากกวา่ คนทว่ั ไป เมือ่ มีเพ่ือนสนิทหรอื พีน่ อ้ งทตี่ ิดสิ่งเสพติดอยู่ ผู้นั้นยอ่ มได้เห็น วิธีการเสพ ของผู้ที่อยู่ใกล้ชิด รวมทั้งใจเห็นพฤติกรรมต่างๆ ของเขาด้วย และยังอาจได้รับคำแนะนำหรือ ชักชวนจากผเู้ สพด้วย จงึ มีโอกาสตดิ ได้ (1) คนบางคนอยู่ในสภาพที่มีปัญหา เช่น ว่างงาน ยากจน ค่าใช้จ่ายเพ่ิมโดยมีรายได้ลดลง หรือคงท่ี มีหนีส้ ินมาก ฯลฯ เม่ือแกป้ ญั หาตา่ ง ๆ เหล่านไี้ มไ่ ดก้ ็หันไปใช้สงิ่ เสพตดิ ชว่ ยผ่อนคลายความร้สู ึก ใน ความทุกข์ยากตา่ งเหลา่ น้ี แม้จะรู้ว่าเป็นชั่วครู่ชัว่ ยามก็ตาม เช่น กลุ้มใจทีเ่ ป็นหนค้ี นอ่ืนก็ไปกินเหลา้ หรือ สูบ กัญชาให้เมาเพื่อทจี่ ะไดล้ มื เรื่องหนส้ี นิ บางคนต้องการรายไดเ้ พมิ่ ข้ึน โดยพยายามทำงานใหห้ นัก และ มากข้ึน ชุดวชิ า TO BE NUMBER ONE “เปน็ หนง่ึ โดยไม่พงึ่ ยาเสพติด” สค3300166 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย 57

ทง้ั ๆ ท่ีรา่ งกายออ่ นเพลยี มากจึงรับประทานยากระตุ้นประสาทเพ่ือให้สามารถทำงานตอ่ ไปได้ เป็นต้น ถ้าทำ อยู่เปน็ ประจำทำให้ติดส่งิ เสพตดิ นนั้ ได้ (2) การเลียนแบบ การที่ไปเห็นผู้ท่ีตนสนิทสนมรักใคร่หรือเพ่ือน จึงเห็นว่าเป็นส่ิงน่าลอง เป็นสิง่ โก้เก๋เปน็ สิง่ แสดงความเป็นพวกเดียวกนั จงึ ไปทดลองใชส้ ิง่ เสพยต์ ดิ น้ันจนติด (3) คนบางคนมีความผิดหวังในชีวิตตนเอง ผิดหวังในชีวิตครอบครัว หรือผิดหวังในชีวิต สงั คม เพื่อเปน็ การประชดตนเองหรอื คนอน่ื จึงไปใช้สงิ่ เสพติดจนติด ท้ังๆ ทที่ ราบวา่ เปน็ สิ่งไมด่ ี ก็ตาม 3.ผลกระทบของยาเสพตดิ ในปจั จบุ ัน 3.1 โทษของการติดยาเสพตดิ 3.1.1 โทษต่อรา่ งกายและจติ ใจ 1.ทำลายประสาทสมอง จิตใจเส่ือม ซึมเศร้า กังวล เล่ือนลอย และเป็นโรคจิตจากพิษยา นัน้ ๆ 2.เสยี บุคลิกภาพ ขาดความสนใจตนเอง ขาดสตสิ มั ปชญั ญะ 3.รา่ งกายซูบซีด อ่อนเพลยี 4.พิษยาทำลายอวัยวะต่างๆ ใหเ้ ส่ือมลง มโี รคแทรกได้งา่ ย 5.ประสบอุบัตเิ หตุไดง้ ่าย เพราะการควบคุมทางกล้ามเนื้อและระบบประสาทบกพร่องโทษ ต่อครอบครวั 6.ขาดความรบั ผดิ ชอบต่อครอบครวั และญาติพ่นี ้อง 7.เสียทรพั ย์ท่จี ะตอ้ งซอ้ื ยามาเสพ และรกั ษาตวั 8.ขาดหลักประกันของครอบครัว ทำงานไม่ได้ ไม่เปน็ ท่ีวางใจ ของคนท่ัวไป นำภัยมาสู่บุตร ภรรยา ญาติพ่ีนอ้ ง 3.2 โทษตอ่ สงั คม 1.เป็นภยั ตอ่ สงั คม 2.มีโอกาสเป็นอาชญากรประเภทลักขโมยได้ง่ายเน่ืองจากมีรายจ่ายสูงโทษต่อสว่ นรวมและ ประเทศชาติ 3.เป็นภัยอันตรายต่อผู้อื่น ชุมชนและประเทศชาติ เพิ่มงบประมาณของประเทศในการ ป้องกนั ปราบปรามและบำบดั รกั ษา 4.สง่ ผลกระทบต่อเศรษฐกจิ และวฒั นธรรมของประเทศ ชดุ วชิ า TO BE NUMBER ONE “เปน็ หนงึ่ โดยไมพ่ ง่ึ ยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 58

4. แนวทางการป้องกนั การแพร่ระบาดของสารเสพตดิ ปัญหายาเสพติดเกิดขึ้นได้เพราะมีสถานการณ์สองอย่างประกอบกนั คือ มผี ู้ต้องการใชย้ าอยู่ในสังคม (Demand) กับมียาเพ่ือตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ (Supply) ซึ่งองค์ประกอบทั้งสองน้ี ต่างฝ่ายต่าง สง่ เสริมสนบั สนุนซ่ึงกนั และกันแบบลูกโซ่ ดังน้ันการแก้ไขปัญหายาเสพติด จงึ ตอ้ งดำเนนิ การกับองค์ประกอบ ท้ังสองอย่างไปพรอ้ มๆกนั คือจะต้องลดปริมาณความต้องการยาเสพตดิ ลงในขณะเดยี วกันก็จะตอ้ งลดปรมิ าณ ของยาเสพติดในตลาดด้วย ในทางปฏิบัติระหว่างมาตรการสองอย่างน้ี ดูเหมือนว่ามาตรการลดความต้องการ จะไดร้ ับความสนใจน้อยกวา่ เพราะคนสว่ นใหญ่จะนกึ ถึงการลดปริมาณยาในตลาดเสียมากกวา่ ปญั หายาเสพ ติด คือ ปัญหาท่ีเกิดจากการใช้ยาเสพติดหรือใช้ยาในทางที่ผิดซ่ึงเป็นปัญหาพฤติกรรมของมนุษย์อัน เนอื่ งมาจากความคาดหวงั ท่จี ะไดร้ ับประโยชน์จากฤทธ์ขิ องยาหรือจากความคิดที่จะอาศัยฤทธยิ์ าเป็นทพ่ี ึ่งใน สถานการณ์ต่างๆ องคป์ ระกอบสำคัญของปัญหาคอื ยากับคน เป็นองค์ประกอบหลัก โดยมีแรงจูงใจให้ใช้ยา กบั โอกาสท่ีเอ้ือต่อการใช้ยาเป็นองคป์ ระกอบเสริมถา้ องค์ประกอบอย่างใดอย่างหน่ึงขาดไปปัญหาเสพตดิ จะ ไม่เกิดข้ึน มีแต่คนแต่ไม่มียา หรือมีแต่ยาแต่ไม่มีคนใช้ยา ปัญหาไม่เกิด หรอื มีคนมียาแต่ไม่มีแรงจูงใจให้คน เอายามาใช้ ปัญหาไมเ่ กิด หรือแม้จะมแี รงจูงใจ ให้ใช้ยา มีคนท่ีอยากใชย้ า และมียาให้ใช้ แต่ไมม่ ีโอกาสจะใช้ เช่นสถานที่ไม่เหมาะสม ไม่มีอุปกรณ์ มตี ำรวจตรวจตราเข้มงวด หรืออยู่ในสายตาพอ่ แม่ ครอู าจารย์การใช้ยา จะเกิดข้นึ ไม่ได้ ปัญหายาเสพติดไม่เกิด ดงั น้นั การป้องกันปญั หายาเสพตดิ จึงได้แกก่ ารป้องกนั พฤตกิ รรมการใชย้ าของมนุษย์ท่เี กิดจากการคิด พึ่งยาและหวังผลจากฤทธิ์ยาน้ันเอง ซึ่งบุคคลในข่ายท่ีต้องป้องกันไม่ให้ทำพฤติกรรมใช้ยาเสพติดอาจแบ่ง ออกเป็น 3 กลมุ่ ดว้ ยกนั คอื 1. กลุม่ ทยี่ ังไม่เคยใช้ยาและยงั ไม่เร่ิมใช้ยา 2. กลุ่มที่เคยใช้ยาซ่ึงจำแนกออกได้เป็นพวกท่ีเคยลองใช้แล้วเลิก พวกท่ีใช้เป็นครั้งคราว พวกท่ีใช้ บ่อยๆ เป็นประจำแต่ยังไม่ถึงขน้ั ตดิ ยา และพวกตดิ ยาใชย้ าแลว้ 3. กลุ่มท่ีใช้ยาเป็นประจำหรอื ติดยาทีผ่ ่านการบำบดั รักษาและเลกิ ใช้ยาตดิ ยามาแล้ว เนือ่ งจากบุคคลทั้งสามกลุ่มทีก่ ล่าวมานี้มโี อกาสทจ่ี ะเปน็ ผู้ใช้ยา และติดยาในอนาคตได้ เช่นเดียวกนั กจิ กรรม ของข่ายงานป้องกันจึงจำเป็นต้องครอบคลุมบุคคลท้ังสามกลุ่ม โดยท่ีผู้ดำเนินงานป้องกัน เป้าหมายแต่ละ ชุดวชิ า TO BE NUMBER ONE “เปน็ หนง่ึ โดยไมพ่ ่งึ ยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย 59

กลุ่มจะต้องกำหนดมาตรการและวิธีการใช้แตกต่างกันออกไป เพื่อให้เหมาะสมกับลักษณะเฉพาะของ เป้าหมายแตล่ ะกลมุ่ ลักษณะงานดา้ นป้องกนั (Prevention) จึงมี 3 ระดับดว้ ยกันคอื การป้องกนั ขั้นพ้ืนฐาน (Primary Prevention) การปอ้ งกนั ขน้ั ทีส่ อง (Secondary Prevention) การปอ้ งกันขั้นที่สาม (Tertiary Prevention) 1. การป้องกนั ขัน้ พืน้ ฐาน (Primary Prevention) การป้องกันพ้ืนฐานหรือบางคนเรยี กว่าการป้องกันเบ้ืองต้น หมายถึง การดำเนินการใด ๆ เพื่อสร้าง ภูมิคุ้มกันให้เยาวชนปิดประตูที่จะนำไปสู่การใช้ยาเสพติดอย่างถาวร ให้เยาวชนตัดสินใจด้วยตนเอง ที่จะไม่ใช้ยาเสพติด ไม่คิดจะเส่ียงทดลอง เป็นการมุ่งป้องกันคนส่วนใหญ่ของแผ่นดินไม่ให้เข้าไป หายาเสพติด เป็นการปอ้ งกนั อย่างถาวร งานป้องกันข้ันพื้นฐานจึงนับเป็นงานที่มีความสำคัญท่ีสุด และเป็นกุญแจสำคัญนำไปสู่ความสำเร็จ ของการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของชาติ แตใ่ นขณะเดียวกนั เปน็ งานที่มีความสลับซับซอ้ นทำได้ยาก เพราะเป็นงานที่เก่ียวข้องกับการวางรากฐานให้กับคนส่วนใหญ่ของประเทศ ซ่ึงต้องเร่ิมปลูกฝังต้ังแต่ยัง เยาวว์ ยั ต่อเนอื่ งกนั ไปจนพน้ วัยเรยี น โดยอาศัยความรว่ มมอื จากหลายฝ่ายให้ชว่ ยกันทำ 2. การป้องกนั ขน้ั ทสี่ อง (Secondary Prevention) การป้องกนั ขั้นท่สี องนใี้ ชก้ ันในความหมายท่แี บ่งเป็น 2 นยั นัยหนง่ึ หมายถึง การป้องกันโดยทางอ้อม ซ่ึงหมายถึงการกระทำใดๆ ท่ีเป็นการขัดขวางไม่ให้ยาเข้าไปสู่คน โดยมีจุดมองที่เริ่มจากตัวยาเสพติดท่ีเป็น ปญั หาหลัก ซ่ึงตรงกันข้ามกับการป้องกันขั้นพื้นฐานที่มุ่งป้องกันไม่ให้คนเขา้ ไปหายา ด้วยการมองภาพท่ีคน เป็นจดุ ต้ังตน้ ดังนั้นการป้องกันขั้นที่สองตามความหมายนี้จึงครอบคลุมถึงงานเกี่ยวกับการปราบปรามยึดอายัด เผาทำลายยาเสพติด การสกัดกั้น การตรวจเข้ม การตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด การส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้า ไปประจำทำการสอดแนมในโรงเรียน รวมถึงมาตรการตรวจจับจำแนกเพื่อแยกผู้ใช้ยาเสพติดไปรับการ บำบัดรักษาฟื้นฟู หรือป้องกันไม่ให้ผู้ติดยาสามารถเผยแพร่ยาเสพติดไปสู่ผู้ไม่ใช้เสพติดด้วย ส่วนอีกนัยหนึ่ง เป็นความหมายที่มักใช้กันในวงการของผ้มู ีอาชีพแนะแนว ในความหมายของการดำเนินการช่วยเหลือให้ผู้ที่ เคยลองใช้ยาเสพติด หรือผู้ท่ีใช้ยาเสพติดชนิดใดชนิดหน่ึงเป็นคร้ังคราวหรือใช้บ่อยๆ แต่ยังไม่ติดยา ให้ ปรบั เปล่ียนพฤติกรรมเลิกใช้ เลิกเกี่ยวข้องกบั ยาเสพติดชนิดนั้นๆ เป็นมาตรการแยกคนออกจากยา หรือดึง คนติดยาออกจากยาเสพติดด้วยมาตรการแนะแนวให้คำปรึกษาและจิตเวชบำบัด เป็นการป้องกันที่เน้นการ สกัดก้ันเพอ่ื หยุดย้ังพฤติกรรมการใช้ยาเสพติดของกลุ่มผทู้ ี่ใช้ยาเสพติดหรือมีประสบการณ์เกยี่ วข้องกบั ยาเสพ ติดมาแลว้ ชดุ วชิ า TO BE NUMBER ONE “เปน็ หน่ึงโดยไมพ่ ง่ึ ยาเสพติด” สค3300166 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย 60

3. การปอ้ งกันขนั้ ท่ีสาม (Tertiary Prevention) การป้องกันข้ันที่สามคือการป้องกันการติดซ้ำ (Relapse) เป็นมาตรการท่ีใช้สำหรบั ผ้ตู ิดยาเสพติดท่ีได้รบั การ บำบัดรกั ษาดว้ ยการถอนพิษยาแล้วไม่ให้กลับไปติดยาซำ้ ใหม่อีก เป็นมาตรการเสริมทส่ี นบั สนุนมาตรการทาง การแพทย์ เพื่อให้ผู้ป่วยท่ีได้รับการรักษาให้หายขาดจากยาแล้วอยู่อย่างปลอดภัยจากยาเสพติด ได้ยาวนาน ข้นึ กอ่ นที่จะหวนกลบั ไปติดยาอีก การป้องกันขั้นที่สามจะอาศัยมาตรการทุกชนิดที่มุ่งให้ผู้ติดยาหายจากอาการติดยาทางจิตด้วย มาตรการฟื้นฟูจิตใจ (Rehabilitation) ด้วยวิธีจิตเวชบำบัด (Psychological therapy) การให้คำปรึกษา (Social counseling) กลุ่มบำบัด (Group therapy) และนันทนาการบำบัด (Recreational therapy) เป็น ตน้ การป้องกันผู้ติดยาเสพติดท่ีบำบัดแล้วไม่ให้กลับไปติดยาใหม่อีกถือเป็นส่วนหน่ึงของงานด้านการ ปอ้ งกนั ท่ีมงุ่ ลดความตอ้ งการยาลงดว้ ยการสกัดกน้ั ไมใ่ หก้ ลับไปใช้ยาอีกซ่ึงจะเป็นการป้องกนั ไม่ให้พวกเขานำ ยาไปเผยแพร่ต่อใหค้ นอนื่ ได้ด้วย โดยสรุปแล้ว การป้องกันข้ันพื้นฐาน นนั้ เป็นการป้องกันมใิ ห้มีการทดลองใช้ยา การใช้ยาในทางทผ่ี ิด หรือมิให้มผี ู้เสพตดิ รายใหม่ๆ เกิดข้ึน การปอ้ งกันข้ันทีส่ องเป็นการเรง่ รบี นำผทู้ ่ีติดยาแล้วไปบำบัดรักษา และ การที่จะทำการป้องกันการเสพติดได้อย่างมีประสิทธิภาพน้ันจำเป็นต้องมีความเข้าใจในสาเหตุและ องคป์ ระกอบของปัญหาการเสพตดิ เสียก่อน องคป์ ระกอบทท่ี ำให้เกิดการติดยาน้ัน ไดแ้ ก่ คน ยา และปจั จยั ที่ เออ้ื อำนวยใหม้ กี ารตดิ ยา การวางแผนแก้ไขและปอ้ งกัน จึงจำต้องศึกษาหาสาเหตุเฉพาะและใหก้ ารปอ้ งกันให้ ตรงกับสาเหตุหลัก ดงั นั้นการป้องกันการเสพติดทเ่ี จาะจงถึงสาเหตนุ ้นั มีแนวทาง 3 แนวทาง ได้แก่ 1. การป้องกันในวงกว้าง เป็นการป้องกันโดยเน้นเป้าหมายที่สังคมโดยทั่วไปมุ่งสร้างสังคมให้ ตระหนักถึงพิษและภัยของยา ลดความต้องการของสังคม และลดการตอบสนองของยาเสพติด ซ่ึงการ ดำเนินงานมีหลายรูปแบบ เชน่ การพัฒนาสขุ ภาพ การสร้างเสริมศีลธรรม การใช้กฎหมาย การพัฒนาสังคม ฯลฯ กลวธิ ขี องการปอ้ งกันในแนวกวา้ ง ไดแ้ ก่ 1.1 การใหก้ ารศึกษา ในการถา่ ยทอดความรู้ เพือ่ ให้เกิดการเรยี นรูท้ กั ษะและประสบการณใ์ นการ สร้างคุณภาพชีวติ และการไมพ่ งึ่ พายาเสพตดิ โดยเนน้ ถึงการพฒั นาตนเองและจิตใจให้มคี วามเชื่อม่ันว่าตนเอง มีคุณคา่ สร้างสุขนสิ ัย และฝกึ ทักษะในการประกอบอาชพี 1.2 การให้ข้อมูลและข่าวสาร เป็นการให้ข้อมูลและข่าวสารทถี่ ูกต้องของปัญหายาเสพติด เพื่อให้ ชุมชนได้วเิ คราะห์ เลือกข้อมลู และตัดสนิ ใจด้วยตนเองในการนำไปใช้ใหเ้ กดิ ประโยชน์ต่อตนเอง 1.3 การจัดกจิ กรรมทางเลือก ด้วยการสง่ เสริมและสนับสนนุ ให้เกิดกจิ กรรมต่าง ๆ ทเี่ หมาะสมกับ พื้น ฐาน ขอ งบุ คคลแ ละ ชุมช น เพ่ื อเป็น ท าง เลื อกใน ก าร ใช้เว ลาช่ว ยเบี่ ยงเบ น ค วาม สน ใจจากพ ฤติ กร ร ม ที่ไมเ่ หมาะสมและเปน็ การชว่ ยพฒั นาทัง้ รา่ งกายและจิตใจ ชุดวชิ า TO BE NUMBER ONE “เป็นหน่ึงโดยไมพ่ ง่ึ ยาเสพติด” สค3300166 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย 61

2. การป้องกันในวงแคบ มุ่งเน้นเฉพาะบุคคลบางกลุม่ หรือชุมชนบางแห่งที่เสี่ยงต่อปัญหาการเสพ ตดิ กลวิธีในการดำเนินงาน การป้องกนั ในวงแคบ ไดแ้ ก่ 2.1 การฝึกอบรม เป็นการฝกึ อบรมแกก่ ลมุ่ แกนนำและกลมุ่ ประชาชนใหม้ ีความรู้ด้านการปอ้ งกัน การเสพตดิ การใช้ยาในทางทีถ่ กู โดยมีจดุ ประสงค์ให้กลุ่มแกนนำประยกุ ตค์ วามร้นู ้ันไป ปฏิบัติในชุมชนให้สอดคล้องกับสภาพของท้องถ่ิน สว่ นกลุ่มประชาชนนนั้ ให้มีความรู้และมีพฤติกรรมต่อต้าน การเสพตดิ โดยตรง 2.2 การรณรงค์ เปน็ การเผยแพร่ขา่ วสารโดยการระดมส่ือต่าง ๆ ภายใตข้ อบเขตทีก่ ำหนดไว้ ให้ ประชาชนเกิดการตื่นตวั ตระหนักถงึ ปัญหาและเขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการแกป้ ญั หา 2.3 การปฏิบัติการทางสังคม เป็นวิธีการที่หวังผลของการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น ขจัด แหลง่ มั่วสมุ กวาดลา้ งแหลง่ ผลติ ฯลฯ 3. การป้องกันกรณีพิเศษ เป็นการป้องกันทีเ่ น้นในวงแคบที่สดุ โดยเป้าหมายอยู่ท่ีผู้ค้า ผตู้ ิดยาเสพ ติด หรือผู้ท่ีมีความเส่ียงสูง และครอบครัว เช่น บุคคลที่กำลังเผชิญกับปัญหาของตนเอง บุคคลที่ครอบครัว แตกแยก ผูต้ ดิ ยาท่ีผ่านการถอนพษิ ยามาแลว้ กลวิธีในการป้องกนั ในกรณพี ิเศษนี้ ไดแ้ ก่ 3.1 การวิเคราะห์ปัญหา เพื่อให้ผู้ติดยาได้ทราบเก่ียวกับพฤติกรรมและปัญหาของตนในการ ติดยา 3.2 การให้คำปรึกษาแนะนำ เป็นการให้แนวทางปฏิบัตสิ ำหรับเลือกปฏิบัติในกรณีท่ีเกิดปัญหา เพ่อื หลกี เลีย่ งการใชย้ าเสพติด 3.3 การให้คำปรึกษาแก่ครอบครัว เพ่ือลดความกดดันในครอบครัวลงและให้แนวปฏิบัติ แก่ครอบครัวของผตู้ ิดยาเสพตดิ หรอื ผทู้ ่ีมคี วามเสย่ี งสูงเพือ่ ลดปัญหาของตนเอง 3.4 การให้สุขศึกษา เป็นการให้ความรู้เรื่องยาและสุขภาพอยา่ งถูกต้อง เพื่อป้องกันการกลับไป ใช้ยาในทางท่ีผิดอกี 3.5 การใหก้ ำลังใจ เพอื่ เพ่มิ กำลงั ใจใหแ้ ก่ผตู้ ิดยาในขณะทกี่ ำลังเผชิญปัญหาทีอ่ าจนำไปใช้ในทาง ทผ่ี ิดอกี 3.6 การฝึกอาชพี เพ่ือเป็นแนวทางในการดำรงชีวิตตามความสามารถและความถนัดของตนเป็น การลดความกดดันด้านเศรษฐกิจ และใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชน์ กลวิธีทุกอย่างสามารถนำไปปฏิบัติพร้อมๆ กันได้หลายกลวิธีไม่ว่าจะเป็นการป้องกันในระดับไหน หรือ มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันมิให้เกิดการใช้ยาในทางท่ีผิด หรือป้องกันการติดซ้ำซ่ึงเป็นหัวใจสำคัญของการ ป้องกันและแก้ปญั หาการติดสารเสพตดิ ทุกฝา่ ยท่ีเกี่ยวขอ้ งควรเข้ามามีสว่ นร่วมดำเนินการอย่างจริงจงั กิจกรรมท้ายเร่ืองท่ี 2 การวิเคราะห์ปัญหา สาเหตุ ผลกระทบและการแพร่ระบาดของยาเสพติด ในปัจจุบนั ของประเทศไทย (ให้ผู้เรียนทำกิจกรรมท้ายเร่อื งที่ 2 ท่ีสมุดบันทึกกิจกรรมการเรยี นร้ปู ระกอบ ชดุ วชิ า) ชุดวชิ า TO BE NUMBER ONE “เปน็ หนงึ่ โดยไมพ่ ่งึ ยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย 62

เร่อื งที่ 3 การวิเคราะหป์ ัญหา สาเหตุ ผลกระทบ และการแพร่ระบาดของยาเสพติดในปัจจบุ นั ของ ประเทศไทย สถานการณป์ ัญหายาเสพติดในพน้ื ทจี่ งั หวดั พงั งา สถานการณ์ยาเสพติดในภาพรวมของจังหวัดพังงา ยังคงไม่เปล่ียนแปลงมากนัก และยังคงอยู่ใน สถานะที่มีปัญหาการค้าและการแพร่ระบาดอยู่ในระดับเบาบางเมื่อเปรยี บเทียบกับพื้นที่จังหวัดอื่นๆ ในพื้นที่ ภาคใต้ตอนบน อย่างไรก็ดีจากการประเมินสถานการณ์แวดล้อมจากฐานข้อมูลทางสถิติ และข้อมูลการข่าว ประกอบกบั รายงานข่าวสารจากหน่วยงานในพ้นื ท่ี พบวา่ พ้ืนทจี่ ังหวดั พังงายงั คงมปี ัญหาท่ีควรให้ความสำคัญ และเฝา้ ระวัง ดงั นี้ 1. สถานการณ์ยาเสพติดพืน้ ท่ีจงั หวัดพังงาอยใู่ นระดบั เบาบางเมอ่ื เปรียบเทียบจากสถิติ แตใ่ นเดอื นท่ี ผ่านมาพบการจับกุมและของกลางยาเสพติดจำนวนมากและพบกับการลั กลอบลำเลียงยาเสพติดเข้าพ้ืนที่ จังหวดั พังงา เพิ่มมากขึ้น สอดคล้องกบั การจบั กมุ ในพื้นท่ีใกลเ้ คยี งเชน่ จังหวัดกระบ่ี และ จงั หวดั ระนอง 2. การจับกุมพบยาเสพติดจำนวนมากอาจสง่ ผลใหม้ ผี ้ใู ช้ยาเสพตดิ ในพน้ื ที่ จงั หวดั พงั งาเพ่มิ มากขึ้น 3. การดำเนินการมาตรการเฉพาะพื้นที่เช่น อำเภอตะกั่วป่า อำเภอเมือง และ อำเภอตะก่ัวทุ่ง ซึ่ง เป็นพ้ืนท่มี สี ถานการณ์ปัญหายาเสพติดอย่ใู นระดับสูงกว่าพื้นท่อี นื่ พ้ืนท่คี วรตอ้ งเฝ้าระวังเปน็ พิเศษ ซงึ่ ปจั จุบัน มีแนวโน้มปริมาณยาบ้าและไอซเ์ พิ่มมากขน้ึ ในทกุ พน้ื ท่ี และราคาลดลงมาก เม่ือเปรยี บเทียบกับปีก่อน 4. พืชกระท่อม ยังคงมีการแพร่บาดในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะ อำเภอตะก่ัวทุ่ง พบกระท่อมจับกุมได้ จำนวนมาก ซงึ่ จากากรสัมภาษณ์ผ้เู ข้าค่ายปรับเปลี่ยนพฤตกิ รรมในหลายพ้ืนท่ี ระบุว่ามกี ารใช้ร่วมกบั ยาเสพ ติดชนดิ อืน่ ในบางรายเชน่ ยาบ้า ยาไอซ์ 5. อาชีพที่มีผู้เข้ารับการบำบัดรักษายาเสพติดสูงในพื้นที่ได้แก่ กลุ่มผู้ประกอบอาชีพรับจ้าง รองลงมาได้แก่ กลุ่มผู้ประกอบอาชพี คา้ ขาย เกษตร กลมุ่ ผู้ใชแ้ รงงาน รวมถึงกลุ่มผู้วา่ งงาน ตามลำดบั ซ่งึ การ เสพยามักใช้ในกลุ่มผู้ใช้แรงงานหรือรับจ้างซ่ึงเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือว่างงาน ซ่ึงเป็นปัญหาหนึ่งของ สังคมท่ีนอกจากมาตรการเฉพาะพื้นท่ี แล้วควรมีมาตรการเฉพาะกลุ่มที่พบปัญหาชัดเจน เช่นกลุ่มเยาวชน กลุ่มอาชีพ กลุ่มผู้ประกอบการ ปัญหายาเสพติดยังส่งผลกระทบต่อการพัฒนาในด้านอ่ืน เช่นการศึกษา เนอื่ งจากพบผเู้ สพรายใหม่เพิ่มข้นึ ในกลุ่มเยาวชนทง้ั ในและนอกสถานศึกษาเขา้ ไปเก่ยี วข้องจำนวนมาก 2. สาเหตกุ ารตดิ ยาเสพตดิ 1. สาเหตุที่เกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จำแนกตามการออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท แบ่งเป็น 4 ประเภท 1.1 อยากทดลอง เกิดจากความอยากรู้อยากเหน็ ซึ่งเป็นนิสัยของคนโดยท่วั ไป และโดยที่ไม่ คดิ วา่ ตนจะติดส่ิงเสพติดน้ีไดจ้ ึงไปทำการทดลองใช้สิ่งเสพติดนน้ั ในการทดลองใช้ครั้งแรกๆ อาจมคี วามรู้สกึ ดี หรือไม่ดีก็ตาม ถ้ายังไม่ติดสิ่งเสพย์ติดน้ัน ก็อาจประมาท ไปทดลองใช้ส่ิงเสพย์ติดนั้นอีก จนใจที่สุดก็ติด สงิ่ เสพตดิ นนั้ หรือ ถ้าไปทดลองใชส้ ง่ิ เสพติดบางชนิด เช่น เฮโรอีน แมจ้ ะเสพเพียงครั้งเดยี ว กอ็ าจทำใหต้ ดิ ได้ ชดุ วชิ า TO BE NUMBER ONE “เป็นหนึ่งโดยไมพ่ ึง่ ยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย 63

1.2 ความคึกคะนอง คนบางคนมีความคึกคะนอง ชอบพูดอวดเก่งเป็นนิสัย โดยเฉพาะ วัยรุ่นมักจะมีนิสัยดังกล่าว คนพวกน้ีอาจแสดงความเก่งกล้าของตน ในกลุ่มเพื่อนโดยการแสดงการใช้ สิ่งเสพติดชนิดต่าง ๆ เพราะเห็นแก่ความสนุกสนาน ตื่นเต้น และให้เพ่ือนฝงู ยอมรับวา่ ตนเก่ง โดยมิได้คำนึง ถึงผลเสียหาย หรอื อนั ตรายที่จะเกิดขน้ึ ในภายหลงั แตอ่ ย่างไร ในที่สดุ จนเองกก็ ลายเปน็ คนติดสง่ิ เสพติดน้ัน 1.3 การชักชวนของคนอ่ืน อาจเกิดจากการเชื่อตามคำชักชวนโฆษณา ของผู้ขายสินค้าท่ี เปน็ สิ่งเสพตดิ บางชนิด เชน่ ยากระตุน้ ประสาทต่างๆ ยาขยัน ยามา้ ยาบา้ เป็นต้น โดยผู้ขายโฆษณาสรรพคุณ ของสงิ่ เสพตดิ นน้ั ว่ามีคุณภาพดีสารพัดอย่างเชน่ ทำให้มีกำลังวงั ชา ทำให้มจี ติ ใจแจม่ ใส ทำใหม้ ีสขุ ภาพดี ทำให้มีสติปัญญาดี สามารถรักษาโรคได้บางชนิด เป็นต้น ผู้ท่ีเช่ือคำชักชวนโฆษณาดังกล่าวจึงไปซ้ือตามคำ ชักชวนของเพื่อนฝูง ซึ่งโดยมากเป็นพวกที่ติดสิ่งเสพติดนั้นอยู่แล้ว ด้วยความเกรงใจเพ่ือน หรือ เช่ือเพ่ือน หรอื ต้องการแสดงว่าตัวเปน็ พวกเดยี วกบั เพื่อน จึงใช้สง่ิ เสพติดนนั้ 2. สาเหตทุ เี่ กดิ จากการถูกหลอกลวง ปัจจุบันน้ีมีผู้ขายสินค้าประเภทอาหาร ขนม หรือเคร่ืองด่ืมบางรายใช้สิ่งเสพติดผสมลงใน สินค้าที่ขายเพ่ือให้ผู้ซื้อสินค้านั้นไปรับประทานเกิดการติด อยากมาซื้อไปรับประทานอีก ซึ่งในกรณีนี้ ผู้ซ้ือ อาหารน้ันมารับประทาน จะไม่รู้สึกว่าตนเองเกิดการติดส่ิงเสพติดข้ึนแล้ว รู้แต่เพียงว่าอยากรับประทาน อาหาร ขนม หรือเครอื่ งด่ืมท่ซี ้อื จากร้านนน้ั ๆ กว่าจะทราบก็ต่อเม่ือตนเองรู้สึกผิดสงั เกตต่อความต้องการจะ ซ้อื อาหารจากรา้ นน้ันมารับประทาน หรอื ต่อเมอื่ มีอาการเสพติดรุนแรง และมสี ขุ ภาพเสอื่ มลง 3. สาเหตุทีเ่ กิดจากความเจ็บปว่ ย 3.1 คนทมี่ ีอาการเจ็บปว่ ยทางกายเกดิ ขึ้นเพราะสาเหตตุ ่าง ๆ เชน่ ไดร้ ับบาดเจ็บรุนแรง เป็น แผลเรื้อรังมีความเจ็บปวดอยู่เป็นประจำ เป็นโรคประจำตัวบางอย่าง เป็นต้น ทำให้ได้รับทุกข์ทรมานมาก หรือ เป็นประจำ จงึ พยายามแสวงหาวธิ ีท่ีจะช่วยเหลือตนเองให้พ้นจากความทุกข์ทรมานน้ันซึ่งวิธีหนึง่ ที่ทำได้ ง่ายคือ การรับประทานยาท่ีมีฤทธิ์ระงับอาการเจ็บปวดนั้นได้ ซึ่งไม่ใช่เป็นการรักษาท่ีเป็นต้นเหตุของความ เจ็บปว่ ยเพียงแตร่ ะงับอาการเจ็บปวดใหห้ มดไปหรอื ลดนอ้ ยลงได้ชวั่ ขณะ เม่ือฤทธ์ยิ าหมดไปกจ็ ะกลับเจบ็ ปวด ใหม่ผปู้ ่วยกจ็ ะใช้ยาน้นั อีก เม่อื ทำเชน่ น้ไี ปนานๆ เกิดอาการตดิ ยานนั้ ขนึ้ 3.2 ผทู้ ีม่ ีจติ ใจไม่เป็นปกติเชน่ มีความวิตก กังวล เครียด มีความผิดหวังในชีวติ มีความเศร้า สลดเสียใจ เป็นต้น ทำให้สภาวะจิตใจไม่เป็นปกติจนเกิดการป่วยทางจิตข้ึน จึงพยายามหายาหรือสิ่งเสพติด ท่ีมีฤทธิ์สามารถคลายความเครียดจากทางจิตได้ช่ัวขณะหนึ่งมารับประทาน แต่ไม่ได้รักษาท่ีต้นเหตุเม่ือยา หมดฤทธิ์ จิตใจก็จะกลับเครียดอีก และ ผู้ป่วยก็จะเสพสิ่งเสพติด ถ้าทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ก็จะทำให้ผู้นั้นติดยา เสพตดิ ในทีส่ ุด 3.3 การไปซื้อยามารับประทานเองโดยไม่ทราบสรรพคุณยาที่แท้จริงขนาดยาท่ีควร รับประทาน การรับประทานยาเกินจำนวนกว่าท่ีแพทย์ได้สั่งไว้ การรับประทานยาบางชนิดมากเกินขนาด หรอื รบั ประทานตดิ ต่อกันนานๆบางครั้งอาจมีอาการถึงตายได้ หรือบางครั้งทำใหเ้ กดิ การเสพตดิ ยานัน้ ได้ ชดุ วชิ า TO BE NUMBER ONE “เปน็ หนึง่ โดยไม่พง่ึ ยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย 64

3.4 สาเหตุอนื่ ๆ การอยู่ใกล้แหล่งขายหรือใกลแ้ หล่งผลิต หรือ เป็นผู้ขายหรือผู้ผลิตเอง จึง ทำให้มีโอกาสติดสง่ิ เสพติดให้โทษนน้ั มากกว่าคนทั่วไป เม่ือมีเพื่อนสนทิ หรือพ่ีน้องทต่ี ิดส่ิงเสพตดิ อยู่ ผนู้ ้ันยอ่ ม ได้เห็นวิธีการเสพ ของผู้ท่ีอยู่ใกล้ชิด รวมทั้งใจเห็นพฤติกรรมต่างๆ ของเขาด้วย และยังอาจได้รบั คำแนะนำ หรอื ชกั ชวนจากผเู้ สพดว้ ย จงึ มโี อกาสติดได้ (1) คนบางคนอยู่ในสภาพที่มีปัญหา เช่น ว่างงาน ยากจน ค่าใช้จ่ายเพิ่มโดยมีรายได้ลดลง หรือคงที่ มีหน้ีสินมาก ฯลฯ เมื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ไม่ได้ก็หันไปใช้ส่ิงเสพติด ช่วยผ่อนคลายความรู้สึก ในความทุกข์ยากต่างเหล่านี้ แม้จะรู้ว่าเป็นชั่วครู่ช่ัวยามก็ตาม เชน่ กลุ้มใจที่เป็นหนี้คนอน่ื ก็ไปกินเหล้า หรือ สบู กญั ชาให้เมาเพอ่ื ท่ีจะได้ลืมเรื่องหน้ีสนิ บางคนตอ้ งการรายไดเ้ พิ่มขึน้ โดยพยายามทำงานให้หนกั และ มาก ข้ึนทั้ง ๆ ท่ีร่างกายอ่อนเพลียมากจึงรับประทานยากระตุ้นประสาทเพื่อให้สามารถทำงานต่อไปได้ เป็นต้น ถ้าทำอย่เู ปน็ ประจำทำใหต้ ดิ ส่งิ เสพติดนั้นได้ (2) การเลียนแบบ การท่ีไปเห็นผู้ที่ตนสนิทสนมรักใคร่ หรือเพ่ือนจึงเห็นว่าเป็นสิ่งน่าลอง เป็นสง่ิ โกเ้ ก๋ เปน็ สิ่งแสดงความเป็นพวกเดียวกัน จงึ ไปทดลองใช้สงิ่ เสพตดิ นัน้ จนติด (3) คนบางคนมีความผิดหวังในชีวิตตนเอง ผิดหวังในชีวิตครอบครัว หรือผิดหวังในชีวิต สังคม เพ่ือเปน็ การประชดตนเองหรอื คนอื่น จงึ ไปใช้สง่ิ เสพติดจนตดิ ทงั้ ๆ ที่ทราบวา่ เป็นส่งิ ไมด่ ี ก็ตาม 3.ผลกระทบของยาเสพติด 3.1 โทษของการตดิ ยาเสพตดิ 3.1.1 โทษตอ่ ร่างกายและจติ ใจ 1.ทำลายประสาทสมอง จิตใจเส่อื ม ซึมเศร้า กงั วล เล่อื นลอย และเป็นโรคจิตจากพษิ ยาน้ันๆ 2.เสยี บคุ ลกิ ภาพ ขาดความสนใจตนเอง ขาดสตสิ ัมปชัญญะ 3.ร่างกายซบู ซีด อ่อนเพลยี 4.พิษยาทำลายอวัยวะต่างๆใหเ้ ส่อื มลง มีโรคแทรกไดง้ ่าย 5.ประสบอุบัติเหตุได้ง่าย เพราะการควบคุมทางกล้ามเน้ือและระบบประสาทบกพร่อง โทษต่อครอบครวั ชุดวิชา TO BE NUMBER ONE “เป็นหน่ึงโดยไมพ่ ึ่งยาเสพติด” สค3300166 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย 65

6.ขาดความรับผิดชอบตอ่ ครอบครัวและญาติพ่ีน้อง 7.เสยี ทรพั ย์ทจี่ ะต้องซอื้ ยามาเสพ และรักษาตัว 8.ขาดหลกั ประกนั ของครอบครัว ท างานไมไ่ ด้ ไมเ่ ป็นทีว่ างใจ ของคนทั่วไป นำภัยมาสบู่ ตุ ร ภรรยา ญาตพิ น่ี ้อง 3.1.2 โทษต่อสังคม 1.เป็นภยั ตอ่ สงั คม 2.มีโอกาสเป็นอาชญากรประเภทลักขโมยได้งา่ ยเน่ืองจากมีรายจา่ ยสูงโทษต่อสว่ นรวมและ ประเทศชาติ 3.เป็นภัยอันตรายต่อผู้อน่ื ชุมชนและประเทศชาติ เพิ่มงบประมาณของประเทศในการป้อง กันปราบปรามและบำบดั รกั ษา 4.ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกจิ และวัฒนธรรมของประเทศ 4. การแพรร่ ะบาดของยาเสพตดิ ในจงั หวดั พังงา 1. เทคโนโลยีการติดต่อทางโซเชียลมีเดีย เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มผู้ผลิตและผู้ค้าเข้าถึงกันได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านตัวแทนหรือคนกลางในพื้นท่ีชายแดนอย่างเช่นในอดีตอีกต่อไป จึงไม่ต้องเสียค่าส่วนต่างจำนวน มาก การสั่งซอ้ื ยาเสพติดจงึ สามารถได้ปรมิ าณที่มากข้นึ ในจำนวนเงนิ ท่ีเคยสั่งซ้อื เทา่ เดมิ 2. กลุ่มนกั ค้าทกุ ระดับ(รายย่อย รายกลาง รายใหญ่) มีการใช้ส่อื สังคมออนไลน์ และการขนส่งทงั้ ของ ภาครฐั /เอกชน เออื้ ประโยชน์การคา้ การลำเลียงยาเสพติด ส่งผลใหเ้ กดิ การขยายเครอื ข่ายอยา่ งรวดเรว็ ตวั อยา่ งข่าวการคา้ ยาเสพตดิ ในพนื้ ท่จี งั หวัดพังงา ตวั อย่างท่ี 1 วนั นี้ (24 พ.ค.) ที่หนา้ สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พ.ต.อ.เสกสนั ต์ ชรู งั สฤษฎิ์ รอง ผบก.ภ.จ.สงขลา พรอ้ มด้วย พ.อ.สุรเทพ หนูแกว้ รอง ผบ.มทบ.42/รอง ผอ.รมน.จ.สงขลา และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ร่วมกันแถลง ผลการจับกมุ เครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นท่ี ภาคใต้ ได้ผ้ตู ้องหา 2 ราย ประกอบดว้ ย นายชัยสิทธ์ิ หรือจิ ปะรา อายุ 43 ปี อาชพี ทำสวน ชาว อ.ควนเนียง จ.สงขลา และนายปะกิต หรอื โป้ ทองตัน อายุ 29 ปี อาชพี รับจ้างเลีย้ งปลา ชาว อ.ทา้ ยเหมือง จ.พังงา พร้อมของกลางยาบ้า 180,000 เม็ด มูลคา่ กว่า 9 ลา้ นบาท รวมทงั้ ยึดทรัพยร์ ถยนตเ์ ก๋ง 3 คนั และรถจักรยานยนตอ์ กี 1 คนั ชดุ วิชา TO BE NUMBER ONE “เปน็ หนึ่งโดยไม่พงึ่ ยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 66

สำหรับการจับกุมในคร้ังนี้ สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้ าท่ีท้ังจากตำรวจภูธรภาค 9 ตำรวจ สภ.หาดใหญ่ รวมท้ัง กอ.รมน.จ.สงขลา และเจ้าหน้าท่ี ป.ป.ส. ได้สืบทราบและติดตามความเคลื่อนไหวของ ขบวนการค้ายาเสพติดในพ้ืนท่ีภาคใต้ และได้แกะรอยจนกระท่ังสามารถจับกุม นายชัยสิทธิ์ หรือ จิปะรา ซ่ึงทำหน้าท่ีเป็นนักบิน หรือคนเดินยาได้คาบ้านเช่า 2 ชั้น ภายในซอย 17 ถนนรัตนอุทิศ เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ท่ีผ่านมา พร้อมของกลางยาบ้า 180 ,000 เม็ด ท่ีใส่เอาไว้ในกระเป๋าผ้าซุกซ่อนเอาไว้ใต้บันไดช้ัน 1 หลังจากท่ีได้เดินทางไปรับยาเสพติดมาจากในพ้ืนท่ี อ.รัตภมู ิ จ.สงขลา และนำมาพักเอาไว้ท่บี า้ นเชา่ หลงั ดังกลา่ ว ตวั อยา่ งที่ 2 เม่อื เวลา 17.00 น.วันน้ี (4 ธ.ค.) ท่กี องบังคับการตำรวจภธู รจงั หวดั พงั งา พล.ต.ต.วิมล พทิ ักษบ์ ูรพา ผบก.ตำรวจภูธรจงั หวดั พังงา พร้อมดว้ ย พ.ต.อ.โชติ ชดิ ไชย รอง ผบก.ตำรวจภูธรจงั หวดั พังงา พ.ต.อ.ประเทือง ศรีละมนตรี ผกก.สส.ภ.จว.พังงา ร่วมแถลงข่าวการจบั กุมเครอื ข่ายค้ายาเสพตดิ ในพื้นที่จังหวัดพงั งา หลังจาก ตำรวจ สภ.ท่าฉตั รไชย อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ได้จับกมุ ตัว นายนายกติ ติ หรืออู๊ด เพอ่ื นรกั ษ์ อายุ 28 ปี อยู่ ต.ทา่ นา อ.กะปง จ.พังงา พร้อมดว้ ยของกลาง ยาบ้า 60,000 เมด็ และยาไอซ์ 1 กิโลกรัม คาด่านตรวจท่าฉัตรไชย จากน้ันชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดพังงา ร่วมกับสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต สภ.ท่าฉัตรไชย ป.ป.ส.ภาค 8 สภ.ตะก่ัวป่า กอ.รมน.จังหวัดพังงา และสืบสวนภาค 8 ขยายผลเข้าจับกุมเครือข่ายในพื้นที่ จงั หวัดพังงา โดยได้จับกุมตวั นายอภิชาติ หรือเดยี ว กดทรัพย์ อายุ 35 ปี ชาว ต.ท่านา อ.กะปง จ.พังงา ได้ พร้อมของกลาง ยาบ้า 38,000 เม็ด และยาไอซ์ 2 กิโลกรัม ซ่ึงได้นำซุกซ่อนไว้ในป่าหลังบ้าน จากน้ันได้ เขา้ จบั กุมตัว นายมานิต หรือเบส พรมจันทร์ อายุ 34 ปี ชาว ต.ท่านา อ.กะปง จ.พังงา ซ่ึงจับกุมได้ที่บ้านเช่า ในหมู่บ้านไอทีวี ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา พร้อม ของกลาง ยาบ้า 44,000 เมด็ ซุกซ่อนอยู่ใต้ตู้โชวภ์ ายใน บ้าน เจ้าหน้าจึงแจ้งข้อหามียาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า, ไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดย ผดิ กฎหมาย กิจกรรมท้ายเร่ืองที่ 3 การวิเคราะห์ปัญหา สาเหตุ ผลกระทบและการแพร่ระบาดของยาเสพติดในปัจจุบัน ของจังหวัดพังงา (ให้ผ้เู รยี นทำกจิ กรรมทา้ ยเรือ่ งที่ 3 ทีส่ มุดบนั ทึกกิจกรรมการเรยี นรู้ประกอบชุดวิชา) ชุดวิชา TO BE NUMBER ONE “เปน็ หน่งึ โดยไม่พ่ึงยาเสพติด” สค3300166 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย 67

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 แนวทางการดำเนินงานโครงการ TO BE NUMBER ONE สาระสำคญั โครงการ TO BE NUMBER ONE ยึดวัยรุ่นและเยาวชนเป็นศูนย์กลาง บนพ้ืนฐานความเข้าใจโดย ธรรมชาติ พัฒนาตามความต้องการ ความสนใจและพฤติกรรมเฉพาะของวัยรุ่น วัยรุ่นเป็นช่วงชีวิตระหว่าง เด็กกับผู้ใหญ่ซ่ึงเป็นหัวเล้ียวหัวต่อที่สำคัญยิ่ง เพราะมีการเปลี่ยนแปลงท่ีซับซ้อนทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สติปัญญาและสังคม แต่เยาวชนและวัยรุ่นยังขาดความรอบคอบและการยับยั้งช่ังใจ ตลอดจนขาด ประสบการณ์ ความชำนาญและคุณภาพเม่ือเทียบกับความคิดของผู้ใหญ่ พัฒนาการทางสังคมจะ เปลีย่ นแปลงไปตามร่างกายจิตใจ และสติปัญญาที่สำคัญคือสังคมกลุ่มเพ่ือนร่วมวัย การพบเพ่อื นร่วมวัยเป็น พฤตกิ รรมที่สำคัญยง่ิ ตอ่ จิตใจของเด็กวัยรนุ่ เพราะสามารถรว่ มสุขร่วมทุกข์แก้ไขและเข้าใจปัญหาของกันและ กันได้ดีกว่าคนต่างวยั ซึง่ มีความคับอกคับใจต่างกัน กลมุ่ เป้าหมายผู้เข้าร่วมโครงการ TO BE NUMBER ONE กลุ่มเป้าหมายหลักไดแ้ ก่กลุ่มเป้าหมายที่มีอายุระหวา่ ง 6 – 24 ปี เยาวชนและประชาชนกลมุ่ เส่ียง และกลุ่ม เสพ สำหรับประชาชนทั่วไปเป็นกลุ่มเป้าหมายรอง ซึ่งจากพ้ืนฐานความเขา้ ใจ และการยดึ วัยรุ่นและเยาวชน เป็นศูนย์กลางข้างต้น นำไปสู่หลักการดำเนินงานของโครงการ TO BE NUMBER ONE โดยการดำเนินงาน ภายใต้ 3 ยุทธศาสตร์หลักคือ 1. การรณรงคป์ ลกุ จติ สำนกึ สรา้ งกระแสนิยมท่ีเอ้ือต่อการปอ้ งกนั และแก้ไขปัญหายาเสพติด 2. การเสริมสร้างภมู ิคมุ้ กนั ทางจติ ใจใหแ้ ก่เยาวชน 3. การสร้างและพฒั นาเครือข่ายเพอ่ื การป้องกัน และแกป้ ญั หายาเสพติด ตวั ช้วี ัด 1. อธิบายและยกตวั อย่างกลุ่มเปา้ หมายผู้เข้าร่วมโครงการ TO BE NUMBER ONE 2. อธบิ ายหลกั การดำเนินงาน TO BE NUMBER ONE 3. อธิบายยทุ ธศาสตร์การดำเนินงาน TO BE NUMBER ONE ขอบข่ายเนอื้ หา เร่อื งท่ี 1 กล่มุ เปา้ หมายผู้เขา้ ร่วมโครงการ TO BE NUMBER ONE 1.1 กลุ่มเปา้ หมายหลกั 1.2 กลุ่มเปา้ หมายรอง เรอ่ื งท่ี 2 หลักการดำเนินงาน TO BE NUMBER ONE เร่ืองท่ี 3 ยุทธศาสตรก์ ารดำเนินงานโครงการ TO BE NUMBER ONE 3.1 ยุทธศาสตร์ท่ี 1 การณรงค์ปลุกจิตสำนึก สร้างกระแสนิยมท่ีเอื้อต่อการป้องกัน และแก้ไขปัญหายาเสพติด 3.2 ยทุ ธศาสตรท์ ี่ 2 การเสรมิ สร้างภมู คิ มุ้ กนั ทางจติ ใจใหแ้ ก่เยาวชน ชุดวิชา TO BE NUMBER ONE “เป็นหนงึ่ โดยไมพ่ งึ่ ยาเสพติด” สค3300166 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 68

3.3 ยุทธศาสตร์ที่ 3 การสร้างและพัฒนาเครือข่ายเพ่ือการป้องกันและแก้ไขปัญหา ยาเสพติด เวลาทใ่ี ช้ในการศกึ ษา จำนวน 4 ชว่ั โมง สื่อการเรียนรู้ 1. ชดุ วิชา TO BE NUMBER ONE เปน็ หนง่ึ โดยไมพ่ ่ึงยาเสพติด รหัส สค3300166 2. สมุดบันทึกกจิ กรรมการเรียนรู้ประกอบชุดวิชา 3. สื่อเสรมิ การเรยี นรู้อน่ื ๆ ชุดวิชา TO BE NUMBER ONE “เป็นหนง่ึ โดยไม่พึ่งยาเสพติด” สค3300166 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย 69

เรอ่ื งท่ี 1 กลุ่มเป้าหมายผ้เู ขา้ ร่วมโครงการ TO BE NUMBER ONE 1.1 กลมุ่ เปา้ หมายหลัก 1.1.1 กลมุ่ เป้าหมายที่มีอายรุ ะหวา่ ง 6 – 24 ปี 1.1.2 เยาวชน และประชาชนกลมุ่ เสยี่ ง และกลุ่มเสพ 1.2 กลุ่มเปา้ หมายรอง ประชาชนทั่วไป เรอื่ งท่ี 2 หลกั การดำเนินงาน TO BE NUMBER ONE โครงการ TO BE NUMBER ONE ยึดวัยรุน่ เป็นศูนย์กลาง จึงมีหลักในการดำเนินงานที่ส่งเสริมการ แสดงความสามารถ กลา้ คิด กล้าทำ กล้าแสดงออก และช่วยสร้างเสริมความภาคภมู ใิ จให้แก่เยาวชน เกิดเป็น ภูมิคมุ้ กันทางจิตใจให้แกเ่ ยาวชน ไม่เข้าไปยงุ่ เก่ียวกับยาเสพติด ใช้ส่ือดนตรี กีฬา ศิลปะในการเขา้ ถึงเยาวชน และกระตุ้นให้เข้ามารวมกลุ่มกันทำกิจกรรมท่ีสนใจอย่างสร้างสรรค์ เสริมสร้างความรู้และทักษะในการ ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งเป็นภูมิคมุ้ กันที่สำคัญสำหรับเยาวชนให้ปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด หลักการ “เพ่ือนช่วยเพื่อน” เพราะวัยรุ่นเป็นวัยที่ “เพื่อน” มีความสำคัญมาก ดังนั้นโครงการ TO BE NUMBER ONE จึงเน้นไปท่ี “การทำโดยเยาวชน เพื่อเยาวชน” การทำโครงการ TO BE NUMBER ONE จะมีการจัดต้ังขมรม TO BE NUMBER ONE และ/หรือ ศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE จะเป็น การสร้างศูนย์รวมให้วัยรุ่นรวมกลุ่มกันทำกิจกรรมท่ีสนใจ สร้างสรรค์และเกิดสุขซ่ึงจากพ้ืนฐานความเข้าใจ และการยึดวัยรุ่นและเยาวชนเป็นศูนย์กลางข้างต้น นำไปสู่หลักการ การดำเนินงานของโครงการ TO BE NUMBER ONE ดังน้ี 1. ส่งเสรมิ การแสดงความสามารถ กลา้ คดิ กล้าทำ กลา้ แสดงออกและช่วยสรา้ งเสริมความภาคภูมใิ จ 2. ใช้สอ่ื ดนตรี กีฬา ในการเข้าถึงเยาวชน และกระตุน้ ใหเ้ ยาวชนเข้ามารวมกลุม่ กนั 3. สร้างความรู้และทักษะในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดซ่ึงเป็นภูมิคุ้มกันที่สำคัญสำหรับ เยาวชน ในชุมชนใหป้ ลอดภัยจากปญั หายาเสพตดิ 4. เพอื่ นชว่ ยเพอื่ น 5. สร้างศนู ยร์ วมให้วยั รุ่นรวมกลุ่มกนั ทำกจิ กรรมที่สนใจ สร้างสรรคแ์ ละเกิดสขุ 6. สร้างเครือข่าย TO BE NUMBER ONE ท่ีมีศักยภาพ จะทำให้เกิดการดำเนินงานป้องกันและ แก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ต่อเน่ืองและยั่งยืน โดยการดำเนินงานภายใต้ 3 ยุทธศาสตร์หลักคอื 1. การรณรงคป์ ลกุ จิตสำนกึ และสร้างกระแสนยิ มท่ีเอื้อตอ่ การปอ้ งกันและแกไ้ ขปัญหายาเสพติด 2. การเสรมิ สรา้ งภมู คิ ุ้มกนั ทางจติ ใจให้แก่เยาวชน 3. การสร้างและพฒั นาเครือขา่ ยเพือ่ การปอ้ งกนั และแกป้ ัญหายาเสพตดิ เพ่อื ให้บรรลุเป้าหมาย “วัยรุ่นและเยาวชนมีกระแสนยิ ม การเป็นหน่ึงโดยไม่พงึ่ ยาเสพติด ตลอดจน วัยรุน่ และเยาวชนมภี ูมิคุ้มกันทางจิตใจ สามารถดำรงความเขม้ แข็งในการต่อต้านยาเสพตดิ เพื่อป้องกันปัญหา การแพร่ระบาดของยาเสพติด” มีแนวทางการดำเนินงานโดยการใช้วิธีบูรณาการความร่วมมือระหว่าง หนว่ ยงานทเี่ ก่ยี วข้อง ดงั นี้ ชดุ วชิ า TO BE NUMBER ONE “เปน็ หนง่ึ โดยไม่พึง่ ยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 70

ระดบั ประเทศ ประกอบด้วยคณะกรรมการ 2 ชุด ได้แก่ 1. คณะกรรมการอำนวยการโครงการรณ รงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ระดับประเทศโดยมีทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงเป็นองค์ประธานคณะ กรรมการฯ และผู้บริหารจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนท้ังหน่วยงานหลักและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็น กรรมการ ซึง่ มีอำนาจหนา้ ทพ่ี ิจารณาและใหค้ วามเหน็ ชอบแผนงานโครงการ และกจิ กรรมการรณรงคป์ ้องกัน และแก้ไขปัญหายาเสพติด ควบคุมกำกับและดำเนินกิจกรรมต่างๆ ตามแผนงานหรือโครงการน้ันๆ โดยมีอธิบดีกรม สุขภาพจิตกระทรวงสาธารณสุข ทำหน้าท่ีเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการโครงการรณรงค์ป้องกันและ แกไ้ ขปัญหายาเสพติด 2. คณะอนกุ รรมการบรู ณาการโครงการรณรงค์ปอ้ งกันและแก้ไขปญั หายาเสพตดิ ประกอบดว้ ย อธบิ ดกี รมสขุ ภาพจติ เปน็ ประธาน และผแู้ ทนจากหน่วยงานหลกั ทเ่ี กยี่ วขอ้ งเปน็ คณะอนุกรรมการ เพอ่ื ประสานการดำเนนิ งานในระดับปฏิบตั ใิ หเ้ ป็นไปตามนโยบายแผนงานและโครงการ ระดับพน้ื ที่ ในจังหวัด ภูมิภาค กระทรวงมหาดไทยได้ให้ความเห็นชอบจัดต้ังคณะกรรมการโครงการ TO BE NUMBER ONE ระดับจังหวัด เพื่อร่วมกนั รณรงค์ปอ้ งกันและแก้ไขปญั หายาเสพตดิ อย่างเข้มแข็งและ จรงิ จัง โดยผู้วา่ ราชการจังหวัดเปน็ ประธาน นายแพทย์สาธารณสุขจังหวดั เป็นเลขานกุ ารประกอบด้วยผู้แทน จากหน่วยงานและเครือข่ายที่เกี่ยวข้องภายในจงั หวัดเป็นคณะกรรมการ มหี น้าท่ีรับผิดชอบดูแลโครงการท้ัง การจดั ทำแผนและงบประมาณเพือ่ สนับสนุนการดำเนินกิจกรรม TO BE NUMBER ONE ของจงั หวัด เรือ่ งที่ 3 ยทุ ธศาสตร์การดำเนินงานโครงการ TO BE NUMBER ONE โครงการ TO BE NUMBER ONE มียุทธศาสตร์ในการดำเนนิ งาน 3 ยทุ ธศาสตร์ ยทุ ธศาสตร์ท่ี 1 การรณรงคป์ ลกุ จิตสำนึกสรา้ งกระแสนิยมที่เอือ้ ต่อการปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หา ยาเสพติด ยทุ ธศาสตร์ที่ 2 การเสรมิ สรา้ งภมู ิคุ้มกนั ทางจิตใจให้แก่เยาวชน ยทุ ธศาสตร์ที่ 3 การสร้างและพัฒนาเครือข่ายการปอ้ งกนั และแกไ้ ขปัญหายาเสพตดิ ยุทธศาสตร์ TO BE NUMBER ONE ชุดวชิ า TO BE NUMBER ONE “เป็นหนึง่ โดยไมพ่ งึ่ ยาเสพติด” สค3300166 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย 71

ยุทธศาสตรท์ ่ี 1 การรณรงค์ปลูกจติ สำนกึ สร้างกระแสนยิ มท่ีเออ้ื ต่อการปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หายาเสพติด จากพระดำรสั ต่อไปนี้ “บางครง้ั การเกิดปัญหายาเสพติดมาจากหลายสาเหตุ จึงต้องสร้างค่านิยมใหม่ สร้างความม่ันใจให้ เขารู้สึกดีกับตัวเอง ให้เขาได้สนุก โดยพยายามหากิจกรรมต่างๆ มาใช้ เพราะสิ่งเหล่านี้ทำให้คนมีสังคม มี ร่างกาย แข็งแรง มสี ุขภาพจติ ดี และไม่ไปเก่ียวข้องกบั ส่งิ เสพตดิ ” พระดำรัส ทลู กระหมอ่ มหญิงอบุ ลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี วัตถปุ ระสงค์ 1. เพอื่ สรา้ งกระแสนยิ มในกล่มุ เยาวชนไม่ย่งุ เกี่ยวกบั ยาเสพตดิ 2. เพ่อื สนบั สนนุ ใหเ้ ยาวชนและชุมชนไดจ้ ัดกิจกรรมสรา้ งสรรค์ โดยการสนบั สนุนของสังคม 3. เพอ่ื สรา้ งความเข้าใจและยอมรบั ผู้มีปัญหายาเสพตดิ และใหโ้ อกาสกลับมาเป็นส่วนหนง่ึ ของสงั คม 4. เพื่อเผยแพรค่ วามรเู้ กยี่ วกบั การปอ้ งกนั สารเสพตดิ ในกลมุ่ เยาวชนและประชาชนทั่วไป วธิ ีดำเนนิ การ ใช้การรณรงค์และประชาสัมพันธ์ผ่านส่ือและกิจกรรม โดยเฉพาะกิจกรรมด้านดนตรี กีฬา ศิลปะ และอืน่ ๆที่วยั รุน่ และเยาวชนช่ืนชอบและใหค้ วามสนใจ ทั้งนเี้ พื่อใหเ้ ขา้ ถงึ กลุ่มเป้าหมายหลกั ซึ่งเป็นวัยรนุ่ และ เยาวชนได้งา่ ย การรณรงค์ โดยการประชาสมั พนั ธผ์ า่ นสอ่ื 1. สอื่ วิทยุโทรทัศน์ เช่น การจัดรายการวทิ ยุ ทอล์คทูบีนมั เบอร์วนั ทุกวันพฤหัสบดี/ เสียงตามสายใน ชมุ ชน หมู่บา้ น 2. ส่อื นิทรรศการ แผ่นพบั โปสเตอร์ ปา้ ยไวนลิ 3. สื่อ VCD DVD และ VDO / TO BE NUMBER ONE E-BOOK ห้องสมุด กศน.จงั หวดั พังงา 4. สอื่ สญั ลกั ษณ์ ไดแ้ ก่ โลโก้ TO BE NUMBER ONE ของ กศน.จังหวดั พังงา และกศน.อำเภอ เข็ม TO BE NUMBER ONE นิตยสาร TO BE NUMBER ONE นิตยสาร TO BE NUMBER ONE IDOL เพลง TO BE NUMBER ONE สายรดั ขอ้ มอื ฯลฯ 5. ผลิต และจำหน่ายผลิตภณั ฑ์ของโครงการ เชน่ นิตยสาร เสื้อTO BE NUMBER ONE จงั หวดั พงั งา เป็นต้น ชดุ วชิ า TO BE NUMBER ONE “เป็นหนงึ่ โดยไม่พึ่งยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 72

การรณรงค์ โดยการจัดกิจกรรม 1. กิจกรรมรณรงค์เนื่องในวันงดสูบบุหร่ีโลก จัดในวันท่ี 31 พฤษภาคมของทุกปี กิจกรรม ประกอบด้วย - ทำป้ายคำขวัญวนั งดสบู บุหรี่ - จัดบอร์ดรณรงคใ์ นห้องเรียน - จัดรายการเสยี งตามสาย - ปา้ ยไวนลิ รณรงค์วนั งดสูบบหุ รโ่ี ลก - การแสดงละครตา้ นภัยบหุ รี่ - การประกวดจัดบอรด์ วันงดสูบบหุ รี่ - ประกวดเรียงความยาเสพติด - ทำแผน่ พบั แจกในโรงเรียน/ชุมชน ฯลฯ 2. กจิ กรรมเน่ืองในวันต่อต้านยาเสพติดสากล จัดในวันที่ 26 มถิ ุนายนของทุกปี แนวทางในการจัด กิจกรรม มีลักษณะคล้ายกันกับวันรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด แนวทางปฏิบัติสามารถจัดกิจกรรมร่วมกัน ระหว่างแกนนำชมรม TO BE NUMBER ONE และคณะกรรมการนักเรยี น 3. การแข่งขนั กฬี าตา้ นภัยยาเสพติด จัดในชว่ งเดือน มถิ ุนายน – กรกฎาคม ของทุกปี รปู แบบ กิจกรรม เดนิ รณรงคต์ ่อตา้ นยาเสพติด แขง่ ขนั กฬี า ประกวดกองเชยี ร์และขบวนพาเหรด ประกวดเรยี งความ เพือ่ ใหผ้ ู้เรียนใช้เวลาวา่ งใหเ้ กิดประโยชน์ หันมาเล่นกฬี า ห่างไกลยาเสพติด 4. กระแส TO BE NUMBER ONE ผ่านสื่อ Social Network จัดตั้งกลุ่ม Line Facebook เพ่ือ สร้างกระแส/การสือ่ สาร/การเผยแพรค่ วามเคล่ือนไหวของชมรมสสู่ มาชกิ และเครอื ข่าย 5. การทำเสอ้ื TO BE NUMBER ONE ประจำชมรมของ กศน.แต่ละอำเภอ 6. บอร์ดประชาสัมพันธร์ ้เู ท่าทันปญั หายาเสพติด ของชมรมสำหรับเผยแพร่ความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร ท่ีเกย่ี วขอ้ ง กับยาเสพตดิ หรอื อนื่ ๆ 7. จัดการแข่งขนั TO BE NUMBER ONE ตอบปญั หายาเสพตดิ 8. การประชาสัมพันธ์โครงการ/การรับสมัครสมาชิก จัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์โครงการ/ ประชาสัมพันธ์ชมรมและรับสมัครสมาชิกผ่านกิจกรรม เสียงตามสายโรงเรียน/ชุมชน ผ่านผู้บริหาร ผนู้ ำชมุ ชน การใช้ขบวนรถแห่ ป้ายประชาสัมพนั ธ์ในชุมชน ตามบรบิ ทของแต่ละชมรม 9. TO BE NUMBER ONE EXERCISE 10. การตรวจหาสารเสพตดิ กิจกรรม Don’t do drug ดูดี ชุดวชิ า TO BE NUMBER ONE “เป็นหนงึ่ โดยไมพ่ ึง่ ยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย 73

ยุทธศาสตรท์ ่ี 2 การเสริมสร้างภมู ิคุ้มกนั ทางจิตใจใหแ้ กเ่ ยาวชน รปู แบบการดำเนินงาน 1. การจัดกจิ กรรมเสริมสร้างภมู ิคุ้มกันทางจิตใจใหแ้ ก่เยาวชน วัตถปุ ระสงค์ 1.1 เพื่อให้แกนนำเยาวชนสามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจให้แก่เพื่อนเยาวชน ซ่ึงจะช่วยป้องกันและแกไ้ ขปญั หายาเสพตดิ ในอนาคต 1.2 เพ่ือให้แกนนำเยาวชนสามารถจัดกิจกรรมพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ให้แก่เพื่อน เยาวชน ไดอ้ ย่างเหมาะสม 1.3 เพื่อให้แกนนำเยาวชนได้รับการเสริมสร้างทักษะในการช่วยเหลือเพ่ือนเยาวชนให้มี กำลงั ใจ ทเ่ี ข้มแขง็ สามารถดแู ลตวั เองใหป้ ลอดภัยจากยาเสพติด 1.4 เพือ่ พฒั นาศกั ยภาพและเสรมิ สรา้ งภูมคิ มุ้ กนั ทางจิตใจใหแ้ กส่ มาชิก TOBENUMBERONE กิจกรรมทสี่ อดคล้องกับยุทธศาสตร์ เช่น 1. พลัง TO BE จติ อาสา กศน.จงั หวดั พงั งา 2. กิจกรรมคา่ ยยาเสพติด 3. การประชมุ คณะกรรมการ TO BE NUMBER ONE 4. จดั กจิ กรรมใหค้ วามรูแ้ ก่แกนนำ/คณะกรรมการ TO BE NUMBER ONE 5. กจิ กรรม คุณธรรมจรยิ ธรรม “Kids Dee ธรรมด”ี 6. เข้าคา่ ย TO BE NUMBER ONE CAMP 7. อบรมแกนนำ TO BE NUMBER ONE กศน.ทกุ อำเภอ 2. การจัดต้ังศนู ยเ์ พ่ือนใจ TO BE NUMBER ONE (TO BE NUMBER ONE FRIEND CORNER) การตั้งจัดศูนย์เพ่อื นใจ TO BE NUMBER ONE เป็นกิจกรรมหนึ่งของชมรม TO BE NUMBER ONE ซึ่งแกนนำอาสาสมัคร(เยาวชน) ประจำศูนย์จะเป็นผู้บริหารจัดการจัดกิจกรรมและให้บริการต่างๆ ภายใน ศนู ย์ เป็นกิจกรรมซึ่งจัดบริการให้กับสมาชิก TO BE NUMBER ONE ท่ีเข้ามาในศนู ย์เท่านั้น หากกจิ กรรมใด ก็ตามที่จัดข้ึนนอกศูนย์ จะดำเนินการโดยชมรม TO BE NUMBER ONE ซึ่งบริหารจดั การโดยคณะกรรมการ ชมรม (ดรู ายละเอียดในการจัดต้ังศูนยเ์ พอื่ นใจ TO BE NUMBER ONE) วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพื่อใหเ้ ยาวชนทม่ี ีปัญหา หรือ ต้องการความช่วยเหลือไดร้ บั คำปรึกษาแนะนำทถ่ี กู ต้องเหมาะสม จากผเู้ ชย่ี วชาญหรอื เพอ่ื นอาสาสมัครท่ีผา่ นการอบรม 2. เพอื่ ใหเ้ ยาวชนไดร้ บั ประสบการณ์ และเพิ่มพูนทกั ษะจากการฝกึ แก้ปญั หาและพัฒนา EQ ทั้งด้วย ตนเองและจากกลุ่มเพอื่ นวัยเดียวกัน ชุดวิชา TO BE NUMBER ONE “เปน็ หนงึ่ โดยไมพ่ ึง่ ยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย 74

3. เพอ่ื ให้เยาวชนได้มโี อกาสใช้เวลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชน์ โดยเข้ารว่ มกิจกรรมที่ สรา้ งสรรค์และ เสรมิ สรา้ งความสขุ ใหก้ ับตนเอง ดว้ ยการฝกึ ทักษะด้านดนตรี กีฬา ศลิ ปะ ฯลฯ จากผู้เช่ยี วชาญ 4. เพื่อให้โอกาสแก่เยาวชนได้มีสถานท่ีทเ่ี หมาะสมและเป็นท่ียอมรับจากทกุ ฝา่ ย ในการทำกิจกรรมที่ สนใจรว่ มกัน 5. เพือ่ ใหเ้ ยาวชนกลมุ่ หนง่ึ ท่ีมีความสามารถ เข้ารบั การอบรมเปน็ อาสาสมัครให้ คำปรกึ ษาเพือ่ นชว่ ย เพื่อน การดำเนนิ งาน โดยการจัดตงั้ ศูนย์เพ่ือนใจ TO BE NUMBER ONE ใน กศน.ทุกตำบลทุกแห่ง ยุทธศาสตร์ที่ 3 การสรา้ งและพัฒนาเครือข่ายเพื่อการป้องกนั และแก้ไขปัญหายาเสพตดิ วตั ถุประสงค์ 1. เพ่ือพฒั นาศกั ยภาพสมาชิกเครอื ข่าย TO BENUMBERONE ผูป้ ฏิบัติงานในโครงการ TOBENUMBER ONE และผู้เกย่ี วข้องให้สามารถดำเนินงานป้องกนั และแกไ้ ขปญั หายาเสพติดภายใต้ โครงการ TO BE NUMBER ONE ไดอ้ ย่างเขม้ แข็งและมีประสิทธิภาพ 2. เพ่อื ผลติ และพฒั นาองค์ความรู้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดภายใตโ้ ครงการ TO BE NUMBER ONE สำหรบั เครือขา่ ย TO BE NUMBER ONE ทว่ั ประเทศ 3. เพอื่ ให้สมาชิกเครอื ขา่ ย TO BE NUMBER ONE ได้มีโอกาสแลกเปล่ยี นเรยี นร้ปู ระสบการณใ์ นการ ทำงานซ่งึ กัน และกนั อนั จะนำไปสูก่ ารขยายผลและพัฒนาประสทิ ธภิ าพการปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หา ยาเสพตดิ อย่างย่ังยนื 4. เพอ่ื ให้สมาชกิ เครือข่าย TO BE NUMBER ONE ทัว่ ประเทศมีกำลังใจ มีความผกู พนั พร้อมที่จะ ช่วยเหลอื กัน รว่ มแรงรว่ มใจกันทำงานภายใต้โครงการ TO BE NUMBER ONE อย่างจริงจงั ต่อเน่อื ง ซ่งึ จะทำให้เกดิ เป็นพลงั แผ่นดินอยา่ งแท้จรงิ การดำเนินงาน 1. พัฒนาระบบการจัดเกบ็ และรายงานข้อมูลการดำเนินงานโครงการ TO BE NUMBER ONE ต่อคณะกรรมการอำนวยการระดบั จังหวดั 2. พัฒนาช่องทางการตดิ ต่อสอื่ สารระหวา่ งเครอื ข่ายสมาชกิ TO BE NUMBER ONE และ ผ้ปู ฏบิ ตั งิ านในโครงการ TO BE NUMBER ONE และผ้เู ก่ียวขอ้ ง ได้แก่ Fanpang facebook. TO BE NUMBER ONE กศน.จังหวัดพังงา/ Line สมาชกิ TO BE NUMBER ONE พงั งา/Line ผู้บรหิ าร TO BE NUMBER ONE จังหวัดพังงา/Line TO BE NUMBER ONE กศน.พังงา 3. การศึกษาดงู านชมรม TO BE NUMBER ONE ต้นแบบ 4. การจัดนิทรรศการแลกเปลี่ยนเรียนรรู้ ว่ มกับเครอื ขา่ ย 5. การแลกเปล่ียนกจิ กรรมสร้างสรรค์ 6. เครือขา่ ยเข้มแข็งดว้ ย Social ชุดวชิ า TO BE NUMBER ONE “เปน็ หน่ึงโดยไม่พ่ึงยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย 75

กบั กศน. 7. เข้าร่วมกจิ กรรมการประกวด TO BE NUMBER ONE ระดับภาค/ระดบั ประเทศ 8. เปดิ โอกาสใหเ้ ยาวชนผู้ที่ถกู ควบคมุ ความประพฤติดา้ นยาเสพติด เขา้ มาทำกจิ กรรม/ศึกษาตอ่ 9. สนับสนุนวทิ ยากร เงนิ ทนุ ในการอบรมให้ความร้เู รื่องยาเสพตดิ แกห่ น่วยงานเครือข่าย 10. สนับสนุนการจัดตั้งชมรม TO BE NUMBER ONE กศน.ทุกตำบล/อำเภอ หมายเหตุ การจัดกิจกรรมแต่ละคร้ังอาจจัดอยู่ได้ในหลายยุทธศาสตร์ หรืออาจอยู่ในยุทธศาสตร์ที่ต่างกัน ในแตล่ ะคร้งั ทจี่ ัด ทง้ั น้ขี ึ้นอยู่กบั วตั ถปุ ระสงค์ในการจัดแต่ละครง้ั กจิ กรรมท้ายเร่ืองท่ี 1 แนวทางการดำเนินงานโครงการ TO BE NUMBER ONE (ให้ผู้เรียนทำกจิ กรรมท้ายเรื่องท่ี 1 สมุดบันทึกกจิ กรรมการเรียนรปู้ ระกอบชุดวชิ า) ชดุ วชิ า TO BE NUMBER ONE “เปน็ หน่ึงโดยไม่พ่ึงยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 76

หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 4 การจดั ตงั้ ชมรม TO BE NUMBER ONE สาระสำคญั TO BE NUMBER ONE เป็นโครงการที่ยึดวัยรุ่นเป็นศูนย์กลาง จึงดำเนินหลักในการดำเนินงาน ท่ีส่งเสริมการแสดงความสามารถ กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก และช่วยสร้างเสริมความภาคภูมิใจให้แก่ เยาวชน เกิดเป็นความภูมิคุ้มกันทางจิตใจให้แก่เยาวชน ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ใช้สื่อดนตรี กีฬา ศิลปะในการเข้าถึงเยาวชน และกระตุ้นให้เข้ามารวมกลุ่มกันทำกิจกรรมที่สนใจอย่างสร้างสรรค์เสริมสร้าง ความรู้และทักษะในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ซ่ึงเป็นภูมิคุ้มกันท่ีสำคัญสำหรับเยาวชนให้ ปลอดภัยจากปัญหายาเสพตดิ หลักการ “เพื่อนชว่ ยเพื่อน” เพราะวัยรนุ่ เป็นวยั ท่ี “เพ่ือน” มคี วามสำคัญมาก ดังน้ันโครงการ TO BE NUMBER ONE จึงเน้นไปท่ี “การทำโดยเยาวชน เพ่ือเยาวชน” การทำโครงการ TO BE NUMBER ONE จะมีการจัดตั้งชมรม TO BE NUMBER ONE ตามองค์ประกอบ 3 ก ได้แก่ ก ท่ี 1 คณะกรรมการ ก ที่ 2 กองทุน และ ก ที่ 3 กิจกรรม โดยการดำเนินงานภายใต้ 3 ยุทธศาสตร์หลัก ซ่ึง กิจกรรมทุกกิจกรรม เน้นการมีส่วนร่วม ของสมาชิกในชมรม แบ่งหน้าที่การทำงานอย่างมีระบบ และมี ขน้ั ตอน ซง่ึ สามารถ เขา้ ร่วมการประกวดในระดับทสี่ ูงขนึ้ ตวั ชวี้ ัด 1. อธบิ ายความหมาย และความสำคัญของชมรม TO BE NUMBER ONE 2. อธิบายหลกั เกณฑก์ ารตั้งชมรม TO BE NUMBER ONE ตามองคป์ ระกอบ 3 ก 3. อธบิ ายการมีส่วนรว่ มหรือจดั ตงั้ ชมรม TO BE NUMBER ONE 4. อธิบายการดำเนินงานโครงการ TO BE NUMBER ONE และการสง่ ประกวด ขอบข่ายเนือ้ หา เรื่องที่ 1 ความหมาย และความสำคญั ของชมรม TO BE NUMBER ONE เรื่องที่ 2 หลกั เกณฑ์การตง้ั ชมรม TO BE NUMBER ONE ตามองค์ประกอบ 3 ก 2.1 ก ท่ี 1 คณะกรรมการ 2.2 ก ท่ี 2 กองทนุ 2.3 ก ท่ี 3 กจิ กรรม เรื่องท่ี 3 การมสี ว่ นรว่ มหรอื จัดตั้งชมรม TO BE NUMBER ONE เรอื่ งท่ี 4 การดำเนนิ งานโครงการ TO BE NUMBER ONE และการสง่ ประกวด 4.1 ประเภทการประกวดผลในโครงการ TO BE NUMBER ONE 4.2 กำหนดการประกวดผลการดำเนินงานในโครงการ ชมรม TO BE NUMBER ONE 4.3 การนำเสนอ 4.4 การดำเนินงานประเภทต้นแบบ การรกั ษามาตรฐาน ชดุ วิชา TO BE NUMBER ONE “เปน็ หนง่ึ โดยไม่พง่ึ ยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 77

4.5 การลงประเมนิ ระดับพ้นื ท่ี 4.6 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เวลาทใ่ี ชใ้ นการศึกษา จำนวน 6 ชัว่ โมง สอ่ื การเรยี นรู้ 1. ชดุ วชิ า TO BE NUMBER ONE เป็นหน่ึงโดยไม่พ่งึ ยาเสพตดิ รหสั วิชา สค3300166 2. สมดุ บนั ทึกกิจกรรมการเรียนร้ปู ระกอบชุดวิชา 3. ส่อื เสรมิ การเรยี นรอู้ น่ื ๆ ชดุ วชิ า TO BE NUMBER ONE “เปน็ หน่ึงโดยไม่พง่ึ ยาเสพติด” สค3300166 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย 78

1. เรือ่ ง ความหมายและความสำคัญของชมรม TO BE NUMBER ONE “ยาเสพติด” ปัญหาสำคัญระดับชาติที่รัฐบาลถือเป็นนโยบายที่ต้องเร่งดำเนินการแก้ไขอย่างจริงจัง ทั้งนี้ เพราะปัญหายาเสพติดทีม่ ีการแพร่ระบาดในทุกพื้นที่ของประเทศไทยและทวคี วามรุนแรงมากขึ้น สง่ ผล กระทบต่อการพัฒนาประเทศท้ังด้านเศรษฐกิจ สังคม และส่ิงแวดล้อม รวมท้ังดา้ นการเมืองและความม่ันคง ของประเทศ ต้ังแต่ ปี 2542 เป็นต้นมา สภาพปัญหายาเสพติดเปล่ียนแปลงไปจากที่เป็นอยู่ในอดีตอย่าง ส้นิ เชงิ จากเดิมท่ี \"เฮโรอนี ” เปน็ ปัญหาสำคัญทตี่ ำรวจต้องเรง่ ปราบปรามให้สนิ้ ซาก กลายเป็น “ยาบา้ ” หรือ สารเสพติดหลากหลายประเภท อาทิ สารเมทแอมเฟตามีนที่กำลังระบาดตั้งแต่ระดับครอบครัว โรงเรียน ชุมชน สังคม และประเทศ จากข้อมูลการสำรวจพบว่าเยาวชนและประชาชนหลงเข้าสู่วังวนของยาเสพติด จำนวนมาก “ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรตั นราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงมคี วามห่วงใยต่อประชาชน” การดำเนินงานโครงการ TO BE NUMBER ONE ยึดวัยรุ่นและเยาวชนเป็นศูนย์กลางบน พืน้ ฐานความเข้าใจธรรมชาติ พัฒนาการ ความต้องการ ความสนใจและพฤตกิ รรมเฉพาะของวัยรุ่น กลา่ วคือ ช่วงวัยรุ่นเป็นช่วงชีวิตระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นหัวเล้ียวหัวต่อที่สำคัญยิ่ง เพราะมีการเปลี่ยนแปลง อัน ซบั ซอ้ นทง้ั ดา้ นรา่ งกาย อารมณ์ สตปิ ญั ญาและสังคม โดย ดา้ นร่างกาย จะมีอัตราการเจริญเตบิ โตของรา่ งกายเพ่ิมข้ึนอยา่ งรวดเร็ว สัดส่วนต่างๆ ของร่างกาย เปลีย่ นแปลงไปสู่การเป็นผใู้ หญ่ ด้านอารมณ์ จะมีการเปล่ียนแปลงอยา่ งรวดเร็วและรุนแรงเป็นวัยท่ีมีความรู้สกึ รนุ แรง ไม่วา่ จะเป็น ความโกรธ ความรัก ความอิจฉาริษยา บางครั้งมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง ไม่เชื่อฟังใคร บางคร้ังก็เกิดความ กังวลใจ และรู้สึกหดหู่ มีความอยากรู้อยากเห็น ต้องการความเป็นอิสระ มีจินตนาการและความเพ้อฝันสูง เพราะลักษณะอารมณ์ของวัยรุ่นเป็นเช่นนี้ จึงเข้ากับบุคคลต่างวัยยาก วัยรุ่นจึงเกาะกลุ่มกันได้ดีมากกว่าวัย อน่ื ๆ เพราะเขา้ ใจและยอมรบั กันได้งา่ ย ด้านสติปัญญา เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นร่างกายมีการเจริญเติบโตอย่างเต็มท่ี ส่งผลให้เซลล์สมองได้รับการ พัฒนาทำให้วัยรุ่นมีความสามารถในการคิดอ่านมากข้ึน มีความจำดีสามารถใช้ความคิดของตนได้อย่างเป็น เหตุ เป็นผล และลึกซ้ึง แต่จะขาดความรอบคอบและการยับย้ังช่ังใจ ตลอดจนขาดประสบการณ์ ความ ชำนาญ และคุณภาพ เมื่อเทยี บกับความคดิ ของผูส้ ูงวยั ดา้ นสังคม พัฒนาการ จะเปล่ียนแปลงไปตามร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา ท่ีสำคัญคือ สังคมกลุ่ม เพื่อนรว่ มวัย การคบเพื่อนรว่ มวยั เป็นพฤตกิ รรมสังคมทสี่ ำคัญย่งิ ต่อจิตใจของเดก็ วัยรุ่น เพราะสามารถร่วมสุข รว่ มทุกข์ แกไ้ ข และเข้าใจปัญหาของกันและกนั ดีกว่าคนต่างวัย ซึ่งมคี วามคับอกคับใจต่างกัน กลุ่มยงั สนอง ความต้องการ ทางสังคมด้านต่างๆ ซึ่งเด็กต้องการมากในระยะน้ี เด็กท่ีเข้ากลุ่มมีความจงรักภักดีต่อกลุ่ม ยอมรับเอาค่านิยม ความเชื่อ ความสนใจของกลุ่มด้วยความเต็มใจ และสนิทสนมกบั เพื่อนร่วมกลุ่มแน่นแฟ้น ชดุ วิชา TO BE NUMBER ONE “เปน็ หนึ่งโดยไมพ่ งึ่ ยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย 79

การรวมกลุ่มทำให้เดก็ มีความรสู้ ึกอบอุ่นใจ กล้าแสดงความขดั ขนื ผใู้ หญ่ ต่อต้านกรณีท่ีเขาเห็นว่าไมย่ ุตธิ รรม การชักนำใหว้ ัยรุ่นรวมกล่มุ กันเพอื่ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมท่ีวัยรุ่นชอบนนั้ ทำไดง้ า่ ยมากกว่าวัยอ่นื ๆทั้งหมด ดงั นน้ั การ จดั กิจกรรมหรือชมรมต่างๆ ท่ีสรา้ งสรรค์ จึงเป็นสิ่งที่ควรส่งเสริมเพ่ือสนองความตอ้ งการของเด็กในด้านการ เขา้ กลมุ่ และเรียนรูพ้ ฤติกรรมสังคมที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ การนับถือวีรบุรุษ เป็นการแสวงหาแบบอย่าง เพ่ือดำเนินชีวิตอย่างผู้ใหญ่ นอกจากความเปลี่ยนแปลงท้ัง 4 ด้านแล้ว วัยรุ่นยังมีธรรมชาติความต้องการ ความสนใจและพฤติกรรมซ่ึงเป็นลกั ษณะเฉพาะ ได้แก่ ความต้องการความรักในทุกรปู แบบในฐานะทเี่ ป็นผู้ให้ และผู้รบั ความต้องการความสนุกสนานเพลิดเพลิน ความต้องการความเป็นอสิ ระ ความต้องการได้รบั การยก ยอ่ ง ต้องการมชี อื่ เสียง ความต้องการมีปรัชญาชวี ิตหรือ มีอุดมคตขิ องตนเอง ความตอ้ งการเกี่ยวกบั เรอ่ื งเพศ โดยมากมักเป็นวัยท่ีมีความรักแบบหลงใหลใฝ่ฝัน ความตอ้ งการประสบการณใ์ หม่ๆ ส่วนมากเป็นความอยาก ลองและอยากเรียนรู้ในสิ่งแปลกใหม่ท่ีตนเองไม่เคยกระทำมาก่อน ความต้องการความปลอดภัยและม่ันคง อยากพ่ึงพาตนเองได้ มีความฝันและมีจุดมุ่งหมายในอนาคต สนใจช่วยเหลือบุคคลอื่น สนใจกิจกรรม สร้างสรรคท์ เ่ี ป็นของใหม่และมีประโยชน์ ชมรม TO BE NUMBER ONE เป็นชมรมที่รวบรวมคนดี คนเก่ง และคนท่ีมีอุดมการณ์ที่จะสร้าง กิจกรรมดีๆ เพ่ือป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดร่วมกัน สามารถจัดตั้งขึ้นได้ท้ังในสถานศึกษา สถาน ประกอบการ และชุมชน โดยชมรมในสถานศกึ ษาสมาชิกได้แก่ นกั เรียน นักศึกษาในสถานศึกษาน้ันๆ ชมรม ในสถานประกอบการสมาชกิ ได้แก่ พนักงาน/ลกู จ้างในสถานประกอบการนั้นๆ ชมรมในชุมชน สมาชิก ได้แก่ เดก็ และเยาวชนตลอดจนประชาชนทั่วไปในชมุ ชนนัน้ ๆ ความหมายของชมรม TO BE NUMBER ONE โครงการทูบีนัมเบอร์วัน (อังกฤษ: TO BE NUMBER ONE) คือ โครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไข ปัญหายาเสพติด ใน ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงเป็นองค์ประธาน อำนวยการโครงการรณรงค์ป้องกัน และแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่ง ประกอบด้วย 3 ก โดยภายใต้ 3 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1. การรณรงค์ปลกุ จิตสำนึกและสร้างกระแสนิยมท่เี อื้อตอ่ การป้องกันและแกไ้ ขปัญหายาเสพตดิ 2. การเสรมิ สร้างภมู ิคมุ้ กนั ทางจิตใหแ้ ก่เยาวชน 3. การสรา้ งและพฒั นาเครือขา่ ยเพือ่ การปอ้ งกนั และแก้ไขปญั หายาเสพติด ชุดวิชา TO BE NUMBER ONE “เปน็ หนง่ึ โดยไมพ่ ่ึงยาเสพติด” สค3300166 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย 80

ความสำคัญของชมรม TO BE NUMBER ONE พระดำรสั โครงการไวว้ า่ องค์ประธานโครงการทูบนี ัมเบอรว์ นั “การปอ้ งกันและแกไ้ ขปัญหายาเสพตดิ ให้หมดจากสังคมไทย ไมส่ ามารถดำเนนิ งานให้ สำเรจ็ ได้ ด้วยการ ทำงานองคก์ รใดองคก์ รหนง่ึ แตท่ กุ องคก์ รทุกฝา่ ยต้องชว่ ยกนั และการรวมตวั กนั ของผทู้ มี่ ีความต้ังใจ ที่จะไมไ่ ปยงุ่ เกีย่ วกับยาเสพติด จะทำให้เกดิ พลงั ในการรว่ มกนั ป้องกันปัญหายาเสพติด อย่างเขม้ แข็ง” การดำเนินงานโครงการ TO BE NUMBER ONE เป็นโครงการ ยึดวัยรุ่นเป็นศูนย์กลาง จึงดำเนินหลกั ในการดำเนินงาน ท่ีส่งเสริมการแสดงความสามารถ กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก และช่วย สร้างเสริมความภาคภูมใิ จให้แก่เยาวชน เกดิ เป็นภูมิคมุ้ กันทางจิตใจให้แก่เยาวชน ไมเ่ ข้าไปยุ่งเกีย่ วกบั ยาเสพ ติด ใช้สื่อดนตรี กีฬา ศิลปะในการเข้าถึงเยาวชน และกระตุ้นให้เข้ามารวมกลุ่มกันทำกิจกรรมท่ีสนใจอย่าง สร้างสรรค์ เสริมสร้างความรู้และทักษะในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งเป็นภูมิคุ้มกันที่สำคัญ สำหรบั เยาวชนให้ปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด หลักการ “เพ่ือนช่วยเพอื่ น” เพราะวัยรนุ่ เป็นวัยท่ี “เพื่อน” มีความสำคัญมาก ดังนั้นโครงการ TO BE NUMBER ONE จึงเน้นไปท่ี “การทำโดยเยาวชน เพ่ือเยาวชน” การทำโครงการ TO BE NUMBER ONE จะมีการจัดตั้งชมรม TO BE NUMBER ONE และ/หรอื ศูนย์เพ่ือน ใจ TO BE NUMBER ONE จะเป็นการสรา้ งศนู ย์รวมให้วัยรุ่นรวมกลุ่มกันทำกิจกรรมท่ีสนใจ สร้างสรรค์และ เกดิ สขุ ไมว่ า่ จะอยู่ที่ไหน ไมว่ ่าจะเปน็ ใคร ทกุ คนก็สามารถจัดตัง้ ชมรม TO BE NUMBER ONE ได้ ไมว่ ่าจะเป็นชมรม TO BE NUMBER ONE ในโรงเรียน ชมรม TO BE NUMBER ONE ในโรงงาน ชมรม TO BE NUMBER ONE ในชุมชน เกิดเปน็ เครือขา่ ย TO BE NUMBER ONE ทีม่ ศี ักยภาพ จะทำให้การดำเนนิ งาน ป้องกัน และแก้ไขปญั หาเสพ ตดิ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ต่อเน่อื งและยัง่ ยนื ชมรม TO BE NUMBER ONE มีความสำคญั เพ่อื ต้องการแก้ไขปัญหาสำหรบั เดก็ และเยาวชนในเรอื่ ง ของยาเสพตดิ และใช้เวลาว่างใหเ้ กิดประโยชน์ ส่งเสรมิ การแสดงความสามารถ กลา้ คดิ กลา้ ทำ กล้า แสดงออก มีภาวะการเป็นผนู้ ำ และช่วยสร้างเสริมความภาคภมู ิใจให้แก่เยาวชน เกิดเป็นภมู คิ ุ้มกันทางจิตใจ ใหแ้ กเ่ ยาวชน ไมเ่ ขา้ ไปย่งุ เกยี่ วกบั ยาเสพติด กจิ กรรมทา้ ยเรอ่ื งที่ 1 ความหมายและความสำคัญของ TO BE NUMBER ONE (ให้ผู้เรยี นทำกจิ กรรมท้ายเรอ่ื งท่ี 1 สมุดบนั ทกึ กจิ กรรมการเรียนรปู้ ระกอบชดุ วชิ า) ชุดวิชา TO BE NUMBER ONE “เป็นหนงึ่ โดยไม่พงึ่ ยาเสพติด” สค3300166 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 81

เร่ืองท่ี 2 หลกั เกณฑ์การต้ังชมรม TO BE NUMBER ONE ตามองคป์ ระกอบ “3 ก” ชมรม TO BE NUMBER ONE เกดิ จากการรวมตัวกนั ของสมาชิก TO BE NUMBER ONE จัดตั้งเป็น ชมรม โดยมอี งค์ประกอบ ในการดำเนนิ งานของชมรม TO BE NUMBER ONE ประกอบดว้ ย 3 ก ไดแ้ ก่ ก กรรมการ ก กองทุน ก กิจกรรม 2.1 ก ที่ 1 กรรมการ โดยสมาชกิ TO BE NUMBER ONE คดั เลือกกรรมการเพอื่ บรหิ ารจดั การ ชมรม มีบุคคลท่ีได้รับแต่งตัง้ อย่างน้อย 5 คน เพือ่ เป็นกรรมการชมรมประกอบด้วย 1. ประธาน 1 ตำแหนง่ 2. รองประธาน 1 ตำแหน่ง 3. เลขานกุ าร 1 ตำแหนง่ 4. กรรมการ 3 ตำแหน่งขึน้ ไป 5. เหรญั ญกิ 1 ตำแหน่ง และจะต้องมกี ารประชมุ ปรกึ ษาหารือรว่ มกันในการจดั ทำแผนงาน โครงการ งบประมาณ และกิจกรรมของชมรม อยา่ งนอ้ ย 2 ครง้ั ตอ่ ปี คณะกรรมการ ไดม้ าจาก 1. การคัดเลือก 2. การเลอื กต้งั 3. อาสาสมัคร ตวั อยา่ ง การแบง่ คณะกรรมการ เชน่ 1. ฝา่ ยจัดหาทุน 2. ฝา่ ยกจิ กรรม 3. ฝา่ ยประชาสมั พนั ธ์ 4. ฝ่ายรบั เร่อื งราวร้องทกุ ข์ 5. ฝ่ายสอดสอ่ งดูแลและประเมนิ ผล หมายเหตุ การแบง่ ฝา่ ยของคณะกรรมการขนึ้ อยู่กบั ความตอ้ งการ / ดลุ ยพินจิ ของแต่ละชมรม ไม่จำเป็นตอ้ งเหมอื นกัน ชดุ วิชา TO BE NUMBER ONE “เปน็ หนึง่ โดยไม่พ่งึ ยาเสพติด” สค3300166 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย 82

แผนผงั คณะกรรมการ คณะกรรมการชมรม TO BE NUMBER ONE (เดก็ และเยาวชน) ประธาน เลขานุการ รองประธาน เหรัญญิก กรรมการฝา่ ย กรรมการฝา่ ย กรรมการฝ่ายรบั กรรมการฝ่าย กจิ กรรม สอดสอ่ งดแู ล เรอ่ื งราวรอ้ งทุกข์ จดั หาทนุ คณะท่ปี รึกษา (เจา้ หน้าที)่ ผู้อำนวยการ ผ้ชู ่วยผูอ้ ำนวยการ/หัวหนา้ สถานแรกรบั หวั หนา้ กล่มุ งาน เลขานุการ (ผรู้ บั ผดิ ชอบ) ชดุ วชิ า TO BE NUMBER ONE “เป็นหนงึ่ โดยไม่พึง่ ยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย 83

ใบสมคั ร หมายเลขบตั รประชาชน ---- ใบสมัครสมาชิก TO BE NUMBER ONE (นกั เรียน นกั ศกึ ษา) ชมรม TO BE NUMBER ONE กลุม่ กศน.ตำบล ................................ สถานศกึ ษา กศน.อำเภอ................................. ประวัติสว่ นตวั สมาชกิ ช่อื ................................………..นามสกุล..........................….……….. อายุ..............ปี เพศ  ชาย  หญงิ ท่ีอยทู่ ่ีสามารถตดิ ตอ่ ได้................................................................................................... ........................................................................................................................................ ระดับการศึกษา ระดบั ช้นั  ประถมฯ  อาชีวศึกษา  มัธยม ฯ  อุดมศึกษา/ปรญิ ญาตรี  สูงกวา่ ปรญิ ญาตรี  อ่ืนๆ…………………………………. เหตผุ ลท่เี ขา้ รว่ ม  ตอ้ งการเขา้ รบั การบำบัดรักษาในชมรม “ ใครติดยา ยกมอื ขนึ้ ” ชมรม  ตอ้ งการรว่ มรณรงค์ป้องกนั และแกไ้ ขปญั หายาเสพติด  อน่ื ๆ............................................................................................. ………………………………………………………………… ....................................... ( ลายมอื ช่อื ) ชุดวิชา TO BE NUMBER ONE “เป็นหน่งึ โดยไม่พึง่ ยาเสพติด” สค3300166 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย 84

2.2 ก ที่ 2 กองทุน หมายถึง กรรมการและสมาชิกร่วมดำเนินการจัดต้ังกองทุนเพื่อนำเงินรายได้ หมุนเวียนใช้จ่ายในชมรม ซึ่งเปน็ แนวทางสูค่ วามยงั่ ยืนของชมรม รวมถึงทรัพยส์ ินของชมรมด้วย ซ่ึงหมายถึง สงิ่ ใดสิง่ หนง่ึ ดงั ตอ่ ไปน้ี 1) เงินซง่ึ ไดจ้ ากการบรจิ าค การจดั กิจกรรมเพ่อื หาทุน หรอื ได้รับสนบั สนนุ จากภาครัฐหรือเอกชน ตา่ งๆ 2) ทรพั ยส์ นิ - ประเภทไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ เช่น ห้องประกอบกิจกรรมชมรมสถานที่ได้รับการอนุญาตให้ใช้ ในกจิ กรรมของชมรม เป็นต้น - ประเภทสามารถเคล่ือนยา้ ยได้ เช่น โตะ๊ เก้าอ้ี อุปกรณ์สำนกั งาน คอมพิวเตอร์ อปุ กรณ์กีฬา ดนตรี ศลิ ปะ เป็นตน้ ตัวอยา่ งแหลง่ ท่มี าของกองทนุ 1. งบสนับสนนุ จากสถานศกึ ษา/สถานประกอบการ 2. งบสนับสนนุ จากภาคราชการ 3. การระดมทุน เชน่ - ค่าสมัครสมาชกิ - การปลกู ไม้ประดับพืชผกั สวนครวั จำหน่าย - เงนิ รางวัลจากการประกวด - การบริจาคของสมาชิกและผสู้ นบั สนุน - จำหน่ายผลิตภัณฑ์ TO BE NUMBER ONE - จำหน่ายผลิตภัณฑท์ ี่สมาชกิ นำมาฝากจำหนา่ ย - จำหนา่ ยสินค้าตามเทศกาลตา่ งๆ เช่น วนั วาเลนไทน์ วันปีใหม่ - กจิ กรรมตลาดนัด TO BE NUMBER ONE - กิจกรรมขายสนิ ค้าเมือ่ จัดนทิ รรศการ - สมาชิกแสดงความสามารถในงานต่างๆ และยงั มกี ารเชญิ ชวนผูม้ จี ติ ศรัทธา บรจิ าคเขา้ ชมรม - กิจกรรมเปิดหมวก -กิจกรรมธนาคารขยะรไี ซเคลิ ดงั นน้ั กองทนุ จะต้องทำให้เหน็ เป็นรูปธรรม ที่ชดั เจน และ ถูกตอ้ ง ชดุ วชิ า TO BE NUMBER ONE “เปน็ หนึง่ โดยไมพ่ ึ่งยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 85

ตวั อยา่ ง ตัวอย่าง ตัวอย่าง บญั ชรี ายรบั -รายจา่ ย ของชมรม TO BE NUMBER ONE ตวั อย่าง 2.3 ก ชุดวิชา TO BE NUMBER ONE “เป็นหน่ึงโดยไม่พง่ึ ยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 86

2.3 ก ที่ 3 กิจกรรม หมายถึง “การทำอะไรก็ได้ท่ีเป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น ” เป็นส่ิงท่ีชมรมจัดขึ้นเพื่อสมาชิกภายในชมรม หรือ มอบหมายสมาชิกเข้าร่วมดำเนินการกับหน่วยงาน/ องค์กรภายนอก การนับจำนวนตามเกณฑ์ชี้วัดว่าชมรมดำเนินกิจกรรมอย่างต่อเนื่องให้นับรวมกิจกรรมทั้ง ภายในและภายนอกไมน่ ้อยกว่า 3 ครั้ง / ปี ท่ีสำคัญตอ้ งเป็นกจิ กรรมที่สนับสนนุ ให้สมาชิกใช้ เวลาวา่ งใหเ้ ป็น ประโยชน์เกิดความภาคภูมิใจ และมองเห็นคุณค่าของตนเอง อันเป็นหนทางห่างไกลยาเสพติด รวมท้ังให้ โอกาสและสนับสนุนการคนื คนดสี ่สู ังคมของสมาชกิ “ใครตดิ ยายกมือข้ึน” กิจกรรมภายใน เช่น การจดั กีฬาสี การจัดประกวดต่างๆ การจัดนิทรรศการ ฯลฯ ส่วนกิจกรรมภายนอก เช่น การไปร่วมเดินรณรงค์โครงการ เพ่ือสงั คมตา่ งๆ การไปช่วยทำความสะอาด เก็บขยะ ทาสีกำแพงวัด หรอื ดูแลผู้สูงอายุ เป็นตน้ กิจกรรมของ ชมรมต่างจากกิจกรรมของศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE เพราะกิจกรรมของศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE จดั ไดเ้ ฉพาะภายในศูนย์และเพอื่ สมาชิกท่มี าใช้บริการทศี่ ูนยภ์ ายใต้กรอบ \" ปรบั ทกุ ข์ สรา้ งสขุ แก้ปัญหา และพัฒนา EQ \" เท่านน้ั “ทุกกิจกรรมของชมรม TO BE NUMBER ONE ตอ้ งสอดคล้องตามยุทธศาสตร์หลัก TO BE NUMBER ONE” ภายใต้กรอบ 3 ยทุ ธศาสตร์ กิจกรรมทา้ ยเรอื่ งที่ 2 หลักเกณฑก์ ารต้ังชมรม TO BE NUMBER ONE ตามองค์ประกอบ “3 ก” (ให้ผ้เู รียนทำกิจกรรมทา้ ยเรอื่ งที่ 2 สมุดบนั ทึกกจิ กรรมการเรียนรปู้ ระกอบชุดวิชา) ชดุ วชิ า TO BE NUMBER ONE “เปน็ หนง่ึ โดยไม่พึง่ ยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย 87

เร่ืองที่ 3 มสี ว่ นรว่ ม หรอื การจัดต้ังชมรม TO BE NUMBER ONE การมีส่วนร่วม หมายถึง การเข้าร่วมอย่างแข็งขันของกลุ่มบุคคลในข้ันตอนต่างๆ ของการดำเนิน กจิ กรรมอย่างหน่ึง การมีสว่ นในการสนับสนุนทีเ่ ปน็ ไปในรปู ของผู้เข้าร่วมมีส่วนกระทำให้เกิดผลของกิจกรรม ท่ีเขา้ ร่วมมใิ ชเ่ ป็นผรู้ ่วมคิดตัดสนิ ใจหรอื ผู้ได้รบั ประโยชน์เท่านัน้ การมีส่วนร่วม (participation) คือ เป็นผลมาจากการเห็นพ้องกันในเรื่องของความ ต้องการและ ทศิ ทางของการเปลี่ยนแปลงและความเห็นพ้องต้องกัน จะต้องมีมากจนเกิด ความคิดริเริม่ โครงการเพื่อการ ปฏิบัติ เหตุผลเบ้ืองต้น ของการท่ีมีคนมารวมกันได้ควร จะต้องมีการตระหนักว่าปฏิบัติการท้ังหมดหรือการ กระทำท้งั หมด ท่ีทำโดยกลุ่มหรือใน นามกลุ่มนน้ั กระทำผ่านองค์การ (organization) ดังน้ันองค์การจะต้อง เปน็ เสมอื นตัวนำใหบ้ รรลุถงึ ความเปลย่ี นแปลงได้ ซง่ึ ผ้เู รียนสามารถมีสว่ นร่วมในการจดั ตงั้ ชมรม TO BE NUMBER ONE ไดด้ ังน้ี 1. โดยการเข้าร่วมเป็นสมาชกิ ชมรม TO BE NUMBER ONE และการชักจูงเพ่อื นให้เขา้ รว่ ม โครงการ เพือ่ เป็นการสรา้ ง และพัฒนาเครอื ข่ายสมาชกิ ในการรณรงค์ป้องกนั และแก้ไขปญั หายาเสพตดิ ให้ กวา้ งขวางมากขึน้ 2. เข้ารว่ มกิจกรรมกบั ชมรม ในการรณรงค์โครงการอยา่ งตอ่ เนอื่ ง 3. สอดส่งดแู ลเพื่อนที่เป็นกลมุ่ เสี่ยงใหห้ า่ งไกลยาเสพตดิ 4. ทำหนา้ ที่คอย “ปรบั ทุกข์ – ผูกมิตร” และเปน็ กำลงั ใจให้เพ่ือนที่เสพ หรอื ติดยากลบั ตัวเป็น คนดี เพอื่ ให้ก้าวสสู่ งั คมได้อย่างมน่ั ใจ 5. ใหค้ ำปรึกษาแนะนำ และชว่ ยเหลือกรณเี พื่อเสพ หรือตดิ ยา 6. ประพฤตปิ ฏบิ ตั ิเปน็ แบบอยา่ งท่ดี ีแก่ เพอื่ นสมาชิก 7. รจู้ กั แบง่ เวลา และใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชน์ กจิ กรรมท้ายเร่อื งท่ี 3 มีส่วนร่วม หรอื การจดั ต้งั ชมรม TO BE NUMBER ONE (ให้ผูเ้ รียนทำกิจกรรมท้ายเร่อื งท่ี 3 สมุดบนั ทึกกิจกรรมการเรียนรู้ประกอบชุดวชิ า) ชดุ วิชา TO BE NUMBER ONE “เป็นหนึ่งโดยไมพ่ ึ่งยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 88

เรอ่ื งที่ 4 การดำเนินงานโครงการ TO BE NUMBER ONE และการสง่ ประกวด 4.1 ประเภทการประกวดผลการดำเนินงานในโครงการ TO BE NUMBER ONE 4.1.1 จงั หวดั TO BE NUMBER ONE 4.1.2 ชมรม TO BE NUMBER ONE ในชมุ ชน 4.1.3 ชมรม TO BE NUMBER ONE ในสถานศึกษาระดบั การศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน 4.1.4 ชมรม TO BE NUMBER ONE ในสถานศึกษาระดับอาชวี ศึกษาและอุดมศึกษา 4.1.5 ชมรม TO BE NUMBER ONE ในสถานประกอบการ 4.1.6 ชมรม TO BE NUMBER ONE ในสถานพนิ จิ และคุ้มครองเด็กและเยาวชน 4.1.7 ชมรม TO BE NUMBER ONE ในทัณฑสถานและเรอื นจำ 4.1.8 ชมรม TO BE NUMBER ONE ในสำนักงานคุมประพฤติ 4.2 กำหนดการประกวดผลการดำเนนิ งานในโครงการ ชมรม TO BE NUMBER ONE สงิ หาคม ระดับจังหวดั กมุ ภาพันธ์ ระดับภาค พฤษภาคม – มถิ นุ ายน ลงพ้ืนที่ (ชมรมฯ ที่ผา่ นเขา้ สู่ระดับประเทศ) 4.3 การนำเสนอ 4.3.1 ใชอ้ งคป์ ระกอบ 3 ก 4.3.2 ใช้การบรรยายและใช้ Power Point ประกอบเท่านน้ั หา้ มใช้ VTR หรอื Power Point อย่างเดียว 4.3.3 ผูบ้ รรยายข้ึนเวทไี มเ่ กิน 4 คน 4.3.4 รูปแบบการนำเสนอได้หลายรูปแบบ 4.3.5 คะแนนการนำเสนอ 100 คะแนน 4.4 การดำเนนิ งานประเภทตน้ แบบ การรกั ษามาตรฐาน 4.4.1 ระดบั ยอดเพชร (รกั ษามาตรฐาน 5 ป)ี 4.4.2 ระดับเพชร (รักษามาตรฐาน 3 ป)ี 4.4.3 ระดบั ทอง (รกั ษามาตรฐาน 3 ปี) 4.4.4 ระดับเงิน (รกั ษามาตรฐาน 3 ปี) 4.4.5 ดีเด่น ชุดวชิ า TO BE NUMBER ONE “เป็นหนึง่ โดยไมพ่ ึ่งยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย 89

การดำเนินงานประเภทต้นแบบ การรักษามาตรฐาน ระดับยอดเพชร (รกั ษามาตรฐาน 5 ปี) ประปดปับปเพ)ี ชร (รกั ษามาตรฐาน 3 ปี) ระดบั ทอง (รักษามาตรฐาน 3 ป)ี ระดบั เงนิ (รักษามาตรฐาน 3 ปี) ดเี ดน่ 4.5 การลงประเมินระดบั พน้ื ที่ 4.5.1 ชมรมท่ไี ด้รบั การคัดเลือกเขา้ สูร่ ะดบั ประเทศใหเ้ ตรยี มความพร้อมเพื่อ คณะกรรมการชุดพ้ืนท่ีจะลงไปตรวจเยี่ยมและให้คะแนน ประมาณช่วงเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน ของทกุ ปี 4.5.2 ยกเลิกคะแนนการนำเสนอระดบั ภาค 4.5.3 คะแนนพื้นที่ 50 คะแนน (เปน็ คะแนนเกบ็ ไปรวมกับคะแนนการนำเสนอ ระดบั ประเทศอีก 50 คะแนน รวมเป็น 100 คะแนน) 4.5.4 คณะกรรมการพน้ื ท่เี ปน็ คนละชดุ กบั ระดบั ภาค โดยเฉพาะระดบั เพชร คณะกรรมการเป็นชุดพเิ ศษ 4.5.5 คณะกรรมการพน้ื ที่ใช้เวลาตรวจเยี่ยมชม และประเมนิ ผลงาน ชมรมละไมเ่ กนิ 1 ช่ัวโมง 30 นาที 4.6 เกณฑ์การใหค้ ะแนน 4.6.1 คะแนนการประกวดลงพน้ื ท่ี ประเภทชมรม TO BE NUMBER ONE - ระดับพน้ื ท่ี คะแนนเต็ม 50 คะแนน - ระดับประเทศ คะแนนเต็ม 50 คะแนน (การนำเสนอ 35 คะแนน ความประทับใจ 5 คะแนน นิทรรศการ 10 คะแนน) ชุดวชิ า TO BE NUMBER ONE “เป็นหน่งึ โดยไม่พึ่งยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย 90

ประเภทชมรม TO BE NUMBER ONE ตวั ช้ีวัด/เกณฑ์ ดเี ด่น เงนิ เพชร/ยอด ทอง เพชร ปฏิบัติงานจรงิ 20 15 13 10 20 15 12 10 ดำเนินงานตามแนวทางโครงการฯ 10 10 10 10 มีความตอ่ เน่อื ง - 10 76 -- 87 มกี ารพฒั นา -- -7 - เครือขา่ ย 50 50 50 50 - นวัตกรรม - องคค์ วามรู้ เพชร/ยอด ทอง เพชร รวม 10 7 43 4.6.2 คะแนนการประกวดระดบั ประเทศ 10 10 คะแนนการนำเสนอ ประเภทชมรม ระดบั ประเทศ 55 44 ตวั ชวี้ ัด/เกณฑ์ ดีเด่น เงนิ 74 -7 1. การนำเสนอผลงาน 20 12 10 10 - ดำเนินงานตามแนวทางโครงการ 55 50 50 - ความต่อเน่ือง 10 10 - วธิ กี ารนำเสนอ 55 - ความประทับใจ -8 - พฒั นานวตั กรรม -- - พฒั นาองค์ความรู้ -- 2. นิทรรศการ 10 10 รวม 50 50 ชุดวิชา TO BE NUMBER ONE “เปน็ หนง่ึ โดยไมพ่ ง่ึ ยาเสพตดิ ” สค3300166 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย 91


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook