Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สุขศึกษา ม.1

สุขศึกษา ม.1

Published by ปรีชาพล เอนอ่อน, 2020-11-30 10:59:56

Description: หนังสือเรียนสุขศึกษา ม.1

Search

Read the Text Version

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครจู ับสลากใหแตล ะกลุม ออกมาอธิบายความรู 3.๒ ธงโภชนาการ เกี่ยวกบั เรื่องท่ีแตละกลมุ ไดศึกษาไป โดยใหนํา ธงโภชนาการ เป็นสัญลักษณ์ที่สื่อให้คนไทยเข้าใจถึงปริมาณและความหลากหลาย แผนพบั ที่ทาํ เตรียมไวมาแจกเพ่อื นในหอ ง พรอมกบั ใชส อื่ ประกอบการอธิบาย หลังการอธิบายเสร็จส้ิน ของอาหารท่ีควรรับประทานเพื่อให้มีสุขภาพดีตามหลักโภชนบัญญัติ ๙ ประการ โดยเน้นให้ ครูชว ยอธิบายเพม่ิ เตมิ และตง้ั คาํ ถามเพอ่ื ใหไ ด “กินพอดแี ละหลากหลาย” มีลกั ษณะเป็นธงสามเหลยี่ มแบบธงแขวนเอาปลายแหลมลง โดยแสดง ขอ สรปุ รวมกันทถี่ กู ตอ ง กลุ่มอาหารในแต่ละกล่มุ ให้เหน็ ภาพท่ีชัดเจน บอกสดั ส่วน ปริมาณ และความหลากหลายในการ รบั ประทานอาหารแตล่ ะกลมุ่ มากนอ้ ยตามพนื้ ท่ีในแตล่ ะวนั เพอื่ ใหไ้ ดส้ ารอาหารครบถว้ น โดยทาง • เพราะเหตใุ ดจงึ ตอ งมโี ภชนบญั ญตั ิ 9 ประการ ดา้ นบนจะเนน้ ใหร้ บั ประทานมาก และปลายธงขา้ งลา่ งจะเนน้ ใหร้ บั ประทานนอ้ ยๆ ดงั แสดงในภาพ (แนวตอบ เพอื่ ใชเปนขอปฏบิ ตั ิในการ รบั ประทานอาหารเพอื่ การมสี ขุ ภาพทด่ี ี ๘ข-๑้าว๒ แทปพั ง้ พี ชน้ั ท่ี ๑ กลมุ่ ขา้ ว-แป้ง ควรรบั ประทานในปรมิ าณมากทสี่ ุด ของคนไทย) โดยจะให้สารอาหารหลัก คือ คาร์โบไฮเดรต • ธงโภชนาการมคี วามสําคญั อยางไร ๔-๖ผ ักทพั พี ๓-ผ๕ล ไสม่ว้ น ช้นั ที่ ๒ กล่มุ พชื ผกั และผลไม ้ ควรรับประทานในป1รมิ าณ (แนวตอบ ใชเปน เปนสญั ลักษณเ พอ่ื ใหเ กิด ความเขา ใจของประชาชนในดา นปริมาณ มากรองลงมา เพอ่ื ให้ไดว้ ิตามินแรธ่ าตุ และกากใยอาหาร ที่ควรรบั ประทาน โดยใหประชาชนได รบั ประทานอาหารในปรมิ าณทเี่ พียงพอ ๑-๒น มแกว้ ๑-๒น มแก้ว ชอ้ เน๖น-กอ้ื ๑ินส๒ัตขวา้ ์ว ชั้นท ่ี ๓ กลมุ่ เนอ้ื สัตว ์ ถ่วั ไข ่ และนม ควรรับประทานในปรมิ าณ ตอความตองการของรา งกายในแตล ะวนั ) แบตรโิน่ ภ้อคย พอเหมาะพอดี เพ่อื ให้ไดโ้ ปรตนี เหล็ก และแคลเซียม • เพราะเหตใุ ดจึงตองเนน ใหก ินพอดแี ละ ชนั้ ท ี่ ๔ กลมุ่ นา�้ มนั นา้� ตาล เกลอื ควรรบั ประทานแตน่ อ้ ยเทา่ ทจ่ี า� เปน็ หลากหลาย (แนวตอบ เพราะรางกายของคนเราตองการ การรับประทานอาหารควรคา� นึงถงึ สดั สว่ น ปรมิ าณ และความหลากหลาย หมุนเวียน สารอาหารตางๆ อยา งครบถวน ซง่ึ ไมมี ปกันระไปเภทเพขรอางะอกาารหราบั รปทรี่บะรทิโาภนคอาหก็จาระอทย�า่าใงหใ้รด่าองยกา่ างยหไนด่ึง้รอับยสเู่ ปาน็รอปารหะจา�าร2ชโดนยิดทน่ีไั้นมเ่คปอ่ ็นยปไดระ้เปจล�ายี่ นแแลปะจละง สารอาหารชนดิ ใดเพยี งชนิดเดียวท่จี ะให ขาดสารอาหารท่ีจ�าเป็นชนิดอ่ืนได้ อาจมีผลท�าให้ร่างกายเจริญเติบโตไม่เต็มท่ี แคระแกร็น สารอาหารตา งๆ ครบในปรมิ าณทร่ี า งกาย เฉ่ือยชา และสมองช้า ซ่ึงในการรับประทานอาหารก็ควรค�านึงถึงด้วยว่า อาหารที่บริโภคเข้าไป ตองการได ดงั นน้ั จงึ จําเปนตอ งรบั ประทาน ใหส้ ารอาหารครบท้ัง ๖ ประเภท (คาร์โบไฮเดรต โปรตนี ไขมัน วติ ามนิ เกลอื แร่ และน�า้ ) และ อาหารใหหลากหลายและพอดีกบั ความ เพยี งพอตอ่ ความตอ้ งการของร่างกายหรือไม่ ควรรับประทานมากหรือนอ้ ยเพยี งใด ตอ งการของรางกายเพื่อการมีสขุ ภาพดี) กองโภชนาการ กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสุข ไดจ้ ดั ทา� ตารางแนะนา� การบริโภค อาหารใน ๑ วนั ของคนไทย ดงั นี้ 9๒ มมุ IT ขอ สอบเนน การคดิ หากนักเรยี นตองทาํ หนาทด่ี แู ลการจดั อาหารใหกับผทู ม่ี ีปญหา สามารถศึกษาเพม่ิ เตมิ เกย่ี วกับธงโภชนาการ ไดจากเวบ็ ไซต เกี่ยวกับโรคอว น นกั เรยี นจะมแี นวทางในการปฏิบตั ิอยา งไร http://thaiitteacher.no-ip.info/eLearning/nu_tam_di/scene01.html แนวตอบ อาหารที่จดั ควรยดึ แนวทางในการหลกี เล่ียงอาหารท่ี ใหพลังงานสูง การประกอบอาหารควรหลีกเลี่ยงวธิ ีการท่ตี องทอด นกั เรยี นควรรู อาหาร หรอื ใชน ํ้ามนั ในการประกอบอาหาร และตองจดั อาหารให รบั ประทานใหครบทกุ มื้อ เนน การรับประทานอาหารจาํ พวกผัก 1 กากใยอาหาร (Fiber) เปนสารทอ่ี ยใู นพชื ผักท่ีรางกายเรายอยสลายหรอื และผลไมเ พอ่ื ใหไ ดเ สน ใยอาหาร ซง่ึ มีประโยชนใ นการขับถา ย ดดู ซึมไมไ ด แตม ีสวนชวยในการขับถาย ซ่ึงอาจแบง ไดเ ปน 2 ประเภทหลกั คอื ชนิดละลายนํ้าได เชน รําขา ว ผักใบเขียว ผลไมตางๆ เปนตน และละลายนํ้า ไมได เชน พืชตระกูลถ่ัว ขา วกลอ ง ขาวซอมมือ เปนตน 2 สารอาหาร ไดแก โปรตีน คารโบไฮเดรต ไขมัน วติ ามนิ เกลือแร และนาํ้ เมือ่ รบั ประทานเขา ไปแลวรางกายสามารถนาํ ไปใชป ระโยชนได 92 คูมอื ครู

กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Engage กระตนุ ความสนใจ ตารางแนะน�าการบริโภคอาหารใน ๑ วันของคนไทย ครูตง้ั คาํ ถามเพ่ือกระตุนการเรียนรู • นักเรียนมหี ลกั การอยางไรในการเลอื ก กลุม่ อาหาร หน่วยครวั เรอื น พลงั งาน (กิโลแคลอร)ี รบั ประทานอาหาร ๑,๖๐๐ ๒,๐๐๐ ๒,๔๐๐ (แนวตอบ ขนึ้ อยกู ับคําตอบของนกั เรียน โดย อาจตอบวา เลอื กอาหารท่ีมีประโยชน อรอ ย ขา้ ว-แป้ง ทัพพี ๘ ๑๐ ๑๒ สะอาด ราคาถูก สะดวก และรวดเรว็ ) • อาหารทนี่ ักเรียนเลอื กรบั ประทานแตละมอื้ ผัก ทพั พี ๔ (๖) ๕ ๖ มคี ุณประโยชนครบถว นหรือไม (แนวตอบ อาหารทีน่ กั เรียนเลอื กรบั ประทาน ผลไม้ ส่วน ๓ (๔) ๕ ๕ สวนใหญ จะเลือกดว ยความสะดวก รวดเรว็ และมักมีสารอาหารไมครบถว นหรอื มี เนอ้ื สัตว์ ชอ้ นกินข้าว ๖ ๙ ๑๒ ปรมิ าณไมเ พียงพอตอความตอ งการของ รา งกาย) นม 1 แก้ว ๒ (๑) ๑ ๑ • ใครชอบรับประทานอาหารจานดวน ชอ้ นชา (Fast Food) บาง นา้� มนั นา้� ตาล และเกลอื ใชแ้ ต่นอ้ ยเทา่ ทจ่ี �าเปน็ (แนวตอบ ขน้ึ อยูกับคําตอบของนกั เรียน โดย สว นใหญน กั เรียนมักจะรบั ประทานอาหาร หมายเหตุ : เลขใน ( ) คือปริมาณแนะน�าส�าหรับผู้ใหญ่ ที่มา : กองโภชนาการ กรมอนามัยกระทรวงสาธารณสุข จานดว น (Fast Food) กนั มาก) พลงั งาน (กิโลแคลอรี) ตารางพลังงาน (กิโลแคลอรี) ช่วงวัย ๑,๖๐๐ สา� หรบั เดก็ อายุ ๖-๑๓ ปี หญงิ วัยทา� งานอายุ ๒๕-๖๐ ปี ผ้สู งู อายุ ๖๐ ปีขึน้ ไป ๒,๐๐๐ ส�าหรบั วัยรุน่ หญงิ -ชาย อายุ ๑๔-๒๕ ปี วัยท�างานอายุ ๒๕-๖๐ ปี ๒,๔๐๐ สา� หรับหญิง-ชาย ท่ใี ชพ้ ลงั งานมากๆ เชน่ เกษตรกร ผูใ้ ชแ้ รงงาน นักกีฬา เปน็ ต้น ๔. หลกั การเลอื กอาหารทเ่ี หมาะสมกบั วัย อาหารเป็นสิ่งจ�าเป็นส�าหรับทุกคน ซ่ึงแต่ละคนต่างก็มีความต้องอาหารทั้งในด้านปริมาณ และสารอาหารทแ่ี ตกตา่ งกนั ขน้ึ อยกู่ บั ความตอ้ งการในแตล่ ะวยั โดยเฉพาะวยั รนุ่ ซงึ่ เปน็ วยั ทมี่ กี าร เจริญเติบโตเกดิ ข้ึนอย่างรวดเร็ว จา� เป็นต้องไดร้ บั สารอาหารทีค่ รบถ้วนทั้ง ๖ ประเภท ในปรมิ าณ ทเ่ี พยี งพอตอ่ ความตอ้ งการของรา่ งกาย หากสามารถเลอื กรบั ประทานอาหารใหเ้ หมาะสมกบั วยั ของ ตนเองได้ กจ็ ะทา� ให้มีสุขภาพกายทแ่ี ข็งแรง และสง่ ผลให้มสี ขุ ภาพจิตทีด่ ีตามไปดว้ ย ๔.๑ ประเภทของสารอาหารทว่ี ัยรุน่ ควรได้รบั ในแต่ละวัน วยั รนุ่ ควรไดร้ บั สารอาหารอยา่ งครบถว้ นทงั้ ๖ ประเภท และเพยี งพอตอ่ ความตอ้ งการ ของร่างกายในแต่ละวัน โดยในอาหาร ๑ อยา่ งน้นั อาจประกอบไปดว้ ยสารอาหารทเี่ ปน็ ประโยชน์ ตอ่ ร่างกายมากกว่า ๑ ชนิด ซ่ึงสารอาหารในแตล่ ะวันทค่ี วรไดร้ บั มดี ังนี้ 93 แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETดิ เกรด็ แนะครู วยั รุนหญงิ ตองการสารอาหารชนิดใดมากกวา วยั รนุ ชาย 1. โปรตนี 2. วติ ามินดี ครอู าจนาํ โมเดลอาหาร (ถา ม)ี หรือรูปภาพอาหารมาใหนกั เรยี นดเู พ่อื ประกอบ 3. ธาตเุ หล็ก 4. แคลเซียม การสอน ซึ่งครอู าจใหนกั เรียนเสนอรายการอาหารทเี่ หมาะสมกับตนเองใน 1 วนั โดยใชโมเดลอาหารหรือรปู ภาพทค่ี รูเตรยี มมาเพอื่ ใหนกั เรยี นเกิดความรคู วามเขา ใจ วิเคราะหคําตอบ วยั รนุ หญงิ จะตอ งการธาตเุ หลก็ มากกวา ในการเลือกรับประทานทเี่ หมาะสมกับวัยไดอ ยางถกู ตอง วยั รนุ ชาย เนอ่ื งจากการมปี ระจาํ เดอื นของวยั รนุ หญงิ ซงึ่ สง ผล ใหวยั รุนหญงิ เสยี่ งตอการขาดธาตุเหล็ก ดงั นนั้ วยั รุนหญิงจงึ มี นกั เรยี นควรรู ความตอ งการธาตเุ หล็กวันละ 24-35 มลิ ลกิ รัม ในขณะท่ี 1 นา้ํ มนั น้ํามันพืชสาํ หรับปรุงอาหารมหี ลายชนดิ เชน นา้ํ มันถั่วเหลอื ง นา้ํ มนั วยั รนุ ชายตอ งการธาตเุ หลก็ วนั ละ 17-21 มลิ ลกิ รมั ตอบขอ 3. ปาลม นา้ํ มันมะพราว นํ้ามันเมล็ดทานตะวนั นาํ้ มันงา นา้ํ มันเมล็ดขาวโพด เปน ตน ซึ่งลกั ษณะของน้าํ มนั พชื ท่ีดมี ีดังนี้ - ไมม ีกลิน่ หนื - ใส ปราศจากตะกอน - สเี หลืองพอประมาณ - มีกรดไขมันไมอ ิม่ ตวั ปริมาณสงู - มีโลหะหนกั หรอื สารพิษปนเปอ นนอยท่สี ดุ คูมือครู 93

กระตนุ ความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore สาํ รวจคน หา Explore ใหน ักเรยี นแบงกลมุ ศกึ ษาเนอ้ื หาเกยี่ วกบั หลกั ประเภทของ แหลง่ อาหาร ประโยชน์ ปรมิ าณสารอาหาร การเลอื กบรโิ ภคอาหารทเี่ หมาะสมกบั วยั จาก สารอาหาร ทค่ี วรได้รับในแตล่ ะวัน หนังสือเรยี น และแหลงเรียนรเู พมิ่ เติมตางๆ จากน้ันใหน ักเรียนวเิ คราะหหลกั การเลือกบรโิ ภค คารโ์ บไฮเดรต ข้าว แปง้ น้�าตาล เผือก ๑. ใหพ้ ลงั งานและความอบอนุ่ แก่ร่างกาย วยั รนุ่ ตอ้ งใช้พลังงานโดย อาหารทเ่ี หมาะสมกบั วัย และเตรียมนําเสนอ และมนั ๒. ช่วยให้รา่ งกายสามารถนา� โปรตนี ไปใช้ กเฉิโลลแยี่ ควนัลลอะรี1๒ถ้า,๐ใช๐้ก๐�า-ล๓งั,๓ม๐าก๐ ในรูปแบบของการอภิปราย (หรือรปู แบบอน่ื ๆ ประโยชน์ได้โดยการสลายโปรตนี เพ่ือ ตามความเหมาะสม) ท�าใหเ้ กดิ พลงั งานเม่อื ร่างกายไดร้ ับ ก็จะต้องใชพ้ ลงั งานมากขึ้น คาร์โบไฮเดรตนอ้ ย ดว้ ย ซึง่ วยั รุ่นควรจะได้รบั ๓. ใชเ้ ปน็ พลงั งานสา� รองของรา่ งกาย คาร์โบไฮเดรตวันละประมาณ ๔. เปน็ องคป์ ระกอบทส่ี า� คญั ของตับ ซ่งึ ตบั ๔-๖ กรัมต่อน�า้ หนกั ตวั เปน็ อวยั วะท่ีก�าจัดสารพษิ ในเลือด ๑ กิโลกรมั โปรตนี เนอ้ื สตั ว์ต่างๆ ไข่ ๑. สร้างความเจรญิ เตบิ โตและซอ่ มแซม วัยรนุ่ ต้องการโปรตนี วันละ นม และถ่ัวเมล็ดแห้ง สว่ นทสี่ ึกหรอใหแ้ ก่รา่ งกาย ประมาณ ๑.๒-๒.๑ กรมั ต่อ (โปรตีนที่ไดจ้ ากสัตวจ์ ะ ๒. ใหพ้ ลงั งานแก่ร่างกาย นา้� หนักตัว ๑ กโิ ลกรัม สว่ น มคี ุณค่าทางโภชนาการ ๓. สร้างนา้� ยอ่ ย ฮอรโ์ มน และภูมิคมุ้ กนั เด็กทารก หญงิ มีครรภ์ หญิง มากกว่าโปรตีนทไ่ี ด้ โรคใหแ้ กร่ ่างกาย ใหน้ มบุตร ผปู้ ว่ ย นักกฬี า จากพชื ยกเวน้ โปรตีน ๔. ชว่ ยรักษาความสมดุลของนา้� ใน หรอื ผูท้ ่ีใช้กา� ลังมาก ควร ท่ไี ดจ้ ากถว่ั เหลืองและ หลอดเลือด เนอื้ เยอื่ และเซลล์ ไดร้ บั โปรตีนในปรมิ าณที่ ผลิตภัณฑจ์ ากถ่วั เหลือง) ๕. ชว่ ยรักษาความสมดุลของสภาพ มากกว่าปกติ ความเป็นกรดและดา่ งภายในรา่ งกาย ไขมนั ไขมนั ตา่ งๆ จากพชื และ ๑. ใหพ้ ลงั งานแก่รา่ งกาย วยั รุ่นต้องการไขมนั วันละ สตั ว์ เชน่ นา้� มนั ถวั่ เหลอื ง ๒. ชว่ ยให้ความอบอนุ่ แก่ร่างกาย ประมาณ ๑ กรมั น้า� มันงา น้า� มนั มะพร้าว ๓. ชว่ ยป้องกนั การกระทบกระเทือนของ ตอ่ น้า� หนกั ตัว ๑ กโิ ลกรมั น้า� มนั หมู (ไขมนั ที่ได้ อวยั วะภายในร่างกาย หรือประมาณรอ้ ยละ ๑๕-๒๐ จากพชื จะมคี ุณค่าทาง ๔. ละลายวติ ามนิ เอ ดี อี และเค เพอ่ื ให้ ของพลงั งานทัง้ หมดที่ได้จาก โภชนาการมากกวา่ ไขมัน รา่ งกายดดู ซมึ วติ ามนิ เหลา่ นเ้ี ขา้ สรู่ า่ งกาย อาหารใน ๑ วนั สา� หรบั ผทู้ ่ใี ช้ ที่ได้จากสัตว์) ๕. บเปา็นงอสย่วา่นงปขรอะงกรอา่ บงกทาส่ี ย�าคเชญั น่ ขเอนงอ้ือสวมยั อวะง2 กา� ลงั มากควรได้รบั ไขมนั ใน ปรมิ าณที่มากกวา่ ปกติ เสน้ ประสาท เป็นตน้ ๖. เปน็ พลงั งานส�ารองของรา่ งกาย วิตามิน ๑. วติ ามินที่ละลายใน ๑. ชว่ ยในการเจริญเติบโตของร่างกาย เปน็ สารอาหารทไี่ มใ่ หพ้ ลงั งาน แบง่ ออกเปน็ ไขมนั ไดแ้ ก่ ๒. ชว่ ยให้รา่ งกายทา� งานได้ตามปกติ และไมช่ ่วยสรา้ งเนือ้ เยอ่ื ของ ๒ ประเภท  วติ ามนิ เอ พบมากใน ๓. ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคให้แก่ ร่างกายโดยตรง รา่ งกายจงึ ตบั ไขแ่ ดง ปลา พชื ผกั ร่างกาย ต้องการวิตามินปริมาณน้อย  วติ ามนิ ดี พบมากใน แต่วติ ามนิ กม็ ีความจ�าเป็น ปลา ไขแ่ ดง นมเปรย้ี ว ต่อร่างกายมาก เพราะถา้ และรา่ งกายสามารถ ขาดวิตามินชนิดใดชนดิ หนง่ึ สรา้ งวติ ามนิ ดีข้ึนเอง อาจทา� ใหเ้ กดิ โรคตา่ งๆ ได้ ไดภ้ ายในผวิ หนัง เมอ่ื ร่างกายถกู แสงแดด 9๔ นกั เรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET ทกั ษอร มองเห็นไดไ มชัดในตอนกลางคืน และตาสูแสง 1 แคลอรี (Calorie) คอื หนว ยที่ใชวดั พลงั งานท้งั จากอาหารทีร่ างกายเปลย่ี น ไมไ ด ทกั ษอรควรเลือกรับประทานอาหารชนดิ ใด เพ่อื ชว ยใน เปน พลงั งาน และท่รี า งกายใชใ นการทาํ กจิ กรรมตา งๆ การมองเหน็ 2 เนอื้ สมอง อยภู ายใตก ะโหลกศีรษะท่ีมคี วามแขง็ แรงมาก เพราะเนื้อสมอง 1. ปลาหมึก กงุ หอย แตละสว นมีความสาํ คัญในการควบคมุ การทาํ งานของอวยั วะทุกสว นในรา งกาย 2. เคร่ืองในสัตว ตบั กุงแหง ใหท ํางานประสานกนั 3. ถั่วเหลอื ง ขาวกลอง เน้อื หมู 4. ไขแ ดง นา้ํ มันตับปลา ผกั ใบเขียว มมุ IT วิเคราะหค าํ ตอบ จากอาการของทักษอรสามารถบง บอก ไดว า เกดิ จากการขาดวิตามินเอ ซึ่งมสี ว นชวยในดา น สามารถศึกษาเพม่ิ เตมิ เก่ียวกับอาหารสาํ หรบั วยั รุน ไดจ ากเวบ็ ไซต การมองเหน็ ดังนั้นในการเลือกรบั ประทาน ทกั ษอรควร http://www.youtube.com/watchMV=CDuHlhGn5GQ เลอื กรบั ประทานอาหารทมี่ วี ติ ามนิ เออยา งเพยี งพอ เชน นํา้ มนั ตบั ปลา ตับ ไขแ ดง ผักใบเขยี ว เปนตน ตอบขอ 4. 94 คูมอื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ประเภทของ แหลง่ อาหาร ประโยชน์ ปรมิ าณสารอาหาร ใหนักเรยี นเสนอผลการศกึ ษาในรูปแบบ สารอาหาร ที่ควรไดร้ ับในแต่ละวนั อภิปราย (หรอื รูปแบบอื่นๆ ตามความเหมาะสม)  เวนิตยาเมทนิ ียอม1ี พนบ�้ามมานั กพใชืน2 โดยใหแ ตล ะกลุม เลือกนําเสนอเพยี งกลุมละ วติ ามิน เป็นสารอาหารท่ีไม่ให้ 1 ประเด็น ดังน้ี เมลด็ พชื เปลือกแข็ง พลงั งานและความอบอนุ่ เกลือแร่ ไข่แดง ผกั สีเขียว ต่อร่างกาย ถึงแม้จะต้องการ • ประเภทของสารอาหารที่วยั รุนควรไดรับ  วิตามนิ เค พบมากใน ในปรมิ าณน้อยแต่กข็ าดไม่ได้ ในแตล ะวนั ผกั สีเขียว ไข่แดง เนยแขง็ เน้อื หมู ตบั • อาหารท่เี หมาะสมสาํ หรบั วัยรนุ ๒. วติ ามนิ ทลี่ ะลายในน้�า • ปญ หาสุขภาพจากการรบั ประทานอาหาร ได้แก่  วติ ามนิ บี พบมากใน ของวยั รุน ถว่ั ชนิดตา่ งๆ ธัญพืช โดยอาจเพ่ิมเติมประเดน็ ทีอ่ ยูนอกเหนือจาก เน้ือสตั ว์ หนังสอื เรียนได  วติ ามนิ ซี มอี ย่ใู นผลไม้ ขยายความเขา ใจ Expand และผักชนดิ ตา่ งๆ  แคลเซียม เปน็ ๑. ชว่ ยเสริมสรา้ งและซอ่ มแซมโครงสร้าง ใหนักเรยี นยกตวั อยางหลกั การเลือกบรโิ ภค สารอาหารที่มอี ยู่ ของรา่ งกาย เชน่ กระดกู ฟนั เลอื ด อาหารทเี่ หมาะสมกบั วัย และเสนอแนะแนวทาง ในนม ผลติ ภัณฑ์ เปน็ ต้น ท่ีเหมาะสมในการเลือกบริโภคอาหารใหแกเพื่อนๆ จากนม ไขแ่ ดง ในหองฟง ถัว่ เมล็ดแหง้ ๒. ช่วยควบคมุ การท�างานของอวยั วะต่างๆ ของร่างกายให้เปน็ ไปตามปกติ ผกั ใบเขียว ปลาเลก็ ปลานอ้ ยทร่ี บั ประทาน ไดท้ ง้ั ตวั  ฟอสฟอรัส เป็น สารอาหารท่ีมอี ยู่ ในนม ผลติ ภัณฑ์ จากนม ถวั่ เมลด็ แห้ง  เหลก็ มอี ยใู่ นตบั หวั ใจ เลอื ด เนอ้ื วัว ไขแ่ ดง ถว่ั เมล็ดแห้ง ผกั ใบเขียว  ไอโอดนี มอี ยู่ในเกลอื ทะเล และสตั วท์ ะเล ทกุ ชนดิ เชน่ ปลา ปู กงุ้ เปน็ ต้น  โซเดยี ม มอี ยู่ในเกลอื และสว่ นผสมของเกลอื นอกจากน้ี ยงั มอี ยู่ ตามธรรมชาติในนม เนยแข็ง และไข่ 95 แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETิด นกั เรยี นควรรู บุคคลใดตอไปน้จี ัดไดว า มภี าวะโภชนาการดี 1 เนยเทยี ม คือ อาหารสังเคราะหอยางหนึง่ เพอื่ ใชแทนเนย ผลติ ขนึ้ จากไขมัน 1. แพรวชอบรับประทานอาหารหลากสีสัน ชนิดอืน่ ที่ไมไดม าจากนมววั สามารถนํามาใชป ระกอบอาหารแทนเนยได แตทงั้ นี้ 2. เพชรเปน มงั สวริ ตั ทิ ี่ไมร บั ประทานเน้อื สตั ว ทง้ั น้นั กค็ วรรับประทานในปรมิ าณทเ่ี หมาะสม ไมค วรรับประทานในปรมิ าณมาก 3. พลอยรบั ประทานอาหารนอกบา นเปนประจาํ เกนิ ไป เพราะอาจกอ ใหเกิดปญหาภาวะทพุ โภชนาการขนึ้ ได 4. แพรมักรับประทานอาหารหลากหลายประเภท 2 เมลด็ พชื เปลอื กแข็ง เปนแหลงอาหารท่อี ุดมไปดว ยวิตามินอี ซึง่ จําเปน สําหรบั วเิ คราะหคําตอบ รางกายคนเราตองการสารอาหารตา งๆ เม็ดเลือดแดงและกลา มเนอื้ อีกท้ังยงั ชวยปองกันโรคหัวใจได อยางครบถว น ซงึ่ ไมม สี ารอาหารชนดิ ใดชนิดเดียวที่ให สารอาหารตางๆ ครบในปริมาณท่รี างกายตอ งการได ดังนน้ั จงึ จาํ เปนตองรบั ประทานอาหารหลากหลายประเภท เพ่ือการมสี ขุ ภาพดี ตอบขอ 4. คูมอื ครู 95

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Engage กระตนุ ความสนใจ ครรู ว มพูดคยุ กบั นกั เรยี นและตง้ั คาํ ถามทบทวน ประเภทของ แหลง่ อาหาร ประโยชน์ ปรมิ าณสารอาหาร จากทเ่ี คยถามไปกอ นหนา นถี้ งึ หลกั การตา งๆ ในการ สารอาหาร ทค่ี วรไดร้ ับในแตล่ ะวัน เลอื กรับประทานอาหาร เพือ่ กระตุน ความสนใจและ ๑. ช่วยใหร้ ่างกายมคี วามชมุ่ ชืน้ ทา� ให้ เกดิ ความตอ เนอื่ งในการเรยี น น้า� ผวิ พรรณเปลง่ ปลั่ง เนือ่ งจากรา่ งกายสูญเสยี น�า้ อยู่ตลอดเวลาจากการขบั ถา่ ย • ใครเลอื กบริโภคอาหารโดยคาํ นงึ ถงึ ประโยชน ๒. เป็นสว่ นประกอบของเซลล์ในร่างกาย ของเสียออกจากรา่ งกาย ของอาหารบา ง และทราบไดอยา งไร ๓. ช่วยในการยอ่ ยและดูดซมึ อาหารเข้าสู่ เชน่ เหงือ่ ปสั สาวะ อุจจาระ (แนวตอบ ขนึ้ อยูก ับคําตอบของนกั เรียน) เป็นตน้ รา่ งกายจึงต้องการ รา่ งกาย น�้าเพือ่ ชดเชยสว่ นท่สี ูญเสีย • นกั เรยี นคิดวา ในแตละวนั นกั เรียนควร ๔. ชว่ ยขับของเสียออกจากร่างกาย ปกตคิ นเราควรจะดม่ื น�า้ รบั ประทานอาหารชนิดใดจึงจะเหมาะสม วนั ละ ๘-๑๐ แกว้ ซึง่ ถ้า กับวัยของนกั เรียนมากท่สี ดุ เชน่ เหงอื่ ปสั สาวะ เปน็ ต้น รา่ งกายขาดนา้� หรอื สูญเสีย (แนวตอบ ขน้ึ อยูก บั คาํ ตอบของนักเรียน) ๕. ช่วยควบคุมอุณหภมู ิของรา่ งกายไม่ให้ น�้าประมาณรอ้ ยละ ๒๐ ของ น้า� ทมี่ อี ยู่ในร่างกาย จะกอ่ • นักเรยี นคดิ อยางไรกบั คํากลาวทว่ี า เปลยี่ นไปตามสภาวะแวดลอ้ ม ให้เกดิ อันตรายตอ่ รา่ งกายได้ “You are what you eat” ๖. ช่วยรักษาสภาพความเปน็ กรด-ดา่ ง (แนวตอบ ขน้ึ อยกู บั คาํ ตอบของนักเรียน ซ่ึงนักเรยี นจะไดศึกษาในเนื้อหาตอ ไป) ของเลือด และความสมดุลของเกลือ ในรา่ งกาย ๗. ชว่ ยน�าอาหารและออกซิเจนไปเล้ียง ส่วนต่างๆ ของรา่ งกาย ๘. ช่วยในการหลอ่ เล้ียงอวยั วะตา่ งๆ ให้ เคลอื่ นไหวไดด้ ี และปอ้ งกนั การกระทบ กระเทือน ๔.๒ อาหารทเี่ หมาะสมสาำ หรับวยั รุน่ วยั รนุ่ นอกจากจะตอ้ งรบั ประทานอาหารทมี่ คี ณุ คา่ ใหค้ รบ ๕ หมู่ หรอื ไดร้ บั สารอาหาร ครบ ๖ ประเภทในแตล่ ะวนั ในปรมิ าณทเี่ พยี งพอ กบั ความตอ้ งการของร่างกายแล้ว ส่งิ สา� คัญอกี ประการหน่ึง คือ จะต้องรับประทานอาหารให้ หลากหลาย หรอื ทเ่ี รยี กกนั วา่ “กนิ ใหพ้ อด”ี และ “กินให้ครบ” อาหารท่ีวัยรุ่นควรรับประทานใน ปริมาณทเ่ี พียงพอนั้น มีดังน้ี ๑) ควรดม่ื นมวนั ละ ๑ - ๒ แกว้ อาจเป็นนมวัวหรือนมถ่ัวเหลืองก็ได้ และควร ด่ืมนมอุ่นๆ มากกว่าท่ีจะดื่มนมท่ีมีความเย็น เน่ืองจากนมท่ีมีความอุ่นนั้น จะท�าให้โปรตีน และแคลเซยี มแตกตวั ไดด้ ี ชว่ ยขยายหลอดเลอื ด นมมีสารอาหารประเภทโปรตีนและแคลเซียมท่ีช่วยใน ฝอยทา� ใหส้ ารอาหารถกู ลา� เลยี งเขา้ สรู่ า่ งกายได้ การเสรมิ สรา้ งกระดกู และฟันให้แขง็ แรง ดีย่งิ ขน้ึ 9๖ เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET นักเรยี นคดิ วาหลักการเลอื กรบั ประทานอาหารท่ีเหมาะสมกบั วยั ครคู วรแนะนาํ นักเรียนวา นักเรยี นเปนวัยท่ีอยูในชว งของการเปน วยั รนุ ของนกั เรียนน้นั มหี ลกั การอยางไร ซึง่ มกี ารเจริญเติบโตและการเปลีย่ นแปลงทางดา นตา งๆ อยา งรวดเร็ว ดังน้ัน แนวตอบ ขึน้ อยกู บั คําตอบของนักเรยี น โดยนักเรยี นอาจตอบวา การรับประทานอาหารที่เหมาะสมกับวัย และรบั ประทานในปริมาณที่เพียงพอ รบั ประทานอาหารใหค รบ 5 หมู แตล ะหมูใหหลากหลาย ตอ ความตองการของรางกายในแตละวันจึงเปนส่ิงสาํ คญั เพือ่ การเจริญเติบโต ดมื่ นมวนั ละ 1-2 แกว รบั ประทานเนอ้ื สตั วช นดิ ตา งๆ ใหเ พยี งพอ และการมีพัฒนาการท่เี หมาะสมกบั วยั รบั ประทานไขว นั ละ 1 ฟอง รับประทานผักและผลไมต างๆ รบั ประทานอาหารจาํ พวกแปง และไขมนั ใหเ พยี งพอ ตอ ความตองการของรางกาย 96 คมู อื ครู

กระตุนความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explain Expand Evaluate Explore Explore สาํ รวจคน หา ๒) รับประทานเน้อื สัตว์ชนิดต่างๆ ให้เพียงพอ วัยรุ่นควรได้รับประทานอาหาร ใหนกั เรียนแบงกลมุ (อาจใชกลมุ เดมิ ได) ประเภทเนอื้ สัตว์ เช่น ไก่1หมู เนื้อ ทีไ่ ม่ติดมันมาก ประมาณ ๖-๑๒ ชอ้ นกนิ ข้าวตอ่ วนั รวมถึง ชวยกนั กําหนดเปา หมายและระบุแนวทางในการ อาหารทะเลโดยเฉพาะปลา เน่ืองจากมีไขมันต�่าและย่อยง่าย แต่อาหารทะเลบางชนิด เช่น กุ้ง เลอื กรบั ประทานอาหารทเี่ หมาะสมกบั วยั จากนั้น หอย ปลาหมกึ มคี อเลสเตอรอลสูงมาก จงึ ควร ใหนกั เรียนจัดลําดบั ในการเลือกรบั ประทานอาหาร รับประทานแตพ่ อควร ที่เหมาะสมกับวยั ในแตล ะวนั เตรียมนาํ เสนอ หนา ชน้ั เรยี น นอกจากน้ี ควรรับประทานตาม ค�าแนะน�าเพ่ิมเติมของคณะอนุกรรมการสาขา โภชนศาสตร์ คณะกรรมการอาหารและโภชนาการ แหง่ ชาติ ได้เสนอคา� แนะนา� ไว้ว่า สา� หรบั วัยรนุ่ ควรรบั ประทานอาหารทะเลอยา่ งนอ้ ยสปั ดาหล์ ะ ๑ - ๒ ครั้ง และควรรับประทานเครื่องในสัตว์ ไข่เป็นโปรตีนที่มีคุณค่าโดยเฉพาะไข่ขาว ในไข่แดงจะ อยา่ งน้อยสปั ดาหล์ ะ ๒ คร้ัง อดุ มไปดว้ ยวติ ามนิ เอ ธาตเุ หลก็ ฟอสฟอรสั และวติ ามนิ อี ๓) รบั ประทานไขไ่ ดว้ นั ละ ๑ ฟอง แตส่ �าหรบั วัยรุน่ ท่ีเป็นโรคอว้ น หรือนา�้ หนักเกิน ควรรบั ประทานเฉพาะไขข่ าว และหลีกเลี่ยงขนมต่างๆ ทท่ี �าจากไขแ่ ดง เชน่ ทองหยอด ทองหยิบ ฝอยทอง เพราะในไข่แดงจะมีคอเลสเตอรอลสูง ส�าหรับผู้ที่ไม่มีปัญหาคอเลสเตอรอลสามารถ บรโิ ภคไขแ่ ดงไดต้ ามปรมิ าณดงั กลา่ ว และในขณะเดยี วกนั กค็ วรมกี ารออกกา� ลงั กายอยา่ งสมา่� เสมอ โดยจะชว่ ยใหก้ ารใชค้ อเลสเตอรอลในร่างกายเปน็ ไปดว้ ยดี ไม่สะสมมากจนเป็นปัญหาตอ่ สุขภาพ ซ่งึ ทางท่ดี ีควรรับประทานไข่สกุ เพราะย่อยงา่ ย ๔) รบั ประทานพชื ผกั ผลไมต้ า่ งๆ ใหเ้ พยี งพอ ผักสีเขียวมีใยอาหารท่ีช่วยในการ ขบั ถ่ายโดยนา� คอเลสเตอรอลและสารพษิ ท่ีกอ่ ให้เกิดมะเร็งบางชนดิ ออกจากร่างกาย ซงึ่ จะชว่ ยลด การสะทสา�มงขาอนงไดสาป้ รกพติษิ ผเหกั ทล่าคี่ นวั้นรรบั ผปักรจะะทชา่วนยใไนดกแ้ การ่ ผเจกั รบิญงุ้ เผตกัิบคโตะแนลา้ ะตเสา� ลริมงึ สฟรกั ้าทงใอหง้ทแุกครระอบตบมในะรเข่างอื กเทายศ2 หรือผักชนิดอื่นตามแต่ความชอบโดยควรรับประทานผักทุกม้ือวันละประมาณ ๔-๖ ทัพพี ควรรับประทานผลไม้สดตามฤดูกาลวันละ ๑-๒ คร้ัง หรือประมาณ ๓-๕ ส่วนต่อวัน และควรหลีกเลี่ยงผลไม้ที่มี รสหวานจัด เชน่ ทุเรียน มะม่วงสกุ เปน็ ต้น หรอื ควร รบั ประทานเพยี งเลก็ นอ้ ย เพราะหากรบั ประทานผลไม้ ทม่ี รี สหวานจดั มากเกนิ ไป อาจทา� ใหเ้ ปน็ โรคอว้ นได้ ผักและผลไม้มีวิตามินและแร่ธาตุแตกต่างกันไป ซ่ึงล้วนมี ความจำาเป็นต่อสุขภาพร่างกาย และยังให้ใยอาหารที่ช่วย ในการขบั ถา่ ย 97 แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETิด นักเรยี นควรรู เพราะเหตใุ ดวัยรุนจงึ ตอง “กนิ ใหพอด”ี และ “กนิ ใหครบ” 1 ปลา ไขมนั จากปลาสว นใหญเปนไขมันประเภทอมิ่ ตัว ไมก อ ใหเกดิ ไขมัน แนวตอบ เนอ่ื งจากวยั รุน เปน วัยท่ีรา งกายมกี ารเจรญิ เตบิ โต อดุ ตนั ในเสน เลือด โดยกรดไขมนั ท่พี บในปลาก็เปน กรดทีจ่ ําเปนตอ รางกาย ซึ่งมี เกดิ ขน้ึ อยา งรวดเรว็ รา งกายจงึ จาํ เปน ตอ งไดร บั สารอาหารทคี่ รบ โอเมกา 3 และโอเมกา 6 อยสู ูง ถว นทงั้ 5 หมู และมคี วามหลากหลาย ในปรมิ าณทเ่ี พยี งพอตอ 2 มะเขอื เทศ มสี ารไลโคปนและเบตา แคโรทนี อยูมาก ซ่ึงเปน สารทชี่ ว ยตา น ความตอ งการของรางกายในแตล ะวนั หรือทีเ่ รยี กกันวา “กนิ ให อนุมลู อสิ ระท่เี ปน ตวั การทําใหเ กดิ โรคมะเรง็ ไดเ ปนอยางดี พอดี” และ “กนิ ใหค รบ” นนั่ เอง คมู ือครู 97

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหนกั เรยี นแตละกลมุ ออกมานาํ เสนอจากเรอื่ ง ๕) รับประทานอาหารประเภทแป้งให้พอเหมาะกับความต้องการ ข้าวที่จะให้ ทไ่ี ดส าํ รวจคน หา จากนนั้ ครชู ว ยอธบิ ายเพมิ่ เตมิ และ สารอาหารแก่ร่างกายดีที่สุด คือ ข้าวกล้อง หรือข้าวขัดสีแต่น้อย ควรหุงแบบไม่เช็ดน้�าหรือนึ่ง ต้ังคําถามเพ่ือใหไดขอสรปุ ทถ่ี ูกตอ งรวมกนั ซึ่งวัยรุ่นควรรับประทานข้าวประมาณวันละ ๘-๑๒ ทพั พี โดยโภชนบญั ญัติ ๙ ประการ ข้อที่ • นักเรยี นคิดวาจะมผี ลอยา งไร หากเรา ๑ ได้ก�าหนดไว้ว่า ให้รับประทานข้าวเป็น รับประทานอาหารไมเ หมาะสมกับวยั และ อาหารหลักสลับกับอาหารประเภทแป้งบางม้ือ เพยี งพอตอความตองการของรางกาย เลอื กรบั ประทานขา้ วกลอ้ งหรอื ขา้ วซอ้ มมอื แทน (แนวตอบ ขึ้นอยกู ับคําตอบของนักเรียน โดย ขา้ วขาวจะไดว้ ิตามนิ แร่ธาตุ ใยอาหารมากกวา่ อาจตอบวา เกิดภาวะทุพโภชนาการ รางกาย และสามารถรับประทานขนมปังโฮลวีต เผือก ไมสามารถทาํ งานไดอยางมปี ระสิทธิภาพ สง ผลตอการมีสขุ ภาพท่ีไมด )ี มัน ขา้ วโพด ทดแทนเปน็ บางม้ือ ๖) รับประทานอาหารที่ให้ ข้าวเป็นอาหารหลักที่ให้พลังงาน ซ่ึงควรรับประทานข้าว ไขมันพืชและสัตว์ให้พอเหมาะ ไขมัน สลบั กบั อาหารประเภทแปงเปน็ บางมื้อ ต่างๆ ที่ได้จากพืชและสัตว์จะให้พลังงานแก่ ร่างกาย เป็นตัวทา� ละลายวิตามนิ เอ ดี อี และเค แตต่ ้องรบั ประทานไขมันในปริมาณท่พี อเหมาะ โดยเฉพาะไขมนั จากสตั ว์ ซง่ึ เปน็ ไขมนั อมิ่ ตวั ซงึ่ ถา้ หากรบั ประทานเปน็ ประจา� จะทา� ใหไ้ ขมนั สะสม อยใู่ นรา่ งกาย โดยเฉพาะหลอดเลอื ด กอ่ ใหเ้ กดิ โรคไขมนั อดุ ตนั ในเสน้ เลอื ด โรคหวั ใจขาดเลอื ด และ โรคอ่ืนๆ ตามมาได้ ดังน้ันวัยรุ่นควรรับประทานไขมันจากพืชมากกว่าการรับประทานไขมันจาก สตั ว์ เพราะเปน็ ไขมนั ไมอ่ ิ่มตวั อกี ท้ังยงั ชว่ ยลด คอเลสเตอรอลในรา่ งกายไดอ้ ีกด้วย ๔.3 ปัญหาสุขภาพจากการ รบั ประทานอาหารของวยั รุน่ ไขมันที่ได้จากพืชและสัตว์จะช่วยให้พลังงานแก่ร่างกาย พ ฤ ติ ก ร ร ม ใ น ก า ร รั บ ป ร ะ ท า น แต่ตอ้ งรับประทานในปริมาณทพี่ อเหมาะ อาหารของวัยรุ่นมีผลต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก เนอ่ื งจากการมพี ฤตกิ รรมการรบั ประทานอาหาร ที่ไมถ่ กู ตอ้ ง อาจนา� ไปสปู่ ญั หาสขุ ภาพดา้ นตา่ งๆ ได้ ดังน้ี ๑) การรับประทานอาหารไม่ เปน็ เวลาและงดอาหารบางมื้อ วยั รนุ่ นั้นควร จะรับประทานอาหารใหค้ รบทงั้ ๓ มอื้ คือ มื้อ เชา้ มอ้ื กลางวนั และมอื้ เยน็ และควรรบั ประทาน 98 เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET ปญหาสําคัญของวยั รุนท่ีเกิดจากการรบั ประทานอาหาร ครูอาจนํา VCD เก่ียวกบั เรือ่ งปญ หาสขุ ภาพจากการรบั ประทานอาหาร (ถา มี) ไมถกู ตอง คืออะไร ที่แสดงใหเห็นถึงปญ หาสขุ ภาพอันเกิดจากการรบั ประทานอาหารทไี่ มถ กู ตอง 1. รับประทานจุ ไวอ ยา งชัดเจนมาใหนกั เรียนดู เพอ่ื ใหน กั เรียนเกิดความเขา ใจและเกดิ การ 2. ชอบดมื่ น้าํ อัดลม ปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารไดอยา งถกู ตอ งเหมาะสม 3. รับประทานจุบจิบ 4. รบั ประทานอาหารจานดว น มมุ IT วเิ คราะหคาํ ตอบ ทกุ ขอ ลวนเปนปญหาสาํ คัญของวัยรนุ ท่ีเกดิ จากการรบั ประทานอาหารไมถ กู ตอ งทง้ั สนิ้ แตใ นปจ จบุ นั พบวา สามารถศึกษาเพิม่ เติมเกยี่ วกับพฤติกรรมการบริโภคอาหารสาํ หรับวัยรนุ วยั รนุ จาํ นวนมากนิยมรับประทานอาหารจานดวน เชน พิซซา ไดจากเวบ็ ไซต http://nutrition.anamai.moph.go.th/temp/main/view. มนั ฝรัง่ ทอด แฮมเบอรเกอร เปนตน ซ่งึ การรับประทานอาหาร php?group=3&id=93 เหลา นบี้ อ ยๆ อาจกอ ใหเ กดิ ผลเสยี ตอ สขุ ภาพได ตอบขอ 4. 98 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู อาหารใหต้ รงเวลา เพราะรา่ งกายตอ้ งใชพ้ ลงั งานจากอาหารเพอ่ื ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตา่ งๆ ในชวี ติ ประจา� ใหแ ตละกลมุ คัดเลือกตวั แทนในหอง 3 คน วันในกรณที ี่รับประทานอาหารไม่เปน็ เวลาหรือไมต่ รงเวลา กระเพาะอาหารจะหลงั่ นา้� ยอ่ ยออกมา ออกมาอภิปรายเก่ียวกับแนวทางทเ่ี หมาะสม โดยทย่ี งั ไมไ่ ดร้ บั ประทานอาหาร นา้� ยอ่ ยซง่ึ มฤี ทธเ์ิ ปน็ กรดจะกดั ผนงั กระเพาะอาหาร ทา� ใหเ้ กดิ เปน็ ในการเลอื กบรโิ ภคอาหารของตนเองตามกิจกรรม แผลได้ สรางสรรคพ ฒั นาการเรียนรู กิจกรรมท่ี 3 จากน้นั ครชู วยอธิบายเพม่ิ เตมิ เพือ่ ใหไดขอ สรปุ ทถ่ี ูกตอง ส่วนการงดอาหารมื้อเช้าหรือม้ือกลางวัน จะท�าให้ร่างกายขาดพลังงานท่ีจะปฏิบัติ รว มกัน ภารกิจต่างๆ ซึ่งมีผลต่อประสิทธิภาพของการเรียนหรือการท�างาน เนื่องจากวัยรุ่นต้องการ พลังงานจากอาหาร เพื่อน�าไปท�ากิจกรรมทั้งการใช้ความคิดและการปฏิบัติ ดังน้ัน อาหารเช้า และอาหารกลางวันจงึ ถือว่าเปน็ สง่ิ ส�าคญั ท่จี า� เปน็ ต่อสมอง และการเจริญเติบโต ๒) การรับประทานอาหารรสจัด ได้แก่ เค็มจัด เผ็ดจัด หรือเปรี้ยวจัด เหล่านี้ จะท�าให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุทางเดินอาหาร โดยเฉพาะในกระเพาะอาหาร ซ่ึงมีผล ท�าให้การย่อยอาหารไม่เป็นไปตามปกติ อาจ1มีอาการท้องอืด และปวดท้อง ยกตัวอย่างเช่น อาหารที่มีรสเค็มจัดจะมีเกลือโซเดียมคลอไรด์ ซ่ึงเป็นอันตรายต่อไตท�าให้ไตต้องท�างานหนัก และมีผลท�าให้ไตเสื่อมสภาพได้ นอกจากน้ี ในเกลือโซเดียมคลอไรด์ยังเป็นสาเหตุท่ีท�าให้เกิด โรคความดันโลหติ สงู อีกดว้ ย ดงั นั้น จงึ ควรเลอื กรับประทานอาหารทไ่ี ม่มรี สจัดมากเกนิ ไป ๓) การรับประทานอาหารสกุ ๆ ดบิ ๆ การใช้เนอื้ สตั ว์ตา่ งๆ ไม่วา่ จะเปน็ เนื้อปลา เน้ือหมู เนือ้ วัว หรืออาหารจ�าพวกแหนมสดในการประกอบอาหาร เช่น อาหารจ�าพวกลาบ กอ้ ย นา�้ ตก ซง่ึ ปรงุ โดยไมส่ กุ นนั้ อาจทา� ใหเ้ กดิ โรคพยาธติ า่ งๆ ได้ เพราะในเนอื้ สตั วท์ ใ่ี ชป้ ระกอบอาหาร อาจมีพยาธิอาศัยอยู่ เช่น พยาธิใบไม้ พยาธิตัวจ๊ีด เป็นต้น ซึ่งจะมีอันตรายต่อสุขภาพมาก ด้วยเหตุนี้ จึงควรปรับเปล่ียนพฤติกรรมการรับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ ดังกล่าว มาเป็นการ รบั ประทานอาหารท่ปี รุงสุกใหมๆ่ เพ่ือการมีภาวะโภชนาการที่ดี เกรด็ นา่ รู้ อาหารเชา้ กับสุขภาพ จากความเร่งรีบที่ต้องแข่งกับเวลาหรือการจราจรติดขัด หรือเพราะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ทำาให้วัยรุ่น มีโอกาสนอ้ ยลงในการรบั ประทานอาหารเชา้ ของวันใหม่ จากการศกึ ษาพบวา่ อาหารเชา้ จดั เปน็ อาหารมื้อสำาคัญทส่ี ุดของวัน ท้งั น้ีเนื่องจากอาหารม้อื สดุ ท้ายของ วันและม้ือเช้าของวันใหม่ห่างกันหลายช่ัวโมง จึงมีผลทำาให้ปริมาณนำ้าตาลในเลือด ซ่ึงเป็นแหล่งพลังงานที่ สาำ คัญของรา่ งกายลดน้อยลง การรบั ประทานอาหารเชา้ นน้ั จะเพม่ิ พลังใหก้ ับสมอง สง่ ผลให้สมองทำางานได้ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพและรา่ งกายรสู้ กึ กระปรก้ี ระเปรา่ ดงั นน้ั จงึ ควรรบั ประทานอาหารเชา้ ใหค้ รบทงั้ ๕ หม ู่ เพอื่ ให้ได้สารอาหารครบถ้วนตามท่ีร่างกายต้องการ โดยเน้นบริโภคอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น โจ๊กข้าวกลอ้ ง ขนมปังโฮลวีต รวมไปถงึ ผลไม้แหง้ และผลไมส้ ดต่างๆ และเสรมิ ดว้ ยโปรตีนและไขมันดี เชน่ ไข ่ ถวั่ เมล็ดแหง้ นำ้าเตา้ หู้ เปน็ ต้น 99 แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETดิ เกรด็ แนะครู ในแตละวันนกั เรียนจะกําหนดรายการอาหารอยางไร ครอู าจใหน กั เรยี นวิเคราะหพ ฤตกิ รรมการบริโภคของตนเอง จากนนั้ ครอู าจ ใหเหมาะสมกบั วยั ของนักเรยี นเอง แนะนําและใหความรูแกน กั เรียนถึงปญหาสุขภาพจากการรับประทานอาหารของ แนวตอบ รับประทานอาหารทีใ่ หพลงั งานจากแปง หรอื วยั รุน และการปรบั เปลี่ยนพฤติกรรมการบรโิ ภคอาหารกบั สขุ ภาพอยา งเหมาะสม ขา วสวย โปรตนี จากเนอ้ื สัตว ไขมันจากน้ํามัน พรอมทั้งผัก ผลไมใ นอัตราสว นท่ีกําหนด โดยใหม สี สี ันท่ีหลากหลาย นกั เรยี นควรรู เพ่ือใหไดรับวติ ามินและเกลอื แรอ ยางครบถวน 1 เกลือโซเดียมคลอไรด มชี ื่อเรยี กทวั่ ไปวา เกลอื แกง มักถกู นํามาใช เปน เครอ่ื งปรงุ รส และใชในการถนอมอาหาร มุม IT 99 สามารถศกึ ษาเพ่ิมเติมเก่ยี วกับอาหารเชา กบั สขุ ภาพ ไดจากเว็บไซต http://www.doctor.or.th/node/11005 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Explore Explain Engage Expand Expand Evaluate ขยายความเขา ใจ ใหน กั เรยี นเขยี นตารางรายการอาหารทเี่ หมาะสม แก๊สคารบ์ อน๔ได) อกอากรไดซ่มืด์นส้า�าอรแดั ตลง่ มสเี ปกลน็ นิ่ ปรระสจแา� ล นะก้า� าอเดั ฟลอมนี 1โดโยดสยว่ในนม๑าแกกปว้รขะกอองนบ้า�ไปอดดั ้วลยมจนะา้� ปนระ�้ากตอาบล กบั ตนเองใน 1 สัปดาห โดยนกั เรยี นสามารถนาํ มา ประยกุ ตใชใ นชวี ติ ประจําวนั ในการเลอื กรบั ประทาน ไปดว้ ยน�้าตาลประมาณ ๘ - ๑๒ ช้อนชา ซึ่งถ้าหากไดด้ มื่ เป็นประจา� รา่ งกายจะไดร้ บั นา�้ ตาลมาก อาหารทเี่ หมาะสมกับวยั ของตนเองได ท�าให้มรี ะดับนนอา�้ ตกาจลากในนเี้ลมอื ีนด�้าสองู ัดขลึน้ มอบนัาจงชะนน�าิดไทป่ีใสชกู่ น้ า้า� รตเกาลดิ เโทรคียฟมันเผชุน่ แลแะซโรคคคอาว้รนีน2ไ(ดS้ accharin) แทน น�้าตาลนั้น ถ้าหากรับประทานในปริมาณมากๆ หรือบ่อยๆ อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ ส�าหรับ ตรวจสอบผล Evaluate แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ในนา้� อดั ลมจะไปทา� อนั ตรายตอ่ กระเพาะอาหาร เน่ืองจากมีฤทธเิ์ ปน็ กรด ดังน้นั นักเรียนจึงควรหนั มาด่มื น�้าเปลา่ แทนนา�้ อดั ลม เพราะเป็นการได้รับน�า้ ของร่างกายทด่ี ีที่สุด การเขียนตารางรายการอาหารทเี่ หมาะสมกับ ตนเองใน 1 สัปดาห ๕) รบั ประทานอาหารจานดว่ น ปจั จบุ นั วยั รนุ่ มกั จะนยิ มรบั ประทานอาหารจานดว่ น เช่น พิซซา แฮมเบอร์เกอร์ แซนด์วิช มันฝรั่งทอด เป็นต้น ซ่ึงส่วนใหญ่อาหารเหล่าน้ี จะทา� จากแปง้ และนา้� ตาล มกั ใชน้ า�้ มนั หรอื เนยในการทา� ใหส้ กุ และแปง้ ทใ่ี ชท้ า� กม็ กั จะเปน็ แปง้ ขาวที่ ผา่ นการขดั สหี รอื ผา่ นกรรมวธิ ตี า่ งๆ ซง่ึ จะขจดั สารอาหารทจ่ี า� เปน็ ตอ่ รา่ งกายไป ทา� ใหค้ ณุ ประโยชน์ ท่ีจะได้รับจากอาหารเหล่าน้ีจึงมีน้อยเมื่อเปรียบเทียบในด้านคุณค่าของอาหารและราคา ซึ่งการ รบั ประทานอาหารเหลา่ นบี้ อ่ ยๆ อาจกอ่ ใหเ้ กดิ การขาดสารอาหารบางประเภท เชน่ เกลอื แร่ วติ ามนิ ใยอาหาร เปน็ ตน้ อกี ท้งั ยังมีไขมนั สงู และมรี สเคม็ ซึ่งเปน็ อนั ตรายตอ่ สุขภาพ ๖) การรบั ประทานอาหารจบุ จิบ รับประทานจุ การรับประทานอาหารจบุ จิบหรือ รบั ประทานจโุ ดยไมพ่ จิ ารณาถงึ คณุ คา่ ของอาหารและปรมิ าณอาหารทรี่ า่ งกายควรไดร้ บั ในแตล่ ะวนั จะทา� ใหร้ ่างกายไดร้ ับอาหารบางชนดิ มากเกนิ ไป เชน่ อาหารกรุบกรอบจะมแี ป้งและนา้� ตาลมาก ซึง่ การเตรียมกจ็ ะผา่ นการทอดโดยใช้น้�ามนั เพราะฉะนัน้ รา่ งกายก็จะไดร้ บั อาหารจา� พวกแป้งและ น้�าตาล รวมถึงเกลือมากเกินความต้องการ อันจะน�าไปสู่การเป็นโรคอ้วน ซึ่งมีผลท�าให้เกิดโรค อื่นๆ ตามมา เช่น โรคเบาหวาน โรคหวั ใจ โรคความดนั โลหิตสงู เป็นต้น ๗) ความผดิ ปกตเิ กย่ี วกบั พฤตกิ รรมการรบั ประทานอาหาร (Eating Disorders) เปน็ โรคหรอื ความผดิ ปกตทิ ว่ี ยั รนุ่ มคี วามรสู้ กึ ตอ่ รปู รา่ ง นา�้ หนกั และการรบั ประทานอาหารบดิ เบอื น จากความจรงิ อยา่ งรนุ แรง ทา� ใหม้ พี ฤตกิ รรมการรบั ประทานอาหาร และพฤตกิ รรมควบคมุ นา�้ หนกั ผดิ จากปกตอิ ย่างมาก ซ่งึ แบ่งเปน็ ๒ ประเภท คือ ๑. อนอเรก็ เซยี เนอโวซา (Anorexia Nervosa) เปน็ โรคทผี่ ปู้ ว่ ยจะมภี าวะบกพรอ่ ง ของพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ตลอดจนมีความผิดปกติทางจิต เน่ืองจากคิดวา่ ตนเองอ้วน อยู่เสมอ ทั้งๆ ที่รูปร่างของตนนั้นผอมมากอยู่แล้ว จึงไม่ยอมบริโภคอาหารหรือบริโภคแต่น้อย ๒. บูลิเมยี เนอโวซา (Bulimia Nervosa) เป็นโรคที่ผู้ป่วยมักจะมีความเชื่อท่ีผิด เกย่ี วกบั รปู รา่ งของตนเอง ซง่ึ จะมพี ฤตกิ รรมการรบั ประทานอาหารครง้ั ละมากๆ จากนน้ั จะรบี ชดเชย ดว้ ยวิธกี ารลว้ งคอใหอ้ าเจยี นหรือรบั ประทานยาระบายชนิดรุนแรง เนอ่ื งจากกลวั วา่ ตนเองจะอว้ น ๑๐๐ นกั เรียนควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ 1 กาเฟอนี (Cafeine) เปน สารแซนทนี อลั คาลอยด ซง่ึ สามารถพบไดใ นอาหาร ใหน กั เรยี นเขยี นรายการอาหารทน่ี กั เรยี นไดร บั ประทานไปแลว หลายชนิด ไดแ ก เมล็ดกาแฟ ชา โดยมฤี ทธกิ์ ระตนุ ระบบประสาทสว นกลาง ทาํ ให มา 1 วนั จากนน้ั ใหน กั เรยี นวเิ คราะหว า อาหารทรี่ บั ประทานไปนนั้ รางกายเกิดความต่นื ตวั และแกง วงได เหมาะสมกบั ความตองการของรางกายหรือไมลงในกระดาษ 2 แซคคารนี หรือขัณฑสกร เปนสารใหความหวานที่ไมใหพลังงาน ราคาถูก รายงาน และมรี สหวานปนรสขมแบบโลหะ ทาํ ใหร สชาติไมเ ปนธรรมชาติ รวมทง้ั เปนสาร ทที่ ําใหเ กิดโรคมะเรง็ ได กจิ กรรมทา ทาย ใหน กั เรียนกําหนดรายการอาหารท่ีนกั เรียนควรรับประทาน เปนเวลา 1 เดือน โดยนักเรียนจะตอ งรับประทานอาหารตามที่ กําหนดในแตล ะวัน แลวบันทึกพรอ มทั้งอธิบายความรสู ึกใน แตละวัน ทําเปนรปู เลม รายงาน 100 คูมือครู

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Engage กระตนุ ความสนใจ ดงั นั้นวยั ร่นุ จงึ ควรจะสร้างนสิ ัยและพฤตกิ รรมที่ถกู ตอ้ งในการเลือกรบั ประทานอาหาร ครูรวมพดู คุยกับนกั เรยี น และนําฉลาก โดยไมค่ วรรับประทานจบุ จบิ และไมร่ ับประทานมากเกนิ ไป เพราะไมเ่ ช่นนน้ั แลว้ การรบั ประทาน ผลิตภณั ฑอาหารมาใหน ักเรยี นดู โดยครูเชอื่ มโยง อาหารท่ีไม่ถูกต้อง จะมีผลต่อสุขภาพร่างกายของเรา ดังค�ากล่าวที่ว่า “รับประทานอย่างไร เนอ้ื หาที่ผานมากบั เน้อื หาท่จี ะศกึ ษาตอไป จากนน้ั ไดอ้ ยา่ งน้ัน” (“You are what you eat”) ครตู ้งั คําถามเพือ่ กระตนุ ความสนใจของนกั เรยี น ๕. ฉลากบนผลติ ภัณฑอาหาร • เวลาที่นักเรยี นไปซ้ือผลติ ภณั ฑอ าหาร ฉลากอาหาร หมายถึง รูปรอยประดษิ ฐ์ เครอื่ งหมาย หรือข้อความใดๆ ท่ีแสดงไวท้ ่ีอาหาร นักเรยี นไดอ านฉลากหรอื ไม และสวนใหญ ภาชนะบรรจอุ าหาร หรือหบี หอ่ ของภาชนะท่บี รรจุอาหาร มักจะอา นอะไรกอนเปนอนั ดับแรก (แนวตอบ ข้นึ อยกู บั คาํ ตอบของนกั เรยี น โดย ฉลากโภชนาการ คือ ฉลากอาหารที่มกี ารแสดงขอ้ มลู โภชนาการของอาหารนน้ั อยู่ในกรอบ อาจตอบวาอาน และมกั จะดวู ันเดอื นปท ี่ ส่ีเหลี่ยม หรือท่ีภาษาอังกฤษเรียกว่า “Nutrition Information” ท่ีระบุรายละเอียดของชนิดและ หมดอายุกอนเปนอนั ดับแรก บางคนกอ็ าจจะ ปริมาณสารอาหารท่ีมีในอาหารนั้นไว้ ซ่ึงเป็นประโยชน์ต่อผู้ใส่ใจสุขภาพ หรือผู้สูงวัยท่ีป่วยเป็น ดทู ี่เคร่ืองหมาย อย. กอ นเปน อันดับแรก) โรคเร้ือรัง เพราะจะช่วยให้ทราบถึงชนิดและปริมาณสารอาหารต่างๆ ท่ีจะได้รับจากการบริโภค อาหารนั้นๆ • นกั เรยี นคดิ วา ฉลากผลติ ภัณฑอ าหารนั้น มีไวเพอ่ื อะไร ในการเลือกซ้ือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ส่ิงส�าคัญ คือ ผลิตภัณฑ์น้ันต้องมีฉลากที่ระบุข้อมูลและ (แนวตอบ ขึ้นอยกู ับคาํ ตอบของนกั เรยี น โดย รายละเอียดที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคในการประกอบการตัดสินใจเลือกซ้ือ ซ่ึงทางส�านักงาน อาจตอบวามีไวเพอื่ ประกอบการตัดสินใจ คณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกกฎหมายและข้อก�าหนด เลอื กซ้ือ หรอื เพ่ือใหรบั รถู ึงคณุ ประโยชน ในเร่ืองของฉลาก โดยเฉพาะฉลากบนผลิตภัณฑ์อาหาร ท้ังน้ีเพ่ือเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคให้ ขอ ดี ขอ ควรระวงั ตลอดจนคําเตอื นตา งๆ ผบู้ รโิ ภคไดอ้ า่ นฉลากและรบั รถู้ งึ คณุ ประโยชน์ ขอ้ ดี ขอ้ ควรระวงั ตลอดจนคา� เตอื น ในการเลอื กซอ้ื ในการเลอื กซื้อผลิตภณั ฑ ซ่งึ นกั เรียนจะได ผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพอ่ื มาใชบ้ ริโภค ศกึ ษาในเน้อื หาตอไป) 5.๑ ผลติ ภณั ฑอ าหารทตี่ อ้ งมฉี ลาก ตามประกาศกระทรวงสาธารณสขุ จากนัน้ ครูนําเขาสูบทเรยี น ผลติ ภณั ฑอ์ าหารทต่ี อ้ งมฉี ลากตาม ในการเลือกซ้ือผลิตภัณฑ์อาหารนอกจากจะต้องดูฉลาก ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ ฉบบั ท่ี ๑๙๔ พ.ศ. ผลิตภณั ฑอ์ าหารเปน็ สาำ คัญแลว้ ควรพิจารณาถงึ ลกั ษณะ ๒๕๔๓ เรอ่ื ง “ฉลาก” ก�าหนดให้อาหารควบคุม ของบรรจุภัณฑ์ว่ามีรอยบุบ และบวมหรือไม่ เพ่ือความ เฉพาะ อาหารทก่ี �าหนดคุณภาพหรอื มาตรฐาน ปลอดภัยต่อการนำาไปบรโิ ภค อาหารท่ีรัฐมนตรีประกาศให้เป็นอาหารท่ีต้อง มีฉลาก และอาหารอื่นที่นอกเหนือจากอาหาร กลุ่มดังกล่าวข้างต้น เป็นอาหารท่ีต้องมีฉลาก โดยผลิตภัณฑ์อาหารแต่ละกลุ่มนั้นจะประกอบ ดว้ ยอาหาร ดงั ตอ่ ไปน้ี ๑๐๑ แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETดิ เกร็ดแนะครู ขอ ใดตอไปนสี้ ามารถอธิบายไดถกู ตองทีส่ ดุ ครคู วรนาํ ฉลากผลิตภณั ฑอ าหารท่หี ลากหลาย และฉลากผลติ ภัณฑท ่มี ขี อมูล 1. ไมม ีความจาํ เปนจะตอ งแสดงฉลากโภชนาการ ครบถวนไดม าตรฐาน กบั ฉลากผลติ ภณั ฑท่แี สดงขอ มูลไมครบถวนมาใหนกั เรียนดู 2. ผลิตภณั ฑอ าหารทกุ ชิ้นจะตองแสดงฉลากโภชนาการ เพอื่ เปรยี บเทยี บใหเห็นอยา งชัดเจน 3. แสดงฉลากโภชนาการเฉพาะอาหารท่ีนําเขา จาก มมุ IT ตา งประเทศ 4. ผลติ ภณั ฑอ าหารบางชนดิ ไมจ าํ เปน ตอ งมฉี ลากโภชนาการ สามารถศกึ ษาเพมิ่ เตมิ เก่ียวกบั ฉลากผลิตภณั ฑ ไดจากเวบ็ ไซต http://elib.fda.moph.go.th/fulltext2/word/41896/pdf เพราะรอู ยแู ลว วเิ คราะหค าํ ตอบ ฉลากโภชนาการทอ่ี ยูในกรอบของ ผลติ ภณั ฑอาหารน้ันๆ จะมีประโยชนตอ ผูใสใ จสขุ ภาพ หรอื ผสู งู วัยทเ่ี ปนโรคเรอ้ื รงั เพราะจะชว ยใหทราบถึงชนดิ และ ปริมาณสารอาหารทีจ่ ะไดรบั จากการบริโภคอาหารนนั้ ๆ ตอบขอ 2. คมู อื ครู 101

กระตุนความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore สาํ รวจคน หา Explore ใหนกั เรียนแบงกลุมออกเปน 3 กลมุ จากนน้ั อาหารทต่ี อ้ งมีฉลาก ใหแตล ะกลมุ สงตัวแทนออกมาจบั สลากเลอื กเร่อื ง ท่ีจะทาํ การศกึ ษาจากหนังสอื เรยี น หรือแหลงเรียนรู กลุ่มท ี่ ๑ กลมุ่ ที่ ๒ อาหารที่ก�าหนดคุณภาพหร1อื มาตรฐาน กล่มุ ท ่ี ๓ อาหารทร่ี ัฐมนตรี เพมิ่ เตมิ ตา งๆ ในประเดน็ อาหารควบคมุ เฉพาะ น้�ามนั และไขมนั รอยัลเยลลีและ ประกาศให้ต้องมีฉลาก นมดดั แปลงส�าหรบั ทารก ผลติ ภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ • ผลติ ภณั ฑอาหารท่ตี อ งมีฉลากตามประกาศ และนมดดั แปลงสูตรตอ่ เนือ่ ง ผลิตภณั ฑ์รอยัลเยลลี กระทรวงสาธารณสุข ส�าหรับทารกและเด็กเล็ก แป้งขา้ วกล้อง อาหารทารกและอาหารสูตร น้�ามนั ถัว่ ลิสง น้า� ผ้ึง • ขอมลู โภชนาการบนฉลากผลิตภัณฑอาหาร ตอ่ เน่อื งสา� หรับทารกและ น้�าเกลอื ปรุงอาหาร • เลขสารบบอาหารในเคร่อื งหมาย อย. เดก็ เล็ก อาหารเสริมส�าหรบั ทารก ซอสในภาชนะบรรจทุ ่ี และเดก็ เล็ก น้า� แรธ่ รรมชาติ ปดิ สนิท นมโค ขนมปัง เนยเทยี ม เนยแขง็ หมากฝรัง่ และลูกอม นมปรงุ แต่ง ว้นุ ส�าเร็จรปู และขนมเยลลี นมเปรยี้ ว กี (Ghee) หรอื เนยใส2 ซอสบางชนดิ อาหารซง่ึ มกี ารใช้ นา้� ทเ่ี หลือจากผลิตภณั ฑ์ กรรมวิธีการฉายรังสี ไอศกรมี อาหารกึ่งส�าเรจ็ รปู โมโนโซเดยี มกลูตาเมต อาหารในภาชนะบรรจุ ไข่เยี่ยวม้า ทป่ี ดิ สนิท น้า� มนั เนย ผลติ ภณั ฑ์ปรุงรสท่ีได้ น้า� ปลา จากการยอ่ ยโปรตนี ของถัว่ เหลือง ผลติ ภณั ฑ์ของนม นา้� ส้มสายชู ขา้ วเติมวิตามนิ ผลิตภณั ฑก์ ระเทียม นา้� บริโภคในภาชนะ ครีม ชอ็ กโกแลต วตั ถุแต่งกลนิ่ รส บรรจทุ ่ปี ิดสนิท เคร่อื งด่มื ในภาชนะบรรจุ นา�้ มันปาล์ม เกลือบรโิ ภค อาหารมีวตั ถุท่ีใชเ้ พ่ือ ท่ปี ิดสนทิ รักษาคณุ ภาพหรอื มาตรฐานของอาหาร รวมอยู่ในภาชนะบรรจุ น�้าแข็ง นา้� มนั มะพร้าว อาหารที่มีสารพิษตกคา้ ง อาหารทมี่ ีส่วนผสมของ วา่ นหางจระเข้ อาหารสา� หรบั ผู้ทตี่ ้องการ ชา อาหารทีม่ ีสารปนเปอ้ื น อาหารทมี่ ีวตั ถปุ ระสงค์ ควบคมุ น�า้ หนกั พิเศษ อาหารทน่ี อกเหนือจากกลมุ่ ที่ ๑-๓ จะเปน็ กลุม่ อาหารทวั่ ไปที่ไม่ต้องมีเครอื่ งหมาย อย. แต่ ต้องมีฉลากอาหารท่ีถูกต้อง เน่ืองจากเป็นอาหารท่ีไม่แปรรูปหรือแปรรูปโดยใช้กระบวนการผลิต อย่างง่ายในชมุ ชน เชน่ ข้าวกลอ้ ง กงุ้ แห้ง กะปิ ไขเ่ ค็ม เป็นต้น ๑๐๒ เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET ใหนักเรยี นอธิบายวา อาหารควบคมุ เฉพาะ อาหารทกี่ าํ หนด ครแู นะนําใหน กั เรยี นแตละกลมุ นาํ ภาพประกอบจากหนงั สอื เรยี นมาใชเปน คณุ ภาพหรอื มาตรฐาน และอาหารท่รี ัฐมนตรปี ระกาศใหตองมี สอ่ื ประกอบการอธบิ าย หรอื อาจจะคน หาจากเวบ็ ไซตตางๆ ในอนิ เทอรเ นต็ ก็ได ฉลาก หมายความวาอยา งไร แนวตอบ นักเรยี นควรรู • อาหารควบคุมเฉพาะ ตามพระราชบญั ญตั ิอาหาร พ.ศ. 2522 หมายถงึ อาหารท่เี ปนกลมุ ทเี่ สีย่ งอันตรายมาก ซึง่ รัฐจะตองดแู ล 1 รอยัลเยลลี (Royal Jelly) หรือนมผ้งึ มีลักษณะเปนของเหลวขน สขี าวครมี เขม งวดทั้งทางดานสถานที่ผลติ และผลติ ภณั ฑ 2 กี (Ghee) หรอื เนยใส คือ ผลติ ภัณฑท ที่ าํ จากนมหรอื ครมี หรอื เนย ซง่ึ จะใส • อาหารท่กี ําหนดคณุ ภาพหรอื มาตรฐาน คืออาหารทต่ี องกาํ หนด จลุ นิ ทรยี ห รือไมก ็ตาม และหมายรวมถึงเนยใสหรือกที ท่ี าํ จากนํา้ มันหรอื ไขมนั คณุ ภาพหรือมาตรฐานเพื่อความปลอดภยั ของผบู รโิ ภค ชนดิ อนื่ ๆ ตามกรรมวธิ ี และอาจปรุงแตง สี กล่ินรว มดว ย • อาหารทรี่ ฐั มนตรปี ระกาศใหต อ งมฉี ลาก ตามประกาศกระทรวง สาธารณสขุ (ฉบบั ที่ 194) พ.ศ. 2543 เรอ่ื ง ฉลาก ซง่ึ กาํ หนดให 102 คูม อื ครู อาหารทง้ั 14 ชนดิ นน้ั ตอ งมฉี ลาก เพือ่ ใหผ บู รโิ ภคไดใชป ระกอบ การตดั สนิ ใจในการเลอื กซอื้ และเพอื่ ความปลอดภยั ของผบู รโิ ภค

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู 5.๒ ข้อมูลบนฉลากผลิตภณั ฑอาหาร ใหนักเรยี นกลมุ ท่ีศึกษาเรื่องผลิตภณั ฑอาหาร ขอมูลโภชนาการ หมายถึง รายละเอียดต่างๆ ของผลิตภัณฑ์อาหารท่ีผู้ผลิตและ ทตี่ อ งมฉี ลากตามประกาศกระทรวงสาธารณสขุ ออกมานําเสนอหนาชน้ั เรียน จากนั้นครชู วย ผู้น�าเข้าหรือสั่งเข้าจะต้องแจ้งรายละเอียดนั้นต่อส�านักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อธบิ ายเพิ่มเติมและต้ังคําถามเพอื่ ใหไ ดขอสรุป ซ่ึงข้อมูลดังกล่าวจะปรากฏอยู่บนฉลาก การรู้จักอ่านและเข้าใจความหมายของข้อมูลจะช่วยให้ ที่ถูกตองรว มกนั สามารถตดั สนิ ใจเลือกซือ้ ผลติ ภัณฑ์อาหารไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและปลอดภัย • ผลติ ภณั ฑอาหารที่ตองมีฉลากตามประกาศ เราสามารถสังเกตข้อมูลท่ีแสดงในฉลากได้ โดยดูข้อมูลการแสดงฉลากอาหารที่ กระทรวงสาธารณสขุ ฉบบั ที่ 194 พ.ศ. 2543 จ�าหนา่ ยโดยตรงตอ่ ผ้บู รโิ ภค ตามประกาศของสา� นกั งานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และ วาดว ยเรอื่ งอะไร ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ เว้นแต่จะได้รบั การยกเว้นใหไ้ ม่ต้องระบุขอ้ ความหนึ่งขอ้ ความใด (แนวตอบ เร่ืองฉลาก กําหนดใหอาหาร ควบคุมเฉพาะ อาหารท่ีกาํ หนดคุณภาพ ๑. ขอ้ มลู ทีต่ อ้ งแสดงบนฉลากอาหาร หรือมาตรฐาน อาหารท่รี ัฐมนตรีประกาศ ใหเ ปน อาหารทตี่ อ งมีฉลาก และอาหารอ่ืนท่ี ๑. ชอื่ และประเภท หรือชนดิ ของอาหาร และเลขสารบบอาหาร (ถ้าม)ี นอกเหนือจากอาหารกลมุ ดังกลาวขางตน ๒. ชอื่ และท่ตี ง้ั ของผ้ผู ลติ หรอื ผู้แบง่ บรรจุ ส�าหรับอาหารทผี่ ลติ ในประเทศอาจแสดงชือ่ และท่ตี ้งั ของ เปนอาหารที่ตองมฉี ลาก) สา� นกั งานใหญข่ องผผู้ ลติ หรอื ของผแู้ บง่ บรรจกุ ็ได้ หากเปน็ อาหารทนี่ า� เขา้ ตอ้ งมชี อื่ ทต่ี ง้ั ของผนู้ า� เขา้ • เพราะเหตุใดนมจงึ จดั ใหเปน อาหารควบคมุ เฉพาะ ๓. ปแลริมะปารณะสเททุ ศธผขิ ูผ้อลงอิตาหแลาร้วเแปตน็ ก่ รระณบีบเมตริก1 (แนวตอบ เพราะเปนอาหารท่จี ําเปน ตอง • อาหารทเี่ ป็นของแข็งใหแ้ สดงนา�้ หนักสุทธิ เช่น ๑๐ กรัม เปน็ ตน้ ควบคุมเพอ่ื ความปลอดภัยของผบู ริโภค • อาหารท่ีเปน็ ของเหลวใหแ้ สดงปรมิ าตรสทุ ธิ เชน่ ๑๐ มลิ ลิลิตร เปน็ ตน้ เนื่องจากจะตอ งนาํ นมมาผานกรรมวธิ ีตา งๆ • อาหารที่มลี ักษณะครง่ึ แข็งครึง่ เหลว อาจแสดงเป็นน้า� หนกั สทุ ธิ หรอื ปรมิ าตรสุทธกิ ็ได้ จงึ จะนํามารบั ประทานได ซงึ่ กรรมวธิ ี • อ่นื ๆ แสดงเปน็ นา�้ หนกั สุทธิ ดงั กลา วตอ งผานการตรวจจาก อย. กอน หากไมผานการตรวจอาจกอ ใหเกิด ๔. สว่ นประกอบท่ีสา� คัญเปน็ ร้อยละของน้า� หนักโดยประมาณ เรยี งตามล�าดบั ปรมิ าณจากมากไปน้อย ความเสยี่ งตอผบู ริโภคได) เวน้ แต่ • อาหารทีม่ เี นื้อทขี่ องฉลากท้งั แผ่นนอ้ ยกวา่ ๓๕ ตร.ซม. แตท่ ้ังนี้จะตอ้ งมีข้อความแสดง ส่วนประกอบทีส่ �าคญั ไวบ้ นหีบห่อของอาหารน้นั • อาหารท่ีมสี ว่ นประกอบที่ส�าคัญแต่เพียงอยา่ งเดยี ว โดยไม่รวมถึงวตั ถุเจือปนอาหาร วัตถุแต่งกล่ินรส วัตถุปรุงแตง่ รสอาหาร หรอื สีผสมอาหารท่ีเป็นสว่ นผสม ๕. ขอ้ ความวา่ “ใชว้ ัตถกุ ันเสยี ” (ถา้ มีการใช)้ ๖. ขอ้ ความวา่ “เจอื สีธรรมชาติ” หรือ “เจอื สีสงั เคราะห”์ (ถา้ มีการใช้) แลว้ แตก่ รณี ๗. ข้อความวา่ “ใช้…….เปน็ วตั ถปุ รงุ แตง่ รสอาหาร” (ทีเ่ วน้ ไวค้ ือช่ือของวัตถุปรงุ แต่งรสอาหารที่ใช้) ๘. ขอ้ ความวา่ “ใช…้ …..เป็นวตั ถทุ ี่ใหค้ วามหวานแทนนา�้ ตาล” (ทเ่ี วน้ ไวค้ ือชื่อของวตั ถุใหค้ วามหวาน แทนน�้าตาลที่ใช้) ๙. ข้อความว่า “แต่งกล่ินธรรมชาติ” “แต่งกล่ินเลียนแบบธรรมชาติ” “แต่งกล่ินสังเคราะห์” “แต่งรส ธรรมชาติ” หรอื “แตง่ รสเลียนแบบธรรมชาต”ิ (ถ้ามกี ารใช้) แลว้ แตก่ รณี ๑๐3 กจิ กรรมสรา งเสรมิ นกั เรียนควรรู ใหน ักเรยี นเลอื กผลติ ภณั ฑอาหารมา 1 อยา ง แลวให 1 ระบบเมตรกิ เปน ระบบการวดั มาตรฐาน ซง่ึ ถา วดั ความยาวกจ็ ะเปน มลิ ลเิ มตร วเิ คราะหว า ผลติ ภณั ฑอ าหารนน้ั ๆ ใหข อ มลู โภชนาการอะไรบา ง เมตร กโิ ลเมตร วดั น้าํ หนักก็จะเปนกรัม กิโลกรัม วัดอณุ หภูมิกจ็ ะเปนเคลวิน กจิ กรรมทา ทาย มุม IT ใหน ักเรียนสรา งผลติ ภณั ฑอ าหารมา 1 อยา ง ตาม สามารถศกึ ษาเพิ่มเตมิ เกย่ี วกับฉลากอาหาร ไดจากเว็บไซต ความชอบของตนเอง ดว ยการวาดรปู แลวใหกาํ หนดขอมูล http://www.fda.moph.go.th/fda-net/html/product/food/labelfoo.htm โภชนาการท่ไี ดจ ากผลิตภณั ฑน นั้ ๆ ตามรปู แบบผลิตภณั ฑ อาหารจรงิ คมู ือครู 103

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหน กั เรยี นกลมุ ทศี่ กึ ษาเรอ่ื งขอ มลู โภชนาการ ๑๐. วัน เดือน และปีที่ผลติ เดอื นและปที ผ่ี ลติ วัน เดอื น และปีท่ีหมดอายุ หรอื วัน เดอื น และปีที่อาหาร บนฉลากผลิตภณั ฑอ าหารออกมานาํ เสนอ ยังมคี ณุ ภาพหรอื มาตรฐานดี โดยมีข้อความวา่ “ผลติ ” “หมดอายุ” หรอื “ควรบริโภคก่อน” กา� กับไว้ หนาชน้ั เรยี น จากนนั้ ครชู ว ยอธบิ ายเพมิ่ เตมิ และ ด้วยแลว้ แตก่ รณี ดงั นี้ ตงั้ คาํ ถามเพอ่ื ใหไดข อสรุปทถ่ี ูกตองรว มกัน ● อาหารทเ่ี กบ็ ไว้ไดไ้ ม่เกนิ ๙๐ วนั ใหแ้ สดงวนั เดือน และปที ่หี มดอายุ ● อาหารท่ีเก็บไว้ได้เกิน ๙๐ วัน ให้แสดงเดือนและปีที่ผลิตหรือวัน เดือน และปีท่ีหมดอายุ • เพราะเหตุใดจงึ ตอ งมีขอมูลโภชนาการ ● อาหารบางชนดิ สา� นกั งานคณะกรรมการอาหารและยาจะกา� หนดใหแ้ สดงทง้ั วนั เดอื น และปที ผ่ี ลติ บนฉลากผลิตภัณฑอ าหาร และวนั เดือน และปที ่ีหมดอายุ บนฉลาก (แนวตอบ เพ่อื แสดงรายละเอยี ดตา งๆ ให ผูบรโิ ภคสามารถตดั สินใจเลือกซอื้ ผลติ ภณั ฑ ๑๑. ค�าแนะนา� ในการเกบ็ รกั ษา (ถ้าม)ี อาหารไดอ ยางถกู ตอ งและปลอดภัย) ๑๒. วธิ ีปรงุ เพ่ือรับประทาน (ถา้ ม)ี ๑๓. วิธีใช้และข้อความท่ีจ�าเป็นส�าหรับอาหารท่ีมุ่งหมายจะใช้กับทารกหรือเด็กอ่อนหรือบุคคลกลุ่มใด • นกั เรียนรจู ักคําวา EXP. MFG. หรอื ไม แปลวา อะไร ไวโ้ ดยเฉพาะ (แนวตอบ ขน้ึ อยกู บั คําตอบของนกั เรยี น แต ๑๔. ข้อความที่ส�านักงานคณะกรรมการอาหารและยาก�าหนดให้ต้องมี ส�าหรับอาหารท่ีส�านักงานคณะ สวนใหญมกั จะรจู ัก โดย EXP. คอื วันหมด อายุ สว น MFG. คอื วันทผ่ี ลติ ) กรรมการอาหารและยาประกาศ กา� หนด เชน่ นมผงขาดมนั เนย ตอ้ งแสดงคา� วา่ “อยา่ ใชเ้ ลยี้ งทารก” น�า้ มันดบิ ต้องแสดงค�าวา่ “ห้ามรบั ประทาน” เป็นตน้ หมายเหตุ อาหารอืน่ ๆ ทีน่ อกเหนือจากอาหารกลุ่มที่ ๑-๓ นัน้ ต้องแสดงข้อความอย่างน้อยตาม ขอ้ ๑, ๒, ๓, ๔ ระบไุ ว้บนฉลาก สา� หรบั การแสดงขอ้ มลู ทตี่ อ้ งแสดงบนฉลากอาหารนน้ั จะแตกตา่ งกนั ตามกลมุ่ อาหาร ดังนี้ ๑. กลุม่ อาหารท่ีไมต่ อ้ งแสดงเครอื่ งหมาย อย. แต่ต้องแสดงฉลากให้ถูกตอ้ ง ตวั อยา่ ง ฉลากเกลอื บรโิ ภค (เกลือป่น) à¡ÅÍ× ºÃâÔ À¤ ชื่ออาหารภาษาไทย ตรา ˧ʏ¿Ò‡ รปู ภาพใหส้ อดคล้องกับผลติ ภณั ฑ์ (ถ้าม)ี ผหลมิตดอ๑า๒ยุ ๐๑๕๒ ๕๐๖๒ ๕๒ วนั เดือน ปี ที่ผลิต โปรดเก็บไวในทแ่ี หง วนั เดือน ปี ท่หี มดอายุ นำ้ หนกั สทุ ธิ ๖๐ กรมั คา� เตือน ผลติ โดย ชุมชนบา นดวง น้�าหนกั สทุ ธิ หน่วยเป็นระบบเมตรกิ เช่น กรัม กโิ ลกรัม ๗๕ หมู ๑ ต.บา นดวง อ.ทรายงาม จ.อทุ ัยธาน� ช่ือที่อยู่ผู้ผลิต โดยมคี า� ว่า “ผลติ โดย” น�าหนา้ ๑๐๔ เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET หากเดนิ เขา ไปในหา งสรรพสินคา แหงหนึง่ เพ่อื เลอื กซ้อื สนิ คา ครคู วรแนะนาํ นักเรียนใหไ ปศึกษาเร่ืองประกาศกระทรวงสาธารณสขุ ผลิตภณั ฑเ พือ่ สขุ ภาพ จะมีหลักในการเลือกซอ้ื อยา งไร จงึ จะได (ฉบับท่ี 242) พ.ศ. 2544 เร่อื งผลิตภัณฑกระเทียม จากเว็บไซต http://www. ผลิตภณั ฑท ด่ี ี และปลอดภยั ตอ การบริโภคมากที่สุด app1.fda.moph.go.th.exporters/Law/Document/Food/A1.htm และประกาศ แนวตอบ หลกั ในการเลอื กซอ้ื สินคาผลิตภณั ฑเพ่ือสุขภาพ คือ กระทรวงสาธารณสขุ (ฉบับที่ 243) พ.ศ. 2544 เร่อื ง ผลติ ภณั ฑจากเน้ือสัตว จาก เลือกผลติ ภัณฑทีด่ ีมีมาตรฐานตามทหี่ นวยงานราชการกาํ หนด เว็บไซต http://iodinethailand.fda.moph.go.th/fda/new/images/cms/top_ เลือกผลติ ภณั ฑท ี่มฉี ลากบอกสว นประกอบ วันเดอื นปท ่ีผลิต เลข upload/1143280545_ntf243-2544.pdf ทะเบียน สถานทผ่ี ลติ และวนั หมดอายขุ องผลติ ภณั ฑ และทสี่ าํ คญั ตอ งเปน ผลติ ภณั ฑท ่มี ปี ระโยชน และคุณคา ปลอดภัยตอสุขภาพ มากท่สี ุด ทัง้ นค้ี วรเลือกซอ้ื ผลติ ภัณฑต ามความจาํ เปน และในการ เลอื กซือ้ ผลติ ภัณฑบ างชนิดก็ควรพิสูจนกอ นการเลือกซ้ือเลือกใช เพื่อความปลอดภยั ในการบรโิ ภค 104 คูม อื ครู

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๒. กลุ่มอาหารท่ีตอ้ งมีเครอื่ งหมาย อย. แตไ่ มต่ ้องสง่ ตวั อยา่ งอาหารไปตรวจวิเคราะห1์ ใหน ักเรียนกลมุ ท่ีศกึ ษาเรื่องเลขสารบบอาหาร ๒.๑ อาหารทต่ี อ้ งมฉี ลาก (ยกเวน้ ไสก้ รอก แหนม หมยู อ กนุ เชยี ง ลกู ชน้ิ ) ไดแ้ ก่ อาหาร ในเคร่อื งหมาย อย. ออกมานาํ เสนอหนาช้ันเรยี น จากน้นั ครูชวยอธบิ ายเพมิ่ เติม และใหน ักเรยี น ทรี่ ฐั มนตรปี ระกาศใหต้ อ้ งมฉี ลาก ทํากจิ กรรมในแบบวดั และบนั ทึกผลการเรียนรู กจิ กรรมที่ 5.5 ตวั อยา่ ง ฉลากอาหารส�าเรจ็ รูปท่ีพรอ้ มบริโภคทันที ชื่ออาหารภาษาไทย ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝกฯ ชอื่ ตราหรอื เครอ่ื งหมายการคา้ (ถา้ มี) สุขศกึ ษา ม.1 กจิ กรรมท่ี 5.5 รปู ภาพใหส้ อดคล้องกบั ผลิตภณั ฑห์ รือชอ่ื ตรา (ถา้ ม)ี หนว ยท่ี 5 วัยรนุ กบั โภชนาการ เพื่อสรางเสรม� สขุ ภาพ สว่ นประกอบ แจง้ เฉพาะสว่ นทสี่ า� คญั เปน็ รอ้ ยละของนา�้ หนกั เรียงจากปริมาณมากไปน้อย กิจกรรมที่ ๕.๕ ใหนักเรียนศึกษาฉลากผลติ ภณั ฑอ าหารขา งลางน้ี แลว ระบุ คะแนนเตม็ คะแนนที่ได วา เปน กลมุ อาหารใด พรอ มทงั้ เขยี นบอกรายละเอยี ดวา แตล ะ วัน เดอื น ปี ท่ผี ลิต โดยมคี �าว่า “ผลติ ” กา� กบั หมายเลขแสดงถงึ อะไร ลงในกรอบดา นลา ง (พ ๔.๑ ม.๑/๒) ñõ วนั เดอื น ปี “ท่ีหมดอายุหรอื ควรบริโภคก่อน” กา� กบั แล้วแตก่ รณี ¢ÒŒ Ç⾴ͺà¹Â ๑ เลขสารบบอาหารหรอื เลข อย. ใหแ้ สดงตามที่ไดร้ บั แจง้ รายละเอยี ด ตรา´Í¡¡ËØ ÅÒº ๒ ของอาหารแตล่ ะชนดิ ในเครอื่ งหมาย อย. ดว้ ยอกั ษรขนาดความสงู ไม่ น้อยกว่า ๒ มม. สขี องตวั อกั ษรตัดกบั พืน้ ภายในกรอบสขี อง อย. ๓ และกรอบสีตัดสพี น้ื ของฉลาก นา้� หนกั สทุ ธิ หนว่ ยเปน็ ระบบเมตรกิ เชน่ กรมั กโิ ลกรมั ๖ สว นประกอบท่สี ำคัญโดยประมาณ คา� แนะนา� ในการเกบ็ รกั ษา (ถา้ ม)ี ขา วโพด ๘๐% นำ้ ตาล ๑๐% เนย ๘% ๗ หผลมติดอ๑า๒ยุ ๐๑๕๒ ๕๐๖๒ ๕๒ ๔ ๘ ๕ เฉลย๖๑-๒-๑๐๐๔๔-๒-๐๐๐๕ ฉบับ โปรดเก็บไวในที่แหงและเย็น น้ำหนักสุทธิ ๖๐ กรมั ผลิตโดย ชุมชนบานดวง ๗๕ หมู ๑ ต.บา นดวง อ.ทรายงาม จ.อทุ ยั ธาน� กลุมอาหาร …ท…่ีต…อ…ง…ม…เี …ค…ร…ื่อ…ง…ห…ม…าย……อ…ย….…แ…ต…ไ…ม…ต …อ…ง…ส…ง …อ…า…ห…า…ร…ไป…ต…ร…ว…จ…ว…ิเค……ร…าะ…ห… ………………………………………………… ๒.๒ ไสก้ รอก แหนม ลกู ชน้ิ กนุ เชยี ง หมยู อ และผลติ ภณั ฑจ์ า� พวกเดยี วกนั หมายเลข ๑ คอื …ช…ื่อ…อ…า…ห…าร…ภ…า…ษ…า…ไ…ท…ย………………………………………………………………………………………………………………… หมายเลข ๒ คอื …ช…ื่อ…ห…ร…ือ…เค…ร…่ือ…ง…ห…ม…า…ย…ก…า…ร…ค…า …………………………………………………………………………………………………… ตัวอยา่ ง ฉลากไสก้ รอก แหนม ลกู ชน้ิ หมยู อ และผลิตภัณฑ์ในจ�าพวกเดยี วกัน หมายเลข ๓ คอื …ส…ว …น…ป…ร…ะก…อ…บ……แ…จ…ง …เฉ…พ…า…ะส…ว… น…ท…สี่…า…ํ ค…ญั…เ…ป…น …ร…อ …ย…ล…ะข…อ…ง…น…า้ํ …ห…น…กั …เร…ยี …ง…จ…าก…ป…ร…มิ…า…ณ…ม…า…ก…ไ…ป…น…อ …ย หมายเลข ๔ คือ …เล……ขส……าร…บ……บ…อ…า…ห…าร…ห……รื…อ…เล…ข……อ…ย….……ใ…ห…แ…ส…ด…ง…ต…า…ม…ท…ี่ไ…ด…ร…ับ…แ…จ…ง…ร…า…ย…ล…ะเ…อ…ีย…ด…ข…อ…ง…อ…า…ห…า…ร ÅÙ¡ª¹Ôé »ÅÒ ชอ่ื อาหารภาษาไทย แ…ต…ล……ะช…น…ิด……ใ…น…เ…ค…ร…ื่อ…ง…ห…ม…า…ย…อ…ย….……ด…ว…ยอ…กั……ษ…ร…ข…น…า…ด…ค…ว…าม…ส…ูง…ไ…ม…น…อ…ย…ก…ว…า ……๒……ม…ม…. …ส…ขี …อ…ง…ต…ัว…อ…กั …ษ…ร…ต…ัด…ก…ับ…พ……ืน้ . ชื่อท่อี ยู่ผผู้ ลิต โดยมีคา� วา่ “ผลิตโดย” นา� หน้า ภ……าย…ใ…น…ก…ร…อ…บ…ส……ีขอ…ง……อ…ย….…แ…ล…ะ…ก…ร…อ…บ…ส…ีต…ดั……ส…ีพ…น้ื …ข…อ…ง…ฉ…ล…า…ก…………………………………………………………………………………… ตรา »ÅÒÊÇÃä รูปภาพใหส้ อดคล้องกบั ผลิตภณั ฑ์หรือชอ่ื ตรา (ถ้าม)ี หมายเลข ๕ คือ …น…า้ํ …ห…น…ัก…ส……ทุ …ธ…ิ ห…น……ว…ยเ…ป…น …ร…ะ…บ…บ…เ…ม…ต…ร…กิ ……เช…น ……ก…ร…ัม……ก…โิ …ล…ก…ร…มั …………………………………………… วนั เดอื นปที ีผ่ ลติ โดยมคี �าว่า “ผลิต” กา� กบั หมายเลข ๖ คอื …ว…ัน……เด…อื…น………ป…ท…ีผ่ …ล…ิต……โ…ด…ย…ม…คี …าํ ว…า……“…ผ…ล…ิต…”…ก……ําก…บั……แ…ล…ะ…ว…นั ……เ…ด…อื …น……ป…ท …ห่ี …ม…ด…อ…า…ย…ุ …โด……ย…มี ผลิตโดย กลุม แมบานทะเลงาม เลขสารบบอาหารหรือเลข อย. ใหแ้ สดงตามที่ได้รบั แจ้ง ค……ําว…า……“ห……ม…ด…อ…าย…ุห…ร…ือ…ค…ว…ร…บ…ร…ิโ…ภ…ค…ก…อ…น……” …ก…ํา…ก…ับ……แ…ล…ว …แ…ต…ก…ร…ณ…ี…………………………………………………………………………… ๒๘๔ ต.บางแค อ.อมั พวา จ.สมุทรสงคราม รายละเอียดของอาหารแต่ละชนิด ในเครอ่ื งหมาย อย. หมายเลข ๗ คอื …ค…ํา…แ…น…ะ…น…ํา…ใน……ก…าร…เ…ก…็บ…ร…กั …ษ…า……(…ถ…า ม…)ี……………………………………………………………………………………… ดว้ ยอกั ษรขนาดความสงู ไมน่ ้อยกวา่ ๒ มม. สขี องตัวอกั ษร หมายเลข ๘ คอื …ช…่ือ…ท…ีอ่ …ย…ผู …ูผ…ล…ิต……โด……ยม…ีค……ําว…า ……“ผ…ล…ติ……โด…ย…”……น…ํา…ห…น…า………………………………………………………………… ผลติ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๒ ๖๑-๒-๑๐๐๔๔-๒-๐๐๐๕ ตดั กบั พ้ืนภายในกรอ2บสขี อง อย. และกรอบสตี ัดสีพ้ืนของฉลาก ๔๓ “ใชวัตถกุ นั เสีย” ถา้ มกี ารใชว้ ตั ถกุ นั เสยี ๑๐5 บูรณาการเชอื่ มสาระ นกั เรียนควรรู สามารถนําเนื้อหาเรื่องฉลากผลิตภัณฑอ าหาร ไปบรู ณาการ 1 ตรวจวิเคราะห งานตรวจวเิ คราะหผ ลิตภณั ฑอาหารทางดานจุลชีววิทยา เชื่อมโยงกับกลมุ สาระการเรียนรกู ารงานอาชีพและเทคโนโลยี นบั เปน หัวใจสาํ คญั ของการประเมินคณุ ภาพของอาหาร และบงชค้ี วามปลอดภยั วิชาการงานอาชพี และเทคโนโลยี เรอ่ื งการเลือกซ้ืออาหาร ของผูบริโภค 2 วตั ถกุ นั เสยี (Preservatives) เรยี กกันทวั่ ไปวาสารกันบูด ใชเพ่อื ชวยยืดอายุ การเก็บรกั ษาอาหารไมใหเ นาเสียงา ย หากรบั ประทานบอ ยๆ สารนจี้ ะสะสมเปน สารพษิ อยูในรางกาย ซึ่งสงผลกระทบตอสขุ ภาพโดยรวมได มุม IT สามารถศึกษาเพิ่มเติมเกีย่ วกบั ฉลากบนผลติ ภณั ฑอ าหาร จากบทความ “ฉลากอาหารบอกอะไรไดมากกวา ที่คดิ ” ไดจ ากเวบ็ ไซตของสํานกั งานคณะ กรรมการอาหารและยา http://www.oryor.com/oryor/admin/module/fda_ fact_sheet/file/f_131_1280373901.pdf คูมือครู 105

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครตู ั้งคาํ ถามเพอ่ื ชว ยอธบิ ายเพิม่ เตมิ ใหไ ด ๓. กลมุ่ อาหารทตี่ อ้ งมเี ครอื่ งหมาย อย. และตอ้ งมรี ายงานผลการตรวจวเิ คราะหไ์ วใ้ หต้ รวจสอบ ขอสรปุ ท่ถี ูกตอ งรว มกนั ภายหลงั การอนญุ าต ไดแ้ ก่ อาหารทก่ี า� หนดคณุ ภาพหรอื มาตรฐาน • เพราะเหตใุ ดสาํ นักงานคณะกรรมการอาหาร ตวั อยา่ ง ฉลากน�า้ ปลา และยา หรอื อย. จึงตอ งออกกฎหมายและ ขอ กาํ หนดในเรอ่ื งของฉลากไว โดยเฉพาะ ชือ่ อาหารภาษาไทย ฉลากผลติ ภัณฑอ าหาร ช่ือตราหรอื เครื่องหมายการคา้ (ถ้าม)ี (แนวตอบ เพ่อื เปน การคุมครองผบู ริโภคใหได รูปภาพให้สอดคล้องกับผลติ ภัณฑ์หรือชือ่ ตรา (ถ้าม)ี รบั ประโยชน และรูเ ทาทนั ผลิตภณั ฑตา งๆ ไดเปนอยา งดีกอ นนาํ มาใชบรโิ ภค) ช่ือท่อี ยู่ผ้ผู ลติ โดยมีค�าว่า “ผลิตโดย” นา� หน้า • หากนักเรียนพบเหน็ หรือไดรับผลกระทบ สว่ นประกอบ แจง้ เฉพาะสว่ นทส่ี า� คญั เป็นร้อยละของน้�าหนัก จากการบริโภคผลิตภณั ฑอ าหาร นกั เรยี นจะ เรียงจากปริมาณมากไปนอ้ ย ปฏบิ ตั อิ ยา งไร เลขสารบบอาหารหรือเลข อย. ให้แสดงตามท่ีไดร้ บั แจง้ (แนวตอบ แจงขอมลู ไปทส่ี ายดวนผบู รโิ ภค รายละเอยี ดของอาหารแต่ละชนิด ในเครือ่ งหมาย อย. อย. 1556 หรอื ทางเวบ็ ไซต www.fda.moph. ด้วยอักษรขนาดความสงู ไม่น้อยกวา่ ๒ มม. สีของตัวอักษร go.th) ตัดกับพ้ืนภายในกรอบสีของ อย. และกรอบสีตัดสพี ้ืนของฉลาก ปรมิ าตรสทุ ธิ มหี นว่ ยเปน็ ระบบเมตรกิ เชน่ ลบ.ซม. ซม.๓ มล. วัน เดอื น ปี ทผี่ ลติ โดยมคี า� ว่า “ผลติ ” ก�ากบั ๔. กลุ่มอาหารท่ีต้องมีเคร่ืองหมาย อย. และต้องมีรายงานผลการตรวจวิเคราะห์ ได้แก่ อาหารควบคมุ เฉพาะทกุ ประเภท ตัวอยา่ ง ฉลากเครือ่ งด่ืมน้�าวา่ นหางจระเข้ ¹Óé NjҹËÒ§¨ÃÐࢌ ชอ่ื อาหารภาษาไทย รูปภาพใหส้ อดคลอ้ งกบั ผลิตภัณฑห์ รอื ชื่อตรา (ถา้ ม)ี Aloe Vera Juice สว่ นประกอบ แจง้ เฉพาะสว่ นทสี่ า� คญั เป็นรอ้ ยละของนา�้ หนัก เรียงจากปรมิ าณมากไปนอ้ ย ปรมิ าตรสทุ ธิ มหี นว่ ยเปน็ ระบบเมตรกิ เชน่ ลบ.ซม. ซม.๓ มล. วนั เดอื น ปีท่ผี ลิต โดยมคี า� วา่ “ผลติ ” ก�ากบั สว นประกอบท่สี ำคัญโดยประมาณ เลขสารบบอาหารหรอื เลข อย. ใหแ้ สดงตามท่ีไดร้ บั แจง้ รายละเอยี ด น้ำวานหางจรเข ๘๐% ของอาหารแตล่ ะชนดิ ในเครอ่ื งหมาย อย. ดว้ ยอกั ษรขนาดความสงู นำ้ ตาล ๑๙% ไมน่ อ้ ยกว่า ๒ มม. สขี องตวั อักษรตัดกบั พนื้ ภายในกรอบสขี อง อย. และกรอบสีตัดสีพืน้ ของฉลาก เด็กไมค วรรบั ประทาน ปริมาตรสุทธิ ๒๕๐ ซม.๓ ชอื่ ท่ีอยู่ผผู้ ลติ โดยมคี �าว่า “ผลิตโดย” นา� หน้า ไมใชอาหารทางการแพทย ค�าเตือนให้แสดงด้วยอักษรสีแดงขนาดไมเ่ ลก็ กว่า ๒ มม. เห็นได้ หยุดบริโภคเมือ่ มอี าการผิดปกติ ชดั เจนในกรอบสเ่ี หลี่ยม ผลติ ๒๑ ๐๗ ๕๒ ๖๑-๒-๑๐๐๔๔-๒-๐๐๐๕ ผลิตโดย ชุมชนบานทา ๓/๕๐ หมู ๑ ต.บา นทา อ.บางไทร จ.อยธุ ยา ๑๐๖ เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET เพราะเหตุใดผลิตภณั ฑตางๆ ไมวา จะเปนผลติ ภณั ฑอ าหาร 1. ครูอาจใหน กั เรยี นหาฉลากผลติ ภัณฑอ าหารมาคนละ 1 ฉลาก จากนัน้ ให เครอื่ งสําอาง ยา จึงตอ งมเี ครอ่ื งหมาย อย. นักเรยี นทําการวเิ คราะหว าฉลากผลิตภัณฑน้ันมอี งคป ระกอบอะไรบางลงใน แนวตอบ เครอื่ งหมาย อย. นบั เปน เหตผุ ลหนง่ึ ทผ่ี บู รโิ ภค กระดาษรายงาน เพ่ือขยายความเขาใจใหแกนักเรยี น สว นใหญน าํ มาใชเ ปน สว นหนง่ึ ในการตดั สนิ ใจ โดยใชเ ปน เครอื่ ง รบั รองวา ผลติ ภณั ฑน น้ั ไดผ า นการตรวจ ทดลองแลว สามารถนาํ มา 2. ใหนกั เรยี นหาตัวอยา งผลิตภณั ฑทไ่ี มมเี คร่ืองหมาย อย. มาหลายๆ ตัวอยา ง บริโภคไดอยางปลอดภัย จากนั้นใหนักเรียนนาํ มาอภิปรายรวมกันในชั้นเรียน 106 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา ใจ ๒. ข้อมูลโภชนาการท่ีแสดงบนฉลากอาหาร ใหนักเรียนแตละกลุมนําความรูที่ไดมาแสดง บทบาทสมมติเร่ืองฉลากบนผลิตภัณฑอาหาร โดย ฉลากทแี่ สดงขอ้ มลู โภชนาการของอาหารหรอื ทเี่ รยี กวา่ ฉลากโภชนาการ จะชว่ ยใหท้ ราบ ชใี้ หเ หน็ ถงึ ความสาํ คญั ของการอา นฉลากและขอ มลู ถงึ ชนดิ และปรมิ าณของสารอาหารทจ่ี ะไดร้ บั จากการรบั ประทานอาหารนน้ั ๆ เพยี งอา่ นฉลากและนา� โภชนาการในการเลอื กซ้ือผลิตภัณฑตางๆ เพือ่ นํา ขอ้ มลู สารอาหารของอาหารแตล่ ะชนดิ มาเปรยี บเทยี บกนั เลอื กอาหารทมี่ ไี ขมนั หรอื พลงั งานนอ้ ย มาบรโิ ภค ทส่ี ดุ กจ็ ะสามารถชว่ ยควบคมุ นา�้ หนกั และหลกี เลยี่ งสารอาหารทไี่ มต่ อ้ งการได้ ซง่ึ การอา่ นฉลาก เพอื่ ใหท้ ราบถงึ ประมาณพลงั งาน และสารอาหารทไี่ ดร้ บั สามารถอา่ นไดง้ า่ ยๆ โดยดจู าก ใหน กั เรยี นศกึ ษาเพม่ิ เตมิ เรอ่ื งขอ มลู โภชนาการ ที่แสดงบนฉลากอาหารในหนา 107 จากนั้นให ขอ มลู โภชนาการ ดทู ี่ “หน่ึงหนว่ ยบริโภค” ถา้ รับประทานตามปริมาณท่รี ะบุ นักเรียนนําความรูที่ไดไปใชประโยชนในการเลือก ไวใ้ น “หนง่ึ หนว่ ยบรโิ ภค” กจ็ ะไดร้ บั พลงั งานและสารอาหาร ซอ้ื ผลิตภัณฑอ าหารไดอยางถกู ตอง หนึ�งหนวยบรโิ ภค : 1 กลอง (250 มล) ชนดิ ต่างๆ ตามขอ้ มูลทแี่ สดงไว้ใน “คุณคา่ ทางโภชนาการ จำนวนหนวยบรโิ ภคตอ กลอ ง : 1 ตอ่ หน่ึงหน่วยบรโิ ภค” ถ้ารับประทานอาหารหมดท้ังกล่องก็จะได้รับพลังงานและ คณุ คาทางโภชนาการตอ หนึ�งหนว ยบรโิ ภค สารอาหารเท่ากับจำานวนตัวเลขท่ีแสดงอยู่ใน “คณุ ค่าทาง โภชนาการต่อหน่ึงหน่วยบริโภค” โดยต้องสังเกตจำานวน พลังงานน้ำตาล 170 กโิ ลแคลอรี (พลงั งานของไขมนั 20 กิโลแคลอร)ี หน่วยบรโิ ภคต่อกล่อง ถ้าระบตุ ัวเลขเทา่ กับ ๑ กจ็ ะไดร้ ับ พลังงานและสารอาหารเท่ากับจำานวนตัวเลขท่ีแสดงอยู่ใน ไขมันทงั้ หมด 10 ก. รอ ยละของปรมิ าณทแี่ นะนำตอวนั * “คุณค่าทางโภชนาการต่อหนึ่งหน่วยบริโภค” แต่ถ้าระบุ 15 % ตวั เลขมากกวา่ เชน่ ระบวุ า่ “จาำ นวนหนว่ ยบรโิ ภคตอ่ กลอ่ ง: ๕” ไขมันอิม� ตวั 45 ก. 23 % ก็จะได้รับพลังงานและสารอาหารต่างๆ ถึง ๕ เท่าของ คอเลสเตอรอล 30 มก. 10 % ตวั เลขทแี่ สดงในคณุ คา่ ทางโภชนาการตอ่ หนง่ึ หนว่ ยบรโิ ภค โปรตนี 8 ก. คารโบไฮเดรดทั้งหมด 14 ก. 5% ถ้าต้องการทราบว่าอาหารท่ีรับประทานเข้าไปนั้นให้ ใยอาหาร 0 ก. 0% พลังงานเท่าไร และให้สารอาหารอะไรบ้าง ให้ดูตรง นำ้ ตาล 8 ก. “คณุ ค่าทางโภชนาการตอ่ หนง่ึ หนว่ ยบริโภค” โซเดยี ม 110 มก. 5% ถ้าต้องการทราบว่าเมื่อรับประทานอาหารน้ันแล้วจะได้รับ สารอาหาร เชน่ ไขมัน แคลเซียม เป็นต้น คิดเป็นรอ้ ยละ วติ ามนิ เอ รอยละของปรมิ าณทแี่ นะนำตอ วนั * เทา่ ไรของปรมิ าณทแี่ นะนาำ ใหด้ ูท่ี “รอ้ ยละของปริมาณท่ี วิตามนิ บี 2 30 % วิตามิน บี 1 5% แนะนำาต่อวนั ” เหลก็ 35 % แคลเซยี ม 40 % 0% *รอยละของปรมิ าณสารอาหารทแี่ นะนำใหบ ริโภคตอวันสำหรับคนไทย อายุตั้งแต 6 ปขึ้นไป (Thai ROI) โดยคิดจากความตองการพลังงาน วนั ละ 2,000 กโิ ลแคลอรี ความตอ งการพลงั งานของแตล ะบุคคลแตกตางกนั ผูทีต่ องการพลงั งาน วันละ 2,000 กิโลแคลอรี ควรไดรบั สารอาหารตา งๆ ดังน�้ ไขมนั ท้งั หมด นอ ยกวา 65 ก. ไขมนั อม�ิ ตวั นอ ยกวา 20 ก. นอยกวา 300 มก. คอเลสเตอรอล นอยกวา 300 ก. คารโบไฮเดรดท้งั หมด 25 ก. 2,400 มก. ใยอาหาร โซเดยี ม พลงั งาน (กิโลแคลอร)ี ตอ กรัม : ไขมัน = 9 : โปรตนี = 4 : คารโบไฮเดรด = 4 จะเหน็ ไดว้ า่ ขอ้ มลู โภชนาการนน้ั มปี ระโยชนอ์ ยา่ งมากในการตดั สนิ ใจเลอื กซอื้ หรอื เลอื กใช้ ผลติ ภณั ฑน์ นั้ ๆ ใหเ้ หมาะสมกบั ความตอ้ งการของผบู้ รโิ ภค ดงั นนั้ ในการเลอื กซอ้ื ผลติ ภณั ฑอ์ าหาร เราจงึ สามารถเปรยี บเทยี บผลติ ภณั ฑแ์ ตล่ ะชนดิ แตล่ ะยหี่ อ้ โดยอาศยั ขอ้ มลู โภชนาการเหลา่ นเี้ พอ่ื ใช้ ประกอบการตดั สนิ ใจได้ ๑๐7 กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกรด็ แนะครู ใหนกั เรียนทาํ แผนพบั ความรูในหวั ขอ “ฉลากนัน้ ดีอยางไร” 1. ครอู าจนําฉลากโภชนาการมาอา นและแสดงใหนักเรยี นดู จากนนั้ ครอู าจสมุ แลว นําไปแจกใหกบั นกั เรยี นคนอืน่ ๆ และบคุ ลากรภายใน นักเรยี นออกมา 1 คน มาสาธิตวธิ กี ารอา นฉลากโภชนาการใหเ พอ่ื นในหองฟง โรงเรียน 2. ครอู าจนําไปบรู ณาการกบั วิชาภาษาไทย หลักภาษาและการใชภาษาเรอ่ื งการ เขียนเพอ่ื การส่อื สาร โดยใหน กั เรยี นเขยี นเรื่องความสาํ คัญของฉลากโภชนาการ กจิ กรรมทา ทาย ใหน ักเรยี นสาํ รวจขอมลู ถงึ วธิ ีการตดั สินใจเลอื กซือ้ ผลิตภัณฑตา งๆ ของนกั เรียนภายในโรงเรยี น แลว วเิ คราะห วา มีสาเหตใุ ดบางท่สี งผลใหผ บู รโิ ภคมีวิธกี ารดังกลาว คมู ือครู 107

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา ใจ จากการศกึ ษาและอธิบายความรูเรื่องฉลากบน 5.3 เลขสารบบอาหารในเคร่ืองหมาย อย. ผลิตภัณฑอาหารทีผ่ านมา เพ่ือขยายความเขาใจ ใหน กั เรยี นเกิดความรูความเขา ใจ และสามารถนํา เคร่ืองหมายเลอขยส.1ารโดบยบถอูกาหนา�ารมาคใอื ช้แเลทขนปตรัวะอจักา� ตษวัรผแลลติะตภัวณั เลฑขอ์ ใานหการรอ๑บ๓เคหร่ือลงกั หแมสาดยงออยยภู่ .ายซใ่ึงนตกัวรเอลบข ความรูทไี่ ดไ ปปรบั ใชใ นชีวติ ประจาํ วนั ไดมากข้นึ เหล่านั้นจะบอกถึงข้อมูลส�าคัญเก่ียวกับสถานที่ และข้อมูลผลิตภัณฑ์อาหารท่ีครบถ้วน ส�าหรับ ใหนักเรยี นนําความรทู ่ีไดมาจดั ทาํ ปา ยนเิ ทศหรือ รายละเอียดของเลขสารบบอาหาร ๑๓ หลักน้ี จะแบง่ ออกเป็น ๕ กลุม่ ดงั น้ี จดั จาํ แผน โปสเตอรเกี่ยวกบั ฉลากผลิตภณั ฑอ าหาร ภายในหองเรยี นเพอื่ เผยแพรค วามรู กลุ่มท่ี ๑ ประกอบด้วยเลขสองหลัก หมายถึง กลุ่มท ่ี ๓ ประกอบด้วยเลขห้าหลัก หมายถึง เลขสถานท่ี จังหวัดที่ต้ังของสถานที่ผลิตอาหารหรือน�าเข้า ผลติ อาหารหรอื เลขสถานทน่ี า� เขา้ อาหารที่ไดร้ บั อนญุ าต และ อาหาร โดยใช้ตัวเลขแทนอักษรย่อของจังหวัด ปี พ.ศ. ท่ีอนญุ าต โดย เชน่ ๑๒ หมายถึง จงั หวัดนนทบุรี ● ตัวเลขสามหลักแรก คือ เลขท่ีสถานท่ีผลิต อาหารหรือนา� เขา้ อาหารแลว้ แต่กรณ� ● ตัวเลขสองหลักสุดท้าย คือ ตัวเลขสองหลัก สดุ ทา้ ยของปี พ.ศ. ที่ไดร้ บั อนุญาต เช่น ๐๐๒๔๔ แทนเลข สถานท่ีผลิตหรือน�าเข้าอาหาร ซึ�งได้รับอนุญาต เลขท่ี ๒ ในปี พ.ศ. ๒๕๔๔ ๑๒-๒-๐๐๒๔๔-๒-๐๐๙๙ กลุ่มท่ ี ๒ ประกอบดว้ ยเลขหนึง� หลัก หมายถงึ สถานะของ กลมุ่ ท ่ี ๔ ประกอบดว้ ยเลขหนงึ� หลกั หมายถงึ หนว่ ย สถานที่ผลิตอาหารหรอื นา� เขา้ ท่อี อกเลขสารบบอาหาร ดงั น�้ ● หมายเลข ๑ หมายถึง สถานทีผ่ ลิตอาหารท่ี ๑. หมายถึง อาหารที่ได้รับเลขสารบบ ส�านักงานคณะกรรมการอาหารและยาเป็นผู้อนญุ าต จากสา� นักคณะกรรมการอาหารและยา ● หมายเลข ๒ หมายถงึ สถานท่ผี ลิตอาหารที่ ๒. หมายถึง อาหารที่ได้รับเลขสารบบ จังหวดั เป็นผ้อู นุญาต จากจังหวัด ● หมายเลข ๓ หมายถึง สถานทน่ี า� เขา้ อาหาร ท่สี �านักงานคณะกรรมการอาหารและยาเปน็ ผู้อนุญาต กลมุ่ ท่ ี ๕ ประกอบด้วยเลขสีห่ ลัก หมายถึง ล�าดับที่ ● หมายเลข ๔ หมายถึง สถานทีน่ า� เขา้ อาหาร ของอาหารทผ่ี ลติ หรอื นา� เขา้ ของสถานทแี่ ตล่ ะแหง่ ท่ีจงั หวดั เปน็ ผอู้ นุญาต แยกตามหนว่ ยงานทเี่ ปน็ ผอู้ นญุ าต เชน่ ๐๐๙๙ แทน ลา� ดบั ท่ี ๙๙ เป็นต้น นอกจากน้ี การแสดงสารบบอาหารในเคร่อื งหมาย อย. ยงั กา� หนดใหใ้ ช้ตัวเลขทมี่ ีสี ตัดกบั สีพน้ื ของกรอบ มขี นาดไม่เลก็ กว่า ๒ มลิ ลเิ มตร และสขี องกรอบตัดกับสพี ื้นของฉลาก จากขอ้ มลู ทก่ี ลา่ วขา้ งตน้ จะเหน็ วา่ กฎหมายใหค้ วามสา� คญั ตอ่ การใหผ้ ผู้ ลติ แสดงขอ้ มลู ซึ่งผู้บริโภคควรต้องทราบข้อมูลท่ีระบุบนฉลากผลิตภัณฑ์อาหาร เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการ ตดั สนิ ใจเลือกซ้ือผลติ ภณั ฑ์อาหารท่มี ีความปลอดภยั คุ้มคา่ และมีประโยชน์ที่สดุ ส�าหรับผบู้ รโิ ภค ที่พบเห็นผลิตภัณฑ์อาหารแสดงฉลากไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งข้อมูลไปได้ท่ีหมายเลขโทรศัพท์ ๐-๒๕๙๐-๗๓๕๔-๕ หรอื ทางสายดว่ นผบู้ รโิ ภคกบั อย. หมายเลขโทรศพั ท์ ๑๕๕๖ หรอื ทางเวบ็ ไซต์ www.fda.moph.go.th ๑๐8 มมุ IT ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET เลขสารบบอาหาร มีความสาํ คญั อยา งไรตอ การเลือกซ้อื สามารถศึกษาเพิม่ เตมิ เกีย่ วกบั ขอมลู หนว ยงานเอกชนท่เี กี่ยวของกบั การให ผลิตภัณฑอาหารของผูบรโิ ภค ความชว ยเหลอื คมุ ครองผบู รโิ ภค ไดจ ากเวบ็ ไซต http://www.ocpb.go.th/ucan.asp แนวตอบ ทาํ ใหผ บู รโิ ภคเกดิ ความรสู กึ ปลอดภยั และเชอ่ื ถอื ใน ผลติ ภณั ฑอ าหารนน้ั ๆ เพราะเลขสารบบอาหารจะบอกถงึ ขอ มลู นกั เรยี นควรรู เกย่ี วกบั สถานทใ่ี นการผลติ และขอ มลู ผลติ ภณั ฑอ าหาร ซงึ่ บง บอก ไดว า ผลติ ภณั ฑน น้ั ไดร บั การขนึ้ ทะเบยี นอยา งถกู ตอ งตามกฎหมาย 1 อย. (สาํ นกั งานคณะกรรมการอาหารและยา) เปน สว นราชการมฐี านะเปน กรม ซึ่งมีภารกิจเกี่ยวกับการปกปองและคุมครองสุขภาพของประชาชนจากการบริโภค ผลติ ภณั ฑส ขุ ภาพ โดยผลติ ภณั ฑส ขุ ภาพเหลา นนั้ ตอ งมคี ณุ ภาพและปลอดภยั มกี าร สงเสริมพฤติกรรมการบริโภคท่ีถูกตองดวยขอมูลวิชาการท่ีมีหลักฐาน เช่ือถือได และมีความเหมาะสม เพื่อใหประชาชนไดบริโภคผลิตภัณฑสุขภาพที่ปลอดภัยและ สมประโยชน 108 คมู อื ครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขาใา จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา ใจ เสรมิ สาระ ใหนักเรียนศึกษาเพ่ิมเติมเรื่องการเลือกใช ผลิตภัณฑเสริมอาหารสาํ หรับวัยรนุ จากเสริมสาระ การเลือกใชผ้ ลิตภัณฑเสริมอาหารสำาหรับวัยรนุ่ ในหนา 109 จากนน้ั ใหน ักเรียนทําแผนพบั ในหวั ขอ “ผลติ ภัณฑเ สรมิ อาหารนัน้ ดหี รอื ไม” สง ครผู สู อน ปัจจุบัน พบว่าวัยรุ่นส่วนใหญ่มีการดูแลสุขภาพของตนเอง มากข้ึน ด้วยการหันมารับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ตา่ งๆ ทีพ่ บได้บอ่ ย เชน่ ซปุ ไก่สกัด รงั นก เป็นต้น ๑) ซุปไก่สกัด ประโยชน์ที่จะได้รับจาก ซปุ ไกส่ กดั คอื โปรตนี ซง่ึ มอี ยปู่ ระมาณรอ้ ยละ ๘.๘ ของปรมิ าณทบ่ี รโิ ภค โดยราคาของผลติ ภณั ฑใ์ น จำานวนเงินเท่ากัน สามารถนำาไปซ้ือเน้ือสัตว์ มาบริโภคได้ในปริมาณท่ีมากกว่า ซึ่งจะได้ รับปริมาณสารอาหารมากกว่าการบริโภค ซุปไก่สกัด ดังน้ัน หากต้องการเสริมอาหาร จำาพวกโปรตีนจึงควรบริโภคอาหารจำาพวก เน้อื สัตว์ ๒) รังนก เป็นอาหารท่ีนิยม เพราะเช่ือว่า จะช่วยบำารุงร่างกาย จากการวิเคราะห์ทางเคมีพบว่า โปรตนี ในรงั นกเปน็ โปรตนี ประเภทไมส่ มบรู ณ ์ ซง่ึ ขาดกรด ผลติ ภณั ฑเ์ สรมิ อาหารมกั จะมลี กั ษณะเปน็ เมด็ แคปซลู อะมโิ นทจ่ี าำ เปน็ แกร่ า่ งกายหลายชนดิ หากกลา่ วไดว้ า่ โปรตนี ผง ของเหลว หรือลกั ษณะอ่ืนๆ ใช้รบั ประทานนอก- ทช่ี ว่ ยสรา้ งความเจรญิ เตบิ โตหรอื ซอ่ มแซมสว่ นทส่ี กึ หรอของ เหนอื จากการรับประทานอาหารตามปกติ ร่างกาย ถือได้วา่ นม ไข่ เนือ้ สตั ว์ ปลา ถ่ัวเมลด็ แหง้ จะให้ประโยชนแ์ กร่ า่ งกายมากกว่ารังนก ดงั นั้น เราจึงควรขจดั ความเช่ือที่วา่ อาหารแพงใหป้ ระโยชน์แก่ร่างกายมากกวา่ อาหารถกู ใหห้ มดไป แลว้ หัน มาสรา้ งคา่ นยิ มและความเชอ่ื ใหมว่ า่ ถา้ หากเราสามารถรบั ประทานอาหารใหค้ รบทง้ั ๕ หม ู่ ในสดั สว่ นทเ่ี หมาะสม ออกกำาลังกายเป็นประจำา หลกี เลยี่ งอาหารทผ่ี ่านกระบวนการแปรรูปหรือปรงุ แตง่ ทำาจิตใจใหแ้ จม่ ใสอยูเ่ สมอ อยู่ ในสภาพแวดล้อมที่ดี ฯลฯ การรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจึงเป็นส่ิงที่ไม่มีความจำาเป็นสำาหรับร่างกายอีก ต่อไป อาหารเปนสิ่งจําเปนตอการชวยเสริมสรางรางกายใหมีการเจริญเติบโตและการมีสุขภาพท่ีดี ถารางกายไดรับอาหารท่ีถูกตองเหมาะสมกับวัยตามหลักโภชนบัญญัติ ตลอดจนรูจักเลือกผลิตภัณฑ อาหาร เพอ่ื ความปลอดภยั ตอ การบรโิ ภคดว ยแลว กจ็ ะสง ผลใหร า งกายมภี าวะโภชนาการทด่ี ี โดยไมจ าํ เปน ตอ งพงึ่ ผลติ ภณั ฑเ สรมิ อาหาร หรอื ยาลดความอว นแตอ ยา งใด ในทางตรงกนั ขา มหากรา งกายไดร บั อาหาร ทไ่ี มถ กู ตอ งเหมาะสม เกนิ ความตอ งการหรอื ไมเ พยี งพอตอ ความตอ งการของรา งกายกจ็ ะสง ผลใหม ภี าวะ โภชนาการท่ีไมดี โดยมที ง้ั ภาวะโภชนาการเกนิ และภาวะโภชนาการตาํ่ ซ่ึงกอ ใหเกิดปญหาตอสขุ ภาพได ๑๐9 แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETดิ เกร็ดแนะครู เมอ่ื นกั เรียนตอ งการซือ้ ผลติ ภณั ฑเสริมอาหาร นักเรียนจะมี ครคู วรสรปุ เน้ือหาท้งั หมดเพื่อทบทวนใหนักเรยี นฟง อีกครง้ั หน่ึง จากนนั้ ครูอาจ หลกั ในการเลือกซอื้ อยา งไร สุมนกั เรยี น 2-3 คน ออกมาสรุปเนื้อหาและสาระสาํ คญั ที่ไดศ กึ ษาในหนวยนี้ แนวตอบ ควรเลอื กซื้อผลติ ภณั ฑท แี่ สดงฉลากถูกตอง มีเลขสารบบอาหาร อานขอมลู ของผลติ ภัณฑจากฉลาก มมุ IT ท่ไี ดร บั อนุญาต และไมควรเช่ือขอ มลู จากการโฆษณา ของผูจ ําหนา ยทีน่ อกเหนือจากท่รี ะบุในฉลาก สามารถศกึ ษาเพ่มิ เตมิ เก่ยี วกับฉลากบนผลติ ภัณฑอ าหารเพอ่ื สขุ ภาพ ไดจาก เว็บไซต http://www.sc.mahidol.ac.th/scbt/articles/functional%20 food-PL-12%20Oct%2009.pdf คูมือครู 109

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Explore Explain Expand Engage Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล การทําแผนพับเรอ่ื งทนี่ ําไปแสดงถงึ โทษและ คําถาม ประจําหนว่ ยการเรียนรู้ ผลกระทบตอ รางกาย ๑. ใหน้ กั เรยี นสงั เกตตนเองและบนั ทกึ อาหารในแตล่ ะวนั แลว้ วเิ คราะหว์ า่ นกั เรยี นบรโิ ภคอาหารครบ ๕ หมู่ หลักฐานแสดงผลการเรียนรู หรอื ไม่ อย่างไร และควรปรบั ปรงุ อาหารม้อื ใด หรือควรเพ่ิมอะไรบา้ ง • ผงั ความคดิ เกย่ี วกับภาวะโภชนาการทีม่ ผี ลตอ ๒. การก�าหนดปรมิ าณสารอาหารท่ีควรไดร้ บั ในแต่ละวันดีต่อสขุ ภาพตนเองอย่างไร สุขภาพ ๓. หากเพ่ือนของนักเรียนป่วยเป็นโรคอ้วน นักเรียนจะแนะน�าเพื่อนให้หลีกเล่ียงการบริโภคอาหาร • ตารางรายการอาหารทเ่ี หมาะสมกบั ตนเอง ประเภทใด ใน 1 สปั ดาห ๔. จงวเิ คราะหพ์ ฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารของวยั รนุ่ ไทยในปจั จบุ นั ทจ่ี ะทา� ใหเ้ กดิ ปญั หาสขุ ภาพตามมา ๕. หากนักเรยี นจะต้องซอื้ นมจากรา้ นขายของช�าใกล้บ้าน นกั เรยี นจะมวี ธิ ีการเลือกซือ้ อยา่ งไรบา้ ง กจิ กรรม สร้างสรรคพฒั นาการเรียนรู้ กิจกรรมท ่ี ๑ นักเรียนท�าแผ่นภาพโภชนบัญญัติ และธงโภชนาการ แล้วน�าไปติดท่ีป้ายนิเทศ กิจกรรมท ่ี ๒ ในโรงเรียน กจิ กรรมที่ ๓ นกั เรยี นคดั เลอื กตวั แทนนกั เรยี นในชน้ั ๓ คน ใหอ้ อกมาอภปิ รายเกย่ี วกบั แนวทาง ท่ีเหมาะสมในการเลือกบริโภคอาหารของเพอื่ นๆ นักเรียนส�ารวจข้อมูลบนฉลากผลิตภัณฑ์อาหารมาอย่างน้อย ๒ ชนิด จากนั้น วเิ คราะหว์ า่ ผลติ ภณั ฑอ์ าหารดงั กลา่ วมคี วามปลอดภยั ตอ่ การนา� มาบรโิ ภคหรอื ไม่ เพราะเหตุใด แลว้ อภปิ รายนา� เสนอหน้าชน้ั เรยี น ๑๑๐ แนวตอบ คําถามประจําหนว ยการเรียนรู 1. ขึ้นอยูกบั คาํ ตอบของนักเรียน โดยนกั เรียนบางคนอาจจะรบั ประทานครบทงั้ 5 หมู บางคนอาจจะรบั ประทานไมครบ 5 หมู เนื่องจากบางคนอาจจะไมช อบ รบั ประทานผัก บางคนไมชอบรับประทานผลไม ซงึ่ ในแตล ะวันเราควรรับประทานอาหารใหครบทงั้ 5 หมู แตล ะหมใู หหลากหลาย เพ่อื ใหไดสารอาหารตา งๆ ครบถวน และเพยี งพอแกความตอ งการของรา งกาย 2. เพ่ือภาวะโภชนาการทีด่ ี และจะไดทราบวา ในแตล ะวันเราควรบริโภคอาหารอยา งไร ใหไดร บั สารอาหารอยางครบถว น และเพียงพอตอความตอ งการของรา งกาย ไมใ หรบั ประทานเยอะหรอื นอ ยเกนิ ไป อนั เปน สาเหตุท่ีทาํ ใหเ กดิ ภาวะโภชนาการตา งๆ ได 3. อาหารประเภทแปง นํ้าตาล และไขมัน 4. ปจ จบุ ันวยั รุน สวนใหญนิยมหันมาบรโิ ภคอาหารจานดวนกนั มากข้ึน ซ่ึงมคี ุณประโยชนนอย เมอ่ื เปรียบเทยี บดานคุณคาของอาหารและราคา นอกจากน้ีอาหารดงั กลาว ยังมไี ขมันสงู และมีรสเคม็ ซ่งึ เปน อนั ตรายตอสขุ ภาพ อาจกอ ใหเกิดการขาดสารอาหารบางประเภทได 5. ขนึ้ อยกู บั คาํ ตอบของนกั เรยี น ถานักเรยี นบางคนมีน้ําหนกั ปกตกิ ็ควรจะเลือกซอ้ื นมวัว หรือนมถ่ัวเหลือง แตถานักเรยี นบางคนมนี ้าํ หนกั เกินกค็ วรทจี่ ะเลือกซือ้ นมจืด หรือนมพรอ งมนั เนยแทน 110 คมู ือครู

กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate เปาหมายการเรยี นรู สรา งเสริมและปรบั ปรุงสมรรถภาพทางกาย ตามผลการทดสอบได สมรรถนะของผเู รยี น 1. ความสามารถในการคดิ 2. ความสามารถในการแกปญ หา 3. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวติ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค 1. มวี นิ ยั 2. ใฝเรียนรู กระตนุ ความสนใจ Engage ๖หนว่ ยท่ี ใหนักเรยี นดูภาพหนาหนว ยแลวต้งั คําถามเพ่อื กระตุนความสนใจ สมรรถภาพทางกาย • นักเรยี นคนใดเคยลุกน่งั บา ง จากนน้ั ครูสมุ ตัวชวี้ ดั สมรรถภาพทางกาย เปนความสามารถ นกั เรยี นออกมา 4 คน ใหจ ับคกู นั ลุกนั่ง เปนเวลา 30 วินาที แลวต้ังคาํ ถาม เพือ่ ถาม ■ สร้างเสรมิ และปรบั ปรงุ สมรรถภาพทางกายตาม ของรางกายในการทํางานท่ีทําใหรางกาย ถงึ ความรสู ึกของนกั เรยี นทส่ี มุ ออกมา ผลการทดสอบ (พ ๔.๑ ม.๑/๔) ทํางานไดน าน โดยไมเหน่ือยงาย ซึง่ สามารถ สรางไดโดยการออกกําลังกาย การเลนกีฬา • ใครลกุ นง่ั ไดม ากทสี่ ุด และไดก ี่ครงั้ ภายใน สาระการเรียนรู้ และการฝกฝนทักษะ การศึกษาวิธีทดสอบ เวลา 30 วินาที สมรรถภาพทางกาย และการฝก ปฏบิ ตั ิ ตลอดจน ■ วธิ ที ดสอบสมรรถภาพทางกาย หาวธิ สี รา งเสรมิ และปรบั ปรงุ สมรรถภาพทางกาย • ขณะลกุ น่ังนักเรยี นรูสึกอยางไร ■ วธิ สี ร้างเสริมและปรับปรงุ สมรรถภาพทางกายตาม ตามผลการทดสอบ จะชวยใหเปนบุคคลที่มี • หลังลุกนงั่ นักเรยี นรูสกึ อยา งไร สมรรถภาพทางกายดี • นักเรยี นคิดวา การออกกาํ ลังกายดว ยการ ผลการทดสอบ ลกุ น่ัง จะชว ยในเร่ืองใด เกร็ดแนะครู ครูอาจยกตวั อยางโดยการนาํ ภาพดารา หรือนกั กีฬาทีม่ สี ขุ ภาพดใี หน ักเรียนดู โดยครูอาจช้ีใหเหน็ ถงึ การมสี ขุ ภาพดขี องดารา หรอื นกั กฬี าน้ัน วามผี ลสบื เนือ่ ง มาจากการมีสมรรถภาพทางกายทด่ี ี เพือ่ เชือ่ มโยงเขา สูเนอื้ หา คูมือครู 111

กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Engage กระตนุ ความสนใจ ใหน ักเรียนดูภาพในหนังสือเรยี น หนา 112 แลว ๑. ความรูท้ ั่วไปเกย่ี วกบั สมรรถภาพทางกาย ตั้งคาํ ถามเพอ่ื กระตนุ การเรียนรู สมรรถภาพทางกาย หมายถึง สภาพร่างกายท่ีสมบูรณ์พร้อมที่จะปฏิบัติภารกิจด้วยความ กระฉบั กระเฉง และไม่เหนอ่ื ยล้า ซึ่งผู้ที่มสี มรรถภาพทางกายทด่ี เี ม่อื ออกกา� ลังกายหรือเลน่ กีฬา • นกั เรียนคดิ วา ผชู ายในภาพดานลา งกาํ ลงั จะสามารถกลบั ส่สู ภาวะปกติไดเ้ ร็วกว่าผู้ท่ีไมค่ อ่ ยออกก�าลังกาย โดยสมรรถภาพทางกายแบ่งออก ทําอะไรอยู เปน็ ๒ ประเภท ดังน้ี (แนวตอบ ออกกาํ ลงั กายโดยการดันพืน้ ) ๑.๑ สมรรถภาพทางกายทสี่ ัมพนั ธ์กับสุขภาพ • นักเรยี นเคยดันพน้ื ไดส งู สดุ กีค่ รง้ั (แนวตอบ ขน้ึ อยูกับคําตอบของนกั เรียน คอื ความสามารถของระบบต่างๆ ในร่างกาย ความสามารถเหล่านสี้ ามารถปรับปรุง ซง่ึ นกั เรยี นบางคนอาจไมเคยดันพื้นเลย) พฒั นาและคงสภาพได ้ โดยการออกกา� ลงั กายอยา่ งสมา�่ เสมอ ซงึ่ สมรรถภาพทางกายทสี่ มั พนั ธก์ บั สุขภาพประกอบด้วย ๕ องคป์ ระกอบ ดังนี้ • นักเรียนคิดวา อะไรคือสิง่ ทจ่ี าํ เปนหาก ๑) ความอดทนของระบบไหลเวยี นเลอื ดและระบบหายใจ (Cardiorespiratory ตอ งการดนั พืน้ ใหไดจ าํ นวนครัง้ มากๆ Endurance) คือ สมรรถนะเชิงปฏิบัติของระบบไหลเวียนเลือดและระบบหายใจในการล�าเลียง หรอื การเลน กฬี าชนดิ ตา งๆ ไดหนักๆ ออกซิเจนไปยังเซลล์กล้ามเน้ือ ท�าให้ร่างกายสามารถยืนหยัดท่ีจะท�างานหรือออกก�าลังกายที่ใช้ และไมเ หน่ือยงาย กลา้ มเนื้อมดั ใหญเ่ ป็นระยะเวลายาวนานได้ (แนวตอบ ข้นึ อยกู บั คําตอบของนักเรยี น ๒) ความอดทนของกล้ามเนอ้ื (Muscular Endurance) คอื ความสามารถของ โดยอาจตอบวาสขุ ภาพท่แี ข็งแรง หรอื รา่ งกายทท่ี นตอ่ การทา� งานในระยะเวลานาน เช่น ความอดทนของกล้ามเนือ้ ในขณะท�าการดึงข้อ ความสามารถทางกายท่ีแขง็ แรง ซงึ่ เกีย่ วขอ ง การดนั พ้นื การลกุ นง่ั หลายๆ ครง้ั เป็นต้น กบั สมรรถภาพทางกายท่นี กั เรียนจะได ๓) ความออ่ นตัวของรา่ งกาย (Flexibility) คือ ความสามารถในการหดตัวหรือ ทาํ การศึกษาตอไป) เหยยี ดตัวของกลา้ มเนอ้ื เอ็น ข้อตอ่ ของรา่ งกาย เช่น การยนื เขา่ ตึงกม้ ตวั แตะพนื้ การเหยียดเทา้ ก้มตัวใชม้ ือแตะปลายเท้า เปน็ ต้น • นกั เรียนคดิ วาอะไรคอื ตัวบง ช้ถี ึงสมรรถภาพ ๔) ความแขง็ แรงของกลา้ มเนอ้ื หรอื ความแขง็ แรงของรา งกาย (Muscular Strength) คอื ความสามารถของ (แนวตอบ ข้นึ อยกู ับคําตอบของนกั เรียน กล้ามเนื้อท่ีหดตัวเพ่ือท�างานอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยอาจตอบวา ความเร็วในการเคลอื่ นท่ี ความอึดหรอื ความทนของรา งกาย ความแขง็ แรงของกลา มเน้อื เปนตน) ได้อย่างเต็มที่ในระยะเวลาหน่ึง โดยกล้ามเนื้อ ส่วนใดส่วนหนึ่งหรือหลายๆ ส่วนรวมกัน เช่น การบีบมอื ซ้ายหรือการบีบมือขวา การใชก้ ลา้ ม เนือ้ ในการยกน�้าหนกั เป็นตน้ ๕) องค์ประกอบของร่างกาย (Body Composition) คือ สัดส่วนปริมาณ การออกกา� ลงั กาย เปน็ วิธีหนง่ึ ทช่ี ่วยสรา้ งเสรมิ สมรรถภาพ ไขมันในร่างกายกับมวลร่างกายที่ปราศจาก ทางกายไดเ้ ป็นอยา่ งดี ไขมัน โดยการวดั ออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ไขมนั ๑๑2 เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET ขอใดไมใ ช จดุ ประสงคของการทดสอบสมรรถภาพทางกาย ครูควรใหนักเรยี นบันทึกใจความสาํ คัญหรือประเด็นสําคญั จากการศกึ ษา 1. เพอื่ เสรมิ สรา งความแขง็ แรง เพอ่ื ความสะดวกในการตอบคาํ ถามตอไป 2. วดั ความแขง็ แรงของรางกาย 3. เพอ่ื ใหทราบความสมดลุ ของรางกาย มุม IT 4. เพื่อปรับปรงุ ขอ บกพรอ งของรา งกาย วเิ คราะหค ําตอบ การทดสอบสมรรถภาพทางกายนั้นมี สามารถศกึ ษาเพม่ิ เตมิ เกีย่ วกบั การทดสอบสมรรถภาพทางกาย ไดจาก จุดประสงคเพอื่ เสรมิ สรา งความแขง็ แรง และทราบความสมดลุ เว็บไซตข องมหาวิทยาลยั ศรนี ครินทรวโิ รฒ http://www2.swu.ac.th/royal/ รวมถงึ ปรับปรุงขอ บกพรอ งของรา งกาย ตอบขอ 2. book6/b6c7t4.html บรู ณาการเช่อื มสาระ 112 คูมอื ครู สามารถนาํ เน้ือหาเรอ่ื งความรูทวั่ ไปเกี่ยวกับสมรรถภาพทางกาย ไปบูรณาการเช่อื มโยงกับกลมุ สาระการเรียนรสู ุขศึกษาและพลศกึ ษา วิชาพลศึกษา เรื่องการเคลอื่ นไหวโดยใชทกั ษะกลไก

กระตนุ ความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Expand Evaluate Explore Explain Explore สาํ รวจคน หา ๑.2 สมรรถภาพทางกายท่สี ัมพันธก์ บั ทักษะ ใหน ักเรยี นแบงกลมุ กลุมละ 4-5 คน ศกึ ษา เรื่องสมรรถภาพทางกายจากหนังสอื เรียน หรือ คือ ความสามารถของร่างกายที่ช่วยให้บุคคลสามารถประกอบกิจกรรมทางกาย แหลงเรียนรเู พ่ิมเตมิ ตา งๆ ในประเดน็ หรือเล่นกฬี าได้ด ี ซึง่ สมรรถภาพทางกายท่สี ัมพนั ธ์กับทักษะประกอบด้วย ๖ องค์ประกอบ ดังน้ี • ความหมายและองคป ระกอบของ ๑) ความคลอ่ งตวั (Agility) คอื ความสามารถในการหดตวั ของกลา้ มเนอื้ ของรา่ งกาย สมรรถภาพทางกาย เพอื่ ใหส้ ามารถเปลย่ี นทา่ ทางหรอื ทศิ ทางในการเคลอื่ นไหวของรา่ งกายไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ ทนั ทที นั ใด • ประโยชนแ ละความสําคัญของการทดสอบ เช่น การนัง่ ลงหรือยนื ขน้ึ สลบั กันได้ดว้ ยความรวดเร็ว หรือการวงิ่ ซิกแซก็ เปน็ ตน้ สมรรถภาพทางกาย เพือ่ ใชในการตอบ คําถามจากครูผูสอนในกจิ กรรมตอ ไป ๒) การทรงตวั ทส่ี มดลุ (Balance) คอื ความสามารถของประสาทรบั ความรสู้ กึ ของ อธบิ ายความรู Explain ร่างกายในการควบคุมท่าทางของร่างกายขณะอยู่กบั ท ่ี หรอื ระหวา่ งการเคลือ่ นที ่ เช่น การเดนิ บน เส้นตรงให้ปลายเท้าตอ่ กนั การยนื ดว้ ยมอื เปน็ ต้น ครูสุม นกั เรยี น 2-3 กลมุ ออกมาอธบิ าย ความรจู ากเรื่องที่ไดท าํ การศกึ ษา โดยใหม กี าร ๓) การท�างานทปี่ ระสานกนั ของระบบประสาทและกลา้ มเน้อื (Cordination) ยกตัวอยา งประกอบมาพอเขาใจ จากนน้ั ให นกั เรียนกลมุ อื่นๆ รวมกนั เสนอแนะเพอื่ อธบิ าย คอื ความสามารถในการเคลอ่ื นไหวไดอ้ ยา่ งราบรนื่ กลมกลนื และมปี ระสทิ ธภิ าพ ซงึ่ เปน็ การทา� งาน เพิ่มเตมิ และใหน ักเรยี นทาํ กจิ กรรมในแบบวัด ประสานสอดคล้องกนั ระหว่างตา-มอื -เท้า และบันทกึ ผลการเรยี นรู กิจกรรมที่ 6.3 ๔) พลงั หรือก�าลงั (Power) คือ ความสามารถของกลา้ มเนอื้ สว่ นหน่ึงส่วนใดหรอื ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ สขุ ศกึ ษา ม.1 กิจกรรมที่ 6.3 หลายๆ ส่วนของรา่ งกายในการหดตวั เพอื่ ท�างานอย่างรวดเรว็ เพยี งคร้งั เดยี ว จงั หวะเดียว เช่น หนวยท่ี 6 วัยรนุ กบั การดแู ลนํ้าหนกั ตวั ก ารทมุ่ นา้� หน ๕ัก) กเาวรลยาืนปอฏยกิูก่ ิรบั ิยทา ี่ ตกอระบโดสดนไอกงล1 (หRรeอื aกcรtะioโดnด tสimงู eพ)่งุ แคหือล รนะ ยเะปเน็วลตา้นทรี่ า่ งกายใช้ในการ กิจกรรมท่ี ๖.๓ ใหน กั เรียนตอบคําถามตอ ไปน้ี (พ ๔.๑ ม.๑/๔) คะแนนเตม็ คะแนนทไี่ ด ตอบสนองต่อสง่ิ เรา้ ต่างๆ เช่น แสง เสียง สมั ผสั เปน็ ต้น ñõ ๖) ความเร็ว (Speed) คือ ความสามารถในการเคลื่อนทจี่ ากที่หน่ึงไปยงั อีกที่หนึง่ ได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้เวลานอ้ ยท่ีสุด เช่น การวงิ่ ๕๐ เมตร การว่ิง ๑๐๐ เมตร เปน็ ต้น ๒. การทดสอบสมรรถภาพทางกาย ๑. ใหนกั เรยี นระบุวา กิจกรรมทีก่ าํ หนดใหเปน การทดสอบสมรรถภาพทางกายในดานใด ๑. ยนื กระโดดไกล ……ท…ด…ส…อ……บ…พ…ล…งั …ข…อ…ง…ก…ล…า…ม…เ…น…้ือ………………………………………………………………………………………………… ๒. นัง่ กมตวั ไปขางหนา …ท…ด…ส…อ……บ…ค…ว…า…ม…อ…อ…น…ต…ัว………………………………………………………………………………………………….. การทดสอบสมรรถภาพทางกาย หมายถึง การทดสอบเพื่อประเมินความสามารถและ ๓. วัดความจุปอด ……ท…ด…ส……อ…บ…ส…ม…ร…ร…ถ…ภ…า…พ…ข…อ…ง…ร…ะ…บ…บ……ห…า…ย…ใจ……………………………………………………………………………… ประสทิ ธิภาพในการทา� งานของอวยั วะสว่ นตา่ งๆ ของร่างกายอยา่ งเฉพาะเจาะจง ๔. วัดแรงเหยียดขา ท……ด…ส…อ…บ…ค……วา…ม…แ…ข…็ง…แ…ร…ง…ข…อ…ง…ก…ล…า…ม…เ…น…ื้อ……………………………………………………………………………….. 2.๑ ประโยชนแ์ ละความสา� คญั ของการทดสอบสมรรถภาพทางกาย ๕. วง่ิ เกบ็ ของ …ท…ด…ส……อ…บ…ค…ว…า…ม…ค…ล…อ …ง…ต…ัว…………………………………………………………………………………………………………………… ๖. วดั สมรรถภาพการใชอ อกซเิ จนสูงสดุ …ท…ด…ส……อ…บ…ค…ว…า…ม…อ…ด…ท…น……ท…่ัว…ไป……………………………………………………….. ๗. ดึงขอ ราวเด่ียว งอแขน หอ ยตวั …ท……ด…ส…อ…บ…ค…ว…า…ม…อ…ด…ท……น…ข…อ…ง…ก…ล…า …ม…เน……อ้ื ………………………………………………. ๘. วงิ่ เรว็ ๑๐๐ เมตร …ท…ด…ส……อ…บ…ค…ว…า…ม…เร…ว็………………………………………………………………………………………………………………….. ๙. วดั แรงบีบมอื …ท……ด…ส…อ…บ…ค……วา…ม…แ…ข…ง็ …แ…ร…ง…ข…อ…ง…ก…ล…า …ม…เน……ื้อ…………………………………………………………………………………… ๑๐. ยืนกระโดดสงู …ท……ด…ส…อ…บ…พ……ล…งั …ข…อ…ง…ก…ล…า …ม…เน……อ้ื …………………………………………………………………………………………………… การทดสอบสมรรถภาพทางกายท�าให้ทราบถึงระดับความสามารถ หรือระดับ ๑๑. ลกุ -นงั่ ๓๐ วนิ าที …ท…ด…ส…อ…บ……ค…ว…า…ม…อ…ด…ท…น…ข…อ…ง…ก…ล……าม…เ…น…ื้อ…………………………………………………………………………………. ๑๒. กา วเตน ๒๐ วินาที …ท…ด…ส……อ…บ…ค…ว…า…ม…ค…ล…อ…ง…ต…วั………………………………………………………………………………………………….. สมรรถภาพทางกายในแต่ละด้านของบุคคล ซ่ึงท�าให้สามารถเลือกกิจกรรมการออกก�าลังกายให้ เฉฉบลบั ย ๑๓. ยืนกม ตวั …ท…ด……ส…อ…บ…ค…ว…า…ม…อ…อ …น…ต……วั ………………………………………………………………………………………………………………………. ๑๔. ทุมนา้ํ หนัก …ท……ด…ส…อ…บ…พ…ล……งั …ขอ……งก……ล…า…ม…เน……้อื ……………………………………………………………………………………………………….. เหมาะสมกบั ตนได้ โดยประโยชน์ของการทดสอบสมรรถภาพทางกาย มีดังน้ี ๑๕. ยนื กระโดดสงู ซํ้าๆ กัน …ท…ด…ส……อ…บ…ค…ว…า…ม…อ…ด…ท…น……ขอ…ง…ก……ล…า …ม…เน…ื้อ……………………………………………………………………… ๒. ใหน ักเรียนบอกประโยชนแ ละความสําคัญของการทดสอบสมรรถภาพทางกาย …๑.……เ…ป…น…แ…น……วท……าง…ใ…น……ก…า…ร…พ…ัฒ…น……า…ค…ว…าม…ส……า…ม…าร…ถ……ขอ……งร……าง…ก……าย………ห…ร…ือ…ส…ว…น…ท……ี่บ…ก…พ…ร…อ…ง…ใ…ห…ม…ีป……ร…ะส……ิท…ธ…ิภ…า…พ…อ…ย…า…ง. ๑. เปน็ แนวทางในการพฒั นาความสามารถของรา่ งกาย หรอื สว่ นทบ่ี กพรอ่ งใหม้ คี วาม เตม็ ท่ี…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. สมบรู ณ์และมปี ระสทิ ธภิ าพอย่างเตม็ ที่ …๒…. …เ…ป…น…แ…น……วท……าง…ใ…น…ก……าร…ต……ดั …ส…นิ …ค……วา…ม…ส……าม…า…ร…ถ…ข…อ…ง…ร…า…ง…ก…า…ย……เพ……อื่ …น…าํ …ไ…ป…ส…ูแ…น…ว…ท…า…ง…ใ…น…ก…า…ร…อ…อ…ก…ก……ําล……ัง…ก…า…ย……. …๓…. …เ…ป…น …ส…อ่ื……ใน……ก…า…ร…ก…ร…ะ…ต…นุ ……ก…า…ร…พ…ฒั ……น…า…ค…ว…า…ม…ส…า…ม…าร…ถ……ขอ…ง…ร…า…ง…ก…า…ย…แ…ล…ะ…ร…กั …ษ…า…ค…ว…า…ม…ส…ม…บ……รู …ณ…ข …อ…ง…ร…า …ง…ก…า…ย…ใ…ห. ๒. เป็นแนวทางในการตัดสินความสามารถของร่างกาย เพื่อน�าไปสู่แนวทางในการ คงท่ี…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …๔…. …ผ…ล…ก……าร…ท……ด…ส…อ…บ…ส……าม…า…ร…ถ…น……าํ …ไป…ว…เิ…ค…ร…า…ะ…ห…ผ …ล…ก…า…ร…ฝ…ก…ซ…อ…ม……ข…อ …ด…ี…ข…อ …เ…ส…ีย……ข…อ…ง…ก…า…ร…ฝ…ก …ซ…อ …ม……ท…าํ …ใ…ห…ส …า…ม…า…ร…ถ. ออกกา� ลังกาย หรอื การเลน่ กฬี าประเภทต่างๆ ………ป…ร…บั …ป……ร…ุง…แ…บ…บ…ฝ…ก……แ…ล…ะ…ก…จิ …ก…ร…ร…ม……ก…า…ร…ฝ…ก…ใ…ห…เ ห…ม…า…ะ…ส…ม…ก…ับ……ร…า …ง…ก…า…ย…ได…………………………………………………………………. ๑๑3 …๕…. …ใ…ช…เ…ป…น…พ…้ืน……ฐ…า…น…ใ…น…ก…า…ร…ศ…ึก……ษ…า……แ…ล…ะ…เป……ร…ีย…บ…เ…ท…ีย…บ…ข…อ…แ…ต…ก…ต……า…ง…ด…า…น…ส…ม…ร…ร…ถ……ภ…าพ……ท…า…ง…ก…า…ย…โ…ด…ย…ท…่ัว…ไ…ป…ข…อ…ง. ………น……กั …ก…ีฬ…า…ป…ร…ะ…เ…ภ…ท…ต…า …ง…ๆ…………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๕๐ ขอสอบ O-NET นกั เรียนควรรู ขอ สอบป ’53 ออกเกย่ี วกบั องคป ระกอบของสมรรถภาพทางกาย 1 ปฏกิ ริ ยิ าตอบสนอง ในรา งกายเราน้นั การตอบสนองของรา งกายจะเกิดข้นึ การออกกาํ ลงั กายวิธีใดชวยเพม่ิ ความทนทานของระบบ ผา นระบบประสาท ซง่ึ เกดิ ไดท ง้ั การตอบสนองแบบทนั ทที นั ใดนอกเหนอื อาํ นาจจติ ใจ เชน การปด หรือกระพรบิ ตาเม่ือฝนุ เขาตา การดึงมอื ออกทันทเี ม่ือสัมผัสของรอ น ไหลเวยี นโลหติ เปน ตน และการตอบสนองทอี่ ยูใ นอํานาจจิตใจ เชน การตดั สนิ ใจเดินออกไปยงั ท่ี 1. วิ่ง 200 เมตร ท่มี ีอากาศถายเทกวา หรอื การดม่ื นาํ้ เพ่ือดบั กระหาย เปนตน 2. วิ่ง 400 เมตร 3. วิ่ง 800 เมตร บูรณาการอาเซียน 4. วง่ิ 1,500 เมตร วเิ คราะหค าํ ตอบ ความอดทน คอื ความสามารถของรา งกาย ครอู าจใหค วามรเู พมิ่ เตมิ กบั นกั เรยี นเกย่ี วกบั การแขง ขนั กฬี าอาเซยี นสคลู เกมส กฬี าของนักเรยี นในอาเซียน ซ่งึ สามารถนํามาเช่ือมโยงเน้อื หากับการทดสอบ ทท่ี นตอ การทาํ งาน หรอื ระยะเวลานาน ซง่ึ การออกกาํ ลงั กาย สมรรถภาพทางกายไดเปน อยา งดี โดยครอู าจช้ใี หเ หน็ ถงึ ประโยชนแ ละความสําคญั เพอ่ื เพม่ิ ความทนทานของระบบไหลเวยี นโลหติ กจ็ ะตอ ง ของการทดสอบสมรรถภาพทางกายเพอื่ พฒั นาไปสูการเปน นักกฬี าตอ ไป เปน การออกกาํ ลงั กายทตี่ อ งใชเ วลานานเชน กนั ตอบขอ 4. คูมอื ครู 113

กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Engage กระตนุ ความสนใจ ครูกระตนุ ความสนใจของนักเรยี น โดยสุม ๓. เปน็ สอ่ื ในการกระตนุ้ การพฒั นาความสามารถของรา่ งกายและรกั ษาความสมบรู ณ์ นักเรียนออกมา 2-3 คน ทดสอบสมรรถภาพ ของรา่ งกายให้คงอยอู่ ย่างสม�า่ เสมอ ทางกายจากทีไ่ ดเคยปฏิบตั ิมาแลว ใหด ู จากนน้ั ครู ๔. การทดสอบสมรรถภาพทางกาย นอกจากจะท�าให้ทราบระดับความสามารถของ ตง้ั คาํ ถามโดยใหนกั เรียนแสดงความคดิ เหน็ รา่ งกายในแตล่ ะดา้ นแลว้ ในนกั กฬี า ผลการทดสอบยงั สามารถนา� ไปวเิ คราะหผ์ ลการฝกึ ซอ้ ม ขอ้ ด ี อยา งอิสระ ขอ้ เสีย ของการฝึกซอ้ ม ทา� ใหผ้ ฝู้ ึกสอนสามารถปรบั ปรงุ แบบฝึก และกิจกรรมการฝกึ ใหเ้ หมาะสม กบั นักกีฬาแตล่ ะประเภท และปรับปรุงสมรรถภาพในสว่ นทีบ่ กพร่องต่อไป • ถานกั เรียนทาํ การทดสอบสมรรถภาพ ๕. ใชเ้ ปน็ พน้ื ฐานในการศกึ ษา และเปรยี บเทยี บขอ้ แตกตา่ งดา้ นสมรรถภาพทางกาย ทางกายคิดวา จะไดผลเชน ไร โดยทั่วไปของนักกีฬาประเภทต่างๆ (แนวตอบ ขึ้นอยกู บั คาํ ตอบของนักเรยี น 2.2 แบบทดสอบสมรรถภาพทางกาย โดยนักเรยี นบางคนกต็ อบวาดี บางคน กต็ อบวา ไมด ี แตทีไ่ มดี เนือ่ งจากขาดการ สมรรถภาพของบุคคลใดบคุ คลหน่งึ ทา� ไดโ้ ดยการทดสอบสมรรถภาพทางกาย ซ่งึ มี ออกกาํ ลงั กาย เพราะการออกกําลงั กาย วธิ กี ารหลายวธิ เี พอื่ วดั หรอื ทดสอบในหลายๆ องคป์ ระกอบ โดยนกั เรยี นตอ้ งรจู้ กั เลอื กแบบทดสอบ ทําใหส มรรถภาพทางรา งกายดขี ้นึ ) ให้เหมาะสมกับวัย และระดับความสามารถของตน ซึ่งแบบทดสอบที่ใช้ในปัจจุบันมีหลายแบบ หลายวิธี ในท่ีนจ้ี ะขอกล่าวถงึ แบบทดสอบทเ่ี หมาะสมกับวยั ของนกั เรียน ดังนี้ • นกั เรยี นเคยทดสอบสมรรถภาพทางกาย หรือไม ถาเคยหลงั การทดสอบ นกั เรียนรสู ึก แบบทดสอบสมรรถภาพทางกายมาตรฐานนานาชาติ อยา งไร (International Committee Standard of Physical Fitness Test : ICSPFT) (แนวตอบ ข้นึ อยกู บั คาํ ตอบของนักเรียน) ลา� ดับท่ี รายการทดสอบ วธิ กี ารประเมนิ ๑ ว่ิง ๕๐ เมตร วัดระยะเวลา (วินาท)ี ๒ ยืนกระโด1ดไกล วัดระยะทาง (เมตร) กิโลกรมั ๓ แรงบบี มือ ๔ ลกุ -นงั่ 30 วนิ าที นบั จา� นวนคร้งั ๕ ดงึ ข้อ (ชายอาย ุ 12 ปีขึน้ ไป) นับจา� นวนคร้งั (ชาย) งอแขนหอ้ ยตวั (หญิงและชายอายตุ า�่ กวา่ 12 ปี) วดั ระยะเวลา (หญิง) ๖ วง่ิ เกบ็ ของ วดั ระยะเวลา (วนิ าที) ๗ งอตัวข้างหนา้ วัดระยะทาง (เซนติเมตร) ๘ วงิ่ ทางไกล วดั ระยะเวลา (นาทแี ละวินาท)ี - ๑,๐๐๐ เมตร ชายอายุ ๑๒ ปขี นึ้ ไป - ๘๐๐ เมตร หญิงอาย ุ ๑๒ ปีข้ึนไป - ๖๐๐ เมตร หญงิ และชายอายุตา�่ กวา่ ๑๒ ปี แบบทดสอบนเ้ี ปน็ แบบทดสอบทม่ี กี ารยอมรบั จากทว่ั โลก เพราะสะดวกและไมต่ อ้ งใชอ้ ปุ กรณ์ มากมาย สามารถนา� มาใช้ทดสอบด้วยตนเองได ้ เหมาะส�าหรบั บุคคลทม่ี อี ายุ ๖-๓๒ ปี ๑๑4 นกั เรียนควรรู ขอ สอบ O-NET ขอสอบป ’52 ออกเกีย่ วกับการทดลองสมรรถภาพทางกาย 1 แรงบบี มอื สามารถทดสอบโดยใหผ ูรับการทดสอบ เช็ดมอื ใหแ หง แลวจบั นักกีฬาออกกําลังกายแบบลุก-นง่ั (Sit-Up) เปนประจําจะชวย เครอื่ งวดั แรงบบี ใหอ ยใู นทา ทเ่ี หมาะสมใหเ ปน เสน ตรงกบั แขนทอ นลา ง และปลอ ย เพ่มิ สมรรถภาพทางกายของกลามเนื้อสว นใด หอยลงใกลข าทอ นบน ควรจัดทจ่ี ับเครอ่ื งมือใหเหมาะสมกับมอื ของผูวัด ใชม ือ 1. กลา มเนอ้ื ตน ขา ขา งท่ีถนัด บีบเครอื่ งวดั เตม็ ท่โี ดยใชแ รงใหม ากที่สดุ 2. กลามเนอ้ื หลงั 3. กลามเนือ้ คอ มมุ IT 4. กลา มเนื้อหนา ทอ ง วิเคราะหค ําตอบ กลา มเน้ือหนา ทอ งเพราะเปน กลา มเนื้อสวนท่ี สามารถศกึ ษาเพ่ิมเติมเกย่ี วขอมูลทดสอบสมรรถภาพทางกาย ไดจากเว็บไซต ทํางานมากท่ีสุด ตอบขอ 4. ของกองสมรรถภาพการกีฬา http://sportscience.sat.or.th/utility.aspx 114 คมู ือครู

กระตุนความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Expand Evaluate Explore Explain Explore สาํ รวจคน หา แบบทดสอบสมรรถภาพทางกายท่สี ัมพนั ธ์กบั สขุ ภาพสา� หรบั เด็กไทยอายุ ๗-๑๘ ปี ใหนักเรยี นศึกษาแบบทดสอบและวิธกี าร ของคณะกรรมการสง่ เสริมกีฬาและการออกกา� ลังกายเพอื่ สขุ ภาพในสถาบนั การศึกษา ทดสอบสมรรถภาพทางกายแบบตางๆ จากนั้นให นักเรียนแบงกลมุ กลุมละ 5-6 คน ทําการทดสอบ และพฒั นาองคค์ วามร้ ู สา� นกั งานกองทุนสนับสนนุ การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ (สสส.) สมรรถภาพทางกาย โดยเลอื กแบบทดสอบที่ เหมาะสมกับตนเอง และบันทึกผล ล�าดบั ท่ี รายการทดสอบ วธิ ีการประเมิน ๑ ดชั นมี วลกาย ชง่ั นา้� หนกั วดั สว่ นสงู คา� นวณคา่ BMI 1 อธบิ ายความรู Explain ๒ วดั ความหนาแนน่ ของไขมนั ใตผ้ วิ หนงั ใชเ้ ครอ่ื งวดั ความหนาของไขมนั ใตผ้ วิ หนงั ใหน กั เรียนแตล ะกลมุ สงตวั แทนออกมา อธิบายความรจู ากทไี่ ดทําการศึกษา โดยสามารถ ๓ ลกุ -นงั่ ๖๐ วนิ าที นบั จา� นวนครง้ั เลอื กใชวธิ กี ารตางๆ ในการอธิบายเพื่อนาํ เสนอ หนา ชน้ั เรยี น เชน การเลานทิ าน การอธิบายดวย ๔ ดนั พน้ื ๓๐ วนิ าที นบั จา� นวนครงั้ แผนภาพ การแสดงบทบาทสมมติ เปนตน โดยมี เวลากลุมละ 5 นาที ในการนําเสนอ จากนนั้ ๕ นงั่ งอตวั ไปขา้ งหนา้ วดั ระยะทาง (เซนตเิ มตร) ครูชวยอธบิ ายเพ่มิ เติมเพื่อใหไ ดขอสรุปท่ถี กู ตอ ง รวมกนั ๖ วงิ่ ออ้ มหลกั วดั ระยะเวลา (วนิ าท)ี ๗ วงิ่ ระยะไกล วดั ระยะเวลา (นาทแี ละวนิ าท)ี - นกั เรยี นอายรุ ะหวา่ ง ๗-๑๒ ป ี ชาย-หญงิ วงิ่ ระยะ ๑,๒๐๐ เมตร - นกั เรยี นอายรุ ะหวา่ ง ๑๒-๑๘ ป ี ชาย-หญงิ วงิ่ ระยะ ๑,๖๐๐ เมตร สว่ นใหญน่ ยิ มใชใ้ นโรงเรยี น ซงึ่ ผดู้ แู ลการทดสอบควรจะเตรยี มความพรอ้ มในเรอ่ื งอปุ กรณ์ สถานที่ โดยการวางแผนการด�าเนินงานในแต่ละรายการทดสอบ และควรอธิบายขั้นตอนวิธีการ รวมถึงการประเมินให้แก่ผู้ทดสอบเข้าใจ โดยในระหว่างการทดสอบไม่อนุญาตให้นักเรียนไปท�า กิจกรรมอน่ื เพราะจะมผี ลตอ่ การทดสอบ แบบทดสอบของส�านักวิทยาศาสตร์การกีฬา สา� นกั พฒั นาการกีฬาและนันทนาการ กระทรวงการทอ่ งเที่ยวและกีฬา องค์ประกอบ การทดสอบ ขอ้ มลู สว่ นตวั เพศ อายุ ดชั นมี วลกาย นา�้ หนกั สว่ นสงู ความแขง็ แรงและความอดทน แรงบบี มอื ดนั พนื้ ๓๐ นาท ี ลกุ -นง่ั ๓๐ วนิ าที พลงั กลา้ มเนอ้ื ยนื กระโดดไกล ความออ่ นตวั นงั่ งอตวั ไปขา้ งหนา้ ความอดทนของระบบไหลเวยี นโลหติ และระบบหายใจ วงิ่ ๑,๐๐๐ เมตร ชายอาย ุ ๑๓-๑๘ ปี ๑๑5 วง่ิ ๘๐๐ เมตร หญงิ อาย ุ ๑๓-๑๘ ปี วงิ่ ๖๐๐ เมตร หญงิ -ชายอาย ุ ๗-๑๒ ปี แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETิด นักเรยี นควรรู หนูดี ยนื ตรง มอื ท้ังสองประสานกนั ไวท ท่ี า ยทอย คอยๆ กม ลงดา นหนา ใหศ อกท้งั สองแตะทีเ่ ขา ขาทั้งสองเหยียดตรง 1 เครอื่ งวัดความหนาของไขมนั ใตผิวหนัง เรยี กวา Skinfold Calipers เปน เปน การวดั สมรรถภาพดา นใด เครอื่ งมอื ทตี่ อ งอาศยั บคุ คลทมี่ คี วามชาํ นาญในการวดั โดยเปน การวดั ไขมนั ทที่ อ งแขน 1. ความอดทน 2. ความออ นตัว ตน แขน สะบกั สะโพก แลวนาํ คามาคาํ นวณจากสูตรหาเปอรเ ซน็ ตของไขมนั 3. ความแขง็ แรง 4. พลงั กลา มเน้ือ มุม IT วิเคราะหค าํ ตอบ จากการปฏิบัตดิ งั กลา ว ถอื เปน การทดสอบ ความออนตัว ซ่ึงเปน ความสามารถในการหดตวั หรอื เหยยี ดตัว สามารถศึกษาเพม่ิ เติมเกย่ี วกบั ดชั นมี วลกาย ไดจ ากเวบ็ ไซตก องออกกําลงั กาย เพ่อื สขุ ภาพ กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสุข http://dopah.anamai.moph. ของกลา มเน้อื เอ็น ขอตอ ของรา งกาย ตอบขอ 2. go.th/bmi.php คูมอื ครู 115

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหน กั เรยี นนําผลการทดสอบสมรรถภาพ แบบทดสอบสมรรถภาพทางกายของคณะกรรมการสมรรถภาพทางกาย สมาคมสุขศึกษา ทางกายมาวิเคราะหกับเกณฑอา งอิงสมรรถภาพ พลศึกษาและนนั ทนาการของสหรฐั อเมริกา เพ่อื สขุ ภาพของนกั เรียน หนา 118 โดยครูชวย อธิบายเพ่ิมเตมิ และต้ังคาํ ถามเพอ่ื ใหไ ดขอ สรปุ (The American Association for Health Physical Education and Recreation : AAHPER) ที่ถูกตอ งรวมกัน ล�าดับที่ รายการทดสอบ วธิ ีการประเมิน • นกั เรยี นคนใดที่มผี ลการทดสอบสมรรถภาพ ทางกายทไี่ มเปนไปตามมาตรฐานบาง ๑ ดึงขอ้ (ชาย) นับจา� นวนครั้ง (ชาย) (แนวตอบ สว นใหญจะอยูในเกณฑมาตรฐาน งอแขนห้อยตวั (หญงิ ) วัดระยะเวลา (หญงิ ) สวนคนท่ไี มเปน ไปตามเกณฑม าตรฐานน้นั อาจเปน ผลเนื่องมาจากสขุ ภาพรางกายที่ ๒ ลุกนง่ั นบั จ�านวนคร้ัง ไมค อ ยสมบูรณ หรอื มโี รคประจาํ ตวั ) วัดระยะเวลา (วนิ าท)ี 1 • เกณฑอ างองิ สมรรถภาพทางกายมีไว เพ่ืออะไร ๓ วิ่งเก็บของ ๔๐ หลา (แนวตอบ มไี วเพ่ือใหท ราบผลการทดสอบ สมรรถภาพทางกายของตนเองวาเปน ไปตาม ๔ ยนื กระโดดไกล วดั ระยะทาง (เซนตเิ มตร) มาตรฐานหรอื ไม หรือมีสง่ิ ใดที่ตอ งปรบั ปรุง แกไ ขและพฒั นาตอไป) ๕ วง่ิ ๕๐ หลา วดั ระยะเวลา (วินาท)ี ๖ ขว้างลูกซอฟตบ์ อล วดั ระยะทาง (เมตร) ๗ ว่ิงเดนิ ๖๐๐ หลา วัดระยะเวลา (นาทแี ละวนิ าที) ข้อแนะนา� ของผ้รู บั การทดสอบ ๑. การเตรียมตัวของผู้เข้ารับการทดสอบจะต้องมีสุขภาพดี และให้ความร่วมมืออย่างเต็ม ความสามารถตลอดการทดสอบ กอ่ นทดสอบใหน้ ักเรยี นอบอุ่นรา่ งกายก่อน ๒. การเตรยี มอุปกรณ ์ เคร่ืองอ�านวยความสามารถ และสถานทีส่ �าหรบั การทดสอบ อาจใช้ กลางแจ้งหรือในรม่ ๓. ใชเ้ ทคนิคเพ่ือนชว่ ยเพอ่ื นในบางรายการ โดยฝกึ ให้เป็นผชู้ ่วยทดสอบ ๔. การทดสอบถ้าไมส่ ามารถทา� วันเดียวเสร็จ ให้แบ่งเป็น ๒ ระยะ (ควรเปน็ ๒ วัน) • วันแรก ทดสอบรายการท่ ี ๑-๔ • วนั ทส่ี อง ทดสอบรายการที ่ ๕-๗ ๑๑6 นักเรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET เพราะเหตุใดในการทดสอบสมรรถภาพทางกายจึงตอ งมี 1 หลา เปนหนวยวัดความยาวในระบบอังกฤษ โดย 1 หลา มคี า เทากับ 0.9144 แบบทดสอบ เมตร 91.44 เซนติเมตร 914.4 มลิ ลิเมตร 36 นวิ้ 3 ฟุต และ 0.000568182 ไมล แนวตอบ เพราะแบบทดสอบจะชว ยกาํ หนดทศิ ทางใหเ ราสามารถ ทดสอบสมรรถภาพไดอยางถกู ตองและเหมาะสมกับเพศ วัย และ มมุ IT อายขุ องตนเองไดอยางไมกอใหเกดิ อันตราย อีกทง้ั ยังมเี กณฑ มาตรฐานกาํ หนดไวเพอื่ ใหท ราบผลการทดสอบสมรรถภาพ สามารถศกึ ษาเพมิ่ เติมเกยี่ วกบั เกณฑเ ทียบผลการทดสอบสมรรถภาพทางกาย ทางกายของตนเองวา เปน ไปตามมาตรฐานหรอื ไม หรอื มีส่งิ ใด ตามแบบทดสอบ AAHPER ไดจากเว็บไซต http://www.sopon.ac.th/sopon/ ท่ตี อ งปรับปรงุ แกไ ขและพัฒนาตอ ไป sema_web/tfi ness/AAHPERD.html 116 คูมือครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู 1 ครอู ธบิ ายความรเู พม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั การทดสอบ แบบทดสอบสมรรถภาพทางกายอย่างง่ายของการกีฬาแหง่ ประเทศไทย สมรรถภาพทางกายใหแกนักเรียน พรอมท้ังเปด (Sport Authority of Thailand Simplified Physical Fitness Test: SATST) โอกาสใหนักเรียนซกั ถามในเรือ่ งท่ีสงสัย จากนั้น ครูตัง้ คําถามเพื่ออธิบายความรูใ หแกนักเรยี น ล�าดบั ท่ี รายการทดสอบ วิธกี ารประเมนิ ทางออ ม โดยใหน กั เรยี นไดม สี วนรว มในการ ตอบคําถามหรอื แสดงความคดิ เหน็ ๑ สดั สว่ นร่างกาย ชง่ั นา้� หนกั วดั ส่วนสงู ๒ วงิ่ เร็ว ๕๐ เมตร วดั ระยะเวลา • เพราะเหตใุ ดจึงตองมีการทดสอบ ๓ ยนื กระโดดไกล วัดระยะทาง สมรรถภาพทางกาย ๔ แรงบีบมอื กโิ ลกรัม (แนวตอบ เพ่ือใหทราบถึงสมรรถภาพ ๕ ลุก-นั่ง ๓๐ วินาที นบั จา� นวนครงั้ ดานตา งๆ วามปี ระสทิ ธภิ าพเปน อยางไร) ๖ ดึงราวเดย่ี ว (ชาย) / งอแขนหอ้ ยตวั (หญิง) วัดระยะเวลา • ในการทดสอบสมรรถภาพทางกายน้ัน ๗ ว่ิงเก็บของ วดั ระยะเวลา นักเรียนเลือกใชแบบทดสอบอะไร และ เพราะเหตใุ ดจึงเลือกแบบทดสอบนนั้ ผลการประเมินแบบทดสอบสมรรถภาพทางกายแบบ SATST นักเรียนสามารถทราบ (แนวตอบ ขนึ้ อยูกับคําตอบของนกั เรยี น) ผลการประเมนิ ได ้ โดยมบี นั ทกึ ผลการทดสอบของตนเอง จากนนั้ เขา้ โปรแกรมของกองสมรรถภาพ การกฬี า ฝา่ ยวิทยาศาสตร์การกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย แล้วกรอกผลการทดสอบเข้าไปใน • ในการทดสอบสมรรถภาพทางกาย มี โปรแกรม ซึ่งโปรแกรมจะประมวลผลออกมาให้ทราบทันที รายการทดสอบใดที่นกั เรียนปฏิบัตไิ มไ ด แบบทดสอบฉบับน้ีมีเน้ือหาประกอบด้วยวิธีการทดสอบ และเกณฑ์สมรรถภาพทางกาย เพราะเหตใุ ด ของเยาวชน วัยท�างาน และวยั สูงอายุ ซึ่งเกณฑม์ าตรฐานท่ีใชป้ ระเมนิ แตล่ ะช่วงอาย ุ เปน็ เกณฑ์ (แนวตอบ ข้ึนอยกู บั คําตอบของนกั เรยี น) สมรรถภาพทางกายทฝี่ า่ ยวทิ ยาศาสตรก์ ารกฬี าไดด้ า� เนนิ การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู เพอื่ ใชเ้ ปน็ แนวทาง พฒั นาและป้องกันการเสื่อมสมรรถภาพตามวยั แบบทดสอบสมรรถภาพทางกายทส่ี ัมพนั ธก์ ับสุขภาพในเด็กอาย ุ ๗-๑๘ ปี ของกองออกกา� ลังกายเพ่ือสุขภาพ กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสุข ล�าดับที่ รายการทดสอบ วิธีการประเมนิ ๑ สดั สว่ นร่างกาย ช่ังนา้� หนกั (กิโลกรัม) วัดสว่ นสงู (เมตร) ดัชนีมวลกาย (กโิ ลกรัม / ตารางเมตร) ๒ น่ังงอตวั วัดระยะทาง (เซนติเมตร) ๓ นอนยกตวั นับจ�านวนครั้ง / นาที ๔ ดนั พื้น นับจา� นวนครงั้ / นาที ๕ เดนิ / วง่ิ ๑.๖ กิโลเมตร วดั ระยะเวลา (นาท)ี ๑๑7 แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tิด นักเรียนควรรู พลอยสวยทาํ การทดสอบสมรรถภาพทางกายตามแบบ 1 การกีฬาแหงประเทศไทย จดั ตงั้ ขึ้นโดยมวี ัตถปุ ระสงค ดังน้ี สงเสรมิ กฬี า ทดสอบของกองออกกาํ ลังกายเพอื่ สขุ ภาพแลว ไดผลดังนี้ และทําหนา ท่ีเปน ศูนยก ลางในการประสานงานเกีย่ วกับการกีฬา ศกึ ษา วิเคราะห และจดั ทาํ โครงการ แผนงาน และสถติ เิ กยี่ วกบั ทางดา นการสง เสรมิ การกฬี า รวมทง้ั ลาํ ดับที่ รายการทดสอบ บันทกึ ผล ประเมนิ ผล จดั ชว ยเหลอื แนะนาํ และรว มมอื ในการจดั และดาํ เนนิ การกฬี า สาํ รวจ จดั สราง และบรู ณะสถานท่สี าํ หรบั การกฬี า ติดตอ รว มมือกบั องคก ารหรอื 1 สดั สว นรา งกาย นสวํ้านหสนงูัก 14528กซกม.. BMI 16.82 สมาคมกฬี าทัง้ ในและนอกราชอาณาจักร สอดสอ งและควบคุมการดาํ เนินกิจการ ทางการกีฬาประกอบกจิ การอ่นื ๆ ที่เก่ยี วของหรือประโยชนข องการกฬี า 2 น่ังงอตวั 15 ซม. 3 นอนยกตัว 42 คร้งั 4 ดนั พ้นื 35 คร้งั 5 เดิน/ว่ิง 1.6 กม. 12 นาที มุม IT จากผลการทดสอบสามารถประเมนิ ไดอ ยางไร กทแนาารงวทกตาดอยสบเอพบ่ือสไสดาุขมผ ภลาารดพถังขปนอรี้ ะงนเมกั นิ เรไียดนโดหยญใชิงเ กซณึ่งจฑากอากงาอริงปสรมะรเมรินถภผาลพ สามารถศกึ ษาเพมิ่ เตมิ เกี่ยวกับแบบทดสอบสมรรถภาพทางกายอยางงาย ของการกฬี าแหงประเทศไทย ไดจากเว็บไซตกองสมรรถภาพการกฬี า ฝา ยวิทยาศาสตรการกฬี า การกฬี าแหงประเทศไทย http://sportscience.sat. BMI นงั่ งอตัว นอนยกตัว ดันพ้นื เดิน/วงิ่ 1.6 กม. or.th/utility.aspx ปกติ ดี ดีมาก ดมี าก ปานกลาง คมู อื ครู 117

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา าใจใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา ใจ หลงั จากท่นี ักเรยี นไดทาํ การศึกษา และทดสอบ แบบทดสอบน้ีจัดท�าเป็นคู่มือส�าหรับครูและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข1 โดยจะมีโปรแกรม สมรรถภาพทางกาย พรอ มท้ังบันทึกผลแลว เพอื่ คอมพิวเตอร์ในการประเมินผลการทดสอบสมรรถภาพทางกาย ซึ่งสามารถจัดท�าเป็นฐานข้อมูล ทดสอบความเขาใจของนกั เรยี นวานักเรียนสามารถ และรายงานผลได้เลย นอกจากนี้ยังมีแบบบันทึกผล และมีเกณฑ์อ้างอิงสมรรถภาพเพ่ือสุขภาพ นาํ ความรูท ีไ่ ดนน้ั มาประยุกตใ ชในชวี ติ ประจาํ วนั ดังตวั อย่าง ไดห รอื ไม และนกั เรยี นมีความรคู วามเขาใจกับ ส่ิงที่ไดศ กึ ษาและปฏบิ ตั ิมากนอยแคไหน จงึ ไดให เกณฑ์อา้ งองิ สมรรถภาพทางกายเพ่อื สขุ ภาพของนกั เรยี นชาย ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท ี่ ๓ ระดับอาย ุ ๑๕ ปี นักเรียนนําผลการทดสอบที่วิเคราะหแลวมาเขียน สรปุ ถงึ ผลการทดสอบและผลทไี่ ดร บั จากการทดสอบ คา่ ดชั นีมวลกาย น่ังงอตัว นอนยกตัว ดันพ้นื เดิน/ว่งิ ระดบั สมรรถภาพทางกายลงในสมุดบันทึก แลว นําสง (กโิ ลกรัม/เมตร๒) (เซนติเมตร) (คร้ัง/นาท)ี (ครง้ั /นาท)ี ๑.๖ กโิ ลเมตร ครูผสู อน ตง้ั แต ่ ๑๔.๐๕ ลงมา ตั้งแต ่ ๑๙.๒ ตงั้ แต่ ๕๑ ตัง้ แต ่ ๓๕ (นาท)ี ข้ึนไป ขน้ึ ไป ขน้ึ ไป ๒๘-๓๔ ตงั้ แต่ ๙.๒๙ ดีมาก ๑๔.๐๖-๑๖.๖๓ ๑๑.๓-๑๙.๑ ๔๕-๕๐ ๑๔-๒๗ ลงมา ๑๖.๖๔-๒๑.๘๐ (-๔.๖)-๑๑.๒ ๓๔-๔๔ ๗-๑๓ ๙.๓๐-๑๐.๓๘ ดี ๒๑.๘๑-๒๔.๓๘ (-๑๒.๖)-(-๔.๗) ๒๘-๓๓ ต้ังแต ่ ๖ ลงมา ๑๐.๓๙-๑๒.๑๗ ปานกลาง ตงั้ แต ่ ๒๔.๓๙ ขน้ึ ไป ต้งั แต ่ (-๑๒.๗) ตง้ั แต่ ๒๗ ๑๒.๑๘-๑๓.๒๖ ตา�่ ต้ังแต่ ๑๓.๒๗ ต�า่ มาก ลงมา ลงมา ขนึ้ ไป เกณฑอ์ า้ งองิ สมรรถภาพทางกายเพอ่ื สขุ ภาพของนกั เรยี นหญงิ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๓ ระดบั อาย ุ ๑๕ ปี คา่ ดชั นีมวลกาย นงั่ งอตัว นอนยกตวั ดันพ้นื เดิน/ว่งิ ระดบั (กิโลกรมั /เมตร๒) (เซนติเมตร) (ครัง้ /นาท)ี (คร้ัง/นาท)ี ๑.๖ กโิ ลเมตร ต้ังแต่ ๑๔.๓๗ ลงมา ตั้งแต ่ ๒๐ ตง้ั แต ่ ๔๐ (นาที) ข้นึ ไป ขึ้นไป ต้ังแต่ ๓๑ ตัง้ แต ่ ๑๐.๑๓ ดมี าก ๑๔.๓๘-๑๖.๘๐ ๑๑.๘-๑๙.๙ ๓๔-๓๙ ข้นึ ไป ลงมา ๑๖.๘๑-๒๑.๖๗ (-๔.๗)-๑๑.๗ ๒๑-๓๓ ๒๖-๓๐ ๑๐.๑๔-๑๑.๑๗ ดี ๒๑.๖๘-๒๔.๑๐ (-๑๒.๙)-(-๔.๘) ๑๕-๒๐ ๑๓-๒๕ ๑๑.๑๘-๑๓.๒๖ ปานกลาง ตง้ั แต่ ๒๔.๑๑ ข้นึ ไป ตัง้ แต่ (-๑๓.๐) ตั้งแต ่ ๑๔ ๘-๑๒ ๑๓.๒๗-๑๔.๓๐ ต�า่ ต้งั แต่ ๗ ลงมา ต้งั แต่ ๑๔.๓๑ ตา�่ มาก ลงมา ลงมา ขึ้นไป ๑๑8 นกั เรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET เพราะเหตใุ ดเราถงึ ตองมกี ารทดสอบสมรรถภาพทางกายอยเู สมอ 1 สาธารณสุข คอื ศาสตรแ ละศิลปะทีเ่ กีย่ วขอ งกบั การดแู ลและจดั การ 1. เพ่ือการมสี ขุ ภาพที่ดี สขุ ภาพทั้งปวงของประชาชนในชมุ ชน โดยอา งองิ ตามการวเิ คราะหดา นสุขภาพ 2. เพ่ือปอ งกนั การลมื ทาทางตางๆ ของประชากร ซง่ึ คาํ วาสุขภาพนั้นมนี ิยามและจดั การในลักษณะตา งๆ กัน 3. เพอื่ ไมใหมีเวลาวางมากเกนิ ไป จากหนวยงานตา งๆ สาํ หรบั องคก ารอนามัยโลก แหงสหประชาชาติ ซ่ึงไดก ําหนด 4. เพ่อื ใชเวลาวางใหเปน ประโยชน มาตรฐานและเฝาระวังโรคท่วั โลก ไดน ยิ ามคําวา สขุ ภาพ ไวว า “สภาพของการ วิเคราะหค ําตอบ การทดสอบสมรรถภาพทางกายจะชว ยใหเ รา มชี วี ิตทางกายภาพ ทางจิตใจ และทางสงั คมทส่ี มบรู ณ ไมใชเ พียงไมมโี รคภัยหรือ ไดท ราบถงึ ระดับความสามารถเพื่อนาํ ไปสกู ารพัฒนาตนเองอยา ง ความแข็งแรงทางกายเทานั้น” ตอ เนื่องอันเปน ท่ีมาของการมสี ุขภาพทีด่ ี ตอบขอ 1. 118 คูมอื ครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Engage Explore Explain Expand Evaluate ขยายความเขา ใจ Expand 2.3 วิธีการทดสอบสมรรถภาพทางกาย ใหน ักเรยี นศึกษาตารางในหนา 119 เพ่ือใช เปน แบบทดสอบสมรรถภาพทางกายของนกั เรยี น ก่อนการ1ทดสอบจะต้องมีการตรวจสุขภาพท่ัวๆ ไปก่อน เพื่อตรวจสอบว่ามีโรคที่ขัด โดยบนั ทกึ ผลท่ีไดจากการทดสอบ จากนน้ั ครู ต่อการออกก�าลงั กาย หรอื ความบกพรอ่ งทางสขุ ภาพท่ีอาจทา� ใหก้ ารฝกึ ไมไ่ ดผ้ ลหรอื ไม่ เปน็ การ ต้ังคําถาม วดั ดา้ นกายภาพ ไดแ้ ก่ น้�าหนกั สว่ นสูง อายุ เปน็ ตน้ โดยผรู้ บั การทดสอบจะไดร้ บั การวดั และ • จากทไี่ ดศ กึ ษาและทดสอบ กอ นการทดสอบ ประเมินการท�างานของอวัยวะและระบบอวัยวะ นักเรียนปฏิบตั อิ ยางไร ต่างๆ จากแบบทดสอบ ซงึ่ วธิ กี ารทดสอบจะมี ก่อนการทดสอบนักเรียนจะต้องประเมินสมรรถภาพของ (แนวตอบ กอ นการทดสอบสมรรถภาพ ดว้ ยกนั หลายแบบ มเี คร่ืองมอื หลายชนิด ผทู้ า� ตนเองก่อน เพื่อให้การทดสอบสมรรถภาพทางกายของ ทางกาย เริม่ แรกจะตอ งทําการตรวจสุขภาพ การทดสอบจะต้องรู้จักเลือกวิธีการทดสอบและ ตนมปี ระสิทธภิ าพ ทว่ั ไปดวยการวัดความดันโลหติ วดั สว นสูง เคร่อื งมือท่ีด ี มีความเท่ียงตรง ใหผ้ ลเชอ่ื ถือได้ ชัง่ นา้ํ หนัก จากน้นั กเ็ รมิ่ ทดสอบสมรรถภาพ และมคี วามเปน็ มาตรฐาน (เป็นสากล) โดยอาจ ทางกายแบบตางๆ เชน การยืนกระโดดไกล ใช้แบบทดสอบ ดงั ตวั อยา่ งตารางข้างลา่ งน้ี เพ่อื ทดสอบพลังของกลามเนอ้ื การลุกน่งั 30 วนิ าที เพอ่ื ทดสอบความทนทานของ กลา มเนอ้ื เปน ตน ) วธิ ีทดสอบวดั และประเมนิ สมรรถภาพ ตรวจสอบผล Evaluate ความแขง็ แรง พลังของกล้ามเนอ้ื ความอดทน ความออ่ นตัว การบันทกึ ผลการทดสอบ และผลท่ไี ดรบั จาก ของกล้ามเนอ้ื ของกลา้ มเนอ้ื การทดสอบสมรรถภาพทางกาย • วัดแรงบบี มือ • ยนื กระโดดไกล • ดึงขอ้ ราวเดยี่ ว • นงั่ ก้มตวั ไปขา้ งหนา้ • วดั แรงเหยียดขา • ยืนกระโดดสูง งอแขน ห้อยตวั • ยืนกม้ ตวั • วดั แรงเหยียดหลงั • ทุ่มน�้าหนกั • ลุก-น่งั ๓๐ วนิ าที • ยนื กระโดดสงู ซา�้ ๆ กนั ความคลอ่ งตัว ความเร็ว สมรรถภาพ สมรรถภาพทางกาย ของระบบหายใจ ดว้ ยความอดทนท่วั ไป 2 • วิง่ เกบ็ ของ • วิ่งเรว็ ๕๐ เมตร • • วัดสมรรถภาพการใช้ • ก้าวเต้น ๒๐ วนิ าที • วิง่ เร็ว ๑๐๐ เมตร วดั ความจปุ อด • วัดสมรรถภาพ ออกซเิ จนสูงสดุ การหายใจสูงสุด • วัดสมรรถภาพการ ทา� งานของร่างกาย โดยการวดั ชพี จร (ครง้ั /นาท)ี ๑๑๙ กจิ กรรมสรา งเสรมิ นักเรยี นควรรู ใหน ักเรียนทํารายงานเร่อื งการทดสอบสมรรถภาพทางกาย 1 โรคที่ขัดตอการออกกาํ ลงั กาย ขณะท่ีเจ็บปวยไมค วรออกกาํ ลงั กายเพราะ โดยมีรูปภาพประกอบ จะทําใหโ รคเปน มากขึน้ ควรจะพกั จนอาการดขี น้ึ แตถาทา นเปน โรคเรอ้ื รังควร ปรกึ ษาแพทยใ นการออกกาํ ลงั กาย กิจกรรมทา ทาย 2 วัดความจุปอด โดยใชเครอ่ื งมือท่ีเรียกวา Spirometer หรอื Vitalometer มวี ธิ ีการ คือ ใหผ รู บั การทดสอบยนื ตัวตรงหันหนาเขาหาเครื่อง จบั ทเ่ี ปา ใหอยทู ่ี ใหน ักเรยี นทดสอบสมรรถภาพทางกายตามแบบทดสอบ ระดับปาก หายใจเขา ปอดใหม ากทีส่ ุด แลว เปา ลมเขา ไปในทเ่ี ปาใหม ากที่สุดเทา ที่ ท่เี หมาะสมกบั นกั เรียนเอง ซ่ึงในขณะที่นกั เรียนทดสอบให จะทําได โดยการเปาเพียงครั้งเดยี วไมห ายใจเขาซาํ้ ซ่งึ เปน การวัดประสทิ ธิภาพใน นักเรยี นถา ยรปู เก็บไว จากนัน้ ใหน ักเรียนเขียนขน้ั ตอนวธิ ีการ การแลกเปล่ียนกา ซออกซเิ จน เพื่อไปเลย้ี งสวนตางๆ ของรา งกาย ถาเกณฑค วาม ทดสอบสมรรถภาพทางกายตามท่ีนกั เรียนไดทําการทดสอบไป จปุ อดอยใู นเกณฑตํา่ ควรออกกาํ ลังกายแบบแอโรบิก แบบทีก่ ารทาํ งานของ พรอ มกบั นํารูปถายที่ถา ยเอาไวมาประกอบ ทําเปน รายงาน ระบบหายใจและไหลเวียนเลอื ดอยา งตอเนอ่ื ง คมู อื ครู 119

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Expand Evaluate Engage Explore Explain กระตนุ ความสนใจ Engage ครูต้งั คําถามเพอ่ื กระตนุ ความสนใจ 2.4 การทดสอบสมรรถภาพทางกายด้วยตนเอง • นกั เรียนคิดวา ตนเองมสี ุขภาพหรอื การทดสอบสมรรถภาพทางกายท่ีนิยมใช้กันในปัจจุบัน คือ การใช้แบบทดสอบจาก ต่างประเทศด้วยแบบทดสอบหลายๆ แบบ ส�าหรับในหน่วยน้ีจะกล่าวถึงการทดสอบสมรรถภาพ สมรรถภาพทางกายที่ดเี พียงพอหรอื ไม ทางกายด้วยตนเอง ซ่ึงเปน็ การทดสอบสมรรถภาพตนเองเบื้องต้นในการตรวจสอบความสมบูรณ์ (แนวตอบ ข้นึ อยูก ับความคิดเห็นของนกั เรียน และความสามารถในการเคลื่อนไหวทางร่างกาย ตลอดจนการตรวจสอบหน้าที่ในการท�างานของ ซ่ึงผทู ่อี อกกําลังกายเปนประจาํ อาจตอบวา อวัยวะต่างๆ ด้วยตนเอง ซ่ึงถือว่าเป็นพื้นฐานในการปรับปรุงหรือสร้างเสริมความสมบูรณ์ และ ตนมีสุขภาพกายท่ดี เี พียงพอ) ความแขง็ แรงใหก้ บั สว่ นใดสว่ นหนงึ่ ของรา่ งกายดว้ ยการออกกา� ลงั กายและเลน่ กฬี าอยา่ งสมา�่ เสมอ • วธิ ีการใดบา งทส่ี ามารถทดสอบสมรรถภาพ ๑) ประเภทการทดสอบสมรรถภาพทางกาย การทดสอบสมรรถภาพทางกาย ทางกายของนกั เรยี นได สามารถท�าการทดสอบได ้ ดงั น้ี (แนวตอบ การว่ิง กระโดดสงู ลกุ -นงั่ ดงึ ขอ ๑.๑) การทดสอบด้วยตนเอง นักเรยี นสามารถตรวจสอบการเคลือ่ นไหวรา่ งกาย ฯลฯ) ด้วยตนเองได้ ทั้งนี้ควรเริ่มต้นจากสิ่งท่ีง่ายไปยากในระดับต่างๆ ซ่ึงแบ่งเป็นระดับดี ปานกลาง • นกั เรยี นสามารถทดสอบสมรรถภาพทางกาย และต่�า ดวยตนเองไดหรือไม ๑.๒) การทดสอบร่วมกับผู้อ่ืน นักเรียนสามารถทดสอบสมรรถภาพด้วยตนเอง (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถทดสอบสมรรถภาพ ร่วมกบั เพื่อนๆ ได ้ โดยการชว่ ยเหลอื ผลดั เปลย่ี นกันไป หรอื เพ่อื การแข่งขนั ซึ่งมีส่วนชว่ ยทา� ให้ ทางกายดวยตนเองไดโดยการศึกษาเนอ้ื หา เกดิ ความสนกุ สนานในการออกกา� ลงั กายและสรา้ งสมั พนั ธภาพทด่ี รี ว่ มกนั แตก่ ม็ สี ง่ิ ทค่ี วรคา� นงึ ใน ตอไป) การทดสอบร่วมกับผ้อู ืน่ ดงั น้ี สาํ รวจคน หา Explore ใหนักเรยี นศกึ ษาประเภทของการทดสอบ สมรรถภาพทางกายจากหนังสือเรยี น หนา 125 เพ่อื รว มอภปิ รายในหอ งเรยี น อธบิ ายความรู Explain ใหนกั เรยี นในหอ งรว มอภิปรายประเภทของการ ทดสอบสมรรถภาพทางกาย โดยครูอธิบายเพม่ิ เติม การออกก�าลงั กายรว่ มกัน นอกจากจะช่วยทา� ให้ร่างกายแขง็ แรงแลว้ ยังท�าให้เกิดความสนุกสนานอกี ด้วย ๑2๐ มมุ IT ขอสอบ O-NET ขอสอบป ’51 ออกเกย่ี วกบั การทดสอบสมรรถภาพทางกายดว ย สามารถศกึ ษาเพมิ่ เตมิ เกยี่ วกบั ขอ มลู ทดสอบสมรรถภาพทางกาย ไดจ ากเวบ็ ไซต ตนเอง กองสมรรถภาพการกีฬา ฝา ยวิทยาศาสตรก ารกีฬา การกฬี าแหง ประเทศไทย นกั เรียนฝกการออกกาํ ลงั กายดว ยการวิดพ้ืนเปนประจาํ จะชว ย http://sportscience.sat.or.th/utility.aspx เพิ่มสมรรถภาพของกลา มเนอ้ื สวนใดมากที่สดุ 1. กลามเนอ้ื ตนขา สามารถศกึ ษาเพม่ิ เตมิ เกย่ี วกับคมู อื ทดสอบสมรรถภาพทางกาย ไดจ ากเว็บไซต 2. กลามเนื้อตนหลัง http://www.youtube.com/watch?v=Wc7RGg6-1m8 3. กลามเนื้อหนา ทอ ง 4. กลามเนื้อแขน วเิ คราะหคําตอบ การออกกําลังกายโดยการวดิ พนื้ ถอื เปนวิธีท่ี ดที ่สี ุดที่จะชว ยเพิ่มสมรรถภาพของกลามเน้ือแขน ทาํ ใหกลา มเนอื้ แขนแข็งแรงและไดร ปู มากขนึ้ ตอบขอ 4. 120 คูมอื ครู

กระตุนความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explain Expand Evaluate Explore Explore สาํ รวจคน หา ๑. ควรเลอื กคทู่ ดสอบท่มี ขี นาดความสูงและน้า� หนักทใี่ กล้เคียงกัน หลังจากทนี่ กั เรยี นไดทําการศึกษาประเภท ๒. ขณะทา� การทดสอบ คทู่ า� การทดสอบคนทเ่ี ปน็ ผชู้ ว่ ย จะตอ้ งใหค้ วามสนใจ ของการทดสอบสมรรถภาพทางกายและไดร ว ม เตม็ ใจ ระมดั ระวงั ตอ่ ความปลอดภยั รวมทงั้ ควรใหก้ ารสนบั สนนุ แนะนา� สงิ่ ทถี่ กู ตอ้ งใหแ้ กก่ นั และกนั อภิปรายกนั ไปแลว ๑.๓) การทดสอบโดยใช้เคร่ืองมือ เคร่ืองมือที่ใช้ในการทดสอบ ควรค�านึงถึง ส่งิ ต่อไปน้ี ใหนกั เรียนแบงกลุม กลมุ ละ 4-5 คน เพอ่ื ๑. หางา่ ย และสะดวกตอ่ การใช ้ ไมต่ อ้ งมีราคาแพง อาจจะเปน็ เครือ่ งมือ ศกึ ษาวธิ กี ารทดสอบสมรรถภาพทางกายดว ยตนเอง เครอ่ื งใชท้ ม่ี ีอย่แู ล้ว เชน่ ผ้าเช็ดมอื หนังสือ โตะ ไม ้ เป็นตน้ ทงั้ 9 ทา ซง่ึ เปน แบบทดสอบสมรรถภาพทางกาย ๒. เรียนรู้ถึงหลักการใช้เคร่ืองมือว่าจะน�ามาใช้ประกอบการทดสอบ มาตรฐานระหวา งประเทศท่นี กั เรยี นสามารถ สมรรถภาพทางกาย และสามารถผลดั เปลี่ยนกันไดอ้ ย่างไร ทําการทดสอบไดงา ยๆ ดวยตนเอง โดยแบงเปน กลมุ ละ 2-3 ทา ทแ่ี ตกตา งกนั เพอ่ื เตรยี มนาํ เสนอ ๒) แบบทดสอบสมรรถภาพทางกายดว้ ยตนเอง นกั เรยี นสามารถทา� การทดสอบ และสาธิตหนาชัน้ เรียน สมรรถภาพทางกายดว้ ยตนเองตามแบบทดสอบสมรรถภาพทางกายมาตรฐานนานาชาติ แบบทดสอบสมรรถภาพทางกายดว้ ยตนเอง ว่งิ เร็ว ๕๐ เมตร วธิ ที ดสอบ เมื่อผู้ปล่อยตัวได้ให้สัญญาณว่า “เข้าที่” ให้ ผู้เข้าทดสอบยืนให้ปลายเท้าข้างใดข้างหน่ึง ชดิ เสน้ เร่มิ (ไม่ต้องย่อตวั ทา่ ออกวิ่ง) เมือ่ ได้ยิน หรือเห็นสัญญาณปล่อยตัว ให้ผู้เข้าทดสอบวิ่ง ใหเ้ รว็ ท่สี ดุ จนผ่านเสน้ ชยั การบนั ทึกผล บนั ทึกเวลาวนิ าทีและทศนยิ มตา� แหนง่ แรก ของวนิ าท ี เอาเวลาทดี่ ที ส่ี ดุ จากการปฏิบตั ิ ๒ คร้ัง ๑2๑ แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETดิ เกรด็ แนะครู การออกกําลังกายวธิ ีใดชว ยทําใหหัวใจแขง็ แรงที่สุด ครูควรแบงกลุมนักเรียนไมใหแ ตล ะกลมุ มีจาํ นวนมากเกนิ ไป เพ่อื ใหน ักเรียน 1. เดินเรว็ ทุกคนไดม สี ว นรวมในการศึกษาและแสดงความคดิ เห็น 2. ยกน้ําหนกั 3. กระโดดสูง ครอู าจชีแ้ นะนกั เรยี นวา ในบางทา นกั เรียนบางคนอาจทําไดด ีหรือบางคนอาจ 4. วิ่ง 100 เมตร ไมส ามารถทาํ ไดเ นอื่ งจากสมรรถภาพทางกายทีม่ ีความแขง็ แรงและความยืดหยุน วเิ คราะหคําตอบ การเดินเรว็ ถือเปน การออกกําลังกายที่ ตางกนั จึงไมควรหกั โหมเพ่อื ใหท ําได เพราะอาจกอ ใหเ กิดการบาดเจ็บข้ึนได ไมหนกั หรอื เบาเกนิ ไป โดยจะชว ยลดการเกิดโรคหัวใจไดถ ึง รอ ยละ 30 และชว ยทาํ ใหหวั ใจแขง็ แรง สว นการออกกาํ ลงั กาย ดว ยวธิ อี น่ื ๆ นน้ั เปน การออกกาํ ลงั กายทห่ี นกั มากเกนิ ไป ซง่ึ อาจทาํ ใหห วั ใจเตน เรว็ และทาํ งานหนกั มากขนึ้ ได ตอบขอ 1. คูม อื ครู 121

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain วธิ ที ดสอบ อธบิ ายความรู ผจู้ ดั ลา� ดบั ผเู้ ขา้ ทดสอบ อธบิ ายวธิ กี ารกระโดด ให้ผู้เข้าทดสอบยืนปลายเท้าท้ังสองชิดเส้นเร่ิม ใหน ักเรยี นกลุมท่ีทาํ การศกึ ษาการทดสอบ ยืนกระโดดไกล1 ซ้อมเหวี่ยงแขนทั้งสองไปข้างหลังพร้อมก้มตัว สมรรถภาพทางกายดว ยการ เมอ่ื ไดจ้ งั หวะใหเ้ หวย่ี งแขนไปขา้ งหนา้ อยา่ งแรง พร้อมกับกระโดดด้วยเท้าทั้งสองไปข้างหน้า • ว่งิ เรว็ 50 เมตร ให้ไกลท่ีสุด ให้วัดระยะจากเส้นเร่ิมไปยัง • ยืนกระโดดไกล รอยสน้ เทา้ ขา้ งทใี่ กลท้ สี่ ดุ ถา้ ผเู้ ขา้ ทดสอบเสยี หลกั • แรงบีบมอื หงายหลงั กน้ หรอื มอื แตะพน้ื ใหป้ ฏบิ ตั ใิ หม่ ออกมาอธบิ ายพรอมสาธติ การทดสอบ การบันทกึ ผล สมรรถภาพทางกายหนา ชนั้ เรยี น โดยครชู ว ย บนั ทกึ ระยะทางทสี่ ามารถทา� ไดเ้ ปน็ เมตร เอาระยะ อธบิ ายเพ่ิมเตมิ ทไี่ กลที่สดุ จากการปฏิบัติ ๒ ครงั้ แรงบบี มอื2 วธิ ที ดสอบ ให้ผู้เข้าทดสอบจับเคร่ืองวัดให้เหมาะมือ ทส่ี ดุ โดยใชข้ อ้ นวิ้ ทส่ี องรบั นา้� หนกั ของเครอ่ื งวดั ยืนตรงปล่อยแขนไว้ข้างล�าตัว พร้อมแล้วให้ แยกแขนให้ออกห่างจากล�าตัวเล็กน้อย ก�ามือ บีบเครื่องวัดจนสุดแรง ระหว่างบีบห้ามไม่ให้ มือหรือเคร่ืองวัดถูกส่วนหน่ึงส่วนใดของล�าตัว ห้ามเหว่ียงเครื่องวัดหรือโถมตัวอัดแรง ให้ท�า การทดสอบ ๒ ครั้ง เอาคร้งั ท่ีดที ่สี ุดเป็นผลของ การปฏบิ ตั ิ การบันทกึ ผล บันทกึ ผลการวดั เป็นกิโลกรัม ๑22 ขอสอบ O-NET ขอสอบป ’53 ออกเกย่ี วกบั สมรรถภาพทางกาย เกร็ดแนะครู คนที่มสี มรรถภาพทางกายดจี ะมีผลตอ สุขภาพอยา งไร 1. ทํางานเหนื่อยชาและหายเหนอ่ื ยเรว็ ครูควรเนน ยา้ํ ในจุดทคี่ วรระวังขณะปฏบิ ัติแตละทาเพ่ือความปลอดภัย 2. ทํางานเหน่ือยชา และหายเหนื่อยชา 3. ทาํ งานเหนือ่ ยเร็วและหายเหนอื่ ยชา นักเรียนควรรู 4. ทํางานเหนอ่ื ยเรว็ และหายเหน่อื ยเร็ว วิเคราะหค าํ ตอบ สามารถสังเกตเหน็ ไดว า ผูทมี่ สี มรรถภาพ 1 ยนื กระโดดไกล ใชอ ปุ กรณค อื พ้นื ทเ่ี รียบและไมล ่นื อยา งนอย 3.5 เมตร ทางกายทด่ี ีเวลาปฏบิ ัติกิจกรรมใดๆ ก็แลว แต จะมีอาการ เทปวดั ระยะทางอานเปนเซนตเิ มตร และไม T อยางใหญ เหน่อื ยชา และหายเหนือ่ ยเร็วกวา ผทู ม่ี สี มรรถภาพทางกายท่ี 2 แรงบบี มอื ในการทดสอบสมรรถภาพทางกายผคู วบคุมควรเตรยี ม ไมดี ทงั้ นเ้ี นอื่ งจากมีความจปุ อดอยใู นเกณฑดี มคี วามทนทาน ผงแมกนเี ซยี มคารบ อเนตไว เพอื่ ใหผเู ขา รับการทดสอบใชมือลูบผงกนั ลน่ื ของระบบไหลเวียนโลหิตดี จึงสงผลใหระบบหายใจมีการทํางาน ทดี่ ตี ามไปดวย ตอบขอ 1. 122 คมู ือครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ลกุ -นัง่ ๓๐ วนิ าที วธิ ที ดสอบ ใหนกั เรยี นกลุม ท่ีทําการศึกษาการทดสอบ สา� หรับชาย ดอึงาขยอ้ ุ ๑๒ ปีขึ้นไป ให้ผู้เข้าทดสอบนอนหงาย ให้เข่าท้ังสองงอ สมรรถภาพทางกายดวยการ เนปิ้ว็นมมือุมทฉ้ังาสกอ งเทข้า้าทงั้งสสออดงปวารงะหส่าางนกกันันพทอ่ีทป้ารยะมทาอณย1 ผู้ช่วยคุกเข่าอยู่ปลายเท้าผู้เข้าทดสอบ เอามือ • ลกุ -นง่ั 30 วินาที ทง้ั สอง กดข้อเทา้ ของผ้เู ขา้ ทดสอบไว้ให้สน้ เท้า • ดึง (สาํ หรับนักเรียนชาย อายุ 12 ปข ึ้นไป) ตดิ พ้นื เมือ่ พร้อมแลว้ ใหส้ ัญญาณ “เรม่ิ ” ผเู้ ข้า ออกมาอธิบายพรอมสาธิตการทดสอบ ทดสอบลุกขึ้นสู่ท่าน่ังพร้อมกับก้มศีรษะลงไป สมรรถภาพทางกายหนาชนั้ เรยี น โดยครูชวย ระหว่างเข่าทั้งสอง ให้แขนทั้งสองแตะกับเข่า อธบิ ายเพ่มิ เตมิ พรอ มกับสุม ใหนกั เรียนในหอง แลว้ กลบั นอน ลงสทู่ า่ เดมิ จนนวิ้ มอื จรดกบั เบาะ ออกมาปฏบิ ตั ิรวมดว ยเพอ่ื ทดสอบความเขาใจ ท�าเช่นนี้ติดต่อกันไปให้ได้จ�านวนครั้งมากท่ีสุด จากนน้ั ครูเปด โอกาสใหน กั เรียนในหอ งไดซ ักถาม ภายในเวลา ๓๐ วินาที ถึงขอ สงสัยในประเด็นตางๆ ขอควรระวัง น้ิวมือต้องประสานที่ท้ายทอย ตลอดเวลา ขณะทลี่ กุ ขนึ้ สทู่ า่ นงั่ หา้ มเอยี งตวั ไปมา การบันทึกผล การบันทึกจ�านวนครั้งที่ท�าได้ถูกต้องในเวลา ๓๐ วนิ าที วธิ ที ดสอบ จดั ระดบั ราวเดย่ี วใหส้ งู พอทเ่ี มอ่ื ผเู้ ขา้ ทดสอบ ห้อยตวั จนสดุ แล้วเทา้ ไมถ่ ึงพน้ื ให้ผู้เข้าทดสอบ ยืนอยู่ที่ม้ารอง จับราวในท่าคว�่ามือห่างกันเท่า ช่วงไหล่ เอาม้ารองออกแล้วให้ผู้เข้าทดสอบ ปลอ่ ยตัวจนแขน ล�าตวั และขาเหยียดตรง เปน็ ทา่ เรม่ิ ตน้ เกรง็ แขนดงึ ตวั ขนึ้ จนคางอยเู่ หนอื ราว แลว้ กลบั สูท่ า่ เริม่ ตน้ ทา� ตดิ ตอ่ กนั ให้จ�านวนครั้ง มากทส่ี ุด หา้ มแกวง่ เทา้ หรือเตะขา ถา้ หยดุ พัก ระหวา่ งคร้งั (ข้ึน-ลง) นานเกนิ กว่า ๒ หรือ ๓ วินาทีขึ้นไปหรือไม่สามารถดึงขึ้นให้คางพ้นราว ได้ ๒ คร้งั ตดิ กันใหย้ ุติการทดสอบ การบนั ทึกผล บนั ทกึ จา� นวนครง้ั ทดี่ งึ ขนึ้ ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและ คางพน้ ราว ๑23 แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETดิ นักเรยี นควรรู การทดสอบสมรรถภาพทางกายดว ยตนเองมีประโยชนอยา งไร 1 ทา ยทอย (Occipital) คอื สวนหลังของศีรษะ โดยจะมีสมองสวนทา ยทอย 1. เปน การตรวจสอบสมรรถภาพทางกายขนั้ สงู (Occipital Lobe) ทําหนาท่ีดา นการมองเห็น จดจาํ สิง่ ของ คน รับรูทําความเขา ใจ 2. เปน การตรวจสอบสมรรถภาพทางกายเบื้องตน ความหมายของขอมูลใหมๆ และทําความเขาใจจากสง่ิ ที่มองเห็น 3. เปน การตรวจสอบสมรรถภาพทางกายท่คี รบทกุ ดา น 4. เปน การตรวจสอบสมรรถภาพทางกายทว่ี ดั สมรรถภาพ มมุ IT ไดดีทส่ี ดุ สามารถศกึ ษาเพ่ิมเตมิ เก่ยี วกับวิธกี ารดงึ ขอ ไดจ ากเว็บไซต วเิ คราะหคาํ ตอบ การทดสอบสมรรถภาพทางกาย http://www.youtube.com/watch?v=j05wRP-dGg8 ดวยตนเอง เปน การตรวจสอบสมรรถภาพทางกายเบือ้ งตน ซง่ึ ถอื วาเปน พื้นฐานในการปรับปรงุ หรอื สรา งเสรมิ ความ สมบรู ณ และแขง็ แรงใหก บั สว นใดสว นหนงึ่ ของรา งกาย ตอบขอ 1. คมู ือครู 123

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล Explore Evaluate Engage Explain Explain Expand อธบิ ายความรู ใหนกั เรยี นกลมุ ทีท่ ําการศึกษาการทดสอบ งอแขนห้อยตวั 1 วธิ ที ดสอบ สมรรถภาพทางกายดว ยตนเองดว ยการ สา� หรบั ชาย-หญิง อายตุ า�่ กวา่ ๑๒ ปี จัดม้ารองเท้าใกล้ราวเด่ียวให้สูงพอท่ีเมื่อ ผู้เข้าทดสอบยืนตรงบนม้า คางจะอยู่เหนือราว • งอแขนหอ ยตวั (สาํ หรบั ชายหญิงอายุตํา่ กวา เล็กน้อย ให้จับราวด้วยท่าคว่�ามือห่างจากกัน 12 ป) เท่าช่วงไหล่ แขนงอเต็มท่ี เม่ือให้สัญญาณว่า เร่ิม (พรอ้ มกบั เอามา้ ออก) ผเู้ ขา้ ทดสอบจะตอ้ ง • วงิ่ เกบ็ ของ เกรง็ ขอ้ แขน และดงึ ตวั ไวใ้ นทา่ เดมิ ใหน้ านทส่ี ดุ ออกมาอธบิ ายพรอ มสาธติ การทดสอบสมรรถภาพ ถ้าคางตา่� ถงึ ราวใหห้ ยดุ การปฏิบัติ ทางกายหนา ช้ันเรยี น โดยครชู ว ยอธิบายเพ่ิมเตมิ การบันทกึ ผล ขยายความเขา ใจ Expand การบนั ทกึ เวลาเป็นวนิ าทจี าก “เริม่ ” จนคาง ต�า่ ลงถงึ ราว ใหน กั เรยี นเลอื กทาการทดสอบสมรรถภาพ ทางกายท่ยี ังไมสามารถปฏบิ ตั ไิ ดด ี 3 ทา จากทไ่ี ด ศึกษามาเพื่อใชใ นการฝก ปฏบิ ัตดิ วยตนเองเปนเวลา 1 สัปดาห วง่ิ เกบ็ ของ2 วธิ ีทดสอบ วางไม้ไว้กลางวงที่อยู่ชิดกับเส้นปลายทาง ผู้เข้าทดสอบยืน ให้เท้าข้างใดข้างหน่ึงชิดเส้น เริ่ม เมื่อได้ยินสัญญาณ “เข้าที่” แล้วผู้ปล่อย ตัวส่ัง “ไป” ให้ผู้เข้าทดสอบว่ิงไปยังเส้นปลาย แล้วหยิบไม้ในวงกลม ๑ ท่อน วิ่งกลับมาวาง ในวงกลมหลังเส้นเริ่ม กลับตัววิ่งไปหยิบไม้อีก ท่อนหน่ึงแล้ววิ่งกลับมาวางในวงกลมหลังเส้น เร่มิ แล้วว่งิ ผา่ นเลยเส้นไป ห้ามโยนทอ่ นไม ้ ถา้ วางไมเ่ ข้าวงกลมต้องเร่ิมตน้ ใหม่ การบนั ทกึ ผล บันทกึ เวลาตงั้ แต่ “ไป” จนถึงวางไม้ท่อนท่ี ๒ ในวงกลม เอาเวลาทดี่ ที สี่ ดุ จากการปฏบิ ตั ิ ๒ ครง้ั ๑24 ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET หากนักเรยี นมผี ลการทดสอบสมรรถภาพทางกายทไ่ี มด ี นักเรียนควรรู นกั เรียนจะปฏบิ ัติอยางไรเพ่ือใหมผี ลการทดสอบสมรรถภาพ ทางกายทด่ี ขี น้ึ ในการทดสอบคร้ังตอ ไป 1 งอแขนหอ ยตัว โดยทค่ี างของผรู บั การทดสอบตอ งอยูเ หนอื ราว ถา คางไปติด แนวตอบ ขึน้ อยูกับคาํ ตอบของนักเรียน โดยอาจตอบวา ราวหรือต่าํ กวา แมเ พยี งครัง้ เดยี ว ใหย ตุ ิการทดสอบ และในขณะท่ีงอแขนหอยตัว หมัน่ ฝก ฝนและพฒั นาตนเองอยางสม่าํ เสมอ เอาใจใสด ูแล อยนู ้นั เทาท้งั สองตองไมส มั ผัสกับสิ่งใดสง่ิ หนง่ึ ตนเองดว ยการรบั ประทานอาหารใหค รบ 5 หมู พกั ผอน 2 วงิ่ เก็บของ มีวัตถุประสงคเ พอื่ วดั ความเรว็ และความคลอ งแคลว วอ งไว อยา งเพียงพอ และออกกําลงั กายเปนประจาํ 124 คูมอื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Engage Explore Explain Expand Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate วิง่ ทางไกล วธิ ที ดสอบ ใหน กั เรยี นแตล ะกลุมออกแบบทา ทาง งอตวั ข้างหนา้ เม่ือผู้ปล่อยตัวได้ให้สัญญาณว่า “เข้าที่” ให้ ในการทดสอบสมรรถภาพทางกายดว ยตนเอง ผู้เข้าทดสอบยืนให้ปลายเท้าข้างใดข้างหน่ึงชิด 3 รูปแบบ ไดแก การทดสอบสมรรถภาพดว ย เสน้ เร่มิ เม่ือพรอ้ มแลว้ ผู้ปล่อยตวั สัง่ “ไป” ให้ ตนเอง การทดสอบเปน คู และการทดสอบดวย ผู้เข้าทดสอบว่ิงตามเส้นที่ก�าหนด พยายามใช้ อุปกรณ แลว นาํ มาสาธติ หนาชัน้ เรียน เวลาน้อยท่ีสดุ ควรรกั ษาความเร็วใหค้ งที่ ถา้ วิ่ง ไมไ่ หวอาจหยดุ เดนิ แลว้ วง่ิ ตอ่ หรอื เดนิ ตอ่ ไปจน ครบระยะทาง ผจู้ บั เวลาจะขานเวลาผทู้ ถี่ งึ เสน้ ชยั ทลี ะคน ให้ผบู้ ันทึกเวลาบนั ทกึ ไว้ ผชู้ ่วยผู้บันทึก จะดูหมายเลขผู้เข้าทดสอบท่ีเข้าถึงเส้นชัยโดย เรยี งตามล�าดับ การบนั ทึกผล บันทึกเวลาเปน็ นาทแี ละวินาที วิธีทดสอบ ให้ผเู้ ข้าทดสอบนงั่ เหยยี ดขาตรง เทา้ ทั้งสอง ชิดกัน ล�าตัวต้ังฉากกับพื้น ฝ่าเท้าจรดแกน กลางของที่ต้ังไม้วัด แขนทั้งสองเหยียดตรง ขนานกบั พน้ื ปลายนว้ิ มอื จรดแกนทวี่ ดั กม้ ตวั ลง พร้อมกับใช้ปลายน้ิวดันแกนที่วัดเลื่อนไปข้าง หนา้ จนไมส่ ามารถกม้ ตอ่ ไปได ้ เขา่ ตรง หา้ มโยกตวั หรืองอตัวแรงๆ การบันทึกผล บนั ทกึ ระยะเปน็ เซนตเิ มตร ถา้ ปลายนวิ้ เหยยี ด เลยปลายเท้า บนั ทึกค่าเป็น (+) ถ้าปลายนว้ิ มอื ไม่ถงึ ปลายเทา้ บันทึกค่าเป็นลบ (-) ให้ปฎิบตั ิ ๒ คร้งั เอาคร้ังท่ดี ที ส่ี ดุ เป็นผลของการปฏิบตั ิ แหล่งข้อมูล : ส�านกั สง่ เสรมิ พลศกึ ษา สขุ ภาพ และนันทนาการ กรมพลศึกษา, ๒๕๓๙ ๑25 แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETดิ เกรด็ แนะครู เพราะเหตใุ ดจงึ ตอ งอบอุนรางกายกอ นการทดสอบ ครูควรชี้แนะใหนักเรยี นมกี ารเตรยี มรางกายกอ นการทดสอบทุกครั้ง สมรรถภาพทางกายอยูเสมอ เพ่ือลดการบาดเจ็บทอี่ าจเกดิ ขนึ้ จากการทดสอบสมรรถภาพทางกาย แนวตอบ การอบอนุ รา งกายอาจทาํ ไดด ว ยการยืดหรือเหยียด กลา มเนอ้ื เอน็ และขอตอตางๆ เพอ่ื เตรียมรา งกายใหพรอม มุม IT ในการทดสอบสมรรถภาพทางกาย และยงั ชวยปอ งกันการ บาดเจ็บของกลา มเนอ้ื รวมถึงอวัยวะตา งๆ ของรางกายดวย สามารถศึกษาเพิม่ เตมิ เกี่ยวกับการเตรียมการปองกนั ความเสี่ยงและอันตราย ทีอ่ าจเกดิ ขึน้ ขณะออกกําลงั กาย ไดจากเวบ็ ไซต http://dopah.anamai.moph. go.th/menu_detail.php?id=25 คูม ือครู 125

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore กระตนุ ความสนใจ Engage จากกจิ กรรมท่ผี า นมา ครตู งั้ คาํ ถามเพ่ือกระตนุ เกณฑม์ าตรฐานสมรรถภาพทางกายของนกั เรยี นชาย ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑ อาย ุ ๑๒ ปี ความสนใจ รายการ ดีมาก ระดบั ต�า่ มาก • ผลการทดสอบสมรรถภาพทางกายที่ผา นมา ดี ปานกลาง ต�า่ ของนักเรียนเปนอยา งไร (แนวตอบ ขน้ึ อยูกบั ผลการทดสอบทีผ่ านมา ๑. วิง่ ๕๐ เมตร ๗.๕๑ ลงมา ๗.๕๒-๘.๑๔ ๘.๑๕-๙.๔๓ ๙.๔๔-๑๐.๐๖ ๑๐.๐๗ ขน้ึ ไป ของนักเรียนแตละคน) (วนิ าท)ี • จากการศึกษาทผี่ า นมา นักเรยี นคิดวา ๒. ยนื กระโดดไกล ๑.๙๘ ขน้ึ ไป ๑.๘๑-๑.๙๗ ๑.๔๗-๑.๘๐ ๑.๓๐-๑.๔๖ ๑.๒๙ ลงมา การทดสอบสมรรถภาพทางกายมีประโยชน (เมตร) หรอื ไม อยา งไร (แนวตอบ ขึน้ อยกู บั คําตอบของนักเรียน โดย ๓. แรงบีบมือทถี่ นดั ๒๕.๔ ขึ้นไป ๒๒.๖-๒๕.๓ ๑๖.๙-๒๒.๕ ๑๔.๑-๑๖.๘ ๑๔.๐ ลงมา นักเรยี นอาจตอบวา การทดสอบสมรรถภาพ (กโิ ลกรัม) ทางกายชวยใหรา งกายแขง็ แรงสมบรู ณ) ๔. ลุก-นงั่ ๓๐ วินาที ๒๗ ข้ึนไป ๒๔-๒๖ ๑๗-๒๓ ๑๔-๑๖ ๑๓ ลงมา • นกั เรียนสามารถสรางเสริมสมรรถภาพ (ครั้ง) ทางกายใหด ขี ึ้นไดอ ยางไร (แนวตอบ ขนึ้ อยูกับความคดิ เห็นของนกั เรยี น ๕. ดึงขอ้ ราวเด่ียว ๖ ขนึ้ ไป ๔-๕ ๑-๓ ๐ ๐ โดยนักเรยี นอาจตอบวา สามารถทําไดโ ดยการ (ครัง้ ) ออกกําลงั กาย การควบคมุ อาหาร การฝกฝน ตามแบบทดสอบอยา งสม่ําเสมอ เปน ตน ๖. วิ่งเกบ็ ของ (วนิ าที) ๑๐.๖๔ ลงมา ๑๐.๖๕-๑๑.๓๐ ๑๑.๓๑-๑๒.๖๓ ๑๒.๖๔-๑๓.๒๙ ๑๓.๓๐ขึน้ ไป ซง่ึ จะไดท ําการศกึ ษาตอ ไป) ๗. งอตวั ข้างหนา้ ๑๑.๕ ข้นึ ไป ๘.๕-๑๑.๐ ๒.๐-๘.๐ (-๑.๐)-๑.๕ (-๑.๕) ลงมา (เซนตเิ มตร) ๘. วง่ิ ๑,๐๐๐ เมตร ๔.๐๑ ลงมา ๔.๐๒-๔.๓๑ ๔.๓๒-๕.๓๒ ๕.๓๓-๖.๐๒ ๖.๐๓ ข้ึนไป (นาท:ี วนิ าที) เกณฑ์มาตรฐานสมรรถภาพทางกายของนักเรียนหญิง ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ ี ๑ อายุ ๑๒ ปี รายการ ดมี าก ระดับ ต�า่ มาก ดี ปานกลาง ต่า� สาํ รวจคน หา Explore ๑. ว่ิง ๕๐ เมตร ๘.๒๐ ลงมา ๘.๒๑-๙.๐๐ ๙.๐๑-๑๐.๖๓ ๑๐.๖๔-๑๑.๔๓ ๑๑.๔๔ ข้ึนไป (วินาท)ี ใหน ักเรยี นแบงกลมุ กลมุ ละ 5-6 คน เพื่อศกึ ษา ๒. ยืนกระโดดไกล ๑.๗๘ ขนึ้ ไป ๑.๖๒-๑.๗๗ ๑.๒๘-๑.๖๑ ๑.๑๑-๑.๒๗ ๑.๑๐ ลงมา วธิ กี ารสรา งเสรมิ และปรบั ปรงุ สมรรถภาพทางกาย (เมตร) ตามผลการทดสอบจากหนังสือเรยี น ๓. แรงบีบมอื ทีถ่ นดั ๒๕.๑ ข้ึนไป ๒๒.๓-๒๕.๐ ๑๖.๗-๒๒.๒ ๑๔.๐-๑๖.๖ ๑๓.๙ ลงมา (กิโลกรมั ) ๔. ลกุ -น่ัง ๓๐ วินาที ๒๑ ข้ึนไป ๑๘-๒๐ ๑๒-๑๗ ๑๐-๑๑ ๙ ลงมา (ครั้ง) ๕. งอแขนห้อยตัว ๙.๑๐ ขนึ้ ไป ๖.๕๒-๙.๐๙ ๑.๓๕-๖.๕๑ ๐.๐๑-๑.๓๔ ๐ (วนิ าท)ี ๖. วิง่ เก็บของ (วินาที) ๑๑.๗๗ ลงมา ๑๑.๗๘-๑๒.๔๑ ๑๒.๔๒-๑๓.๗๐ ๑๓.๗๑-๑๔.๓๔ ๑๔.๓๕ ขน้ึ ไป ๗. งอตวั ข้างหนา้ ๑๑.๕ ขนึ้ ไป ๙.๕-๑๑.๐ ๓.๐-๙.๐ ๑.๐-๒.๕ ๐.๕ ลงมา (เซนติเมตร) ๘. วง่ิ ๘๐๐ เมตร ๓.๔๔ ลงมา ๓.๔๕-๔.๑๔ ๔.๑๕-๕.๑๕ ๕.๑๖-๕.๔๕ ๕.๔๖ ขึ้นไป (นาท:ี วนิ าที) ๑26 แหลง่ ข้อมูล : ส�านักพฒั นาการพลศกึ ษา สุขภาพ และนันทนาการ. กรมพลศกึ ษา กระทรวงศึกษาธกิ าร. ๒๕๓๙ เกรด็ แนะครู ขอสอบ O-NET ขอ สอบป ’52 ออกเกยี่ วกบั การสรา งเสรมิ สมรรถภาพทางกาย ครูอาจแนะนําใหนกั เรียนทาํ การจดบนั ทกึ ผลการทดสอบสมรรถภาพทางกาย ในการสรางสมรรถภาพทางกายทีด่ ี นักเรียนจะตอ งปฏบิ ตั ติ น ของตนเองทกุ ครง้ั เพือ่ นกั เรียนจะไดท ราบถึงการเปลยี่ นแปลง และจะไดนําผลการ อยา งไร ทดสอบในแตล ะครั้งน้นั มาเปรยี บเทียบ ปรบั ปรุง และพฒั นาสมรรถภาพของตนเอง 1. รบั ประทานผักผลไมมากๆ ใหดีขน้ึ ตอไป 2. รับประทานเนอ้ื สัตวม ากๆ 3. ออกกําลังกายเปนประจําทกุ วนั มมุ IT 4. พกั ผอ นเพยี งพอ วเิ คราะหคําตอบ การออกกาํ ลงั กายเปนประจําทกุ วนั นับเปน สามารถศกึ ษาเพม่ิ เตมิ เกยี่ วกบั ยางยดื ชวี ติ พชิ ติ โรค ของ รศ.เจรญิ กระบวนรตั น การสรางเสรมิ สมรรถภาพทดี่ ี โดยจะชว ยใหร า งกายมคี วามแขง็ แรง ไดจ ากเวบ็ ไซต http://pr.ku.ac.th/pr_news/headnews/stick/Acrobat/p01.pdf พรอ มทจ่ี ะปฏบิ ตั กิ จิ กรรมในชวี ติ ประจาํ วนั ไดเ ปน อยา งดี ตอบขอ 3. 126 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู 2.5 วธิ ีการสร้างเสรมิ และปรบั ปรงุ สมรรถภาพทางกาย ใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ อธบิ ายวธิ กี ารสรา งเสรมิ ตามผลการทดสอบ และปรบั ปรงุ สมรรถภาพทางกายตามผลการทดสอบ โดยใชค าํ ถามเพอื่ อธบิ ายความเขา ใจ ภายหลังการทดสอบสมรรถภาพ ผ้ทู ดสอบจะไดท้ ราบผลการทดสอบจากตนเอง คร ู หรือผูค้ วบคมุ ซึ่งผลการทดสอบสามารถทา� ใหบ้ ุคคลรู้จกั ตนเอง ตดั สนิ ใจ หรอื เลอื กทจ่ี ะปรับปรงุ • ผลการทดทดสอบสมรรถภาพสามารถนําไป ตนเอง เพ่ือสร้างเสริมสมรรถภาพให้ดีข้ึนหรือคงท่ีไม่เปล่ียนแปลง โดยวิธีการสร้างเสริมและ ใชพ ฒั นาสมรรถภาพทางกายไดอยา งไร ปรับปรงุ สมรรถภาพทางกายตามผลการทดสอบ มดี ังน้ี (แนวตอบ การทดสอบสามารถนําไปวนิ จิ ฉัย เพอ่ื หาขอบกพรองของสมรรถภาพ ๑) การตรวจสอบจากผลการทดสอบ และน�าผลจากการทดสอบมาปรบั ปรงุ เพ่ือ ดานตางๆ เพ่อื แกไ ขขอ บกพรอ งตางๆ อกี ท้ังยงั สามารถบอกถึงประสิทธภิ าพในการ สร้างเสรมิ สมรรถภาพใหด้ ีขน้ึ หรอื คงที่ไมเ่ ปลี่ยนแปลง ดังนี้ ทาํ งานของรา งกายและเลอื กออกกาํ ลงั กาย ๑. ผลการทดสอบผา่ นตามเกณฑท์ กุ รายการตามแบบทดสอบ อาจวดั ไดว้ า่ แตล่ ะ ใหเหมาะสาํ หรบั แตละบคุ คลอกี ดวย) รายการนกั เรยี นไดผ้ ลอยใู่ นระดบั ใด การผา่ นตามเกณฑเ์ พยี งครง้ั เดยี วไมไ่ ดห้ มายความวา่ นกั เรยี น มีสมรรถภาพทดี่ ีตลอดไป แต่ควรจะฝึกฝนอยา่ งตอ่ เน่ืองตลอดไป • วธิ กี ารสรางเสรมิ และปรบั ปรงุ สมรรถภาพ ๒. ผลการทดสอบไม่ผ่านตามเกณฑ์โดยอาจไม่ผ่านครบตามแบบรายการหรือ สามารถปฏิบัติไดอ ยางไร มีรายการใดรายการหนึ่งหรือหลายรายการไม่ผ่านไปตามเกณฑ์ ในกรณีนี้นักเรียนควรหาวิธีการ (แนวตอบ การสรางเสริมและปรับปรุง แก้ไขด้วยการออกก�าลังกายเพ่ิมเติม โดยสามารถเลือกกิจกรรมการออกก�าลังกายประเภทต่างๆ สมรรถภาพสามารถกระทาํ ไดโ ดยการ ดงั นี้ ฝก ฝนทักษะนั้นๆ อยางสมาํ่ เสมอ และ เพม่ิ ความหนักของการฝก มากขึ้นเรื่อยๆ ตวั อยา่ ง กจิ กรรมการออกก�าลงั กายเพมิ่ เตมิ เพ่อื สร้างเสริมสมรรถภาพทางกาย การดูแลเร่ืองการรับประทานอาหารใหค รบ ทงั้ 5 หมู และมีความหลากหลาย การสรา ง ลา� ดับท่ี รายการ กจิ ทกี่สรรามมการาถรอฝอกึ กเพกม่ิ�าลเตงั มิกาย แรงจูงใจและกาํ ลังใจในการฝกฝนใหแก ตนเอง และการพกั ผอนอยา งเพยี งพอ ๑ ความอดทนของระบบไหลเวยี น • การว่ิง การเดนิ เร็ว • การขจ่ี ักรยาน ไมห กั โหมในการฝกจนละเลยการพักผอ น โลหิตและระบบหายใจ • การว่ายน้�า • ก ารเต้นแบบแอโรบกิ เพือ่ ใหรา งกายไดม กี ารฟน ตวั และทํางานได อยางเตม็ ประสทิ ธิภาพ) ๒ ความแขง็ แรงของกลา้ มเนือ้ • เล่นฟุตบอล บาสเกตบอล • กรีฑาประเภทล/ู่ ลาน • การเลน่ ดมั เบล • การดันพ้ืน โหนดึงขอ้ ๓ ความอดทนของกลา้ มเน้อื • เล่นแบดมนิ ตนั เทนนิส • มวย ยโู ด เทควนั โด ๔ ความอ่อนตวั • ฝกึ โยคะ ยิมนาสตกิ • การบริหารรา่ งกาย ๕ ความคล่องแคลว่ ว่องไว • การวิง่ เรว็ • การวิ่งกลับตวั ๑27 แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETดิ บเศูรณรากษารฐกจิ พอเพียง การฝกออกกําลงั กาย วิง่ ไป-กลับระยะทาง 5 เมตร ครสู นทนากบั นกั เรยี นวา วธิ กี ารสรา งเสรมิ สมรรถภาพทางกายสามารถทาํ ไดง า ย เปน ประจาํ จะชวยเพ่มิ สมรรถภาพรางกายทางดา นใด โดยไมจ าํ เปน ตอ งใชอ ปุ กรณใ นการออกกาํ ลงั กายทอี่ าจทาํ ใหเ ราตอ งสญู เสยี คา ใชจ า ย เพิ่มข้ึนโดยไมจําเปน และเปนวิธีการท่ีสรางสรรค เชน การเดินขึ้น-ลงบันไดแทน 1. ความเเขง็ เเรง การใชล ฟิ ท การทาํ งานบา น การเดนิ กลบั บา นแทนการนงั่ รถ (หากระยะทางใกล) เปน ตน 2. ความทนทาน หากปฏิบัติตามดังตัวอยางท่ีไดกลาวมาอยางสม่ําเสมอก็ถือวาไดออกกําลังกายแลว 3. ความออนตัว อีกท้ังยงั สงผลใหสุขภาพรางกายของตนเองแขง็ แรงสมบรู ณอีกดว ย 4. ความคลองเเคลว วองไว วเิ คราะหคาํ ตอบ การวิง่ ไป-กลับระยะทาง 5 เมตรเปน ใหนักเรียนเลือกวิธีการออกกําลังกายโดยใชหลักเศรษฐกิจพอเพียงท่ีเหมาะสม ประจาํ นั้น สามารถชวยเพิ่มสมรรถภาพรา งกายไดห ลายดา น กบั ตนเอง พรอมทดลองปฏิบัติ 1 สปั ดาห แลว บันทกึ ผลการปฏบิ ัติ นําสงครผู ูส อน แตดานที่เห็นไดชัดท่ีสดุ น่ันคอื ดานความคลอ งแคลววองไว ซ่งึ เปน ความสามารถในการเปล่ียนทศิ ทางการเคลอ่ื นทไี่ ด อยา งรวดเร็วและควบคุมได เชน การว่ิงเกบ็ ของ การวิ่ง ซกิ แซ็ก การวงิ่ ระยะทางสัน้ ๆ เปน ตน ตอบขอ 4. คมู อื ครู 127

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา ใจ ภายหลังจากการทดสอบสมรรถภาพ ผูทดสอบ นอกจากน้ีการที่ผลการทดสอบไม่ผ่านตามเกณฑ์อาจมีปัจจัยอ่ืนร่วมด้วย เนื่องจาก จะไดทราบผลการทดสอบ ซ่งึ สามารถทําใหบคุ คล ปัจจัยของตัวนักเรียน เช่น น้�าหนักเกินมาตรฐาน น�้าหนักต่�ากว่ามาตรฐาน (กรณีวัดด้วยดัชนี รจู ักตนเอง ตัดสนิ ใจ หรือเลือกท่จี ะปรบั ปรุงตนเอง มวลกาย) เปน็ ต้น ยอ่ มท�าให้นักเรียนสามารถทราบผลและนา� ไปปรับปรุงแกไ้ ข ท้ังในเรอ่ื งของ เพอื่ สรา งเสริมสมรรถภาพใหด ขี ึ้นหรือคงทีไ่ ม น�า้ หนกั ซง่ึ จะมีผลต่อการทดสอบในครั้งตอ่ ไป เปลี่ยนแปลง โดยเมอ่ื พบวา ผลการทดสอบของ ๒) ความสัมพันธ์ระหว่างสมรรถภาพทางกายและทางจิต จากผลการทดสอบ ตนเองไมผานเกณฑ หรือไมเปน ท่นี า พอใจ นกั เรยี น นอกจากนกั เรยี นจะทราบผลการทดสอบแลว้ ส่งิ ทมี่ ีผลสา� คัญอีกประการหนง่ึ ก็คอื ความสมั พันธ์ สามารถฝก ฝนโดยใหน กั เรียนจัดทาํ ตารางการฝก ระหวา่ งสมรรถภาพทางกายและทางจติ ใจของตนเอง อนั เน่ืองมาจากผลการทดสอบ คอื สภาพ และดแู ลตนเองเพอ่ื ปรบั ปรุงสมรรถภาพทางกาย จิตใจกับความสมหวัง ความผิดหวัง ความเครียด วิตกกังวลต่อผลการทดสอบ ย่ิงในกรณี จากผลการทดสอบเปน เวลา 2 สปั ดาห และ ถา้ ตอ้ งมกี ารแขง่ ขนั คดั เลอื กไปเปน็ นกั กฬี า ตวั แทนในกฬี าประเภทตา่ งๆ ยอ่ มทา� ใหเ้ กดิ ความเครยี ด ทาํ การทดสอบสมรรถภาพทางกายอีกครงั้ ความกดดันตอ่ สภาพจติ ใจ วธิ กี ารแกไ้ ขสภาวะของจติ ใจ คือ การร้จู กั ยอมรบั ตนเอง ให้ก�าลงั ใจ เพือ่ วัดการเปลยี่ นแปลงทเี่ กิดขน้ึ และปลอบใจตนเอง การเปล่ียนความคิดไปในทางบวก เช่น ถ้าไม่ผ่านคร้ังน้ี คร้ังต่อไปต้อง นทันา� ไทดนด้ าีกกวาา่ ร1น ี้เปกา็นรตร้นูจ้ กั ผซอ่่ึงนสาคมลาารยถโดทย�าใใชห้ก้เกิจิดกครรวมาม กสามรดพุลกั ขผออ่ งนส มกรารรถทภา� างพานทอางดกเิ รากย แกลาะรจรติ ว่ ไมดก้อิจันกมรีผรมล ทา� ให้เกิดความตระหนกั ความพรอ้ มเพรยี งตอ่ การฝึกปฏิบัตใิ นอนาคต ๓) การบาดเจ็บจากการทดสอบหรือออกก�าลังกาย จากค�ากล่าวที่กล่าวว่า “การป้องกันดีกว่าการรักษา” น้ัน ในการเล่นกีฬาออกก�าลังกาย การทดสอบสมรรถภาพเป็น ส่ิงท่ีควรค�านึงท้ังในเรื่องของอุบัติเหตุ การบาดเจ็บจากการปฏิบัติไม่ถูกต้อง การประมาท การขาดความระมดั ระวงั ซงึ่ มผี ลตอ่ สมรรถภาพ ทางกายและทางจิตได้ ซึ่งส่ิงที่ควรปฏิบัติ เพ่ือเสริมสรา้ งปรบั ปรงุ สมรรถภาพ คือ ๑. การเรียนรู้วิธีการปฏิบัติที่ ถูกต้องในแบบทดสอบทุกๆ รายการ รวมท้ัง แบบทดสอบกบั อุปกรณ์ ๒. กรณตี อ้ งการฝกึ ฝนเพม่ิ เตมิ ด้วยการออกก�าลังกายหรือการเล่นกีฬา ควร รู้กฎกติกาของกีฬาในแต่ละประเภท ตลอดจน ความสามารถของตนเอง ๓. กรณเี กดิ อบุ ตั เิ หต2 ุ และไดร้ บั ภายหลังจากการฝกสมรรถภาพทางกาย ควรผ่อนคลาย การรักษาแล้ว ควรฟนฟูสมรรถภาพอย่างช้าๆ กลา้ มเนอื้ และความเครยี ดดว้ ยการพกั ผอ่ น เชน่ อา่ นหนงั สอื ไมเ่ รง่ ดว่ นจนเกนิ ไป อาจเกดิ ผลเสยี ตอ่ รา่ งกายได้ ฟง เพลง ดูโทรทศั น เล่นดนตรี เปน็ ตน้ ๑28 นักเรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET ปจจัยในขอ ใดมีความสาํ คญั ทส่ี ุดในการสรางสมรรถภาพทางกาย 1 กิจกรรมนันทนาการ เปน กิจกรรมท่ีบุคคลทาํ ในเวลาวาง ดวยความสมัครใจ 1. อาหาร และไมผ ิดกฎหมาย แลวทําใหเกดิ ความพึงพอใจ ความสบายใจ ซงึ่ กจิ กรรม 2. ยาบํารงุ นนั ทนาการมีอยหู ลายประเภท โดยแตละประเภทจะมลี กั ษณะท่ีแตกตา งกนั ไป 3. อาหารเสรมิ ผเู ขารว มกิจกรรมจึงควรมีหลกั ในการเลือกใหเหมาะสมกับวัย เพศ โอกาส ความรู 4. การออกกําลงั กาย ความสามารถ เพื่อทาํ ใหเกดิ ประโยชนสงู สดุ วเิ คราะหคาํ ตอบ ทุกขอ ลวนเปน ปจจัยท่ีสําคัญในการสรา ง 2 ฟน ฟสู มรรถภาพ การเสรมิ สรา ง ปอ งกนั และแกไขปญ หาความบกพรอ งของ สมรรถภาพทางกายทัง้ สนิ้ แตท ี่สาํ คญั ทส่ี ดุ นนั่ คือการ รางกายและจิตใจทย่ี งั ไมมี หรือสญู เสียไปใหเกดิ ขึ้น ใหสามารถเรยี นรู ปฏบิ ตั งิ าน ออกกําลังกาย เพราะการออกกาํ ลงั กายทาํ ใหเ ลอื ดสบู ฉดี สง ผล และดํารงชวี ิตในสงั คมได ทําใหร า งกายเเขง็ เเรง เม่อื รางกายแขง็ แรงกไ็ มจ ําเปนตองมี ปจจยั ใดมาเพ่มิ เตมิ นอกจากการรับประทานอาหารและพกั ผอน ใหเ พียงพอ หรืออะไรกต็ ามที่สรา งประโยชนใ หแกสมรรถภาพ รา งกาย ตอบขอ 4. 128 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขาใา จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา ใจ เสริมสาระ ใหนักเรยี นศึกษาเพมิ่ เติมเร่ือง อาหารโซนสี เพอ่ื การมสี มรรถภาพทางกายที่ดี จากเสรมิ สาระ อาหารโซนสเี พื่อสมรรถภาพทางกายที่ดี ในหนงั สอื เรยี น หนา 129 และจดั ตารางรายการ อาหารสาํ หรบั บริโภคในแตละมื้อของนักเรยี น อาหารเป็นปจจัยส�าคัญอย่างหนึ่งส�าหรับการมีสมรรถภาพทางกายที่ดี การรับประทานอาหารตามโซนสี แตล ะคน โดยมีสดั สวนความเหมาะสมตามโซนสี จะช่วยท�าให้สามารถควบคุมการรับประทานได้ว่า ควรรับประทานอาหารชนิดใดให้มาก พอควร หรือน้อยที่สุด ในตารางเปนเวลา 1 สปั ดาห เพอื่ ใหน กั เรียน เพือ่ การมสี ขุ ภาพท่ดี แี ละสง่ ผลต่อการมีสุขภาพจิตที่ดีด้วย สามารถนาํ ความรทู ไี่ ดม าประยกุ ตใ ชใ นชวี ติ ประจาํ วนั เพ่ือการมีสมรรถภาพทางกายท่ีดี กลุ่มอาหาร โซนสเี ขยี ว โซนสเี หลอื ง โซนสีแดง รบั ประทานให้มาก รับประทานแต่พอควร รับประทานใหน้ ้อยทสี่ ดุ ข้าว-แปง ข้าวกลอ้ ง ข้าวเจ้า ข้าวเหนยี ว ขนมจนี หม่กี รอบ ข้าวมันไก ่ คกุ ก้ี ข้าวโอต ขนมปังหยาบ มัน เส้นหมี่ เสน้ ใหญ ่ บะหม่ ี เคก้ พาย ทอฟฟ ี ขนมหวานต่างๆ เผือก ขา้ วโพดต้ม ขนมปงั ขาว ผกั ผกั สด ผักน่งึ ผักลวก ผกั กระปอ งชนิดจืด ผดั ผัก ผกั ราดครมี ซอส สะตอ ฟักทอง แครอต ผกั กระปอ งชนิดเคม็ ผักใบเขียว ผกั ตระกูลกะห1ล�่า ผลไม้สด ส้ม ชมพ ู่ ฝร่งั ทเุ รียน ล�าไยแหง้ ผลไม้ แคนตาลปู มะละกอ มะม่วงสกุ กลว้ ย ขนนุ แตงโม ผลไม้ตากแหง้ อะโวคาโด พุทรา สาล่ ี แอปเปล ละมดุ ลา� ไย ล้ินจ่ ี สบั ปะรด องนุ่ มะขามหวาน เนอ้ื สตั ว์ เน้ือปลา ไข่ขาว กุ้ง ปู อกไก่ เน้อื หมูแดงเลาะมนั ออก เนื้อตดิ มนั เครือ่ งในสตั ว์ ไม่มหี นงั เตา้ หู้ ถ่ัวแดง ไขท่ ั้งฟอง น่องไก ่ ปลากระปอง ไข่เจียว ไกท่ อด ปลาทอด ในนา�้ มนั แคบหมู นม นมปราศจากไขมัน นมไขมนั ต�า่ นมเปร้ียว นมสด นมเปรี้ยว ครีม นมรสจืดทกุ ประเภท ไขมันต�า่ โยเกริ ์ตไขมันตา�่ นมขน้ หวาน ไอศกรมี นมถัว่ เหลืองรสจืด นมพร่องมนั เนย ชอ็ กโกแลต ไขมันเติมใน น้�าสลดั ไม่มีน�า้ มัน นา�้ สลัดไขมันตา่� น้�ามนั พชื มาการีน เนย เบคอน อาหาร มายองเนสไร้ไขมนั เมล็ดทานตะวนั ถัว่ ลิสง น�า้ มันหมู เมล็ดมะมว่ งหิมพานต์ เครือ่ งด่ืม นา้� เปลา่ น�า้ ชา ชาเขยี ว กาแฟร้อน น้�าตาล เหลา้ เบียร ์ ไวน์ น้า� อัดลม นา้� สมนุ ไพรท่ีไมเ่ ติมน้�าตาล และครีมเล็กนอ้ ย นา�้ หวาน ชาดา� เยน็ โอเลยี้ ง เครอื่ งดื่มรสผลไม้ อาหารสา� เร็จรปู ประเภทตม้ นงึ่ ยา� ลวก อบ ตุน ประเภทปง ย่าง ประเภทผดั ทอด ใช้กะทิ ตดั ส่วนที่ไหม้ทง้ิ ไป แหลง่ ขอ้ มลู : กองโภชนาการ กระทรวงสาธารณสขุ การมสี มรรถภาพทางกายทด่ี ี ยอ มสง ผลใหบ คุ คลสามารถดาํ เนนิ ชวี ติ ประจาํ วนั ไดอ ยา ง มีประสิทธิภาพ ซึ่งบุคคลควรท่ีจะฝกปฏิบัติดวยการทดสอบสมรรถภาพทางกายในดานตางๆ เปนประจํา เพื่อนําไปสูการพัฒนาแกไขขอบกพรอง เมื่อทราบผลการทดสอบของตนเองแลวก็ นํามาหาวิธีการสรางเสริมและปรับปรุงสมรรถภาพทางกายตามผลการทดสอบ อันจะสงผลให บคุ คลมสี ุขภาพรา งกายที่แข็งแรงสมบรู ณ และมจี ติ ใจที่รา เรงิ แจมใส ปราศจากโรคภยั ไขเ จบ็ ๑2๙ แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tิด เกรด็ แนะครู การรบั ประทานอาหารตามโซนสนี ้นั มีประโยชนอยา งไร ครูอาจใหน ักเรยี นสังเกตวา อาหารที่นักเรียนบริโภคอยูเปน ประจําจัดอยใู น จงอธบิ าย โซนสีใด และควรลดหรือเพ่ิมอาหารชนิดใดบา ง อยางไร แนวตอบ การรบั ประทานอาหารตามโซนสีจะชวยทําให สามารถควบคมุ การรับประทานไดว า ควรรบั ประทานอาหาร นกั เรยี นควรรู ชนดิ ใดใหม าก พอควร หรือนอยทีส่ ดุ เพอ่ื การมสี ุขภาพกาย ที่ดี และสง ผลไปถงึ การมีสุขภาพจิตทด่ี ีเพราะสุขภาพจติ ท่ีดี 1 ฝรง่ั เปนแหลง วติ ามนิ ซที ส่ี ําคัญ ซึ่งมปี รมิ าณของวิตามินซมี ากกวาสม ยอ มอยใู นสุขภาพกายทแ่ี ขง็ แรง สมบูรณ ชวยเสริมสรางภูมคิ ุมกนั และลดโอกาสในการเปน หวดั ได คูมือครู 129

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Explore Explain Expand Engage Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล การตอบคําถามประจําหนว ยการเรยี นรูแ ละ คําถาม ประจําหนว ยการเรยี นรู้ ปฏบิ ัติกจิ กรรมสรา งสรรคพ ฒั นาการเรยี นรจู าก หนงั สอื เรยี น หนา 130 ๑. นักเรียนคดิ ว่า ผู้ท่ีมีอาการเจบ็ ปว่ ยบอ่ ยๆ นน้ั เปน็ ไปได้หรือไมว่ ่าจะมสี าเหตุหนึ่งมาจากการไมค่ ่อย ออกก�าลังกาย หลักฐานแสดงผลการเรียนรู ๒. หลังจากท่ีนักเรียนทดสอบสมรรถภาพทางกาย แล้วพบว่าผลของการทดสอบสมรรถภาพทางกาย 1. ตารางบันทึกการฝกและดแู ลตนเองเพอ่ื ปรับปรงุ อยู่ในเกณฑร์ ะดับพอใช้ นกั เรียนควรท�าอย่างไร สมรรถภาพทางกายจากผลการทดสอบ ๓. เพราะเหตุใดจึงต้องมีการกา� หนดเกณฑอ์ ้างอิงสมรรถภาพทางกาย 2. สมดุ บนั ทึกการตอบคาํ ถามประจาํ หนว ย ๔. ก่อนการพัฒนาสมรรถภาพทางกาย นักเรยี นควรเตรยี มความพรอ้ มอย่างไร การเรยี นรู ๕. หากนักเรียนต้องการให้ระบบไหลเวียนโลหิตท�างานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักเรียนจะสร้างเสริม สมรรถภาพทางกายของตนเองอยา่ งไรบ้าง กจิ กรรม สรา้ งสรรคพฒั นาการเรียนรู้ กิจกรรมท่ี ๑ นักเรยี นจบั คูท่ ดสอบสมรรถภาพทางกายกับเพื่อน พร้อมบนั ทึกผลส่งครูผ้สู อน กิจกรรมท่ี ๒ นกั เรยี นทา� แบบทดสอบสมรรถภาพทางกาย ภายหลงั จากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมท ี่ ๑ แลว้ เขยี นวธิ สี รา้ งเสรมิ และปรบั ปรุงสมรรถภาพทางกายตามผลการทดสอบ และ กิจกรรมท ่ี ๓ ฝึกปฏบิ ตั ติ าม พรอ้ มบนั ทกึ ผลพัฒนาการ ครูเชิญวิทยากรในท้องถ่ินมาให้ความรู้กับนักเรียนเก่ียวกับสมรรถภาพทางกาย และวิธีสร้างเสริมและปรับปรุงสมรรถภาพทางกายตามผลการทดสอบ จากน้ัน นักเรยี นสรุปสาระส�าคญั ส่งครผู สู้ อน ๑3๐ แนวตอบ คาํ ถามประจาํ หนว ยการเรียนรู 1. เปน ไปได เนอ่ื งจากการทีค่ นเราจะมสี ุขภาพกายที่สมบูรณแข็งแรงน้นั จาํ เปน ตอ งออกกาํ ลงั กาย เพราะถาเราไมอ อกกําลังกาย รางกายกจ็ ะไมแ ขง็ แรง ออ นเพลยี และ เจบ็ ปว ยบอ ย เปน ชอ งทางใหเ กดิ โรครา ยแรงไดง า ย ดงั นนั้ การออกกาํ ลงั กายจงึ เปน เสมอื นเกราะปอ งกนั โรคภยั ไขเ จบ็ ตา งๆ อกี ทง้ั ยงั เปน การสรา งภมู คิ มุ กนั ใหแ กร า งกายดว ย 2. หมนั่ ฝกฝนอยา งตอเน่ือง และปรบั ปรุงหรือแกไขขอ บกพรองในส่งิ ทท่ี ําไมไ ด หรอื ยังทําไดไ มด ใี หมีประสทิ ธิภาพมากย่ิงข้ึน 3. เพื่อใหทราบถึงระดับความสามารถ หรอื ระดับสมรรถภาพทางกายในแตละดา นของบุคคล ซ่งึ ทําใหสามารถเลอื กกจิ กรรมการออกกาํ ลังกายใหเ หมาะสมกบั ตนเองได สง ผลใหการพฒั นาสมรรถภาพทางกายนนั้ มปี ระสทิ ธิภาพ 4. แตง กายใหเ หมาะสม ศกึ ษาวิธีการ สถานทีใ่ นการทดสอบ และอบอนุ รา งกายเพ่ือปองกันการบาดเจบ็ 5. ในวัยของนักเรยี นหากตอ งการใหร ะบบไหลเวียนโลหิตทํางานไดอ ยา งมปี ระสทิ ธภิ าพ ควรสรางเสริมสมรรถภาพทางกายของตนเองดวยการว่งิ 1,000 เมตร สาํ หรบั ชาย อายุ 13-18 ป หรือวิ่ง 800 เมตร สาํ หรบั หญงิ อายุ 13-18 ป 130 คมู ือครู

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate เปาหมายการเรียนรู แสดงวธิ กี ารปฐมพยาบาลและเคลอื่ นยาย ผูป ว ยไดอยางปลอดภัย สมรรถนะของผูเรียน 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการแกป ญหา 3. ความสามารถในการใชท กั ษะชวี ิต คุณลกั ษณะอันพึงประสงค 1. ใฝเรยี นรู 2. มุงมน่ั ในการทํางาน 3. มจี ิตสาธารณะ ๗หนวยที่ กระตนุ ความสนใจ Engage การปฐมพยาบาลและการเคลอ่ื นยา้ ยผปู้ ว ยอยา งปลอดภยั ครรู วมพดู คยุ กบั นกั เรยี นถงึ เร่อื ง การปฐมพยาบาลและการเคลอื่ นยา ยผูป วย ตวั ชวี้ ดั การเกิดเหตกุ ารณต า งๆ เชน มีดบาดมอื อยางปลอดภัยเพื่อทดสอบกอ นเรียน จากนน้ั ครูใหนกั เรยี นดภู าพหนาหนว ย แลว ตัง้ คําถาม ■ แสดงวิธกี ารปฐมพยาบาลและเคลื่อนย้ายผู้ปว่ ย น้ํารอนลวก เปนลม แขนหัก ขาหัก ฯลฯ เพ่อื กระตนุ ความสนใจของนักเรียน อย่างปลอดภัย (พ ๕.๑ ม.๑/๑) ซ่ึงอาจจะมีอาการมากหรือนอยแลวแต กรณี หากเราพบเห็นเหตุการณ หรือตกอยู • จากภาพท่เี หน็ นกั เรียนคดิ วาบุคคลในภาพ สำระกำรเรยี นรู้ ในสถานการณน้ันๆ ก็ควรใหความชวยเหลือ กาํ ลงั ทําอะไร ปฐมพยาบาลและเคล่ือนยายผูปวยอยางถูกวิธี ■ การปฐมพยาบาลและเคลอื่ นย้ายผปู้ ่วยอย่างปลอดภยั ทัง้ นเ้ี พ่ือบรรเทาอาการของผูปว ย ดงั นน้ั ทกุ คน • เพราะเหตุใดเราจงึ ตองปฐมพยาบาลและ - เปนลม ควรมีความรู ความเขาใจถึงวิธีการปฐมพยาบาล เคล่ือนยายผปู วยอยางปลอดภยั - บาดแผล และการเคล่ือนยายผูปวย ใหสามารถปฏิบัติได - ไฟไหม้ อยางถูกตองถูกวิธี ซ่ึงนับเปนการชวยเหลือผูปวย • นกั เรยี นคดิ วาการปฐมพยาบาล และการ - กระดกู หัก ใหปลอดภยั ได เคลื่อนยา ยผูป วยนนั้ มีความสาํ คัญเพียงใด - นา้� รอ้ นลวก ฯลฯ • ในชวี ิตประจาํ วันนักเรียนเคยพบเห็น การปฐมพยาบาลหรอื การเคลอ่ื นยา ยผปู ว ย ในสถานการณฉกุ เฉินบา งหรอื ไม เกร็ดแนะครู ครูอาจนําภาพเกย่ี วกับสถานการณตา งๆ ท่แี สดงถงึ การปฐมพยาบาลและ การเคลอ่ื นยา ยผปู ว ยมาใหน กั เรยี นดู พรอ มทงั้ อธบิ ายประกอบเพอ่ื กระตนุ ความสนใจ ของนกั เรยี นและเพอ่ื ใหนักเรยี นไดเกดิ ความเขาใจและความพรอมในการเรียน มากข้ึน คูมือครู 131

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Engage กระตนุ ความสนใจ ครูตง้ั คําถามเพื่อกระตนุ ความรู โดยใหน ักเรียน ๑. ความรู้ทัว่ ไปเกย่ี วกับการปฐมพยาบาล1 แสดงความคิดเหน็ ไดอยางอิสระ การปฐมพยาบาล หมายถงึ การใหค้ วามชว่ ยเหลอื ตอ่ ผปู้ ว่ ยท่ีไดร้ บั อบุ ตั เิ หตใุ หพ้ น้ จากอนั ตราย หรือลดอนั ตรายให้น้อยลง โดยใชอ้ ปุ กรณ์เท่าท่ี • นกั เรยี นคิดวา การปฐมพยาบาลคอื อะไร จะสามารถหาได้ในขณะน้ัน ก่อนท่ีจะน�าผู้ป่วย (แนวตอบ ขนึ้ อยกู บั คาํ ตอบของนักเรียน โดย สง่ ต่อไปยังสถานพยาบาลตอ่ ไป อาจตอบวา เปน การใหค วามชว ยเหลอื ตอ ผปู วยทไ่ี ดร บั อุบัติเหตใุ หพน จากอันตราย) ๑.๑ วตั ถปุ ระสงคข์ องการ ปฐมพยาบาล • นักเรยี นเคยใหก ารปฐมพยาบาลแกผูอน่ื หรือไม ถา เคยนักเรยี นใหก ารปฐมพยาบาล การปฐมพยาบาลมีวัตถุประสงค์ที่ ในสถานการณอ ะไรและใหการปฐมพยาบาล สา� คญั ดงั น้ี อยา งไร (แนวตอบ ขึ้นอยกู ับคาํ ตอบของนกั เรยี น) ๑. เพื่อช่วยชีวิต และลดความ รนุ แรงของการเจบ็ ปว่ ยให้นอ้ ยลง • หลักสําคัญทตี่ องคํานงึ ถงึ เปน อนั ดบั แรก ในการปฐมพยาบาลเบอ้ื งตนคืออะไร ๒. เพอ่ื ลดภาวะแทรกซอ้ นทเี่ กดิ ขน้ึ (แนวตอบ ข้นึ อยูก บั คาํ ตอบของนกั เรยี น ตามมา โดยอาจตอบวา ความปลอดภัยของสถานท่ี เกิดเหตุ ซง่ึ นักเรยี นจะไดศึกษาในเนือ้ หา ๓. ปอ้ งกนั ความพกิ ารทอี่ าจเกดิ ขนึ้ ตอ ไป) ตามมาภายหลัง ๔. จดั เตรยี มหรอื เคลอ่ื นยา้ ยผปู้ ว่ ย ไดอ้ ยา่ งถูกวธิ ี ในบางกรณีผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการปฐมพยาบาลโดยเร็ว ๑.๒ ห ลักสา� คญั ในการ อาจถึงแก่ชีวิตได้ ปฐมพยาบาล การปฐมพยาบาลนนั้ จา� เปน็ ตอ้ งกระทา� โดยรวดเรว็ และถกู ตอ้ งทส่ี ดุ ซง่ึ การปฐมพยาบาล จะไดผ้ ลดมี ากหรอื นอ้ ยเพยี งใด ยอ่ มตอ้ งค�านงึ ถงึ ทงั้ ผปู้ ฐมพยาบาล และผปู้ ว่ ยใหม้ กี ารปฐมพยาบาล ท่ีถูกตอ้ ง ผปู้ ว่ ยไดร้ ับความปลอดภยั โดยหลักสา� คัญในการปฐมพยาบาล มดี งั น้ี ๑. ความปลอดภยั ของสถานทเี่ กดิ เหตุ ผปู้ ฐมพยาบาลจะตอ้ งคา� นงึ ถงึ อนั ดบั แรกกอ่ น เขา้ ไปให้ความชว่ ยเหลือผู้อนื่ ๒. เมื่อมผี ้ไู ด้รบั อบุ ัติเหตุ ควรให้ผ้ปู ่วยนอนพักนิ่งๆ ในทา่ ทส่ี บายที่สุด หรอื ในท่าที่ ถูกตอ้ งต่อการปฐมพยาบาล แลว้ แต่อาการของการเจบ็ ป่วยแตล่ ะแบบ ๓. ทา� ให้บรเิ วณนั้นมีอากาศถา่ ยเท ปลอดโปร่ง ไมม่ ีคนมงุ ดู มแี สงสวา่ งเพยี งพอที่ จะทา� การปฐมพยาบาลได้สะดวก ๑3๒ นักเรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET ขอ ใดจัดเปนคุณลกั ษณะของผูใ หก ารปฐมพยาบาลที่สาํ คญั ทส่ี ดุ 1 การปฐมพยาบาล เบ้อื งตนมขี อปฏิบัตสิ าํ หรบั กรณฉี กุ เฉนิ ดงั น้ี 1. หนูดีตัดสินใจไดเ ร็วท่ีสุด 1. ตัง้ สติใหไ ดอยา ตกใจ 2. นอ งหนคู วบคุมสตไิ ดม่นั คง ไมต กใจงา ย 2. ขอความชว ยเหลือ 3. หนนู ามีความเสียสละเตม็ ใจจะชว ยอยา งเตม็ ที่ 3. ปฐมพยาบาลเบือ้ งตน 4. หนเู ลก็ มีความรเู รือ่ งการปฐมพยาบาลอยา งถูกตอ ง • ชวยหายใจ ใหอ ากาศเขาปอดสะดวก คลายเสือ้ ผา ใหหลวม วเิ คราะหคาํ ตอบ การปฐมพยาบาลเปน การใหความชวยเหลือ • หา มเลือด ผูป วยใหพ นจากอนั ตรายหรือลดอนั ตรายใหน อยลงกอนท่ีจะนาํ • นอนนิ่งๆ หม ผา คอยสงั เกตอาการ จบั ชพี จรเปน ระยะ ผปู วยสง สถานพยาบาลตอ ไป ซ่งึ ผใู หก ารปฐมพยาบาลจะตอ งมี • ถามกี ระดกู หักอยา เคลือ่ นยาย ความรูเรอ่ื งการปฐมพยาบาลอยา งถูกตอ งมาเปนอันดับแรก จึงจะ • หามรับประทานสิง่ ใด (ถา ไฟลวกรนุ แรงใหจ บิ นํา้ คําเลก็ ๆ) สามารถชวยเหลอื ผูปว ยใหป ลอดภยั ได หากผูใหการปฐมพยาบาล ไมมีความรูเบ้ืองตนเกี่ยวกับการปฐมพยาบาลแลว อาจสง ผลให ผปู วยไดร ับอนั ตรายเพม่ิ มากขนึ้ ได ตอบขอ 4. 132 คูมอื ครู

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Engage กระตนุ ความสนใจ ๔. ส�ารวจระบบที่ส�าค1ัญของร่างกายอย่างรวดเร็ว และวางแผนการช่วยเหลืออย่าง ครนู ําแผน ภาพประกอบการบรรยาย (VCD) เหมาะสม คอยสงั เกตอาการ ชพี จร และการหายใจของผู้ป่วยตลอดเวลา เก่ียวกบั การปฐมพยาบาลมาเปด ใหน กั เรยี นดู เพ่อื กระตนุ ความสนใจของนกั เรียน และเพ่อื ให ๕. หา้ มเคลอื่ นยา้ ยผปู้ ว่ ยทนั ทโี ดยทยี่ งั ไมไ่ ดเ้ ตรยี มการ เพราะอาจทา� ใหผ้ ปู้ ว่ ยเกดิ อาการ นักเรียนไดเกดิ ความรคู วามเขา ใจไดอยางชดั เจน บาดเจ็บมากข้ึน หากผู้ป่วยมีอาการกระดูกหัก ซึ่งถ้ามีการเคล่ือนย้ายท่ีไม่ถูกวิธีอาจมีผลท�าให้ มากยิ่งขึ้น ผปู้ ว่ ยพิการไปตลอดชีวิตได้ จากนั้นครูรว มพูดคุยกับนกั เรียนเก่ยี วกับ ๖. ถ้าสถานท่ีนั้นไม่ปลอดภัย เช่น อยู่ในน้�า กลางถนน ไฟไหม้ หรือสถานท่ีน้ัน การปฐมพยาบาลที่ไดด ูไปแลวเพ่อื นาํ เขาสบู ทเรียน ไม่สะดวก ใหท้ �าการเคลือ่ นย้ายผปู้ ว่ ยไปอยู่ในท่ที ี่ปลอดภัยก่อนให้การปฐมพยาบาล ๗. การน�าส่งหรือเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ควรก�าหนดให้ชัดเจนว่าจะน�าส่งในลักษณะใด เช่น พยุง แบก อุ้ม หรือหามด้วยเปล และน�าส่งในท่าอย่างไรให้เหมาะสมกับสภาพของผู้ป่วย และผูป้ ว่ ยได้รับความปลอดภยั มากทีส่ ดุ ๘. ในการนา� สง่ สถานพยาบาล ควรมกี ารรายงานเรอ่ื งราวของผปู้ ว่ ยเกยี่ วกบั เหตกุ ารณ์ อาการต่างๆ และการปฐมพยาบาลที่ได้ให้มาก่อน เพื่อแพทย์จะได้วินิจฉัยท�าการรักษาได้อย่าง ถกู ตอ้ งตอ่ ไป ๙. ผู้ปฐมพยาบาลควรให้การช่วยเหลือผู้ป่วยตามล�าดับความรุนแรงของอาการ หรือความรนุ แรงทผ่ี ปู้ ่วยไดร้ บั โดยเรยี งตามล�าดับความสา� คัญ ดงั นี้ ๑. การหยดุ หายใจ ๒. ทางเดินหายใจอดุ ตัน ๓. หวั ใจหยดุ เต้น ๔. การเสียเลอื ดจ�านวนมากอย่างรวดเรว็ ๕. หมดความรู้สึก ๖. ความเจ็บปวด ๗. กระดกู หกั ผู้ปฐมพยาบาลเป็นผู้ที่มีบทบาทส�าคัญในการช่วยเหลือให้ผู้ป่วยรอดชีวิตจากการ บาดเจ็บหรือการเจ็บป่วยท่ีรุนแรง ดังน้ันนอกจากจะเป็นผู้ที่มีความรู้และผ่านการฝึกฝนทักษะ การปฐมพยาบาลมาเปน็ อยา่ งดแี ลว้ ยงั ตอ้ งมคี ณุ สมบตั ดิ า้ นอนื่ ๆ อกี จงึ จะสามารถปฐมพยาบาลได้ เช่น ต้องมีสติ ไม่ต่ืนเต้นหรือตกใจจนเกินไป ควรให้การปฐมพยาบาลอย่างรวดเร็ว นุ่มนวล และต้องค�านึงถึงสภาพจิตใจของผู้ป่วย ซึ่งควรปลอบประโลม ให้ก�าลังใจเพ่ือสร้างความม่ันใจให้ แกผ่ ปู้ ว่ ยวา่ ผปู้ ว่ ยจะไดร้ บั การชว่ ยเหลอื และปลอดภยั อกี ทง้ั ผปู้ ฐมพยาบาลจะตอ้ งรตู้ วั อยเู่ สมอวา่ การช่วยเหลือบางอย่างเกินขอบเขตความสามารถของตนเองหรือไม่ และจะต้องน�าผู้ป่วยส่งถึง แพทย์โดยเรว็ ทีส่ ดุ ๑33 ขอ สอบ O-NET เกรด็ แนะครู ขอสอบป ’53 ออกเก่ยี วกับการตรวจสอบอาการแสดงของผูป วย ครสู ามารถสอบถามรายละเอยี ดการตดิ ตอ ขอรบั แผน ภาพประกอบการบรรยาย เราสามารถตรวจสอบอาการหมดสติของผูป ระสบอบุ ตั เิ หตุ เกย่ี วกบั การปฐมพยาบาลเบอื้ งตนไดจ าก ศูนยฝ กอบรมปฐมพยาบาลและสุขภาพ อนามยั สภากาชาดไทย โทรศพั ท 0-2251-7853-6 เวบ็ ไซต http://www.redcross. ไดด วยวธิ ใี ด or.th/aboutus/bureau/rfi staid 1. ใชไ ฟฉายสอ งท่ีตา 2. สงั เกตการกระตกุ ของกลามเนือ้ หากทางโรงเรยี นไมสามารถเปดแผนภาพประกอบการบรรยาย (VCD) ให 3. สัมผัสลมหายใจที่จมูก นักเรยี นดไู ด ครอู าจนาํ ภาพหรือแสดงวิธกี ารปฐมพยาบาลที่ถกู ตอ ง โดยอาจสมุ 4. ดกู ารเคลื่อนไหวทีห่ นาอก นักเรยี นออกมา 1 คน เปน หนุ ใหค รูสาธิตใหนักเรยี นดูแทน วเิ คราะหคาํ ตอบ เม่ือผูป ระสบอุบตั ิเหตมุ ีอาการหมดสติ นกั เรยี นควรรู หลกั สาํ คญั อนั ดบั แรกในการปฐมพยาบาลเบอ้ื งตน คอื สาํ รวจ ระบบทสี่ าํ คญั ของรา งกายอยา งรวดเรว็ และวางแผนการชว ยเหลอื 1 ชพี จร หรอื อตั ราการเตน ของหวั ใจ เกิดจากการขยายตวั และหดตวั ของ อยา งเหมาะสม คอยสงั เกตอาการ ชีพจร และการหายใจของ หลอดเลอื ดแดง เนื่องจากมกี ารไหลเวยี นของโลหิต ซงึ่ ในวยั รนุ จะมีชพี จรปกติ เฉล่ียประมาณ 60-100 bmp (ครงั้ ตอนาท)ี ผปู ว ยตลอดเวลา โดยใชก ารสมั ผสั ทจี่ มูก ตอบขอ 3. คูม ือครู 133

กระตนุ ความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore สาํ รวจคน หา Explore ใหน กั เรยี นแบง กลมุ ออกเปน 7 กลมุ จบั สลาก ò. ÇÔ¸¡Õ Òû°Á¾ÂÒºÒÅÍÂÒ‹ §»ÅÍ´ÀÑ เลอื กวธิ กี ารปฐมพยาบาล พรอ มทง้ั ใหนกั เรยี น เตรยี มอปุ กรณป ระกอบมาในวันตอ ไปเพื่อเตรยี ม การปฐมพยาบาลจ�าเป็นจะต้องมีความรู้ ความเข้าใจ ถึงหลักและวิธีการปฐมพยาบาล นําเสนอในรปู แบบบทบาทสมมตใิ นประเด็น ท่ีถูกต้อง เพ่ือการช่วยเหลือที่ถูกวิธีให้ผู้ป่วย ได้รับความปลอดภัย ซ่ึงมีวิธีการในการ • การหามเลอื ดจากแผล ปฐมพยาบาลตามลักษณะของอาการบาดเจ็บ • การปฐมพยาบาลเมอ่ื ไดร บั บาดแผล ดังนี้ • การปฐมพยาบาลเมื่อถูกสตั วม ีพษิ กัดตอย ๒.๑ การปฐมพยาบาลบาดแผล • การปฐมพยาบาลเมอ่ื ถกู ไฟไหมน ํ้ารอ นลวก • การปฐมพยาบาลเมอ่ื เลอื ดกําเดาไหล บาดแผล หมายถึง การชอกช้�า • การปฐมพยาบาลคนเปนลม ฉีกขาดของผิวหนัง และ/หรือเนื้อเยื่อของ • การปฐมพยาบาลเม่อื กระดูกหกั ร่างกายซ่ึงเป็นสาเหตุส�าคัญที่ท�าให้เกิดอาการ ต่างๆ แทรกซ้อนขนึ้ ได้ ซงึ่ ถา้ หากไมไ่ ดร้ ับการ บาดแผลท่ไี ม่ไดม้ กี ารดูแลรักษาอย่างถกู ตอ้ ง อาจทา� ให้ ดูแลรักษ1าอย่างถูกต้อง เช่น การเกิดหนอง เกดิ การอกั เสบ เกิดหนอง และบาดทะยักได้ บาดทะยัก เป็นตน้ หลักส�ำคัญของกำรปฐมพยำบำล บำดแผล มีดังนี้ ๑. ถา้ มเี ลอื ดไหล จะตอ้ งหา้ มเลอื ดโดยวธิ ีใดวธิ หี นงึ่ ตามท่ีไดก้ ลา่ วไวข้ า้ งตน้ กอ่ นเสมอ ๒. ถา้ มอี าก2ารช็อกหรือเป็นลม ควรรกั ษาอาการช็อกหรือเปน็ ลมเสียก่อน ซงึ่ วิธกี าร ปฐมพยาบาลอาการช็อกสามารถท�าได้โดยให้ผู้ป่วยนอนราบ ยกขาให้สูงกว่าระดับหัวใจ คลาย เสื้อผ้าให้หลวม ท�าให้ร่างกายอบอุ่น และตรวจชีพจรการหายใจ ส�าหรับผู้ป่วยท่ีเป็นลมสามารถ ให้การปฐมพยาบาลได้โดยการลดอณุ หภมู ิของร่างกาย เชน่ ประคบดว้ ยผ้าเยน็ เปิดพดั ลมเบาๆ เปน็ ต้น ถ้าผปู้ ว่ ยรสู้ ึกตวั ดีแล้วใหด้ ม่ื น้า� เยน็ ถา้ อาการยงั ไม่ดขี ึ้นให้รบี นา� ส่งสถานพยาบาลทันที ๓. เม่ือเลือดหยุด ให้ท�าความสะอาดบาด3แผล โดยส่ิงที่ใช้ท�าความสะอาดแผลก็ สามารถหาไดง้ ่ายๆ เชน่ น้�าตม้ น้า� เกลือ น�้ายาดา่ งทบั ทมิ แอลกอฮอล์ เป็นตน้ จากนั้นใชผ้ ้ากอซ หรอื ส�าลที ี่สะอาดปดิ แลว้ พนั ผา้ ไว้ ถา้ บรเิ วณรอบๆ บาดแผลยังสกปรกอยู่ใหล้ ้างแผลด้วยสบูก่ อ่ น ๔. ขณะท�าความสะอาด ควรตรวจบาดแผลด้วยว่ามีลักษณะอย่างไร ความกว้าง ความลกึ มีอะไรหักคาติดอยทู่ ่ีแผลหรือไม่ ๕. รีบนา� ส่งสถานพยาบาลโดยดว่ น ๖. บันทึกเหตุการณ์ และเรื่องราว ตลอดจนการปฐมพยาบาล เพ่ือเป็นข้อมูล ให้กบั แพทย์ในการรกั ษาตอ่ ไป ๑3๔ นกั เรียนควรรู ขอ สอบ O-NET ขอ สอบป ’51 ออกเกยี่ วกบั วธิ ีการปฐมพยาบาลอยางปลอดภยั 1 บาดทะยัก คือ โรคท่เี กดิ จากตัวเชือ้ โรคบาดทะยัก (Clostridium Tetani) ถานกั เรยี นพบผูท ป่ี ระสบอุบัติเหตรุ ถชน และตอ งการความ เขา สแู ผล ทาํ ใหม อี าการกระตกุ ชกั แขง็ และหลงั แอน ซง่ึ โดยมากอาจทาํ ใหถ งึ ตายได ชวยเหลือ นกั เรยี นจะตอ งทาํ สง่ิ ใดเปน อนั ดับแรก 2 ช็อก (Shock) เปน สภาวะทเ่ี ลือดไมส ามารถนําออกซเิ จนไปเล้ียงเนื้อเย่อื 1. ตรวจสอบการหายใจและการเตนของหัวใจ ตา งๆ ท่วั รา งกายใหเ พียงพอได ซึ่งสว นใหญก ารเสยี เลือดจะเปนสาเหตุสาํ คญั 2. จับชีพจร และสาํ รวจสภาพรางกาย ทีท่ าํ ใหเกิดอาการชอ็ ก 3. วดั อณุ หภมู ิของรา งกาย สังเกตการหายใจ 3 นํ้ายาดา งทบั ทิม เปน สารละลายที่มีลักษณะเปน เกลด็ แขง็ มีสีมว ง สามารถ 4. สงั เกตมานตา การหายใจ ลักษณะของสี นํามาใชประโยชนใ นกระบวนการทางอาหาร เปน ยาฆาเชื้อโรค ตา นเชอื้ แบคทเี รยี วเิ คราะหค าํ ตอบ เมือ่ พบผูท ีป่ ระสบอุบตั ิเหตุรถชน และ และเชอื้ ราได ตองการความชว ยเหลอื สงิ่ แรกที่ตอ งทาํ คือ ตรวจสอบการ หายใจและการเตน ของหวั ใจ เพราะเปนการตรวจสอบเบื้องตน วาอาการสาหัสเพยี งใด ตอบขอ 1. 134 คมู อื ครู

กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ลักษณะของบาดแผล อาจมีหลายลักษณะ ขึ้นอยู่กับอุบัติเหตุท่ีได้รับ แล้วแต่กรณี ใหกลมุ ท่ีจับสลากไดเร่ืองการปฐมพยาบาล เช่น บาดแผลตดั บาดแผลชา�้ บาดแผลถกู แทง เปน็ ตน้ เม่ือไดร ับบาดแผลออกมาแสดงบทบาทสมมติ พรอ มท้งั สาธติ วธิ กี ารปฐมพยาบาลบาดแผล ๑) บำดแผลตัด แผลฉีกขาด ลักษณะตางๆ ประมาณ 5 นาที ที่มีขอบแผลเรียบ เรามักจะเรียกว่าแผลตัด โดยหลังจากการแสดงจบแลวครชู วยอธบิ าย เป็นแผลที่เกิดจากของมีคมบาดลึกเข้าไปใน เพ่ิมเติม และเปดโอกาสใหน ักเรยี นในหอ งซกั ถาม เนื้อเย่ือใต้ผิวหนัง เช่น มีดบาด กระจกบาด ถึงขอ สงสยั จากเรอื่ งทไี่ ดแ สดงไป จากน้นั ให ฝากระปอ งบาด เป็นต้น อาจเปน็ บาดแผลต้ืนๆ นักเรยี นจบั คกู ัน ผลัดกนั แสดงวธิ ีการปฐมพยาบาล หรือบาดแผลตัดลึกก็ได้ มักจะมีเลือดออกมาก เมอ่ื ไดร ับบาดแผลที่ถูกตอง และสุมนกั เรียน เน่ืองจากเส้นเลือดถูกตัดขาดบริเวณขอบแผล ประมาณ 2-3 คู ออกมาแสดงวธิ กี ารปฐมพยาบาล ซึง่ มีวธิ กี ารปฐมพยาบาล ดงั นี้ หนา ช้นั เรียน โดยครชู ว ยอธบิ ายและสาธิตเพ่ิมเติม ๑. ถ้าบาดแผลเล็กและเลือด ออกน้อย ให้ท�าการห้ามเลือด โดยการใช้ผ้า สะอาดกดลงบนบาดแผลประมาณ ๑๕-๒๐ นาที ๒. ถ้าเลือดหยุดแล้วให้ล้างน้�า ทา� ความสะอาดบาดแผล ๓. ถา้ เปน็ บาดแผลกวา้ งและลกึ มเี ลอื ดออกมาก ไมต่ อ้ งลา้ งแผล ใหใ้ ชผ้ า้ สะอาด ลกั ษณะบาดแผลตัด กดหา้ มเลือด แลว้ รีบส่งสถานพยาบาลทนั ที ๒) บำดแผลช�้ำ เป็นอาการบวม แดง คล้า� หรอื เขียว ไมม่ บี าดแผล ซึ่งอาจเกิด จากการกระแทกจากของแข็งทีไ่ ม่มีคม แต่อาจ มอี าการฉกี ขาดของเนื้อเยื่อ และเสน้ เลือดฝอย ใตผ้ วิ หนงั โดยสามารถใหก้ ารปฐมพยาบาล ดงั น้ี 1 ๑. ใน ๒๔ ชวั่ โมงแรกใหป้ ระคบ ดว้ ยความเยน็ เชน่ ถงุ ใสน่ า้� แขง็ หรอื เจลแชเ่ ยน็ แล้วน�าไปประคบเพื่อห้ามเลือดและเพ่ือระงับ ความเจบ็ ปวด ๒. หลงั ๒๔ ชวั่ โมง สามารถ ประคบดว้ ยความรอ้ นได้ เพอ่ื ลดอาการปวดบวม ถ้ายังมีอาการปวดมาก อาจใหย้ าระงับปวดชว่ ย ลักษณะบาดแผลชา้� ๑3๕ ขอสอบ O-NET เกร็ดแนะครู ขอสอบป ’53 ออกเก่ียวกบั การปฐมพยาบาลบาดแผลชาํ้ ในการสาธติ วิธกี ารปฐมพยาบาลเบ้อื งตน ครูควรสาธติ วิธกี ารที่ถกู ตองและ การถกู ตอี ยา งแรงทหี่ นา ผาก ตาหรอื แกม มกั จะทาํ ใหเ ลอื ดคง่ั ชดั เจนใหแกน กั เรียน ในเนื้อเยอื่ ออ นรอบๆ ดวงตา ผวิ หนงั จะเปน สคี ลาํ้ และบรเิ วณนนั้ นักเรียนควรรู จะบวม ผปู ฐมพยาบาลควรปฏบิ ตั อิ ยา งไรเปน อนั ดบั แรก เพอื่ ลด อาการบวมและบรรเทาความเจบ็ ปวด 1 ประคบดว ยความเย็น ความเยน็ จะทาํ ใหห ลอดเลอื ดหดตวั และมเี ลอื ดมาเลยี้ ง บริเวณที่อกั เสบนอยลง จึงสามารถชวยลดอาการปวดบวมได 1. ประคบดวยความอนุ 2. ประคบดวยความเยน็ 3. ประคบดว ยความรอ น 4. ใชย าขผ้ี ึ้งแกป วดบวมทา วเิ คราะหคําตอบ ใน 24 ชั่วโมงแรกใหป ระคบดว ยความเยน็ เพื่อหา มเลือดและระงับความเจบ็ ปวด หลงั จาก 24 ช่ัวโมง จึงสามารถประคบดว ยความรอนได เพ่อื ลดอาการปวดบวม ตอบขอ 2. คมู ือครู 135

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหน กั เรยี นกลมุ ทจี่ บั สลากไดเ รอ่ื ง การหา มเลอื ด ๓) บำดแผลถูกแทง เป็นแผลท่ีเกิดจากวัตถุปลายแหลมแทงเข้าไปท�าให้เกิด จากแผลออกมาแสดงบทบาทสมมติ พรอ มทง้ั สาธติ วิธกี ารหามเลือดแบบตางๆ ประมาณ 5 นาที บาดแผลท่ีมีความลึกมากกว่าความยาว ถ้าลึกลงไปถูกอวัยวะส�าคัญจะมีเลือดออกได้มาก โดยหลังจากการแสดงจบแลว ครูชว ยอธบิ าย และเป็นสาเหตุท�าให้เกิดการตกเลือดภายใน เพิ่มเติม และใหน ักเรยี นทาํ กิจกรรมในแบบวดั ซ่ึงบาดแผลที่ถูกแทงนี้ หากมีสิ่งใดหักคาอยู่ และบนั ทกึ ผลการเรียนรู กจิ กรรมที่ 7.1 ไมค่ วรดงึ ออก แตใ่ หพ้ นั ผา้ รอบสงิ่ ทห่ี กั คาเพอื่ ให้ อยนู่ ่ิง แล้วรีบนา� สง่ สถานพยาบาล ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝกฯ สุขศึกษา ม.1 กิจกรรมท่ี 7.1 ๒.๒ การหา้ มเลอื ดบาดแผล หนว ยท่ี 7 การปฐมพยาบาลและการเคล่อื น ยายผูปว ยอยา งปลอดภัย โดยปกตเิ มอ่ื คนเรามบี าดแผล หาก บาดแผลไม่ใหญ่เกินไปเลือดมักจะหยุดได้เอง ภายในเวลาอันรวดเร็วเน่ืองจากการท�าหน้าที่ กจิ กรรมตามตวั ชี้วดั คะแนนเต็ม คะแนนทไ่ี ด อย่างมีประสิทธิภาพของกลไกการห้ามเลือด กจิ กรรมที่ ๗.๑ ใหนักเรียนอธิบายวิธีการหามเลือดตามตําแหนงตางๆ ของ ñõ รางกายดังตอ ไปน้ี (พ ๕.๑ ม.๑/๑) วธิ กี ารหา มเลอื ด …ใช…ผ …า …ส…ะ…อ…าด…ท……บ…ก…นั …ห…น…า…ๆ……ว…าง…บ…น……ต…าํ แ…ห…น……ง ท……เ่ี ล…อื …ด…อ…อ…ก……แ…ล…ว …ใช…ผ…า ของร่างกาย แต่ถ้าเป็นบาดแผลท่ีใหญ่และมี บริเวณศรี ษะ …พ…นั …แ…ผ…ล…พ…ัน…ท…ับ……อ…กี …ท…ใี …ห…แ…น…น……………………………………………………………….. เลอื ดไหลออกมามากโดยไมห่ ยดุ ถา้ ไมไ่ ดท้ า� การ ………………………………………………………………………………………………………………. วธิ ีการหามเลอื ด …ใช…ผ …า …ห…น…า…ๆ…ห…ร…อื…ส……าํ ล…หี…น……าๆ……ว…า…งซ…อ…น……ก…นั …บ…น…ต…าํ…แ…ห…น…ง…ท…เี่…ล…อื …ด…อ…อ…ก บาดแผลถูกแทง หากมีสิ่งใดหักคาอยู่ให้พันผ้ารอบสิ่งที่ ห้ามเลือด อาจท�าให้ผู้ป่วยมีอาการทรุดลงและ บรเิ วณคอ …แล…ว…ก…ด……ด…ว ย…น……ิว้ …ม…อื ……………………………………………………………………………….. หักคาเพื่อให้อยู่นิง่ อาจเสียชีวิตได้ มีวิธปี ฐมพยาบาล ดงั น้ี ………………………………………………………………………………………………………………. ๑) กำรหำ้ มเลือด1บำดแผลทัว่ ไป เฉฉบลับย วิธกี ารหา มเลือด …ใช…น…ิว้…ห…วั …แ…ม…ม…อื …แ…ล…ะ…น…ิว้ …ชี้บ……ีบ…ท…ีส่ …อ…ง…ข…า…ง…ขอ…ง…แ…ผ…ล………………………………… บริเวณริมฝป าก ……………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………. วธิ ีการหา มเลือด …ให…ผ…ูป…ว…ย…ก…ํา…ผ…า …ห…ร…อื …ส…ํา…ล…ีท…ส่ี …ะ…อ…า…ด…ให……แน……น……แ…ล…วใ…ช…ผ …า …พ…ัน…ร…อ…บ…ม…อื…… ๑. ใช้ผ้าสะอาดวางบนแผล แล้วใช้นิ้ว บรเิ วณขอ มอื กดลงบนผา้ นน้ั ……………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………. วธิ กี ารหา มเลือด …ยก……แข…น……ให…ส……งู ข…้นึ ……ก…วา…ร…ะ…ด…ับ…ห…ัว…ใ…จ……ห…ร…อื …ก…ด…เส……น…เล……ือด……โด…ย…ใ…ช…ผ …า…ท…บ บริเวณตนแขน …ก…ัน…ห…น…า…ๆ……ห…ร…อื …ผ…า …พ…ัน…แ…ผ…ล………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………. วธิ ีการหา มเลอื ด …ใช…น…วิ้…ก…ด…ห…ร…อื…ใ…ช…ส…า…ย…ย…า…ง…รดั……เห…น…ือ…แ…ผ…ล……แ…ล…ว …ย…ก…ข…า…ให…ส……งู ……………… บริเวณตน ขา ๕๖ ……………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………. ๒. ยกสว่ นทม่ี เี ลอื ดออกใหส้ งู กวา่ ระดบั หัวใจ ยกเวน้ สว่ นที่มีกระดูกหักรว่ มดว้ ย ๑3๖ ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET จากภาพเปนลักษณะบาดแผลชนดิ ใด และมวี ธิ กี าร เกรด็ แนะครู ปฐมพยาบาลอยางไร ครอู าจสุมนักเรียนออกมา 2 คน จบั คูกนั แสดงวธิ กี ารหา มเลือดจากแผล เพ่อื ทดสอบความเขาใจของนกั เรียน นักเรียนควรรู แนวตอบ บาดแผลตัด มีวิธีการปฐมพยาบาลดงั น้ี 1. หามเลือดโดยใชผา สะอาดวางบนแผล แลวใชน้วิ กดลงบนผา 1 การหา มเลือด การหามเลือดจากแผลน้นั นอกจากจะใชว ธิ กี ารตามทฤษฎีใน 2. ยกสวนทมี่ เี ลอื ดออกใหส งู กวาระดบั หวั ใจ หนังสือแลว ยังสามารถนาํ สมนุ ไพร เชน ใบบัวบกมาใชในการหามเลือดไดอ กี ดว ย 3. ใชน ํา้ แขง็ ประคบบรเิ วณบาดแผลเพือ่ ใหเ ลอื ดแขง็ ตวั เรว็ ขน้ึ ซ่ึงวธิ ีการกค็ อื ใชใ บสด 20-30 ใบ ลางใหสะอาด แลว นํามาตาํ พอกแผลสด จะชวย 4. หากบาดแผลกวา งและลึกหลังจากหา มเลอื ดแลวใหรีบนําสง หามเลอื ดและรักษาแผลใหหายเรว็ ได สถานพยาบาลทนั ที 136 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๓. ใช้น้�าแข็งประคบบรเิ วณบาดแผล ครอู าจตัง้ คําถามเพอ่ื อธิบายเพ่ิมเติมและ เพื่อใหเ้ ลือดแขง็ ตัวเรว็ ขน้ึ ใหไดขอ สรุปทตี่ อ งรว มกนั เกีย่ วกับการหามเลอื ด บาดแผล ๒) กำรห้ำมเลือดตำมต�ำแหนงตำงๆ ของรำงกำย มีวธิ ีปฐมพยาบาล ดังนี้ • วธิ ีการหา มเลอื ดทด่ี คี วรปฏิบัตอิ ยางไร แทนผ้าพนั แผลห(ร๑ือ) ผศ้าีรกษอ ซะ1 ใช้ผ้าสะอาดทับกันหนาๆ (แนวตอบ ควรยกสว นทีม่ เี ลือดออกใหส งู ขน้ึ หรอื อาจใชส้ �าลหี นาๆ วาง กวาระดับหวั ใจ) บนต�าแหน่งที่เลือดออก แล้วใช้ผ้าพันแผลพันทับอีกที ใหแ้ นน่ • เพราะเหตุใดจงึ ตอ งใชนํา้ แข็งประคบบรเิ วณ (๒) ลน้ิ หรอื รมิ ฝป าก ใหใ้ ชน้ ว้ิ หวั แมม่ อื บาดแผล และนิว้ ชีบ้ บี ทีส่ องขา้ งของแผล (แนวตอบ เพอื่ ใหเ ลอื ดแข็งตวั เรว็ ขึ้น และชวย (๓) บริเวณคอ ใช้น้ิวมือกดบนหลอด ลดอาการปวดบวมลงได) โลหติ หรอื ใชผ้ า้ หนาๆ หรือส�าลีหนาๆ วางซ้อนกัน แลว้ การหา้ มเลอื ดทศี่ รี ษะ • เมอื่ นกั เรยี นตอ งตกอยใู นสถานการณฉ กุ เฉนิ แลวพบวา เพื่อนของนักเรยี นมเี ลอื ดออก บริเวณฝา มอื นักเรยี นจะปฏิบัติอยา งไร (แนวตอบ ใหเ พื่อนกําผา หรอื สาํ ลีที่สะอาด ใหแนน แลว ใชผาพนั รอบมอื ทบั ไว จากนน้ั ใชผ าคลอ งคอหอ ยแขนของเพอ่ื นไว) • เมอ่ื มีเลอื ดออกในปริมาณมากแลว ไมได หามเลอื ดจะสง ผลอยางไร (แนวตอบ อาจสงผลใหเสียชวี ติ ได) กดด้วยน้วิ มือ ซึง่ อาจใชผ้ า้ พนั แผลพนั ทบั ดว้ ยก็ได้ (๔) บริเวณตนแขนหรือปลายแขน ยกแขนให้สูงข้ึนในกรณีท่ีไม่มีกระดูกหัก ซึ่งอาจใช้ สายยางรัดเหนอื แผลร่วมดว้ ยก็ได้ (๕) ขอ มือ อาจใชน้ วิ้ มอื หรือผา้ หนาๆ กดตรงต�าแหนง่ ทเี่ ลือดออก (๖) ฝามือ ให้ผู้ป่วยก�าผ้าหรือส�าลีท่ี สะอาดใหแ้ นน่ แลว้ ใชผ้ า้ พนั รอบมอื ทบั ไว้ เมอื่ หา้ มเลอื ด เรียบรอ้ ยแล้ว ควรใชผ้ ้าคล้องคอหอ้ ยแขนผปู้ ่วยไวด้ ว้ ย (๗) ตนขาและขา ใช้นิ้วกดหรือใช้ สายยางรัดเหนือแผล แล้วยกขาให้สูงส�าหรับในกรณีที่ ไมม่ กี ระดกู หกั ร่วมดว้ ย การห้ามเลอื ดทีข่ ้อมอื ๑3๗ แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETดิ บเศรู ณรากษารฐกิจพอเพยี ง ขอ ใดเปน วธิ ีการที่ไมถูกตอง ในการปฐมพยาบาลผูท ถ่ี ูก ครูอธิบายเพิ่มเติมวา สมุนไพรพื้นบานบางชนิดสามารถนํามาใชหามเลือดได ของมคี มบาด เชน มะนาว โดยใชมะนาวสดลางใหสะอาด บีบเอาเฉพาะนํ้าประมาณครึ่งชอนชา 1. รบี หา มเลอื ดทันที นํามาใสแผลที่เลือดไหลไมหยุด ซ่ึงกรดมะนาวจะชวยใหเลือดหยุดได นับเปน 2. เชด็ แผลดวยแอลกอฮอล 70% ภูมิปญญาไทยที่สามารถทําไดงายและหาไดงายท่ัวไปตามทองตลาด หรือสามารถ 3. ทาํ ความสะอาดแผลดวยน้าํ อุน นํามาปลกู เปน พืชผกั สวนครัวในบา นไดเชน กัน 4. ใชนํ้าสะอาดลา งแผลทุกวันจนหาย วิเคราะหคําตอบ เมอ่ื ถูกของมคี มบาดสิ่งแรกทคี่ วรปฏบิ ัติ ใหนกั เรียนสบื คน วธิ ีการหา มเลอื ดโดยใชส มุนไพรมาอยา งนอ ย 2 วธิ ี แลวเขียน คอื ใหรีบหามเลอื ดทนั ทีตามข้ันตอนของการหา มเลอื ด เมอื่ สรุปสง ครูผูสอน เลือดหยดุ ไหลใหลา งนํา้ ทําความสะอาดแผลดว ยนํา้ อนุ และ เช็ดแผลดว ยแอลกอฮอล 70% ซง่ึ ในระหวา งนไ้ี มค วรใหแ ผล นักเรยี นควรรู ถกู นาํ้ เพราะจะทาํ ใหแ ผลไมแ หง และเปน หนองได ตอบขอ 4. 1 ผา กอ ซ ปจจุบนั มีการคิดคน การใชผ ากอ ซเซลลโู ลสชวี ภาพ โดยทาํ จาก นา้ํ สบั ปะรด ซึ่งมคี ณุ สมบัติ คอื ไมต ิดแผลเมือ่ ลอกออก ลดอาการอกั เสบ และทาํ ใหบาดแผลนั้นหายเรว็ ข้ึน คมู อื ครู 137

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหน ักเรียนกลุมท่จี บั สลากไดเร่อื ง การปฐมพยาบาล เมือ่ ถูกสตั วม พี ษิ กดั ตอ ยออกมา แสดงบทบาทสมมติ และสาธติ วธิ ีการปฐมพยาบาล ประมาณ 5 นาที โดยหลังจากการแสดงจบแลว ครูชวยอธบิ ายเพม่ิ เติม และใหนกั เรียนทาํ กิจกรรม ในแบบวัดและบนั ทึกผลการเรยี นรู กิจกรรมที่ 7.2 ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ สขุ ศึกษา ม.1 กจิ กรรมที่ 7.2 หนว ยที่ 7 การปฐมพยาบาลและการเคล่อื น ยา ยผปู ว ยอยางปลอดภยั การใช้ผ้าคล้องคอหอ้ ยแขนในผ้ทู ม่ี บี าดแผลบรเิ วณฝ่ามอื 1 ควรยกเท้าใหส้ งู ขึน้ ในขณะที่ห้ามเลอื ด กิจกรรมที่ ๗.๒ ใหนักเรียนพิจารณาภาพท่ีกําหนดให และบอกวิธีการ คะแนนเต็ม คะแนนทไ่ี ด (๘) เทา ใชว ธิ แี พดและแบนเดจ (Pad and Bandage) โดยใชผ้ า้ หนาๆ พันแผล ปฐมพยาบาลบาดแผลเหลา นนั้ (พ ๕.๑ ม.๑/๑) ไว้ให้แน่น แลว้ ยกเท้าให้สูงขึน้ ในกรณที ี่ไม่มกี ระดกู หักรว่ มดว้ ย ñõ ข้อควรคำ� นึงในกำรห้ำมเลือด บาดแผลตัด วธิ ีปฐมพยาบาล ๑. ผู้ให้ความช่วยเหลือ ควรสวมถุงมือยางก่อนจะท�าการปฐมพยาบาล เพื่อ บาดแผลช้ํา ๑….……ใช…ผ…า…ส…ะ…อ…า…ด…ก…ด…ล…ง…บ…น…บ……าด……แผ…ล……ป…ร…ะม…า…ณ……๑…๕…-…๒…๐……น…า…ท…ี . ปอ้ งกันเชือ้ โรคจากการตดิ ตอ่ ทางเลือด แผลถกู สนุ ขั กัด ๒……. …เม…อ่ื …เ…ล…อื …ด…ห…ย…ดุ …แ…ล…ว …ให…ล……าง…น……า้ํ …ท…าํ …ค…ว…า…ม…ส…ะ…อ…าด…บ……าด……แผ…ล…… ๒. ป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่บาดแผลของผู้ป่วย โดยการท�าความสะอาดมือและ แผลถูกผ้งึ ตอ ย ๓……. …ถ…าเ…ป…น…บ……าด……แ…ผ…ล…ก…ว…าง…แ…ล…ะ…ล…ึก………ม…ีเล…ือ…ด……อ…อ…ก…ม…า…ก……ใ…ห…ใ…ช.. สิง่ ของต่างๆ ท่ตี ้องใชส้ ัมผัสกับบาดแผลของผู้ปว่ ยใหส้ ะอาด ………ผ…า ส……ะอ…า…ด…ก…ด…ห…า…ม…เ…ล…อื …ด……แ…ล…ว …รบ…ี …ส…ง …ส…ถ…า…น…พ…ย…า…บ…า…ล…ท…นั …ท….ี. ๓. เมื่อท�าการห้ามเลือดอย่างถูกวิธีแล้ว ถ้าเลือดยังไม่หยุดไหล ให้รีบน�าผู้ป่วยส่ง สถานพยาบาลโดยเรง่ ด่วนทนั ที วธิ ปี ฐมพยาบาล ๑….……ใน……ชว…ง……๒…๔……ช…วั่ …โม…ง…แ…ร…ก……ใ…ห…ป …ร…ะ…ค…บ…ด…ว…ย…ค…ว…า…ม…เย…็น……………. ๒.3 ก ารปฐมพยาบาลเมื่อถกู ………เพ…่อื …ห…า…ม…เ…ล…ือ…ด…แ…ล…ะร…ะ…ง…ับ…ค…ว…า…ม…เจ…บ็……ป…วด………………………………… สตั ว์มีพิษกดั ตอ ย ๒……. …ห…ล…ัง……๒…๔………ช่ัว…โ…ม…ง……ส…า…ม…า…ร…ถ…ป…ร…ะ…ค…บ……ด…ว…ย…ค…ว…าม…ร…อ…น……ได….. ………เพ…อ่ื …ล…ด…อ…า…ก…า…ร…ป…ว…ด…บ…ว…ม………………………………………………………….. เฉฉบลบั ย บาดแผลทเ่ี กดิ จากสตั วต์ า่ งๆ เชน่ แมลงตอ่ ย งูกัด สนุ ัขกดั จ�าเป็นจะตอ้ งให้การปฐมพยาบาล วธิ ีปฐมพยาบาล มากเป็นพิเศษ นอกเหนือจากการปฐมพยาบาล ๑….……ล…าง…บ……าด…แ…ผ…ล…ด……วย…น……ํ้าส……ะอ…า…ด…แ…ล…ะ…ฟ…อ…ก…ส…บ……หู …ล…า…ย…ๆ…ค…ร…งั้……. ดังที่ไดก้ ล่าวมาแล้ว ๒……. …ท…ํา…ค…ว…าม…ส……ะอ……าด…แ…ผ…ล……ซ…้ําด……ว…ย…แอ……ล…ก…อ…ฮ…อ…ล… …จ……าก…น……้ัน…ใ…ห… ………ใส……ย า…ส…ํา…ห…ร…บั……แผ…ล……ส…ด…………………………………………………………….. ๑) ถกู แมลงตอ ย เชน่ ผง้ึ แตน ตอ่ ๓……. …ร…บี …น…าํ …ส…ง…ส…ถ…า…น…พ…ย…า…บ…า…ล……………………………………………………….. ซ่ึงเป็นสัตว์ที่มีเหล็กใน เ2ม่ือต่อยแล้วมีเหล็กใน วธิ ีปฐมพยาบาล ฝงอยู่ โดยพิษจากเหลก็ ในมฤี ทธ์เิ ปน็ กรด ทา� ให้ ๑….……ให…ร…ีบ……เอ…า…เห…ล……ก็ …ใน……อ…อ…ก…………………………………………………………. เกดิ อาการบวม แดง คนั และปวดได้ ถา้ ถกู ตอ่ ย ๒……. …ใช…ส …าํ…ล…ชี …ุบ…น……้าํ ย…า…ท…ีเ่ …ป…น …ด…า …ง…อ…อ…น…ๆ……ป…ด …บ…า…ด…แ…ผ…ล…ไ…วส……ัก…ค…ร…ู มากๆ บางรายอาจมไี ขส้ งู ควรปฐมพยาบาล ดงั น้ี ๓……. …ใช…น…า้ํ…แ…ข…็ง…ป…ร…ะ…ค…บ…บ…ร…เิ …ว…ณ…ท…ี่ถ…กู…ต……อ …ย…………………………………….. ๔……. …ถ…าม…ีอ…า…ก…า…ร…แ…พ…ค …ว…ร…ร…ีบ…น……าํ ส……งส……ถ…า…น…พ…ย…า…บ…า…ล…โ…ด…ย…เร…ว็ ……….. ๕๗ หากถกู ผ้งึ ต่อยจะมอี าการบวม แดง คัน และปวด บางราย อาจเกดิ อาการแพ้จนท�าให้ไข้ข้นึ สูงได้ ๑3๘ นกั เรียนควรรู ขอสอบ O-NET ขอ สอบป ’53 ออกเกยี่ วกับการปฐมพยาบาลเม่อื ถูกสัตวมพี ิษ 1 แพดและแบนเดจ เปนวิธีการกดแผลหามเลอื ด โดยถามีการตกเลือดจาก กดั ตอย บาดแผลที่ตา่ํ กวา ขอ พบั ขอ ศอก หรือขอเขา ใหใ ชผ า หรือสําลมี วนวางที่ขอ พับของ นักเรยี นควรใชล กู กญุ แจทีม่ ีรูตรงกลางกดตรงแผลเพื่อให ขอศอกหรือขอเขา จากนั้นพบั ขอ ศอกหรือขอ เขา น้ันไวแ ลวใชผ า พนั รอบๆ ขอพบั นี้ เหลก็ ในโผลใ นกรณใี ด ไวใหแนน ทง้ั ๆ ทีข่ อพบั นั้นยังพับอยู 1. ผึ้งกดั ตอย 2 เหล็กใน มลี กั ษณะเปนทอและมพี ิษอยภู ายในอยบู ริเวณกนของสตั ว 2. ถูกแมงกะพรนุ ไฟ จําพวกแมลง เชน ผึง้ ตอ แตน เปน ตน 3. ถกู แมงปอ งกดั 4. ถูกตะขาบกดั วเิ คราะหคําตอบ การใชล ูกกุญแจท่ีมรี ตู รงกลางกดตรงแผล เพ่อื ใหเ หลก็ ในโผลน้นั เปน วิธกี ารปฐมพยาบาลเมือ่ ถูกแมลงทีม่ ี เหลก็ ในกัดตอ ย เชน ผ้งึ แตน ตอ เปน ตน ตอบขอ 1. 138 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๑. ใหร้ ีบเอาเหล็กในออก โดยใชล้ ูกกญุ แจชนดิ ทีม่ ีรตู รงปลายกดลงตรงท่ีถกู ต่อย ครูสุมนกั เรียน 3 คน ออกมาสาธิตและอธิบาย เพอื่ ใหเ้ หล็กในโผลข่ ึน้ มา แล้วอาจใช้เล็บหรอื คีมเลก็ ๆ ดงึ เหล็กในออก วธิ กี ารปฐมพยาบาลเมื่อถกู สัตวมีพิษกดั ตอย โดย 1 ๒. เม่ือเอาเหลก็ ในออกแลว้ ให้ใช้สา� ลชี บุ นา้� ยาทเ่ี ป็นด่างอ่อนๆ เชน่ แอมโมเนยี ใชผ สู าธติ 2 คน และผูบรรยาย 1 คน จากนนั้ ครู น้�าปนู ใส หรอื น�า้ เกลือ ชุบปิดบาดแผลไวส้ กั ครู่ หลังจากนั้นอาจใชน้ �า้ แข็งประคบบริเวณท่ถี ูกต่อย ชวยอธิบายและสาธิตเพม่ิ เตมิ โดยเนน ใหน ักเรยี น ปฏบิ ัตติ ามหลกั การท่ีถกู ตองอยางเครง ครดั เพ่อื ลดอาการปวดบวมได้ ๓. ถ้าในรายท่ีมีอาการปวดมาก อาจให้รับประทานยาระงับอาการปวด เช่น พาราเซตามอล เปน็ ตน้ ๔. ถ้าถูกแมลงหลายตัวจ�านวนมากรุมต่อย โดยเฉพาะถูกต่อยบริเวณล�าคอหรือ ใบหนา้ ซง่ึ อาจทา� ใหเ้ กดิ อาการบวมจนหายใจไม่ออกได้ ควรรีบนา� สง่ สถานพยาบาลโดยเรว็ ทแ่ี ตกต่างกนั ๒ค)อื ถบกู างดกู แดั ผลงจใู นากปงรมูะเพี ทษิ ศ2ไจทะยมแีรบอง่ยเเปขน็ย้ี งวูมคีพลา้ษิ ยแเลขะ็มงฉูไมดี ย่มาีพษิ๑ โดยจะมลี ักษณะบาดแผล หรือ ๒ จดุ ส่วนงไู ม่มีพษิ บาดแผลจะมีแต่รอยฟน (ไม่มีรอยเขย้ี ว) ซึ่งความรุนแรงของพิษท่ีเกิดขน้ึ จะข้นึ อยกู่ บั ชนดิ ของงู กำรปฐมพยำบำล ๑. ใหผ้ ทู้ ถี่ กู งกู ดั นน้ั หยดุ การเคลอื่ นไหวของรา่ งกาย และพยายามอยนู่ ิ่งๆ ให้มาก ท่สี ุด ๒. ตรวจดแู ผลทีถ่ กู กดั สังเกตดูวา่ งทู ก่ี ดั เป็นงพู ษิ หรือไม่ ๓. ลา้ งแผลดว้ ยนา้� และสบู่ หรอื อาจลา้ งดว้ ยนา�้ ดา่ งทบั ทมิ แกๆ่ หรอื เขม้ ขน้ หลายๆ ครั้ง และใช้น้�าแข็งใส่ถุงวางบนบาดแผล เพ่ือป้องกัน ไม่ให้พิษงูไหลเข้าสหู่ ัวใจไดเ้ ร็ว ๔. ปลอบโยนให้ก�าลังใจผู้ป่วย โดย อย่าใหต้ ื่นเตน้ ตกใจ เพราะจะท�าให้หัวใจสูบฉดี โลหิต เพ่ิมมากขนึ้ อาจส่งผลใหพ้ ิษงแู พรก่ ระจายไดเ้ ร็วขนึ้ ๕. รบี นา� สง่ สถานพยาบาลโดยเรว็ ทส่ี ดุ โดยจดั ใหอ้ วัยวะสว่ นทถ่ี ูกกดั อย่ตู ่า� กวา่ หัวใจและควรจ�า ใหไ้ ดว้ า่ เปน็ งชู นดิ ใด หรอื หากจบั งูไดก้ ็ใหน้ า� งทู ก่ี ดั นน้ั ไป พบแพทย์ด้วย เพ่ือแพทย์จะได้ใช้เซรุ่มแก้พิษงูได้ตรง แผลงมู พี ิษกดั แผลงูไม่มพี ิษกัด กับพิษงชู นดิ นน้ั ๖. ในกรณที ถี่ กู งเู หา่ พน่ พษิ เขา้ ตาหา้ ม ขยี้ตา ให้ล้างดว้ ยนา�้ สะอาด แลว้ รีบน�าส่งโรงพยาบาล งทู มี่ ีพิษ และงทู ีไ่ มม่ ีพษิ ลักษณะของรอยกดั จะมี ทนั ที ความแตกต่างกนั อยา่ งเหน็ ได้ชดั ๑3๙ แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETิด นักเรียนควรรู การสงั เกตวางูชนดิ ใดเปน งูพิษ อาจสงั เกตไดจ ากสง่ิ ใด 1 นํ้าปนู ใส มวี ิธีการทํางายๆ คอื นําหมากแดงมาผสมกบั น้ําสะอาดแลว คนให 1. การฉก เขา กนั จนปนู แดงละลายแลว ตงั้ ทง้ิ ไวจ นตกตะกอนอยขู า งลา ง จากนนั้ ตกั เอานาํ้ ใสๆ 2. การเลอื้ ย ทอ่ี ยขู า งบนไปใช ซง่ึ นา้ํ ปนู ใสนน้ั จะมฤี ทธเ์ิ ปน ดา งออ นๆ สามารถนาํ ไปใชป ฐมพยาบาล 3. รอยเข้ยี ว เมอ่ื ถกู สัตวมีพิษกัดตอยได 4. การลอกคราบ 2 งมู พี ษิ งมู พี ษิ ทคี่ นไทยโดนกดั บอ ย ไดแ ก งเู หา งจู งอาง งสู ามเหลย่ี ม งแู มวเซา วเิ คราะหคําตอบ การสงั เกตวางชู นดิ ใดเปนงูพษิ นั้น ให งทู ับสมงิ คลา งูกะปะ งเู ขยี วหางไหม และงพู ิษในทะเล สังเกตจากรอยเขีย้ ว โดยงูทีม่ ีพษิ จะมรี อยเขย้ี ว 2 อนั อยดู า น มุม IT หนา ของขากรรไกรบนแตไมคอ ยพบรอยฟน ตอบขอ 3. สามารถศึกษาเพิ่มเตมิ เกี่ยวกับการปฐมพยาบาลเมอื่ ถกู สัตวมีพิษกดั ตอ ย ไดจ ากเวบ็ ไซต http://www.ddc.moph.go.th/emg/ofl od/showimgpic.php?id=433 คูม อื ครู 139

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครตู ้งั คําถามเพื่ออธบิ ายความรใู หแกน กั เรยี น ๗. ในกรณีที่ถูกงูไม่มีพิษ1กัด ผู้ที่ถูกกัดควรจะได้รับการปฐมพยาบาลเหมือน • นกั เรยี นคิดวา วตั ถปุ ระสงคหลกั ของ บาดแผลท่ัวไป โดยล้างท�าความสะอาดบาดแผลด้วยน�้าและสบู่ จากนั้นไปพบแพทย์เพื่อฉีดยา ปอ้ งกันบาดทะยัก การปฐมพยาบาลคืออะไร ๑ข้อ. หไมำ้ มค่ สว�ำรรหัดรแบั บผบทู้ ขถี่ ันูกชงมูะเีพนษิากะ2ัดเพราะจะทา� ใหเ้ ลอื ดไปเล้ียงบรเิ วณทีต่ �า่ กว่ารอยรัด (แนวตอบ เพ่อื ชว ยชวี ิตและลดความรุนแรงของ ไมไ่ ด้ ซง่ึ อาจท�าใหบ้ ริเวณน้นั เกิดการเนา่ ขึน้ ได้ภายหลัง การเจบ็ ปวยใหน อยลง หรอื คงท)่ี ๒. ไม่ควรใชไ้ ฟจีแ้ ผล มีดกรีดแผล หรือดูดแผล • การปฐมพยาบาลท่ดี นี ้นั ผชู วยเหลือควร ๓. ผู้ท่ีถูกงูกัด ไม่ควรให้ดื่มเครื่องด่ืมท่ีมีแอลกอฮอล์ เพราะจะไปออกฤทธ์ิกด ปฏิบตั ิอยางไร การหายใจ ไม่ควรให้ยากล่อมประสาท ยาระงับประสาท เพราะจะท�าให้ผู้ป่วยเกิดอาการง่วงได้ (แนวตอบ ใหก ารปฐมพยาบาลอยา งถูกตอ ง ซงึ่ ทา� ใหส้ ับสนกบั อาการจากพิษงบู างชนิด รวดเร็ว และคํานึงถึงสภาพจติ ใจของผูปว ย ๔. อย่าเสียเวลาลองใช้ยาในบ้าน หรือวิธีการรักษาแบบอ่ืนๆ ควรรีบน�าส่ง โดยพยายามสรางความม่นั ใจใหแกผปู ว ยวา สถานพยาบาลเพอ่ื ใหแ้ พทย์ทา� การรักษาจะปลอดภยั มากกว่า จะไดร บั การชวยเหลอื อยางปลอดภยั ) ๕. อย่าพยายามใชเ้ ชอื กรดั บริเวณข้อกระดูกต่างๆ เชน่ ขอ้ เท้า เข่า ขอ้ ศอก • เพราะเหตุใดในการหา มเลือดจงึ ตอ งใช ๓) ถูกสุนัขบ้ำกัด โรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคติดต่อที่ร้ายแรง ซึ่งเป็นได้ทุกฤดูกาล นํ้าแข็งประคบที่บริเวณแผล พบในสตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนม เชน่ สนุ ขั แมว กระรอก ววั มา้ สกุ ร คา้ งคาว เปน็ ตน้ สามารถตดิ ตอ่ มา (แนวตอบ เพราะความเยน็ จะทําใหหลอดเลือด ถึงคนไดโ้ ดยน�้าลายของสตั วเ์ หล่านี้ผ่านเขา้ มาทางบาดแผลเปดิ หรือเย่ือเมือก ได้แก่ ตา ปาก และ แขง็ ตวั ไดเ รว็ ขึน้ ) จมกู ซงึ่ จะมอี าการคนั บรเิ วณแผลทถ่ี กู กดั กระสบั กระสา่ ยไปมา ไมช่ อบแสงสวา่ ง ลม และเสยี งดงั • ในการปฐมพยาบาลผปู วยเมอ่ื ไดรบั บาดแผล รู้สึกกลนื ลา� บาก ปจ จบุ ันยังไม่มีทางรักษาใหห้ ายได้ แต่สามารถปอ้ งกันไดโ้ ดยปฏบิ ตั ดิ ังน้ี สง่ิ สําคัญที่ควรตองปฏบิ ตั เิ ปนอันดบั แรก ๑. เมื่อถูกสัตว์ท่ีเป็นโรคพิษสุนัขบ้าหรือที่สงสัยว่าเป็น คอื อะไร โรคน้ีกดั ใหร้ บี ล้างบาดแผลดว้ ยน�้าสะอาด และฟอกสบู่หลายๆ (แนวตอบ ถา มีเลือดไหล จะตองหา มเลือดกอ น หรอื ถา หากมอี าการชอ็ กหรอื เปน ลม ควรรกั ษา อาการชอ็ กหรือเปน ลมกอ น) ครง้ั เพอื่ ลา้ งเมอื กนา้� ลายทีอ่ าจมเี ชือ้ โรคออกให้หมด ๒. ท�าความสะอาดบาดแผลท่ีถูกกัดซ้�าด้วยแอลกอฮอล์ ๗๐% จากนั้นให้ทายาฆ่าเช้ือรอบบาดแผล เช่น ทงิ เจอร์ไอโอดนี เปน็ ตน้ ๓. ควรรบี นา� สง่ สถานพยาบาลเพอ่ื รบั การฉดี วคั ซนี ปอ้ งกนั โรคพิษสุนัขบ้าจากแพทย์ทันที ส่วนการรักษาด้วยสมุนไพรหรือ แพทย์แผนโบราณนั้น ไม่สามารถป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าได้และ ไม่ควรรอดูอาการของสัตว์ เพราะอาจสายไป สุนัขจะมีเช้ือโรคพิษสุนัขบ้ามากท่ีสุด และระบาดได้ทุก ที่จะฉีดวัคซีนป้องกันได้ เน่ืองจากต้องท�าการ ฤดกู าล แตอ่ าจจะพบมากในชว่ งฤดูร้อน กักขังสัตว์ไวร้ อดอู าการอย่างนอ้ ย ๑๖ วัน ๑๔๐ นักเรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET เมื่อแนใจวา ถูกงูมพี ษิ กดั ใหป ฐมพยาบาลอยา งไรเปน อันดับแรก 1 งไู มมีพษิ งไู มม พี ิษในประเทศไทยทส่ี ามารถพบไดบอ ยครงั้ ไดแ ก งแู สงอาทิตย 1. ลา งแผลดว ยนา้ํ ดางทบั ทมิ แกๆ หลายคร้ัง งูสงิ งทู างมะพราว งเู ขียวพระอินทร งูเหลือม และงูหลาม 2. ใหด ่มื สุราหรือกาแฟ เพอื่ ใหร ะบบประสาทต่นื ตัว 2 ขันชะเนาะ เปนการหามเลอื ดโดยใชผา เชอื ก หรอื สายยางรัด ซึ่งวธิ ีน้ีจะใชใ น 3. ใชน า้ํ แข็งหรือถุงนาํ้ แขง็ ประคบหรือวางไวบนบาดแผล บาดแผลทมี่ เี ลอื ดออกอยางรุนแรงตามแขนและขาเทา นัน้ 4. ใชสายรัดหรอื ผา แถบเลก็ ๆ รดั เหนอื แผลประมาณ 5-10 ซม. วเิ คราะหคาํ ตอบ เมอ่ื แนใ จวา ถกู งมู พี ษิ กดั ใหป ฐมพยาบาลโดย มุม IT การลา งแผลดว ยนา้ํ และสบู หรอื อาจลางดว ยน้าํ ดา งทบั ทิมแกๆ หรือเขม ขนหลายๆ ครง้ั เปนอันดับแรก จากนั้นใหใชน ้ําแขง็ นักเรยี นศกึ ษาเพ่ิมเตมิ เกยี่ วกบั งมู ีพษิ และงไู มมพี ษิ ไดจ ากเว็บไซต ใสถงุ วางบนบาดแผล เพ่ือปองกนั ไมใ หพ ิษงูไหลเขาสูหวั ใจไดเ รว็ http://saovabha.com/th/snakefarm.asp จดั ใหอวยั วะสวนทถ่ี กู กดั อยูตํ่ากวา หัวใจ แลว รีบนําสง สถานพยาบาลโดยเร็ว ตอบขอ 1. 140 คมู อื ครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๔. ถา้ กกั ขงั สตั ว์ไมไ่ ด้ ควรรบี แจง้ เจา้ หนา้ ทหี่ นว่ ยปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั ใหน กั เรยี นกลมุ ทจี่ บั สลากไดเ รอื่ ง หรอื หน่วยกภู้ ัยท่ีอยู่ใกล้เพื่อด�าเนินการตอ่ ไป การปฐมพยาบาลเมอ่ื ถกู ไฟไหมนํ้ารอ นลวก ออกมาแสดงบทบาทสมมติ พรอมท้ังสาธติ ๕. ถา้ หากตดิ ตามสตั วท์ กี่ ดั ไมไ่ ด้ เชน่ เปน็ สตั วป์ า่ หรอื สตั วท์ กี่ ดั แลว้ หนไี ป รวมถงึ วธิ กี ารปฐมพยาบาล ประมาณ 5 นาที โดยหลงั จาก ผทู้ ถ่ี กู กดั มบี าดแผลชา้� เขยี ว หรอื มเี ลอื ดไหลทงั้ แผลถลอกและแผลลกึ และผทู้ ถ่ี กู สตั วเ์ ลยี ทนี่ ยั นต์ า การแสดงจบแลว ครชู ว ยอธบิ ายเพมิ่ เตมิ รมิ ฝีปาก และผวิ หนงั ท่ีมแี ผลถลอก ไมว่ ่าจะด้วยกรณีใด กจ็ า� เปน็ ตอ้ งไดร้ ับการฉดี วคั ซีนปอ้ งกนั โรคพิษสุนัขบา้ ส่วนกรณีท่ีถกู เลียผิวหนงั ท่ีไม่มีแผลหรือเพียงแคอ่ ุ้มสตั ว์ ไมต่ ้องฉีดวัคซนี ปอ้ งกัน เพราะไมท่ า� ให้ติดเช้ือโรค ๖. น�าสัตว์เลีย้ งไปฉีดวคั ซีนปอ้ งกันโรคพิษสนุ ขั บ้า ตามคา� แนะนา� ของสตั วแพทย์ ขอ้ สังเกตสำ� หรับสตั วท์ ี่เปน็ โรคพษิ สุนขั บ้ำ สัตว์ท่ีเป็นโรคพิษสุนัขบ้าจะมีพฤติกรรมท่ีเปล่ียนแปลงไปจากเดิม เช่น ตื่นเต้น กระวนกระวาย ไลก่ ัดคนและสตั ว์อนื่ ๆ 1ลนิ้ ห้อยออกมานอกปาก น้า� ลายไหลยืด เดนิ เซ กลนื นา้� กลนื อาหารไมไ่ ด้ สุดท้ายจะเป็นอัมพาต และตายในที่สดุ ๒.๔ การปฐมพยาบาลเม่ือถกู ไฟไหม้น้า� ร้อนลวก ผวิ หนงั ทถ่ี กู ทา� ลายดว้ ยความรอ้ นจนเกดิ เปน็ แผลไหม้ จะท�าใหเ้ กดิ อนั ตรายแกร่ า่ งกาย ตง้ั แตเ่ ลก็ นอ้ ยไปจนถงึ เสยี ชวี ติ โดยจะมอี าการปวดแสบปวดรอ้ น ชอ็ กจากการเสยี นา้� และของเหลว และตดิ เชอ้ื ไดง้ า่ ย สว่ นผวิ หนงั ทถ่ี กู น้�ารอ้ นลวกจะมอี าการปวดแสบปวดรอ้ นบรเิ วณผวิ หนงั สว่ นบน และพุพองขึ้นมา ซง่ึ ทงั้ ๒ กรณีน้ีจะมวี ธิ ีการปฐมพยาบาลทเ่ี หมอื นกนั หากมีการปฐมพยาบาล ท่ถี กู ต้องกจ็ ะสามารถชว่ ยลดความรุนแรงลงได้ แผลที่ถูกไฟไหม้และน2�้าร้อนลวก มีอยู่ ๒ ลกั ษณะ คอื แผลแบบตืน้ ๆ และแผล แบบลกึ ซึ่งมีอาการแตกต่างกนั ดงั น้ี (๑) แผลแบบตื้นๆ การบาดเจ็บ เกิดขึ้นที่บริเวณผิวหนังชั้นนอก โดยผิวหนัง จะมีสีเข้ม เกรียม ด�าหรือพอง และเจ็บตรง บรเิ วณแผล (๒) แผลแบบลกึ ผวิ หนังทุกชน้ั จะ ถูกท�าลาย มีสีแดงเข้มไหม้เกรียมหรือพุพอง วนุ้ หรอื นา้� เมอื กของวา่ นหางจระเข้ มสี รรพคณุ ในการรกั ษา ขึ้นมา แต่ไม่ค่อยรู้สึกเจ็บบริเวณแผลเพราะ แผลไฟไหม้ นา�้ รอ้ นลวกไดด้ ี แตต่ อ้ งลา้ งยางจากเปลอื กออก ปลายประสาทถูกทา� ลาย ใหห้ มด เพราะยางจะกดั บาดแผลได้ ๑๔๑ แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETิด นกั เรียนควรรู ส่ิงแรกท่ีควรปฏิบตั ิเมื่อถูกนา้ํ รอ นลวกมอื คอื อะไร 1 อมั พาต เปน อาการทอ่ี วยั วะบางสว น เชน แขน ขาตายไป มผี ลทาํ ให 1. แชม ือในนํ้าเยน็ เคลอื่ นไหวไมไ ด 2. รีบไปพบแพทย 2 แผลแบบตืน้ ๆ ในการปฐมพยาบาลแผลไฟไหมแ ละนํ้ารอนลวกท่มี ลี กั ษณะ 3. รีบกินยาแกป วด เปนแผลแบบตืน้ ๆ นนั้ ถาไมมวี านหางจระเข สามารถใชไ ขขาวทาแทนได 4. ทายารักษาแผลน้ํารอ นลวก โดยทาทบั 5-6 คร้งั แลวรอใหแหง จะชวยลดอาการอักเสบ บวม และพองได วิเคราะหค าํ ตอบ การปฐมพยาบาลผูป วยทถ่ี ูกไฟไหม นํา้ รอนลวกเพยี งเลก็ นอ ยนน้ั สงิ่ แรกทค่ี วรปฏบิ ตั ิ คอื ใหใ ช มุม IT นา้ํ เยน็ ราดตรงบรเิ วณแผลอยา งนอ ย 10 นาที เพอ่ื ใหบรเิ วณ ท่ีไหมห รอื ถูกลวกน้นั เย็นลง แตถา ผูปวยถกู ไฟไหมน้าํ รอน สามารถศึกษาเพ่มิ เตมิ เกย่ี วกับเมื่อถูกไฟไหมนา้ํ รอนลวก ใชน ้ําแข็งรักษาได ลวกรนุ แรงมาก หามใหแผลถกู นํา้ แตใหใชผาปดแผลไว ไดจ ากเว็บไซต http://www.doctor.or.th/node/4747 หลวมๆ ใหผ ปู ว ยดมื่ นา้ํ แลว รบี นาํ สง สถานพยาบาลโดยเรว็ ตอบขอ 1. คมู อื ครู 141


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook