Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สุขศึกษา ม.1

สุขศึกษา ม.1

Published by ปรีชาพล เอนอ่อน, 2020-11-30 10:59:56

Description: หนังสือเรียนสุขศึกษา ม.1

Search

Read the Text Version

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหน ักเรียนกลมุ ทจ่ี บั สลากไดเ รื่อง กำรปฐมพยำบำล มีดงั นี้ การปฐมพยาบาลเมื่อเลือดกาํ เดาไหลออกมาแสดง ๑. ส�าหรับผู้ป่วยท่ีมีแผลไหม้หรือถูกลวกเล็กน้อยให้ใช้น�้าเย็นราดตรงบริเวณแผล บทบาทสมมติ พรอ มทง้ั สาธติ วธิ กี ารปฐมพยาบาล อย่างน้อย ๑๐ นาที เพื่อใหบ้ รเิ วณท่ีไหม้หรือถูกลวกน้ันเย็นลง ประมาณ 5 นาที โดยหลังจากการแสดงจบแลว ๒. ห้ามใช้น�้ากับผู้ป่วยท่ีตัวยังติดโยงอยู่กับแหล่งกระแสไฟฟ้า และไม่ควรใช้น�้ามัน ครชู ว ยอธบิ ายเพม่ิ เติม และตัง้ คําถามเพ่อื ใหได ครีม หรือน้�ายาทาผิว ทาทบ่ี ริเวณแผล ขอ สรปุ ทีถ่ ูกตองรวมกนั ๓. ใชผ้ ้าสะอาด เชน่ ผา้ เชด็ หน้าหรอื ปลอกหมอนทส่ี ะอาดปดิ บรเิ วณแผล และใช้ผ้า เชด็ ตัวนมุ่ ๆ คลมุ ทับไว้ เพื่อปอ้ งกันไม่ใหเ้ กิดการบาดเจบ็ มากข้นึ • ใครเคยเลอื ดกาํ เดาไหลบาง ๔. ถ้าแผลไหม้หรือถูกลวกน้ันรุนแรงมาก ห้ามให้แผลถูกน้�า แต่ให้ใช้ผ้าปิดแผลท่ี (แนวตอบ ข้นึ อยกู บั คาํ ตอบของนกั เรียน) ฆ่าเช้ือโรคแล้ว ปิดแผลไว้หลวมๆ แล้วให้ผู้ป่วยดื่มน�้าเพ่ือชดเชยการเสียน�้าของร่างกาย พูดให้ ผปู้ ว่ ยเกดิ ความสบายใจและรบี น�าสง่ สถานพยาบาลโดยเร็ว • นกั เรียนคิดวา เลือดกําเดาไหลเกดิ ข้นึ ๕. ถ้าแผลไหม้หรือถูกลวกนนั้ มีบริเวณกวา้ ง ให้ผู้ป่วยนอนยกขาทั้ง ๒ ข้างให้สูงกว่า เนอื่ งจากสาเหตใุ ด ล�าตวั แต่ถา้ แผลไหมเ้ กดิ บริเวณศีรษะ หนา้ ท้อง หน้าอก ใหใ้ ช้ผา้ หม่ หนนุ ไหลผ่ ู้ป่วยไว้ (แนวตอบ ขึ้นอยูก บั คาํ ตอบของนักเรียน โดย ๖. หา้ มเจาะถงุ น้�าทีพ่ องบรเิ วณแผล เพราะจะทา� ใหต้ ิดเช้ือโรคไดง้ ่ายขึน้ อาจตอบวาเกดิ จากการเปนหวดั แคะจมกู ๒.๕ กเลาอื รดปกา�ฐเดมาพไหยล1าเปบน็ าอลาเกมารอื่ ทเพ่ีลบอื ไดดบ้กอ่ า� ยเใดนาวไยั หเดลก็ และวยั กลางคน สว่ นใหญไ่ มม่ สี าเหตุ ศรี ษะไดร ับบาดเจบ็ อากาศรอน หรือ แนช่ ัด อาจเกิดจากการเป็นหวัด สง่ั น้�ามกู หรอื จามแรงมากเกนิ ไป แคะจมกู หรอื ศีรษะไดร้ บั การ โพรงจมูกอักเสบ) บาดเจบ็ สภาพอากาศทเ่ี ปลย่ี นแปลง โพรงจมกู อกั เสบ หรอื อาจพบในผปู้ ว่ ยโรคความดนั โลหติ สงู โดยจะมีอาการเลอื ดออกทางจมกู ขา้ งเดียวหรือสองขา้ ง แต่ไม่มีภาวะแทรกซอ้ นใดๆ • ทาํ ไมจงึ ตอ งวางนํ้าแข็ง หรือผา เย็นๆ กำรปฐมพยำบำล ควรกระท�าดังน้ี บนสนั จมกู หรอื หนา ผาก เมอื่ เลอื ดกาํ เดาไหล ๑. ใหผ้ ู้ป่วยน่ังตัวตรงบนเก้าอ้ีและกม้ ศรี ษะไปขา้ งหนา้ เลก็ น้อย (แนวตอบ เพราะความเยน็ จะชวยทาํ ใหเ ลอื ด ๒. บีบจมูกให้แน่นประมาณ ๑๐ นาที ระหว่างนี้ให้กลืนเลือดที่ออกจากทาง แข็งตวั และหยุดไหลไดเ รว็ ขึ้น) ดา้ นหลังจมกู และหายใจทางปาก ๓. พอครบ ๑๐ นาที ใหป้ ล่อยมือทีบ่ ีบจมกู แลว้ นงั่ นง่ิ ๆ ถา้ เลอื ดยงั ออกอกี ใหบ้ บี ต่ออีก ๑๐ นาที ๔. วางนา้� แข็ง หรือผ้าเย็นๆ บนสันจมกู หรือหน้าผาก ๕. เมื่อเลอื ดหยุด ใหน้ ่งั นง่ิ ๆ หรอื นอนลงสักพัก ระหว่างนีห้ า้ มสั่งน้า� มูกอยา่ งนอ้ ย ๓ ชวั่ โมง และไม่ควรแคะจมูกหรือใส่สง่ิ แปลกปลอมเขา้ ไป ๖. ถา้ เลอื ดออกมากจนซดี และปวดศรี ษะ หรอื ไมส่ ามารถหา้ มเลอื ดดว้ ยวธิ ธี รรมดา (โดยเฉพาะผ้สู ูงอายุ) หรือถ้าเป็นบ่อยๆ ควรไปพบแพทย์ ๑๔๒ เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET ขอ ใดเปน วธิ ีปฐมพยาบาลเมอ่ื เลอื ดกําเดาไหลทถี่ กู ตองท่ีสดุ ครอู าจเชิญวทิ ยากรมาบรรยายใหความรแู ละสาธติ เก่ยี วกบั การปฐมพยาบาล จากการเลน กีฬา เบื้องตน เพอ่ื ชว ยขยายความเขา ใจใหแ กน กั เรียน 1. หยดุ เลนทันที เงยหนาขึ้น หายใจทางปาก 2. หยดุ เลนช่วั คราวใชผ าเชด็ เลือดแลว เลน ตอไป นกั เรยี นควรรู 3. หยุดเลนช่ัวคราวใชมอื บบี จมกู ไวแ ลว เลนตอ ไป 4. หยุดเลน ทนั ที กม หนา บบี จมูกหายใจทางปาก 1 เลือดกาํ เดาไหล คือ ภาวะท่มี ีเลอื ดออกทางจมกู เกิดจากเสน เลอื ดฝอย วิเคราะหค าํ ตอบ ขณะทเี่ ลน กีฬาเมื่อพบวา มีเลอื ดกาํ เดาไหลให ในโพรงจมูกแตก ทําใหมเี ลอื ดไหลออกขางเดียวหรอื สองขางกไ็ ด อาจไหลจาก หยดุ เลนทนั ที และทําการปฐมพยาบาลโดยนั่งตวั ตรงบนเกาอ้ี สวนหนาหรือสวนหลงั ของจมกู พบไดทุกเพศทกุ วยั โดยการทม่ี ีเลือดออกทาง กม ศรี ษะไปขางหนา เล็กนอ ย บบี จมกู ใหแ นน ประมาณ 10 นาที สว นหนา ของจมูกมกั พบในเดก็ และผูใ หญท ่ีมอี ายนุ อย สว นเลือดออกจากสวนหลัง ซ่ึงในระหวางนใี้ หหายใจทางปาก ตอบขอ 4. ของจมูกมกั พบในผสู ูงอายุ ซ่ึงมกั มีสาเหตจุ ากความดันโลหิตสูง 142 คูมือครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๒.๖ การปฐมพยาบาลคนเปนลม ใหน ักเรยี นกลุม ที่จับสลากไดเ ร่อื ง การเป็นลม เป็นอาการท่ีเกิดขึ้นเนื่องจากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอช่ัวคราว การปฐมพยาบาลคนเปน ลมออกมาแสดงบทบาท สมมติ พรอ มทง้ั สาธิตวธิ กี ารปฐมพยาบาล ท�าใหผ้ ู้ป่วยหมดสตไิ ปช่ัวครู่ (มักไม่เกิน ๕ นาที) แลว้ กลับ ประมาณ 5 นาที โดยหลงั จากการแสดงจบแลว ฟน คนื สติได้เหมอื นเดมิ ครชู วยอธบิ ายเพ่มิ เติม การเปน็ ลมเกิดจากหลายสาเหตุ และมีอาการ แตกต่างกันตามสาเหตุ อาจแยกไดเ้ ปน็ ๒ ประเภทใหญๆ่ ดงั นี้ ๑) ลมแดด เปน็ การหมดสติท่ีเกิดจากความ ร้อน เกิดจากการเสียเหง่ือมากเม่ือเล่นกีฬานานๆ หรือ ทา� งานในท่รี อ้ นจัด โดยไม่ได้รบั การชดเชยน�้าหรือเกลอื แร่ ที่เสียไปอย่างเพียงพอ เม่ือขาดน้�ามากๆ ร่างกายก็ไม่ สามารถร1ะบายความรอ้ นออกทางเหงอื่ ได้ จงึ ทา� ใหอ้ ณุ หภมู ิ ใกเนรร็วระา่หตงากัวยจานะยา�้รรมอ้อ้ นานกขจนึ้ัดปเแวรลดอื่ ะศยเีรๆพษม่ิ อะขา้นึมเจเึนรียง่อืนงยๆวแิงลเโะวดหยี ยมนผดู้ปคส่วลต2ยืน่ไิ จดไะสใ้ มน้ ีอหเวาาลกยาาใตจร่อมากวิงซาเรวงึ่ เียดหนินาศตกีราษไกมะแด่ไแดดละนร้ หบัามนกดๆาสรตอปิไาดจฐใ้ทมน�าเพใวหลย้าหาตนบอ่ ้ามามาลืด และรักษาอย่างทนั ท่วงทอี าจเปน็ อันตรายถงึ ชีวิตได้ การปฐมพยาบาล ควรกระท�าดังน้ี กำรปฐมพยำบำล ๑. น�าผู้ป่วยเข้าไปในที่เย็นให้เร็ว ทส่ี ุด โดยจดั ใหน้ อนราบ ๒. ถอดเสื้อของผู้ป่วยออก คลุมตัว ของผปู้ ว่ ยดว้ ยผา้ เยน็ และเปยี ก พรมนา้� ให้ เปยี กตลอดเวลาหรอื ใชผ้ า้ เยน็ เชด็ ตวั ใหท้ วั่ เพ่ือให้อุณหภูมิของร่างกายผู้ป่วยลดลง สู่ระดบั ปกติ ๑๔3 แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETิด นกั เรียนควรรู คนเปนลมแดดจะมอี าการแตกตา งจากคนเปนลมเน่ืองจาก 1 อุณหภมู ใิ นรา งกาย นยิ มวัดดวยเครื่องมอื ทเ่ี รยี กวา เทอรโมมเิ ตอร การสญู เสียเหง่ือมากเกินไปอยางไร ซง่ึ อุณหภมู ปิ กติในรางกายของมนษุ ยจะเฉลี่ยอยูทปี่ ระมาณ 37 องศาเซลเซียส แนวตอบ หรือ 98.7 องศาฟาเรนไฮต • คนเปนลมแดด จะมอี าการตัวรอ น หนาแดง ตวั แดง ไมมี 2 หมดสติ ภายหลงั จากการหมดสติ ควรใหผปู ว ยดม่ื น้ําผักผลไมที่สกดั มาจาก มะนาว สม บีตรตู แครอต ผกั โขม และรากขงิ เนอื่ งจากนาํ้ ผักและผลไมเ หลาน้ี เหงื่อออก อุณหภูมิในรา งกายรอ นจดั และเพ่มิ ขึ้นเรือ่ ยๆ เม่ือดมื่ เขาไปแลว จะไปชวยฟอกโลหิต เพม่ิ ออกซิเจนใหแกเ ซลลแ ละเน้อื เยือ่ ภายใน จึงตอ งใชความเยน็ ชว ยประคบ รา งกาย • คนเปน ลมเน่ืองจากการสญู เสียเหง่ือมากเกนิ ไป จะมี เหง่ือออก ตัวเยน็ หนาซีด และเปน ตะครวิ ตามแขน ขา หรอื หนาทอ ง คูมือครู 143

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครขู อตวั แทนนกั เรยี น 2-3 คน ออกมาสาธติ ๓. เมื่ออุณหภูมิของร่างกายผู้ป่วย ประกอบการอธิบายการปฐมพยาบาลคนเปนลม ลดลงสู่ระดับปกติแล้วให้เปลี่ยนผ้าคลุมที่ เปียกออกเป็นผ้าแห้ง แล้วสังเกตอาการ จากนน้ั ใหน กั เรยี นเขยี นสรปุ วธิ กี ารปฐมพยาบาล ผู้ป่วยต่อไปอย่างใกล้ชิดถ้าอาการไม่ดีขึ้น คนเปน ลมในรปู ของผังความคิด ให้รีบน�าส่งสถานพยาบาล ๒) กำรเปน็ ลมเนอ่ื งจำกกำรสญู เสยี เหงอ่ื มำกเกนิ ไป พบไดบ้ อ่ ยในผทู้ ม่ี อี าการ เชน่ ท้องเสยี และอาเจียน หรือออ1กก�าลังกายในที่รอ้ นชน้ื โดยจะมอี าการออ่ นเพลีย ปวดศรี ษะ มึนงง คลื่นไส้ เหงื่อออก เป็นตะคริวบรเิ วณแขน ขา หรอื หน้าท้อง ชพี จรและการหายใจเบาและเรว็ กำรปฐมพยำบำล ควรทา� ดงั นี้ ๑. ใหผ้ ู้ปว่ ยนอนราบในที่เย็น ๒. คลายหรอื ถอดเส้อื ผา้ ออกเท่าที่จ�าเปน็ ๓. เชด็ เหง่ือด้วยผา้ ชบุ นา�้ หรือเปดิ พัดลมเบาๆ ๔. ถา้ ผปู้ ว่ ยร้สู กึ ตัวดแี ล้วให้ผ้ปู ่วยด่มื นา้� ส้มหรือน้�าผลไมเ้ ย็นๆ หรือจบิ เครื่องดม่ื ผสมเกลือแร่เจอื จาง (เกลือแร่ ๑ ช้อนชา ตอ่ นา้� ๑ ลิตร) ๕. ถ้าปฐมพยาบาลแล้วอาการไม่ดขี ึน้ ใหร้ บี น�าสง่ สถานพยาบาล ขอ้ สงั เกตลักษณะผปู้ ว ย • ลมแดด จะมอี าการตวั ร้อน หน้าแดง ตัวแดง และจะไม่มเี หงื่อออก อุณหภูมิ ในรา่ งกายจะร้อนจัด และเพิ่มข้นึ เรื่อยๆ จงึ ต้องใช้ความเย็นชว่ ยประคบ • การเปน็ ลมเน่อื งจากการสญู เสียเหงือ่ มากเกินไป จะมเี หง่อื ออก ตวั เยน็ หน้า ซีด และเป็นตะคริวตามแขน ขา หรือหน้าทอ้ ง ๒.๗ การปฐมพยาบาลเมือ่ กระดูกหัก กระดกู หกั หมายถงึ กระดกู รา้ ว แตก หรอื หกั ซงึ่ สาเหตอุ าจเกดิ จากการถกู แรงกระทบ โดยตรงหรอื ทางอ้อม สามารถพบได้ ๒ ลกั ษณะ คอื กระดกู หักแผลปดิ2 กระดูกหกั แผลเปิด3 ซง่ึ สามารถ สงั เกตอาการได้ ดังนี้ ๑. สว่ นมากผปู้ ว่ ยจะไดย้ นิ เสยี ง หรอื รสู้ กึ วา่ ปลายกระดกู หกั ครดู กนั ซง่ึ บางครงั้ จะดงั ออกมาใหไ้ ด้ยิน ๑๔๔ นักเรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET การปฐมพยาบาลคนเปน ลมเนื่องจากการสญู เสียเหงื่อ 1 ตะครวิ เปนอาการกลามเน้ือเกรง็ แข็ง และปวด ซงึ่ จะเกิดขึน้ อยา งรวดเรว็ มากเกินไป ขอ ใดถูกตอง และมกั จะเปน อยูเพยี งไมก ่ีนาทีกค็ ลาย โดยกลามเนื้อท่ีมักเปน ตะคริวไดบ อย ไดแก 1. พรมนํ้าใหผ ูป วยตวั เปย กตลอดเวลา กลามเน้ือนอ งและตน ขา 2. ใหน งั่ ลงแลว พดั ใหเยน็ ๆ พรอ มกับใหด มยาดม 2 กระดูกหักแผลปด (Closed Fracture) คอื กระดกู ทห่ี กั แลวไมทะลผุ วิ หนัง 3. จัดใหน อนราบหรอื นั่งก็ไดแ ลว แตส ะดวกในท่โี ลง และไมม บี าดแผลบนผวิ หนงั ตรงบรเิ วณทีห่ ัก 4. จดั ใหน อนราบในทเี่ ยน็ แลวยกเทาใหสูงกวา ศีรษะ 3 กระดกู หกั แผลเปด (Opened Fracture) คอื กระดกู ทหี่ ักแลว ท่ิมแทงทะลุ วิเคราะหคําตอบ การเปน ลมเนอ่ื งจากการสญู เสยี เหงอ่ื มากเกนิ ไป ผิวหนัง ทําใหม ีแผลตรงบรเิ วณทกี่ ระดกู หกั โดยอาจไมมีกระดกู โผลออกมานอก พบไดบ อ ยในผทู ไ่ี มค อ ยสบาย โดยจะมอี าการออ นเพลยี ปวดศรี ษะ ผิวหนงั ก็ได แตมีแผลเห็นไดชดั เจน เหงอื่ ออก ตวั เย็น หนาซีด และเปน ตะคริวตามแขน ขา หรือ หนาทอ ง ซึ่งควรใหการปฐมพยาบาลโดยใหผปู วยนอนราบในท่เี ย็น 144 คมู อื ครู ยกเทาใหส งู กวาศีรษะ เพ่ือเพมิ่ การไหลเวียนเลือดไปทส่ี มอง คลาย หรอื ถอดเส้อื ผาออก เชด็ เหง่ือดว ยผา ชบุ นา้ํ หรือเปดพดั ลมเบาๆ แถตา ผถ ูปาอว ยากรสูารึกไตมวั ด ดขี ีแนึ้ ลใวหใรหีบด นื่มํานสํ้าง ผสลถไามนเพยน็ยๆาบหาลรทือจันิบทเีกตลออื บแรขเอจือ4จ.าง

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๒. ผู้ป่วยจะรู้สกึ ปวดบริเวณทีก่ ระดกู หกั เมอื่ สัมผสั มอี าการบวม ช้�า และไมส่ ามารถ ใหน ักเรยี นกลมุ ทจี่ บั สลากไดเรอ่ื ง ใช้อวัยวะส่วนนัน้ ได้ การปฐมพยาบาลเมื่อกระดกู หกั ออกมาแสดง บทบาทสมมติ พรอมท้งั สาธิตวิธีการปฐมพยาบาล ๓. รูปร่างของกระดูกเปล่ียนแปลงไป ซึ่งอาจอยู่ในท่าที่ผิดปกติจากเดิมหรือผิดรูป ประมาณ 5 นาที โดยหลงั จากการแสดงจบแลว เมื่อเทยี บกบั ขา้ งที่ไมห่ กั ครชู ว ยอธบิ ายเพม่ิ เตมิ ลักษณะของกระดกู ลกกัรษะณดะกู ปกติ ลกักรษะณดะกู ทเ่ี กดิ อบุ ตั ิเหตุ กระดกู โป่ง กระดกู ร้าว กระดกู หกั กระดูกแตก การปฐมพยาบาลผู้ป่วยกระดูกหัก จะแตกต่างกันไปตามแต่ละกรณีและต้องกระท�า อยา่ งระมดั ระวงั มิฉะน้ันอาจทา� ให้เจบ็ ปวดแลว้ เกิดอาการชอ็ กไดง้ า่ ย ซึ่งอาจเปน็ อันตรายตอ่ ชีวิต หรอื เกดิ ความพกิ ารได้ ๑๔๕ แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETิด เกร็ดแนะครู ขอ ใดคอื ลกั ษณะของกระดกู หกั แผลปด ในการอธิบายใหนักเรยี นฟงเพิ่มเติมน้ัน ครูอาจนําแผนภาพประกอบ 1. มีเลือดออกและเสนเลือดฉกี ขาด การบรรยาย (VCD) เกี่ยวกบั การปฐมพยาบาลเมอ่ื กระดูกหักในโครงการอบรม 2. กระดูกหักแลวไมแ ทงทะลผุ วิ หนงั ปฐมพยาบาลเพอ่ื เตรยี มพรอ มรบั สถานการณฉ กุ เฉนิ ของศนู ยฝ ก อบรมปฐมพยาบาล 3. กระดูกหักแลวทม่ิ แทงทะลผุ ิวหนัง และสขุ ภาพอนามยั สภากาชาดไทยมาเปด ใหน ักเรยี นดู หรอื อาจสุมนักเรียนออกมา 4. เห็นบาดแผลชดั เจนบริเวณกระดูกทห่ี กั 2 คน เพือ่ เปน หนุ สาธติ วธิ ีการปฐมพยาบาลเมอ่ื กระดกู หัก หรือครูอาจนําหุนจาํ ลอง วิเคราะหค าํ ตอบ กระดูกหกั แผลปด หมายถงึ ภาวะท่ี (ถา ม)ี มาสาธิตประกอบการบรรยายรว มดว ยก็ได กระดูกไดรับความบาดเจ็บและเกิดการหักโดยไมม ีการแทง ทะลอุ อกนอกผิวหนัง ซงึ่ จะสามารถสงั เกตเห็นไดจากการมี กระดูกทผ่ี ิดรปู ไป ตอบขอ 2. คูม อื ครู 145

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครสู มุ นกั เรยี นออกมา 7 คน สรุปถงึ วิธีการ ตวั อยำ งกำรปฐมพยำบำลผปู้ วยกระดกู หกั ทีข่ ำ ปฐมพยาบาลท่ีเพ่อื นไดน ําเสนอไป โดยใหส รุป คนละ 1 เรือ่ งไมซ้าํ กัน และตองไมใ ชเ รอื่ งทกี่ ลุม ๑. ขยับเขยื้อนบริเวณที่บาดเจ็บ ของตนเองนาํ เสนอไป นอ้ ยทสี่ ดุ จดั ใหผ้ ปู้ ว่ ยนอนอยใู่ นทา่ ทสี่ บาย ค่อยๆ เอาเส้ือผ้าออกจากบริเวณท่ีเป็น แผล ถ้ามีบาดแผลเลือดออก ควรใช้ผ้า กดแล้วห้ามเลือดก่อน เพื่อให้เลือดหยุด ไหลและสะดวกต่อการปฐมพยาบาลใน ข้ันตอนตอ่ ไป ๒. ให้จับขาข้างที่หักน่ิงไว้ แล้วจับ ขาข้างที่ดีมาวางชิดขาข้างท่ีหัก ผูกยึด ชั่วคราวเพ่ือความสะดวกในการพลิกตัว เพ่ือวางเฝอก โดยผูกเปลาะที่ ๑ ตรง ตา� แหน่งข้อเทา้ เปลาะท่ี ๒ ทห่ี ัวเขา่ และ เปลาะที่ ๓ ท่สี ะโพก 1 ๓. เตรียมเฝอกท่ีมีความกว้างยาว เหมาะสมกบั ขา ถา้ เฝอ กเปน็ ไมค้ วรใชผ้ า้ รองทเี่ ฝอ กกอ่ น แลว้ พลกิ ตะแคงขาขา้ งที่ บาดเจบ็ ขน้ึ เพอ่ื สอดเฝอ กใหร้ องรบั ขาต้ังแตส่ น้ เทา้ จนถงึ สะโพก ๑๔๖ ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET ขอ ใดกลาวถึงวิธีการเขาเฝอกไดถูกตอง นักเรยี นควรรู 1. ควรรัดเฝอ กใหแ นน มากที่สุด 2. ทา ของขอท่ีเขาเฝอ กตอ งใหเ หยียดตรงไวเ สมอ 1 เฝอ ก เมอ่ื กระดกู หกั จะตอ งใสเ ฝอ กเพือ่ ชว ยพยงุ กระดกู และกลา มเนื้อ 3. ตองเขา เฝอ กล้ําอวยั วะอน่ื ดวยจะไดมนั่ คงข้นึ กวา เดิม ที่ไดรบั บาดเจ็บ ลดปวด ลดบวม และลดกลามเนือ้ หดเกร็ง ปองกันไมใหกระดูก 4. ใชสําลีหรือผา รองบรเิ วณอวัยวะทก่ี ระดูกหกั กอ นเขา เฝอ ก ท่ีจดั เขา ทแี่ ลว เกดิ การเคลอื่ นทผี่ ดิ รปู ขน้ึ อกี ซงึ่ เฝอ กทใ่ี สอ าจจะใสเ ปน เฝอ กชวั่ คราว วเิ คราะหค าํ ตอบ ขอ 1. การรดั เฝอ กแนน เกนิ ไป อาจทาํ ใหเ ลอื ด แบบครง่ึ เดยี ว หรือเฝอ กแบบเต็มรอบแขนก็ได โดยทเ่ี ฝอ กชั่วคราวแบบครึ่งเดียว ไหลเวยี นไมส ะดวก ขอ 2. ทาของขอท่ีเขาเฝอกไมจาํ เปน ตอง จะมีความแขง็ แรงนอยกวา เฝอ กแบบเต็ม เหยียดตรงเสมอ ควรเขา เฝอ กในทา ท่ีเปน อยู เพ่ือปอ งกนั กระดูก อาจแตกหกั เพ่ิมขน้ึ ได ขอ 3. ไมควรเขา เฝอกลาํ้ อวยั วะอนื่ จน มุม IT เกนิ ความจาํ เปน เพราะอาจทาํ ใหขอ ตอยึดได และขอ 4. ควรใช สาํ ลหี รอื ผารองบริเวณอวัยวะทมี่ ีกระดูกหกั กอนเขา เฝอก สามารถศกึ ษาเพม่ิ เติมเกย่ี วกบั การปฐมพยาบาลคนแขนหกั ไดจ ากเวบ็ ไซต เพ่ือปอ งกันความเจ็บปวดท่อี าจเกิดจากเฝอ กกดทบั เปนวิธกี าร http://www.youtube.com/watch?v=kfKG6uJA0IE เขา เฝอ กทถ่ี ูกตองที่สุด ตอบขอ 4. 146 คมู ือครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Engage Explore Explain Expand Evaluate ขยายความเขา ใจ Expand ยกขา๔ข.้าแงทกี่ะหผักา้ พทรีผ่ ้อกู มยเดึ ฝขอากท1ขั้ง้ึน๒วางขบ้างนอเอขก่า ใหนกั เรียนแตล ะกลุมสรุปถึงวธิ ีการ ผกู ยดึ เฝอ กตดิ กบั ขา ใหป้ มผกู อยนู่ อกลา� ตวั ปฐมพยาบาลทไี่ ดนําเสนอไปนัน้ โดยจัดทํา โดยผกู ทขี่ ้อเทา้ ชิดเข่า และขอ้ สะโพก เปน ปายนเิ ทศขนาดเล็กลงบนฟว เจอรบ อรด สง ครผู ูสอน ใหน ักเรียนปฏบิ ัตกิ ิจกรรมสรา งสรรค พฒั นาการเรียนรูกิจกรรมท่ี 3 หนา 158 แลวบันทกึ ลงในกระดาษรายงาน ตรวจสอบผล Evaluate ๕. วางขาท่ีมัดติดกับเฝอกลงกับพื้น การสรปุ ถงึ วธิ กี ารปฐมพยาบาลเปนปา ยนเิ ทศ สอดผ้าระหว่างขาท้ังสองข้างและรวบขา ขนาดเลก็ ลงบนฟวเจอรบ อรด ทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน พร้อมกับยกข้ึนต้ัง บนเข่า แลว้ ผกู ยึดขาทงั้ ๒ ขา้ งใหต้ ดิ กนั ท่ี ข้อเท้า เหนือเข่าเหนือเปลาะเดิม สะโพก เหนือเปลาะเดิม และปลายเฝอกบริเวณ เชิงกราน ๖. กรณีกระดูกหักท่ีแขน เม่ือ ปฐมพยาบาลแล้วอาจจะใช้ผ้าสามเหล่ียม คล้องแขนเพื่อปกป้องแผลอีกช้ันหน่ึงและ ชว่ ยพยุงไมใ่ หส้ ่วนทมี่ ีบาดแผลเคล่ือนไหว ๑๔๗ กจิ กรรมสรา งเสรมิ นักเรียนควรรู ใหน ักเรียนศึกษาวธิ กี ารปฐมพยาบาลในสถานการณตางๆ 1 เฝอก การเขาเฝอกชัว่ คราวใหก บั ผูปว ยกระดกู หักมีหลกั ปฏบิ ัติคือ จากน้นั ครใู หน ักเรียนทําการทดสอบทีละคน โดยครูใหนักเรยี น ไมเขา เฝอกลาํ้ อวยั วะอน่ื จนเกินความจาํ เปน เพราะอาจทําใหขอ ตอ ยดึ ได โดย แตล ะคนจับสลากเลอื กเรือ่ งท่จี ะทําการทดสอบ เมื่อไดเ รื่องทจี่ ะ ความยาวของเฝอกตองใหค วบคุมสวนทเี่ กี่ยวของกับขอตอ บริเวณขอท่ีกระดูกหกั ทําการทดสอบแลวใหน ักเรยี นทดสอบวธิ ีการปฐมพยาบาลแตละ ควรใชัสําลีหรือผารองบรเิ วณอวัยวะทมี่ กี ระดกู หักกอ นเขา เฝอ ก เพือ่ ปอ งกนั ขนั้ ตอนพรอ มกับอธิบายประกอบ ความเจบ็ ปวดท่ีอาจเกิดจากเฝอ กกดทับ ไมควรรดั เฝอกแนนเกนิ ไป เพราะอาจ ทําใหเ ลอื ดไหลเวียนไมส ะดวก และไมค วรจดั กระดูกท่ีหักใหเขา รปู เดิม ใหเขาเฝอก หากนกั เรยี นคนใดทที่ ดสอบไมผ านใหไ ปทํารายงานเรอื่ งที่ ในทาท่ีเปนอยู เพอื่ ปองกันกระดูกแตกหกั เพม่ิ ขึน้ กอ นสงไปทาํ การรักษาท่ี จบั สลากไดม าอยา งละเอยี ดพรอมกับมีรูปภาพประกอบ และให สถานพยาบาลตอไป นักเรียนมาทดสอบใหมอกี ครง้ั จนกวา จะผาน คมู อื ครู 147

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Engage กระตนุ ความสนใจ ครทู บทวนวิธกี ารปฐมพยาบาลในสถานการณ ๓. การเคลอ่ื นย้ายผู้ปว ย ตางๆ จากทไ่ี ดศกึ ษาผานมาแลว จากน้ันครู ต้งั คาํ ถามเพ่ือกระตนุ การเรียนรู ในการปฐมพยาบาลผู้ป่วย เม่ือท�าการส�ารวจจนแน่ใจและช่วยเหลือเบ้ืองต้นเรียบร้อยแล้ว ส่ิงที่ผู้ปฐมพยาบาลต้องท�าต่อไปก็คือ เคลื่อนย้ายผู้ป่วยด้วยวิธีที่ปลอดภัย และอ�านวยความ • เพราะเหตใุ ดในการเคล่ือนยายผปู วยจึงตอ งมี สะดวกสบายให้แก่ผู้ป่วยมากที่สุด ซ่ึงสามารถท�าได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วย จ�านวน หลกั การและตอ งปฏิบตั ิใหถ กู วธิ ี ผู้ช่วยเหลอื และอปุ กรณ์ทส่ี ามารถหามาใช้ไดใ้ นช่วงเวลานนั้ ดังนี้ (แนวตอบ เพราะถาหากเคลื่อนยา ยไมถ ูกวธิ ี 3.๑ การเคล่อื นยา้ ยโดยผชู้ ว ยเหลือคนเดียว อาจทาํ ใหใ หผปู ว ยเกดิ อนั ตรายเพม่ิ มากข้ึนได) การเคลื่อนย้ายโดยใช้ผู้ช่วยเหลือคนเดียว ใช้ในกรณีที่เราพบผู้ป่วยคนเดียว และ • เมือ่ นกั เรียนพบเหน็ ผูปวยทีป่ ระสบอุบัติเหตุ ไม่สามารถท่ีจะหาผู้อ่ืนมาช่วยได้ เหมาะส�าหรับเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปยังสถานท่ีที่อยู่ไม่ไกล ซ่ึงมี กระดกู หกั และจําเปน ตองเคล่อื นยาย ด้วยกนั หลายวธิ ี ดงั นี้ นักเรยี นจะปฏบิ ตั อิ ยา งไร (แนวตอบ ข้นึ อยูกับคาํ ตอบของนกั เรียน โดย ๑. วธิ พี ยงุ เดนิ ใชก้ บั ผปู้ ว่ ยทร่ี สู้ กึ ตวั อาจตอบวาขอความชวยเหลอื ใหผ ทู เ่ี ช่ียวชาญ ซ่ึงมวี ธิ ีปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี มาชว ยเหลือ ซง่ึ สามารถหาคาํ ตอบไดจ าก การศกึ ษาตอ ไป) • ให้ผู้ช่วยเหลือยืนเคียงข้าง ผู้ป่วย หนั หน้าไปในทศิ ทางเดยี วกนั แล้ว จับแขนข้างหน่ึงของผู้ป่วยพาดไว้ท่ีคอ มือผู้ช่วยเหลือข้างหนึ่งอ้อมไปข้างหลัง รัดบั้นเอวของผู้ป่วยไว้ และพาเดินไป ทิศทางเดียวกนั ๒. วิธีอุ้มกอดด้ำนหน้ำ วิธีน้ีเหมาะ ส�าหรับในกรณีที่ผู้ป่วยมีรูปร่างเล็กกว่า ผู้ช่วยเหลือ และผู้ป่วยเดินไม่ได้ แต่ยัง สามารถใช้ขาข้างใดข้างหน่ึงได้ มีวิธี ปฏิบัติ ดงั นี้ • ใหผ้ ชู้ ว่ ยเหลอื คกุ เขา่ ลงขา้ งหนง่ึ ใชม้ อื ทง้ั สองขา้ งชอ้ นตวั ผปู้ ว่ ยบรเิ วณหลงั และเข่า แล้วยกผู้ป่วยขึ้นโดยใช้ก�าลังขา ถ้าผู้ป่วยยังมีสติ ให้ใช้แขนด้านในคล้อง คอผู้ช่วยเหลือไว้ ๑๔๘ เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET การเคล่ือนยา ยผปู วยมีหลักการสําคญั อยา งไร ครอู าจนาํ แผน ภาพประกอบการบรรยาย (VCD) เกย่ี วกบั การเคลอ่ื นยา ยผบู าดเจบ็ แนวตอบ ผใู หการปฐมพยาบาลควรมีหลักในการเคล่ือนยา ย ในโครงการอบรมปฐมพยาบาลเพอื่ เตรยี มพรอ มรบั สถานการณฉ กุ เฉนิ ของศนู ยฝ ก อบรม เพื่อความปลอดภัยของผปู วยดังน้ี ปฐมพยาบาลและสขุ ภาพอนามยั สภากาชาดไทยมาเปดใหน กั เรียนดู หรอื อาจสมุ 1. ตรวจดูวาผปู ว ยไดร ับบาดเจบ็ หรอื เจบ็ ปว ยในสว นใดของ นักเรยี นออกมาเปนหนุ สาธติ ก็ได รา งกาย 2. พิจารณาวา ควรจะทาํ การปฐมพยาบาลกอนหรือควร มุม IT เคลอื่ นยายผปู ว ยออกจากสถานทีเ่ กดิ เหตุกอ น 3. เลอื กใชวธิ ีการเคล่ือนยายและเลอื กใชอปุ กรณป ระกอบ นกั เรียนศกึ ษาเพม่ิ เตมิ เกี่ยวกบั การยกและการเคลอ่ื นยายผปู วย ไดจ ากเว็บไซต การเคลอื่ นยายที่เหมาะสมกบั อาการของผูปว ย www.youtube.com/watch?v=EF8QaoFg3kY 4. รีบเคลอ่ื นยายผูปวยสง สถานพยาบาลหรือโรงพยาบาลทีใ่ กล ทสี่ ดุ ดวยความระมดั ระวงั 148 คูมือครู

กระตุนความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explain Expand Evaluate Explore Explore สาํ รวจคน หา ๓. วิธีอุ้มทำบและกอดหลัง หรือจะเรียกว่า ใหน กั เรยี นศึกษาเรอ่ื ง การเคล่อื นยา ยผูปวย กขอ้อเดทคา้ อแขพ่ีหลง1ลหังรกอื ็ไขดอ้ ้ เทใชา้ ้เใคนลกด็ รณซงึ่ีทเปี่คน็นวเธิจที็บม่ีเดกั ินพไบมเห่ไดน็ ้ ในประเดน็ ตา งๆ จากหนงั สอื เรยี น และแหลง เรยี นรู ได้บ่อยๆ มีวิธีปฏิบตั ิ ดังนี้ เพมิ่ เตมิ ตางๆ ในประเดน็ • ให้ผู้ป่วยยืนทาบทางด้านหลังและกอด • การเคลื่อนยายโดยผชู ว ยเหลอื คนเดยี ว คอผู้ช่วยเหลือ โดยผู้ช่วยเหลือย่อเข่าลงพร้อมทั้ง • การเคลื่อนยายโดยใชผ ูช ว ยเหลือ 2 คน สอดมือไว้ใต้เข่าของผู้ป่วยทั้งสองข้าง จากนั้นยึด • การเคล่อื นยายโดยใชผ ูชว ยเหลือ 3 คน ฝา่ มือทงั้ สองข้างของผ้ปู ่วยไว้ • การเคลอื่ นยายโดยใชเ ปลหาม • การเคลอ่ื นยายโดยใชเกา อี้ ๔. วธิ ีอุ้มแบก ใชส้ า� หรบั ผ้ปู ่วยท่ไี มร่ ูส้ กึ ตัว หรอื รสู้ กึ ตัวกไ็ ด้ แต่ไม่ใช้เคลื่อนยา้ ยผปู้ ว่ ย ท่ีกระดูกสันหลงั หกั ซึ่งสามารถปฏบิ ตั ไิ ด้ ดงั น้ี • กอ่ นเคลอ่ื นยา้ ย ผชู้ ว่ ยเหลอื ตอ้ งตรวจดรู า่ งกายผปู้ ว่ ย • ผู้ช่วยเหลือยืนคร่อมล�าตัวผู้ป่วย เอามือดึงไหล่ และจดั ใหอ้ ยใู่ นทา่ นอนควา�่ ผปู้ ว่ ยขึ้นมา • สอดแขนและมือใต้รักแร้ของผู้ป่วย แล้วประสานมือ • ดึงตัวผู้ป่วยจากท่าคุกเข่าให้ยืนข้ึน มือข้างหนึ่งจับ ยึดกันไว้ ข้อมือผ้ปู ว่ ยไว้ อกี ขา้ งโอบเขา้ ทีเ่ อว ๑๔๙ แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tดิ เกร็ดแนะครู จากภาพเหมาะแกก ารเคลอื่ นยา ยผูปว ย ครูอาจแนะนาํ ใหนกั เรียนศกึ ษาภาพจากหนังสือเรียนแลวฝก ปฏิบัตติ าม ท่มี ลี กั ษณะใด นักเรียนควรรู 1. ผูปวยที่ไมร ูสึกตัว 2. ผปู วยทีก่ ระดกู สันหลงั หัก 1 ขอเทาแพลง (Ankle Sprain) เกิดจากการบิดของขอ เทา ทีเ่ กิดจากอบุ ตั เิ หตุ 3. ผปู วยท่ีมสี วนของขาท่ียาวกวา ชว งลาํ ตวั ไมว า จะเปนการเดนิ การหกลม หรือการวงิ่ ซงึ่ อบุ ตั ิเหตเุ หลา นี้ จะทําใหเสน เอ็น 4. ผปู ว ยที่มีสวนของลําตวั ที่ยาวกวา สว นขา บริเวณขอ เทามีการฉกี หรือการกระชากออก ทาํ ใหเ กิดอาการบวมและปวดของ วเิ คราะหค ําตอบ จากภาพเปน การเคลอื่ นยา ยผปู ว ยดว ยวธิ ี ขอ เทา ตามมา การอมุ แบก ซง่ึ เหมาะสาํ หรบั ผปู ว ยทไ่ี มร สู กึ ตวั หรอื รสู กึ ตวั กไ็ ด แตไ มค วรนาํ มาเคลอ่ื นยา ยผปู ว ยทม่ี กี ระดกู หกั รว มดว ย เพราะ อาจกอ ใหเ กดิ อาการบาดเจบ็ อยา งรนุ แรงเพมิ่ ขน้ึ ได ตอบขอ 1. คมู อื ครู 149

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหน กั เรยี นจับคูก นั ฝก ปฏบิ ัติวธิ กี ารเคล่อื นยาย ผูปวยโดยผชู วยเหลอื คนเดยี ว แลว ออกมาสาธิต หนาชน้ั เรียน เมือ่ นักเรยี นสาธติ วิธกี ารเคลอ่ื นยายผูปวย โดยผูชว ยเหลอื คนเดียวหมดทกุ คนแลว ใหน กั เรียน จับกลมุ 3 คน ฝก ปฏบิ ตั ิวิธกี ารเคลอื่ นยา ยผปู ว ย โดยใชผูชว ยเหลอื 2 คน แลวออกมาสาธติ หนา ชนั้ เรยี น จากนั้นครชู วยอธิบายเพ่ิมเตมิ • ยอ่ ตวั ลงเพอ่ื ใหผ้ ปู้ ว่ ยพาดอยทู่ บ่ี า่ • ผ้ชู ่วยเหลอื ยนื ขน้ึ ใช้มือขา้ งหนึง่ • ใช้มือข้างที่จับขาผู้ป่วยจับยึด ใช้มือที่โอบเอวรวบเข่าท้ังสองข้าง จบั ขาบรเิ วณขอ้ พบั สว่ นมอื อกี ขา้ ง ข้อมือของผู้ป่วยไว้ แล้วจึงพา ของผ้ปู ว่ ยไว้ ยดึ มือผู้ปว่ ยไว้ เคลือ่ นยา้ ย 3.๒ กในากรรณเคที ลผี่ ปู้อ่ื ว่ นยตยวั า้ ใหยญโดห่ รยอื ใมชนี ้ผา�้ หู้ชนวกั ยมเาหก1ไลมสือ่ า ม๒า รคถชนว่ ยเหลอื ตามลา� พงั ได้ จา� เปน็ ตอ้ ง ใชผ้ ชู้ ว่ ยเหลอื มากกว่า ๑ คนในการเคล่ือนย้าย ซ่ึงวิธีน้ีจะท�าให้ผู้ป่วยรู้สึกม่ันคงและปลอดภัย มากกว่า ๑. วธิ อี มุ้ เคยี ง ผชู้ ว่ ยเหลอื ตอ้ ง ยนื ดา้ นเดยี วกนั โดยใหค้ นใดคนหนง่ึ อมุ้ บรเิ วณศรี ษะและไหล่ สว่ นอกี คน อุ้มสะโพกและขา แล้วออกเดิน พร้อมๆ กัน ๑๕๐ เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET เพราะเหตใุ ดในการเคลอื่ นยา ยผปู ว ยทีต่ ัวใหญห รือมีนํ้าหนัก ในการฝกปฏบิ ตั ิการเคล่อื นยายผปู ว ยนัน้ ครูควรระมดั ระวงั เร่ืองความปลอดภัย มาก จงึ จําเปนตอ งใชผ ชู วยเหลือ 2 คน ใหแกน ักเรียนมากเปนพิเศษ เพราะอาจกอใหเกิดอุบัตเิ หตไุ ด แนวตอบ เพราะจะทาํ ใหผ ปู วยรูส กึ มั่นคงและปลอดภัย มากกวา หากใชผูช ว ยเหลือเพียงคนเดียวอาจกอ ใหเ กิด หากเวลาไมพ อทีจ่ ะใหน ักเรยี นทกุ คนออกมาสาธติ ครูอาจใชวธิ กี ารสุมนักเรียน ขอ ผดิ พลาดข้นึ จนทาํ ใหผูปว ยไดรับอันตรายมากขน้ึ ได ออกมาสาธิตก็ได นักเรียนควรรู 1 ผปู ว ยตวั ใหญหรอื มีนา้ํ หนกั มาก ในการเคล่ือนยายผูป ว ยที่ตวั ใหญหรือมี นํา้ หนักมากนน้ั จําเปน ท่จี ะตอ งใชผ ชู วยเหลือทมี่ รี ูปรา งใหญกวาผูปว ย หากใช ผูช ว ยเหลอื ท่มี รี ปู รา งหรอื น้าํ หนักนอ ยกวา นั้นอาจกอ ใหเกดิ ขอ ผิดพลาดขึน้ จนทําใหผปู ว ยไดร บั อนั ตรายมากข้นึ ได 150 คูมอื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain ๒. วิธีพยุง วิธีน้ีจะต้องให้แขนท้ัง ๒ ขา้ งของผปู้ ว่ ย พาดทไี่ หลข่ องผชู้ ว่ ยเหลอื อธบิ ายความรู ท้ังสอง แล้วจับมือผู้ป่วยไว้ ส่วนมืออีก ข้างหนึ่งใหพ้ ยุงผปู้ ่วยไว้ ใหนักเรียนจับกลุม 3 คน และ 4 คน ฝกปฏบิ ัตวิ ธิ กี ารเคลอ่ื นยายผปู ว ย ดังน้ี ๓. วธิ อี มุ้ แบบนง่ั สองมอื ผชู้ ว่ ยเหลอื ทงั้ สองคกุ เขา่ หนั หนา้ เขา้ หากนั โดยใหผ้ ปู้ ว่ ย • การเคล่อื นยายโดยใชผ ชู วยเหลือ 3 คน อยตู่ รงกลาง ผชู้ ว่ ยเหลอื ใชม้ อื ประสานกนั • การเคลื่อนยา ยโดยใชเปลหาม แล้วยกผู้ป่วยยืนขึ้นพร้อมๆ กัน แล้วจึง • การเคล่ือนยายโดยใชเ กา อ้ี พาเคลอื่ นยา้ ยไปยงั จดุ หมาย จากนนั้ ใหนกั เรยี นออกมาสาธติ หนา ช้ันเรียน โดยครูชว ยอธบิ ายเพ่ิมเติม ๔. วิธีอุ้มแบบใช้ ๒ คนหำม ซึ่ง วิธีน้ีจะใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการบาดเจ็บ ไม่รุนแรงและผู้ป่วยสามารถช่วยตัวเองได้ โดยให้ผู้ช่วยเหลือทั้งสองลุกข้ึนและ เดินพร้อมๆ กัน วิธีน้ีห้ามใช้กับผู้ป่วยที่ สงสยั ว่ากระดูกสนั หลังหกั ๕. วิธีอุ้มแบบประสำนแคร จะใช้ เคลือ่ นยา้ ยผปู้ ่วยทย่ี งั มสี ติ ให้ผ้ชู ่วยเหลือ ๒ คน ปฏิบตั ดิ งั น้ี • ใช้มือสอดประสานกันเป็น รูปสีเ่ หลีย่ ม คุกเขา่ ลง • ให้ผู้ป่วยนั่งลงบนมือของ ผู้ช่วยเหลือ โดยผู้ป่วยใช้มือทั้งสองข้าง กอดคอผู้ช่วยเหลือทั้งสองไว้ จากน้ัน ผู้ช่วยเหลือทั้งสองลุกข้ึนพร้อมๆ กัน และพาเคลือ่ นยา้ ย ๑๕๑ แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETิด เกรด็ แนะครู “ใชมอื สอดประสานกันเปนรปู สี่เหลี่ยม และคกุ เขาลง” ครูควรเนนยํ้าถงึ ความปลอดภยั ในการเคลือ่ นยายผปู วยใหนักเรยี นทราบ ขอความดังกลาวแสดงใหเ หน็ ถงึ วธิ กี ารเคลอ่ื นยา ยผปู ว ยดว ย โดยอาจอธบิ ายใหน ักเรยี นฟง ถงึ หลักสาํ คัญวา กอนการเคลือ่ นยา ยผปู ว ยผชู วยเหลอื วธิ กี ารใด และมวี ธิ กี ารเคลอื่ นยา ยอยางไร ควรตองคํานงึ ถงึ ความปลอดภัยของสถานที่ และตอ งทาํ การสาํ รวจรางกายของ แนวตอบ วธิ อี มุ แบบประสานแคร เปน วธิ ที ใี่ ชเ คลอ่ื นยา ยผปู ว ย ผปู วยกอนวา มกี ระดูกหัก หรือบาดเจ็บตรงไหนหรือไม มเิ ชน นั้นอาจทาํ ใหท ง้ั ทยี่ งั มสี ติ โดยใหผ ชู ว ยเหลอื ทงั้ 2 คน ใชม อื สอดประสานกนั เปน ผชู ว ยเหลอื และผปู ว ยไดร บั อนั ตรายเพ่ิมมากข้นึ ได รปู สเี่ หลยี่ ม คกุ เขา ลง ใหผปู วยน่ังบนมือของผูชว ยเหลอื และ กอดคอผูช ว ยเหลือไว จากน้ันผชู ว ยเหลอื ลุกข้ึนพรอ มๆ กนั และพาเคล่ือนยาย คูมอื ครู 151

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครูต้งั คาํ ถามเพื่อใหไ ดข อ สรปุ ท่ีถูกตองรวมกัน 3.3 การเคล่อื นย้ายโดยใช้ผูช้ ว ยเหลอื 3 คน จากนัน้ ครใู หนักเรียนฝก ปฏบิ ัตวิ ธิ กี ารปฐมพยาบาล การเคล่ือนย้ายในลักษณะน้ีใช้ในกรณีท่ีต้องเคล่ือนย้ายผู้ป่วยในท่านอน และผู้ป่วย และเคลอ่ื นยายผูปวย แลวมอบหมายใหนักเรยี น มาทดสอบนอกเวลากับครผู ูส อน ไม่รู้สกึ ตัว โดยระยะทางทีเ่ คล่อื นย้ายจะต้องไมไ่ กลมาก ซ่งึ มวี ิธีปฏบิ ัติ ดังนี้ • ในการเคลอ่ื นยายผูปว ยอยา งปลอดภัย • ผชู้ ว่ ยเหลอื ๓ คนยนื เรยี งกนั ขา้ ง วธิ เี คลอ่ื นยา ยใดใชส าํ หรบั ผูป วยทีม่ อี าการ ตวั ผปู้ ว่ ย หนั หนา้ เขา้ หาผปู้ ว่ ย จากนน้ั คกุ เขา่ ช็อก หมดสติ หรอื มีอาการบาดเจ็บอยาง ข้างใดข้างหน่ึง ซ่ึงควรเป็นเขา่ ข้างเดยี วกนั รนุ แรง โใตด้ศยผรี ษู้ชะ่วยตเหรงลบือรคเิ วนณแรคกอ1ใชแ้แลขะนไหขล้างข่ หอนงผ่ึงสปู้ อว่ ดย (แนวตอบ การเคล่ือนยา ยโดยใชเ ปลหาม) มอื อกี ขา้ งสอดเขา้ ทห่ี ลัง สว่ นคนท่สี องสอด แขนขา้ งหนง่ึ ทบี่ รเิ วณเอวและสะโพก อกี ขา้ ง • เพราะเหตใุ ดในการเคล่ือนยายผูปว ยตวั ใหญ สอดเขา้ ทขี่ าทอ่ นบน และคนทส่ี ามสอดแขน หรอื มีนาํ้ หนักมาก จาํ เปนตองใชผูช วยเหลือ ข้างหนึง่ ใตเ้ ข่า อกี ข้างสอดทข่ี อ้ เทา้ มากกวา 2 คน (แนวตอบ เพราะจะทาํ ใหผปู วยรสู กึ มนั่ คง • ใหส้ ญั ญาณยกผปู้ ว่ ยพรอ้ มๆ กนั และปลอดภยั มากกวา ) โดยยังอยใู่ นท่าคุกเข่า • วิธีการเคลือ่ นยา ยผปู วยแบบใด ไมเหมาะท่ี จะนาํ มาเคลอื่ นยา ยผปู ว ยทก่ี ระดกู สนั หลงั หกั (แนวตอบ การเคลือ่ นยายโดยผชู วยเหลือ คนเดยี ว โดยวธิ ีอมุ แบก) • ให้สัญญาณยืนข้ึนพร้อมๆ กัน แล้วท�าการเคลือ่ นย้ายผปู้ ่วยไปยังจุดหมาย ๑๕๒ ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET จากภาพเหมาะสาํ หรับการเคลอื่ นยา ย นกั เรยี นควรรู ผบู าดเจบ็ ลกั ษณะใด 1. ผูบาดเจบ็ มสี ติ 1 บรเิ วณคอ ในการเคล่ือนยา ยผปู วยควรสาํ รวจกอนวาผปู วยมกี ระดกู หัก 2. ผบู าดเจบ็ หมดสติ ที่คอหรอื ไม หากพบวามีควรใชวิธีการเคลือ่ นยายผูป วยดวยวิธที ่ที ําใหเ กิดการ 3. ผูบาดเจบ็ ทกี่ ระดูกสนั หลงั หกั กระทบกระเทอื นนอยท่ีสุด เชน การเคลื่อนยา ยโดยใชเปลหาม เปน ตน 4. ผบู าดเจ็บทไ่ี ดรบั บาดเจ็บรนุ แรง หรือทางท่ดี คี วรที่จะขอความชว ยเหลือจากผเู ช่ียวชาญ เพราะมอี ุปกรณ วเิ คราะหคําตอบ จากภาพเปนการเคล่ือนยายผูป ว ยโดยใช ในการชวยเหลือทค่ี รบครนั และเหมาะสมกบั อาการมากกวา ผชู วยเหลอื 3 คน ซงึ่ ใชในกรณีที่ตองเคลอ่ื นยายผูป วยใน ทา นอน และผปู วยไมรสู กึ ตวั โดยระยะทางในการเคล่ือนยา ย ไมไกลมาก ตอบขอ 2. 152 คูมือครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา ใจ 3.๔ การเคล่ือนยา้ ยโดยใช้เปลหาม นกั เรยี นสามารถนาํ ความรทู ไ่ี ดไ ปปฏบิ ตั ไิ ดจ รงิ การเคลอ่ื นยา้ ยดว้ ยเปลหาม คอื การขนยา้ ยในลกั ษณะใหผ้ ปู้ ว่ ยนอนราบ ซงึ่ ใชใ้ นกรณี และถูกตอ งในสถานการณฉ ุกเฉินตางๆ ท่ผี ูป้ ว่ ยมอี าการชอ็ ก หมดสติ บาดเจบ็ รนุ แรง กระดกู ขาหัก หรืออ่ืนๆ โดยจะตอ้ งใชผ้ ู้ช่วยเหลอื ใหน กั เรียนสรปุ วิธกี ารปฐมพยาบาลและ ๔ คน หรือแค่ ๒ คนก็ได้ ในการเคล่ือนยา้ ย ซ่งึ อาจท�าไดง้ า่ ยโดยดัดแปลงวสั ดุ แต่จะยงุ่ ยากบ้าง เคลื่อนยายผปู ว ยอยา งปลอดภัยเปน รายงาน ในขณะท่อี มุ้ ผ้ปู ่วยวางบนเปลหรอื อุ้มออกจากเปล สงครผู ูส อน บางกรณีที่ไม่สามารถหาเปลหามได้ ผู้ช่วยเหลือจะต้องหาวัสดุอุปกรณ์ที่อยู่ใกล้ตัว มาใช้ดดั แปลงให้สามารถทา� การเคล่ือนยา้ ยผู้ปว่ ยได้ เชน่ ๑. บานประตู สามารถใช้แทนเปลหามได้เป็นอย่างดี และบานประตูนี้ใช้ได้ ดมี าก เน่อื งจากเปน็ ไม้กระดานแข็ง ๒. เสือ้ ผ้า น�ามาดดั แปลงได้ โดยใช้ไมย้ าวๆ ๒ อัน สอดเข้าไปในตัวเส้อื แตต่ อ้ งตดิ กระดมุ ใหแ้ ขง็ แรง หรอื ใช้เขม็ กลัดช่วย ๓. ผ้าขาวม้า โดยนา� มาผูกมัดกบั ไม้ท่อนยาวๆ ๒ ท่อน ๔. ผ้าหม่ ผ้าปูเตยี ง โดยน�ามาพบั ตามวิธีการเคลือ่ นย้ายโดยใชเ้ ปลหาม ดงั ภาพ กางผา้ หม่ ออก วางไมย้ าวทแี่ ขง็ แรงบนผา้ ประมาณ ๒๓ ของผา้ แลว้ พบั ชายผา้ ตลบขน้ึ ไป วางไมย้ าวบนผา้ อกี ดา้ นหนง่ึ ใตผ้ า้ ทต่ี ลบขนึ้ ไป ตลบผา้ ด้านซ้ายใหเ้ ลยทับไม้ดา้ นขวามือ ๑๕3 แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETดิ เกร็ดแนะครู การเคลอ่ื นยา ยผปู วยในขอ ใดเหมาะกับผูปวยท่ีกระดกู 1. ครคู วรสาธติ วธิ กี ารพับผาหม ผา ปเู ตยี งเพอ่ื นาํ มาทาํ เปนเปลหามท่ีถกู ตอง สนั หลงั หักทีส่ ดุ ใหน กั เรียนดอู ยางละเอยี ด หรือถาหากครมู ีวิธีการใชว สั ดุอปุกรณอยา งอ่ืน 1. การพยุง ในการเคล่ือนยายผูปว ย กค็ วรนํามาสาธิตใหน ักเรยี นดู 2. การอุม แบก 3. การเคลอื่ นยา ยโดยใชเกา อ้ี 2. ครคู วรสาธิตวธิ กี ารเคลอ่ื นยา ยผูปว ยโดยใชเ ปลหาม หรอื วัสดอุ ุปกรณต างๆ 4. การเคลอ่ื นยา ยโดยใชเ ปลหาม ใหน กั เรียนดู เพื่อใหนักเรยี นไดเขาใจและสามารถนําไปปฏบิ ัตไิ ด ซงึ่ ในการ วเิ คราะหค ําตอบ วิธีการเคลอ่ื นยา ยผปู ว ยทก่ี ระดูกสันหลงั หัก สาธติ น้นั ครอู าจใหน กั เรยี นอาสาออกมา 3 คน มาทาํ การสาธิตใหเ พือ่ นดู ที่เหมาะสมทส่ี ุดคอื การใชเ ปลหาม ซ่ึงเปน การเคล่อื นยายใน โดยมคี รคู อยดูแลและระมัดระวังไมใหเ กดิ อันตรายจากการสาธติ ขึ้น ลักษณะใหผ ูปว ยนอนราบเพอื่ ระมดั ระวังใหผูป วยไดรบั การ กระทบกระเทือนนอ ยทส่ี ดุ ตอบขอ 4. คูมอื ครู 153

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา าใจใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา ใจ ครูใหน กั เรียนแบง กลมุ (อาจใชกลุมเดมิ ได) 3.๕ การเคลื่อนย้ายโดยใช้เกา้ อ้ี 1 โดยใหแ ตล ะกลุม สงตวั แทนออกมาจับฉลากเลือก การเคลอื่ นยา้ ยผปู้ ว่ ยโดยใชเ้ กา้ อี้ วธิ นี เ้ี หมาะสา� หรบั ผปู้ ว่ ยทร่ี สู้ กึ ตวั ดี ผทู้ ี่ไดร้ บั บาดเจบ็ เร่ืองที่จะแสดงบทบาทสมมติ (ไมซํา้ กับเรอ่ื งที่ได นาํ เสนอไป) กลมุ ละประมาณ 5 นาที เพอื่ ขยาย ทท่ี รวงอกและทอ้ ง แขน หรอื ตา แตต่ อ้ งไมม่ กี ารบาดเจบ็ ทกี่ ระดกู สนั หลงั หรอื ตอ้ งการเคลอ่ื นยา้ ย ความเขาใจของนกั เรียน ซ่ึงครกู าํ หนดเรอ่ื งให ดังน้ี ผ้ปู ่วยขน้ึ ลงบนั ได ผา่ นมุม หรอื ชอ่ งทางแคบๆ ซ่ึงมอี ยู่ดว้ ยกัน ๒ วธิ ี คือ • การเคลอื่ นยายโดยผชู ว ยเหลือคนเดยี ว • ให้ผู้ป่วยนั่งพิงเก้าอ้ีท่ีแข็งพอท่ีจะ • การเคลอ่ื นยายโดยใชผ ูชว ยเหลือ 2 คน รับน้�าหนักของผู้ป่วย ผู้ช่วยเหลือท้ังสองคน • การเคลื่อนยายโดยใชผูชว ยเหลือ 3 คน ตอ้ งอยดู่ า้ นขา้ งของผปู้ ว่ ยทง้ั สองขา้ ง หนั หนา้ • การเคล่อื นยายโดยใชเปลหาม เขา้ หากนั ใหม้ อื ขา้ งหนงึ่ จบั พนกั เกา้ อี้ สว่ นมอื • การเคล่อื นยา ยโดยใชเกา อ้ี อกี ขา้ งหนง่ึ จับขาเก้าอ้ี แล้วยกขนึ้ พรอ้ มๆ กัน • ให้ผู้ป่วยน่ังพิงเก้าอ้ีท่ีแข็งพอที่จะ รับน้�าหนักของผู้ป่วย ผู้ช่วยเหลือคนหน่ึงจับ พนักเก้าอ้ีเอียงไปทางด้านหลัง ผู้ช่วยเหลือ อีกคนหนึ่งจับขาเก้าอี้ด้านหน้า แล้วยกข้ึน พรอ้ มๆ กัน ๑๕๔ เกร็ดแนะครู กจิ กรรมสรา งเสรมิ ครูควรสรปุ เนอ้ื หาทงั้ หมดเปนภาพรวมใหน ักเรียนฟง อกี ครัง้ หนงึ่ เพ่ือทบทวน ใหน ักเรียนศึกษาวธิ กี ารเคล่ือนยา ยผูปว ย จากนั้นใหน ักเรยี น ความรแู ละความเขา ใจใหแกนกั เรียน ทาํ การทดสอบทีละคน โดยใหนักเรยี นแตละคนจบั สลากเลอื ก เรอ่ื งที่จะทําการทดสอบ เมอ่ื ไดเรอ่ื งทจี่ ะทาํ การทดสอบแลวให นกั เรยี นควรรู นักเรียนทดสอบวธิ ีการเคล่อื นยา ยผูปวยแตละขัน้ ตอนพรอ มกบั อธิบายประกอบ 1 การเคลอื่ นยา ยโดยใชเ กา อี้ ขอ ควรระมัดระวังนอกจากผูปว ยจะตองมีสติ รสู ึกตวั ดแี ลว ผชู วยเหลอื จะตอ งเปน คนแขง็ แรง มีความสูงใกลเ คยี งกัน เพอ่ื ปองกัน หากนักเรยี นคนใดทที่ ดสอบไมผา นใหนักเรยี นจัดปา ยนเิ ทศ ความผดิ พลาดอนั อาจเกดิ จากการทําเกา อ้ีหลุดมือ จนเปนเหตุใหผูป วยไดร บั ขนาดเลก็ เกีย่ วกบั เร่ืองท่จี บั สลากไดพรอ มกับมีรูปภาพประกอบ บาดเจบ็ เพ่ิมมากข้ึนได แลว นาํ ไปวางแสดงภายในหอ งเรียน และใหน ักเรียนมาทดสอบ ใหมอ ีกครัง้ จนกวา จะผาน 154 คูมอื ครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขาใา จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา ใจ เสรมิ สาระ นกั เรียนศกึ ษาเพิ่มเตมิ เก่ียวกบั แหลง ขอความชว ยเหลอื ท่คี วรรูจักจากเสรมิ สาระ แหลง ขอความชวยเหลือที่ควรรจู้ กั ในหนังสือเรยี น หนา 155 เมื่อพบเห็นหรือเกิดสถานการณที่ไม่ปลอดภัยต่อ ตนเองหรือผู้อ่ืน สามารถท่ีจะขอความช่วยเหลือ และ ขอค�าปรกึ ษาจากหนว่ ยงานต่างๆ ไดด้ ังนี้ ๑. สถานีตา� รวจทอ่ี ยู่ใกลท้ เี่ กดิ เหตทุ ่สี ุด หรอื ๑๙๑ เม่อื เกดิ เหตุรา้ ยตา่ งๆ ๒. หน่วยดับเพลงิ ทีใ่ กลท้ ่สี ดุ หรือ ๑๙๙ เมื่อเกดิ เหตุเพลงิ ไหม้ ๓. ที่ว่าการอ�าเภอในพ้ืนที่เกิดเหตุ เมื่อเกิดภัย ธรรมชาติ ๔. เจ้าหน้าท่ีอุทยานแห่งชาติ เมื่อเกิดเหตุร้ายใน ป่าหรอื อทุ ยานแหง่ ชาติ ๕. ศนู ยน เรนทร หรอื ๑๖๖๙ เมอ่ื เกดิ อบุ ตั เิ หตหุ รอื ควรขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ เพราะหาก เหตุฉกุ เฉิน 1 ท�าการช่วยเหลือเพียงล�าพังอาจก่อให้เกิดอันตรายท้ังต่อ ผ้ชู ่วยเหลอื และผปู้ ่วยได้ ๖. ศูนยวิกฤตสุขภาพจิต (MCC) ให้ค�าปรึกษา ในการเจรจาตอ่ รองเพื่อช่วยเหลอื ตวั ประกนั ๗. หนว่ ยกภู้ ยั ที่ใกล้ทเ่ี กิดเหตทุ ีส่ ุด เม่ือเกิดอุบตั เิ หตุหรอื เหตฉุ กุ เฉิน ๘. กรมทางหลวง เมอื่ เกิดอบุ ัติเหตหุ รอื เกิดเหตุร้ายบนท้องถนนหลวง ๙. สถานวี ทิ ยุรว่ มด้วยช่วยกนั เม่ือเกดิ เหตดุ ่วนเหตุรา้ ยทกุ ประเภท โดยกด ๑๖๗๗ ๑๐. โรงพยาบาลใกลเ้ คียงทกุ แหง่ เมอื่ เกดิ อบุ ัติเหตุหรือมีคนได้รับบาดเจ็บ ๑๑. ถ้าไม่ทราบหมายเลขโทรศพั ททอี่ ยากจะโทรใหส้ อบถามหมายเลขได้ โดยกด ๑๑๓๓ ๑๒. สถานีวิทยุ จส. ๑๐๐ กด ๑๑๓๗ ๑๓. สถานีวทิ ยุ สวพ. ๙๑ กด ๑๖๔๔ หรอื ๐-๒๕๖๒-๐๐๓๓-๔ ๑๔. แจ้งวตั ถตุ ้องสงสยั กด ๑๑๑๑ ๑๕. ตา� รวจทางหลวง กด ๑๑๙๓ ๑๖. ตา� รวจท่องเท่ียว กด ๑๑๕๕ ๑๗. ศูนยค วบคุมการจราจร กด ๑๑๙๗ การขอความช่วยเหลือจากแหล่งต่างๆ เมื่อพบว่าตนเองก�าลังตกอยู่ในสถานการณท่ีไม่ปลอดภัย หรือพบ เหตุฉุกเฉิน ควรต้ังสติให้ดี โดยแจ้งเหตุท่ีเกิด สถานท่ีเกิด บริเวณใกล้เคียงอย่างชัดเจน พร้อมท้ังสิ่งที่ต้องการให้ ชว่ ยเหลือ เพอ่ื ทางเจา้ หน้าท่จี ะได้มาถงึ ได้อยา่ งรวดเร็ว เม่ือพบเหตุการณท่ีมีผูปวยหรือผูบาดเจ็บจากอุบัติเหตุตางๆ สิ่งท่ีผูพบเห็นควรปฏิบัติ คือ การใหการปฐมพยาบาลอยางถกู วธิ ี และกระทาํ ทนั ทตี ามสาเหตุและอาการของผูปวย ท้งั น้ี เพื่อชวยลดอันตรายของผูปวยใหทุเลาลง เราจึงควรเรียนรูและฝกการปฐมพยาบาล เพ่ือใหมี ทกั ษะความสามารถในการใหค วามชว ยเหลอื ผอู น่ื อนั จะชว ยใหผ ปู ว ยหรอื ผบู าดเจบ็ นน้ั ไดร บั ความ ปลอดภยั มากทสี่ ุด ๑๕๕ แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETิด เกร็ดแนะครู หลกั การปฐมพยาบาลตอ งคํานงึ ถึงอะไรมากทีส่ ดุ ครูควรแนะนาํ ใหน ักเรียนบันทึกเบอรโ ทรศัพทห นว ยงานทีจ่ ะขอความชว ยเหลือ แนวตอบ หลักการปฐมพยาบาลเบ้ืองตน ส่ิงสาํ คัญทต่ี อง ไวหลายๆ หนว ยงาน และบันทกึ ไวแบบทโี่ ทรออกอยา งเรง ดว นไดสะดวก คาํ นงึ ถึงมากทีส่ ุดคอื ผูชว ยเหลอื และผปู ว ย โดยผชู วยเหลือ จะตองคาํ นงึ ถึงความปลอดภยั ของตนเองมาเปน อันดบั แรก นกั เรยี นควรรู และเม่อื ใหก ารชว ยเหลือก็จะตอ งคํานึงถงึ การชว ยเหลอื ให ผูปว ยไดรับความปลอดภยั และชว ยลดการบาดเจบ็ ใหก บั 1 วิกฤต คือ เวลาหรอื เหตกุ ารณทอ่ี ยใู นข้ันอันตราย ผูปว ยกอ นนาํ สงสถานพยาบาลตอ ไป คมู ือครู 155

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Explore Explain Expand Engage Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล การเขียนสรปุ เปนรายงานวธิ ีการปฐมพยาบาล คาํ ถาม ประจําหนวยการเรยี นรู้ และเคลือ่ นยายผูปวยอยางปลอดภัย ๑. การปฐมพยาบาลอยา่ งถกู ต้องก่อใหเ้ กดิ ผลดีตอ่ ผู้ปว่ ยอยา่ งไร หลกั ฐานแสดงผลการเรียนรู ๒. ในขณะท่นี กั เรยี นส่งผปู้ ่วยให้แก่แพทยแ์ ล้ว นกั เรยี นควรจะใหข้ อ้ มลู ผู้ปว่ ยแก่แพทย์ในเรอ่ื งใดบา้ ง ๓. บาดแผลทถี่ กู ของแหลมคมทมิ่ แทง ถา้ ปฐมพยาบาลหรอื รกั ษาดว้ ยวธิ ที ไ่ี มถ่ กู ตอ้ ง จะสง่ ผลเสยี อยา่ งไร 1. ปายนิเทศขนาดเลก็ สรปุ ถึงวธิ ีการปฐมพยาบาล ๔. หากผปู้ ว่ ยมีอาการทรดุ หนกั ในขณะทีน่ ักเรียนก�าลังปฐมพยาบาลอยู่ นกั เรียนควรท�าอย่างไร 2. รายงานวธิ กี ารปฐมพยาบาลและเคลือ่ นยาย ๕. หากนักเรียนไปพบเหตุการณ์อุบัติเหตุ ซึ่งมีผู้ท่ีได้รับบาดเจ็บท่ีขา เดินไม่ได้ แต่ยังสามารถใช้ ผปู ว ยอยางปลอดภยั ขาข้างใดข้างหนึ่งได้ นักเรียนพิจารณาดูแล้วพบว่าผู้ป่วยมีรูปร่างที่เล็กกว่านักเรียน นักเรียนจะ เลือกใช้วิธีการเคลือ่ นยา้ ยผปู้ ว่ ยอย่างไรใหป้ ลอดภยั กจิ กรรม สร้างสรรคพ ฒั นาการเรียนรู้ กจิ กรรมท่ี ๑ เชิญวทิ ยากรมาบรรยายให้ความรแู้ ละสาธิตเกี่ยวกบั การปฐมพยาบาล กจิ กรรมท่ี ๒ นักเรียนแบง่ กลุม่ แล้วสง่ ตวั แทนออกมาจบั สลากสถานการณต์ ่างๆ โดยครูผูส้ อน เป็นผ้สู มมตสิ ถานการณ์ เพ่ือใหน้ ักเรยี นแสดงบทบาทสมมติในการปฐมพยาบาล กิจกรรมที่ ๓ และการเคล่อื นย้ายผู้ป่วย นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ เพอื่ ศกึ ษาขอ้ มลู การเจบ็ ปว่ ยของนกั เรยี นในโรงเรยี น วา่ มปี ญ หา สขุ ภาพทเี่ กดิ ขน้ึ อยา่ งกะทนั หนั อะไรบา้ ง และไดร้ บั การปฐมพยาบาลอยา่ งไร แลว้ ส่งตวั แทนออกมานา� เสนอหน้าช้นั เรียน ๑๕๖ แนวตอบ คาํ ถามประจาํ หนว ยการเรยี นรู 1. ผปู ว ยรอดชีวิตจากการบาดเจบ็ หรือการเจ็บปว ยทร่ี นุ แรง 2. รายละเอยี ดเกยี่ วกับเหตกุ ารณทเ่ี กิดขึน้ อาการ และลักษณะของผบู าดเจ็บเก่ยี วกบั การปฐมพยาบาลท่ไี ดใ หความชว ยเหลือไป 3. “บาดแผล” บาดแผลอาจลกึ กวาเดมิ มีการบอบชาํ้ ของเน้ือเยอื่ และแผลอาจตดิ เชือ้ ได 4. ตงั้ สตใิ หด ี และพยายามใหการปฐมพยาบาลตอ ไปแลวรบี นาํ สง โรงพยาบาลทนั ที 5. การเคลือ่ นยา ยโดยใชผ ชู ว ยเหลอื คนเดียว ดวยวธิ ีอุมกอดดานหนา 156 คมู ือครู

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate เปาหมายการเรียนรู 1. อธบิ ายลักษณะอาการของผูติดสารเสพตดิ และการปองกนั การตดิ สารเสพติดได 2. อธบิ ายความสมั พนั ธของการใชสารเสพติด กบั การเกดิ โรคและอบุ ตั เิ หตไุ ด สมรรถนะของผเู รยี น 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการแกป ญหา 3. ความสามารถในการใชท ักษะชวี ติ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค 1. ซอ่ื สตั ยส ุจริต 2. ใฝเรียนรู 3. มงุ มัน่ ในการทํางาน 4. มจี ติ สาธารณะ ๘หนว ยท่ี กระตนุ ความสนใจ Engage มหันตภัยจากสารเสพติด ใหน ักเรยี นดภู าพหนาหนวย จากน้นั ครู ตงั้ คาํ ถามเพอ่ื กระตนุ การเรียนรู ตัวชว้ี ดั สารเสพตดิ เปน มหนั ตภยั รา ยแรงทก่ี อ ให • นกั เรยี นเคยไดร ว มรณรงคต อ ตา นสารเสพตดิ ■ อธบิ ายลกั ษณะอาการของผตู้ ดิ สารเสพตดิ และการปอ้ งกนั การ เกิดปญหาท้ังตอบุคคล ครอบครัว ชุมชน หรือไม ตดิ สารเสพตดิ (พ ๕.๑ ม.๑/๒) สังคม และประเทศชาติ โดยมคี วามสมั พนั ธ กบั การเกิดโรคและอบุ ัตเิ หตุ ซง่ึ สงผลกระทบ • นกั เรยี นคดิ วา การรณรงคตอ ตานสารเสพติด ■ อธบิ ายความสมั พนั ธข์ องการใชส้ ารเสพตดิ กบั การเกดิ โรคและ เปนหนาท่ีของบุคคลใด อบุ ัตเิ หตุ (พ ๕.๑ ม.๑/๓) • เพราะเหตใุ ดจงึ มกี ารรณรงคต อ ตาน สาระการเรียนรู้ ตอสุขภาพ ตลอดจนความปลอดภัยของผูเสพ สารเสพติด อีกทั้งยังสรางปญหาตางๆ ใหกับผูอ่ืน ดังน้ัน ■ ลกั ษณะของผู้ติดสารเสพตดิ จึงเปนความจําเปนท่ีเราจะตองหลีกเลี่ยง ไมไป ■ อาการของผู้ติดสารเสพติด ยุงเกี่ยวกับสารเสพติด และรว มมือกนั แกไขปญหา ■ ความสมั พนั ธข์ องการใชส้ ารเสพตดิ กับการเกิดโรค สารเสพตดิ เพื่อสรา งความม่ันคงเขม แข็งและความ และอุบัติเหตุ ผาสกุ ใหเ กิดแกส ังคมไทย เกรด็ แนะครู กอนนาํ เขา สูก ารเรียนการสอน และกอนการถามคําถามขางตนนน้ั ครอู าจ นาํ ภาพขา วสาร หรอื บทความตางๆ ที่เปนผลจากมหันตภัยของสารเสพติด เชน การจับตัวประกัน อุบตั ิเหตจุ ากการใชส ารเสพตดิ ผูปวยทป่ี ว ยดว ยโรคมะเรง็ ตับ โรคถุงลมโปงพอง เปน ตน มาใหนกั เรยี นดู เพ่อื กระตนุ ความสนใจ และอภิปราย รว มกนั ถึงมหนั ตภัยจากสารเสพติด คูม ือครู 157

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Engage กระตนุ ความสนใจ ครอู าจนําภาพบคุ คลทต่ี ิดสารเสพติดมาให ๑. ความรทู้ ่วั ไปเกย่ี วกับสารเสพติด นกั เรยี นรว มกันอภปิ รายวา ลักษณะของบุคคล สารเสพตดิ หมายถึง ยาหรอื สารเคมี หรือวัตถุชนิดใดๆ ก็ตาม เมือ่ เสพเข้าสู่รา่ งกายแลว้ ดงั กลา วเปนอยางไร นาคบคา สมาคมดวยหรือไม ไมว่ า่ จะโดยวธิ กี ารรบั ประทาน สบู ฉดี ดม หรอื จากน้ันครตู ้ังคาํ ถามกระตนุ ความสนใจของนกั เรียน วิธีอื่นๆ แล้วก่อให้เกิดผลต่อร่างกายและจิตใจ ของผเู้ สพสารเสพตดิ • หากกลา วถึงสารเสพติด นกั เรยี นนกึ ถงึ ผลร้ายของสารเสพติดท่ีมีตอผู้เสพที่ สิง่ ใดบา ง สาํ คญั มี ๔ ประการ คือ (แนวตอบ ขนึ้ อยูก บั คาํ ตอบของนกั เรยี น ๑. จะมีความต้องการเสพสารนั้นอย่าง ซง่ึ อาจตอบวานึกถึงบุหรี่ สรุ า ยาบา กญั ชา รนุ แรงท้ังทางร่างกาย จติ ใจ และตลอดเวลา ยาอี เปนตน ) ๒. ต้องเพิ่มขนาดหรือปริมาณการเสพ มากขนึ้ • สารเสพตดิ มีโทษอยา งไรบาง ๓. มีอาการอยากยาหรือหิวยาเม่ือถึง (แนวตอบ ข้นึ อยกู บั คําตอบของนกั เรยี น เวลาที่ต้องการเสพแล้วไม่ได้เสพ โดยจะแสดง ซง่ึ อาจตอบวา สารเสพตดิ ทําใหผ เู สพมี การใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ กดิ ประโยชนใ์ นทางทส่ี รา้ งสรรค์ สามารถ อาการออกมาในลกั ษณะตา่ งๆ เชน่ หาว อาเจยี น สขุ ภาพเสอ่ื มโทรม มพี ฤติกรรมเปลยี่ นแปลง ป้องกันการติดสารเสพตดิ ได้ นา้� ตาน�้ามูกไหล คลมุ้ คลงั่ ขาดสติ เปน็ ต้น ไปในทางที่ไมดี เชน ขาดสติ มนี สิ ยั ลกั ขโมย เปน ตน ทาํ ใหค รอบครวั ไมม ีความสขุ สงผล ๔. ท�าใหส้ ุขภาพร่างกายและจติ ใจของผู้เสพเส่ือมโทรมลงอย่างรวดเร็ว ใหเกิดปญหาสงั คม และกระทบตอ การพฒั นา ประเทศชาติอีกดว ย) ๒. ประเภทของสารเสพติด สารเสพตดิ มีหลายประเภท ซงึ่ สามารถจา� แนกได้ ดังนี้ ๒.1 สารเสพตดิ ทแ่ี บง่ ตามแหลง่ ทีเ่ กิด แบง่ ออกเป็น ๒ ประเภท คอื สารเสพตดิ ธรรมชาติ สารเสพตดิ สังเคราะห เป็นสารหรือยาเสพติดที่ได้มาจากพืช หรือพันธุ์ไม้บางชนิดที่ เป็นสารหรือยาท่ีผลิตหรือสังเคราะห์ขึ้นด้วยวิธีทางเคมี ขนึ้ อย่ตู ามธรรมชาติ ไดแ้ ก่ ฝิ่น กญั ชา กระทอ่ ม รวมไปถึง และน�ามาใช้แทนสารเสพตดิ ธรรมชาติ ได้แก่ ยาบ้า ยาอี มอร์ฟีน (Morphine) และเฮโรอีน (Heroine) ซ่ึงแปรสภาพ กาวซเี มนต์ (Fast Setting Latex) ทินเนอร์ (Thinner) ทางเคมีมาจากฝ่นิ ๒.๒ สารเสพตดิ ทแ่ี บง่ ตามพระราชบญั ญตั ยิ าเสพตดิ ใหโ้ ทษ พ.ศ. ๒5๒๒ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ ได้จัดประเภทของสารเสพติดไว้ ๕ ประเภท คือ 158 บรู ณาการอาเซยี น ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET นกั เรยี นคิดวาสถานการณส ารเสพตดิ ในปจจุบันเปนอยางไร ประเทศไทยไดเ ล็งเหน็ ความสาํ คัญของความรวมมอื ดานสงั คมเพอื่ สนั ติสขุ จงอธบิ ายมาพอสงั เขป ในภูมภิ าค จึงสนับสนนุ ใหอาเซยี นกระชับความรวมมือในการแกไขปญหา แนวตอบ ปจ จบุ ันสารเสพตดิ ยงั มีความรนุ แรงและมีแนวโนม อาชญากรรมขามชาตโิ ดยเฉพาะเรอื่ งการคายาเสพตดิ รวมทงั้ ใหความสาํ คญั ที่เพมิ่ ข้นึ โดยเฉพาะในกลมุ วยั รุนซึ่งควรไดร ับการปองกัน โดย กับการพฒั นาทรัพยากรมนุษยเพื่อเปนกลไกในการลดชอ งวางระหวางประเทศ อาศยั ความรว มมือของทุกคนในสังคมในการชว ยกนั สอดสอง สมาชิกเกา และใหมข องอาเซียนซง่ึ จะมสี ว นชวยสนบั สนนุ การรวมตวั ของอาเซียน ดแู ล และรวมมือกนั แกไขปญ หาสารเสพติดใหหมดไป โดยไทยไดผลกั ดนั ใหอาเซียนมมี ติรับรองการจัดใหมปี แ หงการปลูกจิตสาํ นกึ ใน การตอตา นยาเสพติดในอาเซยี น เนอื่ งจากไทยไดส ูญเสยี ทรพั ยากรจาํ นวนมาก บรู ณาการเชื่อมสาระ ในการแกไขปญหายาเสพตดิ และจําเปนตอ งไดรบั ความรว มมอื ระดับภมู ภิ าค สามารถนําเน้อื หาเร่ือง ความรทู ว่ั ไปเกยี่ วกับสารเสพติด และ ประเภทของสารเสพตดิ ไปบูรณาการเชือ่ มโยงกับกลมุ สาระ มมุ IT การเรียนรวู ิทยาศาสตร วชิ าวทิ ยาศาสตร เรอื่ ง สารเสพตดิ และ ผลตอ รางกาย สามารถศึกษาเพิม่ เตมิ เกย่ี วกบั พระราชบญั ญตั สิ ารเสพตดิ ใหโทษ พ.ศ. 2522 ไดจากเว็บไซตข องสาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฏกี า http://www.krisdika.go.th 158 คูม อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explain Expand Evaluate Explore Explore สาํ รวจคน หา ประเภทที่ ๑ ประเภทที่ ๒ ประเภทท่ี ๓ ประเภทที่ ๔ ประเภทท่ี ๕ จากปญหาสารเสพติดที่นับวนั จะยงิ่ ทวี ความรนุ แรงมากข้นึ เพ่ือใหน กั เรยี นไดต ระหนกั สารเสพติดให้โทษ สารเสพติดให้โทษ สารเสพติดให้โทษท่ีมี สารเคมีทใ่ี ชใ้ นการ สารเสพติดใหโ้ ทษ ถงึ โทษของสารเสพตดิ ครจู ึงใหน กั เรียนแตล ะคน ชนดิ ร้ายแรงที่ไม่มี ทวั่ ไป ทม่ี ปี ระโยชนใ์ น สารเสพติดในประเภท ผลิตสารเสพติดให้ ทม่ี ไิ ดอ้ ยใู่ นประเภท ศึกษาเร่อื ง การนา� มาใชใ้ นทาง การรักษาในระดบั น้อย ที่ ๒ เปน็ สว่ นผสม โทษในประเภทท่ี ๑ ที่ ๑ ถึงประเภท การแพทย์และท�าให้ จนถงึ มาก และทา� ให้ อย่ดู ว้ ย ตามทไี่ ดข้ น้ึ หรอื ประเภทท่ี ๒ เช่น ท่ี ๔ เช่น กัญชา • ความรูทัว่ ไปเกีย่ วกบั สารเสพติด เกดิ การเส่ยี งต่อการ เกดิ การเสี่ยงต่อการ ทะเบยี นต�ารับไว้ ซง่ึ อาเซตคิ แอนไฮไดรด์ เพหืชด็ กขร้คี ะวทาอ่ ย2มเปน็ ต้น • ประเภทของสารเสพตดิ ติดยาของประชากร ตดิ ยาของประชาชน ท�าให้เกิดการเสยี่ ง (Aceticanhydride) • ลักษณะอาการของผตู ิดสารเสพตดิ ในระดับรุนแรง เชน่ ในระดับทพ่ี งึ ระวัง ตอ่ การตดิ ยาของ อาเซติลคลอไรด์ จากหนังสือเรียนและแหลงเรียนรูเ พิม่ เติม ยาบา้ ยาอี เฮโรอนี เชน่ มอร์ฟีน โคเคน ประชากรน้อย (Acetylchloride) โดยนักเรียนสามารถท่ีจะสรปุ สาระสาํ คญั ไดตาม เปน็ ต้น (Cocaine) โคเคอีน แตย่ งั คงมีอนั ตราย เปน็ ตน้ ความตอ งการเพ่ือใหเ ขา ใจในเนื้อหาไดงายและ เปน็ ต้น และมีประโยชนม์ าก สามารถจดจําไดม ากขึน้ ยในากแากร้ไรอกั ผษสามโโรคคเคเชอ่นนี 1 เปน็ ต้น ๒.๓ สารเสพติดทีแ่ บง่ ตามการออกฤทธิ์ตอ่ จติ ประสาท สารเสพติดสามารถออกฤทธต์ิ อ่ จิตประสาท แบ่งออกเปน็ ๔ ประเภท คือ ประเภท ประเภท ประเภท ประเภท กดประสาท กระตุ้นประสาท หลอนประสาท ออกฤทธ์ิผสมผสาน เป็นสารเสพตดิ ทีอ่ อกฤทธิ์ มผี ลต่อระบบประสาท ท�าให้ เปน็ สารเสพติดทีม่ ีผลตอ่ เป็นสารเสพติดทอี่ อกฤทธ์ิ ต่อระบบประสาทสว่ นกลาง ประสาทตงึ เครยี ด ความคิด ระบบประสาทสมองสว่ น ท้ังกดประสาท กระตุ้น ในสมองส่วนท่ีควบคมุ สบั สน เกิดภาพหลอน สมั ผัสทงั้ ๕ ทา� ให้ หรอื หลอนประสาท ความรสู้ กึ ทา� ใหม้ นึ งง เพอ้ คล่งั หวาดระแวง ตืน่ ตวั การมองเห็น การได้ยนิ พร้อมกนั เชน่ กัญชา ประสาทชา ขาดสติ ต่ืนเต้นตลอดเวลา หวั ใจเต้น การชิมรส การสมั ผสั และ เปน็ ตน้ งว่ งซมึ และไมม่ ี แรงและเร็ว มอื สนั่ การดมกลน่ิ เปลีย่ นแปลง ความยับย้งั ชั่งใจ เหงือ่ ออกมาก นอนไม่หลบั ไปจากท่เี ป็นจริง เห็น หมดความเป็นตัวเอง ปากและจมูกแห้ง ริมฝปี าก ภาพลวงตาเปน็ จนิ ตนาการ ไปชั่วขณะ เชน่ ฝิ่น แตก รูม่านตาเบกิ กว้าง ที่สวยงามและน่ากลวั จน มอร์ฟีน สารระเหย ปวดศรี ษะ เบ่ืออาหาร ไม่สามารถควบคมุ ตนเองได้ เฮโรอีน แบบสเปรย์ คลน่ื ไสอ้ าเจียน ท้องเดิน เช่น เห็ดขี้ควาย แอลเอสดี สสี เปรย์ (Autopaint ปวดท้องอย่างรนุ แรง (LSD) ยาเค (Ketamine) Spray) สารระเหย สารเสพตดิ ประเภทน้ี ได้แก่ เปน็ ตน้ แบบทนิ เนอร์ ยาบา้ โคเคน ยาอี ยาเลิฟ (ทินเนอร์ นา้� ยาลา้ งเลบ็ ) เอ็คซ์ตาซี (Ecstasy) และ ยานอนหลบั เป็นตน้ กระท่อม เป็นตน้ 159 ขอ สอบ O-NET นักเรยี นควรรู ขอ สอบป ’52 ออกเกยี่ วกบั ประเภทของสารเสพตดิ 1 ยาแกไ อผสมโคเคอีน ออกฤทธิ์ทร่ี ะบบประสาทสวนกลางบริเวณศูนยค วบคุม สารเสพตดิ ประเภทใดท่ีจดั เปน กลุมเดยี วกบั “ยาไอซ” การไอทอี่ ยูในสมอง ผลของการใชใ นทางที่ผดิ จะเกดิ อนั ตรายตอสขุ ภาพ เชน 1. กัญชา มอรฟ น เฮโรอนี คลืน่ ไส อาเจียน งวงซึม และที่สาํ คญั การใชยาติดตอ กนั เปนเวลานานจะทาํ ใหเกิด 2. ยาบา แอลเอสดี แอมเฟตามนี การตดิ ยา และมอี าการอยากยาเมอื่ ขาดยา ซ่ึงตอ งเขา รบั การบําบดั รักษา 3. โคเคน แอลเอสดี เหลาแหง 2 เหด็ ข้คี วาย เปนเห็ดพษิ ซ่ึงข้นึ อยตู ามกองมูลควายแหง ดอกเหด็ มสี เี หลอื งซีด 4. เอ็กซตาซี ฝน แอมเฟตามีน คลา ยสฟี างแหง บนหวั ของรมจะมสี นี ํ้าตาลเขม จนถงึ สีดํา บริเวณใกลตัวรมจะมี วิเคราะหคาํ ตอบ ยาไอซ เปน สารเสพตดิ ในกลมุ แอมเฟตามนี แผน เน้ือเยอื่ บางๆ สีขาว แผขยายออกรอบกา นลักษณะคลายวงแหวน ข้นึ ท่วั ไป ในแทบทุกภาคของประเทศไทย สามารถศกึ ษาเพ่ิมเติมและดูรปู เห็ดข้คี วาย ไดจ าก หรอื ยาบา มลี กั ษณะเปน กอนผลึกใสเหมอื นนาํ้ แขง็ มีช่ือทาง เว็บไซตสํานักงานขอมลู สมุนไพร คณะเภสชั ศาสตร มหาวิทยาลยั มหดิ ล วทิ ยาศาสตรว า เมทแอมเฟตามนี ไฮโดรคลอไรด ซง่ึ ออกฤทธ์ิ http://www.medplant.mahidol.ac.th/tpex/poison/hedkheek.htm กระตุนประสาทเชน เดียวกบั ยาบา จงึ จดั เปน สารที่มีผลตอการ กระตนุ จติ ใจ ตอบขอ 2. คมู อื ครู 159

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล Explore Evaluate Engage Explain Explain Expand อธบิ ายความรู ครูตงั้ คําถามใหนกั เรยี นไดอ ธิบายความรูท่ีได ๓. ลกั ษณะและอาการของผ้ตู ดิ สารเสพติด ศกึ ษามา สารเสพตดิ จะมผี ลกระทบตอ่ รา่ งกายและจติ ใจของผเู้ สพ ซงึ่ ทา� ใหล้ กั ษณะและความประพฤติ • ใหน กั เรียนรว มกนั ยกตัวอยางสารเสพติด ของผู้เสพเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยผู้เสพจะมีลักษณะอาการที่สามารถสังเกตได้จากการ ธรรมชาติ และสารเสพติดสังเคราะห เปลย่ี นแปลงทางด้านรา่ งกายและพฤตกิ รรม ดงั นี้ (แนวตอบ สารเสพตดิ ธรรมชาติ เชน ฝน ๓.1 การเปลยี่ นแปลงทางดา้ นร่างกาย กญั ชา กระทอม เปนตน สวนสารเสพติด สังเคราะห เชน ยาบา ยาอี สารระเหย ลกั ษณะและอาการผตู ิดสารเสพติด เปนตน) สุขภาพทรดุ โทรม ผอม ซูบซดี และเจบ็ ปวยงาย • ยาบา เปนสารเสพตดิ ทอ่ี อกฤทธ์ิตอ ตาโรย ตาแดง และมนี ํ้ามกู นาํ้ ตาไหล เหง่ือออกมาก จิตประสาทอยางไร และกลนิ่ ตัวแรง บางครั้งจะไดกล่นิ ของสารทีเ่ สพเขา ไป (แนวตอบ ออกฤทธิ์กระตุนประสาท ทาํ ใหเกิด มรี อยฉดี ยาบรเิ วณตนแขนดานในหรอื ขอ พบั ของขอศอก ภาพหลอน หวาดระแวง หัวใจเตน เรว็ เหง่อื จึงมักใสเส้ือแขนยาว ออกมาก นอนไมห ลับ ปวดศีรษะ) มีอาการงวงเหงาหาวนอน และเบือ่ อาหาร บางครง้ั อาจมี อาการเหมือนคนเมาเหลา คลมุ คล่งั และทาํ รา ยผูอน่ื จากนั้นใหนกั เรียนรวมกนั อภิปรายลักษณะ อาการของผตู ดิ สารเสพติด นิว้ มอื เลบ็ จะมคี ราบเหลอื ง ดํา สกปรก (หากเสพโดยการสบู ) ขยายความเขา ใจ Expand ๓.๒ กผู้เาสรพเสปาลร่ียเสนพแติปด1จละงมทีพาฤงตดิกร้ารนมพเปฤลต่ียกินรแปรมลงไปจากเดิม โดยจะแสดงพฤติกรรม ใหน ักเรียนแบง กลมุ กลมุ ละ 5-6 คน คนควา ออกมาที่สามารถสังเกตได้ ดงั น้ี เพิ่มเตมิ จากแหลงเรยี นรูตางๆ แลว จดั ปา ยนเิ ทศ เผยแพรความรเู ก่ียวกับประเภทของสารเสพตดิ ๑. มีนิสัยเกียจคร้านและไม่รับผิดชอบหลังจากที่เสพสารเสพติดแล้ว ท�าให้ลด หรอื ลักษณะอาการของผูตดิ สารเสพติด (จบั สลาก ความต้ังใจ และพฤติกรรมตา่ งๆ ลง ขาดความสนใจในตนเอง ละเลยกจิ วตั รประจ�าวัน โดยไม่สนใจ วาจะไดจดั บอรด เรอื่ งใดเรอื่ งหน่ึงเทาน้นั ) สิ่งแวดล้อมรอบตัว ๒. ซึมเศรา้ อารมณห์ งดุ หงดิ ฉนุ เฉยี ว และโมโหงา่ ย เอาแต่ใจตนเอง เบอื่ หน่าย ตอ่ การเรยี นหรอื การทา� งานทกุ อย่าง ๓. ขาดสติสมั ปชัญญะ ๔. มีนิสัยโกหก โดยเริ่มจากโกหกเร่ืองเล็กๆ น้อยๆ ไปจนกระทั่งโกหกเร่ืองที่มี ความส�าคัญมากข้ึน และมักแสดงออกถึงการมีลับลมคมนัยเกี่ยวกับการซุกซ่อนสารเสพติด เพราะกลวั ผอู้ นื่ จะรู้จะเห็น 16๐ นักเรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET นกั เรียนคิดวาสาเหตสุ าํ คญั ท่ีทาํ ใหวัยรุนติดสารเสพติด 1 ผูเสพสารเสพติด สาเหตุของการตดิ สารเสพติด มีดังนี้ มากท่ีสดุ คอื อะไร • ความอยากรูอยากลองดว ยความคกึ คะนอง แนวตอบ สาเหตขุ องการติดสารเสพตดิ ในวัยรนุ มหี ลายปจ จัย • ถกู หลอก เพื่อนชวน หรอื ตองการใหเ ปน ทย่ี อมรบั จากกลุม เพอ่ื น ไดแ ก • สภาพแวดลอมทีอ่ ยูอาศัยมกี ารคายาเสพตดิ หรือมผี ตู ิดยาเสพติด • ความอยากรอู ยากลอง และความคึกคะนอง อาจสงผลใหว ยั รุน • มีความเชือ่ ในทางที่ผิด หนั ไปใชส ารเสพติดไดงา ย • ขาดความระมดั ระวังในการใชยา เนือ่ งจากคุณสมบัติของยาบางชนดิ • อทิ ธพิ ลของเพอื่ นและสง่ิ แวดลอ ม คา นยิ ม และการมพี ฤตกิ รรม อาจทาํ ใหผ ใู ชเ กิดการเสพติดไดโ ดยไมรตู ัว เลยี นแบบ • พนื้ ฐานบคุ ลกิ ภาพทอี่ อ นแอ ขาดความเชอื่ มนั่ รสู กึ วา ตนเอง มมุ IT มีปมดอ ย ขาดเปาหมายในชีวติ เมอ่ื ตอ งพบเจอกบั ปญหา ความเครียด หรือความกดดัน มักปรบั ตัวไมไ ด และไมสามารถ สามารถศกึ ษาเพมิ่ เติมเกี่ยวกบั ลักษณะของผูต ดิ สารเสพตดิ ไดจากเวบ็ ไซต แกไขปญหาตา งๆ ได จงึ ใชสารเสพติดเพอ่ื หลกี หนีจากปญหา ศนู ยว ชิ าการสารเสพติดภาคเหนือ มหาวิทยาลยั เชยี งใหม http://www.sri.cmu. • ปญ หาครอบครวั แตกแยก การขาดความรกั ความอบอนุ ac.th/~nsac/All_Page/Knowledge/Behavior_of_Patient.htm ชอบตาํ หนแิ ละพดู ประชดประชนั บรรยากาศเหลา นที้ าํ ใหว ยั รนุ เบอ่ื หนา ย และมโี อกาสทาํ ใหว ยั รนุ หนั ไปใชส ารเสพตดิ ไดง า ย 160 คูม อื ครู

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Engage กระตนุ ความสนใจ ๕. ใชเ้ งนิ เปลืองผิดปกติ โดยจะใช้เงนิ เพม่ิ ข้ึนเรอื่ ยๆ ภายในไม่เกนิ ๑ ปี มีหน้ีสนิ ครูนาํ ภาพบุคคลท่ีเปนโรคตา งๆ จากการ จนทา� ใหบ้ างครง้ั มนี สิ ัยทลี่ กั เล็กขโมยนอ้ ย เสพสารเสพตดิ เชน โรคถงุ ลมโปงพอง โรคหวั ใจ โรคมะเร็งปอด อมั พาต ตับแข็ง โรคประสาท ๖. ขาดความเปน็ ระเบียบเรียบร้อย และสกปรก เปน ตน มาใหนักเรยี นดแู ละรว มกนั วเิ คราะห ๗. ชอบเก็บตวั ไมส่ ุงสงิ กบั ใคร วา การเสพสารเสพตดิ มคี วามสมั พนั ธกบั การเกิด ๘. มกี ารติดต่อกบั คนแปลกหน้ามากขึน้ โดยมักเป็นพวกทมี่ กี ารเสพยาเหมือนกัน โรคตา งๆ เหลา นั้น อยา งไร ๙. ใชห้ อ้ งน�า้ นานผดิ ปกติ ๑๐. พกพาอปุ กรณเ์ ก่ยี วกับการเสพสารเสพติด ครูตง้ั คําถามเพือ่ กระตนุ การเรยี นรู และ ทดสอบความรูเดิมของนกั เรยี น ๔ . แคลวาะมอสุบมัตั พเิ หันตธุ ข์ องการใช้สารเสพติดกับการเกิดโรค • ใหนกั เรยี นยกตวั อยา งโรคที่เกิดจากการ สารเสพติดทุกประเภทจะมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคและอุบัติเหตุอย่างชัดเจน โดยเม่ือ สูบบหุ ร่ี เสพเข้าไปสารเสพติดก็จะออกฤทธิ์ต่อร่างกาย ซ่ึงมีผลต่อสุขภาพ และเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุ (แนวตอบ โรคถงุ ลมโปงพอง โรคมะเร็งปอด ร้ายแรงได้ นับเปน็ ปัญหาท่สี ร้างความเดอื ดร้อนให้แก่ตนเองและผูอ้ นื่ เปน็ อยา่ งมาก โรคหวั ใจ เปน ตน ) ๔.1 ประเภทของสารเสพตดิ กบั การเกดิ โรค • ใหน กั เรียนยกตวั อยา งโรคท่เี กิดจากการ สารเสพติดเม่ือเสพเข้าไปแล้ว จะท�าให้ภูมิต้านทานโรคในร่างกายน้อยกว่าปกติ ดม่ื สุรา กอ่ ใหเ้ กดิ โรคภยั ไขเ้ จบ็ ไดง้ า่ ย โดยสารเสพตดิ ท่ีทา� ใหเ้ กดิ โรคท่พี บเหน็ ไดบ้ อ่ ยในสงั คม ไดแ้ ก่ (แนวตอบ อัมพาต ตบั แขง็ มะเร็งตบั เปน ตน) ๑) บหุ รี่ เป็นสารเสพตดิ ที่ใหโ้ ทษทั้งตอ่ ตนเองและผู้อื่น เพราะในควนั บุหรม่ี สี ารเคมี จากนนั้ ครูกลาวนาํ เขาสูเ นอ้ื หาวา นอกจาก บหุ รแี่ ละสุราแลว ยงั มีสารเสพติดอกี หลายชนิดที่ อยู่มากมาย ซง่ึ เป็นพิษภยั ตอ่ สุขภาพของผูเ้ สพและผทู้ ่ไี ด้รับควนั บุหรีเ่ ขา้ ส่รู า่ งกาย โดยสารท่ีอยู่ เมอ่ื เสพแลวจะกอใหเกิดโรคตา งๆ อีกมากมาย ใสนูบบเพุหรราี่นะั้นควจาะมไมเค่มยีผชลินท่ีถทา้�าไใมห่ส้ผบู ู้สจูบะตไมิด่ทได�าใ้ หแเ้ ตกดิ่จอะเาปก็นารกา“ลรตงแิดดทง1า”งเใหจมอืทน่ีเรสียากรเวส่าพต“สดิ ่ิงอเืน่ สๆพติดนิสัย” ซ่งึ นักเรยี นจะไดศ ึกษาตอไป เกรด็ นา่ รู้ สมองติดยา ภาวะ “สมองตดิ ยา” คือ ภาวะทเี่ กดิ จากการใช้สารเสพติดจนส่งผลต่อสมอง ๒ สว่ น คอื สมองส่วนคิด (Prefrontal) ที่ทำาหน้าท่ีคิดอย่างมีเหตุผลด้วยสติปัญญา และสมองส่วนอยาก (Brain Reward Pathway) ที่ทำาหน้าทีค่ วบคุมอารมณ์ความอยาก หรอื ความตอ้ งการข2องคน เม่ือเสพสารเสพติดเข้าไปสมองจะหล่ังสารสื่อประสาทเรียกว่า โดปามีน (Dopamine) และเซโรโทนิน (Serotonin) ซ่ึงทำาให้รู้สึกมีความสุข ผู้ที่เสพจะใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล เม่ือใดท่ีมีสิ่งกระตุ้น หรืออยู่ใน สภาวะแวดล้อมท่ีเก่ียวข้องกับการใช้สารเสพติดและยากต่อการควบคุม ซ่ึงเรียกอาการนี้ว่า โรคสมองติดยา หากปลอ่ ยไวไ้ มร่ ีบบาำ บัดรกั ษา สมองสว่ นคิดจะถกู ทำาลาย กลายเปน็ ผู้ที่มอี ารมณแ์ ปรปรวน ขาดความยบั ย้ัง ชัง่ ใจ เซลลส์ มองฝ่อ สตปิ ัญญาแยล่ ง กลายเปน็ โรคสมองเสื่อมในทส่ี ุด 161 ขอ สอบ O-NET นกั เรยี นควรรู ขอสอบป ’53 ออกเกยี่ วกับการสบู บหุ ร่ี 1 ลงแดง เปน อาการทุรนทุรายท่ีเกดิ จากการอยากกนิ ดื่ม หรอื เสพสารเสพติด นกั เรียนกําลังไปเขาหอ งนํ้าของโรงเรียน บังเอิญพบเพ่ือนๆ แลวไมไ ดเสพในขณะนน้ั ทาํ ใหเ กิดผลกระทบตอรา งกายและจิตใจ และแสดงออก คลา ยคนบา กําลงั สบู บุหร่ี เพ่อื นชกั ชวนใหน ักเรยี นสูบบุหร่ีดวย นักเรียน 2 สารสือ่ ประสาท (Neurotransmitter) เปนสารเคมีทส่ี รา งจากปลายเซลล จะพูดวาอยา งไร ประสาทหรอื ตวั เซลลป ระสาท เพื่อนําสัญญาณประสาท (Neurotransmission) ผานไซแนปซ (Synapse) หรือชอ งวางระหวา งเซลลประสาท สารสอ่ื ประสาท 1. “เอาไวค อ ยสูบวนั หลงั ” มหี ลายชนดิ เชน อะเซทิลคลอรีน (Acetylcholine) โดปามนี (Dopamine) 2. “ถา มหี มากฝร่ังระงบั กลน่ิ เราถึงจะสูบ” นอรอพี ิเนฟรีน (Norepinephrine) ซโี รโทนนิ (Serotonin) เปน ตน 3. “เราใหสญั ญากบั แมไ ววาจะไมส ูบบุหร”่ี 4. “ดเี หมอื นกนั วนั นย้ี ังไมม ีโอกาสไปซ้ือเลย” คมู ือครู 161 วเิ คราะหค าํ ตอบ เมอื่ เพอ่ื นชกั ชวนใหน กั เรยี นสบู บหุ รี่ นกั เรยี นควรปฏเิ สธไปอยา งหนกั แนนและทันที โดยใหพ ึงระลึก ไวเ สมอวา บหุ ร่ีเปน สารเสพติดที่ใหโทษท้ังตอตนเองและผูอ ่ืน ถึงแมว า จะไมสูบดว ยกต็ ามนักเรยี นก็ควรทจ่ี ะมจี ิตสํานกึ ตอ สงั คม ซงึ่ การทีน่ กั เรยี นปฏเิ สธโดยใชค ําพดู วา “เราใหสัญญา กับแมไวว า จะไมสูบบหุ ร”ี่ ถือเปน การปฏิเสธทีด่ ี เพราะนอกจาก จะเปน การเตอื นสติตนเองใหนึกถงึ แมแ ลว ยงั เปนการเตือนสติ เพือ่ นๆ ท่กี าํ ลงั สูบบุหร่อี ยดู ว ย ตอบขอ 3.

กระตนุ ความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore สาํ รวจคน หา Explore จากการศึกษาท่ีผานมา ทําใหน ักเรยี นไดทราบ การสูบบหุ รเี่ ปน็ พษิ ภยั ต่อสุขภาพทง้ั ตัวผสู้ บู และผทู้ ่ีไม่ได้สูบซ่งึ ได้สดู ดมเอาควัน ความรูทั่วไปเก่ยี วกบั สารเสพติด ประเภทของ บหุ ร่ีเข้าไป ซ่งึ สารพิษทมี่ อี ยู่ในบุหร่ีน้นั มหี ลายชนดิ ทกุ ชนิดล้วนมีผลตอ่ สุขภาพดว้ ยกนั ท้ังส้นิ แต่ สารเสพตดิ และลักษณะอาการของผตู ิดสารเสพตดิ สารพษิ ทสี่ ง่ ผลตอ่ สขุ ภาพอยา่ งเหน็ ไดช้ ดั มดี งั น้ี ไปแลว ดงั นน้ั จงึ ถอื วา นกั เรยี นไดม คี วามรคู วามเขา ใจ ๑.๑) นโิ คตนิ (Nicotine) เปน็ เบ้อื งตน เก่ียวกับสารเสพติดพอสมควร สารที่ท�าให้ออกฤทธิ์โดยตรงต่อสมอง โดยจะ ไปกระตุน้ และกดประสาทสว่ นกลาง ซ่งึ เมอื่ สูบ เพอ่ื กอ ใหเกิดความรคู วามเขา ใจในเรือ่ ง ๑-๒ มวนแรกจะท�าใหร้ สู้ ึกกระปรี้กระเปร่า แต่ สารเสพตดิ ไดอยา งลกึ ซ้งึ มากยิง่ ขน้ึ ครูจงึ ควร ถ้าสูบมากๆ หลายๆ มวน จะไปกดประสาท เชือ่ มโยงเน้ือหาทก่ี าํ ลงั จะใหน กั เรียนไดศกึ ษา สว่ นกลาง ท�าใหม้ ีความรู้สึกช้าลง โดยนิโคตนิ ตอ ไปน้ีดว ยตัวของนกั เรียนเอง โดยใหน กั เรยี น ร้อยละ ๙๕ จะไปจับอยู่ท่ีปอด ส่วนท่ีเหลือจะ ศกึ ษาเรื่อง การใชสารเสพติดกับการเกดิ โรค ไปจับอยู่ท่ีเย่ือหุ้มริมฝีปาก และบางส่วนจะถูก จากหนังสือเรยี น แลว บันทึกสาระสาํ คญั ลงในสมดุ ตามความเขา ใจของนักเรยี น มะนาวจะมีสารที่ช่วยลดความอยากนิโคตินได้ และมีผล หดดูมซวกมึ ไเตขา้ ทสา� กู่ ใหระห้ แลสง่ั เสลาอื รดอพิซเิงึ่ นมฟผี รลนิ โ1ด(Eยตpiรnงeตpอ่hตrinอ่ eม) ต่อการทำางานของต่อมรับรสขม ซ่ึงทำาให้รสชาติของบุหรี่ อนั เปน็ สาเหตทุ ที่ า� ใหค้ วามดนั โลหติ สงู ขน้ึ หวั ใจ เปลีย่ นไป เตน้ เรว็ กว่าปกติ หลอดเลือดแดงหดและตีบตัน อีกทั้งยังมีผลต่อการเพ่ิมไขมันในเลือดอีกด้วย ทั้งนี้สารนิโคตินที่มีอยู่ในบุหรี่มีผลท�าลาย เย่ือบุชั้นในของหลอดเลือดแดง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงท�าให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ หรือหัวใจขาด เลือดได้ ๑.๒) ทาร (Tar) หรือนํ้ามันดนิ เป็นส่วนประกอบสา� คัญของใบยาสบู มีลักษณะ เหนียวเป็นสนี า้� ตาลเขม้ กอ่ ใหเ้ กดิ มะเร็ง เช่น มะเรง็ ปอด ซง่ึ เม่ือสูบเขา้ ไปสารทาร์ทม่ี ีอยใู่ นบหุ รี่ จะไปจับที่ปอด เมื่อสูบติดต่อกันหลายครั้งจะท�าให้ขนปัดเล็กๆ (cilia) ภายในเย่ือบุช่องลมนั้น ไมส่ ามารถท�างานไดต้ ามปกติ เย่อื บุทางเดนิ หายใจ ถุงลมปอดถกู ท�าลาย มกี ารเสอ่ื มสภาพของ เนื้อเยื่อบุภายในทางเดินหายใจ เกิดการระคายเคือง มีอาการไอเรือ้ รงั และเป็นโรคถงุ ลมโปงพอง ๑.๓) แกสตางๆ เช่น แกสคาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbonmonoxide) แกสไฮโดรเจนไซยาไนด์ (Hydrogencyanide) แกสไนโตรเจนไดออกไซด์ (Nitrogendioxide) เปน็ ตน้ แกส เหลา่ นแ้ี ตล่ ะชนดิ เปน็ พษิ ตอ่ รา่ งกายแตกตา่ งกนั แตโ่ ดยสรปุ แลว้ แกส ตา่ งๆ ในควนั บหุ ร่ี มพี ิษภยั ทา� ใหร้ ่างกายอยใู่ นภาวะขาดออกซเิ จน สมองมึนงง เกดิ โรคหลอดลมอักเสบเร้อื รงั และ ท่ีสา� คัญ คือ ทา� ให้เกดิ โรคถุงลมโปงพอง ซ่งึ เป็นโรคทผ่ี ูป้ วยจะมอี าการทกุ ข์ทรมานมาก 2๑.๔) สารกอมะเรง็ (Carcinogen) ตา งๆ ได้แก่ ไฮโดรคาร์บอน (Hydrocarbon) และเบนโซไพริน (Benzopyrene) ซึง่ เป็นตัวการทีท่ า� ใหเ้ กิดโรคมะเรง็ ขึน้ ได้ 16๒ นักเรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET เพราะเหตุใดการใชสารเสพตดิ จึงมีความสมั พนั ธตอ การเกดิ 1 สารอพิ เิ นฟรนิ หรอื สารอะดรนี าลนิ (Adrenalin) เปน ฮอรโ มนทหี่ ลง่ั มาจาก โรคและอุบตั ิเหตุ ตอ มหมวกไตชน้ั ใน ทาํ หนา ทเี่ ปลย่ี นไกลโคเจนในตบั ใหเ ปน กลโู คสเขา สกู ระแสเลอื ด แนวตอบ สารเสพติดทุกประเภทจะมคี วามสมั พันธก บั การ ทาํ ใหมีระดบั กลูโคสในกระแสเลือดเพ่ิมขึ้น รา งกายมกี ารเผาผลาญอาหารเพ่มิ ขึน้ เกิดโรคและอบุ ตั เิ หตอุ ยา งชดั เจน โดยเมอ่ื เสพเขา ไปจะทาํ ให กระตนุ ใหห ัวใจบีบตัวแรงและเร็วขน้ึ และหลอดเลือดแดงหดตวั ภมู ติ า นทานโรคในรา งกายนอ ยกวาปกติ กอ ใหเกิดโรคภัยไขเ จ็บ 2 เบนโซไพริน (Benzopyrene) เกดิ จากการเผานาํ้ มันเช้อื เพลิง มกั พบในเขมา ไดงา ย และเปนเหตุใหเ กิดอุบตั ิเหตุรา ยแรง ซง่ึ อาจไดรบั บาดเจบ็ น้าํ มนั ถานหนิ และควันบหุ รี่ หรอื อาจถงึ ขนั้ เสยี ชีวติ ได มมุ IT สามารถศกึ ษาเพมิ่ เตมิ เกย่ี วกบั สารพษิ และโทษของบหุ ร่ี ไดจ ากเวบ็ ไซตข อง กลมุ สอื่ สารความเสย่ี งและพัฒนาพฤตกิ รรมสขุ ภาพ สํานกั งานปอ งกนั ควบคมุ โรคท่ี 9 พษิ ณโุ ลก http://dpc9.ddc.moph.go.th/crd/disease/cigarette.html 162 คูมือครู

กระตุนความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explain Expand Evaluate Explore Explore สาํ รวจคน หา ๑.๕) สารระคายเคืองตางๆ ในควันบุหร่ีจะมีสารระคายเคืองอยู่หลายชนิด เช่น1 ใหน ักเรียนแบง กลุมออกเปน 7 กลมุ ใหแตละ แอมโมเนีย (Ammonia) สารกัมมันตรังสี (Radioactive Agents) สารฟอร์มัลดีไฮด์ กลมุ สรุปสาระสําคัญของการใชสารเสพติดกับ (Formaldehyde) สารอะเซตาลดไี ฮด์ (Acetaldehyde) โดยสารเหลา่ นี้จะไปรบกวนการทา� งาน การเกดิ โรค ในรปู ของผังความคิด ดงั น้ี ของหลอดลมและปอด ท�าให้เกิดอาการไอ มีเสมหะมาก หลอดลมอักเสบ และทา� ลายระบบการ ปอ งกันตนเองโดยธรรมชาตขิ องระบบหายใจ ท�าให้รา่ งกายมโี อกาสเกดิ โรคต่างๆ ได้งา่ ย กลมุ ที่ 1 บุหร่ี กลุมที่ 2 สรุ า โรคทีเ่ กดิ จากการสบู บหุ รี่ กลุมที่ 3 ยาบา กลมุ ท่ี 4 ยาเลิฟ ยาอี และยาไอซ โรคมะเรง็ ปอด กลมุ ท่ี 5 สารระเหย กลุมที่ 6 กัญชา เกิดจากสารกอมะเร็งชนิดตางๆ โดยเฉพาะอยางย่ิงสาร กลุม ท่ี 7 เฮโรอนี ทารที่ไดรับจากควันบุหร่ี โดยผูปวยโรคมะเร็งปอดสวน ใหญมักเปนผูชายที่มีประวัติของการสูบบุหรี่ติดตอกันมา เปนเวลานาน ซ่ึงการเลิกสูบบุหรี่สามารถลดโอกาสท่ีจะ เกิดมะเร็งใหนอยลงได ถึงแมจะไมนอยลงเทาคนไมสูบ บุหรกี่ ็ตาม ถุงลมปกติ โรคถุงลมโปงพอง ถุงลมโป่งพอง เปน โรคที่เนอ้ื ปอดและถงุ ลมปอดถูกทําลาย สงผลใหการ แลกเปล่ียนออกซิเจนลดลง ทําใหรูสึกหายใจไมเพียงพอ หอบเหนื่อย หายใจลําบากและถ่ีขึ้น ซ่ึงสาเหตุเกิด จากการสูบบุหร่ี โดยการสูดเอาควันบุหร่ีเขาไปใน รางกาย และผานเขาไปในปอด ซึ่งในควันบุหร่ีจะ มีสารพิษที่ไปทําอันตรายตอเน้ือปอด นอกจากนี้ ไมเพียงแตสูบบุหร่ีเทาน้ัน การสูดดมส่ิงที่เปนพิษ เชน มลภาวะ ไอเสีย ฝุน สารเคมีเปนระยะเวลานานๆ ก็ สามารถเปนโรคถุงลมโปง พองไดเ ชนกนั โรคหวั ใจ เปน สาเหตกุ ารเสยี ชวี ติ อนั ดบั หนง่ึ ของคนไทยโดยสว นใหญ เปน หลอดเลอื ดหัวใจตีบตนั ซง่ึ สาเหตสุ าํ คัญ คือ การสูบ บหุ รี่ เพราะสารพิษที่อยูในควันบุหรี่ ไดแก แกสคารบ อน- มอนอกไซด และนิโคติน เหลานี้จะมีผลตอการทํางาน ของหัวใจ ทาํ ใหห ลอดเลือดตบี ตนั เกิดอาการหวั ใจวาย 16๓ แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETดิ นักเรียนควรรู สาเหตุสาํ คญั ทท่ี ําใหว ัยรนุ สูบบหุ ร่กี นั มากขึ้นคอื ขอ ใด 1 สารฟอรม ัลดีไฮด ในทางเคมคี อื สารตัวเดียวกบั ฟอรมาลีน เมื่ออยูในรูปของ 1. ขาดความตระหนกั ในโทษของบหุ ร่ี สารละลายจะเรียกวา “ฟอรม าลนิ ” ซงึ่ ใชเปน น้ํายาดองศพ สว น “ฟอรม ัลดไี ฮด” 2. ขาดความรูเ กยี่ วกบั โทษภัยของบหุ รี่ มสี ถานะเปน แกส ทอ่ี ณุ หภมู ปิ กติ มกี ลน่ิ ฉนุ แสบจมกู ไอของฟอรม ลั ดไี ฮดจ ะทาํ ใหเ กดิ 3. ขาดประสบการณเ กีย่ วกบั การสูบบุหร่ี การระคายเคอื งตอ ตา จมกู และผวิ หนงั หากสดู ดมปรมิ าณนอ ยเปน เวลานาน จะมี 4. ขาดผแู นะนําเกยี่ วกบั โทษภัยของบหุ รี่ อาการไอและหายใจตดิ ขดั เนอ่ื งจากหลอดลมอกั เสบ แตถาสูดดมเขาไปมากๆ วเิ คราะหค าํ ตอบ ปจ จุบนั วยั รุนมีการสูบบหุ รี่กนั มากขนึ้ จะทําใหนํ้าทวมปอดจนหายใจไมอ อก แนนหนา อก และเสียชวี ิตไดในทส่ี ุด ท้ังๆ ทม่ี ีการใหก ารศึกษาเก่ียวกบั โทษของบหุ ร่แี ละผลตอ รา งกาย แตเ นอ่ื งจากวยั รนุ ยงั ขาดความตระหนกั ในโทษของบหุ รี่ มมุ IT ซงึ่ คดิ วา เมอื่ สบู แลว คงไมเ ปน อะไร อกี ทงั้ ยงั ทาํ ใหด โู ดดเดน ในสายตาของคนรอบขาง แตใ นความเปนจรงิ แลว บหุ ร่ีน้ัน สามารถศกึ ษาเพิ่มเตมิ เกยี่ วกับโรคที่เกดิ จากการสูบบุหรี่ ไดจ ากเวบ็ ไซตของ มโี ทษมหันต โดยกอใหเ กดิ โรคตางๆ มากมาย เชน โรคมะเรง็ สํานักงานกองทนุ สนบั สนนุ การสรา งเสรมิ สุขภาพ (สสส.) http://www.thaihealth. or.th/healthcontent/special_report/22526 ปอด โรคถงุ ลมโปงพอง โรคหัวใจ เปน ตน ตอบขอ 1. คมู ือครู 163

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหแ ตล ะกลุมสงตวั แทนออกมานําเสนอ ๒) สุรา มีผลต่อการท�างานของระบบต่างๆ ภายในร่างกาย 1 ผังความคดิ ของกลุมตนเอง โดยครูและนกั เรียน โดยเอทิลแอลกอฮอล์ คนอ่นื ๆ รวมกันเสนอแนะเพือ่ ใหไ ดข อ สรปุ รวมกนั (Ethyl Alcohol) ที่มีอยู่ในสุราน้ี เม่ือดื่มเข้าไปจะดูดซึมและกระจายไปในทุกส่วนของร่างกาย จากนัน้ ครูใหนกั เรยี นทํากจิ กรรมในแบบวดั ภายในเวลา ๕ นาที มีผลท�าใหเ้ กิดพษิ ต่อระบบต่างๆ ทสี่ า� คญั คือ และบันทึกผลการเรยี นรู กิจกรรมท่ี 8.4 ๑ พิษตอระบบประสาทสวนกลาง แอลกอฮอลที่มีอยูในสุราเม่ือด่ืมเขาไปในปริมาณท่ีมาก ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝกฯ จะออกฤทธ์ิกดประสาทสวนกลาง ทําใหขาดความยับยั้งช่ังใจ ขาดสติ ขาดประสิทธิภาพใน สขุ ศกึ ษา ม.1 กจิ กรรมที่ 8.4 การกระทาํ สงิ่ ตางๆ หูอือ้ ตาลาย เชอื่ งชา เสียการทรงตวั บคุ ลิกภาพเปล่ียนไป บางรายอาจ หนว ยท่ี 8 มหนั ตภยั จากสารเสพตดิ ถงึ กบั หมดสติ และถาดม่ื เปน ประจาํ อาจมีผลทําใหความจําเสอ่ื ม สมองฝอ ได คะแนนเต็ม คะแนนท่ไี ด ๒ พิษตอระบบหัวใจและหลอดเลือด ทําใหหัวใจเตนเร็ว ความดันเลือดสูง หลอดเลือด กจิ กรรมท่ี ๘.๔ ใหน กั เรยี นบอกพษิ ของสรุ าตอ ระบบตา งๆ ในรา งกาย และบอก ขยายตัว การไหลเวียนของเลือดเพิ่มมากขึ้นกวารอยละ ๑ จากสภาพปกติ ทําใหผูด่ืมมี อาการของโรคทเ่ี กดิ จากการด่มื สุรา (พ ๕.๑ ม.๑/๓) ñõ พิษตอ ระบบตา งๆ ในรา งกาย ใบหนาแดง หูแดง มีเลือดไปเล้ียงสมองมาก ทําใหสมองบวม มีอาการปวดศีรษะ สําหรับ ในรายท่ีเปนมาก อาจทําใหมีอาการชา มีความดันโลหิตสูง เสนเลือดในสมองแตกอาจทําให พิษตอระบบประสาทสวนกลาง …อ…อ…ก…ฤ…ท…ธ…ิก์ …ด…ป…ร…ะ…ส…า…ท…ส…ว …น…ก…ล…า…ง……ท…ํา…ให…ข…า…ด…ส…ต…ิ…ห…อู…ื้อ……ต…า…ล…า…ย……เช…อื่ …ง…ช…า. เปนอัมพาตหรือเสียชวี ิตได …เส…ยี …ก…า…ร…ท…ร…ง…ต…วั ……ถ…า…ด…่มื …เป…น…ป……ระ…จ…าํ …อ…า…จ…ม…ีผ…ล…ท…ํา…ให…ค……วา…ม…จ…ํา…เส…ือ่…ม…………………………………………………………………………….. 2 พษิ ตอ ระบบหวั ใจและหลอดเลอื ด …ท…าํ …ให……ห …วั ใ…จ…เ…ต…น …เร…ว็………ค…ว…าม…ด…นั……เล…อื …ด…ส…งู……ห…ล…อ…ด…เ…ล…อื …ด…ข…ย…า…ยต……วั …ม…เี …ล…อื …ด. ๓ พษิ ตอการทํางานของตบั ทําใหตบั ทาํ งานหนกั เกดิ ภาวะตับแข็ง และกลายเปน โรคมะเร็งตบั …ไป…เ…ล…ย้ี …ง…ส…ม…อ…ง…ม…า…ก……ท…าํ ใ…ห…ส …ม…อ…ง…บ…ว…ม………………………………………………………………………………………………………………………….. ในท่สี ดุ พษิ ตอ การทาํ งานของตับ …ท…าํ …ให……ต…บั …ท…าํ …ง…าน……ห…น…ัก……เก…ิด……ภ…าว…ะ…ต…ับ…แ…ข…ง็ …แ…ล…ะ…ก…ล…า…ย…เ…ป…น …โ…ร…ค…ม…ะเ…ร…ง็ …ต…บั ……………. พษิ ตอ ระบบเผาผลาญและตอ มไรท อ …ท…าํ …ให……ร…ะด…บั……ฮ…อร…โ…ม…น…เ…พ…ศ…ล…ด…ล…ง……ส…ม…ร…ร…ถ…ภ…า…พ…ท…า…ง…เพ…ศ……ล…ด…ล…ง…….. ๔ ระบบเผาผลาญและตอมไรทอ เชน ระดับฮอรโมนเพศลดลง สมรรถภาพทางเพศลดลง พษิ ตอ ระบบตา นเช้ือโรค …ท…าํ ใ…ห…ร…า…ง…ก…า…ย…อ…อ…น…แ…อ……ม…ีภ…ูม…คิ …ุม…ก…นั …ต…่ํา……ต…ิด…เช…้อื …แ…ล…ะ…เป…น……โร…ค…ต…า…ง…ๆ……ได……ง า…ย………….. เปน ตน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. เฉฉบลบั ย ๕ พิษตอระบบตานเชอ้ื โรค ทําใหร า งกายออนแอ ภมู คิ ุม กันตํา่ ติดเช้อื และเปนโรคไดงา ย สรุ า ๖ พษิ ตอทารกในครรภ อาจมผี ลทําใหท ารกในครรภพกิ ารหรือแทง ได โรคพิษสุราเรือ้ รงั โรคมะเร็งตับ โรคทีเ่ กิดจากการด่ืมสรุ า อาการ …ห…า…ก…ไ…ม…ไ…ด…ด …่ืม…ส…ุร…า…จ…ะ…ม…ีอ…า…ก…า…ร…ค…ล…น่ื …ไ…ส.. อาการ …น……ํ้าห…น……ัก…ล…ด……อ…อ…น……เพ…ล…ีย………เบ…ื่อ…อ…า…ห…า…ร.. โรคพิษสุราเรื้อรัง …อ…าเ…จ…ีย…น……เ…ห…ง…่ือ…อ…อ…ก……ม…ือ…ส……ั่น……ก…ร…ะ…ว…น…ก…ร…ะ…ว…าย… …จ…ุก…เส…ีย…ด………แน……น…ท…อ…ง……ท…อ…ง…ผ…ูก………ป…วด……ท…อ…ง…บ…อ…ย…ๆ …โด…ย…อ…า…ก…า…ร…เห…ล…า…น…ีจ้…ะ…ห…า…ย…ไ…ป…เม…อ่ื …ไ…ด…ด …ื่ม…ส…ุร…า………… …โด…ย…ป……วด……ห…ร…ือ…เส…ี…ย…ด…บ…ร…ิเ…วณ……ช…า…ย…โค……ร…ง…ด…า…น…ข…ว…า มีลกั ษณะอาการอยากหรือกระหาย ตองการด่มื สรุ าจนไมสามารถควบคุมตนเองได ถา หากไมไ ดดืม่ จะมี …ท…อ ง…บ…ว…ม…ข…น้ึ ……ห…า…ย…ใจ…ล…าํ …บ…า…ก…ต……วั เ…ห…ล…อื …ง…ต…า…เ…ห…ล…อื …ง อาการคลื่นไส อาเจียน เหงอ่ื ออก มอื สน่ั กระวนกระวาย โดยอาการเหลานจ้ี ะหายไปเมอื่ ไดด ื่มสุราหรือ ………………………………………………………………………………… …แล……ะม…ีอ…า…ก…า…ร…บ…ว…ม…บ…ร…เิ ว…ณ……ข…าท…ัง้……๒……ข…า…ง………………. รบั ประทานยานอนหลับ โรคพษิ สุราเร้อื รังเปน โรคท่ีมกี ารเปล่ยี นแปลงอยางชา ๆ จนกระทั่งเกิดอาการทาง …………………………………………………………………………………. ประสาทและทางรางกาย เม่ือไดรับแอลกอฮอลเปนประจํา สมองจะปรับตัวตองการแอลกอฮอลเพ่ือการ ………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………… ดาํ เนินชวี ิตประจําวนั การทาํ งาน ความคดิ อารมณ และการกระทําทงั้ หมด ๖๙ โรคมะเร็งตบั พบมากเปนอันดบั ๑ ในเพศชาย และอนั ดบั ๒ ในเพศหญงิ ซง่ึ ปจจัยเสยี่ งทีเ่ ห็นไดช ัดที่สุดนั่นคือ ตบั แข็ง จากการด่ืมสุรา นับวาเปนโรคมะเร็งที่มีการดําเนินของโรคเร็วมาก โดยผูปวยโรคมะเร็งตับจะมีอาการ นํ้าหนกั ลด ออนเพลยี เบ่ืออาหาร จกุ เสยี ดแนน ทอง ทองผกู ปวดทอ งตลอดเวลา ปวดหรอื เสียดบริเวณ ชายโครงทางดา นขวา อาจคลาํ กอ นไดทบี่ รเิ วณตับ ทอ งบวมข้นึ หายใจลําบาก ตัวเหลือง ตาเหลอื ง และ บวมบรเิ วณขาท้ัง ๒ ขาง โดยจะเสยี ชวี ติ ภายใน ๓-๖ เดือน 16๔ นกั เรียนควรรู ขอสอบ O-NET ขอ สอบป ’52 ออกเกย่ี วกบั สรุ า 1 เอทลิ แอลกอฮอล หรือเอทานอล (Ethanol) เปนแอลกอฮอลช นิดหนง่ึ สรุ ามผี ลตอ ระบบประสาทอยา งไร ไดจากการหมกั พืชผลทางการเกษตร สามารถรับประทานและนาํ มาใชประโยชนได 1. ออกฤทธ์ผิ สมผสาน เชน ใชเ ปนตัวทําละลายสี แลก็ เกอร และยา ใชเ ช็ดทําความสะอาดแผล ใชเปน 2. ออกฤทธ์กิ ดประสาท เครอ่ื งด่มื แอลกอฮอล สว นเมทลิ แอลกอฮอล (Methyl Alcohol) เปน แอลกอฮอลท ี่ 3. ออกฤทธ์ิหลอนประสาท เปน ผลพลอยไดจากกระบวนการกลั่นทางปโ ตรเคมี เปน อันตรายตอ เยื่อบตุ า งๆ 4. ออกฤทธ์กิ ระตุนประสาท ของรา งกาย ไมส ามารถรบั ประทานได วิเคราะหคาํ ตอบ แอลกอฮอลทอ่ี ยูในสรุ าจะออกฤทธิ์ 2 ตบั แขง็ โรคตับแขง็ เปนโรคเรือ้ รงั ท่ที าํ ใหเกดิ การสูญเสยี โครงสรา งของตับ กดประสาทสว นกลาง ทําใหข าดการยบั ย้งั ช่ังใจ ขาดสติ หอู ือ้ โดยปกตเิ นอ้ื ตบั จะนมุ แตถ า มอี าการอกั เสบหรอื อนั ตรายตอ ตบั เนอื้ ตบั จะถกู ทาํ ลาย ตาลาย เชือ่ งชา เสยี การทรงตวั และบางรายถงึ กับหมดสติ กลายเปนพังผืดลักษณะคลา ยแผลเปนในตับ ซึ่งผูปว ยท่ปี วยดว ยโรคน้จี ะมอี าการ ตอบขอ 2. ออนเพลีย เบ่อื อาหาร เหนือ่ ยงาย คลน่ื ไส และนาํ้ หนกั ลด 164 คูมือครู

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๓) ยาบ้า1 หรอื เรียกอกี อย่างหนงึ่ ว่าแอมเฟตามนี (Methamphetamine) มีลกั ษณะ ครตู ั้งคําถามเพือ่ ใหนักเรยี นไดอ ธบิ ายความรู เปน็ เมด็ กลมแบนขนาดเลก็ มพี ษิ ตอ่ ระบบประสาท เมอ่ื เสพเขา้ สรู่ า่ งกาย จะทา� ใหป้ ระสาทตงึ เครยี ด หลังจากทีไ่ ดศ กึ ษาและฟง เพอ่ื นๆ นําเสนอ ผังความคิดไปแลว อาจเกิดภาพหลอน เพ้อคล่ัง บางรายมีอาการ ถึงขั้นท�าร้ายตนเองและผอู้ ืน่ ไดร้ ับบาดเจบ็ หรอื • เพราะเหตใุ ดการเสพสารเสพติดจึงทาํ ให เสียชีวิต แตเ่ มือ่ หมดฤทธ์ยิ า จะรสู้ ึกอ่อนเพลีย เกิดโรคได มากกว่าปกติ ประสาทล้า ท�าให้การตดั สินใจชา้ (แนวตอบ การเสพสารเสพตดิ จะทาํ ใหร า งกาย และผิดพลาด ซึง่ เม่อื มกี ารเสพยาบา้ ในปรมิ าณ ทรดุ โทรม ภูมติ านทานในรา งกายต่ํา กอให มากๆ ฤทธิ์ของยาจะไปท�าลายระบบประสาท เกดิ โรคภยั ไขเ จ็บไดงา ย) ท�าให้เกิดโรคประสาทได้ โดยโรคประสาทท่ีเกิด จากการเสพยาบ้านั้น สามารถแบ่งออกได้เป็น • หากบคุ คลในครอบครัวของนักเรยี นเสพ ๒ ชนดิ คือ สารเสพตดิ นักเรยี นจะแนะนําบคุ คล ๓.๑) โรคประสาทชนิดวิตก เหลา นน้ั อยางไร กังวล จะมีอาการวิตกกังวลเกือบตลอดเวลา (แนวตอบ บอกถงึ พิษภัยของสารเสพตดิ และ ไม่สบายใจ หวาดวิตกมากเกินไปโดยไม่สมกับ โรครายตา งๆ ท่เี กดิ จากการเสพสารเสพติด เหตุการณ์ที่เกิดข้ึน มีอาการตึงของกล้ามเน้ือ การไมเ่ ขา้ ไปยงุ่ เกย่ี วกบั สารเสพตดิ นอกจากจะเปน็ ผลดตี อ่ รวมท้ังแนะนําใหเลกิ เสพ เพือ่ สขุ ภาพของ ใจส่ัน อาจมีอาการตัวร้อน รู้สึกชาเป็นแถบๆ สขุ ภาพแล้ว ยงั ส่งผลใหส้ ามารถดำาเนนิ ชีวิตอยใู่ นสังคมได้ ตนเอง) อย่างมคี วามสุขด้วย หายใจไม่เตม็ ปอด เบอ่ื อาหาร มีเหงอ่ื ออกตามมอื และเท้า กอ่ นนอนจะมีอาการสะด้งุ คล้ายกบั ตก จากที่สงู ๓.๒) โรคประสาทชนิดหวาดกลัว มีความกลัวอย่างรุนแรงโดยไม่มีสาเหตุ โดยจะมีอาการหวาดกลัวแสดงออกในรูปของการเป็นลม อ่อนเพลีย ใจสั่น เหงื่อออก คล่ืนไส้ แตอ่ าการเหลา่ นจ้ี ะหายไปเมอ่ื พน้ จากสภาพการณ์ ซง่ึ สง่ิ ทีผ่ ู้ท่เี ปน็ โรคประสาทชนดิ นจ้ี ะหวาดกลัว ไดแ้ ก่ กลวั การอยตู่ ามลา� พงั กลวั สถานการณบ์ างอยา่ ง กลวั วตั ถุ กลวั กจิ กรรม กลวั การลอบทา� รา้ ย และการถกู ตามฆ่า ๔) ยาเลฟิ ยาอี และยาไอซ เปน็ สารเสพติดทจ่ี ดั ว่าอย่ใู นกลุม่ เดียวกัน แพรห่ ลาย ในกลุ่มวัยรุ่นชายหญิงตามสถานเริงรมย์ต่างๆ ออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท และหลอนประสาท เม่ือเสพเข้าไปจะท�าให้มีอาการเคลิบเคลิ้ม ได้ยินเสียงและมองเห็นแสงสีต่างๆ ผิดไปจากความ เปน็ จรงิ ไมส่ ามารถควบคมุ อารมณต์ นเองได้ มคี วามสนกุ สนานไดท้ กุ สถานการณ์ มคี วามตอ้ งการ ทางเพศสงู ซงึ่ บางรายอาจมผี ลทา� ใหเ้ กดิ พฤตกิ รรมการสา� สอ่ นทางเพศ จงึ เปน็ เหตใุ หม้ โี อกาสเปน็ โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธไ์ ดง้ า่ ย และจากการคน้ ควา้ วจิ ยั ของแพทยแ์ ละนกั วทิ ยาศาสตรพ์ บวา่ ยา ชนดิ นมี้ อี ันตรายรา้ ยแรง แม้จะเสพเพยี ง ๑-๒ คร้ัง ก็สามารถทา� ลายระบบภูมิคมุ้ กนั ของร่างกาย ซ่ึงเปน็ สาเหตขุ องการตดิ เชือ้ โรคต่างๆ ได้งา่ ย 165 แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tิด นกั เรียนควรรู ผลติ ภณั ฑท ี่จัดเปนสารระเหยไดแ กขอ ใด 1 ยาบา แตเ ดมิ มชี ่ือเรียกวา ยามา ยาขยัน ยาโป กระทงั่ เมอ่ื พ.ศ. 2539 1. ทนิ เนอร กาวนํ้า นาํ้ มนั กระทรวงสาธารณสุข จงึ กําหนดใหเ รียกชอ่ื วา “ยาบา” เพ่ือใหทกุ คนตระหนกั ถงึ 2. ทนิ เนอร นํา้ มัน แลก็ เกอร พิษรายของยาน้ี 3. ทนิ เนอร กาวอนิ ทรียส งั เคราะห นาํ้ มนั 4. ทินเนอร แลก็ เกอร กาวอนิ ทรียส งั เคราะห มุม IT วิเคราะหคําตอบ สารระเหยมลี ักษณะเปนไอ ระเหยเร็ว ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สามารถศึกษาเพิ่มเติมเก่ยี วกบั พระราชกาํ หนดปอ งกนั การใชส ารระเหย ฉบับที่ 14 (พ.ศ. 2538) กําหนดใหส ารเคมีและผลิตภัณฑ พ.ศ. ๒๕๓๓ ไดจากเว็บไซต http://www1.oncb.go.th/raw/law4-3.htm ดงั ตอ ไปน้ี เปนสารระเหย เชน ทินเนอร แลก็ เกอร กาว อินทรยี ส งั เคราะหทีม่ ยี างนิโอปรนี หรอื สารกลุม ไวนลิ เปน คูมือครู 165 ตวั ประสานกาวอินทรยี ธรรมชาตทิ ม่ี ยี างสน หรือชนั สน ยางธรรมชาติ หรือสารเซลลูโลสเปน ตวั ประสานลกู โปง - วิทยาศาสตร หรอื ลกู โปง พลาสตกิ เปนตน ตอบขอ 4.

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหนักเรยี นแตละกลุมนาํ ผงั ความคิดของกลมุ ๕) สารระเหย มีลักษ1ณะเป็นไอ ระเหยเร็ว มักพบอยู่ในรูปของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ตนเองไปตดิ บอรด ภายในหอ งเรียน เพ่อื เผยแพร ความรูใหแ กนกั เรยี นคนอ่ืนๆ โดยใหส มาชิกในกลมุ เช่น ทินเนอร์ กาวยาง แล็กเกอร์ สีสเปรย์ น�้ายาล้างเล็บ น�้ามันเบนซิน สีน�้ามัน เป็นต้น ผลดั เปล่ียนกนั ไปคอยใหความรูแกน กั เรยี นคนอนื่ ๆ มฤี ทธหิ์ ลอนประสาท ท�าให้ประสาทรับความรู้สึกผิดไปจากปกติ เมอ่ื สารระเหยถูกสดู ผ่านทางเดิน ทเ่ี ขา มาเยย่ี มชมในชว งเวลาวา งหรอื ชว งพกั กลางวนั หายใจจะเข้าสู่โลหติ และแพร่กระจายเข้าสู่อวยั วะภายในอยา่ งรวดเร็ว จึงท�าใหเ้ ป็นอันตรายทง้ั ต่อ เก่ียวกบั เรอื่ ง การใชส ารเสพติดกับการเกดิ โรคตาม ระบบและอวัยวะตา่ งๆ ของรา่ งกาย ท่เี ห็นไดช้ ดั คอื ระบบสมองและปอดจะถูกทา� ลาย โดยผเู้ สพ ผงั ความคดิ ของกลมุ ตนเอง ซ่ึงแตละกลมุ อาจทาํ จะมีอาการประสาทหลอน อารมณแ์ ปรปรวน เด๋ยี วดเี ด๋ยี วรา้ ย ชอบเกะกะระราน เอะอะโวยวาย สอื่ เพมิ่ เตมิ เชน แผน พบั โปสเตอร ทต่ี ดั จากหนงั สอื ส่งผลเสียต่อผู้เสพ คือ หลงลืมง่าย ร่างกายอ่อนแอ เย่ือจมูกมีเลือดออก หลอดลมและปอด โดยมีคําขวญั เก่ยี วกับสารเสพติดปรากฏอยู เปนตน อกั เสบ ไขกระดกู ซ่ึงสร้างเมด็ เลอื ดใหแ้ ก่ร่างกายถกู ท�าลาย ชาตามปลายมือปลายเท้า กลา้ มเนือ้ มาแจกเพอ่ื เผยแพรค วามรเู พ่มิ เตมิ ก็ได ฝอลีบ นอกจากนี้ในรายท่ีสูดดมมากๆ เป็นเวลานาน อาจท�าให้เป็นโรคมะเร็งในเม็ดเลือด สมองพกิ าร ตบั พกิ าร เป็นตน้ ซึ่งจะไมส่ ามารถรักษาร่างกายให้คนื สูส่ ภาพปกติไดอ้ กี นอกจากน้ี ในรายทสี่ ดู ดมครงั้ ละมากๆ กอ็ าจทา� ใหส้ า� ลกั จนถึงแกค่ วามตายได้ ส�าหรบั ผูท้ ีเ่ สพจนติดจะเลิกได้ ยากมาก ซึ่งถา้ หยุดเสพจะท�าใหม้ ีอาการวงิ เวยี น คลืน่ ไส้ และพยายามจะหามาเสพอกี ๖) กญั ชา จดั เปน็ สง่ิ เสพตดิ ชนดิ ทอ่ี ยใู่ นความควบคมุ ของพระราชบญั ญตั สิ ารเสพตดิ ซึ่งมักมีการลักลอบขายกันคราวละเป็นจ�านวนมากๆ มีฤทธ์ิหลอนประสาท ท�าให้ผู้เสพเห็นภาพ หลอนผดิ ไปจากความเปน็ จรงิ มกั ไดย้ นิ เสยี งแวว่ ประสาทมนึ งง อารมณแ์ ละความความคดิ สบั สน หวาดกลัวโดยไม่มีเหตุผล หากเสพไปนานๆ อาจมีผลต่อสุขภาพท�าให้เป็นโรคจิตได้ ซ่ึงผู้ที่เสพ กัญชาจะมีอาการพูดมากกว่าปกติ หัวเราะง่าย ชอบหัวเราะเสียงดัง ต่ืนเต้นง่าย หัวใจเต้นเร็ว ม่านตาดา� ขยายกว้าง ลมื ความทุกข์ไปช่ัวคร้งั ช่ัวคราว ควบคมุ อารมณ์ไมไ่ ด้ ชอบรบั ประทานของ หวาน ถ้าไม่ไดเ้ สพจะทา� ใหม้ ีอาการหงดุ หงดิ และเซอ่ื งซมึ ได้ ๗) เฮโรอนี เปน็ สารเสพติดท่ีรา้ ย แรงที่สุด มลี กั ษณะเปน็ ผงสีขาว มักเรียกกันวา่ “ผงขาว” ไมม่ ีกลน่ิ รสขมจัด มีฤทธิร์ นุ แรงกว่า มอร์ฟีน ๔-๘ เทา่ แม้เสพเพียงคร้งั เดียวหรอื สองคร้ังก็สามารถท�าให้ติดได้ทันที โดยจะออก ฤทธก์ิ ดประสาททา� ใหม้ นึ งง เซอื่ งซมึ งว่ ง เคลมิ้ สามารถหลบั ไดน้ านโดยไม่สนใจส่ิงรอบข้าง ซ่ึง ผู้ท่ีเสพเป็นประจ�าจะมีผลต่อสุขภาพคือ ท�าให้ สมองเส่ือม ร่างกายซูบผอม ทรุดโทรม หาก เสพมากเกินไปอาจท�าให้เกิดอาการช็อกและ การออกกำาลังกายเป็นอีกวิธีหนึ่ง ที่ช่วยให้ห่างไกลจาก เสียชีวิตได้ นอกจากนี้ยังมีผลต่อการติดเชื้อ สารเสพตดิ และยงั ทาำ ใหส้ ขุ ภาพร่างกายแข็งแรงอีกดว้ ย เอดสเ์ นอื่ งจากการใชเ้ ข็มฉดี ยาร่วมกัน 166 เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET เพราะเหตุใดเฮโรอีนจงึ จัดวา เปนสารเสพตดิ ที่รา ยแรงทสี่ ุด ครูควรเนนยา้ํ ใหนักเรียนระมดั ระวงั ตัว ซึง่ อาจถกู หลอกใหเสพสารเสพติดได แนวตอบ เนื่องจากมีฤทธ์ิท่รี า ยแรงกวา สารเสพติดชนิดอ่ืน โดยไมรูต ัว ซ่งึ สารเสพตดิ บางชนิดอาจมลี ักษณะทีไ่ มเดน ชดั เชน เฮโรอีน ซึ่งเปน ซ่งึ หากเสพเพียงครงั้ เดยี วหรอื สองครงั้ กส็ ามารถทาํ ใหตดิ ไดทนั ที เพยี งผงละเอยี ดสขี าว ไมม ีกล่ิน แตหากเสพไปเพยี งครงั้ เดยี วก็อาจติดไดท นั ที โดยเฮโรอนี จะออกฤทธกิ์ ดประสาท เมื่อเสพเปนประจําจะมีผลตอ ดังนัน้ นกั เรยี นจงึ ไมค วรไวว างใจคนแปลกหนา หรอื แมก ระทั่งคนท่ีเคยพบปะกนั สขุ ภาพ ทาํ ใหส มองเส่อื ม รา งกายซบู ผอม และทรดุ โทรม แตไ มร ูจ ักนสิ ยั ใจคอกนั เพือ่ ความปลอดภัยของตัวนักเรียนเอง แตถ าหากเสพมากเกนิ ไปอาจทําใหช็อก และเสยี ชีวิตได นักเรยี นควรรู 1 แลก็ เกอร เปน สารท่ีใชทาหรือพนเคลอื บผวิ วัตถใุ หเปน เงามนั และสวยงาม ประกอบดวยตวั ทําละลายทีร่ ะเหยไดงา ย เชน เอทลิ แอลกอฮอล (Ethyl Alcohol) บิวทิลแอซเิ ทต (Butyl Acetate) และตัวถูกละลาย เชน ไนโตรเซลลโู ลส (Nitrocellulose) ไวนลิ เรซนิ (Vinyl Resin) เปน ตน 166 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Expand Evaluate Explore Explain Explore สาํ รวจคน หา ๔.๒ สารเสพตดิ กบั การเกิดอุบตั เิ หตุ ใหนักเรียนแตล ะคนศกึ ษาเรือ่ ง การใช สารเสพตดิ กบั การเกิดอบุ ัติเหตุ จากหนังสอื เรยี น การใช้สารเสพติดนอกจากจะมีความสัมพันธ์ต่อการเกิดโรคแล้ว ยังมีความสัมพันธ์ อธบิ ายความรู Explain กกาับรกบาารดเกเจดิ บ็อุบคตั วเิ าหมตพุไดิก้อารีกดทว้ พุยพซลึง่ ภอาาพจ1ทแ�าลใหะอเ้ กาิดจ เสยี ชวี ติ ได้ นบั เปน็ ปญั หาทส่ี รา้ งความเดอื ดรอ้ น ครแู ละนักเรยี นรว มกนั วิเคราะหว าการใช ตอ่ ตนเองและบคุ คลรอบขา้ งเปน็ อยา่ งมาก ซง่ึ จะ สารเสพตดิ ทําใหเกิดอุบัติเหตุไดอยางไร โดยครู ขอยกตัวอย่างสารเสพติดท่ีเมื่อเสพเข้าไปแล้ว อาจต้งั คาํ ถามเพือ่ เช่อื มโยงความรู ก่อให้เกดิ อุบัติเหตอุ ย่างเห็นไดช้ ัด ดังนี้ ๑) สุรา มีผลกระทบต่อสมอง • เพราะเหตใุ ดการใชส ารเสพตดิ จงึ อาจทาํ ให ส่วนท่ีควบคุมการประสานงานของแขน ขา เกดิ อุบตั เิ หตไุ ด และสายตา ท�าให้เกิดการท�างานที่ไม่สมดุลกัน (แนวตอบ การใชส ารเสพติดจะมีผลตอ ประสิทธิภาพในการขับข่ีลดลงมาก บางราย รางกายและจิตประสาท ซ่งึ จะทาํ ใหขาดสติ มีอาการคึกคะนอง ไม่สามารถจะควบคุม ระบบการทาํ งานของรา งกายเสยี สมดุล ยานพาหนะได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงมีความ อาจควบคมุ ตนเองไมไ ด ทาํ ใหประสิทธิภาพ เสย่ี งภยั ตอ่ การเกดิ อบุ ตั เิ หตุ ซง่ึ นอกจากจะทา� ให้ ในการขับขีย่ านพาหนะลดลง ซ่งึ สงผล ตนเองและครอบครัวเดือดร้อนแล้ว ยังส่งผล ใหเ กดิ อบุ ตั ิเหตุทีไ่ มเ พยี งแตมผี ลกระทบ ทา� ใหผ้ ้อู ่นื ได้รบั อันตราย บาดเจ็บ พิการ หรือ เมาแลว้ ขับ สาเหตจุ ากการดม่ื สุรา อาจทาำ ให้เกิดอุบตั ิเหตุ ตอตนเอง แตอาจสง ผลตอ บคุ คลอืน่ ที่ไม เสยี ชีวิตได้ ซงึ่ สง่ ผลใหต้ นเอง ครอบครวั และผอู้ นื่ ไดร้ บั ความเดอื ดรอ้ น เกยี่ วขอ งอกี ดวยในกรณที ีข่ ับรถไปชน คนอืน่ ๆ) สถติ ิผูเ้ สยี ชวี ติ และบาดเจบ็ จากอบุ ตั เิ หตุทมี่ าจากการด่ืมสุราในชวงเทศกาลปใหม (๗ วันอันตราย) พ.ศ. เสียชีวิต บาดเจ็บ ๒๕๕๐ ๔๐๑ ๔,๓๙๕ ๒๕๕๑ ๔๐๑ ๔,๙๐๓ ๒๕๕๒ ๓๖๗ ๔,๑๐๗ ๒๕๕๓ ๓๔๗ ๓,๘๒๗ ๒๕๕๔ ๓๕๘ ๓,๗๕๐ ๒๕๕๕ ๓๓๕ ๓,๓๗๕ ทมี่ า : กรมปองกนั และบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย จากตารางสถติ ผิ เู้ สยี ชวี ติ และบาดเจบ็ จากอบุ ตั เิ หตทุ ม่ี าจากการดมื่ สรุ าในชว่ งเทศกาลปใี หม่ (๗ วนั อันตราย) มีผ้เู สยี ชวี ิตและบาดเจ็บมากทสี่ ุดในปี พ.ศ. ๒๕๕๑ รองลงมา คอื พ.ศ. ๒๕๕๐ 16๗ แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tิด นกั เรยี นควรรู เพราะเหตใุ ดการดม่ื สรุ าจงึ มคี วามสมั พนั ธต อ สขุ ภาพและ 1 ทุพพลภาพ หมายถึง การสูญเสียอวัยวะหรอื สูญเสยี สมรรถภาพของอวัยวะ การเกดิ อบุ ตั เิ หตุ หรอื ของรา งกายจนไมส ามารถทํางานได แนวตอบ การดืม่ สุราหรือเครื่องดมื่ ทีม่ ีแอลกอฮอลทกุ ชนิด จะสงผลตอระบบตา งๆ ในรา งกายใหท าํ งานผดิ ปกติ ทาํ ให มมุ IT สขุ ภาพเสอ่ื มโทรม นอกจากนหี้ ากดม่ื แลว ขบั ขีย่ านพาหนะ อาจทําใหเกดิ อุบัตเิ หตุ ไดร ับบาดเจ็บ หรอื เสียชีวติ ได สามารถศึกษาเพิม่ เตมิ เกี่ยวกับโครงการเมาแลว ขบั ถูกจับคมุ ประพฤติ ไดจ าก เว็บไซตข องกรมคมุ ประพฤติ กระทรวงยุติธรรม http://www.probation.go.th/ สามารถศึกษาเพิ่มเติมเกย่ี วกับบทความ เตอื น “เมา-ขับ” จับคุมประพฤติ ไดจากเวบ็ ไซตข องสาํ นกั งานกองทนุ สนบั สนุนการสรา งเสริมสุขภาพ (สสส.) http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/news/8677 คมู ือครู 167

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา าใจใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา ใจ จากการศกึ ษาทผ่ี านมาไดแ สดงใหเหน็ อยาง ๒) ยาบ้า การเสพยาบา้ มีโอกาสกอ่ ใหเ้ กดิ อุบัตเิ หตุ ซึ่งส่วนใหญม่ กั อยใู่ นกลมุ่ บุคคล ชัดเจนแลว วา สรุ านอกจากจะสง ผลเสียตอ สุขภาพ แลว ยงั เส่ียงตอ การเกดิ อุบตั ิเหตุ ซึง่ สง ผลทําให ท่ีมีพฤติกรรมเสพยาบ่อยครั้ง ได้แก่ ผู้ขับรถบรรทุก พนักงานขับรถโดยสารประจ�าทาง หรือ ทัง้ ตนเองและผูอน่ื ไดร บั อนั ตราย บาดเจ็บ พกิ าร ผขู้ บั รถกระบะบรรทกุ สนิ คา้ บางราย เปน็ ตน้ โดยบคุ คลเหลา่ นจ้ี ะมคี วามเชอ่ื วา่ การเสพยาบา้ จะทา� ให้ หรือเสียชวี ติ ได สามารถขบั รถไดน้ านกว่าปกติ แทจ้ ริงแล้วเป็นความเชือ่ ท่ไี ม่ถูกตอ้ ง เพราะยาบา้ จะทา� ใหเ้ กิดโทษ รา้ ยแรงและทา� ใหก้ า� ลงั เสอ่ื มถอยเรว็ กวา่ วยั อนั ควร ยาบา้ หรอื แอมเฟตามนี นจี้ ะมฤี ทธติ์ อ่ จติ ประสาท เพ่ือขยายความเขาใจใหแกน ักเรยี นมากขน้ึ โดยจะไปกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางที่ท�าหน้าที่ควบคุมการท�างานของอวัยวะต่างๆ เก่ียวกับ ครูจงึ เช่อื มโยงความรูเพมิ่ เติม โดยใหนักเรยี น การเคลื่อนไหว การทรงตัว และการถ่ายทอดความรู้สึก มีผลท�าให้ผู้ท่ีเสพน้ันมีประสาทตื่นตัว อา นเกร็ดนารเู ร่ือง เมาแลวขับ ถูกจับคุมประพฤติ ร่างกายจะถูกกระตุ้นให้ต้องท�างานหนักมากเกินก�าลังอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหน่ือย ประสาทและ จากหนังสอื เรยี น จากนัน้ ใหจับคูกันไปศกึ ษาคนควา สมองสั่งการไม่สัมพันธ์กันกับระบบการท�างานของร่างกาย จึงส่งผลให้ผู้ที่เสพควบคุมตนเอง ขาวเก่ียวกับอุบตั เิ หตทุ ี่เกดิ จากการเมาแลว ขบั ไม่ได้ แต่เม่ือหมดฤทธ์ิยาร่างกายจะเกิดการอ่อนเพลีย มีอาการซึมเศร้า ง่วงเหงาหาวนอน และทาํ ใบงานวเิ คราะหถ งึ ผลกระทบตอตนเอง และหลบั ในง่าย บางรายอาจมีอาการประสาทหลอน มองเหน็ ภาพหลอน คดิ วา่ ตนเองถูกท�ารา้ ย และบุคคลอ่นื แลวนาํ สงครผู สู อนในคาบเรียนตอ ไป จึงเป็นเหตุใหน้ �าไปสกู่ ารเกดิ อุบตั เิ หตุข้นึ ได้ เกรด็ นา่ รู้ เมาแล้วขบั ถูกจับคุมประพฤติ กรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม ได้กำาหนดแนวทางในการสร้างความตระหนักและจิตสำานึกท่ีดี ให้กับผู้ที่เมาแล้วขับที่ถูกจับมิให้กลับไปกระทำาผิดอีก ด้วยการคุมความประพฤติ ซึ่งถ้าหากมีการเมาแล้วขับ แลว้ เกดิ อุบัตเิ หตุ นอกจากจะต้องถกู จาำ คุก หรอื ถกู ปรบั แลว้ ศาลจะกาำ หนดเงอื่ นไขใหด้ ว้ ยการทาำ งานบริการ สงั คม พรอ้ มทง้ั ตอ้ งเขา้ รบั การอบรมในหลกั สตู รปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมภายใตก้ ารดแู ลของพนกั งานคมุ ประพฤติ ของกรมคุมประพฤติ กระทรวงยตุ ธิ รรม กจิ กรรมท่ีเหมาะสมในการจัดให้ผูก้ ระทาำ ผิดคดีจราจรทำางานบรกิ ารสงั คม มีดังน้ี ๑. ทาำ ความสะอาดพ้นื ผวิ ถนน หรือบรเิ วณทางเท้า ๒. ทำาความสะอาดปา้ ยเครือ่ งหมายจราจร ๓. ทาสีขอบทางจราจร ๔. ทาสีเคร่อื งหมายจราจร ๕. เปน็ อาสาบรกิ ารจราจร (พาคนขา้ มถนน) ๖. เป็นอาสาจราจร (ต้องผา่ นการอบรม) ๗. บริจาคโลหติ ๘. ดแู ลผู้ป่วย/ผูพ้ กิ ารทีไ่ ด้รบั ผลจากการเกิดอบุ ตั ิเหตจุ ราจร ๙. ช่วยเหลืองานของมลู นิธิการกุศลตา่ งๆ เช่น มูลนธิ ิเมาไมข่ ับ องค์กรคุม้ ครองเหยอื่ เปน็ ตน้ ๑๐. ดแู ลสวนหยอ่ ม หรือต้นไม้บรเิ วณเกาะกลางถนน และบริเวณรมิ ทาง วัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรมบริการสังคม ก็เพื่อสร้างจิตสำานึกให้เกิดความรับผิดชอบต่อผู้อื่นและ สังคม ชดใช้หรือทดแทนความเสียหายที่ก่อข้ึน เป็นการบำาเพ็ญประโยชน์ให้แก่ชุมชนและสังคม เพ่ือให้เกิด ความภาคภูมิใจ และสรา้ งภาพพจน์ทีด่ ีสำาหรับตนเอง และเพือ่ ทาำ ใหส้ ังคมเกดิ การยอมรับ 168 เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET อาการสมองตนื่ ตัว ทาํ งานไดน าน ไมง วง เปนผลมาจาก ครูควรเนนย้าํ ใหน ักเรยี นระมัดระวังตัว โดยเฉพาะนกั เรียนหญงิ วา ไมควรด่ืมนา้ํ การเสพสารเสพตดิ ชนิดใด หรอื รับประทานอาหารจากคนแปลกหนา เพราะอาจมีสารอันตรายผสมอยู เชน 1. ฝน 2. สุรา ยานอนหลบั ยาเสยี สาว เปน ตน 3. ยาบา 3. กญั ชา มมุ IT วเิ คราะหคําตอบ อาการดงั กลา วเปน อาการทเี่ กิดจากการเสพ ยาบา ซง่ึ ยาบาเมอ่ื เสพเขา ไปแลว จะออกฤทธ์ิกระตุนประสาท สามารถศกึ ษาเพม่ิ เตมิ เกีย่ วกับยาเสยี สาว ไดจากเวบ็ ไซต ทาํ ใหสมองตืน่ ตวั สามารถทาํ งานไดน านโดยไมร ูสกึ งวง http://www.youtube.com/watch?v=1Hb4dB9s2r8 แตถา หากหมดฤทธยิ์ าจะทาํ ใหง วง และรูสึกออนเพลยี ซ่ึงเปน สาเหตุหนึง่ ทท่ี ําใหเ กดิ อุบตั ิเหตไุ ด ตอบขอ 3. 168 คูมือครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขาใา จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา ใจ เสรมิ สาระ ใหน กั เรยี นอา นเสรมิ สาระเรอื่ ง ควนั บหุ รมี่ อื สอง จากหนงั สอื เรียน หนา 169 แลวรวมกนั อภปิ ราย ควันบุหร่มี ือสอง แลกเปล่ียนความคิดเหน็ จากนั้นใหนักเรียนทาํ แผน พบั เรอื่ ง ควันบหุ รม่ี ือสอง แลวนาํ ไปแจกจาย บุหรี่...เป็นสาเหตุสำาคัญอันดับสองของการเสียชีวิตทั่วโลก ปัจจุบันพบ เพอ่ื เผยแพรความรภู ายในโรงเรยี น และชมุ ชน ว่าท่ัวโลกมีผู้ท่ีเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ประมาณ ๖๕๐ ล้านคน แต่ ของนักเรียนเอง ที่น่าตกใจไปมากกว่าน้ัน คือ ในแต่ละปยังพบว่ามีคนที่ไม่สูบบุหร่ี หลายแสนคนต้องเสียชีวิตด้วยโรคทเ่ี กดิ จากการไดร้ บั ควันบหุ รี่ ควันบุหรี่ในบรรยากาศ หรือควันบุหรี่มือสอง เกิดข้ึน จากควันบหุ รีท่ ผี่ สู้ บู บหุ ร่ีพ่นออกมา และควันบุหรที่ ลี่ อยจาก ตอนปลายมวนบหุ รร่ี ะหวา่ งการสบู แลว้ หายใจเอาควนั บหุ ร่ี ในบรรยากาศเข้าสรู่ า่ งกาย เรยี กว่า “การสูบบหุ ร่มี ือสอง” ทันทีที่บุหร่ีถูกจุดข้ึนการเผาไหม้ของมวนบุหร่ีจะทำาให้เกิด สารเคมกี วา่ ๔,๐๐๐ ชนดิ เปน็ สารพษิ มากกวา่ ๒๕๐ ชนดิ และ กว่า ๕๐ ชนิด เป็นสารพิษท่ีในทางวงการแพทย์ระบุว่าเป็น สารกอ่ มะเรง็ ผลของควนั บหุ รม่ี อื สองตอ่ สขุ ภาพของผทู้ ไ่ี ดร้ บั ควนั บหุ ร่ี ผใู้ หญ ่ หากไดร้ บั ควนั บหุ รม่ี อื สอง วนั ละ ๓ ชวั่ โมงขนึ้ ไป จะเสยี่ ง ตอ่ การเปน็ โรคหวั ใจเพม่ิ ขนึ้ รอ้ ยละ ๒๕-๓๐ เสยี่ งตอ่ การเปน็ มะเรง็ ปอด การเลิกบุหร่ีเป็นวิธีเดียวท่ีจะช่วยปกป้อง เพ่ิมข้ึนร้อยละ ๒๐-๓๐ จะมีอัตราการเป็นโรคมะเร็งท่ีลำาคอมากกว่า คนในสังคม โดยเฉพาะครอบครัวของเรา ผไู้ มไ่ ดร้ บั ควนั บหุ ร่ี ๓ เทา่ และเสยี่ งตอ่ การเปน็ โรคมะเรง็ อน่ื ๆ มากกวา่ ให้ปลอดจากควันบหุ รไี่ ด้ คนปกตถิ งึ ๒ เทา่ หญิงมีครรภแ ละทารก หากไดร้ บั ควนั บหุ รม่ี อื สองอย่างต่อเน่อื ง จะมีโอกาสเกิดโรคแทรกซอ้ 1นในระหวา่ ง ตง้ั ครรภแ์ ละคลอดบตุ รได้ โดยอาจมอี าการครรภเ์ ปน็ พษิ แทง้ คลอดกอ่ นกาำ หนด และเกดิ อาการไหลตายในเดก็ สงู ขน้ึ เดก็ เลก็ อาจกอ่ ใหเ้ กดิ ความเจบ็ ปว่ ยดว้ ยโรคตดิ เชอ้ื ทางเดนิ หายใจ เชน่ หลอดลมอกั เสบและปอดบวมสงู กวา่ เด็กทั่วไป มอี ตั ราการเกิดโรคหอบหดื เพิ่มขน้ึ เกดิ การติดเชอ้ื ของหสู ่วนกลางในระยะยาว โดยเฉลี่ยแล้วเด็กๆ จะได้รับควันบุหรี่มือสองมากกว่าผู้ใ2หญ่ที่ไม่สูบบุหรี่ ดังน้ัน วิธีเดียวท่ีบุคคลจะปกป้อง ครอบครัวของตนจากควันบุหรีม่ อื สองได้ คือ “การเลกิ สูบบุหรี”่ และมารว่ มกนั ทาำ ให้สถานท่ีสาธารณะ ที่ทาำ งาน พาหนะเดนิ ทาง และบา้ น ปลอดจากควนั บหุ ร่ี เพราะคนในสงั คมสว่ นใหญเ่ ปน็ คนไมส่ บู บหุ รี่ ดงั นนั้ ทกุ คนจงึ มสี ทิ ธิ ท่ีจะไม่ตอ้ งตกเปน็ เหยอ่ื ของควนั บุหรมี่ อื สองจากคนทีส่ ูบบหุ รี่ ซ่ึงผูท้ ่สี บู บหุ รกี่ ็ควรเลกิ บุหร่ี แลว้ หันมาใสใ่ จสุขภาพ ด้วยการออกกำาลังกาย หรือทำากิจกรรมอื่นๆ โดยไม่พึ่งพาบุหร่ี ซ่ึงดีต่อสุขภาพ เป็นการช่วยประหยัดเงินค่าบุหร่ี และชว่ ยลดการก่อมลพษิ ใหก้ บั อากาศด้วย สารเสพตดิ ทกุ ชนดิ ลว นทาํ ลายสขุ ภาพของผเู สพทงั้ ทางรา งกายและจติ ใจ เมอ่ื เสพเขา สู รา งกายจะมผี ลทาํ ใหร า งกายทรดุ โทรม กอ ใหเ กดิ โรคตา งๆ เชน โรคมะเรง็ ปอด โรงถงุ ลมโปง พอง โรคหวั ใจ โรคประสาท เปน ตน ทง้ั ยงั เปน ตน เหตนุ าํ ไปสกู ารเกดิ อบุ ตั เิ หตรุ า ยแรงตามมา เยาวชน จงึ ควรหลกี เลย่ี งการใชส ารเสพตดิ ทกุ ชนดิ และใหค วามรว มมอื กบั หนว ยงานของรฐั และเอกชนทจี่ ะ รว มดาํ เนนิ การแกไ ขปญหาสารเสพตดิ ท่ีกาํ ลังแพรร ะบาดอยูในขณะนี้ ซ่งึ อาจจะเปนการรณรงค ตอตานยาเสพติดหรือเปนแกนนาํ เยาวชนในการเขา รวมโครงการตอ ตา นยาเสพตดิ ตางๆ 169 กจิ กรรมสรา งเสรมิ นกั เรยี นควรรู ใหนักเรยี นจดั ทําปา ยนเิ ทศขนาดเลก็ อธบิ ายถงึ ลักษณะ 1 ไหลตาย เกดิ จากการมีโพแทสเซยี มในเลือดตา่ํ กวาปกติ ซ่งึ มคี วามสาํ คญั อาการของผตู ดิ สารเสพตดิ และการปองกนั สารเสพตดิ แลวนํา ตอ การนําไฟฟาหวั ใจ หากในเลอื ดมีปรมิ าณตํ่าจะทําใหเกดิ การเตน ของหวั ใจ มาวางแสดงไวหนา หองเรียนเปนเวลา 1 สปั ดาห ผิดจังหวะและเสยี ชีวิตได 2 การเลกิ สบู บหุ รี่ วนั ท่ี 31 พฤษภาคมของทกุ ป เปน วนั งดสบู บหุ รโี่ ลก และหาก กจิ กรรมทา ทาย บุคคลใดตอ งการจะเลกิ สบู บุหร่ี สามารถขอคาํ ปรกึ ษา ไดจากศูนยบรกิ ารเลกิ บุหร่ี ทางโทรศพั ทแ หง ชาติ สายดว น 1600 เวบ็ ไซต http://www.thailandquitline.or.th/ ใหน กั เรยี นวเิ คราะหถ งึ ความสมั พนั ธข องการใชส ารเสพตดิ กบั หรอื มูลนิธิรณรงคชว ยใหเ ลิกบุหรแี่ ละสารเสพตดิ สายดว น 02-8076477-8, การเกดิ โรคและอบุ ตั เิ หตุ วา แตล ะชนดิ กอ ใหเ กดิ โรคและอบุ ตั เิ หตุ 081-9211479 เวบ็ ไซต http://www.saf.or.th/tha/home.html ไดอยา งไร รวมทัง้ ใหห าแนวทางในการปอ งกันโดยคดิ โครงการ ตา งๆ ท่จี ะสามารถชว ยลดความรนุ แรงของสารเสพติดลงได มมุ IT ทําเปนรายงานสง ครูผสู อน สามารถศึกษาเพม่ิ เตมิ เก่ียวกับอนั ตรายจากควนั บหุ รม่ี อื สอง ไดจ ากเว็บไซต คลงั ปญ ญาไทย http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/ควันบหุ รม่ี อื สอง คูมอื ครู 169

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Explore Explain Expand Engage Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล 1. สรุปประเภทของสารเสพตดิ หรือลักษณะอาการ คําถาม ประจาํ หนว่ ยการเรียนรู้ ของผตู ิดสารเสพตดิ ๑. นักเรียนคิดว่า สาเหตุใดที่ท�าให้เกิดปัญหาสารเสพติดอย่างต่อเนื่อง และไม่อาจสูญหายไปจาก 2. สรุปสาระสาํ คญั ของการใชสารเสพตดิ กับ สงั คมไทย การเกดิ โรค ในรูปผังความคดิ ๒. ปัจจบุ ันสถานการณส์ ารเสพติดในสังคมไทยเปน็ อยา่ งไร 3. วเิ คราะหข า วเก่ียวกบั อบุ ตั ิเหตุทีเ่ กดิ จาก ๓. นักเรียนมีความคดิ เห็นอยา่ งไรกบั ค�ากล่าวท่ีวา่ “คนเสพถงึ ตาย คนขายติดคกุ ” การเมาแลวขับ ๔. ถา้ มีคนแปลกหน้ามาชักชวนใหน้ กั เรยี นเสพสารเสพตดิ นกั เรยี นจะท�าอยา่ งไร ๕. โครงการ “เมาไมข่ ับ” นอกจากจะสง่ ผลดีตอ่ ผขู้ ับขแ่ี ล้ว ยงั สง่ ผลดีตอ่ สงั คมอยา่ งไรบา้ ง หลกั ฐานแสดงผลการเรยี นรู กจิ กรรม สร้างสรรคพ์ ัฒนาการเรียนรู้ 1. ปายนเิ ทศประเภทของสารเสพติดหรอื ลักษณะ อาการของผตู ดิ สารเสพติด 2. ผงั ความคิดสรปุ สาระสําคัญของการใช สารเสพตดิ กบั การเกดิ โรค 3. ใบงานวิเคราะหข าวเกย่ี วกับอบุ ัติเหตุ ท่ีเกดิ จากการเมาแลวขบั กิจกรรมท่ี ๑ นักเรียนช่วยกันจัดนิทรรศการเกี่ยวกับภัยของสารเสพติดภายในห้องเรียน กจิ กรรมท่ี ๒ เป็นเวลา ๒ สัปดาห์ นักเรียนแต่ละคนเขียนเรียงความเกี่ยวกับภัยของสารเสพติดความยาว ๑ หน้า กจิ กรรมท่ี ๓ กระดาษ A4 แลว้ น�าสง่ ครูผ้สู อนเพือ่ คดั เลือกเรยี งความทีเ่ ขียนไดด้ ี ๕ เรื่อง ไป ติดเผยแพร่ทป่ี า ยนิเทศภายในโรงเรยี น นกั เรียนแบง่ กลุม่ กล่มุ ละ ๔-๕ คน ให้ค้นหาข่าว ภาพจากหนังสอื พิมพ์รายวนั รายสัปดาห์ หรือจากเว็บไซต์ในอินเทอร์เน็ตท่ีแสดงถึงความสัมพันธ์ของการใช้ สารเสพตดิ กบั การเกดิ โรคและอบุ ตั เิ หตุ แลว้ นา� ไปตดิ ในลกั ษณะเดยี วกบั สมดุ ภาพ พร้อมท้งั แสดงทัศนะของกลุ่มที่มีตอ่ ข่าวหรอื ภาพนัน้ ดว้ ย 1๗๐ แนวตอบ คาํ ถามประจาํ หนวยการเรียนรู 1. ขาดความรวมมือกันปองกันและแกไ ขปญหาสารเสพตดิ กนั อยา งตอเน่อื งและจรงิ จงั แมว าปจจุบันจะมีมาตรการปองกนั และปราบปรามผลู กั ลอบจาํ หนายและเสพ สารเสพติด แตกย็ ังไมส ามารถขจดั ใหหมดไปได เนือ่ งจากเปน ขบวนการทีม่ คี วามซับซอน และสถาบันหลกั ทางสงั คมหลายสถาบนั เกดิ ความออนแอ เปนชอ งวา งทําให ปญหาสารเสพติดแพรร ะบาดอยา งรวดเร็วและกวา งขวางมากขนึ้ 2. สถานการณการแพรร ะบาดของสารเสพติดไดทวีความรนุ แรงข้ึนอยางรวดเรว็ เพราะมีการผลติ สารเสพติดท้งั ภายในประเทศและมกี ารลกั ลอบนําเขา มาจากตา งประเทศ มากมายหลายชนิด เชน เฮโรอีน ยาบา ยาอี เปน ตน ถงึ แมเ จา หนา ทจี่ ะไดปราบปรามจับกมุ การคาสารเสพตดิ อยางเขมงวดและจรงิ จัง แตก ไ็ มทําใหการแพรร ะบาดของ สารเสพตดิ ลดลงเลยแตก ลับทาํ ใหผ ูผลิตไดพฒั นาสารเสพติดใหออกฤทธไ์ิ ดแ รงขึ้นและการตรวจพบสารเสพติดในตัวผเู สพไดย ากข้นึ ทําใหเ จาหนาทจ่ี ับกุมไดย ากยง่ิ ขึ้น 3. ข้นึ อยกู บั คําตอบของนักเรยี น 4. ปฏเิ สธไปอยา งจรงิ จัง และแสดงความคิดเหน็ ใหผอู ื่นทราบวาเราคดิ เห็นอยา งไรตอ ปญ หาสารเสพติด 5. ชว ยลด ละ เลกิ พฤติกรรมเสยี่ งในการใชรถใชถ นนทุกรปู แบบ และปอ งกนั อบุ ัติเหตทุ างถนนอันเปนเหตุใหเ กิดความเดอื ดรอ นทงั้ แกตนเองและแกผ อู ื่น รวมทั้งยัง สงผลใหมีสถิติการเสียชวี ติ ลดลง 170 คูมือครู

กกรระตะตนุ้ Eนุ้ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สา� รวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate เปา หมายการเรยี นรู 1. อธิบายลกั ษณะอาการของผูตดิ สารเสพติด และการปองกนั การตดิ สารเสพติดได 2. แสดงวธิ ีการชกั ชวนผูอ ่นื ใหลด ละ เลกิ สารเสพติด โดยใชท ักษะตา งๆ ได สมรรถนะของผูเรยี น 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป ญ หา 4. ความสามารถในการใชท กั ษะชวี ิต ๙หนว่ ยที่ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค การปอ งกนั ภยั จากสารเสพติด 1. รกั ชาติ ศาสน กษตั รยิ  2. ซอ่ื สตั ยส ุจริต 3. มีวินยั 4. ใฝเ รยี นรู 5. มีจิตสาธารณะ กระตนุ้ ความสนใจ Engage ตวั ชว้ี ัด สารเสพติดเปนมหันตภัยรายแรงท่ีเปน ใหนกั เรียนดูภาพหนาหนวย จากนนั้ ครู ตง้ั คาํ ถามเพื่อกระตุนความสนใจ ■ อธบิ ายลกั ษณะอาการของผตู้ ดิ สารเสพตดิ และการปอ งกนั การ อันตรายตอสุขภาพ และยังสรางปญหาท่ี ติดสารเสพตดิ (พ ๕.๑ ม.๑/๒) สง ผลกระทบทง้ั ตอ ตวั ของผเู สพเองและผอู น่ื • นักเรยี นเคยไดย นิ คํากลา วทว่ี า การรวมมือรวมใจปองกันการติดสารเสพติด “พลงั แผน ดนิ เอาชนะยาเสพตดิ ” หรอื ไม ■ แสดงวธิ กี ารชกั ชวนผอู้ นื่ ใหล้ ด ละ เลกิ สารเสพตดิ โดยใชท้ กั ษะ ตา่ งๆ (พ ๕.๑ ม.๑/๔) • นกั เรยี นคดิ วา การรณรงคเ กย่ี วกบั สารเสพตดิ ชว ยปองกันและแกไขปญ หาสารเสพตดิ ได สาระการเรยี นรู้ และชักชวนผูอ่ืนใหลด ละ เลิกสารเสพติด อยา งไรบา ง โดยใชทักษะตางๆ ท้ังทักษะการคิดวิเคราะห ■ การปองกนั การตดิ สารเสพตดิ ทักษะการส่ือสาร ทักษะการตัดสินใจ ทักษะการ ■ ทกั ษะที่ใชใ้ นการชักชวนผูอ้ นื่ ให้ลด ละ เลกิ สารเสพตดิ แกปญหา ทักษะการปฏิเสธ ทักษะการใหกําลังใจ ก็จะเปนอีกแนวทางหน่ึงในการชวยแกไขปญหา - ทกั ษะการคิดวิเคราะห์ สารเสพตดิ ใหพน ไปจากสังคมไทยได - ทักษะการสอ่ื สาร - ทักษะการตัดสินใจ - ทักษะการแกป้ ัญหา เกรด็ แนะครู ในระหวางการเรยี นการสอน ครูควรเนนยา้ํ วาการปองกนั ภัยจากสารเสพตดิ น้ัน จะประสบความสาํ เรจ็ ได จะตองไดร ับความรว มมือจากทุกคนในสังคม โดยแตล ะ บคุ คลตางมีบทบาทหนาที่แตกตางกันไป ซ่ึงตวั นักเรยี นเองก็นับวามบี ทบาทและ ถอื เปน กําลังสาํ คญั ในการชว ยปองกันสารเสพติดไดเชน กนั คู่มอื ครู 171

กกรระตะตนุ้ Eนุ้ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� �ารรEวxวpจจloคคr้นeน้ หหาา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore กระตนุ้ ความสนใจ Engage ครทู บทวนความรเู ดมิ ของนกั เรยี นจากทไ่ี ดเ รยี น ๑. การปองกนั และแก้ไขปญหาสารเสพตดิ มาแลว ในหนว ยท่ี 8 เรอื่ ง มหนั ตภยั จากสารเสพตดิ การป้องกันและแก้ไขปัญหาสารเสพติด ควรมีการด�าเนินงานซึ่งต้องได้รับความร่วมมือกัน จากนน้ั ครตู งั้ คาํ ถามนาํ เขา สบู ทเรยี นเพอื่ ใหน กั เรยี น อย่างจริงจังจากทุกฝ่าย เพื่อให้ปัญหาเก่ียวกับ ไดคดิ วิเคราะหกอ นศึกษาเนื้อหา สารเสพติดลดลง นับได้ว่าเป็นการสร้างสังคม ท่ีสงบสุขและปลอดภัย ซึ่งจ�าเป็นต้องอาศัย • การปอ งกนั และแกป ญ หาสารเสพติด บทบาทส�าคัญจากทุกฝ่ายในการป้องกันและ เปนหนา ทขี่ องบุคคลใดในสงั คม แกไ้ ขปญั หา ดังน้ี (แนวตอบ การปอ งกนั และแกป ญ หาสารเสพตดิ เปนหนาท่ีของทกุ คนในสงั คม ซ่ึงมบี ทบาท ๑.๑ บทบาทของตนเอง หนาที่ท่แี ตกตางกนั ออกไป ท้งั นเี้ พ่ือเปนการ สรางสังคมท่สี งบสขุ และปลอดภัย) นบั เปน็ บทบาทสา� คญั ทจี่ ะสามารถ ชว่ ยปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หาสารเสพตดิ ไดด้ ี โดย • นักเรียนมีสวนรวมในการปองกันและแกไข เยาวชนแตล่ ะคนควรพึงปฏบิ ัต ิ ดงั นี้ ปญหาสารเสพตดิ ไดอ ยา งไรบา ง การสร้างเสริมคุณค่าให้กับตนเอง โดยการท�ากิจกรรม ๑. ศกึ ษาความรเู้ กยี่ วกบั โทษ และ (แนวตอบ ขน้ึ อยูกับคาํ ตอบของนกั เรียน เชน ต่างๆ นบั เป็นบทบาทส�าคญั ท่ีช่วยปอ งกันและแกไ้ ขปญั หา พษิ ภยั ของสารเสพติด นบั เป็นเกราะปอ้ งกนั ตวั ศกึ ษาหาความรเู กยี่ วกับโทษของสารเสพตดิ สารเสพติดได้ดี ทดี่ ีที่จะช่วยใหพ้ ้นภัยจากสารเสพติดได้ รจู กั เลอื กคบเพ่อื นที่ดี ใชเ วลาวางใหเปน ประโยชน หากมีปญหาใหป รึกษาพอ แม ๒. มคี วามภาคภมู ิใจในตนเอง โดยรสู้ กึ วา่ ชวี ติ มคี ณุ คา่ ไมค่ วรทา� ลายชวี ติ ท่ีไดม้ าดว้ ย ผูปกครอง เปน ตน ) การตดิ สารเสพตดิ สา� รวจคน้ หา Explore ๓. ส�านึกในบทบาทหน้าที่ของตน โดยพึงระลึกอยู่เสมอว่าขณะน้ีตนเองมีบทบาท หนา้ ที่อะไร เช่น มหี น้าทเ่ี รยี นหนังสือ กค็ วรจะต้ังใจศกึ ษาเลา่ เรยี นใหด้ ี เชื่อฟงั คา� สั่งสอนของพอ่ ใหน ักเรยี นแตละคนศกึ ษาเร่ือง การปอ งกนั และ แม ่ ครู อาจารย ์ เปน็ ตน้ แกไ ขปญ หาสารเสพติด จากนั้นใหรวมกลุมกัน ๔. ทา� จิตใจใหร้ า่ เริงแจม่ ใส รกั ษาสุขภาพอนามยั อยู่เสมอ หากบุคคลมีสุขภาพจิตที่ กลมุ ละ 5-6 คน สรปุ สาระสาํ คญั ของเรื่องทีศ่ กึ ษา ไม่ด ี ร่างกายไมแ่ ขง็ แรง อ1าจนา� ไปสู่การใชส้ ารเสพตดิ ได้ ลงในกระดาษรายงาน เพ่ือนําสงครูผสู อน ๕. คบเพื่อนดี โดยรู้จกั เลอื กคบเพ่ือน และน�าแบบอย่างทดี่ ีของเพอ่ื นมาประยกุ ต์ใช้ กบั ชีวิตของตนเอง ซึง่ ถ้าหากคบเพ่ือนไมด่ ี เพื่อนอาจชักนา� เราไปในทางทเ่ี สือ่ มเสียได้ ๖. ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ในการสร้างเสริมคุณค่าให้กับตนเอง โดยการท�า กิจกรรมต่างๆ เช่น ออกก�าลังกาย เลน่ ดนตรี อ่านหนงั สือ เปน็ ตน้ ๗. มีทักษะในการด�าเนินชีวิต รู้จักแก้ไขปัญหาในทางท่ีถูกที่ควร กล้าเผชิญปัญหา รจู้ ักคิดไตรต่ รองดว้ ยเหตผุ ล ไมห่ ลกี หนปี ัญหาดว้ ยการเสพสารเสพตดิ ๘. ขอค�าปรึกษาหรือขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ ผู้ปกครอง หรือบุคคลท่ีไว้ใจได้ เมอื่ มปี ญั หา เพราะการแกไ้ ขปญั หาตามลา� พงั อาจนา� ไปสกู่ ารดา� เนนิ ชวี ติ ท่ีผิดพลาดได้ ๑7๒ เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET นกั เรยี นคิดวาวธิ กี ารหรอื แนวทางการปฏบิ ตั ิใดท่ีจะชว ย ครอู าจแนะนาํ ใหนักเรียนสรุปสาระสาํ คัญในรูปของผังความคดิ เพ่ือใหเขาใจ ปองกันปญ หาการแพรร ะบาดของสารเสพตดิ ในสังคมได ไดงา ย และสามารถเชือ่ มโยงความคิดไดอ ยา งเปน ระบบ แนวตอบ การปองกันการแพรระบาดของสารเสพตดิ ในสงั คม เชน การใหการศึกษาถึงโทษและอันตรายของสารเสพติด นกั เรยี นควรรู แกเยาวชน การสรางทกั ษะการปฏิเสธสารเสพติด การสรา ง ครอบครัวใหอบอุน การสรางทักษะการแกปญ หาในชีวิต 1 เพอื่ นดี มีหลายลักษณะ เชน มีความรักและความจรงิ ใจใหกับเรา ไมทอดท้ิง ตลอดจนการสรางทกั ษะการส่อื สาร การคิด และการตัดสนิ ใจ เราเวลาทเ่ี รามีความทกุ ข ไมเ หน็ แกต ัวและเอาเปรยี บ มคี วามขยนั หมั่นเพยี ร ในการชกั ชวนใหผอู น่ื ลด ละ เลิกสารเสพติด เปน ตน คอยเปนกาํ ลงั ใจใหเรา ชักนาํ ไปในทางทด่ี ี มนี ้ําใจและเสียสละ รจู ักใหอ ภัย ไมย งุ เกี่ยวกับสารเสพตดิ เห็นอกเห็นใจผูอื่น ไมพ ดู โกหก หยาบคาย สอ เสยี ด หรือนนิ ทาวา รายผอู น่ื เปน ตน 172 คมู่ อื ครู

กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ ๑.๒ บทบาทในครอบครัว ครูสุม นักเรียนบางกลุมออกมานําเสนอสรปุ สาระสําคญั เรอ่ื ง การปองกันและแกไขปญ หา ครอบครวั เปน็ สถาบนั ทสี่ า� คญั การสรา้ งครอบครวั อบอนุ่ จะชว่ ยใหส้ มาชกิ ในครอบครวั สารเสพตดิ ใหเพือ่ นฟง จากนนั้ ตั้งคาํ ถามเพ่ือ อยู่อย่างเป็นสุข พ่อแม่หรือผู้ปกครองเป็น ทดสอบความรูความเขาใจของนักเรียน บุคคลส�าคัญที่จะท�าให้ครอบครัวมีลักษณะ ดงั กลา่ ว ดังนั้น ในฐานะท่ีนักเรียนเปน็ สมาชิก • นักเรียนคดิ วา ปจ จยั ใดที่มคี วามสาํ คัญทีส่ ดุ ในครอบครวั จงึ ควรเชอื่ ฟงั คา� สง่ั สอนของพอ่ แม่ ในการปองกันและแกไ ขปญหาสารเสพติด และท่ีสา� คญั ควรมีความรกั ความเขา้ ใจอันดตี อ่ (แนวตอบ ตนเอง เพราะหากเรามจี ิตใจมุงมัน่ กันในครอบครัว ไม่ท�าให้พ่อแม่เสียใจด้วยการ ทจ่ี ะไมไ ปยุงเก่ียวกบั สารเสพติดนั้นถือวา เปน หา่ งไกลจากสารเสพตดิ วิธปี อ งกนั สารเสพตดิ ไดด ีทีส่ ดุ ) ๑.๓ บทบาทในโรงเรยี น • นักเรยี นคิดวา บทบาทของสถาบันใดทีม่ ี ความสาํ คัญมากทส่ี ดุ ในการปอ งกันและ โรงเรียนเป็นสถาบันส�าคัญรอง แกไขปญ หาสารเสพติด ลงมาจากครอบครัว จึงมีบทบาทส�าคัญที่จะ (แนวตอบ บทบาทของครอบครัว เนอ่ื งจาก ท�าให้เยาวชนปลอดภัยจากสารเสพติด ดังน้ัน ครอบครัวเป็นสถาบันที่ส�าคัญที่จะท�าให้เยาวชนห่างไกล ครอบครัวเปน พ้ืนฐานของการมีพฤตกิ รรม จากสารเสพติดได้ โดยการเอาใจใส่ดูแล อบรมส่ังสอน ตา งๆ ซง่ึ การจะปองกันและแกไขปญ หา นกั เรียนในฐานะเยาวชนของชาต ิ จึงควรแสดง และมคี วามรัก ความเขา้ ใจอย่างท่วั ถงึ สารเสพติด สวนหน่ึงมาจากการมีครอบครัว บทบาทในโรงเรียน ดังน้ี ที่อบอนุ โดยคนในครอบครัวนบั วาเปน ๑. ศึกษาหาความรูใ้ นเรือ่ งสารเสพติดอยา่ งสมา�่ เสมอ บคุ คลสาํ คัญทีจ่ ะทําใหม ลี ักษณะดังกลา ว) ๒. เคารพเช่ือฟงั ในค�าสง่ั สอนของครู ๓. เมื่อทราบว่ามีเพ่ือนนักเรียนติดสารเสพติด ต้องรีบแจ้งครู และพ่อแม่หรือ ผปู้ กครองของเพอ่ื นนักเรยี นให้ทราบ เพ่อื รว่ มมอื กันแก้ปัญหาตอ่ ไป ๔. ใหค้ วามรว่ มมอื กบั ทางโรงเรยี น โดยเขา้ รว่ มกจิ กรรมตา่ งๆ และแหลง่ นนั ทนาการ ทท ูท่ี บา ีงนโรมั งเเบรยีอนร์ จวดั ัน1ใ ห(T ้ เoพ Bอื่ eร ว่ Nมuมmอื bกeนั rแ Oกnไ้ eข)ป ัญเปห็นาตสน้ ารเสพตดิ เชน่ โครงการโรงเรยี นสขี าว โครงการ การเข้าร่วมกจิ กรรมต่างๆ ของโรงเรยี น เปน็ วธิ ีหนึ่งท่ชี ว่ ยใหน้ ักเรียนห่างไกลจากสารเสพติดได้ ๑7๓ แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETดิ นักเรยี นควรรู ขอ ใดเปนวธิ ที ี่ดที ่สี ดุ ในการปอ งกนั ไมใหตกเปน ทาสของ 1 โครงการ ทู บี นมั เบอร วนั เปน โครงการรณรงคปองกันและแกไ ขปญ หา สารเสพตดิ ยาเสพติดภายในประเทศ โดยไดรับความรวมมอื จากภาครัฐและเอกชน 1. การปองกันชมุ ชน การปองกันสงั คม ประกอบดวย 3 ยุทธศาสตร ไดแก 2. การปอ งกนั สังคม การปอ งกนั ตัวเอง 3. การปองกันชมุ ชน การปอ งกนั สงั คม การปองกันตนเอง • การรณรงคปลุกจิตสํานกึ และสรา งกระแสนยิ มทเ่ี ออ้ื ตอ การปองกันและแกไ ข 4. การปอ งกันชมุ ชน การปอ งกนั ตนเอง การปองกันครอบครัว ปญ หายาเสพตดิ วิเคราะหคําตอบ การปอ งกันและแกไขปญ หาเกย่ี วกับ สารเสพติดใหป ระสบผลสาํ เร็จได จาํ เปนตอ งไดร ับ • การเสรมิ สรางภมู คิ มุ กันทางจติ ใหแกเ ยาวชน ความรวมมอื กันอยางจริงจังจากทุกฝาย ไมว า จะเปน ตนเอง • การสรา งและพัฒนาเครอื ขายเพอ่ื การปองกนั และแกไขปญหายาเสพตดิ ครอบครวั และชมุ ชน ซงึ่ การปอ งกนั ชมุ ชน การปอ งกนั ตนเอง และการปองกนั ครอบครวั น้ัน ถือเปน การปองกันและแกไข คู่มือครู 173 ปญ หาสารเสพติดทีค่ รอบคลมุ ทกุ ดา น และไดผ ลดี โดยควร เร่มิ จากตวั เรากอน ตามมาดวยครอบครัว และชมุ ชน จงึ จะชว ยทาํ ใหไ มต กเปนทาสของสารเสพตดิ ตอบขอ 4.

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา้ า้ใจใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา้ ใจ ครูกลา วทบทวนวา จากท่ีไดศ กึ ษามาแลว นนั้ ๑.๔ บทบาทในการปฏิบตั ติ ามนโยบายของรัฐบาล ครอบครวั ถือเปน สถาบนั ทมี่ ีบทบาทอยา งมากใน ก �าหน ดนโยบราัฐยบใานลกมารีบปท้อบงากทันสแ�าลคะัญแกใน้ไขกปารัญแหกา้ไสขาปรัญเสหพาตสิดาตราเสมพยตุทิดธศใหา้สกตับ1รป์ ร“ะพชลาังชแนผท่นุกดคินนเอ าจชึงนไดะ้ การปอ งกันและแกไ ขปญหาสารเสพตดิ ซึง่ หลัก ยาเสพติด” โดยดงึ พลงั จากทุกภาคสว่ นเป็นพลังแผ่นดนิ ในการตอ่ สู้กบั ยาเสพติด ดงั นี้ สาํ คญั คือตองสรางครอบครวั ทอี่ บอนุ จากน้ันครู ตง้ั คําถามเพอ่ื ชวยใหนักเรียนขยายความเขา ใจ นโยบายการปอ งกันและแกไ ขปญ หาสารเสพตดิ ของรัฐบาล จากเนอ้ื หาท่เี รยี น พลังแผน ดินเอาชนะยาเสพตดิ 2 • การสรางครอบครัวอบอุน มีหลกั การ ยึดหลักผเู สพ คือ ผปู ว ยจะไดร บั การบําบดั รกั ษาใหก ลับมาเปนคนดี อยา งไรบา ง (แนวตอบ การสรา งครอบครัวอบอนุ ทําไดโดย ของสังคม การสรา งกฎเกณฑห รอื ขอ ตกลงระหวางกนั และปฏบิ ตั อิ ยางเครงครัด มเี วลาพูดคยุ รบั ฟง ยึดหลกั นิตธิ รรม ในการปราบปรามลงโทษผูผ ลิต ผูคา ผมู ีอิทธิพล และใหเ กยี รตซิ ง่ึ กนั และกนั หลกี เลย่ี งการตาํ หนิ ติเตยี น แกปญหาตางๆ ดว ยสนั ติวธิ ี พอแม และผปู ระพฤตมิ ชิ อบ เปน แบบอยา งท่ดี ีแกล ูก สวนลูกควรเชอ่ื ฟง คําส่งั สอนของพอ แม) ตดิ ตามชวยเหลอื และปองกนั ส่ังการใหมีการกาํ กับติดตาม ชว ยเหลืออยา งเปนระบบ รวมท้ังดําเนินการปอ งกนั กลมุ เสยี่ ง และประชาชนทั่วไปไมใหเขา ไปเก่ียวขอ งกับสารเสพติด บังคับใชกฎหมาย มีการบังคับใชกฎหมายอยางเครงครัด และ ดําเนินการอยางจริงจังในการปองกันปญหาดวยการใหความรวมมือ เชิงรกุ กับตางประเทศในการควบคุมและสกัดก้ันสารเสพติด สารเคมี และสารตั้งตนในการผลิตสารเสพติดที่ลักลอบเขาสูประเทศ ภายใต การบรกิ ารจดั การอยางบูรณาการและมปี ระสิทธิภาพ นักเรียนในฐานะที่เป็นประชาชนคนหนึ่ง จึงควรมีบทบาทในการปฏิบัติตามนโยบาย ของรัฐบาลเพ่อื ร่วมกันปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หาสารเสพตดิ ใหห้ มดสน้ิ ไปจากประเทศของเรา ดงั น้ี ๑. ศึกษาหาความรู้และท�าความเข้าใจในนโยบายของรัฐบาลในการป้องกันและ แกไ้ ขปัญหาสารเสพติด ๒. หลีกเล่ียงสารเสพติดด้วยการท�ากิจกรรมทางบวก เช่น เล่นกีฬา เล่นดนตรี รว่ มกจิ กรรมสรา้ งสรรค์ตา่ งๆ เป็นตน้ ๓. เมือ่ ทราบเบาะแสเกย่ี วกบั สารเสพติด ควรแจ้งครู พ่อแม่ หรือผู้ปกครองใหท้ ราบ เพ่อื รว่ มมอื กันในการขจัดส้ินสารเสพติดใหห้ มดไป ๑7๔ นักเรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET นกั เรยี นคดิ วาสถานการณส ารเสพติดในปจ จบุ นั เปน อยา งไร 1 ยุทธศาสตร หมายถงึ ทศิ ทางหรอื วธิ กี ารทเ่ี ราตอ งพจิ ารณาดว ยความรอบคอบ จงอธิบายมาพอสังเขป ในการนําไปสกู ารบรรลุวตั ถุประสงคท ไี่ ดกาํ หนดไว โดยศกึ ษาวิเคราะหปจจยั ตา งๆ แนวตอบ ปจจุบันสารเสพติดยงั มีความรุนแรงและมแี นวโนม ท่ี ในปจ จบุ นั อยางละเอียดรอบคอบ ตรวจสอบความเปลี่ยนแปลง และคาดการณ เพม่ิ ขนึ้ โดยเฉพาะในกลุมวัยรนุ ซึง่ ควรไดร ับการปอ งกนั ไปสอู นาคต เพอื่ เสาะแสวงหาวธิ กี ารทดี่ ีกวา เหมาะสมกวา และคุมคากวา โดยอาศัยความรว มมือของทกุ คนในสังคม 2 การบําบัดรักษา เปนการสง ผูเสพเขาสูกระบวนการบําบัด พระราชบญั ญตั ิ ฟนฟสู มรรถภาพผูตดิ ยาเสพตดิ พ.ศ. 2522 กําหนดใหปฏบิ ตั ิตอ ผูติดยาเสพตดิ เหมอื นผูปวย มิใชอาชญากร และใหผ ูตองหาเขา ไปรบั การฟนฟภู ายใน 3 ป โดยไมต องรบั โทษ เพ่อื เปนการใหโ อกาสใหผตู ดิ สารเสพตดิ กลับตัวเปนคนดี ลดการสญู เสยี ทรัพยากรมนษุ ยท ี่อาจมีศกั ยภาพในการชว ยพัฒนาประเทศ 174 คมู่ อื ครู

กกรระตะตนุ้ Eุ้นnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Engage กระตนุ้ ความสนใจ ๔. ให้การสนับสนุนและความร่วมมือกับรัฐบาลในการป้องกันและแก้ไขปัญหา ครูตัง้ คาํ ถามเพอื่ กระตนุ ความสนใจของ สารเสพติด เช่น เป็นแกนน�าเยาวชนในการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของทางรัฐบาล ร่วมรณรงค์ นักเรียน ตอ่ ต้านสารเสพตดิ เขา้ คา่ ยเยาวชนรว่ มใจตา้ นภยั สารเสพติด เป็นตน้ ๕. ชกั ชวนผอู้ นื่ ใหล้ ด ละ เลกิ จากสารเสพตดิ โดยชกั ชวนใหเ้ ขา้ รว่ มกจิ กรรมสรา้ งสรรค์ • เพราะเหตุใดเราจงึ ไมค วรยุงเกี่ยวกบั ทางบวกต่างๆ เพื่อให้ห่างไกลจากสารเสพติด และให้เห็นคุณคา่ ในตนเองมากขน้ึ สารเสพตดิ (แนวตอบ สารเสพตดิ เปนมหันตภัยรายแรง ๒. ทักษะในการชกั ชวนผูอ้ ่ืนให้ลด ละ เลิก สารเสพตดิ ทเี่ ปนอนั ตรายตอสขุ ภาพผเู สพ อีกทัง้ ยัง สง ผลเสยี ตอครอบครัว สงั คม และ ในทักคษวะาชมวี ติส1 าแมลาะรมถกีในารกฝากึรฝชนักทชวกั นษผะตู้อ่า่ืนงใๆห ้ลใหด้เ กลิดะค วเาลมิกช า� สนาารญเส จพึงตจิดะส าตม้อางรเถกชิดว่ จยาผก้อู คื่นวใาหม้ลเดข ้าลใจะ ประเทศชาตดิ ว ย) เลิก สารเสพตดิ ได ้ ซ่งึ ทกั ษะทีจ่ า� เป็นตอ้ งใช้ มดี งั น้ี ๒.๑ ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ • นกั เรยี นมีวธิ กี ารอยางไรท่จี ะชักชวนใหผูอืน่ เม่ือประสบปัญหาใดๆ ก็แล้วแต่ กระบวนการคิดวิเคราะห์มักถูกน�ามาใช้ในการ ลด ละ เลกิ สารเสพติด แก้ปญั หาเสมอ ซึ่งในการชกั ชวนผูอ้ ่นื ใหล้ ด ละ เลกิ สารเสพตดิ สามารถนา� ทักษะการคดิ วิเคราะห์ (แนวตอบ ขน้ึ อยกู บั คาํ ตอบของนักเรียน เชน มาใช้ ดงั นี้ ชีแ้ จงใหเ หน็ ถงึ ผลเสยี หรือโทษจากการใช ที่จะส ่งผลถงึ ๑กา. รเปสรพะสเมารินเปสัญพตหิดา แเลชะน่ ป ัจคจา่ ัยนติย่ามง2 ๆก ลทุ่มี่มเีอพิทือ่ ธนิพ ลสต่ิงแ่อวทดัศลน้อคมตริแอลบะตพวั ฤ ตสิกอ่ื รตรา่ มงๆข อเงปวน็ัยตรุ่น้น สารเสพติด แนะนาํ ใหท ํากจิ กรรมอน่ื ท่ี เพ่ือนา� มาใช้เป็นข้อมลู ในการวเิ คราะห์ปญั หา สรางสรรคแ ทนการเสพสารเสพตดิ เปน ตน) ๒. ใชท้ กั ษะการคดิ วเิ คราะห์ในการ แก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณ พยายามคิดหา เหตุผลท่ีมีน้�าหนักในการชักชวนให้ผู้อื่นลด ละ เลิก สารเสพติด เช่น การชี้แจง ให้ข้อมูล ผลดีผลเสียท่ีเห็นได้ชัด เพ่ือให้ผู้อื่นคล้อยตาม ซึ่งอาจใชค้ า� พูดว่า “สารเสพติดมโี ทษ นอกจาก จะท�าลายสุขภาพของเราแล้ว ยังส่งผลกระทบ ต่อครอบครัวอีกด้วย อย่าริไปลองมันเลยนะ” เป็นตน้ ๓. ใช้ความคิดในทางสร้างสรรค์ เพ่ือเป็นทางเลือกให้ผู้ท่ีเราชักชวนเห็นข้อดีที่ จะปฏบิ ตั ิตาม เช่น การชวนผอู้ นื่ ไปทา� กิจกรรม สรา้ งสรรค ์ เชน่ การเลน่ กฬี า เลน่ ดนตร ี ทบทวน การชกั ชวนผอู้ นื่ ไปทา� กจิ กรรมในทางทสี่ รา้ งสรรค์ จะทา� ให้ บทเรียน ท�ากิจกรรมนนั ทนาการต่างๆ เป็นตน้ ผูท้ ีเ่ ราชกั ชวนเหน็ คณุ คา่ ของตัวเองมากขึ้น ๑75 ขอ สอบ O-NET นกั เรียนควรรู ขอ สอบป ’53 ออกเกี่ยวกับแนวทางการปองกันสารเสพตดิ ใน 1 ทกั ษะชวี ติ (Life Skill) เปน คณุ ลกั ษณะหรอื ความสามารถทางสตปิ ญ ญาของ ชุมชน แตล ะบคุ คลทพ่ี งึ มี และสามารถนาํ มาใชใ นยามทตี่ อ งเผชญิ กบั สถานการณต า งๆ ที่ เกดิ ขนึ้ ในชวี ติ ประจาํ วนั ไดอ ยา งมปี ระสทิ ธภิ าพ ซงึ่ ทกั ษะชวี ติ สามารถพฒั นาขนึ้ ได ขอ ใดเปนแนวทางการปอ งกนั มิใหม กี ารใชสารเสพติด ดวยการเรียนรู ฝก ฝน หรอื ปฏิบตั ิซา้ํ ๆ จนเกดิ ความคลองแคลว และเคยชนิ ในชุมชนทไ่ี ดผ ลดีที่สุด 2 คา นยิ ม คือ สิง่ ทบ่ี คุ คลพอใจหรือเหน็ วา เปน ส่งิ ทมี่ คี ณุ คา แลว ยอมรบั ไวเปน ความเช่อื หรอื ความรสู กึ นกึ คดิ ของตนเอง เม่ือบคุ คลประสบกบั เหตกุ ารณทีต่ อ งมี 1. จัดใหมพี ระมาอบรมเรื่องการประพฤตดิ ี การตดั สินใจเลือกอยางใดอยา งหน่งึ บคุ คลจะนาํ คานิยมมาประกอบการตดั สินใจ 2. สอนใหเ ยาวชนรูจ ักการปฏิเสธสารเสพตดิ คา นยิ มจงึ เปน เสมือนพืน้ ฐานแหง การประพฤติ ปฏบิ ตั ิของบุคคล 3. จัดตาํ รวจหมบู า นคอยเฝา ระวงั ผูตดิ ยา 4. จดั กจิ กรรมและใหความรูดา นสารเสพติดแกเยาวชน คูม่ อื ครู 175 วิเคราะหค าํ ตอบ ทุกขอลว นเปนแนวทางการปองกัน สารเสพติดในชุมชน แตแนวทางการปอ งกันมใิ หมีการใช สารเสพติดในชุมชนทีไ่ ดผ ลดีทีส่ ุดนั้น ควรเปนการจดั กิจกรรม และใหความรดู านสารเสพติดแกเ ยาวชน โดยเปน การปลกู ฝง ใหเ ยาวชนซงึ่ เปน อนาคตของชาติไดต ระหนกั ถงึ โทษของ สารเสพติด รวมทงั้ ยังเปนการสง เสริมใหเยาวชนไดใชเ วลาวา ง ใหเปนประโยชนไมหันไปยุง เกี่ยวกบั สารเสพติดไดอ กี ดว ย ตอบขอ 4.

กระตุน้ ความสนใจ สสา� า� รรEวxวpจจloคคrน้eน้ หหาา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore สา� รวจคน้ หา Explore ใหนกั เรยี นแตล ะคนศึกษาเรื่อง ทักษะในการ ๒.๒ ทกั ษะการสื่อสาร ชกั ชวนผอู ื่นใหลด ละ เลิก สารเสพติด แลวให จบั คูกนั อภปิ รายเรือ่ งทีศ่ ึกษาและสรุปสาระสาํ คญั เป็นความสามารถในการใช้ภาษาพูดหรือภาษาท่าทาง เพ่ือแสดงออกถึงความรู้สึก แตละประเดน็ จากน้นั ปฏิบตั กิ จิ กรรมสรางสรรค นึกคิดของตนในสถานการณ์ต่างๆ ท้ังน้ี เพ่ือ พัฒนาการเรียนรู กจิ กรรมท่ี 1 จากหนังสือเรียน ให้สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม หนา 182 ซึ่งการส่ือสารอย่างมีประสิทธิภาพต้องมีความ สามารถในการเป็นผู้ถ่ายทอดและผู้รับสารที่ด ี มีคา� พดู กิริยา ทา่ ทาง ท่ีทา� ใหผ้ ูฟ้ งั รูส้ กึ อบอุ่น และเป็นมิตร โดยทักษะการส่ือสารที่ดีในการ ชกั ชวนใหผ้ อู้ น่ื ลด ละ เลกิ สารเสพตดิ มดี ังน้ี ๑) การแสดงความคดิ เหน็ เปน็ การแสดงให้ผู้อื่นรู้ว่าเราคิดเห็นอย่างไรต่อ ปญั หาสารเสพติด ซ่งึ อาจทา� ใหผ้ ูอ้ น่ื คลอ้ ยตาม และไม่กล้าทดลองเสพสารเสพติดโดยต้องมี เหตุมีผล และเสนอความคิดเห็นด้วยน้�าเสียง หควนาักมแคนิด่นเ หจ็นรดิง้วจยัง ถแ้อตยน่ค่มุ�ารนุนวแลร ง1ไ มเเ่ ชป่น็น ก“ากราเสรดน่ืมอ ความสามารถในการสอ่ื สาร นบั เปน็ ทกั ษะทด่ี ใี นการชกั ชวน ผ้อู ่ืนให้ลด ละ เลิก สารเสพติด เหลา้ นอกจากจะไม่ชว่ ยแกป้ ัญหาใดๆ แล้ว ยงั เป็นการสรา้ งปัญหาเพม่ิ มากขน้ึ อีก ไม่วา่ จะยงั ไง กต็ ามเธอไม่ควรดื่มเหลา้ เดด็ ขาด” เป็นต้น ๒) การแสดงความช่ืนชม เป็นการแสดงออกให้เห็นว่าเราชื่นชมคนท่ีไม่ยุ่งเกี่ยว กบั สารเสพตดิ และชนื่ ชมท่คี นเหล่านัน้ มอี นาคตทด่ี ี เชน่ “เราอยากเป็นแบบอย่างน�้าหวานจงั เลย นอกจากจะเลน่ กีฬาเก่งแล้วยงั เป็นแกนนา� เยาวชนตอ่ ตา้ นยาเสพตดิ อีก” เปน็ ต้น ๓) การขอรอ้ ง เปน็ การขอรอ้ งใหผ้ อู้ นื่ เลกิ ยงุ่ เกยี่ วกบั สารเสพตดิ ซงึ่ เราควรมวี ธิ กี าร ขอร้องโดยใช้ค�าพูดท่ีนุ่มนวล มีเหตุมีผล เพื่อมิให้ผู้อ่ืนคิดว่าเราเป็นการออกค�าสั่งมากกว่าการ ขอรอ้ ง เช่น “เราขอรอ้ งละ่ เธออยา่ ดืม่ เหล้าเลยนะ เพราะมนั ไม่ดีตอ่ สขุ ภาพของตวั เธอเองและ จะท�าใหพ้ อ่ แมเ่ สยี ใจอีกด้วย” เปน็ ตน้ ๔) การเจรจาตอ่ รอง เราควรใชถ้ อ้ ยคา� ทม่ี เี หตมุ ผี ล ภาษาสภุ าพ ไมเ่ ปน็ การขบู่ งั คบั หรอื ขู่ว่าจะบอกคนอืน่ เพราะอาจท�าให้เกิดอนั ตรายตอ่ ตัวเองได้ เชน่ “ถ้าเธอเลกิ เสพยา เราจะ ชว่ ยพดู กบั ครใู หเ้ ธอกลับมาเรยี นใหไ้ ด้” “ถ้าวนั น้ีเธอไมด่ ่ืมเหลา้ เราสัญญาวา่ จะชว่ ยสอนการบา้ น ใหเ้ ธอ” เปน็ ตน้ ๑76 นักเรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET ทกั ษะการส่อื สารมคี วามสําคัญในการชักชวนใหผ ูอ ื่นลด ละ 1 ถอ ยคาํ รนุ แรง การใชถอยคาํ ท่ีรุนแรงนอกจากจะไมชว ยแกปญ หาใดๆ เลิก สารเสพติดอยางไร ไดแ ลว ยงั กอใหเ กดิ ความเสย่ี งตอการเกิดความรุนแรงไดอกี ดว ย ดงั น้นั ในการ แนวตอบ ทักษะการสื่อสารเปน ความสามารถในการใชภาษาพดู ส่อื สารเจรจาตอ รองกบั ใคร ควรท่จี ะใชถ อยคําทีน่ มุ นวล ผูฟงฟงแลว เกดิ ความรสู กึ หรือภาษาทา ทาง เพอื่ แสดงออกถึงความรูส กึ ซึ่งมีความสําคญั ประทบั ใจและคลอยตาม พรอมทจ่ี ะปฏบิ ตั ิตามท่เี ราบอกหรือขอรอ งใหทํา และจําเปนมากในการชกั ชวนใหผ อู น่ื ลด ละ เลกิ สารเสพตดิ โดย การสอื่ สารอยา งมที กั ษะจะทาํ ใหสามารถแกไ ขสถานการณไ ดอ ยา ง มมุ IT เหมาะสม และสามารถชกั ชวนใหผูอ น่ื ลด ละ เลิก สารเสพตดิ ได รวมถึงยังทาํ ใหผฟู งนน้ั รูสกึ อบอนุ และเปนมิตรอีกดวย สามารถศกึ ษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับทกั ษะการส่อื สาร ไดจ ากเว็บไซต http://www.oknation.net/blog/print.php?id=69093 บรู ณาการเช่ือมสาระ สามารถนาํ เนอ้ื หาเร่อื ง ทักษะการสื่อสารไปบรู ณาการ 176 คมู่ อื ครู เชอ่ื มโยงกับกลมุ สาระการเรยี นรภู าษาไทย วชิ าหลกั ภาษา และ การใชภาษา เร่ือง การพูดเชงิ สรา งสรรค

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ ๕) การตักเตือน เมื่อเห็นเพ่ือนหรอื พีน่ ้องมแี นวโน้มว่าจะเสพสารเสพตดิ เราควร ใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมสรา งสรรค ตักเตอื นดว้ ยค�าพูดที่มีเหตุผล ช้ใี หเ้ หน็ ถึงผลเสียท่มี ตี อ่ ร่างกาย ต่อการเรยี น ต่อครอบครัว รวมถงึ พฒั นาการเรยี นรู กจิ กรรมท่ี 3 จากหนงั สือเรียน การแสดงความรกั ความห่วงใยที่มีให้เหน็ เพ่อื หนา 182 โดยรว มกนั กาํ หนดตวั แสดง และเขยี น โน้มน้าวให้เกิดความรู้สึกส�านึก และไม่ไป บทพดู ลงในกระดาษรายงาน พรอ มทั้งวเิ คราะหว า ยุ่งเกี่ยวกบั สารเสพตดิ เช่น “อยา่ สูบบุหรีเ่ ลยนะ จากบทบาทสมมติน้ันๆ ใชทกั ษะชีวติ ดานใด มนั ไมด่ ตี ่อสขุ ภาพ ถ้าพ่อแม่ร้จู ะเสยี ใจมากนะ” ในการชกั ชวนผูอ นื่ ใหลด ละ เลิก สารเสพติด เพือ่ นําสงครแู ละเตรียมนาํ เสนอหนา ชนั้ เรยี น เปน็ ต้น ปฏเิ สธ1 การป๖ฏ) เิ สกธาทรด่ี ชจี กั ะชตอ้วนงปเพฏเิอ่ื สนธใอหยร้า่ จู้งจกั รกงิ าจรงั ทั้งท่าทางและน้�าเสียงเพื่อแสดงความต้ังใจท่ี จะปฏิเสธอย่างชัดเจน ซึ่งหลักการปฏิเสธท่ี เหมาะสมและได้ผลดมี ี ดังน้ี ๑. ตง้ั สต ิ และใชค้ า� พดู ทสี่ ภุ าพ เพื่อแสดงให้ผู้ชักชวนรู้ว่า เรามีเหตุผลและมี การปฏเิ สธท่ีเปน็ การถนอมน้า� ใจ อาจใช้วธิ กี ารชกั ชวนหรอื อทิ ธิพลเหนอื เขา จะไดไ้ มก่ ลา้ บังคับอีก ตักเตือนเพ่ือกล่าวอ้างในการปฏิเสธ โดยชี้ให้มองเห็นถึง ๒. แสดงความรู้สึกของตนเอง โทษและผลทไ่ี ด้รับจากการเสพสารเสพตดิ ดว้ ยเหตุผล ไมต่ อ้ งใชเ้ หตุผลอ่ืนมากลา่ วอา้ ง เพราะผ้ชู ักชวนจะหาขอ้ โตแ้ ย้งที่จะทา� ใหห้ ลงเชอื่ ได้ ๓. ใช้การปฏิเสธที่เป็นการถนอมน้�าใจ โดยไม่ให้เสียความสัมพันธ์ และ ไม่ท�าให้อีกฝ่ายรู้สึกเสียหน้า หรือรู้สึกว่าตนเองถูกต�าหนิ เพราะอาจท�าให้เกิดผลกระทบ ต่อความสัมพันธ์ในอนาคตของเรากับอีกฝ่ายก็ได้ เช่น หากมีผู้อ่ืนชวนให้ดื่มเหล้า เธอ ควรตอบด้วยน�้าเสียงจริงจังแต่นุ่มนวลว่า “ขอบคุณ แต่เราไม่ดื่ม” ถ้าเขาถามว่า “ท�าไม ไมด่ มื่ ละ่ ” เธอกค็ วรตอบไปว่า “เพราะเรารู้สกึ วา่ มันไม่ดตี ่อสุขภาพของเราน่ะส”ิ ซงึ่ ถ้าหากยงั ถูก คะยน้ั คะยออกี เธออาจพดู วา่ “ดม่ื เหลา้ ทา� ไม ไปออกกา� ลงั กายกนั ดกี วา่ หลบั สบาย ไมป่ วดหวั ดว้ ย” ๔. เมื่อตอบปฏิเสธแล้ว เธอควรออกจากสถานท่ีนั้นโดยเร็ว เพ่ือไม่ให้ถูกเซ้าซี้ ต่อไปอีก ซง่ึ อาจใชค้ า� พดู บอกลาอยา่ งนมุ่ นวล เช่น “เราไปก่อนนะ พอดีจะไปหอ้ งสมดุ นะ่ ” หรอื “ไว้คยุ กนั วนั หลังนะ” เปน็ ต้น แล้วรีบเดินจากไปทันที ๗) การขอความช่วยเหลอื เมื่อตกอยใู่ นสถานการณ์อันตราย เราควรตั้งสติ และ คิดหาทางออกท่ีดี โดยอาจแจ้งส�านักงานคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ส�านักงาน ป.ป.ส.) หรือโทร. ๐-๒๒๔๗-๐๙๐๑-๑๙ สายด่วน ๑๓๘๖ ๑77 ขอสอบ O-NET นักเรยี นควรรู ขอสอบป ’53 ออกเกี่ยวกับการใชท กั ษะปฏเิ สธ 1 การปฏิเสธ เปน ทกั ษะท่ตี องใชค วบคกู ับทักษะการตอรอง แตจะใชทักษะใด ขอใดเปนการใชท กั ษะปฏเิ สธท่ไี มเ หมาะสม เปน หลกั น้นั ก็ข้ึนอยูกับสถานการณ เร่อื งทเี่ จรจา บคุ คล สถานท่ี และปจจยั อื่นๆ 1. ปฏิเสธดวยคําตอบนาเชอ่ื ถือ ทา ทีจริงจงั เนื่องดวยสังคมไทยเปนสังคมเอื้อเฟอเผ่อื แผ เห็นอกเหน็ ใจกนั ไมก ลาท่จี ะปฏเิ สธ 2. เม่อื ถกู รบเรา ใหห ลีกเลี่ยงและปฏิเสธดวยถอยคําสุภาพ หรอื ตอรอง ซ่งึ เปน เหตใุ หเ ราอาจตกอยใู นสถานการณเสีย่ งได ดงั นน้ั เราจึงควร 3. แสดงพฤติกรรมท่สี ุภาพในการปฏเิ สธควบคกู ับคาํ พูด ฝกทกั ษะการปฏิเสธและตอรอง เพือ่ จะชวยใหเราสามารถรอดพนจากสถานการณ 4. พูดตัดบท แสดงความไมพ อใจ และตอบโตทนั ที เสี่ยงตา งๆ ได วเิ คราะหค าํ ตอบ การใชก ารปฏเิ สธทดี่ จี ะตอ งเปน การปฏเิ สธท่ี หนกั แนน จรงิ จงั ถนอมนาํ้ ใจ และใชถ อ ยคาํ ทส่ี ภุ าพ โดยไมใ หเ สยี ความสมั พนั ธ หรือทาํ ใหอ กี ฝา ยรสู ึกเสยี หนา ซึง่ การพูดตัดบท แสดงความไมพ อใจ และตอบโตทนั ทนี ้ัน ถอื เปน การใชท ักษะ ปฏเิ สธทีไ่ มเหมาะสม อาจทําใหเกดิ ผลกระทบตอ ความสมั พันธ ในอนาคตได ตอบขอ 4. ค่มู อื ครู 177

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู้ ใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ ออกมาแสดงบทบาทสมมติ ๒.๓ ทกั ษะการตัดสินใจ โดยครแู ละนกั เรยี นคนอน่ื ๆ รว มกันวเิ คราะหวา จากบทบาทสมมตินนั้ ๆ ใชทกั ษะชีวติ ดานใดในการ เปน็ ความสามารถทตี่ อ้ งใชเ้ หตผุ ล ความเหมาะสมในแตล่ ะสถานการณม์ าคดิ วเิ คราะห์ ชักชวนผอู ่ืนใหลด ละ เลกิ สารเสพติด และมีความ และหาทางออกที่ดีท่สี ดุ เพอ่ื ให้การตดั สนิ ใจน้นั เหมาะสมหรือไม อยางไร จากนั้นครูใหน กั เรยี น เป็นไปตามเป้าหมาย และมีแนวทางแก้ไขที่ดี ทํากิจกรรมในแบบวดั และบันทกึ ผลการเรียนรู ท่ีสุดส�าหรับตนเองและผู้อ่ืนด้วย การฝึกทักษะ กิจกรรมท่ี 9.3 การตัดสินใจโดยเรียนรู้กระบวนต่างๆ จึงเป็น ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ ส่ิงจา� เ ปน็ อย่า๑ง.ม าเกรีย ดนงั รนู้ก้ี ระบวนการตัดสินใจ1 สขุ ศกึ ษา ม.1 กจิ กรรมท่ี 9.3 หนวยที่ 9 การปองกนั ภยั จากสารเสพตดิ โดยน�าปญั หามาหาสาเหตุ แนวทางแก้ไข และ กิจกรรมท่ี ๙.๓ ใหนกั เรยี นปฏิบัติกจิ กรรมตามคาํ แนะนาํ ตอไปน้ี (พ ๕.๑ ม.๑/๔) คะแนนเตม็ คะแนนท่ีได ตัดสนิ ใจทจ่ี ะแกป้ ญั หานน้ั ๒. ฝกึ คน้ หาตนเอง ทา� ความเขา้ ใจ ñõ ๑. ประเมินขอมูลท่ีกําหนดใหวาตรงกับกระบวนการคิดตัดสินใจ และแกปญหาในขั้นตอนใด ตนเอง หาข้อดี ข้อเสยี ของตนเอง พรอ มเรียงลําดบั ข้ันตอนใหถูกตอง ขอ มลู ที่กาํ หนดให ขนั้ ตอนของกระบวนการตัดสินใจและแกปญหา ลาํ ดบั ขน้ั ตอนที่ ๓. พจิ ารณาตนเองวา่ ตอ้ งการอะไร ไม่ตอ้ งการอะไร คดิ หาวธิ ีการแกป ญหา …ก…า…ร…ค…น …ห……าส……าเ…ห…ต…ุข…อ…ง…ป…ญ……ห…า…แ…ล…ะ…ก…ํา…ห…น…ด……………. ๒……………………………. การเรียนรู้กระบวนการตัดสินใจ เป็นการฝึกค้นหาตนเอง ๔. เมอื่ พบปญั หาหรอื สถานการณ์ เลือกวิธกี ารแกป ญหาทีเ่ หมาะสม …ท…า…ง…เล……ือ…ก……………………………………………………………………. ……………………………. ใหส้ ามารถนา� ปญั หามาหาสาเหตุ แนวทางแกไ้ ขและตดั สนิ ใจทีจ่ ะแกป้ ัญหานน้ั ได้ …ก…า…ร…ต…ดั …ส…นิ……ใจ…เ…ล…อื …ก…ท…า…ง…เ…ล…อื …ก…ใ…ด…ท…า…ง…เล…อื…ก…ห……น…งึ่ …. ๔……………………………. …ด…ว …ย…เห……ต…ผุ …ล…อ…ย…า…ง…เห…ม……าะ…ส…ม………………………………………. ……………………………. ชงั่ นํ้าหนกั ขอ ดี ขอเสยี ของแตล ะวธิ ี …ก…า…ร…ว…ิเค…ร…า…ะ…ห…ข…อ…ด…ี…ข…อ …เ…ส…ยี ……แ…ล…ะ…ร…ว…บ…ร…ว…ม…ข…อ…ม…ลู …. ๓……………………………. ตา่ งๆ ให้นา� ปัญหามาฝกึ คิดวิเคราะห์หาสาเหตุ แนวทางแกไ้ ข และลองตัดสินใจแก้ปญั หานนั้ ด้วย …ข…อ…ง…แ…ต…ล …ะ…ท…า…ง…เล…ือ…ก……………………………………………………. ……………………………. ระบุปญ หา …ก…าํ …ห…น…ด……วา…อ…ะ…ไ…ร…ค…อื …ป…ญ ……ห…า…โ…ด…ย…ใ…ช…พ…ื้น……ฐ…าน……………. ๑……………………………. ตนเอง แตถ่ ้าแก้ไมต่ ก ควรขอค�าปรึกษาหรอื ค�าแนะนา� จากผูใ้ หญ่ท่ีไว้ใจได้ เชน่ ออยทราบมาวา่ …ก…า…ร…ส…ัง…เ…ก…ต…พ…ฤ…ต…กิ……ร…ร…ม…บ…คุ …ค…ล…………………………………. ……………………………. เฉฉบลับย แกไขขอเสียของทางเลือกที่เกิดจาก …ก…า…ร…ห…า…แ…น…ว…ท……าง…แ…ก……ไ…ขข…อ…เ…ส…ีย…ข…อ…ง…ท……า…ง…เล…ือ…ก……ท…ี่ .. ๕……………………………. …เก……ดิ …จ…า…ก…ก…า…ร…ต…ัด…ส…ิน……ใจ………………………………………………. ……………………………. เพื่อนสนิทของตนติดยาเสพติด ออยอยากช่วยเพ่ือน จึงหาสาเหตุว่าอะไรท่ีท�าให้เพื่อนของตน การตัดสนิ ใจ ๒. บอกกระบวนการเรยี นรทู ่ีเปน สิ่งจําเปน ของทกั ษะการตัดสนิ ใจ ตดิ ยาเสพติดได ้ ซ่งึ ไดท้ ราบสาเหตุว่าเกิดจากการขาดความอบอ่นุ ในครอบครัว ออยจึงคดิ หาทาง เ…ร…ยี …น…ร…กู …ร…ะ…บ…ว…น…ก…า…ร…ต…ัด…ส…นิ……ใจ…………………….. ฝ……ก…ค…น…ห…า…ต…น……เอ…ง……ท…ํ…าค…ว…า…ม…เ…ข…าใ…จ…ต…น……เอ…ง.. แก้ไขด้วยการไปตักเตือนเพ่ือน และช้ีให้เห็นถึงโทษของยาเสพติด แต่เพ่ือนไม่เชื่อ และขู่ว่าจะ ห……าข…อ…ด…ี …ข…อ …เส……ยี …ข…อ…ง…ต…น…เ…อ…ง……………………….. ……………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………….. กระบวนการเรียนรู ท�าร้ายออย ออยจึงตัดสนิ ใจบอกครูใหท้ ราบเพ่อื ช่วยกนั แก้ไขปญั หาทเี่ กดิ ขนึ้ เปน็ ต้น พ……ิจ…าร…ณ……า…ต…น…เอ…ง…ว…า …ต…อ …ง…ก…า…ร…อ…ะไ…ร……………….. ๒.๔ ทักษะการแกป้ ญั หา ไ…ม…ต …อ…ง…ก…า…ร…อ…ะ…ไร…………………………………………….. เ…ม…่ือ…พ…บ…ป……ญ…ห…า……ใ…ห…ฝ…ก…ว…ิเ…ค…ร…า…ะห……ห…า…ส…า…เห…ต.. ุ เป็นความสามารถในการน�าความรู้และประสบการณ์ต่างๆ ไปใช้ในการเผชิญ และ ……………………………………………………………………….. แ…น…ว…ท…า…ง…แ…ก…ไ…ข……แ…ล…ะ…ล…อ…ง…ต…ัด…ส…ิน……ใจ……แ…ต……ถ.า. จดั การกบั ปญั หาทเ่ี กดิ ขนึ้ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม โดยนา� ขอ้ สรปุ ของทกั ษะการคดิ วเิ คราะห ์ การตดั สนิ ใจ แ…ก…ไ…ม…ไ…ด… …ให…ข…อ…ค…ํา…แ…น…ะ…น…าํ …จ…า…ก…ผ…ใู …ห…ญ… ……….. มาลงมอื แกป้ ญั หาตามแนวทางทว่ี างไว ้ ซงึ่ ทกั ษะการแกป้ ญั หาน ้ี จะทา� ใหเ้ รามปี ระสบการณเ์ พมิ่ ขน้ึ ๗๖ และรู้จกั ปรับเปลย่ี นหาวิธีการท่เี หมาะสม นับเปน็ การฝกึ ให้เรามคี วามอดทน มีเหตผุ ล และเป็น คนท่ีสามารถแกป้ ัญหาตา่ งๆ ไดอ้ ยา่ งด ี พรอ้ มทงั้ ไดเ้ รยี นรวู้ ธิ กี ารป้องกนั ปัญหาทจ่ี ะเกดิ ขนึ้ อกี ดว้ ย การตัดสินใจในการแก้ปญั หา จึงเป็นทกั ษะที่ต้องใช้ควบคู่กนั โดยเปน็ การผสมผสาน ระหวา่ งความคดิ และความรสู้ ึกในการใชเ้ หตผุ ลตัดสินใจ ๑78 นักเรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET อารยาอยชู นั้ ม.2 เพงิ่ ยา ยจากโรงเรยี นตา งจงั หวดั เขา มาเรยี น 1 การตดั สนิ ใจ วยั รนุ เปน วยั ทก่ี า วสคู วามเปน ผใู หญ เปน วยั ทมี่ คี วามเปลย่ี นแปลง ในกรงุ เทพฯ เธอเชา หออยใู กลๆ โรงเรยี น วนั หนง่ึ เพอื่ นชวนใหเ ธอ ดา นตา งๆ มากมาย การคิด การตัดสินใจจึงเปน ทักษะอยางหนึ่งทสี่ ําคัญใน มาลองเสพยาไอซด ว ยกนั อารยาเกิดความลงั เลใจ เพราะกอ็ ยากรู การดาํ เนินชวี ติ การตัดสนิ ใจทีด่ จี ะชวยใหเ ราไมหลงไปในทางทไ่ี มเหมาะสม และ เหมือนกนั วา เมอ่ื เสพแลวจะเปน อยา งไร แตอ ีกใจหน่ึงกก็ ลัววา สามารถกาวไปสคู วามสาํ เรจ็ ในชวี ิตได ซงึ่ การตัดสินใจทด่ี ีนั้นควรคาํ นึงถึงเหตุผล พอ แมจ ะรู หากนักเรียนเปน อารยานกั เรยี นจะตดั สนิ ใจเชนไร ขอ ดแี ละขอ เสยี ของทางเลอื กทเ่ี รามอี ยู อนั จะชว ยใหเ ราคาดการณถ งึ ผลทจ่ี ะตามมา 1. ถาวา งกจ็ ะไป ไดระดบั หนงึ่ และชว ยใหเ ราตัดสนิ ใจไดเหมาะสมมากขนึ้ 2. นา จะลองเสพดู 3. ไมไ ปเพราะเปน ส่ิงไมด ี มมุ IT 4. ไปกไ็ ดเผือ่ จะไดล องอะไรใหมๆ วเิ คราะหคาํ ตอบ ยาไอซจ ดั เปน สารเสพตดิ ท่กี อ ใหเกิดโทษ สามารถศึกษาเพิม่ เตมิ เกยี่ วกับทักษะการตัดสินใจ ไดจากเว็บไซต รา ยแรง ซงึ่ อารยาควรใชท กั ษะในการตดั สนิ ใจถงึ ผลเสยี ทจี่ ะตามมา http://www.gotoknow.org/blogs/posts/170502 หากคิดจะลองเสพ ถานกั เรียนเปน อารยานักเรยี นควรจะตดั สินใจ ดว ยการไมไปเพราะสารเสพตดิ เปน ส่งิ ไมดี ตอบขอ 3. 178 ค่มู อื ครู

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ ๑กระบวนการตดั สินใจและแกปญ หา มอี ยู ๕ ขั้นตอน ครตู ัง้ คาํ ถามใหนักเรียนไดอธบิ ายความรู กาํ หนดปญหา . กําหนดปญหา จากทีไ่ ดศกึ ษามา โดยใชพ ืน้ ฐานสงั เกตพฤตกิ รรมบคุ คล สถานการณ ประเด็นทอี่ ยูในความสนใจเพ่อื • เพราะเหตุใดในการชักชวนผูอื่นใหลด ละ กาํ หนดใหไ ดว า อะไรเปน ปญหาที่แทจริง เชน มัดหม่ีมกั จะสงั เกตพฤติกรรมเพ่ือน เลกิ สารเสพตดิ จงึ ตองอาศัยทกั ษะตางๆ คนหน่ึงวา ทาํ ไมจึงชอบออกนอกหอ งเรียนบอยๆ จึงตามไปดู และพบวาเพอ่ื นกําลงั เขาชว ย แอบสบู บุหร่ีอยใู นหองน้ํา เปน ตน (แนวตอบ ขึ้นอยกู ับคาํ ตอบของนกั เรียน โดยอาจตอบวาในการชกั ชวนผอู นื่ ใหลด ละ ๒.คนหาสาเหตุ การคนหาสาเหตขุ องปญ หา เลิก สารเสพตดิ ตอ งเกดิ จากความเขาใจ ในทกั ษะชวี ิต และมีการฝกฝนทกั ษะตางๆ ของปญหา เปน การพจิ ารณาหาสาเหตขุ องปญ หา เชน มดั หมคี่ ิดวา การทเ่ี พอื่ น ใหเ กดิ ความชํานาญ จึงจะสามารถชว ยผอู ่นื ใหล ด ละ เลิก สารเสพติดได ดังนน้ั จงึ ตอง กสบูารบถหุ กู รช่นี ักน้ั ชอวานจจกะาเรกใิดหมเพาจ่ือานกในสากเลหุมตยตุ1อามงๆรับเชเปน น ตคนวามแอลยะาคกิดรหอู ายทากางลเอลงือก อาศยั ทกั ษะตา งๆ เขา ชว ย เพอ่ื ใหก ารชกั ชวน ผอู น่ื ใหลด ละ เลิก จากสารเสพติด ทม่ี คี วามเปนไปไดใ นการแกไ ขปญหา โดยควรคิดไวห ลายๆ ทางเลอื ก ประสบผลสาํ เรจ็ ) ๓. เชน การเตือนเพือ่ น การบอกใหครทู ราบ เปนตน • จากที่ไดท าํ การศกึ ษามา นักเรยี นคดิ วา การวิเคราะหข อดี ขอ เสีย รวบรวมขอ มลู ทกั ษะใดสําคญั ทสี่ ุดในการชักชวนผอู ่ืนให การวิเคราะหข อ ดี ขอ เสีย ของแตล ะทางเลอื ก เปนการประเมินทางเลอื กแตละทางวา ลด ละ เลกิ สารเสพตดิ จะเกิดผลดี ผลเสียอะไรบา ง ยากงายอยา งไร นบั เปนการรวบรวมขอ มลู ซง่ึ เปน (แนวตอบ ทักษะการส่ือสาร ไมวาจะปฏิบัติ ประโยชนตอการตดั สินใจและการชว ยประเมนิ ดังตารางตอ ไปน้ี กจิ กรรมใดกแ็ ลว แต จาํ เปน ตอ งใชก ารสอื่ สาร ทางเลือกที่กาํ หนดไว ขอ ดี ขอเสีย ดวยกันทั้งส้ิน ซึ่งการชกั ชวนผอู น่ื ใหลด ละ เลิก สารเสพตดิ ก็เชน กนั ก็จําเปนตอ งใช ๑. การเตอื นเพ่ือน เพ่อื นอาจจะยอมเลิกสูบบหุ ร่ี เพ่อื นอาจจะไมเช่อื และเกิด ความสามารถในการใชภ าษาพดู หรือภาษา และไมไ ปยุงเก่ยี วอกี ความไมพอใจเราได ทาทางในการแสดงออก เพือ่ ใหผฟู งรูสึก เปน มติ รและคลอยตาม) o ๔.๒. การบอกใหครูทราบ เพ่ือจะไดหาวธิ ีชวยเหลือได เพ่อื นอาจถูกครูลงโทษหรอื อยา งถูกตอง ถูกพกั การเรยี นได k. การตัดสนิ ใจเลือก การตดั สนิ ใจเลอื กทางเลอื กใดทางเลอื กหนงึ่ ดว ยเหตผุ ลอยา งเหมาะสม จะตอ ง อาศยั หลกั ความรูท ั้งศาสตรและศลิ ป คณุ ธรรม กฎ ระเบียบ มาเปน แนวทางในการ ตดั สนิ ใจ ซงึ่ เปน การตดั สนิ ใจเลอื กทางเลอื กทค่ี ดิ วา ถกู ตอ งและเหมาะสมทีส่ ดุ ตามความคิดของตนเอง เชน การตดั สินใจเลือกทางเลือกที่ ๑ คอื การเตอื นเพ่อื น ๕.เพราะเปนทางเลอื กทไ่ี มกอใหเกดิ ความรนุ แรง และยงั สง ผลดีตอ เพ่อื นอกี ดวย สาํ เรจ็ การหาแนวทางการแกปญหา โดยการคิดหาขอเสนอแนะ วิธกี ารแกไขขอเสียทเี่ กิดจากทางเลอื กท่ีเลอื กนน้ั กอน ทดลองใช ถาเห็นวาสามารถชวยแกผลเสียนั้นได กจ็ ะไดนําไปเปน แนวทางปฏิบตั ิ ตอไป เชน มดั หมต่ี ดั สนิ ใจทีจ่ ะใชวธิ ีการเตอื นใหเ พ่อื นเลกิ สูบบุหร่ี แตกลวั วา เพื่อน จะโกรธ จึงหาแนวทางวา ถาหากเพ่อื นโกรธจะทาํ อยางไร ในทส่ี ุดมดั หมจ่ี งึ ไดลอง ไปเตือนเพ่ือนดู ปรากฏวาเพื่อนยอมรับและยอมเลกิ สูบบหุ รี่ มดั หม่จี งึ นําวธิ นี ้ีไปใช กบั คนอ่นื ตอไป เปน ตน ๑7๙ แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETดิ นกั เรียนควรรู จากหนา 178 ถา นักเรียนเปน อารยา นกั เรยี นจะมวี ธิ ีการ 1 การแกไขปญหา การคิดหาวิธีแกไ ขปญหานัน้ จะตองใชค วามคดิ สรา งสรรค แกปญหาอยา งไร เพ่ือชกั ชวนใหเ พื่อนลด ละ เลกิ สารเสพติด เพ่อื หาวธิ ีแกป ญ หาทีห่ ลากหลาย ซึง่ มีหลกั งายๆ ท่ีชวยใหเราคิดไดม ากข้ึน ดงั น้ี แนวตอบ ขน้ึ อยกู บั คาํ ตอบของนกั เรยี น โดยอาจตอบวา พยายามยกตัวอยางถงึ ผลกระทบท่ีเกิดจากการใชสารเสพติด • พยายามคิดนอกกรอบประสบการณแ ละความชาํ นาญท่เี รามอี ยู ใหเพ่ือนฟง และพูดชกั ชวนใหเพือ่ นนึกถงึ ความรูสกึ ของพอ แม • ใหค วามสาํ คัญกับทกุ ความคิดหรือทกุ ๆ วธิ แี กเ ทา ๆ กัน จากน้ันควรนําเรอ่ื งท่เี พอื่ นเสพยาไอซไปแจงใหก ับครู หรือ • หลีกเล่ยี งการวพิ ากษว ิจารณห รือตดั สนิ ความคิดใหมๆ ทเี่ พิง่ คิดออก ผปู กครองของเพอ่ื นทราบ เพื่อจะไดช ว ยหาทางแกไ ข แตค วรใชความคิดนน้ั เปน ตวั กระตนุ ใหเ กดิ ความคดิ สรางสรรค เพอื่ หาวธิ ี แกทส่ี บื เน่อื งตอ มาจากความคดิ น้ัน • แมวาจะคิดหาทางแกไ ดดที ีส่ ดุ แลว ก็ไมควรหยดุ ความพยายามทจ่ี ะคดิ หา วธิ ีตอไป • พยายามทําความเขา ใจเก่ียวกับวิธีแกทกุ วิธใี หช ดั เจน เพราะจะชวยทาํ ให เราเกดิ ความคดิ ใหมๆ ขน้ึ มาได ค่มู ือครู 179

กระตุน้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา้ า้ใจใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา้ ใจ ครอู ธบิ ายเพิ่มเติมและสรุปเชื่อมโยงประเดน็ ๒.5 ทักษะการใหก้ าํ ลังใจ สําคญั ตา งๆ จากนน้ั ตง้ั คําถามเพือ่ ใหนกั เรียนไดคดิ วิเคราะหรวบยอดความรูตางๆ เก่ยี วกับสารเสพติด เป็นความสามารถในการให้ก�าลังใจ อาจจะเป็นการให้ก�าลังใจทั้งตนเองและผู้อื่น จากการทไ่ี ดศึกษามา เช่น “เพื่อสุขภาพของเรา เราจะต้องเลิกดื่ม เหล้าให้ได้” “ฉันเช่ือว่าเธอสามารถเลิกสูบบุหร่ี • ใหนกั เรยี นสรุปประเดน็ สาํ คญั สน้ั ๆ เกยี่ วกบั ได้อย่างแน่นอน เราจะเป็นก�าลังใจให้นะ” ซึ่ง ความหมายของสารเสพตดิ โทษหรือพิษภัย ทักษะในการให้ก�าลังใจที่ดีในการชักชวนผู้อ่ืน จากสารเสพตดิ วธิ กี ารปอ งกนั และแกไข ใหล้ ด ละ เลิก สารเสพติดน้ัน ควรประกอบด้วย ปญหาสารเสพติด รวมท้งั วธิ กี ารชักชวนผูอ่นื ๑) ความตระหนักในตนเอง ใหลด ละ เลกิ สารเสพตดิ เป็นความสามารถในการเข้าใจถึงจุดดีจุดด้อย (แนวตอบ ข้ึนอยกู บั คําตอบของนกั เรียน โดย ของตนเองและความแตกต่างของแต่ละบุคคล สรุปครา วๆ ไดดงั น้ี สารเสพติดเปน สารทเ่ี มอ่ื สามารถอยู่อย่างเป็นปกติสุขภายใต้แรงกดดัน เสพแลว จะทาํ ใหม ีความตองการเสพเพ่มิ ตา่ งๆ ในชวี ติ เช่น ดูว่าตนเองชอบอะไร และ มากขน้ึ มอี าการอยากยา สงผลตอสุขภาพ สามารถท�าอะไรไดด้ ี เป็นตน้ ผเู สพ สงผลเสียตอ สงั คม ซง่ึ ทกุ ฝายจะตอ ง การให้กา� ลังใจผูอ้ ื่นในการลด ละ เลกิ สารเสพตดิ ถอื เปน็ รวมมือกนั ปองกนั และแกไขปญหาสารเสพตดิ ทักษะท่ีดีที่จะท�าให้ผู้อ่ืนยอมรับ และเห็นคุณค่าในตนเอง ๒) ความเหน็ ใจผู้อนื่ เป็นความ อกี ทงั้ แตล ะบคุ คลควรรูจกั ชกั ชวนผูอ่ืนให ไม่ยุ่งเกีย่ วกับสารเสพติดอกี ตอ่ ไป ลด ละ เลกิ สารเสพติด เพือ่ ชว ยกนั ขจัด สามารถในการเข้าใจถึงความรู้สึก และมีความ สารเสพติดใหพ นไปจากสังคมไทยได) เหน็ ใจบคุ คลอ่นื ซงึ่ จะชว่ ยท�าให้เกิดความเขา้ ใจ ยอมรับถงึ ความแตกต่างระหวา่ งบุคคลได้ ดงั นัน้ จงึ ไมค่ วรแสดงความเยาะเย้ย แต่ควรให้ก�าลังใจแทน เป็นตน้ จากนัน้ ใหนักเรียนปฏบิ ตั กิ จิ กรรมสรา งสรรค ๓) ความภาคภูมิใจในตนเอง เป็นความรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าในลักษณะของ พัฒนาการเรียนรู กจิ กรรมท่ี 2 จากหนงั สอื เรยี น การนับถือตนเอง เชื่อในคุณประโยชน์ของตนเองที่มีต่อตนเอง ครอบครัว สังคม ประเทศชาต ิ หนา 182 ทั้งการแสดงถึงการมีน้�าใจ รู้จักให้รู้จักรับ รวมถึงการค้นพบและภูมิใจในความสามารถด้าน ตา่ งๆ ของตน เช่น ความสามารถทางด้านสังคม ดนตร ี กฬี า เปน็ ต้น ซง่ึ เมื่อเกิดการเหน็ คณุ คา่ ใเสนพตนสาเอรเงส กพย็ ตอ่ ิดม เมปีอน็ ิทแธบพิ บลอตยอ่ า่ กงาทรดี่ ดที า� าเนงดิน้าชนีวสติ ขุ ชภ่วายพใ หม้เีสกขุดิ ภควาาพมจรติ กั ด1ตี นมเอองงผ ้อูไม่ืน่ทใน�ารด้าา้ ยนตบนวเกองด้วยการ ๔) ความรบั ผดิ ชอบตอ่ สังคม เปน็ ความรสู้ ึกว่าตนเองเปน็ สว่ นหนง่ึ ของสังคม ซง่ึ เราควรมีส่วนรับผิดชอบในการพัฒนาหรือเส่ือมโทรมลงของสังคม เพ่ือให้เกิดความภาคภูมิใจใน ตนเอง ถอื เปน็ แรงจงู ใจทจี่ ะทา� ใหเ้ ราปฏบิ ตั ดิ ี ปฏบิ ตั ชิ อบตอ่ ผอู้ นื่ และสงั คมตอ่ ไป โดยใหค้ วามรว่ ม มอื ในการเข้ารว่ มกิจกรรมต่างๆ เชน่ โครงการ ท ู บ ี นัมเบอร์ วัน โครงการโรงเรียนสขี าว แกนนา� เยาวชนตอ่ ตา้ นสารเสพตดิ เป็นตน้ นกั เรยี นควรรจู้ กั ใหก้ า� ลงั ใจตนเองและผอู้ น่ื เขา้ ทา� นอง “คดิ ด ี คดิ บวก จติ ใจรา่ เรงิ แจม่ ใส มองโลกนา่ อย”ู่ เมื่อนักเรยี นมคี วามตระหนกั ในตนเอง มีความเห็นใจผู้อ่นื ยอ่ มทา� ใหน้ ักเรียนเกดิ ทักษะในการใหก้ �าลงั ใจท้ังตนเองและผอู้ ่นื ไดใ้ นท่ีสุด ๑8๐ เกร็ดแนะครู กจิ กรรมสรา งเสรมิ ครคู วรเนนยํ้าเก่ยี วกบั พิษภยั ของสารเสพตดิ ซึ่งนักเรียนไมค วรเขา ไปยุงเกี่ยว ใหนกั เรยี นคดิ คําขวัญการปอ งกนั ภัยจากสารเสพตดิ โดยให และนอกจากน้ยี ังควรชกั ชวนใหผูอืน่ ลด ละ เลิกสารเสพตดิ ดว ย เพอ่ื ทาํ ใหสงั คม นักเรยี นเขยี นหรือพิมพบนกระดาษแลวนาํ ไปตดิ ตามมุมของ นา อยู และสงบสขุ สถานศกึ ษาทก่ี ําหนดไวเ พอ่ื เปนการปลกู ฝงการสรา งจติ สาํ นกึ ท่ดี ี ตอ สงั คม นกั เรยี นควรรู กจิ กรรมทาทาย 1 สุขภาพจิตดี หมายถึง ความสามารถของบคุ คลทีจ่ ะปรบั ตัวใหมคี วามสขุ อยกู บั สังคมและสง่ิ แวดลอ มไดดี มคี วามสมั พันธอ นั ดกี ับบคุ คลอ่นื ซง่ึ ภาวะ ใหนกั เรียนคดิ โครงการมา 1 โครงการ โดยมวี ัตถุประสงคเ พ่ือ สขุ ภาพจติ น้นั จะมผี ลตอการแสดงออกของพฤติกรรม ถาจติ ดีและมคี วามสุข ปองกันภัยจากสารเสพตดิ แลวใหน ักเรยี นเขียนรายละเอยี ดของ กายก็จะแขง็ แรง ปราศจากโรคภยั สง ผลใหมีการแสดงออกทด่ี ี หนา ตายิ้มแยม โครงการลงในกระดาษรายงานสง ครูผูสอน แจมใส สามารถดํารงชีวติ อยูในสงั คมไดอยางมคี วามสุข 180 คู่มือครู

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเข้าใา้ จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา้ ใจ เสริมสาระ ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั อภปิ รายถงึ พษิ ภยั จาก การสบู บหุ รี่ จากนนั้ ใหน กั เรยี นอา นเสรมิ สาระเรอ่ื ง ต้งั แตป ๒5๓๑ ๓๑ พ1ฤษภาคม วนั งดสูบบุหรโ่ี ลก ของทุกป เปน็ วนั งดสูบบหุ รีโ่ ลก 31 พฤษภาคม วนั งดสบู บหุ รโี่ ลก จากหนงั สอื เรยี น แลว ตงั้ คาํ ถามเพอ่ื ใหน กั เรยี นไดค ดิ วเิ คราะหร วบยอด องค์การอนามัยโลก ไดก้ า� หนดใหว้ นั ท่ี ๓๑ พฤษภาคม ความรตู า งๆ จากการทไี่ ดศ กึ ษามา ซงึ่ ในแตล่ ะประเทศไดม้ กี ารจดั ทา� คา� ขวญั รณรงคล์ ดการสบู บหุ รี่ โดยตวั อยา่ งคา� ขวญั ทผ่ี า่ นมาของไทยจะเปน็ ดงั น้ี ๒๕๓๘ “บุหร่ีมพี ษิ ภยั ทา� ลายไวกว่าที่คดิ ” • นกั เรยี นมีวธิ แี นะนาํ ใหผูอน่ื เลิกสบู บุหรี่ ๒๕๓๙ “ศลิ ปะและกฬี าไม่พง่ึ พาบุหรี่ ถวายองค์ภูมี ไดอยางไร ปท รงครองราชย์” (แนวตอบ ข้ึนอยูก บั คําตอบของนกั เรียน ๒๕๔๐ “โลกนสี้ ดใส ทุกฝายร่วมใจ ตา้ นภยั บุหร”ี่ โดยอาจตอบวา จะชแ้ี จงถงึ พิษภัยของบหุ ร่ี ๒๕๔๑ “เติบโตอยา่ งสดใส หา่ งไกลจากบหุ ร”ี่ ซง่ึ นอกจากจะสง ผลเสยี ตอตัวผเู สพเองแลว ๒๕๔๒ “อนาคตมีคณุ ค่า เมื่อบอกลา เลิกบุหร”่ี ยงั สง ผลตอบุคคลรอบขา งดว ย) ๒๕๔๓ “บนั เทงิ ไดแ้ มไ้ รค้ วนั บหุ ร”่ี ๒๕๔๔ “เหน็ ใจคนรอบข้าง รว่ มสร้างอากาศสดใส ปลอดจากภัยควันบุหรี่” ๒๕๔๕ “กฬี าปลอดบุหร่ี สง่ ผลดีตอ่ สุขภาพ” ๒๕๔๖ “ภาพยนตรป์ ลอดบหุ รี่ สง่ ผลดตี อ่ สขุ ภาพ” ๒๕๔๗ “ครอบครวั ปลอดบุหรี่ จะม่งั มีและแข็งแรง” ๒๕๔๘ “ทมี สุขภาพร่วมใจ ขจัดภยั บหุ รี”่ ๒๕๔๙ “บหุ รี่ทุกชนิด นา� ส่คู วามตาย” ๒๕๕๐ “ไรค้ วนั บุหร่ี สง่ิ แวดล้อมดี ชวี ีสดใส” ๒๕๕๑ “เยาวชนรุ่นใหม่ ร่วมใจตา้ นภัยบหุ ร”่ี ตวั อยา่ งภาพ คา� เตอื นโทษของการสบู บหุ รท่ี ข่ี า้ งซองบหุ รี่ ๒๕๕๒ “บหุ รี่มพี ิษ รว่ มคิดเตอื นภัย” ทก่ี ระทรวงสาธารณสุขประกาศบงั คบั ใช้ ๒๕๕๓ “หญิงไทยฉลาด ไมเ่ ปน็ ทาสตลาดบหุ รี่” ๒๕๕๔ “พิทักษส์ ิทธิตามกฎหมาย มุ่งสู่สงั คมไทยปลอดบหุ ร”่ี ๒๕๕๕ “จบั ตา เฝาระวัง ยับยั้งอุตสาหกรรมยาสูบ” ๒๕๕๖ “ไม่ใช้ ไม่รบั ไมส่ นบั สนุนโฆษณายาสบู รา้ ย ทา� ลายชวี ติ ” ๒๕๕๗ “บุหร่ี : ภาษยี ิ่งเพิ่ม คนตายย่งิ ลด” ๒๕๕๘ “หนุนกฎหมายบุหรี่ใหม่ เพือ่ คุณภาพชีวิตคนไทย” ๒๕๕๙ “ซองบหุ ร่ีแบบเรียบ ลดภยั เงียบ ลดโรค” ๒๕๖๐ “บหุ ร่ี ภยั คกุ คามตอ่ การพัฒนา” สารเสพติดเปน “ภยั คุกคามท่กี ดั กรอ นบอนทําลายประเทศชาติอยา งรายแรง” ซงึ่ สง ๑8๑ ผลกระทบอยางกวางขวางท้ังตอบุคคล สังคมสวนรวม และการพัฒนาประเทศ ทําใหสูญเสีย ทรัพยากรในการปองกันและแกไขปญหา โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนซ่ึงเปนกําลังสําคัญของ ประเทศ การหลกี เลย่ี งจากสารเสพตดิ โดยการฝก ทกั ษะชวี ติ เพอ่ื ปอ งกนั พฤตกิ รรมเสยี่ งทอี่ าจจะ เกดิ ข้ึนไดใ นชีวิตประจาํ วัน ทั้งทกั ษะการคิดวเิ คราะห ทักษะการสื่อสาร ทกั ษะการตัดสินใจ ทกั ษะ การแกป ญ หา และทกั ษะการใหก าํ ลงั ใจ เปน แนวทางหนง่ึ ทจี่ ะชว ยใหต นเอง ครอบครวั และสงั คม รวมไปถึงประเทศชาติ มคี วามปลอดภัย และเกิดความสงบสขุ ขนึ้ ได แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETิด นกั เรยี นควรรู ถานักเรียนไดมีโอกาสเปน ผูคิดคาํ ขวญั รณรงคลดการสูบบหุ ร่ี 1 องคก ารอนามยั โลก (World Health Organization : WHO) เปน หนว ยงาน นักเรยี นจะใชค าํ ขวญั ใด และคาํ ขวญั นัน้ หมายถึงอะไร ระหวางประเทศ ในสงั กัดสหประชาชาติ ทาํ หนา ที่ดแู ลประสานงานดาน แนวตอบ ข้ึนอยกู ับคาํ ตอบของนักเรยี น สาธารณสขุ กอ ตั้งเมอื่ วันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2491 (ค.ศ. 1948) มสี ํานกั งานใหญ ต้ังอยูท ่ี กรงุ เจนวี า ประเทศสวิตเซอรแ ลนด มมุ IT เวบ็ ไซตข ององคก ารอนามยั โลก คอื http://www.who.int/en/ สว นเว็บไซต ขององคการอนามัยโลก ประเทศไทย คือ http://www.whothailand.org/EN/ Index.htm คู่มือครู 181

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Explore Explain Expand Engage Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล นกั เรียนสรุปแนวทางการปองกันและแกไ ข คาํ ถาม ประจําหนว ยการเรียนรู้ ปญ หาสารเสพติดได และแสดงวธิ กี ารชักชวนผูอน่ื ๑. ในฐานะทนี่ กั เรยี นเปน็ เยาวชนคนหนง่ึ นกั เรยี นจะมวี ธิ กี ารปอ้ งกนั ภยั จากสารเสพตดิ ในสงั คมไทยได้ ใหล ด ละ เลกิ สารเสพติด โดยใชทกั ษะตา งๆ ได อย่างไรบ้าง ๒. ยกตวั อยา่ งคา� พดู ทแี่ สดงถงึ การแนะนา� หรอื ชกั ชวนเพอ่ื นไมใ่ หเ้ สพสารเสพตดิ มาอยา่ งนอ้ ย 2 ตวั อยา่ ง หลกั ฐานแสดงผลการเรียนรู ๓. หากนักเรียนพบว่า ในชุมชนท่ีนักเรียนอาศัยอยู่นั้นมีแหล่งค้าสารเสพติด นักเรียนจะมีวิธีการ ปราบปรามอยา่ งไร โดยจะตอ้ งคา� นงึ ถึงความปลอดภยั ของตนเองและบุคคลอ่นื ในชมุ ชนเป็นหลกั 1. ใบงานสรปุ สาระสําคญั เร่อื ง การปอ งกนั และ ๔. หากมีบุคคลเข้ามาชักชวนเพ่ือนของนักเรียนให้ลองเสพสารเสพติด แล้วเพื่อนมาขอค�าปรึกษากับ แกไ ขปญหาสารเสพตดิ นักเรียน นกั เรยี นจะให้ค�าแนะนา� เพอื่ นอยา่ งไร ๕. ถ้านกั เรียนพบวา่ เพอื่ นกา� ลังมพี ฤตกิ รรมเส่ียงตอ่ การใชส้ ารเสพตดิ นกั เรียนจะดา� เนนิ การช่วยเหลือ 2. ใบงานบทบาทสมมุตใิ นการชกั ชวนผูอ ื่นให เพือ่ นอย่างไร ลด ละ เลิก สารเสพตดิ โดยใชท กั ษะตา งๆ 3. นทิ รรศการทเ่ี ปนการปองกัน และชกั ชวนผอู ่ืน ใหลด ละ เลกิ สารเสพติด (จากการปฏิบตั ิ กิจกรรมสรา งสรรคพัฒนาการเรยี นรู กจิ กรรมท่ี 2 กิจกรรม สร้างสรรคพ ัฒนาการเรยี นรู้ กิจกรรมท่ ี ๑ นกั เรยี นจบั ค ู่ แลว้ ชว่ ยกนั คดิ คา� ขวญั ทม่ี คี วามหมายในการปอ้ งกนั และตอ่ ตา้ นสาร กิจกรรมท ี่ ๒ เสพตดิ พรอ้ มท้ังเป็นการชกั ชวนให้ผู้อื่น ลด ละ เลิก สารเสพตดิ คู่ละ ๑ คา� ขวัญ กิจกรรมท่ี ๓ นักเรียนช่วยกันจัดนิทรรศการท่ีเป็นการป้องกัน และชักชวนผู้อื่นให้ลด ละ เลกิ สารเสพติด ภายในโรงเรียน กิจกรรมท ่ี ๔ นักเรียนแบ่งกลุ่มเพ่ือแสดงบทบาทสมมติเก่ียวกับการใช้ทักษะการคิดวิเคราะห์ ทกั ษะการสอื่ สาร ทกั ษะการตดั สนิ ใจ ทกั ษะการแกป้ ญั หา และทกั ษะการใหก้ า� ลงั ใจ เพอื่ ชักชวนใหผ้ ้อู น่ื ลด ละ เลกิ สารเสพตดิ นักเรียนยกตัวอย่าง โครงการ หรือหน่วยงาน ท่ีท�าประโยชน์ต่อสังคมด้านการ ป้องกันและปราบปรามสารเสพติด โดยนักเรียนสามารถสืบค้นข้อมูลได้จาก ส�านกั งานปอ้ งกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) มาพอสังเขป ๑8๒ แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรยี นรู 1. ขน้ึ อยกู บั คาํ ตอบของนักเรยี น โดยนกั เรยี นอาจตอบวาสาํ นึกในบทบาทหนาท่ีของตนเอง ศกึ ษาความรเู กย่ี วกับโทษ และพิษภยั ของสารเสพติด มคี วามภาคภูมิใจใน ตนเองไมทํารายตนเองดว ยสารเสพตดิ 2. ขนึ้ อยูกบั คาํ ตอบของนักเรยี น เชน ยาเสพติดมโี ทษ เปน ภัยตอ ตนเองและสังคม อยา ริไปลองมันเลยนะ การสบู บุหรี่ไมเพยี งแตท ํารา ยตนเอง ยังทาํ รายผอู น่ื ซึง่ อาจเปน คนทเ่ี รารักกไ็ ด เธอเลกิ สบู มนั ดกี วานะ เปน ตน 3. ขน้ึ อยกู บั คําตอบของนักเรียน โดยนักเรียนอาจตอบวา ใหค วามรวมมอื กบั หนว ยงานทีเ่ กี่ยวขอ งโดยจัดโครงการรณรงคต า นภยั ยาเสพตดิ หรอื อาจจัดรายการเสยี งตาม สายในชุมชนถงึ โทษและผลกระทบของสารเสพติดเพือ่ ใหท ุกคนเกิดความตระหนกั 4. ขึ้นอยูกบั คําตอบของนกั เรียน โดยนักเรียนอาจตกั เตือนเพื่อนใหเห็นถึงโทษของสารเสพติด และแนะนําเพ่อื นใหปฏิเสธบคุ คลดังกลา วไปอยา งจรงิ จัง แตน มุ นวลเพอ่ื ไมให เกดิ ความรนุ แรงขึ้น 5. ขน้ึ อยกู บั คําตอบของนกั เรียน เชน ชแี้ จงใหเ พอื่ นเหน็ ถงึ พิษภัยและโทษของสารเสพติด ชกั ชวนใหท ํากจิ กรรมอน่ื ๆ ทส่ี รา งสรรค และใหกาํ ลังใจหากเพือ่ นคิดจะเลิก เสพสารเสพตดิ เปน ตน 182 คมู่ อื ครู

กระตนุ้ ความสนใจ สำ� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ºÃóҹءÃÁ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. ๒๕๕๑. หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑. (ม.ป.ท.) กระทรวงสาธารณสขุ . กรมการแพทย์. สถาบันการแพทยด์ ้านอบุ ัตเิ หตแุ ละสาธารณภัย (สอส.). ๒๕๔๓. คมู่ ือ ประชาชนเร่ืองสรุ ากบั อบุ ัตเิ หตจุ ราจร. กรงุ เทพมหานคร : ร.ส.พ. กระทรวงสาธารณสุข. กรมการแพทย์. สถาบันควบคุมการบริโภคยาสูบ. ๒๕๔๒. บุหรี่และสุขภาพ. กรงุ เทพมหานคร : ชมุ นุมสหกรณแ์ ห่งประเทศไทย. กระทรวงสาธารณสุข. กองโภชนาการ. กรมอนามัย. ๒๕๔๓. คู่มือแนวทางในเกณฑอ้างอิงน้าํ หนัก สว่ นสูง เพื่อการประเมนิ ภาวะการเจริญเตบิ โตของเดก็ ไทย. กรงุ เทพมหานคร : องค์การทหารผ่านศกึ . กระทรวงสาธารณสขุ . กรมอนามยั . ๒๕๔๒. เกณฑอ า้ งองิ นา้ํ หนกั สว่ นสงู และเครอื่ งชว้ี ดั ภาวะโภชนาการของ ประชาชนไทย อาย ุ ๑ วัน - ๑๙ ป. กรุงเทพมหานคร : ชุมนมุ สหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย. กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์. ส�านักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว. ๒๕๔๙. เอกสารเรื่องระวัง ลว่ งละเมิดทางเพศ ภยั รา้ ยใกลต้ ัว. (ม.ป.ท.) นนั ทา ชยั พชิ ิตพันธ.์ ๒๕๔๔. เดก็ ไทยหา่ งไกลยาเสพตดิ . กรงุ เทพมหานคร : ประสานมิตร. นวลศริ ิ เปาโรหิต. ๒๕๔๘. จิตวทิ ยาท่วั ไป : การปรบั ตัว. กรงุ เทพมหานคร : มหาวทิ ยาลยั รามคา� แหง. บราวน์, โจเซฟ อาร์. ๒๕๔๙. สารานุกรมชุดร่างกายของเรา : การกําเนิดและการเจริญเติบโต. แปลโดย ประภาเพญ็ สุวรรณ และคณะ. กรงุ เทพมหานคร : อักษรเจริญทัศน.์ . ๒๕๔๙. สารานกุ รมชดุ รา่ งกายของเรา : การรักษาดลุ ยภาพของร่างกาย. แปลโดย ประภาเพ็ญ สวุ รรณ และคณะ. กรงุ เทพมหานคร : อักษรเจริญทัศน์. . ๒๕๔๙. สารานุกรมชุดรา่ งกายของเรา : สมองและระบบประสาท. แปลโดย ประภาเพญ็ สุวรรณ และคณะ. กรุงเทพมหานคร, อักษรเจรญิ ทศั น.์ ปรางคส์ ุทิพย ์ ทรงวฒุ ศิ ลี . ๒๕๔๔. จิตวทิ ยาเดก็ และวัยรนุ่ . กรงุ เทพมหานคร : มหาวิทยาลัยรามค�าแหง. พนั ธศ์ กั ดิ ์ ศุกระฤกษ์. ๒๕๔๕. “สขุ อนามัยของอวัยวะเพศชาย.” หมอชาวบา้ น ๒๔, ๒๘๑ (กนั ยายน) : ๔๖. พิภพ จริ ภิญโญ. ๒๕๔๔. “เมอื่ ลูกน้า� หนักน้อย.” ใกลห้ มอ ๒๕, ๑๑ (พฤศจกิ ายน) : ๙๒. มกุ ดา ศรียงค์. ๒๕๔๘. จติ วิทยาทั่วไป : อารมณ. กรุงเทพมหานคร : มหาวิทยาลัยรามคา� แหง. รจุ ริ า สัมมะสุต. ๒๕๔๕. “โภชนาการเพอ่ื สุขภาพ.” ใกล้หมอ ๒๖, ๒ (กมุ ภาพนั ธ)์ : ๑๒๒ - ๑๒๓. สภากาชาดไทย. ศูนย์ฝึกอบรมปฐมพยาบาลและสุขภาพอนามัย. ๒๕๔๙. คู่มือวิทยากรสอนปฐมพยาบาล เบ้อื งตน้ . กรุงเทพมหานคร : สภากาชาดไทย. สุทธิพันธ์ ตรรกไพจิตร. ๒๕๔๔. ยาเสพติด หายนะของคนรุ่นใหม.่ กรุงเทพมหานคร : ประสานมิตร. ๑8๓ คมู่ ือครู 183

กระตนุ้ ความสนใจ สำ� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate สา� นกั งานคณะกรรมการอาหารและยา. ๒๕๔๕. คมู่ อื การจดั ซอ้ื และจาํ หนา่ ยผลติ ภณั ฑส ขุ ภาพ. กรงุ เทพมหานคร : องค์การสงเคราะหท์ หารผ่านศึก. ส�านักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. ๒๕๕๑. ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้ สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา. กรุงเทพมหานคร : ชมุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย. อบุ ลรตั น์ เพง็ สถิต. ๒๕๔๖. จติ วทิ ยาพฒั นาการประยกุ ต. กรงุ เทพมหานคร : มหาวทิ ยาลัยรามคา� แหง. American Collage of Emergency. 2002. Physician First Aid Manual. 2nd New York : DK Publishing. Anne, Marshall et al. 2005. Children’s Science Encyclopedia. United Kingdom : Miles Publishing Limited. Boone, Khee. 2006. Biology express. Singapore : Panpac Education Private limited. Damien Davis, Tania Hamilton and Kime bustone. 2002. Health and Physicial Education book 1-2nd Editon. Malaysia : 22 pt Minion. Gilbert Glen R., Sawyer Robin G. and Mcneil Elisa B. 2009. Healt Education. Canada : Jones and Bartett Publisher. Hanson, Glen R., Venturelli, Peter I. and Fleckenstein Annette E. 2009. Drug and Society. Canada : Jones and Bartett Publisher. Lewis, Ricki et al. 2002. Life. 4th edition. New York : McGraw-Hill. Modules. 1999. Personal Development, Health and Physicial Education K-6. Sydney Australia : Board of Studies NSW. Tay, Bevenly. 2007. Biology Insights. Singapore : Pearson Education South Asia Pty Limited. ๑8๔ 184 คมู่ อื ครู

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ÀÒ¤¼¹Ç¡* ñ ¤Óá¹Ð¹Ó㹡ÒÃÃѺ»ÃзҹÍÒËÒà à¾×èÍ¡ÒÃà¨ÃÞÔ àµÔºâµ·àèÕ ËÁÒÐÊÁ ÊÁÇÑ ๑. รับประทานอาหารครบ ๕ หมู่ หลากหลายทั้ง ๓ มื้อหลัก ในปริมาณท่ีเหมาะสมตาม ธงโภชนาการแนะนา� โดยควรกระจายสดั สว่ นการรับประทานในแต่ละมอื้ ดังนี้ มอ้ื เช้า : ม้อื กลางวนั : ม้อื เยน็ = ๔๐ : ๓๐ : ๓๐ ม้ือเช้าเป็นมื้อท่ีส�าคัญที่สุด เพราะเป็นมื้อ ที่เติมพลังแก่สมองในการเรียนรู้และท�า กจิ กรรมต่างๆ ๒. รบั ประทานผักทกุ มื้อ มื้อละ ๔ ช้อน เปน็ ประจา� ทกุ วนั สารพฤกษชาตเิ คมชี ว่ ยตอ่ ตา้ น อนมุ ลู อสิ ระทท่ี า� ลายเซลลต์ า่ งๆ ของรา่ งกาย ท�าให้สดใส สวยงาม ช่วยในการมองเห็น ช่วยขับถ่ายได้สะดวก แถมยังมีภูมิคุ้มกัน โรคติดเชอ้ื ต่างๆ กินผกั ท�าให้หุ่นสวย ไมอ่ ว้ น เนือ่ งจากใหพ้ ลงั งานตา่� ๓. ดม่ื นมวันละ ๒ แกว้ เปน็ ประจา� ร่วมไปกับการออกกา� ลังกายอยา่ งตอ่ เนอ่ื งสมา�่ เสมอ จะช่วย เสรมิ สร้างความแข็งแรงใหแ้ กม่ วลกระดกู ทา� ให้รปู รา่ งสงู ใหญ ่ เติบโตและแข็งแรง • ไ มค่ วรรบั ประทานขนมกรบุ กรอบ เพราะมกั จะมกี ารปรงุ แตง่ กลนิ่ รส ดว้ ยเกลอื ไขมนั และ ผงชรู ส ขนมใส่สีฉูดฉาด ลกู อม ขนมที่ผสมกาแฟ น้�าอัดลม น�า้ หวาน • หลีกเลี่ยงอาหารฟาสต์ฟู้ด เนื่องจากมีไขมันสูง กากใยอาหารน้อย ไม่ดีต่อสุขภาพ และ อาหารท่ีมีรสหวานจดั หรือเคม็ จัดเกินไป ๑85 เกร็ดแนะครู ครอู าจใหน กั เรียนทําแผนพบั ใหค าํ แนะนําในการรับประทานอาหารเพอ่ื การเจรญิ เตบิ โตท่เี หมาะสม สมวัย โดยอาจใหนกั เรียนนําแผน พับนัน้ ไปแจก นักเรยี นภายในโรงเรยี น หรือนาํ ไปใสกลองวางไวที่มุมหอ งอยา งสวยงาม โดย นักเรยี นอาจจัดมุมหองดงั กลา วเปน มมุ สขุ ภาพเพือ่ เปน การเผยแพรค วามรูใหกับ นักเรียนคนอื่นๆ ได ค่มู อื ครู 185

กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ÊÒÃÍÒËÒ÷è¨Õ íÒ໚¹µ‹ÍÃÒ‹ §¡Ò ¾Åѧ§Ò¹ áø‹ ÒµØ áÅÐâ»ÃµÕ¹ เพือ่ เสริมสร้างกล้ามเนอื้ กระดกู เลือด ฮอร์โมน และ เน้ือเยอ่ื ตา่ งๆ ไดแ้ ก ่ ข้าวไม่ขัดสี ปลา ไข่ นม ถ่ัวเมลด็ แห้ง ผกั และผลไมท้ ุกชนิด á¤Åà«ÕÂÁ áÅÐ¸ÒµàØ ËÅç¡ ทดแทนเลอื ดที่สญู เสียไปจากการเปน็ ประจ�าเดือน และเพื่อ การเจริญเติบโตของกระดูกและฟนั ไดแ้ ก่ นม ปลาเล็กปลาน้อย และผกั ใบเขียวทุกชนดิ äÍâÍ´Õ¹ วัยรุ่นควรรับประทานอาหาร ที่มีแร่ธาตุไอโอดีนสูง เพื่อป้องกันโรคคอพอก เนื่องจากตอ่ มต่างๆ จะท�างานหนักขึ้น จึงควร รบั ประทานอาหารทะเล รับประทานผักท่ีมีÇÔµÒÁÔ¹àÍ ได้แก่ ผกั บุ้ง คะน้า ฟกั ทอง มะละกอ แคนตาลปู และ แครอต á˸ҵØÊѧ¡ÐÊ Õ ไดแ้ ก ่ ขา้ วซอ้ มมอื และ ขนมปงั โฮลวตี จะชว่ ยลดการอักเสบและตดิ เชอื้ ทา� ใหแ้ ผลหายเร็ว ชว่ ยในการต้านสิว *แหลง่ ทม่ี ากระทรวงสาธารณสขุ : กรมอนามยั สา� นกั สง่ เสรมิ สขุ ภาพ. ๒๕๕๒. แบบบนั ทกึ การตรวจสขุ ภาพดว้ ยตนเองสาํ หรบั นักเรยี นชน้ั ม.๑ - ม.๖. ๑86 เกรด็ แนะครู ครอู าจใหน กั เรยี นจดั นิทรรศการเรอื่ งสารอาหารที่จําเปนตอรา งกายภายใน โรงเรยี น โดยครูอาจแนะนําใหนกั เรยี นสลับสับเปลี่ยนกันไปใหค วามรูแ กนักเรียน คนอื่นๆ ในชวงพกั กลางวนั และหลงั เลิกเรียน ซึ่งครูอาจแนะนาํ ใหน ักเรยี นนํา โมเดลอาหาร (ถามี) มาประกอบการอธิบายได 186 คู่มือครู

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ÀÒ¤¼¹Ç¡ ò à¤ÃÕ´... Ç¸Ô ¼Õ Í‹ ¹¤ÅÒÂẺ·ÇèÑ æ ä» ในชวี ติ ประจ�าวนั ของนักเรียน มกี ิจกรรมทตี่ ้องท�ามากมายหลายอยา่ ง ทั้งเรยี น เล่น สอบ การมีเพ่ือน ปัญหาสารพัดอย่าง บางคร้ังสุข บางครั้งทุกข์ ถ้าลองประเมินความสุขของเรา แล้วพบว่า ความสขุ ลดนอ้ ยลง บางทกี ห็ าสาเหตุไม่ได้ ¢ÍŒ á¹Ð¹Òí เพ่ือใหร้ สู้ กึ ต่อชีวิตทดี่ ี มีความสุข ม ี ๖ วธิ ี สคู่ วามสา� เร็จ ดังน้ี ๑. คาดหวงั ในสง่ิ ทเ่ี ปน็ ไปได ้ ความคาดหวงั ท่หี รูเลิศ จะทา� ให้เกิดทกุ ข์ ๒. รจู้ กั ยอมรบั ตนเอง คนเราจะตอ้ งมกี าร เปลีย่ นแปลง ถกู บา้ ง ผิดบ้าง ไม่ใช่ถกู หรือผิด เสมอไป ๓. รู้จักสังเกตตนเอง ถ้าเร่ิมรู้สึกไม่ชอบ หรือเกลียดตนเองต้องหาทางแก้ไข ๔. พยายามสร้างนิสยั เมตตา ให้อภยั จะ ทา� ให้เรายอมรับผู้อืน่ ๕. สรา้ งความรสู้ กึ ทด่ี แี กต่ นเอง เพราะนนั่ คอื ความสขุ ๖. ถา้ พยายามสุดความสามารถแลว้ ไม่สามารถสร้างความสขุ ได้กค็ วรปรกึ ษาจิตแพทย์ เมอื่ รู้สึกเครยี ด คนเรามวี ธิ ีการผ่อนคลายแตกต่างกันออกไปแล้วแต่ความเคยชิน ความชอบ หรือความถนัดของแต่ละบุคคล ทีจ่ ะท�าให้ตนเองมีความสขุ และเพลดิ เพลิน มีหลากหลายวธิ ีที่จะ ช่วยให้คลายเครียด ลองดซู วิ า่ …. อะไรบา้ ง ที่เราอยากทา� • ไปซ้ือของ • เลน่ กบั สตั วเ์ ลี้ยง • นอนหลบั พกั ผอ่ น • ปลูกต้นไม้ ท�าสวน • จดั หอ้ ง ตกแต่งบา้ น • ถ่ายรปู จดั อลั บั้มรปู • เลน่ กีฬาประเภทตา่ งๆ ๑87 เกร็ดแนะครู ครูอาจเชญิ วทิ ยากรทอ งถ่นิ มาใหความรูกับนักเรยี น เกีย่ วกับการผอนคลาย ความเครียด ซงึ่ ในระหวา งทวี่ ิทยากรกาํ ลังบรรยายอยูนนั้ ครูอาจใหวทิ ยากรเชิญ นักเรียนใหมามสี วนรว มได เพื่อใหนกั เรียนรูจักกลาแสดงออก และเพ่อื เปนการ ผอนคลายความเครียดไปในตัวดว ย คมู่ อื ครู 187

กระตนุ้ ความสนใจ สำ� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate • ดูโทรทศั น์ ดภู าพยนตร์ • ฟังเพลง ร้องเพลง เล่นดนตรี • ไปทอ่ งเทยี่ วเปลี่ยนบรรยากาศ • พูดคุย พบปะสังสรรคก์ ับเพื่อนฝงู • ท�างานศลิ ปะ งานฝม ือ งานประดิษฐ์ • เลน่ เกมคอมพิวเตอร ์ ทอ่ งอินเทอร์เนต็ • สะสมแสตมป  เครื่องประดบั บัตรเติมเงนิ • อ่านหนงั สอื เขยี นหนงั สือ เขียนบทกลอน • เตน้ รา� ลีลาศ เต้นแอโรบกิ โยคะ ร�ามวยจีน • การดม่ื นา้� จะช่วยลดความเครียด นอกจากนี้การดื่มน้�าจะช่วยให้อา่ นหนังสอื ดีข้นึ • อ อกก�าลังกาย ยดื เสน้ ยืดสาย ลกุ ขนึ้ เดนิ มองออกไปนอกหน้าต่าง หรอื ท�ากายบรหิ าร ท่าง่ายๆ บางท่า เชน่ หมุนคอ หมนุ ไหล ่ ยืดตวั ก้มไปแตะปลายเท้า เปน็ ตน้ ส่ิงสําคัญ คือ ถาเครียดแลวอยาไปทําส่ิงที่ไมเหมาะสม เชน สูบบุหรี่ ดื่มเหลา เลนการพนัน เท่ียวกลางคืน นอกจากจะทําใหเสียสุขภาพแลว อาจเกิดปญหาตามมา ซึ่งจะทาํ ใหเ ครียดเพม่ิ ขึน้ ไดอกี หลายรอยเทา ๑88 188 คู่มอื ครู


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook