กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหน ักเรียนกลมุ ทจ่ี บั สลากไดเ รื่อง กำรปฐมพยำบำล มีดงั นี้ การปฐมพยาบาลเมื่อเลือดกาํ เดาไหลออกมาแสดง ๑. ส�าหรับผู้ป่วยท่ีมีแผลไหม้หรือถูกลวกเล็กน้อยให้ใช้น�้าเย็นราดตรงบริเวณแผล บทบาทสมมติ พรอ มทง้ั สาธติ วธิ กี ารปฐมพยาบาล อย่างน้อย ๑๐ นาที เพื่อใหบ้ รเิ วณท่ีไหม้หรือถูกลวกน้ันเย็นลง ประมาณ 5 นาที โดยหลังจากการแสดงจบแลว ๒. ห้ามใช้น�้ากับผู้ป่วยท่ีตัวยังติดโยงอยู่กับแหล่งกระแสไฟฟ้า และไม่ควรใช้น�้ามัน ครชู ว ยอธบิ ายเพม่ิ เติม และตัง้ คําถามเพ่อื ใหได ครีม หรือน้�ายาทาผิว ทาทบ่ี ริเวณแผล ขอ สรปุ ทีถ่ ูกตองรวมกนั ๓. ใชผ้ ้าสะอาด เชน่ ผา้ เชด็ หน้าหรอื ปลอกหมอนทส่ี ะอาดปดิ บรเิ วณแผล และใช้ผ้า เชด็ ตัวนมุ่ ๆ คลมุ ทับไว้ เพื่อปอ้ งกันไม่ใหเ้ กิดการบาดเจบ็ มากข้นึ • ใครเคยเลอื ดกาํ เดาไหลบาง ๔. ถ้าแผลไหม้หรือถูกลวกน้ันรุนแรงมาก ห้ามให้แผลถูกน้�า แต่ให้ใช้ผ้าปิดแผลท่ี (แนวตอบ ข้นึ อยกู บั คาํ ตอบของนกั เรียน) ฆ่าเช้ือโรคแล้ว ปิดแผลไว้หลวมๆ แล้วให้ผู้ป่วยดื่มน�้าเพ่ือชดเชยการเสียน�้าของร่างกาย พูดให้ ผปู้ ว่ ยเกดิ ความสบายใจและรบี น�าสง่ สถานพยาบาลโดยเร็ว • นกั เรียนคิดวา เลือดกําเดาไหลเกดิ ข้นึ ๕. ถ้าแผลไหม้หรือถูกลวกนนั้ มีบริเวณกวา้ ง ให้ผู้ป่วยนอนยกขาทั้ง ๒ ข้างให้สูงกว่า เนอื่ งจากสาเหตใุ ด ล�าตวั แต่ถา้ แผลไหมเ้ กดิ บริเวณศีรษะ หนา้ ท้อง หน้าอก ใหใ้ ช้ผา้ หม่ หนนุ ไหลผ่ ู้ป่วยไว้ (แนวตอบ ขึ้นอยูก บั คาํ ตอบของนักเรียน โดย ๖. หา้ มเจาะถงุ น้�าทีพ่ องบรเิ วณแผล เพราะจะทา� ใหต้ ิดเช้ือโรคไดง้ ่ายขึน้ อาจตอบวาเกดิ จากการเปนหวดั แคะจมกู ๒.๕ กเลาอื รดปกา�ฐเดมาพไหยล1าเปบน็ าอลาเกมารอื่ ทเพ่ีลบอื ไดดบ้กอ่ า� ยเใดนาวไยั หเดลก็ และวยั กลางคน สว่ นใหญไ่ มม่ สี าเหตุ ศรี ษะไดร ับบาดเจบ็ อากาศรอน หรือ แนช่ ัด อาจเกิดจากการเป็นหวัด สง่ั น้�ามกู หรอื จามแรงมากเกนิ ไป แคะจมกู หรอื ศีรษะไดร้ บั การ โพรงจมูกอักเสบ) บาดเจบ็ สภาพอากาศทเ่ี ปลย่ี นแปลง โพรงจมกู อกั เสบ หรอื อาจพบในผปู้ ว่ ยโรคความดนั โลหติ สงู โดยจะมีอาการเลอื ดออกทางจมกู ขา้ งเดียวหรือสองขา้ ง แต่ไม่มีภาวะแทรกซอ้ นใดๆ • ทาํ ไมจงึ ตอ งวางนํ้าแข็ง หรือผา เย็นๆ กำรปฐมพยำบำล ควรกระท�าดังน้ี บนสนั จมกู หรอื หนา ผาก เมอื่ เลอื ดกาํ เดาไหล ๑. ใหผ้ ู้ป่วยน่ังตัวตรงบนเก้าอ้ีและกม้ ศรี ษะไปขา้ งหนา้ เลก็ น้อย (แนวตอบ เพราะความเยน็ จะชวยทาํ ใหเ ลอื ด ๒. บีบจมูกให้แน่นประมาณ ๑๐ นาที ระหว่างนี้ให้กลืนเลือดที่ออกจากทาง แข็งตวั และหยุดไหลไดเ รว็ ขึ้น) ดา้ นหลังจมกู และหายใจทางปาก ๓. พอครบ ๑๐ นาที ใหป้ ล่อยมือทีบ่ ีบจมกู แลว้ นงั่ นง่ิ ๆ ถา้ เลอื ดยงั ออกอกี ใหบ้ บี ต่ออีก ๑๐ นาที ๔. วางนา้� แข็ง หรือผ้าเย็นๆ บนสันจมกู หรือหน้าผาก ๕. เมื่อเลอื ดหยุด ใหน้ ่งั นง่ิ ๆ หรอื นอนลงสักพัก ระหว่างนีห้ า้ มสั่งน้า� มูกอยา่ งนอ้ ย ๓ ชวั่ โมง และไม่ควรแคะจมูกหรือใส่สง่ิ แปลกปลอมเขา้ ไป ๖. ถา้ เลอื ดออกมากจนซดี และปวดศรี ษะ หรอื ไมส่ ามารถหา้ มเลอื ดดว้ ยวธิ ธี รรมดา (โดยเฉพาะผ้สู ูงอายุ) หรือถ้าเป็นบ่อยๆ ควรไปพบแพทย์ ๑๔๒ เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET ขอ ใดเปน วธิ ีปฐมพยาบาลเมอ่ื เลอื ดกําเดาไหลทถี่ กู ตองท่ีสดุ ครอู าจเชิญวทิ ยากรมาบรรยายใหความรแู ละสาธติ เก่ยี วกบั การปฐมพยาบาล จากการเลน กีฬา เบื้องตน เพอ่ื ชว ยขยายความเขา ใจใหแ กน กั เรียน 1. หยดุ เลนทันที เงยหนาขึ้น หายใจทางปาก 2. หยดุ เลนช่วั คราวใชผ าเชด็ เลือดแลว เลน ตอไป นกั เรยี นควรรู 3. หยุดเลนช่ัวคราวใชมอื บบี จมกู ไวแ ลว เลนตอ ไป 4. หยุดเลน ทนั ที กม หนา บบี จมูกหายใจทางปาก 1 เลือดกาํ เดาไหล คือ ภาวะท่มี ีเลอื ดออกทางจมกู เกิดจากเสน เลอื ดฝอย วิเคราะหค าํ ตอบ ขณะทเี่ ลน กีฬาเมื่อพบวา มีเลอื ดกาํ เดาไหลให ในโพรงจมูกแตก ทําใหมเี ลอื ดไหลออกขางเดียวหรอื สองขางกไ็ ด อาจไหลจาก หยดุ เลนทนั ที และทําการปฐมพยาบาลโดยนั่งตวั ตรงบนเกาอ้ี สวนหนาหรือสวนหลงั ของจมกู พบไดทุกเพศทกุ วยั โดยการทม่ี ีเลือดออกทาง กม ศรี ษะไปขางหนา เล็กนอ ย บบี จมกู ใหแ นน ประมาณ 10 นาที สว นหนา ของจมูกมกั พบในเดก็ และผูใ หญท ่ีมอี ายนุ อย สว นเลือดออกจากสวนหลัง ซ่ึงในระหวางนใี้ หหายใจทางปาก ตอบขอ 4. ของจมูกมกั พบในผสู ูงอายุ ซ่ึงมกั มีสาเหตจุ ากความดันโลหิตสูง 142 คูมือครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๒.๖ การปฐมพยาบาลคนเปนลม ใหน ักเรยี นกลุม ที่จับสลากไดเ ร่อื ง การเป็นลม เป็นอาการท่ีเกิดขึ้นเนื่องจากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอช่ัวคราว การปฐมพยาบาลคนเปน ลมออกมาแสดงบทบาท สมมติ พรอ มทง้ั สาธิตวธิ กี ารปฐมพยาบาล ท�าใหผ้ ู้ป่วยหมดสตไิ ปช่ัวครู่ (มักไม่เกิน ๕ นาที) แลว้ กลับ ประมาณ 5 นาที โดยหลงั จากการแสดงจบแลว ฟน คนื สติได้เหมอื นเดมิ ครชู วยอธบิ ายเพ่มิ เติม การเปน็ ลมเกิดจากหลายสาเหตุ และมีอาการ แตกต่างกันตามสาเหตุ อาจแยกไดเ้ ปน็ ๒ ประเภทใหญๆ่ ดงั นี้ ๑) ลมแดด เปน็ การหมดสติท่ีเกิดจากความ ร้อน เกิดจากการเสียเหง่ือมากเม่ือเล่นกีฬานานๆ หรือ ทา� งานในท่รี อ้ นจัด โดยไม่ได้รบั การชดเชยน�้าหรือเกลอื แร่ ที่เสียไปอย่างเพียงพอ เม่ือขาดน้�ามากๆ ร่างกายก็ไม่ สามารถร1ะบายความรอ้ นออกทางเหงอื่ ได้ จงึ ทา� ใหอ้ ณุ หภมู ิ ใกเนรร็วระา่หตงากัวยจานะยา�้รรมอ้อ้ นานกขจนึ้ัดปเแวรลดอื่ ะศยเีรๆพษม่ิ อะขา้นึมเจเึนรียง่อืนงยๆวแิงลเโะวดหยี ยมนผดู้ปคส่วลต2ยืน่ไิ จดไะสใ้ มน้ ีอหเวาาลกยาาใตจร่อมากวิงซาเรวงึ่ เียดหนินาศตกีราษไกมะแด่ไแดดละนร้ หบัามนกดๆาสรตอปิไาดจฐใ้ทมน�าเพใวหลย้าหาตนบอ่ ้ามามาลืด และรักษาอย่างทนั ท่วงทอี าจเปน็ อันตรายถงึ ชีวิตได้ การปฐมพยาบาล ควรกระท�าดังน้ี กำรปฐมพยำบำล ๑. น�าผู้ป่วยเข้าไปในที่เย็นให้เร็ว ทส่ี ุด โดยจดั ใหน้ อนราบ ๒. ถอดเสื้อของผู้ป่วยออก คลุมตัว ของผปู้ ว่ ยดว้ ยผา้ เยน็ และเปยี ก พรมนา้� ให้ เปยี กตลอดเวลาหรอื ใชผ้ า้ เยน็ เชด็ ตวั ใหท้ วั่ เพ่ือให้อุณหภูมิของร่างกายผู้ป่วยลดลง สู่ระดบั ปกติ ๑๔3 แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETิด นกั เรียนควรรู คนเปนลมแดดจะมอี าการแตกตา งจากคนเปนลมเน่ืองจาก 1 อุณหภมู ใิ นรา งกาย นยิ มวัดดวยเครื่องมอื ทเ่ี รยี กวา เทอรโมมเิ ตอร การสญู เสียเหง่ือมากเกินไปอยางไร ซง่ึ อุณหภมู ปิ กติในรางกายของมนษุ ยจะเฉลี่ยอยูทปี่ ระมาณ 37 องศาเซลเซียส แนวตอบ หรือ 98.7 องศาฟาเรนไฮต • คนเปนลมแดด จะมอี าการตัวรอ น หนาแดง ตวั แดง ไมมี 2 หมดสติ ภายหลงั จากการหมดสติ ควรใหผปู ว ยดม่ื น้ําผักผลไมที่สกดั มาจาก มะนาว สม บีตรตู แครอต ผกั โขม และรากขงิ เนอื่ งจากนาํ้ ผักและผลไมเ หลาน้ี เหงื่อออก อุณหภูมิในรา งกายรอ นจดั และเพ่มิ ขึ้นเรือ่ ยๆ เม่ือดมื่ เขาไปแลว จะไปชวยฟอกโลหิต เพม่ิ ออกซิเจนใหแกเ ซลลแ ละเน้อื เยือ่ ภายใน จึงตอ งใชความเยน็ ชว ยประคบ รา งกาย • คนเปน ลมเน่ืองจากการสญู เสียเหง่ือมากเกนิ ไป จะมี เหง่ือออก ตัวเยน็ หนาซีด และเปน ตะครวิ ตามแขน ขา หรอื หนาทอ ง คูมือครู 143
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครขู อตวั แทนนกั เรยี น 2-3 คน ออกมาสาธติ ๓. เมื่ออุณหภูมิของร่างกายผู้ป่วย ประกอบการอธิบายการปฐมพยาบาลคนเปนลม ลดลงสู่ระดับปกติแล้วให้เปลี่ยนผ้าคลุมที่ เปียกออกเป็นผ้าแห้ง แล้วสังเกตอาการ จากนน้ั ใหน กั เรยี นเขยี นสรปุ วธิ กี ารปฐมพยาบาล ผู้ป่วยต่อไปอย่างใกล้ชิดถ้าอาการไม่ดีขึ้น คนเปน ลมในรปู ของผังความคิด ให้รีบน�าส่งสถานพยาบาล ๒) กำรเปน็ ลมเนอ่ื งจำกกำรสญู เสยี เหงอ่ื มำกเกนิ ไป พบไดบ้ อ่ ยในผทู้ ม่ี อี าการ เชน่ ท้องเสยี และอาเจียน หรือออ1กก�าลังกายในที่รอ้ นชน้ื โดยจะมอี าการออ่ นเพลีย ปวดศรี ษะ มึนงง คลื่นไส้ เหงื่อออก เป็นตะคริวบรเิ วณแขน ขา หรอื หน้าท้อง ชพี จรและการหายใจเบาและเรว็ กำรปฐมพยำบำล ควรทา� ดงั นี้ ๑. ใหผ้ ู้ปว่ ยนอนราบในที่เย็น ๒. คลายหรอื ถอดเส้อื ผา้ ออกเท่าที่จ�าเปน็ ๓. เชด็ เหง่ือด้วยผา้ ชบุ นา�้ หรือเปดิ พัดลมเบาๆ ๔. ถา้ ผปู้ ว่ ยร้สู กึ ตัวดแี ล้วให้ผ้ปู ่วยด่มื นา้� ส้มหรือน้�าผลไมเ้ ย็นๆ หรือจบิ เครื่องดม่ื ผสมเกลือแร่เจอื จาง (เกลือแร่ ๑ ช้อนชา ตอ่ นา้� ๑ ลิตร) ๕. ถ้าปฐมพยาบาลแล้วอาการไม่ดขี ึน้ ใหร้ บี น�าสง่ สถานพยาบาล ขอ้ สงั เกตลักษณะผปู้ ว ย • ลมแดด จะมอี าการตวั ร้อน หน้าแดง ตัวแดง และจะไม่มเี หงื่อออก อุณหภูมิ ในรา่ งกายจะร้อนจัด และเพิ่มข้นึ เรื่อยๆ จงึ ต้องใช้ความเย็นชว่ ยประคบ • การเปน็ ลมเน่อื งจากการสญู เสียเหงือ่ มากเกินไป จะมเี หง่อื ออก ตวั เยน็ หน้า ซีด และเป็นตะคริวตามแขน ขา หรือหน้าทอ้ ง ๒.๗ การปฐมพยาบาลเมือ่ กระดูกหัก กระดกู หกั หมายถงึ กระดกู รา้ ว แตก หรอื หกั ซงึ่ สาเหตอุ าจเกดิ จากการถกู แรงกระทบ โดยตรงหรอื ทางอ้อม สามารถพบได้ ๒ ลกั ษณะ คอื กระดกู หักแผลปดิ2 กระดูกหกั แผลเปิด3 ซง่ึ สามารถ สงั เกตอาการได้ ดังนี้ ๑. สว่ นมากผปู้ ว่ ยจะไดย้ นิ เสยี ง หรอื รสู้ กึ วา่ ปลายกระดกู หกั ครดู กนั ซง่ึ บางครงั้ จะดงั ออกมาใหไ้ ด้ยิน ๑๔๔ นักเรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET การปฐมพยาบาลคนเปน ลมเนื่องจากการสญู เสียเหงื่อ 1 ตะครวิ เปนอาการกลามเน้ือเกรง็ แข็ง และปวด ซงึ่ จะเกิดขึน้ อยา งรวดเรว็ มากเกินไป ขอ ใดถูกตอง และมกั จะเปน อยูเพยี งไมก ่ีนาทีกค็ ลาย โดยกลามเนื้อท่ีมักเปน ตะคริวไดบ อย ไดแก 1. พรมนํ้าใหผ ูป วยตวั เปย กตลอดเวลา กลามเน้ือนอ งและตน ขา 2. ใหน งั่ ลงแลว พดั ใหเยน็ ๆ พรอ มกับใหด มยาดม 2 กระดูกหักแผลปด (Closed Fracture) คอื กระดกู ทห่ี กั แลวไมทะลผุ วิ หนัง 3. จัดใหน อนราบหรอื นั่งก็ไดแ ลว แตส ะดวกในท่โี ลง และไมม บี าดแผลบนผวิ หนงั ตรงบรเิ วณทีห่ ัก 4. จดั ใหน อนราบในทเี่ ยน็ แลวยกเทาใหสูงกวา ศีรษะ 3 กระดกู หกั แผลเปด (Opened Fracture) คอื กระดกู ทหี่ ักแลว ท่ิมแทงทะลุ วิเคราะหคําตอบ การเปน ลมเนอ่ื งจากการสญู เสยี เหงอ่ื มากเกนิ ไป ผิวหนัง ทําใหม ีแผลตรงบรเิ วณทกี่ ระดกู หกั โดยอาจไมมีกระดกู โผลออกมานอก พบไดบ อ ยในผทู ไ่ี มค อ ยสบาย โดยจะมอี าการออ นเพลยี ปวดศรี ษะ ผิวหนงั ก็ได แตมีแผลเห็นไดชดั เจน เหงอื่ ออก ตวั เย็น หนาซีด และเปน ตะคริวตามแขน ขา หรือ หนาทอ ง ซึ่งควรใหการปฐมพยาบาลโดยใหผปู วยนอนราบในท่เี ย็น 144 คมู อื ครู ยกเทาใหส งู กวาศีรษะ เพ่ือเพมิ่ การไหลเวียนเลือดไปทส่ี มอง คลาย หรอื ถอดเส้อื ผาออก เชด็ เหง่ือดว ยผา ชบุ นา้ํ หรือเปดพดั ลมเบาๆ แถตา ผถ ูปาอว ยากรสูารึกไตมวั ด ดขี ีแนึ้ ลใวหใรหีบด นื่มํานสํ้าง ผสลถไามนเพยน็ยๆาบหาลรทือจันิบทเีกตลออื บแรขเอจือ4จ.าง
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๒. ผู้ป่วยจะรู้สกึ ปวดบริเวณทีก่ ระดกู หกั เมอื่ สัมผสั มอี าการบวม ช้�า และไมส่ ามารถ ใหน ักเรยี นกลมุ ทจี่ บั สลากไดเรอ่ื ง ใช้อวัยวะส่วนนัน้ ได้ การปฐมพยาบาลเมื่อกระดกู หกั ออกมาแสดง บทบาทสมมติ พรอมท้งั สาธิตวิธีการปฐมพยาบาล ๓. รูปร่างของกระดูกเปล่ียนแปลงไป ซึ่งอาจอยู่ในท่าที่ผิดปกติจากเดิมหรือผิดรูป ประมาณ 5 นาที โดยหลงั จากการแสดงจบแลว เมื่อเทยี บกบั ขา้ งที่ไมห่ กั ครชู ว ยอธบิ ายเพม่ิ เตมิ ลักษณะของกระดกู ลกกัรษะณดะกู ปกติ ลกักรษะณดะกู ทเ่ี กดิ อบุ ตั ิเหตุ กระดกู โป่ง กระดกู ร้าว กระดกู หกั กระดูกแตก การปฐมพยาบาลผู้ป่วยกระดูกหัก จะแตกต่างกันไปตามแต่ละกรณีและต้องกระท�า อยา่ งระมดั ระวงั มิฉะน้ันอาจทา� ให้เจบ็ ปวดแลว้ เกิดอาการชอ็ กไดง้ า่ ย ซึ่งอาจเปน็ อันตรายตอ่ ชีวิต หรอื เกดิ ความพกิ ารได้ ๑๔๕ แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETิด เกร็ดแนะครู ขอ ใดคอื ลกั ษณะของกระดกู หกั แผลปด ในการอธิบายใหนักเรยี นฟงเพิ่มเติมน้ัน ครูอาจนําแผนภาพประกอบ 1. มีเลือดออกและเสนเลือดฉกี ขาด การบรรยาย (VCD) เกี่ยวกบั การปฐมพยาบาลเมอ่ื กระดูกหักในโครงการอบรม 2. กระดูกหักแลวไมแ ทงทะลผุ วิ หนงั ปฐมพยาบาลเพอ่ื เตรยี มพรอ มรบั สถานการณฉ กุ เฉนิ ของศนู ยฝ ก อบรมปฐมพยาบาล 3. กระดูกหักแลวทม่ิ แทงทะลผุ ิวหนัง และสขุ ภาพอนามยั สภากาชาดไทยมาเปด ใหน ักเรยี นดู หรอื อาจสุมนักเรียนออกมา 4. เห็นบาดแผลชดั เจนบริเวณกระดูกทห่ี กั 2 คน เพือ่ เปน หนุ สาธติ วธิ ีการปฐมพยาบาลเมอ่ื กระดกู หัก หรือครูอาจนําหุนจาํ ลอง วิเคราะหค าํ ตอบ กระดูกหกั แผลปด หมายถงึ ภาวะท่ี (ถา ม)ี มาสาธิตประกอบการบรรยายรว มดว ยก็ได กระดูกไดรับความบาดเจ็บและเกิดการหักโดยไมม ีการแทง ทะลอุ อกนอกผิวหนัง ซงึ่ จะสามารถสงั เกตเห็นไดจากการมี กระดูกทผ่ี ิดรปู ไป ตอบขอ 2. คูม อื ครู 145
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครสู มุ นกั เรยี นออกมา 7 คน สรุปถงึ วิธีการ ตวั อยำ งกำรปฐมพยำบำลผปู้ วยกระดกู หกั ทีข่ ำ ปฐมพยาบาลท่ีเพ่อื นไดน ําเสนอไป โดยใหส รุป คนละ 1 เรือ่ งไมซ้าํ กัน และตองไมใ ชเ รอื่ งทกี่ ลุม ๑. ขยับเขยื้อนบริเวณที่บาดเจ็บ ของตนเองนาํ เสนอไป นอ้ ยทสี่ ดุ จดั ใหผ้ ปู้ ว่ ยนอนอยใู่ นทา่ ทสี่ บาย ค่อยๆ เอาเส้ือผ้าออกจากบริเวณท่ีเป็น แผล ถ้ามีบาดแผลเลือดออก ควรใช้ผ้า กดแล้วห้ามเลือดก่อน เพื่อให้เลือดหยุด ไหลและสะดวกต่อการปฐมพยาบาลใน ข้ันตอนตอ่ ไป ๒. ให้จับขาข้างที่หักน่ิงไว้ แล้วจับ ขาข้างที่ดีมาวางชิดขาข้างท่ีหัก ผูกยึด ชั่วคราวเพ่ือความสะดวกในการพลิกตัว เพ่ือวางเฝอก โดยผูกเปลาะที่ ๑ ตรง ตา� แหน่งข้อเทา้ เปลาะท่ี ๒ ทห่ี ัวเขา่ และ เปลาะที่ ๓ ท่สี ะโพก 1 ๓. เตรียมเฝอกท่ีมีความกว้างยาว เหมาะสมกบั ขา ถา้ เฝอ กเปน็ ไมค้ วรใชผ้ า้ รองทเี่ ฝอ กกอ่ น แลว้ พลกิ ตะแคงขาขา้ งที่ บาดเจบ็ ขน้ึ เพอ่ื สอดเฝอ กใหร้ องรบั ขาต้ังแตส่ น้ เทา้ จนถงึ สะโพก ๑๔๖ ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET ขอ ใดกลาวถึงวิธีการเขาเฝอกไดถูกตอง นักเรยี นควรรู 1. ควรรัดเฝอ กใหแ นน มากที่สุด 2. ทา ของขอท่ีเขาเฝอ กตอ งใหเ หยียดตรงไวเ สมอ 1 เฝอ ก เมอ่ื กระดกู หกั จะตอ งใสเ ฝอ กเพือ่ ชว ยพยงุ กระดกู และกลา มเนื้อ 3. ตองเขา เฝอ กล้ําอวยั วะอน่ื ดวยจะไดมนั่ คงข้นึ กวา เดิม ที่ไดรบั บาดเจ็บ ลดปวด ลดบวม และลดกลามเนือ้ หดเกร็ง ปองกันไมใหกระดูก 4. ใชสําลีหรือผา รองบรเิ วณอวัยวะทก่ี ระดูกหกั กอ นเขา เฝอ ก ท่ีจดั เขา ทแี่ ลว เกดิ การเคลอื่ นทผี่ ดิ รปู ขน้ึ อกี ซงึ่ เฝอ กทใ่ี สอ าจจะใสเ ปน เฝอ กชวั่ คราว วเิ คราะหค าํ ตอบ ขอ 1. การรดั เฝอ กแนน เกนิ ไป อาจทาํ ใหเ ลอื ด แบบครง่ึ เดยี ว หรือเฝอ กแบบเต็มรอบแขนก็ได โดยทเ่ี ฝอ กชั่วคราวแบบครึ่งเดียว ไหลเวยี นไมส ะดวก ขอ 2. ทาของขอท่ีเขาเฝอกไมจาํ เปน ตอง จะมีความแขง็ แรงนอยกวา เฝอ กแบบเต็ม เหยียดตรงเสมอ ควรเขา เฝอ กในทา ท่ีเปน อยู เพ่ือปอ งกนั กระดูก อาจแตกหกั เพ่ิมขน้ึ ได ขอ 3. ไมควรเขา เฝอกลาํ้ อวยั วะอนื่ จน มุม IT เกนิ ความจาํ เปน เพราะอาจทาํ ใหขอ ตอยึดได และขอ 4. ควรใช สาํ ลหี รอื ผารองบริเวณอวัยวะทมี่ ีกระดูกหกั กอนเขา เฝอก สามารถศกึ ษาเพม่ิ เติมเกย่ี วกบั การปฐมพยาบาลคนแขนหกั ไดจ ากเวบ็ ไซต เพ่ือปอ งกันความเจ็บปวดท่อี าจเกิดจากเฝอ กกดทบั เปนวิธกี าร http://www.youtube.com/watch?v=kfKG6uJA0IE เขา เฝอ กทถ่ี ูกตองที่สุด ตอบขอ 4. 146 คมู ือครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Engage Explore Explain Expand Evaluate ขยายความเขา ใจ Expand ยกขา๔ข.้าแงทกี่ะหผักา้ พทรีผ่ ้อกู มยเดึ ฝขอากท1ขั้ง้ึน๒วางขบ้างนอเอขก่า ใหนกั เรียนแตล ะกลุมสรุปถึงวธิ ีการ ผกู ยดึ เฝอ กตดิ กบั ขา ใหป้ มผกู อยนู่ อกลา� ตวั ปฐมพยาบาลทไี่ ดนําเสนอไปนัน้ โดยจัดทํา โดยผกู ทขี่ ้อเทา้ ชิดเข่า และขอ้ สะโพก เปน ปายนเิ ทศขนาดเล็กลงบนฟว เจอรบ อรด สง ครผู ูสอน ใหน ักเรียนปฏบิ ัตกิ ิจกรรมสรา งสรรค พฒั นาการเรียนรูกิจกรรมท่ี 3 หนา 158 แลวบันทกึ ลงในกระดาษรายงาน ตรวจสอบผล Evaluate ๕. วางขาท่ีมัดติดกับเฝอกลงกับพื้น การสรปุ ถงึ วธิ กี ารปฐมพยาบาลเปนปา ยนเิ ทศ สอดผ้าระหว่างขาท้ังสองข้างและรวบขา ขนาดเลก็ ลงบนฟวเจอรบ อรด ทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน พร้อมกับยกข้ึนต้ัง บนเข่า แลว้ ผกู ยึดขาทงั้ ๒ ขา้ งใหต้ ดิ กนั ท่ี ข้อเท้า เหนือเข่าเหนือเปลาะเดิม สะโพก เหนือเปลาะเดิม และปลายเฝอกบริเวณ เชิงกราน ๖. กรณีกระดูกหักท่ีแขน เม่ือ ปฐมพยาบาลแล้วอาจจะใช้ผ้าสามเหล่ียม คล้องแขนเพื่อปกป้องแผลอีกช้ันหน่ึงและ ชว่ ยพยุงไมใ่ หส้ ่วนทมี่ ีบาดแผลเคล่ือนไหว ๑๔๗ กจิ กรรมสรา งเสรมิ นักเรียนควรรู ใหน ักเรียนศึกษาวธิ กี ารปฐมพยาบาลในสถานการณตางๆ 1 เฝอก การเขาเฝอกชัว่ คราวใหก บั ผูปว ยกระดกู หักมีหลกั ปฏบิ ัติคือ จากน้นั ครใู หน ักเรียนทําการทดสอบทีละคน โดยครูใหนักเรยี น ไมเขา เฝอกลาํ้ อวยั วะอน่ื จนเกินความจาํ เปน เพราะอาจทําใหขอ ตอ ยดึ ได โดย แตล ะคนจับสลากเลอื กเรือ่ งท่จี ะทําการทดสอบ เมื่อไดเ รื่องทจี่ ะ ความยาวของเฝอกตองใหค วบคุมสวนทเี่ กี่ยวของกับขอตอ บริเวณขอท่ีกระดูกหกั ทําการทดสอบแลวใหน ักเรยี นทดสอบวธิ ีการปฐมพยาบาลแตละ ควรใชัสําลีหรือผารองบรเิ วณอวัยวะทมี่ กี ระดกู หักกอ นเขา เฝอ ก เพือ่ ปอ งกนั ขนั้ ตอนพรอ มกับอธิบายประกอบ ความเจบ็ ปวดท่ีอาจเกิดจากเฝอ กกดทับ ไมควรรดั เฝอกแนนเกนิ ไป เพราะอาจ ทําใหเ ลอื ดไหลเวียนไมส ะดวก และไมค วรจดั กระดูกท่ีหักใหเขา รปู เดิม ใหเขาเฝอก หากนกั เรยี นคนใดทที่ ดสอบไมผ านใหไ ปทํารายงานเรอื่ งที่ ในทาท่ีเปนอยู เพอื่ ปองกันกระดูกแตกหกั เพม่ิ ขึน้ กอ นสงไปทาํ การรักษาท่ี จบั สลากไดม าอยา งละเอยี ดพรอมกับมีรูปภาพประกอบ และให สถานพยาบาลตอไป นักเรียนมาทดสอบใหมอกี ครง้ั จนกวา จะผาน คมู อื ครู 147
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Engage กระตนุ ความสนใจ ครทู บทวนวิธกี ารปฐมพยาบาลในสถานการณ ๓. การเคลอ่ื นย้ายผู้ปว ย ตางๆ จากทไ่ี ดศกึ ษาผานมาแลว จากน้ันครู ต้งั คาํ ถามเพ่ือกระตนุ การเรียนรู ในการปฐมพยาบาลผู้ป่วย เม่ือท�าการส�ารวจจนแน่ใจและช่วยเหลือเบ้ืองต้นเรียบร้อยแล้ว ส่ิงที่ผู้ปฐมพยาบาลต้องท�าต่อไปก็คือ เคลื่อนย้ายผู้ป่วยด้วยวิธีที่ปลอดภัย และอ�านวยความ • เพราะเหตใุ ดในการเคล่ือนยายผปู วยจึงตอ งมี สะดวกสบายให้แก่ผู้ป่วยมากที่สุด ซ่ึงสามารถท�าได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วย จ�านวน หลกั การและตอ งปฏิบตั ิใหถ กู วธิ ี ผู้ช่วยเหลอื และอปุ กรณ์ทส่ี ามารถหามาใช้ไดใ้ นช่วงเวลานนั้ ดังนี้ (แนวตอบ เพราะถาหากเคลื่อนยา ยไมถ ูกวธิ ี 3.๑ การเคล่อื นยา้ ยโดยผชู้ ว ยเหลือคนเดียว อาจทาํ ใหใ หผปู ว ยเกดิ อนั ตรายเพม่ิ มากข้ึนได) การเคลื่อนย้ายโดยใช้ผู้ช่วยเหลือคนเดียว ใช้ในกรณีที่เราพบผู้ป่วยคนเดียว และ • เมือ่ นกั เรียนพบเหน็ ผูปวยทีป่ ระสบอุบัติเหตุ ไม่สามารถท่ีจะหาผู้อ่ืนมาช่วยได้ เหมาะส�าหรับเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปยังสถานท่ีที่อยู่ไม่ไกล ซ่ึงมี กระดกู หกั และจําเปน ตองเคล่อื นยาย ด้วยกนั หลายวธิ ี ดงั นี้ นักเรยี นจะปฏบิ ตั อิ ยา งไร (แนวตอบ ข้นึ อยูกับคาํ ตอบของนกั เรียน โดย ๑. วธิ พี ยงุ เดนิ ใชก้ บั ผปู้ ว่ ยทร่ี สู้ กึ ตวั อาจตอบวาขอความชวยเหลอื ใหผ ทู เ่ี ช่ียวชาญ ซ่ึงมวี ธิ ีปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี มาชว ยเหลือ ซง่ึ สามารถหาคาํ ตอบไดจ าก การศกึ ษาตอ ไป) • ให้ผู้ช่วยเหลือยืนเคียงข้าง ผู้ป่วย หนั หน้าไปในทศิ ทางเดยี วกนั แล้ว จับแขนข้างหน่ึงของผู้ป่วยพาดไว้ท่ีคอ มือผู้ช่วยเหลือข้างหนึ่งอ้อมไปข้างหลัง รัดบั้นเอวของผู้ป่วยไว้ และพาเดินไป ทิศทางเดียวกนั ๒. วิธีอุ้มกอดด้ำนหน้ำ วิธีน้ีเหมาะ ส�าหรับในกรณีที่ผู้ป่วยมีรูปร่างเล็กกว่า ผู้ช่วยเหลือ และผู้ป่วยเดินไม่ได้ แต่ยัง สามารถใช้ขาข้างใดข้างหน่ึงได้ มีวิธี ปฏิบัติ ดงั นี้ • ใหผ้ ชู้ ว่ ยเหลอื คกุ เขา่ ลงขา้ งหนง่ึ ใชม้ อื ทง้ั สองขา้ งชอ้ นตวั ผปู้ ว่ ยบรเิ วณหลงั และเข่า แล้วยกผู้ป่วยขึ้นโดยใช้ก�าลังขา ถ้าผู้ป่วยยังมีสติ ให้ใช้แขนด้านในคล้อง คอผู้ช่วยเหลือไว้ ๑๔๘ เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET การเคล่ือนยา ยผปู วยมีหลักการสําคญั อยา งไร ครอู าจนาํ แผน ภาพประกอบการบรรยาย (VCD) เกย่ี วกบั การเคลอ่ื นยา ยผบู าดเจบ็ แนวตอบ ผใู หการปฐมพยาบาลควรมีหลักในการเคล่ือนยา ย ในโครงการอบรมปฐมพยาบาลเพอื่ เตรยี มพรอ มรบั สถานการณฉ กุ เฉนิ ของศนู ยฝ ก อบรม เพื่อความปลอดภัยของผปู วยดังน้ี ปฐมพยาบาลและสขุ ภาพอนามยั สภากาชาดไทยมาเปดใหน กั เรียนดู หรอื อาจสมุ 1. ตรวจดูวาผปู ว ยไดร ับบาดเจบ็ หรอื เจบ็ ปว ยในสว นใดของ นักเรยี นออกมาเปนหนุ สาธติ ก็ได รา งกาย 2. พิจารณาวา ควรจะทาํ การปฐมพยาบาลกอนหรือควร มุม IT เคลอื่ นยายผปู ว ยออกจากสถานทีเ่ กดิ เหตุกอ น 3. เลอื กใชวธิ ีการเคล่ือนยายและเลอื กใชอปุ กรณป ระกอบ นกั เรียนศกึ ษาเพม่ิ เตมิ เกี่ยวกบั การยกและการเคลอ่ื นยายผปู วย ไดจ ากเว็บไซต การเคลอื่ นยายที่เหมาะสมกบั อาการของผูปว ย www.youtube.com/watch?v=EF8QaoFg3kY 4. รีบเคลอ่ื นยายผูปวยสง สถานพยาบาลหรือโรงพยาบาลทีใ่ กล ทสี่ ดุ ดวยความระมดั ระวงั 148 คูมือครู
กระตุนความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explain Expand Evaluate Explore Explore สาํ รวจคน หา ๓. วิธีอุ้มทำบและกอดหลัง หรือจะเรียกว่า ใหน กั เรยี นศึกษาเรอ่ื ง การเคล่อื นยา ยผูปวย กขอ้อเดทคา้ อแขพ่ีหลง1ลหังรกอื ็ไขดอ้ ้ เทใชา้ ้เใคนลกด็ รณซงึ่ีทเปี่คน็นวเธิจที็บม่ีเดกั ินพไบมเห่ไดน็ ้ ในประเดน็ ตา งๆ จากหนงั สอื เรยี น และแหลง เรยี นรู ได้บ่อยๆ มีวิธีปฏิบตั ิ ดังนี้ เพมิ่ เตมิ ตางๆ ในประเดน็ • ให้ผู้ป่วยยืนทาบทางด้านหลังและกอด • การเคลื่อนยายโดยผชู ว ยเหลอื คนเดยี ว คอผู้ช่วยเหลือ โดยผู้ช่วยเหลือย่อเข่าลงพร้อมทั้ง • การเคลื่อนยายโดยใชผ ูช ว ยเหลือ 2 คน สอดมือไว้ใต้เข่าของผู้ป่วยทั้งสองข้าง จากนั้นยึด • การเคล่อื นยายโดยใชผ ูชว ยเหลือ 3 คน ฝา่ มือทงั้ สองข้างของผ้ปู ่วยไว้ • การเคลอื่ นยายโดยใชเ ปลหาม • การเคลอ่ื นยายโดยใชเกา อี้ ๔. วธิ ีอุ้มแบก ใชส้ า� หรบั ผ้ปู ่วยท่ไี มร่ ูส้ กึ ตัว หรอื รสู้ กึ ตัวกไ็ ด้ แต่ไม่ใช้เคลื่อนยา้ ยผปู้ ว่ ย ท่ีกระดูกสันหลงั หกั ซึ่งสามารถปฏบิ ตั ไิ ด้ ดงั น้ี • กอ่ นเคลอ่ื นยา้ ย ผชู้ ว่ ยเหลอื ตอ้ งตรวจดรู า่ งกายผปู้ ว่ ย • ผู้ช่วยเหลือยืนคร่อมล�าตัวผู้ป่วย เอามือดึงไหล่ และจดั ใหอ้ ยใู่ นทา่ นอนควา�่ ผปู้ ว่ ยขึ้นมา • สอดแขนและมือใต้รักแร้ของผู้ป่วย แล้วประสานมือ • ดึงตัวผู้ป่วยจากท่าคุกเข่าให้ยืนข้ึน มือข้างหนึ่งจับ ยึดกันไว้ ข้อมือผ้ปู ว่ ยไว้ อกี ขา้ งโอบเขา้ ทีเ่ อว ๑๔๙ แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tดิ เกร็ดแนะครู จากภาพเหมาะแกก ารเคลอื่ นยา ยผูปว ย ครูอาจแนะนาํ ใหนกั เรียนศกึ ษาภาพจากหนังสือเรียนแลวฝก ปฏิบัตติ าม ท่มี ลี กั ษณะใด นักเรียนควรรู 1. ผูปวยที่ไมร ูสึกตัว 2. ผปู วยทีก่ ระดกู สันหลงั หัก 1 ขอเทาแพลง (Ankle Sprain) เกิดจากการบิดของขอ เทา ทีเ่ กิดจากอบุ ตั เิ หตุ 3. ผปู วยท่ีมสี วนของขาท่ียาวกวา ชว งลาํ ตวั ไมว า จะเปนการเดนิ การหกลม หรือการวงิ่ ซงึ่ อบุ ตั ิเหตเุ หลา นี้ จะทําใหเสน เอ็น 4. ผปู ว ยที่มีสวนของลําตวั ที่ยาวกวา สว นขา บริเวณขอ เทามีการฉกี หรือการกระชากออก ทาํ ใหเ กิดอาการบวมและปวดของ วเิ คราะหค ําตอบ จากภาพเปน การเคลอื่ นยา ยผปู ว ยดว ยวธิ ี ขอ เทา ตามมา การอมุ แบก ซง่ึ เหมาะสาํ หรบั ผปู ว ยทไ่ี มร สู กึ ตวั หรอื รสู กึ ตวั กไ็ ด แตไ มค วรนาํ มาเคลอ่ื นยา ยผปู ว ยทม่ี กี ระดกู หกั รว มดว ย เพราะ อาจกอ ใหเ กดิ อาการบาดเจบ็ อยา งรนุ แรงเพมิ่ ขน้ึ ได ตอบขอ 1. คมู อื ครู 149
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหน กั เรยี นจับคูก นั ฝก ปฏบิ ัติวธิ กี ารเคล่อื นยาย ผูปวยโดยผชู วยเหลอื คนเดยี ว แลว ออกมาสาธิต หนาชน้ั เรียน เมือ่ นักเรยี นสาธติ วิธกี ารเคลอ่ื นยายผูปวย โดยผูชว ยเหลอื คนเดียวหมดทกุ คนแลว ใหน กั เรียน จับกลมุ 3 คน ฝก ปฏบิ ตั ิวิธกี ารเคลอื่ นยา ยผปู ว ย โดยใชผูชว ยเหลอื 2 คน แลวออกมาสาธติ หนา ชนั้ เรยี น จากนั้นครชู วยอธิบายเพ่ิมเตมิ • ยอ่ ตวั ลงเพอ่ื ใหผ้ ปู้ ว่ ยพาดอยทู่ บ่ี า่ • ผ้ชู ่วยเหลอื ยนื ขน้ึ ใช้มือขา้ งหนึง่ • ใช้มือข้างที่จับขาผู้ป่วยจับยึด ใช้มือที่โอบเอวรวบเข่าท้ังสองข้าง จบั ขาบรเิ วณขอ้ พบั สว่ นมอื อกี ขา้ ง ข้อมือของผู้ป่วยไว้ แล้วจึงพา ของผ้ปู ว่ ยไว้ ยดึ มือผู้ปว่ ยไว้ เคลือ่ นยา้ ย 3.๒ กในากรรณเคที ลผี่ ปู้อ่ื ว่ นยตยวั า้ ใหยญโดห่ รยอื ใมชนี ้ผา�้ หู้ชนวกั ยมเาหก1ไลมสือ่ า ม๒า รคถชนว่ ยเหลอื ตามลา� พงั ได้ จา� เปน็ ตอ้ ง ใชผ้ ชู้ ว่ ยเหลอื มากกว่า ๑ คนในการเคล่ือนย้าย ซ่ึงวิธีน้ีจะท�าให้ผู้ป่วยรู้สึกม่ันคงและปลอดภัย มากกว่า ๑. วธิ อี มุ้ เคยี ง ผชู้ ว่ ยเหลอื ตอ้ ง ยนื ดา้ นเดยี วกนั โดยใหค้ นใดคนหนง่ึ อมุ้ บรเิ วณศรี ษะและไหล่ สว่ นอกี คน อุ้มสะโพกและขา แล้วออกเดิน พร้อมๆ กัน ๑๕๐ เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET เพราะเหตใุ ดในการเคลอื่ นยา ยผปู ว ยทีต่ ัวใหญห รือมีนํ้าหนัก ในการฝกปฏบิ ตั ิการเคล่อื นยายผปู ว ยนัน้ ครูควรระมดั ระวงั เร่ืองความปลอดภัย มาก จงึ จําเปนตอ งใชผ ชู วยเหลือ 2 คน ใหแกน ักเรียนมากเปนพิเศษ เพราะอาจกอใหเกิดอุบัตเิ หตไุ ด แนวตอบ เพราะจะทาํ ใหผ ปู วยรูส กึ มั่นคงและปลอดภัย มากกวา หากใชผูช ว ยเหลือเพียงคนเดียวอาจกอ ใหเ กิด หากเวลาไมพ อทีจ่ ะใหน ักเรยี นทกุ คนออกมาสาธติ ครูอาจใชวธิ กี ารสุมนักเรียน ขอ ผดิ พลาดข้นึ จนทาํ ใหผูปว ยไดรับอันตรายมากขน้ึ ได ออกมาสาธิตก็ได นักเรียนควรรู 1 ผปู ว ยตวั ใหญหรอื มีนา้ํ หนกั มาก ในการเคล่ือนยายผูป ว ยที่ตวั ใหญหรือมี นํา้ หนักมากนน้ั จําเปน ท่จี ะตอ งใชผ ชู วยเหลือทมี่ รี ูปรา งใหญกวาผูปว ย หากใช ผูช ว ยเหลอื ท่มี รี ปู รา งหรอื น้าํ หนักนอ ยกวา นั้นอาจกอ ใหเกดิ ขอ ผิดพลาดขึน้ จนทําใหผปู ว ยไดร บั อนั ตรายมากข้นึ ได 150 คูมอื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain ๒. วิธีพยุง วิธีน้ีจะต้องให้แขนท้ัง ๒ ขา้ งของผปู้ ว่ ย พาดทไี่ หลข่ องผชู้ ว่ ยเหลอื อธบิ ายความรู ท้ังสอง แล้วจับมือผู้ป่วยไว้ ส่วนมืออีก ข้างหนึ่งใหพ้ ยุงผปู้ ่วยไว้ ใหนักเรียนจับกลุม 3 คน และ 4 คน ฝกปฏบิ ัตวิ ธิ กี ารเคลอ่ื นยายผปู ว ย ดังน้ี ๓. วธิ อี มุ้ แบบนง่ั สองมอื ผชู้ ว่ ยเหลอื ทงั้ สองคกุ เขา่ หนั หนา้ เขา้ หากนั โดยใหผ้ ปู้ ว่ ย • การเคล่อื นยายโดยใชผ ชู วยเหลือ 3 คน อยตู่ รงกลาง ผชู้ ว่ ยเหลอื ใชม้ อื ประสานกนั • การเคลื่อนยา ยโดยใชเปลหาม แล้วยกผู้ป่วยยืนขึ้นพร้อมๆ กัน แล้วจึง • การเคล่ือนยายโดยใชเ กา อ้ี พาเคลอื่ นยา้ ยไปยงั จดุ หมาย จากนนั้ ใหนกั เรยี นออกมาสาธติ หนา ช้ันเรียน โดยครูชว ยอธบิ ายเพ่ิมเติม ๔. วิธีอุ้มแบบใช้ ๒ คนหำม ซึ่ง วิธีน้ีจะใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการบาดเจ็บ ไม่รุนแรงและผู้ป่วยสามารถช่วยตัวเองได้ โดยให้ผู้ช่วยเหลือทั้งสองลุกข้ึนและ เดินพร้อมๆ กัน วิธีน้ีห้ามใช้กับผู้ป่วยที่ สงสยั ว่ากระดูกสนั หลังหกั ๕. วิธีอุ้มแบบประสำนแคร จะใช้ เคลือ่ นยา้ ยผปู้ ่วยทย่ี งั มสี ติ ให้ผ้ชู ่วยเหลือ ๒ คน ปฏิบตั ดิ งั น้ี • ใช้มือสอดประสานกันเป็น รูปสีเ่ หลีย่ ม คุกเขา่ ลง • ให้ผู้ป่วยนั่งลงบนมือของ ผู้ช่วยเหลือ โดยผู้ป่วยใช้มือทั้งสองข้าง กอดคอผู้ช่วยเหลือทั้งสองไว้ จากน้ัน ผู้ช่วยเหลือทั้งสองลุกข้ึนพร้อมๆ กัน และพาเคลือ่ นยา้ ย ๑๕๑ แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETิด เกรด็ แนะครู “ใชมอื สอดประสานกันเปนรปู สี่เหลี่ยม และคกุ เขาลง” ครูควรเนนยํ้าถงึ ความปลอดภยั ในการเคลือ่ นยายผปู วยใหนักเรยี นทราบ ขอความดังกลาวแสดงใหเ หน็ ถงึ วธิ กี ารเคลอ่ื นยา ยผปู ว ยดว ย โดยอาจอธบิ ายใหน ักเรยี นฟง ถงึ หลักสาํ คัญวา กอนการเคลือ่ นยา ยผปู ว ยผชู วยเหลอื วธิ กี ารใด และมวี ธิ กี ารเคลอื่ นยา ยอยางไร ควรตองคํานงึ ถงึ ความปลอดภัยของสถานที่ และตอ งทาํ การสาํ รวจรางกายของ แนวตอบ วธิ อี มุ แบบประสานแคร เปน วธิ ที ใี่ ชเ คลอ่ื นยา ยผปู ว ย ผปู วยกอนวา มกี ระดูกหัก หรือบาดเจ็บตรงไหนหรือไม มเิ ชน นั้นอาจทาํ ใหท ง้ั ทยี่ งั มสี ติ โดยใหผ ชู ว ยเหลอื ทงั้ 2 คน ใชม อื สอดประสานกนั เปน ผชู ว ยเหลอื และผปู ว ยไดร บั อนั ตรายเพ่ิมมากข้นึ ได รปู สเี่ หลยี่ ม คกุ เขา ลง ใหผปู วยน่ังบนมือของผูชว ยเหลอื และ กอดคอผูช ว ยเหลือไว จากน้ันผชู ว ยเหลอื ลุกข้ึนพรอ มๆ กนั และพาเคล่ือนยาย คูมอื ครู 151
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครูต้งั คาํ ถามเพื่อใหไ ดข อ สรปุ ท่ีถูกตองรวมกัน 3.3 การเคล่อื นย้ายโดยใช้ผูช้ ว ยเหลอื 3 คน จากนัน้ ครใู หนักเรียนฝก ปฏบิ ัตวิ ธิ กี ารปฐมพยาบาล การเคล่ือนย้ายในลักษณะน้ีใช้ในกรณีท่ีต้องเคล่ือนย้ายผู้ป่วยในท่านอน และผู้ป่วย และเคลอ่ื นยายผูปวย แลวมอบหมายใหนักเรยี น มาทดสอบนอกเวลากับครผู ูส อน ไม่รู้สกึ ตัว โดยระยะทางทีเ่ คล่อื นย้ายจะต้องไมไ่ กลมาก ซ่งึ มวี ิธีปฏบิ ัติ ดังนี้ • ในการเคลอ่ื นยายผูปว ยอยา งปลอดภัย • ผชู้ ว่ ยเหลอื ๓ คนยนื เรยี งกนั ขา้ ง วธิ เี คลอ่ื นยา ยใดใชส าํ หรบั ผูป วยทีม่ อี าการ ตวั ผปู้ ว่ ย หนั หนา้ เขา้ หาผปู้ ว่ ย จากนน้ั คกุ เขา่ ช็อก หมดสติ หรอื มีอาการบาดเจ็บอยาง ข้างใดข้างหน่ึง ซ่ึงควรเป็นเขา่ ข้างเดยี วกนั รนุ แรง โใตด้ศยผรี ษู้ชะ่วยตเหรงลบือรคเิ วนณแรคกอ1ใชแ้แลขะนไหขล้างข่ หอนงผ่ึงสปู้ อว่ ดย (แนวตอบ การเคล่ือนยา ยโดยใชเ ปลหาม) มอื อกี ขา้ งสอดเขา้ ทห่ี ลัง สว่ นคนท่สี องสอด แขนขา้ งหนง่ึ ทบี่ รเิ วณเอวและสะโพก อกี ขา้ ง • เพราะเหตใุ ดในการเคล่ือนยายผูปว ยตวั ใหญ สอดเขา้ ทขี่ าทอ่ นบน และคนทส่ี ามสอดแขน หรอื มีนาํ้ หนักมาก จาํ เปนตองใชผูช วยเหลือ ข้างหนึง่ ใตเ้ ข่า อกี ข้างสอดทข่ี อ้ เทา้ มากกวา 2 คน (แนวตอบ เพราะจะทาํ ใหผปู วยรสู กึ มนั่ คง • ใหส้ ญั ญาณยกผปู้ ว่ ยพรอ้ มๆ กนั และปลอดภยั มากกวา ) โดยยังอยใู่ นท่าคุกเข่า • วิธีการเคลือ่ นยา ยผปู วยแบบใด ไมเหมาะท่ี จะนาํ มาเคลอื่ นยา ยผปู ว ยทก่ี ระดกู สนั หลงั หกั (แนวตอบ การเคลือ่ นยายโดยผชู วยเหลือ คนเดยี ว โดยวธิ ีอมุ แบก) • ให้สัญญาณยืนข้ึนพร้อมๆ กัน แล้วท�าการเคลือ่ นย้ายผปู้ ่วยไปยังจุดหมาย ๑๕๒ ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET จากภาพเหมาะสาํ หรับการเคลอื่ นยา ย นกั เรยี นควรรู ผบู าดเจบ็ ลกั ษณะใด 1. ผูบาดเจบ็ มสี ติ 1 บรเิ วณคอ ในการเคล่ือนยา ยผปู วยควรสาํ รวจกอนวาผปู วยมกี ระดกู หัก 2. ผบู าดเจบ็ หมดสติ ที่คอหรอื ไม หากพบวามีควรใชวิธีการเคลือ่ นยายผูป วยดวยวิธที ่ที ําใหเ กิดการ 3. ผูบาดเจบ็ ทกี่ ระดูกสนั หลงั หกั กระทบกระเทอื นนอยท่ีสุด เชน การเคลื่อนยา ยโดยใชเปลหาม เปน ตน 4. ผบู าดเจ็บทไ่ี ดรบั บาดเจ็บรนุ แรง หรือทางท่ดี คี วรที่จะขอความชว ยเหลือจากผเู ช่ียวชาญ เพราะมอี ุปกรณ วเิ คราะหคําตอบ จากภาพเปนการเคล่ือนยายผูป ว ยโดยใช ในการชวยเหลือทค่ี รบครนั และเหมาะสมกบั อาการมากกวา ผชู วยเหลอื 3 คน ซงึ่ ใชในกรณีที่ตองเคลอ่ื นยายผูป วยใน ทา นอน และผปู วยไมรสู กึ ตวั โดยระยะทางในการเคล่ือนยา ย ไมไกลมาก ตอบขอ 2. 152 คูมือครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา ใจ 3.๔ การเคล่ือนยา้ ยโดยใช้เปลหาม นกั เรยี นสามารถนาํ ความรทู ไ่ี ดไ ปปฏบิ ตั ไิ ดจ รงิ การเคลอ่ื นยา้ ยดว้ ยเปลหาม คอื การขนยา้ ยในลกั ษณะใหผ้ ปู้ ว่ ยนอนราบ ซงึ่ ใชใ้ นกรณี และถูกตอ งในสถานการณฉ ุกเฉินตางๆ ท่ผี ูป้ ว่ ยมอี าการชอ็ ก หมดสติ บาดเจบ็ รนุ แรง กระดกู ขาหัก หรืออ่ืนๆ โดยจะตอ้ งใชผ้ ู้ช่วยเหลอื ใหน กั เรียนสรปุ วิธกี ารปฐมพยาบาลและ ๔ คน หรือแค่ ๒ คนก็ได้ ในการเคล่ือนยา้ ย ซ่งึ อาจท�าไดง้ า่ ยโดยดัดแปลงวสั ดุ แต่จะยงุ่ ยากบ้าง เคลื่อนยายผปู ว ยอยา งปลอดภัยเปน รายงาน ในขณะท่อี มุ้ ผ้ปู ่วยวางบนเปลหรอื อุ้มออกจากเปล สงครผู ูส อน บางกรณีที่ไม่สามารถหาเปลหามได้ ผู้ช่วยเหลือจะต้องหาวัสดุอุปกรณ์ที่อยู่ใกล้ตัว มาใช้ดดั แปลงให้สามารถทา� การเคล่ือนยา้ ยผู้ปว่ ยได้ เชน่ ๑. บานประตู สามารถใช้แทนเปลหามได้เป็นอย่างดี และบานประตูนี้ใช้ได้ ดมี าก เน่อื งจากเปน็ ไม้กระดานแข็ง ๒. เสือ้ ผ้า น�ามาดดั แปลงได้ โดยใช้ไมย้ าวๆ ๒ อัน สอดเข้าไปในตัวเส้อื แตต่ อ้ งตดิ กระดมุ ใหแ้ ขง็ แรง หรอื ใช้เขม็ กลัดช่วย ๓. ผ้าขาวม้า โดยนา� มาผูกมัดกบั ไม้ท่อนยาวๆ ๒ ท่อน ๔. ผ้าหม่ ผ้าปูเตยี ง โดยน�ามาพบั ตามวิธีการเคลือ่ นย้ายโดยใชเ้ ปลหาม ดงั ภาพ กางผา้ หม่ ออก วางไมย้ าวทแี่ ขง็ แรงบนผา้ ประมาณ ๒๓ ของผา้ แลว้ พบั ชายผา้ ตลบขน้ึ ไป วางไมย้ าวบนผา้ อกี ดา้ นหนง่ึ ใตผ้ า้ ทต่ี ลบขนึ้ ไป ตลบผา้ ด้านซ้ายใหเ้ ลยทับไม้ดา้ นขวามือ ๑๕3 แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETดิ เกร็ดแนะครู การเคลอ่ื นยา ยผปู วยในขอ ใดเหมาะกับผูปวยท่ีกระดกู 1. ครคู วรสาธติ วธิ กี ารพับผาหม ผา ปเู ตยี งเพอ่ื นาํ มาทาํ เปนเปลหามท่ีถกู ตอง สนั หลงั หักทีส่ ดุ ใหน กั เรียนดอู ยางละเอยี ด หรือถาหากครมู ีวิธีการใชว สั ดุอปุกรณอยา งอ่ืน 1. การพยุง ในการเคล่ือนยายผูปว ย กค็ วรนํามาสาธิตใหน ักเรยี นดู 2. การอุม แบก 3. การเคลอื่ นยา ยโดยใชเกา อ้ี 2. ครคู วรสาธิตวธิ กี ารเคลอ่ื นยา ยผูปว ยโดยใชเ ปลหาม หรอื วัสดอุ ุปกรณต างๆ 4. การเคลอ่ื นยา ยโดยใชเ ปลหาม ใหน กั เรียนดู เพื่อใหนักเรยี นไดเขาใจและสามารถนําไปปฏบิ ัตไิ ด ซงึ่ ในการ วเิ คราะหค ําตอบ วิธีการเคลอ่ื นยา ยผปู ว ยทก่ี ระดูกสันหลงั หัก สาธติ น้นั ครอู าจใหน กั เรยี นอาสาออกมา 3 คน มาทาํ การสาธิตใหเ พือ่ นดู ที่เหมาะสมทส่ี ุดคอื การใชเ ปลหาม ซ่ึงเปน การเคล่อื นยายใน โดยมคี รคู อยดูแลและระมัดระวังไมใหเ กดิ อันตรายจากการสาธติ ขึ้น ลักษณะใหผ ูปว ยนอนราบเพอื่ ระมดั ระวังใหผูป วยไดรบั การ กระทบกระเทือนนอ ยทส่ี ดุ ตอบขอ 4. คูมอื ครู 153
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา าใจใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา ใจ ครูใหน กั เรียนแบง กลมุ (อาจใชกลุมเดมิ ได) 3.๕ การเคลื่อนย้ายโดยใช้เกา้ อ้ี 1 โดยใหแ ตล ะกลุม สงตวั แทนออกมาจับฉลากเลือก การเคลอื่ นยา้ ยผปู้ ว่ ยโดยใชเ้ กา้ อี้ วธิ นี เ้ี หมาะสา� หรบั ผปู้ ว่ ยทร่ี สู้ กึ ตวั ดี ผทู้ ี่ไดร้ บั บาดเจบ็ เร่ืองที่จะแสดงบทบาทสมมติ (ไมซํา้ กับเรอ่ื งที่ได นาํ เสนอไป) กลมุ ละประมาณ 5 นาที เพอื่ ขยาย ทท่ี รวงอกและทอ้ ง แขน หรอื ตา แตต่ อ้ งไมม่ กี ารบาดเจบ็ ทกี่ ระดกู สนั หลงั หรอื ตอ้ งการเคลอ่ื นยา้ ย ความเขาใจของนกั เรียน ซ่ึงครกู าํ หนดเรอ่ื งให ดังน้ี ผ้ปู ่วยขน้ึ ลงบนั ได ผา่ นมุม หรอื ชอ่ งทางแคบๆ ซ่ึงมอี ยู่ดว้ ยกัน ๒ วธิ ี คือ • การเคลอื่ นยายโดยผชู ว ยเหลือคนเดยี ว • ให้ผู้ป่วยนั่งพิงเก้าอ้ีท่ีแข็งพอท่ีจะ • การเคลอ่ื นยายโดยใชผ ูชว ยเหลือ 2 คน รับน้�าหนักของผู้ป่วย ผู้ช่วยเหลือท้ังสองคน • การเคลื่อนยายโดยใชผูชว ยเหลือ 3 คน ตอ้ งอยดู่ า้ นขา้ งของผปู้ ว่ ยทง้ั สองขา้ ง หนั หนา้ • การเคล่อื นยายโดยใชเปลหาม เขา้ หากนั ใหม้ อื ขา้ งหนงึ่ จบั พนกั เกา้ อี้ สว่ นมอื • การเคล่อื นยา ยโดยใชเกา อ้ี อกี ขา้ งหนง่ึ จับขาเก้าอ้ี แล้วยกขนึ้ พรอ้ มๆ กัน • ให้ผู้ป่วยน่ังพิงเก้าอ้ีท่ีแข็งพอที่จะ รับน้�าหนักของผู้ป่วย ผู้ช่วยเหลือคนหน่ึงจับ พนักเก้าอ้ีเอียงไปทางด้านหลัง ผู้ช่วยเหลือ อีกคนหนึ่งจับขาเก้าอี้ด้านหน้า แล้วยกข้ึน พรอ้ มๆ กัน ๑๕๔ เกร็ดแนะครู กจิ กรรมสรา งเสรมิ ครูควรสรปุ เนอ้ื หาทงั้ หมดเปนภาพรวมใหน ักเรียนฟง อกี ครัง้ หนงึ่ เพ่ือทบทวน ใหน ักเรียนศึกษาวธิ กี ารเคล่ือนยา ยผูปว ย จากนั้นใหน ักเรยี น ความรแู ละความเขา ใจใหแกนกั เรียน ทาํ การทดสอบทีละคน โดยใหนักเรยี นแตละคนจบั สลากเลอื ก เรอ่ื งที่จะทําการทดสอบ เมอ่ื ไดเรอ่ื งทจี่ ะทาํ การทดสอบแลวให นกั เรยี นควรรู นักเรียนทดสอบวธิ ีการเคล่อื นยา ยผูปวยแตละขัน้ ตอนพรอ มกบั อธิบายประกอบ 1 การเคลอื่ นยา ยโดยใชเ กา อี้ ขอ ควรระมัดระวังนอกจากผูปว ยจะตองมีสติ รสู ึกตวั ดแี ลว ผชู วยเหลอื จะตอ งเปน คนแขง็ แรง มีความสูงใกลเ คยี งกัน เพอ่ื ปองกัน หากนักเรยี นคนใดทที่ ดสอบไมผา นใหนักเรยี นจัดปา ยนเิ ทศ ความผดิ พลาดอนั อาจเกดิ จากการทําเกา อ้ีหลุดมือ จนเปนเหตุใหผูป วยไดร บั ขนาดเลก็ เกีย่ วกบั เร่ืองท่จี บั สลากไดพรอ มกับมีรูปภาพประกอบ บาดเจบ็ เพ่ิมมากข้ึนได แลว นาํ ไปวางแสดงภายในหอ งเรียน และใหน ักเรียนมาทดสอบ ใหมอ ีกครัง้ จนกวา จะผาน 154 คูมอื ครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขาใา จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา ใจ เสรมิ สาระ นกั เรียนศกึ ษาเพิ่มเตมิ เก่ียวกบั แหลง ขอความชว ยเหลอื ท่คี วรรูจักจากเสรมิ สาระ แหลง ขอความชวยเหลือที่ควรรจู้ กั ในหนังสือเรยี น หนา 155 เมื่อพบเห็นหรือเกิดสถานการณที่ไม่ปลอดภัยต่อ ตนเองหรือผู้อ่ืน สามารถท่ีจะขอความช่วยเหลือ และ ขอค�าปรกึ ษาจากหนว่ ยงานต่างๆ ไดด้ ังนี้ ๑. สถานีตา� รวจทอ่ี ยู่ใกลท้ เี่ กดิ เหตทุ ่สี ุด หรอื ๑๙๑ เม่อื เกดิ เหตุรา้ ยตา่ งๆ ๒. หน่วยดับเพลงิ ทีใ่ กลท้ ่สี ดุ หรือ ๑๙๙ เมื่อเกดิ เหตุเพลงิ ไหม้ ๓. ที่ว่าการอ�าเภอในพ้ืนที่เกิดเหตุ เมื่อเกิดภัย ธรรมชาติ ๔. เจ้าหน้าท่ีอุทยานแห่งชาติ เมื่อเกิดเหตุร้ายใน ป่าหรอื อทุ ยานแหง่ ชาติ ๕. ศนู ยน เรนทร หรอื ๑๖๖๙ เมอ่ื เกดิ อบุ ตั เิ หตหุ รอื ควรขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ เพราะหาก เหตุฉกุ เฉิน 1 ท�าการช่วยเหลือเพียงล�าพังอาจก่อให้เกิดอันตรายท้ังต่อ ผ้ชู ่วยเหลอื และผปู้ ่วยได้ ๖. ศูนยวิกฤตสุขภาพจิต (MCC) ให้ค�าปรึกษา ในการเจรจาตอ่ รองเพื่อช่วยเหลอื ตวั ประกนั ๗. หนว่ ยกภู้ ยั ที่ใกล้ทเ่ี กิดเหตทุ ีส่ ุด เม่ือเกิดอุบตั เิ หตุหรอื เหตฉุ กุ เฉิน ๘. กรมทางหลวง เมอื่ เกิดอบุ ัติเหตหุ รอื เกิดเหตุร้ายบนท้องถนนหลวง ๙. สถานวี ทิ ยุรว่ มด้วยช่วยกนั เม่ือเกดิ เหตดุ ่วนเหตุรา้ ยทกุ ประเภท โดยกด ๑๖๗๗ ๑๐. โรงพยาบาลใกลเ้ คียงทกุ แหง่ เมอื่ เกดิ อบุ ัติเหตุหรือมีคนได้รับบาดเจ็บ ๑๑. ถ้าไม่ทราบหมายเลขโทรศพั ททอี่ ยากจะโทรใหส้ อบถามหมายเลขได้ โดยกด ๑๑๓๓ ๑๒. สถานีวิทยุ จส. ๑๐๐ กด ๑๑๓๗ ๑๓. สถานีวทิ ยุ สวพ. ๙๑ กด ๑๖๔๔ หรอื ๐-๒๕๖๒-๐๐๓๓-๔ ๑๔. แจ้งวตั ถตุ ้องสงสยั กด ๑๑๑๑ ๑๕. ตา� รวจทางหลวง กด ๑๑๙๓ ๑๖. ตา� รวจท่องเท่ียว กด ๑๑๕๕ ๑๗. ศูนยค วบคุมการจราจร กด ๑๑๙๗ การขอความช่วยเหลือจากแหล่งต่างๆ เมื่อพบว่าตนเองก�าลังตกอยู่ในสถานการณท่ีไม่ปลอดภัย หรือพบ เหตุฉุกเฉิน ควรต้ังสติให้ดี โดยแจ้งเหตุท่ีเกิด สถานท่ีเกิด บริเวณใกล้เคียงอย่างชัดเจน พร้อมท้ังสิ่งที่ต้องการให้ ชว่ ยเหลือ เพอ่ื ทางเจา้ หน้าท่จี ะได้มาถงึ ได้อยา่ งรวดเร็ว เม่ือพบเหตุการณท่ีมีผูปวยหรือผูบาดเจ็บจากอุบัติเหตุตางๆ สิ่งท่ีผูพบเห็นควรปฏิบัติ คือ การใหการปฐมพยาบาลอยางถกู วธิ ี และกระทาํ ทนั ทตี ามสาเหตุและอาการของผูปวย ท้งั น้ี เพื่อชวยลดอันตรายของผูปวยใหทุเลาลง เราจึงควรเรียนรูและฝกการปฐมพยาบาล เพ่ือใหมี ทกั ษะความสามารถในการใหค วามชว ยเหลอื ผอู น่ื อนั จะชว ยใหผ ปู ว ยหรอื ผบู าดเจบ็ นน้ั ไดร บั ความ ปลอดภยั มากทสี่ ุด ๑๕๕ แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETิด เกร็ดแนะครู หลกั การปฐมพยาบาลตอ งคํานงึ ถึงอะไรมากทีส่ ดุ ครูควรแนะนาํ ใหน ักเรียนบันทึกเบอรโ ทรศัพทห นว ยงานทีจ่ ะขอความชว ยเหลือ แนวตอบ หลักการปฐมพยาบาลเบ้ืองตน ส่ิงสาํ คัญทต่ี อง ไวหลายๆ หนว ยงาน และบันทกึ ไวแบบทโี่ ทรออกอยา งเรง ดว นไดสะดวก คาํ นงึ ถึงมากทีส่ ุดคอื ผูชว ยเหลอื และผปู ว ย โดยผชู วยเหลือ จะตองคาํ นงึ ถึงความปลอดภยั ของตนเองมาเปน อันดบั แรก นกั เรยี นควรรู และเม่อื ใหก ารชว ยเหลือก็จะตอ งคํานึงถงึ การชว ยเหลอื ให ผูปว ยไดรับความปลอดภยั และชว ยลดการบาดเจบ็ ใหก บั 1 วิกฤต คือ เวลาหรอื เหตกุ ารณทอ่ี ยใู นข้ันอันตราย ผูปว ยกอ นนาํ สงสถานพยาบาลตอ ไป คมู ือครู 155
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Explore Explain Expand Engage Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล การเขียนสรปุ เปนรายงานวธิ ีการปฐมพยาบาล คาํ ถาม ประจําหนวยการเรยี นรู้ และเคลือ่ นยายผูปวยอยางปลอดภัย ๑. การปฐมพยาบาลอยา่ งถกู ต้องก่อใหเ้ กดิ ผลดีตอ่ ผู้ปว่ ยอยา่ งไร หลกั ฐานแสดงผลการเรียนรู ๒. ในขณะท่นี กั เรยี นส่งผปู้ ่วยให้แก่แพทยแ์ ล้ว นกั เรยี นควรจะใหข้ อ้ มลู ผู้ปว่ ยแก่แพทย์ในเรอ่ื งใดบา้ ง ๓. บาดแผลทถี่ กู ของแหลมคมทมิ่ แทง ถา้ ปฐมพยาบาลหรอื รกั ษาดว้ ยวธิ ที ไ่ี มถ่ กู ตอ้ ง จะสง่ ผลเสยี อยา่ งไร 1. ปายนิเทศขนาดเลก็ สรปุ ถึงวธิ ีการปฐมพยาบาล ๔. หากผปู้ ว่ ยมีอาการทรดุ หนกั ในขณะทีน่ ักเรียนก�าลังปฐมพยาบาลอยู่ นกั เรียนควรท�าอย่างไร 2. รายงานวธิ กี ารปฐมพยาบาลและเคลือ่ นยาย ๕. หากนักเรียนไปพบเหตุการณ์อุบัติเหตุ ซึ่งมีผู้ท่ีได้รับบาดเจ็บท่ีขา เดินไม่ได้ แต่ยังสามารถใช้ ผปู ว ยอยางปลอดภยั ขาข้างใดข้างหนึ่งได้ นักเรียนพิจารณาดูแล้วพบว่าผู้ป่วยมีรูปร่างที่เล็กกว่านักเรียน นักเรียนจะ เลือกใช้วิธีการเคลือ่ นยา้ ยผปู้ ว่ ยอย่างไรใหป้ ลอดภยั กจิ กรรม สร้างสรรคพ ฒั นาการเรียนรู้ กจิ กรรมท่ี ๑ เชิญวทิ ยากรมาบรรยายให้ความรแู้ ละสาธิตเกี่ยวกบั การปฐมพยาบาล กจิ กรรมท่ี ๒ นักเรียนแบง่ กลุม่ แล้วสง่ ตวั แทนออกมาจบั สลากสถานการณต์ ่างๆ โดยครูผูส้ อน เป็นผ้สู มมตสิ ถานการณ์ เพ่ือใหน้ ักเรยี นแสดงบทบาทสมมติในการปฐมพยาบาล กิจกรรมที่ ๓ และการเคล่อื นย้ายผู้ป่วย นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ เพอื่ ศกึ ษาขอ้ มลู การเจบ็ ปว่ ยของนกั เรยี นในโรงเรยี น วา่ มปี ญ หา สขุ ภาพทเี่ กดิ ขน้ึ อยา่ งกะทนั หนั อะไรบา้ ง และไดร้ บั การปฐมพยาบาลอยา่ งไร แลว้ ส่งตวั แทนออกมานา� เสนอหน้าช้นั เรียน ๑๕๖ แนวตอบ คาํ ถามประจาํ หนว ยการเรยี นรู 1. ผปู ว ยรอดชีวิตจากการบาดเจบ็ หรือการเจ็บปว ยทร่ี นุ แรง 2. รายละเอยี ดเกยี่ วกับเหตกุ ารณทเ่ี กิดขึน้ อาการ และลักษณะของผบู าดเจ็บเก่ยี วกบั การปฐมพยาบาลท่ไี ดใ หความชว ยเหลือไป 3. “บาดแผล” บาดแผลอาจลกึ กวาเดมิ มีการบอบชาํ้ ของเน้ือเยอื่ และแผลอาจตดิ เชือ้ ได 4. ตงั้ สตใิ หด ี และพยายามใหการปฐมพยาบาลตอ ไปแลวรบี นาํ สง โรงพยาบาลทนั ที 5. การเคลือ่ นยา ยโดยใชผ ชู ว ยเหลอื คนเดียว ดวยวธิ ีอุมกอดดานหนา 156 คมู ือครู
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate เปาหมายการเรียนรู 1. อธบิ ายลักษณะอาการของผูติดสารเสพตดิ และการปองกนั การตดิ สารเสพติดได 2. อธบิ ายความสมั พนั ธของการใชสารเสพติด กบั การเกดิ โรคและอบุ ตั เิ หตไุ ด สมรรถนะของผเู รยี น 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการแกป ญหา 3. ความสามารถในการใชท ักษะชวี ติ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค 1. ซอ่ื สตั ยส ุจริต 2. ใฝเรียนรู 3. มงุ มัน่ ในการทํางาน 4. มจี ติ สาธารณะ ๘หนว ยท่ี กระตนุ ความสนใจ Engage มหันตภัยจากสารเสพติด ใหน ักเรยี นดภู าพหนาหนวย จากน้นั ครู ตงั้ คาํ ถามเพอ่ื กระตนุ การเรียนรู ตัวชว้ี ดั สารเสพตดิ เปน มหนั ตภยั รา ยแรงทก่ี อ ให • นกั เรยี นเคยไดร ว มรณรงคต อ ตา นสารเสพตดิ ■ อธบิ ายลกั ษณะอาการของผตู้ ดิ สารเสพตดิ และการปอ้ งกนั การ เกิดปญหาท้ังตอบุคคล ครอบครัว ชุมชน หรือไม ตดิ สารเสพตดิ (พ ๕.๑ ม.๑/๒) สังคม และประเทศชาติ โดยมคี วามสมั พนั ธ กบั การเกิดโรคและอบุ ัตเิ หตุ ซง่ึ สงผลกระทบ • นกั เรยี นคดิ วา การรณรงคตอ ตานสารเสพติด ■ อธบิ ายความสมั พนั ธข์ องการใชส้ ารเสพตดิ กบั การเกดิ โรคและ เปนหนาท่ีของบุคคลใด อบุ ัตเิ หตุ (พ ๕.๑ ม.๑/๓) • เพราะเหตใุ ดจงึ มกี ารรณรงคต อ ตาน สาระการเรียนรู้ ตอสุขภาพ ตลอดจนความปลอดภัยของผูเสพ สารเสพติด อีกทั้งยังสรางปญหาตางๆ ใหกับผูอ่ืน ดังน้ัน ■ ลกั ษณะของผู้ติดสารเสพตดิ จึงเปนความจําเปนท่ีเราจะตองหลีกเลี่ยง ไมไป ■ อาการของผู้ติดสารเสพติด ยุงเกี่ยวกับสารเสพติด และรว มมือกนั แกไขปญหา ■ ความสมั พนั ธข์ องการใชส้ ารเสพตดิ กับการเกิดโรค สารเสพตดิ เพื่อสรา งความม่ันคงเขม แข็งและความ และอุบัติเหตุ ผาสกุ ใหเ กิดแกส ังคมไทย เกรด็ แนะครู กอนนาํ เขา สูก ารเรียนการสอน และกอนการถามคําถามขางตนนน้ั ครอู าจ นาํ ภาพขา วสาร หรอื บทความตางๆ ที่เปนผลจากมหันตภัยของสารเสพติด เชน การจับตัวประกัน อุบตั ิเหตจุ ากการใชส ารเสพตดิ ผูปวยทป่ี ว ยดว ยโรคมะเรง็ ตับ โรคถุงลมโปงพอง เปน ตน มาใหนกั เรยี นดู เพ่อื กระตนุ ความสนใจ และอภิปราย รว มกนั ถึงมหนั ตภัยจากสารเสพติด คูม ือครู 157
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Engage กระตนุ ความสนใจ ครอู าจนําภาพบคุ คลทต่ี ิดสารเสพติดมาให ๑. ความรทู้ ่วั ไปเกย่ี วกับสารเสพติด นกั เรยี นรว มกันอภปิ รายวา ลักษณะของบุคคล สารเสพตดิ หมายถึง ยาหรอื สารเคมี หรือวัตถุชนิดใดๆ ก็ตาม เมือ่ เสพเข้าสู่รา่ งกายแลว้ ดงั กลา วเปนอยางไร นาคบคา สมาคมดวยหรือไม ไมว่ า่ จะโดยวธิ กี ารรบั ประทาน สบู ฉดี ดม หรอื จากน้ันครตู ้ังคาํ ถามกระตนุ ความสนใจของนกั เรียน วิธีอื่นๆ แล้วก่อให้เกิดผลต่อร่างกายและจิตใจ ของผเู้ สพสารเสพตดิ • หากกลา วถึงสารเสพติด นกั เรยี นนกึ ถงึ ผลร้ายของสารเสพติดท่ีมีตอผู้เสพที่ สิง่ ใดบา ง สาํ คญั มี ๔ ประการ คือ (แนวตอบ ขนึ้ อยูก บั คาํ ตอบของนกั เรยี น ๑. จะมีความต้องการเสพสารนั้นอย่าง ซง่ึ อาจตอบวานึกถึงบุหรี่ สรุ า ยาบา กญั ชา รนุ แรงท้ังทางร่างกาย จติ ใจ และตลอดเวลา ยาอี เปนตน ) ๒. ต้องเพิ่มขนาดหรือปริมาณการเสพ มากขนึ้ • สารเสพตดิ มีโทษอยา งไรบาง ๓. มีอาการอยากยาหรือหิวยาเม่ือถึง (แนวตอบ ข้นึ อยกู บั คําตอบของนกั เรยี น เวลาที่ต้องการเสพแล้วไม่ได้เสพ โดยจะแสดง ซง่ึ อาจตอบวา สารเสพตดิ ทําใหผ เู สพมี การใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ กดิ ประโยชนใ์ นทางทส่ี รา้ งสรรค์ สามารถ อาการออกมาในลกั ษณะตา่ งๆ เชน่ หาว อาเจยี น สขุ ภาพเสอ่ื มโทรม มพี ฤติกรรมเปลยี่ นแปลง ป้องกันการติดสารเสพตดิ ได้ นา้� ตาน�้ามูกไหล คลมุ้ คลงั่ ขาดสติ เปน็ ต้น ไปในทางที่ไมดี เชน ขาดสติ มนี สิ ยั ลกั ขโมย เปน ตน ทาํ ใหค รอบครวั ไมม ีความสขุ สงผล ๔. ท�าใหส้ ุขภาพร่างกายและจติ ใจของผู้เสพเส่ือมโทรมลงอย่างรวดเร็ว ใหเกิดปญหาสงั คม และกระทบตอ การพฒั นา ประเทศชาติอีกดว ย) ๒. ประเภทของสารเสพติด สารเสพตดิ มีหลายประเภท ซงึ่ สามารถจา� แนกได้ ดังนี้ ๒.1 สารเสพตดิ ทแ่ี บง่ ตามแหลง่ ทีเ่ กิด แบง่ ออกเป็น ๒ ประเภท คอื สารเสพตดิ ธรรมชาติ สารเสพตดิ สังเคราะห เป็นสารหรือยาเสพติดที่ได้มาจากพืช หรือพันธุ์ไม้บางชนิดที่ เป็นสารหรือยาท่ีผลิตหรือสังเคราะห์ขึ้นด้วยวิธีทางเคมี ขนึ้ อย่ตู ามธรรมชาติ ไดแ้ ก่ ฝิ่น กญั ชา กระทอ่ ม รวมไปถึง และน�ามาใช้แทนสารเสพตดิ ธรรมชาติ ได้แก่ ยาบ้า ยาอี มอร์ฟีน (Morphine) และเฮโรอีน (Heroine) ซ่ึงแปรสภาพ กาวซเี มนต์ (Fast Setting Latex) ทินเนอร์ (Thinner) ทางเคมีมาจากฝ่นิ ๒.๒ สารเสพตดิ ทแ่ี บง่ ตามพระราชบญั ญตั ยิ าเสพตดิ ใหโ้ ทษ พ.ศ. ๒5๒๒ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ ได้จัดประเภทของสารเสพติดไว้ ๕ ประเภท คือ 158 บรู ณาการอาเซยี น ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET นกั เรยี นคิดวาสถานการณส ารเสพตดิ ในปจจุบันเปนอยางไร ประเทศไทยไดเ ล็งเหน็ ความสาํ คัญของความรวมมอื ดานสงั คมเพอื่ สนั ติสขุ จงอธบิ ายมาพอสงั เขป ในภูมภิ าค จึงสนับสนนุ ใหอาเซยี นกระชับความรวมมือในการแกไขปญหา แนวตอบ ปจ จบุ ันสารเสพตดิ ยงั มีความรนุ แรงและมีแนวโนม อาชญากรรมขามชาตโิ ดยเฉพาะเรอื่ งการคายาเสพตดิ รวมทงั้ ใหความสาํ คญั ที่เพมิ่ ข้นึ โดยเฉพาะในกลมุ วยั รุนซึ่งควรไดร ับการปองกัน โดย กับการพฒั นาทรัพยากรมนุษยเพื่อเปนกลไกในการลดชอ งวางระหวางประเทศ อาศยั ความรว มมือของทุกคนในสังคมในการชว ยกนั สอดสอง สมาชิกเกา และใหมข องอาเซียนซง่ึ จะมสี ว นชวยสนบั สนนุ การรวมตวั ของอาเซียน ดแู ล และรวมมือกนั แกไขปญ หาสารเสพติดใหหมดไป โดยไทยไดผลกั ดนั ใหอาเซียนมมี ติรับรองการจัดใหมปี แ หงการปลูกจิตสาํ นกึ ใน การตอตา นยาเสพติดในอาเซยี น เนอื่ งจากไทยไดส ูญเสยี ทรพั ยากรจาํ นวนมาก บรู ณาการเชื่อมสาระ ในการแกไขปญหายาเสพตดิ และจําเปนตอ งไดรบั ความรว มมอื ระดับภมู ภิ าค สามารถนําเน้อื หาเร่ือง ความรทู ว่ั ไปเกยี่ วกับสารเสพติด และ ประเภทของสารเสพตดิ ไปบูรณาการเชือ่ มโยงกับกลมุ สาระ มมุ IT การเรียนรวู ิทยาศาสตร วชิ าวทิ ยาศาสตร เรอื่ ง สารเสพตดิ และ ผลตอ รางกาย สามารถศึกษาเพิม่ เตมิ เกย่ี วกบั พระราชบญั ญตั สิ ารเสพตดิ ใหโทษ พ.ศ. 2522 ไดจากเว็บไซตข องสาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฏกี า http://www.krisdika.go.th 158 คูม อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explain Expand Evaluate Explore Explore สาํ รวจคน หา ประเภทที่ ๑ ประเภทที่ ๒ ประเภทท่ี ๓ ประเภทที่ ๔ ประเภทท่ี ๕ จากปญหาสารเสพติดที่นับวนั จะยงิ่ ทวี ความรนุ แรงมากข้นึ เพ่ือใหน กั เรยี นไดต ระหนกั สารเสพติดให้โทษ สารเสพติดให้โทษ สารเสพติดให้โทษท่ีมี สารเคมีทใ่ี ชใ้ นการ สารเสพติดใหโ้ ทษ ถงึ โทษของสารเสพตดิ ครจู ึงใหน กั เรียนแตล ะคน ชนดิ ร้ายแรงที่ไม่มี ทวั่ ไป ทม่ี ปี ระโยชนใ์ น สารเสพติดในประเภท ผลิตสารเสพติดให้ ทม่ี ไิ ดอ้ ยใู่ นประเภท ศึกษาเร่อื ง การนา� มาใชใ้ นทาง การรักษาในระดบั น้อย ที่ ๒ เปน็ สว่ นผสม โทษในประเภทท่ี ๑ ที่ ๑ ถึงประเภท การแพทย์และท�าให้ จนถงึ มาก และทา� ให้ อย่ดู ว้ ย ตามทไี่ ดข้ น้ึ หรอื ประเภทท่ี ๒ เช่น ท่ี ๔ เช่น กัญชา • ความรูทัว่ ไปเกีย่ วกบั สารเสพติด เกดิ การเส่ยี งต่อการ เกดิ การเสี่ยงต่อการ ทะเบยี นต�ารับไว้ ซง่ึ อาเซตคิ แอนไฮไดรด์ เพหืชด็ กขร้คี ะวทาอ่ ย2มเปน็ ต้น • ประเภทของสารเสพตดิ ติดยาของประชากร ตดิ ยาของประชาชน ท�าให้เกิดการเสยี่ ง (Aceticanhydride) • ลักษณะอาการของผตู ิดสารเสพตดิ ในระดับรุนแรง เชน่ ในระดับทพ่ี งึ ระวัง ตอ่ การตดิ ยาของ อาเซติลคลอไรด์ จากหนังสือเรียนและแหลงเรียนรูเ พิม่ เติม ยาบา้ ยาอี เฮโรอนี เชน่ มอร์ฟีน โคเคน ประชากรน้อย (Acetylchloride) โดยนักเรียนสามารถท่ีจะสรปุ สาระสาํ คญั ไดตาม เปน็ ต้น (Cocaine) โคเคอีน แตย่ งั คงมีอนั ตราย เปน็ ตน้ ความตอ งการเพ่ือใหเ ขา ใจในเนื้อหาไดงายและ เปน็ ต้น และมีประโยชนม์ าก สามารถจดจําไดม ากขึน้ ยในากแากร้ไรอกั ผษสามโโรคคเคเชอ่นนี 1 เปน็ ต้น ๒.๓ สารเสพติดทีแ่ บง่ ตามการออกฤทธิ์ตอ่ จติ ประสาท สารเสพติดสามารถออกฤทธต์ิ อ่ จิตประสาท แบ่งออกเปน็ ๔ ประเภท คือ ประเภท ประเภท ประเภท ประเภท กดประสาท กระตุ้นประสาท หลอนประสาท ออกฤทธ์ิผสมผสาน เป็นสารเสพตดิ ทีอ่ อกฤทธิ์ มผี ลต่อระบบประสาท ท�าให้ เปน็ สารเสพติดทีม่ ีผลตอ่ เป็นสารเสพติดทอี่ อกฤทธ์ิ ต่อระบบประสาทสว่ นกลาง ประสาทตงึ เครยี ด ความคิด ระบบประสาทสมองสว่ น ท้ังกดประสาท กระตุ้น ในสมองส่วนท่ีควบคมุ สบั สน เกิดภาพหลอน สมั ผัสทงั้ ๕ ทา� ให้ หรอื หลอนประสาท ความรสู้ กึ ทา� ใหม้ นึ งง เพอ้ คล่งั หวาดระแวง ตืน่ ตวั การมองเห็น การได้ยนิ พร้อมกนั เชน่ กัญชา ประสาทชา ขาดสติ ต่ืนเต้นตลอดเวลา หวั ใจเต้น การชิมรส การสมั ผสั และ เปน็ ตน้ งว่ งซมึ และไมม่ ี แรงและเร็ว มอื สนั่ การดมกลน่ิ เปลีย่ นแปลง ความยับย้งั ชั่งใจ เหงือ่ ออกมาก นอนไม่หลบั ไปจากท่เี ป็นจริง เห็น หมดความเป็นตัวเอง ปากและจมูกแห้ง ริมฝปี าก ภาพลวงตาเปน็ จนิ ตนาการ ไปชั่วขณะ เชน่ ฝิ่น แตก รูม่านตาเบกิ กว้าง ที่สวยงามและน่ากลวั จน มอร์ฟีน สารระเหย ปวดศรี ษะ เบ่ืออาหาร ไม่สามารถควบคมุ ตนเองได้ เฮโรอีน แบบสเปรย์ คลน่ื ไสอ้ าเจียน ท้องเดิน เช่น เห็ดขี้ควาย แอลเอสดี สสี เปรย์ (Autopaint ปวดท้องอย่างรนุ แรง (LSD) ยาเค (Ketamine) Spray) สารระเหย สารเสพตดิ ประเภทน้ี ได้แก่ เปน็ ตน้ แบบทนิ เนอร์ ยาบา้ โคเคน ยาอี ยาเลิฟ (ทินเนอร์ นา้� ยาลา้ งเลบ็ ) เอ็คซ์ตาซี (Ecstasy) และ ยานอนหลบั เป็นตน้ กระท่อม เป็นตน้ 159 ขอ สอบ O-NET นักเรยี นควรรู ขอ สอบป ’52 ออกเกยี่ วกบั ประเภทของสารเสพตดิ 1 ยาแกไ อผสมโคเคอีน ออกฤทธิ์ทร่ี ะบบประสาทสวนกลางบริเวณศูนยค วบคุม สารเสพตดิ ประเภทใดท่ีจดั เปน กลุมเดยี วกบั “ยาไอซ” การไอทอี่ ยูในสมอง ผลของการใชใ นทางที่ผดิ จะเกดิ อนั ตรายตอสขุ ภาพ เชน 1. กัญชา มอรฟ น เฮโรอนี คลืน่ ไส อาเจียน งวงซึม และที่สาํ คญั การใชยาติดตอ กนั เปนเวลานานจะทาํ ใหเกิด 2. ยาบา แอลเอสดี แอมเฟตามนี การตดิ ยา และมอี าการอยากยาเมอื่ ขาดยา ซ่ึงตอ งเขา รบั การบําบดั รักษา 3. โคเคน แอลเอสดี เหลาแหง 2 เหด็ ข้คี วาย เปนเห็ดพษิ ซ่ึงข้นึ อยตู ามกองมูลควายแหง ดอกเหด็ มสี เี หลอื งซีด 4. เอ็กซตาซี ฝน แอมเฟตามีน คลา ยสฟี างแหง บนหวั ของรมจะมสี นี ํ้าตาลเขม จนถงึ สีดํา บริเวณใกลตัวรมจะมี วิเคราะหคาํ ตอบ ยาไอซ เปน สารเสพตดิ ในกลมุ แอมเฟตามนี แผน เน้ือเยอื่ บางๆ สีขาว แผขยายออกรอบกา นลักษณะคลายวงแหวน ข้นึ ท่วั ไป ในแทบทุกภาคของประเทศไทย สามารถศกึ ษาเพ่ิมเติมและดูรปู เห็ดข้คี วาย ไดจ าก หรอื ยาบา มลี กั ษณะเปน กอนผลึกใสเหมอื นนาํ้ แขง็ มีช่ือทาง เว็บไซตสํานักงานขอมลู สมุนไพร คณะเภสชั ศาสตร มหาวิทยาลยั มหดิ ล วทิ ยาศาสตรว า เมทแอมเฟตามนี ไฮโดรคลอไรด ซง่ึ ออกฤทธ์ิ http://www.medplant.mahidol.ac.th/tpex/poison/hedkheek.htm กระตุนประสาทเชน เดียวกบั ยาบา จงึ จดั เปน สารที่มีผลตอการ กระตนุ จติ ใจ ตอบขอ 2. คมู อื ครู 159
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล Explore Evaluate Engage Explain Explain Expand อธบิ ายความรู ครูตงั้ คําถามใหนกั เรยี นไดอ ธิบายความรูท่ีได ๓. ลกั ษณะและอาการของผ้ตู ดิ สารเสพติด ศกึ ษามา สารเสพตดิ จะมผี ลกระทบตอ่ รา่ งกายและจติ ใจของผเู้ สพ ซงึ่ ทา� ใหล้ กั ษณะและความประพฤติ • ใหน กั เรียนรว มกนั ยกตัวอยางสารเสพติด ของผู้เสพเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยผู้เสพจะมีลักษณะอาการที่สามารถสังเกตได้จากการ ธรรมชาติ และสารเสพติดสังเคราะห เปลย่ี นแปลงทางด้านรา่ งกายและพฤตกิ รรม ดงั นี้ (แนวตอบ สารเสพตดิ ธรรมชาติ เชน ฝน ๓.1 การเปลยี่ นแปลงทางดา้ นร่างกาย กญั ชา กระทอม เปนตน สวนสารเสพติด สังเคราะห เชน ยาบา ยาอี สารระเหย ลกั ษณะและอาการผตู ิดสารเสพติด เปนตน) สุขภาพทรดุ โทรม ผอม ซูบซดี และเจบ็ ปวยงาย • ยาบา เปนสารเสพตดิ ทอ่ี อกฤทธ์ิตอ ตาโรย ตาแดง และมนี ํ้ามกู นาํ้ ตาไหล เหง่ือออกมาก จิตประสาทอยางไร และกลนิ่ ตัวแรง บางครั้งจะไดกล่นิ ของสารทีเ่ สพเขา ไป (แนวตอบ ออกฤทธิ์กระตุนประสาท ทาํ ใหเกิด มรี อยฉดี ยาบรเิ วณตนแขนดานในหรอื ขอ พบั ของขอศอก ภาพหลอน หวาดระแวง หัวใจเตน เรว็ เหง่อื จึงมักใสเส้ือแขนยาว ออกมาก นอนไมห ลับ ปวดศีรษะ) มีอาการงวงเหงาหาวนอน และเบือ่ อาหาร บางครง้ั อาจมี อาการเหมือนคนเมาเหลา คลมุ คล่งั และทาํ รา ยผูอน่ื จากนั้นใหนกั เรียนรวมกนั อภิปรายลักษณะ อาการของผตู ดิ สารเสพติด นิว้ มอื เลบ็ จะมคี ราบเหลอื ง ดํา สกปรก (หากเสพโดยการสบู ) ขยายความเขา ใจ Expand ๓.๒ กผู้เาสรพเสปาลร่ียเสนพแติปด1จละงมทีพาฤงตดิกร้ารนมพเปฤลต่ียกินรแปรมลงไปจากเดิม โดยจะแสดงพฤติกรรม ใหน ักเรียนแบง กลมุ กลมุ ละ 5-6 คน คนควา ออกมาที่สามารถสังเกตได้ ดงั น้ี เพิ่มเตมิ จากแหลงเรยี นรูตางๆ แลว จดั ปา ยนเิ ทศ เผยแพรความรเู ก่ียวกับประเภทของสารเสพตดิ ๑. มีนิสัยเกียจคร้านและไม่รับผิดชอบหลังจากที่เสพสารเสพติดแล้ว ท�าให้ลด หรอื ลักษณะอาการของผูตดิ สารเสพติด (จบั สลาก ความต้ังใจ และพฤติกรรมตา่ งๆ ลง ขาดความสนใจในตนเอง ละเลยกจิ วตั รประจ�าวัน โดยไม่สนใจ วาจะไดจดั บอรด เรอื่ งใดเรอื่ งหน่ึงเทาน้นั ) สิ่งแวดล้อมรอบตัว ๒. ซึมเศรา้ อารมณห์ งดุ หงดิ ฉนุ เฉยี ว และโมโหงา่ ย เอาแต่ใจตนเอง เบอื่ หน่าย ตอ่ การเรยี นหรอื การทา� งานทกุ อย่าง ๓. ขาดสติสมั ปชัญญะ ๔. มีนิสัยโกหก โดยเริ่มจากโกหกเร่ืองเล็กๆ น้อยๆ ไปจนกระทั่งโกหกเร่ืองที่มี ความส�าคัญมากข้ึน และมักแสดงออกถึงการมีลับลมคมนัยเกี่ยวกับการซุกซ่อนสารเสพติด เพราะกลวั ผอู้ นื่ จะรู้จะเห็น 16๐ นักเรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET นกั เรียนคิดวาสาเหตสุ าํ คญั ท่ีทาํ ใหวัยรุนติดสารเสพติด 1 ผูเสพสารเสพติด สาเหตุของการตดิ สารเสพติด มีดังนี้ มากท่ีสดุ คอื อะไร • ความอยากรูอยากลองดว ยความคกึ คะนอง แนวตอบ สาเหตขุ องการติดสารเสพตดิ ในวัยรนุ มหี ลายปจ จัย • ถกู หลอก เพื่อนชวน หรอื ตองการใหเ ปน ทย่ี อมรบั จากกลุม เพอ่ื น ไดแ ก • สภาพแวดลอมทีอ่ ยูอาศัยมกี ารคายาเสพตดิ หรือมผี ตู ิดยาเสพติด • ความอยากรอู ยากลอง และความคึกคะนอง อาจสงผลใหว ยั รุน • มีความเชือ่ ในทางที่ผิด หนั ไปใชส ารเสพติดไดงา ย • ขาดความระมดั ระวังในการใชยา เนือ่ งจากคุณสมบัติของยาบางชนดิ • อทิ ธพิ ลของเพอื่ นและสง่ิ แวดลอ ม คา นยิ ม และการมพี ฤตกิ รรม อาจทาํ ใหผ ใู ชเ กิดการเสพติดไดโ ดยไมรตู ัว เลยี นแบบ • พนื้ ฐานบคุ ลกิ ภาพทอี่ อ นแอ ขาดความเชอื่ มนั่ รสู กึ วา ตนเอง มมุ IT มีปมดอ ย ขาดเปาหมายในชีวติ เมอ่ื ตอ งพบเจอกบั ปญหา ความเครียด หรือความกดดัน มักปรบั ตัวไมไ ด และไมสามารถ สามารถศกึ ษาเพมิ่ เติมเกี่ยวกบั ลักษณะของผูต ดิ สารเสพตดิ ไดจากเวบ็ ไซต แกไขปญหาตา งๆ ได จงึ ใชสารเสพติดเพอ่ื หลกี หนีจากปญหา ศนู ยว ชิ าการสารเสพติดภาคเหนือ มหาวิทยาลยั เชยี งใหม http://www.sri.cmu. • ปญ หาครอบครวั แตกแยก การขาดความรกั ความอบอนุ ac.th/~nsac/All_Page/Knowledge/Behavior_of_Patient.htm ชอบตาํ หนแิ ละพดู ประชดประชนั บรรยากาศเหลา นที้ าํ ใหว ยั รนุ เบอ่ื หนา ย และมโี อกาสทาํ ใหว ยั รนุ หนั ไปใชส ารเสพตดิ ไดง า ย 160 คูม อื ครู
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Engage กระตนุ ความสนใจ ๕. ใชเ้ งนิ เปลืองผิดปกติ โดยจะใช้เงนิ เพม่ิ ข้ึนเรอื่ ยๆ ภายในไม่เกนิ ๑ ปี มีหน้ีสนิ ครูนาํ ภาพบุคคลท่ีเปนโรคตา งๆ จากการ จนทา� ใหบ้ างครง้ั มนี สิ ัยทลี่ กั เล็กขโมยนอ้ ย เสพสารเสพตดิ เชน โรคถงุ ลมโปงพอง โรคหวั ใจ โรคมะเร็งปอด อมั พาต ตับแข็ง โรคประสาท ๖. ขาดความเปน็ ระเบียบเรียบร้อย และสกปรก เปน ตน มาใหนักเรยี นดแู ละรว มกนั วเิ คราะห ๗. ชอบเก็บตวั ไมส่ ุงสงิ กบั ใคร วา การเสพสารเสพตดิ มคี วามสมั พนั ธกบั การเกิด ๘. มกี ารติดต่อกบั คนแปลกหน้ามากขึน้ โดยมักเป็นพวกทมี่ กี ารเสพยาเหมือนกัน โรคตา งๆ เหลา นั้น อยา งไร ๙. ใชห้ อ้ งน�า้ นานผดิ ปกติ ๑๐. พกพาอปุ กรณเ์ ก่ยี วกับการเสพสารเสพติด ครูตง้ั คําถามเพือ่ กระตนุ การเรยี นรู และ ทดสอบความรูเดิมของนกั เรยี น ๔ . แคลวาะมอสุบมัตั พเิ หันตธุ ข์ องการใช้สารเสพติดกับการเกิดโรค • ใหนกั เรยี นยกตวั อยา งโรคที่เกิดจากการ สารเสพติดทุกประเภทจะมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคและอุบัติเหตุอย่างชัดเจน โดยเม่ือ สูบบหุ ร่ี เสพเข้าไปสารเสพติดก็จะออกฤทธิ์ต่อร่างกาย ซ่ึงมีผลต่อสุขภาพ และเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุ (แนวตอบ โรคถงุ ลมโปงพอง โรคมะเร็งปอด ร้ายแรงได้ นับเปน็ ปัญหาท่สี ร้างความเดอื ดร้อนให้แก่ตนเองและผูอ้ นื่ เปน็ อยา่ งมาก โรคหวั ใจ เปน ตน ) ๔.1 ประเภทของสารเสพตดิ กบั การเกดิ โรค • ใหน กั เรียนยกตวั อยา งโรคท่เี กิดจากการ สารเสพติดเม่ือเสพเข้าไปแล้ว จะท�าให้ภูมิต้านทานโรคในร่างกายน้อยกว่าปกติ ดม่ื สุรา กอ่ ใหเ้ กดิ โรคภยั ไขเ้ จบ็ ไดง้ า่ ย โดยสารเสพตดิ ท่ีทา� ใหเ้ กดิ โรคท่พี บเหน็ ไดบ้ อ่ ยในสงั คม ไดแ้ ก่ (แนวตอบ อัมพาต ตบั แขง็ มะเร็งตบั เปน ตน) ๑) บหุ รี่ เป็นสารเสพตดิ ที่ใหโ้ ทษทั้งตอ่ ตนเองและผู้อื่น เพราะในควนั บุหรม่ี สี ารเคมี จากนนั้ ครูกลาวนาํ เขาสูเ นอ้ื หาวา นอกจาก บหุ รแี่ ละสุราแลว ยงั มีสารเสพติดอกี หลายชนิดที่ อยู่มากมาย ซง่ึ เป็นพิษภยั ตอ่ สุขภาพของผูเ้ สพและผทู้ ่ไี ด้รับควนั บุหรีเ่ ขา้ ส่รู า่ งกาย โดยสารท่ีอยู่ เมอ่ื เสพแลวจะกอใหเกิดโรคตา งๆ อีกมากมาย ใสนูบบเพุหรราี่นะั้นควจาะมไมเค่มยีผชลินท่ีถทา้�าไใมห่ส้ผบู ู้สจูบะตไมิด่ทได�าใ้ หแเ้ ตกดิ่จอะเาปก็นารกา“ลรตงแิดดทง1า”งเใหจมอืทน่ีเรสียากรเวส่าพต“สดิ ่ิงอเืน่ สๆพติดนิสัย” ซ่งึ นักเรยี นจะไดศ ึกษาตอไป เกรด็ นา่ รู้ สมองติดยา ภาวะ “สมองตดิ ยา” คือ ภาวะทเี่ กดิ จากการใช้สารเสพติดจนส่งผลต่อสมอง ๒ สว่ น คอื สมองส่วนคิด (Prefrontal) ที่ทำาหน้าท่ีคิดอย่างมีเหตุผลด้วยสติปัญญา และสมองส่วนอยาก (Brain Reward Pathway) ที่ทำาหน้าทีค่ วบคุมอารมณ์ความอยาก หรอื ความตอ้ งการข2องคน เม่ือเสพสารเสพติดเข้าไปสมองจะหล่ังสารสื่อประสาทเรียกว่า โดปามีน (Dopamine) และเซโรโทนิน (Serotonin) ซ่ึงทำาให้รู้สึกมีความสุข ผู้ที่เสพจะใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล เม่ือใดท่ีมีสิ่งกระตุ้น หรืออยู่ใน สภาวะแวดล้อมท่ีเก่ียวข้องกับการใช้สารเสพติดและยากต่อการควบคุม ซ่ึงเรียกอาการนี้ว่า โรคสมองติดยา หากปลอ่ ยไวไ้ มร่ ีบบาำ บัดรกั ษา สมองสว่ นคิดจะถกู ทำาลาย กลายเปน็ ผู้ที่มอี ารมณแ์ ปรปรวน ขาดความยบั ย้ัง ชัง่ ใจ เซลลส์ มองฝ่อ สตปิ ัญญาแยล่ ง กลายเปน็ โรคสมองเสื่อมในทส่ี ุด 161 ขอ สอบ O-NET นกั เรยี นควรรู ขอสอบป ’53 ออกเกยี่ วกับการสบู บหุ ร่ี 1 ลงแดง เปน อาการทุรนทุรายท่ีเกดิ จากการอยากกนิ ดื่ม หรอื เสพสารเสพติด นกั เรียนกําลังไปเขาหอ งนํ้าของโรงเรียน บังเอิญพบเพ่ือนๆ แลวไมไ ดเสพในขณะนน้ั ทาํ ใหเ กิดผลกระทบตอรา งกายและจิตใจ และแสดงออก คลา ยคนบา กําลงั สบู บุหร่ี เพ่อื นชกั ชวนใหน ักเรยี นสูบบุหร่ีดวย นักเรียน 2 สารสือ่ ประสาท (Neurotransmitter) เปนสารเคมีทส่ี รา งจากปลายเซลล จะพูดวาอยา งไร ประสาทหรอื ตวั เซลลป ระสาท เพื่อนําสัญญาณประสาท (Neurotransmission) ผานไซแนปซ (Synapse) หรือชอ งวางระหวา งเซลลประสาท สารสอ่ื ประสาท 1. “เอาไวค อ ยสูบวนั หลงั ” มหี ลายชนดิ เชน อะเซทิลคลอรีน (Acetylcholine) โดปามนี (Dopamine) 2. “ถา มหี มากฝร่ังระงบั กลน่ิ เราถึงจะสูบ” นอรอพี ิเนฟรีน (Norepinephrine) ซโี รโทนนิ (Serotonin) เปน ตน 3. “เราใหสญั ญากบั แมไ ววาจะไมส ูบบุหร”่ี 4. “ดเี หมอื นกนั วนั นย้ี ังไมม ีโอกาสไปซ้ือเลย” คมู ือครู 161 วเิ คราะหค าํ ตอบ เมอื่ เพอ่ื นชกั ชวนใหน กั เรยี นสบู บหุ รี่ นกั เรยี นควรปฏเิ สธไปอยา งหนกั แนนและทันที โดยใหพ ึงระลึก ไวเ สมอวา บหุ ร่ีเปน สารเสพติดที่ใหโทษท้ังตอตนเองและผูอ ่ืน ถึงแมว า จะไมสูบดว ยกต็ ามนักเรยี นก็ควรทจ่ี ะมจี ิตสํานกึ ตอ สงั คม ซงึ่ การทีน่ กั เรยี นปฏเิ สธโดยใชค ําพดู วา “เราใหสัญญา กับแมไวว า จะไมสูบบหุ ร”ี่ ถือเปน การปฏิเสธทีด่ ี เพราะนอกจาก จะเปน การเตอื นสติตนเองใหนึกถงึ แมแ ลว ยงั เปนการเตือนสติ เพือ่ นๆ ท่กี าํ ลงั สูบบุหร่อี ยดู ว ย ตอบขอ 3.
กระตนุ ความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore สาํ รวจคน หา Explore จากการศึกษาท่ีผานมา ทําใหน ักเรยี นไดทราบ การสูบบหุ รเี่ ปน็ พษิ ภยั ต่อสุขภาพทง้ั ตัวผสู้ บู และผทู้ ่ีไม่ได้สูบซ่งึ ได้สดู ดมเอาควัน ความรูทั่วไปเก่ยี วกบั สารเสพติด ประเภทของ บหุ ร่ีเข้าไป ซ่งึ สารพิษทมี่ อี ยู่ในบุหร่ีน้นั มหี ลายชนดิ ทกุ ชนิดล้วนมีผลตอ่ สุขภาพดว้ ยกนั ท้ังส้นิ แต่ สารเสพตดิ และลักษณะอาการของผตู ิดสารเสพตดิ สารพษิ ทสี่ ง่ ผลตอ่ สขุ ภาพอยา่ งเหน็ ไดช้ ดั มดี งั น้ี ไปแลว ดงั นน้ั จงึ ถอื วา นกั เรยี นไดม คี วามรคู วามเขา ใจ ๑.๑) นโิ คตนิ (Nicotine) เปน็ เบ้อื งตน เก่ียวกับสารเสพติดพอสมควร สารที่ท�าให้ออกฤทธิ์โดยตรงต่อสมอง โดยจะ ไปกระตุน้ และกดประสาทสว่ นกลาง ซ่งึ เมอื่ สูบ เพอ่ื กอ ใหเกิดความรคู วามเขา ใจในเรือ่ ง ๑-๒ มวนแรกจะท�าใหร้ สู้ ึกกระปรี้กระเปร่า แต่ สารเสพตดิ ไดอยา งลกึ ซ้งึ มากยิง่ ขน้ึ ครูจงึ ควร ถ้าสูบมากๆ หลายๆ มวน จะไปกดประสาท เชือ่ มโยงเน้ือหาทก่ี าํ ลงั จะใหน กั เรียนไดศกึ ษา สว่ นกลาง ท�าใหม้ ีความรู้สึกช้าลง โดยนิโคตนิ ตอ ไปน้ีดว ยตัวของนกั เรียนเอง โดยใหน กั เรยี น ร้อยละ ๙๕ จะไปจับอยู่ท่ีปอด ส่วนท่ีเหลือจะ ศกึ ษาเรื่อง การใชสารเสพติดกับการเกดิ โรค ไปจับอยู่ท่ีเย่ือหุ้มริมฝีปาก และบางส่วนจะถูก จากหนังสือเรยี น แลว บันทึกสาระสาํ คญั ลงในสมดุ ตามความเขา ใจของนักเรยี น มะนาวจะมีสารที่ช่วยลดความอยากนิโคตินได้ และมีผล หดดูมซวกมึ ไเตขา้ ทสา� กู่ ใหระห้ แลสง่ั เสลาอื รดอพิซเิงึ่ นมฟผี รลนิ โ1ด(Eยตpiรnงeตpอ่hตrinอ่ eม) ต่อการทำางานของต่อมรับรสขม ซ่ึงทำาให้รสชาติของบุหรี่ อนั เปน็ สาเหตทุ ที่ า� ใหค้ วามดนั โลหติ สงู ขน้ึ หวั ใจ เปลีย่ นไป เตน้ เรว็ กว่าปกติ หลอดเลือดแดงหดและตีบตัน อีกทั้งยังมีผลต่อการเพ่ิมไขมันในเลือดอีกด้วย ทั้งนี้สารนิโคตินที่มีอยู่ในบุหรี่มีผลท�าลาย เย่ือบุชั้นในของหลอดเลือดแดง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงท�าให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ หรือหัวใจขาด เลือดได้ ๑.๒) ทาร (Tar) หรือนํ้ามันดนิ เป็นส่วนประกอบสา� คัญของใบยาสบู มีลักษณะ เหนียวเป็นสนี า้� ตาลเขม้ กอ่ ใหเ้ กดิ มะเร็ง เช่น มะเรง็ ปอด ซง่ึ เม่ือสูบเขา้ ไปสารทาร์ทม่ี ีอยใู่ นบหุ รี่ จะไปจับที่ปอด เมื่อสูบติดต่อกันหลายครั้งจะท�าให้ขนปัดเล็กๆ (cilia) ภายในเย่ือบุช่องลมนั้น ไมส่ ามารถท�างานไดต้ ามปกติ เย่อื บุทางเดนิ หายใจ ถุงลมปอดถกู ท�าลาย มกี ารเสอ่ื มสภาพของ เนื้อเยื่อบุภายในทางเดินหายใจ เกิดการระคายเคือง มีอาการไอเรือ้ รงั และเป็นโรคถงุ ลมโปงพอง ๑.๓) แกสตางๆ เช่น แกสคาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbonmonoxide) แกสไฮโดรเจนไซยาไนด์ (Hydrogencyanide) แกสไนโตรเจนไดออกไซด์ (Nitrogendioxide) เปน็ ตน้ แกส เหลา่ นแ้ี ตล่ ะชนดิ เปน็ พษิ ตอ่ รา่ งกายแตกตา่ งกนั แตโ่ ดยสรปุ แลว้ แกส ตา่ งๆ ในควนั บหุ ร่ี มพี ิษภยั ทา� ใหร้ ่างกายอยใู่ นภาวะขาดออกซเิ จน สมองมึนงง เกดิ โรคหลอดลมอักเสบเร้อื รงั และ ท่ีสา� คัญ คือ ทา� ให้เกดิ โรคถุงลมโปงพอง ซ่งึ เป็นโรคทผ่ี ูป้ วยจะมอี าการทกุ ข์ทรมานมาก 2๑.๔) สารกอมะเรง็ (Carcinogen) ตา งๆ ได้แก่ ไฮโดรคาร์บอน (Hydrocarbon) และเบนโซไพริน (Benzopyrene) ซึง่ เป็นตัวการทีท่ า� ใหเ้ กิดโรคมะเรง็ ขึน้ ได้ 16๒ นักเรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET เพราะเหตุใดการใชสารเสพตดิ จึงมีความสมั พนั ธตอ การเกดิ 1 สารอพิ เิ นฟรนิ หรอื สารอะดรนี าลนิ (Adrenalin) เปน ฮอรโ มนทหี่ ลง่ั มาจาก โรคและอุบตั ิเหตุ ตอ มหมวกไตชน้ั ใน ทาํ หนา ทเี่ ปลย่ี นไกลโคเจนในตบั ใหเ ปน กลโู คสเขา สกู ระแสเลอื ด แนวตอบ สารเสพติดทุกประเภทจะมคี วามสมั พันธก บั การ ทาํ ใหมีระดบั กลูโคสในกระแสเลือดเพ่ิมขึ้น รา งกายมกี ารเผาผลาญอาหารเพ่มิ ขึน้ เกิดโรคและอบุ ตั เิ หตอุ ยา งชดั เจน โดยเมอ่ื เสพเขา ไปจะทาํ ให กระตนุ ใหห ัวใจบีบตัวแรงและเร็วขน้ึ และหลอดเลือดแดงหดตวั ภมู ติ า นทานโรคในรา งกายนอ ยกวาปกติ กอ ใหเกิดโรคภัยไขเ จ็บ 2 เบนโซไพริน (Benzopyrene) เกดิ จากการเผานาํ้ มันเช้อื เพลิง มกั พบในเขมา ไดงา ย และเปนเหตุใหเ กิดอุบตั ิเหตุรา ยแรง ซง่ึ อาจไดรบั บาดเจบ็ น้าํ มนั ถานหนิ และควันบหุ รี่ หรอื อาจถงึ ขนั้ เสยี ชีวติ ได มมุ IT สามารถศกึ ษาเพมิ่ เตมิ เกย่ี วกบั สารพษิ และโทษของบหุ ร่ี ไดจ ากเวบ็ ไซตข อง กลมุ สอื่ สารความเสย่ี งและพัฒนาพฤตกิ รรมสขุ ภาพ สํานกั งานปอ งกนั ควบคมุ โรคท่ี 9 พษิ ณโุ ลก http://dpc9.ddc.moph.go.th/crd/disease/cigarette.html 162 คูมือครู
กระตุนความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explain Expand Evaluate Explore Explore สาํ รวจคน หา ๑.๕) สารระคายเคืองตางๆ ในควันบุหร่ีจะมีสารระคายเคืองอยู่หลายชนิด เช่น1 ใหน ักเรียนแบง กลุมออกเปน 7 กลมุ ใหแตละ แอมโมเนีย (Ammonia) สารกัมมันตรังสี (Radioactive Agents) สารฟอร์มัลดีไฮด์ กลมุ สรุปสาระสําคัญของการใชสารเสพติดกับ (Formaldehyde) สารอะเซตาลดไี ฮด์ (Acetaldehyde) โดยสารเหลา่ นี้จะไปรบกวนการทา� งาน การเกดิ โรค ในรปู ของผังความคิด ดงั น้ี ของหลอดลมและปอด ท�าให้เกิดอาการไอ มีเสมหะมาก หลอดลมอักเสบ และทา� ลายระบบการ ปอ งกันตนเองโดยธรรมชาตขิ องระบบหายใจ ท�าให้รา่ งกายมโี อกาสเกดิ โรคต่างๆ ได้งา่ ย กลมุ ที่ 1 บุหร่ี กลุมที่ 2 สรุ า โรคทีเ่ กดิ จากการสบู บหุ รี่ กลุมที่ 3 ยาบา กลมุ ท่ี 4 ยาเลิฟ ยาอี และยาไอซ โรคมะเรง็ ปอด กลมุ ท่ี 5 สารระเหย กลุมที่ 6 กัญชา เกิดจากสารกอมะเร็งชนิดตางๆ โดยเฉพาะอยางย่ิงสาร กลุม ท่ี 7 เฮโรอนี ทารที่ไดรับจากควันบุหร่ี โดยผูปวยโรคมะเร็งปอดสวน ใหญมักเปนผูชายที่มีประวัติของการสูบบุหรี่ติดตอกันมา เปนเวลานาน ซ่ึงการเลิกสูบบุหรี่สามารถลดโอกาสท่ีจะ เกิดมะเร็งใหนอยลงได ถึงแมจะไมนอยลงเทาคนไมสูบ บุหรกี่ ็ตาม ถุงลมปกติ โรคถุงลมโปงพอง ถุงลมโป่งพอง เปน โรคที่เนอ้ื ปอดและถงุ ลมปอดถูกทําลาย สงผลใหการ แลกเปล่ียนออกซิเจนลดลง ทําใหรูสึกหายใจไมเพียงพอ หอบเหนื่อย หายใจลําบากและถ่ีขึ้น ซ่ึงสาเหตุเกิด จากการสูบบุหร่ี โดยการสูดเอาควันบุหร่ีเขาไปใน รางกาย และผานเขาไปในปอด ซึ่งในควันบุหร่ีจะ มีสารพิษที่ไปทําอันตรายตอเน้ือปอด นอกจากนี้ ไมเพียงแตสูบบุหร่ีเทาน้ัน การสูดดมส่ิงที่เปนพิษ เชน มลภาวะ ไอเสีย ฝุน สารเคมีเปนระยะเวลานานๆ ก็ สามารถเปนโรคถุงลมโปง พองไดเ ชนกนั โรคหวั ใจ เปน สาเหตกุ ารเสยี ชวี ติ อนั ดบั หนง่ึ ของคนไทยโดยสว นใหญ เปน หลอดเลอื ดหัวใจตีบตนั ซง่ึ สาเหตสุ าํ คัญ คือ การสูบ บหุ รี่ เพราะสารพิษที่อยูในควันบุหรี่ ไดแก แกสคารบ อน- มอนอกไซด และนิโคติน เหลานี้จะมีผลตอการทํางาน ของหัวใจ ทาํ ใหห ลอดเลือดตบี ตนั เกิดอาการหวั ใจวาย 16๓ แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETดิ นักเรียนควรรู สาเหตุสาํ คญั ทท่ี ําใหว ัยรนุ สูบบหุ ร่กี นั มากขึ้นคอื ขอ ใด 1 สารฟอรม ัลดีไฮด ในทางเคมคี อื สารตัวเดียวกบั ฟอรมาลีน เมื่ออยูในรูปของ 1. ขาดความตระหนกั ในโทษของบหุ ร่ี สารละลายจะเรียกวา “ฟอรม าลนิ ” ซงึ่ ใชเปน น้ํายาดองศพ สว น “ฟอรม ัลดไี ฮด” 2. ขาดความรูเ กยี่ วกบั โทษภัยของบหุ รี่ มสี ถานะเปน แกส ทอ่ี ณุ หภมู ปิ กติ มกี ลน่ิ ฉนุ แสบจมกู ไอของฟอรม ลั ดไี ฮดจ ะทาํ ใหเ กดิ 3. ขาดประสบการณเ กีย่ วกบั การสูบบุหร่ี การระคายเคอื งตอ ตา จมกู และผวิ หนงั หากสดู ดมปรมิ าณนอ ยเปน เวลานาน จะมี 4. ขาดผแู นะนําเกยี่ วกบั โทษภัยของบหุ รี่ อาการไอและหายใจตดิ ขดั เนอ่ื งจากหลอดลมอกั เสบ แตถาสูดดมเขาไปมากๆ วเิ คราะหค าํ ตอบ ปจ จุบนั วยั รุนมีการสูบบหุ รี่กนั มากขนึ้ จะทําใหนํ้าทวมปอดจนหายใจไมอ อก แนนหนา อก และเสียชวี ิตไดในทส่ี ุด ท้ังๆ ทม่ี ีการใหก ารศึกษาเก่ียวกบั โทษของบหุ ร่แี ละผลตอ รา งกาย แตเ นอ่ื งจากวยั รนุ ยงั ขาดความตระหนกั ในโทษของบหุ รี่ มมุ IT ซงึ่ คดิ วา เมอื่ สบู แลว คงไมเ ปน อะไร อกี ทงั้ ยงั ทาํ ใหด โู ดดเดน ในสายตาของคนรอบขาง แตใ นความเปนจรงิ แลว บหุ ร่ีน้ัน สามารถศกึ ษาเพิ่มเตมิ เกยี่ วกับโรคที่เกดิ จากการสูบบุหรี่ ไดจ ากเวบ็ ไซตของ มโี ทษมหันต โดยกอใหเ กดิ โรคตางๆ มากมาย เชน โรคมะเรง็ สํานักงานกองทนุ สนบั สนนุ การสรา งเสรมิ สุขภาพ (สสส.) http://www.thaihealth. or.th/healthcontent/special_report/22526 ปอด โรคถงุ ลมโปงพอง โรคหัวใจ เปน ตน ตอบขอ 1. คมู ือครู 163
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหแ ตล ะกลุมสงตวั แทนออกมานําเสนอ ๒) สุรา มีผลต่อการท�างานของระบบต่างๆ ภายในร่างกาย 1 ผังความคดิ ของกลุมตนเอง โดยครูและนกั เรียน โดยเอทิลแอลกอฮอล์ คนอ่นื ๆ รวมกันเสนอแนะเพือ่ ใหไ ดข อ สรปุ รวมกนั (Ethyl Alcohol) ที่มีอยู่ในสุราน้ี เม่ือดื่มเข้าไปจะดูดซึมและกระจายไปในทุกส่วนของร่างกาย จากนัน้ ครูใหนกั เรยี นทํากจิ กรรมในแบบวดั ภายในเวลา ๕ นาที มีผลท�าใหเ้ กิดพษิ ต่อระบบต่างๆ ทสี่ า� คญั คือ และบันทึกผลการเรยี นรู กิจกรรมท่ี 8.4 ๑ พิษตอระบบประสาทสวนกลาง แอลกอฮอลที่มีอยูในสุราเม่ือด่ืมเขาไปในปริมาณท่ีมาก ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝกฯ จะออกฤทธ์ิกดประสาทสวนกลาง ทําใหขาดความยับยั้งช่ังใจ ขาดสติ ขาดประสิทธิภาพใน สขุ ศกึ ษา ม.1 กจิ กรรมที่ 8.4 การกระทาํ สงิ่ ตางๆ หูอือ้ ตาลาย เชอื่ งชา เสียการทรงตวั บคุ ลิกภาพเปล่ียนไป บางรายอาจ หนว ยท่ี 8 มหนั ตภยั จากสารเสพตดิ ถงึ กบั หมดสติ และถาดม่ื เปน ประจาํ อาจมีผลทําใหความจําเสอ่ื ม สมองฝอ ได คะแนนเต็ม คะแนนท่ไี ด ๒ พิษตอระบบหัวใจและหลอดเลือด ทําใหหัวใจเตนเร็ว ความดันเลือดสูง หลอดเลือด กจิ กรรมท่ี ๘.๔ ใหน กั เรยี นบอกพษิ ของสรุ าตอ ระบบตา งๆ ในรา งกาย และบอก ขยายตัว การไหลเวียนของเลือดเพิ่มมากขึ้นกวารอยละ ๑ จากสภาพปกติ ทําใหผูด่ืมมี อาการของโรคทเ่ี กดิ จากการด่มื สุรา (พ ๕.๑ ม.๑/๓) ñõ พิษตอ ระบบตา งๆ ในรา งกาย ใบหนาแดง หูแดง มีเลือดไปเล้ียงสมองมาก ทําใหสมองบวม มีอาการปวดศีรษะ สําหรับ ในรายท่ีเปนมาก อาจทําใหมีอาการชา มีความดันโลหิตสูง เสนเลือดในสมองแตกอาจทําให พิษตอระบบประสาทสวนกลาง …อ…อ…ก…ฤ…ท…ธ…ิก์ …ด…ป…ร…ะ…ส…า…ท…ส…ว …น…ก…ล…า…ง……ท…ํา…ให…ข…า…ด…ส…ต…ิ…ห…อู…ื้อ……ต…า…ล…า…ย……เช…อื่ …ง…ช…า. เปนอัมพาตหรือเสียชวี ิตได …เส…ยี …ก…า…ร…ท…ร…ง…ต…วั ……ถ…า…ด…่มื …เป…น…ป……ระ…จ…าํ …อ…า…จ…ม…ีผ…ล…ท…ํา…ให…ค……วา…ม…จ…ํา…เส…ือ่…ม…………………………………………………………………………….. 2 พษิ ตอ ระบบหวั ใจและหลอดเลอื ด …ท…าํ …ให……ห …วั ใ…จ…เ…ต…น …เร…ว็………ค…ว…าม…ด…นั……เล…อื …ด…ส…งู……ห…ล…อ…ด…เ…ล…อื …ด…ข…ย…า…ยต……วั …ม…เี …ล…อื …ด. ๓ พษิ ตอการทํางานของตบั ทําใหตบั ทาํ งานหนกั เกดิ ภาวะตับแข็ง และกลายเปน โรคมะเร็งตบั …ไป…เ…ล…ย้ี …ง…ส…ม…อ…ง…ม…า…ก……ท…าํ ใ…ห…ส …ม…อ…ง…บ…ว…ม………………………………………………………………………………………………………………………….. ในท่สี ดุ พษิ ตอ การทาํ งานของตับ …ท…าํ …ให……ต…บั …ท…าํ …ง…าน……ห…น…ัก……เก…ิด……ภ…าว…ะ…ต…ับ…แ…ข…ง็ …แ…ล…ะ…ก…ล…า…ย…เ…ป…น …โ…ร…ค…ม…ะเ…ร…ง็ …ต…บั ……………. พษิ ตอ ระบบเผาผลาญและตอ มไรท อ …ท…าํ …ให……ร…ะด…บั……ฮ…อร…โ…ม…น…เ…พ…ศ…ล…ด…ล…ง……ส…ม…ร…ร…ถ…ภ…า…พ…ท…า…ง…เพ…ศ……ล…ด…ล…ง…….. ๔ ระบบเผาผลาญและตอมไรทอ เชน ระดับฮอรโมนเพศลดลง สมรรถภาพทางเพศลดลง พษิ ตอ ระบบตา นเช้ือโรค …ท…าํ ใ…ห…ร…า…ง…ก…า…ย…อ…อ…น…แ…อ……ม…ีภ…ูม…คิ …ุม…ก…นั …ต…่ํา……ต…ิด…เช…้อื …แ…ล…ะ…เป…น……โร…ค…ต…า…ง…ๆ……ได……ง า…ย………….. เปน ตน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. เฉฉบลบั ย ๕ พิษตอระบบตานเชอ้ื โรค ทําใหร า งกายออนแอ ภมู คิ ุม กันตํา่ ติดเช้อื และเปนโรคไดงา ย สรุ า ๖ พษิ ตอทารกในครรภ อาจมผี ลทําใหท ารกในครรภพกิ ารหรือแทง ได โรคพิษสุราเรือ้ รงั โรคมะเร็งตับ โรคทีเ่ กิดจากการด่ืมสรุ า อาการ …ห…า…ก…ไ…ม…ไ…ด…ด …่ืม…ส…ุร…า…จ…ะ…ม…ีอ…า…ก…า…ร…ค…ล…น่ื …ไ…ส.. อาการ …น……ํ้าห…น……ัก…ล…ด……อ…อ…น……เพ…ล…ีย………เบ…ื่อ…อ…า…ห…า…ร.. โรคพิษสุราเรื้อรัง …อ…าเ…จ…ีย…น……เ…ห…ง…่ือ…อ…อ…ก……ม…ือ…ส……ั่น……ก…ร…ะ…ว…น…ก…ร…ะ…ว…าย… …จ…ุก…เส…ีย…ด………แน……น…ท…อ…ง……ท…อ…ง…ผ…ูก………ป…วด……ท…อ…ง…บ…อ…ย…ๆ …โด…ย…อ…า…ก…า…ร…เห…ล…า…น…ีจ้…ะ…ห…า…ย…ไ…ป…เม…อ่ื …ไ…ด…ด …ื่ม…ส…ุร…า………… …โด…ย…ป……วด……ห…ร…ือ…เส…ี…ย…ด…บ…ร…ิเ…วณ……ช…า…ย…โค……ร…ง…ด…า…น…ข…ว…า มีลกั ษณะอาการอยากหรือกระหาย ตองการด่มื สรุ าจนไมสามารถควบคุมตนเองได ถา หากไมไ ดดืม่ จะมี …ท…อ ง…บ…ว…ม…ข…น้ึ ……ห…า…ย…ใจ…ล…าํ …บ…า…ก…ต……วั เ…ห…ล…อื …ง…ต…า…เ…ห…ล…อื …ง อาการคลื่นไส อาเจียน เหงอ่ื ออก มอื สน่ั กระวนกระวาย โดยอาการเหลานจ้ี ะหายไปเมอื่ ไดด ื่มสุราหรือ ………………………………………………………………………………… …แล……ะม…ีอ…า…ก…า…ร…บ…ว…ม…บ…ร…เิ ว…ณ……ข…าท…ัง้……๒……ข…า…ง………………. รบั ประทานยานอนหลับ โรคพษิ สุราเร้อื รังเปน โรคท่ีมกี ารเปล่ยี นแปลงอยางชา ๆ จนกระทั่งเกิดอาการทาง …………………………………………………………………………………. ประสาทและทางรางกาย เม่ือไดรับแอลกอฮอลเปนประจํา สมองจะปรับตัวตองการแอลกอฮอลเพ่ือการ ………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………… ดาํ เนินชวี ิตประจําวนั การทาํ งาน ความคดิ อารมณ และการกระทําทงั้ หมด ๖๙ โรคมะเร็งตบั พบมากเปนอันดบั ๑ ในเพศชาย และอนั ดบั ๒ ในเพศหญงิ ซง่ึ ปจจัยเสยี่ งทีเ่ ห็นไดช ัดที่สุดนั่นคือ ตบั แข็ง จากการด่ืมสุรา นับวาเปนโรคมะเร็งที่มีการดําเนินของโรคเร็วมาก โดยผูปวยโรคมะเร็งตับจะมีอาการ นํ้าหนกั ลด ออนเพลยี เบ่ืออาหาร จกุ เสยี ดแนน ทอง ทองผกู ปวดทอ งตลอดเวลา ปวดหรอื เสียดบริเวณ ชายโครงทางดา นขวา อาจคลาํ กอ นไดทบี่ รเิ วณตับ ทอ งบวมข้นึ หายใจลําบาก ตัวเหลือง ตาเหลอื ง และ บวมบรเิ วณขาท้ัง ๒ ขาง โดยจะเสยี ชวี ติ ภายใน ๓-๖ เดือน 16๔ นกั เรียนควรรู ขอสอบ O-NET ขอ สอบป ’52 ออกเกย่ี วกบั สรุ า 1 เอทลิ แอลกอฮอล หรือเอทานอล (Ethanol) เปนแอลกอฮอลช นิดหนง่ึ สรุ ามผี ลตอ ระบบประสาทอยา งไร ไดจากการหมกั พืชผลทางการเกษตร สามารถรับประทานและนาํ มาใชประโยชนได 1. ออกฤทธ์ผิ สมผสาน เชน ใชเ ปนตัวทําละลายสี แลก็ เกอร และยา ใชเ ช็ดทําความสะอาดแผล ใชเปน 2. ออกฤทธ์กิ ดประสาท เครอ่ื งด่มื แอลกอฮอล สว นเมทลิ แอลกอฮอล (Methyl Alcohol) เปน แอลกอฮอลท ี่ 3. ออกฤทธ์ิหลอนประสาท เปน ผลพลอยไดจากกระบวนการกลั่นทางปโ ตรเคมี เปน อันตรายตอ เยื่อบตุ า งๆ 4. ออกฤทธ์กิ ระตุนประสาท ของรา งกาย ไมส ามารถรบั ประทานได วิเคราะหคาํ ตอบ แอลกอฮอลทอ่ี ยูในสรุ าจะออกฤทธิ์ 2 ตบั แขง็ โรคตับแขง็ เปนโรคเรือ้ รงั ท่ที าํ ใหเกดิ การสูญเสยี โครงสรา งของตับ กดประสาทสว นกลาง ทําใหข าดการยบั ย้งั ช่ังใจ ขาดสติ หอู ือ้ โดยปกตเิ นอ้ื ตบั จะนมุ แตถ า มอี าการอกั เสบหรอื อนั ตรายตอ ตบั เนอื้ ตบั จะถกู ทาํ ลาย ตาลาย เชือ่ งชา เสยี การทรงตวั และบางรายถงึ กับหมดสติ กลายเปนพังผืดลักษณะคลา ยแผลเปนในตับ ซึ่งผูปว ยท่ปี วยดว ยโรคน้จี ะมอี าการ ตอบขอ 2. ออนเพลีย เบ่อื อาหาร เหนือ่ ยงาย คลน่ื ไส และนาํ้ หนกั ลด 164 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๓) ยาบ้า1 หรอื เรียกอกี อย่างหนงึ่ ว่าแอมเฟตามนี (Methamphetamine) มีลกั ษณะ ครตู ั้งคําถามเพือ่ ใหนักเรยี นไดอ ธบิ ายความรู เปน็ เมด็ กลมแบนขนาดเลก็ มพี ษิ ตอ่ ระบบประสาท เมอ่ื เสพเขา้ สรู่ า่ งกาย จะทา� ใหป้ ระสาทตงึ เครยี ด หลังจากทีไ่ ดศ กึ ษาและฟง เพอ่ื นๆ นําเสนอ ผังความคิดไปแลว อาจเกิดภาพหลอน เพ้อคล่ัง บางรายมีอาการ ถึงขั้นท�าร้ายตนเองและผอู้ ืน่ ไดร้ ับบาดเจบ็ หรอื • เพราะเหตใุ ดการเสพสารเสพติดจึงทาํ ให เสียชีวิต แตเ่ มือ่ หมดฤทธ์ยิ า จะรสู้ ึกอ่อนเพลีย เกิดโรคได มากกว่าปกติ ประสาทล้า ท�าให้การตดั สินใจชา้ (แนวตอบ การเสพสารเสพตดิ จะทาํ ใหร า งกาย และผิดพลาด ซึง่ เม่อื มกี ารเสพยาบา้ ในปรมิ าณ ทรดุ โทรม ภูมติ านทานในรา งกายต่ํา กอให มากๆ ฤทธิ์ของยาจะไปท�าลายระบบประสาท เกดิ โรคภยั ไขเ จ็บไดงา ย) ท�าให้เกิดโรคประสาทได้ โดยโรคประสาทท่ีเกิด จากการเสพยาบ้านั้น สามารถแบ่งออกได้เป็น • หากบคุ คลในครอบครัวของนักเรยี นเสพ ๒ ชนดิ คือ สารเสพตดิ นักเรยี นจะแนะนําบคุ คล ๓.๑) โรคประสาทชนิดวิตก เหลา นน้ั อยางไร กังวล จะมีอาการวิตกกังวลเกือบตลอดเวลา (แนวตอบ บอกถงึ พิษภัยของสารเสพตดิ และ ไม่สบายใจ หวาดวิตกมากเกินไปโดยไม่สมกับ โรครายตา งๆ ท่เี กดิ จากการเสพสารเสพติด เหตุการณ์ที่เกิดข้ึน มีอาการตึงของกล้ามเน้ือ การไมเ่ ขา้ ไปยงุ่ เกย่ี วกบั สารเสพตดิ นอกจากจะเปน็ ผลดตี อ่ รวมท้ังแนะนําใหเลกิ เสพ เพือ่ สขุ ภาพของ ใจส่ัน อาจมีอาการตัวร้อน รู้สึกชาเป็นแถบๆ สขุ ภาพแล้ว ยงั ส่งผลใหส้ ามารถดำาเนนิ ชีวิตอยใู่ นสังคมได้ ตนเอง) อย่างมคี วามสุขด้วย หายใจไม่เตม็ ปอด เบอ่ื อาหาร มีเหงอ่ื ออกตามมอื และเท้า กอ่ นนอนจะมีอาการสะด้งุ คล้ายกบั ตก จากที่สงู ๓.๒) โรคประสาทชนิดหวาดกลัว มีความกลัวอย่างรุนแรงโดยไม่มีสาเหตุ โดยจะมีอาการหวาดกลัวแสดงออกในรูปของการเป็นลม อ่อนเพลีย ใจสั่น เหงื่อออก คล่ืนไส้ แตอ่ าการเหลา่ นจ้ี ะหายไปเมอ่ื พน้ จากสภาพการณ์ ซง่ึ สง่ิ ทีผ่ ู้ท่เี ปน็ โรคประสาทชนดิ นจ้ี ะหวาดกลัว ไดแ้ ก่ กลวั การอยตู่ ามลา� พงั กลวั สถานการณบ์ างอยา่ ง กลวั วตั ถุ กลวั กจิ กรรม กลวั การลอบทา� รา้ ย และการถกู ตามฆ่า ๔) ยาเลฟิ ยาอี และยาไอซ เปน็ สารเสพติดทจ่ี ดั ว่าอย่ใู นกลุม่ เดียวกัน แพรห่ ลาย ในกลุ่มวัยรุ่นชายหญิงตามสถานเริงรมย์ต่างๆ ออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท และหลอนประสาท เม่ือเสพเข้าไปจะท�าให้มีอาการเคลิบเคลิ้ม ได้ยินเสียงและมองเห็นแสงสีต่างๆ ผิดไปจากความ เปน็ จรงิ ไมส่ ามารถควบคมุ อารมณต์ นเองได้ มคี วามสนกุ สนานไดท้ กุ สถานการณ์ มคี วามตอ้ งการ ทางเพศสงู ซงึ่ บางรายอาจมผี ลทา� ใหเ้ กดิ พฤตกิ รรมการสา� สอ่ นทางเพศ จงึ เปน็ เหตใุ หม้ โี อกาสเปน็ โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธไ์ ดง้ า่ ย และจากการคน้ ควา้ วจิ ยั ของแพทยแ์ ละนกั วทิ ยาศาสตรพ์ บวา่ ยา ชนดิ นมี้ อี ันตรายรา้ ยแรง แม้จะเสพเพยี ง ๑-๒ คร้ัง ก็สามารถทา� ลายระบบภูมิคมุ้ กนั ของร่างกาย ซ่ึงเปน็ สาเหตขุ องการตดิ เชือ้ โรคต่างๆ ได้งา่ ย 165 แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tิด นกั เรียนควรรู ผลติ ภณั ฑท ี่จัดเปนสารระเหยไดแ กขอ ใด 1 ยาบา แตเ ดมิ มชี ่ือเรียกวา ยามา ยาขยัน ยาโป กระทงั่ เมอ่ื พ.ศ. 2539 1. ทนิ เนอร กาวนํ้า นาํ้ มนั กระทรวงสาธารณสุข จงึ กําหนดใหเ รียกชอ่ื วา “ยาบา” เพ่ือใหทกุ คนตระหนกั ถงึ 2. ทนิ เนอร นํา้ มัน แลก็ เกอร พิษรายของยาน้ี 3. ทนิ เนอร กาวอนิ ทรียส งั เคราะห นาํ้ มนั 4. ทินเนอร แลก็ เกอร กาวอนิ ทรียส งั เคราะห มุม IT วิเคราะหคําตอบ สารระเหยมลี ักษณะเปนไอ ระเหยเร็ว ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สามารถศึกษาเพิ่มเติมเก่ยี วกบั พระราชกาํ หนดปอ งกนั การใชส ารระเหย ฉบับที่ 14 (พ.ศ. 2538) กําหนดใหส ารเคมีและผลิตภัณฑ พ.ศ. ๒๕๓๓ ไดจากเว็บไซต http://www1.oncb.go.th/raw/law4-3.htm ดงั ตอ ไปน้ี เปนสารระเหย เชน ทินเนอร แลก็ เกอร กาว อินทรยี ส งั เคราะหทีม่ ยี างนิโอปรนี หรอื สารกลุม ไวนลิ เปน คูมือครู 165 ตวั ประสานกาวอินทรยี ธรรมชาตทิ ม่ี ยี างสน หรือชนั สน ยางธรรมชาติ หรือสารเซลลูโลสเปน ตวั ประสานลกู โปง - วิทยาศาสตร หรอื ลกู โปง พลาสตกิ เปนตน ตอบขอ 4.
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหนักเรยี นแตละกลุมนาํ ผงั ความคิดของกลมุ ๕) สารระเหย มีลักษ1ณะเป็นไอ ระเหยเร็ว มักพบอยู่ในรูปของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ตนเองไปตดิ บอรด ภายในหอ งเรียน เพ่อื เผยแพร ความรูใหแ กนกั เรยี นคนอ่ืนๆ โดยใหส มาชิกในกลมุ เช่น ทินเนอร์ กาวยาง แล็กเกอร์ สีสเปรย์ น�้ายาล้างเล็บ น�้ามันเบนซิน สีน�้ามัน เป็นต้น ผลดั เปล่ียนกนั ไปคอยใหความรูแกน กั เรยี นคนอนื่ ๆ มฤี ทธหิ์ ลอนประสาท ท�าให้ประสาทรับความรู้สึกผิดไปจากปกติ เมอ่ื สารระเหยถูกสดู ผ่านทางเดิน ทเ่ี ขา มาเยย่ี มชมในชว งเวลาวา งหรอื ชว งพกั กลางวนั หายใจจะเข้าสู่โลหติ และแพร่กระจายเข้าสู่อวยั วะภายในอยา่ งรวดเร็ว จึงท�าใหเ้ ป็นอันตรายทง้ั ต่อ เก่ียวกบั เรอื่ ง การใชส ารเสพติดกับการเกดิ โรคตาม ระบบและอวัยวะตา่ งๆ ของรา่ งกาย ท่เี ห็นไดช้ ดั คอื ระบบสมองและปอดจะถูกทา� ลาย โดยผเู้ สพ ผงั ความคดิ ของกลมุ ตนเอง ซ่ึงแตละกลมุ อาจทาํ จะมีอาการประสาทหลอน อารมณแ์ ปรปรวน เด๋ยี วดเี ด๋ยี วรา้ ย ชอบเกะกะระราน เอะอะโวยวาย สอื่ เพมิ่ เตมิ เชน แผน พบั โปสเตอร ทต่ี ดั จากหนงั สอื ส่งผลเสียต่อผู้เสพ คือ หลงลืมง่าย ร่างกายอ่อนแอ เย่ือจมูกมีเลือดออก หลอดลมและปอด โดยมีคําขวญั เก่ยี วกับสารเสพติดปรากฏอยู เปนตน อกั เสบ ไขกระดกู ซ่ึงสร้างเมด็ เลอื ดใหแ้ ก่ร่างกายถกู ท�าลาย ชาตามปลายมือปลายเท้า กลา้ มเนือ้ มาแจกเพอ่ื เผยแพรค วามรเู พ่มิ เตมิ ก็ได ฝอลีบ นอกจากนี้ในรายท่ีสูดดมมากๆ เป็นเวลานาน อาจท�าให้เป็นโรคมะเร็งในเม็ดเลือด สมองพกิ าร ตบั พกิ าร เป็นตน้ ซึ่งจะไมส่ ามารถรักษาร่างกายให้คนื สูส่ ภาพปกติไดอ้ กี นอกจากน้ี ในรายทสี่ ดู ดมครงั้ ละมากๆ กอ็ าจทา� ใหส้ า� ลกั จนถึงแกค่ วามตายได้ ส�าหรบั ผูท้ ีเ่ สพจนติดจะเลิกได้ ยากมาก ซึ่งถา้ หยุดเสพจะท�าใหม้ ีอาการวงิ เวยี น คลืน่ ไส้ และพยายามจะหามาเสพอกี ๖) กญั ชา จดั เปน็ สง่ิ เสพตดิ ชนดิ ทอ่ี ยใู่ นความควบคมุ ของพระราชบญั ญตั สิ ารเสพตดิ ซึ่งมักมีการลักลอบขายกันคราวละเป็นจ�านวนมากๆ มีฤทธ์ิหลอนประสาท ท�าให้ผู้เสพเห็นภาพ หลอนผดิ ไปจากความเปน็ จรงิ มกั ไดย้ นิ เสยี งแวว่ ประสาทมนึ งง อารมณแ์ ละความความคดิ สบั สน หวาดกลัวโดยไม่มีเหตุผล หากเสพไปนานๆ อาจมีผลต่อสุขภาพท�าให้เป็นโรคจิตได้ ซ่ึงผู้ที่เสพ กัญชาจะมีอาการพูดมากกว่าปกติ หัวเราะง่าย ชอบหัวเราะเสียงดัง ต่ืนเต้นง่าย หัวใจเต้นเร็ว ม่านตาดา� ขยายกว้าง ลมื ความทุกข์ไปช่ัวคร้งั ช่ัวคราว ควบคมุ อารมณ์ไมไ่ ด้ ชอบรบั ประทานของ หวาน ถ้าไม่ไดเ้ สพจะทา� ใหม้ ีอาการหงดุ หงดิ และเซอ่ื งซมึ ได้ ๗) เฮโรอนี เปน็ สารเสพติดท่ีรา้ ย แรงที่สุด มลี กั ษณะเปน็ ผงสีขาว มักเรียกกันวา่ “ผงขาว” ไมม่ ีกลน่ิ รสขมจัด มีฤทธิร์ นุ แรงกว่า มอร์ฟีน ๔-๘ เทา่ แม้เสพเพียงคร้งั เดียวหรอื สองคร้ังก็สามารถท�าให้ติดได้ทันที โดยจะออก ฤทธก์ิ ดประสาททา� ใหม้ นึ งง เซอื่ งซมึ งว่ ง เคลมิ้ สามารถหลบั ไดน้ านโดยไม่สนใจส่ิงรอบข้าง ซ่ึง ผู้ท่ีเสพเป็นประจ�าจะมีผลต่อสุขภาพคือ ท�าให้ สมองเส่ือม ร่างกายซูบผอม ทรุดโทรม หาก เสพมากเกินไปอาจท�าให้เกิดอาการช็อกและ การออกกำาลังกายเป็นอีกวิธีหนึ่ง ที่ช่วยให้ห่างไกลจาก เสียชีวิตได้ นอกจากนี้ยังมีผลต่อการติดเชื้อ สารเสพตดิ และยงั ทาำ ใหส้ ขุ ภาพร่างกายแข็งแรงอีกดว้ ย เอดสเ์ นอื่ งจากการใชเ้ ข็มฉดี ยาร่วมกัน 166 เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET เพราะเหตุใดเฮโรอีนจงึ จัดวา เปนสารเสพตดิ ที่รา ยแรงทสี่ ุด ครูควรเนนยา้ํ ใหนักเรียนระมดั ระวงั ตัว ซึง่ อาจถกู หลอกใหเสพสารเสพติดได แนวตอบ เนื่องจากมีฤทธ์ิท่รี า ยแรงกวา สารเสพติดชนิดอ่ืน โดยไมรูต ัว ซ่งึ สารเสพตดิ บางชนิดอาจมลี ักษณะทีไ่ มเดน ชดั เชน เฮโรอีน ซึ่งเปน ซ่งึ หากเสพเพียงครงั้ เดยี วหรอื สองครงั้ กส็ ามารถทาํ ใหตดิ ไดทนั ที เพยี งผงละเอยี ดสขี าว ไมม ีกล่ิน แตหากเสพไปเพยี งครงั้ เดยี วก็อาจติดไดท นั ที โดยเฮโรอนี จะออกฤทธกิ์ ดประสาท เมื่อเสพเปนประจําจะมีผลตอ ดังนัน้ นกั เรยี นจงึ ไมค วรไวว างใจคนแปลกหนา หรอื แมก ระทั่งคนท่ีเคยพบปะกนั สขุ ภาพ ทาํ ใหส มองเส่อื ม รา งกายซบู ผอม และทรดุ โทรม แตไ มร ูจ ักนสิ ยั ใจคอกนั เพือ่ ความปลอดภัยของตัวนักเรียนเอง แตถ าหากเสพมากเกนิ ไปอาจทําใหช็อก และเสยี ชีวิตได นักเรยี นควรรู 1 แลก็ เกอร เปน สารท่ีใชทาหรือพนเคลอื บผวิ วัตถใุ หเปน เงามนั และสวยงาม ประกอบดวยตวั ทําละลายทีร่ ะเหยไดงา ย เชน เอทลิ แอลกอฮอล (Ethyl Alcohol) บิวทิลแอซเิ ทต (Butyl Acetate) และตัวถูกละลาย เชน ไนโตรเซลลโู ลส (Nitrocellulose) ไวนลิ เรซนิ (Vinyl Resin) เปน ตน 166 คูมือครู
กระตนุ ความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Expand Evaluate Explore Explain Explore สาํ รวจคน หา ๔.๒ สารเสพตดิ กบั การเกิดอุบตั เิ หตุ ใหนักเรียนแตล ะคนศกึ ษาเรือ่ ง การใช สารเสพตดิ กบั การเกิดอบุ ัติเหตุ จากหนังสอื เรยี น การใช้สารเสพติดนอกจากจะมีความสัมพันธ์ต่อการเกิดโรคแล้ว ยังมีความสัมพันธ์ อธบิ ายความรู Explain กกาับรกบาารดเกเจดิ บ็อุบคตั วเิ าหมตพุไดิก้อารีกดทว้ พุยพซลึง่ ภอาาพจ1ทแ�าลใหะอเ้ กาิดจ เสยี ชวี ติ ได้ นบั เปน็ ปญั หาทส่ี รา้ งความเดอื ดรอ้ น ครแู ละนักเรยี นรว มกนั วิเคราะหว าการใช ตอ่ ตนเองและบคุ คลรอบขา้ งเปน็ อยา่ งมาก ซง่ึ จะ สารเสพตดิ ทําใหเกิดอุบัติเหตุไดอยางไร โดยครู ขอยกตัวอย่างสารเสพติดท่ีเมื่อเสพเข้าไปแล้ว อาจต้งั คาํ ถามเพือ่ เช่อื มโยงความรู ก่อให้เกดิ อุบัติเหตอุ ย่างเห็นไดช้ ัด ดังนี้ ๑) สุรา มีผลกระทบต่อสมอง • เพราะเหตใุ ดการใชส ารเสพตดิ จงึ อาจทาํ ให ส่วนท่ีควบคุมการประสานงานของแขน ขา เกดิ อุบตั เิ หตไุ ด และสายตา ท�าให้เกิดการท�างานที่ไม่สมดุลกัน (แนวตอบ การใชส ารเสพติดจะมีผลตอ ประสิทธิภาพในการขับข่ีลดลงมาก บางราย รางกายและจิตประสาท ซ่งึ จะทาํ ใหขาดสติ มีอาการคึกคะนอง ไม่สามารถจะควบคุม ระบบการทาํ งานของรา งกายเสยี สมดุล ยานพาหนะได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงมีความ อาจควบคมุ ตนเองไมไ ด ทาํ ใหประสิทธิภาพ เสย่ี งภยั ตอ่ การเกดิ อบุ ตั เิ หตุ ซง่ึ นอกจากจะทา� ให้ ในการขับขีย่ านพาหนะลดลง ซ่งึ สงผล ตนเองและครอบครัวเดือดร้อนแล้ว ยังส่งผล ใหเ กดิ อบุ ตั ิเหตุทีไ่ มเ พยี งแตมผี ลกระทบ ทา� ใหผ้ ้อู ่นื ได้รบั อันตราย บาดเจ็บ พิการ หรือ เมาแลว้ ขับ สาเหตจุ ากการดม่ื สุรา อาจทาำ ให้เกิดอุบตั ิเหตุ ตอตนเอง แตอาจสง ผลตอ บคุ คลอืน่ ที่ไม เสยี ชีวิตได้ ซงึ่ สง่ ผลใหต้ นเอง ครอบครวั และผอู้ นื่ ไดร้ บั ความเดอื ดรอ้ น เกยี่ วขอ งอกี ดวยในกรณที ีข่ ับรถไปชน คนอืน่ ๆ) สถติ ิผูเ้ สยี ชวี ติ และบาดเจบ็ จากอบุ ตั เิ หตุทมี่ าจากการด่ืมสุราในชวงเทศกาลปใหม (๗ วันอันตราย) พ.ศ. เสียชีวิต บาดเจ็บ ๒๕๕๐ ๔๐๑ ๔,๓๙๕ ๒๕๕๑ ๔๐๑ ๔,๙๐๓ ๒๕๕๒ ๓๖๗ ๔,๑๐๗ ๒๕๕๓ ๓๔๗ ๓,๘๒๗ ๒๕๕๔ ๓๕๘ ๓,๗๕๐ ๒๕๕๕ ๓๓๕ ๓,๓๗๕ ทมี่ า : กรมปองกนั และบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย จากตารางสถติ ผิ เู้ สยี ชวี ติ และบาดเจบ็ จากอบุ ตั เิ หตทุ ม่ี าจากการดมื่ สรุ าในชว่ งเทศกาลปใี หม่ (๗ วนั อันตราย) มีผ้เู สยี ชวี ิตและบาดเจ็บมากทสี่ ุดในปี พ.ศ. ๒๕๕๑ รองลงมา คอื พ.ศ. ๒๕๕๐ 16๗ แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tิด นกั เรยี นควรรู เพราะเหตใุ ดการดม่ื สรุ าจงึ มคี วามสมั พนั ธต อ สขุ ภาพและ 1 ทุพพลภาพ หมายถึง การสูญเสียอวัยวะหรอื สูญเสยี สมรรถภาพของอวัยวะ การเกดิ อบุ ตั เิ หตุ หรอื ของรา งกายจนไมส ามารถทํางานได แนวตอบ การดืม่ สุราหรือเครื่องดมื่ ทีม่ ีแอลกอฮอลทกุ ชนิด จะสงผลตอระบบตา งๆ ในรา งกายใหท าํ งานผดิ ปกติ ทาํ ให มมุ IT สขุ ภาพเสอ่ื มโทรม นอกจากนหี้ ากดม่ื แลว ขบั ขีย่ านพาหนะ อาจทําใหเกดิ อุบัตเิ หตุ ไดร ับบาดเจ็บ หรอื เสียชีวติ ได สามารถศึกษาเพิม่ เตมิ เกี่ยวกับโครงการเมาแลว ขบั ถูกจับคมุ ประพฤติ ไดจ าก เว็บไซตข องกรมคมุ ประพฤติ กระทรวงยุติธรรม http://www.probation.go.th/ สามารถศึกษาเพิ่มเติมเกย่ี วกับบทความ เตอื น “เมา-ขับ” จับคุมประพฤติ ไดจากเวบ็ ไซตข องสาํ นกั งานกองทนุ สนบั สนุนการสรา งเสริมสุขภาพ (สสส.) http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/news/8677 คมู ือครู 167
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา าใจใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา ใจ จากการศกึ ษาทผ่ี านมาไดแ สดงใหเหน็ อยาง ๒) ยาบ้า การเสพยาบา้ มีโอกาสกอ่ ใหเ้ กดิ อุบัตเิ หตุ ซึ่งส่วนใหญม่ กั อยใู่ นกลมุ่ บุคคล ชัดเจนแลว วา สรุ านอกจากจะสง ผลเสียตอ สุขภาพ แลว ยงั เส่ียงตอ การเกดิ อุบตั ิเหตุ ซึง่ สง ผลทําให ท่ีมีพฤติกรรมเสพยาบ่อยครั้ง ได้แก่ ผู้ขับรถบรรทุก พนักงานขับรถโดยสารประจ�าทาง หรือ ทัง้ ตนเองและผูอน่ื ไดร บั อนั ตราย บาดเจ็บ พกิ าร ผขู้ บั รถกระบะบรรทกุ สนิ คา้ บางราย เปน็ ตน้ โดยบคุ คลเหลา่ นจ้ี ะมคี วามเชอ่ื วา่ การเสพยาบา้ จะทา� ให้ หรือเสียชวี ติ ได สามารถขบั รถไดน้ านกว่าปกติ แทจ้ ริงแล้วเป็นความเชือ่ ท่ไี ม่ถูกตอ้ ง เพราะยาบา้ จะทา� ใหเ้ กิดโทษ รา้ ยแรงและทา� ใหก้ า� ลงั เสอ่ื มถอยเรว็ กวา่ วยั อนั ควร ยาบา้ หรอื แอมเฟตามนี นจี้ ะมฤี ทธติ์ อ่ จติ ประสาท เพ่ือขยายความเขาใจใหแกน ักเรยี นมากขน้ึ โดยจะไปกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางที่ท�าหน้าที่ควบคุมการท�างานของอวัยวะต่างๆ เก่ียวกับ ครูจงึ เช่อื มโยงความรูเพมิ่ เติม โดยใหนักเรยี น การเคลื่อนไหว การทรงตัว และการถ่ายทอดความรู้สึก มีผลท�าให้ผู้ท่ีเสพน้ันมีประสาทตื่นตัว อา นเกร็ดนารเู ร่ือง เมาแลวขับ ถูกจับคุมประพฤติ ร่างกายจะถูกกระตุ้นให้ต้องท�างานหนักมากเกินก�าลังอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหน่ือย ประสาทและ จากหนังสอื เรยี น จากนัน้ ใหจับคูกันไปศกึ ษาคนควา สมองสั่งการไม่สัมพันธ์กันกับระบบการท�างานของร่างกาย จึงส่งผลให้ผู้ที่เสพควบคุมตนเอง ขาวเก่ียวกับอุบตั เิ หตทุ ี่เกดิ จากการเมาแลว ขบั ไม่ได้ แต่เม่ือหมดฤทธ์ิยาร่างกายจะเกิดการอ่อนเพลีย มีอาการซึมเศร้า ง่วงเหงาหาวนอน และทาํ ใบงานวเิ คราะหถ งึ ผลกระทบตอตนเอง และหลบั ในง่าย บางรายอาจมีอาการประสาทหลอน มองเหน็ ภาพหลอน คดิ วา่ ตนเองถูกท�ารา้ ย และบุคคลอ่นื แลวนาํ สงครผู สู อนในคาบเรียนตอ ไป จึงเป็นเหตุใหน้ �าไปสกู่ ารเกดิ อุบตั เิ หตุข้นึ ได้ เกรด็ นา่ รู้ เมาแล้วขบั ถูกจับคุมประพฤติ กรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม ได้กำาหนดแนวทางในการสร้างความตระหนักและจิตสำานึกท่ีดี ให้กับผู้ที่เมาแล้วขับที่ถูกจับมิให้กลับไปกระทำาผิดอีก ด้วยการคุมความประพฤติ ซึ่งถ้าหากมีการเมาแล้วขับ แลว้ เกดิ อุบัตเิ หตุ นอกจากจะต้องถกู จาำ คุก หรอื ถกู ปรบั แลว้ ศาลจะกาำ หนดเงอื่ นไขใหด้ ว้ ยการทาำ งานบริการ สงั คม พรอ้ มทง้ั ตอ้ งเขา้ รบั การอบรมในหลกั สตู รปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมภายใตก้ ารดแู ลของพนกั งานคมุ ประพฤติ ของกรมคุมประพฤติ กระทรวงยตุ ธิ รรม กจิ กรรมท่ีเหมาะสมในการจัดให้ผูก้ ระทาำ ผิดคดีจราจรทำางานบรกิ ารสงั คม มีดังน้ี ๑. ทาำ ความสะอาดพ้นื ผวิ ถนน หรือบรเิ วณทางเท้า ๒. ทำาความสะอาดปา้ ยเครือ่ งหมายจราจร ๓. ทาสีขอบทางจราจร ๔. ทาสีเคร่อื งหมายจราจร ๕. เปน็ อาสาบรกิ ารจราจร (พาคนขา้ มถนน) ๖. เป็นอาสาจราจร (ต้องผา่ นการอบรม) ๗. บริจาคโลหติ ๘. ดแู ลผู้ป่วย/ผูพ้ กิ ารทีไ่ ด้รบั ผลจากการเกิดอบุ ตั ิเหตจุ ราจร ๙. ช่วยเหลืองานของมลู นิธิการกุศลตา่ งๆ เช่น มูลนธิ ิเมาไมข่ ับ องค์กรคุม้ ครองเหยอื่ เปน็ ตน้ ๑๐. ดแู ลสวนหยอ่ ม หรือต้นไม้บรเิ วณเกาะกลางถนน และบริเวณรมิ ทาง วัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรมบริการสังคม ก็เพื่อสร้างจิตสำานึกให้เกิดความรับผิดชอบต่อผู้อื่นและ สังคม ชดใช้หรือทดแทนความเสียหายที่ก่อข้ึน เป็นการบำาเพ็ญประโยชน์ให้แก่ชุมชนและสังคม เพ่ือให้เกิด ความภาคภูมิใจ และสรา้ งภาพพจน์ทีด่ ีสำาหรับตนเอง และเพือ่ ทาำ ใหส้ ังคมเกดิ การยอมรับ 168 เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET อาการสมองตนื่ ตัว ทาํ งานไดน าน ไมง วง เปนผลมาจาก ครูควรเนนย้าํ ใหน ักเรยี นระมัดระวังตัว โดยเฉพาะนกั เรียนหญงิ วา ไมควรด่ืมนา้ํ การเสพสารเสพตดิ ชนิดใด หรอื รับประทานอาหารจากคนแปลกหนา เพราะอาจมีสารอันตรายผสมอยู เชน 1. ฝน 2. สุรา ยานอนหลบั ยาเสยี สาว เปน ตน 3. ยาบา 3. กญั ชา มมุ IT วเิ คราะหคําตอบ อาการดงั กลา วเปน อาการทเี่ กิดจากการเสพ ยาบา ซง่ึ ยาบาเมอ่ื เสพเขา ไปแลว จะออกฤทธ์ิกระตุนประสาท สามารถศกึ ษาเพม่ิ เตมิ เกีย่ วกับยาเสยี สาว ไดจากเวบ็ ไซต ทาํ ใหสมองตืน่ ตวั สามารถทาํ งานไดน านโดยไมร ูสกึ งวง http://www.youtube.com/watch?v=1Hb4dB9s2r8 แตถา หากหมดฤทธยิ์ าจะทาํ ใหง วง และรูสึกออนเพลยี ซ่ึงเปน สาเหตุหนึง่ ทท่ี ําใหเ กดิ อุบตั ิเหตไุ ด ตอบขอ 3. 168 คูมือครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขาใา จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา ใจ เสรมิ สาระ ใหน กั เรยี นอา นเสรมิ สาระเรอื่ ง ควนั บหุ รมี่ อื สอง จากหนงั สอื เรียน หนา 169 แลวรวมกนั อภปิ ราย ควันบุหร่มี ือสอง แลกเปล่ียนความคิดเหน็ จากนั้นใหนักเรียนทาํ แผน พบั เรอื่ ง ควันบหุ รม่ี ือสอง แลวนาํ ไปแจกจาย บุหรี่...เป็นสาเหตุสำาคัญอันดับสองของการเสียชีวิตทั่วโลก ปัจจุบันพบ เพอ่ื เผยแพรความรภู ายในโรงเรยี น และชมุ ชน ว่าท่ัวโลกมีผู้ท่ีเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ประมาณ ๖๕๐ ล้านคน แต่ ของนักเรียนเอง ที่น่าตกใจไปมากกว่าน้ัน คือ ในแต่ละปยังพบว่ามีคนที่ไม่สูบบุหร่ี หลายแสนคนต้องเสียชีวิตด้วยโรคทเ่ี กดิ จากการไดร้ บั ควันบหุ รี่ ควันบุหรี่ในบรรยากาศ หรือควันบุหรี่มือสอง เกิดข้ึน จากควันบหุ รีท่ ผี่ สู้ บู บหุ ร่ีพ่นออกมา และควันบุหรที่ ลี่ อยจาก ตอนปลายมวนบหุ รร่ี ะหวา่ งการสบู แลว้ หายใจเอาควนั บหุ ร่ี ในบรรยากาศเข้าสรู่ า่ งกาย เรยี กว่า “การสูบบหุ ร่มี ือสอง” ทันทีที่บุหร่ีถูกจุดข้ึนการเผาไหม้ของมวนบุหร่ีจะทำาให้เกิด สารเคมกี วา่ ๔,๐๐๐ ชนดิ เปน็ สารพษิ มากกวา่ ๒๕๐ ชนดิ และ กว่า ๕๐ ชนิด เป็นสารพิษท่ีในทางวงการแพทย์ระบุว่าเป็น สารกอ่ มะเรง็ ผลของควนั บหุ รม่ี อื สองตอ่ สขุ ภาพของผทู้ ไ่ี ดร้ บั ควนั บหุ ร่ี ผใู้ หญ ่ หากไดร้ บั ควนั บหุ รม่ี อื สอง วนั ละ ๓ ชวั่ โมงขนึ้ ไป จะเสยี่ ง ตอ่ การเปน็ โรคหวั ใจเพม่ิ ขนึ้ รอ้ ยละ ๒๕-๓๐ เสยี่ งตอ่ การเปน็ มะเรง็ ปอด การเลิกบุหร่ีเป็นวิธีเดียวท่ีจะช่วยปกป้อง เพ่ิมข้ึนร้อยละ ๒๐-๓๐ จะมีอัตราการเป็นโรคมะเร็งท่ีลำาคอมากกว่า คนในสังคม โดยเฉพาะครอบครัวของเรา ผไู้ มไ่ ดร้ บั ควนั บหุ ร่ี ๓ เทา่ และเสยี่ งตอ่ การเปน็ โรคมะเรง็ อน่ื ๆ มากกวา่ ให้ปลอดจากควันบหุ รไี่ ด้ คนปกตถิ งึ ๒ เทา่ หญิงมีครรภแ ละทารก หากไดร้ บั ควนั บหุ รม่ี อื สองอย่างต่อเน่อื ง จะมีโอกาสเกิดโรคแทรกซอ้ 1นในระหวา่ ง ตง้ั ครรภแ์ ละคลอดบตุ รได้ โดยอาจมอี าการครรภเ์ ปน็ พษิ แทง้ คลอดกอ่ นกาำ หนด และเกดิ อาการไหลตายในเดก็ สงู ขน้ึ เดก็ เลก็ อาจกอ่ ใหเ้ กดิ ความเจบ็ ปว่ ยดว้ ยโรคตดิ เชอ้ื ทางเดนิ หายใจ เชน่ หลอดลมอกั เสบและปอดบวมสงู กวา่ เด็กทั่วไป มอี ตั ราการเกิดโรคหอบหดื เพิ่มขน้ึ เกดิ การติดเชอ้ื ของหสู ่วนกลางในระยะยาว โดยเฉลี่ยแล้วเด็กๆ จะได้รับควันบุหรี่มือสองมากกว่าผู้ใ2หญ่ที่ไม่สูบบุหรี่ ดังน้ัน วิธีเดียวท่ีบุคคลจะปกป้อง ครอบครัวของตนจากควันบุหรีม่ อื สองได้ คือ “การเลกิ สูบบุหรี”่ และมารว่ มกนั ทาำ ให้สถานท่ีสาธารณะ ที่ทาำ งาน พาหนะเดนิ ทาง และบา้ น ปลอดจากควนั บหุ ร่ี เพราะคนในสงั คมสว่ นใหญเ่ ปน็ คนไมส่ บู บหุ รี่ ดงั นนั้ ทกุ คนจงึ มสี ทิ ธิ ท่ีจะไม่ตอ้ งตกเปน็ เหยอ่ื ของควนั บุหรมี่ อื สองจากคนทีส่ ูบบหุ รี่ ซ่ึงผูท้ ่สี บู บหุ รกี่ ็ควรเลกิ บุหร่ี แลว้ หันมาใสใ่ จสุขภาพ ด้วยการออกกำาลังกาย หรือทำากิจกรรมอื่นๆ โดยไม่พึ่งพาบุหร่ี ซ่ึงดีต่อสุขภาพ เป็นการช่วยประหยัดเงินค่าบุหร่ี และชว่ ยลดการก่อมลพษิ ใหก้ บั อากาศด้วย สารเสพตดิ ทกุ ชนดิ ลว นทาํ ลายสขุ ภาพของผเู สพทงั้ ทางรา งกายและจติ ใจ เมอ่ื เสพเขา สู รา งกายจะมผี ลทาํ ใหร า งกายทรดุ โทรม กอ ใหเ กดิ โรคตา งๆ เชน โรคมะเรง็ ปอด โรงถงุ ลมโปง พอง โรคหวั ใจ โรคประสาท เปน ตน ทง้ั ยงั เปน ตน เหตนุ าํ ไปสกู ารเกดิ อบุ ตั เิ หตรุ า ยแรงตามมา เยาวชน จงึ ควรหลกี เลย่ี งการใชส ารเสพตดิ ทกุ ชนดิ และใหค วามรว มมอื กบั หนว ยงานของรฐั และเอกชนทจี่ ะ รว มดาํ เนนิ การแกไ ขปญหาสารเสพตดิ ท่ีกาํ ลังแพรร ะบาดอยูในขณะนี้ ซ่งึ อาจจะเปนการรณรงค ตอตานยาเสพติดหรือเปนแกนนาํ เยาวชนในการเขา รวมโครงการตอ ตา นยาเสพตดิ ตางๆ 169 กจิ กรรมสรา งเสรมิ นกั เรยี นควรรู ใหนักเรยี นจดั ทําปา ยนเิ ทศขนาดเลก็ อธบิ ายถงึ ลักษณะ 1 ไหลตาย เกดิ จากการมีโพแทสเซยี มในเลือดตา่ํ กวาปกติ ซ่งึ มคี วามสาํ คญั อาการของผตู ดิ สารเสพตดิ และการปองกนั สารเสพตดิ แลวนํา ตอ การนําไฟฟาหวั ใจ หากในเลอื ดมีปรมิ าณตํ่าจะทําใหเกดิ การเตน ของหวั ใจ มาวางแสดงไวหนา หองเรียนเปนเวลา 1 สปั ดาห ผิดจังหวะและเสยี ชีวิตได 2 การเลกิ สบู บหุ รี่ วนั ท่ี 31 พฤษภาคมของทกุ ป เปน วนั งดสบู บหุ รโี่ ลก และหาก กจิ กรรมทา ทาย บุคคลใดตอ งการจะเลกิ สบู บุหร่ี สามารถขอคาํ ปรกึ ษา ไดจากศูนยบรกิ ารเลกิ บุหร่ี ทางโทรศพั ทแ หง ชาติ สายดว น 1600 เวบ็ ไซต http://www.thailandquitline.or.th/ ใหน กั เรยี นวเิ คราะหถ งึ ความสมั พนั ธข องการใชส ารเสพตดิ กบั หรอื มูลนิธิรณรงคชว ยใหเ ลิกบุหรแี่ ละสารเสพตดิ สายดว น 02-8076477-8, การเกดิ โรคและอบุ ตั เิ หตุ วา แตล ะชนดิ กอ ใหเ กดิ โรคและอบุ ตั เิ หตุ 081-9211479 เวบ็ ไซต http://www.saf.or.th/tha/home.html ไดอยา งไร รวมทัง้ ใหห าแนวทางในการปอ งกันโดยคดิ โครงการ ตา งๆ ท่จี ะสามารถชว ยลดความรนุ แรงของสารเสพติดลงได มมุ IT ทําเปนรายงานสง ครูผสู อน สามารถศึกษาเพม่ิ เตมิ เก่ียวกับอนั ตรายจากควนั บหุ รม่ี อื สอง ไดจ ากเว็บไซต คลงั ปญ ญาไทย http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/ควันบหุ รม่ี อื สอง คูมอื ครู 169
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Explore Explain Expand Engage Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล 1. สรุปประเภทของสารเสพตดิ หรือลักษณะอาการ คําถาม ประจาํ หนว่ ยการเรียนรู้ ของผตู ิดสารเสพตดิ ๑. นักเรียนคิดว่า สาเหตุใดที่ท�าให้เกิดปัญหาสารเสพติดอย่างต่อเนื่อง และไม่อาจสูญหายไปจาก 2. สรุปสาระสาํ คญั ของการใชสารเสพตดิ กับ สงั คมไทย การเกดิ โรค ในรูปผังความคดิ ๒. ปัจจบุ ันสถานการณส์ ารเสพติดในสังคมไทยเปน็ อยา่ งไร 3. วเิ คราะหข า วเก่ียวกบั อบุ ตั ิเหตุทีเ่ กดิ จาก ๓. นักเรียนมีความคดิ เห็นอยา่ งไรกบั ค�ากล่าวท่ีวา่ “คนเสพถงึ ตาย คนขายติดคกุ ” การเมาแลวขับ ๔. ถา้ มีคนแปลกหน้ามาชักชวนใหน้ กั เรยี นเสพสารเสพตดิ นกั เรยี นจะท�าอยา่ งไร ๕. โครงการ “เมาไมข่ ับ” นอกจากจะสง่ ผลดีตอ่ ผขู้ ับขแ่ี ล้ว ยงั สง่ ผลดีตอ่ สงั คมอยา่ งไรบา้ ง หลกั ฐานแสดงผลการเรยี นรู กจิ กรรม สร้างสรรคพ์ ัฒนาการเรียนรู้ 1. ปายนเิ ทศประเภทของสารเสพติดหรอื ลักษณะ อาการของผตู ดิ สารเสพติด 2. ผงั ความคิดสรปุ สาระสําคัญของการใช สารเสพตดิ กบั การเกดิ โรค 3. ใบงานวิเคราะหข าวเกย่ี วกับอบุ ัติเหตุ ท่ีเกดิ จากการเมาแลวขบั กิจกรรมท่ี ๑ นักเรียนช่วยกันจัดนิทรรศการเกี่ยวกับภัยของสารเสพติดภายในห้องเรียน กจิ กรรมท่ี ๒ เป็นเวลา ๒ สัปดาห์ นักเรียนแต่ละคนเขียนเรียงความเกี่ยวกับภัยของสารเสพติดความยาว ๑ หน้า กจิ กรรมท่ี ๓ กระดาษ A4 แลว้ น�าสง่ ครูผ้สู อนเพือ่ คดั เลือกเรยี งความทีเ่ ขียนไดด้ ี ๕ เรื่อง ไป ติดเผยแพร่ทป่ี า ยนิเทศภายในโรงเรยี น นกั เรียนแบง่ กลุม่ กล่มุ ละ ๔-๕ คน ให้ค้นหาข่าว ภาพจากหนังสอื พิมพ์รายวนั รายสัปดาห์ หรือจากเว็บไซต์ในอินเทอร์เน็ตท่ีแสดงถึงความสัมพันธ์ของการใช้ สารเสพตดิ กบั การเกดิ โรคและอบุ ตั เิ หตุ แลว้ นา� ไปตดิ ในลกั ษณะเดยี วกบั สมดุ ภาพ พร้อมท้งั แสดงทัศนะของกลุ่มที่มีตอ่ ข่าวหรอื ภาพนัน้ ดว้ ย 1๗๐ แนวตอบ คาํ ถามประจาํ หนวยการเรียนรู 1. ขาดความรวมมือกันปองกันและแกไ ขปญหาสารเสพตดิ กนั อยา งตอเน่อื งและจรงิ จงั แมว าปจจุบันจะมีมาตรการปองกนั และปราบปรามผลู กั ลอบจาํ หนายและเสพ สารเสพติด แตกย็ ังไมส ามารถขจดั ใหหมดไปได เนือ่ งจากเปน ขบวนการทีม่ คี วามซับซอน และสถาบันหลกั ทางสงั คมหลายสถาบนั เกดิ ความออนแอ เปนชอ งวา งทําให ปญหาสารเสพติดแพรร ะบาดอยา งรวดเร็วและกวา งขวางมากขนึ้ 2. สถานการณการแพรร ะบาดของสารเสพติดไดทวีความรนุ แรงข้ึนอยางรวดเรว็ เพราะมีการผลติ สารเสพติดท้งั ภายในประเทศและมกี ารลกั ลอบนําเขา มาจากตา งประเทศ มากมายหลายชนิด เชน เฮโรอีน ยาบา ยาอี เปน ตน ถงึ แมเ จา หนา ทจี่ ะไดปราบปรามจับกมุ การคาสารเสพตดิ อยางเขมงวดและจรงิ จัง แตก ไ็ มทําใหการแพรร ะบาดของ สารเสพตดิ ลดลงเลยแตก ลับทาํ ใหผ ูผลิตไดพฒั นาสารเสพติดใหออกฤทธไ์ิ ดแ รงขึ้นและการตรวจพบสารเสพติดในตัวผเู สพไดย ากข้นึ ทําใหเ จาหนาทจ่ี ับกุมไดย ากยง่ิ ขึ้น 3. ข้นึ อยกู บั คําตอบของนักเรยี น 4. ปฏเิ สธไปอยา งจรงิ จัง และแสดงความคิดเหน็ ใหผอู ื่นทราบวาเราคดิ เห็นอยา งไรตอ ปญ หาสารเสพติด 5. ชว ยลด ละ เลกิ พฤติกรรมเสยี่ งในการใชรถใชถ นนทุกรปู แบบ และปอ งกนั อบุ ัติเหตทุ างถนนอันเปนเหตุใหเ กิดความเดอื ดรอ นทงั้ แกตนเองและแกผ อู ื่น รวมทั้งยัง สงผลใหมีสถิติการเสียชวี ติ ลดลง 170 คูมือครู
กกรระตะตนุ้ Eนุ้ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สา� รวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate เปา หมายการเรยี นรู 1. อธิบายลกั ษณะอาการของผูตดิ สารเสพติด และการปองกนั การตดิ สารเสพติดได 2. แสดงวธิ ีการชกั ชวนผูอ ่นื ใหลด ละ เลกิ สารเสพติด โดยใชท ักษะตา งๆ ได สมรรถนะของผูเรยี น 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป ญ หา 4. ความสามารถในการใชท กั ษะชวี ิต ๙หนว่ ยที่ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค การปอ งกนั ภยั จากสารเสพติด 1. รกั ชาติ ศาสน กษตั รยิ 2. ซอ่ื สตั ยส ุจริต 3. มีวินยั 4. ใฝเ รยี นรู 5. มีจิตสาธารณะ กระตนุ้ ความสนใจ Engage ตวั ชว้ี ัด สารเสพติดเปนมหันตภัยรายแรงท่ีเปน ใหนกั เรียนดูภาพหนาหนวย จากนนั้ ครู ตง้ั คาํ ถามเพื่อกระตุนความสนใจ ■ อธบิ ายลกั ษณะอาการของผตู้ ดิ สารเสพตดิ และการปอ งกนั การ อันตรายตอสุขภาพ และยังสรางปญหาท่ี ติดสารเสพตดิ (พ ๕.๑ ม.๑/๒) สง ผลกระทบทง้ั ตอ ตวั ของผเู สพเองและผอู น่ื • นักเรยี นเคยไดย นิ คํากลา วทว่ี า การรวมมือรวมใจปองกันการติดสารเสพติด “พลงั แผน ดนิ เอาชนะยาเสพตดิ ” หรอื ไม ■ แสดงวธิ กี ารชกั ชวนผอู้ นื่ ใหล้ ด ละ เลกิ สารเสพตดิ โดยใชท้ กั ษะ ตา่ งๆ (พ ๕.๑ ม.๑/๔) • นกั เรยี นคดิ วา การรณรงคเ กย่ี วกบั สารเสพตดิ ชว ยปองกันและแกไขปญ หาสารเสพตดิ ได สาระการเรยี นรู้ และชักชวนผูอ่ืนใหลด ละ เลิกสารเสพติด อยา งไรบา ง โดยใชทักษะตางๆ ท้ังทักษะการคิดวิเคราะห ■ การปองกนั การตดิ สารเสพตดิ ทักษะการส่ือสาร ทักษะการตัดสินใจ ทักษะการ ■ ทกั ษะที่ใชใ้ นการชักชวนผูอ้ นื่ ให้ลด ละ เลกิ สารเสพตดิ แกปญหา ทักษะการปฏิเสธ ทักษะการใหกําลังใจ ก็จะเปนอีกแนวทางหน่ึงในการชวยแกไขปญหา - ทกั ษะการคิดวิเคราะห์ สารเสพตดิ ใหพน ไปจากสังคมไทยได - ทักษะการสอ่ื สาร - ทักษะการตัดสินใจ - ทักษะการแกป้ ัญหา เกรด็ แนะครู ในระหวางการเรยี นการสอน ครูควรเนนยา้ํ วาการปองกนั ภัยจากสารเสพตดิ น้ัน จะประสบความสาํ เรจ็ ได จะตองไดร ับความรว มมือจากทุกคนในสังคม โดยแตล ะ บคุ คลตางมีบทบาทหนาที่แตกตางกันไป ซ่ึงตวั นักเรยี นเองก็นับวามบี ทบาทและ ถอื เปน กําลังสาํ คญั ในการชว ยปองกันสารเสพติดไดเชน กนั คู่มอื ครู 171
กกรระตะตนุ้ Eนุ้ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� �ารรEวxวpจจloคคr้นeน้ หหาา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore กระตนุ้ ความสนใจ Engage ครทู บทวนความรเู ดมิ ของนกั เรยี นจากทไ่ี ดเ รยี น ๑. การปองกนั และแก้ไขปญหาสารเสพตดิ มาแลว ในหนว ยท่ี 8 เรอื่ ง มหนั ตภยั จากสารเสพตดิ การป้องกันและแก้ไขปัญหาสารเสพติด ควรมีการด�าเนินงานซึ่งต้องได้รับความร่วมมือกัน จากนน้ั ครตู งั้ คาํ ถามนาํ เขา สบู ทเรยี นเพอื่ ใหน กั เรยี น อย่างจริงจังจากทุกฝ่าย เพื่อให้ปัญหาเก่ียวกับ ไดคดิ วิเคราะหกอ นศึกษาเนื้อหา สารเสพติดลดลง นับได้ว่าเป็นการสร้างสังคม ท่ีสงบสุขและปลอดภัย ซึ่งจ�าเป็นต้องอาศัย • การปอ งกนั และแกป ญ หาสารเสพติด บทบาทส�าคัญจากทุกฝ่ายในการป้องกันและ เปนหนา ทขี่ องบุคคลใดในสงั คม แกไ้ ขปญั หา ดังน้ี (แนวตอบ การปอ งกนั และแกป ญ หาสารเสพตดิ เปนหนาท่ีของทกุ คนในสงั คม ซ่ึงมบี ทบาท ๑.๑ บทบาทของตนเอง หนาที่ท่แี ตกตางกนั ออกไป ท้งั นเี้ พ่ือเปนการ สรางสังคมท่สี งบสขุ และปลอดภัย) นบั เปน็ บทบาทสา� คญั ทจี่ ะสามารถ ชว่ ยปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หาสารเสพตดิ ไดด้ ี โดย • นักเรียนมีสวนรวมในการปองกันและแกไข เยาวชนแตล่ ะคนควรพึงปฏบิ ัต ิ ดงั นี้ ปญหาสารเสพตดิ ไดอ ยา งไรบา ง การสร้างเสริมคุณค่าให้กับตนเอง โดยการท�ากิจกรรม ๑. ศกึ ษาความรเู้ กยี่ วกบั โทษ และ (แนวตอบ ขน้ึ อยูกับคาํ ตอบของนกั เรียน เชน ต่างๆ นบั เป็นบทบาทส�าคญั ท่ีช่วยปอ งกันและแกไ้ ขปญั หา พษิ ภยั ของสารเสพติด นบั เป็นเกราะปอ้ งกนั ตวั ศกึ ษาหาความรเู กยี่ วกับโทษของสารเสพตดิ สารเสพติดได้ดี ทดี่ ีที่จะช่วยใหพ้ ้นภัยจากสารเสพติดได้ รจู กั เลอื กคบเพ่อื นที่ดี ใชเ วลาวางใหเปน ประโยชน หากมีปญหาใหป รึกษาพอ แม ๒. มคี วามภาคภมู ิใจในตนเอง โดยรสู้ กึ วา่ ชวี ติ มคี ณุ คา่ ไมค่ วรทา� ลายชวี ติ ท่ีไดม้ าดว้ ย ผูปกครอง เปน ตน ) การตดิ สารเสพตดิ สา� รวจคน้ หา Explore ๓. ส�านึกในบทบาทหน้าที่ของตน โดยพึงระลึกอยู่เสมอว่าขณะน้ีตนเองมีบทบาท หนา้ ที่อะไร เช่น มหี น้าทเ่ี รยี นหนังสือ กค็ วรจะต้ังใจศกึ ษาเลา่ เรยี นใหด้ ี เชื่อฟงั คา� สั่งสอนของพอ่ ใหน ักเรยี นแตละคนศกึ ษาเร่ือง การปอ งกนั และ แม ่ ครู อาจารย ์ เปน็ ตน้ แกไ ขปญ หาสารเสพติด จากนั้นใหรวมกลุมกัน ๔. ทา� จิตใจใหร้ า่ เริงแจม่ ใส รกั ษาสุขภาพอนามยั อยู่เสมอ หากบุคคลมีสุขภาพจิตที่ กลมุ ละ 5-6 คน สรปุ สาระสาํ คญั ของเรื่องทีศ่ กึ ษา ไม่ด ี ร่างกายไมแ่ ขง็ แรง อ1าจนา� ไปสู่การใชส้ ารเสพตดิ ได้ ลงในกระดาษรายงาน เพ่ือนําสงครูผสู อน ๕. คบเพื่อนดี โดยรู้จกั เลอื กคบเพ่ือน และน�าแบบอย่างทดี่ ีของเพอ่ื นมาประยกุ ต์ใช้ กบั ชีวิตของตนเอง ซึง่ ถ้าหากคบเพ่ือนไมด่ ี เพื่อนอาจชักนา� เราไปในทางทเ่ี สือ่ มเสียได้ ๖. ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ในการสร้างเสริมคุณค่าให้กับตนเอง โดยการท�า กิจกรรมต่างๆ เช่น ออกก�าลังกาย เลน่ ดนตรี อ่านหนงั สือ เปน็ ตน้ ๗. มีทักษะในการด�าเนินชีวิต รู้จักแก้ไขปัญหาในทางท่ีถูกที่ควร กล้าเผชิญปัญหา รจู้ ักคิดไตรต่ รองดว้ ยเหตผุ ล ไมห่ ลกี หนปี ัญหาดว้ ยการเสพสารเสพตดิ ๘. ขอค�าปรึกษาหรือขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ ผู้ปกครอง หรือบุคคลท่ีไว้ใจได้ เมอื่ มปี ญั หา เพราะการแกไ้ ขปญั หาตามลา� พงั อาจนา� ไปสกู่ ารดา� เนนิ ชวี ติ ท่ีผิดพลาดได้ ๑7๒ เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET นกั เรยี นคิดวาวธิ กี ารหรอื แนวทางการปฏบิ ตั ิใดท่ีจะชว ย ครอู าจแนะนาํ ใหนักเรียนสรุปสาระสาํ คัญในรูปของผังความคดิ เพ่ือใหเขาใจ ปองกันปญ หาการแพรร ะบาดของสารเสพตดิ ในสังคมได ไดงา ย และสามารถเชือ่ มโยงความคิดไดอ ยา งเปน ระบบ แนวตอบ การปองกันการแพรระบาดของสารเสพตดิ ในสงั คม เชน การใหการศึกษาถึงโทษและอันตรายของสารเสพติด นกั เรยี นควรรู แกเยาวชน การสรางทกั ษะการปฏิเสธสารเสพติด การสรา ง ครอบครัวใหอบอุน การสรางทักษะการแกปญ หาในชีวิต 1 เพอื่ นดี มีหลายลักษณะ เชน มีความรักและความจรงิ ใจใหกับเรา ไมทอดท้ิง ตลอดจนการสรางทกั ษะการส่อื สาร การคิด และการตัดสนิ ใจ เราเวลาทเ่ี รามีความทกุ ข ไมเ หน็ แกต ัวและเอาเปรยี บ มคี วามขยนั หมั่นเพยี ร ในการชกั ชวนใหผอู น่ื ลด ละ เลิกสารเสพติด เปน ตน คอยเปนกาํ ลงั ใจใหเรา ชักนาํ ไปในทางทด่ี ี มนี ้ําใจและเสียสละ รจู ักใหอ ภัย ไมย งุ เกี่ยวกับสารเสพตดิ เห็นอกเห็นใจผูอื่น ไมพ ดู โกหก หยาบคาย สอ เสยี ด หรือนนิ ทาวา รายผอู น่ื เปน ตน 172 คมู่ อื ครู
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ ๑.๒ บทบาทในครอบครัว ครูสุม นักเรียนบางกลุมออกมานําเสนอสรปุ สาระสําคญั เรอ่ื ง การปองกันและแกไขปญ หา ครอบครวั เปน็ สถาบนั ทสี่ า� คญั การสรา้ งครอบครวั อบอนุ่ จะชว่ ยใหส้ มาชกิ ในครอบครวั สารเสพตดิ ใหเพือ่ นฟง จากนนั้ ตั้งคาํ ถามเพ่ือ อยู่อย่างเป็นสุข พ่อแม่หรือผู้ปกครองเป็น ทดสอบความรูความเขาใจของนักเรียน บุคคลส�าคัญที่จะท�าให้ครอบครัวมีลักษณะ ดงั กลา่ ว ดังนั้น ในฐานะท่ีนักเรียนเปน็ สมาชิก • นักเรียนคดิ วา ปจ จยั ใดที่มคี วามสาํ คัญทีส่ ดุ ในครอบครวั จงึ ควรเชอื่ ฟงั คา� สง่ั สอนของพอ่ แม่ ในการปองกันและแกไ ขปญหาสารเสพติด และท่ีสา� คญั ควรมีความรกั ความเขา้ ใจอันดตี อ่ (แนวตอบ ตนเอง เพราะหากเรามจี ิตใจมุงมัน่ กันในครอบครัว ไม่ท�าให้พ่อแม่เสียใจด้วยการ ทจ่ี ะไมไ ปยุงเก่ียวกบั สารเสพติดนั้นถือวา เปน หา่ งไกลจากสารเสพตดิ วิธปี อ งกนั สารเสพตดิ ไดด ีทีส่ ดุ ) ๑.๓ บทบาทในโรงเรยี น • นักเรยี นคิดวา บทบาทของสถาบันใดทีม่ ี ความสาํ คัญมากทส่ี ดุ ในการปอ งกันและ โรงเรียนเป็นสถาบันส�าคัญรอง แกไขปญ หาสารเสพติด ลงมาจากครอบครัว จึงมีบทบาทส�าคัญที่จะ (แนวตอบ บทบาทของครอบครัว เนอ่ื งจาก ท�าให้เยาวชนปลอดภัยจากสารเสพติด ดังน้ัน ครอบครัวเป็นสถาบันที่ส�าคัญที่จะท�าให้เยาวชนห่างไกล ครอบครัวเปน พ้ืนฐานของการมีพฤตกิ รรม จากสารเสพติดได้ โดยการเอาใจใส่ดูแล อบรมส่ังสอน ตา งๆ ซง่ึ การจะปองกันและแกไขปญ หา นกั เรียนในฐานะเยาวชนของชาต ิ จึงควรแสดง และมคี วามรัก ความเขา้ ใจอย่างท่วั ถงึ สารเสพติด สวนหน่ึงมาจากการมีครอบครัว บทบาทในโรงเรียน ดังน้ี ที่อบอนุ โดยคนในครอบครัวนบั วาเปน ๑. ศึกษาหาความรูใ้ นเรือ่ งสารเสพติดอยา่ งสมา�่ เสมอ บคุ คลสาํ คัญทีจ่ ะทําใหม ลี ักษณะดังกลา ว) ๒. เคารพเช่ือฟงั ในค�าสง่ั สอนของครู ๓. เมื่อทราบว่ามีเพ่ือนนักเรียนติดสารเสพติด ต้องรีบแจ้งครู และพ่อแม่หรือ ผปู้ กครองของเพอ่ื นนักเรยี นให้ทราบ เพ่อื รว่ มมอื กันแก้ปัญหาตอ่ ไป ๔. ใหค้ วามรว่ มมอื กบั ทางโรงเรยี น โดยเขา้ รว่ มกจิ กรรมตา่ งๆ และแหลง่ นนั ทนาการ ทท ูท่ี บา ีงนโรมั งเเบรยีอนร์ จวดั ัน1ใ ห(T ้ เoพ Bอื่ eร ว่ Nมuมmอื bกeนั rแ Oกnไ้ eข)ป ัญเปห็นาตสน้ ารเสพตดิ เชน่ โครงการโรงเรยี นสขี าว โครงการ การเข้าร่วมกจิ กรรมต่างๆ ของโรงเรยี น เปน็ วธิ ีหนึ่งท่ชี ว่ ยใหน้ ักเรียนห่างไกลจากสารเสพติดได้ ๑7๓ แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETดิ นักเรยี นควรรู ขอ ใดเปนวธิ ที ี่ดที ่สี ดุ ในการปอ งกนั ไมใหตกเปน ทาสของ 1 โครงการ ทู บี นมั เบอร วนั เปน โครงการรณรงคปองกันและแกไ ขปญ หา สารเสพตดิ ยาเสพติดภายในประเทศ โดยไดรับความรวมมอื จากภาครัฐและเอกชน 1. การปองกันชมุ ชน การปองกันสงั คม ประกอบดวย 3 ยุทธศาสตร ไดแก 2. การปอ งกนั สังคม การปอ งกนั ตัวเอง 3. การปองกันชมุ ชน การปอ งกนั สงั คม การปองกันตนเอง • การรณรงคปลุกจิตสํานกึ และสรา งกระแสนยิ มทเ่ี ออ้ื ตอ การปองกันและแกไ ข 4. การปอ งกันชมุ ชน การปอ งกนั ตนเอง การปองกันครอบครัว ปญ หายาเสพตดิ วิเคราะหคําตอบ การปอ งกันและแกไขปญ หาเกย่ี วกับ สารเสพติดใหป ระสบผลสาํ เร็จได จาํ เปนตอ งไดร ับ • การเสรมิ สรางภมู คิ มุ กันทางจติ ใหแกเ ยาวชน ความรวมมอื กันอยางจริงจังจากทุกฝาย ไมว า จะเปน ตนเอง • การสรา งและพัฒนาเครอื ขายเพอ่ื การปองกนั และแกไขปญหายาเสพตดิ ครอบครวั และชมุ ชน ซงึ่ การปอ งกนั ชมุ ชน การปอ งกนั ตนเอง และการปองกนั ครอบครวั น้ัน ถือเปน การปองกันและแกไข คู่มือครู 173 ปญ หาสารเสพติดทีค่ รอบคลมุ ทกุ ดา น และไดผ ลดี โดยควร เร่มิ จากตวั เรากอน ตามมาดวยครอบครัว และชมุ ชน จงึ จะชว ยทาํ ใหไ มต กเปนทาสของสารเสพตดิ ตอบขอ 4.
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา้ า้ใจใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา้ ใจ ครูกลา วทบทวนวา จากท่ีไดศ กึ ษามาแลว นนั้ ๑.๔ บทบาทในการปฏิบตั ติ ามนโยบายของรัฐบาล ครอบครวั ถือเปน สถาบนั ทมี่ ีบทบาทอยา งมากใน ก �าหน ดนโยบราัฐยบใานลกมารีบปท้อบงากทันสแ�าลคะัญแกใน้ไขกปารัญแหกา้ไสขาปรัญเสหพาตสิดาตราเสมพยตุทิดธศใหา้สกตับ1รป์ ร“ะพชลาังชแนผท่นุกดคินนเอ าจชึงนไดะ้ การปอ งกันและแกไ ขปญหาสารเสพตดิ ซึง่ หลัก ยาเสพติด” โดยดงึ พลงั จากทุกภาคสว่ นเป็นพลังแผ่นดนิ ในการตอ่ สู้กบั ยาเสพติด ดงั นี้ สาํ คญั คือตองสรางครอบครวั ทอี่ บอนุ จากน้ันครู ตง้ั คําถามเพอ่ื ชวยใหนักเรียนขยายความเขา ใจ นโยบายการปอ งกันและแกไ ขปญ หาสารเสพตดิ ของรัฐบาล จากเนอ้ื หาท่เี รยี น พลังแผน ดินเอาชนะยาเสพตดิ 2 • การสรางครอบครัวอบอุน มีหลกั การ ยึดหลักผเู สพ คือ ผปู ว ยจะไดร บั การบําบดั รกั ษาใหก ลับมาเปนคนดี อยา งไรบา ง (แนวตอบ การสรา งครอบครัวอบอนุ ทําไดโดย ของสังคม การสรา งกฎเกณฑห รอื ขอ ตกลงระหวางกนั และปฏบิ ตั อิ ยางเครงครัด มเี วลาพูดคยุ รบั ฟง ยึดหลกั นิตธิ รรม ในการปราบปรามลงโทษผูผ ลิต ผูคา ผมู ีอิทธิพล และใหเ กยี รตซิ ง่ึ กนั และกนั หลกี เลย่ี งการตาํ หนิ ติเตยี น แกปญหาตางๆ ดว ยสนั ติวธิ ี พอแม และผปู ระพฤตมิ ชิ อบ เปน แบบอยา งท่ดี ีแกล ูก สวนลูกควรเชอ่ื ฟง คําส่งั สอนของพอ แม) ตดิ ตามชวยเหลอื และปองกนั ส่ังการใหมีการกาํ กับติดตาม ชว ยเหลืออยา งเปนระบบ รวมท้ังดําเนินการปอ งกนั กลมุ เสยี่ ง และประชาชนทั่วไปไมใหเขา ไปเก่ียวขอ งกับสารเสพติด บังคับใชกฎหมาย มีการบังคับใชกฎหมายอยางเครงครัด และ ดําเนินการอยางจริงจังในการปองกันปญหาดวยการใหความรวมมือ เชิงรกุ กับตางประเทศในการควบคุมและสกัดก้ันสารเสพติด สารเคมี และสารตั้งตนในการผลิตสารเสพติดที่ลักลอบเขาสูประเทศ ภายใต การบรกิ ารจดั การอยางบูรณาการและมปี ระสิทธิภาพ นักเรียนในฐานะที่เป็นประชาชนคนหนึ่ง จึงควรมีบทบาทในการปฏิบัติตามนโยบาย ของรัฐบาลเพ่อื ร่วมกันปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หาสารเสพตดิ ใหห้ มดสน้ิ ไปจากประเทศของเรา ดงั น้ี ๑. ศึกษาหาความรู้และท�าความเข้าใจในนโยบายของรัฐบาลในการป้องกันและ แกไ้ ขปัญหาสารเสพติด ๒. หลีกเล่ียงสารเสพติดด้วยการท�ากิจกรรมทางบวก เช่น เล่นกีฬา เล่นดนตรี รว่ มกจิ กรรมสรา้ งสรรค์ตา่ งๆ เป็นตน้ ๓. เมือ่ ทราบเบาะแสเกย่ี วกบั สารเสพติด ควรแจ้งครู พ่อแม่ หรือผู้ปกครองใหท้ ราบ เพ่อื รว่ มมอื กันในการขจัดส้ินสารเสพติดใหห้ มดไป ๑7๔ นักเรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET นกั เรยี นคดิ วาสถานการณส ารเสพติดในปจ จบุ นั เปน อยา งไร 1 ยุทธศาสตร หมายถงึ ทศิ ทางหรอื วธิ กี ารทเ่ี ราตอ งพจิ ารณาดว ยความรอบคอบ จงอธิบายมาพอสังเขป ในการนําไปสกู ารบรรลุวตั ถุประสงคท ไี่ ดกาํ หนดไว โดยศกึ ษาวิเคราะหปจจยั ตา งๆ แนวตอบ ปจจุบันสารเสพติดยงั มีความรุนแรงและมแี นวโนม ท่ี ในปจ จบุ นั อยางละเอียดรอบคอบ ตรวจสอบความเปลี่ยนแปลง และคาดการณ เพม่ิ ขนึ้ โดยเฉพาะในกลุมวัยรนุ ซึง่ ควรไดร ับการปอ งกนั ไปสอู นาคต เพอื่ เสาะแสวงหาวธิ กี ารทดี่ ีกวา เหมาะสมกวา และคุมคากวา โดยอาศัยความรว มมือของทกุ คนในสังคม 2 การบําบัดรักษา เปนการสง ผูเสพเขาสูกระบวนการบําบัด พระราชบญั ญตั ิ ฟนฟสู มรรถภาพผูตดิ ยาเสพตดิ พ.ศ. 2522 กําหนดใหปฏบิ ตั ิตอ ผูติดยาเสพตดิ เหมอื นผูปวย มิใชอาชญากร และใหผ ูตองหาเขา ไปรบั การฟนฟภู ายใน 3 ป โดยไมต องรบั โทษ เพ่อื เปนการใหโ อกาสใหผตู ดิ สารเสพตดิ กลับตัวเปนคนดี ลดการสญู เสยี ทรัพยากรมนษุ ยท ี่อาจมีศกั ยภาพในการชว ยพัฒนาประเทศ 174 คมู่ อื ครู
กกรระตะตนุ้ Eุ้นnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Engage กระตนุ้ ความสนใจ ๔. ให้การสนับสนุนและความร่วมมือกับรัฐบาลในการป้องกันและแก้ไขปัญหา ครูตัง้ คาํ ถามเพอื่ กระตนุ ความสนใจของ สารเสพติด เช่น เป็นแกนน�าเยาวชนในการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของทางรัฐบาล ร่วมรณรงค์ นักเรียน ตอ่ ต้านสารเสพตดิ เขา้ คา่ ยเยาวชนรว่ มใจตา้ นภยั สารเสพติด เป็นตน้ ๕. ชกั ชวนผอู้ นื่ ใหล้ ด ละ เลกิ จากสารเสพตดิ โดยชกั ชวนใหเ้ ขา้ รว่ มกจิ กรรมสรา้ งสรรค์ • เพราะเหตุใดเราจงึ ไมค วรยุงเกี่ยวกบั ทางบวกต่างๆ เพื่อให้ห่างไกลจากสารเสพติด และให้เห็นคุณคา่ ในตนเองมากขน้ึ สารเสพตดิ (แนวตอบ สารเสพตดิ เปนมหันตภัยรายแรง ๒. ทักษะในการชกั ชวนผูอ้ ่ืนให้ลด ละ เลิก สารเสพตดิ ทเี่ ปนอนั ตรายตอสขุ ภาพผเู สพ อีกทัง้ ยัง สง ผลเสยี ตอครอบครัว สงั คม และ ในทักคษวะาชมวี ติส1 าแมลาะรมถกีในารกฝากึรฝชนักทชวกั นษผะตู้อ่า่ืนงใๆห ้ลใหด้เ กลิดะค วเาลมิกช า� สนาารญเส จพึงตจิดะส าตม้อางรเถกชิดว่ จยาผก้อู คื่นวใาหม้ลเดข ้าลใจะ ประเทศชาตดิ ว ย) เลิก สารเสพตดิ ได ้ ซ่งึ ทกั ษะทีจ่ า� เป็นตอ้ งใช้ มดี งั น้ี ๒.๑ ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ • นกั เรยี นมีวธิ กี ารอยางไรท่จี ะชักชวนใหผูอืน่ เม่ือประสบปัญหาใดๆ ก็แล้วแต่ กระบวนการคิดวิเคราะห์มักถูกน�ามาใช้ในการ ลด ละ เลกิ สารเสพติด แก้ปญั หาเสมอ ซึ่งในการชกั ชวนผูอ้ ่นื ใหล้ ด ละ เลกิ สารเสพตดิ สามารถนา� ทักษะการคดิ วิเคราะห์ (แนวตอบ ขน้ึ อยกู บั คาํ ตอบของนักเรียน เชน มาใช้ ดงั นี้ ชีแ้ จงใหเ หน็ ถงึ ผลเสยี หรือโทษจากการใช ที่จะส ่งผลถงึ ๑กา. รเปสรพะสเมารินเปสัญพตหิดา แเลชะน่ ป ัจคจา่ ัยนติย่ามง2 ๆก ลทุ่มี่มเีอพิทือ่ ธนิพ ลสต่ิงแ่อวทดัศลน้อคมตริแอลบะตพวั ฤ ตสิกอ่ื รตรา่ มงๆข อเงปวน็ัยตรุ่น้น สารเสพติด แนะนาํ ใหท ํากจิ กรรมอน่ื ท่ี เพ่ือนา� มาใช้เป็นข้อมลู ในการวเิ คราะห์ปญั หา สรางสรรคแ ทนการเสพสารเสพตดิ เปน ตน) ๒. ใชท้ กั ษะการคดิ วเิ คราะห์ในการ แก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณ พยายามคิดหา เหตุผลท่ีมีน้�าหนักในการชักชวนให้ผู้อื่นลด ละ เลิก สารเสพติด เช่น การชี้แจง ให้ข้อมูล ผลดีผลเสียท่ีเห็นได้ชัด เพ่ือให้ผู้อื่นคล้อยตาม ซึ่งอาจใชค้ า� พูดว่า “สารเสพติดมโี ทษ นอกจาก จะท�าลายสุขภาพของเราแล้ว ยังส่งผลกระทบ ต่อครอบครัวอีกด้วย อย่าริไปลองมันเลยนะ” เป็นตน้ ๓. ใช้ความคิดในทางสร้างสรรค์ เพ่ือเป็นทางเลือกให้ผู้ท่ีเราชักชวนเห็นข้อดีที่ จะปฏบิ ตั ิตาม เช่น การชวนผอู้ นื่ ไปทา� กิจกรรม สรา้ งสรรค ์ เชน่ การเลน่ กฬี า เลน่ ดนตร ี ทบทวน การชกั ชวนผอู้ นื่ ไปทา� กจิ กรรมในทางทสี่ รา้ งสรรค์ จะทา� ให้ บทเรียน ท�ากิจกรรมนนั ทนาการต่างๆ เป็นตน้ ผูท้ ีเ่ ราชกั ชวนเหน็ คณุ คา่ ของตัวเองมากขึ้น ๑75 ขอ สอบ O-NET นกั เรียนควรรู ขอ สอบป ’53 ออกเกี่ยวกับแนวทางการปองกันสารเสพตดิ ใน 1 ทกั ษะชวี ติ (Life Skill) เปน คณุ ลกั ษณะหรอื ความสามารถทางสตปิ ญ ญาของ ชุมชน แตล ะบคุ คลทพ่ี งึ มี และสามารถนาํ มาใชใ นยามทตี่ อ งเผชญิ กบั สถานการณต า งๆ ที่ เกดิ ขนึ้ ในชวี ติ ประจาํ วนั ไดอ ยา งมปี ระสทิ ธภิ าพ ซงึ่ ทกั ษะชวี ติ สามารถพฒั นาขนึ้ ได ขอ ใดเปนแนวทางการปอ งกนั มิใหม กี ารใชสารเสพติด ดวยการเรียนรู ฝก ฝน หรอื ปฏิบตั ิซา้ํ ๆ จนเกดิ ความคลองแคลว และเคยชนิ ในชุมชนทไ่ี ดผ ลดีที่สุด 2 คา นยิ ม คือ สิง่ ทบ่ี คุ คลพอใจหรือเหน็ วา เปน ส่งิ ทมี่ คี ณุ คา แลว ยอมรบั ไวเปน ความเช่อื หรอื ความรสู กึ นกึ คดิ ของตนเอง เม่ือบคุ คลประสบกบั เหตกุ ารณทีต่ อ งมี 1. จัดใหมพี ระมาอบรมเรื่องการประพฤตดิ ี การตดั สินใจเลือกอยางใดอยา งหน่งึ บคุ คลจะนาํ คานิยมมาประกอบการตดั สินใจ 2. สอนใหเ ยาวชนรูจ ักการปฏิเสธสารเสพตดิ คา นยิ มจงึ เปน เสมือนพืน้ ฐานแหง การประพฤติ ปฏบิ ตั ิของบุคคล 3. จัดตาํ รวจหมบู า นคอยเฝา ระวงั ผูตดิ ยา 4. จดั กจิ กรรมและใหความรูดา นสารเสพติดแกเยาวชน คูม่ อื ครู 175 วิเคราะหค าํ ตอบ ทุกขอลว นเปนแนวทางการปองกัน สารเสพติดในชุมชน แตแนวทางการปอ งกันมใิ หมีการใช สารเสพติดในชุมชนทีไ่ ดผ ลดีทีส่ ุดนั้น ควรเปนการจดั กิจกรรม และใหความรดู านสารเสพติดแกเ ยาวชน โดยเปน การปลกู ฝง ใหเ ยาวชนซงึ่ เปน อนาคตของชาติไดต ระหนกั ถงึ โทษของ สารเสพติด รวมทงั้ ยังเปนการสง เสริมใหเยาวชนไดใชเ วลาวา ง ใหเปนประโยชนไมหันไปยุง เกี่ยวกบั สารเสพติดไดอ กี ดว ย ตอบขอ 4.
กระตุน้ ความสนใจ สสา� า� รรEวxวpจจloคคrน้eน้ หหาา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore สา� รวจคน้ หา Explore ใหนกั เรยี นแตล ะคนศึกษาเรื่อง ทักษะในการ ๒.๒ ทกั ษะการสื่อสาร ชกั ชวนผอู ื่นใหลด ละ เลิก สารเสพติด แลวให จบั คูกนั อภปิ รายเรือ่ งทีศ่ ึกษาและสรุปสาระสาํ คญั เป็นความสามารถในการใช้ภาษาพูดหรือภาษาท่าทาง เพ่ือแสดงออกถึงความรู้สึก แตละประเดน็ จากน้นั ปฏิบตั กิ จิ กรรมสรางสรรค นึกคิดของตนในสถานการณ์ต่างๆ ท้ังน้ี เพ่ือ พัฒนาการเรียนรู กจิ กรรมท่ี 1 จากหนังสือเรียน ให้สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม หนา 182 ซึ่งการส่ือสารอย่างมีประสิทธิภาพต้องมีความ สามารถในการเป็นผู้ถ่ายทอดและผู้รับสารที่ด ี มีคา� พดู กิริยา ทา่ ทาง ท่ีทา� ใหผ้ ูฟ้ งั รูส้ กึ อบอุ่น และเป็นมิตร โดยทักษะการส่ือสารที่ดีในการ ชกั ชวนใหผ้ อู้ น่ื ลด ละ เลกิ สารเสพตดิ มดี ังน้ี ๑) การแสดงความคดิ เหน็ เปน็ การแสดงให้ผู้อื่นรู้ว่าเราคิดเห็นอย่างไรต่อ ปญั หาสารเสพติด ซ่งึ อาจทา� ใหผ้ ูอ้ น่ื คลอ้ ยตาม และไม่กล้าทดลองเสพสารเสพติดโดยต้องมี เหตุมีผล และเสนอความคิดเห็นด้วยน้�าเสียง หควนาักมแคนิด่นเ หจ็นรดิง้วจยัง ถแ้อตยน่ค่มุ�ารนุนวแลร ง1ไ มเเ่ ชป่น็น ก“ากราเสรดน่ืมอ ความสามารถในการสอ่ื สาร นบั เปน็ ทกั ษะทด่ี ใี นการชกั ชวน ผ้อู ่ืนให้ลด ละ เลิก สารเสพติด เหลา้ นอกจากจะไม่ชว่ ยแกป้ ัญหาใดๆ แล้ว ยงั เป็นการสรา้ งปัญหาเพม่ิ มากขน้ึ อีก ไม่วา่ จะยงั ไง กต็ ามเธอไม่ควรดื่มเหลา้ เดด็ ขาด” เป็นต้น ๒) การแสดงความช่ืนชม เป็นการแสดงออกให้เห็นว่าเราชื่นชมคนท่ีไม่ยุ่งเกี่ยว กบั สารเสพตดิ และชนื่ ชมท่คี นเหล่านัน้ มอี นาคตทด่ี ี เชน่ “เราอยากเป็นแบบอย่างน�้าหวานจงั เลย นอกจากจะเลน่ กีฬาเก่งแล้วยงั เป็นแกนนา� เยาวชนตอ่ ตา้ นยาเสพตดิ อีก” เปน็ ต้น ๓) การขอรอ้ ง เปน็ การขอรอ้ งใหผ้ อู้ นื่ เลกิ ยงุ่ เกยี่ วกบั สารเสพตดิ ซงึ่ เราควรมวี ธิ กี าร ขอร้องโดยใช้ค�าพูดท่ีนุ่มนวล มีเหตุมีผล เพื่อมิให้ผู้อ่ืนคิดว่าเราเป็นการออกค�าสั่งมากกว่าการ ขอรอ้ ง เช่น “เราขอรอ้ งละ่ เธออยา่ ดืม่ เหล้าเลยนะ เพราะมนั ไม่ดีตอ่ สขุ ภาพของตวั เธอเองและ จะท�าใหพ้ อ่ แมเ่ สยี ใจอีกด้วย” เปน็ ตน้ ๔) การเจรจาตอ่ รอง เราควรใชถ้ อ้ ยคา� ทม่ี เี หตมุ ผี ล ภาษาสภุ าพ ไมเ่ ปน็ การขบู่ งั คบั หรอื ขู่ว่าจะบอกคนอืน่ เพราะอาจท�าให้เกิดอนั ตรายตอ่ ตัวเองได้ เชน่ “ถ้าเธอเลกิ เสพยา เราจะ ชว่ ยพดู กบั ครใู หเ้ ธอกลับมาเรยี นใหไ้ ด้” “ถ้าวนั น้ีเธอไมด่ ่ืมเหลา้ เราสัญญาวา่ จะชว่ ยสอนการบา้ น ใหเ้ ธอ” เปน็ ตน้ ๑76 นักเรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET ทกั ษะการส่อื สารมคี วามสําคัญในการชักชวนใหผ ูอ ื่นลด ละ 1 ถอ ยคาํ รนุ แรง การใชถอยคาํ ท่ีรุนแรงนอกจากจะไมชว ยแกปญ หาใดๆ เลิก สารเสพติดอยางไร ไดแ ลว ยงั กอใหเ กดิ ความเสย่ี งตอการเกิดความรุนแรงไดอกี ดว ย ดงั น้นั ในการ แนวตอบ ทักษะการสื่อสารเปน ความสามารถในการใชภาษาพดู ส่อื สารเจรจาตอ รองกบั ใคร ควรท่จี ะใชถ อยคําทีน่ มุ นวล ผูฟงฟงแลว เกดิ ความรสู กึ หรือภาษาทา ทาง เพอื่ แสดงออกถึงความรูส กึ ซึ่งมีความสําคญั ประทบั ใจและคลอยตาม พรอมทจ่ี ะปฏบิ ตั ิตามท่เี ราบอกหรือขอรอ งใหทํา และจําเปนมากในการชกั ชวนใหผ อู น่ื ลด ละ เลกิ สารเสพตดิ โดย การสอื่ สารอยา งมที กั ษะจะทาํ ใหสามารถแกไ ขสถานการณไ ดอ ยา ง มมุ IT เหมาะสม และสามารถชกั ชวนใหผูอ น่ื ลด ละ เลิก สารเสพตดิ ได รวมถึงยังทาํ ใหผฟู งนน้ั รูสกึ อบอนุ และเปนมิตรอีกดวย สามารถศกึ ษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับทกั ษะการส่อื สาร ไดจ ากเว็บไซต http://www.oknation.net/blog/print.php?id=69093 บรู ณาการเช่ือมสาระ สามารถนาํ เนอ้ื หาเร่อื ง ทักษะการสื่อสารไปบรู ณาการ 176 คมู่ อื ครู เชอ่ื มโยงกับกลมุ สาระการเรยี นรภู าษาไทย วชิ าหลกั ภาษา และ การใชภาษา เร่ือง การพูดเชงิ สรา งสรรค
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ ๕) การตักเตือน เมื่อเห็นเพ่ือนหรอื พีน่ ้องมแี นวโน้มว่าจะเสพสารเสพตดิ เราควร ใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมสรา งสรรค ตักเตอื นดว้ ยค�าพูดที่มีเหตุผล ช้ใี หเ้ หน็ ถึงผลเสียท่มี ตี อ่ ร่างกาย ต่อการเรยี น ต่อครอบครัว รวมถงึ พฒั นาการเรยี นรู กจิ กรรมท่ี 3 จากหนงั สือเรียน การแสดงความรกั ความห่วงใยที่มีให้เหน็ เพ่อื หนา 182 โดยรว มกนั กาํ หนดตวั แสดง และเขยี น โน้มน้าวให้เกิดความรู้สึกส�านึก และไม่ไป บทพดู ลงในกระดาษรายงาน พรอ มทั้งวเิ คราะหว า ยุ่งเกี่ยวกบั สารเสพตดิ เช่น “อยา่ สูบบุหรีเ่ ลยนะ จากบทบาทสมมติน้ันๆ ใชทกั ษะชีวติ ดานใด มนั ไมด่ ตี ่อสขุ ภาพ ถ้าพ่อแม่ร้จู ะเสยี ใจมากนะ” ในการชกั ชวนผูอ นื่ ใหลด ละ เลิก สารเสพติด เพือ่ นําสงครแู ละเตรียมนาํ เสนอหนา ชนั้ เรยี น เปน็ ต้น ปฏเิ สธ1 การป๖ฏ) เิ สกธาทรด่ี ชจี กั ะชตอ้วนงปเพฏเิอ่ื สนธใอหยร้า่ จู้งจกั รกงิ าจรงั ทั้งท่าทางและน้�าเสียงเพื่อแสดงความต้ังใจท่ี จะปฏิเสธอย่างชัดเจน ซึ่งหลักการปฏิเสธท่ี เหมาะสมและได้ผลดมี ี ดังน้ี ๑. ตง้ั สต ิ และใชค้ า� พดู ทสี่ ภุ าพ เพื่อแสดงให้ผู้ชักชวนรู้ว่า เรามีเหตุผลและมี การปฏเิ สธท่ีเปน็ การถนอมน้า� ใจ อาจใช้วธิ กี ารชกั ชวนหรอื อทิ ธิพลเหนอื เขา จะไดไ้ มก่ ลา้ บังคับอีก ตักเตือนเพ่ือกล่าวอ้างในการปฏิเสธ โดยชี้ให้มองเห็นถึง ๒. แสดงความรู้สึกของตนเอง โทษและผลทไ่ี ด้รับจากการเสพสารเสพตดิ ดว้ ยเหตุผล ไมต่ อ้ งใชเ้ หตุผลอ่ืนมากลา่ วอา้ ง เพราะผ้ชู ักชวนจะหาขอ้ โตแ้ ย้งที่จะทา� ใหห้ ลงเชอื่ ได้ ๓. ใช้การปฏิเสธที่เป็นการถนอมน้�าใจ โดยไม่ให้เสียความสัมพันธ์ และ ไม่ท�าให้อีกฝ่ายรู้สึกเสียหน้า หรือรู้สึกว่าตนเองถูกต�าหนิ เพราะอาจท�าให้เกิดผลกระทบ ต่อความสัมพันธ์ในอนาคตของเรากับอีกฝ่ายก็ได้ เช่น หากมีผู้อ่ืนชวนให้ดื่มเหล้า เธอ ควรตอบด้วยน�้าเสียงจริงจังแต่นุ่มนวลว่า “ขอบคุณ แต่เราไม่ดื่ม” ถ้าเขาถามว่า “ท�าไม ไมด่ มื่ ละ่ ” เธอกค็ วรตอบไปว่า “เพราะเรารู้สกึ วา่ มันไม่ดตี ่อสุขภาพของเราน่ะส”ิ ซงึ่ ถ้าหากยงั ถูก คะยน้ั คะยออกี เธออาจพดู วา่ “ดม่ื เหลา้ ทา� ไม ไปออกกา� ลงั กายกนั ดกี วา่ หลบั สบาย ไมป่ วดหวั ดว้ ย” ๔. เมื่อตอบปฏิเสธแล้ว เธอควรออกจากสถานท่ีนั้นโดยเร็ว เพ่ือไม่ให้ถูกเซ้าซี้ ต่อไปอีก ซง่ึ อาจใชค้ า� พดู บอกลาอยา่ งนมุ่ นวล เช่น “เราไปก่อนนะ พอดีจะไปหอ้ งสมดุ นะ่ ” หรอื “ไว้คยุ กนั วนั หลังนะ” เปน็ ต้น แล้วรีบเดินจากไปทันที ๗) การขอความช่วยเหลอื เมื่อตกอยใู่ นสถานการณ์อันตราย เราควรตั้งสติ และ คิดหาทางออกท่ีดี โดยอาจแจ้งส�านักงานคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ส�านักงาน ป.ป.ส.) หรือโทร. ๐-๒๒๔๗-๐๙๐๑-๑๙ สายด่วน ๑๓๘๖ ๑77 ขอสอบ O-NET นักเรยี นควรรู ขอสอบป ’53 ออกเกี่ยวกับการใชท กั ษะปฏเิ สธ 1 การปฏิเสธ เปน ทกั ษะท่ตี องใชค วบคกู ับทักษะการตอรอง แตจะใชทักษะใด ขอใดเปนการใชท กั ษะปฏเิ สธท่ไี มเ หมาะสม เปน หลกั น้นั ก็ข้ึนอยูกับสถานการณ เร่อื งทเี่ จรจา บคุ คล สถานท่ี และปจจยั อื่นๆ 1. ปฏิเสธดวยคําตอบนาเชอ่ื ถือ ทา ทีจริงจงั เนื่องดวยสังคมไทยเปนสังคมเอื้อเฟอเผ่อื แผ เห็นอกเหน็ ใจกนั ไมก ลาท่จี ะปฏเิ สธ 2. เม่อื ถกู รบเรา ใหห ลีกเลี่ยงและปฏิเสธดวยถอยคําสุภาพ หรอื ตอรอง ซ่งึ เปน เหตใุ หเ ราอาจตกอยใู นสถานการณเสีย่ งได ดงั นน้ั เราจึงควร 3. แสดงพฤติกรรมท่สี ุภาพในการปฏเิ สธควบคกู ับคาํ พูด ฝกทกั ษะการปฏิเสธและตอรอง เพือ่ จะชวยใหเราสามารถรอดพนจากสถานการณ 4. พูดตัดบท แสดงความไมพ อใจ และตอบโตทนั ที เสี่ยงตา งๆ ได วเิ คราะหค าํ ตอบ การใชก ารปฏเิ สธทดี่ จี ะตอ งเปน การปฏเิ สธท่ี หนกั แนน จรงิ จงั ถนอมนาํ้ ใจ และใชถ อ ยคาํ ทส่ี ภุ าพ โดยไมใ หเ สยี ความสมั พนั ธ หรือทาํ ใหอ กี ฝา ยรสู ึกเสยี หนา ซึง่ การพูดตัดบท แสดงความไมพ อใจ และตอบโตทนั ทนี ้ัน ถอื เปน การใชท ักษะ ปฏเิ สธทีไ่ มเหมาะสม อาจทําใหเกดิ ผลกระทบตอ ความสมั พันธ ในอนาคตได ตอบขอ 4. ค่มู อื ครู 177
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู้ ใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ ออกมาแสดงบทบาทสมมติ ๒.๓ ทกั ษะการตัดสินใจ โดยครแู ละนกั เรยี นคนอน่ื ๆ รว มกันวเิ คราะหวา จากบทบาทสมมตินนั้ ๆ ใชทกั ษะชีวติ ดานใดในการ เปน็ ความสามารถทตี่ อ้ งใชเ้ หตผุ ล ความเหมาะสมในแตล่ ะสถานการณม์ าคดิ วเิ คราะห์ ชักชวนผอู ่ืนใหลด ละ เลกิ สารเสพติด และมีความ และหาทางออกที่ดีท่สี ดุ เพอ่ื ให้การตดั สนิ ใจน้นั เหมาะสมหรือไม อยางไร จากนั้นครูใหน กั เรยี น เป็นไปตามเป้าหมาย และมีแนวทางแก้ไขที่ดี ทํากิจกรรมในแบบวดั และบันทกึ ผลการเรียนรู ท่ีสุดส�าหรับตนเองและผู้อ่ืนด้วย การฝึกทักษะ กิจกรรมท่ี 9.3 การตัดสินใจโดยเรียนรู้กระบวนต่างๆ จึงเป็น ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ ส่ิงจา� เ ปน็ อย่า๑ง.ม าเกรีย ดนงั รนู้ก้ี ระบวนการตัดสินใจ1 สขุ ศกึ ษา ม.1 กจิ กรรมท่ี 9.3 หนวยที่ 9 การปองกนั ภยั จากสารเสพตดิ โดยน�าปญั หามาหาสาเหตุ แนวทางแก้ไข และ กิจกรรมท่ี ๙.๓ ใหนกั เรยี นปฏิบัติกจิ กรรมตามคาํ แนะนาํ ตอไปน้ี (พ ๕.๑ ม.๑/๔) คะแนนเตม็ คะแนนท่ีได ตัดสนิ ใจทจ่ี ะแกป้ ญั หานน้ั ๒. ฝกึ คน้ หาตนเอง ทา� ความเขา้ ใจ ñõ ๑. ประเมินขอมูลท่ีกําหนดใหวาตรงกับกระบวนการคิดตัดสินใจ และแกปญหาในขั้นตอนใด ตนเอง หาข้อดี ข้อเสยี ของตนเอง พรอ มเรียงลําดบั ข้ันตอนใหถูกตอง ขอ มลู ที่กาํ หนดให ขนั้ ตอนของกระบวนการตัดสินใจและแกปญหา ลาํ ดบั ขน้ั ตอนที่ ๓. พจิ ารณาตนเองวา่ ตอ้ งการอะไร ไม่ตอ้ งการอะไร คดิ หาวธิ ีการแกป ญหา …ก…า…ร…ค…น …ห……าส……าเ…ห…ต…ุข…อ…ง…ป…ญ……ห…า…แ…ล…ะ…ก…ํา…ห…น…ด……………. ๒……………………………. การเรียนรู้กระบวนการตัดสินใจ เป็นการฝึกค้นหาตนเอง ๔. เมอื่ พบปญั หาหรอื สถานการณ์ เลือกวิธกี ารแกป ญหาทีเ่ หมาะสม …ท…า…ง…เล……ือ…ก……………………………………………………………………. ……………………………. ใหส้ ามารถนา� ปญั หามาหาสาเหตุ แนวทางแกไ้ ขและตดั สนิ ใจทีจ่ ะแกป้ ัญหานน้ั ได้ …ก…า…ร…ต…ดั …ส…นิ……ใจ…เ…ล…อื …ก…ท…า…ง…เ…ล…อื …ก…ใ…ด…ท…า…ง…เล…อื…ก…ห……น…งึ่ …. ๔……………………………. …ด…ว …ย…เห……ต…ผุ …ล…อ…ย…า…ง…เห…ม……าะ…ส…ม………………………………………. ……………………………. ชงั่ นํ้าหนกั ขอ ดี ขอเสยี ของแตล ะวธิ ี …ก…า…ร…ว…ิเค…ร…า…ะ…ห…ข…อ…ด…ี…ข…อ …เ…ส…ยี ……แ…ล…ะ…ร…ว…บ…ร…ว…ม…ข…อ…ม…ลู …. ๓……………………………. ตา่ งๆ ให้นา� ปัญหามาฝกึ คิดวิเคราะห์หาสาเหตุ แนวทางแกไ้ ข และลองตัดสินใจแก้ปญั หานนั้ ด้วย …ข…อ…ง…แ…ต…ล …ะ…ท…า…ง…เล…ือ…ก……………………………………………………. ……………………………. ระบุปญ หา …ก…าํ …ห…น…ด……วา…อ…ะ…ไ…ร…ค…อื …ป…ญ ……ห…า…โ…ด…ย…ใ…ช…พ…ื้น……ฐ…าน……………. ๑……………………………. ตนเอง แตถ่ ้าแก้ไมต่ ก ควรขอค�าปรึกษาหรอื ค�าแนะนา� จากผูใ้ หญ่ท่ีไว้ใจได้ เชน่ ออยทราบมาวา่ …ก…า…ร…ส…ัง…เ…ก…ต…พ…ฤ…ต…กิ……ร…ร…ม…บ…คุ …ค…ล…………………………………. ……………………………. เฉฉบลับย แกไขขอเสียของทางเลือกที่เกิดจาก …ก…า…ร…ห…า…แ…น…ว…ท……าง…แ…ก……ไ…ขข…อ…เ…ส…ีย…ข…อ…ง…ท……า…ง…เล…ือ…ก……ท…ี่ .. ๕……………………………. …เก……ดิ …จ…า…ก…ก…า…ร…ต…ัด…ส…ิน……ใจ………………………………………………. ……………………………. เพื่อนสนิทของตนติดยาเสพติด ออยอยากช่วยเพ่ือน จึงหาสาเหตุว่าอะไรท่ีท�าให้เพื่อนของตน การตัดสนิ ใจ ๒. บอกกระบวนการเรยี นรทู ่ีเปน สิ่งจําเปน ของทกั ษะการตัดสนิ ใจ ตดิ ยาเสพติดได ้ ซ่งึ ไดท้ ราบสาเหตุว่าเกิดจากการขาดความอบอ่นุ ในครอบครัว ออยจึงคดิ หาทาง เ…ร…ยี …น…ร…กู …ร…ะ…บ…ว…น…ก…า…ร…ต…ัด…ส…นิ……ใจ…………………….. ฝ……ก…ค…น…ห…า…ต…น……เอ…ง……ท…ํ…าค…ว…า…ม…เ…ข…าใ…จ…ต…น……เอ…ง.. แก้ไขด้วยการไปตักเตือนเพ่ือน และช้ีให้เห็นถึงโทษของยาเสพติด แต่เพ่ือนไม่เชื่อ และขู่ว่าจะ ห……าข…อ…ด…ี …ข…อ …เส……ยี …ข…อ…ง…ต…น…เ…อ…ง……………………….. ……………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………….. กระบวนการเรียนรู ท�าร้ายออย ออยจึงตัดสนิ ใจบอกครูใหท้ ราบเพ่อื ช่วยกนั แก้ไขปญั หาทเี่ กดิ ขนึ้ เปน็ ต้น พ……ิจ…าร…ณ……า…ต…น…เอ…ง…ว…า …ต…อ …ง…ก…า…ร…อ…ะไ…ร……………….. ๒.๔ ทักษะการแกป้ ญั หา ไ…ม…ต …อ…ง…ก…า…ร…อ…ะ…ไร…………………………………………….. เ…ม…่ือ…พ…บ…ป……ญ…ห…า……ใ…ห…ฝ…ก…ว…ิเ…ค…ร…า…ะห……ห…า…ส…า…เห…ต.. ุ เป็นความสามารถในการน�าความรู้และประสบการณ์ต่างๆ ไปใช้ในการเผชิญ และ ……………………………………………………………………….. แ…น…ว…ท…า…ง…แ…ก…ไ…ข……แ…ล…ะ…ล…อ…ง…ต…ัด…ส…ิน……ใจ……แ…ต……ถ.า. จดั การกบั ปญั หาทเ่ี กดิ ขนึ้ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม โดยนา� ขอ้ สรปุ ของทกั ษะการคดิ วเิ คราะห ์ การตดั สนิ ใจ แ…ก…ไ…ม…ไ…ด… …ให…ข…อ…ค…ํา…แ…น…ะ…น…าํ …จ…า…ก…ผ…ใู …ห…ญ… ……….. มาลงมอื แกป้ ญั หาตามแนวทางทว่ี างไว ้ ซงึ่ ทกั ษะการแกป้ ญั หาน ้ี จะทา� ใหเ้ รามปี ระสบการณเ์ พมิ่ ขน้ึ ๗๖ และรู้จกั ปรับเปลย่ี นหาวิธีการท่เี หมาะสม นับเปน็ การฝกึ ให้เรามคี วามอดทน มีเหตผุ ล และเป็น คนท่ีสามารถแกป้ ัญหาตา่ งๆ ไดอ้ ยา่ งด ี พรอ้ มทงั้ ไดเ้ รยี นรวู้ ธิ กี ารป้องกนั ปัญหาทจ่ี ะเกดิ ขนึ้ อกี ดว้ ย การตัดสินใจในการแก้ปญั หา จึงเป็นทกั ษะที่ต้องใช้ควบคู่กนั โดยเปน็ การผสมผสาน ระหวา่ งความคดิ และความรสู้ ึกในการใชเ้ หตผุ ลตัดสินใจ ๑78 นักเรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET อารยาอยชู นั้ ม.2 เพงิ่ ยา ยจากโรงเรยี นตา งจงั หวดั เขา มาเรยี น 1 การตดั สนิ ใจ วยั รนุ เปน วยั ทก่ี า วสคู วามเปน ผใู หญ เปน วยั ทมี่ คี วามเปลย่ี นแปลง ในกรงุ เทพฯ เธอเชา หออยใู กลๆ โรงเรยี น วนั หนง่ึ เพอื่ นชวนใหเ ธอ ดา นตา งๆ มากมาย การคิด การตัดสินใจจึงเปน ทักษะอยางหนึ่งทสี่ ําคัญใน มาลองเสพยาไอซด ว ยกนั อารยาเกิดความลงั เลใจ เพราะกอ็ ยากรู การดาํ เนินชวี ติ การตัดสนิ ใจทีด่ จี ะชวยใหเ ราไมหลงไปในทางทไ่ี มเหมาะสม และ เหมือนกนั วา เมอ่ื เสพแลวจะเปน อยา งไร แตอ ีกใจหน่ึงกก็ ลัววา สามารถกาวไปสคู วามสาํ เรจ็ ในชวี ิตได ซงึ่ การตัดสินใจทด่ี ีนั้นควรคาํ นึงถึงเหตุผล พอ แมจ ะรู หากนักเรียนเปน อารยานกั เรยี นจะตดั สนิ ใจเชนไร ขอ ดแี ละขอ เสยี ของทางเลอื กทเ่ี รามอี ยู อนั จะชว ยใหเ ราคาดการณถ งึ ผลทจ่ี ะตามมา 1. ถาวา งกจ็ ะไป ไดระดบั หนงึ่ และชว ยใหเ ราตัดสนิ ใจไดเหมาะสมมากขนึ้ 2. นา จะลองเสพดู 3. ไมไ ปเพราะเปน ส่ิงไมด ี มมุ IT 4. ไปกไ็ ดเผือ่ จะไดล องอะไรใหมๆ วเิ คราะหคาํ ตอบ ยาไอซจ ดั เปน สารเสพตดิ ท่กี อ ใหเกิดโทษ สามารถศึกษาเพิม่ เตมิ เกยี่ วกับทักษะการตัดสินใจ ไดจากเว็บไซต รา ยแรง ซงึ่ อารยาควรใชท กั ษะในการตดั สนิ ใจถงึ ผลเสยี ทจี่ ะตามมา http://www.gotoknow.org/blogs/posts/170502 หากคิดจะลองเสพ ถานกั เรียนเปน อารยานักเรยี นควรจะตดั สินใจ ดว ยการไมไปเพราะสารเสพตดิ เปน ส่งิ ไมดี ตอบขอ 3. 178 ค่มู อื ครู
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ ๑กระบวนการตดั สินใจและแกปญ หา มอี ยู ๕ ขั้นตอน ครตู ัง้ คาํ ถามใหนักเรียนไดอธบิ ายความรู กาํ หนดปญหา . กําหนดปญหา จากทีไ่ ดศกึ ษามา โดยใชพ ืน้ ฐานสงั เกตพฤตกิ รรมบคุ คล สถานการณ ประเด็นทอี่ ยูในความสนใจเพ่อื • เพราะเหตุใดในการชักชวนผูอื่นใหลด ละ กาํ หนดใหไ ดว า อะไรเปน ปญหาที่แทจริง เชน มัดหม่ีมกั จะสงั เกตพฤติกรรมเพ่ือน เลกิ สารเสพตดิ จงึ ตองอาศัยทกั ษะตางๆ คนหน่ึงวา ทาํ ไมจึงชอบออกนอกหอ งเรียนบอยๆ จึงตามไปดู และพบวาเพอ่ื นกําลงั เขาชว ย แอบสบู บุหร่ีอยใู นหองน้ํา เปน ตน (แนวตอบ ขึ้นอยกู ับคาํ ตอบของนกั เรียน โดยอาจตอบวาในการชกั ชวนผอู นื่ ใหลด ละ ๒.คนหาสาเหตุ การคนหาสาเหตขุ องปญ หา เลิก สารเสพตดิ ตอ งเกดิ จากความเขาใจ ในทกั ษะชวี ิต และมีการฝกฝนทกั ษะตางๆ ของปญหา เปน การพจิ ารณาหาสาเหตขุ องปญ หา เชน มดั หมคี่ ิดวา การทเ่ี พอื่ น ใหเ กดิ ความชํานาญ จึงจะสามารถชว ยผอู ่นื ใหล ด ละ เลิก สารเสพติดได ดังนน้ั จงึ ตอง กสบูารบถหุ กู รช่นี ักน้ั ชอวานจจกะาเรกใิดหมเพาจ่ือานกในสากเลหุมตยตุ1อามงๆรับเชเปน น ตคนวามแอลยะาคกิดรหอู ายทากางลเอลงือก อาศยั ทกั ษะตา งๆ เขา ชว ย เพอ่ื ใหก ารชกั ชวน ผอู น่ื ใหลด ละ เลิก จากสารเสพติด ทม่ี คี วามเปนไปไดใ นการแกไ ขปญหา โดยควรคิดไวห ลายๆ ทางเลอื ก ประสบผลสาํ เรจ็ ) ๓. เชน การเตือนเพือ่ น การบอกใหครทู ราบ เปนตน • จากที่ไดท าํ การศกึ ษามา นักเรยี นคดิ วา การวิเคราะหข อดี ขอ เสีย รวบรวมขอ มลู ทกั ษะใดสําคญั ทสี่ ุดในการชักชวนผอู ่ืนให การวิเคราะหข อ ดี ขอ เสีย ของแตล ะทางเลอื ก เปนการประเมินทางเลอื กแตละทางวา ลด ละ เลกิ สารเสพตดิ จะเกิดผลดี ผลเสียอะไรบา ง ยากงายอยา งไร นบั เปนการรวบรวมขอ มลู ซง่ึ เปน (แนวตอบ ทักษะการส่ือสาร ไมวาจะปฏิบัติ ประโยชนตอการตดั สินใจและการชว ยประเมนิ ดังตารางตอ ไปน้ี กจิ กรรมใดกแ็ ลว แต จาํ เปน ตอ งใชก ารสอื่ สาร ทางเลือกที่กาํ หนดไว ขอ ดี ขอเสีย ดวยกันทั้งส้ิน ซึ่งการชกั ชวนผอู น่ื ใหลด ละ เลิก สารเสพตดิ ก็เชน กนั ก็จําเปนตอ งใช ๑. การเตอื นเพ่ือน เพ่อื นอาจจะยอมเลิกสูบบหุ ร่ี เพ่อื นอาจจะไมเช่อื และเกิด ความสามารถในการใชภ าษาพดู หรือภาษา และไมไ ปยุงเก่ยี วอกี ความไมพอใจเราได ทาทางในการแสดงออก เพือ่ ใหผฟู งรูสึก เปน มติ รและคลอยตาม) o ๔.๒. การบอกใหครูทราบ เพ่ือจะไดหาวธิ ีชวยเหลือได เพ่อื นอาจถูกครูลงโทษหรอื อยา งถูกตอง ถูกพกั การเรยี นได k. การตัดสนิ ใจเลือก การตดั สนิ ใจเลอื กทางเลอื กใดทางเลอื กหนงึ่ ดว ยเหตผุ ลอยา งเหมาะสม จะตอ ง อาศยั หลกั ความรูท ั้งศาสตรและศลิ ป คณุ ธรรม กฎ ระเบียบ มาเปน แนวทางในการ ตดั สนิ ใจ ซงึ่ เปน การตดั สนิ ใจเลอื กทางเลอื กทค่ี ดิ วา ถกู ตอ งและเหมาะสมทีส่ ดุ ตามความคิดของตนเอง เชน การตดั สินใจเลือกทางเลือกที่ ๑ คอื การเตอื นเพ่อื น ๕.เพราะเปนทางเลอื กทไ่ี มกอใหเกดิ ความรนุ แรง และยงั สง ผลดีตอ เพ่อื นอกี ดวย สาํ เรจ็ การหาแนวทางการแกปญหา โดยการคิดหาขอเสนอแนะ วิธกี ารแกไขขอเสียทเี่ กิดจากทางเลอื กท่ีเลอื กนน้ั กอน ทดลองใช ถาเห็นวาสามารถชวยแกผลเสียนั้นได กจ็ ะไดนําไปเปน แนวทางปฏิบตั ิ ตอไป เชน มดั หมต่ี ดั สนิ ใจทีจ่ ะใชวธิ ีการเตอื นใหเ พ่อื นเลกิ สูบบุหร่ี แตกลวั วา เพื่อน จะโกรธ จึงหาแนวทางวา ถาหากเพ่อื นโกรธจะทาํ อยางไร ในทส่ี ุดมดั หมจ่ี งึ ไดลอง ไปเตือนเพ่ือนดู ปรากฏวาเพื่อนยอมรับและยอมเลกิ สูบบหุ รี่ มดั หม่จี งึ นําวธิ นี ้ีไปใช กบั คนอ่นื ตอไป เปน ตน ๑7๙ แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETดิ นกั เรียนควรรู จากหนา 178 ถา นักเรียนเปน อารยา นกั เรยี นจะมวี ธิ ีการ 1 การแกไขปญหา การคิดหาวิธีแกไ ขปญหานัน้ จะตองใชค วามคดิ สรา งสรรค แกปญหาอยา งไร เพ่ือชกั ชวนใหเ พื่อนลด ละ เลกิ สารเสพติด เพ่อื หาวธิ ีแกป ญ หาทีห่ ลากหลาย ซึง่ มีหลกั งายๆ ท่ีชวยใหเราคิดไดม ากข้ึน ดงั น้ี แนวตอบ ขน้ึ อยกู บั คาํ ตอบของนกั เรยี น โดยอาจตอบวา พยายามยกตัวอยางถงึ ผลกระทบท่ีเกิดจากการใชสารเสพติด • พยายามคิดนอกกรอบประสบการณแ ละความชาํ นาญท่เี รามอี ยู ใหเพ่ือนฟง และพูดชกั ชวนใหเพือ่ นนึกถงึ ความรูสกึ ของพอ แม • ใหค วามสาํ คัญกับทกุ ความคิดหรือทกุ ๆ วธิ แี กเ ทา ๆ กัน จากน้ันควรนําเรอ่ื งท่เี พอื่ นเสพยาไอซไปแจงใหก ับครู หรือ • หลีกเล่ยี งการวพิ ากษว ิจารณห รือตดั สนิ ความคิดใหมๆ ทเี่ พิง่ คิดออก ผปู กครองของเพอ่ื นทราบ เพื่อจะไดช ว ยหาทางแกไ ข แตค วรใชความคิดนน้ั เปน ตวั กระตนุ ใหเ กดิ ความคดิ สรางสรรค เพอื่ หาวธิ ี แกทส่ี บื เน่อื งตอ มาจากความคดิ น้ัน • แมวาจะคิดหาทางแกไ ดดที ีส่ ดุ แลว ก็ไมควรหยดุ ความพยายามทจ่ี ะคดิ หา วธิ ีตอไป • พยายามทําความเขา ใจเก่ียวกับวิธีแกทกุ วิธใี หช ดั เจน เพราะจะชวยทาํ ให เราเกดิ ความคดิ ใหมๆ ขน้ึ มาได ค่มู ือครู 179
กระตุน้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา้ า้ใจใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา้ ใจ ครอู ธบิ ายเพิ่มเติมและสรุปเชื่อมโยงประเดน็ ๒.5 ทักษะการใหก้ าํ ลังใจ สําคญั ตา งๆ จากนน้ั ตง้ั คําถามเพือ่ ใหนกั เรียนไดคดิ วิเคราะหรวบยอดความรูตางๆ เก่ยี วกับสารเสพติด เป็นความสามารถในการให้ก�าลังใจ อาจจะเป็นการให้ก�าลังใจทั้งตนเองและผู้อื่น จากการทไ่ี ดศึกษามา เช่น “เพื่อสุขภาพของเรา เราจะต้องเลิกดื่ม เหล้าให้ได้” “ฉันเช่ือว่าเธอสามารถเลิกสูบบุหร่ี • ใหนกั เรยี นสรุปประเดน็ สาํ คญั สน้ั ๆ เกยี่ วกบั ได้อย่างแน่นอน เราจะเป็นก�าลังใจให้นะ” ซึ่ง ความหมายของสารเสพตดิ โทษหรือพิษภัย ทักษะในการให้ก�าลังใจที่ดีในการชักชวนผู้อ่ืน จากสารเสพตดิ วธิ กี ารปอ งกนั และแกไข ใหล้ ด ละ เลิก สารเสพติดน้ัน ควรประกอบด้วย ปญหาสารเสพติด รวมท้งั วธิ กี ารชักชวนผูอ่นื ๑) ความตระหนักในตนเอง ใหลด ละ เลกิ สารเสพตดิ เป็นความสามารถในการเข้าใจถึงจุดดีจุดด้อย (แนวตอบ ข้ึนอยกู บั คําตอบของนกั เรียน โดย ของตนเองและความแตกต่างของแต่ละบุคคล สรุปครา วๆ ไดดงั น้ี สารเสพติดเปน สารทเ่ี มอ่ื สามารถอยู่อย่างเป็นปกติสุขภายใต้แรงกดดัน เสพแลว จะทาํ ใหม ีความตองการเสพเพ่มิ ตา่ งๆ ในชวี ติ เช่น ดูว่าตนเองชอบอะไร และ มากขน้ึ มอี าการอยากยา สงผลตอสุขภาพ สามารถท�าอะไรไดด้ ี เป็นตน้ ผเู สพ สงผลเสียตอ สงั คม ซง่ึ ทกุ ฝายจะตอ ง การให้กา� ลังใจผูอ้ ื่นในการลด ละ เลกิ สารเสพตดิ ถอื เปน็ รวมมือกนั ปองกนั และแกไขปญหาสารเสพตดิ ทักษะท่ีดีที่จะท�าให้ผู้อ่ืนยอมรับ และเห็นคุณค่าในตนเอง ๒) ความเหน็ ใจผู้อนื่ เป็นความ อกี ทงั้ แตล ะบคุ คลควรรูจกั ชกั ชวนผูอ่ืนให ไม่ยุ่งเกีย่ วกับสารเสพติดอกี ตอ่ ไป ลด ละ เลกิ สารเสพติด เพือ่ ชว ยกนั ขจัด สามารถในการเข้าใจถึงความรู้สึก และมีความ สารเสพติดใหพ นไปจากสังคมไทยได) เหน็ ใจบคุ คลอ่นื ซงึ่ จะชว่ ยท�าให้เกิดความเขา้ ใจ ยอมรับถงึ ความแตกต่างระหวา่ งบุคคลได้ ดงั นัน้ จงึ ไมค่ วรแสดงความเยาะเย้ย แต่ควรให้ก�าลังใจแทน เป็นตน้ จากนัน้ ใหนักเรียนปฏบิ ตั กิ จิ กรรมสรา งสรรค ๓) ความภาคภูมิใจในตนเอง เป็นความรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าในลักษณะของ พัฒนาการเรียนรู กจิ กรรมท่ี 2 จากหนงั สอื เรยี น การนับถือตนเอง เชื่อในคุณประโยชน์ของตนเองที่มีต่อตนเอง ครอบครัว สังคม ประเทศชาต ิ หนา 182 ทั้งการแสดงถึงการมีน้�าใจ รู้จักให้รู้จักรับ รวมถึงการค้นพบและภูมิใจในความสามารถด้าน ตา่ งๆ ของตน เช่น ความสามารถทางด้านสังคม ดนตร ี กฬี า เปน็ ต้น ซง่ึ เมื่อเกิดการเหน็ คณุ คา่ ใเสนพตนสาเอรเงส กพย็ ตอ่ ิดม เมปีอน็ ิทแธบพิ บลอตยอ่ า่ กงาทรดี่ ดที า� าเนงดิน้าชนีวสติ ขุ ชภ่วายพใ หม้เีสกขุดิ ภควาาพมจรติ กั ด1ตี นมเอองงผ ้อูไม่ืน่ทใน�ารด้าา้ ยนตบนวเกองด้วยการ ๔) ความรบั ผดิ ชอบตอ่ สังคม เปน็ ความรสู้ ึกว่าตนเองเปน็ สว่ นหนง่ึ ของสังคม ซง่ึ เราควรมีส่วนรับผิดชอบในการพัฒนาหรือเส่ือมโทรมลงของสังคม เพ่ือให้เกิดความภาคภูมิใจใน ตนเอง ถอื เปน็ แรงจงู ใจทจี่ ะทา� ใหเ้ ราปฏบิ ตั ดิ ี ปฏบิ ตั ชิ อบตอ่ ผอู้ นื่ และสงั คมตอ่ ไป โดยใหค้ วามรว่ ม มอื ในการเข้ารว่ มกิจกรรมต่างๆ เชน่ โครงการ ท ู บ ี นัมเบอร์ วัน โครงการโรงเรียนสขี าว แกนนา� เยาวชนตอ่ ตา้ นสารเสพตดิ เป็นตน้ นกั เรยี นควรรจู้ กั ใหก้ า� ลงั ใจตนเองและผอู้ น่ื เขา้ ทา� นอง “คดิ ด ี คดิ บวก จติ ใจรา่ เรงิ แจม่ ใส มองโลกนา่ อย”ู่ เมื่อนักเรยี นมคี วามตระหนกั ในตนเอง มีความเห็นใจผู้อ่นื ยอ่ มทา� ใหน้ ักเรียนเกดิ ทักษะในการใหก้ �าลงั ใจท้ังตนเองและผอู้ ่นื ไดใ้ นท่ีสุด ๑8๐ เกร็ดแนะครู กจิ กรรมสรา งเสรมิ ครคู วรเนนยํ้าเก่ยี วกบั พิษภยั ของสารเสพตดิ ซึ่งนักเรียนไมค วรเขา ไปยุงเกี่ยว ใหนกั เรยี นคดิ คําขวัญการปอ งกนั ภัยจากสารเสพตดิ โดยให และนอกจากน้ยี ังควรชกั ชวนใหผูอืน่ ลด ละ เลิกสารเสพตดิ ดว ย เพอ่ื ทาํ ใหสงั คม นักเรยี นเขยี นหรือพิมพบนกระดาษแลวนาํ ไปตดิ ตามมุมของ นา อยู และสงบสขุ สถานศกึ ษาทก่ี ําหนดไวเ พอ่ื เปนการปลกู ฝงการสรา งจติ สาํ นกึ ท่ดี ี ตอ สงั คม นกั เรยี นควรรู กจิ กรรมทาทาย 1 สุขภาพจิตดี หมายถึง ความสามารถของบคุ คลทีจ่ ะปรบั ตัวใหมคี วามสขุ อยกู บั สังคมและสง่ิ แวดลอ มไดดี มคี วามสมั พันธอ นั ดกี ับบคุ คลอ่นื ซง่ึ ภาวะ ใหนกั เรียนคดิ โครงการมา 1 โครงการ โดยมวี ัตถุประสงคเ พ่ือ สขุ ภาพจติ น้นั จะมผี ลตอการแสดงออกของพฤติกรรม ถาจติ ดีและมคี วามสุข ปองกันภัยจากสารเสพตดิ แลวใหน ักเรยี นเขียนรายละเอยี ดของ กายก็จะแขง็ แรง ปราศจากโรคภยั สง ผลใหมีการแสดงออกทด่ี ี หนา ตายิ้มแยม โครงการลงในกระดาษรายงานสง ครูผูสอน แจมใส สามารถดํารงชีวติ อยูในสงั คมไดอยางมคี วามสุข 180 คู่มือครู
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเข้าใา้ จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา้ ใจ เสริมสาระ ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั อภปิ รายถงึ พษิ ภยั จาก การสบู บหุ รี่ จากนนั้ ใหน กั เรยี นอา นเสรมิ สาระเรอ่ื ง ต้งั แตป ๒5๓๑ ๓๑ พ1ฤษภาคม วนั งดสูบบุหรโ่ี ลก ของทุกป เปน็ วนั งดสูบบหุ รีโ่ ลก 31 พฤษภาคม วนั งดสบู บหุ รโี่ ลก จากหนงั สอื เรยี น แลว ตงั้ คาํ ถามเพอ่ื ใหน กั เรยี นไดค ดิ วเิ คราะหร วบยอด องค์การอนามัยโลก ไดก้ า� หนดใหว้ นั ท่ี ๓๑ พฤษภาคม ความรตู า งๆ จากการทไี่ ดศ กึ ษามา ซงึ่ ในแตล่ ะประเทศไดม้ กี ารจดั ทา� คา� ขวญั รณรงคล์ ดการสบู บหุ รี่ โดยตวั อยา่ งคา� ขวญั ทผ่ี า่ นมาของไทยจะเปน็ ดงั น้ี ๒๕๓๘ “บุหร่ีมพี ษิ ภยั ทา� ลายไวกว่าที่คดิ ” • นกั เรยี นมีวธิ แี นะนาํ ใหผูอน่ื เลิกสบู บุหรี่ ๒๕๓๙ “ศลิ ปะและกฬี าไม่พง่ึ พาบุหรี่ ถวายองค์ภูมี ไดอยางไร ปท รงครองราชย์” (แนวตอบ ข้ึนอยูก บั คําตอบของนกั เรียน ๒๕๔๐ “โลกนสี้ ดใส ทุกฝายร่วมใจ ตา้ นภยั บุหร”ี่ โดยอาจตอบวา จะชแ้ี จงถงึ พิษภัยของบหุ ร่ี ๒๕๔๑ “เติบโตอยา่ งสดใส หา่ งไกลจากบหุ ร”ี่ ซง่ึ นอกจากจะสง ผลเสยี ตอตัวผเู สพเองแลว ๒๕๔๒ “อนาคตมีคณุ ค่า เมื่อบอกลา เลิกบุหร”่ี ยงั สง ผลตอบุคคลรอบขา งดว ย) ๒๕๔๓ “บนั เทงิ ไดแ้ มไ้ รค้ วนั บหุ ร”่ี ๒๕๔๔ “เหน็ ใจคนรอบข้าง รว่ มสร้างอากาศสดใส ปลอดจากภัยควันบุหรี่” ๒๕๔๕ “กฬี าปลอดบุหร่ี สง่ ผลดีตอ่ สุขภาพ” ๒๕๔๖ “ภาพยนตรป์ ลอดบหุ รี่ สง่ ผลดตี อ่ สขุ ภาพ” ๒๕๔๗ “ครอบครวั ปลอดบุหรี่ จะม่งั มีและแข็งแรง” ๒๕๔๘ “ทมี สุขภาพร่วมใจ ขจัดภยั บหุ รี”่ ๒๕๔๙ “บหุ รี่ทุกชนิด นา� ส่คู วามตาย” ๒๕๕๐ “ไรค้ วนั บุหร่ี สง่ิ แวดล้อมดี ชวี ีสดใส” ๒๕๕๑ “เยาวชนรุ่นใหม่ ร่วมใจตา้ นภัยบหุ ร”่ี ตวั อยา่ งภาพ คา� เตอื นโทษของการสบู บหุ รท่ี ข่ี า้ งซองบหุ รี่ ๒๕๕๒ “บหุ รี่มพี ิษ รว่ มคิดเตอื นภัย” ทก่ี ระทรวงสาธารณสุขประกาศบงั คบั ใช้ ๒๕๕๓ “หญิงไทยฉลาด ไมเ่ ปน็ ทาสตลาดบหุ รี่” ๒๕๕๔ “พิทักษส์ ิทธิตามกฎหมาย มุ่งสู่สงั คมไทยปลอดบหุ ร”่ี ๒๕๕๕ “จบั ตา เฝาระวัง ยับยั้งอุตสาหกรรมยาสูบ” ๒๕๕๖ “ไม่ใช้ ไม่รบั ไมส่ นบั สนุนโฆษณายาสบู รา้ ย ทา� ลายชวี ติ ” ๒๕๕๗ “บุหร่ี : ภาษยี ิ่งเพิ่ม คนตายย่งิ ลด” ๒๕๕๘ “หนุนกฎหมายบุหรี่ใหม่ เพือ่ คุณภาพชีวิตคนไทย” ๒๕๕๙ “ซองบหุ ร่ีแบบเรียบ ลดภยั เงียบ ลดโรค” ๒๕๖๐ “บหุ ร่ี ภยั คกุ คามตอ่ การพัฒนา” สารเสพติดเปน “ภยั คุกคามท่กี ดั กรอ นบอนทําลายประเทศชาติอยา งรายแรง” ซงึ่ สง ๑8๑ ผลกระทบอยางกวางขวางท้ังตอบุคคล สังคมสวนรวม และการพัฒนาประเทศ ทําใหสูญเสีย ทรัพยากรในการปองกันและแกไขปญหา โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนซ่ึงเปนกําลังสําคัญของ ประเทศ การหลกี เลย่ี งจากสารเสพตดิ โดยการฝก ทกั ษะชวี ติ เพอ่ื ปอ งกนั พฤตกิ รรมเสยี่ งทอี่ าจจะ เกดิ ข้ึนไดใ นชีวิตประจาํ วัน ทั้งทกั ษะการคิดวเิ คราะห ทักษะการสื่อสาร ทกั ษะการตัดสินใจ ทกั ษะ การแกป ญ หา และทกั ษะการใหก าํ ลงั ใจ เปน แนวทางหนง่ึ ทจี่ ะชว ยใหต นเอง ครอบครวั และสงั คม รวมไปถึงประเทศชาติ มคี วามปลอดภัย และเกิดความสงบสขุ ขนึ้ ได แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETิด นกั เรยี นควรรู ถานักเรียนไดมีโอกาสเปน ผูคิดคาํ ขวญั รณรงคลดการสูบบหุ ร่ี 1 องคก ารอนามยั โลก (World Health Organization : WHO) เปน หนว ยงาน นักเรยี นจะใชค าํ ขวญั ใด และคาํ ขวญั นัน้ หมายถึงอะไร ระหวางประเทศ ในสงั กัดสหประชาชาติ ทาํ หนา ที่ดแู ลประสานงานดาน แนวตอบ ข้ึนอยกู ับคาํ ตอบของนักเรยี น สาธารณสขุ กอ ตั้งเมอื่ วันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2491 (ค.ศ. 1948) มสี ํานกั งานใหญ ต้ังอยูท ่ี กรงุ เจนวี า ประเทศสวิตเซอรแ ลนด มมุ IT เวบ็ ไซตข ององคก ารอนามยั โลก คอื http://www.who.int/en/ สว นเว็บไซต ขององคการอนามัยโลก ประเทศไทย คือ http://www.whothailand.org/EN/ Index.htm คู่มือครู 181
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Explore Explain Expand Engage Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล นกั เรียนสรุปแนวทางการปองกันและแกไ ข คาํ ถาม ประจําหนว ยการเรียนรู้ ปญ หาสารเสพติดได และแสดงวธิ กี ารชักชวนผูอน่ื ๑. ในฐานะทนี่ กั เรยี นเปน็ เยาวชนคนหนง่ึ นกั เรยี นจะมวี ธิ กี ารปอ้ งกนั ภยั จากสารเสพตดิ ในสงั คมไทยได้ ใหล ด ละ เลกิ สารเสพติด โดยใชทกั ษะตา งๆ ได อย่างไรบ้าง ๒. ยกตวั อยา่ งคา� พดู ทแี่ สดงถงึ การแนะนา� หรอื ชกั ชวนเพอ่ื นไมใ่ หเ้ สพสารเสพตดิ มาอยา่ งนอ้ ย 2 ตวั อยา่ ง หลกั ฐานแสดงผลการเรียนรู ๓. หากนักเรียนพบว่า ในชุมชนท่ีนักเรียนอาศัยอยู่นั้นมีแหล่งค้าสารเสพติด นักเรียนจะมีวิธีการ ปราบปรามอยา่ งไร โดยจะตอ้ งคา� นงึ ถึงความปลอดภยั ของตนเองและบุคคลอ่นื ในชมุ ชนเป็นหลกั 1. ใบงานสรปุ สาระสําคญั เร่อื ง การปอ งกนั และ ๔. หากมีบุคคลเข้ามาชักชวนเพ่ือนของนักเรียนให้ลองเสพสารเสพติด แล้วเพื่อนมาขอค�าปรึกษากับ แกไ ขปญหาสารเสพตดิ นักเรียน นกั เรยี นจะให้ค�าแนะนา� เพอื่ นอยา่ งไร ๕. ถ้านกั เรียนพบวา่ เพอื่ นกา� ลังมพี ฤตกิ รรมเส่ียงตอ่ การใชส้ ารเสพตดิ นกั เรียนจะดา� เนนิ การช่วยเหลือ 2. ใบงานบทบาทสมมุตใิ นการชกั ชวนผูอ ื่นให เพือ่ นอย่างไร ลด ละ เลิก สารเสพตดิ โดยใชท กั ษะตา งๆ 3. นทิ รรศการทเ่ี ปนการปองกัน และชกั ชวนผอู ่ืน ใหลด ละ เลกิ สารเสพติด (จากการปฏิบตั ิ กิจกรรมสรา งสรรคพัฒนาการเรยี นรู กจิ กรรมท่ี 2 กิจกรรม สร้างสรรคพ ัฒนาการเรยี นรู้ กิจกรรมท่ ี ๑ นกั เรยี นจบั ค ู่ แลว้ ชว่ ยกนั คดิ คา� ขวญั ทม่ี คี วามหมายในการปอ้ งกนั และตอ่ ตา้ นสาร กิจกรรมท ี่ ๒ เสพตดิ พรอ้ มท้ังเป็นการชกั ชวนให้ผู้อื่น ลด ละ เลิก สารเสพตดิ คู่ละ ๑ คา� ขวัญ กิจกรรมท่ี ๓ นักเรียนช่วยกันจัดนิทรรศการท่ีเป็นการป้องกัน และชักชวนผู้อื่นให้ลด ละ เลกิ สารเสพติด ภายในโรงเรียน กิจกรรมท ่ี ๔ นักเรียนแบ่งกลุ่มเพ่ือแสดงบทบาทสมมติเก่ียวกับการใช้ทักษะการคิดวิเคราะห์ ทกั ษะการสอื่ สาร ทกั ษะการตดั สนิ ใจ ทกั ษะการแกป้ ญั หา และทกั ษะการใหก้ า� ลงั ใจ เพอื่ ชักชวนใหผ้ ้อู น่ื ลด ละ เลกิ สารเสพตดิ นักเรียนยกตัวอย่าง โครงการ หรือหน่วยงาน ท่ีท�าประโยชน์ต่อสังคมด้านการ ป้องกันและปราบปรามสารเสพติด โดยนักเรียนสามารถสืบค้นข้อมูลได้จาก ส�านกั งานปอ้ งกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) มาพอสังเขป ๑8๒ แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรยี นรู 1. ขน้ึ อยกู บั คาํ ตอบของนักเรยี น โดยนกั เรยี นอาจตอบวาสาํ นึกในบทบาทหนาท่ีของตนเอง ศกึ ษาความรเู กย่ี วกับโทษ และพิษภยั ของสารเสพติด มคี วามภาคภูมิใจใน ตนเองไมทํารายตนเองดว ยสารเสพตดิ 2. ขนึ้ อยูกบั คาํ ตอบของนักเรยี น เชน ยาเสพติดมโี ทษ เปน ภัยตอ ตนเองและสังคม อยา ริไปลองมันเลยนะ การสบู บุหรี่ไมเพยี งแตท ํารา ยตนเอง ยังทาํ รายผอู น่ื ซึง่ อาจเปน คนทเ่ี รารักกไ็ ด เธอเลกิ สบู มนั ดกี วานะ เปน ตน 3. ขน้ึ อยกู บั คําตอบของนักเรียน โดยนักเรียนอาจตอบวา ใหค วามรวมมอื กบั หนว ยงานทีเ่ กี่ยวขอ งโดยจัดโครงการรณรงคต า นภยั ยาเสพตดิ หรอื อาจจัดรายการเสยี งตาม สายในชุมชนถงึ โทษและผลกระทบของสารเสพติดเพือ่ ใหท ุกคนเกิดความตระหนกั 4. ขึ้นอยูกบั คําตอบของนกั เรียน โดยนักเรียนอาจตกั เตือนเพื่อนใหเห็นถึงโทษของสารเสพติด และแนะนําเพ่อื นใหปฏิเสธบคุ คลดังกลา วไปอยา งจรงิ จัง แตน มุ นวลเพอ่ื ไมให เกดิ ความรนุ แรงขึ้น 5. ขน้ึ อยกู บั คําตอบของนกั เรียน เชน ชแี้ จงใหเ พอื่ นเหน็ ถงึ พิษภัยและโทษของสารเสพติด ชกั ชวนใหท ํากจิ กรรมอน่ื ๆ ทส่ี รา งสรรค และใหกาํ ลังใจหากเพือ่ นคิดจะเลิก เสพสารเสพตดิ เปน ตน 182 คมู่ อื ครู
กระตนุ้ ความสนใจ สำ� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ºÃóҹءÃÁ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. ๒๕๕๑. หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑. (ม.ป.ท.) กระทรวงสาธารณสขุ . กรมการแพทย์. สถาบันการแพทยด์ ้านอบุ ัตเิ หตแุ ละสาธารณภัย (สอส.). ๒๕๔๓. คมู่ ือ ประชาชนเร่ืองสรุ ากบั อบุ ัตเิ หตจุ ราจร. กรงุ เทพมหานคร : ร.ส.พ. กระทรวงสาธารณสุข. กรมการแพทย์. สถาบันควบคุมการบริโภคยาสูบ. ๒๕๔๒. บุหรี่และสุขภาพ. กรงุ เทพมหานคร : ชมุ นุมสหกรณแ์ ห่งประเทศไทย. กระทรวงสาธารณสุข. กองโภชนาการ. กรมอนามัย. ๒๕๔๓. คู่มือแนวทางในเกณฑอ้างอิงน้าํ หนัก สว่ นสูง เพื่อการประเมนิ ภาวะการเจริญเตบิ โตของเดก็ ไทย. กรงุ เทพมหานคร : องค์การทหารผ่านศกึ . กระทรวงสาธารณสขุ . กรมอนามยั . ๒๕๔๒. เกณฑอ า้ งองิ นา้ํ หนกั สว่ นสงู และเครอื่ งชว้ี ดั ภาวะโภชนาการของ ประชาชนไทย อาย ุ ๑ วัน - ๑๙ ป. กรุงเทพมหานคร : ชุมนมุ สหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย. กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์. ส�านักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว. ๒๕๔๙. เอกสารเรื่องระวัง ลว่ งละเมิดทางเพศ ภยั รา้ ยใกลต้ ัว. (ม.ป.ท.) นนั ทา ชยั พชิ ิตพันธ.์ ๒๕๔๔. เดก็ ไทยหา่ งไกลยาเสพตดิ . กรงุ เทพมหานคร : ประสานมิตร. นวลศริ ิ เปาโรหิต. ๒๕๔๘. จิตวทิ ยาท่วั ไป : การปรบั ตัว. กรงุ เทพมหานคร : มหาวทิ ยาลยั รามคา� แหง. บราวน์, โจเซฟ อาร์. ๒๕๔๙. สารานุกรมชุดร่างกายของเรา : การกําเนิดและการเจริญเติบโต. แปลโดย ประภาเพญ็ สุวรรณ และคณะ. กรงุ เทพมหานคร : อักษรเจริญทัศน.์ . ๒๕๔๙. สารานกุ รมชดุ รา่ งกายของเรา : การรักษาดลุ ยภาพของร่างกาย. แปลโดย ประภาเพ็ญ สวุ รรณ และคณะ. กรงุ เทพมหานคร : อักษรเจริญทัศน์. . ๒๕๔๙. สารานุกรมชุดรา่ งกายของเรา : สมองและระบบประสาท. แปลโดย ประภาเพญ็ สุวรรณ และคณะ. กรุงเทพมหานคร, อักษรเจรญิ ทศั น.์ ปรางคส์ ุทิพย ์ ทรงวฒุ ศิ ลี . ๒๕๔๔. จิตวทิ ยาเดก็ และวัยรนุ่ . กรงุ เทพมหานคร : มหาวิทยาลัยรามค�าแหง. พนั ธศ์ กั ดิ ์ ศุกระฤกษ์. ๒๕๔๕. “สขุ อนามัยของอวัยวะเพศชาย.” หมอชาวบา้ น ๒๔, ๒๘๑ (กนั ยายน) : ๔๖. พิภพ จริ ภิญโญ. ๒๕๔๔. “เมอื่ ลูกน้า� หนักน้อย.” ใกลห้ มอ ๒๕, ๑๑ (พฤศจกิ ายน) : ๙๒. มกุ ดา ศรียงค์. ๒๕๔๘. จติ วิทยาทั่วไป : อารมณ. กรุงเทพมหานคร : มหาวิทยาลัยรามคา� แหง. รจุ ริ า สัมมะสุต. ๒๕๔๕. “โภชนาการเพอ่ื สุขภาพ.” ใกล้หมอ ๒๖, ๒ (กมุ ภาพนั ธ)์ : ๑๒๒ - ๑๒๓. สภากาชาดไทย. ศูนย์ฝึกอบรมปฐมพยาบาลและสุขภาพอนามัย. ๒๕๔๙. คู่มือวิทยากรสอนปฐมพยาบาล เบ้อื งตน้ . กรุงเทพมหานคร : สภากาชาดไทย. สุทธิพันธ์ ตรรกไพจิตร. ๒๕๔๔. ยาเสพติด หายนะของคนรุ่นใหม.่ กรุงเทพมหานคร : ประสานมิตร. ๑8๓ คมู่ ือครู 183
กระตนุ้ ความสนใจ สำ� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate สา� นกั งานคณะกรรมการอาหารและยา. ๒๕๔๕. คมู่ อื การจดั ซอ้ื และจาํ หนา่ ยผลติ ภณั ฑส ขุ ภาพ. กรงุ เทพมหานคร : องค์การสงเคราะหท์ หารผ่านศึก. ส�านักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. ๒๕๕๑. ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้ สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา. กรุงเทพมหานคร : ชมุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย. อบุ ลรตั น์ เพง็ สถิต. ๒๕๔๖. จติ วทิ ยาพฒั นาการประยกุ ต. กรงุ เทพมหานคร : มหาวทิ ยาลัยรามคา� แหง. American Collage of Emergency. 2002. Physician First Aid Manual. 2nd New York : DK Publishing. Anne, Marshall et al. 2005. Children’s Science Encyclopedia. United Kingdom : Miles Publishing Limited. Boone, Khee. 2006. Biology express. Singapore : Panpac Education Private limited. Damien Davis, Tania Hamilton and Kime bustone. 2002. Health and Physicial Education book 1-2nd Editon. Malaysia : 22 pt Minion. Gilbert Glen R., Sawyer Robin G. and Mcneil Elisa B. 2009. Healt Education. Canada : Jones and Bartett Publisher. Hanson, Glen R., Venturelli, Peter I. and Fleckenstein Annette E. 2009. Drug and Society. Canada : Jones and Bartett Publisher. Lewis, Ricki et al. 2002. Life. 4th edition. New York : McGraw-Hill. Modules. 1999. Personal Development, Health and Physicial Education K-6. Sydney Australia : Board of Studies NSW. Tay, Bevenly. 2007. Biology Insights. Singapore : Pearson Education South Asia Pty Limited. ๑8๔ 184 คมู่ อื ครู
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ÀÒ¤¼¹Ç¡* ñ ¤Óá¹Ð¹Ó㹡ÒÃÃѺ»ÃзҹÍÒËÒà à¾×èÍ¡ÒÃà¨ÃÞÔ àµÔºâµ·àèÕ ËÁÒÐÊÁ ÊÁÇÑ ๑. รับประทานอาหารครบ ๕ หมู่ หลากหลายทั้ง ๓ มื้อหลัก ในปริมาณท่ีเหมาะสมตาม ธงโภชนาการแนะนา� โดยควรกระจายสดั สว่ นการรับประทานในแต่ละมอื้ ดังนี้ มอ้ื เช้า : ม้อื กลางวนั : ม้อื เยน็ = ๔๐ : ๓๐ : ๓๐ ม้ือเช้าเป็นมื้อท่ีส�าคัญที่สุด เพราะเป็นมื้อ ที่เติมพลังแก่สมองในการเรียนรู้และท�า กจิ กรรมต่างๆ ๒. รบั ประทานผักทกุ มื้อ มื้อละ ๔ ช้อน เปน็ ประจา� ทกุ วนั สารพฤกษชาตเิ คมชี ว่ ยตอ่ ตา้ น อนมุ ลู อสิ ระทท่ี า� ลายเซลลต์ า่ งๆ ของรา่ งกาย ท�าให้สดใส สวยงาม ช่วยในการมองเห็น ช่วยขับถ่ายได้สะดวก แถมยังมีภูมิคุ้มกัน โรคติดเชอ้ื ต่างๆ กินผกั ท�าให้หุ่นสวย ไมอ่ ว้ น เนือ่ งจากใหพ้ ลงั งานตา่� ๓. ดม่ื นมวันละ ๒ แกว้ เปน็ ประจา� ร่วมไปกับการออกกา� ลังกายอยา่ งตอ่ เนอ่ื งสมา�่ เสมอ จะช่วย เสรมิ สร้างความแข็งแรงใหแ้ กม่ วลกระดกู ทา� ให้รปู รา่ งสงู ใหญ ่ เติบโตและแข็งแรง • ไ มค่ วรรบั ประทานขนมกรบุ กรอบ เพราะมกั จะมกี ารปรงุ แตง่ กลนิ่ รส ดว้ ยเกลอื ไขมนั และ ผงชรู ส ขนมใส่สีฉูดฉาด ลกู อม ขนมที่ผสมกาแฟ น้�าอัดลม น�า้ หวาน • หลีกเลี่ยงอาหารฟาสต์ฟู้ด เนื่องจากมีไขมันสูง กากใยอาหารน้อย ไม่ดีต่อสุขภาพ และ อาหารท่ีมีรสหวานจดั หรือเคม็ จัดเกินไป ๑85 เกร็ดแนะครู ครอู าจใหน กั เรียนทําแผนพบั ใหค าํ แนะนําในการรับประทานอาหารเพอ่ื การเจรญิ เตบิ โตท่เี หมาะสม สมวัย โดยอาจใหนกั เรียนนําแผน พับนัน้ ไปแจก นักเรยี นภายในโรงเรยี น หรือนาํ ไปใสกลองวางไวที่มุมหอ งอยา งสวยงาม โดย นักเรยี นอาจจัดมุมหองดงั กลา วเปน มมุ สขุ ภาพเพือ่ เปน การเผยแพรค วามรูใหกับ นักเรียนคนอื่นๆ ได ค่มู อื ครู 185
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ÊÒÃÍÒËÒ÷è¨Õ íÒ໚¹µ‹ÍÃÒ‹ §¡Ò ¾Åѧ§Ò¹ áø‹ ÒµØ áÅÐâ»ÃµÕ¹ เพือ่ เสริมสร้างกล้ามเนอื้ กระดกู เลือด ฮอร์โมน และ เน้ือเยอ่ื ตา่ งๆ ไดแ้ ก ่ ข้าวไม่ขัดสี ปลา ไข่ นม ถ่ัวเมลด็ แห้ง ผกั และผลไมท้ ุกชนิด á¤Åà«ÕÂÁ áÅÐ¸ÒµàØ ËÅç¡ ทดแทนเลอื ดที่สญู เสียไปจากการเปน็ ประจ�าเดือน และเพื่อ การเจริญเติบโตของกระดูกและฟนั ไดแ้ ก่ นม ปลาเล็กปลาน้อย และผกั ใบเขียวทุกชนดิ äÍâÍ´Õ¹ วัยรุ่นควรรับประทานอาหาร ที่มีแร่ธาตุไอโอดีนสูง เพื่อป้องกันโรคคอพอก เนื่องจากตอ่ มต่างๆ จะท�างานหนักขึ้น จึงควร รบั ประทานอาหารทะเล รับประทานผักท่ีมีÇÔµÒÁÔ¹àÍ ได้แก่ ผกั บุ้ง คะน้า ฟกั ทอง มะละกอ แคนตาลปู และ แครอต á˸ҵØÊѧ¡ÐÊ Õ ไดแ้ ก ่ ขา้ วซอ้ มมอื และ ขนมปงั โฮลวตี จะชว่ ยลดการอักเสบและตดิ เชอื้ ทา� ใหแ้ ผลหายเร็ว ชว่ ยในการต้านสิว *แหลง่ ทม่ี ากระทรวงสาธารณสขุ : กรมอนามยั สา� นกั สง่ เสรมิ สขุ ภาพ. ๒๕๕๒. แบบบนั ทกึ การตรวจสขุ ภาพดว้ ยตนเองสาํ หรบั นักเรยี นชน้ั ม.๑ - ม.๖. ๑86 เกรด็ แนะครู ครอู าจใหน กั เรยี นจดั นิทรรศการเรอื่ งสารอาหารที่จําเปนตอรา งกายภายใน โรงเรยี น โดยครูอาจแนะนําใหนกั เรยี นสลับสับเปลี่ยนกันไปใหค วามรูแ กนักเรียน คนอื่นๆ ในชวงพกั กลางวนั และหลงั เลิกเรียน ซึ่งครูอาจแนะนาํ ใหน ักเรยี นนํา โมเดลอาหาร (ถามี) มาประกอบการอธิบายได 186 คู่มือครู
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ÀÒ¤¼¹Ç¡ ò à¤ÃÕ´... Ç¸Ô ¼Õ Í‹ ¹¤ÅÒÂẺ·ÇèÑ æ ä» ในชวี ติ ประจ�าวนั ของนักเรียน มกี ิจกรรมทตี่ ้องท�ามากมายหลายอยา่ ง ทั้งเรยี น เล่น สอบ การมีเพ่ือน ปัญหาสารพัดอย่าง บางคร้ังสุข บางครั้งทุกข์ ถ้าลองประเมินความสุขของเรา แล้วพบว่า ความสขุ ลดนอ้ ยลง บางทกี ห็ าสาเหตุไม่ได้ ¢ÍŒ á¹Ð¹Òí เพ่ือใหร้ สู้ กึ ต่อชีวิตทดี่ ี มีความสุข ม ี ๖ วธิ ี สคู่ วามสา� เร็จ ดังน้ี ๑. คาดหวงั ในสง่ิ ทเ่ี ปน็ ไปได ้ ความคาดหวงั ท่หี รูเลิศ จะทา� ให้เกิดทกุ ข์ ๒. รจู้ กั ยอมรบั ตนเอง คนเราจะตอ้ งมกี าร เปลีย่ นแปลง ถกู บา้ ง ผิดบ้าง ไม่ใช่ถกู หรือผิด เสมอไป ๓. รู้จักสังเกตตนเอง ถ้าเร่ิมรู้สึกไม่ชอบ หรือเกลียดตนเองต้องหาทางแก้ไข ๔. พยายามสร้างนิสยั เมตตา ให้อภยั จะ ทา� ให้เรายอมรับผู้อืน่ ๕. สรา้ งความรสู้ กึ ทด่ี แี กต่ นเอง เพราะนนั่ คอื ความสขุ ๖. ถา้ พยายามสุดความสามารถแลว้ ไม่สามารถสร้างความสขุ ได้กค็ วรปรกึ ษาจิตแพทย์ เมอื่ รู้สึกเครยี ด คนเรามวี ธิ ีการผ่อนคลายแตกต่างกันออกไปแล้วแต่ความเคยชิน ความชอบ หรือความถนัดของแต่ละบุคคล ทีจ่ ะท�าให้ตนเองมีความสขุ และเพลดิ เพลิน มีหลากหลายวธิ ีที่จะ ช่วยให้คลายเครียด ลองดซู วิ า่ …. อะไรบา้ ง ที่เราอยากทา� • ไปซ้ือของ • เลน่ กบั สตั วเ์ ลี้ยง • นอนหลบั พกั ผอ่ น • ปลูกต้นไม้ ท�าสวน • จดั หอ้ ง ตกแต่งบา้ น • ถ่ายรปู จดั อลั บั้มรปู • เลน่ กีฬาประเภทตา่ งๆ ๑87 เกร็ดแนะครู ครูอาจเชญิ วทิ ยากรทอ งถ่นิ มาใหความรูกับนักเรยี น เกีย่ วกับการผอนคลาย ความเครียด ซงึ่ ในระหวา งทวี่ ิทยากรกาํ ลังบรรยายอยูนนั้ ครูอาจใหวทิ ยากรเชิญ นักเรียนใหมามสี วนรว มได เพื่อใหนกั เรียนรูจักกลาแสดงออก และเพ่อื เปนการ ผอนคลายความเครียดไปในตัวดว ย คมู่ อื ครู 187
กระตนุ้ ความสนใจ สำ� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate • ดูโทรทศั น์ ดภู าพยนตร์ • ฟังเพลง ร้องเพลง เล่นดนตรี • ไปทอ่ งเทยี่ วเปลี่ยนบรรยากาศ • พูดคุย พบปะสังสรรคก์ ับเพื่อนฝงู • ท�างานศลิ ปะ งานฝม ือ งานประดิษฐ์ • เลน่ เกมคอมพิวเตอร ์ ทอ่ งอินเทอร์เนต็ • สะสมแสตมป เครื่องประดบั บัตรเติมเงนิ • อ่านหนงั สอื เขยี นหนงั สือ เขียนบทกลอน • เตน้ รา� ลีลาศ เต้นแอโรบกิ โยคะ ร�ามวยจีน • การดม่ื นา้� จะช่วยลดความเครียด นอกจากนี้การดื่มน้�าจะช่วยให้อา่ นหนังสอื ดีข้นึ • อ อกก�าลังกาย ยดื เสน้ ยืดสาย ลกุ ขนึ้ เดนิ มองออกไปนอกหน้าต่าง หรอื ท�ากายบรหิ าร ท่าง่ายๆ บางท่า เชน่ หมุนคอ หมนุ ไหล ่ ยืดตวั ก้มไปแตะปลายเท้า เปน็ ตน้ ส่ิงสําคัญ คือ ถาเครียดแลวอยาไปทําส่ิงที่ไมเหมาะสม เชน สูบบุหรี่ ดื่มเหลา เลนการพนัน เท่ียวกลางคืน นอกจากจะทําใหเสียสุขภาพแลว อาจเกิดปญหาตามมา ซึ่งจะทาํ ใหเ ครียดเพม่ิ ขึน้ ไดอกี หลายรอยเทา ๑88 188 คู่มอื ครู
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198