Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิชา เหล่าทหารราบ ปี5

วิชา เหล่าทหารราบ ปี5

Published by military2 student, 2022-05-17 02:57:08

Description: วิชา เหล่าทหารราบ ปี5

Search

Read the Text Version

มาก ๆ หลอดระดับทางข้างใช้ส�ำหรับเล็งเคร่ืองยิงในทางทิศ หลอดระดับทางข้างนี้สร้าง เหล่าทหารราบ 41 ติดอยู่กบั ก้านต่อแท่นกบั กล้องเลง็ ศนู ย์เปิดท่ตี ดิ อยู่ทางด้านซ้ายของสาแหรกรดั กล้องส่อง นนั้ มไี ว้ใช้ก�ำหนดการเลง็ และการเลง็ ขนาดของแนวเส้นเลง็ ของกล้องส่อง และยังใช้เล็งใน เหตกุ ารณฉ์ กุ เฉนิ เมอื่ แวน่ กลอ้ งสอ่ งเกดิ การชำ� รดุ เสยี หาย อกี ประการหนงึ่ ยงั ใชเ้ ปน็ การเลง็ โดยประมาณต่อหลกั เลง็ เม่อื ต้องการเปลีย่ นมมุ ทศิ ใหญ่ ๆ ปุ่มปรับมาตรามมุ ทิศส่วนย่อย เมื่อกดเข้าไปแล้วจะปลดแผ่นมาตรามุมทิศให้หลวมเพอ่ื ปรับได้ 2. การใช้กล้องเลง็ บ.34 ป.2 (เอม็ /34 เอ.2) 1. การตดิ กลอ้ งเลง็ ใหส้ อดกา้ นสวมแทน่ กลอ้ งเลง็ ลงในแทน่ กลอ้ งทเี่ ครอ่ื งยงิ เมื่อกล้องเล็งสวมลงไปเข้าที่แท่นแล้ว กลอนยึดก้านสวมแท่นกล้องเล็งจะยึดกล้องเล็งกับ แท่นกล้องเลง็ ทีเ่ ครอ่ื งยิงแน่น หมายเหตุ ให้ถอดกล้องเล็งออกทุก ๆ ครั้งก่อนท่ีจะยิงลูกระเบิดแต่ละลูก จนกว่าแผ่นฐานของเคร่อื งยิงจะฝังดินแน่น  2. การต้ังมุมทศิ 2.1 การตั้งมุมทิศนั้นให้หมุนควงมุมทิศตั้งจ�ำนวนมุมทิศบนแผ่นมาตรา มุมทิศ การปฏิบัติเช่นน้ีเป็นการตั้งทั้งมาตรามุมทิศส่วนใหญ่และส่วนย่อย มาตรามุมทิศ ทงั้ สองทต่ี อ้ งตง้ั ใหถ้ กู ตอ้ งตามมมุ ทศิ ทตี่ อ้ งการ ตวั อยา่ งเชน่ ตอ้ งการตง้ั มมุ ทศิ 2,650 มลิ เลยี ม ท่ีกล้องเล็ง ให้ปฏิบัติหมุนควงมุมจนกระทั่งดรรชนีท่ีสร้างไว้อยู่กับท่ีชี้ตรงกับมาตรามุมทิศ ทีเ่ คลือ่ นจากการหมนุ ควงมมุ ทิศตรงระหว่างเลข 2600 และ 2700 (ทกุ ๆ 4 ขีดของขดี ละ 100 มลิ เลยี ม มตี วั เลขเขยี นไว้จาก 0 ถึง 28) และอกี 50 มิลเลยี ม ซ่ึงตรงกับดรรชนีมมุ ทศิ ส่วนย่อยของมาตรามมุ ทศิ การใช้นใ้ี ห้ระวังการบกพร่องท่ผี ดิ ไปเป็นจ�ำนวน 100 มลิ เลยี ม (ยกตวั อย่างเช่น ตงั้ มาตรามมุ ทศิ ส่วนย่อยที่ 50 มลิ เลียม แต่ดรรชนมี มุ ทศิ ส่วนใหญ่กลับ ไปช้ีตรงท่มี าตรามุมทศิ ส่วนใหญ่ ซ่งึ เคลอ่ื นท่ไี ด้ไปเพียงระหว่าง 2500 - 2600 แทนทจี่ ะเป็น ระหว่าง 2600 กบั 2700 มลิ เลียม เช่นน้แี ล้วก็เกดิ การผดิ พลาด 100 มิลเลียม 2.2 การตั้งมุมทิศท่ีกล้องเล็งนั้นมิได้เปลี่ยนทิศทางซ่ึงล�ำกล้องชี้ไปตาม แนวเส้นแกนหลอดล�ำกล้อง เป็นแต่เพียงเคลื่อนแนวเส้นด่งิ ของแว่นแก้วกล้องเลง็ ออกจาก

42 เหลา่ ทหารราบ แนวเส้นเลง็ (ไปซ้ายหรอื ขวา) เท่านน้ั มุมทิศท่ีตั้งกล้องเลง็ เป็นมุมทิศทีส่ ่งั บอกมาในคำ� สั่ง ยิง การตง้ั มุมยิงทกี่ ล้องเลง็ ให้กระท�ำก่อนตัง้ มุมสูง 3. การต้ังมุมสูง 3.1 การตง้ั มมุ สงู นใ้ี ชห้ มนุ ควงมมุ สงู ของกลอ้ งเลง็ การปฏบิ ตั หิ มนุ ควงสงู น ี้ ท�ำให้มีการเลื่อนสัมพันธ์กันท้ังมาตรามุมสูงส่วนย่อยและส่วนใหญ่ มาตราทั้งสองนี้ต้อง ตั้งให้ถูกต้องตามมุมสูงที่ต้องการ ตัวอย่างเช่น การต้ังมุมสูง 1,065 มิลเลียมท่ีกล้องเล็ง, ให้หมนุ ควงมมุ สงู จนกระทงั่ ดรรชนมี าตรามมุ สงู ทอ่ี ย่ตู รงกนั ขา้ มกบั มาตรามมุ สงู ทเี่ คลอ่ื นที่ ไดร้ ะหวา่ ง 1,000 และ 1,100 มลิ เลยี ม บนขดี มาตรามมุ สงู สว่ นใหญ่ (ทกุ ๆ ขดี 100 มลิ เลยี ม ในมาตรา มุมสูงส่วนใหญ่น้ันมีเลขเขียนไว้ตั้งแต่ 2 ถึง 16 และหมุนควงมุมสูงต่อไปให้ อ่านได้ทม่ี าตรามุมสูงส่วนย่อยตรงขดี 65 มลิ เลยี ม โดยให้ตรงกบั ดรรชนขี องมาตรามมุ สูง ส่วนย่อย 3.2 การตงั้ มมุ สงู ใหก้ ลอ้ งเลง็ นน้ั มไิ ดเ้ ปลยี่ นมมุ สงู ใหก้ บั ลำ� กลอ้ งเครอื่ งยงิ ด้วยมมุ สูงทต่ี ง้ั กล้องเล็งนน้ั เป็นค�ำบอกอยู่ในค�ำสง่ั ยงิ 4. การเก็บกล้องเล็งเข้าหีบ ก่อนเก็บกล้องเล็งเข้าหีบ ให้ตั้งมุมสูงที่ 1650 และมุมทิศที่ 0 แล้วจัดให้กล้องส่องรูปข้อศอกอยู่ในต�ำแหน่งต้ังตรง ใส่กล้องเล็งให้เข้าท่ี ถกู ต้องในหบี ก่อนปิดฝาหบี 3. การระวังและรกั ษากลอ้ งเลง็ ถงึ แมว้ า่ กลอ้ งเลง็ บ.34 ป.2 (เอม็ .34 เอ.2) จะเปน็ เครอื่ งมอื ทแี่ ขง็ แรงและทนทาน ก็ดี แต่ไม่ควรใช้ในทางที่ผิดหรือจับถืออย่างสะเพร่า ผลจากความคลาดเคลื่อนและเสื่อม คุณภาพเกดิ ขนึ้ จากปราศจากการรกั ษา จงึ ต้องดขู ้อระมดั ระวงั ต่อไปนี้ 1. หลีกเล่ียงการเคาะหรือการท�ำให้ช�ำรุดสึกหรอต่อส่วนต่าง ๆ ของกล้อง จงมคี วามระมดั ระวงั โดยเฉพาะในเรอ่ื งทจ่ี ะไมท่ �ำใหเ้ กดิ การบน่ิ เยนิ หรอื แตกรา้ วทชี่ ่องสวม แท่นรับกล้องเล็ง หลีกเล่ียงการชนหรือกระแทกท่ีควงมุมสูง ควงมุมทิศก้านต่อกล้องส่อง และหลอดระดบั ทง้ั สอง เม่ือไม่ใช้กล้องเล็งให้ครอบหลอดระดบั ทั้งสองเสยี 2. เม่ือไม่ใช้กล้องเล็งแล้วจงเก็บเข้าหีบเสีย จงพยายามเก็บกล้องให้อยู่ใน ลกั ษณะแหง้ อยเู่ สมอเทา่ ทจ่ี ะทำ� ได้ และเมอื่ กลอ้ งเลง็ มคี วามชนื้ อยู่ อยา่ ไดน้ ำ� เขา้ เกบ็ ในหบี เป็นอันขาด

3. เมอ่ื กล้องเลง็ มกี ารทำ� งานไม่ถกู ตอ้ ง ใหส้ ่งกลบั ไปสรรพาวธุ เพอื่ รบั การซอ่ ม ต่อไป บรรดาพลปืนของเครอ่ื งยงิ ระเบิดในทางราชการ ไม่อนมุ ตั ิให้ถอดประกอบกล้องเล็ง 4. จงรกั ษาใหส้ ว่ นแวน่ แกว้ ของกลอ้ งสอ่ งสะอาดและแหง้ ใหป้ ดั ฝนุ่ ผงออกจาก เลนส์ด้วยแปรงขนอูฐท่ีสะอาด จงใช้กระดาษเช็ดเลนส์เท่าน้ันส�ำหรับเช็ดถูส่วนต่าง ๆ เหล่าน้ี อย่าใช้น้�ำยาชักเงาธรรมดา แป้งฝ่นุ , ยาขดั ต่อส่งิ ทเี่ ป็นกระจก ให้ใช้แต่เฉพาะสบู่ ท�ำความสะอาดเลนส์ท่ที างราชการก�ำหนดเท่านัน้ เพอ่ื ล้างไขหรอื นำ�้ มนั ออกจากเลนส์ 5. ในโอกาสท่ีจะหยอดน้�ำมันตามส่วนเคลื่อนที่ ให้ใช้น้�ำมันใสชโลมปืน หยดลงแตน่ อ้ ย และเพอ่ื ปอ้ งกนั ฝนุ่ ผงมาเกาะทจี่ ะทำ� ใหเ้ กดิ การเสยี ดสรี ะหวา่ งสว่ นเคลอ่ื นที่ ให้เช็ดถูกน�้ำมันท่ีหยอดแล้วเปรอะซึมออกมาภายนอกเสีย ส�ำหรับรายละเอียดต่อไปน้ันดู ทม.9-2008 4. ความสำ�คัญของการปรับกล้องเล็งให้เข้ากับเส้นแกนลำ�กล้อง เครอ่ื งยงิ การปรับกล้องเล็งควรต้องท�ำบ่อย ๆ เพ่ือหาตัวแก้ในการอ่านค่าของมุมที่ เหล่าทหารราบ 43 คลาดเคล่ือนไป แต่ละกล้องเป็นที่ทราบอยู่แล้วว่าการยิงของเคร่ืองยิงลูกระเบิดน้ันอาศัย มุมทิศและมุมสูงเป็นหลัก ฉะนั้น เครื่องให้มุมทิศและมุมสูงของเครื่องยิงจึงต้องสัมพันธ์ กันกับมุมทิศและมุมสูงของกล้องเล็ง ตามความเป็นจริงจากจุดรวมอันหนึ่งในทางหลักยิง คือเส้นแกนลำ� กล้องปืน ในสนามรบหรือยามปกติก็ตาม กล้องเล็งย่อมคลาดเคล่ือนไปจากการปรับไว้ แลว้ ไดเ้ สมอจากการกระเทอื นในการเคลอื่ นยา้ ย, การฝกึ , การบรรทกุ และการยงิ ยง่ิ กวา่ นน้ั แตล่ ะกลอ้ งยงั คลาดเคลอ่ื น, หลวมคลอนไมเ่ หมอื นกนั อกี ดว้ ย ผลอนั นเ้ี องทห่ี วงั ผลในการยงิ ใหแ้ มน่ ยำ� , การรวมกำ� ลงั ยงิ , การยงิ ประณตี และลดการสญู เสยี กระสนุ เปลา่ โดยไมไ่ ดผ้ ลนนั้ ก็ย่อมจะสูญส้นิ ไปด้วย ดังนั้น โอกาสเวลาท่ีมีอยู่หรือถ้าท�ำได้ก่อนการน�ำเคร่ืองยิงเข้าที่ต้ังยิงควร ได้ด�ำเนินการปรับกล้องเล็งเพ่ือให้เข้าจุดรวมกับเส้นแกนล�ำกล้องปืนเสีย แต่ในขั้นต้น อย่าปล่อยปละละเลยเสีย ต้องถือว่าเป็นระเบียบปฏิบัติประจ�ำอย่างหน่ึง ส่วนจะกระท�ำ เมอื่ ใดนั้นขน้ึ อยู่กับสถานการณ์ เวลา และโอกาส

44 เหลา่ ทหารราบ 5. การปรับกล้องเล็ง เอม็ .34 มีอยู่ 2 ขน้ั ตอน 1. การปรบั มาตรามมุ สงู มหี ัวข้อตามล�ำดบั ดงั น้ี 1.1 ต้ังเคร่ืองยิงบนพ้ืนดินท่ีมีความเรียบได้ระดับ, จัดสะพานโครงส่ายให้ ได้กงึ่ กลาง ใช้กระสอบทรายทบั บนคานยดึ ขาหยัง่ เพือ่ ความมน่ั คง 1.2 ใช้หลอดระดับก�ำหนดมมุ ยงิ ต้ังมุมท่ี 800 หรอื 900 มิลเลียม วางบน ล�ำกล้องเคร่อื งยิง 1.3 ติดกล้องเลง็ เอม็ .34 ตง้ั มุมทศิ ศนู ย์ (0) มมุ สูง 800 หรอื 900 มลิ เลียม อย่างใดอย่างหน่งึ ที่เท่ากบั การตงั้ มมุ ที่หลอดระดบั ก�ำหนดมมุ ยิง 1.4 ใช้ควงสงู ยกล�ำกล้องปืนจนหลอดระดบั กำ� หนดมมุ ยงิ อยู่ก่ึงกลาง 1.5 ถ้าหลอดระดบั ทางสูงของกล้องเล็ง เอ็ม.34 ไม่อยู่กึง่ กลาง หมนุ ควง มมุ สงู ส่วนย่อย ปรบั ให้หลอดระดบั ทางสูงอยู่ก่งึ กลาง 1.6 ขณะนีม้ าตรามมุ สูงส่วนย่อยย่อมไม่อยู่ที่ศูนย์ (0) 1.7 คลายหมดุ เกลียวยึดปลอกมาตรามมุ สงู ส่วนย่อย 1.8 มอื หนึง่ จบั ควงเกลียวมมุ สูงส่วนย่อยข้นึ ไว้ให้แน่น 1.9 หมุนปลอกมาตรามมุ สูงส่วนย่อยให้ขีด (0) ตรงกับดรรชนี 1.10 ควรมกี ารทดสอบในขอ้ 4 อกี ครงั้ กบั หลอดระดบั กำ� หนดมมุ ยงิ ถา้ หลอด ระดับของกล้องเลง็ ยงั ไม่ก่ึงกลางอกี กก็ ระท�ำดงั ข้อ 7, 8 และ 9 อกี 1.11 จนกว่าหลอดระดับของกล้องเล็งและหลอดระดับกำ� หนดหมุนยิงอยู่ กงึ่ กลางท้งั สอง  2. การปรับมาตรามุมทิศเพ่ือร่วมกับเส้นแกนล�ำกล้องเครื่องยิง มีหัวข้อตาม ลำ� ดบั ดงั น้ี 2.1 ตั้งเครื่องยิงบนพื้นดินท่ีได้ระดับ และสะพานโครงส่ายอยู่กึ่งกลาง มุมสูงของเคร่ืองยิง 800 หรือ 900 มิลเลียม ใช้กระสอบทรายวางทับคานยึดขาหย่ังเพื่อ ความม่นั คง

2.2 ตัง้ กล้องวดั มุม เอ็ม.1 ข้างหลงั เคร่อื งยิงประมาณ 100 หลา อยู่ในแนว เหล่าทหารราบ 45 เดยี วกบั ลำ� กล้องเครอ่ื งยิง, ปรบั ระดับกล้องวดั มุม 2.3 เล็งกล้องวัดมุมด้วยแว่นแก้วกล้องส่อง โดยใช้เส้นตั้งมาตราแว่นแก้ว ทาบทบั กงึ่ กลางลำ� กล้องตลอดถงึ ปากลำ� กล้อง โดยใชส้ ว่ นเคลอ่ื นทต่ี อนลา่ งของหบี เขม็ ทศิ (ควงหมนุ หีบเขม็ ทศิ ) ถ้าใช้ดนิ สอผูกรดั ตดิ กบั ก่ึงกลางของปากล�ำกล้องได้ยิ่งดี เพื่อช่วยให้ เหน็ ตำ� บลเลง็ สำ� หรบั วางเส้นต้งั ของแว่นแก้วกล้องส่องของกล้องวัดมมุ ได้ง่ายย่งิ ขนึ้ 2.4 ใชค้ วงสา่ ยเลอ่ื นลำ� กลอ้ งใหเ้ ขา้ ไปอยใู่ นแนวเสน้ ดงิ่ ของกลอ้ งสอ่ งกลอ้ ง วัดมมุ 2.5 ท�ำกลับไปกลับมาในข้อ 3 และข้อ 4 จนกระทั่งเส้นด่ิงของแว่นแก้ว กล้องส่องของกล้องวดั มมุ แบ่งคร่งึ จากเคร่ืองปิดท้ายจนถงึ ปากล�ำกล้อง 2.6 ตดิ กล้องเลง็ เอม็ .34 เข้ากบั เครอ่ื งยงิ ด้วยมมุ ทศิ (0) ศูนย์ปรบั หลอด ระดบั ทางข้างด้วยควงแก้เอยี งของเครอ่ื งยิง จนกระทั่งหลอดระดับอยู่ก่งึ กลาง 2.7 ถ้าเส้นเล็งของเคร่ืองวัดมุม เอ็ม.1 ออกไปพ้นกึ่งกลางเครื่องปิดท้าย จนถึงปากล�ำกล้องเครื่องยิง ก็ให้กระท�ำซํ้ากันอีกในข้อ 5 พร้อมท้ังปรับระดับกล้องเล็ง เอม็ .34 ไปด้วย 2.8 ก�ำหนดตำ� บลเลง็ ท่เี ห็นได้ชดั และเป็นจดุ เด่นเล็ก ๆ ในภูมิประเทศเป็น ระยะไกล ๆ มาก (ไม่ควรน้อยกว่าระยะยงิ ไกลสุดของเคร่ืองยิง) ซง่ึ เป็นต�ำบลเล็งร่วมของ กล้องเล็ง เอม็ .34 กบั กล้องวดั มมุ 2.9 กล้องเลง็ ร่วมเช่นนี้ต้องรกั ษาการปฏบิ ตั ขิ ้อ 4, 5 และข้อ 6 ไว้เสมอ 2.10 บางคร้งั จ�ำเป็นต้องเล่ือนทต่ี ัง้ กล้องวดั มุม ถ้าทำ� ไม่ได้ในข้อ 4, 5 และ 6 2.11 ในการเลง็ ตำ� บลเลง็ รว่ มนจ้ี ำ� เปน็ ตอ้ งหมนุ ควงมมุ ทศิ สว่ นยอ่ ยไปบา้ ง 2.12 เม่ือปรับได้ตามข้อ 9 แล้ว ให้คลายหมุดเกลียวยึดปลอกมาตรา มมุ ทิศส่วนย่อยให้หลวม 2.13 จัดควงมมุ ทศิ ไว้ให้แน่น หมุนปลอกมาตรามมุ ทศิ ให้ขีด (0) ศนู ย์อยู่ ตรงดรรชนี 2.14 ควรจะต้องมกี ารตรวจสอบดูอกี ครง้ั เมอื่ ได้ปรับแล้ว 

46 เหลา่ ทหารราบ 6. ตารางยิง 1. ตารางยงิ คือสมุดบันทกึ หลกั ฐานบอกจ�ำนวนมุมสูงของลำ� กล้อง และส่วน บรรจุเพิ่มของลกู ระเบดิ ยิง ซ่งึ จะใช้ยิงในระยะต่าง ๆ ตารางยิงนจี้ ะถกู บรรจมุ าในหบี บรรจุ ลูกระเบิดยงิ เพ่อื ใช้ส�ำหรับลูกระเบดิ ยิงนั้น 2. การใชต้ ารางยงิ ผ้ใู ชจ้ ะตอ้ งตรวจดตู ารางยงิ ฉบบั นน้ั ก่อนว่าตารางยงิ นน้ั ใช้ สำ� หรบั ลกู ระเบดิ ยงิ แบบใด และกม็ ลี กู ระเบดิ ยงิ หลายแบบทอี่ ยใู่ นตระกลู เดยี วกนั ทสี่ ามารถ ใช้ตารางยงิ ร่วมกนั ได้ ความหมายของคำ� ว่า “ตระกลู ” หมายถงึ ลูกระเบดิ ยงิ ท้งั หลายนั้น ถึงแม้ว่าจะมีการท�ำงานของชนวน และประสิทธิภาพของวัตถุที่บรรจุภายในลูกระเบิดยิง แตกต่างกันออกไปก็ตาม แต่ลูกระเบิดยิงเหล่าน้ีท้ังหมดยังใช้ตารางยิงอันเดียวกัน ท้ังน้ี ขึ้นอยู่กบั ลกั ษณะทางขปี นวธิ ที ปี่ รากฏในตารางยงิ จะก�ำหนดระยะยงิ มมุ สูง และส่วนบรรจุ เพม่ิ ซึ่งจะต้องใช้ยงิ ในระยะต่าง ๆ ตวั อยา่ ง การใช้ตารางยงิ เช่น - ลย./สงั หาร เอ็ม.374 เอ.2 ระยะยิง 1,200 เมตร ใช้มุมสูง 1,126 มิลเลียม สว่ นบรรจุ 2 สำ� หรบั ตารางยงิ ทม่ี รี ะยะยงิ ซง่ึ มมี มุ สงู และสว่ นบรรจใุ หเ้ ลอื กใชไ้ ด้ 2 มมุ และ 2 ส่วนบรรจใุ ห้ใช้หลักเกณฑ์ในการเลอื ก ดังน้ี ในการยงิ เรม่ิ แรก ใหเ้ ลอื กใชม้ มุ สงู ทสี่ ามารถเปลย่ี นระยะยงิ ไดอ้ ยา่ งกวา้ งขวาง (ไม่ว่าจะเพิ่มหรือลดระยะยิง) ท้ังน้ีเพ่ือให้สามารถจัดเตรียมส่วนบรรจุเพ่ิมกับลูกระเบิดยิง ไว้ล่วงหน้าได้ตลอดภารกจิ ยงิ นน้ั โดยหวงั ผลความรวดเรว็ และการจู่โจม ตัวอย่างเช่น ระยะ 1,000 เมตร เลอื กมมุ สงู 1,228 มลิ เลยี ม ส่วนบรรจ ุ เพิ่ม 2 ระยะ 1,500 เมตร เลือกมุมสงู 639 มลิ เลยี ม ส่วนบรรจ ุ เพิม่ 3 ระยะ 2,500 เมตร เลือกมุมสงู 1,068 มลิ เลยี ม ส่วนบรรจุ เพิม่ 5 ส�ำหรับระยะ 600 เมตร ให้เลือกมุมสูง 1285 มิลเลียม ส่วนบรรจุเพ่ิม 1 เพราะท้ังส่วนบรรจเุ พิม่ 1 และส่วนบรรจุเพ่มิ 2 มเี กณฑ์ในทางลดและทางเพิม่ ระยะเท่ากนั ถ้าเลอื กส่วนบรรจเุ พ่ิม 1 จะเป็นการถนอมรักษาให้ลำ� กล้องมีอายกุ ารใช้งานได้นาน เพราะ มแี รงกระแทกมาข้างหลงั ขณะท�ำการยงิ น้อยกว่าใช้ส่วนบรรจุเพม่ิ 2 ส่วน

ปกดา้ นนอกของตารางยงิ เหล่าทหารราบ 47

48 เห ่ลาทหารราบ ปกด้านในของตารางยงิ

บทท่ี เหล่าทหารราบ 49 คุณลกั ษณะและขีดความสามารถ ของทหารราบ 1. กล่าวทั่วไป ทหารราบ หมายถึง เหล่าทหารท่ีมีหน้าที่ท�ำการรบทางพื้นดิน นับว่าเป็น เหล่าท่ีมีหน้าที่ส�ำคัญมากและเหน็ดเหนื่อยท่ีสุด ไม่ว่าจะเป็นการรบในรูปลักษณะใด กต็ าม ทหารราบตอ้ งทำ� การรบตง้ั แตเ่ รม่ิ ตน้ จนกระทง่ั ถงึ การตอ่ สใู้ นระยะประชดิ ตวั ตอ่ ตวั ด้วยการใช้ดาบปลายปืนและอาวธุ สั้นชนดิ ต่าง ๆ เพ่ือแย่งยึดพื้นท่ีทีข่ ้าศกึ ควบคมุ หรือ ยดึ ครองอยู่มาเป็นของฝ่ายเราให้จงได้ การปฏิบัติการรบน้ัน กองทัพบกถือว่าทหารราบเป็นเหล่าหลักในการรบ แต่อย่างไรกต็ าม ในการปฏบิ ัติการรบ ทหารราบมีความจ�ำเป็นที่จะต้องทำ� การรบ โดย ได้รับการสนบั สนุนจากทหารเหล่าอน่ื ๆ ด้วย เพอ่ื ให้บรรลภุ ารกิจและได้รับชยั ชนะโดย เด็ดขาด ดังนั้น จึงต้องเรียนรู้เรื่องของทหารราบให้เข้าใจอย่างถ่องแท้เพ่ือจะได้น�ำไป ใช้ได้อย่างสอดคล้องในการปฏบิ ัติร่วมกบั ทหารเหล่าอ่ืน ๆ 2. คณุ ลักษณะของทหารราบ ทหารราบสามารถท�ำการรบได้ทุกสภาพภูมิประเทศ ลมฟ้าอากาศ ไม่ว่า จะเป็นการรบแบบใดก็ตาม ชัยชนะในการรบข้ันเด็ดขาดจะเกิดข้ึนได้ก็ต่อเมื่อมีกำ� ลัง

50 เหลา่ ทหารราบ ทหารเข้ายึดครองพ้ืนท่ีนั้นไว้ได้ ทหารราบเป็นทหารเหล่าเดียวเท่านั้นที่มีบทบาทในการ ยดึ ครองภมู ปิ ระเทศ ซึง่ สามารถแบ่งคณุ ลกั ษณะของทหารราบ ได้ดังนี้ ก. ลักษณะโดยทัว่ ไป 1) ใช้การเคลอ่ื นท่ีด้วยเท้าเป็นหลัก 2) ฝึกอบรมง่าย อาวุธและวธิ ีรบของทหารราบฝึกสอนง่าย 3) จดั กำ� ลงั ง่าย 4) จดั หาเคร่อื งอปุ กรณ์ในการรบได้ง่าย เคร่ืองอุปกรณ์การรบไม่แพง 5) มีจ�ำนวนมากกว่าทหารเหล่าอื่น ทหารราบเป็นเหล่าหลักในการจัด ก�ำลงั รบของกองทพั 6) มสี ถิติการสูญเสียมากทส่ี ุด 7) เคลอื่ นที่ด้วยเท้าได้ระยะจำ� กัด 3 - 4 กม. ต่อชั่วโมง 8) ทำ� การรบได้ทกุ ภูมิประเทศ และลมฟ้าอากาศ ข. ลักษณะของทหารราบเป็นบคุ คล 1) หาคนง่าย ฝึกทำ� หน้าท่ีได้เร็ว 2) ค่าใช้จ่ายและค่าบำ� รงุ ไม่แพง 3) ใช้อาวธุ ยงิ ฟัน และแทงได้ดี 4) มีความคล่องแคล่ว เน่ืองจากน้ําหนักบรรทุกประจ�ำกาย ประมาณ 22 - 24 กก. ต่อคน 5) รบได้ทุกภมู ปิ ระเทศ และลมฟ้าอากาศ ค. ลกั ษณะของทหารราบเป็นหน่วย 1) รวมเป็นหน่วยได้ง่าย 2) เป็นเหล่าหลักของกองทพั 3) มอี �ำนาจการยงิ และต้านทานได้ตามขนาดของหน่วย 4) ปฏิบัติการรบได้ตามลำ� พงั 5) ควบคมุ บังคบั บัญชาง่าย

3. ขีดความสามารถและขีดจำ�กัดของทหารราบ เหล่าทหารราบ 51 ก. ขดี ความสามารถของทหารราบ 1) ปฏิบัติการรบได้ต่อเนือ่ งเป็นเวลานาน 2) ปฏิบัตกิ ารรบได้ทุกภมู ิประเทศ และทกุ สภาพลมฟ้าอากาศ 3) ปฏบิ ตั กิ ารรบได้ทกุ รูปแบบ 4) สามารถควบคุมพนื้ ทแี่ ละประชากร 5) สามารถให้การสนบั สนนุ และพฒั นา 6) สามารถในการรบประชดิ ข. ขีดจำ� กัดของทหารราบ 1) ความเรว็ ในการเคลอื่ นทม่ี จี �ำกัด 2) การปฏิบัตบิ ริเวณลุ่มนํา้ - พนื้ นา้ํ มจี ำ� กัด 3) การป้องกนั อาวุธนิวเคลยี ร์ เคมี ชีวะ อาวธุ ยิง อาวุธปล่อย มีจ�ำกัด 4) การเคลื่อนท่ที างนา้ํ - ทางอากาศ มจี ำ� กัด 4. ภารกิจของทหารราบ ภารกิจหลกั ที่ส�ำคัญของทหารราบ คอื ก. ในการเข้าตี เข้าประชิดข้าศึก ท�ำลายหรือจับข้าศึกเป็นเชลย และเข้ายึด ภูมิประเทศทส่ี �ำคญั ข. ในการต้ังรับ ท�ำการยึดท่ีมั่น และขับไล่การเข้าตีของข้าศึกด้วยการยิง การรบประชดิ และการตโี ต้ตอบ 5. ความสัมพนั ธ์ระหว่างทหารราบกับทหารเหล่าอืน่ ๆ ในการปฏิบัติการรบน้ัน ทหารราบจ�ำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากทหาร เหล่าอืน่ ๆ ตามความจ�ำเป็น ท้งั น้ี เพอื่ เป็นการส่งเสริมให้ทหารราบมปี ระสทิ ธิภาพในการ รบอย่างสูงสุด การสนับสนุนน้ันแบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ การสนับสนุนการรบ และการ สนับสนนุ ทางการช่วยรบ

ก. การสนับสนุนการรบ หมายถึง ให้การสนับสนุนแก่หน่วยทหารราบ เพ่ือให้หน่วยทหารราบมีอ�ำนาจการรบสูงขึ้น เหล่าที่มีหน้าที่ให้การสนับสนุนการรบแก่ ทหารราบทส่ี �ำคัญ ๆ ได้แก่ เหล่าทหารม้ายานเกราะ เหล่าทหารปืนใหญ่ เหล่าทหารช่าง เหล่าทหารสอ่ื สาร ฯลฯ เป็นต้น ข. การสนบั สนนุ ทางการช่วยรบ หมายถึง ให้การสนบั สนุนในสิง่ อ�ำนวยความ สะดวกทางการส่งกำ� ลงั บ�ำรุง เพือ่ ให้หน่วยทหารราบมสี ิ่งอปุ กรณ์และยทุ โธปกรณ์ทีจ่ ำ� เป็น ตอ่ การใชป้ ฏบิ ตั กิ ารรบไดอ้ ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง เหลา่ ทม่ี หี นา้ ทใ่ี หก้ ารสนบั สนนุ ทางการชว่ ยรบ ไดแ้ ก่ เหล่าทหารช่าง ทหารขนส่ง ทหารสรรพาวธุ ทหารพลาธิการ ทหารแพทย์ เป็นต้น 52 เหลา่ ทหารราบ

บทท่ี เหล่าทหารราบ 53 ภารกิจและการจดั กองพันทหารราบ 1. ภารกิจ 1.1 เข้าประชดิ ข้าศกึ โดยใช้อำ� นาจการยิง และการดำ� เนินกลยุทธ์ เพอ่ื จับ หรือทำ� ลายข้าศกึ 1.2 ผลกั ดนั การเขา้ ตขี องขา้ ศกึ ดว้ ยการยงิ การรบประชดิ และการตโี ตต้ อบ 2. การแบง่ มอบ สามพนั กอง ต่อหน่งึ กรมทหารราบ 3. ขีดความสามารถ 3.1 สามารถจดั ให้มฐี านยิง และด�ำเนนิ กลยทุ ธ์ได้ 3.2 สามารถใช้การยงิ และการเคลื่อนท่เี ข้าประชิดและท�ำลายข้าศกึ ได้ 3.3 สามารถยึดและรักษาภูมปิ ระเทศได้ 3.4 สามารถผลกั ดนั การเขา้ ตขี องขา้ ศกึ ดว้ ยการยงิ การรบประชดิ หรอื การ ตโี ต้ตอบ 3.5 สามารถท�ำการป้องกนั ต่อสู้รถถงั ได้ในลกั ษณะจ�ำกัด

กองบังคับการ ผงั การจดั ก�ำลงั กองร้อยอาวธุ เบา และกองร้อย สสก. กองพันทหารราบ กองร้อยสนบั สนุน การช่วยรบ 54 เหลา่ ทหารราบ กองบงั คับการ และกองร้อยสนบั สนนุ การรบ 1. ภารกจิ 1.1 บังคับบญั ชา ควบคมุ และก�ำกบั ดูแลการปฏิบตั ขิ องกองพันทหารราบ 1.2 ให้การสนบั สนุนด้วยการยงิ อย่างต่อเนื่องแก่กองพันทหารราบ 2. การแบ่งมอบ หนงึ่ กองบงั คบั การและกองร้อยสนบั สนนุ การรบ ต่อหนง่ึ กองพนั ทหารราบ 3. ขดี ความสามารถ 3.1 บังคับบัญชา ควบคุม วางแผน และก�ำกับดูแลการปฏิบัติการของหน่วย ในอตั ราและท่มี าสมทบ 3.2 ท�ำการลาดตระเวนทางพ้นื ดิน 3.3 ให้การสนบั สนนุ ด้วยการต่อสู้รถถงั และด้วยการยงิ ของเครอ่ื งยงิ ลูกระเบดิ 3.4 จัดให้มกี ารสนบั สนุนการติดต่อสื่อสาร 3.5 จัดให้มกี ารสนบั สนนุ ทางการช่าง และการสงครามทุ่นระเบดิ

ผังการจัด กองบงั คบั การ และกองร้อยสนบั สนนุ การรบ บก. กองร้อยสนบั สนุนการรบ บก.ร้อย. มว.ช่างโจมตี มว.ลว. มว.ส. มว.ค.81 มว.ปืนโจมตี บก.มว. หมู่ช่างโจมตี บก.มว. หมู่ซุ่มยงิ หมู่ ลว. บก.มว. หมู่ ค.81 บก.มว. หมูปืนโจมตี บก.มว. ตอนวทิ ยุ ตอนทางสาย เหล่าทหารราบ 55

56 เหลา่ ทหารราบ กองรอ้ ยสนบั สนุนการช่วยรบ 1. ภารกิจ 1.1 จัดเจ้าหน้าที่ก�ำลังพลและเจ้าหน้าที่ส่งก�ำลังให้กับกองบังคับการกองพัน ทหารราบ 1.2 ปฏบิ ัติการซ่อมบ�ำรงุ ขั้นหน่วย และให้การสนับสนนุ ทางการส่งก�ำลัง 1.3 ตั้งและด�ำเนินงานที่พยาบาลกองพัน และรักษาพยาบาลทหารเจ็บป่วย ชั่วคราว รวมทง้ั การส่งกลบั ไปข้างหลงั 2. การแบ่งมอบ หนงึ่ กองร้อย ต่อหน่งึ กองพนั ทหารราบ 3. ขดี ความสามารถ 3.1 รบั และจ่ายสง่ิ อุปกรณ์ของกองพนั 3.2 ปฏบิ ัตกิ ารซ่อมบ�ำรงุ ขน้ั หน่วยของกองพนั 3.3 ปฏบิ ตั แิ ละควบคมุ ตำ� บลจา่ ยสงิ่ อปุ กรณ์ ณ ทต่ี ง้ั ขบวนสมั ภาระของกองพนั 3.4 ปฏิบัติการบริการทางการแพทย์ให้กับหน่วยตามอัตราการจัดของกองพัน ทหารราบ

ผังการจัด กองร้อยสนบั สนนุ การช่วยรบ บก. มว.บริการ บก.มว. ตอนสูทกรรม ตอนซ่อมบำ� รุง ตอนส่งก�ำลัง หมู่ซ่อมบำ� รงุ หมู่ซ่อมบ�ำรงุ เครื่องมือ หมู่ส่งกำ� ลัง หมู่ส่งกำ� ลังน�้ำมันและนำ�้ อเิ ลก็ ทรอนิกส์ มว.ยานยนต์ มว.สร. เหล่าทหารราบ 57 บก.มว. บก.มว. ตอนทพ่ี ยาบาล ตอนยานยนต์ ตอนนายสบิ พยาบาลกองร้อย ตอนซ่อมบ�ำรุงยานยนต์ ตอนส่งกลบั

58 เหลา่ ทหารราบ กองรอ้ ยอาวุธเบา กองพันทหารราบ 1. ภารกจิ 1.1 เข้าประชิดข้าศึก โดยใช้อ�ำนาจการยิงและด�ำเนินกลยุทธ์เพื่อยึดหรือ ท�ำลายข้าศกึ 1.2 ผลกั ดนั เข้าตีของข้าศกึ ด้วยการยิงและการรบประชิด 2. การแบ่งมอบ สามกองร้อย ต่อหน่งึ กองพนั ทหารราบ 3. ขดี ความสามารถ 3.1 สามารถใช้การยงิ และการเคลอ่ื นทเ่ี ข้าประชดิ และท�ำลายข้าศึก 3.2 สามารถผลักการเข้าตีของข้าศึกด้วยการยิง การรบประชิด หรือด้วยการ ตโี ต้ตอบ 3.3 สามารถเคลือ่ นท่ไี ด้ทกุ ภูมิประเทศ และทกุ สภาพอากาศ 3.4 สามารถจดั ให้มฐี านยงิ และด�ำเนนิ กลยทุ ธ์ได้ 3.5 สามารถยดึ และรกั ษาภูมปิ ระเทศได้ ผังการจดั กองร้อยอาวธุ เบา บก.ร้อย. มว.ค.88 (ขนาด 60 มม.) มว.ปล. บก.มว. หมู่ ค.88 (ขนาด 60 มม.) บก.มว. หมู่ ปก. หมู่ ปล.

หมวดเครอื่ งยิงลกู ระเบิด 88 ขนาด 60 มม. เหล่าทหารราบ 59 ผังการจัด หมวด ค.88 (ขนาด 60 มม.) บก.มว. หมู่ ค.88 (ขนาด 60 มม.) หมวดเครอ่ื งยงิ ลกู ระเบดิ 88 ขนาด 60 มม. ประกอบดว้ ยกองบงั คบั การหมวด และ 3 หมู่เครอ่ื งยงิ ลกู ระเบิด 88 ขนาด 60 มม. 1. ภารกจิ จัดเครอ่ื งยงิ ยงิ ช่วยหน่วยต่าง ๆ ของกองร้อยอาวุธเบาโดยใกล้ชิด 2. การแบง่ มอบ หนงึ่ หมวด ต่อหน่งึ กองร้อยอาวธุ เบา 3. ขดี ความสามารถ 3.1 สามารถเคลือ่ นย้ายบนเส้นทางและในภมู ิประเทศได้อย่างรวดเร็ว 3.2 เข้าท่ีตั้งยิงและเปลย่ี นท่ีต้งั ยิงได้รวดเรว็ 3.3 การระวังป้องกนั ทตี่ งั้ ของตนเองอย่างจ�ำกดั 3.4 สามารถยงิ สนบั สนนุ อยา่ งรนุ แรงไดใ้ นระยะเวลาสนั้ เนอ่ื งจากจำ� กดั ในเรอื่ ง การลำ� เลียงกระสนุ

หมวดปืนเลก็ ผังการจัด หมวดปืนเลก็ บก.มว. หมู่ ปก. หมู่ ปล. หมวดปืนเล็ก ประกอบด้วยกองบงั คับการหมวด 1 หมู่ ปก. (เอ็ม. 60) และ 3 หมู่ปืนเลก็ 60 เหลา่ ทหารราบ 1. ภารกิจ 1.1 เข้าประชิดข้าศึกโดยใช้อ�ำนาจการยิงและการด�ำเนินกลยุทธ์ เพื่อจับหรือ สังหารข้าศกึ 1.2 ผลักดันการเข้าตขี องข้าศกึ ด้วยการยิงและการรบประชิด 2. การแบง่ มอบ 3 หมวดปืนเลก็ ต่อหนึง่ กองร้อยอาวุธเบา 3. ขดี ความสามารถ 3.1 สามารถใช้การยงิ และเคล่อื นทเี่ ข้าประชดิ และท�ำลายข้าศกึ ได้ 3.2 สามารถผลักดันการเข้าตขี องข้าศกึ ด้วยการยิงและการรบประชิด 3.3 สามารถเคลื่อนท่ีได้ทกุ ภูมปิ ระเทศ และทุกสภาพอากาศได้ 3.4 สามารถจดั ให้มฐี านยงิ และด�ำเนนิ กลยุทธ์ได้ การจัดกำ� ลงั และอาวุธประจ�ำกายของหมวดปืนเลก็ 1. กองบังคับการหมวด ประกอบด้วย ต�ำแหน่ง ยศ อาวุธ 1.1 ผู้บังคับหมวด ร.ท. ปลส. 1.2 รอง ผบ.หมวด จ.(พ.) ปล.

1.3 พลวิทยโุ ทรศพั ท์ ส.ต. ปล. 1.4 พลน�ำสาร พลฯ ปล. 1.5 พลยิงจรวดต่อสู้รถถัง ส.ต. ปพ./คจตถ. ขนาด 73 มม. 1.6 พลยงิ ผู้ช่วยจรวดต่อสู้รถถงั พลฯ ปล. 1.7 พลกระสุน พลฯ ปล. 2. หมู่ ปก. (เอ็ม 60) หมู่ ปก.มกี �ำลัง 9 นาย จัดเป็น 2 พวกยิง ตำ� แหนง่ ยศ อาวุธ 2.1 ผู้บงั คับหมู่ จ. ปล. 2.2 พลยิง ปืน 1 ส.ต. ปพ./ปก.38 2.3 พลยิงผู้ช่วย ปืน 1 พลฯ ปล. 2.4 พลกระสนุ 1 พลฯ ปล. 2.5 พลกระสุน 2 พลฯ ปล. 2.6 พลยงิ ปืน 2 ส.ต. ปพ./ปก.38 2.7 พลยิงผู้ช่วย ปืน 2 พลฯ ปล. 2.8 พลกระสุน 1 พลฯ ปล. 2.9 พลกระสุน 2 พลฯ ปล. เหล่าทหารราบ 61 3. หมปู่ ืนเลก็ แต่ละหมู่ปืนเลก็ มี 11 นาย ประกอบด้วย 2 ชดุ ยงิ คอื ชุดยิง ก. และชดุ ยงิ ข. แต่ละชดุ มกี �ำลงั 5 นาย ดังน้ี ต�ำแหนง่ ยศ อาวธุ 3.1 ผู้บังคบั หมู่ จ. ปลส. 3.2 หัวหน้าชดุ ยงิ ก. ส.อ. ปล. 3.3 หวั หน้าชดุ ยงิ ข. ส.อ. ปล. 3.4 พลปืนเล็ก ชุดยงิ ก. พล.ฯ ปล. 3.5 พลปืนเล็ก ชุดยงิ ข. พล.ฯ ปล. 3.6 พลปืนเล็ก ชุดยงิ ก. พล.ฯ ปล. 3.7 พลปืนเลก็ ชุดยงิ ข. พล.ฯ ปล. 3.8 พลปืนเล็กกล ชดุ ยงิ ก. ส.ต. ปลก. 3.9 พลปืนเล็กกล ชุดยงิ ข. ส.ต. ปลก. 3.10 พลยงิ เครื่องยงิ ลกู ระเบิด ชุดยงิ ก. พล.ฯ. ปล./ค.40 3.11 พลยงิ เครอ่ื งยงิ ลกู ระเบิด ชดุ ยิง ข. พล.ฯ ปล./ค.40

62 เหลา่ ทหารราบ บทที่ หมวดปนื เลก็ ในการเขา้ ตเี วลากลางวัน 1. กลา่ วท่วั ไป หมวดปืนเล็กจะท�ำการเข้าตีโดยเป็นส่วนหน่ึงของกองร้อย และด�ำเนิน กลยทุ ธเ์ พอ่ื เขา้ ตะลมุ บอนตอ่ ขา้ ศกึ ภายใตก้ ารยงิ คมุ้ ครองของอาวธุ ยงิ ในอตั ราและอาวธุ ยิงสนับสนุนของหน่วยเหนือหรือหน่วยอ่ืน เม่ือส่วนด�ำเนินกลยุทธ์ต้องเผชิญกับการ ตา้ นทานอยา่ งไดผ้ ลของขา้ ศกึ และไมส่ ามารถเคลอื่ นทภี่ ายใตก้ ารยงิ คมุ้ ครองของหนว่ ย ยิงสนับสนุนต่อไปได้ จะต้องใช้การยิงประกอบการเคล่ือนที่เพื่อเคล่ือนที่ไปข้างหน้า ตอ่ ไปใหถ้ งึ ทต่ี ง้ั ซง่ึ สามารถทจี่ ะตะลมุ บอนข้าศกึ ได้ การยงิ ประกอบการเคลอ่ื นทนี่ กี้ ค็ อื สว่ นหนง่ึ ยงิ สนบั สนนุ โดยใกลช้ ดิ ในขณะทอ่ี กี สว่ นหนง่ึ เคลอ่ื นทไ่ี ปขา้ งหนา้ เขา้ หาขา้ ศกึ หรือตะลุมบอนต่อข้าศึก การยิงประกอบการเคลื่อนท่ีนี้อาจกระท�ำเป็นบุคคล เป็นชุด หรอื เปน็ หนว่ ยขนาดใหญก่ วา่ ชดุ กไ็ ด้ ทง้ั นี้ ยอ่ มขนึ้ อยกู่ บั สถานการณ์ การยงิ ประกอบการ เคลอ่ื นทน่ี อ้ี าจกระทำ� เปน็ ขนั้ ๆ กไ็ ด้ คอื สว่ นหนง่ึ จดั ตง้ั ฐานยงิ ทำ� การยงิ คมุ้ ครองการปฏบิ ตั ิ การเคล่ือนที่ของอีกส่วนหนึ่งในขณะท่ีเคลื่อนที่เข้าหาข้าศึก และเมื่อหน่วยเคล่ือนท่ี เคล่ือนที่ไปถึงที่ตั้งที่เหมาะสมจะจัดต้ังฐานยิงคุ้มครองการเคลื่อนท่ีไปข้างหน้าของอีก ส่วนหนึ่งสลับกันไป การกระท�ำเช่นน้ีอาจสลับกันไปจนกระทั่งก�ำลังเข้าตีส่วนหนึ่งหรือ ท้ังสองส่วนถึงท่ีต้ัง ซ่ึงสามารถจะเข้าตะลุมบอนข้าศึกได้ อาจมีความจ�ำเป็นที่จะต้อง เคลื่อนท่ไี ปข้างหน้าด้วยวธิ ีคลานโดยตลอดหรอื บางส่วนของระยะทาง เพือ่ ให้ถงึ ต�ำบล ท่เี รม่ิ เข้าตะลมุ บอนกไ็ ด้ ท้งั น้ี ย่อมข้ึนอยู่กบั ผลการยงิ และการตรวจการณ์ของข้าศกึ

2. ภารกิจ ภารกิจของหมวดปืนเล็กในการเข้าตี คือการเข้าประชิดแล้วท�ำลายหรือจับ ข้าศกึ เป็นเชลย 3. การจดั กำ�ลงั หมวดปนื เลก็ ยทุ โธปกรณแ์ ละรูปขบวน การจัดกำ� ลังหมวดปืนเลก็ ประกอบด้วย บก.หมวด หมู่ปืนเล็ก 3 หมู่ หมู่ปืนกล 1 หมู่ (ตามรปู ท่ี 1) บก.มว. ปก. ปล. เหล่าทหารราบ 63 รูปที่ 1 การจดั กำ� ลงั ของหมวดปืนเล็ก 1. บก.หมวด มีก�ำลงั 8 คน เปน็ สว่ นบังคบั บัญชา ประกอบด้วย ต�ำแหนง่ อาวธุ ผบ.หมวด ปลส. รอง ผบ.หมวด ปล. พลวทิ ยุโทรศพั ท์ ปล. พลน�ำสาร ปล. พลยงิ จรวดต่อสู้รถถัง ปพ,/คจตถ. ขนาด 73 มม. พลยิงผู้ช่วยจรวดต่อสู้รถถงั ปล. พลกระสนุ ปล.

2. หมู่ ปล. มีก�ำลัง 11 คน 1 หมวดปนื เล็ก มี 3 หมู่ปืนเลก็ เปน็ ส่วน ด�ำเนนิ กลยุทธ์ ประกอบด้วยชดุ ยงิ 2 ชดุ คือ ชดุ ยงิ ก. ชุดยิง ข. แต่ละชุดมกี �ำลัง 5 คน ต�ำแหน่ง อาวธุ 2.1 ผบ.หมู่ ปลส. 2.2 หวั หน้าชดุ ยิง ปล. 2.3 พลปืนเลก็ กล ปลก. 2.4 พลยิงเคร่ืองยงิ ลูกระเบดิ ปล./ค.40 ชดุ ยงิ ก ขนาด 40 มม./พลยงิ เอม็ .203 2.5 พลปืนเล็ก ปล. 2.6 พลปืนเลก็ ปล. 2.7 หวั หน้าชดุ ยงิ ปล. 2.8 พลปืนเล็กกล ปลก. 2.9 พลยิงเครอื่ งยงิ ลูกระเบดิ ปล./ค.40 ชดุ ยงิ ข ขนาด 40 มม./พลยงิ เอ็ม.203 ปล. ปล. 64 เหลา่ ทหารราบ 2.10 พลปืนเลก็ 2.11 พลปืนเล็ก 2 พวก 3. หมปู่ นื กล มกี ำ� ลงั 9 คน เปน็ สว่ นยงิ สนบั สนนุ ประกอบดว้ ยพวกปนื กล ตำ� แหน่ง อาวุธ 3.1 ผบ.หมู่ ปล. 3.2 พลยิง ปก.38 พวก ปก. 3.3 พลยิงผู้ช่วย ปล. ปนื 1 3.4 พลกระสุน (1) ปล. 3.5 พลกระสนุ (2) ปล. 3.6 พลยิง ปก.38 พวก ปก. 3.7 พลยงิ ผู้ช่วย ปล. ปนื 2 3.8 พลกระสนุ (1) ปล. 3.9 พลกระสุน (2) ปล.

4. รูปขบวนท�ำการรบของหมวดปืนเลก็ มอี ยู่ 4 รปู ขบวน คอื เหล่าทหารราบ 65 1. รปู ขบวนหมวดแถวตอน 2. รปู ขบวนหมวดแถวหนา้ กระดาน (หมอู่ ยใู่ นรปู ขบวนหมแู่ ถวหนา้ กระดาน หรือในรปู ขบวนหมู่แถวตอน) 3. รปู ขบวนหมวดสามเหล่ยี มแหลมหลัง 4. รปู ขบวนหมวดสามเหลย่ี มแหลมหน้า ก. เมื่อหมวดเคล่ือนที่เป็นส่วนหน่ึงของกองร้อย ผบ.ร้อย. จะเป็น ผู้ก�ำหนดให้หมวดให้รูปขบวนอะไร หมวดก็จะให้รูปขบวนตามน้ัน ผบ.หมวดอาจจะ เปลี่ยนแปลงรูปขบวนน้ีได้ช่ัวคราวเม่ือพบการเปล่ียนแปลงของสถานการณ์หรือลักษณะ ภมู ิประเทศ ผบ.หมู่ กจ็ ะให้รูปขบวนตามท่ี ผบ.หมวด ก�ำหนด ข. ผบ.หมวด จะอยู่ในรูปขบวน ณ ที่ซง่ึ ตนสามารถควบคุมหมู่ต่าง ๆ ภายในหมวดไดด้ ที ส่ี ดุ การตดิ ตอ่ กนั ดว้ ยสายตาระหวา่ ง ผบ.หมวด กบั ผบ.หมตู่ า่ ง ๆ ภายใน หมวดจะตอ้ งดำ� รงไวต้ ลอดเวลา เมอ่ื เปน็ ไปได้ ผบ.หมวด จะตอ้ งกำ� หนดหมหู่ ลกั ขน้ึ ในแตล่ ะ รูปขบวน เพื่อให้หมู่ต่าง ๆ เป็นหลกั ในการรกั ษาทศิ ทางในการเคล่อื นที่ ผบ.ร้อย. กเ็ ช่นกัน จะต้องก�ำหนดหมวดหลักขึ้น เพื่อให้หมวดต่าง ๆ ให้เป็นหลักในการรักษาทิศทางการ เคลอื่ นทใี่ นการปฏบิ ัตกิ าร ค. เมอ่ื ไมม่ เี หตกุ ารณพ์ เิ ศษใด ๆ แลว้ การกำ� หนดหมหู่ ลกั ในรปู ขบวนของ หมวดใหย้ ดึ ถอื ลำ� ดบั ดงั นไี้ ว้ คอื เมอื่ กำ� ลงั สามหมเู่ คยี งกนั ใหห้ มกู่ ลางเปน็ หมหู่ ลกั ในรปู ขบวน อน่ื ๆ ให้หมู่นำ� หรือหมู่นำ� ทางขวาเป็นหมู่หลัก การเปลยี่ นหมู่หลกั จะเปลยี่ นเมือ่ ได้เปลีย่ น รปู ขบวนเสรจ็ แล้ว ฅ. การเปลี่ยนจากรูปขบวนรบหนึ่งเป็นอีกรูปขบวนรบหน่ึงจะต้อง กระทำ� โดยไม่ต้องหยดุ การเคลอ่ื นท่ี (ถ้าจำ� เป็นให้ใช้วธิ ีลดความเรว็ ในการเคลื่อนทล่ี ง) และ ให้หลกี เลีย่ งการเคล่ือนที่ถอยหลงั ลงมาเปล่ยี นรปู ขบวน ฆ. รอง ผบ.หมวด ช่วยเหลือ ผบ.หมวด ในการควบคมุ หมวดท่ีอยู่ของ ผบ.หน่วย ต้องไม่กำ� หนดให้คงท่ตี ายตวั เสมอไป  ง. ในรูปขบวนของหมวดนั้น แต่ละชุดยิงภายในหมู่ปืนเล็กคงจัด รูปขบวนสามเหล่ียมแหลมท�ำเป็นหลักเช่นเดียวกับรูปขบวนของหมู่ ระยะต่อระยะเคียง ระหว่างบคุ คลอาจจะเพม่ิ ขนึ้ หรอื ลดกไ็ ด้ เพอ่ื ให้เหมาะสมกบั สถานการณ์ ภูมปิ ระเทศ และ ทัศนวิสยั

66 เหลา่ ทหารราบ จ. หมปู่ นื กลเมอ่ื เคลอ่ื นทเี่ ปน็ สว่ นหนง่ึ ของหมวดมกั จะแยกปนื กลออก คือ ปืนกลทงั้ สองกระบอกจะไม่เคลอื่ นที่ร่วมกนั ไปท้งั หมู่เหมือนหมู่ปืนเลก็ ทงั้ นี้ กเ็ พ่อื จะ วางอ�ำนาจการยิงไว้ให้ครอบคลุมทั้งขบวนได้โดยใกล้ชิด รปู ขบวนของพลประจ�ำปืนแต่ละ กระบอกให้รปู ขบวนสามเหล่ยี มแหลมหน้าเป็นหลกั ฉ. พวก คจตถ. ใน บก.หมวด ผบ.หมวดจะเป็นผู้ก�ำหนดที่อยู่ให้ ณ ทซ่ี ง่ึ สามารถบรรลภุ ารกจิ ในการยงิ สนบั สนนุ โดยใกลช้ ดิ ในการปอ้ งกนั ตอ่ สรู้ ถถงั ไดด้ ที สี่ ดุ รูปขบวนของพวก คจตถ. นน้ั รปู ขบวนสามเหลี่ยมแหลมหน้าเป็นหลกั รปู ขบวนหมวดแถวตอน (รปู ท่ี 2) 1. รูปขบวนหมวดแถวตอน เป็นรูปขบวนขึ้นต้นในการเคลื่อนท่ีของหมวด เป็นรูปขบวนที่มีการกระจายก�ำลังทางข้างและทางลึก และสะดวกในการควบคุม ใน รูปขบวนนี้ท�ำการยิงได้อย่างจ�ำกัดในทิศทางข้างหน้าและข้างหลัง แต่มีอ�ำนาจการยิงทาง ข้างดี สะดวกในการยงิ และการดำ� เนนิ กลยุทธ์หมู่หลักของหมวด คอื หมู่นำ� 1.1 โอกาสทใี่ ช้ เมอื่ ผา่ นปา่ หมอกควนั และตามถนนหรอื เสน้ ทาง หรอื เมอื่ ต้องการความเรว็ ในการเคล่อื นท่ี 1.2 ข้อดี 1.2.1 สะดวกในการควบคุม 1.2.2 มีอ�ำนาจการยงิ ทางข้างดี 1.2.3 เป็นรปู ขบวนท่มี คี วามอ่อนตัว 1.2.4 เคล่อื นทไ่ี ด้เรว็ 1.3 ข้อเสีย การยงิ ในทศิ ทางข้างหน้าและข้างหลงั จ�ำกดั รูปขบวนหมวดแถวหน้ากระดาน 1. รูปขบวนหมวดแถวหน้ากระดาน หมู่อยู่ในรูปขบวนหมู่แถวหน้า กระดาน (รปู ที่ 3) รปู ขบวนน้เี ป็นรปู ขบวนหลักของหมวดในการเข้าโจมตี เป็นรูปขบวนท่ี มอี �ำนาจการยงิ ไปข้างหน้ามากท่สี ุด ในการเข้าโจมตี ผบ.หมวดจะต้องกำ� หนดหมู่หลักขึ้น ถ้า ผบ.หมวดมิได้กำ� หนดหมู่หลัก หมู่ทอี่ ยู่ในย่านกลางของหมวดจะต้องเป็นหมู่หลกั เมอื่ ท�ำการเข้าตีสองหมวดหรือมากกว่า ผบ.ร้อย.จะต้องก�ำหนดให้หมวดใดหมวดหน่ึงเป็น หมวดหลกั หมหู่ ลกั ของหมวดทมี่ ไิ ดเ้ ปน็ หมวดหลกั คอื หมทู่ อ่ี ยใู่ กลช้ ดิ กบั ปกี ของหมวดหลกั

1.1 โอกาสท่ใี ช้ ในการเข้าโจมตหี รอื กวาดล้าง เหล่าทหารราบ 67 1.2 ขอ้ ดี มีอำ� นาจการยงิ สูงสุดในทศิ ทางข้างหน้า 1.3 ขอ้ เสยี 1.3.1 การยิงทางข้างจ�ำกดั 1.3.2 ยากต่อการควบคมุ 2. รปู ขบวนหมวดแถวหนา้ กระดาน หมอู่ ยใู่ นรปู ขบวนหมแู่ ถวตอน (รปู ที่ 4) รปู ขบวนนส้ี ามารถใชใ้ นการเขา้ โจมตเี ชน่ กนั จะใชเ้ มอ่ื ผบ.หมวดไมต่ อ้ งการใหก้ ระจายกำ� ลงั ออกเป็นบุคคลตลอดแนว และเม่ือประสงค์ท่ีจะให้หมู่สามารถท�ำการโต้ตอบต่อการปะทะ ทีเ่ กิดขึ้นโดยมไิ ด้คาดคดิ และอาจใช้เม่อื ผ่านแนวออกตเี ม่อื แนวออกตอี ยู่ใกล้ท่ีหมาย เผือ่ ท�ำการเข้าตีสองหมวดหรือมากกว่า ผบ.ร้อย.จะต้องก�ำหนดให้หมวดใดหมวดหนึ่งเป็น หมวดหลกั เช่นเดียวกนั กับทีก่ ล่าวมาแล้วในข้อ 1. 2.1 โอกาสท่ีใช้ ใช้ในการเข้าโจมตีหรือกวาดล้าง หรือใช้เม่ือผ่านแนว ออกตี เมอ่ื แนวออกตอี ยู่ใกล้กบั ทหี่ มาย 2.2 ข้อดี 2.2.1 มอี ำ� นาจการยงิ ทางขา้ งไดด้ กี วา่ รปู ขบวนหมวดแถวหนา้ กระดาน หมู่อยู่ในรปู ขบวนหมู่แถวหน้ากระดาน 2.2.2 หมสู่ ามารถทำ� การโตต้ อบตอ่ การโจมตที เ่ี กดิ ขน้ึ ทางขา้ งไดด้ กี วา่ รูปขบวนหมวดแถวหน้ากระดาน หมู่อยู่ในรปู ขบวนหมู่แถวหน้ากระดาน 2.3 ข้อเสยี 2.3.1 อำ� นาจการยงิ ในทางตรงหนา้ มนี อ้ ยกวา่ รปู ขบวนหมวดแถวหนา้ กระดาน หมู่อยู่ในรปู ขบวนหมู่แถวหน้ากระดาน 2.3.2 ยากต่อการควบคมุ รปู ขบวนหมวดสามเหลยี่ มแหลมหลงั (รูปที่ 5) 1. รปู ขบวนหมวดสามเหล่ียมแหลมหลัง รปู ขบวนน้จี ะใช้เมือ่ สถานการณ์ ข้าศึกยังไม่กระจ่าง แต่คาดว่าน่าจะมีการปะทะเกิดข้ึนข้างหน้า รูปขบวนน้ี ผบ.หมวดจะ มีกำ� ลังสองหมู่เคยี งกันอยู่ข้างหน้า เพือ่ ให้มอี ำ� นาจการยงิ ในทศิ ทางข้างหน้ามากพอ เมื่อมี การปะทะเกิดขึ้นและมีก�ำลังอีกหน่ึงหมู่อยู่ข้างหลังเพ่ือให้สามารถปฏิบัติการอย่างใด อยา่ งหนง่ึ คอื ทำ� การเฝา้ ตรวจหรอื เคลอ่ื นทตี่ าม ถา้ หากหมวดถกู โจมตจี ากทางปกี ใดปกี หนงึ่

68 เหลา่ ทหารราบ ก็จะมีก�ำลังสองหมู่ท�ำการยิงโต้ตอบอย่างรุนแรง และอีกหน่ึงหมู่ท่ีเหลือเข้าด�ำเนินกลยุทธ์ อย่างไรก็ตาม รูปขบวนนี้มีความยุ่งยากในการควบคุม และเคล่ือนที่ได้ช้ามาก หมู่หลัก ของหมวด คือหมู่ทอ่ี ยู่ข้างหน้าหมวดทม่ี ิได้ถูกกำ� หนดให้เป็นหมวดหลกั หมู่หลักของหมวด ก็คือ หมู่ทอ่ี ยู่ใกล้ชิดกับปีกของหมวดหลกั 1.1 โอกาสท่ใี ช้ เมื่อสถานการณ์ข้าศึกยงั ไม่กระจ่างซดั แต่คาดว่าน่าจะ มีการปะทะเกดิ ขึน้ ในทิศทางข้างหน้า 1.2 ขอ้ ดี 1.2.1 สะดวกในการเปลย่ี นเป็นรูปขบวนหมวดแถวหน้ากระดาน 1.2.2 ให้อ�ำนาจการยิงทง้ั ข้างหน้าและทางปีก 1.3 ข้อเสยี 1.3.1 เคลอื่ นทไ่ี ด้ช้า 1.3.2 ยากต่อการควบคมุ รูปขบวนหมวดสามเหล่ียมแหลมหนา้ (รปู ที่ 6) 1. รูปขบวนหมวดสามเหลี่ยมแหลมหน้า รูปขบวนนี้ใช้เม่ือสถานการณ์ ข้าศกึ ยงั ไม่กระจ่างชดั และคาดว่าจะไม่มกี ารปะทะเกดิ ขนึ้ รูปขบวนนจี้ ะมกี ำ� ลงั สองหมู่อยู่ ขา้ งหลงั ซงึ่ สามารถทำ� การเฝา้ ตรวจหรอื ตามหมนู่ ำ� รปู ขบวนนม้ี อี ำ� นาจการยงิ ขา้ งหนา้ หรอื ทางปีกดี เป็นรปู ขบวนท่อี ำ� นวยให้ ผบ.หมวดใช้กำ� ลงั ส่วนน้อย (หมู่) ปะทะกบั ข้าศึกและ มีก�ำลังอีกหนึ่งหรือสองหมู่เพ่ือด�ำเนินกลยุทธ์ ถ้าหมวดถูกโจมตีทางปีกก็ยังมีก�ำลังเหลือ อีกหน่ึงหมู่เพ่ือด�ำเนินกลยุทธ์ รูปขบวนน้ีเป็นรูปขบวนท่ียากต่อการควบคุม แต่ก็เป็น รูปขบวนท่ีอ�ำนวยให้เคลื่อนที่ได้เร็วกว่ารูปขบวนหมวดสามเหล่ียมแหลมหลัง หมู่หลักของ รูปขบวนนค้ี ือ หมู่นำ� 1.1 โอกาสทีใ่ ช้ ใช้เมอื่ สถานการณ์ข้าศกึ ยงั ไม่กระจ่างซดั และคาดว่าจะ ไม่มกี ารปะทะเกดิ ขน้ึ 1.2 ข้อดี 1.2.1 ให้การระวงั ป้องกันรอบตวั 1.2.2 เป็นรูปขบวนท่มี คี วามอ่อนตัว 1.2.3 การควบคมุ สะดวกกว่ารูปขบวนหมวดสามเหล่ยี มแหลมหลัง 1.3 ข้อเสยี เคลอื่ นท่ไี ด้ช้าเมอ่ื ทศั นวสิ ยั ไม่ดี

เครื่องหมายตา่ ง ๆ ท่ีใช้ในคู่มือเลม่ นี้ เหล่าทหารราบ 69 ผบ.หมวด รอง ผบ.หมวด พลนำ� สาร ผบ.หมู่ หน.ชดุ ยงิ พลยงิ เอม็ .203 หรอื เอม็ .79 พลปนื เลก็ กล พลปนื เลก็ พลปนื เลก็ ทำ� การยงิ หรอื ตรวจการณใ์ นทศิ ทางลกู ศร พวก คจตถ. พลประจำ� ปนื กลแตล่ ะกระบอก (เมอื่ แยก ปก.ออกไปจาก หมู่ ปก.) หมปู่ นื เลก็ หมปู่ นื กล

70 เหลา่ ทหารราบ รปู ท่ี 2 รปู ขบวนหมวดแถวตอน

รูปที่ 3 รูปขบวนหมวดแถวหนา้ กระดาน หม่อู ยู่ในรปู ขบวนหม่แู ถวหนา้ กระดาน เหล่าทหารราบ 71

72 เห ่ลาทหารราบ รปู ท่ี 4 รปู ขบวนหมวดแถวหนา้ กระดาน หม่อู ยู่ในรปู ขบวนหมู่แถวตอน

เหล่าทหารราบ 73 รปู ท่ี 5 รูปขบวนหมวดสามเหล่ยี มแหลมหลงั

74 เหลา่ ทหารราบ รปู ท่ี 6 รูปขบวนหมวดสามเหล่ยี มแหลมหนา้

เหล่าทหารราบ 75 รปู ที่ 7 การเปลยี่ นรปู ขบวนจากรูปขบวนหมวดแถวตอน เปน็ รูปขบวนหมวดแถวหนา้ กระดาน

76 เหลา่ ทหารราบ รปู ท่ี 8 การเปลีย่ นรูปขบวนจากรปู ขบวนหมวดแถวตอน เปน็ รปู ขบวนหมวดสามเหลีย่ มแหลมหลัง

เหล่าทหารราบ 77 รปู ท่ี 9 การเปลีย่ นรูปขบวนจากรปู ขบวนหมวดแถวตอน เปน็ รปู ขบวนหมวดสามเหลีย่ มแหลมหน้า

78 เหลา่ ทหารราบ รปู ท่ี 10 การเปล่ยี นรูปขบวนจากรูปขบวนหมวดแถวหนา้ กระดาน เป็นรปู ขบวนหมวดแถวตอน

เหล่าทหารราบ 79 รูปที่ 11 การเปลี่ยนรูปขบวนจากรูปขบวนหมวดแถวหน้ากระดาน เป็นรูปขบวนหมวดสามเหล่ียมแหลมหลัง

80 เหลา่ ทหารราบ รูปที่ 12 การเปลี่ยนรูปขบวนจากรูปขบวนหมวดแถวหน้ากระดาน เป็นรูปขบวนหมวดสามเหล่ียมแหลมหน้า

เหล่าทหารราบ 81 รปู ท่ี 13 การเปลย่ี นรูปขบวนหมวดสามเหล่ยี มแหลมหลงั เป็นรูปขบวนหมวดแถวตอน

82 เหลา่ ทหารราบ รูปที่ 14 การเปล่ียนรูปขบวนหมวดสามเหลี่ยมแหลมหลัง เป็นรูปขบวนหมวดแถวหน้ากระดาน

เหล่าทหารราบ 83 รปู ท่ี 15 การเปล่ยี นรูปขบวนจากรปู ขบวนหมวดสามเหล่ยี มแหลมหลงั เปน็ รปู ขบวนสามเหลย่ี มแหลมหน้า

84 เหลา่ ทหารราบ รปู ท่ี 16 การเปล่ยี นรปู ขบวนจากรูปขบวนหมวดสามเหลี่ยมแหลมหนา้ เปน็ รูปขบวนหมวดแถวตอน

เหล่าทหารราบ 85 รปู ท่ี 17 การเปล่ยี นรูปขบวนจากรปู ขบวนหมวดสามเหล่ยี มแหลมหนา้ เปน็ รูปขบวนหมวดแถวหนา้ กระดาน

86 เหลา่ ทหารราบ รปู ท่ี 18 การเปลีย่ นรูปขบวนจากรูปขบวนสามเหล่ยี มแหลมหนา้ เป็นรูปขบวนสามเหล่ียมแหลมหลัง

4. มาตรการในการควบคมุ เหล่าทหารราบ 87 ผบ.รอ้ ย. ควบคมุ สว่ นดำ� เนนิ กลยทุ ธใ์ นการเขา้ ตี โดยใชม้ าตรการในการควบคมุ ตา่ ง ๆ เพอื่ ใหผ้ บู้ งั คบั บญั ชาหนว่ ยรองมเี สรใี นการปฏบิ ตั อิ ยา่ งสงู สดุ ผบ.รอ้ ย.จะใชม้ าตรการ ควบคุมอย่างน้อยที่สุดเท่าที่จ�ำเป็นเพ่ือให้การเข้าตีด�ำเนินไปตามความมุ่งหมายเท่านั้น มาตรการในการควบคมุ อาจได้แก่ 1. ที่รวมพล คือพื้นท่ีซึ่งหน่วยทหารจะเข้าตีได้มารวมกันอยู่ก่อนท่ีจะปฏิบัติ ทางยทุ ธวธิ ีต่อไป ตามปกตแิ ล้วพ้ืนทีน่ ผ้ี ู้บังคบั บญั ชาเป็นผู้ก�ำหนดข้ึน ท่ีรวมพลนห้ี ่างจาก ฐานออกตหี รอื แนวออกตใี นระยะใช้เวลาเดนิ เท้าไมเ่ กนิ กวา่ 1 ชวั่ โมง เพราะถ้าหากกำ� หนด ใหร้ ะยะไกลกวา่ นอ้ี าจจะเปน็ เหตใุ หท้ หารไดร้ บั ความอดิ โรยเกนิ ไปกอ่ นออกตไี ด้ และอาจจะ ได้รบั อนั ตรายจากปืนใหญ่ของข้าศกึ ในขณะเคลอื่ นย้ายจากท่รี วมพลไปยงั ฐานออกตี ลักษณะอันพงึ ประสงค์ของท่รี วมพลมี 5 ประการ คอื 1.1 มีการกำ� บงั และการซ่อนพราง 1.2 มพี นื้ ที่กว้างพอทีจ่ ะกระจายกำ� ลงั ได้ 1.3 มีเส้นทางเข้าออกและเคล่อื นทไ่ี ปข้างหน้าได้อย่างเหมาะสม 1.4 ปลอดภยั จากการโจมตีทงั้ ทางพ้นื ดินและทางอากาศ 1.5 ถ้าสามารถทำ� ได้ควรเลอื กให้พ้นระยะของปืนใหญ่ 2. เวลาออกตี คอื เวลาซงึ่ หนว่ ยปนื เลก็ ซงึ่ เปน็ หนว่ ยนำ� เคลอ่ื นทผ่ี า่ นแนวออก ตีตามท่ีก�ำหนดในค�ำส่ังการเข้าตีของกองร้อย เวลาออกตีน้ีจ�ำเป็นต้องก�ำหนดขึ้นเพื่อ ควบคมุ ทง้ั ส่วนดำ� เนนิ กลยทุ ธ์และส่วนยงิ สนับสนุน 3. ฐานออกตี ต�ำบลนี้เป็นท่ีต้ังสุดท้ายที่ให้การปกปิดก�ำบังและซ่อนพราง เป็นตำ� บลท่อี ยู่ใกล้ ๆ แนวออกตี ซ่งึ หมวดใช้การจดั รปู ขบวนในการเข้าตี ตดิ ดาบปลายปืน และท�ำการตดิ ต่อประสานงานเป็นครง้ั สดุ ท้าย หมวดจะหยดุ ลง ณ ฐานออกตีกเ็ ฉพาะเม่ือ การเตรียมขั้นสุดท้ายยังไม่เสร็จสมบูรณ์ในท่ีรวมพลหรือในขณะเคลื่อนที่ หรือเมื่อได้รับ ค�ำสงั่ จาก ผบ.ร้อย. เท่านน้ั 4. แนวออกตี เป็นแนวซง่ึ ผบ.ร้อย. เป็นผู้ก�ำหนดขึ้นเพื่อประสานการเริ่มต้น การเขา้ ตี โดยปกตแิ นวนจ้ี ะตอ้ งเปน็ แนวซง่ึ สงั เกตไดง้ า่ ยในภมู ปิ ระเทศ เชน่ เสน้ ทาง ลำ� ธาร หรอื ถนน ทต่ี ง้ั ฉากกบั ทศิ ทางเข้าตี

88 เหลา่ ทหารราบ 5. เขตปฏิบัติการ คือพื้นท่ีซึ่งกั้นโดยแนวออกตีท่ีหมายขั้นสุดท้ายและ เสน้ แบง่ เขต ซง่ึ อาจมเี พยี งปกี เดยี วหรอื สองปกี กไ็ ด้ ขอบเขตของการปฏบิ ตั กิ ารของหมวดนน้ั ผบ.ร้อย. จะเป็นผู้มอบให้และกำ� หนดให้ตามลักษณะภูมิประเทศ เช่น ถนน ล�ำธาร สนั เขา หมวดจะมีเสรีในการปฏิบัติภายใต้เขตของตนท่ีได้รับมอบ เพื่อให้บรรลุภารกิจ ผบ.หมวด จะต้องได้รบั คำ� สัง่ อนมุ ิติจาก ผบ.ร้อย. เสยี ก่อน ก่อนที่ตนจะท�ำการยิงหรือดำ� เนนิ กลยุทธ์ นอกเขตปฏิบัติการของตน หมวดไม่จ�ำเป็นต้องกวาดล้างการต้านทานของข้าศึกภายใน เขตปฏิบัติการของตนให้หมดสิ้นไป นอกจากจะได้รับค�ำส่ังให้ปฏิบัติการเช่นน้ันเท่านั้น จงึ จะดำ� เนนิ การ การกำ� หนดเขตปฏิบัติการน้โี ดยปกติจะใช้กับหน่วยเข้าตเี ดินเท้าเท่านั้น 6. เสน้ หลกั การรกุ เปน็ การกำ� หนดเสน้ ทางทจี่ ะใหห้ มวดเคลอ่ื นทอี่ ยา่ งกวา้ ง ๆ หมวดท่ีเคลื่อนท่ีตามเส้นหลักการรุกควรอ้อมผ่านข้าศึกซ่ึงไม่ขัดขวางต่อการบรรลุภารกิจ ของตนไปได้ ข้าศึกที่หมวดอ้อมผ่านไปน้ันจะต้องรายงานให้ ผบ.ร้อย.ทราบโดยทันที การเคลื่อนท่ีออกนอกเส้นหลักการรุกเพ่ืออ้อมผ่านเครื่องกีดขวางน้ันอนุญาตให้กระท�ำได้ แต่ถ้าการอ้อมผ่านน้ันจ�ำเป็นต้องออกนอกเส้นทางรุกมาก ๆ แล้วต้องรายงานให้ทราบ เส้นหลกั การรกุ น้ีส่วนมากมกั จะใช้กบั การปฏบิ ตั ิการของหน่วยยานเกราะ 7. ทิศทางเข้าตี คือทิศทางโดยเฉพาะหรือเส้นทางซึ่งศูนย์กลางรูปขบวน ของหมวดท่ีจะเคลื่อนท่ีไปตามการต้านทานของข้าศึก บนพ้ืนท่ีตลอดทิศทางเข้าตีจะต้อง กวาดล้างให้หมดไป 8. จดุ ตรวจสอบ คอื ต�ำบลในภมู ปิ ระเทศซึง่ ง่ายต่อการสงั เกต เช่น แยกถนน ตัดกันใช้เป็นต�ำบลควบคุมการเคล่ือนท่ี หรือจุดอ้างในการรายงานท่ีตั้งของหน่วยฝ่ายเรา และการปรับการยงิ 9. จดุ ตดิ ตอ่ คอื ตำ� บลในภมู ปิ ระเทศซงึ่ หนว่ ยสองหนว่ ยหรอื มากกวา่ ตอ้ งการ ทจี่ ะพบปะตดิ ต่อกันโดยตรง เช่น ในระหว่างขนั้ การเสริมสร้างความมัน่ คง ณ ท่ีหมาย 10. ขนั้ การเคลอ่ื นที่ คอื แนวซงึ่ ผา่ นตง้ั ฉากกบั ทศิ ทางเขา้ ตี และสงั เกตไดง้ า่ ย ในภูมิประเทศ เช่น แนวสนั เขา ลำ� ธาร หรือถนน ขั้นการเคล่ือนที่น้ี ผบ.ร้อย. จะใช้ในการ เคลื่อนที่ของก�ำลังส่วนหน้าของหมวด และถือเป็นต�ำบลอ้างในการรายงานท่ีตั้ง หมวด

อาจต้องรายงานเม่ือเคลื่อนท่ีถึงหรือออกจากขั้นการเคลื่อนท่ี ข้ันการเคล่ือนที่นี้อาจใช้ใน เหล่าทหารราบ 89 การประสานการเคล่ือนที่ของหน่วยเข้าตี เพื่อให้การปฏิบัติของหน่วยสนับสนุนและหน่วย ดำ� เนนิ กลยทุ ธ์ด�ำเนินไปอย่างได้ผลสงู สดุ หมวดจะหยุดลง ณ ข้ันการเคลือ่ นทเ่ี ฉพาะเม่อื ได้รบั ค�ำส่งั เท่าน้นั 11. แนวประสานการปฏบิ ตั ขิ ้นั สุดทา้ ย แนวน้ีเป็นแนวทใ่ี ช้ในการประสาน การเลอื่ น และยา้ ยการยงิ ของอาวธุ ยงิ สนบั สนนุ และการปรบั กำ� ลงั ขน้ั สดุ ทา้ ยของหนว่ ยเขา้ ตี ในการเตรียมการเข้าตะลุมบอนต่อที่ม่ันข้าศึก เป็นแนวซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับที่ม่ันของข้าศึก ณ ทห่ี มายพอทก่ี ำ� ลงั ทเี่ ขา้ ตสี ามารถเคลอ่ื นทไี่ ดก้ อ่ นทจี่ ะเปน็ อนั ตรายจากการเปดิ เผยตอ่ การยงิ ของอาวุธยิงสนับสนุนของฝ่ายเรา แนวประสานการปฏิบัติข้ันสุดท้ายน้ีควรจะเป็นแนวท่ี สังเกตเห็นได้ง่ายในภมู ิประเทศ ตามอุดมคติแล้ว แนวนี้ควรให้ท้ังการปกปิด ก�ำบัง และ ซอ่ นพราง เมอ่ื ต้องการใหห้ น่วยเข้าตะลมุ บอนพรอ้ มกนั สองหนว่ ยหรอื มากกว่า หน่วยเขา้ ตี อาจหยดุ คอยหน่วยอนื่ ๆ ณ แนวน้ี โดยปกตแิ นวนหี้ ่างจากทหี่ มายในระยะ 100 - 150 เมตร 1) เมอื่ ทราบทตี่ งั้ ของขา้ ศกึ และสามารถวางแผนการยงิ สนบั สนนุ ลว่ งหนา้ ไดอ้ ยา่ งดแี ลว้ ผบ.รอ้ ย.อาจเลอื กแนวประสานการปฏบิ ตั ขิ น้ั สดุ ทา้ ยขน้ั ตน้ ขน้ึ ในขณะวางแผน การเข้าตีก็ได้ ตามปกติ ผบ.ร้อย.จะเลือกแนวประสานการปฏิบัติขั้นสุดท้ายขั้นต้นข้ึนก็ ตอ่ เมอื่ การเขา้ ตะลมุ บอนตอ่ ทหี่ มายไดว้ างแผนไวใ้ หก้ ระทำ� โดยการประสานงานกนั ระหวา่ ง สองหมวดหรอื มากกว่าเท่าน้นั นอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้วนี้ การเลอื กแนวประสานการ ปฏบิ ัตขิ ั้นสดุ ท้ายจะปล่อยให้เป็นหน้าทข่ี อง ผบ. หมวดเป็นผู้เลือกเอง 2) แนวประสานการปฏิบัติขั้นสุดท้ายมักจะไม่สามารถเลือกล่วงหน้าได้ แต่อาจต้องเลอื กหรือเปลี่ยนแปลงในระหว่างการเข้าตี 12. ท่ีหมาย คือต�ำบลหรือลักษณะภูมิประเทศที่จะต้องเข้ายึดหรือไปให้ถึง ในการเข้าตหี รือเคลื่อนท่ี ผบ.ร้อย.อาจมอบทห่ี มายเดยี วหรือหลาย ๆ ท่หี มายให้กบั หมวด ก็ได้ หมวดจะต้องยึดและควบคุมท่ีหมายท่ีได้รับมอบ ผบ.หมวดจะต้องรายงานการยึด ทหี่ มายให้ ผบ.ร้อย.ทราบ และปกติจะเคลอื่ นทเ่ี ข้ายึดท่ีหมายต่อ ๆ ไปตามคำ� สั่งของ ผบ.ร้อย.

90 เหลา่ ทหารราบ รูปท่ี 19 หมวดปืนเลก็ ในการเข้าตีเวลากลางวัน 5. การเตรียมการเข้าตี ก. การปฏิบัติในพ้ืนที่รวมพล ตามปกติก่อนที่จะปฏิบัติการเข้าตี กองร้อย อาวุธเบามักจะต้องน�ำก�ำลังทั้งหมดของกองร้อยเข้าไปพักอยู่ในพ้ืนท่ีแห่งหนึ่ง เรียกว่า พ้ืนที่รวมพล เพื่อปฏิบัติในการเตรียมการเข้าตีในเรื่องที่จ�ำเป็นต่าง ๆ หมวดปืนเล็ก ในฐานะเป็นก�ำลังส่วนหนึ่งของกองร้อยอาวุธเบา จะได้รับมอบพื้นที่แห่งหนึ่งเพ่ือใช้ เป็นที่รวมพลของหมวด เมื่อผู้บังคับหมวดได้รับมอบพ้ืนที่รวมพลจากผู้บังคับกองร้อย แล้ว ผู้บังคับหมวดจะแบ่งพื้นท่ีรวมพลนั้นออกเป็นสามส่วนเพ่ือแบ่งมอบให้กับหมู่ปืนเล็ก ต่าง ๆ โดยถือหลักว่าควรก�ำหนดพ้ืนท่ีรวมพลของหมวดทั้งหมดไว้เป็นรูปลักษณะวงกลม แล้วจึงแบ่งวงกลมออกเป็นสามส่วนส�ำหรับให้หมู่ปืนเล็กต่าง ๆ น�ำก�ำลังเข้าไปประจ�ำ และจะต้องก�ำหนดเขตรับผิดชอบในการระวังป้องกันให้กับหมู่ปืนเล็กต่าง ๆ ในลักษณะ ให้มีเขตรับผิดชอบไปในทิศทางข้างหน้าของแต่ละหมู่อย่างคาบทับกัน ส�ำหรับหมู่ปืนกล และพวก คจตถ. ให้ก�ำหนดไว้เป็นทตี่ ้งั ยิง ซง่ึ คาดว่าจะท�ำการยงิ ไปยงั ช่องทางทน่ี ำ� จะเป็น อันตรายต่อพื้นท่ีรวมพลของหมวดได้มากท่ีสุด หรืออาจจะก�ำหนดท่ีตั้งยิงแต่ละแห่งไว้ใน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook