2.4 ทำ� งานก่อสร้างขนาดใหญ่เมอ่ื ได้รบั การเสริมก�ำลัง เหล่าทหารช่าง 41 2.5 ให้ก�ำลงั ก่อสร้างในการปฏิบัตกิ ารกู้ภัยจากการทิง้ ระเบดิ 2.6 ด�ำเนินงานแหล่งดนิ และโรงย่อยหนิ เม่อื ได้รับการเสรมิ ก�ำลงั 2.7 ดำ� เนินงานธรุ การการส่งก�ำลัง และเลี้ยงดหู น่วยของตนเอง 2.8 ปฏบิ ตั ิงานเป็น 2 ผลดั 3. การใช้ กองร้อยทหารช่างก่อสร้างเป็นหน่วยงานหลักของกองพันทหารช่างก่อสร้าง จดั ขน้ึ ให้ปฏบิ ตั งิ านเปน็ สองผลดั ในหนา้ ทอี่ นั จ�ำเป็นทง้ั หมด รวมทงั้ การเลยี้ งดกู ารใชเ้ ครอื่ งมอื กอ่ สรา้ งและยานพาหนะ อาจใชก้ องรอ้ ยเปน็ สว่ นรวมอยใู่ นกองพนั โครงการขนาดใหญ่ หรอื ใช้ เปน็ หนว่ ยในโครงการขนาดกองรอ้ ยเมอื่ ปฏบิ ตั งิ านกอ่ สรา้ งพเิ ศษ กองรอ้ ยอาจไดร้ บั การเพม่ิ เตมิ เจ้าหน้าที่และเครือ่ งมอื เพื่อให้การสนบั สนุนส่วนต่าง ๆ ของกองร้อย หมวดก่อสรา้ งท่วั ไป 1. ภารกิจ หมวดก่อสร้างท่ัวไปเป็นส่วนปฏิบัติงานหลักของกองร้อยทหารช่างก่อสร้าง หมวดปฏบิ ัติงานตามทกี่ องร้อยมอบหมาย 2. การใช้ หมวดก่อสร้างท่ัวไปอาจได้รับมอบหมายเป็นประเภทพื้นท่ีหรือประเภทงาน และอาจใช้ปฏบิ ตั งิ านเป็นอิสระได้ในระยะเวลาสั้น ๆ หมกู่ อ่ สรา้ งท่วั ไป 1. ภารกจิ หมกู่ อ่ สรา้ งทว่ั ไปเปน็ หนว่ ยหลกั ของหมวดกอ่ สรา้ งทว่ั ไป หมปู่ ฏบิ ตั กิ ารตามทห่ี มวด มอบหมายให้
2. การจัด หมู่ก่อสร้างทัว่ ไป ประกอบด้วยกำ� ลงั พล จ�ำนวน 13 นาย 3. การใช้ โดยปกติหมู่ก่อสร้างท่ัวไปท�ำงานในความควบคุมดูแลของหมวดก่อสร้างทั่วไป แต่ก็อาจปฏิบัติการเป็นอิสระได้ในระยะเวลาสั้น ๆ การแบ่งก�ำลังย่อยต่�ำกว่าหมู่ไม่สมควร กระท�ำ เพราะจะทำ� ให้ลำ� บากในการควบคุมดแู ล 42 เหลา่ ทหารชา่ ง
บทที่ เหล่าทหารช่าง 43 กรมทหารชา่ งของกองทพั 1. การจดั ต้งั การจดั ตง้ั กรม ช.กองทพั ต้ังแต่ปี 26 ทบ.ได้อนุมัตหิ ลกั การให้จดั ตง้ั กรม ช. กองทัพภาค โดยเริ่มโครงการตั้งแต่ปี 26 โดยมีความมุ่งหมายท่ีจะให้กรม ช.ทัพภาค สนับสนนุ พัน.ช.พล. ท่ลี ้นมอื และพัฒนาประเทศในยามปกติ สอดคล้องกับนโยบายของ หน่วยเหนือ และสอดคล้องกับนโยบายและงบประมาณที่ได้รับโดยจัดท�ำเป็นโครงการ พัฒนาหน่วยทหารช่าง เพ่ือท่ีจะให้สามารถปฏิบัติงานก่อสร้างอาคารโรงเรือนให้กับ หน่วยทหารตามแผนพัฒนา เสริมสร้างก�ำลังกองทัพ โครงสร้างของการจัดหน่วย กรม ช. ทพั ภาค มีการจดั หน่วยดังน้ี 1.1 กองบงั คบั การ และกองร้อยกองบังคับการ 1.2 กองพันทหารช่างสนาม 1.3 กองพนั ทหารช่างก่อสร้าง 1.4 กองร้อยทหารช่างอสิ ระ 6 กองร้อย 1.4.1 กองร้อยทหารช่างเคร่อื งมือเบา 1.4.2 กองร้อยทหารรถยนต์บรรทกุ เทท้าย 1.4.3 กองร้อยทหารช่างสะพานผสม 1.4.4 กองร้อยทหารช่างประปาสนาม 1.4.5 กองร้อยทหารช่างพัฒนาแหล่งน้�ำ 1.4.6 กองร้อยทหารช่างเจาะน้�ำบาดาล
(กองรอ้ ยทหารชา่ งอสิ ระ จำ� นวน 6 กองรอ้ ย พจิ ารณาจดั ตงั้ ตามความ จ�ำเป็นและงบประมาณ) 2. โครงสร้างของการจัดหน่วย กรมทหารช่างกองทพั ภาค อจย.5-112 บก. และ ร้อย บก. พนั .ช.สนาม พัน.ช.ก่อสร้าง อจย.5-115 อจย.5-52 อจย.5-52 บก. และ ร้อย.บก. ร้อย.ช.ก่อสร้าง บก.ร้อย.บก. และ บร. ร้อย.ช.สนาม อจย.5-116 อจย.5-36 อจย.5-37 อจย.5-117 44 เหลา่ ทหารชา่ ง ร้อย.ช. เครอื่ งมือ และซ่อมบำ� รงุ อจย.5-118 ร้อย.ช.รยบ.เทท้าย* ร้อย.ช.สะพานผสม* ร้อย.ช.ประชาสนาม* อจย.5-37 อจย.5-79 อจย.5-67 ร้อย.ช.เคร่ืองมือเบา* ร้อย.ช.พฒั นาแหล่งนำ้� * ร้อย.ช.เจาะน้�ำบาดาล* อจย.5-367 หมายเหตุ *กองร้อย ช.อสิ ระ พิจารณาจดั ตงั้ ตามความจำ� เป็น ผังอัตราการจดั กรมทหารช่างของกองทัพภาค
กองบังคบั การ และกองรอ้ ยกองบังคับการ กรมทหารช่างของกองทัพภาค เหล่าทหารช่าง 45 1. ภารกิจ 1.1 ควบคุมบงั คับบัญชาหน่วยทหารช่างทีข่ ้ึนตรง บรรจมุ อบ หรือขึน้ สมทบ 1.2 วางแผนและประสานการปฏิบัติงานของหน่วยทหารช่างก่อสร้างหรือ หน่วยทหารช่างอื่น ๆ ในการก่อสร้างท้ังในสนามและในยามปกติ งานฟื้นฟู ปรับปรุง หรือ งานซอ่ มบำ� รงุ สงิ่ อำ� นวยความสะดวก เพอื่ สนบั สนนุ การปฏบิ ตั กิ ารของกองทพั ภาค กองทพั บก และส่วนราชการอื่น ๆ ทไี่ ด้รับมอบ 1.3 สนับสนุนและเพิ่มพูนประสิทธิภาพหน่วยทหารช่างของกองพลด้วย การปฏิบตั ิการงานทว่ั ไปเมือ่ ต้องการ 1.4 ป้องกันที่ตั้งหน่วยยามฉกุ เฉิน ด้วยการปฏบิ ตั ิการรบอย่างทหารราบได้อย่าง จำ� กดั 2. การแบ่งมอบ เป็นหน่วยของกองทพั บก อาจแบ่งมอบให้กบั หน่วยรองได้ตามความเหมาะสม 3. ขีดความสามารถ 3.1 วางแผนและแบ่งมอบงานช่าง ตลอดจนก�ำกบั ดูแลการปฏบิ ัตงิ านของหน่วย ทหารช่างทขี่ ึ้นตรง บรรจุมอบ และหน่วยข้ึนสมทบ 3.2 ก�ำกับดูแลการลาดตระเวนทางการช่าง การรวบรวมข่าวสารทางการช่าง รวมท้งั การประเมนิ ค่า และแจกจ่ายข่าวกรองทางการช่าง 3.3 คาบคุมทางเทคนิค ทางยุทธการ ทางธุรการ ทางการส่งก�ำลัง ตลอดจน ควบคุมงานช่างของกองพันทหารช่างสนาม หรือกองพันทหารช่างก่อสร้างได้ต้ังแต่ 2 ถึง 5 กองพนั 3.4 ด�ำเนินการเก่ียวกับการก่อสร้างและฟื้นฟูเส้นทางคมนาคมที่ต้ังหน่วย ทหารอาคาร สนามบิน คลังน้ํามัน ท่าเรือ เขื่อนหรือฝาย คลองส่งนํ้า และทางรถไฟ พร้อมสิ่งอำ� นวยความสะดวกในเรือ่ ง
3.4.1 ส�ำรวจ 3.4.2 ตรวจสอบและอนุมตั แิ บบ รวมท้งั กำ� หนดมาตรฐานการก่อสร้าง 3.4.3 วางแผน ออกแบบ ผลติ แบบ 3.4.4 ควบคุมงบประมาณของหน่วยขน้ึ ตรง บรรจุมอบ และข้ึนสมทบ 3.4.5 ควบคุมทางเทคนคิ และมาตรฐานการก่อสร้าง 3.5 ปฏบิ ัตกิ ารรบอย่างทหารราบได้ เมือ่ จำ� เป็น 3.6 มีความคล่องแคล่วในการเคลอ่ื นที่ 100% 46 เหลา่ ทหารชา่ ง
บทที่ เหล่าทหารช่าง 47 กรมทหารช่างสง่ กำ�ลังและซ่อมบำ�รุง 1. ภารกจิ 1.1 บงั คบั บญั ชาหน่วยทหารช่างส่งกำ� ลงั หน่วยซ่อมบำ� รงุ และหน่วยบรกิ าร ท่ีบรรจุมอบ หรอื ขึ้นสมทบ 1.2 วางแผนและประสานการปฏบิ ัติงานของหน่วยส่งกำ� ลงั หน่วยซ่อมบ�ำรงุ และหน่วยบริการ เพ่อื สนบั สนนุ การปฏิบัตภิ ารกจิ ของกองทัพบก หรอื ส่วนราชการอ่ืน ๆ ที่ได้รบั มอบ 1.3 ป้องกนั ทต่ี ั้งหน่วยด้วยการปฏิบัติการรบอย่างทหารราบได้อย่างจำ� กัด 2. การแบง่ มอบ เปน็ หนว่ ยของกองทพั บก อาจแบง่ มอบใหส้ นบั สนนุ หรอื สมทบใหแ้ กห่ นว่ ยใด ๆ ได้ตามความจำ� เป็น 3. ขีดความสามารถ 3.1 ควบคุมทางเทคนิค ทางยุทธวิธี และทางธุรการของหน่วยส่งก�ำลัง หน่วยซ่อมบ�ำรงุ และหน่วยบรกิ ารสายช่างได้ 3 ถงึ 7 กองพนั 3.2 ด�ำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายและวิธีการซ่ึงหน่วยเหนือก�ำหนด ในเรื่อง
3.2.1 การควบคมุ ส่ิงอุปกรณ์ท่วั ไป เครอื่ งมือ และชนิ้ ส่วนซ่อม 3.2.2 การควบคุมส่งิ อปุ กรณ์ขาดแคลน และต่�ำระดับ 3.2.3 รวบรวม และวเิ คราะหข์ อ้ มลู ทางสถติ ใิ นการสง่ กำ� ลงั และซอ่ มบำ� รงุ 3.3 ชว่ ยเหลอื หนว่ ยเหนอื ในการวางแผนการสง่ ก�ำลงั และซอ่ มบำ� รงุ เพอ่ื ใหไ้ ดต้ าม ความต้องการทางยทุ ธการ 3.4 ด�ำเนินการจดั หาส่ิงอุปกรณ์ตามความรับผดิ ชอบของกรม 3.5 ปฏบิ ตั ิการอย่างทหารราบได้เม่อื จำ� เป็นยิง่ 3.6 มีความคล่องแคล่วในการเคลื่อนทไี่ ด้ 100% 4. ผังการจดั กรมทหารช่างส่งก�ำลังและซ่อมบำ� รงุ 48 เหลา่ ทหารชา่ ง กองบังคบั การกรม กองร้อยกองบงั คับการ บก.ร้อย. หมวดระวงั ป้องกัน ตอนส่งก�ำลัง ตอนสื่อสาร ตอนยทุ ธการและการฝึก ตอน ซบร.และส่งก�ำลงั ชิ้นส่วน ตอนธรุ การและก�ำลงั พล ผงั การจัดกองบงั คับการและกองร้อยกองบงั คับการกรมทหารชา่ งส่งกำ� ลงั และซ่อมบ�ำรุง
บทท่ี กองร้อยทหารชา่ งอสิ ระ ตอน และกองพัน ทหารช่างของกรมทหารช่าง กองร้อยทหารช่างเครื่องมือเบา เหล่าทหารช่าง 49 1. ภารกิจ ภารกจิ ของกองรอ้ ยทหารชา่ งเครอ่ื งมอื เบา ไดแ้ ก่ เปน็ แหลง่ รวมและใชเ้ ครอ่ื งมอื ก่อสร้างในการสนับสนุนหน่วยทหารช่างสนามต่าง ๆ และอาจท�ำการรบอย่างทหารราบ เมื่อจ�ำเป็น 2. การแบง่ มอบ จดั เปน็ หนว่ ยของกองทพั บก อาจแบง่ มอบใหห้ นว่ ยรองไดต้ ามความเหมาะสม 3. การจดั กองร้อยทหารช่างเคร่อื งมือเบา อจย.5-367 (29 พ.ย. 19) กองบงั คับการกองร้อย หมวดเครือ่ งมือ หมวดบริการ ผงั การจดั กองร้อยทหารช่างเคร่ืองมอื เบา
4. ขีดความสามารถ 4.1 ปฏบิ ตั กิ ารสนับสนนุ กจิ การช่างท่ัวไป ส�ำหรบั 3 กองพนั ทหารช่างสนามของ กองทัพบก 4.2 สนับสนุนเครื่องมือก่อสร้างให้กับกองพันทหารช่างสนามของกองพลได้ เมื่อต้องการ 4.3 ปฏบิ ัตงิ านได้ 2 ผลัดตลอดเวลา 4.4 ซ่อมบ�ำรงุ ขนั้ หน่วยส�ำหรับเครอ่ื งมือในกองร้อย 4.5 เคลือ่ นท่ไี ด้ 100% 50 เหลา่ ทหารชา่ ง กองร้อยทหารชา่ งรถยนตบ์ รรทุกเทท้าย 1. ภารกจิ ภารกิจของกองร้อยทหารช่างรถยนต์บรรทุกเทท้าย ได้แก่ เคล่ือนย้ายวัสดุเป็น จำ� นวนมากด้วยรถยนต์บรรทุกเทท้าย เพอื่ สนบั สนุนหน่วยทหารช่างต่าง ๆ 2. การแบง่ มอบ จดั เป็นหน่วยของกองทัพบก อาจแบ่งมอบให้กับหน่วยรองตามความเหมาะสม 3. การจัด ร้อย.ช.รยบ.เทท้าย อจย.5-124 (29 พ.ย. 19) บก.ร้อย. หมวดซ่อมบ�ำรงุ และบรกิ าร หมวด รยบ.เทท้าย บก.มว. ตอน รยบ.เทท้าย ผังการจัดกองรอ้ ยทหารชา่ งรถยนต์บรรทกุ เทท้าย
4. ขีดความสามารถ เหล่าทหารช่าง 51 เคลอื่ นยา้ ยวสั ดุ คดิ เปน็ ปรมิ าณ 240 - 312 ลกู บาศกห์ ลาตอ่ เทยี่ ว หรอื คดิ เปน็ นาํ้ หนกั 240 - 480 ตันต่อเที่ยว จ�ำนวนเทย่ี วต่อวนั ทขี่ นได้ขน้ึ อยู่กับสภาพอากาศ ระยะทาง สภาพถนน ชนิดของวสั ดุ สิ่งอำ� นวยความสะดวกในการขนถ่าย กองรอ้ ยทหารชา่ งสะพานผสม 1. ภารกิจ ภารกิจของกองร้อยทหารช่างสะพานผสม ได้แก่ 1.1 ให้การสนับสนุนเครื่องสะพานโครงแผง สะพานเคร่ืองหนุนลอย และ เครื่องข้ามลำ� นํ้าทางยทุ ธวิธี 1.2 อ�ำนวยการสร้างสะพาน ให้ค�ำแนะน�ำทางเทคนิคในการสร้างสะพาน และ ด�ำเนนิ การสร้างสะพานตามทไี่ ด้รบั มอบ 1.3 บ�ำรุงรักษาและซ่อมบำ� รงุ เครือ่ งสะพานท่ีได้จัดสร้างขนึ้ ตามทไ่ี ด้รับมอบ 2. การแบ่งมอบ เป็นหน่วยของกองทัพบก อาจแบ่งมอบให้หน่วยรองตามความจำ� เป็น 3. การจดั
ร้อย.ช.สะพานผสม อจย.5-79 (28 ม.ิ ย. 17) บก.ร้อย. หมวดเครือ่ งมือ หมวดสนับสนนุ หมวดสะพาน หมวดสะพาน และซ่อมบำ� รงุ โครงแผง เครอ่ื งหนุนลอย ตอนยทุ ธการ ตอนส่งกำ� ลัง บก.มว. ตอน ตอน เครอื่ งส่งข้าม แพยุทธวธิ ี บก.มว. ตอนเคร่อื งมอื ตอนซ่อมบ�ำรงุ 52 เหลา่ ทหารชา่ ง บก.มว. หมวดสะพาน เครื่องหนุนลอย ผังการจัดกองรอ้ ยทหารช่างสะพานผสม 4. ขีดความสามารถ 4.1 กองร้อยสามารถให้การสนบั สนนุ เคร่อื งสะพาน เครอ่ื งมือสร้างสะพาน และ เคร่อื งข้ามลำ� นํ้าทางยทุ ธวธิ ี เพอื่ ใช้ในการสร้างสะพานแบบต่าง ๆ ได้ดังน้ี 4.1.1 สะพานเคร่ืองหนุนลอย ยาวประมาณ 280 ฟุต หรือแพ 4 ทุ่น จ�ำนวน 2 แพ, แพ 5 ทุ่น จำ� นวน 2 แพ 4.1.2 สะพานเคร่ืองหนุนม่ัน จากเครื่องบนของสะพานเครื่องหนุนลอย ข้ามช่องว่างซง่ึ มคี วามกว้างไม่เกนิ 40 ฟุต 4.1.3 สะพานเคร่ืองหนนุ ลอยขนาดเบา ชัน้ 16 ยาว 125 ฟุต จำ� นวน 1 ทอด หรอื แพชั้น 12 (แพยทุ ธวิธเี บา) จำ� นวน 3 แพ 4.1.4 เครือ่ งข้ามลำ� นํ้า ประกอบด้วยเรือส่งข้ามและสะพานคนเดิน สำ� หรับ สนับสนุนการข้ามลำ� น้าํ 4.1.5 สะพานโครงแผง 1 ชดุ ประกอบเป็นสะพานได้ดงั น้ี
- สะพานโครงแผง “โครงคู่-ช้ันเดยี ว” ยาว 80 ฟตุ 2 สะพาน หรอื เหล่าทหารช่าง 53 - สะพานโครงแผง “โครงคู่-ชน้ั เดยี ว” ยาว 160 ฟตุ 1 สะพาน หรอื - สะพานโครงแผง “โครงคู่-สองชั้น” ยาว 130 ฟุต 1 สะพาน 4.2 สร้างสะพานหรือแพด้วยก�ำลังพลในอัตราได้ในกรณีฉุกเฉิน แต่เวลาในการ สร้างจะเพม่ิ ขน้ึ จากปกติ 4.3 ใหค้ �ำแนะน�ำทางเทคนคิ ในเรอ่ื งการสรา้ งสะพานเครอื่ งหนนุ ลอยและสะพาน โครงแผงแก่หน่ายทหารช่างอืน่ ๆ 4.4 ขนย้ายวัสดุด้วยรถยนต์บรรทุกเทท้าย ขนาด 5 ตัน ได้เท่ียวละ 145 ตัน เมอื่ มิได้ท�ำการบรรทกุ สะพานโครงแผง 4.5 ขนย้ายสมั ภาระด้วยรถยนต์บรรทุก ขนาด 5 ตัน และ 2/12 ตัน เมื่อมไิ ด้ บรรทุกสะพานเคร่อื งหนุนลอย 4.6 จดั การประสานการระวงั ปอ้ งกนั กบั พน้ื ทขี่ องหนว่ ย และสงิ่ กอ่ สรา้ งอยา่ งไดผ้ ล 4.7 ให้การสนับสนุนกองพันทหารช่างสนามด้วยสะพานเครื่องหนุนลอย และ สะพานโครงแผงได้ 2 กองพันพร้อมกัน 4.8 เคล่ือนทไ่ี ด้ 100% กองร้อยทหารชา่ งสนบั สนนุ การก่อสร้าง 1. ภารกจิ กองร้อยทหารช่างสนบั สนนุ การก่อสร้าง มภี ารกจิ ได้แก่ 1.1 จดั ให้มีหนิ ย่อย ยางดาดผิวผสมร้อน และคอนกรตี ผสม 1.2 ดำ� เนินการดาดผวิ ด้วยยางดาดผิวผสมร้อน และคอนกรีตผสม 1.3 สนบั สนนุ เครอ่ื งมอื กอ่ สรา้ ง พรอ้ มพลประจำ� ใหก้ บั หนว่ ยทหารชา่ งกอ่ สรา้ งอน่ื ๆ เพอื่ เพม่ิ ขดี ความสามารถในการปฏบิ ตั งิ านเกย่ี วกบั ดนิ เชน่ โครงสรา้ ง ถนน และสนามบนิ 2. การแบง่ มอบ จดั เปน็ หนว่ ยของกองทพั บก อาจแบง่ มอบใหก้ บั หนว่ ยงานรองตามความเหมาะสม
3. การจัด ร้อย.ช.สนับสนุนการก่อสร้าง อจย.5-114 (13 พ.ค. 20) บก.ร้อย. มว.คม. มว.แหล่งหนิ มว.แอสฟัลต์ มว.ซบร. มว.คอนกรตี ผงั การจดั กองร้อยทหารชา่ งสนับสนุนการก่อสรา้ ง 54 เหลา่ ทหารชา่ ง 4. ขีดความสามารถ 4.1 ระเบิดหนิ และผลติ หินย่อยขนาดต่าง ๆ ได้ 20 - 40 ตัน/ช่วั โมง 4.2 ผลิตยางดาดผิวผสมร้อนส�ำหรับการดาดผิวได้ 30 - 40 ตัน/ชั่วโมง 4.3 ผลิตคอนกรตี ผสมส�ำหรบั งานคอนกรีตได้ 20 - 24 ลูกบาศก์หลา/ชว่ั โมง 4.4 ปฏิบัติงานดาดผิวด้วยยางดาดผิวผสมร้อนและคอนกรีตผสมได้ด้วย เครือ่ งมอื ในอตั รา 4.5 จัดเคร่ืองมือขนาดเบาพร้อมพลประจ�ำ สนับสนุนการปฏิบัติงานก่อสร้าง เกีย่ วกบั งานดินได้ เมอ่ื ลดงานดาดผิว 4.6 สามารถปฏบิ ตั งิ านได้เป็น 2 ผลดั ตลอดเวลา 4.7 ด�ำเนินการซ่อมบ�ำรุงข้ันหน่วยให้แก่ยุทโธปกรณ์ในอัตรา และซ่อมบ�ำรุง ข้ันท่ี 3 ให้กับเครือ่ งมอื ช่างในอัตรา 4.8 แต่ละบุคคลสามารถทำ� การรบอย่างทหารราบได้ 4.9 ความคล่องแคล่วในการเคล่อื นที่ 60%
กองร้อยทหารชา่ งซ่อมบำ�รงุ สนาม เหล่าทหารช่าง 55 1. ภารกิจ กองร้อยทหารช่างซ่อมบำ� รุงสนาม มภี ารกจิ ดังน้ี 1.1 ท�ำการซ่อมบ�ำรุงสนับสนุนโดยตรงต่อเครื่องมือสายช่างให้แก่หน่วยรับ การสนับสนนุ 1.2 จัดให้หน่วยรับการสนับสนุนได้รับชิ้นส่วนอะไหล่เพ่ือท�ำการซ่อมบ�ำรุง ระดับหน่วย 2. การแบง่ มอบ เป็นหน่วยของ ทบ. อาจแบ่งมอบให้หน่วยรองตามความเหมาะสม 3. การจดั กองร้อยทหารช่างซ่อมบ�ำรุงสนาม อจย.5-175 (29 พ.ย. 19) บก.ร้อย. มว.บริการ มว.ส่งกำ� ลงั มว.ซ่อมยุทโธปกรณ์ มว.ซ่อมบำ� รุง โรงงาน พเิ ศษ ผงั การจดั กองร้อยทหารช่างซอ่ มบำ� รงุ สนาม 4. ขีดความสามารถ 4.1 ท�ำการซ่อมบ�ำรุงสนับสนุนโดยตรงแก่เคร่ืองมือสายช่าง ประมาณ 1,500 รายการ นบั แตเ่ ครอ่ื งมอื ขนาดเลก็ ทที่ �ำงานได้ด้วยตนเอง เช่น เครอ่ื งก�ำเนดิ ไฟฟา้ ขนาด 1 1/2 กโิ ลวตั ต์ ไปจนถึงเคร่ืองขนาดใหญ่ ๆ 4.2 ทำ� การส่งกลับเครอ่ื งมอื ท่ีชำ� รดุ ได้ในลักษณะจ�ำกัด 4.3 รบั เก็บรักษา และแจกจ่ายช้นิ ส่วนอะไหล่ส�ำหรับการซ่อมบ�ำรงุ ระดบั หน่วย สำ� หรับหน่วยรับการสนับสนนุ และสำ� หรบั ใช้ในหมวดซ่อมบำ� รงุ ในอตั ราของกองร้อย
56 เหลา่ ทหารชา่ ง 4.4 ตรวจสอบกิจการซ่อมบ�ำรุงและระดับสะสมช้ินส่วนอะไหล่ในหน่วยรับการ สนบั สนนุ ตามค�ำสั่ง 4.5 รวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับปริมาณและการแจกจ่ายเคร่ืองมือสายช่าง และปริมาณการใช้ชิ้นส่วนอะไหล่ตามความช�ำนาญ และงานซ่อมบ�ำรุงในหน่วยรับ การสนับสนนุ 4.6 เคล่อื นทไ่ี ด้ 100% 4.7 ท�ำการรบอย่างทหารราบได้เมื่อจำ� เป็น กองร้อยทหารช่างซอ่ มบ�ำ รงุ หนัก 1. ภารกิจ ภารกจิ ของกองร้อยทหารช่างซ่อมบ�ำรงุ หนัก ได้แก่ 1.1 ซอ่ มสรา้ งสว่ นประกอบหลกั และเครอื่ งมอื สายชา่ งทกุ ชนดิ ทก่ี องทพั บกกำ� หนด 1.2 ซ่อมบ�ำรุงสนับสนุนท่ัวไปต่อยุทโธปกรณ์สายช่าง และที่ล้นมือจากหน่วย ซ่อมบำ� รงุ สนับสนุนโดยตรง 2. การแบ่งมอบ จัดเป็นหน่วยของกองทพั บก อาจแบ่งมอบให้หน่วยรองตามความเหมาะสม 3. การจัด ร้อย.ช.ซ่อมบำ� รุงหนัก อจย.5-278 (29 พ.ย.19) บก.ร้อย. มว.โรงงาน มว.ซ่อมเคร่อื งมือ มว.ซ่อม มว.ซ่อม พเิ ศษ เครื่องมอื ช่าง เครื่องยนต์ ผงั การจดั กองร้อยทหารช่างซ่อมบำ� รุงหนัก
4. ขดี ความสามารถ 4.1 ซ่อมสร้างช้ินส่วน ส่วนประกอบย่อย ส่วนประกอบหลัก และยุทโธปกรณ์ สายช่างทกุ ชนดิ 4.2 สนบั สนนุ การซ่อมบำ� รงุ เครอ่ื งมอื กลสายช่างให้กบั หน่วยซ่อมบ�ำรงุ สนบั สนนุ โดยตรงได้ไม่เกิน 4 หน่วย ในกรณีท่ีหน่วยนั้นได้รับงานเกินขีดความสามารถ หรือได้รับ งานล้นมือ 4.3 ใหก้ ารบรกิ ารตรวจสภาพ ซอ่ มบ�ำรงุ ยทุ โธปกรณส์ ายชา่ ง แลว้ สง่ กลบั คนื คลงั เพื่อแจกจ่ายหน่วย 4.4 เคล่ือนท่ไี ด้ 50% ตอนทหารชา่ งประปาสนาม 1. ภารกจิ เหล่าทหารช่าง 57 ภารกจิ ของตอนทหารช่างประปาสนาม ได้แก่ สนบั สนนุ ส่วนรวมให้แก่กองทพั บก ในเรอื่ งการบรกิ ารนำ้� ประปาในสนาม เพอื่ เพม่ิ เตมิ ขดี ความสามารถของกองพนั ทหารชา่ งสนาม 2. การแบ่งมอบ จัดเป็นหน่วยของกองทัพบกอาจแบ่งมอบให้กับหน่วยรองตามความเหมาะสม (ตามปกติแบ่งมอบ ได้แก่ 1 ตอนต่อ 1 กรมทหารช่างสนาม) 3. การจดั ตอน ช.ประปาสนาม อจย.5-67-1 (2 ก.พ. 19) บก.ตอน ชุดประปาสนาม ผงั การจัดตอนทหารช่างประปาสนาม
58 เหลา่ ทหารชา่ ง 4. ขีดความสามารถ 4.1 จดั ตงั้ ต�ำบลจ่ายนา้ํ ได้ 12 แห่ง 4.2 สามารถผลิตนํา้ สะอาดได้ รวม 18,000 แกลลอน/ชว่ั โมง 4.3 มสี ง่ิ อำ� นวยความสะดวกในการเกบ็ นา้ํ สะอาดได้ 54,000 แกลลอน กองพนั ทหารช่างของกรมการทหารช่าง 1. ภารกิจ พัน.ช.กช. เป็นหน่วยลูกมือใช้ในการฝึกศึกษา และสนับสนุนการปฏิบัติงานช่าง ในสนามเมอื่ จ�ำเป็น 2. การแบ่งมอบ เป็นหน่วยของกรมการทหารช่าง 3. ขีดความสามารถ 3.1 สามารถให้การฝึกศึกษาแก่ก�ำลังพลเหล่าทหารช่างตามภารกิจของหน่วย และจำ� นวนผู้เข้ารบั การฝึกศกึ ษาในหลกั สตู รประจำ� ปีได้ โดยมุ่งเน้นดำ� เนนิ การให้กบั หน่วย ช. ทสี่ นับสนุนหน่วยทางยุทธวิธเี ป็นหลกั 3.2 เม่ือเกิดสถานการณ์จ�ำเป็น ทบ.อาจจะแยกแต่ละ ร้อย.ช.ของ พัน.ช.กช. ทีจ่ ดั ตงั้ ข้ึนไปเป็น นขต. ของ พล.หนุน เพือ่ เป็นฐานในการจัดตง้ั พัน.ช.พล ทง้ั 4 กองพล ตอ่ ไปอกี ดว้ ย การจดั พนั .ช.กช.มโี ครงสรา้ งการจดั เปน็ พนั .ช.สนาม ผสมดว้ ย หนว่ ย ช.กอ่ สรา้ ง จำ� นวน 1 ร้อย.ช. ดังน้ี
พัน.ช.กช. บก./ร้อย.บก. และ บร. ร้อย.ช.สนาม ร้อย.ช.ก่อสร้าง ร้อย.ชคม./ชบร. ร้อย.สะพาน หมายเหตุ ในโครงการจัดของ พนั .ช.กช.ส่วน บก.พัน.ไม่บรรจุ รอง ผบ.ช.พล ใน ร้อย.บก. และ บร. ไม่มหี มู่กองบังคับการทหารช่างของกองพล ผงั การจดั กองพนั ทหารชา่ งของกรมการทหารชา่ ง เหล่าทหารช่าง 59
60 เหลา่ ทหารชา่ ง บทที่ กองพลทหารช่าง 1. ภารกิจ ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาประเทศในเรื่องการก่อสร้างขนาดใหญ่ท่ี เปน็ งานพเิ ศษอนื่ ๆ อนั ไดแ้ ก่ ทา่ เรอื นาํ้ ลกึ อโุ มงค์ ทางทอ่ สนามบนิ เขอ่ื น เสน้ ทางคมนาคม (ทางถนน ทางรถไฟ ทางน้าํ ) คลงั นา้ํ มนั ขนาดใหญ่ และงานพเิ ศษอน่ื ๆ 2. การแบง่ มอบ ให้เป็นหน่วยในอัตราของกรมการทหารช่าง
3. การจดั กองพลทหารช่าง อจย.5-2 บก. และ ร้อย.บก. อจย.5-2 ช.11 อจย.5-112 พัน.ช.เครอื่ งมอื พิเศษ อจย.5-135 บก. และ ร้อย.บก. ร้อย.ช.เครื่องมือพเิ ศษ อจย.5-136 อจย.5-137 ร้อย.ช.เคร่ืองมอื หนกั และซ่อมบ�ำรงุ อจย.5-138 บก. และ ร้อย.บก. ช.พัน.111 ช.พนั .602 เหล่าทหารช่าง 61 (ก่อสร้าง) อจย.5-115 (ก่อสร้าง) อจย.5-115 ร้อย.ช.บรรทกุ เทท้าย ร้อย.ช.สนับสนุนการก่อสร้าง ร้อย.ช.สะพานผสม (ช.ร้อย.14) อจย.5-174 (ช.ร้อย.115) อจย.5-114 (ช.ร้อย.18) อจย.5-79 ผังการจัดกองพลทหารช่าง 4. ขีดความสามารถ 4.1 วางแผน ประสานงาน ก�ำกับดูแล และด�ำเนินการก่อสร้างในเรือ่ งส่งิ อ�ำนวย ความสะดวก อนั ไดแ้ ก่ ทา่ เรอื นาํ้ ลกึ สนามบนิ อโุ มงคท์ างทอ่ เสน้ ทางคมนาคม (ทางถนน รถไฟ ทางนำ้� ) คลงั นํ้ามนั ขนาดใหญ่ เข่ือน และค่ายทหาร 4.2 สามารถแบง่ มอบหนว่ ย ช. ตลอดจนวสั ดอุ ปุ กรณใ์ หแ้ กโ่ ครงการตา่ ง ๆ รวมทง้ั ให้แนวทางและให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิคแก่หน่วยงานท่ีจัดเข้าด�ำเนินการตามโครงการ ก่อสร้างนน้ั ๆ
62 เหลา่ ทหารชา่ ง 4.3 ควบคุมหน่วยท่ีได้รับการบรรจุมอบ หรือหน่วยข้ึนสมทบ ท้ังทางเทคนิค ด้านยทุ ธการ และด้านธุรการ 4.4 ด�ำเนนิ การจัดการในเร่อื งการซ่อมบ�ำรงุ ยุทโธปกรณ์ของหน่วยอย่างจ�ำกดั 4.5 ก�ำกบั ดแู ลสญั ญาการกอ่ สรา้ ง และการจา้ งแรงงาน ตลอดจนควบคมุ เทคนคิ และมาตรฐานการก่อสร้างพเิ ศษตามภารกิจทไ่ี ด้รบั มอบ กองบัญชาการและกองรอ้ ยกองบัญชาการกองพลทหารช่าง 1. ภารกิจ บังคบั บัญชา ควบคมุ วางแผน ประสานงาน และก�ำกบั ดแู ลทางธรุ การ หน่วย ในอัตรา และหน่วยทไ่ี ด้รบั การบรรจุมอบ หรือท่ีมาข้นึ สมทบ 2. การแบง่ มอบ เป็นหน่วยในอตั ราของกองพลทหารช่าง 3. ขีดความสามารถ 3.1 วางแผน ประสานงาน อ�ำนายการ และก�ำกบั ดแู ลการก่อสร้างท่าเรือ อโุ มงค์ ระบบทางท่อ เส้นทางคมนาคม คลงั น�ำ้ มนั เขอ่ื น ค่ายทหาร และงานก่อสร้างลักษณะพิเศษ อน่ื ๆ 3.2 ส�ำรวจ ออกแบบ ตลอดจนควบคุมการก่อสร้างให้เป็นไปตามมาตรฐาน ทกี่ �ำหนด 3.3 บังคับบัญชา ควบคุมหน่วยท่ีได้รับการบรรจุมอบ หรือหน่วยขึ้นสมทบ ได้ตั้งแต่ 2 - 4 กรม 3.4 สนับสนุนการบริการด้านการเลี้ยงดู การขนส่ง การรักษาพยาบาล และ การรักษาความปลอดภยั 3.5 เคลื่อนทด่ี ้วยยานยนต์ในอัตราได้ 100%
4. การจดั กองบัญชาการและกองร้อยกองบัญชาการกองพล อจย.5-2 กองบญั ชาการกองพล กองร้อยกองบญั ชาการ บก.ร้อย. หมวดสทู กรรม หมวดป้องกนั หมวดเสนารักษ์ ตอนส่ือสาร หมวดขนส่ง บงั คับการหมวด หมู่ป้องกัน ตอนกองบญั ชาการ ฝ่ายวศิ วกรรม ฝ่ายการเงนิ เหล่าทหารช่าง 63 ฝ่ายก�ำลงั พล ฝ่ายสารบรรณ ฝ่ายกรรมวิธขี ้อมลู ฝ่ายการข่าว ฝ่ายสวสั ดกิ าร ฝ่ายยุทธการ ฝ่ายอนุศาสนาจารย์ ฝ่ายพลาธกิ าร ฝ่ายพระธรรมนญู ฝ่ายสรรพาวธุ ฝ่ายส่งก�ำลังบ�ำรุง ฝ่ายงบประมาณ ฝ่ายการจเร ฝ่ายกจิ การพลเรอื น ฝ่ายการสอื่ สาร ผงั การจัดกองบัญชาการและกองรอ้ ยกองบญั ชาการกองพลทหารช่าง
64 เหลา่ ทหารชา่ ง กองพันทหารชา่ งเคร่ืองมอื พเิ ศษ 1. ภารกจิ ด�ำเนินการและสนับสนุนการก่อสร้างเส้นทางคมนาคม ระบบทางท่อ และงาน ก่อสร้างขนาดใหญ่ท่วั ไป 2. การแบ่งมอบ เป็นหน่วยในอัตราของกองพลทหารช่าง 3. ขดี ความสามารถ 3.1 สนับสนุนก�ำลังพลและยุทโธปกรณ์เพ่ือเสริมขีดความสามารถของหน่วย ทหารช่างอ่ืน ๆ ในการก่อสร้างขนาดใหญ่ และงานท่ีมีลักษณะพิเศษ ทั้งงานก่อสร้างทาง ระดบั และทางดิ่ง 3.2 ด�ำเนินการก่อสร้างเส้นทางคมนาคม ระบบทางท่อ และงานก่อสร้าง ขนาดใหญ่ ตลอดจนงานท่มี ลี ักษณะพิเศษ 3.3 ให้ค�ำแนะน�ำทางเทคนิคแก่หน่วยทหารช่างในการก่อสร้างงานท่ีมีลักษณะ พเิ ศษ 3.4 ด�ำเนินการผสมคอนกรีตเพื่อสนับสนุนคอนกรีตผสมเสร็จ ให้กับหน่วย ปฏิบัตงิ านก่อสร้างได้ไม่น้อยกว่า 300 ลูกบาศก์เมตร/วัน 3.5 ด�ำเนินการผสมแอสฟัลต์เพื่อสนับสนุนแอสฟัลต์ผสมร้อนให้กับหน่วย ปฏิบตั ิงาน ก่อสร้างไดํไม่น้อยกว่า 300 ตัน/วัน 3.6 จดั ต้ังต�ำบลจ่ายน้ําประปาได้ 2 แห่ง 3.7 ท�ำการขนย้ายวัสดไุ ม่น้อยกว่า 1,300 ตนั /เท่ียว 3.8 ท�ำการซ่อมบ�ำรุงเคร่ืองมือช่างตามอัตราของกองพันถึงข้ันการซ่อมบ�ำรุง สนับสนนุ โดยตรง 3.9 ด�ำเนนิ การส�ำรวจและขดุ เจาะบ่อนา้ํ บาดาล
4. การจดั กองพนั ทหารช่างเครือ่ งมือพิเศษ อจย.5-135 กองกร้ออยงกบอังคงบับงั กคาับร การ กองร้อยทหารช่างเคร่อื งมอื พเิ ศษ กองร้อยทหารช่าง อจย.5-136 อจย.5-137 เคร่อื งมือหนกั และ ซ่อมบ�ำรุง อจย.5-138 ผังการจดั กองพนั ทหารชา่ งเครื่องมือพเิ ศษ กองบังคับการและกองรอ้ ยกองบังคับการกองพนั ทหารช่างเครอื่ งมือพิเศษ 1. ภารกิจ เหล่าทหารช่าง 65 บังคับบัญชา ควบคุม และด�ำเนินการทางธุรการของกองพันทหารช่างเคร่ืองมือ พิเศษ 2. การแบ่งมอบ เป็นหน่วยในอัตราของกองพนั ทหารช่างเคร่อื งมอื พิเศษ 3. ขดี ความสามารถ 3.1 สนบั สนนุ งานทางธรุ การ การสง่ ก�ำลงั บ�ำรงุ และการบรกิ ารใหแ้ กห่ นว่ ยตา่ ง ๆ ในกองพนั ทหารช่างเคร่อื งมอื พเิ ศษ 3.2 สนบั สนนุ งานส�ำรวจเพ่อื การก่อสร้างโครงการต่าง ๆ ทไ่ี ด้รับมอบ 3.3 ให้ค�ำแนะน�ำทางเทคนิคแก่หน่วยทหารช่างในการก่อสร้างท่าเรือ อุโมงค์ ระบบทางท่อ ทางรถไฟ และงานก่อสร้าง ซึง่ มลี ักษณะพเิ ศษอนื่ ๆ 3.4 จัดตัง้ ต�ำบลจ่ายน้ําประปาได้ 2 แห่ง
4. การจดั บก. และ ร้อย.บก. อจย.5-136 ร้อย.บก. บก.พนั . บก.ร้อย. ตอนยทุ ธการและการข่าว ตอนส่งก�ำลงั ตอนส่ือสาร ตอนสาธารณปู โภค ตอนธุรการและก�ำลังพล ตอนเสนารักษ์ ผงั การจัดกองบังคับการและกองรอ้ ยกองบังคับการ 66 เหลา่ ทหารชา่ ง กองร้อยทหารชา่ งเครอ่ื งมือพิเศษ 1. ภารกิจ สนับสนุนเจ้าหน้าที่และเครื่องมือก่อสร้างในการปฏิป็ติงานก่อสร้างของ กองพลทหารช่างที่เป็นงานขนาดใหญ่และงานท่ีมีลักษณะพิเศษ ทั้งงานก่อสร้างทางระดับ และทางดงิ่ 2. การแบง่ มอบ เป็นหน่วยในอัตราของกองพนั ทหารช่างเคร่อื งมอื พิเศษ 3. ขดี ความสามารถ 3.1 ด�ำเนินการก่อสร้างเพ่ือเสริมขีดความสามารถของหน่วยทหารช่างอ่ืนในการ ก่อสร้างขนาดใหญ่ ทงั้ งานก่อสร้างทางระดับและทางดง่ิ 3.2 ด�ำเนนิ การทางธุรการ ส่งก�ำลัง และเลีย้ งดหู น่วยของตนเอง
4. การจัด กองร้อยทหารช่าง คมศ. บก.ร้อย. ตอน ซบร.คม. ตอน รยบ.เทท้าย มว.ช.ก่อสร้างทางระดบั มว.ช.ก่อสร้างทางดงิ่ บก.มว. ตอนเครอ่ื งมอื ตอนเครื่องมอื บก.มว. ตอนเคร่ืองมือ ตอนเครอ่ื งมือ ตัดและถม เกล่ยี และบดทับ ฐานราก โครงสร้าง ผงั การจัดกองร้อยทหารช่างเครื่องมอื พเิ ศษ กองรอ้ ยทหารช่างเคร่อื งมือหนักและซอ่ มบ�ำ รงุ เหล่าทหารช่าง 67 1. ภารกจิ 1.1 สนับสนุนเจ้าหน้าท่ีเครื่องมือก่อสร้างขนาดหนักในการปฏิบัติงานก่อสร้าง ของกองพลทหารชา่ งทเี่ ปน็ งานขนาดใหญแ่ ละงานทมี่ ลี กั ษณะพเิ ศษ ทง้ั งานกอ่ สรา้ งทางระดบั และทางดิ่ง 1.2 ด�ำเนนิ การซอ่ มบ�ำรงุ ขน้ึ สนบั สนนุ โดยตรงใหก้ บั กองพนั ทหารชา่ งเครอื่ งมอื พเิ ศษ 2. การแบ่งมอบ เป็นหน่วยในอัตราของกองพนั ทหารช่างเครื่องมอื พเิ ศษ 3. ขีดความสามารถ 3.1 ด�ำเนินการผสมคอนกรีตเพ่ือสนับสนุนคอนกรีตให้กับหน่วยปฏิบัติงาน ก่อสร้างได้ไม่น้อยกว่า 300 ลกู บาศก์เมตร/วัน
3.2 ด�ำเนินการก่อสร้างเพ่ือสนับสนุนแอสฟัลต์ผสมร้อนให้กับหน่วยปฏิบัติงาน ก่อสร้างไม่น้อยกว่า 300 ลกู บาศก์เมตร/วัน 3.3 ด�ำเนินการก่อสร้างเพ่ือเสริมขีดความสามารถของหน่วยทหารช่างอ่ืนในการ ก่อสร้างขนาดใหญ่ และงานทีต่ ้องใช้เครื่องมือพเิ ศษ 3.4 ท�ำการซอ่ มบ�ำรงุ เครอื่ งมอื ชา่ งตามอตั ราของกองพนั ทหารชา่ งเครอื่ งมอื พเิ ศษ ในข้นั การซ่อมบ�ำรุงสนับสนนุ โดยตรง 3.5 ท�ำการส่งกลบั เครอื่ งมอื ท่ีช�ำรดุ ในลักษณะจ�ำกดั 3.6 ด�ำเนินการธรุ การ ส่งก�ำลงั และเลยี้ งดหู น่วยของตนเอง 4. การจัด ร้อย.ช.เคร่อื งมือหนักและซ่อมบ�ำรุง บก.มว. มว.คอนกรตี ตอน รยบ. 68 เหลา่ ทหารชา่ ง มว.เครอื่ งมือหนัก มว.แอสฟัลต์ มว.ซบร. บก.มว. ตอนซ่อมบ�ำรงุ เครือ่ งมอื ตอนส่งก�ำลัง ตอนซ่อมบ�ำรุง สนบั สนนุ โดยตรง ผงั การจดั กองรอ้ ยทหารช่างเครื่องมอื หนักและซ่อมบ�ำรุง กองพลพฒ้ นา 1. ภารกิจ ส่งเสริมและสนับสนุนการพฒั นาประเทศด้านการเมอื ง เศรษฐกจิ สงั คมจติ วทิ ยา และการทหารเพื่อความม่ันคงของชาติภายในขอบเขตท่ีได้รับมอบหมาย รวมทั้งด�ำเนินการ ให้การช่วยเหลือบรรเทาทุกข์แก่ประชาชนที่ประสบภยั ธรรมชาติ
2. การแบ่งมอบ บรรจมุ อบให้กองทพั ภาคละ 1 กองพลพัฒนา 3. การจัด จดั ตั้งข้นึ ตามผังต่อไปนี้ 3.1 โครงสร้างการจัดหน่วย (ผงั การจัด) กองพลพฒั นา บก. และ ร้อย.บก. กรมพัฒนา กองสนับสนุน บก. และ ร้อย.บก. พัน.พฒั นา พนั .ก่อสร้าง เหล่าทหารช่าง 69 บก. และ ร้อย.บก. ร้อย.เคร่อื งมือ ร้อย.ซ่อมบ�ำรุง ร้อย.บรรเทาสาธารณภัย ร้อย.บก. บก.พล. ฝ่ายยุทธการ ฝ่ายแผนและโครงการ ฝ่ายวิศวกรรม ฝ่ายส่งก�ำลังบ�ำรุง ฝ่ายการงบประมาณ ฝ่ายการงบประมาณ ผังการจดั กองพลพัฒนา
3.2 การแบ่งมอบ ทภ.ละ 1 กองพลพัฒนา โดยจดั ล�ำดบั ความเร่งด่วนไว้ดงั น้ี - ปี พ.ศ. 2532 จดั ตัง้ พล.พัฒนาท่ี 2 และ พล.พฒั นาท่ี 4 ให้กับ ทภ.2 และ ทภ.4 - ปี พ.ศ. 2533 จัดต้ัง พล.พฒั นาท่ี 1 และ พล.พฒั นาที่ 3 ให้กับ ทภ.1 และ ทภ.ร 3.3 การประกอบก�ำลังเพื่อการจัดต้ังกองพลพัฒนาแต่ละกองพลในข้ันต้น พล.พัฒนาที่ 1, 2, 3, 4 กองพลพฒั นา (1, 2, 3, 4) บก. และ ร้อย.บก.พล. กรมพัฒนา กองสนับสนุน (จัดตั้งใหม่) 70 เหลา่ ทหารชา่ ง บก. และ ร้อย.บก.กรม พนั .ก่อสร้าง พนั .พัฒนา (จัดตงั้ ใหม่) พนั .ช.ก่อสร้าง (จัดตัง้ ใหม่) ทภ.1, 2, 3, 4 ผังการแบง่ มอบกองพลพฒั นา หมายเหตุ บรรจุมอบ พัน.ช.ก่อสร้าง (ช.พัน.112, ช.พัน.202, ช.พัน.302, ช.พัน.402) ของ กรม ช.ทก. ให้กับ กรม.พฒั นาในระยะแรกเพอ่ื ปฏิบตั งิ าน
บทที่ เหล่าทหารช่าง 71 การคน้ หาท่ีหมาย 1. กลา่ วนำ� ก่อนท่ีจะปฏิบัติในเร่ืองการพรางอย่างมีประสิทธิภาพจ�ำเป็นท่ีจะต้องเรียนรู้ บางประการเก่ียวกับเรื่องการตรวจการณ์ การตรวจการณ์แบ่งออกได้เป็น 2 ประการ คือ การตรวจการณ์ทางตรง และการตรวจการณ์ทางอ้อม 2. การตรวจการณท์ างตรง การตรวจการณ์ทางตรงนี้ หมายถึง กระบวนการที่ผู้ตรวจการณ์สามารถ ท่ีจะเห็นรูปร่าง ลักษณะของวัตถุ น่ันคือ การมองเห็นด้วยสายตาของผู้ตรวจการณ์เอง (มีส่ิงช่วยหรือไม่มีส่ิงช่วย) การตรวจการณ์แบบน้ีหมายรวมถึงผู้ตรวจการณ์ซึ่งน่ังอยู่บน ยอดเนิน พร้อมด้วยกล้องส่องทางไกลสองตา หรือผู้ตรวจการณ์ทางอากาศมองดู ภูมิประเทศจากอากาศยาน การตรวจการณ์ทางตรงมปี ระโยชน์มาก คือ - เป็นการได้รบั ข่าวสารทนั ทที ันใด - ภาพทีเ่ หน็ เป็นภาพจริง 3 มติ ิ และเป็นการง่ายต่อการประเมนิ ด้วยสมอง โดยปกติแล้ว ตาเป็นเคร่ืองรับที่มีความไวและแน่นอน และยังทำ� การลังเกตการณ์ของ การเคลอื่ นทไี่ ด้ แต่มีข้อเสยี - ไม่มีการบนั ทกึ ท่ถี าวรสำ� หรับอนาคตเพ่อื เป็นการเปรยี บเทยี บโดยตรง - สภาพอากาศและเวลาอาจเป็นข้อจำ� กัด - ประสบการณ์ของผู้ตรวจการณ์และภารกิจ ความไม่ละเอียดของ ผ้ตู รวจการณอ์ าจเป็นผลในเรอ่ื งของความไมส่ มบรู ณแ์ ละความไมถ่ กู ตอ้ งของขา่ วสาร
72 เหลา่ ทหารชา่ ง 3. การตรวจการณ์ทางออ้ ม ในการตรวจการณ์ทางอ้อม ผู้ตรวจการณ์ดูจากภาพหรือรูปจ�ำลองของวัตถุ ซ่งึ ไม่ใช่รูปร่างของวตั ถุเอง เช่น ภาพถ่าย เรดาร์ แสงอนิ ฟราเรด และโทรทัศน์ ถูกนำ� มาใช้ ในการตรวจการณ์ทางอ้อม ประโยชน์ของการตรวจการณ์ทางอ้อม มีดงั ต่อไปน้ีคอื - ภาพถ่ายซํา้ ในพื้นท่ีเดียวกันอาจช่วยค้นหาความเปลย่ี นแปลงทบ่ี งั เกิดขึน้ ได้ - มผี ลในการบนั ทกึ ไว้ได้อย่างถาวร - เป็นการช่วยเพิ่มการสังเกตการณ์ต่อรังสีอินฟราเรด และรังสีอื่น ๆ ท่ีไม่อาจ มองเหน็ ด้วยสายตา - สามารถท�ำการแจกจ่ายให้กับหน่วยได้ทุกระดับที่มีความจ�ำเป็นต้องใช้ โดยเฉพาะ - ภาพถ่ายจะสามารถใช้เพื่อการศึกษาได้เป็นเวลานาน เป็นการย่นระยะของ การตรวจการณ์โดยทำ� การขยาย - เรดาร์ โดยปกติจะใช้ตรวจวัตถุที่เป็นโลหะเบ้ืองหลังฉากท่ีเป็นอโลหะ เช่น ตาข่ายพรางมาตรฐาน ข้อเสยี ก็คอื - ต้องการเวลาท่ีจะท�ำการล้าง อัดภาพ และการกระจายข่าวสาร - สภาวะอากาศอาจเป็นอปุ สรรคต่อการถ่ายภาพทางอากาศ - ความชำ� นาญของพนกั งานตคี วามถา่ ยภาพ อาจเปน็ ขอ้ จำ� กดั ในดา้ นการรบั ขา่ วสาร - มีความไม่สมบรู ณ์ของมติ ิท่ี 3 ยกเว้นเครือ่ งถ่ายภาพพเิ ศษ 4. ภาพถา่ ยทางอากาศ ในสงครามสมัยใหม่ ภาพถ่ายทางอากาศได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าถึงที่ที่มีความ ส�ำคัญอย่างยิ่งในเร่ืองการตรวจค้นและการตรวจสอบการพราง ภาพถ่ายเป็นเร่ืองท่ีมีความ จำ� เป็นทีจ่ ะขาดเสียมไิ ด้ ภาพถ่ายทางทหารได้ถกู ดัดแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ ภาพถ่าย ภาพดงิ่ ภาพถ่ายมมุ (ทแยง) สูง และภาพถ่ายมมุ (ทแยง) ต่�ำ 4.1 ภาพถา่ ยทางดิง่ ภาพถ่ายทางดิ่ง เป็นการถ่ายภาพโดยตรงเหนือวัตถุ เป็นภาพท่ีไม่แสดง รายละเอยี ดในด้านมิติท่ี 3 มากไปกว่าเงา และสามารถทีจ่ ะเปรียบเทียบได้กับภาพแบบแบน
ของอาคารบนพิมพ์เขียว เมื่อท�ำการถ่ายภาพทางดิ่ง เส้นแนวระดับสายตาบนกล้อง เหล่าทหารช่าง 73 จะตั้งฉากกับเส้นแนวการบินของอากาศยาน (ดังรูป) ในการตีความภาพถ่ายทางด่ิงใช้ กระบวนการ โดยดูด้วยกล้องส่องสองตา หรอื ด้วยการถ่ายภาพสองภาพกบั วตั ถเุ ดยี วกนั และ ใชแ้ วน่ สองตามติ ทิ ่ี 3 ความลกึ จะปรากฏเหน็ ไดช้ ดั สงิ่ นเ้ี ปน็ ประโยชนอ์ ยา่ งมากในการตรวจสอบ การพรางของข้าศกึ หรอื ในการตรวจสอบการพรางของฝ่ายเรา รปู ภาพถ่ายทางดงิ่ 4.2 ภาพถ่ายมุม (ทแยง) สงู ภาพถ่ายมุม (ทแยง) สูง เป็นการถ่ายภาพเป็นมุมยกจากทางด่ิง ดังน้ัน ภาพทางแนวนอนที่ปรากฏจะแสดงบนภาพ นอกจากน้ีก็ยังแสดงให้เหน็ มิติท่ี 3 เป็นบางส่วน โดยการแสดงให้เหน็ ภาพทางด้านข้างและด้านบนของวัตถุด้วย (ดงั รูป) รูปภาพถา่ ยมุม (ทแยง) สูง
74 เหลา่ ทหารชา่ ง 4.3 ภาพถ่ายมมุ (ทแยง) ตำ่� ภาพถ่ายมมุ (ทแยง) ตำ่� เหมอื นกับภาพถ่ายมมุ (ทแยง) สูง เว้นเสียแต่ว่า ไม่แสดงให้เห็นแนวนอน วิธีการถ่ายภาพน้ีก็โดยการถ่ายภาพที่เป็นมุมน้อยกว่า 30 องศา จากเส้นตง้ั ฉากกบั เส้นแนวการบิน (ดังรปู ) รูปภาพถา่ ยมมุ (ทแยง) ต่�ำ 4.4 ฟลิ ์ม ฟิล์มท่ีให้ในการถ่ายภาพทางอากาศมีอยู่ 4 ชนิด คือ 4.4.1 ฟิล์มขาวดำ� ฟิล์มขาวด�ำบันทึกภาพเป็นระดับโทนสีระหว่างขาวกับด�ำขณะที่ไม่ได้ ท�ำการผลิตใหม่ เร่ืองสีก็จะบันทึกความแตกต่างของระดับสีอย่างถาวร การเลือกใช้กระจก กรองแสงจะเปน็ การชว่ ยปรบั ปรงุ ภาพหรอื ในการบนั ทกึ ภาพ เพยี งแตก่ ารใชแ้ สงกเ็ ปน็ ทที่ ราบวา่ ท�ำให้เกิดความแตกต่างอย่างมากท่ีสุดระหว่างฉากหลังของธรรมชาติกับวัตถุที่กำ� ลังท�ำการ ค้นหา (ดังรูป)
รปู ฟลิ ม์ ขาวดำ� เหล่าทหารช่าง 75 4.4.2 ฟิล์มสี ฟิล์มสีจะตรวจค้นการพรางซ่ึงไม่กลมกลืนกับสีแวดล้อมของฉากหลัง อย่างไรก็ตาม ฟิล์มนี้มีลักษณะการปฏิบัติการที่ยุ่งยากมาก แต่ให้ผลดีที่สุดภายใต้สภาวะ ท่ีเหมาะสมเท่าน้ัน ภาพสีดูจะกลมกลืนเข้ากันได้ ณ ระดับสูง ความทึบของเงาไม่แน่นอน บนฟิล์มนไี้ ม่เหมอื นกบั บนฟิล์มขาวดำ� และสภาพอากาศจะต้องดเี ยยี่ มเพอ่ื จะได้ภาพทค่ี มชดั จากเหตุผลเหล่านี้ฟิล์มสจี ึงไม่ถูกน�ำมาใช้อย่างกว้างขวาง (ดงั รูป)
76 เหลา่ ทหารชา่ ง รปู ฟลิ ์มสี 4.4.3 ฟิล์มแสงอินฟราเรด คล่ืนแสงอินฟราเรดหรือรังสีอินฟราเรด หมายถึง ส่วนของขอบเขต สนามแมเ่ หลก็ ไฟฟา้ ซง่ึ ไมอ่ าจจะมองเหน็ ดว้ ยสายตา สรรพสงิ่ ทง้ั มวลในธรรมชาติ เชน่ สง่ิ มชี วี ติ พืชผักสเี ขยี ว มกั จะสะท้อนคล่ืนอนิ ฟราเรดในปริมาณทม่ี าก ส่วนวัตถทุ ่สี ร้างขนึ้ ทั้งหลาย โดย ปกติแล้วจะไม่สะท้อนคล่ืนอินฟราเรดในขนาดและปริมาณเท่ากัน ดังนั้น ฟิล์มอินฟราเรด จึงไม่มีอะไรมากไปกว่าฟิล์มขาวด�ำ ท่ีว่าไวต่อคล่ืนอินฟราเรด ก็คือ สามารถให้ผลในภาพ แสดงถึงความขัดแย้งกันระหว่างวัตถุตามธรรมชาติกับวัตถุที่สร้างขึ้น จะแสดงให้เห็นเป็น ระดบั ของสเี ทาทบึ ฟลิ ม์ อนิ ฟราเรดมคี วามสำ� คญั อนื่ ๆ ในการใชค้ อื สามารถนำ� ไปใชถ้ า่ ยภาพ ในเวลากลางคนื ถา้ มแี หลง่ ของการแผร่ งั สอี นิ ฟราเรด เพอื่ ตอ่ ตา้ นความสามารถในการตรวจคน้ ของฟิล์มนี้ การพรางด้วยการระบายสี การย้อมสี ได้รับการพัฒนาให้มีการสะท้อนของแสง อินฟราเรดได้สูงเหมือนกับลักษณะของใบไม้วัสดุพรางท้ังหลาย ในปัจจุบันได้ถูกแจกจ่าย ออกมาในรปู แบบของการใชส้ นี เ้ี พอื่ ใหฟ้ ิลม์ อนิ ฟราเรดไม่สามารถทจ่ี ะตรวจพบความแตกตา่ ง ระหว่างวัสดุพรางธรรมชาติและท่ีสร้างขึ้นได้อีกต่อไป จึงได้รับการปฏิบัติด้วยการทาสี การย้อมสี หรอื การเคลอื บสีลงบนผ้าไนลอน (ดงั รูป)
รปู ฟิล์มอินฟราเรด เหล่าทหารช่าง 77 4.4.4 ฟิลม์ ตรวจค้นการพราง ฟิล์มน้ีได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษต่อการตรวจจับสีเขียวของ เครื่องพรางท่ีสร้างข้ึน ด้วยการบันทึกเป็นสีฟ้าถึงฟ้าเขียว ท�ำให้ขัดแย้งกับการบันทึกเป็น สแี ดงของธญั พชื ตามธรรมชาติ ใชป้ ระสานประโยชนข์ องฟลิ ม์ อนิ ฟราเรดและฟลิ ม์ สเี ขา้ ดว้ ยกนั โครงสร้างของฟิล์ม ก็คือ การสะท้อนของแสงอินฟราเรดได้สูงต่อวัตถุ ธัญพืชตามธรรมชาติ บันทึกเป็นสแี ดง วัตถุท่สี ะท้อนแสงอนิ ฟราเรดได้ตำ่� บันทึกเป็นสฟี ้าหรือสีเขียว (ดงั รปู ) รูปฟิล์มตรวจค้นการพราง
78 เหลา่ ทหารชา่ ง 4.5 เรดาร์ เรดารเ์ ปน็ เครอื่ งมอื การตรวจจบั โดยสง่ สญั ญาณวทิ ยอุ อกไป ซงึ่ ปกตเิ ปน็ ยา่ น ความถขี่ องความถอ่ี ลั ตรา จะรบั การสะทอ้ นจากวตั ถทุ กี่ ำ� ลงั ตรวจจบั และรบั กลบั มา ณ ทจ่ี ดุ ของ เครอื่ งสง่ ดว้ ยการวเิ คราะหส์ ญั ญาณสะทอ้ นกบั คณุ ลกั ษณะของวตั ถุ ภายใตก้ าร สงั เกตการณ์ อาจจะพิจารณาได้ การปกปิดซ่อนพรางจากเรดาร์ขึ้นอยู่กับการลดของการสะท้อน ส่ิงนี้ สามารถที่จะกระทำ� ได้ด้วยการขุดลงไปในที่ดิน หรอื การนำ� ไปซ่อนไว้หลงั เนิน เป็นเรอ่ื งส�ำคัญ ท่ีจะพึงระลึกเสมอว่า การปกคลุมด้วยใบไม้เพียงอย่างเดียวย่อมไม่ก่อให้เกิดผลสมบูรณ์ ต่อการตรวจจบั ด้วยเรดาร์ได้ 4.6 อินฟราเรด ตัวตรวจจับด้วยแสงอนิ ฟราเรดมีอยู่ 2 ชนดิ 4.6.1 แบบสง่ ไป-รับกลับ (ใกล้) เป้าหมายจะต้องได้รับการสะท้อนแสงจากแหล่งก�ำเนิดของแสง บางอย่าง เช่น จุดต้นก�ำเนิดแสงอินฟราเรด หรือแสงไฟสัญญาณเตือนภัยน�้ำท่วม หรือ แสงจากดวงอาทิตย์ 4.6.2 แบบรบั กลับทางเดียว (ไกล) ซ่ึงตรวจจับได้จากรังสีความร้อนท่ีถูกส่งออกมาจากเป้าหมาย และ เปลีย่ นสญั ญาณเป็นภาพทม่ี องเหน็ ได้ หรือสัญญาณเสยี ง การปกปดิ ซอ่ นพรางจากอนิ ฟราเรดระยะใกลน้ นั้ ขน้ึ อยกู่ บั ผลผลติ ของ การสะท้อนของส่วนสัมผัสระหว่างวัตถุและรอบ ๆ ตัววัตถุ ถ้าวัตถุและฉากหลังของวัตถุมี เงาสะท้อนและสีผิวเหมือนกัน การปกปิดซ่อนพรางก็จะบังเกิดผล ส่วนการปกปิดซ่อนพราง จากแสงอินฟราเรดระยะไกลนั้น ขึ้นอยู่กับผลผลิตของความร้อนท่ีแผ่ออกมาจากวัตถุซึ่งมี ความร้อนมากกว่าส่ิงที่อยู่รอบ ๆ ตัววัตถุ เพราะฉะน้ัน การเป็นฉนวนหรือส่ิงป้องกัน จะต้องถกู นำ� มาใช้ การนำ� ไปซ่อนพรางหลงั เนนิ การคลมุ ด้วยหญ้าหนา ๆ หรอื แม้แต่การคลมุ ด้วยต้นไม้ใหญ่ อย่างน้อยท่ีสุดจะท�ำให้ความร้อนจางลง จะได้ผลเพียงใดขึ้นอยู่กับ ความหนาแน่นหรือความหนาของวัตถทุ ่ีนำ� มาใช้ 5. องคป์ ระกอบของการรับรู้ ไม่ว่าจะใช้วธิ ีการตรวจการณ์อย่างไร องค์ประกอบทจี่ ะต้องนำ� ออกมาใช้เพอื่ ช่วย ทงั้ ดา้ นการมองเหน็ ดา้ ยสายตาเพอื่ การรบั รวู้ า่ วตั ถนุ น้ั เปน็ อะไร สง่ิ เหลา่ นเี้ รยี กวา่ องคป์ ระกอบ ของการรบั รู้
5.1 ทต่ี ั้ง เหล่าทหารช่าง 79 วัตถุมักจะถูกบ่งชี้โดยต�ำแหน่งที่ตั้งของวัตถุเอง พร้อมกับความสัมพันธ์ กับสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ วัตถุท่ีมลี ักษณะยาวบนรางรถไฟกจ็ ะถุกตคี วามว่าเป็นขบวนรถไฟ เช่น เดียวกันกับวัตถุท่ีอยู่ในแม่นำ�้ และขนานไปกับฝังแม่นำ้� ก็จะถูกสันนิษฐานว่าเป็นเรือ หรือเป็น เรือบรรทุกสินค้า โครงสร้างท่ีกว้างใหญ่ในกลุ่มที่ตีกรอบว่าเป็นอาคารอาจจะเป็นยุ้งฉาง ต�ำแหน่งก็คอื ความสัมพนั ธ์ของทว่ี างของวัตถุสง่ิ หนงึ่ ทสี่ ัมพันธ์กับวตั ถุอน่ื ๆ (ดังรปู ) รูปทต่ี ง้ั 5.2 รปู ร่าง จากประสบการณส์ อนคนใหร้ จู้ กั แยกแยะรปู รา่ งหรอื ทรวดทรงในระยะไกล ๆ ให้เห็นโครงสร้างภายนอกก่อนท่ีจะเห็นรายละเอียดอ่ืน ๆ ตามมา รถบรรทุกอาวุธ รถถัง และเครื่องมือทางทหารอื่น ๆ ที่มีโครงสร้างหรือรูปทรงที่ไม่เหมือนถัน ซึ่งจะช่วยท�ำให้ง่าย ต่อการบ่งชว้ี ่าเป็นอะไร (ดังรปู ) รปู รปู ร่าง
80 เหลา่ ทหารชา่ ง 5.3 เงา เงาท�ำให้เปิดเผยวัตถุให้ทราบมากกว่าตัววัตถุเอง สิ่งนี้เป็นความจริง อย่างมาก เมื่อมองจากทางอากาศ เช่น ปล่องไฟของโรงงาน เสาของสิ่งสาธารณูปโภค ยานพาหนะ สะพาน และเต็นท์ จะมีเงาของรูปร่างไม่เหมือนกัน บางครั้งการท�ำให้เงา กระจดั กระจาย จะมคี วามสำ� คญั มากกวา่ ทจี่ ะทำ� การปกปดิ ซอ่ นพรางตวั ของวตั ถเุ อง (ดงั รปู ) รูปเงา 5.4 พน้ื ผิว พ้ืนผิว หมายถึง ความสามารถของวัตถุในเร่ืองเก่ียวกับการสะท้อนแสง การดดู ซบั การกระจายแสง สิง่ นก้ี ค็ วรพิจารณาจากเรอ่ื งของความราบเรยี บหรอื ความขรุขระ ของผวิ หนา้ พน้ื ผวิ หนา้ ทขี่ รขุ ระ เชน่ สนามหญา้ สะทอ้ นแสงนอ้ ยและกอ่ ใหเ้ กดิ รม่ เงาอยา่ งมาก ลกั ษณะนจี้ ะปรากฏเปน็ สดี ำ� มากตอ่ สายตาหรอื บนภาพถา่ ย พน้ื ผวิ ทรี่ าบเรยี บ เชน่ ทางขนึ้ ลง ของเครื่องบิน หรือหลังคาของอาคาร จะก่อให้เกิดแสงสะท้อนมากบนภาพถ่ายทางอากาศ
ดังนั้น ทางขึ้นลงของเครื่องบินแม้ว่าจะได้รับการระบายสีให้เป็นสีท่ีกลมกลืนกับส่ิงแวดล้อม เหล่าทหารช่าง 81 ของภมู ปิ ระเทศ แตก่ ย็ งั แสดงระดบั ของแสงสวา่ งทกี่ ระจา่ งชดั กวา่ บนภาพถา่ ย เกอื บจะทง้ั หมด ของพ้ืนผิวท่ีจะขาดหายไปก็จะเป็นผลจากการสะท้อนแสง ส่ิงหนึ่งของการเปิดเผยอันเน่ือง มาจากการขาดวินัยการพรางมากท่ีสุด ก็คือ เรื่องของแสง เพียงลำ� พังแต่เรื่องแสงสามารถ ที่จะดึงดูดความสนใจต่อต�ำแหน่งแหล่งท่ีภายใต้การตรวจการณ์ของข้าศึกโดยไม่ค�ำนึงถึง แบบแสงสะทอ้ น โดยปกตแิ ลว้ เกดิ จากการสะทอ้ นแสงของดวงอาทติ ย์ กระจกหนา้ รถ หนา้ ตา่ ง อปุ กรณ์ประกอบอาหาร และสิง่ อื่น ๆ ทม่ี พี ืน้ ผวิ เรยี บมนั แม้แต่กระจกของแว่นตาขณะใช้เม่ือ ถูกกับแสงอาทิตย์สามารถท่ีจะสะท้อนได้สว่างจ้าเหมือนกับกระจก วัตถุบางอย่าง เช่น พลาสติกบางชนดิ กใ็ ห้แสงสะท้อนได้ไม่ว่าจะมีพน้ื ผวิ อยู่ในรปู ร่างลักษณะใดก็ตาม (ดังรปู ) รูปพน้ื ผวิ 5.5 สี จะเป็นส่วนช่วยผู้ตรวจการณ์ให้เห็นถึงความแตกต่างกันระหว่างสีของวัตถุ กับฉากหลังของวัตถุ สีย่ิงต่างกันมากเท่าใดการมองเห็นรูปลักษณ์ของวัตถุน้ันก็ยิ่งยากขึ้น เทา่ นน้ั ขณะนว้ี า่ ดว้ ยสเี พยี งอยา่ งเดยี วเทา่ นนั้ โดยปกตสิ จี ะไมส่ ามารถแยกวตั ถอุ อกได้ แตจ่ ะ เป็นเครื่องช่วยในการบ่งซ้ที ่ีตั้งของวตั ถุ หรอื เป็นการบอกรปู ลักษณ์ของวัตถุนน้ั การพจิ ารณา ในขัน้ ท่ีสอง กค็ อื ระดบั ของสี การเปลีย่ นแปลงของสีออกไปในความเข้มต่าง ๆ กัน โดยปกติ ระดบั สีท่เี ข้มกว่าย่อมเป็นท่ีดึงดดู ความสนใจของผู้ตรวจการณ์น้อยกว่าสีทส่ี ว่างกว่า (ดังรปู )
82 เหลา่ ทหารชา่ ง รปู สี 5.6 การเคลื่อนไหว ปัจจยั สดุ ท้ายของการรับรู้ กค็ ือ การเคลอ่ื นไหว และแม้ว่าปัจจัยอนั นี้ไม่ค่อย จะเปดิ เผยรปู รา่ งของวตั ถเุ อง แตเ่ ปน็ เรอ่ื งส�ำคญั อยา่ งยง่ิ ประการหนง่ึ สำ� หรบั การเปดิ เผย แมว้ า่ ปัจจัยอ่ืน ๆ ของการรับรู้ได้รับการก�ำจัดออกไปอย่างสมบูรณ์แล้ว ผู้ตรวจการณ์ของข้าศึก อาจจะถูกก่อให้เกิดความสนใจต่อพ้ืนท่ีได้ถ้าหากการเคล่ือนไหวนั้นไม่ได้มีการควบคุม และอาจจะมุ่งความสนใจในบางพื้นที่อ่ืน ๆ แต่ก็จะไม่ลดละความพยายามต่อการค้นหา การเคล่อื นไหวในพนื้ ท่รี อบนอกท่ีอยู่ในทัศนวสิ ัยที่น่าจะท�ำการตรวจค้น (ดังรูป)
รูปการเคล่ือนไหว เหล่าทหารช่าง 83 รปู ลกั ษณะของภาพจากพน้ื ผิวท่แี ตกตา่ งกนั
84 เหลา่ ทหารชา่ ง บทท่ี วัสดุพราง และเทคนิคการใช้ 1. กล่าวนำ� ในพ้ืนท่ีการรบ วัสดุหรือเคร่ืองใช้ท่ีจะน�ำมาท�ำการสร้างเป็นเคร่ืองพราง ส่วนมากแล้ว จะได้มาจากธรรมชาตใิ นท้องถน่ิ หรอื ในบรเิ วณใกล้เคียงเท่าทว่ี สั ดุเหล่านั้น จะอ�ำนวยและพร้อมที่จะน�ำมาใช้ได้ แต่อย่างไรก็ตาม การดัดแปลงหรือการพยายาม ใช้ธรรมชาติเป็นเคร่ืองพรางให้ได้ประโยชน์มากที่สุดจะเป็นการลดปริมาณเครื่องพรางท่ี จะต้องลำ� เลยี งมาจากส่วนหลงั ได้เป็นอย่างมาก 2. วสั ดพุ ราง วัสดุพรางในสนามแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ วัสดพุ รางธรรมชาติ และวัสดพุ รางทีส่ ร้างขน้ึ 2.1 วัสดพุ รางธรรมชาติ สว่ นมากจะไดป้ ระกอบกบั วสั ดพุ รางทส่ี รา้ งขนึ้ เพราะท�ำไดใ้ นภมู ปิ ระเทศ โดยมี “ส”ี และ “เนื้อผิว” เข้ากับภูมปิ ระเทศในบรเิ วณนั้นอยู่แล้ว เม่ือใช้ให้ถูกต้องและ เหมาะสมก็จะสามารถป้องกันการตรวจการณ์ด้วยสายตาและถ่ายภาพได้ แต่วัสดุพราง ธรรมชาติบางชนิดต้องท�ำการบ�ำรุงรักษาตลอดเวลา อาจมีการเปล่ียนแปลงไปได้ตาม ฤดกู าลหรือตามสภาพดินฟ้าอากาศ วสั ดพุ รางธรรมชาตแิ บ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ
2.1.1 พชื เหล่าทหารช่าง 85 ได้แก่ พืชล้มลุก หญ้า ไม้เถา และพชื ยืนต้น วสั ดพุ รางชนิดน้ีเหมาะ ทจ่ี ะใช้ท�ำเครอ่ื งพรางโดยทว่ั ๆ ไป โดยเฉพาะการพรางทต่ี ัง้ ถาวรหรอื กึ่งถาวร การเลอื กทต่ี ้ัง ท่ีมีต้นไม้พุ่มใบใช้อาศัยในการซ่อนพราง หรือจากการนำ� พืชมาปลูกเพื่อเป็นเครื่องพรางท่ีต้ัง ต่าง ๆ ได้ นอกจากน้ันก่ิงไม้หรือส่วนใดส่วนหน่ึงของต้นไม้ สามารถตัดมาใช้ประกอบเป็น เครอ่ื งพรางได้ แตต่ อ้ งมกี ารเปลย่ี นอยเู่ สมอ เนอ่ื งจากจะมกี ารเหยี่ วเฉาและเปลย่ี นสตี ลอดเวลา โดยปกติด้านบนของใบไม้จะมีสีเข้มเป็นมัน ใต้ใบไม้จะมีสีอ่อนและหยาบ ฉะน้ันเม่ือจะนำ� มาใช้ประกอบเป็นเคร่อื งพรางต้องจัดวางให้เหมือนธรรมชาติ คอื ให้ก่งิ ไม้ยน่ื ออกมาภายนอก และต้องเข้ากับธรรมชาติเดิมด้วย ไม่จ�ำเป็นต้องวางให้ทึบเพ่ือปิดบังที่ตั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ เสียท้ังหมด แต่ควรวางให้กลมกลืนกับธรรมชาติ และลบรอยเส้นตรงของสิ่งท่ีทำ� การพราง ตามความเหมาะสม 2.1.2 สิง่ ทีไ่ มม่ ีชีวติ ปกคลมุ ผิวดนิ อยู่ ซงึ่ ได้แก่ ดนิ โคลน ทราย ก้อนหนิ กรวด เป็นต้น สง่ิ ต่าง ๆ เหล่าน้ี ใช้ส�ำหรับเปลี่ยนหรือเพิ่มสี ท�ำให้เกิดผิวหยาบ ท�ำให้ไม่เห็นจุดเด่น ใช้สร้างให้เป็นเงาและ รูปร่าง เช่น ใช้ดินโคลนทาผิวท่ีเป็นมันให้เป็นผิวหยาบด้าน ใช้ผสมสีทายานพาหนะ หรือ ใช้ทรายโรยบนผ้าใบ เป็นต้น 2.1.3 ส่งิ ช�ำรดุ หกั พัง ได้แก่ ก�ำแพงพงั อาคารบ้านเรือนพัง รถพงั หรือยุทโธปกรณ์ทพ่ี ังแล้ว จนไม่สามารถนำ� มาซ่อมให้คนื สภาพได้ แต่รูปร่างภายนอกยังดอี ยู่บ้าง สามารถนำ� มาใช้เป็น เคร่ืองพรางและเคร่อื งลวงได้ดี 2.2 วัสดพุ รางท่ีสร้างขึน้ วสั ดพุ รางทส่ี รา้ งขน้ึ มี 2 ประเภท วสั ดพุ รางทส่ี รา้ งขน้ึ สำ� เรจ็ รปู และวสั ดพุ ราง ทส่ี ร้างข้ึนใช้ในสนาม 2.2.1 วัสดพุ รางที่สร้างขึ้นสำ� เรจ็ รูป ประกอบด้วย ตาข่ายพราง พืชพนั ธไุ ม้เทยี ม แถบผ้าพรางและสีพราง 2.2.1.1 ตาข่ายพราง ลักษณะของตาข่ายพราง ประกอบขึ้นด้วยตาข่ายไนลอน ถักเป็นตา ขนาด 8 × 8 ซม. ถึงขนาด 10 × 10 ซม. มแี ถบไนลอนเคลือบด้วยสาร PVC
86 เหลา่ ทหารชา่ ง หรือ POLYESTER หรือ PERLON ยึดแน่นไม่รูดไปมาได้ ริมด้านข้างโดยรอบท�ำเป็นห่วง เว้นระยะห่างพอสมควร ผ้าพรางทำ� ด้วยไนลอนสงั เคราะห์เคลอื บด้วย PVC หรือ POLYESTER และเคลือบสีเป็นลวดลายตามที่ทางราชการก�ำหนด พร้อมกับฉลุเป็นลวดลายและยึดติดกับ ตาขา่ ยไนลอนดว้ ยการรดี รอ้ นหรอื ตดิ ดว้ ยคลปิ มนี ำ้� หนกั เบา ไมด่ ดู ซบั นำ�้ ใชง้ านไดเ้ ปน็ ระยะเวลา นาน ๆ โดยไม่เปล่ียนสี ไม่ลกุ เป็นไฟเม่อื โดนประกายไฟ ทนนํา้ ไม่ผุเปื่อยง่าย สามารถป้องกัน การตรวจการณด์ ว้ ยอปุ กรณท์ างอเิ ลก็ ทรอนกิ สไ์ ด้ เชน่ กลอ้ งตรวจจบั ดว้ ยแสงอนิ ฟราเรด เรดาร์ และกล้องตรวจจับคลื่นรงั สคี วามร้อน เป็นต้น (ดังรูป) รูปแบบของตาข่ายพราง อุปกรณ์ประกอบ สิ่งอุปกรณ์ประกอบส�ำหรับใช้ประกอบกับตาข่ายพราง จะประกอบด้วย เสาค้ํา ท�ำด้วยอะลูมิเนียมกลมกลวง ขนาดยาว 130 ซม. และสามารถ ต่อเข้าด้วยกันหลายท่อนได้ มีอุปกรณ์ประกอบเสาค้ํายัน ใข้ส�ำหรับค้ํายันตาข่ายพรางและ ยนั พน้ื ดนิ มสี มอบกเหลก็ เชือกไนลอน ขนาดเส้นผ่านศนู ย์กลางไม่น้อยกว่า 4 มม. พร้อมท้ัง มถี ุงสำ� หรับใส่ตาข่ายพราง และถงุ สำ� หรับเกบ็ อปุ กรณ์ประกอบต่าง ๆ ครบชดุ
2.2.1.2 พืชพันธุ์ไม้เทยี ม เหล่าทหารช่าง 87 เป็นส่วนก่ิงไม้พร้อมใบ หรือใบหญ้าที่ท�ำจากวัสดุประเภท ไนลอนสงั เคราะห์สธี รรมชาติ ขนาด 30 - 60 ซม. สงู 30 - 60 ซม. ใข้ประดบั เป็นเครอ่ื งพราง หรอื เสริมกบั ตาข่ายพราง ช่วยให้กลมกลืนกับธรรมชาตมิ ากย่ิงขนึ้ 2.2.1.3 แถบผ้าพราง เป็นแถบผ้าสีพราง กว้าง 2-4 ซม. ยาว 15-20 ซม. เป็นชนิ้ หรือเป็นเส้นคล้ายพืชพันธ์ุไม้ขนาดเล็ก สำ� หรับใช้ประดับเป็นเคร่ืองพรางบุคคล หรือส่ิงของ ทีม่ ขี นาดไม่กว้างใหญ่ 2.2.1.4 สีพราง - การพรางบคุ คลใชส้ ฝี นุ่ ทผ่ี ลติ ขน้ึ โดยทว่ั ไป มสี ดี �ำ เขยี วแก่ เขยี วอ่อน และสีน้าํ ตาลแกมเหลอื ง - การพรางยานพาหนะ ใช้สีนา้ํ มัน ซงึ่ มีทั้งสีธรรมดา และสี ป้องกันการตรวจจบั ด้วยอุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ มีหลายสเี ช่นเดียวกนั กบั การพรางบุคคล การพรางต้องใช้สแี ละลวดลายให้กลมกลืนกบั สภาพธรรมชาติ 2.2.2 วสั ดุพรางทีส่ ร้างขึน้ ในสนาม เมื่อหน่วยขาดแคลนวัสดุพรางส�ำเร็จรูปท่ีใช้เป็นเคร่ืองพราง หน่วย สามารถสร้างเคร่ืองพรางข้ึนใช้ในสนามได้ในลักษณะใกล้เคียงกับตาข่ายพราง โดยใช้วัสดุ กอ่ สรา้ งทมี่ ที ว่ั ไปในทอ้ งถน่ิ เชน่ เสาไม้ เชอื ก ลวด สี และเศษผา้ เปน็ ตน้ ในขนั้ ตน้ นำ� เชอื กหรอื ลวดมาทำ� เปน็ ตาขา่ ยใหม้ ขี นาดทจ่ี ะครอบคลมุ สงิ่ ทต่ี อ้ งการพรางได้ ประดบั ดว้ ยเศษผา้ ยอ้ มสี ตามลักษณะของภูมิประเทศ การประดับให้ประดับบริเวณตอนกลาง 100% จากตอนกลาง ไปตอนริมของตาข่าย ให้ประดับลดลงตามล�ำดับประมาณ 25% ใช้เสาไม้คํ้าหรือท�ำให้เป็น โครงรองรบั ตาข่าย เพอื่ กลมกลืนกบั ธรรมชาติ ตารางสีที่ใช้ประดับเปน็ เปอร์เซ็นต์ตามลกั ษณะภูมิประเทศต่างๆ กัน โซนรอ้ น ฤดรู อ้ น โซนอบอ่นุ ฤดูหนาว ทะเลทรายหรอื พ้ืนที่แห้งแล้ง สเี ขียวแก่ 70% สีนา้ํ ตาล 60% สีทราย 70% สีเขียวอ่อน 50% สกี ากแี กมเขยี ว 30% สดี ินเหลือง 15% สนี ํา้ ตาลแกมเหลอื ง 15% สดี นิ แดง 10% สีดินแดง 15% หมายเหตุ เปอร์เซน็ ต์ของสอี าจเปลย่ี นแปลงได้ โดยให้เหมาะสมกับภมู ิประเทศนัน้ ๆ
88 เหลา่ ทหารชา่ ง 3. เทคนิคการใช้วสั ดพุ รางสำ�เรจ็ รูป 3.1 การใช้ตาขา่ ยพราง ตาขา่ ยพรางสำ� เรจ็ รปู ใชส้ ำ� หรบั คลมุ ทตี่ ง้ั อาวธุ ยทุ โธปกรณ์ ยานพาหนะ ยานรบ และต�ำบลส่งก�ำลัง การใช้ควรจะมีการวางแผนให้สัมพันธ์กับการจัดวางยานพาหนะ อาวุธ ยทุ โธปกรณ์ และทต่ี ง้ั ตำ� บลสง่ กำ� ลงั อกี ทง้ั ยงั ตอ้ งสมั พนั ธก์ บั สง่ิ แวดลอ้ มตามธรรมชาติ การใช้ ตาขา่ ยพรางคลมุ จะตอ้ งคลมุ ใหม้ ชี อ่ งวา่ งพอสมควร โดยใชเ้ สาคา้ํ ยนั ขนาดความสงู ตา่ ง ๆ กนั เพ่ือให้รูปทรงของตาข่ายพรางไม่ผิดไปจากรูปร่างของธรรมชาติข้างเคียง และจะต้องท�ำการ ยึดตรงึ ชายของตาข่ายพรางไว้ด้วย ตาข่ายพรางสำ� เร็จรปู สามารถใช้ได้ท้ังสองด้าน ดงั นน้ั จะ ต้องพิจารณาใช้ด้านท่ีกลมกลืนกับสภาพภูมิประเทศในขณะนั้นด้วย การพิจารณาเลือกใช้ ขนาดของตาขา่ ยพรางใหเ้ หมาะสมกบั ทต่ี ง้ั อาวธุ ยทุ โธปกรณ์ ยานพาหนะ ยานรบ และต�ำบล ส่งก�ำลัง ให้ใช้ตามตาราง (ดงั รปู ที่ 1 และ 2) รปู ที่ 1 การใช้ตาขา่ ยพรางกบั ยานพาหนะ
รูปท่ี 2 การใชต้ าขา่ ยพรางกับยานรบ เหล่าทหารช่าง 89 รปู ท่ี 3 การใชต้ าขา่ ยพรางกับยานพาหนะ
90 เหลา่ ทหารชา่ ง 3.2 พืชพันธุไ์ มเ้ ทยี ม ใชผ้ กู ตดิ เขา้ กบั สง่ิ ทตี่ อ้ งการพราง เพอื่ ลบรอยรปู รา่ งของสง่ิ ทต่ี อ้ งการพรางนน้ั จัดวางก่ิงไม้เทียมมิให้ทึบแน่นเกินไป นอกจากน้ัน ยังใช้เป็นเครื่องพรางประดับโครงตาข่าย ที่สร้างขนึ้ ในสนาม หรือเสรมิ แต่งตาข่ายพรางสำ� เร็จรูปให้ดูเป็นธรรมชาตยิ งิ่ ขนึ้ 3.3 การใชแ้ ถบผ้าพราง ใชพ้ นั หรอื ผกู ตดิ กบั สงิ่ ทต่ี อ้ งการพราง ซง่ึ อาจเปน็ บคุ คลหรอื สงิ่ ของทต่ี อ้ งการ พรางก็ได้ การผูกแถบผ้าพรางเพ่ือประดับเป็นเคร่ืองพรางต้องไม่หนาแน่นมาก และไม่ต้อง จดั ให้เป็นระเบียบ 3.4 การใชส้ ีพราง ใช้สีต่าง ๆ ทาบริเวณใบหน้าและหลังมือเพ่ือลบจุดเด่นและให้กลมกลืน กับธรรมชาติ ส่วนการพรางยานพาหนะให้ทาสีเป็นลวดลายคล้ายคลื่นสอดคล้องกับ สภาพธรรมชาติ 4. การเกบ็ รักษาและการระวังรักษาตาขา่ ยพราง ตาข่ายพรางเม่ือน�ำออกมาใช้งานแล้วต้องเก็บให้ถูกต้องและเรียบร้อยเพื่อ ความสะดวกและรวดเรว็ ในการใช้งานครงั้ ตอ่ ไป อกี ทงั้ เพอ่ื ความปลอดภยั ของตาขา่ ยพรางใน การขนย้าย และการเก็บรกั ษา การพับตาข่ายพรางมีอยู่ด้วยกันหลายวิธี แต่วิธีท่ีจะขอแนะน�ำต่อไปน้ีเป็นวิธี ทด่ี ที ่ีสดุ ทีส่ ามารถคลอี่ อกใช้งานได้ง่าย ขึงและใช้งานได้รวดเรว็ ดงั ต่อไปนี้ 4.1 การเก็บตาข่ายพราง - เมอื่ เกบ็ ตาขา่ ยพรางจากการใชง้ านแลว้ ใหค้ ลอี่ อกโดยดงึ มมุ ทงั้ สใ่ี หต้ งึ และ ใหด้ า้ นรา่ งแหอยดู่ า้ นลา่ ง พบั ทางดา้ นยาวของตาขา่ ยพรางจากรมิ ทง้ั สองขา้ งเขา้ หาสว่ นกลาง โดยพับทบเป็นแบบหีบเพลงชัก กว้างประมาณ 50 ซม. ตามรูป
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195