Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิชา เหล่าทหารปืนใหญ่ ปี5

วิชา เหล่าทหารปืนใหญ่ ปี5

Published by military2 student, 2022-05-17 03:05:16

Description: วิชา เหล่าทหารปืนใหญ่ ปี5

Search

Read the Text Version

เราจะสบื สาน รกั ษา และตอ่ ยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพอ่ื ประโยชน์สขุ แหง่ อาณาราษฎรตลอดไป พระปฐมบรมราชโองการ พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชริ าลงกรณ พระวชิรเกลา้ เจา้ อยหู่ วั

พระมหากษตั รยิ ไ์ ทย พระมหากษตั รยิ ไ์ ทยทรงเปน็ จอมทพั ไทยมาทกุ ยคุ ทกุ สมยั สืบทอดกันมาต้ังแต่บรรพบุรุษที่ได้รวบรวมเผ่าไทย ตั้งขึ้นเป็น ราชอาณาจกั รไทย ณ ผนื แผ่นดินไทยแหง่ นี้ คำ� วา่ “พระมหากษตั รยิ ”์ หมายถึง นักรบผยู้ ่งิ ใหญ่ หรอื จอมทัพ เพราะในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ชาติท่ีเข้มแข็ง เทา่ นน้ั จงึ จะดำ� รงคงความเปน็ ชาตอิ ยไู่ ด้ ชาตทิ อ่ี อ่ นแอ กจ็ ะตกไป เปน็ ผทู้ อี่ ยใู่ นครอบครองของชาตอิ น่ื ความเขม้ แขง็ ทสี่ ำ� คญั ยงิ่ คอื ความเข้มแข็งทางการทหาร ความเขม้ แข็งในดา้ นอน่ื ๆ เปน็ ส่วน ประกอบ ซงึ่ กจ็ ะขาดเสียมิได้ เนือ่ งจากการศกึ มิไดท้ ำ� อย่ตู ลอดไป ระยะเวลาว่างศึกมีอยู่มากกว่า ในห้วงเวลาดังกล่าว ก็จะมีการ สร้างเสริมความแข็งแกร่งในด้านต่าง ๆ เพ่ือความเจริญรุ่งเรือง ของประเทศ และความอยดู่ กี นิ ดขี องอาณาประชาราษฎร์ ชาตไิ ทย เปน็ ชาตทิ ม่ี อี ารยธรรมสงู มาแต่โบราณกาล ดังนัน้ องค์ประกอบ อนั เปน็ แบบฉบบั แสดงถงึ ความเปน็ จอมทพั ไทยจงึ มอี ยา่ งครบถว้ น สมบูรณ์ มีสัญลักษณ์ท่ีเป็นเอกลักษณ์ของไทย มีความสง่างาม สมพระเกียรตยิ ศแห่งจอมทัพไทย

คู่มอื นกั ศึกษาวชิ าทหารชาย ชั้นปี ท่ี 4 (เหลา่ ทหารปื นใหญ่)



คำ� น�ำ การฝกึ นกั ศกึ ษาวชิ าทหาร มวี ตั ถปุ ระสงคท์ างดา้ นยทุ ธการ คอื การผลติ กำ� ลงั พล ส�ำรองระดับผู้บังคับบัญชาให้กับกองทัพ เพื่อเป็นการเตรียมกำ� ลังพลส�ำรองท่ีเข้มแข็ง ไวใ้ หพ้ รอ้ มสำ� หรบั การปอ้ งกนั ประเทศ วตั ถปุ ระสงคท์ างดา้ นยทุ ธศาสตร์ คอื การปลกู ฝงั เยาวชนให้เป็นผู้มีระเบียบวินัย มีอุดมการณ์ความรักชาติ ปกป้องและเทิดทูนสถาบัน พระมหากษัตริย์ มีจิตอาสา เป็นพลเมืองคุณภาพของประเทศ โดยใช้หลักสูตรการฝึก วิชาทหาร สำ� หรบั นกั ศึกษาวิชาทหาร ชัน้ ปีที่ 1 - 5 ของกระทรวงกลาโหม หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ได้จัดท�ำ “คู่มือนักศึกษาวิชาทหาร” ประจ�ำ ปีการศึกษา 2563 เพื่อให้นักศึกษาวิชาทหารได้ค้นคว้าหาความรู้ และท�ำความเข้าใจ เน้ือหาวิชาต่าง  ๆ ท่ีก�ำหนดไว้ตามหลักสูตร (ภาคปกติ) 80 ช่ัวโมง โดยประกอบด้วย วิชาทหารที่ส�ำคัญ ท่ีนักศึกษาวิชาทหารแต่ละช้ันปีควรรู้และน�ำไปปฏิบัติได้ เพื่อ ตอบสนองวัตถปุ ระสงคด์ ้านยุทธการ และวชิ าทัว่ ไป มงุ่ เนน้ การตอบสนองวตั ถปุ ระสงค์ ดา้ นยุทธศาสตร์ดว้ ยการปลูกฝังและเสริมสร้างใหน้ กั ศกึ ษาหาความรู้ ก่อน หรอื ภายหลัง จากการรับการฝึก - สอน หวังว่า คู่มือนักศึกษาวิชาทหารเล่มน้ี จะเป็นแหล่งข้อมูล ด้านวิชาการ ในการศึกษาค้นคว้าเพ่ือให้มีความพร้อมส�ำหรับการเป็นก�ำลังพลส�ำรอง ระดับผ้บู งั คบั บัญชา และการเปน็ พลเมอื งคุณภาพของประเทศในอนาคต สบื ไป พลโท (ปราการ ปทะวานชิ ) ผู้บัญชาการหน่วยบญั ชาการรักษาดินแดน

หลักสตู รประกอบเวลา และคะแนนสอบประจำ� วชิ า นศท. ช้นั ปที ี่ 4 ชาย (เหล่าทหารปืนใหญ่) คะแนน ชั่วโมง ลำ�ดับ เรอื่ ง ประ ำจ� ิวชา ่รวมกิจกรรม งานมอบ 1. ภาคปกติ 80 1.1 การฝกึ ทบทวนบคุ คลทา่ เบ้ืองต้น (8) 1.2 วชิ าระเบยี บการน�ำหน่วย (4) 10 1.3 วชิ าผนู้ ำ� (8) 20 1.4 วิชาหน่วยทหารขนาดเลก็ (8) 20 1.5 วิชาศาสตร์พระราชา (8) 20 1.6 วิชาอุดมการณค์ วามรกั ชาติ (4) 10 1.7 วชิ าพลเมอื งดวี ถิ ีประชาธปิ ไตย (4) 10 1.8 วิชากฎหมาย (4) 10 1.9 วิชาเหลา่ ทหารปนื ใหญ่ (24) 50 1.10 การทดสอบสมรรถภาพร่างกาย (4) 1.11 การฝึกอบรมหรอื ทำ� กจิ กรรมจิตอาสา (4) 2. ภาคสนาม 45 2.1 การฝึกภาคสนาม 7 วัน (4) 30 2.2 ฝกึ ความช�ำนาญเฉพาะตำ� แหนง่ (4) 50 2.3 ฝกึ การยิงปนื ตามหลกั สตู ร (2) 30 2.4 ฝึกไตห่ นา้ ผา - ลงทางด่งิ (2) 30 2.5 ฝกึ เลอื่ นชว่ ยชวี ิต - ขา้ มลำ� นา้ํ เรง่ ดว่ น (18) 120 2.6 ฝกึ การปฏิบัตหิ นว่ ยทหารขนาดเลก็

หลกั สตู รประกอบเวลา และคะแนนสอบประจ�ำวชิ า นศท. ช้นั ปีท่ี 4 ชาย (เหลา่ ทหารปนื ใหญ)่ คะแนน ชั่วโมง ล�ำ ดับ เร่ือง ประ ำจ� ิวชา ่รวมกิจกรรม งานมอบ 2.7 ฝึกปญั หาต่อเนื่อง (20) 140 2.8 ปลกู ฝังอดุ มการณค์ วามรกั ชาติ (2) 2.9 สรา้ งการรบั รู้ (2) 3. เบ็ดเตลด็ 12 3.1 การปฐมนเิ ทศ (4) 3.2 การสอบภาคปฏิบัติ (4) 100 3.3 การสอบภาคทฤษฎี (4) 200 150 850 50 100 รวม 1,000

สารบญั หนา้ เหล่าทหารปืนใหญ่ บทท่ี 1 ประวตั ิของทหารปนื ใหญ ่ 1-2 บทท่ี 2 การจดั หน่วยทหารปืนใหญ่ 3-11 บทที่ 3 คณุ ลกั ษณะของทหารปืนใหญ่สนาม 12-20 บทที่ 4 อาวธุ ปืนใหญ่สนามใน ทบ.ไทย 21-25 บทที่ 5 ภารกิจทางยุทธวธิ ีของ ป.สนาม 26-39 บทท่ี 6 การยิงสนบั สนุนของทหารปืนใหญ่ 40-52 บทท่ี 7 ศพั ท์ทใี่ ช้ในส่วนยิง 53-62 บทที่ 8 การปรบั เส้นเลง็ 63-68 บทที่ 9 ค�ำสัง่ ยงิ 69-84 บทที่ 10 การตัง้ ปนื ตรงทิศ 85-101 บทที่ 11 การฝกึ ปบค. 105 มม. ชนิดลากด้วยยานยนต ์ 102-123 บทท่ี 12 การจดั และหนา้ ทค่ี วามรบั ผดิ ชอบของผตู้ รวจการณห์ นา้ 124-129 บทท่ี 13 เคร่ืองชว่ ยในการตรวจการณ ์ 130-142 บทท่ี 14 หลกั การและเทคนคิ มลู ฐานทผี่ ตู้ รวจการณห์ นา้ ควรทราบ 143-154 บทที่ 15 การกำ� หนดทตี่ ้ังเปา้ หมาย 155-162 บทที่ 16 คำ� ขอยิง 163-184 บทท่ี 17 การปรบั การยิง 185-206 บทท่ี 18 ระบบการส่ือสาร ป.สนาม 207-214 บทท่ี 19 ภารกิจและการจัดหน่วย ปตอ. ทบ.ไทย 215-247 บทที่ 20 อาวุธและยุทโธปกรณป์ ืนใหญต่ ่อสูอ้ ากาศยาน ทบ.ไทย 248-269 ภาคผนวก

บทท่ี เห ่ลาทหาร ืปนให ่ญ 1 ประวัติของทหารปนื ใหญ่ 1. ประวตั คิ วามเป็นมาของทหารปืนใหญ่ ในสมัยโบราณการใช้ยุทธวิธีในการรบมิได้สลับซับซ้อนมากนัก เครื่องมือ ท่ีใช้ในการทำ� การรบก็เป็นเคร่ืองมือง่าย ๆ ท่ีใช้ในชีวิตประจำ� วันของคนยุคน้ัน ความ ตอ้ งการของแมท่ พั ทต่ี อ้ งการใหข้ า้ ศกึ ออ่ นเพลยี สะทกสะทา้ น (ขวญั เสยี ) แตต่ น้ มอื ไดใ้ ช้ กันนานมาแล้ว ยุทธวธิ ี ทใ่ี ช้ในขณะน้นั คอื การใช้ม้าลากรถสองล้อ ใช้ช้าง ใช้ล่อลาก หอคอย ขับวิ่งเข้าไปในแถวทหารของข้าศึก ทำ� ให้ข้าศึกแตกแถว รวนเรและต่ืนตกใจ หลงั จากน้นั กจ็ ะส่งทหารเข้าตะลมุ บอน อาวุธปืนใหญ่แท้จริงเกิดจากปัญหาการเข้าตีป้อมค่ายหรือกำ� แพงเมืองท่ี แข็งแรง เป็นก�ำแพงหินล้อมรอบ ซ่ึงทหารบนหลังม้าหรือทหารเดินเท้าไม่สามารถที่ จะท�ำลายก�ำแพงได้ จึงมีแนวความคิดหาทางท�ำลายป้อมค่ายหรือก�ำแพงเมืองด้วย วธิ ตี ่าง ๆ มากมาย วิธแี รก ๆ ท่ใี ช้ได้ผล คอื การใช้เสาไม้ซุงใหญ่กระทุ้ง ซึ่งเรยี กว่า BATTERING RAM โดยใช้คนหามว่งิ เข้ากระทุ้งจนกระทัง่ พฒั นาใช้ขาหยงั่ ดงึ เชอื กผ่าน รอก กระทุ้งเป็นจังหวะหรือใส่ล้อหรือรอกลูกกลิ้งไว้ข้างล่าง ใช้แรงคนฉุดหรือผลักให้ ท่อนไม้เข้าท�ำลายก�ำแพง ต่อมามนุษย์ได้พัฒนาเครื่องมือในการรบให้เจริญก้าวหน้าขึ้นอีก โดยคิด เครอ่ื งยงิ ธนขู นาดใหญส่ ามารถยงิ หนิ ใหญน่ ำ้� หนกั 300 ปอนดไ์ ดไ้ กลถงึ 400 หลา เรยี กวา่ BALLISTA และ CATAPULT นับเป็นอาวุธปืนใหญ่แบบแรกของโลก ถือเป็นอาวุธที่ ทันสมัยทส่ี ดุ ในยคุ กรกี

2 เหลา่ ทหารปนื ใหญ่ โรมันโบราณในสมัยของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชแห่งมาซิโดเนีย และ จเู ลยี ส ซีซาร์แห่งโรมนั ในยคุ ดนิ ด�ำประมาณปี พ.ศ. 1790 ได้เรม่ิ มกี ารใช้ดนิ ดำ� ในอนิ เดยี และจนี โดยใช้ในลกั ษณะของพลแุ ละประทดั แตกโดยใสข่ า้ ศกึ คลา้ ยระเบดิ ขว้างในปัจจบุ นั จนกระท่ังพัฒนามาใช้ยิงจากล�ำกล้องปืนใหญ่ที่ท�ำด้วยไม้ ขันแน่นด้วยลวดและปลอก เหล็ก ล�ำกล้องปืนใหญ่จงึ ถกู เรยี กว่า BAPPEL หรอื ถังไม้ และได้พฒั นาการมาเป็นลำ� ดบั จนกระท่งั ปัจจบุ ันน้ี สรุปในยุคโบราณตอนต้นจะเห็นได้ว่าปืนใหญ่ถูกคิดค้นท�ำลายก�ำแพงเมือง หรือป้อมค่ายเท่านั้น การน�ำปืนใหญ่ไปใช้ในสนามรบจริง ๆ น้ันยังไม่มี จนกระท่ังถึง ปี พ.ศ. 2161 - 2191 กสุ ตาฟ อาดอลฟ์ กษตั รยิ แ์ หง่ สวเี ดนไดพ้ ฒั นาวชิ าการปนื ใหญใ่ หเ้ ปน็ ปืนใหญ่สนามที่เคลื่อนท่ีไปในสนามรบได้จริง ๆ และต่อมาในปี พ.ศ. 2214 - 2233 พระเจ้าหลยุ ส์ท่ี 14 แห่งฝรง่ั เศส เป็นพระองค์แรกท่ีจัดให้มีเหล่าทหารปืนใหญ่และโรงเรียน ทหารปืนใหญ่บรรจุในกองทัพฝร่ังเศส จนกระท่ังประเทศอ่ืน ๆ เลียนแบบและได้พัฒนา มาจนถึงปัจจบุ ันนี้ 2. กำ�เนดิ เหลา่ ทหารปนื ใหญ่ไทย ตน้ กำ� เนดิ ของเหลา่ ทหารปนื ใหญข่ องไทยนน้ั คงเชน่ เดยี วกบั ยทุ ธวธิ กี ารรบแบบ โบราณ กล่าวคอื การใช้ช้างขบั เข้าก่อกวนในแถวทหารข้าศกึ ให้เกดิ ความแตกตนื่ แล้วจงึ ใช้ ทหารบนหลังม้าหรือทหารเดินเท้าเข้าท�ำลายข้าศึก ทหารไทยสมัยโบราณเรียกพวกนี้ว่า เหล่าหัตถานึกหรือเหล่าช้าง ซ่ึงจะมีความมุ่งหมายเดียวกันกับการใช้ปืนใหญ่ในยุคถัดมา นั่นคือ การใช้ปืนใหญ่ที่พัฒนามาเป็นยุคกระสุนดินดำ� ในประวัติศาสตร์กำ� เนิดปืนใหญ่ท่ี ยิงด้วยลูกกระสนุ แท้ ๆ ของไทยน้ันไม่ปรากฏหลกั ฐานว่ามมี าต้งั แต่สมัยใด แต่พงศาวดาร ไทยกลา่ วไวว้ า่ ในสมยั กรงุ สโุ ขทยั ไดม้ ปี นื ใหญป่ ระจำ� ปอ้ มบนเชงิ เทนิ หรอื กำ� แพงเมอื งกนั แลว้ และใช้กันมาจนถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์ จนกระทั่งถึงสมัย ร.5 ทีม่ กี ารปฏิรปู การปกครองครง้ั ใหญ่ ได้เปลย่ี นการฝึกทหารมาเป็นแบบยโุ รป จงึ ต้องมี การเปลยี่ นแปลงอาวธุ ใหท้ นั สมยั ตามประเทศในยโุ รปดว้ ย ปืนใหญ่ในสมยั โบราณของไทย ก็ต้องเปลี่ยนแปลงตามแบบยโุ รปด้วยเช่นกัน ปืนใหญ่แบบที่ใช้ยิงกำ� แพงหรอื ปืนใหญ่ที่ใช้ ต้ังบนกำ� แพงเมอื งแบบเดมิ จงึ ยกเลกิ ต้งั แต่สมัยนน้ั

บทท่ี เหล่าทหารปืนให ่ญ 3 การจดั หนว ยทหารปน ใหญ 1. กล่าวนํา วัตถุประสงค์ของการจัดหน่วยทหารปืนใหญ่สนามเพ่ือตอบสนองความ ต้องการในการจัดก�าลังเข้าท�าการรบให้สามารถสนับสนุนหน่วยด�าเนินกลยุทธ์อย่าง เป็นผล และออมก�าลังหน่วยทหารปืนใหญ่สนามประกอบด้วยส่วนย่อยที่เป็นพ้ืนฐาน 3 ส่วนด้วยกนั คือ ส่วนควบคมุ บังคบั บัญชา ส่วนยงิ และส่วนสนับสนุน การจัดเหล่าน้ี กระทา� ได้ดว้ ยการจดั หน่วยในอตั รา หน่วยบรรจมุ อบ หนว่ ยขน้ึ สมทบ หน่วยขน้ึ ควบคมุ ทางยุทธการ ก. หนว่ ยในอตั รา คอื หนว่ ยทแี่ บง่ มอบไวเ้ ปน็ การถาวรเพอื่ เปน็ สว่ นประกอบ สา� คญั ในการจดั ตง้ั ทางทหาร สว่ นประกอบของหนว่ ยในอตั ราจะแสดงรายละเอยี ดไวใ้ น อตั ราการจดั และยทุ โธปกรณ์ (อจย.) ทเี่ หมาะสม ข. หน่วยบรรจุมอบ คือหน่วยซึ่งสมทบให้กับหน่วยหนึ่งค่อนข้างถาวร ผู้บังคับหน่วยที่รับการบรรจุมอบจะเป็นผู้บังคับบัญชาหน่วยบรรจุมอบเช่นเดียวกับ หน่วยในอตั ราของตน ค. หน่วยขึ้นสมทบ คือหน่วยซึ่งมอบให้กับหน่วยหน่ึงเป็นการชั่วคราวถ้า ไม่มีข้อจ�ากัดจากหน่วยเหนือซึ่งเป็นผู้ออกค�าสั่งการสมทบแล้ว ผู้บังคับหน่วยที่รับการ สมทบจะเป็นผู้บังคับบัญชาหน่วยสมทบเช่นเดียวกับหน่วยในอัตราของตน เว้นการ เลอื่ นยศและการย้ายยงั คงให้หน่วยต้นสังกัดของหน่วยขนึ้ สมทบเป็นผู้พจิ ารณา

4 เหลา่ ทหารปนื ใหญ่ ง. หน่วยขึ้นการควบคุมทางยุทธการ การข้ึนควบคุมทางยุทธการมีลักษณะ เช่นเดียวกับการข้ึนสมทบ เว้นแต่หน่วยท่ีรับการข้ึนควบคุมทางยุทธการไม่ต้องรับผิดชอบ ในเรือ่ งธุรการ และการส่งกำ� ลังบำ� รงุ ให้แก่หน่วยท่ีมาข้นึ ควบคมุ ทางยทุ ธการ 2. การจัดหนว่ ยทหารปืนใหญ่ของกองทพั บกไทย การจดั หนว่ ยปนื ใหญส่ นามของกองทพั บกไทย มปี จั จยั ทนี่ ำ� มาเปน็ ขอ้ พจิ ารณา คอื ภารกจิ และขนาดกวา้ งปากล�ำกลอ้ ง ทง้ั นี้ เพอื่ ใหท้ รงไวซ้ งึ่ ลกั ษณะทางยทุ ธวธิ ขี องทหาร ปืนใหญ่ 3 ประการ คือ อ�ำนาจการยิง ความคล่องแคล่วในการเคลื่อนท่ีและการติดต่อ สื่อสาร อันจะท�ำให้หน่วยปืนใหญ่สนามของ ทบ.ไทย สนับสนุนหน่วยด�ำเนินกลยุทธ์/ กำ� ลงั รบไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธผิ ลและออมกำ� ลงั มากทส่ี ดุ หนว่ ยปืนใหญส่ นามแบง่ การจดั เปน็ 2 ประเภท ใหญ่ ๆ คอื ก. ปืนใหญ่สนามของกองพลด�ำเนินกลยุทธ์ ปัจจบุ นั เป็น กรม ป. ใน อตั รา ของกองพลทหารราบหรอื กองพลทหารม้า 1) กรม ป. ประกอบดว้ ย พนั .ป. ขนาด 105 มม. ทำ� หนา้ ทเ่ี ปน็ พนั .ป. ชว่ ยโดยตรง ตอ่ กรม ร./ม. โดยมจี ำ� นวน พนั .ป.105 มม. เทา่ กบั จำ� นวน กรม ร./ม. ทมี่ ใี น กองพลนนั้ นอกจากนน้ั ใน กรม ป. ของกองพลยงั มี 1 พนั .ป. 155 มม. เพอ่ื ทำ� หนา้ ทเ่ี ปน็ พนั .ป. ชว่ ยสว่ นรวมของกองพล และ 1 พนั .ปตอ. ทำ� หนา้ ทปี่ อ้ งกนั ภยั ทางอากาศของกองพล 2) ปืนใหญ่สนามของกองพล ร./ม. จัดเพื่อให้การสนับสนุนทางภาคพื้น ทงั้ ปวงท่จี ะมใี นกองพลด้วย 3) ปืนใหญ่สนามของ พล.ร. จัดเป็นหน่วยลากจูง (ลจ.) แต่ของ พล.ม. จะจดั เป็นหน่วยอตั ตาจร (อจ.) ข. ปืนใหญ่สนามนอกกองพล เป็นหน่วยปืนใหญ่สนามท่ีจัดไว้ท่ีอื่น ๆ นอก กองพล ร./ม. เชน่ แผนกทหารปนื ใหญข่ องกองทพั ภาค กองพลทหารปนื ใหญ่ เปน็ ตน้ ภารกจิ ทางยุทธวธิ อี าจจะเป็นในรูปสมทบ ทภ. หรอื ไปเพ่ิมเตมิ ก�ำลงั ยงิ กรม ป. ของกองพลก็ได้ ทง้ั นเี้ พอ่ื ให้การใช้ ป. ทางยทุ ธวธิ มี คี วามออ่ นตวั มากยง่ิ ขนึ้ เพราะสถานการณ์รบของแต่ละ กองพลจะมีความหนักเบาไม่เท่ากัน บางกองพลหรือบาง ทภ. อาจจะมีปืนใหญ่ในอัตรา ไมเ่ พยี งพอทจ่ี ะสนบั สนนุ การรบได้ ดงั นนั้ จงึ ตอ้ งมหี นว่ ย ป. นอกกองพลไวแ้ กป้ ญั หาของผบู้ งั คบั บัญชาระดบั สูง

1) แผนกปืนใหญ่ ทภ. ทำ� หน้าท่เี ป็นทป่ี รึกษาของ มทภ. ในกิจการเกีย่ วกบั เห ่ลาทหาร ืปนให ่ญ 5 ทหารปืนใหญ่ยงั ไม่มหี น่วย ป. ของ ทภ. แต่ ทบ. มแี ผนจดั ตัง้ ในอนาคต 2) กองพลทหารปืนใหญ่จะมีโครงสร้างการจัดหน่วยที่อ่อนตัวสอดคล้องกับ ภารกจิ สามารถควบคมุ บงั คับบญั ชากรมทหารปืนใหญ่ 2 - 5 กรม และหน่วยที่มีความ จ�ำเป็นอ่นื ๆ ตามความเหมาะสม 3. กรมทหารปนื ใหญ่ (กรม ป.) กรมทหารปนื ใหญป่ ระกอบดว้ ย กองบงั คบั การและกองรอ้ ยบงั คบั การ, กองพนั ทหารปืนใหญ่ ขนาด 105 มม. จำ� นวน 3 กองพนั , กองพันทหารปืนใหญ่ ขนาด 155 มม. จ�ำนวน 1 กองพนั และ 1 พนั .ปตอ. ซง่ึ เป็นหน่วยในอตั ราของกรมทหารปืนใหญ่ กรมทหาร ปืนใหญ่ จะจัดก�ำลังท�ำการรบเพื่อสนับสนุนการรบของกองพล รับและมอบหมายภารกิจ ทางยทุ ธวธิ ใี ห้กบั หน่วยกองพนั ในอัตราของตน หรอื หน่วยทหารปืนใหญ่ท่มี าสมทบ ก. ภารกิจท�ำการสนับสนุนกองพลด้วยการยิงตัดรอนก�ำลังหรือยิงท�ำลายตาม ล�ำดบั ความเร่งด่วนต่อเป้าหมายต่าง ๆ เพิ่มความลกึ ให้กับสนามรบด้วยการยิงต่อต้าน ป. ข้าศึกและยงิ ท�ำลายกองหนนุ ข้าศกึ ฯลฯ ข. ระบบปืนใหญ่สนามอ่นื ทม่ี ีอยู่ใน กรม ป. ได้แก่ 1) งานแผนทม่ี ขี ดี ความสามารถในการทำ� งานแผนทเี่ พอ่ื ใชก้ ำ� หนดทต่ี ง้ั ป. ซง่ึ มอี ยใู่ น รอ้ ย.บก.กรม ป., รอ้ ย.บก.บร.พนั .ป. และในหมวดเจา้ หนา้ ทก่ี องรอ้ ยของกองรอ้ ยปนื ใหญ่ 2) การคน้ หาเปา้ หมายมอี ตั ราของผตู้ รวจการณอ์ ยใู่ นกองรอ้ ยปนื ใหญแ่ ละ มอี ัตราผู้ตรวจการณ์ทางอากาศอยู่ที่ บก. กรม ป. และ บก.พัน.ป. 3) การอุตุนิยมมีหมู่อุตุนิยม เพื่อให้ได้มาซึ่งข่าวสภาพอากาศอยู่ในอัตรา ของร้อย.บก. กรม ป. 4) ศนู ยอ์ ำ� นวยการยงิ มเี ครอ่ื งมอื และเจา้ หนา้ ทใ่ี นอตั ราถงึ ระดบั กองรอ้ ยปนื ใหญ่ 5) มยี านพาหนะในอตั รามคี วามคลอ่ งแคลว่ เปน็ หนว่ ยลากจงู เคลอ่ื นทดี่ ว้ ย ยานยนต์ได้ 100% 6) การสง่ กำ� ลงั บำ� รงุ กระสนุ และการประกอบเลย้ี งในสนามสามารถกระทำ� ได้ถงึ ระดบั กองร้อยปืนใหญ่ 7) การตดิ ตอ่ สอื่ สารแตล่ ะหนว่ ยใน กรม ป. มเี จา้ หนา้ ทแ่ี ละเครอ่ื งมอื อยใู่ นอตั รา

6 เหลา่ ทหารปนื ใหญ่ บก. และ รอ้ ย.บก. บก. และ รอ้ ย.บก.บร. การจดั กองพลทหารราบ ทบ.ไทย

วิชาเหลา่ ทหารปืนใหญ ่ 401 มม.ลจ. มม.ลจ. การจัด กรม ป.พล.ร./ม. การจดั กรม ป.พล.ร./ม. การจัด กรม ป.พล.ร./ม. เห ่ลาทหาร ืปนให ่ญ 7 การจดั กองพลทหารปืนใหญ่ มม. การจัดกองพลทหารปนื ใหญ่ มม. การจดั กองพลทหารปืนใหญ่

402 วชิ าเหลา่ ทหารปนื ใหญ่ «‘™“‡À≈à“∑À“√ªóπ„À≠à 515 ไ4ท4°ªทตดห.Õนห.óπ ้ ßาเา„4กกอæÀรร°°°อ.องปป—π≠.ÕงไÕืนืนงพ∑ดกกß¿àÀßใพæใÀ้.อันห“πหกæ—งπ“ท√ันญà«ญอกกกพ√°∑หπ—¬งª.ทอันอ่ห‘®่หภÀาพÕ∑ภóπงทนรหนงา“◊Ëπนัพ‡า„ปÀรห√่วพª่วÀรทาันกªืนÊยยากìπ“≠รหนัิจทอóπใรอจิªμ√ปหาปหนื่ท„à®่นื เóπ“ªรเญÀืนปา—¥นืปหป¡„ๆๆ≠รใóπ็นÕÀ่นจ็¿ืนาใปห¬ปัดต≠ปตà‡„หใ“รญืนªŸà„หืนอาÀ√านืปπà™ใญìπ°มย่ญเมใใหà«ป≠Õนืห∑‘®หภู่ใภ¬ญ่เ่จ—μ็นนญ∑—ใÈญßาาบ‚‡àดัห√ทÀอ’ˉร่¥เร∫่ช“ช่ปอ¥ากัตั้งกญπ¬¢่วว่ย“หâ√็นจิลรจิà«μยÕย—∫ู่ใา≈ทน่เทท¬า√ßโนโบข·ไ่ี่วด∑ßด่ีไั้ง°“กออด∫ดาμยหยย“√°ตังจ้รàß้รลทàÕ¡นßตตกับ®ับร¡¬ูงา∑าร่วรารแ°ÕแŸßงÿง∑ งยÀกมขบบ√ยขต∫ต∏ทอ“ท¡จ¢่งุทอ่อ่่ง®«น√งาหมมงูπธ“‘∏ªกงก√กาาอ°อว’·ยรóπ.ขร“รรดบิธบ≈มุทม„ป·ม°น¥ีแจ–Àจท ธ≈ืน√ลรา1∏าา≠หรว¡–.ใ1ะกÿ√ดก0.ิธหา‡แ°ธà0æªีแแ5รญลกุกร“15ป‘Ë¡ลล. กะร√ร0่มืนะ‡ะม∑เมา¡μพเธ5ใรม’Ë พ‘¡หุรปม¡่ิทป“่ิมมก°.ญเ่ี.ส.¡.ตเ”ามาต“่มิ≈รม.ิม√ท—ßก∂าก¬่ีสำ� ร า�‘ßลาถπ„ลมงัสÀ—∫งัยานâ·ยงิ รับ°ใงิถπหใàÀสสÿπหแ้นπนμ้แกุนà«ับกπห่¬ตส่ห‡น∑นÕนนว่Àßเุนย่วอ‰“ย¥ง√â Õ®¬.6-25 æ—π.ª∫§. ¢π“¥ 105 ¡¡. π. 45 (2 æ.§. 29)  . 285 æ. 300 √«¡ 630 8 เหลา่ ทหารปนื ใหญ่ ∫°.æ—π. ·≈– √âÕ¬.∫°.∫√. √âÕ¬.ª∫§.95 ¢π“¥ 105 ¡¡. (ª.6 °√–∫Õ°) กา°ร“จ√®ดั —¥พæนั π— .ป.ªบ∫ค§..ข¢นπา“ด¥ 110055 ม¡¡ม..

วชิ าเหล่าทหารปืนใหญ ่ 403 516 «‘™“‡À≈“à ∑À“√ªóπ„À≠à 5. กองรอ้ ยทหารปนื ใหญเ่ บาลากจูง ขนาด 105 มม. 5. °5.Õßก√อâÕงกร¬้ออ∑ยงทÀรห“้อา√ยรªปทืนπóหใ„าหÀรญป≠่เบนื à‡าใ∫ลหา“ญก≈จเ่“บูง°า®ขลนߟาาก¢ดจπ1งู 0“5ข¥นม1าม0ด. 5เป1¡็น0ห¡5น.ม่วยมท.างยุทธวิธีที่เล็กท่ีสุด °1 À0ขทเก““ท1เร¡จข5้อ0¡√นา่ีสีส่«้า้า5‡ยร“า¥ุดา°§หปเ¡,√ดมม‡คทÕ≈นะ®∂¡สมาลßี่ส◊ËÕท้าâ“ 1่ว√.ร.อื่าπทÀะ0πâÕถนสนม5∑ก่ีπ ¬—∫สยปาทาอ’ˇⓓ∑มนงิ กรม¢รเ่ีง∑¡แขะÀาบัถπอâ“มร’Ë°ลก“รา้“สªงÿπส้อ.ถปÕ√ะอร√นยน–μ∂จส้อªหßะบ∑ับ,นุ—«√ดั®ายทมóπด‡–สâÕสตม—¥เทÕะู่ต„้วป่ว¬นัวÀา‡ßหยรนน็ªปเ,ªุ‰ร≠วอาส¥ยถก ìรπ√ตจรง่วะâà‡งิจอ–à«ป°กัวไ∫นกแπ°ดังด‡เÕาืนª“สออลรÕ¬เ้รßใ≈อ้ปา�งบìπเะณ∫‘ß√หปยไ“ค็นห·ÀดâÕ¥ดญ็น°์ัญก≈มว้ปπ¬â้«®หยอ่เ–ู่ตà«.¬เบŸßน5Àปสงแ¬ร ªาร่ววว่¡ย็น„สà«ล้อ.ยจπนกàŸμห¢่วπายกใสÕเนπ√·น กนฉา—«μำ�¬“่วปจ”พอรไค®√¥ย°§ดูงณ.ัตา“°ญั ใ‡—้แ≠ะร¢แ“©ขน์1กาสÕ√ยæน50อข่≥นßก5บาัต“5สอ°บัเดå–กรงว่ฉÕ¡สา ก.น พßร¡1นขπอ้อàæ«า0.ไอนุ ง—∫πย5ะด—πงหพ‡.ส แ้∑ªก,มนนั นกπ‰อหÀìπวม่ท¥่ับÿπงม“Àบย.â·หพส√Àู่สπดก°เาªันนπปูทา�à«.รàรóπนุทเଫก็นปอ้น∫„หห¬∑รหืนยนÀิ°ร¥นา“น.ใก≠ม,.รß”ห่ว√่วลหป,¬‡âยÕà‡หญยπย∫มืนÿ∑ด¬มทท‘ุπ่เส่“ูใ∏.�ำบวา,หธ≈°ทู«เดงานใ์ญ‘∏“≈กยÀนลเิน°’∑จ¬รุท¡่เาก®กร’ˇ้าบÿ∑ธก≈àŸ ามŸßลหา∏วจรÁ°Ÿ∑,ยนลåเธิ„ูง∑หค°¢πทุา้าีท’Ë √ลมπขกทธ°่เี √ÿ¥ลอื่วน“์ใจีก่“¡นด∑นก็¥าูง√อ,ท’Ëดง่ี Õ®¬. 6-27 (2 æ.§. 29) °Õß√âÕ¬ ª∫§.105 π. 7/  . 60 æ. 79 √«¡ 146 ∫°.√Õâ ¬. À¡«¥‡®“â Àπ“â ∑°’Ë Õß√Õâ ¬ À¡Ÿà ∑Ÿ °√√¡  à«π¬‘ß À¡àŸμ√«®°“√≥åÀπâ“ À¡àŸ·ºπ∑’Ë À¡àŸ ◊ËÕ “√ ∫°. à«π¬‘ß À¡Ÿà ª. À¡àŸ ° . เห ่ลาทหาร ืปนให ่ญ 9 ผºัง—ßก°า“ร√จ®ัด¥— ก°อÕงßร√้อÕâ ย¬ ปª∫บ§ค..110055¡ม¡ม. . ∫∑∑’Ë 43 516 07/29/1918, 08:26 AM

404 วิชาเหลา่ ทหารปืนใหญ่ «™‘ “‡À≈à“∑À“√ªπó „À≠à 517 6. กองพนั ทหารปืนใหญก่ ลางลากจงู ขนาด 155 มม. ไ6ด.้รับ6°แ.บÕเ่งปßม็นæอหบ—πกเนปภ่ว∑อน็ ายงหÀรใพนกน“ว่ิจอัน√ยชัตªใท่วรนยาหóπอขสาตั„อ่วรรÀงนาปกข≠รรนืวอมมงà°ใกทหใ≈รหหญม“้แาทßรก่กหป≈่กลาืนอ“ราใงป°หพงนื ®ญลลใŸßหทา่ใญนกห¢ขาใ่จπอนรูงรงข“ากอข¥บองนกหง1าพอร5งดือลพ5เทพ1ลห¡่ิมท5าหเ5¡รตาริม.รามรกบมา�าบ.ลสสัง่วยว่ นนิงใใหหญ้แญก่แแ่ ่หลลน้วว้ ่วจจยะะ ทไหดา้รรับ‡ปªแืนìπบใÀห่งπมญà«อ¬่สบ„นภπาาÕมร—μอก√นื่ิจ“ช¢ๆ่วÕยßส°่ว√น¡ร∑วÀม“ใ√หª้แóπก„่กÀอ≠งพà„πล¢ทÕหßา°รÕรßาæบ≈ห∑รือÀเ“พ√่ิม√“เต∫ิมก �ำลà«πังย„Àิงใ≠หà·้แ≈กâ«่ห®น–่ว‰ย¥â √∑ท—∫Àห·“า∫√รªàßปóπ¡ืน„ÕใÀ∫ห≠¿ญà “่สπ√น°“า‘®¡ม™Õอà«◊Ëπน่ื¬Ê ๆà«π√«¡„Àâ·°à°Õßæ≈∑À“√√“∫À√◊Õ‡æ‘Ë¡‡μ‘¡°”≈—߬‘ß„Àâ·°àÀπ૬ Õ®¬. 6-135 (23 μ.§. 31) °Õßæ—π∑À“√ªóπ„À≠à°≈“ß≈“°®Ÿß π. 39  . 270 æ. 321 รวม 630 °Õß∫—ߧ—∫°“√°Õßæ—π·≈– °Õß√âÕ¬∫√‘°“√ °Õß√âÕ¬°Õß∫—ߧ—∫การ °Õß√âÕ¬ªóπ„À≠à°≈“ß≈“°®Ÿß 10 เหลา่ ทหารปนื ใหญ่ ผºงั ß—ก°า“ร√จ®ัด—¥ก°อÕงßพæนั π— ท∑หÀา“ร√'ªปóπืน„ใÀห≠ญà°ก่ ≈ล“าßง≈ล“า°ก®จߟ ูง11555¡ม¡ม. .

วิชาเหลา่ ทหารปนื ใหญ่ 405 518 «™‘ “‡À≈à“∑À“√ªóπ„À≠à ขนาด 155 มม. 7. กองร้อยทหารปืนใหญก่ ลางลากจงู 7 สก7”.สบอ�า.§ ว่คำ�งก—≠นรร°‡ญั ªง้อุอสÕกìπยำ�5ง5อเßคÀปรง√ ญัπส็นรอ้ âÕà«่วอà«้หπยน¬ยเ5¬นป„ท่ว∑πนค็§สยหอืหÕ◊Õว่Àใน—μนานก“°√ว่รออ√“Õคยปตั ¢งߪอใื รบน∫Õนื าπó ังßอก—ßขใค°§ตัอ„อหÕับ—∫รงÀงาßบกญ°ก≠æขงัา“ออค—πร่ก√ง°àงกบั°∑พลกอ≈ÕกÀนัองาßา““ทงร√รง√พß้อâÕหกลª≈นยั¬อาóπา,ทร,ง“„ปกรหห°ÀÀอ้ นืามจ¡≠ย®รใู่สูงŸà ,ปหŸßà°ทู ∑Ÿนหืญ≈ขก¢°ใม“ก่รนห√πสßู่รล√ญมทาู¡“า¢กด,ก่,ง¥πรลห Àขร“า1ม1มน¡¥ง5ู่ส5,าŸà ขอื่5ด51◊ËÕหนส 5 ม1ม5าา¡“5สู่ดร5√ม¡อ่ื,¡,1สม.ส¡. 5าม่ว.5à«รน.,πªมปย°ส√มริง–“ว่ะ,.°น√กปห¬Õยอรม‘ß∫งิบะ,ู่ซ,¥กด่อÀหâ«อ้วม¡¬มบยบŸà´ ซู่ดส�าàÕอà«่ว้่วร¡πมยนงุ ∫”√ÿß°Õß√âÕ¬ น. 4 ส. 47 พ. 82 อจย. 6-137 °Õß√âÕ¬ªóπ„À≠à°≈“ß รวม 133 (23 ต.ค. 31) °Õß∫—ߧ—∫°“√ À¡àŸ ∑Ÿ °√√¡  à«π¬‘ß À¡àŸ ◊ËÕ “√ À¡Ÿà´àÕ¡ °Õß√âÕ¬ ∫”√ÿß°Õß√âÕ¬ °Õß∫—ߧ—∫°“√ À¡ªŸà πó À¡àŸ°√– ÿπ เห ่ลาทหาร ืปนให ่ญ 11  à«π¬‘ß º—ß°“√®¥— °Õผผßงั √ังกÕâกา¬ารรªจจπóดั ดั „กกÀออ≠งงร°à ร้อ≈้อย“ยปßป≈นื นื“ใ°ใหห®ญߟญ่กÕ่กล®ลา¬าง.งล6ลา-า4กก2จ7จูงงู (6 æ.§. 31)

12 เหลา่ ทหารปนื ใหญ่ บทท่ี คุณลักษณะของทหารปนื ใหญส่ นาม 1. ภารกิจโดยทั่วไปของทหารปืนใหญ่สนาม ก. ภารกจิ โดยทวั่ ไปของทหารปนื ใหญส่ นาม คอื การจดั ใหม้ กี ารยงิ สนบั สนนุ แกห่ นว่ ยก�ำลงั รบ/ดำ� เนนิ กลยทุ ธอ์ ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง แมน่ ย�ำ และทนั เวลา ดว้ ยการยงิ ท�ำลาย ยิงตัดรอนก�ำลัง และยิงข่มด้วยปืนใหญ่ประเภทล�ำกล้องและ/หรืออาวุธส่งตามล�ำดับ ความเร่งด่วนต่อเป้าหมาย ต่าง ๆ ท่ีขัดขวางต่อความสำ� เร็จในภารกจิ ของหน่วยด�ำเนนิ กลยทุ ธ์ท่ีรบั การสนบั สนนุ ข. พนั ธกจิ การทจี่ ะประสบความสำ� เรจ็ ในภารกจิ ทก่ี ล่าวมาแล้วนนั้ ทหาร ปืนใหญ่จะต้อง 1) สนบั สนนุ หนว่ ยดำ� เนนิ กลยทุ ธด์ ว้ ยการยงิ อยา่ งใกลช้ ดิ อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง แม่นย�ำ และทนั เวลา 2) ทำ� การยิงต่อต้านปืนใหญ่ข้าศึกและระบบค้นหาเป้าหมายของข้าศึก ด้วยการปฏบิ ตั ิ อย่างเตม็ ขดี ความสามารถของระบบอาวธุ ทุกชนิด 3) เพิ่มความลึกในการรบด้วยการยิงไปยังที่ตั้งส่งก�ำลังบ�ำรุง กองหนุน ท่ีบงั คบั การ และเป้าหมายอ่นื ๆ บริเวณพ้ืนทท่ี มี่ อี ทิ ธิพลต่อการรบ 4) วางแผนและประสานการยิงในการใช้อาวุธยิงสนับสนุนอื่น ๆ เช่น การระดมยงิ ด้วยปืนเรอื การสนบั สนุนทางอากาศใกล้ชดิ (ของ ทอ.) การใช้ บ.ปีกหมนุ โจมตี (ของ ทบ.) ฯลฯ อนั จะทำ� ใหก้ ารวางแผนการใชอ้ าวธุ ยงิ สนบั สนนุ ทง้ั สน้ิ ในสนามรบ มเี อกภาพเป็นไปในแนวทางเดยี วกัน

2. ระบบอาวธุ ของทหารปืนใหญส่ นาม เห ่ลาทหาร ืปนให ่ญ 13 ระบบอาวุธของทหารปืนใหญ่สนามประกอบด้วย องค์ประกอบส�ำคัญ 4 ประการ ไดแ้ ก่ การคน้ หาเปา้ หมาย, การอำ� นวยการยงิ , ระบบอาวธุ -กระสนุ และการควบคมุ บงั คบั บัญชา ทจ่ี ะอธบิ ายพอสงั เขปได้ดังนี้ ก. การค้นหาเป้าหมาย การค้นหาเป้าหมายเป็นการตรวจจับ พิสูจน์ฝ่าย และก�ำหนดท่ีตั้งเป้าหมายอันจ�ำเป็นท่ีจะท�ำให้การโจมตีเป้าหมายเหล่าน้ันได้อย่างมี ประสิทธิภาพ เคร่ืองมือค้นหาเป้าหมายท่ีมีอยู่ในความควบคุมของทหารปืนใหญ่ ได้แก่ ผตู้ รวจการณท์ างพน้ื ดนิ ผตู้ รวจการณท์ างอากาศ เรดารต์ รวจจบั การยงิ ป. และ ค. เปน็ ตน้ ข. การอำ� นวยการยงิ การอำ� นวยการยงิ คอื กรรมวธิ ที เี่ ปลย่ี นขอ้ มลู ทม่ี าจาก องคก์ ารตา่ ง ๆ ในระบบการคน้ หาเปา้ หมาย หรอื นโยบายของผบู้ งั คบั บญั ชาใหเ้ ปน็ หลกั ฐาน ยงิ ทถี่ กู ตอ้ ง รวดเรว็ และทนั เวลา เพอ่ื สง่ หลกั ฐานเหลา่ นนั้ (คำ� สงั่ ยงิ ) ไปยงั ระบบอาวธุ ใหท้ ำ� การ โจมตี การอำ� นวยการยงิ ทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพ จะตอ้ งประกอบดว้ ยสง่ิ สำ� คญั ดงั ตอ่ ไปนี้ 1) การแก้ปัญหาทางหลกั ยงิ 2) ระบบงานแผนท่ปี ืนใหญ่สนาม 3) การอตุ ุนยิ มวิทยาปืนใหญ่ 4) การวเิ คราะห์เป้าหมาย ค. ระบบอาวุธ-กระสุน ระบบอาวุธ-กระสุนเป็นตัวกลางท่ีส�ำคัญที่จะท�ำให้ การใชป้ นื ใหญส่ นามบรรลผุ ลสำ� เรจ็ ในภารกจิ ทผี่ บู้ งั คบั บญั ชาตอ้ งการ อนั รวมถงึ การใชอ้ าวธุ และกระสุนของทหารปืนใหญ่อย่างเหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการของหน่วยรับ การสนับสนุนและสถานการณ์ท่ีเปลี่ยนไป รวมถึงการยิงปืนใหญ่ด้วยมุมเล็กและมุมใหญ่ การยงิ อาวธุ สง่ ดว้ ยชนดิ /ขนาดของกระสนุ อยา่ งเหมาะสม ตามความสามารถของระบบอาวธุ ต่าง ๆ ท่กี องทัพบกมใี ช้อยู่ปัจจบุ นั ง. การควบคุมบังคบั บญั ชา การควบคุมบงั คบั บญั ชาทหารปืนใหญ่เป็นวธิ ี การทจ่ี ำ� เปน็ ทจี่ ะทำ� ใหก้ ารใชป้ นื ใหญส่ นามตรงกบั แนวความคดิ และหลกั นยิ มในการรบของ ฝา่ ยเรา สง่ิ ตา่ ง ๆ เหลา่ นจี้ ะถกู กำ� หนดขนึ้ ในรปู แบบของหลกั ทางยทุ ธวธิ แี ละหลกั ทางเทคนคิ ของทหารปนื ใหญ่ สนามอนั จะทำ� ใหเ้ กดิ ความเชอื่ มน่ั ในการตอบสนองอยา่ งทนั เวลาตอ่ เนอ่ื ง และแม่นย�ำในผลการยงิ ทีม่ ปี ระสิทธิภาพให้แก่หน่วยด�ำเนินกลยทุ ธ์

14 เหลา่ ทหารปนื ใหญ่ 3. การแบ่งประเภทอาวุธปืนใหญส่ นาม การแบง่ ประเภทอาวธุ ปนื ใหญส่ นาม เปน็ ขอ้ ตกลงทนี่ ำ� มาใชเ้ ปน็ แนวทางสำ� หรบั การ เรยี กชอื่ การแบง่ ประเภท การจดั หนว่ ยปนื ใหญช่ นดิ ตา่ ง ๆ ในการแบง่ ประเภทปนื ใหญส่ นาม สามารถพจิ ารณาออกไดเ้ ปน็ 2 ลกั ษณะ ไดแ้ ก่ ก. การแบง่ ประเภทปนื ใหญส่ นามตามลกั ษณะอาวธุ ข. การแบง่ ประเภทปนื ใหญส่ นามตามวธิ กี ารขนสง่ 3.1 การแบง่ ประเภทปนื ใหญส่ นามตามลกั ษณะอาวธุ การแบ่งประเภทปืนใหญ่สนามตามลักษณะอาวุธ สามารถแบ่งออกเป็น 2 อย่าง คอื ก. ประเภทปนื ใหญส่ นามลำ� กล้อง ปืนใหญ่สนามลำ� กล้อง แบ่งออกได้เป็น 2 แบบ คือ 1) ปนื ใหญก่ ระสนุ วถิ รี าบ (ปร.) ปนื ใหญก่ ระสนุ วถิ รี าบ คอื ปนื ใหญท่ มี่ ี ลำ� กลอ้ งคอ่ นขา้ งยาว คอื ยาวมากกวา่ 30 เทา่ ของความกวา้ งปากลำ� กลอ้ ง (CALIBER) ทำ� การ ยงิ ดว้ ยมมุ คอ่ นขา้ งเลก็ และมคี วามเรว็ ตน้ ของลกู กระสนุ สงู 2) ปนื ใหญก่ ระสนุ วถิ โี คง้ (ปค.) ปนื ใหญก่ ระสนุ วถิ โี คง้ คอื ป.ทม่ี คี วามยาว ล�ำกล้องปานกลางระหว่าง 20 - 30 เท่าของความกว้างปากลำ� กล้อง ท�ำการยิงด้วยมุม คอ่ นขา้ งใหญ่ และมคี วามเรว็ ตน้ ของลกู กระสนุ ปานกลาง นอกจากนี้แล้วปืนใหญ่ล�ำกล้องจะแบ่งขนาดตามความกว้างของล�ำกล้องเพื่อ ใชป้ ระกอบการแบง่ ประเภททก่ี ลา่ วมาแลว้ ไดด้ งั นคี้ อื ปนื ใหญเ่ บา ขนาดกวา้ งปากลำ� กลอ้ ง 120 มม. หรอื เล็กกว่าปืนใหญ่กลาง ขนาดกว้างปากลำ� กล้อง 121 - 160 มม. ปืนใหญ่หนัก ขนาดกวา้ งปากลำ� กลอ้ ง 161 - 210 มม. ปนื ใหญห่ นกั มาก ขนาดกวา้ งปากล�ำกลอ้ งมากกวา่ 210 มม. หมายเหตุ นอกจากการแบง่ ขนาดของ ป. ดว้ ยการยกเอาขนาดกวา้ งปากลำ� กลอ้ ง มาเปรยี บเทยี บกนั แลว้ ในบางกรณี ยงั เอานำ้� หนกั ของตวั ปนื และรถรองปนื มาใชเ้ ปรยี บเทยี บได้ เชน่ กนั เชน่ ปนร.20 ปนื ใหญก่ ระสนุ วถิ รี าบ 20 ขนาด 155 มม. แบบ M 71 นน้ั ทถี่ อื วา่ เปน็ ปนื ใหญห่ นกั เพราะรถรองปนื มขี นาดนำ�้ หนกั “หนกั ” เมอ่ื เปรยี บเทยี บกบั ปนื ประเภทอน่ื ๆ ของ ทบ.ไทยในปัจจบุ นั

ข. อาวุธส่ง การแบ่งประเภทของอาวุธส่ง สามารถพิจารณาแบ่งออกเป็น 2 เห ่ลาทหาร ืปนให ่ญ 15 ลกั ษณะ คอื 1) การพจิ ารณาอาวธุ สง่ ตามแบบท่ีสร้าง ก) จรวด (ROCKET) คอื อาวธุ สง่ ทเี่ ลง็ ไปยงั เปา้ หมาย ดว้ ยการกำ� หนด ระยะยงิ และทศิ ทางจากฐานส่ง (LAUNCHER) เมือ่ ยิงไปแล้วไม่สามารถบงั คบั ทศิ ทางได้ ข) อาวธุ นำ� วถิ ี (GUIDED MISSILE) คอื อาวธุ สง่ ทสี่ ามารถปรบั วถิ ใี ห้ เข้าหาทห่ี มายขณะท่รี ่อนอยู่บนอากาศ 2) การพิจารณาอาวุธส่งตามระยะยิง นอกจากพิจารณาแบ่งประเภท อาวธุ สง่ ตามแบบทสี่ รา้ งแลว้ ยงั แบง่ ประเภทอาวธุ สง่ ตามระยะยงิ ของจรวดและอาวธุ นำ� วถิ ี ดังต่อไปน้ี คอื ก) จรวด จรวดระยะยงิ ใกล้มีระยะยงิ น้อยกว่า 30 กม. จรวดระยะยงิ ไกลมีระยะยงิ ตง้ั แต่ 30 กม. หรือมากกว่า ข) อาวธุ นำ� วิถี อาวุธนำ� วถิ รี ะยะยงิ ใกล้ มรี ะยะยิงน้อยกว่า 100 กม. อาวธุ นำ� วิถรี ะยะยงิ ปานกลาง มรี ะยะยงิ ตง้ั แต่ 100 กม. แต่น้อยกว่า 500 กม. อาวธุ นำ� วถิ รี ะยะยงิ ไกล มรี ะยะยงิ ตงั้ แต่ 500 กม. หรอื มากกวา่ 3.2 การแบง่ ประเภทปนื ใหญส่ นามตามแบบวธิ กี ารขนสง่ การแบ่งประเภท ปืนใหญ่สนามตามแบบวธิ กี ารขนส่ง สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 อย่าง คอื ก. ปืนใหญ่ประเภทลากจูง (ลจ.) ปืนใหญ่ประเภทลากจูงเป็นอาวุธท่ี ติดต้ังอยู่บนรถรองล�ำกล้องปืนที่ออกแบบให้เคล่ือนท่ีไปด้วยการลากจูง หรือบรรทุกด้วย หน่วยกำ� ลังขบั เคลอ่ื นท่ี แยกจากรถรองปืนต่างหาก ข. ปนื ใหญป่ ระเภทอตั ตาจร (อจ.) ปืนใหญป่ ระเภทอตั ตาจร คอื ปนื ใหญ่ ท่ีตวั อาวธุ ติดตง้ั อยู่บนรถรองล�ำกล้องปืน ซึ่งมีพลงั ขับเคล่อื นส�ำหรับตนเองและอาวุธ หมายเหตุ ส�ำหรบั ป. ประเภทลากจูงซ่งึ มีเครอ่ื งยนต์ผลักดนั เสรมิ ขนาดเล็ก ท่ีใช้ขบั เคล่อื นรถรองปืนระยะใกล้ยงั คงถอื ว่าเป็น ป. ประเภทลากจูง

16 เหลา่ ทหารปนื ใหญ่ 4. ขดี ความสามารถและขีดจ�ำ กัดของปนื ใหญ่สนาม ทหารปืนใหญ่สนามเป็นก�ำลังหลักของกองทัพบก ส�ำหรับการยิงต่อเป้าหมาย ตา่ ง ๆ บนผวิ พนื้ การยทุ ธข์ องปนื ใหญส่ นามกค็ อื การปฏบิ ตั กิ ารรบของหนว่ ยทหารปนื ใหญ่ สนามต่าง ๆ ในการสนับสนนุ กำ� ลังรบอ่ืน ๆ โดยทหารปืนใหญ่จะต้องเตรียมท่ีจะทำ� การยงิ สนบั สนนุ ภายใต้ สภาพสงครามท้งั ปวง คือ ท้ังสภาพสงครามนวิ เคลียร์และไม่ใช่สงคราม นิวเคลียร์ และสภาพสงครามเคม-ี ชีวะ การที่จะท�ำการยิงสนับสนุนอย่างทันเวลา ต่อเน่ืองและแม่นย�ำให้บรรลุความ ส�ำเร็จในภารกิจที่กล่าวมาแล้วนั้น เจ้าหน้าท่ีท่ีเกี่ยวข้องกับการยุทธ์ของทหารปืนใหญ่จะ ต้องทราบขดี ความสามารถและขดี จ�ำกัดของทหารปืนใหญ่สนาม ดงั ต่อไปนเ้ี ป็นอย่างดี ก. ขดี ความสามารถ 1) สามารถทำ� การยงิ ได้ทกุ สภาพลมฟ้าอากาศและสภาพภูมปิ ระเทศ 2) สามารถย้ายยิงและรวมอ�ำนาจการยิงได้อย่างรวดเร็วโดยไม่จ�ำเป็น ตอ้ งเปลย่ี นท่ตี ั้งยิง 3) เพิ่มความลกึ ให้กับสนามรบ 4) สามารถทำ� การยงิ ด้วยชนวน/กระสุนหลายชนิดผสมกัน 5) สามารถยงิ นวิ เคลียร์และเคม-ี ชวี ะ 6) สามารถส่องสว่างสนามรบ 7) สามารถท�ำการยงิ สนบั สนุนได้อย่างต่อเนือ่ ง ด้วยวิธกี ารการเปลี่ยนท่ตี ง้ั อย่างเหมาะสม 8) สามารถเคล่อื นทไ่ี ด้เท่ากบั หน่วยรบั การสนับสนุน 9) สามารถท�ำการยิงต่อต้านปืนใหญ่ข้าศึกและยิงข่มต่ออาวุธท่ีขัดขวาง ความสำ� เรจ็ ในการบรรลภุ ารกจิ ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ เมอื่ เปรยี บเทยี บกบั ระบบอาวธุ ยงิ สนบั สนนุ อนื่ ๆ ข. ขีดจ�ำกดั 1) มีประสิทธิภาพในการป้องกันตนเองจ�ำกัดต่อการโจมตีทางพ้ืนดินและ ทางอากาศ และสภาพภมู ปิ ระเทศ 2) ขีดความสามารถในการท�ำลายเป้าหมายเป็นจุดมีจ�ำกัดหากปราศจาก กระสุนท่ีออกแบบมาโดยเฉพาะ

3) การยงิ ปนื ใหญส่ รา้ งจดุ ออ่ นทจ่ี ะถกู ตรวจจบั จากเครอ่ื งมอื คน้ หาเปา้ หมาย เห ่ลาทหาร ืปนให ่ญ 17 ของฝ่ายตรงข้าม 4) ประสิทธภิ าพในการโจมตเี ป้าหมายเคลื่อนท่มี ีจ�ำกัด 5) การยงิ ทไ่ี ม่มีการตรวจการณ์ได้ผลน้อยในภมู ิประเทศท่เี ป็นภูเขา 6) เคล่อื นทย่ี ากในภูมิประเทศทรุ กันดาร 7) เกณฑ์สิ้นเปลอื งในการใช้กระสนุ สูง 8) การตอบสนองการยงิ ใหก้ บั หนว่ ยรบั การสนบั สนนุ จำ� กดั ดว้ ยจำ� นวนหนว่ ยยงิ 5. การยงิ สนับสนนุ ของทหารปนื ใหญ่สนาม ตามทไี่ ดท้ ราบแลว้ วา่ ภารกจิ ของทหารปนื ใหญ่ คอื การยงิ สนบั สนนุ ใหก้ บั หนว่ ย ด�ำเนินกลยทุ ธ์อย่างต่อเน่อื ง แม่นยำ� และทนั เวลา ด้วยการยิงทำ� ลาย ยิงตดั รอนกำ� ลงั และ ยงิ ขม่ ดว้ ยปนื ใหญป่ ระเภทลำ� กลอ้ งและอาวธุ สง่ ตามลำ� ดบั ความเรง่ ดว่ นตอ่ เปา้ หมายตา่ ง ๆ ที่ขัดขวาง ความส�ำเร็จในการปฏิบัติภารกิจของหน่วยด�ำเนินกลยุทธ์ท่ีขอรับการสนับสนุน และอาวุธปืนใหญ่เป็นอาวุธที่มีอ�ำนาจในการท�ำลายสงู จึงเป็นอาวุธหลักในการยิงท�ำลาย ท่ที �ำให้ข้าศกึ เกิดการสูญเสยี เกิดการระส่าํ ระสายอ่อนกำ� ลัง เสยี ขวัญ อนั เป็นผลให้หน่วย ดำ� เนนิ กลยทุ ธ์เขา้ ดำ� เนนิ การตามภารกจิ การรบไดป้ ระสบผลสำ� เรจ็ และประกาศชยั ชนะได้ ดงั น้นั บทบาทของทหารปืนใหญ่ในการรบน้ันมีหลายลกั ษณะด้วยกัน คอื 1. การยิงปืนใหญ่สนบั สนนุ การรบด้วยวิธรี ุก 2. การยงิ ปืนใหญ่สนบั สนนุ การรบด้วยวธิ ีรบั 3. การยิงปืนใหญ่สนบั สนุนการรบด้วยวิธรี ่นถอย 4. การยิงปืนใหญ่ในการสนบั สนนุ การรบนอกแบบ 5. การยงิ ปืนใหญ่ในการสนบั สนนุ ประเภทอ่ืน ๆ 5.1 การยิงปืนใหญ่สนับสนุนการรบด้วยวิธีรุก การรบด้วยวิธีรุกจะสำ� เร็จ ลงได้ย่อมจะต้องอาศัยอำ� นาจการยิงของทหารปืนใหญ่ท่ีสอดคล้องกับแผนดำ� เนินกลยุทธ์ ของหน่วย รับการสนับสนุนซึ่งจะประกอบไปด้วยการยิงก่อนการยิงเตรียม การยิงเตรียม การยงิ ระหว่างการเข้าตี

18 เหลา่ ทหารปนื ใหญ่ ก. การยงิ กอ่ นการยงิ เตรยี ม คอื การยงิ คมุ้ ครองการจดั รปู ขบวนของฝา่ ยเรา ข. การยิงเตรียม คือ การยิงอย่างหนาแน่นตามที่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า โดยท�ำการยิงตามตารางเวลาเพ่ือสนับสนุนการเข้าตีของฝ่ายเรา ตามปกติปืนใหญ่จะเร่ิม ท�ำการยิงก่อนเวลา น. แล้วไปจบหลังเวลา น.เล็กน้อย นั่นคือ การยิงก่อนหน่วยด�ำเนิน กลยุทธ์ผ่านแนวออกตีหรือผ่านแนวออกตีเล็กน้อย หรืออาจเริ่มการยิงตามเวลาที่ก�ำหนด หรอื รอ้ งขอกไ็ ดแ้ ตต่ อ้ งพจิ ารณาวา่ เวลา ทท่ี �ำการยงิ นน้ั ไมเ่ ปน็ อนั ตรายกบั ทหารฝา่ ยเดยี วกนั โดยจะแบ่งขน้ั การยงิ ออกเป็น 3 ข้นั ด้วยกัน คือ ข้ันที่ 1 ทำ� การยงิ ต่อระบบอาวธุ ยงิ สนับสนนุ และระบบตรวจการณ์ของ ข้าศึก ข้ันที่ 2 ท�ำการยิงต่อท่ีบังคับการ องค์การติดต่อสื่อสาร ท่ีรวมพลและ กองหนุนของข้าศึก ขั้นท่ี 3 ทำ� การยงิ ตอ่ ขา้ ศกึ สว่ นหนา้ บนแนวตงั้ รบั ของขา้ ศกึ และเปา้ หมาย ทีข่ ดั ขวางภารกจิ การเข้าตขี องฝ่ายเรา ค. การยงิ ระหวา่ งการเขา้ ตี คอื การยงิ เมอื่ หนว่ ยด�ำเนนิ กลยทุ ธผ์ า่ นแนวออก ตีแล้ว โดยท�ำการยิงลงบนท่ีหมายท่ีพื้นตัวจากการยิงเตรียม การยิงต่ออาวุธเล็งตรงของ ขา้ ศกึ ทข่ี ดั ขวางหนว่ ยด�ำเนนิ กลยทุ ธแ์ ละท�ำการยงิ หลงั ทหี่ มาย, ขา้ ง ๆ ทหี่ มาย เพอ่ื ปอ้ งกนั การเพิ่มเติมก�ำลังและการตีโต้ตอบของข้าศึก และสนับสนุนให้แก่หน่วยเข้าตีที่ยึดที่หมาย ได้แล้วสามารถเสรมิ ความมน่ั คง และจดั ระเบยี บใหม่ ณ ทหี่ มาย 5.2 การยงิ ปนื ใหญส่ นบั สนนุ การรบดว้ ยวธิ รี บั คอื การยงิ สนบั สนนุ การตง้ั รบั ของหน่วยด�ำเนินกลยุทธ์ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งรับแบบยึดพื้นท่ีหรือการตั้งรับแบบคล่องตัว การตงั้ รบั จะบรรลผุ ลไดข้ น้ึ อยกู่ บั อำ� นาจการยงิ สนบั สนนุ ทจี่ ะทำ� ลายหรอื กบั ยงั้ การเขา้ ตขี อง ข้าศกึ มากน้อยเพยี งใด การยงิ ประกอบด้วย 5.2.1 การยิงก่อนข้าศกึ จัดรปู ขบวนเข้าตี ได้แก่ การยงิ ลึกเข้าไปในพน้ื ทีต่ ง้ั ของข้าศกึ เรยี กว่าการยงิ รบกวนและขดั ขวาง การยิงต่อต้าน ป. และ ค. ข้าศึก ทั้งนี้เพื่อ สนับสนุนหน่วยในพน้ื ท่รี ะวงั ป้องกัน 5.2.2 การยิงหลังจากข้าศึกจัดรูปขบวนเข้าตี คือการยิงทำ� ลายการเตรียม ซง่ึ เปน็ การยงิ อยา่ งหนาแนน่ ตามตารางเวลาทว่ี างแผนไวล้ ว่ งหนา้ เชน่ เดยี วกบั การยงิ เตรยี ม โดยแบ่งขนั้ การยงิ ออกเป็น 2 ข้นั คอื

ขนั้ ท่ี 1 ทำ� การยงิ ตอ่ ขา้ ศกึ สว่ นหนา้ ทต่ี งั้ อาวธุ ยงิ สนบั สนนุ และระบบการ เห ่ลาทหาร ืปนให ่ญ 19 ตรวจการณ์ของข้าศกึ ข้นั ที่ 2 ท�ำการยงิ ต่อท่บี ังคบั การ ระบบการติดต่อสื่อสาร, กองหนนุ ของ ข้าศึกและส่วนหลงั ของข้าศกึ ทเ่ี หลือ 5.2.3 การยิงระหว่างข้าศึกเข้าตี คือ การยิงทำ� ลายรูปขบวนการเข้าตีของ ข้าศกึ และจำ� กดั การเข้าตเี จาะต่อพน้ื ท่ีต้ังรับของฝ่ายเรา 5.2.4 การยงิ สนบั สนนุ การตโี ตต้ อบ คอื การยงิ เพอ่ื ยบั ยง้ั การเจาะของขา้ ศกึ ท�ำลายข้าศกึ ในพื้นท่โี จมตแี ละป้องกันการเพ่มิ เติมก�ำลังของข้าศกึ 5.3 การยงิ ปนื ใหญส่ นบั สนนุ การรบดว้ ยวธิ รี น่ ถอย คอื การยงิ สนบั สนนุ ให้ แก่หน่วยด�ำเนินกลยุทธ์ขณะร่นถอยหรือถอนตัว โดยปืนใหญ่จะท�ำการยิงสนับสนุนให้ สอดคลอ้ งกบั แผนดำ� เนนิ กลยทุ ธข์ องหนว่ ยดำ� เนนิ กลยทุ ธ์ คอื การรบหนว่ งเวลา การถอนตวั การถอย 5.4 การยิงปืนใหญ่สนบั สนนุ การรบนอกแบบ การรบนอกแบบ หมายถึง การรบในเขตยึดครองของข้าศึกท่ีมีประชาชนในท้องถิ่นเป็นหลัก เช่น สงครามกองโจร ซ่ึงโดยปกติมักจะได้รับการสนับสนุนก�ำลังจากนอกประเทศ อาจจะแบ่งพ้ืนท่ีออกเป็น เขตย่อย ๆ เรียกว่า “พ้ืนท่ีปฏิบัติการ” ในการยิงสนับสนุนของทหารปืนใหญ่น้ัน จะ พิจารณาในเรื่องความอยู่รอดของท่ีต้ังยิง ตลอดจนให้สามารถท�ำการยิงสนับสนุนได้ ครอบคลุมพื้นท่ีปฏิบัติการ 5.5 การยิง ป. สนับสนุนประเภทอื่น ๆ ประเภทและภารกิจยิงที่จะกล่าว ต่อไปน้ี เป็นภารกิจยิงที่ทหารปืนใหญ่สนามจะต้องน�ำไปใช้วางแผนการยิงสนับสนุนให้ กับหน่วยด�ำเนินกลยุทธ์ และสอดแทรกอยู่ในยุทธวิธีต่าง ๆ ที่ได้กล่าวมาแล้ว คือ ก. การยงิ รบกวน ความมงุ่ หมายเพอื่ รบกวนเวลาพกั ผอ่ น เปลยี่ นทศิ ทางการ เคล่อื นท่ี และท�ำลายขวญั ข้าศึก ข. การยิงขัดขวาง มีความมุ่งหมายเพื่อไม่ให้ข้าศึกเข้ามาใช้พื้นท่ีหรือ ชิงความได้เปรียบต่อภูมิประเทศส�ำคัญ เช่น ทางแยก สะพาน ล�ำห้วย หรือท่าข้าม เส้นทาง ฯลฯ ค. การยงิ ตอ่ ตา้ น ป. และ ค. ความมงุ่ หมายเพอื่ ทำ� การโจมตตี อ่ ระบบอาวธุ ยงิ สนับสนุนของข้าศกึ เช่น ค. ป. สนาม และอาวธุ ส่ง

ง. การยงิ ควนั กำ� บงั ความมงุ่ หมายเพอื่ กำ� บงั การตรวจการณข์ องขา้ ศกึ กำ� บงั การยงิ เลง็ ตรงของอาวธุ ยงิ ขา้ ศกึ บงั คบั ใหข้ า้ ศกึ เคลอื่ นทชี่ า้ ลง เกดิ ความสบั สนในหมขู่ า้ ศกึ จ. การยิงควันพราง ความมุ่งหมายใกล้เคียงกับควันก�ำบัง แต่การยิงควัน พรางนน้ั ต้องการทจ่ี ะสร้างม่านควนั เพ่อื ลวง, คุ้มครองการด�ำเนินกลยทุ ธ์ต่อฝ่ายเรา เช่น การข้ามล�ำน้�ำ การเคล่อื นที่ การถอนตวั ฉ. การยงิ สอ่ งสวา่ ง เพอื่ ใหฝ้ า่ ยเราสามารถปฏบิ ตั งิ านในเวลากลางคนื ขณะ เดียวกนั กเ็ ป็นการรบกวนข้าศกึ ไปด้วย ช. การยิงข่ม ความมุ่งหมายเพ่ือลดประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของข้าศึก เช่น บังคบั ให้ข้าศึกปิดป้อมรถถงั หยดุ ใช้อาวธุ ที่ท�ำการยงิ ต่อฝ่ายเรา ซ. การยิงหมายพิกัด ความมุ่งหมายเพ่ือใช้ตำ� บลกระสุนตกเป็นจุดอ้างใน การสกดั กลบั หาทอ่ี ยู่ตนเองของผู้ร้องขอ 20 เหลา่ ทหารปนื ใหญ่

บทที่ อาวธุ ปนื ใหญส่ นามใน ทบ.ไทย 1. ปบค.95 ขนาด 105 มม. แบบ M 101 A1 (ปรับปรงุ ) ประเทศผู้ผลติ USA • นาํ้ หนกั 2,280 กก. เห ่ลาทหาร ืปนให ่ญ 21 • ระยะยิงไกลสดุ 17.5 กม. • อตั ราการยงิ สงู สุด 7 - 8 นดั /นาที ต่อเนอื่ ง 3 นดั ต่อนาที • ใช้กระสนุ ก่งึ รวม 2. ปบค.29 ขนาด 105 มม. แบบ M 56 ประเทศผผู้ ลติ อติ าลี • ระยะยงิ ไกลสดุ 11.2 กม. • อตั รายิง สูงสดุ 12 นดั /นาที ต่อเนื่อง 4 นัด/นาที • นํา้ หนกั 1,250 กก. • ใช้กระสุนก่งึ รวม • เป็น ป.ที่มีน�ำหนักเบาสามารถ เคล่ือนย้ายเข้าสู่สนามรบได้อย่างรวดเรว็

3. ปบค.39 ขนาด 105 มม. แบบ LGI ประเทศผู้ผลติ ฝรงั่ เศส • น้ําหนกั 1,495 กก. • ระยะยงิ ไกลสดุ 17.5 กม. • อตั ราการยงิ สูงสดุ 8 นัด/นาที ต่อเนื่อง 3 นัด/นาที • ใช้กระสนุ ก่งึ รวม 4. ปบค.49 ขนาด 105 มม. แบบ M 119 ประเทศผผู้ ลติ อังกฤษ 22 เหลา่ ทหารปนื ใหญ่ • น้ําหนกั 1,977 กก. • ระยะยงิ ไกลสดุ 19.5 กม. • อัตราการยงิ สูงสดุ 15 นดั /นาที ต่อเน่อื ง 6 นัด/นาที • ใช้กระสนุ ก่งึ รวม 5. ปกค.03 ขนาด 155 มม. แบบ เอ็ม 114 เอ 1 ประเทศผผู้ ลิต สหรฐั อเมรกิ า • นำ้� หนกั 12,700 ปอนด์ • ระยะยิงไกลสดุ 14.6 กม. • อตั ราการยงิ สงู สดุ 4 นัด/นาที ต่อเน่อื ง 1 นัด/นาที • ใช้กระสุนแยกบรรจุ

6. ปกค.25 ขนาด 155 มม. M 198 ประเทศผผู้ ลติ USA • ระยะยงิ ไกลสดุ 30 กม. • น้ำ� หนกั 7,040 กก. • อตั ราการยงิ สูงสุด 4 นัด/นาที ต่อเนื่อง 2 นดั /นาที • ใช้กระสนุ แยกบรรจุ 7. ปนร.34 ขนาด 155 มม. แบบ GHN-45 ประเทศผ้ผู ลิต ออสเตรีย • ระยะยงิ ไกลสดุ 39.6 กม. เห ่ลาทหาร ืปนให ่ญ 23 • น�้ำหนกั 9,800 กก. • อตั ราการยงิ สูงสดุ 7 นดั /นาที ต่อเน่ือง 2 นัด/นาที • ใช้กระสุนแยกบรรจุ 8. ปกค.37 อจ. ขนาด 155 มม. แบบ M109 A5 ประเทศผ้ผู ลติ USA • ระยะยิงไกลสดุ 30 กม. • อตั ราการยงิ สูงสุด 4 นดั /นาที ต่อเนอื่ ง 1 นัด/นาที • ใช้กระสนุ แยกบรรจุ

9. ปนร.20 ขนาด 155 มม. แบบ M71 ประเทศผ้ผู ลิต อิสราเอล • นำ�้ หนกั 9,200 กก. • ระยะยงิ ไกลสดุ 32 กม. • อตั รายิง สูงสดุ 4 นดั /นาที ต่อเนือ่ ง 1 นัด/นาที. • ใช้กระสนุ แยกบรรจุ 10. ปนร.52 ขนาด 155 มม. (อจ.) CAESAR ประเทศผู้ผลิต ฝรง่ั เศส 24 เหลา่ ทหารปนื ใหญ่ • นำ้� หนกั 17,700 กก. • ระยะยิงไกลสดุ 42 กม. • อัตราการยงิ สูงสดุ 6 นดั /นาที ต่อเน่อื ง 1 นดั /นาที • ใช้กระสุนแยกบรรจุ 11. จลก.31 ขนาด 130 มม. ประเทศผู้ผลติ จนี • ระยะยิงไกลสดุ 10.2 กม. • อัตราการยงิ สูงสุด 14 - 17 วนิ าที/30 นดั ต่อเนื่อง 120 นดั /นาที

กระสนุ ป. สนาม เหล่าทหารปนื ใหญ่ 25

26 เหลา่ ทหารปนื ใหญ่ บทท่ี ภารกิจทางยุทธวธิ ีของ ป.สนาม 1. กลา่ วน�ำ การก�ำหนดความรับผิดชอบในการยิงสนับสนุนให้แก่หน่วยทหารปืนใหญ่ สนามนน้ั จะกระทำ� ไดโ้ ดยการมอบภารกจิ ทางยทุ ธวธิ ใี หแ้ กห่ นว่ ยทหารปนื ใหญเ่ หลา่ นนั้ ผู้บังคับหน่วยก�ำลังรบเป็นผู้มอบภารกิจทางยุทธวิธีให้แก่หน่วยทหารปืนใหญ่ตาม ข้อเสนอแนะของผู้บังคับทหารปืนใหญ่ของหน่วยกำ� ลังรบโดยรายละเอียดในการมอบ ภารกิจทางยทุ ธวธิ ี จะปรากฏอยู่ในค�ำสั่งยทุ ธการของหน่วยก�ำลังรบนน้ั ๆ เม่อื มีการมอบภารกิจทางยุทธวธิ ีใหแ้ ก่หน่วยปนื ใหญ่ ผู้บังคับทหาร ปืนใหญ่ที่เป็นหน่วยรองของหน่วยก�ำลังรบมีอ�ำนาจอันเป็นความรับผิดชอบในการ บงั คบั บญั ชาทจี่ ะออกคำ� สงั่ ทจ่ี ำ� เปน็ แกห่ นว่ ยรองของตนเพอ่ื ใหบ้ รรลผุ ลส�ำเรจ็ ในภารกจิ ท่ีได้รับมอบ การปฏบิ ัตดิ งั กล่าวน้ไี ด้แก่การจดั หน่วยเพือ่ ทำ� การรบและการมอบภารกจิ ทางยุทธวิธีแต่การปฏิบัติการดังกล่าวน้ันจะไม่ท�ำให้ขีดความสามารถของตนทั้งปวงที่ จะบรรลุผลส�ำเร็จในภารกิจท่ีได้รับมอบน้ันเสียหายไปหรือต้องไม่เป็นการลดขีดขนาด ของการควบคุมแบบรวมการที่จะให้คงอยู่กับผู้บังคับบัญชาท่ีเป็นผู้มอบหมายภารกิจ ทางยทุ ธวธิ ีนั้นให้น้อยลง

2. ภารกิจทางยทุ ธวิธแี บบมาตรฐาน เห ่ลาทหาร ืปนให ่ญ 27 ก. หนว่ ยปนื ใหญร่ ะดบั กองพนั หรอื เทยี บเท่าอาจไดร้ บั มอบภารกจิ ทางยทุ ธวธิ ี แบบมาตรฐานอย่างใดอย่างหน่งึ ใน 4 แบบ เมือ่ ลำ� ดับตามขนาดทีเ่ พม่ิ ขน้ึ ของการควบคมุ แบบรวมการท่มี ีอยู่จะเรียงล�ำดบั ได้ดงั น้คี อื 1) ภารกจิ ช่วยโดยตรง (ชต.) 2) ภารกิจเพม่ิ เตมิ ก�ำลังยิง (พย.) 3) ภารกิจช่วยส่วนรวม-เพ่มิ เติมกำ� ลังยิง (ชร.พย.) 4) ภารกิจช่วยส่วนรวม (ชร.) ข. การมอบภารกิจทางยุทธวิธีแบบมาตรฐานแบบใดแบบหนึ่งจะเป็นการระบุ ความรับผิดชอบในการยงิ สนบั สนนุ 7 ประการ ให้แก่หน่วย ป. ทไี่ ด้รับมอบ ได้แก่ 1) การจัดลำ� ดบั ความเร่งด่วนของภารกิจยงิ 2) การกำ� หนดเขตการยงิ 3) การจัดผู้ตรวจการณ์ 4) การวางการตดิ ต่อ (นตต./นยส.) 5) การวางการตดิ ต่อสื่อสาร 6) การกำ� หนดทต่ี ั้งยิง 7) การทำ� แผนการยงิ ค. ในกรณที ก่ี ารใชภ้ ารกจิ ทางยทุ ธวธิ แี บบมาตรฐานทงั้ 4 แบบไมส่ ามารถตอบ สนองความตอ้ งการทจี่ ะบรรลคุ วามสำ� เรจ็ ในการใชอ้ ำ� นาจการยงิ แลว้ กอ็ าจกำ� หนดภารกจิ ทางยุทธวิธีไม่มาตรฐานหรืออาจจัดหน่วยแยกปฏิบัติเฉพาะภารกิจน้ัน ๆ เพ่ือให้ตรงตาม ความต้องการในการรบได้อกี ซง่ึ จะได้กล่าวในล�ำดับต่อไป ง. การระบุถงึ ความรบั ผดิ ชอบในการยงิ สนบั สนุน 7 ประการ ต่อภารกจิ ทาง ยุทธวธิ ีแบบมาตรฐานทง้ั 4 แบบ จะก�ำหนดตามตารางดังต่อไปนี้

ชว่ ยสว่ นรวม - ภารกจิ ชว่ ยโดยตรง (ชต.) เพิม่ เต(พิมยก.ำ�)ลังยงิ เพิ่มเติม กำ� ลัง ชว่ ย(สชว่ รน.)รวม ยิง (ชร. - พย.) 1. ลำ� ดบั 1. หน่วยรบั การสนับสนุน 1. หน่วยรบั การ พย. 1. บก.ป. หน่วย 1. บก.ป. หน่วย ความเร่งด่วน 2. ผู้ตรวจการณ์ของตน (1) 2. ผู้ตรวจการณ์ ก�ำลังรบั กำ� ลงั ในการตอบสนอง ของตน (1)3. 2. หน่วยรบั การ พย. 2. ผู้ตรวจการณ์ คำ� ขอยิง 3. บก.ป. หนว่ ยกำ� ลงั รบ บก.ป.หนว่ ยกำ� ลงั รบ 3. ผู้ตรวจการณ์ ของตน (1) ของตน (1) 2. เขตการยงิ เขตปฏบิ ัติการของหน่วย เขตการยิงของหน่วย เขตปฏิบตั ิการ เขตปฏิบัติการ รบั การสนับสนนุ รับการ พย. ของหน่วยรบั การ ของหน่วยรบั การ สนับสนนุ รวมท้งั สนบั สนนุ เขตการยงิ ของหน่วย รับการ พย. 3. จดั ผตู้ รวจการณ์ แต่ละกองร้อยด�ำเนนิ ปกติไม่ต้องจดั ปกตไิ ม่ต้องจดั ปกตไิ ม่ต้องจดั ใหก้ ับ กลยทุ ธ์ของหน่วยรบั การ สนับสนุน 4. การวางการ จดั นยส. ให้แก่แต่ละ จดั นตต. ให้กบั บก. จดั นตต. ให้กบั บก. ปกติไม่ต้องจดั กองพันและกรมของหน่วย หน่วยรบั การ พย. หน่วยรบั การ พย. 28 เหลา่ ทหารปนื ใหญ่ ติดต่อ รบั การสนับสนนุ 5. การวางการ ผตน. และ นยล. ทป่ี ระจ�ำ บก. หนว่ ยรบั การ พย. บก. หนว่ ยรบั การ พย. ปกติไม่ต้องจดั ตดิ ต่อสอื่ สาร การอยู่กบั หน่วยรบั การ สนับสนนุ หรอื โดยคำ� สง่ั ของ บก.ป. หน่วยก�ำลังรบ 6. ก�ำหนดท่ีต้ัง ผบ.พัน.ป.ชต. หรอื โดย หน่วยรบั การ พย. บก.ป.หน่วยรบั ก�ำลัง บก.ป. หนว่ ยก¬ ำ� ลงั รบ โดย คำ� ส่ังของ บก.ป. หน่วย หรือ/โดยค�ำส่งั ของ รบให้รอหน่วยรบั การ ก�ำลงั รบ บก.ป. หน่วยกำ� ลงั รบ พย. โดยอนุมตั จิ าก บก.ป. หน่วยกำ� ลงั รบ 7. ท�ำแผนการยิง พฒั นาแผนการยงิ เอง บก.ป. หน่วยรบั การ บก.ป. หน่วยกำ� ลงั รบ บก.ป. หน่วยก¬ ำ� ลงั โดย พย. รบ หมายเหตุ (1) ผู้ตรวจการณ์ของตน หมายถึงผู้ตรวจการณ์ของหน่วยและเครือ่ งมือค้นหา เป้าหมายอน่ื ๆ ทมี่ ิได้จดั ให้แก่หน่วยรบั การสนับสนุน

3. ภารกจิ ชว่ ยโดยตรง (ชต.) เห ่ลาทหาร ืปนให ่ญ 29 ก. ภารกิจช่วยโดยตรง เป็นภารกิจท่ีจ�ำเป็นที่สุดในภารกิจทางยุทธวิธีแบบ มาตรฐานท้งั 4 แบบ หน่วยทหารปืนใหญ่สนามท่ไี ด้รับมอบหมายภารกจิ น้ี จะเป็นหน่วยที่ สนองตอบความตอ้ งการทางการยงิ สนบั สนนุ ของหนว่ ยด�ำเนนิ กลยทุ ธโ์ ดยเฉพาะ และในทาง ตรงกันข้ามเป็นหน่วยท่ีสนองตอบค�ำขอยิงของกองบังคับการทหารปืนใหญ่สนามหน่วย กำ� ลงั รบทน่ี อ้ ยทส่ี ดุ จงึ เปน็ ภารกจิ ทม่ี ขี ดี ขนาดของการควบคมุ แบบรวมการตำ่� ทส่ี ดุ โดยปกติ แล้วจะจัดหนึ่งกองพันทหารปืนใหญ่สนามช่วยโดยตรงหนึ่งกรมดำ� เนินกลยุทธ์ ในอัตรา การจัดก�ำลังของกองพล จะก�ำหนดหน่วยทหารปืนใหญ่สนามไว้เพ่ือภารกิจดังกล่าวน้ี กองพลนอ้ ยปนื ใหญส่ นามและพวกกองพนั ทหารปนื ใหญส่ นาม อาจไดร้ บั มอบภารกจิ นไี้ ด้ แตต่ อ้ งเพ่ิมเติมหมู่ยิงสนับสนุนและหมู่ตรวจการณ์หน้าให้ ซึ่งกระทำ� ได้โดยสมทบกองพัน ทหารปืนใหญ่สนามช่วยโดยตรงให้กบั กองพลนอ้ ยหรอื พวกกองพนั ทหารปืนใหญ่สนามนนั้ ข. กองพันทหารปืนใหญ่สนามท่ีได้รับภารกิจช่วยโดยตรงจะปฏิบัติการยิง สนบั สนนุ ภายใต้ความรบั ผดิ ชอบ 7 ประการ โดย - สนับสนุนการยิงอย่างใกล้ชิด ต่อเนื่อง และทันเวลาให้แก่หน่วยด�ำเนิน กลยุทธ์เพยี งหน่วยเดยี ว ซง่ึ ปกตคิ อื กรมด�ำเนนิ กลยทุ ธ์ - มักถกู กำ� หนดให้สนับสนุนกรมด�ำเนินกลยทุ ธ์กรมใดกรมหน่ึงเป็นประจ�ำ เพื่อให้เกิดความเข้าใจซง่ึ กันและกนั ในการปฏิบตั ิการรบ - ผู้ควบคุมบงั คับบัญชา พนั ป.ชต. คือ ผบ.ป. หน่วยก�ำลงั รบ ค. ในระหว่างการเคลื่อนที่เข้าปะทะ (แบบหนึ่งในการรบด้วยวิธีรุก) บางคร้ัง อาจให้กองร้อยปืนใหญ่ของกองพัน ป.ชต. ปฏิบัติภารกิจสนับสนุนการยิงโดยเฉพาะให้แก่ กองรอ้ ย หรอื ชดุ รบของหนว่ ยดำ� เนนิ กลยทุ ธท์ เ่ี ปน็ หนว่ ยนำ� กองรอ้ ยปนื ใหญท่ ปี่ ฏบิ ตั ภิ ารกจิ เช่นน้ีเรียกว่า กองร้อยปืนใหญ่แยกเฉพาะ (DEDIGATED BATTERY) ซึ่งจะได้กล่าวถึง รายละเอียดต่อไป

30 เหลา่ ทหารปนื ใหญ่ 4. ภารกิจเพม่ิ เตมิ กำ�ลังยงิ (พย.) ก. หนว่ ยปนื ใหญท่ ไ่ี ดร้ บั ภารกจิ เพมิ่ เตมิ ก�ำลงั ยงิ นนั้ มหี นา้ ทเี่ พมิ่ พนู การยงิ ใหก้ บั หน่วยปืนใหญ่หน่วยอ่นื ๆ ด้วยกัน เพ่ือให้สามารถทำ� การยงิ สนบั สนุนหน่วยดำ� เนนิ กลยุทธ์ ใหไ้ ดผ้ ลดยี งิ่ ขนึ้ หน่วยปืนใหญ่เพม่ิ เตมิ กำ� ลงั ยงิ จะถกู ควบคมุ และวางแผนการยงิ โดยหนว่ ย ปืนใหญ่ทร่ี ับการ พย. ข. หน่วยปืนใหญ่เพ่ิมเติมก�ำลังยิงจะสนองตอบความต้องการทางการยิงให้ แก่หน่วยปืนใหญ่สนามที่ต้องการอ�ำนาจการยิงเพิ่มเติมโดยเฉพาะ การใช้ภารกิจทาง ยุทธวิธีชนิดนี้ จะท�ำให้การสนับสนุนหน่วยด�ำเนินกลยุทธ์ด้วยหน่วยทหารปืนใหญ่สนาม มากกว่าสองหน่วยขึ้นไปเป็นไปอย่างราบรื่นไม่ผิดหลักเอกภาพในการบังคับบัญชาและ ไม่เปลี่ยนแปลง โครงสร้างทางการบงั คับบัญชาของทหารปืนใหญ่ ค. ทหารปืนใหญ่สนามหน่วยหนึ่งสามารถเพิ่มเติมก�ำลังยิงให้กับหน่วยทหาร ปนื ใหญส่ นามหนว่ ยเดยี วเทา่ นน้ั แตห่ นว่ ยทหารปนื ใหญส่ นามหนว่ ยหนง่ึ อาจรบั การเพมิ่ เตมิ กำ� ลงั ยิงได้จากทหารปืนใหญ่สนามหลาย ๆ หน่วยได้ 5. ภารกจิ ช่วยส่วนรวม (ชร.) ก. หนว่ ยปนื ใหญท่ ไ่ี ดร้ บั มอบภารกจิ ชว่ ยสว่ นรวมนนั้ จะปฏบิ ตั กิ ารยงิ สนบั สนนุ ให้กับหน่วยก�ำลังรบเป็นส่วนรวม หน่วยปืนใหญ่ท่ีได้รับมอบหมายภารกิจช่วยส่วนรวมน้ี จะยงั คงอยใู่ นความควบคมุ ของผบู้ งั คบั ทหารปนื ใหญห่ นว่ ยกำ� ลงั รบนน้ั อนั จะทำ� ใหผ้ บู้ งั คบั หน่วยรบน้นั ๆ มเี คร่ืองมอื ที่จะบังคบั การรบได้โดยทันทีที่ต้องการ ข. การมอบภารกจิ ชว่ ยรวมจะทำ� ใหผ้ บู้ งั คบั หนว่ ยกำ� ลงั รบสามารถบงั คบั วถิ กี าร รบได้ โดยใชอ้ ำ� นาจการยงิ รว่ มกบั แผนการดำ� เนนิ กลยทุ ธไ์ ดอ้ ยา่ งเหมาะสม การมอบภารกจิ ช่วยโดยตรงและเพิ่มเติมก�ำลังยิงให้กับหน่วยยิงสนับสนุนย่อมทำ� ให้หน่วยยิงสนับสนุนนั้น สนองตอบความตอ้ งการการยงิ สนบั สนนุ ของหนว่ ยด�ำเนนิ กลยทุ ธโ์ ดยตรง แตเ่ พอื่ ใหผ้ บู้ งั คบั หนว่ ยกำ� ลงั รบสามารถบงั คบั วถิ กี ารรบไดต้ ามความตอ้ งการจงึ ตอ้ งสงวนหนว่ ยทหารปนื ใหญ่

สนามบางหนว่ ยไว้ โดยมอบภารกจิ ชว่ ยสว่ นรวม ซง่ึ มขี ดี ขนาดของการควบคมุ แบบรวมการ เห ่ลาทหาร ืปนให ่ญ 31 สงู ทสี่ ดุ ให้ ผบู้ งั คบั หนว่ ยกำ� ลงั รบจะควบคมุ หนว่ ยทหารปนื ใหญส่ นามชว่ ยสว่ นรวม ผา่ นทาง กองบังคบั การทหารปืนใหญ่สนามหน่วยกำ� ลงั รบ ค. หน่วยทหารปืนใหญ่สนามช่วยส่วนรวมอาจถูกใช้เพิ่มเติมการยิงเป้าหมาย ตามเหตุการณ์ให้แก่หน่วยทหารปืนใหญ่ช่วยโดยตรงได้ หากหน่วยปืนใหญ่ช่วยโดยตรง รอ้ งขอการยงิ เพมิ่ เตมิ มายงั บก.ป.หนว่ ยกำ� ลงั รบ แตอ่ ยา่ งไรกต็ าม หนว่ ยทหารปนื ใหญส่ นาม ชว่ ยสว่ นรวมไมเ่ หมาะสมสำ� หรบั การโจมตเี ปา้ หมายตามเหตกุ ารณ์ เพราะคำ� ขอยงิ ตอ้ งเสยี เวลามากจาก ผตน. มาถงึ หน่วย ป.ชร. ดงั น้ัน หน่วย ป.ชร. จงึ มกั จะใช้ในการยิงเป้าหมาย ตามแผนและการยงิ ต่อต้านปืนใหญ่ของข้าศึก 6. ภารกจิ ชว่ ยสว่ นรวม - เพ่มิ เติมกำ�สง่ ยิง (ชร. - พย.) ก. ภารกจิ ชว่ ยสว่ นรวม - เพม่ิ เตมิ กำ� ลงั ยงิ เปน็ ภารกจิ ทม่ี คี วามออ่ นตวั สงู เพราะเปน็ ภารกจิ ซง่ึ มลี กั ษณะผสมกนั ระหวา่ งภารกจิ ทมี่ ขี ดี ขนาดการควบคมุ แบบรวมการสงู สดุ คอื ภารกจิ ชว่ ยสว่ นรวมกบั ภารกจิ ซงึ่ มขี ดี ขนาดของการควบคมุ แบบรวมการตำ่� คอื ภารกจิ เพม่ิ เตมิ กำ� ลงั ยงิ เพราะบางครงั้ อาจมคี วามจำ� เปน็ ตอ้ งเพม่ิ อำ� นาจการยงิ ใหก้ บั หนว่ ย ป.สนาม หนว่ ยหนงึ่ แตใ่ น ขณะเดยี วกนั ผบู้ งั คบั ทหารปนื ใหญก่ �ำลงั รบกย็ งั คงตอ้ งการการควบคมุ แบบรวมการสงู ไวด้ ว้ ย ดงั นนั้ หนว่ ยปนื ใหญส่ นามทไ่ี ดร้ บั มอบภารกจิ ชร. - พย. นนั้ นอกจากจะปฏบิ ตั กิ ารยงิ สนบั สนนุ หนว่ ยกำ� ลงั รบเปน็ สว่ นรวมทงั้ หมดแลว้ ยงั จะตอ้ งเพมิ่ เตมิ กำ� ลงั ยงิ ใหก้ บั หนว่ ย ป. หนว่ ยอนื่ ๆ ดว้ ย ข. หน่วย ป. สนามทไ่ี ด้รบั มอบภารกิจ ชร. - พย. จะจัดวางการติดต่อส่ือสาร ไปยังหน่วยรบั การ พย. เรยี กว่า การตดิ ต่อส่ือสาร “ช่องยิงเรว็ ” เพราะเป็นระบบทท่ี ำ� ให้ คำ� ขอยิงจากหน่วยรบั การ พย. สามารถส่งตรงมายงั หน่วย ชร. - พย. โดยตรงไม่ต้องผ่าน กองบังคบั การใด ๆ อกี ค. หน่วย ป. สนามท่ีได้รับมอบหมายภารกิจดังกล่าวนี้ยังคงอยู่ภายใต้ การควบคุมของผู้บังคับการทหารปืนใหญ่หน่วยกำ� ลังรบนั้น กองบังคับการปืนใหญ่หน่วย กำ� ลังรบมสี ทิ ธิในการขอยิงล�ำดับเหนอื กว่าหน่วยปืนใหญ่ทีไ่ ด้รบั การเพม่ิ เติมก�ำลังยิง

32 เหลา่ ทหารปนื ใหญ่ 7. ภารกิจทางยทุ ธวธิ ีไมม่ าตรฐาน เมอ่ื การมอบภารกจิ ยทุ ธวธิ มี าตรฐานทง้ั 4 แบบไมส่ ามารถทจี่ ะตอบสนองความ ตอ้ งการทจ่ี ะใหบ้ รรลคุ วามสำ� เรจ็ ภารกจิ ตามความตอ้ งการของผบู้ งั คบั บญั ชาแลว้ กอ็ าจจะ มอบภารกจิ ยทุ ธวธิ ีไม่มาตรฐานด้วยการปฏิบัติประการใดประการหน่งึ ดังน้ี คือ ก. มอบภารกิจยุทธวิธีมาตรฐานแล้ว อธิบายการดัดแปลงความรับผิดชอบ ตามภารกจิ ยทุ ธวธิ มี าตรฐานน้นั ๆ ตดิ ตามในบรรทัดเดยี วกนั เช่น - ป.พนั . 1 : พย.ป.พัน. 10 ; กรม ป. เป็นผู้เลือกที่ตัง้ (ปกติ ป. พัน. 10 เป็นผู้เลือกทต่ี ง้ั ให้กบั ป.พัน. 1) - ป.พนั . 2 : ชร.พย.ป.พัน. 20 ; ให้กระสนุ ไม่เกิน 50 เปอร์เซน็ ต์ในการ พย. - ป.พัน. 3 : ชร, จดั นตต.ประจ�ำ ศปย. กรม ป. (ปกตไิ ม่ต้องจดั ) ข. หากจะต้องดัดแปลงรายละเอียดความรับผิดชอบ 7 ประการ ในภารกิจ ยทุ ธวธิ มี าตรฐานมากกว่าสองข้อ แล้วจะต้องลำ� ดบั รายละเอยี ดความรบั ผดิ ชอบเป็นลำ� ดบั ท้งั 7 ประการ เพอ่ื ป้องกนั การเข้าใจผดิ ดงั ตัวอย่าง เช่น - ป.พนั . 5 : เพ่อื การยิง ป.พัน. 7 - ลำ� ดบั ความเรง่ ดว่ นในการตอบคำ� ขอยงิ คอื ป.พนั . 7, ม.พนั . 4 และ กรม ป. - เขตการยงิ กรม ป. เป็นผู้ก�ำหนด - ไม่ต้องจดั ผตน. ให้กบั หน่วยใด - จดั นตต. ให้กบั ป.พนั . 7 - จดั วางการตดิ ต่อสือ่ สารกบั ป.พัน. 7 และ ม.พนั . 4 - กำ� หนดทต่ี ั้งโดย ป.พัน. 7 ด้วยการอนุมตั ขิ อง กรม ป. - ทำ� แผนการยงิ โดย กรม ป. หมายเหตุ การใชค้ ำ� ว่าเพม่ิ การยงิ ดงั ตวั อย่าง “ป.พนั . 5 เพมิ่ การยงิ ป.พนั . 7” นน้ั เพอ่ื หลกี เลย่ี งการให้คำ� ซำ้� กบั คำ� ว่า “เพ่ิมเติมกำ� ลงั ยิง” ซงึ่ เป็นศัพท์จำ� เพาะของภารกจิ ยทุ ธวิธีมาตรฐาน

8. การตดิ ต่อของทหารปืนใหญ่ เห ่ลาทหาร ืปนให ่ญ 33 ก. เพอื่ จดั ใหม้ กี ารยงิ สนบั สนนุ ทม่ี ปี ระสทิ ธผิ ลและรวมอำ� นาจการยงิ ของปนื ใหญ่ เขา้ กบั แผนการยงิ สนบั สนนุ ทง้ั สน้ิ ดงั นนั้ ผบู้ งั คบั หนว่ ยกำ� ลงั รบจงึ มคี วามตอ้ งการ ดงั นี้ คอื - การประสานและการรว่ มมอื อยา่ งใกลช้ ดิ ระหวา่ งหนว่ ยทหารปนื ใหญแ่ ละ หน่วยรบั การสนบั สนุน - มีตัวแทนของทหารปืนใหญ่ ณ ศูนย์ปฏิบัติการทุกระดับหน่วยต้ังแต่ กองร้อยด�ำเนินกลยุทธ์ไปจนถึงกองทัพน้อย เพ่ือท่ีจะให้ค�ำปรึกษาและแนะน�ำเกี่ยวกับ ปืนใหญ่และการยงิ สนบั สนนุ อน่ื ๆ ข. การจัดและการมอบภารกิจ ส�ำหรับทหารปืนใหญ่จะสร้างสายการติดต่อ ระหว่างหน่วยทหารปืนใหญ่และหน่วยรับการสนบั สนุนเพอื่ ที่จะ 1) ทำ� ให้เกดิ ความเข้าใจซง่ึ กนั และกัน 2) ทำ� ให้เกิดเอกภาพในการดำ� รงความมุ่งหมายและการปฏบิ ตั ิการ 3) วางแผนและประสานการยงิ สนบั สนนุ 4) จดั สายการยงิ เร็วให้แก่ระบบการยิงสนบั สนุน 5) จัดวางการตดิ ต่อส่อื สารระหว่างหน่วยปืนใหญ่, หน่วยยิงสนับสนุนอน่ื ๆ แหล่งข่าวกรองและองค์กรค้นหาเป้าหมายอ่ืน ๆ ค. การตดิ ต่อของทหารปืนใหญ่แบ่งออกเป็น 3 วธิ ี คอื 1) การติดต่อทางการบังคับบัญชาคือการติดต่อด้วยการพบปะด้วยตนเอง ระหวา่ งผบู้ งั คบั หนว่ ยปนื ใหญก่ บั ผบู้ งั คบั หนว่ ยการสนบั สนนุ หรอื ผบู้ งั คบั หนว่ ยรบั การเพม่ิ เตมิ ก�ำลังยิง การติดต่อด้วยวิธีนี้เป็นวิธีที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุด เพราะผู้บังคับหน่วยปืนใหญ่ จะได้รบั ทราบความต้องการโดยตรงของหน่วยรับการสนบั สนุน 2) การติดต่อด้วยนายทหารตดิ ต่อและนายทหารการยงิ สนับสนุน - นายทหารตดิ ตอ่ (นตต.) ถกู จดั ขน้ึ ตาม อจย. เฉพาะของหนว่ ย ป. นตต. เหล่านี้จะถูกส่งไปประจำ� ณ หน่วยรับการสนับสนุนกองบังคับการหน่วยข้างเคียง เพื่อท่ี จะเป็นตวั แทนของ ผบ. หน่วย ป. ในเร่อื งท่ีเกย่ี วกับปืนใหญ่ ดงั ตวั อย่างการจดั นตต. ใน พนั .ป. ประเภทต่าง ๆ หรอื กรม ป.

34 เหลา่ ทหารปนื ใหญ่ - นายทหารการยงิ สนบั สนนุ (นยส.) เปน็ เจา้ หนา้ ทขี่ อง พนั .ป.ชต. ทจ่ี ดั ไป ประจำ� ณ หน่วยรับการสนบั สนุน จะมหี น้าทเ่ี ป็น 2 ลักษณะ คอื การทำ� หน้าทีป่ ระสาน การยงิ สนบั สนนุ และเปน็ ตวั แทนของ ผบ.พนั .ป.ชต. ณ กองบงั คบั การหนว่ ยรบั การสนบั สนนุ นนั้ ๆ ตามปกติ นยส. ของ พัน.ป.ชต. จะถกู ส่งไปประจ�ำยัง บก. กรมด�ำเนนิ กลยุทธ์และ บก.พัน. ดำ� เนินกลยทุ ธ์ทุกกองพัน 3) การติดต่อทางฝ่ายอ�ำนวยการ เป็นการติดต่อนายทหารฝ่ายอ�ำนวยการ ของหน่วยทหารปืนใหญ่ไปเยี่ยมเยียนตามระยะเวลาเพื่อแลกเปล่ียนข่าวสาร ณ กองบงั คับการอ่นื ๆ ทปี่ ฏบิ ัตงิ านร่วมกนั 9. ค�ำ สัง่ เตือน คำ� สง่ั เตอื นไมใ่ ชก่ ารดดั แปลงภารกจิ ทางยทุ ธวธิ ี แตผ่ บู้ งั คบั บญั ชาใชค้ �ำสง่ั เตอื น เมอ่ื ตอ้ งการใหห้ นว่ ยเตรยี มพรอ้ มส�ำหรบั การปฏบิ ตั ใิ นอนาคต คำ� สงั่ เตอื นของทหารปนื ใหญ่ สนามมกั จะกำ� กบั ไว้กบั การมอบภารกจิ ทางยทุ ธวธิ ี เช่น.- ป.พนั . 1 (105 ลจ.) : ชร. - พย. ป.พัน. 2 : ชต.ร. 1 เมอ่ื สง่ั คำ� สง่ั เตอื นนจี้ ะแจง้ ให้ ผบ.ป.พนั . 1 ไดท้ ราบวา่ ทนั ทที ่ี ร. 1 เขา้ ปฏบิ ตั กิ าร ป.พนั . 1 จะต้องรบั หน้าท่ชี ่วยโดยตรง ร. 1 ทนั ที ดงั นัน้ ผบ.ป.พัน. 1 จะต้องปฏิบตั กิ ารบางอย่างเพอ่ื เตรยี มหน่วยให้พร้อมส�ำหรับ ชต.ร. 1 การเตรยี มการดงั กล่าวอาจได้แก่การวางการติดต่อ สอื่ สารไปยงั ร. 1 จดั ผตน.ให้กบั ร. 1 เป็นต้น 10. กองร้อยทหารปนื ใหญ่แยกเฉพาะ ก. การจดั กองรอ้ ยทหารปนื ใหญแ่ ยกเฉพาะ (รอ้ ย.ป. แยกเฉพาะ) เปน็ การขยาย ความรับผิดชอบในภารกจิ ช่วยโดยตรงของ พัน.ป.ชต. เพอื่ ให้สามารถสนับสนุนโดยเฉพาะ แก่หน่วยดำ� เนินกลยทุ ธ์ระดับกองร้อย/ชดุ รบท่เี ป็นหน่วยน�ำในการเคล่อื นที่เข้าปะทะ (แบบ หนงึ่ ของการรกุ ) ดว้ ยการจดั กองรอ้ ย ป. ของ พนั .ป.ชต. กองรอ้ ยใดกองรอ้ ยหนงึ่ ใหส้ นบั สนนุ โดยเฉพาะแก่หน่วยคำ� เนนิ กลยทุ ธ์เหล่านน้ั โดย พนั .ป.ชต. ซงึ่ เป็นผู้กำ� หนดทตี่ งั้ และมอบ ภารกจิ ให้ รอ้ ย.ป. แยกเฉพาะ จะควบคมุ การปฏบิ ตั งิ านดว้ ยขดี ขนาดการควบคมุ ทนี่ อ้ ยทสี่ ดุ

ที่จะทำ� ให้อ�ำนาจการยงิ ทั้งสน้ิ ของกองร้อย ป. จดั ขนึ้ สามารถตอบสนองทันทตี ่อการยงิ ข่ม อาวธุ เล็งตรงของฝ่ายข้าศกึ ข. ผบู้ งั คบั การกรมดว้ ยคำ� แนะนำ� ของ ผบ.พนั .ป.ชต. จะเปน็ ผตู้ กลงใจใช้ รอ้ ย.ป. แยกเฉพาะจ�ำนวนเท่าใด ที่ไม่เป็นผลกระทบกระเทือนต่อการยิงสนับสนุนทั้งสิ้นของกรม นอกไป จากน้ี ผบ.กรม จะเป็นผู้กำ� หนดกองร้อย/ชดุ รบ ท่จี ะรบั การสนับสนนุ จาก ร้อย.ป. แยกเฉพาะอีกด้วย - ภายหลงั จากข้อตกลงใจของ ผบ.กรม ทจ่ี ะใช้ ร้อย.ป. แยกเฉพาะแล้ว ผบ.พัน.ป.ชต. จะเป็นผู้เจาะจง ร้อย.ป. ของตนกองร้อยหนึ่งกองร้อยใดให้มีพันธกิจเป็น รอ้ ย.ป. แยกเฉพาะ ในการตกลงใจของ ผบ. กรม และ ผบ.พนั .ป.ชต. เกยี่ วกบั การจดั รอ้ ย.ป. แยกเฉพาะนน้ั มีข้อพิจารณาเก่ยี วกบั ภารกจิ , ภูมปิ ระเทศจำ� นวนปืนใหญ่ทีส่ ามารถจัดได้, ความพร้อมรบของหน่วยและการค้นหาเป้าหมาย ค. การก�ำหนดความรับผิดชอบในการตอบสนองการยิงสนับสนุน 7 ประการ ของ พนั .ป.ชต. และ ร้อย.ป. แยกเฉพาะ จะแสดงตามรายละเอียดเปรียบเทียบในตาราง แสดงความรบั ผดิ ชอบ 7 ประการ ดงั ต่อไปนี้ ความรบั ผิดชอบ ภารกิจชว่ ยโดยตรง กองรอ้ ยทหารปืนใหญ่ เห ่ลาทหาร ืปนให ่ญ 35 แยกเฉพาะ 1. ลำ� ดบั ความเรง่ ดว่ นในการ 1. หน่วยรบั การสนบั สนุน 1. หน่วยรบั การสนบั สนุน ตอบสนองค�ำขอยิง 2. ผู้ตรวจการณ์ของตน (1) 2. กองพัน ป.ชต. (2) 2. เขตการยงิ 3. บก.ป. หน่วยกำ� ลงั รบ เขตปฏิบัตกิ ารของหน่วยรบั การ เขตปฏบิ ตั ิการของกองร้อย/ สนับสนุน ชุดรบท่รี ับการสนบั สนนุ 3. จดั ผู้ตรวจการณ์หน้าให้กบั แต่ละกองร้อยดำ� เนินกลยทุ ธ์ ปกตไิ ม่ต้องจดั ของหน่วยรบั การสนับสนนุ 4. การวางการตดิ ต่อ จดั นยส. ให้แต่ละกองพนั และ วางการตดิ ตอ่ กบั กองรอ้ ย/ชดุ รบ กรมของหน่วยรบั การสนบั สนุน ท่ีรับการสนบั สนนุ (โดย ผบ.ร้อย.ป. เม่อื สามารถ กระทำ� ได้)

ความรับผดิ ชอบ ภารกิจชว่ ยโดยตรง กองร้อยทหารปนื ใหญ่ แยกเฉพาะ 5. จดั วางการตดิ ต่อสอ่ื สารกบั ผตน. และ นยส. ท่ปี ระจ�ำอยู่ กับหน่วยรบั การสนับสนนุ 1. ผตน. ด้วยข่ายความถ่ี แยกเฉพาะ 6. กำ� หนดทต่ี งั้ โดย ผบ.พัน.ป.ชต. หรอื โดยค�ำส่งั 2. หน่วยรบั การสนับสนนุ 7. ทำ� แผนการยงิ โดย ผบ.ป. หน่วยกำ� ลงั รบ (ด้วยข่ายบงั คับบัญชาของหน่วย พัฒนาแผนการยงิ เอง รับการสนบั สนนุ ) ผบ.พนั .ป.ชต. ผตน. รว่ มกบั ผบ.รอ้ ย./ชดุ รบ ทรี่ บั การสนับสนนุ 36 เหลา่ ทหารปนื ใหญ่ หมายเหต ุ (1) ผู้ตรวจการณ์ของตน หมายถงึ ผู้ตรวจการณ์ของหน่วยและเครือ่ งมอื ค้นหาเป้าหมายอ่นื ๆ ทม่ี ไิ ด้จดั ให้แก่หน่วยรบั การสนบั สนนุ (2) จะกระทำ� ในกรณีฉกุ เฉนิ เท่าน้ัน ง. ในการแปลงสภาพ ร้อย.ป. กองพัน ป.ชต. ให้เป็น ร้อย.ป.แยกเฉพาะนั้น สามารถแปลงสภาพเป็น 2 แบบ คือ การแปลงสภาพอย่างเร่งด่วนและการแปลงสภาพ อย่างประณตี 1) การแปลงสภาพอย่างเร่งด่วน เป็นการปฏบิ ตั ิท่ไี ด้รบั คำ� ส่ังเตือนในช่วงระยะ เวลาจ�ำกัด รปจ.ท่ีถกู ก�ำหนดข้ึนจะเป็นแนวทางให้ทหารปืนใหญ่ที่ได้รับการฝึกเป็นอย่างดี สามารถตอบสนองความต้องการของหน่วยดำ� เนนิ กลยทุ ธ์อย่างทันท่วงที แต่อย่างไรกต็ าม จะต้องปฏบิ ัตดิ ้วยหลักส�ำคัญ 4 ประการ - คำ� สงั่ ทใี่ หป้ ฏบิ ตั หิ นา้ ที่ รอ้ ย.ป.แยกเฉพาะจะตอ้ งแจง้ ให้ ศอย.พนั .ป.ชต.ทราบ - ผตน. และ ศอย. ของ รอ้ ย.ป.แยกเฉพาะจะถกู กำ� หนดใหใ้ ชข้ า่ ยความถว่ี ทิ ยุ แยกเฉพาะ สำ� หรบั อำ� นวยการยงิ โดย ฝอ.3 พนั .ป.ชต. - ผตน. ทอ่ี ยกู่ บั กองรอ้ ย/ชดุ รบั ดำ� เนนิ กลยทุ ธจ์ ะแจง้ ให้ ผบ.รอ้ ย/ชดุ รบเหลา่ นนั้ ทราบวา่ จะไดร้ บั การสนบั สนนุ โดย รอ้ ย.ป.แยกเฉพาะ และจะตอ้ งด�ำเนนิ การสง่ มาตรการการ

ควบคมุ ในการดำ� เนนิ กลยทุ ธ์ หลกั ฐานเกย่ี วกบั เปา้ หมายอนื่ ๆ ไปยงั ศอย.รอ้ ยแยกเฉพาะ เห ่ลาทหาร ืปนให ่ญ 37 โดย นยส. ของกองพนั ดำ� เนนิ กลยทุ ธจ์ ะเฝา้ ฟงั รายละเอยี ดเหลา่ นตี้ ลอดเวลา - ศอย.ร้อยป.แยกเฉพาะจะต้องจัดวิทยุเฉพาะที่ใช้ในการเฝ้าฟังในข่าย บงั คบั บัญชาของกองร้อย/ชดุ รบด�ำเนนิ กลยุทธ์ 2) การแปลงสภาพอย่างประณตี เป็นความต้องการในการแปลงสภาพ ร้อย.ป. ใหม้ พี นั ธกจิ เปน็ รอ้ ย.ป.แยกเฉพาะ โดยจะใชเ้ วลาทเ่ี พยี งพอในการแจง้ หนว่ ยเกย่ี วขอ้ ง และ จะให้เวลามากท่สี ดุ ในการวางแผนและการประสานงาน การแปลงสภาพอย่างประณตี นัน้ คงใช้หลัก 4 ประการ เช่นเดยี วกบั การแปลงสภาพแบบเร่งด่วนท่จี ะต้องปฏบิ ัติให้เรียบร้อย นอกไปจากน้ี ผบ.ร้อย.ป.แยกเฉพาะจะต้องตดิ ต่อด้วยตนเองกบั ผบ.หน่วยดำ� เนินกลยทุ ธ์ เพ่อื การเข้าใจระหว่างหน่วยเป็นลำ� ดับในเรอ่ื ง - แผนด�ำเนินกลยทุ ธ์ - แผนการยงิ สนบั สนนุ - นามสถานแี ละความถใ่ี นการตดิ ต่อทางวทิ ยุ - เวลาทแ่ี น่นอนในการเร่มิ ปฏบิ ัตขิ อง ร้อย.ป.แยกเฉพาะ จ. ในการเร่ิมปฏบิ ัติจรงิ ของ ร้อย.ป.แยกเฉพาะ จะถกู กำ� หนดด้วยเวลาเฉพาะ เช่น น. + 5 หรือด้วยเหตกุ ารณ์เฉพาะ เช่น เมื่อหน่วยดำ� เนินกลยทุ ธ์ผ่านแนวข้ัน (PHASE - LINE) หรือจดุ อ้าง (REFERENCE POINT) โดยมหี ลักในการวางแผนใช้ ร้อย.ป.แยกเฉพาะ ว่าจะไม่กำ� หนดทต่ี ง้ั ร้อย.ป.แยกเฉพาะ และการก�ำหนดเวลาให้เรม่ิ ปฏบิ ตั ิภารกิจแต่เนิน่ ๆ เพราะหน่วยด�ำเนินกลยุทธ์ที่รับการสนับสนุนอาจเคล่ือนที่พ้นระยะยิงก่อนการรบปะทะ ทคี่ าดไวจ้ ะเกดิ ขนึ้ นอกไปจากนี้ ฝอ.3. พนั .ป.ชต. จะตอ้ งเฝา้ ฟงั สถานการณท์ างยทุ ธวธิ อี ยา่ ง ใกล้ชิดและต่อเน่อื ง หาก ร้อย.ป.แยกเฉพาะจะไม่สามารถสนบั สนุนให้บรรลุภารกิจทีไ่ ด้รับ มอบจะต้องแจ้งให้ส่วนบังคับบัญชาของกรมทราบ เพื่อขอความเห็นในเร่ืองการยุติการกิจ หรอื ให้ พัน.ป.ชต. จัดการสนบั สนนุ ต่อไป หากมคี วามจำ� เป็นที่จะใช้ ร้อย.ป.อกี กองร้อยเข้า สับเปลี่ยนปฏิบัติหน้าท่ี ร้อย.ป.แยกเฉพาะ ร้อย.ป. ที่ก�ำหนดข้ึนใหม่จะต้องได้ รับข่าวสารท่ีจ�ำเป็นจาก ฝอ.3 พัน.ป.ชต. ผตน. จะต้องรับข่าวสารเก่ียวกับท่ีตั้ง ร้อย.ป. แยกเฉพาะทจ่ี ดั ขนึ้ ใหม่ เพอื่ ที่ ผตน. และ ผบ.รอ้ ย. ชดุ รบอาจจะพจิ ารณาผลการกระจายของ

38 เหลา่ ทหารปนื ใหญ่ กระสุนในการโจมตีเป้าหมาย ในระหว่างการตกลงใจท่ีจะยุติหรือด�ำรงภารกิจ ร้อย.ป. แยกเฉพาะ พนั .ป.ชต. จะต้องเตรยี มเพ่มิ เติมการยงิ ให้แก่ ร้อย.ป.แยกเฉพาะอยู่เสมอ การด�ำเนินกลยุทธ์ของกรม อาจจะมีกองร้อย/ชุดรบหลายหน่วยเคลื่อนที่เข้า ปะทะในเวลาเดยี วกัน แต่หน่วยต่าง ๆ เหล่านไ้ี ม่จำ� เป็นท่จี ะได้รับการสนบั สนุนจาก ร้อย. ป.แยกเฉพาะทกุ หน่วยเสมอไป ผบ.พัน.ป.ชต. และ ผบ.กรมจะเป็นผู้วเิ คราะห์สถานการณ์ และก�ำหนดแนวทางในการใช้ ร้อย.ป.แยกเฉพาะ การยุติภารกิจจะต้องได้รับอนุมัติจาก ผบ.กรม เม่ือพิจารณาเห็นว่า ร้อย.ป.แยกเฉพาะไม่สามารถท่ีจะสนับสนุนหน่วยด�ำเนิน กลยุทธ์ ภารกิจของหน่วยด�ำเนินกลยุทธ์เปลี่ยนไปหรือมีความต้องการที่จะใช้ พัน.ป.ชต. ทง้ั กองพนั สนบั สนุนแผนการด�ำเนินกลยุทธ์ของกรม ฉ. เมอื่ พนั ป.ชต. ไดจ้ ดั รอ้ ย. ป.แยกเฉพาะไปแลว้ นน้ั พนั . ป.ชต. จะไดร้ บั ความ ผดิ ชอบในการยงิ สนับสนนุ เพิ่มเตมิ คอื 1) การยิง ปกติ พัน.ป.พย. จะเป็นผู้ด�ำเนินการยิงตามแผนและการยิง เป้าหมาย ตามเหตกุ ารณ์ในพน้ื ทีข่ องกรมทมี่ ิได้อยู่ในเขตกองร้อย/ชุดครบ ซ่ึงเป็นหน่วยนำ� ในการเคลอ่ื นทเ่ี ขา้ ปะทะ แตอ่ ยา่ งไรกด็ จี ะตอ้ งเตรยี มทจ่ี ะเพม่ิ เตมิ การยงิ ใหแ้ กก่ องรอ้ ย/ชดุ รบ เหล่านน้ั ด้วย เพราะเป็นบรเิ วณทคี่ าดว่าการรบจะเกิดข้ึน 2) การติดต่อสื่อสาร เพ่ือที่จะจัดให้มีการตอบสนองการยิงให้ทันเวลา พัน.ป.ชต. อาจกำ� หนดให้ พนั .ป.พย. ดำ� เนินการตดิ ต่อโดยตรงกบั ผตน. หรือ ร้อย.ป.แยก เฉพาะดว้ ยความถข่ี องวทิ ยขุ อง พนั .ป.ชต. ทก่ี ำ� หนดเปน็ พเิ ศษสำ� หรบั กองรอ้ ย ป.แยกเฉพาะ เพราะเปน็ การไมเ่ หมาะทจ่ี ะบบี ให้ ผตน.นยส. และ ศอย.รอ้ ย.ป.แยกเฉพาะหนั ไปใชค้ วามถ่ี ของ พนั .ป.พย. แตอ่ ยา่ งไรเมอื่ มกี ารปฏบิ ตั ติ ามทก่ี ลา่ วมานี้ ศอย.พนั .ป.ชต. จะตอ้ งเฝา้ ฟงั ขา่ ย ด้วยการใช้วทิ ยุของ นตต.พนั .ป.พย. ท่ปี ระจ�ำอยู่ ณ บก.พัน.ป.ชต. 3) การให้ พัน.ป.พย.จัด ร้อย.ป.แยกเฉพาะน้ัน ตามปกติมักจะไม่ค่อย กระทำ� แตห่ ากมคี วามจำ� เปน็ จะตอ้ งปฏบิ ตั ิ ฝอ.3 พนั .ป.ชต. จะตอ้ งท�ำใหเ้ กดิ ความเชอื่ มน่ั วา่ ร้อย.ป.แยกเฉพาะท่ีจัดจาก พัน.ป.พย.ได้รับข้อมูลเป้าหมายท่ีจ�ำเป็น ได้รับข้อสรุป เกีย่ วกับสถานการณ์ทางยทุ ธวิธี ตลอดจนการมอบข่ายความถว่ี ิทยุท่ีจ�ำเป็น

11. การข้ึนสมทบ การขึ้นสมทบไม่ถือว่าเป็นภารกิจทางยุทธวิธี แต่เป็นสถานภาพทางการบังคับ บัญชาอย่างหนง่ึ เท่าน้นั หน่วยทหารปืนใหญ่ท่จี ดั ขนึ้ สมทบให้กบั หน่วยกำ� ลังรบหน่วยหน่ึง เพอ่ื ปฏบิ ตั กิ ารยทุ ธ์นน้ั จะอยู่ภายใต้การบงั คบั บญั ชาของผู้บงั คบั หน่วยกำ� ลงั รบทต่ี นมาขนึ้ สมทบ และได้รับมอบภารกิจทางยุทธวิธีเพ่ือก�ำหนดความรับผิดชอบในการยิงสนับสนุน เพื่อการสนับสนุนหน่วยก�ำลังรบต่อไป ส�ำหรับการสมทบหน่วยทหารปืนใหญ่สนามให้แก่ หน่วยด�ำเนินกลยุทธ์ระดับกรมแล้ว ปกติจะพยายามหลีกเล่ียง เว้นเสียแต่มีความจ�ำเป็น เก่ียวกบั ระยะทาง ปัญหาการติดต่อส่อื สารหรือข้อขดั ข้องอืน่ ๆ ซง่ึ จะทำ� ให้ บก.ป.หน่วย กำ� ลงั รบไมอ่ าจควบคมุ หนว่ ย ป.เหลา่ นน้ั ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ทงั้ นเี้ พราะการสมทบยอ่ ม ทำ� ใหโ้ ครงสรา้ งในการควบคมุ หนว่ ย ป.ของหนว่ ยกำ� ลงั รบเปลย่ี นไป อนั จะเปน็ ผลเสยี ในดา้ น การใช้ ป. ตอบสนองความต้องการของผู้บังคับหน่วยกำ� ลงั รบนัน้ เอง เห ่ลาทหาร ืปนให ่ญ 39

40 เหลา่ ทหารปนื ใหญ่ บทท่ี การยิงสนับสนนุ ของทหารปืนใหญ่ 1. กล่าวน�ำ งานในการรบแท้ ๆ น้ันมอี ยู่ 2 อย่าง คอื การรกั ษาตวั ให้รอดและท�ำลาย ข้าศึกให้ได้ และเม่ือจะต้องรบผู้บังคับบัญชาจะต้องพยายามแสวงหาวิธีการท่ีจะเพ่ิม อ�ำนาจก�ำลังรบให้มีพลังสูงสุดเหนือข้าศึก ณ ต�ำบลและเวลาที่จะท�ำการรบเพ่ือให้ สามารถท�ำงาน 2 อย่างนน้ั ได้ อำ� นาจกำ� ลงั รบนนั้ จะทวขี นึ้ ไดก้ ด็ ว้ ยการผสมผสานปจั จยั ทไี่ มม่ ตี วั ตนตา่ ง ๆ เชน่ สภาพการฝกึ ขวญั และกำ� ลงั ใจของหนว่ ย การนำ� หนว่ ยของผบู้ งั คบั บญั ชาทส่ี ามารถ และอื่น ๆ อีกเข้ากับปัจจัยท่ีมีตัวตนซึ่งเป็นหลักของอ�ำนาจก�ำลังรบ คือการด�ำเนิน กลยทุ ธ์ และอ�ำนาจการยงิ อย่างเหมาะสมได้สดั ส่วน ในสนามรบปัจจบุ ัน การยงิ เป็นเคร่ืองมอื หลกั ของผู้บังคับบัญชาในอันทจ่ี ะ ใช้ทำ� ลาย ตดั รอนก�ำลังหรอื ข่มข้าศกึ ซึ่งเป็นงานหลกั อย่างหนงึ่ ของการรบ ข่ม (Suppress) ได้แก่ การจ�ำกัด หรือลดขีดความสามารถของข้าศึกใน การปฏิบัติงานลง เช่น บังคับให้รถถังต้องปิดป้อมหรือใช้ควันกำ� บังการเล็งของพลยิง จรวดแซกเกอร์ เป็นต้น ตดั รอนกำ� ลงั (Neutralized) ไดแ้ ก่ ท�ำความเสยี หายใหแ้ กเ่ ปา้ หมายประมาณ 10% ขึน้ ไป ซึง่ จะทำ� ให้หน่วยนน้ั ๆ ไม่อาจรบต่อไปได้จนกว่าจะได้เพิม่ เติมกำ� ลังหรือ ทดแทนยทุ โธปกรณ์เสยี ใหม่


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook